• อึ้งทั้งโซเชี่ยล! เพจดังขุดไทม์ไลน์"มายด์"แฉมหากาพย์ "มายด์โมเดล" 19/04/68 #มายด์ #โตโน่ #นักร้องหนุ่ม
    อึ้งทั้งโซเชี่ยล! เพจดังขุดไทม์ไลน์"มายด์"แฉมหากาพย์ "มายด์โมเดล" 19/04/68 #มายด์ #โตโน่ #นักร้องหนุ่ม
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 475 Views 15 0 Reviews
  • 5 สัญญาณที่บ่งชี้ว่าคุณอาจต้องการเมนทอร์

    1.คุณมีเป้าหมายใหญ่ แต่ไม่มีแผนที่ชัดเจนในการทำให้สำเร็จ
    การมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม แต่หากปราศจากแผนการที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมในการดำเนินการ เป้าหมายเหล่านั้นก็มีแนวโน้มที่จะยังคงเป็นเพียงความฝัน การขาดแผนที่นำทางที่ชัดเจนอาจทำให้คุณรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน หรือดำเนินการอย่างไรต่อไป

    เมนทอร์ที่มีประสบการณ์สามารถช่วยคุณในการกำหนดขั้นตอนที่จำเป็นในการบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น โดยให้คำแนะนำในการวางแผน กลยุทธ์ และการจัดลำดับความสำคัญ เพื่อเปลี่ยนเป้าหมายที่ดูเหมือนเป็นนามธรรมให้กลายเป็นเส้นทางที่สามารถปฏิบัติได้จริง

    2.คุณรู้สึกว่าตัวเองติดอยู่ในวังวน
    เมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองติดอยู่ในวังวน ไม่สามารถก้าวหน้าไปได้ ไม่ว่าจะเป็นในชีวิตส่วนตัวหรือการทำงาน
    นั่นเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ามุมมองและแนวทางที่คุณใช้อยู่อาจไม่เพียงพออีกต่อไป ความรู้สึกเหมือนถูกจำกัดหรือขาดแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเอง อาจเป็นเพราะคุณขาดความรู้ใหม่ๆ กลยุทธ์ที่แตกต่าง หรือแม้แต่การชี้แนะจากผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า

    เมนทอร์สามารถช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ท้าทายความคิดเดิมๆ และให้คำแนะนำที่ช่วยให้คุณหลุดพ้นจากสภาวะที่หยุดนิ่งนี้ เพื่อให้คุณสามารถกลับมาเติบโตและก้าวหน้าได้อีกครั้ง

    3.คุณทำผิดพลาดซ้ำๆ โดยไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ
    การทำผิดพลาดซ้ำๆ โดยไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ บ่งชี้ว่าคุณอาจขาดความเข้าใจในสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา หรือขาดมุมมองใหม่ๆ ในการแก้ไขสถานการณ์ การที่คุณไม่สามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดเดิมๆ อาจเป็นเพราะคุณขาดการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง หรือไม่มีใครชี้แนะให้เห็นถึงจุดบอดของคุณ

    เมนทอร์สามารถช่วยให้คุณระบุรูปแบบของความผิดพลาด วิเคราะห์หาสาเหตุ และนำเสนอแนวทางแก้ไขที่แตกต่างออกไป เพื่อให้คุณสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์และเริ่มก้าวไปข้างหน้าได้อย่างแท้จริง

    4.การเดินทางในฐานะผู้นำอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายและโดดเดี่ยว
    การเดินทางในฐานะผู้นำอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายและโดดเดี่ยวได้ โดยเฉพาะเมื่อคุณเผชิญกับความรับผิดชอบที่หนักอึ้ง การตัดสินใจที่ซับซ้อน หรือความรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจความกดดันที่คุณกำลังเผชิญอยู่ ความเหงาในเส้นทางผู้นำอาจนำไปสู่ความไม่มั่นใจ ความเครียด และการขาดมุมมองที่หลากหลาย

    เมนทอร์ที่มีประสบการณ์ในการเป็นผู้นำสามารถเป็นแหล่งสนับสนุนที่สำคัญ พวกเขาสามารถมอบคำแนะนำที่เป็นกลาง แบ่งปันประสบการณ์ และช่วยให้คุณรู้สึกว่าไม่ได้เผชิญกับความท้าทายเหล่านี้เพียงลำพัง การมีเมนทอร์จึงเป็นการสร้างเครือข่ายและมีคู่คิดที่จะช่วยให้คุณเติบโตเป็นผู้นำที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

    5.ความชัดเจนในเป้าหมายและวิธีการ
    ประโยคนี้สรุปถึงคุณสมบัติหลักที่เมนทอร์สามารถมอบให้ได้ นั่นคือ ความชัดเจนในเป้าหมายและวิธีการ ความมีทิศทางในการดำเนินงาน และความรับผิดชอบในการลงมือทำ เมื่อคุณรู้สึกสับสน ไม่แน่ใจในเส้นทาง หรือขาดแรงจูงใจในการผลักดันตัวเอง

    เมนทอร์จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมได้ชัดเจนขึ้น กำหนดทิศทางที่ถูกต้อง และช่วยติดตามความคืบหน้าของคุณ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณกำลังเดินหน้าไปสู่เป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ

    ดูสาระดีๆ ของ How-to สำหรับพัฒนาการจัดการทั้งระดับบุคคล ทีม และองค์กร ได้ที่ WWW.10-XCONSULTING.COM และ WWW.LIFEALIGNMENTOR.COM
    5 สัญญาณที่บ่งชี้ว่าคุณอาจต้องการเมนทอร์ 1.คุณมีเป้าหมายใหญ่ แต่ไม่มีแผนที่ชัดเจนในการทำให้สำเร็จ การมีเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่เป็นเรื่องที่น่าชื่นชม แต่หากปราศจากแผนการที่ชัดเจนและเป็นรูปธรรมในการดำเนินการ เป้าหมายเหล่านั้นก็มีแนวโน้มที่จะยังคงเป็นเพียงความฝัน การขาดแผนที่นำทางที่ชัดเจนอาจทำให้คุณรู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นตรงไหน หรือดำเนินการอย่างไรต่อไป เมนทอร์ที่มีประสบการณ์สามารถช่วยคุณในการกำหนดขั้นตอนที่จำเป็นในการบรรลุเป้าหมายเหล่านั้น โดยให้คำแนะนำในการวางแผน กลยุทธ์ และการจัดลำดับความสำคัญ เพื่อเปลี่ยนเป้าหมายที่ดูเหมือนเป็นนามธรรมให้กลายเป็นเส้นทางที่สามารถปฏิบัติได้จริง 2.คุณรู้สึกว่าตัวเองติดอยู่ในวังวน เมื่อคุณรู้สึกว่าตัวเองติดอยู่ในวังวน ไม่สามารถก้าวหน้าไปได้ ไม่ว่าจะเป็นในชีวิตส่วนตัวหรือการทำงาน นั่นเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ามุมมองและแนวทางที่คุณใช้อยู่อาจไม่เพียงพออีกต่อไป ความรู้สึกเหมือนถูกจำกัดหรือขาดแรงบันดาลใจในการพัฒนาตนเอง อาจเป็นเพราะคุณขาดความรู้ใหม่ๆ กลยุทธ์ที่แตกต่าง หรือแม้แต่การชี้แนะจากผู้ที่มีประสบการณ์มากกว่า เมนทอร์สามารถช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆ ท้าทายความคิดเดิมๆ และให้คำแนะนำที่ช่วยให้คุณหลุดพ้นจากสภาวะที่หยุดนิ่งนี้ เพื่อให้คุณสามารถกลับมาเติบโตและก้าวหน้าได้อีกครั้ง 3.คุณทำผิดพลาดซ้ำๆ โดยไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ การทำผิดพลาดซ้ำๆ โดยไม่เห็นความคืบหน้าใดๆ บ่งชี้ว่าคุณอาจขาดความเข้าใจในสาเหตุที่แท้จริงของปัญหา หรือขาดมุมมองใหม่ๆ ในการแก้ไขสถานการณ์ การที่คุณไม่สามารถเรียนรู้จากความผิดพลาดเดิมๆ อาจเป็นเพราะคุณขาดการไตร่ตรองอย่างลึกซึ้ง หรือไม่มีใครชี้แนะให้เห็นถึงจุดบอดของคุณ เมนทอร์สามารถช่วยให้คุณระบุรูปแบบของความผิดพลาด วิเคราะห์หาสาเหตุ และนำเสนอแนวทางแก้ไขที่แตกต่างออกไป เพื่อให้คุณสามารถเรียนรู้จากประสบการณ์และเริ่มก้าวไปข้างหน้าได้อย่างแท้จริง 4.การเดินทางในฐานะผู้นำอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายและโดดเดี่ยว การเดินทางในฐานะผู้นำอาจเป็นเรื่องที่ท้าทายและโดดเดี่ยวได้ โดยเฉพาะเมื่อคุณเผชิญกับความรับผิดชอบที่หนักอึ้ง การตัดสินใจที่ซับซ้อน หรือความรู้สึกว่าไม่มีใครเข้าใจความกดดันที่คุณกำลังเผชิญอยู่ ความเหงาในเส้นทางผู้นำอาจนำไปสู่ความไม่มั่นใจ ความเครียด และการขาดมุมมองที่หลากหลาย เมนทอร์ที่มีประสบการณ์ในการเป็นผู้นำสามารถเป็นแหล่งสนับสนุนที่สำคัญ พวกเขาสามารถมอบคำแนะนำที่เป็นกลาง แบ่งปันประสบการณ์ และช่วยให้คุณรู้สึกว่าไม่ได้เผชิญกับความท้าทายเหล่านี้เพียงลำพัง การมีเมนทอร์จึงเป็นการสร้างเครือข่ายและมีคู่คิดที่จะช่วยให้คุณเติบโตเป็นผู้นำที่เข้มแข็งและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น 5.ความชัดเจนในเป้าหมายและวิธีการ ประโยคนี้สรุปถึงคุณสมบัติหลักที่เมนทอร์สามารถมอบให้ได้ นั่นคือ ความชัดเจนในเป้าหมายและวิธีการ ความมีทิศทางในการดำเนินงาน และความรับผิดชอบในการลงมือทำ เมื่อคุณรู้สึกสับสน ไม่แน่ใจในเส้นทาง หรือขาดแรงจูงใจในการผลักดันตัวเอง เมนทอร์จะช่วยให้คุณมองเห็นภาพรวมได้ชัดเจนขึ้น กำหนดทิศทางที่ถูกต้อง และช่วยติดตามความคืบหน้าของคุณ เพื่อให้คุณมั่นใจได้ว่าคุณกำลังเดินหน้าไปสู่เป้าหมายอย่างมีประสิทธิภาพ ดูสาระดีๆ ของ How-to สำหรับพัฒนาการจัดการทั้งระดับบุคคล ทีม และองค์กร ได้ที่ WWW.10-XCONSULTING.COM และ WWW.LIFEALIGNMENTOR.COM
    0 Comments 0 Shares 175 Views 0 Reviews
  • Newsstory : กินทุกระดับประทับใจ - ห้องอะไรใหญ่กว่าห้องแต่งงาน

    #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล
    #กินแหลก #สตง #ชัชชาติ #อึ้ง
    Newsstory : กินทุกระดับประทับใจ - ห้องอะไรใหญ่กว่าห้องแต่งงาน #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #กินแหลก #สตง #ชัชชาติ #อึ้ง
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 184 Views 10 0 Reviews
  • 82 ปี ยิงเป้าประหาร! "ตุง แซ่หว่อง" คดีขวานจามคาบ้านสุดอุกอาจ ตำนานแรงอาฆาตฆ่าญาติกลางเมืองเลย 🔥

    📌 คดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญกลางเมืองเลย “ตุง แซ่หว่อง” ช่างไม้ผู้กลายเป็นนักโทษประหาร จากแรงอาฆาตเรื่องการงาน สู่การฆ่าญาติข้างห้องอย่างอุกอาจ อ่านเรื่องจริง ที่ลงเอยด้วยการยิงเป้าอย่างเย็นชา 🕵️‍♂️

    📚 คดีที่โลกไม่ลืม 82 ปีผ่านไป ยังสะเทือนใจ 💔 ถ้าพูดถึงคดีฆาตกรรมที่โหดเหี้ยม และกลายเป็นข่าวใหญ่ ในประวัติศาสตร์ไทย หนึ่งในนั้นคือคดีของ “ตุง แซ่หว่อง” ช่างไม้หนุ่มเชื้อสายจีน ที่ก่อเหตุฆ่าญาติเชื้อสายจีน อย่างโหดเหี้ยมกลางเมืองเลย 🪓

    คดีนี้ไม่ใช่เพียงแค่การฆ่าคน แต่คือเรื่องของความอาฆาต ริษยา การวางแผนอย่างแยบยล การฝังศพในบ้าน และการเบี่ยงเบนความผิดด้วยคำโกหก… จนต้องจบชีวิตลงด้วยโทษประหาร ด้วยการยิงเป้า 😨

    👤 จากช่างไม้สู่ฆาตกร 🧰 “ตุง แซ่หว่อง” เป็นชายหนุ่มเชื้อสายจีนอายุเพียง 25 ปี ณ เวลาที่ก่อเหตุ อาศัยอยู่กับญาติ “ยิด แซ่อึ๊ง” ซึ่งก็เป็นช่างไม้เช่นกัน ทั้งสองมาเช่าบ้านอยู่ที่หน้าเรือนจำจังหวัดเลย ชีวิตประจำวันของทั้งคู่ดูเรียบง่าย ทำงาน หาเงิน แล้วกลับบ้าน

    แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ความเรียบง่ายนั้นคือ ความอิจฉาริษยา และความเครียดจากการเป็น “คู่แข่งกันเอง” ทางอาชีพ ยิ่งเมื่อยิดมีงานเยอะกว่า มีคนจ้างมากกว่า ก็ยิ่งทำให้ตุง สะสมความไม่พอใจไว้ในใจ 😤

    📩 จดหมายปลอม จุดเริ่มต้นของความตาย 🧨 ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2483 เมื่อยิดได้รับจดหมาย 2 ฉบับจากญาติในกรุงเทพฯ ชวนให้ไปทำงาน แต่เนื้อหาจดหมาย กลับมีความผิดปกติหลายจุด จนเจ้าตัวเริ่มสงสัยว่า เป็นของปลอม ❗

    ภายหลังเมื่อตรวจสอบ ตุงยอมรับว่าเป็นคนเขียนขึ้นเอง “เพื่อแกล้งเล่น” แต่ในความจริงแล้ว เจตนาอาจลึกซึ้งกว่านั้น เพื่อ “ลวง” ให้ยิดออกจากพื้นที่ หรือสร้างเหตุให้ทะเลาะ แล้วใช้เป็นข้ออ้างสังหาร ❓

    การทะเลาะรุนแรงจึงเกิดขึ้น จนมีเสียงดังไปถึงป้อมตำรวจหน้าคุก และเป็นเหตุการณ์นำไปสู่เรื่องสยอง ที่ไม่มีใครคาดคิด…

    🕵️‍♂️ จากการหายตัว…สู่การพบศพในสวนหลังบ้าน 🪦 วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2483 นายยิดหายตัวไป ไม่มีใครพบเห็นอีกเลย ตุงอ้างว่า “ไปบ้านก้างปลา” แต่พยานหลายปากเห็นว่า เขาอยู่คนเดียว เด็กหญิงกุ๊ก ลูกสาวยิด ปีนเข้าไปนอนรอพ่อ แต่พ่อก็ไม่กลับมา...

    15 ตุลาคม ตำรวจพบกลิ่นเหม็นเน่าคลุ้งจากหลังบ้าน ขุดดินดูจึงพบว่า... ศพของยิดถูกฝังไว้ในหลุมตื้น ๆ มีรอยของมีคมฟันท้ายทอย 2 แผล 🪓 พบขวานเปื้อนเลือดในกล่องเครื่องมือตุง และผ้าขาวม้าตุงเปื้อนเลือด ไม้พื้นห้องนอนยิด มีรอยกบไสใหม่ ทุกอย่างบ่งบอกถึง การพยายามกลบเกลื่อนหลักฐาน อย่างมีแบบแผน

    🔬 หลักฐาน พยานเด็ด มัดตัวแน่น! 🧾 🔪 ขวานที่พบในบ้าน มีเลือดของยิด 🩸 ไม้พื้นและผนัง มีรอยเลือดกระเซ็น 🔑 ลูกกุญแจห้องยิดอยู่กับตุง แต่อ้างว่า ยืมจากเด็กหญิงกุ๊ก ซึ่งเด็กหญิงปฏิเสธว่าไม่เคยให้

    🕯️ พยานตำรวจ ได้ยินเสียงร้อง “โอ้ย ๆ” กลางดึก 🚲 รถจักรยานและรองเท้ายยิด ถูกซ่อนไว้ห่างบ้านประมาณ 800 เมตร

    หลักฐานทั้งหมดนี้ ทำให้ตำรวจเชื่อมั่นว่า ตุงคือฆาตกรแน่นอน 💯

    ⚖️ เส้นทางสู่ศาล คำพิพากษาประหารชีวิต 🧑‍⚖️ ศาลชั้นต้น พิจารณาหลักฐาน พยานแวดล้อม และพบว่า การฆ่ามีแรงจูงใจชัดเจน คือ “ความอาฆาตส่วนตัว” และความพยายาม “ซ่อนเร้นศพ”

    ✒️ คำพิพากษา “จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ด้วยความพยาบาทมาดหมาย ให้ประหารชีวิตโดยไม่ลดหย่อนโทษ”

    แม้ตุงจะยื่นอุทธรณ์และฎีกา แต่ศาลทุกชั้นยืนตามคำพิพากษาเดิม ไม่มีการลดโทษใด ๆ ทั้งสิ้น ❌

    🔫 วันสุดท้ายของ “ตุง แซ่หว่อง” กับการประหารโดยยิงเป้า ⛓️ เช้าวันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2486 เวลา 04.30 น. ณ เรือนจำกลางบางขวาง นายตุงถูกเบิกตัวออกจากแดนควบคุม เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ห้องประหาร 😔

    ✅ รับฟังคำสั่งปฏิเสธฎีกา

    ✍️ เขียนพินัยกรรม

    🍱 ทานอาหารมื้อสุดท้าย

    🛐 ฟังธรรมเทศนา

    เวลา 6.07 น. ธงแดงสะบัดลง… เสียงปืนดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ❗ ชีวิตของ “ตุง แซ่หว่อง” จบสิ้น ณ จุดนั้น

    🧠 ฆาตกรรมที่ไม่ใช่แค่ “อารมณ์ชั่ววูบ” 😢 เรื่องราวของตุง คือเครื่องเตือนใจ ถึงอันตรายของอารมณ์ริษยา ความอาฆาต และความไม่ยอมรับความจริง ความขัดแย้งที่เริ่มต้นจากเรื่องเล็กน้อยอย่าง “จำนวนงานที่ได้รับ” กลับจบลงด้วย การฆ่าญาติ และสูญเสียชีวิตทั้งสองฝ่าย

    หากเราปล่อยให้ความอิจฉาเข้าครอบงำ อาจกลายเป็นไฟที่เผาผลาญทุกสิ่ง 🧨🔥

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 161444 เม.ย. 2568

    📲 #ตุงแซ่หว่อง #คดีฆ่าญาติ #ยิงเป้าประหาร #คดีสะเทือนขวัญ #ฆาตกรรมไทย #ประหารชีวิต #เรื่องจริงจากคุก #ขวานฆ่าคน #คดีอาฆาต #ย้อนคดีดัง
    82 ปี ยิงเป้าประหาร! "ตุง แซ่หว่อง" คดีขวานจามคาบ้านสุดอุกอาจ ตำนานแรงอาฆาตฆ่าญาติกลางเมืองเลย 🔥 📌 คดีฆาตกรรมสะเทือนขวัญกลางเมืองเลย “ตุง แซ่หว่อง” ช่างไม้ผู้กลายเป็นนักโทษประหาร จากแรงอาฆาตเรื่องการงาน สู่การฆ่าญาติข้างห้องอย่างอุกอาจ อ่านเรื่องจริง ที่ลงเอยด้วยการยิงเป้าอย่างเย็นชา 🕵️‍♂️ 📚 คดีที่โลกไม่ลืม 82 ปีผ่านไป ยังสะเทือนใจ 💔 ถ้าพูดถึงคดีฆาตกรรมที่โหดเหี้ยม และกลายเป็นข่าวใหญ่ ในประวัติศาสตร์ไทย หนึ่งในนั้นคือคดีของ “ตุง แซ่หว่อง” ช่างไม้หนุ่มเชื้อสายจีน ที่ก่อเหตุฆ่าญาติเชื้อสายจีน อย่างโหดเหี้ยมกลางเมืองเลย 🪓 คดีนี้ไม่ใช่เพียงแค่การฆ่าคน แต่คือเรื่องของความอาฆาต ริษยา การวางแผนอย่างแยบยล การฝังศพในบ้าน และการเบี่ยงเบนความผิดด้วยคำโกหก… จนต้องจบชีวิตลงด้วยโทษประหาร ด้วยการยิงเป้า 😨 👤 จากช่างไม้สู่ฆาตกร 🧰 “ตุง แซ่หว่อง” เป็นชายหนุ่มเชื้อสายจีนอายุเพียง 25 ปี ณ เวลาที่ก่อเหตุ อาศัยอยู่กับญาติ “ยิด แซ่อึ๊ง” ซึ่งก็เป็นช่างไม้เช่นกัน ทั้งสองมาเช่าบ้านอยู่ที่หน้าเรือนจำจังหวัดเลย ชีวิตประจำวันของทั้งคู่ดูเรียบง่าย ทำงาน หาเงิน แล้วกลับบ้าน แต่สิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้ความเรียบง่ายนั้นคือ ความอิจฉาริษยา และความเครียดจากการเป็น “คู่แข่งกันเอง” ทางอาชีพ ยิ่งเมื่อยิดมีงานเยอะกว่า มีคนจ้างมากกว่า ก็ยิ่งทำให้ตุง สะสมความไม่พอใจไว้ในใจ 😤 📩 จดหมายปลอม จุดเริ่มต้นของความตาย 🧨 ทุกอย่างเริ่มต้นเมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2483 เมื่อยิดได้รับจดหมาย 2 ฉบับจากญาติในกรุงเทพฯ ชวนให้ไปทำงาน แต่เนื้อหาจดหมาย กลับมีความผิดปกติหลายจุด จนเจ้าตัวเริ่มสงสัยว่า เป็นของปลอม ❗ ภายหลังเมื่อตรวจสอบ ตุงยอมรับว่าเป็นคนเขียนขึ้นเอง “เพื่อแกล้งเล่น” แต่ในความจริงแล้ว เจตนาอาจลึกซึ้งกว่านั้น เพื่อ “ลวง” ให้ยิดออกจากพื้นที่ หรือสร้างเหตุให้ทะเลาะ แล้วใช้เป็นข้ออ้างสังหาร ❓ การทะเลาะรุนแรงจึงเกิดขึ้น จนมีเสียงดังไปถึงป้อมตำรวจหน้าคุก และเป็นเหตุการณ์นำไปสู่เรื่องสยอง ที่ไม่มีใครคาดคิด… 🕵️‍♂️ จากการหายตัว…สู่การพบศพในสวนหลังบ้าน 🪦 วันเสาร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2483 นายยิดหายตัวไป ไม่มีใครพบเห็นอีกเลย ตุงอ้างว่า “ไปบ้านก้างปลา” แต่พยานหลายปากเห็นว่า เขาอยู่คนเดียว เด็กหญิงกุ๊ก ลูกสาวยิด ปีนเข้าไปนอนรอพ่อ แต่พ่อก็ไม่กลับมา... 15 ตุลาคม ตำรวจพบกลิ่นเหม็นเน่าคลุ้งจากหลังบ้าน ขุดดินดูจึงพบว่า... ศพของยิดถูกฝังไว้ในหลุมตื้น ๆ มีรอยของมีคมฟันท้ายทอย 2 แผล 🪓 พบขวานเปื้อนเลือดในกล่องเครื่องมือตุง และผ้าขาวม้าตุงเปื้อนเลือด ไม้พื้นห้องนอนยิด มีรอยกบไสใหม่ ทุกอย่างบ่งบอกถึง การพยายามกลบเกลื่อนหลักฐาน อย่างมีแบบแผน 🔬 หลักฐาน พยานเด็ด มัดตัวแน่น! 🧾 🔪 ขวานที่พบในบ้าน มีเลือดของยิด 🩸 ไม้พื้นและผนัง มีรอยเลือดกระเซ็น 🔑 ลูกกุญแจห้องยิดอยู่กับตุง แต่อ้างว่า ยืมจากเด็กหญิงกุ๊ก ซึ่งเด็กหญิงปฏิเสธว่าไม่เคยให้ 🕯️ พยานตำรวจ ได้ยินเสียงร้อง “โอ้ย ๆ” กลางดึก 🚲 รถจักรยานและรองเท้ายยิด ถูกซ่อนไว้ห่างบ้านประมาณ 800 เมตร หลักฐานทั้งหมดนี้ ทำให้ตำรวจเชื่อมั่นว่า ตุงคือฆาตกรแน่นอน 💯 ⚖️ เส้นทางสู่ศาล คำพิพากษาประหารชีวิต 🧑‍⚖️ ศาลชั้นต้น พิจารณาหลักฐาน พยานแวดล้อม และพบว่า การฆ่ามีแรงจูงใจชัดเจน คือ “ความอาฆาตส่วนตัว” และความพยายาม “ซ่อนเร้นศพ” ✒️ คำพิพากษา “จำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา ด้วยความพยาบาทมาดหมาย ให้ประหารชีวิตโดยไม่ลดหย่อนโทษ” แม้ตุงจะยื่นอุทธรณ์และฎีกา แต่ศาลทุกชั้นยืนตามคำพิพากษาเดิม ไม่มีการลดโทษใด ๆ ทั้งสิ้น ❌ 🔫 วันสุดท้ายของ “ตุง แซ่หว่อง” กับการประหารโดยยิงเป้า ⛓️ เช้าวันพฤหัสบดีที่ 15 เมษายน พ.ศ. 2486 เวลา 04.30 น. ณ เรือนจำกลางบางขวาง นายตุงถูกเบิกตัวออกจากแดนควบคุม เพื่อเตรียมตัวเข้าสู่ห้องประหาร 😔 ✅ รับฟังคำสั่งปฏิเสธฎีกา ✍️ เขียนพินัยกรรม 🍱 ทานอาหารมื้อสุดท้าย 🛐 ฟังธรรมเทศนา เวลา 6.07 น. ธงแดงสะบัดลง… เสียงปืนดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ❗ ชีวิตของ “ตุง แซ่หว่อง” จบสิ้น ณ จุดนั้น 🧠 ฆาตกรรมที่ไม่ใช่แค่ “อารมณ์ชั่ววูบ” 😢 เรื่องราวของตุง คือเครื่องเตือนใจ ถึงอันตรายของอารมณ์ริษยา ความอาฆาต และความไม่ยอมรับความจริง ความขัดแย้งที่เริ่มต้นจากเรื่องเล็กน้อยอย่าง “จำนวนงานที่ได้รับ” กลับจบลงด้วย การฆ่าญาติ และสูญเสียชีวิตทั้งสองฝ่าย หากเราปล่อยให้ความอิจฉาเข้าครอบงำ อาจกลายเป็นไฟที่เผาผลาญทุกสิ่ง 🧨🔥 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 161444 เม.ย. 2568 📲 #ตุงแซ่หว่อง #คดีฆ่าญาติ #ยิงเป้าประหาร #คดีสะเทือนขวัญ #ฆาตกรรมไทย #ประหารชีวิต #เรื่องจริงจากคุก #ขวานฆ่าคน #คดีอาฆาต #ย้อนคดีดัง
    0 Comments 0 Shares 431 Views 0 Reviews
  • เปิดตัวอย่างเป็นทางการหนังสือ Fail Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด

    “เคล็ดลับสู่ความสำเร็จแบบก้าวกระโดด ด้วยการเรียนรู้จากความล้มเหลว
    เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ”

    ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล บรรณาธิการ Green Innovation & SD Manager Online กรรมการสถาบันป๋วย อึ๊งภากรณ์ (ท่านที่ 2 จากซ้าย) อาจารย์ทวีภูมิ วิบรรณ์ ผู้ก่อตั้ง ProActive Forum (ท่านที่ 1 จากซ้าย) พ.ต.ท. ดร.คมกริช ศิลาทอง นักวิเทศสัมพันธ์ชำนาญการ สำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน (ท่านที่ 1 จากขวา) ดร.ศรินนา แก้วสีเคน กรรมการเดชฤทธิ์ กรุ๊ป, 10X Consulting และผู้ก่อตั้งกิจการเพื่อสังคมสานฝันปันใจให้น้อง (ท่านที่ 2 จากขวา) คุณจารุวรรณ เวชตระกูล บรรณาธิการบริหาร สำนักพิมพ์วิช (ท่านที่ 3 จากขวา) คุณศิริรัตน์ ไชยาริพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายจัดจำหน่าย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) (ท่านที่ 4 จากขวา) ร่วมเป็นเกียรติในงานเปิดตัวผลงานหนังสือล่าสุดของ ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์พรหมบุตร (ท่านที่ 3 จากซ้าย) ที่ปรึกษา โค้ช วิทยากร และนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การพัฒนาการจัดการองค์กร จากแบรนด์ 10X Consulting (www.10-xconsulting.com) ซึ่งมีผลงานการให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อพัฒนาศักยภาพทั้งในระดับบุคคล ทีม และองค์กรชั้นนำกว่า 500 องค์กร ใน 21 อุตสาหกรรม ครอบคลุมกลุ่มบริษัท บริษัทมหาชน บริษัทจำกัดในอุตสาหกรรมผลิต พลังงาน การสื่อสาร - โทรคมนาคม เทคโนโลยีดิจิทัล ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ การบริการ/มหาวิทยาลัย/สถาบันการศึกษา/ รัฐวิสาหกิจ 10 อันดับแรกที่ส่งรายได้สูงสุด/หน่วยงานภาครัฐระดับกระทรวง และส่วนราชการในสังกัดทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น/สถาบันอิสระ/องค์กรไม่แสวงหากำไร/โครงการพระราชดำริ และเป็นที่ปรึกษา พี่เลี้ยง และโค้ชส่วนตัวแก่ผู้บริหาร และผู้นำมากกว่า 10,000 คน

    ในยุคที่สังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และผู้คนก็กระหายความสำเร็จ และมุ่งหวังความเจริญเติบโต การเรียนรู้จากการล้ม และการฝึกกระบวนการในการสร้างความสำเร็จจึงเป็นเรื่องจำเป็นและทั้งหมดนี้ต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว รอช้าไม่ได้

    ปัจจุบันนี้ องค์กร หน่วยงาน ทีมต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวบุคคล ล้วนเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งการแข่งขันที่ดุเดือด เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การยึดติดกับวิธีการเดิมๆ หรือกลัวความล้มเหลว อาจทำให้ตัวคุณ ทีม หน่วยงาน และองค์กรตกขบวนได้

    หนังสือ "Fall Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" ได้รับแรงบันดาลใจจากการได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับ ผู้นำทีม ผู้จัดการหน่วยงาน ผู้บริหารองค์กร ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ ผู้ก่อตั้งองค์กรทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งบุคคล ที่รัก และชื่นชอบการพัฒนาตนเอง นับหมื่นคนที่มอบโอกาสและความไว้วางใจให้มีส่วนร่วมสร้างสรรค์ผลงาน ทำให้เห็นถึงความสำคัญของการทดลองสิ่งใหม่ๆ การเรียนรู้จากความล้มเหลว และการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เกิดการพัฒนาสร้างการเติบโตนับ 10 เท่า (10X) และการปรับปรุง - พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

    หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้นำทีม ผู้จัดการ ผู้บริหาร เจ้าของธุรกิจ และผู้ก่อตั้ง ที่ต้องการพัฒนา ทีมงาน หน่วยงาน และองค์กร ควบคู่กับการพัฒนาตนเอง ให้เป็นผู้สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยผู้อ่านจะได้เรียนรู้กลยุทธ์และเทคนิคในการ "ล้มให้เร็ว" และ "สำเร็จให้สุด" ภายในเล่ม ผู้อ่านจะได้พบกับ

    1. เครื่องมือและเทคนิค ที่จะช่วยให้คุณ "ล้ม" อุปสรรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความกลัวความล้มเหลว การขาดความคิดสร้างสรรค์ หรือวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เอื้อต่อต่อการเปลี่ยนแปลง
    2. กลยุทธ์ในการ "เร่ง" สู่ความสำเร็จในแบบ 10X ด้วยการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง และการพัฒนาศักยภาพของบุคคล ทีม หน่วยงาน และองค์กร

    ด้วยเนื้อหาที่เข้มขันแต่เข้าใจง่าย ผู้อ่านจะได้เรียนรู้วิธีคิดและวิธีปฏิบัติแบบใหม่ๆ ที่จะช่วย "ปลดล็อก" ศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในตัวคุณและองค์กร ไม่ว่าคุณจะกำลังเผชิญกับความท้าทายใดในชีวิต และธุรกิจการงาน

    หากคุณพร้อมที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ และพุ่งทะยานสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยการถอดแบบความสำเร็จแบบ "Fall Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" ราคา 299 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน นี้เป็นต้นไป หรือสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ www.wishbookmaker.com สั่งซื้อจำนวนมากติดต่อที่ 02 – 418 - 2885

    ชมบรรยากาศการเปิดตัวหนังสือได้ที่ #FailFastSucceedMore

    #ล้มให้เร็วสำเร็จให้สุด
    #เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ
    #เผยเทคนิคล้มอย่างไรให้สำเร็จได้อย่างสุดๆ
    เปิดตัวอย่างเป็นทางการหนังสือ Fail Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด “เคล็ดลับสู่ความสำเร็จแบบก้าวกระโดด ด้วยการเรียนรู้จากความล้มเหลว เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ” ดร.สุวัฒน์ ทองธนากุล บรรณาธิการ Green Innovation & SD Manager Online กรรมการสถาบันป๋วย อึ๊งภากรณ์ (ท่านที่ 2 จากซ้าย) อาจารย์ทวีภูมิ วิบรรณ์ ผู้ก่อตั้ง ProActive Forum (ท่านที่ 1 จากซ้าย) พ.ต.ท. ดร.คมกริช ศิลาทอง นักวิเทศสัมพันธ์ชำนาญการ สำนักประสานความร่วมมือระหว่างประเทศ สำนักงานปลัดกระทรวงแรงงาน (ท่านที่ 1 จากขวา) ดร.ศรินนา แก้วสีเคน กรรมการเดชฤทธิ์ กรุ๊ป, 10X Consulting และผู้ก่อตั้งกิจการเพื่อสังคมสานฝันปันใจให้น้อง (ท่านที่ 2 จากขวา) คุณจารุวรรณ เวชตระกูล บรรณาธิการบริหาร สำนักพิมพ์วิช (ท่านที่ 3 จากขวา) คุณศิริรัตน์ ไชยาริพันธ์ ผู้จัดการฝ่ายจัดจำหน่าย บริษัท ซีเอ็ดยูเคชั่น จำกัด (มหาชน) (ท่านที่ 4 จากขวา) ร่วมเป็นเกียรติในงานเปิดตัวผลงานหนังสือล่าสุดของ ศาสตราจารย์พิศิษฐ์ ดร.วสิษฐ์พรหมบุตร (ท่านที่ 3 จากซ้าย) ที่ปรึกษา โค้ช วิทยากร และนักวิชาการผู้เชี่ยวชาญด้านกลยุทธ์การพัฒนาการจัดการองค์กร จากแบรนด์ 10X Consulting (www.10-xconsulting.com) ซึ่งมีผลงานการให้คำปรึกษาแนะนำเพื่อพัฒนาศักยภาพทั้งในระดับบุคคล ทีม และองค์กรชั้นนำกว่า 500 องค์กร ใน 21 อุตสาหกรรม ครอบคลุมกลุ่มบริษัท บริษัทมหาชน บริษัทจำกัดในอุตสาหกรรมผลิต พลังงาน การสื่อสาร - โทรคมนาคม เทคโนโลยีดิจิทัล ค้าปลีก อสังหาริมทรัพย์ การบริการ/มหาวิทยาลัย/สถาบันการศึกษา/ รัฐวิสาหกิจ 10 อันดับแรกที่ส่งรายได้สูงสุด/หน่วยงานภาครัฐระดับกระทรวง และส่วนราชการในสังกัดทั้งส่วนกลาง ส่วนภูมิภาคและส่วนท้องถิ่น/สถาบันอิสระ/องค์กรไม่แสวงหากำไร/โครงการพระราชดำริ และเป็นที่ปรึกษา พี่เลี้ยง และโค้ชส่วนตัวแก่ผู้บริหาร และผู้นำมากกว่า 10,000 คน ในยุคที่สังคมเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และผู้คนก็กระหายความสำเร็จ และมุ่งหวังความเจริญเติบโต การเรียนรู้จากการล้ม และการฝึกกระบวนการในการสร้างความสำเร็จจึงเป็นเรื่องจำเป็นและทั้งหมดนี้ต้องเป็นไปอย่างรวดเร็ว รอช้าไม่ได้ ปัจจุบันนี้ องค์กร หน่วยงาน ทีมต่างๆ ไม่เว้นแม้กระทั่งตัวบุคคล ล้วนเผชิญกับความท้าทายมากมาย ทั้งการแข่งขันที่ดุเดือด เทคโนโลยีที่พัฒนาอย่างรวดเร็ว และพฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา การยึดติดกับวิธีการเดิมๆ หรือกลัวความล้มเหลว อาจทำให้ตัวคุณ ทีม หน่วยงาน และองค์กรตกขบวนได้ หนังสือ "Fall Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" ได้รับแรงบันดาลใจจากการได้ร่วมแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับ ผู้นำทีม ผู้จัดการหน่วยงาน ผู้บริหารองค์กร ผู้ประกอบการ เจ้าของธุรกิจ ผู้ก่อตั้งองค์กรทั้งในและต่างประเทศ รวมทั้งบุคคล ที่รัก และชื่นชอบการพัฒนาตนเอง นับหมื่นคนที่มอบโอกาสและความไว้วางใจให้มีส่วนร่วมสร้างสรรค์ผลงาน ทำให้เห็นถึงความสำคัญของการทดลองสิ่งใหม่ๆ การเรียนรู้จากความล้มเหลว และการปรับตัวอย่างรวดเร็ว ซึ่งทำให้เกิดการพัฒนาสร้างการเติบโตนับ 10 เท่า (10X) และการปรับปรุง - พัฒนาอย่างต่อเนื่อง หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับผู้นำทีม ผู้จัดการ ผู้บริหาร เจ้าของธุรกิจ และผู้ก่อตั้ง ที่ต้องการพัฒนา ทีมงาน หน่วยงาน และองค์กร ควบคู่กับการพัฒนาตนเอง ให้เป็นผู้สร้างการเติบโตอย่างก้าวกระโดด โดยผู้อ่านจะได้เรียนรู้กลยุทธ์และเทคนิคในการ "ล้มให้เร็ว" และ "สำเร็จให้สุด" ภายในเล่ม ผู้อ่านจะได้พบกับ 1. เครื่องมือและเทคนิค ที่จะช่วยให้คุณ "ล้ม" อุปสรรคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความกลัวความล้มเหลว การขาดความคิดสร้างสรรค์ หรือวัฒนธรรมองค์กรที่ไม่เอื้อต่อต่อการเปลี่ยนแปลง 2. กลยุทธ์ในการ "เร่ง" สู่ความสำเร็จในแบบ 10X ด้วยการปรับตัวให้ทันกับการเปลี่ยนแปลง และการพัฒนาศักยภาพของบุคคล ทีม หน่วยงาน และองค์กร ด้วยเนื้อหาที่เข้มขันแต่เข้าใจง่าย ผู้อ่านจะได้เรียนรู้วิธีคิดและวิธีปฏิบัติแบบใหม่ๆ ที่จะช่วย "ปลดล็อก" ศักยภาพที่ซ่อนอยู่ภายในตัวคุณและองค์กร ไม่ว่าคุณจะกำลังเผชิญกับความท้าทายใดในชีวิต และธุรกิจการงาน หากคุณพร้อมที่จะก้าวข้ามขีดจำกัดเดิมๆ และพุ่งทะยานสู่ความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่กว่าเดิม ด้วยการถอดแบบความสำเร็จแบบ "Fall Fast, Succeed More ล้มให้เร็ว สำเร็จให้สุด" ราคา 299 บาท มีจำหน่ายที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 21 เมษายน นี้เป็นต้นไป หรือสั่งซื้อทางออนไลน์ได้ที่ www.wishbookmaker.com สั่งซื้อจำนวนมากติดต่อที่ 02 – 418 - 2885 ชมบรรยากาศการเปิดตัวหนังสือได้ที่ #FailFastSucceedMore #ล้มให้เร็วสำเร็จให้สุด #เพราะความล้มเหลวคือจิ๊กซอร์หนึ่งของความสำเร็จ #เผยเทคนิคล้มอย่างไรให้สำเร็จได้อย่างสุดๆ
    0 Comments 0 Shares 363 Views 0 Reviews
  • 24 ปี ประหารชีวิต ‘สมคิด นามแก้ว’ นักโทษคดียาบ้าคนแรก ที่ถูกประหาร ด้วยการยิงเป้า” เสียงครวญสะท้านใจ “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต มันไม่คุ้มเลย” แง่คิดที่เตือนให้รู้คุณค่าของชีวิต

    “สมคิด นามแก้ว” นักโทษคดียาบ้า คนแรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่ถูกประหารชีวิตเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านไป ภายใต้บรรยากาศอันน่าสะเทือนใจ ของการเปลี่ยนแปลงสังคม การปราบปรามยาเสพติด ชีวิตมีค่ามากกว่าเงินทอง และความจำเป็นในการต่อต้านอาชญากรรมยาเสพติด อย่างเด็ดขาด

    ในโลกที่ความมีค่าแห่งชีวิต ศีลธรรม ถูกท้าทายด้วยความโลภ และความอยากรวย เรื่องราวของ “สมคิด นามแก้ว” นักโทษคดียาบ้าคนแรกของประเทศไทย ที่ถูกประหารชีวิตเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านมานั้น ยังคงสะเทือนใจคนไทยทุกวันนี้ 😢

    ย้อนไปเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านมา ในบ่ายวันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 ที่แดนประหาร เรือนจำกลางบางขวาง เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศ ต้องจ้องมองและตั้งคำถาม ถึงความหมายของความถูกต้อง และความยุติธรรมในสังคม อย่างลึกซึ้ง

    ยาบ้าและปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติดทุกชนิด ต่างก็เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบในทุกชั้นสังคม แต่ยาบ้าในสมัยนั้นเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดอาชญากรรมร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมที่คลุ้มคลั่ง และทำให้ผู้เสพมีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อตัวเองและสังคมทั่วไป

    นายสมคิด นามแก้ว ได้ถูกจับในคดีมียาเสพติด โดยมีหลักฐานแน่ชัดว่า ต้องขนส่งยาบ้าปริมาณมหาศาล ซึ่งสืบเนื่องมาจากการสืบสวน ที่เชื่อมโยงระหว่างเครือข่ายค้ายาเสพติด ทั้งในประเทศและในต่างประเทศ และในขณะที่ระบบการปราบปรามยาเสพติด เริ่มเข้มงวดขึ้น เพื่อยับยั้งอาชญากรรม และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหายาบ้าในสังคม 👮‍♂️

    ประเทศไทยมีกฎหมายที่เข้มงวด เกี่ยวกับคดียาเสพติด โดยหลักฐานและการรับสารภาพ มักนำไปสู่โทษที่ร้ายแรงที่สุดในบางกรณี โดยเฉพาะในคดียาบ้า ที่มักจะมีมาตรการประหารชีวิต สำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยมีจุดประสงค์ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณเตือน ให้กับผู้ที่คิดจะเข้ามามีส่วนร่วมกับการค้า และเสพติดยาเสพติด

    ในคดีของสมคิด ศาลชั้นต้นเห็นว่า ความผิดไม่ได้เกิดจาก ความประมาทเลินเล่อเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการกระทำ ที่บ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยของสังคม และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การกระทำความผิดในฐานะที่เป็น “นักโทษคดียาบ้า” นั้น จะต้องได้รับโทษในระดับสูงสุด ซึ่งก็คือการประหารชีวิต ตามที่ได้เกิดขึ้นจริงในวันนั้น

    ในช่วงเวลานั้น ยาบ้าเป็นที่แพร่หลายในสังคมในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นชั้นคนทำงานข้างนอก หรือแม้แต่ในวงการขบวนการอาชญากรรมขนาดใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ของเครือข่ายค้ายาเสพติด ทำให้การปราบปรามเป็นเรื่องท้าทาย และต้องใช้ความพยายามอย่างมาก จากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ยังทำให้เกิดความรู้สึกสับสนในสังคม ที่มองเห็นภาพของความยุติธรรม ที่อาจไม่ชัดเจนในบางครั้ง

    เหตุการณ์ของคดีนี้ เริ่มต้นในกลางดึกวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2540 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับข้อมูล เกี่ยวกับการลำเลียงยาบ้าปริมาณมาก จากพื้นที่ชายแดนจังหวัดเชียงราย เข้าสู่กรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางผ่านทางหลวงหมายเลข 103

    เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง กองบังคับการทางหลวง 5 จังหวัดพะเยา ได้ตั้งด่านสกัด ที่ตู้ยามตำรวจทางหลวงร้องกวาง ตำบลร้องเข็ม อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ ตามข้อมูลที่ได้รับ และมีรถเก๋งโตโยต้า โคโรน่าสีน้ำตาล ทะเบียน 3ว-8505 กทม. วิ่งเข้ามาที่จุดสกัด เมื่อเจ้าหน้าที่สั่งให้รถหยุด เพื่อทำการตรวจค้น

    ในขณะตรวจค้น นายสมคิด ซึ่งในตอนนั้นอายุ 31 ปี พักอาศัยอยู่ที่หมู่ที่ 10 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้แสดงออกถึงพิรุธ ด้วยการกล่าวว่า “ในรถไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย” และยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ตนเองเกลียดยาบ้ามากที่สุด” แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการค้นอย่างละเอียด พบยาบ้าบรรจุในห่อพลาสติก ซุกซ่อนอยู่ตามที่ต่าง ๆ ในรถ ทั้งที่ประตูรถและใต้เบาะนั่ง พบว่ามียาบ้าปริมาณถึง 203 ห่อ ๆ ละ 2,000 เม็ด รวมเป็นจำนวน 406,000 เม็ด ซึ่งมีสีสันปรากฏเป็นสีส้มและเขียว ประทับตัวอักษรว่า “wy” โดยมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท จึงติดสินบนตำรวจ 5 ล้านบาท แต่ตำรวจไม่เล่นด้วย🚔

    หลังจากจับกุม ในขั้นตอนการสอบสวน นายสมคิดได้ให้การรับสารภาพว่า ได้รับจ้างขนยาบ้าจากพ่อค้ายาเสพติด ด้วยค่าจ้าง 50,000 บาท เพื่อนำส่งให้ลูกค้าที่ปั๊มน้ำมัน ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    เหตุการณ์ที่น่าสลดใจนี้ เผยให้เห็นว่า แม้จะมีกำไรในทางการค้ายาเสพติด แต่ในความเป็นจริงแล้ว “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต” นั้นไม่คุ้มค่าเลย เพราะชีวิตที่ถูกประหารนั้น เป็นชีวิตที่จบลงไปในพริบตา ไม่มีวันได้กลับคืน หรือแก้ไขได้หลังจากนั้น

    นายสมคิดถูกส่งเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี ในศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยในชั้นต้นศาลเห็นว่า แม้จะมีการรับสารภาพ แต่การกระทำของนายสมคิดนั้นทำให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรง ต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม จึงได้พิพากษาให้ลงโทษในระดับสูงสุด นั่นคือโทษประหารชีวิต

    หลังจากคำพิพากษาของศาลชั้นต้น นายสมคิดได้ดำเนินการอุทธรณ์ ต่อศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา พร้อมทั้งได้ยื่นหนังสือถวายฎีกา ทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษ ในวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2543

    นายสมคิดได้ให้เหตุผลว่า “ตนมีการรับสารภาพมาตั้งแต่แรก และไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน” รวมทั้งระบุว่า ตนได้กระทำเ พราะต้องการหาเงินมารักษาพยาบาลพี่สาว ที่ป่วยเป็นโรคสมองฝ่อ เนื่องจากฐานะทางการเงินที่ยากจน แต่ข้ออ้างเหล่านี้ถู กศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาปฏิเสธ โดยให้ความสำคัญกับความมั่นคงของประเทศชาติ และความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยกล่าวว่าเรื่องส่วนตัว ไม่สามารถเปรียบเทียบ กับประโยชน์ส่วนรวมของสังคมได้

    ในกระบวนการพิจารณา ศาลได้พิจารณาหลักฐาน และพฤติกรรมของนายสมคิด ที่ชัดเจนว่าเป็นผู้รับจ้างขนยาบ้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการค้า และการค้ายาเสพติด ที่สร้างความไม่สงบเรียบร้อยในสังคม การที่นายสมคิดพยายามให้สินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็น ที่เน้นย้ำถึงความจริงที่ว่า ระบบค้ายาเสพติด มีการแทรกซึมลึกในสังคม

    ศาลอุทธรณ์จึงตัดสินยืน ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และเมื่อเรื่องนั้นถูกส่งต่อมายังศาลฎีกา คำพิพากษาก็ยังคงยืนหยัด นำมาซึ่งวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 เป็นวันที่ประหารชีวิตเกิดขึ้นจริง

    วันประหารชีวิตของนายสมคิด นามแก้ว ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดความสลดใจ และสะเทือนใจคนไทยอย่างแท้จริง โดยรายละเอียดในวันนั้นถูกบันทึกไว้ในหลาย ๆ ช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นบันทึกของเจ้าหน้าที่ หรือรายงานของนักข่าว ภาพความทุกข์ และความหวาดกลัวของนักโทษที่ต้องรอประหาร ได้สะท้อนให้เห็นถึงความหนักแน่น ในการปราบปรามยาเสพติดในสมัยนั้น

    ในช่วงบ่ายของวันประหาร ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ต่างเข้ามาจัดเตรียมสิ่งของ ที่จำเป็นสำหรับการประหารชีวิต ทั้งนี้เพื่อให้ขั้นตอนทั้งหมด เป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นความลับ เมื่อถึงเวลาที่นายสมคิด ถูกเบิกตัวออกจากห้องคุม ทุกอย่างดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเงียบสงัด และบรรยากาศที่หนักอึ้ง

    นายสมคิดในวันนั้น แสดงอาการที่ชัดเจนว่า รู้สึกกลัวและทุกข์ทรมาน ทั้งทางร่างกายที่เริ่มอ่อนแรง และจิตใจที่สั่นคลอน ถึงแม้ว่าในช่วงท้ายของการเดิน จากห้องคุมไปสู่หลักประหาร นายสมคิดยังคงตั้งคำถามกับเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับความรู้สึกและความคิดของตนเอง “ผมเป็นคนแรกที่ถูกประหาร เพราะคดียาบ้าใช่ไหมครับ” และยังได้เตือนผู้อื่น เกี่ยวกับการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ที่อาจนำมาซึ่งความทุกข์ และความเสียหายต่อชีวิต 😔

    ระหว่างทาง ในขณะที่นายสมคิดถูกนำไปประหาร มีการสนทนาที่บ่งบอกถึงความทรงจำ และความเจ็บปวดภายในจิตใจของเขา รวมถึงการแฉข้อเท็จจริงของเครือข่ายค้ายาเสพติด ที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองในระดับท้องถิ่น “ถ้าจะปราบยาเสพติดให้หมดไปจริงๆ ก็ต้องเอาคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในทุกระดับออกไป” นายสมคิดกล่าว ในช่วงเวลาที่อารมณ์ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ และความรู้สึกที่อยากจะบอกต่อสังคม

    ผู้คุมในวันนั้น ได้พยายามปลอบใจนายสมคิดว่า “อย่างน้อยสมคิดยังได้ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคม เป็นครั้งสุดท้าย” แม้ว่าจะมองในแง่ของการเป็นบทเตือน สำหรับผู้ที่คิดจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่คำพูดเหล่านี้ ก็สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งของจิตใจ ระหว่างความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และความเห็นอกเห็นใจในความทุกข์ของมนุษย์

    ในห้องประหาร ที่จัดเตรียมขึ้นอย่างเคร่งครัด นายสมคิดถูกนำเข้ามาในห้องที่แสงไฟสลัว ๆ และบรรยากาศเงียบสงัด ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ ทำการเตรียมเครื่องมือ และตรวจสอบความพร้อมในทุกขั้นตอน ก่อนที่หัวหน้าชุดประหารจะโบกธงแดง เพื่อเริ่มกระบวนการประหาร

    ในช่วงเวลานั้น ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ทุกคน ต่างมีความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างหน้าที่ และความสำนึกในความทุกข์ทรมานของนายสมคิด ขณะที่นายสมคิดเอง ก็ได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ ในการรำลึกถึงชีวิตที่ผ่านมา ทั้งความรัก ความฝัน และความผิดพลาด ที่ไม่อาจย้อนกลับได้อีกต่อไป

    คำบอกลาและพินัยกรรมของนายสมคิด เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงข้อคิดที่ว่า “ชีวิตมนุษย์มีค่า เกินกว่าจะถูกแลกด้วยเงินเพียงเพราะความจน หรือความสิ้นหวัง” เขาได้ฝากท้ายจดหมายถึงญาติพี่น้องว่า “อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด” ซึ่งเป็นคำเตือนที่หวังว่า จะช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่น เดินตามรอยเท้าของเขาในอนาคต

    แม้คดีของนายสมคิด นามแก้ว จะเกิดขึ้นเมื่อกว่า 24 ปี ที่ผ่านมา แต่ผลกระทบ และบทเรียนที่ได้รับจากเหตุการณ์นี้ ยังคงสะท้อนอยู่ในสังคมไทยในหลายมิติ ทั้งในแง่ของการปราบปรามยาเสพติด และการตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตมนุษย์

    คดีนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญให้กับนโยบาย และวิธีการปราบปรามยาเสพติดในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับบทเรียนอันทรงคุณค่าจากการจับกุม และการดำเนินคดีที่เป็นแบบอย่าง แม้ว่าจะมีความท้าทาย จากเครือข่ายอาชญากรรมที่ซับซ้อน แต่การดำเนินการที่เข้มแข็ง และเด็ดขาดในคดีนี้ ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ไม่มีทางที่ผู้กระทำผิด จะหลุดพ้นไปจากกฎหมาย

    นอกจากนี้ ความเข้มงวดในการลงโทษสูงสุด อย่างการประหารชีวิต ได้เป็นเครื่องมือทางจิตวิทยา ที่ทำให้ผู้ค้ายาเสพติดต้องคิดทบทวนถึงความเสี่ยง และผลที่ตามมา หากตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางอาชญากรรมดังกล่าว

    หนึ่งในแง่คิดที่ทรงพลัง จากเหตุการณ์ของนายสมคิด คือ “ชีวิตมนุษย์มีค่าเกินกว่าจะแลกด้วยเงิน” เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ นายสมคิดได้รับเงินค่าจ้างเ 50,000 บาท เพื่อการขนส่งยาบ้า แต่ท้ายที่สุดค่าใช้จ่ายนั้น กลับสูงกว่ามาก เมื่อชีวิตของเขา ถูกสังหารไปในพริบตา

    เหตุการณ์ครั้งนี้เตือนใจให้กับทุกคนว่า ไม่ว่าเราจะเผชิญกับความยากจน หรือความท้าทายใด ๆ ในชีวิต การก้าวเข้าสู่เส้นทางผิดกฎหมาย ด้วยเงินทองเพียงไม่กี่บาทนั้น ไม่สามารถชดเชยค่าของชีวิต และความมีคุณค่าที่แท้จริงได้

    ในมุมมองของสังคม สิ่งนี้ยังเป็นการเผยให้เห็นถึง ความจำเป็นในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ในระบบเศรษฐกิจ และสวัสดิการสังคม เพื่อให้คนไทยทุกคน มีโอกาสได้รับความช่วยเหลือ และการสนับสนุนที่เหมาะสม โดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิต หรือกระทำความผิดเพื่อความอยู่รอด

    นอกจากความเสียหาย ที่เกิดกับตัวนายสมคิดแล้ว คดีนี้ยังส่งผลกระทบต่อครอบครัว และญาติพี่น้องของเขาอีกด้วย ภาพของคนในบ้าน ที่ต้องสูญเสียสมาชิกอันมีค่าไป จากการกระทำที่นำไปสู่การประหารชีวิต สะท้อนให้เห็นถึงความสูญเสีย ทั้งทางด้านอารมณ์ และชื่อเสียงในสังคม

    การที่คนรอบข้าง ต้องเผชิญกับความสลด จากการสูญเสียสมาชิกในครอบครัวนั้น ทำให้เราได้ตระหนักถึงความสำคัญ ของการมีคุณค่าชีวิต และความจำเป็นในการสนับสนุน และช่วยเหลือกันในสังคม ไม่ว่าจะเป็นผ่านนโยบายสังคมที่เข้มแข็ง หรือการให้ความรู้แก่ประชาชน เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติด

    ในหลายช่วงของเรื่องราวนี้ อารมณ์และความรู้สึก ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างละเอียด ทั้งความกลัว ความเสียใจ และความหวาดกลัวของนายสมคิด ในนาทีสุดท้าย และความเหงาเศร้าใจของผู้คุมและเจ้าหน้าที่ ที่ต้องเผชิญกับการปฏิบัติหน้าที่หนักอึ้ง เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องหันมาสำรวจ และตั้งคำถามว่า “เราจะทำอะไร เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นอีก?”

    สังคมไทยในปัจจุบัน ยังคงต้องรับมือกับปัญหายาบ้า และปัญหาอาชญากรรมในรูปแบบต่าง ๆ จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องมีมาตรการส่งเสริมคุณค่าชีวิต การให้คำปรึกษาด้านจิตใจ และโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชีวิต ให้กับผู้ที่ตกอยู่ในวงจรอาชญากรรมเหล่านั้น โดยที่ไม่ใช่แค่การลงโทษเท่านั้น แต่ยังเป็นการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้น

    เหตุการณ์ของนายสมคิด นามแก้ว ได้เปิดเผยประเด็นสำคัญทางจริยธรรม ที่สังคมไทยต้องเผชิญ โดยเฉพาะในแง่ของการให้คุณค่ากับชีวิตมนุษย์ และการตัดสินใจที่มีผลตามมาตลอดชีพ

    ในสังคมที่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ยังคงมีอยู่ ความจนหรือความจำเป็นบางครั้ง ถูกใช้เป็นข้ออ้างในการกระทำผิด แต่เหตุการณ์ของนายสมคิด สอนเราให้เห็นว่า การกระทำผิดไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ แม้จะมีเหตุผลส่วนตัว ที่น่าสงสารเพียงใดก็ตาม

    “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต” เป็นวาทะที่ชัดเจนที่เตือนใจว่า ค่าใช้จ่ายในชีวิตนั้น สูงเกินกว่าที่จะวัดด้วยเงินทอง ใครที่ตกอยู่ในภาวะยากจน ควรได้รับความช่วยเหลือจากสังคม มากกว่าที่จะถูกผลัก ให้เข้าสู่เส้นทางที่ไร้ทางออก

    การลงโทษประหารชีวิตในคดียาเสพติด อาจดูเหมือนเป็นการลงโทษที่รุนแรง แต่ในมุมมองของสังคมไทยในขณะนั้นแล้ว ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เครือข่ายค้ายาเสพติด เติบโตและแพร่กระจาย

    อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน ก็มีความถกเถียงกันในหลายมุมมอง เกี่ยวกับความถูกต้องของการลงโทษสูงสุดนี้ ว่าจะสามารถช่วยลดอาชญากรรมในระยะยาว ได้จริงหรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงที่เห็นจากคดีของนายสมคิดคือ การลงโทษอย่างเด็ดขาดนั้น เป็นการยืนยันถึงความเข้มงวด ของระบบยุติธรรมในยุคนั้น

    หากเรามองในแง่ของการป้องกัน การลงโทษที่รุนแรง ไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของการกระทำผิด ได้ในระยะยาว สังคมจำเป็นต้องหันมาสนับสนุนการศึกษา สวัสดิการ และระบบช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบ

    ในบทเรียนจากคดีนี้ เราได้รู้ว่าการแก้ไขปัญหาความยากจน และปัญหาสังคมในมิติ ที่ลึกกว่าเพียงการลงโทษนั้น สำคัญมาก การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้ทุกคน มีโอกาสทางการศึกษา และการพัฒนาตนเอง อาจเป็นกุญแจสำคัญ ในการป้องกันไม่ให้เกิดคดี ที่คล้ายคลึงกันในอนาคต

    เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต 24 ปีที่ผ่านมา คดีของนายสมคิด นามแก้ว ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจให้กับสังคมไทย ถึงความเปราะบางของชีวิตมนุษย์ และความรับผิดชอบ ที่เราต้องมีต่อกันในฐานะสมาชิกของสังคม

    แม้ว่าในนาทีสุดท้ายของชีวิต นายสมคิดจะต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมาน และความกลัวที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่คำพูดและการกระทำของเขา กลับเป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า สำหรับคนไทยทุกคน “อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด” คือคำเตือนที่เกิดจากความเจ็บปวดส่วนตัว ที่สุดท้ายแล้ว กลับกลายเป็นเสียงเตือนถึงความผิดพลาด ที่อาจส่งผลให้ชีวิตของเรา และคนที่เรารักต้องจบลงในพริบตา

    การประหารชีวิตในคดีนี้ ทำให้เราได้ตระหนักว่า การเลือกทางเดินในชีวิตนั้น สำคัญมากกว่าเงินทอง หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ เพราะเมื่อชีวิตถูกใช้ไปแล้ว เราจะไม่มีทางหวนคืนกลับมาได้อีก 😔

    สังคมไทยในปัจจุบัน ย่อมต้องหันมาสนับสนุนกัน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อม ที่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตที่มีคุณค่าแ ละถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติด การสนับสนุนให้ผู้ที่ตกอยู่ในภาวะยากจน ได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง รวมถึงการส่งเสริมค่านิยมในด้านความซื่อสัตย์ และความมีคุณธรรม

    ในมุมมองนี้ คดีของนายสมคิด ไม่ได้เป็นเพียงคดีของนักโทษ ที่ถูกประหารชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนสำหรับทุกคน ที่ต้องคิดทบทวน ถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ชีวิตมีค่า” เมื่อชีวิตของเราถูกกีดกันด้วยความผิดพลาด ในเส้นทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีสิ่งใดสามารถทดแทนความเสียหาย ที่เกิดขึ้นได้ในภายหลัง

    เพื่อป้องกันไม่ให้มีคดีที่คล้ายคลึงกัน เกิดขึ้นอีกในอนาคต จำเป็นต้องมีการสร้างระบบ ที่ช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในวงจรอาชญากรรม อย่างครบวงจร ตั้งแต่การศึกษาเรื่องผลกระทบของยาเสพติด การให้คำปรึกษาด้านจิตใจ ไปจนถึงการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจ ให้กับกลุ่มคนที่อาจตกเป็นเหยื่อของความยากจน และการล่อลวงของเครือข่ายค้ายาเสพติด

    นอกจากนี้ การให้ความรู้ และสร้างจิตสำนึกในสังคมว่า “การแลกเปลี่ยนชีวิตมนุษย์เพื่อเงิน” นั้นไม่มีค่าเทียบเท่ากับความมีชีวิตอยู่ และความสมบูรณ์ของจิตใจ จะช่วยลดโอกาสให้คนเข้าสู่แนวทางที่ผิด และนำไปสู่การพัฒนาสังคมที่ดีขึ้น อย่างแท้จริง

    เรื่องราวของ “สมคิด นามแก้ว” ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงความจริง ที่บางครั้งเราอาจมองข้ามไป ในแง่ของคุณค่าชีวิต และผลกระทบที่เกิดขึ้น จากการกระทำผิดกฎหมาย 🤔 ชีวิตที่ถูกแลกด้วยเงินเพียงเล็กน้อยนั้นไม่มีค่า เมื่อเทียบกับความรักและความสัมพันธ์ของคนรอบข้า งที่สูญเสียไปไปพร้อมกัน

    ทั้งนี้ คดีนี้เป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า ที่สังคมไทยไม่ควรลืม และเป็นเครื่องเตือนใจว่า แม้จะอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก หรือมีความยากจน แต่ทางออกที่ถูกต้องคือ การมองหาแนวทางช่วยเหลือ และการพัฒนาชีวิตให้ดีกว่าเดิม ไม่ใช่การเลือกเส้นทาง ที่นำพามาซึ่งความผิดพลาด และจุดจบที่น่าเศร้า

    เหตุการณ์ประหารชีวิต “สมคิด นามแก้ว” ในคดีคดียาบ้าคนแรกของประเทศไทย ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจอันทรงคุณค่าให้กับคนไทยในทุกยุคสมัย แม้จะผ่านไปนาน 24 ปี แต่บาดแผลจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ยังคงปรากฏให้เห็นในแง่มุมของการต่อสู้กับยาเสพติด และการรักษาคุณค่าของชีวิตมนุษย์

    จากคดีนี้เราได้เรียนรู้ว่า "ชีวิตมีค่า" และไม่ควรนำมาแลกเปลี่ยนกับเงินทอง แม้เพียงเล็กน้อย เพราะผลที่ตามมาหลังจากนั้น คือความสูญเสีย ที่ไม่อาจชดเชยได้ทั้งในทางกายและจิตใจ

    สิ่งที่เราได้จากเรื่องราวของสมคิด คือการตระหนักในความสำคัญ ของการเลือกเส้นทางชีวิตที่ถูกต้อง การช่วยเหลือ และสนับสนุนกันในสังคม ในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และความยากจน เราควรเลือกที่จะอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง และมีความหมาย แม้ทางเดินจะยากลำบาก แต่ความมีคุณค่าในชีวิตและความจริงใจ จะนำเราไปสู่อนาคตที่ดีกว่า เส้นทางที่ไม่ต้องแลกเปลี่ยนชีวิตอันมีค่า เพื่อเงินทองที่ว่างเปล่า

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121635 เม.ย. 2568

    #24ปีประหาร #สมคิดนามแก้ว #นักโทษคดียาบ้า #ปราบยาเสพติด #ชีวิตมีค่า #คดียาบ้า #ยับยั้งอาชญากรรม #สังคมปลอดภัย #อาลัยในชีวิต #ความจริงที่ไม่ควรลืม
    24 ปี ประหารชีวิต ‘สมคิด นามแก้ว’ นักโทษคดียาบ้าคนแรก ที่ถูกประหาร ด้วยการยิงเป้า” เสียงครวญสะท้านใจ “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต มันไม่คุ้มเลย” แง่คิดที่เตือนให้รู้คุณค่าของชีวิต “สมคิด นามแก้ว” นักโทษคดียาบ้า คนแรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่ถูกประหารชีวิตเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านไป ภายใต้บรรยากาศอันน่าสะเทือนใจ ของการเปลี่ยนแปลงสังคม การปราบปรามยาเสพติด ชีวิตมีค่ามากกว่าเงินทอง และความจำเป็นในการต่อต้านอาชญากรรมยาเสพติด อย่างเด็ดขาด ในโลกที่ความมีค่าแห่งชีวิต ศีลธรรม ถูกท้าทายด้วยความโลภ และความอยากรวย เรื่องราวของ “สมคิด นามแก้ว” นักโทษคดียาบ้าคนแรกของประเทศไทย ที่ถูกประหารชีวิตเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านมานั้น ยังคงสะเทือนใจคนไทยทุกวันนี้ 😢 ย้อนไปเมื่อ 24 ปี ที่ผ่านมา ในบ่ายวันพุธที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 ที่แดนประหาร เรือนจำกลางบางขวาง เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้คนไทยทั้งประเทศ ต้องจ้องมองและตั้งคำถาม ถึงความหมายของความถูกต้อง และความยุติธรรมในสังคม อย่างลึกซึ้ง ยาบ้าและปัญหาอาชญากรรม ยาเสพติดทุกชนิด ต่างก็เป็นปัญหาที่ส่งผลกระทบในทุกชั้นสังคม แต่ยาบ้าในสมัยนั้นเป็นหนึ่งในเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดอาชญากรรมร้ายแรง ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมพฤติกรรมที่คลุ้มคลั่ง และทำให้ผู้เสพมีพฤติกรรมที่เป็นอันตรายต่อตัวเองและสังคมทั่วไป นายสมคิด นามแก้ว ได้ถูกจับในคดีมียาเสพติด โดยมีหลักฐานแน่ชัดว่า ต้องขนส่งยาบ้าปริมาณมหาศาล ซึ่งสืบเนื่องมาจากการสืบสวน ที่เชื่อมโยงระหว่างเครือข่ายค้ายาเสพติด ทั้งในประเทศและในต่างประเทศ และในขณะที่ระบบการปราบปรามยาเสพติด เริ่มเข้มงวดขึ้น เพื่อยับยั้งอาชญากรรม และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหายาบ้าในสังคม 👮‍♂️ ประเทศไทยมีกฎหมายที่เข้มงวด เกี่ยวกับคดียาเสพติด โดยหลักฐานและการรับสารภาพ มักนำไปสู่โทษที่ร้ายแรงที่สุดในบางกรณี โดยเฉพาะในคดียาบ้า ที่มักจะมีมาตรการประหารชีวิต สำหรับผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง โดยมีจุดประสงค์ เพื่อเป็นการส่งสัญญาณเตือน ให้กับผู้ที่คิดจะเข้ามามีส่วนร่วมกับการค้า และเสพติดยาเสพติด ในคดีของสมคิด ศาลชั้นต้นเห็นว่า ความผิดไม่ได้เกิดจาก ความประมาทเลินเล่อเพียงอย่างเดียว แต่เป็นการกระทำ ที่บ่อนทำลายความสงบเรียบร้อยของสังคม และเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนว่า การกระทำความผิดในฐานะที่เป็น “นักโทษคดียาบ้า” นั้น จะต้องได้รับโทษในระดับสูงสุด ซึ่งก็คือการประหารชีวิต ตามที่ได้เกิดขึ้นจริงในวันนั้น ในช่วงเวลานั้น ยาบ้าเป็นที่แพร่หลายในสังคมในทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นชั้นคนทำงานข้างนอก หรือแม้แต่ในวงการขบวนการอาชญากรรมขนาดใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ของเครือข่ายค้ายาเสพติด ทำให้การปราบปรามเป็นเรื่องท้าทาย และต้องใช้ความพยายามอย่างมาก จากเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ยังทำให้เกิดความรู้สึกสับสนในสังคม ที่มองเห็นภาพของความยุติธรรม ที่อาจไม่ชัดเจนในบางครั้ง เหตุการณ์ของคดีนี้ เริ่มต้นในกลางดึกวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2540 เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับข้อมูล เกี่ยวกับการลำเลียงยาบ้าปริมาณมาก จากพื้นที่ชายแดนจังหวัดเชียงราย เข้าสู่กรุงเทพฯ โดยใช้เส้นทางผ่านทางหลวงหมายเลข 103 เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง กองบังคับการทางหลวง 5 จังหวัดพะเยา ได้ตั้งด่านสกัด ที่ตู้ยามตำรวจทางหลวงร้องกวาง ตำบลร้องเข็ม อำเภอร้องกวาง จังหวัดแพร่ ตามข้อมูลที่ได้รับ และมีรถเก๋งโตโยต้า โคโรน่าสีน้ำตาล ทะเบียน 3ว-8505 กทม. วิ่งเข้ามาที่จุดสกัด เมื่อเจ้าหน้าที่สั่งให้รถหยุด เพื่อทำการตรวจค้น ในขณะตรวจค้น นายสมคิด ซึ่งในตอนนั้นอายุ 31 ปี พักอาศัยอยู่ที่หมู่ที่ 10 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ได้แสดงออกถึงพิรุธ ด้วยการกล่าวว่า “ในรถไม่มีสิ่งผิดกฎหมาย” และยังกล่าวเพิ่มเติมว่า “ตนเองเกลียดยาบ้ามากที่สุด” แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำการค้นอย่างละเอียด พบยาบ้าบรรจุในห่อพลาสติก ซุกซ่อนอยู่ตามที่ต่าง ๆ ในรถ ทั้งที่ประตูรถและใต้เบาะนั่ง พบว่ามียาบ้าปริมาณถึง 203 ห่อ ๆ ละ 2,000 เม็ด รวมเป็นจำนวน 406,000 เม็ด ซึ่งมีสีสันปรากฏเป็นสีส้มและเขียว ประทับตัวอักษรว่า “wy” โดยมูลค่าประมาณ 40 ล้านบาท จึงติดสินบนตำรวจ 5 ล้านบาท แต่ตำรวจไม่เล่นด้วย🚔 หลังจากจับกุม ในขั้นตอนการสอบสวน นายสมคิดได้ให้การรับสารภาพว่า ได้รับจ้างขนยาบ้าจากพ่อค้ายาเสพติด ด้วยค่าจ้าง 50,000 บาท เพื่อนำส่งให้ลูกค้าที่ปั๊มน้ำมัน ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เหตุการณ์ที่น่าสลดใจนี้ เผยให้เห็นว่า แม้จะมีกำไรในทางการค้ายาเสพติด แต่ในความเป็นจริงแล้ว “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต” นั้นไม่คุ้มค่าเลย เพราะชีวิตที่ถูกประหารนั้น เป็นชีวิตที่จบลงไปในพริบตา ไม่มีวันได้กลับคืน หรือแก้ไขได้หลังจากนั้น นายสมคิดถูกส่งเข้าสู่กระบวนการพิจารณาคดี ในศาลอาญากรุงเทพใต้ โดยในชั้นต้นศาลเห็นว่า แม้จะมีการรับสารภาพ แต่การกระทำของนายสมคิดนั้นทำให้เกิดผลกระทบที่ร้ายแรง ต่อความสงบเรียบร้อยของสังคม จึงได้พิพากษาให้ลงโทษในระดับสูงสุด นั่นคือโทษประหารชีวิต หลังจากคำพิพากษาของศาลชั้นต้น นายสมคิดได้ดำเนินการอุทธรณ์ ต่อศาลอุทธรณ์และศาลฎีกา พร้อมทั้งได้ยื่นหนังสือถวายฎีกา ทูลเกล้าขอพระราชทานอภัยโทษ ในวันที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2543 นายสมคิดได้ให้เหตุผลว่า “ตนมีการรับสารภาพมาตั้งแต่แรก และไม่เคยกระทำความผิดมาก่อน” รวมทั้งระบุว่า ตนได้กระทำเ พราะต้องการหาเงินมารักษาพยาบาลพี่สาว ที่ป่วยเป็นโรคสมองฝ่อ เนื่องจากฐานะทางการเงินที่ยากจน แต่ข้ออ้างเหล่านี้ถู กศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาปฏิเสธ โดยให้ความสำคัญกับความมั่นคงของประเทศชาติ และความสงบเรียบร้อยของสังคม โดยกล่าวว่าเรื่องส่วนตัว ไม่สามารถเปรียบเทียบ กับประโยชน์ส่วนรวมของสังคมได้ ในกระบวนการพิจารณา ศาลได้พิจารณาหลักฐาน และพฤติกรรมของนายสมคิด ที่ชัดเจนว่าเป็นผู้รับจ้างขนยาบ้า ซึ่งเกี่ยวข้องกับการค้า และการค้ายาเสพติด ที่สร้างความไม่สงบเรียบร้อยในสังคม การที่นายสมคิดพยายามให้สินบนเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็เป็นอีกหนึ่งประเด็น ที่เน้นย้ำถึงความจริงที่ว่า ระบบค้ายาเสพติด มีการแทรกซึมลึกในสังคม ศาลอุทธรณ์จึงตัดสินยืน ตามคำพิพากษาของศาลชั้นต้น และเมื่อเรื่องนั้นถูกส่งต่อมายังศาลฎีกา คำพิพากษาก็ยังคงยืนหยัด นำมาซึ่งวันที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2544 เป็นวันที่ประหารชีวิตเกิดขึ้นจริง วันประหารชีวิตของนายสมคิด นามแก้ว ถือเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่เกิดความสลดใจ และสะเทือนใจคนไทยอย่างแท้จริง โดยรายละเอียดในวันนั้นถูกบันทึกไว้ในหลาย ๆ ช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นบันทึกของเจ้าหน้าที่ หรือรายงานของนักข่าว ภาพความทุกข์ และความหวาดกลัวของนักโทษที่ต้องรอประหาร ได้สะท้อนให้เห็นถึงความหนักแน่น ในการปราบปรามยาเสพติดในสมัยนั้น ในช่วงบ่ายของวันประหาร ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ต่างเข้ามาจัดเตรียมสิ่งของ ที่จำเป็นสำหรับการประหารชีวิต ทั้งนี้เพื่อให้ขั้นตอนทั้งหมด เป็นไปอย่างราบรื่นและเป็นความลับ เมื่อถึงเวลาที่นายสมคิด ถูกเบิกตัวออกจากห้องคุม ทุกอย่างดูเหมือนจะเต็มไปด้วยความเงียบสงัด และบรรยากาศที่หนักอึ้ง นายสมคิดในวันนั้น แสดงอาการที่ชัดเจนว่า รู้สึกกลัวและทุกข์ทรมาน ทั้งทางร่างกายที่เริ่มอ่อนแรง และจิตใจที่สั่นคลอน ถึงแม้ว่าในช่วงท้ายของการเดิน จากห้องคุมไปสู่หลักประหาร นายสมคิดยังคงตั้งคำถามกับเจ้าหน้าที่ เกี่ยวกับความรู้สึกและความคิดของตนเอง “ผมเป็นคนแรกที่ถูกประหาร เพราะคดียาบ้าใช่ไหมครับ” และยังได้เตือนผู้อื่น เกี่ยวกับการเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด ที่อาจนำมาซึ่งความทุกข์ และความเสียหายต่อชีวิต 😔 ระหว่างทาง ในขณะที่นายสมคิดถูกนำไปประหาร มีการสนทนาที่บ่งบอกถึงความทรงจำ และความเจ็บปวดภายในจิตใจของเขา รวมถึงการแฉข้อเท็จจริงของเครือข่ายค้ายาเสพติด ที่เกี่ยวข้องกับนักการเมืองในระดับท้องถิ่น “ถ้าจะปราบยาเสพติดให้หมดไปจริงๆ ก็ต้องเอาคนที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด ในทุกระดับออกไป” นายสมคิดกล่าว ในช่วงเวลาที่อารมณ์ผ่อนคลายลงเล็กน้อย แต่ก็เต็มไปด้วยความจริงใจ และความรู้สึกที่อยากจะบอกต่อสังคม ผู้คุมในวันนั้น ได้พยายามปลอบใจนายสมคิดว่า “อย่างน้อยสมคิดยังได้ทำตัวเป็นประโยชน์ต่อสังคม เป็นครั้งสุดท้าย” แม้ว่าจะมองในแง่ของการเป็นบทเตือน สำหรับผู้ที่คิดจะเข้าไปเกี่ยวข้องกับยาเสพติด แต่คำพูดเหล่านี้ ก็สะท้อนให้เห็นถึงความขัดแย้งของจิตใจ ระหว่างความรับผิดชอบต่อหน้าที่ และความเห็นอกเห็นใจในความทุกข์ของมนุษย์ ในห้องประหาร ที่จัดเตรียมขึ้นอย่างเคร่งครัด นายสมคิดถูกนำเข้ามาในห้องที่แสงไฟสลัว ๆ และบรรยากาศเงียบสงัด ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ ทำการเตรียมเครื่องมือ และตรวจสอบความพร้อมในทุกขั้นตอน ก่อนที่หัวหน้าชุดประหารจะโบกธงแดง เพื่อเริ่มกระบวนการประหาร ในช่วงเวลานั้น ผู้คุมและเจ้าหน้าที่ทุกคน ต่างมีความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างหน้าที่ และความสำนึกในความทุกข์ทรมานของนายสมคิด ขณะที่นายสมคิดเอง ก็ได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่ ในการรำลึกถึงชีวิตที่ผ่านมา ทั้งความรัก ความฝัน และความผิดพลาด ที่ไม่อาจย้อนกลับได้อีกต่อไป คำบอกลาและพินัยกรรมของนายสมคิด เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงข้อคิดที่ว่า “ชีวิตมนุษย์มีค่า เกินกว่าจะถูกแลกด้วยเงินเพียงเพราะความจน หรือความสิ้นหวัง” เขาได้ฝากท้ายจดหมายถึงญาติพี่น้องว่า “อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดอย่างเด็ดขาด” ซึ่งเป็นคำเตือนที่หวังว่า จะช่วยป้องกันไม่ให้คนอื่น เดินตามรอยเท้าของเขาในอนาคต แม้คดีของนายสมคิด นามแก้ว จะเกิดขึ้นเมื่อกว่า 24 ปี ที่ผ่านมา แต่ผลกระทบ และบทเรียนที่ได้รับจากเหตุการณ์นี้ ยังคงสะท้อนอยู่ในสังคมไทยในหลายมิติ ทั้งในแง่ของการปราบปรามยาเสพติด และการตระหนักถึงคุณค่าของชีวิตมนุษย์ คดีนี้เป็นจุดเปลี่ยนที่สำคัญให้กับนโยบาย และวิธีการปราบปรามยาเสพติดในประเทศไทย เจ้าหน้าที่ตำรวจ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับบทเรียนอันทรงคุณค่าจากการจับกุม และการดำเนินคดีที่เป็นแบบอย่าง แม้ว่าจะมีความท้าทาย จากเครือข่ายอาชญากรรมที่ซับซ้อน แต่การดำเนินการที่เข้มแข็ง และเด็ดขาดในคดีนี้ ได้ส่งสัญญาณชัดเจนว่า ไม่มีทางที่ผู้กระทำผิด จะหลุดพ้นไปจากกฎหมาย นอกจากนี้ ความเข้มงวดในการลงโทษสูงสุด อย่างการประหารชีวิต ได้เป็นเครื่องมือทางจิตวิทยา ที่ทำให้ผู้ค้ายาเสพติดต้องคิดทบทวนถึงความเสี่ยง และผลที่ตามมา หากตัดสินใจเข้าสู่เส้นทางอาชญากรรมดังกล่าว หนึ่งในแง่คิดที่ทรงพลัง จากเหตุการณ์ของนายสมคิด คือ “ชีวิตมนุษย์มีค่าเกินกว่าจะแลกด้วยเงิน” เมื่อพิจารณาจากเหตุการณ์ นายสมคิดได้รับเงินค่าจ้างเ 50,000 บาท เพื่อการขนส่งยาบ้า แต่ท้ายที่สุดค่าใช้จ่ายนั้น กลับสูงกว่ามาก เมื่อชีวิตของเขา ถูกสังหารไปในพริบตา เหตุการณ์ครั้งนี้เตือนใจให้กับทุกคนว่า ไม่ว่าเราจะเผชิญกับความยากจน หรือความท้าทายใด ๆ ในชีวิต การก้าวเข้าสู่เส้นทางผิดกฎหมาย ด้วยเงินทองเพียงไม่กี่บาทนั้น ไม่สามารถชดเชยค่าของชีวิต และความมีคุณค่าที่แท้จริงได้ ในมุมมองของสังคม สิ่งนี้ยังเป็นการเผยให้เห็นถึง ความจำเป็นในการสร้างความเปลี่ยนแปลง ในระบบเศรษฐกิจ และสวัสดิการสังคม เพื่อให้คนไทยทุกคน มีโอกาสได้รับความช่วยเหลือ และการสนับสนุนที่เหมาะสม โดยไม่จำเป็นต้องเสี่ยงชีวิต หรือกระทำความผิดเพื่อความอยู่รอด นอกจากความเสียหาย ที่เกิดกับตัวนายสมคิดแล้ว คดีนี้ยังส่งผลกระทบต่อครอบครัว และญาติพี่น้องของเขาอีกด้วย ภาพของคนในบ้าน ที่ต้องสูญเสียสมาชิกอันมีค่าไป จากการกระทำที่นำไปสู่การประหารชีวิต สะท้อนให้เห็นถึงความสูญเสีย ทั้งทางด้านอารมณ์ และชื่อเสียงในสังคม การที่คนรอบข้าง ต้องเผชิญกับความสลด จากการสูญเสียสมาชิกในครอบครัวนั้น ทำให้เราได้ตระหนักถึงความสำคัญ ของการมีคุณค่าชีวิต และความจำเป็นในการสนับสนุน และช่วยเหลือกันในสังคม ไม่ว่าจะเป็นผ่านนโยบายสังคมที่เข้มแข็ง หรือการให้ความรู้แก่ประชาชน เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติด ในหลายช่วงของเรื่องราวนี้ อารมณ์และความรู้สึก ถูกถ่ายทอดออกมาอย่างละเอียด ทั้งความกลัว ความเสียใจ และความหวาดกลัวของนายสมคิด ในนาทีสุดท้าย และความเหงาเศร้าใจของผู้คุมและเจ้าหน้าที่ ที่ต้องเผชิญกับการปฏิบัติหน้าที่หนักอึ้ง เหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำให้เราต้องหันมาสำรวจ และตั้งคำถามว่า “เราจะทำอะไร เพื่อป้องกันไม่ให้เหตุการณ์เช่นนี้ เกิดขึ้นอีก?” สังคมไทยในปัจจุบัน ยังคงต้องรับมือกับปัญหายาบ้า และปัญหาอาชญากรรมในรูปแบบต่าง ๆ จึงจำเป็นอย่างยิ่ง ที่จะต้องมีมาตรการส่งเสริมคุณค่าชีวิต การให้คำปรึกษาด้านจิตใจ และโอกาสในการเปลี่ยนแปลงชีวิต ให้กับผู้ที่ตกอยู่ในวงจรอาชญากรรมเหล่านั้น โดยที่ไม่ใช่แค่การลงโทษเท่านั้น แต่ยังเป็นการแก้ไขปัญหาตั้งแต่ต้น เหตุการณ์ของนายสมคิด นามแก้ว ได้เปิดเผยประเด็นสำคัญทางจริยธรรม ที่สังคมไทยต้องเผชิญ โดยเฉพาะในแง่ของการให้คุณค่ากับชีวิตมนุษย์ และการตัดสินใจที่มีผลตามมาตลอดชีพ ในสังคมที่ความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ ยังคงมีอยู่ ความจนหรือความจำเป็นบางครั้ง ถูกใช้เป็นข้ออ้างในการกระทำผิด แต่เหตุการณ์ของนายสมคิด สอนเราให้เห็นว่า การกระทำผิดไม่สามารถแก้ปัญหาความยากจนได้ แม้จะมีเหตุผลส่วนตัว ที่น่าสงสารเพียงใดก็ตาม “เงินห้าหมื่นแลกกับชีวิต” เป็นวาทะที่ชัดเจนที่เตือนใจว่า ค่าใช้จ่ายในชีวิตนั้น สูงเกินกว่าที่จะวัดด้วยเงินทอง ใครที่ตกอยู่ในภาวะยากจน ควรได้รับความช่วยเหลือจากสังคม มากกว่าที่จะถูกผลัก ให้เข้าสู่เส้นทางที่ไร้ทางออก การลงโทษประหารชีวิตในคดียาเสพติด อาจดูเหมือนเป็นการลงโทษที่รุนแรง แต่ในมุมมองของสังคมไทยในขณะนั้นแล้ว ถือเป็นการส่งสัญญาณเตือนภัยอย่างชัดเจน เพื่อป้องกันไม่ให้เครือข่ายค้ายาเสพติด เติบโตและแพร่กระจาย อย่างไรก็ตาม ในขณะเดียวกัน ก็มีความถกเถียงกันในหลายมุมมอง เกี่ยวกับความถูกต้องของการลงโทษสูงสุดนี้ ว่าจะสามารถช่วยลดอาชญากรรมในระยะยาว ได้จริงหรือไม่ แต่ข้อเท็จจริงที่เห็นจากคดีของนายสมคิดคือ การลงโทษอย่างเด็ดขาดนั้น เป็นการยืนยันถึงความเข้มงวด ของระบบยุติธรรมในยุคนั้น หากเรามองในแง่ของการป้องกัน การลงโทษที่รุนแรง ไม่สามารถแก้ปัญหาที่ต้นเหตุของการกระทำผิด ได้ในระยะยาว สังคมจำเป็นต้องหันมาสนับสนุนการศึกษา สวัสดิการ และระบบช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบ ในบทเรียนจากคดีนี้ เราได้รู้ว่าการแก้ไขปัญหาความยากจน และปัญหาสังคมในมิติ ที่ลึกกว่าเพียงการลงโทษนั้น สำคัญมาก การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้ออำนวยให้ทุกคน มีโอกาสทางการศึกษา และการพัฒนาตนเอง อาจเป็นกุญแจสำคัญ ในการป้องกันไม่ให้เกิดคดี ที่คล้ายคลึงกันในอนาคต เมื่อมองย้อนกลับไปในอดีต 24 ปีที่ผ่านมา คดีของนายสมคิด นามแก้ว ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจให้กับสังคมไทย ถึงความเปราะบางของชีวิตมนุษย์ และความรับผิดชอบ ที่เราต้องมีต่อกันในฐานะสมาชิกของสังคม แม้ว่าในนาทีสุดท้ายของชีวิต นายสมคิดจะต้องเผชิญกับความทุกข์ทรมาน และความกลัวที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ แต่คำพูดและการกระทำของเขา กลับเป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า สำหรับคนไทยทุกคน “อย่าได้ยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติด” คือคำเตือนที่เกิดจากความเจ็บปวดส่วนตัว ที่สุดท้ายแล้ว กลับกลายเป็นเสียงเตือนถึงความผิดพลาด ที่อาจส่งผลให้ชีวิตของเรา และคนที่เรารักต้องจบลงในพริบตา การประหารชีวิตในคดีนี้ ทำให้เราได้ตระหนักว่า การเลือกทางเดินในชีวิตนั้น สำคัญมากกว่าเงินทอง หรือสิ่งของวัตถุใด ๆ เพราะเมื่อชีวิตถูกใช้ไปแล้ว เราจะไม่มีทางหวนคืนกลับมาได้อีก 😔 สังคมไทยในปัจจุบัน ย่อมต้องหันมาสนับสนุนกัน เพื่อสร้างสภาพแวดล้อม ที่เอื้ออำนวยต่อการดำรงชีวิตที่มีคุณค่าแ ละถูกต้อง ไม่ว่าจะเป็นการให้ความรู้ เกี่ยวกับผลกระทบของยาเสพติด การสนับสนุนให้ผู้ที่ตกอยู่ในภาวะยากจน ได้รับความช่วยเหลืออย่างทั่วถึง รวมถึงการส่งเสริมค่านิยมในด้านความซื่อสัตย์ และความมีคุณธรรม ในมุมมองนี้ คดีของนายสมคิด ไม่ได้เป็นเพียงคดีของนักโทษ ที่ถูกประหารชีวิตเท่านั้น แต่ยังเป็นบทเรียนสำหรับทุกคน ที่ต้องคิดทบทวน ถึงความหมายที่แท้จริงของคำว่า “ชีวิตมีค่า” เมื่อชีวิตของเราถูกกีดกันด้วยความผิดพลาด ในเส้นทางที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีสิ่งใดสามารถทดแทนความเสียหาย ที่เกิดขึ้นได้ในภายหลัง เพื่อป้องกันไม่ให้มีคดีที่คล้ายคลึงกัน เกิดขึ้นอีกในอนาคต จำเป็นต้องมีการสร้างระบบ ที่ช่วยเหลือผู้ที่ตกอยู่ในวงจรอาชญากรรม อย่างครบวงจร ตั้งแต่การศึกษาเรื่องผลกระทบของยาเสพติด การให้คำปรึกษาด้านจิตใจ ไปจนถึงการสนับสนุนด้านเศรษฐกิจ ให้กับกลุ่มคนที่อาจตกเป็นเหยื่อของความยากจน และการล่อลวงของเครือข่ายค้ายาเสพติด นอกจากนี้ การให้ความรู้ และสร้างจิตสำนึกในสังคมว่า “การแลกเปลี่ยนชีวิตมนุษย์เพื่อเงิน” นั้นไม่มีค่าเทียบเท่ากับความมีชีวิตอยู่ และความสมบูรณ์ของจิตใจ จะช่วยลดโอกาสให้คนเข้าสู่แนวทางที่ผิด และนำไปสู่การพัฒนาสังคมที่ดีขึ้น อย่างแท้จริง เรื่องราวของ “สมคิด นามแก้ว” ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงความจริง ที่บางครั้งเราอาจมองข้ามไป ในแง่ของคุณค่าชีวิต และผลกระทบที่เกิดขึ้น จากการกระทำผิดกฎหมาย 🤔 ชีวิตที่ถูกแลกด้วยเงินเพียงเล็กน้อยนั้นไม่มีค่า เมื่อเทียบกับความรักและความสัมพันธ์ของคนรอบข้า งที่สูญเสียไปไปพร้อมกัน ทั้งนี้ คดีนี้เป็นบทเรียนอันทรงคุณค่า ที่สังคมไทยไม่ควรลืม และเป็นเครื่องเตือนใจว่า แม้จะอยู่ในสภาวะที่ยากลำบาก หรือมีความยากจน แต่ทางออกที่ถูกต้องคือ การมองหาแนวทางช่วยเหลือ และการพัฒนาชีวิตให้ดีกว่าเดิม ไม่ใช่การเลือกเส้นทาง ที่นำพามาซึ่งความผิดพลาด และจุดจบที่น่าเศร้า เหตุการณ์ประหารชีวิต “สมคิด นามแก้ว” ในคดีคดียาบ้าคนแรกของประเทศไทย ยังคงเป็นเครื่องเตือนใจอันทรงคุณค่าให้กับคนไทยในทุกยุคสมัย แม้จะผ่านไปนาน 24 ปี แต่บาดแผลจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ยังคงปรากฏให้เห็นในแง่มุมของการต่อสู้กับยาเสพติด และการรักษาคุณค่าของชีวิตมนุษย์ จากคดีนี้เราได้เรียนรู้ว่า "ชีวิตมีค่า" และไม่ควรนำมาแลกเปลี่ยนกับเงินทอง แม้เพียงเล็กน้อย เพราะผลที่ตามมาหลังจากนั้น คือความสูญเสีย ที่ไม่อาจชดเชยได้ทั้งในทางกายและจิตใจ สิ่งที่เราได้จากเรื่องราวของสมคิด คือการตระหนักในความสำคัญ ของการเลือกเส้นทางชีวิตที่ถูกต้อง การช่วยเหลือ และสนับสนุนกันในสังคม ในโลกที่เต็มไปด้วยความท้าทาย และความยากจน เราควรเลือกที่จะอยู่ในเส้นทางที่ถูกต้อง และมีความหมาย แม้ทางเดินจะยากลำบาก แต่ความมีคุณค่าในชีวิตและความจริงใจ จะนำเราไปสู่อนาคตที่ดีกว่า เส้นทางที่ไม่ต้องแลกเปลี่ยนชีวิตอันมีค่า เพื่อเงินทองที่ว่างเปล่า ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121635 เม.ย. 2568 #24ปีประหาร #สมคิดนามแก้ว #นักโทษคดียาบ้า #ปราบยาเสพติด #ชีวิตมีค่า #คดียาบ้า #ยับยั้งอาชญากรรม #สังคมปลอดภัย #อาลัยในชีวิต #ความจริงที่ไม่ควรลืม
    0 Comments 0 Shares 640 Views 0 Reviews
  • Tue. Apr. 8, 2025 - NY time
    (Wed. Apr. 9, 2025 - Thai time)

    Oh, My Buddha!!!
    https://edition.cnn.com/2025/04/08/politics/video/vance-chinese-peasants-ripley-digvid

    ดู CNN link อันนี้แล้วอึ้งไปเลยค่ะ อย่าเปรียบเทียบวาจาของไอ้นี่กับสุนัข หรือเหี้ยนะคะ เพราะสัตว์โลกเหล่านั้นไม่ดูถูกใครค่ะ

    คราวก่อนก็ China virus
    คราวนี้ก็ Chinese peasants

    ต่อให้อยากจะกระพือกระแสแนว "กูลำบาก-มึงต้องลำบากกว่ากู" แต่การลองพูดจาแบบ "เอามือเปียกๆไปแหย่ปลั๊กไฟเล่น" แบบนี้ ก็ไม่ควรทำอย่างยิ่งเลยค่ะ ป่านนี้ชาวจีนทั้งในจีนและใน US และคนชนชาติอื่นที่ไม่เห็นชอบด้วย คงหัวลุกเป็นไฟแน่ๆ

    เอาจริงๆ บ้านเรายังไม่ต้องส่งคนไปเจรจาที่ US หรอก ถ้า Mr. T & his team ผลัดกันสร้างความจัญไรให้โลกเห็นแบบนี้วันละหลายๆรอบนะ เราว่ารออีกไม่นาน ทั้งโลกน่าจะพร้อมใจกัน ยังไม่ทำการค้า ที่ต้องผ่านการควบคุมของคนกลุ่มนี้ไปสัก 4 ปี น่าจะดีที่สุดนะคะ
    Tue. Apr. 8, 2025 - NY time (Wed. Apr. 9, 2025 - Thai time) Oh, My Buddha!!! https://edition.cnn.com/2025/04/08/politics/video/vance-chinese-peasants-ripley-digvid ดู CNN link อันนี้แล้วอึ้งไปเลยค่ะ อย่าเปรียบเทียบวาจาของไอ้นี่กับสุนัข หรือเหี้ยนะคะ เพราะสัตว์โลกเหล่านั้นไม่ดูถูกใครค่ะ คราวก่อนก็ China virus คราวนี้ก็ Chinese peasants ต่อให้อยากจะกระพือกระแสแนว "กูลำบาก-มึงต้องลำบากกว่ากู" แต่การลองพูดจาแบบ "เอามือเปียกๆไปแหย่ปลั๊กไฟเล่น" แบบนี้ ก็ไม่ควรทำอย่างยิ่งเลยค่ะ ป่านนี้ชาวจีนทั้งในจีนและใน US และคนชนชาติอื่นที่ไม่เห็นชอบด้วย คงหัวลุกเป็นไฟแน่ๆ เอาจริงๆ บ้านเรายังไม่ต้องส่งคนไปเจรจาที่ US หรอก ถ้า Mr. T & his team ผลัดกันสร้างความจัญไรให้โลกเห็นแบบนี้วันละหลายๆรอบนะ เราว่ารออีกไม่นาน ทั้งโลกน่าจะพร้อมใจกัน ยังไม่ทำการค้า ที่ต้องผ่านการควบคุมของคนกลุ่มนี้ไปสัก 4 ปี น่าจะดีที่สุดนะคะ
    EDITION.CNN.COM
    See how China responded to Vance’s ‘Chinese peasants’ comment | CNN Politics
    China slammed US Vice President JD Vance for his comments about “Chinese peasants” in an interview with Fox News that has drawn widespread ire and ridicule on China’s internet – and comparisons with Vance’s own self-proclaimed “hillbilly” background.
    0 Comments 0 Shares 169 Views 0 Reviews
  • มิติใหม่สายบุญ ร้านล้างรถหยอดเหรียญ เปิดวงจรปิดถึงกับอึ้ง ลูกค้านำ “รูปหล่อพระเกจิ” มาล้างขัดอัดฉีดจนเงาวับ เหมือนใหม่
    มิติใหม่สายบุญ ร้านล้างรถหยอดเหรียญ เปิดวงจรปิดถึงกับอึ้ง ลูกค้านำ “รูปหล่อพระเกจิ” มาล้างขัดอัดฉีดจนเงาวับ เหมือนใหม่
    Like
    Love
    Haha
    5
    0 Comments 0 Shares 521 Views 49 0 Reviews
  • อิสราเอลอ้ำอึ้งขอตรวจสอบเพิ่ม หลังมีการเปิดเผยคลิปจากมือถือของ 1 ใน 15 สมาชิกทีมฉุกเฉินของยูเอ็นที่เสียชีวิตเมื่อปลายเดือนที่แล้วซึ่งฟ้องว่า ทหารยิวยิงใส่ขบวนรถของเจ้าหน้าที่เหล่านั้นทั้งที่มีสัญลักษณ์รถฉุกเฉินและเจ้าหน้าที่สวมเครื่องแบบชัดเจน ไม่ได้มีพฤติกรรมน่าสงสัยอย่างที่รายงานเบื้องต้นของอิสราเอลกล่าวอ้าง อย่างไรก็ดี รัฐบาลทรัมป์ยังออกมาให้ท้ายรัฐยิวเหมือนเดิมว่า ฮามาสซึ่งชอบใช้รถพยาบาลและโล่มนุษย์ป้องกันตนเองต้องรับผิดชอบเหตุการณ์ดังกล่าว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000033236

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    อิสราเอลอ้ำอึ้งขอตรวจสอบเพิ่ม หลังมีการเปิดเผยคลิปจากมือถือของ 1 ใน 15 สมาชิกทีมฉุกเฉินของยูเอ็นที่เสียชีวิตเมื่อปลายเดือนที่แล้วซึ่งฟ้องว่า ทหารยิวยิงใส่ขบวนรถของเจ้าหน้าที่เหล่านั้นทั้งที่มีสัญลักษณ์รถฉุกเฉินและเจ้าหน้าที่สวมเครื่องแบบชัดเจน ไม่ได้มีพฤติกรรมน่าสงสัยอย่างที่รายงานเบื้องต้นของอิสราเอลกล่าวอ้าง อย่างไรก็ดี รัฐบาลทรัมป์ยังออกมาให้ท้ายรัฐยิวเหมือนเดิมว่า ฮามาสซึ่งชอบใช้รถพยาบาลและโล่มนุษย์ป้องกันตนเองต้องรับผิดชอบเหตุการณ์ดังกล่าว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000033236 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    5
    0 Comments 0 Shares 1224 Views 0 Reviews
  • สว.วีระพันธ์ ปลุกประชาชนรวมพลังค้านกาสิโน เลือกตั้งต้องสั่งสอน สส.เห็นชอบ อึ้ง ข้อมูลวิจัยพบภาษีพนันได้ไม่คุ้มเสีย
    https://www.thai-tai.tv/news/18082/
    สว.วีระพันธ์ ปลุกประชาชนรวมพลังค้านกาสิโน เลือกตั้งต้องสั่งสอน สส.เห็นชอบ อึ้ง ข้อมูลวิจัยพบภาษีพนันได้ไม่คุ้มเสีย https://www.thai-tai.tv/news/18082/
    0 Comments 0 Shares 84 Views 0 Reviews
  • 04-04-68/04 : หมี CNN / "FRIDAY JASON" ศุกร์ สยิวกิ้ว! EP13

    อย่าคิดว่าคนไม่รู้ทันมรึง อีเหลี่ยมจัด! อยู่ดีดี จัดวาระแทรก "กาสิโอ๊ะ" เพื่อเรียกแขกเพื่อ? สับขาหลอก เบี่ยงเบนประเด็นกงศุลเหี้ยที่เชียงใหม่..พ่องดิ? หลังแผ่นดินไหว หลายฝ่ายจับโป๊ะ 9/11 ใครกำกับ MADE IN C HIA ก่อนมรึงจะสาวไส้ไปถึงผู้อยู่เบื้องหลังฝังระเบิดรากฐานตึกสตง. ชิงตัดตอนก่อนด้วย "กาสิโอ๊ะ" งานเผาน่ะมรึง? ล่อ คปท.ช่วยออกมาไล่ ในทางกลับกัน มรึงยิ่งเปิดเผยโฉมหน้าแท้จริงออกมา ยิ่งดิ้น ยิ่งหลุด รู้หรือไม่ กลุ่มคปท.(เฉพาะกิจ) มีเพ่น้องเสื้อแดง เข้าร่วมด้วย กลายร่างเป็นเสื้อหลากสี เค้าจะไปเอาคืนมรึงที่ตอแหลทั้งตระกูล หน่วยข่าวกรองเค้ารู้นานแล้ว ว่าจะมีการก่อวินาศกรรมในกทม. โดยอาศัย HAARP นำ แล้วจัดฉากระเบิดตึก เหมือนที่มรึงทำให้นิวยอร์คนั่นแหละ เป้าหมายให้สภาไปวนอยู่ในอ่างที่มรึงเตรียมรอไว้ กู้ภัย หน่วยแพทย์ทำงาน เป้าหมายเดียว ยิงปืนนัดเดียว เหี้ยได้เกิดเป็นฝูง 1.ทำลายเศรษฐกิจอาเซียน 2.สร้างสถานการณ์เบิกงบแดร๊กต่อ 3.บิดเบือน ปิดบังการมีอยู่จริงของกงศุลเหี้ยที่เชียงใหม่ ที่ซ่อนไอ้เครื่องเหี้ยเอาไว้ 4.สร้างความตื่นตระหนก เพิ่มอำนาจต่อรองให้วอชิงตัน ไม่อยากโดนอีก สวามิภักดิ์กูซะ 5.ส่งสัญญาน WWIII ท้าทายจีน รัสเซีย สั่งสอนชาติอาเซียนที่ปั่นใจ ลองมาดูฝั่งขั้วใหม่กันบ้าง จีนใช้โอกาสนี้ คุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ในอโยธยา ถึงเวลารึยัง? ที่ต้องจริงจังกับการปราบปรามคอรัปชั่นทั้งแผ่นดิน ศรีธนญชัยเงียบ พูดแค่สั้นๆ "รอเปลี่ยนหัวก่อน" เอาให้เหี้ยหนีตายเผ่นออกนอกให้หมด ทุกอย่างจะ RE-SET 0 ทันที โดยเฉพาะต้นน้ำขบวนการยุติธรรมที่มันเหี้ยกันจนสุดซอย ประชาชนไร้ที่พึ่งพิง ภาคประชาชนต้องออกมาทำหน้าที่แทนอีตำหนวด เพราะแดร๊กภาษีประชาชนแต่ทำงานให้เหี้ยทุนสีเทาทั้งโลก ความสวยงามจะเกิดขึ้นได้ ด้วยความสามัคคี พ่อสอนเอาไว้ จำได้มั้ย? เมื่อคนไทยทั้งแผ่นดิน ไม่มีสีอื่นใด นอกจากสีธงไตร์รงค์แล้วไซร้ ควายจะกลายร่าง สิตจะกลับคืนมา แล้วเวลาของเหี้ยจะสิ้นสุดลง หอคอยเค้ารอเวลาที่ใช่ จังหวะที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียโดยใช่เหตุ เงื่อนไขเดียวที่วังยอมไฟเขียว คือความมั่นคง และความปลอดภัยของประชาชน หากใครแตะต้องสิ่งนี้ กองทัพจะออกมาเคลียร์ปัญหาทั้งหมดให้เอง โดยที่อีกากีเสนียดจัญไร จะถูกพักงานทันที ซื้อตำแหน่งมา แล้วใครมันจะทำเพื่อประชาชนแท้จริง เข้ามาก็ถอนทุนคืน หมายังรู้?

    อยู่ดีดี อีโมดี้จะมาเยือนไทย ใครสั่งรึจ๊ะ? งัดกันอยู่ ด้วยแรงมหาอำนาจโลก อีโมดี้มา ต้องมีเรื่องขอร้อง มันไม่มาเสียเวลาที่นี่ดอก หากไม่จำเป็น เดาไม่ยาก จีนสร้างเส้นทางสายไหมผ่านไทย อีแขกภาระตะก็ไม่ยอมสิจ๊ะ เดี๋ยวสร้างเส้นทางโรตีผ่านไทยบ้าง เอาให้มันชัดไปเลย จะแดร๊กโรตี หรือจะแดร๊กเป็ดปักกิ่ง เลือกเอา? ใครสั่งให้มรึงเข้าหากันล่ะ ทุกวันนี้ อีแขกภาระตะเสียหมาไปยกใหญ่ หลังเสือกหน้าด้านอยู่ทั้ง BRICS และกระโดดไปอยู่กลุ่มความมั่นคงแปซิฟิคของเหี้ย มันย้อนแย้งกันมั้ยล่ะ? ลีลาอีแขกภาระตะไม่มีอะไรมาก เต้นไป รำไป 10 บาทไป 120 บาทมา หาแดร๊กกับดอกเบี้ย อาเซียนไทยคือฮับ จุดยุทธศาสตร์หลักสำคัญ นี่คือเรื่องการถ่วงดุลอำนาจ ช่วงหลังจีนไม่ทนกับความเน่าเฟะของข้าราชการไทย เพราะมรึงทำความเสียหายต่อภูมิภาค ไม่ใช่แค่แผ่นดินสยามเท่านั้น แผนใครล่ะ? อีโมดี้ หางโผล่ทันที เตรียมเสนอขายอาวุธให้ไทยด้วย ขอซ้อมรบด้วย นั่นแค่หน้าฉาก หลังฉากคือเส้นทางการค้า และโลจิสติคที่อีแขกต้องใช้ไทยในอนาคต หากมหาสมุทรอินเดียมีภัยเกิดขึ้น กูก็ต้องมีทางออกเช่นกัน เพราะทุกวันนี้ เหี้ยพยายามปิดช่องมหาสมุทรอินเดียไม่ให้จีนออกได้นั่นเอง แต่สายไปเสียแล้ว หยวนดิจิตอลกำลังจะมา อีแขกไม่รอช้า เอา รูปีดิจิตอลมั้ยจ๊ะ เพราะไทยบาทเสถียรที่สุดในบรรดาค่าเงินอาเซียน ไม่นับอีลอดช่อง ที่เหี้ยวอชิงตันแบ็คอัพอยู่ ค่าเงินแข็งโป๊ก เพราะผูกกับดอลล่าร์ไงล่ะ ลองย้ายออกสิ ตกทันที หมายังรู้? รอดูละครอีโมดี้ เยือนไทย มันไม่ธรรมดาดอก มาตอนนี้ เพราะถูกเร่งให้มาหา ใครหนอ ที่สั่งมรึงได้?

    ประโคมกันหย่าย "ยักษ์ตื่น" เดี๋ยวมีแผ่นดินไหวมาอีก อยู่เป็น 100 ปี มีไม่บ่อย มาไม่มาก ทำไมเฉพาะช่วงนี้ วิกฤตขาลงเหี้ย มาถี่ยับล่ะ? มันใช่ธรรมชาติเหรอ? มันสั่งได้เหรอ? เครื่องฝังอยู่เชียงใหม่เหรอ? หน่วยข่าวกรองรู้ตัวคนสั่งแล้ว รู้ที่ซ่อนเครื่องจักรสังหารแล้ว แล้วยังไงต่อ? แกล้งหลับต่อเหรอ? จีนก็มีทีเด็ดเหมือนกัน ระวังเดี๋ยวมรึงอาจร้องเสียงหลง หากอีหินเหลืองเกิดสำลักควันขึ้นมา ไอรุนแรงหนักที่สุดในรอบ 100 ปี อันนี้ ช่วยไม่ได้ เพราะมรึงแกว่งเท้าหาเสี้ยนเอง อะไรน่ะ แผนเปลี่ยนเมืองหลวงอโยธยา จากบางกอก เป็นโคราช จริงดิ? อนาคต ใครบอกมรึงว่าอโยธยาจะมีเมืองหลวงแค่แห่งเดียวกันล่ะ? ทุกอย่างมันมีเหตุและผล และเค้าเตรียมการล่วงหน้าเอาไว้แล้ว ถึงได้ทำรถไฟฟ้าความเร็วสูงเข้าอีสาน แต่ในขณะที่ ถนนสู่ภาคใต้ พังแล้วพังอีก มันมีนัยยะแฝงเสมอ ไม่มีอะไรหลบซ่อนในกอไผ่ได้นานดอกน่ะ อีสานจะกลายเป็นฮับด้านคมนาคม โลจิสติค ภาคใต้คือฮับพลังงาน ภาคเหนือคือฮับท่องเที่ยว ภาคกลางคือฮับศูนย์กลางอาหารโลก ทุกอย่างมีพิมพ์เขียว โลกกำหนดทิศทางไทย เราจะอยู่กันอย่างไร อยู่ที่การตัดสินครั้งสำคัญนี้ เมื่อการเปลี่ยนแปลงเข้ามา เราต้องแน่วแน่เด็ดขาด ว่าจะเดินไปทิศทางไหน เราเสียเวลากับปชต.ตอแหลมากว่า 93 ปีแล้ว จากนี้ คือเดินในแบบที่เป็นของตัวเราเองได้ แต่ต้องทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ก่อน ทุกอย่างที่พูดถึงจะเกิดขึ้นได้จริง การต่อสู้ของขั้วอำนาจโลก ที่แฝงตัวอยู่ในไทย จะทำให้เกิดแรงต่อต้านของสังคมวงกว้าง ใครจะหลอกใช้เราก็ดี หรือจะดันเราขึ้นสู่เวทีโลกก็ดี ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเราเองทั้งสิ้น อยากจะเกิด หรืออยากจะดับกันล่ะ?

    ไวรัลทั่วโลก SOFT POWER ไทยมาเต็ม เกณฑ์ไทย ฮาแตกที่สุดใน 3 โลก มาหมด พระ สาว(สอง) กองเชียร์ ชุดใหญ่ไฟกระพริบ นี่มันงานคอนเสริต์เหรอ? ฝรั่งงง.. หเกิดแผ่นดินไหว รถติดกันทั้งกทม. คนขับ TAXI ปวดขี้ ถามฝรั่ง "ขับเป็นบ่?" YES ปุ๊บ มรึงมาขับ กูจะไปขี้ ฝรั่งอึ้ง เกิดมาเพิ่งเคยเจอ ไอ้สัส! ถ่ายคลิปเล่าประสบการณ์ AMAZING THAILAND นี่แหละ เสน่ห์ของไทย วิถีไทย อะไรก็ได้ กฎเกณฑ์ไม่ต้อง ตามสบายไทยแลนด์ ยังไม่พอ หนังกำลังจะออกฉาย "พระเครื่อง" นี่ก็ส่งสัญญาน พระไทยโกอินเตอร์น่ะมรึง ล่อกันที องค์ละ 20 ล้าน แท้ ปลอม ใครพิสูจน์? แต่ที่แน่ๆ ฟอกเงินกันมันส์ ใครคิดแผนนี้ล่ะ? เหี้ยมันก็คอยจะจ้องแต่ฟอกเงิน แปลว่าธุรกิจสีเทา มันโตเร็วเกินไป เงินมี แต่ใช้ไม่ได้ ต้องเอามาฟอกก่อนจ๊ะ? กาสิโอ๊ะ ไม่ได้เปิดดอก อย่ากังวล มันผิดกฎหมายมาตั้งแต่ต้น หากมันทำได้ คงมีไปนานแล้ว สังคมไทยเริ่มตระหนักถึงพิษร้ายของสิ่งอบายมุก ส่วนควายไทย เอาหมด หากสดชื่น จ่ายสด งดเชื่อ เบื่อทวง กู YES ทันที สุดท้าย สิ่งเดียวที่ยังค้ำจุนจิตใจคนไทยอยู่ ณ ตอนนี้ นอกจากเรื่องเหี้ยๆ บัดซบทั้งหลาย คงเหลือแต่ "หวย" ความหวังของคนทั้งชาติ ใครบอก คนไทยไม่ติดการพนัน กูเถียงใจขาด? 555+

    ปล.ไอ้สัส! เป็นไง ราคาคุย? ออกตัวเกียร์ 5 แรงจัด จุดจบเกียร์ถอยหลัง เพียง 72 ชั่วโมง กระจอกกว่าที่คิด กองเรือเหี้ยกระจุย กระจาย แตกทัพหนีหางจุกตูดตามเดิม โดนจัดหนัก โดรนพิฆาต ขีปนาวุธร่อน ล่อเป้าอย่างเมามันส์ อีทรัมปป์หน้าแหกยับ ช่วยด้วยเจ้านาย? เยเมนประกาศลั่น 600000 ตรีน พร้อมรอกระตืบมรึงอยู่ มาให้ไว ส่งมาอีก กำลังเครื่องร้อน? ช็อคแดร๊ก! อีทรัมปป์ประกาศกำแพงภาษีวันเดียว ตลาดหุ้นร่วง แดงทั้งกระดาน โลกเมินสหรัฐ หันไปค้าขายกันเอง กูล่ะเบื่อมรึงฉิบหาย? ทั้งหมดที่มรึงทำ ก็เพื่อโดดเดี่ยวอเมริกาสิน่ะ แตกแผ่นดิน แยกกันไปเลย อีลา อีช้าง อยู่ร่วมแผ่นดินกันไม่ได้อีกต่อไป CIVIL WAR จะมา ก็เมื่อปากท้องควายมันร้องไงล่ะ? กระแสเรียกแขกมาเต็ม พรรคเพื่อพ่อมรึง ตายคาตรีนโซเชี่ยล สับแหลกตามฟอร์ม มันไม่สนดอกว่าอะไรจะเกิดขึ้น เป้าหมายเดียวที่รับงานอียิวเหี้ยมา คือทำลายความสามัคคีคนในชาติ เหมือนที่มรึงทำมาสำเร็จเมื่อ 17 ปีก่อน แบ่งคน กับควาย แยกจากกัน แต่วันนึง ควายจะกลับมาอยู่กับคนอีกครั้ง เพราะไม่มีที่ไป? อีมาครง ห้าวเป้ง ใบสั่งเยรูซาเล็ม ประกาศท้ารบสงครามการค้ากับอีทรัมปป์ ดึง EU ฉิบหายตามกัน หลังไม่มีจะแดร๊กมานานแล้ว ฝั่งยุโรปตะวันออกเตรียมยิ้ม กูกลับบ้านดีกว่า อยู่กับพวกมรึงมีแต่เสนียดจัญไร? อีเบียร์หมดสภาพ เงินคงคลังแทบไม่เหลือ หมดไปกับค่าพลังงานควายล้ม ไม่ต้องทำมาหาแดร๊กอะไรอีกแล้ว เชิญมรึงไปตายในสงครามปาหี่ต่อเหอะ ไอ้สัส! มากันหย่าย ชี้เป้าเหรอจ๊ะ รอยเลื่อนใต้ รอยเลื่อนเหนือ รอยเลื่อนอีสาน เอาที่สบายใจล่ะกัน ไอ้สัส! ชงให้สื่อตีกันนัว เพื่อข่มขวัญ เพื่อชี้เป้า ว่าใครคือรายต่อไปสิน่ะ? สงครามปราสาทแดร๊กมีจริง กูถามจริงเหอะ ใครอยู่มาเป็น 100 ปี มีแบบนี้กี่ครั้ง แล้วเวลามันมา มันจะบอกมรึงล่วงหน้าด้วยน่ะเนี่ย โง่กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว? แค่ปิดกงศุลเหี้ยที่เชียงใหม่ ไทยปลอดภัยทันที เรื่องง่ายๆ ที่ผู้ใหญ่ไม่ทำ ไม่เอา เพราะควายไม่ตายก่อน แผ่นดินจะสูงขึ้นได้อย่างไร? โปรดเข้าใจ ศรีธนญชัยบ้าง!

    หมี CNN(เมษาเลือด ยังมีอะไรรอช็อคอยู่อีกเยอะ เพราะดวงเมืองมันมาถึงสุดทางแล้วจ๊ะ มันต้องระเบิดออก มันต้องปะทะ ดวงเมืองต้องใช้โลหิตเหี้ยและควายไทยบัดซบล้างตรีนผู้กอบกู้แผ่นดิน ล้างมนต์สะกดเหี้ย และสิ่งอัปรียจัญไรทั้งหลายให้ออกไปจากดินแดนสุวรรณภูมิ ไม่เขื่อ อย่าลบหลู่ มีเหี้ยเล่นของใส่วัง เล่นของใส่ศาลหลักเมือง แต่เบื้องบนเค้ารู้ แก้ปุ๊บทันที ส่งเสนียดย้อนกลับตัวคนทำทันที ไม่รู้ว่ามีแบบนี้ด้วย จนพรรคพวก ขาไสยศาสตร์ ชี้เป้าให้ดวงตาเห็นธรรม ของจากอีขะแมร์ทั้งนั้น ของพม่าไม่เท่าไหร่ ศาสตรารบ การศึก พิธีกรรม คือเรื่องมองข้ามไม่ได้เลย เอาล่ะจิ แสงทำงานเต็มกำลัง ความชั่วมืดบอดทั้งหลาย มรึงตายห่าคาตรีนแน่)
    04 เมษายน 68
    17.45 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)**
    ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า
    https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    04-04-68/04 : หมี CNN / "FRIDAY JASON" ศุกร์ สยิวกิ้ว! EP13 อย่าคิดว่าคนไม่รู้ทันมรึง อีเหลี่ยมจัด! อยู่ดีดี จัดวาระแทรก "กาสิโอ๊ะ" เพื่อเรียกแขกเพื่อ? สับขาหลอก เบี่ยงเบนประเด็นกงศุลเหี้ยที่เชียงใหม่..พ่องดิ? หลังแผ่นดินไหว หลายฝ่ายจับโป๊ะ 9/11 ใครกำกับ MADE IN C HIA ก่อนมรึงจะสาวไส้ไปถึงผู้อยู่เบื้องหลังฝังระเบิดรากฐานตึกสตง. ชิงตัดตอนก่อนด้วย "กาสิโอ๊ะ" งานเผาน่ะมรึง? ล่อ คปท.ช่วยออกมาไล่ ในทางกลับกัน มรึงยิ่งเปิดเผยโฉมหน้าแท้จริงออกมา ยิ่งดิ้น ยิ่งหลุด รู้หรือไม่ กลุ่มคปท.(เฉพาะกิจ) มีเพ่น้องเสื้อแดง เข้าร่วมด้วย กลายร่างเป็นเสื้อหลากสี เค้าจะไปเอาคืนมรึงที่ตอแหลทั้งตระกูล หน่วยข่าวกรองเค้ารู้นานแล้ว ว่าจะมีการก่อวินาศกรรมในกทม. โดยอาศัย HAARP นำ แล้วจัดฉากระเบิดตึก เหมือนที่มรึงทำให้นิวยอร์คนั่นแหละ เป้าหมายให้สภาไปวนอยู่ในอ่างที่มรึงเตรียมรอไว้ กู้ภัย หน่วยแพทย์ทำงาน เป้าหมายเดียว ยิงปืนนัดเดียว เหี้ยได้เกิดเป็นฝูง 1.ทำลายเศรษฐกิจอาเซียน 2.สร้างสถานการณ์เบิกงบแดร๊กต่อ 3.บิดเบือน ปิดบังการมีอยู่จริงของกงศุลเหี้ยที่เชียงใหม่ ที่ซ่อนไอ้เครื่องเหี้ยเอาไว้ 4.สร้างความตื่นตระหนก เพิ่มอำนาจต่อรองให้วอชิงตัน ไม่อยากโดนอีก สวามิภักดิ์กูซะ 5.ส่งสัญญาน WWIII ท้าทายจีน รัสเซีย สั่งสอนชาติอาเซียนที่ปั่นใจ ลองมาดูฝั่งขั้วใหม่กันบ้าง จีนใช้โอกาสนี้ คุยกับผู้หลักผู้ใหญ่ในอโยธยา ถึงเวลารึยัง? ที่ต้องจริงจังกับการปราบปรามคอรัปชั่นทั้งแผ่นดิน ศรีธนญชัยเงียบ พูดแค่สั้นๆ "รอเปลี่ยนหัวก่อน" เอาให้เหี้ยหนีตายเผ่นออกนอกให้หมด ทุกอย่างจะ RE-SET 0 ทันที โดยเฉพาะต้นน้ำขบวนการยุติธรรมที่มันเหี้ยกันจนสุดซอย ประชาชนไร้ที่พึ่งพิง ภาคประชาชนต้องออกมาทำหน้าที่แทนอีตำหนวด เพราะแดร๊กภาษีประชาชนแต่ทำงานให้เหี้ยทุนสีเทาทั้งโลก ความสวยงามจะเกิดขึ้นได้ ด้วยความสามัคคี พ่อสอนเอาไว้ จำได้มั้ย? เมื่อคนไทยทั้งแผ่นดิน ไม่มีสีอื่นใด นอกจากสีธงไตร์รงค์แล้วไซร้ ควายจะกลายร่าง สิตจะกลับคืนมา แล้วเวลาของเหี้ยจะสิ้นสุดลง หอคอยเค้ารอเวลาที่ใช่ จังหวะที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดการสูญเสียโดยใช่เหตุ เงื่อนไขเดียวที่วังยอมไฟเขียว คือความมั่นคง และความปลอดภัยของประชาชน หากใครแตะต้องสิ่งนี้ กองทัพจะออกมาเคลียร์ปัญหาทั้งหมดให้เอง โดยที่อีกากีเสนียดจัญไร จะถูกพักงานทันที ซื้อตำแหน่งมา แล้วใครมันจะทำเพื่อประชาชนแท้จริง เข้ามาก็ถอนทุนคืน หมายังรู้? อยู่ดีดี อีโมดี้จะมาเยือนไทย ใครสั่งรึจ๊ะ? งัดกันอยู่ ด้วยแรงมหาอำนาจโลก อีโมดี้มา ต้องมีเรื่องขอร้อง มันไม่มาเสียเวลาที่นี่ดอก หากไม่จำเป็น เดาไม่ยาก จีนสร้างเส้นทางสายไหมผ่านไทย อีแขกภาระตะก็ไม่ยอมสิจ๊ะ เดี๋ยวสร้างเส้นทางโรตีผ่านไทยบ้าง เอาให้มันชัดไปเลย จะแดร๊กโรตี หรือจะแดร๊กเป็ดปักกิ่ง เลือกเอา? ใครสั่งให้มรึงเข้าหากันล่ะ ทุกวันนี้ อีแขกภาระตะเสียหมาไปยกใหญ่ หลังเสือกหน้าด้านอยู่ทั้ง BRICS และกระโดดไปอยู่กลุ่มความมั่นคงแปซิฟิคของเหี้ย มันย้อนแย้งกันมั้ยล่ะ? ลีลาอีแขกภาระตะไม่มีอะไรมาก เต้นไป รำไป 10 บาทไป 120 บาทมา หาแดร๊กกับดอกเบี้ย อาเซียนไทยคือฮับ จุดยุทธศาสตร์หลักสำคัญ นี่คือเรื่องการถ่วงดุลอำนาจ ช่วงหลังจีนไม่ทนกับความเน่าเฟะของข้าราชการไทย เพราะมรึงทำความเสียหายต่อภูมิภาค ไม่ใช่แค่แผ่นดินสยามเท่านั้น แผนใครล่ะ? อีโมดี้ หางโผล่ทันที เตรียมเสนอขายอาวุธให้ไทยด้วย ขอซ้อมรบด้วย นั่นแค่หน้าฉาก หลังฉากคือเส้นทางการค้า และโลจิสติคที่อีแขกต้องใช้ไทยในอนาคต หากมหาสมุทรอินเดียมีภัยเกิดขึ้น กูก็ต้องมีทางออกเช่นกัน เพราะทุกวันนี้ เหี้ยพยายามปิดช่องมหาสมุทรอินเดียไม่ให้จีนออกได้นั่นเอง แต่สายไปเสียแล้ว หยวนดิจิตอลกำลังจะมา อีแขกไม่รอช้า เอา รูปีดิจิตอลมั้ยจ๊ะ เพราะไทยบาทเสถียรที่สุดในบรรดาค่าเงินอาเซียน ไม่นับอีลอดช่อง ที่เหี้ยวอชิงตันแบ็คอัพอยู่ ค่าเงินแข็งโป๊ก เพราะผูกกับดอลล่าร์ไงล่ะ ลองย้ายออกสิ ตกทันที หมายังรู้? รอดูละครอีโมดี้ เยือนไทย มันไม่ธรรมดาดอก มาตอนนี้ เพราะถูกเร่งให้มาหา ใครหนอ ที่สั่งมรึงได้? ประโคมกันหย่าย "ยักษ์ตื่น" เดี๋ยวมีแผ่นดินไหวมาอีก อยู่เป็น 100 ปี มีไม่บ่อย มาไม่มาก ทำไมเฉพาะช่วงนี้ วิกฤตขาลงเหี้ย มาถี่ยับล่ะ? มันใช่ธรรมชาติเหรอ? มันสั่งได้เหรอ? เครื่องฝังอยู่เชียงใหม่เหรอ? หน่วยข่าวกรองรู้ตัวคนสั่งแล้ว รู้ที่ซ่อนเครื่องจักรสังหารแล้ว แล้วยังไงต่อ? แกล้งหลับต่อเหรอ? จีนก็มีทีเด็ดเหมือนกัน ระวังเดี๋ยวมรึงอาจร้องเสียงหลง หากอีหินเหลืองเกิดสำลักควันขึ้นมา ไอรุนแรงหนักที่สุดในรอบ 100 ปี อันนี้ ช่วยไม่ได้ เพราะมรึงแกว่งเท้าหาเสี้ยนเอง อะไรน่ะ แผนเปลี่ยนเมืองหลวงอโยธยา จากบางกอก เป็นโคราช จริงดิ? อนาคต ใครบอกมรึงว่าอโยธยาจะมีเมืองหลวงแค่แห่งเดียวกันล่ะ? ทุกอย่างมันมีเหตุและผล และเค้าเตรียมการล่วงหน้าเอาไว้แล้ว ถึงได้ทำรถไฟฟ้าความเร็วสูงเข้าอีสาน แต่ในขณะที่ ถนนสู่ภาคใต้ พังแล้วพังอีก มันมีนัยยะแฝงเสมอ ไม่มีอะไรหลบซ่อนในกอไผ่ได้นานดอกน่ะ อีสานจะกลายเป็นฮับด้านคมนาคม โลจิสติค ภาคใต้คือฮับพลังงาน ภาคเหนือคือฮับท่องเที่ยว ภาคกลางคือฮับศูนย์กลางอาหารโลก ทุกอย่างมีพิมพ์เขียว โลกกำหนดทิศทางไทย เราจะอยู่กันอย่างไร อยู่ที่การตัดสินครั้งสำคัญนี้ เมื่อการเปลี่ยนแปลงเข้ามา เราต้องแน่วแน่เด็ดขาด ว่าจะเดินไปทิศทางไหน เราเสียเวลากับปชต.ตอแหลมากว่า 93 ปีแล้ว จากนี้ คือเดินในแบบที่เป็นของตัวเราเองได้ แต่ต้องทำความสะอาดบ้านครั้งใหญ่ก่อน ทุกอย่างที่พูดถึงจะเกิดขึ้นได้จริง การต่อสู้ของขั้วอำนาจโลก ที่แฝงตัวอยู่ในไทย จะทำให้เกิดแรงต่อต้านของสังคมวงกว้าง ใครจะหลอกใช้เราก็ดี หรือจะดันเราขึ้นสู่เวทีโลกก็ดี ทุกอย่างมันอยู่ที่ตัวเราเองทั้งสิ้น อยากจะเกิด หรืออยากจะดับกันล่ะ? ไวรัลทั่วโลก SOFT POWER ไทยมาเต็ม เกณฑ์ไทย ฮาแตกที่สุดใน 3 โลก มาหมด พระ สาว(สอง) กองเชียร์ ชุดใหญ่ไฟกระพริบ นี่มันงานคอนเสริต์เหรอ? ฝรั่งงง.. หเกิดแผ่นดินไหว รถติดกันทั้งกทม. คนขับ TAXI ปวดขี้ ถามฝรั่ง "ขับเป็นบ่?" YES ปุ๊บ มรึงมาขับ กูจะไปขี้ ฝรั่งอึ้ง เกิดมาเพิ่งเคยเจอ ไอ้สัส! ถ่ายคลิปเล่าประสบการณ์ AMAZING THAILAND นี่แหละ เสน่ห์ของไทย วิถีไทย อะไรก็ได้ กฎเกณฑ์ไม่ต้อง ตามสบายไทยแลนด์ ยังไม่พอ หนังกำลังจะออกฉาย "พระเครื่อง" นี่ก็ส่งสัญญาน พระไทยโกอินเตอร์น่ะมรึง ล่อกันที องค์ละ 20 ล้าน แท้ ปลอม ใครพิสูจน์? แต่ที่แน่ๆ ฟอกเงินกันมันส์ ใครคิดแผนนี้ล่ะ? เหี้ยมันก็คอยจะจ้องแต่ฟอกเงิน แปลว่าธุรกิจสีเทา มันโตเร็วเกินไป เงินมี แต่ใช้ไม่ได้ ต้องเอามาฟอกก่อนจ๊ะ? กาสิโอ๊ะ ไม่ได้เปิดดอก อย่ากังวล มันผิดกฎหมายมาตั้งแต่ต้น หากมันทำได้ คงมีไปนานแล้ว สังคมไทยเริ่มตระหนักถึงพิษร้ายของสิ่งอบายมุก ส่วนควายไทย เอาหมด หากสดชื่น จ่ายสด งดเชื่อ เบื่อทวง กู YES ทันที สุดท้าย สิ่งเดียวที่ยังค้ำจุนจิตใจคนไทยอยู่ ณ ตอนนี้ นอกจากเรื่องเหี้ยๆ บัดซบทั้งหลาย คงเหลือแต่ "หวย" ความหวังของคนทั้งชาติ ใครบอก คนไทยไม่ติดการพนัน กูเถียงใจขาด? 555+ ปล.ไอ้สัส! เป็นไง ราคาคุย? ออกตัวเกียร์ 5 แรงจัด จุดจบเกียร์ถอยหลัง เพียง 72 ชั่วโมง กระจอกกว่าที่คิด กองเรือเหี้ยกระจุย กระจาย แตกทัพหนีหางจุกตูดตามเดิม โดนจัดหนัก โดรนพิฆาต ขีปนาวุธร่อน ล่อเป้าอย่างเมามันส์ อีทรัมปป์หน้าแหกยับ ช่วยด้วยเจ้านาย? เยเมนประกาศลั่น 600000 ตรีน พร้อมรอกระตืบมรึงอยู่ มาให้ไว ส่งมาอีก กำลังเครื่องร้อน? ช็อคแดร๊ก! อีทรัมปป์ประกาศกำแพงภาษีวันเดียว ตลาดหุ้นร่วง แดงทั้งกระดาน โลกเมินสหรัฐ หันไปค้าขายกันเอง กูล่ะเบื่อมรึงฉิบหาย? ทั้งหมดที่มรึงทำ ก็เพื่อโดดเดี่ยวอเมริกาสิน่ะ แตกแผ่นดิน แยกกันไปเลย อีลา อีช้าง อยู่ร่วมแผ่นดินกันไม่ได้อีกต่อไป CIVIL WAR จะมา ก็เมื่อปากท้องควายมันร้องไงล่ะ? กระแสเรียกแขกมาเต็ม พรรคเพื่อพ่อมรึง ตายคาตรีนโซเชี่ยล สับแหลกตามฟอร์ม มันไม่สนดอกว่าอะไรจะเกิดขึ้น เป้าหมายเดียวที่รับงานอียิวเหี้ยมา คือทำลายความสามัคคีคนในชาติ เหมือนที่มรึงทำมาสำเร็จเมื่อ 17 ปีก่อน แบ่งคน กับควาย แยกจากกัน แต่วันนึง ควายจะกลับมาอยู่กับคนอีกครั้ง เพราะไม่มีที่ไป? อีมาครง ห้าวเป้ง ใบสั่งเยรูซาเล็ม ประกาศท้ารบสงครามการค้ากับอีทรัมปป์ ดึง EU ฉิบหายตามกัน หลังไม่มีจะแดร๊กมานานแล้ว ฝั่งยุโรปตะวันออกเตรียมยิ้ม กูกลับบ้านดีกว่า อยู่กับพวกมรึงมีแต่เสนียดจัญไร? อีเบียร์หมดสภาพ เงินคงคลังแทบไม่เหลือ หมดไปกับค่าพลังงานควายล้ม ไม่ต้องทำมาหาแดร๊กอะไรอีกแล้ว เชิญมรึงไปตายในสงครามปาหี่ต่อเหอะ ไอ้สัส! มากันหย่าย ชี้เป้าเหรอจ๊ะ รอยเลื่อนใต้ รอยเลื่อนเหนือ รอยเลื่อนอีสาน เอาที่สบายใจล่ะกัน ไอ้สัส! ชงให้สื่อตีกันนัว เพื่อข่มขวัญ เพื่อชี้เป้า ว่าใครคือรายต่อไปสิน่ะ? สงครามปราสาทแดร๊กมีจริง กูถามจริงเหอะ ใครอยู่มาเป็น 100 ปี มีแบบนี้กี่ครั้ง แล้วเวลามันมา มันจะบอกมรึงล่วงหน้าด้วยน่ะเนี่ย โง่กว่านี้ไม่มีอีกแล้ว? แค่ปิดกงศุลเหี้ยที่เชียงใหม่ ไทยปลอดภัยทันที เรื่องง่ายๆ ที่ผู้ใหญ่ไม่ทำ ไม่เอา เพราะควายไม่ตายก่อน แผ่นดินจะสูงขึ้นได้อย่างไร? โปรดเข้าใจ ศรีธนญชัยบ้าง! หมี CNN(เมษาเลือด ยังมีอะไรรอช็อคอยู่อีกเยอะ เพราะดวงเมืองมันมาถึงสุดทางแล้วจ๊ะ มันต้องระเบิดออก มันต้องปะทะ ดวงเมืองต้องใช้โลหิตเหี้ยและควายไทยบัดซบล้างตรีนผู้กอบกู้แผ่นดิน ล้างมนต์สะกดเหี้ย และสิ่งอัปรียจัญไรทั้งหลายให้ออกไปจากดินแดนสุวรรณภูมิ ไม่เขื่อ อย่าลบหลู่ มีเหี้ยเล่นของใส่วัง เล่นของใส่ศาลหลักเมือง แต่เบื้องบนเค้ารู้ แก้ปุ๊บทันที ส่งเสนียดย้อนกลับตัวคนทำทันที ไม่รู้ว่ามีแบบนี้ด้วย จนพรรคพวก ขาไสยศาสตร์ ชี้เป้าให้ดวงตาเห็นธรรม ของจากอีขะแมร์ทั้งนั้น ของพม่าไม่เท่าไหร่ ศาสตรารบ การศึก พิธีกรรม คือเรื่องมองข้ามไม่ได้เลย เอาล่ะจิ แสงทำงานเต็มกำลัง ความชั่วมืดบอดทั้งหลาย มรึงตายห่าคาตรีนแน่) 04 เมษายน 68 17.45 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด(2568)** ชื่อเพจ "SUBPRAYUTH THALUFAH" สัปยุทธ ทะลุฟ้า https://www.facebook.com/profile.php?id=61573193903186
    LINE.ME
    title
    description
    0 Comments 0 Shares 830 Views 0 Reviews
  • “เอกนัฏ” สั่งทีมสุดซอยลุยตรวจโรงงาน ซิน เคอ หยวน ที่บ้านค่าย จ.ระยอง เพื่อตรวจสอบว่ามีการลักลอบประกอบการหรือไม่ รวมทั้งเช็คเหล็กยึดอายัด พร้อมเก็บตัวอย่างส่งตรวจเทียบเหล็กตึก สตง. ถล่ม อึ้ง! พบซุกฝุ่นแดงไม่ตรงที่รายงาน ลุยตรวจสอบต่อ หากผิดจริงดำเนินคดีถึงที่สุด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000031573
    “เอกนัฏ” สั่งทีมสุดซอยลุยตรวจโรงงาน ซิน เคอ หยวน ที่บ้านค่าย จ.ระยอง เพื่อตรวจสอบว่ามีการลักลอบประกอบการหรือไม่ รวมทั้งเช็คเหล็กยึดอายัด พร้อมเก็บตัวอย่างส่งตรวจเทียบเหล็กตึก สตง. ถล่ม อึ้ง! พบซุกฝุ่นแดงไม่ตรงที่รายงาน ลุยตรวจสอบต่อ หากผิดจริงดำเนินคดีถึงที่สุด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000031573
    Like
    Haha
    5
    0 Comments 0 Shares 568 Views 0 Reviews

  • เพื่อนเพจคงเคยคุ้นกับคำมงคลจีนที่เอามาติดผนังหรือทำการ์ดหรือของชำร่วย บางอักษรที่เคยผ่านตาอาจจะดูซับซ้อนมากจนถึงกับคิดว่าทำไมอักษรจีนมันช่างเขียนยากอย่างนี้ แต่คุณอาจไม่เคยสังเกตหรือทราบมาก่อนว่า บางอักษรเหล่านั้นเป็นอักษรประสมหรือ ‘เหอเฉิงจื้อ’ (合成字 หรือ Compound Chinese Character) หรือ ‘เหอถี่จื้อ’ (合体字)

    อักษรประสมจีนคือการเอาอักษรสองตัวหรือมากกว่ามาเขียนรวมกันจนดูราวกับว่ามันเป็นเพียงอักษรเดียว อย่างเช่นภาพอักษรมงคลคู่ที่เราเห็นบ่อยในงานมงคล (ภาพประกอบ1-ซ้าย) จริงแล้วก็คืออักษร ‘สี่’ ที่แปลว่ามงคลหรือความสุข (喜)มาเขียนติดกันสองตัว

    การใช้อักษรประสมที่นิยมทำกันคือการนำประโยคสุภาษิตจีนมาเขียนเป็นอักษรประสมเพื่อเป็นสัญลักษณ์มงคล เราจะเห็นบ่อยมากในช่วงเทศกาลตรุษจีน อย่างเช่น ‘จาวฉายจิ้งป่าว’ ที่แปลว่า กวักทรัพย์เรียกสมบัติ (ดูภาพประกอบ1-ขวา)

    ว่ากันว่าต้นกำเนิดของการเขียนอักษรประสมมาจากงานพิธีกรรมทางศาสนาโดยมีการนำคำที่มีความหมายมงคลหรือการขับไล่สิ่งที่ไม่ดีมาเขียนประสมขึ้นบนยันต์ บ้างก็มีการนำชื่อเทพเจ้ามาเขียนเป็นอักษรประสม ต่อมาชาวบ้านจึงนิยมมีไว้ประดับบ้านเรือนเพื่อป้องกันภูตผีปีศาจและโชคร้าย จนกลายมาเป็นการเขียนคำมงคลทั่วไปที่ใช้ในเทศกาลและงานมงคลต่างๆ แบบที่เรายังเห็นมีใช้ในปัจจุบัน นอกจากนี้ปัจจุบันยังกลายมาเป็นเทรนด์ในการดีไซน์โลโก้ของแบรนด์หรือร้านค้าในจีนด้วยเช่นกัน

    แล้วอักษรประสมอ่านออกเสียงอย่างไร?

    อักษรประสมโดยส่วนใหญ่แทบจะทั้งหมดจะไม่มีเสียงอ่านเฉพาะของมัน แต่จะอ่านครบตามประโยคที่นำมาเขียนรวม เช่น ‘จาวฉายจิ้งป่าว’ ที่เห็นในรูปภาพประกอบ1-ขวา ก็จะอ่านออกมาเต็มๆ สี่อักษร แต่ก็มีบางอักษรประสมที่มีเสียงอ่านเฉพาะ อย่างตัวอย่างอักษรมงคลคู่ (喜喜)จะไม่อ่านว่า ‘สี่สี่’ แต่มีเสียงอ่านเฉพาะตัวว่า ‘สี่’ หรือจะอ่านว่า ‘ซวงสี่’ ก็ได้ (‘ซวง’ แปลว่าคู่)

    อักษรประสมต้องดูซับซ้อนเสมอไปหรือไม่? แน่นอนว่าจำนวนอักษรที่นำมาประสมยิ่งมากก็ยิ่งดูซับซ้อน แต่มีอักษรที่ใช้ประจำวันบางตัวที่จัดเป็นอักษรประสมด้วยเช่นกัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะประกอบด้วยสองอักษร ไม่ซับซ้อนเหมือนอักษรมงคลที่กล่าวมาข้างต้น เช่น คำว่า ‘ไว้’ ซึ่งแปลว่าเบี้ยวหรือเอียง (歪) ประกอบด้วยอักษร ‘ปู้’ ด้านบนและ ‘เจิ้ง’ด้านล่าง ซึ่ง ‘ปู้เจิ้ง’ แปลรวมว่าไม่ตรง เป็นต้น

    จากที่ไปอ่านเพจของจีนมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ Storyฯ เห็นมีเพจหนึ่งเขาเอารูปถ่ายประตูบ้านของบ้านหลังหนึ่งในเมืองซีอันมาลงให้ดู เลยเอามาให้เพื่อนเพจดูด้วย (ภาพประกอบ 2) ... เห็นแล้วก็อึ้งทึ่งกับความ ‘จัดเต็ม’ ของคำมงคลจีนที่เจ้าของบ้านเอามาแปะไว้ เพราะรวมได้ทั้งหมดสุภาษิต 18 ประโยค เป็นการประสมทั้งหมด 72 อักษรให้เหลือเพียง 18 อักษร เก่งไหมล่ะ?

    อยากชวนเพื่อนเพจลองมองซองอั่งเปาและรูปภาพต่างๆ ในเทศกาลตรุษจีนนี้ คุณอาจได้เห็นอักษรประสมเท่ๆ ที่ Storyฯ ไม่ได้กล่าวถึง เพื่อนเพจท่านใดเคยผ่านตาอักษรประสมไหนอีก แปะรูปหรือเม้นท์มาคุยให้ฟังกันบ้างนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.marieclaire.com.tw/entertainment/tvshow/60505
    https://baike.baidu.com/item/合体字/2459569
    https://www.163.com/dy/article/DBTJP8OA0524L8US.html#:~:text=合体字:就是由两,表示人倚着树木。
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/合体字/2459569
    https://new.qq.com/rain/a/20210627A08TKO00

    #เหอถี่จื้อ #เหอเฉิงจื้อ #คำมงคลจีน #อักษรประสม #อักษรจีน
    เพื่อนเพจคงเคยคุ้นกับคำมงคลจีนที่เอามาติดผนังหรือทำการ์ดหรือของชำร่วย บางอักษรที่เคยผ่านตาอาจจะดูซับซ้อนมากจนถึงกับคิดว่าทำไมอักษรจีนมันช่างเขียนยากอย่างนี้ แต่คุณอาจไม่เคยสังเกตหรือทราบมาก่อนว่า บางอักษรเหล่านั้นเป็นอักษรประสมหรือ ‘เหอเฉิงจื้อ’ (合成字 หรือ Compound Chinese Character) หรือ ‘เหอถี่จื้อ’ (合体字) อักษรประสมจีนคือการเอาอักษรสองตัวหรือมากกว่ามาเขียนรวมกันจนดูราวกับว่ามันเป็นเพียงอักษรเดียว อย่างเช่นภาพอักษรมงคลคู่ที่เราเห็นบ่อยในงานมงคล (ภาพประกอบ1-ซ้าย) จริงแล้วก็คืออักษร ‘สี่’ ที่แปลว่ามงคลหรือความสุข (喜)มาเขียนติดกันสองตัว การใช้อักษรประสมที่นิยมทำกันคือการนำประโยคสุภาษิตจีนมาเขียนเป็นอักษรประสมเพื่อเป็นสัญลักษณ์มงคล เราจะเห็นบ่อยมากในช่วงเทศกาลตรุษจีน อย่างเช่น ‘จาวฉายจิ้งป่าว’ ที่แปลว่า กวักทรัพย์เรียกสมบัติ (ดูภาพประกอบ1-ขวา) ว่ากันว่าต้นกำเนิดของการเขียนอักษรประสมมาจากงานพิธีกรรมทางศาสนาโดยมีการนำคำที่มีความหมายมงคลหรือการขับไล่สิ่งที่ไม่ดีมาเขียนประสมขึ้นบนยันต์ บ้างก็มีการนำชื่อเทพเจ้ามาเขียนเป็นอักษรประสม ต่อมาชาวบ้านจึงนิยมมีไว้ประดับบ้านเรือนเพื่อป้องกันภูตผีปีศาจและโชคร้าย จนกลายมาเป็นการเขียนคำมงคลทั่วไปที่ใช้ในเทศกาลและงานมงคลต่างๆ แบบที่เรายังเห็นมีใช้ในปัจจุบัน นอกจากนี้ปัจจุบันยังกลายมาเป็นเทรนด์ในการดีไซน์โลโก้ของแบรนด์หรือร้านค้าในจีนด้วยเช่นกัน แล้วอักษรประสมอ่านออกเสียงอย่างไร? อักษรประสมโดยส่วนใหญ่แทบจะทั้งหมดจะไม่มีเสียงอ่านเฉพาะของมัน แต่จะอ่านครบตามประโยคที่นำมาเขียนรวม เช่น ‘จาวฉายจิ้งป่าว’ ที่เห็นในรูปภาพประกอบ1-ขวา ก็จะอ่านออกมาเต็มๆ สี่อักษร แต่ก็มีบางอักษรประสมที่มีเสียงอ่านเฉพาะ อย่างตัวอย่างอักษรมงคลคู่ (喜喜)จะไม่อ่านว่า ‘สี่สี่’ แต่มีเสียงอ่านเฉพาะตัวว่า ‘สี่’ หรือจะอ่านว่า ‘ซวงสี่’ ก็ได้ (‘ซวง’ แปลว่าคู่) อักษรประสมต้องดูซับซ้อนเสมอไปหรือไม่? แน่นอนว่าจำนวนอักษรที่นำมาประสมยิ่งมากก็ยิ่งดูซับซ้อน แต่มีอักษรที่ใช้ประจำวันบางตัวที่จัดเป็นอักษรประสมด้วยเช่นกัน ซึ่งโดยส่วนใหญ่จะประกอบด้วยสองอักษร ไม่ซับซ้อนเหมือนอักษรมงคลที่กล่าวมาข้างต้น เช่น คำว่า ‘ไว้’ ซึ่งแปลว่าเบี้ยวหรือเอียง (歪) ประกอบด้วยอักษร ‘ปู้’ ด้านบนและ ‘เจิ้ง’ด้านล่าง ซึ่ง ‘ปู้เจิ้ง’ แปลรวมว่าไม่ตรง เป็นต้น จากที่ไปอ่านเพจของจีนมาเกี่ยวกับเรื่องนี้ Storyฯ เห็นมีเพจหนึ่งเขาเอารูปถ่ายประตูบ้านของบ้านหลังหนึ่งในเมืองซีอันมาลงให้ดู เลยเอามาให้เพื่อนเพจดูด้วย (ภาพประกอบ 2) ... เห็นแล้วก็อึ้งทึ่งกับความ ‘จัดเต็ม’ ของคำมงคลจีนที่เจ้าของบ้านเอามาแปะไว้ เพราะรวมได้ทั้งหมดสุภาษิต 18 ประโยค เป็นการประสมทั้งหมด 72 อักษรให้เหลือเพียง 18 อักษร เก่งไหมล่ะ? อยากชวนเพื่อนเพจลองมองซองอั่งเปาและรูปภาพต่างๆ ในเทศกาลตรุษจีนนี้ คุณอาจได้เห็นอักษรประสมเท่ๆ ที่ Storyฯ ไม่ได้กล่าวถึง เพื่อนเพจท่านใดเคยผ่านตาอักษรประสมไหนอีก แปะรูปหรือเม้นท์มาคุยให้ฟังกันบ้างนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.marieclaire.com.tw/entertainment/tvshow/60505 https://baike.baidu.com/item/合体字/2459569 https://www.163.com/dy/article/DBTJP8OA0524L8US.html#:~:text=合体字:就是由两,表示人倚着树木。 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/合体字/2459569 https://new.qq.com/rain/a/20210627A08TKO00 #เหอถี่จื้อ #เหอเฉิงจื้อ #คำมงคลจีน #อักษรประสม #อักษรจีน
    WWW.MARIECLAIRE.COM.TW
    《一生一世》超前大結局!任嘉倫爆打惡人周文川,白鹿從前世跳樓到今生
    絕世大甜劇《一生一世》迎來大結局前,也狠狠虐了觀眾一波,事故和意外不斷,惡人周文川受觀眾的討厭程度,大概和《周生如故》劉子行不相上下。
    2 Comments 0 Shares 392 Views 0 Reviews
  • อึ้ง!เหล็กตึกสตง. มาจากโรงงานถูกสั่งปิด : [THE-MESSAGE]

    นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม เผยถึงการนำทีมเข้าตรวจวัสดุก่อสร้างในจุดที่อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม เก็บตัวอย่าง 6 ประเภท ทั้งเหล็กกลม เหล็กข้ออ้อย 3 ยี่ห้อ ตรวจสอบพบมีเหล็ก 2 ขนาด ไม่ได้มาตรฐานคือไซซ์ 20 และ 32 มาจากยี่ห้อเดียวกัน เป็นผู้ผลิตที่สั่งหยุดโรงงานเมื่อเดือน ธ.ค. 2567 จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนขยายผล เตรียมเข้าพื้นที่พร้อมคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เก็บตัวอย่างอีกครั้ง โดยจะเก็บแบบชี้เป้าให้ครบทุกประเภท และเก็บในจุดที่สันนิษฐานว่าทำให้ตึกถล่ม ยอมรับอึ้งเพราะโรงงานที่ผลิตเหล็กไม่ได้มาตรฐาน เป็นโรงงานที่ไปตรวจและสั่งปิด โดยการตรวจเหล็กจะตรวจ 2 ส่วน คือคุณสมบัติด้านการกล และคุณสมบัติทางเคมี ครั้งแรกที่ตรวจตกทางเคมี ล่าสุดที่ตรวจตกทางกล ได้ข่าวมีความพยายามวิ่งเต้น ข่มขู่เจ้าหน้าที่ เตรียมลงพื้นที่ตรวจโรงงาน ซินเคอหยวน ต.หนองละลอก จ.ระยอง ที่สั่งปิด หลังพบโรงงานยังมีความเคลื่อนไหว​ พบรถบรรทุกขนฝุ่นแดง อาจลักลอบผลิตเหล็กอยู่หรือไม่
    อึ้ง!เหล็กตึกสตง. มาจากโรงงานถูกสั่งปิด : [THE-MESSAGE] นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รมว.อุตสาหกรรม เผยถึงการนำทีมเข้าตรวจวัสดุก่อสร้างในจุดที่อาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.) ถล่ม เก็บตัวอย่าง 6 ประเภท ทั้งเหล็กกลม เหล็กข้ออ้อย 3 ยี่ห้อ ตรวจสอบพบมีเหล็ก 2 ขนาด ไม่ได้มาตรฐานคือไซซ์ 20 และ 32 มาจากยี่ห้อเดียวกัน เป็นผู้ผลิตที่สั่งหยุดโรงงานเมื่อเดือน ธ.ค. 2567 จะตั้งคณะกรรมการสอบสวนขยายผล เตรียมเข้าพื้นที่พร้อมคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เก็บตัวอย่างอีกครั้ง โดยจะเก็บแบบชี้เป้าให้ครบทุกประเภท และเก็บในจุดที่สันนิษฐานว่าทำให้ตึกถล่ม ยอมรับอึ้งเพราะโรงงานที่ผลิตเหล็กไม่ได้มาตรฐาน เป็นโรงงานที่ไปตรวจและสั่งปิด โดยการตรวจเหล็กจะตรวจ 2 ส่วน คือคุณสมบัติด้านการกล และคุณสมบัติทางเคมี ครั้งแรกที่ตรวจตกทางเคมี ล่าสุดที่ตรวจตกทางกล ได้ข่าวมีความพยายามวิ่งเต้น ข่มขู่เจ้าหน้าที่ เตรียมลงพื้นที่ตรวจโรงงาน ซินเคอหยวน ต.หนองละลอก จ.ระยอง ที่สั่งปิด หลังพบโรงงานยังมีความเคลื่อนไหว​ พบรถบรรทุกขนฝุ่นแดง อาจลักลอบผลิตเหล็กอยู่หรือไม่
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 638 Views 15 0 Reviews
  • 10 นาที 'บิ๊กป้อม' ซัด 'ประเทศไม่ใช่เวทีมือสมัครเล่น' อึ้ง! ‘นายกรัฐมนตรี’ แจงแค่ 10 วินาที
    https://www.thai-tai.tv/news/17783/
    10 นาที 'บิ๊กป้อม' ซัด 'ประเทศไม่ใช่เวทีมือสมัครเล่น' อึ้ง! ‘นายกรัฐมนตรี’ แจงแค่ 10 วินาที https://www.thai-tai.tv/news/17783/
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • 10 นาที 'บิ๊กป้อม' ซัด 'ประเทศไม่ใช่เวทีมือสมัครเล่น' อึ้ง! ‘นายกรัฐมนตรี’ แจงแค่ 10 วินาที
    https://www.thai-tai.tv/news/17783/
    10 นาที 'บิ๊กป้อม' ซัด 'ประเทศไม่ใช่เวทีมือสมัครเล่น' อึ้ง! ‘นายกรัฐมนตรี’ แจงแค่ 10 วินาที https://www.thai-tai.tv/news/17783/
    0 Comments 0 Shares 97 Views 0 Reviews
  • มดดำ รู้แล้ว รมต.คือใคร เปรยซื้อไว้เก็งกำไร อึ้งเพนต์เฮาส์ 100 ล้าน ดิวแค่เช่าอยู่ เดือนละ 8 แสน
    https://www.thai-tai.tv/news/17742/
    มดดำ รู้แล้ว รมต.คือใคร เปรยซื้อไว้เก็งกำไร อึ้งเพนต์เฮาส์ 100 ล้าน ดิวแค่เช่าอยู่ เดือนละ 8 แสน https://www.thai-tai.tv/news/17742/
    0 Comments 0 Shares 80 Views 0 Reviews
  • 📌 ใจส่งผลต่อกายอย่างไร?


    ---

    🔍 1️⃣ ใจร้อน - ทำให้กายร้อน

    🔥 เมื่อใจมีโทสะ ขุ่นเคือง หรือหงุดหงิด → ร่างกายจะเกิดปฏิกิริยา
    ⚠️ ความดันเลือดสูงขึ้น
    ⚠️ หัวใจเต้นเร็ว กล้ามเนื้อเกร็ง
    ⚠️ รู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว

    ✅ วิธีแก้: "หายใจลึกๆ ผ่อนคลาย" เพื่อให้ใจเย็น กายจะคลายตัว


    ---

    🔍 2️⃣ ใจเคร่ง - ทำให้กายเกร็ง

    😣 เมื่อใจเครียด กดดัน ตึงเครียด → ร่างกายตอบสนอง
    ⚠️ ไหล่แข็ง ตึงคอ บ่า ไหล่
    ⚠️ ปวดหัวจากความเครียด
    ⚠️ ระบบย่อยอาหารแปรปรวน

    ✅ วิธีแก้: "ปรับใจให้สบาย" ฝึกยิ้ม หายใจลึกๆ ปล่อยวาง


    ---

    🔍 3️⃣ ใจโอดครวญ - ทำให้กายป่วน

    😢 เมื่อใจจมอยู่กับความทุกข์ → กายตอบสนองเป็นความกระสับกระส่าย
    ⚠️ อาการเหนื่อยง่าย หมดแรง
    ⚠️ นอนไม่หลับ กระวนกระวาย
    ⚠️ ปวดเมื่อยเรื้อรังจากความวิตกกังวล

    ✅ วิธีแก้: "ฝึกยอมรับตามจริง" ปล่อยความคิดลบ ฝึกคิดบวก


    ---

    🔍 4️⃣ ใจโง่ทึบ - ทำให้กายแน่นทึบ

    😶 เมื่อใจหม่นหมอง ไม่แจ่มใส → กายพลอยหนักอึ้ง
    ⚠️ อ่อนเพลียเรื้อรัง
    ⚠️ ไม่มีเรี่ยวแรง ขาดพลังงาน
    ⚠️ ระบบเผาผลาญทำงานช้าลง

    ✅ วิธีแก้: "เจริญสติ" สังเกตความคิด เรียนรู้ความเป็นไปของจิต


    ---

    🎯 วิธีใช้ "ใจ" ฟื้นฟู "กาย"

    ✅ 1️⃣ ใจเย็น - บรรเทาความร้อนทางกาย

    🌿 ใจสงบ กายจะเย็น
    🌿 ลดความดันโลหิต
    🌿 ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น

    ➡️ วิธีฝึก: นั่งสมาธิ ฟังเสียงลมหายใจ


    ---

    ✅ 2️⃣ ใจสบาย - ลดความเกร็งทางกาย

    💆‍♂️ ใจไม่ตึง กายจะผ่อนคลาย
    💆‍♂️ ลดอาการปวดไหล่ ปวดหลัง
    💆‍♂️ ช่วยให้หลับสบายขึ้น

    ➡️ วิธีฝึก: ทำโยคะเบาๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ


    ---

    ✅ 3️⃣ ใจยอมรับ - ลดอาการกระสับกระส่าย

    🌊 ใจไม่ดิ้นรน กายจะสงบ
    🌊 ลดอาการนอนไม่หลับ
    🌊 ปรับสมดุลของร่างกาย

    ➡️ วิธีฝึก: ฝึกสติ รับรู้ความรู้สึกโดยไม่ตัดสิน


    ---

    ✅ 4️⃣ ใจตื่นรู้ - ช่วยให้กายโปร่งเบา

    ☀️ ใจสว่าง กายจะเบาสบาย
    ☀️ เพิ่มพลังงานชีวิต
    ☀️ ลดความเครียดสะสม

    ➡️ วิธีฝึก: มองโลกตามจริง ฝึกเจริญเมตตา


    ---

    📌 สรุป:

    ✅ ใจที่สงบ เย็น และตื่นรู้ = กายก็จะเป็นสุข
    ❌ ใจที่ฟุ้งซ่าน เคร่งเครียด และโอดครวญ = กายก็ทุกข์ตาม

    🔥 "การฝึกสติ คือ วิธีรักษากายผ่านจิตที่ดีที่สุด!" 🔥

    📌 ใจส่งผลต่อกายอย่างไร? --- 🔍 1️⃣ ใจร้อน - ทำให้กายร้อน 🔥 เมื่อใจมีโทสะ ขุ่นเคือง หรือหงุดหงิด → ร่างกายจะเกิดปฏิกิริยา ⚠️ ความดันเลือดสูงขึ้น ⚠️ หัวใจเต้นเร็ว กล้ามเนื้อเกร็ง ⚠️ รู้สึกอึดอัด ไม่สบายตัว ✅ วิธีแก้: "หายใจลึกๆ ผ่อนคลาย" เพื่อให้ใจเย็น กายจะคลายตัว --- 🔍 2️⃣ ใจเคร่ง - ทำให้กายเกร็ง 😣 เมื่อใจเครียด กดดัน ตึงเครียด → ร่างกายตอบสนอง ⚠️ ไหล่แข็ง ตึงคอ บ่า ไหล่ ⚠️ ปวดหัวจากความเครียด ⚠️ ระบบย่อยอาหารแปรปรวน ✅ วิธีแก้: "ปรับใจให้สบาย" ฝึกยิ้ม หายใจลึกๆ ปล่อยวาง --- 🔍 3️⃣ ใจโอดครวญ - ทำให้กายป่วน 😢 เมื่อใจจมอยู่กับความทุกข์ → กายตอบสนองเป็นความกระสับกระส่าย ⚠️ อาการเหนื่อยง่าย หมดแรง ⚠️ นอนไม่หลับ กระวนกระวาย ⚠️ ปวดเมื่อยเรื้อรังจากความวิตกกังวล ✅ วิธีแก้: "ฝึกยอมรับตามจริง" ปล่อยความคิดลบ ฝึกคิดบวก --- 🔍 4️⃣ ใจโง่ทึบ - ทำให้กายแน่นทึบ 😶 เมื่อใจหม่นหมอง ไม่แจ่มใส → กายพลอยหนักอึ้ง ⚠️ อ่อนเพลียเรื้อรัง ⚠️ ไม่มีเรี่ยวแรง ขาดพลังงาน ⚠️ ระบบเผาผลาญทำงานช้าลง ✅ วิธีแก้: "เจริญสติ" สังเกตความคิด เรียนรู้ความเป็นไปของจิต --- 🎯 วิธีใช้ "ใจ" ฟื้นฟู "กาย" ✅ 1️⃣ ใจเย็น - บรรเทาความร้อนทางกาย 🌿 ใจสงบ กายจะเย็น 🌿 ลดความดันโลหิต 🌿 ระบบไหลเวียนโลหิตดีขึ้น ➡️ วิธีฝึก: นั่งสมาธิ ฟังเสียงลมหายใจ --- ✅ 2️⃣ ใจสบาย - ลดความเกร็งทางกาย 💆‍♂️ ใจไม่ตึง กายจะผ่อนคลาย 💆‍♂️ ลดอาการปวดไหล่ ปวดหลัง 💆‍♂️ ช่วยให้หลับสบายขึ้น ➡️ วิธีฝึก: ทำโยคะเบาๆ ผ่อนคลายกล้ามเนื้อ --- ✅ 3️⃣ ใจยอมรับ - ลดอาการกระสับกระส่าย 🌊 ใจไม่ดิ้นรน กายจะสงบ 🌊 ลดอาการนอนไม่หลับ 🌊 ปรับสมดุลของร่างกาย ➡️ วิธีฝึก: ฝึกสติ รับรู้ความรู้สึกโดยไม่ตัดสิน --- ✅ 4️⃣ ใจตื่นรู้ - ช่วยให้กายโปร่งเบา ☀️ ใจสว่าง กายจะเบาสบาย ☀️ เพิ่มพลังงานชีวิต ☀️ ลดความเครียดสะสม ➡️ วิธีฝึก: มองโลกตามจริง ฝึกเจริญเมตตา --- 📌 สรุป: ✅ ใจที่สงบ เย็น และตื่นรู้ = กายก็จะเป็นสุข ❌ ใจที่ฟุ้งซ่าน เคร่งเครียด และโอดครวญ = กายก็ทุกข์ตาม 🔥 "การฝึกสติ คือ วิธีรักษากายผ่านจิตที่ดีที่สุด!" 🔥
    0 Comments 0 Shares 564 Views 0 Reviews
  • หุ้นตกยุคอุ๊งอิ๊ง อ้างคนฉลาดเห็นโอกาส

    "เป็นจังหวะเข้าซื้อเพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยไม่ได้เปลี่ยน คนที่ฉลาดจะมองเห็นโอกาสจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มีกับราคาตลาดตอนนี้ ส่วนคนที่ไม่ฉลาดก็จะตื่นเต้นและไม่เห็นโอกาสในสิ่งนี้" เป็นคำกล่าวของนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ระบุถึงตลาดหุ้นไทยลดลงต่ำกว่า 1,200 จุด ในวันที่ต่างชาติเทขายต่อเนื่อง และไม่มีแผนกระตุ้นนักลงทุนอย่างชัดเจน เรียกเสียงวิจารณ์จากผู้คนทั่วทุกสารทิศ

    ไม่ต่างจากก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรีวัย 38 ปี กล่าวตอบโต้ฝ่ายค้านที่ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องภาวะผู้นำว่า "ไม่ได้อยากชี้นิ้วว่าใครเป็นผู้นำ หรือเป็นผู้นำในแบบของเรา จะว่าใครก็ต้องเป็นผู้นำให้ได้ก่อน แล้วค่อยพูดถึงคนอื่นได้" และว่า "การอภิปรายไม่ใว้วางใจของสภาฯ เป็นเวทีที่ดีที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจในข้อมูลที่แท้จริง และเข้าใจความเป็นนายกรัฐมนตรีเจนวาย (Gen Y) ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะยังไม่เคยมีมาก่อน"

    ประโยคนี้ทำเอาคนทุกเจนถึงกับอึ้ง เพราะทราบดีว่า น.ส.แพทองธาร ไม่ได้เข้ามาเป็นนายกฯ ด้วยความสามารถ แต่เข้ามาเพราะบารมีพ่ออย่างนายทักษิณ ชินวัตร ที่ผ่านมามีข้ออ้างว่า "เป็นนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์" เมื่อถูกถามถึงข้อครหาว่าครอบครัวครอบงำ หรือ "สามีเป็นคนใต้ ครอบครัวสามีก็คนใต้ ถ้าละเลยคนใต้หรือไม่รักคนใต้ แต่งงานกับคนใต้ไม่ได้" เมื่อถูกถามถึงคำว่าละเลยภาคใต้ในสถานการณ์น้ำท่วม กลายเป็นวาทะแห่งปีของสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล

    วันที่ 16 ส.ค.2567 น.ส.แพทองธารได้รับการโหวตด้วยเสียงข้างมากในสภา ดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 1,303.00 จุด กระทั่งนายทักษิณกล่าววิสัยทัศน์หลังได้รับการพักโทษคดีทุจริต และมีการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น สูงสุดที่ระดับ 1,506.82 จุด เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2567 แต่เมื่อมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และมีเรื่องที่กระทบกับธรรมาภิบาลต่อตลาดหุ้นไทยหลายเรื่อง รวมทั้งระยะหลังนายทักษิณไม่มีคำตอบอย่างชัดเจนว่า ทำอย่างไรตลาดหุ้นไทยจะฟื้น และมีมาตรการอย่างไรเพื่อเรียกนักลงทุนกลับมา จากสิ้นปี 2567 อยู่ที่ 1,400.21 จุด ล่าสุดวันที่ 4 มี.ค.2568 เหลือ 1,177.64 จุด และมีแนวโน้มทรุดหนักต่อไป

    ในวันที่เศรษฐกิจไม่ฟื้น นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น แต่นายกฯ แพทองธารและพรรคเพื่อไทย ยังคงขยันผลิตวาทกรรมเอาตัวรอดไปวันๆ บริหารประเทศแบบถูลู่ถูกัง จนกว่าจะครบเทอมในปี 2570 ไม่ได้มรรคผลอะไรเลย คำว่า "โอกาส" ที่ น.ส.แพทองธารและรัฐบาลกล่าวบ่อยครั้ง ก็ไม่มีทางออกว่าจะไปทางไหน สิ่งเดียวที่ประชาชนทำได้ในยามนี้ คือ เอาตัวเองให้รอดก่อน

    #Newskit
    หุ้นตกยุคอุ๊งอิ๊ง อ้างคนฉลาดเห็นโอกาส "เป็นจังหวะเข้าซื้อเพราะพื้นฐานเศรษฐกิจไทยไม่ได้เปลี่ยน คนที่ฉลาดจะมองเห็นโอกาสจากพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่มีกับราคาตลาดตอนนี้ ส่วนคนที่ไม่ฉลาดก็จะตื่นเต้นและไม่เห็นโอกาสในสิ่งนี้" เป็นคำกล่าวของนายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง ระบุถึงตลาดหุ้นไทยลดลงต่ำกว่า 1,200 จุด ในวันที่ต่างชาติเทขายต่อเนื่อง และไม่มีแผนกระตุ้นนักลงทุนอย่างชัดเจน เรียกเสียงวิจารณ์จากผู้คนทั่วทุกสารทิศ ไม่ต่างจากก่อนหน้านี้ น.ส.แพทองธาร นายกรัฐมนตรีวัย 38 ปี กล่าวตอบโต้ฝ่ายค้านที่ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจเรื่องภาวะผู้นำว่า "ไม่ได้อยากชี้นิ้วว่าใครเป็นผู้นำ หรือเป็นผู้นำในแบบของเรา จะว่าใครก็ต้องเป็นผู้นำให้ได้ก่อน แล้วค่อยพูดถึงคนอื่นได้" และว่า "การอภิปรายไม่ใว้วางใจของสภาฯ เป็นเวทีที่ดีที่จะทำให้ประชาชนเข้าใจในข้อมูลที่แท้จริง และเข้าใจความเป็นนายกรัฐมนตรีเจนวาย (Gen Y) ซึ่งที่ผ่านมาอาจจะยังไม่เคยมีมาก่อน" ประโยคนี้ทำเอาคนทุกเจนถึงกับอึ้ง เพราะทราบดีว่า น.ส.แพทองธาร ไม่ได้เข้ามาเป็นนายกฯ ด้วยความสามารถ แต่เข้ามาเพราะบารมีพ่ออย่างนายทักษิณ ชินวัตร ที่ผ่านมามีข้ออ้างว่า "เป็นนายกฯ ที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์" เมื่อถูกถามถึงข้อครหาว่าครอบครัวครอบงำ หรือ "สามีเป็นคนใต้ ครอบครัวสามีก็คนใต้ ถ้าละเลยคนใต้หรือไม่รักคนใต้ แต่งงานกับคนใต้ไม่ได้" เมื่อถูกถามถึงคำว่าละเลยภาคใต้ในสถานการณ์น้ำท่วม กลายเป็นวาทะแห่งปีของสื่อมวลชนทำเนียบรัฐบาล วันที่ 16 ส.ค.2567 น.ส.แพทองธารได้รับการโหวตด้วยเสียงข้างมากในสภา ดัชนีตลาดหุ้นไทยอยู่ที่ 1,303.00 จุด กระทั่งนายทักษิณกล่าววิสัยทัศน์หลังได้รับการพักโทษคดีทุจริต และมีการจัดตั้งรัฐบาล ทำให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น สูงสุดที่ระดับ 1,506.82 จุด เมื่อวันที่ 18 ต.ค.2567 แต่เมื่อมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และมีเรื่องที่กระทบกับธรรมาภิบาลต่อตลาดหุ้นไทยหลายเรื่อง รวมทั้งระยะหลังนายทักษิณไม่มีคำตอบอย่างชัดเจนว่า ทำอย่างไรตลาดหุ้นไทยจะฟื้น และมีมาตรการอย่างไรเพื่อเรียกนักลงทุนกลับมา จากสิ้นปี 2567 อยู่ที่ 1,400.21 จุด ล่าสุดวันที่ 4 มี.ค.2568 เหลือ 1,177.64 จุด และมีแนวโน้มทรุดหนักต่อไป ในวันที่เศรษฐกิจไม่ฟื้น นักลงทุนขาดความเชื่อมั่น แต่นายกฯ แพทองธารและพรรคเพื่อไทย ยังคงขยันผลิตวาทกรรมเอาตัวรอดไปวันๆ บริหารประเทศแบบถูลู่ถูกัง จนกว่าจะครบเทอมในปี 2570 ไม่ได้มรรคผลอะไรเลย คำว่า "โอกาส" ที่ น.ส.แพทองธารและรัฐบาลกล่าวบ่อยครั้ง ก็ไม่มีทางออกว่าจะไปทางไหน สิ่งเดียวที่ประชาชนทำได้ในยามนี้ คือ เอาตัวเองให้รอดก่อน #Newskit
    Like
    Haha
    Angry
    3
    1 Comments 0 Shares 852 Views 0 Reviews
  • พนักงานคอลเซ็นเตอร์จาก Neta Auto บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน โดนทัวร์ลง หลังลืมกดวางสายโทรศัพท์ นินทาลูกค้าฉ่ำ แถมยังใช้คำหยาบคาย

    เนื่องจากปัญหาด้านการบำรุงรักษา เจ้าของรถจึงได้มีการติดต่อพูดคุยกับทางคอลเซ็นเตอร์ของบริษัท อย่างไรก็ตาม การบริการของพนักงานทั้งต่อหน้า และลับหลังกลับแตกต่างกันอย่างลิบลับ

    "เข้าใจแล้วค่ะ จะเร่งให้เดี๋ยวนี้ มีเรื่องอื่นต้องการให้ช่วยอีกไหมคะ?" "ขอบคุณที่โทร.มานะคะ ขอให้มีความสุข สวัสดีค่ะ" คำพูดของพนักงานคอลเซ็นเตอร์ จากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงเธอพูดขึ้นมาว่า "ถามอยู่นั่นแหละว่าจะจัดการยังไง! จัดการโคตรแม่งสิ! กูจะรู้ไหมว่าจะจัดการยังไง!" จากนั้นเธอก็สบถคำหยาบ และจบท้ายด้วย "รำคาญจะตายแล้ว!"

    ด้านเจ้าของรถก็ถึงกับอึ้ง ก่อนถามสมาชิกในครอบครัวว่า “เธอพูดอะไรน่ะ?" ซึ่งสมาชิกในครอบครัวก็ตอบว่า “เธอพูดว่า จัดการกับโคตรแม่งสิ”

    ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทาง Neta Auto ระบุว่า พวกเขาได้โทร.ไปขอโทษเจ้าของรถ พร้อมสั่งพักงานพนักงานคนดังกล่าว เพื่อเป็นการลงโทษ

    #MGROnline #คอลเซ็นเตอร์
    พนักงานคอลเซ็นเตอร์จาก Neta Auto บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน โดนทัวร์ลง หลังลืมกดวางสายโทรศัพท์ นินทาลูกค้าฉ่ำ แถมยังใช้คำหยาบคาย • เนื่องจากปัญหาด้านการบำรุงรักษา เจ้าของรถจึงได้มีการติดต่อพูดคุยกับทางคอลเซ็นเตอร์ของบริษัท อย่างไรก็ตาม การบริการของพนักงานทั้งต่อหน้า และลับหลังกลับแตกต่างกันอย่างลิบลับ • "เข้าใจแล้วค่ะ จะเร่งให้เดี๋ยวนี้ มีเรื่องอื่นต้องการให้ช่วยอีกไหมคะ?" "ขอบคุณที่โทร.มานะคะ ขอให้มีความสุข สวัสดีค่ะ" คำพูดของพนักงานคอลเซ็นเตอร์ จากนั้นไม่นาน ก็มีเสียงเธอพูดขึ้นมาว่า "ถามอยู่นั่นแหละว่าจะจัดการยังไง! จัดการโคตรแม่งสิ! กูจะรู้ไหมว่าจะจัดการยังไง!" จากนั้นเธอก็สบถคำหยาบ และจบท้ายด้วย "รำคาญจะตายแล้ว!" • ด้านเจ้าของรถก็ถึงกับอึ้ง ก่อนถามสมาชิกในครอบครัวว่า “เธอพูดอะไรน่ะ?" ซึ่งสมาชิกในครอบครัวก็ตอบว่า “เธอพูดว่า จัดการกับโคตรแม่งสิ” • ทั้งนี้ เพื่อตอบสนองต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ทาง Neta Auto ระบุว่า พวกเขาได้โทร.ไปขอโทษเจ้าของรถ พร้อมสั่งพักงานพนักงานคนดังกล่าว เพื่อเป็นการลงโทษ • #MGROnline #คอลเซ็นเตอร์
    0 Comments 0 Shares 322 Views 0 Reviews
  • #ทีมโลกคู่ขนาน
    ลอยหน้าลอยตา ตั้งชื่อมาได้
    จะปราบมารได้ไง ก็พวกเมิงนี่แหละมาร
    หัวหน้าทีมทนวย เป็นอึ่งอ่างไปละ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    #ทีมโลกคู่ขนาน ลอยหน้าลอยตา ตั้งชื่อมาได้ จะปราบมารได้ไง ก็พวกเมิงนี่แหละมาร หัวหน้าทีมทนวย เป็นอึ่งอ่างไปละ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    Like
    Love
    Haha
    3
    0 Comments 0 Shares 384 Views 0 Reviews
  • ฟังแล้วอึ้ง ประเทศไทยต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล ให้คนต่างด้าวสูงเกือบ 1 แสนล้าน

    https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000019281
    ฟังแล้วอึ้ง ประเทศไทยต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล ให้คนต่างด้าวสูงเกือบ 1 แสนล้าน https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000019281
    MGRONLINE.COM
    ฟังแล้วอึ้ง ประเทศไทยต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาล ให้คนต่างด้าวสูงเกือบ 1 แสนล้าน
    สภาพัฒน์ เผยประเทศไทยต้องจ่ายค่ารักษาพยาบาลให้กับคนต่างด้าวสูงถึง 92,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่าปี 2565 ถึง 8.2 เท่า โดยเฉพาะชายแดนไทย-เมียนมาด้านจังหวัดตากกว่า 81.1% พบปัญหามาจากฝั่งตรงข้ามขาดแคลนสถานพยาบาล บางคนคลอดในไทยหวังใช้เงิ
    0 Comments 0 Shares 201 Views 0 Reviews
  • อึ้ง ต.ต.เกอร์สาวเกาหลีรายได้หด หันมาจับมือคนไทยซั่วๆวัยป้า ค้าความฟ๊องคนไทย เรียกรับนับร้อยล้าน หวังประโยชน์มหาศาล ไม่ต้องดิ้นรน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    อึ้ง ต.ต.เกอร์สาวเกาหลีรายได้หด หันมาจับมือคนไทยซั่วๆวัยป้า ค้าความฟ๊องคนไทย เรียกรับนับร้อยล้าน หวังประโยชน์มหาศาล ไม่ต้องดิ้นรน #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    0 Comments 0 Shares 154 Views 0 Reviews
  • เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสคนใหม่ประจำสิงคโปร์แถลงว่า ยุโรปไม่ต้องการให้ชาติเอเชียต้องเลือกระหว่างสหรัฐฯ และจีน ท่ามกลางกระแสการแข่งขันโลกเชี่ยวกราก ปูทางประธานาธิบดี เอ็มมานุเอล มาครง ขึ้นเวทีการประชุมแชงกรีลาไดอะล็อกฟอรัม พฤษภาคมนี้ ขณะที่สิงคโปร์เปิดอกรับเอเชียมองวอชิงตันทำตัวเหมือนเจ้าของที่กำลังเรียกเก็บค่าเช่า
    .
    รอยเตอร์รายงานวันอังคาร (18 ก.พ.) ว่า เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสคนใหม่ประจำสิงคโปร์ สตีเฟน มาร์กีซีโอ (Stephen Marchisio) เริ่มทำหน้าที่ตั้งแต่วันอังคาร (18) เปิดใจว่า ฝรั่งเศสเห็นแรงกดดันเพิ่มขึ้น “บางทีมาจากฝั่งสหรัฐฯ” ที่พันธมิตรในเอเชียจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกข้าง”
    .
    เขาย้ำว่า “มันมีความสำคัญที่ต้องกล่าวว่าพวกเราสามารถพูดคุยได้กับทุกคน” และเสริมว่า “พวกเราไม่ต้องการให้ใครต้องเลือก”
    .
    ทูตแดนน้ำหอมคนใหม่ของประธานาธิบดีเอ็มมานุเอล มาครงให้สัมภาษณ์กับนักข่าวระหว่างอาหารค่ำในสิงคโปร์ที่ซึ่งมาครงจะเดินทางมาที่นี่เพื่อขึ้นกล่าวในการประชุมความมั่นคงแชงกรีลาฟอรัมในวันที่ 30 พ.ค.ที่จะถึง
    .
    มาร์กีซีโอกล่าวว่า ประธานาธิบดีมาครงจะขึ้นกล่าวยืนยันบนเวทีว่า ทุกชาติภายในภูมิภาคสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติตัวเองได้
    .
    “พวกคุณสามารถทำได้ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เห็นด้วยกับรูปแบบทางการเมืองของจีน และคุณสามารถทำได้ถึงแม้คุณจะไม่ต้องการฐานทัพจากสหรัฐฯ ในดินแดนของพวกคุณก็ตาม”
    .
    สถานทูตสหรัฐฯ ในสิงคโปร์ได้ตอบคำถามรอยเตอร์ไปยังแถลงการณ์ของกลุ่ม G-7 ที่ลงนามในมิวนิกโดยฝรั่งเศสและสหรัฐฯ ที่กล่าวว่า สมาชิกทุกชาติมีพันธต่อภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เสรี เปิดกว้าง และมั่นคง
    .
    ตามแถลงการณ์ทูตฝรั่งเศสชี้ว่า ยุโรปต้องสามัคคี
    .
    มาร์กีซีโอยังชี้ว่า ยุโรปต้องมีความสามัคคีที่รวมไปถึงการสั่งซื้ออาวุธอเมริกัน ที่ชี้ว่าเป็นการตอบโต้คำแถลงจากรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดีเจ แวนซ์ ในมิวนิกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา
    .
    ทูตแดนน้ำหอมกล่าวว่า มีบางประเทศมองความเกี่ยวข้องในการซื้ออาวุธเป็นหนทางที่จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก แต่ทว่ามุมมองนี้เปลี่ยนไปแล้วโดยเฉพาะหลังจากที่รองประธานาธิบดีแวนซ์ของสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณผ่านำแถลงที่เผ็ดร้อนในการประชุมมิวนิกฟอรัมในยุโรป
    .
    “เกิดอะไรขึ้นในมิวนิก? เขาพยายามโจมตีแก่นกลางของประชาธิปไตย” และเสริมต่อว่า “ดังนั้นมันจึงทำให้เกิดไปสู่คำถามอื่นต่อ”
    .
    ดังนั้นเวลานี้ประเทศในยุโรปอาจจะไม่ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อเมริกัน และเสริมต่อว่าเป็นเพราะไม่มีหลักประกันในการทำเช่นนั้นจะช่วยผ่อนคลายความกดดันของสหรัฐฯ ลงหรือวาทะโจมตีแสดงความเป็นปรปักษ์
    .
    “พวกเราไม่ต้องการที่จะกล่าวว่า ..แต่พวกเราจะตอบโต้หากว่าพวกเราต้องทำ” โดยอ้างไปถึงภาษีและแรงกดดันอื่นๆ ของสหรัฐฯ
    .
    มาร์กีซีโอรายงานว่า สถานการณ์ที่ดีที่สุดของฝรั่งเศสคือการไม่ต้องการตอบโต้เอาคืนจากการที่ทั้งสหรัฐอเมริกาและชาติยุโรปต่างมีผลประโยชน์ร่วมกันมากมายรวมไปถึงอุตสาหกรรม
    .
    การแสดงความเห็นของทูตฝรั่งเศสคนใหม่สะท้อนความเห็นรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ อึ้ง เอ็ง เฮง (Ng Eng Hen) ที่แถลงในการประชุมความมั่นคงยุโรปว่า “ภาพของอเมริกาที่มีต่อเอเชียได้เปลี่ยนไป”
    .
    “ภาพลักษณ์เปลี่ยนไปจากผู้ปลดปล่อยไปสู่ผู้สร้างความปั่นป่วนไปสู่เจ้าของที่ต้องการเรียกเก็บค่าเช่า”
    .
    บลูมเบิร์กรายงานวันจันทร์ (17) ว่า อึ้ง เอ็ง เฮง แถลงในการประชุมนอกรอบที่การประชุมความมั่นคงมิวนิกว่า แนวคิดที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลาหลายปีหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
    .
    ทั้งนี้ เว็บไซต์รัฐบาลสิงคโปร์ได้โพสต์เมื่อสุดสัปดาห์ในคำแถลงของรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์กล่าววิจารณ์สหรัฐฯ ในการประชุมมิวนิก
    .
    คำแถลงเกิดขึ้นหลังรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่สมัยทรัมป์มืดมัวตาบอดไม่สนใจต่อประวัติศาสตร์ที่เป็นมาของพันธมิตรนาโตเปิดฉากแผนการหารือตรงกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูตินต่ออนาคตของสงครามเครมลินในยูเครน
    .
    บลูมเบิร์กวิเคราะห์ว่า สิงคโปร์เป็นเหมือนเช่นชาติส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ต้องการแสวงหาทางสายกลางในการเพิ่มขึ้นของภาพที่ซับซ้อนทางการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ เพื่อเสาะหาความสัมพันธ์ที่สมดุลกับสหรัฐอเมริกาในฐานะหุ้นส่วนความมั่นคงหลักและต่อจีนในฐานะแหล่งของการพัฒนาและหนึ่งในพันธมิตรทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของตัวเอง
    .
    ทั้งนี้สหรัฐฯ ในสมัยอดีตรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน อเมริกาได้ทำงานเพื่อสร้างข้อผูกพันทางความมั่นคงภายในภูมิภาคต่อต้านการรุกคืบจากจีนในทะเลจีนใต้ และเป็นความวิตกทางความมั่นคงที่ยังคงเกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของปักกิ่งในการนำไต้หวันกลับสู่อ้อมอกอีกครั้งในอนาคตไม่ว่าจะเป็นการใช้กำลังหรือไม่
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016775
    ..............
    Sondhi X
    เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสคนใหม่ประจำสิงคโปร์แถลงว่า ยุโรปไม่ต้องการให้ชาติเอเชียต้องเลือกระหว่างสหรัฐฯ และจีน ท่ามกลางกระแสการแข่งขันโลกเชี่ยวกราก ปูทางประธานาธิบดี เอ็มมานุเอล มาครง ขึ้นเวทีการประชุมแชงกรีลาไดอะล็อกฟอรัม พฤษภาคมนี้ ขณะที่สิงคโปร์เปิดอกรับเอเชียมองวอชิงตันทำตัวเหมือนเจ้าของที่กำลังเรียกเก็บค่าเช่า . รอยเตอร์รายงานวันอังคาร (18 ก.พ.) ว่า เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสคนใหม่ประจำสิงคโปร์ สตีเฟน มาร์กีซีโอ (Stephen Marchisio) เริ่มทำหน้าที่ตั้งแต่วันอังคาร (18) เปิดใจว่า ฝรั่งเศสเห็นแรงกดดันเพิ่มขึ้น “บางทีมาจากฝั่งสหรัฐฯ” ที่พันธมิตรในเอเชียจำเป็นต้องตัดสินใจเลือกข้าง” . เขาย้ำว่า “มันมีความสำคัญที่ต้องกล่าวว่าพวกเราสามารถพูดคุยได้กับทุกคน” และเสริมว่า “พวกเราไม่ต้องการให้ใครต้องเลือก” . ทูตแดนน้ำหอมคนใหม่ของประธานาธิบดีเอ็มมานุเอล มาครงให้สัมภาษณ์กับนักข่าวระหว่างอาหารค่ำในสิงคโปร์ที่ซึ่งมาครงจะเดินทางมาที่นี่เพื่อขึ้นกล่าวในการประชุมความมั่นคงแชงกรีลาฟอรัมในวันที่ 30 พ.ค.ที่จะถึง . มาร์กีซีโอกล่าวว่า ประธานาธิบดีมาครงจะขึ้นกล่าวยืนยันบนเวทีว่า ทุกชาติภายในภูมิภาคสามารถปกป้องผลประโยชน์ของชาติตัวเองได้ . “พวกคุณสามารถทำได้ถึงแม้ว่าคุณจะไม่เห็นด้วยกับรูปแบบทางการเมืองของจีน และคุณสามารถทำได้ถึงแม้คุณจะไม่ต้องการฐานทัพจากสหรัฐฯ ในดินแดนของพวกคุณก็ตาม” . สถานทูตสหรัฐฯ ในสิงคโปร์ได้ตอบคำถามรอยเตอร์ไปยังแถลงการณ์ของกลุ่ม G-7 ที่ลงนามในมิวนิกโดยฝรั่งเศสและสหรัฐฯ ที่กล่าวว่า สมาชิกทุกชาติมีพันธต่อภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกที่เสรี เปิดกว้าง และมั่นคง . ตามแถลงการณ์ทูตฝรั่งเศสชี้ว่า ยุโรปต้องสามัคคี . มาร์กีซีโอยังชี้ว่า ยุโรปต้องมีความสามัคคีที่รวมไปถึงการสั่งซื้ออาวุธอเมริกัน ที่ชี้ว่าเป็นการตอบโต้คำแถลงจากรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ดีเจ แวนซ์ ในมิวนิกเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา . ทูตแดนน้ำหอมกล่าวว่า มีบางประเทศมองความเกี่ยวข้องในการซื้ออาวุธเป็นหนทางที่จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลทรัมป์สมัยแรก แต่ทว่ามุมมองนี้เปลี่ยนไปแล้วโดยเฉพาะหลังจากที่รองประธานาธิบดีแวนซ์ของสหรัฐฯ ได้ส่งสัญญาณผ่านำแถลงที่เผ็ดร้อนในการประชุมมิวนิกฟอรัมในยุโรป . “เกิดอะไรขึ้นในมิวนิก? เขาพยายามโจมตีแก่นกลางของประชาธิปไตย” และเสริมต่อว่า “ดังนั้นมันจึงทำให้เกิดไปสู่คำถามอื่นต่อ” . ดังนั้นเวลานี้ประเทศในยุโรปอาจจะไม่ซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อเมริกัน และเสริมต่อว่าเป็นเพราะไม่มีหลักประกันในการทำเช่นนั้นจะช่วยผ่อนคลายความกดดันของสหรัฐฯ ลงหรือวาทะโจมตีแสดงความเป็นปรปักษ์ . “พวกเราไม่ต้องการที่จะกล่าวว่า ..แต่พวกเราจะตอบโต้หากว่าพวกเราต้องทำ” โดยอ้างไปถึงภาษีและแรงกดดันอื่นๆ ของสหรัฐฯ . มาร์กีซีโอรายงานว่า สถานการณ์ที่ดีที่สุดของฝรั่งเศสคือการไม่ต้องการตอบโต้เอาคืนจากการที่ทั้งสหรัฐอเมริกาและชาติยุโรปต่างมีผลประโยชน์ร่วมกันมากมายรวมไปถึงอุตสาหกรรม . การแสดงความเห็นของทูตฝรั่งเศสคนใหม่สะท้อนความเห็นรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์ อึ้ง เอ็ง เฮง (Ng Eng Hen) ที่แถลงในการประชุมความมั่นคงยุโรปว่า “ภาพของอเมริกาที่มีต่อเอเชียได้เปลี่ยนไป” . “ภาพลักษณ์เปลี่ยนไปจากผู้ปลดปล่อยไปสู่ผู้สร้างความปั่นป่วนไปสู่เจ้าของที่ต้องการเรียกเก็บค่าเช่า” . บลูมเบิร์กรายงานวันจันทร์ (17) ว่า อึ้ง เอ็ง เฮง แถลงในการประชุมนอกรอบที่การประชุมความมั่นคงมิวนิกว่า แนวคิดที่เกิดขึ้นมาเป็นเวลาหลายปีหลังสิ้นสุดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้เปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง . ทั้งนี้ เว็บไซต์รัฐบาลสิงคโปร์ได้โพสต์เมื่อสุดสัปดาห์ในคำแถลงของรัฐมนตรีกลาโหมสิงคโปร์กล่าววิจารณ์สหรัฐฯ ในการประชุมมิวนิก . คำแถลงเกิดขึ้นหลังรัฐบาลสหรัฐฯ ชุดใหม่สมัยทรัมป์มืดมัวตาบอดไม่สนใจต่อประวัติศาสตร์ที่เป็นมาของพันธมิตรนาโตเปิดฉากแผนการหารือตรงกับประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูตินต่ออนาคตของสงครามเครมลินในยูเครน . บลูมเบิร์กวิเคราะห์ว่า สิงคโปร์เป็นเหมือนเช่นชาติส่วนใหญ่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ต้องการแสวงหาทางสายกลางในการเพิ่มขึ้นของภาพที่ซับซ้อนทางการเมืองเชิงภูมิศาสตร์ เพื่อเสาะหาความสัมพันธ์ที่สมดุลกับสหรัฐอเมริกาในฐานะหุ้นส่วนความมั่นคงหลักและต่อจีนในฐานะแหล่งของการพัฒนาและหนึ่งในพันธมิตรทางการค้าที่ใหญ่ที่สุดของตัวเอง . ทั้งนี้สหรัฐฯ ในสมัยอดีตรัฐบาลประธานาธิบดี โจ ไบเดน อเมริกาได้ทำงานเพื่อสร้างข้อผูกพันทางความมั่นคงภายในภูมิภาคต่อต้านการรุกคืบจากจีนในทะเลจีนใต้ และเป็นความวิตกทางความมั่นคงที่ยังคงเกิดขึ้นจากความมุ่งมั่นของปักกิ่งในการนำไต้หวันกลับสู่อ้อมอกอีกครั้งในอนาคตไม่ว่าจะเป็นการใช้กำลังหรือไม่ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016775 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    14
    0 Comments 0 Shares 2650 Views 0 Reviews
  • พวกผู้นำยุโรปที่ร่วมประชุมฉุกเฉินในกรุงปารีส มองต่างมุมเกี่ยวกับการหาวิธีรับมือการกลับลำนโยบายต่อยูเครนของทรัมป์ ฝรั่งเศสและอังกฤษพยายามผลักดันการรับประกันความมั่นคงของเคียฟ โดยที่ผู้นำลอนดอนยอมรับต้องรออเมริกาออกหน้าก่อน แต่เยอรมนีค้านข้อเสนอส่งทหารไปรักษาสันติภาพในยูเครน
    .
    ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เป็นเจ้าภาพจัดประชุมฉุกเฉินที่ปารีสในวันจันทร์ ขณะที่ยุโรปกังวลว่า ตนเองจะถูกตัดออกจากการเจรจาสันติภาพในยูเครน ซึ่งแม้แต่เคียฟก็ยังถูกเทเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งคณะผู้แทนระดับสูงไปประชุมกับคณะเจ้าหน้าที่รัสเซียที่ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีกำหนดเริ่มต้นในวันอังคาร (18 ก.พ.) โดยที่ทั้งเคียฟและยุโรปไม่ได้รับเชิญ
    .
    บรรดาผู้นำยุโรปถกเถียงกันในปารีสเกี่ยวกับการเพิ่มงบประมาณกลาโหมเพื่อลดการพึ่งพิงอเมริกา การรับประกันความมั่นคงของยูเครน ตลอดจนการจัดส่งทหารไปรักษาสันติภาพในยูเครนหากมีทำข้อตกลงหยุดยิงกับรัสเซีย
    .
    มาครงเผยเมื่อเช้าวันอังคาร (18 ก.พ.) ว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับทรัมป์ และประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี และได้เรียกร้องการรับประกันความมั่นคงที่เข้มแข็งและเชื่อถือได้สำหรับยูเครน เพื่อให้ข้อตกลงสันติภาพไม่จบแบบเดียวกับข้อตกลงมินสก์ในปี 2014 และ 2015 ที่ไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งในดินแดนด้านตะวันออกของยูเครนได้
    .
    ผู้นำฝรั่งเศสบอกว่า การกลับสู่ทำเนียบขาวของทรัมป์เทียบได้กับการช็อตด้วยไฟฟ้า แต่เตือนว่าข้อตกลงสันติภาพไม่ควรจบลงที่การยอมจำนน
    .
    ด้านเซเลนสกีประกาศว่า ยูเครนจะไม่ยอมรับข้อตกลงสันติภาพใดๆ ที่มีการหารือลับหลังโดยที่เคียฟไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
    .
    สำหรับนายกรัฐมนตรีดิค ชูฟ ของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเข้าร่วมประชุมที่ปารีสด้วย โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า ทุกประเทศรับรู้ถึงความจำเป็นเร่งด่วน และในช่วงเวลาที่สำคัญต่อความมั่นคงของยุโรปขณะนี้ ยุโรปต้องสนับสนุนยูเครนต่อไปด้วยการเป็นแกนนำในการรับประกันข้อตกลงใดๆ ก่อนสำทับว่า การร่วมมือกับอเมริกามีความสำคัญเช่นเดียวกัน
    .
    กระนั้น ยังไม่ชัดเจนว่ายุโรปจะโน้มน้าววอชิงตันอย่างไร หลังจากที่ทรัมป์ทำยูเครนและพันธมิตรยุโรปอึ้งไปตามๆ กันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยการโทรศัพท์คุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่ถูกตะวันตกโดดเดี่ยวมาหลายปี โดยไม่ปรึกษาใครในยุโรปเลย
    .
    นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษที่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาประกาศว่า พร้อมส่งทหารอังกฤษไปยูเครนถ้าจำเป็น ล่าสุดกลับแบะท่าว่า อเมริกาต้องรับประกันความปลอดภัยก่อน ยุโรปจึงจะสามารถส่งกองกำลังไปยูเครนได้
    .
    ทว่า ภายหลังการหารือ นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ของเยอรมนี ตั้งข้อสังเกตว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะถกเถียงกันเกี่ยวกับการส่งกองกำลังสันติภาพไปยูเครน เนื่องจากยังคงมีการสู้รบกันอยู่
    .
    สำหรับนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทุสค์ของโปแลนด์ กล่าวว่า ทุกคนในที่ประชุมรับรู้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างยุโรปและอเมริกาได้ก้าวเข้าสู่เฟสใหม่ ขณะที่ตัวเขาเองพูดไว้ตั้งแต่ก่อนเข้าประชุมว่า โปแลนด์จะไม่ส่งทหารเข้าไปในดินแดนยูเครน โดย "โปแลนด์จะสนับสนุนยูเครนแบบเดียวกับที่ทำมาจนถึงตอนนี้ โปแลนด์ให้การสนับสนุนยูเครนอย่างเป็นระบบและสอดคล้องกับศักยภาพทางการเงินของเรา ทั้งในแง่ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและด้านการทหาร" เขากล่าว
    .
    อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่เป็นองค์กรบริหารของอียู ระบุว่า ยูเครนสมควรมีสันติภาพด้วยสถานะที่เข้มแข็ง รวมทั้งได้รับการรับประกันความมั่นคง นอกจากนั้น ความเป็นเอกราช อธิปไตย และบูรณาภาพแห่งดินแดนของยูเครนควรได้รับการเคารพ
    .
    มาร์ค รึตเตอ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ประกาศว่า ยุโรปมีความมุ่งมั่นชัดเจนในการสนับสนุนยูเครน
    .
    นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก เมตเทอ เฟรเดริกเซิน กล่าวว่า เดนมาร์กเปิดกว้างในประเด็นการส่งทหารไปยูเครน แต่เตือนว่า คำถามสำคัญคืออเมริกาจะสนับสนุนเรื่องนี้หรือไม่ พร้อมสำทับว่า รัสเซียกำลังคุกคามยุโรปทั้งหมด และเตือนวอชิงตันว่า การเร่งรัดข้อตกลงหยุดยิงจะเปิดโอกาสให้มอสโกระดมพลอีกครั้งเพื่อกลับไปโจมตียูเครนหรือประเทศอื่นในยุโรป
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016364
    ..............
    Sondhi X
    พวกผู้นำยุโรปที่ร่วมประชุมฉุกเฉินในกรุงปารีส มองต่างมุมเกี่ยวกับการหาวิธีรับมือการกลับลำนโยบายต่อยูเครนของทรัมป์ ฝรั่งเศสและอังกฤษพยายามผลักดันการรับประกันความมั่นคงของเคียฟ โดยที่ผู้นำลอนดอนยอมรับต้องรออเมริกาออกหน้าก่อน แต่เยอรมนีค้านข้อเสนอส่งทหารไปรักษาสันติภาพในยูเครน . ประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครง ของฝรั่งเศส เป็นเจ้าภาพจัดประชุมฉุกเฉินที่ปารีสในวันจันทร์ ขณะที่ยุโรปกังวลว่า ตนเองจะถูกตัดออกจากการเจรจาสันติภาพในยูเครน ซึ่งแม้แต่เคียฟก็ยังถูกเทเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ส่งคณะผู้แทนระดับสูงไปประชุมกับคณะเจ้าหน้าที่รัสเซียที่ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งมีกำหนดเริ่มต้นในวันอังคาร (18 ก.พ.) โดยที่ทั้งเคียฟและยุโรปไม่ได้รับเชิญ . บรรดาผู้นำยุโรปถกเถียงกันในปารีสเกี่ยวกับการเพิ่มงบประมาณกลาโหมเพื่อลดการพึ่งพิงอเมริกา การรับประกันความมั่นคงของยูเครน ตลอดจนการจัดส่งทหารไปรักษาสันติภาพในยูเครนหากมีทำข้อตกลงหยุดยิงกับรัสเซีย . มาครงเผยเมื่อเช้าวันอังคาร (18 ก.พ.) ว่า ได้หารือทางโทรศัพท์กับทรัมป์ และประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี และได้เรียกร้องการรับประกันความมั่นคงที่เข้มแข็งและเชื่อถือได้สำหรับยูเครน เพื่อให้ข้อตกลงสันติภาพไม่จบแบบเดียวกับข้อตกลงมินสก์ในปี 2014 และ 2015 ที่ไม่สามารถแก้ไขความขัดแย้งในดินแดนด้านตะวันออกของยูเครนได้ . ผู้นำฝรั่งเศสบอกว่า การกลับสู่ทำเนียบขาวของทรัมป์เทียบได้กับการช็อตด้วยไฟฟ้า แต่เตือนว่าข้อตกลงสันติภาพไม่ควรจบลงที่การยอมจำนน . ด้านเซเลนสกีประกาศว่า ยูเครนจะไม่ยอมรับข้อตกลงสันติภาพใดๆ ที่มีการหารือลับหลังโดยที่เคียฟไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง . สำหรับนายกรัฐมนตรีดิค ชูฟ ของเนเธอร์แลนด์ ซึ่งเข้าร่วมประชุมที่ปารีสด้วย โพสต์บนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ว่า ทุกประเทศรับรู้ถึงความจำเป็นเร่งด่วน และในช่วงเวลาที่สำคัญต่อความมั่นคงของยุโรปขณะนี้ ยุโรปต้องสนับสนุนยูเครนต่อไปด้วยการเป็นแกนนำในการรับประกันข้อตกลงใดๆ ก่อนสำทับว่า การร่วมมือกับอเมริกามีความสำคัญเช่นเดียวกัน . กระนั้น ยังไม่ชัดเจนว่ายุโรปจะโน้มน้าววอชิงตันอย่างไร หลังจากที่ทรัมป์ทำยูเครนและพันธมิตรยุโรปอึ้งไปตามๆ กันเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยการโทรศัพท์คุยกับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่ถูกตะวันตกโดดเดี่ยวมาหลายปี โดยไม่ปรึกษาใครในยุโรปเลย . นายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษที่เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาประกาศว่า พร้อมส่งทหารอังกฤษไปยูเครนถ้าจำเป็น ล่าสุดกลับแบะท่าว่า อเมริกาต้องรับประกันความปลอดภัยก่อน ยุโรปจึงจะสามารถส่งกองกำลังไปยูเครนได้ . ทว่า ภายหลังการหารือ นายกรัฐมนตรีโอลาฟ ชอลซ์ของเยอรมนี ตั้งข้อสังเกตว่า ขณะนี้ยังไม่ถึงเวลาที่จะถกเถียงกันเกี่ยวกับการส่งกองกำลังสันติภาพไปยูเครน เนื่องจากยังคงมีการสู้รบกันอยู่ . สำหรับนายกรัฐมนตรีโดนัลด์ ทุสค์ของโปแลนด์ กล่าวว่า ทุกคนในที่ประชุมรับรู้ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างยุโรปและอเมริกาได้ก้าวเข้าสู่เฟสใหม่ ขณะที่ตัวเขาเองพูดไว้ตั้งแต่ก่อนเข้าประชุมว่า โปแลนด์จะไม่ส่งทหารเข้าไปในดินแดนยูเครน โดย "โปแลนด์จะสนับสนุนยูเครนแบบเดียวกับที่ทำมาจนถึงตอนนี้ โปแลนด์ให้การสนับสนุนยูเครนอย่างเป็นระบบและสอดคล้องกับศักยภาพทางการเงินของเรา ทั้งในแง่ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและด้านการทหาร" เขากล่าว . อัวร์ซูลา ฟอน แดร์ ไลเอิน ประธานของคณะกรรมาธิการยุโรป ที่เป็นองค์กรบริหารของอียู ระบุว่า ยูเครนสมควรมีสันติภาพด้วยสถานะที่เข้มแข็ง รวมทั้งได้รับการรับประกันความมั่นคง นอกจากนั้น ความเป็นเอกราช อธิปไตย และบูรณาภาพแห่งดินแดนของยูเครนควรได้รับการเคารพ . มาร์ค รึตเตอ เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ (นาโต) ประกาศว่า ยุโรปมีความมุ่งมั่นชัดเจนในการสนับสนุนยูเครน . นายกรัฐมนตรีเดนมาร์ก เมตเทอ เฟรเดริกเซิน กล่าวว่า เดนมาร์กเปิดกว้างในประเด็นการส่งทหารไปยูเครน แต่เตือนว่า คำถามสำคัญคืออเมริกาจะสนับสนุนเรื่องนี้หรือไม่ พร้อมสำทับว่า รัสเซียกำลังคุกคามยุโรปทั้งหมด และเตือนวอชิงตันว่า การเร่งรัดข้อตกลงหยุดยิงจะเปิดโอกาสให้มอสโกระดมพลอีกครั้งเพื่อกลับไปโจมตียูเครนหรือประเทศอื่นในยุโรป . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000016364 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    7
    0 Comments 0 Shares 2567 Views 0 Reviews
More Results