• Elephant in the Room
    The Crimes of the Pharmaceutical Industry
    เรื่องของบิ้กฟาร์ม่า

    Roddriver Aug 25, 2021

    อุตสาหกรรมยา เป็นการผลิตยาเพื่อผลทางการแพทย์ อุตสาหกรรมนี้เน้นการรณรงค์เรื่องของสิทธิบัตรทั่วโลกเป็นส่วนใหญ่ ...ถึงแม้ว่านักเศรษฐศาสตร์กระแสหลักจะวิจารณ์หนักมากในเรื่องของสิทธิบัตรยา ...ยาที่มีสิทธิบัตรมักจะขายได้ราคาสูงกว่ายาที่ไม่มีสิทธิบัตรนับพัน ๆ เท่า

    อุตสาหกรรมนี้แสดงให้เห็นได้ชัดเจนถึงประเด็นที่ได้โพสท์ไว้ก่อนหน้านี้ (แปลแล้ว) เกี่ยวกับอำนาจและอาชญากรรมจากสิทธิบัตรของบริษัทยักษ์ทั้งหลาย

    Researching The Wrong Problems
    วืจัยเฉพาะเรื่องที่มีกำไร

    การทำวิจัยส่วนใหญ่มักจะโฟกัสไปที่ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศที่ร่ำรวยที่มีกำลังซื้อ ...มียาเพียง 21 ตัวจาก 1,556 ตัวซึ่งออกสู่ตลาดโลกตั้งแต่ปี 1975 ถึงปี 2004 ที่เล็งเป้าไปต่อสู้กับโรคที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชาวตะวันตกนัก ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศยากจน

    บริษัทเหล่านี้ใช้เวลาส่วนใหญ่ทำการวิจัยยาที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ เช่นไวอากร้ามากกว่ายารักษาวัณโรค เพราะกำไรมันอยู่ตรงนั้น ทั้ง ๆ ที่เราสามารถจัดการกับปัญหาสุขภาพของประเทศยากจนได้โดยใช้ทุนต่ำกว่ามาก ...ตั้งแต่ปี 2006 มาแล้วที่ World Health Organization (WHO) เริ่มพูดถึงปัญหานี้ แต่การหาทุนก็ยังคงมีไม่พอ

    Social Costs, Private Profits
    เงินวิจัยจากสาธารณชน แต่กำไรเป็นของเอกชน

    ในช่วงต้น ๆ ของการวิจัยและพัฒนามักจะได้รับทุนสาธารณะ ทั้งจากมหาวิทยาลัยและรัฐบาลหลายแห่งทั่วโลก ...บริษัทยักษ์จะเข้ามาร่วมด้วยหลังจากรู้ชัดว่าการทดลองขั้นต้นแสดงให้เห็นแล้วว่า..ยาตัวนี้น่าจะต้องมีอนาคตแน่

    อย่างไรก็ตาม ถ้าบริษัทไหนได้ถือสิทธิบัตรเอาไว้ ก็จะได้กำไรส่วนใหญ่ไป เพราะเมื่อมีสิทธิบัตรอยู่ในมือ พวกเขาก็จะชาร์จราคาสูงสุดได้ตามใจ พูดอีกอย่างก็คือ ราคาที่คนร่ำรวยจะจ่ายให้ได้

    ถ้าเป็นไปตามนี้ การปล่อยให้บริษัทเอกชนเก็บกำไรทั้งหมดจากยาที่ได้รับสิทธิบัตร..ก็ไม่น่าจะถูกต้องนัก มันคืออีกช่องทางหนึ่งของระบบเศรษฐกิจที่ถูกวางแผนครอบไว้ ในการดูดเอาความมั่งคั่งเข้ากระเป๋าพวกนักบริหารและผู้ถือหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย ...แค่นั้นเอง

    Depriving Poor Countries of Medicines
    คนจนไม่มีสิทธิ์ได้ใช้ยา

    ยาที่จะทำประโยชน์ให้คนนับล้านได้ในประเทศยากจน จำเป็นต้องมีราคาที่คนจนจะจับต้องได้ แต่พวกบิ้กฟาร์ม่าที่ถือสิทธิบัตรยาเหล่านั้น..ต้องการควบคุมการเข้าถึง และชาร์จที่ราคาสูงสุดเท่าที่จะทำได้

    World Trade organization (WTO) มีการบังคับใช้สิทธิบัตรผ่านข้อตกลง ที่เรียกว่า TRIPS (Trade Related Aspects of Intellectual Property) ...แต่ TRIPS ก็ยังมีข้อดีอยู่นิดหน่อยที่อนุญาตให้ประเทศยากจนหลายประเทศสามารถก้อปปี้การผลิตยาเฉพาะตัวที่สำคัญ ๆ และมีข้อบังคับทางกฏหมายให้บางประเทศเช่นอินเดียสามารถทำได้ ...แต่ถึงอย่างนั้น บิ้กฟาร์ม่าก็ยังคงบล็อกการเข้าถึงยาได้ทั่วโลกอยู่ ประเทศยากจนส่วนใหญ่ยังคงต้องซื้อยาในราคาแพงอยู่ เพราะยังคงมีการขู่จากทั้งสหรัฐ อังกฤษ และประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศ

    Nelson Mandela ผู้นำประเทศอัฟริกาใต้ เคยพยายามที่จะได้ยา HIV ราคาถูกเพื่อรักษาผู้ป่วยเอดส์ในประเทศ ...บริษัทยาตะวันตกชาร์จที่ราคา $15,000 ต่อคนต่อปี ในขณะที่บริษัทอินเดียผลิตได้แค่ $300 ต่อคนต่อปี ...แต่แมนเดล่าถูกขู่ที่จะแซงค์ชั่น..หลังจากบริษัทยายักษ์ใหญ่ล้อบบี้ฐบาลสหรัฐ ทำให้ผู้คนหลายล้านในอัฟริกาใต้ต้องตาย เพราะไม่สามารถเข้าถึงยาจากอินเดียที่ก้อปปี้จากยาราคาแพงตัวนี้ได้

    More Spent on Marketing Than on Research
    ใช้เงินไปกับการตลาดมากกว่าใช้กับการวิจัยซะอีก

    ถ้ายาได้ผลดีจริง มันก็ไม่ต้องการการตลาดเลย ถ้ามันให้ผลดีจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์จริงแล้ว แพทย์และเครือข่ายการแพทย์ทั่วโลกย่อมจะต้องนำมาใช้อยู่แล้ว ...แต่จริง ๆ แล้ว ยาส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ผลนัก บริษัทจึงจำเป็นต้องใช้เงินมหาศาลในการ "ชักชวน" ให้แพทย์ทั้งหลายให้มาสั่งใช้ยานั้น ...ทั้งหมดนี้หมายความรวมถึง ของขวัญ การจัดท่องเที่ยววันหยุด หรือการสร้างสิ่งจูงใจ (ฟังดูไพเราะกว่า "สินบน" เยอะเลย) แพทย์จำนวนมากก็แฮ้ปปี้ที่จะร่วมเล่นด้วย ...ค่าใช้จ่ายการตลาดเหล่านี้น่ะ มันรวมอยู่ในราคายาแล้วแหละ

    Fraud and Deception are Widespread
    การฉ้อฉลมันกระจายวงไปกว้างไกลมาก

    อุตสาหกรรมยาเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการคอรัปชั่นมากที่สุด บิ้กฟาร์ม่าหลายแห่งถูกกล่าวหาว่าขายยาที่เป็นอันตราย หรืออาจถึงชีวิตได้ ...อุตสาหกรรมนี้เคยถูกสั่งปรับมาแล้วถึงมากกว่า $5 หมื่นล้านในรอบยี่สิบปีที่ผ่านมา ...เมื่อปี 2012 Glaxo Smith Kline (GSK) ก็ถูกปรับไป $3 พันล้านในสหรัฐที่ขายยาผิดประเภท และจ่ายสินบนแก่แพทย์ และปิดบังผลวิจัย นอกจากนี้ GSK ยังถูกปรับที่อินเดีย อัฟริกาใต้และอังกฤษ

    แต่บริษัทนี้ขายยาแค่รายการเดียวก็อาจเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าค่าปรับหลายเท่าตัวก็ได้สบาย ๆ

    อุตสาหกรรมยามีประวัติการโฆษณายาเกินจริง..ไม่บอกถึงผลด้อยของคุณภาพ..และปิดบังผลร้ายของยามานานแล้ว ...จากการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ แสดงให้เห็นว่า เวชภัณท์มีผลร้ายมากกว่าที่ผู้ผลิตแจ้งไว้ถึง 4 เท่าส่งผลให้มีผู้ป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลถึงสองแสนกว่าคนในอังกฤษ และอีกสองล้านคนในสหรัฐในแต่ละปี

    นอกจากนี้ยังมีกรณีเสียชีวิตอีกถึง 55,000 รายจากยาแก้ปวด แต่ข้อมูลเหล่านี้ถูกปิดบังโดย Merck ผู้ผลิตยา ....ยังมีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจ จากผลของยารักษาเบาหวาน

    ตอนนี้มีหลักฐานว่าบริษัทยาเหล่านี้มีการจัดการยักย้ายงานวิจัยของตน พวกนี้ทดสอบยาของตนเอง และออกผลทดสอบที่แสดงแต่ส่วนดีและซ่อนส่วนที่เป็นโทษ

    อุตสาหกรรมยาใช้เงินล้อบบี้รัฐบาลสหรัฐมากกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ ..ปี 2018 มีการใช้เงินถึง $2.8 แสนล้าน นี่แสดงให้เห็นถึงการไร้กฏระเบียบของอุตสาหกรรมนี้ ถึงแม้สหรัฐจะมี Food and Drug Administration (FDA) แต่หน่วยงานนี้ก็มีงบประมาณไม่พอ ทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน ...เจ้าหน้าที่ในสต้าฟมีสัมพันธภาพกับอุตสาหกรรมนี้ อดีตผอ. FDA ก็ออกไปทำงานกับ Pfizer ...ส่วนอดีตสมาชิกสภาคองเกรสจำนวนไม่น้อยก็ไปรับจ้อบเป็นล้อบบี้ยิสต์ให้กับอุตสาหกรรมยา

    สถานการณ์ของการรักษากฏของเรื่องนี้ในอังกฤษยิ่งร้ายหนักกว่าอีก อังกฤษไม่เคยมีการลงโทษบริษัทยาซักแห่งเลย มีการปรับเล็กน้อยรวมกันแค่ £73,300 แต่ไม่เคยมีการบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจังเลย

    Not Fit For Purpose

    แทบทุกประเทศที่มีหน่วยงานเกี่ยวกับอาหารและยามักจะตายใจไม่นึกว่าอุตสาหกรรมยาน่ะมันเชี่..แค่ไหน พวกสื่อเองก็เงียบไม่พูดถึงกำ ไรมหาศาลของบริษัทยาเพราะรับทรัพย์ไปเยอะ ...อุตสาหกรรมนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของอุตสาหกรรมที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อสนองจุดประสงค์แท้จริงของสาธารณชน (not fit for purpose) มันทำความล้มเหลวทั้งในประเทศร่ำรวยและยากจนถ้วนหน้า

    ถ้าอุตสาหกรรมนี้เป็นเรื่องที่ดำเนินงานไปโดยหน่วยงานของชาติ ยาทุกชนิดจะมีราคาเป็นแค่เศษเสี้ยวของราคาปัจจุบัน ไม่ต้องมีปัญหายาปลอม ไม่ต้องมีการล็อบบี้ ไม่ต้องมีการแย่งชิงสิทธิบัตร ประเทศยากจนเข้าถึงยาได้ง่าย ๆ ที่ราคาต่ำมาก ๆ จนอาจให้เปล่าได้เลย

    ถ้าเราพูดถึงการต่อสู้ความยากจนของโลกจริง ๆ แล้ว นี่เป็นเรื่องแรก ๆ ที่ต้องทำ ....แต่ความเป็นไปได้ที่อุตสาหกรรมยาควรจะเป็นเรื่องที่รัฐบาลดำเนินงานเอง เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครพูดถึงเลย......

    ***ผมไม่ได้แปลส่วนเชิงอรรถในบทความนะครับ แต่เพื่อน ๆ ดูได้ในบทความต้นฉบับนะครับ***

    https://medium.com/elephantsintheroom/42-the-crimes-of-the-pharmaceutical-industry-5fee08225cbb
    Elephant in the Room The Crimes of the Pharmaceutical Industry เรื่องของบิ้กฟาร์ม่า Roddriver Aug 25, 2021 อุตสาหกรรมยา เป็นการผลิตยาเพื่อผลทางการแพทย์ อุตสาหกรรมนี้เน้นการรณรงค์เรื่องของสิทธิบัตรทั่วโลกเป็นส่วนใหญ่ ...ถึงแม้ว่านักเศรษฐศาสตร์กระแสหลักจะวิจารณ์หนักมากในเรื่องของสิทธิบัตรยา ...ยาที่มีสิทธิบัตรมักจะขายได้ราคาสูงกว่ายาที่ไม่มีสิทธิบัตรนับพัน ๆ เท่า อุตสาหกรรมนี้แสดงให้เห็นได้ชัดเจนถึงประเด็นที่ได้โพสท์ไว้ก่อนหน้านี้ (แปลแล้ว) เกี่ยวกับอำนาจและอาชญากรรมจากสิทธิบัตรของบริษัทยักษ์ทั้งหลาย Researching The Wrong Problems วืจัยเฉพาะเรื่องที่มีกำไร การทำวิจัยส่วนใหญ่มักจะโฟกัสไปที่ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศที่ร่ำรวยที่มีกำลังซื้อ ...มียาเพียง 21 ตัวจาก 1,556 ตัวซึ่งออกสู่ตลาดโลกตั้งแต่ปี 1975 ถึงปี 2004 ที่เล็งเป้าไปต่อสู้กับโรคที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชาวตะวันตกนัก ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศยากจน บริษัทเหล่านี้ใช้เวลาส่วนใหญ่ทำการวิจัยยาที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ เช่นไวอากร้ามากกว่ายารักษาวัณโรค เพราะกำไรมันอยู่ตรงนั้น ทั้ง ๆ ที่เราสามารถจัดการกับปัญหาสุขภาพของประเทศยากจนได้โดยใช้ทุนต่ำกว่ามาก ...ตั้งแต่ปี 2006 มาแล้วที่ World Health Organization (WHO) เริ่มพูดถึงปัญหานี้ แต่การหาทุนก็ยังคงมีไม่พอ Social Costs, Private Profits เงินวิจัยจากสาธารณชน แต่กำไรเป็นของเอกชน ในช่วงต้น ๆ ของการวิจัยและพัฒนามักจะได้รับทุนสาธารณะ ทั้งจากมหาวิทยาลัยและรัฐบาลหลายแห่งทั่วโลก ...บริษัทยักษ์จะเข้ามาร่วมด้วยหลังจากรู้ชัดว่าการทดลองขั้นต้นแสดงให้เห็นแล้วว่า..ยาตัวนี้น่าจะต้องมีอนาคตแน่ อย่างไรก็ตาม ถ้าบริษัทไหนได้ถือสิทธิบัตรเอาไว้ ก็จะได้กำไรส่วนใหญ่ไป เพราะเมื่อมีสิทธิบัตรอยู่ในมือ พวกเขาก็จะชาร์จราคาสูงสุดได้ตามใจ พูดอีกอย่างก็คือ ราคาที่คนร่ำรวยจะจ่ายให้ได้ ถ้าเป็นไปตามนี้ การปล่อยให้บริษัทเอกชนเก็บกำไรทั้งหมดจากยาที่ได้รับสิทธิบัตร..ก็ไม่น่าจะถูกต้องนัก มันคืออีกช่องทางหนึ่งของระบบเศรษฐกิจที่ถูกวางแผนครอบไว้ ในการดูดเอาความมั่งคั่งเข้ากระเป๋าพวกนักบริหารและผู้ถือหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย ...แค่นั้นเอง Depriving Poor Countries of Medicines คนจนไม่มีสิทธิ์ได้ใช้ยา ยาที่จะทำประโยชน์ให้คนนับล้านได้ในประเทศยากจน จำเป็นต้องมีราคาที่คนจนจะจับต้องได้ แต่พวกบิ้กฟาร์ม่าที่ถือสิทธิบัตรยาเหล่านั้น..ต้องการควบคุมการเข้าถึง และชาร์จที่ราคาสูงสุดเท่าที่จะทำได้ World Trade organization (WTO) มีการบังคับใช้สิทธิบัตรผ่านข้อตกลง ที่เรียกว่า TRIPS (Trade Related Aspects of Intellectual Property) ...แต่ TRIPS ก็ยังมีข้อดีอยู่นิดหน่อยที่อนุญาตให้ประเทศยากจนหลายประเทศสามารถก้อปปี้การผลิตยาเฉพาะตัวที่สำคัญ ๆ และมีข้อบังคับทางกฏหมายให้บางประเทศเช่นอินเดียสามารถทำได้ ...แต่ถึงอย่างนั้น บิ้กฟาร์ม่าก็ยังคงบล็อกการเข้าถึงยาได้ทั่วโลกอยู่ ประเทศยากจนส่วนใหญ่ยังคงต้องซื้อยาในราคาแพงอยู่ เพราะยังคงมีการขู่จากทั้งสหรัฐ อังกฤษ และประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศ Nelson Mandela ผู้นำประเทศอัฟริกาใต้ เคยพยายามที่จะได้ยา HIV ราคาถูกเพื่อรักษาผู้ป่วยเอดส์ในประเทศ ...บริษัทยาตะวันตกชาร์จที่ราคา $15,000 ต่อคนต่อปี ในขณะที่บริษัทอินเดียผลิตได้แค่ $300 ต่อคนต่อปี ...แต่แมนเดล่าถูกขู่ที่จะแซงค์ชั่น..หลังจากบริษัทยายักษ์ใหญ่ล้อบบี้ฐบาลสหรัฐ ทำให้ผู้คนหลายล้านในอัฟริกาใต้ต้องตาย เพราะไม่สามารถเข้าถึงยาจากอินเดียที่ก้อปปี้จากยาราคาแพงตัวนี้ได้ More Spent on Marketing Than on Research ใช้เงินไปกับการตลาดมากกว่าใช้กับการวิจัยซะอีก ถ้ายาได้ผลดีจริง มันก็ไม่ต้องการการตลาดเลย ถ้ามันให้ผลดีจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์จริงแล้ว แพทย์และเครือข่ายการแพทย์ทั่วโลกย่อมจะต้องนำมาใช้อยู่แล้ว ...แต่จริง ๆ แล้ว ยาส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ผลนัก บริษัทจึงจำเป็นต้องใช้เงินมหาศาลในการ "ชักชวน" ให้แพทย์ทั้งหลายให้มาสั่งใช้ยานั้น ...ทั้งหมดนี้หมายความรวมถึง ของขวัญ การจัดท่องเที่ยววันหยุด หรือการสร้างสิ่งจูงใจ (ฟังดูไพเราะกว่า "สินบน" เยอะเลย) แพทย์จำนวนมากก็แฮ้ปปี้ที่จะร่วมเล่นด้วย ...ค่าใช้จ่ายการตลาดเหล่านี้น่ะ มันรวมอยู่ในราคายาแล้วแหละ Fraud and Deception are Widespread การฉ้อฉลมันกระจายวงไปกว้างไกลมาก อุตสาหกรรมยาเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการคอรัปชั่นมากที่สุด บิ้กฟาร์ม่าหลายแห่งถูกกล่าวหาว่าขายยาที่เป็นอันตราย หรืออาจถึงชีวิตได้ ...อุตสาหกรรมนี้เคยถูกสั่งปรับมาแล้วถึงมากกว่า $5 หมื่นล้านในรอบยี่สิบปีที่ผ่านมา ...เมื่อปี 2012 Glaxo Smith Kline (GSK) ก็ถูกปรับไป $3 พันล้านในสหรัฐที่ขายยาผิดประเภท และจ่ายสินบนแก่แพทย์ และปิดบังผลวิจัย นอกจากนี้ GSK ยังถูกปรับที่อินเดีย อัฟริกาใต้และอังกฤษ แต่บริษัทนี้ขายยาแค่รายการเดียวก็อาจเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าค่าปรับหลายเท่าตัวก็ได้สบาย ๆ อุตสาหกรรมยามีประวัติการโฆษณายาเกินจริง..ไม่บอกถึงผลด้อยของคุณภาพ..และปิดบังผลร้ายของยามานานแล้ว ...จากการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ แสดงให้เห็นว่า เวชภัณท์มีผลร้ายมากกว่าที่ผู้ผลิตแจ้งไว้ถึง 4 เท่าส่งผลให้มีผู้ป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลถึงสองแสนกว่าคนในอังกฤษ และอีกสองล้านคนในสหรัฐในแต่ละปี นอกจากนี้ยังมีกรณีเสียชีวิตอีกถึง 55,000 รายจากยาแก้ปวด แต่ข้อมูลเหล่านี้ถูกปิดบังโดย Merck ผู้ผลิตยา ....ยังมีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจ จากผลของยารักษาเบาหวาน ตอนนี้มีหลักฐานว่าบริษัทยาเหล่านี้มีการจัดการยักย้ายงานวิจัยของตน พวกนี้ทดสอบยาของตนเอง และออกผลทดสอบที่แสดงแต่ส่วนดีและซ่อนส่วนที่เป็นโทษ อุตสาหกรรมยาใช้เงินล้อบบี้รัฐบาลสหรัฐมากกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ ..ปี 2018 มีการใช้เงินถึง $2.8 แสนล้าน นี่แสดงให้เห็นถึงการไร้กฏระเบียบของอุตสาหกรรมนี้ ถึงแม้สหรัฐจะมี Food and Drug Administration (FDA) แต่หน่วยงานนี้ก็มีงบประมาณไม่พอ ทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน ...เจ้าหน้าที่ในสต้าฟมีสัมพันธภาพกับอุตสาหกรรมนี้ อดีตผอ. FDA ก็ออกไปทำงานกับ Pfizer ...ส่วนอดีตสมาชิกสภาคองเกรสจำนวนไม่น้อยก็ไปรับจ้อบเป็นล้อบบี้ยิสต์ให้กับอุตสาหกรรมยา สถานการณ์ของการรักษากฏของเรื่องนี้ในอังกฤษยิ่งร้ายหนักกว่าอีก อังกฤษไม่เคยมีการลงโทษบริษัทยาซักแห่งเลย มีการปรับเล็กน้อยรวมกันแค่ £73,300 แต่ไม่เคยมีการบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจังเลย Not Fit For Purpose แทบทุกประเทศที่มีหน่วยงานเกี่ยวกับอาหารและยามักจะตายใจไม่นึกว่าอุตสาหกรรมยาน่ะมันเชี่..แค่ไหน พวกสื่อเองก็เงียบไม่พูดถึงกำ ไรมหาศาลของบริษัทยาเพราะรับทรัพย์ไปเยอะ ...อุตสาหกรรมนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของอุตสาหกรรมที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อสนองจุดประสงค์แท้จริงของสาธารณชน (not fit for purpose) มันทำความล้มเหลวทั้งในประเทศร่ำรวยและยากจนถ้วนหน้า ถ้าอุตสาหกรรมนี้เป็นเรื่องที่ดำเนินงานไปโดยหน่วยงานของชาติ ยาทุกชนิดจะมีราคาเป็นแค่เศษเสี้ยวของราคาปัจจุบัน ไม่ต้องมีปัญหายาปลอม ไม่ต้องมีการล็อบบี้ ไม่ต้องมีการแย่งชิงสิทธิบัตร ประเทศยากจนเข้าถึงยาได้ง่าย ๆ ที่ราคาต่ำมาก ๆ จนอาจให้เปล่าได้เลย ถ้าเราพูดถึงการต่อสู้ความยากจนของโลกจริง ๆ แล้ว นี่เป็นเรื่องแรก ๆ ที่ต้องทำ ....แต่ความเป็นไปได้ที่อุตสาหกรรมยาควรจะเป็นเรื่องที่รัฐบาลดำเนินงานเอง เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครพูดถึงเลย...... ***ผมไม่ได้แปลส่วนเชิงอรรถในบทความนะครับ แต่เพื่อน ๆ ดูได้ในบทความต้นฉบับนะครับ*** https://medium.com/elephantsintheroom/42-the-crimes-of-the-pharmaceutical-industry-5fee08225cbb
    MEDIUM.COM
    42) The Crimes of the Pharmaceutical Industry
    “The history of medicine is littered with wonderful early results which over a period of time turn out to be not so wonderful…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
  • Elephant in the Room
    The Crimes of the Pharmaceutical Industry
    เรื่องของบิ้กฟาร์ม่า

    Roddriver Aug 25, 2021

    อุตสาหกรรมยา เป็นการผลิตยาเพื่อผลทางการแพทย์ อุตสาหกรรมนี้เน้นการรณรงค์เรื่องของสิทธิบัตรทั่วโลกเป็นส่วนใหญ่ ...ถึงแม้ว่านักเศรษฐศาสตร์กระแสหลักจะวิจารณ์หนักมากในเรื่องของสิทธิบัตรยา ...ยาที่มีสิทธิบัตรมักจะขายได้ราคาสูงกว่ายาที่ไม่มีสิทธิบัตรนับพัน ๆ เท่า

    อุตสาหกรรมนี้แสดงให้เห็นได้ชัดเจนถึงประเด็นที่ได้โพสท์ไว้ก่อนหน้านี้ (แปลแล้ว) เกี่ยวกับอำนาจและอาชญากรรมจากสิทธิบัตรของบริษัทยักษ์ทั้งหลาย

    Researching The Wrong Problems
    วืจัยเฉพาะเรื่องที่มีกำไร

    การทำวิจัยส่วนใหญ่มักจะโฟกัสไปที่ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศที่ร่ำรวยที่มีกำลังซื้อ ...มียาเพียง 21 ตัวจาก 1,556 ตัวซึ่งออกสู่ตลาดโลกตั้งแต่ปี 1975 ถึงปี 2004 ที่เล็งเป้าไปต่อสู้กับโรคที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชาวตะวันตกนัก ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศยากจน

    บริษัทเหล่านี้ใช้เวลาส่วนใหญ่ทำการวิจัยยาที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ เช่นไวอากร้ามากกว่ายารักษาวัณโรค เพราะกำไรมันอยู่ตรงนั้น ทั้ง ๆ ที่เราสามารถจัดการกับปัญหาสุขภาพของประเทศยากจนได้โดยใช้ทุนต่ำกว่ามาก ...ตั้งแต่ปี 2006 มาแล้วที่ World Health Organization (WHO) เริ่มพูดถึงปัญหานี้ แต่การหาทุนก็ยังคงมีไม่พอ

    Social Costs, Private Profits
    เงินวิจัยจากสาธารณชน แต่กำไรเป็นของเอกชน

    ในช่วงต้น ๆ ของการวิจัยและพัฒนามักจะได้รับทุนสาธารณะ ทั้งจากมหาวิทยาลัยและรัฐบาลหลายแห่งทั่วโลก ...บริษัทยักษ์จะเข้ามาร่วมด้วยหลังจากรู้ชัดว่าการทดลองขั้นต้นแสดงให้เห็นแล้วว่า..ยาตัวนี้น่าจะต้องมีอนาคตแน่

    อย่างไรก็ตาม ถ้าบริษัทไหนได้ถือสิทธิบัตรเอาไว้ ก็จะได้กำไรส่วนใหญ่ไป เพราะเมื่อมีสิทธิบัตรอยู่ในมือ พวกเขาก็จะชาร์จราคาสูงสุดได้ตามใจ พูดอีกอย่างก็คือ ราคาที่คนร่ำรวยจะจ่ายให้ได้

    ถ้าเป็นไปตามนี้ การปล่อยให้บริษัทเอกชนเก็บกำไรทั้งหมดจากยาที่ได้รับสิทธิบัตร..ก็ไม่น่าจะถูกต้องนัก มันคืออีกช่องทางหนึ่งของระบบเศรษฐกิจที่ถูกวางแผนครอบไว้ ในการดูดเอาความมั่งคั่งเข้ากระเป๋าพวกนักบริหารและผู้ถือหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย ...แค่นั้นเอง

    Depriving Poor Countries of Medicines
    คนจนไม่มีสิทธิ์ได้ใช้ยา

    ยาที่จะทำประโยชน์ให้คนนับล้านได้ในประเทศยากจน จำเป็นต้องมีราคาที่คนจนจะจับต้องได้ แต่พวกบิ้กฟาร์ม่าที่ถือสิทธิบัตรยาเหล่านั้น..ต้องการควบคุมการเข้าถึง และชาร์จที่ราคาสูงสุดเท่าที่จะทำได้

    World Trade organization (WTO) มีการบังคับใช้สิทธิบัตรผ่านข้อตกลง ที่เรียกว่า TRIPS (Trade Related Aspects of Intellectual Property) ...แต่ TRIPS ก็ยังมีข้อดีอยู่นิดหน่อยที่อนุญาตให้ประเทศยากจนหลายประเทศสามารถก้อปปี้การผลิตยาเฉพาะตัวที่สำคัญ ๆ และมีข้อบังคับทางกฏหมายให้บางประเทศเช่นอินเดียสามารถทำได้ ...แต่ถึงอย่างนั้น บิ้กฟาร์ม่าก็ยังคงบล็อกการเข้าถึงยาได้ทั่วโลกอยู่ ประเทศยากจนส่วนใหญ่ยังคงต้องซื้อยาในราคาแพงอยู่ เพราะยังคงมีการขู่จากทั้งสหรัฐ อังกฤษ และประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศ

    Nelson Mandela ผู้นำประเทศอัฟริกาใต้ เคยพยายามที่จะได้ยา HIV ราคาถูกเพื่อรักษาผู้ป่วยเอดส์ในประเทศ ...บริษัทยาตะวันตกชาร์จที่ราคา $15,000 ต่อคนต่อปี ในขณะที่บริษัทอินเดียผลิตได้แค่ $300 ต่อคนต่อปี ...แต่แมนเดล่าถูกขู่ที่จะแซงค์ชั่น..หลังจากบริษัทยายักษ์ใหญ่ล้อบบี้ฐบาลสหรัฐ ทำให้ผู้คนหลายล้านในอัฟริกาใต้ต้องตาย เพราะไม่สามารถเข้าถึงยาจากอินเดียที่ก้อปปี้จากยาราคาแพงตัวนี้ได้

    More Spent on Marketing Than on Research
    ใช้เงินไปกับการตลาดมากกว่าใช้กับการวิจัยซะอีก

    ถ้ายาได้ผลดีจริง มันก็ไม่ต้องการการตลาดเลย ถ้ามันให้ผลดีจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์จริงแล้ว แพทย์และเครือข่ายการแพทย์ทั่วโลกย่อมจะต้องนำมาใช้อยู่แล้ว ...แต่จริง ๆ แล้ว ยาส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ผลนัก บริษัทจึงจำเป็นต้องใช้เงินมหาศาลในการ "ชักชวน" ให้แพทย์ทั้งหลายให้มาสั่งใช้ยานั้น ...ทั้งหมดนี้หมายความรวมถึง ของขวัญ การจัดท่องเที่ยววันหยุด หรือการสร้างสิ่งจูงใจ (ฟังดูไพเราะกว่า "สินบน" เยอะเลย) แพทย์จำนวนมากก็แฮ้ปปี้ที่จะร่วมเล่นด้วย ...ค่าใช้จ่ายการตลาดเหล่านี้น่ะ มันรวมอยู่ในราคายาแล้วแหละ

    Fraud and Deception are Widespread
    การฉ้อฉลมันกระจายวงไปกว้างไกลมาก

    อุตสาหกรรมยาเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการคอรัปชั่นมากที่สุด บิ้กฟาร์ม่าหลายแห่งถูกกล่าวหาว่าขายยาที่เป็นอันตราย หรืออาจถึงชีวิตได้ ...อุตสาหกรรมนี้เคยถูกสั่งปรับมาแล้วถึงมากกว่า $5 หมื่นล้านในรอบยี่สิบปีที่ผ่านมา ...เมื่อปี 2012 Glaxo Smith Kline (GSK) ก็ถูกปรับไป $3 พันล้านในสหรัฐที่ขายยาผิดประเภท และจ่ายสินบนแก่แพทย์ และปิดบังผลวิจัย นอกจากนี้ GSK ยังถูกปรับที่อินเดีย อัฟริกาใต้และอังกฤษ

    แต่บริษัทนี้ขายยาแค่รายการเดียวก็อาจเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าค่าปรับหลายเท่าตัวก็ได้สบาย ๆ

    อุตสาหกรรมยามีประวัติการโฆษณายาเกินจริง..ไม่บอกถึงผลด้อยของคุณภาพ..และปิดบังผลร้ายของยามานานแล้ว ...จากการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ แสดงให้เห็นว่า เวชภัณท์มีผลร้ายมากกว่าที่ผู้ผลิตแจ้งไว้ถึง 4 เท่าส่งผลให้มีผู้ป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลถึงสองแสนกว่าคนในอังกฤษ และอีกสองล้านคนในสหรัฐในแต่ละปี

    นอกจากนี้ยังมีกรณีเสียชีวิตอีกถึง 55,000 รายจากยาแก้ปวด แต่ข้อมูลเหล่านี้ถูกปิดบังโดย Merck ผู้ผลิตยา ....ยังมีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจ จากผลของยารักษาเบาหวาน

    ตอนนี้มีหลักฐานว่าบริษัทยาเหล่านี้มีการจัดการยักย้ายงานวิจัยของตน พวกนี้ทดสอบยาของตนเอง และออกผลทดสอบที่แสดงแต่ส่วนดีและซ่อนส่วนที่เป็นโทษ

    อุตสาหกรรมยาใช้เงินล้อบบี้รัฐบาลสหรัฐมากกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ ..ปี 2018 มีการใช้เงินถึง $2.8 แสนล้าน นี่แสดงให้เห็นถึงการไร้กฏระเบียบของอุตสาหกรรมนี้ ถึงแม้สหรัฐจะมี Food and Drug Administration (FDA) แต่หน่วยงานนี้ก็มีงบประมาณไม่พอ ทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน ...เจ้าหน้าที่ในสต้าฟมีสัมพันธภาพกับอุตสาหกรรมนี้ อดีตผอ. FDA ก็ออกไปทำงานกับ Pfizer ...ส่วนอดีตสมาชิกสภาคองเกรสจำนวนไม่น้อยก็ไปรับจ้อบเป็นล้อบบี้ยิสต์ให้กับอุตสาหกรรมยา

    สถานการณ์ของการรักษากฏของเรื่องนี้ในอังกฤษยิ่งร้ายหนักกว่าอีก อังกฤษไม่เคยมีการลงโทษบริษัทยาซักแห่งเลย มีการปรับเล็กน้อยรวมกันแค่ £73,300 แต่ไม่เคยมีการบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจังเลย

    Not Fit For Purpose

    แทบทุกประเทศที่มีหน่วยงานเกี่ยวกับอาหารและยามักจะตายใจไม่นึกว่าอุตสาหกรรมยาน่ะมันเชี่..แค่ไหน พวกสื่อเองก็เงียบไม่พูดถึงกำ ไรมหาศาลของบริษัทยาเพราะรับทรัพย์ไปเยอะ ...อุตสาหกรรมนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของอุตสาหกรรมที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อสนองจุดประสงค์แท้จริงของสาธารณชน (not fit for purpose) มันทำความล้มเหลวทั้งในประเทศร่ำรวยและยากจนถ้วนหน้า

    ถ้าอุตสาหกรรมนี้เป็นเรื่องที่ดำเนินงานไปโดยหน่วยงานของชาติ ยาทุกชนิดจะมีราคาเป็นแค่เศษเสี้ยวของราคาปัจจุบัน ไม่ต้องมีปัญหายาปลอม ไม่ต้องมีการล็อบบี้ ไม่ต้องมีการแย่งชิงสิทธิบัตร ประเทศยากจนเข้าถึงยาได้ง่าย ๆ ที่ราคาต่ำมาก ๆ จนอาจให้เปล่าได้เลย

    ถ้าเราพูดถึงการต่อสู้ความยากจนของโลกจริง ๆ แล้ว นี่เป็นเรื่องแรก ๆ ที่ต้องทำ ....แต่ความเป็นไปได้ที่อุตสาหกรรมยาควรจะเป็นเรื่องที่รัฐบาลดำเนินงานเอง เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครพูดถึงเลย......

    ***ผมไม่ได้แปลส่วนเชิงอรรถในบทความนะครับ แต่เพื่อน ๆ ดูได้ในบทความต้นฉบับนะครับ***

    https://medium.com/elephantsintheroom/42-the-crimes-of-the-pharmaceutical-industry-5fee08225cbb
    Elephant in the Room The Crimes of the Pharmaceutical Industry เรื่องของบิ้กฟาร์ม่า Roddriver Aug 25, 2021 อุตสาหกรรมยา เป็นการผลิตยาเพื่อผลทางการแพทย์ อุตสาหกรรมนี้เน้นการรณรงค์เรื่องของสิทธิบัตรทั่วโลกเป็นส่วนใหญ่ ...ถึงแม้ว่านักเศรษฐศาสตร์กระแสหลักจะวิจารณ์หนักมากในเรื่องของสิทธิบัตรยา ...ยาที่มีสิทธิบัตรมักจะขายได้ราคาสูงกว่ายาที่ไม่มีสิทธิบัตรนับพัน ๆ เท่า อุตสาหกรรมนี้แสดงให้เห็นได้ชัดเจนถึงประเด็นที่ได้โพสท์ไว้ก่อนหน้านี้ (แปลแล้ว) เกี่ยวกับอำนาจและอาชญากรรมจากสิทธิบัตรของบริษัทยักษ์ทั้งหลาย Researching The Wrong Problems วืจัยเฉพาะเรื่องที่มีกำไร การทำวิจัยส่วนใหญ่มักจะโฟกัสไปที่ปัญหาที่เกิดขึ้นในประเทศที่ร่ำรวยที่มีกำลังซื้อ ...มียาเพียง 21 ตัวจาก 1,556 ตัวซึ่งออกสู่ตลาดโลกตั้งแต่ปี 1975 ถึงปี 2004 ที่เล็งเป้าไปต่อสู้กับโรคที่ไม่ได้เกี่ยวข้องกับชาวตะวันตกนัก ส่วนใหญ่อยู่ในประเทศยากจน บริษัทเหล่านี้ใช้เวลาส่วนใหญ่ทำการวิจัยยาที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์ เช่นไวอากร้ามากกว่ายารักษาวัณโรค เพราะกำไรมันอยู่ตรงนั้น ทั้ง ๆ ที่เราสามารถจัดการกับปัญหาสุขภาพของประเทศยากจนได้โดยใช้ทุนต่ำกว่ามาก ...ตั้งแต่ปี 2006 มาแล้วที่ World Health Organization (WHO) เริ่มพูดถึงปัญหานี้ แต่การหาทุนก็ยังคงมีไม่พอ Social Costs, Private Profits เงินวิจัยจากสาธารณชน แต่กำไรเป็นของเอกชน ในช่วงต้น ๆ ของการวิจัยและพัฒนามักจะได้รับทุนสาธารณะ ทั้งจากมหาวิทยาลัยและรัฐบาลหลายแห่งทั่วโลก ...บริษัทยักษ์จะเข้ามาร่วมด้วยหลังจากรู้ชัดว่าการทดลองขั้นต้นแสดงให้เห็นแล้วว่า..ยาตัวนี้น่าจะต้องมีอนาคตแน่ อย่างไรก็ตาม ถ้าบริษัทไหนได้ถือสิทธิบัตรเอาไว้ ก็จะได้กำไรส่วนใหญ่ไป เพราะเมื่อมีสิทธิบัตรอยู่ในมือ พวกเขาก็จะชาร์จราคาสูงสุดได้ตามใจ พูดอีกอย่างก็คือ ราคาที่คนร่ำรวยจะจ่ายให้ได้ ถ้าเป็นไปตามนี้ การปล่อยให้บริษัทเอกชนเก็บกำไรทั้งหมดจากยาที่ได้รับสิทธิบัตร..ก็ไม่น่าจะถูกต้องนัก มันคืออีกช่องทางหนึ่งของระบบเศรษฐกิจที่ถูกวางแผนครอบไว้ ในการดูดเอาความมั่งคั่งเข้ากระเป๋าพวกนักบริหารและผู้ถือหุ้นของบริษัทยักษ์ใหญ่ทั้งหลาย ...แค่นั้นเอง Depriving Poor Countries of Medicines คนจนไม่มีสิทธิ์ได้ใช้ยา ยาที่จะทำประโยชน์ให้คนนับล้านได้ในประเทศยากจน จำเป็นต้องมีราคาที่คนจนจะจับต้องได้ แต่พวกบิ้กฟาร์ม่าที่ถือสิทธิบัตรยาเหล่านั้น..ต้องการควบคุมการเข้าถึง และชาร์จที่ราคาสูงสุดเท่าที่จะทำได้ World Trade organization (WTO) มีการบังคับใช้สิทธิบัตรผ่านข้อตกลง ที่เรียกว่า TRIPS (Trade Related Aspects of Intellectual Property) ...แต่ TRIPS ก็ยังมีข้อดีอยู่นิดหน่อยที่อนุญาตให้ประเทศยากจนหลายประเทศสามารถก้อปปี้การผลิตยาเฉพาะตัวที่สำคัญ ๆ และมีข้อบังคับทางกฏหมายให้บางประเทศเช่นอินเดียสามารถทำได้ ...แต่ถึงอย่างนั้น บิ้กฟาร์ม่าก็ยังคงบล็อกการเข้าถึงยาได้ทั่วโลกอยู่ ประเทศยากจนส่วนใหญ่ยังคงต้องซื้อยาในราคาแพงอยู่ เพราะยังคงมีการขู่จากทั้งสหรัฐ อังกฤษ และประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศ Nelson Mandela ผู้นำประเทศอัฟริกาใต้ เคยพยายามที่จะได้ยา HIV ราคาถูกเพื่อรักษาผู้ป่วยเอดส์ในประเทศ ...บริษัทยาตะวันตกชาร์จที่ราคา $15,000 ต่อคนต่อปี ในขณะที่บริษัทอินเดียผลิตได้แค่ $300 ต่อคนต่อปี ...แต่แมนเดล่าถูกขู่ที่จะแซงค์ชั่น..หลังจากบริษัทยายักษ์ใหญ่ล้อบบี้ฐบาลสหรัฐ ทำให้ผู้คนหลายล้านในอัฟริกาใต้ต้องตาย เพราะไม่สามารถเข้าถึงยาจากอินเดียที่ก้อปปี้จากยาราคาแพงตัวนี้ได้ More Spent on Marketing Than on Research ใช้เงินไปกับการตลาดมากกว่าใช้กับการวิจัยซะอีก ถ้ายาได้ผลดีจริง มันก็ไม่ต้องการการตลาดเลย ถ้ามันให้ผลดีจากการศึกษาทางวิทยาศาสตร์จริงแล้ว แพทย์และเครือข่ายการแพทย์ทั่วโลกย่อมจะต้องนำมาใช้อยู่แล้ว ...แต่จริง ๆ แล้ว ยาส่วนใหญ่ไม่ค่อยได้ผลนัก บริษัทจึงจำเป็นต้องใช้เงินมหาศาลในการ "ชักชวน" ให้แพทย์ทั้งหลายให้มาสั่งใช้ยานั้น ...ทั้งหมดนี้หมายความรวมถึง ของขวัญ การจัดท่องเที่ยววันหยุด หรือการสร้างสิ่งจูงใจ (ฟังดูไพเราะกว่า "สินบน" เยอะเลย) แพทย์จำนวนมากก็แฮ้ปปี้ที่จะร่วมเล่นด้วย ...ค่าใช้จ่ายการตลาดเหล่านี้น่ะ มันรวมอยู่ในราคายาแล้วแหละ Fraud and Deception are Widespread การฉ้อฉลมันกระจายวงไปกว้างไกลมาก อุตสาหกรรมยาเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีการคอรัปชั่นมากที่สุด บิ้กฟาร์ม่าหลายแห่งถูกกล่าวหาว่าขายยาที่เป็นอันตราย หรืออาจถึงชีวิตได้ ...อุตสาหกรรมนี้เคยถูกสั่งปรับมาแล้วถึงมากกว่า $5 หมื่นล้านในรอบยี่สิบปีที่ผ่านมา ...เมื่อปี 2012 Glaxo Smith Kline (GSK) ก็ถูกปรับไป $3 พันล้านในสหรัฐที่ขายยาผิดประเภท และจ่ายสินบนแก่แพทย์ และปิดบังผลวิจัย นอกจากนี้ GSK ยังถูกปรับที่อินเดีย อัฟริกาใต้และอังกฤษ แต่บริษัทนี้ขายยาแค่รายการเดียวก็อาจเป็นจำนวนเงินที่มากกว่าค่าปรับหลายเท่าตัวก็ได้สบาย ๆ อุตสาหกรรมยามีประวัติการโฆษณายาเกินจริง..ไม่บอกถึงผลด้อยของคุณภาพ..และปิดบังผลร้ายของยามานานแล้ว ...จากการศึกษาเมื่อเร็ว ๆ นี้ แสดงให้เห็นว่า เวชภัณท์มีผลร้ายมากกว่าที่ผู้ผลิตแจ้งไว้ถึง 4 เท่าส่งผลให้มีผู้ป่วยต้องเข้าโรงพยาบาลถึงสองแสนกว่าคนในอังกฤษ และอีกสองล้านคนในสหรัฐในแต่ละปี นอกจากนี้ยังมีกรณีเสียชีวิตอีกถึง 55,000 รายจากยาแก้ปวด แต่ข้อมูลเหล่านี้ถูกปิดบังโดย Merck ผู้ผลิตยา ....ยังมีผู้เสียชีวิตจากโรคหัวใจ จากผลของยารักษาเบาหวาน ตอนนี้มีหลักฐานว่าบริษัทยาเหล่านี้มีการจัดการยักย้ายงานวิจัยของตน พวกนี้ทดสอบยาของตนเอง และออกผลทดสอบที่แสดงแต่ส่วนดีและซ่อนส่วนที่เป็นโทษ อุตสาหกรรมยาใช้เงินล้อบบี้รัฐบาลสหรัฐมากกว่าอุตสาหกรรมอื่น ๆ ..ปี 2018 มีการใช้เงินถึง $2.8 แสนล้าน นี่แสดงให้เห็นถึงการไร้กฏระเบียบของอุตสาหกรรมนี้ ถึงแม้สหรัฐจะมี Food and Drug Administration (FDA) แต่หน่วยงานนี้ก็มีงบประมาณไม่พอ ทำให้เกิดผลประโยชน์ทับซ้อน ...เจ้าหน้าที่ในสต้าฟมีสัมพันธภาพกับอุตสาหกรรมนี้ อดีตผอ. FDA ก็ออกไปทำงานกับ Pfizer ...ส่วนอดีตสมาชิกสภาคองเกรสจำนวนไม่น้อยก็ไปรับจ้อบเป็นล้อบบี้ยิสต์ให้กับอุตสาหกรรมยา สถานการณ์ของการรักษากฏของเรื่องนี้ในอังกฤษยิ่งร้ายหนักกว่าอีก อังกฤษไม่เคยมีการลงโทษบริษัทยาซักแห่งเลย มีการปรับเล็กน้อยรวมกันแค่ £73,300 แต่ไม่เคยมีการบังคับใช้กฏหมายอย่างจริงจังเลย Not Fit For Purpose แทบทุกประเทศที่มีหน่วยงานเกี่ยวกับอาหารและยามักจะตายใจไม่นึกว่าอุตสาหกรรมยาน่ะมันเชี่..แค่ไหน พวกสื่อเองก็เงียบไม่พูดถึงกำ ไรมหาศาลของบริษัทยาเพราะรับทรัพย์ไปเยอะ ...อุตสาหกรรมนี้เป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของอุตสาหกรรมที่ไม่ได้เกิดขึ้นเพื่อสนองจุดประสงค์แท้จริงของสาธารณชน (not fit for purpose) มันทำความล้มเหลวทั้งในประเทศร่ำรวยและยากจนถ้วนหน้า ถ้าอุตสาหกรรมนี้เป็นเรื่องที่ดำเนินงานไปโดยหน่วยงานของชาติ ยาทุกชนิดจะมีราคาเป็นแค่เศษเสี้ยวของราคาปัจจุบัน ไม่ต้องมีปัญหายาปลอม ไม่ต้องมีการล็อบบี้ ไม่ต้องมีการแย่งชิงสิทธิบัตร ประเทศยากจนเข้าถึงยาได้ง่าย ๆ ที่ราคาต่ำมาก ๆ จนอาจให้เปล่าได้เลย ถ้าเราพูดถึงการต่อสู้ความยากจนของโลกจริง ๆ แล้ว นี่เป็นเรื่องแรก ๆ ที่ต้องทำ ....แต่ความเป็นไปได้ที่อุตสาหกรรมยาควรจะเป็นเรื่องที่รัฐบาลดำเนินงานเอง เป็นเรื่องที่ไม่เคยมีใครพูดถึงเลย...... ***ผมไม่ได้แปลส่วนเชิงอรรถในบทความนะครับ แต่เพื่อน ๆ ดูได้ในบทความต้นฉบับนะครับ*** https://medium.com/elephantsintheroom/42-the-crimes-of-the-pharmaceutical-industry-5fee08225cbb
    MEDIUM.COM
    42) The Crimes of the Pharmaceutical Industry
    “The history of medicine is littered with wonderful early results which over a period of time turn out to be not so wonderful…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • Wow Yourself With Words With “Word” In Them

    We love all kinds of words: big words, small words, words with silent vowels, and even the word moist. With that in mind, we wanted to find words that feature the word word in them. Without getting too wordy, we managed to find words like foreword, afterword, and doubleword that fit our criterion of being a word with the word word in the word. Being the word-wise wordsmiths that we are, we wanted to spread the good word and share our fun list of words that include the word word.

    Cool off your hot word skills with these cool words about words.

    headword
    A headword is a word or phrase that appears as the heading of a dictionary, encyclopedia, or other reference work. For example, if you research the first president of the United States, the headword will most likely be George Washington.

    catchword
    A catchword is a word or phrase that someone uses so frequently that it becomes their slogan or a signature phrase associated with them. For example, comedian Stephen Colbert popularized his catchword “truthiness” when he hosted The Colbert Report.

    byword
    The term byword is used to mean a word or phrase that has become associated with a person or thing to the point that they are cited as a proverbial example of it. For example, the sentence The company has become a byword for success may be used to describe a profitable business. Byword is also used to mean “a proverb” or a synonym of the term household word to mean a name or phrase that many people know.

    Janus word
    A Janus word, also called a contranym, is a word that has opposite or nearly opposite meanings. For example, the Janus word scan can mean to briefly glance at something or to thoroughly analyze something. Fun fact: Janus words are named after the Roman god Janus, who had two heads that looked in opposite directions—much like a Janus word with its two opposite meanings.

    buzzword
    A buzzword is a word or phrase, often from a particular jargon, that becomes fashionable or trendy among a particular group or in popular culture. For example, the word synergy is a popular buzzword often used in business and marketing.

    code word
    A code word is a word or phrase that has a secret meaning that only a select few people know. For example, spies might agree to use the code word “red eagle” when they need to identify each other. The term code word is also often used to refer to a euphemism that is used in place of harsher language as in My mom said my room “needed some love,” which is code word for saying “my room is a huge mess.”

    nonword
    A nonword is a collection of letters that isn’t accepted as an actual word. For example, “definate” is not an English word; it is a nonword that is a common misspelling of the word definite.

    keyword
    A keyword is a major word in a sentence, passage, or document that typically reveals the central meaning or most important information. In technology, a keyword is a word or phrase typed into a search engine or reference software to search through content.

    password
    A password is a secret word or phrase that a person must recite in order to gain access to restricted areas, information, etc. For example, a door guard may only let people enter a fortress if they say the password “swordfish.” In computing, a password is a string of characters that a user must enter correctly in order to log into an account, use wireless internet, or otherwise bypass electronic security.

    guide word
    The term guide word is used as a synonym of headword to refer to a word or phrase used at the top of articles or entries in reference works.

    curse word
    A curse word, also known as a cussword or a dirty word, is a word that is considered to be profane or offensive. For example, the words ass, crap, and piss are some examples of English words that are usually considered to be curse words.

    kangaroo word
    The term kangaroo word refers to a word that contains its own synonym within it, spelled in the correct order. For example, the kangaroo word barren contains the word bare and the word catacomb contains the word tomb.

    ghost word
    A ghost word is a word that entered a language by mistake, such as a typo or translation error, rather than from actual linguistic use. For example, the word syllabus seems to have resulted from a misreading of Greek.

    Which ghost words haunt the dictionary?

    counterword
    A counterword is a word that has picked up a much looser meaning than it originally had. Counterwords have so many meanings and/or are used so generally that they are almost meaningless. Words like good, fine, gross, awful, cute, and nice are some examples of counterwords. (You know we have better synonyms for these, starting with nice.)

    loanword
    A loanword is a word from one language that is used in another with little or no changes in meaning or spelling. Some English words that are loanwords from other languages include incognito (Italian), schadenfreude (German), sushi (Japanese), and piñata (Spanish).

    weasel word
    A weasel word is a word that weakens a statement by making it sound more confusing, ambiguous, or noncommittal. For example, the word probably is an example of a weasel word in the sentence I’ll probably do better on my next math test.

    nonce word
    A nonce word is a word created for only one specific occasion. For example, the cartoon The Simpsons invented the word cromulent just for the sake of making a single joke about language. (That’s not the only word they created!)

    Copyright 2025, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    Wow Yourself With Words With “Word” In Them We love all kinds of words: big words, small words, words with silent vowels, and even the word moist. With that in mind, we wanted to find words that feature the word word in them. Without getting too wordy, we managed to find words like foreword, afterword, and doubleword that fit our criterion of being a word with the word word in the word. Being the word-wise wordsmiths that we are, we wanted to spread the good word and share our fun list of words that include the word word. Cool off your hot word skills with these cool words about words. headword A headword is a word or phrase that appears as the heading of a dictionary, encyclopedia, or other reference work. For example, if you research the first president of the United States, the headword will most likely be George Washington. catchword A catchword is a word or phrase that someone uses so frequently that it becomes their slogan or a signature phrase associated with them. For example, comedian Stephen Colbert popularized his catchword “truthiness” when he hosted The Colbert Report. byword The term byword is used to mean a word or phrase that has become associated with a person or thing to the point that they are cited as a proverbial example of it. For example, the sentence The company has become a byword for success may be used to describe a profitable business. Byword is also used to mean “a proverb” or a synonym of the term household word to mean a name or phrase that many people know. Janus word A Janus word, also called a contranym, is a word that has opposite or nearly opposite meanings. For example, the Janus word scan can mean to briefly glance at something or to thoroughly analyze something. Fun fact: Janus words are named after the Roman god Janus, who had two heads that looked in opposite directions—much like a Janus word with its two opposite meanings. buzzword A buzzword is a word or phrase, often from a particular jargon, that becomes fashionable or trendy among a particular group or in popular culture. For example, the word synergy is a popular buzzword often used in business and marketing. code word A code word is a word or phrase that has a secret meaning that only a select few people know. For example, spies might agree to use the code word “red eagle” when they need to identify each other. The term code word is also often used to refer to a euphemism that is used in place of harsher language as in My mom said my room “needed some love,” which is code word for saying “my room is a huge mess.” nonword A nonword is a collection of letters that isn’t accepted as an actual word. For example, “definate” is not an English word; it is a nonword that is a common misspelling of the word definite. keyword A keyword is a major word in a sentence, passage, or document that typically reveals the central meaning or most important information. In technology, a keyword is a word or phrase typed into a search engine or reference software to search through content. password A password is a secret word or phrase that a person must recite in order to gain access to restricted areas, information, etc. For example, a door guard may only let people enter a fortress if they say the password “swordfish.” In computing, a password is a string of characters that a user must enter correctly in order to log into an account, use wireless internet, or otherwise bypass electronic security. guide word The term guide word is used as a synonym of headword to refer to a word or phrase used at the top of articles or entries in reference works. curse word A curse word, also known as a cussword or a dirty word, is a word that is considered to be profane or offensive. For example, the words ass, crap, and piss are some examples of English words that are usually considered to be curse words. kangaroo word The term kangaroo word refers to a word that contains its own synonym within it, spelled in the correct order. For example, the kangaroo word barren contains the word bare and the word catacomb contains the word tomb. ghost word A ghost word is a word that entered a language by mistake, such as a typo or translation error, rather than from actual linguistic use. For example, the word syllabus seems to have resulted from a misreading of Greek. Which ghost words haunt the dictionary? counterword A counterword is a word that has picked up a much looser meaning than it originally had. Counterwords have so many meanings and/or are used so generally that they are almost meaningless. Words like good, fine, gross, awful, cute, and nice are some examples of counterwords. (You know we have better synonyms for these, starting with nice.) loanword A loanword is a word from one language that is used in another with little or no changes in meaning or spelling. Some English words that are loanwords from other languages include incognito (Italian), schadenfreude (German), sushi (Japanese), and piñata (Spanish). weasel word A weasel word is a word that weakens a statement by making it sound more confusing, ambiguous, or noncommittal. For example, the word probably is an example of a weasel word in the sentence I’ll probably do better on my next math test. nonce word A nonce word is a word created for only one specific occasion. For example, the cartoon The Simpsons invented the word cromulent just for the sake of making a single joke about language. (That’s not the only word they created!) Copyright 2025, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 477 มุมมอง 0 รีวิว
  • Pack Your Bags! 6 Current Travel Slang Terms To Take On Your Next Trip

    Have you been feeling wanderlust lately? If so, you are not alone. Lots of people are looking to hit the road and travel as pandemic restrictions slowly lessen across the world. All of this vacationing and globetrotting is likely to lead to a whole bunch of trendy new travel jargon—either organically or as marketing pushes by a travel industry hungry for all those new travelers. While you start prepping for your own big trip, here are some examples of modern travel slang that you can stuff into your suitcase.

    baecation
    The word baecation simply refers to any vacation spent with your bae, your romantic partner. Baecation is often used in travel marketing and advertising of romantic getaways or destinations known as lands of love.

    Baecation is a hybrid construction that combines the word bae with the end of the word vacation. The fact that baecation rhymes with vacation is an added marketing bonus. Baecation is formed similarly to the word staycation–meaning a vacation where someone stays home– which has become a mainstay of travel lingo.

    friendcation
    As you might have guessed, the term friendcation refers to a vacation spent with friends. A friendcation could refer to any type of vacation as long as you bring a buddy or two along. In marketing and social media, friendcation is often used to refer to vacation spots that feature group activities, such as hang gliding or nightclub-hopping.

    As with baecation, friendcation is simply a hybrid construction that combines the word friend with the ending of the word vacation.

    eduvacation
    You know something that goes great with a vacation? Learning! The term eduvacation refers to a vacation or trip that involves learning about things. The term is broadly used and could refer to a wide variety of vacation destinations and activities, such as a trip to a famous museum, a tour of a cultural historic site, or a safari that teaches about animals.

    The word eduvacation is a combination of the words education and vacation. Unlike baecation and friendcation, the entire word vacation makes an appearance because without the whole thing you would just have … education.

    familymoon
    A familymoon is a vacation for a newly married couple—and their children. The term is used to refer both to couples that have had children with each other prior to getting married and to couples who had children from previous relationships. As you’d expect, familymoon is used in advertising and social media when referring to travel spots that are kid-friendly and have plenty of things for children to do.

    The word familymoon is based on the word honeymoon, a trip taken by newly married couples. The family in familymoon refers to the couples’ children—their family. A similar word that uses the -moon suffix based on honeymoon is the fairly well-known term babymoon. A babymoon is a vacation that a couple takes to celebrate (and rest before) the upcoming birth of a baby.


    gramping
    It is time to bridge the generational divide and go gramping. The word gramping refers to grandparents and their grandchildren going on vacation together. While this term can refer to camping trips, it is also used more broadly to refer to any kind of trip or travel that grandchildren spend with their grandparents. Similar to familymoon, gramping is often used to refer to places that are accessible to both children and older people and have plenty of things they can do together.

    The word gramping is a hybrid combination of the word camping with the prefix grand- found in both grandparent and grandchild(ren). It is formed similarly to the popularly used travel word glamping, which refers to glamorous camping in which a person brings luxuries on a camping trip.

    bleisure
    Let’s get down to business and … go on vacation? The word bleisure is often used in the phrase “bleisure travel” to refer to a combination of business and leisure travel. The term is often used to refer to business trips that involve some form of enjoying oneself. This could involve things such as making time for a hiking trip, fitting in some sightseeing, or bringing the kids along to have fun in between video conferences. Bleisure travel has become increasingly popular in recent times due to large numbers of people having to work remotely during the COVID-19 pandemic.

    The word bleisure is an oxymoronic mashup of the words business and leisure. Bleisure is used to refer to trips that in some way combine getting work done while finding time to relax or do something fun.

    These travel terms, as well as many others, are often driven by travel marketing. For example, you may see the newer travel term open-jaw flight, meaning a flight that leaves from a different city from the one that a person arrived in, alongside the well-known term red-eye flight, which refers to a flight taken during the sleep hours.

    Given that it is in travel agencies’ best interest to come up with snappy, marketable ways to sell vacation packages, don’t be surprised if we continue to see plenty of new travel lingo to get us all gallivanting across the globe.

    Copyright 2025, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    Pack Your Bags! 6 Current Travel Slang Terms To Take On Your Next Trip Have you been feeling wanderlust lately? If so, you are not alone. Lots of people are looking to hit the road and travel as pandemic restrictions slowly lessen across the world. All of this vacationing and globetrotting is likely to lead to a whole bunch of trendy new travel jargon—either organically or as marketing pushes by a travel industry hungry for all those new travelers. While you start prepping for your own big trip, here are some examples of modern travel slang that you can stuff into your suitcase. baecation The word baecation simply refers to any vacation spent with your bae, your romantic partner. Baecation is often used in travel marketing and advertising of romantic getaways or destinations known as lands of love. Baecation is a hybrid construction that combines the word bae with the end of the word vacation. The fact that baecation rhymes with vacation is an added marketing bonus. Baecation is formed similarly to the word staycation–meaning a vacation where someone stays home– which has become a mainstay of travel lingo. friendcation As you might have guessed, the term friendcation refers to a vacation spent with friends. A friendcation could refer to any type of vacation as long as you bring a buddy or two along. In marketing and social media, friendcation is often used to refer to vacation spots that feature group activities, such as hang gliding or nightclub-hopping. As with baecation, friendcation is simply a hybrid construction that combines the word friend with the ending of the word vacation. eduvacation You know something that goes great with a vacation? Learning! The term eduvacation refers to a vacation or trip that involves learning about things. The term is broadly used and could refer to a wide variety of vacation destinations and activities, such as a trip to a famous museum, a tour of a cultural historic site, or a safari that teaches about animals. The word eduvacation is a combination of the words education and vacation. Unlike baecation and friendcation, the entire word vacation makes an appearance because without the whole thing you would just have … education. familymoon A familymoon is a vacation for a newly married couple—and their children. The term is used to refer both to couples that have had children with each other prior to getting married and to couples who had children from previous relationships. As you’d expect, familymoon is used in advertising and social media when referring to travel spots that are kid-friendly and have plenty of things for children to do. The word familymoon is based on the word honeymoon, a trip taken by newly married couples. The family in familymoon refers to the couples’ children—their family. A similar word that uses the -moon suffix based on honeymoon is the fairly well-known term babymoon. A babymoon is a vacation that a couple takes to celebrate (and rest before) the upcoming birth of a baby. gramping It is time to bridge the generational divide and go gramping. The word gramping refers to grandparents and their grandchildren going on vacation together. While this term can refer to camping trips, it is also used more broadly to refer to any kind of trip or travel that grandchildren spend with their grandparents. Similar to familymoon, gramping is often used to refer to places that are accessible to both children and older people and have plenty of things they can do together. The word gramping is a hybrid combination of the word camping with the prefix grand- found in both grandparent and grandchild(ren). It is formed similarly to the popularly used travel word glamping, which refers to glamorous camping in which a person brings luxuries on a camping trip. bleisure Let’s get down to business and … go on vacation? The word bleisure is often used in the phrase “bleisure travel” to refer to a combination of business and leisure travel. The term is often used to refer to business trips that involve some form of enjoying oneself. This could involve things such as making time for a hiking trip, fitting in some sightseeing, or bringing the kids along to have fun in between video conferences. Bleisure travel has become increasingly popular in recent times due to large numbers of people having to work remotely during the COVID-19 pandemic. The word bleisure is an oxymoronic mashup of the words business and leisure. Bleisure is used to refer to trips that in some way combine getting work done while finding time to relax or do something fun. These travel terms, as well as many others, are often driven by travel marketing. For example, you may see the newer travel term open-jaw flight, meaning a flight that leaves from a different city from the one that a person arrived in, alongside the well-known term red-eye flight, which refers to a flight taken during the sleep hours. Given that it is in travel agencies’ best interest to come up with snappy, marketable ways to sell vacation packages, don’t be surprised if we continue to see plenty of new travel lingo to get us all gallivanting across the globe. Copyright 2025, AAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 527 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ (29 พ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ในหมู่ผู้ชมที่เรียกว่าแฟนข่าว สถานีข่าวท็อปนิวส์ ที่ออกอากาศผ่านทางทีวีดิจิทัล ช่องเจเคเอ็น 18 ได้วิพากษ์วิจารณ์ผังรายการประจำเดือน ธ.ค. 2567 ที่พบว่า รายการท็อปเฮดไลน์ (TOP HEADLINE) ซึ่งออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 15.05-15.55 น. ดำเนินรายการโดย นายสำราญ รอดเพชร และนายอุดร แสงอรุณ บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าวท็อปนิวส์ ได้ย้ายเวลาและเพิ่มเวลาเป็นทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 15.05-16.05 น. โดยมีพิธีกรเพิ่มอีก 1 คน คือ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้ผู้ชมส่วนหนึ่งตกใจว่ามาได้อย่างไร .ขณะเดียวกัน รายการที่ บริษัท รวมหัวทีวี จำกัด ซื้อเวลากับทางสถานีและจ้างผู้ดำเนินรายการ ได้แก่ รายการเรื่องลับมาก ดำเนินรายการโดย รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา และนายวุฒินันท์ นาฮิม ได้ลดเวลาออกอากาศจากเดิมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.10-10.55 น. เหลือทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 14.45-15.45 น. ส่วนรายการ TOP TALK เรื่องนี้ต้องเคลียร์ ดำเนินรายการโดย นายวรเทพ สุวัฒนพิมพ์ จากเดิมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00-14.45 น. เหลือทุกวันพุธ-ศุกร์ เวลา 14.45-15.45 น. ส่วนรายการเรื่องนี้ต้องเคลียร์แต่เช้า ยังออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 08.55-09.40 น. โดยทั้งสามรายการไม่ได้เป็นรายการของช่องโดยตรง.ด้าน ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich วิพากษ์วิจารณ์กรณีสถานีข่าวท็อปนิวส์ นำนายจักรภพมาดำเนินรายการ ว่า "Top ten marketing mistakes ที่ปรมาจารย์ทางการตลาดอย่าง Philips Kotler เขียนไว้คือ Ambiguous market positioning สมัยนี้สื่อเลือกข้างชัดเจน สื่อบางช่องเคยชัดเจนในการต่อต้านระบอบทักษิณ มาวันนี้เอาคนรักทักษิณและยังโพสต์แซะสถาบันไปเมื่อวันก่อนมาจัดรายการ ความชัดเจนของตำแหน่งทางการตลาดหายไป เลิกเลือกข้าง เป็นสื่อที่นำเสนอทุกด้านแทน คำทำนายคือ สื่อนี้ จะไม่อยู่ยั้งยืนยง คงไปพร้อมๆ กับระบอบทักษิณที่คงจะมีจุดจบในไม่ช้า".ข้อความถัดมาระบุว่า "จักรภพ เพ็ญแข มาวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศนะครับ สมานฉันท์ ยุติความขัดแย้ง โอเค ก็ว่ากันไป ปกติผมก็ดูแต่สื่อฝั่งตรงข้ามอยู่แล้ว อันนี้ยังไม่ชัด ขนาดจะเป็นสื่อฝั่งตรงข้ามนะครับ" อีกข้อความหนึ่งระบุว่า "จักรภพ เพ็ญแข เพิ่งโพสต์กระแทกเบื้องสูง อ่านได้จากบทความ ไม่มีแผ่นดินอยู่ ของผักกาดหอม (ไทยโพสต์) เข้าใจว่าลุงเปลวเป็นคนเขียน วันนี้จักรภพ เพ็ญแขมาจัดรายการช่องที่เคยต่อต้านระบอบทักษิณอย่างเข้มแข็งแล้วนะครับ".และข้อความล่าสุด ระบุคำพูดของนายจักรภพ ว่า "พรรคเพื่อไทยต้องการใบอนุญาตนี้ เพื่อครองอำนาจอยู่ได้ เพื่อทำประโยชน์ เพิ่มอำนาจให้ประชาชน" "ถ้ามัวแต่เอาใจประชาชน โดยไม่สนใจผู้มีอำนาจเดิม ซึ่งไม่ได้สนใจประชาชนเท่าไหร่ พรรคเพื่อไทย จะสูญพันธุ์ไปก่อน" "อย่าลืมว่าชีวิตการเมือง อันดับแรก คือต้องอยู่รอดได้ ทำยังไงก็ได้อย่าให้ตาย เพราะตายก็ทำอะไรไม่ได้" และกล่าวว่า "จักรภพ เพ็ญแข พิธีกร ช่อง Top News พูดแบบนี้ หมายถึงใคร?".คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9670000114724……Sondhi X
    วันนี้ (29 พ.ย.) รายงานข่าวแจ้งว่า ในหมู่ผู้ชมที่เรียกว่าแฟนข่าว สถานีข่าวท็อปนิวส์ ที่ออกอากาศผ่านทางทีวีดิจิทัล ช่องเจเคเอ็น 18 ได้วิพากษ์วิจารณ์ผังรายการประจำเดือน ธ.ค. 2567 ที่พบว่า รายการท็อปเฮดไลน์ (TOP HEADLINE) ซึ่งออกอากาศทุกวันอาทิตย์ เวลา 15.05-15.55 น. ดำเนินรายการโดย นายสำราญ รอดเพชร และนายอุดร แสงอรุณ บรรณาธิการบริหาร สำนักข่าวท็อปนิวส์ ได้ย้ายเวลาและเพิ่มเวลาเป็นทุกวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 15.05-16.05 น. โดยมีพิธีกรเพิ่มอีก 1 คน คือ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำกลุ่มคนเสื้อแดง และอดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ทำให้ผู้ชมส่วนหนึ่งตกใจว่ามาได้อย่างไร .ขณะเดียวกัน รายการที่ บริษัท รวมหัวทีวี จำกัด ซื้อเวลากับทางสถานีและจ้างผู้ดำเนินรายการ ได้แก่ รายการเรื่องลับมาก ดำเนินรายการโดย รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา และนายวุฒินันท์ นาฮิม ได้ลดเวลาออกอากาศจากเดิมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.10-10.55 น. เหลือทุกวันจันทร์-อังคาร เวลา 14.45-15.45 น. ส่วนรายการ TOP TALK เรื่องนี้ต้องเคลียร์ ดำเนินรายการโดย นายวรเทพ สุวัฒนพิมพ์ จากเดิมวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 14.00-14.45 น. เหลือทุกวันพุธ-ศุกร์ เวลา 14.45-15.45 น. ส่วนรายการเรื่องนี้ต้องเคลียร์แต่เช้า ยังออกอากาศทุกวันเสาร์ เวลา 08.55-09.40 น. โดยทั้งสามรายการไม่ได้เป็นรายการของช่องโดยตรง.ด้าน ผศ.ดร.อานนท์ ศักดิ์วรวิชญ์ อาจารย์ประจำคณะสถิติประยุกต์ สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Arnond Sakworawich วิพากษ์วิจารณ์กรณีสถานีข่าวท็อปนิวส์ นำนายจักรภพมาดำเนินรายการ ว่า "Top ten marketing mistakes ที่ปรมาจารย์ทางการตลาดอย่าง Philips Kotler เขียนไว้คือ Ambiguous market positioning สมัยนี้สื่อเลือกข้างชัดเจน สื่อบางช่องเคยชัดเจนในการต่อต้านระบอบทักษิณ มาวันนี้เอาคนรักทักษิณและยังโพสต์แซะสถาบันไปเมื่อวันก่อนมาจัดรายการ ความชัดเจนของตำแหน่งทางการตลาดหายไป เลิกเลือกข้าง เป็นสื่อที่นำเสนอทุกด้านแทน คำทำนายคือ สื่อนี้ จะไม่อยู่ยั้งยืนยง คงไปพร้อมๆ กับระบอบทักษิณที่คงจะมีจุดจบในไม่ช้า".ข้อความถัดมาระบุว่า "จักรภพ เพ็ญแข มาวิเคราะห์ข่าวต่างประเทศนะครับ สมานฉันท์ ยุติความขัดแย้ง โอเค ก็ว่ากันไป ปกติผมก็ดูแต่สื่อฝั่งตรงข้ามอยู่แล้ว อันนี้ยังไม่ชัด ขนาดจะเป็นสื่อฝั่งตรงข้ามนะครับ" อีกข้อความหนึ่งระบุว่า "จักรภพ เพ็ญแข เพิ่งโพสต์กระแทกเบื้องสูง อ่านได้จากบทความ ไม่มีแผ่นดินอยู่ ของผักกาดหอม (ไทยโพสต์) เข้าใจว่าลุงเปลวเป็นคนเขียน วันนี้จักรภพ เพ็ญแขมาจัดรายการช่องที่เคยต่อต้านระบอบทักษิณอย่างเข้มแข็งแล้วนะครับ".และข้อความล่าสุด ระบุคำพูดของนายจักรภพ ว่า "พรรคเพื่อไทยต้องการใบอนุญาตนี้ เพื่อครองอำนาจอยู่ได้ เพื่อทำประโยชน์ เพิ่มอำนาจให้ประชาชน" "ถ้ามัวแต่เอาใจประชาชน โดยไม่สนใจผู้มีอำนาจเดิม ซึ่งไม่ได้สนใจประชาชนเท่าไหร่ พรรคเพื่อไทย จะสูญพันธุ์ไปก่อน" "อย่าลืมว่าชีวิตการเมือง อันดับแรก คือต้องอยู่รอดได้ ทำยังไงก็ได้อย่าให้ตาย เพราะตายก็ทำอะไรไม่ได้" และกล่าวว่า "จักรภพ เพ็ญแข พิธีกร ช่อง Top News พูดแบบนี้ หมายถึงใคร?".คลิกอ่าน >> https://sondhitalk.com/detail/9670000114724……Sondhi X
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 505 มุมมอง 0 รีวิว
  • https://www.youtube.com/watch?v=LiZ0OlLdrjU
    บทสนทนาสัมภาษณ์งาน
    (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้)
    แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาสัมภาษณ์งาน
    มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ

    #conversations #listeningtest #jobinterview

    The conversations from the clip :

    Interviewer: Good morning! Thank you for coming in today.
    Candidate: Good morning! Thank you for having me.
    Interviewer: Can you start by telling me a little about your background and experience?
    Candidate: Sure! I graduated with a degree in Marketing and have three years of experience in digital marketing.
    Interviewer: That’s great! What specific skills do you bring to the table?
    Candidate: I’m proficient in SEO, content creation, and social media management.
    Interviewer: Can you give an example of a successful campaign you’ve managed?
    Candidate: Absolutely! I led a social media campaign that increased our followers by 30% in just two months.
    Interviewer: Impressive! What tools do you use for your marketing efforts?
    Candidate: I primarily use Google Analytics, Hootsuite, and Mailchimp.
    Interviewer: Have you worked with a team in your previous roles?
    Candidate: Yes, I collaborated closely with the sales and design teams to align our strategies.
    Interviewer: How do you handle tight deadlines and pressure?
    Candidate: I prioritize tasks and stay organized to ensure everything is completed on time.
    Interviewer: Good to hear! How do you measure the success of your campaigns?
    Candidate: I look at engagement metrics, conversion rates, and ROI to evaluate effectiveness.
    Interviewer: What motivates you in your work?
    Candidate: I’m motivated by seeing tangible results and helping my team succeed.
    Interviewer: Do you have any questions for us about the company or role?
    Candidate: Yes, I’d like to know more about the team culture here.
    Interviewer: We have a collaborative and supportive environment that encourages growth.
    Candidate: That sounds wonderful! I appreciate the opportunity to interview.
    Interviewer: Thank you for your time today. We will be in touch soon!

    ผู้สัมภาษณ์: สวัสดีตอนเช้า! ขอบคุณที่มาในวันนี้
    ผู้สมัครงาน: สวัสดีค่ะ! ขอบคุณที่ให้โอกาสฉัน
    ผู้สัมภาษณ์: คุณช่วยบอกเกี่ยวกับพื้นฐานและประสบการณ์ของคุณหน่อยได้ไหม?
    ผู้สมัครงาน: แน่นอนค่ะ! ฉันจบการศึกษาด้วยปริญญาด้านการตลาดและมีประสบการณ์ 3 ปีในด้านการตลาดดิจิทัล
    ผู้สัมภาษณ์: ดีมาก! คุณมีทักษะเฉพาะอะไรบ้างที่สามารถนำมาช่วยงานได้?
    ผู้สมัครงาน: ฉันมีความชำนาญใน SEO, การสร้างเนื้อหา และการจัดการโซเชียลมีเดีย
    ผู้สัมภาษณ์: คุณสามารถยกตัวอย่างแคมเปญที่ประสบความสำเร็จที่คุณเคยจัดการได้ไหม?
    ผู้สมัครงาน: แน่นอนค่ะ! ฉันเป็นผู้นำแคมเปญโซเชียลมีเดียที่เพิ่มผู้ติดตามของเราได้ 30% ภายในเวลาเพียงสองเดือน
    ผู้สัมภาษณ์: น่าประทับใจมาก! คุณใช้เครื่องมืออะไรบ้างในการทำการตลาด?
    ผู้สมัครงาน: ฉันใช้ Google Analytics, Hootsuite และ Mailchimp เป็นหลัก
    ผู้สัมภาษณ์: คุณเคยทำงานเป็นทีมในตำแหน่งก่อนหน้านี้ไหม?
    ผู้สมัครงาน: ใช่ค่ะ ฉันได้ทำงานร่วมกับทีมขายและทีมออกแบบอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกัน
    ผู้สัมภาษณ์: คุณจัดการกับกำหนดเวลาที่เข้มงวดและความกดดันอย่างไร?
    ผู้สมัครงาน: ฉันจะจัดลำดับความสำคัญของงานและรักษาความเป็นระเบียบเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งต่าง ๆ จะเสร็จสิ้นตามเวลา
    ผู้สัมภาษณ์: ดีที่ได้ยินแบบนั้น! คุณวัดความสำเร็จของแคมเปญของคุณอย่างไร?
    ผู้สมัครงาน: ฉันดูที่เมตริกการมีส่วนร่วม อัตราการแปลง และ ROI เพื่อประเมินประสิทธิภาพ
    ผู้สัมภาษณ์: อะไรคือแรงจูงใจในงานของคุณ?
    ผู้สมัครงาน: ฉันมีแรงจูงใจจากการเห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้และการช่วยให้ทีมของผม/ฉันประสบความสำเร็จ
    ผู้สัมภาษณ์: คุณมีคำถามอะไรเกี่ยวกับบริษัทหรือบทบาทนี้ไหม?
    ผู้สมัครงาน: ใช่ค่ะ ฉันอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรมของทีมที่นี่
    ผู้สัมภาษณ์: เรามีสภาพแวดล้อมที่ร่วมมือและสนับสนุนซึ่งส่งเสริมการเติบโต
    ผู้สมัครงาน: ฟังดูยอดเยี่ยมมาก! ฉันขอบคุณสำหรับโอกาสในการสัมภาษณ์
    ผู้สัมภาษณ์: ขอบคุณสำหรับเวลาของคุณในวันนี้ เราจะติดต่อกลับเร็ว ๆ นี้!

    Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้)

    Background (แบค-กราวน์ด) n. แปลว่า ประวัติ (ภูมิหลัง)
    Experience (เอ็กซ์-พีเรีนซ) n. แปลว่า ประสบการณ์
    Proficient (พรอฟ-ฟิช-เอ็นท) adj. แปลว่า ชำนาญ
    Campaign (แคม-แพน) n. แปลว่า แคมเปญ
    Social media (โซเชียล มีเดีย) n. แปลว่า สื่อสังคมออนไลน์
    Metrics (เมท-ริค) n. แปลว่า ตัวชี้วัด
    Engagement (เอน-เกจ-เมนต์) n. แปลว่า การมีส่วนร่วม
    Collaboration (คอลลาบอเรชัน) n. แปลว่า การร่วมมือ
    Pressure (เพรช-เชอร์) n. แปลว่า ความกดดัน
    Motivation (โม-ทิ-เวชัน) n. แปลว่า แรงจูงใจ
    Results (รี-ซัลทส์) n. แปลว่า ผลลัพธ์
    Culture (คัลเจอร์) n. แปลว่า วัฒนธรรม
    Strategy (สแตรท-จี้) n. แปลว่า ยุทธศาสตร์
    Tools (ทูลส์) n. แปลว่า เครื่องมือ
    Supportive (ซัพ-พอร์-ทิฟ) adj. แปลว่า สนับสนุน
    https://www.youtube.com/watch?v=LiZ0OlLdrjU บทสนทนาสัมภาษณ์งาน (คลิกอ่านเพิ่มเติม เพื่ออ่านบทสนทนาภาษาอังกฤษและไทย และคำศัพท์น่ารู้) แบบทดสอบการฟังภาษาอังกฤษ จากบทสนทนาสัมภาษณ์งาน มีคำถาม 5 ข้อหลังฟังเสร็จ เพื่อทดสอบการฟังภาษาอังกฤษของคุณ #conversations #listeningtest #jobinterview The conversations from the clip : Interviewer: Good morning! Thank you for coming in today. Candidate: Good morning! Thank you for having me. Interviewer: Can you start by telling me a little about your background and experience? Candidate: Sure! I graduated with a degree in Marketing and have three years of experience in digital marketing. Interviewer: That’s great! What specific skills do you bring to the table? Candidate: I’m proficient in SEO, content creation, and social media management. Interviewer: Can you give an example of a successful campaign you’ve managed? Candidate: Absolutely! I led a social media campaign that increased our followers by 30% in just two months. Interviewer: Impressive! What tools do you use for your marketing efforts? Candidate: I primarily use Google Analytics, Hootsuite, and Mailchimp. Interviewer: Have you worked with a team in your previous roles? Candidate: Yes, I collaborated closely with the sales and design teams to align our strategies. Interviewer: How do you handle tight deadlines and pressure? Candidate: I prioritize tasks and stay organized to ensure everything is completed on time. Interviewer: Good to hear! How do you measure the success of your campaigns? Candidate: I look at engagement metrics, conversion rates, and ROI to evaluate effectiveness. Interviewer: What motivates you in your work? Candidate: I’m motivated by seeing tangible results and helping my team succeed. Interviewer: Do you have any questions for us about the company or role? Candidate: Yes, I’d like to know more about the team culture here. Interviewer: We have a collaborative and supportive environment that encourages growth. Candidate: That sounds wonderful! I appreciate the opportunity to interview. Interviewer: Thank you for your time today. We will be in touch soon! ผู้สัมภาษณ์: สวัสดีตอนเช้า! ขอบคุณที่มาในวันนี้ ผู้สมัครงาน: สวัสดีค่ะ! ขอบคุณที่ให้โอกาสฉัน ผู้สัมภาษณ์: คุณช่วยบอกเกี่ยวกับพื้นฐานและประสบการณ์ของคุณหน่อยได้ไหม? ผู้สมัครงาน: แน่นอนค่ะ! ฉันจบการศึกษาด้วยปริญญาด้านการตลาดและมีประสบการณ์ 3 ปีในด้านการตลาดดิจิทัล ผู้สัมภาษณ์: ดีมาก! คุณมีทักษะเฉพาะอะไรบ้างที่สามารถนำมาช่วยงานได้? ผู้สมัครงาน: ฉันมีความชำนาญใน SEO, การสร้างเนื้อหา และการจัดการโซเชียลมีเดีย ผู้สัมภาษณ์: คุณสามารถยกตัวอย่างแคมเปญที่ประสบความสำเร็จที่คุณเคยจัดการได้ไหม? ผู้สมัครงาน: แน่นอนค่ะ! ฉันเป็นผู้นำแคมเปญโซเชียลมีเดียที่เพิ่มผู้ติดตามของเราได้ 30% ภายในเวลาเพียงสองเดือน ผู้สัมภาษณ์: น่าประทับใจมาก! คุณใช้เครื่องมืออะไรบ้างในการทำการตลาด? ผู้สมัครงาน: ฉันใช้ Google Analytics, Hootsuite และ Mailchimp เป็นหลัก ผู้สัมภาษณ์: คุณเคยทำงานเป็นทีมในตำแหน่งก่อนหน้านี้ไหม? ผู้สมัครงาน: ใช่ค่ะ ฉันได้ทำงานร่วมกับทีมขายและทีมออกแบบอย่างใกล้ชิดเพื่อปรับกลยุทธ์ให้สอดคล้องกัน ผู้สัมภาษณ์: คุณจัดการกับกำหนดเวลาที่เข้มงวดและความกดดันอย่างไร? ผู้สมัครงาน: ฉันจะจัดลำดับความสำคัญของงานและรักษาความเป็นระเบียบเพื่อให้แน่ใจว่าสิ่งต่าง ๆ จะเสร็จสิ้นตามเวลา ผู้สัมภาษณ์: ดีที่ได้ยินแบบนั้น! คุณวัดความสำเร็จของแคมเปญของคุณอย่างไร? ผู้สมัครงาน: ฉันดูที่เมตริกการมีส่วนร่วม อัตราการแปลง และ ROI เพื่อประเมินประสิทธิภาพ ผู้สัมภาษณ์: อะไรคือแรงจูงใจในงานของคุณ? ผู้สมัครงาน: ฉันมีแรงจูงใจจากการเห็นผลลัพธ์ที่จับต้องได้และการช่วยให้ทีมของผม/ฉันประสบความสำเร็จ ผู้สัมภาษณ์: คุณมีคำถามอะไรเกี่ยวกับบริษัทหรือบทบาทนี้ไหม? ผู้สมัครงาน: ใช่ค่ะ ฉันอยากรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับวัฒนธรรมของทีมที่นี่ ผู้สัมภาษณ์: เรามีสภาพแวดล้อมที่ร่วมมือและสนับสนุนซึ่งส่งเสริมการเติบโต ผู้สมัครงาน: ฟังดูยอดเยี่ยมมาก! ฉันขอบคุณสำหรับโอกาสในการสัมภาษณ์ ผู้สัมภาษณ์: ขอบคุณสำหรับเวลาของคุณในวันนี้ เราจะติดต่อกลับเร็ว ๆ นี้! Vocabulary (คำศัพท์น่ารู้) Background (แบค-กราวน์ด) n. แปลว่า ประวัติ (ภูมิหลัง) Experience (เอ็กซ์-พีเรีนซ) n. แปลว่า ประสบการณ์ Proficient (พรอฟ-ฟิช-เอ็นท) adj. แปลว่า ชำนาญ Campaign (แคม-แพน) n. แปลว่า แคมเปญ Social media (โซเชียล มีเดีย) n. แปลว่า สื่อสังคมออนไลน์ Metrics (เมท-ริค) n. แปลว่า ตัวชี้วัด Engagement (เอน-เกจ-เมนต์) n. แปลว่า การมีส่วนร่วม Collaboration (คอลลาบอเรชัน) n. แปลว่า การร่วมมือ Pressure (เพรช-เชอร์) n. แปลว่า ความกดดัน Motivation (โม-ทิ-เวชัน) n. แปลว่า แรงจูงใจ Results (รี-ซัลทส์) n. แปลว่า ผลลัพธ์ Culture (คัลเจอร์) n. แปลว่า วัฒนธรรม Strategy (สแตรท-จี้) n. แปลว่า ยุทธศาสตร์ Tools (ทูลส์) n. แปลว่า เครื่องมือ Supportive (ซัพ-พอร์-ทิฟ) adj. แปลว่า สนับสนุน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 681 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถอดหน้ากาก "ดิ ไอคอน" อภิมหาแชร์ลูกโซ่
    .
    ตลอดระยะเวลาห้าสิบกว่าปีที่ผมเป็นสื่อมวลชนมา แม้ว่าผมทำข่าวแชร์พวกนี้มาก็มาก ไม่ว่าจะเป็นแชร์แม่ชม้อย 2520-2528 หรือแชร์ชาร์เตอร์ 2526-2528 คนไทยไม่เข็ด คดี "เมจิกสกิน" แชร์ลูกโซ่รูปแบบใหม่ หลังสุดเป็นเรื่องคดีอื้อฉาวโด่งดังมาก คือคดี Forex-3D
    .
    แต่ผมไม่เคยเห็นจำนวนเหยื่อ ตัวเลขเหยื่อ ผู้เสียหายมากมายเท่ากรณี "ดิ ไอคอน"ซึ่งนายพอล วรัตน์พล เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เครือข่าย "ดิ ไอคอน" สามารถดึงดูดผู้คนให้หลงเข้ามาเป็นสมาชิกได้มากถึง 368,257 ราย นั่นหมายความว่า "ดิ ไอคอน" ได้กลายเป็นแชร์ลูกโซ่ขนาดมหึมา ถ้าเราคิดแค่จำนวนเงินชั้นต้น เฉพาะการเปิดบิล เป็นเงินความเสียหายกว่า 10,130 ล้านบาท
    .
    นั่นเป็นเรื่องที่น่ากลัว เพราะว่าเขาไม่ได้ซื้อของมาให้คุณขาย เขาซื้อเป็นสต๊อกลม ให้คุณจ่ายเงินค่าสต๊อกลมไป ที่ ดิ ไอคอน อ้างว่าปกติจะบอกว่าจ่ายเงินก่อน เบิกเมื่อไรค่อยเอาของไปและนี่คือ "แชร์ลูกโซ่" โดยรับเงินจากค่าสมาชิก เอาเงินใหม่ที่หลงเชื่อเข้ามาเอามาโปะแทนเงินเก่า ได้เงินหมุนมาเป็นพันๆ ล้าน ไปปั่นสร้างภาพตัวเองซื้อทรัพย์สิน ซื้อโฆษณาจ่ายพรีเซนเตอร์ รถหรู ที่ดิน สร้างภาพว่ารวยสุดๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนที่เข้ามาซื้อสต๊อกลมกันให้มากๆ ถ้าดูออกก็เข้าใจเกมนี้
    .
    ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า หลักการตั้งแต่อดีตจนถึงทุกวันนี้ ของทุกๆ แชร์เลยนะ อ้างเรื่อง MLM (Multi Level Marketing) ทุกคนเลย ตั้งแต่แชร์แม่ชม้อย ,แชร์ชาร์เตอร์, แชร์ทองคำแม่ตั้ก, แชร์ FOREX อภิรักษ์ โกฎฐิ มาจนถึง "ดิ ไอคอน" ทั้งหมดอ้างเป็นรูปแบบการขายตรงแบบ MLM ซึ่งแอมเวย์ก็ทำ กิฟฟารีนก็ทำ แต่จุดที่ต่างคือ เขามีของ มีคุณภาพ มีชื่อเสียงมายาวนาน คนไม่ได้เป็นสมาชิกก็ใช้สินค้าเขา แต่ "ดิ ไอคอน" ไม่ใช่เช่นนั้น
    ถอดหน้ากาก "ดิ ไอคอน" อภิมหาแชร์ลูกโซ่ . ตลอดระยะเวลาห้าสิบกว่าปีที่ผมเป็นสื่อมวลชนมา แม้ว่าผมทำข่าวแชร์พวกนี้มาก็มาก ไม่ว่าจะเป็นแชร์แม่ชม้อย 2520-2528 หรือแชร์ชาร์เตอร์ 2526-2528 คนไทยไม่เข็ด คดี "เมจิกสกิน" แชร์ลูกโซ่รูปแบบใหม่ หลังสุดเป็นเรื่องคดีอื้อฉาวโด่งดังมาก คือคดี Forex-3D . แต่ผมไม่เคยเห็นจำนวนเหยื่อ ตัวเลขเหยื่อ ผู้เสียหายมากมายเท่ากรณี "ดิ ไอคอน"ซึ่งนายพอล วรัตน์พล เปิดเผยว่า ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา เครือข่าย "ดิ ไอคอน" สามารถดึงดูดผู้คนให้หลงเข้ามาเป็นสมาชิกได้มากถึง 368,257 ราย นั่นหมายความว่า "ดิ ไอคอน" ได้กลายเป็นแชร์ลูกโซ่ขนาดมหึมา ถ้าเราคิดแค่จำนวนเงินชั้นต้น เฉพาะการเปิดบิล เป็นเงินความเสียหายกว่า 10,130 ล้านบาท . นั่นเป็นเรื่องที่น่ากลัว เพราะว่าเขาไม่ได้ซื้อของมาให้คุณขาย เขาซื้อเป็นสต๊อกลม ให้คุณจ่ายเงินค่าสต๊อกลมไป ที่ ดิ ไอคอน อ้างว่าปกติจะบอกว่าจ่ายเงินก่อน เบิกเมื่อไรค่อยเอาของไปและนี่คือ "แชร์ลูกโซ่" โดยรับเงินจากค่าสมาชิก เอาเงินใหม่ที่หลงเชื่อเข้ามาเอามาโปะแทนเงินเก่า ได้เงินหมุนมาเป็นพันๆ ล้าน ไปปั่นสร้างภาพตัวเองซื้อทรัพย์สิน ซื้อโฆษณาจ่ายพรีเซนเตอร์ รถหรู ที่ดิน สร้างภาพว่ารวยสุดๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับคนที่เข้ามาซื้อสต๊อกลมกันให้มากๆ ถ้าดูออกก็เข้าใจเกมนี้ . ที่ผมกล่าวมาทั้งหมดนี้ ประเด็นมันอยู่ที่ว่า หลักการตั้งแต่อดีตจนถึงทุกวันนี้ ของทุกๆ แชร์เลยนะ อ้างเรื่อง MLM (Multi Level Marketing) ทุกคนเลย ตั้งแต่แชร์แม่ชม้อย ,แชร์ชาร์เตอร์, แชร์ทองคำแม่ตั้ก, แชร์ FOREX อภิรักษ์ โกฎฐิ มาจนถึง "ดิ ไอคอน" ทั้งหมดอ้างเป็นรูปแบบการขายตรงแบบ MLM ซึ่งแอมเวย์ก็ทำ กิฟฟารีนก็ทำ แต่จุดที่ต่างคือ เขามีของ มีคุณภาพ มีชื่อเสียงมายาวนาน คนไม่ได้เป็นสมาชิกก็ใช้สินค้าเขา แต่ "ดิ ไอคอน" ไม่ใช่เช่นนั้น
    Like
    Angry
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 919 มุมมอง 0 รีวิว
  • วงการค้าปลีกในสหรัฐอเมริกาสั่นสะเทือน! True Value แบรนด์ร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ฮาร์ดชื่อดัง เจ้าของประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 75 ปี ประกาศยื่นล้มละลาย ปิดฉากตำนานธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างที่เคยรุ่งเรือง ท่ามกลางคลื่นความเปลี่ยนแปลงที่ถาโถมเข้าใส่ธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันที่ดุเดือด พฤติกรรมผู้บริโภคที่พลิกผัน และภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน

    การล้มละลายของ True Value สะท้อนให้เห็นภาพชัดเจนถึงความเปราะบางของธุรกิจ แม้แต่ยักษ์ใหญ่ที่คร่ำหวอดในวงการมายาวนานก็ไม่อาจต้านทานกระแสการเปลี่ยนแปลงได้ บทความนี้จะพาคุณไปดูหลังการล้มละลายของ True Value วิเคราะห์ปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่จุดจบของแบรนด์ พร้อมถอดบทเรียนธุรกิจเพื่อเตรียมรับมือกับความท้าทาย และสร้างความยั่งยืนในอนาคต

    https://www.amarintv.com/spotlight/business-marketing/detail/70213?utm_source=line&utm_medium=feed&utm_campaign=default

    #Thaitimes
    วงการค้าปลีกในสหรัฐอเมริกาสั่นสะเทือน! True Value แบรนด์ร้านค้าปลีกวัสดุก่อสร้างและอุปกรณ์ฮาร์ดชื่อดัง เจ้าของประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 75 ปี ประกาศยื่นล้มละลาย ปิดฉากตำนานธุรกิจค้าปลีกวัสดุก่อสร้างที่เคยรุ่งเรือง ท่ามกลางคลื่นความเปลี่ยนแปลงที่ถาโถมเข้าใส่ธุรกิจค้าปลีกยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันที่ดุเดือด พฤติกรรมผู้บริโภคที่พลิกผัน และภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน การล้มละลายของ True Value สะท้อนให้เห็นภาพชัดเจนถึงความเปราะบางของธุรกิจ แม้แต่ยักษ์ใหญ่ที่คร่ำหวอดในวงการมายาวนานก็ไม่อาจต้านทานกระแสการเปลี่ยนแปลงได้ บทความนี้จะพาคุณไปดูหลังการล้มละลายของ True Value วิเคราะห์ปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่จุดจบของแบรนด์ พร้อมถอดบทเรียนธุรกิจเพื่อเตรียมรับมือกับความท้าทาย และสร้างความยั่งยืนในอนาคต https://www.amarintv.com/spotlight/business-marketing/detail/70213?utm_source=line&utm_medium=feed&utm_campaign=default #Thaitimes
    WWW.AMARINTV.COM
    True Value ปิดตำนาน 75 ปี ประกาศล้มละลาย ขายกิจการให้คู่แข่ง
    วงการค้าปลีกในสหรัฐอเมริกาสั่นสะเทือน! True Value แบรนด์ร้านฮาร์ดแวร์ชื่อดัง เจ้าของประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 75 ปี ประกาศยื่นล้มละลาย
    Like
    Wow
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 434 มุมมอง 0 รีวิว
  • “กันต์ กันตถาวร” ประกาศลาออก ยุติบทบาทพิธีกรทุกรายการ รับผิดชอบดราม่า “The iCon Group” แสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมให้ข้อมูลทุกหน่วยงาน

    กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในโลกออนไลน์ขณะนี้ สำหรับกรณีดราม่า บริษัทขายตรง ดิไอคอนกรุ๊ป (The iCon Group) ที่มีผู้เสียหายจำนวนมากออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม ล่าสุด “กันต์ กันตถาวร” พิธีกรชื่อดัง ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึง Chief Marketing Officer (CMO) ของบริษัท ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวแล้ว

    “กันต์” ได้โพสต์ข้อความแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระบุว่าตนไม่ได้นิ่งนอนใจกับกระแสข่าว และเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ จึงขอยุติบทบาทการเป็นพิธีกรในทุกรายการ จนกว่าเรื่องราวทั้งหมดจะคลี่คลาย พร้อมให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    ทั้งนี้ “กันต์” ยังยืนยันว่าพร้อมให้ข้อมูลกับทุกหน่วยงานเพื่อความถูกต้องในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งการประกาศยุติบทบาทพิธีกรในครั้งนี้ นับเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นการปกป้องชื่อเสียงขององค์กรที่ตนเองสังกัดอยู่ด้วย

    #Thaitimes
    “กันต์ กันตถาวร” ประกาศลาออก ยุติบทบาทพิธีกรทุกรายการ รับผิดชอบดราม่า “The iCon Group” แสดงความบริสุทธิ์ใจ พร้อมให้ข้อมูลทุกหน่วยงาน กลายเป็นประเด็นร้อนแรงในโลกออนไลน์ขณะนี้ สำหรับกรณีดราม่า บริษัทขายตรง ดิไอคอนกรุ๊ป (The iCon Group) ที่มีผู้เสียหายจำนวนมากออกมาเรียกร้องความเป็นธรรม ล่าสุด “กันต์ กันตถาวร” พิธีกรชื่อดัง ซึ่งมีตำแหน่งเป็นถึง Chief Marketing Officer (CMO) ของบริษัท ได้ออกมาเคลื่อนไหวผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวแล้ว “กันต์” ได้โพสต์ข้อความแสดงความรับผิดชอบต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ระบุว่าตนไม่ได้นิ่งนอนใจกับกระแสข่าว และเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ จึงขอยุติบทบาทการเป็นพิธีกรในทุกรายการ จนกว่าเรื่องราวทั้งหมดจะคลี่คลาย พร้อมให้ความร่วมมือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ “กันต์” ยังยืนยันว่าพร้อมให้ข้อมูลกับทุกหน่วยงานเพื่อความถูกต้องในกระบวนการยุติธรรม ซึ่งการประกาศยุติบทบาทพิธีกรในครั้งนี้ นับเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อสังคม และเป็นการปกป้องชื่อเสียงขององค์กรที่ตนเองสังกัดอยู่ด้วย #Thaitimes
    พร้อมให้ข้อมูลทุกหน่วยงาน!! “กันต์ กันตถาวร” ประกาศยุติบทบาทหน้าที่พิธีกรในทุกรายการจนกว่าจะมีความชัดเจนและความกระจ่าง หลังเจอดราม่า “The iCon Group”

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000097052

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 668 มุมมอง 0 รีวิว
  • These type of products I would never buy, particularly calcium, people should never take a calcium pill... In reality we can only get calcium from food...

    These fancy packages, are only big marketing, crazy expensive and not very good quality

    This one for example, zinc always have to go together with copper.

    Zinc : Copper ... approximately 10 : 2

    Too much of one or the other, can make deficiencies, proper metabolic absorption happens in this ratio 😑

    Any calcium pill, from Germany or anywhere is not a good idea...

    20 years ago calcium pills very popular, and 20 year history show us the calcium pill does nothing for strong bones... In fact calcium is making hard arteries, and this is absolutely no good

    If people want calcium, milk is not a good choice, chia seeds are high in calcium, but they are a nightshade, the vegetable called collard green, is very common vegetable and very high in calcium and potassium, much better choice than any milk or pill

    Any calcium pill, from Germany or anywhere is not a good idea...

    20 years ago calcium pills very popular, and 20 year history show us the calcium pill does nothing for strong bones... In fact calcium is making hard arteries, and this is absolutely no good

    If people want calcium, milk is not a good choice, chia seeds are high in calcium, but they are a nightshade, the vegetable called collard green, is very common vegetable and very high in calcium and potassium, much better choice than any milk or pill

    And this is John Hopkins University, very respectable, and is not only their opinion, many clinical studies about calcium supplements have the same bad result

    Calcium Supplements: Should You Take Them? | Johns Hopkins Medicine

    https://www.hopkinsmedicine.org/health/wellness-and-prevention/calcium-supplements-should-you-take-them

    Multiple studies have found that there’s little to no benefit to taking calcium supplements for the prevention of hip fractures. On the other hand, recent studies have linked calcium supplements with an increased risk of colon polyps (small growths in the large intestine that can become cancerous) and kidney stones, which are hard masses usually formed in the kidneys from an accumulation of calcium and other substances. Additionally, a 2016 study by Michos and her colleagues suggested that calcium supplements may increase the risk of calcium buildup in the heart’s arteries.
    These type of products I would never buy, particularly calcium, people should never take a calcium pill... In reality we can only get calcium from food... These fancy packages, are only big marketing, crazy expensive and not very good quality This one for example, zinc always have to go together with copper. Zinc : Copper ... approximately 10 : 2 Too much of one or the other, can make deficiencies, proper metabolic absorption happens in this ratio 😑 Any calcium pill, from Germany or anywhere is not a good idea... 20 years ago calcium pills very popular, and 20 year history show us the calcium pill does nothing for strong bones... In fact calcium is making hard arteries, and this is absolutely no good If people want calcium, milk is not a good choice, chia seeds are high in calcium, but they are a nightshade, the vegetable called collard green, is very common vegetable and very high in calcium and potassium, much better choice than any milk or pill Any calcium pill, from Germany or anywhere is not a good idea... 20 years ago calcium pills very popular, and 20 year history show us the calcium pill does nothing for strong bones... In fact calcium is making hard arteries, and this is absolutely no good If people want calcium, milk is not a good choice, chia seeds are high in calcium, but they are a nightshade, the vegetable called collard green, is very common vegetable and very high in calcium and potassium, much better choice than any milk or pill And this is John Hopkins University, very respectable, and is not only their opinion, many clinical studies about calcium supplements have the same bad result Calcium Supplements: Should You Take Them? | Johns Hopkins Medicine https://www.hopkinsmedicine.org/health/wellness-and-prevention/calcium-supplements-should-you-take-them Multiple studies have found that there’s little to no benefit to taking calcium supplements for the prevention of hip fractures. On the other hand, recent studies have linked calcium supplements with an increased risk of colon polyps (small growths in the large intestine that can become cancerous) and kidney stones, which are hard masses usually formed in the kidneys from an accumulation of calcium and other substances. Additionally, a 2016 study by Michos and her colleagues suggested that calcium supplements may increase the risk of calcium buildup in the heart’s arteries.
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 328 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Nutritional” vs. “Healthy”: Are These Synonyms?

    The words healthy and nutritional seem to go hand in hand. We often see them used to describe the same foods. For example, it makes sense that a carrot would be healthy and nutritional. But does that mean these two words mean the same thing?

    Sometimes food labels can be misleading, so it makes sense to ask, what does healthy mean? What is nutritional, and are these terms synonyms? With a close examination, we can determine the scope of each word. We can have a clearer understanding of how they apply to our daily food choices, so we can make better ones.

    (And just so we’re clear … we may be talking about healthy food, but that doesn’t mean we’re asking you to toss out that certain breakfast cereal with little, multi-colored marshmallows that are “magically delicious.” No judgment!)

    What do healthy and nutritional mean?

    First, let’s look at our own definitions of the terms. We define the word healthy as “pertaining to or characteristic of good health.” The word healthy was first recorded in 1545–55.

    The word nutritional is defined as “the act or process of nourishing or of being nourished.” The word nutrition first originated in 1375–1425 from late Middle English, and it’s derived from the Latin word nūtrīre (meaning “to feed”).

    But, what’s nourish? It’s supplying what is necessary for life, health, and growth.

    So, nutritional and nourish pertain to what foods provide us with in the way of vitamins, minerals, and sustenance. And, interestingly enough, the word nutrition is recorded before healthy—but did nutrition influence the meaning of healthy?

    Does good nutrition equal good health?

    When we say health, we are pretty much referring to our bodies, the machines that run hard every day and that need maintenance and care.

    When we say nutrition, we’re generally talking about the right kind of fuel to make our human-body machines run. Simple enough. It seems that good nutrition does equal good health then.

    How are nutritional and healthy different?

    Is sugary, marshmallow cereal nutritional? A look at the food label reveals that yes, it is nutritional. Cereals typically provide important vitamins that nourish our bodies. But is it healthy? That is where we begin to see the divide, and where it becomes clear the words healthy and nutritional are not synonyms.

    If the word healthy means something that is conducive to good health, it seems wrong to label sugary cereals as nutritional and definitely inaccurate to label them as healthy. Foods loaded with sugar are not healthy.

    But, what about superfoods? Is this just a way of rebranding some pretty humble foods like blueberries, walnuts, salmon, and sweet potatoes to boost sales? Maybe. But, that doesn’t mean it’s a bad thing. These foods used to be staples of the American diet but have fallen out of popularity over the years with the rise of processed and fast foods. However, with the new superfood status, the popularity of truly nutritional foods is on the rise again. These foods deserve the healthy and nutritional labels.

    What happens when we drown kale in brown sugar (and sesame, yum) though? Is it a nutritional and healthy food? The kale may not lose its nutritional value, if cooked properly, but the healthy aspect is now jeopardized by the addition of sugar. Most nutritionists agree that sugar is a fairly evil force in the food world that can taint even the healthiest superfood. And, while eating kale drowned in brown sugar may not be as bad for you as those sugary marshmallows, it’s definitely not considered healthy anymore.

    Similarly, acai berry is a superfood, but it loses it high nutritional value when it’s turned into juice with high levels of added sugar. Green tea has very high levels of antioxidants, but falls on the wrong side of healthy when it’s processed with less healthy teas and served with sugar. Some whole grains are processed to a degree that causes them to lose their nutritional value or prompts the body to process them in a way that spikes sugar levels.

    So, perhaps the best thing to remember when shopping for (good) nutritional and healthy food is that you can take a perfectly nutritious food and turn it into something that has a less positive, or healthy, effect on your body. If you process it in a certain way, overcook it, or add enough sugar (or cute little marshmallows), it won’t be healthy at all.

    What does nutritional labeling tell us?

    Sometimes, in a moment of utter hunger, we may look at the label of a pre-packaged snack food and see that it’s under 200 calories with only a few grams of fat. Yes, it has a bunch of sodium and added sugar (how much is too much?), and a bunch of other things we’re not sure about. But, it seems slightly healthy (and it says “low fat” in a green banner), so down the hatch it goes.

    The way your body breaks down that processed food—and its list of mystery ingredients—is quite different from the way your body would process, say, an apple and a handful of nuts. These are whole foods (see where that supermarket chain got the name?), which are always more healthy and nutritional than anything processed and pre-packaged. Your body breaks down whole foods slowly throughout the day, allowing those nutrients to do their job, giving you more energy, and keeping you full and fueled.

    Nutritional labeling is important, and an important part of it is the ingredients list. The fewer the ingredients (and the fewer mystery ingredients), the better. The ingredients list for a crisp, juicy apple is: apple. That’s the best kind of list.

    The Food and Drug Administration (FDA) has good information on its web site about reading these labels. They advise that the most important things are the serving size (beware that some packages are considered two servings, when you might think of it as one), the nutrition info (fiber, sugar, salt, fat, etc.), and the percentage of “daily value” (you want a high daily value of the nutrients that are good for you, like calcium, and a low daily value of the nutrients that aren’t so good, such as saturated fat).

    The power of words

    That said, even the FDA revises its standards frequently for what it deems “healthy foods,” as they did recently to consider “added” sugars vs. “naturally occurring” sugars. Now, all sugars are not equal.

    The science of nutrition is a fluid one and keeping up takes some work. Understanding the nomenclature is helpful, as is knowing that healthy is a state of being, and that good nutrition is what gets you there.

    But, beware of catchy marketing and claims to be part of a “balanced” meal, because without the nutritional info to back it up, those claims are just food clickbait.

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    “Nutritional” vs. “Healthy”: Are These Synonyms? The words healthy and nutritional seem to go hand in hand. We often see them used to describe the same foods. For example, it makes sense that a carrot would be healthy and nutritional. But does that mean these two words mean the same thing? Sometimes food labels can be misleading, so it makes sense to ask, what does healthy mean? What is nutritional, and are these terms synonyms? With a close examination, we can determine the scope of each word. We can have a clearer understanding of how they apply to our daily food choices, so we can make better ones. (And just so we’re clear … we may be talking about healthy food, but that doesn’t mean we’re asking you to toss out that certain breakfast cereal with little, multi-colored marshmallows that are “magically delicious.” No judgment!) What do healthy and nutritional mean? First, let’s look at our own definitions of the terms. We define the word healthy as “pertaining to or characteristic of good health.” The word healthy was first recorded in 1545–55. The word nutritional is defined as “the act or process of nourishing or of being nourished.” The word nutrition first originated in 1375–1425 from late Middle English, and it’s derived from the Latin word nūtrīre (meaning “to feed”). But, what’s nourish? It’s supplying what is necessary for life, health, and growth. So, nutritional and nourish pertain to what foods provide us with in the way of vitamins, minerals, and sustenance. And, interestingly enough, the word nutrition is recorded before healthy—but did nutrition influence the meaning of healthy? Does good nutrition equal good health? When we say health, we are pretty much referring to our bodies, the machines that run hard every day and that need maintenance and care. When we say nutrition, we’re generally talking about the right kind of fuel to make our human-body machines run. Simple enough. It seems that good nutrition does equal good health then. How are nutritional and healthy different? Is sugary, marshmallow cereal nutritional? A look at the food label reveals that yes, it is nutritional. Cereals typically provide important vitamins that nourish our bodies. But is it healthy? That is where we begin to see the divide, and where it becomes clear the words healthy and nutritional are not synonyms. If the word healthy means something that is conducive to good health, it seems wrong to label sugary cereals as nutritional and definitely inaccurate to label them as healthy. Foods loaded with sugar are not healthy. But, what about superfoods? Is this just a way of rebranding some pretty humble foods like blueberries, walnuts, salmon, and sweet potatoes to boost sales? Maybe. But, that doesn’t mean it’s a bad thing. These foods used to be staples of the American diet but have fallen out of popularity over the years with the rise of processed and fast foods. However, with the new superfood status, the popularity of truly nutritional foods is on the rise again. These foods deserve the healthy and nutritional labels. What happens when we drown kale in brown sugar (and sesame, yum) though? Is it a nutritional and healthy food? The kale may not lose its nutritional value, if cooked properly, but the healthy aspect is now jeopardized by the addition of sugar. Most nutritionists agree that sugar is a fairly evil force in the food world that can taint even the healthiest superfood. And, while eating kale drowned in brown sugar may not be as bad for you as those sugary marshmallows, it’s definitely not considered healthy anymore. Similarly, acai berry is a superfood, but it loses it high nutritional value when it’s turned into juice with high levels of added sugar. Green tea has very high levels of antioxidants, but falls on the wrong side of healthy when it’s processed with less healthy teas and served with sugar. Some whole grains are processed to a degree that causes them to lose their nutritional value or prompts the body to process them in a way that spikes sugar levels. So, perhaps the best thing to remember when shopping for (good) nutritional and healthy food is that you can take a perfectly nutritious food and turn it into something that has a less positive, or healthy, effect on your body. If you process it in a certain way, overcook it, or add enough sugar (or cute little marshmallows), it won’t be healthy at all. What does nutritional labeling tell us? Sometimes, in a moment of utter hunger, we may look at the label of a pre-packaged snack food and see that it’s under 200 calories with only a few grams of fat. Yes, it has a bunch of sodium and added sugar (how much is too much?), and a bunch of other things we’re not sure about. But, it seems slightly healthy (and it says “low fat” in a green banner), so down the hatch it goes. The way your body breaks down that processed food—and its list of mystery ingredients—is quite different from the way your body would process, say, an apple and a handful of nuts. These are whole foods (see where that supermarket chain got the name?), which are always more healthy and nutritional than anything processed and pre-packaged. Your body breaks down whole foods slowly throughout the day, allowing those nutrients to do their job, giving you more energy, and keeping you full and fueled. Nutritional labeling is important, and an important part of it is the ingredients list. The fewer the ingredients (and the fewer mystery ingredients), the better. The ingredients list for a crisp, juicy apple is: apple. That’s the best kind of list. The Food and Drug Administration (FDA) has good information on its web site about reading these labels. They advise that the most important things are the serving size (beware that some packages are considered two servings, when you might think of it as one), the nutrition info (fiber, sugar, salt, fat, etc.), and the percentage of “daily value” (you want a high daily value of the nutrients that are good for you, like calcium, and a low daily value of the nutrients that aren’t so good, such as saturated fat). The power of words That said, even the FDA revises its standards frequently for what it deems “healthy foods,” as they did recently to consider “added” sugars vs. “naturally occurring” sugars. Now, all sugars are not equal. The science of nutrition is a fluid one and keeping up takes some work. Understanding the nomenclature is helpful, as is knowing that healthy is a state of being, and that good nutrition is what gets you there. But, beware of catchy marketing and claims to be part of a “balanced” meal, because without the nutritional info to back it up, those claims are just food clickbait. Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 717 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณ ชานน สัมพันธารักษ์ กรรมการผู้จัดการ
    บริษัท ไฮ ไลค์ เอเจนซี่ จำกัด
    มอบช่อดอกไม้ แสดงความยินดี
    ให้กับคุณสุนันทา สิ่งสรรเสริญ
    ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ
    บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน)
    หรือ SA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร
    เนื่องในโอกาสที่จัดงานแถลงข่าว
    THE SUSTAINOVATIVE LIVING by Siamese asset
    เพื่อเปิดตัวพรีเซนเตอร์ อาโป-ณัฐวิญญ์ ตัวแทนคนรุ่นใหม่
    ที่มาทำหน้าที่ส่งต่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในแบบของตนเอง
    พร้อมจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านที่อยู่อาศัย
    ภายใต้แนวคิด Siamese Asset Asset of Life
    สร้างกำไรให้ทุกการใช้ชีวิต
    ณ ลานอีเดน ชั้น 1 ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเวิลด์
    .
    หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้าน
    Digital PR & Marketing Solutions
    เรายินดีและพร้อมสำหรับคุณ
    TEL: 086-424-7935, 092-426-9741
    .
    #HILIKEAGENCY #PRAGENCY #DigitalPR #Marketing
    #ประชาสัมพันธ์ #PRESSCONFERENCE #PUBLICRELATIONS
    #pragencyในไทย #PRAgencyThailand
    คุณ ชานน สัมพันธารักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไฮ ไลค์ เอเจนซี่ จำกัด มอบช่อดอกไม้ แสดงความยินดี ให้กับคุณสุนันทา สิ่งสรรเสริญ ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ไซมิส แอสเสท จำกัด (มหาชน) หรือ SA ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แบบครบวงจร เนื่องในโอกาสที่จัดงานแถลงข่าว THE SUSTAINOVATIVE LIVING by Siamese asset เพื่อเปิดตัวพรีเซนเตอร์ อาโป-ณัฐวิญญ์ ตัวแทนคนรุ่นใหม่ ที่มาทำหน้าที่ส่งต่อไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตในแบบของตนเอง พร้อมจัดแสดงนวัตกรรมและเทคโนโลยีด้านที่อยู่อาศัย ภายใต้แนวคิด Siamese Asset Asset of Life สร้างกำไรให้ทุกการใช้ชีวิต ณ ลานอีเดน ชั้น 1 ศูนย์การค้า เซ็นทรัลเวิลด์ . หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Digital PR & Marketing Solutions เรายินดีและพร้อมสำหรับคุณ TEL: 086-424-7935, 092-426-9741 . #HILIKEAGENCY #PRAGENCY #DigitalPR #Marketing #ประชาสัมพันธ์ #PRESSCONFERENCE #PUBLICRELATIONS #pragencyในไทย #PRAgencyThailand
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 840 มุมมอง 0 รีวิว
  • ครบรอบ 50 ปี มูลนิธิศุภนิมิตฯ
    ดร.สราวุธ ราชศรีเมือง เผยพร้อมเดินหน้า
    สร้างสังคมแห่งการให้ หวังลดช่องว่างให้สังคมไทยอย่างยั่งยืน
    .
    หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้าน
    Digital PR & Marketing Solutions
    เรายินดีและพร้อมสำหรับคุณ
    TEL: 086-424-7935, 092-426-9741
    .
    #HILIKEAGENCY #PRAGENCY #DigitalPR #Marketing
    #ประชาสัมพันธ์ #PRESSCONFERENCE #PUBLICRELATIONS
    #pragencyในไทย #PRAgencyThailand
    ครบรอบ 50 ปี มูลนิธิศุภนิมิตฯ ดร.สราวุธ ราชศรีเมือง เผยพร้อมเดินหน้า สร้างสังคมแห่งการให้ หวังลดช่องว่างให้สังคมไทยอย่างยั่งยืน . หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Digital PR & Marketing Solutions เรายินดีและพร้อมสำหรับคุณ TEL: 086-424-7935, 092-426-9741 . #HILIKEAGENCY #PRAGENCY #DigitalPR #Marketing #ประชาสัมพันธ์ #PRESSCONFERENCE #PUBLICRELATIONS #pragencyในไทย #PRAgencyThailand
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 648 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดอยคำเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในรูปแบบเจลลี่
    Doikham Jelly Strip ทานง่าย สะดวก ได้สุขภาพดี
    ปลุกกระแสคนรุ่นใหม่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์
    .
    หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้าน
    Digital PR & Marketing Solutions
    เรายินดีและพร้อมสำหรับคุณ
    TEL: 086-424-7935, 092-426-9741
    .
    #HILIKEAGENCY #PRAGENCY #DigitalPR #Marketing
    #ประชาสัมพันธ์ #PRESSCONFERENCE #PUBLICRELATIONS
    #pragencyในไทย #PRAgencyThailand
    ดอยคำเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ในรูปแบบเจลลี่ Doikham Jelly Strip ทานง่าย สะดวก ได้สุขภาพดี ปลุกกระแสคนรุ่นใหม่ ตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ . หากคุณกำลังมองหาที่ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญทางด้าน Digital PR & Marketing Solutions เรายินดีและพร้อมสำหรับคุณ TEL: 086-424-7935, 092-426-9741 . #HILIKEAGENCY #PRAGENCY #DigitalPR #Marketing #ประชาสัมพันธ์ #PRESSCONFERENCE #PUBLICRELATIONS #pragencyในไทย #PRAgencyThailand
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 738 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ailearning #affiliatemarketing
    #ailearning #affiliatemarketing
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • This is where the toxic vegetable oil problem is starting, over 100 years ago, actually this is cottonseed oil, very toxic and only with chemical factory processing, Procter & Gamble make this cooking product called Crisco...

    And soon is making billions dollars profit, then Procter & Gamble, they need marketing support, and they make fake medical organization AHA, American Heart Association...

    and of course AHA don't know how to talk the truth, because they are 100% marketing puppet, only designed to look real, but everything they talk is fake, and AHA is still going strong today in 2024...
    This is where the toxic vegetable oil problem is starting, over 100 years ago, actually this is cottonseed oil, very toxic and only with chemical factory processing, Procter & Gamble make this cooking product called Crisco... And soon is making billions dollars profit, then Procter & Gamble, they need marketing support, and they make fake medical organization AHA, American Heart Association... and of course AHA don't know how to talk the truth, because they are 100% marketing puppet, only designed to look real, but everything they talk is fake, and AHA is still going strong today in 2024...
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • โรคซึมเศร้า... 😁

    Omega-3 fat and vitamin D3 is very good for keeping good mood

    But this crazy world is not easy place for keeping good mood , we have to be careful with what we think 😁

    ------------------------------

    Vitamin C is also good, take C everyday 6000 mg * 2, morning and afternoon

    Vitamin C powder, 1kg jar much more cheap than taking vitamin C pills

    For depression, drink water is very important, and go for a long walk everyday, 30 or 40 minutes walking is very good for the health everyday

    -------------------------------

    Many people are using cannabis health product around.. I don't think the products were good, is big money selling the Cannabis product, the Cannabis marketing is talking CBD oil fix all problems

    I see more and more people walking on the street with bad health and stupid bad ideas, cannabis is not good for the intelligent thinking person

    The other products such as hemp protein and hemp oil for omega-3 and cooking oh, these are very good products

    Making material fabric from clothing, this is very good idea because growing cotton needs very much chemical pesticides

    And making paper from hemp plant oh, this is a good idea, don't need to cut down the tree for making paper we throw in the garbage

    😁😁😁😁♥️
    โรคซึมเศร้า... 😁 Omega-3 fat and vitamin D3 is very good for keeping good mood But this crazy world is not easy place for keeping good mood , we have to be careful with what we think 😁 ------------------------------ Vitamin C is also good, take C everyday 6000 mg * 2, morning and afternoon Vitamin C powder, 1kg jar much more cheap than taking vitamin C pills For depression, drink water is very important, and go for a long walk everyday, 30 or 40 minutes walking is very good for the health everyday ------------------------------- Many people are using cannabis health product around.. I don't think the products were good, is big money selling the Cannabis product, the Cannabis marketing is talking CBD oil fix all problems I see more and more people walking on the street with bad health and stupid bad ideas, cannabis is not good for the intelligent thinking person The other products such as hemp protein and hemp oil for omega-3 and cooking oh, these are very good products Making material fabric from clothing, this is very good idea because growing cotton needs very much chemical pesticides And making paper from hemp plant oh, this is a good idea, don't need to cut down the tree for making paper we throw in the garbage 😁😁😁😁♥️
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 274 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Sale” vs. “Sell”: It Pays To Know The Difference

    Sale and sell sound pretty similar and they’re used in all the same contexts. Adding to the potential confusion is that sell can be both a verb and a noun—a noun whose meaning can be very similar to sale.

    In this article, we’ll define many of the different senses of sale and sell, break down their differences, explain where their meanings can overlap, and provide example sentences showing the several ways each word is used. Not to oversell it, but this is your one-stop shop for all things sale and sell.


    Quick summary

    Sale is always a noun. It most commonly refers to the act of or an instance of offering things for purchase, a discounting of such things, or a completed transaction. It’s used in phrases like on sale and for sale. Sell is most commonly a verb, but it can also be a noun whose meaning is sometimes very similar to sale, as in It was a tough sell, but we convinced him to buy.


    What’s the difference between sale and sell?

    Sale is always used as a noun. It has several common meanings:

    - The act of offering things (goods or services) for purchase: the sale of merchandise
    - A specific instance of doing so: bake sale; yard sale
    - A completed transaction: I made my first sale.
    - A quantity sold (often used in the plural): Sales are down this quarter.
    - A price reduction event: They’re having a 20% off sale.

    The phrase on sale most commonly means “being sold at a reduced price,” but it can also be used more generally to simply mean “available for purchase,” which is what the phrase for sale means.

    Sell is most commonly used as a verb (past tense sold), and it also has a few different meanings:

    - To offer something for sale—to offer it in exchange for money: a store that sells only hats; I might sell my car. The person or business doing the selling is called the seller.
    - To be sold (as in, to be bought): sell a million copies; These always sell well.
    - To persuade or induce someone to buy something: Don’t try to sell me on a more expensive model. Or, more generally, to persuade someone to accept some proposal or idea: She really tried to sell me on the plan.

    These last two senses are the ones that are sometimes used in noun form, meaning an act or method of selling, as in It was a tough sell, but in the end I convinced him to upgrade.

    A noun sense of sell is used in terms like hard sell.

    Sell or sale: when to use each one
    To summarize, sale is always a noun. If you want a verb, always use sell. When you want to refer to an act or method of selling, especially one that involves persuasion and is described by a word like tough, hard, difficult, or easy, use sell.

    Examples of sale and sell used in a sentence
    Check out these real-world examples of sale and sell used in context.

    - The retail economy is based on the sale of goods.
    - The sale of the car will be finalized as soon as you transfer the money.
    - The annual sale starts tomorrow.
    - Our ice cream sales are up due to the heat wave.
    - We’ve sold six copies already, and we’re likely to sell more.
    - She sells insurance for a living.
    - Bread, milk, and eggs sell well anytime there’s snow in the forecast.
    - This will be a hard sell, but I have faith in our marketing and sales teams.

    Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    “Sale” vs. “Sell”: It Pays To Know The Difference Sale and sell sound pretty similar and they’re used in all the same contexts. Adding to the potential confusion is that sell can be both a verb and a noun—a noun whose meaning can be very similar to sale. In this article, we’ll define many of the different senses of sale and sell, break down their differences, explain where their meanings can overlap, and provide example sentences showing the several ways each word is used. Not to oversell it, but this is your one-stop shop for all things sale and sell. Quick summary Sale is always a noun. It most commonly refers to the act of or an instance of offering things for purchase, a discounting of such things, or a completed transaction. It’s used in phrases like on sale and for sale. Sell is most commonly a verb, but it can also be a noun whose meaning is sometimes very similar to sale, as in It was a tough sell, but we convinced him to buy. What’s the difference between sale and sell? Sale is always used as a noun. It has several common meanings: - The act of offering things (goods or services) for purchase: the sale of merchandise - A specific instance of doing so: bake sale; yard sale - A completed transaction: I made my first sale. - A quantity sold (often used in the plural): Sales are down this quarter. - A price reduction event: They’re having a 20% off sale. The phrase on sale most commonly means “being sold at a reduced price,” but it can also be used more generally to simply mean “available for purchase,” which is what the phrase for sale means. Sell is most commonly used as a verb (past tense sold), and it also has a few different meanings: - To offer something for sale—to offer it in exchange for money: a store that sells only hats; I might sell my car. The person or business doing the selling is called the seller. - To be sold (as in, to be bought): sell a million copies; These always sell well. - To persuade or induce someone to buy something: Don’t try to sell me on a more expensive model. Or, more generally, to persuade someone to accept some proposal or idea: She really tried to sell me on the plan. These last two senses are the ones that are sometimes used in noun form, meaning an act or method of selling, as in It was a tough sell, but in the end I convinced him to upgrade. A noun sense of sell is used in terms like hard sell. Sell or sale: when to use each one To summarize, sale is always a noun. If you want a verb, always use sell. When you want to refer to an act or method of selling, especially one that involves persuasion and is described by a word like tough, hard, difficult, or easy, use sell. Examples of sale and sell used in a sentence Check out these real-world examples of sale and sell used in context. - The retail economy is based on the sale of goods. - The sale of the car will be finalized as soon as you transfer the money. - The annual sale starts tomorrow. - Our ice cream sales are up due to the heat wave. - We’ve sold six copies already, and we’re likely to sell more. - She sells insurance for a living. - Bread, milk, and eggs sell well anytime there’s snow in the forecast. - This will be a hard sell, but I have faith in our marketing and sales teams. Copyright 2024, XAKKHRA, All Rights Reserved.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 647 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชอบประโยคนี้มากเลย คนแต่งเก่งมาก

    Cr.รูปจากภาพข่าว
    https://www.thansettakij.com/business/marketing/601908

    ปล.คิดเอาเองว่า สิริ ต้นประโยคน่าจะมาจาก สิริวัฒนภักดี 😁
    ชอบประโยคนี้มากเลย คนแต่งเก่งมาก Cr.รูปจากภาพข่าว https://www.thansettakij.com/business/marketing/601908 ปล.คิดเอาเองว่า สิริ ต้นประโยคน่าจะมาจาก สิริวัฒนภักดี 😁
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 291 มุมมอง 0 รีวิว