• 77 ปี ลอบสังหาร “มหาตมา คานธี” นักต่อสู้ผู้ไร้อาวุธ ผู้บุกเบิกแนวคิด “สัตยาเคราะห์”

    “ตาต่อตาฟันต่อฟัน จะทำให้ทั้งโลกมืดบอด” มหาตมา คานธี

    ย้อนไปเมื่อ 77 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2491 นับเป็นวันที่โลกต้องจารึก เมื่อ "มหาตมา คานธี" ผู้นำทางจิตวิญญาณ และนักต่อสู้เพื่อเอกราชของอินเดีย ถูกลอบสังหารขณะอายุ 78 ปี ภายในบริเวณบ้านพิรลา ในกรุงนิวเดลี เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงเป็นจุดสิ้นสุดของชีวิต บุคคลผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ของประวัติศาสตร์อินเดีย และขบวนการเคลื่อนไหว เพื่อสิทธิพลเมืองทั่วโลก

    โศกนาฏกรรมแห่งสันติ วันสุดท้ายของมหาตมา คานธี
    ช่วงเย็นของวันที่ 30 มกราคม 2491 "มหาตมา คานธี" เดินไปยังสวนหลังบ้านพิรลา ซึ่งเป็นสถานที่ ที่เขาใช้จัดการสวดภาวนา เป็นประจำทุกเย็น ท่ามกลางฝูงชน ที่มารอฟังคำสอนของเขา "นถูราม โคฑเส" ชายวัย 30 ปี ผู้เป็นสมาชิกกลุ่มชาตินิยมฮินดู ได้แฝงตัวเข้ามาในฝูงชน และเมื่อคานธี เดินลงจากปะรำพิธี โคฑเสก็ฉวยโอกาส ก้าวออกมากั้นทาง แล้วลั่นไกปืน สามนัดยิงเข้าที่อก และท้องของคานธีระยะเผาขน

    เสียงปืนนั้น เปรียบเสมือนเสียงสะเทือน แห่งประวัติศาสตร์...
    "มหาตมา คานธี" ทรุดลงกับพื้น และกล่าวเพียงว่า "เฮ ราม" (โอ้ พระเจ้า!) ก่อนหมดสติ และจากไปในที่สุด

    เหตุใดโคฑเส จึงลอบสังหารคานธี?
    "นถูราม โคฑเส" เป็นนักชาตินิยมฮินดู และเป็นสมาชิกของ ราษฏรียสวยัมเสวักสงฆ์ (RSS) กลุ่มขวาจัด ที่สนับสนุนการปกครองโดยชาวฮินดู โคฑเสเชื่อว่า คานธีให้ความช่วยเหลือชาวมุสลิม มากเกินไป และมีบทบาทสำคัญ ในการสนับสนุน การแยกดินแดนอินเดีย และปากีสถาน

    เขาเห็นว่าคานธีเป็นอุปสรรค ต่อความเป็นเอกภาพ ของชาวฮินดูในอินเดีย และการที่คานธี เรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียส่งเงิน 550 ล้านรูปี ให้กับปากีสถาน ยิ่งทำให้เขาโกรธแค้น

    หลังการสังหาร โคฑเสถูกจับกุมทันที และถูกนำตัวขึ้นศาล พร้อมกับผู้สมรู้ร่วมคิดอีกหลายคน ในที่สุด เขาถูกตัดสินประหารชีวิต และถูกแขวนคอ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2492

    บุรุษผู้เปลี่ยนแปลงโลกด้วยสันติวิธี ต้นกำเนิดของนักต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่
    "มหาตมา คานธี" หรือ "โมหนทาส กรมจันท์ คานธี" เกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2412 ที่รัฐคุชราต ประเทศอินเดีย เติบโตมาในครอบครัวชาวฮินดู และเดินทางไปศึกษากฎหมายที่ อินเนอร์เทมเพิล ลอนดอน ก่อนกลับมาอินเดีย

    ค้นพบ “สัตยาเคราะห์” บนแผ่นดินแอฟริกาใต้
    ขณะที่คานธีทำงานเป็นทนาย ในแอฟริกาใต้ เขาประสบเหตุการณ์เหยียดเชื้อชาติ เมื่อเขาถูกไล่ออกจากตู้รถไฟชั้นหนึ่ง เพียงเพราะเป็นชาวอินเดีย เหตุการณ์นี้ ทำให้คานธี ตระหนักถึงความอยุติธรรม และจุดประกายให้เขาต่อสู้ เพื่อสิทธิพลเมือง

    คานธีพัฒนาแนวคิด “สัตยาเคราะห์” (Satyagraha) ซึ่งหมายถึง “การยึดมั่นในสัจจะ” หรือ “การต่อต้านโดยสันติวิธี” โดยมุ่งเน้นการใช้ความจริง ความรัก และความไม่รุนแรง เป็นอาวุธหลัก

    สัตยาเคราะห์ พลังแห่งสัจจะและสันติ
    สัตยาเคราะห์เป็นหัวใจสำคัญ ในการต่อสู้ของคานธี เพื่อปลดแอกอินเดียจากอังกฤษ โดยมีหลักการสำคัญ ได้แก่

    1. อหิงสา (Ahimsa) การไม่ใช้ความรุนแรง
    คานธีเชื่อว่า ความรุนแรงก่อให้เกิดความเกลียดชัง และการแก้แค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุด

    2. สัจจะ (Satya) ความจริง
    เขาเชื่อว่าความจริงคือสิ่งสูงสุด และคนที่ยึดมั่นในความจริง จะได้รับชัยชนะเสมอ

    3. ตบะ (Tapasya) ความอดทนและเสียสละ
    คานธีอดอาหารประท้วงหลายครั้ง เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม ให้กับคนทุกศาสนา

    ขบวนการอิสระของอินเดีย จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์
    เดินขบวนเกลือ (Salt March) ปี 2473
    คานธีนำประชาชนเดินเท้า เป็นระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร เพื่อประท้วงกฎหมายภาษีเกลือ ของอังกฤษ ซึ่งเป็นหนึ่งในขบวนการต่อต้าน ที่ทรงพลังที่สุด

    ขบวนการ “ออกจากอินเดีย” (Quit India Movement) ปี 2485
    คานธีเรียกร้องให้อังกฤษ ถอนตัวจากอินเดีย โดยไม่มีเงื่อนไข ทำให้อังกฤษจับกุมเขา และผู้สนับสนุนจำนวนมาก

    ในที่สุด วันที่ 15 สิงหาคม 2490 อินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษ แต่ต้องแลกมา ด้วยการแบ่งประเทศเป็นอินเดีย และปากีสถาน ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้ง และการอพยพครั้งใหญ่

    มรดกของมหาตมา คานธี อิทธิพลต่อโลก
    แม้จะถูกลอบสังหาร แต่แนวคิดของคานธี ได้เป็นแรงบันดาลใจ ให้ขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเมือง ทั่วโลก เช่น

    ✅ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ขบวนการสิทธิพลเมือง ของคนผิวดำในอเมริกา
    ✅ เนลสัน แมนเดลา การต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว ในแอฟริกาใต้
    ✅ ดาไลลามะ การต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ ของทิเบต

    คานธี กับบทเรียนแห่งสันติ
    การลอบสังหารมหาตมา คานธี เป็นโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่ แต่แนวคิดของเขายังคงอยู่ และเป็นแรงบันดาลใจ ให้ผู้คนทั่วโลก

    🌏 ความจริงและสันติวิธี เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในการเปลี่ยนแปลงโลก
    🙏 อหิงสา ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือความกล้าหาญ ในการให้อภัย
    💡 สัตยาเคราะห์ เป็นเครื่องมือแห่งการต่อสู้ เพื่อความยุติธรรม

    77 ปี ผ่านไป... ชื่อของคานธี ยังคงเป็นสัญลักษณ์ แห่งสันติภาพ 🕊️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 300857 ม.ค. 2568

    #MahatmaGandhi #Gandhi77Years #Satyagraha #อหิงสา #สันติวิธี #IndiaIndependence #PeaceMovement #QuitIndia #GandhiPhilosophy #GandhiLegacy
    77 ปี ลอบสังหาร “มหาตมา คานธี” นักต่อสู้ผู้ไร้อาวุธ ผู้บุกเบิกแนวคิด “สัตยาเคราะห์” “ตาต่อตาฟันต่อฟัน จะทำให้ทั้งโลกมืดบอด” มหาตมา คานธี ย้อนไปเมื่อ 77 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 30 มกราคม พ.ศ. 2491 นับเป็นวันที่โลกต้องจารึก เมื่อ "มหาตมา คานธี" ผู้นำทางจิตวิญญาณ และนักต่อสู้เพื่อเอกราชของอินเดีย ถูกลอบสังหารขณะอายุ 78 ปี ภายในบริเวณบ้านพิรลา ในกรุงนิวเดลี เหตุการณ์นี้ ไม่เพียงเป็นจุดสิ้นสุดของชีวิต บุคคลผู้เป็นสัญลักษณ์แห่งสันติภาพ แต่ยังเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ของประวัติศาสตร์อินเดีย และขบวนการเคลื่อนไหว เพื่อสิทธิพลเมืองทั่วโลก โศกนาฏกรรมแห่งสันติ วันสุดท้ายของมหาตมา คานธี ช่วงเย็นของวันที่ 30 มกราคม 2491 "มหาตมา คานธี" เดินไปยังสวนหลังบ้านพิรลา ซึ่งเป็นสถานที่ ที่เขาใช้จัดการสวดภาวนา เป็นประจำทุกเย็น ท่ามกลางฝูงชน ที่มารอฟังคำสอนของเขา "นถูราม โคฑเส" ชายวัย 30 ปี ผู้เป็นสมาชิกกลุ่มชาตินิยมฮินดู ได้แฝงตัวเข้ามาในฝูงชน และเมื่อคานธี เดินลงจากปะรำพิธี โคฑเสก็ฉวยโอกาส ก้าวออกมากั้นทาง แล้วลั่นไกปืน สามนัดยิงเข้าที่อก และท้องของคานธีระยะเผาขน เสียงปืนนั้น เปรียบเสมือนเสียงสะเทือน แห่งประวัติศาสตร์... "มหาตมา คานธี" ทรุดลงกับพื้น และกล่าวเพียงว่า "เฮ ราม" (โอ้ พระเจ้า!) ก่อนหมดสติ และจากไปในที่สุด เหตุใดโคฑเส จึงลอบสังหารคานธี? "นถูราม โคฑเส" เป็นนักชาตินิยมฮินดู และเป็นสมาชิกของ ราษฏรียสวยัมเสวักสงฆ์ (RSS) กลุ่มขวาจัด ที่สนับสนุนการปกครองโดยชาวฮินดู โคฑเสเชื่อว่า คานธีให้ความช่วยเหลือชาวมุสลิม มากเกินไป และมีบทบาทสำคัญ ในการสนับสนุน การแยกดินแดนอินเดีย และปากีสถาน เขาเห็นว่าคานธีเป็นอุปสรรค ต่อความเป็นเอกภาพ ของชาวฮินดูในอินเดีย และการที่คานธี เรียกร้องให้รัฐบาลอินเดียส่งเงิน 550 ล้านรูปี ให้กับปากีสถาน ยิ่งทำให้เขาโกรธแค้น หลังการสังหาร โคฑเสถูกจับกุมทันที และถูกนำตัวขึ้นศาล พร้อมกับผู้สมรู้ร่วมคิดอีกหลายคน ในที่สุด เขาถูกตัดสินประหารชีวิต และถูกแขวนคอ เมื่อวันที่ 15 พฤศจิกายน 2492 บุรุษผู้เปลี่ยนแปลงโลกด้วยสันติวิธี ต้นกำเนิดของนักต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่ "มหาตมา คานธี" หรือ "โมหนทาส กรมจันท์ คานธี" เกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2412 ที่รัฐคุชราต ประเทศอินเดีย เติบโตมาในครอบครัวชาวฮินดู และเดินทางไปศึกษากฎหมายที่ อินเนอร์เทมเพิล ลอนดอน ก่อนกลับมาอินเดีย ค้นพบ “สัตยาเคราะห์” บนแผ่นดินแอฟริกาใต้ ขณะที่คานธีทำงานเป็นทนาย ในแอฟริกาใต้ เขาประสบเหตุการณ์เหยียดเชื้อชาติ เมื่อเขาถูกไล่ออกจากตู้รถไฟชั้นหนึ่ง เพียงเพราะเป็นชาวอินเดีย เหตุการณ์นี้ ทำให้คานธี ตระหนักถึงความอยุติธรรม และจุดประกายให้เขาต่อสู้ เพื่อสิทธิพลเมือง คานธีพัฒนาแนวคิด “สัตยาเคราะห์” (Satyagraha) ซึ่งหมายถึง “การยึดมั่นในสัจจะ” หรือ “การต่อต้านโดยสันติวิธี” โดยมุ่งเน้นการใช้ความจริง ความรัก และความไม่รุนแรง เป็นอาวุธหลัก สัตยาเคราะห์ พลังแห่งสัจจะและสันติ สัตยาเคราะห์เป็นหัวใจสำคัญ ในการต่อสู้ของคานธี เพื่อปลดแอกอินเดียจากอังกฤษ โดยมีหลักการสำคัญ ได้แก่ 1. อหิงสา (Ahimsa) การไม่ใช้ความรุนแรง คานธีเชื่อว่า ความรุนแรงก่อให้เกิดความเกลียดชัง และการแก้แค้นที่ไม่มีที่สิ้นสุด 2. สัจจะ (Satya) ความจริง เขาเชื่อว่าความจริงคือสิ่งสูงสุด และคนที่ยึดมั่นในความจริง จะได้รับชัยชนะเสมอ 3. ตบะ (Tapasya) ความอดทนและเสียสละ คานธีอดอาหารประท้วงหลายครั้ง เพื่อเรียกร้องความยุติธรรม ให้กับคนทุกศาสนา ขบวนการอิสระของอินเดีย จุดเปลี่ยนประวัติศาสตร์ เดินขบวนเกลือ (Salt March) ปี 2473 คานธีนำประชาชนเดินเท้า เป็นระยะทางกว่า 400 กิโลเมตร เพื่อประท้วงกฎหมายภาษีเกลือ ของอังกฤษ ซึ่งเป็นหนึ่งในขบวนการต่อต้าน ที่ทรงพลังที่สุด ขบวนการ “ออกจากอินเดีย” (Quit India Movement) ปี 2485 คานธีเรียกร้องให้อังกฤษ ถอนตัวจากอินเดีย โดยไม่มีเงื่อนไข ทำให้อังกฤษจับกุมเขา และผู้สนับสนุนจำนวนมาก ในที่สุด วันที่ 15 สิงหาคม 2490 อินเดียได้รับเอกราชจากอังกฤษ แต่ต้องแลกมา ด้วยการแบ่งประเทศเป็นอินเดีย และปากีสถาน ซึ่งก่อให้เกิดความขัดแย้ง และการอพยพครั้งใหญ่ มรดกของมหาตมา คานธี อิทธิพลต่อโลก แม้จะถูกลอบสังหาร แต่แนวคิดของคานธี ได้เป็นแรงบันดาลใจ ให้ขบวนการเรียกร้องสิทธิพลเมือง ทั่วโลก เช่น ✅ มาร์ติน ลูเธอร์ คิง จูเนียร์ ขบวนการสิทธิพลเมือง ของคนผิวดำในอเมริกา ✅ เนลสัน แมนเดลา การต่อต้านการแบ่งแยกสีผิว ในแอฟริกาใต้ ✅ ดาไลลามะ การต่อสู้เพื่อสิทธิเสรีภาพ ของทิเบต คานธี กับบทเรียนแห่งสันติ การลอบสังหารมหาตมา คานธี เป็นโศกนาฏกรรมที่ยิ่งใหญ่ แต่แนวคิดของเขายังคงอยู่ และเป็นแรงบันดาลใจ ให้ผู้คนทั่วโลก 🌏 ความจริงและสันติวิธี เป็นพลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ในการเปลี่ยนแปลงโลก 🙏 อหิงสา ไม่ใช่ความอ่อนแอ แต่คือความกล้าหาญ ในการให้อภัย 💡 สัตยาเคราะห์ เป็นเครื่องมือแห่งการต่อสู้ เพื่อความยุติธรรม 77 ปี ผ่านไป... ชื่อของคานธี ยังคงเป็นสัญลักษณ์ แห่งสันติภาพ 🕊️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 300857 ม.ค. 2568 #MahatmaGandhi #Gandhi77Years #Satyagraha #อหิงสา #สันติวิธี #IndiaIndependence #PeaceMovement #QuitIndia #GandhiPhilosophy #GandhiLegacy
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดสะพานทศมราชัน สร้างมา 5 ปีกว่าจะมีวันนี้

    เวลา 09.09 น. วันที่ 29 ม.ค. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดสะพานทศมราชัน ที่ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษสุขสวัสดิ์ ระหว่างรอโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยก่อสร้างแล้วเสร็จ คิดค่าผ่านทางตามปกติของทางพิเศษเฉลิมมหานคร คาดว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรบนสะพานพระราม 9 จาก 100,470 คันต่อวัน ลดเหลือ 75,325 คันต่อวัน

    สำหรับความคืบหน้าโครงการฯ ตลอดสายทาง 18.7 กิโลเมตร ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2567 ภาพรวม 86.28% เร็วกว่าแผน 1.03% คาดว่าเปิดให้บริการประมาณปลายปี 2568 โดยขาออกกรุงเทพฯ จากทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษศรีรัช ก่อนขึ้นสะพานทศมราชันต้องรับบัตรผ่านทางพิเศษที่ด่านบางโคล่ และจ่ายเงินที่ด่านปลายทาง โดยคิดค่าผ่านทางแบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงดาวคะนอง-พระราม 3 และช่วงดาวคะนอง-วงแหวนฯ ตะวันตก ได้แก่ รถ 4 ล้อ ช่วงละ 30 บาท รถ 6-10 ล้อช่วงละ 60 บาท รถมากกว่า 10 ล้อช่วงละ 90 บาท

    สะพานทศมราชัน เป็นส่วนหนึ่งของโครงการฯ สัญญา 4 ลักษณะเป็นสะพานคู่ (Cable Stayed Bridge) แบบไม่มีเสาอยู่ในลำน้ำ ขนาด 8 ช่องจราจร ความยาว 781.2 เมตร รับแรงลมได้สูงถึง 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มูลค่าโครงการ 6,636.19 ล้านบาท ก่อสร้างโดย บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นสัญญา 16 ม.ค. 2563 แล้วเสร็จตามสัญญาวันที่ 30 มี.ค. 2566 รวม 1,170 วัน ก่อนส่งมอบให้การทางพิเศษฯ

    พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม “สะพานทศมราชัน” หมายถึง พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 10 และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค. 2567 ไปประดิษฐานบนสะพานแห่งนี้ โดยเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดสะพานทศมราชัน

    องค์ประกอบสถาปัตยกรรมของสะพาน ได้แก่ 1.ส่วนยอดของเสาสะพาน หมายถึง ฝ่าพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงถึงความโอบอุ้มปกป้อง ให้ความรัก ความห่วงใย พสกนิกรต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือเกล้า 2.สายเคเบิลเป็นสีเหลือง สื่อถึงวันพระบรมราชสมภพคือวันจันทร์ 3.รูปปั้นพญานาคสีเหลืองทองอยู่บนโคนเสาสะพานทั้ง 4 ต้น ซึ่งเป็นราศีประจำปีมะโรง ปีพระบรมราชสมภพ เพื่อถวายอารักขาแด่พระองค์ 4.รั้วสะพานกันกระโดด ออกแบบให้เป็นลายดอกรวงผึ้ง ต้นไม้ประจำพระองค์

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    เปิดสะพานทศมราชัน สร้างมา 5 ปีกว่าจะมีวันนี้ เวลา 09.09 น. วันที่ 29 ม.ค. นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เป็นประธานในพิธีเปิดสะพานทศมราชัน ที่ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษสุขสวัสดิ์ ระหว่างรอโครงการทางพิเศษสายพระราม 3-ดาวคะนอง-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพมหานครด้านตะวันตก ของการทางพิเศษแห่งประเทศไทยก่อสร้างแล้วเสร็จ คิดค่าผ่านทางตามปกติของทางพิเศษเฉลิมมหานคร คาดว่าจะช่วยบรรเทาปัญหาการจราจรบนสะพานพระราม 9 จาก 100,470 คันต่อวัน ลดเหลือ 75,325 คันต่อวัน สำหรับความคืบหน้าโครงการฯ ตลอดสายทาง 18.7 กิโลเมตร ณ สิ้นเดือน ธ.ค. 2567 ภาพรวม 86.28% เร็วกว่าแผน 1.03% คาดว่าเปิดให้บริการประมาณปลายปี 2568 โดยขาออกกรุงเทพฯ จากทางพิเศษเฉลิมมหานคร และทางพิเศษศรีรัช ก่อนขึ้นสะพานทศมราชันต้องรับบัตรผ่านทางพิเศษที่ด่านบางโคล่ และจ่ายเงินที่ด่านปลายทาง โดยคิดค่าผ่านทางแบ่งเป็น 2 ช่วง ได้แก่ ช่วงดาวคะนอง-พระราม 3 และช่วงดาวคะนอง-วงแหวนฯ ตะวันตก ได้แก่ รถ 4 ล้อ ช่วงละ 30 บาท รถ 6-10 ล้อช่วงละ 60 บาท รถมากกว่า 10 ล้อช่วงละ 90 บาท สะพานทศมราชัน เป็นส่วนหนึ่งของโครงการฯ สัญญา 4 ลักษณะเป็นสะพานคู่ (Cable Stayed Bridge) แบบไม่มีเสาอยู่ในลำน้ำ ขนาด 8 ช่องจราจร ความยาว 781.2 เมตร รับแรงลมได้สูงถึง 270 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มูลค่าโครงการ 6,636.19 ล้านบาท ก่อสร้างโดย บริษัท ช.การช่าง จำกัด (มหาชน) เริ่มต้นสัญญา 16 ม.ค. 2563 แล้วเสร็จตามสัญญาวันที่ 30 มี.ค. 2566 รวม 1,170 วัน ก่อนส่งมอบให้การทางพิเศษฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานนาม “สะพานทศมราชัน” หมายถึง พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 10 และพระราชทานพระบรมราชานุญาตให้เชิญตราสัญลักษณ์งานเฉลิมพระเกียรติฯ เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 ก.ค. 2567 ไปประดิษฐานบนสะพานแห่งนี้ โดยเมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2567 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิดสะพานทศมราชัน องค์ประกอบสถาปัตยกรรมของสะพาน ได้แก่ 1.ส่วนยอดของเสาสะพาน หมายถึง ฝ่าพระหัตถ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว แสดงถึงความโอบอุ้มปกป้อง ให้ความรัก ความห่วงใย พสกนิกรต่างสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้น เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่เหนือเกล้า 2.สายเคเบิลเป็นสีเหลือง สื่อถึงวันพระบรมราชสมภพคือวันจันทร์ 3.รูปปั้นพญานาคสีเหลืองทองอยู่บนโคนเสาสะพานทั้ง 4 ต้น ซึ่งเป็นราศีประจำปีมะโรง ปีพระบรมราชสมภพ เพื่อถวายอารักขาแด่พระองค์ 4.รั้วสะพานกันกระโดด ออกแบบให้เป็นลายดอกรวงผึ้ง ต้นไม้ประจำพระองค์ #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 172 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูดาวรุ่ง...พยุงดาวร่วง
    สำหรับท่านที่เกิดปีขาล

    เพื่อน้อมอัญเชิญพลังรักอันบริสุทธิ์ขององค์เทพจันทรา “太陰星君(ไท้อิมแชกุง)” ผู้ทรงประทานแสงขาวละมุนกระจ่างใสแก่ผืนฟ้าผืนแผ่นดินแม้ยามค่ำคืนให้กลับสว่างสไวขับไล่ความมืดมนให้จางหายไปและยังเป็นที่พึ่งแก่เหล่าบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ให้พบกับความร่มเย็น ด้วยพลังเมตตาแห่งรัศมีแสงนวลช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้ายที่แอบแฝงอยู่ให้หมดสิ้น พร้อมแก้ชงต่อองค์ 太歲爺 (ไท้ส่วยเอี๊ย) ประจำปี 2568 ที่ทรงพระนามว่า “吳遂大星軍” (โง้วซุ้ยไต่แชกุง) จึงควรไปกราบสักการะบูชาเพื่อน้อมเคารพนบนอบต่อพลังแห่งองค์เทพท่าน ณ ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ที่มีรูปองค์จำลอง ขององค์เทพท่านสถิตอยู่ หลังวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 22:10 น.นี้ เป็นต้นไป เสมือนเป็นการถวายฝากดวง ชะตาไว้ให้สมปรารถนาทั้งการงานและความรักรับบารมีปกป้องคุ้มครองพร้อมบันดาลความราบรื่นร่มเย็น ตลอดปี 2568 นี้

    อีกทั้งควรน้อมอัญเชิญองค์เทพจันทรา “太陰星君(ไท้อิมแชกุง)” และองค์เทพคุ้มครองดวงชะตา 太歲爺 (ไท้ส่วยเอี๊ย) ประจำปี 2568 ที่ทรงพระนามว่า “吳遂大星軍” (โง้วซุ้ยไต่แชกุง) มาสักการะเทิดทูนบูชาด้วยการพกพาหรือโหลดภาพเก็บไว้หน้าแรกของโทรศัพท์ติดตัวตลอดเวลา เสมือนเป็นสื่ออธิษฐานให้กระแสบารมีของเทพท่านได้แผ่คุ้มครองได้ดียิ่งขึ้นในทุกเวลาทุกสถานที่ เพื่อให้ได้ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น ตลอดทั้งปีนี้
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    มูดาวรุ่ง...พยุงดาวร่วง สำหรับท่านที่เกิดปีขาล เพื่อน้อมอัญเชิญพลังรักอันบริสุทธิ์ขององค์เทพจันทรา “太陰星君(ไท้อิมแชกุง)” ผู้ทรงประทานแสงขาวละมุนกระจ่างใสแก่ผืนฟ้าผืนแผ่นดินแม้ยามค่ำคืนให้กลับสว่างสไวขับไล่ความมืดมนให้จางหายไปและยังเป็นที่พึ่งแก่เหล่าบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ให้พบกับความร่มเย็น ด้วยพลังเมตตาแห่งรัศมีแสงนวลช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้ายที่แอบแฝงอยู่ให้หมดสิ้น พร้อมแก้ชงต่อองค์ 太歲爺 (ไท้ส่วยเอี๊ย) ประจำปี 2568 ที่ทรงพระนามว่า “吳遂大星軍” (โง้วซุ้ยไต่แชกุง) จึงควรไปกราบสักการะบูชาเพื่อน้อมเคารพนบนอบต่อพลังแห่งองค์เทพท่าน ณ ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ที่มีรูปองค์จำลอง ขององค์เทพท่านสถิตอยู่ หลังวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 22:10 น.นี้ เป็นต้นไป เสมือนเป็นการถวายฝากดวง ชะตาไว้ให้สมปรารถนาทั้งการงานและความรักรับบารมีปกป้องคุ้มครองพร้อมบันดาลความราบรื่นร่มเย็น ตลอดปี 2568 นี้ อีกทั้งควรน้อมอัญเชิญองค์เทพจันทรา “太陰星君(ไท้อิมแชกุง)” และองค์เทพคุ้มครองดวงชะตา 太歲爺 (ไท้ส่วยเอี๊ย) ประจำปี 2568 ที่ทรงพระนามว่า “吳遂大星軍” (โง้วซุ้ยไต่แชกุง) มาสักการะเทิดทูนบูชาด้วยการพกพาหรือโหลดภาพเก็บไว้หน้าแรกของโทรศัพท์ติดตัวตลอดเวลา เสมือนเป็นสื่ออธิษฐานให้กระแสบารมีของเทพท่านได้แผ่คุ้มครองได้ดียิ่งขึ้นในทุกเวลาทุกสถานที่ เพื่อให้ได้ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น ตลอดทั้งปีนี้ ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💐เมื่อเสียงระฆังวันตรุษจีนดังขึ้น เราก็ได้ก้าวเข้าสู่ปีใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและความสุข ในช่วงเวลาพิเศษนี้ ผมอยากส่งคำอวยพรที่จริงใจที่สุดให้กับทุกท่าน ขอให้ทุกท่านสมหวังในสิ่งที่ปรารถนา และทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยดีในปีใหม่นี้!
    .
    วันตรุษจีนเป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวได้มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา เป็นช่วงเวลาแห่งการขอบคุณและอวยพร ขอให้ทุกท่านได้ใช้เวลาอันมีค่ากับครอบครัว อบอวลไปด้วยความอบอุ่นและความสุข ไม่ว่าปีที่ผ่านมาจะเป็นอย่างไร ปีใหม่ก็มักนำมาซึ่งความหวังและโอกาสใหม่ๆ ขอให้ทุกท่านจับโอกาสทุกอย่างที่ผ่านเข้ามา กล้าที่จะไล่ตามความฝัน และพบกับความสำเร็จและความสุข
    .
    ขอให้สุขภาพของทุกท่านแข็งแรงดั่งต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม หน้าที่การงานราบรื่นดั่งสายลมที่พัดผ่าน ความมั่งคั่งไหลมาเทมาดั่งแม่น้ำที่ไหลไม่หยุด และครอบครัวมีความสุขดั่งสวนดอกไม้ที่เบ่งบาน ขอให้ทุกวันเต็มไปด้วยแสงแดดและเสียงหัวเราะ ทุกช่วงเวลาอบอวลไปด้วยความรักและความอบอุ่น
    .
    ปีใหม่นี้ ขอให้ทุกท่านมีโชคดี มีความสุข ความเจริญรุ่งเรือง และพบแต่สิ่งดีๆในชีวิต!
    .
    สุขสันต์วันตรุษจีน ขอให้ร่ำรวยเงินทอง!
    希望这些祝福文章能为你们带来新年的喜悦与好运!🎉🎊
    💐เมื่อเสียงระฆังวันตรุษจีนดังขึ้น เราก็ได้ก้าวเข้าสู่ปีใหม่ที่เต็มไปด้วยความหวังและความสุข ในช่วงเวลาพิเศษนี้ ผมอยากส่งคำอวยพรที่จริงใจที่สุดให้กับทุกท่าน ขอให้ทุกท่านสมหวังในสิ่งที่ปรารถนา และทุกสิ่งทุกอย่างเป็นไปด้วยดีในปีใหม่นี้! . วันตรุษจีนเป็นช่วงเวลาที่ครอบครัวได้มาอยู่พร้อมหน้าพร้อมตา เป็นช่วงเวลาแห่งการขอบคุณและอวยพร ขอให้ทุกท่านได้ใช้เวลาอันมีค่ากับครอบครัว อบอวลไปด้วยความอบอุ่นและความสุข ไม่ว่าปีที่ผ่านมาจะเป็นอย่างไร ปีใหม่ก็มักนำมาซึ่งความหวังและโอกาสใหม่ๆ ขอให้ทุกท่านจับโอกาสทุกอย่างที่ผ่านเข้ามา กล้าที่จะไล่ตามความฝัน และพบกับความสำเร็จและความสุข . ขอให้สุขภาพของทุกท่านแข็งแรงดั่งต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม หน้าที่การงานราบรื่นดั่งสายลมที่พัดผ่าน ความมั่งคั่งไหลมาเทมาดั่งแม่น้ำที่ไหลไม่หยุด และครอบครัวมีความสุขดั่งสวนดอกไม้ที่เบ่งบาน ขอให้ทุกวันเต็มไปด้วยแสงแดดและเสียงหัวเราะ ทุกช่วงเวลาอบอวลไปด้วยความรักและความอบอุ่น . ปีใหม่นี้ ขอให้ทุกท่านมีโชคดี มีความสุข ความเจริญรุ่งเรือง และพบแต่สิ่งดีๆในชีวิต! . สุขสันต์วันตรุษจีน ขอให้ร่ำรวยเงินทอง! 希望这些祝福文章能为你们带来新年的喜悦与好运!🎉🎊
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • โปเชนตง เส้นทางแห่งความหวัง

    เสียงลมพัดผ่านนครวัดที่เงียบงัน ใต้เงาอดีตที่ถูกเติมแต้มด้วยควันไฟ บทความรัศมีอังกอร์ เปลี่ยนแปลงชีวิตไป เปลวเพลิงแห่งความแค้น เผาฝันให้เลือนราง

    เสียงกลองก้องในหัวใจทุกคน ความจริงและคำโกหกซ้อนทับกัน แดนสันติกลับกลายเป็นสนามสงคราม เมื่อชาติถูกท้าทาย ความสงบหายไป

    * โปเชนตง จุดหมายสุดท้ายแห่งทางรอด แสงแห่งความหวังในคืนที่มืดมน เสียงเครื่องบิน ซีร้อยสามสิบก้องฟ้า นำพา กว่าเจ็ดร้อยคนไทยกลับบ้าน ด้วยศรัทธาในใจ

    ในพนมเปญ เสียงม็อบดังสนั่นไกล สถานทูตไทยลุกไหม้ด้วยเปลวไฟ เบื้องหลังความวุ่นวาย คือเกมที่ถูกวางไว้ ใครกันที่บงการ ใครกันที่ชักใยในมุมมืด

    ธงชาติที่เผาไหม้ แต่ใจไม่ยอมแพ้ พี่น้องรวมใจกันในยามที่สิ้นหวัง สนามบินเก่าแห่งนี้ คือจุดรวมพลัง โปเชนตง จะเป็นที่พิงสุดท้าย

    ซ้ำ *

    ในยามที่ความหวังเลือนราง ศรัทธากลับเป็นดั่งแสงนำทาง ถึงแม้ไฟแห่งความแค้นจะลุกโชน แต่ความรักในบ้านเกิดนั้นยังคง

    ซ้ำ *

    โปเชนตง เส้นทางแห่งความหวัง เผชิญหน้าความจริง แม้เจ็บปวดเพียงใด เพราะเราจะกลับมา ในอ้อมกอดของแผ่นดินไทย ด้วยหัวใจที่ยังไม่ยอมแพ้

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 290852 ม.ค. 2568

    #โปเชนตง #เส้นทางแห่งความหวัง #จลาจลพนมเปญ #C130กลับบ้าน #บทเรียนประวัติศาสตร์ #ความหวังและศรัทธา #ปฏิบัติการกู้ภัย #พลังใจคนไทย #ดนตรีปลุกพลัง #เรื่องจริงที่ต้องเล่า

    โปเชนตง เส้นทางแห่งความหวัง เสียงลมพัดผ่านนครวัดที่เงียบงัน ใต้เงาอดีตที่ถูกเติมแต้มด้วยควันไฟ บทความรัศมีอังกอร์ เปลี่ยนแปลงชีวิตไป เปลวเพลิงแห่งความแค้น เผาฝันให้เลือนราง เสียงกลองก้องในหัวใจทุกคน ความจริงและคำโกหกซ้อนทับกัน แดนสันติกลับกลายเป็นสนามสงคราม เมื่อชาติถูกท้าทาย ความสงบหายไป * โปเชนตง จุดหมายสุดท้ายแห่งทางรอด แสงแห่งความหวังในคืนที่มืดมน เสียงเครื่องบิน ซีร้อยสามสิบก้องฟ้า นำพา กว่าเจ็ดร้อยคนไทยกลับบ้าน ด้วยศรัทธาในใจ ในพนมเปญ เสียงม็อบดังสนั่นไกล สถานทูตไทยลุกไหม้ด้วยเปลวไฟ เบื้องหลังความวุ่นวาย คือเกมที่ถูกวางไว้ ใครกันที่บงการ ใครกันที่ชักใยในมุมมืด ธงชาติที่เผาไหม้ แต่ใจไม่ยอมแพ้ พี่น้องรวมใจกันในยามที่สิ้นหวัง สนามบินเก่าแห่งนี้ คือจุดรวมพลัง โปเชนตง จะเป็นที่พิงสุดท้าย ซ้ำ * ในยามที่ความหวังเลือนราง ศรัทธากลับเป็นดั่งแสงนำทาง ถึงแม้ไฟแห่งความแค้นจะลุกโชน แต่ความรักในบ้านเกิดนั้นยังคง ซ้ำ * โปเชนตง เส้นทางแห่งความหวัง เผชิญหน้าความจริง แม้เจ็บปวดเพียงใด เพราะเราจะกลับมา ในอ้อมกอดของแผ่นดินไทย ด้วยหัวใจที่ยังไม่ยอมแพ้ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 290852 ม.ค. 2568 #โปเชนตง #เส้นทางแห่งความหวัง #จลาจลพนมเปญ #C130กลับบ้าน #บทเรียนประวัติศาสตร์ #ความหวังและศรัทธา #ปฏิบัติการกู้ภัย #พลังใจคนไทย #ดนตรีปลุกพลัง #เรื่องจริงที่ต้องเล่า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 19 0 รีวิว
  • 27-29 มกราคม 2568 เทศกาลตรุษจีน 新正如意 新年發財 新正如意 新年发财

    "ตรุษจีน" หรือ “เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ” เป็นวันสำคัญที่ชาวจีนทั่วโลก ต่างเฝ้ารอด้วยความตื่นเต้น และเปี่ยมไปด้วยความสุข ในปีนี้ ตรุษจีนตรงกับวันที่ 29 มกราคม 2568 ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ความเป็นสิริมงคล และการรวมตัวของครอบครัว 🌟

    ตรุษจีน (Chinese New Year) เป็นเทศกาลที่มีความสำคัญที่สุด ในปฏิทินจีน ซึ่งตรงกับวันขึ้นปีใหม่ ตามปฏิทินจันทรคติ โดยเริ่มต้นในวันที่ 1 เดือน 1 และสิ้นสุดในวันที่ 15 ซึ่งเป็นเทศกาลโคมไฟ ทั้งนี้ ตรุษจีนไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลอง การเปลี่ยนปีใหม่ แต่ยังเป็นโอกาส ในการแสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษ การฟื้นฟูความสัมพันธ์ในครอบครัว และการเริ่มต้นสิ่งดี ๆ ในชีวิต

    เทศกาลตรุษจีน มีประวัติยาวนานนับพันปี โดยเริ่มต้นจาก ตำนานสัตว์ร้าย “เหนียน” (年) ที่จะออกมาสร้างความหวาดกลัว ให้กับผู้คนทุกปี ชาวบ้านจึงใช้วิธีจุดประทัด และตกแต่งบ้านด้วยสีแดง เพื่อขับไล่ปีศาจร้าย จนกลายมาเป็นประเพณี ที่นิยมปฏิบัติในปัจจุบัน 🎆

    ตรุษจีนไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลองปีใหม่ แต่ยังมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ลึกซึ้ง เช่น
    - การเริ่มต้นใหม่ที่ดี การทำความสะอาดบ้าน และตกแต่งด้วยสีแดง เพื่อขจัดโชคร้าย
    - ความรักและความสัมพันธ์ในครอบครัว การรับประทานอาหารร่วมกัน เป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคี
    - ความมั่งคั่งและโชคลาภ ซองอั่งเปาและการไหว้เจ้า เพื่อความเป็นสิริมงคล

    ประเพณีตรุษจีนในไทย
    วันจ่าย
    28 มกราคม 2568 คือวันก่อนวันตรุษจีน ชาวไทยเชื้อสายจีน จะออกไปซื้อของจำเป็น เช่น เนื้อสัตว์ ผลไม้ ขนมมงคล และเครื่องเซ่นไหว้ต่าง ๆ เพื่อเตรียมตัวสำหรับวันไหว้

    วันไหว้
    29 มกราคม 2568 เป็นวันสำคัญ ที่มีพิธีไหว้ใน 3 ช่วง ได้แก่
    - ช่วงเช้ามืด ไหว้เทพเจ้า เช่น เทพเจ้าผู้คุ้มครอง
    - ช่วงสาย ไหว้บรรพบุรุษ โดยมีอาหารที่ผู้ล่วงลับเคยชอบ เช่น หมู เป็ด ไก่ และขนมเข่ง
    - ช่วงบ่าย ไหว้ “ฮ่อเฮียตี๋” (วิญญาณพี่น้องที่ล่วงลับ) พร้อมจุดประทัดเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย

    วันเที่ยว
    30 มกราคม 2568 หรือ “วันถือ” เป็นวันที่ชาวจีนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่ ออกเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ และมอบส้มสีทอง เป็นสัญลักษณ์ของโชคลาภ และความเจริญรุ่งเรือง 🍊

    คำอวยพรตรุษจีนยอดนิยม
    ในช่วงเทศกาลตรุษจีน การส่งคำอวยพรเป็นสิ่งสำคัญ ที่สื่อถึงความปรารถนาดี ตัวอย่างคำอวยพร ที่ใช้กันบ่อย ได้แก่

    “新正如意 新年發財” (ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาฉาย) ขอให้ปีใหม่สมปรารถนาและร่ำรวยมั่งคั่ง
    “恭喜發財” (กงสี่ฟาไฉ) ขอให้ร่ำรวยเงินทอง
    “萬事如意” (ว่านซื่อหรูอี้) ขอให้สมปรารถนาในทุกสิ่ง

    ✨ การใช้ซองอั่งเปา (ซองสีแดง) เพื่อมอบเงินให้กับเด็ก หรือผู้ที่อายุน้อยกว่า ก็เป็นอีกหนึ่งการแสดงความปรารถนาดี

    อาหารมงคลในวันตรุษจีน
    อาหารถือเป็นส่วนสำคัญของตรุษจีน โดยมีเมนูที่มีความหมายมงคล เช่น
    - ปลา (鱼) ความอุดมสมบูรณ์
    - ขนมเข่งและขนมเทียน ความเจริญรุ่งเรือง
    - เกี๊ยว (饺子) ความมั่งคั่ง
    - เส้นหมี่ (长寿面) อายุยืนยาว

