• 20 ปี รถไฟฟ้าใต้ดินชนกัน ที่ศูนย์วัฒนธรรม โทษคนเพื่อปกป้องระบบ ความสูญเสียที่กลายเป็นบทเรียนราคาแพง

    ย้อนไปเมื่อ 20 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2548 เกิดเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือน วงการคมนาคมไทย เมื่อรถไฟฟ้าใต้ดินสองขบวน ชนกันที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จนทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 200 คน และกลายเป็นกรณีศึกษา เรื่องความปลอดภัย ของระบบขนส่งมวลชนในประเทศไทย

    เช้าวันที่ 17 มกราคม 2548 เวลา 9.15 น. ในชั่วโมงเร่งด่วน รถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน ขบวนลาดพร้าว-หัวลำโพง หมายเลข 1015 ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารกว่า 700 คน ได้จอดรับส่งผู้โดยสา รที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยมีนายวิภูติ จันทนภริน เป็นพนักงานขับรถ ระหว่างที่ขบวนกำลังจะเคลื่อนออกจากสถานี กลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน รถไฟฟ้าอีกขบวนหนึ่ง หมายเลข 1028 ซึ่งเป็นขบวนเปล่าสำหรับซ่อมบำรุง มีนายนิติพนธ์ นิธิโยสิยานนท์ เป็นพนักงานขับรถ ได้ไหลลงมาจากทางลาดชัน และพุ่งชนกับขบวนที่กำลังให้บริการ

    แรงชนทำให้หน้าขบวนรถ 1028 ยุบเข้าไปกว่า 70 เซนติเมตร อัดก๊อบปี้พนักงานขับรถ ติดคาซา ประตูฉุกเฉินของขบวน 1015 ไม่สามารถใช้งานได้ ส่งผลให้การอพยพผู้โดยสา รต้องรอกุญแจสำรองกว่า 10 นาที

    แรงจากการชน ส่งผลให้ผนังอุโมงค์ใต้ดินิพังถล่มลงมาทับขบวน 1015 ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนทั่วสถานี โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ แต่ผู้บาดเจ็บกว่า 200 คน ถูกนำส่งโรงพยาบาลพระราม 9 จำนวน 124 คน โรงพยาบาลกรุงเทพ 21 คน โรงพยาบาลราชวิถี 15 คน โรงพยาบาลตำรวจ 12 คน โรงพยาบาลวิภาวดีรามคำแหง 12 คน โรงพยาบาลวิภาวดี 11 คน โรงพยาบาลพระมงกุฏ 11 คน โรงพยาบาลเปาโลสยาม 11 คน โรงพยาบาลสมิติเวช 8 คน โรงพยาบาลเมโย 4 คน โรงพยาบาลปิยะเวท 3 คน โดยมีผู้บาดเจ็บสาหัสถึง 10 คน ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บ จากกระดูกแตก และแรงกระแทก

    สาเหตุที่แท้จริง เมื่อระบบและคน ทำงานผิดพลาดร่วมกัน
    หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น มีการสืบสวนอย่างละเอียด ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน หลักฐานจากกล่องดำของรถไฟฟ้า เผยว่า การชนครั้งนี้ เกิดจากการผสมผสาน ความผิดพลาดของมนุษย์ และปัญหาของระบบควบคุมอัตโนมัติ

    1. ความผิดพลาดในการควบคุมการเดินรถ
    รถไฟขบวน 1028 ซึ่งจอดอยู่ในศูนย์ซ่อมบำรุง ถูกสั่งปลดเบรกมือ ในขณะที่รถยังอยู่บนทางลาด
    เจ้าหน้าที่ควบคุมการเดินรถได้สั่งการให้ "ดัน" ขบวน 1028 เพื่อกลับเข้าสู่รางที่ 3 ซึ่งเป็นรางจ่ายไฟ
    การสั่งการดังกล่าวเกิดขึ้นโดยไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยง ที่รถอาจไหลลงมาด้วยความเร็วสูง

    2. ปัญหาจากระบบควบคุมอัตโนมัติ
    ระบบรถไฟฟ้าใต้ดินของกรุงเทพฯ ในขณะนั้น พึ่งพาระบบอัตโนมัติเป็นหลัก แต่กลับพบว่า เกิดการขัดข้องในระบบ ที่ทำให้การควบคุมทั้งสองขบวนรถ ทำงานผิดปกติ ส่งผลให้ขบวนรถไฟฟ้า หลุดจากการควบคุม และไหลไปชน

    3. การจัดการเบรก และการตัดสินใจที่ผิดพลาด
    รถไฟฟ้าขบวน 1028 ถูกสั่งปลดเบรกมือ โดยไม่ควบคุมความเร็ว ส่งผลให้รถพุ่งชนขบวน 1015 ที่กำลังจอดรับผู้โดยสาร

    รถไฟฟ้าใต้ดิน สายเฉลิมรัชมงคล หรือสายสีน้ำเงิน เปิดใช้เร็วกว่ากำหนดถึง 4 เดือน แต่วิ่งได้เพียง 2 วัน ก็เกิดอุบัติเหตุครั้งแรกขึ้น เมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2547 ที่สถานีคลองเตย เมื่อรถไฟฟ้าใต้ดินออกจากสถานีหัวลำโพง มุ่งหน้าสถานีบางซื่อ เมื่อระบบเบรกล็อกเองอัตโนมัติ ทำให้ล้อยางเสียดสีกับยาง จนเกิดกลุ่มควันพวยพุ่ง สร้างความแตกตื่นให้กับผู้โดยสาร ต้องอพยพกันชุลมุน

    ต่อมาวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2547 ก็เกิดเหตุการณ์​การจ่ายกระแสไฟฟ้าขัดข้อง ที่สถานีหัวลำโพงถึง 3 จุด ทำให้ไม่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้า ไปยังจุดสับเปลี่ยนรางได้ ทำให้ผู้โดยสารกว่าพันคน ต้องตกค้างที่สถานีสามย่าน และสถานีหัวลำโพง

    เหตุครั้งล่าสุดเมื่อ 20 ปี ที่ผ่านมา 17 มกราคม 2548 รถไฟฟ้าใต้ดินขบวน 1028 พุ่งชนประสานงานขบวน 1015 ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 200 คน ส่วนพนักงานขับรถขบวน 1028 บาดเจ็บสาหัส เรียกได้ว่าเปิดใช้งานมายังไม่ถึง 1 ปี ก็มาเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน

    เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงแต่ส่งผล ต่อภาพลักษณ์ของระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน แต่ยังทำให้เกิดการตั้งคำถาม ถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ของระบบขนส่งมวลชนในประเทศไทย

    1. ความเชื่อมั่นของประชาชนที่ลดลง
    หลังจากเหตุการณ์นี้ ผู้โดยสารจำนวนมาก เริ่มมีความกังวล เกี่ยวกับความปลอดภัย ของการใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้บริการ ลดลงในช่วงเวลานั้น

    2. การปรับปรุงมาตรการความปลอดภัย
    ตรวจสอบระบบควบคุมการเดินรถ หลังเหตุการณ์นี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้ามาเร่งตรวจสอบ ระบบความปลอดภัย ของรถไฟฟ้าใต้ดิน พนักงานควบคุมการเดินรถ และคนขับ รับการอบรมอย่างเข้มข้นมากขึ้น เพื่อป้องกันการเกิดข้อผิดพลาด ในอนาคต

    ผลการสอบสวนชี้ว่า เป็นความผิดพลาดของพนักงานควบคุมการเดินรถ ที่อนุญาตให้ปลดเบรกขบวนรถ 1028 ได้ แต่ก็เชื่อได้ว่า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เป็นเพราะระบบ ไม่ใช่คน เพราะระบบจะควบคุมทั้งหมด สามารถสั่งให้รถวิ่ง หรือหยุดก็ได้คนขับมีหน้าที่เดียว หรือกดเปิดปิดเครื่องเท่านั้น

    แต่จำเป็นต้องมีความพยายามเบี่ยงประเด็น ให้คนเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะหากผลการสอบสอวนระบุว่า เกิดจากระบบ บริษัทที่เกี่ยวข้อง ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทางแพ่ง จำนวนหลายพันล้านบาท

    ทั้งนี้ผ่านมา เคยเกิดเหตุ ขบวนรถที่กลับเข้าศูนย์ซ่อม หยุดที่บริเวณดังกล่าว 2-3 ครั้ง และก็มีการลากจูงเพื่อแก้ปัญหา โชคดีที่ไม่มีการปลดเบรก แต่ครั้งนี้พนักงานปลดเบรกมือ จึงทำให้รถไหลเข้าไปในอุโมงค์ จนชนกันขึ้น

    เหตุการณ์ชนกันของรถไฟใต้ดิน ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความผิดพลาด แต่เป็นบทเรียนสำคัญ ที่ทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญ ของมาตรฐานความปลอดภัย ในการขนส่งมวลชน

    1. ความสำคัญของระบบสำรองฉุกเฉิน
    การที่ประตูฉุกเฉิน ไม่สามารถเปิดใช้งานได้ในทันที เป็นปัญหาที่ควรได้รับการแก้ไข อย่างเร่งด่วน เหตุการณ์นี้ จึงนำไปสู่การปรับปรุง ระบบฉุกเฉินในรถไฟฟ้าทุกขบวน

    2. การฝึกอบรม และการปฏิบัติตามมาตรฐาน
    พนักงานที่เกี่ยวข้อง ควรมีความรู้ และการฝึกอบรมอย่างละเอียด ในทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น

    3. การพัฒนาระบบควบคุมอัตโนมัติ
    การพึ่งพาระบบอัตโนมัติอย่างเดียว ไม่เพียงพอ ต้องมีการตรวจสอบระบบ และอัปเดตเทคโนโลยี อย่างสม่ำเสมอ

    การรับมือในอนาคต
    ตรวจสอบระบบอย่างต่อเนื่อง มีการตรวจสอบระบบรถไฟฟ้า และศูนย์ซ่อมบำรุงเป็นประจำ
    เพิ่มอุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น การติดตั้งระบบเบรกฉุกเฉิน ที่สามารถหยุดรถไฟได้ทันที ในกรณีฉุกเฉิน
    สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน การสื่อสารและรายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัย จะช่วยสร้างความเชื่อมั่น ให้กับผู้ใช้บริการ

    เหตุการณ์รถไฟใต้ดินชนกัน เมื่อ 20 ปี ที่ผ่านมา ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ ในประวัติศาสตร์ของระบบขนส่งมวลชนไทย แม้จะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ความสูญเสียที่เกิดขึ้น ก็เพียงพอที่จะทำให้เราตระหนักถึง ความสำคัญของมาตรการความปลอดภัย ที่เข้มงวดมากขึ้น

    การพัฒนา และปรับปรุงระบบขนส่งมวลชน ให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ จะเป็นสิ่งที่ช่วยลดโอกาส ในการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในอนาคต ได้อย่างแน่นอน

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 170912 ม.ค. 2568

    #รถไฟใต้ดิน #เหตุการณ์สำคัญ #ความปลอดภัยในระบบขนส่ง #บทเรียนราคาแพง #ระบบควบคุมอัตโนมัติ #20ปีแห่งบทเรียน #เหตุรถไฟชนกัน #การพัฒนาระบบขนส่ง #มาตรการความปลอดภัย
    20 ปี รถไฟฟ้าใต้ดินชนกัน ที่ศูนย์วัฒนธรรม โทษคนเพื่อปกป้องระบบ ความสูญเสียที่กลายเป็นบทเรียนราคาแพง ย้อนไปเมื่อ 20 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 17 มกราคม พ.ศ. 2548 เกิดเหตุการณ์ที่สั่นสะเทือน วงการคมนาคมไทย เมื่อรถไฟฟ้าใต้ดินสองขบวน ชนกันที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย จนทำให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 200 คน และกลายเป็นกรณีศึกษา เรื่องความปลอดภัย ของระบบขนส่งมวลชนในประเทศไทย เช้าวันที่ 17 มกราคม 2548 เวลา 9.15 น. ในชั่วโมงเร่งด่วน รถไฟฟ้าใต้ดินสายสีน้ำเงิน ขบวนลาดพร้าว-หัวลำโพง หมายเลข 1015 ซึ่งบรรทุกผู้โดยสารกว่า 700 คน ได้จอดรับส่งผู้โดยสา รที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย โดยมีนายวิภูติ จันทนภริน เป็นพนักงานขับรถ ระหว่างที่ขบวนกำลังจะเคลื่อนออกจากสถานี กลับเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน รถไฟฟ้าอีกขบวนหนึ่ง หมายเลข 1028 ซึ่งเป็นขบวนเปล่าสำหรับซ่อมบำรุง มีนายนิติพนธ์ นิธิโยสิยานนท์ เป็นพนักงานขับรถ ได้ไหลลงมาจากทางลาดชัน และพุ่งชนกับขบวนที่กำลังให้บริการ แรงชนทำให้หน้าขบวนรถ 1028 ยุบเข้าไปกว่า 70 เซนติเมตร อัดก๊อบปี้พนักงานขับรถ ติดคาซา ประตูฉุกเฉินของขบวน 1015 ไม่สามารถใช้งานได้ ส่งผลให้การอพยพผู้โดยสา รต้องรอกุญแจสำรองกว่า 10 นาที แรงจากการชน ส่งผลให้ผนังอุโมงค์ใต้ดินิพังถล่มลงมาทับขบวน 1015 ซึ่งสร้างแรงสั่นสะเทือนทั่วสถานี โชคดีที่ไม่มีผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์นี้ แต่ผู้บาดเจ็บกว่า 200 คน ถูกนำส่งโรงพยาบาลพระราม 9 จำนวน 124 คน โรงพยาบาลกรุงเทพ 21 คน โรงพยาบาลราชวิถี 15 คน โรงพยาบาลตำรวจ 12 คน โรงพยาบาลวิภาวดีรามคำแหง 12 คน โรงพยาบาลวิภาวดี 11 คน โรงพยาบาลพระมงกุฏ 11 คน โรงพยาบาลเปาโลสยาม 11 คน โรงพยาบาลสมิติเวช 8 คน โรงพยาบาลเมโย 4 คน โรงพยาบาลปิยะเวท 3 คน โดยมีผู้บาดเจ็บสาหัสถึง 10 คน ซึ่งส่วนใหญ่ได้รับบาดเจ็บ จากกระดูกแตก และแรงกระแทก สาเหตุที่แท้จริง เมื่อระบบและคน ทำงานผิดพลาดร่วมกัน หลังจากเหตุการณ์เกิดขึ้น มีการสืบสวนอย่างละเอียด ทั้งจากหน่วยงานภาครัฐ และเอกชน หลักฐานจากกล่องดำของรถไฟฟ้า เผยว่า การชนครั้งนี้ เกิดจากการผสมผสาน ความผิดพลาดของมนุษย์ และปัญหาของระบบควบคุมอัตโนมัติ 1. ความผิดพลาดในการควบคุมการเดินรถ รถไฟขบวน 1028 ซึ่งจอดอยู่ในศูนย์ซ่อมบำรุง ถูกสั่งปลดเบรกมือ ในขณะที่รถยังอยู่บนทางลาด เจ้าหน้าที่ควบคุมการเดินรถได้สั่งการให้ "ดัน" ขบวน 1028 เพื่อกลับเข้าสู่รางที่ 3 ซึ่งเป็นรางจ่ายไฟ การสั่งการดังกล่าวเกิดขึ้นโดยไม่ได้คำนึงถึงความเสี่ยง ที่รถอาจไหลลงมาด้วยความเร็วสูง 2. ปัญหาจากระบบควบคุมอัตโนมัติ ระบบรถไฟฟ้าใต้ดินของกรุงเทพฯ ในขณะนั้น พึ่งพาระบบอัตโนมัติเป็นหลัก แต่กลับพบว่า เกิดการขัดข้องในระบบ ที่ทำให้การควบคุมทั้งสองขบวนรถ ทำงานผิดปกติ ส่งผลให้ขบวนรถไฟฟ้า หลุดจากการควบคุม และไหลไปชน 3. การจัดการเบรก และการตัดสินใจที่ผิดพลาด รถไฟฟ้าขบวน 1028 ถูกสั่งปลดเบรกมือ โดยไม่ควบคุมความเร็ว ส่งผลให้รถพุ่งชนขบวน 1015 ที่กำลังจอดรับผู้โดยสาร รถไฟฟ้าใต้ดิน สายเฉลิมรัชมงคล หรือสายสีน้ำเงิน เปิดใช้เร็วกว่ากำหนดถึง 4 เดือน แต่วิ่งได้เพียง 2 วัน ก็เกิดอุบัติเหตุครั้งแรกขึ้น เมื่อวันที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2547 ที่สถานีคลองเตย เมื่อรถไฟฟ้าใต้ดินออกจากสถานีหัวลำโพง มุ่งหน้าสถานีบางซื่อ เมื่อระบบเบรกล็อกเองอัตโนมัติ ทำให้ล้อยางเสียดสีกับยาง จนเกิดกลุ่มควันพวยพุ่ง สร้างความแตกตื่นให้กับผู้โดยสาร ต้องอพยพกันชุลมุน ต่อมาวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2547 ก็เกิดเหตุการณ์​การจ่ายกระแสไฟฟ้าขัดข้อง ที่สถานีหัวลำโพงถึง 3 จุด ทำให้ไม่สามารถจ่ายกระแสไฟฟ้า ไปยังจุดสับเปลี่ยนรางได้ ทำให้ผู้โดยสารกว่าพันคน ต้องตกค้างที่สถานีสามย่าน และสถานีหัวลำโพง เหตุครั้งล่าสุดเมื่อ 20 ปี ที่ผ่านมา 17 มกราคม 2548 รถไฟฟ้าใต้ดินขบวน 1028 พุ่งชนประสานงานขบวน 1015 ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ส่งผลให้มีผู้บาดเจ็บกว่า 200 คน ส่วนพนักงานขับรถขบวน 1028 บาดเจ็บสาหัส เรียกได้ว่าเปิดใช้งานมายังไม่ถึง 1 ปี ก็มาเกิดอุบัติเหตุเสียก่อน เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงแต่ส่งผล ต่อภาพลักษณ์ของระบบรถไฟฟ้าใต้ดิน แต่ยังทำให้เกิดการตั้งคำถาม ถึงความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ของระบบขนส่งมวลชนในประเทศไทย 1. ความเชื่อมั่นของประชาชนที่ลดลง หลังจากเหตุการณ์นี้ ผู้โดยสารจำนวนมาก เริ่มมีความกังวล เกี่ยวกับความปลอดภัย ของการใช้บริการรถไฟฟ้าใต้ดิน ส่งผลให้จำนวนผู้ใช้บริการ ลดลงในช่วงเวลานั้น 2. การปรับปรุงมาตรการความปลอดภัย ตรวจสอบระบบควบคุมการเดินรถ หลังเหตุการณ์นี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้เข้ามาเร่งตรวจสอบ ระบบความปลอดภัย ของรถไฟฟ้าใต้ดิน พนักงานควบคุมการเดินรถ และคนขับ รับการอบรมอย่างเข้มข้นมากขึ้น เพื่อป้องกันการเกิดข้อผิดพลาด ในอนาคต ผลการสอบสวนชี้ว่า เป็นความผิดพลาดของพนักงานควบคุมการเดินรถ ที่อนุญาตให้ปลดเบรกขบวนรถ 1028 ได้ แต่ก็เชื่อได้ว่า ความผิดพลาดที่เกิดขึ้น เป็นเพราะระบบ ไม่ใช่คน เพราะระบบจะควบคุมทั้งหมด สามารถสั่งให้รถวิ่ง หรือหยุดก็ได้คนขับมีหน้าที่เดียว หรือกดเปิดปิดเครื่องเท่านั้น แต่จำเป็นต้องมีความพยายามเบี่ยงประเด็น ให้คนเป็นผู้รับผิดชอบ เพราะหากผลการสอบสอวนระบุว่า เกิดจากระบบ บริษัทที่เกี่ยวข้อง ต้องรับผิดชอบค่าเสียหายทางแพ่ง จำนวนหลายพันล้านบาท ทั้งนี้ผ่านมา เคยเกิดเหตุ ขบวนรถที่กลับเข้าศูนย์ซ่อม หยุดที่บริเวณดังกล่าว 2-3 ครั้ง และก็มีการลากจูงเพื่อแก้ปัญหา โชคดีที่ไม่มีการปลดเบรก แต่ครั้งนี้พนักงานปลดเบรกมือ จึงทำให้รถไหลเข้าไปในอุโมงค์ จนชนกันขึ้น เหตุการณ์ชนกันของรถไฟใต้ดิน ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมฯ ไม่ได้เป็นเพียงเรื่องของความผิดพลาด แต่เป็นบทเรียนสำคัญ ที่ทำให้เราตระหนักถึงความสำคัญ ของมาตรฐานความปลอดภัย ในการขนส่งมวลชน 1. ความสำคัญของระบบสำรองฉุกเฉิน การที่ประตูฉุกเฉิน ไม่สามารถเปิดใช้งานได้ในทันที เป็นปัญหาที่ควรได้รับการแก้ไข อย่างเร่งด่วน เหตุการณ์นี้ จึงนำไปสู่การปรับปรุง ระบบฉุกเฉินในรถไฟฟ้าทุกขบวน 2. การฝึกอบรม และการปฏิบัติตามมาตรฐาน พนักงานที่เกี่ยวข้อง ควรมีความรู้ และการฝึกอบรมอย่างละเอียด ในทุกสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้น 3. การพัฒนาระบบควบคุมอัตโนมัติ การพึ่งพาระบบอัตโนมัติอย่างเดียว ไม่เพียงพอ ต้องมีการตรวจสอบระบบ และอัปเดตเทคโนโลยี อย่างสม่ำเสมอ การรับมือในอนาคต ตรวจสอบระบบอย่างต่อเนื่อง มีการตรวจสอบระบบรถไฟฟ้า และศูนย์ซ่อมบำรุงเป็นประจำ เพิ่มอุปกรณ์ความปลอดภัย เช่น การติดตั้งระบบเบรกฉุกเฉิน ที่สามารถหยุดรถไฟได้ทันที ในกรณีฉุกเฉิน สร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชน การสื่อสารและรายงานความคืบหน้า เกี่ยวกับมาตรการความปลอดภัย จะช่วยสร้างความเชื่อมั่น ให้กับผู้ใช้บริการ เหตุการณ์รถไฟใต้ดินชนกัน เมื่อ 20 ปี ที่ผ่านมา ที่สถานีศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศไทย ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์สำคัญ ในประวัติศาสตร์ของระบบขนส่งมวลชนไทย แม้จะไม่มีผู้เสียชีวิต แต่ความสูญเสียที่เกิดขึ้น ก็เพียงพอที่จะทำให้เราตระหนักถึง ความสำคัญของมาตรการความปลอดภัย ที่เข้มงวดมากขึ้น การพัฒนา และปรับปรุงระบบขนส่งมวลชน ให้ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ จะเป็นสิ่งที่ช่วยลดโอกาส ในการเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ในอนาคต ได้อย่างแน่นอน ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 170912 ม.ค. 2568 #รถไฟใต้ดิน #เหตุการณ์สำคัญ #ความปลอดภัยในระบบขนส่ง #บทเรียนราคาแพง #ระบบควบคุมอัตโนมัติ #20ปีแห่งบทเรียน #เหตุรถไฟชนกัน #การพัฒนาระบบขนส่ง #มาตรการความปลอดภัย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 167 มุมมอง 0 รีวิว
  • รำลึกวันครู 16 มค. 2568

    ครูครับ ผมให้อภัยครับ

    ย้อนกลับไปราวปี 2530 ข้าพเจ้าอยู่ ป.5 ข้าพเจ้าชอบวาดรูปมาก และเป็นอย่างหนึ่งที่รู้สึกว่าทำได้ดีมาก ก่อนจะขึ้น ป.5 ผลงานวาดรูปของข้าพเจ้า มักจะได้ขึ้นโชว์บนบอร์ดของโรงเรียนอยู่ประจำ มันทำให้ข้าพเจ้าภูมิใจมาก เมื่อขึ้น ป.5 ครูสอนวาดรูปไม่ใช่คนเดิม แต่เป็นครูพละมาสอน

    เมื่อครูพละมาสอนวาดรูป ครูไม่ได้สอนอะไร พวกเรามักจะได้เล่นในห้อง ส่วนข้าพเจ้ามักจะวาดรูปอะไรไปเรื่อย แต่ช่วงท้ายครูจะสั่งการบ้าน การบ้านแรก คือ ครูสั่งให้วาดรูปอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่ ภูเขา กับ พระอาทิตย์ ข้าพเจ้าได้เล็งไว้แล้วว่าจะวาดรูปทุ่งนาเหลืองอร่ามสุดลูกหูลูกตา ตัดกับท้องฟ้าสีส้มแเดงยามเย็น ซึ่งเป็นทิวทัศน์จริงแถวบ้าน วันนั้นเป็นวันเสาร์ ข้าพเจ้าขี่จักรยานไปร่างภาพจากสถานที่จริง และพยายามจดจำรายละเอียด สีสันเบื้องหน้า ก่อนจะกลับมาลงสีน้ำที่บ้านในวันอาทิตย์ ซึ่งได้นัดเพื่อนๆ ไว้ มาวาดรูปส่งครูด้วยกัน

    ในตอนเช้าวันอาทิตย์ เพื่อนมารวมตัว และเริ่มวาดรูปกัน เมื่อเพื่อนๆ เห็นภาพวาดของข้าพเจ้า ทุกคนก็ท้วงติง เพราะมีภาพดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าปลายนา ข้าพเจ้าก็บอกเพื่อนว่า ถ้ามาดูทุ่งนาตรงนี้ เวลานี้ จะเห็นพระอาทิตย์ตกดินเสมอ ตอนนั้นข้าพเจ้าไม่ได้สนใจทั้งภูเขาหรือพระอาทิตย์ เพราะเพลิดเพลินกับการผสมสี ลงสี โดยหารู้ไม่ว่า นี้จะเป็นภาพสุดท้ายที่ข้าพเจ้าวาด ในระหว่างวาดรูปลงสี ก็จะมีผู้ใหญ่แวะเวียนมาดู ส่วนใหญ่ก็จะชมข้าพเจ้า ยิ่งทำให้ข้าพเจ้าตั้งใจใหญ่เลย

    เมื่อถึงวันที่ต้องส่งงานข้าพเจ้าเดินไปโรงเรียน โดยเอาภาพวาดออกข้างหน้า เพื่อจะให้ทุกคนเห็นและชม พลางฝันไปว่า ภาพวาดจะได้ขึ้นบอร์ดอีก ที่หน้าโรงเรียน คุณครูที่รอรับนักเรียนชื่นชมภาพวาดที่ข้าพเจ้าอวด เมื่อถึงห้องเรียน เพื่อนๆ ที่ยังไม่เห็นต่างมาดูภาพวาดและชื่นชมว่าวาดสวย แต่ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าครูไม่ให้วาดพระอาทิตย์ ข้าพเจ้าเริ่มหวั่นใจ เพราะเป็นคนเดียวที่มีพระอาทิตย์ เมื่อครูพละสอนวาดรูปเข้ามา ครูให้นักเรียนเข้าแถวเพื่อส่งภาพให้ครูดู ครูพิจารณา และให้คะแนน โดยเขียนไปบนภาพ คะแนนเต็ม 10 เพื่อนๆ ที่ส่งก่อนหน้าข้าพเจ้า ต่างได้คะแนน อยู่ในช่วง 6-8 คะแนน เมื่อใกล้ถึง ข้าพเจ้าเริ่มใจไม่ดี บรรยากาศในห้องเรียนออกจะเจี๊ยวจ๊าว เพื่อนที่ส่งแล้ว ก็ไปคุยเล่นกัน เพื่อนที่ได้คะแนนสูงก็เอาไปอวดเพื่อนคนอื่นๆ ครูไม่มองนักเรียน ดูแต่ภาพวาดแล้วให้คะแนน โดยไม่พูดอะไร

    เมื่อข้าพเจ้ายื่นภาพวาดให้ครูดู ครูเงยหน้ามอง ข้าพเจ้ารู้ได้ทันทีว่าผิดไปแล้ว ครูตบโต๊ะ ห้องเงียบสนิท ข้าพเจ้าสะดุ้งกลัว ครูดุว่า "ก็บอกแล้ว ไม่ให้วาดรูปพระอาทิตย์ " ข้าพเจ้าก้มหน้ากลัวจับใจ อยากจะร้องไห้ แต่กลั้นไว้ ครูเขียนคะแนน 4 ข้าพเจ้าสูญเสียความมั่นใจ เดินซึมๆ กลับมาที่โต๊ะ เพื่อนมองตาม เมื่อข้าพเจ้านั่งลง ความเจี๊ยวจ๊าวกลับมา

    ในตอนนั้นข้าพเจ้าไม่นึกโกรธครูเลย แค่เลิกสนใจวาดรูป แค่ทำตามที่ครูสั่ง ครูให้วาดไก่ ข้าพเจ้าก็วาดแค่ไก่ โดยไม่ใส่จินตนาการหรือรายละเอียดอย่างอื่นลงไป ไม่ชวนเพื่อนมาวาดรูปด้วยกันอีกเลย หยุดวาดรูปนอกเวลาไปเลย เมื่อเดินผ่านบอร์ดที่ติดภาพวาด ข้าพเจ้าไม่เหลียวมอง เอาเข้าจริง ข้าพเจ้ายังชอบการวาดรูปอยู่ แต่กลัวเกินกว่าที่จะวาด

    ความโกรธมาเกิดขึ้นเมื่อผ่านมาหลายปีแล้ว จะเป็นความรู้สึกแบบ เวลาเห็นผู้ใหญ่ทำร้ายเด็ก ทำนอง "เฮ้ย! ทำแบบนั้นกับเด็กได้อย่างไงวะ" แล้วก็คิดเลยไปว่า ครูเอาหลักอะไรมาตัดสิน เป็นครูพละนะ ครูไม่เคยสอนการวาดรูปซักครั้ง ครูทำกับผมแบบนั้นได้อย่างไร แค่ครูก้มหน้า ให้คะแนนไป ไม่พูดอะไร มันคงแตกต่างกว่านี้ แต่ทั้งหมดล้วนเป็นคำถามที่เกิดขึ้นภายหลัง ข้าพเจ้าทั้งโกรธและเจ็บในหัวใจ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้

    ครูครับ ตอนนี้ผมไม่โกรธครูแล้วครับ แต่ผมก็ไม่เคยวาดรูปอีกเลยครับ ผมเติบโตและฝึกฝนทักษะด้านอื่น แต่ผมยังชอบศิลปะเหมือนเดิมครับ ผ่านการชมและสัมผัสด้วยหัวใจครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ผมผ่านมันไปไม่ได้ เพราะตอนนั้นผมเด็กเกินไป ครูเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลาย ครูทำลายทักษะการวาดของผม ขณะเดียวกันก็สร้างให้ผมไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคในอนาคตข้างหน้า ผมไม่ขอบคุณครูนะครับ เพราะครูไม่ได้ตั้งใจสอนในเรื่องนี้ ผมเรียนรู้ของผมเอง แต่ผมให้อภัยครับครู
    รำลึกวันครู 16 มค. 2568 ครูครับ ผมให้อภัยครับ ย้อนกลับไปราวปี 2530 ข้าพเจ้าอยู่ ป.5 ข้าพเจ้าชอบวาดรูปมาก และเป็นอย่างหนึ่งที่รู้สึกว่าทำได้ดีมาก ก่อนจะขึ้น ป.5 ผลงานวาดรูปของข้าพเจ้า มักจะได้ขึ้นโชว์บนบอร์ดของโรงเรียนอยู่ประจำ มันทำให้ข้าพเจ้าภูมิใจมาก เมื่อขึ้น ป.5 ครูสอนวาดรูปไม่ใช่คนเดิม แต่เป็นครูพละมาสอน เมื่อครูพละมาสอนวาดรูป ครูไม่ได้สอนอะไร พวกเรามักจะได้เล่นในห้อง ส่วนข้าพเจ้ามักจะวาดรูปอะไรไปเรื่อย แต่ช่วงท้ายครูจะสั่งการบ้าน การบ้านแรก คือ ครูสั่งให้วาดรูปอะไรก็ได้ ที่ไม่ใช่ ภูเขา กับ พระอาทิตย์ ข้าพเจ้าได้เล็งไว้แล้วว่าจะวาดรูปทุ่งนาเหลืองอร่ามสุดลูกหูลูกตา ตัดกับท้องฟ้าสีส้มแเดงยามเย็น ซึ่งเป็นทิวทัศน์จริงแถวบ้าน วันนั้นเป็นวันเสาร์ ข้าพเจ้าขี่จักรยานไปร่างภาพจากสถานที่จริง และพยายามจดจำรายละเอียด สีสันเบื้องหน้า ก่อนจะกลับมาลงสีน้ำที่บ้านในวันอาทิตย์ ซึ่งได้นัดเพื่อนๆ ไว้ มาวาดรูปส่งครูด้วยกัน ในตอนเช้าวันอาทิตย์ เพื่อนมารวมตัว และเริ่มวาดรูปกัน เมื่อเพื่อนๆ เห็นภาพวาดของข้าพเจ้า ทุกคนก็ท้วงติง เพราะมีภาพดวงอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้าปลายนา ข้าพเจ้าก็บอกเพื่อนว่า ถ้ามาดูทุ่งนาตรงนี้ เวลานี้ จะเห็นพระอาทิตย์ตกดินเสมอ ตอนนั้นข้าพเจ้าไม่ได้สนใจทั้งภูเขาหรือพระอาทิตย์ เพราะเพลิดเพลินกับการผสมสี ลงสี โดยหารู้ไม่ว่า นี้จะเป็นภาพสุดท้ายที่ข้าพเจ้าวาด ในระหว่างวาดรูปลงสี ก็จะมีผู้ใหญ่แวะเวียนมาดู ส่วนใหญ่ก็จะชมข้าพเจ้า ยิ่งทำให้ข้าพเจ้าตั้งใจใหญ่เลย เมื่อถึงวันที่ต้องส่งงานข้าพเจ้าเดินไปโรงเรียน โดยเอาภาพวาดออกข้างหน้า เพื่อจะให้ทุกคนเห็นและชม พลางฝันไปว่า ภาพวาดจะได้ขึ้นบอร์ดอีก ที่หน้าโรงเรียน คุณครูที่รอรับนักเรียนชื่นชมภาพวาดที่ข้าพเจ้าอวด เมื่อถึงห้องเรียน เพื่อนๆ ที่ยังไม่เห็นต่างมาดูภาพวาดและชื่นชมว่าวาดสวย แต่ทุกคนบอกเป็นเสียงเดียวกันว่าครูไม่ให้วาดพระอาทิตย์ ข้าพเจ้าเริ่มหวั่นใจ เพราะเป็นคนเดียวที่มีพระอาทิตย์ เมื่อครูพละสอนวาดรูปเข้ามา ครูให้นักเรียนเข้าแถวเพื่อส่งภาพให้ครูดู ครูพิจารณา และให้คะแนน โดยเขียนไปบนภาพ คะแนนเต็ม 10 เพื่อนๆ ที่ส่งก่อนหน้าข้าพเจ้า ต่างได้คะแนน อยู่ในช่วง 6-8 คะแนน เมื่อใกล้ถึง ข้าพเจ้าเริ่มใจไม่ดี บรรยากาศในห้องเรียนออกจะเจี๊ยวจ๊าว เพื่อนที่ส่งแล้ว ก็ไปคุยเล่นกัน เพื่อนที่ได้คะแนนสูงก็เอาไปอวดเพื่อนคนอื่นๆ ครูไม่มองนักเรียน ดูแต่ภาพวาดแล้วให้คะแนน โดยไม่พูดอะไร เมื่อข้าพเจ้ายื่นภาพวาดให้ครูดู ครูเงยหน้ามอง ข้าพเจ้ารู้ได้ทันทีว่าผิดไปแล้ว ครูตบโต๊ะ ห้องเงียบสนิท ข้าพเจ้าสะดุ้งกลัว ครูดุว่า "ก็บอกแล้ว ไม่ให้วาดรูปพระอาทิตย์ " ข้าพเจ้าก้มหน้ากลัวจับใจ อยากจะร้องไห้ แต่กลั้นไว้ ครูเขียนคะแนน 4 ข้าพเจ้าสูญเสียความมั่นใจ เดินซึมๆ กลับมาที่โต๊ะ เพื่อนมองตาม เมื่อข้าพเจ้านั่งลง ความเจี๊ยวจ๊าวกลับมา ในตอนนั้นข้าพเจ้าไม่นึกโกรธครูเลย แค่เลิกสนใจวาดรูป แค่ทำตามที่ครูสั่ง ครูให้วาดไก่ ข้าพเจ้าก็วาดแค่ไก่ โดยไม่ใส่จินตนาการหรือรายละเอียดอย่างอื่นลงไป ไม่ชวนเพื่อนมาวาดรูปด้วยกันอีกเลย หยุดวาดรูปนอกเวลาไปเลย เมื่อเดินผ่านบอร์ดที่ติดภาพวาด ข้าพเจ้าไม่เหลียวมอง เอาเข้าจริง ข้าพเจ้ายังชอบการวาดรูปอยู่ แต่กลัวเกินกว่าที่จะวาด ความโกรธมาเกิดขึ้นเมื่อผ่านมาหลายปีแล้ว จะเป็นความรู้สึกแบบ เวลาเห็นผู้ใหญ่ทำร้ายเด็ก ทำนอง "เฮ้ย! ทำแบบนั้นกับเด็กได้อย่างไงวะ" แล้วก็คิดเลยไปว่า ครูเอาหลักอะไรมาตัดสิน เป็นครูพละนะ ครูไม่เคยสอนการวาดรูปซักครั้ง ครูทำกับผมแบบนั้นได้อย่างไร แค่ครูก้มหน้า ให้คะแนนไป ไม่พูดอะไร มันคงแตกต่างกว่านี้ แต่ทั้งหมดล้วนเป็นคำถามที่เกิดขึ้นภายหลัง ข้าพเจ้าทั้งโกรธและเจ็บในหัวใจ เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ครูครับ ตอนนี้ผมไม่โกรธครูแล้วครับ แต่ผมก็ไม่เคยวาดรูปอีกเลยครับ ผมเติบโตและฝึกฝนทักษะด้านอื่น แต่ผมยังชอบศิลปะเหมือนเดิมครับ ผ่านการชมและสัมผัสด้วยหัวใจครับ เรื่องนี้เป็นเรื่องเดียวที่ผมผ่านมันไปไม่ได้ เพราะตอนนั้นผมเด็กเกินไป ครูเป็นทั้งผู้สร้างและผู้ทำลาย ครูทำลายทักษะการวาดของผม ขณะเดียวกันก็สร้างให้ผมไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคในอนาคตข้างหน้า ผมไม่ขอบคุณครูนะครับ เพราะครูไม่ได้ตั้งใจสอนในเรื่องนี้ ผมเรียนรู้ของผมเอง แต่ผมให้อภัยครับครู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจสืบสวน บก.น.5 จับกุมหลานสาวผู้พิพากษา หลังก่อเหตุขโมยกระเป๋า-ต่างหูแบรนด์เนม มูลค่ารวมกว่า 3.6 ล้านบาท สารภาพขโมยของอาตัวเองไปขายนำเงินมาหมุนใช้

