• ”ดีเจแมน“ ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ก้มกราบเท้าพ่อแม่ และรีบกลับไปหาลูกสาวทันที หลังติกคุกนาน 1 ปี 7 เดือน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000124230

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ”ดีเจแมน“ ถูกปล่อยตัวออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ก้มกราบเท้าพ่อแม่ และรีบกลับไปหาลูกสาวทันที หลังติกคุกนาน 1 ปี 7 เดือน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000124230 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Yay
    8
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1021 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ใบเตย” โล่งศาลสั่งพิพากษายกฟ้อง ได้ถอดกำไร EM ดีใจ “ดีเจแมน” ได้กลับบ้านไปหาลูกสาวเป็นของขวัญปีใหม่ ไม่รู้จะกลับมาจดทะเบียนสมรสกันไหม โฟกัสที่ลูกเป็นหลัก ขอบคุณทุกกำลังใจและขอบคุณทนายที่ช่วยมาตลอด ด้าน “แม่ป๋อง” เตรียมน้ำมนต์ไปรับลูกแล้ว เชื่อลูกเป็นคนดีเข้มแข็ง อนาคตต่อจากนี้จะไปได้ดีแน่นอน ทนายเผยพร้อมสู้ทุกศาล หากอัยการจะยื่นอุทธรณ์ต่อ ส่วนเรื่องสินไหมทดแทนต้องพิจารณากันอีกที

    หลังเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา (26 ธ.ค. 67) ศาลอาญามีคำสั่งพิพากษายกฟ้อง “ดีเจแมน พัฒนพล มินทะขิน”และ “ใบเตย สุธีวัน ทวีสิน” รวมถึง “นายแดริล ยังฮุย”สามีชาวสิงคโปร์ของสาว “ซาร่า คาซิงกินี” ในคดีฉ้อโกงแชร์ Forex-3D เหตุพยานหลักฐานยังมีข้อสงสัย

    ล่าสุดในช่วงบ่าย “ใบเตย” และ “แม่ป๋อง”พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา ก็ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อ พร้อมกับ ทนายอมร กุศลและ ทนายเฟิร์น ชลวิภา วิริยะกุลทนายความของใบเตย-ดีเจแมน โดยเผยว่ารู้สึกดีใจมาก จากนี้จะทางเดินไปรับดีแมนที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร คาดว่าดีแมจจะได้รับการปล่อยตัวในช่วง 2 ทุ่มของวันนี้ และในส่วนกำไล EM ของใบเตย ก็จะได้รับการถอดออกเช่นกัน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000124121

    #MGROnline #ใบเตย #ใบเตยอาร์สยาม #ดีเจแมน #Forex3D #คดีForex3D #ยกฟ้อง #ศาลยกฟ้อง #ยกฟ้องคดีForex3D
    “ใบเตย” โล่งศาลสั่งพิพากษายกฟ้อง ได้ถอดกำไร EM ดีใจ “ดีเจแมน” ได้กลับบ้านไปหาลูกสาวเป็นของขวัญปีใหม่ ไม่รู้จะกลับมาจดทะเบียนสมรสกันไหม โฟกัสที่ลูกเป็นหลัก ขอบคุณทุกกำลังใจและขอบคุณทนายที่ช่วยมาตลอด ด้าน “แม่ป๋อง” เตรียมน้ำมนต์ไปรับลูกแล้ว เชื่อลูกเป็นคนดีเข้มแข็ง อนาคตต่อจากนี้จะไปได้ดีแน่นอน ทนายเผยพร้อมสู้ทุกศาล หากอัยการจะยื่นอุทธรณ์ต่อ ส่วนเรื่องสินไหมทดแทนต้องพิจารณากันอีกที • หลังเมื่อช่วงสายที่ผ่านมา (26 ธ.ค. 67) ศาลอาญามีคำสั่งพิพากษายกฟ้อง “ดีเจแมน พัฒนพล มินทะขิน”และ “ใบเตย สุธีวัน ทวีสิน” รวมถึง “นายแดริล ยังฮุย”สามีชาวสิงคโปร์ของสาว “ซาร่า คาซิงกินี” ในคดีฉ้อโกงแชร์ Forex-3D เหตุพยานหลักฐานยังมีข้อสงสัย • ล่าสุดในช่วงบ่าย “ใบเตย” และ “แม่ป๋อง”พิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา ก็ได้ออกมาเปิดใจกับสื่อ พร้อมกับ ทนายอมร กุศลและ ทนายเฟิร์น ชลวิภา วิริยะกุลทนายความของใบเตย-ดีเจแมน โดยเผยว่ารู้สึกดีใจมาก จากนี้จะทางเดินไปรับดีแมนที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร คาดว่าดีแมจจะได้รับการปล่อยตัวในช่วง 2 ทุ่มของวันนี้ และในส่วนกำไล EM ของใบเตย ก็จะได้รับการถอดออกเช่นกัน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/entertainment/detail/9670000124121 • #MGROnline #ใบเตย #ใบเตยอาร์สยาม #ดีเจแมน #Forex3D #คดีForex3D #ยกฟ้อง #ศาลยกฟ้อง #ยกฟ้องคดีForex3D
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 396 มุมมอง 0 รีวิว
  • MGR Online - อธิบดีดีเอสไอ เผย เป็นอำนาจพนักงานอัยการอุทธรณ์คดีแชร์ Forex-3D หลังศาลอาญายกฟ้อง “ดีเจแมน-ใบเตย-แดริล” ยันทำตามหลักฐาน ไม่กระทบคดีอื่น

    วันนี้ (26 ธ.ค.) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยกรณีศาลอาญา ยกฟ้อง นายแดรัล ยังฮุย ไซ หรือไซ ยังฮุย (MR. DARYL CAI YONGHUI) สัญชาติสิงคโปร์ , นายพัฒนพล กุญชร หรือ "ดีเจแมน" และ น.ส.สุธีวัน กุญชรหรือทวีสิน หรือ "ใบเตย" ในคดีแชร์ Forex-3D ว่า เบื้องต้นกรณีที่ศาลชั้นต้นได้มีการยกฟ้องจำเลยนั้น การอุทธรณ์จะเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการที่จะยื่นอุทธรณ์ แต่อัยการก็จะต้องพิจารณาประกอบกับคำพิพากษาของศาล อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคำพิพากษาของกลุ่ม "ดีเจแมน-ใบเตย" จะส่งผลต่อคดีของกลุ่มนายอภิรักษ์ โกฎธิ และนักแสดงสาว “พิงกี้ สาวิกา ไชยเดช” เพราะศาลจะต้องมีการพิจารณาเป็นรายบุคคล ตามพยานหลักฐานแตกต่างกันไป ทั้งนี้ ถ้ามีเหตุสงสัย ศาลก็จะยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย ซึ่งเป็นหลักการปกติ

    พ.ต.ต.ยุทธนา เผยว่า ส่วนคดี "ดิไอคอน" (คดีพิเศษที่ 119/2567) ที่ปัจจุบันผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย อยู่ระหว่างการฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและทัณฑสถานหญิงกลาง หากในอนาคตศาลชั้นต้นมีการยกฟ้องเช่นกันจะเกิดความเสียหายหรือไม่ ต้องชี้แจงว่าหลักทั่วไปตามขั้นตอนของกฎหมาย แม้หากศาลมีการพิพากษาจำคุกแล้ว ก็ต้องเอาวันที่ถูกคุมขังมาหักออก พร้อมย้ำว่า ส่วนเรื่องการอุทธรณ์คำพิพากษาของศาล เป็นหน้าที่ของอัยการ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000124132

    #MGROnline #ดีเอสไอ
    MGR Online - อธิบดีดีเอสไอ เผย เป็นอำนาจพนักงานอัยการอุทธรณ์คดีแชร์ Forex-3D หลังศาลอาญายกฟ้อง “ดีเจแมน-ใบเตย-แดริล” ยันทำตามหลักฐาน ไม่กระทบคดีอื่น • วันนี้ (26 ธ.ค.) พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยกรณีศาลอาญา ยกฟ้อง นายแดรัล ยังฮุย ไซ หรือไซ ยังฮุย (MR. DARYL CAI YONGHUI) สัญชาติสิงคโปร์ , นายพัฒนพล กุญชร หรือ "ดีเจแมน" และ น.ส.สุธีวัน กุญชรหรือทวีสิน หรือ "ใบเตย" ในคดีแชร์ Forex-3D ว่า เบื้องต้นกรณีที่ศาลชั้นต้นได้มีการยกฟ้องจำเลยนั้น การอุทธรณ์จะเป็นอำนาจหน้าที่ของพนักงานอัยการที่จะยื่นอุทธรณ์ แต่อัยการก็จะต้องพิจารณาประกอบกับคำพิพากษาของศาล อย่างไรก็ตาม ในส่วนของคำพิพากษาของกลุ่ม "ดีเจแมน-ใบเตย" จะส่งผลต่อคดีของกลุ่มนายอภิรักษ์ โกฎธิ และนักแสดงสาว “พิงกี้ สาวิกา ไชยเดช” เพราะศาลจะต้องมีการพิจารณาเป็นรายบุคคล ตามพยานหลักฐานแตกต่างกันไป ทั้งนี้ ถ้ามีเหตุสงสัย ศาลก็จะยกประโยชน์แห่งความสงสัยให้แก่จำเลย ซึ่งเป็นหลักการปกติ • พ.ต.ต.ยุทธนา เผยว่า ส่วนคดี "ดิไอคอน" (คดีพิเศษที่ 119/2567) ที่ปัจจุบันผู้ต้องหาทั้ง 18 ราย อยู่ระหว่างการฝากขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและทัณฑสถานหญิงกลาง หากในอนาคตศาลชั้นต้นมีการยกฟ้องเช่นกันจะเกิดความเสียหายหรือไม่ ต้องชี้แจงว่าหลักทั่วไปตามขั้นตอนของกฎหมาย แม้หากศาลมีการพิพากษาจำคุกแล้ว ก็ต้องเอาวันที่ถูกคุมขังมาหักออก พร้อมย้ำว่า ส่วนเรื่องการอุทธรณ์คำพิพากษาของศาล เป็นหน้าที่ของอัยการ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000124132 • #MGROnline #ดีเอสไอ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 260 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ใบเตย" นักร้องดังเปิดใจหลังศาลยกฟ้องและถูกปล่อยตัวว่า ดีใจแทนลูกที่ปีใหม่นี้จะได้กลับไปอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว ซึ่งตั้งแต่ตอนแรกเรายืนยันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ยืนยันในความบริสุทธิ์มาตั้งแต่แรก ตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน ทำหน้าที่พลเมืองที่ดีในการปฏิบัติตามกฎหมายทุกอย่างจนถึงขั้นตอนสุดท้ายในวันตัดสินคือวันนี้ และระหว่างฟังคำพิพากษา ดีเจแมนก็ร้องไห้ตลอดเวลา ตนเองไม่ได้พูดคุยอะไรกัน เพราะตั้งใจฟังคำตัดสิน แต่สุดท้ายเมื่อผลตัดสินออกมา ก็จับมืกันและบอกกับดีเจแมนว่ากลับไปหาลูกด้วยกันนะ
    ขอบคุณทุกกำลังใจจากทุกคนที่อยู่เคียงข้าง ที่ยังเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวเอง ตอนนี้ก็โล่งใจมาก และยังไม่มีแพลนจะพาดีเจแมนพักผ่อนไปไหนในช่วงปีใหม่ แค่ให้เขากลับไปเจอลูก ส่วนจะกลับมาจดทะเบียนกับดีเจแมนใหม่หรือไม่ ขอให้เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้ขอเอาลูกเป็นตัวตั้ง และหลังจากนี้หากอัยการจะอุทธรณ์ ทางทนายก็พร้อมจะสู้คดีในทุกชั้นศาล และขอสังคมคืนความเป็นธรรมให้กับคนทั้งคู่ด้วย
    ด้านนางพิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา แม่ของดีเจแมน เปิดเผยว่า ช่วงเช้าสวดมนต์ก่อนมาศาล และเตรียมน้ำมนต์และเสื้อผ้าไปรับขวัญดีเจแมนออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในช่วงเย็นวันนี้ พร้อมยอมรับว่ามีการไปบนบานให้กับลูกชาย ตนเองเป็นสายมู และแม่เชื่อมั่นในตัวลูกชาย ดีเจแมนเข้มแข็ง ตลอดระยะเวลา 1 ปี 7 เดือน ตนเองไปเยี่ยมดีเจแมนทุกวันและรู้สึกเจ็ยช้ำน้ำใจมาโดยตลอด ที่ลูกต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ แต่วันนี้เป็นวันที่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของทั่งคู่
    ใบเตยและแมนให้แฟนคลับและประชาชนทุกคนได้ทราบว่าไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการโกประชาชนCopyright © 2024 All Right Reserved ผู้จัดการรายวัน 360˚/ MGR Online ภาพโดย #กัมพลเสนสอน #ใบเตย #ดีเจแมน #Forex3D
    "ใบเตย" นักร้องดังเปิดใจหลังศาลยกฟ้องและถูกปล่อยตัวว่า ดีใจแทนลูกที่ปีใหม่นี้จะได้กลับไปอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาทั้งครอบครัว ซึ่งตั้งแต่ตอนแรกเรายืนยันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง ยืนยันในความบริสุทธิ์มาตั้งแต่แรก ตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน ทำหน้าที่พลเมืองที่ดีในการปฏิบัติตามกฎหมายทุกอย่างจนถึงขั้นตอนสุดท้ายในวันตัดสินคือวันนี้ และระหว่างฟังคำพิพากษา ดีเจแมนก็ร้องไห้ตลอดเวลา ตนเองไม่ได้พูดคุยอะไรกัน เพราะตั้งใจฟังคำตัดสิน แต่สุดท้ายเมื่อผลตัดสินออกมา ก็จับมืกันและบอกกับดีเจแมนว่ากลับไปหาลูกด้วยกันนะ ขอบคุณทุกกำลังใจจากทุกคนที่อยู่เคียงข้าง ที่ยังเชื่อมั่นและศรัทธาในตัวเอง ตอนนี้ก็โล่งใจมาก และยังไม่มีแพลนจะพาดีเจแมนพักผ่อนไปไหนในช่วงปีใหม่ แค่ให้เขากลับไปเจอลูก ส่วนจะกลับมาจดทะเบียนกับดีเจแมนใหม่หรือไม่ ขอให้เป็นเรื่องของอนาคต ตอนนี้ขอเอาลูกเป็นตัวตั้ง และหลังจากนี้หากอัยการจะอุทธรณ์ ทางทนายก็พร้อมจะสู้คดีในทุกชั้นศาล และขอสังคมคืนความเป็นธรรมให้กับคนทั้งคู่ด้วย ด้านนางพิมพ์แข กุญชร ณ อยุธยา แม่ของดีเจแมน เปิดเผยว่า ช่วงเช้าสวดมนต์ก่อนมาศาล และเตรียมน้ำมนต์และเสื้อผ้าไปรับขวัญดีเจแมนออกจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในช่วงเย็นวันนี้ พร้อมยอมรับว่ามีการไปบนบานให้กับลูกชาย ตนเองเป็นสายมู และแม่เชื่อมั่นในตัวลูกชาย ดีเจแมนเข้มแข็ง ตลอดระยะเวลา 1 ปี 7 เดือน ตนเองไปเยี่ยมดีเจแมนทุกวันและรู้สึกเจ็ยช้ำน้ำใจมาโดยตลอด ที่ลูกต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ แต่วันนี้เป็นวันที่พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของทั่งคู่ ใบเตยและแมนให้แฟนคลับและประชาชนทุกคนได้ทราบว่าไม่ได้ทำอะไรที่เป็นการโกประชาชนCopyright © 2024 All Right Reserved ผู้จัดการรายวัน 360˚/ MGR Online ภาพโดย #กัมพลเสนสอน #ใบเตย #ดีเจแมน #Forex3D
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 368 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจกองปราบบุกค้นออฟฟิศลับ“โกทร” ในปราจีนบุรี หาหลักฐานสำคัญเพิ่มเติม คดีร่วมกันฆ่า “สจ.โต้ง” พบพิรุธดึงปลั๊กกล้องวงจรปิด 3 ตัวออก - รอง ผบช.ก.เผย เตรียมหารือย้ายผู้ต้องหามาฝากขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อย่างเร่งด่วนหรือไม่

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000122711

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจกองปราบบุกค้นออฟฟิศลับ“โกทร” ในปราจีนบุรี หาหลักฐานสำคัญเพิ่มเติม คดีร่วมกันฆ่า “สจ.โต้ง” พบพิรุธดึงปลั๊กกล้องวงจรปิด 3 ตัวออก - รอง ผบช.ก.เผย เตรียมหารือย้ายผู้ต้องหามาฝากขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ อย่างเร่งด่วนหรือไม่ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000122711 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 881 มุมมอง 0 รีวิว
  • สัประยุทธ์ “ธรรมะ-อธรรม” #เปลวสีเงินplewเปลว สีเงิน“กฎหมาย” มีไว้สร้างสมดุลทาง “สังคมเป็นธรรม”แต่ทุกวันนี้คนใน “๓ สถาบันอำนาจ” คือ อำนาจนิติบัญญัติ, อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ “บางคน”ใช้กฎหมายสร้าง “สังคมอยุติธรรม” ทำลายสมดุลความเป็นคนที่เท่าเทียมทางกฎหมาย จนเกิดคำว่า “ป่วยทิพย์-คุกทิพย์”บ่งบอกถึง “เลือกปฎิบัติ-สองมาตรฐาน” ซึ่งชาวบ้านทั่วไป ไม่มีสิทธิได้รับโอกาสนั้น (เว้นแต่มีเงิน)คนใน ๓ สถาบันอำนาจเท่านั้น….ที่จะทำให้ “สังคมเป็นธรรม” กลายเป็น “สังคมระยำ” เช่นนั้นได้!มันก็แปลก คนกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนที่เรียกเรียก “เจ้าหน้าที่รัฐ” กลับมีอำนาจ “เหนือชีวิตประชาชน”นายจ้าง คือคนเสียภาษีแท้ๆ กลับถูก “ส้นตีนอำนาจ” ยัดปากตลอดกาลแค่จะคุกเข่า ยกสองมืออ่อนล้า วอนเมตตาและความเป็นธรรม ก็ยังถูกตราหน้า “พวกทำให้บ้านเมืองเสียโอกาส”โอกาสโกงบ้าน-กินเมืองละก็ใช่แต่ไมใช่โอกาสคืนความชอบธรรมให้กับบ้านเมือง!สังคมชาติที่ผู้คน “ตัวใคร-ตัวมัน” เห็นประโยชน์ชาติ ไม่ใช่ประโยชน์กู แล้วต่างทอดธุระและชาวบ้านก็เอาแต่ “ชะแง้รอแจก”ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ สยบยอมโจร ใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่เป็นกุญแจไข เปิดทางให้มัน “ปล้นบ้าน-ชำเราเมือง” จนย่ามใจ กร่างใหญ่คับประเทศผมก็ได้แต่ทอดถอนใจ ทำได้เพียง “รักบ้าน-รักเมือง” ด้วยปากไปวันๆเมื่อสัปดาห์ก่อน เห็นคนที่ไม่เอาแต่นั่งทอดถอนใจอย่างผม เขาเห็นการประทำย่ำยีบ้านเมืองจากไอ้ตัวกาลีเมืองแล้ว พวกเขาร้อนใจนัดกันไปคุยตามประสาคนห่วงบ้าน-ห่วงเมือง ผมอ่านข่าว ก็มีท่านเหล่านี้แก้วสรร อติโพธิ, ดร.เจิม ศักดิ์ ปิ่นทอง, ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ, ขวัญสรวง อติโพธิ, พลเอกสมเจตน์ บุญถนอมจตุพร พรหมพันธุ์, ทนายนกเขา, ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์,สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, พิชิต ไชยมงคล,สาวิทย์ แก้วหวาน, ประสาร มฤคพิทักษ์, ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว), แซมดิน เลิศบุศย์สมชาย แสวงการ, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม, นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์, ชาญชัย อิสระเสนารักษ์, ปรีดา เตียสุวรรณ์ และฯลฯหลายท่าน รู้จักมักคุ้น หลายท่านได้ยินชื่อ แต่ไม่เคยพบสรุป ท่านเหล่านั้น มีที่มาเดียวกันบ้าง ต่างกันบ้าง คิดและทำเหมือนกันบ้าง ต่างกันบ้างแต่ที่สุดแล้ว หนีหลักธรรมชาติไม่พ้นธรรมะ คือธรรมชาติ สิ่งจัดสรรมนุษย์คือธรรมชาติ รวงข้าว เมื่อแก่ ย่อมค้อมรวงบัว เกิดจากโคลนตม เมื่อพ้นน้ำ ย่อมปลดเปลื้องจากโคลนตม พิสุทธิ์แทนใจ บูชาธรรมคณะบุคคลเหล่านั้น ก็ประมาณนี้ …..ในความต่างที่มา ที่คิด ที่ทำ ในความเป็นบัณฑิตแห่งธาตุคน ที่สุดแล้ว คนธาตุบัณฑิตย่อมไหลรวมในหมู่บัณฑิตด้วยกันจะเรียกเขาเหล่านั้นว่าอะไรดีล่ะ?เพราะมีทั้ง พันธมิตรฯ ทั้ง กปปส. ทั้งกลุ่มหลอมรวม ทั้งเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ทั้งกลุ่มสันติอโศกเรียกคณะ “ปชพช.” ดีมั้ย ….เป็นอักษรรวมความเพื่อให้ “เรียกง่าย-จำง่าย”ปชพช. “คณะปัญญาชนพิทักษ์ชาติ” ดูเหมาะสมกับสิ่งที่พวกเขาทำเมื่อวาน (๑๘ ธค.๖๗)คือ คณะปัญญาชนพากันเดินไปที่ “สำนักงานคณะกรรมการ​ป้องกัน​และ​ปราบปราม​การ​ทุจริต​แห่งชาติ “​(ป.ป.ช.​)ไม่ได้ไปก่อกวน ก้าวร้าว เยี่ยงอันธพาลเมือง แต่ไปเยี่ยงบัณฑิต กระทำเยี่ยงบัณฑิตเพื่อยื่นหนังสือให้ป.ป.ช.ตระหนักคิด กรณี ป.ป.ช.​ รับพิจารณาข้อกล่าวหา….“นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ รวมถึงเจ้าหน้าที่เรือนจำ แพทย์รพ.ราชทัณฑ์ และรพ.ตำรวจ รวม ๑๒ คนส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ​ให้ป.ป.ช.เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว​ ในหนังสือ มี ๔ ข้อ๑.คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำพบว่า มีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าวและยังไม่ปรากฏหลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาตให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจซึ่งพิธีการทั้งหมดนี้ ขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวงทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไร ก็ไม่ได้รับจึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายทุจริตช่วยเหลือกันโดยมิชอบส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน๒.คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษ โดยอ้าง นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่ง เดินขึ้นบันได อาบน้ำ แต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้แต่ปรากฏว่า หลังการพักโทษ นักโทษกลับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่าง จึงไม่อาจเชื่อได้ว่าการพักโทษมาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง​ดังนั้น จึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย๓.เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย กฎหมายไทยพยายามปราบปรามคดีทุจริตคอร์รัปชันเป็นพิเศษแต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบเกณฑ์​การตรวจสอบที่เคร่งครัดปล่อยให้กระบวนการทุจริต ตัดทอนโทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสานเป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา๔.เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมา​สร้างเงิน​ สร้างพวก​ สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ ๒ ทศวรรษ​ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และหัวหน้าขบวนการ ก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษ ว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้ แทนที่จะยอมรับโทษกลับหลีกเลี่ยง แสดงตน เข้าครอบงำพรรค​ ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้งและล่าสุดยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วยถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ“นี่คือหายนะที่เห็นได้ชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝาก ป.ป.ช.ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง”ขณะเดียวกัน ​”คณะปชพช.” ยังบอกว่า….จะยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม​ทั้ง ​”พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง” ​รมว.ยุติธรรม และ “​นางพงษ์สวาท นีละโยธิน” ปลัดฯ ยุติธรรม เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ​อาจารย์ “แก้วสรร อติโพธิ” อดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์และรองอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวต่อหน้าเลขาฯ ป.ป.ช.ว่า“มั่นใจในการทำงาน ป.ป.ช.และคิดว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูก-ที่ควร​ จึงขอให้เดินหน้าเต็มที่​และคิดว่าจะใช้เวลาไม่นานพร้อมขอให้แพทย์ที่รักษานายทักษิณออกมาพูด โดยขอให้เอาตัวการจริงๆ มาลงโทษ​หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนายทักษิณ คำตอบในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขังและหากไม่มีการขังตามหมายต้องออกหมายใหม่ กลับไปเข้าคุกเป็นอำนาจ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง” ที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ กำลังจะไปร้อง ซึ่งศาลสามารถเรียกสำนวนจากป.ป.ช.ไปดูและวินิจฉัยได้“จุดสำคัญ ศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอคำวินิจฉัยของป.ป.ช.เพราะคดีนี้ เป็นคดีเจ้าหน้าที่ ดังนั้น นายทักษิณ​ เตรียมตัวได้​”อาจารย์แก้วสรร ยังสัมโมทนียกถาว่า “หากป.ป.ช.ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง จะยอมกราบเลย”“จตุพร พรหมพันธุ์” อดีตแกนนำนปช.ผู้พ้นขอบเหวคืนสู่ฟากฝั่ง กล่าวว่า“มาให้กำลังใจป.ป.ช.ทั้งมีความไม่สบายใจในอนาคต เพราะคดีของนายทักษิณ ป.ป.ช.เป็นผู้ชี้มูลเองวันนี้มาด้วยความหวังในการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.อย่างตรงไปตรงมา ในจำนวนผู้ที่ถูกตั้งองค์คณะไต่สวน ๑๒ คนนี้ ใครไม่ผิด คือไม่ผิด ไม่ได้ต้องการมาทำให้ “ดำเป็นขาว- ขาวเป็นดำ” แต่ต้องการมาให้ “ถูกเป็นถูก-ผิดเป็นผิด, ดีเป็นดี- ชั่วเป็นชั่ว”ยอมรับว่าเรื่องการไต่สวน วันนี้ “ยังไม่ไว้ใจป.ป.ช.” จนกว่าจะได้พิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัยแล้ว และได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตถึงวันนั้น ผมและคณะจะมาขอบคุณอีกครั้งขณะนี้ เป็นที่ประจักษ์ นายทักษิณไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช.ไม่ต้องการเห็นขนมจีน….”ครับ….ผมก็เกรงว่า คุณจตุพรจะเห็นแต่ “ขนมจีน” เท่านั้นแหละ ตามกฎหมายป.ป.ช.มาตรา ๕๑ ให้กรอบเวลาไว้ว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนเองทั้งคณะ ต้องทำให้เสร็จภายใน ๒ ปี ถ้าไม่เสร็จ ขยายเวลาได้อีก ๑ ปีสรุป “รอไปอีก ๓ ปี” กว่าจะเสร็จขั้นไต่สวน!ตอนนี้ ป.ป.ช.ครบวาระ ๓ ท่าน อยู่ช่วงกรรมการสรรหากำลังพิจารณาคุณสมบัติผู้สมัคร กว่าจะได้ครบ ก็คงกลางปีหน้าโน่นและถ้าถึงขั้นชี้มูลความผิด ต้องเรียก ๑๒ ผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำ กี่ปีถึงครบ ๑๒ ปากล่ะ ?เอาว่า “๕ ปี” เร็วสุด!ที่อาจารย์แก้วสรรบอก “คิดว่าจะใช้เวลาไม่นาน” นั้นรออีก ๕-๘ ปี นานมั้ย?เห็นที คณะปชพช.คงต้องทำหน้าที่ “ไม้แยงก้น” ป.ป.ช.เป็นรายการ “ทวงถามรายเดือน” แล้วหละไม่งั้น “กราบป.ป.ช.” ของอาจารย์แก้วสรรสู้ “กราบแผ่นดิน” ของ “พระเจ้ามูลเมือง” ผู้กลับชาติมาเกิดไม่ได้หรอก!เปลว สีเงิน๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๗
    สัประยุทธ์ “ธรรมะ-อธรรม” #เปลวสีเงินplewเปลว สีเงิน“กฎหมาย” มีไว้สร้างสมดุลทาง “สังคมเป็นธรรม”แต่ทุกวันนี้คนใน “๓ สถาบันอำนาจ” คือ อำนาจนิติบัญญัติ, อำนาจบริหาร และอำนาจตุลาการ “บางคน”ใช้กฎหมายสร้าง “สังคมอยุติธรรม” ทำลายสมดุลความเป็นคนที่เท่าเทียมทางกฎหมาย จนเกิดคำว่า “ป่วยทิพย์-คุกทิพย์”บ่งบอกถึง “เลือกปฎิบัติ-สองมาตรฐาน” ซึ่งชาวบ้านทั่วไป ไม่มีสิทธิได้รับโอกาสนั้น (เว้นแต่มีเงิน)คนใน ๓ สถาบันอำนาจเท่านั้น….ที่จะทำให้ “สังคมเป็นธรรม” กลายเป็น “สังคมระยำ” เช่นนั้นได้!มันก็แปลก คนกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนที่เรียกเรียก “เจ้าหน้าที่รัฐ” กลับมีอำนาจ “เหนือชีวิตประชาชน”นายจ้าง คือคนเสียภาษีแท้ๆ กลับถูก “ส้นตีนอำนาจ” ยัดปากตลอดกาลแค่จะคุกเข่า ยกสองมืออ่อนล้า วอนเมตตาและความเป็นธรรม ก็ยังถูกตราหน้า “พวกทำให้บ้านเมืองเสียโอกาส”โอกาสโกงบ้าน-กินเมืองละก็ใช่แต่ไมใช่โอกาสคืนความชอบธรรมให้กับบ้านเมือง!สังคมชาติที่ผู้คน “ตัวใคร-ตัวมัน” เห็นประโยชน์ชาติ ไม่ใช่ประโยชน์กู แล้วต่างทอดธุระและชาวบ้านก็เอาแต่ “ชะแง้รอแจก”ทั้งเจ้าหน้าที่รัฐ สยบยอมโจร ใช้อำนาจตำแหน่งหน้าที่เป็นกุญแจไข เปิดทางให้มัน “ปล้นบ้าน-ชำเราเมือง” จนย่ามใจ กร่างใหญ่คับประเทศผมก็ได้แต่ทอดถอนใจ ทำได้เพียง “รักบ้าน-รักเมือง” ด้วยปากไปวันๆเมื่อสัปดาห์ก่อน เห็นคนที่ไม่เอาแต่นั่งทอดถอนใจอย่างผม เขาเห็นการประทำย่ำยีบ้านเมืองจากไอ้ตัวกาลีเมืองแล้ว พวกเขาร้อนใจนัดกันไปคุยตามประสาคนห่วงบ้าน-ห่วงเมือง ผมอ่านข่าว ก็มีท่านเหล่านี้แก้วสรร อติโพธิ, ดร.เจิม ศักดิ์ ปิ่นทอง, ดร.กิตติศักดิ์ ปรกติ, ขวัญสรวง อติโพธิ, พลเอกสมเจตน์ บุญถนอมจตุพร พรหมพันธุ์, ทนายนกเขา, ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์,สนธิญาณ ชื่นฤทัยในธรรม, พิชิต ไชยมงคล,สาวิทย์ แก้วหวาน, ประสาร มฤคพิทักษ์, ใจเพชร กล้าจน (หมอเขียว), แซมดิน เลิศบุศย์สมชาย แสวงการ, นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม, นพ.ตุลย์ สิทธิสมวงศ์, ชาญชัย อิสระเสนารักษ์, ปรีดา เตียสุวรรณ์ และฯลฯหลายท่าน รู้จักมักคุ้น หลายท่านได้ยินชื่อ แต่ไม่เคยพบสรุป ท่านเหล่านั้น มีที่มาเดียวกันบ้าง ต่างกันบ้าง คิดและทำเหมือนกันบ้าง ต่างกันบ้างแต่ที่สุดแล้ว หนีหลักธรรมชาติไม่พ้นธรรมะ คือธรรมชาติ สิ่งจัดสรรมนุษย์คือธรรมชาติ รวงข้าว เมื่อแก่ ย่อมค้อมรวงบัว เกิดจากโคลนตม เมื่อพ้นน้ำ ย่อมปลดเปลื้องจากโคลนตม พิสุทธิ์แทนใจ บูชาธรรมคณะบุคคลเหล่านั้น ก็ประมาณนี้ …..ในความต่างที่มา ที่คิด ที่ทำ ในความเป็นบัณฑิตแห่งธาตุคน ที่สุดแล้ว คนธาตุบัณฑิตย่อมไหลรวมในหมู่บัณฑิตด้วยกันจะเรียกเขาเหล่านั้นว่าอะไรดีล่ะ?เพราะมีทั้ง พันธมิตรฯ ทั้ง กปปส. ทั้งกลุ่มหลอมรวม ทั้งเครือข่ายนักศึกษาประชาชนปฏิรูปประเทศไทย ทั้งกลุ่มสันติอโศกเรียกคณะ “ปชพช.” ดีมั้ย ….เป็นอักษรรวมความเพื่อให้ “เรียกง่าย-จำง่าย”ปชพช. “คณะปัญญาชนพิทักษ์ชาติ” ดูเหมาะสมกับสิ่งที่พวกเขาทำเมื่อวาน (๑๘ ธค.๖๗)คือ คณะปัญญาชนพากันเดินไปที่ “สำนักงานคณะกรรมการ​ป้องกัน​และ​ปราบปราม​การ​ทุจริต​แห่งชาติ “​(ป.ป.ช.​)ไม่ได้ไปก่อกวน ก้าวร้าว เยี่ยงอันธพาลเมือง แต่ไปเยี่ยงบัณฑิต กระทำเยี่ยงบัณฑิตเพื่อยื่นหนังสือให้ป.ป.ช.ตระหนักคิด กรณี ป.ป.ช.​ รับพิจารณาข้อกล่าวหา….“นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์” อธิบดีกรมราชทัณฑ์ รวมถึงเจ้าหน้าที่เรือนจำ แพทย์รพ.ราชทัณฑ์ และรพ.ตำรวจ รวม ๑๒ คนส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ​ให้ป.ป.ช.เร่งรัดพิจารณาเรื่องนี้และดำเนินคดีขึ้นสู่ศาลโดยเร็ว​ ในหนังสือ มี ๔ ข้อ๑.คดีส่งตัวไปรักษานอกเรือนจำพบว่า มีพยานเป็นบุคคลชัดเจน ได้เข้าไปเยี่ยมและพบว่าไม่มีอาการเจ็บป่วย อีกทั้งยังไม่มีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ควบคุม หรือประจำอยู่ห้องพิเศษดังกล่าวและยังไม่ปรากฏหลักฐานการตรวจ หรือหลักฐานความเห็นของแพทย์ที่อนุญาตให้ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจซึ่งพิธีการทั้งหมดนี้ ขัดต่อขั้นตอนกฎกระทรวงทั้งสิ้น และไม่ว่าป.ป.ช.จะขอความร่วมมือไปเท่าไร ก็ไม่ได้รับจึงเป็นหลักฐานที่เพียงพอว่า พฤติการณ์ดังกล่าวเข้าข่ายทุจริตช่วยเหลือกันโดยมิชอบส่งผลต่อความน่าเชื่อถือ ของกระบวนการยุติธรรมอย่างร้ายแรง ป.ป.ช.จึงต้องเร่งไต่สวน๒.คดีให้อยู่บ้านพักโทษ โดยมติการให้พักโทษ โดยอ้าง นักโทษมีสภาพร่างกายที่ไม่อาจช่วยเหลือตัวเองได้ ทั้งการนั่ง เดินขึ้นบันได อาบน้ำ แต่งตัวรับประทานอาหาร จึงจำเป็นต้องพักโทษให้แต่ปรากฏว่า หลังการพักโทษ นักโทษกลับแข็งแรงขึ้นมาโดยพลัน เดินทางไปทั่วประเทศ ขึ้นปราศรัย ร่วมงานเลี้ยง ใช้ชีวิตปกติได้ทุกอย่าง จึงไม่อาจเชื่อได้ว่าการพักโทษมาจากการประเมินสภาพร่างกายโดยสุจริตและถูกต้อง​ดังนั้น จึงอยากให้นำเรื่องดังกล่าวเข้าไปเป็นอีกหนึ่งคดีในชั้นการพิจารณาของป.ป.ช.ด้วย๓.เรื่องการบังคับใช้กฎหมาย กฎหมายไทยพยายามปราบปรามคดีทุจริตคอร์รัปชันเป็นพิเศษแต่ปรากฏว่า หลังดำเนินคดีไปแล้วไม่มีกรอบเกณฑ์​การตรวจสอบที่เคร่งครัดปล่อยให้กระบวนการทุจริต ตัดทอนโทษทัณฑ์ตามคำพิพากษา กำเริบเสิบสานเป็นผลให้ความยุติธรรมเสื่อมสลาย จนประชาชนสิ้นศรัทธา๔.เข้าข่ายเป็นกระบวนการทุจริตระดับชาติ ใช้เงินสร้างอำนาจ แล้วใช้อำนาจมา​สร้างเงิน​ สร้างพวก​ สร้างสื่อ สร้างผลงานทุจริตไว้ ๒ ทศวรรษ​ จนเสียหายไปกว่าแสนล้าน และหัวหน้าขบวนการ ก็ยังยอมรับคำขออภัยโทษ ว่าได้ทำผิดไปแล้วจริงๆ แต่มาบัดนี้ แทนที่จะยอมรับโทษกลับหลีกเลี่ยง แสดงตน เข้าครอบงำพรรค​ ผลักดันนโยบายทุจริต สร้างประชานิยมไม่หยุดยั้งและล่าสุดยังประกาศจะพาน้องสาวที่เป็นจำเลยหนีคดีทุจริตรับจำนำข้าวกลับมาด้วยถือเป็นพฤติการณ์ทุจริตฉ้อฉลรัฐธรรมนูญ ไม่ยอมหยุดบทบาทการเมือง และพาประเทศไปในทางต่ำ“นี่คือหายนะที่เห็นได้ชัดเจน และอนาคตที่มืดมิดเช่นนี้ จึงฝาก ป.ป.ช.ตระหนักและทุ่มเท รับผิดชอบ กู้อนาคตบ้านเมืองอย่างเต็มสติกำลัง”ขณะเดียวกัน ​”คณะปชพช.” ยังบอกว่า….จะยื่นให้สอบบุคคลเพิ่มเติม​ทั้ง ​”พ.ต.อ.ทวี​ สอดส่อง” ​รมว.ยุติธรรม และ “​นางพงษ์สวาท นีละโยธิน” ปลัดฯ ยุติธรรม เพราะมองว่าอยู่ในกระบวนการที่ช่วยนายทักษิณ​อาจารย์ “แก้วสรร อติโพธิ” อดีตอาจารย์คณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์และรองอธิการบดี ม.ธรรมศาสตร์ กล่าวต่อหน้าเลขาฯ ป.ป.ช.ว่า“มั่นใจในการทำงาน ป.ป.ช.และคิดว่ากฎหมายกำลังเดินไปตามทางที่ถูก-ที่ควร​ จึงขอให้เดินหน้าเต็มที่​และคิดว่าจะใช้เวลาไม่นานพร้อมขอให้แพทย์ที่รักษานายทักษิณออกมาพูด โดยขอให้เอาตัวการจริงๆ มาลงโทษ​หลายคนถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับนายทักษิณ คำตอบในทางกฎหมาย ถ้าหมายศาลให้ขังและหากไม่มีการขังตามหมายต้องออกหมายใหม่ กลับไปเข้าคุกเป็นอำนาจ “ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาทางการเมือง” ที่นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ กำลังจะไปร้อง ซึ่งศาลสามารถเรียกสำนวนจากป.ป.ช.ไปดูและวินิจฉัยได้“จุดสำคัญ ศาลสั่งกลับเข้าคุกได้ ถ้าหลักฐานชัดเจน โดยไม่ต้องรอคำวินิจฉัยของป.ป.ช.เพราะคดีนี้ เป็นคดีเจ้าหน้าที่ ดังนั้น นายทักษิณ​ เตรียมตัวได้​”อาจารย์แก้วสรร ยังสัมโมทนียกถาว่า “หากป.ป.ช.ทำเรื่องนี้ให้กระจ่าง จะยอมกราบเลย”“จตุพร พรหมพันธุ์” อดีตแกนนำนปช.ผู้พ้นขอบเหวคืนสู่ฟากฝั่ง กล่าวว่า“มาให้กำลังใจป.ป.ช.ทั้งมีความไม่สบายใจในอนาคต เพราะคดีของนายทักษิณ ป.ป.ช.เป็นผู้ชี้มูลเองวันนี้มาด้วยความหวังในการทำหน้าที่ของ ป.ป.ช.อย่างตรงไปตรงมา ในจำนวนผู้ที่ถูกตั้งองค์คณะไต่สวน ๑๒ คนนี้ ใครไม่ผิด คือไม่ผิด ไม่ได้ต้องการมาทำให้ “ดำเป็นขาว- ขาวเป็นดำ” แต่ต้องการมาให้ “ถูกเป็นถูก-ผิดเป็นผิด, ดีเป็นดี- ชั่วเป็นชั่ว”ยอมรับว่าเรื่องการไต่สวน วันนี้ “ยังไม่ไว้ใจป.ป.ช.” จนกว่าจะได้พิสูจน์จนสิ้นข้อสงสัยแล้ว และได้ทำหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริตถึงวันนั้น ผมและคณะจะมาขอบคุณอีกครั้งขณะนี้ เป็นที่ประจักษ์ นายทักษิณไม่ได้ติดคุกแม้แต่วันเดียว เราต้องการเห็นน้ำยาของ ป.ป.ช.ไม่ต้องการเห็นขนมจีน….”ครับ….ผมก็เกรงว่า คุณจตุพรจะเห็นแต่ “ขนมจีน” เท่านั้นแหละ ตามกฎหมายป.ป.ช.มาตรา ๕๑ ให้กรอบเวลาไว้ว่าคณะกรรมการ ป.ป.ช. ไต่สวนเองทั้งคณะ ต้องทำให้เสร็จภายใน ๒ ปี ถ้าไม่เสร็จ ขยายเวลาได้อีก ๑ ปีสรุป “รอไปอีก ๓ ปี” กว่าจะเสร็จขั้นไต่สวน!ตอนนี้ ป.ป.ช.ครบวาระ ๓ ท่าน อยู่ช่วงกรรมการสรรหากำลังพิจารณาคุณสมบัติผู้สมัคร กว่าจะได้ครบ ก็คงกลางปีหน้าโน่นและถ้าถึงขั้นชี้มูลความผิด ต้องเรียก ๑๒ ผู้ถูกกล่าวหามาให้ปากคำ กี่ปีถึงครบ ๑๒ ปากล่ะ ?เอาว่า “๕ ปี” เร็วสุด!ที่อาจารย์แก้วสรรบอก “คิดว่าจะใช้เวลาไม่นาน” นั้นรออีก ๕-๘ ปี นานมั้ย?เห็นที คณะปชพช.คงต้องทำหน้าที่ “ไม้แยงก้น” ป.ป.ช.เป็นรายการ “ทวงถามรายเดือน” แล้วหละไม่งั้น “กราบป.ป.ช.” ของอาจารย์แก้วสรรสู้ “กราบแผ่นดิน” ของ “พระเจ้ามูลเมือง” ผู้กลับชาติมาเกิดไม่ได้หรอก!เปลว สีเงิน๑๙ ธันวาคม ๒๕๖๗
    Love
    Like
    Yay
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 721 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดชื่อ 12 ข้าราชการ-จนท.รัฐ
    เอื้อ "ทักษิณ" ป่วยทิพย์ที่ชั้น 14
    .
    วันนี้ (16 ธ.ค.) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า วันนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณากรณีกล่าวหานายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และพล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณ ชินวัตร อยู่รักษา ที่โรงพยาบาลตำรวจจนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ โดยพิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้น แล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 โดยให้ดำเนินการไต่สวนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 12 คน ทั้งนี้ หากในชั้นไต่สวนพบว่ามีบุคคลอื่น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ให้ดำเนินการไต่สวนกับบุคคลดังกล่าวต่อไป
    .
    สำหรับ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 12 ราย ที่จะถูกดำเนินไต่สวนกรณีนี้ ประกอบด้วย
    .
    1. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์
    2. นายสิทธิ สุธีวงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์
    3. นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์
    4. นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
    5. พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ
    6. พลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ
    7. พันตำรวจเอก ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์
    8. พลตำรวจตรี สามารถ ม่วงศิริ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์
    9. นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์
    10. แพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่
    11. นายสัญญา วงค์หินกอง พัศดีเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
    12. นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร
    .
    Cr : MGR Infographics
    .
    .
    #ข้าราชการ #เจ้าหน้าที่รัฐ #เรือนจำพิเศษ #ทักษิณชินวัตร #ป่วยทิพย์ #ชั้น14
    เปิดชื่อ 12 ข้าราชการ-จนท.รัฐ เอื้อ "ทักษิณ" ป่วยทิพย์ที่ชั้น 14 . วันนี้ (16 ธ.ค.) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า วันนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณากรณีกล่าวหานายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และพล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขังรายนายทักษิณ ชินวัตร จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณ ชินวัตร อยู่รักษา ที่โรงพยาบาลตำรวจจนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ โดยพิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้น แล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน ตามพ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกัน และปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 โดยให้ดำเนินการไต่สวนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 12 คน ทั้งนี้ หากในชั้นไต่สวนพบว่ามีบุคคลอื่น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ให้ดำเนินการไต่สวนกับบุคคลดังกล่าวต่อไป . สำหรับ ข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ จำนวน 12 ราย ที่จะถูกดำเนินไต่สวนกรณีนี้ ประกอบด้วย . 1. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ 2. นายสิทธิ สุธีวงศ์ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 3. นายชาญ วชิรเดช รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 4. นายนัสที ทองปลาด ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 5. พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ 6. พลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ 7. พันตำรวจเอก ชนะ จงโชคดี นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์ 8. พลตำรวจตรี สามารถ ม่วงศิริ แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์ 9. นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 10. แพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์ แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่ 11. นายสัญญา วงค์หินกอง พัศดีเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 12. นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร . Cr : MGR Infographics . . #ข้าราชการ #เจ้าหน้าที่รัฐ #เรือนจำพิเศษ #ทักษิณชินวัตร #ป่วยทิพย์ #ชั้น14
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 700 มุมมอง 0 รีวิว
  • INFO สำนักข่าวอิศรา “:สรุปมติ ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวน ขรก.-จนท.รัฐ 12 ราย คดีเอื้อ'ทักษิณ' ชั้น 14”.ป.ป.ช.มติเอกฉันท์ตั้งองค์คณะไต่สวนชุดใหญ่ ขรก.-เจ้าหน้าที่รัฐ 12 ราย กรมราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกทม. โรงพยาบาลตำรวจ กรณีเอื้อประโยชน์ 'ทักษิณ ชินวัตร' เข้ารักษาตัวห้องพิเศษชั้น 14 เผยชื่อ 'อธิบดี - รองฯ -ผู้บัญชาการเรือนจำ-แพทย์ -พัศดี- พยาบาล' โดนหมด สำนักข่าวอิศรา จึงนำข้อมูล มานำเสนอผ่านภาพอินโฟกราฟิก ดังนี้.อ่านเพิ่มเติมhttps://www.isranews.org/article/infographic/134270-SSSS.htmlhttps://www.isranews.org/.../isra.../134268-investwooas.html
    INFO สำนักข่าวอิศรา “:สรุปมติ ป.ป.ช.ตั้งองค์คณะไต่สวน ขรก.-จนท.รัฐ 12 ราย คดีเอื้อ'ทักษิณ' ชั้น 14”.ป.ป.ช.มติเอกฉันท์ตั้งองค์คณะไต่สวนชุดใหญ่ ขรก.-เจ้าหน้าที่รัฐ 12 ราย กรมราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกทม. โรงพยาบาลตำรวจ กรณีเอื้อประโยชน์ 'ทักษิณ ชินวัตร' เข้ารักษาตัวห้องพิเศษชั้น 14 เผยชื่อ 'อธิบดี - รองฯ -ผู้บัญชาการเรือนจำ-แพทย์ -พัศดี- พยาบาล' โดนหมด สำนักข่าวอิศรา จึงนำข้อมูล มานำเสนอผ่านภาพอินโฟกราฟิก ดังนี้.อ่านเพิ่มเติมhttps://www.isranews.org/article/infographic/134270-SSSS.htmlhttps://www.isranews.org/.../isra.../134268-investwooas.html
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 369 มุมมอง 0 รีวิว
  • ป.ป.ช.รับเรื่องคดีเอื้อทักษิณนอนชั้น 14 ไม่ติดคุก เปิดชื่อ 12 จนท.กรมคุก-รพ.ตำรวจ ไต่สวนชุดใหญ่

    ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องกรณีอธิบดีราชทัณฑ์-แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ เอื้อประโยชน์นักโทษชายทักษิณ นอนวีไอพีชั้น 14 ไม่ติดคุกจริง เปิด 12 รายชื่ออธิบดี-รองอธิบดี-ผบ.เรือนจำ-แพทย์ -พัศดี- พยาบาล โดนไต่สวนชุดใหญ่

    วันนี้ (16 ธ.ค.) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า วันนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณากรณีกล่าวหา นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขังราย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบิดาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณ ชินวัตร อยู่รักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ จนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ

    โดยพิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 โดยให้ดำเนินการไต่สวนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 12 คน ทั้งนี้ หากในชั้นไต่สวนพบว่ามีบุคคลอื่น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ให้ดำเนินการไต่สวนกับบุคคลดังกล่าวต่อไป

    รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ให้กรรมการ ป.ป.ช. ทุกคนเป็นองค์คณะไต่สวนข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ กรมราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลตำรวจ จำนวน 12 ราย กรณีเอื้อประโยชน์ นายทักษิณ เข้าพักรักษาตัวที่ ห้องพิเศษชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ประกอบด้วย 

    1. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์   อธิบดีกรมราชทัณฑ์

    2. นายสิทธิ สุธีวงศ์  เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์

    3. นายชาญ วชิรเดช  รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 

    4. นายนัสที ทองปลาด  ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

    5. พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ  เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ

    6. พลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์  นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ

    7. พันตำรวจเอก ชนะ จงโชคดี  นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์

    8. พลตำรวจตรี สามารถ ม่วงศิริ  แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์

    9. นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข  ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์

    10. แพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์  แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่

    11. นายสัญญา วงค์หินกอง  พัศดีเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

    12. นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน  พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 

    ทั้งนี้ การตั้งองค์คณะไต่สวนคดีชั้น 14 ของ ป.ป.ช. ครั้งนี้ เป็นการไต่สวนคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย ยังต้องผ่านขั้นตอนอีกหลายขั้นตอน ถ้าพบว่ามีมูลจึงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง จากนั้นจึงจะสรุปสำนวน ส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลอีกครั้ง เพราะฉะนั้นข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐทั้ง 12 ราย ตามรายชื่อข้างต้น ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่ 

    สำหรับกรณีนี้ ปรากฏเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้แล้วว่า ป.ป.ช.ได้ทำการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงรวบรวมพยานหลักฐานมาระยะหนึ่งแล้ว ขณะที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ส่งรายงานการตรวจสอบที่ชี้ว่า นายทักษิณ ได้รับสิทธิรักษาพยาบาลดีกว่าผู้ต้องขังรายอื่น มาให้ ป.ป.ช. พิจารณาประกอบในช่วงเดือน ส.ค.2567 ที่ผ่านมาด้วย

    ขณะที่การตั้งองค์คณะไต่สวนชุดใหญ่ขึ้นมาไต่สวนคดีของ ป.ป.ช. เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 ที่ระบุว่า ในการไต่สวนเรื่องใดที่เป็นเรื่องสำคัญมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง หรือเป็นกรณีมีการไต่สวนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนเอง หรือจะแต่งตั้งกรรมการไม่น้อยกว่าสองคนและบุคคลอื่นเป็นคณะกรรมการไต่สวนก็ได้
    คณะกรรมการไต่สวนตามวรรคหนึ่งมีอำนาจแต่งตั้งหัวหน้าพนักงานไต่สวนหรือพนักงานไต่สวน และพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ช่วยเหลือคณะกรรมการไต่สวนในการดำเนินการตามหน้าที่ได้ตามที่เห็นสมควร
    ............
    Sondhi X
    ป.ป.ช.รับเรื่องคดีเอื้อทักษิณนอนชั้น 14 ไม่ติดคุก เปิดชื่อ 12 จนท.กรมคุก-รพ.ตำรวจ ไต่สวนชุดใหญ่ ที่ประชุม ป.ป.ช. มีมติรับเรื่องกรณีอธิบดีราชทัณฑ์-แพทย์ใหญ่ รพ.ตำรวจ เอื้อประโยชน์นักโทษชายทักษิณ นอนวีไอพีชั้น 14 ไม่ติดคุกจริง เปิด 12 รายชื่ออธิบดี-รองอธิบดี-ผบ.เรือนจำ-แพทย์ -พัศดี- พยาบาล โดนไต่สวนชุดใหญ่ วันนี้ (16 ธ.ค.) นายสาโรจน์ พึงรำพรรณ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษกสำนักงาน ป.ป.ช. แถลงว่า วันนี้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้พิจารณากรณีกล่าวหา นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ และ พล.ต.ท.ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์ นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง กรณีส่งตัวผู้ต้องขังราย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบิดาของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจโดยมิชอบ และให้นายทักษิณ ชินวัตร อยู่รักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ จนกระทั่งครบ 180 วัน ทั้งที่ไม่เจ็บป่วยจริง เพื่อเอื้อประโยชน์ให้นายทักษิณ ชินวัตร ไม่ต้องถูกคุมขังในเรือนจำ โดยพิจารณารายงานการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบพบว่า มีข้อเท็จจริงและพยานหลักฐานเพียงพอ จึงมีมติรับเรื่องไว้พิจารณาและดำเนินการไต่สวนข้อเท็จจริง โดยให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ทั้งคณะเป็นองค์คณะไต่สวน ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 โดยให้ดำเนินการไต่สวนกับเจ้าหน้าที่ของรัฐ สังกัดกรมราชทัณฑ์ และโรงพยาบาลตำรวจ สังกัดสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวม 12 คน ทั้งนี้ หากในชั้นไต่สวนพบว่ามีบุคคลอื่น มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ให้ดำเนินการไต่สวนกับบุคคลดังกล่าวต่อไป รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ที่ประชุมคณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติเอกฉันท์ให้กรรมการ ป.ป.ช. ทุกคนเป็นองค์คณะไต่สวนข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ กรมราชทัณฑ์ เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร โรงพยาบาลตำรวจ จำนวน 12 ราย กรณีเอื้อประโยชน์ นายทักษิณ เข้าพักรักษาตัวที่ ห้องพิเศษชั้น 14 โรงพยาบาลตำรวจ ประกอบด้วย  1. นายสหการณ์ เพ็ชรนรินทร์   อธิบดีกรมราชทัณฑ์ 2. นายสิทธิ สุธีวงศ์  เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองอธิบดีกรมราชทัณฑ์ 3. นายชาญ วชิรเดช  รองอธิบดีกรมราชทัณฑ์  4. นายนัสที ทองปลาด  ผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 5. พลตำรวจโท โสภณรัชต์ สิงหจารุ  เมื่อครั้งนายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ 6. พลตำรวจโท ทวีศิลป์ เวชวิทารณ์  นายแพทย์ใหญ่โรงพยาบาลตำรวจ 7. พันตำรวจเอก ชนะ จงโชคดี  นายแพทย์ (สบ 5) โรงพยาบาลตำรวจ แพทย์เจ้าของไข้ และผู้ออกใบความเห็นแพทย์ 8. พลตำรวจตรี สามารถ ม่วงศิริ  แพทย์โรงพยาบาลตำรวจ ผู้ออกใบความเห็นแพทย์ 9. นายแพทย์ วัฒน์ชัย มิ่งบรรเจิดสุข  ผู้อำนวยการทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ 10. แพทย์หญิง รวมทิพย์ สุภานันท์  แพทย์ผู้ตรวจร่างกายขณะรับตัวผู้ต้องขังใหม่ 11. นายสัญญา วงค์หินกอง  พัศดีเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร 12. นายธัญพิสิษฐ์ ขบวน  พยาบาลเวร เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร  ทั้งนี้ การตั้งองค์คณะไต่สวนคดีชั้น 14 ของ ป.ป.ช. ครั้งนี้ เป็นการไต่สวนคดีตามขั้นตอนทางกฎหมาย ยังต้องผ่านขั้นตอนอีกหลายขั้นตอน ถ้าพบว่ามีมูลจึงจะมีการแจ้งข้อกล่าวหา และเปิดโอกาสให้ผู้ถูกกล่าวหาชี้แจง จากนั้นจึงจะสรุปสำนวน ส่งให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ชี้มูลอีกครั้ง เพราะฉะนั้นข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐทั้ง 12 ราย ตามรายชื่อข้างต้น ยังถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์อยู่  สำหรับกรณีนี้ ปรากฏเป็นข่าวมาก่อนหน้านี้แล้วว่า ป.ป.ช.ได้ทำการตรวจสอบ ข้อเท็จจริงรวบรวมพยานหลักฐานมาระยะหนึ่งแล้ว ขณะที่คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ได้ส่งรายงานการตรวจสอบที่ชี้ว่า นายทักษิณ ได้รับสิทธิรักษาพยาบาลดีกว่าผู้ต้องขังรายอื่น มาให้ ป.ป.ช. พิจารณาประกอบในช่วงเดือน ส.ค.2567 ที่ผ่านมาด้วย ขณะที่การตั้งองค์คณะไต่สวนชุดใหญ่ขึ้นมาไต่สวนคดีของ ป.ป.ช. เป็นไปตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 51 ที่ระบุว่า ในการไต่สวนเรื่องใดที่เป็นเรื่องสำคัญมีผลกระทบอย่างกว้างขวาง หรือเป็นกรณีมีการไต่สวนผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ดำเนินการไต่สวนเอง หรือจะแต่งตั้งกรรมการไม่น้อยกว่าสองคนและบุคคลอื่นเป็นคณะกรรมการไต่สวนก็ได้ คณะกรรมการไต่สวนตามวรรคหนึ่งมีอำนาจแต่งตั้งหัวหน้าพนักงานไต่สวนหรือพนักงานไต่สวน และพนักงานเจ้าหน้าที่ให้ช่วยเหลือคณะกรรมการไต่สวนในการดำเนินการตามหน้าที่ได้ตามที่เห็นสมควร ............ Sondhi X
    Like
    Haha
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 854 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมคุก แจงกรณีผู้เสียหาย ถูกหลอกเรียกรับเงินมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้าน ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตั้งปม 3 ประเด็นลวงเหยื่อ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000117179

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    กรมคุก แจงกรณีผู้เสียหาย ถูกหลอกเรียกรับเงินมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้าน ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตั้งปม 3 ประเด็นลวงเหยื่อ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000117179 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Wow
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1146 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมคุก แจงกรณีผู้เสียหาย ถูกหลอกเรียกรับเงินมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้าน ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตั้งปม 3 ประเด็นลวงเหยื่อ

    วันนี้ (5 ธ.ค.) กรมราชทัณฑ์ เผยแพร่เอกสาร โดยระบุว่า "จากกรณีเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม
นำผู้เสียหายที่เคยเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพเข้ายื่นหนังสือ เพื่อขอให้ตรวจสอบเครือข่ายการทุจริตหลอกลวงเงินผู้เสียหายในเรือนจำโดยอ้างมีกลุ่มมิจฉาชีพ ตัวย่อ ท. หลอกลวงขณะอยู่เรือนจำ มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้าน นั้น

    กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า กระทรวงยุติธรรม ได้รับเรื่องร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมจาก นายปัญญา กาลเศรษฐี กับกลุ่มผู้เสียหาย เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้มอบหมายให้ กรมราชทัณฑ์ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า มีเจ้าหน้าที่รายใดมีส่วนให้การช่วยเหลือ และรู้เห็นเกี่ยวกับการที่ผู้ต้องขังรายนี้กระทำการหลอกลวงฉ้อโกงหรือไม่

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000117179

    #MGROnline #กรมราชทัณฑ์ #กระทรวงยุติธรรม
    กรมคุก แจงกรณีผู้เสียหาย ถูกหลอกเรียกรับเงินมูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้าน ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ตั้งปม 3 ประเด็นลวงเหยื่อ • วันนี้ (5 ธ.ค.) กรมราชทัณฑ์ เผยแพร่เอกสาร โดยระบุว่า "จากกรณีเมื่อวันที่ 3 ธันวาคม 2567 นายแทนคุณ จิตต์อิสระ ประธานชมรมสันติประชาธรรม
นำผู้เสียหายที่เคยเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพเข้ายื่นหนังสือ เพื่อขอให้ตรวจสอบเครือข่ายการทุจริตหลอกลวงเงินผู้เสียหายในเรือนจำโดยอ้างมีกลุ่มมิจฉาชีพ ตัวย่อ ท. หลอกลวงขณะอยู่เรือนจำ มูลค่าความเสียหายกว่า 100 ล้าน นั้น • กรมราชทัณฑ์ ขอเรียนว่า กระทรวงยุติธรรม ได้รับเรื่องร้องทุกข์ขอความเป็นธรรมจาก นายปัญญา กาลเศรษฐี กับกลุ่มผู้เสียหาย เมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม 2567 ซึ่งกระทรวงยุติธรรมได้มอบหมายให้ กรมราชทัณฑ์ตรวจสอบข้อเท็จจริงว่า มีเจ้าหน้าที่รายใดมีส่วนให้การช่วยเหลือ และรู้เห็นเกี่ยวกับการที่ผู้ต้องขังรายนี้กระทำการหลอกลวงฉ้อโกงหรือไม่ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000117179 • #MGROnline #กรมราชทัณฑ์ #กระทรวงยุติธรรม
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ทนายวิฑูรย์” เผยเข้าเยี่ยม "บอสพอล" แจ้งข่าว “สามารถ” ถูกฝากขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คดีฟอกเงิน ยันไม่มีปัญหาต่อกัน ส่วนคำให้การ "ดิไอคอน" มอบดีเอสไอเรียบร้อย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000116464

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ทนายวิฑูรย์” เผยเข้าเยี่ยม "บอสพอล" แจ้งข่าว “สามารถ” ถูกฝากขังในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ คดีฟอกเงิน ยันไม่มีปัญหาต่อกัน ส่วนคำให้การ "ดิไอคอน" มอบดีเอสไอเรียบร้อย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000116464 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 976 มุมมอง 1 รีวิว
  • ศาลอาญาสั่งจำคุกแอดมินเพจ “ออยศรีและผองเผือก” 8 เดือน ปรับ 20,000 บาท โพสต์หมิ่นประมาท “ทนายตั้ม” แต่โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี ให้ชดใช้เงินอีก 100,000 บาท

    ที่ห้องพิจารณาคดี 811 เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (28 พ.ย.) ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1574/2566 ที่ บริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม โดย นายวีรวิทย์ วงศ์สวรรค์ ผู้รับมอบอำนาจ เป็นโจทก์ที่ 1, นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง เป็นโจทก์ที่ 2 ฟ้อง น.ส.บุณยนุช แสงศรี หรือ ออยศรี, น.ส.ปุณณภา กีรติทิวากร และ น.ส.ปภาวรินทร์ พานิช ทั้งสามเป็นแอดมินเพจเฟซบุ๊ก “ออยศรีและผองเผือก” ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา

    โดยวันนี้จำเลยทั้ง 3 มาศาล ขณะที่ นายษิทธา เบี้ยบังเกิด โจทก์ ผู้ฟ้องคดีไม่ได้ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แต่อย่างใด

    ศาลอ่านคำพิพากษาว่า คดีนี้มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสาม กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า เพจ “ออยศรีและผองเผือก” จำเลยทั้งสาม ได้ร่วมกันเปิดเพจขึ้นเมื่อปี 2561 โดยจำเลยทั้งสาม ทำหน้าที่แอดมินเพจ น.ส.ปุณณภา จำเลยที่ 2 ทำหน้าที่ตอบโต้กับผู้ที่มาโพสต์วิจารณ์ แล้วปรึกษาคดีกับโจทก์ที่ 2 แล้วเกิดความไม่พอใจ โดยจำเลยที่ 2 ส่งข้อความดังกล่าวไปให้จำเลยที่ 1 รับทราบ ผ่านทางกลุ่มไลน์ 3 ศรี ซึ่งมีทั้งจำเลยทั้งสาม อยู่ในกลุ่มไลน์ดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้งสาม รับรู้การเคลื่อนไหวของเพจ “ออยศรีและผองเผือก”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000114428

    #MGROnline #ออยศรีและผองเผือก #ทนายตั้ม
    ศาลอาญาสั่งจำคุกแอดมินเพจ “ออยศรีและผองเผือก” 8 เดือน ปรับ 20,000 บาท โพสต์หมิ่นประมาท “ทนายตั้ม” แต่โทษจำคุกรอลงอาญา 2 ปี ให้ชดใช้เงินอีก 100,000 บาท • ที่ห้องพิจารณาคดี 811 เมื่อเวลา 10.00 น. วันนี้ (28 พ.ย.) ศาลนัดอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.1574/2566 ที่ บริษัท ษิทรา ลอว์เฟิร์ม โดย นายวีรวิทย์ วงศ์สวรรค์ ผู้รับมอบอำนาจ เป็นโจทก์ที่ 1, นายษิทรา เบี้ยบังเกิด ทนายความชื่อดัง เป็นโจทก์ที่ 2 ฟ้อง น.ส.บุณยนุช แสงศรี หรือ ออยศรี, น.ส.ปุณณภา กีรติทิวากร และ น.ส.ปภาวรินทร์ พานิช ทั้งสามเป็นแอดมินเพจเฟซบุ๊ก “ออยศรีและผองเผือก” ร่วมกันเป็นจำเลยที่ 1-3 ในความผิดฐานหมิ่นประมาทโดยการโฆษณา • โดยวันนี้จำเลยทั้ง 3 มาศาล ขณะที่ นายษิทธา เบี้ยบังเกิด โจทก์ ผู้ฟ้องคดีไม่ได้ถูกเบิกตัวมาจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร แต่อย่างใด • ศาลอ่านคำพิพากษาว่า คดีนี้มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยทั้งสาม กระทำความผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่า เพจ “ออยศรีและผองเผือก” จำเลยทั้งสาม ได้ร่วมกันเปิดเพจขึ้นเมื่อปี 2561 โดยจำเลยทั้งสาม ทำหน้าที่แอดมินเพจ น.ส.ปุณณภา จำเลยที่ 2 ทำหน้าที่ตอบโต้กับผู้ที่มาโพสต์วิจารณ์ แล้วปรึกษาคดีกับโจทก์ที่ 2 แล้วเกิดความไม่พอใจ โดยจำเลยที่ 2 ส่งข้อความดังกล่าวไปให้จำเลยที่ 1 รับทราบ ผ่านทางกลุ่มไลน์ 3 ศรี ซึ่งมีทั้งจำเลยทั้งสาม อยู่ในกลุ่มไลน์ดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าจำเลยทั้งสาม รับรู้การเคลื่อนไหวของเพจ “ออยศรีและผองเผือก” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000114428 • #MGROnline #ออยศรีและผองเผือก #ทนายตั้ม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 0 รีวิว
  • “รองโฆษกราชทัณฑ์” แจง “สามารถ” ถูกนำตัวส่งรักษา รพ.ราชทัณฑ์ เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (27 พ.ย.) หลังอดข้าวหลายวัน จนมีอาการอ่อนเพลีย

    วันนี้ (28 พ.ย.) นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทันฑวิทยา และในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีที่ทนายความของ นายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช ออกมาระบุว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้ส่งตัวนายสามารถ ไปทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เนื่องจากมีอาการอ่อนเพลีย หลังอดอาหารมาเป็นเวลาเกือบ 4 วัน ว่า เนื่องด้วย นายสามารถ ไม่ได้รับประทานอาหารมาหลายวัน ตั้งแต่ก่อนเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จึงมีอาการความดันตกเล็กน้อย และอาจรวมถึงมีอาการเครียด แต่ไม่ได้มีอาการปวดท้องร่วมด้วย ทำให้ช่วงเย็นวานนี้ (27 พ.ย.) จึงต้องส่งตัวไปรับการรักษาที่ รพ.ราชทัณฑ์ แต่ยืนยันว่า นายสามารถ ได้ดื่มน้ำ แต่เพียงไม่ได้รับประทานอาหารหลายมื้อ

    ส่วนจะเป็นแพทย์ประจำเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ที่เป็นผู้ประเมินอาการนายสามารถ และวินิจฉัยนำส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์หรือไม่นั้น ตนต้องขอไปตรวจสอบรายละเอียดก่อน ว่า เป็นในเวลาหรือนอกเวลา เนื่องด้วยหากเป็นในเวลาปกติหากแพทย์เข้าเวร แพทย์จะเป็นผู้ประเมิน แต่ถ้าเป็นนอกเวลาและฉุกเฉินก็จะเป็นพยาบาล

    อย่างไรก็ตาม ขออนุญาตไปตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมก่อน ทั้งนี้ ตนกำลังจะเข้าไปภายในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อให้ข้อมูลได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ส่วนนายสามารถจะต้องนอนพักรักษาตัวภายในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์นานเท่าไรนั้น จะเป็นการตรวจและวินิจฉัยโดยแพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นหลัก หากมีความคืบหน้าอย่างไร เรื่องการตรวจร่างกาย ตนจะได้เรียนแจ้งอีกครั้ง

    #MGROnline #กรมราชทัณฑ์ #สามารถเจนชัยจิตรวณิช
    “รองโฆษกราชทัณฑ์” แจง “สามารถ” ถูกนำตัวส่งรักษา รพ.ราชทัณฑ์ เมื่อช่วงเย็นวานนี้ (27 พ.ย.) หลังอดข้าวหลายวัน จนมีอาการอ่อนเพลีย • วันนี้ (28 พ.ย.) นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทันฑวิทยา และในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยถึงกรณีที่ทนายความของ นายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช ออกมาระบุว่า เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ ได้ส่งตัวนายสามารถ ไปทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เนื่องจากมีอาการอ่อนเพลีย หลังอดอาหารมาเป็นเวลาเกือบ 4 วัน ว่า เนื่องด้วย นายสามารถ ไม่ได้รับประทานอาหารมาหลายวัน ตั้งแต่ก่อนเข้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ จึงมีอาการความดันตกเล็กน้อย และอาจรวมถึงมีอาการเครียด แต่ไม่ได้มีอาการปวดท้องร่วมด้วย ทำให้ช่วงเย็นวานนี้ (27 พ.ย.) จึงต้องส่งตัวไปรับการรักษาที่ รพ.ราชทัณฑ์ แต่ยืนยันว่า นายสามารถ ได้ดื่มน้ำ แต่เพียงไม่ได้รับประทานอาหารหลายมื้อ • ส่วนจะเป็นแพทย์ประจำเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ที่เป็นผู้ประเมินอาการนายสามารถ และวินิจฉัยนำส่งทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์หรือไม่นั้น ตนต้องขอไปตรวจสอบรายละเอียดก่อน ว่า เป็นในเวลาหรือนอกเวลา เนื่องด้วยหากเป็นในเวลาปกติหากแพทย์เข้าเวร แพทย์จะเป็นผู้ประเมิน แต่ถ้าเป็นนอกเวลาและฉุกเฉินก็จะเป็นพยาบาล • อย่างไรก็ตาม ขออนุญาตไปตรวจสอบรายละเอียดเพิ่มเติมก่อน ทั้งนี้ ตนกำลังจะเข้าไปภายในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์ เพื่อให้ข้อมูลได้ชัดเจนมากยิ่งขึ้น ส่วนนายสามารถจะต้องนอนพักรักษาตัวภายในทัณฑสถานโรงพยาบาลราชทัณฑ์นานเท่าไรนั้น จะเป็นการตรวจและวินิจฉัยโดยแพทย์ของโรงพยาบาลราชทัณฑ์เป็นหลัก หากมีความคืบหน้าอย่างไร เรื่องการตรวจร่างกาย ตนจะได้เรียนแจ้งอีกครั้ง • #MGROnline #กรมราชทัณฑ์ #สามารถเจนชัยจิตรวณิช
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 328 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ทนายเผยหลังเข้าเยี่ยม “สามารถ” ยันอดอาหารจริง พูดคุยเรื่องยื่นอุทธรณ์ประกันตัว มองไม่ได้รับความเป็นธรรม ศาลยังไม่ตัดสิน

    วันนี้ (27 พ.ย.) เวลา 14.40 น. บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ว่าที่ ร.ต.นฤพล เรืองสังข์ ทนายความของนายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฟอกเงินและสบคบกันฟอกเงิน "ดิไอคอน" เปิดเผยหลังเข้าเยี่ยมลูกความเป็นครั้งแรก ว่า จากการพูดคุย นายสามารถ ได้อดน้ำอดอาหารมา 3 วันแล้ว ตั้งแต่ถูกออกหมายจับและตำรวจรวบตัวได้ที่ จ.เชียงราย จนควบคุมตัวมาดีเอสไอ กระทั่งถูกศาลส่งฝากขังเรือนจำฯ เพื่อประท้วงขอความเป็นธรรมเพราะความผิดมูลฐานฟอกเงินก็ไม่มีความชัดเจน และศาลยังไม่ได้ตัดสินคดี ซึ่งพนักงานสอบสวนบอกว่ายังเหลือการสอบพยานอย่างน้อยอีก 30 ปาก

    ว่าที่ ร.ต.นฤพล กล่าวว่า ส่วนสุขภาพ นายสามารถ มีอาการปากซีด อาการเครียด แต่ยังคงพูดได้และตั้งใจที่จะต่อสู้คดีต่อไป แม้ตัวเองจะมีโรคประจำตัว คือ โรคตับอ่อนอักเสบและความดัน โดยมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ดูแลอย่างใกล้ชิด รวมทั้ง คุณแม่สามารถฝากทางทนายความให้บอกว่าขอให้กินน้ำกินอาหาร อย่าทำแบบนี้ แต่นายสามารถจะอดจนกว่าได้รับการประกันตัว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000114209

    #MGROnline #สามารถ
    #ทนายเผยหลังเข้าเยี่ยม “สามารถ” ยันอดอาหารจริง พูดคุยเรื่องยื่นอุทธรณ์ประกันตัว มองไม่ได้รับความเป็นธรรม ศาลยังไม่ตัดสิน • วันนี้ (27 พ.ย.) เวลา 14.40 น. บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ว่าที่ ร.ต.นฤพล เรืองสังข์ ทนายความของนายสามารถ เจนชัยจิตรวณิช ผู้ต้องหาในคดีร่วมกันฟอกเงินและสบคบกันฟอกเงิน "ดิไอคอน" เปิดเผยหลังเข้าเยี่ยมลูกความเป็นครั้งแรก ว่า จากการพูดคุย นายสามารถ ได้อดน้ำอดอาหารมา 3 วันแล้ว ตั้งแต่ถูกออกหมายจับและตำรวจรวบตัวได้ที่ จ.เชียงราย จนควบคุมตัวมาดีเอสไอ กระทั่งถูกศาลส่งฝากขังเรือนจำฯ เพื่อประท้วงขอความเป็นธรรมเพราะความผิดมูลฐานฟอกเงินก็ไม่มีความชัดเจน และศาลยังไม่ได้ตัดสินคดี ซึ่งพนักงานสอบสวนบอกว่ายังเหลือการสอบพยานอย่างน้อยอีก 30 ปาก • ว่าที่ ร.ต.นฤพล กล่าวว่า ส่วนสุขภาพ นายสามารถ มีอาการปากซีด อาการเครียด แต่ยังคงพูดได้และตั้งใจที่จะต่อสู้คดีต่อไป แม้ตัวเองจะมีโรคประจำตัว คือ โรคตับอ่อนอักเสบและความดัน โดยมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ดูแลอย่างใกล้ชิด รวมทั้ง คุณแม่สามารถฝากทางทนายความให้บอกว่าขอให้กินน้ำกินอาหาร อย่าทำแบบนี้ แต่นายสามารถจะอดจนกว่าได้รับการประกันตัว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000114209 • #MGROnline #สามารถ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 483 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทนายวิฑูรย์ เผย ไม่ทราบดีเอสไอสอบ 11 บอสชาย "ดิไอคอน" ประเด็นใดบ้าง ตอบเท่าที่จำได้ เตรียมขอขยายเวลาคำให้การอีก 15 วัน มีเอกสารในระบบคอมพิวเตอร์ค่อนข้างเยอะ

    วันนี้ (20 พ.ย.) เวลา 09.00 น. บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ "บอสพอล" เปิดเผยกรณี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตียมเข้าสอบปากคำเพิ่มเติมกับผู้ต้องหา 11 คน (กลุ่มบอสชาย) ในคดีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ว่า ขณะนี้ตนยังไม่ทราบว่า ดีเอสไอ มีการถามในประเด็นใดบ้าง แต่หากตอบได้ก็ตอบ หากตอบไม่ได้ก็ไม่ตอบ แล้วจะส่งเอกสารคำให้การไปในภายหลัง ซึ่งตลอดคำให้การผ่านมา ตนก็ไม่ทราบว่า แต่ละคนมีพฤติการณ์อย่างไร หรือผู้เสียหายแจ้งความอะไรไปบ้าง แต่คาดว่าวันนี้น่าจะครบทุกประเด็น และเชื่อว่ามีหลายประเด็นที่ดีเอสไอจะต้องมาถาม

    นายวิฑูรย์ เผยว่า ส่วนจะส่งคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร กรอบระยะ 15 วัน หรือภายในวันที่ 3 ธ.ค.67 ทีมทนายความเป็นผู้จัดทำแต่คงจะต้องมีการขอขยายเวลาไปก่อน เพราะการต่อสู้คดีทางเอกสารมีเป็นลังและยังมีระบบคอมพิวเตอร์ที่จะต้องเปิดอีก ซึ่งคนที่รู้ข้อเท็จจริงมากที่สุด คือผู้ต้องหาทั้ง 18 รายที่อยู่ในเรือนจำ ทำให้ทนายต้องเข้าออกเรือนจำ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง และส่งผลให้การต่อสู้คดีเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยผู้ต้องหาทุกคนได้ขอขยายเวลาออกไป แต่ยังไม่ได้ยื่นเพราะยังไม่ครบตามกำหนดกรอบระยะเวลา โดยสามารถขอขยายได้ครั้งละ 15 วัน แต่ก็คงไม่ได้ขยายไปไกลแต่เปิดโอกาสให้มีเวลาได้ชี้แจงมากกว่านี้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000111569

    #MGROnline #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup #บอสพอล #บอสหมอเอก #กันต์กันตถาวร #แซมยุรนันท์
    ทนายวิฑูรย์ เผย ไม่ทราบดีเอสไอสอบ 11 บอสชาย "ดิไอคอน" ประเด็นใดบ้าง ตอบเท่าที่จำได้ เตรียมขอขยายเวลาคำให้การอีก 15 วัน มีเอกสารในระบบคอมพิวเตอร์ค่อนข้างเยอะ • วันนี้ (20 พ.ย.) เวลา 09.00 น. บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ "บอสพอล" เปิดเผยกรณี กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เตียมเข้าสอบปากคำเพิ่มเติมกับผู้ต้องหา 11 คน (กลุ่มบอสชาย) ในคดีบริษัท ดิไอคอนกรุ๊ป จำกัด ว่า ขณะนี้ตนยังไม่ทราบว่า ดีเอสไอ มีการถามในประเด็นใดบ้าง แต่หากตอบได้ก็ตอบ หากตอบไม่ได้ก็ไม่ตอบ แล้วจะส่งเอกสารคำให้การไปในภายหลัง ซึ่งตลอดคำให้การผ่านมา ตนก็ไม่ทราบว่า แต่ละคนมีพฤติการณ์อย่างไร หรือผู้เสียหายแจ้งความอะไรไปบ้าง แต่คาดว่าวันนี้น่าจะครบทุกประเด็น และเชื่อว่ามีหลายประเด็นที่ดีเอสไอจะต้องมาถาม • นายวิฑูรย์ เผยว่า ส่วนจะส่งคำให้การเป็นลายลักษณ์อักษร กรอบระยะ 15 วัน หรือภายในวันที่ 3 ธ.ค.67 ทีมทนายความเป็นผู้จัดทำแต่คงจะต้องมีการขอขยายเวลาไปก่อน เพราะการต่อสู้คดีทางเอกสารมีเป็นลังและยังมีระบบคอมพิวเตอร์ที่จะต้องเปิดอีก ซึ่งคนที่รู้ข้อเท็จจริงมากที่สุด คือผู้ต้องหาทั้ง 18 รายที่อยู่ในเรือนจำ ทำให้ทนายต้องเข้าออกเรือนจำ เพื่อสอบถามข้อเท็จจริง และส่งผลให้การต่อสู้คดีเป็นไปด้วยความยากลำบาก โดยผู้ต้องหาทุกคนได้ขอขยายเวลาออกไป แต่ยังไม่ได้ยื่นเพราะยังไม่ครบตามกำหนดกรอบระยะเวลา โดยสามารถขอขยายได้ครั้งละ 15 วัน แต่ก็คงไม่ได้ขยายไปไกลแต่เปิดโอกาสให้มีเวลาได้ชี้แจงมากกว่านี้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000111569 • #MGROnline #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup #บอสพอล #บอสหมอเอก #กันต์กันตถาวร #แซมยุรนันท์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 706 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขีดเส้น สคบ.30 วัน เร่งเพิกถอนใบอนุญาต ธุรกิจขายตรง 'ดิ ไอคอน'
    .
    ความคืบหน้าในการตรวจสอบการกระทำผิดของบริษัท ดิ ไอคอน มีความคืบหน้าเป็นระยะ โดยเวลานี้มีเสียงวิจารณ์ว่าเหตุใดหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจึงยังไม่ดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจของบริษัทดังกล่าว ทำให้ในเรื่องนี้นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เวลานี้ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค หรือ (สคบ.) แสวงหาข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาว่าสมควรถอนใบอนุญาตหรือไม่ ซึ่ง บริษัทดิไอคอนจดทะเบียบแบบขายตรง การถอนใบอนุญาตต้องทำด้วยความรัดกุม และให้ความเป็นธรรม
    .
    "ที่ผ่านมาได้เข้าพิจารณาอนุฯกรรมการข้อกฎหมายของ สคบ. และมีมติเมื่อวันที่ 25 ต.ค. ให้หารือคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งช่วงระหว่างนั้น สคบ. ทำงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ สำนักงานเศรษฐกิจการคลังและพอมีการแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่เพิ่มเติม สคบ.จึงนำข้อมูลไปให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะประชุมเรื่องดังกล่าวในวันที่ 20 พ.ย. ซึ่งเราจะรอฟังข้อสรุป รวมถึงนำมาประกอบการดำเนินคดีต่อไป ส่วนคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ทำงานครบกำหนด 30 วันแล้วแต่เเพื่อให้เกิดความรัดกุมมากที่่สุด จึงขยายเวลาเพิ่มเติม 30 วัน"
    .
    ขณะเดียวกัน ในส่วนของกรณีที่มีคลิปเสียงสนทนาระหว่างชายหญิง ที่มีการอ้างว่าเคยจ่ายเงิน 10 ล้านบาท แก่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ผ่านทนายความคนกลาง เพื่อเป็นค่าดำเนินการทางคดีนั้น พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า ผู้แทนดีเอสไอ รับมอบหลักฐานคลิปเสียงสนทนาดังกล่าวแล้ว จากนั้นจะได้นำส่งคลิปเสียงเข้ากระบวนการตรวจพิสูจน์โดยผู้เชี่ยวชาญของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และภายหลังจากได้ข้อมูลแล้วจะประสานทัณฑสถานหญิงกลาง เข้าไปสอบสวนปากคำผู้ต้องหา ทั้งนี้ต้องก่อนบอสพอล ก็เพราะว่าเจ้าตัวเป็นคนพูดประโยคดังกล่าว รวมทั้งพนักงานสอบสวนจะได้สอบประเด็นอื่น ๆ คู่ขนานไปด้วยให้เร็วที่สุด
    .
    พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ส่วนการเตรียมเข้าไปสอบสวนปากคำเพิ่มเติมแก่บรรดา 11 บอสชายภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในวันที่ 20-21 พ.ย. เนื่องมาจากครั้งที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนปากคำ แต่ทางผู้ต้องหาผู้ชายไม่ได้มีการให้การใด ๆ โดยประสงค์ขอยื่นเป็นเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน และขอยื่นบัญชีรายชื่อพยานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองแทนเท่านั้น
    ..............
    Sondhi X
    ขีดเส้น สคบ.30 วัน เร่งเพิกถอนใบอนุญาต ธุรกิจขายตรง 'ดิ ไอคอน' . ความคืบหน้าในการตรวจสอบการกระทำผิดของบริษัท ดิ ไอคอน มีความคืบหน้าเป็นระยะ โดยเวลานี้มีเสียงวิจารณ์ว่าเหตุใดหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องจึงยังไม่ดำเนินการเพิกถอนใบอนุญาตการประกอบธุรกิจของบริษัทดังกล่าว ทำให้ในเรื่องนี้นางสาวจิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เวลานี้ สำนักงานคุ้มครองผู้บริโภค หรือ (สคบ.) แสวงหาข้อมูลเพื่อประกอบการพิจารณาว่าสมควรถอนใบอนุญาตหรือไม่ ซึ่ง บริษัทดิไอคอนจดทะเบียบแบบขายตรง การถอนใบอนุญาตต้องทำด้วยความรัดกุม และให้ความเป็นธรรม . "ที่ผ่านมาได้เข้าพิจารณาอนุฯกรรมการข้อกฎหมายของ สคบ. และมีมติเมื่อวันที่ 25 ต.ค. ให้หารือคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งช่วงระหว่างนั้น สคบ. ทำงานร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ และ สำนักงานเศรษฐกิจการคลังและพอมีการแจ้งข้อหาแชร์ลูกโซ่เพิ่มเติม สคบ.จึงนำข้อมูลไปให้สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา โดย สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาจะประชุมเรื่องดังกล่าวในวันที่ 20 พ.ย. ซึ่งเราจะรอฟังข้อสรุป รวมถึงนำมาประกอบการดำเนินคดีต่อไป ส่วนคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงได้ทำงานครบกำหนด 30 วันแล้วแต่เเพื่อให้เกิดความรัดกุมมากที่่สุด จึงขยายเวลาเพิ่มเติม 30 วัน" . ขณะเดียวกัน ในส่วนของกรณีที่มีคลิปเสียงสนทนาระหว่างชายหญิง ที่มีการอ้างว่าเคยจ่ายเงิน 10 ล้านบาท แก่เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ผ่านทนายความคนกลาง เพื่อเป็นค่าดำเนินการทางคดีนั้น พ.ต.ต.วรณัน ศรีล้ำ ผู้อำนวยการกองคดีธุรกิจการเงินนอกระบบ ในฐานะโฆษกดีเอสไอ เปิดเผยว่า ผู้แทนดีเอสไอ รับมอบหลักฐานคลิปเสียงสนทนาดังกล่าวแล้ว จากนั้นจะได้นำส่งคลิปเสียงเข้ากระบวนการตรวจพิสูจน์โดยผู้เชี่ยวชาญของสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กระทรวงยุติธรรม และภายหลังจากได้ข้อมูลแล้วจะประสานทัณฑสถานหญิงกลาง เข้าไปสอบสวนปากคำผู้ต้องหา ทั้งนี้ต้องก่อนบอสพอล ก็เพราะว่าเจ้าตัวเป็นคนพูดประโยคดังกล่าว รวมทั้งพนักงานสอบสวนจะได้สอบประเด็นอื่น ๆ คู่ขนานไปด้วยให้เร็วที่สุด . พ.ต.ต.วรณัน กล่าวว่า ส่วนการเตรียมเข้าไปสอบสวนปากคำเพิ่มเติมแก่บรรดา 11 บอสชายภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ในวันที่ 20-21 พ.ย. เนื่องมาจากครั้งที่ผ่านมา พนักงานสอบสวนได้เข้าไปแจ้งข้อกล่าวหาและสอบสวนปากคำ แต่ทางผู้ต้องหาผู้ชายไม่ได้มีการให้การใด ๆ โดยประสงค์ขอยื่นเป็นเอกสารชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน และขอยื่นบัญชีรายชื่อพยานเพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเองแทนเท่านั้น .............. Sondhi X
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1428 มุมมอง 0 รีวิว
  • MGR Online - ทนายวิฑูรย์ เผยมาเข้าเยี่ยม "บอสพอล" ในเรือนจำฯ เซ็นมอบอำนาจดำเนินคดี "เจ๊พัช-ฟิล์ม" ข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ และพยายามฉ้อโกง เรียกรับเงิน 20 ล.

    วันนี้ (19 พ.ย.) เวลา 11.00 น. บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ "บอสพอล" เปิดเผยก่อนเข้าเยี่ยมลูกความ ว่า วันนี้มีทีมทนายได้นำหนังสือมอบอำนาจเข้าไปให้กับบอสพอลเซ็นเอกสารมอบอำนาจในการดำเนินคดีกับ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือ "เจ๊พัช" และ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ "ฟิล์ม" หลังปรากฏคลิปเสียงจ่ายเงิน 20 ล้านบาท ออกรายการดัง หากเอกสารเสร็จสิ้นทันวันนี้จะเดินทางไปกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ทันที

    นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ส่วนข้อหากำลังพิจารณา คือ พยายามกรรโชกทรัพย์ และพยายามฉ้อโกง แต่ทีมทนายมีความเห็นว่าน่าจะเข้าข่ายข้อหาพยายามฉ้อโกงมากกว่า แต่ทางตำรวจชี้แจงว่าข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ เพราะมีหลักฐานการข่มขู่ว่าถ้าไม่จ่ายเงินจะมีปัญหา และอ้างว่าหนุ่ม กรรชัย จะเขียนสคริปต์โจมตีบริษัทฯ ตามในไฟล์คลิปเสียง โดยทาง บอสปัน พูดคุยกับ น.ส.กฤษอนงค์ ในนาม บริษัท ดิไอคอน ที่เป็นผู้เสียหาย นอกจากนี้ ในส่วนคดีหมิ่นประมาทของ “หนุ่ม กรรชัย” เป็นอีกคดีหนึ่ง แต่ใช้พยานชุดเดียวกัน ทั้งนี้ จะออกหมายเรียกหรือหมายจับ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ

    นายวิฑูรย์ กล่าวอีกว่า กรณี นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ทีมทนายความเข้าแจ้งความพร้อมให้ปากคำครบแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสอนว่าจะออกหมายเรียกหรือหมายจับ มีการแจ้งข้อหา หมิ่นประมาณ , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และร่วมกันให้การเท็จ ส่วนประเด็น น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ส่งทนายแจ้งความ น.ส.กฤษอนงค์ หลังแอบอ้างชื่อก็แยกเป็นอีกเรื่อง ช่วงเกิดระหว่าง มิ.ย.-ก.ค. คนละเหตุการณ์กับรายการข่าวดัง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000111215

    #MGROnline #กฤษอนงค์ #ฟิล์มรัฐภูมิ #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup #บอสพอล
    MGR Online - ทนายวิฑูรย์ เผยมาเข้าเยี่ยม "บอสพอล" ในเรือนจำฯ เซ็นมอบอำนาจดำเนินคดี "เจ๊พัช-ฟิล์ม" ข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ และพยายามฉ้อโกง เรียกรับเงิน 20 ล. • วันนี้ (19 พ.ย.) เวลา 11.00 น. บริเวณด้านหน้าเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร นายวิฑูรย์ เก่งงาน ทนายความของ นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล หรือ "บอสพอล" เปิดเผยก่อนเข้าเยี่ยมลูกความ ว่า วันนี้มีทีมทนายได้นำหนังสือมอบอำนาจเข้าไปให้กับบอสพอลเซ็นเอกสารมอบอำนาจในการดำเนินคดีกับ น.ส.กฤษอนงค์ สุวรรณวงศ์ หรือ "เจ๊พัช" และ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ "ฟิล์ม" หลังปรากฏคลิปเสียงจ่ายเงิน 20 ล้านบาท ออกรายการดัง หากเอกสารเสร็จสิ้นทันวันนี้จะเดินทางไปกองบังคับการปราบปราม (บก.ป.) ทันที • นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ส่วนข้อหากำลังพิจารณา คือ พยายามกรรโชกทรัพย์ และพยายามฉ้อโกง แต่ทีมทนายมีความเห็นว่าน่าจะเข้าข่ายข้อหาพยายามฉ้อโกงมากกว่า แต่ทางตำรวจชี้แจงว่าข้อหาพยายามกรรโชกทรัพย์ เพราะมีหลักฐานการข่มขู่ว่าถ้าไม่จ่ายเงินจะมีปัญหา และอ้างว่าหนุ่ม กรรชัย จะเขียนสคริปต์โจมตีบริษัทฯ ตามในไฟล์คลิปเสียง โดยทาง บอสปัน พูดคุยกับ น.ส.กฤษอนงค์ ในนาม บริษัท ดิไอคอน ที่เป็นผู้เสียหาย นอกจากนี้ ในส่วนคดีหมิ่นประมาทของ “หนุ่ม กรรชัย” เป็นอีกคดีหนึ่ง แต่ใช้พยานชุดเดียวกัน ทั้งนี้ จะออกหมายเรียกหรือหมายจับ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของเจ้าหน้าที่ตำรวจ • นายวิฑูรย์ กล่าวอีกว่า กรณี นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ทีมทนายความเข้าแจ้งความพร้อมให้ปากคำครบแล้ว อยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสอนว่าจะออกหมายเรียกหรือหมายจับ มีการแจ้งข้อหา หมิ่นประมาณ , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และร่วมกันให้การเท็จ ส่วนประเด็น น.ส.จิราพร สินธุไพร รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ส่งทนายแจ้งความ น.ส.กฤษอนงค์ หลังแอบอ้างชื่อก็แยกเป็นอีกเรื่อง ช่วงเกิดระหว่าง มิ.ย.-ก.ค. คนละเหตุการณ์กับรายการข่าวดัง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000111215 • #MGROnline #กฤษอนงค์ #ฟิล์มรัฐภูมิ #ดิไอคอน #ดิไอคอนกรุ๊ป #TheiConGroup #บอสพอล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 733 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาอนุญาตฝากขัง “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” หลังตำรวจกองปราบปรามหิ้วฝากขังครั้งแรก-ค้านประกัน ด้านญาติไม่ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000108957

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลอาญาอนุญาตฝากขัง “ตี่ลี่ฮวงจุ้ย” หลังตำรวจกองปราบปรามหิ้วฝากขังครั้งแรก-ค้านประกัน ด้านญาติไม่ยื่นหลักทรัพย์ประกันตัว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์จึงนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000108957 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    25
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2309 มุมมอง 0 รีวิว
  • รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” ทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ คุมแดนกักโรค 5 วัน มื้อเย็นต้อนรับ คุกชาย "ข้าวสวย-ไก่ต้มขมิ้น-ไข่ต้ม" ส่วนคุกหญิง “ข้าวสวย-หลนปลาร้า/ผักสด-ผัดพริกแกงผักบุ้งลูกชิ้น“

    จากกรณีศาลอาญา รัชดาภิเษก ฝากขังผัดแรก โดยชั้นพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวชั่วคราว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ในคดีฉ้อโกงเงินของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย ตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.5337/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 ข้อหา ฉ้อโกง , ฟอกเงิน , ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของนายษิทรา ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.5338/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ก่อนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวส่งฝากขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง

    วันนี้ (8 พ.ย.) นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทัณฑวิทยา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยว่า ขั้นตอนหลังเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัว นายษิทรา หรือ ทนายตั้ม และ นางปทิตตา มายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและทัณฑสถานหญิงกลาง ทั้งคู่ต้องทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ อาทิ ตรวจสุขภาพร่างกาย พิมพ์ลายนิ้วมือ จากนั้นเข้าสู่กระบวนการอยู่แดนกักโรค 5 วันตามมาตรการป้องกันโควิด-19 และจะมีการปฐมนิเทศอีก 1 สัปดาห์ ซึ่งอยู่ในแดนกักโรคตามเดิม แต่มีการแบ่งโซนออกจากกัน ก่อนจะพิจารณาส่งผู้ต้องหาไปควบคุมต่อยังแดนปกติภายในเรือนจำ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/crime/detail/9670000107789

    #MGROnline #ทนายตั้ม #กรมราชทัณฑ์
    รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” ทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ คุมแดนกักโรค 5 วัน มื้อเย็นต้อนรับ คุกชาย "ข้าวสวย-ไก่ต้มขมิ้น-ไข่ต้ม" ส่วนคุกหญิง “ข้าวสวย-หลนปลาร้า/ผักสด-ผัดพริกแกงผักบุ้งลูกชิ้น“ • จากกรณีศาลอาญา รัชดาภิเษก ฝากขังผัดแรก โดยชั้นพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวชั่วคราว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ในคดีฉ้อโกงเงินของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย ตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.5337/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 ข้อหา ฉ้อโกง , ฟอกเงิน , ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของนายษิทรา ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.5338/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ก่อนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวส่งฝากขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง • วันนี้ (8 พ.ย.) นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทัณฑวิทยา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยว่า ขั้นตอนหลังเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัว นายษิทรา หรือ ทนายตั้ม และ นางปทิตตา มายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและทัณฑสถานหญิงกลาง ทั้งคู่ต้องทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ อาทิ ตรวจสุขภาพร่างกาย พิมพ์ลายนิ้วมือ จากนั้นเข้าสู่กระบวนการอยู่แดนกักโรค 5 วันตามมาตรการป้องกันโควิด-19 และจะมีการปฐมนิเทศอีก 1 สัปดาห์ ซึ่งอยู่ในแดนกักโรคตามเดิม แต่มีการแบ่งโซนออกจากกัน ก่อนจะพิจารณาส่งผู้ต้องหาไปควบคุมต่อยังแดนปกติภายในเรือนจำ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/crime/detail/9670000107789 • #MGROnline #ทนายตั้ม #กรมราชทัณฑ์
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 709 มุมมอง 0 รีวิว
  • รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” ทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ คุมแดนกักโรค 5 วัน มื้อเย็นต้อนรับ คุกชาย "ข้าวสวย-ไก่ต้มขมิ้น-ไข่ต้ม" ส่วนคุกหญิง “ข้าวสวย-หลนปลาร้า/ผักสด-ผัดพริกแกงผักบุ้งลูกชิ้น“
    .
    จากกรณีศาลอาญา รัชดาภิเษก ฝากขังผัดแรก โดยชั้นพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวชั่วคราว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ในคดีฉ้อโกงเงินของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย ตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.5337/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 ข้อหา ฉ้อโกง , ฟอกเงิน , ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของนายษิทรา ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.5338/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ก่อนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวส่งฝากขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง
    .
    วันนี้ (8 พ.ย.) นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทัณฑวิทยา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยว่า ขั้นตอนหลังเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัว นายษิทรา หรือ ทนายตั้ม และ นางปทิตตา มายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและทัณฑสถานหญิงกลาง ทั้งคู่ต้องทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ อาทิ ตรวจสุขภาพร่างกาย พิมพ์ลายนิ้วมือ จากนั้นเข้าสู่กระบวนการอยู่แดนกักโรค 5 วันตามมาตรการป้องกันโควิด-19 และจะมีการปฐมนิเทศอีก 1 สัปดาห์ ซึ่งอยู่ในแดนกักโรคตามเดิม แต่มีการแบ่งโซนออกจากกัน ก่อนจะพิจารณาส่งผู้ต้องหาไปควบคุมต่อยังแดนปกติภายในเรือนจำ
    .
    นางกนกวรรณ เผยอีกว่า ส่วนเรื่องความกังวล นายษิทรา หรือ ทนายตั้ม หากครบกำหนดอยู่แดนกักโรคแล้วจะต้องย้ายส่งต่อแดนใดนั้น เพราะอาจเจอคู่กรณีเป็นกลุ่ม 18 บอสดิไอคอน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พิจารณาตามความเหมาะสม และขณะนี้กลุ่มบอสชาย 11 คน ได้แยกแดนเป็นที่เรียบร้อย อยู่แดนละ 2-3 คนกระจายกันไป แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ นอกจากนี้ ยังต้องตรวจสอบคู่กรณีของ นายษิทรา หรือ ทนายตั้ม ในคดีอื่นๆ ด้วยเพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม เมนูอาหารมื้อเย็นในวันนี้ (8 พ.ย.) เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นข้าวสวย ไก่ต้มขมิ้น และไข่ต้ม ส่วนทัณฑสถานหญิงกลาง เป็นข้าวสวย หลนปลาร้า/ผักสด และ ผัดพริกแกงผักบุ้งลูกชิ้น
    ..............
    Sondhi X
    รองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผย “ทนายตั้ม-ภรรยา” ทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ คุมแดนกักโรค 5 วัน มื้อเย็นต้อนรับ คุกชาย "ข้าวสวย-ไก่ต้มขมิ้น-ไข่ต้ม" ส่วนคุกหญิง “ข้าวสวย-หลนปลาร้า/ผักสด-ผัดพริกแกงผักบุ้งลูกชิ้น“ . จากกรณีศาลอาญา รัชดาภิเษก ฝากขังผัดแรก โดยชั้นพนักงานสอบสวนคัดค้านการประกันตัวชั่วคราว นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ในคดีฉ้อโกงเงินของ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ หรือเจ๊อ้อย ตามหมายจับศาลอาญาที่ จ.5337/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 ข้อหา ฉ้อโกง , ฟอกเงิน , ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน และ นางปทิตตา เบี้ยบังเกิด ภรรยาของนายษิทรา ตามหมายจับศาลอาญา ที่ จ.5338/2567 ลงวันที่ 7 พ.ย.67 ข้อหา ร่วมกันฟอกเงิน และสมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สองคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงินและได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่ได้มีการสมคบกัน ก่อนเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัวส่งฝากขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร และทัณฑสถานหญิงกลาง . วันนี้ (8 พ.ย.) นางกนกวรรณ จิ๋วเชื้อพันธุ์ ผอ.กองทัณฑวิทยา รักษาราชการแทนผู้อำนวยการทัณฑสถานหญิงกลาง ในฐานะรองโฆษกกรมราชทัณฑ์ เผยว่า ขั้นตอนหลังเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ควบคุมตัว นายษิทรา หรือ ทนายตั้ม และ นางปทิตตา มายังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานครและทัณฑสถานหญิงกลาง ทั้งคู่ต้องทำประวัติผู้ต้องขังใหม่ อาทิ ตรวจสุขภาพร่างกาย พิมพ์ลายนิ้วมือ จากนั้นเข้าสู่กระบวนการอยู่แดนกักโรค 5 วันตามมาตรการป้องกันโควิด-19 และจะมีการปฐมนิเทศอีก 1 สัปดาห์ ซึ่งอยู่ในแดนกักโรคตามเดิม แต่มีการแบ่งโซนออกจากกัน ก่อนจะพิจารณาส่งผู้ต้องหาไปควบคุมต่อยังแดนปกติภายในเรือนจำ . นางกนกวรรณ เผยอีกว่า ส่วนเรื่องความกังวล นายษิทรา หรือ ทนายตั้ม หากครบกำหนดอยู่แดนกักโรคแล้วจะต้องย้ายส่งต่อแดนใดนั้น เพราะอาจเจอคู่กรณีเป็นกลุ่ม 18 บอสดิไอคอน ซึ่งจะมีเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์พิจารณาตามความเหมาะสม และขณะนี้กลุ่มบอสชาย 11 คน ได้แยกแดนเป็นที่เรียบร้อย อยู่แดนละ 2-3 คนกระจายกันไป แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ นอกจากนี้ ยังต้องตรวจสอบคู่กรณีของ นายษิทรา หรือ ทนายตั้ม ในคดีอื่นๆ ด้วยเพื่อความปลอดภัย อย่างไรก็ตาม เมนูอาหารมื้อเย็นในวันนี้ (8 พ.ย.) เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เป็นข้าวสวย ไก่ต้มขมิ้น และไข่ต้ม ส่วนทัณฑสถานหญิงกลาง เป็นข้าวสวย หลนปลาร้า/ผักสด และ ผัดพริกแกงผักบุ้งลูกชิ้น .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    Angry
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1223 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญายกคำร้อง ไม่ให้ประกัน "ภรรยาทนายษิทธา" หลังยื่นเงินสด 5 แสนขอประกัน ชี้คดีมีอัตราโทษสูงจำคุกถึง 10 ปี ผู้ต้องหาน่าจะหลบหนีหรือยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ส่วนทนายษิทธาไม่ยื่นประกัน ล่าสุดเจ้าหน้าราชทัณฑ์คุมตัวทนายษิทธาไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000107734

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ศาลอาญายกคำร้อง ไม่ให้ประกัน "ภรรยาทนายษิทธา" หลังยื่นเงินสด 5 แสนขอประกัน ชี้คดีมีอัตราโทษสูงจำคุกถึง 10 ปี ผู้ต้องหาน่าจะหลบหนีหรือยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน ส่วนทนายษิทธาไม่ยื่นประกัน ล่าสุดเจ้าหน้าราชทัณฑ์คุมตัวทนายษิทธาไปเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000107734 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Yay
    28
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2244 มุมมอง 0 รีวิว
  • รอง ผบช.ก.เผยพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเตรียมบุกเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ สอบปากคำ "บอสพอล" ประเด็นถูก "ทนายตั้ม" เรียกรับเงิน 7.5 ล้านบาท

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000105692

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    รอง ผบช.ก.เผยพนักงานสอบสวนกองปราบปรามเตรียมบุกเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ สอบปากคำ "บอสพอล" ประเด็นถูก "ทนายตั้ม" เรียกรับเงิน 7.5 ล้านบาท อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000105692 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    Yay
    25
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2122 มุมมอง 2 รีวิว
  • ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เผยได้รับรายงาน "อัจฉริยะ" ขอเข้าพบ "บอสแล็ป" ผู้ต้องหาดิไอคอน ส่วนละเมิดเข้าห้องพนักงานสอบสวนหรือไม่ ขอตรวจสอบก่อน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000103275

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ เผยได้รับรายงาน "อัจฉริยะ" ขอเข้าพบ "บอสแล็ป" ผู้ต้องหาดิไอคอน ส่วนละเมิดเข้าห้องพนักงานสอบสวนหรือไม่ ขอตรวจสอบก่อน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000103275 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Wow
    Yay
    24
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3178 มุมมอง 1 รีวิว
  • ป้อมปราการ ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์

    กำแพงเมืองพระนครกรุงรัตนโกสินทร์นั้นสร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 รวมความยาวทั้งหมดประมาณ 7 กิโลเมตร ครอบคลุมเขตเกาะกรุงรัตนโกสินทร์ มีป้อมสังเกตุการณ์จำนวนถึง 14 ป้อม ป้อมปราการที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งมี 14 ป้อม คือ

    1. ป้อมพระสุเมรุ ป้อมที่อยู่เหนือสุดของเกาะรัตนโกสินทร์
    2. ป้อมยุคุนธร ตรงหน้าวัดบวรนิเวศวิหาร บัดนี้เหลือแต่กำแพงและประตูเมืองเท่านั้น
    3. ป้อมมหาปราบ ระหว่างสะพานเฉลิมวันชาติกับแยกผ่านฟ้าลีลาศ ตรงหัวโค้งถนนพระสุเมรุ
    4. ป้อมมหากาฬ เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ
    5. ป้อมหมู่ทะลวง (ทลวง) ใกล้หัวถนนหลวง ตรงข้ามสวนรมณีนาถและร้านเครื่องหวายข้างสวนรมณีนาถ แต่ก่อนสวนรมณีนาถคือเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ก่อนถูกยุบเป็นสวนสาธารณะกับพิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์ ส่วนป้อมหมู่ทลวงโดนทุบทิ้งไปบางส่วนเมื่อเมื่อปี พ.ศ. 2440 เพื่อนำอิฐไปสร้างทางรถไฟจากอยุธยาไปบ้านภาชีและแก่งคอย
    6. ป้อมเสือทะยาน (ทยาน) อยู่ใกล้สะพานดำรงสถิต (สะพานเหล็กบน) ตรงโรงแรมมิรามา
    7. ป้อมมหาไชย ปัจจุบันคือธนาคารทหารไทย สาขาวังบูรพา หัวถนนเยาวราช แถวสะพานหัน ทุบทิ้งเมื่อปลายธันวาคม พ.ศ. 2469
    8. ป้อมจักรเพชร ป้อมที่อยู่ใต้สุดของเกาะรัตนโกสินทร์ อยู่ตรงปากคลองรอบกรุง เชิงสะพานพุทธยอดฟ้า
    9. ป้อมผีเสื้อ ปัจจุบันปากคลองคูเมืองเดิมด้านใต้ ฝั่งปากคลองตลาด
    10. ป้อมมหาฤกษ์ ปัจจุบันอยู่ในบริเวณโรงเรียนราชินี อยู่ฝั่งตรงข้ามกับป้อมวิชัยประสิทธิ์ซึ่งอยู่ฝั่งธนบุรี
    11. ป้อมมหายักษ์ อยู่บริเวณท่าเตียน แถว ๆ ตึกกรมการค้าภายใน เก่า
    12. ป้อมพระจันทร์ ปัจจุบันคือท่าพระจันทร์ ข้างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
    13. ป้อมพระอาทิตย์ ปัจจุบันคือเชิงสะพานพระปิ่นเกล้า ปากคลองคูเมืองเดิม
    14. ป้อมอิสินธร ปัจจุบันคือพุทธสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ตรงข้ามซอยชนะสงคราม ทางลัดเข้าวัดชนะสงคราม

    โดยประตูเมืองและกำแพงเมือง ทางทิศเหนือนั้นกรมศิลปากรได้บูรณะเมื่อ พ.ศ. 2524 เป็นประตูเมืองตามแบบในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นประตูยอด โดยแตกต่างจากประตูไม้ทาดินแดงในสมัยรัชกาลที่ 1 และประตูก่ออิฐข้างบนซึ่งใช้เป็นหอรบในสมัยรัชกาลที่ 3

    ส่วนกำแพงเมืองทางด้านป้อมมหากาฬนั้น ได้ถูกรื้อถอนออกเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างถนน และที่อยู่อาศัย จะเหลือให้เห็นเพียงระยะประมาณ 100 เมตร ติดต่อกับตัวป้อมมหากาฬ ด้านหลังกำแพงปัจจุบันเป็นสวนสาธารณะ เป็นอีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวกรุงเทพมหานครและนักท่องเที่ยว

    ทั้งนี้เนื่องจากรัชกาลที่ 1 ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจด้านความมั่นคงมาตั้งแต่ครั้งกรุงเก่า และมีตำแหน่งเป็น “แม่ทัพ” เมื่อครั้งสมัยกรุงธนบุรี ทำให้ทรงเชี่ยวชาญการศึก และเข้าใจตำราพิไชยสงคราม การตั้งหลักเมืองของกรุงรัตนโกสินทร์ จึงมีการอ้างอิงการตั้งทัพหรือแต่งทัพ ที่สอดคล้องกับภูมิประเทศและสภาพแวดล้อม

    รัชกาลที่ 1 เข้าพระราชหฤทัยชัยภูมิของ “บางกอก” ที่มีลักษณะตรงกับการตั้งทัพตามคติ “นาคนาม” กล่าวคือ เป็นบริเวณที่มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน ดังนั้น ในการเลือกที่ตั้งศูนย์กลางของเมือง และการตั้ง “หลักเมือง” พระองค์จึงทรงเล็งเห็นประเด็นของ “ชัยภูมิ” เป็นลำดับแรก จากนั้นจึงดูฤกษ์ยาม วัน และเดือน ที่เหมาะสมตามคติ “โหราศาสตร์” ในการลงหลักเมืองตามมาเป็นลำดับ

    และเมื่อได้ดูลักษณะรูปร่างของการวางผังของ กำแพงเมืองพระนครจะเหมือนลักษณะคันธนู โดยยึดหลักฮวงจุ้ยของจีนมาประกอบการวางผังกำแพงเมือง หากสังเกตุดีๆ จะเห็นว่าสายธนูจะง้างออกไปทางทิศตะวันออก ส่วนลูกธนูจะพุ่งไปทางทิศตะวันตกอันเป็นทิศที่ตั้งของคู่ปรับสำคัญนั่นคือเมืองอังวะ พม่านั่นเอง
    .
    อ้างอิง
    พินิจพระนคร 2475-2545, กรมแผนที่ทหาร, กองบัญชาการทหารสูงสุด, พ.ศ. 2549
    แผนที่กรุงเทพฯ พ.ศ. 2450 - 2550, โดย บัณฑิต จุลาสัยและคณะ, กรุงเทพฯ : สำนักผังเมือง กรุงเทพมหานคร, 2550
    เอกสารชุดกระทรวงนครบาล สมัยรัชกาลที่ 5
    เอกสารชุดกระทรวงนครบาล สมัยรัชกาลที่ 6
    เอกสารชุดกระทรวงมหาดไทย สมัยรัชกาลที่ 7
    เพจบางกอกไอเลิฟยู

    เรียบเรียงโดย เพจเกร็ดประวัติศาสตร์ v2

    #Thaitimes
    ป้อมปราการ ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ กำแพงเมืองพระนครกรุงรัตนโกสินทร์นั้นสร้างมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 รวมความยาวทั้งหมดประมาณ 7 กิโลเมตร ครอบคลุมเขตเกาะกรุงรัตนโกสินทร์ มีป้อมสังเกตุการณ์จำนวนถึง 14 ป้อม ป้อมปราการที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช ซึ่งมี 14 ป้อม คือ 1. ป้อมพระสุเมรุ ป้อมที่อยู่เหนือสุดของเกาะรัตนโกสินทร์ 2. ป้อมยุคุนธร ตรงหน้าวัดบวรนิเวศวิหาร บัดนี้เหลือแต่กำแพงและประตูเมืองเท่านั้น 3. ป้อมมหาปราบ ระหว่างสะพานเฉลิมวันชาติกับแยกผ่านฟ้าลีลาศ ตรงหัวโค้งถนนพระสุเมรุ 4. ป้อมมหากาฬ เชิงสะพานผ่านฟ้าลีลาศ 5. ป้อมหมู่ทะลวง (ทลวง) ใกล้หัวถนนหลวง ตรงข้ามสวนรมณีนาถและร้านเครื่องหวายข้างสวนรมณีนาถ แต่ก่อนสวนรมณีนาถคือเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ก่อนถูกยุบเป็นสวนสาธารณะกับพิพิธภัณฑ์ราชทัณฑ์ ส่วนป้อมหมู่ทลวงโดนทุบทิ้งไปบางส่วนเมื่อเมื่อปี พ.ศ. 2440 เพื่อนำอิฐไปสร้างทางรถไฟจากอยุธยาไปบ้านภาชีและแก่งคอย 6. ป้อมเสือทะยาน (ทยาน) อยู่ใกล้สะพานดำรงสถิต (สะพานเหล็กบน) ตรงโรงแรมมิรามา 7. ป้อมมหาไชย ปัจจุบันคือธนาคารทหารไทย สาขาวังบูรพา หัวถนนเยาวราช แถวสะพานหัน ทุบทิ้งเมื่อปลายธันวาคม พ.ศ. 2469 8. ป้อมจักรเพชร ป้อมที่อยู่ใต้สุดของเกาะรัตนโกสินทร์ อยู่ตรงปากคลองรอบกรุง เชิงสะพานพุทธยอดฟ้า 9. ป้อมผีเสื้อ ปัจจุบันปากคลองคูเมืองเดิมด้านใต้ ฝั่งปากคลองตลาด 10. ป้อมมหาฤกษ์ ปัจจุบันอยู่ในบริเวณโรงเรียนราชินี อยู่ฝั่งตรงข้ามกับป้อมวิชัยประสิทธิ์ซึ่งอยู่ฝั่งธนบุรี 11. ป้อมมหายักษ์ อยู่บริเวณท่าเตียน แถว ๆ ตึกกรมการค้าภายใน เก่า 12. ป้อมพระจันทร์ ปัจจุบันคือท่าพระจันทร์ ข้างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 13. ป้อมพระอาทิตย์ ปัจจุบันคือเชิงสะพานพระปิ่นเกล้า ปากคลองคูเมืองเดิม 14. ป้อมอิสินธร ปัจจุบันคือพุทธสมาคมแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ ตรงข้ามซอยชนะสงคราม ทางลัดเข้าวัดชนะสงคราม โดยประตูเมืองและกำแพงเมือง ทางทิศเหนือนั้นกรมศิลปากรได้บูรณะเมื่อ พ.ศ. 2524 เป็นประตูเมืองตามแบบในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งเป็นประตูยอด โดยแตกต่างจากประตูไม้ทาดินแดงในสมัยรัชกาลที่ 1 และประตูก่ออิฐข้างบนซึ่งใช้เป็นหอรบในสมัยรัชกาลที่ 3 ส่วนกำแพงเมืองทางด้านป้อมมหากาฬนั้น ได้ถูกรื้อถอนออกเป็นจำนวนมากเพื่อสร้างถนน และที่อยู่อาศัย จะเหลือให้เห็นเพียงระยะประมาณ 100 เมตร ติดต่อกับตัวป้อมมหากาฬ ด้านหลังกำแพงปัจจุบันเป็นสวนสาธารณะ เป็นอีกหนึ่งสถานที่พักผ่อนหย่อนใจของชาวกรุงเทพมหานครและนักท่องเที่ยว ทั้งนี้เนื่องจากรัชกาลที่ 1 ทรงปฏิบัติพระราชภารกิจด้านความมั่นคงมาตั้งแต่ครั้งกรุงเก่า และมีตำแหน่งเป็น “แม่ทัพ” เมื่อครั้งสมัยกรุงธนบุรี ทำให้ทรงเชี่ยวชาญการศึก และเข้าใจตำราพิไชยสงคราม การตั้งหลักเมืองของกรุงรัตนโกสินทร์ จึงมีการอ้างอิงการตั้งทัพหรือแต่งทัพ ที่สอดคล้องกับภูมิประเทศและสภาพแวดล้อม รัชกาลที่ 1 เข้าพระราชหฤทัยชัยภูมิของ “บางกอก” ที่มีลักษณะตรงกับการตั้งทัพตามคติ “นาคนาม” กล่าวคือ เป็นบริเวณที่มีแม่น้ำเจ้าพระยาไหลผ่าน ดังนั้น ในการเลือกที่ตั้งศูนย์กลางของเมือง และการตั้ง “หลักเมือง” พระองค์จึงทรงเล็งเห็นประเด็นของ “ชัยภูมิ” เป็นลำดับแรก จากนั้นจึงดูฤกษ์ยาม วัน และเดือน ที่เหมาะสมตามคติ “โหราศาสตร์” ในการลงหลักเมืองตามมาเป็นลำดับ และเมื่อได้ดูลักษณะรูปร่างของการวางผังของ กำแพงเมืองพระนครจะเหมือนลักษณะคันธนู โดยยึดหลักฮวงจุ้ยของจีนมาประกอบการวางผังกำแพงเมือง หากสังเกตุดีๆ จะเห็นว่าสายธนูจะง้างออกไปทางทิศตะวันออก ส่วนลูกธนูจะพุ่งไปทางทิศตะวันตกอันเป็นทิศที่ตั้งของคู่ปรับสำคัญนั่นคือเมืองอังวะ พม่านั่นเอง . อ้างอิง พินิจพระนคร 2475-2545, กรมแผนที่ทหาร, กองบัญชาการทหารสูงสุด, พ.ศ. 2549 แผนที่กรุงเทพฯ พ.ศ. 2450 - 2550, โดย บัณฑิต จุลาสัยและคณะ, กรุงเทพฯ : สำนักผังเมือง กรุงเทพมหานคร, 2550 เอกสารชุดกระทรวงนครบาล สมัยรัชกาลที่ 5 เอกสารชุดกระทรวงนครบาล สมัยรัชกาลที่ 6 เอกสารชุดกระทรวงมหาดไทย สมัยรัชกาลที่ 7 เพจบางกอกไอเลิฟยู เรียบเรียงโดย เพจเกร็ดประวัติศาสตร์ v2 #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 936 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts