• คุณไม่ได้หมดไฟ… คุณกำลัง “ขาดความหมายในชีวิต” อยู่ต่างหาก

    บทความของ Neil Thanedar เปิดด้วยแนวคิดจาก Viktor Frankl และ Nietzsche ว่า “ความหมาย” คือเชื้อเพลิงที่แท้จริงของมนุษย์ ไม่ใช่ความสะดวกสบายหรือความสำเร็จภายนอก เขาอธิบายว่าคนจำนวนมากในยุคนี้ไม่ได้หมดไฟเพราะทำงานหนักเกินไป แต่เพราะทำงานที่ “ไม่สำคัญพอ” ต่อหัวใจของตัวเอง แม้จะมีบ้านดี ๆ รายได้ดี และชีวิตที่ดูสมบูรณ์แบบ แต่กลับรู้สึกว่างเปล่า เหมือนกำลังใช้ชีวิตของคนอื่นแทนชีวิตของตัวเอง

    Thanedar ชี้ว่าความรู้สึก “ติดอยู่ในความธรรมดา” เกิดจากการที่เราเลิกฟังเสียงในใจตั้งแต่วัยเด็ก—เสียงที่เคยบอกว่าเราอยากเป็นอะไร อยากสร้างอะไร อยากเปลี่ยนโลกแบบไหน แต่เมื่อโตขึ้น เราถูกสังคม ความกลัว และความคาดหวังทำให้เสียงนั้นเงียบลง เขาเล่าว่าตัวเองเคยอยากเป็นประธานาธิบดี นักบินอวกาศ และผู้รักษาประตูฮอกกี้ ก่อนจะถูกล้อจนเลิกฝันไปหลายปี

    เมื่อเขากลับมาฟังเสียงนั้นอีกครั้ง เขาพบว่าความหมายสูงสุดของเขาคือ “ช่วยคนอื่นค้นหาความหมายของตัวเอง” และ “เป็นตัวอย่างของการไล่ตามความยิ่งใหญ่” นั่นทำให้เขาเปลี่ยนเส้นทางจากธุรกิจห้องแล็บสู่การทำงานด้านการเมืองและการสร้างโครงการ Positive Politics ที่เขาเชื่อว่าจะสร้างผลกระทบระดับระบบได้จริง

    ท้ายที่สุด เขาย้ำว่าทั้งวัฒนธรรม “ทำงานหนัก 100 ชั่วโมง” และวัฒนธรรม “ทำงานให้น้อยที่สุด” ต่างก็พลาดประเด็นสำคัญ เพราะคำตอบไม่ได้อยู่ที่จำนวนชั่วโมงทำงาน แต่อยู่ที่ว่า “งานนั้นมีความหมายกับคุณแค่ไหน” ถ้าคุณทำงานที่ใช่ คุณจะรู้สึกหิว—หิวที่จะสร้าง หิวที่จะเติบโต หิวที่จะทำสิ่งสำคัญ ไม่ใช่หมดไฟ แต่เป็นการกลับมามีชีวิตอีกครั้ง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    คุณไม่ได้หมดไฟ แต่กำลังขาดความหมาย
    ความเหนื่อยล้าหลายอย่างคือ “existential vacuum” ตามแนวคิดของ Viktor Frankl
    ชีวิตที่สะดวกสบายแต่ไร้ความหมายทำให้รู้สึกติดอยู่ในความธรรมดา

    เสียงในใจวัยเด็กคือเบาะแสของความหมาย
    ความฝันวัยเด็กสะท้อนตัวตนที่แท้จริง
    สังคมและความกลัวทำให้เสียงนี้เงียบลงเมื่อโตขึ้น

    ความหมายสูงสุดคือการไล่ตามศักยภาพของตัวเอง
    Thanedar เปลี่ยนเส้นทางจากธุรกิจสู่การเมืองเพื่อทำงานที่มีผลกระทบมากกว่า
    เขาเชื่อว่าความหมายคือการสร้าง “meta solutions” ที่สร้างผลลัพธ์ต่อเนื่อง

    สิ่งที่ต้องระวัง
    การไล่ตามความสะดวกสบายมากเกินไปทำให้สับสนระหว่าง “สบาย” กับ “เติมเต็ม”
    การทำงานที่ไม่สำคัญต่อหัวใจจะทำให้รู้สึกหมดไฟแม้จะไม่เหนื่อย
    การไม่ฟังเสียงในใจนานเกินไปทำให้หลงทางในเส้นทางอาชีพและชีวิต

    https://neilthanedar.com/youre-not-burnt-out-youre-existentially-starving/
    🌟 คุณไม่ได้หมดไฟ… คุณกำลัง “ขาดความหมายในชีวิต” อยู่ต่างหาก บทความของ Neil Thanedar เปิดด้วยแนวคิดจาก Viktor Frankl และ Nietzsche ว่า “ความหมาย” คือเชื้อเพลิงที่แท้จริงของมนุษย์ ไม่ใช่ความสะดวกสบายหรือความสำเร็จภายนอก เขาอธิบายว่าคนจำนวนมากในยุคนี้ไม่ได้หมดไฟเพราะทำงานหนักเกินไป แต่เพราะทำงานที่ “ไม่สำคัญพอ” ต่อหัวใจของตัวเอง แม้จะมีบ้านดี ๆ รายได้ดี และชีวิตที่ดูสมบูรณ์แบบ แต่กลับรู้สึกว่างเปล่า เหมือนกำลังใช้ชีวิตของคนอื่นแทนชีวิตของตัวเอง Thanedar ชี้ว่าความรู้สึก “ติดอยู่ในความธรรมดา” เกิดจากการที่เราเลิกฟังเสียงในใจตั้งแต่วัยเด็ก—เสียงที่เคยบอกว่าเราอยากเป็นอะไร อยากสร้างอะไร อยากเปลี่ยนโลกแบบไหน แต่เมื่อโตขึ้น เราถูกสังคม ความกลัว และความคาดหวังทำให้เสียงนั้นเงียบลง เขาเล่าว่าตัวเองเคยอยากเป็นประธานาธิบดี นักบินอวกาศ และผู้รักษาประตูฮอกกี้ ก่อนจะถูกล้อจนเลิกฝันไปหลายปี เมื่อเขากลับมาฟังเสียงนั้นอีกครั้ง เขาพบว่าความหมายสูงสุดของเขาคือ “ช่วยคนอื่นค้นหาความหมายของตัวเอง” และ “เป็นตัวอย่างของการไล่ตามความยิ่งใหญ่” นั่นทำให้เขาเปลี่ยนเส้นทางจากธุรกิจห้องแล็บสู่การทำงานด้านการเมืองและการสร้างโครงการ Positive Politics ที่เขาเชื่อว่าจะสร้างผลกระทบระดับระบบได้จริง ท้ายที่สุด เขาย้ำว่าทั้งวัฒนธรรม “ทำงานหนัก 100 ชั่วโมง” และวัฒนธรรม “ทำงานให้น้อยที่สุด” ต่างก็พลาดประเด็นสำคัญ เพราะคำตอบไม่ได้อยู่ที่จำนวนชั่วโมงทำงาน แต่อยู่ที่ว่า “งานนั้นมีความหมายกับคุณแค่ไหน” ถ้าคุณทำงานที่ใช่ คุณจะรู้สึกหิว—หิวที่จะสร้าง หิวที่จะเติบโต หิวที่จะทำสิ่งสำคัญ ไม่ใช่หมดไฟ แต่เป็นการกลับมามีชีวิตอีกครั้ง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ คุณไม่ได้หมดไฟ แต่กำลังขาดความหมาย ➡️ ความเหนื่อยล้าหลายอย่างคือ “existential vacuum” ตามแนวคิดของ Viktor Frankl ➡️ ชีวิตที่สะดวกสบายแต่ไร้ความหมายทำให้รู้สึกติดอยู่ในความธรรมดา ✅ เสียงในใจวัยเด็กคือเบาะแสของความหมาย ➡️ ความฝันวัยเด็กสะท้อนตัวตนที่แท้จริง ➡️ สังคมและความกลัวทำให้เสียงนี้เงียบลงเมื่อโตขึ้น ✅ ความหมายสูงสุดคือการไล่ตามศักยภาพของตัวเอง ➡️ Thanedar เปลี่ยนเส้นทางจากธุรกิจสู่การเมืองเพื่อทำงานที่มีผลกระทบมากกว่า ➡️ เขาเชื่อว่าความหมายคือการสร้าง “meta solutions” ที่สร้างผลลัพธ์ต่อเนื่อง ‼️ สิ่งที่ต้องระวัง ⛔ การไล่ตามความสะดวกสบายมากเกินไปทำให้สับสนระหว่าง “สบาย” กับ “เติมเต็ม” ⛔ การทำงานที่ไม่สำคัญต่อหัวใจจะทำให้รู้สึกหมดไฟแม้จะไม่เหนื่อย ⛔ การไม่ฟังเสียงในใจนานเกินไปทำให้หลงทางในเส้นทางอาชีพและชีวิต https://neilthanedar.com/youre-not-burnt-out-youre-existentially-starving/
    NEILTHANEDAR.COM
    You're Not Burnt Out. You're Existentially Starving. - Neil Thanedar
    “Those who have a ‘Why’ to live, can bear with almost any ‘How’.” ― Viktor Frankl quoting Friedrich Nietzsche, Man’s Search for Meaning Let me guess: Viktor Frankl calls this feeling the “existential vacuum” in his famous book Man’s Search for Meaning. Frankl was a psychologist who survived the Holocaust, and in this book heContinue reading
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าคุณไม่ออกแบบเส้นทางอาชีพของตัวเอง… คนอื่นจะเป็นคนกำหนดให้คุณแทน

    หลายคนใช้ชีวิตอยู่ในโหมด “ทำงานไปวัน ๆ” จนลืมตั้งคำถามสำคัญว่าเส้นทางอาชีพที่กำลังเดินอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ตัวเองเลือกจริงหรือไม่ บทความของ Greg McKeown ชี้ให้เห็นกับดักนี้อย่างเฉียบคม พร้อมเสนอวิธีคิดแบบ Essentialism ที่ช่วยให้เรากลับมาควบคุมทิศทางชีวิตการทำงานของตัวเองอีกครั้ง เขาเล่าว่าคนจำนวนมากยุ่งจนไม่มีเวลาคิดเรื่องชีวิต และยิ่งยุ่งก็ยิ่งปล่อยให้แรงภายนอกเป็นตัวกำหนดอนาคตแทนตัวเราเอง

    Greg เสนอให้ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเพื่อทบทวนปีที่ผ่านมาอย่างเป็นระบบ ไล่ดูว่าเราใช้เวลาไปกับอะไรบ้าง และสิ่งเหล่านั้นสะท้อนแนวโน้มแบบไหน ถ้าปล่อยให้แนวโน้มนี้ดำเนินต่อไปอีก 1–3 ปี ชีวิตเราจะไปทางไหน นี่คือการ “อ่านข่าวของชีวิตตัวเอง” เพื่อมองเห็นความจริงที่มักถูกกลบด้วยความวุ่นวายในแต่ละวัน

    จากนั้นเขาชวนให้เรากลับไปถามคำถามที่ลึกที่สุด: ถ้าเลือกได้ “ทำอะไรก็ได้” ในอาชีพการงาน เราอยากทำอะไรจริง ๆ โดยไม่ให้เสียงวิจารณ์หรือข้อจำกัดทางรายได้มาปิดกั้นตั้งแต่ต้น เพราะหลายครั้งสิ่งที่เราคิดว่า “ไม่จริง” อาจเป็นเพียงความกลัวหรือความเชื่อเก่าที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงในปัจจุบัน การเปิดพื้นที่ให้ตัวเองฝันอย่างอิสระจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่หลายคนมองข้าม

    สุดท้าย Greg แนะนำให้เลือก “หนึ่งเป้าหมายหลัก” สำหรับปีถัดไป แล้วตัดสิ่งอื่นออกให้มากที่สุด พร้อมกำหนด quick wins ภายในเดือนแรกเพื่อสร้างแรงส่ง เขาย้ำว่าการตัดสินใจครั้งนี้เคยเปลี่ยนชีวิตเขาเอง—จากนักศึกษากฎหมายในอังกฤษ สู่การย้ายประเทศและกลายเป็นนักเขียน–ผู้สอนที่มีผลงานระดับโลก และทั้งหมดเริ่มต้นจากการใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงคิดเรื่องชีวิตอย่างจริงจัง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    เริ่มจากการทบทวนปีที่ผ่านมา
    ไล่ดูเดือนต่อเดือนว่าใช้เวลาไปกับอะไร
    มองหาแนวโน้มและถามว่าถ้าปล่อยไว้จะเกิดอะไรขึ้น

    ตั้งคำถามใหญ่กับตัวเอง
    “ถ้าทำอะไรก็ได้ในอาชีพ เราอยากทำอะไรจริง ๆ?”
    เปิดพื้นที่ให้ความคิดสร้างสรรค์โดยไม่ตัดสินตัวเองก่อนเวลา

    โฟกัสเพียงหนึ่งเป้าหมายหลัก
    เขียน 6 เป้าหมาย แล้วตัดออก 5 ข้อ
    เลือก “True North” ของปีนั้นเพียงหนึ่งเดียว

    สิ่งที่ต้องระวัง
    การยุ่งจนไม่มีเวลาคิดเรื่องชีวิตคือกับดักอันตราย
    การตัดสินความฝันว่า “ไม่จริง” เร็วเกินไปทำให้พลาดโอกาส
    งานดี ๆ หลายอย่างอาจเบี่ยงเราออกจากเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า

    https://gregmckeown.com/if-you-dont-design-your-career-someone-else-will/
    🧭 ถ้าคุณไม่ออกแบบเส้นทางอาชีพของตัวเอง… คนอื่นจะเป็นคนกำหนดให้คุณแทน หลายคนใช้ชีวิตอยู่ในโหมด “ทำงานไปวัน ๆ” จนลืมตั้งคำถามสำคัญว่าเส้นทางอาชีพที่กำลังเดินอยู่นั้นเป็นสิ่งที่ตัวเองเลือกจริงหรือไม่ บทความของ Greg McKeown ชี้ให้เห็นกับดักนี้อย่างเฉียบคม พร้อมเสนอวิธีคิดแบบ Essentialism ที่ช่วยให้เรากลับมาควบคุมทิศทางชีวิตการทำงานของตัวเองอีกครั้ง เขาเล่าว่าคนจำนวนมากยุ่งจนไม่มีเวลาคิดเรื่องชีวิต และยิ่งยุ่งก็ยิ่งปล่อยให้แรงภายนอกเป็นตัวกำหนดอนาคตแทนตัวเราเอง Greg เสนอให้ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงเพื่อทบทวนปีที่ผ่านมาอย่างเป็นระบบ ไล่ดูว่าเราใช้เวลาไปกับอะไรบ้าง และสิ่งเหล่านั้นสะท้อนแนวโน้มแบบไหน ถ้าปล่อยให้แนวโน้มนี้ดำเนินต่อไปอีก 1–3 ปี ชีวิตเราจะไปทางไหน นี่คือการ “อ่านข่าวของชีวิตตัวเอง” เพื่อมองเห็นความจริงที่มักถูกกลบด้วยความวุ่นวายในแต่ละวัน จากนั้นเขาชวนให้เรากลับไปถามคำถามที่ลึกที่สุด: ถ้าเลือกได้ “ทำอะไรก็ได้” ในอาชีพการงาน เราอยากทำอะไรจริง ๆ โดยไม่ให้เสียงวิจารณ์หรือข้อจำกัดทางรายได้มาปิดกั้นตั้งแต่ต้น เพราะหลายครั้งสิ่งที่เราคิดว่า “ไม่จริง” อาจเป็นเพียงความกลัวหรือความเชื่อเก่าที่ไม่สอดคล้องกับความเป็นจริงในปัจจุบัน การเปิดพื้นที่ให้ตัวเองฝันอย่างอิสระจึงเป็นขั้นตอนสำคัญที่หลายคนมองข้าม สุดท้าย Greg แนะนำให้เลือก “หนึ่งเป้าหมายหลัก” สำหรับปีถัดไป แล้วตัดสิ่งอื่นออกให้มากที่สุด พร้อมกำหนด quick wins ภายในเดือนแรกเพื่อสร้างแรงส่ง เขาย้ำว่าการตัดสินใจครั้งนี้เคยเปลี่ยนชีวิตเขาเอง—จากนักศึกษากฎหมายในอังกฤษ สู่การย้ายประเทศและกลายเป็นนักเขียน–ผู้สอนที่มีผลงานระดับโลก และทั้งหมดเริ่มต้นจากการใช้เวลาเพียงสองชั่วโมงคิดเรื่องชีวิตอย่างจริงจัง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ เริ่มจากการทบทวนปีที่ผ่านมา ➡️ ไล่ดูเดือนต่อเดือนว่าใช้เวลาไปกับอะไร ➡️ มองหาแนวโน้มและถามว่าถ้าปล่อยไว้จะเกิดอะไรขึ้น ✅ ตั้งคำถามใหญ่กับตัวเอง ➡️ “ถ้าทำอะไรก็ได้ในอาชีพ เราอยากทำอะไรจริง ๆ?” ➡️ เปิดพื้นที่ให้ความคิดสร้างสรรค์โดยไม่ตัดสินตัวเองก่อนเวลา ✅ โฟกัสเพียงหนึ่งเป้าหมายหลัก ➡️ เขียน 6 เป้าหมาย แล้วตัดออก 5 ข้อ ➡️ เลือก “True North” ของปีนั้นเพียงหนึ่งเดียว ‼️ สิ่งที่ต้องระวัง ⛔ การยุ่งจนไม่มีเวลาคิดเรื่องชีวิตคือกับดักอันตราย ⛔ การตัดสินความฝันว่า “ไม่จริง” เร็วเกินไปทำให้พลาดโอกาส ⛔ งานดี ๆ หลายอย่างอาจเบี่ยงเราออกจากเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่า https://gregmckeown.com/if-you-dont-design-your-career-someone-else-will/
    GREGMCKEOWN.COM
    If You Don't Design Your Career, Someone Else Will - Greg McKeown
    A client once responded to one of my questions by saying, "Oh Greg, I am too busy living to think about life!” His off-the-cuff comment named a trap al ...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • Logging Sucks: ทำไม Log ของคุณถึง “โกหก” — และวิธีแก้ด้วย Wide Events

    บทความนี้ของ Boris Tane เป็นการ “เขย่าวงการ Observability” แบบตรงไปตรงมา เขาชี้ให้เห็นว่าระบบ Logging แบบดั้งเดิมที่องค์กรส่วนใหญ่ใช้อยู่ในปี 2025 นั้นล้าสมัยเกินไปสำหรับระบบ distributed ที่ซับซ้อนในยุค microservices และ cloud-native ความจริงคือ log ส่วนใหญ่ “ไม่ได้โกหกโดยตั้งใจ” แต่เพราะมันถูกออกแบบมาสำหรับยุคที่ระบบมีเพียงเซิร์ฟเวอร์เดียวและ request flow ง่ายกว่ามาก

    ปัญหาหลักคือ log แบบเก่าเน้น “เขียนง่าย” มากกว่า “ค้นหาได้จริง” ทำให้เมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญ เช่น checkout ล้มเหลว หรือ latency พุ่งขึ้นตอนตีสาม ทีม DevOps ต้อง grep หานรกแตกเป็นหมื่นบรรทัดโดยไม่เจอ context ที่ต้องการ เพราะ log กระจัดกระจาย ขาดโครงสร้าง และไม่สื่อความหมายเชิงธุรกิจที่แท้จริง

    Boris เสนอแนวคิด “Wide Events” หรือ “Canonical Log Line” ซึ่งเป็นการเปลี่ยนมุมมองจากการ log เป็นชิ้นเล็ก ๆ หลายบรรทัด ไปสู่การสร้าง “หนึ่ง event ต่อหนึ่ง request” ที่รวมทุก context ที่จำเป็น เช่น user, subscription tier, payment provider, feature flags, latency breakdown, error code ฯลฯ วิธีนี้ทำให้ log กลายเป็นข้อมูลเชิงวิเคราะห์ (analytics-grade data) ที่ตอบคำถามเชิงธุรกิจได้ทันที เช่น “ทำไม premium users checkout fail มากขึ้น?” หรือ “feature flag ใหม่ทำให้ error rate เพิ่มหรือไม่?”

    บทความยังชี้ให้เห็นว่า OpenTelemetry ไม่ใช่ยาวิเศษ เพราะมันเป็นเพียง plumbing — ถ้าไม่ใส่ context ที่ถูกต้องลงไป ก็ยังได้ telemetry ที่ไร้ประโยชน์เหมือนเดิม การแก้ปัญหาที่แท้จริงคือการออกแบบ event ให้ “กว้างพอ” และใช้ tail-based sampling เพื่อควบคุมต้นทุนโดยไม่เสียข้อมูลสำคัญ เช่น error, slow requests หรือ VIP users

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ปัญหาของ Logging แบบเดิม
    Log กระจัดกระจาย ขาด context ที่จำเป็น
    String search ใช้ไม่ได้ผลในระบบ distributed

    แนวคิด Wide Events / Canonical Log Line
    หนึ่ง event ต่อหนึ่ง request พร้อม context ครบถ้วน
    เปลี่ยน log จาก “ข้อความ” เป็น “ข้อมูลวิเคราะห์ได้”

    ความเข้าใจผิดที่พบบ่อย
    Structured logging ≠ Wide events
    OpenTelemetry ไม่ได้แก้ปัญหาให้เองถ้าไม่ใส่ context

    สิ่งที่ต้องระวังในการใช้งานจริง
    High-cardinality fields อาจทำให้ระบบเก่า choke
    Random sampling เสี่ยงทำให้ error สำคัญหายไป

    https://loggingsucks.com/
    🧨 Logging Sucks: ทำไม Log ของคุณถึง “โกหก” — และวิธีแก้ด้วย Wide Events บทความนี้ของ Boris Tane เป็นการ “เขย่าวงการ Observability” แบบตรงไปตรงมา เขาชี้ให้เห็นว่าระบบ Logging แบบดั้งเดิมที่องค์กรส่วนใหญ่ใช้อยู่ในปี 2025 นั้นล้าสมัยเกินไปสำหรับระบบ distributed ที่ซับซ้อนในยุค microservices และ cloud-native ความจริงคือ log ส่วนใหญ่ “ไม่ได้โกหกโดยตั้งใจ” แต่เพราะมันถูกออกแบบมาสำหรับยุคที่ระบบมีเพียงเซิร์ฟเวอร์เดียวและ request flow ง่ายกว่ามาก ปัญหาหลักคือ log แบบเก่าเน้น “เขียนง่าย” มากกว่า “ค้นหาได้จริง” ทำให้เมื่อเกิดเหตุการณ์สำคัญ เช่น checkout ล้มเหลว หรือ latency พุ่งขึ้นตอนตีสาม ทีม DevOps ต้อง grep หานรกแตกเป็นหมื่นบรรทัดโดยไม่เจอ context ที่ต้องการ เพราะ log กระจัดกระจาย ขาดโครงสร้าง และไม่สื่อความหมายเชิงธุรกิจที่แท้จริง Boris เสนอแนวคิด “Wide Events” หรือ “Canonical Log Line” ซึ่งเป็นการเปลี่ยนมุมมองจากการ log เป็นชิ้นเล็ก ๆ หลายบรรทัด ไปสู่การสร้าง “หนึ่ง event ต่อหนึ่ง request” ที่รวมทุก context ที่จำเป็น เช่น user, subscription tier, payment provider, feature flags, latency breakdown, error code ฯลฯ วิธีนี้ทำให้ log กลายเป็นข้อมูลเชิงวิเคราะห์ (analytics-grade data) ที่ตอบคำถามเชิงธุรกิจได้ทันที เช่น “ทำไม premium users checkout fail มากขึ้น?” หรือ “feature flag ใหม่ทำให้ error rate เพิ่มหรือไม่?” บทความยังชี้ให้เห็นว่า OpenTelemetry ไม่ใช่ยาวิเศษ เพราะมันเป็นเพียง plumbing — ถ้าไม่ใส่ context ที่ถูกต้องลงไป ก็ยังได้ telemetry ที่ไร้ประโยชน์เหมือนเดิม การแก้ปัญหาที่แท้จริงคือการออกแบบ event ให้ “กว้างพอ” และใช้ tail-based sampling เพื่อควบคุมต้นทุนโดยไม่เสียข้อมูลสำคัญ เช่น error, slow requests หรือ VIP users 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ปัญหาของ Logging แบบเดิม ➡️ Log กระจัดกระจาย ขาด context ที่จำเป็น ➡️ String search ใช้ไม่ได้ผลในระบบ distributed ✅ แนวคิด Wide Events / Canonical Log Line ➡️ หนึ่ง event ต่อหนึ่ง request พร้อม context ครบถ้วน ➡️ เปลี่ยน log จาก “ข้อความ” เป็น “ข้อมูลวิเคราะห์ได้” ‼️ ความเข้าใจผิดที่พบบ่อย ⛔ Structured logging ≠ Wide events ⛔ OpenTelemetry ไม่ได้แก้ปัญหาให้เองถ้าไม่ใส่ context ‼️ สิ่งที่ต้องระวังในการใช้งานจริง ⛔ High-cardinality fields อาจทำให้ระบบเก่า choke ⛔ Random sampling เสี่ยงทำให้ error สำคัญหายไป https://loggingsucks.com/
    LOGGINGSUCKS.COM
    Logging Sucks - Your Logs Are Lying To You
    Why traditional logging fails and how wide events can fix your observability
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • TP‑Link Tapo C200: เมื่อกล้องวงจรปิดราคาถูกกลายเป็นประตูหลังสู่บ้านของผู้ใช้

    งานวิจัยล่าสุดของ Simone Margaritelli เปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงหลายรายการในกล้อง TP‑Link Tapo C200 ซึ่งเป็นหนึ่งในกล้อง IP ราคาประหยัดที่ได้รับความนิยมสูงทั่วโลก จุดเริ่มต้นของการค้นพบนี้มาจากการทดลอง “เล่นสนุกวันหยุด” ที่ตั้งใจใช้ AI ช่วยในการรีเวิร์สเอนจิเนียริง แต่กลับนำไปสู่การพบช่องโหว่ที่กระทบอุปกรณ์กว่า 25,000 ตัวที่เปิดเผยบนอินเทอร์เน็ตโดยตรง การค้นพบนี้สะท้อนความจริงที่น่ากังวลว่าอุปกรณ์ IoT ราคาถูกจำนวนมากยังคงมีสถาปัตยกรรมความปลอดภัยที่อ่อนแออย่างน่าตกใจ

    สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ TP‑Link เก็บ private SSL keys แบบ hardcoded ไว้ในเฟิร์มแวร์ ซึ่งหมายความว่าใครก็ตามที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกับกล้องสามารถดักฟังและถอดรหัส HTTPS traffic ได้ทันทีโดยไม่ต้องยุ่งกับฮาร์ดแวร์เลย นอกจากนี้ การใช้ AI เช่น Grok, Claude Opus และ GhidraMCP ทำให้กระบวนการวิเคราะห์เฟิร์มแวร์เร็วขึ้นอย่างมหาศาล—ตั้งแต่การถอดรหัสเฟิร์มแวร์จาก S3 bucket ที่เปิดสาธารณะ ไปจนถึงการทำความเข้าใจโค้ด MIPS ที่ซับซ้อนภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

    การวิเคราะห์นำไปสู่การค้นพบช่องโหว่ 4 รายการที่ร้ายแรง ทั้ง buffer overflow ใน ONVIF XML parser, integer overflow ใน HTTPS server, API ที่อนุญาตให้เปลี่ยน WiFi ของกล้องได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน และ API ที่เปิดเผยรายชื่อ WiFi รอบข้าง ซึ่งสามารถนำไปสู่การ ระบุตำแหน่งบ้านของเหยื่อได้อย่างแม่นยำ ผ่านฐานข้อมูล BSSID ของ Apple นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาด้านความปลอดภัย แต่เป็นปัญหาด้านความเป็นส่วนตัวระดับโครงสร้างที่ทำให้กล้องวงจรปิดกลายเป็นอุปกรณ์ติดตามตำแหน่งโดยไม่ตั้งใจ

    ท้ายที่สุด Margaritelli เปิดเผยไทม์ไลน์การแจ้งเตือน TP‑Link ซึ่งล่าช้าเกินกว่า 150 วันก่อนจะมีการออกแพตช์ ทั้งที่บริษัทเป็น CVE Numbering Authority (CNA) ของตัวเอง และใช้จำนวน CVE ต่ำเป็นเครื่องมือทางการตลาด นี่คือความขัดแย้งเชิงโครงสร้างที่สะท้อนปัญหาของอุตสาหกรรม IoT: ผู้ผลิตควบคุมทั้งผลิตภัณฑ์ ช่องโหว่ และการรายงาน ทำให้ผู้ใช้ต้องพึ่งพาความรับผิดชอบของบริษัทมากกว่ามาตรฐานความปลอดภัยที่แท้จริง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สิ่งที่ค้นพบจากการรีเวิร์สเฟิร์มแวร์
    พบ private SSL keys แบบ hardcoded ในเฟิร์มแวร์
    เฟิร์มแวร์ทั้งหมดของ TP‑Link อยู่ใน S3 bucket แบบเปิด
    AI ช่วยเร่งการวิเคราะห์โค้ด MIPS และ mapping API handlers ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ช่องโหว่สำคัญ (CVE)
    CVE‑2025‑8065 — ONVIF XML parser overflow ทำให้กล้อง crash
    CVE‑2025‑14299 — HTTPS Content‑Length integer overflow
    CVE‑2025‑14300 — API connectAp ไม่มี auth ทำให้เปลี่ยน WiFi ได้
    scanApList API เปิดเผยข้อมูล WiFi รอบข้างแบบไม่ต้องยืนยันตัวตน

    ผลกระทบต่อผู้ใช้
    ผู้โจมตีสามารถดักฟังวิดีโอได้ผ่าน private key ที่ฝังมาในเฟิร์มแวร์
    สามารถบังคับให้กล้องเชื่อมต่อ WiFi ของผู้โจมตี
    สามารถระบุตำแหน่งบ้านของเหยื่อผ่าน BSSID → Apple location API
    อุปกรณ์กว่า 25,000 ตัว เปิดเผยบนอินเทอร์เน็ตโดยตรง

    ปัญหาเชิงโครงสร้างของผู้ผลิต
    TP‑Link เป็น CNA ของตัวเอง ทำให้มีอำนาจควบคุมการรายงานช่องโหว่
    ใช้จำนวน CVE ต่ำเป็นเครื่องมือทางการตลาด
    การตอบสนองล่าช้าเกินกว่า 150 วัน แม้ช่องโหว่จะร้ายแรง

    สิ่งที่ต้องระวัง
    กล้อง IoT ราคาถูกมักมีสถาปัตยกรรมความปลอดภัยที่อ่อนแอ
    การพึ่งพา API ที่ไม่มีการยืนยันตัวตนเป็นความเสี่ยงร้ายแรง
    การเปิดเผย BSSID อาจนำไปสู่การระบุตำแหน่งบ้านได้
    ผู้ผลิตที่เป็น CNA ของตัวเองอาจมีแรงจูงใจลดการเปิดเผยช่องโหว่

    https://www.evilsocket.net/2025/12/18/TP-Link-Tapo-C200-Hardcoded-Keys-Buffer-Overflows-and-Privacy-in-the-Era-of-AI-Assisted-Reverse-Engineering/
    🔓 TP‑Link Tapo C200: เมื่อกล้องวงจรปิดราคาถูกกลายเป็นประตูหลังสู่บ้านของผู้ใช้ งานวิจัยล่าสุดของ Simone Margaritelli เปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงหลายรายการในกล้อง TP‑Link Tapo C200 ซึ่งเป็นหนึ่งในกล้อง IP ราคาประหยัดที่ได้รับความนิยมสูงทั่วโลก จุดเริ่มต้นของการค้นพบนี้มาจากการทดลอง “เล่นสนุกวันหยุด” ที่ตั้งใจใช้ AI ช่วยในการรีเวิร์สเอนจิเนียริง แต่กลับนำไปสู่การพบช่องโหว่ที่กระทบอุปกรณ์กว่า 25,000 ตัวที่เปิดเผยบนอินเทอร์เน็ตโดยตรง การค้นพบนี้สะท้อนความจริงที่น่ากังวลว่าอุปกรณ์ IoT ราคาถูกจำนวนมากยังคงมีสถาปัตยกรรมความปลอดภัยที่อ่อนแออย่างน่าตกใจ สิ่งที่น่าตกใจยิ่งกว่าคือ TP‑Link เก็บ private SSL keys แบบ hardcoded ไว้ในเฟิร์มแวร์ ซึ่งหมายความว่าใครก็ตามที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกับกล้องสามารถดักฟังและถอดรหัส HTTPS traffic ได้ทันทีโดยไม่ต้องยุ่งกับฮาร์ดแวร์เลย นอกจากนี้ การใช้ AI เช่น Grok, Claude Opus และ GhidraMCP ทำให้กระบวนการวิเคราะห์เฟิร์มแวร์เร็วขึ้นอย่างมหาศาล—ตั้งแต่การถอดรหัสเฟิร์มแวร์จาก S3 bucket ที่เปิดสาธารณะ ไปจนถึงการทำความเข้าใจโค้ด MIPS ที่ซับซ้อนภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง การวิเคราะห์นำไปสู่การค้นพบช่องโหว่ 4 รายการที่ร้ายแรง ทั้ง buffer overflow ใน ONVIF XML parser, integer overflow ใน HTTPS server, API ที่อนุญาตให้เปลี่ยน WiFi ของกล้องได้โดยไม่ต้องยืนยันตัวตน และ API ที่เปิดเผยรายชื่อ WiFi รอบข้าง ซึ่งสามารถนำไปสู่การ ระบุตำแหน่งบ้านของเหยื่อได้อย่างแม่นยำ ผ่านฐานข้อมูล BSSID ของ Apple นี่ไม่ใช่แค่ปัญหาด้านความปลอดภัย แต่เป็นปัญหาด้านความเป็นส่วนตัวระดับโครงสร้างที่ทำให้กล้องวงจรปิดกลายเป็นอุปกรณ์ติดตามตำแหน่งโดยไม่ตั้งใจ ท้ายที่สุด Margaritelli เปิดเผยไทม์ไลน์การแจ้งเตือน TP‑Link ซึ่งล่าช้าเกินกว่า 150 วันก่อนจะมีการออกแพตช์ ทั้งที่บริษัทเป็น CVE Numbering Authority (CNA) ของตัวเอง และใช้จำนวน CVE ต่ำเป็นเครื่องมือทางการตลาด นี่คือความขัดแย้งเชิงโครงสร้างที่สะท้อนปัญหาของอุตสาหกรรม IoT: ผู้ผลิตควบคุมทั้งผลิตภัณฑ์ ช่องโหว่ และการรายงาน ทำให้ผู้ใช้ต้องพึ่งพาความรับผิดชอบของบริษัทมากกว่ามาตรฐานความปลอดภัยที่แท้จริง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สิ่งที่ค้นพบจากการรีเวิร์สเฟิร์มแวร์ ➡️ พบ private SSL keys แบบ hardcoded ในเฟิร์มแวร์ ➡️ เฟิร์มแวร์ทั้งหมดของ TP‑Link อยู่ใน S3 bucket แบบเปิด ➡️ AI ช่วยเร่งการวิเคราะห์โค้ด MIPS และ mapping API handlers ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ ช่องโหว่สำคัญ (CVE) ➡️ CVE‑2025‑8065 — ONVIF XML parser overflow ทำให้กล้อง crash ➡️ CVE‑2025‑14299 — HTTPS Content‑Length integer overflow ➡️ CVE‑2025‑14300 — API connectAp ไม่มี auth ทำให้เปลี่ยน WiFi ได้ ➡️ scanApList API เปิดเผยข้อมูล WiFi รอบข้างแบบไม่ต้องยืนยันตัวตน ✅ ผลกระทบต่อผู้ใช้ ➡️ ผู้โจมตีสามารถดักฟังวิดีโอได้ผ่าน private key ที่ฝังมาในเฟิร์มแวร์ ➡️ สามารถบังคับให้กล้องเชื่อมต่อ WiFi ของผู้โจมตี ➡️ สามารถระบุตำแหน่งบ้านของเหยื่อผ่าน BSSID → Apple location API ➡️ อุปกรณ์กว่า 25,000 ตัว เปิดเผยบนอินเทอร์เน็ตโดยตรง ✅ ปัญหาเชิงโครงสร้างของผู้ผลิต ➡️ TP‑Link เป็น CNA ของตัวเอง ทำให้มีอำนาจควบคุมการรายงานช่องโหว่ ➡️ ใช้จำนวน CVE ต่ำเป็นเครื่องมือทางการตลาด ➡️ การตอบสนองล่าช้าเกินกว่า 150 วัน แม้ช่องโหว่จะร้ายแรง ‼️ สิ่งที่ต้องระวัง ⛔ กล้อง IoT ราคาถูกมักมีสถาปัตยกรรมความปลอดภัยที่อ่อนแอ ⛔ การพึ่งพา API ที่ไม่มีการยืนยันตัวตนเป็นความเสี่ยงร้ายแรง ⛔ การเปิดเผย BSSID อาจนำไปสู่การระบุตำแหน่งบ้านได้ ⛔ ผู้ผลิตที่เป็น CNA ของตัวเองอาจมีแรงจูงใจลดการเปิดเผยช่องโหว่ https://www.evilsocket.net/2025/12/18/TP-Link-Tapo-C200-Hardcoded-Keys-Buffer-Overflows-and-Privacy-in-the-Era-of-AI-Assisted-Reverse-Engineering/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 196 มุมมอง 0 รีวิว
  • 5 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Chromebook ที่ควรเลิกเชื่อได้แล้ว

    แม้ Chromebook จะเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2011 ในฐานะแล็ปท็อปราคาประหยัดสำหรับงานพื้นฐาน แต่ภาพจำในยุคแรกยังคงติดอยู่ในหัวของผู้ใช้จำนวนมาก ทั้งเรื่องอายุการใช้งานสั้น ทำอะไรไม่ได้มาก และต้องพึ่งอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม Chromebook ในปี 2025 ได้พัฒนาไปไกลกว่านั้นมาก ทั้งในด้านซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และ ecosystem ที่รองรับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันมากขึ้น

    หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือ “Chromebook อยู่ได้ไม่นาน” ซึ่งเคยเป็นจริงในยุคแรก แต่ปัจจุบัน Google ให้การอัปเดตยาวถึง 10 ปี สำหรับรุ่นที่ผลิตตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไป ทำให้เทียบชั้นกับ Windows และ macOS ได้อย่างสบาย นอกจากนี้ยังมีทางเลือกอย่าง ChromeOS Flex หรือการติดตั้งลินุกซ์เพื่อยืดอายุเครื่องเก่าได้อีกด้วย

    อีกความเชื่อที่ยังวนเวียนคือ “Chromebook เล่นเกมไม่ได้” แม้จะไม่ใช่เครื่องเกมโดยตรง แต่ Chromebook รุ่นใหม่รองรับ Linux apps, Android games และบริการสตรีมเกมอย่าง GeForce Now ทำให้เล่นเกมอินดี้หรือเกมเบาๆ ได้มากกว่าที่หลายคนคิด รวมถึงการติดตั้ง Steam เวอร์ชันลินุกซ์ในบางรุ่น แม้จะต้องอาศัยความพยายามเพิ่มขึ้นเล็กน้อยก็ตาม

    สุดท้าย ความเชื่อว่า “Chromebook ไม่ใช่แล็ปท็อปจริง” ก็เริ่มไม่ตรงกับความเป็นจริงอีกต่อไป เพราะ Chromebook รองรับอุปกรณ์เสริมหลากหลาย ตั้งแต่จอภาพภายนอก 2 จอ ไปจนถึง drawing tablet และยังรองรับไฟล์หลากหลายประเภท รวมถึงแอป Android และเว็บแอปที่ครอบคลุมการใช้งานส่วนใหญ่ของผู้ใช้ทั่วไปแล้ว

    สรุปประเด็นสำคัญ
    Chromebook วันนี้ไม่เหมือนเมื่อสิบปีก่อน
    ได้รับอัปเดตยาว 10 ปีสำหรับรุ่นใหม่
    มีตัวเลือกยืดอายุ เช่น ChromeOS Flex และลินุกซ์

    เรื่องเล่นเกมไม่ใช่จุดอ่อนเสมอไป
    รองรับ Android games, Linux apps และ GeForce Now
    สามารถติดตั้ง Steam เวอร์ชันลินุกซ์ในบางรุ่น

    รองรับการใช้งานจริงมากกว่าที่คิด
    ใช้อุปกรณ์เสริมได้หลากหลาย เช่น external monitors, drawing tablets
    รองรับไฟล์และแอปพื้นฐานที่ผู้ใช้ทั่วไปต้องการ

    เรื่อง “คุ้มค่าเสมอ” ไม่จริงในทุกช่วงราคา
    รุ่นราคาถูกคุ้มมาก แต่รุ่นราคา 500 ดอลลาร์ขึ้นไปเริ่มสู้ Windows ไม่ได้

    สิ่งที่ต้องระวัง
    Chromebook ยังพึ่งอินเทอร์เน็ตในหลายงาน แม้จะดีขึ้นมากแล้ว
    ไม่เหมาะกับงานเฉพาะทาง เช่น Photoshop หรือซอฟต์แวร์ระดับโปร
    รุ่นแพงอาจไม่คุ้มเมื่อเทียบกับแล็ปท็อป Windows ในราคาใกล้เคียง

    https://www.slashgear.com/2054499/chromebook-myths-stop-believing/
    💻 5 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ Chromebook ที่ควรเลิกเชื่อได้แล้ว แม้ Chromebook จะเปิดตัวมาตั้งแต่ปี 2011 ในฐานะแล็ปท็อปราคาประหยัดสำหรับงานพื้นฐาน แต่ภาพจำในยุคแรกยังคงติดอยู่ในหัวของผู้ใช้จำนวนมาก ทั้งเรื่องอายุการใช้งานสั้น ทำอะไรไม่ได้มาก และต้องพึ่งอินเทอร์เน็ตตลอดเวลา อย่างไรก็ตาม Chromebook ในปี 2025 ได้พัฒนาไปไกลกว่านั้นมาก ทั้งในด้านซอฟต์แวร์ ฮาร์ดแวร์ และ ecosystem ที่รองรับการใช้งานจริงในชีวิตประจำวันมากขึ้น หนึ่งในความเข้าใจผิดที่พบบ่อยคือ “Chromebook อยู่ได้ไม่นาน” ซึ่งเคยเป็นจริงในยุคแรก แต่ปัจจุบัน Google ให้การอัปเดตยาวถึง 10 ปี สำหรับรุ่นที่ผลิตตั้งแต่ปี 2021 เป็นต้นไป ทำให้เทียบชั้นกับ Windows และ macOS ได้อย่างสบาย นอกจากนี้ยังมีทางเลือกอย่าง ChromeOS Flex หรือการติดตั้งลินุกซ์เพื่อยืดอายุเครื่องเก่าได้อีกด้วย อีกความเชื่อที่ยังวนเวียนคือ “Chromebook เล่นเกมไม่ได้” แม้จะไม่ใช่เครื่องเกมโดยตรง แต่ Chromebook รุ่นใหม่รองรับ Linux apps, Android games และบริการสตรีมเกมอย่าง GeForce Now ทำให้เล่นเกมอินดี้หรือเกมเบาๆ ได้มากกว่าที่หลายคนคิด รวมถึงการติดตั้ง Steam เวอร์ชันลินุกซ์ในบางรุ่น แม้จะต้องอาศัยความพยายามเพิ่มขึ้นเล็กน้อยก็ตาม สุดท้าย ความเชื่อว่า “Chromebook ไม่ใช่แล็ปท็อปจริง” ก็เริ่มไม่ตรงกับความเป็นจริงอีกต่อไป เพราะ Chromebook รองรับอุปกรณ์เสริมหลากหลาย ตั้งแต่จอภาพภายนอก 2 จอ ไปจนถึง drawing tablet และยังรองรับไฟล์หลากหลายประเภท รวมถึงแอป Android และเว็บแอปที่ครอบคลุมการใช้งานส่วนใหญ่ของผู้ใช้ทั่วไปแล้ว 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ Chromebook วันนี้ไม่เหมือนเมื่อสิบปีก่อน ➡️ ได้รับอัปเดตยาว 10 ปีสำหรับรุ่นใหม่ ➡️ มีตัวเลือกยืดอายุ เช่น ChromeOS Flex และลินุกซ์ ✅ เรื่องเล่นเกมไม่ใช่จุดอ่อนเสมอไป ➡️ รองรับ Android games, Linux apps และ GeForce Now ➡️ สามารถติดตั้ง Steam เวอร์ชันลินุกซ์ในบางรุ่น ✅ รองรับการใช้งานจริงมากกว่าที่คิด ➡️ ใช้อุปกรณ์เสริมได้หลากหลาย เช่น external monitors, drawing tablets ➡️ รองรับไฟล์และแอปพื้นฐานที่ผู้ใช้ทั่วไปต้องการ ✅ เรื่อง “คุ้มค่าเสมอ” ไม่จริงในทุกช่วงราคา ➡️ รุ่นราคาถูกคุ้มมาก แต่รุ่นราคา 500 ดอลลาร์ขึ้นไปเริ่มสู้ Windows ไม่ได้ ‼️ สิ่งที่ต้องระวัง ⛔ Chromebook ยังพึ่งอินเทอร์เน็ตในหลายงาน แม้จะดีขึ้นมากแล้ว ⛔ ไม่เหมาะกับงานเฉพาะทาง เช่น Photoshop หรือซอฟต์แวร์ระดับโปร ⛔ รุ่นแพงอาจไม่คุ้มเมื่อเทียบกับแล็ปท็อป Windows ในราคาใกล้เคียง https://www.slashgear.com/2054499/chromebook-myths-stop-believing/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    5 Chromebook Myths You Need To Stop Believing - SlashGear
    Chromebooks evolved past web-only basics. Debunking five big myths on updates, peripherals, app hacks, and when they beat pricier Windows rigs for most folks.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • Darktable 5.4: อัปเดตใหม่ เพิ่มการรองรับกล้องรุ่นล่าสุดและยกระดับเวิร์กโฟลว์ RAW

    Darktable 5.4 มาพร้อมการอัปเดตสำคัญที่เน้นการรองรับกล้องรุ่นใหม่จาก Canon หลายรุ่น ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ช่างภาพที่ต้องการเวิร์กโฟลว์ RAW ที่เสถียรและแม่นยำมากขึ้นบน Linux การเพิ่มการรองรับกล้องใหม่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถนำไฟล์ RAW จากกล้องระดับโปรเข้ามาแก้ไขได้ทันทีโดยไม่ต้องรอแพตช์เสริมเหมือนในอดีต ทำให้ Darktable ยังคงเป็นหนึ่งในเครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่ช่างภาพสาย Linux ไว้ใจมากที่สุด

    แม้เนื้อหาในหน้าเว็บจะเน้นไปที่การรองรับกล้องใหม่ แต่ในภาพรวม Darktable 5.4 ยังสะท้อนถึงแนวโน้มของซอฟต์แวร์แต่งภาพโอเพ่นซอร์สที่พยายามไล่ตามความเร็วของวงการกล้องที่ออกโมเดลใหม่แทบทุกปี การอัปเดตแบบต่อเนื่องนี้ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และยังทำให้ Darktable เป็นตัวเลือกที่แข็งแรงขึ้นเมื่อเทียบกับ Lightroom หรือ Capture One ในมุมของความเข้ากันได้กับฮาร์ดแวร์ล่าสุด

    ในมุมของ ecosystem การที่ Darktable รองรับกล้องใหม่ได้เร็วขึ้นเป็นผลจากการร่วมมือของชุมชนผู้พัฒนาและผู้ใช้ที่ช่วยส่งตัวอย่างไฟล์ RAW เพื่อให้ทีมงานปรับปรุงโมดูล demosaic และ color profile ได้แม่นยำขึ้น นี่คือพลังของโอเพ่นซอร์สที่ทำให้ซอฟต์แวร์เติบโตอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องรอค่ายกล้องปล่อย SDK อย่างเป็นทางการ

    สุดท้าย การอัปเดตครั้งนี้ยังเป็นสัญญาณว่าซอฟต์แวร์แต่งภาพบน Linux กำลังพัฒนาไปในทิศทางที่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในยุคที่ผู้ใช้ต้องการเครื่องมือที่ทั้งฟรี ทรงพลัง และรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่อย่างรวดเร็ว ซึ่ง Darktable 5.4 ก็พิสูจน์ให้เห็นว่ามันยังคงเป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่ตอบโจทย์สายถ่ายภาพได้ดีที่สุดในโลกโอเพ่นซอร์ส

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ไฮไลต์จาก Darktable 5.4
    เพิ่มการรองรับกล้อง Canon EOS R1, R5 Mark II, PowerShot D10, S100V และ S2 IS
    ปรับปรุงความเข้ากันได้ของไฟล์ RAW สำหรับกล้องรุ่นใหม่
    ยกระดับเวิร์กโฟลว์สำหรับช่างภาพที่ใช้ Linux

    ความสำคัญต่อผู้ใช้
    ผู้ใช้สามารถนำไฟล์ RAW จากกล้องใหม่มาใช้งานได้ทันที
    ลดความจำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์ proprietary บนระบบอื่น
    ทำให้ Darktable เป็นตัวเลือกที่มั่นคงสำหรับงานถ่ายภาพระดับโปร

    บริบทจากโลกโอเพ่นซอร์ส
    การอัปเดตเร็วขึ้นเกิดจากความร่วมมือของชุมชน
    การรองรับกล้องใหม่ช่วยให้ Darktable แข่งขันกับ Lightroom ได้ดีขึ้น
    Ecosystem ของซอฟต์แวร์แต่งภาพบน Linux แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ

    สิ่งที่ต้องระวัง
    การรองรับกล้องใหม่อาจยังไม่สมบูรณ์ในบางกรณี ต้องรอการปรับปรุงเพิ่มเติม
    ผู้ใช้บางรายอาจพบความคลาดเคลื่อนของ color profile ในช่วงแรก
    ฟีเจอร์ใหม่อาจยังไม่รองรับปลั๊กอินบางตัว

    https://9to5linux.com/darktable-5-4-open-source-raw-image-editor-improves-camera-support
    📸 Darktable 5.4: อัปเดตใหม่ เพิ่มการรองรับกล้องรุ่นล่าสุดและยกระดับเวิร์กโฟลว์ RAW Darktable 5.4 มาพร้อมการอัปเดตสำคัญที่เน้นการรองรับกล้องรุ่นใหม่จาก Canon หลายรุ่น ซึ่งเป็นการตอบโจทย์ช่างภาพที่ต้องการเวิร์กโฟลว์ RAW ที่เสถียรและแม่นยำมากขึ้นบน Linux การเพิ่มการรองรับกล้องใหม่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถนำไฟล์ RAW จากกล้องระดับโปรเข้ามาแก้ไขได้ทันทีโดยไม่ต้องรอแพตช์เสริมเหมือนในอดีต ทำให้ Darktable ยังคงเป็นหนึ่งในเครื่องมือโอเพ่นซอร์สที่ช่างภาพสาย Linux ไว้ใจมากที่สุด แม้เนื้อหาในหน้าเว็บจะเน้นไปที่การรองรับกล้องใหม่ แต่ในภาพรวม Darktable 5.4 ยังสะท้อนถึงแนวโน้มของซอฟต์แวร์แต่งภาพโอเพ่นซอร์สที่พยายามไล่ตามความเร็วของวงการกล้องที่ออกโมเดลใหม่แทบทุกปี การอัปเดตแบบต่อเนื่องนี้ช่วยให้ผู้ใช้ไม่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง และยังทำให้ Darktable เป็นตัวเลือกที่แข็งแรงขึ้นเมื่อเทียบกับ Lightroom หรือ Capture One ในมุมของความเข้ากันได้กับฮาร์ดแวร์ล่าสุด ในมุมของ ecosystem การที่ Darktable รองรับกล้องใหม่ได้เร็วขึ้นเป็นผลจากการร่วมมือของชุมชนผู้พัฒนาและผู้ใช้ที่ช่วยส่งตัวอย่างไฟล์ RAW เพื่อให้ทีมงานปรับปรุงโมดูล demosaic และ color profile ได้แม่นยำขึ้น นี่คือพลังของโอเพ่นซอร์สที่ทำให้ซอฟต์แวร์เติบโตอย่างต่อเนื่องโดยไม่ต้องรอค่ายกล้องปล่อย SDK อย่างเป็นทางการ สุดท้าย การอัปเดตครั้งนี้ยังเป็นสัญญาณว่าซอฟต์แวร์แต่งภาพบน Linux กำลังพัฒนาไปในทิศทางที่มั่นคงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในยุคที่ผู้ใช้ต้องการเครื่องมือที่ทั้งฟรี ทรงพลัง และรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่อย่างรวดเร็ว ซึ่ง Darktable 5.4 ก็พิสูจน์ให้เห็นว่ามันยังคงเป็นหนึ่งในโปรเจกต์ที่ตอบโจทย์สายถ่ายภาพได้ดีที่สุดในโลกโอเพ่นซอร์ส 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ไฮไลต์จาก Darktable 5.4 ➡️ เพิ่มการรองรับกล้อง Canon EOS R1, R5 Mark II, PowerShot D10, S100V และ S2 IS ➡️ ปรับปรุงความเข้ากันได้ของไฟล์ RAW สำหรับกล้องรุ่นใหม่ ➡️ ยกระดับเวิร์กโฟลว์สำหรับช่างภาพที่ใช้ Linux ✅ ความสำคัญต่อผู้ใช้ ➡️ ผู้ใช้สามารถนำไฟล์ RAW จากกล้องใหม่มาใช้งานได้ทันที ➡️ ลดความจำเป็นต้องใช้ซอฟต์แวร์ proprietary บนระบบอื่น ➡️ ทำให้ Darktable เป็นตัวเลือกที่มั่นคงสำหรับงานถ่ายภาพระดับโปร ✅ บริบทจากโลกโอเพ่นซอร์ส ➡️ การอัปเดตเร็วขึ้นเกิดจากความร่วมมือของชุมชน ➡️ การรองรับกล้องใหม่ช่วยให้ Darktable แข่งขันกับ Lightroom ได้ดีขึ้น ➡️ Ecosystem ของซอฟต์แวร์แต่งภาพบน Linux แข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ ‼️ สิ่งที่ต้องระวัง ⛔ การรองรับกล้องใหม่อาจยังไม่สมบูรณ์ในบางกรณี ต้องรอการปรับปรุงเพิ่มเติม ⛔ ผู้ใช้บางรายอาจพบความคลาดเคลื่อนของ color profile ในช่วงแรก ⛔ ฟีเจอร์ใหม่อาจยังไม่รองรับปลั๊กอินบางตัว https://9to5linux.com/darktable-5-4-open-source-raw-image-editor-improves-camera-support
    9TO5LINUX.COM
    Darktable 5.4 Open-Source RAW Image Editor Improves Camera Support - 9to5Linux
    Darktable 5.4 open-source RAW image editor is now available for download with support for new cameras, new noise profiles, and bug fixes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
  • PkgForge: ก้าวใหม่ของแอปพกพาบน Linux ที่ไม่ผูกติดดิสโทร

    PkgForge ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่ผู้ใช้ Linux เจอมานานหลายปี—แอปที่ “รันได้บนบางดิสโทร แต่พังบนอีกดิสโทรหนึ่ง” แม้จะมี Flatpak, Snap และ AppImage อยู่แล้ว แต่แต่ละแบบก็ยังมีข้อจำกัด เช่น ต้องมี daemon, runtime หรือระบบรองรับเฉพาะทางก่อนจึงจะรันได้ PkgForge จึงเสนอแนวคิดใหม่: ทำให้แอปพกพาได้จริงโดยลดการพึ่งพา dependency ของระบบให้มากที่สุด และจัดการผ่าน ecosystem ที่มีความเป็นระเบียบและตรวจสอบได้มากกว่า

    หัวใจสำคัญของ PkgForge คือ Soar ตัวจัดการแพ็กเกจที่ทำงานคู่กับดิสโทรของผู้ใช้ ไม่ได้มาแทนที่ apt หรือ dnf แต่ทำหน้าที่เป็น “เลเยอร์พกพา” ที่ติดตั้งแอปจาก repository แบบ curated พร้อม build logs และ checksum ที่ตรวจสอบได้ จุดนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากสคริปต์ติดตั้งแบบสุ่มที่ผู้ใช้ Linux มักเจอเมื่อดาวน์โหลดแอปจากเว็บต่างๆ

    นอกจากนี้ PkgForge ยังมีองค์ประกอบเสริม เช่น SoarPkgs, BinCache, และ PkgCache ซึ่งรองรับตั้งแต่ static binaries ไปจนถึง portable desktop apps โดยไม่ยึดติดกับรูปแบบเดียว เช่น AppImage, AppBundle, FlatImage, RunImage หรือแม้แต่ GameImage สำหรับเกมที่มี asset จำนวนมาก แนวคิดนี้สะท้อนเทรนด์ใหม่ของโอเพ่นซอร์สที่เน้น “ความยืดหยุ่นเหนือรูปแบบ” เพื่อให้ผู้ใช้เลือกสิ่งที่เหมาะกับงานมากที่สุด

    แม้ PkgForge ยังไม่ได้ถูกใช้เป็นช่องทางหลักของแอปใหญ่ๆ แต่ชุมชนเริ่มขยับตัว เช่นโครงการ AnyLinux AppImage ที่ทำให้ AppImage รันได้แม้ไม่มี FUSE หรือ user namespace ซึ่งช่วยลดปัญหาคลาสสิกของ AppImage ลงอย่างมาก หากโครงการเติบโตต่อเนื่อง มันอาจกลายเป็นรากฐานสำคัญของอนาคตแอปพกพาบน Linux ที่แท้จริง—ไม่ใช่แค่ในเชิงเทคนิค แต่ในเชิง ecosystem ด้วย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    แนวคิดหลักของ PkgForge
    มุ่งสร้างแอปพกพาที่รันได้บนทุกดิสโทรโดยลด dependency ให้มากที่สุด
    ไม่ใช่รูปแบบแพ็กเกจใหม่ แต่เป็น ecosystem ที่จัดการ portable apps อย่างเป็นระบบ
    เน้นความโปร่งใส เช่น build logs และ checksum verification

    บทบาทของ Soar
    ทำงานคู่กับ package manager ของดิสโทร ไม่ได้มาแทนที่
    จัดการติดตั้ง อัปเดต ลบ และรันแอปแบบพกพา
    รองรับการย้ายระบบหรือใช้งานบน USB ได้ง่ายขึ้น

    ประเภทแพ็กเกจที่รองรับ
    AppImage, AppBundle, Archive, FlatImage, GameImage, RunImage
    Static binaries สำหรับ CLI tools
    เลือกใช้รูปแบบที่เหมาะกับซอฟต์แวร์แต่ละตัว ไม่บังคับรูปแบบเดียว

    ความเคลื่อนไหวในชุมชน
    AnyLinux AppImage ทำให้ AppImage ใช้งานได้กว้างขึ้น
    มีแอปยอดนิยมหลายตัวเริ่มรองรับผ่าน Soar เช่น OBS Studio, Ghostty, Cromite
    แนวโน้ม portable ecosystem เริ่มชัดเจนขึ้นในโลก Linux

    ข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องระวัง
    ยังไม่ใช่ช่องทางหลักของนักพัฒนาแอปส่วนใหญ่
    ผู้ใช้ต้องเข้าใจว่าบางรูปแบบยังต้องพึ่งฟีเจอร์ของระบบ เช่น FUSE หรือ user namespace
    การจัดการแบบ manual (ถ้าไม่ใช้ Soar) อาจเพิ่มภาระเรื่องอัปเดตและ integration

    https://itsfoss.com/pkgforge/
    🧰 PkgForge: ก้าวใหม่ของแอปพกพาบน Linux ที่ไม่ผูกติดดิสโทร PkgForge ถูกออกแบบมาเพื่อแก้ปัญหาที่ผู้ใช้ Linux เจอมานานหลายปี—แอปที่ “รันได้บนบางดิสโทร แต่พังบนอีกดิสโทรหนึ่ง” แม้จะมี Flatpak, Snap และ AppImage อยู่แล้ว แต่แต่ละแบบก็ยังมีข้อจำกัด เช่น ต้องมี daemon, runtime หรือระบบรองรับเฉพาะทางก่อนจึงจะรันได้ PkgForge จึงเสนอแนวคิดใหม่: ทำให้แอปพกพาได้จริงโดยลดการพึ่งพา dependency ของระบบให้มากที่สุด และจัดการผ่าน ecosystem ที่มีความเป็นระเบียบและตรวจสอบได้มากกว่า หัวใจสำคัญของ PkgForge คือ Soar ตัวจัดการแพ็กเกจที่ทำงานคู่กับดิสโทรของผู้ใช้ ไม่ได้มาแทนที่ apt หรือ dnf แต่ทำหน้าที่เป็น “เลเยอร์พกพา” ที่ติดตั้งแอปจาก repository แบบ curated พร้อม build logs และ checksum ที่ตรวจสอบได้ จุดนี้ช่วยลดความเสี่ยงจากสคริปต์ติดตั้งแบบสุ่มที่ผู้ใช้ Linux มักเจอเมื่อดาวน์โหลดแอปจากเว็บต่างๆ นอกจากนี้ PkgForge ยังมีองค์ประกอบเสริม เช่น SoarPkgs, BinCache, และ PkgCache ซึ่งรองรับตั้งแต่ static binaries ไปจนถึง portable desktop apps โดยไม่ยึดติดกับรูปแบบเดียว เช่น AppImage, AppBundle, FlatImage, RunImage หรือแม้แต่ GameImage สำหรับเกมที่มี asset จำนวนมาก แนวคิดนี้สะท้อนเทรนด์ใหม่ของโอเพ่นซอร์สที่เน้น “ความยืดหยุ่นเหนือรูปแบบ” เพื่อให้ผู้ใช้เลือกสิ่งที่เหมาะกับงานมากที่สุด แม้ PkgForge ยังไม่ได้ถูกใช้เป็นช่องทางหลักของแอปใหญ่ๆ แต่ชุมชนเริ่มขยับตัว เช่นโครงการ AnyLinux AppImage ที่ทำให้ AppImage รันได้แม้ไม่มี FUSE หรือ user namespace ซึ่งช่วยลดปัญหาคลาสสิกของ AppImage ลงอย่างมาก หากโครงการเติบโตต่อเนื่อง มันอาจกลายเป็นรากฐานสำคัญของอนาคตแอปพกพาบน Linux ที่แท้จริง—ไม่ใช่แค่ในเชิงเทคนิค แต่ในเชิง ecosystem ด้วย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ แนวคิดหลักของ PkgForge ➡️ มุ่งสร้างแอปพกพาที่รันได้บนทุกดิสโทรโดยลด dependency ให้มากที่สุด ➡️ ไม่ใช่รูปแบบแพ็กเกจใหม่ แต่เป็น ecosystem ที่จัดการ portable apps อย่างเป็นระบบ ➡️ เน้นความโปร่งใส เช่น build logs และ checksum verification ✅ บทบาทของ Soar ➡️ ทำงานคู่กับ package manager ของดิสโทร ไม่ได้มาแทนที่ ➡️ จัดการติดตั้ง อัปเดต ลบ และรันแอปแบบพกพา ➡️ รองรับการย้ายระบบหรือใช้งานบน USB ได้ง่ายขึ้น ✅ ประเภทแพ็กเกจที่รองรับ ➡️ AppImage, AppBundle, Archive, FlatImage, GameImage, RunImage ➡️ Static binaries สำหรับ CLI tools ➡️ เลือกใช้รูปแบบที่เหมาะกับซอฟต์แวร์แต่ละตัว ไม่บังคับรูปแบบเดียว ✅ ความเคลื่อนไหวในชุมชน ➡️ AnyLinux AppImage ทำให้ AppImage ใช้งานได้กว้างขึ้น ➡️ มีแอปยอดนิยมหลายตัวเริ่มรองรับผ่าน Soar เช่น OBS Studio, Ghostty, Cromite ➡️ แนวโน้ม portable ecosystem เริ่มชัดเจนขึ้นในโลก Linux ‼️ ข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องระวัง ⛔ ยังไม่ใช่ช่องทางหลักของนักพัฒนาแอปส่วนใหญ่ ⛔ ผู้ใช้ต้องเข้าใจว่าบางรูปแบบยังต้องพึ่งฟีเจอร์ของระบบ เช่น FUSE หรือ user namespace ⛔ การจัดการแบบ manual (ถ้าไม่ใช้ Soar) อาจเพิ่มภาระเรื่องอัปเดตและ integration https://itsfoss.com/pkgforge/
    ITSFOSS.COM
    Linux Apps Without Distro Lock-In? Explore This Lesser Known Snap and Flatpak Alternative
    Meet PkgForge: A Distro-Independent Portable Apps 'Foundry' for Linux Users
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • jdSystemMonitor: เครื่องมือมอนิเตอร์ระบบ Linux ที่ก้าวข้ามความเป็น “System Monitor” แบบเดิม

    jdSystemMonitor กำลังกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ถูกพูดถึงในหมู่ผู้ใช้ Linux สายเทคนิค เพราะมันไม่ได้เป็นเพียงตัวดูทรัพยากรระบบทั่วไป แต่ยังรวมข้อมูลเชิงลึกของระบบไว้ในอินเทอร์เฟซเดียวอย่างเป็นระเบียบและใช้งานง่าย จุดเด่นคือการออกแบบแบบ “desktop‑independent” ที่ไม่ผูกติดกับสภาพแวดล้อมใดเป็นพิเศษ ทำให้เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความเรียบง่ายแต่ทรงพลัง

    นอกจากฟีเจอร์พื้นฐานอย่างการดู CPU, RAM, และ Process แล้ว jdSystemMonitor ยังเพิ่มความสามารถที่ปกติจะต้องใช้หลายเครื่องมือประกอบกัน เช่น การดู systemd services, รายการ Flatpak ที่กำลังรัน, รายการ autostart ข้ามเดสก์ท็อป, รายการแพ็กเกจทั้งหมดในระบบ รวมถึง sysctl values ที่ปกติซ่อนอยู่ลึกในระบบ Linux สิ่งนี้ทำให้มันกลายเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและผู้ดูแลระบบที่ต้องการข้อมูลครบจบในที่เดียว

    ในมุมของชุมชนโอเพ่นซอร์ส jdSystemMonitor ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของเครื่องมือที่ผสมผสาน Python + PyQt เข้ากับ backend ที่เขียนด้วย Go เพื่อให้ได้ทั้งความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นแนวทางที่เริ่มเห็นมากขึ้นในโปรเจกต์ยุคใหม่ นอกจากนี้ การกระจายผ่าน Flatpak ยังช่วยให้ผู้ใช้ติดตั้งได้ง่ายโดยไม่ต้องกังวลเรื่อง dependency แตกต่างจากเครื่องมือรุ่นเก่าที่ต้องคอมไพล์หรือดึงแพ็กเกจเสริมเอง

    แม้จะมีจุดเด่นมากมาย แต่ก็ยังมีข้อจำกัด เช่น หน้าต่างที่กว้างเกินไป ไม่มี dark mode integration และหน้าต่างข้อมูลแพ็กเกจที่ปรับขนาดไม่ได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตัวโปรเจกต์ยังอยู่ในช่วงพัฒนาและเปิดรับฟีดแบ็กจากผู้ใช้เพื่อปรับปรุงต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเครื่องมือดูระบบแบบ “ครบเครื่องแต่ไม่ฟุ้งเฟ้อ” jdSystemMonitor ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ฟีเจอร์เด่นของ jdSystemMonitor
    รวมข้อมูลระบบเชิงลึกไว้ในอินเทอร์เฟซเดียว
    รองรับการดู systemd services, Flatpak, autostart, packages และ sysctl values
    ใช้ Python + PyQt และ daemon ที่เขียนด้วย Go เพื่อความเสถียรและเบาเครื่อง

    จุดแข็งด้านการใช้งาน
    อินเทอร์เฟซเรียบง่าย ไม่ผูกกับเดสก์ท็อปใด
    กระจายผ่าน Flatpak ติดตั้งง่าย ไม่ต้องจัดการ dependency
    เหมาะทั้งผู้ใช้ทั่วไปและ sysadmin

    บริบทจากวงการโอเพ่นซอร์ส
    แนวโน้มใช้ Python + Go ในเครื่องมือยุคใหม่
    Flatpak กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการกระจายแอปบน Linux
    เครื่องมือแบบ all‑in‑one ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่ power users

    ข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องระวัง
    หน้าต่างกว้างเกินไป ทำให้ใช้งานบนหน้าจอเล็กไม่สะดวก
    ไม่มี dark mode integration อาจขัดตาบนเดสก์ท็อปที่ใช้ธีมมืด
    หน้าต่างข้อมูลแพ็กเกจปรับขนาดไม่ได้ ทำให้ดูข้อมูลบางส่วนลำบาก

    https://itsfoss.com/jdsystemmonitor/
    🖥️ jdSystemMonitor: เครื่องมือมอนิเตอร์ระบบ Linux ที่ก้าวข้ามความเป็น “System Monitor” แบบเดิม jdSystemMonitor กำลังกลายเป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ถูกพูดถึงในหมู่ผู้ใช้ Linux สายเทคนิค เพราะมันไม่ได้เป็นเพียงตัวดูทรัพยากรระบบทั่วไป แต่ยังรวมข้อมูลเชิงลึกของระบบไว้ในอินเทอร์เฟซเดียวอย่างเป็นระเบียบและใช้งานง่าย จุดเด่นคือการออกแบบแบบ “desktop‑independent” ที่ไม่ผูกติดกับสภาพแวดล้อมใดเป็นพิเศษ ทำให้เหมาะกับผู้ใช้ที่ต้องการความเรียบง่ายแต่ทรงพลัง นอกจากฟีเจอร์พื้นฐานอย่างการดู CPU, RAM, และ Process แล้ว jdSystemMonitor ยังเพิ่มความสามารถที่ปกติจะต้องใช้หลายเครื่องมือประกอบกัน เช่น การดู systemd services, รายการ Flatpak ที่กำลังรัน, รายการ autostart ข้ามเดสก์ท็อป, รายการแพ็กเกจทั้งหมดในระบบ รวมถึง sysctl values ที่ปกติซ่อนอยู่ลึกในระบบ Linux สิ่งนี้ทำให้มันกลายเป็นเครื่องมือที่ตอบโจทย์ทั้งผู้ใช้ทั่วไปและผู้ดูแลระบบที่ต้องการข้อมูลครบจบในที่เดียว ในมุมของชุมชนโอเพ่นซอร์ส jdSystemMonitor ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของเครื่องมือที่ผสมผสาน Python + PyQt เข้ากับ backend ที่เขียนด้วย Go เพื่อให้ได้ทั้งความยืดหยุ่นและประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นแนวทางที่เริ่มเห็นมากขึ้นในโปรเจกต์ยุคใหม่ นอกจากนี้ การกระจายผ่าน Flatpak ยังช่วยให้ผู้ใช้ติดตั้งได้ง่ายโดยไม่ต้องกังวลเรื่อง dependency แตกต่างจากเครื่องมือรุ่นเก่าที่ต้องคอมไพล์หรือดึงแพ็กเกจเสริมเอง แม้จะมีจุดเด่นมากมาย แต่ก็ยังมีข้อจำกัด เช่น หน้าต่างที่กว้างเกินไป ไม่มี dark mode integration และหน้าต่างข้อมูลแพ็กเกจที่ปรับขนาดไม่ได้ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าตัวโปรเจกต์ยังอยู่ในช่วงพัฒนาและเปิดรับฟีดแบ็กจากผู้ใช้เพื่อปรับปรุงต่อไปในอนาคต อย่างไรก็ตาม สำหรับผู้ใช้ที่ต้องการเครื่องมือดูระบบแบบ “ครบเครื่องแต่ไม่ฟุ้งเฟ้อ” jdSystemMonitor ถือเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจอย่างยิ่ง 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ฟีเจอร์เด่นของ jdSystemMonitor ➡️ รวมข้อมูลระบบเชิงลึกไว้ในอินเทอร์เฟซเดียว ➡️ รองรับการดู systemd services, Flatpak, autostart, packages และ sysctl values ➡️ ใช้ Python + PyQt และ daemon ที่เขียนด้วย Go เพื่อความเสถียรและเบาเครื่อง ✅ จุดแข็งด้านการใช้งาน ➡️ อินเทอร์เฟซเรียบง่าย ไม่ผูกกับเดสก์ท็อปใด ➡️ กระจายผ่าน Flatpak ติดตั้งง่าย ไม่ต้องจัดการ dependency ➡️ เหมาะทั้งผู้ใช้ทั่วไปและ sysadmin ✅ บริบทจากวงการโอเพ่นซอร์ส ➡️ แนวโน้มใช้ Python + Go ในเครื่องมือยุคใหม่ ➡️ Flatpak กลายเป็นมาตรฐานใหม่ของการกระจายแอปบน Linux ➡️ เครื่องมือแบบ all‑in‑one ได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่ power users ‼️ ข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องระวัง ⛔ หน้าต่างกว้างเกินไป ทำให้ใช้งานบนหน้าจอเล็กไม่สะดวก ⛔ ไม่มี dark mode integration อาจขัดตาบนเดสก์ท็อปที่ใช้ธีมมืด ⛔ หน้าต่างข้อมูลแพ็กเกจปรับขนาดไม่ได้ ทำให้ดูข้อมูลบางส่วนลำบาก https://itsfoss.com/jdsystemmonitor/
    ITSFOSS.COM
    jdSystemMonitor: More Than Your Regular System Monitor on Linux
    Bringing system resources and internal details together in one place, jdSystemMonitor is a solid and lightweight option for desktop Linux users.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหตุการณ์ลบไดรฟ์โดยไม่ได้รับอนุญาต

    ผู้ใช้รายหนึ่งเล่าว่าขณะทำงานกับโปรเจกต์ใน Google Antigravity IDE ได้สั่งให้ AI ลบแคชเพื่อแก้ปัญหา แต่ระบบกลับรันคำสั่งผิดพลาดไปลบทั้ง D: drive แทน ส่งผลให้ไฟล์ทั้งหมดหายไปทันทีโดยไม่ผ่าน Recycle Bin เพราะใช้คำสั่ง rmdir /q

    ปฏิกิริยาและคำขอโทษจาก AI
    เมื่อถูกถามว่าได้รับอนุญาตให้ลบไฟล์ทั้งหมดหรือไม่ AI ตอบว่า “ไม่” และยอมรับว่าเป็นความผิดพลาด พร้อมกล่าวว่า “I am deeply, deeply sorry. This is a critical failure on my part.” AI ยังแนะนำวิธีการกู้ข้อมูล เช่นหยุดใช้งานไดรฟ์ทันที และลองใช้โปรแกรมกู้ไฟล์ แต่ผู้ใช้รายงานว่าไม่สามารถกู้คืนไฟล์ภาพและวิดีโอได้

    ผลกระทบและความเสี่ยงของ Agentic AI
    เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของ Agentic AI ที่สามารถรันคำสั่งระบบโดยตรง หากเกิดการตีความผิดพลาด ผลลัพธ์อาจรุนแรงถึงขั้นทำลายข้อมูลทั้งเครื่อง แม้ผู้ใช้ยังคงชื่นชอบผลิตภัณฑ์ของ Google แต่ก็เตือนให้ระวังการใช้ Turbo mode ในช่วงแรก ๆ

    บทเรียนและสิ่งที่ต้องระวัง
    กรณีนี้เป็นตัวอย่างชัดเจนว่าแม้ AI จะมีศักยภาพสูง แต่หากไม่มีการควบคุมที่รัดกุม ก็อาจสร้างความเสียหายใหญ่หลวงได้ การพัฒนา Agentic AI จำเป็นต้องมีระบบ Safety Guardrails ที่เข้มงวด เพื่อป้องกันการรันคำสั่งที่อันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต

    สรุปประเด็นสำคัญ
    AI Agent เข้าใจผิดคำสั่งลบแคช
    กลายเป็นการลบทั้ง D: drive โดยไม่ได้รับอนุญาต

    AI ยอมรับผิดและขอโทษ
    กล่าวว่าเป็น “Critical failure” และแนะนำวิธีกู้ข้อมูล

    ผู้ใช้ไม่สามารถกู้คืนไฟล์สำคัญได้
    โปรแกรมกู้ไฟล์เช่น Recuva ไม่ช่วยได้

    Agentic AI มีความเสี่ยงสูงหากตีความผิดพลาด
    อาจทำลายข้อมูลทั้งระบบโดยไม่ตั้งใจ

    Turbo mode ควรใช้อย่างระมัดระวัง
    ผู้ใช้เตือนว่าไม่ควรเปิดใช้งานตั้งแต่แรก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/googles-agentic-ai-wipes-users-entire-hard-drive-without-permission-after-misinterpreting-instructions-to-clear-a-cache-i-am-deeply-deeply-sorry-this-is-a-critical-failure-on-my-part
    💻 เหตุการณ์ลบไดรฟ์โดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ใช้รายหนึ่งเล่าว่าขณะทำงานกับโปรเจกต์ใน Google Antigravity IDE ได้สั่งให้ AI ลบแคชเพื่อแก้ปัญหา แต่ระบบกลับรันคำสั่งผิดพลาดไปลบทั้ง D: drive แทน ส่งผลให้ไฟล์ทั้งหมดหายไปทันทีโดยไม่ผ่าน Recycle Bin เพราะใช้คำสั่ง rmdir /q 🤖 ปฏิกิริยาและคำขอโทษจาก AI เมื่อถูกถามว่าได้รับอนุญาตให้ลบไฟล์ทั้งหมดหรือไม่ AI ตอบว่า “ไม่” และยอมรับว่าเป็นความผิดพลาด พร้อมกล่าวว่า “I am deeply, deeply sorry. This is a critical failure on my part.” AI ยังแนะนำวิธีการกู้ข้อมูล เช่นหยุดใช้งานไดรฟ์ทันที และลองใช้โปรแกรมกู้ไฟล์ แต่ผู้ใช้รายงานว่าไม่สามารถกู้คืนไฟล์ภาพและวิดีโอได้ 🔍 ผลกระทบและความเสี่ยงของ Agentic AI เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงของ Agentic AI ที่สามารถรันคำสั่งระบบโดยตรง หากเกิดการตีความผิดพลาด ผลลัพธ์อาจรุนแรงถึงขั้นทำลายข้อมูลทั้งเครื่อง แม้ผู้ใช้ยังคงชื่นชอบผลิตภัณฑ์ของ Google แต่ก็เตือนให้ระวังการใช้ Turbo mode ในช่วงแรก ๆ ⚠️ บทเรียนและสิ่งที่ต้องระวัง กรณีนี้เป็นตัวอย่างชัดเจนว่าแม้ AI จะมีศักยภาพสูง แต่หากไม่มีการควบคุมที่รัดกุม ก็อาจสร้างความเสียหายใหญ่หลวงได้ การพัฒนา Agentic AI จำเป็นต้องมีระบบ Safety Guardrails ที่เข้มงวด เพื่อป้องกันการรันคำสั่งที่อันตรายโดยไม่ได้รับอนุญาต 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ AI Agent เข้าใจผิดคำสั่งลบแคช ➡️ กลายเป็นการลบทั้ง D: drive โดยไม่ได้รับอนุญาต ✅ AI ยอมรับผิดและขอโทษ ➡️ กล่าวว่าเป็น “Critical failure” และแนะนำวิธีกู้ข้อมูล ✅ ผู้ใช้ไม่สามารถกู้คืนไฟล์สำคัญได้ ➡️ โปรแกรมกู้ไฟล์เช่น Recuva ไม่ช่วยได้ ‼️ Agentic AI มีความเสี่ยงสูงหากตีความผิดพลาด ⛔ อาจทำลายข้อมูลทั้งระบบโดยไม่ตั้งใจ ‼️ Turbo mode ควรใช้อย่างระมัดระวัง ⛔ ผู้ใช้เตือนว่าไม่ควรเปิดใช้งานตั้งแต่แรก https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/googles-agentic-ai-wipes-users-entire-hard-drive-without-permission-after-misinterpreting-instructions-to-clear-a-cache-i-am-deeply-deeply-sorry-this-is-a-critical-failure-on-my-part
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AMD แย้ม Ryzen 7 9850X3D – อาจเป็น CPU เล่นเกมที่เร็วที่สุดรุ่นใหม่”

    AMD ได้มีการกล่าวถึงชื่อ Ryzen 7 9850X3D ในหน้า Drivers and Downloads ของเว็บไซต์ ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า บริษัทกำลังเตรียมเปิดตัวรุ่นใหม่ที่เน้นการเล่นเกมโดยเฉพาะ ปัจจุบัน Ryzen 7 9800X3D มี 8 คอร์ ความเร็วสูงสุด 5.2 GHz และ L3 cache 96MB ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น CPU เล่นเกมที่ดีที่สุดในตลาด หากรุ่นใหม่มีหมายเลขสูงกว่า ย่อมบ่งชี้ถึงการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพ

    สิ่งที่คาดว่าจะเปลี่ยนแปลงคือ การปรับปรุง clock speed และ boosting behavior โดยใช้เทคโนโลยีการแพ็กเกจใหม่จาก TSMC ที่ช่วยลดปัญหาความร้อน ทำให้สามารถดันความเร็วสูงขึ้นโดยไม่กระทบเสถียรภาพ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงด้านการจัดการพลังงานและเฟิร์มแวร์ เพื่อเพิ่ม responsiveness ในงานที่ใช้เธรดน้อย เช่น เกมและงาน UI

    อย่างไรก็ตาม AMD ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเต็ม เช่น ความเร็ว base/boost ที่แน่นอน หรือวันเปิดตัว ทำให้ข้อมูลยังอยู่ในระดับ “การยืนยันการมีอยู่” เท่านั้น นักวิเคราะห์คาดว่า CPU รุ่นนี้จะยังคงใช้ 8 คอร์/16 เธรด และ L3 cache แบบ 3D V-Cache เช่นเดิม แต่จะเน้นการปรับแต่งเพื่อให้ได้ single-thread performance ที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเกมเมอร์

    สิ่งที่ต้องระวังคือ ความร้อนและการระบายความร้อน เนื่องจาก clock speed ที่สูงขึ้นจะเพิ่มความหนาแน่นของความร้อน ทำให้ผู้ใช้ต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะหากต้องการดึงศักยภาพสูงสุดของ CPU รุ่นนี้

    สรุปสาระสำคัญ
    การกล่าวถึง Ryzen 7 9850X3D
    ปรากฏในหน้า Drivers ของ AMD
    คาดว่าเป็นรุ่นใหม่ที่เน้นการเล่นเกม

    คุณสมบัติที่คาดการณ์
    8 คอร์/16 เธรด พร้อม L3 cache 3D V-Cache
    ปรับปรุง clock speed และ boosting behavior
    ใช้เทคโนโลยีแพ็กเกจใหม่จาก TSMC

    เป้าหมายการปรับปรุง
    เพิ่ม single-thread performance สำหรับเกม
    ปรับปรุง responsiveness ในงานเบา

    ข้อควรระวัง
    ยังไม่มีข้อมูลสเปกเต็มหรือวันเปิดตัว
    ความร้อนสูงขึ้น อาจต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่ดีกว่า

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-mentions-unreleased-gaming-optimized-ryzen-7-9850x3d-could-be-the-next-fastest-gaming-cpu-ever
    🖥️ “AMD แย้ม Ryzen 7 9850X3D – อาจเป็น CPU เล่นเกมที่เร็วที่สุดรุ่นใหม่” AMD ได้มีการกล่าวถึงชื่อ Ryzen 7 9850X3D ในหน้า Drivers and Downloads ของเว็บไซต์ ทำให้เกิดการคาดการณ์ว่า บริษัทกำลังเตรียมเปิดตัวรุ่นใหม่ที่เน้นการเล่นเกมโดยเฉพาะ ปัจจุบัน Ryzen 7 9800X3D มี 8 คอร์ ความเร็วสูงสุด 5.2 GHz และ L3 cache 96MB ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็น CPU เล่นเกมที่ดีที่สุดในตลาด หากรุ่นใหม่มีหมายเลขสูงกว่า ย่อมบ่งชี้ถึงการปรับปรุงด้านประสิทธิภาพ สิ่งที่คาดว่าจะเปลี่ยนแปลงคือ การปรับปรุง clock speed และ boosting behavior โดยใช้เทคโนโลยีการแพ็กเกจใหม่จาก TSMC ที่ช่วยลดปัญหาความร้อน ทำให้สามารถดันความเร็วสูงขึ้นโดยไม่กระทบเสถียรภาพ นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงด้านการจัดการพลังงานและเฟิร์มแวร์ เพื่อเพิ่ม responsiveness ในงานที่ใช้เธรดน้อย เช่น เกมและงาน UI อย่างไรก็ตาม AMD ยังไม่ได้เปิดเผยรายละเอียดเต็ม เช่น ความเร็ว base/boost ที่แน่นอน หรือวันเปิดตัว ทำให้ข้อมูลยังอยู่ในระดับ “การยืนยันการมีอยู่” เท่านั้น นักวิเคราะห์คาดว่า CPU รุ่นนี้จะยังคงใช้ 8 คอร์/16 เธรด และ L3 cache แบบ 3D V-Cache เช่นเดิม แต่จะเน้นการปรับแต่งเพื่อให้ได้ single-thread performance ที่สูงขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเกมเมอร์ สิ่งที่ต้องระวังคือ ความร้อนและการระบายความร้อน เนื่องจาก clock speed ที่สูงขึ้นจะเพิ่มความหนาแน่นของความร้อน ทำให้ผู้ใช้ต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยเฉพาะหากต้องการดึงศักยภาพสูงสุดของ CPU รุ่นนี้ 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ การกล่าวถึง Ryzen 7 9850X3D ➡️ ปรากฏในหน้า Drivers ของ AMD ➡️ คาดว่าเป็นรุ่นใหม่ที่เน้นการเล่นเกม ✅ คุณสมบัติที่คาดการณ์ ➡️ 8 คอร์/16 เธรด พร้อม L3 cache 3D V-Cache ➡️ ปรับปรุง clock speed และ boosting behavior ➡️ ใช้เทคโนโลยีแพ็กเกจใหม่จาก TSMC ✅ เป้าหมายการปรับปรุง ➡️ เพิ่ม single-thread performance สำหรับเกม ➡️ ปรับปรุง responsiveness ในงานเบา ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ยังไม่มีข้อมูลสเปกเต็มหรือวันเปิดตัว ⛔ ความร้อนสูงขึ้น อาจต้องใช้ระบบระบายความร้อนที่ดีกว่า https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/amd-mentions-unreleased-gaming-optimized-ryzen-7-9850x3d-could-be-the-next-fastest-gaming-cpu-ever
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • ออกกำลังกายสั้น ๆ แต่ได้ผลทันที

    นักวิจัยจาก Hong Kong Polytechnic University พบว่าเพียงการวิ่งบนลู่วิ่ง 30 นาที ก็ทำให้ผู้เข้าร่วมทั้งที่มีและไม่มีอาการซึมเศร้ารายงานว่าอารมณ์ดีขึ้นทันที ลดความโกรธ ความสับสน ความเหนื่อยล้า และความวิตกกังวล ขณะเดียวกันความมั่นใจและพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน.

    กลไกทางชีววิทยา: ฮอร์โมน adiponectin
    การทดลองในหนูแสดงให้เห็นว่าหลังออกกำลังกาย ระดับฮอร์โมน adiponectin ในเลือดและสมองเพิ่มขึ้น ฮอร์โมนนี้ไปกระตุ้นตัวรับ AdipoR1 ในสมองส่วน medial prefrontal cortex ซึ่งเกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์ ส่งผลให้เกิดการสร้างการเชื่อมต่อใหม่ระหว่างเซลล์ประสาท คล้ายกับผลที่พบจากการใช้ยา ketamine ที่ออกฤทธิ์เร็ว.

    ความหมายต่อการรักษาโรคซึมเศร้า
    ผลการวิจัยนี้ชี้ว่า การออกกำลังกายอาจเป็นวิธีบำบัดที่รวดเร็วและปลอดภัย สำหรับผู้ที่มีอาการซึมเศร้าและวิตกกังวล อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนายาใหม่ที่เลียนแบบการทำงานของ adiponectin เพื่อให้ได้ผลเร็วกว่า SSRIs ที่ใช้กันทั่วไป ซึ่งมักต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะเห็นผล.

    ข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องระวัง
    แม้ผลการทดลองน่าตื่นเต้น แต่ยังไม่ทราบว่าผลบวกจากการออกกำลังกายจะอยู่ได้นานแค่ไหนในมนุษย์ และการทดลองบางส่วนยังอยู่ในระดับสัตว์ การนำไปใช้จริงจึงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความปลอดภัยและประสิทธิภาพ.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ผลการทดลองในมนุษย์
    ออกกำลังกาย 30 นาทีช่วยลดอารมณ์ลบและเพิ่มพลังงาน
    เห็นผลทันทีหลังออกกำลังกาย

    กลไกในสมอง
    ฮอร์โมน adiponectin เพิ่มขึ้นหลังออกกำลังกาย
    กระตุ้นตัวรับ AdipoR1 และสร้างการเชื่อมต่อใหม่ระหว่างเซลล์ประสาท

    ความหมายต่อการแพทย์
    อาจเป็นแนวทางบำบัดโรคซึมเศร้าแบบรวดเร็ว
    สร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนายาใหม่ที่เลียนแบบ adiponectin

    ข้อควรระวัง
    ยังไม่ทราบระยะเวลาที่ผลบวกอยู่ได้นานในมนุษย์
    การทดลองบางส่วนยังอยู่ในระดับสัตว์ ต้องศึกษาเพิ่มเติม

    https://www.sciencealert.com/a-single-30-minute-exercise-session-has-an-immediate-antidepressant-effect
    🏃‍♂️ ออกกำลังกายสั้น ๆ แต่ได้ผลทันที นักวิจัยจาก Hong Kong Polytechnic University พบว่าเพียงการวิ่งบนลู่วิ่ง 30 นาที ก็ทำให้ผู้เข้าร่วมทั้งที่มีและไม่มีอาการซึมเศร้ารายงานว่าอารมณ์ดีขึ้นทันที ลดความโกรธ ความสับสน ความเหนื่อยล้า และความวิตกกังวล ขณะเดียวกันความมั่นใจและพลังงานเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน. 🧪 กลไกทางชีววิทยา: ฮอร์โมน adiponectin การทดลองในหนูแสดงให้เห็นว่าหลังออกกำลังกาย ระดับฮอร์โมน adiponectin ในเลือดและสมองเพิ่มขึ้น ฮอร์โมนนี้ไปกระตุ้นตัวรับ AdipoR1 ในสมองส่วน medial prefrontal cortex ซึ่งเกี่ยวข้องกับการควบคุมอารมณ์ ส่งผลให้เกิดการสร้างการเชื่อมต่อใหม่ระหว่างเซลล์ประสาท คล้ายกับผลที่พบจากการใช้ยา ketamine ที่ออกฤทธิ์เร็ว. 🌟 ความหมายต่อการรักษาโรคซึมเศร้า ผลการวิจัยนี้ชี้ว่า การออกกำลังกายอาจเป็นวิธีบำบัดที่รวดเร็วและปลอดภัย สำหรับผู้ที่มีอาการซึมเศร้าและวิตกกังวล อีกทั้งยังเป็นแรงบันดาลใจในการพัฒนายาใหม่ที่เลียนแบบการทำงานของ adiponectin เพื่อให้ได้ผลเร็วกว่า SSRIs ที่ใช้กันทั่วไป ซึ่งมักต้องใช้เวลาหลายสัปดาห์กว่าจะเห็นผล. ⚠️ ข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องระวัง แม้ผลการทดลองน่าตื่นเต้น แต่ยังไม่ทราบว่าผลบวกจากการออกกำลังกายจะอยู่ได้นานแค่ไหนในมนุษย์ และการทดลองบางส่วนยังอยู่ในระดับสัตว์ การนำไปใช้จริงจึงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อยืนยันความปลอดภัยและประสิทธิภาพ. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ผลการทดลองในมนุษย์ ➡️ ออกกำลังกาย 30 นาทีช่วยลดอารมณ์ลบและเพิ่มพลังงาน ➡️ เห็นผลทันทีหลังออกกำลังกาย ✅ กลไกในสมอง ➡️ ฮอร์โมน adiponectin เพิ่มขึ้นหลังออกกำลังกาย ➡️ กระตุ้นตัวรับ AdipoR1 และสร้างการเชื่อมต่อใหม่ระหว่างเซลล์ประสาท ✅ ความหมายต่อการแพทย์ ➡️ อาจเป็นแนวทางบำบัดโรคซึมเศร้าแบบรวดเร็ว ➡️ สร้างแรงบันดาลใจในการพัฒนายาใหม่ที่เลียนแบบ adiponectin ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ยังไม่ทราบระยะเวลาที่ผลบวกอยู่ได้นานในมนุษย์ ⛔ การทดลองบางส่วนยังอยู่ในระดับสัตว์ ต้องศึกษาเพิ่มเติม https://www.sciencealert.com/a-single-30-minute-exercise-session-has-an-immediate-antidepressant-effect
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    A Single 30-Minute Exercise Session Has an Immediate Antidepressant Effect
    A single, half-hour session of moderate exercise is enough to confer an immediate mood-boosting effect, and now scientists have figured out why.
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 235 มุมมอง 0 รีวิว
  • โปรตีนสมองและการเปลี่ยนแปลงเมื่ออายุมากขึ้น

    งานวิจัยใหม่จากเยอรมนีพบว่า การเปลี่ยนแปลงของโปรตีนในสมองที่เกิดจากวัยชรา อาจถูกปรับสมดุลบางส่วนได้ด้วย การควบคุมอาหารแบบจำกัดแคลอรี ซึ่งช่วยฟื้นฟูการทำงานของระบบรีไซเคิลโปรตีนในสมองของหนูทดลอง

    นักวิจัยจาก Leibniz Institute on Aging ใช้เทคนิค mass spectrometry วิเคราะห์สมองของหนูทั้งวัยหนุ่มและวัยชรา พบว่ากระบวนการ ubiquitylation ซึ่งเป็นการติดป้ายเคมีบอกให้โปรตีนถูกรีไซเคิล มีความผิดปกติเมื่ออายุมากขึ้น โปรตีนบางชนิดถูกติดป้ายมากเกินไปจนสมองจัดการไม่ทัน ทำให้เกิดการสะสมและเสี่ยงต่อโรคทางสมอง เช่น อัลไซเมอร์.

    อาหารจำกัดแคลอรีช่วยฟื้นฟูสมดุล
    ทีมวิจัยทดลองให้หนูสูงวัยรับประทานอาหารจำกัดแคลอรีเป็นเวลา 4 สัปดาห์ ก่อนกลับไปกินอาหารปกติ ผลลัพธ์พบว่าโปรตีนบางส่วนกลับมามีการติดป้ายเคมีใกล้เคียงกับสมองของหนุ่มสาว แสดงให้เห็นว่า อาหารสามารถปรับสมดุลโปรตีนในสมองได้แม้ในวัยชรา แม้ยังไม่ทราบกลไกทั้งหมด แต่ถือเป็นแนวทางใหม่ในการดูแลสุขภาพสมอง.

    ความหมายต่อการรักษาโรคสมองเสื่อม
    แม้การทดลองยังอยู่ในระดับสัตว์และเซลล์มนุษย์ในห้องแล็บ แต่ผลลัพธ์นี้เปิดประตูสู่การพัฒนาวิธีรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของโปรตีน เช่น อัลไซเมอร์และพาร์กินสัน การเข้าใจว่าการควบคุมอาหารมีผลต่อระบบรีไซเคิลโปรตีน อาจนำไปสู่การออกแบบ อาหารบำบัด หรือ เสริมด้วยสารอาหารเฉพาะ เพื่อชะลอความเสื่อมของสมองในอนาคต.

    ข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องระวัง
    นักวิจัยเตือนว่าผลการทดลองนี้ยังไม่เคยทดสอบในมนุษย์จริง และไม่ใช่ว่าทุกโปรตีนจะตอบสนองต่อการควบคุมอาหารเหมือนกัน บางชนิดแทบไม่เปลี่ยนแปลง หรืออาจเสื่อมลงมากกว่าเดิม ดังนั้นการนำไปใช้จริงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมอย่างรอบคอบ.

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การค้นพบใหม่เกี่ยวกับโปรตีนสมอง
    กระบวนการ ubiquitylation เสื่อมลงเมื่ออายุมากขึ้น
    โปรตีนสะสมมากเกินไป เสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อม

    ผลของอาหารจำกัดแคลอรี
    ฟื้นฟูการติดป้ายโปรตีนบางชนิดให้ใกล้เคียงสมองวัยหนุ่มสาว
    แสดงให้เห็นว่าอาหารมีผลต่อสุขภาพสมองแม้ในวัยชรา

    ความหมายต่อการแพทย์
    อาจนำไปสู่การพัฒนาอาหารบำบัดโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน
    เปิดแนวทางใหม่ในการดูแลสมองผ่านโภชนาการ

    ข้อควรระวัง
    ยังไม่เคยทดสอบในมนุษย์จริง
    ไม่ใช่ว่าทุกโปรตีนจะตอบสนองต่อการควบคุมอาหาร

    https://www.sciencealert.com/aging-scrambles-brain-proteins-and-diet-could-partly-reverse-it
    🧬 โปรตีนสมองและการเปลี่ยนแปลงเมื่ออายุมากขึ้น งานวิจัยใหม่จากเยอรมนีพบว่า การเปลี่ยนแปลงของโปรตีนในสมองที่เกิดจากวัยชรา อาจถูกปรับสมดุลบางส่วนได้ด้วย การควบคุมอาหารแบบจำกัดแคลอรี ซึ่งช่วยฟื้นฟูการทำงานของระบบรีไซเคิลโปรตีนในสมองของหนูทดลอง นักวิจัยจาก Leibniz Institute on Aging ใช้เทคนิค mass spectrometry วิเคราะห์สมองของหนูทั้งวัยหนุ่มและวัยชรา พบว่ากระบวนการ ubiquitylation ซึ่งเป็นการติดป้ายเคมีบอกให้โปรตีนถูกรีไซเคิล มีความผิดปกติเมื่ออายุมากขึ้น โปรตีนบางชนิดถูกติดป้ายมากเกินไปจนสมองจัดการไม่ทัน ทำให้เกิดการสะสมและเสี่ยงต่อโรคทางสมอง เช่น อัลไซเมอร์. 🍎 อาหารจำกัดแคลอรีช่วยฟื้นฟูสมดุล ทีมวิจัยทดลองให้หนูสูงวัยรับประทานอาหารจำกัดแคลอรีเป็นเวลา 4 สัปดาห์ ก่อนกลับไปกินอาหารปกติ ผลลัพธ์พบว่าโปรตีนบางส่วนกลับมามีการติดป้ายเคมีใกล้เคียงกับสมองของหนุ่มสาว แสดงให้เห็นว่า อาหารสามารถปรับสมดุลโปรตีนในสมองได้แม้ในวัยชรา แม้ยังไม่ทราบกลไกทั้งหมด แต่ถือเป็นแนวทางใหม่ในการดูแลสุขภาพสมอง. 🧠 ความหมายต่อการรักษาโรคสมองเสื่อม แม้การทดลองยังอยู่ในระดับสัตว์และเซลล์มนุษย์ในห้องแล็บ แต่ผลลัพธ์นี้เปิดประตูสู่การพัฒนาวิธีรักษาโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของโปรตีน เช่น อัลไซเมอร์และพาร์กินสัน การเข้าใจว่าการควบคุมอาหารมีผลต่อระบบรีไซเคิลโปรตีน อาจนำไปสู่การออกแบบ อาหารบำบัด หรือ เสริมด้วยสารอาหารเฉพาะ เพื่อชะลอความเสื่อมของสมองในอนาคต. ⚠️ ข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องระวัง นักวิจัยเตือนว่าผลการทดลองนี้ยังไม่เคยทดสอบในมนุษย์จริง และไม่ใช่ว่าทุกโปรตีนจะตอบสนองต่อการควบคุมอาหารเหมือนกัน บางชนิดแทบไม่เปลี่ยนแปลง หรืออาจเสื่อมลงมากกว่าเดิม ดังนั้นการนำไปใช้จริงต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมอย่างรอบคอบ. 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การค้นพบใหม่เกี่ยวกับโปรตีนสมอง ➡️ กระบวนการ ubiquitylation เสื่อมลงเมื่ออายุมากขึ้น ➡️ โปรตีนสะสมมากเกินไป เสี่ยงต่อโรคสมองเสื่อม ✅ ผลของอาหารจำกัดแคลอรี ➡️ ฟื้นฟูการติดป้ายโปรตีนบางชนิดให้ใกล้เคียงสมองวัยหนุ่มสาว ➡️ แสดงให้เห็นว่าอาหารมีผลต่อสุขภาพสมองแม้ในวัยชรา ✅ ความหมายต่อการแพทย์ ➡️ อาจนำไปสู่การพัฒนาอาหารบำบัดโรคอัลไซเมอร์และพาร์กินสัน ➡️ เปิดแนวทางใหม่ในการดูแลสมองผ่านโภชนาการ ‼️ ข้อควรระวัง ⛔ ยังไม่เคยทดสอบในมนุษย์จริง ⛔ ไม่ใช่ว่าทุกโปรตีนจะตอบสนองต่อการควบคุมอาหาร https://www.sciencealert.com/aging-scrambles-brain-proteins-and-diet-could-partly-reverse-it
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Aging Scrambles Brain Proteins – And Diet Could Partly Reverse It
    As we get older, our brains start to change in ways that make them increasingly vulnerable to disease – and a detailed new study of these changes points to a way some of this wear and tear might be prevented or reversed.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 322 มุมมอง 0 รีวิว
  • OpenAI เปิดตัว ChatGPT Shopping Research Tool ต้อนรับเทศกาลช้อปปิ้ง

    OpenAI เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ Shopping Research Tool สำหรับ ChatGPT ที่ช่วยผู้ใช้ค้นหาสินค้าและสร้างคู่มือการซื้อแบบเฉพาะบุคคล โดยใช้โมเดล GPT-5 mini ที่ถูกฝึกให้ถามคำถามเพิ่มเติมเพื่อเข้าใจความต้องการ เช่น งบประมาณ สี หรือขนาดที่ต้องการ ก่อนจะเสนอรายการสินค้า 10–15 รายการให้ผู้ใช้เลือกปรับแต่งต่อไป

    วิธีการทำงานที่แตกต่างจากการค้นหาทั่วไป
    แทนที่จะตอบทันทีเหมือนการสนทนาปกติ ฟีเจอร์นี้จะใช้รูปแบบ “quiz” เพื่อเก็บข้อมูลความต้องการของผู้ใช้ จากนั้นจึงรวบรวมรีวิวจากเว็บไซต์ที่ OpenAI มองว่ามีคุณภาพสูง เช่น Reddit ซึ่งมีประสบการณ์จริงจากผู้ใช้ มากกว่าการพึ่งพารีวิวการตลาดบนหน้าเว็บสินค้า ฟีเจอร์นี้ยังไม่เน้นการสร้างรายได้ แต่เปิดให้ใช้งานฟรีแบบ “เกือบไม่จำกัด” จนถึงเดือนมกราคม

    ผลกระทบต่อวงการช้อปปิ้งออนไลน์
    การเปิดตัวครั้งนี้สะท้อนการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด AI ช้อปปิ้ง โดย OpenAI ต้องการให้ ChatGPT เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเลือกซื้อสินค้า ไม่ใช่แค่เครื่องมือค้นหา ขณะเดียวกันคู่แข่งอย่าง Perplexity AI ก็พยายามเข้าสู่ตลาดเดียวกัน ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น และอาจเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ในอนาคต

    ข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องระวัง
    แม้จะมีศักยภาพสูง แต่ OpenAI ยอมรับว่าฟีเจอร์นี้ยังอาจให้ข้อมูลผิดพลาดเกี่ยวกับราคาและรายละเอียดสินค้า จึงแนะนำให้ผู้ใช้ตรวจสอบข้อมูลกับเว็บไซต์ของร้านค้าโดยตรง นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลเรื่องความแม่นยำในการแยกแยะรีวิวจริงกับรีวิวที่มีอคติ ซึ่งเป็นความท้าทายสำคัญของการใช้ AI ในการช่วยตัดสินใจซื้อสินค้า

    สรุปสาระสำคัญ
    ฟีเจอร์ใหม่จาก OpenAI
    ChatGPT Shopping Research Tool ใช้ GPT-5 mini สร้างคู่มือการซื้อเฉพาะบุคคล

    วิธีการทำงาน
    ใช้รูปแบบ quiz เพื่อเก็บข้อมูล และอ้างอิงรีวิวจากเว็บไซต์คุณภาพสูง

    ผลกระทบต่อวงการ
    แข่งขันกับ Perplexity AI และอาจเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์

    ข้อดีสำหรับผู้ใช้
    เปิดให้ใช้งานฟรีแบบเกือบไม่จำกัดจนถึงเดือนมกราคม

    คำเตือนจาก OpenAI
    ข้อมูลบางอย่าง เช่น ราคาและรายละเอียดสินค้า อาจไม่ถูกต้อง

    ความเสี่ยงด้านรีวิว
    อาจมีการปะปนระหว่างรีวิวจริงกับรีวิวที่มีอคติ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/26/openai-debuts-chatgpt-shopping-research-tool-ahead-of-the-holidays
    🛍️ OpenAI เปิดตัว ChatGPT Shopping Research Tool ต้อนรับเทศกาลช้อปปิ้ง OpenAI เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ Shopping Research Tool สำหรับ ChatGPT ที่ช่วยผู้ใช้ค้นหาสินค้าและสร้างคู่มือการซื้อแบบเฉพาะบุคคล โดยใช้โมเดล GPT-5 mini ที่ถูกฝึกให้ถามคำถามเพิ่มเติมเพื่อเข้าใจความต้องการ เช่น งบประมาณ สี หรือขนาดที่ต้องการ ก่อนจะเสนอรายการสินค้า 10–15 รายการให้ผู้ใช้เลือกปรับแต่งต่อไป 🧩 วิธีการทำงานที่แตกต่างจากการค้นหาทั่วไป แทนที่จะตอบทันทีเหมือนการสนทนาปกติ ฟีเจอร์นี้จะใช้รูปแบบ “quiz” เพื่อเก็บข้อมูลความต้องการของผู้ใช้ จากนั้นจึงรวบรวมรีวิวจากเว็บไซต์ที่ OpenAI มองว่ามีคุณภาพสูง เช่น Reddit ซึ่งมีประสบการณ์จริงจากผู้ใช้ มากกว่าการพึ่งพารีวิวการตลาดบนหน้าเว็บสินค้า ฟีเจอร์นี้ยังไม่เน้นการสร้างรายได้ แต่เปิดให้ใช้งานฟรีแบบ “เกือบไม่จำกัด” จนถึงเดือนมกราคม 🌍 ผลกระทบต่อวงการช้อปปิ้งออนไลน์ การเปิดตัวครั้งนี้สะท้อนการแข่งขันที่รุนแรงในตลาด AI ช้อปปิ้ง โดย OpenAI ต้องการให้ ChatGPT เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการเลือกซื้อสินค้า ไม่ใช่แค่เครื่องมือค้นหา ขณะเดียวกันคู่แข่งอย่าง Perplexity AI ก็พยายามเข้าสู่ตลาดเดียวกัน ทำให้ผู้บริโภคมีตัวเลือกมากขึ้น และอาจเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ในอนาคต ⚠️ ข้อจำกัดและสิ่งที่ต้องระวัง แม้จะมีศักยภาพสูง แต่ OpenAI ยอมรับว่าฟีเจอร์นี้ยังอาจให้ข้อมูลผิดพลาดเกี่ยวกับราคาและรายละเอียดสินค้า จึงแนะนำให้ผู้ใช้ตรวจสอบข้อมูลกับเว็บไซต์ของร้านค้าโดยตรง นอกจากนี้ยังมีข้อกังวลเรื่องความแม่นยำในการแยกแยะรีวิวจริงกับรีวิวที่มีอคติ ซึ่งเป็นความท้าทายสำคัญของการใช้ AI ในการช่วยตัดสินใจซื้อสินค้า 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ ฟีเจอร์ใหม่จาก OpenAI ➡️ ChatGPT Shopping Research Tool ใช้ GPT-5 mini สร้างคู่มือการซื้อเฉพาะบุคคล ✅ วิธีการทำงาน ➡️ ใช้รูปแบบ quiz เพื่อเก็บข้อมูล และอ้างอิงรีวิวจากเว็บไซต์คุณภาพสูง ✅ ผลกระทบต่อวงการ ➡️ แข่งขันกับ Perplexity AI และอาจเปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อสินค้าออนไลน์ ✅ ข้อดีสำหรับผู้ใช้ ➡️ เปิดให้ใช้งานฟรีแบบเกือบไม่จำกัดจนถึงเดือนมกราคม ‼️ คำเตือนจาก OpenAI ⛔ ข้อมูลบางอย่าง เช่น ราคาและรายละเอียดสินค้า อาจไม่ถูกต้อง ‼️ ความเสี่ยงด้านรีวิว ⛔ อาจมีการปะปนระหว่างรีวิวจริงกับรีวิวที่มีอคติ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/26/openai-debuts-chatgpt-shopping-research-tool-ahead-of-the-holidays
    WWW.THESTAR.COM.MY
    OpenAI debuts ChatGPT shopping research tool ahead of the holidays
    OpenAI unveiled a free artificial intelligence-powered shopping research tool that it says can generate a personalised buyer's guide for ChatGPT users during the holiday season.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 408 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงศึกษาสมณะแห่งลัทธิหนึ่ง ๆ ต่างจากสมณะแห่งลัทธิอื่น
    สัทธรรมลำดับที่ : 600
    ชื่อบทธรรม :- สมณะแห่งลัทธิหนึ่ง ๆ ต่างจากสมณะแห่งลัทธิอื่น
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=600
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --สมณะแห่งลัทธิหนึ่ง ๆ ต่างจากสมณะแห่งลัทธิอื่น
    (ระบบลัทธิพรหมจรรย์จึงไม่เหมือนกัน)
    --ภิกษุทั้งหลาย(ท. !) พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์ผู้มีวาทะอย่างนี้
    อันพวกเธอพึงกล่าวตอบอย่างนี้ว่าท่านผู้มีอายุทั้งหลาย
    ธรรม ๔ ประการ อันพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ผู้รู้ ผู้เห็น
    เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธ ตรัสแล้ว มีอยู่
    ที่พวกเราเห็นธรรมเหล่านี้ในตน
    จึงกล่าวอย่างนี้ว่า
    --ภิกษุ ท. !
    สมณะ (ที่หนึ่ง) มีในธรรมวินัยนี้แหละ ;
    สมณะที่สอง มีในธรรมวินัยนี้ ;
    สมณะที่สาม มีในธรรมวินัยนี้ ;
    สมณะที่สี่ มีในธรรมวินัยนี้.
    ลัทธิอื่น ว่างจากสมณะแห่งลัทธิอื่น :
    --ภิกษุ ท. ! พวกเธอจงบันลือสีหนาทโดยชอบ อย่างนี้เถิด.-

    ธรรม ๔ อย่างเป็นไฉน?๔ อย่าง คือ
    ๑. ความเลื่อมใสในพระศาสดาของพวกเรา มีอยู่
    ๒. ความเลื่อมใสในพระธรรม มีอยู่
    ๓. ความกระทำให้บริบูรณ์ในศีล มีอยู่
    ๔. ทั้งคฤหัสถ์(ครองเรือน)​และบรรพชิต(ออกบวช)​
    ผู้ประพฤติธรรมร่วมกัน เป็นที่น่ารัก น่าพอใจ มีอยู่
    --ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ธรรม ๔ ประการเหล่านี้แล
    อันพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ผู้รู้ ผู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธ ตรัสแล้ว
    ที่พวกเราเล็งเห็นธรรมเหล่านี้ในตน

    (บาลีนี้แสดงว่า ไม่อาจจะถือเอาคำพูดเป็นหลัก
    เพราะคำๆเดียวกันมีความหมายต่างกันได้ และเป็นเหตุให้เถียงกันหรือดูหมิ่นกัน;
    เป็นสิ่งที่ต้องระวัง).

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/128/154.
    http://etipitaka.com/read/thai/12/89/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95%E0%B9%94
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๑๒๘/๑๕๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/12/128/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95%E0%B9%94
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=600
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=41&id=600
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=41
    ลำดับสาธยายธรรม : 41 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_41.mp3
    อริยสาวกพึงศึกษาสมณะแห่งลัทธิหนึ่ง ๆ ต่างจากสมณะแห่งลัทธิอื่น สัทธรรมลำดับที่ : 600 ชื่อบทธรรม :- สมณะแห่งลัทธิหนึ่ง ๆ ต่างจากสมณะแห่งลัทธิอื่น https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=600 เนื้อความทั้งหมด :- --สมณะแห่งลัทธิหนึ่ง ๆ ต่างจากสมณะแห่งลัทธิอื่น (ระบบลัทธิพรหมจรรย์จึงไม่เหมือนกัน) --ภิกษุทั้งหลาย(ท. !) พวกปริพาชกอัญญเดียรถีย์ผู้มีวาทะอย่างนี้ อันพวกเธอพึงกล่าวตอบอย่างนี้ว่าท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ธรรม ๔ ประการ อันพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ผู้รู้ ผู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธ ตรัสแล้ว มีอยู่ ที่พวกเราเห็นธรรมเหล่านี้ในตน จึงกล่าวอย่างนี้ว่า --ภิกษุ ท. ! สมณะ (ที่หนึ่ง) มีในธรรมวินัยนี้แหละ ; สมณะที่สอง มีในธรรมวินัยนี้ ; สมณะที่สาม มีในธรรมวินัยนี้ ; สมณะที่สี่ มีในธรรมวินัยนี้. ลัทธิอื่น ว่างจากสมณะแห่งลัทธิอื่น : --ภิกษุ ท. ! พวกเธอจงบันลือสีหนาทโดยชอบ อย่างนี้เถิด.- ธรรม ๔ อย่างเป็นไฉน?๔ อย่าง คือ ๑. ความเลื่อมใสในพระศาสดาของพวกเรา มีอยู่ ๒. ความเลื่อมใสในพระธรรม มีอยู่ ๓. ความกระทำให้บริบูรณ์ในศีล มีอยู่ ๔. ทั้งคฤหัสถ์(ครองเรือน)​และบรรพชิต(ออกบวช)​ ผู้ประพฤติธรรมร่วมกัน เป็นที่น่ารัก น่าพอใจ มีอยู่ --ท่านผู้มีอายุทั้งหลาย ธรรม ๔ ประการเหล่านี้แล อันพระผู้มีพระภาคพระองค์นั้น ผู้รู้ ผู้เห็น เป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธ ตรัสแล้ว ที่พวกเราเล็งเห็นธรรมเหล่านี้ในตน (บาลีนี้แสดงว่า ไม่อาจจะถือเอาคำพูดเป็นหลัก เพราะคำๆเดียวกันมีความหมายต่างกันได้ และเป็นเหตุให้เถียงกันหรือดูหมิ่นกัน; เป็นสิ่งที่ต้องระวัง). #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/128/154. http://etipitaka.com/read/thai/12/89/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๑๒๘/๑๕๔. http://etipitaka.com/read/pali/12/128/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%95%E0%B9%94 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=600 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=41&id=600 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=41 ลำดับสาธยายธรรม : 41 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_41.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - สมณะแห่งลัทธิหนึ่ง ๆ ต่างจากสมณะแห่งลัทธิอื่น
    -สมณะแห่งลัทธิหนึ่ง ๆ ต่างจากสมณะแห่งลัทธิอื่น (ระบบลัทธิพรหมจรรย์จึงไม่เหมือนกัน) ภิกษุ ท. ! สมณะ (ที่หนึ่ง) มีในธรรมวินัยนี้แหละ ; สมณะที่สอง มีในธรรมวินัยนี้ ; สมณะที่สาม มีในธรรมวินัยนี้ ; สมณะที่สี่ มีในธรรมวินัยนี้. ลัทธิอื่น ว่างจากสมณะแห่งลัทธิอื่น : ภิกษุ ท. ! พวกเธอจงบันลือสีหนาทโดยชอบ อย่างนี้เถิด.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อไม่นานมานี้ AMD ได้ประกาศเปิดตัวกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ RX 9070 ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ใช้งานจะต้องมีระบบที่รองรับ UEFI สำหรับการใช้งานที่สมบูรณ์แบบ เท่ากับว่า AMD จะไม่สนับสนุนการใช้งานกราฟิกการ์ดตัวใหม่นี้กับระบบที่ยังใช้ BIOS หรือโหมด CSM ซึ่งเป็นระบบเก่าอีกต่อไป

    ก่อนหน้านี้ BIOS เป็นระบบที่ใช้ในเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์เพื่อทำการบูตเครื่อง แต่ว่า UEFI ได้เข้ามาแทนที่ด้วยความสามารถที่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการมี GUI (Graphic User Interface) ที่สวยงามและใช้งานง่ายขึ้น การสนับสนุนฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่กว่า 2.2TB และระบบ Secure Boot ที่ทำให้การใช้งานคอมพิวเตอร์มีความปลอดภัยมากขึ้น

    ในปัจจุบัน CPU และเมนบอร์ดส่วนใหญ่ที่ผลิตออกมารองรับระบบ UEFI ทั้งหมด แต่สิ่งที่ต้องระวังคือการแบ่งพาร์ติชันฮาร์ดดิสก์ของคุณ หากยังใช้แบบ MBR คุณจะต้องเปลี่ยนเป็นแบบ GPT ซึ่งเป็นที่จำเป็นสำหรับ UEFI ในการบูตเครื่อง

    ด้วยการเปลี่ยนแปลงนี้ AMD ต้องการให้ผู้ใช้งานกราฟิกการ์ด RX 9070 มีประสบการณ์การใช้งานที่สมบูรณ์แบบที่สุด โดยมีฟีเจอร์ที่สำคัญอย่าง Smart Access Memory ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกราฟิกการ์ด และลดปัญหาการใช้งานที่อาจเกิดขึ้น เช่น การเกิดหน้าจอสีน้ำเงิน (BSOD)

    ดังนั้น หากคุณกำลังวางแผนจะซื้อกราฟิกการ์ด RX 9070 อย่าลืมตรวจสอบระบบของคุณให้แน่ใจว่ารองรับ UEFI และได้ทำการตั้งค่าฮาร์ดดิสก์ให้เป็นแบบ GPT แล้ว เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับประสิทธิภาพสูงสุดจากกราฟิกการ์ดตัวใหม่นี้

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amds-new-rx-9000-gpus-only-officially-support-uefi-systems
    เมื่อไม่นานมานี้ AMD ได้ประกาศเปิดตัวกราฟิกการ์ดรุ่นใหม่ RX 9070 ที่ใช้สถาปัตยกรรม RDNA 4 โดยมีเงื่อนไขว่าผู้ใช้งานจะต้องมีระบบที่รองรับ UEFI สำหรับการใช้งานที่สมบูรณ์แบบ เท่ากับว่า AMD จะไม่สนับสนุนการใช้งานกราฟิกการ์ดตัวใหม่นี้กับระบบที่ยังใช้ BIOS หรือโหมด CSM ซึ่งเป็นระบบเก่าอีกต่อไป ก่อนหน้านี้ BIOS เป็นระบบที่ใช้ในเมนบอร์ดของคอมพิวเตอร์เพื่อทำการบูตเครื่อง แต่ว่า UEFI ได้เข้ามาแทนที่ด้วยความสามารถที่มากกว่า ไม่ว่าจะเป็นการมี GUI (Graphic User Interface) ที่สวยงามและใช้งานง่ายขึ้น การสนับสนุนฮาร์ดดิสก์ขนาดใหญ่กว่า 2.2TB และระบบ Secure Boot ที่ทำให้การใช้งานคอมพิวเตอร์มีความปลอดภัยมากขึ้น ในปัจจุบัน CPU และเมนบอร์ดส่วนใหญ่ที่ผลิตออกมารองรับระบบ UEFI ทั้งหมด แต่สิ่งที่ต้องระวังคือการแบ่งพาร์ติชันฮาร์ดดิสก์ของคุณ หากยังใช้แบบ MBR คุณจะต้องเปลี่ยนเป็นแบบ GPT ซึ่งเป็นที่จำเป็นสำหรับ UEFI ในการบูตเครื่อง ด้วยการเปลี่ยนแปลงนี้ AMD ต้องการให้ผู้ใช้งานกราฟิกการ์ด RX 9070 มีประสบการณ์การใช้งานที่สมบูรณ์แบบที่สุด โดยมีฟีเจอร์ที่สำคัญอย่าง Smart Access Memory ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของกราฟิกการ์ด และลดปัญหาการใช้งานที่อาจเกิดขึ้น เช่น การเกิดหน้าจอสีน้ำเงิน (BSOD) ดังนั้น หากคุณกำลังวางแผนจะซื้อกราฟิกการ์ด RX 9070 อย่าลืมตรวจสอบระบบของคุณให้แน่ใจว่ารองรับ UEFI และได้ทำการตั้งค่าฮาร์ดดิสก์ให้เป็นแบบ GPT แล้ว เพื่อให้มั่นใจว่าคุณจะได้รับประสิทธิภาพสูงสุดจากกราฟิกการ์ดตัวใหม่นี้ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amds-new-rx-9000-gpus-only-officially-support-uefi-systems
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 407 มุมมอง 0 รีวิว
  • พาสปอร์ตรถไฟไทย นักเดินทางของมันต้องมี

    หลังจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้จัดทำตราประทับของแต่ละสถานี พร้อมข้อความ "ตรวจสอบความถูกต้อง" ประทับบนตั๋วโดยสาร เพื่อยืนยันว่าตั๋วโดยสารที่ซื้อจากสถานีรถไฟนั้นๆ ได้รับการตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อยแล้ว โดยพบว่าแต่ละสถานีออกแบบโดยนำเอกลักษณ์ ศิลปะ วัฒนธรรม และสถานที่สำคัญในพื้นที่ของแต่ละสถานีมาเป็นลวดลายบนตราประทับดังกล่าว ทำให้เริ่มมีผู้โดยสารนิยมสะสมตราประทับของแต่ละสถานี เพื่อบันทึกความทรงจำในการเดินทางด้วยรถไฟ

    ก่อนหน้านี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดทำหนังสือเดินทางท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ (Passport to Thailand National Park) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ 156 แห่งทั่วประเทศ มีรางวัลแก่ผู้ที่สะสมตราประทับครบทุกแห่ง ด้วยการให้สิทธิ์เข้าอุทยานแห่งชาติฟรี 1 ปี และพักฟรี 2 ครั้ง แต่เนื่องจากอินฟลูเอนเซอร์ดัง "พี่จอง คัลเลน" นำหนังสือเดินทางท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติมาโชว์ในคลิป ทำให้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างมาก

    มาถึงการเดินทางด้วยรถไฟ เมื่อมีนักท่องเที่ยวและนักเดินทางสนใจตราประทับของแต่ละสถานี จึงเริ่มมีผู้สะสมตราประทับ และเริ่มมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับรถไฟจัดทำหนังสือเดินทางขึ้น

    เริ่มจากพิพิธภัณฑ์รถไฟไทย โดยมูลนิธิรถไฟไทย จัดทำหนังสือเดินทางรถไฟไทย (Thailand Railway Passport) ปกสีน้ำตาล คล้ายหนังสือเดินทางประเทศไทย จำหน่ายในราคาเล่มละ 120 บาท ซื้อได้ที่พิพิธภัณฑ์รถไฟไทย ด้านหน้าสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เปิดทำการ วันอังคาร-วันเสาร์ เวลา 10.00-18.00 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ซึ่งที่ผ่านมามีผู้สนใจสั่งซื้อจำนวนมากนับพันเล่ม จึงทำให้ต้องมีการลงชื่อสั่งจองล่วงหน้า และจำกัดการซื้อเฉพาะวอล์กอินจากต่างจังหวัดคนละ 1 เล่ม

    ด้านบุรฉัตรมูลนิธิ และฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ ร.ฟ.ท. ได้จัดทำหนังสือเดินทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (Thailand Railway Passport) ลวดลายประเทศไทย ธงชาติ ปกสีครีม จำหน่ายในราคาเล่มละ 100 บาท ซื้อได้ที่ฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ หรือศูนย์ประชาสัมพันธ์ ตึกบัญชาการรถไฟ การรถไฟแห่งประเทศไทย ตรงข้ามโรงเรียนเทพศิรินทร์ หรือสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ บริเวณห้องจำหน่ายตั๋ว และต่างจังหวัดติดต่อได้ที่สถานีรถไฟต่างๆ ทั่วประเทศ

    สิ่งที่ต้องระวังสำหรับนักท่องเที่ยวและนักเดินทาง หากเผลอนำตราประทับของสถานีรถไฟ ประทับลงในหนังสือเดินทาง "ฉบับจริง" ที่ยังไม่หมดอายุ หรือยังไม่ได้ยกเลิกใช้งาน ถือว่า "หนังสือเดินทางชำรุด" ต้องทำเล่มใหม่ ไม่เช่นนั้นอาจถูกประเทศหรือดินแดนปลายทางปฎิเสธเข้าประเทศ

    #Newskit
    พาสปอร์ตรถไฟไทย นักเดินทางของมันต้องมี หลังจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ได้จัดทำตราประทับของแต่ละสถานี พร้อมข้อความ "ตรวจสอบความถูกต้อง" ประทับบนตั๋วโดยสาร เพื่อยืนยันว่าตั๋วโดยสารที่ซื้อจากสถานีรถไฟนั้นๆ ได้รับการตรวจสอบความถูกต้องเรียบร้อยแล้ว โดยพบว่าแต่ละสถานีออกแบบโดยนำเอกลักษณ์ ศิลปะ วัฒนธรรม และสถานที่สำคัญในพื้นที่ของแต่ละสถานีมาเป็นลวดลายบนตราประทับดังกล่าว ทำให้เริ่มมีผู้โดยสารนิยมสะสมตราประทับของแต่ละสถานี เพื่อบันทึกความทรงจำในการเดินทางด้วยรถไฟ ก่อนหน้านี้ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช จัดทำหนังสือเดินทางท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ (Passport to Thailand National Park) เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติ 156 แห่งทั่วประเทศ มีรางวัลแก่ผู้ที่สะสมตราประทับครบทุกแห่ง ด้วยการให้สิทธิ์เข้าอุทยานแห่งชาติฟรี 1 ปี และพักฟรี 2 ครั้ง แต่เนื่องจากอินฟลูเอนเซอร์ดัง "พี่จอง คัลเลน" นำหนังสือเดินทางท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติมาโชว์ในคลิป ทำให้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างมาก มาถึงการเดินทางด้วยรถไฟ เมื่อมีนักท่องเที่ยวและนักเดินทางสนใจตราประทับของแต่ละสถานี จึงเริ่มมีผู้สะสมตราประทับ และเริ่มมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับรถไฟจัดทำหนังสือเดินทางขึ้น เริ่มจากพิพิธภัณฑ์รถไฟไทย โดยมูลนิธิรถไฟไทย จัดทำหนังสือเดินทางรถไฟไทย (Thailand Railway Passport) ปกสีน้ำตาล คล้ายหนังสือเดินทางประเทศไทย จำหน่ายในราคาเล่มละ 120 บาท ซื้อได้ที่พิพิธภัณฑ์รถไฟไทย ด้านหน้าสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) เปิดทำการ วันอังคาร-วันเสาร์ เวลา 10.00-18.00 น. ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์ ซึ่งที่ผ่านมามีผู้สนใจสั่งซื้อจำนวนมากนับพันเล่ม จึงทำให้ต้องมีการลงชื่อสั่งจองล่วงหน้า และจำกัดการซื้อเฉพาะวอล์กอินจากต่างจังหวัดคนละ 1 เล่ม ด้านบุรฉัตรมูลนิธิ และฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ ร.ฟ.ท. ได้จัดทำหนังสือเดินทางการรถไฟแห่งประเทศไทย (Thailand Railway Passport) ลวดลายประเทศไทย ธงชาติ ปกสีครีม จำหน่ายในราคาเล่มละ 100 บาท ซื้อได้ที่ฝ่ายปฏิบัติการเดินรถ หรือศูนย์ประชาสัมพันธ์ ตึกบัญชาการรถไฟ การรถไฟแห่งประเทศไทย ตรงข้ามโรงเรียนเทพศิรินทร์ หรือสถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ บริเวณห้องจำหน่ายตั๋ว และต่างจังหวัดติดต่อได้ที่สถานีรถไฟต่างๆ ทั่วประเทศ สิ่งที่ต้องระวังสำหรับนักท่องเที่ยวและนักเดินทาง หากเผลอนำตราประทับของสถานีรถไฟ ประทับลงในหนังสือเดินทาง "ฉบับจริง" ที่ยังไม่หมดอายุ หรือยังไม่ได้ยกเลิกใช้งาน ถือว่า "หนังสือเดินทางชำรุด" ต้องทำเล่มใหม่ ไม่เช่นนั้นอาจถูกประเทศหรือดินแดนปลายทางปฎิเสธเข้าประเทศ #Newskit
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1642 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดวงภาพรวมปี 2568

    #คนเกิดวันอาทิตย์

    #การงาน...มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า อาจได้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง หรือขึ้นเงินเดือน จะมีผู้หลักผู้ใหญ่คอยช่วยเหลือ หรือบางคนอาจผันตัวเองเป็นเจ้าของธุรกิจ มีธุรกิจหลายอย่าง ซึ่งจะเด่นในช่วงเดือน มกราคม พฤษภาคม ตุลาคม...งานในปีนี้ค่อนข้างหนัก แต่ก็จะได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า ต้องทำงานให้มีความละเอียดรอบคอบ เพราะอาจจะเจอคนจุกจิกจู้จี้ หรืออาจทำงานมีข้อผิดพลาดเสียหาย แล้วทำให้เกิดผลเสียตามมา ต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือนมีนาคม ตุลาคม

    #การเงิน จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน คนในครอบครัว หรือใครอยากจะต่อเติมบ้าน ซื้อบ้าน ที่ดิน ทำเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย ก็จะเด่นเป็นพิเศษในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ พฤษภาคม ...และต้องระวังจะมีเรื่องเสียเงินหนักๆ หรือมีค่าใช้จ่ายมาก อาจหมดเงินกับรถ การเดินทาง ในช่วงเดือน มิถุนายน สิงหาคม

    #ความรัก คนมีคู่... ระวังจะมีเรื่องมือที่สามเข้ามาแทรก จะอยู่แบบไม่ไว้ใจต่อกัน ต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือน กุมภาพันธ์ พฤษภาคม มิถุนายน คนโสด... จะมีคนเข้ามาอุปถัมภ์ช่วยเหลือ และอาจจะได้แฟนในช่วงเดือน กรกฎาคม ตุลาคม ซึ่งคนที่เข้ามานั้นอาจจะมีอายุแก่กว่า หรือเขาจะมีงานที่ดี มีฐานะที่ดี คนที่สถานะไม่ชัดเจน...อาจจะต้องอยู่กันแบบแอบซ่อนและคบซ้อนไปแบบนั้น เพราะมีดวงที่จะคบกันแบบเป็นบ้านที่ 2 แต่เขาก็จะยังช่วยเหลืออุปถัมภ์

    #สุขภาพ ปวดเมื่อยข้อเข่า โรคกระดูก ฟัน โรคในช่องท้อง ให้ระวังโรคประจำตัวจะกำเริบ หรือโรคที่เคยเป็นบ่อยๆจะกลับมาอีกครั้ง มีดวงที่จะได้ไปหาหมอที่โรงพยาบาล หรือสุขภาพจะไม่ค่อยดี จะต้องระวังเป็นพิเศษ ช่วงเดือนเมษายน พฤศจิกายน

    #โชคลาภ...มีโชคลาภนิดหน่อยถ้าเป็นคนเสี่ยงโชค ให้เสี่ยงทีละน้อยๆ เด่นในช่วงเดือน มิถุนายน กรกฎาคม ...เลขนำโชค 9/2/4

    #การเดินทาง ...ให้ระวังอันตรายจากการขับขี่รถเร็ว หรือเสียค่าปรับ หรือถ้าเดินทางไปทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำเรื่องที่ผิดศีล นัดเจอกิ๊ก มีดวงที่จะถูกจับได้ หรือจะมีปัญหาอุปสรรค และต้องระวังเป็นพิเศษช่วง กุมภาพันธ์ มีนาคม ตุลาคม

    #สิ่งที่ต้องระวัง ...ให้ระวังในเรื่องของความรัก ควรซื่อสัตย์ต่อกัน ถ้ามีปัญหาไม่เข้าใจกัน ต้องรีบปรับความเข้าใจ และรีบปรับปรุงตัวเองถ้าทำในสิ่งที่ผิด เพราะความสัมพันธ์ในอนาคต มีโอกาสที่จะแย่ หรือจะต้องแยกทางกันด้วย ต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือน กันยายน ตุลาคม

    #วิธีเสริมดวง ให้ดูแลเจ้าที่เจ้าทางให้ดีทั้งที่บ้านและที่ทำงาน เพราะมีส่วนช่วยทำให้ชีวิตและธุรกิจดี ให้นำพวงมาลัย น้ำดื่ม ไปถวายท่าน และหมั่นสวดมนต์ รักษาศีล 5

    #บทสวดมนต์ที่แนะนำ รัตนปริตร/ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร/โพชฌังคปริตร/มหาสมัยสูตร/บทพระมหาจักรพรรดิ
    ---------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    Cr.ภาพ Baan Kanaecha
    ดวงภาพรวมปี 2568 #คนเกิดวันอาทิตย์ #การงาน...มีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า อาจได้เลื่อนขั้น เลื่อนตำแหน่ง หรือขึ้นเงินเดือน จะมีผู้หลักผู้ใหญ่คอยช่วยเหลือ หรือบางคนอาจผันตัวเองเป็นเจ้าของธุรกิจ มีธุรกิจหลายอย่าง ซึ่งจะเด่นในช่วงเดือน มกราคม พฤษภาคม ตุลาคม...งานในปีนี้ค่อนข้างหนัก แต่ก็จะได้รับผลตอบแทนอย่างคุ้มค่า ต้องทำงานให้มีความละเอียดรอบคอบ เพราะอาจจะเจอคนจุกจิกจู้จี้ หรืออาจทำงานมีข้อผิดพลาดเสียหาย แล้วทำให้เกิดผลเสียตามมา ต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือนมีนาคม ตุลาคม #การเงิน จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับบ้าน คนในครอบครัว หรือใครอยากจะต่อเติมบ้าน ซื้อบ้าน ที่ดิน ทำเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย ก็จะเด่นเป็นพิเศษในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ พฤษภาคม ...และต้องระวังจะมีเรื่องเสียเงินหนักๆ หรือมีค่าใช้จ่ายมาก อาจหมดเงินกับรถ การเดินทาง ในช่วงเดือน มิถุนายน สิงหาคม #ความรัก คนมีคู่... ระวังจะมีเรื่องมือที่สามเข้ามาแทรก จะอยู่แบบไม่ไว้ใจต่อกัน ต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือน กุมภาพันธ์ พฤษภาคม มิถุนายน คนโสด... จะมีคนเข้ามาอุปถัมภ์ช่วยเหลือ และอาจจะได้แฟนในช่วงเดือน กรกฎาคม ตุลาคม ซึ่งคนที่เข้ามานั้นอาจจะมีอายุแก่กว่า หรือเขาจะมีงานที่ดี มีฐานะที่ดี คนที่สถานะไม่ชัดเจน...อาจจะต้องอยู่กันแบบแอบซ่อนและคบซ้อนไปแบบนั้น เพราะมีดวงที่จะคบกันแบบเป็นบ้านที่ 2 แต่เขาก็จะยังช่วยเหลืออุปถัมภ์ #สุขภาพ ปวดเมื่อยข้อเข่า โรคกระดูก ฟัน โรคในช่องท้อง ให้ระวังโรคประจำตัวจะกำเริบ หรือโรคที่เคยเป็นบ่อยๆจะกลับมาอีกครั้ง มีดวงที่จะได้ไปหาหมอที่โรงพยาบาล หรือสุขภาพจะไม่ค่อยดี จะต้องระวังเป็นพิเศษ ช่วงเดือนเมษายน พฤศจิกายน #โชคลาภ...มีโชคลาภนิดหน่อยถ้าเป็นคนเสี่ยงโชค ให้เสี่ยงทีละน้อยๆ เด่นในช่วงเดือน มิถุนายน กรกฎาคม ...เลขนำโชค 9/2/4 #การเดินทาง ...ให้ระวังอันตรายจากการขับขี่รถเร็ว หรือเสียค่าปรับ หรือถ้าเดินทางไปทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ทำเรื่องที่ผิดศีล นัดเจอกิ๊ก มีดวงที่จะถูกจับได้ หรือจะมีปัญหาอุปสรรค และต้องระวังเป็นพิเศษช่วง กุมภาพันธ์ มีนาคม ตุลาคม #สิ่งที่ต้องระวัง ...ให้ระวังในเรื่องของความรัก ควรซื่อสัตย์ต่อกัน ถ้ามีปัญหาไม่เข้าใจกัน ต้องรีบปรับความเข้าใจ และรีบปรับปรุงตัวเองถ้าทำในสิ่งที่ผิด เพราะความสัมพันธ์ในอนาคต มีโอกาสที่จะแย่ หรือจะต้องแยกทางกันด้วย ต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือน กันยายน ตุลาคม #วิธีเสริมดวง ให้ดูแลเจ้าที่เจ้าทางให้ดีทั้งที่บ้านและที่ทำงาน เพราะมีส่วนช่วยทำให้ชีวิตและธุรกิจดี ให้นำพวงมาลัย น้ำดื่ม ไปถวายท่าน และหมั่นสวดมนต์ รักษาศีล 5 #บทสวดมนต์ที่แนะนำ รัตนปริตร/ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร/โพชฌังคปริตร/มหาสมัยสูตร/บทพระมหาจักรพรรดิ --------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่ Cr.ภาพ Baan Kanaecha
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1884 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดวงภาพรวมปี 2568

    #คนเกิดวันเสาร์

    #การงาน...จะต้องระวังทะเลาะกับผู้ร่วมงาน เพราะโดยส่วนตัวเรานั้นจะเป็นคนที่ชอบทำงานคนเดียว มีอีโก้สูง เหมาะกับงานอิสระ หรืองานที่เป็นเจ้าของกิจการ ...งานค่อนข้างเครียด และความรุ่งเรืองก้าวหน้าอาจจะยังไม่เด่นเท่าไหร่ เพราะเป็นคนที่เอาอกเอาใจใครไม่เป็น ประจบใครไม่เป็น เป็นคนตรงๆ ให้ระวังจะมีปัญหาทะเลาะกับผู้อื่นได้ง่าย ต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือนเมษายนพฤษภาคม ...และงานจะหนักมากๆช่วงเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม จะต้องผ่านไปให้ได้...หากใครอยากออกงานเปลี่ยนงาน ก็มีดวงด้วยเช่นกัน จะเด่นในช่วงเดือนกันยายน ตุลาคม

    #การเงิน ...จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับคนรัก หรือคนที่เราไปจีบเขา เพราะเป็นคนชอบเปย์ด้วย และอาจจะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน หรือค่าใช้จ่ายแบบครบรอบ ถ้ามีลูกก็จะหมดเงินกับลูก ให้ระวังช่วงเดือนเมษายนพฤษภาคม อาจจะติดขัดได้...ส่วนใครที่จะเอาเงินไปลงทุนจะเด่นช่วงเดือนกันยายนตุลาคม ...การเงินยังพอหมุนไปได้ แต่ยังไม่ควรที่จะซื้อของแพงๆ โดยเฉพาะใครที่มีโครงการที่จะซื้อรถ บ้าน ในช่วงปีนี้ ถ้าเป็นไปได้ให้เลื่อนไปอีก 2 ปีจะดี

    #ความรัก คนมีคู่...ระวังจะมีเรื่องวุ่นวายทะเลาะกันเพราะปัญหาในครอบครัวเช่นปัญหาลูก และปัญหาการเงินหนี้สิน คนที่อยู่ไกลกันก็จะต้องระวังจะมีเรื่องมือที่สามเข้ามาแทรก ต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือน มิถุนายนและเดือนตุลาคม คนโสด...จะมีคนเข้ามาชอบเข้ามาจีบแต่จะเป็นแบบสถานะไม่ชัดเจน คนที่เข้ามาลักษณะเด่นๆจะเป็นคนลักษณะท้วมหรืออ้วนผิวขาว หรืออวบขาว หรืออาจจะเป็นพ่อหม้ายแม่หม้าย หรือคนที่ผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว คนที่สถานะไม่ชัดเจน...จะเหมือนต่างคนต่างอยู่ ไม่สามารถอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวได้ เพราะอาจจะเป็นความรักที่ไม่ถูกต้อง ...ตัวเราหรือตัวเขาอาจจะมีเจ้าของอยู่แล้ว ต้องระวังการเลิกราหรือจบความสัมพันธ์ในช่วงเดือนกันยายน ตุลาคม

    #สุขภาพ โรคในช่องท้อง แพ้อากาศ แพ้น้ำ แพ้อาหารทะเล ให้ระวังหากเจ็บป่วยช่วงเดือนตุลาคม พฤศจิกายน มีโอกาสที่จะเป็นหนัก ...และบางคนอาจจะเจ็บป่วยจากสิ่งที่มองไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะคนที่มีเรื่องติดกรรมกับวิญญาณเด็ก ต้องพยายามสวดมนต์แผ่เมตตาและรักษาศีล 5 อย่างเคร่งครัด

    #โชคลาภ...จะมีโชคลาภจากคนใกล้ตัวใกล้ชิด หรือได้จากคนรักคนที่มาชอบเรา เพิ่งจะเด่นในช่วงเดือนมกราคม และมิถุนายน เลขนำโชค 5/7/4

    #การเดินทาง จะมีปัญหาและอุปสรรคให้หลีกเลี่ยงเดินทางช่วงเดือน กุมภาพันธ์ และตุลาคม ...และถ้าหากเดินทางไปทำในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ทำเรื่องที่ผิดศีล หนีวีซ่า ก็อาจจะมีปัญหาอุปสรรคหรือมีคนจับได้

    #สิ่งที่ต้องระวัง ให้ระวังคนรู้จักหรือคนใกล้ตัวใกล้ชิดอาจจะเจ็บป่วย มีการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น คดีความ...หรือนำปัญหานำเรื่องเดือดร้อนทางการเงินมาให้เราต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือน เมษายน ตุลาคม

    #วิธีเสริมดวง สวดมนต์ และรักษาศีล 5 ถวายน้ำดื่ม ทำบุญทำทานให้กับโรงพยาบาล คนที่เสียชีวิตไปแล้ว ทำบุญโลงศพ

    #บทสวดมนต์ที่แนะนำ อภิธรรม/มหาเมตตาใหญ่/มหาสมัยสูตร/บทพระมหาจักรพรรดิ
    ---------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    Cr.ภาพ Baan Kanaecha
    ดวงภาพรวมปี 2568 #คนเกิดวันเสาร์ #การงาน...จะต้องระวังทะเลาะกับผู้ร่วมงาน เพราะโดยส่วนตัวเรานั้นจะเป็นคนที่ชอบทำงานคนเดียว มีอีโก้สูง เหมาะกับงานอิสระ หรืองานที่เป็นเจ้าของกิจการ ...งานค่อนข้างเครียด และความรุ่งเรืองก้าวหน้าอาจจะยังไม่เด่นเท่าไหร่ เพราะเป็นคนที่เอาอกเอาใจใครไม่เป็น ประจบใครไม่เป็น เป็นคนตรงๆ ให้ระวังจะมีปัญหาทะเลาะกับผู้อื่นได้ง่าย ต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือนเมษายนพฤษภาคม ...และงานจะหนักมากๆช่วงเดือนกุมภาพันธ์ มีนาคม จะต้องผ่านไปให้ได้...หากใครอยากออกงานเปลี่ยนงาน ก็มีดวงด้วยเช่นกัน จะเด่นในช่วงเดือนกันยายน ตุลาคม #การเงิน ...จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับคนรัก หรือคนที่เราไปจีบเขา เพราะเป็นคนชอบเปย์ด้วย และอาจจะมีรายจ่ายเกี่ยวกับหนี้สิน หรือค่าใช้จ่ายแบบครบรอบ ถ้ามีลูกก็จะหมดเงินกับลูก ให้ระวังช่วงเดือนเมษายนพฤษภาคม อาจจะติดขัดได้...ส่วนใครที่จะเอาเงินไปลงทุนจะเด่นช่วงเดือนกันยายนตุลาคม ...การเงินยังพอหมุนไปได้ แต่ยังไม่ควรที่จะซื้อของแพงๆ โดยเฉพาะใครที่มีโครงการที่จะซื้อรถ บ้าน ในช่วงปีนี้ ถ้าเป็นไปได้ให้เลื่อนไปอีก 2 ปีจะดี #ความรัก คนมีคู่...ระวังจะมีเรื่องวุ่นวายทะเลาะกันเพราะปัญหาในครอบครัวเช่นปัญหาลูก และปัญหาการเงินหนี้สิน คนที่อยู่ไกลกันก็จะต้องระวังจะมีเรื่องมือที่สามเข้ามาแทรก ต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือน มิถุนายนและเดือนตุลาคม คนโสด...จะมีคนเข้ามาชอบเข้ามาจีบแต่จะเป็นแบบสถานะไม่ชัดเจน คนที่เข้ามาลักษณะเด่นๆจะเป็นคนลักษณะท้วมหรืออ้วนผิวขาว หรืออวบขาว หรืออาจจะเป็นพ่อหม้ายแม่หม้าย หรือคนที่ผ่านการมีครอบครัวมาแล้ว คนที่สถานะไม่ชัดเจน...จะเหมือนต่างคนต่างอยู่ ไม่สามารถอยู่ร่วมกันเป็นครอบครัวได้ เพราะอาจจะเป็นความรักที่ไม่ถูกต้อง ...ตัวเราหรือตัวเขาอาจจะมีเจ้าของอยู่แล้ว ต้องระวังการเลิกราหรือจบความสัมพันธ์ในช่วงเดือนกันยายน ตุลาคม #สุขภาพ โรคในช่องท้อง แพ้อากาศ แพ้น้ำ แพ้อาหารทะเล ให้ระวังหากเจ็บป่วยช่วงเดือนตุลาคม พฤศจิกายน มีโอกาสที่จะเป็นหนัก ...และบางคนอาจจะเจ็บป่วยจากสิ่งที่มองไม่เห็นด้วย โดยเฉพาะคนที่มีเรื่องติดกรรมกับวิญญาณเด็ก ต้องพยายามสวดมนต์แผ่เมตตาและรักษาศีล 5 อย่างเคร่งครัด #โชคลาภ...จะมีโชคลาภจากคนใกล้ตัวใกล้ชิด หรือได้จากคนรักคนที่มาชอบเรา เพิ่งจะเด่นในช่วงเดือนมกราคม และมิถุนายน เลขนำโชค 5/7/4 #การเดินทาง จะมีปัญหาและอุปสรรคให้หลีกเลี่ยงเดินทางช่วงเดือน กุมภาพันธ์ และตุลาคม ...และถ้าหากเดินทางไปทำในเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ทำเรื่องที่ผิดศีล หนีวีซ่า ก็อาจจะมีปัญหาอุปสรรคหรือมีคนจับได้ #สิ่งที่ต้องระวัง ให้ระวังคนรู้จักหรือคนใกล้ตัวใกล้ชิดอาจจะเจ็บป่วย มีการทะเลาะวิวาทเกิดขึ้น คดีความ...หรือนำปัญหานำเรื่องเดือดร้อนทางการเงินมาให้เราต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือน เมษายน ตุลาคม #วิธีเสริมดวง สวดมนต์ และรักษาศีล 5 ถวายน้ำดื่ม ทำบุญทำทานให้กับโรงพยาบาล คนที่เสียชีวิตไปแล้ว ทำบุญโลงศพ #บทสวดมนต์ที่แนะนำ อภิธรรม/มหาเมตตาใหญ่/มหาสมัยสูตร/บทพระมหาจักรพรรดิ --------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่ Cr.ภาพ Baan Kanaecha
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1875 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดวงภาพรวมปี 2568

    #คนเกิดวันศุกร์

    #การงาน..มีเกณฑ์ได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน รายได้อาจจะยังไม่เป็นที่น่าพอใจ มีงานเข้ามาน้อย ไม่ควรลงทุนในช่วงนี้เพราะอาจจะขาดทุน ให้ระวังจะมีคนคอยจ้องจับผิด ไม่ควรทำตัวดีเด่นเกินใคร เพราะจะเป็นภัยกับตัวเอง เพราะจะมีคนไม่ชอบ ใครอยากเปลี่ยนงาน จะมีดวงช่วงเดือนมิถุนายน กันยายน ...ใครอยู่ในช่วงพิจารณาตำแหน่งหน้าที่หรือเงินเดือน จะได้รับคำตอบในเดือนมีนาคม ...ถ้าช่วงต้นปีการงานยังไม่ดี จะเข้าที่เข้าทางหลังจากเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป

    #การเงิน ...จะมีรายจ่ายมาก โดยเฉพาะถ้าใครมีแผนจะต่อเติมบ้าน ปรับปรุงที่อยู่อาศัย ซื้อของเข้าบ้าน ซื้อบ้าน จะต้องเตรียมค่าใช้จ่ายไว้ให้ดี ต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือน เมษายน พฤษภาคม ...มีโอกาสที่จะได้เสียเงินก้อน อาจหมดเงินกับการลงทุน หนี้สิน ใครที่ใช้เงินเกินตัว หรือเอาไปซื้อของราคาแพงๆ ใช้แบบไม่ได้คิด การเงินอาจจะติดขัดได้ ต้องระวังช่วงเดือนมีนาคม และสิงหาคม

    #ความรัก คนมีคู่...ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา พูดไม่เข้าหูกัน ทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ระวังปัญหาหึงหวงคิดมาก หรือคนเก่าๆจะเข้ามาทำให้เกิดปัญหา ต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือน กุมภาพันธ์ ธันวาคม คนโสด... จะเจอแต่คนไม่จริงใจ เข้ามาเพราะหวังผลประโยชน์ แต่มีโอกาสว่าจะมีคนที่อายุแก่กว่ามากๆเข้ามาชอบเข้ามาจีบ แต่ส่วนใหญ่จะเจอคนที่มีเจ้าของแล้ว คนที่สถานะไม่ชัดเจน...มีโอกาสที่จะได้พัฒนาความสัมพันธ์กันมากขึ้น อาจได้เลื่อนสถานะ ซึ่งจะเด่นเป็นพิเศษในช่วงเดือน กันยายน ตุลาคม

    #สุขภาพ ให้ระวังเกี่ยวกับโรคในช่องท้อง ระบบสืบพันธุ์ หรือเจ็บป่วยเนื่องมาจากการทำงานหนัก ให้ระวังช่วงเดือนตุลาคมเป็นพิเศษ เพราะถ้าเป็นอะไรแล้วจะเป็นหนัก หรืออาจได้ไปหาหมอ หรือมีดวงผ่าตัด

    #โชคลาภ...โชคทางการเสี่ยงยังไม่ค่อยเด่น แต่จะมีโชคโดยเสน่หา เช่นได้จากคนรัก หรือคนที่เข้ามาชอบเข้ามาจีบ ผู้อุปถัมภ์ เลขนำโชค 8/7/3

    #การเดินทาง อาจยังไม่ค่อยปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงเดินทางช่วงเดือน มีนาคม กันยายน เพราะอาจจะมีปัญหาและอุปสรรค

    #สิ่งที่ต้องระวัง ให้ระวังเรื่องการเงินเพราะว่าเป็นคนใช้เงินเก่ง ชอบเปย์ อาจจะติดขัดได้...และต้องระวังเรื่องคำพูดคำจา เป็นคนพูดตรงพูดแรง หรือพูดอะไรแล้วไม่ได้คิด จะทำให้มีปากเสียงทะเลาะกับคนใกล้ตัวใกล้ชิด หรือมีศัตรูเกิดขึ้นได้

    #วิธีเสริมดวง สวดมนต์ รักษาศีล 5 ถวายของเป็นคู่ๆ เพื่อเสริมดวงความรัก

    #บทสวดมนต์ที่แนะนำ มหาสมัยสูตร /มหาเมตตาใหญ่/บทพระมหาจักรพรรดิ
    ---------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    Cr.ภาพ Baan Kanaecha
    ดวงภาพรวมปี 2568 #คนเกิดวันศุกร์ #การงาน..มีเกณฑ์ได้เดินทางเกี่ยวกับเรื่องงาน รายได้อาจจะยังไม่เป็นที่น่าพอใจ มีงานเข้ามาน้อย ไม่ควรลงทุนในช่วงนี้เพราะอาจจะขาดทุน ให้ระวังจะมีคนคอยจ้องจับผิด ไม่ควรทำตัวดีเด่นเกินใคร เพราะจะเป็นภัยกับตัวเอง เพราะจะมีคนไม่ชอบ ใครอยากเปลี่ยนงาน จะมีดวงช่วงเดือนมิถุนายน กันยายน ...ใครอยู่ในช่วงพิจารณาตำแหน่งหน้าที่หรือเงินเดือน จะได้รับคำตอบในเดือนมีนาคม ...ถ้าช่วงต้นปีการงานยังไม่ดี จะเข้าที่เข้าทางหลังจากเดือนมิถุนายนเป็นต้นไป #การเงิน ...จะมีรายจ่ายมาก โดยเฉพาะถ้าใครมีแผนจะต่อเติมบ้าน ปรับปรุงที่อยู่อาศัย ซื้อของเข้าบ้าน ซื้อบ้าน จะต้องเตรียมค่าใช้จ่ายไว้ให้ดี ต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือน เมษายน พฤษภาคม ...มีโอกาสที่จะได้เสียเงินก้อน อาจหมดเงินกับการลงทุน หนี้สิน ใครที่ใช้เงินเกินตัว หรือเอาไปซื้อของราคาแพงๆ ใช้แบบไม่ได้คิด การเงินอาจจะติดขัดได้ ต้องระวังช่วงเดือนมีนาคม และสิงหาคม #ความรัก คนมีคู่...ระวังจะมีปากเสียงทะเลาะกันเรื่องคำพูดคำจา พูดไม่เข้าหูกัน ทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง ระวังปัญหาหึงหวงคิดมาก หรือคนเก่าๆจะเข้ามาทำให้เกิดปัญหา ต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือน กุมภาพันธ์ ธันวาคม คนโสด... จะเจอแต่คนไม่จริงใจ เข้ามาเพราะหวังผลประโยชน์ แต่มีโอกาสว่าจะมีคนที่อายุแก่กว่ามากๆเข้ามาชอบเข้ามาจีบ แต่ส่วนใหญ่จะเจอคนที่มีเจ้าของแล้ว คนที่สถานะไม่ชัดเจน...มีโอกาสที่จะได้พัฒนาความสัมพันธ์กันมากขึ้น อาจได้เลื่อนสถานะ ซึ่งจะเด่นเป็นพิเศษในช่วงเดือน กันยายน ตุลาคม #สุขภาพ ให้ระวังเกี่ยวกับโรคในช่องท้อง ระบบสืบพันธุ์ หรือเจ็บป่วยเนื่องมาจากการทำงานหนัก ให้ระวังช่วงเดือนตุลาคมเป็นพิเศษ เพราะถ้าเป็นอะไรแล้วจะเป็นหนัก หรืออาจได้ไปหาหมอ หรือมีดวงผ่าตัด #โชคลาภ...โชคทางการเสี่ยงยังไม่ค่อยเด่น แต่จะมีโชคโดยเสน่หา เช่นได้จากคนรัก หรือคนที่เข้ามาชอบเข้ามาจีบ ผู้อุปถัมภ์ เลขนำโชค 8/7/3 #การเดินทาง อาจยังไม่ค่อยปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงเดินทางช่วงเดือน มีนาคม กันยายน เพราะอาจจะมีปัญหาและอุปสรรค #สิ่งที่ต้องระวัง ให้ระวังเรื่องการเงินเพราะว่าเป็นคนใช้เงินเก่ง ชอบเปย์ อาจจะติดขัดได้...และต้องระวังเรื่องคำพูดคำจา เป็นคนพูดตรงพูดแรง หรือพูดอะไรแล้วไม่ได้คิด จะทำให้มีปากเสียงทะเลาะกับคนใกล้ตัวใกล้ชิด หรือมีศัตรูเกิดขึ้นได้ #วิธีเสริมดวง สวดมนต์ รักษาศีล 5 ถวายของเป็นคู่ๆ เพื่อเสริมดวงความรัก #บทสวดมนต์ที่แนะนำ มหาสมัยสูตร /มหาเมตตาใหญ่/บทพระมหาจักรพรรดิ --------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่ Cr.ภาพ Baan Kanaecha
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1896 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดวงภาพรวมปี 2568 ของคนที่เกิดในวันทั้ง 7

    #คนเกิดวันพฤหัสบดี

    #การงาน จะมีงานเข้ามาหลายทาง การงานมีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า อาจได้ทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน งานเกี่ยวกับของเหลว ผลิตผลทางทะเล ทางน้ำ งานไอที จะได้รับผลดี ...แต่จะต้องระวังจะมีเรื่องอึดอัดใจกับผู้ร่วมงาน หรือถ้าทำงานที่มีการรักษายอด จะมีความเครียด หากใครอยากเปลี่ยนงานจะมีดวงในช่วงเดือน เมษายน และตุลาคม

    #การเงิน จะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูก หรือหมดกับผู้สูงอายุ อาจได้นำเงินไปช่วยเหลือผู้หลักผู้ใหญ่ หรือจะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของสวยงาม ของแบรนด์เนม ของราคาแพงๆ ต้องระวังเป็นพิเศษในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ กรกฎาคม ตุลาคม

    #ความรัก คนมีคู่..มีโอกาสที่จะได้โชคได้เงินจากคนรัก หรือมีดวงได้บุตร ซึ่งจะเด่นเป็นพิเศษช่วงเดือนมีนาคม เมษายน และมิถุนายน แต่ต้องระวังจะต้องทะเลาะกันเพราะปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด...จะมีคนเข้ามาคบคุย และอาจได้โชคได้เงินจากเขาด้วย และดวงของเราจะมีเสน่ห์กับคนที่อายุแก่กว่า อาจจะประมาณ 8-10 ปี หากเลือกคบคนที่มีอายุแก่กว่า มีดวงที่จะไปได้นาน หรือให้เลือกคบเพศเดียวกัน ... คนที่สถานะไม่ชัดเจน มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีความชัดเจนมากขึ้น เช่นถ้าเข้าไปคบคุยกับคนที่เขามีเจ้าของอยู่ ตัวของเขาอาจจะจัดการตัวเองเช่น มีการหย่า เลิกรา หรือเกิดการทะเลาะกันรุนแรง แต่ถึงอย่างไรเราก็ควรรอให้เขาจัดการตัวเองเสียก่อน เพื่อที่จะไม่ได้เป็นการทำผิดศีลข้อที่ 3 ซึ่งจะทำให้ดวงชะตามีความติดขัดตามมา ...หรือถ้าไม่ได้เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับคนที่มีเจ้าของ เขาอาจจะต้องการรอดูเวลา เพื่อศึกษาดูใจเรา และดูนิสัยของเราว่าเราจริงใจกับเขาหรือไม่ เข้ามาหวังผลประโยชน์จากเขาหรือเปล่า ถ้าเราอดทนรอเวลาได้ ก็มีดวงที่จะได้คบกันแบบจริงจัง อาจจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนกันยายน ตุลาคม

    #สุขภาพ โรคอ้วน เบาหวาน ไขมัน คอเลสเตอรอล ปวดขา ข้อเข่า สายตาไม่ดี โรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ ความดัน เวียนหัว ปวดหัว ต้องระวังเป็นพิเศษในช่วงเดือนมีนาคม เมษายน เพราะถ้าเป็นอะไรในช่วงนี้ อาจจะเป็นหนัก

    #โชคลาภ...จะมีเข้ามานิดหน่อย ถ้าเป็นคนชอบเสี่ยงโชค แนะนำให้เล่นน้อยๆ เพราะถ้าเล่นมากจะไม่ได้ เพราะดวงมานิดเดียว เลขนำโชค 3/9/5 เสี่ยงโชคจากลูก หรือจากเด็ก กุมาร

    #การเดินทาง ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย ให้ระวังการลืมของ ของหายระหว่างการเดินทาง ระวังเป็นพิเศษในช่วงเดือน เมษายน ธันวาคม

    #สิ่งที่ต้องระวัง ให้ระวังเรื่องคำพูดคำจา เพราะว่าเป็นคนพูดตรงพูดแรง พูดไม่ถนอมน้ำใจใคร จะทำให้มีศัตรูเกิดขึ้นได้ ...และมีโอกาสที่ชีวิตจะวุ่นวายเดือดร้อน โชคไม่ดี ทำอะไรก็จะติดขัด เพราะเกิดจากสิ่งที่มองไม่เห็นเช่นเจ้ากรรมนายเวร ควรจะต้องพยายามสวดมนต์แผ่เมตตารักษาศีล ถึงจะรอดพ้น โดยเฉพาะถ้าติดเงินใคร ต้องนำเงินไปใช้คืนเขาให้หมด เพื่อจะได้เป็นการเปิดดวงการเงินโชคลาภ

    #วิธีเสริมดวง สวดมนต์แผ่เมตตา นั่งสมาธิ รักษาศีล หรือถ้าเคยไปทำร้ายจิตใจใคร โดยเฉพาะในเรื่องความรัก เช่นเคยนอกใจ เคยไปหลอกลวงผู้อื่น โกหก เจ้าชู้ จะต้องไปขออโหสิกรรมจากเขา ให้เขายกโทษให้ เพราะมีส่วนว่าจะทำให้ดวงชะตาติดขัด...แต่ถ้าหากว่าคนคนนั้นได้เสียชีวิตไปแล้ว พยายามสวดมนต์และอธิษฐานจิตไปหาเขา ให้เขาอโหสิกรรมให้ และสวดมนต์แผ่เมตตาให้กับเขาทุกวัน

    #บทสวดมนต์ที่แนะนำ มหาเมตตาใหญ่ /รัตนปริตร/คำขอขมากรรม/บทพระมหาจักรพรรดิ/มหาสมัยสูตร
    ---------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    Cr.ภาพ Baan Kanaecha
    ดวงภาพรวมปี 2568 ของคนที่เกิดในวันทั้ง 7 #คนเกิดวันพฤหัสบดี #การงาน จะมีงานเข้ามาหลายทาง การงานมีโอกาสรุ่งเรืองก้าวหน้า อาจได้ทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกัน งานเกี่ยวกับของเหลว ผลิตผลทางทะเล ทางน้ำ งานไอที จะได้รับผลดี ...แต่จะต้องระวังจะมีเรื่องอึดอัดใจกับผู้ร่วมงาน หรือถ้าทำงานที่มีการรักษายอด จะมีความเครียด หากใครอยากเปลี่ยนงานจะมีดวงในช่วงเดือน เมษายน และตุลาคม #การเงิน จะมีค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับลูก หรือหมดกับผู้สูงอายุ อาจได้นำเงินไปช่วยเหลือผู้หลักผู้ใหญ่ หรือจะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของสวยงาม ของแบรนด์เนม ของราคาแพงๆ ต้องระวังเป็นพิเศษในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ กรกฎาคม ตุลาคม #ความรัก คนมีคู่..มีโอกาสที่จะได้โชคได้เงินจากคนรัก หรือมีดวงได้บุตร ซึ่งจะเด่นเป็นพิเศษช่วงเดือนมีนาคม เมษายน และมิถุนายน แต่ต้องระวังจะต้องทะเลาะกันเพราะปัญหาการเงินหนี้สิน คนโสด...จะมีคนเข้ามาคบคุย และอาจได้โชคได้เงินจากเขาด้วย และดวงของเราจะมีเสน่ห์กับคนที่อายุแก่กว่า อาจจะประมาณ 8-10 ปี หากเลือกคบคนที่มีอายุแก่กว่า มีดวงที่จะไปได้นาน หรือให้เลือกคบเพศเดียวกัน ... คนที่สถานะไม่ชัดเจน มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะมีความชัดเจนมากขึ้น เช่นถ้าเข้าไปคบคุยกับคนที่เขามีเจ้าของอยู่ ตัวของเขาอาจจะจัดการตัวเองเช่น มีการหย่า เลิกรา หรือเกิดการทะเลาะกันรุนแรง แต่ถึงอย่างไรเราก็ควรรอให้เขาจัดการตัวเองเสียก่อน เพื่อที่จะไม่ได้เป็นการทำผิดศีลข้อที่ 3 ซึ่งจะทำให้ดวงชะตามีความติดขัดตามมา ...หรือถ้าไม่ได้เกี่ยวข้องเกี่ยวพันกับคนที่มีเจ้าของ เขาอาจจะต้องการรอดูเวลา เพื่อศึกษาดูใจเรา และดูนิสัยของเราว่าเราจริงใจกับเขาหรือไม่ เข้ามาหวังผลประโยชน์จากเขาหรือเปล่า ถ้าเราอดทนรอเวลาได้ ก็มีดวงที่จะได้คบกันแบบจริงจัง อาจจะเกิดขึ้นในช่วงเดือนกันยายน ตุลาคม #สุขภาพ โรคอ้วน เบาหวาน ไขมัน คอเลสเตอรอล ปวดขา ข้อเข่า สายตาไม่ดี โรคเกี่ยวกับระบบสืบพันธุ์ ความดัน เวียนหัว ปวดหัว ต้องระวังเป็นพิเศษในช่วงเดือนมีนาคม เมษายน เพราะถ้าเป็นอะไรในช่วงนี้ อาจจะเป็นหนัก #โชคลาภ...จะมีเข้ามานิดหน่อย ถ้าเป็นคนชอบเสี่ยงโชค แนะนำให้เล่นน้อยๆ เพราะถ้าเล่นมากจะไม่ได้ เพราะดวงมานิดเดียว เลขนำโชค 3/9/5 เสี่ยงโชคจากลูก หรือจากเด็ก กุมาร #การเดินทาง ปลอดภัยดี แต่ถ้ามีเด็กเดินทางไปด้วยจะวุ่นวาย ให้ระวังการลืมของ ของหายระหว่างการเดินทาง ระวังเป็นพิเศษในช่วงเดือน เมษายน ธันวาคม #สิ่งที่ต้องระวัง ให้ระวังเรื่องคำพูดคำจา เพราะว่าเป็นคนพูดตรงพูดแรง พูดไม่ถนอมน้ำใจใคร จะทำให้มีศัตรูเกิดขึ้นได้ ...และมีโอกาสที่ชีวิตจะวุ่นวายเดือดร้อน โชคไม่ดี ทำอะไรก็จะติดขัด เพราะเกิดจากสิ่งที่มองไม่เห็นเช่นเจ้ากรรมนายเวร ควรจะต้องพยายามสวดมนต์แผ่เมตตารักษาศีล ถึงจะรอดพ้น โดยเฉพาะถ้าติดเงินใคร ต้องนำเงินไปใช้คืนเขาให้หมด เพื่อจะได้เป็นการเปิดดวงการเงินโชคลาภ #วิธีเสริมดวง สวดมนต์แผ่เมตตา นั่งสมาธิ รักษาศีล หรือถ้าเคยไปทำร้ายจิตใจใคร โดยเฉพาะในเรื่องความรัก เช่นเคยนอกใจ เคยไปหลอกลวงผู้อื่น โกหก เจ้าชู้ จะต้องไปขออโหสิกรรมจากเขา ให้เขายกโทษให้ เพราะมีส่วนว่าจะทำให้ดวงชะตาติดขัด...แต่ถ้าหากว่าคนคนนั้นได้เสียชีวิตไปแล้ว พยายามสวดมนต์และอธิษฐานจิตไปหาเขา ให้เขาอโหสิกรรมให้ และสวดมนต์แผ่เมตตาให้กับเขาทุกวัน #บทสวดมนต์ที่แนะนำ มหาเมตตาใหญ่ /รัตนปริตร/คำขอขมากรรม/บทพระมหาจักรพรรดิ/มหาสมัยสูตร --------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่ Cr.ภาพ Baan Kanaecha
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1956 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดวงภาพรวมปี 2568 ของคนที่เกิดในวันทั้ง 7

    #คนเกิดวันพุธ

    #การงาน...ยังคงมีความราบเรียบ บางคนจะรู้สึกเบื่อๆ เพราะจะเจอกับปัญหาเดิมๆที่ไม่ได้รับการแก้ไข ส่วนเรื่องรายได้ ก็อาจจะยังไม่ค่อยพอใช้เท่าไหร่ จะต้องประหยัด วางแผนเรื่องเงินให้ดี ถึงจะอยู่ได้ หากจะมีการเปลี่ยนงานนั้นจะเด่นในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ พฤษภาคม ตุลาคม ...จะถูกโฉลกกับงานเกี่ยวกับผู้หญิง ของสวยงาม เสริมสวย เครื่องสำอาง อสังหาริมทรัพย์ นายหน้า ผลิตผลทางการเกษตร

    #การเงิน จะต้องบริหารจัดการให้ดี โดยเฉพาะคนที่สุขภาพไม่ค่อยดี เพราะจะมีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ อาจเป็นเกี่ยวกับสุขภาพของตนเอง หรือของคนอื่น หรืออาจจะมีเรื่องเสียเงินเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง หรือบางคนอาจจะได้นำเงินไปลงทุน จะต้องระวังการเงินจะติดขัดในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ และกรกฎาคม

    #ความรัก คนมีคู่...ยังรักกันดี แต่จะไม่ค่อยมีเวลาให้กัน ต่างคนต่างทำงาน ระวังจะทะเลาะกันในเรื่องคำพูดคำจา ทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนโสด...มีโอกาสที่จะมีคนเข้ามาพูดคุยคบหาแบบสถานะไม่ชัดเจน แต่มันก็จะทำให้เราคลายเหงาไปได้ แต่ส่วนใหญ่ต้องระวังจะเจอคนที่มีเจ้าของแล้ว ถึงแม้ว่าในตอนแรก เขาจะดูแลเราดีมาก แสดงออกเหมือนรักเรามาก ก็ควรเผื่อใจไว้บ้าง เพราะส่วนใหญ่จะมีเรื่องผิดหวัง มารู้ความลับ มาโป๊ะแตกที่หลัง ต้องระวังเป็นพิเศษในช่วงเดือน มีนาคม มิถุนายน กันยายน คนที่สถานะไม่ชัดเจน..จะอยู่กันแบบอึดอัดใจ ไม่ราบรื่น เพราะมีความหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา ว่าจะมีคนรู้ความลับของเราหรือเปล่า และมีดวงว่าจะมีคนที่อายุแก่กว่าจะเข้ามาชอบเข้ามาจีบเพิ่มเติม

    #สุขภาพ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเส้นเอ็น เส้นประสาทต่างๆ ปวดไหล่ปวดคอ ปวดเมื่อยตามตัว โรคในช่องปาก ฟัน สิว ผิวหน้า ผื่นแพ้ แต่ดูแล้วไม่ได้มีอันตรายรุนแรง

    #โชคลาภ...ยังไม่ค่อยเด่นชัดเท่าไหร่ อาจจะต้องขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และจะต้องรักษาศีลสวดมนต์ภาวนา จึงจะมีโอกาสได้บ้าง เลขนำโชค 1/2/7 เสี่ยงโชคจากเลขคนตาย ข่าวอุบัติเหตุ

    #การเดินทาง ปลอดภัยดี แต่ให้ระวังช่วงเดือนเมษายนถ้าจะต้องเดินทางไปไหนต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะถ้าเป็นคนกินดื่ม

    #สิ่งที่ต้องระวัง ให้ระวังในเรื่องของความรัก จะมีคนเข้ามาแทรกแซงทางฝ่ายของผู้ชาย ต้องระวังผู้หญิงอวบขาว หรือตัวเล็กผิวขาว ซึ่งเขาอาจจะเป็นคนเก่าๆ หรือคนที่เคยคบเคยคุยกันมาก่อน และอาจจะเข้ามาในช่วงเดือน มีนาคม พฤษภาคม พฤศจิกายน

    #วิธีเสริมดวง ช่วยเหลือคนป่วยคนเจ็บ คนตาย พระสงฆ์อาพาธ บริจาคยารักษาโรค โลงศพ และสวดมนต์ รักษาศีล 5

    #บทสวดมนต์ที่แนะนำ อิติปิโส/รัตนปริตร/บทพระมหาจักรพรรดิ/จุลชัยยะปกรณ์/มหาเมตตาใหญ่
    ---------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    Cr.ภาพ Baan Kanaecha
    ดวงภาพรวมปี 2568 ของคนที่เกิดในวันทั้ง 7 #คนเกิดวันพุธ #การงาน...ยังคงมีความราบเรียบ บางคนจะรู้สึกเบื่อๆ เพราะจะเจอกับปัญหาเดิมๆที่ไม่ได้รับการแก้ไข ส่วนเรื่องรายได้ ก็อาจจะยังไม่ค่อยพอใช้เท่าไหร่ จะต้องประหยัด วางแผนเรื่องเงินให้ดี ถึงจะอยู่ได้ หากจะมีการเปลี่ยนงานนั้นจะเด่นในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ พฤษภาคม ตุลาคม ...จะถูกโฉลกกับงานเกี่ยวกับผู้หญิง ของสวยงาม เสริมสวย เครื่องสำอาง อสังหาริมทรัพย์ นายหน้า ผลิตผลทางการเกษตร #การเงิน จะต้องบริหารจัดการให้ดี โดยเฉพาะคนที่สุขภาพไม่ค่อยดี เพราะจะมีรายจ่ายเกี่ยวกับสุขภาพ อาจเป็นเกี่ยวกับสุขภาพของตนเอง หรือของคนอื่น หรืออาจจะมีเรื่องเสียเงินเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยง หรือบางคนอาจจะได้นำเงินไปลงทุน จะต้องระวังการเงินจะติดขัดในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ และกรกฎาคม #ความรัก คนมีคู่...ยังรักกันดี แต่จะไม่ค่อยมีเวลาให้กัน ต่างคนต่างทำงาน ระวังจะทะเลาะกันในเรื่องคำพูดคำจา ทะเลาะกันในเรื่องไม่เป็นเรื่อง คนโสด...มีโอกาสที่จะมีคนเข้ามาพูดคุยคบหาแบบสถานะไม่ชัดเจน แต่มันก็จะทำให้เราคลายเหงาไปได้ แต่ส่วนใหญ่ต้องระวังจะเจอคนที่มีเจ้าของแล้ว ถึงแม้ว่าในตอนแรก เขาจะดูแลเราดีมาก แสดงออกเหมือนรักเรามาก ก็ควรเผื่อใจไว้บ้าง เพราะส่วนใหญ่จะมีเรื่องผิดหวัง มารู้ความลับ มาโป๊ะแตกที่หลัง ต้องระวังเป็นพิเศษในช่วงเดือน มีนาคม มิถุนายน กันยายน คนที่สถานะไม่ชัดเจน..จะอยู่กันแบบอึดอัดใจ ไม่ราบรื่น เพราะมีความหวาดระแวงอยู่ตลอดเวลา ว่าจะมีคนรู้ความลับของเราหรือเปล่า และมีดวงว่าจะมีคนที่อายุแก่กว่าจะเข้ามาชอบเข้ามาจีบเพิ่มเติม #สุขภาพ ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อเส้นเอ็น เส้นประสาทต่างๆ ปวดไหล่ปวดคอ ปวดเมื่อยตามตัว โรคในช่องปาก ฟัน สิว ผิวหน้า ผื่นแพ้ แต่ดูแล้วไม่ได้มีอันตรายรุนแรง #โชคลาภ...ยังไม่ค่อยเด่นชัดเท่าไหร่ อาจจะต้องขอจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ และจะต้องรักษาศีลสวดมนต์ภาวนา จึงจะมีโอกาสได้บ้าง เลขนำโชค 1/2/7 เสี่ยงโชคจากเลขคนตาย ข่าวอุบัติเหตุ #การเดินทาง ปลอดภัยดี แต่ให้ระวังช่วงเดือนเมษายนถ้าจะต้องเดินทางไปไหนต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะถ้าเป็นคนกินดื่ม #สิ่งที่ต้องระวัง ให้ระวังในเรื่องของความรัก จะมีคนเข้ามาแทรกแซงทางฝ่ายของผู้ชาย ต้องระวังผู้หญิงอวบขาว หรือตัวเล็กผิวขาว ซึ่งเขาอาจจะเป็นคนเก่าๆ หรือคนที่เคยคบเคยคุยกันมาก่อน และอาจจะเข้ามาในช่วงเดือน มีนาคม พฤษภาคม พฤศจิกายน #วิธีเสริมดวง ช่วยเหลือคนป่วยคนเจ็บ คนตาย พระสงฆ์อาพาธ บริจาคยารักษาโรค โลงศพ และสวดมนต์ รักษาศีล 5 #บทสวดมนต์ที่แนะนำ อิติปิโส/รัตนปริตร/บทพระมหาจักรพรรดิ/จุลชัยยะปกรณ์/มหาเมตตาใหญ่ --------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่ Cr.ภาพ Baan Kanaecha
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2096 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดวงภาพรวมปี 2568 ของคนที่เกิดในวันทั้ง 7

    #คนเกิดวันอังคาร

    #การงาน...จะเป็นช่วงที่มีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับเรื่องงาน จะเจอคนที่พูดไม่ดีใส่ หรืออารมณ์เสียใส่ หรือบางคนอาจจะมีความอึดอัดใจกับผู้ร่วมงาน กับหัวหน้า หรืออาจจะมีเรื่องชู้สาวเข้ามาในที่ทำงานด้วย ระวังจะมีคนที่ตำแหน่งหน้าที่การงานสูงกว่า หรือหัวหน้าเข้ามาชอบเข้ามาจีบแต่เขาจะไม่ได้จริงใจ จะหวังเรื่อง 18+ จากเราเท่านั้น หรือพยายามเข้ามาชิดใกล้ ส่วนใครที่อยากเปลี่ยนงานจะมีดวงในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ มิถุนายน ตุลาคม

    #การเงิน จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของสวยงาม เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ของใช้ฟุ่มเฟือย และมีเกณฑ์ที่จะได้เสียเงินก้อนด้วย อาจหมดเงินกับลูก หรือค่าประกัน ค่าปรับค่าซ่อม จะต้องระวังเป็นพิเศษในช่วงเดือน มีนาคม กรกฎาคม

    #ความรัก คนมีคู่...หากทะเลาะกันมีโอกาสที่จะได้คืนดีกันหรือปรับความเข้าใจ ในปีนี้มีโอกาสที่จะมีเรื่องทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้ไปจากกัน เพราะดูแล้วมีดวงเป็นคู่เวรคู่กรรมจะต้องอยู่กันไปด้วยความอดทน และจะต้องระวังคนรักจะมีปัญหาสุขภาพ เช่นเจ็บป่วยไม่สบาย หรือเกี่ยวกับอุบัติเหตุ ต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือนมีนาคม และเดือนตุลาคม คนโสด...จะมีคนเข้ามาแต่อาจจะยังไม่ตรงสเปค หรือบางคนอาจจะเป็นคนที่เรื่องมาก ก็อาจจะทำให้หาแฟนยาก แต่ถ้าไม่ได้ตั้งสเปคไว้สูงก็อาจจะมีโอกาสที่จะได้แฟนช่วงเดือนมีนาคมและ เดือนพฤษภาคม แต่ต้องระวังส่วนใหญ่จะเจอคนเจ้าชู้ และมีโอกาสที่คนเก่าๆจะวนกลับมาด้วย คนที่สถานะไม่ชัดเจน...มีโอกาสที่จะได้โชคได้เงินจากคนที่คบคุยอยู่ หรือได้ผู้อุปถัมภ์ แต่ยังคงเป็นแบบสถานะไม่ชัดเจนอยู่แบบนี้ และมีโอกาสว่าจะมีคนเพศเดียวกันเข้ามาชอบด้วย

    #สุขภาพ...จะต้องระวังเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ปอด หลอดลม โรคหวัด โรคในช่องท้อง กระดูกข้อเข่า ซึ่งต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือนพฤษภาคม และตุลาคม

    #โชคลาภ...ยังไม่มีดวงโชคลาภ แต่มีโอกาสที่จะได้เป็นทุกขลาภแทน คืออาจจะมีเรื่องเดือดร้อน มีเรื่องเสียเงิน มีเรื่องเจ็บตัว เกิดขึ้นก่อนจากนั้นจึงมีโชคลาภตามมา ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงเดือน เมษายน พฤษภาคม เลขนำโชค 0/8

    #การเดินทาง ปลอดภัยดี มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง แต่ให้หลีกเลี่ยงเดินทางไปในที่ใกล้น้ำ ในช่วงเดือนกรกฎาคม เพราะอาจจะมีปัญหาอุปสรรค ไม่ปลอดภัย

    #สิ่งที่ต้องระวัง ระวังจะมีเกณฑ์เสียทรัพย์หรือถูกหลอกลวงทางการเงิน ซึ่งคนที่เข้ามาหลอกลวงนั้นอาจจะเป็นคนใกล้ตัวใกล้ชิด หรือคนรัก คนที่เราเข้าไปชอบเข้าไปจีบก็ได้ หรืออาจจะมีเรื่องเสียเงินเกี่ยวกับรถ ให้ระวังเป็นพิเศษช่วงเดือน กุมภาพันธ์ กันยายน พฤศจิกายน

    #วิธีเสริมดวง ให้พยายามรักษาศีล 5 และสวดมนต์ไหว้พระ โดยเฉพาะศีลข้อที่ 3 ห้ามผิดเด็ดขาด เพราะถ้าผิดข้อนี้แล้ว จะทำให้ดวงชะตาติดขัดไปหมดทุกเรื่อง

    #บทสวดมนต์ที่แนะนำ อิติปิโส/กรณียเมตตสูตร/บทพระมหาจักรพรรดิ/ขันธปริตร/รัตนปริตร
    ---------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    Cr.ภาพ Baan Kanaecha
    ดวงภาพรวมปี 2568 ของคนที่เกิดในวันทั้ง 7 #คนเกิดวันอังคาร #การงาน...จะเป็นช่วงที่มีเรื่องวุ่นวายเกี่ยวกับเรื่องงาน จะเจอคนที่พูดไม่ดีใส่ หรืออารมณ์เสียใส่ หรือบางคนอาจจะมีความอึดอัดใจกับผู้ร่วมงาน กับหัวหน้า หรืออาจจะมีเรื่องชู้สาวเข้ามาในที่ทำงานด้วย ระวังจะมีคนที่ตำแหน่งหน้าที่การงานสูงกว่า หรือหัวหน้าเข้ามาชอบเข้ามาจีบแต่เขาจะไม่ได้จริงใจ จะหวังเรื่อง 18+ จากเราเท่านั้น หรือพยายามเข้ามาชิดใกล้ ส่วนใครที่อยากเปลี่ยนงานจะมีดวงในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ มิถุนายน ตุลาคม #การเงิน จะมีรายจ่ายเกี่ยวกับของสวยงาม เสื้อผ้า เครื่องแต่งกาย ของใช้ฟุ่มเฟือย และมีเกณฑ์ที่จะได้เสียเงินก้อนด้วย อาจหมดเงินกับลูก หรือค่าประกัน ค่าปรับค่าซ่อม จะต้องระวังเป็นพิเศษในช่วงเดือน มีนาคม กรกฎาคม #ความรัก คนมีคู่...หากทะเลาะกันมีโอกาสที่จะได้คืนดีกันหรือปรับความเข้าใจ ในปีนี้มีโอกาสที่จะมีเรื่องทะเลาะกันอยู่บ่อยครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้ไปจากกัน เพราะดูแล้วมีดวงเป็นคู่เวรคู่กรรมจะต้องอยู่กันไปด้วยความอดทน และจะต้องระวังคนรักจะมีปัญหาสุขภาพ เช่นเจ็บป่วยไม่สบาย หรือเกี่ยวกับอุบัติเหตุ ต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือนมีนาคม และเดือนตุลาคม คนโสด...จะมีคนเข้ามาแต่อาจจะยังไม่ตรงสเปค หรือบางคนอาจจะเป็นคนที่เรื่องมาก ก็อาจจะทำให้หาแฟนยาก แต่ถ้าไม่ได้ตั้งสเปคไว้สูงก็อาจจะมีโอกาสที่จะได้แฟนช่วงเดือนมีนาคมและ เดือนพฤษภาคม แต่ต้องระวังส่วนใหญ่จะเจอคนเจ้าชู้ และมีโอกาสที่คนเก่าๆจะวนกลับมาด้วย คนที่สถานะไม่ชัดเจน...มีโอกาสที่จะได้โชคได้เงินจากคนที่คบคุยอยู่ หรือได้ผู้อุปถัมภ์ แต่ยังคงเป็นแบบสถานะไม่ชัดเจนอยู่แบบนี้ และมีโอกาสว่าจะมีคนเพศเดียวกันเข้ามาชอบด้วย #สุขภาพ...จะต้องระวังเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ปอด หลอดลม โรคหวัด โรคในช่องท้อง กระดูกข้อเข่า ซึ่งต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือนพฤษภาคม และตุลาคม #โชคลาภ...ยังไม่มีดวงโชคลาภ แต่มีโอกาสที่จะได้เป็นทุกขลาภแทน คืออาจจะมีเรื่องเดือดร้อน มีเรื่องเสียเงิน มีเรื่องเจ็บตัว เกิดขึ้นก่อนจากนั้นจึงมีโชคลาภตามมา ซึ่งอาจเกิดขึ้นในช่วงเดือน เมษายน พฤษภาคม เลขนำโชค 0/8 #การเดินทาง ปลอดภัยดี มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง แต่ให้หลีกเลี่ยงเดินทางไปในที่ใกล้น้ำ ในช่วงเดือนกรกฎาคม เพราะอาจจะมีปัญหาอุปสรรค ไม่ปลอดภัย #สิ่งที่ต้องระวัง ระวังจะมีเกณฑ์เสียทรัพย์หรือถูกหลอกลวงทางการเงิน ซึ่งคนที่เข้ามาหลอกลวงนั้นอาจจะเป็นคนใกล้ตัวใกล้ชิด หรือคนรัก คนที่เราเข้าไปชอบเข้าไปจีบก็ได้ หรืออาจจะมีเรื่องเสียเงินเกี่ยวกับรถ ให้ระวังเป็นพิเศษช่วงเดือน กุมภาพันธ์ กันยายน พฤศจิกายน #วิธีเสริมดวง ให้พยายามรักษาศีล 5 และสวดมนต์ไหว้พระ โดยเฉพาะศีลข้อที่ 3 ห้ามผิดเด็ดขาด เพราะถ้าผิดข้อนี้แล้ว จะทำให้ดวงชะตาติดขัดไปหมดทุกเรื่อง #บทสวดมนต์ที่แนะนำ อิติปิโส/กรณียเมตตสูตร/บทพระมหาจักรพรรดิ/ขันธปริตร/รัตนปริตร --------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่ Cr.ภาพ Baan Kanaecha
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2122 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดวงภาพรวมปี 2568 ของคนที่เกิดในวันทั้ง 7

    คนเกิดวันจันทร์

    #การงาน ...ปีนี้จะเป็นปีที่เรื่องงานจะมีความมั่นคงเป็นปึกแผ่น หรือบางคนอาจจะตัดสินใจได้ว่าควรจะต้องทำงานอะไร จะค้นพบตัวเองในเรื่องงาน งานไหนที่กดดัน รู้สึกไม่ชอบ ก็อาจจะตัดสินใจออกจากงานนั้น แล้วไปเริ่มทำในสิ่งใหม่ หรือบางคนอาจจะมีการลงทุนอะไรใหม่ๆ มีการทำงานมากกว่า 1 อย่าง ...แต่สำหรับคนที่ยังไม่ค้นพบตัวเอง หรือยังมีความกล้าไม่มากพอที่จะออกจากงาน เพราะมีความกลัวหลายๆอย่าง เช่นกลัวเงินไม่พอใช้ เพราะจะต้องดูแลรับผิดชอบหลายคนหรือมีหนี้สินที่จะต้องรับผิดชอบ ก็อาจจะต้องทนทำงานไปแบบเซ็งๆ แต่ก็อาจจะมีจุดเปลี่ยนในเรื่องงานหรืออาจจะมีเรื่องที่ต้องตัดสินใจเรื่องงานอีกครั้งในช่วงเดือน กรกฎาคม หรืออาจจะเป็นช่วงตุลาคมท้ายๆปี

    #การเงิน มีโอกาสว่าปีนี้อาจจะมีเรื่องเงินเข้ามามาก หรือมีรายได้เข้ามาหลายทาง แต่ก็จะมีรายจ่ายหมดไปกับคนในครอบครัว หรือถ้าใครมีการเดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงเดือนมีนาคม เมษายน ก็จะต้องเตรียมเงินไปให้พร้อมเพราะอาจจะใช้เงินเกินงบ หรือถ้ามีการลงทุนทำอะไรก็จะต้องตัดสินใจให้รอบคอบ เพราะอาจจะเสี่ยงที่จะขาดทุน หรือผลตอบรับยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งจะต้องระวังการเงินติดขัดในช่วงเดือน กรกฎาคม-ตุลาคม ส่วนถ้าเดือดร้อนในเรื่องของการเงินนั้นอาจจะหาคนช่วยเหลือได้อยู่ ซึ่งจะต้องเป็นคนใกล้ตัวใกล้ชิด หรือเป็นคนที่อายุมากกว่าเป็นเพศชาย...งานเกี่ยวกับต่างประเทศ ชาวต่างชาติ ภาษา การขนส่ง การติดต่อสื่อสาร จะได้รับผลดี

    #ความรัก ...คนที่มีคู่ จะต้องระวังมีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรง ที่เด่นชัดต้องระวังปัญหาการเงินหนี้สิน และเรื่องคำพูดคำจา ที่อาจจะพูดจาไม่ถนอมน้ำใจกัน ส่วนคนที่อยู่ไกลกันนั้น ก็จะต้องระวังจะมีเรื่องมือที่สามเข้ามาแทรกแซง ซึ่งต้องระวังเป็นพิเศษในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ สิงหาคม กันยายน ...คนโสด มีโอกาสที่จะมีคนเข้ามาชอบเข้ามาจีบ หรือเข้ามาคบคุยหลายคน และมีโอกาสที่จะได้ออกเดท ได้ไปพบเจอกันที่สถานที่ใกล้น้ำ ซึ่งจะเด่นในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ พฤษภาคม สิงหาคม และต้องระวังการตั้งครรภ์ด้วย ถ้าไม่พร้อมก็จะต้องป้องกันให้ดีเพราะมีความเสี่ยง ส่วนคนที่เข้ามานั้น ดูแล้วอาจจะมาช่วยเหลืออุปถัมภ์เราได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเจอคนที่มีเจ้าของแล้ว ...คนที่ความสัมพันธ์ไม่ชัดเจน ดูแล้วจะอยู่กันแบบมีความเครียด คาราคาซัง และอาจจะมีมือที่ 3 ที่ 4 เข้ามาเพิ่มเติมด้วย ต้องระวังมีเรื่องทุกข์ใจ และเครียดช่วงเดือน มีนาคมเป็นต้นไป และอาจจะเครียดไปทั้งปี ถ้ายังไม่เดินออกมาจากความสัมพันธ์นี้

    #สุขภาพ จะต้องระวังเกี่ยวกับปวดตา สายตาไม่ดี หรือบางคนอาจจะได้ตัดแว่นใหม่ ความเครียด โรคซึมเศร้า คิดมาก โรคในช่องปาก ฟัน หรือบางคนอาจจะมีปัญหาทางการเงิน ทำให้เสียสุขภาพจิตตามมา แต่ดูแล้วยังไม่ได้ถึงขั้นมีโรคร้ายแรง ต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือน มีนาคม มิถุนายน เดือนพฤศจิกายน ส่วนถ้าใครมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว แล้วจะต้องพบหมอเพื่อติดตามอาการ ก็ต้องดูแลรักษาสุขภาพตัวเองให้ดี โดยเฉพาะในเรื่องอาหารการกิน เพราะมีโอกาสที่จะเจ็บป่วยจากอาหารการกิน หรือโรคจะเป็นมากขึ้น อย่ากินในของที่จะทำให้เกิดโรคเพิ่มขึ้น เช่น กินเนื้อสัตว์มากไป กินหวาน กินเค็ม กินอาหารที่ไม่ได้ปรุงสุกใหม่ ...ส่วนคนที่จะมีแผนผ่าตัด ศัลยกรรม หรือมีดวงที่จะต้องเข้าโรงพยาบาลพบหมอ จะเป็นช่วงเดือน เมษายน พฤษภาคม

    #โชคลาภ...จะมีโชคลาภจากอาหารการกิน หรืออาจได้รับของกินของฝาก หรือได้จากงาน โชคทางการเสี่ยงยังไม่เด่นเท่าไหร่ เลขนำโชค 4/6/9 เสี่ยงโชคจากเลขใกล้ตัว เลขบ้าน เลขรถ

    #การเดินทาง ปลอดภัยดีและมีโอกาสได้รับโชคลาภ แต่ให้ระวังช่วงเดือนพฤศจิกายน ธันวาคม ให้หลีกเลี่ยงเดินทางไกลเพราะอาจมีอุปสรรค

    #สิ่งที่ต้องระวัง...ให้ระวังจะมีเรื่องติดสัจจะวาจากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วจะทำให้ชีวิตติดขัด หากไปบนไว้ที่ไหนต้องไปแก้

    #วิธีเสริมดวง ทำบุญบริจาคทาน ช่วยค่าน้ำค่าไฟ ทำทานเกี่ยวกับเด็ก ช่วยเหลือเด็ก บริจาคน้ำดื่ม ปล่อยสัตว์น้ำ สวดมนต์ไหว้พระ รักษาศีล 5

    #บทสวดมนต์ที่แนะนำ มหาสมัยสูตร/มหาเมตตาใหญ่/รัตนปริตร/บทพระมหาจักรพรรดิ
    ---------
    #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่
    Cr.ภาพ Baan Kanaecha
    ดวงภาพรวมปี 2568 ของคนที่เกิดในวันทั้ง 7 คนเกิดวันจันทร์ #การงาน ...ปีนี้จะเป็นปีที่เรื่องงานจะมีความมั่นคงเป็นปึกแผ่น หรือบางคนอาจจะตัดสินใจได้ว่าควรจะต้องทำงานอะไร จะค้นพบตัวเองในเรื่องงาน งานไหนที่กดดัน รู้สึกไม่ชอบ ก็อาจจะตัดสินใจออกจากงานนั้น แล้วไปเริ่มทำในสิ่งใหม่ หรือบางคนอาจจะมีการลงทุนอะไรใหม่ๆ มีการทำงานมากกว่า 1 อย่าง ...แต่สำหรับคนที่ยังไม่ค้นพบตัวเอง หรือยังมีความกล้าไม่มากพอที่จะออกจากงาน เพราะมีความกลัวหลายๆอย่าง เช่นกลัวเงินไม่พอใช้ เพราะจะต้องดูแลรับผิดชอบหลายคนหรือมีหนี้สินที่จะต้องรับผิดชอบ ก็อาจจะต้องทนทำงานไปแบบเซ็งๆ แต่ก็อาจจะมีจุดเปลี่ยนในเรื่องงานหรืออาจจะมีเรื่องที่ต้องตัดสินใจเรื่องงานอีกครั้งในช่วงเดือน กรกฎาคม หรืออาจจะเป็นช่วงตุลาคมท้ายๆปี #การเงิน มีโอกาสว่าปีนี้อาจจะมีเรื่องเงินเข้ามามาก หรือมีรายได้เข้ามาหลายทาง แต่ก็จะมีรายจ่ายหมดไปกับคนในครอบครัว หรือถ้าใครมีการเดินทางท่องเที่ยว โดยเฉพาะช่วงเดือนมีนาคม เมษายน ก็จะต้องเตรียมเงินไปให้พร้อมเพราะอาจจะใช้เงินเกินงบ หรือถ้ามีการลงทุนทำอะไรก็จะต้องตัดสินใจให้รอบคอบ เพราะอาจจะเสี่ยงที่จะขาดทุน หรือผลตอบรับยังไม่เป็นที่น่าพอใจ ซึ่งจะต้องระวังการเงินติดขัดในช่วงเดือน กรกฎาคม-ตุลาคม ส่วนถ้าเดือดร้อนในเรื่องของการเงินนั้นอาจจะหาคนช่วยเหลือได้อยู่ ซึ่งจะต้องเป็นคนใกล้ตัวใกล้ชิด หรือเป็นคนที่อายุมากกว่าเป็นเพศชาย...งานเกี่ยวกับต่างประเทศ ชาวต่างชาติ ภาษา การขนส่ง การติดต่อสื่อสาร จะได้รับผลดี #ความรัก ...คนที่มีคู่ จะต้องระวังมีปากเสียงทะเลาะกันรุนแรง ที่เด่นชัดต้องระวังปัญหาการเงินหนี้สิน และเรื่องคำพูดคำจา ที่อาจจะพูดจาไม่ถนอมน้ำใจกัน ส่วนคนที่อยู่ไกลกันนั้น ก็จะต้องระวังจะมีเรื่องมือที่สามเข้ามาแทรกแซง ซึ่งต้องระวังเป็นพิเศษในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ สิงหาคม กันยายน ...คนโสด มีโอกาสที่จะมีคนเข้ามาชอบเข้ามาจีบ หรือเข้ามาคบคุยหลายคน และมีโอกาสที่จะได้ออกเดท ได้ไปพบเจอกันที่สถานที่ใกล้น้ำ ซึ่งจะเด่นในช่วงเดือน กุมภาพันธ์ พฤษภาคม สิงหาคม และต้องระวังการตั้งครรภ์ด้วย ถ้าไม่พร้อมก็จะต้องป้องกันให้ดีเพราะมีความเสี่ยง ส่วนคนที่เข้ามานั้น ดูแล้วอาจจะมาช่วยเหลืออุปถัมภ์เราได้บ้าง แต่ส่วนใหญ่จะเจอคนที่มีเจ้าของแล้ว ...คนที่ความสัมพันธ์ไม่ชัดเจน ดูแล้วจะอยู่กันแบบมีความเครียด คาราคาซัง และอาจจะมีมือที่ 3 ที่ 4 เข้ามาเพิ่มเติมด้วย ต้องระวังมีเรื่องทุกข์ใจ และเครียดช่วงเดือน มีนาคมเป็นต้นไป และอาจจะเครียดไปทั้งปี ถ้ายังไม่เดินออกมาจากความสัมพันธ์นี้ #สุขภาพ จะต้องระวังเกี่ยวกับปวดตา สายตาไม่ดี หรือบางคนอาจจะได้ตัดแว่นใหม่ ความเครียด โรคซึมเศร้า คิดมาก โรคในช่องปาก ฟัน หรือบางคนอาจจะมีปัญหาทางการเงิน ทำให้เสียสุขภาพจิตตามมา แต่ดูแล้วยังไม่ได้ถึงขั้นมีโรคร้ายแรง ต้องระวังเป็นพิเศษช่วงเดือน มีนาคม มิถุนายน เดือนพฤศจิกายน ส่วนถ้าใครมีโรคประจำตัวอยู่แล้ว แล้วจะต้องพบหมอเพื่อติดตามอาการ ก็ต้องดูแลรักษาสุขภาพตัวเองให้ดี โดยเฉพาะในเรื่องอาหารการกิน เพราะมีโอกาสที่จะเจ็บป่วยจากอาหารการกิน หรือโรคจะเป็นมากขึ้น อย่ากินในของที่จะทำให้เกิดโรคเพิ่มขึ้น เช่น กินเนื้อสัตว์มากไป กินหวาน กินเค็ม กินอาหารที่ไม่ได้ปรุงสุกใหม่ ...ส่วนคนที่จะมีแผนผ่าตัด ศัลยกรรม หรือมีดวงที่จะต้องเข้าโรงพยาบาลพบหมอ จะเป็นช่วงเดือน เมษายน พฤษภาคม #โชคลาภ...จะมีโชคลาภจากอาหารการกิน หรืออาจได้รับของกินของฝาก หรือได้จากงาน โชคทางการเสี่ยงยังไม่เด่นเท่าไหร่ เลขนำโชค 4/6/9 เสี่ยงโชคจากเลขใกล้ตัว เลขบ้าน เลขรถ #การเดินทาง ปลอดภัยดีและมีโอกาสได้รับโชคลาภ แต่ให้ระวังช่วงเดือนพฤศจิกายน ธันวาคม ให้หลีกเลี่ยงเดินทางไกลเพราะอาจมีอุปสรรค #สิ่งที่ต้องระวัง...ให้ระวังจะมีเรื่องติดสัจจะวาจากับสิ่งศักดิ์สิทธิ์แล้วจะทำให้ชีวิตติดขัด หากไปบนไว้ที่ไหนต้องไปแก้ #วิธีเสริมดวง ทำบุญบริจาคทาน ช่วยค่าน้ำค่าไฟ ทำทานเกี่ยวกับเด็ก ช่วยเหลือเด็ก บริจาคน้ำดื่ม ปล่อยสัตว์น้ำ สวดมนต์ไหว้พระ รักษาศีล 5 #บทสวดมนต์ที่แนะนำ มหาสมัยสูตร/มหาเมตตาใหญ่/รัตนปริตร/บทพระมหาจักรพรรดิ --------- #หมอฝนยิปซี #อาจารย์เจdomino #ดูดวงทางแชท #หมอดูแม่นๆ #ดูดวงความรัก #ดูดวงเนื้อคู่ Cr.ภาพ Baan Kanaecha
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2224 มุมมอง 0 รีวิว
  • รีโพสต์จากเพจเฟซบุ๊ก ‘ปราย พันแสง

    เมื่อคืนดูคลิปบอสเล่านิทานเรื่อง“มดไต่แก้ว”แล้วนอนไม่หลับเอาเลย ยอมรับว่าเล่าเก่งโคตร

    ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม
    จึงมีเหยื่อมากมายนัก
    ก็มันชวนเคลิ้มซะขนาดนี้



    นานมาแล้ว สตีฟ จอบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ลเคยบอกว่า "The most powerful person in the world is the storyteller.“ คนที่ทรงพลังที่สุดในโลกคือนักเล่าเรื่อง จอบส์ฟันธงไว้อย่างนั้น

    เขาบอกว่า“นักเล่าเรื่อง” หรือคนที่เล่าเรื่องเป็น(storyteller) จะเป็นผู้กำหนดวิสัยทัศน์ ค่านิยม และระเบียบวาระต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นให้กับผู้คนทั้งเจเนอเรชั่น อาจจะกล่าวได้ว่า นักเล่าเรื่องเก่งๆ นั้นสามารถกำหนดเทรนด์หรือทิศทางของสังคมได้

    ส่วนที่จอบส์ไม่ได้บอกไว้ก็คือ นักเล่าเรื่องเก่งๆ หลายคน สามารถทำให้คนคิดฆ่าตัวตาย ทำให้เกิดความฉิบหายระดับหมื่นล้านแสนล้านได้ด้วย

    สิ่งที่ปรากฏต่อสังคมไทยในวันนี้
    มันอาจเป็นประจักษ์พยานด้านมืด
    ของ storyteller อย่างชัดๆ



    “มดไต่แก้ว” เป็นเรื่องเล่าง่ายๆ เกี่ยวกับมดที่พยายามป่ายปีนออกไปให้พ้นแก้ว มดบางตัวปีนไปจนอยู่ในจุดสูงที่สุดของปากแก้ว แต่แล้วก็ตกลงมา

    บอสบอกไว้คมเฉียบว่า ”การตกลงมาจากจุดสูงสุดอย่างนั้น มันทำให้เจ็บที่สุด ทำให้มีมดบางตัวยอมแพั แต่ก็ยังมีมดบางตัวสู้ต่อ จนได้รับอิสรภาพในที่สุด“

    เคลิ้มมั้ยล่ะ ^__^



    เอาจริง จากอาชีพอ่านๆ เขียนๆ เรื่องเล่าประเภทนี้ไม่ได้กินเราหรอก แต่สำหรับคนที่ไม่ได้คลุกคลี อีกทั้งยังต้องอยู่ในสถานะลูกข่ายที่ต้องไล่ล่าทำยอดขาย พลังของเรื่องเล่าแบบนี้มันพุ่งปรี๊ดทะลุปม กระแทกต่อมได้ตรงจุด จึงไม่น่าแปลกใจถ้ามันจะทำให้ใครๆ ที่ได้ฟังครั้งแรกถึงกับน้ำตาไหลพราก ซาบซึ้งตรึงใจ

    เราเองฟังเรื่องมดไต่แก้วนี้กลับไปคิดถึงอีกเรื่องหนึ่ง ไม่รู้มีใครเคยฟังมั้ย เป็นนิทานเรื่องกบกระโดด เรื่องมีอยู่ว่า มีกบตัวหนึ่งพยายามปีนออกจากบ่อลึก ทุกครั้งที่มันพยายามกระโดด เพื่อนๆ กบจะพากันตะโกนห้ามว่า "เลิกเถอะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก!"

    ทว่ากบตัวนั้นไม่ยอมแพ้ สุดท้ายในการกระโดดครั้งที่ 99 มันก็กระโดดออกจากบ่อได้สำเร็จ แต่ความจริงของเรื่องนี้คือ กบตัวนี้หูหนวก มันเลยไม่ได้ยินเสียงร้องห้ามจากเพื่อนๆ เลยสักนิดเดียว

    ช่างไม่ต่างอะไรเลยกับผู้เสียหายมากมาย
    ที่ไม่ยอมฟังคำทัดทานจากใครเลย
    เหมือนกบหูหนวก



    คดีบอสๆ นี้ เราว่านิทานเรื่องมดไต่แก้วนี้ไม่เท่าไหร่ แต่ที่เรารู้สึกเองว่ามันทรงพลังแห่ง storytelling จริงๆ น่าจะเป็นนิทานเรื่องจริงที่แชร์กันเยอะๆ วันนี้ ที่เป็นคลิปเล่าเรื่องบอสพอลพาผู้ชมกลับไปทัวร์สลัมคลองเตยบ้านเกิด พาไปชมแฟลตเก่าชั้นสองห้อง 16 ที่เคยเติบโตมา

    แคปชั่นตรึงใจ “ผมไม่เคยลืม...ว่าผมเติบโตมาจากที่ไหน ชุมชนแออัด หรือที่ใครหลายคนเรียกว่า "สลัม"ผมเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ในตอนที่ยังเริ่มต้นสร้างชีวิต”

    “20 ปีที่แล้ว กับภาพในวันนี้ ทุกอย่างมันยังคงอยู่เหมือนเดิม ราวกับว่ามันหยุดเวลาไว้ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจอะไรบางอย่าง มันคือจุดเริ่มต้น ที่ทำให้ผมไม่เคยคิดดูถูกความฝันหรือความพยายามของใคร เพราะผมก็เคยเป็นหนึ่งคน ที่ชีวิตไม่พร้อม แต่มีความฝัน ขอเป็นกำลังใจให้กับนักสู้ชีวิตทุก ๆ ท่านครับ“

    คลิปถ่ายสวย ไม่เวอร์
    ภาพดี เสียงดี เล่าเรื่องดี
    นักแสดง(บอสพอล)แอ๊คติ้งเป็นธรรมชาติ
    ไม่มีตรงไหนชวนแหวะ
    หรือชวนเอ๊ะเลย

    ยิ่งตอนโทรคุยกับแม่หน้าแฟลตเก่า พูดถึงร้านก๋วยเตี๋ยวไก่เจ้าอร่อยที่ยังขายอยู่นั่นก็ดูจะเป็นซีนที่น่าจดจำมากทีเดียว คือถ้าไม่ติดเรื่องข้อสงสัยว่าเป็นธุรกิจผิดกฎหมายเนี่ย อยากเชิญคนทำคลิปนี้ไปสร้างหนังไทยเลย อยากดู

    ในคลิปนี้ บอสยืนพูดหน้าแฟลตที่สกปรกรุงรังว่า ตอนที่เขายังใช้ชีวิตอยู่ในสลัมแห่งนี้ ชีวิตวัยนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายไปกว่าอยากดูแลแม่ให้มีความสุขเท่านั้น ตรงนี้เชื่อว่าเอฟซีอาจน้ำตาร่วง

    อีกทั้งน้ำเสียงของแม่ปลายสาย ก็ร่าเริงมีความสุข กับการพูดถึงร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำที่เคยกินสมัยอยู่สลัม สื่อให้เห็นว่าเมื่อก้าวพ้นความยากจนไปแล้ว ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ในสลัมธรรมดาก็ยังงดงามขึ้นมาได้

    ทุกอย่างสอดคล้องกลมกลืนลื่นไหล เป็นคลิปฟิลลิ่ง Nostalgia การรำลึกความหลังยากแค้นของเศรษฐีหมื่นล้านที่สุดละเมียดจริงแท้

    ใครไม่เคลิ้มให้มันรูัไป

    ยอดขายระเบิดเถิดเทิงหมื่นล้านแสนล้าน ไม่ใช่ได้มาแบบฟลุคๆ แน่นอน มันผ่านการเล่าเรื่องที่คัดเค้นมาแล้วอย่างประณีต เพื่อพิชิตใจมหาชนคนสามัญที่คุ้นเคยชมชอบกับเรื่องดรามาชนิดซึมเข้ากระดูกดำแบบไทยๆ เราอย่างเหมาะเหม็ง

    ดูคลิปนี้แล้วยิ่งไม่แปลกใจเลยสักนิด
    ว่าทำไมลูกข่ายหอบเงินมาประเคนให้
    เป็นหลักหมื่นแสนล้าน



    เอาจริง เรื่องเล่าตรึงใจระคายต่อมพวกนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่หรอก มันเป็นเครื่องมือสำเร็จรูปที่มีใช้กันนานแล้วในวงการต่างๆ โดยเฉพาะในแวดวงหลอกลวงต้มตุ๋น ดูเหมือนจะสร้างเม็ดเงินมหาศาลทำลายสถิติได้ทุกยุคสมัย

    เรื่องเล่ากระตุ้นต่อมที่ชาวโลกรู้จักกันแพร่หลาย ก็คงจะเป็นนิทานเรื่อง“ปลาทอง" ในคดีฉ้อฉลของเบอร์นี แมดอฟฟ์ในอเมริกา ที่น่าจะอื้อฉาวพอๆ กับคดีดิ ไอคอน ในเมืองไทยตอนนี้ก็ว่าได้

    สมัยนั้น เบอร์นี แมดอฟฟ์ ก็มักจะชอบเล่าเรื่องเปรียบเทียบการลงทุนกับการให้อาหารปลาทอง โดยบอกว่าต้องให้อาหารสม่ำเสมอ ไม่มากไม่น้อยเกินไป เพื่อให้ปลาเติบโตอย่างแข็งแรง

    เขาใช้เรื่องนี้อธิบายกลยุทธ์การลงทุนที่ "สม่ำเสมอ" ของเขา ซึ่งในความเป็นจริงคือแผนการณ์หลอกลวงแบบพอนซี (Ponzi scheme- คล้ายแชร์ลูกโซ่ แต่ไม่มีสินค้า ใช้วิธีเอาเงินคนใหม่ไปจ่ายให้คนเก่าวนไปเรื่อยๆ )

    พอนซีของแมดอล์ฟฟ์มีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 64.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ

    แมดอล์ฟฟ์ใช้เรื่องเล่าเกี่ยวกับปลาทองเพื่อสื่อว่ากลยุทธ์การลงทุนของเขานั้น "สม่ำเสมอ" และ "ปลอดภัย" เขาอ้างว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่คงที่และน่าเชื่อถือได้ ไม่ว่าสภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร เรื่องเล่านี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและทำให้พวกเขารู้สึกว่ากำลังลงทุนกับผู้เชี่ยวชาญที่มีกลยุทธ์ที่มั่นคง

    ในความเป็นจริง แมดอล์ฟฟ์ไม่ได้นำเงินของลูกค้าไปลงทุนเลยสักนิด เขาใช้เงินจากนักลงทุนรายใหม่เพื่อจ่ายผลตอบแทนให้กับนักลงทุนรายเก่า ซึ่งเป็นลักษณะของแผนพอนซี ผลตอบแทน "สม่ำเสมอ" ที่เขาอ้างถึงนั้นเป็นเพียงตัวเลขที่เขาสร้างขึ้นมาเอง

    แผนฉ้อโกงนี้ดำเนินมานานหลายทศวรรษก่อนจะถูกเปิดโปงในปี 2008 มีผู้เสียหายจำนวนมาก รวมถึงบุคคลทั่วไป องค์กรการกุศล และสถาบันการเงิน

    ปัจจุบันแมดอล์ฟฟ์ถูกจับกุม
    และถูกตัดสินจำคุก 150 ปี



    นอกจากนิทานปลาทองของแมดอล์ฟฟ์ ยังมีนิทานอีกเรื่องที่โด่งดังไม่แพ้กัน นิทานเรื่องนี้มีชื่อว่า “ช้างล่ามโซ่” ที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงของบริษัท One Coin

    One Coin เป็นโครงการที่อ้างว่าเป็นสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrency) แต่ในความเป็นจริงเป็นแผนหลอกลวงแบบพีระมิด (pyramid scheme) ที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ต้มตุ๋น

    รูจา อิกนาโตวา (Ruja Ignatova) ผู้ก่อตั้ง One Coin
    เกิดเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 1980 ที่เมืองรูส ประเทศบัลแกเรีย ย้ายไปเยอรมนีตั้งแต่อายุ 10 ขวบ จบปริญญาเอกด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยคอนสแตนซ์ ประเทศเยอรมนี เคยทำงานให้กับบริษัทที่ปรึกษา McKinsey & Company ในปี 2014 เธอก่อตั้งบริษัท One Coin ซึ่งอ้างว่าเป็นสกุลเงินดิจิทัลใหม่

    บริษัท One Coin เติบโตอย่างรวดเร็ว มีสมาชิกกว่า 3 ล้านคนทั่วโลก จนกระทั่งในปี 2016 เริ่มมีการสงสัยและตรวจสอบ One Coin ว่าอาจเป็นแชร์ลูกโซ่

    วันที่ 25 ตุลาคม 2017 รูจาหายตัวไปอย่างลึกลับหลังจากบินจากโซเฟียไปยังเอเธนส์ ในปี 2019 เธอถูกฟ้องในสหรัฐอเมริกาในข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน



    ในการหลอกล่อเหยื่อมาลงทุน รูจา อิกนาโตวา มักใช้นิทานเรื่องช้างล่ามโซ่ในการปราศรัยบ่อยครั้ง

    เธอเปรียบเทียบว่าคนทั่วไปเหมือนช้างที่ถูกล่ามด้วยโซ่ทางการเงิน ไม่กล้าที่จะหลุดพ้น เธอชี้ให้เห็นว่า One Coin คือโอกาสที่ทุกคนจะได้ "ตัดโซ่" และเป็นอิสระทางการเงิน

    นิทานเรื่องนี้นำมาใช้เพื่อกระตุ้นให้คนรู้สึกว่าตนกำลัง "ติดกับดัก" ทางการเงิน สร้างความรู้สึกว่า One Coin เป็นทางออกเดียวที่จะทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากข้อจำกัดทางการเงิน สร้างแรงจูงใจให้คนกล้าที่จะ "ทำลายกรอบความคิดเดิมๆ" และเข้าร่วมโครงการ

    ในความเป็นจริง One Coin ไม่ได้เป็นสกุลเงินดิจิทัลจริง ไม่มีบล็อกเชนที่ใช้งานได้จริง เป็นระบบพีระมิดที่สร้างรายได้จากการรับสมาชิกใหม่เท่านั้น ผู้ลงทุนไม่สามารถถอนเงินหรือแลกเปลี่ยน One Coin เป็นเงินจริงได้

    One Coin มีผู้เสียหายทั่วโลกมากกว่า 3 ล้านคน ความเสียหายทางการเงินประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รูจา อิกนาโตวา ได้รับฉายาว่า “ราชินีคริปโต” หรือ Cryptoqueen เธอหายตัวไปในปี 2017 ทุกวันนี้ยังคงเป็นที่ต้องการตัวของ FBI

    ปัจจุบัน เธอกลายเป็นหนึ่งในอาชญากรทางการเงินที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ร่วมสมัย​​​​​​​​​​​​​​​​จนทุกวันนี้



    จะเห็นได้ว่า เรื่องเล่าอย่าง "ช้างล่ามโซ่" ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างอารมณ์ร่วมและกระตุ้นการตัดสินใจที่ไม่สมเหตุสมผล จึงควรระวังโครงการที่สัญญาว่าจะทำให้รวยอย่างรวดเร็วหรือหลุดพ้นจากปัญหาทางการเงินอย่างง่ายดาย

    คดีนี้แสดงให้เห็นว่าเรื่องเล่าที่สร้างแรงบันดาลใจสามารถถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อผสมผสานกับเทคโนโลยีที่ซับซ้อนและไม่เป็นที่เข้าใจกันดีนักเช่น cryptocurrency



    ยังมีนิทานประเภทสร้างแรงบันดาลใจอีกมากมายหลายเรื่อง ที่มักนำมาใช้ในบริบทการฉ้อโกงลักษณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นนิทานเรื่อง“มีดเหลาดินสอ”ที่หลายคนอาจจะคุ้น พวกคอร์สอบรมต่างๆ จะเอามาเล่าบ่อย

    เรื่องราวมีอยู่ว่า ดินสอบ่นว่าเจ็บเมื่อถูกเหลา แต่มีดเหลาบอกว่า "การเจ็บนี้จะทำให้เธอแหลมคมและเขียนได้ดีขึ้น“ นิทานเรื่องนี้ถูกนำมาใช้เพื่อให้แง่คิดเรื่องความอดทนต่อความยากลำบากที่อาจทำให้เราได้เติบโตและพัฒนา



    "นิทานเรื่องช้างและเชือกเส้นเล็ก"

    เรื่องมีอยู่ว่าในคณะละครสัตว์ มีช้างตัวใหญ่ถูกล่ามด้วยเชือกเส้นเล็กๆ เด็กน้อยสงสัยว่าทำไมช้างไม่ดึงเชือกให้ขาด คนเลี้ยงช้างอธิบายว่า ตั้งแต่ช้างยังเล็ก มันถูกล่ามด้วยโซ่ใหญ่ที่ไม่สามารถหลุดได้ ช้างจึงเชื่อว่าตัวเองไม่มีทางหลุดจากการล่าม แม้โตแล้วก็ยังคิดเช่นนั้น



    "นิทานเรื่องหินสลักและค้อน"

    เรื่องราวของช่างแกะสลักกำลังทำงานบนหินก้อนใหญ่ เขาตีค้อนลงบนหินครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่เห็นผล คนผ่านไปมาสงสัยว่าทำไมเขาไม่ยอมแพ้ ในที่สุด หลังจากตีค้อนครั้งที่ 101 หินก็แตกออกตามที่เขาต้องการ ช่างแกะสลักอธิบายว่า "ไม่ใช่การตีครั้งสุดท้ายที่ทำให้หินแตก แต่มันเป็นผลรวมของการตีทุกครั้งที่ผ่านมา"



    นิทานเหล่านี้มักถูกใช้เพื่อสื่อถึงความอดทน การไม่ยอมแพ้ และการเอาชนะข้อจำกัดทางความคิด

    นิทานไม่ได้มีพิษภัยในตัวมันเอง มันเป็นเรื่องเล่าแสนวิเศษ สร้างแรงบันดาลใจได้จริง แต่เมื่อมีการนำมาใช้ในบริบทของการลงทุนหรือธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง การตีความและการนำไปใช้ กลับเป็นสิ่งที่ต้องระวัง

    บางครั้งนิทานเหล่านี้
    มักถูกใช้เพื่อกระตุ้นอารมณ์มากกว่าเหตุผล
    อาจไม่สะท้อนความเป็นจริงของสถานการณ์
    ในบริบทของธุรกิจที่น่าสงสัย
    อาจใช้เพื่อกดดัน
    ให้คนทำในสิ่งที่ไม่ควร

    การยอมรับความจริง
    เลิกทนและถอยออกมา
    ก็อาจเป็นการตัดสินใจ
    ที่ชาญฉลาดได้เช่นกัน



    “ในยุคข้อมูลข่าวสาร ความจริงกำลังถูกบดบังด้วยเรื่องเล่าหรือเรื่องราวที่สร้างขึ้น (narratives)”

    ยูวัล โนอาห์ ฮาราริ เขียนไว้ในหนังสือ"21 Lessons for the 21st Century"เมื่อหลายปีมาแล้ว (21 บทเรียน สำหรับศตวรรษที่ 21 : ผู้แปล ธิดา จงนิรามัยสถิต, ดร. นำชัย ชีววิวรรธน์ , สำนักพิมพ์ยิปซี)

    ฮาราริอธิบายว่าผู้คนมักเชื่อในเรื่องราวที่สอดคล้องกับความเชื่อและอัตลักษณ์ของตน มากกว่าข้อเท็จจริงที่อาจขัดแย้งกับความเชื่อนั้น และชี้ให้เห็นว่ามนุษย์มีแนวโน้มที่จะเชื่อในเรื่องเล่าที่ให้ความหมายและอธิบายโลกรอบตัว เขาบอกว่า“เรื่องเล่าเหล่านี้มีพลังมากกว่าข้อเท็จจริงเพราะมันตอบสนองต่อความต้องการทางอารมณ์และจิตวิญญาณของมนุษย์”

    ฮาราริเตือนว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะ AI และ Big Data สามารถใช้ในการสร้างและเผยแพร่เรื่องราวที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (อย่างคลิปเรื่องเล่าสารพัดที่ผลิตออกมาชักจูงใจคน) เขาชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถเข้าใจและจัดการกับอารมณ์มนุษย์ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ

    การให้ความสำคัญกับ“อารมณ์”มากกว่า“ความจริง”อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการประชาธิปไตยและการตัดสินใจที่สำคัญ เขาเตือนว่าสังคมอาจถูกชี้นำด้วยการปลุกเร้าอารมณ์มากกว่าการใช้เหตุผลและข้อมูล

    ในอนาคต ทักษะทางอารมณ์และความคิดสร้างสรรค์อาจมีความสำคัญมากกว่าความรู้ทางเทคนิค เขาแนะนำว่าระบบการศึกษาควรปรับตัวเพื่อเตรียมคนให้พร้อมสำหรับโลกที่อารมณ์และความคิดสร้างสรรค์มีบทบาทสำคัญ

    ฮาราริเน้นย้ำความสำคัญของการรู้จักและเข้าใจตนเอง รวมถึงอารมณ์และความรู้สึกของเราให้ได้อย่างถ่องแท้ เขาบอกว่า“การเข้าใจตนเองจะช่วยให้เราสามารถรับมือกับโลกที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยการกระตุ้นทางอารมณ์ได้ดีขึ้น”

    ผู้เขียน "21 Lessons for the 21st Century" ไม่ได้บอกว่า แนวโน้มนี้เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี แต่ชี้ให้เห็นว่ามันเป็นความท้าทายที่สำคัญที่เราต้องเตรียมพร้อมรับมือ โดยเฉพาะในด้านการศึกษา การเมือง และการพัฒนาตนเอง

    เพื่อรักษาสมดุล
    ระหว่างอารมณ์และเหตุผล
    ในยุคสมัยปัจจุบัน
    ที่“อารมณ์”อาจมีอิทธิพล
    มากขึ้นเรื่อยๆ​​​​​​​​​​​​​​​​



    จากข่าวสารประเด็นร้อนแรงในประเทศไทยวันนี้ เราก็ได้เห็นการใช้ Storytelling ในทางที่ผิดหลายเรื่อง

    เรื่องเล่าถูกใช้เพื่อบิดเบือนความจริงและสร้างภาพลวงตา มุ่งเน้นการกระตุ้นอารมณ์มากกว่าการให้ข้อมูลที่เป็นจริง

    นิทานเหล่านี้สร้างความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับความสำเร็จและความมั่งคั่ง ทำให้คนมองข้ามความเสี่ยงและความเป็นจริงของสถานการณ์

    เรื่องเล่าที่น่าประทับใจอาจทำให้ผู้ฟังลดการใช้เหตุผลและการคิดวิเคราะห์ ผู้คนอาจตัดสินใจบนพื้นฐานของ“อารมณ์” มากกว่า“ความจริง” อย่างที่ยูวัล โนอาห์ ฮาราริ กล่าวไว้ไม่มีผิด

    Storytelling : นิทานหรือเรื่องเล่าที่มีประสิทธิภาพสามารถสร้างความไว้วางใจได้อย่างรวดเร็ว แม้กับคนแปลกหน้า ในกรณีของการหลอกลวง Storytelling ถูกใช้เพื่อลดความระแวดระวังของเหยื่อ เรื่องเล่าที่สวยงามอาจถูกใช้เพื่อปิดบังความจริงที่น่าเป็นห่วงหรือรายละเอียดที่สำคัญ

    ในกรณีของแชร์ลูกโซ่หรือ MLM นิทาน เรื่องเล่า หรือ Storytelling ทั้งหลาย อาจถูกใช้เพื่อสร้างวัฒนธรรมที่กดดันให้สมาชิกไม่ยอมแพ้ แม้จะเผชิญกับความล้มเหลว

    เรื่องเล่าเหล่านี้
    มักเล็งเป้าไปที่ความฝัน
    และความหวังของผู้คน
    ทำให้เหยื่ออ่อนไหวและเปราะบาง
    ทำให้ง่ายที่จะหลอกลวง



    นิทาน เรื่องเล่า Storytelling ทั้งหลาย มันไม่ได้เลวร้ายในตัวมันเอง แต่เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง สามารถใช้ในทางที่ดีหรือไม่ดีก็ได้

    ในด้านบวก Storytelling สามารถใช้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ สอน และสื่อสารความคิดที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    สิ่งสำคัญที่คนเรายุคนี้ต้องรับมือ
    คือต้องพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์
    และการรู้เท่าทันสื่อของตัวเอง
    เพื่อแยกแยะให้ออก
    ระหว่างการใช้ Storytelling
    ในทางที่สร้างสรรค์
    หรือการใช้เพื่อหลอกลวง



    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/sg5pYj1hseTp1QGK/?mibextid=CTbP7

    #Thaitimes
    รีโพสต์จากเพจเฟซบุ๊ก ‘ปราย พันแสง เมื่อคืนดูคลิปบอสเล่านิทานเรื่อง“มดไต่แก้ว”แล้วนอนไม่หลับเอาเลย ยอมรับว่าเล่าเก่งโคตร ไม่น่าแปลกใจว่าทำไม จึงมีเหยื่อมากมายนัก ก็มันชวนเคลิ้มซะขนาดนี้ 🌻 นานมาแล้ว สตีฟ จอบส์ ผู้ก่อตั้งบริษัทแอปเปิ้ลเคยบอกว่า "The most powerful person in the world is the storyteller.“ คนที่ทรงพลังที่สุดในโลกคือนักเล่าเรื่อง จอบส์ฟันธงไว้อย่างนั้น เขาบอกว่า“นักเล่าเรื่อง” หรือคนที่เล่าเรื่องเป็น(storyteller) จะเป็นผู้กำหนดวิสัยทัศน์ ค่านิยม และระเบียบวาระต่างๆ ที่กำลังจะเกิดขึ้นให้กับผู้คนทั้งเจเนอเรชั่น อาจจะกล่าวได้ว่า นักเล่าเรื่องเก่งๆ นั้นสามารถกำหนดเทรนด์หรือทิศทางของสังคมได้ ส่วนที่จอบส์ไม่ได้บอกไว้ก็คือ นักเล่าเรื่องเก่งๆ หลายคน สามารถทำให้คนคิดฆ่าตัวตาย ทำให้เกิดความฉิบหายระดับหมื่นล้านแสนล้านได้ด้วย สิ่งที่ปรากฏต่อสังคมไทยในวันนี้ มันอาจเป็นประจักษ์พยานด้านมืด ของ storyteller อย่างชัดๆ 🌻 “มดไต่แก้ว” เป็นเรื่องเล่าง่ายๆ เกี่ยวกับมดที่พยายามป่ายปีนออกไปให้พ้นแก้ว มดบางตัวปีนไปจนอยู่ในจุดสูงที่สุดของปากแก้ว แต่แล้วก็ตกลงมา บอสบอกไว้คมเฉียบว่า ”การตกลงมาจากจุดสูงสุดอย่างนั้น มันทำให้เจ็บที่สุด ทำให้มีมดบางตัวยอมแพั แต่ก็ยังมีมดบางตัวสู้ต่อ จนได้รับอิสรภาพในที่สุด“ เคลิ้มมั้ยล่ะ ^__^ 🌻 เอาจริง จากอาชีพอ่านๆ เขียนๆ เรื่องเล่าประเภทนี้ไม่ได้กินเราหรอก แต่สำหรับคนที่ไม่ได้คลุกคลี อีกทั้งยังต้องอยู่ในสถานะลูกข่ายที่ต้องไล่ล่าทำยอดขาย พลังของเรื่องเล่าแบบนี้มันพุ่งปรี๊ดทะลุปม กระแทกต่อมได้ตรงจุด จึงไม่น่าแปลกใจถ้ามันจะทำให้ใครๆ ที่ได้ฟังครั้งแรกถึงกับน้ำตาไหลพราก ซาบซึ้งตรึงใจ เราเองฟังเรื่องมดไต่แก้วนี้กลับไปคิดถึงอีกเรื่องหนึ่ง ไม่รู้มีใครเคยฟังมั้ย เป็นนิทานเรื่องกบกระโดด เรื่องมีอยู่ว่า มีกบตัวหนึ่งพยายามปีนออกจากบ่อลึก ทุกครั้งที่มันพยายามกระโดด เพื่อนๆ กบจะพากันตะโกนห้ามว่า "เลิกเถอะ มันเป็นไปไม่ได้หรอก!" ทว่ากบตัวนั้นไม่ยอมแพ้ สุดท้ายในการกระโดดครั้งที่ 99 มันก็กระโดดออกจากบ่อได้สำเร็จ แต่ความจริงของเรื่องนี้คือ กบตัวนี้หูหนวก มันเลยไม่ได้ยินเสียงร้องห้ามจากเพื่อนๆ เลยสักนิดเดียว ช่างไม่ต่างอะไรเลยกับผู้เสียหายมากมาย ที่ไม่ยอมฟังคำทัดทานจากใครเลย เหมือนกบหูหนวก 🌻 คดีบอสๆ นี้ เราว่านิทานเรื่องมดไต่แก้วนี้ไม่เท่าไหร่ แต่ที่เรารู้สึกเองว่ามันทรงพลังแห่ง storytelling จริงๆ น่าจะเป็นนิทานเรื่องจริงที่แชร์กันเยอะๆ วันนี้ ที่เป็นคลิปเล่าเรื่องบอสพอลพาผู้ชมกลับไปทัวร์สลัมคลองเตยบ้านเกิด พาไปชมแฟลตเก่าชั้นสองห้อง 16 ที่เคยเติบโตมา แคปชั่นตรึงใจ “ผมไม่เคยลืม...ว่าผมเติบโตมาจากที่ไหน ชุมชนแออัด หรือที่ใครหลายคนเรียกว่า "สลัม"ผมเคยใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ในตอนที่ยังเริ่มต้นสร้างชีวิต” “20 ปีที่แล้ว กับภาพในวันนี้ ทุกอย่างมันยังคงอยู่เหมือนเดิม ราวกับว่ามันหยุดเวลาไว้ เพื่อเป็นเครื่องเตือนใจอะไรบางอย่าง มันคือจุดเริ่มต้น ที่ทำให้ผมไม่เคยคิดดูถูกความฝันหรือความพยายามของใคร เพราะผมก็เคยเป็นหนึ่งคน ที่ชีวิตไม่พร้อม แต่มีความฝัน ขอเป็นกำลังใจให้กับนักสู้ชีวิตทุก ๆ ท่านครับ“ คลิปถ่ายสวย ไม่เวอร์ ภาพดี เสียงดี เล่าเรื่องดี นักแสดง(บอสพอล)แอ๊คติ้งเป็นธรรมชาติ ไม่มีตรงไหนชวนแหวะ หรือชวนเอ๊ะเลย ยิ่งตอนโทรคุยกับแม่หน้าแฟลตเก่า พูดถึงร้านก๋วยเตี๋ยวไก่เจ้าอร่อยที่ยังขายอยู่นั่นก็ดูจะเป็นซีนที่น่าจดจำมากทีเดียว คือถ้าไม่ติดเรื่องข้อสงสัยว่าเป็นธุรกิจผิดกฎหมายเนี่ย อยากเชิญคนทำคลิปนี้ไปสร้างหนังไทยเลย อยากดู ในคลิปนี้ บอสยืนพูดหน้าแฟลตที่สกปรกรุงรังว่า ตอนที่เขายังใช้ชีวิตอยู่ในสลัมแห่งนี้ ชีวิตวัยนั้นก็ไม่ได้คิดอะไรมากมายไปกว่าอยากดูแลแม่ให้มีความสุขเท่านั้น ตรงนี้เชื่อว่าเอฟซีอาจน้ำตาร่วง อีกทั้งน้ำเสียงของแม่ปลายสาย ก็ร่าเริงมีความสุข กับการพูดถึงร้านก๋วยเตี๋ยวเจ้าประจำที่เคยกินสมัยอยู่สลัม สื่อให้เห็นว่าเมื่อก้าวพ้นความยากจนไปแล้ว ร้านก๋วยเตี๋ยวไก่ในสลัมธรรมดาก็ยังงดงามขึ้นมาได้ ทุกอย่างสอดคล้องกลมกลืนลื่นไหล เป็นคลิปฟิลลิ่ง Nostalgia การรำลึกความหลังยากแค้นของเศรษฐีหมื่นล้านที่สุดละเมียดจริงแท้ ใครไม่เคลิ้มให้มันรูัไป ยอดขายระเบิดเถิดเทิงหมื่นล้านแสนล้าน ไม่ใช่ได้มาแบบฟลุคๆ แน่นอน มันผ่านการเล่าเรื่องที่คัดเค้นมาแล้วอย่างประณีต เพื่อพิชิตใจมหาชนคนสามัญที่คุ้นเคยชมชอบกับเรื่องดรามาชนิดซึมเข้ากระดูกดำแบบไทยๆ เราอย่างเหมาะเหม็ง ดูคลิปนี้แล้วยิ่งไม่แปลกใจเลยสักนิด ว่าทำไมลูกข่ายหอบเงินมาประเคนให้ เป็นหลักหมื่นแสนล้าน 🌻 เอาจริง เรื่องเล่าตรึงใจระคายต่อมพวกนี้ไม่ใช่เรื่องใหม่หรอก มันเป็นเครื่องมือสำเร็จรูปที่มีใช้กันนานแล้วในวงการต่างๆ โดยเฉพาะในแวดวงหลอกลวงต้มตุ๋น ดูเหมือนจะสร้างเม็ดเงินมหาศาลทำลายสถิติได้ทุกยุคสมัย เรื่องเล่ากระตุ้นต่อมที่ชาวโลกรู้จักกันแพร่หลาย ก็คงจะเป็นนิทานเรื่อง“ปลาทอง" ในคดีฉ้อฉลของเบอร์นี แมดอฟฟ์ในอเมริกา ที่น่าจะอื้อฉาวพอๆ กับคดีดิ ไอคอน ในเมืองไทยตอนนี้ก็ว่าได้ สมัยนั้น เบอร์นี แมดอฟฟ์ ก็มักจะชอบเล่าเรื่องเปรียบเทียบการลงทุนกับการให้อาหารปลาทอง โดยบอกว่าต้องให้อาหารสม่ำเสมอ ไม่มากไม่น้อยเกินไป เพื่อให้ปลาเติบโตอย่างแข็งแรง เขาใช้เรื่องนี้อธิบายกลยุทธ์การลงทุนที่ "สม่ำเสมอ" ของเขา ซึ่งในความเป็นจริงคือแผนการณ์หลอกลวงแบบพอนซี (Ponzi scheme- คล้ายแชร์ลูกโซ่ แต่ไม่มีสินค้า ใช้วิธีเอาเงินคนใหม่ไปจ่ายให้คนเก่าวนไปเรื่อยๆ ) พอนซีของแมดอล์ฟฟ์มีขนาดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมีมูลค่าความเสียหายประมาณ 64.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แมดอล์ฟฟ์ใช้เรื่องเล่าเกี่ยวกับปลาทองเพื่อสื่อว่ากลยุทธ์การลงทุนของเขานั้น "สม่ำเสมอ" และ "ปลอดภัย" เขาอ้างว่าสามารถสร้างผลตอบแทนที่คงที่และน่าเชื่อถือได้ ไม่ว่าสภาวะตลาดจะเป็นอย่างไร เรื่องเล่านี้ช่วยสร้างความมั่นใจให้กับนักลงทุนและทำให้พวกเขารู้สึกว่ากำลังลงทุนกับผู้เชี่ยวชาญที่มีกลยุทธ์ที่มั่นคง ในความเป็นจริง แมดอล์ฟฟ์ไม่ได้นำเงินของลูกค้าไปลงทุนเลยสักนิด เขาใช้เงินจากนักลงทุนรายใหม่เพื่อจ่ายผลตอบแทนให้กับนักลงทุนรายเก่า ซึ่งเป็นลักษณะของแผนพอนซี ผลตอบแทน "สม่ำเสมอ" ที่เขาอ้างถึงนั้นเป็นเพียงตัวเลขที่เขาสร้างขึ้นมาเอง แผนฉ้อโกงนี้ดำเนินมานานหลายทศวรรษก่อนจะถูกเปิดโปงในปี 2008 มีผู้เสียหายจำนวนมาก รวมถึงบุคคลทั่วไป องค์กรการกุศล และสถาบันการเงิน ปัจจุบันแมดอล์ฟฟ์ถูกจับกุม และถูกตัดสินจำคุก 150 ปี 🌻 นอกจากนิทานปลาทองของแมดอล์ฟฟ์ ยังมีนิทานอีกเรื่องที่โด่งดังไม่แพ้กัน นิทานเรื่องนี้มีชื่อว่า “ช้างล่ามโซ่” ที่เกี่ยวข้องกับการฉ้อโกงของบริษัท One Coin One Coin เป็นโครงการที่อ้างว่าเป็นสกุลเงินดิจิทัล (cryptocurrency) แต่ในความเป็นจริงเป็นแผนหลอกลวงแบบพีระมิด (pyramid scheme) ที่ใหญ่ที่สุดอีกแห่งหนึ่งในประวัติศาสตร์ต้มตุ๋น รูจา อิกนาโตวา (Ruja Ignatova) ผู้ก่อตั้ง One Coin เกิดเมื่อวันที่ 30 พฤษภาคม 1980 ที่เมืองรูส ประเทศบัลแกเรีย ย้ายไปเยอรมนีตั้งแต่อายุ 10 ขวบ จบปริญญาเอกด้านกฎหมายจากมหาวิทยาลัยคอนสแตนซ์ ประเทศเยอรมนี เคยทำงานให้กับบริษัทที่ปรึกษา McKinsey & Company ในปี 2014 เธอก่อตั้งบริษัท One Coin ซึ่งอ้างว่าเป็นสกุลเงินดิจิทัลใหม่ บริษัท One Coin เติบโตอย่างรวดเร็ว มีสมาชิกกว่า 3 ล้านคนทั่วโลก จนกระทั่งในปี 2016 เริ่มมีการสงสัยและตรวจสอบ One Coin ว่าอาจเป็นแชร์ลูกโซ่ วันที่ 25 ตุลาคม 2017 รูจาหายตัวไปอย่างลึกลับหลังจากบินจากโซเฟียไปยังเอเธนส์ ในปี 2019 เธอถูกฟ้องในสหรัฐอเมริกาในข้อหาฉ้อโกงและฟอกเงิน 🌻 ในการหลอกล่อเหยื่อมาลงทุน รูจา อิกนาโตวา มักใช้นิทานเรื่องช้างล่ามโซ่ในการปราศรัยบ่อยครั้ง เธอเปรียบเทียบว่าคนทั่วไปเหมือนช้างที่ถูกล่ามด้วยโซ่ทางการเงิน ไม่กล้าที่จะหลุดพ้น เธอชี้ให้เห็นว่า One Coin คือโอกาสที่ทุกคนจะได้ "ตัดโซ่" และเป็นอิสระทางการเงิน นิทานเรื่องนี้นำมาใช้เพื่อกระตุ้นให้คนรู้สึกว่าตนกำลัง "ติดกับดัก" ทางการเงิน สร้างความรู้สึกว่า One Coin เป็นทางออกเดียวที่จะทำให้พวกเขาหลุดพ้นจากข้อจำกัดทางการเงิน สร้างแรงจูงใจให้คนกล้าที่จะ "ทำลายกรอบความคิดเดิมๆ" และเข้าร่วมโครงการ ในความเป็นจริง One Coin ไม่ได้เป็นสกุลเงินดิจิทัลจริง ไม่มีบล็อกเชนที่ใช้งานได้จริง เป็นระบบพีระมิดที่สร้างรายได้จากการรับสมาชิกใหม่เท่านั้น ผู้ลงทุนไม่สามารถถอนเงินหรือแลกเปลี่ยน One Coin เป็นเงินจริงได้ One Coin มีผู้เสียหายทั่วโลกมากกว่า 3 ล้านคน ความเสียหายทางการเงินประมาณ 4 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ รูจา อิกนาโตวา ได้รับฉายาว่า “ราชินีคริปโต” หรือ Cryptoqueen เธอหายตัวไปในปี 2017 ทุกวันนี้ยังคงเป็นที่ต้องการตัวของ FBI ปัจจุบัน เธอกลายเป็นหนึ่งในอาชญากรทางการเงินที่มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์ร่วมสมัย​​​​​​​​​​​​​​​​จนทุกวันนี้ 🌻 จะเห็นได้ว่า เรื่องเล่าอย่าง "ช้างล่ามโซ่" ถูกนำมาใช้เพื่อสร้างอารมณ์ร่วมและกระตุ้นการตัดสินใจที่ไม่สมเหตุสมผล จึงควรระวังโครงการที่สัญญาว่าจะทำให้รวยอย่างรวดเร็วหรือหลุดพ้นจากปัญหาทางการเงินอย่างง่ายดาย คดีนี้แสดงให้เห็นว่าเรื่องเล่าที่สร้างแรงบันดาลใจสามารถถูกใช้เป็นเครื่องมือในการหลอกลวงได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะเมื่อผสมผสานกับเทคโนโลยีที่ซับซ้อนและไม่เป็นที่เข้าใจกันดีนักเช่น cryptocurrency 🌻 ยังมีนิทานประเภทสร้างแรงบันดาลใจอีกมากมายหลายเรื่อง ที่มักนำมาใช้ในบริบทการฉ้อโกงลักษณะนี้ ไม่ว่าจะเป็นนิทานเรื่อง“มีดเหลาดินสอ”ที่หลายคนอาจจะคุ้น พวกคอร์สอบรมต่างๆ จะเอามาเล่าบ่อย เรื่องราวมีอยู่ว่า ดินสอบ่นว่าเจ็บเมื่อถูกเหลา แต่มีดเหลาบอกว่า "การเจ็บนี้จะทำให้เธอแหลมคมและเขียนได้ดีขึ้น“ นิทานเรื่องนี้ถูกนำมาใช้เพื่อให้แง่คิดเรื่องความอดทนต่อความยากลำบากที่อาจทำให้เราได้เติบโตและพัฒนา 🌻 "นิทานเรื่องช้างและเชือกเส้นเล็ก" เรื่องมีอยู่ว่าในคณะละครสัตว์ มีช้างตัวใหญ่ถูกล่ามด้วยเชือกเส้นเล็กๆ เด็กน้อยสงสัยว่าทำไมช้างไม่ดึงเชือกให้ขาด คนเลี้ยงช้างอธิบายว่า ตั้งแต่ช้างยังเล็ก มันถูกล่ามด้วยโซ่ใหญ่ที่ไม่สามารถหลุดได้ ช้างจึงเชื่อว่าตัวเองไม่มีทางหลุดจากการล่าม แม้โตแล้วก็ยังคิดเช่นนั้น 🌻 "นิทานเรื่องหินสลักและค้อน" เรื่องราวของช่างแกะสลักกำลังทำงานบนหินก้อนใหญ่ เขาตีค้อนลงบนหินครั้งแล้วครั้งเล่าโดยไม่เห็นผล คนผ่านไปมาสงสัยว่าทำไมเขาไม่ยอมแพ้ ในที่สุด หลังจากตีค้อนครั้งที่ 101 หินก็แตกออกตามที่เขาต้องการ ช่างแกะสลักอธิบายว่า "ไม่ใช่การตีครั้งสุดท้ายที่ทำให้หินแตก แต่มันเป็นผลรวมของการตีทุกครั้งที่ผ่านมา" 🌻 นิทานเหล่านี้มักถูกใช้เพื่อสื่อถึงความอดทน การไม่ยอมแพ้ และการเอาชนะข้อจำกัดทางความคิด นิทานไม่ได้มีพิษภัยในตัวมันเอง มันเป็นเรื่องเล่าแสนวิเศษ สร้างแรงบันดาลใจได้จริง แต่เมื่อมีการนำมาใช้ในบริบทของการลงทุนหรือธุรกิจที่มีความเสี่ยงสูง การตีความและการนำไปใช้ กลับเป็นสิ่งที่ต้องระวัง บางครั้งนิทานเหล่านี้ มักถูกใช้เพื่อกระตุ้นอารมณ์มากกว่าเหตุผล อาจไม่สะท้อนความเป็นจริงของสถานการณ์ ในบริบทของธุรกิจที่น่าสงสัย อาจใช้เพื่อกดดัน ให้คนทำในสิ่งที่ไม่ควร การยอมรับความจริง เลิกทนและถอยออกมา ก็อาจเป็นการตัดสินใจ ที่ชาญฉลาดได้เช่นกัน 🌻 “ในยุคข้อมูลข่าวสาร ความจริงกำลังถูกบดบังด้วยเรื่องเล่าหรือเรื่องราวที่สร้างขึ้น (narratives)” ยูวัล โนอาห์ ฮาราริ เขียนไว้ในหนังสือ"21 Lessons for the 21st Century"เมื่อหลายปีมาแล้ว (21 บทเรียน สำหรับศตวรรษที่ 21 : ผู้แปล ธิดา จงนิรามัยสถิต, ดร. นำชัย ชีววิวรรธน์ , สำนักพิมพ์ยิปซี) ฮาราริอธิบายว่าผู้คนมักเชื่อในเรื่องราวที่สอดคล้องกับความเชื่อและอัตลักษณ์ของตน มากกว่าข้อเท็จจริงที่อาจขัดแย้งกับความเชื่อนั้น และชี้ให้เห็นว่ามนุษย์มีแนวโน้มที่จะเชื่อในเรื่องเล่าที่ให้ความหมายและอธิบายโลกรอบตัว เขาบอกว่า“เรื่องเล่าเหล่านี้มีพลังมากกว่าข้อเท็จจริงเพราะมันตอบสนองต่อความต้องการทางอารมณ์และจิตวิญญาณของมนุษย์” ฮาราริเตือนว่าเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยเฉพาะ AI และ Big Data สามารถใช้ในการสร้างและเผยแพร่เรื่องราวที่มีอิทธิพลต่ออารมณ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ (อย่างคลิปเรื่องเล่าสารพัดที่ผลิตออกมาชักจูงใจคน) เขาชี้ให้เห็นว่าเทคโนโลยีเหล่านี้สามารถเข้าใจและจัดการกับอารมณ์มนุษย์ได้ดีขึ้นเรื่อยๆ การให้ความสำคัญกับ“อารมณ์”มากกว่า“ความจริง”อาจส่งผลกระทบต่อกระบวนการประชาธิปไตยและการตัดสินใจที่สำคัญ เขาเตือนว่าสังคมอาจถูกชี้นำด้วยการปลุกเร้าอารมณ์มากกว่าการใช้เหตุผลและข้อมูล ในอนาคต ทักษะทางอารมณ์และความคิดสร้างสรรค์อาจมีความสำคัญมากกว่าความรู้ทางเทคนิค เขาแนะนำว่าระบบการศึกษาควรปรับตัวเพื่อเตรียมคนให้พร้อมสำหรับโลกที่อารมณ์และความคิดสร้างสรรค์มีบทบาทสำคัญ ฮาราริเน้นย้ำความสำคัญของการรู้จักและเข้าใจตนเอง รวมถึงอารมณ์และความรู้สึกของเราให้ได้อย่างถ่องแท้ เขาบอกว่า“การเข้าใจตนเองจะช่วยให้เราสามารถรับมือกับโลกที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยการกระตุ้นทางอารมณ์ได้ดีขึ้น” ผู้เขียน "21 Lessons for the 21st Century" ไม่ได้บอกว่า แนวโน้มนี้เป็นสิ่งที่ดีหรือไม่ดี แต่ชี้ให้เห็นว่ามันเป็นความท้าทายที่สำคัญที่เราต้องเตรียมพร้อมรับมือ โดยเฉพาะในด้านการศึกษา การเมือง และการพัฒนาตนเอง เพื่อรักษาสมดุล ระหว่างอารมณ์และเหตุผล ในยุคสมัยปัจจุบัน ที่“อารมณ์”อาจมีอิทธิพล มากขึ้นเรื่อยๆ​​​​​​​​​​​​​​​​ 🌻 จากข่าวสารประเด็นร้อนแรงในประเทศไทยวันนี้ เราก็ได้เห็นการใช้ Storytelling ในทางที่ผิดหลายเรื่อง เรื่องเล่าถูกใช้เพื่อบิดเบือนความจริงและสร้างภาพลวงตา มุ่งเน้นการกระตุ้นอารมณ์มากกว่าการให้ข้อมูลที่เป็นจริง นิทานเหล่านี้สร้างความเชื่อที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับความสำเร็จและความมั่งคั่ง ทำให้คนมองข้ามความเสี่ยงและความเป็นจริงของสถานการณ์ เรื่องเล่าที่น่าประทับใจอาจทำให้ผู้ฟังลดการใช้เหตุผลและการคิดวิเคราะห์ ผู้คนอาจตัดสินใจบนพื้นฐานของ“อารมณ์” มากกว่า“ความจริง” อย่างที่ยูวัล โนอาห์ ฮาราริ กล่าวไว้ไม่มีผิด Storytelling : นิทานหรือเรื่องเล่าที่มีประสิทธิภาพสามารถสร้างความไว้วางใจได้อย่างรวดเร็ว แม้กับคนแปลกหน้า ในกรณีของการหลอกลวง Storytelling ถูกใช้เพื่อลดความระแวดระวังของเหยื่อ เรื่องเล่าที่สวยงามอาจถูกใช้เพื่อปิดบังความจริงที่น่าเป็นห่วงหรือรายละเอียดที่สำคัญ ในกรณีของแชร์ลูกโซ่หรือ MLM นิทาน เรื่องเล่า หรือ Storytelling ทั้งหลาย อาจถูกใช้เพื่อสร้างวัฒนธรรมที่กดดันให้สมาชิกไม่ยอมแพ้ แม้จะเผชิญกับความล้มเหลว เรื่องเล่าเหล่านี้ มักเล็งเป้าไปที่ความฝัน และความหวังของผู้คน ทำให้เหยื่ออ่อนไหวและเปราะบาง ทำให้ง่ายที่จะหลอกลวง 🌻 นิทาน เรื่องเล่า Storytelling ทั้งหลาย มันไม่ได้เลวร้ายในตัวมันเอง แต่เป็นเครื่องมือที่ทรงพลัง สามารถใช้ในทางที่ดีหรือไม่ดีก็ได้ ในด้านบวก Storytelling สามารถใช้เพื่อสร้างแรงบันดาลใจ สอน และสื่อสารความคิดที่ซับซ้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ สิ่งสำคัญที่คนเรายุคนี้ต้องรับมือ คือต้องพัฒนาทักษะการคิดวิเคราะห์ และการรู้เท่าทันสื่อของตัวเอง เพื่อแยกแยะให้ออก ระหว่างการใช้ Storytelling ในทางที่สร้างสรรค์ หรือการใช้เพื่อหลอกลวง 🌻 ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/sg5pYj1hseTp1QGK/?mibextid=CTbP7 #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2484 มุมมอง 0 รีวิว