    วันนี้ (15 ส.ค.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคํา ผบก.น.5 พ.ต.อ.ศิรณ์วิชญ์ อินทร ผกก.สส.บก.น.5 พ.ต.ท.วิสูตร เต็งเฉี้ยง สว.กก.บก.น.5 ร.ต.อ.นิเทศ พวงพิลา รอง สว.กก.สส.บก.น.5 ชุดสืบสวนบก.น.5 ชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.ปวารณา (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ข้อหาลักทรัพย์ในเคหะสถาน ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ จ.5/2568 ลงวันที่ 4 ม.ค.2568 จับกุมได้คลับเฮ้าส์ แห่งหนึ่งย่าน สุขุมวิท 31 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา

    สืบเนื่องจากผู้เสียหายเป็นผู้พิพากษา ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองภูเก็ต ว่า กระเป๋าหายไปสงสัยว่าคนขับรถเป็นคนขโมยไป จะไปแจ้งความดำเนินคดี แต่เมื่อคนขับรถรู้เรื่องนี้ จึงคุยติดต่อกับ น.ส.ปรารถนา จนรู้ความจริง ต่อมา น.ส.ปวารณาที่เป็นหลานสาวรู้สึกผิด จึงไลน์บอกอาว่า ตนเป็นคนเอากระเป๋าไปเอง ทางผู้พิพากษาจึงให้ตัวแทน เข้าแจ้งความ ว่า ลักทรัพย์ของกระเป๋า ยี่ห้อ Hermes หนังจระเข้ สีดำ 1 ใบ ราคา 800,000 บาท กระเป้า ยี่ห้อ Hermes รุ่น Mini bolide croc สีน้ำเงิน 1 ใบ ราคา 800,000 บาท กระเป๋า ยี่ห้อ Chanel รุ่นบอย สีแดง 1 ใบ ราคา 300,000 บาท กระเป๋า ยี่ห้อ Chanel สีเขียว 1 ใบ ราคา 150,000 บาท ต่างหูเพชร ยี่ห้อ Hermes 1 คู่ ราคา 1,600,000 บาท ราคารวมมูลค่า 3,650,000 บาท ออกจากบ้านพักในอ.เมือง จ.ภูเก็ต เหตุเกิดขึ้นช่วงปลายปี 67 จนกระทั่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองภูเก็ต ขออนุมัติศาลออกหมายจับดังกล่าว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000004350

    #MGROnline #ผู้พิพากษา #หลานสาวผู้พิพากษา #กระเป๋า #ต่างหู #แบรนด์เนม
    ตำรวจสืบสวน บก.น.5 จับกุมหลานสาวผู้พิพากษา หลังก่อเหตุขโมยกระเป๋า-ต่างหูแบรนด์เนม มูลค่ารวมกว่า 3.6 ล้านบาท สารภาพขโมยของอาตัวเองไปขายนำเงินมาหมุนใช้ • วันนี้ (15 ส.ค.) พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รองผบช.น. พล.ต.ต.วิทวัฒน์ ชินคํา ผบก.น.5 พ.ต.อ.ศิรณ์วิชญ์ อินทร ผกก.สส.บก.น.5 พ.ต.ท.วิสูตร เต็งเฉี้ยง สว.กก.บก.น.5 ร.ต.อ.นิเทศ พวงพิลา รอง สว.กก.สส.บก.น.5 ชุดสืบสวนบก.น.5 ชุดสืบสวน สภ.เมืองภูเก็ต ร่วมกันจับกุมตัว น.ส.ปวารณา (สงวนนามสกุล) อายุ 50 ปี ข้อหาลักทรัพย์ในเคหะสถาน ตามหมายจับศาลจังหวัดภูเก็ต ที่ จ.5/2568 ลงวันที่ 4 ม.ค.2568 จับกุมได้คลับเฮ้าส์ แห่งหนึ่งย่าน สุขุมวิท 31 แขวงคลองตันเหนือ เขตวัฒนา • สืบเนื่องจากผู้เสียหายเป็นผู้พิพากษา ส่งตัวแทนเข้าแจ้งความที่ สภ.เมืองภูเก็ต ว่า กระเป๋าหายไปสงสัยว่าคนขับรถเป็นคนขโมยไป จะไปแจ้งความดำเนินคดี แต่เมื่อคนขับรถรู้เรื่องนี้ จึงคุยติดต่อกับ น.ส.ปรารถนา จนรู้ความจริง ต่อมา น.ส.ปวารณาที่เป็นหลานสาวรู้สึกผิด จึงไลน์บอกอาว่า ตนเป็นคนเอากระเป๋าไปเอง ทางผู้พิพากษาจึงให้ตัวแทน เข้าแจ้งความ ว่า ลักทรัพย์ของกระเป๋า ยี่ห้อ Hermes หนังจระเข้ สีดำ 1 ใบ ราคา 800,000 บาท กระเป้า ยี่ห้อ Hermes รุ่น Mini bolide croc สีน้ำเงิน 1 ใบ ราคา 800,000 บาท กระเป๋า ยี่ห้อ Chanel รุ่นบอย สีแดง 1 ใบ ราคา 300,000 บาท กระเป๋า ยี่ห้อ Chanel สีเขียว 1 ใบ ราคา 150,000 บาท ต่างหูเพชร ยี่ห้อ Hermes 1 คู่ ราคา 1,600,000 บาท ราคารวมมูลค่า 3,650,000 บาท ออกจากบ้านพักในอ.เมือง จ.ภูเก็ต เหตุเกิดขึ้นช่วงปลายปี 67 จนกระทั่งพนักงานสอบสวนสภ.เมืองภูเก็ต ขออนุมัติศาลออกหมายจับดังกล่าว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000004350 • #MGROnline #ผู้พิพากษา #หลานสาวผู้พิพากษา #กระเป๋า #ต่างหู #แบรนด์เนม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • #HPylori มันคือสาเหตุการเกิด “โรคกระเพาะอาหาร” ทั้งยังสามารถแพร่ระบาดจากคนสู่คนได้ เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter Pylori) หรือ เอชไพโลไร (H.Pylori) เป็นแบคทีเรียประเภทที่พบได้บ่อยและใช่ มันเป็นโรคติดต่อที่ติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร โดยปกติแล้วแบคทีเรียจะเข้าสู่ปากและเข้าสู่ทางเดินอาหารเชื้อโรคอาจอาศัยอยู่ในน้ำลาย ซึ่งหมายความว่าผู้ที่ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อได้ผ่านการจูบ ออรัลเซ็กซ์ การพูดคุยขณะรับประทานอาหารร่วมกัน การพูดคุยกับแม่ค้าขณะตักอาหารให้ หรือแม้แต่การพูดคุยกับพนักงานเสิร์ฟถ้าพนักงานคนนั้นมีเชื้อนอกจากนี้ คุณสามารถติดเชื้อได้จากการปนเปื้อนอุจจาระในอาหารหรือน้ำดื่มแม้ว่าโดยทั่วไปแล้วการติดเชื้อ H. pylori จะไม่เป็นอันตราย แต่พวกมันมีส่วนทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารและทางเดินอาหารเป็นส่วนใหญ่ แผลเหล่านี้อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น มะเร็งกระเพาะอาหารH. Pylori พบได้บ่อยแค่ไหนเชื้อ H. pylori มีอยู่ประมาณร้อยละ 60 ของประชากรโลก การศึกษาในปี 2014 ในวารสาร Central European Journal of Urology แนะนำว่าผู้ที่ติดเชื้อ H. pylori มากถึง 90 เปอร์เซ็นต์อาจมีแบคทีเรียอยู่ในปากและน้ำลาย และอาจเป็นสาเหตุของโรคท่อปัสสาวะอักเสบ การวิจัยยังพบว่า เชื้อ H. pylori อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรงหลายอย่าง รวมถึงมะเร็งกระเพาะอาหารและแผลในกระเพาะอาหารบางชนิด ในปี 2018 นักวิจัยรายงานว่า H. pylori อาจมีบทบาทในการพัฒนาโรคพาร์กินสันรายงานปี 2018 ในวารสาร Gastroenterology ระบุข้อกังวลอื่น: การดื้อต่อยาปฏิชีวนะของ H. pylori ทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้นอย่างมากป้องกันการติดเชื้อ H. pyloriสุขอนามัยส่วนบุคคลที่ดีคือวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อ การล้างมืออย่างทั่วถึงและบ่อยครั้งเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่ายิ่ง การรับประทานอาหารสุกใหม่ ไม่รับประทานอาหารค้างคืนหรือแม้แต่อาหารที่ปรุงตั้งไว้เกิน 3 ชั่วโมง ไม่ดื่มน้ำที่ไม่มั่นใจว่าสะอาดเพียงพออาการของผู้ติดเชื้อ H.Pyloriโดยปกติแล้ว ผู้ที่ติดเชื้อ H.Pylori มักจะไม่แสดงอาการ แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการที่สังเกตได้ ดังนี้ปวดหรือแสบร้อนที่ท้องบริเวณเหนือสะดือปวดรุนแรงเมื่อท้องว่างหรือหลังจากรับประทานอาหารคลื่นไส้ อาเจียนจุกเสียดลิ้นปี่ท้องอืด เรอบ่อยเบื่ออาหารน้ำหนักลดผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ในรายที่มีอาการอักเสบรุนแรง ควรรีบพบแพทย์เร่งด่วนซึ่งจะมีอาการ ดังนี้ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำคล้ายยางมะตอย หรือมีเลือดและกลิ่นรุนแรงปวดท้องรุนแรง เรื้อรังอาเจียนเป็นเลือดหรือมีสีน้ำตาลคล้ำ H.Pylori สามารถแฝงอยู่ในร่างกายนานเป็น 10 ปี โดยแทบไม่แสดงอาการ เสี่ยงเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารมากถึง 2-6 เท่าเมื่อเทียบกับคนปกติที่ไม่มีการติดเชื้อ ซึ่งทางองค์การอนามัยโลกจัดให้เชื้อ เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter Pylori) เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของมะเร็งกระเพาะอาหารดังนั้นการกำจัดเชื้อ Helicobacter Pylori จึงเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร การตรวจหาเชื้อ H.Pylori เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ทราบต้นตอก่อนเกิดอาการรุนแรง ซึ่งปัจจุบันสามารถทำการตรวจได้หลายวิธี การตรวจวินิจฉัยเชื้อทางลมหายใจที่เรียกว่า “Urea Breath Test หรือ การเป่าลมหายใจและวัดหาระดับยูเรีย” เป็นวิธีที่ง่าย รวดเร็ว ความแม่นยำสูง ( ความไว 88-95% ) และไม่ก่อให้เกิดการเจ็บตัว ช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสการเกิดแผลในกระเพาะอาหารซ้ำ และการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหารโรคแผลในกระเพาะจากเชื้อเอชไพโลไร (H.Pylori) นับเป็นอีกหนึ่งภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของใครหลายคน ในบางรายรักษาเท่าไหร่ก็ยังไม่หาย หรือบางรายก็ไม่ทราบว่าตัวเองได้รับเชื้อเอชไพโลไร (H. Pylori) ซึ่งความน่ากลัวของเชื้อเอชไพโลไร (H. Pylori) สามารถเกาะเกี่ยวตัวเองไว้กับเยื่อบุผิวกระเพาะอาหาร และสามารถอยู่ในกระเพาะอาหารนานนับ 10 ปี โดยไม่แสดงอาการใดๆสิ่งที่จะเสริมการรักษาโรคแผลในกระเพาะจากเชื้อเอชไพโลไร (H. Pylori) ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารแนะนำ คือการเสริมโปรไบโอติกส์ (Probiotic) และพรีไบโอติกส์ (Prebiotic) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารแนะนำว่า การใช้พรีไบโอติกส์และโปรไบโอติกส์ร่วมกัน สามารถให้ผลทั้งในแง่ของการป้องกันและรักษาโรคในทางเดินอาหารได้ ทั้งยังมีความความปลอดภัยสูง และรับประทานได้ในระยะยาวโดยไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย ในข้อมูลทางการแพทย์จุลินทรีย์สายพันธุ์เฉพาะอย่างโปรไบโอติกส์ ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการดูแลสุขภาพและบำบัดรักษาผู้ป่วยโรคต่างๆ แบบเจาะจง โดยเฉพาะโรคแผลในกระเพาะอาหารจากแบคทีเรียโดยเฉพาะโปรไบโอติกส์สายพันธุ์เฉพาะอย่าง Lactobacillus acidophilus LA-5 และ Bifidobacterium lactis BB-12 สามารถช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร (H.Pyroli) ซึ่งเป็นเชื้อก่อโรคในกระเพาะอาหารที่เป็นสาเหตุของโรคแผลในกระเพาะอาหารจากการติดเชื้อแบคทีเรีย และยังช่วยลดการอักเสบของกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ รวมทั้งช่วยปรับความถี่และความรุนแรงของการบีบตัวของลำไส้เล็ก ส่งผลดีต่อผู้ที่มีอาการปวดท้อง นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในระบบทางเดินอาหาร และลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำของโรคแผลในกระเพาะอาหารจากแบคทีเรียได้อีกด้วยอาหารที่ดีในการบำบัดแผลในกระเพาะอาหารกล้วยดิบว่านหางจระเข้ทั้งสดและสกัดผักบุ้งสดมะละกอดิบ หรืออะไรก็ได้ที่มีความเป็นเมือกสูง ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแนะนำPaa villSynbcPaa easeเกลือหิมาลัยด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr.Santi Manadee
    #HPylori มันคือสาเหตุการเกิด “โรคกระเพาะอาหาร” ทั้งยังสามารถแพร่ระบาดจากคนสู่คนได้ เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter Pylori) หรือ เอชไพโลไร (H.Pylori) เป็นแบคทีเรียประเภทที่พบได้บ่อยและใช่ มันเป็นโรคติดต่อที่ติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร โดยปกติแล้วแบคทีเรียจะเข้าสู่ปากและเข้าสู่ทางเดินอาหารเชื้อโรคอาจอาศัยอยู่ในน้ำลาย ซึ่งหมายความว่าผู้ที่ติดเชื้อสามารถแพร่เชื้อได้ผ่านการจูบ ออรัลเซ็กซ์ การพูดคุยขณะรับประทานอาหารร่วมกัน การพูดคุยกับแม่ค้าขณะตักอาหารให้ หรือแม้แต่การพูดคุยกับพนักงานเสิร์ฟถ้าพนักงานคนนั้นมีเชื้อนอกจากนี้ คุณสามารถติดเชื้อได้จากการปนเปื้อนอุจจาระในอาหารหรือน้ำดื่มแม้ว่าโดยทั่วไปแล้วการติดเชื้อ H. pylori จะไม่เป็นอันตราย แต่พวกมันมีส่วนทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารและทางเดินอาหารเป็นส่วนใหญ่ แผลเหล่านี้อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่ร้ายแรง เช่น มะเร็งกระเพาะอาหารH. Pylori พบได้บ่อยแค่ไหนเชื้อ H. pylori มีอยู่ประมาณร้อยละ 60 ของประชากรโลก การศึกษาในปี 2014 ในวารสาร Central European Journal of Urology แนะนำว่าผู้ที่ติดเชื้อ H. pylori มากถึง 90 เปอร์เซ็นต์อาจมีแบคทีเรียอยู่ในปากและน้ำลาย และอาจเป็นสาเหตุของโรคท่อปัสสาวะอักเสบ การวิจัยยังพบว่า เชื้อ H. pylori อาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพร้ายแรงหลายอย่าง รวมถึงมะเร็งกระเพาะอาหารและแผลในกระเพาะอาหารบางชนิด ในปี 2018 นักวิจัยรายงานว่า H. pylori อาจมีบทบาทในการพัฒนาโรคพาร์กินสันรายงานปี 2018 ในวารสาร Gastroenterology ระบุข้อกังวลอื่น: การดื้อต่อยาปฏิชีวนะของ H. pylori ทั่วโลกอาจเพิ่มขึ้นอย่างมากป้องกันการติดเชื้อ H. pyloriสุขอนามัยส่วนบุคคลที่ดีคือวิธีหนึ่งที่จะช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อ การล้างมืออย่างทั่วถึงและบ่อยครั้งเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะอย่ายิ่ง การรับประทานอาหารสุกใหม่ ไม่รับประทานอาหารค้างคืนหรือแม้แต่อาหารที่ปรุงตั้งไว้เกิน 3 ชั่วโมง ไม่ดื่มน้ำที่ไม่มั่นใจว่าสะอาดเพียงพออาการของผู้ติดเชื้อ H.Pyloriโดยปกติแล้ว ผู้ที่ติดเชื้อ H.Pylori มักจะไม่แสดงอาการ แต่ในผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการที่สังเกตได้ ดังนี้ปวดหรือแสบร้อนที่ท้องบริเวณเหนือสะดือปวดรุนแรงเมื่อท้องว่างหรือหลังจากรับประทานอาหารคลื่นไส้ อาเจียนจุกเสียดลิ้นปี่ท้องอืด เรอบ่อยเบื่ออาหารน้ำหนักลดผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุ แต่ในรายที่มีอาการอักเสบรุนแรง ควรรีบพบแพทย์เร่งด่วนซึ่งจะมีอาการ ดังนี้ถ่ายอุจจาระเป็นสีดำคล้ายยางมะตอย หรือมีเลือดและกลิ่นรุนแรงปวดท้องรุนแรง เรื้อรังอาเจียนเป็นเลือดหรือมีสีน้ำตาลคล้ำ H.Pylori สามารถแฝงอยู่ในร่างกายนานเป็น 10 ปี โดยแทบไม่แสดงอาการ เสี่ยงเกิดมะเร็งกระเพาะอาหารมากถึง 2-6 เท่าเมื่อเทียบกับคนปกติที่ไม่มีการติดเชื้อ ซึ่งทางองค์การอนามัยโลกจัดให้เชื้อ เฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร (Helicobacter Pylori) เป็นปัจจัยเสี่ยงที่สำคัญของมะเร็งกระเพาะอาหารดังนั้นการกำจัดเชื้อ Helicobacter Pylori จึงเป็นการลดความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งกระเพาะอาหาร การตรวจหาเชื้อ H.Pylori เป็นสิ่งสำคัญเพื่อให้ทราบต้นตอก่อนเกิดอาการรุนแรง ซึ่งปัจจุบันสามารถทำการตรวจได้หลายวิธี การตรวจวินิจฉัยเชื้อทางลมหายใจที่เรียกว่า “Urea Breath Test หรือ การเป่าลมหายใจและวัดหาระดับยูเรีย” เป็นวิธีที่ง่าย รวดเร็ว ความแม่นยำสูง ( ความไว 88-95% ) และไม่ก่อให้เกิดการเจ็บตัว ช่วยให้แพทย์วางแผนการรักษาโรคแผลในกระเพาะอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ ลดโอกาสการเกิดแผลในกระเพาะอาหารซ้ำ และการเกิดโรคมะเร็งกระเพาะอาหารโรคแผลในกระเพาะจากเชื้อเอชไพโลไร (H.Pylori) นับเป็นอีกหนึ่งภัยเงียบที่ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของใครหลายคน ในบางรายรักษาเท่าไหร่ก็ยังไม่หาย หรือบางรายก็ไม่ทราบว่าตัวเองได้รับเชื้อเอชไพโลไร (H. Pylori) ซึ่งความน่ากลัวของเชื้อเอชไพโลไร (H. Pylori) สามารถเกาะเกี่ยวตัวเองไว้กับเยื่อบุผิวกระเพาะอาหาร และสามารถอยู่ในกระเพาะอาหารนานนับ 10 ปี โดยไม่แสดงอาการใดๆสิ่งที่จะเสริมการรักษาโรคแผลในกระเพาะจากเชื้อเอชไพโลไร (H. Pylori) ที่ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารแนะนำ คือการเสริมโปรไบโอติกส์ (Probiotic) และพรีไบโอติกส์ (Prebiotic) ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารแนะนำว่า การใช้พรีไบโอติกส์และโปรไบโอติกส์ร่วมกัน สามารถให้ผลทั้งในแง่ของการป้องกันและรักษาโรคในทางเดินอาหารได้ ทั้งยังมีความความปลอดภัยสูง และรับประทานได้ในระยะยาวโดยไม่ส่งผลเสียต่อร่างกาย ในข้อมูลทางการแพทย์จุลินทรีย์สายพันธุ์เฉพาะอย่างโปรไบโอติกส์ ถูกนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการดูแลสุขภาพและบำบัดรักษาผู้ป่วยโรคต่างๆ แบบเจาะจง โดยเฉพาะโรคแผลในกระเพาะอาหารจากแบคทีเรียโดยเฉพาะโปรไบโอติกส์สายพันธุ์เฉพาะอย่าง Lactobacillus acidophilus LA-5 และ Bifidobacterium lactis BB-12 สามารถช่วยกำจัดเชื้อแบคทีเรียเอชไพโลไร (H.Pyroli) ซึ่งเป็นเชื้อก่อโรคในกระเพาะอาหารที่เป็นสาเหตุของโรคแผลในกระเพาะอาหารจากการติดเชื้อแบคทีเรีย และยังช่วยลดการอักเสบของกระเพาะอาหารและลำไส้ได้ รวมทั้งช่วยปรับความถี่และความรุนแรงของการบีบตัวของลำไส้เล็ก ส่งผลดีต่อผู้ที่มีอาการปวดท้อง นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ในระบบทางเดินอาหาร และลดโอกาสการกลับมาเป็นซ้ำของโรคแผลในกระเพาะอาหารจากแบคทีเรียได้อีกด้วยอาหารที่ดีในการบำบัดแผลในกระเพาะอาหารกล้วยดิบว่านหางจระเข้ทั้งสดและสกัดผักบุ้งสดมะละกอดิบ หรืออะไรก็ได้ที่มีความเป็นเมือกสูง ผลิตภัณฑ์อาหารเสริมแนะนำPaa villSynbcPaa easeเกลือหิมาลัยด้วยรักและห่วงใยจากใจจริง Cr.Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 199 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซูชิหน้าเนื้อ สีน้ำ
    ซูชิหน้าเนื้อ สีน้ำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 47 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขนม สีน้ำ
    ขนม สีน้ำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 131 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนระบุในวันพุธ (8 ม.ค.) สามารถช่วยผู้ประสบภัยกว่า 400 คนที่ติดอยู่ในซากปรักหักพังจากแผ่นดินไหวในทิเบตเมื่อวันอังคาร (7) โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงกำลังเร่งค้นหาผู้สูญหายไม่ทราบจำนวนท่ามกลางสภาพอากาศติดลบ 18 องศาเซลเซียส

    พื้นที่เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหวความรุนแรงระดับ 6.8 ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อตอนเช้าวันอังคาร และถือเป็นธรณีพิโรธครั้งรุนแรงที่สุดในบริเวณดังกล่าวในรอบหลายปีที่ผ่านมา อยู่ที่อำเภอติงกริ จังหวัดซีกัตเซ ของเขตปกครองตนเองทิเบต โดยอยู่ห่างจากด้านเหนือของยอดเขาเอเวอเรสต์ ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกประมาณ 80 กิโลเมตร ขณะที่ซีกัตเซ ถือเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพุทธนิกายทิเบต เนื่องจากเมืองซีกัตเซถือเป็นที่ประทับของปันเจนลามะ หนึ่งในพระลามะผู้นำทางจิตวิญญาณสูงสุดของศาสนาพุทธนิกายทิเบต โดยเป็นรองเฉพาะองค์ทะไลลามะเท่านั้น

    จากการที่แผ่นดินไหวคราวนี้เกิดขึ้นมาแล้วกว่า 24 ชั่วโมง ย่อมหมายความว่าผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังต้องผจญค่ำคืนที่อุณหภูมิลดต่ำกว่าจุดเยือกแข็งมาแล้ว 1 คืน และเพิ่มความกดดันสำหรับพวกเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ต้องรีบเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตในพื้นที่ประสบภัยซึ่งเป็นเขตเขาสูง และมีความกว้างขวางพอๆ กับอาณาเขตประเทศกัมพูชา

    ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ท่ามกลางอุณหภูมิในพื้นที่ดังกล่าวที่ลดลงถึงระดับ -18 องศาเซลเซียสในช่วงคืนวันอังคาร ผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังหรือกระทั่งผู้ซึ่งต้องหลบภัยอยู่นอกอาคารบ้านเรือน มีความเสี่ยงเกิดภาวะอุณหภูมิร่างกายลดต่ำกว่าปกติอย่างรวดเร็ว และอาจอยู่รอดได้เพียง 5-10 ชั่วโมงแม้ไม่ได้รับบาดเจ็บ

    ภาพข่าวจากสถานีโทรทัศน์ส่วนกลางของทางการจีน (ซีซีทีวี) เผยให้เห็นสมาชิกครอบครัวเบียดกันอยู่ในเต็นท์สีน้ำเงินและเขียวที่ทหารและเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์รีบไปติดตั้งให้ในชุมชนรอบๆ พื้นที่เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหว โดยที่ยังเกิดอาฟเตอร์ช็อกติดตามมาอีกหลายร้อยระลอก

    ในวันพุธ ซีซีทีวียังคงรายงานตัวเลขเดิมซึ่งอัปเดตตั้งแต่ตอนดึกวันอังคารที่ว่า ในทิเบตมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 126 คน และบาดเจ็บ 188 คน ขณะที่รายงานจากพวกเพื่อนบ้านอย่างเนปาลและประเทศใกล้เคียง ถึงแม้รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนขณะเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ ทว่ายังไม่พบว่ามีผู้เสียชีวิต

    จากการวิเคราะห์ของสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งสหรัฐฯ ความรุนแรงของแผ่นดินไหวในทิเบตคราวนี้ ทำให้พื้นดินรอบๆ พื้นที่เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหวยุบตัวลงถึง 1.6 เมตรในระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร

    ด้านสื่อของทางการจีนรายงานว่า บริเวณโดยรอบของพื้นที่เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหว อยู่ในสภาพเสียหายหนัก จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า บ้านเรือน 3,609 หลังพังทลายในเมืองซีกัตเซ ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ 800,000 คน และเวลานี้ทางการจีนจัดส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยกว่า 14,000 คนไปยังพื้นที่ประสบภัยแล้ว

    ด้านเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นแถลงวันพุธ (8 ) ว่า ผู้ประสบภัยกว่า 46,500 คนถูกนำไปยังที่พักใหม่ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยว 484 คนในติงกริที่ได้รับการนำส่งอย่างปลอดภัยไปยังเมืองซีกัตเซ

    ทั้งนี้ พื้นที่ด้านตะวันตกเฉียงใต้ของจีนซึ่งครอบคลุมถึงทิเบต ที่มีฐานะเป็นดินแดนปกครองตนเองระดับมณฑลของแดนมังกร รวมทั้งเนปาล และตอนเหนือของอินเดีย เป็นพื้นที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้งเนื่องจากการแปรสัณฐานของแผ่นเปลือกโลกอินเดียและยูเรเซียที่มาบรรจบกัน

    รายงานระบุว่า จนถึงเที่ยงวันพุธ มีอาฟเตอร์ช็อก เกิดขึ้น 646 ครั้งในบริเวณรอบๆ พื้นที่เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหว โดยครั้งรุนแรงที่สุดอยู่ในระดับ 4.4

    ข้อมูลจากสำนักงานแผ่นดินไหวท้องถิ่นระบุว่า ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เกิดแผ่นดินไหว 29 ครั้ง วัดความแรงได้ระดับ 3 ขึ้นไปภายในรัศมี 200 กิโลเมตรรอบพื้นท่เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหวเมื่อวันอังคาร

    เหมิง ฮุ่ย รองหัวหน้าสำนักงานแผ่นดินไหวทิเบต แถลงว่า จากการวิเคราะห์พบว่า อาจเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5-6 ในบริเวณเดียวกันนี้ในอนาคต

    แผ่นดินไหวในทิเบตเมื่อวันอังคารถือเป็นแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สุดในจีนนับจากปี 2023 ที่เกิดแผ่นดินไหวความแรง 6.2 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 149 คนในพื้นที่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของจีน

    ปี 2008 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.0 ในเสฉวน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 70,000 คน ถือเป็นแผ่นดินไหวในจีนที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดนับจากเหตุแผ่นดินไหวที่เมืองถังชานในปี 1976 ที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 242,000 คน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000002350
    ..............
    Sondhi X
    จีนระบุในวันพุธ (8 ม.ค.) สามารถช่วยผู้ประสบภัยกว่า 400 คนที่ติดอยู่ในซากปรักหักพังจากแผ่นดินไหวในทิเบตเมื่อวันอังคาร (7) โดยเจ้าหน้าที่กู้ภัยยังคงกำลังเร่งค้นหาผู้สูญหายไม่ทราบจำนวนท่ามกลางสภาพอากาศติดลบ 18 องศาเซลเซียส พื้นที่เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหวความรุนแรงระดับ 6.8 ซึ่งเกิดขึ้นเมื่อตอนเช้าวันอังคาร และถือเป็นธรณีพิโรธครั้งรุนแรงที่สุดในบริเวณดังกล่าวในรอบหลายปีที่ผ่านมา อยู่ที่อำเภอติงกริ จังหวัดซีกัตเซ ของเขตปกครองตนเองทิเบต โดยอยู่ห่างจากด้านเหนือของยอดเขาเอเวอเรสต์ ซึ่งเป็นยอดเขาที่สูงที่สุดในโลกประมาณ 80 กิโลเมตร ขณะที่ซีกัตเซ ถือเป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของศาสนาพุทธนิกายทิเบต เนื่องจากเมืองซีกัตเซถือเป็นที่ประทับของปันเจนลามะ หนึ่งในพระลามะผู้นำทางจิตวิญญาณสูงสุดของศาสนาพุทธนิกายทิเบต โดยเป็นรองเฉพาะองค์ทะไลลามะเท่านั้น จากการที่แผ่นดินไหวคราวนี้เกิดขึ้นมาแล้วกว่า 24 ชั่วโมง ย่อมหมายความว่าผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังต้องผจญค่ำคืนที่อุณหภูมิลดต่ำกว่าจุดเยือกแข็งมาแล้ว 1 คืน และเพิ่มความกดดันสำหรับพวกเจ้าหน้าที่กู้ภัยที่ต้องรีบเร่งค้นหาผู้รอดชีวิตในพื้นที่ประสบภัยซึ่งเป็นเขตเขาสูง และมีความกว้างขวางพอๆ กับอาณาเขตประเทศกัมพูชา ผู้เชี่ยวชาญระบุว่า ท่ามกลางอุณหภูมิในพื้นที่ดังกล่าวที่ลดลงถึงระดับ -18 องศาเซลเซียสในช่วงคืนวันอังคาร ผู้ที่ติดอยู่ใต้ซากปรักหักพังหรือกระทั่งผู้ซึ่งต้องหลบภัยอยู่นอกอาคารบ้านเรือน มีความเสี่ยงเกิดภาวะอุณหภูมิร่างกายลดต่ำกว่าปกติอย่างรวดเร็ว และอาจอยู่รอดได้เพียง 5-10 ชั่วโมงแม้ไม่ได้รับบาดเจ็บ ภาพข่าวจากสถานีโทรทัศน์ส่วนกลางของทางการจีน (ซีซีทีวี) เผยให้เห็นสมาชิกครอบครัวเบียดกันอยู่ในเต็นท์สีน้ำเงินและเขียวที่ทหารและเจ้าหน้าที่บรรเทาทุกข์รีบไปติดตั้งให้ในชุมชนรอบๆ พื้นที่เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหว โดยที่ยังเกิดอาฟเตอร์ช็อกติดตามมาอีกหลายร้อยระลอก ในวันพุธ ซีซีทีวียังคงรายงานตัวเลขเดิมซึ่งอัปเดตตั้งแต่ตอนดึกวันอังคารที่ว่า ในทิเบตมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 126 คน และบาดเจ็บ 188 คน ขณะที่รายงานจากพวกเพื่อนบ้านอย่างเนปาลและประเทศใกล้เคียง ถึงแม้รับรู้ถึงแรงสั่นสะเทือนขณะเกิดแผ่นดินไหวครั้งนี้ ทว่ายังไม่พบว่ามีผู้เสียชีวิต จากการวิเคราะห์ของสำนักงานสำรวจทางธรณีวิทยาแห่งสหรัฐฯ ความรุนแรงของแผ่นดินไหวในทิเบตคราวนี้ ทำให้พื้นดินรอบๆ พื้นที่เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหวยุบตัวลงถึง 1.6 เมตรในระยะทางประมาณ 80 กิโลเมตร ด้านสื่อของทางการจีนรายงานว่า บริเวณโดยรอบของพื้นที่เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหว อยู่ในสภาพเสียหายหนัก จากการสำรวจเบื้องต้นพบว่า บ้านเรือน 3,609 หลังพังทลายในเมืองซีกัตเซ ซึ่งมีประชากรอาศัยอยู่ 800,000 คน และเวลานี้ทางการจีนจัดส่งเจ้าหน้าที่กู้ภัยกว่า 14,000 คนไปยังพื้นที่ประสบภัยแล้ว ด้านเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นแถลงวันพุธ (8 ) ว่า ผู้ประสบภัยกว่า 46,500 คนถูกนำไปยังที่พักใหม่ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยว 484 คนในติงกริที่ได้รับการนำส่งอย่างปลอดภัยไปยังเมืองซีกัตเซ ทั้งนี้ พื้นที่ด้านตะวันตกเฉียงใต้ของจีนซึ่งครอบคลุมถึงทิเบต ที่มีฐานะเป็นดินแดนปกครองตนเองระดับมณฑลของแดนมังกร รวมทั้งเนปาล และตอนเหนือของอินเดีย เป็นพื้นที่เกิดแผ่นดินไหวบ่อยครั้งเนื่องจากการแปรสัณฐานของแผ่นเปลือกโลกอินเดียและยูเรเซียที่มาบรรจบกัน รายงานระบุว่า จนถึงเที่ยงวันพุธ มีอาฟเตอร์ช็อก เกิดขึ้น 646 ครั้งในบริเวณรอบๆ พื้นที่เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหว โดยครั้งรุนแรงที่สุดอยู่ในระดับ 4.4 ข้อมูลจากสำนักงานแผ่นดินไหวท้องถิ่นระบุว่า ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เกิดแผ่นดินไหว 29 ครั้ง วัดความแรงได้ระดับ 3 ขึ้นไปภายในรัศมี 200 กิโลเมตรรอบพื้นท่เหนือศูนย์กลางแผ่นดินไหวเมื่อวันอังคาร เหมิง ฮุ่ย รองหัวหน้าสำนักงานแผ่นดินไหวทิเบต แถลงว่า จากการวิเคราะห์พบว่า อาจเกิดแผ่นดินไหวขนาด 5-6 ในบริเวณเดียวกันนี้ในอนาคต แผ่นดินไหวในทิเบตเมื่อวันอังคารถือเป็นแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สุดในจีนนับจากปี 2023 ที่เกิดแผ่นดินไหวความแรง 6.2 ที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 149 คนในพื้นที่ด้านตะวันตกเฉียงเหนือของจีน ปี 2008 เกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.0 ในเสฉวน มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 70,000 คน ถือเป็นแผ่นดินไหวในจีนที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดนับจากเหตุแผ่นดินไหวที่เมืองถังชานในปี 1976 ที่มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 242,000 คน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000002350 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 987 มุมมอง 0 รีวิว
  • โดนัทมินท์ สีน้ำ
    โดนัทมินท์ สีน้ำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลับโรงเรียน
    กราบอาจารย์
    กอดเพื่อนพี่น้อง
    เก็บความทรงจำสีน้ำเงินชมพู

    รศ.ดร.ภูมิ มูลศิลป์ นายกสมาคมศิษย์เก่าสาธิตปทุมวัน ศิษย์เก่าสาธิตปทุมวันรุ่น 34 ขอเรียนเชิญพี่น้องสาธิตปทุมวันทุกท่านเข้าร่วมงานคืนสู่เหย้าสาธิตปทุมวัน ในโอกาสวาระครบ 72 ปีโรงเรียนสาธิต มศว ปทุมวัน ชื่องานว่า “PDS Back to school Playground 2025” ในวันที่ 18 มกราคม 2568 ตั้งแต่เวลา 17.30 – 22.00 ณ สนามฟุตบอล

    ลงทะเบียนเข้างานฟรี พร้อมอาหาร (โต๊ะจีน) เครื่องดื่ม มินิคอนเสิร์ตจากศิลปินค่าย LOVEis การแสดงจากน้องน้องศิษย์ปัจจุบัน และพี่พี่ศิษย์เก่า เกมส์สนุกๆ และปีนี้เรายังได้ร่วมงาน Tumwan Market Place ร้านค้าของศิษย์เก่าและร้านค้าที่น่าสนใจมาไว้ในงานให้เลือกกินเลือกช็อปกันได้อย่างจุใจ

    ลงทะเบียนเข้างาน อาหาร เครื่องดื่ม ฟรี ได้ที่ https://forms.gle/icuduyzMmyeWwcZt8
    ติดต่อสอบถามได้ที่ https://lin.ee/otD3n0W

    #MGROnline #สมาคมศิษย์เก่าสาธิตปทุมวัน #คืนสู่เหย้าสาธิตปทุมวัน
    กลับโรงเรียน กราบอาจารย์ กอดเพื่อนพี่น้อง เก็บความทรงจำสีน้ำเงินชมพู • รศ.ดร.ภูมิ มูลศิลป์ นายกสมาคมศิษย์เก่าสาธิตปทุมวัน ศิษย์เก่าสาธิตปทุมวันรุ่น 34 ขอเรียนเชิญพี่น้องสาธิตปทุมวันทุกท่านเข้าร่วมงานคืนสู่เหย้าสาธิตปทุมวัน ในโอกาสวาระครบ 72 ปีโรงเรียนสาธิต มศว ปทุมวัน ชื่องานว่า “PDS Back to school Playground 2025” ในวันที่ 18 มกราคม 2568 ตั้งแต่เวลา 17.30 – 22.00 ณ สนามฟุตบอล • ลงทะเบียนเข้างานฟรี พร้อมอาหาร (โต๊ะจีน) เครื่องดื่ม มินิคอนเสิร์ตจากศิลปินค่าย LOVEis การแสดงจากน้องน้องศิษย์ปัจจุบัน และพี่พี่ศิษย์เก่า เกมส์สนุกๆ และปีนี้เรายังได้ร่วมงาน Tumwan Market Place ร้านค้าของศิษย์เก่าและร้านค้าที่น่าสนใจมาไว้ในงานให้เลือกกินเลือกช็อปกันได้อย่างจุใจ • ลงทะเบียนเข้างาน อาหาร เครื่องดื่ม ฟรี ได้ที่ https://forms.gle/icuduyzMmyeWwcZt8 ติดต่อสอบถามได้ที่ https://lin.ee/otD3n0W • #MGROnline #สมาคมศิษย์เก่าสาธิตปทุมวัน #คืนสู่เหย้าสาธิตปทุมวัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • บรรพบุรุษของพวกเราชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งชาวไทย ท่านบันทึกไว้บนเหรียญ เราไปอ่านความหมายกันค่ะ
    .....

    อธิบาย ผู้เขียนใช้เส้นสีประกอบการอธิบายทำให้เราเห็นภาพ และเข้าใจง่าย

    สีแดงแทนเมืองหรือแผ่นดิน
    สีน้ำเงินแทนน้ำ

    เหรียญทางด้านซ้ายมือ
    เหมือนรูปงู สมัยโบราณ การสื่อสารจะไม่มีตัวหนังสือจะเป็นรูปภาพจากสัตว์ จากรูปสิ่งของ และจากธรรมชาติ จะถูกนำมาสื่อสารกัน นำมาเขียน(บันทึกและอธิบาย)

    จากภาพซ้ายมือจะเห็นเป็นตุ่มอยู่ในวงกลมแดงที่มีลูกศรชี้ถูกทำมาแทนเมืองจะเห็นเส้นสีน้ำเงินที่เป็นเส้นตรงที่เป็นรูปงู จะเป็นเส้นตรงเริ่มจากตุ่มในวงกลมสีแดงตรงไปด้านบน จะเห็นจุดบนสุดสีน้ำเงินจะแยกซ้ายขวา เส้นสีน้ำเงินวนมาด้านล่างที่ถูกทำเป็นหัวงูอ้าปาก ภายในปากมีวงกลมเล็กๆอยู่ในปากงู วงกลมเล็กๆถูกอธิบายแทนแผ่นดิน(แผ่นดิน) ภาพนี้อธิบายว่าน้ำขนาดใหญ่เข้ามาทำลายแผ่นดิน น้ำจะใหญ่กว่าแผ่นดินมากและน้ำที่ทำลายสูงและใหญ่มากขนาดแผ่นดินอยู่ที่ปากงู แล้วเปรียบเทียบกับตัวงู ก็จะนึกขนาดของน้ำได้

    เหรียญด้านขวามือ
    เห็นลูกศรสีน้ำเงินขนาดใหญ่เข้าไปทางด้านล่างของตัวหอย ลูกศรสีน้ำเงินถูกอธิบายแบบเดียวกับรูปงู แต่อธิบายให้เห็นภาพของน้ำที่เข้าไปทำลายแผ่นดิน ให้ดูที่วงกลมสีแดงที่ตัวหอยเพื่อแสดงคู่กับตุ่มที่วงกลมแดงไว้ขวามือว่าเป็นเรื่องเดียวกัน คือเป็นแผ่นดินเป็นเมืองบนแผ่นดินที่ถูกน้ำทำลายอย่างภาพซ้ายมือ

    และมีอีก 1 จุดที่ทำไว้ให้รู้คือ สี่เหลี่ยมด้านบนถูกทำเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเรื่องทั้งหมด สัญลักษณ์ของแผ่นดินไหว เป็นแผ่นดินไหวที่เกิดจากแผ่นเปลือกโลกปรับเมื่อ 1 หมื่นกว่าปีก่อน

    ทั้งหมดที่อธิบายแค่เหรียญเดียว เหรียญทวารวดีมีหลายร้อยแบบแต่ละแบบแตกต่างกันที่ภาพ แต่จะถูกทำมาเรื่องเดียวเหมือนกับวัตถุโบราณของใช้ของคนโบราณจะถูกทำโยงไปหาอดีตแทบทุกชนิด ถูกอย่างมีความหมายต่อคนบนแผ่นดินเอเซียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งประเทศไทยด้วย.

    บทความและหลักฐานโบราณ
    โดย คุณทราวิฑะ นอกกรอบ
    บรรพบุรุษของพวกเราชาวเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมทั้งชาวไทย ท่านบันทึกไว้บนเหรียญ เราไปอ่านความหมายกันค่ะ ..... อธิบาย ผู้เขียนใช้เส้นสีประกอบการอธิบายทำให้เราเห็นภาพ และเข้าใจง่าย สีแดงแทนเมืองหรือแผ่นดิน สีน้ำเงินแทนน้ำ เหรียญทางด้านซ้ายมือ เหมือนรูปงู สมัยโบราณ การสื่อสารจะไม่มีตัวหนังสือจะเป็นรูปภาพจากสัตว์ จากรูปสิ่งของ และจากธรรมชาติ จะถูกนำมาสื่อสารกัน นำมาเขียน(บันทึกและอธิบาย) จากภาพซ้ายมือจะเห็นเป็นตุ่มอยู่ในวงกลมแดงที่มีลูกศรชี้ถูกทำมาแทนเมืองจะเห็นเส้นสีน้ำเงินที่เป็นเส้นตรงที่เป็นรูปงู จะเป็นเส้นตรงเริ่มจากตุ่มในวงกลมสีแดงตรงไปด้านบน จะเห็นจุดบนสุดสีน้ำเงินจะแยกซ้ายขวา เส้นสีน้ำเงินวนมาด้านล่างที่ถูกทำเป็นหัวงูอ้าปาก ภายในปากมีวงกลมเล็กๆอยู่ในปากงู วงกลมเล็กๆถูกอธิบายแทนแผ่นดิน(แผ่นดิน) ภาพนี้อธิบายว่าน้ำขนาดใหญ่เข้ามาทำลายแผ่นดิน น้ำจะใหญ่กว่าแผ่นดินมากและน้ำที่ทำลายสูงและใหญ่มากขนาดแผ่นดินอยู่ที่ปากงู แล้วเปรียบเทียบกับตัวงู ก็จะนึกขนาดของน้ำได้ เหรียญด้านขวามือ เห็นลูกศรสีน้ำเงินขนาดใหญ่เข้าไปทางด้านล่างของตัวหอย ลูกศรสีน้ำเงินถูกอธิบายแบบเดียวกับรูปงู แต่อธิบายให้เห็นภาพของน้ำที่เข้าไปทำลายแผ่นดิน ให้ดูที่วงกลมสีแดงที่ตัวหอยเพื่อแสดงคู่กับตุ่มที่วงกลมแดงไว้ขวามือว่าเป็นเรื่องเดียวกัน คือเป็นแผ่นดินเป็นเมืองบนแผ่นดินที่ถูกน้ำทำลายอย่างภาพซ้ายมือ และมีอีก 1 จุดที่ทำไว้ให้รู้คือ สี่เหลี่ยมด้านบนถูกทำเพื่อเป็นสัญลักษณ์ของเรื่องทั้งหมด สัญลักษณ์ของแผ่นดินไหว เป็นแผ่นดินไหวที่เกิดจากแผ่นเปลือกโลกปรับเมื่อ 1 หมื่นกว่าปีก่อน ทั้งหมดที่อธิบายแค่เหรียญเดียว เหรียญทวารวดีมีหลายร้อยแบบแต่ละแบบแตกต่างกันที่ภาพ แต่จะถูกทำมาเรื่องเดียวเหมือนกับวัตถุโบราณของใช้ของคนโบราณจะถูกทำโยงไปหาอดีตแทบทุกชนิด ถูกอย่างมีความหมายต่อคนบนแผ่นดินเอเซียตะวันออกเฉียงใต้รวมทั้งประเทศไทยด้วย. บทความและหลักฐานโบราณ โดย คุณทราวิฑะ นอกกรอบ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ติ่นส่าวิ่นจ่อ"นางแบบเซ็กซี่ชื่อดังของเมียนมา ถูกปล่อยตัวแล้วในวันชาติ 4 มกราคม หลังติดคุกนานกว่า 1 ปี ในข้อหาถ่ายภาพวาบหวิวเผยแพร่ในสื่อออนไลน์

    วันนี้ (4 ม.ค.) เป็นวันประกาศอิสรภาพหรือวันชาติของเมียนมา ซึ่งชาวเมียนมาทุกชาติพันธุ์ถือเป็นวันสำคัญ เพราะเป็นวันที่เมียนมาได้รับเอกราชจากอังกฤษ และทุกปี รัฐบาลเมียนมาจะประกาศให้อภัยโทษแก่นักโทษจำนวนมากที่ถูกจำคุกอยู่ในทุกเรือนจำทั่วประเทศ

    ปีนี้ รัฐบาลทหารของสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) ได้ให้อภัยโทษแก่นักโทษรวม 5,864 คน และ 1 ในนักโทษที่ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระในครั้งนี้ คือ ติ่นส่าวิ่นจ่อ อดีตนางแบบเซ็กซี่ชื่อดัง

    ช่วงบ่ายวันนี้ สื่อหลายแห่งในเมียนมา ได้เผยแพร่ภาพของติ่นส่าวิ่นจ่อสวมเสื้อยืดรัดรูปแขนยาวสีดำ คอกว้าง นุ่งซิ่นลายดอกสีน้ำตาล เดินหิ้วสัมภาระออกจากประตูเรือนจำ โดยมีผู้คุมหญิง 2 คนเดินออกมาส่ง ผู้คุมคนหนึ่งช่วยเธอหิ้วกระเป๋าสีเขียวอ่อน ส่วนอีกหนึ่งคนช่วยถือถุงกระดาษ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000000963

    #MGROnline #ติ่นส่าวิ่นจ่อ #นางแบบเซ็กซี่ #เมียนมา #วันชาติ #ถ่ายภาพวาบหวิว
    "ติ่นส่าวิ่นจ่อ"นางแบบเซ็กซี่ชื่อดังของเมียนมา ถูกปล่อยตัวแล้วในวันชาติ 4 มกราคม หลังติดคุกนานกว่า 1 ปี ในข้อหาถ่ายภาพวาบหวิวเผยแพร่ในสื่อออนไลน์ • วันนี้ (4 ม.ค.) เป็นวันประกาศอิสรภาพหรือวันชาติของเมียนมา ซึ่งชาวเมียนมาทุกชาติพันธุ์ถือเป็นวันสำคัญ เพราะเป็นวันที่เมียนมาได้รับเอกราชจากอังกฤษ และทุกปี รัฐบาลเมียนมาจะประกาศให้อภัยโทษแก่นักโทษจำนวนมากที่ถูกจำคุกอยู่ในทุกเรือนจำทั่วประเทศ • ปีนี้ รัฐบาลทหารของสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) ได้ให้อภัยโทษแก่นักโทษรวม 5,864 คน และ 1 ในนักโทษที่ได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระในครั้งนี้ คือ ติ่นส่าวิ่นจ่อ อดีตนางแบบเซ็กซี่ชื่อดัง • ช่วงบ่ายวันนี้ สื่อหลายแห่งในเมียนมา ได้เผยแพร่ภาพของติ่นส่าวิ่นจ่อสวมเสื้อยืดรัดรูปแขนยาวสีดำ คอกว้าง นุ่งซิ่นลายดอกสีน้ำตาล เดินหิ้วสัมภาระออกจากประตูเรือนจำ โดยมีผู้คุมหญิง 2 คนเดินออกมาส่ง ผู้คุมคนหนึ่งช่วยเธอหิ้วกระเป๋าสีเขียวอ่อน ส่วนอีกหนึ่งคนช่วยถือถุงกระดาษ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/indochina/detail/9680000000963 • #MGROnline #ติ่นส่าวิ่นจ่อ #นางแบบเซ็กซี่ #เมียนมา #วันชาติ #ถ่ายภาพวาบหวิว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 368 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชีสเน่า สีน้ำ
    ชีสเน่า สีน้ำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 101 มุมมอง 0 รีวิว
  • โมจิ สีน้ำ
    โมจิ สีน้ำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่วงปีใหม่ ไม่ไปไหน อยู่บ้าน ทำงานบ้าน เก็บกวาด และ ซ่อมบำรุงรถยนต์ทุกรายการตามCheck List นึกขึ้นได้ว่าไม่เคยได้ล้าง Oxigen Sensor เลย เพราะไม่มีในCheck List ซึ่งตามปกติควรถอดล้างทุกๆ 60,000 km.

    การล้าง ทำได้หลายวิธี คือ
    1. ใช้น้ำยาล้างหัวฉีด ล้างคาร์บุเรเตอร์ หรือ น้ำยาล้างปีกผีเสื้อ แบบสเปรย์ อย่างใดอย่างหนึ่ง ฉีดแล้วเว็ดด้วยผ้าสะอาด
    2. แช่ลงใน น้ำยาล้างห้องน้ำ สีน้ำเงิน เช่น เป็ด แล้วล้างให้สะอาด
    3. แช่เบ็นซิน เขย่าด้วยมือ หรืออุลตร้าโซนิค ก็ยิ่งดี

    อ้างอิง
    -ล้างด้วยน้ำยา / เบ็นซิน+อุลตร้าโซนิค
    https://www.youtube.com/shorts/qw_XyMW8QYI
    -ล้างด้วยน้ำยาล้างห้องน้ำ
    https://www.youtube.com/shorts/csy8GB-XllQ

    ช่วงปีใหม่ ไม่ไปไหน อยู่บ้าน ทำงานบ้าน เก็บกวาด และ ซ่อมบำรุงรถยนต์ทุกรายการตามCheck List นึกขึ้นได้ว่าไม่เคยได้ล้าง Oxigen Sensor เลย เพราะไม่มีในCheck List ซึ่งตามปกติควรถอดล้างทุกๆ 60,000 km. การล้าง ทำได้หลายวิธี คือ 1. ใช้น้ำยาล้างหัวฉีด ล้างคาร์บุเรเตอร์ หรือ น้ำยาล้างปีกผีเสื้อ แบบสเปรย์ อย่างใดอย่างหนึ่ง ฉีดแล้วเว็ดด้วยผ้าสะอาด 2. แช่ลงใน น้ำยาล้างห้องน้ำ สีน้ำเงิน เช่น เป็ด แล้วล้างให้สะอาด 3. แช่เบ็นซิน เขย่าด้วยมือ หรืออุลตร้าโซนิค ก็ยิ่งดี อ้างอิง -ล้างด้วยน้ำยา / เบ็นซิน+อุลตร้าโซนิค https://www.youtube.com/shorts/qw_XyMW8QYI -ล้างด้วยน้ำยาล้างห้องน้ำ https://www.youtube.com/shorts/csy8GB-XllQ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมูปิ้งนมสด สีน้ำ
    หมูปิ้งนมสด สีน้ำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปลาหมึก ฉึก ฉึก สีน้ำ
    ปลาหมึก ฉึก ฉึก สีน้ำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 43 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซูชิกุ้ง สีน้ำ
    ซูชิกุ้ง สีน้ำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญทราวดีทั้งสองด้าน ภาพหอยหัวทิ่ม และภาพหม้อ มีความหมายอย่างไร ไปอ่านความหมายกันค่ะ
    ....

    หอยหัวทิ่มและหม้อ มีความหมายอะไร ความพยายามของคนโบราณที่มีบรรพบุรุษอยู่บนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ทำเหรียญทวารวดี เหรียญศรีเกษตร(พยู)เหรียญฟูนัน เพื่อบอกเล่าบนเหรียญ เป็นบันทึกถึงเผ่าพันธุ์ของพวกเขา ว่ามาจากไหน เพราะอะไรที่ต้องทำเหรียญที่มีรูปภาพบนเหรียญหลากหลายออกมาหลายแบบ เหรียญนี้เรียกว่าเหรียญทวารวดี

    จากการอ่านความหมาย
    ผู้ทำเหรียญต้องการสื่อเรื่องบนเหรียญให้ชนรุ่นหลังเข้าใจในสิ่งที่คนโบราณทำเหรียญมาด้วยเรื่องอะไร และผู้เขียนได้ผ่านตา เหรียญเหรียญทวารวดี เหรียญศรีเกษตร(พยู) เหรียญฟูนัน
    มีเรื่องเดียวคือเรื่องน้ำทำลายแผ่นดินของบรรพบุรุษของผู้ทำเหรียญ

    การใช้เส้นสีประกอบการอ่านภาพ ให้เข้าใจจะใช้
    สีแดงแทนแผ่นดิน
    สีน้ำเงินแทนน้ำ

    รูปหอยหรือหม้อน้ำแทนแผ่นดินให้ดูที่หอยหัวทิ่มดูที่สี่เหลี่ยมสีแดง ที่ต้องทำสี่เหลี่ยมสีแดงเพื่ออธิบายว่าภายในสี่เหลี่ยมสีแดงคือสัญลักษณ์ของคลื่นแผ่นดินไหว การเกิดแผ่นดินไหวเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสึนามิ(น้ำที่เรียกว่าสึนามิใช้สีน้ำเงิน)แต่สึนามิที่ทำลายแผ่นดินครั้งนั้นเกิด 24ชั่วโมง สึนามิขนาดใหญ่กว่าภูเขาและเกิด24ชั่วโมง สึนามิครั้งนั้นเป็นตำนานน้ำท่วมโลก เป็นตำนานน้ำทำลายทวีปกุมารีกันดัมของพวกเขาที่เขียนไว้บนคำภีร์โบราณ ตำนานน้ำทำลายทวีปแอตแลนติสของเพลโต

    ภาพบนเหรียญซ้าย
    น้ำสีน้ำเงินใหญ่กว่าแผ่นดินรูปหอย รูปหอยกับตุ่ม3ตุ่มด้านล่าง3ตุ่มคือสิ่งที่คนทำภาพต้องการสื่อให้เห็นว่าน้ำมันใหญ่กว่ามาก

    ภาพบนเหรียญด้านขวา
    เขาสื่อให้เห็นว่าน้ำเข้าไปด้านล่างของหม้อทะลุออกมาด้านบนของหม้อและน้ำไม่หยุดอยู่แค่นั้นยังอาละวาดเหมือนงู จะเห็นหัวงูออกไปซ้ายขวา
    ภาพทางขวาคือหม้อที่เป็นสื่อถึงแผ่นดินรูปหอยที่ถูกน้ำทำลายจม( หอยหัวทิ่มลงในมหาสมุทร)นั่นเอง

    บทความและหลักฐานโบราณ
    โดย คุณทราวิฑะ นอกกรอบ
    เหรียญทราวดีทั้งสองด้าน ภาพหอยหัวทิ่ม และภาพหม้อ มีความหมายอย่างไร ไปอ่านความหมายกันค่ะ .... หอยหัวทิ่มและหม้อ มีความหมายอะไร ความพยายามของคนโบราณที่มีบรรพบุรุษอยู่บนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ได้ทำเหรียญทวารวดี เหรียญศรีเกษตร(พยู)เหรียญฟูนัน เพื่อบอกเล่าบนเหรียญ เป็นบันทึกถึงเผ่าพันธุ์ของพวกเขา ว่ามาจากไหน เพราะอะไรที่ต้องทำเหรียญที่มีรูปภาพบนเหรียญหลากหลายออกมาหลายแบบ เหรียญนี้เรียกว่าเหรียญทวารวดี จากการอ่านความหมาย ผู้ทำเหรียญต้องการสื่อเรื่องบนเหรียญให้ชนรุ่นหลังเข้าใจในสิ่งที่คนโบราณทำเหรียญมาด้วยเรื่องอะไร และผู้เขียนได้ผ่านตา เหรียญเหรียญทวารวดี เหรียญศรีเกษตร(พยู) เหรียญฟูนัน มีเรื่องเดียวคือเรื่องน้ำทำลายแผ่นดินของบรรพบุรุษของผู้ทำเหรียญ การใช้เส้นสีประกอบการอ่านภาพ ให้เข้าใจจะใช้ สีแดงแทนแผ่นดิน สีน้ำเงินแทนน้ำ รูปหอยหรือหม้อน้ำแทนแผ่นดินให้ดูที่หอยหัวทิ่มดูที่สี่เหลี่ยมสีแดง ที่ต้องทำสี่เหลี่ยมสีแดงเพื่ออธิบายว่าภายในสี่เหลี่ยมสีแดงคือสัญลักษณ์ของคลื่นแผ่นดินไหว การเกิดแผ่นดินไหวเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดสึนามิ(น้ำที่เรียกว่าสึนามิใช้สีน้ำเงิน)แต่สึนามิที่ทำลายแผ่นดินครั้งนั้นเกิด 24ชั่วโมง สึนามิขนาดใหญ่กว่าภูเขาและเกิด24ชั่วโมง สึนามิครั้งนั้นเป็นตำนานน้ำท่วมโลก เป็นตำนานน้ำทำลายทวีปกุมารีกันดัมของพวกเขาที่เขียนไว้บนคำภีร์โบราณ ตำนานน้ำทำลายทวีปแอตแลนติสของเพลโต ภาพบนเหรียญซ้าย น้ำสีน้ำเงินใหญ่กว่าแผ่นดินรูปหอย รูปหอยกับตุ่ม3ตุ่มด้านล่าง3ตุ่มคือสิ่งที่คนทำภาพต้องการสื่อให้เห็นว่าน้ำมันใหญ่กว่ามาก ภาพบนเหรียญด้านขวา เขาสื่อให้เห็นว่าน้ำเข้าไปด้านล่างของหม้อทะลุออกมาด้านบนของหม้อและน้ำไม่หยุดอยู่แค่นั้นยังอาละวาดเหมือนงู จะเห็นหัวงูออกไปซ้ายขวา ภาพทางขวาคือหม้อที่เป็นสื่อถึงแผ่นดินรูปหอยที่ถูกน้ำทำลายจม( หอยหัวทิ่มลงในมหาสมุทร)นั่นเอง บทความและหลักฐานโบราณ โดย คุณทราวิฑะ นอกกรอบ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • เฟรนซ์ฟราย สีน้ำ
    เฟรนซ์ฟราย สีน้ำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚨 #โรคโคนเน่าในเมล่อน: ปัญหาสำคัญหลังติดผล!

    📋 #สาเหตุหลัก:
    1. เชื้อราในวัสดุปลูก
    2. การจัดการน้ำไม่เหมาะสม
    3. ขาดการป้องกันกำจัดเชื้อราเชิงรุก

    🔍 #อาการที่พบ:
    - แผลไหม้สีน้ำตาลบริเวณโคนต้น
    - คราบตะไคร่น้ำสีเขียวที่โคนต้น
    - ต้นเหี่ยวเฉาในระยะรุนแรง

    ⚠️ #ปัจจัยเสี่ยง:
    1. ตำแหน่งหัวน้ำหยดใกล้โคนต้นเกินไป
    2. ให้น้ำมากเกินจนไหลนอง
    3. ความชื้นในวัสดุปลูกสูงช่วงเย็นถึงค่ำ

    🌟 #วิธีแก้ไขและป้องกัน:

    1. การใช้ชีวภัณฑ์:
    - ใช้ไตรโคบิวพลัส 50 กรัม/น้ำ 20 ลิตร
    - ราดโคนต้นละ 200-250 ซีซี
    - ทำซ้ำทุก 7-10 วัน
    - ป้ายเชื้อราไตรโคบิวพลัสเข้มข้นที่แผล

    2. ปรับระบบน้ำ:
    - ย้ายหัวน้ำหยดให้อยู่กึ่งกลางระหว่างต้นกับขอบถุง
    - ควบคุมปริมาณน้ำไม่ให้ท่วมขัง
    - วัสดุปลูกควรแห้งในช่วง 18:00 น.

    3. การเฝ้าระวัง:
    - สังเกตการเปลี่ยนแปลงของต้นสม่ำเสมอ
    - ตรวจสอบความชื้นวัสดุปลูกทุกวัน
    - มองหาสัญญาณโรคและแมลงแต่เนิ่นๆ

    💡 เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ:
    - ใช้ชีวภัณฑ์เชิงป้องกันสม่ำเสมอ
    - จัดการน้ำอย่างแม่นยำ
    - รักษาความสะอาดในแปลง

    🏪 #ผลิตภัณฑ์แนะนำ:
    ไตรโคบิวพลัส
    - ขนาด: 500 กรัม
    - ราคา: 430 บาท
    - สั่งซื้อ: Inbox หรือ 093-696-2691 พิเศษ #ไตรโคบิวพลัส ขนาด500กรัม ราคา430บาท ขนาด50กรัม3ซอง ราคา250บาท Shopee: https://s.shopee.co.th/3fmMLR6sWD TikTok Shop: https://vt.tiktok.com/ZSjAQxMd9/

    #เมล่อน #โรคพืช #เกษตรอินทรีย์ #ชีวภัณฑ์ #เกษตรปลอดสาร #hydroponics
    🚨 #โรคโคนเน่าในเมล่อน: ปัญหาสำคัญหลังติดผล! 📋 #สาเหตุหลัก: 1. เชื้อราในวัสดุปลูก 2. การจัดการน้ำไม่เหมาะสม 3. ขาดการป้องกันกำจัดเชื้อราเชิงรุก 🔍 #อาการที่พบ: - แผลไหม้สีน้ำตาลบริเวณโคนต้น - คราบตะไคร่น้ำสีเขียวที่โคนต้น - ต้นเหี่ยวเฉาในระยะรุนแรง ⚠️ #ปัจจัยเสี่ยง: 1. ตำแหน่งหัวน้ำหยดใกล้โคนต้นเกินไป 2. ให้น้ำมากเกินจนไหลนอง 3. ความชื้นในวัสดุปลูกสูงช่วงเย็นถึงค่ำ 🌟 #วิธีแก้ไขและป้องกัน: 1. การใช้ชีวภัณฑ์: - ใช้ไตรโคบิวพลัส 50 กรัม/น้ำ 20 ลิตร - ราดโคนต้นละ 200-250 ซีซี - ทำซ้ำทุก 7-10 วัน - ป้ายเชื้อราไตรโคบิวพลัสเข้มข้นที่แผล 2. ปรับระบบน้ำ: - ย้ายหัวน้ำหยดให้อยู่กึ่งกลางระหว่างต้นกับขอบถุง - ควบคุมปริมาณน้ำไม่ให้ท่วมขัง - วัสดุปลูกควรแห้งในช่วง 18:00 น. 3. การเฝ้าระวัง: - สังเกตการเปลี่ยนแปลงของต้นสม่ำเสมอ - ตรวจสอบความชื้นวัสดุปลูกทุกวัน - มองหาสัญญาณโรคและแมลงแต่เนิ่นๆ 💡 เคล็ดลับสู่ความสำเร็จ: - ใช้ชีวภัณฑ์เชิงป้องกันสม่ำเสมอ - จัดการน้ำอย่างแม่นยำ - รักษาความสะอาดในแปลง 🏪 #ผลิตภัณฑ์แนะนำ: ไตรโคบิวพลัส - ขนาด: 500 กรัม - ราคา: 430 บาท - สั่งซื้อ: Inbox หรือ 093-696-2691 พิเศษ #ไตรโคบิวพลัส ขนาด500กรัม ราคา430บาท ขนาด50กรัม3ซอง ราคา250บาท Shopee: https://s.shopee.co.th/3fmMLR6sWD TikTok Shop: https://vt.tiktok.com/ZSjAQxMd9/ #เมล่อน #โรคพืช #เกษตรอินทรีย์ #ชีวภัณฑ์ #เกษตรปลอดสาร #hydroponics
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 234 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกงจืดปลาหมึก สีน้ำ
    แกงจืดปลาหมึก สีน้ำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • "เหลี่ยม(จน)ชิน-เนวิ(น)เกเตอร์" ฉายาสภาฯ ปี 67 ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” ดาวดับทั้งคู่
    .
    สื่อสภาฯ ตั้งฉายาปี 67 สส. "เหลี่ยม(จน)ชิน" ส่วน สว. “เนวิ(น)เกเตอร์” ด้านวันนอร์ "รูทีนตีนตุ๊กแก" ประธานวุฒิฯ “ล็อกมง” หน.ปชน.ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” คว้าคู่ "ดาวดับ" ไร้ดาวเด่นดาวสภาฯ 3 ปีซ้อน ยกขันหมาก “เพื่อไทย-ปชป.” เหตุการณ์แห่งปี
    .
    วันนี้ (26 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ร่วมกันตั้ง “ฉายาสภา” เป็นธรรมเนียมประจำทุกปี เพื่อสะท้อนความคิดเห็นการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติทั้ง สส. และ สว. ตลอดปี 2567 ในฐานะที่ติดตามการทำหน้าที่ของ สส. และ สว. มาโดยตลอด ดังนี้
    .
    “สภาผู้แทนราษฎร" ได้รับฉายา "เหลี่ยม(จน)ชิน"
    .
    ปี 2567 เกิดการพลิกขั้วรัฐบาลเพื่อไทยอีกครั้ง ที่เขี่ยพรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และดึงพรรคประชาธิปัตย์เสียบแทน ซึ่งถือเป็นการพลิกขั้วทางการเมืองครั้งสำคัญ แต่ไม่ปรากฏสาเหตุแน่ชัดในการปรับพรรคพลังประชารัฐพ้นรัฐบาล มีเพียงสัญญาณจากนายใหญ่ตระกูลชินเท่านั้น และยังมีการหักเหลี่ยมกัน ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย ในการพิจารณาหลักเกณฑ์การประชามติแก้รัฐธรรมนูญ จนกลายเป็นศึก “อีแอบ” บนเรือรัฐนาวา และยังมีอีกหลายเหลี่ยมที่เกิดขึ้นในสภาฯ ทั้ง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม หรือแม้แต่รายงานนิรโทษกรรม ที่เปลี่ยนใจตอนท้าย หรือประกาศสนับสนุนแล้ว แต่ สส.กลับสวนมติพรรค ทำให้สมัยประชุมนี้ ต้องคุ้นชินกับเหลี่ยมของผู้ทรงเกียรติ
    .
    "วุฒิสภา" ได้รับฉายา "เนวิ(น)เกเตอร์"
    .
    กติกาการเลือกวุฒิสภาที่ซับซ้อนไม่หมู แต่กลายเป็น “กติกาหนู ๆ” เห็นได้จากผลการลงมติอย่างสม่ำเสมอของ สว.ในเรื่องต่าง ๆ ที่จะเกาะกลุ่ม 150-160 เสียง ซึ่งถูกมองเป็นเครือข่ายสายตรงพรรคการเมืองสีน้ำเงิน สะท้อนให้เห็นว่า เบื้องหลังการลงมติ มีบ้านใหญ่บุรีรัมย์ เป็น “เนวิเกเตอร์” ชี้นำอยู่เบื้องหลัง
    .
    นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา "รูทีนตีนตุ๊กแก"
    นอกจาก นายวันมูหะมัดนอร์ จะสามารถปฏิบัติหน้าที่งานรูทีนของตนเองได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังสามารถหนีบเก้าอี้ของตัวเองได้ดียิ่งกว่า หลังกระแสข่าวการแลกเก้าอี้ประธานสภาฯ กับเก้าอี้รัฐมนตรี หรือกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยทวงคืนบัลลังก์สะพัด แต่นายวันมูหะมัดนอร์ ก็ยังสามารถรับมือ หนีบเก้าอี้ตัวนี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นหนึบ และใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ ได้ เว้นแต่ตนปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้แล้ว
    .
    นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้รับฉายา "ล็อกมง"
    “ล็อกมงคล” มาตั้งแต่ไก่โห่ หลังมีกระแสข่าวค่ายน้ำเงินล็อก “มงคล” เป็นประธานวุฒิสภา และวุฒิสภายังเทคะแนนให้ “มงคล” ด้วยมติท่วมท้น 159 เสียง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม หรือเป็นเด็กนายที่ล็อกมงมาแต่แรก เพราะประมุขสภาสูงที่ผ่านมามักมีโปรโฟล์ด้านกฎหมายแกร่งกล้า เนื่องจากต้องเป็นหัวเรือใหญ่ในการกรองกฎหมาย ทว่า “นายมงคล” กลับมาจากสายปกครอง ไม่ใช่สายนิติศาสตร์ ทั้งยังแนะนำตัวเองว่ามาจากก้อนดิน ก้อนทราย เด็กวัด เรียนอาชีวะ สู่เก้าอี้อธิบดีกรมการปกครอง จนมานั่งบัลลังก์ประมุขสภาสูง ซึ่งหากขึ้นเวทีประกวดจริง คงค้านสายตาแฟนนางงาม เพราะแบบนี้ “ล็อกมง” แน่นอน
    .
    นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา “เท้งเต้ง”
    การทำงาน-พฤติกรรมของผู้นำฝ่ายค้านฯ ป้ายแดง ที่ถูกมองว่า ไม่โดดเด่นเท่าลูกพรรคหลายคน “ดูเคว้งเท้งเต้ง” ซ้ำยังเหมือนฝ่ายค้านพรรคเดียว แม้จะ “มีลุง” มาเสริมทัพ กลับไร้แนวร่วม เป็นฝ่ายค้านโดดเดี่ยวที่ไม่โดดเด่น เน้นรุกเสนอกฎหมายมากกว่าตรวจสอบ จนถูกปรามาสสภาฯ ไร้ฝ่ายค้าน ประกอบกับบทบาทหัวหน้าพรรคฯ มือใหม่ ที่ขาดเสน่ห์ ไร้บารมีผู้นำ ถูกเทียบชั้นกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล หนำซ้ำป้ายหาเสียง อบจ.ยังมีแต่ภาพนายพิธา ซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียงมากกว่ารูป “หัวหน้าเท้ง” ซะอีก จึงเป็น “เท้งเต้ง” ลอยไปลอยมา
    .
    "ดาวเด่น" ในปี 2567 นี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา เห็นว่า "ไม่มีผู้ใดเหมาะสม" และโดดเด่นเพียงพอที่จะได้รับตำแหน่งนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 3 แล้วที่ฝ่ายนิติบัญญัติขาดดาวเด่น
    .
    "ดาวดับ" ในปี 2567 นี้สื่อมวลชนประจำรัฐสภา มีความเห็นร่วมกันที่จะมีผู้ได้รับตำแหน่งนี้ 2 คน ได้แก่ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ” และ “นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน”
    .
    - “พล.อ.ประวิตร” จากพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ มากบารมี หัวกะไดบ้านป่าไม่เคยแห้ง กลายเป็นหมดราศี เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ทั้งถูกร้องจริยธรรมโดดประชุม 84 ครั้ง จากนัดประชุม 95 ครั้ง มาเซ็นชื่อแล้วก็ชิ่ง สะท้อนการขาดความรับผิดชอบในหน้าที่พื้นฐานที่ต้องเข้าร่วมประชุม ทั้งที่ สส.ที่มีหน้าที่สำคัญในการประชุมสภาฯ จึงเรียกได้ว่า ไม่ทำงานจนดับ หนำซ้ำยังถูกขับออกจากพรรคร่วมรัฐบาล แม้พรรคฯ จะพยายามเสนอชื่อรัฐมนตรี และทวงเก้าอี้รัฐมนตรีไปแล้ว แต่รั้งอะไรไว้ไม่ได้ แถมยังต้องจำใจขับก๊วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ออกจากพรรคฯ ให้เป็นไท จากกระแสข่าวความเชื่อมโยงบ่วง “ภูนับดาว” อีก
    .
    - “นางสาวธิษะณา” หลานปู่อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของไทย แม้พรรคประชาชน จะผลักดันการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่กลับสวนทางกับผลงาน เพราะฟังการอภิปรายแล้วต้องอ้าปากค้าง ทั้งอ่านตัวเลขผิด และยังอินกับสิทธิเสรีภาพเกินเบอร์ ถึงขนาดให้รัฐบาลรับรองสิทธิชาวเมียนมาหนีสงคราม จนถูกโซเชียลหัวคะแนนออแกนิคของพรรค ทับถมเป็น #พรรคประชาชนพม่า และถูกแซวว่า เป็น สส.ราชเทวี หรือหงสาวดีกันแน่? จึงสะท้อนว่า แม้พรรคฯ จะสนับสนุนมาก แต่เจ้าตัวกลับดับโอกาสนั้นเอง
    .
    “วาทะแห่งปี 2567" ได้แก่ "..ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี.." โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ถือเป็นคำมั่นสัญญาสำคัญ ที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านสมาชิกรัฐสภา ซึ่งวาทะดังกล่าว ก็ยังคงเป็นที่ติดหู ติดปากประชาชน ตั้งแต่เวทีการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย และถูกนำไปล้อเลียนในโซเชียลมีเดีย แต่นายกรัฐมนตรี ก็ยังคงนำวาทะนี้มายืนยันต่อสภา สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนในปัจจุบัน ซึ่งคำสัญญาที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านเวทีหาเสียงเลือกตั้ง และรัฐสภานี้ หากไม่สามารถทำได้จริง ประชาชนก็จะลงโทษในคูหาผ่านการเลือกตั้งครั้งถัดไป
    .
    “เหตุการณ์แห่งปี 2567” ได้แก่ "พรรคเพื่อไทย" เทียบเชิญ "พรรคประชาธิปัตย์" เข้าร่วมรัฐบาล 28 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา ถือเป็นการปิดตำนานความขัดแย้งยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ที่ขับเคี่ยวทางการเมืองกันมาโดยตลอด ซ้ำยังกลืนอุดมการณ์พรรคฯ ที่ยึดถือมาเกือบ 80 ปี เพียงเพราะขันหมาก พร้อมสินสอด 2 เก้าอี้รัฐมนตรี ทำเอาบรรดาเสื้อแดง พ่อยก-แม่ยกประชาธิปัตย์ ที่บาดเจ็บล้มตายจากการไปร่วมชุมนุม กิน-นอนข้างถนนต้องอกหัก ไม่คิดว่า 2 พรรคนี้ จะมาบรรจบกันได้ หลังแกนนำรุ่นนี้ ประกาศ “ทิ้งความขัดแย้งไว้ข้างหลังแล้ว” แต่ผลพวงความเสียหาย ซากปรักหักพังของประเทศที่เคยเกิดจากความขัดแย้งจาก 2 พรรคนี้ คงถูกทิ้งไว้ข้างหลังแล้วด้วยเช่นกัน
    .
    คู่กัดแห่งปี ได้แก่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย หลังมีข่าวกินแหนงแคลงใจกัน แม้จะอยู่พรรคเดียวกัน เพราะเมื่อ นพ.ชลน่าน พ้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และมีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทย เตรียมดันขึ้นตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่นายวันมูหะมัดนอร์ กลับกอดเก้าอี้ไว้แน่น จึงต้องเล็งมาที่เก้าอี้นายพิเชษฐ์ และเป็นที่สังเกตว่า ทุกครั้งที่นายพิเชษฐ์ ทำหน้าที่ควบคุมการประชุม นายแพทย์ชลน่าน ก็มักจะขึ้นมาอภิปราย และปะทะคารมกันบ่อยครั้ง จนถึงขั้นที่ นพ.ชลน่าน อภิปรายชี้หน้านายพิเชษฐ์ และบอกว่า หากทำหน้าที่ไม่ได้ ก็ให้รองประธานฯ อีกคนมาทำหน้าที่แทน ทำให้นายพิเชษฐ์ ของขึ้นโต้กลับอย่างควันออกหูว่า “ไม่ต้องชี้หน้า อยากเป็นก็ขึ้นมา”
    .
    ทั้งนี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา ยังขอเป็นกำลังใจให้ สส.และ สว.ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ให้มุ่งมั่น ตั้งใจ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ส่วน สส. และ สว.ที่ยังบกพร่องในการทำหน้าที่ สื่อมวลชนหวังว่า จะมีการทบทวนปรับปรุงการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนต่อไป
    ...............
    Sondhi X
    "เหลี่ยม(จน)ชิน-เนวิ(น)เกเตอร์" ฉายาสภาฯ ปี 67 ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” ดาวดับทั้งคู่ . สื่อสภาฯ ตั้งฉายาปี 67 สส. "เหลี่ยม(จน)ชิน" ส่วน สว. “เนวิ(น)เกเตอร์” ด้านวันนอร์ "รูทีนตีนตุ๊กแก" ประธานวุฒิฯ “ล็อกมง” หน.ปชน.ผู้นำฝ่ายค้านฯ “เท้งเต้ง” ส่วน “บิ๊กป้อม-ธิษะณา” คว้าคู่ "ดาวดับ" ไร้ดาวเด่นดาวสภาฯ 3 ปีซ้อน ยกขันหมาก “เพื่อไทย-ปชป.” เหตุการณ์แห่งปี . วันนี้ (26 ธ.ค.) ผู้สื่อข่าวประจำรัฐสภา ร่วมกันตั้ง “ฉายาสภา” เป็นธรรมเนียมประจำทุกปี เพื่อสะท้อนความคิดเห็นการทำหน้าที่ของฝ่ายนิติบัญญัติทั้ง สส. และ สว. ตลอดปี 2567 ในฐานะที่ติดตามการทำหน้าที่ของ สส. และ สว. มาโดยตลอด ดังนี้ . “สภาผู้แทนราษฎร" ได้รับฉายา "เหลี่ยม(จน)ชิน" . ปี 2567 เกิดการพลิกขั้วรัฐบาลเพื่อไทยอีกครั้ง ที่เขี่ยพรรคพลังประชารัฐ ออกจากพรรคร่วมรัฐบาล และดึงพรรคประชาธิปัตย์เสียบแทน ซึ่งถือเป็นการพลิกขั้วทางการเมืองครั้งสำคัญ แต่ไม่ปรากฏสาเหตุแน่ชัดในการปรับพรรคพลังประชารัฐพ้นรัฐบาล มีเพียงสัญญาณจากนายใหญ่ตระกูลชินเท่านั้น และยังมีการหักเหลี่ยมกัน ระหว่างพรรคเพื่อไทย กับพรรคภูมิใจไทย ในการพิจารณาหลักเกณฑ์การประชามติแก้รัฐธรรมนูญ จนกลายเป็นศึก “อีแอบ” บนเรือรัฐนาวา และยังมีอีกหลายเหลี่ยมที่เกิดขึ้นในสภาฯ ทั้ง พ.ร.บ.จัดระเบียบกระทรวงกลาโหม หรือแม้แต่รายงานนิรโทษกรรม ที่เปลี่ยนใจตอนท้าย หรือประกาศสนับสนุนแล้ว แต่ สส.กลับสวนมติพรรค ทำให้สมัยประชุมนี้ ต้องคุ้นชินกับเหลี่ยมของผู้ทรงเกียรติ . "วุฒิสภา" ได้รับฉายา "เนวิ(น)เกเตอร์" . กติกาการเลือกวุฒิสภาที่ซับซ้อนไม่หมู แต่กลายเป็น “กติกาหนู ๆ” เห็นได้จากผลการลงมติอย่างสม่ำเสมอของ สว.ในเรื่องต่าง ๆ ที่จะเกาะกลุ่ม 150-160 เสียง ซึ่งถูกมองเป็นเครือข่ายสายตรงพรรคการเมืองสีน้ำเงิน สะท้อนให้เห็นว่า เบื้องหลังการลงมติ มีบ้านใหญ่บุรีรัมย์ เป็น “เนวิเกเตอร์” ชี้นำอยู่เบื้องหลัง . นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา "รูทีนตีนตุ๊กแก" นอกจาก นายวันมูหะมัดนอร์ จะสามารถปฏิบัติหน้าที่งานรูทีนของตนเองได้เป็นอย่างดีแล้ว แต่ก็ยังสามารถหนีบเก้าอี้ของตัวเองได้ดียิ่งกว่า หลังกระแสข่าวการแลกเก้าอี้ประธานสภาฯ กับเก้าอี้รัฐมนตรี หรือกระแสข่าวพรรคเพื่อไทยทวงคืนบัลลังก์สะพัด แต่นายวันมูหะมัดนอร์ ก็ยังสามารถรับมือ หนีบเก้าอี้ตัวนี้ไว้ได้อย่างเหนียวแน่นหนึบ และใครก็ไม่สามารถเปลี่ยนตัวประธานสภาฯ ได้ เว้นแต่ตนปฏิบัติหน้าที่ไม่ได้แล้ว . นายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ได้รับฉายา "ล็อกมง" “ล็อกมงคล” มาตั้งแต่ไก่โห่ หลังมีกระแสข่าวค่ายน้ำเงินล็อก “มงคล” เป็นประธานวุฒิสภา และวุฒิสภายังเทคะแนนให้ “มงคล” ด้วยมติท่วมท้น 159 เสียง จนเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงความเหมาะสม หรือเป็นเด็กนายที่ล็อกมงมาแต่แรก เพราะประมุขสภาสูงที่ผ่านมามักมีโปรโฟล์ด้านกฎหมายแกร่งกล้า เนื่องจากต้องเป็นหัวเรือใหญ่ในการกรองกฎหมาย ทว่า “นายมงคล” กลับมาจากสายปกครอง ไม่ใช่สายนิติศาสตร์ ทั้งยังแนะนำตัวเองว่ามาจากก้อนดิน ก้อนทราย เด็กวัด เรียนอาชีวะ สู่เก้าอี้อธิบดีกรมการปกครอง จนมานั่งบัลลังก์ประมุขสภาสูง ซึ่งหากขึ้นเวทีประกวดจริง คงค้านสายตาแฟนนางงาม เพราะแบบนี้ “ล็อกมง” แน่นอน . นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร ได้รับฉายา “เท้งเต้ง” การทำงาน-พฤติกรรมของผู้นำฝ่ายค้านฯ ป้ายแดง ที่ถูกมองว่า ไม่โดดเด่นเท่าลูกพรรคหลายคน “ดูเคว้งเท้งเต้ง” ซ้ำยังเหมือนฝ่ายค้านพรรคเดียว แม้จะ “มีลุง” มาเสริมทัพ กลับไร้แนวร่วม เป็นฝ่ายค้านโดดเดี่ยวที่ไม่โดดเด่น เน้นรุกเสนอกฎหมายมากกว่าตรวจสอบ จนถูกปรามาสสภาฯ ไร้ฝ่ายค้าน ประกอบกับบทบาทหัวหน้าพรรคฯ มือใหม่ ที่ขาดเสน่ห์ ไร้บารมีผู้นำ ถูกเทียบชั้นกับนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ อดีตหัวหน้าพรรคก้าวไกล หนำซ้ำป้ายหาเสียง อบจ.ยังมีแต่ภาพนายพิธา ซึ่งเป็นผู้ช่วยหาเสียงมากกว่ารูป “หัวหน้าเท้ง” ซะอีก จึงเป็น “เท้งเต้ง” ลอยไปลอยมา . "ดาวเด่น" ในปี 2567 นี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา เห็นว่า "ไม่มีผู้ใดเหมาะสม" และโดดเด่นเพียงพอที่จะได้รับตำแหน่งนี้ ซึ่งเป็นปีที่ 3 แล้วที่ฝ่ายนิติบัญญัติขาดดาวเด่น . "ดาวดับ" ในปี 2567 นี้สื่อมวลชนประจำรัฐสภา มีความเห็นร่วมกันที่จะมีผู้ได้รับตำแหน่งนี้ 2 คน ได้แก่ "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ” และ “นางสาวธิษะณา ชุณหะวัณ สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน” . - “พล.อ.ประวิตร” จากพี่ใหญ่บูรพาพยัคฆ์ มากบารมี หัวกะไดบ้านป่าไม่เคยแห้ง กลายเป็นหมดราศี เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ทั้งถูกร้องจริยธรรมโดดประชุม 84 ครั้ง จากนัดประชุม 95 ครั้ง มาเซ็นชื่อแล้วก็ชิ่ง สะท้อนการขาดความรับผิดชอบในหน้าที่พื้นฐานที่ต้องเข้าร่วมประชุม ทั้งที่ สส.ที่มีหน้าที่สำคัญในการประชุมสภาฯ จึงเรียกได้ว่า ไม่ทำงานจนดับ หนำซ้ำยังถูกขับออกจากพรรคร่วมรัฐบาล แม้พรรคฯ จะพยายามเสนอชื่อรัฐมนตรี และทวงเก้าอี้รัฐมนตรีไปแล้ว แต่รั้งอะไรไว้ไม่ได้ แถมยังต้องจำใจขับก๊วน ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ออกจากพรรคฯ ให้เป็นไท จากกระแสข่าวความเชื่อมโยงบ่วง “ภูนับดาว” อีก . - “นางสาวธิษะณา” หลานปู่อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ 17 ของไทย แม้พรรคประชาชน จะผลักดันการทำหน้าที่อย่างเต็มที่ แต่กลับสวนทางกับผลงาน เพราะฟังการอภิปรายแล้วต้องอ้าปากค้าง ทั้งอ่านตัวเลขผิด และยังอินกับสิทธิเสรีภาพเกินเบอร์ ถึงขนาดให้รัฐบาลรับรองสิทธิชาวเมียนมาหนีสงคราม จนถูกโซเชียลหัวคะแนนออแกนิคของพรรค ทับถมเป็น #พรรคประชาชนพม่า และถูกแซวว่า เป็น สส.ราชเทวี หรือหงสาวดีกันแน่? จึงสะท้อนว่า แม้พรรคฯ จะสนับสนุนมาก แต่เจ้าตัวกลับดับโอกาสนั้นเอง . “วาทะแห่งปี 2567" ได้แก่ "..ทำให้คนไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี.." โดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในการแถลงนโยบายรัฐบาลต่อรัฐสภา เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2567 ถือเป็นคำมั่นสัญญาสำคัญ ที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านสมาชิกรัฐสภา ซึ่งวาทะดังกล่าว ก็ยังคงเป็นที่ติดหู ติดปากประชาชน ตั้งแต่เวทีการหาเสียงของพรรคเพื่อไทย และถูกนำไปล้อเลียนในโซเชียลมีเดีย แต่นายกรัฐมนตรี ก็ยังคงนำวาทะนี้มายืนยันต่อสภา สวนทางกับภาวะเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนในปัจจุบัน ซึ่งคำสัญญาที่นายกรัฐมนตรี ได้ให้ไว้ต่อประชาชนผ่านเวทีหาเสียงเลือกตั้ง และรัฐสภานี้ หากไม่สามารถทำได้จริง ประชาชนก็จะลงโทษในคูหาผ่านการเลือกตั้งครั้งถัดไป . “เหตุการณ์แห่งปี 2567” ได้แก่ "พรรคเพื่อไทย" เทียบเชิญ "พรรคประชาธิปัตย์" เข้าร่วมรัฐบาล 28 สิงหาคม 2567 ที่รัฐสภา ถือเป็นการปิดตำนานความขัดแย้งยาวนานกว่า 2 ทศวรรษ ระหว่าง 2 พรรคการเมืองใหญ่ที่ขับเคี่ยวทางการเมืองกันมาโดยตลอด ซ้ำยังกลืนอุดมการณ์พรรคฯ ที่ยึดถือมาเกือบ 80 ปี เพียงเพราะขันหมาก พร้อมสินสอด 2 เก้าอี้รัฐมนตรี ทำเอาบรรดาเสื้อแดง พ่อยก-แม่ยกประชาธิปัตย์ ที่บาดเจ็บล้มตายจากการไปร่วมชุมนุม กิน-นอนข้างถนนต้องอกหัก ไม่คิดว่า 2 พรรคนี้ จะมาบรรจบกันได้ หลังแกนนำรุ่นนี้ ประกาศ “ทิ้งความขัดแย้งไว้ข้างหลังแล้ว” แต่ผลพวงความเสียหาย ซากปรักหักพังของประเทศที่เคยเกิดจากความขัดแย้งจาก 2 พรรคนี้ คงถูกทิ้งไว้ข้างหลังแล้วด้วยเช่นกัน . คู่กัดแห่งปี ได้แก่ นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 1 และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรคเพื่อไทย หลังมีข่าวกินแหนงแคลงใจกัน แม้จะอยู่พรรคเดียวกัน เพราะเมื่อ นพ.ชลน่าน พ้นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และมีกระแสข่าวพรรคเพื่อไทย เตรียมดันขึ้นตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร แต่นายวันมูหะมัดนอร์ กลับกอดเก้าอี้ไว้แน่น จึงต้องเล็งมาที่เก้าอี้นายพิเชษฐ์ และเป็นที่สังเกตว่า ทุกครั้งที่นายพิเชษฐ์ ทำหน้าที่ควบคุมการประชุม นายแพทย์ชลน่าน ก็มักจะขึ้นมาอภิปราย และปะทะคารมกันบ่อยครั้ง จนถึงขั้นที่ นพ.ชลน่าน อภิปรายชี้หน้านายพิเชษฐ์ และบอกว่า หากทำหน้าที่ไม่ได้ ก็ให้รองประธานฯ อีกคนมาทำหน้าที่แทน ทำให้นายพิเชษฐ์ ของขึ้นโต้กลับอย่างควันออกหูว่า “ไม่ต้องชี้หน้า อยากเป็นก็ขึ้นมา” . ทั้งนี้ สื่อมวลชนประจำรัฐสภา ยังขอเป็นกำลังใจให้ สส.และ สว.ที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นอย่างดีอยู่แล้ว ให้มุ่งมั่น ตั้งใจ ปฏิบัติหน้าที่ต่อไป ส่วน สส. และ สว.ที่ยังบกพร่องในการทำหน้าที่ สื่อมวลชนหวังว่า จะมีการทบทวนปรับปรุงการทำหน้าที่ของตนเองให้ดีมากขึ้น เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชนต่อไป ............... Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1312 มุมมอง 0 รีวิว
  • หิวนิดหน่อย สีน้ำ
    หิวนิดหน่อย สีน้ำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • บรรพบุรุษ เก่ง ท่านมีปรีชาญาณในการบันทึก เหตุการณ์

    โชคดีที่มีผู้เขียนในยุคพวกเรา ช่วยอ่านความหมายลวดลายบนเหรียญ ให้เข้าใจว่า ทำไมบรรพบุรุษถึงบันทึกภาษาภาพไว้ ก็เพื่อให้พวกเราเเข้าใจว่า บรรพบุรุษเรามาจากไหน ค่ะ
    ......

    ภาพที่อธิบายใช้สีแดงแทนเมืองหรือแผ่นดิน
    สีเขียวแทนสัตว์
    สีน้ำเงินแทนน้ำ

    เหรียญด้านซ้ายมือ
    เหมือนรูปงู สมัยโบราณ การสื่อสารจะไม่มีตัวหนังสือจะเป็นรูปภาพจากสัตว์ จากรูปสิ่งของและจากธรรมชาติ จะถูกนำมาสื่อสารกันจะนำมาเขียน(บันทึกและอธิบาย)
    จะเห็นเป็นตุ่มอยู่ในวงกลมแดงที่มีลูกศรชี้ถูกทำมาแทนเมืองจะเห็นเส้นสีน้ำเงินที่เป็นเส้นตรงที่เป็นรูปงูจะเป็นเส้นตรงเริ่มจากตุ่มในวงกลมสีแดงตรงไปด้านบน จะเห็นจุดบนสุดสีน้ำเงิน แยกซ้ายขวาจะเห็นขวามือจะมีวงกลมแดงแล้วดูเส้นสีน้ำเงินจะวนมาด้านล่างที่ถูกทำเป็นหัวงูอ้าปาก ภายในปากมีวงกลมเล็กๆอยู่ในปากงู วงกลมเล็กๆถูกอธิบายแทนแผ่นดิน(แผ่นดิน)
    ภาพนี้อธิบายว่าน้ำขนาดใหญ่เข้ามาทำลายแผ่นดิน น้ำจะใหญ่กว่าแผ่นดินมากและน้ำที่ทำลายสูงและใหญ่มากขนาดแผ่นดินอยู่ที่ปากงูแล้วเปรียบเที่ยบกับตัวงู เราจะนึกขนาดของน้ำได้

    เหรียญด้านขวามือ
    จะเห็นวงกลมแดงอยู่ 2 จุดทั้งสองวงถูกแทนแผ่นดินทั้ง 2 วง สังเกตุลูกศรสีเขียวชี้ไปที่กวางเพื่ออธิบายว่าน้ำที่เข้ามาทำลายแผ่นดินช่วงเวลาคนในแผ่นดินหลับใกล้แจ้งหรือฟ้าสาง ผู้ทำเหรียญทำภาพให้เห็นเป็นกวางเริ่มตื่นเหลียวมามอง(คงเกิดจากการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษของผู้ทำเหรียญตื่นมาก่อนใครได้เห็นน้ำขนาดใหญ่ข้ามภูเขาเข้ามาในแผ่นดินตอนเริ่มเช้า) และกวางเหลียวมามองน้ำที่เป็นรูปคลื่นที่มีลูกศรชี้อยู่ด้านบนจะเห็นลูกศรสองหัวชี้ไปทั้งภาพซ้ายและขวาคือเรื่องเดียวกันแต่อธิบายคนละอย่าง

    บทความและหลักฐานโบราณ
    โดย คุณทราวิฑะ นอกกรอบ
    บรรพบุรุษ เก่ง ท่านมีปรีชาญาณในการบันทึก เหตุการณ์ โชคดีที่มีผู้เขียนในยุคพวกเรา ช่วยอ่านความหมายลวดลายบนเหรียญ ให้เข้าใจว่า ทำไมบรรพบุรุษถึงบันทึกภาษาภาพไว้ ก็เพื่อให้พวกเราเเข้าใจว่า บรรพบุรุษเรามาจากไหน ค่ะ ...... ภาพที่อธิบายใช้สีแดงแทนเมืองหรือแผ่นดิน สีเขียวแทนสัตว์ สีน้ำเงินแทนน้ำ เหรียญด้านซ้ายมือ เหมือนรูปงู สมัยโบราณ การสื่อสารจะไม่มีตัวหนังสือจะเป็นรูปภาพจากสัตว์ จากรูปสิ่งของและจากธรรมชาติ จะถูกนำมาสื่อสารกันจะนำมาเขียน(บันทึกและอธิบาย) จะเห็นเป็นตุ่มอยู่ในวงกลมแดงที่มีลูกศรชี้ถูกทำมาแทนเมืองจะเห็นเส้นสีน้ำเงินที่เป็นเส้นตรงที่เป็นรูปงูจะเป็นเส้นตรงเริ่มจากตุ่มในวงกลมสีแดงตรงไปด้านบน จะเห็นจุดบนสุดสีน้ำเงิน แยกซ้ายขวาจะเห็นขวามือจะมีวงกลมแดงแล้วดูเส้นสีน้ำเงินจะวนมาด้านล่างที่ถูกทำเป็นหัวงูอ้าปาก ภายในปากมีวงกลมเล็กๆอยู่ในปากงู วงกลมเล็กๆถูกอธิบายแทนแผ่นดิน(แผ่นดิน) ภาพนี้อธิบายว่าน้ำขนาดใหญ่เข้ามาทำลายแผ่นดิน น้ำจะใหญ่กว่าแผ่นดินมากและน้ำที่ทำลายสูงและใหญ่มากขนาดแผ่นดินอยู่ที่ปากงูแล้วเปรียบเที่ยบกับตัวงู เราจะนึกขนาดของน้ำได้ เหรียญด้านขวามือ จะเห็นวงกลมแดงอยู่ 2 จุดทั้งสองวงถูกแทนแผ่นดินทั้ง 2 วง สังเกตุลูกศรสีเขียวชี้ไปที่กวางเพื่ออธิบายว่าน้ำที่เข้ามาทำลายแผ่นดินช่วงเวลาคนในแผ่นดินหลับใกล้แจ้งหรือฟ้าสาง ผู้ทำเหรียญทำภาพให้เห็นเป็นกวางเริ่มตื่นเหลียวมามอง(คงเกิดจากการถ่ายทอดจากบรรพบุรุษของผู้ทำเหรียญตื่นมาก่อนใครได้เห็นน้ำขนาดใหญ่ข้ามภูเขาเข้ามาในแผ่นดินตอนเริ่มเช้า) และกวางเหลียวมามองน้ำที่เป็นรูปคลื่นที่มีลูกศรชี้อยู่ด้านบนจะเห็นลูกศรสองหัวชี้ไปทั้งภาพซ้ายและขวาคือเรื่องเดียวกันแต่อธิบายคนละอย่าง บทความและหลักฐานโบราณ โดย คุณทราวิฑะ นอกกรอบ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • การอ่านภาพบนเหรียญทวารวดีแม้แต่จุดเล็กๆ ล้วนมีความหมาย ช่วยให้เราอ่านเรื่องราวในเหตุการณ์นั้นๆได้

    นี่คือเหรียญแรกในชีวิตที่อ่านความหมายแล้วเข้าใจ และทำให้อยากอ่านความหมายหลักฐานโบราณต่อไป...
    ......
    ภาพบนเหรียญทวารวดีเหรียญนี้ ชัด
    เหรียญทวารวดี ทุกเหรียญจะถูกทำออกมาเพื่อเป็นบันทึก บันทึกถึงแผ่นดิน แผ่นดินของบรรพบุรุษของผู้ทำเหรียญ แผ่นดินที่หายไปตลอดกาลหายไปจากโลกนี้ตลอดกาล แล้วถ้าเราจะคิดว่า ในเมื่อหายไปแล้ว ทำไมต้องมาทำเป็นบันทึกไว้บนเหรียญทำไมอีก ความสำคัญของเผ่าพันธุ์และแผ่นดินที่เคยอยู่ มีความสำคัญกับทุกคน ยิ่งคนเป็นผู้นำด้วยแล้ว ความรับผิดชอบต่อวงค์ตระกูลและเผ่าพันธุ์ยิ่งมีความสำคัญอย่างมาก

    ผู้นำต้องพยายามทำบันทึกให้ลูกหลานตัวเองรู้ว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน ทำไมต้องจากมา นั่นคือความสำคัญ เป็นความสำคัญที่ทำบันทึกไว้บนเหรียญทวารวดี
    เหรียญทวารวดีเหรียญนี้

    การอธิบายใช้สีสามสีมาประกอบอธิบาย
    สีเขียวแทนปลาที่อยู่ในมหาสมุทร
    สีแดงแทนแผ่นดิน
    สีน้ำตาลแทนเรือที่มีทั้งรูปหอยทั้ง 2 ด้านรวมทั้ง แผ่นดินที่ทำเป็นตุ่มด้านหนึ่งและรูปแผ่นดินระเบิดอีกด้านทั้ง 2 ด้านของภาพ
    สีน้ำเงินแทนน้ำไว้ทั้ง2ด้านของภาพ

    ภาพ 2 ด้านถูกทำเป็นบันทึกว่ามีน้ำขนาดใหญ่ทำลายแผ่นดินทำให้แผ่นดินระเบิด เมื่อไม่มีแผ่นดินอยู่ก็หนีด้วยเรือเดินสมุทร ที่รู้ว่าเรือเดินสมุทรเพราะมีภาพปลาวาฬเพชรฆาตในภาพ มีภาพเรือ3ลำอยู่บนน้ำที่อยู่เหนือภาพปลาอีกที ภาพเรือ3ลำ ทำให้ผู้เขียน นึกถึงเรื่องน้ำท่วมโลกนึกถึงเรือโนอาห์

    ผู้เขียนกำลังเขียนถึงแผ่นดินของบรรพบุรุษของผู้ทำเหรียญ แต่มีเรื่องของน้ำท่วมโลกเข้ามาให้คิดว่า ทุกเรื่องคือเรื่องเดียวกัน

    เหรียญด้านซ้ายมือ
    ดูที่ในวงกลมสีแดงขวามือที่มีรูปหอย เป็นหอยหัวทิ่มลงมาทางรูปน้ำ ถูกทำไว้เพราะว่า แผ่นดินนี้มีรูปร่างคล้ายหอย(เรื่องแผ่นดินที่คล้ายหอยนี้ถ้าไม่ดูจากด้านบนอากาศจะไม่มีทางรู้ แต่คนโบราณรู้ ) ด้านซ้ายของภาพซ้ายมือในสี่เหลี่ยมสีน้ำเงินคือเครื่องมือที่ถูกทำมาเพื่อบอกถึงความสูงของมวลน้ำขนาดใหญ่ ที่สมัยนี้เรียกว่าสึนามิ แต่มวลน้ำครั้งนั้นมันใหญ่ขนาดทำลายแผ่นดิน(น้ำที่ทำลายแผ่นดินครั้งนี้สามารถทำให้ภูเขาที่น้ำพุ่งผ่านทำให้ภูเขาเหลือแต่หิน ทำให้ดินทรายบนแผ่นดินที่ทำลายไปกับน้ำทำให้เกิดทะเลทราย ทำให้เกิดตำนานน้ำท่วมโลกได้)

    มวลน้ำใหญ่ขนาดไหน ให้ดูกลางภาพจะเป็นรูปที่ถูกทำเป็นตัวเอสที่เป็นลายน้ำกลางตัวเอสมีตุ่มอยู่ในวงกลมแดง ที่เห็นเป็นตุ่มคือเมืองของบรรพบุรุษที่อยู่บนแผ่นดินที่เป็นรูปหอยนั่นเองเมื่อแผ่นดินมีเมืองแต่มีขนาดเล็กแต่โดนน้ำขนาดใหญ่กว่า พุ่งเข้าทำลาย ดูที่ด้านบนจะเห็นวงกลมสีแดงเล็กเล็ก 2 วง ในวงมีตุ่มอีกวงเป็นดาวกระจาย เป็นภาพที่ถูกทำไว้บนสุดเพื่อให้รู้ว่าน้ำขนาดใหญ่ผ่านเมืองขนาดเล็กสุดท้ายก็ระเบิด

    เหรียญด้านขวามือ
    มีการอธิบายต่อจากภาพซ้ายว่าเมื่อแผ่นดินรูปหอยถูกทำลายดูจากด้านบนลงมา จะเห็นเป็นวงสีแดงที่มีรูปเล็กๆ2รูปคือแผ่นดินปกติ และแผ่นดินระเบิดอย่างดาวกระจาย กลางภาพทั้งซ้ายและขวาของภาพขวามือถูกทำเป็นรูปหอยหัวทิ่มลง น้ำกับสี่เหลี่ยมสีน้ำเงินภายในก็ยังทำเป็นเครื่องหมายเป็นความสูงของน้ำ
    ส่วนกลางภาพเป็นเรือ3ลำที่อยู่บนน้ำใต้น้ำเป็นปลาวาฬเพชรฆาตที่อยู่ในมหาสมุทร และสิ่งที่เราต้องคิดว่าในเหรียญมีปลาที่อยู่ในมหาสมุทร

    แล้วเหรียญทวารวดีถูกพบเจอบนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ถ้าเรื่องที่อธิบายมา "จริง"บรรพบุรุษของผู้ทำเหรียญคงไม่อพยพมาจากขั้วโลกเหนือ
    ทำไมผู้เขียนถึงเขียนแบบนี้ ปลาวาฬเพชรฆาตจะชอบอยู่ในน้ำที่มีอุณภุมิเย็นเช่นขั้วโลกเหนือและใต้ ผู้เขียนบอกได้เลยว่าเหรียญทวารวดีที่ทำออกมามีน้ำในเหรียญคือมหาสมุทรที่ติดกับขั้วโลกใต้และติดกับแผ่นดินเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ระหว่างขั้วโลกใต้และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้มีมหาสมุทรอะไร มหาสมุทรอินเดีย

    บทความและรูปภาพโดย
    คุณทราวิฑะ นอกกรอบ
    การอ่านภาพบนเหรียญทวารวดีแม้แต่จุดเล็กๆ ล้วนมีความหมาย ช่วยให้เราอ่านเรื่องราวในเหตุการณ์นั้นๆได้ นี่คือเหรียญแรกในชีวิตที่อ่านความหมายแล้วเข้าใจ และทำให้อยากอ่านความหมายหลักฐานโบราณต่อไป... ...... ภาพบนเหรียญทวารวดีเหรียญนี้ ชัด เหรียญทวารวดี ทุกเหรียญจะถูกทำออกมาเพื่อเป็นบันทึก บันทึกถึงแผ่นดิน แผ่นดินของบรรพบุรุษของผู้ทำเหรียญ แผ่นดินที่หายไปตลอดกาลหายไปจากโลกนี้ตลอดกาล แล้วถ้าเราจะคิดว่า ในเมื่อหายไปแล้ว ทำไมต้องมาทำเป็นบันทึกไว้บนเหรียญทำไมอีก ความสำคัญของเผ่าพันธุ์และแผ่นดินที่เคยอยู่ มีความสำคัญกับทุกคน ยิ่งคนเป็นผู้นำด้วยแล้ว ความรับผิดชอบต่อวงค์ตระกูลและเผ่าพันธุ์ยิ่งมีความสำคัญอย่างมาก ผู้นำต้องพยายามทำบันทึกให้ลูกหลานตัวเองรู้ว่าตัวเองเป็นใคร มาจากไหน ทำไมต้องจากมา นั่นคือความสำคัญ เป็นความสำคัญที่ทำบันทึกไว้บนเหรียญทวารวดี เหรียญทวารวดีเหรียญนี้ การอธิบายใช้สีสามสีมาประกอบอธิบาย สีเขียวแทนปลาที่อยู่ในมหาสมุทร สีแดงแทนแผ่นดิน สีน้ำตาลแทนเรือที่มีทั้งรูปหอยทั้ง 2 ด้านรวมทั้ง แผ่นดินที่ทำเป็นตุ่มด้านหนึ่งและรูปแผ่นดินระเบิดอีกด้านทั้ง 2 ด้านของภาพ สีน้ำเงินแทนน้ำไว้ทั้ง2ด้านของภาพ ภาพ 2 ด้านถูกทำเป็นบันทึกว่ามีน้ำขนาดใหญ่ทำลายแผ่นดินทำให้แผ่นดินระเบิด เมื่อไม่มีแผ่นดินอยู่ก็หนีด้วยเรือเดินสมุทร ที่รู้ว่าเรือเดินสมุทรเพราะมีภาพปลาวาฬเพชรฆาตในภาพ มีภาพเรือ3ลำอยู่บนน้ำที่อยู่เหนือภาพปลาอีกที ภาพเรือ3ลำ ทำให้ผู้เขียน นึกถึงเรื่องน้ำท่วมโลกนึกถึงเรือโนอาห์ ผู้เขียนกำลังเขียนถึงแผ่นดินของบรรพบุรุษของผู้ทำเหรียญ แต่มีเรื่องของน้ำท่วมโลกเข้ามาให้คิดว่า ทุกเรื่องคือเรื่องเดียวกัน เหรียญด้านซ้ายมือ ดูที่ในวงกลมสีแดงขวามือที่มีรูปหอย เป็นหอยหัวทิ่มลงมาทางรูปน้ำ ถูกทำไว้เพราะว่า แผ่นดินนี้มีรูปร่างคล้ายหอย(เรื่องแผ่นดินที่คล้ายหอยนี้ถ้าไม่ดูจากด้านบนอากาศจะไม่มีทางรู้ แต่คนโบราณรู้ ) ด้านซ้ายของภาพซ้ายมือในสี่เหลี่ยมสีน้ำเงินคือเครื่องมือที่ถูกทำมาเพื่อบอกถึงความสูงของมวลน้ำขนาดใหญ่ ที่สมัยนี้เรียกว่าสึนามิ แต่มวลน้ำครั้งนั้นมันใหญ่ขนาดทำลายแผ่นดิน(น้ำที่ทำลายแผ่นดินครั้งนี้สามารถทำให้ภูเขาที่น้ำพุ่งผ่านทำให้ภูเขาเหลือแต่หิน ทำให้ดินทรายบนแผ่นดินที่ทำลายไปกับน้ำทำให้เกิดทะเลทราย ทำให้เกิดตำนานน้ำท่วมโลกได้) มวลน้ำใหญ่ขนาดไหน ให้ดูกลางภาพจะเป็นรูปที่ถูกทำเป็นตัวเอสที่เป็นลายน้ำกลางตัวเอสมีตุ่มอยู่ในวงกลมแดง ที่เห็นเป็นตุ่มคือเมืองของบรรพบุรุษที่อยู่บนแผ่นดินที่เป็นรูปหอยนั่นเองเมื่อแผ่นดินมีเมืองแต่มีขนาดเล็กแต่โดนน้ำขนาดใหญ่กว่า พุ่งเข้าทำลาย ดูที่ด้านบนจะเห็นวงกลมสีแดงเล็กเล็ก 2 วง ในวงมีตุ่มอีกวงเป็นดาวกระจาย เป็นภาพที่ถูกทำไว้บนสุดเพื่อให้รู้ว่าน้ำขนาดใหญ่ผ่านเมืองขนาดเล็กสุดท้ายก็ระเบิด เหรียญด้านขวามือ มีการอธิบายต่อจากภาพซ้ายว่าเมื่อแผ่นดินรูปหอยถูกทำลายดูจากด้านบนลงมา จะเห็นเป็นวงสีแดงที่มีรูปเล็กๆ2รูปคือแผ่นดินปกติ และแผ่นดินระเบิดอย่างดาวกระจาย กลางภาพทั้งซ้ายและขวาของภาพขวามือถูกทำเป็นรูปหอยหัวทิ่มลง น้ำกับสี่เหลี่ยมสีน้ำเงินภายในก็ยังทำเป็นเครื่องหมายเป็นความสูงของน้ำ ส่วนกลางภาพเป็นเรือ3ลำที่อยู่บนน้ำใต้น้ำเป็นปลาวาฬเพชรฆาตที่อยู่ในมหาสมุทร และสิ่งที่เราต้องคิดว่าในเหรียญมีปลาที่อยู่ในมหาสมุทร แล้วเหรียญทวารวดีถูกพบเจอบนเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ถ้าเรื่องที่อธิบายมา "จริง"บรรพบุรุษของผู้ทำเหรียญคงไม่อพยพมาจากขั้วโลกเหนือ ทำไมผู้เขียนถึงเขียนแบบนี้ ปลาวาฬเพชรฆาตจะชอบอยู่ในน้ำที่มีอุณภุมิเย็นเช่นขั้วโลกเหนือและใต้ ผู้เขียนบอกได้เลยว่าเหรียญทวารวดีที่ทำออกมามีน้ำในเหรียญคือมหาสมุทรที่ติดกับขั้วโลกใต้และติดกับแผ่นดินเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ระหว่างขั้วโลกใต้และเอเซียตะวันออกเฉียงใต้มีมหาสมุทรอะไร มหาสมุทรอินเดีย บทความและรูปภาพโดย คุณทราวิฑะ นอกกรอบ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts