• อิ่มปลาเผาถนนกัลปพฤกษ์ "ร้านปลาเผาเจ้านี้ตั้งอยู่แถวราชพฤกษ์ รายการอาหารที่นิยมคือ "ปลาเผา" ชนิดต่าง ๆ เช่น ปลาช่อน, ปลาทับทิม, ปลากะพง วันนี้สั่งเป็น "ประกะพงย่างเกลือ" มากิน เนื้อปลากะพงสด หวาน บริเวณท้องปลาจะใส่สมุนไพรตำเพื่อดับกลิ่นคาวปลา กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดและน้ำจิ้มแจ่วแล้วแซ่บมาก นอกจากนี้ยังมีผักเคียงอย่าง "กะหล่ำปลี" และ "มะเขือเผา" มาให้อีกด้วย”

    #ปลาเผา #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    อิ่มปลาเผาถนนกัลปพฤกษ์ "ร้านปลาเผาเจ้านี้ตั้งอยู่แถวราชพฤกษ์ รายการอาหารที่นิยมคือ "ปลาเผา" ชนิดต่าง ๆ เช่น ปลาช่อน, ปลาทับทิม, ปลากะพง วันนี้สั่งเป็น "ประกะพงย่างเกลือ" มากิน เนื้อปลากะพงสด หวาน บริเวณท้องปลาจะใส่สมุนไพรตำเพื่อดับกลิ่นคาวปลา กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดและน้ำจิ้มแจ่วแล้วแซ่บมาก นอกจากนี้ยังมีผักเคียงอย่าง "กะหล่ำปลี" และ "มะเขือเผา" มาให้อีกด้วย” #ปลาเผา #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิ่มปลาเผาถนนกัลปพฤกษ์ "ร้านปลาเผาเจ้านี้ตั้งอยู่แถวราชพฤกษ์ รายการอาหารที่นิยมคือ "ปลาเผา" ชนิดต่าง ๆ เช่น ปลาช่อน, ปลาทับทิม, ปลากะพง วันนี้สั่งเป็น "ประกะพงย่างเกลือ" มากิน เนื้อปลากะพงสด หวาน บริเวณท้องปลาจะใส่สมุนไพรตำเพื่อดับกลิ่นคาวปลา กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดและน้ำจิ้มแจ่วแล้วแซ่บมาก นอกจากนี้ยังมีผักเคียงอย่าง "กะหล่ำปลี" และ "มะเขือเผา" มาให้อีกด้วย”

    #ปลาเผา #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    อิ่มปลาเผาถนนกัลปพฤกษ์ "ร้านปลาเผาเจ้านี้ตั้งอยู่แถวราชพฤกษ์ รายการอาหารที่นิยมคือ "ปลาเผา" ชนิดต่าง ๆ เช่น ปลาช่อน, ปลาทับทิม, ปลากะพง วันนี้สั่งเป็น "ประกะพงย่างเกลือ" มากิน เนื้อปลากะพงสด หวาน บริเวณท้องปลาจะใส่สมุนไพรตำเพื่อดับกลิ่นคาวปลา กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดและน้ำจิ้มแจ่วแล้วแซ่บมาก นอกจากนี้ยังมีผักเคียงอย่าง "กะหล่ำปลี" และ "มะเขือเผา" มาให้อีกด้วย” #ปลาเผา #กินสาระนัวร์ #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • การทานอาหารตามธาตุเจ้าเรือน เป็นศาสตร์แห่งการรักษาสุขภาพด้วยการทานอาหาร ซึ่งตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทยได้กล่าวว่า ร่างกายของคนเรานั้นล้วนประกอบขึ้นด้วยธาตุต่างๆ ได้แก่ธาตุไฟ ธาตุลม ธาตุน้ำ ธาตุดิน เมื่อธาตุทั้งสี่ในร่างกายสมดุลแล้ว จะไม่ค่อยเจ็บป่วย แต่หากขาดสมดุลแล้วจะเกิดการเจ็บป่วยจากจุดอ่อนด้านสุขภาพของคนตามธาตุเจ้าเรือน
    ธาตุไฟ คือ ผู้ที่เกิด (เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์-มีนาคม)
    ผู้ที่เกิดธาตุนี้ขี้ร้อน หงุดหงิดง่าย เป็นลมพิษ ปวดหัวบ่อย ผิวแห้งและท้องผูกบ่อย
    ดังนั้นควรรับประทานควรเป็นรสเย็น รสขม รสจืด เพื่อช่วยลดความร้อนในร่างกาย โดยเมนูตัวอย่างที่แนะนำ เช่น ต้มจืดฟักหมู ต้มจืดตำลึง แตงกวาผัดไข่ น้ำเก๊กฮวย เป็นต้น
    ธาตุลม คือ ผู้ที่เกิด (เดือนเมษายน-พฤษภาคม-มิถุนายน)
    ผู้ที่เกิดธาตุลม มักมีลมอยู่ภายในร่างกายค่อนข้างมาก ก็จะส่งผลให้มีอาการท้องอืด ปวดเส้น หน้ามืด วิงเวียน ปวดหัว นอนไม่หลับ
    ดังนั้นควรรับประทานควรเป็นรสเผ็ดร้อน เพื่อกระจายและลดธาตุลม ได้แก่ ต้มยำกุ้ง ไก่ผัดขิง ต้มข่าไก่ บัวลอยน้ำขิง เป็นต้น
    ธาตุน้ำ คือ ผู้ที่เกิด (เดือนกรกฎาคม สิงหาคม กันยายน)
    ผู้ที่เกิดธาตุน้ำจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก โรคที่พบได้ค่อนข้างบ่อยสำหรับผู้ที่เกิดธาตุน้ำได้แก่ โรคภูมิแพ้ น้ำเหลืองเสีย ขาบวม อ้วน โรคเนื้องอก ซีสต์
    ดังนั้นควรรับประทานควรเป็นรสเปรี้ยว รสขม เพื่อปรับสมดุลน้ำในร่างกาย ได้แก่ ต้มจืดมะระ แกงส้มดอกแค ห่อหมกใบยอ น้ำใบบัวบก เป็นต้น
    ธาตุดิน คือ ผู้ที่เกิด (ตุลาคม-พฤศจิกายน-ธันวาคม)
    ผู้ที่เกิดธาตุดินควรรับประทานอาหารรส ฝาด หวาน มัน เค็ม เพื่อบำรุงกำลัง ได้แก่ แกงคั่วขนุน สะตอผัดกุ้ง ผัดฟัดทอง ผัดผักหวาน น้ำอ้อย เป็นต้น
    ----
    สนใจผลิตภัณฑ์และขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่…
    Line OA : https://lin.ee/MOFhjQs
    Facebook : https://www.facebook.com/qr?id=100090076934583
    #โปรโมชั่นสุดคุ้ม #ผลิตภัณฑ์สมุนไพร #ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม #สยามไภษัชย์ #วิลิตา #เฮอร์บาติก้า #Siamphaisat #Vilita #Herbatika #thaitimes
    การทานอาหารตามธาตุเจ้าเรือน เป็นศาสตร์แห่งการรักษาสุขภาพด้วยการทานอาหาร ซึ่งตามทฤษฎีการแพทย์แผนไทยได้กล่าวว่า ร่างกายของคนเรานั้นล้วนประกอบขึ้นด้วยธาตุต่างๆ ได้แก่ธาตุไฟ ธาตุลม ธาตุน้ำ ธาตุดิน เมื่อธาตุทั้งสี่ในร่างกายสมดุลแล้ว จะไม่ค่อยเจ็บป่วย แต่หากขาดสมดุลแล้วจะเกิดการเจ็บป่วยจากจุดอ่อนด้านสุขภาพของคนตามธาตุเจ้าเรือน ธาตุไฟ คือ ผู้ที่เกิด (เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์-มีนาคม) ผู้ที่เกิดธาตุนี้ขี้ร้อน หงุดหงิดง่าย เป็นลมพิษ ปวดหัวบ่อย ผิวแห้งและท้องผูกบ่อย ดังนั้นควรรับประทานควรเป็นรสเย็น รสขม รสจืด เพื่อช่วยลดความร้อนในร่างกาย โดยเมนูตัวอย่างที่แนะนำ เช่น ต้มจืดฟักหมู ต้มจืดตำลึง แตงกวาผัดไข่ น้ำเก๊กฮวย เป็นต้น ธาตุลม คือ ผู้ที่เกิด (เดือนเมษายน-พฤษภาคม-มิถุนายน) ผู้ที่เกิดธาตุลม มักมีลมอยู่ภายในร่างกายค่อนข้างมาก ก็จะส่งผลให้มีอาการท้องอืด ปวดเส้น หน้ามืด วิงเวียน ปวดหัว นอนไม่หลับ ดังนั้นควรรับประทานควรเป็นรสเผ็ดร้อน เพื่อกระจายและลดธาตุลม ได้แก่ ต้มยำกุ้ง ไก่ผัดขิง ต้มข่าไก่ บัวลอยน้ำขิง เป็นต้น ธาตุน้ำ คือ ผู้ที่เกิด (เดือนกรกฎาคม สิงหาคม กันยายน) ผู้ที่เกิดธาตุน้ำจะมีน้ำเป็นส่วนประกอบหลัก โรคที่พบได้ค่อนข้างบ่อยสำหรับผู้ที่เกิดธาตุน้ำได้แก่ โรคภูมิแพ้ น้ำเหลืองเสีย ขาบวม อ้วน โรคเนื้องอก ซีสต์ ดังนั้นควรรับประทานควรเป็นรสเปรี้ยว รสขม เพื่อปรับสมดุลน้ำในร่างกาย ได้แก่ ต้มจืดมะระ แกงส้มดอกแค ห่อหมกใบยอ น้ำใบบัวบก เป็นต้น ธาตุดิน คือ ผู้ที่เกิด (ตุลาคม-พฤศจิกายน-ธันวาคม) ผู้ที่เกิดธาตุดินควรรับประทานอาหารรส ฝาด หวาน มัน เค็ม เพื่อบำรุงกำลัง ได้แก่ แกงคั่วขนุน สะตอผัดกุ้ง ผัดฟัดทอง ผัดผักหวาน น้ำอ้อย เป็นต้น ---- สนใจผลิตภัณฑ์และขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่… Line OA : https://lin.ee/MOFhjQs Facebook : https://www.facebook.com/qr?id=100090076934583 #โปรโมชั่นสุดคุ้ม #ผลิตภัณฑ์สมุนไพร #ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม #สยามไภษัชย์ #วิลิตา #เฮอร์บาติก้า #Siamphaisat #Vilita #Herbatika #thaitimes
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 293 มุมมอง 0 รีวิว
  • บุฟเฟ่ต์ข้าวเเกงน้องหญิง 59 บาท ร้านข้าวแกงตักไม่อั้น ทานได้ไม่จำกัดเวลา ในราคาเพียง 59 บาท!! อิ่มครบจบทั้งคาว-หวาน คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ตักกันได้รัวๆ แถมขนมหวานกับน้ำดื่มสมุนไพรฟรี ไม่คิดเงินเพิ่ม!! ซึ่งกับข้าวมีให้เลือกหลากหลาย ทั้ง ต้ม ผัด แกง ทอดและยำ แถมมีน้ำพริกกะปิด้วย เปิดบริการ 06.30-15.00 น. อิ่มคุ้มในราคาที่เห็นแล้วตาลุกว่าต้องมาทานข้าวแกงบุฟเฟ่ต์ที่ร้านนี้เลย

    เบอร์ติดต่อ080-363-5423
    เวลา เปิด-ปิดเปิดบริการทุกวัน 06.30-15.00 น.
    #ข้าวแกงบุฟเฟต์ #กินสาระนัวร์ #thaitimes
    บุฟเฟ่ต์ข้าวเเกงน้องหญิง 59 บาท ร้านข้าวแกงตักไม่อั้น ทานได้ไม่จำกัดเวลา ในราคาเพียง 59 บาท!! อิ่มครบจบทั้งคาว-หวาน คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม ตักกันได้รัวๆ แถมขนมหวานกับน้ำดื่มสมุนไพรฟรี ไม่คิดเงินเพิ่ม!! ซึ่งกับข้าวมีให้เลือกหลากหลาย ทั้ง ต้ม ผัด แกง ทอดและยำ แถมมีน้ำพริกกะปิด้วย เปิดบริการ 06.30-15.00 น. อิ่มคุ้มในราคาที่เห็นแล้วตาลุกว่าต้องมาทานข้าวแกงบุฟเฟ่ต์ที่ร้านนี้เลย เบอร์ติดต่อ080-363-5423 เวลา เปิด-ปิดเปิดบริการทุกวัน 06.30-15.00 น. #ข้าวแกงบุฟเฟต์ #กินสาระนัวร์ #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 146 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🔥สูตรพอลลิตินสำหรับปรับสมดุลระบบลำไส้และระบบเลือดในผู้ป่วยมะเร็งการดูแลระบบลำไส้และระบบเลือดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง เนื่องจากส่งผลโดยตรงต่อภูมิคุ้มกัน การฟื้นฟูร่างกาย และการตอบสนองต่อการรักษา สูตรนี้จึงออกแบบมาเพื่อช่วยฟื้นฟูและเสริมสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้:---💥ส่วนผสมสำคัญ ในสูตรปรับสมดุล1. วิทกราส (Wheatgrass)ล้างสารพิษในเลือดและระบบน้ำเหลืองเพิ่มการสร้างเม็ดเลือดแดงและออกซิเจนในร่างกายลดการอักเสบและสนับสนุนการฟื้นฟูระบบย่อยอาหาร2. พอลลิทรักซ์ (Pollitrix)ซินไบโอติกซ์ที่ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ส่งเสริมการดูดซึมสารอาหารและสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในระบบลำไส้3. พอลลิทอล (Pollitol)อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสียหายของเซลล์ฟื้นฟูระบบเลือด และช่วยลดการอักเสบในร่างกายเสริมสร้างพลังงานและสนับสนุนกระบวนการฟื้นฟูร่างกาย4. พอลลิตัน (Pollitan)ช่วยฟื้นฟูและบำรุงเซลล์ในระดับลึกส่งเสริมการสร้างเนื้อเยื่อใหม่และซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหายเสริมระบบไหลเวียนเลือดและการขนส่งออกซิเจน5. พอลลิแทป (Pollitap)ช่วยปรับสมดุลระบบเลือด เพิ่มการไหลเวียนและออกซิเจนบำรุงระบบประสาทและเพิ่มพลังงานในเซลล์ช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างเนื้อเยื่อและภูมิคุ้มกัน---🌿คุณประโยชน์เด่นของสูตรนี้👉ปรับสมดุลระบบลำไส้: สนับสนุนสุขภาพจุลินทรีย์ในลำไส้ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น👉เสริมระบบเลือด: ช่วยเพิ่มออกซิเจนในเลือด เสริมการสร้างเม็ดเลือดแดง และลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงของการรักษามะเร็ง👉ลดการอักเสบ: ช่วยลดการอักเสบในลำไส้และระบบเลือด ฟื้นฟูเซลล์ที่เสียหายจากมะเร็ง👉เพิ่มพลังงานและการฟื้นฟู: เสริมสร้างพลังงานในระดับเซลล์เพื่อรองรับการรักษาและฟื้นฟูร่างกายคำแนะนำควรใช้ พอลลิติน ควบคู่กับการรักษาทางการแพทย์แบบหลัก และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประโยชน์สูงสุดในการดูแลสุขภาพและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็ง.📌สนใจสั่งซื้อ กดที่ลิงค์https://www.myhmpm.com/shopping/?sp_code=H00020333ปรึกษา อ.ธนกร ศูนย์สร้างภูมิบำบัด☎️. 090-465-6360ดูข้อมูลเพิ่ม กดที่ลิงค์https://lin.ee/pBbSqSD#ทางเลือกการรักษามะเร็ง #รักษามะเร็งแบบธรรมชาติ #สารอาหารต้านมะเร็ง #บำรุงสุขภาพต้านมะเร็ง #สมุนไพรบำบัดมะเร็ง #โภชนาการเพื่อสุขภาพ #บำบัดด้วยอาหาร #สุขภาพและโภชนาการ #โภชนเภสัชศาสตร์ #พอลลิตินเพื่อสุขภาพ
    🔥สูตรพอลลิตินสำหรับปรับสมดุลระบบลำไส้และระบบเลือดในผู้ป่วยมะเร็งการดูแลระบบลำไส้และระบบเลือดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้ป่วยมะเร็ง เนื่องจากส่งผลโดยตรงต่อภูมิคุ้มกัน การฟื้นฟูร่างกาย และการตอบสนองต่อการรักษา สูตรนี้จึงออกแบบมาเพื่อช่วยฟื้นฟูและเสริมสุขภาพอย่างมีประสิทธิภาพ ดังนี้:---💥ส่วนผสมสำคัญ ในสูตรปรับสมดุล1. วิทกราส (Wheatgrass)ล้างสารพิษในเลือดและระบบน้ำเหลืองเพิ่มการสร้างเม็ดเลือดแดงและออกซิเจนในร่างกายลดการอักเสบและสนับสนุนการฟื้นฟูระบบย่อยอาหาร2. พอลลิทรักซ์ (Pollitrix)ซินไบโอติกซ์ที่ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ส่งเสริมการดูดซึมสารอาหารและสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกันลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อในระบบลำไส้3. พอลลิทอล (Pollitol)อุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสียหายของเซลล์ฟื้นฟูระบบเลือด และช่วยลดการอักเสบในร่างกายเสริมสร้างพลังงานและสนับสนุนกระบวนการฟื้นฟูร่างกาย4. พอลลิตัน (Pollitan)ช่วยฟื้นฟูและบำรุงเซลล์ในระดับลึกส่งเสริมการสร้างเนื้อเยื่อใหม่และซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหายเสริมระบบไหลเวียนเลือดและการขนส่งออกซิเจน5. พอลลิแทป (Pollitap)ช่วยปรับสมดุลระบบเลือด เพิ่มการไหลเวียนและออกซิเจนบำรุงระบบประสาทและเพิ่มพลังงานในเซลล์ช่วยกระตุ้นกระบวนการสร้างเนื้อเยื่อและภูมิคุ้มกัน---🌿คุณประโยชน์เด่นของสูตรนี้👉ปรับสมดุลระบบลำไส้: สนับสนุนสุขภาพจุลินทรีย์ในลำไส้ ช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น👉เสริมระบบเลือด: ช่วยเพิ่มออกซิเจนในเลือด เสริมการสร้างเม็ดเลือดแดง และลดความเสี่ยงจากผลข้างเคียงของการรักษามะเร็ง👉ลดการอักเสบ: ช่วยลดการอักเสบในลำไส้และระบบเลือด ฟื้นฟูเซลล์ที่เสียหายจากมะเร็ง👉เพิ่มพลังงานและการฟื้นฟู: เสริมสร้างพลังงานในระดับเซลล์เพื่อรองรับการรักษาและฟื้นฟูร่างกายคำแนะนำควรใช้ พอลลิติน ควบคู่กับการรักษาทางการแพทย์แบบหลัก และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อประโยชน์สูงสุดในการดูแลสุขภาพและเพิ่มคุณภาพชีวิตของผู้ป่วยมะเร็ง.📌สนใจสั่งซื้อ กดที่ลิงค์https://www.myhmpm.com/shopping/?sp_code=H00020333ปรึกษา อ.ธนกร ศูนย์สร้างภูมิบำบัด☎️. 090-465-6360ดูข้อมูลเพิ่ม กดที่ลิงค์https://lin.ee/pBbSqSD#ทางเลือกการรักษามะเร็ง #รักษามะเร็งแบบธรรมชาติ #สารอาหารต้านมะเร็ง #บำรุงสุขภาพต้านมะเร็ง #สมุนไพรบำบัดมะเร็ง #โภชนาการเพื่อสุขภาพ #บำบัดด้วยอาหาร #สุขภาพและโภชนาการ #โภชนเภสัชศาสตร์ #พอลลิตินเพื่อสุขภาพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 267 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🌿 คลินิกแพทย์ทางเลือก [มิตรรักษ์คลินิค] 🌟ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ด้วยแนวทางธรรมชาติที่ปลอดภัย✨ ทำไมต้องเลือกเรา?✔ การรักษาเฉพาะบุคคล: ประเมินปัญหาสุขภาพอย่างละเอียด เพื่อแนะนำการรักษาที่เหมาะสมกับคุณ✔ ดูแลด้วยวิธีธรรมชาติ: การบำบัดด้วยสมุนไพร โภชนาการ ทีมผู้เชี่ยวชาญ: แพทย์และนักบำบัดที่ผ่านการอบรมเฉพาะด้าน✔ เน้นการฟื้นฟูระยะยาว: ไม่ใช่แค่การรักษา แต่เพื่อสุขภาพที่ดีในทุกมิติ🌟 บริการของเราการฝังเข็มบำบัดความอาการปวด ออฟฟิตซินโดรม ปวดหลัง ปวดข้อ ปวดเข่า💚 เปลี่ยนชีวิตของคุณวันนี้ให้สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการดูแลตัวเองในแบบที่เป็นธรรมชาติ ติดต่อhttps://mitraksamedical.com/
    🌿 คลินิกแพทย์ทางเลือก [มิตรรักษ์คลินิค] 🌟ดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ด้วยแนวทางธรรมชาติที่ปลอดภัย✨ ทำไมต้องเลือกเรา?✔ การรักษาเฉพาะบุคคล: ประเมินปัญหาสุขภาพอย่างละเอียด เพื่อแนะนำการรักษาที่เหมาะสมกับคุณ✔ ดูแลด้วยวิธีธรรมชาติ: การบำบัดด้วยสมุนไพร โภชนาการ ทีมผู้เชี่ยวชาญ: แพทย์และนักบำบัดที่ผ่านการอบรมเฉพาะด้าน✔ เน้นการฟื้นฟูระยะยาว: ไม่ใช่แค่การรักษา แต่เพื่อสุขภาพที่ดีในทุกมิติ🌟 บริการของเราการฝังเข็มบำบัดความอาการปวด ออฟฟิตซินโดรม ปวดหลัง ปวดข้อ ปวดเข่า💚 เปลี่ยนชีวิตของคุณวันนี้ให้สุขภาพที่ดีเริ่มต้นจากการดูแลตัวเองในแบบที่เป็นธรรมชาติ ติดต่อhttps://mitraksamedical.com/
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • ☘️สูตรพอลลิตินสำหรับผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ ประกอบด้วยสารอาหารที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบย่อยอาหาร ลดการอักเสบ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และฟื้นฟูสุขภาพร่างกาย ดังนี้:1. วิทกราส (Wheatgrass)ช่วยล้างสารพิษในร่างกาย รวมถึงระบบน้ำเหลืองและทางเดินอาหารอุดมด้วยคลอโรฟิลล์ ช่วยลดการอักเสบ และส่งเสริมการฟื้นฟูเซลล์2. พอลลิทรักซ์ (Pollitrix)เป็นซินไบโอติกซ์ ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ส่งเสริมสุขภาพลำไส้และการดูดซึมสารอาหาร ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ3. พอลลิทอล (Pollitol)มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการเสื่อมของเซลล์และบรรเทาอาการอักเสบในระบบทางเดินอาหารช่วยเพิ่มพลังงานและสนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน4. พอลลิแคน (Pollikan)เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบในร่างกาย และช่วยยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งสนับสนุนการซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหาย5. พอลลิแทป (Pollitap)ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ฟื้นฟูเนื้อเยื่อและเซลล์ที่เสียหายจากการรักษาบำรุงระบบประสาทและช่วยเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย6. พอลเลนพลัส (Pollen Plus)สารสกัดจากเกสรดอกไม้ อุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และกรดอะมิโนเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง และเพิ่มพลังงานในชีวิตประจำวัน7. พอลลิเน๊กซ์ (Pollinex)ช่วยลดความเครียด เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยฟื้นฟูพลังงานในร่างกายส่งเสริมการทำงานของเซลล์และช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น☘️คุณประโยชน์สำคัญของสูตรนี้สำหรับผู้ป่วยมะเร็งลำไส้✅สนับสนุนการทำงานของระบบย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหาร✅ลดการอักเสบในลำไส้และระบบทางเดินอาหาร✅ฟื้นฟูเซลล์และเนื้อเยื่อที่เสียหาย✅เพิ่มพลังงานและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงสูตรนี้เหมาะสำหรับการดูแลผู้ป่วยมะเร็งลำไส้เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและฟื้นฟูสุขภาพอย่างยั่งยืน.ปรึกษา อ.ธนกร ศูนย์สร้างภูมิบำบัด☎️. 090-465-6360ดูข้อมูลเพิ่ม กดที่ลิงค์https://lin.ee/pBbSqSD#ทางเลือกการรักษามะเร็ง #รักษามะเร็งแบบธรรมชาติ #สารอาหารต้านมะเร็ง #บำรุงสุขภาพต้านมะเร็ง #สมุนไพรบำบัดมะเร็ง #โภชนาการเพื่อสุขภาพ #บำบัดด้วยอาหาร #สุขภาพและโภชนาการ #โภชนเภสัชศาสตร์ #พอลลิตินเพื่อสุขภาพ
    ☘️สูตรพอลลิตินสำหรับผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ ประกอบด้วยสารอาหารที่ช่วยสนับสนุนการทำงานของระบบย่อยอาหาร ลดการอักเสบ เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และฟื้นฟูสุขภาพร่างกาย ดังนี้:1. วิทกราส (Wheatgrass)ช่วยล้างสารพิษในร่างกาย รวมถึงระบบน้ำเหลืองและทางเดินอาหารอุดมด้วยคลอโรฟิลล์ ช่วยลดการอักเสบ และส่งเสริมการฟื้นฟูเซลล์2. พอลลิทรักซ์ (Pollitrix)เป็นซินไบโอติกซ์ ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ส่งเสริมสุขภาพลำไส้และการดูดซึมสารอาหาร ลดความเสี่ยงการติดเชื้อ3. พอลลิทอล (Pollitol)มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการเสื่อมของเซลล์และบรรเทาอาการอักเสบในระบบทางเดินอาหารช่วยเพิ่มพลังงานและสนับสนุนการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน4. พอลลิแคน (Pollikan)เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบในร่างกาย และช่วยยับยั้งการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็งสนับสนุนการซ่อมแซมเซลล์ที่เสียหาย5. พอลลิแทป (Pollitap)ช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ฟื้นฟูเนื้อเยื่อและเซลล์ที่เสียหายจากการรักษาบำรุงระบบประสาทและช่วยเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย6. พอลเลนพลัส (Pollen Plus)สารสกัดจากเกสรดอกไม้ อุดมด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และกรดอะมิโนเสริมสร้างร่างกายให้แข็งแรง และเพิ่มพลังงานในชีวิตประจำวัน7. พอลลิเน๊กซ์ (Pollinex)ช่วยลดความเครียด เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยฟื้นฟูพลังงานในร่างกายส่งเสริมการทำงานของเซลล์และช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น☘️คุณประโยชน์สำคัญของสูตรนี้สำหรับผู้ป่วยมะเร็งลำไส้✅สนับสนุนการทำงานของระบบย่อยอาหารและการดูดซึมสารอาหาร✅ลดการอักเสบในลำไส้และระบบทางเดินอาหาร✅ฟื้นฟูเซลล์และเนื้อเยื่อที่เสียหาย✅เพิ่มพลังงานและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงสูตรนี้เหมาะสำหรับการดูแลผู้ป่วยมะเร็งลำไส้เพื่อเสริมสร้างคุณภาพชีวิตและฟื้นฟูสุขภาพอย่างยั่งยืน.ปรึกษา อ.ธนกร ศูนย์สร้างภูมิบำบัด☎️. 090-465-6360ดูข้อมูลเพิ่ม กดที่ลิงค์https://lin.ee/pBbSqSD#ทางเลือกการรักษามะเร็ง #รักษามะเร็งแบบธรรมชาติ #สารอาหารต้านมะเร็ง #บำรุงสุขภาพต้านมะเร็ง #สมุนไพรบำบัดมะเร็ง #โภชนาการเพื่อสุขภาพ #บำบัดด้วยอาหาร #สุขภาพและโภชนาการ #โภชนเภสัชศาสตร์ #พอลลิตินเพื่อสุขภาพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • ☘️สูตรพอลลิตินสำหรับผู้ป่วยมะเร็งปอดมีส่วนผสมที่เน้นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงร่างกาย ลดการอักเสบ และสนับสนุนการฟื้นฟูสุขภาพ ดังนี้:1. วิทกราส (Wheatgrass) - อุดมด้วยคลอโรฟิลล์ ช่วยขับสารพิษในเลือดและระบบน้ำเหลือง เพิ่มเม็ดเลือดแดง ลดการอักเสบ และสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน2. พอลลิทรักซ์ (Pollitrix) - ซินไบโอติกซ์ที่ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ เสริมภูมิคุ้มกัน และช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ3. พอลลิทอล (Pollitol) - มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์และลดการอักเสบ ฟื้นฟูร่างกายและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน4. พอลลิแคน (Pollikan) - เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ และป้องกันการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง5. พอลลิแทป (Pollitap) - ช่วยฟื้นฟูเซลล์ เพิ่มการไหลเวียนของเลือด และบำรุงเซลล์ที่เสียหายจากการรักษามะเร็ง6. พอลเลนพลัส (Pollen Plus) - สารสกัดจากเกสรพืชที่อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ ช่วยเพิ่มพลังงานและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง7. พอลลิเน๊กซ์ (Pollinex) - ช่วยลดความเครียด เสริมภูมิคุ้มกัน และเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็วขึ้นสูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็งปอดที่ต้องการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ และฟื้นฟูสุขภาพให้แข็งแรง📌สนใจสั่งซื้อ กดที่ลิงค์https://www.myhmpm.com/shopping/?sp_code=H00020333ปรึกษา อ.ธนกร ศูนย์สร้างภูมิบำบัด☎️. 090-465-6360ดูข้อมูลเพิ่ม กดที่ลิงค์https://lin.ee/pBbSqSD#ทางเลือกการรักษามะเร็ง #รักษามะเร็งแบบธรรมชาติ #สารอาหารต้านมะเร็ง #บำรุงสุขภาพต้านมะเร็ง #สมุนไพรบำบัดมะเร็ง #โภชนาการเพื่อสุขภาพ #บำบัดด้วยอาหาร #สุขภาพและโภชนาการ #โภชนเภสัชศาสตร์ #พอลลิตินเพื่อสุขภาพ
    ☘️สูตรพอลลิตินสำหรับผู้ป่วยมะเร็งปอดมีส่วนผสมที่เน้นการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน บำรุงร่างกาย ลดการอักเสบ และสนับสนุนการฟื้นฟูสุขภาพ ดังนี้:1. วิทกราส (Wheatgrass) - อุดมด้วยคลอโรฟิลล์ ช่วยขับสารพิษในเลือดและระบบน้ำเหลือง เพิ่มเม็ดเลือดแดง ลดการอักเสบ และสนับสนุนระบบภูมิคุ้มกัน2. พอลลิทรักซ์ (Pollitrix) - ซินไบโอติกซ์ที่ช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ เสริมภูมิคุ้มกัน และช่วยลดความเสี่ยงจากการติดเชื้อ3. พอลลิทอล (Pollitol) - มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์และลดการอักเสบ ฟื้นฟูร่างกายและเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน4. พอลลิแคน (Pollikan) - เสริมระบบภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ และป้องกันการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง5. พอลลิแทป (Pollitap) - ช่วยฟื้นฟูเซลล์ เพิ่มการไหลเวียนของเลือด และบำรุงเซลล์ที่เสียหายจากการรักษามะเร็ง6. พอลเลนพลัส (Pollen Plus) - สารสกัดจากเกสรพืชที่อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ ช่วยเพิ่มพลังงานและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง7. พอลลิเน๊กซ์ (Pollinex) - ช่วยลดความเครียด เสริมภูมิคุ้มกัน และเพิ่มพลังงานให้ร่างกาย ช่วยให้ร่างกายฟื้นฟูได้เร็วขึ้นสูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็งปอดที่ต้องการเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดการอักเสบ และฟื้นฟูสุขภาพให้แข็งแรง📌สนใจสั่งซื้อ กดที่ลิงค์https://www.myhmpm.com/shopping/?sp_code=H00020333ปรึกษา อ.ธนกร ศูนย์สร้างภูมิบำบัด☎️. 090-465-6360ดูข้อมูลเพิ่ม กดที่ลิงค์https://lin.ee/pBbSqSD#ทางเลือกการรักษามะเร็ง #รักษามะเร็งแบบธรรมชาติ #สารอาหารต้านมะเร็ง #บำรุงสุขภาพต้านมะเร็ง #สมุนไพรบำบัดมะเร็ง #โภชนาการเพื่อสุขภาพ #บำบัดด้วยอาหาร #สุขภาพและโภชนาการ #โภชนเภสัชศาสตร์ #พอลลิตินเพื่อสุขภาพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 360 มุมมอง 0 รีวิว
  • #โรคเกาต์สามารถทำให้เกิดโรคไตได้หลายแบบ เช่น ✅ทำให้เกิดนิ่วในไต " และ" 👉ทำให้เกิดไตวายเป็นผลมาจากการที่กรดยูริกในเลือดได้มีการกรองผ่านไต และทำการขับออกทางไตมากกว่าปกติ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดไตวายได้📍กรดยูริก มาจากไหน❓👉กรดยูริก (Uric Acid) เป็นสารที่เกิดจากกระบวนการทางเคมีในร่างกายตามธรรมชาติ ✅ในขณะที่มีการสร้างหรือซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีกรดยูริกสูง เช่น สัตว์ปีก เครื่องในสัตว์ ยอดผัก ถั่วต่างๆ หรือการดื่มเครื่องดื่ม เช่น เบียร์ น้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลฟรุคโตส (FRUCTOSE)👉ถ้าผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษา อาการโรคเก๊าจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น และอาจเป็นอันตรายต่อข้อต่อ เส้นเอ็น และเนื้อเยื่อไตเสื่อม นิ่วในไต "จะดีกว่าไหมให้ดีเก๊าท์ดูแลคุณสิคะ"🍀ดีเก๊าท์จะช่วยคนที่เป็นโรคเก๊าท์อย่างไร❓1. ขับและลดปริมาณกรดยูริคซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเก๊าท์2. ลดอาการปวดตามข้อในผู้ป่วยโรคเก๊าท์3. บํารุงไตให้แข็งแรงลดภาวะไตเสื่อมปรับสมดุลกรดยูริคในร่างกาย4. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลน้ำตาลและไขมันในเลือดและช่วยปรับระดับความดันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ5. บำรุงระบบไหลเวียนโลหิตและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย📍D-KOUT ดี-เก๊าท์👉สินค้าพร้อมส่ง ของแท้👉บ.จัดส่งเองถึงหน้าบ้านท่าน✅ขนาดบรรจุ : 1 กล่อง 3 แผง แผงละ 10 เม็ด รวม 30 เม็ด ↪ อย. 10-1-15456-5-0018☎️สอบถามสั่งซื้อ 062-704-7711 คุณอ้อ.#โรคเก๊าท์ #เกาต์ #เก๊าท์ #ไต #ปวดตามข้อ #ปวดนิ้วมือ #ปวดเท้า #ปวดข้อ #ยาเกาต์ #ลดกรดยูริค #Dkout #บำรุงไต #ลดปวดบวมแดง #แก้โรคเก๊าท์ #ดีเค๊าท์ #หยุดเก๊าท์ #หยุดปวด #ฟื้นฟูไต #ปูดบวม #คุณอ้อดีเก๊าท์ #ดีเก๊าท์ของแท้ #รูมาตอยด์ #ข้ออักเสบ #สมุนไพร #ขมิ้นชัน
    #โรคเกาต์สามารถทำให้เกิดโรคไตได้หลายแบบ เช่น ✅ทำให้เกิดนิ่วในไต " และ" 👉ทำให้เกิดไตวายเป็นผลมาจากการที่กรดยูริกในเลือดได้มีการกรองผ่านไต และทำการขับออกทางไตมากกว่าปกติ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดไตวายได้📍กรดยูริก มาจากไหน❓👉กรดยูริก (Uric Acid) เป็นสารที่เกิดจากกระบวนการทางเคมีในร่างกายตามธรรมชาติ ✅ในขณะที่มีการสร้างหรือซ่อมแซมเซลล์ต่างๆ และอีกส่วนหนึ่งเกิดจากการรับประทานอาหารที่มีกรดยูริกสูง เช่น สัตว์ปีก เครื่องในสัตว์ ยอดผัก ถั่วต่างๆ หรือการดื่มเครื่องดื่ม เช่น เบียร์ น้ำผลไม้ที่มีน้ำตาลฟรุคโตส (FRUCTOSE)👉ถ้าผู้ป่วยไม่ได้รับการรักษา อาการโรคเก๊าจะรุนแรงมากยิ่งขึ้น และอาจเป็นอันตรายต่อข้อต่อ เส้นเอ็น และเนื้อเยื่อไตเสื่อม นิ่วในไต "จะดีกว่าไหมให้ดีเก๊าท์ดูแลคุณสิคะ"🍀ดีเก๊าท์จะช่วยคนที่เป็นโรคเก๊าท์อย่างไร❓1. ขับและลดปริมาณกรดยูริคซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเก๊าท์2. ลดอาการปวดตามข้อในผู้ป่วยโรคเก๊าท์3. บํารุงไตให้แข็งแรงลดภาวะไตเสื่อมปรับสมดุลกรดยูริคในร่างกาย4. ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลน้ำตาลและไขมันในเลือดและช่วยปรับระดับความดันให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ5. บำรุงระบบไหลเวียนโลหิตและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย📍D-KOUT ดี-เก๊าท์👉สินค้าพร้อมส่ง ของแท้👉บ.จัดส่งเองถึงหน้าบ้านท่าน✅ขนาดบรรจุ : 1 กล่อง 3 แผง แผงละ 10 เม็ด รวม 30 เม็ด ↪ อย. 10-1-15456-5-0018☎️สอบถามสั่งซื้อ 062-704-7711 คุณอ้อ.#โรคเก๊าท์ #เกาต์ #เก๊าท์ #ไต #ปวดตามข้อ #ปวดนิ้วมือ #ปวดเท้า #ปวดข้อ #ยาเกาต์ #ลดกรดยูริค #Dkout #บำรุงไต #ลดปวดบวมแดง #แก้โรคเก๊าท์ #ดีเค๊าท์ #หยุดเก๊าท์ #หยุดปวด #ฟื้นฟูไต #ปูดบวม #คุณอ้อดีเก๊าท์ #ดีเก๊าท์ของแท้ #รูมาตอยด์ #ข้ออักเสบ #สมุนไพร #ขมิ้นชัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 589 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🍀วิวัฒนาการของโรคเก๊าท์❓อย่าปล่อยไว้อาจเสียชีวิต...❗"โรคเก๊าท์" และภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น❗✅ปวดข้อ✅ข้อเสื่อม✅นิ่วในไต✅ความดันสูง✅ไตวาย✅เส้นเลือดตีบตัน✅เบาหวาน✅เสียชีวิต✅ตุ่มโคฟัส บ่งบอกถึง โรคเก๊าขั้นรุนแรง!:🍀ดีเก๊าห์ D-KOบT เหมาะกับใคร?ผู้ที่เป็นโรคเก๊าท์ผู้ที่มีค่ากรดยูริกมากกว่า 7.3 mgผู้ที่มีอาการอักเสบตามข้อต่างๆผู้ที่เป็นโรคไต มีภาวะไตเสื่อมผู้ที่ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ผู้ที่ชอบทานเนื้อสัตว์ปีกและเครื่องในเป็นประจำ:- บำรุงไตให้แข็งแรง- ลดภาวะไตเสื่อม- ช่วยปรับความดัน- ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ- ลดปริมาณกรดยูริก- ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเก๊าท์- ช่วยลดคอเลสเตอรอล และไขมันในเลือด- ลดอาการปวดตามข้อในผู้ป่วยโรคเก๊าท์- บำรุงระบบไหลเวียนเลือดและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย📍D-KOUT ดี-เก๊าท์👉สินค้าพร้อมส่ง ของแท้👉บ.จัดส่งเองถึงหน้าบ้านท่าน✅ขนาดบรรจุ : 1 กล่อง 3 แผง แผงละ 10 เม็ด รวม 30 เม็ด ↪ อย. 10-1-15456-5-0018☎️สอบถามสั่งซื้อ 062-704-7711 คุณอ้อ.#โรคเก๊าท์ #เกาต์ #เก๊าท์ #ไต #ปวดตามข้อ #ปวดนิ้วมือ #ปวดเท้า #ปวดข้อ #ยาเกาต์ #ลดกรดยูริค #Dkout #บำรุงไต #ลดปวดบวมแดง #แก้โรคเก๊าท์ #ดีเค๊าท์ #หยุดเก๊าท์ #หยุดปวด #ฟื้นฟูไต #ปูดบวม #คุณอ้อดีเก๊าท์ #ดีเก๊าท์ของแท้ #รูมาตอยด์ #ข้ออักเสบ #สมุนไพร #ขมิ้นชัน
    🍀วิวัฒนาการของโรคเก๊าท์❓อย่าปล่อยไว้อาจเสียชีวิต...❗"โรคเก๊าท์" และภาวะแทรกซ้อนที่เกิดขึ้น❗✅ปวดข้อ✅ข้อเสื่อม✅นิ่วในไต✅ความดันสูง✅ไตวาย✅เส้นเลือดตีบตัน✅เบาหวาน✅เสียชีวิต✅ตุ่มโคฟัส บ่งบอกถึง โรคเก๊าขั้นรุนแรง!:🍀ดีเก๊าห์ D-KOบT เหมาะกับใคร?ผู้ที่เป็นโรคเก๊าท์ผู้ที่มีค่ากรดยูริกมากกว่า 7.3 mgผู้ที่มีอาการอักเสบตามข้อต่างๆผู้ที่เป็นโรคไต มีภาวะไตเสื่อมผู้ที่ชอบดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอลล์ผู้ที่ชอบทานเนื้อสัตว์ปีกและเครื่องในเป็นประจำ:- บำรุงไตให้แข็งแรง- ลดภาวะไตเสื่อม- ช่วยปรับความดัน- ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ- ลดปริมาณกรดยูริก- ซึ่งเป็นสาเหตุของโรคเก๊าท์- ช่วยลดคอเลสเตอรอล และไขมันในเลือด- ลดอาการปวดตามข้อในผู้ป่วยโรคเก๊าท์- บำรุงระบบไหลเวียนเลือดและระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย📍D-KOUT ดี-เก๊าท์👉สินค้าพร้อมส่ง ของแท้👉บ.จัดส่งเองถึงหน้าบ้านท่าน✅ขนาดบรรจุ : 1 กล่อง 3 แผง แผงละ 10 เม็ด รวม 30 เม็ด ↪ อย. 10-1-15456-5-0018☎️สอบถามสั่งซื้อ 062-704-7711 คุณอ้อ.#โรคเก๊าท์ #เกาต์ #เก๊าท์ #ไต #ปวดตามข้อ #ปวดนิ้วมือ #ปวดเท้า #ปวดข้อ #ยาเกาต์ #ลดกรดยูริค #Dkout #บำรุงไต #ลดปวดบวมแดง #แก้โรคเก๊าท์ #ดีเค๊าท์ #หยุดเก๊าท์ #หยุดปวด #ฟื้นฟูไต #ปูดบวม #คุณอ้อดีเก๊าท์ #ดีเก๊าท์ของแท้ #รูมาตอยด์ #ข้ออักเสบ #สมุนไพร #ขมิ้นชัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 546 มุมมอง 0 รีวิว
  • ธรรมธุรกิจ คือ …

    วิสาหกิจเพื่อสังคม ที่ธรรมธุรกิจด้านอาหาร สุขภาพ และการท่องเที่ยว เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจพอเพียง โดยคนปลูกธรรมธุรกิจศิษย์ยักษ์กะโจน ต้องปลูกให้พอกินก่อน ไม่ใช่ปลูกเพื่อขายก่อน ต้องใช้น้ำหมักสมุนไพรรสจืดเต็มรอบการผลิต ต้องไม่ซื้อของคนอื่นมาขาย และต้องตั้งราคาที่เป็นธรรม

    เราเป็นคนกลางในการรวบรวมของเหลือกินจากแต่ละบ้าน มาส่งมอบให้คนกินในเมือง ผ่านตลาดนัดธรรมชาติ รถธรรมธุรกิจ การขายส่ง การขายออนไลน์ ร้านอาหารยักษ์กะโจน และยักษ์กะโจนมาร์ท

    เรามีเป้าหมายที่จะขยายร้านยักษ์กะโจนมาร์ท ให้ครบ ๖๙ สาขา ในพื้นที่กรุงเทพ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ที่มี ๖๙ เขต หรือ เขตละสาขายภายในปี ๖๙

    ทุกคนยังสามารถเป็นเจ้าของวิสาหกิจเพื่อสังคมนี้ร่วมกันได้เพียงกดปุ่มซื้อหุ้นธรรมธุรกิจที่ Line @Thamturakit

    https://lin.ee/6U71hZy

    #ซื้อหุ้นอุดหนุนบอกต่อ
    #เงินทองเป็นของมายาข้าวผักปลาสิของจริง
    #ธรรมธุรกิจเพื่อสังคมเพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจพอเพียง
    ธรรมธุรกิจ คือ … วิสาหกิจเพื่อสังคม ที่ธรรมธุรกิจด้านอาหาร สุขภาพ และการท่องเที่ยว เพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจพอเพียง โดยคนปลูกธรรมธุรกิจศิษย์ยักษ์กะโจน ต้องปลูกให้พอกินก่อน ไม่ใช่ปลูกเพื่อขายก่อน ต้องใช้น้ำหมักสมุนไพรรสจืดเต็มรอบการผลิต ต้องไม่ซื้อของคนอื่นมาขาย และต้องตั้งราคาที่เป็นธรรม เราเป็นคนกลางในการรวบรวมของเหลือกินจากแต่ละบ้าน มาส่งมอบให้คนกินในเมือง ผ่านตลาดนัดธรรมชาติ รถธรรมธุรกิจ การขายส่ง การขายออนไลน์ ร้านอาหารยักษ์กะโจน และยักษ์กะโจนมาร์ท เรามีเป้าหมายที่จะขยายร้านยักษ์กะโจนมาร์ท ให้ครบ ๖๙ สาขา ในพื้นที่กรุงเทพ นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ ที่มี ๖๙ เขต หรือ เขตละสาขายภายในปี ๖๙ ทุกคนยังสามารถเป็นเจ้าของวิสาหกิจเพื่อสังคมนี้ร่วมกันได้เพียงกดปุ่มซื้อหุ้นธรรมธุรกิจที่ Line @Thamturakit https://lin.ee/6U71hZy #ซื้อหุ้นอุดหนุนบอกต่อ #เงินทองเป็นของมายาข้าวผักปลาสิของจริง #ธรรมธุรกิจเพื่อสังคมเพื่อสร้างระบบเศรษฐกิจพอเพียง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✳ ขอให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทินรีบดำเนินการทบทวนการอนุญาตวัคซีนโควิดของบริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นา
    วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗

    เอกสารแนบ
    ๑. สำเนาหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี เรื่อง ขอให้ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา ลงวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗
    ๒. สำเนาหนังสือที่กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ส่งให้ส่วนราชการภายใต้ความรับผิดชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับปัญหาของวัคซีนโควิด

    ตามที่ท่านเป็นรัฐมนตรีที่รักษาการตามพระราชบัญญัติยา พุทธศักราช ๒๕๑๐ โดยมาตรา ๘๖ ได้บัญญัติไว้ว่า “ยาใดที่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาไว้แล้ว หากภายหลัง ปรากฏว่ายานั้นไม่มีสรรพคุณตามที่ขึ้นทะเบียนไว้ หรืออาจไม่ปลอดภัยแก่ผู้ใช้ .............ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของ คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนทะเบียนตำรับยานั้นได้ การเพิกถอน ให้กระทำโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา คำสั่งของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด” ปัจจุบันมีข้อมูลยืนยันชัดเจนว่า วัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นา ไม่มีสรรพคุณตามที่ขึ้นทะเบียนไว้ กล่าวคือ ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ ไม่สามารถป้องกันการแพร่เชื้อ ไม่สามารถลดการป่วยหนัก และไม่สามารถลดการเสียชีวิตลงได้ อีกทั้งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายถึงชีวิตต่อผู้บริโภค อาจไม่ปลอดภัยต่อผู้ใช้ ท่านในฐานะรัฐมนตรีที่รักษาการตามพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงมีอำนาจและหน้าที่ ในการสั่งให้เพิกถอนทะเบียนตำรับยาดังกล่าว ทั้งนี้หากท่านไม่รีบดำเนินการทันทีที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ อาจเข้าข่ายการกระทำผิดในฐาน ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งส่งผลให้ท่านต้องรับผิดทางอาญาและรับผิดทางละเมิดหากมีผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนดังกล่าวฟ้องร้องกล่าวโทษท่านในอนาคต ในทางตรงกันข้ามหากท่านดำเนินการเพิกถอนทะเบียนตำรับยาวัคซีน mRNA ท่านจะกลายเป็นวีรบุรุษของประชาชน และยังเปิดโอกาสให้มีการพัฒนาสมุนไพรไทยเพื่อใช้ในการรักษาผลข้างเคียงจากวัคซีนดังกล่าวด้วย

    อนึ่งจากผลการเลือกตั้งในประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศนโยบายในการปฏิรูปสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของประเทศสหรัฐ พร้อมทั้งฟ้องร้องเอาผิดกับบริษัทยาทั้งสองข้างต้นในข้อหาให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีน อีกทั้งยังจะทำการสอบสวนสื่อมวลชนในการให้ข้อมูลเท็จ ปกปิดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากวัคซีนโควิดด้วย นโยบายดังกล่าวย่อมสงผลให้ประชาคมโลกรวมทั้งประเทศไทยรับรู้ข้อมูลที่แท้จริงเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีน mRNA อันจะส่งผลให้ ผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนดังกล่าวฟ้องร้องเอาผิดกับบริษัทยา และหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลความปลอดภัยของผู้บริโภคในที่สุด
    จึงเรียนมาเพื่อให้ท่านดำเนินการเพิกถอนตำรับยา และแถลงข่าวในเรื่องนี้ให้สาธารณชนได้รับรู้โดยเร็วต่อไป

    กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    เอกสารแนบ
    🔸️๑. วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ สำเนาหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี ขอให้ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา https://drive.google.com/file/d/194Tdo5zsHVbln0QgcEHR4w0vqQKkKKT8/view?usp=drivesdk

    🔸️๒. วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๗ ขอให้กรมควบคุมโรคให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับประชาชน https://docs.google.com/document/d/1UiTSqJLYwCJjMDHVKdLxvsRYSJt-pTkY/edit?usp=drive_link&ouid=114317915619449341642&rtpof=true&sd=true

    วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ขอให้ทบทวนการอนุญาตให้ใช้วัคซีนชนิด mRNA
    https://docs.google.com/document/d/1VE4buQ0_cFnq0skvZZBeMsrhKj4Y1WWO/edit?usp=drive_link&ouid=114317915619449341642&rtpof=true&sd=true

    วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ขอให้กรมควบคุมโรคเปิดเผย สัญญาทาส ที่ทำไว้กับบริษัทไฟเซอร์
    https://drive.google.com/file/d/1yJ0G2ZYqtSiGLyqfNcYh815zAw4wPt21/view?usp=drivesdk

    วันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๗ ขอให้ชี้แจงกับสังคมว่ายาฉีด mRNA เป็นวัคซีนหรือพันธุกรรมบำบัด (gene therapy) https://drive.google.com/file/d/1ywJleVBY-n4azNvy-Vq8VZXkX16J8gP2/view?usp=drivesdk

    วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗ ขอให้เพิกถอนกสนอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาฉีด ชนิด mRNA
    https://drive.google.com/file/d/19mD3aUoAB3t-ciwUXNS9QY4EqtWS7LJ5/view?usp=drivesdk

    วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗ ขอให้สอบสวนพฤติกรรมการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทยากรณีปัญหาผลกระทบจากวัคซีนโคเมอร์เนตี้
    https://drive.google.com/file/d/17-QJnIzFImsBVN2ELU_3NxOIQxo5pzW3/view?usp=drivesdk

    วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๗ ขอให้ทบทวนวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย ค่านิยมองค์กร ตลอดจนแนวนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขเสียใหม่ https://drive.google.com/file/d/1GIDGcv1jafx3O9bwgDUOgfohvuxNat0q/view?usp=drivesdk

    วันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขยืนยันการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติของคนไทย
    https://drive.google.com/file/d/1lvGImexMXmKdpRPdvJSq9Oqm3wrVovKK/view?usp=drivesdk

    วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗ กระทรวงสาธารณสุขมีเจตนาที่จะบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติของคนไทย https://drive.google.com/file/d/1uuKi_PTKtO48LBRbcLV_JbsVHTo6zKzI/view?usp=drive_link

    วันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๗ ขอให้สอบสวนการกระทำผิดสัญญาของบริษัทไฟเซอร์
    https://drive.google.com/file/d/1bGwVKoRQUyNt7dXpWbTJJ_AzRyRRsgMH/view?usp=drivesdk

    วันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ ขอติดตามความคืบหน้าในการเพิกถอนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาฉีด mRNA (modified RNA) https://drive.google.com/file/d/1AFg_Ilr8vyPjJtUeM277UX6tl3yGNB5c/view?usp=drivesdk

    วันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที”
    https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk

    วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ขอให้รมต.สธ. ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา
    https://drive.google.com/file/d/1BR1vKiDPMrlXMykJqZUVgj3aAK-KkyjH/view?usp=drivesdk

    รวมจดหมายเปิดผนึกและหนังสือต่างๆที่ทางกลุ่มฯได้ยื่นให้หน่วยงานภาครัฐ
    https://drive.google.com/drive/folders/1xAV-r3WhU5mt1WvTp8DBZktDPRatYrna
    ✳ ขอให้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข นายสมศักดิ์ เทพสุทินรีบดำเนินการทบทวนการอนุญาตวัคซีนโควิดของบริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นา วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ เอกสารแนบ ๑. สำเนาหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี เรื่อง ขอให้ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา ลงวันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ๒. สำเนาหนังสือที่กลุ่มคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ส่งให้ส่วนราชการภายใต้ความรับผิดชอบของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเกี่ยวกับปัญหาของวัคซีนโควิด ตามที่ท่านเป็นรัฐมนตรีที่รักษาการตามพระราชบัญญัติยา พุทธศักราช ๒๕๑๐ โดยมาตรา ๘๖ ได้บัญญัติไว้ว่า “ยาใดที่ได้ขึ้นทะเบียนตำรับยาไว้แล้ว หากภายหลัง ปรากฏว่ายานั้นไม่มีสรรพคุณตามที่ขึ้นทะเบียนไว้ หรืออาจไม่ปลอดภัยแก่ผู้ใช้ .............ให้รัฐมนตรีโดยคำแนะนำของ คณะกรรมการมีอำนาจสั่งให้เพิกถอนทะเบียนตำรับยานั้นได้ การเพิกถอน ให้กระทำโดยประกาศในราชกิจจานุเบกษา คำสั่งของรัฐมนตรีให้เป็นที่สุด” ปัจจุบันมีข้อมูลยืนยันชัดเจนว่า วัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์และโมเดอร์นา ไม่มีสรรพคุณตามที่ขึ้นทะเบียนไว้ กล่าวคือ ไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อ ไม่สามารถป้องกันการแพร่เชื้อ ไม่สามารถลดการป่วยหนัก และไม่สามารถลดการเสียชีวิตลงได้ อีกทั้งอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายถึงชีวิตต่อผู้บริโภค อาจไม่ปลอดภัยต่อผู้ใช้ ท่านในฐานะรัฐมนตรีที่รักษาการตามพระราชบัญญัติดังกล่าว จึงมีอำนาจและหน้าที่ ในการสั่งให้เพิกถอนทะเบียนตำรับยาดังกล่าว ทั้งนี้หากท่านไม่รีบดำเนินการทันทีที่ได้รับหนังสือฉบับนี้ อาจเข้าข่ายการกระทำผิดในฐาน ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ซึ่งส่งผลให้ท่านต้องรับผิดทางอาญาและรับผิดทางละเมิดหากมีผู้ได้รับผลกระทบจากวัคซีนดังกล่าวฟ้องร้องกล่าวโทษท่านในอนาคต ในทางตรงกันข้ามหากท่านดำเนินการเพิกถอนทะเบียนตำรับยาวัคซีน mRNA ท่านจะกลายเป็นวีรบุรุษของประชาชน และยังเปิดโอกาสให้มีการพัฒนาสมุนไพรไทยเพื่อใช้ในการรักษาผลข้างเคียงจากวัคซีนดังกล่าวด้วย อนึ่งจากผลการเลือกตั้งในประเทศสหรัฐอเมริกา ว่าที่ประธานาธิบดีทรัมป์ได้ประกาศนโยบายในการปฏิรูปสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (FDA) ของประเทศสหรัฐ พร้อมทั้งฟ้องร้องเอาผิดกับบริษัทยาทั้งสองข้างต้นในข้อหาให้ข้อมูลเท็จเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีน อีกทั้งยังจะทำการสอบสวนสื่อมวลชนในการให้ข้อมูลเท็จ ปกปิดข้อเท็จจริงเกี่ยวกับผลกระทบที่เกิดขึ้นจากวัคซีนโควิดด้วย นโยบายดังกล่าวย่อมสงผลให้ประชาคมโลกรวมทั้งประเทศไทยรับรู้ข้อมูลที่แท้จริงเกี่ยวกับประสิทธิภาพและความปลอดภัยของวัคซีน mRNA อันจะส่งผลให้ ผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากวัคซีนดังกล่าวฟ้องร้องเอาผิดกับบริษัทยา และหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่กำกับดูแลความปลอดภัยของผู้บริโภคในที่สุด จึงเรียนมาเพื่อให้ท่านดำเนินการเพิกถอนตำรับยา และแถลงข่าวในเรื่องนี้ให้สาธารณชนได้รับรู้โดยเร็วต่อไป กลุ่มแพทย์และจิตอาสาคนไทยพิทักษ์สิทธิ์ เอกสารแนบ 🔸️๑. วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ สำเนาหนังสือถึง นายกรัฐมนตรี ขอให้ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา https://drive.google.com/file/d/194Tdo5zsHVbln0QgcEHR4w0vqQKkKKT8/view?usp=drivesdk 🔸️๒. วันที่ ๑๘ มกราคม ๒๕๖๗ ขอให้กรมควบคุมโรคให้ข้อมูลที่เป็นจริงกับประชาชน https://docs.google.com/document/d/1UiTSqJLYwCJjMDHVKdLxvsRYSJt-pTkY/edit?usp=drive_link&ouid=114317915619449341642&rtpof=true&sd=true วันที่ ๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ขอให้ทบทวนการอนุญาตให้ใช้วัคซีนชนิด mRNA https://docs.google.com/document/d/1VE4buQ0_cFnq0skvZZBeMsrhKj4Y1WWO/edit?usp=drive_link&ouid=114317915619449341642&rtpof=true&sd=true วันที่ ๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ ขอให้กรมควบคุมโรคเปิดเผย สัญญาทาส ที่ทำไว้กับบริษัทไฟเซอร์ https://drive.google.com/file/d/1yJ0G2ZYqtSiGLyqfNcYh815zAw4wPt21/view?usp=drivesdk วันที่ ๔ มีนาคม ๒๕๖๗ ขอให้ชี้แจงกับสังคมว่ายาฉีด mRNA เป็นวัคซีนหรือพันธุกรรมบำบัด (gene therapy) https://drive.google.com/file/d/1ywJleVBY-n4azNvy-Vq8VZXkX16J8gP2/view?usp=drivesdk วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗ ขอให้เพิกถอนกสนอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาฉีด ชนิด mRNA https://drive.google.com/file/d/19mD3aUoAB3t-ciwUXNS9QY4EqtWS7LJ5/view?usp=drivesdk วันที่ ๑๒ มีนาคม ๒๕๖๗ ขอให้สอบสวนพฤติกรรมการเอื้อประโยชน์ให้กับบริษัทยากรณีปัญหาผลกระทบจากวัคซีนโคเมอร์เนตี้ https://drive.google.com/file/d/17-QJnIzFImsBVN2ELU_3NxOIQxo5pzW3/view?usp=drivesdk วันที่ ๒๐ มีนาคม ๒๕๖๗ ขอให้ทบทวนวิสัยทัศน์ พันธกิจ เป้าหมาย ค่านิยมองค์กร ตลอดจนแนวนโยบายของกระทรวงสาธารณสุขเสียใหม่ https://drive.google.com/file/d/1GIDGcv1jafx3O9bwgDUOgfohvuxNat0q/view?usp=drivesdk วันที่ ๑๗ เมษายน ๒๕๖๗ ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขยืนยันการเสียชีวิตเพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติของคนไทย https://drive.google.com/file/d/1lvGImexMXmKdpRPdvJSq9Oqm3wrVovKK/view?usp=drivesdk วันที่ ๑ พฤษภาคม ๒๕๖๗ กระทรวงสาธารณสุขมีเจตนาที่จะบิดเบือนความจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นอย่างผิดปกติของคนไทย https://drive.google.com/file/d/1uuKi_PTKtO48LBRbcLV_JbsVHTo6zKzI/view?usp=drive_link วันที่ ๑๙ มิถุนายน ๒๕๖๗ ขอให้สอบสวนการกระทำผิดสัญญาของบริษัทไฟเซอร์ https://drive.google.com/file/d/1bGwVKoRQUyNt7dXpWbTJJ_AzRyRRsgMH/view?usp=drivesdk วันที่ ๙ สิงหาคม ๒๕๖๗ ขอติดตามความคืบหน้าในการเพิกถอนการอนุญาตผลิตภัณฑ์ยาฉีด mRNA (modified RNA) https://drive.google.com/file/d/1AFg_Ilr8vyPjJtUeM277UX6tl3yGNB5c/view?usp=drivesdk วันที่ ๒๓ กันยายน ๒๕๖๗ คำเตือนครั้งสุดท้ายถึงผู้มีอำนาจหน้าที่ในกระทรวงสาธารณสุข “ขอให้ระงับการฉีด mRNA ทุกชนิดทันที” https://drive.google.com/file/d/1cugBtvCskQFxw8VdwqJs8jEwZNjhhFVh/view?usp=drivesdk วันที่ ๖ พฤศจิกายน ๒๕๖๗ ขอให้รมต.สธ. ระงับการฉีดวัคซีน mRNA ของบริษัทไฟเซอร์ และโมเดอร์นา https://drive.google.com/file/d/1BR1vKiDPMrlXMykJqZUVgj3aAK-KkyjH/view?usp=drivesdk รวมจดหมายเปิดผนึกและหนังสือต่างๆที่ทางกลุ่มฯได้ยื่นให้หน่วยงานภาครัฐ https://drive.google.com/drive/folders/1xAV-r3WhU5mt1WvTp8DBZktDPRatYrna
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 525 มุมมอง 0 รีวิว
  • ☘️สูตรพอลลิตินสำหรับผู้ป่วยมะเร็งตับแนะนำให้รับปนะทาน 📌มีส่วนผสมที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูและเสริมการทำงานของตับ โดยช่วยลดการอักเสบ เพิ่มภูมิคุ้มกัน และฟื้นฟูเซลล์ตับ ดังนี้:1. วิทกราส (Wheatgrass) - อุดมด้วยคลอโรฟิลล์และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบและสนับสนุนภูมิคุ้มกัน2. พอลลิทรักซ์ (Pollitrix) - ซินไบโอติกซ์ที่ผสมผสานโพรไบโอติกส์และพรีไบโอติกส์ ช่วยปรับสมดุลระบบลำไส้ เสริมภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ3. พอลลิทอล (Pollitol) - มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยฟื้นฟูและปกป้องเซลล์ตับ ลดความเสื่อมของเซลล์4. พอลลิตัน (Pollitan) - ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูเซลล์ตับ และเสริมการทำงานของตับ5. พอลลิแทป (Pollitap) - เสริมการไหลเวียนของเลือดและการทำงานของตับ ช่วยล้างพิษในตับ6. ลิเวอร์โร่ วัน (Liverro One) - ช่วยปกป้องและฟื้นฟูเซลล์ตับ เสริมภูมิคุ้มกันเพื่อช่วยในการทำงานของตับ7. ลิเวอร์โร่ ทู (Liverro Two) - ช่วยในการฟื้นฟูเซลล์ตับและบำรุงสุขภาพตับโดยรวม💥สูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็งตับที่ต้องการฟื้นฟูและบำรุงร่างกาย #ทางเลือกการรักษามะเร็ง #รักษามะเร็งแบบธรรมชาติ #สารอาหารต้านมะเร็ง #บำรุงสุขภาพต้านมะเร็ง #สมุนไพรบำบัดมะเร็ง #โภชนาการเพื่อสุขภาพ #บำบัดด้วยอาหาร #สุขภาพและโภชนาการ #โภชนเภสัชศาสตร์ #พอลลิตินเพื่อสุขภาพ อ.ธนกร ศูนย์สร้างภูมิบำบัด☎️. 090-465-6360ดูข้อมูลเพิ่ม กดที่ลิงค์https://lin.ee/pBbSqSD
    ☘️สูตรพอลลิตินสำหรับผู้ป่วยมะเร็งตับแนะนำให้รับปนะทาน 📌มีส่วนผสมที่ออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูและเสริมการทำงานของตับ โดยช่วยลดการอักเสบ เพิ่มภูมิคุ้มกัน และฟื้นฟูเซลล์ตับ ดังนี้:1. วิทกราส (Wheatgrass) - อุดมด้วยคลอโรฟิลล์และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบและสนับสนุนภูมิคุ้มกัน2. พอลลิทรักซ์ (Pollitrix) - ซินไบโอติกซ์ที่ผสมผสานโพรไบโอติกส์และพรีไบโอติกส์ ช่วยปรับสมดุลระบบลำไส้ เสริมภูมิคุ้มกัน และลดความเสี่ยงของการติดเชื้อ3. พอลลิทอล (Pollitol) - มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยฟื้นฟูและปกป้องเซลล์ตับ ลดความเสื่อมของเซลล์4. พอลลิตัน (Pollitan) - ช่วยเพิ่มพลังงานให้กับเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูเซลล์ตับ และเสริมการทำงานของตับ5. พอลลิแทป (Pollitap) - เสริมการไหลเวียนของเลือดและการทำงานของตับ ช่วยล้างพิษในตับ6. ลิเวอร์โร่ วัน (Liverro One) - ช่วยปกป้องและฟื้นฟูเซลล์ตับ เสริมภูมิคุ้มกันเพื่อช่วยในการทำงานของตับ7. ลิเวอร์โร่ ทู (Liverro Two) - ช่วยในการฟื้นฟูเซลล์ตับและบำรุงสุขภาพตับโดยรวม💥สูตรนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยมะเร็งตับที่ต้องการฟื้นฟูและบำรุงร่างกาย #ทางเลือกการรักษามะเร็ง #รักษามะเร็งแบบธรรมชาติ #สารอาหารต้านมะเร็ง #บำรุงสุขภาพต้านมะเร็ง #สมุนไพรบำบัดมะเร็ง #โภชนาการเพื่อสุขภาพ #บำบัดด้วยอาหาร #สุขภาพและโภชนาการ #โภชนเภสัชศาสตร์ #พอลลิตินเพื่อสุขภาพ อ.ธนกร ศูนย์สร้างภูมิบำบัด☎️. 090-465-6360ดูข้อมูลเพิ่ม กดที่ลิงค์https://lin.ee/pBbSqSD
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 378 มุมมอง 0 รีวิว
  • การรักษามะเร็งเป็นหน้าที่หลักของแพทย์ แต่การดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ป่วยสามารถทำเพื่อเสริมการรักษา และเพิ่มโอกาสในการหยุดยั้งมะเร็งไม่ให้ลุกลามได้ เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายที่เหมาะสม ลดความเครียด และการนอนหลับที่เพียงพอ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่ดีขึ้น พร้อมกับการรักษาของแพทย์ให้ได้ผลดียิ่งขึ้น

    การร่วมมือกันระหว่างผู้ป่วยและแพทย์เป็นสิ่งสำคัญในการรับมือกับมะเร็ง


    #ทางเลือกการรักษามะเร็ง #รักษามะเร็งแบบธรรมชาติ #สารอาหารต้านมะเร็ง #บำรุงสุขภาพต้านมะเร็ง #สมุนไพรบำบัดมะเร็ง #โภชนาการเพื่อสุขภาพ #บำบัดด้วยอาหาร #สุขภาพและโภชนาการ #โภชนเภสัชศาสตร์ #พอลลิตินเพื่อสุขภาพ
    การรักษามะเร็งเป็นหน้าที่หลักของแพทย์ แต่การดูแลตัวเองเป็นสิ่งสำคัญที่ผู้ป่วยสามารถทำเพื่อเสริมการรักษา และเพิ่มโอกาสในการหยุดยั้งมะเร็งไม่ให้ลุกลามได้ เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายที่เหมาะสม ลดความเครียด และการนอนหลับที่เพียงพอ ซึ่งจะช่วยให้ร่างกายมีภูมิต้านทานที่ดีขึ้น พร้อมกับการรักษาของแพทย์ให้ได้ผลดียิ่งขึ้น การร่วมมือกันระหว่างผู้ป่วยและแพทย์เป็นสิ่งสำคัญในการรับมือกับมะเร็ง #ทางเลือกการรักษามะเร็ง #รักษามะเร็งแบบธรรมชาติ #สารอาหารต้านมะเร็ง #บำรุงสุขภาพต้านมะเร็ง #สมุนไพรบำบัดมะเร็ง #โภชนาการเพื่อสุขภาพ #บำบัดด้วยอาหาร #สุขภาพและโภชนาการ #โภชนเภสัชศาสตร์ #พอลลิตินเพื่อสุขภาพ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 308 มุมมอง 64 0 รีวิว
  • การรักษาโรคมะเร็งแบบแพทย์บูรณาการ (Integrative Medicine) เป็นการผสมผสานระหว่างการรักษามะเร็งด้วยวิธีการแพทย์แผนปัจจุบันกับการบำบัดทางเลือกหรือการรักษาทางธรรมชาติ โดยเน้นการรักษาแบบองค์รวมที่ครอบคลุมทั้งร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการรักษาและบรรเทาอาการข้างเคียงจากการรักษาหลัก

    แนวทางในการรักษาแบบแพทย์บูรณาการ

    1. การรักษาหลักด้วยวิธีทางการแพทย์

    ใช้เคมีบำบัด (Chemotherapy)

    การฉายแสง (Radiation Therapy)

    การผ่าตัด (Surgery)

    การใช้ยามุ่งเป้าหรือยาชีวบำบัด (Targeted Therapy/Immunotherapy)



    2. การเสริมด้วยวิธีธรรมชาติและทางเลือก

    การรับประทานอาหารที่เหมาะสม: แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีคุณค่าสูง หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ร่างกายมีการอักเสบสูง เช่น น้ำตาลขาว อาหารแปรรูป หรือไขมันทรานส์

    การบำบัดด้วยสมุนไพร: เช่น ขมิ้นชัน เห็ดหลินจือ หรือตรีผลา สมุนไพรบางชนิดมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบหรือเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย

    การออกกำลังกายเบาๆ: เช่น โยคะ ไทเก็ก หรือการเดิน ซึ่งช่วยลดความเครียดและเพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย

    การบำบัดด้านจิตใจ: เช่น การฝึกสมาธิ การทำโยคะ หรือการฝึกหายใจ เพื่อช่วยควบคุมความเครียดและความกังวลที่เกี่ยวข้องกับการรักษามะเร็ง

    การใช้วิทยาการเสริมจากธรรมชาติ: เช่น การฝังเข็ม การบำบัดด้วยกลิ่นหอม (Aromatherapy) การนวดบำบัด ซึ่งอาจช่วยลดผลข้างเคียงบางอย่างจากการรักษาหลัก เช่น คลื่นไส้ ปวด หรืออาการอ่อนเพลีย


    ประโยชน์ของการรักษาแบบแพทย์บูรณาการ

    ลดอาการข้างเคียงจากการรักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบัน

    เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและความแข็งแรงของร่างกาย

    ลดความเครียดและสร้างความมั่นใจในการเผชิญกับโรค

    ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วยในระหว่างและหลังการรักษา


    ปรึกษา อ.ธนกร ศูนย์สร้างภูมิบำบัด
    ☎️. 090-465-6360

    ดูข้อมูลเพิ่ม กดที่ลิงค์
    https://lin.ee/pBbSqSD

    #โรคมะเร็ง #มะเร็ง #มะเร็งปอด #มะเร็งเต้านม #มะเร็งตับ #รักษามะเร็ง #อาการมะเร็ง #ป้องกันมะเร็ง #สุขภาพ #สู้มะเร็ง #ตรวจมะเร็ง #ความรู้เรื่องมะเร็ง #มะเร็งผิวหนัง #เคมีบำบัด #การฉายรังสี #ภูมิคุ้มกันบำบัด #วิธีรักษามะเร็ง #คำแนะนำมะเร็ง #ข้อมูลสุขภาพ #ชีวิตสู้มะเร็ง
    การรักษาโรคมะเร็งแบบแพทย์บูรณาการ (Integrative Medicine) เป็นการผสมผสานระหว่างการรักษามะเร็งด้วยวิธีการแพทย์แผนปัจจุบันกับการบำบัดทางเลือกหรือการรักษาทางธรรมชาติ โดยเน้นการรักษาแบบองค์รวมที่ครอบคลุมทั้งร่างกาย จิตใจ และอารมณ์ เพื่อเสริมประสิทธิภาพในการรักษาและบรรเทาอาการข้างเคียงจากการรักษาหลัก แนวทางในการรักษาแบบแพทย์บูรณาการ 1. การรักษาหลักด้วยวิธีทางการแพทย์ ใช้เคมีบำบัด (Chemotherapy) การฉายแสง (Radiation Therapy) การผ่าตัด (Surgery) การใช้ยามุ่งเป้าหรือยาชีวบำบัด (Targeted Therapy/Immunotherapy) 2. การเสริมด้วยวิธีธรรมชาติและทางเลือก การรับประทานอาหารที่เหมาะสม: แนะนำให้รับประทานอาหารที่มีคุณค่าสูง หลีกเลี่ยงอาหารที่ทำให้ร่างกายมีการอักเสบสูง เช่น น้ำตาลขาว อาหารแปรรูป หรือไขมันทรานส์ การบำบัดด้วยสมุนไพร: เช่น ขมิ้นชัน เห็ดหลินจือ หรือตรีผลา สมุนไพรบางชนิดมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบหรือเสริมภูมิคุ้มกันของร่างกาย การออกกำลังกายเบาๆ: เช่น โยคะ ไทเก็ก หรือการเดิน ซึ่งช่วยลดความเครียดและเพิ่มความแข็งแรงของร่างกาย การบำบัดด้านจิตใจ: เช่น การฝึกสมาธิ การทำโยคะ หรือการฝึกหายใจ เพื่อช่วยควบคุมความเครียดและความกังวลที่เกี่ยวข้องกับการรักษามะเร็ง การใช้วิทยาการเสริมจากธรรมชาติ: เช่น การฝังเข็ม การบำบัดด้วยกลิ่นหอม (Aromatherapy) การนวดบำบัด ซึ่งอาจช่วยลดผลข้างเคียงบางอย่างจากการรักษาหลัก เช่น คลื่นไส้ ปวด หรืออาการอ่อนเพลีย ประโยชน์ของการรักษาแบบแพทย์บูรณาการ ลดอาการข้างเคียงจากการรักษาแบบแพทย์แผนปัจจุบัน เสริมสร้างภูมิคุ้มกันและความแข็งแรงของร่างกาย ลดความเครียดและสร้างความมั่นใจในการเผชิญกับโรค ช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตให้ผู้ป่วยในระหว่างและหลังการรักษา ปรึกษา อ.ธนกร ศูนย์สร้างภูมิบำบัด ☎️. 090-465-6360 ดูข้อมูลเพิ่ม กดที่ลิงค์ https://lin.ee/pBbSqSD #โรคมะเร็ง #มะเร็ง #มะเร็งปอด #มะเร็งเต้านม #มะเร็งตับ #รักษามะเร็ง #อาการมะเร็ง #ป้องกันมะเร็ง #สุขภาพ #สู้มะเร็ง #ตรวจมะเร็ง #ความรู้เรื่องมะเร็ง #มะเร็งผิวหนัง #เคมีบำบัด #การฉายรังสี #ภูมิคุ้มกันบำบัด #วิธีรักษามะเร็ง #คำแนะนำมะเร็ง #ข้อมูลสุขภาพ #ชีวิตสู้มะเร็ง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 655 มุมมอง 86 0 รีวิว
  • สนธิสัญญาองค์การอนามัยโลก

    ประเทศไทยควรต้องสนใจกับข้อกำหนดสนธิสัญญากับองค์การอนามัยโลก

    รายชื่อคัดค้าน และรายละเอียด สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกที่ เมื่อตกลง ต้องทำตาม
    อย่าง บิดพริ้วไม่ได้

    ปัจจุบันมีการลงขื่อ 60,000 ราย และ รวมทั้ง มีการคัดค้านจาก สมาพันธ์เครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย
    ซึ่งถือว่าเป็นประชาชนรากหญ้าและได้รับผลกระทบ
    อย่างสูงเมื่อการดำรงชีวิต การเข้าถึงยาและสมุนไพรวิถีไทยจะถูกห้าม

    รายละเอียดเหล่านี้ ส่งถึง ท่าน รมต ประธานสภา และ กระทรวง สาธารณสุข
    ตั้งแต่พฤษภาคม 2567 จนถึงปัจจุบันนี้ คนไทยยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

    และทางการ และรัฐบาล ควร ต้องชี้แจงให้คนไทยทุกคนทราบ

    และ รัฐบาล ทราบหรือไม่ว่า ควรต้องทำอะไร ทั้งๆที่ประเทศต่างๆทั่วโลกกังวล

    ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยมีทรัพยากรสมุนไพรธรรมชาติที่ใช้กันมาเนิ่นนานแล้ว แต่ถูกด้อยค่าไปตามลำดับ

    และต้องตระหนักว่าสมุนไพรเหล่านี้ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาเป็นยาและส่งกลับมาขาย ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร และตัวอื่นๆ โดยศึกษาในขั้นโมเลกุลและผลตรงกับที่บรรพบุรุษไทยได้จารึกสรรพคุณไว้ตั้งแต่สมัยต้นรัชกาล ด้วยซ้ำ
    ในตำราแพทย์ไทยนั้น

    ยกตัวอย่างเช่นรูปลักษณะของฝีดาษได้บรรยายไว้ 12 ชนิด ซึ่งตรงกับ 12 ไวรัสในตระกูลฝีดาษที่เราทราบกันในปัจจุบัน และมีการระบุสมุนไพรแต่ละประเภทตามความรุนแรงของชนิดฝีดาษ

    ข้อมูลรายละเอียดของการคัดค้าน WHO 24 พค.67
    https://drive.google.com/drive/folders/1GyWC2OcVnUkglL7YUtFRum8S_TqZvmIU

    ความสำคัญของ สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกต่อภาคีเครือข่ายรวมกระทั่งถึงประเทศไทย
    ถ้าอยู่ภายใต้ สนธิสัญญานี้ จะบิดพริ้วมิได้
    และจะเกิด ผลกระทบติดตามมากมาย หลายเรื่อง เช่น
    1- องค์การอนามัยโลกสามารถประกาศโรคระบาดใดให้เป็น สถานการณ์โรค ระบาดทั้งโลกได้ โดยไม่ต้องฟัง ข้อมูลรายละเอียดจากพื้นที่ให้ครบทุกด้าน
    2- เมื่อประกาศแล้วเราต้องทำตามทุกอย่าง และไม่สามารถทำอะไรที่ควรจะทำได้
    3- วัคซีนต้องฉีดตามองค์การอนามัยโลกสั่ง โดย องค์การอนามัยโลก ไม่ต้อง มีความรับผิดชอบ ถ้าเกิดมีผลข้างเคียง ไม่ว่าจะรุนแรงเท่าใด เพราะถือว่า ได้รับสิทธิ์และถืออำนาจสั่งการได้อย่างสมบูรณ์
    4-ยา ต้องใช้ตามที่สั่งโดยไม่บิดพลิ้ว นั่นคือยาต้องสั่งจากต่างประเทศอย่างเดียว และยาที่ผลิตจากวัตถุดิบจากประเทศในเอเชียจะถูกมองว่าไม่มีประสิทธิภาพไม่ได้มาตรฐานและมีอันตรายทันที หรือไม่
    5- สมุนไพรที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการใช้และจะมีการออกประกาศโดยกระทรวงทบวงกรมสถาบันโรงเรียนแพทย์โดยถือว่าเป็นคำสั่งหรือข้อแนะนำจากองค์การอนามัยโลกและผ่านมาทาง อย สหรัฐ ศูนย์ควบคุมป้องกันโรคของสหรัฐ
    6- สามารถที่จะเซ็นเซอร์ทุกอย่างได้ที่เกี่ยวกับข้อมูลที่ควรจะเป็น ไม่ว่าเป็นผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนของวัคซีนและยาที่องค์การอนามัยโลกสั่ง
    ประชาชนไม่สามารถสื่อสารการใช้ยาที่คนไทยใช้อยู่แล้วในพื้นที่ และมีหน่วยงานที่เซ็นเซอร์โดยจัดให้เป็นข้อมูลเท็จ misinformation ผ่านทางหน่วยงานของรัฐ จากองค์กร และสู่ประชาชนทั้งประเทศให้เชื่อฟัง

    ทั้งนี้จะมีหน่วยงานที่สอดส่องโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์และทำการถอดถอนข้อมูล ดิสเครดิต ผู้ที่ให้ข้อมูลทันที มีหน่วยงานลักษณะนี้ รวมทั้งกระทรวงของรัฐที่ทำตามกระบวนการนี้

    สิ่งที่กล่าวนี้เกิดขึ้นแล้ว ในช่วงโควิด และเป็นที่ประจักษ์ในเรื่องของผลกระทบผลข้างเคียง ของสิ่งที่ฉีด

    โดยที่ทางการของประเทศ ไทยเองประกาศทั่วประเทศเมื่อต้นปี 2567 ว่า
    ผลกระทบร้ายแรงและถึงแก่ชีวิตทั้งประเทศมีเพียงห้าราย
    โดยที่ตัวเลขห้ารายนี้ จะเทียบกับหนึ่งในล้าน ซึ่ง
    เป็นตัวเลขที่ยอมรับได้ตามประกาศขององค์การอนามัยโลก
    ทั้งๆที่รายอื่นเป็น 10,000 เป็น 100,000 ถูกปัดว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง และถึงกระทั่งให้หาข้อพิสูจน์มา เอง โดยที่การพิสูจน์ หรือชันสูตรศพ ทาง วิทยาศาสตร์นั้นต้องการทุนไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท

    สิ่งเหล่านี้ปรากฏขึ้นแล้วและจะรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่าถ้าตกอยู่ในสนธิสัญญานี้

    วัคซีนในปัจจุบันและต่อจากนี้ในมนุษย์และสัตว์ใช้เทคโนโลยี ที่ใช้กับโควิด ทั้งนี้โดยอ้างว่า ได้ใช้กับประชาชนทั่วโลกแล้วและผลกระทบไม่ได้เกิดจากวัคซีน

    นสพ มติชน ฉบับพิมพ์
    ท็อล์กออฟเดอะทาวน์
    10 พย 2567

    กระบวนการรวบรวมรายชื่อคัดค้านและนำส่งทางการของประเทศไทยโดยกลุ่มแพทย์และประชาชนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    รวบรวมข้อมูลโดย
    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    สนธิสัญญาองค์การอนามัยโลก ประเทศไทยควรต้องสนใจกับข้อกำหนดสนธิสัญญากับองค์การอนามัยโลก รายชื่อคัดค้าน และรายละเอียด สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกที่ เมื่อตกลง ต้องทำตาม อย่าง บิดพริ้วไม่ได้ ปัจจุบันมีการลงขื่อ 60,000 ราย และ รวมทั้ง มีการคัดค้านจาก สมาพันธ์เครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นประชาชนรากหญ้าและได้รับผลกระทบ อย่างสูงเมื่อการดำรงชีวิต การเข้าถึงยาและสมุนไพรวิถีไทยจะถูกห้าม รายละเอียดเหล่านี้ ส่งถึง ท่าน รมต ประธานสภา และ กระทรวง สาธารณสุข ตั้งแต่พฤษภาคม 2567 จนถึงปัจจุบันนี้ คนไทยยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น และทางการ และรัฐบาล ควร ต้องชี้แจงให้คนไทยทุกคนทราบ และ รัฐบาล ทราบหรือไม่ว่า ควรต้องทำอะไร ทั้งๆที่ประเทศต่างๆทั่วโลกกังวล ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยมีทรัพยากรสมุนไพรธรรมชาติที่ใช้กันมาเนิ่นนานแล้ว แต่ถูกด้อยค่าไปตามลำดับ และต้องตระหนักว่าสมุนไพรเหล่านี้ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาเป็นยาและส่งกลับมาขาย ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร และตัวอื่นๆ โดยศึกษาในขั้นโมเลกุลและผลตรงกับที่บรรพบุรุษไทยได้จารึกสรรพคุณไว้ตั้งแต่สมัยต้นรัชกาล ด้วยซ้ำ ในตำราแพทย์ไทยนั้น ยกตัวอย่างเช่นรูปลักษณะของฝีดาษได้บรรยายไว้ 12 ชนิด ซึ่งตรงกับ 12 ไวรัสในตระกูลฝีดาษที่เราทราบกันในปัจจุบัน และมีการระบุสมุนไพรแต่ละประเภทตามความรุนแรงของชนิดฝีดาษ ข้อมูลรายละเอียดของการคัดค้าน WHO 24 พค.67 https://drive.google.com/drive/folders/1GyWC2OcVnUkglL7YUtFRum8S_TqZvmIU ความสำคัญของ สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกต่อภาคีเครือข่ายรวมกระทั่งถึงประเทศไทย ถ้าอยู่ภายใต้ สนธิสัญญานี้ จะบิดพริ้วมิได้ และจะเกิด ผลกระทบติดตามมากมาย หลายเรื่อง เช่น 1- องค์การอนามัยโลกสามารถประกาศโรคระบาดใดให้เป็น สถานการณ์โรค ระบาดทั้งโลกได้ โดยไม่ต้องฟัง ข้อมูลรายละเอียดจากพื้นที่ให้ครบทุกด้าน 2- เมื่อประกาศแล้วเราต้องทำตามทุกอย่าง และไม่สามารถทำอะไรที่ควรจะทำได้ 3- วัคซีนต้องฉีดตามองค์การอนามัยโลกสั่ง โดย องค์การอนามัยโลก ไม่ต้อง มีความรับผิดชอบ ถ้าเกิดมีผลข้างเคียง ไม่ว่าจะรุนแรงเท่าใด เพราะถือว่า ได้รับสิทธิ์และถืออำนาจสั่งการได้อย่างสมบูรณ์ 4-ยา ต้องใช้ตามที่สั่งโดยไม่บิดพลิ้ว นั่นคือยาต้องสั่งจากต่างประเทศอย่างเดียว และยาที่ผลิตจากวัตถุดิบจากประเทศในเอเชียจะถูกมองว่าไม่มีประสิทธิภาพไม่ได้มาตรฐานและมีอันตรายทันที หรือไม่ 5- สมุนไพรที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการใช้และจะมีการออกประกาศโดยกระทรวงทบวงกรมสถาบันโรงเรียนแพทย์โดยถือว่าเป็นคำสั่งหรือข้อแนะนำจากองค์การอนามัยโลกและผ่านมาทาง อย สหรัฐ ศูนย์ควบคุมป้องกันโรคของสหรัฐ 6- สามารถที่จะเซ็นเซอร์ทุกอย่างได้ที่เกี่ยวกับข้อมูลที่ควรจะเป็น ไม่ว่าเป็นผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนของวัคซีนและยาที่องค์การอนามัยโลกสั่ง ประชาชนไม่สามารถสื่อสารการใช้ยาที่คนไทยใช้อยู่แล้วในพื้นที่ และมีหน่วยงานที่เซ็นเซอร์โดยจัดให้เป็นข้อมูลเท็จ misinformation ผ่านทางหน่วยงานของรัฐ จากองค์กร และสู่ประชาชนทั้งประเทศให้เชื่อฟัง ทั้งนี้จะมีหน่วยงานที่สอดส่องโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์และทำการถอดถอนข้อมูล ดิสเครดิต ผู้ที่ให้ข้อมูลทันที มีหน่วยงานลักษณะนี้ รวมทั้งกระทรวงของรัฐที่ทำตามกระบวนการนี้ สิ่งที่กล่าวนี้เกิดขึ้นแล้ว ในช่วงโควิด และเป็นที่ประจักษ์ในเรื่องของผลกระทบผลข้างเคียง ของสิ่งที่ฉีด โดยที่ทางการของประเทศ ไทยเองประกาศทั่วประเทศเมื่อต้นปี 2567 ว่า ผลกระทบร้ายแรงและถึงแก่ชีวิตทั้งประเทศมีเพียงห้าราย โดยที่ตัวเลขห้ารายนี้ จะเทียบกับหนึ่งในล้าน ซึ่ง เป็นตัวเลขที่ยอมรับได้ตามประกาศขององค์การอนามัยโลก ทั้งๆที่รายอื่นเป็น 10,000 เป็น 100,000 ถูกปัดว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง และถึงกระทั่งให้หาข้อพิสูจน์มา เอง โดยที่การพิสูจน์ หรือชันสูตรศพ ทาง วิทยาศาสตร์นั้นต้องการทุนไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท สิ่งเหล่านี้ปรากฏขึ้นแล้วและจะรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่าถ้าตกอยู่ในสนธิสัญญานี้ วัคซีนในปัจจุบันและต่อจากนี้ในมนุษย์และสัตว์ใช้เทคโนโลยี ที่ใช้กับโควิด ทั้งนี้โดยอ้างว่า ได้ใช้กับประชาชนทั่วโลกแล้วและผลกระทบไม่ได้เกิดจากวัคซีน นสพ มติชน ฉบับพิมพ์ ท็อล์กออฟเดอะทาวน์ 10 พย 2567 กระบวนการรวบรวมรายชื่อคัดค้านและนำส่งทางการของประเทศไทยโดยกลุ่มแพทย์และประชาชนไทยพิทักษ์สิทธิ์ รวบรวมข้อมูลโดย ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    Love
    13
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 533 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚩ทำไม?? ต้องเป็นว่านหางจระเข้
    สายพันธุ์บาร์บาเดนซิสมิลเท่านั้น
    ว่านหางจระเข้ สายพันธุ์บาร์บาเดนซิสมิล (Aloe barbadensis mill)
    ซึ่งเป็นพืชที่ถูกนำมาใช้ในการดูแลสุ.ขภ.าพ
    และการบำบัดโร.คต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะใช้ในวงการแพ.ทย์แผ.นโบราณ และแพ.ทย์แผนใหม่ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่น่าสนใจมากมาย

    ว่านหางจระเข้ สายพันธุ์บาร์บาเดนซิสมิล (Aloe barbadensis mill)
    มีลักษณะต้นใหญ่และเนื้อวุ้นมากที่สุดในวงศ์

    ว่านหางจระเข้ ทำให้เป็นที่นิยมสำหรับการนำมาบริโภค ทำยา น้ำว่าน หรือเครื่องสำอาง
    สายพันธุ์นี้มีกำเนิดดั้งเดิมในแถบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและบริเวณตอนใต้ของทวีปแอฟริกา และได้รับการยอมรับในประโยชน์อันทรงคุณค่ามาเป็นเวลานับทศวรรษ จนได้รับการขนานนามว่า “พืชมหัศจรรย์” หรือ “อายุวัฒนะ” สารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า 200 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นวิตามินต่างๆ เกลือแร่ กรดอะมิโนทั้ง 20 ชนิด เอนไซน์ และเบต้าแคโรทีน และไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ (HDL) เป็นต้น

    ด้วยคุณค่าของสารอาหารต่างๆ อันเป็นประโยชน์เหล่านี้ ผสมผสานอย่างเหมาะสมตามธรรมชาติ นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านสารปฏิชีวนะ ชาวญี่ปุ่นได้ทำการวิจัยพบสารออกฤทธิ์ทางปฏิชีวนะถึง 3 ชนิด ในว่านหางจระเข้ได้แก่

    - อโลอิน (Aloin) มีฤทธิ์มาฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราบางชนิด

    - อโลดิน (Emodin)มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซ.ล์ลมะเร็.ง

    - อโลมิซิน (Alocmicin)ที่มีฤทธิ์สมานแ.ผลและระงับการขยายตัวของเชื้.อไวรั.ส

    ว่านหางจระเข้เป็นพืชที่มีคุณสมบัติและประโยชน์มากมาย ทั้งในด้านการรักษาสุขภาพ การบำรุงความงาม และการปรับปรุงสภาพแวดล้อม ว่านหางจระเข้มีสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ และกรดอะมิโนอีกหลายชนิดที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อร่างกาย อาทิ แมกนีเซียม, โพแทสเซียม, ทองแดง, แมงกานีส, ซีลีเนียม, โครเมียม, วิตามิน A C E B1 B2 B3 B6 B9 B12 และโคลีนนอกจากนี้
    ว่านหางจระเข้ยังมีสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ต้านเชื้อแบคทีเรีย และช่วยสมานแผล ได้แก่ โพลีฟีนอล (Polysaccharides) แอนทราควิโนน (Anthraquinone) และกลีโคโปรตีน (Glycoprotein) ซึ่งทั้งหมดนี้มีบทบาทในการปรับสมดุลและส่งเสริมสุขภาพของร่างกาย

    ขอบคุณ ข้อมูลจาก Google
    #ว่านหางจระเข้ #สมุนไพร #สมุนไพรปลอดสาร
    🚩ทำไม?? ต้องเป็นว่านหางจระเข้ สายพันธุ์บาร์บาเดนซิสมิลเท่านั้น ว่านหางจระเข้ สายพันธุ์บาร์บาเดนซิสมิล (Aloe barbadensis mill) ซึ่งเป็นพืชที่ถูกนำมาใช้ในการดูแลสุ.ขภ.าพ และการบำบัดโร.คต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะใช้ในวงการแพ.ทย์แผ.นโบราณ และแพ.ทย์แผนใหม่ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่น่าสนใจมากมาย ว่านหางจระเข้ สายพันธุ์บาร์บาเดนซิสมิล (Aloe barbadensis mill) มีลักษณะต้นใหญ่และเนื้อวุ้นมากที่สุดในวงศ์ ว่านหางจระเข้ ทำให้เป็นที่นิยมสำหรับการนำมาบริโภค ทำยา น้ำว่าน หรือเครื่องสำอาง สายพันธุ์นี้มีกำเนิดดั้งเดิมในแถบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและบริเวณตอนใต้ของทวีปแอฟริกา และได้รับการยอมรับในประโยชน์อันทรงคุณค่ามาเป็นเวลานับทศวรรษ จนได้รับการขนานนามว่า “พืชมหัศจรรย์” หรือ “อายุวัฒนะ” สารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า 200 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นวิตามินต่างๆ เกลือแร่ กรดอะมิโนทั้ง 20 ชนิด เอนไซน์ และเบต้าแคโรทีน และไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ (HDL) เป็นต้น ด้วยคุณค่าของสารอาหารต่างๆ อันเป็นประโยชน์เหล่านี้ ผสมผสานอย่างเหมาะสมตามธรรมชาติ นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านสารปฏิชีวนะ ชาวญี่ปุ่นได้ทำการวิจัยพบสารออกฤทธิ์ทางปฏิชีวนะถึง 3 ชนิด ในว่านหางจระเข้ได้แก่ - อโลอิน (Aloin) มีฤทธิ์มาฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราบางชนิด - อโลดิน (Emodin)มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซ.ล์ลมะเร็.ง - อโลมิซิน (Alocmicin)ที่มีฤทธิ์สมานแ.ผลและระงับการขยายตัวของเชื้.อไวรั.ส ว่านหางจระเข้เป็นพืชที่มีคุณสมบัติและประโยชน์มากมาย ทั้งในด้านการรักษาสุขภาพ การบำรุงความงาม และการปรับปรุงสภาพแวดล้อม ว่านหางจระเข้มีสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ และกรดอะมิโนอีกหลายชนิดที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อร่างกาย อาทิ แมกนีเซียม, โพแทสเซียม, ทองแดง, แมงกานีส, ซีลีเนียม, โครเมียม, วิตามิน A C E B1 B2 B3 B6 B9 B12 และโคลีนนอกจากนี้ ว่านหางจระเข้ยังมีสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ต้านเชื้อแบคทีเรีย และช่วยสมานแผล ได้แก่ โพลีฟีนอล (Polysaccharides) แอนทราควิโนน (Anthraquinone) และกลีโคโปรตีน (Glycoprotein) ซึ่งทั้งหมดนี้มีบทบาทในการปรับสมดุลและส่งเสริมสุขภาพของร่างกาย ขอบคุณ ข้อมูลจาก Google #ว่านหางจระเข้ #สมุนไพร #สมุนไพรปลอดสาร
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 255 มุมมอง 0 รีวิว
  • ว่านหางจระเข้ สายพันธุ์บาร์บาเดนซิสมิล (Aloe barbadensis mill)
    🚩ทำไม?? ต้องเป็นว่านหางจระเข้
    สายพันธุ์บาร์บาเดนซิสมิลเท่านั้น
    ว่านหางจระเข้ สายพันธุ์บาร์บาเดนซิสมิล (Aloe barbadensis mill)
    ซึ่งเป็นพืชที่ถูกนำมาใช้ในการดูแลสุ.ขภ.าพ
    และการบำบัดโร.คต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะใช้ในวงการแพ.ทย์แผ.นโบราณ และแพ.ทย์แผนใหม่ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่น่าสนใจมากมาย

    ว่านหางจระเข้ สายพันธุ์บาร์บาเดนซิสมิล (Aloe barbadensis mill)
    มีลักษณะต้นใหญ่และเนื้อวุ้นมากที่สุดในวงศ์

    ว่านหางจระเข้ ทำให้เป็นที่นิยมสำหรับการนำมาบริโภค ทำยา น้ำว่าน หรือเครื่องสำอาง
    สายพันธุ์นี้มีกำเนิดดั้งเดิมในแถบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและบริเวณตอนใต้ของทวีปแอฟริกา และได้รับการยอมรับในประโยชน์อันทรงคุณค่ามาเป็นเวลานับทศวรรษ จนได้รับการขนานนามว่า “พืชมหัศจรรย์” หรือ “อายุวัฒนะ” สารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า 200 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นวิตามินต่างๆ เกลือแร่ กรดอะมิโนทั้ง 20 ชนิด เอนไซน์ และเบต้าแคโรทีน และไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ (HDL) เป็นต้น

    ด้วยคุณค่าของสารอาหารต่างๆ อันเป็นประโยชน์เหล่านี้ ผสมผสานอย่างเหมาะสมตามธรรมชาติ นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านสารปฏิชีวนะ ชาวญี่ปุ่นได้ทำการวิจัยพบสารออกฤทธิ์ทางปฏิชีวนะถึง 3 ชนิด ในว่านหางจระเข้ได้แก่

    - อโลอิน (Aloin) มีฤทธิ์มาฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราบางชนิด

    - อโลดิน (Emodin)มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซ.ล์ลมะเร็.ง

    - อโลมิซิน (Alocmicin)ที่มีฤทธิ์สมานแ.ผลและระงับการขยายตัวของเชื้.อไวรั.ส

    ว่านหางจระเข้เป็นพืชที่มีคุณสมบัติและประโยชน์มากมาย ทั้งในด้านการรักษาสุขภาพ การบำรุงความงาม และการปรับปรุงสภาพแวดล้อม ว่านหางจระเข้มีสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ และกรดอะมิโนอีกหลายชนิดที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อร่างกาย อาทิ แมกนีเซียม, โพแทสเซียม, ทองแดง, แมงกานีส, ซีลีเนียม, โครเมียม, วิตามิน A C E B1 B2 B3 B6 B9 B12 และโคลีนนอกจากนี้
    ว่านหางจระเข้ยังมีสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ต้านเชื้อแบคทีเรีย และช่วยสมานแผล ได้แก่ โพลีฟีนอล (Polysaccharides) แอนทราควิโนน (Anthraquinone) และกลีโคโปรตีน (Glycoprotein) ซึ่งทั้งหมดนี้มีบทบาทในการปรับสมดุลและส่งเสริมสุขภาพของร่างกาย

    ขอบคุณ ข้อมูลจาก Google
    #ว่านหางจระเข้ #สมุนไพร #สมุนไพรปลอดสาร#thaitimes
    ว่านหางจระเข้ สายพันธุ์บาร์บาเดนซิสมิล (Aloe barbadensis mill) 🚩ทำไม?? ต้องเป็นว่านหางจระเข้ สายพันธุ์บาร์บาเดนซิสมิลเท่านั้น ว่านหางจระเข้ สายพันธุ์บาร์บาเดนซิสมิล (Aloe barbadensis mill) ซึ่งเป็นพืชที่ถูกนำมาใช้ในการดูแลสุ.ขภ.าพ และการบำบัดโร.คต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะใช้ในวงการแพ.ทย์แผ.นโบราณ และแพ.ทย์แผนใหม่ เนื่องจากมีคุณสมบัติที่น่าสนใจมากมาย ว่านหางจระเข้ สายพันธุ์บาร์บาเดนซิสมิล (Aloe barbadensis mill) มีลักษณะต้นใหญ่และเนื้อวุ้นมากที่สุดในวงศ์ ว่านหางจระเข้ ทำให้เป็นที่นิยมสำหรับการนำมาบริโภค ทำยา น้ำว่าน หรือเครื่องสำอาง สายพันธุ์นี้มีกำเนิดดั้งเดิมในแถบชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและบริเวณตอนใต้ของทวีปแอฟริกา และได้รับการยอมรับในประโยชน์อันทรงคุณค่ามาเป็นเวลานับทศวรรษ จนได้รับการขนานนามว่า “พืชมหัศจรรย์” หรือ “อายุวัฒนะ” สารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่า 200 ชนิด ไม่ว่าจะเป็นวิตามินต่างๆ เกลือแร่ กรดอะมิโนทั้ง 20 ชนิด เอนไซน์ และเบต้าแคโรทีน และไขมันที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ (HDL) เป็นต้น ด้วยคุณค่าของสารอาหารต่างๆ อันเป็นประโยชน์เหล่านี้ ผสมผสานอย่างเหมาะสมตามธรรมชาติ นักวิทยาศาสตร์ผู้เชี่ยวชาญด้านสารปฏิชีวนะ ชาวญี่ปุ่นได้ทำการวิจัยพบสารออกฤทธิ์ทางปฏิชีวนะถึง 3 ชนิด ในว่านหางจระเข้ได้แก่ - อโลอิน (Aloin) มีฤทธิ์มาฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราบางชนิด - อโลดิน (Emodin)มีฤทธิ์ยับยั้งการเจริญเติบโตของเซ.ล์ลมะเร็.ง - อโลมิซิน (Alocmicin)ที่มีฤทธิ์สมานแ.ผลและระงับการขยายตัวของเชื้.อไวรั.ส ว่านหางจระเข้เป็นพืชที่มีคุณสมบัติและประโยชน์มากมาย ทั้งในด้านการรักษาสุขภาพ การบำรุงความงาม และการปรับปรุงสภาพแวดล้อม ว่านหางจระเข้มีสารอาหาร วิตามิน แร่ธาตุ และกรดอะมิโนอีกหลายชนิดที่จำเป็นและมีประโยชน์ต่อร่างกาย อาทิ แมกนีเซียม, โพแทสเซียม, ทองแดง, แมงกานีส, ซีลีเนียม, โครเมียม, วิตามิน A C E B1 B2 B3 B6 B9 B12 และโคลีนนอกจากนี้ ว่านหางจระเข้ยังมีสารที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ต้านเชื้อแบคทีเรีย และช่วยสมานแผล ได้แก่ โพลีฟีนอล (Polysaccharides) แอนทราควิโนน (Anthraquinone) และกลีโคโปรตีน (Glycoprotein) ซึ่งทั้งหมดนี้มีบทบาทในการปรับสมดุลและส่งเสริมสุขภาพของร่างกาย ขอบคุณ ข้อมูลจาก Google #ว่านหางจระเข้ #สมุนไพร #สมุนไพรปลอดสาร#thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 489 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🥳สำหรับสาวๆ ที่เพิ่งผ่านการทำสีผมมา
    แต่ต้องการทำสีครั้งต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะแก้สี
    หรือเบื่ออยากเปลี่ยนสีใหม่
    .
    👉ยูจีแนะนำ... ควรรอให้โคนผมงอกยาวอย่างน้อย 1-2 cm หรือประมาณ 1-2 เดือน แล้วค่อยทำสีครั้งต่อไปค่ะเพราะแม้การทำสีผมจะไม่เป็นอันตราย แต่การทำเคมีกับผมบ่อยๆก็ทำให้โครงสร้างผมอ่อนแอได้ จึงไม่ควรทำติดๆ กันนะ

    -------------------------------------------------
    🛒 สนใจสอบถามเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อผ่าน
    Fb inbox : http://m.me/Yougeethailand
    Shopee : https://shopee.co.th/yougee.th
    Tiktok shop : https://vt.tiktok.com/ZMhf1PL41/?page=TikTokShop

    🌿Ciaca ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมจากสมุนไพรและเทคโนโลยีด้านการสกัดสารจากธรรมชาติ จากทีมนักวิจัยและเภสัชกรที่เชี่ยวชาญทางเครื่องสำอาง ดาริน แล็บบอราทอรี่ส์ มหาวิทยาลัย นเรศวร

    🌿Yougee วิจัยและพัฒนาจาก Colornow Cosmetic Limited ลิขสิทธิ์จากประเทศแคนาดา
    #Yougee #ความอ่อนโยนจากธรรมชาติคืนสู่เส้นผม #บำรุงผม
    🥳สำหรับสาวๆ ที่เพิ่งผ่านการทำสีผมมา แต่ต้องการทำสีครั้งต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะแก้สี หรือเบื่ออยากเปลี่ยนสีใหม่ . 👉ยูจีแนะนำ... ควรรอให้โคนผมงอกยาวอย่างน้อย 1-2 cm หรือประมาณ 1-2 เดือน แล้วค่อยทำสีครั้งต่อไปค่ะเพราะแม้การทำสีผมจะไม่เป็นอันตราย แต่การทำเคมีกับผมบ่อยๆก็ทำให้โครงสร้างผมอ่อนแอได้ จึงไม่ควรทำติดๆ กันนะ ------------------------------------------------- 🛒 สนใจสอบถามเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อผ่าน Fb inbox : http://m.me/Yougeethailand Shopee : https://shopee.co.th/yougee.th Tiktok shop : https://vt.tiktok.com/ZMhf1PL41/?page=TikTokShop 🌿Ciaca ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมจากสมุนไพรและเทคโนโลยีด้านการสกัดสารจากธรรมชาติ จากทีมนักวิจัยและเภสัชกรที่เชี่ยวชาญทางเครื่องสำอาง ดาริน แล็บบอราทอรี่ส์ มหาวิทยาลัย นเรศวร 🌿Yougee วิจัยและพัฒนาจาก Colornow Cosmetic Limited ลิขสิทธิ์จากประเทศแคนาดา #Yougee #ความอ่อนโยนจากธรรมชาติคืนสู่เส้นผม #บำรุงผม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🥳สำหรับสาวๆ ที่เพิ่งผ่านการทำสีผมมา
    แต่ต้องการทำสีครั้งต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะแก้สี
    หรือเบื่ออยากเปลี่ยนสีใหม่
    .
    👉ยูจีแนะนำ... ควรรอให้โคนผมงอกยาวอย่างน้อย 1-2 cm หรือประมาณ 1-2 เดือน แล้วค่อยทำสีครั้งต่อไปค่ะเพราะแม้การทำสีผมจะไม่เป็นอันตราย แต่การทำเคมีกับผมบ่อยๆก็ทำให้โครงสร้างผมอ่อนแอได้ จึงไม่ควรทำติดๆ กันนะ
    .
    #yougee #yougee_thailand #ciaca #ciaca_thailand #treatment #color #yougee #yougee_thailand #ciaca #treatment #color #ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ #สูตรสีผม #ครีมเปลี่ยนสีผม #บำรุงเส้นผม #เคราตินผม #สีผมแฟชั่น #ผมสวย #บอกลาผมเสีย #สีผม #วิธีฟอกผม #เทรนด์สีผม #เซียก้าซุปเปอร์เคราติน #ฟอกผม #เปลี่ยนสีผม #ทรีทเมนท์ยูจี
    #บำรุงผม #ผมสวยเงางาม #น้ำมันบำรุงผม #น้ำมันแมคาเดเมีย #macademia #ปกป้องเส้นผม #ป้องกันผมจากความร้อน

    -------------------------------------------------
    🛒 สนใจสอบถามเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อผ่าน
    Fb inbox : http://m.me/Yougeethailand
    Shopee : https://shopee.co.th/yougee.th
    Tiktok shop : https://vt.tiktok.com/ZMhf1PL41/?page=TikTokShop

    🌿Ciaca ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมจากสมุนไพรและเทคโนโลยีด้านการสกัดสารจากธรรมชาติ จากทีมนักวิจัยและเภสัชกรที่เชี่ยวชาญทางเครื่องสำอาง ดาริน แล็บบอราทอรี่ส์ มหาวิทยาลัย นเรศวร

    🌿Yougee วิจัยและพัฒนาจาก Colornow Cosmetic Limited ลิขสิทธิ์จากประเทศแคนาดา
    #Yougee #ความอ่อนโยนจากธรรมชาติคืนสู่เส้นผม #บำรุงผม
    🥳สำหรับสาวๆ ที่เพิ่งผ่านการทำสีผมมา แต่ต้องการทำสีครั้งต่อไปแล้ว ไม่ว่าจะแก้สี หรือเบื่ออยากเปลี่ยนสีใหม่ . 👉ยูจีแนะนำ... ควรรอให้โคนผมงอกยาวอย่างน้อย 1-2 cm หรือประมาณ 1-2 เดือน แล้วค่อยทำสีครั้งต่อไปค่ะเพราะแม้การทำสีผมจะไม่เป็นอันตราย แต่การทำเคมีกับผมบ่อยๆก็ทำให้โครงสร้างผมอ่อนแอได้ จึงไม่ควรทำติดๆ กันนะ . #yougee #yougee_thailand #ciaca #ciaca_thailand #treatment #color #yougee #yougee_thailand #ciaca #treatment #color #ผลิตภัณฑ์ธรรมชาติ #สูตรสีผม #ครีมเปลี่ยนสีผม #บำรุงเส้นผม #เคราตินผม #สีผมแฟชั่น #ผมสวย #บอกลาผมเสีย #สีผม #วิธีฟอกผม #เทรนด์สีผม #เซียก้าซุปเปอร์เคราติน #ฟอกผม #เปลี่ยนสีผม #ทรีทเมนท์ยูจี #บำรุงผม #ผมสวยเงางาม #น้ำมันบำรุงผม #น้ำมันแมคาเดเมีย #macademia #ปกป้องเส้นผม #ป้องกันผมจากความร้อน ------------------------------------------------- 🛒 สนใจสอบถามเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อผ่าน Fb inbox : http://m.me/Yougeethailand Shopee : https://shopee.co.th/yougee.th Tiktok shop : https://vt.tiktok.com/ZMhf1PL41/?page=TikTokShop 🌿Ciaca ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมจากสมุนไพรและเทคโนโลยีด้านการสกัดสารจากธรรมชาติ จากทีมนักวิจัยและเภสัชกรที่เชี่ยวชาญทางเครื่องสำอาง ดาริน แล็บบอราทอรี่ส์ มหาวิทยาลัย นเรศวร 🌿Yougee วิจัยและพัฒนาจาก Colornow Cosmetic Limited ลิขสิทธิ์จากประเทศแคนาดา #Yougee #ความอ่อนโยนจากธรรมชาติคืนสู่เส้นผม #บำรุงผม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • หมอธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เตือน ประเทศไทยไม่มีใครสนใจกับ WHO treaty หรือข้อกำหนดสนธิสัญญากับองค์การอนามัยโลก
    เรื่องใหญ่มากๆ

    ถ้าอยู่ภายใต้
    จะเกิดหลายเรื่องเช่น
    1- องค์การอนามัยโลกสามารถประกาศโรคระบาดทั้งโลกได้ โดยไม่ต้องฟังใคร
    2- เมื่อประกาศแล้วเราต้องทำตามทุกอย่าง และไม่สามารถทำอะไรที่ควรจะทำได้
    3- วัคซีนต้องฉีดตามองค์การอนามัยโลกสั่ง โดยไม่สนใจว่าจะมีผลข้างเคียงอย่างไรก็ตาม
    4-ยา ต้องใช้ตามที่สั่งโดยไม่บิดพลิ้ว นั่นคือสั่งจากต่างประเทศอย่างเดียว
    5- สมุนไพรที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้อย่าหวัง
    6- สามารถที่จะเซ็นเซอร์ทุกอย่างได้ที่เกี่ยวกับข้อมูลที่ควรจะเป็น ไม่ว่าเป็นผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนของวัคซีนและยาที่องค์การอนามัยโลกสั่ง ไม่สามารถสื่อสารยาที่คนไทยใช้อยู่แล้วในพื้นที่

    #Thaitimes
    หมอธีระวัฒน์ เหมะจุฑา เตือน ประเทศไทยไม่มีใครสนใจกับ WHO treaty หรือข้อกำหนดสนธิสัญญากับองค์การอนามัยโลก เรื่องใหญ่มากๆ ถ้าอยู่ภายใต้ จะเกิดหลายเรื่องเช่น 1- องค์การอนามัยโลกสามารถประกาศโรคระบาดทั้งโลกได้ โดยไม่ต้องฟังใคร 2- เมื่อประกาศแล้วเราต้องทำตามทุกอย่าง และไม่สามารถทำอะไรที่ควรจะทำได้ 3- วัคซีนต้องฉีดตามองค์การอนามัยโลกสั่ง โดยไม่สนใจว่าจะมีผลข้างเคียงอย่างไรก็ตาม 4-ยา ต้องใช้ตามที่สั่งโดยไม่บิดพลิ้ว นั่นคือสั่งจากต่างประเทศอย่างเดียว 5- สมุนไพรที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้อย่าหวัง 6- สามารถที่จะเซ็นเซอร์ทุกอย่างได้ที่เกี่ยวกับข้อมูลที่ควรจะเป็น ไม่ว่าเป็นผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนของวัคซีนและยาที่องค์การอนามัยโลกสั่ง ไม่สามารถสื่อสารยาที่คนไทยใช้อยู่แล้วในพื้นที่ #Thaitimes
    ประเทศไทยไม่มีใครสนใจกับ WHO treaty หรือข้อกำหนดสนธิสัญญากับองค์การอนามัยโลก
    เรื่องใหญ่มากๆ

    ถ้าอยู่ภายใต้
    จะเกิดหลายเรื่องเช่น
    1- องค์การอนามัยโลกสามารถประกาศโรคระบาดทั้งโลกได้ โดยไม่ต้องฟังใคร
    2- เมื่อประกาศแล้วเราต้องทำตามทุกอย่าง และไม่สามารถทำอะไรที่ควรจะทำได้
    3- วัคซีนต้องฉีดตามองค์การอนามัยโลกสั่ง โดยไม่สนใจว่าจะมีผลข้างเคียงอย่างไรก็ตาม
    4-ยา ต้องใช้ตามที่สั่งโดยไม่บิดพลิ้ว นั่นคือสั่งจากต่างประเทศอย่างเดียว
    5- สมุนไพรที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้อย่าหวัง
    6- สามารถที่จะเซ็นเซอร์ทุกอย่างได้ที่เกี่ยวกับข้อมูลที่ควรจะเป็น ไม่ว่าเป็นผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนของวัคซีนและยาที่องค์การอนามัยโลกสั่ง ไม่สามารถสื่อสารยาที่คนไทยใช้อยู่แล้วในพื้นที่
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 470 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเทศไทยไม่มีใครสนใจกับ WHO treaty หรือข้อกำหนดสนธิสัญญากับองค์การอนามัยโลก
    เรื่องใหญ่มากๆ

    ถ้าอยู่ภายใต้
    จะเกิดหลายเรื่องเช่น
    1- องค์การอนามัยโลกสามารถประกาศโรคระบาดทั้งโลกได้ โดยไม่ต้องฟังใคร
    2- เมื่อประกาศแล้วเราต้องทำตามทุกอย่าง และไม่สามารถทำอะไรที่ควรจะทำได้
    3- วัคซีนต้องฉีดตามองค์การอนามัยโลกสั่ง โดยไม่สนใจว่าจะมีผลข้างเคียงอย่างไรก็ตาม
    4-ยา ต้องใช้ตามที่สั่งโดยไม่บิดพลิ้ว นั่นคือสั่งจากต่างประเทศอย่างเดียว
    5- สมุนไพรที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้อย่าหวัง
    6- สามารถที่จะเซ็นเซอร์ทุกอย่างได้ที่เกี่ยวกับข้อมูลที่ควรจะเป็น ไม่ว่าเป็นผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนของวัคซีนและยาที่องค์การอนามัยโลกสั่ง ไม่สามารถสื่อสารยาที่คนไทยใช้อยู่แล้วในพื้นที่
    ประเทศไทยไม่มีใครสนใจกับ WHO treaty หรือข้อกำหนดสนธิสัญญากับองค์การอนามัยโลก เรื่องใหญ่มากๆ ถ้าอยู่ภายใต้ จะเกิดหลายเรื่องเช่น 1- องค์การอนามัยโลกสามารถประกาศโรคระบาดทั้งโลกได้ โดยไม่ต้องฟังใคร 2- เมื่อประกาศแล้วเราต้องทำตามทุกอย่าง และไม่สามารถทำอะไรที่ควรจะทำได้ 3- วัคซีนต้องฉีดตามองค์การอนามัยโลกสั่ง โดยไม่สนใจว่าจะมีผลข้างเคียงอย่างไรก็ตาม 4-ยา ต้องใช้ตามที่สั่งโดยไม่บิดพลิ้ว นั่นคือสั่งจากต่างประเทศอย่างเดียว 5- สมุนไพรที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้อย่าหวัง 6- สามารถที่จะเซ็นเซอร์ทุกอย่างได้ที่เกี่ยวกับข้อมูลที่ควรจะเป็น ไม่ว่าเป็นผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนของวัคซีนและยาที่องค์การอนามัยโลกสั่ง ไม่สามารถสื่อสารยาที่คนไทยใช้อยู่แล้วในพื้นที่
    Like
    Sad
    8
    1 ความคิดเห็น 4 การแบ่งปัน 768 มุมมอง 0 รีวิว
  • แถลงการณ์วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    ฉบับที่ 001/2567
    เรื่อง ตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก เตรียมรับมือฝีดาษลิง

    ​จากสถานการณ์โรคระบาดฝีดาษลิงในต่างประเทศซึ่งมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยองค์การอนามัยโลก เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ซึ่งในเวลาต่อมาอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ว่าได้พบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงคนแรกในประเทศไทยแล้ว โดยผู้ติดเชื้อดังกล่าวได้เดินทางมาจากประเทศแถบทวีปแอฟริกา ข่าวดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนคนไทยโดยทั่วไป เกิดความสับสนในข่าวสารและแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต จึงเห็นสมควรให้ชี้แจงกับประชาชน ให้ตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก เตรียมรับมือฝีดาษลิง ดังต่อไปนี้

    ​​ประการแรก ตามรายงานในต่างประเทศซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Lancet ฉบับเผยแพร่เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 พบว่ามีผู้ป่วยส่วนใหญ่กักตัวที่บ้าน มีเพียงไม่เกินร้อยละ 13 ที่ต้องอยู่ในโรงพยาบาลเพราะต้องการแยกตัว หรือมีอาการรุนแรง โดยมีอัตราการตายน้อยกว่าร้อยละ 0.1 แต่สำหรับประเทศไทย ปรากฏเป็นข้อมูลที่เคยแถลงข่าวโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567 รายงานว่า ประเทศไทยเคยมีผู้ป่วยฝีดาษลิงอยู่แล้วตั้งแต่กรกฏาคม 2565 ถึง 2 มิถุนายน 2567 จำนวน 794 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากฝีดาษลิง 11 ราย คิดเป็นอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยในประเทศไทยอยู่เพียงร้อยละ 1.38 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเสียชีวิตในระดับต่ำ

    ประการที่สอง สำหรับกรณีการกลายพันธุ์เป็นชนิด เคลด วันบี (Clade Ib ) เกิดขึ้นประมาณ กันยายน 2566 ซึ่งมีอัตราการแพร่กระจายและความรุนแรงมากขึ้น ทำให้อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น โดยเท่าที่มีข้อมูลในประเทศแถบแอฟริกาพบว่า ผู้ติดเชื้อที่เป็นผู้ใหญ่มีอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 4 ซึ่งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ว่ามีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงชนิด เคลด วันบี แล้ว 1 ราย ซึ่งเดินทางมาจากประเทศหนึ่งในแถบแอฟริกา ดังนั้นกรมควบคุมโรคควรมีมาตรการในการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด
    ​​
    ทั้งนี้ผู้ที่ติดเชื้อฝีดาษลิงจะมีระยะเวลาฟักตัวภายใน 21 วัน และสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่เริ่มมีอาการก่อนจะมีผื่นขึ้น กล่าวคือ มีไข้พบได้ร้อยละ 62 ปวดกล้ามเนื้อพบได้ร้อยละ 31 ปวดหัวพบได้ร้อยละ 27 ต่อมน้ำเหลืองโตพบได้ร้อยละ 56 เซื่องซึมพบได้ร้อยละ 41 หลังจากนั้นจะมีโอกาสผื่นขึ้นต่อมาร้อยละ 95 ทั้งนี้อาจเกิดตุ่มในปาก อวัยวะเพศชายและหญิง ช่องคลอด หรือรูทวารหนักได้ด้วย ผู้ป่วยจะถูกแยกกักกันนานประมาณ 21 วัน หรือจนพ้นระยะเวลาแพร่เชื้อคือ ทุกรอยโรคหายไป ตกสะเก็ดและสะเก็ดหลุดจนมีผิวหนังปกติ โดยหลังจากหายป่วยแล้วควรงดการมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะใช้ถุงยางอนามัยหรือไม่ก็ตามเป็นเวลาหนึ่งเดือน
    ​​
    อย่างไรก็ตามผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงส่วนใหญ่สามารถหายเองได้โดยรักษาตามอาการ เพราะยังไม่พบยาต้านไวรัสชนิดนี้ โดยแม้แต่ยา Tecovirimat ที่องค์การอนามัยโลกประกาศใช้รักษาฝีดาษลิงชนิดเคลด วันบี ก็ยังไม่ได้ผลในการรักษาแต่ประการใด เพราะตามประกาศของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 พบรายงานการวิจัยในมนุษย์ว่ายา Tecovirimat ไม่ได้ลดระยะผื่นของฝีดาษลิงในผู้ติดเชื้อทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ประเทศคองโก รวมทั้งมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 1.7 ไม่ว่าจะใช้ยา Tecovirimat หรือไม่ใช้ก็ตาม
    ​​
    ประการที่สาม กลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงหากติดเชื้อ ได้แก่ เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี สตรีมีครรภ์ ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือมีโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Eczema) ตุ่มพุพอง ตกสะเก็ด คัน แสบ สะเก็ดเงิน โดยจากข้อมูลในทวีปแอฟริกา พบว่ากลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงมีอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 10 กลุ่มเหล่านี้จะต้องมีความระมัดระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง เลือด หนอง สิ่งคัดหลั่งของผู้ป่วยหรือผู้ต้องสงสัยติดเชื้อฝีดาษลิง รวมถึงควรล้างมือเป็นประจำและไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น

    ประการที่สี่ สำหรับผู้มีอาชีพหรือผู้รับบริการที่ต้องมีการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง ควรต้องสอบถามผู้ที่จะมาสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง ว่ามีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่หรือไม่ เช่น ปวดตามร่างกายแบบลักษณะมีไข้ หรือมีไข้ ปวดหัว ต่อมน้ำเหลืองโต เซื่องซึม มีตุ่มหรือผื่นตามร่างกาย หากมีอาการดังกล่าวควรแนะนำให้ไปพบแพทย์

    ประการที่ห้า อาการที่เสี่ยงเสียชีวิตหลังจากติดเชื้อแล้ว ได้แก่ มีตุ่มแผลบริเวณเยื่อบุตา ผื่นตุ่มที่แพร่กระจายทั่วตัว หรือผื่นขึ้นแบบกระจุกตัว (Cluster) มีตกเลือดในบริเวณผื่นตุ่ม อาการไข้และอาการทางร่างกายที่หนักขึ้น รวมทั้งหายใจเหนื่อย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที
    ​​
    ประการที่หก ที่ผ่านมายังไม่มีวัคซีนสำหรับการป้องกันการติดเชื้อโรคฝีดาษลิงโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามวันที่ 24 กรกฏาคม 2565 สหภาพยุโรปได้อนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ (JYNNEOS) เพื่อประยุกต์ใช้ในการป้องกันโรคฝีดาษลิง

    ทั้งนี้ผลสำรวจงานวิจัยในวารสาร New England ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 รายงานว่าทหารอเมริกันผู้เคยได้รับวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษชนิดเดียวกันกับที่ประเทศไทยเคยใช้ในอดีต หรือวัคซีน ACAM2000 หรือวัคซีน JYNNEOS ในปัจจุบัน ในระหว่างปี 2545 ถึง 2560 จำนวน 2.6 ล้านคนพบว่ามีโอกาสติดเชื้อฝีดาษทุกชนิดลดลง
    ​​
    สำหรับประเทศไทยผู้ที่เกิดก่อนปี 2523 หรืออายุตั้งแต่ 44 ปีขึ้นไป น่าจะได้รับการปลูกฝีป้องกันโรคฝีดาษไข้ทรพิษ (Smallpox) โดยทั่วไปแล้ว โดยสามารถสังเกตแผลเป็นที่บริเวณหัวไหล่ของผู้ที่เคยได้รับการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ซึ่งทำให้ช่วยลดอัตราการติดเชื้อและความรุนแรงของโรคฝีดาษลิงได้ และกลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนแล้ว

    สำหรับประชาชนทั่วไปที่มีอายุน้อยกว่า 44 ปี หรือไม่เคยปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ยังไม่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนในขณะนี้ เพราะยังสามารถใช้มาตราการป้องกันด้วยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดกับผู้ติดเชื้อหรือผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อฝีดาษลิง

    ​​เพราะตามข้อมูลของบริษัทผู้ผลิตวัคซีน JYNNEOS รายงานว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่อหัวใจในอัตรา 8 ต่อ10,000 ราย ซึ่งน้อยกว่าการฉีดวัควัคซีนจริงปรากฏตามรายงานในวารสาร Vaccine ฉบับเผยแพร่ออนไลน์เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 ซึ่งรายงานว่าการฉีดวัคซีน JYNNEOS อย่างน้อย 1 เข็ม มีโอกาสได้รับผลข้างเคียงต่อหัวใจในอัตรา 3.1 ต่อ 1,000 โดส อีกทั้งยังไม่เคยมีการวิจัยผลข้างเคียงการฉีดวัคซีนชนิดนี้สำหรับประชากรไทยมาก่อนด้วย

    ดังนั้นผู้ที่สมควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันฝีดาษลิง จึงควรเป็นกลุ่มประชากรที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น ได้แก่ ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงและบุคลากรสาธารณสุขที่มีความเสี่ยงสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงมากที่สุด รวมทั้งผู้มีอาชีพที่ต้องมีการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนังกับผู้อื่น

    ประการที่เจ็ด สำหรับผู้ที่ติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว ให้กักตัวเองและรักษาตามอาการ ทั้งนี้ในกรรมวิธีของการแพทย์แผนไทยในการรักษาโรคระบาดที่มีผื่นหรือตุ่มตามผิวหนังนั้น มีหลักฐานปรากฏชัดเจนและได้ถูกรับรองตามกฏหมายในฐานะเป็นตำรับยาและตำรายาแผนไทยของชาติในการรับมือกับโรคระบาด ได้แก่
    ​​
    พระคัมภีร์ตักกะศิลาตามตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งสืบทอดภูมิปัญญามาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยมีขั้นตอนการรักษา 3 ขั้นตอน คือ ตำรับยาเพื่อขั้นตอนการกระทุ้งพิษไข้ด้วยยาห้าราก ตำรับยาเพื่อขั้นตอนการแปรไข้ภายในและรักษาผิวภายนอก และตำรับยาเพื่อขั้นตอนการครอบไข้ ซึ่งมีตำรับยาใน 3 ขั้นตอนนี้ รวม 7 ขนาน
    ​​
    นอกจากนี้ยังมีตำรับยาขาว ซึ่งเป็นยาขนานเดียวตามตำรายาของศิลาจารึกวัดเชตุพนวิมลมังคราราม ราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่ามีสรรพคุณรักษาโรคระบาดได้หลายชนิด อีกทั้งยังมีตำรับยาหลายขนานสำหรับรักษาโรคฝีดาษโดยเฉพาะ ตามคัมภีร์แพทย์แผนไทยโบราณ เล่ม 3 ของขุนโสภิตบรรณลักษณ์ (อำพัน กิตติขจร)

    สำหรับการแพทย์แผนจีนมีหลักการรักษาโรคตามภาวะร่างกายโดยมีพื้นฐานการขับพิษ-ขับร้อน การปรับความร้อนระดับเลือด การขับความชื้น การปรับสมดุลของม้าม กระเพาะอาหาร การบำรุงเลือดและพลัง เพื่อขับพิษและเสริมพลังพื้นฐานในการต่อสู้กับโรคฝีดาษลิง
    ​​
    สำหรับงานวิจัยเภสัชสมุนไพรปรากฏในวารสาร Frontiers in cellular and infection Microbiology เผยแพร่เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 ซึ่งวิเคราะห์ด้วยกระบวนการทางโมเลกุล พบว่า ขมิ้นชันมีปฏิกริยาต่อต้านไวรัสฝีดาษลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีกลไกการขัดขวางยับยั้งไวรัส ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลสำคัญที่ควรนำมาศึกษาและวิจัยการใช้ขมิ้นชันในผู้ป่วยโรคฝีดาษของมนุษย์ต่อไป เพราะเป็นสมุนไพรที่มีราคาถูก เข้าถึงได้ทั่วไป คนไทยสามารถพึ่งพาตัวเองได้ ซึ่งมีรายงานก่อนหน้านี้ว่าขมิ้นชันมีประสิทธิภาพในการยับยั้งกลไกในหลายขั้นตอนของไวรัสอีกหลายชนิด
    ​​
    นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรเดี่ยวที่มีศักยภาพในการต้านไวรัสหลายชนิด เช่น ฟ้าทะลายโจร มะขามป้อม เสลดพังพอนตัวเมีย กัญชา กัญชง ฯลฯ ซึ่งจะต้องมีการวิจัยเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงว่าจะมีศักยภาพและสามารถนำไปใช้รักษาผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงต่อไปได้หรือไม่
    ​​
    อย่างไรก็ตามผู้ป่วยฝีดาษลิงที่เลือกกักตัวเองอยู่ที่บ้าน สามารถขอรับคำปรึกษาและรับตำรับยากับคลินิกการแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนไทยประยุกต์ การแพทย์แผนจีน ทั่วประเทศ รวมถึงสหคลินิการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-791-6000 ต่อ 4406 หรือ 089-770-5862 อย่างไรก็ตามจะต้องมีการเก็บข้อมูลติดตามผลและทำการศึกษาวิจัยผลการรักษาภายหลังต่อไป
    ​​
    จากข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่าประชาชนไทยต้องตั้งสติ ไม่ตื่นตระหนก แต่ให้มีความตระหนักในการป้องกันและระวังตัว และเตรียมความพร้อมในการวางแผนและกำหนดมาตรการอย่างรอบด้าน รวมทั้งประเทศไทยมีบุคลากรที่มีความรู้และภูมิปัญญาที่จะสามารถรับมือกับโรคฝีดาษลิงได้อย่างแน่นอน

    ด้วยความปรารถนาดี
    วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    23 สิงหาคม 2567

    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/pfbid0v8ELDqDcnAZ2MgmuoGJU9Faxw4irDyQS7guRbaDmfwTqhy4QJCrTF8j4YHLVjGexl/?
    วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต ออกแถลงการณ์แนะคนไทยตั้งสติ อย่าตื่นตระหนกฝีดาษวานร
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000078027
    แถลงการณ์วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ฉบับที่ 001/2567 เรื่อง ตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก เตรียมรับมือฝีดาษลิง ​จากสถานการณ์โรคระบาดฝีดาษลิงในต่างประเทศซึ่งมีประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน โดยองค์การอนามัยโลก เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม 2567 ซึ่งในเวลาต่อมาอธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุขได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ว่าได้พบผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงคนแรกในประเทศไทยแล้ว โดยผู้ติดเชื้อดังกล่าวได้เดินทางมาจากประเทศแถบทวีปแอฟริกา ข่าวดังกล่าวได้สร้างความตื่นตระหนกให้กับประชาชนคนไทยโดยทั่วไป เกิดความสับสนในข่าวสารและแนวทางการปฏิบัติที่ถูกต้อง วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต จึงเห็นสมควรให้ชี้แจงกับประชาชน ให้ตั้งสติ อย่าตื่นตระหนก เตรียมรับมือฝีดาษลิง ดังต่อไปนี้ ​​ประการแรก ตามรายงานในต่างประเทศซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Lancet ฉบับเผยแพร่เมื่อวันที่ 17 พฤศจิกายน 2565 พบว่ามีผู้ป่วยส่วนใหญ่กักตัวที่บ้าน มีเพียงไม่เกินร้อยละ 13 ที่ต้องอยู่ในโรงพยาบาลเพราะต้องการแยกตัว หรือมีอาการรุนแรง โดยมีอัตราการตายน้อยกว่าร้อยละ 0.1 แต่สำหรับประเทศไทย ปรากฏเป็นข้อมูลที่เคยแถลงข่าวโดยกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2567 รายงานว่า ประเทศไทยเคยมีผู้ป่วยฝีดาษลิงอยู่แล้วตั้งแต่กรกฏาคม 2565 ถึง 2 มิถุนายน 2567 จำนวน 794 ราย และมีผู้เสียชีวิตจากฝีดาษลิง 11 ราย คิดเป็นอัตราการเสียชีวิตของผู้ป่วยในประเทศไทยอยู่เพียงร้อยละ 1.38 ซึ่งถือว่าเป็นอัตราการเสียชีวิตในระดับต่ำ ประการที่สอง สำหรับกรณีการกลายพันธุ์เป็นชนิด เคลด วันบี (Clade Ib ) เกิดขึ้นประมาณ กันยายน 2566 ซึ่งมีอัตราการแพร่กระจายและความรุนแรงมากขึ้น ทำให้อัตราการเสียชีวิตเพิ่มขึ้น โดยเท่าที่มีข้อมูลในประเทศแถบแอฟริกาพบว่า ผู้ติดเชื้อที่เป็นผู้ใหญ่มีอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 4 ซึ่งกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2567 ว่ามีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงชนิด เคลด วันบี แล้ว 1 ราย ซึ่งเดินทางมาจากประเทศหนึ่งในแถบแอฟริกา ดังนั้นกรมควบคุมโรคควรมีมาตรการในการคัดกรองผู้ที่เดินทางมาจากประเทศกลุ่มเสี่ยงทั้งหมด ​​ ทั้งนี้ผู้ที่ติดเชื้อฝีดาษลิงจะมีระยะเวลาฟักตัวภายใน 21 วัน และสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่เริ่มมีอาการก่อนจะมีผื่นขึ้น กล่าวคือ มีไข้พบได้ร้อยละ 62 ปวดกล้ามเนื้อพบได้ร้อยละ 31 ปวดหัวพบได้ร้อยละ 27 ต่อมน้ำเหลืองโตพบได้ร้อยละ 56 เซื่องซึมพบได้ร้อยละ 41 หลังจากนั้นจะมีโอกาสผื่นขึ้นต่อมาร้อยละ 95 ทั้งนี้อาจเกิดตุ่มในปาก อวัยวะเพศชายและหญิง ช่องคลอด หรือรูทวารหนักได้ด้วย ผู้ป่วยจะถูกแยกกักกันนานประมาณ 21 วัน หรือจนพ้นระยะเวลาแพร่เชื้อคือ ทุกรอยโรคหายไป ตกสะเก็ดและสะเก็ดหลุดจนมีผิวหนังปกติ โดยหลังจากหายป่วยแล้วควรงดการมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าจะใช้ถุงยางอนามัยหรือไม่ก็ตามเป็นเวลาหนึ่งเดือน ​​ อย่างไรก็ตามผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงส่วนใหญ่สามารถหายเองได้โดยรักษาตามอาการ เพราะยังไม่พบยาต้านไวรัสชนิดนี้ โดยแม้แต่ยา Tecovirimat ที่องค์การอนามัยโลกประกาศใช้รักษาฝีดาษลิงชนิดเคลด วันบี ก็ยังไม่ได้ผลในการรักษาแต่ประการใด เพราะตามประกาศของสถาบันสุขภาพแห่งชาติ สหรัฐอเมริกาเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2567 พบรายงานการวิจัยในมนุษย์ว่ายา Tecovirimat ไม่ได้ลดระยะผื่นของฝีดาษลิงในผู้ติดเชื้อทั้งเด็กและผู้ใหญ่ที่ประเทศคองโก รวมทั้งมีอัตราการเสียชีวิตอยู่ที่ร้อยละ 1.7 ไม่ว่าจะใช้ยา Tecovirimat หรือไม่ใช้ก็ตาม ​​ ประการที่สาม กลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงหากติดเชื้อ ได้แก่ เด็กอายุต่ำกว่า 8 ปี สตรีมีครรภ์ ผู้มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือมีโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง (Eczema) ตุ่มพุพอง ตกสะเก็ด คัน แสบ สะเก็ดเงิน โดยจากข้อมูลในทวีปแอฟริกา พบว่ากลุ่มเสี่ยงอาการรุนแรงมีอัตราการเสียชีวิตประมาณร้อยละ 10 กลุ่มเหล่านี้จะต้องมีความระมัดระวังอย่างเข้มข้น โดยเฉพาะ หลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง เลือด หนอง สิ่งคัดหลั่งของผู้ป่วยหรือผู้ต้องสงสัยติดเชื้อฝีดาษลิง รวมถึงควรล้างมือเป็นประจำและไม่ใช้ของร่วมกับผู้อื่น ประการที่สี่ สำหรับผู้มีอาชีพหรือผู้รับบริการที่ต้องมีการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง ควรต้องสอบถามผู้ที่จะมาสัมผัสแนบชิดทางผิวหนัง ว่ามีอาการคล้ายไข้หวัดใหญ่หรือไม่ เช่น ปวดตามร่างกายแบบลักษณะมีไข้ หรือมีไข้ ปวดหัว ต่อมน้ำเหลืองโต เซื่องซึม มีตุ่มหรือผื่นตามร่างกาย หากมีอาการดังกล่าวควรแนะนำให้ไปพบแพทย์ ประการที่ห้า อาการที่เสี่ยงเสียชีวิตหลังจากติดเชื้อแล้ว ได้แก่ มีตุ่มแผลบริเวณเยื่อบุตา ผื่นตุ่มที่แพร่กระจายทั่วตัว หรือผื่นขึ้นแบบกระจุกตัว (Cluster) มีตกเลือดในบริเวณผื่นตุ่ม อาการไข้และอาการทางร่างกายที่หนักขึ้น รวมทั้งหายใจเหนื่อย ควรรีบไปพบแพทย์ทันที ​​ ประการที่หก ที่ผ่านมายังไม่มีวัคซีนสำหรับการป้องกันการติดเชื้อโรคฝีดาษลิงโดยเฉพาะ อย่างไรก็ตามวันที่ 24 กรกฏาคม 2565 สหภาพยุโรปได้อนุมัติการใช้วัคซีนป้องกันโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ (JYNNEOS) เพื่อประยุกต์ใช้ในการป้องกันโรคฝีดาษลิง ทั้งนี้ผลสำรวจงานวิจัยในวารสาร New England ตีพิมพ์เผยแพร่เมื่อวันที่ 20 กันยายน 2566 รายงานว่าทหารอเมริกันผู้เคยได้รับวัคซีนป้องกันไข้ทรพิษชนิดเดียวกันกับที่ประเทศไทยเคยใช้ในอดีต หรือวัคซีน ACAM2000 หรือวัคซีน JYNNEOS ในปัจจุบัน ในระหว่างปี 2545 ถึง 2560 จำนวน 2.6 ล้านคนพบว่ามีโอกาสติดเชื้อฝีดาษทุกชนิดลดลง ​​ สำหรับประเทศไทยผู้ที่เกิดก่อนปี 2523 หรืออายุตั้งแต่ 44 ปีขึ้นไป น่าจะได้รับการปลูกฝีป้องกันโรคฝีดาษไข้ทรพิษ (Smallpox) โดยทั่วไปแล้ว โดยสามารถสังเกตแผลเป็นที่บริเวณหัวไหล่ของผู้ที่เคยได้รับการปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ซึ่งทำให้ช่วยลดอัตราการติดเชื้อและความรุนแรงของโรคฝีดาษลิงได้ และกลุ่มคนเหล่านี้ไม่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนแล้ว สำหรับประชาชนทั่วไปที่มีอายุน้อยกว่า 44 ปี หรือไม่เคยปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ ยังไม่มีความจำเป็นต้องฉีดวัคซีนในขณะนี้ เพราะยังสามารถใช้มาตราการป้องกันด้วยการหลีกเลี่ยงการสัมผัสแนบชิดกับผู้ติดเชื้อหรือผู้ต้องสงสัยว่าติดเชื้อฝีดาษลิง ​​เพราะตามข้อมูลของบริษัทผู้ผลิตวัคซีน JYNNEOS รายงานว่าผู้ที่ฉีดวัคซีนมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงต่อหัวใจในอัตรา 8 ต่อ10,000 ราย ซึ่งน้อยกว่าการฉีดวัควัคซีนจริงปรากฏตามรายงานในวารสาร Vaccine ฉบับเผยแพร่ออนไลน์เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 ซึ่งรายงานว่าการฉีดวัคซีน JYNNEOS อย่างน้อย 1 เข็ม มีโอกาสได้รับผลข้างเคียงต่อหัวใจในอัตรา 3.1 ต่อ 1,000 โดส อีกทั้งยังไม่เคยมีการวิจัยผลข้างเคียงการฉีดวัคซีนชนิดนี้สำหรับประชากรไทยมาก่อนด้วย ดังนั้นผู้ที่สมควรได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันฝีดาษลิง จึงควรเป็นกลุ่มประชากรที่จำเป็นจริงๆเท่านั้น ได้แก่ ผู้ที่สัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงและบุคลากรสาธารณสุขที่มีความเสี่ยงสัมผัสใกล้ชิดผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงมากที่สุด รวมทั้งผู้มีอาชีพที่ต้องมีการสัมผัสแนบชิดทางผิวหนังกับผู้อื่น ประการที่เจ็ด สำหรับผู้ที่ติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว ให้กักตัวเองและรักษาตามอาการ ทั้งนี้ในกรรมวิธีของการแพทย์แผนไทยในการรักษาโรคระบาดที่มีผื่นหรือตุ่มตามผิวหนังนั้น มีหลักฐานปรากฏชัดเจนและได้ถูกรับรองตามกฏหมายในฐานะเป็นตำรับยาและตำรายาแผนไทยของชาติในการรับมือกับโรคระบาด ได้แก่ ​​ พระคัมภีร์ตักกะศิลาตามตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งสืบทอดภูมิปัญญามาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยมีขั้นตอนการรักษา 3 ขั้นตอน คือ ตำรับยาเพื่อขั้นตอนการกระทุ้งพิษไข้ด้วยยาห้าราก ตำรับยาเพื่อขั้นตอนการแปรไข้ภายในและรักษาผิวภายนอก และตำรับยาเพื่อขั้นตอนการครอบไข้ ซึ่งมีตำรับยาใน 3 ขั้นตอนนี้ รวม 7 ขนาน ​​ นอกจากนี้ยังมีตำรับยาขาว ซึ่งเป็นยาขนานเดียวตามตำรายาของศิลาจารึกวัดเชตุพนวิมลมังคราราม ราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่ามีสรรพคุณรักษาโรคระบาดได้หลายชนิด อีกทั้งยังมีตำรับยาหลายขนานสำหรับรักษาโรคฝีดาษโดยเฉพาะ ตามคัมภีร์แพทย์แผนไทยโบราณ เล่ม 3 ของขุนโสภิตบรรณลักษณ์ (อำพัน กิตติขจร) สำหรับการแพทย์แผนจีนมีหลักการรักษาโรคตามภาวะร่างกายโดยมีพื้นฐานการขับพิษ-ขับร้อน การปรับความร้อนระดับเลือด การขับความชื้น การปรับสมดุลของม้าม กระเพาะอาหาร การบำรุงเลือดและพลัง เพื่อขับพิษและเสริมพลังพื้นฐานในการต่อสู้กับโรคฝีดาษลิง ​​ สำหรับงานวิจัยเภสัชสมุนไพรปรากฏในวารสาร Frontiers in cellular and infection Microbiology เผยแพร่เมื่อวันที่ 22 มีนาคม 2566 ซึ่งวิเคราะห์ด้วยกระบวนการทางโมเลกุล พบว่า ขมิ้นชันมีปฏิกริยาต่อต้านไวรัสฝีดาษลิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีกลไกการขัดขวางยับยั้งไวรัส ซึ่งถือว่าเป็นข้อมูลสำคัญที่ควรนำมาศึกษาและวิจัยการใช้ขมิ้นชันในผู้ป่วยโรคฝีดาษของมนุษย์ต่อไป เพราะเป็นสมุนไพรที่มีราคาถูก เข้าถึงได้ทั่วไป คนไทยสามารถพึ่งพาตัวเองได้ ซึ่งมีรายงานก่อนหน้านี้ว่าขมิ้นชันมีประสิทธิภาพในการยับยั้งกลไกในหลายขั้นตอนของไวรัสอีกหลายชนิด ​​ นอกจากนี้ยังมีสมุนไพรเดี่ยวที่มีศักยภาพในการต้านไวรัสหลายชนิด เช่น ฟ้าทะลายโจร มะขามป้อม เสลดพังพอนตัวเมีย กัญชา กัญชง ฯลฯ ซึ่งจะต้องมีการวิจัยเพื่อแสวงหาข้อเท็จจริงว่าจะมีศักยภาพและสามารถนำไปใช้รักษาผู้ป่วยโรคฝีดาษลิงต่อไปได้หรือไม่ ​​ อย่างไรก็ตามผู้ป่วยฝีดาษลิงที่เลือกกักตัวเองอยู่ที่บ้าน สามารถขอรับคำปรึกษาและรับตำรับยากับคลินิกการแพทย์แผนไทย การแพทย์แผนไทยประยุกต์ การแพทย์แผนจีน ทั่วประเทศ รวมถึงสหคลินิการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ที่หมายเลขโทรศัพท์ 02-791-6000 ต่อ 4406 หรือ 089-770-5862 อย่างไรก็ตามจะต้องมีการเก็บข้อมูลติดตามผลและทำการศึกษาวิจัยผลการรักษาภายหลังต่อไป ​​ จากข้อมูลข้างต้นแสดงให้เห็นว่าประชาชนไทยต้องตั้งสติ ไม่ตื่นตระหนก แต่ให้มีความตระหนักในการป้องกันและระวังตัว และเตรียมความพร้อมในการวางแผนและกำหนดมาตรการอย่างรอบด้าน รวมทั้งประเทศไทยมีบุคลากรที่มีความรู้และภูมิปัญญาที่จะสามารถรับมือกับโรคฝีดาษลิงได้อย่างแน่นอน ด้วยความปรารถนาดี วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 23 สิงหาคม 2567 https://www.facebook.com/100044511276276/posts/pfbid0v8ELDqDcnAZ2MgmuoGJU9Faxw4irDyQS7guRbaDmfwTqhy4QJCrTF8j4YHLVjGexl/? วิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก ม.รังสิต ออกแถลงการณ์แนะคนไทยตั้งสติ อย่าตื่นตระหนกฝีดาษวานร https://mgronline.com/qol/detail/9670000078027
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 467 มุมมอง 0 รีวิว
  • แจกสูตรทำสีผมน้ำตาลหม่นม่วงเหลือบเทา สวยปังมากกก ฮอตตลอดกาล
    ขอบคุณสูตรสีผมสวยๆ By อาจารย์ทราย เหมือนเดิมค่ะ
    .
    💈 พื้นผมเดิมนางแบบคนนี้สีบลอนด์เขียวนะคะ
    .
    สีนี้เป็นโทนออกน้ำตาลหม่นม่วงเหลือบเทาเทคนิคนี้ในการทำให้ดึงเป็นช่อไฮไลท์บางๆให้ทั่วศีรษะหลังจากที่ทำไฮไลท์เน้นไปเยอะๆแล้วล้างออกให้สะอาดสระด้วยแชมพูล้างสารเคมี 1-2 รอบแล้วทำการลงสี
    .
    💚 💁‍♀️ ส่วนผสม (สำหรับผมสั้น ถ้าผมยาวเพิ่มเป็น 100ml นะคะ
    ครีมเปลี่ยนสีผมยูจีเบอร์ S87 (50ml)
    ครีมเปลี่ยนสีผมยูจีเบอร์ ​5/0 (50ml)
    ครีมเปลี่ยนสีผมยูจีเบอร์ 0/11 (50ml)
    ครีมเปลี่ยนสีผมยูจีเบอร์ 8/11 (50ml)
    ครีมเปลี่ยนสีผมยูจีเบอร์ 0/88 (1 หน้าแปรง)
    ครีมเปลี่ยนสีผมยูจีเบอร์ 0/45 (1 หน้าแปรง)
    ไฮโดรเจนยูจี​ 6%
    .
    ทิ้งระยะเวลาไว้ประมาณ 45 นาที
    -------------------------------------------------
    🛒 สนใจสอบถามเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อผ่าน
    Fb inbox : http://m.me/Yougeethailand
    Shopee : https://shopee.co.th/yougee.th
    Tiktok shop : https://vt.tiktok.com/ZMhf1PL41/?page=TikTokShop
    🌿Ciaca ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมจากสมุนไพรและเทคโนโลยีด้านการสกัดสารจากธรรมชาติ จากทีมนักวิจัยและเภสัชกรที่เชี่ยวชาญทางเครื่องสำอาง ดาริน แล็บบอราทอรี่ส์ มหาวิทยาลัย นเรศวร
    🌿Yougee วิจัยและพัฒนาจาก Colornow Cosmetic Limited ลิขสิทธิ์จากประเทศแคนาดา
    #Yougee #ความอ่อนโยนจากธรรมชาติคืนสู่เส้นผม #บำรุงผม
    แจกสูตรทำสีผมน้ำตาลหม่นม่วงเหลือบเทา สวยปังมากกก ฮอตตลอดกาล ขอบคุณสูตรสีผมสวยๆ By อาจารย์ทราย เหมือนเดิมค่ะ . 💈 พื้นผมเดิมนางแบบคนนี้สีบลอนด์เขียวนะคะ . สีนี้เป็นโทนออกน้ำตาลหม่นม่วงเหลือบเทาเทคนิคนี้ในการทำให้ดึงเป็นช่อไฮไลท์บางๆให้ทั่วศีรษะหลังจากที่ทำไฮไลท์เน้นไปเยอะๆแล้วล้างออกให้สะอาดสระด้วยแชมพูล้างสารเคมี 1-2 รอบแล้วทำการลงสี . 💚 💁‍♀️ ส่วนผสม (สำหรับผมสั้น ถ้าผมยาวเพิ่มเป็น 100ml นะคะ ครีมเปลี่ยนสีผมยูจีเบอร์ S87 (50ml) ครีมเปลี่ยนสีผมยูจีเบอร์ ​5/0 (50ml) ครีมเปลี่ยนสีผมยูจีเบอร์ 0/11 (50ml) ครีมเปลี่ยนสีผมยูจีเบอร์ 8/11 (50ml) ครีมเปลี่ยนสีผมยูจีเบอร์ 0/88 (1 หน้าแปรง) ครีมเปลี่ยนสีผมยูจีเบอร์ 0/45 (1 หน้าแปรง) ไฮโดรเจนยูจี​ 6% . ทิ้งระยะเวลาไว้ประมาณ 45 นาที ------------------------------------------------- 🛒 สนใจสอบถามเพิ่มเติมหรือสั่งซื้อผ่าน Fb inbox : http://m.me/Yougeethailand Shopee : https://shopee.co.th/yougee.th Tiktok shop : https://vt.tiktok.com/ZMhf1PL41/?page=TikTokShop 🌿Ciaca ผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับเส้นผมจากสมุนไพรและเทคโนโลยีด้านการสกัดสารจากธรรมชาติ จากทีมนักวิจัยและเภสัชกรที่เชี่ยวชาญทางเครื่องสำอาง ดาริน แล็บบอราทอรี่ส์ มหาวิทยาลัย นเรศวร 🌿Yougee วิจัยและพัฒนาจาก Colornow Cosmetic Limited ลิขสิทธิ์จากประเทศแคนาดา #Yougee #ความอ่อนโยนจากธรรมชาติคืนสู่เส้นผม #บำรุงผม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมุนไพรและอาหารเสริม 5 ชนิด ที่โดน FDA และหน่วยงานด้านสุขภาพของมะกันใส่ร้าย หาทางสกัดไม่ให้คนเข้าถึงได้ง่ายๆ เมื่อรู้ว่ามีงานวิจัยเชิงบวกต่อโรคไตและเบาหวานออกมา เพื่อเปิดทางให้ยอดขายยาเคมีปังปุริเย่ นั่นคือ ขมิ้นชัน, บาร์เบอรี่, มะระขี้นก,วิตามิน E, NAC

    https://youtu.be/ogdATqm4CLw?si=cnILk6-J4kBWSQEe

    https://www.rama.mahidol.ac.th/poisoncenter/sites/default/files/public/pdf/books/Antidote_book3-06_N-acetylcysteine.pdf


    https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=1353
    สมุนไพรและอาหารเสริม 5 ชนิด ที่โดน FDA และหน่วยงานด้านสุขภาพของมะกันใส่ร้าย หาทางสกัดไม่ให้คนเข้าถึงได้ง่ายๆ เมื่อรู้ว่ามีงานวิจัยเชิงบวกต่อโรคไตและเบาหวานออกมา เพื่อเปิดทางให้ยอดขายยาเคมีปังปุริเย่ นั่นคือ ขมิ้นชัน, บาร์เบอรี่, มะระขี้นก,วิตามิน E, NAC https://youtu.be/ogdATqm4CLw?si=cnILk6-J4kBWSQEe https://www.rama.mahidol.ac.th/poisoncenter/sites/default/files/public/pdf/books/Antidote_book3-06_N-acetylcysteine.pdf https://www.si.mahidol.ac.th/th/healthdetail.asp?aid=1353
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts