• ‘วรงค์’ สรุปศาลไต่สวนชั้น 14 ปมส่งตัวนักโทษป่วย พบตอบไม่ชัดหลายจุด! ตั้งแต่การวินิจฉัยโรค การใช้ใบส่งตัว
    https://www.thai-tai.tv/news/20027/
    .
    #หมอวรงค์ #ทักษิณชินวัตร #คดีชั้น14 #ไต่สวน #โรงพยาบาลราชทัณฑ์ #โรงพยาบาลตำรวจ #พยานแพทย์ #พยาบาลเวร #ระบบสาธารณสุข #ข้อสงสัย
    ‘วรงค์’ สรุปศาลไต่สวนชั้น 14 ปมส่งตัวนักโทษป่วย พบตอบไม่ชัดหลายจุด! ตั้งแต่การวินิจฉัยโรค การใช้ใบส่งตัว https://www.thai-tai.tv/news/20027/ . #หมอวรงค์ #ทักษิณชินวัตร #คดีชั้น14 #ไต่สวน #โรงพยาบาลราชทัณฑ์ #โรงพยาบาลตำรวจ #พยานแพทย์ #พยาบาลเวร #ระบบสาธารณสุข #ข้อสงสัย
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • คำไต่สวน "พยานเบิกความ" คดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ยัน “ทักษิณ”เปลี่ยนชุดนักโทษ-แจ้งเจ็บหน้าอก
    https://www.thai-tai.tv/news/20024/
    .
    #ทักษิณชินวัตร #คดีป่วยทิพย์ #ศาลฎีกา #โรงพยาบาลตำรวจ #โรงพยาบาลราชทัณฑ์ #คำเบิกความแพทย์ #นพวรงค์ #นพตุลย์ #การเมืองไทย #ข่าวศาล
    คำไต่สวน "พยานเบิกความ" คดีชั้น 14 รพ.ตำรวจ ยัน “ทักษิณ”เปลี่ยนชุดนักโทษ-แจ้งเจ็บหน้าอก https://www.thai-tai.tv/news/20024/ . #ทักษิณชินวัตร #คดีป่วยทิพย์ #ศาลฎีกา #โรงพยาบาลตำรวจ #โรงพยาบาลราชทัณฑ์ #คำเบิกความแพทย์ #นพวรงค์ #นพตุลย์ #การเมืองไทย #ข่าวศาล
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • “ชาญชัย” ร่วมฟังไต่สวนคดีพักโทษ “ทักษิณ” ย้ำปมใบเสร็จ–เวชทะเบียนต้องชัด ชี้ศาลมีอำนาจเต็มเรียกเอกสาร
    https://www.thai-tai.tv/news/20015/
    .
    #ทักษิณชินวัตร #ชาญชัยอิสระเสนารักษ์ #ศาลฎีกา #โรงพยาบาลตำรวจ #โรงพยาบาลราชทัณฑ์ #คดีป่วยทิพย์ #เวชระเบียน #อดีตนายกฯ #การเมืองไทย #ความโปร่งใส
    “ชาญชัย” ร่วมฟังไต่สวนคดีพักโทษ “ทักษิณ” ย้ำปมใบเสร็จ–เวชทะเบียนต้องชัด ชี้ศาลมีอำนาจเต็มเรียกเอกสาร https://www.thai-tai.tv/news/20015/ . #ทักษิณชินวัตร #ชาญชัยอิสระเสนารักษ์ #ศาลฎีกา #โรงพยาบาลตำรวจ #โรงพยาบาลราชทัณฑ์ #คดีป่วยทิพย์ #เวชระเบียน #อดีตนายกฯ #การเมืองไทย #ความโปร่งใส
    0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
  • หมอชนะ

    ที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. มีมติมากกว่า 2 ใน 3 ไม่รับการยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภา จากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา ยืนยันตามมติเดิมเมื่อวันที่ 8 พ.ค. พักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 ราย และตักเตือน 1 ราย ที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวและรักษาอาการป่วยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนักโทษคดีทุจริต จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มายังชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว และไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่ามีภาวะวิกฤตเกิดขึ้น โดยมีกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุม 68 คน จากจำนวนกรรมการที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน

    แม้นายสมศักดิ์พยายามเข้าไปชี้แจงในที่ประชุมแพทยสภา ซึ่งให้เวลาเพียง 15 นาที และออกหนังสือยับยั้งมติ (วีโต้) อ้างว่าเป็นการตีวัวกระทบคราดนายทักษิณ ที่ได้รับการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่มีศักยภาพรักษาเฉพาะทาง ทำให้แพทย์อีกหลายคนไม่กล้าเสี่ยงเพื่อช่วยชีวิตคนไข้ให้ดีที่สุด กล่าวหาว่าเป็นการลงโทษที่เกิดจากอคติในใจ โทษรุนแรงเกินไป อาจมีบางอย่างไม่ถูกต้องในกระบวนการนี้ และหากเป็นแพทย์รุ่นหลังที่อ่อนประสบการณ์ที่สุด จะเมตตาหรือเย็นชาโดยมีปัจจัยภายนอกชี้นำ แต่ที่ประชุมแพทยสภาได้นำข้อมูลมาเปรียบเทียบมติของกรรมการแพทยสภา และมีบทวิเคราะห์ออกมา

    ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา คนที่ 1 ยืนยันว่า กรณีจริยธรรมทางการแพทย์ไม่สามารถเปรียบเทียบข้อมูลวิชาชีพไม่เหมือนกัน วิชาการไม่เหมือนกัน คอนเซปต์ไม่เหมือนกัน จะเอามาเทียบเคียงกันคงไม่เหมาะสม ขณะเดียวกันมีบางกลุ่มที่ใช้กลไกบางอย่างพยายามจะทำให้กรรมการแพทยสภาไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง หรือขัดกับจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ บางกรณีเข้าเกณฑ์เหมือนข่มขู่ด้วยซ้ำ

    ส่วนที่นายสมศักดิ์อ้างว่าจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้แพทย์รุ่นใหม่มีความกลัวหรือไม่ เห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นแพทย์รุ่นใหม่หรือแพทย์รุ่นเดิม เราได้รับการอบรมสั่งสอนมาเหมือนกัน เราเข้าใจจรรยาบรรณวิชาชีพ เข้าใจความถูกต้อง เข้าใจบทบาทและหน้าที่เหมือนกัน อยากจะย้ำว่าวันนี้เราทำตามสิ่งที่เราถูกสอนมา และคิดว่าวันนี้แพทย์ทั้งหลายที่เรียนอยู่ก็ได้เห็นกรณีนี้เป็นกรณีศึกษาต่อไปว่า บทบาทของแพทย์มากมายกว่ารักษาคนไข้อย่างเดียว คือการรักษาไว้ซึ่งมาตรฐานการรักษา

    สำหรับแพทย์ที่ถูกพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ได้แก่ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ จากโรงพยาบาลตำรวจ ส่วนแพทย์ที่ถูกว่ากล่าวตักเตือน คือ พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์ จากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์

    #Newskit
    หมอชนะ ที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา เมื่อวันที่ 12 มิ.ย. มีมติมากกว่า 2 ใน 3 ไม่รับการยับยั้งมติลงโทษผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรมของคณะกรรมการแพทยสภา จากนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข ในฐานะสภานายกพิเศษแห่งแพทยสภา ยืนยันตามมติเดิมเมื่อวันที่ 8 พ.ค. พักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 ราย และตักเตือน 1 ราย ที่เกี่ยวข้องกับการส่งตัวและรักษาอาการป่วยนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนักโทษคดีทุจริต จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ มายังชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ โดยไม่ติดคุกแม้แต่วันเดียว และไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ที่ชัดเจนว่ามีภาวะวิกฤตเกิดขึ้น โดยมีกรรมการแพทยสภาเข้าร่วมประชุม 68 คน จากจำนวนกรรมการที่มีสิทธิ์ลงคะแนนทั้งสิ้น 69 คน แม้นายสมศักดิ์พยายามเข้าไปชี้แจงในที่ประชุมแพทยสภา ซึ่งให้เวลาเพียง 15 นาที และออกหนังสือยับยั้งมติ (วีโต้) อ้างว่าเป็นการตีวัวกระทบคราดนายทักษิณ ที่ได้รับการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลที่มีศักยภาพรักษาเฉพาะทาง ทำให้แพทย์อีกหลายคนไม่กล้าเสี่ยงเพื่อช่วยชีวิตคนไข้ให้ดีที่สุด กล่าวหาว่าเป็นการลงโทษที่เกิดจากอคติในใจ โทษรุนแรงเกินไป อาจมีบางอย่างไม่ถูกต้องในกระบวนการนี้ และหากเป็นแพทย์รุ่นหลังที่อ่อนประสบการณ์ที่สุด จะเมตตาหรือเย็นชาโดยมีปัจจัยภายนอกชี้นำ แต่ที่ประชุมแพทยสภาได้นำข้อมูลมาเปรียบเทียบมติของกรรมการแพทยสภา และมีบทวิเคราะห์ออกมา ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภา คนที่ 1 ยืนยันว่า กรณีจริยธรรมทางการแพทย์ไม่สามารถเปรียบเทียบข้อมูลวิชาชีพไม่เหมือนกัน วิชาการไม่เหมือนกัน คอนเซปต์ไม่เหมือนกัน จะเอามาเทียบเคียงกันคงไม่เหมาะสม ขณะเดียวกันมีบางกลุ่มที่ใช้กลไกบางอย่างพยายามจะทำให้กรรมการแพทยสภาไม่ได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง หรือขัดกับจรรยาบรรณแห่งวิชาชีพ บางกรณีเข้าเกณฑ์เหมือนข่มขู่ด้วยซ้ำ ส่วนที่นายสมศักดิ์อ้างว่าจะเป็นการสร้างบรรทัดฐานใหม่ให้แพทย์รุ่นใหม่มีความกลัวหรือไม่ เห็นว่า ไม่ว่าจะเป็นแพทย์รุ่นใหม่หรือแพทย์รุ่นเดิม เราได้รับการอบรมสั่งสอนมาเหมือนกัน เราเข้าใจจรรยาบรรณวิชาชีพ เข้าใจความถูกต้อง เข้าใจบทบาทและหน้าที่เหมือนกัน อยากจะย้ำว่าวันนี้เราทำตามสิ่งที่เราถูกสอนมา และคิดว่าวันนี้แพทย์ทั้งหลายที่เรียนอยู่ก็ได้เห็นกรณีนี้เป็นกรณีศึกษาต่อไปว่า บทบาทของแพทย์มากมายกว่ารักษาคนไข้อย่างเดียว คือการรักษาไว้ซึ่งมาตรฐานการรักษา สำหรับแพทย์ที่ถูกพักใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม ได้แก่ พล.ต.ท.โสภณรัชต์ สิงหจารุ และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ จากโรงพยาบาลตำรวจ ส่วนแพทย์ที่ถูกว่ากล่าวตักเตือน คือ พญ.รวมทิพย์ สุภานันท์ จากทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ #Newskit
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 320 Views 0 Reviews
  • ตู่น้องพี่ที่กล้าหาญ
    ‘สนธิ’รับ ‘จตุพร’เป็นศิษย์น้อง แสวงจุดร่วม ‘ทักษิณ’เลว

    ////////////////////

    วันที่ 25 พฤษภาคม 2568 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กลุ่มอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล ร่วมกับนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, นายทนง ขันทอง, นายนพรัตน์ พรวนสุข, นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประพันธุ์ และนายคูณมี จัดเวที “ความจริงมีหนึ่งเดียวครั้งที่ 2/2568” ขณะที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตหัวหน้าศูนย์นโยบายและวิชาการของพรรคพลังประชารัฐ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ร่วมรับฟังด้วย
    โดยนายจตุพร เข้าสวมกอดนายสนธิ และกล่าวตอนหนึ่งว่า ตนเชื่อว่าตลอดระยะเวลา 20 ปีมานี้ ภาพที่ท่านทั้งหลายได้เห็นขณะนี้ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้น เพราะคำว่าทวงความถูกต้องให้กับคนไทยเป็นหัวใจหลักนำพาให้ตนมาพบกับนายสนธิ ลิ้มทองกูล ในวันนี้ ซึ่งนายสนธิได้ชวนตนในขณะที่พบกันที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมือประมาณ 7 ปีที่แล้ว ว่าเราจะได้มีโอกาสถ้อยแถลงพร้อมกัน โดยผ่านมา 7 ปีเพิ่งประสบความสำเร็จในวันนี้ และก่อนหน้านี้ 5 วัน เหมือนของนายสนธิแรงเหลือเกิน เพราะตนติดโควิด-19 แต่ได้กินยาฟ้าทะลายโจรของนายปานเทพ จึงทำให้สภาพร่างกายพร้อม
    อย่างไรก็ตามวันนี้คงไม่มีอะไรสำคัญมากกว่าประเทศไทย ที่ผ่านมาตนจะอย่างไรทุกอย่างเป็นเรื่องเล็ก ส่วนเรื่องใหญ่ของบ้านเมืองในวันนี้คือจะนำพาให้ประเทศไทยเดินทางในทิศทางที่ถูกต้อง และพลิกฟื้นประเทศชาติขึ้นมาได้อย่างไร ตนผ่านมาหลายเหตุการณ์ มารู้ตัวอีกทีก็อายุ 60 ปี แต่ทันทีที่ตนประกาศรบกับนายทักษิณ ทุกคนก็กลับมาญาติดีกับตนเหมือนเดิม ทั้งนี้วันที่นายทักษิณ กลับมาประเทศไทยและยื่นถวายฎีกา ยอมรับว่ากระทำความผิดตามคำพิพากษา มองว่าไม่ใช่ผลพวงการยึดอำนาจหรือตุลาการภิวัฒน์ แต่เขายอมรับว่าทุจริตจริง ไม่ว่าระบอบการเมืองใดทุจริตคือทุจริต โกงก็คือโกง ไม่ว่าจะเป็นเผด็จการหรือประชาธิปไตย
    และขณะนี้มีการตั้งคำถามว่านายทักษิณ จะหนีหรือไม่ หรือมีการหนีออกนอกประเทศไปแล้วหรือยัง ซึ่งตนไม่อยากให้หนีอยากให้ได้ซึมซับบรรยากาศอย่างที่ตนและนายสนธิ ได้ซึมซับในเรือนจำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีคนไทยคนไหนได้รับโอกาสเหมือนนายทักษิณอีกแล้ว และเขาไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว และหากเขายอมรับตามที่ได้เขียนถวายฎีกา คนก็ไม่ต้องมาลุ้นว่าจะหนีหรือไม่ และหัวใจหลักที่คนออกมาต่อสู้กับนายทักษิณ คือการปฎิบัติ 2 มาตรฐานและอภิสิทธิ์ชน ซึ่งนายทักษิณได้ทำครบทุกข้อ ที่ผ่านมาเราได้เห็นความเป็นทักษิณ ผู้สนับสนุนได้หูตาสว่างมากขึ้น เพราะการกระทำทั้งหมดเป็นการทำลายตัวเองอย่างย่อยยับไม่มีใครไปทำอะไรเขา ตอนอยู่ต่างประเทศกระแสนิยมสูง เพราะเห็นว่าไม่ได้รับความยุติธรรม แต่เมื่อกลับมาประเทศไทยตั้งแต่ 22 สิงหาคม 66 จนถึงวันนี้ คนไทยได้เห็นความเป็นตัวตนของนายทักษิณครบถ้วน สิ่งที่เสียไปคือการได้รัฐบาลแบบนี้ และเราได้เห็นการเปลือยตัวอย่างล่อนจ้อนของนายทักษิณ และเชื่อว่าหาคนไปตายแทบจะไม่เห็นในเวลาต่อมา

    ดังนั้นจึงควรมาเริ่มต้นความถูกต้องให้เกิดขึ้นในแผ่นดินนี้ เราต้องยอมรับความจริงว่าบ้านเมืองเดินมาถึงจุดเสียหายครบทุกด้าน เลยคำว่าปฏิรูป อาจถึงขั้นการปฏิวัติและล้างบางกันใหม่ โดยยึดแนวทางสร้างสถาบันหลักของชาติและประชาชนให้แข็งแรง เพราะแต่ละขบวนการเราหาสิ่งที่ถูกต้องไม่เจอ กล่าวอ้างประชาธิปไตยเพียงแค่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งก่อนหน้านั้นมีการซื้อเสียงตั้งแต่ระดับผู้ใหญ่บ้านแต่กลับอธิบายว่าเป็นประชาธิปไตย
    นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้ตนมีโอกาสอยู่ท้องถนนและเข้าสู่สภาฯ บ้าง ซึ่งเทียบแล้วอยู่บนถนนมีความสุขมากกว่ารัฐสภา วันนี้เป็นตัวของตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง จึงต้องกล้าคิดว่าหนทางบ้านเมืองต่อไปนี้จะช่วยอะไรได้บ้าง ตนรู้ว่าพี่น้องสู้กันมานาน ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ เช่น 14 ตุลา 6 ตุลา และสงครามที่เกี่ยวกับนายทักษิณมา 20 ปี ล้วนยังไม่มีที่สิ้นสุดแต่ประเทศกลับแย่ ทั้งนี้หากสู้เพื่อสลับอำนาจให้กับนักการเมืองหรือผู้อื่น ก่อนเข้าสู่อำนาจรับปากหมด แต่เมื่อเป็นผู้มีอำนาจระหว่างเดินทางจากบ้านไปทำเนียบกลับทำสมองหล่นกลางทาง เราเจอผู้ปกครองลักษณะนี้มาโดยบ้านเมืองจึงแก้ไขไม่ได้

    ทั้งนี้ตนกับทนายนกเขา จัดรายการมา 2 ปี เพื่ออธิบายว่าหากประชาชนไม่สามัคคีกันเราไม่มีทางเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ได้รวมถึงถ้าประชาชนถูกปลุกปั่นให้ทะเลาะกัน วันนี้เป็นโอกาสดีที่สุดที่นายทักษิณกลับมาประเทศไทย และทำให้แต่ละฝ่ายสามัคคีกันโดยไม่ได้นัดหมาย เรื่องราวของบ้านเมืองจากนี้ไปภาคประชาชนต้องให้กำลังใจกัน เราเจอการบริหารประเทศแบ่งแยกและปกครอง รัฐบาลทั้งโลกและประเทศไทยล้วนแต่ชั่วทั้งสิ้น วิธีจัดการรัฐบาลนี้คือประชาชนต้องสามัคคีเท่านั้น
    อย่างไรก็ตามหลังวันที่ 13 มิถุนายน 2568 นี้บ้านเมืองนี้คงเจริญและรวดเร็วขึ้นทุกกระบวนการ เพราะผลนั้นจะเป็นน้ำมันหล่อลื่น เรื่องที่หนืดในกกต. ผู้ตรวจการแผ่นดินหรือ ป.ป.ช. จะมีความรวดเร็วมากขึ้น เพราะทุกขบวนการทำหน้าที่จะเริ่มต้นในการคิดใหม่ แต่ถ้าทุกคนรอคนใหม่มาทำหน้าที่จะทำให้บ้านเมืองจะย่อยยับ ตนมองว่าบ้านเมืองจะเปลี่ยนแต่ปัญหาคือจะเปลี่ยนไปเป็นแบบเดิมได้หรือไม่ ขออย่าหนีจิ้งจกมาเจอตุ๊กแก

    อย่างไรก็ตามตลอด 2 ปีที่ผ่านมา กับสองนายกรัฐมนตรีมีอะไรที่ดีขึ้นบ้าง และนโยบายที่หาเสียงสามารถทำได้จริงหรือไม่ ทั้งลดค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส ค่าไฟฟ้าทันที ไฟฟ้า 20 บาททุกสาย รวมถึงแจกเงินหมื่นผ่สนดิจิทัลวอลเล็ต ตอนนี้กลับทำไม่ได้ ความจริงที่กล้าลวง เพราะคิดว่าประชาชนประเทศนี้อะไรก็ได้ วันนี้ถึงเวลาของประชาชนที่เห็นบ้านเมืองไม่ถูกต้อง ผิดทำนองคลองธรรม ประเทศนี้เป็นของเรา ต้องมีสิทธิ์กำหนดอนาคต ไม่ใช่ให้นายทักษิณคิดคนเดียว แต่ประชาชนสามารถคิดในแผ่นดินนี้ได้เหมือนกัน และสุดท้ายเวลาที่ต้องการความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจมาถึงแล้ว วันนี้ตนและทนายนกเขาพร้อมร่วมมือกับนายสนธิ เรื่องชาติบ้านเมือง เพื่อร่วมเปลี่ยนประเทศไทยไปด้วยกัน
    ตู่น้องพี่ที่กล้าหาญ ‘สนธิ’รับ ‘จตุพร’เป็นศิษย์น้อง แสวงจุดร่วม ‘ทักษิณ’เลว //////////////////// วันที่ 25 พฤษภาคม 2568 ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ กลุ่มอดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย นำโดย นายสนธิ ลิ้มทองกุล ร่วมกับนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์, นายทนง ขันทอง, นายนพรัตน์ พรวนสุข, นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประพันธุ์ และนายคูณมี จัดเวที “ความจริงมีหนึ่งเดียวครั้งที่ 2/2568” ขณะที่นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตหัวหน้าศูนย์นโยบายและวิชาการของพรรคพลังประชารัฐ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ร่วมรับฟังด้วย โดยนายจตุพร เข้าสวมกอดนายสนธิ และกล่าวตอนหนึ่งว่า ตนเชื่อว่าตลอดระยะเวลา 20 ปีมานี้ ภาพที่ท่านทั้งหลายได้เห็นขณะนี้ไม่มีใครคิดว่าจะเกิดขึ้น เพราะคำว่าทวงความถูกต้องให้กับคนไทยเป็นหัวใจหลักนำพาให้ตนมาพบกับนายสนธิ ลิ้มทองกูล ในวันนี้ ซึ่งนายสนธิได้ชวนตนในขณะที่พบกันที่โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เมือประมาณ 7 ปีที่แล้ว ว่าเราจะได้มีโอกาสถ้อยแถลงพร้อมกัน โดยผ่านมา 7 ปีเพิ่งประสบความสำเร็จในวันนี้ และก่อนหน้านี้ 5 วัน เหมือนของนายสนธิแรงเหลือเกิน เพราะตนติดโควิด-19 แต่ได้กินยาฟ้าทะลายโจรของนายปานเทพ จึงทำให้สภาพร่างกายพร้อม อย่างไรก็ตามวันนี้คงไม่มีอะไรสำคัญมากกว่าประเทศไทย ที่ผ่านมาตนจะอย่างไรทุกอย่างเป็นเรื่องเล็ก ส่วนเรื่องใหญ่ของบ้านเมืองในวันนี้คือจะนำพาให้ประเทศไทยเดินทางในทิศทางที่ถูกต้อง และพลิกฟื้นประเทศชาติขึ้นมาได้อย่างไร ตนผ่านมาหลายเหตุการณ์ มารู้ตัวอีกทีก็อายุ 60 ปี แต่ทันทีที่ตนประกาศรบกับนายทักษิณ ทุกคนก็กลับมาญาติดีกับตนเหมือนเดิม ทั้งนี้วันที่นายทักษิณ กลับมาประเทศไทยและยื่นถวายฎีกา ยอมรับว่ากระทำความผิดตามคำพิพากษา มองว่าไม่ใช่ผลพวงการยึดอำนาจหรือตุลาการภิวัฒน์ แต่เขายอมรับว่าทุจริตจริง ไม่ว่าระบอบการเมืองใดทุจริตคือทุจริต โกงก็คือโกง ไม่ว่าจะเป็นเผด็จการหรือประชาธิปไตย และขณะนี้มีการตั้งคำถามว่านายทักษิณ จะหนีหรือไม่ หรือมีการหนีออกนอกประเทศไปแล้วหรือยัง ซึ่งตนไม่อยากให้หนีอยากให้ได้ซึมซับบรรยากาศอย่างที่ตนและนายสนธิ ได้ซึมซับในเรือนจำ ตลอดเวลาที่ผ่านมาไม่มีคนไทยคนไหนได้รับโอกาสเหมือนนายทักษิณอีกแล้ว และเขาไม่ยอมติดคุกแม้แต่วันเดียว และหากเขายอมรับตามที่ได้เขียนถวายฎีกา คนก็ไม่ต้องมาลุ้นว่าจะหนีหรือไม่ และหัวใจหลักที่คนออกมาต่อสู้กับนายทักษิณ คือการปฎิบัติ 2 มาตรฐานและอภิสิทธิ์ชน ซึ่งนายทักษิณได้ทำครบทุกข้อ ที่ผ่านมาเราได้เห็นความเป็นทักษิณ ผู้สนับสนุนได้หูตาสว่างมากขึ้น เพราะการกระทำทั้งหมดเป็นการทำลายตัวเองอย่างย่อยยับไม่มีใครไปทำอะไรเขา ตอนอยู่ต่างประเทศกระแสนิยมสูง เพราะเห็นว่าไม่ได้รับความยุติธรรม แต่เมื่อกลับมาประเทศไทยตั้งแต่ 22 สิงหาคม 66 จนถึงวันนี้ คนไทยได้เห็นความเป็นตัวตนของนายทักษิณครบถ้วน สิ่งที่เสียไปคือการได้รัฐบาลแบบนี้ และเราได้เห็นการเปลือยตัวอย่างล่อนจ้อนของนายทักษิณ และเชื่อว่าหาคนไปตายแทบจะไม่เห็นในเวลาต่อมา ดังนั้นจึงควรมาเริ่มต้นความถูกต้องให้เกิดขึ้นในแผ่นดินนี้ เราต้องยอมรับความจริงว่าบ้านเมืองเดินมาถึงจุดเสียหายครบทุกด้าน เลยคำว่าปฏิรูป อาจถึงขั้นการปฏิวัติและล้างบางกันใหม่ โดยยึดแนวทางสร้างสถาบันหลักของชาติและประชาชนให้แข็งแรง เพราะแต่ละขบวนการเราหาสิ่งที่ถูกต้องไม่เจอ กล่าวอ้างประชาธิปไตยเพียงแค่ไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง ซึ่งก่อนหน้านั้นมีการซื้อเสียงตั้งแต่ระดับผู้ใหญ่บ้านแต่กลับอธิบายว่าเป็นประชาธิปไตย นายจตุพร กล่าวว่า วันนี้ตนมีโอกาสอยู่ท้องถนนและเข้าสู่สภาฯ บ้าง ซึ่งเทียบแล้วอยู่บนถนนมีความสุขมากกว่ารัฐสภา วันนี้เป็นตัวของตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง จึงต้องกล้าคิดว่าหนทางบ้านเมืองต่อไปนี้จะช่วยอะไรได้บ้าง ตนรู้ว่าพี่น้องสู้กันมานาน ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ เช่น 14 ตุลา 6 ตุลา และสงครามที่เกี่ยวกับนายทักษิณมา 20 ปี ล้วนยังไม่มีที่สิ้นสุดแต่ประเทศกลับแย่ ทั้งนี้หากสู้เพื่อสลับอำนาจให้กับนักการเมืองหรือผู้อื่น ก่อนเข้าสู่อำนาจรับปากหมด แต่เมื่อเป็นผู้มีอำนาจระหว่างเดินทางจากบ้านไปทำเนียบกลับทำสมองหล่นกลางทาง เราเจอผู้ปกครองลักษณะนี้มาโดยบ้านเมืองจึงแก้ไขไม่ได้ ทั้งนี้ตนกับทนายนกเขา จัดรายการมา 2 ปี เพื่ออธิบายว่าหากประชาชนไม่สามัคคีกันเราไม่มีทางเปลี่ยนแปลงประเทศนี้ได้รวมถึงถ้าประชาชนถูกปลุกปั่นให้ทะเลาะกัน วันนี้เป็นโอกาสดีที่สุดที่นายทักษิณกลับมาประเทศไทย และทำให้แต่ละฝ่ายสามัคคีกันโดยไม่ได้นัดหมาย เรื่องราวของบ้านเมืองจากนี้ไปภาคประชาชนต้องให้กำลังใจกัน เราเจอการบริหารประเทศแบ่งแยกและปกครอง รัฐบาลทั้งโลกและประเทศไทยล้วนแต่ชั่วทั้งสิ้น วิธีจัดการรัฐบาลนี้คือประชาชนต้องสามัคคีเท่านั้น อย่างไรก็ตามหลังวันที่ 13 มิถุนายน 2568 นี้บ้านเมืองนี้คงเจริญและรวดเร็วขึ้นทุกกระบวนการ เพราะผลนั้นจะเป็นน้ำมันหล่อลื่น เรื่องที่หนืดในกกต. ผู้ตรวจการแผ่นดินหรือ ป.ป.ช. จะมีความรวดเร็วมากขึ้น เพราะทุกขบวนการทำหน้าที่จะเริ่มต้นในการคิดใหม่ แต่ถ้าทุกคนรอคนใหม่มาทำหน้าที่จะทำให้บ้านเมืองจะย่อยยับ ตนมองว่าบ้านเมืองจะเปลี่ยนแต่ปัญหาคือจะเปลี่ยนไปเป็นแบบเดิมได้หรือไม่ ขออย่าหนีจิ้งจกมาเจอตุ๊กแก อย่างไรก็ตามตลอด 2 ปีที่ผ่านมา กับสองนายกรัฐมนตรีมีอะไรที่ดีขึ้นบ้าง และนโยบายที่หาเสียงสามารถทำได้จริงหรือไม่ ทั้งลดค่าน้ำมัน ค่าแก๊ส ค่าไฟฟ้าทันที ไฟฟ้า 20 บาททุกสาย รวมถึงแจกเงินหมื่นผ่สนดิจิทัลวอลเล็ต ตอนนี้กลับทำไม่ได้ ความจริงที่กล้าลวง เพราะคิดว่าประชาชนประเทศนี้อะไรก็ได้ วันนี้ถึงเวลาของประชาชนที่เห็นบ้านเมืองไม่ถูกต้อง ผิดทำนองคลองธรรม ประเทศนี้เป็นของเรา ต้องมีสิทธิ์กำหนดอนาคต ไม่ใช่ให้นายทักษิณคิดคนเดียว แต่ประชาชนสามารถคิดในแผ่นดินนี้ได้เหมือนกัน และสุดท้ายเวลาที่ต้องการความร่วมมือร่วมแรงร่วมใจมาถึงแล้ว วันนี้ตนและทนายนกเขาพร้อมร่วมมือกับนายสนธิ เรื่องชาติบ้านเมือง เพื่อร่วมเปลี่ยนประเทศไทยไปด้วยกัน
    0 Comments 0 Shares 598 Views 0 Reviews
  • หาม "พิมล" วิศวกรวัย 85 ปี ผู้ต้องหาคดีอาคาร สตง.ถล่ม ส่ง รพ.ภูมิพล หลังเครียดจนสโตรก ซีกซ้ายขยับไม่ได้ ด้านเปรมชัย มีปัญหาสุขภาพ ส่งตัวเข้ารักษาโรงพยาบาลราชทัณฑ์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000047166

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    หาม "พิมล" วิศวกรวัย 85 ปี ผู้ต้องหาคดีอาคาร สตง.ถล่ม ส่ง รพ.ภูมิพล หลังเครียดจนสโตรก ซีกซ้ายขยับไม่ได้ ด้านเปรมชัย มีปัญหาสุขภาพ ส่งตัวเข้ารักษาโรงพยาบาลราชทัณฑ์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000047166 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    11
    0 Comments 0 Shares 1427 Views 0 Reviews
  • เปิดชื่อ 3 หมอ โดนแพทยสภา ลงมติสั่งลงโทษคดี ชั้น 14 'รวมทิพย์ สุภานันท์' โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เจอตักเตือน เหตุเขียนใบส่งตัวล่วงหน้า
    https://www.thai-tai.tv/news/18605/
    เปิดชื่อ 3 หมอ โดนแพทยสภา ลงมติสั่งลงโทษคดี ชั้น 14 'รวมทิพย์ สุภานันท์' โรงพยาบาลราชทัณฑ์ เจอตักเตือน เหตุเขียนใบส่งตัวล่วงหน้า https://www.thai-tai.tv/news/18605/
    0 Comments 0 Shares 122 Views 0 Reviews
  • ฟัน 3 แพทย์ ผิดจริยธรรม เอื้อ"ทักษิณ"นอนชั้น 14 : [THE MESSAGE]
    ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 เผยผลการประชุมคณะกรรมการแพทยสภา เรื่องการตรวจสอบจริยธรรมทางวิชาชีพเวชกรรมแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ กรณีการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ที่ประชุมมีมติลงโทษแพทย์ 3 คน โดยว่ากล่าวตักเตือน 1 คน และพักใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน เนื่องจากไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าป่วยวิกฤติ หลังจากนี้จะนำเข้าที่ประชุมสภานายกพิเศษ ที่มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เป็นนายกสภาพิเศษ ภายใน 15 วัน เพื่อพิจารณา หากมีความเห็นแย้งก็ส่งกลับเข้าที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา เพื่อพิจารณาอีกครั้ง โดยเป็นการพิจารณาจากเอกสารทั้งหมดที่ได้รับ ยืนยันแพทยสภายึดหลักความถูกต้องตามหลักฐานที่มี ไม่ได้อิงจากปัจจัยภายนอก ไม่ได้สนใจว่าบุคคลนั้นเป็นใคร ยืนยัน แพทย์ทุกคนและแพทยสภามีศักดิ์ศรีในการดำเนินสิ่งที่ถูกต้องและชอบธรรมให้สังคม
    ฟัน 3 แพทย์ ผิดจริยธรรม เอื้อ"ทักษิณ"นอนชั้น 14 : [THE MESSAGE] ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 เผยผลการประชุมคณะกรรมการแพทยสภา เรื่องการตรวจสอบจริยธรรมทางวิชาชีพเวชกรรมแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ กรณีการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ที่ประชุมมีมติลงโทษแพทย์ 3 คน โดยว่ากล่าวตักเตือน 1 คน และพักใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน เนื่องจากไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าป่วยวิกฤติ หลังจากนี้จะนำเข้าที่ประชุมสภานายกพิเศษ ที่มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เป็นนายกสภาพิเศษ ภายใน 15 วัน เพื่อพิจารณา หากมีความเห็นแย้งก็ส่งกลับเข้าที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา เพื่อพิจารณาอีกครั้ง โดยเป็นการพิจารณาจากเอกสารทั้งหมดที่ได้รับ ยืนยันแพทยสภายึดหลักความถูกต้องตามหลักฐานที่มี ไม่ได้อิงจากปัจจัยภายนอก ไม่ได้สนใจว่าบุคคลนั้นเป็นใคร ยืนยัน แพทย์ทุกคนและแพทยสภามีศักดิ์ศรีในการดำเนินสิ่งที่ถูกต้องและชอบธรรมให้สังคม
    Like
    Haha
    7
    0 Comments 2 Shares 876 Views 28 0 Reviews
  • ฟัน 3 แพทย์รักษา"ทักษิณ"ผิดจริยธรรมวิชาชีพ : [NEWS UPDATE]

    ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 เผยผลการประชุมคณะกรรมการแพทยสภา เรื่องการตรวจสอบจริยธรรมทางวิชาชีพเวชกรรมของแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ กรณีการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ที่ประชุมมีมติลงโทษแพทย์ 3 คน โดยว่ากล่าวตักเตือน 1 คน และพักใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน เนื่องจากไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าป่วยวิกฤติ โดยหลังคณะกรรมการแพทยสภามีมติแล้ว จะนำเข้าที่ประชุมสภานายกพิเศษ ที่มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เป็นนายกสภาพิเศษ ภายใน 15 วัน เพื่อพิจารณาว่าจะมีความเห็นตามมติคณะกรรมการแพทยสภาหรือมีความเห็นแย้งหรือไม่ หากมีความเห็นแย้งก็ส่งกลับเข้าที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา เพื่อพิจารณาอีกครั้ง

    -ไม่ใช่สงครามสีแดง-น้ำเงิน

    -ปรับยอดผู้สูญหายตึก สตง.

    -ขึ้นภาษีน้ำมันหารายได้เพิ่ม

    -สหรัฐจ้องคุมฉนวนกาซา
    ฟัน 3 แพทย์รักษา"ทักษิณ"ผิดจริยธรรมวิชาชีพ : [NEWS UPDATE] ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 เผยผลการประชุมคณะกรรมการแพทยสภา เรื่องการตรวจสอบจริยธรรมทางวิชาชีพเวชกรรมของแพทย์โรงพยาบาลราชทัณฑ์และแพทย์โรงพยาบาลตำรวจ กรณีการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ที่ประชุมมีมติลงโทษแพทย์ 3 คน โดยว่ากล่าวตักเตือน 1 คน และพักใช้ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน เนื่องจากไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าป่วยวิกฤติ โดยหลังคณะกรรมการแพทยสภามีมติแล้ว จะนำเข้าที่ประชุมสภานายกพิเศษ ที่มีนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.สาธารณสุข เป็นนายกสภาพิเศษ ภายใน 15 วัน เพื่อพิจารณาว่าจะมีความเห็นตามมติคณะกรรมการแพทยสภาหรือมีความเห็นแย้งหรือไม่ หากมีความเห็นแย้งก็ส่งกลับเข้าที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา เพื่อพิจารณาอีกครั้ง -ไม่ใช่สงครามสีแดง-น้ำเงิน -ปรับยอดผู้สูญหายตึก สตง. -ขึ้นภาษีน้ำมันหารายได้เพิ่ม -สหรัฐจ้องคุมฉนวนกาซา
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 772 Views 20 0 Reviews
  • แพทยสภามีมติลงโทษแพทย์ 3 รายเอื้อ “ทักษิณ” นอนชั้น 14 เป็นการ พักใช้ใบอนุญาต 2 ราย ฐานให้ข้อมูลไม่ตรงความจริง เพราะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าป่วยวิกฤติตามที่แถลง อีก 1 รายว่ากล่าวตักเตือน ฐานประกอบวิชาชีพไม่ได้มาตรฐานเกี่ยวกับการออกใบส่งตัว โดยต้องส่งมติไปขอความเห็นชอบจาก รมว.สธ.อีกครั้ง

    วันนี้(8 พ.ค.) เมื่อเวลา 15.45 น. ที่อาคารมหิตลาธิเบศร กระทรวงสาธารณสุข ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 แถลงภายหลังจากทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่ ประจำเดือนพฤษภาคม ซึ่งมีวาระสำคัญ คือการนำเสนอผลสรุปการสอบสวนจริยธรรมแพทย์ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการกลั่นกรองของแพทยสภา กรณีการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ

    ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ แถลงว่า วันนี้ มีการประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 5/2568 ประจําเดือนพฤษภาคม มีวาระสําคัญคือการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชนในกรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตํารวจ ผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ได้มีมติลงโทษแพทย์ 3 คน เป็นการประกาศตักเตือน 1 คน ในกรณีประกาศวิชาชีพเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน มีการพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน ในกรณีให้ข้อมูลและเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000043152

    #MGROnline #แพทยสภา
    แพทยสภามีมติลงโทษแพทย์ 3 รายเอื้อ “ทักษิณ” นอนชั้น 14 เป็นการ พักใช้ใบอนุญาต 2 ราย ฐานให้ข้อมูลไม่ตรงความจริง เพราะไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนว่าป่วยวิกฤติตามที่แถลง อีก 1 รายว่ากล่าวตักเตือน ฐานประกอบวิชาชีพไม่ได้มาตรฐานเกี่ยวกับการออกใบส่งตัว โดยต้องส่งมติไปขอความเห็นชอบจาก รมว.สธ.อีกครั้ง • วันนี้(8 พ.ค.) เมื่อเวลา 15.45 น. ที่อาคารมหิตลาธิเบศร กระทรวงสาธารณสุข ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ วัฒนาภา อุปนายกแพทยสภาคนที่ 1 แถลงภายหลังจากทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภาชุดใหญ่ ประจำเดือนพฤษภาคม ซึ่งมีวาระสำคัญ คือการนำเสนอผลสรุปการสอบสวนจริยธรรมแพทย์ที่ผ่านการพิจารณาจากคณะกรรมการกลั่นกรองของแพทยสภา กรณีการพักรักษาตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ • ศ.ดร.นพ.ประสิทธิ์ แถลงว่า วันนี้ มีการประชุมคณะกรรมการแพทยสภาครั้งที่ 5/2568 ประจําเดือนพฤษภาคม มีวาระสําคัญคือการพิจารณาคดีจริยธรรมของแพทย์ที่เป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชนในกรณีที่มีการกล่าวโทษแพทย์ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตํารวจ ผิดจริยธรรมแห่งวิชาชีพเวชกรรม ซึ่งที่ประชุมคณะกรรมการแพทยสภา ได้มีมติลงโทษแพทย์ 3 คน เป็นการประกาศตักเตือน 1 คน ในกรณีประกาศวิชาชีพเวชกรรมที่ไม่ได้มาตรฐาน มีการพักใช้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพเวชกรรม 2 คน ในกรณีให้ข้อมูลและเอกสารทางการแพทย์อันไม่ตรงกับความเป็นจริง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000043152 • #MGROnline #แพทยสภา
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 334 Views 0 Reviews
  • เปิดชื่อ 12 ข้าราชการ-จนท.รัฐ
    เอื้อ "ทักษิณ" ป่วยทิพย์ที่ชั้น 14
    .
    วันนี้ (16 ธ.ค.) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า วันนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณากรณีกล่าวหานายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และพล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณ ชินวัตร อยู่รักษา ที่โรงพยาบาลตำรวจจนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ โดยพิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้น แล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 โดยให้ดำเนินการไต่สวนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 12 คน ทั้งนี้ หากในชั้นไต่สวนพบว่ามีบุคคลอื่น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ให้ดำเนินการไต่สวนกับบุคคลดังกล่าวต่อไป
    .
    สำหรับ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 12 ราย ที่จะถูกดำเนินไต่สวนกรณีนี้ ประกอบด้วย
    .
    1. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์
    2. นายสิทธิ สุธีวงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์
    3. นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์
    4. นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
    5. พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ
    6. พลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ
    7. พันตำรวจเอก ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์
    8. พลตำรวจตรี สามารถ ม่วงศิริ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์
    9. นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์
    10. แพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่
    11. นายสัญญา วงค์หินกอง พัศดีเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
    12. นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
    .
    Cr : MGR Infographics
    .
    .
    #ข้าราชการ #เจ้าหน้าที่รัฐ #เรือนจำพิเศษ #ทักษิณชินวัตร #ป่วยทิพย์ #ชั้น14
    เปิดชื่อ 12 ข้าราชการ-จนท.รัฐ เอื้อ "ทักษิณ" ป่วยทิพย์ที่ชั้น 14 . วันนี้ (16 ธ.ค.) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า วันนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณากรณีกล่าวหานายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และพล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณ ชินวัตร อยู่รักษา ที่โรงพยาบาลตำรวจจนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ โดยพิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้น แล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 โดยให้ดำเนินการไต่สวนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 12 คน ทั้งนี้ หากในชั้นไต่สวนพบว่ามีบุคคลอื่น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ให้ดำเนินการไต่สวนกับบุคคลดังกล่าวต่อไป . สำหรับ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 12 ราย ที่จะถูกดำเนินไต่สวนกรณีนี้ ประกอบด้วย . 1. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ 2. นายสิทธิ สุธีวงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 3. นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 4. นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 5. พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ 6. พลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ 7. พันตำรวจเอก ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์ 8. พลตำรวจตรี สามารถ ม่วงศิริ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์ 9. นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 10. แพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่ 11. นายสัญญา วงค์หินกอง พัศดีเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 12. นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร . Cr : MGR Infographics . . #ข้าราชการ #เจ้าหน้าที่รัฐ #เรือนจำพิเศษ #ทักษิณชินวัตร #ป่วยทิพย์ #ชั้น14
    Like
    5
    0 Comments 1 Shares 1273 Views 0 Reviews
  • ป.ป.ช.รับเรื่องคดีเอื้อทักษิณนอนชั้น 14 ไม่ติดคุก เปิดชื่อ 12 จนท.กรมคุก-รพ.ตำรวจ ไต่สวนชุดใหญ่

    ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องกรณีอธิบดีราชทัณฑ์-แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ เอื้อประโยชน์นักโทษชายทักษิณ นอนวีไอพีชั้น 14 ไม่ติดคุกจริง เปิด 12 รายชื่ออธิบดี-รองอธิบดี-ผบ.เรือนจำ-แพทย์ -พัศดี- พยาบาล โดนไต่สวนชุดใหญ่

    วันนี้ (16 ธ.ค.) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า วันนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณากรณีกล่าวหา นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขังราย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบิดาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณ ชินวัตร อยู่รักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ จนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ

    โดยพิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 โดยให้ดำเนินการไต่สวนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 12 คน ทั้งนี้ หากในชั้นไต่สวนพบว่ามีบุคคลอื่น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ให้ดำเนินการไต่สวนกับบุคคลดังกล่าวต่อไป

    รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ให้กรรมการ ป.ป.ช. ทุกคนเป็นองค์คณะไต่สวนข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ กรมราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลตำรวจ จำนวน 12 ราย กรณีเอื้อประโยชน์ นายทักษิณ เข้าพักรักษาตัวที่ ห้องพิเศษชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ประกอบด้วย 

    1. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์   อธิบดีกรมราชทัณฑ์

    2. นายสิทธิ สุธีวงศ์  เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์

    3. นายชาญ วชิรเดช  รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 

    4. นายนัสที ทองปลาด  ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

    5. พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ  เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ

    6. พลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์  นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ

    7. พันตำรวจเอก ชนะ จงโชคดี  นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์

    8. พลตำรวจตรี สามารถ ม่วงศิริ  แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์

    9. นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข  ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์

    10. แพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์  แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่

    11. นายสัญญา วงค์หินกอง  พัศดีเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

    12. นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน  พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 

    ทั้งนี้ การตั้งองค์คณะไต่สวนคดีชั้น 14 ของ ป.ป.ช. ครั้งนี้ เป็นการไต่สวนคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย ยังต้องผ่านขั้นตอนอีกหลายขั้นตอน ถ้าพบว่ามีมูลจึงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง จากนั้นจึงจะสรุปสำนวน ส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลอีกครั้ง เพราะฉะนั้นข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐทั้ง 12 ราย ตามรายชื่อข้างต้น ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ 

    สำหรับกรณีนี้ ปรากฏเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้แล้วว่า ป.ป.ช.ได้ทำการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงรวบรวมพยานหลักฐานมาระยะหนึ่งแล้ว ขณะที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ส่งรายงานการตรวจสอบที่ชี้ว่า นายทักษิณ ได้รับสิทธิรักษาพยาบาลดีกว่าผู้ต้องขังรายอื่น มาให้ ป.ป.ช. พิจารณาประกอบในช่วงเดือน ส.ค.2567 ที่ผ่านมาด้วย

    ขณะที่การตั้งองค์คณะไต่สวนชุดใหญ่ขึ้นมาไต่สวนคดีของ ป.ป.ช. เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 ที่ระบุว่า ในการไต่สวนเรื่องใดที่เป็นเรื่องสำคัญมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง หรือเป็นกรณีมีการไต่สวนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนเอง หรือจะแต่งตั้งกรรมการไม่น้อยกว่าสองคนและบุคคลอื่นเป็นคณะกรรมการไต่สวนก็ได้
    คณะกรรมการไต่สวนตามวรรคหนึ่งมีอำนาจแต่งตั้งหัวหน้าพนักงานไต่สวนหรือพนักงานไต่สวน และพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ช่วยเหลือคณะกรรมการไต่สวนในการดำเนินการตามหน้าที่ได้ตามที่เห็นสมควร
    ............
    Sondhi X
    ป.ป.ช.รับเรื่องคดีเอื้อทักษิณนอนชั้น 14 ไม่ติดคุก เปิดชื่อ 12 จนท.กรมคุก-รพ.ตำรวจ ไต่สวนชุดใหญ่ ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องกรณีอธิบดีราชทัณฑ์-แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ เอื้อประโยชน์นักโทษชายทักษิณ นอนวีไอพีชั้น 14 ไม่ติดคุกจริง เปิด 12 รายชื่ออธิบดี-รองอธิบดี-ผบ.เรือนจำ-แพทย์ -พัศดี- พยาบาล โดนไต่สวนชุดใหญ่ วันนี้ (16 ธ.ค.) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า วันนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณากรณีกล่าวหา นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขังราย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบิดาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณ ชินวัตร อยู่รักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ จนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ โดยพิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 โดยให้ดำเนินการไต่สวนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 12 คน ทั้งนี้ หากในชั้นไต่สวนพบว่ามีบุคคลอื่น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ให้ดำเนินการไต่สวนกับบุคคลดังกล่าวต่อไป รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ให้กรรมการ ป.ป.ช. ทุกคนเป็นองค์คณะไต่สวนข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ กรมราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลตำรวจ จำนวน 12 ราย กรณีเอื้อประโยชน์ นายทักษิณ เข้าพักรักษาตัวที่ ห้องพิเศษชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ประกอบด้วย  1. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์   อธิบดีกรมราชทัณฑ์ 2. นายสิทธิ สุธีวงศ์  เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 3. นายชาญ วชิรเดช  รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์  4. นายนัสที ทองปลาด  ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 5. พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ  เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ 6. พลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์  นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ 7. พันตำรวจเอก ชนะ จงโชคดี  นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์ 8. พลตำรวจตรี สามารถ ม่วงศิริ  แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์ 9. นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข  ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 10. แพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์  แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่ 11. นายสัญญา วงค์หินกอง  พัศดีเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 12. นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน  พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร  ทั้งนี้ การตั้งองค์คณะไต่สวนคดีชั้น 14 ของ ป.ป.ช. ครั้งนี้ เป็นการไต่สวนคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย ยังต้องผ่านขั้นตอนอีกหลายขั้นตอน ถ้าพบว่ามีมูลจึงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง จากนั้นจึงจะสรุปสำนวน ส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลอีกครั้ง เพราะฉะนั้นข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐทั้ง 12 ราย ตามรายชื่อข้างต้น ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่  สำหรับกรณีนี้ ปรากฏเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้แล้วว่า ป.ป.ช.ได้ทำการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงรวบรวมพยานหลักฐานมาระยะหนึ่งแล้ว ขณะที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ส่งรายงานการตรวจสอบที่ชี้ว่า นายทักษิณ ได้รับสิทธิรักษาพยาบาลดีกว่าผู้ต้องขังรายอื่น มาให้ ป.ป.ช. พิจารณาประกอบในช่วงเดือน ส.ค.2567 ที่ผ่านมาด้วย ขณะที่การตั้งองค์คณะไต่สวนชุดใหญ่ขึ้นมาไต่สวนคดีของ ป.ป.ช. เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 ที่ระบุว่า ในการไต่สวนเรื่องใดที่เป็นเรื่องสำคัญมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง หรือเป็นกรณีมีการไต่สวนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนเอง หรือจะแต่งตั้งกรรมการไม่น้อยกว่าสองคนและบุคคลอื่นเป็นคณะกรรมการไต่สวนก็ได้ คณะกรรมการไต่สวนตามวรรคหนึ่งมีอำนาจแต่งตั้งหัวหน้าพนักงานไต่สวนหรือพนักงานไต่สวน และพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ช่วยเหลือคณะกรรมการไต่สวนในการดำเนินการตามหน้าที่ได้ตามที่เห็นสมควร ............ Sondhi X
    Like
    Haha
    10
    0 Comments 0 Shares 1414 Views 0 Reviews
  • ด่วน! พักโทษปล่อยตัว ‘บุญทรง เตริยาภิรมย์’ ติดกำไล EM คุมประพฤติ 3 ปี 5 เดือน

    มีรายงานข่าวแจ้งว่าเจ้าหน้าที่จาก สำนักงานคุมประพฤติ 7 กทม. เดินทางไปที่ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อติดกำไร EM ให้กับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ที่ได้รับการ อภัยโทษและครบกำหนดเข้าเงื่อนไขการพักโทษในวันนี้

    หลังจากนั้นนายบุญทรงได้ออกจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ในเวลา 10.00 น. โดยแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่คุมประพฤติว่าจะขอโอนย้ายไปคุมประพฤติที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะเดินทางไปในวันพรุ่งนี้ 3 ธ.ค.67 และเข้ารายงานตัวกับทางคุมประพฤติจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 4 ธ.ค.67

    สำหรับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อายุ 64 ปี เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ศาลพิพากษา ปี 2560 กำหนดโทษ 48 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษ ปี 2564 ในรอบแรก เหลือวันต้องโทษจำคุก 16 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษ ปี 2564 ในรอบสอง เหลือวันต้องโทษ 10 ปี จะพ้นโทษ 21 เม.ย.2571

    ทั้งนี้นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ จะถูกคุมประพฤติอีก 3 ปี 5 เดือน
    ด่วน! พักโทษปล่อยตัว ‘บุญทรง เตริยาภิรมย์’ ติดกำไล EM คุมประพฤติ 3 ปี 5 เดือน มีรายงานข่าวแจ้งว่าเจ้าหน้าที่จาก สำนักงานคุมประพฤติ 7 กทม. เดินทางไปที่ ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อติดกำไร EM ให้กับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรมว.พาณิชย์ ที่ได้รับการ อภัยโทษและครบกำหนดเข้าเงื่อนไขการพักโทษในวันนี้ หลังจากนั้นนายบุญทรงได้ออกจากโรงพยาบาลราชทัณฑ์ในเวลา 10.00 น. โดยแจ้งกับทางเจ้าหน้าที่คุมประพฤติว่าจะขอโอนย้ายไปคุมประพฤติที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยจะเดินทางไปในวันพรุ่งนี้ 3 ธ.ค.67 และเข้ารายงานตัวกับทางคุมประพฤติจังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 4 ธ.ค.67 สำหรับนายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อายุ 64 ปี เป็นนักโทษชั้นเยี่ยม ศาลพิพากษา ปี 2560 กำหนดโทษ 48 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษ ปี 2564 ในรอบแรก เหลือวันต้องโทษจำคุก 16 ปี ได้รับอภัยโทษ ลดวันต้องโทษ ปี 2564 ในรอบสอง เหลือวันต้องโทษ 10 ปี จะพ้นโทษ 21 เม.ย.2571 ทั้งนี้นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ จะถูกคุมประพฤติอีก 3 ปี 5 เดือน
    0 Comments 0 Shares 476 Views 0 Reviews
  • ร.อ.ธีรศานต์ ทนายความ เผยหลังเข้าเยี่ยม "สามารถ" ถูกหามส่ง รพ.ราชทัณฑ์ ยังอดอาหาร มีแค่จิบน้ำหวานคุมระดับน้ำตาล เตรียมยื่นอุทธรณ์ประกันตัวอีกครั้ง ขอติด EM

    วันนี้ (29 พ.ย.) เวลา 10.00 น. ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ร.อ.ธีรศานต์ แก้วสง ทนายความของ นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ต้องหาคดีร่วมกันและสมคบกันฟอกเงิน ออกมาเปิดเผยหลังเข้าเยี่ยม นายสามารถ หลังอดอาหารจนป่วยต้องส่งมารักษาตัว ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า วันนี้อาการ นายสามารถ ยังนั่งรถวิลแชร์มีเจ้าหน้าที่ช่วยเข็นรถให้ ออกมาพูดคุยกับตนในห้องทนายความ แต่พบว่ามีอาการน้ำตาลตก ค่าประมาณ 74 ทางพยาบาลได้ให้จิบน้ำหวานบ้างควบคุมระดับน้ำตาลกันอาการช็อค ส่วนอาหารและน้ำยังอดเหมือนเดิม

    ร.อ.ธีรศานต์ กล่าวว่า ตนในฐานะทนายก็อยากให้ส่งรักษาโรงพยาบาลข้างนอกตามสิทธิประกันของ นายสามารถ รวมทั้งในความเป็นจริงไม่อยากให้อดข้าวอดน้ำ ยิ่งสุขภาพแย่ยิ่งทำงานยากขึ้น เมื่อป่วยถึงขั้นเสียชีวิตก็ไม่เป็นผลดีต่อคดี เพราะในปัจจุบันต้องมีชีวิตเพื่อเรียกร้องความยุติธรรม ส่วนคุณแม่ยังไม่มาเยี่ยม แค่ฝากบอกอยากให้กลับมากินข้าวกินน้ำเหมือนเดิม ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลจะมีแพทย์วินิจฉัยอาการป่วยถ้าอาการดีขึ้นก็จะส่งตัวกลับเรือนจำฯ ทันทีเพราะกลัวกระแสกดดัน แต่ตนดูจากอาการอยากให้อยู่โรงพยาบาลก่อน นอกจากนี้ ปัจจุบันหลายคดีความส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการตัดสินจากศาลว่าผิดหรือไม่ผิด และไม่ได้รับการประกันตัวแต่ต้องต่อสู้คดีในเรือนจำ หากเมื่อศาลยกฟ้องแล้ว แต่สิ่งที่สูญเสียแล้วกลับคืนมาไม่ได้ เช่น ครอบครัว บ้าน และการเยียวยาก็ไม่คุ้มค่า

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000114883

    #MGROnline #สามารถ
    ร.อ.ธีรศานต์ ทนายความ เผยหลังเข้าเยี่ยม "สามารถ" ถูกหามส่ง รพ.ราชทัณฑ์ ยังอดอาหาร มีแค่จิบน้ำหวานคุมระดับน้ำตาล เตรียมยื่นอุทธรณ์ประกันตัวอีกครั้ง ขอติด EM • วันนี้ (29 พ.ย.) เวลา 10.00 น. ที่ทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ ร.อ.ธีรศานต์ แก้วสง ทนายความของ นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช ผู้ต้องหาคดีร่วมกันและสมคบกันฟอกเงิน ออกมาเปิดเผยหลังเข้าเยี่ยม นายสามารถ หลังอดอาหารจนป่วยต้องส่งมารักษาตัว ตั้งแต่ช่วงเย็นของวันที่ 27 พ.ย.ที่ผ่านมา ว่า วันนี้อาการ นายสามารถ ยังนั่งรถวิลแชร์มีเจ้าหน้าที่ช่วยเข็นรถให้ ออกมาพูดคุยกับตนในห้องทนายความ แต่พบว่ามีอาการน้ำตาลตก ค่าประมาณ 74 ทางพยาบาลได้ให้จิบน้ำหวานบ้างควบคุมระดับน้ำตาลกันอาการช็อค ส่วนอาหารและน้ำยังอดเหมือนเดิม • ร.อ.ธีรศานต์ กล่าวว่า ตนในฐานะทนายก็อยากให้ส่งรักษาโรงพยาบาลข้างนอกตามสิทธิประกันของ นายสามารถ รวมทั้งในความเป็นจริงไม่อยากให้อดข้าวอดน้ำ ยิ่งสุขภาพแย่ยิ่งทำงานยากขึ้น เมื่อป่วยถึงขั้นเสียชีวิตก็ไม่เป็นผลดีต่อคดี เพราะในปัจจุบันต้องมีชีวิตเพื่อเรียกร้องความยุติธรรม ส่วนคุณแม่ยังไม่มาเยี่ยม แค่ฝากบอกอยากให้กลับมากินข้าวกินน้ำเหมือนเดิม ทั้งนี้ ทางโรงพยาบาลจะมีแพทย์วินิจฉัยอาการป่วยถ้าอาการดีขึ้นก็จะส่งตัวกลับเรือนจำฯ ทันทีเพราะกลัวกระแสกดดัน แต่ตนดูจากอาการอยากให้อยู่โรงพยาบาลก่อน นอกจากนี้ ปัจจุบันหลายคดีความส่วนใหญ่ยังไม่ได้รับการตัดสินจากศาลว่าผิดหรือไม่ผิด และไม่ได้รับการประกันตัวแต่ต้องต่อสู้คดีในเรือนจำ หากเมื่อศาลยกฟ้องแล้ว แต่สิ่งที่สูญเสียแล้วกลับคืนมาไม่ได้ เช่น ครอบครัว บ้าน และการเยียวยาก็ไม่คุ้มค่า • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000114883 • #MGROnline #สามารถ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 620 Views 0 Reviews
  • “รองโฆษกราชทัณฑ์” แจง “สามารถ” ถูกนำตัวส่งรักษา รพ.ราชทัณฑ์ เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (27 พ.ย.) หลังอดข้าวหลายวัน จนมีอาการอ่อนเพลีย

    วันนี้ (28 พ.ย.) นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทันฑวิทยา และในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีที่ทนายความของ นายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช ออกมาระบุว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้ส่งตัวนายสามารถ ไปทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เนื่องจากมีอาการอ่อนเพลีย หลังอดอาหารมาเป็นเวลาเกือบ 4 วัน ว่า เนื่องด้วย นายสามารถ ไม่ได้รับประทานอาหารมาหลายวัน ตั้งแต่ก่อนเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จึงมีอาการความดันตกเล็กน้อย และอาจรวมถึงมีอาการเครียด แต่ไม่ได้มีอาการปวดท้องร่วมด้วย ทำให้ช่วงเย็นวานนี้ (27 พ.ย.) จึงต้องส่งตัวไปรับการรักษาที่ รพ.ราชทัณฑ์ แต่ยืนยันว่า นายสามารถ ได้ดื่มน้ำ แต่เพียงไม่ได้รับประทานอาหารหลายมื้อ

    ส่วนจะเป็นแพทย์ประจำเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ที่เป็นผู้ประเมินอาการนายสามารถ และวินิจฉัยนำส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์หรือไม่นั้น ตนต้องขอไปตรวจสอบรายละเอียดก่อน ว่า เป็นในเวลาหรือนอกเวลา เนื่องด้วยหากเป็นในเวลาปกติหากแพทย์เข้าเวร แพทย์จะเป็นผู้ประเมิน แต่ถ้าเป็นนอกเวลาและฉุกเฉินก็จะเป็นพยาบาล

    อย่างไรก็ตาม ขออนุญาตไปตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมก่อน ทั้งนี้ ตนกำลังจะเข้าไปภายในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อให้ข้อมูลได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ส่วนนายสามารถจะต้องนอนพักรักษาตัวภายในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์นานเท่าไรนั้น จะเป็นการตรวจและวินิจฉัยโดยแพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นหลัก หากมีความคืบหน้าอย่างไร เรื่องการตรวจร่างกาย ตนจะได้เรียนแจ้งอีกครั้ง

    #MGROnline #กรมราชทัณฑ์ #สามารถเจนชัยจิตรวณิช
    “รองโฆษกราชทัณฑ์” แจง “สามารถ” ถูกนำตัวส่งรักษา รพ.ราชทัณฑ์ เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (27 พ.ย.) หลังอดข้าวหลายวัน จนมีอาการอ่อนเพลีย • วันนี้ (28 พ.ย.) นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทันฑวิทยา และในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีที่ทนายความของ นายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช ออกมาระบุว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้ส่งตัวนายสามารถ ไปทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เนื่องจากมีอาการอ่อนเพลีย หลังอดอาหารมาเป็นเวลาเกือบ 4 วัน ว่า เนื่องด้วย นายสามารถ ไม่ได้รับประทานอาหารมาหลายวัน ตั้งแต่ก่อนเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จึงมีอาการความดันตกเล็กน้อย และอาจรวมถึงมีอาการเครียด แต่ไม่ได้มีอาการปวดท้องร่วมด้วย ทำให้ช่วงเย็นวานนี้ (27 พ.ย.) จึงต้องส่งตัวไปรับการรักษาที่ รพ.ราชทัณฑ์ แต่ยืนยันว่า นายสามารถ ได้ดื่มน้ำ แต่เพียงไม่ได้รับประทานอาหารหลายมื้อ • ส่วนจะเป็นแพทย์ประจำเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ที่เป็นผู้ประเมินอาการนายสามารถ และวินิจฉัยนำส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์หรือไม่นั้น ตนต้องขอไปตรวจสอบรายละเอียดก่อน ว่า เป็นในเวลาหรือนอกเวลา เนื่องด้วยหากเป็นในเวลาปกติหากแพทย์เข้าเวร แพทย์จะเป็นผู้ประเมิน แต่ถ้าเป็นนอกเวลาและฉุกเฉินก็จะเป็นพยาบาล • อย่างไรก็ตาม ขออนุญาตไปตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมก่อน ทั้งนี้ ตนกำลังจะเข้าไปภายในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อให้ข้อมูลได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ส่วนนายสามารถจะต้องนอนพักรักษาตัวภายในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์นานเท่าไรนั้น จะเป็นการตรวจและวินิจฉัยโดยแพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นหลัก หากมีความคืบหน้าอย่างไร เรื่องการตรวจร่างกาย ตนจะได้เรียนแจ้งอีกครั้ง • #MGROnline #กรมราชทัณฑ์ #สามารถเจนชัยจิตรวณิช
    0 Comments 0 Shares 727 Views 0 Reviews