    การเลือกรับประทานอาหารเหล่านี้ ไม่ได้เพียงแค่ตามธรรมเนียม แต่ยังเป็นการเสริมสร้างกำลังใจ ในปีใหม่อีกด้วย

    เคล็ดลับเสริมโชคลาภช่วงตรุษจีน
    - ทำความสะอาดบ้านก่อนตรุษจีน เพื่อขจัดโชคร้าย แต่หลีกเลี่ยงการกวาดบ้าน ในวันปีใหม่
    - สวมใส่เสื้อผ้าสีแดง สีแดงถือเป็นสีแห่งความโชคดี
    - งดการพูดคำไม่ดี เพื่อเริ่มต้นปีใหม่อย่างเป็นมงคล
    - มอบส้มสีทอง เป็นการส่งมอบความมั่งคั่งให้แก่กัน

    ตรุษจีนปี 2568 ไม่ได้เป็นเพียงเทศกาล สำหรับชาวจีนเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสที่ทุกคน สามารถมีส่วนร่วมในประเพณี ที่เต็มไปด้วยสีสัน และความหมายดี ๆ ลองร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลนี้ ด้วยการเรียนรู้ และเข้าใจวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ เพื่อเสริมสร้างความสุข และความมั่งคั่งให้กับตนเอง และครอบครัว

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 281035 ม.ค. 2568

    #ตรุษจีน2568 #新正如意新年發財 #ChineseNewYear2025 #เทศกาลตรุษจีน #ประเพณีจีน #ตรุษจีนไทย #คำอวยพรตรุษจีน #อั่งเปา #อาหารมงคลตรุษจีน #โชคลาภตรุษจีน
    27-29 มกราคม 2568 เทศกาลตรุษจีน 新正如意 新年發財 新正如意 新年发财 "ตรุษจีน" หรือ “เทศกาลฤดูใบไม้ผลิ” เป็นวันสำคัญที่ชาวจีนทั่วโลก ต่างเฝ้ารอด้วยความตื่นเต้น และเปี่ยมไปด้วยความสุข ในปีนี้ ตรุษจีนตรงกับวันที่ 29 มกราคม 2568 ซึ่งถือเป็นช่วงเวลาแห่งการเฉลิมฉลอง ความเป็นสิริมงคล และการรวมตัวของครอบครัว 🌟 ตรุษจีน (Chinese New Year) เป็นเทศกาลที่มีความสำคัญที่สุด ในปฏิทินจีน ซึ่งตรงกับวันขึ้นปีใหม่ ตามปฏิทินจันทรคติ โดยเริ่มต้นในวันที่ 1 เดือน 1 และสิ้นสุดในวันที่ 15 ซึ่งเป็นเทศกาลโคมไฟ ทั้งนี้ ตรุษจีนไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลอง การเปลี่ยนปีใหม่ แต่ยังเป็นโอกาส ในการแสดงความเคารพต่อบรรพบุรุษ การฟื้นฟูความสัมพันธ์ในครอบครัว และการเริ่มต้นสิ่งดี ๆ ในชีวิต เทศกาลตรุษจีน มีประวัติยาวนานนับพันปี โดยเริ่มต้นจาก ตำนานสัตว์ร้าย “เหนียน” (年) ที่จะออกมาสร้างความหวาดกลัว ให้กับผู้คนทุกปี ชาวบ้านจึงใช้วิธีจุดประทัด และตกแต่งบ้านด้วยสีแดง เพื่อขับไล่ปีศาจร้าย จนกลายมาเป็นประเพณี ที่นิยมปฏิบัติในปัจจุบัน 🎆 ตรุษจีนไม่ใช่แค่การเฉลิมฉลองปีใหม่ แต่ยังมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ลึกซึ้ง เช่น - การเริ่มต้นใหม่ที่ดี การทำความสะอาดบ้าน และตกแต่งด้วยสีแดง เพื่อขจัดโชคร้าย - ความรักและความสัมพันธ์ในครอบครัว การรับประทานอาหารร่วมกัน เป็นสัญลักษณ์ของความสามัคคี - ความมั่งคั่งและโชคลาภ ซองอั่งเปาและการไหว้เจ้า เพื่อความเป็นสิริมงคล ประเพณีตรุษจีนในไทย วันจ่าย 28 มกราคม 2568 คือวันก่อนวันตรุษจีน ชาวไทยเชื้อสายจีน จะออกไปซื้อของจำเป็น เช่น เนื้อสัตว์ ผลไม้ ขนมมงคล และเครื่องเซ่นไหว้ต่าง ๆ เพื่อเตรียมตัวสำหรับวันไหว้ วันไหว้ 29 มกราคม 2568 เป็นวันสำคัญ ที่มีพิธีไหว้ใน 3 ช่วง ได้แก่ - ช่วงเช้ามืด ไหว้เทพเจ้า เช่น เทพเจ้าผู้คุ้มครอง - ช่วงสาย ไหว้บรรพบุรุษ โดยมีอาหารที่ผู้ล่วงลับเคยชอบ เช่น หมู เป็ด ไก่ และขนมเข่ง - ช่วงบ่าย ไหว้ “ฮ่อเฮียตี๋” (วิญญาณพี่น้องที่ล่วงลับ) พร้อมจุดประทัดเพื่อปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย วันเที่ยว 30 มกราคม 2568 หรือ “วันถือ” เป็นวันที่ชาวจีนแต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่ ออกเยี่ยมญาติผู้ใหญ่ และมอบส้มสีทอง เป็นสัญลักษณ์ของโชคลาภ และความเจริญรุ่งเรือง 🍊 คำอวยพรตรุษจีนยอดนิยม ในช่วงเทศกาลตรุษจีน การส่งคำอวยพรเป็นสิ่งสำคัญ ที่สื่อถึงความปรารถนาดี ตัวอย่างคำอวยพร ที่ใช้กันบ่อย ได้แก่ “新正如意 新年發財” (ซินเจิ้งหรูอี้ ซินเหนียนฟาฉาย) ขอให้ปีใหม่สมปรารถนาและร่ำรวยมั่งคั่ง “恭喜發財” (กงสี่ฟาไฉ) ขอให้ร่ำรวยเงินทอง “萬事如意” (ว่านซื่อหรูอี้) ขอให้สมปรารถนาในทุกสิ่ง ✨ การใช้ซองอั่งเปา (ซองสีแดง) เพื่อมอบเงินให้กับเด็ก หรือผู้ที่อายุน้อยกว่า ก็เป็นอีกหนึ่งการแสดงความปรารถนาดี อาหารมงคลในวันตรุษจีน อาหารถือเป็นส่วนสำคัญของตรุษจีน โดยมีเมนูที่มีความหมายมงคล เช่น - ปลา (鱼) ความอุดมสมบูรณ์ - ขนมเข่งและขนมเทียน ความเจริญรุ่งเรือง - เกี๊ยว (饺子) ความมั่งคั่ง - เส้นหมี่ (长寿面) อายุยืนยาว การเลือกรับประทานอาหารเหล่านี้ ไม่ได้เพียงแค่ตามธรรมเนียม แต่ยังเป็นการเสริมสร้างกำลังใจ ในปีใหม่อีกด้วย เคล็ดลับเสริมโชคลาภช่วงตรุษจีน - ทำความสะอาดบ้านก่อนตรุษจีน เพื่อขจัดโชคร้าย แต่หลีกเลี่ยงการกวาดบ้าน ในวันปีใหม่ - สวมใส่เสื้อผ้าสีแดง สีแดงถือเป็นสีแห่งความโชคดี - งดการพูดคำไม่ดี เพื่อเริ่มต้นปีใหม่อย่างเป็นมงคล - มอบส้มสีทอง เป็นการส่งมอบความมั่งคั่งให้แก่กัน ตรุษจีนปี 2568 ไม่ได้เป็นเพียงเทศกาล สำหรับชาวจีนเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสที่ทุกคน สามารถมีส่วนร่วมในประเพณี ที่เต็มไปด้วยสีสัน และความหมายดี ๆ ลองร่วมเฉลิมฉลองเทศกาลนี้ ด้วยการเรียนรู้ และเข้าใจวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ เพื่อเสริมสร้างความสุข และความมั่งคั่งให้กับตนเอง และครอบครัว ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 281035 ม.ค. 2568 #ตรุษจีน2568 #新正如意新年發財 #ChineseNewYear2025 #เทศกาลตรุษจีน #ประเพณีจีน #ตรุษจีนไทย #คำอวยพรตรุษจีน #อั่งเปา #อาหารมงคลตรุษจีน #โชคลาภตรุษจีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💖 เปิดดวงความรัก ต้อนรับเดือนแห่งความรัก ด้วยไพ่พรหมญาณ 💖
    ✨ กุมภาพันธ์นี้… ความรักของคุณจะเป็นอย่างไร?
    💘 คนโสดจะได้พบรักแท้หรือไม่?
    💍 ความสัมพันธ์ที่คบอยู่ จะไปต่อหรือพอแค่นี้?
    🔮 ไพ่พรหมญาณช่วยเปิดเส้นทางรัก ให้คำตอบที่คุณกำลังมองหา!
    .
    📌 โปรโมชั่นพิเศษต้อนรับเดือนแห่งความรัก
    💖 แพ็กเกจดูดวงเต็มรูปแบบ (60 นาที)
    ✔️ วิเคราะห์ดวงชะตา เจาะลึกทุกเรื่องที่คุณต้องการรู้
    ✔️ เปิดไพ่พรหมญาณ 12 ใบ เช็คพื้นฐานดวงในรอบ 1-3 เดือน
    ✔️ พ่วงด้วย การวิเคราะห์กราฟชีวิต เลข 7 ตัว ในรอบ 1-3 เดือน
    ✔️ เจาะคำถามค้างคาใจ ด้วยไพ่ 3 ใบ ไ่ม่จำกัดคำถาม
    ✔️ ดูแนวทางความรัก การงาน การเงิน เสริมโชคลาภ
    .
    💬 ให้ไพ่พรหมญาณนำทางหัวใจ และชีวิตคุณ 💖
    .
    การดูไพ่จึงเป็นเสมือนแนวทางในการพิจารณา ให้เรารู้เท่าทันทุกการดำเนินชีวิต ไม่ปล่อยให้ความประมาททำให้เราเสียโอกาส หรือผิดพลาดโดยไม่รู้ตัว ขอให้ทุกคนมีสติ และใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังที่สุด ในทุกช่วงเวลา
    .
    📲 สนใจทักมาได้เลย! 🔮✨
    มาพูดคุย แลกเปลี่ยนบทสนทนา ผ่านสื่อกลางด้วยไพ่พรหมญาณ สามารถติดต่อ สอบถาม ได้ที่
    FB: Nataphat Jacky Promayarn
    FB Fanpage: พรหมอ่านไพ่
    หรือ
    Line OA: 874idjbu
    คลิ๊ก 👉 https://lin.ee/Te57Hii
    .
    #ใดใดในโลกล้วนสายมู #พรหมอ่านไพ่ #พรหมญาณพยากรณ์ #พรหมญาณ๗๔ #ไพ่พรหมญาณ #เคียงข้างทุกปัญหาให้คุณค่าทุกการตัดสินใจ
    💖 เปิดดวงความรัก ต้อนรับเดือนแห่งความรัก ด้วยไพ่พรหมญาณ 💖 ✨ กุมภาพันธ์นี้… ความรักของคุณจะเป็นอย่างไร? 💘 คนโสดจะได้พบรักแท้หรือไม่? 💍 ความสัมพันธ์ที่คบอยู่ จะไปต่อหรือพอแค่นี้? 🔮 ไพ่พรหมญาณช่วยเปิดเส้นทางรัก ให้คำตอบที่คุณกำลังมองหา! . 📌 โปรโมชั่นพิเศษต้อนรับเดือนแห่งความรัก 💖 แพ็กเกจดูดวงเต็มรูปแบบ (60 นาที) ✔️ วิเคราะห์ดวงชะตา เจาะลึกทุกเรื่องที่คุณต้องการรู้ ✔️ เปิดไพ่พรหมญาณ 12 ใบ เช็คพื้นฐานดวงในรอบ 1-3 เดือน ✔️ พ่วงด้วย การวิเคราะห์กราฟชีวิต เลข 7 ตัว ในรอบ 1-3 เดือน ✔️ เจาะคำถามค้างคาใจ ด้วยไพ่ 3 ใบ ไ่ม่จำกัดคำถาม ✔️ ดูแนวทางความรัก การงาน การเงิน เสริมโชคลาภ . 💬 ให้ไพ่พรหมญาณนำทางหัวใจ และชีวิตคุณ 💖 . การดูไพ่จึงเป็นเสมือนแนวทางในการพิจารณา ให้เรารู้เท่าทันทุกการดำเนินชีวิต ไม่ปล่อยให้ความประมาททำให้เราเสียโอกาส หรือผิดพลาดโดยไม่รู้ตัว ขอให้ทุกคนมีสติ และใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังที่สุด ในทุกช่วงเวลา . 📲 สนใจทักมาได้เลย! 🔮✨ มาพูดคุย แลกเปลี่ยนบทสนทนา ผ่านสื่อกลางด้วยไพ่พรหมญาณ สามารถติดต่อ สอบถาม ได้ที่ FB: Nataphat Jacky Promayarn FB Fanpage: พรหมอ่านไพ่ หรือ Line OA: 874idjbu คลิ๊ก 👉 https://lin.ee/Te57Hii . #ใดใดในโลกล้วนสายมู #พรหมอ่านไพ่ #พรหมญาณพยากรณ์ #พรหมญาณ๗๔ #ไพ่พรหมญาณ #เคียงข้างทุกปัญหาให้คุณค่าทุกการตัดสินใจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💖 เปิดดวงความรัก ต้อนรับเดือนแห่งความรัก ด้วยไพ่พรหมญาณ 💖
    ✨ กุมภาพันธ์นี้… ความรักของคุณจะเป็นอย่างไร?
    💘 คนโสดจะได้พบรักแท้หรือไม่?
    💍 ความสัมพันธ์ที่คบอยู่ จะไปต่อหรือพอแค่นี้?
    🔮 ไพ่พรหมญาณช่วยเปิดเส้นทางรัก ให้คำตอบที่คุณกำลังมองหา!
    .
    📌 โปรโมชั่นพิเศษต้อนรับเดือนแห่งความรัก
    💖 แพ็กเกจดูดวงเต็มรูปแบบ (60 นาที)
    ✔️ วิเคราะห์ดวงชะตา เจาะลึกทุกเรื่องที่คุณต้องการรู้
    ✔️ เปิดไพ่พรหมญาณ 12 ใบ เช็คพื้นฐานดวงในรอบ 1-3 เดือน
    ✔️ พ่วงด้วย การวิเคราะห์กราฟชีวิต เลข 7 ตัว ในรอบ 1-3 เดือน
    ✔️ เจาะคำถามค้างคาใจ ด้วยไพ่ 3 ใบ ไ่ม่จำกัดคำถาม
    ✔️ ดูแนวทางความรัก การงาน การเงิน เสริมโชคลาภ
    .
    💬 ให้ไพ่พรหมญาณนำทางหัวใจ และชีวิตคุณ 💖
    .
    การดูไพ่จึงเป็นเสมือนแนวทางในการพิจารณา ให้เรารู้เท่าทันทุกการดำเนินชีวิต ไม่ปล่อยให้ความประมาททำให้เราเสียโอกาส หรือผิดพลาดโดยไม่รู้ตัว ขอให้ทุกคนมีสติ และใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังที่สุด ในทุกช่วงเวลา
    .
    📲 สนใจทักมาได้เลย! 🔮✨
    มาพูดคุย แลกเปลี่ยนบทสนทนา ผ่านสื่อกลางด้วยไพ่พรหมญาณ สามารถติดต่อ สอบถาม ได้ที่
    FB: Nataphat Jacky Promayarn
    FB Fanpage: พรหมอ่านไพ่
    หรือ
    Line OA: 874idjbu
    คลิ๊ก 👉 https://lin.ee/Te57Hii
    .
    #ใดใดในโลกล้วนสายมู #พรหมอ่านไพ่ #พรหมญาณพยากรณ์ #พรหมญาณ๗๔ #ไพ่พรหมญาณ #เคียงข้างทุกปัญหาให้คุณค่าทุกการตัดสินใจ
    💖 เปิดดวงความรัก ต้อนรับเดือนแห่งความรัก ด้วยไพ่พรหมญาณ 💖 ✨ กุมภาพันธ์นี้… ความรักของคุณจะเป็นอย่างไร? 💘 คนโสดจะได้พบรักแท้หรือไม่? 💍 ความสัมพันธ์ที่คบอยู่ จะไปต่อหรือพอแค่นี้? 🔮 ไพ่พรหมญาณช่วยเปิดเส้นทางรัก ให้คำตอบที่คุณกำลังมองหา! . 📌 โปรโมชั่นพิเศษต้อนรับเดือนแห่งความรัก 💖 แพ็กเกจดูดวงเต็มรูปแบบ (60 นาที) ✔️ วิเคราะห์ดวงชะตา เจาะลึกทุกเรื่องที่คุณต้องการรู้ ✔️ เปิดไพ่พรหมญาณ 12 ใบ เช็คพื้นฐานดวงในรอบ 1-3 เดือน ✔️ พ่วงด้วย การวิเคราะห์กราฟชีวิต เลข 7 ตัว ในรอบ 1-3 เดือน ✔️ เจาะคำถามค้างคาใจ ด้วยไพ่ 3 ใบ ไ่ม่จำกัดคำถาม ✔️ ดูแนวทางความรัก การงาน การเงิน เสริมโชคลาภ . 💬 ให้ไพ่พรหมญาณนำทางหัวใจ และชีวิตคุณ 💖 . การดูไพ่จึงเป็นเสมือนแนวทางในการพิจารณา ให้เรารู้เท่าทันทุกการดำเนินชีวิต ไม่ปล่อยให้ความประมาททำให้เราเสียโอกาส หรือผิดพลาดโดยไม่รู้ตัว ขอให้ทุกคนมีสติ และใช้ชีวิตอย่างระมัดระวังที่สุด ในทุกช่วงเวลา . 📲 สนใจทักมาได้เลย! 🔮✨ มาพูดคุย แลกเปลี่ยนบทสนทนา ผ่านสื่อกลางด้วยไพ่พรหมญาณ สามารถติดต่อ สอบถาม ได้ที่ FB: Nataphat Jacky Promayarn FB Fanpage: พรหมอ่านไพ่ หรือ Line OA: 874idjbu คลิ๊ก 👉 https://lin.ee/Te57Hii . #ใดใดในโลกล้วนสายมู #พรหมอ่านไพ่ #พรหมญาณพยากรณ์ #พรหมญาณ๗๔ #ไพ่พรหมญาณ #เคียงข้างทุกปัญหาให้คุณค่าทุกการตัดสินใจ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • ในวันเดียวกับที่ผมได้เปลี่ยนคำเรียกแฟนเป็นภรรยาอย่างเป็นทางการ สำนักพิมพ์ นิมิต ก็ได้ส่งไพ่ชุดใหม่ล่าสุดในเครืออย่าง 'Lucky in Love Tarot' มาให้ ขอบคุณมาก ๆ ครับสำหรับของขวัญแต่งงานชิ้นนี้ 🥰

    ทีนี้ก็มีเรื่องหนักใจสำหรับผมตามมา นั่นคือ ในเมื่อมีคนรีวิวไพ่ชุดนี้กันไปน่าจะเฉียดร้อยคนแล้ว (นับรวมทุกแพลตฟอร์ม) ถ้าอย่างนั้นจะมีอะไรเหลือให้ผมเขียนถึงอีก

    แต่พอดูดี ๆ แล้ว มันก็มีอยู่ประเด็นหนึ่งซึ่งผมยังไม่เจอใครกล่าวถึงเลย อย่างมากก็แค่แตะเผิน ๆ แต่ไม่ได้เจาะในประเด็นเดียวกับที่ผมต้องการสื่อ คนชอบฉวยโอกาสเป็นอาจิณอย่างผมก็สบช่องเลยครับ

    'Lucky in Love Tarot' เป็นไพ่ชุดใหม่ที่ สนพ.นิมิตและสยามออราเคิลต่อยอดจากผลงานเดิมใน 2 ระดับ ระดับแรกคือต่อยอดในธีมความรักความสัมพันธ์จากไพ่ 'รักออราเคิล' อีกระดับคือต่อยอดในความเป็นทาโรต์กึ่งออราเคิลจากขบวนไพ่อย่างชุด 'The Magic of Paper' 'Magic Planet Tarot' และ 'Fantasy Planet Tarot' (และในอนาคตจะมี 'Manga Tarot' ตามมา)

    ตัวไพ่พิมพ์ด้วยกระดาษอาร์ต 350 gsm เคลือบด้านแบบลินิน (สังเกตได้จากลายคล้ายตารางช่องถี่ ๆ บนหน้าไพ่) ไถขอบสีแดงสะท้อนแสงพร้อมลวดลายรูปประกายดาววิบวับ ภาพหลังไพ่ไม่ได้มีความสมมาตรจนนำไปใช้อ่านไพ่แบบกลับหัวได้ แต่ก็มีความสมดุลในแง่การวางโครงสร้างของตัวละคร ชาย-หญิง และ ผู้ใหญ่-เด็ก บรรจุในกล่องแข็งแบบฝาสวม

    ในสำรับมีไพ่ 80 ใบ แน่นอนว่า 78 ใบคือไพ่ตามระบบทาโรต์มาตรฐาน โดยวาดหน้าไพ่ใหม่ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนเมืองร่วมสมัย อีก 2 ใบเป็นไพ่พิเศษที่ผู้ผลิตเพิ่มเข้ามาเพื่อเฉลิมฉลองความแตกต่างหลากหลายทางเพศวิถีและรูปแบบความสัมพันธ์ไร้กรอบ ซึ่งก็ตอบรับกับวิถีชีวิตของคนในปัจจุบัน

    อย่างที่บอกไปว่าไพ่ชุดนี้ต่อยอดจากทาโรต์กึ่งออราเคิลชุดก่อน ๆ ของผู้ผลิต หน้าไพ่มีภาพที่ผู้ใช้สามารถดูแล้วตีความได้ง่าย ขณะเดียวกันที่แถบล่างของไพ่ก็มีคีย์เวิร์ด 2 ภาษา ซึ่งเป็นความหมายหลักของไพ่ทาโรต์ต้นฉบับ และเผื่อว่าคุณอยากรู้ว่าไพ่ต้นฉบับของไพ่ใบนั้น ๆ คือใบไหน ทาง สนพ. ก็ใส่ตัวเลขและสัญลักษณ์วัตถุมาไว้ให้เทียบเคียงในไพ่ด้วย ดังนั้น คุณสามารถเลือกตามสะดวกว่าอยากใช้ไพ่ชุดนี้ในฐานะทาโรต์ตามขนบหรือออราเคิลสายตีความภาพ + คีย์เวิร์ด

    อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ทั้งชื่อไพ่ ภาพหน้ากล่อง ตลอดจนการนำเสนอในแทบทุกช่องทางของผู้ผลิตจะบอกว่า ไพ่ชุดนี้เป็นไพ่ธีมความรักความสัมพันธ์ แต่ก็ไม่ใช่หน้าไพ่ทุกใบที่สื่อเรื่องความรักความสัมพันธ์ บางใบนำเสนอภาพของชีวิตปัจเจกในสังคมเมืองแบบที่พบเห็นได้ไม่ยากจากไพ่ร่วมสมัยหลายชุด ไม่ได้เน้นหนักเรื่องความรักความสัมพันธ์เท่าที่ควร ดังนั้นใครที่คาดหวังว่าจะใช้ไพ่ชุดนี้อ่านเจาะลึกเรื่องความรักความสัมพันธ์โดยอาศัยแค่หน้าไพ่อย่างเดียว บอกเลยว่าไม่น่าจะเวิร์กครับ ยกเว้นแต่สกิลการเชื่อมโยงความหมาย (+แถ) ของคุณจะสูงมาก

    โชคดีสำหรับพวกคุณที่ผู้ผลิตได้มอบสุดยอดตัวช่วยเพื่ออุดช่องโหว่ตรงนี้โดยเฉพาะ นั่นคือคู่มือเล่มเล็ก 2 ภาษาที่แถมมาในกล่องไพ่ ถ้าคุณได้อ่านเนื้อหาส่วนความหมายไพ่แต่ละใบ คุณจะพบว่าเป็นความหมายที่เจาะจงในเรื่องความรักความสัมพันธ์โดยเฉพาะ ที่สำคัญ มันเป็นความหมายด้านความรักความสัมพันธ์ที่สกัดมาจากสารบบความหมายของไพ่ทาโรต์ตามขนบอีกด้วย ดังนั้นคุณสามารถจำเอาไว้ใช้กับไพ่ชุดอื่น ๆ ได้อย่างแน่นอน

    สรุปแล้ว นี่เป็นไพ่ชุดที่อ่านได้ทั้งแบบทาโรต์ตามขนบและแบบออราเคิลสายตีความ และคู่มือเล่มเล็ก ๆ ของมันยังเป็นตำราเล่มจิ๋วเอาไว้ให้อ้างอิงและศึกษาต่อยอดในด้านความรักความสัมพันธ์ได้อีกด้วย

    ขอให้ทุกคน "Lucky in Love" ไม่ว่าจะเป็น Love ที่มอบให้ผู้อื่น ตัวเอง หรือสิ่งที่คุณมีแพชชั่นครับ 💖
    ในวันเดียวกับที่ผมได้เปลี่ยนคำเรียกแฟนเป็นภรรยาอย่างเป็นทางการ สำนักพิมพ์ นิมิต ก็ได้ส่งไพ่ชุดใหม่ล่าสุดในเครืออย่าง 'Lucky in Love Tarot' มาให้ ขอบคุณมาก ๆ ครับสำหรับของขวัญแต่งงานชิ้นนี้ 🥰 ทีนี้ก็มีเรื่องหนักใจสำหรับผมตามมา นั่นคือ ในเมื่อมีคนรีวิวไพ่ชุดนี้กันไปน่าจะเฉียดร้อยคนแล้ว (นับรวมทุกแพลตฟอร์ม) ถ้าอย่างนั้นจะมีอะไรเหลือให้ผมเขียนถึงอีก แต่พอดูดี ๆ แล้ว มันก็มีอยู่ประเด็นหนึ่งซึ่งผมยังไม่เจอใครกล่าวถึงเลย อย่างมากก็แค่แตะเผิน ๆ แต่ไม่ได้เจาะในประเด็นเดียวกับที่ผมต้องการสื่อ คนชอบฉวยโอกาสเป็นอาจิณอย่างผมก็สบช่องเลยครับ 'Lucky in Love Tarot' เป็นไพ่ชุดใหม่ที่ สนพ.นิมิตและสยามออราเคิลต่อยอดจากผลงานเดิมใน 2 ระดับ ระดับแรกคือต่อยอดในธีมความรักความสัมพันธ์จากไพ่ 'รักออราเคิล' อีกระดับคือต่อยอดในความเป็นทาโรต์กึ่งออราเคิลจากขบวนไพ่อย่างชุด 'The Magic of Paper' 'Magic Planet Tarot' และ 'Fantasy Planet Tarot' (และในอนาคตจะมี 'Manga Tarot' ตามมา) ตัวไพ่พิมพ์ด้วยกระดาษอาร์ต 350 gsm เคลือบด้านแบบลินิน (สังเกตได้จากลายคล้ายตารางช่องถี่ ๆ บนหน้าไพ่) ไถขอบสีแดงสะท้อนแสงพร้อมลวดลายรูปประกายดาววิบวับ ภาพหลังไพ่ไม่ได้มีความสมมาตรจนนำไปใช้อ่านไพ่แบบกลับหัวได้ แต่ก็มีความสมดุลในแง่การวางโครงสร้างของตัวละคร ชาย-หญิง และ ผู้ใหญ่-เด็ก บรรจุในกล่องแข็งแบบฝาสวม ในสำรับมีไพ่ 80 ใบ แน่นอนว่า 78 ใบคือไพ่ตามระบบทาโรต์มาตรฐาน โดยวาดหน้าไพ่ใหม่ให้สอดคล้องกับไลฟ์สไตล์คนเมืองร่วมสมัย อีก 2 ใบเป็นไพ่พิเศษที่ผู้ผลิตเพิ่มเข้ามาเพื่อเฉลิมฉลองความแตกต่างหลากหลายทางเพศวิถีและรูปแบบความสัมพันธ์ไร้กรอบ ซึ่งก็ตอบรับกับวิถีชีวิตของคนในปัจจุบัน อย่างที่บอกไปว่าไพ่ชุดนี้ต่อยอดจากทาโรต์กึ่งออราเคิลชุดก่อน ๆ ของผู้ผลิต หน้าไพ่มีภาพที่ผู้ใช้สามารถดูแล้วตีความได้ง่าย ขณะเดียวกันที่แถบล่างของไพ่ก็มีคีย์เวิร์ด 2 ภาษา ซึ่งเป็นความหมายหลักของไพ่ทาโรต์ต้นฉบับ และเผื่อว่าคุณอยากรู้ว่าไพ่ต้นฉบับของไพ่ใบนั้น ๆ คือใบไหน ทาง สนพ. ก็ใส่ตัวเลขและสัญลักษณ์วัตถุมาไว้ให้เทียบเคียงในไพ่ด้วย ดังนั้น คุณสามารถเลือกตามสะดวกว่าอยากใช้ไพ่ชุดนี้ในฐานะทาโรต์ตามขนบหรือออราเคิลสายตีความภาพ + คีย์เวิร์ด อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ทั้งชื่อไพ่ ภาพหน้ากล่อง ตลอดจนการนำเสนอในแทบทุกช่องทางของผู้ผลิตจะบอกว่า ไพ่ชุดนี้เป็นไพ่ธีมความรักความสัมพันธ์ แต่ก็ไม่ใช่หน้าไพ่ทุกใบที่สื่อเรื่องความรักความสัมพันธ์ บางใบนำเสนอภาพของชีวิตปัจเจกในสังคมเมืองแบบที่พบเห็นได้ไม่ยากจากไพ่ร่วมสมัยหลายชุด ไม่ได้เน้นหนักเรื่องความรักความสัมพันธ์เท่าที่ควร ดังนั้นใครที่คาดหวังว่าจะใช้ไพ่ชุดนี้อ่านเจาะลึกเรื่องความรักความสัมพันธ์โดยอาศัยแค่หน้าไพ่อย่างเดียว บอกเลยว่าไม่น่าจะเวิร์กครับ ยกเว้นแต่สกิลการเชื่อมโยงความหมาย (+แถ) ของคุณจะสูงมาก โชคดีสำหรับพวกคุณที่ผู้ผลิตได้มอบสุดยอดตัวช่วยเพื่ออุดช่องโหว่ตรงนี้โดยเฉพาะ นั่นคือคู่มือเล่มเล็ก 2 ภาษาที่แถมมาในกล่องไพ่ ถ้าคุณได้อ่านเนื้อหาส่วนความหมายไพ่แต่ละใบ คุณจะพบว่าเป็นความหมายที่เจาะจงในเรื่องความรักความสัมพันธ์โดยเฉพาะ ที่สำคัญ มันเป็นความหมายด้านความรักความสัมพันธ์ที่สกัดมาจากสารบบความหมายของไพ่ทาโรต์ตามขนบอีกด้วย ดังนั้นคุณสามารถจำเอาไว้ใช้กับไพ่ชุดอื่น ๆ ได้อย่างแน่นอน สรุปแล้ว นี่เป็นไพ่ชุดที่อ่านได้ทั้งแบบทาโรต์ตามขนบและแบบออราเคิลสายตีความ และคู่มือเล่มเล็ก ๆ ของมันยังเป็นตำราเล่มจิ๋วเอาไว้ให้อ้างอิงและศึกษาต่อยอดในด้านความรักความสัมพันธ์ได้อีกด้วย ขอให้ทุกคน "Lucky in Love" ไม่ว่าจะเป็น Love ที่มอบให้ผู้อื่น ตัวเอง หรือสิ่งที่คุณมีแพชชั่นครับ 💖
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความรักในสังสารวัฏ

    ในวัฏสงสาร ความรักเป็นเพียงสิ่งลวงที่ดูเหมือนจะให้ความอบอุ่น แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของ อนิจจัง และ ทุกขัง เพราะไม่ว่าจะสมหวังหรือผิดหวัง ความรักก็มักนำมาซึ่งความยึดมั่น และความยึดมั่นนี้เองที่เป็นต้นเหตุของความทุกข์

    แม้รักแท้ดูเหมือนมั่นคง แต่สุดท้ายก็ต้องพลัดพราก ไม่ว่าจะด้วยความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ หรือความตาย


    ---

    อริยสัจ 4 เบื้องต้น ผ่านอาการ "อกหัก"

    1. ทุกข์
    ทุกข์เกิดขึ้นเพราะการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก หรือการไม่ได้สิ่งที่ปรารถนา
    ทุกข์ในอาการอกหัก คือ ความเศร้า ความว้าเหว่ และการถวิลหาความรักที่จากไป


    2. สมุทัย
    เหตุแห่งทุกข์ คือ ตัณหา (ความทะยานอยาก)
    เราอยากให้คนรักอยู่กับเรา อยากให้เขาทำให้เรามีความสุข อยากให้ความสัมพันธ์เป็นไปตามที่เราคาดหวัง


    3. นิโรธ
    ความดับทุกข์เกิดจากการปล่อยวาง ยอมรับความจริงว่า ทุกสิ่งไม่เที่ยง
    เมื่อเรามองเห็นทุกข์และสาเหตุอย่างแจ่มชัด เราจะค่อยๆ คลายความยึดติด และพบกับความสงบในใจ


    4. มรรค
    ทางสู่ความดับทุกข์ คือการเจริญ สติ และ สมาธิ

    พิจารณาอารมณ์และความคิดของตนเอง

    ฝึกสังเกตอาการยึดมั่นและปล่อยวาง

    ใช้ปัญญาเห็นว่า ความรักและความทุกข์ทั้งปวงเป็นของชั่วคราว





    ---

    วิธีเจริญสติ เพื่อปล่อยวางความรักที่พลัดพราก

    1. ดูใจตนเอง
    เมื่อเกิดความเศร้า ให้พิจารณาว่าอารมณ์นั้นเป็นเพียง สภาวะของจิต ที่เกิดขึ้นชั่วคราว แล้วมันจะผ่านไป


    2. เห็นอารมณ์ตามจริง
    มองว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้น เช่น ความคิดถึงหรือความเศร้า เป็นเพียง "ปรากฏการณ์" ที่จิตปรุงแต่งขึ้น


    3. พิจารณาอนิจจัง
    ความรักที่เคยทำให้สุขใจ สุดท้ายก็กลายเป็นทุกข์ได้ เพราะทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนไม่เที่ยง


    4. ฝึกปล่อยวาง

    ยอมรับว่า คนรักที่จากไป ไม่ได้เป็นของเรา

    เห็นว่าความยึดติดนั้นนำมาซึ่งความทุกข์





    ---

    จากความรัก สู่ความวิเวกอันสงบ

    เมื่อเราสามารถปล่อยวางความรักหรือความยึดมั่นได้ จิตใจจะเริ่มรู้สึกเบาสบาย และสงบเย็น นี่คือความสุขที่แท้จริง ความสุขที่ไม่ต้องพึ่งพาใครหรือสิ่งใด

    จงฝึกเห็นความรักในฐานะธรรมชาติที่เกิดขึ้นและดับไป
    จงปลื้มใจในความวิเวก และค้นพบอิสรภาพทางใจแทน

    "เมื่อเราไม่ยึดติดในความรัก เราจะมอบความรักที่แท้จริงให้แก่ตนเองได้"

    ความรักในสังสารวัฏ ในวัฏสงสาร ความรักเป็นเพียงสิ่งลวงที่ดูเหมือนจะให้ความอบอุ่น แต่แท้จริงแล้วกลับเป็นอีกหนึ่งรูปแบบของ อนิจจัง และ ทุกขัง เพราะไม่ว่าจะสมหวังหรือผิดหวัง ความรักก็มักนำมาซึ่งความยึดมั่น และความยึดมั่นนี้เองที่เป็นต้นเหตุของความทุกข์ แม้รักแท้ดูเหมือนมั่นคง แต่สุดท้ายก็ต้องพลัดพราก ไม่ว่าจะด้วยความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ หรือความตาย --- อริยสัจ 4 เบื้องต้น ผ่านอาการ "อกหัก" 1. ทุกข์ ทุกข์เกิดขึ้นเพราะการพลัดพรากจากสิ่งที่รัก หรือการไม่ได้สิ่งที่ปรารถนา ทุกข์ในอาการอกหัก คือ ความเศร้า ความว้าเหว่ และการถวิลหาความรักที่จากไป 2. สมุทัย เหตุแห่งทุกข์ คือ ตัณหา (ความทะยานอยาก) เราอยากให้คนรักอยู่กับเรา อยากให้เขาทำให้เรามีความสุข อยากให้ความสัมพันธ์เป็นไปตามที่เราคาดหวัง 3. นิโรธ ความดับทุกข์เกิดจากการปล่อยวาง ยอมรับความจริงว่า ทุกสิ่งไม่เที่ยง เมื่อเรามองเห็นทุกข์และสาเหตุอย่างแจ่มชัด เราจะค่อยๆ คลายความยึดติด และพบกับความสงบในใจ 4. มรรค ทางสู่ความดับทุกข์ คือการเจริญ สติ และ สมาธิ พิจารณาอารมณ์และความคิดของตนเอง ฝึกสังเกตอาการยึดมั่นและปล่อยวาง ใช้ปัญญาเห็นว่า ความรักและความทุกข์ทั้งปวงเป็นของชั่วคราว --- วิธีเจริญสติ เพื่อปล่อยวางความรักที่พลัดพราก 1. ดูใจตนเอง เมื่อเกิดความเศร้า ให้พิจารณาว่าอารมณ์นั้นเป็นเพียง สภาวะของจิต ที่เกิดขึ้นชั่วคราว แล้วมันจะผ่านไป 2. เห็นอารมณ์ตามจริง มองว่าอารมณ์ที่เกิดขึ้น เช่น ความคิดถึงหรือความเศร้า เป็นเพียง "ปรากฏการณ์" ที่จิตปรุงแต่งขึ้น 3. พิจารณาอนิจจัง ความรักที่เคยทำให้สุขใจ สุดท้ายก็กลายเป็นทุกข์ได้ เพราะทุกสิ่งในโลกนี้ล้วนไม่เที่ยง 4. ฝึกปล่อยวาง ยอมรับว่า คนรักที่จากไป ไม่ได้เป็นของเรา เห็นว่าความยึดติดนั้นนำมาซึ่งความทุกข์ --- จากความรัก สู่ความวิเวกอันสงบ เมื่อเราสามารถปล่อยวางความรักหรือความยึดมั่นได้ จิตใจจะเริ่มรู้สึกเบาสบาย และสงบเย็น นี่คือความสุขที่แท้จริง ความสุขที่ไม่ต้องพึ่งพาใครหรือสิ่งใด จงฝึกเห็นความรักในฐานะธรรมชาติที่เกิดขึ้นและดับไป จงปลื้มใจในความวิเวก และค้นพบอิสรภาพทางใจแทน "เมื่อเราไม่ยึดติดในความรัก เราจะมอบความรักที่แท้จริงให้แก่ตนเองได้"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัมผัสประสบการณ์ความรักรูปแบบใหม่ กับตัวอย่างเสียงไทย
    Companion - คอมแพเนียน ❤️‍
    เปิดรอบพิเศษ 25-28 มกราคมนี้ รอบ 19.00 น. เป็นต้นไป
    ฉายจริง 29 มกราคม ในโรงภาพยนตร์และระบบ IMAX
    สัมผัสประสบการณ์ความรักรูปแบบใหม่ กับตัวอย่างเสียงไทย Companion - คอมแพเนียน ❤️‍ เปิดรอบพิเศษ 25-28 มกราคมนี้ รอบ 19.00 น. เป็นต้นไป ฉายจริง 29 มกราคม ในโรงภาพยนตร์และระบบ IMAX
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 13 0 รีวิว
  • เราเท่าเทียมกัน วันแห่งเสรีภาพ

    วันนี้คือวันใหม่ ประวัติศาสตร์ได้จารึก สิทธิของเรา ไม่ใช่แค่ฝันที่ไกลลิบ จูงมือเธอเดินไป หัวใจเต็มไปด้วยความหวัง วันนี้กฎหมายไม่แบ่งแยกเราอีกแล้ว

    เสียงหัวใจที่รอคอย บอกให้โลกรู้ว่าเราเท่าเทียม ปลดปล่อยความฝันที่เคยปิดไว้ เปิดประตูใจ ก้าวไปด้วยกัน

    * เพราะรักไม่เคยจำกัดเพศ ไม่ว่าฉันหรือเธอ เราเท่าเทียมกันในวันนี้ วันแห่งเสรีภาพ ยี่สิบสาม มกราคม สองห้าหกแปด เสียงหัวใจดังทั่วแผ่นดิน ร่วมเขียนตำนานบทใหม่ไปด้วยกัน

    จากอดีตถึงวันนี้ เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เราก็ไม่เคยหยุดฝัน ยืนหยัดเพื่อความจริง มือในมือเราแน่นแฟ้น ความรักของเราคือพลัง วันนี้แสงสว่างสะท้อนในดวงตา

    เสียงหัวใจที่รอคอย บอกให้โลกรู้ว่าเราเท่าเทียม ปลดปล่อยความฝันที่เคยปิดไว้ เปิดประตูใจ ก้าวไปด้วยกัน

    ซ้ำ *

    ปลดปล่อยความฝันที่เรามี กฎหมายไม่ใช่กำแพงอีกต่อไป เราจะยืนเคียงข้างกันไป ให้โลกได้เห็นพลังรักของเรา

    ซ้ำ *

    ยี่สิบสาม มกราคม สองห้าหกแปด วันที่รักและสิทธิเสรีภาพได้พบกัน วันนี้เรายืนด้วยกัน … อย่างเท่าเทียม

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 230600 ม.ค. 2568
    เราเท่าเทียมกัน วันแห่งเสรีภาพ วันนี้คือวันใหม่ ประวัติศาสตร์ได้จารึก สิทธิของเรา ไม่ใช่แค่ฝันที่ไกลลิบ จูงมือเธอเดินไป หัวใจเต็มไปด้วยความหวัง วันนี้กฎหมายไม่แบ่งแยกเราอีกแล้ว เสียงหัวใจที่รอคอย บอกให้โลกรู้ว่าเราเท่าเทียม ปลดปล่อยความฝันที่เคยปิดไว้ เปิดประตูใจ ก้าวไปด้วยกัน * เพราะรักไม่เคยจำกัดเพศ ไม่ว่าฉันหรือเธอ เราเท่าเทียมกันในวันนี้ วันแห่งเสรีภาพ ยี่สิบสาม มกราคม สองห้าหกแปด เสียงหัวใจดังทั่วแผ่นดิน ร่วมเขียนตำนานบทใหม่ไปด้วยกัน จากอดีตถึงวันนี้ เส้นทางไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ แต่เราก็ไม่เคยหยุดฝัน ยืนหยัดเพื่อความจริง มือในมือเราแน่นแฟ้น ความรักของเราคือพลัง วันนี้แสงสว่างสะท้อนในดวงตา เสียงหัวใจที่รอคอย บอกให้โลกรู้ว่าเราเท่าเทียม ปลดปล่อยความฝันที่เคยปิดไว้ เปิดประตูใจ ก้าวไปด้วยกัน ซ้ำ * ปลดปล่อยความฝันที่เรามี กฎหมายไม่ใช่กำแพงอีกต่อไป เราจะยืนเคียงข้างกันไป ให้โลกได้เห็นพลังรักของเรา ซ้ำ * ยี่สิบสาม มกราคม สองห้าหกแปด วันที่รักและสิทธิเสรีภาพได้พบกัน วันนี้เรายืนด้วยกัน … อย่างเท่าเทียม ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 230600 ม.ค. 2568
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 202 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • 23 มกราคม 2568 จุดเริ่มต้นใหม่ของสมรสเท่าเทียม ในประเทศไทย มีสิทธิ์รับมรดก และฟ้องชู้ เปิดประตูยอมรับ สิทธิความหลากหลายทางเพศ

    วันที่ 23 มกราคม 2568 ถือเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ ของประเทศไทย เมื่อกระทรวงมหาดไทย เปิดรับจดทะเบียนสมรส ตามกฎหมายสมรสเท่าเทียม ที่เริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ กฎหมายนี้เป็นส่วนหนึ่ง ของพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 ซึ่งเปลี่ยนแปลงนิยามของการสมรส ในประเทศไทยอย่างสิ้นเชิง โดยเปิดโอกาสให้บุคคล ไม่ว่ามีเพศใด สามารถจดทะเบียนสมรสกันได้

    กฎหมายใหม่นี้ ไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลง วิธีการมองสิทธิในความรัก และครอบครัว แต่ยังปรับปรุงบทบัญญัติต่างๆ ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ให้สอดคล้องกับแนวคิดความเท่าเทียม และความหลากหลายทางเพศ

    นิยามใหม่ของ "การสมรส"
    ก่อนการแก้ไข ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดให้การสมรส เป็นความสัมพันธ์ระหว่าง "ชายและหญิง" เท่านั้น แต่กฎหมายสมรสเท่าเทียม ได้ปรับเปลี่ยนนิยามนี้ โดยใช้คำว่า "บุคคลสองฝ่าย" แทน ซึ่งช่วยยืนยันว่าการสมรส ไม่จำกัดเฉพาะเพศอีกต่อไป

    นอกจากนี้ ยังมีการแก้ไขคำเรียก "สามี-ภริยา" ในเอกสารทางกฎหมาย ให้เป็นคำว่า "คู่สมรส" เพื่อสะท้อนถึงความเท่าเทียม ในความสัมพันธ์ อีกทั้งยังมีการปรับปรุง บทบัญญัติอื่นๆ เช่น
    - อายุขั้นต่ำสำหรับการสมรส จากเดิม 17 ปีบริบูรณ์ เพิ่มเป็น 18 ปีบริบูรณ์
    - ข้อกำหนดเรื่องความยินยอม ยังคงกำหนดว่าการสมรส ต้องแสดงความยินยอม ต่อหน้านายทะเบียนอย่างเปิดเผย
    - ข้อห้ามเกี่ยวกับการสมรส ยังคงข้อห้าม เช่น การสมรสซ้อน การสมรสกับญาติสืบสายโลหิต หรือการสมรสกับบุคคลวิกลจริต

    สิทธิและหน้าที่ของคู่สมรส
    1. สิทธิทางกฎหมาย
    กฎหมายสมรสเท่าเทียม ได้ขยายสิทธิและหน้าที่ ตามกฎหมายของคู่สมรส ให้ครอบคลุมทุกเพศ เช่น
    - สิทธิในการรับมรดก
    - สิทธิในการบรรจุเป็นข้าราชการ กรณีคู่สมรสเสียชีวิต
    - สิทธิในการรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน
    - สิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น การลดหย่อนภาษีคู่สมรส

    2. การจัดการทรัพย์สิน
    ทรัพย์สินของคู่สมรส ยังคงแบ่งออกเป็น สินส่วนตัว และ สินสมรส โดยสินสมรสจะเป็นทรัพย์สิน ที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส ซึ่งการจัดการสินสมรส เช่น การขายทรัพย์สิน จะต้องได้รับความยินยอม จากคู่สมรสอีกฝ่าย

    ข้อกังวลและความท้าทาย
    แม้ว่ากฎหมายสมรสเท่าเทียม จะเปิดทางสู่ความเท่าเทียม แต่ก็ยังมีข้อกังวลในแง่ของกฎหมายอื่น ที่ยังใช้คำว่า "สามี-ภริยา" และอาจต้องใช้เวลาในการปรับแก้ เช่น
    - กฎหมายบางฉบับ ที่ระบุสิทธิประโยชน์ เฉพาะสำหรับคู่ชาย-หญิง
    - การปรับปรุงระบบราชการ ให้รองรับกับนิยามคู่สมรสใหม่

    ข้อดีของกฎหมายสมรสเท่าเทียม
    สร้างความเท่าเทียมในสังคม
    การรับรองสิทธิการสมรสสำหรับทุกเพศ ช่วยส่งเสริมความเท่าเทียม และลดการเลือกปฏิบัติในสังคม

    เพิ่มความชัดเจนทางกฎหมาย
    การเปลี่ยนแปลงถ้อยคำ ในเอกสารทางกฎหมาย ช่วยลดความกำกวม และทำให้ทุกคน สามารถใช้สิทธิทางกฎหมาย ได้อย่างเท่าเทียม

    สนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ
    คู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศ สามารถจดทะเบียนสมรส กับชาวต่างชาติในประเทศไทยได้ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย

    กฎหมายสมรสเท่าเทียม ถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทย ในการสร้างสังคม ที่ยอมรับความหลากหลายทางเพศ และความเท่าเทียม กฎหมายนี้ไม่เพียงแต่ให้สิทธิและหน้าที่ ที่เท่าเทียมกันแก่คู่สมรสทุกเพศ แต่ยังสะท้อนถึง ความก้าวหน้าในเชิงกฎหมาย และสังคมของประเทศไทย

    🌈✨ "เพราะความรักคือสิทธิที่ทุกคน ควรได้รับอย่างเท่าเทียม"

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 2300559 ม.ค. 2568

    #สมรสเท่าเทียม #สิทธิมนุษยชน #ความเท่าเทียมทางเพศ #กฎหมายใหม่ #ประเทศไทย #LGBTQ+ #เสรีภาพและความเท่าเทียม #ความรักไม่มีเงื่อนไข #สมรสในไทย #สังคมแห่งความเท่าเทียม

    23 มกราคม 2568 จุดเริ่มต้นใหม่ของสมรสเท่าเทียม ในประเทศไทย มีสิทธิ์รับมรดก และฟ้องชู้ เปิดประตูยอมรับ สิทธิความหลากหลายทางเพศ วันที่ 23 มกราคม 2568 ถือเป็นวันสำคัญทางประวัติศาสตร์ ของประเทศไทย เมื่อกระทรวงมหาดไทย เปิดรับจดทะเบียนสมรส ตามกฎหมายสมรสเท่าเทียม ที่เริ่มมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ กฎหมายนี้เป็นส่วนหนึ่ง ของพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 24) พ.ศ. 2567 ซึ่งเปลี่ยนแปลงนิยามของการสมรส ในประเทศไทยอย่างสิ้นเชิง โดยเปิดโอกาสให้บุคคล ไม่ว่ามีเพศใด สามารถจดทะเบียนสมรสกันได้ กฎหมายใหม่นี้ ไม่เพียงแต่เปลี่ยนแปลง วิธีการมองสิทธิในความรัก และครอบครัว แต่ยังปรับปรุงบทบัญญัติต่างๆ ในประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ให้สอดคล้องกับแนวคิดความเท่าเทียม และความหลากหลายทางเพศ นิยามใหม่ของ "การสมรส" ก่อนการแก้ไข ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ กำหนดให้การสมรส เป็นความสัมพันธ์ระหว่าง "ชายและหญิง" เท่านั้น แต่กฎหมายสมรสเท่าเทียม ได้ปรับเปลี่ยนนิยามนี้ โดยใช้คำว่า "บุคคลสองฝ่าย" แทน ซึ่งช่วยยืนยันว่าการสมรส ไม่จำกัดเฉพาะเพศอีกต่อไป นอกจากนี้ ยังมีการแก้ไขคำเรียก "สามี-ภริยา" ในเอกสารทางกฎหมาย ให้เป็นคำว่า "คู่สมรส" เพื่อสะท้อนถึงความเท่าเทียม ในความสัมพันธ์ อีกทั้งยังมีการปรับปรุง บทบัญญัติอื่นๆ เช่น - อายุขั้นต่ำสำหรับการสมรส จากเดิม 17 ปีบริบูรณ์ เพิ่มเป็น 18 ปีบริบูรณ์ - ข้อกำหนดเรื่องความยินยอม ยังคงกำหนดว่าการสมรส ต้องแสดงความยินยอม ต่อหน้านายทะเบียนอย่างเปิดเผย - ข้อห้ามเกี่ยวกับการสมรส ยังคงข้อห้าม เช่น การสมรสซ้อน การสมรสกับญาติสืบสายโลหิต หรือการสมรสกับบุคคลวิกลจริต สิทธิและหน้าที่ของคู่สมรส 1. สิทธิทางกฎหมาย กฎหมายสมรสเท่าเทียม ได้ขยายสิทธิและหน้าที่ ตามกฎหมายของคู่สมรส ให้ครอบคลุมทุกเพศ เช่น - สิทธิในการรับมรดก - สิทธิในการบรรจุเป็นข้าราชการ กรณีคู่สมรสเสียชีวิต - สิทธิในการรับบุตรบุญธรรมร่วมกัน - สิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น การลดหย่อนภาษีคู่สมรส 2. การจัดการทรัพย์สิน ทรัพย์สินของคู่สมรส ยังคงแบ่งออกเป็น สินส่วนตัว และ สินสมรส โดยสินสมรสจะเป็นทรัพย์สิน ที่คู่สมรสได้มาระหว่างสมรส ซึ่งการจัดการสินสมรส เช่น การขายทรัพย์สิน จะต้องได้รับความยินยอม จากคู่สมรสอีกฝ่าย ข้อกังวลและความท้าทาย แม้ว่ากฎหมายสมรสเท่าเทียม จะเปิดทางสู่ความเท่าเทียม แต่ก็ยังมีข้อกังวลในแง่ของกฎหมายอื่น ที่ยังใช้คำว่า "สามี-ภริยา" และอาจต้องใช้เวลาในการปรับแก้ เช่น - กฎหมายบางฉบับ ที่ระบุสิทธิประโยชน์ เฉพาะสำหรับคู่ชาย-หญิง - การปรับปรุงระบบราชการ ให้รองรับกับนิยามคู่สมรสใหม่ ข้อดีของกฎหมายสมรสเท่าเทียม สร้างความเท่าเทียมในสังคม การรับรองสิทธิการสมรสสำหรับทุกเพศ ช่วยส่งเสริมความเท่าเทียม และลดการเลือกปฏิบัติในสังคม เพิ่มความชัดเจนทางกฎหมาย การเปลี่ยนแปลงถ้อยคำ ในเอกสารทางกฎหมาย ช่วยลดความกำกวม และทำให้ทุกคน สามารถใช้สิทธิทางกฎหมาย ได้อย่างเท่าเทียม สนับสนุนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ คู่รักที่มีความหลากหลายทางเพศ สามารถจดทะเบียนสมรส กับชาวต่างชาติในประเทศไทยได้ อย่างถูกต้องตามกฎหมาย กฎหมายสมรสเท่าเทียม ถือเป็นก้าวสำคัญของประเทศไทย ในการสร้างสังคม ที่ยอมรับความหลากหลายทางเพศ และความเท่าเทียม กฎหมายนี้ไม่เพียงแต่ให้สิทธิและหน้าที่ ที่เท่าเทียมกันแก่คู่สมรสทุกเพศ แต่ยังสะท้อนถึง ความก้าวหน้าในเชิงกฎหมาย และสังคมของประเทศไทย 🌈✨ "เพราะความรักคือสิทธิที่ทุกคน ควรได้รับอย่างเท่าเทียม" ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 2300559 ม.ค. 2568 #สมรสเท่าเทียม #สิทธิมนุษยชน #ความเท่าเทียมทางเพศ #กฎหมายใหม่ #ประเทศไทย #LGBTQ+ #เสรีภาพและความเท่าเทียม #ความรักไม่มีเงื่อนไข #สมรสในไทย #สังคมแห่งความเท่าเทียม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 251 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้อนรับเดือนมีนา ราคาจึ้งแล้วจึ้ง 6,996🔥🔥
    เที่ยว #เวียดนาม #ดานัง #ฮอยอัน #บานาฮิลล์ 🏰🔥

    🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน
    ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์
    🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐

    📍 บานาฮิลล์
    📍 POP MART
    📍 สะพานมือยักษ์
    📍 ตลาดฮอยอัน
    📍 เจ้าแม่กวนอิมวัดหลินอึ๋ง
    📍 Charming Show
    📍 สะพานมังกร
    📍 สะพานแห่งความรัก
    📍 นั่งเรือกระด้ง
    📍 ตลาดฮาน

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21ปี https://eTravelWay.com🔥
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire
    https://78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626
    Tiktok : https://78s.me/903597
    ☎️: 021166395

    #ทัวร์เวียดนาม #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    ต้อนรับเดือนมีนา ราคาจึ้งแล้วจึ้ง 6,996🔥🔥 เที่ยว #เวียดนาม #ดานัง #ฮอยอัน #บานาฮิลล์ 🏰🔥 🗓 จำนวนวัน 3 วัน 2 คืน ✈ VZ-ไทยเวียดเจ็ท แอร์ 🏨 พักโรงแรม ⭐⭐⭐ 📍 บานาฮิลล์ 📍 POP MART 📍 สะพานมือยักษ์ 📍 ตลาดฮอยอัน 📍 เจ้าแม่กวนอิมวัดหลินอึ๋ง 📍 Charming Show 📍 สะพานมังกร 📍 สะพานแห่งความรัก 📍 นั่งเรือกระด้ง 📍 ตลาดฮาน รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21ปี https://eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : https://78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก https://78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire https://78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire https://78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire https://78s.me/d43626 Tiktok : https://78s.me/903597 ☎️: 021166395 #ทัวร์เวียดนาม #จัดกรุ๊ปส่วนตัว #eTravelway #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #etravelwayfire #thaitimes #News1 #คิงส์โพธิ์แดง #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • ทัศนะนักวิเคราะห์ชาวจีนมองการเมืองอเมริกัน "ยุคของทรัมป์จะทำให้อเมริกาคล้ายจีนมากขึ้น"

    ก่อนอื่นเมื่อคืนนี้ อีลอน มัสก์ ทำเอาทั้งซ้ายและไม่ซ้ายสะดุ้งกันไปหมด เพราะขณะที่กำลังปราศรัยเขาก็ตบหน้าอกแล้วชูมือขึ้นทำท่าเหมือนการทักทาย (และแสดงพลัง) ของพวกฟาสซิสต์ 

    ผมเห็นท่านี้พร้อมกับคำที่เขาพูดว่า “My heart goes out to you,”  แล้วตบหน้าอกจากนั้นเหมือนเขวี้ยงหัวใจไปให้ผู้ฟัง ถ้าหยวนๆ หน่อยก็คิดว่าเขาแค่โยนหัวใจปันให้แฟนๆ บางคนก็บอกว่า "นี่มันแค่ Roman salute" 
    แต่ถ้าไม่หยวนกับมัสก์ก็อดคิดไม่ได้ว่า "นี่มันขวาจัดกันไปใหญ่แล้ว"

    ไม่ใช่เรื่องปกปิดอะไรที่มัสก์สนับสนุนฝ่ายขวาจัด ไม่ใช่แค่ในสหรัฐฯ แต่กำลังสนับสนุนในยุโรปด้วย เช่น มัสก์ประกาศจะหนุนทุนให้กับพรรค Reform UK ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดของสหราชอาณาจักร ต่อต้านผู้อพยพ และสนับสนุนชาตินิยมอังกฤษ

    มัสก์ ยังสนับสนุนพรรคขวาจัดในเยอรมนีโดยเขียนไว้ใน X ว่า "Only AfD can save Germany" - AfD คือชื่อย่อของพรรค "ทางเลือกเพื่อเยอรมนี" (Alternative für Deutschland) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายขวา ต่อต้านคนต่างด้าว ต่อต้านผู้อพยพ สนับสนุนค่านิยมคริสเตียนและไม่เอาชาวมุสลิม

    มัสก์และทีมทรัมป์กำลังฟอร์มแนวร่วมพลังขวาในโลกตะวันตก แน่นอนว่าคราวนี้ไม่ใช่แค่เล่นๆ เพราะทรัมป์มีอำนาจและมัสก์มีเงินและเครือข่าย

    แนวโน้มที่โลกตะวันตกกำลังจะขวาจัดๆ ฝ่ายจีนก็มองเห็นเรื่องนี้ หลังจากเลือกตั้งผมได้เขียนสรุปทัศนะของ "ทู่จู่ซี" (兔主席) ซึ่งเป็นนามปากกาของ "เริ่นอี้" (任意) นักเขียนคอลัมน์การเมืองชาวจีนที่ได้รับความนิยมในโซเชียลมีเดียจีน เขาถือเป็นกลุ่ม "หงซานไต้" (红三代) หรือลูกหลานรุ่นที่ 3 ของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นหลานชายของ เริ่นจ้งอี๋ (任仲夷) อดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนและอดีตเลขาธิการคนแรกของคณะกรรมการมณฑลกวางตุ้งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน  

    ในด้านความรู้ทางการเมืองตะวันตก เขาได้รับเชิญจากศาสตราจารย์ เอซรา ไฟเวล วอเกล (Ezra Feivel Vogel) นักจีนวิทยาชาวอเมริกัน และศาสตราจารย์ด้านสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ให้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยวิจัยเกี่ยวกับ "ยุคปฏิรูปของจีน" และช่วยเขาค้นคว้าเรื่อง "ยุคเติ้งเสี่ยวผิง" ต่อมาเขาได้รับปริญญาโทจากวิทยาลัยยการเมืองเคนเนดีของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและทำงานที่ศูนย์แฟร์แบงก์เพื่อการศึกษาเอเชียตะวันออก หลังจากสำเร็จการศึกษา เขาทำงานให้กับธนาคารเพื่อการลงทุนของจีนในปักกิ่ง

    เขาเขียนทัศนะด้านการเมืองเผยแพร่เป็นบทความในสื่อต่างๆ ของจีน รวมถึงในโซเชียลมีเดียของจีน ความคิดเห็นของเขามักถูกอ้างอิงโดยสื่อกระแสหลัก และ เขาอ้างว่าบทความบางบทความของเขาถูกใช้เป็น "ข้อมูลอ้างอิงภายใน" สำหรับเจ้าหน้าที่จีน โดยที่บทความของเขาในปี 2020 เรื่อง "ไม่ใช่รัฐบาลจีนที่ปลุกชาตินิยมจีน แต่เป็นนักการเมืองอเมริกัน" ได้รับการตีพิมพ์ซ้ำโดย People's Daily Online  

    1. "ทู่จู่ซี" มองว่า ชัยชนะของทรัมป์เหนือพรรคเดโมแครต คือ "ชัยชนะของการปฏิวัติระดับรากหญ้า" เขาชี้ว่าการเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายทรัมป์และฝ่ายแฮร์ริส โดยพื้นฐานแล้ว เป็นการเผชิญหน้าระหว่างคนระดับรากหญ้าและประชาชนคนสามัญของสหรัฐฯ กับกลุ่มผู้ปกครองชั้นนำของสหรัฐฯ และมองว่านี่คือยุทธศาสตร์ “ป่าล้อมเมือง” ซึ่งทัศนะนี้ของ "ทู่จู่ซี" คล้ายกับความเห็นของชาวอเมริกันบางคนที่ตำหนิว่าพรรคเดโมแครตทรยศฐานเสียงของตัวเองที่แต่เดิมเป็นพวกคนรากหญ้าและแรงงาน แต่หันมาเน้นเรื่องการเมืองชิงอัตลักษณ์ คือแนวคิดเรื่อง Woke และยังสนองวาระของกลุ่มชนชั้นนำด้วยการสนับสนุนสงครามในยูเครนและสงครามในตะวันออกกลาง ทำให้พรรครีพับลิกันหันมาจับกลุ่มรากหญ้าแทนจนประสบความสำเร็จ รวมถึงกลุ่มคนอเมริกันเชื้อสายตะวันออกกลาง

    2. "ทู่จู่ซี" มองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ และกระบวนการนั้นได้เสร็จสิ้นงแล้ว ซึ่งพรรครีพับลิกันได้กลายเป็นพรรคที่มีชนชั้นกลางและชั้นล่างเป็นรากฐานหลัก และผ่านการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรครีพับลิกันได้รวมเอาคนผิวสี ละติน และคนหนุ่มสาวเข้ามาด้วย ทำให้ภาพลักษณ์ของพรรครีพับลิกันไม่ใช่ตัวแทนของนายทุนใหญ่ นักอุตสาหกรรมใหญ่ นักการเงินใหญ่ และชนชั้นกระฎุมพี" อีกต่อไป แต่กลายเป็นพรรคของคนอเมริกันคนเดินดิน 

    3. "ทู่จู่ซี" ชี้ว่าทรัมป์ได้กลายเป็นประธานาธิบดีที่ทรงอำนาจที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา เพราะไม่เพียงแต่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี แต่พรรครีพับลิกันยังชนะการเลือกตั้งวุฒิสภา และคาดว่าจะรวบรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ ในเวลาเดียวกัน "ในศาลฎีกา พรรครีพับลิกัน/อนุรักษ์นิยมมีข้อได้เปรียบอย่างชัดเจนถึง 6:3 (รวมถึงผู้พิพากษาสามคนที่ทรัมป์คัดเลือกด้วยตัวเอง) ทั้งสามอำนาจรวมกันเป็นหนึ่ง และควรเห็นว่าพรรครีพับลิกันในปัจจุบันไม่ใช่พรรครีพับลิกันเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หรือพรรครีพับลิกันเมื่อ 8 ปีที่แล้ว แต่เป็นพรรคของทรัมป์เท่านั้น ชื่อที่เหมาะสมกว่าคือ พรรคทรัมป์ การรวมอำนาจและอิทธิพลนี้คงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์อเมริกา ทรัมป์อาจเป็นประธานาธิบดีที่มีอำนาจมากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา" 

    4. แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะมีประธานาธิบดีที่ทรงอำนาจที่สุดในประวัติศาสตร์ ได้รับการสนับสนุนอย่างกระตือรือร้นจากชาวอเมริกันกว่าครึ่งประเทศ แต่การเมืองของอเมริกาก็แตกแยกกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และสังคมก็แตกแยกกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน "ชาวอเมริกันครึ่งหนึ่งเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาได้เข้าสู่ยุคมืดแล้ว" ประชากรครึ่งหนึ่งเชื่อว่านักการเมืองอันธพาลที่มีนิสัยเลวร้ายอย่างยิ่ง เช่น ฮิตเลอร์ ฟาสซิสต์ และนาซี ได้ขึ้นมามีอำนาจ และจะทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายทุกสิ่งที่ประชาชนรู้เกี่ยวกับระบบของอเมริกาภายในสี่ปีข้างหน้า และนำประเทศไปในทิศทางอื่น พวกเขาสับสนและสิ้นหวังอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนเกี่ยวกับอนาคตของประเทศ

    สังคมการเมืองอเมริกันหลังการกลับเข้ามามีอำนาจของทรัมป์จะทำให้เกิดค่านิยมใหม่ "ทู่จู่ซี"  มองว่า

    1) ในแง่ของรัฐบาล ประการแรกคือการเสริมอำนาจของประธานาธิบดี/ฝ่ายบริหารอย่างมาก โดยประธานาธิบดีเป็นผู้นำศูนย์กลางทางการเมือง แผ่ขยายไปยังฝ่ายนิติบัญญัติและตุลาการ เพิ่มความเผด็จการ เพิ่มความเข้มข้นของการตัดสินใจ ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินการของรัฐบาล และลบขั้นตอนราชการที่ไม่จำเป็นออกจากระบบเก่า

    2) ในแง่นโยบายเศรษฐกิจและสังคมในประเทศ จะมุ่งที่ ระบบตลาดนิยม" นั่นคือการมีรัฐบาลขนาดเล็กเพื่อลดการแทรกแซงตลาด ลดภาษีให้ต่ำลง ลดกฎระเบียบในตลาดให้น้อยลง ใช้แรงผลักดันของตลาดเพื่อดึงดูดเงินทุนไหลกลับ เรียกร้องให้บริษัทอเมริกันกลับมายังสหรัฐอเมริกาเพื่อการลงทุนและการก่อสร้างเพิ่มเติม

    3) ในแง่วัฒนธรรมในประเทศ จะส่งเสริมและพัฒนาความเป็นชาตินิยม ความรักชาติ และชาตินิยมของอเมริกาอย่างเข้มแข็ง อยางที่ เจดี แวนซ์ (JD Vance) ว่าที่รองประธานาธิบดีบอกว่า สหรัฐอเมริกาเป็น "ชาติ" สร้างสถานะทางวัฒนธรรมที่คนผิวขาว และต่อต้านเสรีนิยม/พวกหัวก้าวหน้า/Woke รัฐบาลใหม่จะมีอิทธิพลและกำหนดรูปแบบสังคมอเมริกันผ่านคำสั่งของศาลฎีกา การตรากฎหมาย คำสั่งของรัฐบาล สุนทรพจน์ของผู้นำทางการเมืองและผู้นำทางความคิด

    4) ในแง่เศรษฐกิจต่างประเทศ ระบอบทรัมป์จะต่อต้านโลกาภิวัตน์ ต่อต้านการค้าเสรี ต่อต้านกรอบแนวคิดเสรีนิยมใหม่ ยกระดับการใช้เครื่องมือภาษีศุลกากรเพื่อกีดกันสินค้าจากต่างประเทศอย่างครอบคลุม เพื่อกดดันและจูงใจในการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศของสหรัฐฯ

    5) ในแง่การเมืองระหว่างประเทศ สหรัฐฯ ในยุคนี้จะ "ลัทธิโดดเดี่ยว" และ "ลัทธิไม่แทรกแซง" นั่นคือสหรัฐฯ จะหันมาสนใจเรื่องของตัวเองมากกขึ้นและไม่แทรกแซงกิจการต่างประเทศมากเท่าเดิม ลดการลงทุนในภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ (เช่น อันฉีดงบประมาณด้านสงคราม) ลดการใช้เงินไปกับการรักษาระเบียบระหว่างประเทศที่นำโดยสหรัฐฯ และประเมินความสัมพันธ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และพันธมิตรใหม่

    6) ในการบรรลุเป้าหมายข้างต้น รัฐบาลทรัมป์จะได้รับการสนับสนุนจาก อีลอน มัสก์ ผู้สนับสนุนคนสำคัญของเขาในการสร้างกลุ่มอำนาจ "ซิลิคอนวัลเลย์ใหม่" ซึ่งต่างจากกลุ่มซิลิคอนวัลเลย์ที่สนับสนุนเสรีนิยม "ซิลิคอนวัลเลย์ใหม่" จะเป็นการก่อตัวของพันธมิตรทางการเมืองใหม่ด้านเทคโนโลยี-อำนาจนิยม-อนุรักษ์นิยม

    แง่มุมสุดท้ายมีความน่าสนใจอยางยิ่ง เพราะจะเป็นการก่อตัวใหม่ของกลุ่มอำนาจใหม่ด้านการเมืองและธุรกิจเทค "ทู่จู่ซี" แสดงทัศนะว่า "ค่านิยมของชาวอเมริกันรุ่นใหม่ในประเด็นเศรษฐกิจนั้น “เอียงซ้าย” เชื่อในลัทธิก้าวหน้า เห็นอกเห็นใจลัทธิสังคมนิยม และไม่ต่อต้านลัทธิสังคมนิยม กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในแง่ของค่านิยมทางเศรษฐกิจ พวกเขาจะคล้ายคลึงกับเรา (จีน) ในอนาคตมากขึ้น การที่ทรัมป์ขึ้นสู่อำนาจจะเปลี่ยนทัศนคติของคนหนุ่มสาวในประเด็นเศรษฐกิจหรือไม่ เป็นเรื่องยากที่จะบอก" 

    "แต่ท้ายที่สุดแล้ว ทรัมป์เป็นพรรคการเมืองระดับรากหญ้า เป็นพรรคการเมืองประชานิยม และให้ความสำคัญกับการจ้างงานและการอยู่รอดของคนธรรมดาสามัญ ดังนั้น พรรคทรัมป์จึงสามารถรวมนโยบายเศรษฐกิจฝ่ายซ้ายได้ ในทางกลับกัน พันธมิตรทางการเมืองแบบเทคโน-เผด็จการ-อนุรักษ์นิยมของทรัมป์ (และมัสก์) จะนำลัทธิเผด็จการ การปกครองแบบเผด็จการ และความเป็นผู้นำที่เข้มแข็งมาสู่วัฒนธรรมการเมืองของอเมริกา ซึ่งจะคล้ายคลึงกับแนวทางของเอเชียตะวันออกมากขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง มีความเป็นไปได้ที่อเมริกาในอนาคตจะคล้ายคลึงกับเรา (จีน) มากขึ้น" 

    "ทู่จู่ซี" กล่าวไว้แบบนี้ และบทความนี้ได้รับความนิยมในจีนค่อนข้างมากในช่วงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใหม่ๆ

    ส่วนตัวผมค่อนข้างเห็นด้วยกับ "ทู่จู่ซี" และตามแนวโน้มความเป็นขวาที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในการเมืองสหรัฐฯ และยุโรปมาระยะหนึ่งแล้ว

    ที่มา เฟซบุ๊ก Kornkit Disthan
    https://www.facebook.com/share/p/149JGAqSR9/?
    ทัศนะนักวิเคราะห์ชาวจีนมองการเมืองอเมริกัน "ยุคของทรัมป์จะทำให้อเมริกาคล้ายจีนมากขึ้น" ก่อนอื่นเมื่อคืนนี้ อีลอน มัสก์ ทำเอาทั้งซ้ายและไม่ซ้ายสะดุ้งกันไปหมด เพราะขณะที่กำลังปราศรัยเขาก็ตบหน้าอกแล้วชูมือขึ้นทำท่าเหมือนการทักทาย (และแสดงพลัง) ของพวกฟาสซิสต์  ผมเห็นท่านี้พร้อมกับคำที่เขาพูดว่า “My heart goes out to you,”  แล้วตบหน้าอกจากนั้นเหมือนเขวี้ยงหัวใจไปให้ผู้ฟัง ถ้าหยวนๆ หน่อยก็คิดว่าเขาแค่โยนหัวใจปันให้แฟนๆ บางคนก็บอกว่า "นี่มันแค่ Roman salute"  แต่ถ้าไม่หยวนกับมัสก์ก็อดคิดไม่ได้ว่า "นี่มันขวาจัดกันไปใหญ่แล้ว" ไม่ใช่เรื่องปกปิดอะไรที่มัสก์สนับสนุนฝ่ายขวาจัด ไม่ใช่แค่ในสหรัฐฯ แต่กำลังสนับสนุนในยุโรปด้วย เช่น มัสก์ประกาศจะหนุนทุนให้กับพรรค Reform UK ซึ่งเป็นพรรคขวาจัดของสหราชอาณาจักร ต่อต้านผู้อพยพ และสนับสนุนชาตินิยมอังกฤษ มัสก์ ยังสนับสนุนพรรคขวาจัดในเยอรมนีโดยเขียนไว้ใน X ว่า "Only AfD can save Germany" - AfD คือชื่อย่อของพรรค "ทางเลือกเพื่อเยอรมนี" (Alternative für Deutschland) ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายขวา ต่อต้านคนต่างด้าว ต่อต้านผู้อพยพ สนับสนุนค่านิยมคริสเตียนและไม่เอาชาวมุสลิม มัสก์และทีมทรัมป์กำลังฟอร์มแนวร่วมพลังขวาในโลกตะวันตก แน่นอนว่าคราวนี้ไม่ใช่แค่เล่นๆ เพราะทรัมป์มีอำนาจและมัสก์มีเงินและเครือข่าย แนวโน้มที่โลกตะวันตกกำลังจะขวาจัดๆ ฝ่ายจีนก็มองเห็นเรื่องนี้ หลังจากเลือกตั้งผมได้เขียนสรุปทัศนะของ "ทู่จู่ซี" (兔主席) ซึ่งเป็นนามปากกาของ "เริ่นอี้" (任意) นักเขียนคอลัมน์การเมืองชาวจีนที่ได้รับความนิยมในโซเชียลมีเดียจีน เขาถือเป็นกลุ่ม "หงซานไต้" (红三代) หรือลูกหลานรุ่นที่ 3 ของสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นหลานชายของ เริ่นจ้งอี๋ (任仲夷) อดีตสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์จีนและอดีตเลขาธิการคนแรกของคณะกรรมการมณฑลกวางตุ้งของพรรคคอมมิวนิสต์จีน   ในด้านความรู้ทางการเมืองตะวันตก เขาได้รับเชิญจากศาสตราจารย์ เอซรา ไฟเวล วอเกล (Ezra Feivel Vogel) นักจีนวิทยาชาวอเมริกัน และศาสตราจารย์ด้านสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ให้ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยวิจัยเกี่ยวกับ "ยุคปฏิรูปของจีน" และช่วยเขาค้นคว้าเรื่อง "ยุคเติ้งเสี่ยวผิง" ต่อมาเขาได้รับปริญญาโทจากวิทยาลัยยการเมืองเคนเนดีของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและทำงานที่ศูนย์แฟร์แบงก์เพื่อการศึกษาเอเชียตะวันออก หลังจากสำเร็จการศึกษา เขาทำงานให้กับธนาคารเพื่อการลงทุนของจีนในปักกิ่ง เขาเขียนทัศนะด้านการเมืองเผยแพร่เป็นบทความในสื่อต่างๆ ของจีน รวมถึงในโซเชียลมีเดียของจีน ความคิดเห็นของเขามักถูกอ้างอิงโดยสื่อกระแสหลัก และ เขาอ้างว่าบทความบางบทความของเขาถูกใช้เป็น "ข้อมูลอ้างอิงภายใน" สำหรับเจ้าหน้าที่จีน โดยที่บทความของเขาในปี 2020 เรื่อง "ไม่ใช่รัฐบาลจีนที่ปลุกชาตินิยมจีน แต่เป็นนักการเมืองอเมริกัน" ได้รับการตีพิมพ์ซ้ำโดย People's Daily Online   1. "ทู่จู่ซี" มองว่า ชัยชนะของทรัมป์เหนือพรรคเดโมแครต คือ "ชัยชนะของการปฏิวัติระดับรากหญ้า" เขาชี้ว่าการเผชิญหน้าระหว่างฝ่ายทรัมป์และฝ่ายแฮร์ริส โดยพื้นฐานแล้ว เป็นการเผชิญหน้าระหว่างคนระดับรากหญ้าและประชาชนคนสามัญของสหรัฐฯ กับกลุ่มผู้ปกครองชั้นนำของสหรัฐฯ และมองว่านี่คือยุทธศาสตร์ “ป่าล้อมเมือง” ซึ่งทัศนะนี้ของ "ทู่จู่ซี" คล้ายกับความเห็นของชาวอเมริกันบางคนที่ตำหนิว่าพรรคเดโมแครตทรยศฐานเสียงของตัวเองที่แต่เดิมเป็นพวกคนรากหญ้าและแรงงาน แต่หันมาเน้นเรื่องการเมืองชิงอัตลักษณ์ คือแนวคิดเรื่อง Woke และยังสนองวาระของกลุ่มชนชั้นนำด้วยการสนับสนุนสงครามในยูเครนและสงครามในตะวันออกกลาง ทำให้พรรครีพับลิกันหันมาจับกลุ่มรากหญ้าแทนจนประสบความสำเร็จ รวมถึงกลุ่มคนอเมริกันเชื้อสายตะวันออกกลาง 2. "ทู่จู่ซี" มองว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ถือเป็นการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ในสหรัฐฯ และกระบวนการนั้นได้เสร็จสิ้นงแล้ว ซึ่งพรรครีพับลิกันได้กลายเป็นพรรคที่มีชนชั้นกลางและชั้นล่างเป็นรากฐานหลัก และผ่านการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรครีพับลิกันได้รวมเอาคนผิวสี ละติน และคนหนุ่มสาวเข้ามาด้วย ทำให้ภาพลักษณ์ของพรรครีพับลิกันไม่ใช่ตัวแทนของนายทุนใหญ่ นักอุตสาหกรรมใหญ่ นักการเงินใหญ่ และชนชั้นกระฎุมพี" อีกต่อไป แต่กลายเป็นพรรคของคนอเมริกันคนเดินดิน  3. "ทู่จู่ซี" ชี้ว่าทรัมป์ได้กลายเป็นประธานาธิบดีที่ทรงอำนาจที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา เพราะไม่เพียงแต่ทรัมป์ชนะการเลือกตั้งประธานาธิบดี แต่พรรครีพับลิกันยังชนะการเลือกตั้งวุฒิสภา และคาดว่าจะรวบรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้ ในเวลาเดียวกัน "ในศาลฎีกา พรรครีพับลิกัน/อนุรักษ์นิยมมีข้อได้เปรียบอย่างชัดเจนถึง 6:3 (รวมถึงผู้พิพากษาสามคนที่ทรัมป์คัดเลือกด้วยตัวเอง) ทั้งสามอำนาจรวมกันเป็นหนึ่ง และควรเห็นว่าพรรครีพับลิกันในปัจจุบันไม่ใช่พรรครีพับลิกันเมื่อ 4 ปีที่แล้ว หรือพรรครีพับลิกันเมื่อ 8 ปีที่แล้ว แต่เป็นพรรคของทรัมป์เท่านั้น ชื่อที่เหมาะสมกว่าคือ พรรคทรัมป์ การรวมอำนาจและอิทธิพลนี้คงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในประวัติศาสตร์อเมริกา ทรัมป์อาจเป็นประธานาธิบดีที่มีอำนาจมากที่สุดในประวัติศาสตร์อเมริกา"  4. แม้ว่าสหรัฐอเมริกาจะมีประธานาธิบดีที่ทรงอำนาจที่สุดในประวัติศาสตร์ ได้รับการสนับสนุนอย่างกระตือรือร้นจากชาวอเมริกันกว่าครึ่งประเทศ แต่การเมืองของอเมริกาก็แตกแยกกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และสังคมก็แตกแยกกันอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน "ชาวอเมริกันครึ่งหนึ่งเชื่อว่าสหรัฐอเมริกาได้เข้าสู่ยุคมืดแล้ว" ประชากรครึ่งหนึ่งเชื่อว่านักการเมืองอันธพาลที่มีนิสัยเลวร้ายอย่างยิ่ง เช่น ฮิตเลอร์ ฟาสซิสต์ และนาซี ได้ขึ้นมามีอำนาจ และจะทำทุกวิถีทางเพื่อทำลายทุกสิ่งที่ประชาชนรู้เกี่ยวกับระบบของอเมริกาภายในสี่ปีข้างหน้า และนำประเทศไปในทิศทางอื่น พวกเขาสับสนและสิ้นหวังอย่างไม่เคยปรากฏมาก่อนเกี่ยวกับอนาคตของประเทศ สังคมการเมืองอเมริกันหลังการกลับเข้ามามีอำนาจของทรัมป์จะทำให้เกิดค่านิยมใหม่ "ทู่จู่ซี"  มองว่า 1) ในแง่ของรัฐบาล ประการแรกคือการเสริมอำนาจของประธานาธิบดี/ฝ่ายบริหารอย่างมาก โดยประธานาธิบดีเป็นผู้นำศูนย์กลางทางการเมือง แผ่ขยายไปยังฝ่ายนิติบัญญัติและตุลาการ เพิ่มความเผด็จการ เพิ่มความเข้มข้นของการตัดสินใจ ปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินการของรัฐบาล และลบขั้นตอนราชการที่ไม่จำเป็นออกจากระบบเก่า 2) ในแง่นโยบายเศรษฐกิจและสังคมในประเทศ จะมุ่งที่ ระบบตลาดนิยม" นั่นคือการมีรัฐบาลขนาดเล็กเพื่อลดการแทรกแซงตลาด ลดภาษีให้ต่ำลง ลดกฎระเบียบในตลาดให้น้อยลง ใช้แรงผลักดันของตลาดเพื่อดึงดูดเงินทุนไหลกลับ เรียกร้องให้บริษัทอเมริกันกลับมายังสหรัฐอเมริกาเพื่อการลงทุนและการก่อสร้างเพิ่มเติม 3) ในแง่วัฒนธรรมในประเทศ จะส่งเสริมและพัฒนาความเป็นชาตินิยม ความรักชาติ และชาตินิยมของอเมริกาอย่างเข้มแข็ง อยางที่ เจดี แวนซ์ (JD Vance) ว่าที่รองประธานาธิบดีบอกว่า สหรัฐอเมริกาเป็น "ชาติ" สร้างสถานะทางวัฒนธรรมที่คนผิวขาว และต่อต้านเสรีนิยม/พวกหัวก้าวหน้า/Woke รัฐบาลใหม่จะมีอิทธิพลและกำหนดรูปแบบสังคมอเมริกันผ่านคำสั่งของศาลฎีกา การตรากฎหมาย คำสั่งของรัฐบาล สุนทรพจน์ของผู้นำทางการเมืองและผู้นำทางความคิด 4) ในแง่เศรษฐกิจต่างประเทศ ระบอบทรัมป์จะต่อต้านโลกาภิวัตน์ ต่อต้านการค้าเสรี ต่อต้านกรอบแนวคิดเสรีนิยมใหม่ ยกระดับการใช้เครื่องมือภาษีศุลกากรเพื่อกีดกันสินค้าจากต่างประเทศอย่างครอบคลุม เพื่อกดดันและจูงใจในการพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศของสหรัฐฯ 5) ในแง่การเมืองระหว่างประเทศ สหรัฐฯ ในยุคนี้จะ "ลัทธิโดดเดี่ยว" และ "ลัทธิไม่แทรกแซง" นั่นคือสหรัฐฯ จะหันมาสนใจเรื่องของตัวเองมากกขึ้นและไม่แทรกแซงกิจการต่างประเทศมากเท่าเดิม ลดการลงทุนในภูมิรัฐศาสตร์ระหว่างประเทศ (เช่น อันฉีดงบประมาณด้านสงคราม) ลดการใช้เงินไปกับการรักษาระเบียบระหว่างประเทศที่นำโดยสหรัฐฯ และประเมินความสัมพันธ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจระหว่างสหรัฐฯ และพันธมิตรใหม่ 6) ในการบรรลุเป้าหมายข้างต้น รัฐบาลทรัมป์จะได้รับการสนับสนุนจาก อีลอน มัสก์ ผู้สนับสนุนคนสำคัญของเขาในการสร้างกลุ่มอำนาจ "ซิลิคอนวัลเลย์ใหม่" ซึ่งต่างจากกลุ่มซิลิคอนวัลเลย์ที่สนับสนุนเสรีนิยม "ซิลิคอนวัลเลย์ใหม่" จะเป็นการก่อตัวของพันธมิตรทางการเมืองใหม่ด้านเทคโนโลยี-อำนาจนิยม-อนุรักษ์นิยม แง่มุมสุดท้ายมีความน่าสนใจอยางยิ่ง เพราะจะเป็นการก่อตัวใหม่ของกลุ่มอำนาจใหม่ด้านการเมืองและธุรกิจเทค "ทู่จู่ซี" แสดงทัศนะว่า "ค่านิยมของชาวอเมริกันรุ่นใหม่ในประเด็นเศรษฐกิจนั้น “เอียงซ้าย” เชื่อในลัทธิก้าวหน้า เห็นอกเห็นใจลัทธิสังคมนิยม และไม่ต่อต้านลัทธิสังคมนิยม กล่าวอีกนัยหนึ่ง ในแง่ของค่านิยมทางเศรษฐกิจ พวกเขาจะคล้ายคลึงกับเรา (จีน) ในอนาคตมากขึ้น การที่ทรัมป์ขึ้นสู่อำนาจจะเปลี่ยนทัศนคติของคนหนุ่มสาวในประเด็นเศรษฐกิจหรือไม่ เป็นเรื่องยากที่จะบอก"  "แต่ท้ายที่สุดแล้ว ทรัมป์เป็นพรรคการเมืองระดับรากหญ้า เป็นพรรคการเมืองประชานิยม และให้ความสำคัญกับการจ้างงานและการอยู่รอดของคนธรรมดาสามัญ ดังนั้น พรรคทรัมป์จึงสามารถรวมนโยบายเศรษฐกิจฝ่ายซ้ายได้ ในทางกลับกัน พันธมิตรทางการเมืองแบบเทคโน-เผด็จการ-อนุรักษ์นิยมของทรัมป์ (และมัสก์) จะนำลัทธิเผด็จการ การปกครองแบบเผด็จการ และความเป็นผู้นำที่เข้มแข็งมาสู่วัฒนธรรมการเมืองของอเมริกา ซึ่งจะคล้ายคลึงกับแนวทางของเอเชียตะวันออกมากขึ้น กล่าวอีกนัยหนึ่ง มีความเป็นไปได้ที่อเมริกาในอนาคตจะคล้ายคลึงกับเรา (จีน) มากขึ้น"  "ทู่จู่ซี" กล่าวไว้แบบนี้ และบทความนี้ได้รับความนิยมในจีนค่อนข้างมากในช่วงหลังการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ใหม่ๆ ส่วนตัวผมค่อนข้างเห็นด้วยกับ "ทู่จู่ซี" และตามแนวโน้มความเป็นขวาที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในการเมืองสหรัฐฯ และยุโรปมาระยะหนึ่งแล้ว ที่มา เฟซบุ๊ก Kornkit Disthan https://www.facebook.com/share/p/149JGAqSR9/?
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 325 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำคมใหม่ แต่เป็นสัจธรรมเก่า 91
    ความรักทำให้คนตาบอด และความรักอีกเช่นกัน ที่ทำให้คนตาดีได้ ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัยต่างๆมาประกอบด้วยเช่นกัน
    คำคมใหม่ แต่เป็นสัจธรรมเก่า 91 ความรักทำให้คนตาบอด และความรักอีกเช่นกัน ที่ทำให้คนตาดีได้ ซึ่งมันก็ขึ้นอยู่กับเหตุและปัจจัยต่างๆมาประกอบด้วยเช่นกัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำคมใหม่ แต่เป็นสัจธรรมเก่า 90
    จงใช้สมองและหัวใจน่าทางความรัก อย่าได้ใช้หัวใจนำทางความรักแต่เพียงอย่างเดียว มันจะพัง แล้วจะไปไม่ถึงฝั่งฝัน
    คำคมใหม่ แต่เป็นสัจธรรมเก่า 90 จงใช้สมองและหัวใจน่าทางความรัก อย่าได้ใช้หัวใจนำทางความรักแต่เพียงอย่างเดียว มันจะพัง แล้วจะไปไม่ถึงฝั่งฝัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 67 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำคมใหม่ แต่เป็นสัจธรรมเก่า 76
    ความรักนั้น เราไม่สามารถที่จะสัมผัสได้ แต่ความรักนั้น เราสามารถที่จะรู้สึกได้
    คำคมใหม่ แต่เป็นสัจธรรมเก่า 76 ความรักนั้น เราไม่สามารถที่จะสัมผัสได้ แต่ความรักนั้น เราสามารถที่จะรู้สึกได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • บันทึกบทความจากความรู้สึก 1
    ความรักเท่านั้น ที่ทำให้โลกนี้น่าอยู่ เพราะรักเท่านั้น ที่ทำให้ไม่มีสงครามเกิดขึ้นมาอีกต่อไป และตลอดไป
    ทำไมถึงต้องทำสงครามกันนัก อยู่กันดีๆไม่ได้กันเลยหรือ ทำไมต้องช่วงชิงกัน แก่งแย่งชิงดีกัน แข่งขันกันไปทำไม แล้วมันได้อะไรขึ้นมากันเล่า
    คนดีตายกันหมด ก็เพราะถูกทำร้าย ถูกทำลาย ถูกฆ่าให้ตาย
    เพียงเพื่อที่จะสนองกิเลสของตนเองและพวกพ้อง
    ใครที่มันเป็นผู้ที่ก่อสงครามก่อนนั้น ขอให้มันจงพินาศย่อยยับพังทลายดับสลายไป
    ทุกๆวันนี้ โลกไม่เคยจะสงบสุขเลย เพื่อนๆธรรมชาติต่างก็เดือดร้อนกัน เหล่าผองสรรพสัตว์ต่างก็เดือดร้อนกัน
    ก็เพราะว่ามนุษย์นั้น มันทำร้ายทำลายพวกเค้า พวกเค้าจึงโกรธเกรี้ยวกราด หันมาทำร้ายทำลายมนุษย์บ้าง
    แล้วมันเป็นยังไง มนุษย์และสัตว์โลกต่างก็ต้องได้รับผลกระทบจากความเดือดร้อนนี้กันถ้วนหน้ากัน
    เพียงแค่เพราะมนุษย์นั้นมันเห็นแก่ตัวกัน อยู่กับธรรมชาติและผองเหล่าสรรพสัตว์กันดีๆไม่ได้
    มันต้องทำลายกัน มันต้องทำร้ายกัน ผลสุดท้ายมนุษย์ก็เลยถูกทำลายบ้าง
    ก็เนื่องมาจากเหตุและผลที่สมควรและคู่ควรกันนั่นเอง
    ที่ทุกวันนี้โลกนี้มันไม่น่าอยู่ ก็เพราะมนุษย์มันขาดศีลขาดธรรมกัน ขาดความดี มีแต่ความชั่ว และผลสุดท้ายนี้โลกเราจะอยู่กันอย่างไร
    สักวันมนุษย์คงต้องสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ไปเข้าสักวันหนึ่ง ในฐานะที่เป็นผู้ก่อความเดือดร้อนให้กับโลก
    มันจะมีมั้ยสักวัน สักวันที่เราเหล่ามนุษย์นั้นจะกลับเนื้อกลับตัวกลับใจ แล้วหันมาทำความดีต่อกัน อย่างน้อยก็กับมนุษย์ด้วยกันเอง
    ฉันนัั้นก็ได้แต่หวังภวนาให้โลกนี้จักสงบสุข และน่าอยู่ขึ้นกว่าเดิมเหมือนดังในแต่ก่อนเก่านี้
    มันจะมีมั้ยวันนั้น วันที่โลกสงบสุข และเกิดสันติสุขขึ้นมาบนโลกใบนี้น่ะ
    ขอให้มันมีวันนั้นเร็วๆไวๆเถิด
    อย่างน้อยก็ขอให้สักวันมันต้องเป็นไปตามที่ทุกเหล่าสรรพสัตว์และทุกสรรพสิ่งได้คาดหวังเอาบ้างเถิดนะ
    มันมีเพียงวิธีนี้ วิธีเดียวเท่านั้นเอง คือ "รัก" เท่านั้น
    เพราะ "ความรัก" เท่านั้นเอง ที่จะสามารถทำให้โลกนี้เกิดความสงบสุขและมีสันติสุขเกิดขึ้นมาได้
    เพียงแค่เพราะ "รัก" เท่านั้นเอง
    เพียงแค่เพราะเราเข้าใจกัน เลิกจองเวรกัน ให้อภัยกัน และช่วยเหลือกัน เท่านี้โลกก็จะเกิดความสงบสุข และสันติสุขก็จักได้บังเกิดขึ้นมากับโลกใบนี้ ทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น แม้สักเพียงเล็กน้อยก็ยังดี สาธุ...
    บันทึกบทความจากความรู้สึก 1 ความรักเท่านั้น ที่ทำให้โลกนี้น่าอยู่ เพราะรักเท่านั้น ที่ทำให้ไม่มีสงครามเกิดขึ้นมาอีกต่อไป และตลอดไป ทำไมถึงต้องทำสงครามกันนัก อยู่กันดีๆไม่ได้กันเลยหรือ ทำไมต้องช่วงชิงกัน แก่งแย่งชิงดีกัน แข่งขันกันไปทำไม แล้วมันได้อะไรขึ้นมากันเล่า คนดีตายกันหมด ก็เพราะถูกทำร้าย ถูกทำลาย ถูกฆ่าให้ตาย เพียงเพื่อที่จะสนองกิเลสของตนเองและพวกพ้อง ใครที่มันเป็นผู้ที่ก่อสงครามก่อนนั้น ขอให้มันจงพินาศย่อยยับพังทลายดับสลายไป ทุกๆวันนี้ โลกไม่เคยจะสงบสุขเลย เพื่อนๆธรรมชาติต่างก็เดือดร้อนกัน เหล่าผองสรรพสัตว์ต่างก็เดือดร้อนกัน ก็เพราะว่ามนุษย์นั้น มันทำร้ายทำลายพวกเค้า พวกเค้าจึงโกรธเกรี้ยวกราด หันมาทำร้ายทำลายมนุษย์บ้าง แล้วมันเป็นยังไง มนุษย์และสัตว์โลกต่างก็ต้องได้รับผลกระทบจากความเดือดร้อนนี้กันถ้วนหน้ากัน เพียงแค่เพราะมนุษย์นั้นมันเห็นแก่ตัวกัน อยู่กับธรรมชาติและผองเหล่าสรรพสัตว์กันดีๆไม่ได้ มันต้องทำลายกัน มันต้องทำร้ายกัน ผลสุดท้ายมนุษย์ก็เลยถูกทำลายบ้าง ก็เนื่องมาจากเหตุและผลที่สมควรและคู่ควรกันนั่นเอง ที่ทุกวันนี้โลกนี้มันไม่น่าอยู่ ก็เพราะมนุษย์มันขาดศีลขาดธรรมกัน ขาดความดี มีแต่ความชั่ว และผลสุดท้ายนี้โลกเราจะอยู่กันอย่างไร สักวันมนุษย์คงต้องสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ไปเข้าสักวันหนึ่ง ในฐานะที่เป็นผู้ก่อความเดือดร้อนให้กับโลก มันจะมีมั้ยสักวัน สักวันที่เราเหล่ามนุษย์นั้นจะกลับเนื้อกลับตัวกลับใจ แล้วหันมาทำความดีต่อกัน อย่างน้อยก็กับมนุษย์ด้วยกันเอง ฉันนัั้นก็ได้แต่หวังภวนาให้โลกนี้จักสงบสุข และน่าอยู่ขึ้นกว่าเดิมเหมือนดังในแต่ก่อนเก่านี้ มันจะมีมั้ยวันนั้น วันที่โลกสงบสุข และเกิดสันติสุขขึ้นมาบนโลกใบนี้น่ะ ขอให้มันมีวันนั้นเร็วๆไวๆเถิด อย่างน้อยก็ขอให้สักวันมันต้องเป็นไปตามที่ทุกเหล่าสรรพสัตว์และทุกสรรพสิ่งได้คาดหวังเอาบ้างเถิดนะ มันมีเพียงวิธีนี้ วิธีเดียวเท่านั้นเอง คือ "รัก" เท่านั้น เพราะ "ความรัก" เท่านั้นเอง ที่จะสามารถทำให้โลกนี้เกิดความสงบสุขและมีสันติสุขเกิดขึ้นมาได้ เพียงแค่เพราะ "รัก" เท่านั้นเอง เพียงแค่เพราะเราเข้าใจกัน เลิกจองเวรกัน ให้อภัยกัน และช่วยเหลือกัน เท่านี้โลกก็จะเกิดความสงบสุข และสันติสุขก็จักได้บังเกิดขึ้นมากับโลกใบนี้ ทำให้โลกนี้น่าอยู่ขึ้น แม้สักเพียงเล็กน้อยก็ยังดี สาธุ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องของเงินทองของมีค่า
    เงินทองของมีค่าไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิตของเราหรอก เงินทองของมีค่าเหล่านั้นไม่สามารถที่จะซื้อทุกสิ่งทุกอย่างได้เสมอไปหรอกนะ
    มันไม่สามารถซื้อ ชีวิต เวลา ความตาย ความดีงาม เพื่อนแท้ ความรัก ความเป็นอมตะ บุญกุศล
    วาสนาบารมี และสิ่งต่างๆอย่างอื่นได้อีกมากมายหลายอย่างนัก
    เพราะฉะนั้นจงจำเอาไว้ว่า บางสิ่งบางอย่างนั้น มันต้องใช้สิ่งที่มีค่าเท่าเทียมกัน หรือ เหมือนกันกับที่เราปรารถนาอยากได้ มาแลกเปลี่ยนกันกลับไปนะ
    เรื่องของเงินทองของมีค่า เงินทองของมีค่าไม่ใช่ทุกสิ่งทุกอย่างของชีวิตของเราหรอก เงินทองของมีค่าเหล่านั้นไม่สามารถที่จะซื้อทุกสิ่งทุกอย่างได้เสมอไปหรอกนะ มันไม่สามารถซื้อ ชีวิต เวลา ความตาย ความดีงาม เพื่อนแท้ ความรัก ความเป็นอมตะ บุญกุศล วาสนาบารมี และสิ่งต่างๆอย่างอื่นได้อีกมากมายหลายอย่างนัก เพราะฉะนั้นจงจำเอาไว้ว่า บางสิ่งบางอย่างนั้น มันต้องใช้สิ่งที่มีค่าเท่าเทียมกัน หรือ เหมือนกันกับที่เราปรารถนาอยากได้ มาแลกเปลี่ยนกันกลับไปนะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • พันธมิตรฯคือ
    พันธมิตรฯคือ อุดมการณ์ ความดีงาม ความถูกต้อง ความกล้าหาญ การเสียสละ ความจริงใจ
    ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความสามัคคีกลมเกลียว ความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ โดยไม่มีผลประโยชน์อื่นใดแอบแฝงเลยแม้แต่น้อยเดียว นี่แหล่ะคือพันธมิตรฯล่ะ
    พันธมิตรฯคือ พันธมิตรฯคือ อุดมการณ์ ความดีงาม ความถูกต้อง ความกล้าหาญ การเสียสละ ความจริงใจ ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน ความสามัคคีกลมเกลียว ความรักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ โดยไม่มีผลประโยชน์อื่นใดแอบแฝงเลยแม้แต่น้อยเดียว นี่แหล่ะคือพันธมิตรฯล่ะ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 42 มุมมอง 0 รีวิว
  • คำคมใหม่ แต่เป็นสัจธรรมเก่า 38
    ใครที่มันล้อเล่นกับความรัก มันก็มักจะถูกความรักเล่นงาน
    แต่ถ้าใครที่จริงจังจริงใจกับความรัก เค้าก็มักจะได้ความรักในแบบที่จริงจังจริงใจกลับไป
    คำคมใหม่ แต่เป็นสัจธรรมเก่า 38 ใครที่มันล้อเล่นกับความรัก มันก็มักจะถูกความรักเล่นงาน แต่ถ้าใครที่จริงจังจริงใจกับความรัก เค้าก็มักจะได้ความรักในแบบที่จริงจังจริงใจกลับไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • วิญญูชนกับปุถุชน
    คำว่าวิญญูชนกับปุถุชนอาจจะเป็นคำที่เข้าใจได้ยาก แต่มันหมายถึงคนที่ดีกับคนธรรมดาทั่วๆไป นั่นล่ะคือความหมายที่ผมจะกล่าวถึง
    น้อยคนนักที่จะประพฤติตนในแบบวิญญูชนได้ และส่วนมากก็มักจะเป็นแค่ประชาชนคนธรรมดาเท่านั้น เพราะว่ามันไม่ได้เป็นกันได้ยากมากมายกันนักนั่นเอง
    วิญญูชนในความหมายของผมคือ บุคคลผู้ที่มีศีลธรรมและเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรมและจริยวัตรอันงดงามนั่นเอง ส่วนปุถุชนนั้น ในความหมายของผมนั้นหมายถึง บุคคลผู้ที่เป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่มีซึ่งกิเลสตัณหา มีซึ่งความรัก,โลภ,โกรธ,หลง อยู่มากมายเต็มเปี่ยมในหัวใจตนนั่นเอง
    คนเราถ้าว่าด้วยการขาดซึ่งศีลธรรมแล้วมันก็ไม่ต่างอะไรไปจากสัตว์เดรัจฉานดีๆตัวหนึ่งนั่นเอง ฉะนั้นเราถึงควรคิดตระหนักให้มั่นให้อยู่ในใจเราว่า เราจะเลือกซึ่งเส้นทางใดระหว่างวิญญูชนกับปุถุชน และถ้าโลกนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยคนที่ไร้ซึ่งศีลธรรมประจำใจตนแล้ว โลกเรามันคงวุ่นวายสับสนปั่นป่วนอลหม่านว้าวุ่นโว้งเว้งเคว้งคว้างมากๆเลย และเพราะผู้คนในโลกนี้ขาดซึ่งศีลธรรมกันมาก มันจึงทำให้โลกนี้เน่าเฟะไม่น่าอาศัยอยู่เอาเสียเลย สักวันมันคงจะไม่ต่างไปจากโลกแห่งสัตว์ดุร้ายสุดดุป่าเถื่อนกันถ้วนหน้า ซึ่งมันจะเต็มไปด้วยมาร,ภูติ,ผี,ปีศาจ,อสูร,สัตว์นรก,อมนุษย์ และตัวประหลาดเต็มเกลื่อนกลาดเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดไปทั่วกรุงทั่วนครกันเป็นแน่แท้จริงทีเดียวเชียว
    ท้ายที่สุดแล้วพวกเราจะใช้ชีวิตอยู่กันอย่างไรในสังคมโลกใบนี้กันนะ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันคงจะไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงถึงปานนั้นขั้นที่เราจะอาศัยอยู่ในที่ไหนแห่งหนใดไม่ได้อีกต่อไป และผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนคงจะเลือกเดินในเส้นทางที่ดีที่ถูกต้องดีงามกันมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้กันนะครับ
    วิญญูชนกับปุถุชน คำว่าวิญญูชนกับปุถุชนอาจจะเป็นคำที่เข้าใจได้ยาก แต่มันหมายถึงคนที่ดีกับคนธรรมดาทั่วๆไป นั่นล่ะคือความหมายที่ผมจะกล่าวถึง น้อยคนนักที่จะประพฤติตนในแบบวิญญูชนได้ และส่วนมากก็มักจะเป็นแค่ประชาชนคนธรรมดาเท่านั้น เพราะว่ามันไม่ได้เป็นกันได้ยากมากมายกันนักนั่นเอง วิญญูชนในความหมายของผมคือ บุคคลผู้ที่มีศีลธรรมและเพียบพร้อมไปด้วยคุณธรรมและจริยวัตรอันงดงามนั่นเอง ส่วนปุถุชนนั้น ในความหมายของผมนั้นหมายถึง บุคคลผู้ที่เป็นเพียงแค่คนธรรมดาที่มีซึ่งกิเลสตัณหา มีซึ่งความรัก,โลภ,โกรธ,หลง อยู่มากมายเต็มเปี่ยมในหัวใจตนนั่นเอง คนเราถ้าว่าด้วยการขาดซึ่งศีลธรรมแล้วมันก็ไม่ต่างอะไรไปจากสัตว์เดรัจฉานดีๆตัวหนึ่งนั่นเอง ฉะนั้นเราถึงควรคิดตระหนักให้มั่นให้อยู่ในใจเราว่า เราจะเลือกซึ่งเส้นทางใดระหว่างวิญญูชนกับปุถุชน และถ้าโลกนี้เต็มเปี่ยมไปด้วยคนที่ไร้ซึ่งศีลธรรมประจำใจตนแล้ว โลกเรามันคงวุ่นวายสับสนปั่นป่วนอลหม่านว้าวุ่นโว้งเว้งเคว้งคว้างมากๆเลย และเพราะผู้คนในโลกนี้ขาดซึ่งศีลธรรมกันมาก มันจึงทำให้โลกนี้เน่าเฟะไม่น่าอาศัยอยู่เอาเสียเลย สักวันมันคงจะไม่ต่างไปจากโลกแห่งสัตว์ดุร้ายสุดดุป่าเถื่อนกันถ้วนหน้า ซึ่งมันจะเต็มไปด้วยมาร,ภูติ,ผี,ปีศาจ,อสูร,สัตว์นรก,อมนุษย์ และตัวประหลาดเต็มเกลื่อนกลาดเต็มบ้านเต็มเมืองไปหมดไปทั่วกรุงทั่วนครกันเป็นแน่แท้จริงทีเดียวเชียว ท้ายที่สุดแล้วพวกเราจะใช้ชีวิตอยู่กันอย่างไรในสังคมโลกใบนี้กันนะ ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่ามันคงจะไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงถึงปานนั้นขั้นที่เราจะอาศัยอยู่ในที่ไหนแห่งหนใดไม่ได้อีกต่อไป และผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทุกคนคงจะเลือกเดินในเส้นทางที่ดีที่ถูกต้องดีงามกันมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบันนี้กันนะครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความรักของโลก
    เพราะมีความรัก โลกถึงน่าอยู่ แต่ต้องเป็นความรักที่ถูกต้องตามครรลองธรรม นั่นคือความรักที่แท้จริง
    ความรักของโลก เพราะมีความรัก โลกถึงน่าอยู่ แต่ต้องเป็นความรักที่ถูกต้องตามครรลองธรรม นั่นคือความรักที่แท้จริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 20 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทบาทของผู้พิทักษ์เสาหลักแต่ละคน
    ความสัมพันธ์ของหกเสาหลักผู้พิทักษ์ที่มีความเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งรายละเอียดมีดังต่อไปนี้คือ
    ผู้พิทักษ์คนที่หนึ่งแห่งองค์กร ราชาแห่งผืนดิน เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของผู้ที่คอยปกป้องเพื่อนพ้องจากการโจมตีจู่โจมต่อต้านจากศัตรู ซึ่งคอยช่วยเหลือเพื่อนพ้องยามมีภัยอันตรายต่างๆรุกล้ำเข้ามาในองค์กร ซึ่งเค้าเชี่ยวชาญทางด้านการป้องกันปกป้องเพื่อนพ้องจากภัยอันตรายต่างๆที่รุกล้ำเข้ามาหาเพื่อนพ้องที่เค้ารักและต้องการจะปกป้องซึ่งพลังที่แท้จริงของเค้านั้นจะแสดงอย่างเต็มที่ก็ต่อเมื่อมีผู้ที่ต้องคอยปกป้องอยู่ข้างหลัง และยิ่งมีผู้ที่ต้องคอยปกป้องมากเท่าไหร่พลังของเค้าก็จะยิ่งสำแดงเดชออกมามากยิ่งขึ้นเท่านั้น
    ผู้พิทักษ์คนที่สองแห่งองค์กร ราชินีแห่งสายน้ำ เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของผู้ที่คอยช่วยเหลือเยียวยารักษาบาดแผลให้กับเพื่อนพ้องยามเพื่อนพ้องได้รับบาดเจ็บได้รับอันตรายจากศัตรูภายนอก ซึ่งเธอเชี่ยวชาญทางด้านการรักษาความบาดเจ็บทั้งทางกายและใจ และเธอก็มักจะอ่อนโยนต่อเพื่อนพ้องของเธอเป็นพิเศษอีกด้วย เธอเป็นคนที่อ่อนโยนที่สุดในองค์กร
    ผู้พิทักษ์คนที่สามแห่งองค์กร ราชินีแห่งสายลม เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของผู้ที่คอยประสานงานช่วยเหลือเพื่อนพ้องในทางด้านต่างๆ โดยเฉพาะทางด้านการติดต่อสื่อสาร ค้นหาข้อมูลข่าวสารต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนพ้องของเธอ โดยเฉพาะข้อมูลของศัตรู อาทิเช่น จุดอ่อนจุดแข็งของศัตรู ซึ่งมีผลอย่างมากในการพิชิตศัตรูให้เพื่อนพ้องได้รับชัยชนะ ซึ่งเธอเชี่ยวชาญทางด้านข้อมูลข่าวสาร และเธอก็เป็นคนที่มีความคล่องตัวสูงอีกด้วย
    ผู้พิทักษ์คนที่สี่แห่งองค์กร ราชาแห่งเปลวเพลิง เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของผู้ที่เป็นกำลังรบหลักที่คอยทำให้เพื่อนพ้องได้รับชัยชนะ โดยการบุกทะลวงเข้าไปพิชิตศัตรูในค่ายต่างๆของศัตรู เค้าคือตัวแทนของหัวหมู่ทะลวงฟันผู้เป็นแม่ทัพขององค์กร ที่คอยทำหน้าที่ในทางด้านภาคปฏิบัติที่ทำให้แผนการรบประสบความสำเร็จและได้รับชัยชนะ เค้าเชี่ยวชาญทางด้านการรบและยุทธวิธีการรบต่างๆ เค้าเป็นผู้ที่มีพลังโจมตีสูงที่สุดในองค์กร และยังเป็นผู้ที่กล้าหาญมากอีกด้วย
    ผู้พิทักษ์คนที่ห้าแห่งองค์กร ราชินีแห่งแสงสว่าง เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนแห่งความถูกต้องดีงามและชอบธรรม เธอเป็นเสมือนพระแม่ผู้ให้ความรักและเมตตากับทุกคน เธอมักเป็นคนที่เปรียบเสมือนดั่งขวัญและกำลังใจหลักของทุกคนในองค์กร โดยปกติเธอจะเป็นมันสมองของทุกคนในองค์กร ซึ่งเธอเป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาดหลักแหลมและรอบครอบ แถมยังใส่ใจในทุกรายละเอียดอีกด้วย เธอเชี่ยวชาญทางด้านการวางกำลังรบต่างๆและเป็นคนที่กำกับบัญชาการการรบในทุกสมรภูมิ เธอเป็นคนใจดีที่สุดในองค์กรและเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวมากอีกด้วย
    ผู้พิทักษ์คนที่หกแห่งองค์กร ราชาแห่งความมืด เปรียบเสมือนดั่งผู้ที่เป็นหัวใจของทุกคนในองค์กร เค้าเป็นคนที่อารมณ์แปรปรวนง่ายมาก มีความอ่อนโยนและอ่อนไหวง่าย เค้ามีสัมผัสพิเศษที่รับรู้ถึงความรู้สึกของผู้อื่นได้อย่างแม่นยำ ซึ่งโดยปกติเค้ามักจะเป็นคนที่เงียบขรึมและดูดุดันน่ากลัว แต่แท้ที่จริงแล้วเค้ากลับไม่เคยที่จะคิดร้ายและอาฆาตมาดร้ายกับใครที่ไม่ใช่คนที่เค้าเกลียดชังโดยที่เป็นคู่อริศัตรูซึ่งได้ไปทำให้เค้าได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจมาก่อน เค้ามักจะให้อภัยศัตรูคู่อาฆาตโดยให้กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนใหม่ที่ดีอยู่เสมอ แต่ก็มีในบางครั้งที่เค้าสุดแสนที่จะทนกับความชั่วช้าของศัตรูของเค้าที่ไม่รู้จักกลับเนื้อกลับตัวกลับใจที่จะเป็นคนดี ซึ่งเป็นกรณีที่น้อยมากที่ทำให้เค้าจำใจต้องเป็นดั่งมัจจุราชที่พิพากษาลงโทษทัณฑ์ตามความเหมาะสมที่ควรกับโทษทัณฑ์ที่ควรได้ก่อเอาไว้นั่นเอง
    ผู้พิทักษ์คนที่เจ็ดแห่งองค์กร ราชันแห่งการรู้แจ้งและว่างเปล่า เปรียบเสมือนอาจารย์ของผู้พิทักษ์เสาหลักทั้งหกคนนั่นเอง เค้าเป็นคนที่คอยอบรมสั่งสอนวิธีปลดปล่อยพลังภายในและพลังจักรวาลให้กับศิษย์รักทั้งหกคนให้นำพลังวิเศษที่ได้รับมาไปใช้ในทางที่ถูกต้องดีงามและชอบธรรมกับทุกสรรพสิ่งบนโลก ซึ่งโดยปกติแล้วเค้าเป็นคนที่เข้มงวดมากๆ ซึ่งความเข้มงวดนี้เองที่คอยส่งผลให้ลูกศิษย์ทั้งหกคนได้ดำเนินรอยตามในหนทางที่ถูกต้องและดีงาม เพื่อประโยชน์สุขของเหล่าหมู่มวลสัตว์โลกนั่นเอง เค้าเชี่ยวชาญในทุกศาสตร์ทุกแขนงในจักรวาล เค้าเปรียบเสมือนดั่งพระพุทธเจ้าผู้ซึ่งจุติขึ้นมาบนโลกนี้เพื่อช่วยกอบกู้โลกที่แสนจะเสื่อมทรามและเน่าเฟะลงทุกทีๆ เค้าคือหนึ่งเดียว หรือ ผู้ปลดปล่อยนั่นเอง
    นี่คือบทบาทและภารกิจทั้งหมดอย่างคร่าวๆสำหรับผู้พิทักษ์เสาหลักในองค์กร ดิเอลเลเม้นท์ ซึ่งผู้ที่บรรลุธรรมเท่านั้นที่จะสามารถรับรู้ได้ในทุกรายละเอียดทั้งหมดนั่นเอง
    บทบาทของผู้พิทักษ์เสาหลักแต่ละคน ความสัมพันธ์ของหกเสาหลักผู้พิทักษ์ที่มีความเกื้อหนุนซึ่งกันและกัน ซึ่งรายละเอียดมีดังต่อไปนี้คือ ผู้พิทักษ์คนที่หนึ่งแห่งองค์กร ราชาแห่งผืนดิน เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของผู้ที่คอยปกป้องเพื่อนพ้องจากการโจมตีจู่โจมต่อต้านจากศัตรู ซึ่งคอยช่วยเหลือเพื่อนพ้องยามมีภัยอันตรายต่างๆรุกล้ำเข้ามาในองค์กร ซึ่งเค้าเชี่ยวชาญทางด้านการป้องกันปกป้องเพื่อนพ้องจากภัยอันตรายต่างๆที่รุกล้ำเข้ามาหาเพื่อนพ้องที่เค้ารักและต้องการจะปกป้องซึ่งพลังที่แท้จริงของเค้านั้นจะแสดงอย่างเต็มที่ก็ต่อเมื่อมีผู้ที่ต้องคอยปกป้องอยู่ข้างหลัง และยิ่งมีผู้ที่ต้องคอยปกป้องมากเท่าไหร่พลังของเค้าก็จะยิ่งสำแดงเดชออกมามากยิ่งขึ้นเท่านั้น ผู้พิทักษ์คนที่สองแห่งองค์กร ราชินีแห่งสายน้ำ เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของผู้ที่คอยช่วยเหลือเยียวยารักษาบาดแผลให้กับเพื่อนพ้องยามเพื่อนพ้องได้รับบาดเจ็บได้รับอันตรายจากศัตรูภายนอก ซึ่งเธอเชี่ยวชาญทางด้านการรักษาความบาดเจ็บทั้งทางกายและใจ และเธอก็มักจะอ่อนโยนต่อเพื่อนพ้องของเธอเป็นพิเศษอีกด้วย เธอเป็นคนที่อ่อนโยนที่สุดในองค์กร ผู้พิทักษ์คนที่สามแห่งองค์กร ราชินีแห่งสายลม เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของผู้ที่คอยประสานงานช่วยเหลือเพื่อนพ้องในทางด้านต่างๆ โดยเฉพาะทางด้านการติดต่อสื่อสาร ค้นหาข้อมูลข่าวสารต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อเพื่อนพ้องของเธอ โดยเฉพาะข้อมูลของศัตรู อาทิเช่น จุดอ่อนจุดแข็งของศัตรู ซึ่งมีผลอย่างมากในการพิชิตศัตรูให้เพื่อนพ้องได้รับชัยชนะ ซึ่งเธอเชี่ยวชาญทางด้านข้อมูลข่าวสาร และเธอก็เป็นคนที่มีความคล่องตัวสูงอีกด้วย ผู้พิทักษ์คนที่สี่แห่งองค์กร ราชาแห่งเปลวเพลิง เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนของผู้ที่เป็นกำลังรบหลักที่คอยทำให้เพื่อนพ้องได้รับชัยชนะ โดยการบุกทะลวงเข้าไปพิชิตศัตรูในค่ายต่างๆของศัตรู เค้าคือตัวแทนของหัวหมู่ทะลวงฟันผู้เป็นแม่ทัพขององค์กร ที่คอยทำหน้าที่ในทางด้านภาคปฏิบัติที่ทำให้แผนการรบประสบความสำเร็จและได้รับชัยชนะ เค้าเชี่ยวชาญทางด้านการรบและยุทธวิธีการรบต่างๆ เค้าเป็นผู้ที่มีพลังโจมตีสูงที่สุดในองค์กร และยังเป็นผู้ที่กล้าหาญมากอีกด้วย ผู้พิทักษ์คนที่ห้าแห่งองค์กร ราชินีแห่งแสงสว่าง เปรียบเสมือนดั่งตัวแทนแห่งความถูกต้องดีงามและชอบธรรม เธอเป็นเสมือนพระแม่ผู้ให้ความรักและเมตตากับทุกคน เธอมักเป็นคนที่เปรียบเสมือนดั่งขวัญและกำลังใจหลักของทุกคนในองค์กร โดยปกติเธอจะเป็นมันสมองของทุกคนในองค์กร ซึ่งเธอเป็นคนที่มีความเฉลียวฉลาดหลักแหลมและรอบครอบ แถมยังใส่ใจในทุกรายละเอียดอีกด้วย เธอเชี่ยวชาญทางด้านการวางกำลังรบต่างๆและเป็นคนที่กำกับบัญชาการการรบในทุกสมรภูมิ เธอเป็นคนใจดีที่สุดในองค์กรและเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวมากอีกด้วย ผู้พิทักษ์คนที่หกแห่งองค์กร ราชาแห่งความมืด เปรียบเสมือนดั่งผู้ที่เป็นหัวใจของทุกคนในองค์กร เค้าเป็นคนที่อารมณ์แปรปรวนง่ายมาก มีความอ่อนโยนและอ่อนไหวง่าย เค้ามีสัมผัสพิเศษที่รับรู้ถึงความรู้สึกของผู้อื่นได้อย่างแม่นยำ ซึ่งโดยปกติเค้ามักจะเป็นคนที่เงียบขรึมและดูดุดันน่ากลัว แต่แท้ที่จริงแล้วเค้ากลับไม่เคยที่จะคิดร้ายและอาฆาตมาดร้ายกับใครที่ไม่ใช่คนที่เค้าเกลียดชังโดยที่เป็นคู่อริศัตรูซึ่งได้ไปทำให้เค้าได้รับความเดือดเนื้อร้อนใจมาก่อน เค้ามักจะให้อภัยศัตรูคู่อาฆาตโดยให้กลับเนื้อกลับตัวเป็นคนใหม่ที่ดีอยู่เสมอ แต่ก็มีในบางครั้งที่เค้าสุดแสนที่จะทนกับความชั่วช้าของศัตรูของเค้าที่ไม่รู้จักกลับเนื้อกลับตัวกลับใจที่จะเป็นคนดี ซึ่งเป็นกรณีที่น้อยมากที่ทำให้เค้าจำใจต้องเป็นดั่งมัจจุราชที่พิพากษาลงโทษทัณฑ์ตามความเหมาะสมที่ควรกับโทษทัณฑ์ที่ควรได้ก่อเอาไว้นั่นเอง ผู้พิทักษ์คนที่เจ็ดแห่งองค์กร ราชันแห่งการรู้แจ้งและว่างเปล่า เปรียบเสมือนอาจารย์ของผู้พิทักษ์เสาหลักทั้งหกคนนั่นเอง เค้าเป็นคนที่คอยอบรมสั่งสอนวิธีปลดปล่อยพลังภายในและพลังจักรวาลให้กับศิษย์รักทั้งหกคนให้นำพลังวิเศษที่ได้รับมาไปใช้ในทางที่ถูกต้องดีงามและชอบธรรมกับทุกสรรพสิ่งบนโลก ซึ่งโดยปกติแล้วเค้าเป็นคนที่เข้มงวดมากๆ ซึ่งความเข้มงวดนี้เองที่คอยส่งผลให้ลูกศิษย์ทั้งหกคนได้ดำเนินรอยตามในหนทางที่ถูกต้องและดีงาม เพื่อประโยชน์สุขของเหล่าหมู่มวลสัตว์โลกนั่นเอง เค้าเชี่ยวชาญในทุกศาสตร์ทุกแขนงในจักรวาล เค้าเปรียบเสมือนดั่งพระพุทธเจ้าผู้ซึ่งจุติขึ้นมาบนโลกนี้เพื่อช่วยกอบกู้โลกที่แสนจะเสื่อมทรามและเน่าเฟะลงทุกทีๆ เค้าคือหนึ่งเดียว หรือ ผู้ปลดปล่อยนั่นเอง นี่คือบทบาทและภารกิจทั้งหมดอย่างคร่าวๆสำหรับผู้พิทักษ์เสาหลักในองค์กร ดิเอลเลเม้นท์ ซึ่งผู้ที่บรรลุธรรมเท่านั้นที่จะสามารถรับรู้ได้ในทุกรายละเอียดทั้งหมดนั่นเอง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 102 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts