• สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงาน ห้างดังฯ แจ้งจับ3 หนุ่มอเมริกัน เล่นพิเรนทร์โดดร่มชั้นดาดฟ้า พบกลุ่มผู้ก่อเหตุมีประวัติการลักลอบขึ้นอาคารสูงและก่อเหตุกระโดดร่มมาหลายอาคารในยุโรป และเอเชีย เป็นมืออาชีพ

    วันนี้ (2 ม.ค.) เพจ “POLICETV สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ได้โพสต์รายงานกรณี 3 หนุ่มอเมริกัน เล่นพิเรนทร์โดดร่มชั้นดาดฟ้าบนห้างย่านสุขุมวิท ทางห้างดังฯ แจ้งจับจ่อเอาผิดข้อหาบุกรุก

    ทางเพจรายงานว่า “กรณีผู้ใช้บัญชี Tiktok ชื่อ "armankremer" โพสต์คลิปวีดีโอลักษณะการเล่นกระโดดร่มบนอาคารสูงในประเทศไทย พร้อมข้อความระบุว่า "Business trip to Bangkok และแฮชแท็ก #bangkok #basejump #parachute #city #night #urban #urbex #basejumping #skydiving #parkour "

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000000459

    #MGROnline #โดดร่ม #ดาดฟ้า
    สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ รายงาน ห้างดังฯ แจ้งจับ3 หนุ่มอเมริกัน เล่นพิเรนทร์โดดร่มชั้นดาดฟ้า พบกลุ่มผู้ก่อเหตุมีประวัติการลักลอบขึ้นอาคารสูงและก่อเหตุกระโดดร่มมาหลายอาคารในยุโรป และเอเชีย เป็นมืออาชีพ • วันนี้ (2 ม.ค.) เพจ “POLICETV สถานีโทรทัศน์สำนักงานตำรวจแห่งชาติ” ได้โพสต์รายงานกรณี 3 หนุ่มอเมริกัน เล่นพิเรนทร์โดดร่มชั้นดาดฟ้าบนห้างย่านสุขุมวิท ทางห้างดังฯ แจ้งจับจ่อเอาผิดข้อหาบุกรุก • ทางเพจรายงานว่า “กรณีผู้ใช้บัญชี Tiktok ชื่อ "armankremer" โพสต์คลิปวีดีโอลักษณะการเล่นกระโดดร่มบนอาคารสูงในประเทศไทย พร้อมข้อความระบุว่า "Business trip to Bangkok และแฮชแท็ก #bangkok #basejump #parachute #city #night #urban #urbex #basejumping #skydiving #parkour " • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000000459 • #MGROnline #โดดร่ม #ดาดฟ้า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 305 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด้วยอัตราการเกิดที่ต่ำติดอันดับที่ 3 ของโลก ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอัตราการเกิดสูงขึ้นต่อเนื่อง จะส่งผลต่ออนาคตของประเทศไทยอย่างไร?

    เมื่อเร็วๆ นี้ ผมดูคลิปหนึ่งเรื่องความถดถอยของเกาหลีใต้ ตอนหนึ่งเอ่ยถึงอัตราการเกิดที่ต่ำมาก ซึ่งถ้าปล่อยไปแบบนี้เกาหลีใต้จะ "สิ้นชาติ" ภายในปี 2100 เพราะประชากร 70% จะหายไป

    แม้ว่าเกาหลีใต้จะทุ่มเงิน 2.7 แสนล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นอัตราการเกิด แต่ก็ไม่ได้ผล ซึ่งดูท่าว่าการใช้เงินจะไม่ได้ผลในประเทศอื่นด้วย เช่น ในญี่ปุ่น และสิงคโปร์

    เช่น การให้เงินอุดหนุนคนมีลูก หรือเพิ่มวันลาคลอดทั้งชายทั้งหญิงไปจนถึงรัฐบาลช่วยจับคู่ให้ประชากร ทั้งหมดดูจะล้มเหลว

    มีการเทียบสถานการณ์นี้กับสหภาพโซเวียตซึ่งในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษที่ 1960 จากอัตราการเกิดสูงถึง 24.9 คน/ประชากร 1,000 คน ในปี 1966 มาอยู่ที่ 17.4/ประชากร 1,000 คน

    ปัญหาเกิดจากอะไร? เกิดจากการพัฒนามากเกินไปแบบ "กระจุกตัว"

    จากเอกสารลับของ CIA (ตอนนี้ไม่ลับแล้ว) บอกว่า การที่อัตราการเกิดในโซเวียตต่ำเป็นเพราะการขยายตัวของเมือง (Urbanization) และการเปลี่ยนจากสังคมเกษตรเป็นอุตสาหกรรม

    ช่วงหนึ่งโซเวียตทำลายภาคเกษตรอย่างย่อยยับด้วยระบบคอมมูน ซึ่งทำให้การเกษตรล้มหลว จนเกษตรกรต้องอพยพเข้ามาอยูในเมืองและเป็นแรงงานโรงงาน ชีวิตคนเมืองแบบนี้ไม่เอื้อต่อการทำลูกมากๆ ต่างจากสังคมเกษตร

    ในเวลาเดียวกัน เมื่อคนแห่เข้ามาอยู่ในเมืองมากๆ ที่อาศัยในเมืองก็ไม่พอ ทำให้ยิ่งไม่เหมาะกับการมีลูกในแฟลตเล็กๆ ที่อยู่แออัดเหมือนรังหนู

    เมื่อคนมากขึ้นในเมือง แต่ภาคเกษตรล้ม ทำให้ของยิ่งแพง เศรษฐกิจแบบนี้คนจึงไม่อยากมีลูก

    ในเวลาเดียวกัน โซเวียตปลดปล่อยสิทธิสตรี ทำให้ผู้หญิงไม่ต้องผูกมัดกับการมีลูกเพื่อมีตัวตนในสังคม อีกทั้งยังให้สิทธิในการทำแท้งเสรี เมื่อผู้หญิงทำงานเท่าผู้ชาย ก็ไม่อยากจะมีลูกอีก

    ในกรณีของโซเวียต CIA วิเคราะห์ว่าอัตราการเกิดต่ำในปี 1960 ลงมาเพราะผู้หญิงออกมาทำงานและเรียนมากขึ้นถึง 90% แต่เมื่อดูจากสังคมญี่ปุ่นที่ผู้หญิงอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนมากกว่า แต่แล้วก็ยังมีอัตราเกิดต่ำที่สุดในโลก บางทีเรื่องนี้อาจไม่เกี่ยวกับผู้หญิงเลย

    และต่อมาอัตราเกิดของโซเวียตยิ่งต่ำกว่าสหรัฐฯ เสียอีก ซึ่งถือว่าเป็นปัญหามากในช่วงที่ทั้งสองประเทศทำสงครามเย็น หากแรงงานลดลง จะแข่งเรื่องการพัฒนาสร้างความก้าวหน้าไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการทำสงครามจริงๆ

    อีกปัญหาก็คือ สหภาพโซเวียตประกอบด้วยสาธารณรัฐและชนชาติต่างๆ มากมาย ในขณะที่ประชากรชาวรัสเซียลดลงฮวบฮาบ ประชากรชนชาติอื่นยิ่งเพิ่มสูงขึ้น และในที่สุดทำนายกันว่าภายในทศวรรษ 2000 ชาวรัสเซียจะไม่ใช่ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ

    ถามว่ารัสเซียนจะกลืนชนชาติอื่นมาเป็นตน (Russification) ได้ไหม? ตอบว่าทำไม่สำเร็จ เพราะกลุ่มที่เกิดมากกว่าไม่ยอมถูกลืนเป็นรัสเซียนและถืออัตลักษณ์ของตนมากกว่า

    ในประเด็นนี้ ผมเคยเสนอว่าวิธีการแก้ปัญหาอัตราการเกิดต่ำของไทย อาจแก้ด้วยการเปิดรับผู้อพยพที่มีทักษะเข้ามามากๆ แล้ว ทำให้พวกเขาเป็นไทย (Thaification) ด้วยการสร้างชาตินิยมไทยให้เข้มแข็ง เพื่อให้ "คนนอก" รู้สึกสำนึกว่าเป็น "คนใน" เช่นที่ไทยเคยทำ Thaification กับประชากรเชื้อชาติจีนสำเร็จมาแล้ว

    แต่เมื่อเห็นปัญหาของโซเวียตผมชักไม่แน่ใจว่าการเอาคนนอกเข้ามาเป็น "คนไทยใหม่" แทน "คนไทยเดิม" ที่เกิดน้อยลงเป็นไอเดียที่จะเวิร์กหรือไม่? ส่วนหนึ่งการทำลาย "ความภูมิใจในความเป็นไทย" ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้คนไทยบางคนก็ไม่อยากเป็นไทย แล้วคนนอกจะยังอยากเป็นไทยหรือ?

    ตัวอย่างเช่น ที่สหรัฐฯ อัตราการเกิดนับตั้งแต่ 1970 เป็นต้นมา ส่วนใหญ่มากจากแม่ที่เป็นผู้อพยพ ส่วนคนท้องถิ่นมีลูกน้อยลง แต่ปัญหาผู้อพยพในสหรัฐ ตอนนี้กำลังทำให้ประเทศแตกแยกอย่างหนัก

    บางทีการแก้ปัญหาหาอาจต้องเน้นการสร้างเด็กเกิดใหม่โดยคนท้องถิ่นเพิ่มขึ้นเป็นหลัก หากปัญหาของการไม่มีลูกอยู่ที่การกระจุกตัวของสังคมเมือง รัฐบาลก็ต้องกระจายโอกาสให้เมืองชนบทมากขึ้น

    คนทำเกษตรควรจะมีสวัสดิภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะพวกเขาอาจเป็นความหวังของการมีลูกมากว่าคนเมือง ดังนั้น แทนที่จะหนุนคนหนุ่มสาวในเมืองให้มีลูก รัฐควรเน้นที่นอกเมืองแทน

    กรณีของสหภาพโซเวียต CIA วิเคราะห์ว่า "เพราะปัญหาเมืองใหญ่ แต่บ้านเล็ก" นั่นคือ แม้เมืองจะโตขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนบ้านนอกเข้ามาเยอะ แต่การมีบ้านในเมืองเป็นเรื่องยาก ในปี 1967 อัตราพื้นที่อยู่อาศัยต่อหัวของโซเวียตอยู่ที่แค่ 7 ตร.ม. เท่านั้น ขนาดคนเดียวยังไม่รอด แล้วจะไปมีลูกได้อย่างไร และในทศวรรษที่ 1950 มีการสำรวจพบว่า 14% ที่ไม่มีลูกในเมืองแล้วเลือกทำแท้ง เพราะบ้านไม่พออยู่

    นี่ขนาดโซเวียตเป็นรัฐสังคมนิยมที่บ้านไม่ใช่ของแพง (แต่สร้างยาก) แล้วยังมีพื้นที่ประเทศใหญ่ที่สุดในโลก

    ดูเหมือนที่อยู่แพงและหายากและเล็กจิ๋ว จะเป็นปัญหาของคนจีน เกาหลี สิงคโปร์ และญี่ปุ่นด้วย เพระาคนเยอะแต่ดินแดนมีจำกัด

    แต่สหรัฐฯ ในช่วง 1970 อัตรการเกิดสูงมาก เนื่องจากเป็นยุคเศรษฐกิจบูม บ้านราคาไม่แพง และภาคเกษตรไม่ตกต่ำและยืนเคียงข้างภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ดูเหมือนการพัฒนาจะไม่กระจุกในเมือง เพราะมีเขตรอบนอกเมือง และชนบทที่เข้าถึงการปัจจัยในการดำรงชีพได้พอๆ กัน

    ในกรณีของสหรัฐฯ ปี 1970 เป็นต้นมามีปัญหาหนึ่งคล้ายกับไทย คือ "ท้องนอกสมรสกันเยอะ" แต่เพราะทำแท้งยาก ลูกก็เลยเต็มเมือง แต่เมื่อลูกแบบนี้เยอะก็ไม่เป็นปัญหา เพราะเข้าถึงการศึกษาได้ถ้วนหน้า

    อัตราการเกิดของสหรัฐฯ จะคึกมาถึงทศวรรษที่ 1990 เลยด้วยซ้ำตามสภาวะเศรษฐกิจ หลังจากนั้นก็ลดลงเพราะ "จักรวรรดิเศรษฐกิจเริ่มพังทลาย" และสังคมแตกแยกสูง จนตั้งแง่กับผู้อพยพอย่างหนัก

    ดังนั้นเมื่อมองมาที่ไทย ถ้ารัฐบาลอยากให้มีลูก ไม่ควรจะแจกเงินเท่านั้นเพราจะตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ควรจะไปแก้ที่ปัจจัยสี่แห่งการมีลูก คือ บ้านต้องมีกันได้ง่ายๆ (บ้านไม่แพง) สาธารณสุขต้องครบครัน (มีลูกต้องไม่แพง) คนชนทบทต้องไม่หนีเข้ามาในเมือง (มีงานและโอกาสทั่วถึง) และควรให้สวัสดิการผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย (เช่นวันหยุดเพิ่มเติมสำหรับคนที่ตั้งใจหรือกำลังมีลูก)

    ถ้าปัจจัยครบ รัฐบาลไม่ต้องเสียเวลาบังคับให้ใครมีลูก เดี๋ยวเขาจะมีกันเอง

    หรือถ้ามีกระตุ้นให้มีลูกกันเองไม่ได้ บางทีอาจจะต้องอาศัยการรับผู้อพบพเข้ามาแล้วทำให้เป็นคนไทยโดยสมบูรณ์ อย่างในกรณีของสหรัฐมีผู้อพยพจากประเทศที่มีอัตราการเจริญพันธุ์สูงอย่างต่อเนื่อง เมื่อเข้ามาอยู่แล้วก็ถือเป็น "อเมริกัน" ไม่ใช่คนชาติเดิมอีก บางทีเราต้องดูตัวอย่างการกลืน (Assimilation) แบบสหรัฐฯ ด้วย

    ปัจจัยสี่แห่งการมีลูกนี้ผมนึกเอาเอง ผมคิดว่าหลายคนก็คงมีไอเดียอื่นๆ ด้วย และที่เล่ามานั้นไม่ใช่ถูกหรือผิด เพียงแค่อยากจะแบ่งปันวิธีแก้ปัญหาของชาติเท่านั้น ไม่ได้อยากจะอวดดีอวดเก่งอะไร



    Kornkit Disthan
    ด้วยอัตราการเกิดที่ต่ำติดอันดับที่ 3 ของโลก ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านอัตราการเกิดสูงขึ้นต่อเนื่อง จะส่งผลต่ออนาคตของประเทศไทยอย่างไร? เมื่อเร็วๆ นี้ ผมดูคลิปหนึ่งเรื่องความถดถอยของเกาหลีใต้ ตอนหนึ่งเอ่ยถึงอัตราการเกิดที่ต่ำมาก ซึ่งถ้าปล่อยไปแบบนี้เกาหลีใต้จะ "สิ้นชาติ" ภายในปี 2100 เพราะประชากร 70% จะหายไป แม้ว่าเกาหลีใต้จะทุ่มเงิน 2.7 แสนล้านดอลลาร์เพื่อกระตุ้นอัตราการเกิด แต่ก็ไม่ได้ผล ซึ่งดูท่าว่าการใช้เงินจะไม่ได้ผลในประเทศอื่นด้วย เช่น ในญี่ปุ่น และสิงคโปร์ เช่น การให้เงินอุดหนุนคนมีลูก หรือเพิ่มวันลาคลอดทั้งชายทั้งหญิงไปจนถึงรัฐบาลช่วยจับคู่ให้ประชากร ทั้งหมดดูจะล้มเหลว มีการเทียบสถานการณ์นี้กับสหภาพโซเวียตซึ่งในช่วงครึ่งหลังของทศวรรษที่ 1960 จากอัตราการเกิดสูงถึง 24.9 คน/ประชากร 1,000 คน ในปี 1966 มาอยู่ที่ 17.4/ประชากร 1,000 คน ปัญหาเกิดจากอะไร? เกิดจากการพัฒนามากเกินไปแบบ "กระจุกตัว" จากเอกสารลับของ CIA (ตอนนี้ไม่ลับแล้ว) บอกว่า การที่อัตราการเกิดในโซเวียตต่ำเป็นเพราะการขยายตัวของเมือง (Urbanization) และการเปลี่ยนจากสังคมเกษตรเป็นอุตสาหกรรม ช่วงหนึ่งโซเวียตทำลายภาคเกษตรอย่างย่อยยับด้วยระบบคอมมูน ซึ่งทำให้การเกษตรล้มหลว จนเกษตรกรต้องอพยพเข้ามาอยูในเมืองและเป็นแรงงานโรงงาน ชีวิตคนเมืองแบบนี้ไม่เอื้อต่อการทำลูกมากๆ ต่างจากสังคมเกษตร ในเวลาเดียวกัน เมื่อคนแห่เข้ามาอยู่ในเมืองมากๆ ที่อาศัยในเมืองก็ไม่พอ ทำให้ยิ่งไม่เหมาะกับการมีลูกในแฟลตเล็กๆ ที่อยู่แออัดเหมือนรังหนู เมื่อคนมากขึ้นในเมือง แต่ภาคเกษตรล้ม ทำให้ของยิ่งแพง เศรษฐกิจแบบนี้คนจึงไม่อยากมีลูก ในเวลาเดียวกัน โซเวียตปลดปล่อยสิทธิสตรี ทำให้ผู้หญิงไม่ต้องผูกมัดกับการมีลูกเพื่อมีตัวตนในสังคม อีกทั้งยังให้สิทธิในการทำแท้งเสรี เมื่อผู้หญิงทำงานเท่าผู้ชาย ก็ไม่อยากจะมีลูกอีก ในกรณีของโซเวียต CIA วิเคราะห์ว่าอัตราการเกิดต่ำในปี 1960 ลงมาเพราะผู้หญิงออกมาทำงานและเรียนมากขึ้นถึง 90% แต่เมื่อดูจากสังคมญี่ปุ่นที่ผู้หญิงอยู่กับเหย้าเฝ้ากับเรือนมากกว่า แต่แล้วก็ยังมีอัตราเกิดต่ำที่สุดในโลก บางทีเรื่องนี้อาจไม่เกี่ยวกับผู้หญิงเลย และต่อมาอัตราเกิดของโซเวียตยิ่งต่ำกว่าสหรัฐฯ เสียอีก ซึ่งถือว่าเป็นปัญหามากในช่วงที่ทั้งสองประเทศทำสงครามเย็น หากแรงงานลดลง จะแข่งเรื่องการพัฒนาสร้างความก้าวหน้าไม่ได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงการทำสงครามจริงๆ อีกปัญหาก็คือ สหภาพโซเวียตประกอบด้วยสาธารณรัฐและชนชาติต่างๆ มากมาย ในขณะที่ประชากรชาวรัสเซียลดลงฮวบฮาบ ประชากรชนชาติอื่นยิ่งเพิ่มสูงขึ้น และในที่สุดทำนายกันว่าภายในทศวรรษ 2000 ชาวรัสเซียจะไม่ใช่ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ ถามว่ารัสเซียนจะกลืนชนชาติอื่นมาเป็นตน (Russification) ได้ไหม? ตอบว่าทำไม่สำเร็จ เพราะกลุ่มที่เกิดมากกว่าไม่ยอมถูกลืนเป็นรัสเซียนและถืออัตลักษณ์ของตนมากกว่า ในประเด็นนี้ ผมเคยเสนอว่าวิธีการแก้ปัญหาอัตราการเกิดต่ำของไทย อาจแก้ด้วยการเปิดรับผู้อพยพที่มีทักษะเข้ามามากๆ แล้ว ทำให้พวกเขาเป็นไทย (Thaification) ด้วยการสร้างชาตินิยมไทยให้เข้มแข็ง เพื่อให้ "คนนอก" รู้สึกสำนึกว่าเป็น "คนใน" เช่นที่ไทยเคยทำ Thaification กับประชากรเชื้อชาติจีนสำเร็จมาแล้ว แต่เมื่อเห็นปัญหาของโซเวียตผมชักไม่แน่ใจว่าการเอาคนนอกเข้ามาเป็น "คนไทยใหม่" แทน "คนไทยเดิม" ที่เกิดน้อยลงเป็นไอเดียที่จะเวิร์กหรือไม่? ส่วนหนึ่งการทำลาย "ความภูมิใจในความเป็นไทย" ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ทำให้คนไทยบางคนก็ไม่อยากเป็นไทย แล้วคนนอกจะยังอยากเป็นไทยหรือ? ตัวอย่างเช่น ที่สหรัฐฯ อัตราการเกิดนับตั้งแต่ 1970 เป็นต้นมา ส่วนใหญ่มากจากแม่ที่เป็นผู้อพยพ ส่วนคนท้องถิ่นมีลูกน้อยลง แต่ปัญหาผู้อพยพในสหรัฐ ตอนนี้กำลังทำให้ประเทศแตกแยกอย่างหนัก บางทีการแก้ปัญหาหาอาจต้องเน้นการสร้างเด็กเกิดใหม่โดยคนท้องถิ่นเพิ่มขึ้นเป็นหลัก หากปัญหาของการไม่มีลูกอยู่ที่การกระจุกตัวของสังคมเมือง รัฐบาลก็ต้องกระจายโอกาสให้เมืองชนบทมากขึ้น คนทำเกษตรควรจะมีสวัสดิภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพราะพวกเขาอาจเป็นความหวังของการมีลูกมากว่าคนเมือง ดังนั้น แทนที่จะหนุนคนหนุ่มสาวในเมืองให้มีลูก รัฐควรเน้นที่นอกเมืองแทน กรณีของสหภาพโซเวียต CIA วิเคราะห์ว่า "เพราะปัญหาเมืองใหญ่ แต่บ้านเล็ก" นั่นคือ แม้เมืองจะโตขึ้นเรื่อยๆ เพราะคนบ้านนอกเข้ามาเยอะ แต่การมีบ้านในเมืองเป็นเรื่องยาก ในปี 1967 อัตราพื้นที่อยู่อาศัยต่อหัวของโซเวียตอยู่ที่แค่ 7 ตร.ม. เท่านั้น ขนาดคนเดียวยังไม่รอด แล้วจะไปมีลูกได้อย่างไร และในทศวรรษที่ 1950 มีการสำรวจพบว่า 14% ที่ไม่มีลูกในเมืองแล้วเลือกทำแท้ง เพราะบ้านไม่พออยู่ นี่ขนาดโซเวียตเป็นรัฐสังคมนิยมที่บ้านไม่ใช่ของแพง (แต่สร้างยาก) แล้วยังมีพื้นที่ประเทศใหญ่ที่สุดในโลก ดูเหมือนที่อยู่แพงและหายากและเล็กจิ๋ว จะเป็นปัญหาของคนจีน เกาหลี สิงคโปร์ และญี่ปุ่นด้วย เพระาคนเยอะแต่ดินแดนมีจำกัด แต่สหรัฐฯ ในช่วง 1970 อัตรการเกิดสูงมาก เนื่องจากเป็นยุคเศรษฐกิจบูม บ้านราคาไม่แพง และภาคเกษตรไม่ตกต่ำและยืนเคียงข้างภาคอุตสาหกรรม นอกจากนี้ ดูเหมือนการพัฒนาจะไม่กระจุกในเมือง เพราะมีเขตรอบนอกเมือง และชนบทที่เข้าถึงการปัจจัยในการดำรงชีพได้พอๆ กัน ในกรณีของสหรัฐฯ ปี 1970 เป็นต้นมามีปัญหาหนึ่งคล้ายกับไทย คือ "ท้องนอกสมรสกันเยอะ" แต่เพราะทำแท้งยาก ลูกก็เลยเต็มเมือง แต่เมื่อลูกแบบนี้เยอะก็ไม่เป็นปัญหา เพราะเข้าถึงการศึกษาได้ถ้วนหน้า อัตราการเกิดของสหรัฐฯ จะคึกมาถึงทศวรรษที่ 1990 เลยด้วยซ้ำตามสภาวะเศรษฐกิจ หลังจากนั้นก็ลดลงเพราะ "จักรวรรดิเศรษฐกิจเริ่มพังทลาย" และสังคมแตกแยกสูง จนตั้งแง่กับผู้อพยพอย่างหนัก ดังนั้นเมื่อมองมาที่ไทย ถ้ารัฐบาลอยากให้มีลูก ไม่ควรจะแจกเงินเท่านั้นเพราจะตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ควรจะไปแก้ที่ปัจจัยสี่แห่งการมีลูก คือ บ้านต้องมีกันได้ง่ายๆ (บ้านไม่แพง) สาธารณสุขต้องครบครัน (มีลูกต้องไม่แพง) คนชนทบทต้องไม่หนีเข้ามาในเมือง (มีงานและโอกาสทั่วถึง) และควรให้สวัสดิการผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย (เช่นวันหยุดเพิ่มเติมสำหรับคนที่ตั้งใจหรือกำลังมีลูก) ถ้าปัจจัยครบ รัฐบาลไม่ต้องเสียเวลาบังคับให้ใครมีลูก เดี๋ยวเขาจะมีกันเอง หรือถ้ามีกระตุ้นให้มีลูกกันเองไม่ได้ บางทีอาจจะต้องอาศัยการรับผู้อพบพเข้ามาแล้วทำให้เป็นคนไทยโดยสมบูรณ์ อย่างในกรณีของสหรัฐมีผู้อพยพจากประเทศที่มีอัตราการเจริญพันธุ์สูงอย่างต่อเนื่อง เมื่อเข้ามาอยู่แล้วก็ถือเป็น "อเมริกัน" ไม่ใช่คนชาติเดิมอีก บางทีเราต้องดูตัวอย่างการกลืน (Assimilation) แบบสหรัฐฯ ด้วย ปัจจัยสี่แห่งการมีลูกนี้ผมนึกเอาเอง ผมคิดว่าหลายคนก็คงมีไอเดียอื่นๆ ด้วย และที่เล่ามานั้นไม่ใช่ถูกหรือผิด เพียงแค่อยากจะแบ่งปันวิธีแก้ปัญหาของชาติเท่านั้น ไม่ได้อยากจะอวดดีอวดเก่งอะไร Kornkit Disthan
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 328 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ผมทำตามคำสั่งของหน่วยข่าวกรองยูเครน'

    หน่วยข่าวกรองกลางรัสเซีย (FSB) เผยแพร่ภาพการสอบสวน "อัคหมัด คูร์บานอฟ" (Akhmad Kurbanov) วัย 29 ปี พลเมืองอุซเบกิสถานผู้ต้องสงสัยก่อเหตุลอบสังหารนายพลคิริลอฟ

    "ผมมามอสโกเพื่อทำภารกิจให้กับหน่วยข่าวกรองยูเครน ผมมาถึงแล้วซื้อสกู๊ตเตอร์ หลังจากนั้นไม่กี่เดือนต่อมาอุปกรณ์สำหรับทำระเบิดก็มาถึง จากนั้นเราก็เตรียมทุกอย่างให้พร้อมแล้วนำไปวางไว้ใกล้บ้านของนายพลคิริลอฟ และเมื่อเขาออกจากบ้าน ผมก็กดปุ่ม ผมได้รับการว่าจ้างด้วยจำนวนเงิน 100,000 ดอลลาร์ พร้อมกับหนังสือเดินทางของประเทศในยุโรป"
    'ผมทำตามคำสั่งของหน่วยข่าวกรองยูเครน' หน่วยข่าวกรองกลางรัสเซีย (FSB) เผยแพร่ภาพการสอบสวน "อัคหมัด คูร์บานอฟ" (Akhmad Kurbanov) วัย 29 ปี พลเมืองอุซเบกิสถานผู้ต้องสงสัยก่อเหตุลอบสังหารนายพลคิริลอฟ "ผมมามอสโกเพื่อทำภารกิจให้กับหน่วยข่าวกรองยูเครน ผมมาถึงแล้วซื้อสกู๊ตเตอร์ หลังจากนั้นไม่กี่เดือนต่อมาอุปกรณ์สำหรับทำระเบิดก็มาถึง จากนั้นเราก็เตรียมทุกอย่างให้พร้อมแล้วนำไปวางไว้ใกล้บ้านของนายพลคิริลอฟ และเมื่อเขาออกจากบ้าน ผมก็กดปุ่ม ผมได้รับการว่าจ้างด้วยจำนวนเงิน 100,000 ดอลลาร์ พร้อมกับหนังสือเดินทางของประเทศในยุโรป"
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🇸🇾 กองทัพซีเรียควบคุมเมืองฮามาได้ทั้งหมด, กวาดล้างนิคมหลายแห่ง – กระทรวงกลาโหม

    กองทัพซีเรียควบคุมเมืองฮามาได้ทั้งหมดแล้ว, กระทรวงกลาโหมซีเรียกล่าว กระทรวงปฏิเสธรายงานการแทรกซึมของกลุ่มก่อการร้ายเข้าไปในชุมชนเมืองหลายแห่ง, โดยระบุว่าเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง

    ขณะนี้กองทัพซีเรียกำลังกวาดล้างนิคมหลายแห่งในจังหวัดนี้, กระทรวงกลาโหม กล่าวเสริม
    .
    🇸🇾 SYRIAN ARMY FULLY CONTROLS CITY OF HAMA, SWEEPS NUMBER OF SETTLEMENTS – DEFENSE MINISTRY

    The Syrian Armed Forces fully control the city of Hama, the Syrian Defense Ministry said. The ministry dismissed reports of terrorist infiltration into several urban neighborhoods, stating they are inaccurate.

    The Syrian army is currently clearing several settlements in the province, the ministry added.
    .
    5:02 AM · Dec 4, 2024 · 3,350 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1864067667709079619
    🇸🇾 กองทัพซีเรียควบคุมเมืองฮามาได้ทั้งหมด, กวาดล้างนิคมหลายแห่ง – กระทรวงกลาโหม กองทัพซีเรียควบคุมเมืองฮามาได้ทั้งหมดแล้ว, กระทรวงกลาโหมซีเรียกล่าว กระทรวงปฏิเสธรายงานการแทรกซึมของกลุ่มก่อการร้ายเข้าไปในชุมชนเมืองหลายแห่ง, โดยระบุว่าเป็นข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ขณะนี้กองทัพซีเรียกำลังกวาดล้างนิคมหลายแห่งในจังหวัดนี้, กระทรวงกลาโหม กล่าวเสริม . 🇸🇾 SYRIAN ARMY FULLY CONTROLS CITY OF HAMA, SWEEPS NUMBER OF SETTLEMENTS – DEFENSE MINISTRY The Syrian Armed Forces fully control the city of Hama, the Syrian Defense Ministry said. The ministry dismissed reports of terrorist infiltration into several urban neighborhoods, stating they are inaccurate. The Syrian army is currently clearing several settlements in the province, the ministry added. . 5:02 AM · Dec 4, 2024 · 3,350 Views https://x.com/SputnikInt/status/1864067667709079619
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • Aspire Erawan Prime : แอสปาย เอราวัณ ไพร์ม, สมุทรปราการ

    คอนโดนี้ยกระดับการอยู่อาศัยด้วยนวัตกรรมที่ทำให้ทุกจังหวะชีวิตง่ายขึ้นกว่าเดิม ด้วยระบบอัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันอัจฉริยะเพื่อชีวิตวิถีใหม่ที่ปลอดภัยจากความกังวล ครอบคลุมพื้นที่ส่วนกลาง พร้อมยังใส่ใจความต้องการของคนทุกไลฟ์สไตล์ ให้การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เป็นเหมือนกับการหลีกหนี

    **สิ่งอำนวยความสะดวก**

    - Serene Pavilion
    - Sunken Seat
    - Free Flow Playground
    - Lawn Court
    - Multi-Sport
    - Running Loop
    - Welcome Zone
    - Private Lobby
    - Meeting Reservation Room
    - Co-Working Cafe
    - Mingle Space
    - Smart Locker
    - Battle Room
    - Board Game
    - Private Theatre
    - Breezing Balcony
    - Heath Complex
    - Sauna/Steam
    - Stretching Plaza
    - Pool Terrace
    - Massage Pond
    - Secret Seat
    - Yoga Deck
    - Jacuzzi
    - Swimming Pool
    - Waterside Pavilion
    - Kids Pool
    - Social Court
    - Sunset Parlor
    - Sky Jogging
    - CCTV
    - Key Card Access
    - รปภ. 24 ชม.
    - Wi-Fi บนพื้นที่ส่วนกลาง

    **สถานที่ใกล้เคียง**

    - ร้านสะดวกซื้อ/ร้านกาแฟ/ร้านอาหาร : พื้นที่ร้านค้าหน้าโครงการ
    - Big C Jumbo สำโรง : 2.4 กม.
    - สำโรงเซ็นเตอร์ : 3.6 กม.
    - อิมพีเรียลเวิร์ล สำโรง : 3.7 กม.
    - ตลาดเอี่ยมเจริญ : 5.1 กม.
    - The Coast Village : 6.2 กม.
    - Lotus Plus Mall ศรีนครินทร์ : 6.5 กม.
    - Bitec บางนา : 8.0 กม.
    - Jas Urban : 8.3 กม.
    - เซ็นทรัล บางนา : 9.6 กม.
    - Big C บางนา : 9.7 กม.
    - ศูนย์การค้า ลาซาลสแควร์ : 9.7 กม.
    - Bangkok Mall : 10 กม.
    - SB Design Square : 10.5 กม.
    - Makro ศรีนครินทร์ : 11.0 กม.
    - Big C ศรีนครินทร์ : 11.1 กม.
    - Chic Republic : 11.2 กม.
    - Index Living Mall : 11.4 กม.
    - Paradise Park : 13.2 กม.
    - Mega&Ikea บางนา : 15.5 กม.
    - Seacon Square : 16.8 กม.
    - รร.นายเรือ : 1.1 กม.
    - รร.สตรีสมุทรปราการ : 4.2 กม.
    - รร.อัสสัมชัน สมุทรปราการ : 4.3 กม.
    - รร.เซนต์โยเซฟ ทิพวัล : 4.5 กม.
    - รร.นานาชาติ เซนต์แอนดรูส์ : 6.1 กม.
    - รร.นานาชาติเบิร์คลีย์ : 7.0 กม.
    - รร.บางกอกพัฒนา : 7.8 กม.
    - รร.เซนต์โยเซฟ บางนา : 7.9 กม.
    - รร.ลาซาล : 9.1 กม.
    - รร.นานาชาติเวลล์ส : 10.7 กม.
    - International Community School : 15.1 กม.
    - รร.นานาชาติคอนคอร์เดียน : 16.9 กม.
    - The American School of Bangkok : 17.4 กม.
    - รพ.ยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ : 1.8 กม.
    - รพ.เมืองสมุทรปราการ : 3.2 กม.
    - รพ.สำโรงการแพทย์ : 3.7 กม.
    - รพ.เปาโล เมโมเรียล สมุทรปราการ : 4.6 กม.
    - รพ.มนารมย์ : 5.6 กม.
    - รพ.ไทยนครินทร์ : 10.1 กม.
    - รพ.ศิครินทร์ : 11.1 กม.
    - รพ.บางนา 1 : 11.9 กม.
    - กศน.อำเภอเมืองสมุทรปราการ : 180 ม.
    - ที่ว่าการอำเภอเมืองสมุทรปราการ : 2.2 กม.
    - สนง.สรรพกร สมุทรปราการ : 2.4 กม.
    - สนง.ที่ดิน สมุทรปราการ : 2.4 กม.
    - ศาลจังหวัดสมุทรปราการ : 2.5 กม.
    - สภ.เมืองสมุทรปราการ : 2.5 กม.
    - การไฟฟ้านครหลวง สมุทรปราการ : 2.8 กม.
    - สถานีตำรวจ สำโรงเหนือ : 3.6 กม.
    - พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ : 3.3 กม.
    - พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ : 3.4 กม.
    - APT Parking : 6.6 กม.

    -------------------------------------------
    สนใจสอบถามข้อมูลที่
    โทร.081-822-6553
    รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์
    ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้
    พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ
    จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    Aspire Erawan Prime : แอสปาย เอราวัณ ไพร์ม, สมุทรปราการ คอนโดนี้ยกระดับการอยู่อาศัยด้วยนวัตกรรมที่ทำให้ทุกจังหวะชีวิตง่ายขึ้นกว่าเดิม ด้วยระบบอัจฉริยะ ไม่ว่าจะเป็นแอปพลิเคชันอัจฉริยะเพื่อชีวิตวิถีใหม่ที่ปลอดภัยจากความกังวล ครอบคลุมพื้นที่ส่วนกลาง พร้อมยังใส่ใจความต้องการของคนทุกไลฟ์สไตล์ ให้การใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เป็นเหมือนกับการหลีกหนี **สิ่งอำนวยความสะดวก** - Serene Pavilion - Sunken Seat - Free Flow Playground - Lawn Court - Multi-Sport - Running Loop - Welcome Zone - Private Lobby - Meeting Reservation Room - Co-Working Cafe - Mingle Space - Smart Locker - Battle Room - Board Game - Private Theatre - Breezing Balcony - Heath Complex - Sauna/Steam - Stretching Plaza - Pool Terrace - Massage Pond - Secret Seat - Yoga Deck - Jacuzzi - Swimming Pool - Waterside Pavilion - Kids Pool - Social Court - Sunset Parlor - Sky Jogging - CCTV - Key Card Access - รปภ. 24 ชม. - Wi-Fi บนพื้นที่ส่วนกลาง **สถานที่ใกล้เคียง** - ร้านสะดวกซื้อ/ร้านกาแฟ/ร้านอาหาร : พื้นที่ร้านค้าหน้าโครงการ - Big C Jumbo สำโรง : 2.4 กม. - สำโรงเซ็นเตอร์ : 3.6 กม. - อิมพีเรียลเวิร์ล สำโรง : 3.7 กม. - ตลาดเอี่ยมเจริญ : 5.1 กม. - The Coast Village : 6.2 กม. - Lotus Plus Mall ศรีนครินทร์ : 6.5 กม. - Bitec บางนา : 8.0 กม. - Jas Urban : 8.3 กม. - เซ็นทรัล บางนา : 9.6 กม. - Big C บางนา : 9.7 กม. - ศูนย์การค้า ลาซาลสแควร์ : 9.7 กม. - Bangkok Mall : 10 กม. - SB Design Square : 10.5 กม. - Makro ศรีนครินทร์ : 11.0 กม. - Big C ศรีนครินทร์ : 11.1 กม. - Chic Republic : 11.2 กม. - Index Living Mall : 11.4 กม. - Paradise Park : 13.2 กม. - Mega&Ikea บางนา : 15.5 กม. - Seacon Square : 16.8 กม. - รร.นายเรือ : 1.1 กม. - รร.สตรีสมุทรปราการ : 4.2 กม. - รร.อัสสัมชัน สมุทรปราการ : 4.3 กม. - รร.เซนต์โยเซฟ ทิพวัล : 4.5 กม. - รร.นานาชาติ เซนต์แอนดรูส์ : 6.1 กม. - รร.นานาชาติเบิร์คลีย์ : 7.0 กม. - รร.บางกอกพัฒนา : 7.8 กม. - รร.เซนต์โยเซฟ บางนา : 7.9 กม. - รร.ลาซาล : 9.1 กม. - รร.นานาชาติเวลล์ส : 10.7 กม. - International Community School : 15.1 กม. - รร.นานาชาติคอนคอร์เดียน : 16.9 กม. - The American School of Bangkok : 17.4 กม. - รพ.ยุวประสาทไวทโยปถัมภ์ : 1.8 กม. - รพ.เมืองสมุทรปราการ : 3.2 กม. - รพ.สำโรงการแพทย์ : 3.7 กม. - รพ.เปาโล เมโมเรียล สมุทรปราการ : 4.6 กม. - รพ.มนารมย์ : 5.6 กม. - รพ.ไทยนครินทร์ : 10.1 กม. - รพ.ศิครินทร์ : 11.1 กม. - รพ.บางนา 1 : 11.9 กม. - กศน.อำเภอเมืองสมุทรปราการ : 180 ม. - ที่ว่าการอำเภอเมืองสมุทรปราการ : 2.2 กม. - สนง.สรรพกร สมุทรปราการ : 2.4 กม. - สนง.ที่ดิน สมุทรปราการ : 2.4 กม. - ศาลจังหวัดสมุทรปราการ : 2.5 กม. - สภ.เมืองสมุทรปราการ : 2.5 กม. - การไฟฟ้านครหลวง สมุทรปราการ : 2.8 กม. - สถานีตำรวจ สำโรงเหนือ : 3.6 กม. - พิพิธภัณฑ์ทหารเรือ : 3.3 กม. - พิพิธภัณฑ์ช้างเอราวัณ : 3.4 กม. - APT Parking : 6.6 กม. ------------------------------------------- สนใจสอบถามข้อมูลที่ โทร.081-822-6553 รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้ พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 891 มุมมอง 0 รีวิว
  • BRT สายแรกในลาว คาดแล้วเสร็จ ธ.ค.นี้

    เมื่อวันก่อนสื่อออนไลน์ในประเทศลาว เผยแพร่ภาพความคืบหน้าการก่อสร้างที่นั่งรอรถเมล์ (Bus Shelter) เขตโพนสะอาด เมืองไชยเชษฐา นครหลวงเวียงจันทน์ ตามโครงการรถเมล์ด่วนพิเศษบีอาร์ที (Bus Rapid Transit หรือ BRT) ภายใต้ชื่อโครงการขนส่งแบบยั่งยืนในตัวเมือง (Vientiane Sustainable Urban Transport Project หรือ VSUTP) ซึ่งมึความคืบหน้าไปมาก

    กระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ดำเนินโครงการทั้งหมด 5 สัญญา ได้แก่ ก่อสร้างช่องจราจรรถเมล์ด่วน และสถานี BRT ช่วงสวนเจ้าฟ้างุ้ม ถึงประตูชัย และช่วงประตูชัย ถึงมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว พร้อมก่อสร้างที่นั่งรอรถเมล์ (Bus Shelter)

    นอกจากนี้ ยังก่อสร้างอู่รถเมล์ ศูนย์ซ่อมบำรุง และศูนย์ควบคุมการเดินรถเมล์ BRT วางสายใยแก้ว (Fiber Optic) ก่อสร้างทางร่วม ปรับปรุงทัศนียภาพ และก่อสร้างและติดตั้งไฟสัญญาณจราจร จำนวน 41 จุด ครอบคลุม 5 ตัวเมือง เริ่มต้นก่อสร้างเมื่อเดือน มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมา โดยมีแผนจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือน ธ.ค. 2567

    สำหรับรูปแบบการให้บริการรถเมล์ด่วนพิเศษ BRT นครหลวงเวียงจันทน์ มีทั้งหมด 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทาง A สถานีขนส่งสายเหนือ-สวนเจ้าฟ้างุ้ม-ตลาดเช้า-ประตูชัย-ศูนย์การค้าไอเต็ก มอลล์, เส้นทาง B ธาตุทอง-สวนเจ้าฟ้างุ้ม-ตลาดเช้า-ประตูชัย-ท่าง่อน และเส้นทาง D สวนเจ้าฟ้างุ้ม-ตลาดเช้า-ประตูชัย-ดงโดก (มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว)

    ใช้รถโดยสารปรับอากาศพลังงานไฟฟ้าความยาว 12 เมตร ขนาด 40 ที่นั่ง มีที่นั่งพิเศษสำหรับผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ และผู้พิการ รองรับรถเข็นวีลแชร์ เปิดให้บริการตั้งแต่ 06.00-22.00 น. คิดค่าโดยสารเป็น 2 ระยะ คือ ระยะสั้นใจกลางเมือง 3,500 กีบ ระยะยาวไปยังชานเมือง 8,000 กีบ ชำระเงินผ่านบัตรสมาร์ทการ์ด ที่สถานีหลัก BRT และร้านสะดวกซื้อที่ร่วมโครงการ

    โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนเงินกู้จากธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) และองค์กรอื่นๆ เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ ADB คาดการณ์ว่าประชาชนจะหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มขึ้น ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และรองรับนักท่องเที่ยว สามารถเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของนครหลวงเวียงจันทน์ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น

    #Newskit #VientianeBRT #VSUTP
    BRT สายแรกในลาว คาดแล้วเสร็จ ธ.ค.นี้ เมื่อวันก่อนสื่อออนไลน์ในประเทศลาว เผยแพร่ภาพความคืบหน้าการก่อสร้างที่นั่งรอรถเมล์ (Bus Shelter) เขตโพนสะอาด เมืองไชยเชษฐา นครหลวงเวียงจันทน์ ตามโครงการรถเมล์ด่วนพิเศษบีอาร์ที (Bus Rapid Transit หรือ BRT) ภายใต้ชื่อโครงการขนส่งแบบยั่งยืนในตัวเมือง (Vientiane Sustainable Urban Transport Project หรือ VSUTP) ซึ่งมึความคืบหน้าไปมาก กระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ดำเนินโครงการทั้งหมด 5 สัญญา ได้แก่ ก่อสร้างช่องจราจรรถเมล์ด่วน และสถานี BRT ช่วงสวนเจ้าฟ้างุ้ม ถึงประตูชัย และช่วงประตูชัย ถึงมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว พร้อมก่อสร้างที่นั่งรอรถเมล์ (Bus Shelter) นอกจากนี้ ยังก่อสร้างอู่รถเมล์ ศูนย์ซ่อมบำรุง และศูนย์ควบคุมการเดินรถเมล์ BRT วางสายใยแก้ว (Fiber Optic) ก่อสร้างทางร่วม ปรับปรุงทัศนียภาพ และก่อสร้างและติดตั้งไฟสัญญาณจราจร จำนวน 41 จุด ครอบคลุม 5 ตัวเมือง เริ่มต้นก่อสร้างเมื่อเดือน มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมา โดยมีแผนจะก่อสร้างแล้วเสร็จในเดือน ธ.ค. 2567 สำหรับรูปแบบการให้บริการรถเมล์ด่วนพิเศษ BRT นครหลวงเวียงจันทน์ มีทั้งหมด 3 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทาง A สถานีขนส่งสายเหนือ-สวนเจ้าฟ้างุ้ม-ตลาดเช้า-ประตูชัย-ศูนย์การค้าไอเต็ก มอลล์, เส้นทาง B ธาตุทอง-สวนเจ้าฟ้างุ้ม-ตลาดเช้า-ประตูชัย-ท่าง่อน และเส้นทาง D สวนเจ้าฟ้างุ้ม-ตลาดเช้า-ประตูชัย-ดงโดก (มหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว) ใช้รถโดยสารปรับอากาศพลังงานไฟฟ้าความยาว 12 เมตร ขนาด 40 ที่นั่ง มีที่นั่งพิเศษสำหรับผู้สูงอายุ สตรีมีครรภ์ และผู้พิการ รองรับรถเข็นวีลแชร์ เปิดให้บริการตั้งแต่ 06.00-22.00 น. คิดค่าโดยสารเป็น 2 ระยะ คือ ระยะสั้นใจกลางเมือง 3,500 กีบ ระยะยาวไปยังชานเมือง 8,000 กีบ ชำระเงินผ่านบัตรสมาร์ทการ์ด ที่สถานีหลัก BRT และร้านสะดวกซื้อที่ร่วมโครงการ โครงการนี้ได้รับการสนับสนุนเงินกู้จากธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งเอเชีย (ADB) และองค์กรอื่นๆ เมื่อก่อสร้างแล้วเสร็จ ADB คาดการณ์ว่าประชาชนจะหันมาใช้ระบบขนส่งสาธารณะเพิ่มขึ้น ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และรองรับนักท่องเที่ยว สามารถเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของนครหลวงเวียงจันทน์ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น #Newskit #VientianeBRT #VSUTP
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1085 มุมมอง 0 รีวิว
  • New Words We Created Because Of Coronavirus

    We’re rounding out 2020, and the coronavirus continues to shape our lives and language. While we once hoped we could toss the year’s coronacoinages out the door, that’s clearly not going to be the case right now: the coronavirus continues to surge to new levels.

    It seems like years (not months) ago that we learned our first COVID-19 terms, like social distancing and flatten the curve. We had to process so much, in so little time; we had to become experts about important differences: epidemic vs. pandemic, quarantine vs. isolation, and respirator vs. ventilators. The conversation continued with contagious vs. infectious and what antibodies do.

    Many of the words we’ve continued to add to our vocabularies address the ongoing nature of our situation. Maybe we long for the Before Times or have embraced cluttercore as we cope. The ups and downs of this life haven’t been easy (it’s a coronacoaster, to be honest), but the new vocabulary has helped us stay safe and informed during these scary times. And what better way to bring some welcome humor and humility to our lives in the bunker than some wordplay?

    Here’s our ongoing roundup of some of the new slang terms born of this unique, unprecedented time in modern life—a time of upheaval that some more jokingly call the coronapocalypse (corona apocalypse) or coronageddon (corona armageddon).


    the Before Times

    Are you walking around in a constant state of nostalgia? Then the term Before Times is for you. This humorous (and yes, dark) take on life pre-pandemic makes it clear that we’ve lived through an apocalyptic rupture point that separates old and new.

    The Before Times has long been a trope in science fiction, and linguist Ben Zimmer traces this specific phrase back to 1960s Star Trek, though some variations (beforetime) appear in early texts like the Bible.

    Example: Remember in the Before Times, when we packed together in movie theaters for a fun time? Seems like a different world now!


    rona

    Rona—often in the phrase the rona—is an informal shortening of coronavirus. Coronavirus is popularly shortened to corona, which was apparently further clipped to rona.

    Rona is often used as a playful or ironic way to refer to COVID-19, especially when commenting on more relatable, humorous challenges of social distancing during the pandemic.

    It is generally not meant, however, to be flippant about the very serious loss and disruption COVID-19 has wreaked—nor diminish the life-saving service of so many essential workers, from grocery clerks to nurses. It’s a bit of gallows humor.

    Some people have personified the virus as Miss Rona or Aunt Rona. And la rona (meant as “the rona”) has emerged in some Spanish-language contexts.

    Other informal shortenings? Just as coronavirus has been shortened to corona and rona, so quarantine has been shortened to quar—and even pandemic to panny.

    Example: Yeah, I don’t know about you, but homeschooling my kids during the rona ends up in a lot of Frozen 2.


    cornteen

    Cornteen is an intentional misspelling of quarantine, often used in ironic commentary on what it’s like to be at home during the coronavirus pandemic. It may have originated as an actual misspelling of quarantine. (Hey, quarantine wasn’t exactly a word most of us used every day until COVID-19.)

    Cornteen is occasionally used to joke about how quarantine is pronounced in various regional accents. Some people visually pun on cornteen by substituting the corn emoji, 🌽, for the corn- part of the word; others pun on the -teen to mean “teenager.”


    doomscrolling

    Life under the rona has meant that it’s even harder to peel our eyes away from our phones and computers, constantly refreshing our feeds for the latest news about the pandemic.

    At least there’s a word for that: doomscrolling, also doomscrolling. The term has been notably used—and popularized in part by her exhortations to a take a break from doing it—by Quartz reporter Karen K. Ho.

    Scrolling refers to scrolling down on our smartphones for the latest posts on social media. And doom … well, a lot of the news we’re seeing online feels full of gloom and doom.

    Example: I was up to 2 a.m. last night doomscrolling about coronavirus news in my state.

    A related slang term is doomsurfing, or compulsively surfing the internet for upsetting news.


    coronasomnia

    Staying up late, again? Waking up at 4am to doomscroll? Can’t remember your last good night of sleep? You’re not the only one. The term coronasomnia refers to—what else?—the insomnia that’s afflicting so many of us during the pandemic.

    Doctors and pharmacists have seen a measurable increase in the number of people suffering symptoms of insomnia or whose symptoms have worsened since the quarantine began. Some estimates suggest some 20 to 30 percent of the population—including children—may be impacted.

    One doctor coined the term “FED UP” to describe the worries of this stressful time. It stands for “financial stress, emotional stress, distance from others, unpredictability, and personal and professional concerns.” Yikes. Sounds like that’s another term for the dictionary.


    coronacoaster

    If you’re suffering from coronasomnia, you’ll likely understand this next word without much of an explanation.

    Coronacoaster is one of the many new COVID-inspired coinages that use corona (short for coronavirus) as a kind of combining form. It blends corona and rollercoaster to describe the emotional experience of life during the pandemic. Did you bake cookies and then sob like a baby while masking up for the 10,000th time? You’re on the coaster!

    Example: The coronacoaster has been exhausting this week. I started crying during my weekly family Zoom and couldn’t stop.


    coronacut

    The hilariously bad haircut we give ourselves under lockdown.

    This was one of the first coronacoinages out there—proving that sometimes we worry most about the little things … or that we’re all pretty vain.

    It feels like so long ago since we first heard this term, which only goes to show how slang changes as our experience of the pandemic changes.


    cluttercore

    A “messy aesthetic,” especially in terms of embracing one’s books, knickknacks, and other stuff at home and sharing it on social media.

    While coronacut reminds us of our struggles during the earliest days of the pandemic, this term reflects the ongoing evolution of quarantine life.

    Cluttercore emerged as a maximalist, anti-Kondo approach in early 2020 before any lockdowns, but the pandemic really helped popularize the term. (As of October, videos with the hashtag #cluttercore had more than two million views.) This combining form blends clutter (“a disorderly heap or assemblage”) with -core, which names a kind of aesthetic, social movement, or lifestyle. Cluttercore is similar to terms like cottagecore, normcore, and gorpcore.

    “The pandemic has forced us to reevaluate what we have, make better use of objects and space … and also see their value, often for the first time,” says Jennifer Howard, author of Clutter: An Untidy History.


    covidiot

    A blend of COVID-19 and idiot, covidiot is a slang insult for someone who disregards healthy and safety guidelines about the novel coronavirus.

    Some signs of covidiocy are: not washing your hands regularly, hanging out in groups of people, standing within six feet of a stranger at the grocery, hoarding items like toilet paper and hand sanitizer all to yourself.

    Example: Don’t be a covidiot by visiting the beach today! It’s super crowded.


    quaranteam

    The (very limited) group of people you see during self-isolation; one of the many slang terms that plays on quarantine.

    Whether you call it a germ pod, a COVID bubble, or your quaranteam, this is the group of people you voluntarily choose to socialize with or even live with during the quarantine. Basically, your pod chooses to isolate together, promising not to have close contact (within six feet) with anyone outside the pod. This form of contact clustering (yet another term used by epidemiologists to describe the situation) allows you to socialize while also staying safe.

    Quaranteam is a blend of quarantine and team, and sounds like quarantine—it’s a punning blend, as we’ve seen throughout this slideshow

    Example: Our quaranteam is going camping next weekend. We’re tired of all the binge-watching and baking.


    moronavirus

    Another term for a covidiot. The wordplay, here, centers on the word moron.

    Example: My roommate is being such a moronavirus. He went down to the beach with a huge group of friends.

    Calling someone a covidiot or moronavirus is a form of quarantine shaming. That’s slang for publicly criticizing someone for not following health and safety guidelines (quarantine being a shorthand for policies in place requiring people to stay at home except where necessary in many places across the country and world).


    quarantini

    How do you take your quarantini? Dirty, dry? Shaken, stirred? Vodka, gin?

    Quarantini is a slang term for a cocktail people drink at home while under quarantine during—and because of—the coronavirus.

    The term is a blend of quarantine and martini, a cocktail made with gin or vodka and dry vermouth, usually served with a green olive or a twist of lemon peel.

    The original quarantini referred to a martini-like cocktail mixed with vitamin C-based dietary supplements—a concoction that predates the novel coronavirus.

    Quarantini has spread as a more general term for alcoholic beverages consumed at home during the pandemic.

    Example: Frozen pizza in the oven? Paw Patrol queued up? Think it’s time for a quarantini.


    coronarita

    The margarita answer to a quarantini—served with, what else, a Corona-brand beer.

    A margarita is a cocktail made of tequila, lime or lemon juice, and an orange-flavored liqueur, usually served in a salt-rimmed glass.


    virtual happy hour

    When someone might drink a quarantini or coronarita.

    Because many people are working from home to help, they are letting off steam at the end of a long day of doomscrolling by holding virtual happy hours over Zoom, FaceTime, Google Hangouts, and other video conferencing or chat applications.

    Happy hour is a cocktail hour or longer period at a bar, during which drinks are served at reduced prices or with free snacks. It’s also used as a shorthand for drinks, generally with colleagues or friends, at the end of the workday, especially near the end of the work week.


    walktail

    When you want to take your quarantini or coronita outside on a walk (not that we’re condoning that), then you’d have a walktail.

    With so many quarantining at home with nothing to do—and nowhere to drink with the bars closed—some people have taken to swigging while sauntering, according to a New York Times article that identified this new trend. A walktail combines the words walk and cocktail, and bar owners are reporting increased alcohol to-go sales as a result. People are drinking and walking their neighborhoods, walking their pets, or just hosting happy hours in the backyard.

    Now, readers, do keep in mind: almost everywhere in the US it’s illegal to carry an “open container,” so most people disguise their walktails in discreet containers. Or you can also go bold, like the woman who dressed up in her bridal gown to dance in the street.


    Zoom-bombing

    This one’s a more serious entry. When using Zoom or similar services, be wary of Zoom-bombing. This is when uninvited guests to a virtual meeting disrupt it with various obscene, violent, or offensive images or words.

    Bombing, here, is based on photobombing, or when people ruin a photograph by appearing in the image without the photographer’s knowledge, often in some dramatic or comical way.


    Zoom mom

    A demographic of moms who are constantly using Zoom.

    They used to be called soccer moms, but COVID-19 changed that. Now, these so-called Zoom moms are described as spending a lot of time using Zoom for work, their children’s schooling, or simply to chat with their friends who are also stuck at home. In a May 22 article, Zoom moms were identified as a potentially powerful voting bloc that could influence the 2020 elections.

    Example: If the updated back to school plans aren’t released soon, the Zoom moms may revolt.


    Zoom fatigue

    The exhaustion that sets in while living life over Zoom.

    Fatigue is a “weariness from bodily or mental exertion,” and people began to cling to the term Zoom fatigue pretty quickly in April. Experts note that this sense of exhaustion is a real phenomenon caused by the amount of information processed face-to-face on Zoom without any non-verbal cues. Conversations and meetings cause conflicting emotions, without allowing people to relax as they would in person.

    Zoom fatigue ties into the larger phenomenon of “pandemic fatigue”: months into the pandemic and we are feeling the emotional, social, and psychological toll even as we try to grasp the loss of our lives and livelihood.


    Zoom town

    A place where housing sales are booming due to buyers who work remotely and are willing to live farther from the office.

    Example: The realtor convinced us to look at several homes in a nearby Zoom town, and I couldn’t help but imagine an idyllic life in the suburbs—complete with backyard barbecues and a two-car garage.

    Competition for homes in Zoom towns in suburbs and areas surrounding city centers is heating up as workers embrace remote work and ditch their commutes. Prices in these areas are often lower than in tighter urban markets. Zoom town is a play on Zoom (which of course, can also mean “to move quickly”) and boom town, a noun meaning “a town that has grown very rapidly as a result of sudden prosperity.”


    quarantine and chill

    Netflix and chill, but for the coronavirus era.

    Quarantine and chill is used for various ways people are hunkering down and spending free time at home during the coronavirus, especially with a romantic partner while marathoning streaming services.

    Be careful when you search for quarantine and chill on social media, though: some people use the phrase when posting revealing selfies.

    Example: My hubby and I are in an epic tournament of Rummy 500. Winner each night gets to pick the movie. #Quarantineandchill


    coronials, quaranteens, coronababies

    When two people get really cozy while quarantine-and-chilling, they may, you know …

    Babies being conceived while people are cooped up at home during the coronavirus have been dubbed coronababies. And when these babies get older, they will become the quaranteens, a pun on quarantine and teen(ager).

    The hypothetical new generation of children conceived during COVID-19 has cleverly been crowned the coronials, a play on corona(virus) and millennials.


    covidivorce

    The experience for other couples under COVID-19 quarantine may not be so snuggly. Being in extended isolation with loved ones can strain a relationship.

    Enter covidivorce, or divorces filed as a result of a couple’s experience during COVID-19.


    zumping

    The experience of COVID-19 isn’t just taxing on couples who live together. People who are dating are also reconsidering their relationships during the pandemic—and sometimes zumping each other.

    A blend of dump and Zoom (the popular video service), zumping is when you break up with someone over a video conferencing service. At least they didn’t just text? (Hey, you can do better, anyways).


    turbo relationship

    While some people are breaking up over Zoom due to quarantining, sheltering in place means others are turbocharging their relationship.

    The quarantine required couples to face a tough choice: break up or, er, shack up. According to some therapists, many couples who sped up the traditional courtship to live together during these conditions are reporting positive relationships and strong levels of commitment.

    Turbo ultimately derives from a Latin word meaning “whirlwind”—and turbo relationships may certainly get people’s minds, and hearts, spinning?


    COVID-10

    For some, quarantining at home during COVID-19 may result in a less movement—and more snacking—than they are used to.

    COVID-10, also referred to as the COVID-15 or even the COVID-19, is a riff on the numerals of COVID-19 and the freshman 15, an expression for the weight some people (are said to) gain during their first year of college. (Hey, gotta stock up on some supplies to help flatten the curve. And gotta take up delicious hobbies to stay engaged!)

    See also the German Coronaspeck, weight gained during the coronavirus pandemic, a play on Kummerspeck, or weight gained as a result of emotional eating.


    coronacation

    Coronavirus-compelled staycations, due to cancelled classes, shifts, and the like. It’s usually an ironic term—just ask parents working from home while teaching their kids.

    Example: My teen thinks he’s getting a coronacation since his school has moved online. Oh, wait until he sees how I am going to keep him busy with the Learning At Home resources.


    drive-by, drive-in

    So if you can’t take that dream vacation you’d always wanted … how about a drive-by birthday party instead?

    Social distancing has inspired a lot of creative adaptations for our celebrations—and equally unique terms for them. We’ve been introduced to drive-by graduations, weddings, and birthdays, as well as drive-in concerts and campaign rallies during the lead up to the election.

    Generally drive-in refers to “a place of business or public facility designed to accommodate patrons who sit in their automobiles.” The adjective is “relating to, or characteristic of such an establishment.” Drive-by is “occurring while driving past a person, object, etc.”

    Example: The four friends jumped in the car and barely made it to the drive-in concert on time.

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    New Words We Created Because Of Coronavirus We’re rounding out 2020, and the coronavirus continues to shape our lives and language. While we once hoped we could toss the year’s coronacoinages out the door, that’s clearly not going to be the case right now: the coronavirus continues to surge to new levels. It seems like years (not months) ago that we learned our first COVID-19 terms, like social distancing and flatten the curve. We had to process so much, in so little time; we had to become experts about important differences: epidemic vs. pandemic, quarantine vs. isolation, and respirator vs. ventilators. The conversation continued with contagious vs. infectious and what antibodies do. Many of the words we’ve continued to add to our vocabularies address the ongoing nature of our situation. Maybe we long for the Before Times or have embraced cluttercore as we cope. The ups and downs of this life haven’t been easy (it’s a coronacoaster, to be honest), but the new vocabulary has helped us stay safe and informed during these scary times. And what better way to bring some welcome humor and humility to our lives in the bunker than some wordplay? Here’s our ongoing roundup of some of the new slang terms born of this unique, unprecedented time in modern life—a time of upheaval that some more jokingly call the coronapocalypse (corona apocalypse) or coronageddon (corona armageddon). the Before Times Are you walking around in a constant state of nostalgia? Then the term Before Times is for you. This humorous (and yes, dark) take on life pre-pandemic makes it clear that we’ve lived through an apocalyptic rupture point that separates old and new. The Before Times has long been a trope in science fiction, and linguist Ben Zimmer traces this specific phrase back to 1960s Star Trek, though some variations (beforetime) appear in early texts like the Bible. Example: Remember in the Before Times, when we packed together in movie theaters for a fun time? Seems like a different world now! rona Rona—often in the phrase the rona—is an informal shortening of coronavirus. Coronavirus is popularly shortened to corona, which was apparently further clipped to rona. Rona is often used as a playful or ironic way to refer to COVID-19, especially when commenting on more relatable, humorous challenges of social distancing during the pandemic. It is generally not meant, however, to be flippant about the very serious loss and disruption COVID-19 has wreaked—nor diminish the life-saving service of so many essential workers, from grocery clerks to nurses. It’s a bit of gallows humor. Some people have personified the virus as Miss Rona or Aunt Rona. And la rona (meant as “the rona”) has emerged in some Spanish-language contexts. Other informal shortenings? Just as coronavirus has been shortened to corona and rona, so quarantine has been shortened to quar—and even pandemic to panny. Example: Yeah, I don’t know about you, but homeschooling my kids during the rona ends up in a lot of Frozen 2. cornteen Cornteen is an intentional misspelling of quarantine, often used in ironic commentary on what it’s like to be at home during the coronavirus pandemic. It may have originated as an actual misspelling of quarantine. (Hey, quarantine wasn’t exactly a word most of us used every day until COVID-19.) Cornteen is occasionally used to joke about how quarantine is pronounced in various regional accents. Some people visually pun on cornteen by substituting the corn emoji, 🌽, for the corn- part of the word; others pun on the -teen to mean “teenager.” doomscrolling Life under the rona has meant that it’s even harder to peel our eyes away from our phones and computers, constantly refreshing our feeds for the latest news about the pandemic. At least there’s a word for that: doomscrolling, also doomscrolling. The term has been notably used—and popularized in part by her exhortations to a take a break from doing it—by Quartz reporter Karen K. Ho. Scrolling refers to scrolling down on our smartphones for the latest posts on social media. And doom … well, a lot of the news we’re seeing online feels full of gloom and doom. Example: I was up to 2 a.m. last night doomscrolling about coronavirus news in my state. A related slang term is doomsurfing, or compulsively surfing the internet for upsetting news. coronasomnia Staying up late, again? Waking up at 4am to doomscroll? Can’t remember your last good night of sleep? You’re not the only one. The term coronasomnia refers to—what else?—the insomnia that’s afflicting so many of us during the pandemic. Doctors and pharmacists have seen a measurable increase in the number of people suffering symptoms of insomnia or whose symptoms have worsened since the quarantine began. Some estimates suggest some 20 to 30 percent of the population—including children—may be impacted. One doctor coined the term “FED UP” to describe the worries of this stressful time. It stands for “financial stress, emotional stress, distance from others, unpredictability, and personal and professional concerns.” Yikes. Sounds like that’s another term for the dictionary. coronacoaster If you’re suffering from coronasomnia, you’ll likely understand this next word without much of an explanation. Coronacoaster is one of the many new COVID-inspired coinages that use corona (short for coronavirus) as a kind of combining form. It blends corona and rollercoaster to describe the emotional experience of life during the pandemic. Did you bake cookies and then sob like a baby while masking up for the 10,000th time? You’re on the coaster! Example: The coronacoaster has been exhausting this week. I started crying during my weekly family Zoom and couldn’t stop. coronacut The hilariously bad haircut we give ourselves under lockdown. This was one of the first coronacoinages out there—proving that sometimes we worry most about the little things … or that we’re all pretty vain. It feels like so long ago since we first heard this term, which only goes to show how slang changes as our experience of the pandemic changes. cluttercore A “messy aesthetic,” especially in terms of embracing one’s books, knickknacks, and other stuff at home and sharing it on social media. While coronacut reminds us of our struggles during the earliest days of the pandemic, this term reflects the ongoing evolution of quarantine life. Cluttercore emerged as a maximalist, anti-Kondo approach in early 2020 before any lockdowns, but the pandemic really helped popularize the term. (As of October, videos with the hashtag #cluttercore had more than two million views.) This combining form blends clutter (“a disorderly heap or assemblage”) with -core, which names a kind of aesthetic, social movement, or lifestyle. Cluttercore is similar to terms like cottagecore, normcore, and gorpcore. “The pandemic has forced us to reevaluate what we have, make better use of objects and space … and also see their value, often for the first time,” says Jennifer Howard, author of Clutter: An Untidy History. covidiot A blend of COVID-19 and idiot, covidiot is a slang insult for someone who disregards healthy and safety guidelines about the novel coronavirus. Some signs of covidiocy are: not washing your hands regularly, hanging out in groups of people, standing within six feet of a stranger at the grocery, hoarding items like toilet paper and hand sanitizer all to yourself. Example: Don’t be a covidiot by visiting the beach today! It’s super crowded. quaranteam The (very limited) group of people you see during self-isolation; one of the many slang terms that plays on quarantine. Whether you call it a germ pod, a COVID bubble, or your quaranteam, this is the group of people you voluntarily choose to socialize with or even live with during the quarantine. Basically, your pod chooses to isolate together, promising not to have close contact (within six feet) with anyone outside the pod. This form of contact clustering (yet another term used by epidemiologists to describe the situation) allows you to socialize while also staying safe. Quaranteam is a blend of quarantine and team, and sounds like quarantine—it’s a punning blend, as we’ve seen throughout this slideshow Example: Our quaranteam is going camping next weekend. We’re tired of all the binge-watching and baking. moronavirus Another term for a covidiot. The wordplay, here, centers on the word moron. Example: My roommate is being such a moronavirus. He went down to the beach with a huge group of friends. Calling someone a covidiot or moronavirus is a form of quarantine shaming. That’s slang for publicly criticizing someone for not following health and safety guidelines (quarantine being a shorthand for policies in place requiring people to stay at home except where necessary in many places across the country and world). quarantini How do you take your quarantini? Dirty, dry? Shaken, stirred? Vodka, gin? Quarantini is a slang term for a cocktail people drink at home while under quarantine during—and because of—the coronavirus. The term is a blend of quarantine and martini, a cocktail made with gin or vodka and dry vermouth, usually served with a green olive or a twist of lemon peel. The original quarantini referred to a martini-like cocktail mixed with vitamin C-based dietary supplements—a concoction that predates the novel coronavirus. Quarantini has spread as a more general term for alcoholic beverages consumed at home during the pandemic. Example: Frozen pizza in the oven? Paw Patrol queued up? Think it’s time for a quarantini. coronarita The margarita answer to a quarantini—served with, what else, a Corona-brand beer. A margarita is a cocktail made of tequila, lime or lemon juice, and an orange-flavored liqueur, usually served in a salt-rimmed glass. virtual happy hour When someone might drink a quarantini or coronarita. Because many people are working from home to help, they are letting off steam at the end of a long day of doomscrolling by holding virtual happy hours over Zoom, FaceTime, Google Hangouts, and other video conferencing or chat applications. Happy hour is a cocktail hour or longer period at a bar, during which drinks are served at reduced prices or with free snacks. It’s also used as a shorthand for drinks, generally with colleagues or friends, at the end of the workday, especially near the end of the work week. walktail When you want to take your quarantini or coronita outside on a walk (not that we’re condoning that), then you’d have a walktail. With so many quarantining at home with nothing to do—and nowhere to drink with the bars closed—some people have taken to swigging while sauntering, according to a New York Times article that identified this new trend. A walktail combines the words walk and cocktail, and bar owners are reporting increased alcohol to-go sales as a result. People are drinking and walking their neighborhoods, walking their pets, or just hosting happy hours in the backyard. Now, readers, do keep in mind: almost everywhere in the US it’s illegal to carry an “open container,” so most people disguise their walktails in discreet containers. Or you can also go bold, like the woman who dressed up in her bridal gown to dance in the street. Zoom-bombing This one’s a more serious entry. When using Zoom or similar services, be wary of Zoom-bombing. This is when uninvited guests to a virtual meeting disrupt it with various obscene, violent, or offensive images or words. Bombing, here, is based on photobombing, or when people ruin a photograph by appearing in the image without the photographer’s knowledge, often in some dramatic or comical way. Zoom mom A demographic of moms who are constantly using Zoom. They used to be called soccer moms, but COVID-19 changed that. Now, these so-called Zoom moms are described as spending a lot of time using Zoom for work, their children’s schooling, or simply to chat with their friends who are also stuck at home. In a May 22 article, Zoom moms were identified as a potentially powerful voting bloc that could influence the 2020 elections. Example: If the updated back to school plans aren’t released soon, the Zoom moms may revolt. Zoom fatigue The exhaustion that sets in while living life over Zoom. Fatigue is a “weariness from bodily or mental exertion,” and people began to cling to the term Zoom fatigue pretty quickly in April. Experts note that this sense of exhaustion is a real phenomenon caused by the amount of information processed face-to-face on Zoom without any non-verbal cues. Conversations and meetings cause conflicting emotions, without allowing people to relax as they would in person. Zoom fatigue ties into the larger phenomenon of “pandemic fatigue”: months into the pandemic and we are feeling the emotional, social, and psychological toll even as we try to grasp the loss of our lives and livelihood. Zoom town A place where housing sales are booming due to buyers who work remotely and are willing to live farther from the office. Example: The realtor convinced us to look at several homes in a nearby Zoom town, and I couldn’t help but imagine an idyllic life in the suburbs—complete with backyard barbecues and a two-car garage. Competition for homes in Zoom towns in suburbs and areas surrounding city centers is heating up as workers embrace remote work and ditch their commutes. Prices in these areas are often lower than in tighter urban markets. Zoom town is a play on Zoom (which of course, can also mean “to move quickly”) and boom town, a noun meaning “a town that has grown very rapidly as a result of sudden prosperity.” quarantine and chill Netflix and chill, but for the coronavirus era. Quarantine and chill is used for various ways people are hunkering down and spending free time at home during the coronavirus, especially with a romantic partner while marathoning streaming services. Be careful when you search for quarantine and chill on social media, though: some people use the phrase when posting revealing selfies. Example: My hubby and I are in an epic tournament of Rummy 500. Winner each night gets to pick the movie. #Quarantineandchill coronials, quaranteens, coronababies When two people get really cozy while quarantine-and-chilling, they may, you know … Babies being conceived while people are cooped up at home during the coronavirus have been dubbed coronababies. And when these babies get older, they will become the quaranteens, a pun on quarantine and teen(ager). The hypothetical new generation of children conceived during COVID-19 has cleverly been crowned the coronials, a play on corona(virus) and millennials. covidivorce The experience for other couples under COVID-19 quarantine may not be so snuggly. Being in extended isolation with loved ones can strain a relationship. Enter covidivorce, or divorces filed as a result of a couple’s experience during COVID-19. zumping The experience of COVID-19 isn’t just taxing on couples who live together. People who are dating are also reconsidering their relationships during the pandemic—and sometimes zumping each other. A blend of dump and Zoom (the popular video service), zumping is when you break up with someone over a video conferencing service. At least they didn’t just text? (Hey, you can do better, anyways). turbo relationship While some people are breaking up over Zoom due to quarantining, sheltering in place means others are turbocharging their relationship. The quarantine required couples to face a tough choice: break up or, er, shack up. According to some therapists, many couples who sped up the traditional courtship to live together during these conditions are reporting positive relationships and strong levels of commitment. Turbo ultimately derives from a Latin word meaning “whirlwind”—and turbo relationships may certainly get people’s minds, and hearts, spinning? COVID-10 For some, quarantining at home during COVID-19 may result in a less movement—and more snacking—than they are used to. COVID-10, also referred to as the COVID-15 or even the COVID-19, is a riff on the numerals of COVID-19 and the freshman 15, an expression for the weight some people (are said to) gain during their first year of college. (Hey, gotta stock up on some supplies to help flatten the curve. And gotta take up delicious hobbies to stay engaged!) See also the German Coronaspeck, weight gained during the coronavirus pandemic, a play on Kummerspeck, or weight gained as a result of emotional eating. coronacation Coronavirus-compelled staycations, due to cancelled classes, shifts, and the like. It’s usually an ironic term—just ask parents working from home while teaching their kids. Example: My teen thinks he’s getting a coronacation since his school has moved online. Oh, wait until he sees how I am going to keep him busy with the Learning At Home resources. drive-by, drive-in So if you can’t take that dream vacation you’d always wanted … how about a drive-by birthday party instead? Social distancing has inspired a lot of creative adaptations for our celebrations—and equally unique terms for them. We’ve been introduced to drive-by graduations, weddings, and birthdays, as well as drive-in concerts and campaign rallies during the lead up to the election. Generally drive-in refers to “a place of business or public facility designed to accommodate patrons who sit in their automobiles.” The adjective is “relating to, or characteristic of such an establishment.” Drive-by is “occurring while driving past a person, object, etc.” Example: The four friends jumped in the car and barely made it to the drive-in concert on time. Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1552 มุมมอง 0 รีวิว