• ประตูเปิดทางทิศตะวันตก

    เดือนนี้ โชคดีทั้งการงานและความรัก โดยเฉพาะเพศหญิงจะมีเสน่ห์ สร้างความสัมพันธ์ได้อย่างดี สามารถกระตุ้นความรักและการศึกษาได้ด้วยการตั้งแจกันดอกไม้สด งานการเมือง งานประชาสัมพันธ์ งานคิดสร้างสรรค์จะมีชื่อเสียง งานการศึกษา งานวิชาการ งานเขียน จะได้เลื่อนขั้นตำแหน่งหน้าที่ การสอบแข่งขันเลือกตั้งจะชนะ หรือที่ถูกดองไว้มานาน จะได้ปรับเลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือน หรือทิ้งใบสมัครงานไว้ จะถูกเรียกตัวไปให้สัมภาษณ์ ส่วนกิจการค้าขายดีมีลูกค้ามากมาย เพราะความพยายามขยันขันแข็ง ทำให้ได้พบกับความสำเร็จได้รับเกียรติสูงสุด ส่งผลให้ได้รับตำแหน่งก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองรุ่งโรจน์
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศตะวันตก เดือนนี้ โชคดีทั้งการงานและความรัก โดยเฉพาะเพศหญิงจะมีเสน่ห์ สร้างความสัมพันธ์ได้อย่างดี สามารถกระตุ้นความรักและการศึกษาได้ด้วยการตั้งแจกันดอกไม้สด งานการเมือง งานประชาสัมพันธ์ งานคิดสร้างสรรค์จะมีชื่อเสียง งานการศึกษา งานวิชาการ งานเขียน จะได้เลื่อนขั้นตำแหน่งหน้าที่ การสอบแข่งขันเลือกตั้งจะชนะ หรือที่ถูกดองไว้มานาน จะได้ปรับเลื่อนขั้นขึ้นเงินเดือน หรือทิ้งใบสมัครงานไว้ จะถูกเรียกตัวไปให้สัมภาษณ์ ส่วนกิจการค้าขายดีมีลูกค้ามากมาย เพราะความพยายามขยันขันแข็ง ทำให้ได้พบกับความสำเร็จได้รับเกียรติสูงสุด ส่งผลให้ได้รับตำแหน่งก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองรุ่งโรจน์ ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • "กองทัพภาคที่ 2 จัดพิธีพุทธาภิเษก สมเด็จพระพุทธมหาจักรพรรดิ (หลวงพ่อใหญ่โชคดี) และทอดผ้าป่าสามัคคี"

    📌กองทัพภาคที่ 2 ร่วมบุญอันยิ่งใหญ่ จัดสร้างสมเด็จพุทธมหาจักรพรรดิ (หลวงพ่อใหญ่โชคดี)และทอดผ้าป่าสามัคคี ✨ โดยมี พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และคุณสุพางค์พรรณ พาดกลาง ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 2 เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมผู้มีจิตศรัทธา ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา ณ สโมสรร่วมเริงชัย ค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา🎉

    🌟ได้รับพระเมตตา จาก "4 ดอกบัวบานแดนอีสาน"👍
    🙏หลวงปู่ศิลา วัดพระธาตุหมื่นหิน
    🙏หลวงพ่อสุริยันต์ วัดป่าวังน้ำเย็น
    🙏พระอาจารย์ต้อม วัดท่าสะแบง
    🙏พระอาจารย์สุริยัณ วัดป่าฉัพพรรณรังสี

    ในพิธีมหาพุทธาภิเษก และทอดผ้าป่าสามัคคีมหากุศล สมทบทุนสร้าง “สมเด็จพระพุทธมหาจักรพรรดิ” หรือ “หลวงพ่อใหญ่โชคดี” เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชน และเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา โดยพระพุทธปฏิมา สมเด็จพระพุทธมหาจักรพรรดิ (หลวงพ่อใหญ่โชคดี) มีขนาดหน้าตักกว้าง 7 เมตร ความสูง 9 เมตร ซึ่งจะประดิษฐาน ณ วัดป่าศรีคุณาราม อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี

    📌วัดป่าศรีคุณารามเป็นวัดป่าสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อันสงบ ร่มรื่น เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม การสร้างพระพุทธปฏิมาองค์ใหญ่ ณ วัดแห่งนี้ จึงเป็นการส่งเสริมให้วัดเป็นศูนย์กลางแห่งการศึกษา ปฏิบัติธรรม และเป็นที่พักพิงทางใจของพุทธศาสนิกชนสืบไป🌟👍💂

    #หลวงพ่อใหญ่โชคดี
    #หลวงปู่ศิลา
    #กองทัพภาคที่2
    #วัดป่าศรีคุณาราม
    #มณฑลทหารบกที่21
    #ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่2
    "กองทัพภาคที่ 2 จัดพิธีพุทธาภิเษก สมเด็จพระพุทธมหาจักรพรรดิ (หลวงพ่อใหญ่โชคดี) และทอดผ้าป่าสามัคคี" 📌กองทัพภาคที่ 2 ร่วมบุญอันยิ่งใหญ่ จัดสร้างสมเด็จพุทธมหาจักรพรรดิ (หลวงพ่อใหญ่โชคดี)และทอดผ้าป่าสามัคคี ✨ โดยมี พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 และคุณสุพางค์พรรณ พาดกลาง ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 2 เป็นประธานฝ่ายฆราวาส พร้อมผู้มีจิตศรัทธา ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ และประชาชนชาวจังหวัดนครราชสีมา ณ สโมสรร่วมเริงชัย ค่ายสุรนารี จังหวัดนครราชสีมา🎉 🌟ได้รับพระเมตตา จาก "4 ดอกบัวบานแดนอีสาน"👍 🙏หลวงปู่ศิลา วัดพระธาตุหมื่นหิน 🙏หลวงพ่อสุริยันต์ วัดป่าวังน้ำเย็น 🙏พระอาจารย์ต้อม วัดท่าสะแบง 🙏พระอาจารย์สุริยัณ วัดป่าฉัพพรรณรังสี ในพิธีมหาพุทธาภิเษก และทอดผ้าป่าสามัคคีมหากุศล สมทบทุนสร้าง “สมเด็จพระพุทธมหาจักรพรรดิ” หรือ “หลวงพ่อใหญ่โชคดี” เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชน และเป็นสัญลักษณ์แห่งความเจริญรุ่งเรืองของพระพุทธศาสนา โดยพระพุทธปฏิมา สมเด็จพระพุทธมหาจักรพรรดิ (หลวงพ่อใหญ่โชคดี) มีขนาดหน้าตักกว้าง 7 เมตร ความสูง 9 เมตร ซึ่งจะประดิษฐาน ณ วัดป่าศรีคุณาราม อ.กู่แก้ว จ.อุดรธานี 📌วัดป่าศรีคุณารามเป็นวัดป่าสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่อันสงบ ร่มรื่น เหมาะแก่การปฏิบัติธรรม การสร้างพระพุทธปฏิมาองค์ใหญ่ ณ วัดแห่งนี้ จึงเป็นการส่งเสริมให้วัดเป็นศูนย์กลางแห่งการศึกษา ปฏิบัติธรรม และเป็นที่พักพิงทางใจของพุทธศาสนิกชนสืบไป🌟👍💂 #หลวงพ่อใหญ่โชคดี #หลวงปู่ศิลา #กองทัพภาคที่2 #วัดป่าศรีคุณาราม #มณฑลทหารบกที่21 #ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประชาสัมพันธ์การเปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าศึกษาหลักสูตรสรีรวิทยาการแพทย์ (นานาชาติ) ประจำปีการศึกษา 2568

    ภาควิชาสรีรวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดสอนหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต และ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาสรีรวิทยาการแพทย์ (นานาชาติ) โดยเปิดรับสมัครผู้สนใจศึกษาในหลักสูตรฯ ปีการศึกษา 2568 ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 พฤษภาคม 2568 ทางเว็บไซต์บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล https://graduate.mahidol.ac.th/thai

    สอบถามรายละเอียดได้ที่ คุณสุนทรี มีชำนาญ
    โทร. 0-2419-8770
    email: soontaree.mee@mahidol.ac.th
    ประชาสัมพันธ์การเปิดรับสมัครผู้สนใจเข้าศึกษาหลักสูตรสรีรวิทยาการแพทย์ (นานาชาติ) ประจำปีการศึกษา 2568 ภาควิชาสรีรวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล เปิดสอนหลักสูตรวิทยาศาสตรมหาบัณฑิต และ ปรัชญาดุษฎีบัณฑิต สาขาวิชาสรีรวิทยาการแพทย์ (นานาชาติ) โดยเปิดรับสมัครผู้สนใจศึกษาในหลักสูตรฯ ปีการศึกษา 2568 ตั้งแต่วันนี้ ถึง 31 พฤษภาคม 2568 ทางเว็บไซต์บัณฑิตวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล https://graduate.mahidol.ac.th/thai สอบถามรายละเอียดได้ที่ คุณสุนทรี มีชำนาญ โทร. 0-2419-8770 email: soontaree.mee@mahidol.ac.th
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌📌ในวันพรุ่งนี้ ( 7 พฤษภาคม 2568 ) เวลา 13.00 น. จังหวัดนครราชสีมา (เฉพาะอำเภอเมืองนครราชสีมา) และบริเวณอำเภอใกล้เคียง จะมีการทดสอบระบบเตือนภัย Cell Broadcast เพื่อเป็นการทดสอบระบบและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้มีแนวทางในการปฏิบัติได้ถูกต้องเมื่อเกิดเหตุ

    🔴อย่าตกใจเมื่อมีสัญญานเตือนในระบบโทรศัพท์‼️ ในวันพุธที่ 7 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.00 น. จะมีการทดสอบส่งข้อความแจ้งเตือนภัย ผ่านระบบ Cell Broadcast ในพื้นที่ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา

    📱 โทรศัพท์มือถือในพื้นที่จะได้รับ ข้อความแจ้งเตือน พร้อมเสียงเตือนดังขึ้น เพื่อจำลองสถานการณ์แจ้งเตือนภัย ระดับกลาง///ย้ำประชาชนไม่ต้องตกใจเพราะเป็นการซ้อมเพื่อให้ทราบถึงการส่งสัญญาณการแจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุจะมีข้อความแจ้งเตือนแบบนี้ไปที่โทรศัพท์

    🔔 ข้อความตัวอย่างที่จะแสดงบนหน้าจอ เช่น
    "ทดสอบแจ้งเตือนภัย Cell Broadcast จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โปรดอย่าตื่นตระหนก"
    (ข้อความภาษาอังกฤษ: "This is Test message from Department of Disaster Prevention and Mitigation (DDPM). No action required.")

    อย่าตกใจ อย่าวิ่งหนี และ ช่วยแจ้งเตือนคนรอบข้าง เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกในระหว่างการทดสอบ
    📌📌ในวันพรุ่งนี้ ( 7 พฤษภาคม 2568 ) เวลา 13.00 น. จังหวัดนครราชสีมา (เฉพาะอำเภอเมืองนครราชสีมา) และบริเวณอำเภอใกล้เคียง จะมีการทดสอบระบบเตือนภัย Cell Broadcast เพื่อเป็นการทดสอบระบบและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้มีแนวทางในการปฏิบัติได้ถูกต้องเมื่อเกิดเหตุ 🔴อย่าตกใจเมื่อมีสัญญานเตือนในระบบโทรศัพท์‼️ ในวันพุธที่ 7 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.00 น. จะมีการทดสอบส่งข้อความแจ้งเตือนภัย ผ่านระบบ Cell Broadcast ในพื้นที่ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 📱 โทรศัพท์มือถือในพื้นที่จะได้รับ ข้อความแจ้งเตือน พร้อมเสียงเตือนดังขึ้น เพื่อจำลองสถานการณ์แจ้งเตือนภัย ระดับกลาง///ย้ำประชาชนไม่ต้องตกใจเพราะเป็นการซ้อมเพื่อให้ทราบถึงการส่งสัญญาณการแจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุจะมีข้อความแจ้งเตือนแบบนี้ไปที่โทรศัพท์ 🔔 ข้อความตัวอย่างที่จะแสดงบนหน้าจอ เช่น "ทดสอบแจ้งเตือนภัย Cell Broadcast จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โปรดอย่าตื่นตระหนก" (ข้อความภาษาอังกฤษ: "This is Test message from Department of Disaster Prevention and Mitigation (DDPM). No action required.") อย่าตกใจ อย่าวิ่งหนี และ ช่วยแจ้งเตือนคนรอบข้าง เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกในระหว่างการทดสอบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌📌ในวันพรุ่งนี้ ( 7 พฤษภาคม 2568 ) เวลา 13.00 น. จังหวัดนครราชสีมา (เฉพาะอำเภอเมืองนครราชสีมา) และบริเวณอำเภอใกล้เคียง จะมีการทดสอบระบบเตือนภัย Cell Broadcast เพื่อเป็นการทดสอบระบบและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้มีแนวทางในการปฏิบัติได้ถูกต้องเมื่อเกิดเหตุ

    🔴อย่าตกใจเมื่อมีสัญญานเตือนในระบบโทรศัพท์‼️ ในวันพุธที่ 7 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.00 น. จะมีการทดสอบส่งข้อความแจ้งเตือนภัย ผ่านระบบ Cell Broadcast ในพื้นที่ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา

    📱 โทรศัพท์มือถือในพื้นที่จะได้รับ ข้อความแจ้งเตือน พร้อมเสียงเตือนดังขึ้น เพื่อจำลองสถานการณ์แจ้งเตือนภัย ระดับกลาง///ย้ำประชาชนไม่ต้องตกใจเพราะเป็นการซ้อมเพื่อให้ทราบถึงการส่งสัญญาณการแจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุจะมีข้อความแจ้งเตือนแบบนี้ไปที่โทรศัพท์

    🔔 ข้อความตัวอย่างที่จะแสดงบนหน้าจอ เช่น
    "ทดสอบแจ้งเตือนภัย Cell Broadcast จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โปรดอย่าตื่นตระหนก"
    (ข้อความภาษาอังกฤษ: "This is Test message from Department of Disaster Prevention and Mitigation (DDPM). No action required.")

    อย่าตกใจ อย่าวิ่งหนี และ ช่วยแจ้งเตือนคนรอบข้าง เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกในระหว่างการทดสอบ
    📌📌ในวันพรุ่งนี้ ( 7 พฤษภาคม 2568 ) เวลา 13.00 น. จังหวัดนครราชสีมา (เฉพาะอำเภอเมืองนครราชสีมา) และบริเวณอำเภอใกล้เคียง จะมีการทดสอบระบบเตือนภัย Cell Broadcast เพื่อเป็นการทดสอบระบบและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้มีแนวทางในการปฏิบัติได้ถูกต้องเมื่อเกิดเหตุ 🔴อย่าตกใจเมื่อมีสัญญานเตือนในระบบโทรศัพท์‼️ ในวันพุธที่ 7 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.00 น. จะมีการทดสอบส่งข้อความแจ้งเตือนภัย ผ่านระบบ Cell Broadcast ในพื้นที่ อำเภอเมืองนครราชสีมา จังหวัดนครราชสีมา 📱 โทรศัพท์มือถือในพื้นที่จะได้รับ ข้อความแจ้งเตือน พร้อมเสียงเตือนดังขึ้น เพื่อจำลองสถานการณ์แจ้งเตือนภัย ระดับกลาง///ย้ำประชาชนไม่ต้องตกใจเพราะเป็นการซ้อมเพื่อให้ทราบถึงการส่งสัญญาณการแจ้งเตือนเมื่อเกิดเหตุจะมีข้อความแจ้งเตือนแบบนี้ไปที่โทรศัพท์ 🔔 ข้อความตัวอย่างที่จะแสดงบนหน้าจอ เช่น "ทดสอบแจ้งเตือนภัย Cell Broadcast จากกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) โปรดอย่าตื่นตระหนก" (ข้อความภาษาอังกฤษ: "This is Test message from Department of Disaster Prevention and Mitigation (DDPM). No action required.") อย่าตกใจ อย่าวิ่งหนี และ ช่วยแจ้งเตือนคนรอบข้าง เพื่อไม่ให้เกิดความตื่นตระหนกในระหว่างการทดสอบ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม่น้ำกกป่วยเพราะสารพิษหนักเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่าใครจะเป็นหมอรักษา (ตอนที่ 5)
    .................
    มหากาพย์แร่หายากกำลังเป็นฝีแตกในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพราะทำให้แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และจะส่งผลต่อแม่น้ำโขงป่วยหนักขึ้น การบริโภค การใช้แม่น้ำที่มีวิญญาณของความเป็นแม่ ถูกความโลภ อำนาจ เผาผลาญ และเอากากความความโลภทิ้งลงแม่น้ำ แล้วทุนแร่หายากในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงแห่งนี้กำลังสร้างตำนานซ้ำซากที่เกิดขึ้นในแอฟริกา เป็นกระบวนการถลุงแร่ธาตุ เพื่อให้เป็นเลือด
    .................
    สัญญาณแรก ประมงจังหวัดเชียงราย แถลงเมื่อ 25 เม.ย.68 ระบุพบปลากลุ่มตัวอย่างพบโลหะหนัก เช่น สารหนูและปรอท ไม่เกินค่ามาตรฐาน ก็อาจจะไม่ให้เราเบาใจและปล่อยปละละเลย และแสดงความกังวลว่าปลาลดน้อยลงมาก เพราะแม่น้ำเสื่อมโทรม ตั้งแต่ความตื้นเขิน น้ำมีตะกอนดินทั้งปี

    สัญญาณที่สอง สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ก็หวั่น ๆ ว่า ผลสรุปการตรวจสอบคุณภาพตะกอนดินในแหล่งน้ำแม่น้ำกก บริเวณ อ.แม่อาย และอ.เมือง จ.เชียงราย พบมาตรฐานคุณภาพตะกอนดินเพื่อปกป้องสัตว์หน้าดิน อาจจะเกิดอันตรายต่อสัตว์หน้าดินที่เป็นอาหารของสัตว์น้ำ เช่น ปลา จะทำให้จำนวนหรือประเภทของสัตว์หน้าดินลดลง ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศลดลง สัตว์น้ำลดจำนวนลง และชาวบ้านจับสัตว์น้ำได้น้อยลง แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ที่กินสัตว์น้ำ แต่ไม่แน่ว่าหากมีการสะสมในปลา ถ้าชาวบ้านบริโภคปลาเป็นจำนวนมากและเป็นประจำ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย เช่น ชาที่ปลายมือปลายเท้า (ไข้ดำ: ผิวหนังหนาและเข้ม) มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ

    สัญญาณที่สาม 30 เมษายน ผลตรวจสารหนูเบื้องต้นในแม่น้ำ อ.แม่สาย - อ.เชียงแสน จังหวัดเชียงราย พบเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่า มีหมายเหตุ ผลดังกล่าวเป็นเพียงผลการตรวจเบื้องต้นทางทีมวิจัยจะนำตัวอย่างน้ำส่งตรวจใน Lab มาตรฐานต่อไป
    .................
    แรงกระเพื่อมต่อถึงทำเนียบ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุม ติดตามสถานการณ์และแนวทางการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำกก ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล องค์ประชุมประกอบด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ

    ในการประชุม กระจายหน้าที่แต่ละกระทรวง กระทรวงมหาดไทย เร่งสั่งการการประปาส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมการใช้น้ำดิบในการผลิตน้ำประปา พร้อมทั้งกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับข้อมูลสารปนเปื้อนในน้ำ แนวทางการกรองน้ำเพื่อการบริโภคที่ปลอดภัย รวมถึงการเร่งตรวจสอบแหล่งน้ำในพื้นที่อย่างเข้มข้น

    ประธานในการประชุมมีข้อสั่งการด้านการแก้ไขปัญหา 6 ประเด็น ดังนี้ 1. มอบหมายกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติบูรณาการร่วมกัน เร่งประสานประเทศเพื่อนบ้าน ใช้กลไกความร่วมมือทุกระดับเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดภายนอกประเทศที่อาจส่งผลให้เกิดสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก

    2. มอบหมายสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติใช้กลไกลุ่มน้ำโขงเหนือ บริหารจัดการปริมาณน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ เพิ่มน้ำต้นทุนเข้าสู่แม่น้ำกก

    3. มอบหมายกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ใช้นวัตกรรมดาวเทียม และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ช่วยประเมินความขุ่น สารแขวนลอยในแม่น้ำกกทั้งในเขตประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน

    4. มอบหมายกระทรวงมหาดไทยสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก

    5. มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข ติดตามตรวจสอบการปนเปื้อนในแม่น้ำกก และลำน้ำสาขา การปนเปื้อนในสัตว์น้ำและการสะสมในร่างกายมนุษย์อย่างต่อเนื่อง

    6. มอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรม จัดทำแนวทางการลดผลกระทบจากการทำเหมืองและประสานความร่วมมือในการเผยแพร่ให้ประเทศเพื่อนบ้านผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ
    คำถามที่ท้าทาย จะปล่อยให้ภาวะสะสมเกิดกับประชาชนชาวเชียงราย และประชาชนลุ่มน้ำสาย กก โขงแบบนี้เรื่อย ๆ ใช่หรือไม่

    .................
    เสียงประชาชนต้องดังกว่านี้ เครือข่ายข้อมูลอุทกภัยแม่น้ำกก (ค.อ.ก) ก็ได้จัดเวทีความร่วมมือเตือนภัยน้ำกกหลากท่วมปี 2568 โดยมีนางเตือนใจ ดีเทศน์ หรือ “ครูแดง” ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ พชภ. เป็นประธานการประชุม โดยมีองค์กรพัฒนาเอกชนที่ดำเนินงานในพื้นที่แม่น้ำกก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมแลกเปลี่ยนพร้อมนำเสนอ ถึงนายกรรัฐมนตรี

    1.แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน และนักวิชาการ เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาทั้งในแหล่งกำเนิดมลพิษ ระหว่างทาง และผู้รับผลพิษ จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำในจังหวัดเชียงราย
    2. เปิดเผยและซักซ้อมมาตรการรับมืออุทกภัยลุ่มน้ำกก และลุ่มน้ำสาย อย่างเป็นระบบ มีส่วนร่วม และมีประสิทธิภาพ
    3. สร้างความร่วมมือกับประเทศเมียนมา หรือกองกำลังที่ดูแลในพื้นที่ เพื่อเพิ่มจุดเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของสารปนเปื้อน ตลอดลำน้ำกก น้ำสาย ทั้ง พื้นที่ต้นน้ำ ก่อนเหมืองในรัฐฉาน
    4 .สร้างระบบสื่อสารสาธารณะที่โปร่งใส เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจุบัน
    5. ขยายขอบเขตการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เป็นการลุกล้ำหรือทำลายสิ่งแวดล้อม ตลอดลุ่มน้ำกกและลุ่มน้ำสาย
    6. เปิดการเจรจา 4 ฝ่ายคือ ไทย เมียนมา กองกำลังชาติพันธุ์ที่ควบคุมพื้นที่สัมปทานเหมือง และประเทศจีน เพื่อร่วมกันหาทางออกอย่างสร้างสรรค์และรับผิดชอบ

    สรุปคือการส่งเสียงว่ารัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ การทำเหมืองทองต้องกระตุ้นให้หน่วยงานรัฐไปเจรจา ทุกฝ่ายร่วมกัน ทั้งฝ่ายความมั่นคง รัฐบาล สื่อมวลชน ชาวบ้าน ประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าระดับประเทศแก้ไม่ได้ก็ต้องเป็นระดับอาเซียน ภูมิภาค หรือระดับนานาชาติร่วมกันแก้ไข ต้องคุยกับรัฐบาลพม่ารวมถึงรัฐบาลจีน เพราะเป็นพื้นที่ของกลุ่มว้า เป็นการเมืองระหว่างประเทศ

    เปิดพื้นที่ผ่านการเล่าเรื่องของแม่น้ำกกระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ สร้างความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับสิทธิของแม่น้ำ และ การเจรจาระหว่างรัฐกับธรรมชาติ ข้ามเขตแดนรัฐและแนวคิดการจัดการสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน (Transboundary Environmental Governance)”
    .................

    ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงกล่าวว่า รัฐบาลต้องใช้แนวคิดการทูตสิ่งแวดล้อมสร้างความร่วมมือแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด นอกจากนี้ต้องเสนอให้เมียนมาเข้าใจด้วยว่า เหมืองแร่อยู่ในเขตควบคุมของกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่การเจรจาสันติภาพในเมียนมา ต้องหยิบยกเอาประเด็นมลพิษข้ามพรมแดนเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาด้วย

    น.ส.เพียงพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา(พชภ.) และผู้อำนวยการฝ่ายรณรงรงค์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ องค์กรแม่น้ำนานาชาติ (International Rivers) กล่าวว่า ทั้งแม่น้ำกกและแม่น้ำสายเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ โดยมีต้นน้ำอยู่ในเขตรัฐฉาน ประเทศพม่า การสร้างเหมืองทองที่บริเวณต้นน้ำ ทำให้ประชาชนและระบบนิเวศท้ายน้ำซึ่งอยู่ในประเทศไทยได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งหาทางยุติการทำเหมืองและเปิดหน้าดินในวงกว้างให้ได้ เพราะนอกจากส่งผลในเรื่องการปนเปื้อนสารโลหะหนักลงแม่น้ำแล้ว ยังส่งผลต่ออุทกภัยที่มีดินโคลนปนมาด้วย กลายเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่คนท้ายน้ำต้องเผชิญและหวาดผวาอยู่ตลอดเวลา

    ก่อนหน้านี้กระแสกระเพื่อมขึ้นในพื้นที่ที่ดีมาก ที่ทาง พล.ท.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร เลขานุการคณะกรรมการระดับสูงไทย-เมียนมา ร่วมรับฟังปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย

    เนื้อหาจึงเจาะประเด็นเชิงความมั่นคงทันทีในมิติของผลกระทบข้ามแดน ตามที่ได้นำเสนอในตอนต้น ๆ เป็นเรื่องของกระบวนการขุมเหมืองแร่สีเลือกเพื่อนำผลประโยชน์มาห่ำหั่นกันทางการเมือง ที่รัฐบาลทหารพม่า อนุญาตให้ทำเหมืองแร่ต่าง ๆ ในรัฐฉาน ส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนจีน แต่ก็มีประเทศออสเตรเลีย รัสเซีย และอิตาลีด้วย เหมืองทั้งหมดอยู่เหนือน้ำกก น้ำสาย น้ำรวก
    .................

    มิติทางแม่น้ำระหว่างประเทศ เป็นวิกฤติมลพิษข้ามแดนที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับฝุ่นควันข้ามแดน ที่มีปลายทางด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองอยู่เบื้องหลัง ต้องใช้เวลาเกลี่ย ล๊อบบี้ กดดัน การตีโอบ เพื่อกระทบ อันจะให้การกดดันทุน และอำนาจรัฐเข้ามาเร่งรัดจัดการปัญหาข้ามพรมแดนไมว่าจะเป็น การทำระบบบำบัดน้ำเสีย ที่ต้องเพิ่มต้นทุนก็ต้องทำ กรองน้ำที่มีสารหนูปนเปื้อน

    การให้ความสำคัญมิติ สาธารณสุข ด้านสิ่งแวดล้อม การเกษตร การสื่อสาร กับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างสัมพันธ์และความเข้าใจนำไปสู่การแก้ไขปัญหา และเสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานทุกฝ่ายต่อการโต้ตอบเหตุสารเคมีปนเปื้อน เพื่อสื่อสารและการประสานความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้เจ้ากรมกิจการชายแดนทหารได้รับฟังข้อมูลจากผู้เข้าร่วมให้ข้อมูลเพื่อนำไปศึกษาการจัดทำรายงานนำเสนอต้นสังกัดและรัฐบาลในการดำเนินการงานร่วมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาต่อไป

    แม่น้ำกกป่วยเพราะสารพิษหนักเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่าใครจะเป็นหมอรักษา (ตอนที่ 5) ................. มหากาพย์แร่หายากกำลังเป็นฝีแตกในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง เพราะทำให้แม่น้ำกก แม่น้ำสาย และจะส่งผลต่อแม่น้ำโขงป่วยหนักขึ้น การบริโภค การใช้แม่น้ำที่มีวิญญาณของความเป็นแม่ ถูกความโลภ อำนาจ เผาผลาญ และเอากากความความโลภทิ้งลงแม่น้ำ แล้วทุนแร่หายากในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงแห่งนี้กำลังสร้างตำนานซ้ำซากที่เกิดขึ้นในแอฟริกา เป็นกระบวนการถลุงแร่ธาตุ เพื่อให้เป็นเลือด ................. สัญญาณแรก ประมงจังหวัดเชียงราย แถลงเมื่อ 25 เม.ย.68 ระบุพบปลากลุ่มตัวอย่างพบโลหะหนัก เช่น สารหนูและปรอท ไม่เกินค่ามาตรฐาน ก็อาจจะไม่ให้เราเบาใจและปล่อยปละละเลย และแสดงความกังวลว่าปลาลดน้อยลงมาก เพราะแม่น้ำเสื่อมโทรม ตั้งแต่ความตื้นเขิน น้ำมีตะกอนดินทั้งปี สัญญาณที่สอง สำนักงานสิ่งแวดล้อมและควบคุมมลพิษที่ 1 (เชียงใหม่) ก็หวั่น ๆ ว่า ผลสรุปการตรวจสอบคุณภาพตะกอนดินในแหล่งน้ำแม่น้ำกก บริเวณ อ.แม่อาย และอ.เมือง จ.เชียงราย พบมาตรฐานคุณภาพตะกอนดินเพื่อปกป้องสัตว์หน้าดิน อาจจะเกิดอันตรายต่อสัตว์หน้าดินที่เป็นอาหารของสัตว์น้ำ เช่น ปลา จะทำให้จำนวนหรือประเภทของสัตว์หน้าดินลดลง ความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศลดลง สัตว์น้ำลดจำนวนลง และชาวบ้านจับสัตว์น้ำได้น้อยลง แต่ไม่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของมนุษย์ที่กินสัตว์น้ำ แต่ไม่แน่ว่าหากมีการสะสมในปลา ถ้าชาวบ้านบริโภคปลาเป็นจำนวนมากและเป็นประจำ อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพอนามัย เช่น ชาที่ปลายมือปลายเท้า (ไข้ดำ: ผิวหนังหนาและเข้ม) มีอาการหัวใจเต้นผิดจังหวะ สัญญาณที่สาม 30 เมษายน ผลตรวจสารหนูเบื้องต้นในแม่น้ำ อ.แม่สาย - อ.เชียงแสน จังหวัดเชียงราย พบเกินค่ามาตรฐานสูงสุด 19 เท่า มีหมายเหตุ ผลดังกล่าวเป็นเพียงผลการตรวจเบื้องต้นทางทีมวิจัยจะนำตัวอย่างน้ำส่งตรวจใน Lab มาตรฐานต่อไป ................. แรงกระเพื่อมต่อถึงทำเนียบ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุม ติดตามสถานการณ์และแนวทางการแก้ไขปัญหาสารปนเปื้อนเกินค่ามาตรฐานในแม่น้ำกก ณ ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล องค์ประชุมประกอบด้วย รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงกลาโหม และกระทรวงการต่างประเทศ ในการประชุม กระจายหน้าที่แต่ละกระทรวง กระทรวงมหาดไทย เร่งสั่งการการประปาส่วนภูมิภาค และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) ในพื้นที่ เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมการใช้น้ำดิบในการผลิตน้ำประปา พร้อมทั้งกำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงรายและเชียงใหม่ บูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานด้านสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อให้ความรู้แก่ประชาชนเกี่ยวกับข้อมูลสารปนเปื้อนในน้ำ แนวทางการกรองน้ำเพื่อการบริโภคที่ปลอดภัย รวมถึงการเร่งตรวจสอบแหล่งน้ำในพื้นที่อย่างเข้มข้น ประธานในการประชุมมีข้อสั่งการด้านการแก้ไขปัญหา 6 ประเด็น ดังนี้ 1. มอบหมายกระทรวงกลาโหม กระทรวงการต่างประเทศ และสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติบูรณาการร่วมกัน เร่งประสานประเทศเพื่อนบ้าน ใช้กลไกความร่วมมือทุกระดับเพื่อควบคุมแหล่งกำเนิดภายนอกประเทศที่อาจส่งผลให้เกิดสารปนเปื้อนในแม่น้ำกก 2. มอบหมายสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติใช้กลไกลุ่มน้ำโขงเหนือ บริหารจัดการปริมาณน้ำเพื่อรักษาระบบนิเวศน์ เพิ่มน้ำต้นทุนเข้าสู่แม่น้ำกก 3. มอบหมายกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ใช้นวัตกรรมดาวเทียม และเทคโนโลยีภูมิสารสนเทศ ช่วยประเมินความขุ่น สารแขวนลอยในแม่น้ำกกทั้งในเขตประเทศไทยและประเทศเพื่อนบ้าน 4. มอบหมายกระทรวงมหาดไทยสั่งการผู้ว่าราชการจังหวัดบรรเทาผลกระทบต่อประชาชนและสื่อสาร ประชาสัมพันธ์ สร้างความเข้าใจไม่ให้ประชาชนตื่นตระหนก 5. มอบหมายกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงสาธารณสุข ติดตามตรวจสอบการปนเปื้อนในแม่น้ำกก และลำน้ำสาขา การปนเปื้อนในสัตว์น้ำและการสะสมในร่างกายมนุษย์อย่างต่อเนื่อง 6. มอบหมายกระทรวงอุตสาหกรรม จัดทำแนวทางการลดผลกระทบจากการทำเหมืองและประสานความร่วมมือในการเผยแพร่ให้ประเทศเพื่อนบ้านผ่านกลไกความร่วมมือระหว่างประเทศ คำถามที่ท้าทาย จะปล่อยให้ภาวะสะสมเกิดกับประชาชนชาวเชียงราย และประชาชนลุ่มน้ำสาย กก โขงแบบนี้เรื่อย ๆ ใช่หรือไม่ ................. เสียงประชาชนต้องดังกว่านี้ เครือข่ายข้อมูลอุทกภัยแม่น้ำกก (ค.อ.ก) ก็ได้จัดเวทีความร่วมมือเตือนภัยน้ำกกหลากท่วมปี 2568 โดยมีนางเตือนใจ ดีเทศน์ หรือ “ครูแดง” ผู้ก่อตั้งมูลนิธิ พชภ. เป็นประธานการประชุม โดยมีองค์กรพัฒนาเอกชนที่ดำเนินงานในพื้นที่แม่น้ำกก และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ประชุมแลกเปลี่ยนพร้อมนำเสนอ ถึงนายกรรัฐมนตรี 1.แต่งตั้งคณะทำงานเพื่อแก้ไขปัญหามลพิษข้ามพรมแดน โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้อง ภาคประชาชน และนักวิชาการ เพื่อหาแนวทางในการแก้ปัญหาทั้งในแหล่งกำเนิดมลพิษ ระหว่างทาง และผู้รับผลพิษ จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบคุณภาพน้ำในจังหวัดเชียงราย 2. เปิดเผยและซักซ้อมมาตรการรับมืออุทกภัยลุ่มน้ำกก และลุ่มน้ำสาย อย่างเป็นระบบ มีส่วนร่วม และมีประสิทธิภาพ 3. สร้างความร่วมมือกับประเทศเมียนมา หรือกองกำลังที่ดูแลในพื้นที่ เพื่อเพิ่มจุดเก็บตัวอย่างน้ำเพื่อตรวจสอบแหล่งที่มาของสารปนเปื้อน ตลอดลำน้ำกก น้ำสาย ทั้ง พื้นที่ต้นน้ำ ก่อนเหมืองในรัฐฉาน 4 .สร้างระบบสื่อสารสาธารณะที่โปร่งใส เพื่อให้ประชาชนรับรู้ข้อมูลข่าวสารอย่างต่อเนื่อง เป็นปัจจุบัน 5. ขยายขอบเขตการศึกษาและวิเคราะห์ผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์ที่ดินที่เป็นการลุกล้ำหรือทำลายสิ่งแวดล้อม ตลอดลุ่มน้ำกกและลุ่มน้ำสาย 6. เปิดการเจรจา 4 ฝ่ายคือ ไทย เมียนมา กองกำลังชาติพันธุ์ที่ควบคุมพื้นที่สัมปทานเหมือง และประเทศจีน เพื่อร่วมกันหาทางออกอย่างสร้างสรรค์และรับผิดชอบ สรุปคือการส่งเสียงว่ารัฐบาลจะต้องแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ การทำเหมืองทองต้องกระตุ้นให้หน่วยงานรัฐไปเจรจา ทุกฝ่ายร่วมกัน ทั้งฝ่ายความมั่นคง รัฐบาล สื่อมวลชน ชาวบ้าน ประเทศเพื่อนบ้าน ถ้าระดับประเทศแก้ไม่ได้ก็ต้องเป็นระดับอาเซียน ภูมิภาค หรือระดับนานาชาติร่วมกันแก้ไข ต้องคุยกับรัฐบาลพม่ารวมถึงรัฐบาลจีน เพราะเป็นพื้นที่ของกลุ่มว้า เป็นการเมืองระหว่างประเทศ เปิดพื้นที่ผ่านการเล่าเรื่องของแม่น้ำกกระหว่างมนุษย์กับธรรมชาติ สร้างความเข้าใจใหม่เกี่ยวกับสิทธิของแม่น้ำ และ การเจรจาระหว่างรัฐกับธรรมชาติ ข้ามเขตแดนรัฐและแนวคิดการจัดการสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน (Transboundary Environmental Governance)” ................. ดร.สืบสกุล กิจนุกร อาจารย์ประจำมหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวงกล่าวว่า รัฐบาลต้องใช้แนวคิดการทูตสิ่งแวดล้อมสร้างความร่วมมือแก้ปัญหามลพิษข้ามพรมแดนให้เป็นรูปธรรมมากที่สุด นอกจากนี้ต้องเสนอให้เมียนมาเข้าใจด้วยว่า เหมืองแร่อยู่ในเขตควบคุมของกองกำลังติดอาวุธชาติพันธุ์ที่การเจรจาสันติภาพในเมียนมา ต้องหยิบยกเอาประเด็นมลพิษข้ามพรมแดนเป็นส่วนหนึ่งของการเจรจาด้วย น.ส.เพียงพร ดีเทศน์ เลขาธิการมูลนิธิพัฒนาชุมชนและเขตภูเขา(พชภ.) และผู้อำนวยการฝ่ายรณรงรงค์ภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ องค์กรแม่น้ำนานาชาติ (International Rivers) กล่าวว่า ทั้งแม่น้ำกกและแม่น้ำสายเป็นแม่น้ำระหว่างประเทศ โดยมีต้นน้ำอยู่ในเขตรัฐฉาน ประเทศพม่า การสร้างเหมืองทองที่บริเวณต้นน้ำ ทำให้ประชาชนและระบบนิเวศท้ายน้ำซึ่งอยู่ในประเทศไทยได้รับความเดือดร้อนกันถ้วนหน้า ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องเร่งหาทางยุติการทำเหมืองและเปิดหน้าดินในวงกว้างให้ได้ เพราะนอกจากส่งผลในเรื่องการปนเปื้อนสารโลหะหนักลงแม่น้ำแล้ว ยังส่งผลต่ออุทกภัยที่มีดินโคลนปนมาด้วย กลายเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่คนท้ายน้ำต้องเผชิญและหวาดผวาอยู่ตลอดเวลา ก่อนหน้านี้กระแสกระเพื่อมขึ้นในพื้นที่ที่ดีมาก ที่ทาง พล.ท.ณัฐพงษ์ เพราแก้ว เจ้ากรมกิจการชายแดนทหาร เลขานุการคณะกรรมการระดับสูงไทย-เมียนมา ร่วมรับฟังปัญหาสารโลหะหนักในแม่น้ำกกและแม่น้ำสาย เนื้อหาจึงเจาะประเด็นเชิงความมั่นคงทันทีในมิติของผลกระทบข้ามแดน ตามที่ได้นำเสนอในตอนต้น ๆ เป็นเรื่องของกระบวนการขุมเหมืองแร่สีเลือกเพื่อนำผลประโยชน์มาห่ำหั่นกันทางการเมือง ที่รัฐบาลทหารพม่า อนุญาตให้ทำเหมืองแร่ต่าง ๆ ในรัฐฉาน ส่วนใหญ่จะเป็นนักลงทุนจีน แต่ก็มีประเทศออสเตรเลีย รัสเซีย และอิตาลีด้วย เหมืองทั้งหมดอยู่เหนือน้ำกก น้ำสาย น้ำรวก ................. มิติทางแม่น้ำระหว่างประเทศ เป็นวิกฤติมลพิษข้ามแดนที่เกิดขึ้นเช่นเดียวกับฝุ่นควันข้ามแดน ที่มีปลายทางด้านเศรษฐศาสตร์การเมืองอยู่เบื้องหลัง ต้องใช้เวลาเกลี่ย ล๊อบบี้ กดดัน การตีโอบ เพื่อกระทบ อันจะให้การกดดันทุน และอำนาจรัฐเข้ามาเร่งรัดจัดการปัญหาข้ามพรมแดนไมว่าจะเป็น การทำระบบบำบัดน้ำเสีย ที่ต้องเพิ่มต้นทุนก็ต้องทำ กรองน้ำที่มีสารหนูปนเปื้อน การให้ความสำคัญมิติ สาธารณสุข ด้านสิ่งแวดล้อม การเกษตร การสื่อสาร กับประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อสร้างสัมพันธ์และความเข้าใจนำไปสู่การแก้ไขปัญหา และเสนอให้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานทุกฝ่ายต่อการโต้ตอบเหตุสารเคมีปนเปื้อน เพื่อสื่อสารและการประสานความร่วมมือในการแก้ไขปัญหา ทั้งนี้เจ้ากรมกิจการชายแดนทหารได้รับฟังข้อมูลจากผู้เข้าร่วมให้ข้อมูลเพื่อนำไปศึกษาการจัดทำรายงานนำเสนอต้นสังกัดและรัฐบาลในการดำเนินการงานร่วมทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องในการแก้ปัญหาต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 489 มุมมอง 0 รีวิว
  • บริษัทโมเดอร์นาถูกปรับเป็นเงินเกือบ 44,000 ปอนด์ หรือเกือบสองล้านบาท หลังจากหน่วยงานกำกับดูแลยาตามใบสั่งแพทย์ของอังกฤษ (Prescription Medicines Code of Practice Authority - PMCPA) พบว่าบริษัทยาชื่อดังแห่งนี้ ก่อความเสียหายในด้านความน่าเชื่อถือต่ออุตสาหกรรมยาของอังกฤษ ด้วยการ ใช้เงิน-ตุ๊กตาหมีล่อเด็กๆร่วมทดลองวัคซีนโควิด

    เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2023 มีการเผยแพร่โฆษณาประชาสัมพันธ์ซึ่งใช้มุ่งเป้าหมายเด็กตั้งแต่อายุ 12 ปี ให้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยการทดลองวัคซีนโควิด โดยเสนอมอบสิ่งจูงใจเป็น "ตุ๊กตาหมี" พร้อม พร้อมเงินสด 1,500 ปอนด์ (ประมาณ 67,000 บาท) และยังมีการเผยแพร่บทความบนสื่อสังคมออนไลน์เพื่อชักจูงและโฆษณาประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับแผนงานนี้อีกด้วย

    บทความที่ถูกกล่าวหา มีอยู่ 3 บทความที่เป็นการแฝงโฆษณาเกินจริง ซึ่งเป็นการเขียนร่วมกันโดยผู้บริหารของบริษัท Moderna และอดีตรัฐมนตรี Nadhim Zahawi (ถูกไล่ออกเพราะฉ้อโกงภาษี)


    แม้ว่าทางโมเดอร์นาจะพยายามชี้แจงว่า ทางบริษัทได้ดำเนินการยับยั้งการกระทำอย่างทันท่วงทีหลังจากได้รับแจ้งในเดือนมกราคม 2024 อย่างไรก็ตามจากหลักฐานของ PMCPA พบว่าพวกผู้บริหารของโมเดอร์นาได้รับแจ้งตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2023 แล้ว แต่กลับนิ่งเฉย


    ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า โมเดอร์นาอาจถูกพักสถานภาพสมาชิกหรือไม่ก็โดนขับไล่ออกจากสมาคมอุตสาหกรรมยาของอังกฤษ (Association of the British Pharmaceutical Industry - ABPI) หลังละเมิดกฎระเบียบหลายครั้ง
    บริษัทโมเดอร์นาถูกปรับเป็นเงินเกือบ 44,000 ปอนด์ หรือเกือบสองล้านบาท หลังจากหน่วยงานกำกับดูแลยาตามใบสั่งแพทย์ของอังกฤษ (Prescription Medicines Code of Practice Authority - PMCPA) พบว่าบริษัทยาชื่อดังแห่งนี้ ก่อความเสียหายในด้านความน่าเชื่อถือต่ออุตสาหกรรมยาของอังกฤษ ด้วยการ ใช้เงิน-ตุ๊กตาหมีล่อเด็กๆร่วมทดลองวัคซีนโควิด เรื่องนี้เกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2023 มีการเผยแพร่โฆษณาประชาสัมพันธ์ซึ่งใช้มุ่งเป้าหมายเด็กตั้งแต่อายุ 12 ปี ให้เข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของงานวิจัยการทดลองวัคซีนโควิด โดยเสนอมอบสิ่งจูงใจเป็น "ตุ๊กตาหมี" พร้อม พร้อมเงินสด 1,500 ปอนด์ (ประมาณ 67,000 บาท) และยังมีการเผยแพร่บทความบนสื่อสังคมออนไลน์เพื่อชักจูงและโฆษณาประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับแผนงานนี้อีกด้วย บทความที่ถูกกล่าวหา มีอยู่ 3 บทความที่เป็นการแฝงโฆษณาเกินจริง ซึ่งเป็นการเขียนร่วมกันโดยผู้บริหารของบริษัท Moderna และอดีตรัฐมนตรี Nadhim Zahawi (ถูกไล่ออกเพราะฉ้อโกงภาษี) แม้ว่าทางโมเดอร์นาจะพยายามชี้แจงว่า ทางบริษัทได้ดำเนินการยับยั้งการกระทำอย่างทันท่วงทีหลังจากได้รับแจ้งในเดือนมกราคม 2024 อย่างไรก็ตามจากหลักฐานของ PMCPA พบว่าพวกผู้บริหารของโมเดอร์นาได้รับแจ้งตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2023 แล้ว แต่กลับนิ่งเฉย ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมว่า โมเดอร์นาอาจถูกพักสถานภาพสมาชิกหรือไม่ก็โดนขับไล่ออกจากสมาคมอุตสาหกรรมยาของอังกฤษ (Association of the British Pharmaceutical Industry - ABPI) หลังละเมิดกฎระเบียบหลายครั้ง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • สตง.ออกเอกสารชี้แจงกรณีปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ตึกใหม่ เพราะแบบโครงสร้างเดิม บริเวณทางเดินเมื่อรวมกับวัสดุตกแต่งตามแบบมีความกว้างไม่เป็นไปตามกฎกระทรวง ผู้ออกแบบจึงเสนอลดความหนาลงจาก 30 ซม.เป็น 25 ซม. โดยได้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้องครบถ้วน

    วันนี้ (24 เม.ย.) สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินเผยแพร่เอกสารข่าวประชาสัมพันธ์ชี้แจงขั้นตอนการดําเนินการเกี่ยวกับการบริหารสัญญา (กรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) บางจุด และการแก้ไขสัญญา) มีรายละเอียดดังนี้

    ตามที่ปรากฏข้อสงสัยเกี่ยวกับการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) ของอาคารที่ทําการสํานักงานแห่งใหม่ ซึ่งเป็นจุดสําคัญที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของอาคารและอาจจะเป็นสาเหตุที่ทําให้อาคารที่ทําการสํานักงานแห่งใหม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ขอเรียนชี้แจงว่า ในการดําเนินโครงการก่อสร้างอาคารที่ทําการสํานักงานแห่งใหม่ สตง.ได้ทําสัญญาว่าจ้างผู้รับจ้างออกแบบ (กิจการร่วมค้า บริษัท ฟอรัม อาร์คิเทค จํากัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จํากัด) ผู้รับจ้างก่อสร้าง (กิจการร่วมค้า ไอทีดี - ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จํากัด) และผู้รับจ้างควบคุมงาน (กิจการร่วมค้า PKW (บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จํากัด บริษัท ว. และสหาย คอนซัลแตนส์ จํากัด และบริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ จํากัด) ซึ่งกรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์บางจุดเกิดขึ้นในช่วงการบริหารสัญญาระหว่างดําเนินการก่อสร้าง โดยผู้รับจ้างก่อสร้างพบว่าแบบงานโครงสร้างขัดกับแบบงานสถาปัตยกรรมภายใน กล่าวคือ ขนาดของผนังปล่องลิฟต์บริเวณทางเดินเมื่อรวมกับวัสดุตกแต่งตามแบบ ทําให้ทางเดินมีความกว้างไม่เป็นไปตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 สตง.จึงได้ดําเนินการตาม ขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบของทางราชการ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000038403

    #MGROnline #แผ่นดินไหว #ตึกถล่ม #สตง. #ปรับแก้ #ผนังปล่องลิฟต์ #ตึกใหม่
    สตง.ออกเอกสารชี้แจงกรณีปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ตึกใหม่ เพราะแบบโครงสร้างเดิม บริเวณทางเดินเมื่อรวมกับวัสดุตกแต่งตามแบบมีความกว้างไม่เป็นไปตามกฎกระทรวง ผู้ออกแบบจึงเสนอลดความหนาลงจาก 30 ซม.เป็น 25 ซม. โดยได้ดำเนินการตามขั้นตอนอย่างถูกต้องครบถ้วน • วันนี้ (24 เม.ย.) สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดินเผยแพร่เอกสารข่าวประชาสัมพันธ์ชี้แจงขั้นตอนการดําเนินการเกี่ยวกับการบริหารสัญญา (กรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) บางจุด และการแก้ไขสัญญา) มีรายละเอียดดังนี้ • ตามที่ปรากฏข้อสงสัยเกี่ยวกับการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์ (Core Lift) ของอาคารที่ทําการสํานักงานแห่งใหม่ ซึ่งเป็นจุดสําคัญที่เกี่ยวข้องกับความมั่นคงของอาคารและอาจจะเป็นสาเหตุที่ทําให้อาคารที่ทําการสํานักงานแห่งใหม่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมานั้น สํานักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ขอเรียนชี้แจงว่า ในการดําเนินโครงการก่อสร้างอาคารที่ทําการสํานักงานแห่งใหม่ สตง.ได้ทําสัญญาว่าจ้างผู้รับจ้างออกแบบ (กิจการร่วมค้า บริษัท ฟอรัม อาร์คิเทค จํากัด และบริษัท ไมนฮาร์ท (ประเทศไทย) จํากัด) ผู้รับจ้างก่อสร้าง (กิจการร่วมค้า ไอทีดี - ซีอาร์อีซี (บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จํากัด (มหาชน) และบริษัท ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10 (ประเทศไทย) จํากัด) และผู้รับจ้างควบคุมงาน (กิจการร่วมค้า PKW (บริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จํากัด บริษัท ว. และสหาย คอนซัลแตนส์ จํากัด และบริษัท เคพี คอนซัลแทนส์ จํากัด) ซึ่งกรณีการปรับแก้ผนังปล่องลิฟต์บางจุดเกิดขึ้นในช่วงการบริหารสัญญาระหว่างดําเนินการก่อสร้าง โดยผู้รับจ้างก่อสร้างพบว่าแบบงานโครงสร้างขัดกับแบบงานสถาปัตยกรรมภายใน กล่าวคือ ขนาดของผนังปล่องลิฟต์บริเวณทางเดินเมื่อรวมกับวัสดุตกแต่งตามแบบ ทําให้ทางเดินมีความกว้างไม่เป็นไปตามกฎกระทรวง ฉบับที่ 55 (พ.ศ. 2543) ออกตามความในพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ. 2522 สตง.จึงได้ดําเนินการตาม ขั้นตอนของกฎหมายและระเบียบของทางราชการ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000038403 • #MGROnline #แผ่นดินไหว #ตึกถล่ม #สตง. #ปรับแก้ #ผนังปล่องลิฟต์ #ตึกใหม่
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 314 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถือเป็นอีกหนึ่งทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ อันร้อนแรงบนสังคมโซเชียลบ้านเราต่อกรณี “ทราย สก๊อต” ที่แม้จะถูกปลดออกจากหน้าที่ แต่ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ที่ทำมาหากินกับท้องทะเลไทยในพื้นที่ได้อย่างใหญ่หลวง

    “ทราย สก๊อต” หรือ “สิรณัฐ ภิรมย์ภักดี” เป็นหนุ่มลูกครึ่งไทย-สก๊อตแลนด์ ทายาทสิงห์รุ่น 4 หลานชายของจำนง ภิรมย์ภักดี ประธานบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี ด้านแอนิเมชันจากสหรัฐอเมริกา

    ทราย สก๊อต สร้างชื่อจากการเป็นเจ้าของสถิติว่ายน้ำทะเลข้ามเกาะโดยไม่ใช่เครื่องช่วยชีวิตรวดเดียว 30 กิโลเมตร จนได้รับฉายาว่า “อควาแมนเมืองไทย” ที่ถือเป็นอีกหนึ่งอินฟลูคนดังด้านการอนุรักษ์ท้องทะเลของเมืองไทย

    ทราย สก๊อต ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2567 ซึ่งเขาถูกยกให้เป็นนักอนุรักษ์ทะเลไทยรุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม ไม่ว่าจะเป็น เป็นลูกคนรวย เก่ง มีการศึกษาดี ภาษาอังกฤษเยี่ยม และเชี่ยวชาญในการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโซเชียล

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/travel/detail/9680000037394

    #MGROnline #ทรายสก๊อต #อุทยาน #ทะเลภาคใต้ #กรมอุทยานแห่งชาติ
    ถือเป็นอีกหนึ่งทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ อันร้อนแรงบนสังคมโซเชียลบ้านเราต่อกรณี “ทราย สก๊อต” ที่แม้จะถูกปลดออกจากหน้าที่ แต่ก็สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับเจ้าหน้าที่รัฐ และผู้ที่ทำมาหากินกับท้องทะเลไทยในพื้นที่ได้อย่างใหญ่หลวง • “ทราย สก๊อต” หรือ “สิรณัฐ ภิรมย์ภักดี” เป็นหนุ่มลูกครึ่งไทย-สก๊อตแลนด์ ทายาทสิงห์รุ่น 4 หลานชายของจำนง ภิรมย์ภักดี ประธานบริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด สำเร็จการศึกษาปริญญาตรี ด้านแอนิเมชันจากสหรัฐอเมริกา • ทราย สก๊อต สร้างชื่อจากการเป็นเจ้าของสถิติว่ายน้ำทะเลข้ามเกาะโดยไม่ใช่เครื่องช่วยชีวิตรวดเดียว 30 กิโลเมตร จนได้รับฉายาว่า “อควาแมนเมืองไทย” ที่ถือเป็นอีกหนึ่งอินฟลูคนดังด้านการอนุรักษ์ท้องทะเลของเมืองไทย • ทราย สก๊อต ได้รับการแต่งตั้งเป็นที่ปรึกษาอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช อย่างเป็นทางการ เมื่อวันที่ 2 มกราคม 2567 ซึ่งเขาถูกยกให้เป็นนักอนุรักษ์ทะเลไทยรุ่นใหม่ที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อม ไม่ว่าจะเป็น เป็นลูกคนรวย เก่ง มีการศึกษาดี ภาษาอังกฤษเยี่ยม และเชี่ยวชาญในการประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อโซเชียล • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/travel/detail/9680000037394 • #MGROnline #ทรายสก๊อต #อุทยาน #ทะเลภาคใต้ #กรมอุทยานแห่งชาติ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 424 มุมมอง 0 รีวิว
  • "อมพระมาพูด" ดรามาอันวาร์ อิบราฮิม

    การมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อการเจรจาทำงาน (Working Visit) และหารือติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับความร่วมมือไทย-มาเลเซีย ระหว่างวันที่ 17-18 เม.ย. ที่ผ่านมา กลายเป็นดรามาสนั่นโซเชียลฯ เมื่อกองสื่อสารมวลชนและกลยุทธ์ สำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้เผยแพร่วีดีโอคลิป "LAWATAN KERJA KE THAILAND" (เยี่ยมชมและทำงานที่ประเทศไทย) เผยแพร่ภารกิจของนายอันวาร์และคณะในไทย แล้วปรากฎว่ามีการใช้เพลง "อมพระมาพูด" ของเบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ และ เสกสรรค์ สุขพิมาย หรือ เสก โลโซ ซึ่งเป็นเพลงฮิตเมื่อปี 2547

    ด้วยเนื้อหาเพลงที่ออกแนวตอบโต้คนรักที่ไม่เชื่อใจกัน โดยเฉพาะท่อนฮุคที่ร้องว่า "อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ หน้าเนื้อใจเสืออย่างเธอ ใครเตือนไม่ฟังว่าอย่าเผลอ มีใจให้ อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ หน้าใสใจเสือเชื่อไม่ได้ ประวัติโชกโชนเชือดใจ มากี่คน เคยนับบ้างไหม" กลายเป็นที่วิจารณ์แก่ชาวเน็ตไทยว่าสื่อถึงอะไร มีนัยยะทางการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใดๆ หรือไม่ โดยเฉพาะกับ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาประธานอาเซียน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลูกสาวนายทักษิณ ภายหลังจึงได้ลบคลิปแล้วเปลี่ยนเพลงใหม่ไปใช้เพลงพระราชนิพนธ์ "ยามเย็น" ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ แทน

    ที่ผ่านมามักจะพบเห็นเพลงไทยนำมาใช้กับสื่อประชาสัมพันธ์ของมาเลเซียนานๆ ครั้ง เช่น การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) นำเพลง "ผมรักเมืองไทย" ของ Mocca Garden มาโปรโมตขบวนรถไฟ My Sawasdee บัตเตอร์เวิร์ธ-หาดใหญ่ เมื่อวันที่ 1 ม.ค. หรือย้อนกลับไปเมื่อเดือน ต.ค. 2565 เผยแพร่วิดีโอคลิป VLOG ที่ชื่อว่า "Syoknya Naik Keretapi ke Hatyai, Thailand" แนะนำการขึ้นรถไฟท่องเที่ยวที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในช่วงเทศกาลวันมาเลเซีย ก็ใช้เพลง "ชอบเธออะ" ของ แมน ภัทรพล ซึ่งเป็นเพลงฮิตในติ๊กต็อก ส่วนผู้ใช้ทั่วไปพบว่าบัญชี @khairulnikahthailand ที่รับจ้างชาวมุสลิมมาเลเซียมาแต่งงานที่สงขลา ประเทศไทย ก็เคยใช้เพลง "คุณไสย" (อะนันตะปัตชะเย) ซึ่งมีเนื้อหาโจ๊ะๆ สนุกสนาน

    แม้ Newskit จะสอบถามแหล่งข่าวจากสื่อมวลชนชาวมาเลเซีย ที่ทำงานในประเทศไทย แต่ไม่ได้รับคำตอบใดๆ กลับมาก็ตาม ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่า อาจเป็นความผิดพลาดของทางการมาเลเซียเลือกเพลงตามทำนอง (Melody) โดยมองข้ามเนื้อร้อง หรือเนื้อหาเพลง ที่คนท้องถิ่นซึ่งก็คือคนไทยอาจเข้าใจไปอีกทาง มองโลกในแง่ดีอาจเป็นเพียงแค่เรื่องตลกขบขัน ไม่ถึงขั้นกลายเป็นการเล่นการเมืองแบบสองหน้า จากปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งไม่มีทีท่าว่าสงบลง

    #Newskit
    "อมพระมาพูด" ดรามาอันวาร์ อิบราฮิม การมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อการเจรจาทำงาน (Working Visit) และหารือติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับความร่วมมือไทย-มาเลเซีย ระหว่างวันที่ 17-18 เม.ย. ที่ผ่านมา กลายเป็นดรามาสนั่นโซเชียลฯ เมื่อกองสื่อสารมวลชนและกลยุทธ์ สำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้เผยแพร่วีดีโอคลิป "LAWATAN KERJA KE THAILAND" (เยี่ยมชมและทำงานที่ประเทศไทย) เผยแพร่ภารกิจของนายอันวาร์และคณะในไทย แล้วปรากฎว่ามีการใช้เพลง "อมพระมาพูด" ของเบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ และ เสกสรรค์ สุขพิมาย หรือ เสก โลโซ ซึ่งเป็นเพลงฮิตเมื่อปี 2547 ด้วยเนื้อหาเพลงที่ออกแนวตอบโต้คนรักที่ไม่เชื่อใจกัน โดยเฉพาะท่อนฮุคที่ร้องว่า "อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ หน้าเนื้อใจเสืออย่างเธอ ใครเตือนไม่ฟังว่าอย่าเผลอ มีใจให้ อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ หน้าใสใจเสือเชื่อไม่ได้ ประวัติโชกโชนเชือดใจ มากี่คน เคยนับบ้างไหม" กลายเป็นที่วิจารณ์แก่ชาวเน็ตไทยว่าสื่อถึงอะไร มีนัยยะทางการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใดๆ หรือไม่ โดยเฉพาะกับ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาประธานอาเซียน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลูกสาวนายทักษิณ ภายหลังจึงได้ลบคลิปแล้วเปลี่ยนเพลงใหม่ไปใช้เพลงพระราชนิพนธ์ "ยามเย็น" ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ แทน ที่ผ่านมามักจะพบเห็นเพลงไทยนำมาใช้กับสื่อประชาสัมพันธ์ของมาเลเซียนานๆ ครั้ง เช่น การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) นำเพลง "ผมรักเมืองไทย" ของ Mocca Garden มาโปรโมตขบวนรถไฟ My Sawasdee บัตเตอร์เวิร์ธ-หาดใหญ่ เมื่อวันที่ 1 ม.ค. หรือย้อนกลับไปเมื่อเดือน ต.ค. 2565 เผยแพร่วิดีโอคลิป VLOG ที่ชื่อว่า "Syoknya Naik Keretapi ke Hatyai, Thailand" แนะนำการขึ้นรถไฟท่องเที่ยวที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในช่วงเทศกาลวันมาเลเซีย ก็ใช้เพลง "ชอบเธออะ" ของ แมน ภัทรพล ซึ่งเป็นเพลงฮิตในติ๊กต็อก ส่วนผู้ใช้ทั่วไปพบว่าบัญชี @khairulnikahthailand ที่รับจ้างชาวมุสลิมมาเลเซียมาแต่งงานที่สงขลา ประเทศไทย ก็เคยใช้เพลง "คุณไสย" (อะนันตะปัตชะเย) ซึ่งมีเนื้อหาโจ๊ะๆ สนุกสนาน แม้ Newskit จะสอบถามแหล่งข่าวจากสื่อมวลชนชาวมาเลเซีย ที่ทำงานในประเทศไทย แต่ไม่ได้รับคำตอบใดๆ กลับมาก็ตาม ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่า อาจเป็นความผิดพลาดของทางการมาเลเซียเลือกเพลงตามทำนอง (Melody) โดยมองข้ามเนื้อร้อง หรือเนื้อหาเพลง ที่คนท้องถิ่นซึ่งก็คือคนไทยอาจเข้าใจไปอีกทาง มองโลกในแง่ดีอาจเป็นเพียงแค่เรื่องตลกขบขัน ไม่ถึงขั้นกลายเป็นการเล่นการเมืองแบบสองหน้า จากปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งไม่มีทีท่าว่าสงบลง #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 525 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปภ. แจ้ง 23 จังหวัด ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 68 เร่งประสานพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์

    เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 68 เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 โดยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสม เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้สามารถเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดสถานการณ์ภัยขึ้น รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์และวิธีการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง

    นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่าบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือและภาคกลางยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น และได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ ซึ่งมีพื้นที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ระหว่างวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 ดังนี้

    ภาคเหนือ จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และอำเภอแม่สะเรียง) เชียงใหม่ (อำเภอเมืองเชียงใหม่ จอมทอง เชียงดาว ดอยสะเก็ด ดอยหล่อ พร้าว แม่แจ่ม แม่แตง แม่ริม แม่วาง แม่ออน สันกำแพง สันทราย และอำเภออมก๋อย) เชียงราย (อำเภอเวียงป่าเป้า) ลำพูน (อำเภอเมืองลำพูน บ้านธิ ป่าซาง และอำเภอแม่ทา) ลำปาง (อำเภอเมืองลำปาง งาว แจ้ห่ม เมืองปาน วังเหนือ สบปราบ เสริมงาม และอำเภอห้างฉัตร) พะเยา (อำเภอปง) แพร่ (อำเภอสอง) และจังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง และอำเภออุ้มผาง)

    ภาคกลาง จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอเมืองกาญจนบุรี ไทรโยค ทองผาภูมิ บ่อพลอย ศรีสวัสดิ์ สังขละบุรี และอำเภอหนองปรือ) สระบุรี (อำเภอแก่งคอย) ตราด (อําเภอเขาสมิง และอำเภอบ่อไร่) และจังหวัดเพชรบุรี (อำเภอแก่งกระจาน)

    ภาคใต้ จำนวน 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอชัยบุรี พนม บ้านตาขุน พระแสง และอำเภอเวียงสระ) นครศรีธรรมราช (อำเภอฉวาง ชะอวด ช้างกลาง ถ้ำพรรณรา ทุ่งสง ทุ่งใหญ่ และอำเภอนาบอน) พัทลุง (อำเภอเมืองพัทลุง ควนขนุน ป่าพะยอม และอำเภอป่าบอน) สงขลา (อำเภอนาทวี คลองหอยโข่ง ควนเนียง รัตภูมิ สะเดา และอำเภอสะบ้าย้อย) ยะลา (อำเภอเมืองยะลา กรงปินัง เบตง ธารโต บันนังสตา กาบัง ยะหา และอำเภอรามัน) นราธิวาส (อำเภอจะแนะ และอำเภอระแงะ) ระนอง (อำเภอกระบุรี) พังงา (อำเภอเมืองพังงา กะปง คุระบุรี ทับปุด และอำเภอท้ายเหมือง) กระบี่ (อำเภอเมืองกระบี่ เขาพนม คลองท่อม ปลายพระยา เหนือคลอง และอำเภออ่าวลึก) ตรัง (อำเภอกันตัง วังวิเศษ สีเกา และอำเภอหัวยอด) และจังหวังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตล ควนกาหลง ควนโดน ท่าแพ ทุ่งหว้า มะนัง และอำเภอละงู)

    กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัย โดยกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกหนักและพื้นที่ที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัย ให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่มีคลื่นลมแรง ให้แจ้งเตือนประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเลและนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำโดยเด็ดขาด พร้อมให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมเจ้าท่า กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ แจ้งเตือนการเดินเรือ ให้ชาวเรือ ผู้บังคับเรือ ผู้ประกอบการเดินเรือโดยสาร เดินเรือด้วยความระมัดระวัง หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ให้พิจารณาห้ามเดินเรือออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ ให้เตรียมความพร้อมของเครื่องจักรกลสาธารณภัย รถปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดสถานการณ์ขึ้น และให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด

    ท้ายนี้ ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศ ข้อมูลสถานการณ์ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นโดยปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android และทางสื่อสังคมออนไลน์บัญชีทางการของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews ทั้งนี้ หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป

    ได้เลยครับ นี่คือตัวอย่างสรุปข่าวในรูปแบบที่เหมาะสำหรับเผยแพร่ในเว็บไซต์หรือใช้ในสคริปต์ข่าวทีวี/ออนไลน์:
    ปภ. แจ้งเตือน 23 จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วม-ดินถล่ม ช่วง 15-17 เม.ย. 68 เร่งเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์
    วันนี้ (15 เม.ย. 2568) เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือน 23 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์ น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 - 17 เมษายน 2568 พร้อมสั่งการให้พื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกล อุปกรณ์ เพื่อสามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ
    พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่
    • ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ ตาก
    • ภาคกลาง: กาญจนบุรี สระบุรี ตราด เพชรบุรี
    • ภาคใต้: สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล
    นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดี ปภ. เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาพอากาศร่วมกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พบว่า ความกดอากาศสูงจากจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้หลายพื้นที่ยังมีพายุฤดูร้อนและฝนตกหนักต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น น้ำตก ถ้ำ และถ้ำลอด หากพบความเสี่ยงให้สั่งปิดทันที
    พร้อมกันนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย หากพบเหตุหรือได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้ที่
    • ไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” (Line ID: @1784DDPM)
    • สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง
    • หรือผ่านแอปพลิเคชัน THAI DISASTER ALERT


    ปภ. แจ้ง 23 จังหวัด ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 68 เร่งประสานพื้นที่เสี่ยงภัยเฝ้าระวังและเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ เมื่อวันที่ 15 เม.ย. 68 เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้เฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 โดยให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในบริเวณพื้นที่เสี่ยงและบริเวณที่มีฝนตกสะสม เตรียมความพร้อมด้านบุคลากร อุปกรณ์ และเครื่องจักรกลสาธารณภัยให้สามารถเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือประชาชนได้อย่างรวดเร็วเมื่อเกิดสถานการณ์ภัยขึ้น รวมถึงแจ้งเตือนประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้า และประชาสัมพันธ์ข้อมูลสถานการณ์และวิธีการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ติดตามสภาวะอากาศและพิจารณาปัจจัยเสี่ยง ประกอบกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้ติดตามการคาดการณ์สภาพอากาศพบว่าบริเวณความกดอากาศสูงหรือมวลอากาศเย็นกำลังปานกลางจากสาธารณรัฐประชาชนจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทยและทะเลจีนใต้ ทำให้ภาคเหนือและภาคกลางยังคงมีพายุฤดูร้อนเกิดขึ้น และได้ประเมินวิเคราะห์สถานการณ์น้ำ ซึ่งมีพื้นที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ระหว่างวันที่ 15 -17 เมษายน 2568 ดังนี้ ภาคเหนือ จำนวน 8 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดแม่ฮ่องสอน (อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และอำเภอแม่สะเรียง) เชียงใหม่ (อำเภอเมืองเชียงใหม่ จอมทอง เชียงดาว ดอยสะเก็ด ดอยหล่อ พร้าว แม่แจ่ม แม่แตง แม่ริม แม่วาง แม่ออน สันกำแพง สันทราย และอำเภออมก๋อย) เชียงราย (อำเภอเวียงป่าเป้า) ลำพูน (อำเภอเมืองลำพูน บ้านธิ ป่าซาง และอำเภอแม่ทา) ลำปาง (อำเภอเมืองลำปาง งาว แจ้ห่ม เมืองปาน วังเหนือ สบปราบ เสริมงาม และอำเภอห้างฉัตร) พะเยา (อำเภอปง) แพร่ (อำเภอสอง) และจังหวัดตาก (อำเภอท่าสองยาง และอำเภออุ้มผาง) ภาคกลาง จำนวน 4 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดกาญจนบุรี (อำเภอเมืองกาญจนบุรี ไทรโยค ทองผาภูมิ บ่อพลอย ศรีสวัสดิ์ สังขละบุรี และอำเภอหนองปรือ) สระบุรี (อำเภอแก่งคอย) ตราด (อําเภอเขาสมิง และอำเภอบ่อไร่) และจังหวัดเพชรบุรี (อำเภอแก่งกระจาน) ภาคใต้ จำนวน 11 จังหวัด ได้แก่ จังหวัดสุราษฎร์ธานี (อำเภอชัยบุรี พนม บ้านตาขุน พระแสง และอำเภอเวียงสระ) นครศรีธรรมราช (อำเภอฉวาง ชะอวด ช้างกลาง ถ้ำพรรณรา ทุ่งสง ทุ่งใหญ่ และอำเภอนาบอน) พัทลุง (อำเภอเมืองพัทลุง ควนขนุน ป่าพะยอม และอำเภอป่าบอน) สงขลา (อำเภอนาทวี คลองหอยโข่ง ควนเนียง รัตภูมิ สะเดา และอำเภอสะบ้าย้อย) ยะลา (อำเภอเมืองยะลา กรงปินัง เบตง ธารโต บันนังสตา กาบัง ยะหา และอำเภอรามัน) นราธิวาส (อำเภอจะแนะ และอำเภอระแงะ) ระนอง (อำเภอกระบุรี) พังงา (อำเภอเมืองพังงา กะปง คุระบุรี ทับปุด และอำเภอท้ายเหมือง) กระบี่ (อำเภอเมืองกระบี่ เขาพนม คลองท่อม ปลายพระยา เหนือคลอง และอำเภออ่าวลึก) ตรัง (อำเภอกันตัง วังวิเศษ สีเกา และอำเภอหัวยอด) และจังหวังหวัดสตูล (อำเภอเมืองสตล ควนกาหลง ควนโดน ท่าแพ ทุ่งหว้า มะนัง และอำเภอละงู) กองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) จึงได้ประสานแจ้งจังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ รวมถึงศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตในพื้นที่เสี่ยงภัยให้เตรียมพร้อมรับมือกับปริมาณฝนที่ตกหนักซึ่งอาจทำให้เกิดอุทกภัย โดยกำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะพื้นที่ที่มีฝนตกหนักและพื้นที่ที่มีฝนตกติดต่อกันเป็นเวลานาน สำหรับสถานที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ โดยเฉพาะถ้ำน้ำตก ถ้ำลอด หากมีความเสี่ยงเกิดสถานการณ์ภัย ให้ประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด และจัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงภัยดังกล่าวตลอด 24 ชั่วโมง ในกรณีที่มีคลื่นลมแรง ให้แจ้งเตือนประชาชนบริเวณชายฝั่งทะเลและนักท่องเที่ยวห้ามลงเล่นน้ำโดยเด็ดขาด พร้อมให้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมเจ้าท่า กองทัพเรือ ตำรวจน้ำ แจ้งเตือนการเดินเรือ ให้ชาวเรือ ผู้บังคับเรือ ผู้ประกอบการเดินเรือโดยสาร เดินเรือด้วยความระมัดระวัง หากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรงขึ้น ให้พิจารณาห้ามเดินเรือออกจากฝั่งโดยเด็ดขาด นอกจากนี้ ให้เตรียมความพร้อมของเครื่องจักรกลสาธารณภัย รถปฏิบัติการ และเจ้าหน้าที่ชุดเผชิญสถานการณ์วิกฤต (ERT) ให้พร้อมเข้าเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันทีที่เกิดสถานการณ์ขึ้น และให้จังหวัดประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนติดตามข้อมูลสภาวะอากาศและข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และแจ้งเตือนประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยทราบล่วงหน้าเพื่อให้ประชาชนเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์โดยปฏิบัติตามคำแนะนำจากทางราชการอย่างเคร่งครัด ท้ายนี้ ขอให้ประชาชนที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศ ข้อมูลสถานการณ์ และข่าวสารจากทางราชการอย่างต่อเนื่อง และเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัยที่อาจเกิดขึ้นโดยปฏิบัติตามคำแนะนำของทางราชการอย่างเคร่งครัด โดยสามารถติดตามประกาศการแจ้งเตือนภัยที่แอปพลิเคชัน “THAI DISASTER ALERT” ซึ่งสามารถดาวน์โหลดได้ทั้งระบบ IOS และ Android และทางสื่อสังคมออนไลน์บัญชีทางการของกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย Facebook กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย DDPM และ X @DDPMNews ทั้งนี้ หากได้รับความเดือดร้อนจากสาธารณภัย ประชาชนสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป ได้เลยครับ นี่คือตัวอย่างสรุปข่าวในรูปแบบที่เหมาะสำหรับเผยแพร่ในเว็บไซต์หรือใช้ในสคริปต์ข่าวทีวี/ออนไลน์: ปภ. แจ้งเตือน 23 จังหวัดเสี่ยงน้ำท่วม-ดินถล่ม ช่วง 15-17 เม.ย. 68 เร่งเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ วันนี้ (15 เม.ย. 2568) เวลา 12.30 น. กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) แจ้งเตือน 23 จังหวัดในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ เฝ้าระวังสถานการณ์ น้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำท่วมขัง และดินถล่ม ในช่วงวันที่ 15 - 17 เมษายน 2568 พร้อมสั่งการให้พื้นที่เสี่ยงภัยติดตามสภาพอากาศอย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมเจ้าหน้าที่ เครื่องจักรกล อุปกรณ์ เพื่อสามารถให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันทีเมื่อเกิดเหตุ พื้นที่ที่ต้องเฝ้าระวัง ได้แก่ • ภาคเหนือ: แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน ลำปาง พะเยา แพร่ ตาก • ภาคกลาง: กาญจนบุรี สระบุรี ตราด เพชรบุรี • ภาคใต้: สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ยะลา นราธิวาส ระนอง พังงา กระบี่ ตรัง และสตูล นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดี ปภ. เปิดเผยว่า จากการติดตามสภาพอากาศร่วมกับสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พบว่า ความกดอากาศสูงจากจีนแผ่ลงมาปกคลุมภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ทำให้หลายพื้นที่ยังมีพายุฤดูร้อนและฝนตกหนักต่อเนื่อง จึงจำเป็นต้องเฝ้าระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะพื้นที่ท่องเที่ยวธรรมชาติ เช่น น้ำตก ถ้ำ และถ้ำลอด หากพบความเสี่ยงให้สั่งปิดทันที พร้อมกันนี้ ขอให้ประชาชนในพื้นที่เสี่ยงภัย ติดตามข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัย หากพบเหตุหรือได้รับความเดือดร้อน สามารถแจ้งขอความช่วยเหลือได้ที่ • ไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ 1784” (Line ID: @1784DDPM) • สายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง • หรือผ่านแอปพลิเคชัน THAI DISASTER ALERT
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 911 มุมมอง 0 รีวิว
  • หนึ่งในเครื่องมือที่นำมาใช้ในการช่วยค้นหาผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ในซากอาคาร สตง. ซึ่งถล่มมาจาก #แผ่นดินไหว ก็คือเครื่องมือค้นหาผู้ประสบภัยของบริษัทอิสราเอลอย่างที่เราทราบก็คือกระทรวงกลาโหมอิสราเอลส่งทหารและหน่วยกู้ภัยมายังประเทศไทยจำนวน 21 คนเพื่อสนับสนุนการกู้ภัย ซึ่งโดยปกติแล้วอิสราเอลมักจะสนับสนุนให้บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ต่าง ๆ ในประเทศที่มีจำนวนมากส่งเครื่องมือเข้ามาช่วยสนับสนุนด้วย เช่นในกรณีการช่วยเหลือทีมหมูป่าที่ถ้ำหลวง เป็นต้น ซึ่งอิสราเอลใช้เทคนิคนี้ในการทำประโยชน์สองด้านคือ การช่วยเหลือประเทศอื่นที่ประสบภาวะวิกฤตเพื่อกระชับความสัมพันธ์ และเป็นการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ของอิสราเอลให้เกิดการใช้งานจริงเป็นตัวอย่างเพื่อโอกาสทางธุรกิจในอนาคตในกรณีแผ่นดินไหวครั้งนี้ก็เช่นกัน โดยเครื่องมือที่บริษัทของอิสราเอลนำมาช่วยเหลือด้วยคือ Xaver 400 และ Xaver 100 ของบริษัท Camero Technology ซึ่งเครื่องมือในลักษณะนี้ไม่ได้ใช้ดาวเทียมหรือการ X-Ray เนื่องจากคลื่นของอุปกรณ์ทั้งสองอย่างนี้ไม่สามารถเจาะทะลุผนังหรือสิ่งกีดขวางได้ แต่ใช้เรดาร์ซึ่งเป็นการส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าไปใต้ดินหรือสิ่งกีดขวางต่าง ๆ และรับคลื่นที่สะท้อนกลับมาสร้างแผนภาพของสิ่งที่ค้นพบ ลักษณะคล้ายกับ Ground-Penetrating Radar นั่นเอง โดยเรดาร์แบบนี้สามารถเจาะทะลุคอนกรีต อิฐ ดิน หิน หรือกระจกต่าง ๆ ที่มีความหนามากได้ โดยในกรณีนี้อุปกรณ์ใช้คลื่นในย่าน 3 - 10 GHzที่จริงแล้วเครื่องมือนี้ออกแบบมาสำหรับการใช้งานทางทหาร เพื่อให้กำลังพลที่จะบุกเข้าอาคารหรือสิ่งกีดขวางสามารถทราบได้ว่ามีฝ่ายตรงข้ามซ่อนอยู่ด้านหลังอาคารกี่คน อยู่ในตำแแหน่งไหน รวมถึงสร้างภาพ Layout ด้านหลังแพงว่าเป็นแบบใด ซึ่งจะทำให้ทราบว่าฝ่ายเราจะต้องไปเจอกับอะไรก่อนที่จะบุกเข้าไป และทำให้ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะซ่อนตัวมิดชิดขนาดไหนฝ่ายเราก็จะทราบตำแหน่งและจำนวนได้อย่างแม่นยำดังนั้น คุณสมบัตินี้สามารถประยุกต์ใช้งานกับการกู้ภัยและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ดีกว่าอุปกรณ์ Life Locator ทั่วไป เพราะนอกจากจะสามารถตรวจจับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านหลังซากอาคารได้แล้ว ยังสามารถทำ Layout เส้นทางและช่องว่างต่าง ๆ ที่จะเข้าถึงตัวผู้ประสบภัยได้ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการวางแผนเพื่อเข้าถึงตัวผู้ประสบภัย โดยสามารถตรวจจับทะลุซากอาคารได้ลึกถึง 20 เมตร ถือเป็นอุปกรณ์ที่น่าสนใจที่อิสราเอลนำมาใช้ในการสนับสนุนการกู้ภัยในประเทศไทยครั้งนี้ https://www.facebook.com/share/p/1A9a8E4yaz/?mibextid=wwXIfr
    หนึ่งในเครื่องมือที่นำมาใช้ในการช่วยค้นหาผู้ประสบภัยที่ติดอยู่ในซากอาคาร สตง. ซึ่งถล่มมาจาก #แผ่นดินไหว ก็คือเครื่องมือค้นหาผู้ประสบภัยของบริษัทอิสราเอลอย่างที่เราทราบก็คือกระทรวงกลาโหมอิสราเอลส่งทหารและหน่วยกู้ภัยมายังประเทศไทยจำนวน 21 คนเพื่อสนับสนุนการกู้ภัย ซึ่งโดยปกติแล้วอิสราเอลมักจะสนับสนุนให้บริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์ต่าง ๆ ในประเทศที่มีจำนวนมากส่งเครื่องมือเข้ามาช่วยสนับสนุนด้วย เช่นในกรณีการช่วยเหลือทีมหมูป่าที่ถ้ำหลวง เป็นต้น ซึ่งอิสราเอลใช้เทคนิคนี้ในการทำประโยชน์สองด้านคือ การช่วยเหลือประเทศอื่นที่ประสบภาวะวิกฤตเพื่อกระชับความสัมพันธ์ และเป็นการประชาสัมพันธ์ผลิตภัณฑ์ของอิสราเอลให้เกิดการใช้งานจริงเป็นตัวอย่างเพื่อโอกาสทางธุรกิจในอนาคตในกรณีแผ่นดินไหวครั้งนี้ก็เช่นกัน โดยเครื่องมือที่บริษัทของอิสราเอลนำมาช่วยเหลือด้วยคือ Xaver 400 และ Xaver 100 ของบริษัท Camero Technology ซึ่งเครื่องมือในลักษณะนี้ไม่ได้ใช้ดาวเทียมหรือการ X-Ray เนื่องจากคลื่นของอุปกรณ์ทั้งสองอย่างนี้ไม่สามารถเจาะทะลุผนังหรือสิ่งกีดขวางได้ แต่ใช้เรดาร์ซึ่งเป็นการส่งคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าเข้าไปใต้ดินหรือสิ่งกีดขวางต่าง ๆ และรับคลื่นที่สะท้อนกลับมาสร้างแผนภาพของสิ่งที่ค้นพบ ลักษณะคล้ายกับ Ground-Penetrating Radar นั่นเอง โดยเรดาร์แบบนี้สามารถเจาะทะลุคอนกรีต อิฐ ดิน หิน หรือกระจกต่าง ๆ ที่มีความหนามากได้ โดยในกรณีนี้อุปกรณ์ใช้คลื่นในย่าน 3 - 10 GHzที่จริงแล้วเครื่องมือนี้ออกแบบมาสำหรับการใช้งานทางทหาร เพื่อให้กำลังพลที่จะบุกเข้าอาคารหรือสิ่งกีดขวางสามารถทราบได้ว่ามีฝ่ายตรงข้ามซ่อนอยู่ด้านหลังอาคารกี่คน อยู่ในตำแแหน่งไหน รวมถึงสร้างภาพ Layout ด้านหลังแพงว่าเป็นแบบใด ซึ่งจะทำให้ทราบว่าฝ่ายเราจะต้องไปเจอกับอะไรก่อนที่จะบุกเข้าไป และทำให้ไม่ว่าฝ่ายตรงข้ามจะซ่อนตัวมิดชิดขนาดไหนฝ่ายเราก็จะทราบตำแหน่งและจำนวนได้อย่างแม่นยำดังนั้น คุณสมบัตินี้สามารถประยุกต์ใช้งานกับการกู้ภัยและช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้ดีกว่าอุปกรณ์ Life Locator ทั่วไป เพราะนอกจากจะสามารถตรวจจับสิ่งมีชีวิตที่อยู่ด้านหลังซากอาคารได้แล้ว ยังสามารถทำ Layout เส้นทางและช่องว่างต่าง ๆ ที่จะเข้าถึงตัวผู้ประสบภัยได้ ซึ่งถือเป็นปัจจัยสำคัญในการวางแผนเพื่อเข้าถึงตัวผู้ประสบภัย โดยสามารถตรวจจับทะลุซากอาคารได้ลึกถึง 20 เมตร ถือเป็นอุปกรณ์ที่น่าสนใจที่อิสราเอลนำมาใช้ในการสนับสนุนการกู้ภัยในประเทศไทยครั้งนี้ https://www.facebook.com/share/p/1A9a8E4yaz/?mibextid=wwXIfr
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 271 มุมมอง 0 รีวิว
  • UFC ได้ลงนามข้อตกลงพันธมิตรระยะยาวกับ Meta เพื่อใช้เทคโนโลยีของ Meta ในการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แฟนมวย โดย UFC จะใช้ Threads เป็นโซเชียลมีเดียหลักแทน X ขณะที่ Meta Quest และ Meta AI อาจถูกนำมาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์อินเตอร์แอคทีฟมากขึ้น นอกจากนี้ Mark Zuckerberg และ Dana White มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน โดย White เข้าร่วมเป็นกรรมการของ Meta ตั้งแต่ปี 2025

    ✅ Meta Threads กลายเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลหลักของ UFC
    - UFC จะยุติการใช้ X (เดิมคือ Twitter) ในการประชาสัมพันธ์
    - Meta จะได้รับ ตำแหน่งแบรนด์พิเศษระหว่างการถ่ายทอดสด Fight Night และ PPV

    ✅ Mark Zuckerberg กับความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับ UFC
    - ปี 2022 Zuckerberg เริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้แบบผสม (MMA) และมักปรากฏตัวข้างสังเวียน
    - เขาเคยอยู่ในมุมของ Alexander Volkanovski ใน UFC 298

    ✅ Dana White ประธาน UFC เข้าร่วมเป็นกรรมการของ Meta
    - White ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารของ Meta ตั้งแต่ มกราคม 2025
    - บางคนตั้งข้อสังเกตว่า ความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่าง Zuckerberg และ White อาจเป็นเหตุผลที่ข้อตกลงนี้เกิดขึ้น

    ✅ อนาคตของความร่วมมือ UFC x Meta
    - UFC และ Meta ระบุว่าจะมี การประกาศเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการในอนาคต
    - อาจมีการนำ เทคโนโลยี VR และ AR มาสร้างประสบการณ์แฟนกีฬาที่ไม่เคยมีมาก่อน

    https://www.techspot.com/news/107392-multi-year-multimillion-dollar-deal-sees-meta-become.html
    UFC ได้ลงนามข้อตกลงพันธมิตรระยะยาวกับ Meta เพื่อใช้เทคโนโลยีของ Meta ในการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แฟนมวย โดย UFC จะใช้ Threads เป็นโซเชียลมีเดียหลักแทน X ขณะที่ Meta Quest และ Meta AI อาจถูกนำมาใช้เพื่อสร้างประสบการณ์อินเตอร์แอคทีฟมากขึ้น นอกจากนี้ Mark Zuckerberg และ Dana White มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกัน โดย White เข้าร่วมเป็นกรรมการของ Meta ตั้งแต่ปี 2025 ✅ Meta Threads กลายเป็นแพลตฟอร์มโซเชียลหลักของ UFC - UFC จะยุติการใช้ X (เดิมคือ Twitter) ในการประชาสัมพันธ์ - Meta จะได้รับ ตำแหน่งแบรนด์พิเศษระหว่างการถ่ายทอดสด Fight Night และ PPV ✅ Mark Zuckerberg กับความสัมพันธ์ที่แนบแน่นกับ UFC - ปี 2022 Zuckerberg เริ่มฝึกศิลปะการต่อสู้แบบผสม (MMA) และมักปรากฏตัวข้างสังเวียน - เขาเคยอยู่ในมุมของ Alexander Volkanovski ใน UFC 298 ✅ Dana White ประธาน UFC เข้าร่วมเป็นกรรมการของ Meta - White ได้เข้าร่วมเป็นหนึ่งในคณะกรรมการบริหารของ Meta ตั้งแต่ มกราคม 2025 - บางคนตั้งข้อสังเกตว่า ความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่าง Zuckerberg และ White อาจเป็นเหตุผลที่ข้อตกลงนี้เกิดขึ้น ✅ อนาคตของความร่วมมือ UFC x Meta - UFC และ Meta ระบุว่าจะมี การประกาศเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการในอนาคต - อาจมีการนำ เทคโนโลยี VR และ AR มาสร้างประสบการณ์แฟนกีฬาที่ไม่เคยมีมาก่อน https://www.techspot.com/news/107392-multi-year-multimillion-dollar-deal-sees-meta-become.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Multimillion-dollar deal sees Meta become the official tech partner of the UFC
    Speaking of Threads, Meta's answer to X will now be the official social media partner of the UFC – so don't expect to see X messages featured...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📌 ปภ. แนะข้อปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยกรณีเกิดแผ่นดินไหว
    วันนี้ (28 มี.ค.68 เวลา 14.25 น.) นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขอแนะนำวิธีการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้น โดยให้ประชาชนยึดหลัก “หมอบ – ป้อง – เกาะ” โดยการหมอบลงใต้โต๊ะหรือจุดที่มีโครงสร้างมั่นคงแข็งแรงให้พ้นจากแนวที่สิ่งของอาจหล่นใส่ และป้องกันของตกกระแทกด้วยการหมอบราบกับพื้นหรือก้มต่ำโดยแขนหรือมือกำบังศีรษะ รวมถึงเกาะโต๊ะหรือที่กำบังให้แน่น และเร่งอพยพออกจากอาคารสูงทันที และเมื่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวสิ้นสุด ขอให้ตรวจเช็กความปลอดภัยของคนรอบข้าง และอย่าเพิ่งรีบกลับเข้าไปในอาคารทันที ให้ตรวจสอบโครงสร้างอาคารและสภาพความมั่นคงปลอดภัยของสิ่งปลูกสร้างโดยรอบ หรือรอฟังคำสั่งจากทางราชการ เมื่อมั่นใจว่าปลอดภัยแล้วจึงค่อยเข้าไปในอาคารและตรวจสอบความเสียหายต่อไป
    โดยในกรณีแผ่นดินไหวในครั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ประสานให้จังหวัดที่มีรายงานรับรู้แรงสั่นสะเทือน ติดตามสถานการณ์และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เพื่อลดความตื่นตระหนก ประชาสัมพันธ์แนวทางการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยและการให้ความช่วยเหลือของทางราชการ ตลอดจนเร่งสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือประชาชนตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป
    ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และหากได้รับความเดือดร้อนจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป
    📌 ปภ. แนะข้อปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยกรณีเกิดแผ่นดินไหว วันนี้ (28 มี.ค.68 เวลา 14.25 น.) นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า จากกรณีเกิดแผ่นดินไหวรุนแรงเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมา กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยขอแนะนำวิธีการปฏิบัติตนอย่างปลอดภัยเมื่อเกิดเหตุแผ่นดินไหวขึ้น โดยให้ประชาชนยึดหลัก “หมอบ – ป้อง – เกาะ” โดยการหมอบลงใต้โต๊ะหรือจุดที่มีโครงสร้างมั่นคงแข็งแรงให้พ้นจากแนวที่สิ่งของอาจหล่นใส่ และป้องกันของตกกระแทกด้วยการหมอบราบกับพื้นหรือก้มต่ำโดยแขนหรือมือกำบังศีรษะ รวมถึงเกาะโต๊ะหรือที่กำบังให้แน่น และเร่งอพยพออกจากอาคารสูงทันที และเมื่อเหตุการณ์แผ่นดินไหวสิ้นสุด ขอให้ตรวจเช็กความปลอดภัยของคนรอบข้าง และอย่าเพิ่งรีบกลับเข้าไปในอาคารทันที ให้ตรวจสอบโครงสร้างอาคารและสภาพความมั่นคงปลอดภัยของสิ่งปลูกสร้างโดยรอบ หรือรอฟังคำสั่งจากทางราชการ เมื่อมั่นใจว่าปลอดภัยแล้วจึงค่อยเข้าไปในอาคารและตรวจสอบความเสียหายต่อไป โดยในกรณีแผ่นดินไหวในครั้งนี้ กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้ประสานให้จังหวัดที่มีรายงานรับรู้แรงสั่นสะเทือน ติดตามสถานการณ์และผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดและต่อเนื่อง ชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่เพื่อลดความตื่นตระหนก ประชาสัมพันธ์แนวทางการปฏิบัติตนให้ปลอดภัยและการให้ความช่วยเหลือของทางราชการ ตลอดจนเร่งสำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือประชาชนตามระเบียบและหลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้องต่อไป ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนติดตามสถานการณ์และข้อมูลข่าวสารจากทางราชการอย่างใกล้ชิด และหากได้รับความเดือดร้อนจากเหตุแผ่นดินไหวดังกล่าวสามารถแจ้งเหตุและขอความช่วยเหลือทางไลน์ “ปภ.รับแจ้งเหตุ1784” โดยเพิ่มเพื่อน Line ID @1784DDPM รวมถึงสายด่วนนิรภัย1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 382 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนได้เปิดตัว หน้าจอ e-paper สีขนาดใหญ่ 31.2 นิ้ว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในโลกที่มีการผลิตจำนวนมากสำหรับจอประเภทนี้ โดยบริษัท Guangzhou Aoyi Electronic Technology Co Ltd และ Shenzhen Jin Yatai Technology Co Ltd ได้ร่วมมือกันพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถลดข้อจำกัดเดิม เช่น อัตราการรีเฟรชต่ำและการตอบสนองที่ช้า นวัตกรรมใหม่นี้รองรับการเล่นวิดีโอที่ความเร็ว 18 เฟรมต่อวินาที และเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการประมวลผลภาพที่ละเอียดอ่อนกว่าเดิม

    การพัฒนาที่ล้ำหน้า:
    - หน้าจอใหม่นี้มาพร้อมกับการควบคุมการแสดงผลที่แยกส่วนในพื้นที่ (local display) และอัลกอริธึมประมวลผลภาพที่ปรับปรุงใหม่ ซึ่งช่วยลดการกระพริบของหน้าจอและเพิ่มความสดใสของสี.

    คุณสมบัติที่โดดเด่นของ e-paper:
    - หน้าจอ e-paper เป็นที่นิยมเพราะลดโอกาสเกิดอาการเมื่อยล้าสายตา อ่านได้ชัดเจนแม้ในแสงสว่างจัด และใช้พลังงานต่ำมากเมื่อเทียบกับหน้าจอปกติ.

    การใช้งานที่คาดหวัง:
    - หน้าจอนี้คาดว่าจะถูกนำไปใช้ในป้ายประชาสัมพันธ์ดิจิทัล, ป้ายรถเมล์, และหน้าจอข้อมูลสาธารณะ อีกทั้งยังมีโอกาสในการพัฒนาเพื่อใช้ในอุปกรณ์เชิงพาณิชย์อย่างหน้าจอ e-paper ขนาดใหญ่.

    ข้อจำกัดในปัจจุบัน:
    - แม้การพัฒนานี้จะเป็นก้าวสำคัญ แต่คุณภาพสีและความลึกของสีของหน้าจอยังไม่สามารถเทียบเท่ากับเทคโนโลยีอื่นอย่าง OLED หรือ IPS.

    https://www.tomshardware.com/monitors/mass-production-of-worlds-first-color-e-paper-display-over-30-inches-begins
    จีนได้เปิดตัว หน้าจอ e-paper สีขนาดใหญ่ 31.2 นิ้ว ซึ่งนับเป็นครั้งแรกในโลกที่มีการผลิตจำนวนมากสำหรับจอประเภทนี้ โดยบริษัท Guangzhou Aoyi Electronic Technology Co Ltd และ Shenzhen Jin Yatai Technology Co Ltd ได้ร่วมมือกันพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถลดข้อจำกัดเดิม เช่น อัตราการรีเฟรชต่ำและการตอบสนองที่ช้า นวัตกรรมใหม่นี้รองรับการเล่นวิดีโอที่ความเร็ว 18 เฟรมต่อวินาที และเพิ่มประสิทธิภาพด้วยการประมวลผลภาพที่ละเอียดอ่อนกว่าเดิม การพัฒนาที่ล้ำหน้า: - หน้าจอใหม่นี้มาพร้อมกับการควบคุมการแสดงผลที่แยกส่วนในพื้นที่ (local display) และอัลกอริธึมประมวลผลภาพที่ปรับปรุงใหม่ ซึ่งช่วยลดการกระพริบของหน้าจอและเพิ่มความสดใสของสี. คุณสมบัติที่โดดเด่นของ e-paper: - หน้าจอ e-paper เป็นที่นิยมเพราะลดโอกาสเกิดอาการเมื่อยล้าสายตา อ่านได้ชัดเจนแม้ในแสงสว่างจัด และใช้พลังงานต่ำมากเมื่อเทียบกับหน้าจอปกติ. การใช้งานที่คาดหวัง: - หน้าจอนี้คาดว่าจะถูกนำไปใช้ในป้ายประชาสัมพันธ์ดิจิทัล, ป้ายรถเมล์, และหน้าจอข้อมูลสาธารณะ อีกทั้งยังมีโอกาสในการพัฒนาเพื่อใช้ในอุปกรณ์เชิงพาณิชย์อย่างหน้าจอ e-paper ขนาดใหญ่. ข้อจำกัดในปัจจุบัน: - แม้การพัฒนานี้จะเป็นก้าวสำคัญ แต่คุณภาพสีและความลึกของสีของหน้าจอยังไม่สามารถเทียบเท่ากับเทคโนโลยีอื่นอย่าง OLED หรือ IPS. https://www.tomshardware.com/monitors/mass-production-of-worlds-first-color-e-paper-display-over-30-inches-begins
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Mass production of 'world's first' color e-paper display over 30-inches begins
    Chinese firm says products using the display will reach retail about two months later.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 295 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/
    ทีมประชาสัมพันธ์ของเซเลนสกีลุย เปิดเผยว่าเขาเดินทางมรยังพื้นที่ของภูมิภาคโดเนตสค์ ซึ่งอยู่ใกล้แนวหน้าในทิศทาง Pokrovsk เพื่อให้กำลังใจและมอบเหรียญรางวัลความหาญของทหารแนวหน้า

    ไม่ว่าเซเลนสกีจะมาสถานที่จริงหรือไม่ก็ตาม การปรากฏตัวของตามเมืองต่างๆแนวหน้าถือเป็นลางร้ายมาช้านาน เพราะเมืองเหล่านั้นจะได้รับการปลดปล่อยโดยกองทัพรัสเซียในไม่ช้านี้!!

    วิดีโอ1 - สังเกตว่ามีสัญลักษณ์ธงซึ่งบ่งบอกตัวตนของเซเลนสกีมาโดยตลอดปะปนอยู่ด้วย
    2/ ทีมประชาสัมพันธ์ของเซเลนสกีลุย เปิดเผยว่าเขาเดินทางมรยังพื้นที่ของภูมิภาคโดเนตสค์ ซึ่งอยู่ใกล้แนวหน้าในทิศทาง Pokrovsk เพื่อให้กำลังใจและมอบเหรียญรางวัลความหาญของทหารแนวหน้า ไม่ว่าเซเลนสกีจะมาสถานที่จริงหรือไม่ก็ตาม การปรากฏตัวของตามเมืองต่างๆแนวหน้าถือเป็นลางร้ายมาช้านาน เพราะเมืองเหล่านั้นจะได้รับการปลดปล่อยโดยกองทัพรัสเซียในไม่ช้านี้!! วิดีโอ1 - สังเกตว่ามีสัญลักษณ์ธงซึ่งบ่งบอกตัวตนของเซเลนสกีมาโดยตลอดปะปนอยู่ด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 388 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • 1/
    ทีมประชาสัมพันธ์ของเซเลนสกีลุย เปิดเผยว่าเขาเดินทางมรยังพื้นที่ของภูมิภาคโดเนตสค์ ซึ่งอยู่ใกล้แนวหน้าในทิศทาง Pokrovsk เพื่อให้กำลังใจและมอบเหรียญรางวัลความหาญของทหารแนวหน้า

    ไม่ว่าเซเลนสกีจะมาสถานที่จริงหรือไม่ก็ตาม การปรากฏตัวของตามเมืองต่างๆแนวหน้าถือเป็นลางร้ายมาช้านาน เพราะเมืองเหล่านั้นจะได้รับการปลดปล่อยโดยกองทัพรัสเซียในไม่ช้านี้!!

    วิดีโอ1 - สังเกตว่ามีสัญลักษณ์ธงซึ่งบ่งบอกตัวตนของเซเลนสกีมาโดยตลอดปะปนอยู่ด้วย
    1/ ทีมประชาสัมพันธ์ของเซเลนสกีลุย เปิดเผยว่าเขาเดินทางมรยังพื้นที่ของภูมิภาคโดเนตสค์ ซึ่งอยู่ใกล้แนวหน้าในทิศทาง Pokrovsk เพื่อให้กำลังใจและมอบเหรียญรางวัลความหาญของทหารแนวหน้า ไม่ว่าเซเลนสกีจะมาสถานที่จริงหรือไม่ก็ตาม การปรากฏตัวของตามเมืองต่างๆแนวหน้าถือเป็นลางร้ายมาช้านาน เพราะเมืองเหล่านั้นจะได้รับการปลดปล่อยโดยกองทัพรัสเซียในไม่ช้านี้!! วิดีโอ1 - สังเกตว่ามีสัญลักษณ์ธงซึ่งบ่งบอกตัวตนของเซเลนสกีมาโดยตลอดปะปนอยู่ด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 308 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผกก.ลั่นเอาเรื่อง กลุ่มสมาชิกเพจดังไลฟ์สด กดดันลูกน้องจนเครียด เส้นเลือดในสมองแตก ประชาสัมพันธ์เลี่ยงเส้นทาง เจ้าหน้าที่ นำตัว ในดาบส่งโรงพยาบาลตำรวจ

    วันนี้( 20 มี.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์เพจดังไลฟ์สด เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านตรวจจับความเร็ว บริเวณ เกาะกลาง ต.บ้านหม้อ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี โดยนายตำรวจที่ประจำจุดตั้งกล้องวัดความเร็ว คือ ด.ต.ศุภมิตร พวงประเสริฐ ผบ.หมู่งาน จราจร สภ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เกิดอาการวูบชักเกร็งถึง 12 ครั้ง ก่อนจะหมดสติ เพื่อนๆเจ้าหน้าที่ตำรวจในด่านดังกล่าว จึงได้เรียกรถพยาบาลบ เพื่อนำส่งรักษาตัว จากการตรวจของแพทย์พยาบาล เบื้องต้น พบมีอาการเส้นเลือดในสมองแตก เพราะเกิดจากความเครียด

    ต่อมา พ.ต.อ.สุเมธ โภชนา ผกก.สภ.พรหมบุรี ได้เข้าเยี่ยมอาการของ ด.ต.ศุภมิตร และสอบถามอาการจากภรรยาของ ด.ต.ศุภมิตร พบแขนขาอ่อนแรง มีอาการสมองบวมเนื่องจากเลือดออกในสมอง แต่หยุดแล้ว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000026627

    #MGROnline #เส้นเลือดในสมองแตก #โรงพยาบาลตำรวจ #เจ้าหน้าที่ตำรวจ #ด่านตรวจจับความเร็ว #สิงห์บุรี
    ผกก.ลั่นเอาเรื่อง กลุ่มสมาชิกเพจดังไลฟ์สด กดดันลูกน้องจนเครียด เส้นเลือดในสมองแตก ประชาสัมพันธ์เลี่ยงเส้นทาง เจ้าหน้าที่ นำตัว ในดาบส่งโรงพยาบาลตำรวจ • วันนี้( 20 มี.ค.)ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากเหตุการณ์เพจดังไลฟ์สด เจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านตรวจจับความเร็ว บริเวณ เกาะกลาง ต.บ้านหม้อ อ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี โดยนายตำรวจที่ประจำจุดตั้งกล้องวัดความเร็ว คือ ด.ต.ศุภมิตร พวงประเสริฐ ผบ.หมู่งาน จราจร สภ.พรหมบุรี จ.สิงห์บุรี เกิดอาการวูบชักเกร็งถึง 12 ครั้ง ก่อนจะหมดสติ เพื่อนๆเจ้าหน้าที่ตำรวจในด่านดังกล่าว จึงได้เรียกรถพยาบาลบ เพื่อนำส่งรักษาตัว จากการตรวจของแพทย์พยาบาล เบื้องต้น พบมีอาการเส้นเลือดในสมองแตก เพราะเกิดจากความเครียด • ต่อมา พ.ต.อ.สุเมธ โภชนา ผกก.สภ.พรหมบุรี ได้เข้าเยี่ยมอาการของ ด.ต.ศุภมิตร และสอบถามอาการจากภรรยาของ ด.ต.ศุภมิตร พบแขนขาอ่อนแรง มีอาการสมองบวมเนื่องจากเลือดออกในสมอง แต่หยุดแล้ว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9680000026627 • #MGROnline #เส้นเลือดในสมองแตก #โรงพยาบาลตำรวจ #เจ้าหน้าที่ตำรวจ #ด่านตรวจจับความเร็ว #สิงห์บุรี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 513 มุมมอง 0 รีวิว
  • 17/3/68

    #ข่าวประชาสัมพันธ์

    รพ.รามาฯ #ขอรับบริจาคเลือด
    #หลังไฟไหม้ทำคลังเลือดเสียหาย
    #กระทบการผ่าตัดคนไข้

    ความคืบหน้าเหตุพลิงไหม้ ภายในชั้น 2 อาคาร 1 ซึ่งเป็นอาคารหลัก โรงพยาบาลรามาธิบดี ถนนพระราม 6 เขตราชเทวี ซึ่งเป็นอาคาร 9 ชั้น โดยต้นเพลิง อยู่ใกล้กับห้องตรวจเลือดและตู้เก็บความเย็น ก่อนลุกลามไปยังโต๊ะทำงานและเอกสาร เจ้าหน้าที่ต้องตัดกระแสไฟฟ้า ใช้เวลาฉีดน้ำสกัด กว่า 20 นาที ก่อนจะควบคุมเพลิงไว้ได้

    ขณะนี้ยังคงมีกลิ่นควันไฟอยู่ภายโรงพยาบาล เจ้าหน้าเร่งกำจัดกลิ่นควันไม่ให้กระทบกับผู้ที่มาใช้บริการ เเละโดยเฉพาะคนไข้ที่เข้ารักษา โดยมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยซึ่งมีทั้งเด็กทารกเเรกเกิดและผู้สูงอายุ ไปอยู่ในอาคารที่ปลอดภัย ตั้งเเต่เมื่อคืนที่เกิดเหตุ มีแพทย์และพยาบาล ดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงการเคลื่อนย้ายเครื่องมือเเพทย์บางส่วน แม้จะควบคุมเพลิงได้แล้ว แต่อาคารนี้เป็นที่รวมของแผนกต่างๆ ในการให้บริการในโรงพยาบาล ทั้งคลังเลือด เอ็กซเรย์ ห้องคลอด และ 2 ห้องผ่าตัด จึงต้องปิดทำการชั่วคราว

    ด้าน พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) นำเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบ ภายในที่เกิดเหตุไฟไหม้ เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดของเพลิงไหม้ ขณะที่มีรายงานจากทาง ผู้กำกับการสถานีตำรวจพญาไท เปิดเผยว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากระบบไฟฟ้า เพราะดูจากกล้องวงจรปิด พบว่ามีการเกิดประกายไฟ จึงมุ่งไปที่ไฟฟ้าลัดวงจร

    ผลกระทบที่เกิดขึ้น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ปัจจุบันสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยของโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ โรงพยาบาลรามาธิบดีจะของดให้บริการภายในอาคารหลัก (อาคาร 1) ทั้งหมด งดให้บริการผู้ป่วยใหม่ที่ห้องฉุกเฉินสำหรับงานเวชระเบียนการบริจาคโลหิต จุดเจาะเลือด ขอให้ใช้บริการที่อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์แทน ส่วนอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์เบื้องต้นเปิดให้บริการตามปกติ โดยหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่วิศวกร จะเข้าการตรวจสอบโครงสร้างของอาคารเพื่อความปลอดภัย

    ขณะเดียวกัน เวลานี้ ทางโรงพยาบาลฯ นำโดย ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีเเพทยศาสตร์์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ,รศ.นพ.อมร วิจิตพาวรรณ ผู้ช่วยคณะบดีฝ่ายกายภาพเเละสิ่งอำนวยความสะดวก ,ผศ. นพ. ปริย พรรณเชษฐ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาล

    โดย ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้เมื่อช่วงค่ำ 19.20 น. ภายในอาคาร 1 ซึ่งเป็นอาคารหลัก ที่บริเวณชั้น 2 ของ อาคารนี้ สร้างมา 60 ปี ที่เกิดเหตุอาคารสำนักงานรังสีวิทยา แผนกเอ็กซเรย์ ใกล้คลังเลือดเเละคลังเเลปพยาธิวิทยา เเจ้งกลุ่มควันขึ้นไปชั้น 3-4 มีคนป่วยจำนวนมาก โดยพบว่ากลุ่มควันไฟได้กระจายหลายจุดไปทั่วอาคาร จึงได้เร่งอพยพเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่อยู่ใน อาคารประมาณ 500 เตียง ออกจากพื้นที่ ไปในพื้นที่ปลอดภัยก่อน โดยมีการย้ายผู้ป่วยในอาคารด้านทิศใต้ ไปในโซนทิศเหนือของโรงพยาบาล ทั้งคนไข้ที่อยู่ในไอซียู ผู้ป่วยทั่วไป โดยได้รับความร่วมมือจาก ทหาร ตำรวจ บุคคลากรเคลื่อนย้าย ใช้เวลาควบคุมเพลิง 1 ชั่วโมง คุมเพลิงได้ เเละนำคนไข้กลับมาฝั่งเหนือกลับมาทั้งหมด พร้อมประสานโรงพยาบาลใกล้เคียง โรงพยาบาลพระมงกุฏ และโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน เเต่มี 2 ตึกของโรงพยาบาล ที่ไม่ได้รับผลกระทบ จึงยังไม่จำเป็น โรงพยาบาลสามารถดูเเลคนไข้ทั้งหมด

    สำหรับผลกระทบ ห้องชั้น 2 ชั้น 3 ชั้น 4 พยาธิ เเละห้องรังสีวิทยา ห้องคลอด ห้องผ่าตัด ปิดการทำการไปก่อน เเละจำกัดคนไข้ที่จะเข้ารับการบริการ ไม่สามารถรับผู้ป่วยใหม่จนกว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติ จะรักษาคนไข้เดิม คนที่นัดไว้ อาจทำให้คนไข้ไม่ได้รับความสะดวกบ้าง

    ครั้งนี้โชคดี ผู้ป่วยทุกคนได้รับการปลอดภัย ไม่มีใครบาดเจ็บและกลับมารักษาตามเเผนเดิม มีเพียงเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ที่กลับเข้าไปช่วยผู้ตกค้าง ได้รับบาดเจ็บ จนสำลักควัน ออกซิเจนในร่างกายน้อยลง คาร์บอนมอนออกไซด์ เข้าไปในปอด เเต่ยืนยันว่าที่มเเพทย์ จะช่วยให้กลับมาปลอดภัยได้ ส่วนเรื่องของรังสีกัมมันตภาพรั่วไหล ยืนยันว่าไม่มีรังสีรั่วไหล เพราะไม่มีการเปิดสวิต์ไฟ และไม่ใช่ที่เก็บกัมมันตภาพรังสี

    ส่วนผลกระทบด้านคลังเลือด ในช่วงเพลิงไหม้มีความจำเป็นต้องดับไฟ เมื่อเลือดไม่เย็นจะเสียภายในไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งพบว่าเลือดเสียหายทั้งหมดรวม 100 ยูนิต ทำให้เลือดที่มีอยู่น้อยลงไป ต้องใช้เลือดในการผ่าตัดอย่างประหยัด ปกติจะใช้ 10-20 ยูนิตในการผ่าตัด คลังเลือดดังกล่าวเป็นคลังเลือดใหญ่ของโรงพยาบาล เเต่ยังมีคลังเลือดสำรองขนาดเล็กสำรองอยู่ จึงมีความจำเป็นต้องประชาสัมพันธ์ในการรับบริจาคเลือด สำหรับการผ่าตัดที่ต้องใช้เลือดปริมาณมาก เช่น การปลูกถ่ายตับ การผ่าตัดหัวใจ ยังสามารถเลื่อนออกไปก่อนได้

    สำหรับความเสียหายของอาคารที่เกิดเพลิงไหม้ พบว่าเป็นห้องที่ขนาด 50 ตาราเมตร ส่วนใหญ่ภายในเป็นอุปกรณ์สำนักงาน เเละ เอกสาร เเต่ที่มีความกังสลคือ อุปการณ์เเพทย์ที่มีความละเอียดอ่อน ในการตรวจวิเคราะห์กล้องจุลทรรศน์ที่อยู่ชั้น 3-4 ได้รับความเสียหายจากเขม่าควัน จากการการฉีดน้ำ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบเย่างละเอียด จึงยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้อย่างชัดเจน

    สำหรับการกลับมาให้บริการของโรงพยาบาล จะรีบดำเนินการให้กลับมาเปิดใช้บริการได้อย่างเร็วที่สุด เบื้องต้นต้องมีการตรวจสอบระบบไฟ ระบบเเอร์ คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์

    ด้าน พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) เปิดเผยในเบื้องต้นว่า โรงพยาบาลจัดการได้อย่างดีเยี่ยม วันนี้นำทีมฟิสิกส์เข้ามาหาสาเหตุ พบต้นเพลิง จุดที่มีการสปาร์คของไฟ บนฝ้าเพดาน ที่เป็นอาคารเก่า มีการรีโนเวทบ่อยครั้ง พบรอยสปาร์ค พบสายไฟหลอมละลาย จึงมุ่งไปที่ไฟฟ้าลัดวงจร จะนำสายไฟไปตรวจสอบหาสาเหตุที่เเท้จริง มั่นใจว่าไม่ใช่การวางเพลิง เพราะลักษณะการเกิดเพลิงไหม้มีความเเตกต่างกัน ยืนยันว่าไม่ใช่การด่วนสรุป เเละจะนำผลการตรวจสายไฟ รวมถึงจุดต้นเพลิง เทียบเคียงกับกล้องวงจรปิด ว่าเป็นจุดเดียวกันกับจุดที่พบสายไฟหลอมละลายหรือไม่

    ขณะที่ รศ.ศิริวัฒน์ ไชยชนะ นำทีมวิศกร จากวิศกรรมสถานเเห่งประเทศไทย ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุสภาพอาคาร เบื้องต้นจากการใช้วิธีการสำรวจโครงสร้าง ด้วยสายตา ทางกายภาพพบว่าอาคารยังคงปกติ เเต่อาจมีความสียหายบ้างในบ้างจุด โดยเฉพาะพื้นห้องอาคารชั้น 3 จากความร้อน ส่วนการตรวจสอบเชิงลึก จะนำอุปกรณ์ เพื่อออกมาเป็นค่าตัวเลข เเละทำการโหลดเทส หรือ การตรวจสอบการรับน้ำหนัก เพื่อสร้างความมั่นใจในการกลับใช้งาน

    #รับบริจาคเลือด
    #โรงพยาบาลรามาธิบดี #ไฟไหม้

    cr:ฝันดีฝันเด่น
    17/3/68 #ข่าวประชาสัมพันธ์ รพ.รามาฯ #ขอรับบริจาคเลือด #หลังไฟไหม้ทำคลังเลือดเสียหาย #กระทบการผ่าตัดคนไข้ ความคืบหน้าเหตุพลิงไหม้ ภายในชั้น 2 อาคาร 1 ซึ่งเป็นอาคารหลัก โรงพยาบาลรามาธิบดี ถนนพระราม 6 เขตราชเทวี ซึ่งเป็นอาคาร 9 ชั้น โดยต้นเพลิง อยู่ใกล้กับห้องตรวจเลือดและตู้เก็บความเย็น ก่อนลุกลามไปยังโต๊ะทำงานและเอกสาร เจ้าหน้าที่ต้องตัดกระแสไฟฟ้า ใช้เวลาฉีดน้ำสกัด กว่า 20 นาที ก่อนจะควบคุมเพลิงไว้ได้ ขณะนี้ยังคงมีกลิ่นควันไฟอยู่ภายโรงพยาบาล เจ้าหน้าเร่งกำจัดกลิ่นควันไม่ให้กระทบกับผู้ที่มาใช้บริการ เเละโดยเฉพาะคนไข้ที่เข้ารักษา โดยมีการเคลื่อนย้ายผู้ป่วยซึ่งมีทั้งเด็กทารกเเรกเกิดและผู้สูงอายุ ไปอยู่ในอาคารที่ปลอดภัย ตั้งเเต่เมื่อคืนที่เกิดเหตุ มีแพทย์และพยาบาล ดูแลอย่างใกล้ชิด รวมถึงการเคลื่อนย้ายเครื่องมือเเพทย์บางส่วน แม้จะควบคุมเพลิงได้แล้ว แต่อาคารนี้เป็นที่รวมของแผนกต่างๆ ในการให้บริการในโรงพยาบาล ทั้งคลังเลือด เอ็กซเรย์ ห้องคลอด และ 2 ห้องผ่าตัด จึงต้องปิดทำการชั่วคราว ด้าน พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) นำเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน เข้าตรวจสอบ ภายในที่เกิดเหตุไฟไหม้ เพื่อหาสาเหตุที่แน่ชัดของเพลิงไหม้ ขณะที่มีรายงานจากทาง ผู้กำกับการสถานีตำรวจพญาไท เปิดเผยว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากระบบไฟฟ้า เพราะดูจากกล้องวงจรปิด พบว่ามีการเกิดประกายไฟ จึงมุ่งไปที่ไฟฟ้าลัดวงจร ผลกระทบที่เกิดขึ้น คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ปัจจุบันสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ ยังไม่มีรายงานผู้ป่วยของโรงพยาบาลรามาธิบดี ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้ โรงพยาบาลรามาธิบดีจะของดให้บริการภายในอาคารหลัก (อาคาร 1) ทั้งหมด งดให้บริการผู้ป่วยใหม่ที่ห้องฉุกเฉินสำหรับงานเวชระเบียนการบริจาคโลหิต จุดเจาะเลือด ขอให้ใช้บริการที่อาคารสมเด็จพระเทพรัตน์แทน ส่วนอาคารสมเด็จพระเทพรัตน์เบื้องต้นเปิดให้บริการตามปกติ โดยหลังจากนี้ เจ้าหน้าที่วิศวกร จะเข้าการตรวจสอบโครงสร้างของอาคารเพื่อความปลอดภัย ขณะเดียวกัน เวลานี้ ทางโรงพยาบาลฯ นำโดย ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีเเพทยศาสตร์์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล ,รศ.นพ.อมร วิจิตพาวรรณ ผู้ช่วยคณะบดีฝ่ายกายภาพเเละสิ่งอำนวยความสะดวก ,ผศ. นพ. ปริย พรรณเชษฐ์ รองผู้อำนวยการโรงพยาบาลรามาธิบดี รักษาการผู้อำนวยการโรงพยาบาล โดย ศ.คลินิก นพ.อาทิตย์ อังกานนท์ คณบดีคณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี กล่าวว่า ได้รับแจ้งเหตุเพลิงไหม้เมื่อช่วงค่ำ 19.20 น. ภายในอาคาร 1 ซึ่งเป็นอาคารหลัก ที่บริเวณชั้น 2 ของ อาคารนี้ สร้างมา 60 ปี ที่เกิดเหตุอาคารสำนักงานรังสีวิทยา แผนกเอ็กซเรย์ ใกล้คลังเลือดเเละคลังเเลปพยาธิวิทยา เเจ้งกลุ่มควันขึ้นไปชั้น 3-4 มีคนป่วยจำนวนมาก โดยพบว่ากลุ่มควันไฟได้กระจายหลายจุดไปทั่วอาคาร จึงได้เร่งอพยพเคลื่อนย้ายผู้ป่วยที่อยู่ใน อาคารประมาณ 500 เตียง ออกจากพื้นที่ ไปในพื้นที่ปลอดภัยก่อน โดยมีการย้ายผู้ป่วยในอาคารด้านทิศใต้ ไปในโซนทิศเหนือของโรงพยาบาล ทั้งคนไข้ที่อยู่ในไอซียู ผู้ป่วยทั่วไป โดยได้รับความร่วมมือจาก ทหาร ตำรวจ บุคคลากรเคลื่อนย้าย ใช้เวลาควบคุมเพลิง 1 ชั่วโมง คุมเพลิงได้ เเละนำคนไข้กลับมาฝั่งเหนือกลับมาทั้งหมด พร้อมประสานโรงพยาบาลใกล้เคียง โรงพยาบาลพระมงกุฏ และโรงพยาบาลเวชศาสตร์เขตร้อน เเต่มี 2 ตึกของโรงพยาบาล ที่ไม่ได้รับผลกระทบ จึงยังไม่จำเป็น โรงพยาบาลสามารถดูเเลคนไข้ทั้งหมด สำหรับผลกระทบ ห้องชั้น 2 ชั้น 3 ชั้น 4 พยาธิ เเละห้องรังสีวิทยา ห้องคลอด ห้องผ่าตัด ปิดการทำการไปก่อน เเละจำกัดคนไข้ที่จะเข้ารับการบริการ ไม่สามารถรับผู้ป่วยใหม่จนกว่าจะเข้าสู่สภาวะปกติ จะรักษาคนไข้เดิม คนที่นัดไว้ อาจทำให้คนไข้ไม่ได้รับความสะดวกบ้าง ครั้งนี้โชคดี ผู้ป่วยทุกคนได้รับการปลอดภัย ไม่มีใครบาดเจ็บและกลับมารักษาตามเเผนเดิม มีเพียงเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล ที่กลับเข้าไปช่วยผู้ตกค้าง ได้รับบาดเจ็บ จนสำลักควัน ออกซิเจนในร่างกายน้อยลง คาร์บอนมอนออกไซด์ เข้าไปในปอด เเต่ยืนยันว่าที่มเเพทย์ จะช่วยให้กลับมาปลอดภัยได้ ส่วนเรื่องของรังสีกัมมันตภาพรั่วไหล ยืนยันว่าไม่มีรังสีรั่วไหล เพราะไม่มีการเปิดสวิต์ไฟ และไม่ใช่ที่เก็บกัมมันตภาพรังสี ส่วนผลกระทบด้านคลังเลือด ในช่วงเพลิงไหม้มีความจำเป็นต้องดับไฟ เมื่อเลือดไม่เย็นจะเสียภายในไม่กี่ชั่วโมง ซึ่งพบว่าเลือดเสียหายทั้งหมดรวม 100 ยูนิต ทำให้เลือดที่มีอยู่น้อยลงไป ต้องใช้เลือดในการผ่าตัดอย่างประหยัด ปกติจะใช้ 10-20 ยูนิตในการผ่าตัด คลังเลือดดังกล่าวเป็นคลังเลือดใหญ่ของโรงพยาบาล เเต่ยังมีคลังเลือดสำรองขนาดเล็กสำรองอยู่ จึงมีความจำเป็นต้องประชาสัมพันธ์ในการรับบริจาคเลือด สำหรับการผ่าตัดที่ต้องใช้เลือดปริมาณมาก เช่น การปลูกถ่ายตับ การผ่าตัดหัวใจ ยังสามารถเลื่อนออกไปก่อนได้ สำหรับความเสียหายของอาคารที่เกิดเพลิงไหม้ พบว่าเป็นห้องที่ขนาด 50 ตาราเมตร ส่วนใหญ่ภายในเป็นอุปกรณ์สำนักงาน เเละ เอกสาร เเต่ที่มีความกังสลคือ อุปการณ์เเพทย์ที่มีความละเอียดอ่อน ในการตรวจวิเคราะห์กล้องจุลทรรศน์ที่อยู่ชั้น 3-4 ได้รับความเสียหายจากเขม่าควัน จากการการฉีดน้ำ จึงจำเป็นที่จะต้องมีการตรวจสอบเย่างละเอียด จึงยังไม่สามารถประเมินมูลค่าความเสียหายได้อย่างชัดเจน สำหรับการกลับมาให้บริการของโรงพยาบาล จะรีบดำเนินการให้กลับมาเปิดใช้บริการได้อย่างเร็วที่สุด เบื้องต้นต้องมีการตรวจสอบระบบไฟ ระบบเเอร์ คาดว่าใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์ ด้าน พล.ต.ต.วาที อัศวุตมางกุร ผู้บังคับการกองพิสูจน์หลักฐานกลาง (ผบก.พฐก.) เปิดเผยในเบื้องต้นว่า โรงพยาบาลจัดการได้อย่างดีเยี่ยม วันนี้นำทีมฟิสิกส์เข้ามาหาสาเหตุ พบต้นเพลิง จุดที่มีการสปาร์คของไฟ บนฝ้าเพดาน ที่เป็นอาคารเก่า มีการรีโนเวทบ่อยครั้ง พบรอยสปาร์ค พบสายไฟหลอมละลาย จึงมุ่งไปที่ไฟฟ้าลัดวงจร จะนำสายไฟไปตรวจสอบหาสาเหตุที่เเท้จริง มั่นใจว่าไม่ใช่การวางเพลิง เพราะลักษณะการเกิดเพลิงไหม้มีความเเตกต่างกัน ยืนยันว่าไม่ใช่การด่วนสรุป เเละจะนำผลการตรวจสายไฟ รวมถึงจุดต้นเพลิง เทียบเคียงกับกล้องวงจรปิด ว่าเป็นจุดเดียวกันกับจุดที่พบสายไฟหลอมละลายหรือไม่ ขณะที่ รศ.ศิริวัฒน์ ไชยชนะ นำทีมวิศกร จากวิศกรรมสถานเเห่งประเทศไทย ร่วมตรวจสอบที่เกิดเหตุสภาพอาคาร เบื้องต้นจากการใช้วิธีการสำรวจโครงสร้าง ด้วยสายตา ทางกายภาพพบว่าอาคารยังคงปกติ เเต่อาจมีความสียหายบ้างในบ้างจุด โดยเฉพาะพื้นห้องอาคารชั้น 3 จากความร้อน ส่วนการตรวจสอบเชิงลึก จะนำอุปกรณ์ เพื่อออกมาเป็นค่าตัวเลข เเละทำการโหลดเทส หรือ การตรวจสอบการรับน้ำหนัก เพื่อสร้างความมั่นใจในการกลับใช้งาน #รับบริจาคเลือด #โรงพยาบาลรามาธิบดี #ไฟไหม้ cr:ฝันดีฝันเด่น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1017 มุมมอง 0 รีวิว
  • 20 ปี สิ้น “สาวสองพันปี” เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ ✨ เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น 🟣 ผู้นำเทรนด์ม่วงหัวจรดเท้า สาวเปรี้ยวแห่งยุค

    ย้อนตำนานเจ้าแม่ตัดริบบิ้น เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ หญิงสาวผู้เปลี่ยนทุกเวที ให้กลายเป็นรันเวย์แฟชั่นสีม่วง ตลอด 69 ปีเต็มของชีวิต ตัวแทนความเปรี้ยว และกล้าฉีกกฎยุคสมัยอย่างแท้จริง

    เสน่ห์ที่ไม่มีวันลบเลือน วงสังคมไฮโซไทย 🌟 ถ้าจะกล่าวถึงผู้หญิง ที่ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองจางหาย จากความสนใจของผู้คน ชื่อของ “เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่” หรือที่เรียกขานกันว่า "เจ้าป้า" ต้องโผล่มาในใจคนรุ่นเก่าและใหม่เสมอ 🟣 เจ้าป้าคือ "สาวสองพันปี" ตำนานแฟชั่นม่วง ที่กลายเป็นไอคอนของความเปรี้ยว ความมั่นใจ และความโดดเด่นเหนือใคร ✨

    ตลอด 69 ปีของชีวิต เจ้ากอแก้วได้สร้างตำนานในหลายบท ทั้งในฐานะลูกหลานเจ้านายฝ่ายเหนือแห่งเชียงใหม่ 🏯 นักเรียนที่มีการศึกษาระดับสากล 📚 ผู้นำแฟชั่นที่ไม่กลัวคำครหา 👜 และ "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ ที่ไม่เคยปล่อยให้เวทีไหนเงียบเหงา ❤️

    👑 เชื้อสายเจ้านายฝ่ายเหนือ อดีตผู้ครองนครเชียงใหม่ เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2478 ในตระกูล "ณ เชียงใหม่" อันทรงเกียรติ เป็นธิดาคนสุดท้องของเจ้ากาวิละวงศ์ กับเจ้าศิริประกาย ณ เชียงใหม่ 🌸 เป็นหลานสาวของเจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ครองนครเชียงใหม่องค์สุดท้าย

    ชื่อที่มีความหมาย และเรื่องราวที่น่าจดจำ เมื่อแรกเกิด ได้รับพระราชทานชื่อ "ประกายกาวิล" จากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐกาลที่ 7 ต่อมาเมื่อหม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา ขอเป็นแม่อุปถัมภ์ ได้ไปที่เชียงใหม่ และไปเฝ้าเจ้าตาขอให้ตั้งชื่อหลานสาวว่า “กอบแก้ว” แต่ตัว บ.ใบไม้หายไป จึงกลายเป็น “กอแก้ว” 🎉

    ✈️ เจ้ากอแก้วได้รับการศึกษาระดับประถมศึกษา ที่โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นย้ายไปเรียนที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย กรุงเทพฯ ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อ ที่ประเทศอังกฤษ 🇬🇧 และฝรั่งเศส 🇫🇷

    - Raven's Croft ในอีสต์บอร์น
    - Southampton Technical College
    - เรียนพิมพ์ดีดและเลขานุการที่ Pitman College กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ
    - ฝึกมารยาทและการเข้าสังคมที่ Lucy Clayton
    - เรียนภาษาและมารยาททางสังคมที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส🇫🇷

    ภายหลัง เจ้ากอแก้วสามารถใช้ภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศสได้อย่างคล่องแคล่ว ✍️

    เจ้ากอแก้ว เจ้าแม่แฟชั่นแห่งยุคที่ไม่เคยตกเทรนด์ 💄👠 สีม่วง เอกลักษณ์ที่กลายเป็นตำนาน ไม่ว่าจะผ่านมากี่ทศวรรษ สีม่วงก็ยังเป็นสีประจำตัวของเจ้าป้าคนนี้ 🔮 เจ้าป้าย้อมผมเป็นสีม่วงเข้ม ฟูฟ่องตั้งแต่รากจรดปลาย และเลือกเครื่องแต่งกายทุกชิ้น ตั้งแต่หมวก 🧢 เสื้อผ้า 👗 กระเป๋า 👜 รองเท้า 👠 ไปจนถึงต่างหู 💎 ให้เป็นสีม่วงตั้งแต่หัวจรดเท้า

    เจ้าป้าเคยกล่าวขำๆ ว่า... “ทีแรกเลย ป้าต้องการสีเปลือกมังคุด แต่ไม่รู้ว่าช่างเขาผสมยังไง ผสมไปผสมมามันก็กลายเป็นสีนี้ไปได้ พอออกมาอย่างนี้เราก็เออ สวยดีแฮะ ก็เลยเอาสีนี้ก็สีนี้แหละชอบ” 😄

    ตำนานการตัดริบบิ้นที่ไม่มีใครเทียบ เจ้าป้าได้รับฉายา "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ เพราะการปรากฏตัวที่งานเปิดตัวต่างๆ มักนำมาซึ่งโชคลาภ และความสำเร็จแก่เจ้าของกิจการ 🏢 เคยสร้างสถิติตัดริบบิ้น 8 งานในวันเดียว! เจ้าป้ามีเทคนิคเฉพาะในการ "จรดกรรไกร" ให้นักข่าวถ่ายภาพได้มุมเป๊ะทุกครั้ง 📸

    ความเปรี้ยวที่เหนือกาลเวลา 🕶 เจ้ากอแก้วเริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่อายุ 14 ปี 🚬 ใส่เสื้อเกาะอกตั้งแต่อายุ 20 ปี 👗 และชอบดื่มไวน์ 🍷 พร้อมแต่งหน้าเข้ม ตั้งแต่ยุคที่ผู้หญิงไทยยังนิยมเรียบร้อย เจ้าป้าไม่เคยกลัวคำวิจารณ์ แต่กลับเห็นว่าเป็นสีสันของชีวิต 🖌️

    ถ้อยคำอมตะของสาวสองพันปี "คนมอง ก็อยากมองเอง ช่วยอะไรไม่ได้ เราบังคับเขาไม่ได้ แม้ว่าเขาจะเห็นเราตลก เอาเราไปล้อเลียนก็เถอะ แต่เราถือว่าเขาให้เกียรติเรา" 🌟

    ❤️ เจ้ากอแก้วสมรสครั้งแรกกับ พลตำรวจโท ทิพย์ อัศวรักษ์ มีบุตรชาย 1 คน คือ ทินกร อัศวรักษ์ หรือกุ๊กกี้ ต่อมาหย่าขาดกัน และใช้ชีวิตคู่กับเรืออากาศเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช อีก 6 ปี ก่อนลงเอยกับเอดิลเบอร์โต้ โรเมโร ชาวฟิลิปปินส์ แม้ไม่มีบุตรร่วมกัน แต่ก็มีช่วงเวลาคู่ชีวิตที่มีค่า 💞

    ผลงานและหน้าที่การงานที่น่าประทับใจ 💼
    - บริษัท CTO. Lines
    - เลขานุการและมัคคุเทศก์ บริษัทซีต้า แทรเวล
    - ประชาสัมพันธ์โรงแรมชวลิต หรือแอมบาสซาเดอร์ในปัจจุบัน
    - ประชาสัมพันธ์ ศูนย์บริหารร่างกายโจแอนดรูว์
    - ที่ปรึกษาการตลาด บริษัทเดอะมอลล์กรุ๊ป

    💐 เจ้ากอแก้วประกายกาวิลเสียชีวิต เมื่อช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 เวลา 10.30 น. ด้วยวัย 69 ปี สิ้นสุดตำนาน "สาวสองพันปี" ณ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานหีบทองทึบ และรับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ที่วัดธาตุทอง ✨ พิธีพระราชทานเพลิงศพ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2548

    ตำนานที่ยังคงอยู่ในใจผู้คน 🕊️ 20 ปีผ่านไป ชื่อของเจ้ากอแก้วประกายกาวิล ยังไม่จางหาย เจ้าป้าคือแรงบันดาลใจ ให้คนรุ่นใหม่ที่กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก และกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง 💜

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131110 มี.ค. 2568

    #เจ้ากอแก้วประกายกาวิล #สาวสองพันปี #เจ้าแม่ตัดริบบิ้น #แฟชั่นสีม่วง #ไฮโซเชียงใหม่ #ตำนานสังคมไทย #สาวเปรี้ยวแห่งยุค #กอแก้วประกายกาวิล #ChiangMaiLegend #PurpleIcon
    20 ปี สิ้น “สาวสองพันปี” เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ ✨ เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น 🟣 ผู้นำเทรนด์ม่วงหัวจรดเท้า สาวเปรี้ยวแห่งยุค ย้อนตำนานเจ้าแม่ตัดริบบิ้น เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ หญิงสาวผู้เปลี่ยนทุกเวที ให้กลายเป็นรันเวย์แฟชั่นสีม่วง ตลอด 69 ปีเต็มของชีวิต ตัวแทนความเปรี้ยว และกล้าฉีกกฎยุคสมัยอย่างแท้จริง เสน่ห์ที่ไม่มีวันลบเลือน วงสังคมไฮโซไทย 🌟 ถ้าจะกล่าวถึงผู้หญิง ที่ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองจางหาย จากความสนใจของผู้คน ชื่อของ “เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่” หรือที่เรียกขานกันว่า "เจ้าป้า" ต้องโผล่มาในใจคนรุ่นเก่าและใหม่เสมอ 🟣 เจ้าป้าคือ "สาวสองพันปี" ตำนานแฟชั่นม่วง ที่กลายเป็นไอคอนของความเปรี้ยว ความมั่นใจ และความโดดเด่นเหนือใคร ✨ ตลอด 69 ปีของชีวิต เจ้ากอแก้วได้สร้างตำนานในหลายบท ทั้งในฐานะลูกหลานเจ้านายฝ่ายเหนือแห่งเชียงใหม่ 🏯 นักเรียนที่มีการศึกษาระดับสากล 📚 ผู้นำแฟชั่นที่ไม่กลัวคำครหา 👜 และ "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ ที่ไม่เคยปล่อยให้เวทีไหนเงียบเหงา ❤️ 👑 เชื้อสายเจ้านายฝ่ายเหนือ อดีตผู้ครองนครเชียงใหม่ เจ้ากอแก้วประกายกาวิล ณ เชียงใหม่ เกิดเมื่อวันที่ 16 พฤษภาคม พ.ศ. 2478 ในตระกูล "ณ เชียงใหม่" อันทรงเกียรติ เป็นธิดาคนสุดท้องของเจ้ากาวิละวงศ์ กับเจ้าศิริประกาย ณ เชียงใหม่ 🌸 เป็นหลานสาวของเจ้าแก้วนวรัฐ ผู้ครองนครเชียงใหม่องค์สุดท้าย ชื่อที่มีความหมาย และเรื่องราวที่น่าจดจำ เมื่อแรกเกิด ได้รับพระราชทานชื่อ "ประกายกาวิล" จากพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัฐกาลที่ 7 ต่อมาเมื่อหม่อมกอบแก้ว อาภากร ณ อยุธยา ขอเป็นแม่อุปถัมภ์ ได้ไปที่เชียงใหม่ และไปเฝ้าเจ้าตาขอให้ตั้งชื่อหลานสาวว่า “กอบแก้ว” แต่ตัว บ.ใบไม้หายไป จึงกลายเป็น “กอแก้ว” 🎉 ✈️ เจ้ากอแก้วได้รับการศึกษาระดับประถมศึกษา ที่โรงเรียนเรยีนาเชลีวิทยาลัย จังหวัดเชียงใหม่ จากนั้นย้ายไปเรียนที่โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย กรุงเทพฯ ก่อนจะเดินทางไปศึกษาต่อ ที่ประเทศอังกฤษ 🇬🇧 และฝรั่งเศส 🇫🇷 - Raven's Croft ในอีสต์บอร์น - Southampton Technical College - เรียนพิมพ์ดีดและเลขานุการที่ Pitman College กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ - ฝึกมารยาทและการเข้าสังคมที่ Lucy Clayton - เรียนภาษาและมารยาททางสังคมที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส🇫🇷 ภายหลัง เจ้ากอแก้วสามารถใช้ภาษาอังกฤษ และฝรั่งเศสได้อย่างคล่องแคล่ว ✍️ เจ้ากอแก้ว เจ้าแม่แฟชั่นแห่งยุคที่ไม่เคยตกเทรนด์ 💄👠 สีม่วง เอกลักษณ์ที่กลายเป็นตำนาน ไม่ว่าจะผ่านมากี่ทศวรรษ สีม่วงก็ยังเป็นสีประจำตัวของเจ้าป้าคนนี้ 🔮 เจ้าป้าย้อมผมเป็นสีม่วงเข้ม ฟูฟ่องตั้งแต่รากจรดปลาย และเลือกเครื่องแต่งกายทุกชิ้น ตั้งแต่หมวก 🧢 เสื้อผ้า 👗 กระเป๋า 👜 รองเท้า 👠 ไปจนถึงต่างหู 💎 ให้เป็นสีม่วงตั้งแต่หัวจรดเท้า เจ้าป้าเคยกล่าวขำๆ ว่า... “ทีแรกเลย ป้าต้องการสีเปลือกมังคุด แต่ไม่รู้ว่าช่างเขาผสมยังไง ผสมไปผสมมามันก็กลายเป็นสีนี้ไปได้ พอออกมาอย่างนี้เราก็เออ สวยดีแฮะ ก็เลยเอาสีนี้ก็สีนี้แหละชอบ” 😄 ตำนานการตัดริบบิ้นที่ไม่มีใครเทียบ เจ้าป้าได้รับฉายา "เจ้าแม่แห่งการตัดริบบิ้น" ✂️ เพราะการปรากฏตัวที่งานเปิดตัวต่างๆ มักนำมาซึ่งโชคลาภ และความสำเร็จแก่เจ้าของกิจการ 🏢 เคยสร้างสถิติตัดริบบิ้น 8 งานในวันเดียว! เจ้าป้ามีเทคนิคเฉพาะในการ "จรดกรรไกร" ให้นักข่าวถ่ายภาพได้มุมเป๊ะทุกครั้ง 📸 ความเปรี้ยวที่เหนือกาลเวลา 🕶 เจ้ากอแก้วเริ่มสูบบุหรี่ตั้งแต่อายุ 14 ปี 🚬 ใส่เสื้อเกาะอกตั้งแต่อายุ 20 ปี 👗 และชอบดื่มไวน์ 🍷 พร้อมแต่งหน้าเข้ม ตั้งแต่ยุคที่ผู้หญิงไทยยังนิยมเรียบร้อย เจ้าป้าไม่เคยกลัวคำวิจารณ์ แต่กลับเห็นว่าเป็นสีสันของชีวิต 🖌️ ถ้อยคำอมตะของสาวสองพันปี "คนมอง ก็อยากมองเอง ช่วยอะไรไม่ได้ เราบังคับเขาไม่ได้ แม้ว่าเขาจะเห็นเราตลก เอาเราไปล้อเลียนก็เถอะ แต่เราถือว่าเขาให้เกียรติเรา" 🌟 ❤️ เจ้ากอแก้วสมรสครั้งแรกกับ พลตำรวจโท ทิพย์ อัศวรักษ์ มีบุตรชาย 1 คน คือ ทินกร อัศวรักษ์ หรือกุ๊กกี้ ต่อมาหย่าขาดกัน และใช้ชีวิตคู่กับเรืออากาศเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรานนท์ธวัช อีก 6 ปี ก่อนลงเอยกับเอดิลเบอร์โต้ โรเมโร ชาวฟิลิปปินส์ แม้ไม่มีบุตรร่วมกัน แต่ก็มีช่วงเวลาคู่ชีวิตที่มีค่า 💞 ผลงานและหน้าที่การงานที่น่าประทับใจ 💼 - บริษัท CTO. Lines - เลขานุการและมัคคุเทศก์ บริษัทซีต้า แทรเวล - ประชาสัมพันธ์โรงแรมชวลิต หรือแอมบาสซาเดอร์ในปัจจุบัน - ประชาสัมพันธ์ ศูนย์บริหารร่างกายโจแอนดรูว์ - ที่ปรึกษาการตลาด บริษัทเดอะมอลล์กรุ๊ป 💐 เจ้ากอแก้วประกายกาวิลเสียชีวิต เมื่อช่วงสายวันอาทิตย์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2548 เวลา 10.30 น. ด้วยวัย 69 ปี สิ้นสุดตำนาน "สาวสองพันปี" ณ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานหีบทองทึบ และรับพระราชทานน้ำหลวงอาบศพ ที่วัดธาตุทอง ✨ พิธีพระราชทานเพลิงศพ จัดขึ้นเมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2548 ตำนานที่ยังคงอยู่ในใจผู้คน 🕊️ 20 ปีผ่านไป ชื่อของเจ้ากอแก้วประกายกาวิล ยังไม่จางหาย เจ้าป้าคือแรงบันดาลใจ ให้คนรุ่นใหม่ที่กล้าคิด กล้าทำ กล้าแสดงออก และกล้าที่จะเป็นตัวของตัวเอง 💜 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 131110 มี.ค. 2568 #เจ้ากอแก้วประกายกาวิล #สาวสองพันปี #เจ้าแม่ตัดริบบิ้น #แฟชั่นสีม่วง #ไฮโซเชียงใหม่ #ตำนานสังคมไทย #สาวเปรี้ยวแห่งยุค #กอแก้วประกายกาวิล #ChiangMaiLegend #PurpleIcon
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1351 มุมมอง 0 รีวิว
  • บขส.ทำรถทัวร์ฟีดเดอร์ จากสนามบินปลายทางสู่ทะเล

    เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการสำหรับรถโดยสารเชื่อมต่อ (Feeder) ของบริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. เส้นทางจากท่าอากาศยานเชื่อมต่อไปยังจังหวัดต่างๆ นำร่อง 3 เส้นทาง ได้แก่ สาย 9905 ท่าอากาศยานดอนเมือง‐พัทยา ระยะทาง 162 กิโลเมตร, สาย 978 ท่าอากาศยานดอนเมือง‐หัวหิน ระยะทาง 216 กิโลเมตร และสาย 389 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-พัทยา ระยะทาง 127 กิโลเมตร เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารทั้งสองสนามบิน เดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวในเมืองหลัก เมืองรอง และเมืองน่าเที่ยวภายในประเทศ โดยเปิดเที่ยวรถปฐมฤกษ์ไปเมื่อวันที่ 8 มี.ค.2567 ที่ผ่านมา

    จากการสังเกตพบว่าเส้นทางที่ขายดีที่สุด ได้แก่ เส้นทางท่าอากาศยานดอนเมือง‐พัทยา เที่ยวปฐมฤกษ์มีผู้โดยสารค่อนข้างหนาแน่น ส่วนเส้นทางท่าอากาศยานดอนเมือง‐หัวหิน เที่ยวปฐมฤกษ์ เวลา 15.00 น. มีผู้โดยสาร 4 คน ถึงจุดจอดวัดหัวหิน 18.35 น. ส่วนเที่ยวปฐมฤกษ์จากต้นทางสถานีเดินรถหัวหิน รถออกเวลา 09.00 น. ถึงปลายทางท่าอากาศยานดอนเมือง เวลาประมาณ 12.50 น. ซึ่งการเดินรถขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร เนื่องจากใช้ทางด่วนโทลล์เวย์ ทางด่วนเฉลิมมหานคร ต่อเนื่องถนนพระรามที่ 2 ที่กำลังก่อสร้างทางยกระดับตั้งแต่ทางลงดาวคะนองถึงทางแยกต่างระดับบ้านแพ้ว และถนนเพชรเกษม

    ส่วนเส้นทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-พัทยา ปัจจุบันมีผู้ประกอบการเดินรถเอกชน อย่างบริษัท รถรุ่งเรือง จำกัด ให้บริการสาย 389 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-เมืองพัทยา ปลายทางสถานีขนส่งเทพประสิทธิ์ (หาดจอมเทียน) และสาย 789 หัวหิน-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-พัทยา (รถหมวด 3) ปลายทางสถานีขนส่งพัทยาเหนือ ซึ่งพบว่าเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วของ บขส. ที่อาคารผู้โดยสาร ชั้น 1 ประตู 8 เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วอยู่ติดกันเสียอีก แต่ปลายทางพัทยา บขส. ได้ก่อสร้างสถานีเดินรถพัทยา บริเวณถนนสุขุมวิท ขาออก ระหว่างแยกพัทยาเหนือกับพัทยากลาง ตรงข้ามศูนย์คณะพระมหาไถ่ รองรับผู้โดยสารไว้แล้ว

    การเชื่อมต่อการเดินทางแบบไร้รอยต่อระหว่างสนามบินไปยังเมืองท่องเที่ยว ถือเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ บขส. ร่วมกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดให้บริการแก่ผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศ โดยได้กำหนดจุดจำหน่ายตั๋วโดยสารและจุดจอดรถ พร้อมประชาสัมพันธ์ภายในสนามบิน ที่ผ่านมาท่าอากาศยานดอนเมืองมีผู้โดยสารรวม 29.14 ล้านคน และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีผู้โดยสารรวม 59.99 ล้านคน นับจากนี้จะต้องดูผลตอบรับจากผู้โดยสาร ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนเวลาเดินรถ เพิ่มเที่ยวเวลา หรือเพิ่มเส้นทางไปยังเมืองหลัก เมืองท่องเที่ยว หรือเมืองรองต่างๆ เพิ่มเติม

    #Newskit
    บขส.ทำรถทัวร์ฟีดเดอร์ จากสนามบินปลายทางสู่ทะเล เปิดให้บริการอย่างเป็นทางการสำหรับรถโดยสารเชื่อมต่อ (Feeder) ของบริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. เส้นทางจากท่าอากาศยานเชื่อมต่อไปยังจังหวัดต่างๆ นำร่อง 3 เส้นทาง ได้แก่ สาย 9905 ท่าอากาศยานดอนเมือง‐พัทยา ระยะทาง 162 กิโลเมตร, สาย 978 ท่าอากาศยานดอนเมือง‐หัวหิน ระยะทาง 216 กิโลเมตร และสาย 389 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-พัทยา ระยะทาง 127 กิโลเมตร เพื่ออำนวยความสะดวกแก่ผู้โดยสารทั้งสองสนามบิน เดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวในเมืองหลัก เมืองรอง และเมืองน่าเที่ยวภายในประเทศ โดยเปิดเที่ยวรถปฐมฤกษ์ไปเมื่อวันที่ 8 มี.ค.2567 ที่ผ่านมา จากการสังเกตพบว่าเส้นทางที่ขายดีที่สุด ได้แก่ เส้นทางท่าอากาศยานดอนเมือง‐พัทยา เที่ยวปฐมฤกษ์มีผู้โดยสารค่อนข้างหนาแน่น ส่วนเส้นทางท่าอากาศยานดอนเมือง‐หัวหิน เที่ยวปฐมฤกษ์ เวลา 15.00 น. มีผู้โดยสาร 4 คน ถึงจุดจอดวัดหัวหิน 18.35 น. ส่วนเที่ยวปฐมฤกษ์จากต้นทางสถานีเดินรถหัวหิน รถออกเวลา 09.00 น. ถึงปลายทางท่าอากาศยานดอนเมือง เวลาประมาณ 12.50 น. ซึ่งการเดินรถขึ้นอยู่กับสภาพการจราจร เนื่องจากใช้ทางด่วนโทลล์เวย์ ทางด่วนเฉลิมมหานคร ต่อเนื่องถนนพระรามที่ 2 ที่กำลังก่อสร้างทางยกระดับตั้งแต่ทางลงดาวคะนองถึงทางแยกต่างระดับบ้านแพ้ว และถนนเพชรเกษม ส่วนเส้นทางท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-พัทยา ปัจจุบันมีผู้ประกอบการเดินรถเอกชน อย่างบริษัท รถรุ่งเรือง จำกัด ให้บริการสาย 389 ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-เมืองพัทยา ปลายทางสถานีขนส่งเทพประสิทธิ์ (หาดจอมเทียน) และสาย 789 หัวหิน-ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ-พัทยา (รถหมวด 3) ปลายทางสถานีขนส่งพัทยาเหนือ ซึ่งพบว่าเคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วของ บขส. ที่อาคารผู้โดยสาร ชั้น 1 ประตู 8 เคาน์เตอร์จำหน่ายตั๋วอยู่ติดกันเสียอีก แต่ปลายทางพัทยา บขส. ได้ก่อสร้างสถานีเดินรถพัทยา บริเวณถนนสุขุมวิท ขาออก ระหว่างแยกพัทยาเหนือกับพัทยากลาง ตรงข้ามศูนย์คณะพระมหาไถ่ รองรับผู้โดยสารไว้แล้ว การเชื่อมต่อการเดินทางแบบไร้รอยต่อระหว่างสนามบินไปยังเมืองท่องเที่ยว ถือเป็นอีกกลยุทธ์หนึ่งที่ บขส. ร่วมกับบริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดให้บริการแก่ผู้โดยสารทั้งในและต่างประเทศ โดยได้กำหนดจุดจำหน่ายตั๋วโดยสารและจุดจอดรถ พร้อมประชาสัมพันธ์ภายในสนามบิน ที่ผ่านมาท่าอากาศยานดอนเมืองมีผู้โดยสารรวม 29.14 ล้านคน และท่าอากาศยานสุวรรณภูมิมีผู้โดยสารรวม 59.99 ล้านคน นับจากนี้จะต้องดูผลตอบรับจากผู้โดยสาร ก่อนที่จะปรับเปลี่ยนเวลาเดินรถ เพิ่มเที่ยวเวลา หรือเพิ่มเส้นทางไปยังเมืองหลัก เมืองท่องเที่ยว หรือเมืองรองต่างๆ เพิ่มเติม #Newskit
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 677 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์จากเพจเฟซบุ๊กPaisan Apacnews ของ ไพสันต์พรหมน้อย 8 มีนาคม 2568“คาสิโนเหรอ...ผมสั่งรื้อมาแล้ว โดย นาวิน ขันธหิรัญเมื่อปี 2541กระทรวงได้ย้ายผมจากนครพนมมาเป็นผู้ว่าสระแก้ว ขณะนั้นปอยเปตในฝั่งเขมรกำลังบูมการก่อสร้างเมืองขนานใหญ่มีการสร้างEntertainment Complexขนาดใหญ่ที่มีCasinoอยู่ด้วยทุกแห่งและมีนักการเมืองใหญ่ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายเขมรเป็นหุ้นส่วนและมีนายซ๊ก อาน มหาเศรษฐีชาวเขมรเป็นผู้ประสานงานเมื่อสร้างเสร็จก็มีการเชิญผู้ใหญ่ฝั่งไทยไปเยี่ยมชมและประชาสัมพันธ์ว่าสร้างขึ้น มาเพื่อรับแขกชาวไทยเป็นหลัก เพื่อเห็นแก่สัมพันธภาพผมก็ไปร่วมชมความเจริญของเพื่อนบ้าน เดินชมไปมาไปพบว่าคาสิโนแห่งหนึ่งปลูกล้ำคลองพรมแดนเข้ามาในเขตไทย ผมจึงเรียกผู้จัดการมาแจ้งให้ทราบว่าคุณสร้างคาสิโนรุกแผ่นดินไทยแล้วยื่นคำขาดให้รื้อถอนออกไป ผู้จัดการเถึยงคอเป็นเอ็นแล้วยืนยันว่าไม่มีใครรื้อได้เพราะเจ้าของใหญ่มากอยู่ในพนมเปญ ผมไม่อยากเถียงกับผู้จัดการจึงตัดบทไปว่า...ไม่เป็นไรถ้าไม่รื้อผมจะปิดพรมแดนไม่ให้คนไทยข้ามมา(ผู้ว่าสามารถเสนอรัฐบาลปิดพรมแดนได้) จากนั้นผมก็เดินทางกลับเช้าวันรุ่งขึ้น11.00น.หน้าห้องได้เข้ามารายงานว่า นายจุม คาดาล ประธานที่ปรึกษานายกฮุนเซนขอเข้าพบอะไรจะรวดเร็วขนาดนั้น ผมพูดเรื่องปิดพรมแดนไม่ถึง24ชั่วโมงประธานที่ปรึกษานายกเขมรก็ถึงตัวผมแล้วถึงตรงนี้เพื่อนๆคงรู้แล้วว่าใครเป็นเจ้าของสถานบริการครบวงจรที่ปอยเปตฝั่งเขมร แล้วฝั่งไทยล่ะ ประเดี๋ยวตัวละครจะค่อยๆโผล่ออกมาเองครับผมออกไปเชิญนายจุม คาดาล ประธานที่ปรึกษานายกด้วยตัวเองแล้วทักทายด้วยอัธยาศัยไมตรีแล้วเชิญเข้ามานั่งเจรจากันในห้องนายจุม คาดาล เล่าให้ผมฟังว่าเมื่อวานนี้เมื่อทราบข่าวว่าคาสิโนแห่งหนึ่งสร้างล้ำเข้าไปในแผ่นดินไทยท่านนายกได้สั่งการให้ผมไปดูข้อเท็จจริงและแก้ปัญหาโดยด่วน เช้านี้ผมเลยใช้ฮ.บินจากพนมเปญมาดูข้อเท็จจริงที่หน้างานพบว่าเป็นไปตามที่ท่านผู้ว่าทักท้วงจริงผมจึงนัดรถแบคโฮลเข้าพื้นที่เพื่อทำการรื้อถอนคาสิโนในส่วนที่ล้ำเข้ามาในแผ่นดินไทยและขอเชิญท่านผู้ว่าไปชี้ว่าจะให้รื้อเข้าไปแค่ไหน บ่ายวันนั้นผมและนายจุม คาดาล จึงไปควบคุมการรื้อคาสิโนเป็นที่เรียบร้อย ผมทวงแผ่นดินไทยกลับมาได้ด้วยศิลปของนักปกครองโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อและชีวิต ซึ่งน่าจะได้รับคำชมเชยแต่มันไม่เป็นเช่นนั้นครับไม่ถึงเดือนต่อมาก็มีคำสั่งย้ายผมจากสระแก้วไปสมุทรสงครามซึ่งเป็นจังหวัดเล็กกว่าในสายตาของชาวมหาดไทยถือว่าเป็นการลงโทษผมจึงถามผู้บังคับบัญชาว่าย้ายผมทำไมครับท่านตอบว่าคุณไม่รู้หรือว่าคาสิโนนี้เป็นของใคร ท่านขอให้ย้ายคุณเป็นผู้ตรวจด้วยซ้ำ แต่ทางกระทรวงทักท้วงไว้ว่าคุณไม่ได้มีความผิดอะไร แถมยังรักษาแผ่นดินไว้ให้คนไทย เอาแค่ย้ายออกจากสระแก้วและให้ลงจังหวัดเล็กลงก็น่าจะเพียงพอสำหรับผมย้ายไปจังหวัดไหนก็ทำงานได้ทั้งนั้นจังหวัดเล็กลงยิ่งทำงานง่ายขึ้นเมื่อไปรับงานที่สมุทรสงครามผมก็ทำงานอย่างมีความสุข แต่มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งท่านข้องใจไม่หายว่าทำไมผมถูกย้ายลงจังหวัดเล็กลง ทั้งๆที่ผมไม่เคยบอกท่าน ท่านผู้นั้นคือพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ………………………..ถึงตอนนี้เพื่อนๆคงรู้แล้วว่านักการเมืองใหญ่ที่เป็นหุ้นส่วนสถานบันเทิงครบวงจรในปอยเปตนั้นคือใครถ้านึกไม่ออกผมจะบอกให้เจ้าพ่อวังน้ำเย็นไงครับและเป็นคนที่สั่งย้ายผมด้วย ..ถามว่าก่อนสั่งผมรู้ไหมว่าคาสิโนแห่งนี้เป็นของสองผู้ยิ่งใหญ่คู่นี้รู้ครับวันที่ผมสั่งผู้จัดการให้รื้ิอคาสิโนแกตกใจปากคอสั่นและยืนยีนว่ารื้อไม่ได้เป็นอันขาดเพราะเป็นของผู้ใหญ่ในพนมเปญ ซึ่งผมรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร จึงตัดบทไม่เจรจาด้วยส่วนเจ้าพ่อรู้สึกเสียฟอร์มที่คุ้มครองคาสิโนไม่ได้โดยเฉพาะกับฮุนเซนทางเดียวที่พอจะกู้หน้าได้คือเตะโด่งผู้ว่าไปให้พ้นหูพ้นตาเสียจะได้ไม่มายุ่งกับสถานบันเทิงของท่านอีกสะใจจริงๆนาวินใช้ชีวิตได้ผาดโผนน่าสนุกรื้อคาสิโนของนายกบ้าง ของเจ้าพ่อบ้างปัจจุบันรัฐบาลไทยกำลังจะสร้างสถานบันเทิงครบวงจรตามอย่างเขมร ผมอาจจะต้องออกมาช่วยพี่น้องชาวไทยรื้อคาสิโนในเมืองไทยอีกครั้งก็ได้ครับก่อนจบภาคแรกไปผมโปรยทิ้งไว้ว่า มีผู้ใหญ้ท่านหนึ่งข้องใจไม่หายว่าผมถูกย้ายเพราะอะไรท่านนั้นคือพลเอก เปรม ติณสูลานนท์เพื่อนๆคงสงสัยว่าท่านมาเกี่ยวข้องกับผมได้อย่างไรจึงขอย้อนอดีตเล็กน้อย..เมื่อปี 2530กรมย้ายผมมาเป็นนายอำเภอสามพรานโดยอธิบดีดำรง สุนทรศาลทูล เลือกเอามาเองเพราะว่าบ้านอธิบดีอยู่สามพราน เมื่อมารับงานก็พบว่าพลเอกเปรม..รัฐบุรุษท่านตีกอล์ฟอยู่ที่สนามสามพรานทุกอาทิตย์ผมเป็นเจ้าของพื้นที่จึงไปต้อนรับท่าน ปรากฏว่าท่านถูกใจอะไรไม่ทราบชวนผมไปตีกอล์ฟก๊วนเดียวกับท่าน ซึ่งปกติจะไม่มีใครมีโอกาสเข้าร่วมก๊วนเลย ท่านจะตีอยู่กับหมอประสบ รัตนากร เพื่อนท่านและนายทหารคนสนิทเท่านั้นในก๊วนไม่มีการพนันเล่นเพื่อออกกำลังกายเฉยๆ ผมเล่นก๊อล์ฟกับท่านรัฐบุรุษเป็นเวลาหลายปีจนสนิทกันเหมือนญาติผู้ใหญ่ผมได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่านครพนมท่านก็เดินทางไปเยี่ยมผม พอผมถูกย้ายมาสมุทรสงครามท่านก็มาอีกและบอกผู้ติดตามทั้งหลายว่าขอคุยกับท่านผู้ว่าเป็นการส่วนตัวดังภาพ...ทันทีที่อยู่กันสองต่อสองท่านก็ยิงคำถามใส่ผมทันที ...ผู้ว่าถูกย้ายเพราะไร ผมไปสั่งรื้อคาสิโนของนายกเขมรและนักการเมืองไทยที่ปลูกล้ำพรมแดนไทยครับ.,..ผมตอบ ...เอางั้นเลยเหรอ แล้วใครสั่งย้ายนักการเมืองไทยครับเขาคงเสียหน้า ท่านพยักหน้ารับทราบและดูยิ้มแย้มขี้น จากนั้นผมก็ส่งท่านขึ้นรถกลับพรัอมทั้งผมถอนหายใจใหญ่โล่งอกที่ไม่ได้ทำให้ท่านรัฐบุรุษผิดหวังท่านเป็นคนสะอาดมากนะครับและจะไม่ยอมให้คนสีเทาเข้ามาใกล้ตัว………………………..ขอคารวะคุณนาวิน ขันธหิรัญ อดีตผู้ว่าสระแก้วที่หาญกล้าทำให้ 2 มหามาเฟียทั้งไทยและเขมรยอมรื้อคาสิโนเขมรที่รุกล้ำพรมแดนไทย สุดยอดจริง ๆ ขอให้ท่านนำการรื้อในไทยอีกนะ ถ้ามาเฟียคนเดิมของเขมรและคนใหม่ไทยในก๊วนเก่าลงมือสร้างขึ้นอีก เท่าที่รวบรวมได้คุณนาวินเป็นผู้ว่าฯจ.นครพนม,จ.สระแก้ว จ.สมุทรสงคราม และเกษียณอายุราชการวันที่ 1 ตุลาคม 2547จากผู้ว่าฯจ.นครปฐม (นักปกครอง 10 ) เพราะอายุครบ 60 ปี ปัจจุบันท่านจะมีอายุ 80 ปีเศษ( บรรยายภาพ - เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2556 นายนาวิน ขันธหิรัญ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้เกียรติมาบรรยายพิเศษให้แก่นักศึกษาหลักสูตรปลัดอำเภอ รุ่นที่ 201 รุ่นที่ 202 และรุ่นที่ 203 ในหัวข้อ "ประสบการณ์นักปกครองในการแก้ไขปัญหายาเสพติด" ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 4 อาคารสำนักอธิการ วิทยาลัยการปกครอง)”
    รีโพสต์จากเพจเฟซบุ๊กPaisan Apacnews ของ ไพสันต์พรหมน้อย 8 มีนาคม 2568“คาสิโนเหรอ...ผมสั่งรื้อมาแล้ว โดย นาวิน ขันธหิรัญเมื่อปี 2541กระทรวงได้ย้ายผมจากนครพนมมาเป็นผู้ว่าสระแก้ว ขณะนั้นปอยเปตในฝั่งเขมรกำลังบูมการก่อสร้างเมืองขนานใหญ่มีการสร้างEntertainment Complexขนาดใหญ่ที่มีCasinoอยู่ด้วยทุกแห่งและมีนักการเมืองใหญ่ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายเขมรเป็นหุ้นส่วนและมีนายซ๊ก อาน มหาเศรษฐีชาวเขมรเป็นผู้ประสานงานเมื่อสร้างเสร็จก็มีการเชิญผู้ใหญ่ฝั่งไทยไปเยี่ยมชมและประชาสัมพันธ์ว่าสร้างขึ้น มาเพื่อรับแขกชาวไทยเป็นหลัก เพื่อเห็นแก่สัมพันธภาพผมก็ไปร่วมชมความเจริญของเพื่อนบ้าน เดินชมไปมาไปพบว่าคาสิโนแห่งหนึ่งปลูกล้ำคลองพรมแดนเข้ามาในเขตไทย ผมจึงเรียกผู้จัดการมาแจ้งให้ทราบว่าคุณสร้างคาสิโนรุกแผ่นดินไทยแล้วยื่นคำขาดให้รื้อถอนออกไป ผู้จัดการเถึยงคอเป็นเอ็นแล้วยืนยันว่าไม่มีใครรื้อได้เพราะเจ้าของใหญ่มากอยู่ในพนมเปญ ผมไม่อยากเถียงกับผู้จัดการจึงตัดบทไปว่า...ไม่เป็นไรถ้าไม่รื้อผมจะปิดพรมแดนไม่ให้คนไทยข้ามมา(ผู้ว่าสามารถเสนอรัฐบาลปิดพรมแดนได้) จากนั้นผมก็เดินทางกลับเช้าวันรุ่งขึ้น11.00น.หน้าห้องได้เข้ามารายงานว่า นายจุม คาดาล ประธานที่ปรึกษานายกฮุนเซนขอเข้าพบอะไรจะรวดเร็วขนาดนั้น ผมพูดเรื่องปิดพรมแดนไม่ถึง24ชั่วโมงประธานที่ปรึกษานายกเขมรก็ถึงตัวผมแล้วถึงตรงนี้เพื่อนๆคงรู้แล้วว่าใครเป็นเจ้าของสถานบริการครบวงจรที่ปอยเปตฝั่งเขมร แล้วฝั่งไทยล่ะ ประเดี๋ยวตัวละครจะค่อยๆโผล่ออกมาเองครับผมออกไปเชิญนายจุม คาดาล ประธานที่ปรึกษานายกด้วยตัวเองแล้วทักทายด้วยอัธยาศัยไมตรีแล้วเชิญเข้ามานั่งเจรจากันในห้องนายจุม คาดาล เล่าให้ผมฟังว่าเมื่อวานนี้เมื่อทราบข่าวว่าคาสิโนแห่งหนึ่งสร้างล้ำเข้าไปในแผ่นดินไทยท่านนายกได้สั่งการให้ผมไปดูข้อเท็จจริงและแก้ปัญหาโดยด่วน เช้านี้ผมเลยใช้ฮ.บินจากพนมเปญมาดูข้อเท็จจริงที่หน้างานพบว่าเป็นไปตามที่ท่านผู้ว่าทักท้วงจริงผมจึงนัดรถแบคโฮลเข้าพื้นที่เพื่อทำการรื้อถอนคาสิโนในส่วนที่ล้ำเข้ามาในแผ่นดินไทยและขอเชิญท่านผู้ว่าไปชี้ว่าจะให้รื้อเข้าไปแค่ไหน บ่ายวันนั้นผมและนายจุม คาดาล จึงไปควบคุมการรื้อคาสิโนเป็นที่เรียบร้อย ผมทวงแผ่นดินไทยกลับมาได้ด้วยศิลปของนักปกครองโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อและชีวิต ซึ่งน่าจะได้รับคำชมเชยแต่มันไม่เป็นเช่นนั้นครับไม่ถึงเดือนต่อมาก็มีคำสั่งย้ายผมจากสระแก้วไปสมุทรสงครามซึ่งเป็นจังหวัดเล็กกว่าในสายตาของชาวมหาดไทยถือว่าเป็นการลงโทษผมจึงถามผู้บังคับบัญชาว่าย้ายผมทำไมครับท่านตอบว่าคุณไม่รู้หรือว่าคาสิโนนี้เป็นของใคร ท่านขอให้ย้ายคุณเป็นผู้ตรวจด้วยซ้ำ แต่ทางกระทรวงทักท้วงไว้ว่าคุณไม่ได้มีความผิดอะไร แถมยังรักษาแผ่นดินไว้ให้คนไทย เอาแค่ย้ายออกจากสระแก้วและให้ลงจังหวัดเล็กลงก็น่าจะเพียงพอสำหรับผมย้ายไปจังหวัดไหนก็ทำงานได้ทั้งนั้นจังหวัดเล็กลงยิ่งทำงานง่ายขึ้นเมื่อไปรับงานที่สมุทรสงครามผมก็ทำงานอย่างมีความสุข แต่มีผู้ใหญ่ท่านหนึ่งท่านข้องใจไม่หายว่าทำไมผมถูกย้ายลงจังหวัดเล็กลง ทั้งๆที่ผมไม่เคยบอกท่าน ท่านผู้นั้นคือพลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ………………………..ถึงตอนนี้เพื่อนๆคงรู้แล้วว่านักการเมืองใหญ่ที่เป็นหุ้นส่วนสถานบันเทิงครบวงจรในปอยเปตนั้นคือใครถ้านึกไม่ออกผมจะบอกให้เจ้าพ่อวังน้ำเย็นไงครับและเป็นคนที่สั่งย้ายผมด้วย ..ถามว่าก่อนสั่งผมรู้ไหมว่าคาสิโนแห่งนี้เป็นของสองผู้ยิ่งใหญ่คู่นี้รู้ครับวันที่ผมสั่งผู้จัดการให้รื้ิอคาสิโนแกตกใจปากคอสั่นและยืนยีนว่ารื้อไม่ได้เป็นอันขาดเพราะเป็นของผู้ใหญ่ในพนมเปญ ซึ่งผมรู้อยู่แล้วว่าเป็นใคร จึงตัดบทไม่เจรจาด้วยส่วนเจ้าพ่อรู้สึกเสียฟอร์มที่คุ้มครองคาสิโนไม่ได้โดยเฉพาะกับฮุนเซนทางเดียวที่พอจะกู้หน้าได้คือเตะโด่งผู้ว่าไปให้พ้นหูพ้นตาเสียจะได้ไม่มายุ่งกับสถานบันเทิงของท่านอีกสะใจจริงๆนาวินใช้ชีวิตได้ผาดโผนน่าสนุกรื้อคาสิโนของนายกบ้าง ของเจ้าพ่อบ้างปัจจุบันรัฐบาลไทยกำลังจะสร้างสถานบันเทิงครบวงจรตามอย่างเขมร ผมอาจจะต้องออกมาช่วยพี่น้องชาวไทยรื้อคาสิโนในเมืองไทยอีกครั้งก็ได้ครับก่อนจบภาคแรกไปผมโปรยทิ้งไว้ว่า มีผู้ใหญ้ท่านหนึ่งข้องใจไม่หายว่าผมถูกย้ายเพราะอะไรท่านนั้นคือพลเอก เปรม ติณสูลานนท์เพื่อนๆคงสงสัยว่าท่านมาเกี่ยวข้องกับผมได้อย่างไรจึงขอย้อนอดีตเล็กน้อย..เมื่อปี 2530กรมย้ายผมมาเป็นนายอำเภอสามพรานโดยอธิบดีดำรง สุนทรศาลทูล เลือกเอามาเองเพราะว่าบ้านอธิบดีอยู่สามพราน เมื่อมารับงานก็พบว่าพลเอกเปรม..รัฐบุรุษท่านตีกอล์ฟอยู่ที่สนามสามพรานทุกอาทิตย์ผมเป็นเจ้าของพื้นที่จึงไปต้อนรับท่าน ปรากฏว่าท่านถูกใจอะไรไม่ทราบชวนผมไปตีกอล์ฟก๊วนเดียวกับท่าน ซึ่งปกติจะไม่มีใครมีโอกาสเข้าร่วมก๊วนเลย ท่านจะตีอยู่กับหมอประสบ รัตนากร เพื่อนท่านและนายทหารคนสนิทเท่านั้นในก๊วนไม่มีการพนันเล่นเพื่อออกกำลังกายเฉยๆ ผมเล่นก๊อล์ฟกับท่านรัฐบุรุษเป็นเวลาหลายปีจนสนิทกันเหมือนญาติผู้ใหญ่ผมได้รับแต่งตั้งเป็นผู้ว่านครพนมท่านก็เดินทางไปเยี่ยมผม พอผมถูกย้ายมาสมุทรสงครามท่านก็มาอีกและบอกผู้ติดตามทั้งหลายว่าขอคุยกับท่านผู้ว่าเป็นการส่วนตัวดังภาพ...ทันทีที่อยู่กันสองต่อสองท่านก็ยิงคำถามใส่ผมทันที ...ผู้ว่าถูกย้ายเพราะไร ผมไปสั่งรื้อคาสิโนของนายกเขมรและนักการเมืองไทยที่ปลูกล้ำพรมแดนไทยครับ.,..ผมตอบ ...เอางั้นเลยเหรอ แล้วใครสั่งย้ายนักการเมืองไทยครับเขาคงเสียหน้า ท่านพยักหน้ารับทราบและดูยิ้มแย้มขี้น จากนั้นผมก็ส่งท่านขึ้นรถกลับพรัอมทั้งผมถอนหายใจใหญ่โล่งอกที่ไม่ได้ทำให้ท่านรัฐบุรุษผิดหวังท่านเป็นคนสะอาดมากนะครับและจะไม่ยอมให้คนสีเทาเข้ามาใกล้ตัว………………………..ขอคารวะคุณนาวิน ขันธหิรัญ อดีตผู้ว่าสระแก้วที่หาญกล้าทำให้ 2 มหามาเฟียทั้งไทยและเขมรยอมรื้อคาสิโนเขมรที่รุกล้ำพรมแดนไทย สุดยอดจริง ๆ ขอให้ท่านนำการรื้อในไทยอีกนะ ถ้ามาเฟียคนเดิมของเขมรและคนใหม่ไทยในก๊วนเก่าลงมือสร้างขึ้นอีก เท่าที่รวบรวมได้คุณนาวินเป็นผู้ว่าฯจ.นครพนม,จ.สระแก้ว จ.สมุทรสงคราม และเกษียณอายุราชการวันที่ 1 ตุลาคม 2547จากผู้ว่าฯจ.นครปฐม (นักปกครอง 10 ) เพราะอายุครบ 60 ปี ปัจจุบันท่านจะมีอายุ 80 ปีเศษ( บรรยายภาพ - เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 25 เมษายน 2556 นายนาวิน ขันธหิรัญ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ให้เกียรติมาบรรยายพิเศษให้แก่นักศึกษาหลักสูตรปลัดอำเภอ รุ่นที่ 201 รุ่นที่ 202 และรุ่นที่ 203 ในหัวข้อ "ประสบการณ์นักปกครองในการแก้ไขปัญหายาเสพติด" ณ ห้องประชุมใหญ่ ชั้น 4 อาคารสำนักอธิการ วิทยาลัยการปกครอง)”
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1093 มุมมอง 0 รีวิว
  • บีทูขยายโรงแรมหัวหิน เข้ารับบริหาร "เดอะลาภา"

    ความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของเครือโรงแรมบีทู (B2) แบรนด์โรงแรมบูติคแอนด์บัดเจทชั้นนำในไทย ที่มีสาขากว่า 73 แห่งทั่วประเทศ ล่าสุดนายนิรันดร์ จาวลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นสัญญาแฟรนไชส์กับนายพงษ์ทอง สุวรรณประทีป เข้าบริหารโรงแรมแห่งใหม่ใจกลางเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นับเป็นการร่วมมือครั้งที่สอง หลังจากประสบความสำเร็จในการบริหารโรงแรมบีทู สุเทพ ไนท์มาร์เก็ต พรีเมียร์ ที่นายพงษ์ทองเป็นเจ้าของ โดยมีแผนจะเปิดให้บริการในเดือน มิ.ย. 2568

    นายนิรันดร์ กล่าวว่า ยินดีอย่างยิ่งที่ได้ขยายเครือข่ายโรงแรมบีทูมายังหัวหิน ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ความร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างนายพงษ์ทอง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของแบรนด์บีทู และมั่นใจว่าโรงแรมแห่งนี้ จะมอบประสบการณ์การเข้าพักที่เหนือระดับ พร้อมบริการคุณภาพ ในราคาที่เข้าถึงได้

    แม้ในข่าวประชาสัมพันธ์ของบีทู จะไม่ระบุว่าเป็นโรงแรมใด แต่เมื่อสืบค้น พบว่าเป็นโรงแรมเดอะลาภาหัวหิน ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว อยู่ในซอยหัวหิน 100/1 ถนนเพชรเกษม ติดกับศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน รีสอร์ต มอลล์ ก่อสร้างขึ้นในปี 2552 เป็นอาคาร 3 ชั้น มีห้องพักจำนวน 67 ห้อง ขนาดห้องพักตั้งแต่ 36-120 ตารางเมตร 7 รูปแบบ พร้อมสระว่ายน้ำซึ่งเป็นสระเกลือ ห้องออกกำลังกาย ห้องอาหาร ห้องประชุมรองรับได้สูงสุด 130 คน ซึ่งจะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นโรงแรมบีทู หัวหิน พรีเมียร์ รีสอร์ท

    โดยสิ่งอำนวยความสะดวกหลังเครือโรงแรมบีทูเข้าบริหาร ยังมีสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ห้องฟิตเนส ห้องประชุม Co-Working Space บาร์และเลาจน์ รวมทั้งห้องพักแบบพูลแอคเซส ที่ผู้เข้าพักสามารถเดินลงสระว่ายน้ำได้โดยตรง รวมทั้งยังมี Wake Up Coffee ให้บริการอาหารเช้าและเครื่องดื่มอีกด้วย

    ก่อนหน้านี้บีทูเปิดให้บริการโรงแรมบีทู หัวหิน พรีเมียร์ ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3.5 ดาว ตั้งอยู่ถนนเลียบทางรถไฟ ระหว่างซอยหัวหิน 94 และ 96 เปิดให้บริการเมื่อปี 2560 เป็นอาคาร 8 ชั้น มีห้องพักจำนวน 78 ห้อง ขนาดห้องพักตั้งแต่ 25-50 ตารางเมตร สำหรับการแข่งขันโรงแรมในกลุ่มบัดเจ็ทโฮเทล พบว่ามีคู่แข่งอย่างโรงแรมฮ็ฮปอินน์ ของกลุ่มดิเอราวัณกรุ๊ป ตั้งอยู่บนถนนดำรงราช (หัวหิน 51) ก่อสร้างขึ้นในปี 2560 มีห้องพักจำนวน 79 ห้อง รวมทั้งยังมีโรงแรมของผู้ประกอบการท้องถิ่น

    ข้อมูลจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พบว่า อ.หัวหิน รวมทุกตำบลมีโรงแรมรวม 208 แห่ง จำนวนห้องพักน้อยที่สุด 4 ห้อง มากที่สุดได้แก่ โรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น พลัส คาราเพซ หัวหิน 406 ห้อง

    #Newskit
    บีทูขยายโรงแรมหัวหิน เข้ารับบริหาร "เดอะลาภา" ความเคลื่อนไหวที่น่าสนใจของเครือโรงแรมบีทู (B2) แบรนด์โรงแรมบูติคแอนด์บัดเจทชั้นนำในไทย ที่มีสาขากว่า 73 แห่งทั่วประเทศ ล่าสุดนายนิรันดร์ จาวลา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เซ็นสัญญาแฟรนไชส์กับนายพงษ์ทอง สุวรรณประทีป เข้าบริหารโรงแรมแห่งใหม่ใจกลางเมืองหัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ นับเป็นการร่วมมือครั้งที่สอง หลังจากประสบความสำเร็จในการบริหารโรงแรมบีทู สุเทพ ไนท์มาร์เก็ต พรีเมียร์ ที่นายพงษ์ทองเป็นเจ้าของ โดยมีแผนจะเปิดให้บริการในเดือน มิ.ย. 2568 นายนิรันดร์ กล่าวว่า ยินดีอย่างยิ่งที่ได้ขยายเครือข่ายโรงแรมบีทูมายังหัวหิน ซึ่งเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว ความร่วมมือกับพันธมิตรที่แข็งแกร่งอย่างนายพงษ์ทอง สะท้อนถึงความเชื่อมั่นในศักยภาพของแบรนด์บีทู และมั่นใจว่าโรงแรมแห่งนี้ จะมอบประสบการณ์การเข้าพักที่เหนือระดับ พร้อมบริการคุณภาพ ในราคาที่เข้าถึงได้ แม้ในข่าวประชาสัมพันธ์ของบีทู จะไม่ระบุว่าเป็นโรงแรมใด แต่เมื่อสืบค้น พบว่าเป็นโรงแรมเดอะลาภาหัวหิน ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 4 ดาว อยู่ในซอยหัวหิน 100/1 ถนนเพชรเกษม ติดกับศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน รีสอร์ต มอลล์ ก่อสร้างขึ้นในปี 2552 เป็นอาคาร 3 ชั้น มีห้องพักจำนวน 67 ห้อง ขนาดห้องพักตั้งแต่ 36-120 ตารางเมตร 7 รูปแบบ พร้อมสระว่ายน้ำซึ่งเป็นสระเกลือ ห้องออกกำลังกาย ห้องอาหาร ห้องประชุมรองรับได้สูงสุด 130 คน ซึ่งจะเปลี่ยนชื่อใหม่เป็นโรงแรมบีทู หัวหิน พรีเมียร์ รีสอร์ท โดยสิ่งอำนวยความสะดวกหลังเครือโรงแรมบีทูเข้าบริหาร ยังมีสระว่ายน้ำกลางแจ้ง ห้องฟิตเนส ห้องประชุม Co-Working Space บาร์และเลาจน์ รวมทั้งห้องพักแบบพูลแอคเซส ที่ผู้เข้าพักสามารถเดินลงสระว่ายน้ำได้โดยตรง รวมทั้งยังมี Wake Up Coffee ให้บริการอาหารเช้าและเครื่องดื่มอีกด้วย ก่อนหน้านี้บีทูเปิดให้บริการโรงแรมบีทู หัวหิน พรีเมียร์ ซึ่งเป็นโรงแรมระดับ 3.5 ดาว ตั้งอยู่ถนนเลียบทางรถไฟ ระหว่างซอยหัวหิน 94 และ 96 เปิดให้บริการเมื่อปี 2560 เป็นอาคาร 8 ชั้น มีห้องพักจำนวน 78 ห้อง ขนาดห้องพักตั้งแต่ 25-50 ตารางเมตร สำหรับการแข่งขันโรงแรมในกลุ่มบัดเจ็ทโฮเทล พบว่ามีคู่แข่งอย่างโรงแรมฮ็ฮปอินน์ ของกลุ่มดิเอราวัณกรุ๊ป ตั้งอยู่บนถนนดำรงราช (หัวหิน 51) ก่อสร้างขึ้นในปี 2560 มีห้องพักจำนวน 79 ห้อง รวมทั้งยังมีโรงแรมของผู้ประกอบการท้องถิ่น ข้อมูลจากกรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย พบว่า อ.หัวหิน รวมทุกตำบลมีโรงแรมรวม 208 แห่ง จำนวนห้องพักน้อยที่สุด 4 ห้อง มากที่สุดได้แก่ โรงแรมเบสท์ เวสเทิร์น พลัส คาราเพซ หัวหิน 406 ห้อง #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 816 มุมมอง 0 รีวิว
  • Acclaim ซึ่งเป็นบริษัทที่เคยเป็นที่รู้จักในวงการเกมในอดีต ได้ประกาศกลับมาอีกครั้งพร้อมภารกิจใหม่ในการสนับสนุนสตูดิโอเกมอินดี้และการสร้างสรรค์ IP ใหม่ๆ Acclaim ก่อตั้งขึ้นในปี 1987 และมีชื่อเสียงจากการเปิดตัวเกมดังอย่าง Mortal Kombat, Turok และ NBA Jam

    การกลับมาครั้งนี้ Acclaim มีเป้าหมายที่จะให้การสนับสนุนสตูดิโออินดี้ที่ต้องการทรัพยากรในการพัฒนาเกม โดยให้การสนับสนุนด้านการเงิน การตลาด และการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้สตูดิโอเหล่านี้สามารถนำเสนอเกมของตนเองในตลาดที่ซับซ้อนและคึกคัก

    หนึ่งในเป้าหมายหลักของ Acclaim คือการฟื้นฟู IP คลาสสิกที่มีผู้คนรักใคร่มากมายมาตลอดหลายปี สำหรับการทำให้แผนการนี้เป็นจริง Acclaim ได้จัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาซึ่งประกอบไปด้วยผู้นำในวงการเกมที่ได้รับความนับถือ เช่น Russell Binder จาก Striker Entertainment, Mark Caplan จาก Ridge Partners และ Jeff Jarrett จาก Global Force Entertainment

    เพื่อให้บริษัทสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน Acclaim ได้มีการร่วมมือกับหุ้นส่วนสำคัญอย่าง Phil Toronto จาก VaynerFund และ Eric Vogel จาก JET Management ซึ่งจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่แข็งแรงสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง

    Jeff Jarrett นักมวยปล้ำที่ได้รับการยกย่องใน Hall of Fame กล่าวว่าการกลับมาของ Acclaim เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในการนำความรักและความหลงใหลในเกมให้แก่คนรุ่นใหม่ และเขาตื่นเต้นที่ได้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูบริษัทนี้

    Alex Josef CEO ของ Acclaim กล่าวถึงความภาคภูมิใจในการนำทีมงานที่มีความสามารถเพื่อฟื้นฟู Acclaim ขึ้นมาใหม่ และกล่าวว่าได้เซ็นสัญญากับเกมอินดี้ที่น่าทึ่งบางเกมที่จะเปิดเผยในไม่ช้า

    Acclaim กลับมาในวงการเกมด้วยภารกิจที่น่าตื่นเต้นในการสนับสนุนนักพัฒนาอินดี้และฟื้นฟู IP คลาสสิก โดยมีการร่วมมือกับผู้นำในวงการและหุ้นส่วนที่มีความสำคัญเพื่อให้การฟื้นฟูนี้เป็นไปอย่างยั่งยืน

    https://wccftech.com/acclaim-returns-from-the-dead-with-a-focus-on-supporting-indie-studios-and-original-ip/
    Acclaim ซึ่งเป็นบริษัทที่เคยเป็นที่รู้จักในวงการเกมในอดีต ได้ประกาศกลับมาอีกครั้งพร้อมภารกิจใหม่ในการสนับสนุนสตูดิโอเกมอินดี้และการสร้างสรรค์ IP ใหม่ๆ Acclaim ก่อตั้งขึ้นในปี 1987 และมีชื่อเสียงจากการเปิดตัวเกมดังอย่าง Mortal Kombat, Turok และ NBA Jam การกลับมาครั้งนี้ Acclaim มีเป้าหมายที่จะให้การสนับสนุนสตูดิโออินดี้ที่ต้องการทรัพยากรในการพัฒนาเกม โดยให้การสนับสนุนด้านการเงิน การตลาด และการประชาสัมพันธ์ เพื่อให้สตูดิโอเหล่านี้สามารถนำเสนอเกมของตนเองในตลาดที่ซับซ้อนและคึกคัก หนึ่งในเป้าหมายหลักของ Acclaim คือการฟื้นฟู IP คลาสสิกที่มีผู้คนรักใคร่มากมายมาตลอดหลายปี สำหรับการทำให้แผนการนี้เป็นจริง Acclaim ได้จัดตั้งคณะกรรมการที่ปรึกษาซึ่งประกอบไปด้วยผู้นำในวงการเกมที่ได้รับความนับถือ เช่น Russell Binder จาก Striker Entertainment, Mark Caplan จาก Ridge Partners และ Jeff Jarrett จาก Global Force Entertainment เพื่อให้บริษัทสามารถเดินหน้าต่อไปได้อย่างยั่งยืน Acclaim ได้มีการร่วมมือกับหุ้นส่วนสำคัญอย่าง Phil Toronto จาก VaynerFund และ Eric Vogel จาก JET Management ซึ่งจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่แข็งแรงสำหรับทุกคนที่เกี่ยวข้อง Jeff Jarrett นักมวยปล้ำที่ได้รับการยกย่องใน Hall of Fame กล่าวว่าการกลับมาของ Acclaim เป็นโอกาสที่ยิ่งใหญ่ในการนำความรักและความหลงใหลในเกมให้แก่คนรุ่นใหม่ และเขาตื่นเต้นที่ได้มีส่วนร่วมในการฟื้นฟูบริษัทนี้ Alex Josef CEO ของ Acclaim กล่าวถึงความภาคภูมิใจในการนำทีมงานที่มีความสามารถเพื่อฟื้นฟู Acclaim ขึ้นมาใหม่ และกล่าวว่าได้เซ็นสัญญากับเกมอินดี้ที่น่าทึ่งบางเกมที่จะเปิดเผยในไม่ช้า Acclaim กลับมาในวงการเกมด้วยภารกิจที่น่าตื่นเต้นในการสนับสนุนนักพัฒนาอินดี้และฟื้นฟู IP คลาสสิก โดยมีการร่วมมือกับผู้นำในวงการและหุ้นส่วนที่มีความสำคัญเพื่อให้การฟื้นฟูนี้เป็นไปอย่างยั่งยืน https://wccftech.com/acclaim-returns-from-the-dead-with-a-focus-on-supporting-indie-studios-and-original-ip/
    WCCFTECH.COM
    Acclaim Returns From the Dead With a Focus On Supporting Indie Studios and Original IP
    Acclaim has been resurrected after two decades, and is coming with a focus on supporting Indie studios and original IP.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 522 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📣ประชาสัมพันธ์บริการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่📣
    📍ณ โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย
    📅วันที่ 7 มีนาคม 2568
    เพื่อพี่น้องชาวกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง

    💡มีบริการตรวจอยู่ 3 บริการด้วยกัน💡
    1. ตรวจสมรรถภาพของหลอดเลือดแดงส่วนบนและส่วนปลาย (Ankle Brachial Index: ABI, Arterial Stiffness Index: ASI)
    📌สามารถตรวจความอุดตันตีบตันและความยืดหยุ่นของหลอดเลือดแดง โดย ASI จะตรวจหลอดเลือดแดงส่วนบนที่ส่งเลือดไปเลี้ยงยังอวัยวะสำคัญของร่างกาย เช่น หัวใจและสมอง ในขณะที่ ABI จะตรวจหลอดเลือดแดงส่วนปลาย เช่น มือและเท้า
    2. ตรวจความหนาแน่นของกระดูก (Bone Mineral Density: BMD)
    3. ตรวจวัดองค์ประกอบของร่างกาย (Body Composition)
    *** บริการตรวจข้างต้นผู้รับบริการ ไม่ต้องอดน้ำหรืออาหาร ก่อนเข้ารับบริการนะคะ ***
    ทางเรายินดีให้บริการตรวจร่วมกับโรงพยาบาลและคลินิคที่ไม่มีเครื่องมือแพทย์ อีกทั้งยังมีบริการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ถึงหน้าบ้าน สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สะดวกเข้ารับบริการ ณ โรงพยาบาลหรือคลินิก🚑❤️
    ✨สนใจตรวจ หรือจองคิวเพื่อเข้ารับบริการ✨
    สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่👉🏻Inbox
    📲ไลน์: https://lin.ee/FTA3ojJ
    📞โทร: 02-994-1977 (Call Center)
    📞โทร: 095-492-2826 (Admin)
    .
    #BMD #ASI #ABI #BMD #WWC #KSY #สุขภาพ #เพื่อสุขภาพ #ตรวจสุขภาพ #ตรวจสุขภาพประจำ
    📣ประชาสัมพันธ์บริการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่📣 📍ณ โรงเรียนมาแตร์เดอีวิทยาลัย 📅วันที่ 7 มีนาคม 2568 เพื่อพี่น้องชาวกรุงเทพฯ และจังหวัดใกล้เคียง 💡มีบริการตรวจอยู่ 3 บริการด้วยกัน💡 1. ตรวจสมรรถภาพของหลอดเลือดแดงส่วนบนและส่วนปลาย (Ankle Brachial Index: ABI, Arterial Stiffness Index: ASI) 📌สามารถตรวจความอุดตันตีบตันและความยืดหยุ่นของหลอดเลือดแดง โดย ASI จะตรวจหลอดเลือดแดงส่วนบนที่ส่งเลือดไปเลี้ยงยังอวัยวะสำคัญของร่างกาย เช่น หัวใจและสมอง ในขณะที่ ABI จะตรวจหลอดเลือดแดงส่วนปลาย เช่น มือและเท้า 2. ตรวจความหนาแน่นของกระดูก (Bone Mineral Density: BMD) 3. ตรวจวัดองค์ประกอบของร่างกาย (Body Composition) *** บริการตรวจข้างต้นผู้รับบริการ ไม่ต้องอดน้ำหรืออาหาร ก่อนเข้ารับบริการนะคะ *** ทางเรายินดีให้บริการตรวจร่วมกับโรงพยาบาลและคลินิคที่ไม่มีเครื่องมือแพทย์ อีกทั้งยังมีบริการตรวจสุขภาพเคลื่อนที่ถึงหน้าบ้าน สำหรับผู้ป่วยที่ไม่สะดวกเข้ารับบริการ ณ โรงพยาบาลหรือคลินิก🚑❤️ ✨สนใจตรวจ หรือจองคิวเพื่อเข้ารับบริการ✨ สามารถติดต่อสอบถามเพิ่มเติมได้ที่👉🏻Inbox 📲ไลน์: https://lin.ee/FTA3ojJ 📞โทร: 02-994-1977 (Call Center) 📞โทร: 095-492-2826 (Admin) . #BMD #ASI #ABI #BMD #WWC #KSY #สุขภาพ #เพื่อสุขภาพ #ตรวจสุขภาพ #ตรวจสุขภาพประจำ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 506 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts