• ราชตฤณมัยสมาคมฯเดินหน้าสร้างสนามม้าแห่งใหม่บนพื้นที่ 3,000 ไร่ ในเขตหนองจอก ก่อนขยายเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 2แสนล้าน ภายใต้ชื่อโครงการ "The Royal Siam Haven" หลังจากร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร มีผลบังคับใช้

    19 กันยายน 2567-รายงานข่าวไทยพีบีเอสระบุว่าราชตฤณมัยสมาคมฯ โดยบริษัท รอยัล สปอร์ต คอมเพล็กซ์ จำกัด แถลงข่าวระบุว่า จะเดินหน้าก่อสร้างสนามม้าแห่งใหม่บนพื้นที่ 3,000 ไร่ ในเขตหนองจอก ก่อนขยายเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หลังจากร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร มีผลบังคับใช้

    ในการแถลงข่าวยังมีการลงนามร่วมกับกลุ่มแคปปิตัลทรัสต์ รับมอบสิทธิในบัญชีพร็อพเทรด 100 ล้านสิทธิ โดยระบุเป้าหมายเพื่อให้คนไทยเรียนรู้ด้านการลงทุน

    ก่อนหน้านี้ ราชตฤณมัยสมาคมฯ ลงนามเดินหน้าโครงการร่วมกับ บริษัท พาวเวอร์ออลเน็ตเวิร์ค บริษัทลูกของกลุ่ม Foxconn จากฮ่องกง และมีแผนลงนามกับผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬาม้าแข่งจากประเทศเกาหลีใต้

    พ.อ.พันธุ์ธัช แสงโชติ ว่าที่เลขาธิการราชตฤณมัยสมาคมฯ เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 ก.ย.นี้ จะมีการลงนามกับกลุ่มทุนรายใหญ่ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการจัดการแข่งขันม้า และสปอร์ตคอมเพล็กซ์ ตั้งเป้าหมายสร้างที่หนองจอก

    “เราจะไม่รอให้ พ.ร.บ.ผ่านก่อน แต่เราจะสร้างก่อน ตั้งเป้าหมายสร้างที่หนองจอกเพราะดูแล้วคลองเตยน่าจะใช้เวลานาน”

    ขณะที่ นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินกรุงเทพฯ กล่าวว่า ได้เตรียมความพร้อมสาธารณูปโภค ถนน ระบบน้ำและระบบไฟ เพื่อให้ผู้สนใจเข้ามาเช่าพื้นที่ประกอบธุรกิจต่าง ๆ ทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า ส่วนประกอบของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ทั้งการแสดงโชว์ สเตเดียม ร้านค้า ร้านอาหาร

    เมื่อมาดูร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ได้จัดทำร่าง พ.ร.บ.ขึ้นมาใหม่ และผ่านขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นไปเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา จากนี้กระทรวงการคลังจะส่งกลับไปให้ ครม.พิจารณาแก้ไขเป็นรายมาตราต่อไป
    ประเด็นนี้เป็นที่จับตาของภาคประชาชน เพราะมีหลายจุดที่ถูกตัดตอนและแก้ไขเปลี่ยนแปลงไปจากร่างเดิมของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรฯ หลายจุด เริ่มตั้งแต่การเพิ่มอำนาจคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร หรือที่เรียกว่า ซุปเปอร์บอร์ด ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ให้กำหนดจำนวนใบอนุญาต, เสนอแนะอัตราภาษีที่เกี่ยวข้องกับกาสิโน, กำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโน และหากมีกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการ ก็ยังเสนอให้ ครม.แก้กฎหมายได้และอายุใบอนุญาตเพิ่มจาก 20 ปี เป็น 30 ปี

    นอกจากนี้ ยังเปิดช่องให้ผู้ประกอบการให้สินเชื่อกับผู้เล่นพนันในสถานประกอบการกาสิโนได้

    ส่วนประเด็นสำคัญที่ถูกตัดออกจากร่างเดิมของ กมธ. คือ การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร ประเด็นนี้ไม่มีในร่างของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง

    นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดการพนัน กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ในระยะเวลานาน เชื่อว่าในระยะถัดไป การบังคับใช้กฎหมายอาจไม่เข้มงวดเท่าช่วงแรก ซึ่งในอนาคตอาจมีภาพทั้งกาสิโนขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ หรือเมืองท่องเที่ยวสำคัญ รวมทั้งกาสิโนขนาดกลางและขนาดเล็กในท้องถิ่นต่าง ๆ ก็เป็นที่น่ากังวลว่ากฎหมายเปิดช่องขนาดนี้ เรียกว่าเป็นกฎหมาย "บ่อนบนดิน

    #Thaitimes
    ราชตฤณมัยสมาคมฯเดินหน้าสร้างสนามม้าแห่งใหม่บนพื้นที่ 3,000 ไร่ ในเขตหนองจอก ก่อนขยายเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ 2แสนล้าน ภายใต้ชื่อโครงการ "The Royal Siam Haven" หลังจากร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร มีผลบังคับใช้ 19 กันยายน 2567-รายงานข่าวไทยพีบีเอสระบุว่าราชตฤณมัยสมาคมฯ โดยบริษัท รอยัล สปอร์ต คอมเพล็กซ์ จำกัด แถลงข่าวระบุว่า จะเดินหน้าก่อสร้างสนามม้าแห่งใหม่บนพื้นที่ 3,000 ไร่ ในเขตหนองจอก ก่อนขยายเป็นเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ หลังจากร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร มีผลบังคับใช้ ในการแถลงข่าวยังมีการลงนามร่วมกับกลุ่มแคปปิตัลทรัสต์ รับมอบสิทธิในบัญชีพร็อพเทรด 100 ล้านสิทธิ โดยระบุเป้าหมายเพื่อให้คนไทยเรียนรู้ด้านการลงทุน ก่อนหน้านี้ ราชตฤณมัยสมาคมฯ ลงนามเดินหน้าโครงการร่วมกับ บริษัท พาวเวอร์ออลเน็ตเวิร์ค บริษัทลูกของกลุ่ม Foxconn จากฮ่องกง และมีแผนลงนามกับผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬาม้าแข่งจากประเทศเกาหลีใต้ พ.อ.พันธุ์ธัช แสงโชติ ว่าที่เลขาธิการราชตฤณมัยสมาคมฯ เปิดเผยว่า ในวันที่ 21 ก.ย.นี้ จะมีการลงนามกับกลุ่มทุนรายใหญ่ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญในเรื่องการจัดการแข่งขันม้า และสปอร์ตคอมเพล็กซ์ ตั้งเป้าหมายสร้างที่หนองจอก “เราจะไม่รอให้ พ.ร.บ.ผ่านก่อน แต่เราจะสร้างก่อน ตั้งเป้าหมายสร้างที่หนองจอกเพราะดูแล้วคลองเตยน่าจะใช้เวลานาน” ขณะที่ นายพุฒิพงศ์ ปราสาททองโอสถ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บมจ.การบินกรุงเทพฯ กล่าวว่า ได้เตรียมความพร้อมสาธารณูปโภค ถนน ระบบน้ำและระบบไฟ เพื่อให้ผู้สนใจเข้ามาเช่าพื้นที่ประกอบธุรกิจต่าง ๆ ทั้งโรงแรม ศูนย์การค้า ส่วนประกอบของเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ทั้งการแสดงโชว์ สเตเดียม ร้านค้า ร้านอาหาร เมื่อมาดูร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร ขณะนี้สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลัง ได้จัดทำร่าง พ.ร.บ.ขึ้นมาใหม่ และผ่านขั้นตอนการรับฟังความคิดเห็นไปเมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา จากนี้กระทรวงการคลังจะส่งกลับไปให้ ครม.พิจารณาแก้ไขเป็นรายมาตราต่อไป ประเด็นนี้เป็นที่จับตาของภาคประชาชน เพราะมีหลายจุดที่ถูกตัดตอนและแก้ไขเปลี่ยนแปลงไปจากร่างเดิมของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรฯ หลายจุด เริ่มตั้งแต่การเพิ่มอำนาจคณะกรรมการนโยบายสถานบันเทิงครบวงจร หรือที่เรียกว่า ซุปเปอร์บอร์ด ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ให้กำหนดจำนวนใบอนุญาต, เสนอแนะอัตราภาษีที่เกี่ยวข้องกับกาสิโน, กำหนดสัดส่วนพื้นที่ของกาสิโน และหากมีกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการดำเนินการ ก็ยังเสนอให้ ครม.แก้กฎหมายได้และอายุใบอนุญาตเพิ่มจาก 20 ปี เป็น 30 ปี นอกจากนี้ ยังเปิดช่องให้ผู้ประกอบการให้สินเชื่อกับผู้เล่นพนันในสถานประกอบการกาสิโนได้ ส่วนประเด็นสำคัญที่ถูกตัดออกจากร่างเดิมของ กมธ. คือ การรับฟังความคิดเห็นของประชาชนที่อยู่ใกล้เคียงกับพื้นที่ตั้งของสถานบันเทิงครบวงจร ประเด็นนี้ไม่มีในร่างของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง นายธนากร คมกฤส เลขาธิการมูลนิธิรณรงค์หยุดการพนัน กล่าวว่า กฎหมายฉบับนี้มีผลบังคับใช้ในระยะเวลานาน เชื่อว่าในระยะถัดไป การบังคับใช้กฎหมายอาจไม่เข้มงวดเท่าช่วงแรก ซึ่งในอนาคตอาจมีภาพทั้งกาสิโนขนาดใหญ่ในกรุงเทพฯ หรือเมืองท่องเที่ยวสำคัญ รวมทั้งกาสิโนขนาดกลางและขนาดเล็กในท้องถิ่นต่าง ๆ ก็เป็นที่น่ากังวลว่ากฎหมายเปิดช่องขนาดนี้ เรียกว่าเป็นกฎหมาย "บ่อนบนดิน #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 831 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร่วมแสดงความยินดีกับท่านนายกรัฐมนตรีพี่ปูหน่อยค่าาาา….ติ่งขาาาาา……!!!!

    ตอนเก้า………บุญหล่นทับ……จนนักเลงสายลับรับแทบไม่ทัน……!!!

    จากกรณีท่านอัยการ ทำให้มีการปลดออกอีกหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง บางคนก็มีการไว้หน้า เช่น เสนอให้ไปทำงานที่สถานทูตที่เดนมาร์คบ้าง ฟินแลนด์บ้าง
    และเยลซินได้มอบหมายให้ปูตินดูแลรับผิดชอบในฝ่ายอารักขาส่วนตัวควบคู่ไปกับเป็นผู้อำนวยการของ FSB
    ปูตินได้ถือโอกาสนี้…ขออำนาจเด็ดขาดในการบริหารงานและตัดสินใจ
    ซึ่งเขาก็ได้ตามนั้น
    นั่นเท่ากับ……ปูตินได้เข้ามาอยู่ใน”วงใน” ของเยลซินไปโดยปริยาย ในระยะเวลาเพียงสองปีครึ่งของการทำงานในมอสโคว์
    แต่เวลาในการผงาดของปูติน มันเป็นเวลาเดียวกันกับความอ่อนเปลี้ยของเยลซิน ที่รุมเร้าด้วยสุขภาพ และความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีกกับการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของทีมที่เลือกมา

    วันที่ 5 มีนาคม 1999 ได้เกิดเหตุขึ้น นายพล Gennady Shpigun แห่งกระทรวงกลาโหม ที่ได้มีภาระกิจที่เมือง Grozny, Chechen (Chechen Republic of Ichkeria) ได้ถูกลักพาตัวไปเมื่อทันที่ที่ถึงสนามบิน โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ใส่หน้ากากคลุมหน้าคลุมตา พร้อมอาวุธเต็มพิกัด
    โดยปรกติสถานะการณ์ในเชเชนนั้น ร้อนระอุมาตั้งแต่หลังจากที่ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นเอกราชในปี 1991 จากรัสเซีย แต่ก็เป็นแบบครึ่งๆกลางๆ
    การต่อต้านจึงลุกฮือขึ้นอีก ในปี 1993 เยลซินจึงให้นายพล Lebed ขี้เก๊กยกทัพไปปราบ
    แต่ปรากฏว่าแพ้ยับกลับมาในปี 1996
    ทางเชเชนก็เสียหายไม่น้อย บ้านเมืองพังพินาศ
    ทำได้แค่สงบศึก ต่างคนต่างอยู่
    เพราะต่างก็เสียทหารไปจำนวนมาก แต่รัสเซียยังคอยแทรกแซง หรือกำไว้แบบหลวม……
    จึงได้เกิดขบวนการต่อต้านรัสเซีย ที่ก่อความไม่สงบ มีการจับตัวคนนั้นคนนี้ไปบ่อยๆ
    เพียงแต่คราวนี้เหิมเกริม……อุกอาจจับตัวรัฐมนตรีกลาโหมไป พร้อมเรียกร้องค่าไถ่ตัวถึง สิบห้าล้านยูเอสดอลล่าร์
    ตามาด้วยการระเบิดที่ใจกลางเมือง Vladikavkas ทางคอเคซัส มีคนตายถึง 60 คน

    เยลซินสั่งการให้ปูตินและ Seigei Stepashin นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งมาหมาดๆ ( แทน Yevgeny Primakov) ให้ไปดูสถานะการณ์ที่เมือง Vladikavkas โดยด่วน
    เพื่อไปพบกับ Aslan Maskhadov ประธานาธิบดีเชเชนที่ยังมีสัมพันธภาพที่ดีกับรัสเซีย
    การไปพบครั้งนี้ อัสลานได้มีทีท่าแปลกๆ เขาพูดว่า
    “ได้ข่าวมาว่า ทางรัสเซียได้มอบหมายให้”หน่วยงานพิเศษ” จะเข้ามาปฎิบัติการสังหารผม เพื่อที่จะได้เป็นข้ออ้างที่จะประกาศเป็นสถานะการณ์ฉุกเฉิน แล้วยกทัพเข้ามาควบคุมพื้นที่ ……”
    ปูตินได้ยินดังนั้น…โกรธจนหูกระดิก เพราะไอ้หน่วยงานพิเศษที่ว่านั้น มันก็หมายถึง FSB ที่เขาดูแลอยู่
    และอีกประการหนึ่ง ในเรื่องที่รัสเซียแพ้สงครามในเชเชนทั้งๆที่มีกำลังมากกว่าถึงสามเท่านั้น มันก็น่าอับอายพออยู่แล้ว
    เป็นอันว่า….เรื่องการเจรจานั้น……เลิกคิดไปได้เลย
    ถึงแม้ว่า……จะตระหนักดีในความจริงที่ว่า รัสเซียจะไม่ได้รบกับกบฏเชเชน แต่…มันอาจจะเป็นการรบกับ NATO ศัตรูดั้งเดิมก็ได้
    ที่ทำให้ปูตินต้องหาทางเจรจากับเยลซิน……

    ฝ่ายกลาโหมได้ตั้งรับแนวปะทะ ฝ่ายกบฏเชเชนได้ล่วงล้ำไปใน Dagestan และได้รับข่าวร้ายว่าได้พบกับร่างที่หมดลมหายใจของนายพล Shpigun ที่ถูกลักพาตัวไปแล้ว

    ทางกองทัพรัสเซียได้ทำการเตรียมการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม
    ปูตินได้เดินทางไปพบกับกองกำลังของรัสเซียที่รัฐดาเกสถาน
    หลายครั้งเพื่อความมั่นใจว่า แม่ทัพ Anatoly Kvashnin มีความพร้อม

    วันที่ 5 สิงหาคม เยลซินได้มีคำสั่งให้ปูตินเข้าพบในบ้านพัก
    ชายขอบกรุงมอสโคว์
    พอนั่งลงเสร็จ เยลซินได้จ้องหน้าปูติน และกล่าวขึ้นมาว่า
    “ฉันตัดสินใจแล้วนะ ที่เรียกเธอมาในวันนี้ คือ ฉันอยากจะแต่งตั้งเธอให้เป็นนายกรัฐมนตรี…”
    ปูตินเงียบไปอึดใจหนึ่ง ฟังเยลซินได้บรรยายปัญหาของภาระของรัสเซียแบกไว้ในคอเคซัส
    ให้ปูตินฟัง ถึงเรื่อง เศรษฐกิจ สภาพเงินเฟ้อ และที่เขากังวลเป็นอย่างมากคือ ปัญหาของโครงสร้างและบุคลากรสภาที่ไม่แข็งแรงพอกับการที่จะมีเลือกตั้งในสี่เดือนข้างหน้า
    เขาเคยมีความหวังกับ Yury Luzhkov หรือไม่ก็ Yevgeny Primakov
    แต่ต้องมาพบกับหลังบ้านของ Luzhkov ทำธุรกิจที่อิงการเมือง
    จนร่ำรวยมหาศาล ในขณะที่บ้านเมืองยังอยู่ในสภาพอดมื้อกินมื้อ
    แถมตัวสามี Yury ก็เถียงแทนเมียฉอดๆ ว่า
    “ก็ชั้นทำงานให้กับเครมลิน…ไม่ได้ทำเพื่อชาติ…”

    เยลซินถามขึ้นมาว่า
    “เธอจะทำได้ไหม ทำในสิ่งที่ฉันต้องการที่จะเห็น นั่นคือ พาประเทศชาติของเราให้เจริญอยู่ยงอย่างแข็งแรงต่อไป..”
    ปูตินอึกอัก “กระผมไม่แน่ใจ เรื่องงาน กระผมไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
    แต่ถ้าจะต้องไปหาเสียง……ไปโฆษณาตัวเอง กระผมไม่ชอบ”
    “นั่นไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น เป็นธุระของทางเราเอง”
    “ถ้าเช่นนั้น ก็แล้วแต่ท่านจะกรุณา…”
    “ไม่ต้องกังวล เธอเตรียมตัวไว้ได้เลย เพราะเธอจะไปไกลกว่านี้แน่นอน”

    วันที่ 9 สิงหาคม เยลซินได้ออกทีวี ประกาศว่า
    “เราได้เลือกได้บุคคลที่เหมาะสมที่จะมาทำงานรับใช้ประเทศชาติแล้ว ขอให้ท่านเชื่อใจได้เลยว่า เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์อย่างมากมาย
    และมีความสามารถเหลือล้น”

    ข่าวนี้ได้สร้างความฮือฮาประหลาดใจกับทุกคนในเครมลิน ที่ส่วนใหญ่มองไปในด้านลบ เพราะ ปูตินไอ้หน้าจืดเนี่ยนะ………นายกรัฐมนตรี ?!!!
    มีประสบการณ์อะไรมา……นี่เท่ากับว่าส่งมาลงนรก หมดอนาคตต่อไปเชียว
    อย่างมากก็สามเดือน จะถึงหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!!
    ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนักหน่วงของปูติน เพราะวลาดิเมียร์ผู้พ่ออยู่ในสภาพเจ็บหนัก ที่เขาต้องไปเยี่ยมเดือนละครั้งหรือสองครั้ง ส่วนมาเรีย มารดาได้จากไปเมื่อสองปีที่แล้ว
    และทุกครั้งที่พ่อเห็นเขา…พ่อจะพูดว่า ….”ลูกชายของพ่อ เจ้าช่างเหมือนกับซาร์เลยเชียวนะ……”
    วลาดิเมียร์ได้ถึงแก่กรรมในวันที่ 2 สิงหาคม ไม่ทันที่จะได้รับรู้ว่าลูกชายจะได้เป็นถึงนายกรัฐมนตรีในกาลอันใกล้

    ปูตินเองก็มานั่งทบทวนดู ว่า อนาคตเขาอาจจะไม่ต่างไปจากเหล่าอดีตนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆของเยลซิน ที่ล้วนมีอายุราชการสั้น สามเดือน หกเดือน เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับ Stepashin, Ptimakov และ Kiriyenko
    แต่อีกใจหนึ่ง เขาก็คิดว่า ช่างมันประไร เขามีอายุเพียงสี่สิบหก
    และจะได้รับงานที่เป็นการท้าทายความสามารถ มีอำนาจเด็ดขาด
    ที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ โดยเฉพาะเรื่องสงครามที่เชเชน ที่เขาจะต้องกู้ชื่อเสียงกลับมาให้ได้ …
    เท่ากับว่า……เขาไม่ได้ลงทุนอะไรเลย และเขาได้คิดถึงในสมัยที่ยังเป็นเด็กหนุ่มที่วิ่งเข้าวิ่งออกในอาคารสงเคราะห์ ที่ไม่เคยกลัวใคร
    ไม่เคยรอเสียเวลาในการถกเถียง….เปิดฉากปะทะก่อนทุกครั้ง…
    และครั้งนี้…ในคอเคซัส….เขาจะไปให้พวกมันเห็นว่านรกมีจริงงงง……!!!

    ปูตินได้รับการผ่านในการเสนอชื่อในสภาเพื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 16 สิงหาคม
    สิ่งแรกที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆทำ คือ แต่งตัวลำลอง บินไปชายแดนเชเชน ไปพบปะพูดคุยกับทหารหาญ ไปมอบเหรียญกล้าหาญ

    ทางฝ่ายกบฏเชเชนได้ทำการท้าทายอำนาจใหม่อย่างเหิมเกริม นั่นคือการวางระเบิดอพาร์ตเมนต์ในเมือง Volgodonsk มีคนเสียชีวิตนับสิบ

    วันที่ 23 สิงหาคม ฝูงบินจากรัสเซียส่งเข้าไปถล่มถึงกลางกรุง Grozny
    ถล่มโรงกลั่นน้ำมันจนราบเป็นหน้ากลอง เป็นการถล่มแบบนอกตำรายุทธการ เพราะมาแบบล้างแค้นสถานเดียว
    ปูตินอยู่สังเกตการณ์ทั้งหมด มีนักข่าวไปถามว่า
    “บอมบ์เพื่อหวังผลอะไร..?”
    ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน เพราะปูตินพูดจาด้วยภาษานักเลงแบบที่ได้ยินตามมุมถนน เขาตอบว่า
    “เบื่อโคตรๆ ที่ต้องมาตอบอะไรซ้ำซากแบบนี้ เราถล่มเฉพาะจุดที่เรารู้ว่าพวกไอ้เลวนั่นมันสุมหัวอยู่กัน โทษทีนะ ถ้าพบว่ามันนั่งอยู่ในส้วม ก็จะส่งมันลงท่อไปตรงนั้นเลย…”

    หลังจากที่ถล่มจนราบแล้ว วันที่ 29 กันยายน ปูตินได้ถามกับ ประธานาธิบดีเชเชน Aslan Maskhadov ว่า..
    “ถ้านายพร้อมที่จะเจรจา……เรามีทางเลือกให้สถานเดียวคือ ส่งตัวไอ้อาชญากรสงคราม Basayev กับ Khattab และไอ้พวกหัวกระทิตามบัญชีรายชื่อทั้งหลายมา และ นี่ไม่ใช่ข้อแลกเปลี่ยน……แต่เป็นคำสั่ง..!!”
    ทางอัสลาน ก็ได้แต่ปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการวางระเบิด……
    และเรื่องที่จะส่งตัว คนพวกนั้นก็ทำไม่ได้อีก เพราะมันจะกลายเป็นการหักหลังกัน…”
    คือสรุปว่า….เขาเลือกที่จะอยู่ตรงข้ามกับรัสเซีย

    วันรุ่งขึ้น…กองทัพรัสเซียกว่า แปดหมื่นนายบุกประชิดเชเชน มีสำรองไว้อีก 93,000 แทบจะเป็นขนาดเดียวกันกับที่รัสเซียบุกอาฟกานิสถาน ที่ใหญ่กว่าเชเชนสี่สิบเท่า…
    วันที่ 1 ตุลาคม รัสเซียไม่ยอมรับรัฐบาลของอัสลาน
    วันที่ 5 ตุลาคม…รัสเซียเข้าครองพื้นที่กว่าครึ่งของทางเหนือ และ วันต่อมาก็ข้ามแม่น้ำไปยังเมืองหลวง Grozny
    ปูตินไม่ยอมเสียกำลังทหารในการบุก
    เขาให้สัมภาษณ์ว่า……
    เราใช้การส่งฝูงบินโจมตีเป็นส่วนใหญ่ ส่วนทหาร เอาไว้เข้าตามเก็บกวาดให้เรียบ เพราะการรบสมัยใหม่นี้
    มีเครื่องทุ่นแรงเยอะ ไม่ใช่อย่างสมัยสงครามโลก……”
    นักข่าวถามว่า “ ถ้าฝูงบินไม่สำเร็จผลล่ะ……”
    “เราก็ชนะอยู่ดี………เพราะในตำราของเรา……ไม่มีคำว่า…ถ้า……”

    *** สงครามเชเชนครั้งนี้คือครั้งที่สอง จาก ครั้งแรกในปี1996
    ครั้งนี้เริ่มในวันที่ 7 สิงหาคม 1999 ถึง 30 เมษายน 2000
    ที่รัสเซียได้ชัยชนะ……
    แต่ยังมีการปราบปรามกลุ่มต่อต้าน ที่มารูปของการก่อวินาศกรรมอีก ตั้งแต่ ปี 2000-2009 ที่หัวหน้าใหญ่อย่าง Aslan Maskhadov (อดีตประธานาธิบดี) ที่หนีไปอยู่ในถ้ำ ยังถูกตามเก็บจนหมด ส่วนเหล่าลูกน้องก็สลายตัวไปปนอยู่ในกลุ่มของ ISIS
    บัดนี้ คือ สาธารณรัฐเชเชน (หรือ เซซเนีย) คือ สาธารณรัฐหนึ่งของรัสเซีย ที่มี นายกรัฐมนตรี คือ Ramzan Kadyrov เป็นลูกชายของอดีตประธานาธิบดีคนแรกของเชเชน Akhmad Kadyrov ที่ได้มีโอกาสเป็น ประธานาธิบดีเพียงไม่กี่เดือน ก็ถูกลอบสังหาร..

    NATO ได้ยื่นมือเข้ามาตามเคยในการที่จะเรียกร้องหาความยุติธรรม และเรื่องเจรจาสงบศึก ทางรัสเซียก็ย้อนกลับไปว่า แล้วกองทัพนาโต้ที่เข้าไปบอมบ์ Kosovo เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน (1999) มีชาวยูโกสลาฟตายกว่า 500 คน
    ไหนล่ะ…ความยุติธรรม……???

    Wiwanda W. Vichit
    มาร่วมแสดงความยินดีกับท่านนายกรัฐมนตรีพี่ปูหน่อยค่าาาา….ติ่งขาาาาา……!!!! ตอนเก้า………บุญหล่นทับ……จนนักเลงสายลับรับแทบไม่ทัน……!!! จากกรณีท่านอัยการ ทำให้มีการปลดออกอีกหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง บางคนก็มีการไว้หน้า เช่น เสนอให้ไปทำงานที่สถานทูตที่เดนมาร์คบ้าง ฟินแลนด์บ้าง และเยลซินได้มอบหมายให้ปูตินดูแลรับผิดชอบในฝ่ายอารักขาส่วนตัวควบคู่ไปกับเป็นผู้อำนวยการของ FSB ปูตินได้ถือโอกาสนี้…ขออำนาจเด็ดขาดในการบริหารงานและตัดสินใจ ซึ่งเขาก็ได้ตามนั้น นั่นเท่ากับ……ปูตินได้เข้ามาอยู่ใน”วงใน” ของเยลซินไปโดยปริยาย ในระยะเวลาเพียงสองปีครึ่งของการทำงานในมอสโคว์ แต่เวลาในการผงาดของปูติน มันเป็นเวลาเดียวกันกับความอ่อนเปลี้ยของเยลซิน ที่รุมเร้าด้วยสุขภาพ และความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีกกับการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของทีมที่เลือกมา วันที่ 5 มีนาคม 1999 ได้เกิดเหตุขึ้น นายพล Gennady Shpigun แห่งกระทรวงกลาโหม ที่ได้มีภาระกิจที่เมือง Grozny, Chechen (Chechen Republic of Ichkeria) ได้ถูกลักพาตัวไปเมื่อทันที่ที่ถึงสนามบิน โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ใส่หน้ากากคลุมหน้าคลุมตา พร้อมอาวุธเต็มพิกัด โดยปรกติสถานะการณ์ในเชเชนนั้น ร้อนระอุมาตั้งแต่หลังจากที่ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นเอกราชในปี 1991 จากรัสเซีย แต่ก็เป็นแบบครึ่งๆกลางๆ การต่อต้านจึงลุกฮือขึ้นอีก ในปี 1993 เยลซินจึงให้นายพล Lebed ขี้เก๊กยกทัพไปปราบ แต่ปรากฏว่าแพ้ยับกลับมาในปี 1996 ทางเชเชนก็เสียหายไม่น้อย บ้านเมืองพังพินาศ ทำได้แค่สงบศึก ต่างคนต่างอยู่ เพราะต่างก็เสียทหารไปจำนวนมาก แต่รัสเซียยังคอยแทรกแซง หรือกำไว้แบบหลวม…… จึงได้เกิดขบวนการต่อต้านรัสเซีย ที่ก่อความไม่สงบ มีการจับตัวคนนั้นคนนี้ไปบ่อยๆ เพียงแต่คราวนี้เหิมเกริม……อุกอาจจับตัวรัฐมนตรีกลาโหมไป พร้อมเรียกร้องค่าไถ่ตัวถึง สิบห้าล้านยูเอสดอลล่าร์ ตามาด้วยการระเบิดที่ใจกลางเมือง Vladikavkas ทางคอเคซัส มีคนตายถึง 60 คน เยลซินสั่งการให้ปูตินและ Seigei Stepashin นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งมาหมาดๆ ( แทน Yevgeny Primakov) ให้ไปดูสถานะการณ์ที่เมือง Vladikavkas โดยด่วน เพื่อไปพบกับ Aslan Maskhadov ประธานาธิบดีเชเชนที่ยังมีสัมพันธภาพที่ดีกับรัสเซีย การไปพบครั้งนี้ อัสลานได้มีทีท่าแปลกๆ เขาพูดว่า “ได้ข่าวมาว่า ทางรัสเซียได้มอบหมายให้”หน่วยงานพิเศษ” จะเข้ามาปฎิบัติการสังหารผม เพื่อที่จะได้เป็นข้ออ้างที่จะประกาศเป็นสถานะการณ์ฉุกเฉิน แล้วยกทัพเข้ามาควบคุมพื้นที่ ……” ปูตินได้ยินดังนั้น…โกรธจนหูกระดิก เพราะไอ้หน่วยงานพิเศษที่ว่านั้น มันก็หมายถึง FSB ที่เขาดูแลอยู่ และอีกประการหนึ่ง ในเรื่องที่รัสเซียแพ้สงครามในเชเชนทั้งๆที่มีกำลังมากกว่าถึงสามเท่านั้น มันก็น่าอับอายพออยู่แล้ว เป็นอันว่า….เรื่องการเจรจานั้น……เลิกคิดไปได้เลย ถึงแม้ว่า……จะตระหนักดีในความจริงที่ว่า รัสเซียจะไม่ได้รบกับกบฏเชเชน แต่…มันอาจจะเป็นการรบกับ NATO ศัตรูดั้งเดิมก็ได้ ที่ทำให้ปูตินต้องหาทางเจรจากับเยลซิน…… ฝ่ายกลาโหมได้ตั้งรับแนวปะทะ ฝ่ายกบฏเชเชนได้ล่วงล้ำไปใน Dagestan และได้รับข่าวร้ายว่าได้พบกับร่างที่หมดลมหายใจของนายพล Shpigun ที่ถูกลักพาตัวไปแล้ว ทางกองทัพรัสเซียได้ทำการเตรียมการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ปูตินได้เดินทางไปพบกับกองกำลังของรัสเซียที่รัฐดาเกสถาน หลายครั้งเพื่อความมั่นใจว่า แม่ทัพ Anatoly Kvashnin มีความพร้อม วันที่ 5 สิงหาคม เยลซินได้มีคำสั่งให้ปูตินเข้าพบในบ้านพัก ชายขอบกรุงมอสโคว์ พอนั่งลงเสร็จ เยลซินได้จ้องหน้าปูติน และกล่าวขึ้นมาว่า “ฉันตัดสินใจแล้วนะ ที่เรียกเธอมาในวันนี้ คือ ฉันอยากจะแต่งตั้งเธอให้เป็นนายกรัฐมนตรี…” ปูตินเงียบไปอึดใจหนึ่ง ฟังเยลซินได้บรรยายปัญหาของภาระของรัสเซียแบกไว้ในคอเคซัส ให้ปูตินฟัง ถึงเรื่อง เศรษฐกิจ สภาพเงินเฟ้อ และที่เขากังวลเป็นอย่างมากคือ ปัญหาของโครงสร้างและบุคลากรสภาที่ไม่แข็งแรงพอกับการที่จะมีเลือกตั้งในสี่เดือนข้างหน้า เขาเคยมีความหวังกับ Yury Luzhkov หรือไม่ก็ Yevgeny Primakov แต่ต้องมาพบกับหลังบ้านของ Luzhkov ทำธุรกิจที่อิงการเมือง จนร่ำรวยมหาศาล ในขณะที่บ้านเมืองยังอยู่ในสภาพอดมื้อกินมื้อ แถมตัวสามี Yury ก็เถียงแทนเมียฉอดๆ ว่า “ก็ชั้นทำงานให้กับเครมลิน…ไม่ได้ทำเพื่อชาติ…” เยลซินถามขึ้นมาว่า “เธอจะทำได้ไหม ทำในสิ่งที่ฉันต้องการที่จะเห็น นั่นคือ พาประเทศชาติของเราให้เจริญอยู่ยงอย่างแข็งแรงต่อไป..” ปูตินอึกอัก “กระผมไม่แน่ใจ เรื่องงาน กระผมไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าจะต้องไปหาเสียง……ไปโฆษณาตัวเอง กระผมไม่ชอบ” “นั่นไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น เป็นธุระของทางเราเอง” “ถ้าเช่นนั้น ก็แล้วแต่ท่านจะกรุณา…” “ไม่ต้องกังวล เธอเตรียมตัวไว้ได้เลย เพราะเธอจะไปไกลกว่านี้แน่นอน” วันที่ 9 สิงหาคม เยลซินได้ออกทีวี ประกาศว่า “เราได้เลือกได้บุคคลที่เหมาะสมที่จะมาทำงานรับใช้ประเทศชาติแล้ว ขอให้ท่านเชื่อใจได้เลยว่า เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์อย่างมากมาย และมีความสามารถเหลือล้น” ข่าวนี้ได้สร้างความฮือฮาประหลาดใจกับทุกคนในเครมลิน ที่ส่วนใหญ่มองไปในด้านลบ เพราะ ปูตินไอ้หน้าจืดเนี่ยนะ………นายกรัฐมนตรี ?!!! มีประสบการณ์อะไรมา……นี่เท่ากับว่าส่งมาลงนรก หมดอนาคตต่อไปเชียว อย่างมากก็สามเดือน จะถึงหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!! ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนักหน่วงของปูติน เพราะวลาดิเมียร์ผู้พ่ออยู่ในสภาพเจ็บหนัก ที่เขาต้องไปเยี่ยมเดือนละครั้งหรือสองครั้ง ส่วนมาเรีย มารดาได้จากไปเมื่อสองปีที่แล้ว และทุกครั้งที่พ่อเห็นเขา…พ่อจะพูดว่า ….”ลูกชายของพ่อ เจ้าช่างเหมือนกับซาร์เลยเชียวนะ……” วลาดิเมียร์ได้ถึงแก่กรรมในวันที่ 2 สิงหาคม ไม่ทันที่จะได้รับรู้ว่าลูกชายจะได้เป็นถึงนายกรัฐมนตรีในกาลอันใกล้ ปูตินเองก็มานั่งทบทวนดู ว่า อนาคตเขาอาจจะไม่ต่างไปจากเหล่าอดีตนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆของเยลซิน ที่ล้วนมีอายุราชการสั้น สามเดือน หกเดือน เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับ Stepashin, Ptimakov และ Kiriyenko แต่อีกใจหนึ่ง เขาก็คิดว่า ช่างมันประไร เขามีอายุเพียงสี่สิบหก และจะได้รับงานที่เป็นการท้าทายความสามารถ มีอำนาจเด็ดขาด ที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ โดยเฉพาะเรื่องสงครามที่เชเชน ที่เขาจะต้องกู้ชื่อเสียงกลับมาให้ได้ … เท่ากับว่า……เขาไม่ได้ลงทุนอะไรเลย และเขาได้คิดถึงในสมัยที่ยังเป็นเด็กหนุ่มที่วิ่งเข้าวิ่งออกในอาคารสงเคราะห์ ที่ไม่เคยกลัวใคร ไม่เคยรอเสียเวลาในการถกเถียง….เปิดฉากปะทะก่อนทุกครั้ง… และครั้งนี้…ในคอเคซัส….เขาจะไปให้พวกมันเห็นว่านรกมีจริงงงง……!!! ปูตินได้รับการผ่านในการเสนอชื่อในสภาเพื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 16 สิงหาคม สิ่งแรกที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆทำ คือ แต่งตัวลำลอง บินไปชายแดนเชเชน ไปพบปะพูดคุยกับทหารหาญ ไปมอบเหรียญกล้าหาญ ทางฝ่ายกบฏเชเชนได้ทำการท้าทายอำนาจใหม่อย่างเหิมเกริม นั่นคือการวางระเบิดอพาร์ตเมนต์ในเมือง Volgodonsk มีคนเสียชีวิตนับสิบ วันที่ 23 สิงหาคม ฝูงบินจากรัสเซียส่งเข้าไปถล่มถึงกลางกรุง Grozny ถล่มโรงกลั่นน้ำมันจนราบเป็นหน้ากลอง เป็นการถล่มแบบนอกตำรายุทธการ เพราะมาแบบล้างแค้นสถานเดียว ปูตินอยู่สังเกตการณ์ทั้งหมด มีนักข่าวไปถามว่า “บอมบ์เพื่อหวังผลอะไร..?” ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน เพราะปูตินพูดจาด้วยภาษานักเลงแบบที่ได้ยินตามมุมถนน เขาตอบว่า “เบื่อโคตรๆ ที่ต้องมาตอบอะไรซ้ำซากแบบนี้ เราถล่มเฉพาะจุดที่เรารู้ว่าพวกไอ้เลวนั่นมันสุมหัวอยู่กัน โทษทีนะ ถ้าพบว่ามันนั่งอยู่ในส้วม ก็จะส่งมันลงท่อไปตรงนั้นเลย…” หลังจากที่ถล่มจนราบแล้ว วันที่ 29 กันยายน ปูตินได้ถามกับ ประธานาธิบดีเชเชน Aslan Maskhadov ว่า.. “ถ้านายพร้อมที่จะเจรจา……เรามีทางเลือกให้สถานเดียวคือ ส่งตัวไอ้อาชญากรสงคราม Basayev กับ Khattab และไอ้พวกหัวกระทิตามบัญชีรายชื่อทั้งหลายมา และ นี่ไม่ใช่ข้อแลกเปลี่ยน……แต่เป็นคำสั่ง..!!” ทางอัสลาน ก็ได้แต่ปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการวางระเบิด…… และเรื่องที่จะส่งตัว คนพวกนั้นก็ทำไม่ได้อีก เพราะมันจะกลายเป็นการหักหลังกัน…” คือสรุปว่า….เขาเลือกที่จะอยู่ตรงข้ามกับรัสเซีย วันรุ่งขึ้น…กองทัพรัสเซียกว่า แปดหมื่นนายบุกประชิดเชเชน มีสำรองไว้อีก 93,000 แทบจะเป็นขนาดเดียวกันกับที่รัสเซียบุกอาฟกานิสถาน ที่ใหญ่กว่าเชเชนสี่สิบเท่า… วันที่ 1 ตุลาคม รัสเซียไม่ยอมรับรัฐบาลของอัสลาน วันที่ 5 ตุลาคม…รัสเซียเข้าครองพื้นที่กว่าครึ่งของทางเหนือ และ วันต่อมาก็ข้ามแม่น้ำไปยังเมืองหลวง Grozny ปูตินไม่ยอมเสียกำลังทหารในการบุก เขาให้สัมภาษณ์ว่า…… เราใช้การส่งฝูงบินโจมตีเป็นส่วนใหญ่ ส่วนทหาร เอาไว้เข้าตามเก็บกวาดให้เรียบ เพราะการรบสมัยใหม่นี้ มีเครื่องทุ่นแรงเยอะ ไม่ใช่อย่างสมัยสงครามโลก……” นักข่าวถามว่า “ ถ้าฝูงบินไม่สำเร็จผลล่ะ……” “เราก็ชนะอยู่ดี………เพราะในตำราของเรา……ไม่มีคำว่า…ถ้า……” *** สงครามเชเชนครั้งนี้คือครั้งที่สอง จาก ครั้งแรกในปี1996 ครั้งนี้เริ่มในวันที่ 7 สิงหาคม 1999 ถึง 30 เมษายน 2000 ที่รัสเซียได้ชัยชนะ…… แต่ยังมีการปราบปรามกลุ่มต่อต้าน ที่มารูปของการก่อวินาศกรรมอีก ตั้งแต่ ปี 2000-2009 ที่หัวหน้าใหญ่อย่าง Aslan Maskhadov (อดีตประธานาธิบดี) ที่หนีไปอยู่ในถ้ำ ยังถูกตามเก็บจนหมด ส่วนเหล่าลูกน้องก็สลายตัวไปปนอยู่ในกลุ่มของ ISIS บัดนี้ คือ สาธารณรัฐเชเชน (หรือ เซซเนีย) คือ สาธารณรัฐหนึ่งของรัสเซีย ที่มี นายกรัฐมนตรี คือ Ramzan Kadyrov เป็นลูกชายของอดีตประธานาธิบดีคนแรกของเชเชน Akhmad Kadyrov ที่ได้มีโอกาสเป็น ประธานาธิบดีเพียงไม่กี่เดือน ก็ถูกลอบสังหาร.. NATO ได้ยื่นมือเข้ามาตามเคยในการที่จะเรียกร้องหาความยุติธรรม และเรื่องเจรจาสงบศึก ทางรัสเซียก็ย้อนกลับไปว่า แล้วกองทัพนาโต้ที่เข้าไปบอมบ์ Kosovo เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน (1999) มีชาวยูโกสลาฟตายกว่า 500 คน ไหนล่ะ…ความยุติธรรม……??? Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 216 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เรื่องจริงเมกายืนยันแล้ว
    เมกายืนยันตามนี้
    "ในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในรัฐยูทาห์ มีการดำเนินการทางกฎหมายต่อ T.. .. T.. ... เกี่ยวกับฟีเจอร์ T.. .. T.. .. LIVE (pk) ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นช่องทางในการทำกิจกรรมผิ..กฎห..าย เช่น ก..รค้า..นุษย์ การขาย..าเ..พติ.. และการฟ-อ-ก-เ-งิ-น ผ่านการใช้สกุลเงินดิจิทัลในแอป ในเดือนมิถุนายน 2024 อัยการสูงสุดของรัฐยูทาห์ได้ยื่นฟ้-อ-ง T..T.. โดยอ้างว่าแพลตฟอร์มนี้ใช้กลวิธีเพื่อห..อกล..งผู้ใช้ให้ทำธุรกรรมผ่านแอป ซึ่งส่งผลให้เกิดการฟ-อ-ก-เ-งิ-น และ T..T..k ยังได้รับประโยชน์จากการเก็บค่าคอมมิ..ชั่นจำนวนมากจากแต่ละธุรกรรมอีกด้วย​"
    ------------------------------------------------------
    "เรียน ปปง. เพจคิงส์โพธิ์แดงพบว่า จีกามิน ชาวเกาหลี เอเจนซี่และพวก ซึ่งนำโดยชาวไทย นางมณฑนี (โจ) ตันติสุข มีพฤติกรรมการ ฟ-อ-กเงิน และหรือร่วมขบวนการ การฟ-อ-ก เงินระดับนานาชาติ ด้วยรูปแบบการ ไลฟ์สตรีม และการ pk โดยมีความผิดปกติที่ทางเพจได้มีการจับพิรุธมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว รวมถึงมีขบวนการในการสร้างยูซเซอร์ที่ไม่ใช่บุคคลจริง เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ในทุกแพลตฟอร์ม ยกตัวอย่างเช่น การสร้างยูซเซอร์อย่างไม่ถูกต้อง เข้าไปในแพลตฟอร์มท-วิ-ต เ-ต-อ-ร์ สร้างแฮชแท็คเพื่อสร้างเทรนที่ไม่เป็นจริง ว่า เซฟกามิน โดยมีความผิดปกติที่ไม่มีการสร้างแคมเปญ แต่กลับมียูซเซอร์ จำนวนไม่ต่ำกว่าสองหมื่น มาทำการพิมพ์แฮชแท็ค# พร้อมกัน โดยมิได้นัดหมาย โดยมุ่งหวังให้สำนักข่าวในประเทศไทย ได้ทำข่าว นำเสนอเนื้อหาในแบบที่ตนเองได้สร้างขึ้นซึ่งเป็นการนำข้อความอันเป็นเ-ท็-จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ นอกจากนั้นยังมีการใช้ยูซเซอร์ปลอมในการคอมเม้น โดยมีเนื้อหา ในการให้ร้าย ดารานักแสดงชาวไทย ชื่อชาลี ปอทเจส ซึ่งเป็นการหมิ่น ทำให้เ-สื่-อ-มเสียชื่อเสียง
    -นอกจากนั้น ยังพบอีกว่า นางมณฑนี (โจ) ตันติสุข ได้สร้างกลุ่มในแอพพลิเคชั่น ชื่อกลุ่ม Discord ชื่อย่อว่า DC มีพฤติกรรมในการสร้างอุปทานหมู่ ปั้นแต่งวาทะกรรม เพื่อให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มดังกล่าว เข้าใจว่านักแสดงชายคนดังกล่าว มีความป่-ว-ย ทางจิตประสาท และสร้างอคติ จนนำไปสู่การคุ-กค-า-ม นักแสดงชาย ไปถึงครอบครัว นอกจากนั้น นาง นางมณฑนี (โจ) ตันติสุข ยังใช้กลุ่มในแอพพลิเคชั่นดังกล่าว-ล่-อล-ว-ง โดยการให้สมาชิกที่เป็นคนไทย จ่ายเงินเพื่อซื้อเหรียญในแอพพลิคเชั่นทิ๊กท็อก ให้กับการไลฟ์สตรีมที่เรียกว่า การแข่งขัน PK ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คนไทยสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อหลายครอบครัว นอกจากนั้นทางเพจยังพบอีกว่า กลุ่มเงินสีเ-ท-า ได้ใช้ช่องทางดังกล่าวนี้ในการฟ-อ-ก-เ-งิ-น ด้วยการสอดไส้ ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่มีการ pk ที่เป็นแม็ตที่ผ่านการโปรโมท เช่น ป้ายสนามบิน และมีผู้เข้าชมจำนวนมากๆ กลุ่มฟ-อ-ก-เ-งิ-น ข้ามชาติจะส่งของขวัญประมาณ 5% ของจำนวนเงินที่ใส่ไปในระบบ เมื่อเปลี่ยนเป็นเหรียญจะไม่สามารถทราบที่มาของแหล่งเงินได้ อีก 95% ก็จะนำเหรียญที่ใส่เข้าไปทำการถอนออก และตกแต่งบัญชี เพื่อให้เข้าใจว่าเป็นรายได้จากของขวัญในแอพพลิเคชั่น และทำการเสียภ-า-ษี ทำให้กลายเป็นเงินสะอาด
    -เพจคิงส์โพธิ์แดง จึงใคร่ขอความกรุณา ปปง. เข้าตรวจสอบเส้นทางการเงินของนาง จีกามิน ชาวเกาหลี และพวก เพื่อให้ประชาชนชาวไทย ได้ปลอดภัยจากขบวนการข้ามชาตินี้ด้วย เนื่องจากขณะนี้ มีเอเจนซี่ข้ามชาติ ได้เริ่มเข้ามาวางเครือข่ายในประเทศไทย เพื่อเป็นแหล่ง ฟ-อ-กเ-งิ-น จากนานาชาติ
    ด้วยความเคารพอย่างสูง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน - ปปง.
    มีอ้างอิงข้อมูลการตัดสินจากสหรัฐใต้โพส
    #เรื่องจริงเมกายืนยันแล้ว เมกายืนยันตามนี้ "ในสหรัฐอเมริกา โดยเฉพาะในรัฐยูทาห์ มีการดำเนินการทางกฎหมายต่อ T.. .. T.. ... เกี่ยวกับฟีเจอร์ T.. .. T.. .. LIVE (pk) ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นช่องทางในการทำกิจกรรมผิ..กฎห..าย เช่น ก..รค้า..นุษย์ การขาย..าเ..พติ.. และการฟ-อ-ก-เ-งิ-น ผ่านการใช้สกุลเงินดิจิทัลในแอป ในเดือนมิถุนายน 2024 อัยการสูงสุดของรัฐยูทาห์ได้ยื่นฟ้-อ-ง T..T.. โดยอ้างว่าแพลตฟอร์มนี้ใช้กลวิธีเพื่อห..อกล..งผู้ใช้ให้ทำธุรกรรมผ่านแอป ซึ่งส่งผลให้เกิดการฟ-อ-ก-เ-งิ-น และ T..T..k ยังได้รับประโยชน์จากการเก็บค่าคอมมิ..ชั่นจำนวนมากจากแต่ละธุรกรรมอีกด้วย​" ------------------------------------------------------ "เรียน ปปง. เพจคิงส์โพธิ์แดงพบว่า จีกามิน ชาวเกาหลี เอเจนซี่และพวก ซึ่งนำโดยชาวไทย นางมณฑนี (โจ) ตันติสุข มีพฤติกรรมการ ฟ-อ-กเงิน และหรือร่วมขบวนการ การฟ-อ-ก เงินระดับนานาชาติ ด้วยรูปแบบการ ไลฟ์สตรีม และการ pk โดยมีความผิดปกติที่ทางเพจได้มีการจับพิรุธมาระยะเวลาหนึ่งแล้ว รวมถึงมีขบวนการในการสร้างยูซเซอร์ที่ไม่ใช่บุคคลจริง เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ในทุกแพลตฟอร์ม ยกตัวอย่างเช่น การสร้างยูซเซอร์อย่างไม่ถูกต้อง เข้าไปในแพลตฟอร์มท-วิ-ต เ-ต-อ-ร์ สร้างแฮชแท็คเพื่อสร้างเทรนที่ไม่เป็นจริง ว่า เซฟกามิน โดยมีความผิดปกติที่ไม่มีการสร้างแคมเปญ แต่กลับมียูซเซอร์ จำนวนไม่ต่ำกว่าสองหมื่น มาทำการพิมพ์แฮชแท็ค# พร้อมกัน โดยมิได้นัดหมาย โดยมุ่งหวังให้สำนักข่าวในประเทศไทย ได้ทำข่าว นำเสนอเนื้อหาในแบบที่ตนเองได้สร้างขึ้นซึ่งเป็นการนำข้อความอันเป็นเ-ท็-จ เข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ นอกจากนั้นยังมีการใช้ยูซเซอร์ปลอมในการคอมเม้น โดยมีเนื้อหา ในการให้ร้าย ดารานักแสดงชาวไทย ชื่อชาลี ปอทเจส ซึ่งเป็นการหมิ่น ทำให้เ-สื่-อ-มเสียชื่อเสียง -นอกจากนั้น ยังพบอีกว่า นางมณฑนี (โจ) ตันติสุข ได้สร้างกลุ่มในแอพพลิเคชั่น ชื่อกลุ่ม Discord ชื่อย่อว่า DC มีพฤติกรรมในการสร้างอุปทานหมู่ ปั้นแต่งวาทะกรรม เพื่อให้ผู้ที่อยู่ในกลุ่มดังกล่าว เข้าใจว่านักแสดงชายคนดังกล่าว มีความป่-ว-ย ทางจิตประสาท และสร้างอคติ จนนำไปสู่การคุ-กค-า-ม นักแสดงชาย ไปถึงครอบครัว นอกจากนั้น นาง นางมณฑนี (โจ) ตันติสุข ยังใช้กลุ่มในแอพพลิเคชั่นดังกล่าว-ล่-อล-ว-ง โดยการให้สมาชิกที่เป็นคนไทย จ่ายเงินเพื่อซื้อเหรียญในแอพพลิคเชั่นทิ๊กท็อก ให้กับการไลฟ์สตรีมที่เรียกว่า การแข่งขัน PK ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้คนไทยสูญเสียเงินไปเป็นจำนวนมาก ส่งผลกระทบต่อหลายครอบครัว นอกจากนั้นทางเพจยังพบอีกว่า กลุ่มเงินสีเ-ท-า ได้ใช้ช่องทางดังกล่าวนี้ในการฟ-อ-ก-เ-งิ-น ด้วยการสอดไส้ ยกตัวอย่างเช่น กรณีที่มีการ pk ที่เป็นแม็ตที่ผ่านการโปรโมท เช่น ป้ายสนามบิน และมีผู้เข้าชมจำนวนมากๆ กลุ่มฟ-อ-ก-เ-งิ-น ข้ามชาติจะส่งของขวัญประมาณ 5% ของจำนวนเงินที่ใส่ไปในระบบ เมื่อเปลี่ยนเป็นเหรียญจะไม่สามารถทราบที่มาของแหล่งเงินได้ อีก 95% ก็จะนำเหรียญที่ใส่เข้าไปทำการถอนออก และตกแต่งบัญชี เพื่อให้เข้าใจว่าเป็นรายได้จากของขวัญในแอพพลิเคชั่น และทำการเสียภ-า-ษี ทำให้กลายเป็นเงินสะอาด -เพจคิงส์โพธิ์แดง จึงใคร่ขอความกรุณา ปปง. เข้าตรวจสอบเส้นทางการเงินของนาง จีกามิน ชาวเกาหลี และพวก เพื่อให้ประชาชนชาวไทย ได้ปลอดภัยจากขบวนการข้ามชาตินี้ด้วย เนื่องจากขณะนี้ มีเอเจนซี่ข้ามชาติ ได้เริ่มเข้ามาวางเครือข่ายในประเทศไทย เพื่อเป็นแหล่ง ฟ-อ-กเ-งิ-น จากนานาชาติ ด้วยความเคารพอย่างสูง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน - ปปง. มีอ้างอิงข้อมูลการตัดสินจากสหรัฐใต้โพส
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 879 มุมมอง 0 รีวิว
  • นี่แหละอเมริกา! Angel Reese นักบาสหญิงผิวสีดาวเด่นของสหรัฐประกาศทิ้งอเมริกาอย่างถาวรเพราะ“ ที่นี่ไม่มีความเคารพให้เกียรติตัวเธอ(“No Respect Here”)

    19 กันยายน 2567 -รายงานข่าวสื่อออนไลน์ระบุว่าแองเจิล รีส หนึ่งในผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดในวงการบาสเกตบอลหญิง ได้ประกาศการตัดสินใจออกจากสหรัฐอเมริกาอย่างถาวร ประเทศประชาธิปไตย ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่สร้างกระแสฮือฮาไปทั่วโลกกีฬา รีสซึ่งครองความยิ่งใหญ่ทั้งในสนามและนอกสนามจนทำให้แฟนๆ ต่างชื่นชอบเธอ ได้อ้างถึงสาเหตุหลักที่ทำให้เธอออกจากทีมเนื่องจากขาดความเคารพและชื่นชมในความสามารถและความพยายามของเธอ

    ประวัติ แองเจิล รีสเกิดเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2002 เป็นนักบาสเก็ตบอลมืออาชีพชาวอเมริกันของทีม Chicago Skyในสมาคมบาสเก็ตบอลหญิงแห่งชาติ (WNBA) มีชื่อเล่นว่า " Bayou-Barbie " และ " Chi-Barbie "

    เส้นทางสู่การเป็นดาราของรีสนั้นน่าทึ่งมาก ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่เธอครองความสำเร็จในสนามบาสเกตบอลระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ไปจนถึงผลงานอันโดดเด่นของเธอที่มหาวิทยาลัยแมริแลนด์ เธอได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างต่อเนื่องว่าเธอมีความสามารถที่โดดเด่น การผสมผสานระหว่างขนาด ทักษะ และความแข็งแกร่งของเธอทำให้เธอเป็นกำลังสำคัญที่ต้องจับตามองในสนาม และเธอก็กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นบาสเกตบอลหญิงระดับวิทยาลัยที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในเวลาอันรวดเร็ว

    การเปลี่ยนแปลงของรีสสู่ระดับมืออาชีพนั้นราบรื่นมาก เธอถูกดราฟต์เข้าสู่ สมาคมบาสเก็ตบอลหญิงแห่งชาติ WNBA และสร้างผลงานในทันที โดยแสดงความสามารถของเธอและได้รับคำชื่นชมจากแฟนๆ และนักวิเคราะห์ แม้จะประสบความสำเร็จในสนาม แต่รีสก็มักจะพูดถึงความท้าทายที่เธอต้องเผชิญนอกสนามอยู่เสมอ รวมถึงการไม่ได้รับการยอมรับและความเคารพที่เธอรู้สึกว่าเธอสมควรได้รับ

    ในขณะที่แองเจิล รีสเตรียมตัวเริ่มต้นบทต่อไปในชีวิตและอาชีพการงาน เธอทิ้งมรดกแห่งความเป็นเลิศและความยืดหยุ่นเอาไว้ การตัดสินใจออกจากสหรัฐอเมริกาของเธอเป็นการแสดงออกที่ทรงพลังเกี่ยวกับความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงและความสำคัญของการสร้างสภาพแวดล้อมที่นักกีฬาทุกคนรู้สึกได้รับการเคารพและมีคุณค่า รีสยังไม่ได้ประกาศว่าเธอวางแผนที่จะดำเนินอาชีพต่อไปที่ใด แต่ไม่มีข้อสงสัยว่าเธอจะยังคงประสบความสำเร็จต่อไปไม่ว่าจะไปที่ใด

    การตัดสินใจของแองเจิล รีสที่จะออกจากสหรัฐอเมริกาอย่างถาวรเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในโลกกีฬา ซึ่งเน้นย้ำถึงความท้าทายที่นักกีฬา โดยเฉพาะผู้หญิงผิวสีต้องเผชิญในการได้รับความเคารพและการยอมรับที่สมควรได้รับ การจากไปของเธอเป็นการสูญเสียสำหรับชุมชนบาสเก็ตบอล แต่ยังเป็นการแสดงออกที่ทรงพลังเกี่ยวกับความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงอีกด้วย ในขณะที่รีสก้าวไปข้างหน้าในอาชีพการงานของเธอ เรื่องราวของเธอจะยังคงเป็นแรงบันดาลใจและท้าทายผู้ที่ยังอยู่ในสหรัฐอเมริกาต่อไป เป็นการเตือนใจว่าความสามารถและความทุ่มเทสมควรได้รับการเคารพและการชื่นชม และการทำงานเพื่อสร้างวัฒนธรรมกีฬาที่ครอบคลุมและเท่าเทียมกันมากขึ้นยังคงดำเนินต่อไป

    #Thaitimes
    นี่แหละอเมริกา! Angel Reese นักบาสหญิงผิวสีดาวเด่นของสหรัฐประกาศทิ้งอเมริกาอย่างถาวรเพราะ“ ที่นี่ไม่มีความเคารพให้เกียรติตัวเธอ(“No Respect Here”) 19 กันยายน 2567 -รายงานข่าวสื่อออนไลน์ระบุว่าแองเจิล รีส หนึ่งในผู้เล่นที่โดดเด่นที่สุดในวงการบาสเกตบอลหญิง ได้ประกาศการตัดสินใจออกจากสหรัฐอเมริกาอย่างถาวร ประเทศประชาธิปไตย ถือเป็นความเคลื่อนไหวที่สร้างกระแสฮือฮาไปทั่วโลกกีฬา รีสซึ่งครองความยิ่งใหญ่ทั้งในสนามและนอกสนามจนทำให้แฟนๆ ต่างชื่นชอบเธอ ได้อ้างถึงสาเหตุหลักที่ทำให้เธอออกจากทีมเนื่องจากขาดความเคารพและชื่นชมในความสามารถและความพยายามของเธอ ประวัติ แองเจิล รีสเกิดเมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2002 เป็นนักบาสเก็ตบอลมืออาชีพชาวอเมริกันของทีม Chicago Skyในสมาคมบาสเก็ตบอลหญิงแห่งชาติ (WNBA) มีชื่อเล่นว่า " Bayou-Barbie " และ " Chi-Barbie " เส้นทางสู่การเป็นดาราของรีสนั้นน่าทึ่งมาก ตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่เธอครองความสำเร็จในสนามบาสเกตบอลระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย ไปจนถึงผลงานอันโดดเด่นของเธอที่มหาวิทยาลัยแมริแลนด์ เธอได้พิสูจน์ให้เห็นอย่างต่อเนื่องว่าเธอมีความสามารถที่โดดเด่น การผสมผสานระหว่างขนาด ทักษะ และความแข็งแกร่งของเธอทำให้เธอเป็นกำลังสำคัญที่ต้องจับตามองในสนาม และเธอก็กลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นบาสเกตบอลหญิงระดับวิทยาลัยที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในเวลาอันรวดเร็ว การเปลี่ยนแปลงของรีสสู่ระดับมืออาชีพนั้นราบรื่นมาก เธอถูกดราฟต์เข้าสู่ สมาคมบาสเก็ตบอลหญิงแห่งชาติ WNBA และสร้างผลงานในทันที โดยแสดงความสามารถของเธอและได้รับคำชื่นชมจากแฟนๆ และนักวิเคราะห์ แม้จะประสบความสำเร็จในสนาม แต่รีสก็มักจะพูดถึงความท้าทายที่เธอต้องเผชิญนอกสนามอยู่เสมอ รวมถึงการไม่ได้รับการยอมรับและความเคารพที่เธอรู้สึกว่าเธอสมควรได้รับ ในขณะที่แองเจิล รีสเตรียมตัวเริ่มต้นบทต่อไปในชีวิตและอาชีพการงาน เธอทิ้งมรดกแห่งความเป็นเลิศและความยืดหยุ่นเอาไว้ การตัดสินใจออกจากสหรัฐอเมริกาของเธอเป็นการแสดงออกที่ทรงพลังเกี่ยวกับความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงและความสำคัญของการสร้างสภาพแวดล้อมที่นักกีฬาทุกคนรู้สึกได้รับการเคารพและมีคุณค่า รีสยังไม่ได้ประกาศว่าเธอวางแผนที่จะดำเนินอาชีพต่อไปที่ใด แต่ไม่มีข้อสงสัยว่าเธอจะยังคงประสบความสำเร็จต่อไปไม่ว่าจะไปที่ใด การตัดสินใจของแองเจิล รีสที่จะออกจากสหรัฐอเมริกาอย่างถาวรเป็นช่วงเวลาที่สำคัญในโลกกีฬา ซึ่งเน้นย้ำถึงความท้าทายที่นักกีฬา โดยเฉพาะผู้หญิงผิวสีต้องเผชิญในการได้รับความเคารพและการยอมรับที่สมควรได้รับ การจากไปของเธอเป็นการสูญเสียสำหรับชุมชนบาสเก็ตบอล แต่ยังเป็นการแสดงออกที่ทรงพลังเกี่ยวกับความจำเป็นในการเปลี่ยนแปลงอีกด้วย ในขณะที่รีสก้าวไปข้างหน้าในอาชีพการงานของเธอ เรื่องราวของเธอจะยังคงเป็นแรงบันดาลใจและท้าทายผู้ที่ยังอยู่ในสหรัฐอเมริกาต่อไป เป็นการเตือนใจว่าความสามารถและความทุ่มเทสมควรได้รับการเคารพและการชื่นชม และการทำงานเพื่อสร้างวัฒนธรรมกีฬาที่ครอบคลุมและเท่าเทียมกันมากขึ้นยังคงดำเนินต่อไป #Thaitimes
    Like
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 826 มุมมอง 0 รีวิว
  • Akesin Place : เอกสินเพลส, นนทบุรี

    คอนโดเอกสินเพลส ชั้น18 ห้องเลขที่ 181 เนื้อที่ 46 ตรม.ราคาขาย 2.75 ลบ. นนทบุรี ติดถนนใหญ่งามวงศ์วาน
    ขายคอนโด Akesin Place เอกสิน เพลส คอนโดหรูตกแต่งสวย พร้อมอยู่

    ➤ เฟอร์นิเจอร์ครบ เหมาะแก่การอยู่อาศัย บนทำเลศักยภาพ

    ➤ ติดถนนใหญ่งามวงศ์วาน

    ➤ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วงและรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีรถไฟฟ้าศูนย์ราชการนนทบุรี ทั้งยังอยู่บนแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลในอนาคต สถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลหน้าคอนโด(โครงการเริ่มปลายปี 68) เชื่อมต่อ 5 สาย สีแดง,สีม่วง,สีชมพู,สีเขียว,สีเหลือง

    ➤ พื้นที่ขนาด 46 ตรม. แยกเป็นสัดส่วน 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และห้องนั่งเล่น และครัว ชั้น18 ที่จอดรถ 100% (รวมจอดขวาง)

    ➤ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส คีย์การ์ด, รปภ.กล้องวงจรปิด 24 ชม.

    ➤ สถานที่ใกล้เคียง เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน, ห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า งามวงศ์วาน, โรงพยาบาลนนทเวช,โรงพยาบาลเกษมราษฏร์,โรงพยาบาลโรคทรวงอก,กระทรวงสาธารณะสุข, โรงเรียนสวนกุหลาบนนทบุรี, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต

    **อื่นๆ**
    ➤ สนามบินดอนเมือง : 16.7 กม.
    ➤ สนามบินสุวรรณภูมิ : 43 กม.

    -------------------------------------------
    สนใจสอบถามข้อมูลที่
    โทร.081-822-6553
    รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์
    ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้
    พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ
    จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    Akesin Place : เอกสินเพลส, นนทบุรี คอนโดเอกสินเพลส ชั้น18 ห้องเลขที่ 181 เนื้อที่ 46 ตรม.ราคาขาย 2.75 ลบ. นนทบุรี ติดถนนใหญ่งามวงศ์วาน ขายคอนโด Akesin Place เอกสิน เพลส คอนโดหรูตกแต่งสวย พร้อมอยู่ ➤ เฟอร์นิเจอร์ครบ เหมาะแก่การอยู่อาศัย บนทำเลศักยภาพ ➤ ติดถนนใหญ่งามวงศ์วาน ➤ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีม่วงและรถไฟฟ้าสายสีชมพู สถานีรถไฟฟ้าศูนย์ราชการนนทบุรี ทั้งยังอยู่บนแนวรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลในอนาคต สถานีรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาลหน้าคอนโด(โครงการเริ่มปลายปี 68) เชื่อมต่อ 5 สาย สีแดง,สีม่วง,สีชมพู,สีเขียว,สีเหลือง ➤ พื้นที่ขนาด 46 ตรม. แยกเป็นสัดส่วน 1 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ และห้องนั่งเล่น และครัว ชั้น18 ที่จอดรถ 100% (รวมจอดขวาง) ➤ สระว่ายน้ำ ฟิตเนส คีย์การ์ด, รปภ.กล้องวงจรปิด 24 ชม. ➤ สถานที่ใกล้เคียง เดอะมอลล์ งามวงศ์วาน, ห้างพันธุ์ทิพย์พลาซ่า งามวงศ์วาน, โรงพยาบาลนนทเวช,โรงพยาบาลเกษมราษฏร์,โรงพยาบาลโรคทรวงอก,กระทรวงสาธารณะสุข, โรงเรียนสวนกุหลาบนนทบุรี, มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์, มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต **อื่นๆ** ➤ สนามบินดอนเมือง : 16.7 กม. ➤ สนามบินสุวรรณภูมิ : 43 กม. ------------------------------------------- สนใจสอบถามข้อมูลที่ โทร.081-822-6553 รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้ พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 119 มุมมอง 0 รีวิว
  • GRENE Don Mueang Song Prapha : คอนโด กรีเน่ สรงประภา เฟส 2

    คอนโดตั้งอยู่ในทําเลที่สะดวกต่อการเดินทาง เชื่อมต่อกับถนนสําคัญหลายสาย เช่น ถนนศรีสมาน ถนนวิภาวดีรังสิต ทางด่วนศรีสมาน ดอนเมืองโทลล์เวย์ และรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีดอนเมือง นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม บนพื้นที่เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร

    ** จุดเด่น **

    คอนโดสไตล์รีสอร์ทใกล้ทะเล Miami มีบรรยากาศรีสอร์ทติดชายฝั่ง ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนได้พักรีสอร์ทหรู คอนโดนี้เป็นอาคารสูง 8 ชั้น ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและบนถนนสรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ใกล้กับห้างสรรพสินค้า ตลาด สถานศึกษา ศูนย์การแพทย์ สถานที่ราชการ และสํานักงานต่างๆ มากมาย

    ** สิ่งอํานวยความสะดวกภายในโครงการ **

    - สระว่ายน้ํา ยาว 29 เมตร
    - จากุซซี่
    - สวนหย่อมแบบรีสอร์ท
    - ลานเล่นเด็ก
    - โถงอบไอน้ํา
    - ลู่วิ่ง ยาว 1 กม.
    - สนามบาสเกตบอล
    - ห้องฟิตเนส
    - ห้องนั่งเล่น
    - ห้องประชุม
    - ล็อบบี้
    - ตู้ไปรษณีย์
    - ห้องซักรีด
    - ระบบควบคุมการเข้าออกด้วยบัตร
    - กล้อง CCTV
    - เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชม.

    ** สถานที่ใกล้เคียง **

    ห้างสรรพสินค้า และตลาด

    - ตลาดบุญอนันต์ : 250 ม.
    - Happy Avenue : 550 ม.
    - ตลาดโอโซนวัน : 850 ม.
    - ตลาดใหม่ดอนเมือง : 3 กม.
    - Robinson ศรีสมาน : 4.5 กม.
    - IT Square : 6.1 กม.
    - Impact Arena เมืองทองธานี : 6.6 กม.
    - Lotus’s แจ้งวัฒนะ : 7.2 กม.
    - The Avenue แจ้งวัฒนะ : 7.3 กม.
    - Big C แจ้งวัฒนะ : 7.9 กม.
    - Makro แจ้งวัฒนะ : 8.1 กม.
    - ตลาดสี่มุมเมือง : 8.8 กม.
    - CentralPlaza แจ้งวัฒนะ : 9.4 กม.
    - Future Park Rangsit & Zpell : 14 กม.

    สถานศึกษา

    - รร.พระหฤทัยดอนเมือง : 450 ม.
    - รร.นานาชาติ Harrow : 2.7 กม.
    - รร.หอวัง : 4.4 กม.
    - รร.เซนต์ฟรังซีสเซเวียร์ : 5.1 กม.
    - รร.พระหฤทัย นนทบุรี : 6.1 กม.
    - ม.รังสิต : 7.3 กม.

    ศูนย์การแพทย์

    - รพ.จุฬาภรณ์ : 6.4 กม.
    - รพ.มงกุฎวัฒนะ : 7.8 กม.
    - รพ.บี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ : 10.9 กม.
    - รพ.แพทย์รังสิต : 10.9 กม.
    - รพ.วิภาวดี : 14.6 กม.
    - รพ.ภูมิพลอดุลยเดช : 15.0 กม.

    อื่น ๆ

    - ท่าอากาศยานดอนเมือง : 5.1 กม.
    - สถานที่ราชการและอาคารสำนักงาน
    - สำนักงานเขตดอนเมือง : 2.8 กม.
    - ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ : 9.0 กม.

    ----------------------
    สนใจสอบถามข้อมูลที่
    โทร.081-822-6553
    รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์
    ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้
    พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ
    จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    GRENE Don Mueang Song Prapha : คอนโด กรีเน่ สรงประภา เฟส 2 คอนโดตั้งอยู่ในทําเลที่สะดวกต่อการเดินทาง เชื่อมต่อกับถนนสําคัญหลายสาย เช่น ถนนศรีสมาน ถนนวิภาวดีรังสิต ทางด่วนศรีสมาน ดอนเมืองโทลล์เวย์ และรถไฟฟ้าสายสีแดง สถานีดอนเมือง นอกจากนี้ยังอยู่ใกล้กับรถไฟฟ้าสายสีแดงเข้ม บนพื้นที่เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ** จุดเด่น ** คอนโดสไตล์รีสอร์ทใกล้ทะเล Miami มีบรรยากาศรีสอร์ทติดชายฝั่ง ให้ความรู้สึกผ่อนคลายเหมือนได้พักรีสอร์ทหรู คอนโดนี้เป็นอาคารสูง 8 ชั้น ตั้งอยู่ท่ามกลางธรรมชาติและบนถนนสรงประภา แขวงสีกัน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร ใกล้กับห้างสรรพสินค้า ตลาด สถานศึกษา ศูนย์การแพทย์ สถานที่ราชการ และสํานักงานต่างๆ มากมาย ** สิ่งอํานวยความสะดวกภายในโครงการ ** - สระว่ายน้ํา ยาว 29 เมตร - จากุซซี่ - สวนหย่อมแบบรีสอร์ท - ลานเล่นเด็ก - โถงอบไอน้ํา - ลู่วิ่ง ยาว 1 กม. - สนามบาสเกตบอล - ห้องฟิตเนส - ห้องนั่งเล่น - ห้องประชุม - ล็อบบี้ - ตู้ไปรษณีย์ - ห้องซักรีด - ระบบควบคุมการเข้าออกด้วยบัตร - กล้อง CCTV - เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย 24 ชม. ** สถานที่ใกล้เคียง ** ห้างสรรพสินค้า และตลาด - ตลาดบุญอนันต์ : 250 ม. - Happy Avenue : 550 ม. - ตลาดโอโซนวัน : 850 ม. - ตลาดใหม่ดอนเมือง : 3 กม. - Robinson ศรีสมาน : 4.5 กม. - IT Square : 6.1 กม. - Impact Arena เมืองทองธานี : 6.6 กม. - Lotus’s แจ้งวัฒนะ : 7.2 กม. - The Avenue แจ้งวัฒนะ : 7.3 กม. - Big C แจ้งวัฒนะ : 7.9 กม. - Makro แจ้งวัฒนะ : 8.1 กม. - ตลาดสี่มุมเมือง : 8.8 กม. - CentralPlaza แจ้งวัฒนะ : 9.4 กม. - Future Park Rangsit & Zpell : 14 กม. สถานศึกษา - รร.พระหฤทัยดอนเมือง : 450 ม. - รร.นานาชาติ Harrow : 2.7 กม. - รร.หอวัง : 4.4 กม. - รร.เซนต์ฟรังซีสเซเวียร์ : 5.1 กม. - รร.พระหฤทัย นนทบุรี : 6.1 กม. - ม.รังสิต : 7.3 กม. ศูนย์การแพทย์ - รพ.จุฬาภรณ์ : 6.4 กม. - รพ.มงกุฎวัฒนะ : 7.8 กม. - รพ.บี.แคร์ เมดิคอลเซ็นเตอร์ : 10.9 กม. - รพ.แพทย์รังสิต : 10.9 กม. - รพ.วิภาวดี : 14.6 กม. - รพ.ภูมิพลอดุลยเดช : 15.0 กม. อื่น ๆ - ท่าอากาศยานดอนเมือง : 5.1 กม. - สถานที่ราชการและอาคารสำนักงาน - สำนักงานเขตดอนเมือง : 2.8 กม. - ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ : 9.0 กม. ---------------------- สนใจสอบถามข้อมูลที่ โทร.081-822-6553 รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้ พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • Kave Salaya : เคฟ ศาลายา
    คอนโด Kave Salaya เป็นคอนโดติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อนสถานีศาลายา ตั้งอยู่ที่ ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ใกล้กับมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา

    ** จุดเด่น **
    - ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้สถานศึกษาหลายแห่ง
    - เป็นอาคารสูง 7 ชั้น มีห้องชุดทั้งหมด 588 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต
    - ออกแบบภายนอกอาคารแปลกตา ทันสมัย
    - มีพื้นที่ส่วนกลางมากมายกว่า 32 ฟังก์ชั่น
    - มีระบบรักษาความปลอดภัยและเทคโนโลยีทันสมัย

    **สิ่งอำนวยความสะดวก**

    BUILDING A: LEARNING

    - Co-Idea Space
    - Creative Lobby
    - Meeting Chamber
    - Meeting Lounge
    - Learning Hub
    - Working Pods
    - Sky Terrace
    - Sky Cinema
    - Sky Amphitheater
    - KAVE Viewpoint

    BUILDING B: REST & RELAX

    - Sharing Lobby
    - Smart Laundry Lounge
    - Board Game Arena
    - Console & VR Room
    - Music Studio
    - KAVE Theater
    - Fun Space

    BUILDING C: ACTIVE

    - Pulse Pool
    - Hydro Massage
    - Jet Pool
    - Botanic Garden
    - The Gym
    - Health Station
    - Fit Studio
    - Co-Kitchen
    - KAVE Cafe
    - Jacuzzi Seat

    FACILITY ON GROUND

    - The Common Ground
    - Valley Forest
    - Sunken Lawn
    - Hidden Bar
    - Misty Falls
    - SUPERIOR SECURITY & TECHNOLOGY

    ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม. & CCTV
    ระบบ Key Card เข้าออก, ระบบลิฟท์ล็อกชั้น และ Digital Door Lock
    บริการ Shuttle Service รับ-ส่ง หน้ามหาวิทยาลัย ประตู 5
    Smart Locker 24 ชม.
    High-Speed Wi-Fi Internet

    **สถานที่ใกล้เคียง**

    - 7-11 : 80 ม.
    - mini Big C : 160 ม.
    - Lotus’s Express : 500 ม.
    - KFC Drive Thru : 600 ม.
    - Makro ศาลายา : 700 ม.
    - The Salaya : 1.2 กม.
    - ตลาดศาลายา : 1.5 กม.
    - China Town ศาลายา : 1.6 กม.
    - ตลาดกิเลน : 2.3 กม.
    - ตลาดนัดเฮียใช้ : 2.6 กม.
    - Lotus ศาลายา : 5 กม.
    - Central ศาลายา : 5.3 กม.
    - Home Pro พุทธมณฑลสาย 5 : 5.7 กม.
    - Brio Mall สาย 4 : 8.6 กม.
    - ตลาดธนบุรี สนามหลวง 2 : 9.7 กม.
    - ตลาดเวิลด์มาร์เก็ต : 10 กม.
    - The Paseo Park กาญจนาฯ : 14 กม.
    - Design Village พุทธมณฑล (Starbucks ,Gourmet Market ,Uniqlo ,JYSK) : 15.4 กม.
    - บุญถาวร พุทธมณฑล : 15.4 กม.
    - ตลาดนัดเซฟเซ็นเตอร์ : 15.8 กม.
    - Plus Mall Lotus บางใหญ่ : 16.9 กม.
    - SC Plaza ,ตลาดสายใต้ใหม่ : 19 กม.
    - The Crystal Park ราชพฤกษ์ : 19 กม.
    - ม.มหิดล ศาลายา : 750 ม.
    - รร.มหิดลวิทยานุสรณ์ : 850 ม.
    - วิทยาลัยนาฏศิลป์ สถาบันบัณฑิต พัฒนศิลป์ : 1.1 กม.
    - รร.สาธิตนานาชาติ ม.มหิดล : 1.5 กม.
    - ม.ราชมงคลรัตนโกสินทร์ฯ : 2 กม.
    - ม.มหามกุฏราชวิทยาลัย : 2.2 กม.
    - รร.สาธิตกรุงเทพธนบุรี : 6.5 กม.
    - ม.กรุงเทพธนบุรี : 6.9 กม.
    - รร.เพลินพัฒนา : 11.7 กม.
    - รร.กสิณธร อาคาเดมี่ : 12.3 กม.
    - รร.สารสาสน์วิเทศธนบุรี : 13.4 กม.
    - รร.อัสสัมชัญธนบุรี : 13.9 กม.
    - รร.อนุบาลนานาชาติ Hummingbird : 15.2 กม.
    - รพ.ศาลายา : 1.3 กม.
    - รพ.พุทธมณฑล : 3.4 กม.
    - ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก : 4.4 กม.
    - รพ.ธนบุรี 2 : 15.1 กม.
    - รพ.เกษมราษฎร์บางแค : 17.1 กม.
    - รพ.เจ้าพระยา : 22.6 กม.
    - รพ.ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ : 22.8 กม.
    - สถานีตำรวจภูธรพุทธมณฑล : 1 กม.
    - พุทธมณฑล : 4.3 กม.
    - กรมยุทธศึกษาทหารเรือ : 600 ม.
    - สำนักช่างสิบหมู่ : 2.3 กม.
    - JKN Global Media (JKN) : 8.3 กม.

    ----------------------
    สนใจสอบถามข้อมูลที่
    โทร.081-822-6553
    รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์
    ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้
    พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ
    จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    Kave Salaya : เคฟ ศาลายา คอนโด Kave Salaya เป็นคอนโดติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อนสถานีศาลายา ตั้งอยู่ที่ ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ใกล้กับมหาวิทยาลัยมหิดล ศาลายา ** จุดเด่น ** - ติดถนนใหญ่ ใกล้รถไฟฟ้า ใกล้สถานศึกษาหลายแห่ง - เป็นอาคารสูง 7 ชั้น มีห้องชุดทั้งหมด 588 ยูนิต และร้านค้า 1 ยูนิต - ออกแบบภายนอกอาคารแปลกตา ทันสมัย - มีพื้นที่ส่วนกลางมากมายกว่า 32 ฟังก์ชั่น - มีระบบรักษาความปลอดภัยและเทคโนโลยีทันสมัย **สิ่งอำนวยความสะดวก** BUILDING A: LEARNING - Co-Idea Space - Creative Lobby - Meeting Chamber - Meeting Lounge - Learning Hub - Working Pods - Sky Terrace - Sky Cinema - Sky Amphitheater - KAVE Viewpoint BUILDING B: REST & RELAX - Sharing Lobby - Smart Laundry Lounge - Board Game Arena - Console & VR Room - Music Studio - KAVE Theater - Fun Space BUILDING C: ACTIVE - Pulse Pool - Hydro Massage - Jet Pool - Botanic Garden - The Gym - Health Station - Fit Studio - Co-Kitchen - KAVE Cafe - Jacuzzi Seat FACILITY ON GROUND - The Common Ground - Valley Forest - Sunken Lawn - Hidden Bar - Misty Falls - SUPERIOR SECURITY & TECHNOLOGY ระบบรักษาความปลอดภัย 24 ชม. & CCTV ระบบ Key Card เข้าออก, ระบบลิฟท์ล็อกชั้น และ Digital Door Lock บริการ Shuttle Service รับ-ส่ง หน้ามหาวิทยาลัย ประตู 5 Smart Locker 24 ชม. High-Speed Wi-Fi Internet **สถานที่ใกล้เคียง** - 7-11 : 80 ม. - mini Big C : 160 ม. - Lotus’s Express : 500 ม. - KFC Drive Thru : 600 ม. - Makro ศาลายา : 700 ม. - The Salaya : 1.2 กม. - ตลาดศาลายา : 1.5 กม. - China Town ศาลายา : 1.6 กม. - ตลาดกิเลน : 2.3 กม. - ตลาดนัดเฮียใช้ : 2.6 กม. - Lotus ศาลายา : 5 กม. - Central ศาลายา : 5.3 กม. - Home Pro พุทธมณฑลสาย 5 : 5.7 กม. - Brio Mall สาย 4 : 8.6 กม. - ตลาดธนบุรี สนามหลวง 2 : 9.7 กม. - ตลาดเวิลด์มาร์เก็ต : 10 กม. - The Paseo Park กาญจนาฯ : 14 กม. - Design Village พุทธมณฑล (Starbucks ,Gourmet Market ,Uniqlo ,JYSK) : 15.4 กม. - บุญถาวร พุทธมณฑล : 15.4 กม. - ตลาดนัดเซฟเซ็นเตอร์ : 15.8 กม. - Plus Mall Lotus บางใหญ่ : 16.9 กม. - SC Plaza ,ตลาดสายใต้ใหม่ : 19 กม. - The Crystal Park ราชพฤกษ์ : 19 กม. - ม.มหิดล ศาลายา : 750 ม. - รร.มหิดลวิทยานุสรณ์ : 850 ม. - วิทยาลัยนาฏศิลป์ สถาบันบัณฑิต พัฒนศิลป์ : 1.1 กม. - รร.สาธิตนานาชาติ ม.มหิดล : 1.5 กม. - ม.ราชมงคลรัตนโกสินทร์ฯ : 2 กม. - ม.มหามกุฏราชวิทยาลัย : 2.2 กม. - รร.สาธิตกรุงเทพธนบุรี : 6.5 กม. - ม.กรุงเทพธนบุรี : 6.9 กม. - รร.เพลินพัฒนา : 11.7 กม. - รร.กสิณธร อาคาเดมี่ : 12.3 กม. - รร.สารสาสน์วิเทศธนบุรี : 13.4 กม. - รร.อัสสัมชัญธนบุรี : 13.9 กม. - รร.อนุบาลนานาชาติ Hummingbird : 15.2 กม. - รพ.ศาลายา : 1.3 กม. - รพ.พุทธมณฑล : 3.4 กม. - ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก : 4.4 กม. - รพ.ธนบุรี 2 : 15.1 กม. - รพ.เกษมราษฎร์บางแค : 17.1 กม. - รพ.เจ้าพระยา : 22.6 กม. - รพ.ศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ : 22.8 กม. - สถานีตำรวจภูธรพุทธมณฑล : 1 กม. - พุทธมณฑล : 4.3 กม. - กรมยุทธศึกษาทหารเรือ : 600 ม. - สำนักช่างสิบหมู่ : 2.3 กม. - JKN Global Media (JKN) : 8.3 กม. ---------------------- สนใจสอบถามข้อมูลที่ โทร.081-822-6553 รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้ พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขายบ้านพร้อมที่ดิน 50 ไร่ 2 งาน 21 ตรว. ติดถนนทางหลวงชนบท 4023 บ้านเรือนไทย นันทวรรณ-วลี บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ห่างจากมหาวิทยาลัยราชภัฏราชครินทร์ ศูนย์บางคล้า เพียง 1.59 กม.
    **ราคาขาย 252,762,500 บาท**

    ที่ตั้ง : หมู่ 1 ต. หัวไทร อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา

    ✦ รายละเอียด ✦
    ▸ ขายที่ดินพร้อมบ้าน 252,762,500 บาท
    ▸ เนื้อที่ดิน 50 ไร่ 2 งาน 21 ตรว. (20,221 ตร.ว)
    ▸ ที่ดินหน้ากว้างติดถนนสาธารณะ 329 เมตร
    ▸ ลึก 293 เมตร
    ▸ ถนนหน้าที่ดินกว้าง 12 เมตร
    ▸ ที่ดินผังสีเขียว

    ✦ จุดเด่นสำหรับการลงทุน ✦
    ▸ คลังเก็บสินค้า
    ▸ รีสอร์ท
    ▸ สถานที่จัดงานแต่งงาน
    ▸ สถานศึกษา
    ▸ หอพักนักศึกษา
    ▸โรงงาน
    ▸ สนามกอล์ฟ
    ▸ สนามแข่งม้า
    ▸ สนามยิงปืน
    ▸ สนามแข่งรถ

    ✦ สถานที่ใกล้เคียง ✦

    ร้านอาหาร, คาเฟ่ & ตลาด
    ▸ ครัวบางปะกงฟาร์ม 4 กม.
    ▸ บ้านสวนกาแฟ แอนด์ รีสอร์ท 2 กม.
    ▸ ตลาดนัดสามเกลอ 7.4 กม.
    ▸ ตลาดน้ำบางคล้า 9.3 กม.
    ▸ ตลาดแม่เล้ง(บางคล้า) 12 กม.
    ▸ ตลาดนัดวินเทจ บางคล้า 8.1 กม.
    ▸ ตลาดน้ำวัดบางกระเจ็ด 8.9 กม.

    ศูนย์การแพทย์
    ▸ โรงพยาบาลบางคล้า 5.5 กม.
    ▸ โรงพยาบาลคลองเขื่อน 15 กม.
    ▸ โรงพยาบาลราชสาส์น 12 กม.

    สถานที่ราชการและหน่วยงาน
    ▸ สำนักงานเทศบาลตำบลปากน้ำบางคล้า 6 กม.

    *** สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ***
    โทร : 081-822-6553 คุณ ธนชาต
    Line Id : 0818226553


    #ที่ดิน #ขายบ้าน #ขายที่ดิน
    ขายบ้านพร้อมที่ดิน 50 ไร่ 2 งาน 21 ตรว. ติดถนนทางหลวงชนบท 4023 บ้านเรือนไทย นันทวรรณ-วลี บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ห่างจากมหาวิทยาลัยราชภัฏราชครินทร์ ศูนย์บางคล้า เพียง 1.59 กม. **ราคาขาย 252,762,500 บาท** ที่ตั้ง : หมู่ 1 ต. หัวไทร อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา ✦ รายละเอียด ✦ ▸ ขายที่ดินพร้อมบ้าน 252,762,500 บาท ▸ เนื้อที่ดิน 50 ไร่ 2 งาน 21 ตรว. (20,221 ตร.ว) ▸ ที่ดินหน้ากว้างติดถนนสาธารณะ 329 เมตร ▸ ลึก 293 เมตร ▸ ถนนหน้าที่ดินกว้าง 12 เมตร ▸ ที่ดินผังสีเขียว ✦ จุดเด่นสำหรับการลงทุน ✦ ▸ คลังเก็บสินค้า ▸ รีสอร์ท ▸ สถานที่จัดงานแต่งงาน ▸ สถานศึกษา ▸ หอพักนักศึกษา ▸โรงงาน ▸ สนามกอล์ฟ ▸ สนามแข่งม้า ▸ สนามยิงปืน ▸ สนามแข่งรถ ✦ สถานที่ใกล้เคียง ✦ ร้านอาหาร, คาเฟ่ & ตลาด ▸ ครัวบางปะกงฟาร์ม 4 กม. ▸ บ้านสวนกาแฟ แอนด์ รีสอร์ท 2 กม. ▸ ตลาดนัดสามเกลอ 7.4 กม. ▸ ตลาดน้ำบางคล้า 9.3 กม. ▸ ตลาดแม่เล้ง(บางคล้า) 12 กม. ▸ ตลาดนัดวินเทจ บางคล้า 8.1 กม. ▸ ตลาดน้ำวัดบางกระเจ็ด 8.9 กม. ศูนย์การแพทย์ ▸ โรงพยาบาลบางคล้า 5.5 กม. ▸ โรงพยาบาลคลองเขื่อน 15 กม. ▸ โรงพยาบาลราชสาส์น 12 กม. สถานที่ราชการและหน่วยงาน ▸ สำนักงานเทศบาลตำบลปากน้ำบางคล้า 6 กม. *** สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม *** โทร : 081-822-6553 คุณ ธนชาต Line Id : 0818226553 #ที่ดิน #ขายบ้าน #ขายที่ดิน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 161 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำไมสหรัฐฯถึงต้องควักเงินกว่า ๔๐๐ ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างสนามบินบนเกาะแปซิฟิกสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ขึ้นมาใหม่?

    กองทัพอากาศสหรัฐฯกำลังยึดสนามบินเก่าในแปซิฟิกคืน “เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นกับจีน,” รายงานของสื่อสหรัฐฯ ระบุ

    สนามบินดังกล่าวตั้งอยู่บนเกาะทินเนียน และรายงานว่าวอชิงตันกำลังใช้เงิน ๔๐๙ ล้านดอลลาร์ ในความพยายาม “ขัดขวาง, หรือเอาชนะ, กองทัพจีน”

    การปรับปรุงปัจจุบันของวอชิงตันมุ่งเป้าไปที่การเพิ่มศักยภาพของสนามบินสำหรับปฏิบัติการประจำวันและปฏิบัติการฉุกเฉินเพื่อสนับสนุนภารกิจในพื้นที่อินโด-แปซิฟิกอันกว้างใหญ่

    ในเดือนสิงหาคม ๑๙๔๕, สนามบินเหนือของทินเนียนได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดที่มีชื่อเสียงของสหรัฐฯสองลำ ที่ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ใส่เมืองฮิโรชิม่าและนางาซากิของญี่ปุ่น ทำให้พลเรือนเสียชีวิตมากกว่า ๒๐๐,๐๐๐ คน

    ทำไมเหยี่ยวอีแร้งของสหรัฐฯจึงมองว่าทินเนียนมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์?

    เกาะทิเนียนเป็นหนึ่งในหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนาในแปซิฟิกตะวันตก, ซึ่งเป็นชายแดนตะวันตกสุดของสหรัฐอเมริกา, ร่วมกับเกาะกวม;

    ความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของเกาะทิเนียนมาจากความใกล้ชิดกับโตเกียวและจีน (ห่างจากทั้งสองเกาะน้อยกว่า ๑,๕๐๐ ไมล์);

    เกาะนี้ตั้งอยู่ห่างจากช่องแคบไต้หวัน, ทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต้ ๑,๕๐๐ – ๑,๗๐๐ ไมล์;

    เกาะนี้เคยถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหารมาแล้ว, ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒, เกาะนี้เคยมีสนามบินที่ใช้งานอยู่ ๒ แห่ง
    .
    Why’s the US shelling out over $400 mln to rebuild a WWII-era Pacific island airfield?

    The US Air Force is reclaiming an old airfield in the Pacific “as it prepares for a possible future fight with China,” a US media report said.

    The airfield in question is located on Tinian island, and Washington is reportedly spending $409 million in efforts to “deter, or defeat, the Chinese military.”

    Washington’s current enhancements are aimed at boosting the airfield's capacity for routine and contingency operations in support of missions in the vast Indo-Pacific theater.

    In August 1945, Tinian’s North Field launched the two infamous US bombers that dropped nukes on Japan’s Hiroshima and Nagasaki, killing over 200,000 civilians.

    Why do US hawks see Tinian as strategically important?

    Tinian is one of the Northern Mariana Islands in the Western Pacific, the US’s westernmost frontier, along with Guam;

    Tinian’s strategic importance stems from its proximity to Tokyo and China (less than 1,500 miles away from both);

    The island is 1,500 – 1,700 miles from the Taiwan Strait, and the East and South China seas;

    It’s already been used for military purposes, during WWII, the island housed two active airfields.
    .
    1:48 AM · Sep 19, 2024 · 3,452 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1836477418695217348
    ทำไมสหรัฐฯถึงต้องควักเงินกว่า ๔๐๐ ล้านดอลลาร์ เพื่อสร้างสนามบินบนเกาะแปซิฟิกสมัยสงครามโลกครั้งที่ ๒ ขึ้นมาใหม่? กองทัพอากาศสหรัฐฯกำลังยึดสนามบินเก่าในแปซิฟิกคืน “เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการสู้รบในอนาคตที่อาจเกิดขึ้นกับจีน,” รายงานของสื่อสหรัฐฯ ระบุ สนามบินดังกล่าวตั้งอยู่บนเกาะทินเนียน และรายงานว่าวอชิงตันกำลังใช้เงิน ๔๐๙ ล้านดอลลาร์ ในความพยายาม “ขัดขวาง, หรือเอาชนะ, กองทัพจีน” การปรับปรุงปัจจุบันของวอชิงตันมุ่งเป้าไปที่การเพิ่มศักยภาพของสนามบินสำหรับปฏิบัติการประจำวันและปฏิบัติการฉุกเฉินเพื่อสนับสนุนภารกิจในพื้นที่อินโด-แปซิฟิกอันกว้างใหญ่ 📌ในเดือนสิงหาคม ๑๙๔๕, สนามบินเหนือของทินเนียนได้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดที่มีชื่อเสียงของสหรัฐฯสองลำ ที่ทิ้งระเบิดนิวเคลียร์ใส่เมืองฮิโรชิม่าและนางาซากิของญี่ปุ่น ทำให้พลเรือนเสียชีวิตมากกว่า ๒๐๐,๐๐๐ คน📌 ทำไมเหยี่ยวอีแร้งของสหรัฐฯจึงมองว่าทินเนียนมีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์? 🔹เกาะทิเนียนเป็นหนึ่งในหมู่เกาะนอร์เทิร์นมาเรียนาในแปซิฟิกตะวันตก, ซึ่งเป็นชายแดนตะวันตกสุดของสหรัฐอเมริกา, ร่วมกับเกาะกวม; 🔹ความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ของเกาะทิเนียนมาจากความใกล้ชิดกับโตเกียวและจีน (ห่างจากทั้งสองเกาะน้อยกว่า ๑,๕๐๐ ไมล์); 🔹เกาะนี้ตั้งอยู่ห่างจากช่องแคบไต้หวัน, ทะเลจีนตะวันออก และทะเลจีนใต้ ๑,๕๐๐ – ๑,๗๐๐ ไมล์; 🔹เกาะนี้เคยถูกใช้เพื่อวัตถุประสงค์ทางการทหารมาแล้ว, ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ ๒, เกาะนี้เคยมีสนามบินที่ใช้งานอยู่ ๒ แห่ง . Why’s the US shelling out over $400 mln to rebuild a WWII-era Pacific island airfield? The US Air Force is reclaiming an old airfield in the Pacific “as it prepares for a possible future fight with China,” a US media report said. The airfield in question is located on Tinian island, and Washington is reportedly spending $409 million in efforts to “deter, or defeat, the Chinese military.” Washington’s current enhancements are aimed at boosting the airfield's capacity for routine and contingency operations in support of missions in the vast Indo-Pacific theater. In August 1945, Tinian’s North Field launched the two infamous US bombers that dropped nukes on Japan’s Hiroshima and Nagasaki, killing over 200,000 civilians. Why do US hawks see Tinian as strategically important? 🔹Tinian is one of the Northern Mariana Islands in the Western Pacific, the US’s westernmost frontier, along with Guam; 🔹Tinian’s strategic importance stems from its proximity to Tokyo and China (less than 1,500 miles away from both); 🔹The island is 1,500 – 1,700 miles from the Taiwan Strait, and the East and South China seas; 🔹It’s already been used for military purposes, during WWII, the island housed two active airfields. . 1:48 AM · Sep 19, 2024 · 3,452 Views https://x.com/SputnikInt/status/1836477418695217348
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • งาน อปพร. ร่วมใจ เปิดฤดูการท่องเที่ยว ณ บริเวณสนามริมสวนสาธารณะปลาโลมา หาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 17 - 26 ธันวาคม พ.ศ. 2567
    งาน อปพร. ร่วมใจ เปิดฤดูการท่องเที่ยว ณ บริเวณสนามริมสวนสาธารณะปลาโลมา หาดป่าตอง จังหวัดภูเก็ต ระหว่างวันที่ 17 - 26 ธันวาคม พ.ศ. 2567
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • อเมริกาบังคับใช้กฏหมาย Real ID กลางปีหน้า ตรวจเข้มผู้โดยสารสายการบิน

    18 กันยายน 2567-รายงานข่าวสยามทาวน์ยูเอสระบุว่าคณะกรรมการควบคุมความปลอดภัยด้านการคมนาคม หรือ TSA (Transportation Security Administration) สังกัดกระทรวงความมั่นคงภายใน ได้ออกหนังสือเวียนถึงหน่วยงานของรัฐบาลกลาง เกี่ยวกับหลักปฏิบัติในการบังคับใช้ REAL ID โดยระบุว่าจะเริ่มบังคับใช้ เรียลไอดี ตามกำหนดที่แถลงเอาไว้ นั่นคือวันที่ 7 พฤษภาคม 2025 แต่เสนอให้มีช่วงเวลาในการปรับเปลี่ยน หรือ transition period สองปี ก่อนจะมีการบังคับใช้เต็มรูปแบบ

    TSA แถลงยืนยันจะเริ่มตรวจ “Real ID” ผู้โดยสารเครื่องบินฯ ตามกำหนดเดิม คือ 7 พฤษภาคม 2025 แต่สำหรับหน่วยงานของรัฐบาลกลางอื่นๆ นั้น เสนอให้ “ค่อยเป็นค่อยไป” ก่อนจะบังคับใช้เต็มรูปแบบหลังจากนั้นสองปี

    ทีเอสเอ ย้ำว่าการตรวจ เรียลไอดี จะไม่มีการยืดหยุ่นที่สนามบินทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม เป็นต้นไป ซึ่งแน่นอนว่าความไม่พร้อมของผู้โดยสารบางส่วน จะทำให้เกิดความล่าช้าของกระบวนการตรวจเช็คของ ทีเอสเอ อย่างแน่นอน ดังนั้นในช่วงเวลาดังกล่าว ผู้โดยสารจึงควรเผื่อเวลาสำหรับความล่าช้าจากสาเหตุนี้ด้วย

    ปัจจุบันมีใบขับขี่ และบัตรประชาชนเพียง 56 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่ได้รับการยอมรับตามกฎหมาย เรียลไอดี

    ทั้งนี้ เรียลไอดี ซึ่งเป็นบัตรประจำตัวประชาชนแบบใหม่นี้ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะปรับปรุงระบบการออกบัตรประชาชนและใบขับขี่ (ที่แต่ละรัฐเคยมีอิสระในการออกให้ประชากรของตัวเอง) ให้เป็นหนึ่งเดียวกันทั่วประเทศ ภายใต้การควบคุมดูแลของกระทรวงโฮมแลนด์ซีเคียวริตี้ เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายชื่อ the Real ID Act ที่ถูกเขียนขึ้นตามคำแนะนำของคณะกรรมาธิการ 9/11 และผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสมาตั้งแต่ปี 2005 ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบ และป้องกันการทำบัตรประชาชนปลอม ที่ถือว่าเป็นอันตรายร้ายแรงต่อความมั่นคงของชาติ

    #Thaitimes
    อเมริกาบังคับใช้กฏหมาย Real ID กลางปีหน้า ตรวจเข้มผู้โดยสารสายการบิน 18 กันยายน 2567-รายงานข่าวสยามทาวน์ยูเอสระบุว่าคณะกรรมการควบคุมความปลอดภัยด้านการคมนาคม หรือ TSA (Transportation Security Administration) สังกัดกระทรวงความมั่นคงภายใน ได้ออกหนังสือเวียนถึงหน่วยงานของรัฐบาลกลาง เกี่ยวกับหลักปฏิบัติในการบังคับใช้ REAL ID โดยระบุว่าจะเริ่มบังคับใช้ เรียลไอดี ตามกำหนดที่แถลงเอาไว้ นั่นคือวันที่ 7 พฤษภาคม 2025 แต่เสนอให้มีช่วงเวลาในการปรับเปลี่ยน หรือ transition period สองปี ก่อนจะมีการบังคับใช้เต็มรูปแบบ TSA แถลงยืนยันจะเริ่มตรวจ “Real ID” ผู้โดยสารเครื่องบินฯ ตามกำหนดเดิม คือ 7 พฤษภาคม 2025 แต่สำหรับหน่วยงานของรัฐบาลกลางอื่นๆ นั้น เสนอให้ “ค่อยเป็นค่อยไป” ก่อนจะบังคับใช้เต็มรูปแบบหลังจากนั้นสองปี ทีเอสเอ ย้ำว่าการตรวจ เรียลไอดี จะไม่มีการยืดหยุ่นที่สนามบินทั่วประเทศตั้งแต่วันที่ 7 พฤษภาคม เป็นต้นไป ซึ่งแน่นอนว่าความไม่พร้อมของผู้โดยสารบางส่วน จะทำให้เกิดความล่าช้าของกระบวนการตรวจเช็คของ ทีเอสเอ อย่างแน่นอน ดังนั้นในช่วงเวลาดังกล่าว ผู้โดยสารจึงควรเผื่อเวลาสำหรับความล่าช้าจากสาเหตุนี้ด้วย ปัจจุบันมีใบขับขี่ และบัตรประชาชนเพียง 56 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ที่ได้รับการยอมรับตามกฎหมาย เรียลไอดี ทั้งนี้ เรียลไอดี ซึ่งเป็นบัตรประจำตัวประชาชนแบบใหม่นี้ เป็นส่วนหนึ่งของความพยายามที่จะปรับปรุงระบบการออกบัตรประชาชนและใบขับขี่ (ที่แต่ละรัฐเคยมีอิสระในการออกให้ประชากรของตัวเอง) ให้เป็นหนึ่งเดียวกันทั่วประเทศ ภายใต้การควบคุมดูแลของกระทรวงโฮมแลนด์ซีเคียวริตี้ เป็นส่วนหนึ่งของกฎหมายชื่อ the Real ID Act ที่ถูกเขียนขึ้นตามคำแนะนำของคณะกรรมาธิการ 9/11 และผ่านความเห็นชอบจากสภาคองเกรสมาตั้งแต่ปี 2005 ทั้งนี้เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบ และป้องกันการทำบัตรประชาชนปลอม ที่ถือว่าเป็นอันตรายร้ายแรงต่อความมั่นคงของชาติ #Thaitimes
    Like
    Yay
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 762 มุมมอง 0 รีวิว
  • แฉเพจเจอร์สังหารที่เลบานอนและซีเรียเป็นเพจเจอร์ AR-924 ที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์สั่งซื้อเมื่อ 5 เดือนก่อนจากบริษัทโกลด์ อพอลโล ซึ่งเป็นบริษัทไต้หวัน แต่ผลิตโดย BAC Consulting KFT ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองหลวงของฮังการี คร่าชีวิตอย่างน้อย 9 ราย รวมถึงเด็กหญิงวัย 8 ขวบ และผู้บาดเจ็บกว่า 3,000 รายรวมทั้ง เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำประเทศเลบานอนเป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดพร้อมกันในกรุงเบรุตและซีเรีย

    18 กันยายน 2567-รายงานข่าวจาก นิวยอร์กไทมส์ เปิดเผยรายงานจากแหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ระบุว่าเพจเจอร์รุ่น AP924 จำนวนมากได้ถูกสั่งซื้อเมื่อ 5 เดือนก่อน จากบริษัทโกลด์ อพอลโล ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตในไต้หวัน พร้อมกล่าวอีกว่า เพจเจอร์ถูกอิสราเอลทำการดัดแปลงฮาร์ดแวร์ติดตั้งระเบิดขนาดเล็กเข้าไป อย่างไรก็ตาม บริษัทโกลด์ อพอลโล ได้ออกมายืนยันว่าบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประกอบระเบิดดังกล่าว

    ทั้งนี้ เพจเจอร์สังหารนี้เป็นเพจเจอร์ AR-924 ที่บริษัทโกลด์ อพอลโลของไต้หวันเป็นเจ้าของแต่รุ่นนี้ผลิตโดย BAC Consulting KFT ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองบูดาเปรสเมืองหลวงของของฮังการี

    ประธานโกลด์อพอลโล นายซู ชิงกวง แถลงกับนักข่าวเมื่อวันพุธนี้ว่า บริษัทของเขามีข้อตกลงอนุญาตสิทธิ์กับBACมาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว แต่ไม่ได้แสดงหลักฐานของสัญญาดังกล่าว

    “ ตามข้อตกลงความร่วมมือ เราอนุญาตให้ BAC ใช้เครื่องหมายการค้าตราสินค้าของเราสำหรับการขายผลิตภัณฑ์ในภูมิภาคที่กำหนด แต่การออกแบบและการผลิตผลิตภัณฑ์นั้นเป็นความรับผิดชอบของ BAC เพียงผู้เดียว” แถลงการณ์ระบุ

    เพจเจอร์ที่กลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์ใช้ระเบิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกันในวันอังคารในเลบานอนและซีเรีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 ราย รวมถึงเด็กหญิงวัย 8 ขวบ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเกือบ 3,000 ราย ฮิซบอลเลาะห์และรัฐบาลเลบานอนกล่าวโทษอิสราเอลว่าเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีจากระยะไกลที่ซับซ้อน

    ฟิรัส อาเบียด รัฐมนตรีสาธารณสุขเลบานอน กล่าวกับนักข่าวระหว่างเยี่ยมผู้บาดเจ็บในโรงพยาบาลเมื่อเช้าวันพุธว่า ผู้บาดเจ็บหลายคนได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ดวงตา และบางคนถูกตัดแขนตัดขา นักข่าวไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องของโรงพยาบาลหรือถ่ายภาพผู้ป่วย

    รัฐมนตรีสาธารณสุขกล่าวว่า ผู้บาดเจ็บได้ถูกกระจายไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่ทั้งหมดเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้โรงพยาบาลแห่งใดแห่งหนึ่งมีผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล และยังกล่าวเสริมว่า ตุรกี อิรัก อิหร่าน ซีเรีย และอียิปต์ เสนอที่จะให้ความช่วยเหลือในการรักษาผู้ป่วย

    ก่อนหน้านี้ในวันพุธ เครื่องบินทหารของอิรักได้ลงจอดที่กรุงเบรุตพร้อมกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่สนามบินกล่าว อาเบียดกล่าวว่าเครื่องบินลำดังกล่าวบรรทุกยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ 15 ตัน

    ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าวัตถุระเบิดถูกใส่ไว้ในเพจเจอร์ก่อนที่จะส่งมอบและนำไปใช้ในห่วงโซ่อุปทานที่ซับซ้อน

    เพจเจอร์ AR-924 ซึ่งโฆษณาว่า "ทนทาน" มีแบตเตอรี่ลิเธียมแบบชาร์จไฟได้ ตามข้อมูลจำเพาะที่เคยโฆษณาไว้บนเว็บไซต์ของ Gold Apollo ก่อนที่มันจะถูกลบออกในวันอังคารหลังจากการโจมตีด้วยการก่อวินาศกรรม สามารถรับข้อความได้ยาวถึง 100 ตัวอักษร

    โฆษณานี้ยังอ้างว่าแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานนานถึง 85 วัน ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องสำคัญมากในเลบานอน ที่ไฟฟ้าดับบ่อยครั้งหลังจากที่เศรษฐกิจตกต่ำมาหลายปี เพจเจอร์ยังทำงานบนเครือข่ายไร้สายที่แตกต่างจากโทรศัพท์มือถือ ทำให้มีความทนทานมากขึ้นในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่โรงพยาบาลหลายแห่งทั่วโลกยังคงใช้เพจเจอร์นี้

    อดีตผู้เชี่ยวชาญด้านยุทโธปกรณ์ของกองทัพอังกฤษซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ บอกกับบีบีซีว่า เพจเจอร์เหล่านี้น่าจะถูกบรรจุด้วยวัตถุระเบิดทางทหารน้ำหนักระหว่าง 10-20 กรัม ซ่อนอยู่ในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ปลอม

    เมื่ออุปกรณ์ได้รับการติดตั้งผ่านสัญญาณที่เรียกว่า "ข้อความตัวอักษรและตัวเลข" คนถัดไปที่ใช้เพจเจอร์จะเป็นผู้จุดชนวนวัตถุระเบิด ผู้เชี่ยวชาญกล่าว

    ลีนา คาติบ นักวิเคราะห์ตะวันออกกลางจากแชทแธม เฮาส์ (Chatham House) ซึ่งเป็นสถาบันคลังสมองในสหราชอาณาจักรบอกกับบีบีซีว่า "อิสราเอลได้ดำเนินการโจมตีทางไซเบอร์ต่อฮิซบอลเลาะห์มาหลายเดือนแล้ว แต่การเจาะระบบครั้งนี้ได้ถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุด"

    https://youtu.be/inoQpYrhlEw?si=8tTUlra5JYLsr3oX

    #Thaitimes
    แฉเพจเจอร์สังหารที่เลบานอนและซีเรียเป็นเพจเจอร์ AR-924 ที่กลุ่มฮิซบอลเลาะห์สั่งซื้อเมื่อ 5 เดือนก่อนจากบริษัทโกลด์ อพอลโล ซึ่งเป็นบริษัทไต้หวัน แต่ผลิตโดย BAC Consulting KFT ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองหลวงของฮังการี คร่าชีวิตอย่างน้อย 9 ราย รวมถึงเด็กหญิงวัย 8 ขวบ และผู้บาดเจ็บกว่า 3,000 รายรวมทั้ง เอกอัครราชทูตอิหร่านประจำประเทศเลบานอนเป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดพร้อมกันในกรุงเบรุตและซีเรีย 18 กันยายน 2567-รายงานข่าวจาก นิวยอร์กไทมส์ เปิดเผยรายงานจากแหล่งข่าวซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ด้านความมั่นคงของสหรัฐฯ ระบุว่าเพจเจอร์รุ่น AP924 จำนวนมากได้ถูกสั่งซื้อเมื่อ 5 เดือนก่อน จากบริษัทโกลด์ อพอลโล ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตในไต้หวัน พร้อมกล่าวอีกว่า เพจเจอร์ถูกอิสราเอลทำการดัดแปลงฮาร์ดแวร์ติดตั้งระเบิดขนาดเล็กเข้าไป อย่างไรก็ตาม บริษัทโกลด์ อพอลโล ได้ออกมายืนยันว่าบริษัทไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการประกอบระเบิดดังกล่าว ทั้งนี้ เพจเจอร์สังหารนี้เป็นเพจเจอร์ AR-924 ที่บริษัทโกลด์ อพอลโลของไต้หวันเป็นเจ้าของแต่รุ่นนี้ผลิตโดย BAC Consulting KFT ซึ่งมีสำนักงานใหญ่อยู่ในเมืองบูดาเปรสเมืองหลวงของของฮังการี ประธานโกลด์อพอลโล นายซู ชิงกวง แถลงกับนักข่าวเมื่อวันพุธนี้ว่า บริษัทของเขามีข้อตกลงอนุญาตสิทธิ์กับBACมาเป็นเวลา 3 ปีแล้ว แต่ไม่ได้แสดงหลักฐานของสัญญาดังกล่าว “ ตามข้อตกลงความร่วมมือ เราอนุญาตให้ BAC ใช้เครื่องหมายการค้าตราสินค้าของเราสำหรับการขายผลิตภัณฑ์ในภูมิภาคที่กำหนด แต่การออกแบบและการผลิตผลิตภัณฑ์นั้นเป็นความรับผิดชอบของ BAC เพียงผู้เดียว” แถลงการณ์ระบุ เพจเจอร์ที่กลุ่มติดอาวุธฮิซบอลเลาะห์ใช้ระเบิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกันในวันอังคารในเลบานอนและซีเรีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 9 ราย รวมถึงเด็กหญิงวัย 8 ขวบ และมีผู้ได้รับบาดเจ็บเกือบ 3,000 ราย ฮิซบอลเลาะห์และรัฐบาลเลบานอนกล่าวโทษอิสราเอลว่าเป็นผู้ก่อเหตุโจมตีจากระยะไกลที่ซับซ้อน ฟิรัส อาเบียด รัฐมนตรีสาธารณสุขเลบานอน กล่าวกับนักข่าวระหว่างเยี่ยมผู้บาดเจ็บในโรงพยาบาลเมื่อเช้าวันพุธว่า ผู้บาดเจ็บหลายคนได้รับบาดเจ็บสาหัสที่ดวงตา และบางคนถูกตัดแขนตัดขา นักข่าวไม่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปในห้องของโรงพยาบาลหรือถ่ายภาพผู้ป่วย รัฐมนตรีสาธารณสุขกล่าวว่า ผู้บาดเจ็บได้ถูกกระจายไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่ทั้งหมดเพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้โรงพยาบาลแห่งใดแห่งหนึ่งมีผู้ป่วยล้นโรงพยาบาล และยังกล่าวเสริมว่า ตุรกี อิรัก อิหร่าน ซีเรีย และอียิปต์ เสนอที่จะให้ความช่วยเหลือในการรักษาผู้ป่วย ก่อนหน้านี้ในวันพุธ เครื่องบินทหารของอิรักได้ลงจอดที่กรุงเบรุตพร้อมกับอุปกรณ์ทางการแพทย์ เจ้าหน้าที่สนามบินกล่าว อาเบียดกล่าวว่าเครื่องบินลำดังกล่าวบรรทุกยาและอุปกรณ์ทางการแพทย์ 15 ตัน ผู้เชี่ยวชาญเชื่อว่าวัตถุระเบิดถูกใส่ไว้ในเพจเจอร์ก่อนที่จะส่งมอบและนำไปใช้ในห่วงโซ่อุปทานที่ซับซ้อน เพจเจอร์ AR-924 ซึ่งโฆษณาว่า "ทนทาน" มีแบตเตอรี่ลิเธียมแบบชาร์จไฟได้ ตามข้อมูลจำเพาะที่เคยโฆษณาไว้บนเว็บไซต์ของ Gold Apollo ก่อนที่มันจะถูกลบออกในวันอังคารหลังจากการโจมตีด้วยการก่อวินาศกรรม สามารถรับข้อความได้ยาวถึง 100 ตัวอักษร โฆษณานี้ยังอ้างว่าแบตเตอรี่มีอายุการใช้งานนานถึง 85 วัน ซึ่งนั่นถือเป็นเรื่องสำคัญมากในเลบานอน ที่ไฟฟ้าดับบ่อยครั้งหลังจากที่เศรษฐกิจตกต่ำมาหลายปี เพจเจอร์ยังทำงานบนเครือข่ายไร้สายที่แตกต่างจากโทรศัพท์มือถือ ทำให้มีความทนทานมากขึ้นในกรณีฉุกเฉิน ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่โรงพยาบาลหลายแห่งทั่วโลกยังคงใช้เพจเจอร์นี้ อดีตผู้เชี่ยวชาญด้านยุทโธปกรณ์ของกองทัพอังกฤษซึ่งไม่ขอเปิดเผยชื่อ บอกกับบีบีซีว่า เพจเจอร์เหล่านี้น่าจะถูกบรรจุด้วยวัตถุระเบิดทางทหารน้ำหนักระหว่าง 10-20 กรัม ซ่อนอยู่ในชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ปลอม เมื่ออุปกรณ์ได้รับการติดตั้งผ่านสัญญาณที่เรียกว่า "ข้อความตัวอักษรและตัวเลข" คนถัดไปที่ใช้เพจเจอร์จะเป็นผู้จุดชนวนวัตถุระเบิด ผู้เชี่ยวชาญกล่าว ลีนา คาติบ นักวิเคราะห์ตะวันออกกลางจากแชทแธม เฮาส์ (Chatham House) ซึ่งเป็นสถาบันคลังสมองในสหราชอาณาจักรบอกกับบีบีซีว่า "อิสราเอลได้ดำเนินการโจมตีทางไซเบอร์ต่อฮิซบอลเลาะห์มาหลายเดือนแล้ว แต่การเจาะระบบครั้งนี้ได้ถือว่ามีขนาดใหญ่ที่สุด" https://youtu.be/inoQpYrhlEw?si=8tTUlra5JYLsr3oX #Thaitimes
    Like
    Sad
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 901 มุมมอง 0 รีวิว
  • #สารสำคัญถึงแฟนเพจคิงส์ฯทุกท่าน
    พี่คิงส์ขอขอบคุณแฟนเพจที่เข้ามาติดตามข่าวสารกันอย่างต่อเนื่อง
    ซึ่งเพจคิงส์โพธิ์แดง ที่เป็นเพจดั้งเดิม
    อย่างที่ทราบกันดีว่า ได้ผ่านสมรภูมิมาหลายสนาม
    เพราะเรายืนหยัดบนความถูกต้อง
    ทั้งไอโอจากกลุ่มมีสีและผู้มีอิทธิพล
    และเราไม่เคยแพ้ และสะกดคำว่ากลัวไม่เป็น
    โดยเดิมทีจะมีข่าวซีฟ ทั้งเรื่องการเมือง
    และข้อมูลสำคัญที่คนไทยต้องรับรู้
    กับความพยายามของต่างชาติ
    ที่หาวิธีในการเข้ามาล้มล้างการปกครอง
    แต่เมื่อเพจคิงส์ ได้ทำการขุดเรื่องเบื้องลึกกามิจ
    เนื่องจากเห็นการกระทำของหลังบ้าน กลุ่ม DC
    ที่เลยเถิดไปบิ๊วให้ทุยผู้ภักดี
    มาเล่นงานน้องแน๊ก ด้วยการประดิษฐ์วาทะกรรม
    ทำให้เชื่อว่าแน๊ก ไม่ ส บ บาย
    ซึ่งน้องเองมีอาชีพเป็นดารานักแสดง
    สิ่งที่โจมณฑานีกระทำ ถือว่าเป็นการทำให้เสื่อมเสีย
    และก็เลยไปไกลถึงขนาดที่ทำให้ทุย
    มาตรร้ายต่อน้องแน๊กและครอบครัว
    พี่คิงส์จึงออกมาปกป้องด้วยข้อมูลที่ขุดใหม่ทุกวัน
    แต่ก็ยิ่งขุดยิ่งลึก จึงทำให้รับรู้ข้อมูลสำคัญ
    ว่าเบื้องหลังของการกระทำของโจมณฑานีที่สร้างฐาน
    รวมไปถึงการสร้างกลุ่มไอโอนั้น มีการสนับสนุนจากกลุ่มเงินดาร์ค
    ทะลุไปถึงการใช้ ตต. และการ พีเค ในการฟอกให้ขาว
    ในขณะที่กำลังขุดเรื่องนี้ ก็ยังมีข่าวสารอีกรอบด้าน
    ทั้งเป็นสื่อกลางในการช่วย ผปสภ และการรู้ทัน
    นักการเมืองบางพรรค ที่มีความเคลื่อนไหวที่จะส่งผลต่อพี่น้องชาวไทยในอนาคตได้
    พี่คิงส์เองก็คิดมาซักพักแล้วว่า เรามีความจำเป็น
    ต้องแยกกลุ่มอย่างชัดเจน เพราะต้องยอมรับว่า
    จากที่เคยคิดว่า เป็นภาระกิจระยะสั้น แต่ดูแล้ว
    กับการซัพพอตจากกลุ่มเงินดาร์คผ่านโจ มาทำไอโอนั้น
    น่าจะไม่หมอบง่ายๆ ต้องจัดและขุดไปอีกยาวๆ
    ดังนั้น เรียนท่านผู้ติดตามทั้งสองเพจ เข้าไปกดติดตาม
    สิ่งที่ท่านสนใจจริงๆเพิ่ม
    เพจแรก คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    จะเน้นเรื่องอัพเดท โจ และไอโอ กามิจ และกลุ่มเงินดาร์ค เอเจนซี่
    ------------------------------
    เพจที่สอง คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    จะเน้นข่าวการเมืองข่าวที่ส่งผลกระทบกับพี่น้องชาวไทยในประเด็นอื่นๆ
    รวมถึงข่าวซีฟ เกี่ยวกับข้าราชการ ที่แสวงหาประโยชน์ในตำแหน่ง
    ---------------------------
    ดังนั้น จึงเรียนแจ้งแฟนเพจที่เคารพทุกท่านครับ
    แต่หากเมื่อไหร่ ที่เพจที่ท่านติดตาม ในสองเพจนี้ เพจใดเพจหนึ่งปลิว
    เราจะรวมข้อมูลนำเสนอในเพจที่เหลือทั้งสองด้าน และเราได้เตรียมเพจใหม่สำรองไว้แล้วอีกหลายเพจ จะประชาสัมพันธ์เพื่อแยกเพจให้ตรงกลุ่มกับสิ่งที่ท่านต้องการอีกครั้งครับ
    ขอบคุณที่มาร่วมเป็นพลังในการยืนหยัดอยู่บนความถูกต้องเสมอมา
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    #สารสำคัญถึงแฟนเพจคิงส์ฯทุกท่าน พี่คิงส์ขอขอบคุณแฟนเพจที่เข้ามาติดตามข่าวสารกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเพจคิงส์โพธิ์แดง ที่เป็นเพจดั้งเดิม อย่างที่ทราบกันดีว่า ได้ผ่านสมรภูมิมาหลายสนาม เพราะเรายืนหยัดบนความถูกต้อง ทั้งไอโอจากกลุ่มมีสีและผู้มีอิทธิพล และเราไม่เคยแพ้ และสะกดคำว่ากลัวไม่เป็น โดยเดิมทีจะมีข่าวซีฟ ทั้งเรื่องการเมือง และข้อมูลสำคัญที่คนไทยต้องรับรู้ กับความพยายามของต่างชาติ ที่หาวิธีในการเข้ามาล้มล้างการปกครอง แต่เมื่อเพจคิงส์ ได้ทำการขุดเรื่องเบื้องลึกกามิจ เนื่องจากเห็นการกระทำของหลังบ้าน กลุ่ม DC ที่เลยเถิดไปบิ๊วให้ทุยผู้ภักดี มาเล่นงานน้องแน๊ก ด้วยการประดิษฐ์วาทะกรรม ทำให้เชื่อว่าแน๊ก ไม่ ส บ บาย ซึ่งน้องเองมีอาชีพเป็นดารานักแสดง สิ่งที่โจมณฑานีกระทำ ถือว่าเป็นการทำให้เสื่อมเสีย และก็เลยไปไกลถึงขนาดที่ทำให้ทุย มาตรร้ายต่อน้องแน๊กและครอบครัว พี่คิงส์จึงออกมาปกป้องด้วยข้อมูลที่ขุดใหม่ทุกวัน แต่ก็ยิ่งขุดยิ่งลึก จึงทำให้รับรู้ข้อมูลสำคัญ ว่าเบื้องหลังของการกระทำของโจมณฑานีที่สร้างฐาน รวมไปถึงการสร้างกลุ่มไอโอนั้น มีการสนับสนุนจากกลุ่มเงินดาร์ค ทะลุไปถึงการใช้ ตต. และการ พีเค ในการฟอกให้ขาว ในขณะที่กำลังขุดเรื่องนี้ ก็ยังมีข่าวสารอีกรอบด้าน ทั้งเป็นสื่อกลางในการช่วย ผปสภ และการรู้ทัน นักการเมืองบางพรรค ที่มีความเคลื่อนไหวที่จะส่งผลต่อพี่น้องชาวไทยในอนาคตได้ พี่คิงส์เองก็คิดมาซักพักแล้วว่า เรามีความจำเป็น ต้องแยกกลุ่มอย่างชัดเจน เพราะต้องยอมรับว่า จากที่เคยคิดว่า เป็นภาระกิจระยะสั้น แต่ดูแล้ว กับการซัพพอตจากกลุ่มเงินดาร์คผ่านโจ มาทำไอโอนั้น น่าจะไม่หมอบง่ายๆ ต้องจัดและขุดไปอีกยาวๆ ดังนั้น เรียนท่านผู้ติดตามทั้งสองเพจ เข้าไปกดติดตาม สิ่งที่ท่านสนใจจริงๆเพิ่ม เพจแรก คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง จะเน้นเรื่องอัพเดท โจ และไอโอ กามิจ และกลุ่มเงินดาร์ค เอเจนซี่ ------------------------------ เพจที่สอง คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 จะเน้นข่าวการเมืองข่าวที่ส่งผลกระทบกับพี่น้องชาวไทยในประเด็นอื่นๆ รวมถึงข่าวซีฟ เกี่ยวกับข้าราชการ ที่แสวงหาประโยชน์ในตำแหน่ง --------------------------- ดังนั้น จึงเรียนแจ้งแฟนเพจที่เคารพทุกท่านครับ แต่หากเมื่อไหร่ ที่เพจที่ท่านติดตาม ในสองเพจนี้ เพจใดเพจหนึ่งปลิว เราจะรวมข้อมูลนำเสนอในเพจที่เหลือทั้งสองด้าน และเราได้เตรียมเพจใหม่สำรองไว้แล้วอีกหลายเพจ จะประชาสัมพันธ์เพื่อแยกเพจให้ตรงกลุ่มกับสิ่งที่ท่านต้องการอีกครั้งครับ ขอบคุณที่มาร่วมเป็นพลังในการยืนหยัดอยู่บนความถูกต้องเสมอมา #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง-2
    Like
    Yay
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1062 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ต้องฟูมฟายไปนะคะ ติ่งขา………พี่ปูคมทั้งในฝักและนอกฝักเชียว……!!!

    ตอนเจ็ด………ตำแหน่งที่ได้รับ……ไม่ได้มาจากโชคหรือการจับฉลาก……แต่ด้วยความสามารถและความอุตสาหะล้วนๆ

    ที่ปูตินลังเลนั้น……เขาเพียงแต่ห่วงว่าครอบครัวจะปรับชีวิตและความเป็นอยู่ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะสังคมที่มอสโคว์กับกรุงเซนต์ต่างกันมากมาย
    แต่เมื่อได้คุยกับลุดมิลา เธอและลูกๆไม่มีปัญหาอะไร ไปไหนก็ได้เพราะอำนาจในการตัดสินก็อยู่ที่ช้างเท้าหน้าคือปูตินอยู่แล้ว และตัวเธอเองก็จะได้มีอิสระกับสายตาของแม่สามีไปเสียบ้าง

    สาเหตุก็เพราะรัฐบาลของเยลซินต้องการ”น้ำใหม่”มาแทนที่น้ำเสียที่รวมกันกันเป็นกระจุกอยู่ในเครมลิน เพราะความผิดพลาดในเรื่องการทำสงครามปราบปรามที่ Chechen ในปี 1994 ที่ทุกคนคิดว่า
    วันสองวันก็คงจบ……แต่ที่ไหนได้ มาลากถ่วงยาวมาจนตอนนี้
    รวมทั้งสุขภาพที่ลดถอยของเยลซินเอง ที่เป็นโรคหัวใจกำเริบในตอนต้นปี 1995 ที่ทำให้เขาไม่ได้ปรากฏตัวออกสู่สายตาของประชาชน

    นี่คือเหตุผลที่ปูตินได้เข้ามาเป็นน้ำใหม่ในมอสโคว์ ในเดือนกันยายน 1996 และได้รับบ้านประจำตำแหน่งที่ค่อนข้างหรูหราอยู่ใกล้ๆกับเครมลิน
    เขาได้นำเพื่อนคู่ใจมาช่วยงานด้วยสองคน จากเซนต์ ปีเตอร์เบอร์ก คือ Sergei Chemezov**และ Igor Sechin***

    เจ้านายของเขา ปาเวล ได้มอบหมายงานให้เป็นฝ่ายดูแลอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด จะต้องมีการคัดกรอง บริหารที่ดิน ตึกอาคารกันใหม่ เพราะในยุคของโซเวียต ทุกอย่างเป็นของรัฐบาล แต่ตอนนี้ก่อนที่จะมีการจำหน่าย หรือ จัดสรร ออกโฉนดจะต้องทำการประเมิน
    ซึ่งมันหมายถึงงานที่มากมายมหาศาล เพราะพื้นที่ที่จะต้องดูแลทั้งหมด คือ 78 เขตจังหวัด และ ต่างประเทศ(ในความควบคุมของโซเวียต) อื่นๆ เช่น อาคารที่ตั้งสถานทูต โรงเรียน
    รวมทั้งที่ยูเครน

    เรียกได้ว่า งานนี้ ทำให้ปูตินได้รู้หมดถึงทรัพย์สินของรัสเซียว่าอยู่ที่ไหน และ มีค่าเท่าใด
    และยิ่งค้นไป……เขาได้เห็นความไม่ชอบมาพากลหลายๆอย่าง เช่นพื้นที่สำคัญหลายแห่งถูกปล่อยให้เช่า แม้แต่ทรัพย์สินที่มีในสวิสเซอร์แลนด์ก็เช่นกัน ที่ขายไปในราคาที่เหมือนจะให้ฟรี จากชื่อบริษัท หรือ องค์กรประหลาดๆ
    ยิ่งค้นไปก็เจอว่าเป็นการ”ลักไก่” จากในหมู่ข้าราชการด้วยกัน

    เขาได้ทำรายงานให้กับทางต้นสังกัดให้ทราบเป็นเอกสารอย่างครบถ้วน เพื่อที่จะจัดการกันต่อไป เพราะเขาถือว่า
    หน้าที่ของเขา คือ การรวบรวมเอกสารและข้อมูล
    ส่วนการพิจารณาโทษ……เป็นหน้าที่ของหน่วยที่เกี่ยวข้อง

    แต่การดำเนินการล่าช้าจนเกินเหตุเพราะในช่วงนั้น มีสงครามที่เชเชน ที่มีแม่ทัพผู้อำนวยการ คือ นายพล Alexandr Lebed จอมยะโสคนนั้น
    ที่ได้สร้างผลงานให้อับอายไปทั่ว คือ แทนที่จะสยบเชเชน ดินแดนชายแดนขนาดเล็กแค่นั้น แต่ทำไม่สำเร็จ (สิงหาคม 1996)
    แถมจะยอมเจรจาสงบศึกทำสนธิสัญญาที่เสียเปรียบเข้าไปอีก
    งานนี้ทำให้เกิดกระแสที่เสียหายกับรัฐบาลของเยลซิน
    เหล่าคณะมนตรีเริ่มลุกขึ้นมาทะเลาะกันลั่นสภา
    หลายคนเรียก นายพล Alexandr Lebed ว่าเป็น “Little Napoleon” (คือ ปากดี ทีเหลว) หรือ “ไอ้กองทัพไม่มีน้ำยา”
    กระแสโกรธแค้นของประชาชนเริ่มทวีขึ้น
    จนไม่กี่วันต่อมา เยลซินต้องทำการปลดท่านนายพลออกจากตำแหน่ง

    การปรับเปลี่ยนตำแน่งได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ปูตินได้ขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการแห่งองค์กรรวม ( Chief of Staff) ที่เทียบเท่ากับ
    อธิบดี ที่ไม่กี่วันต่อมาหลังจากที่ได้รับตำแหน่ง สภาได้ออกกฏหมายใหม่ เพิ่มอำนาจให้กับเขาอีก ในการขยายวงสอบสวนการทุจริต ยักยอก รวมไปถึงการคอร์รัปชั่นที่ทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ ไม่ว่าจะเป็น ข้าราชการ, พนักงานลูกจ้าง และการสัมปทานต่างๆ
    งานนี้ ปูตินได้เจอะเจองานช้างเข้าหลายงาน เช่น อดีตนายพล Paval Grachev คนสนิทของเยลซิน ที่ควบคุมกองทัพในคอร์เคซัส ตั้งแต่ปี 1993-1996 ได้นำรถถังและอาวุธต่างๆที่มีมูลค่ากว่า หนึ่งพันล้านดอลล่าร์ ไปให้กับกองทัพของอาร์เมเนี่ยน ในสงครามกับ อาร์เซอร์ไบจาน
    ซึ่งเป็นการกระทำที่ถือว่าขายชาติ เพราะ รัสเซียอยู่ฝ่ายสนับสนุนอาเซอร์ไบจาน

    แต่…ทุกอย่างได้ผ่านไปก่อนที่ปูตินจะก้าวเข้ามา เขาจะไปทำอะไรได้ นอกจากจะต้องเลี้ยงนายพลคนนี้ต่อไป เนื่องจากว่าเป็นนายพลระดับวงในของเยลซที่เปรียบเหมือนตัวอันตราย ถ้าบีบคั้น……
    ก็อาจจะตกไปอยู่ในมือของชาติอื่นที่ต้องการล้วงความลับ
    ดังนั้น จึงต้องใช้วิธีเลี้ยงเอาไว้ แล้วใส่ปลอกคอล่ามโซ่ให้สั้น
    โดยที่เขาใช้วิธีให้สัมภาษณ์กับนักข่าว
    ในเวลาที่ถูกถามถึงเรื่อง
    “นายพล เมอร์ซิเดส” เพราะนายพลคนนี้ชอบใช้รถหรูเกินฐานะ
    ว่า เรื่องการตรวจสอบคอร์รัปชั่นค้าอาวุธกับฝ่ายตรงข้ามนั้นไปถึงไหนแล้ว
    ปูตินตอบเรียบๆว่า “เราได้เอกสารพร้อมทุกอย่างแล้ว ข้อมูลครบ จะส่งขึ้นไปให้ฝ่ายกฎหมายต่อไป”
    นักข่าวถามต่อว่า
    “นายพลเมอร์ซิเดสได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่..??”
    “ก็ไม่มีนะ ไม่มีชื่อของ Gen. Pavel Grachev มาเกี่ยวข้องด้วย “

    นี่คือการทำงานของปูตินที่ต้องรักษาภาพลักษณ์ให้กับเยลซิน
    แต่มืออีกข้างหนึ่งเขาได้จัดการไปตามกฏหมายเอาผิด ใช้เวลาถึงสิบปี ที่ได้เอานายพลและคณะออกจากตำแหน่งได้สำเร็จ (2007)
    หรืองานคอร์รัปชั่นในหน่วยสร้างทางที่เป็นเงินมหาศาลที่มีข้าราชการเกี่ยวข้องทำผิดถึง 260 คน (ในเมษายน ปี 1997)
    หรือใน Stavropol เชือดไปอีก 450 คน (ในกันยายน 1997)

    เรื่องนายพลที่ต้องล่าช้านานขนาดนั้น เพราะปูตินไม่มีอำนาจในบทลงโทษที่เป็นงานส่วนตุลาการ
    เขาทำได้แค่ชี้มูลความผิดพร้อมหลักฐานที่หนาแน่น

    เพราะการทำงานไล่บี้การยักยอกนั้น ทำให้ปูตินต้องเข้าติดต่อกับงานเดิมอีก คือ KGB ที่ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น FSB (แต่อาคารที่ทำงานยังอยู่ที่เดิม) อยู่บ่อยๆ เท่ากับว่าเขาได้กลับไปเยือนบรรยากาศเก่าๆอีกครั้ง

    และจากงานที่ต้องมาดูพื้นที่และทรัพยากรของชาติ ที่เขาได้ทำงานอย่างไหลลื่นนั้น ก็ไม่ใช่ว่าเขาเหนือมนุษย์……
    หากแต่มันเป็นเรื่องบังเอิญอย่างที่สุด ที่เขาเกิดความสนใจในเรื่องเศรษฐศาสตร์ เพราะจากงานที่ทำอยู่ในสภาเทศบาลที่กรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในช่วงที่อนาโตลีได้แพ้เลือกตั้ง
    ปูตินเริ่มมีเวลาว่าง เพราะมีหน้าที่เพียงแต่อำนวยความสะดวกให้กับทีมใหม่
    เขาใช้เวลานั้น ไปลงเรียนวิชาบริหารเหมืองแร่และทรัพยากรน้ำมัน ที่ Georgi Plekhanov Mining Institute
    แทนที่จะไปเรียนต่อทางด้านกฎหมาย
    และไม่ได้ไปเรียนคนเดียว เขาเอาเพื่อนรักทั้งสอง Viktor Zubkov กับ Igor Sechin ไปนั่งเรียนกันด้วย

    ปลายปี 1996 (เข้าเรียนกลางปี 1995) ที่ปูตินสามารถส่งแฟ้ม Thesis ที่หนากว่า 250 หน้า ในเรื่องทรัพยากรแร่ธาตุที่เปรียบเสมือนทองคำของประเทศ
    ได้สำเร็จสวยงาม เพราะเขาได้ติวเตอร์คนสำคัญมาช่วย
    นั่นคือ Vladimir Litvenenko ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญเหมืองแร่ ที่ไปค้นคว้าหาตำราจากยุโรปมาแปลให้เป็นภาษารัสเซีย
    เรื่องนี้ ปูตินและเพื่อนๆที่พากันไปเรียนก็ไม่ได้ไปโอ้อวดที่ไหน ตอนนั้นที่ไปลงเรียน ก็เพราะมีเวลาว่าง
    เขาเพียงแต่คิดว่า……ในสายงานทางกฎหมายของเขาควรจะต้องรู้เรื่องทรัพยาการที่เป็นธุรกิจหลักของประเทศให้ดีขึ้น

    และเขาก็ได้ใช้มันจริงๆที่มอสโคว์ เพราะเขาได้รู้ทันเจ้ากรมพลังงานที่มีการเล่นตลกกับใบสัมปทาน……แต่ก็พูดมากไปไม่ได้ เพราะนั่นคือกลุ่มคนในวงในของเยลซิน

    แต่ทีนี้ความไม่เป็นธรรมได้เกิดขึ้นกับคดีของอนาโตลี เจ้านายเก่า
    เพราะหลังจากที่อะนาโตลี ถูกกลุ่มวงในมอสโคว์”เท”จนไม่ได้รับการสนับสนุนเลือกตั้งนั้น เขาได้” โวย” กับเยลซิน
    ที่ได้รับการตอบสนอง คือ เยลซินเอาพวกนั้นออกไปเป็นแผงก็จริง ………แต่คนกลุ่มนั้นก็ไม่ได้ไปไหน หรือ รับโทษอะไร
    ยังวนเวียนเป็นที่ปรึกษาอยู่รอบตัวเยลซินเหมือนเดิม
    แถมอนาโตลี ได้มีศัตรูเพิ่มอย่างออกหน้าออกตาอีกต่างหาก
    การกลั่นแกล้งจึงได้เกิดขึ้น แบบชนิดให้ได้อาย
    เช่นอนาโตลีมีการประชุมกับคณะมนตรีจาก UNESCO
    จู่ๆก็มีตำรวจบุกไปกลางงาน ขอควบคุมตัวไปสอบสวนในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง เขากลายเป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับ
    จนเขาเครียดถึงกับล้มป่วย เข้าโรงพยาบาล
    ครอบครัวต้องการให้แพทย์จากมอสโคว์มารักษา

    ปูตินบินด่วนไปเยี่ยมทันที และจัดการส่งเขาเข้าโรงพยาบาลทหาร จัดการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาพร้อม
    และที่เขาทำมากกว่านั้น มากเกินอำนาจเขาไปอีก คือ จัดเช่าเครื่องบินส่วนตัวจากฟินแลนด์นำตัวเขาออกนอกประเทศไปยังกรุงปารีส
    โดยให้เหล่า KGB นำขบวนรถฉุกเฉินไปยังสนามบิน
    หมายจับอะไรก็ไม่สำคัญทั้งนั้น ทุกอย่างผ่านตลอด พาสปอร์ต
    ประทับตรา ผ่านศุลกากร

    การกล้าทำแบบนี้ ถือว่าเป็นการฉีกกฎหมายทิ้ง และเสี่ยงต่อการเสียอนาคตของปูตินที่กำลังจะไปได้สวย
    แต่……สำหรับอนาโตลีแล้ว ปูตินพร้อมแลกเพื่อที่จะช่วยเหลือตอบแทนผู้ที่เคยมีพระคุณ
    เพราะเขาได้เห็นมาตลอดว่า เรื่องราวนั้นเป็นอย่างไร ในประเทศที่กฎหมายไม่สามารถบังคับใช้อะไรได้ ความผิดของอนาโตลีนั้นเทียบเท่ากับเมล็ดทรายของคนหลายๆคนในเครมลิน

    คนที่ชื่นชมกับความกตัญญูและการกล้าตัดสินใจของปูติน ในครั้งนี้ คือ ท่านประธานธิบดี Boris Yentsin เพราะท่านว่า
    ถ้าเกิดขึ้นกับเรา…จะมีใครที่ไหนที่จะกล้ามาช่วยเราขนาดนี้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย……?!!!

    ปูตินเริ่มเป็นที่จับตามองจากคณะท่านผู้นำ ในวันที่ 21 มีนาคม 1998 เยลซินได้เรียกให้นายกรัฐมนตรี Viktor Chernomydrin
    เข้ามาพบที่บ้านพักส่วนตัว เพื่อที่จะบอกว่า วิคเตอร์ทำหน้าที่นี้มานานถึงห้าปีแล้ว แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น ทุกอย่างยังกวาดเข้าไปซุกอยู่ใต้พรม……เขาต้องการคนที่จะมา”ยกพรมขึ้น” แล้ว “กวาดขยะออกให้หมด” เพื่อบ้านจะได้น่าอยู่
    ฉะนั้น……ที่ให้มาพบในครั้งนี้ คือการไล่ออก……

    เยลซินได้เสนอชื่อ Sergei Kiriyenko อดีตนายธนาคารที่เป็นนักการเมืองหนุ่มวัย 35 ปี ต่อสภา……สภาไม่ผ่านทั้งสองครั้ง
    แต่ต่อมา……ด้วยแรงผลักดันของเยลซิน……ก็ผ่านฉลุย
    ส่วนอดีตนายกฯที่ถูกไล่ออกไป ก็ฮึ่มๆ ประกาศว่าเขาจะลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยหน้า จะได้รู้หมู่รู้จ่ากันไป.…

    นายทุนกระเป๋าหนัก Boris Berezovsky ที่สนับสนุนเยลซิน
    เพราะมีผลประโยชน์มหาศาลนั้น เริ่มเข้ามามีบทบาทช่วยเลือก
    เพราะกลุ่มคนวงในเก่าๆเท่าที่เห็น ต่างก็จะเข้ามาขวางทางการค้าของเขาทั้งสิ้น เพราะทุกคนต่างมีเส้นสายในกิจการสารพัดอยู่แล้ว

    ไม่ทันที่ใครจะคิดอ่านทำอะไร กระดานหุ้นรัสเซียตกฮวบ
    หุ้นบริษัทพลังงาน Rosneft ที่รัฐบาลถือหุ้นใหญ่ ตกดิ่ง
    บริษัทลงทุนจากต่างชาติได้พากันถอนหุ้น เงินรูเบิ้ลสูญเสียมูลค่าที่รัฐบาลก็เอาไม่อยู่
    การแทรกแซงจากต่างชาติเริ่มเข้ามา ทั้งจากภาคการเมือง
    และเศรษฐกิจ
    เยลซินเริ่มเห็นแล้วว่า สาเหตุที่เกิดเช่นนั้น เพราะฝีมือของกลุ่มพ่อมดทางการเงิน จากคนรอบตัว (Oligarchs) ของเขาเองที่ส่วนใหญ่แล้ว คือยิว ที่มาปั่นกระแสขาขึ้นให้ แล้วก็ถีบหัว ตบคว่ำ……

    เยลซินเริ่มโดดเดี่ยว เขาต้องหาคนที่จะคอยพิทักษ์ปกป้อง และจะเข้ามาช่วยขจัดเหลือบไรพวกนี้ให้ออกไปให้พ้นจากชาติบ้านเมืองได้ ก็มีอยู่องค์กรเดียว คือ FSB (KGB) ที่เขาไม่ได้สนใจ ใส่ใจดูแลมานานแสนนาน
    ซึ่งเข้าทาง Boris Berezovsky (ยิวหนึ่งใน Oligarchs) ได้เสนอชื่อ ปูติน เพราะเขาเล่าว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดที่จะเปิดบริษัทขายรถยนตร์ในเลนินกราด ได้ไปติดต่อกับปูตินเพื่อขอใบอนุญาตการค้า และได้ยื่นซองใต้โต๊ะให้
    แต่ถูกปฏิเสธ……ไม่รับ……!!!
    เยลซินเห็นด้วย (จากเรื่องของอนาโตลี) เขาบอกว่า……”ตอนแรกเราเห็นว่าปูตินเขาเป็นคนเฉยๆ เพราะเห็นเขาเงียบๆ ไม่ค่อยพูดอะไร แต่เพิ่งรู้เหมือนกัน ว่า เป็นคนที่คมในฝัก”

    นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆ Sergei Kiriyenko ได้รับคำสั่งให้ที่มอสโคว์ เพื่อแจ้งข่าวกับปูติน
    ปูตินจึงไปรอรับท่านนายกฯ ที่สนามบิน ที่เขาคิดว่า เรื่องด่วนแบบนี้ ไม่น่าที่จะเป็นข่าวมงคล
    ทันทีที่ได้พบหน้ากัน ท่านนายกฯ ได้ปรี่เข้ามาจับมือขอแสดงความยินดี พร้อมกับบอกว่า “ดีใจด้วยนะ”
    “ดีใจอะไรหรือครับ..?”
    “ท่านประธานาธิบดีได้ทำการแต่งตั้งและลงนามให้นายเป็นผู้อำนวยการ FSB (KGB) น่ะซิ”

    ปูตินงงนิดหน่อย แต่เขาพอรู้มาบ้างแล้วว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงงานของเขาให้กลับไปอยู่ในสายงานเดิม แต่ไม่คิดว่า จะก้าวขึ้นไปเป็นผู้อำนวยการเลย…
    สิ่งแรกที่เขาทำ นั้นคือ ติดต่อไปยังลุดมิลาที่พาลูกๆไปพักผ่อน
    ที่ชายฝั่งทะเลบอลติด
    ด้วยข้อความที่ส่งแบบสายลับ คือ……
    “ฟังให้ดีนะ……ผมกำลังจะกลับไปในที่ที่ผมจากมา..”
    ลุดมิลาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ……
    เขาจึงย้ำประโยคเดิมถึงสามครั้ง…ก่อนที่จะวางสายไป

    ลุดมิลาทำท่าเหนื่อยใจ……เธอบอกกับตัวเองว่า
    “ชั้นจะไปรู้เรื่องกับเธอไหม……ก็เปลี่ยนงานมานับสิบครั้งแล้วเนี่ยยย……?!!!

    ~~~ขยายความ

    Sergei Chemezov** เพื่อนรักของปูติน จากสถาบัน KGB
    ต่อมาคือ CEO ของบริษัท Rostec ที่สร้างอาวุธ และยุทโธปกรณ์ให้กับกองทัพของรัสเซีย

    Igor Sechin*** อีกหนึ่งศิษย์ร่วมสถาบัน KGB ปัจจุบัน คือ CEO ของ บริษัทน้ำมันและพลังงาน Rosneft

    ทั้งสองคนได้ถูกทางตะวันตกยึดเรือหรูมูลค่าพันล้านไปในทะเลเมติเตอเรเนียน พร้อมทั้งเป็นบุคคลที่โดนแซงชั่นในธนาคาร
    เมื่อถูกถามถึงความเห็น เขาสองคนหัวเราะ บอกว่า จิ๊บๆ
    แต่รอเขาจะฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย เพราะนั่นคือทรัพย์สินส่วนตัว และไม่ได้ล่วงล้ำในน่านน้ำเพราะมีเอกสารสิทธิ์ และมีการจ่ายค่าการท่าและภาษีอย่างถูกต้อง

    Viktor Zubkov**** เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีเมื่อปูตินเป็นนายกฯ ปัจจุบันนี้เป็นประธานบอร์ดของ บริษัท Gazprom
    คนนี้ก็โดนยึดเรือหรูไป ก็จิ๊บๆอีกเหมือนกัน

    ปูตินมีระบบดูแลคนใกล้ตัวที่ดียิ่ง เขาเลือกคนที่มีความสามารถเข้าไปนั่งในตำแหน่งบริหาร บอกว่า ไม่ต้องคอร์รัปชั่น
    เพราะแค่โบนัสหนึ่งเปอร์เซ็นต์ต่อปี ชาตินี้ก็ใช้ไม่หมด………

    แหม……………ก้อ…แต่ละบริษัทที่เอ่ยมากำไรปีละเป็นแสนล้าน ต่อให้ชาติหน้าชาติโน้นก็ใช้ไม่หมด………!!

    Wiwanda W. Vichit
    ไม่ต้องฟูมฟายไปนะคะ ติ่งขา………พี่ปูคมทั้งในฝักและนอกฝักเชียว……!!! ตอนเจ็ด………ตำแหน่งที่ได้รับ……ไม่ได้มาจากโชคหรือการจับฉลาก……แต่ด้วยความสามารถและความอุตสาหะล้วนๆ ที่ปูตินลังเลนั้น……เขาเพียงแต่ห่วงว่าครอบครัวจะปรับชีวิตและความเป็นอยู่ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะสังคมที่มอสโคว์กับกรุงเซนต์ต่างกันมากมาย แต่เมื่อได้คุยกับลุดมิลา เธอและลูกๆไม่มีปัญหาอะไร ไปไหนก็ได้เพราะอำนาจในการตัดสินก็อยู่ที่ช้างเท้าหน้าคือปูตินอยู่แล้ว และตัวเธอเองก็จะได้มีอิสระกับสายตาของแม่สามีไปเสียบ้าง สาเหตุก็เพราะรัฐบาลของเยลซินต้องการ”น้ำใหม่”มาแทนที่น้ำเสียที่รวมกันกันเป็นกระจุกอยู่ในเครมลิน เพราะความผิดพลาดในเรื่องการทำสงครามปราบปรามที่ Chechen ในปี 1994 ที่ทุกคนคิดว่า วันสองวันก็คงจบ……แต่ที่ไหนได้ มาลากถ่วงยาวมาจนตอนนี้ รวมทั้งสุขภาพที่ลดถอยของเยลซินเอง ที่เป็นโรคหัวใจกำเริบในตอนต้นปี 1995 ที่ทำให้เขาไม่ได้ปรากฏตัวออกสู่สายตาของประชาชน นี่คือเหตุผลที่ปูตินได้เข้ามาเป็นน้ำใหม่ในมอสโคว์ ในเดือนกันยายน 1996 และได้รับบ้านประจำตำแหน่งที่ค่อนข้างหรูหราอยู่ใกล้ๆกับเครมลิน เขาได้นำเพื่อนคู่ใจมาช่วยงานด้วยสองคน จากเซนต์ ปีเตอร์เบอร์ก คือ Sergei Chemezov**และ Igor Sechin*** เจ้านายของเขา ปาเวล ได้มอบหมายงานให้เป็นฝ่ายดูแลอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด จะต้องมีการคัดกรอง บริหารที่ดิน ตึกอาคารกันใหม่ เพราะในยุคของโซเวียต ทุกอย่างเป็นของรัฐบาล แต่ตอนนี้ก่อนที่จะมีการจำหน่าย หรือ จัดสรร ออกโฉนดจะต้องทำการประเมิน ซึ่งมันหมายถึงงานที่มากมายมหาศาล เพราะพื้นที่ที่จะต้องดูแลทั้งหมด คือ 78 เขตจังหวัด และ ต่างประเทศ(ในความควบคุมของโซเวียต) อื่นๆ เช่น อาคารที่ตั้งสถานทูต โรงเรียน รวมทั้งที่ยูเครน เรียกได้ว่า งานนี้ ทำให้ปูตินได้รู้หมดถึงทรัพย์สินของรัสเซียว่าอยู่ที่ไหน และ มีค่าเท่าใด และยิ่งค้นไป……เขาได้เห็นความไม่ชอบมาพากลหลายๆอย่าง เช่นพื้นที่สำคัญหลายแห่งถูกปล่อยให้เช่า แม้แต่ทรัพย์สินที่มีในสวิสเซอร์แลนด์ก็เช่นกัน ที่ขายไปในราคาที่เหมือนจะให้ฟรี จากชื่อบริษัท หรือ องค์กรประหลาดๆ ยิ่งค้นไปก็เจอว่าเป็นการ”ลักไก่” จากในหมู่ข้าราชการด้วยกัน เขาได้ทำรายงานให้กับทางต้นสังกัดให้ทราบเป็นเอกสารอย่างครบถ้วน เพื่อที่จะจัดการกันต่อไป เพราะเขาถือว่า หน้าที่ของเขา คือ การรวบรวมเอกสารและข้อมูล ส่วนการพิจารณาโทษ……เป็นหน้าที่ของหน่วยที่เกี่ยวข้อง แต่การดำเนินการล่าช้าจนเกินเหตุเพราะในช่วงนั้น มีสงครามที่เชเชน ที่มีแม่ทัพผู้อำนวยการ คือ นายพล Alexandr Lebed จอมยะโสคนนั้น ที่ได้สร้างผลงานให้อับอายไปทั่ว คือ แทนที่จะสยบเชเชน ดินแดนชายแดนขนาดเล็กแค่นั้น แต่ทำไม่สำเร็จ (สิงหาคม 1996) แถมจะยอมเจรจาสงบศึกทำสนธิสัญญาที่เสียเปรียบเข้าไปอีก งานนี้ทำให้เกิดกระแสที่เสียหายกับรัฐบาลของเยลซิน เหล่าคณะมนตรีเริ่มลุกขึ้นมาทะเลาะกันลั่นสภา หลายคนเรียก นายพล Alexandr Lebed ว่าเป็น “Little Napoleon” (คือ ปากดี ทีเหลว) หรือ “ไอ้กองทัพไม่มีน้ำยา” กระแสโกรธแค้นของประชาชนเริ่มทวีขึ้น จนไม่กี่วันต่อมา เยลซินต้องทำการปลดท่านนายพลออกจากตำแหน่ง การปรับเปลี่ยนตำแน่งได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ปูตินได้ขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการแห่งองค์กรรวม ( Chief of Staff) ที่เทียบเท่ากับ อธิบดี ที่ไม่กี่วันต่อมาหลังจากที่ได้รับตำแหน่ง สภาได้ออกกฏหมายใหม่ เพิ่มอำนาจให้กับเขาอีก ในการขยายวงสอบสวนการทุจริต ยักยอก รวมไปถึงการคอร์รัปชั่นที่ทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ ไม่ว่าจะเป็น ข้าราชการ, พนักงานลูกจ้าง และการสัมปทานต่างๆ งานนี้ ปูตินได้เจอะเจองานช้างเข้าหลายงาน เช่น อดีตนายพล Paval Grachev คนสนิทของเยลซิน ที่ควบคุมกองทัพในคอร์เคซัส ตั้งแต่ปี 1993-1996 ได้นำรถถังและอาวุธต่างๆที่มีมูลค่ากว่า หนึ่งพันล้านดอลล่าร์ ไปให้กับกองทัพของอาร์เมเนี่ยน ในสงครามกับ อาร์เซอร์ไบจาน ซึ่งเป็นการกระทำที่ถือว่าขายชาติ เพราะ รัสเซียอยู่ฝ่ายสนับสนุนอาเซอร์ไบจาน แต่…ทุกอย่างได้ผ่านไปก่อนที่ปูตินจะก้าวเข้ามา เขาจะไปทำอะไรได้ นอกจากจะต้องเลี้ยงนายพลคนนี้ต่อไป เนื่องจากว่าเป็นนายพลระดับวงในของเยลซที่เปรียบเหมือนตัวอันตราย ถ้าบีบคั้น…… ก็อาจจะตกไปอยู่ในมือของชาติอื่นที่ต้องการล้วงความลับ ดังนั้น จึงต้องใช้วิธีเลี้ยงเอาไว้ แล้วใส่ปลอกคอล่ามโซ่ให้สั้น โดยที่เขาใช้วิธีให้สัมภาษณ์กับนักข่าว ในเวลาที่ถูกถามถึงเรื่อง “นายพล เมอร์ซิเดส” เพราะนายพลคนนี้ชอบใช้รถหรูเกินฐานะ ว่า เรื่องการตรวจสอบคอร์รัปชั่นค้าอาวุธกับฝ่ายตรงข้ามนั้นไปถึงไหนแล้ว ปูตินตอบเรียบๆว่า “เราได้เอกสารพร้อมทุกอย่างแล้ว ข้อมูลครบ จะส่งขึ้นไปให้ฝ่ายกฎหมายต่อไป” นักข่าวถามต่อว่า “นายพลเมอร์ซิเดสได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่..??” “ก็ไม่มีนะ ไม่มีชื่อของ Gen. Pavel Grachev มาเกี่ยวข้องด้วย “ นี่คือการทำงานของปูตินที่ต้องรักษาภาพลักษณ์ให้กับเยลซิน แต่มืออีกข้างหนึ่งเขาได้จัดการไปตามกฏหมายเอาผิด ใช้เวลาถึงสิบปี ที่ได้เอานายพลและคณะออกจากตำแหน่งได้สำเร็จ (2007) หรืองานคอร์รัปชั่นในหน่วยสร้างทางที่เป็นเงินมหาศาลที่มีข้าราชการเกี่ยวข้องทำผิดถึง 260 คน (ในเมษายน ปี 1997) หรือใน Stavropol เชือดไปอีก 450 คน (ในกันยายน 1997) เรื่องนายพลที่ต้องล่าช้านานขนาดนั้น เพราะปูตินไม่มีอำนาจในบทลงโทษที่เป็นงานส่วนตุลาการ เขาทำได้แค่ชี้มูลความผิดพร้อมหลักฐานที่หนาแน่น เพราะการทำงานไล่บี้การยักยอกนั้น ทำให้ปูตินต้องเข้าติดต่อกับงานเดิมอีก คือ KGB ที่ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น FSB (แต่อาคารที่ทำงานยังอยู่ที่เดิม) อยู่บ่อยๆ เท่ากับว่าเขาได้กลับไปเยือนบรรยากาศเก่าๆอีกครั้ง และจากงานที่ต้องมาดูพื้นที่และทรัพยากรของชาติ ที่เขาได้ทำงานอย่างไหลลื่นนั้น ก็ไม่ใช่ว่าเขาเหนือมนุษย์…… หากแต่มันเป็นเรื่องบังเอิญอย่างที่สุด ที่เขาเกิดความสนใจในเรื่องเศรษฐศาสตร์ เพราะจากงานที่ทำอยู่ในสภาเทศบาลที่กรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในช่วงที่อนาโตลีได้แพ้เลือกตั้ง ปูตินเริ่มมีเวลาว่าง เพราะมีหน้าที่เพียงแต่อำนวยความสะดวกให้กับทีมใหม่ เขาใช้เวลานั้น ไปลงเรียนวิชาบริหารเหมืองแร่และทรัพยากรน้ำมัน ที่ Georgi Plekhanov Mining Institute แทนที่จะไปเรียนต่อทางด้านกฎหมาย และไม่ได้ไปเรียนคนเดียว เขาเอาเพื่อนรักทั้งสอง Viktor Zubkov กับ Igor Sechin ไปนั่งเรียนกันด้วย ปลายปี 1996 (เข้าเรียนกลางปี 1995) ที่ปูตินสามารถส่งแฟ้ม Thesis ที่หนากว่า 250 หน้า ในเรื่องทรัพยากรแร่ธาตุที่เปรียบเสมือนทองคำของประเทศ ได้สำเร็จสวยงาม เพราะเขาได้ติวเตอร์คนสำคัญมาช่วย นั่นคือ Vladimir Litvenenko ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญเหมืองแร่ ที่ไปค้นคว้าหาตำราจากยุโรปมาแปลให้เป็นภาษารัสเซีย เรื่องนี้ ปูตินและเพื่อนๆที่พากันไปเรียนก็ไม่ได้ไปโอ้อวดที่ไหน ตอนนั้นที่ไปลงเรียน ก็เพราะมีเวลาว่าง เขาเพียงแต่คิดว่า……ในสายงานทางกฎหมายของเขาควรจะต้องรู้เรื่องทรัพยาการที่เป็นธุรกิจหลักของประเทศให้ดีขึ้น และเขาก็ได้ใช้มันจริงๆที่มอสโคว์ เพราะเขาได้รู้ทันเจ้ากรมพลังงานที่มีการเล่นตลกกับใบสัมปทาน……แต่ก็พูดมากไปไม่ได้ เพราะนั่นคือกลุ่มคนในวงในของเยลซิน แต่ทีนี้ความไม่เป็นธรรมได้เกิดขึ้นกับคดีของอนาโตลี เจ้านายเก่า เพราะหลังจากที่อะนาโตลี ถูกกลุ่มวงในมอสโคว์”เท”จนไม่ได้รับการสนับสนุนเลือกตั้งนั้น เขาได้” โวย” กับเยลซิน ที่ได้รับการตอบสนอง คือ เยลซินเอาพวกนั้นออกไปเป็นแผงก็จริง ………แต่คนกลุ่มนั้นก็ไม่ได้ไปไหน หรือ รับโทษอะไร ยังวนเวียนเป็นที่ปรึกษาอยู่รอบตัวเยลซินเหมือนเดิม แถมอนาโตลี ได้มีศัตรูเพิ่มอย่างออกหน้าออกตาอีกต่างหาก การกลั่นแกล้งจึงได้เกิดขึ้น แบบชนิดให้ได้อาย เช่นอนาโตลีมีการประชุมกับคณะมนตรีจาก UNESCO จู่ๆก็มีตำรวจบุกไปกลางงาน ขอควบคุมตัวไปสอบสวนในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง เขากลายเป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับ จนเขาเครียดถึงกับล้มป่วย เข้าโรงพยาบาล ครอบครัวต้องการให้แพทย์จากมอสโคว์มารักษา ปูตินบินด่วนไปเยี่ยมทันที และจัดการส่งเขาเข้าโรงพยาบาลทหาร จัดการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาพร้อม และที่เขาทำมากกว่านั้น มากเกินอำนาจเขาไปอีก คือ จัดเช่าเครื่องบินส่วนตัวจากฟินแลนด์นำตัวเขาออกนอกประเทศไปยังกรุงปารีส โดยให้เหล่า KGB นำขบวนรถฉุกเฉินไปยังสนามบิน หมายจับอะไรก็ไม่สำคัญทั้งนั้น ทุกอย่างผ่านตลอด พาสปอร์ต ประทับตรา ผ่านศุลกากร การกล้าทำแบบนี้ ถือว่าเป็นการฉีกกฎหมายทิ้ง และเสี่ยงต่อการเสียอนาคตของปูตินที่กำลังจะไปได้สวย แต่……สำหรับอนาโตลีแล้ว ปูตินพร้อมแลกเพื่อที่จะช่วยเหลือตอบแทนผู้ที่เคยมีพระคุณ เพราะเขาได้เห็นมาตลอดว่า เรื่องราวนั้นเป็นอย่างไร ในประเทศที่กฎหมายไม่สามารถบังคับใช้อะไรได้ ความผิดของอนาโตลีนั้นเทียบเท่ากับเมล็ดทรายของคนหลายๆคนในเครมลิน คนที่ชื่นชมกับความกตัญญูและการกล้าตัดสินใจของปูติน ในครั้งนี้ คือ ท่านประธานธิบดี Boris Yentsin เพราะท่านว่า ถ้าเกิดขึ้นกับเรา…จะมีใครที่ไหนที่จะกล้ามาช่วยเราขนาดนี้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย……?!!! ปูตินเริ่มเป็นที่จับตามองจากคณะท่านผู้นำ ในวันที่ 21 มีนาคม 1998 เยลซินได้เรียกให้นายกรัฐมนตรี Viktor Chernomydrin เข้ามาพบที่บ้านพักส่วนตัว เพื่อที่จะบอกว่า วิคเตอร์ทำหน้าที่นี้มานานถึงห้าปีแล้ว แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น ทุกอย่างยังกวาดเข้าไปซุกอยู่ใต้พรม……เขาต้องการคนที่จะมา”ยกพรมขึ้น” แล้ว “กวาดขยะออกให้หมด” เพื่อบ้านจะได้น่าอยู่ ฉะนั้น……ที่ให้มาพบในครั้งนี้ คือการไล่ออก…… เยลซินได้เสนอชื่อ Sergei Kiriyenko อดีตนายธนาคารที่เป็นนักการเมืองหนุ่มวัย 35 ปี ต่อสภา……สภาไม่ผ่านทั้งสองครั้ง แต่ต่อมา……ด้วยแรงผลักดันของเยลซิน……ก็ผ่านฉลุย ส่วนอดีตนายกฯที่ถูกไล่ออกไป ก็ฮึ่มๆ ประกาศว่าเขาจะลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยหน้า จะได้รู้หมู่รู้จ่ากันไป.… นายทุนกระเป๋าหนัก Boris Berezovsky ที่สนับสนุนเยลซิน เพราะมีผลประโยชน์มหาศาลนั้น เริ่มเข้ามามีบทบาทช่วยเลือก เพราะกลุ่มคนวงในเก่าๆเท่าที่เห็น ต่างก็จะเข้ามาขวางทางการค้าของเขาทั้งสิ้น เพราะทุกคนต่างมีเส้นสายในกิจการสารพัดอยู่แล้ว ไม่ทันที่ใครจะคิดอ่านทำอะไร กระดานหุ้นรัสเซียตกฮวบ หุ้นบริษัทพลังงาน Rosneft ที่รัฐบาลถือหุ้นใหญ่ ตกดิ่ง บริษัทลงทุนจากต่างชาติได้พากันถอนหุ้น เงินรูเบิ้ลสูญเสียมูลค่าที่รัฐบาลก็เอาไม่อยู่ การแทรกแซงจากต่างชาติเริ่มเข้ามา ทั้งจากภาคการเมือง และเศรษฐกิจ เยลซินเริ่มเห็นแล้วว่า สาเหตุที่เกิดเช่นนั้น เพราะฝีมือของกลุ่มพ่อมดทางการเงิน จากคนรอบตัว (Oligarchs) ของเขาเองที่ส่วนใหญ่แล้ว คือยิว ที่มาปั่นกระแสขาขึ้นให้ แล้วก็ถีบหัว ตบคว่ำ…… เยลซินเริ่มโดดเดี่ยว เขาต้องหาคนที่จะคอยพิทักษ์ปกป้อง และจะเข้ามาช่วยขจัดเหลือบไรพวกนี้ให้ออกไปให้พ้นจากชาติบ้านเมืองได้ ก็มีอยู่องค์กรเดียว คือ FSB (KGB) ที่เขาไม่ได้สนใจ ใส่ใจดูแลมานานแสนนาน ซึ่งเข้าทาง Boris Berezovsky (ยิวหนึ่งใน Oligarchs) ได้เสนอชื่อ ปูติน เพราะเขาเล่าว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดที่จะเปิดบริษัทขายรถยนตร์ในเลนินกราด ได้ไปติดต่อกับปูตินเพื่อขอใบอนุญาตการค้า และได้ยื่นซองใต้โต๊ะให้ แต่ถูกปฏิเสธ……ไม่รับ……!!! เยลซินเห็นด้วย (จากเรื่องของอนาโตลี) เขาบอกว่า……”ตอนแรกเราเห็นว่าปูตินเขาเป็นคนเฉยๆ เพราะเห็นเขาเงียบๆ ไม่ค่อยพูดอะไร แต่เพิ่งรู้เหมือนกัน ว่า เป็นคนที่คมในฝัก” นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆ Sergei Kiriyenko ได้รับคำสั่งให้ที่มอสโคว์ เพื่อแจ้งข่าวกับปูติน ปูตินจึงไปรอรับท่านนายกฯ ที่สนามบิน ที่เขาคิดว่า เรื่องด่วนแบบนี้ ไม่น่าที่จะเป็นข่าวมงคล ทันทีที่ได้พบหน้ากัน ท่านนายกฯ ได้ปรี่เข้ามาจับมือขอแสดงความยินดี พร้อมกับบอกว่า “ดีใจด้วยนะ” “ดีใจอะไรหรือครับ..?” “ท่านประธานาธิบดีได้ทำการแต่งตั้งและลงนามให้นายเป็นผู้อำนวยการ FSB (KGB) น่ะซิ” ปูตินงงนิดหน่อย แต่เขาพอรู้มาบ้างแล้วว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงงานของเขาให้กลับไปอยู่ในสายงานเดิม แต่ไม่คิดว่า จะก้าวขึ้นไปเป็นผู้อำนวยการเลย… สิ่งแรกที่เขาทำ นั้นคือ ติดต่อไปยังลุดมิลาที่พาลูกๆไปพักผ่อน ที่ชายฝั่งทะเลบอลติด ด้วยข้อความที่ส่งแบบสายลับ คือ…… “ฟังให้ดีนะ……ผมกำลังจะกลับไปในที่ที่ผมจากมา..” ลุดมิลาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ…… เขาจึงย้ำประโยคเดิมถึงสามครั้ง…ก่อนที่จะวางสายไป ลุดมิลาทำท่าเหนื่อยใจ……เธอบอกกับตัวเองว่า “ชั้นจะไปรู้เรื่องกับเธอไหม……ก็เปลี่ยนงานมานับสิบครั้งแล้วเนี่ยยย……?!!! ~~~ขยายความ Sergei Chemezov** เพื่อนรักของปูติน จากสถาบัน KGB ต่อมาคือ CEO ของบริษัท Rostec ที่สร้างอาวุธ และยุทโธปกรณ์ให้กับกองทัพของรัสเซีย Igor Sechin*** อีกหนึ่งศิษย์ร่วมสถาบัน KGB ปัจจุบัน คือ CEO ของ บริษัทน้ำมันและพลังงาน Rosneft ทั้งสองคนได้ถูกทางตะวันตกยึดเรือหรูมูลค่าพันล้านไปในทะเลเมติเตอเรเนียน พร้อมทั้งเป็นบุคคลที่โดนแซงชั่นในธนาคาร เมื่อถูกถามถึงความเห็น เขาสองคนหัวเราะ บอกว่า จิ๊บๆ แต่รอเขาจะฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย เพราะนั่นคือทรัพย์สินส่วนตัว และไม่ได้ล่วงล้ำในน่านน้ำเพราะมีเอกสารสิทธิ์ และมีการจ่ายค่าการท่าและภาษีอย่างถูกต้อง Viktor Zubkov**** เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีเมื่อปูตินเป็นนายกฯ ปัจจุบันนี้เป็นประธานบอร์ดของ บริษัท Gazprom คนนี้ก็โดนยึดเรือหรูไป ก็จิ๊บๆอีกเหมือนกัน ปูตินมีระบบดูแลคนใกล้ตัวที่ดียิ่ง เขาเลือกคนที่มีความสามารถเข้าไปนั่งในตำแหน่งบริหาร บอกว่า ไม่ต้องคอร์รัปชั่น เพราะแค่โบนัสหนึ่งเปอร์เซ็นต์ต่อปี ชาตินี้ก็ใช้ไม่หมด……… แหม……………ก้อ…แต่ละบริษัทที่เอ่ยมากำไรปีละเป็นแสนล้าน ต่อให้ชาติหน้าชาติโน้นก็ใช้ไม่หมด………!! Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 930 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุกศาสนามีมูลเหตุมาจากความกลัว นับตั้งแต่ กลัวภัยธรรมชาติ จนถึงกลัว เกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือ กลัวกิเลส วิธีปฏิบัติเพื่อให้รอดพ้นจากความกลัวนั้นๆ เรียกว่า “ศาสนา” เช่นมีการบูชาบวงสรวงอ้อนวอน เป็นต้น

    พุทธศาสนา มีมูลมาจากกลัวความเกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือ กลัวกิเลส อันเป็นตัวทุกข์หรือเหตุให้เกิดทุกข์วิธีปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ คือ การพิจารณาให้รู้แ เป็นจริงในสิ่งทั้งปวงตามเป็นจริงด้วยตนเองว่า “อะไร” อะไร” เมื่อเห็นจริงก็ปฏิบัติถูกต่อสิ่งทั้งปวง การปฏิบั ถูกนั่นเองเป็นทางดับทุกข์ การบูชา บวงสรวง อ้อน การรดน้ำมนต์ ตลอดจนการนับถือเทวดา หรือดวง มิใช่ทางดับทุกข์ ตามหลักแห่งพุทธศาสนา

    พุทธศาสนาดูได้หลายเหลี่ยม เช่นเดียวกับศาสน อื่นๆ ตามแต่สติปัญญาความรู้ความเข้าใจของผู้ดู คัม ของศาสนาต่างๆ หรือพระไตรปิฎกของพระพุทธศาส จึงมีการเพิ่มเติมเข้าไปอีกมาก ตามความเห็นของคน หลัง จนเกินขอบเขต โดยเฉพาะในพระพุทธศาสนา การหลงถือเอาพิธีต่างๆ เล็กๆ น้อยๆ เช่น พิธี วิญญาณของพระพุทธเจ้าเป็นต้นว่าเป็นพุทธศาสนา บางอย่างได้ห่อหุ้มความหมายเดิมให้สาบสูญไป เช่น บวชนาค” ได้มีการทำขวัญนาค มีการฉลองกันใน วชไม่กี่วัน สึกออกมายังเหมือนเดิม การบวชสมัย

    พระพุทธเจ้า ผู้ได้รับอนุญาตจากบิดามารดาแล้วปลีกตัว ออกจากเรือนไปหาพระ การบวชเป็นหน้าที่ของพระสงฆ์ ทางบ้านไม่มีหน้าที่ทำอะไรเลย พิธีที่เพิ่มขึ้นเหล่านั้นไม่ได้ ทำให้ผู้บวชดีขึ้น บางคนฝึกไปแล้วกลับเลวกว่าเก่าก็มี จึงเป็นการทำให้หมดเปลืองทรัพย์ และแรงงานไปเปล่าๆ


    เรื่อง “กฐิน” ก็เช่นกัน ความมุ่งหมายเดิมมีว่า ให้พระทุกรูปทำจีวรใช้เอง ให้พร้อมเพรียงกัน ทำด้วยมือ ” คนให้หมดความถือตัว โดยให้ลดตัวเองมาเป็นกุลีเท่ากัน หมด แต่เดี๋ยวนี้กฐินกลายเป็นเรื่องมีไว้สำหรับประกอบ พิธีหรูหราหาเงิน เอิกเกริกเฮฮาสนุกสนานพักผ่อนหย่อนใจ โดยไม่ได้รับผลสมความมุ่งหมายอันแท้จริง

    ลักษณะดังกล่าวมานี้ เรียกว่าเป็น “เนื้องอก” ของ พุทธศาสนา ซึ่งมีมากมายหลายร้อยอย่าง จัดเป็นเนื้อ ร้ายชนิดหนึ่งที่งอกออกมาปิดบังเนื้อดีหรือแก่นแท้ของ พุทธศาสนาให้ค่อยๆ เลือนหายไป นิกายต่างๆ ก็เกิดขึ้น

    สามารถอ่านต่อที่เว็บบอร์ดพระนิพพาน
    https://www.thenirvanalive.com/2023/03/12/%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B5/
    ทุกศาสนามีมูลเหตุมาจากความกลัว นับตั้งแต่ กลัวภัยธรรมชาติ จนถึงกลัว เกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือ กลัวกิเลส วิธีปฏิบัติเพื่อให้รอดพ้นจากความกลัวนั้นๆ เรียกว่า “ศาสนา” เช่นมีการบูชาบวงสรวงอ้อนวอน เป็นต้น พุทธศาสนา มีมูลมาจากกลัวความเกิด แก่ เจ็บ ตาย หรือ กลัวกิเลส อันเป็นตัวทุกข์หรือเหตุให้เกิดทุกข์วิธีปฏิบัติเพื่อความดับทุกข์ คือ การพิจารณาให้รู้แ เป็นจริงในสิ่งทั้งปวงตามเป็นจริงด้วยตนเองว่า “อะไร” อะไร” เมื่อเห็นจริงก็ปฏิบัติถูกต่อสิ่งทั้งปวง การปฏิบั ถูกนั่นเองเป็นทางดับทุกข์ การบูชา บวงสรวง อ้อน การรดน้ำมนต์ ตลอดจนการนับถือเทวดา หรือดวง มิใช่ทางดับทุกข์ ตามหลักแห่งพุทธศาสนา พุทธศาสนาดูได้หลายเหลี่ยม เช่นเดียวกับศาสน อื่นๆ ตามแต่สติปัญญาความรู้ความเข้าใจของผู้ดู คัม ของศาสนาต่างๆ หรือพระไตรปิฎกของพระพุทธศาส จึงมีการเพิ่มเติมเข้าไปอีกมาก ตามความเห็นของคน หลัง จนเกินขอบเขต โดยเฉพาะในพระพุทธศาสนา การหลงถือเอาพิธีต่างๆ เล็กๆ น้อยๆ เช่น พิธี วิญญาณของพระพุทธเจ้าเป็นต้นว่าเป็นพุทธศาสนา บางอย่างได้ห่อหุ้มความหมายเดิมให้สาบสูญไป เช่น บวชนาค” ได้มีการทำขวัญนาค มีการฉลองกันใน วชไม่กี่วัน สึกออกมายังเหมือนเดิม การบวชสมัย พระพุทธเจ้า ผู้ได้รับอนุญาตจากบิดามารดาแล้วปลีกตัว ออกจากเรือนไปหาพระ การบวชเป็นหน้าที่ของพระสงฆ์ ทางบ้านไม่มีหน้าที่ทำอะไรเลย พิธีที่เพิ่มขึ้นเหล่านั้นไม่ได้ ทำให้ผู้บวชดีขึ้น บางคนฝึกไปแล้วกลับเลวกว่าเก่าก็มี จึงเป็นการทำให้หมดเปลืองทรัพย์ และแรงงานไปเปล่าๆ เรื่อง “กฐิน” ก็เช่นกัน ความมุ่งหมายเดิมมีว่า ให้พระทุกรูปทำจีวรใช้เอง ให้พร้อมเพรียงกัน ทำด้วยมือ ” คนให้หมดความถือตัว โดยให้ลดตัวเองมาเป็นกุลีเท่ากัน หมด แต่เดี๋ยวนี้กฐินกลายเป็นเรื่องมีไว้สำหรับประกอบ พิธีหรูหราหาเงิน เอิกเกริกเฮฮาสนุกสนานพักผ่อนหย่อนใจ โดยไม่ได้รับผลสมความมุ่งหมายอันแท้จริง ลักษณะดังกล่าวมานี้ เรียกว่าเป็น “เนื้องอก” ของ พุทธศาสนา ซึ่งมีมากมายหลายร้อยอย่าง จัดเป็นเนื้อ ร้ายชนิดหนึ่งที่งอกออกมาปิดบังเนื้อดีหรือแก่นแท้ของ พุทธศาสนาให้ค่อยๆ เลือนหายไป นิกายต่างๆ ก็เกิดขึ้น สามารถอ่านต่อที่เว็บบอร์ดพระนิพพาน https://www.thenirvanalive.com/2023/03/12/%E0%B8%97%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%8A%E0%B8%AD%E0%B8%9A%E0%B8%9E%E0%B8%B8%E0%B8%97%E0%B8%98%E0%B8%A8%E0%B8%B2%E0%B8%AA%E0%B8%99%E0%B8%B2-%E0%B9%83%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%B5/
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • #สนาม ส.สุวิทย์
    #เสี่ยโอ๋ชัยยันต์ฟาร์ม
    #Chaiyan Farm
    #สนาม ส.สุวิทย์ #เสี่ยโอ๋ชัยยันต์ฟาร์ม #Chaiyan Farm
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 136 มุมมอง 51 0 รีวิว
  • ในเขต Sudzhansky ของภูมิภาค Kursk ทหารรัสเซียได้จับกุมทหาร VSU สองคน ได้แก่ Elena Shevchuk และ Victoria Yatsenko

    พวกเขากล่าวว่าพวกเขาเข้ารับการฝึกทหารที่สนามฝึก Yavorovsky ภายใต้การแนะนำของอาจารย์ชาวต่างชาติ

    พวกเขามาที่ภูมิภาคเคิร์สต์เพื่อบันทึกภาพการ "ยึดครอง" การตั้งถิ่นฐานของรัสเซียโดยกลุ่มติดอาวุธยูเครน แต่เนื้อหาที่ใกล้ชิดกับการมีส่วนร่วมของเธอที่พบในโทรศัพท์ของนักโทษคนหนึ่งชี้ไปที่ศาสตราจารย์คนอื่นอย่างชัดเจน ความรับผิดชอบของสาวๆ
    ในเขต Sudzhansky ของภูมิภาค Kursk ทหารรัสเซียได้จับกุมทหาร VSU สองคน ได้แก่ Elena Shevchuk และ Victoria Yatsenko พวกเขากล่าวว่าพวกเขาเข้ารับการฝึกทหารที่สนามฝึก Yavorovsky ภายใต้การแนะนำของอาจารย์ชาวต่างชาติ พวกเขามาที่ภูมิภาคเคิร์สต์เพื่อบันทึกภาพการ "ยึดครอง" การตั้งถิ่นฐานของรัสเซียโดยกลุ่มติดอาวุธยูเครน แต่เนื้อหาที่ใกล้ชิดกับการมีส่วนร่วมของเธอที่พบในโทรศัพท์ของนักโทษคนหนึ่งชี้ไปที่ศาสตราจารย์คนอื่นอย่างชัดเจน ความรับผิดชอบของสาวๆ😁
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 113 มุมมอง 140 0 รีวิว
  • 16-09-67/01 : หมี CNN / หมี CNN / "ตีแสกหน้า" EP.8

    01. ผวาสัส! ไฮเปอร์โซนิคเยเมน ผ่านฉลุย ล่อเป้าใกล้สนามบินเทลอาวีฟ!
    02. อดีต CIA แฉ อเมริกาตอแหล ปชต.พ่อง? ปลุกอเมริกันฆ่ากันเอง ยิวเผ่น
    03. ชักคะเย่อ มรึงร่วง กูล่อ มรึงถอย กูแหย่ รัสเซียปั่นหัวยูเครน ติดกับดักต่อ ดูดเงินอาวุธ กำลังพล NATO ตายห่าเรียบวุธ เอาจนกว่ายุโรปจะยวบเอง
    04. เฮซบอเลาะห์แรง! ถล่มคลังแสงโกลานเละ รัว 6 ฐานทัพ IOF ดับสนิท
    05. อีสวิงกิ้งขายกริฟเพ่นให้ยูเครน มันจะเอาที่ไหนจ่าย รัสเซียเตรียมสอย! เสี้ยนจัดขนาดนี้ อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง อีลอนดอน เตรียมย้ายบ้านได้เลย เอาจริง
    06. ยอดขายไม่ตอแหล EV ร่วงเหรอ? ยอดทะลุเป้า รถอียุ่นปี่ ร่วงทุกยี่ห้อ?
    07. อีเบียร์วอนส้นตรีนพญามังกร แค่ 3 ฮอ ยังไม่ผ่าน ดีออก อย่าริเสนอหน้า
    08. เสธ.แดง ลาออก ดีลลับซับซ้อน อีเหลี่ยมเยี่ยวแตก หุบปาก เก็บตัว จ้อง
    09. พิษณุโลกสั่งสอนอีส้มเน่าล้มเจ้า หางโผล่ กระแสตีกลับ อีแดงจ่ายเต็ม
    10. จีนสอนมวย ไต้หวัน แค่เหยื่อล่อเหี้ยมะกันมาตายฟรี เป้าหมายวอชิงตัน
    11. อวสาน TV ดิจิตอล กสทช.จะมีไปทำพ่อง? แดร๊กมาเยอะแล้ว เหี้ยจัญไร
    12. WWIII จะมาก่อน หรือเหี้ยจะตายห่าก่อน? หมดตูดทั้งทวีปแล้ว ฆ่าด้วยปากท้อง ฆ่าด้วยเส้นทางการค้า ฆ่าด้วยโลจิสติค ฆ่าด้วยความเที่ยงธรรม
    13. ไอ้สัส! AMAZING THAILAND "หมูเด้ง" ดังไปทั่วจักรวาล ใครไม่รู้ เชย
    14. พลิกล็อค! กระแสอีส้มเน่าล้มเจ้า แพ้ยับทุกจังหวัด เรตติ้งต่ำตม ตบหน้า 14 ล้าน เสียงควายบัดซบ ยิ่งยุบ ยิ่งเจ๊ง ขายไม่ออก แผน CIA แห้วแดร๊ก
    15. เหี้ย CIA จ๋า มรึงพยายามมากปุยมุย? เสี้ยมอีขะแมร์-ไทย เช้าเย็น ควายยังรู้ ไอ้ที่โพสโซเชี่ยลอ่ะ คนไทย-อีขะแมร์ สาย C ทั้งนั้น ชงเอง ตบเอง ฮา
    16. SU-57 ออกโรงที่ยูเครนแล้ว ยับสิจ๊ะ ตั้งใจโชว์ให้ไอ้อี NATO ดูเต็มตา!
    17. ละครไทยเจ๊งยับ! ดูถูกคนดู หรือนายทุนสั่ง เน่ามาเป็นชาติ เหลือใครดู?
    18. ซอยกู พบ JOHN KIM ไม่ธรรมดา? บอกเลยชุดใหญ่จัดเต็ม ยูเครนเละ
    19. เหี้ย เผยธาตุแท้ เลิกสื่อเสรี การค้าเสรี เพราะสู้เค้าไม่ได้ เก่งแต่กฎหมา
    20. ไทยบาทแข็งโป๊ก แหงสิ! ตุนทองคำไว้เต็มท้องพระคลัง ของจริง จะแข็งกว่านี้อีกเยอะ หากไม่เอาอีเศษกระดาษปลอมมาเทียบ ปลดพันธนาการ

    หมายเหตุ : เกมส์สงคราม ขั้วใหม่ยึดหัวหาด แดร๊กเรียบวุธ ไม่ต้องสงสัย เกมส์การเมือง ขั้วใหม่ชนะใสใส หัวใจปูติน BRICS ขย่มโลกซะอยู่หมัด เกมส์การค้า จีนขยายตลาดไปทั่วโลก เดินสายโลจิสติคครอบจักรวาล เส้นทางสายไหมมาเต็มตรีน พ่วงตะวันออกกลาง แอฟริกา ภาพชัดสัส! เกมส์การเงิน เข้าเป้า ทั้งโลกแห่เทดอลล่าร์หมดเกลี้ยง อุ้มทองคำ หยวน รูเบิล แทน เกมส์สื่อ ชาวโลกเลิกดู TV ลงโซเชี่ยลกันหมด ความจริงปรากฎชัด เพราะทุกคนสามารถเป็นผู้สื่อข่าวได้หมด ไม่ต้องมีช่อง ไม่ต้องมีสังกัด ข้อดี และข้อเสีย ของโซเชี่ยลมีเดีย แฉยับ เหี้ยจนตรอก! (หมายเหตุ 2 : ภาพกุลสตรีไทยยุคใหม่ สวยใสฮาแตก เอามาฝาก มือใหม่ หัดเป็นกลุสตรีไทย มันยากน่ะเนี่ย นอกจากต้องเอาผัวให้มันส์แล้ว ยังต้องลีลาเด็ดในครัวต่อ)

    หมี CNN(จับตากรณีเสธ.แดงลาออก อีเหลี่ยมหุบปาก คือเรื่องเดียวกัน เบื้องหลัง กำลังจะมีพายุเฮอริเคนหลังบ้านเหี้ยส่องหมา ใบเสร็จพร้อม รอศาลไคฟงฟันเท่านั้นเอง เลือกตั้งปาหี่ แค่เอาคืนการเมือง อีแดงต้องล้างบางอีส้ม แล้วค่อยถูกอีเขียวเขมือบทั้งคอกอีกที ทุกอย่างอยู่ในเกมส์ทหาร)
    16 กันยายน 67
    10.54 น.

    ------------------------------------------------------------------------— https://linevoom.line.me/post/1172645897261542391
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :

    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u



    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    16-09-67/01 : หมี CNN / หมี CNN / "ตีแสกหน้า" EP.8 01. ผวาสัส! ไฮเปอร์โซนิคเยเมน ผ่านฉลุย ล่อเป้าใกล้สนามบินเทลอาวีฟ! 02. อดีต CIA แฉ อเมริกาตอแหล ปชต.พ่อง? ปลุกอเมริกันฆ่ากันเอง ยิวเผ่น 03. ชักคะเย่อ มรึงร่วง กูล่อ มรึงถอย กูแหย่ รัสเซียปั่นหัวยูเครน ติดกับดักต่อ ดูดเงินอาวุธ กำลังพล NATO ตายห่าเรียบวุธ เอาจนกว่ายุโรปจะยวบเอง 04. เฮซบอเลาะห์แรง! ถล่มคลังแสงโกลานเละ รัว 6 ฐานทัพ IOF ดับสนิท 05. อีสวิงกิ้งขายกริฟเพ่นให้ยูเครน มันจะเอาที่ไหนจ่าย รัสเซียเตรียมสอย! เสี้ยนจัดขนาดนี้ อีฟินน์ อีสวิงกิ้ง อีลอนดอน เตรียมย้ายบ้านได้เลย เอาจริง 06. ยอดขายไม่ตอแหล EV ร่วงเหรอ? ยอดทะลุเป้า รถอียุ่นปี่ ร่วงทุกยี่ห้อ? 07. อีเบียร์วอนส้นตรีนพญามังกร แค่ 3 ฮอ ยังไม่ผ่าน ดีออก อย่าริเสนอหน้า 08. เสธ.แดง ลาออก ดีลลับซับซ้อน อีเหลี่ยมเยี่ยวแตก หุบปาก เก็บตัว จ้อง 09. พิษณุโลกสั่งสอนอีส้มเน่าล้มเจ้า หางโผล่ กระแสตีกลับ อีแดงจ่ายเต็ม 10. จีนสอนมวย ไต้หวัน แค่เหยื่อล่อเหี้ยมะกันมาตายฟรี เป้าหมายวอชิงตัน 11. อวสาน TV ดิจิตอล กสทช.จะมีไปทำพ่อง? แดร๊กมาเยอะแล้ว เหี้ยจัญไร 12. WWIII จะมาก่อน หรือเหี้ยจะตายห่าก่อน? หมดตูดทั้งทวีปแล้ว ฆ่าด้วยปากท้อง ฆ่าด้วยเส้นทางการค้า ฆ่าด้วยโลจิสติค ฆ่าด้วยความเที่ยงธรรม 13. ไอ้สัส! AMAZING THAILAND "หมูเด้ง" ดังไปทั่วจักรวาล ใครไม่รู้ เชย 14. พลิกล็อค! กระแสอีส้มเน่าล้มเจ้า แพ้ยับทุกจังหวัด เรตติ้งต่ำตม ตบหน้า 14 ล้าน เสียงควายบัดซบ ยิ่งยุบ ยิ่งเจ๊ง ขายไม่ออก แผน CIA แห้วแดร๊ก 15. เหี้ย CIA จ๋า มรึงพยายามมากปุยมุย? เสี้ยมอีขะแมร์-ไทย เช้าเย็น ควายยังรู้ ไอ้ที่โพสโซเชี่ยลอ่ะ คนไทย-อีขะแมร์ สาย C ทั้งนั้น ชงเอง ตบเอง ฮา 16. SU-57 ออกโรงที่ยูเครนแล้ว ยับสิจ๊ะ ตั้งใจโชว์ให้ไอ้อี NATO ดูเต็มตา! 17. ละครไทยเจ๊งยับ! ดูถูกคนดู หรือนายทุนสั่ง เน่ามาเป็นชาติ เหลือใครดู? 18. ซอยกู พบ JOHN KIM ไม่ธรรมดา? บอกเลยชุดใหญ่จัดเต็ม ยูเครนเละ 19. เหี้ย เผยธาตุแท้ เลิกสื่อเสรี การค้าเสรี เพราะสู้เค้าไม่ได้ เก่งแต่กฎหมา 20. ไทยบาทแข็งโป๊ก แหงสิ! ตุนทองคำไว้เต็มท้องพระคลัง ของจริง จะแข็งกว่านี้อีกเยอะ หากไม่เอาอีเศษกระดาษปลอมมาเทียบ ปลดพันธนาการ หมายเหตุ : เกมส์สงคราม ขั้วใหม่ยึดหัวหาด แดร๊กเรียบวุธ ไม่ต้องสงสัย เกมส์การเมือง ขั้วใหม่ชนะใสใส หัวใจปูติน BRICS ขย่มโลกซะอยู่หมัด เกมส์การค้า จีนขยายตลาดไปทั่วโลก เดินสายโลจิสติคครอบจักรวาล เส้นทางสายไหมมาเต็มตรีน พ่วงตะวันออกกลาง แอฟริกา ภาพชัดสัส! เกมส์การเงิน เข้าเป้า ทั้งโลกแห่เทดอลล่าร์หมดเกลี้ยง อุ้มทองคำ หยวน รูเบิล แทน เกมส์สื่อ ชาวโลกเลิกดู TV ลงโซเชี่ยลกันหมด ความจริงปรากฎชัด เพราะทุกคนสามารถเป็นผู้สื่อข่าวได้หมด ไม่ต้องมีช่อง ไม่ต้องมีสังกัด ข้อดี และข้อเสีย ของโซเชี่ยลมีเดีย แฉยับ เหี้ยจนตรอก! (หมายเหตุ 2 : ภาพกุลสตรีไทยยุคใหม่ สวยใสฮาแตก เอามาฝาก มือใหม่ หัดเป็นกลุสตรีไทย มันยากน่ะเนี่ย นอกจากต้องเอาผัวให้มันส์แล้ว ยังต้องลีลาเด็ดในครัวต่อ) หมี CNN(จับตากรณีเสธ.แดงลาออก อีเหลี่ยมหุบปาก คือเรื่องเดียวกัน เบื้องหลัง กำลังจะมีพายุเฮอริเคนหลังบ้านเหี้ยส่องหมา ใบเสร็จพร้อม รอศาลไคฟงฟันเท่านั้นเอง เลือกตั้งปาหี่ แค่เอาคืนการเมือง อีแดงต้องล้างบางอีส้ม แล้วค่อยถูกอีเขียวเขมือบทั้งคอกอีกที ทุกอย่างอยู่ในเกมส์ทหาร) 16 กันยายน 67 10.54 น. ------------------------------------------------------------------------— https://linevoom.line.me/post/1172645897261542391 เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 315 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลอบสังหาร"ทรัมป์" ครั้งที่สอง แต่ทรัมป์ปลอดภัยหลังเกิดเหตุยิงครั้งใหม่, FBI เชื่อคนร้ายจ้องลอบสังหาร

    15 กันยายน2567- รายงานข่าวอินโฟเควสระบุว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน เผชิญกับเหตุการณ์ระทักขวัญรอบใหม่ โดยมีชายคนหนึ่งยิงปืนใกล้สนามกอล์ฟของทรัมป์ในเมืองเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา เมื่อวานนี้ (15 ก.ย.) อย่างไรก็ดี ทรัมป์ปลอดภัยจากเหตุการณ์ดังกล่าว ขณะที่สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (FBI) เชื่อว่า มือปืนรายนี้มีเป้าหมายที่จะลอบสังหารทรัมป์

    มือปืนที่ก่อเหตุได้ถูกหน่วยอารักขาประธานาธิบดีสหรัฐฯ (US Secret Service) หรือ USSS ยิงและถูกรวบตัวเอาไว้ได้ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ทรัมป์กำลังเล่นกอล์ฟในสนามแห่งนี้ และจุดที่ทรัมป์เล่นกอล์ฟนั้น อยู่ห่างจากมือปืนในรัศมี 300-500 หลา

    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของหน่วย USSS ได้นำตัวทรัมป์ไปยังที่ที่ปลอดภัยทันทีที่เสียงปืนดังขึ้น และขบวนรถของหน่วย USSS ใช้เวลาไม่นานในการพาทรัมป์เดินทางถึงบ้านพักของเขาที่รีสอร์ตมาร์-อะ-ลาโก ในปาล์มบีช

    สำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานว่า หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวไม่นาน ทีมหาเสียงของทรัมป์ได้ส่งข้อความของทรัมป์ผ่านทางอีเมลที่ตั้งขึ้นเพื่อการระดมทุน โดยมีใจความว่า "เกิดเหตุการณ์ยิงในพื้นที่ของผม แต่ก่อนที่ข่าวลือจะแพร่สะพัดออกไปจนไม่อาจควบคุมได้นั้น ผมต้องการให้ท่านฟังทางนี้ว่า 'ผมปลอดภัยและผมสบายดี' ไม่มีอะไรที่จะทำให้ผมช้าลงได้ และผมจะไม่มีวันยอมแพ้"

    ริค แบรดชอร์ นายอำเภอเขตปาล์มบีช เคาตี้ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากเสียงปืนดังขึ้นไม่นาน พยานคนหนึ่งในที่เกิดเหตุได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าเขาเห็นชายคนหนึ่งวิ่งออกจากพุ่มไม้ และจากนั้นได้กระโดดเข้าไปในรถยนต์นิสสันสีดำคันหนึ่ง

    นอกจากนี้ แบรดชอร์เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตรวจได้พบปืนไรเฟิลรุ่น AK-47 พร้อมกล้องส่องทางไกลใกล้กับพุ่มไม้ และยังพบกระเป๋าเป้สองใบที่มีกระเบื้องเซรามิกอยู่ข้างใน และพบกล้อง GoPro ที่ผูกยึดติดกับรั้ว

    ทั้งนี้ ทรัมป์เผชิญกับเหตุการณ์ระทึกขวัญเป็นครั้งที่ 2 หลังจากเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ถูกคนร้ายลอบยิงในระหว่างการปราศรัยหาเสียงในเมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย โดยทรัมป์ถูกยิงที่หูด้านขวาและทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ผู้ที่เข้าร่วมฟังการปราศรัยเสียชีวิต 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย ส่วนมือปืนได้ถูกหน่วยอารักขาประธานาธิบดีสหรัฐยิงเสียชีวิตหลังก่อเหตุทันที

    #Thaitimes
    ลอบสังหาร"ทรัมป์" ครั้งที่สอง แต่ทรัมป์ปลอดภัยหลังเกิดเหตุยิงครั้งใหม่, FBI เชื่อคนร้ายจ้องลอบสังหาร 15 กันยายน2567- รายงานข่าวอินโฟเควสระบุว่า โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากพรรครีพับลิกัน เผชิญกับเหตุการณ์ระทักขวัญรอบใหม่ โดยมีชายคนหนึ่งยิงปืนใกล้สนามกอล์ฟของทรัมป์ในเมืองเวสต์ปาล์มบีช รัฐฟลอริดา เมื่อวานนี้ (15 ก.ย.) อย่างไรก็ดี ทรัมป์ปลอดภัยจากเหตุการณ์ดังกล่าว ขณะที่สำนักงานสอบสวนกลางของสหรัฐฯ (FBI) เชื่อว่า มือปืนรายนี้มีเป้าหมายที่จะลอบสังหารทรัมป์ มือปืนที่ก่อเหตุได้ถูกหน่วยอารักขาประธานาธิบดีสหรัฐฯ (US Secret Service) หรือ USSS ยิงและถูกรวบตัวเอาไว้ได้ โดยเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในขณะที่ทรัมป์กำลังเล่นกอล์ฟในสนามแห่งนี้ และจุดที่ทรัมป์เล่นกอล์ฟนั้น อยู่ห่างจากมือปืนในรัศมี 300-500 หลา ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ของหน่วย USSS ได้นำตัวทรัมป์ไปยังที่ที่ปลอดภัยทันทีที่เสียงปืนดังขึ้น และขบวนรถของหน่วย USSS ใช้เวลาไม่นานในการพาทรัมป์เดินทางถึงบ้านพักของเขาที่รีสอร์ตมาร์-อะ-ลาโก ในปาล์มบีช สำนักข่าวซีเอ็นบีซี (CNBC) รายงานว่า หลังเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวไม่นาน ทีมหาเสียงของทรัมป์ได้ส่งข้อความของทรัมป์ผ่านทางอีเมลที่ตั้งขึ้นเพื่อการระดมทุน โดยมีใจความว่า "เกิดเหตุการณ์ยิงในพื้นที่ของผม แต่ก่อนที่ข่าวลือจะแพร่สะพัดออกไปจนไม่อาจควบคุมได้นั้น ผมต้องการให้ท่านฟังทางนี้ว่า 'ผมปลอดภัยและผมสบายดี' ไม่มีอะไรที่จะทำให้ผมช้าลงได้ และผมจะไม่มีวันยอมแพ้" ริค แบรดชอร์ นายอำเภอเขตปาล์มบีช เคาตี้ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า หลังจากเสียงปืนดังขึ้นไม่นาน พยานคนหนึ่งในที่เกิดเหตุได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่าเขาเห็นชายคนหนึ่งวิ่งออกจากพุ่มไม้ และจากนั้นได้กระโดดเข้าไปในรถยนต์นิสสันสีดำคันหนึ่ง นอกจากนี้ แบรดชอร์เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ตรวจได้พบปืนไรเฟิลรุ่น AK-47 พร้อมกล้องส่องทางไกลใกล้กับพุ่มไม้ และยังพบกระเป๋าเป้สองใบที่มีกระเบื้องเซรามิกอยู่ข้างใน และพบกล้อง GoPro ที่ผูกยึดติดกับรั้ว ทั้งนี้ ทรัมป์เผชิญกับเหตุการณ์ระทึกขวัญเป็นครั้งที่ 2 หลังจากเมื่อวันที่ 13 ก.ค.ที่ผ่านมา ทรัมป์ได้ถูกคนร้ายลอบยิงในระหว่างการปราศรัยหาเสียงในเมืองบัตเลอร์ รัฐเพนซิลเวเนีย โดยทรัมป์ถูกยิงที่หูด้านขวาและทำให้เขาได้รับบาดเจ็บ แต่เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลให้ผู้ที่เข้าร่วมฟังการปราศรัยเสียชีวิต 1 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บสาหัส 2 ราย ส่วนมือปืนได้ถูกหน่วยอารักขาประธานาธิบดีสหรัฐยิงเสียชีวิตหลังก่อเหตุทันที #Thaitimes
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 361 มุมมอง 0 รีวิว
  • พากันจูงมือเข้าอ่านริ้วววว………พี่ปูเขากำลังจะรุ่งในสายการเมืองแล้ววว………!!!!

    ตอนห้า…..เมื่อราศีจับ……อะไรๆก็ฉุดไม่อยู่……!!!

    เท่ากับว่า ตอนนี้ปูตินมีสองร่างในบุคคลคนเดียวกัน เขาได้มาเป็นที่ปรึกษาให้กับอนาโตลี แต่ยังคงนั่งทำงานประจำที่มหาวิทยาลัย
    ส่วนที่สำนักงาน KGB. เขาจะแวะเข้าไปเป็นครั้งเป็นคราว
    จนวันหนึ่งในช่วงปลายปี 1990 ที่มีคณาจารย์จาก Saint Petersburg University จาก Florida, USA ได้เข้ามาเยี่ยมเยียนมหาวิทยาลัย
    ในเลนินกราด ในโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และแบบแผนการศึกษา
    ตัวผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นอธิการบดี Dr. Carl M. Kuttler jr. ได้เดินทางมาด้วย
    ผู้ที่ทำหน้าที่ต้อนรับ คือ วลาดิเมียร์ ปูติน ที่เป็นผู้ประสานงานทุกอย่าง
    ตั้งแต่ชมมหาวิทยาลัย ไปเที่ยวนอกเมือง ซึ่งตอนนั้นเป็นภาวะที่น้ำมันขาดแคลนในโซเวียต
    รถลีมูซีนของท่านอธิการบดี เกิดน้ำมันหมด……ปูตินสามารถสั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐนำน้ำมันมาเติมให้ถึงที่ได้ด้วย
    คาร์ลจึงแปลกใจมาก……เขาแทบไม่เชื่อว่าคณบดีธรรมดาๆ คนนี้ สามารถตอบคำถามได้หมด ตั้งแต่เรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และการต่างประเทศ
    ซ้ำยังเรียกหน่วยงานมาจัดการเรื่องเส้นทางและน้ำมันให้ได้อีก
    ทุกอย่างได้เป็นไปอย่างเรียบร้อย ตลอดทั้งสิบวัน……

    ในคืนเกือบสุดท้ายที่คณะจากอเมริกาจะจากไป มีการจัดเลี้ยงอำลา
    ปูตินจึงนำอนาโตลีไปแนะนำให้รู้จักในฐานะเจ้านาย และ ในฐานะของนายกเทศมนตรีของเมือง
    ระหว่างการสนทนา คาร์ลได้เชื้อเชิญให้อนาโตลีไปเยี่ยมเยียนที่อเมริกาบ้าง
    แต่อนาโตลี คือชาวรัสเชี่ยนแท้ๆ ที่ปากกับใจตรงกัน ได้ตอบกลับไปว่า
    “พวกเราไม่มีทุนรอนขนาดนั้น มันไกลเกินฝัน…”
    คาร์ลก็เป็นอเมริกันสายป๋า……เขาตอบทันทีว่า
    “งั้นผมจะลองไปจัดการหาสปอนเซอร์ให้เอง……โปรดอย่าเป็นกังวล”

    ในที่สุด อนาโตลีและคณะก็ได้ไปเยือนอเมริกาสมใจ ด้วยทุนของ Procter & Gamble และได้เข้าพบกับประธานาธิบดี George H.W. Bush
    เขาได้ดูงานเทศบาลของเมือง Saint Petersburg, Florida **ที่มีนโยบายเข้มโดยไม่มีการอนุญาตให้ตัดต้นไม้ใดๆได้ จนกว่าจะได้รับการอนุมัติจากทางการ
    เมื่ออนาโตลีกลับมาถึงโซเวียต สิ่งแรกที่เขาทำคือ ทำการบรรจุปูตินในทีมงานอย่างเป็นทางการ จากความดีความชอบที่สามารถเชื่อมโยงจนได้ไปอเมริกา
    การทำงานกับอนาโตลี……ปูตินเริ่มมองเห็นอะไรอีกด้านหนึ่งที่เขาไม่ได้มองมาก่อน เช่น เรื่องความเสมอภาค ที่อนาโตลีมักพูดเสมอว่า
    “เราคุ้นเคยกับความรุนแรงมาตั้งแต่เกิด จนเห็นเป็นเรื่องปรกติ เราต้องอยู่อย่างหวาดกลัว ระแวง กับการที่จะมีคนมาคอยจ้องจับ นั่นมันไม่ใช่วิสัยการเป็นอยู่ของมนุษยชน”
    หรือ “ เราไม่จำเป็นต้องไปฆ่าฟันผู้คนกลุ่มหนึ่งให้ตาย
    เพื่อสนองตัญหาของคนอีกกลุ่มหนึ่ง……”

    เขาทั้งสองคนมีความแตกต่างกันอย่างสุดโต่ง อายุต่างกัน (12 ปี)
    นิสัยต่างกัน คนหนึ่งรื่นเริง หัวเราะง่าย อารมณ์ดี
    อีกคนหนึ่ง หน้าเครียด ยิ้มยาก ระวังตัวตลอดเวลา
    แต่อนาโตลี……พยายามผลักดันปูตินให้เข้ามาในวงจรของความคิดใหม่
    ปูตินแยกแยะเรื่องงานได้ดี เขาไม่เคยเออออห่อหมกกับทัศนคติของอนาโตลีที่มีต่อโซเวียต เพราะเขายังเป็น KGB ที่ยังต้องซื่อสัตย์กับงาน
    และเขาได้เห็นว่า งานเทศมนตรีที่อนาโตลีทำอยู่นั้น เป็นการเล่นการเมืองเสียส่วนใหญ่ งานด้านทำนุบำรุงประชาชนในส่วนสาธารณูปโภคมีน้อยมาก……

    ในปีนั้น ปี 1991 เศรษฐกิจของโซเวียตฝืดเคือง ข้าวของทุกอย่างหายไปตลาด ชั้นขายของว่างเปล่า อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน การประท้วงได้เกิดขึ้นตามชายขอบของประเทศ กอร์บาเชฟสั่งให้หน่วยทหารและ KGB เตรียมกำลังให้พร้อม เพื่อที่จะไปปราบม็อบ ผลจากการปะทะ ผู้ต่อต้านเสียชีวิตไป 14 คน
    ลิธัวเนีย…ประกาศท้าทายโซเวียตด้วยการจัดการลงคะแนนเสียงเพื่อขอเป็นอิสระ กอร์บาเชฟไม่ยอมรับมติของการลงคะแนน โดยอ้างว่าผิดกฎหมาย
    แต่กระแสเรียกร้อง เรียกหาความเป็นธรรมเริ่มหนาหูขึ้น

    เดือนเมยายน โซเวียต ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภา ที่มีทั้งฝ่ายคอมมิวนิสต์
    และฝ่ายสังคมนิยม ที่จะต้องชิงที่นั่งกัน ผลที่ได้คือ Boris Yelzin ได้ตำแหน่งประธานสภา อันเป็นที่ไม่พอใจกอร์บาเชฟเป็นอย่างยิ่ง
    เพราะคนละวิสัยทัศน์ และ เขาไม่เข้าใจเลยว่า คนที่ดื่มสุราจัด พูดไม่เป็นภาษามนุษย์ จะมาทำงานใหญ่ได้อย่างไร…
    แต่กระแสนิยมในตัวเยลซินกลับเพิ่มขึ้นทุกวัน จนบดบังรัศมี
    ของกอร์บาเชฟจนหมดสิ้น
    คอมมิวนิสต์อยู่ในกระแสขาลง ……ประชาชนฝ่ายใฝ่สังคมนิยมผสมประชาธิปไตยในสายงานของอนาโตลีทำการเรียกร้องให้เปลี่ยนชื่อเมือง
    จากเลนินกราด……ให้กลับไปเป็นเหมือนก่อนเก่า คือ St. Petersburg ซึ่งได้รับเสียงตอบรับในสภาเกินครึ่ง
    ปูติน……วางตัวเงียบสงบ ตั้งแต่เขาได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในฐานะนักการเมือง เขาได้ลาออกจากการเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัย คอยเฝ้าดูสถานะการณ์ของพรรคการเมืองต่างๆที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เขาเป็นที่ไว้วางใจของอนาโตลี ถึงขนาดที่เซ็นลงในกระดาษเปล่าให้ปูตินเอาไว้เขียนสั่งงานแทน

    วันที่ 17 สิงหาคม 1991 ปูตินได้พาครอบครัวไปเที่ยววันหยุด
    ที่ฝั่งทะเลบอลติค อนาโตลีไปพักผ่อนที่กึ่งประชุมงานที่ลิธัวเนีย
    ไม่มีใครรู้ว่า วันต่อมา คือวันที่ 18 เป็นวันที่ Gorbachev, Yeltzin และผู้นำจาก Kazakhstan มีการประชุมลับกันในการที่จะปรับเปลี่ยนทอนอำนาจในเครมลิน
    แต่ความลับรั่ว……เพราะการประชุมไม่ได้เกิดขึ้น กอร์บาเชฟได้ถูกควบคุมตัวไปขังในบ้านพักตากอากาศของเขาเอง (house arrest) แบบปฏิวัติเงียบจากกลุ่มต่อต้านภายใน หนึ่งในทีมหัวหน้าปฏิบัติการ คือ Vladimir Kryuchkov ผู้อำนวยการใหญ่ KGB
    และจากนั้น……ทั้งประเทศตกอยู่ในการคุมเข้มของกฏอัยการศึก
    ปูตินทราบข่าวจากการประกาศฉุกเฉินทางโทรทัศน์
    อนาโตลี ทราบข่าวจากโทรศัพท์ที่ปลุกกลางดึก ทำให้เขาต้องรีบบินกลับพร้อมกับผู้ติดตามหนึ่งคน ซึ่งทางคณะประกอบการได้ส่งการ์ดพร้อมอาวุธไปเตรียมควบคุมตัวเขาถึงสามคน
    แต่เมื่อถึงสนามบิน การ์ดสามคนนั่น ไม่ได้ทำตามคำสั่ง แถมยังช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับอนาโตลีจนบินกลับถึงมอสโคว์ได้อย่างปลอดภัย

    ปูตินรีบกลับมา เพื่ออยู่ในทีมงานของอนาโตลี เพราะเขารู้สึกเอียนกับการยึดอำนาจแบบนี้ เพราะตลอดชีวิตของเขาก็เจอแต่เหตุการณ์แบบนี้ แล้วผลมันเป็นอย่างไรก็เห็นๆกันอยู่ว่าประเทศได้ย่ำเท้าถอยหลัง ทรุดโทรมลงไปทุกวัน
    เขาตัดสินใจเขียนใบลาออกจาก KGB หลังจากที่ 16 ปีที่ใช้ชีวิตในเส้นทางนั้น พอกันที…
    เป็นไปตามคาด……การปฏิวัติโดยฝ่ายทหารและ KGB ในครั้งนี้ ไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาด เพราะประชาชนไม่ยอมรับ

    เพียงแค่สองวัน กอร์บาเขฟก็ได้รับอิสรภาพออกมาจากบ้านพัก Boris Yeltzin ได้รับความนิยม
    อนาโตลีก็เช่นกัน เขากลายเป็นตัวแทนของความเป็นประชาธิปไตยในเลนินกราด ปูตินก็ถือเป็นโชคที่เข้าข้าง เพราะเขาตัดสินในเลือกถูกฝั่ง……เพราะถ้าเขายังอยู่ในราชการ แน่นอนว่า……เขาคงจบชีวิตราชการที่ศาลทหารอย่างเดียวกับ Vladimir Kryuchkov

    เขาควรจะดีใจ……แต่ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุด ที่เห็นองค์กร KGB ที่เหมือนจิตวิญญาณศักดิศรีของลูกผู้ชายนั้นได้ล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา……

    ตามคาดคือ Yeltzin ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของรัสเซีย (ใหม่) เขาได้ทำการยุบกลุ่มพรรคที่นิยมคอมมิวนิสต์
    อนาโตลี ก็ก้าวขึ้นมาเป็นบุคคลสำคัญแห่งเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก และก็ได้ทำการอย่างเดียวกับเยลซิน คือ ไล่บี้กลุ่มคอมมิวนิสต์ เขาได้แต่งตั้งให้ปูตินเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจและการต่างประเทศ โดยมีที่ทำการใหม่ที่หรูหราสมฐานะ
    ภาพของเลนินได้ถูกปลดออกจากทุกห้อง โดยนำภาพของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชขึ้นไปแขวนแทน
    ธงแดงที่มีตราฆ้อนเคียว ถูกปลดลงหมด แต่ยังหาธงอื่นแทนไม่ได้ (ผลิตใหม่ยังไม่ทัน เสร็จพร้อมเมื่อ 1 พฤศจิกายน) ปูตินได้สั่งให้ถอนเสาธงออกไปเลย……

    ตอนนั้นเป็นยุคที่ต้องมีสื่อทีวีเพื่อการโปรประกันดา อนาโตลี
    ให้สัมภาษณ์จนแทบไม่มีเวลาหายใจ เขาจึงมอบหมาย
    ให้ปูตินรับช่วงต่อไปแทน ที่เป็นการสัมภาษณ์แบบสด ไม่มีสคริปต์ ที่เขาทำให้ทุกคนทึ่งในความสามารถ เพราะปูตินสามารถตอบทุกอย่างได้แบบมือโปร ด้วยท่าทางที่มั่นใจ และเต็มไปด้วยพลังของการทำงาน
    แต่ในสุดท้ายของการสัมภาษณ์ สื่อได้ถามวนเวียนถึงเรื่องการเป็นสายลับของเขา……
    ปูตินเริ่มรำคาญ ……”ดูคุณจะหาคำอธิบายให้ได้ใช่ไหม?”
    สื่อ “ ก็แน่ละซิ เพราะการที่ได้พบกับอดีต KGB ที่ไม่ได้ปกปิดตัวตนนั้น มันง่ายซะที่ไหน..”
    ปูติน……”คุณไม่มีทางรู้เลยว่า คุณอาจได้พบพวกเขาบ่อยๆแล้วโดยที่คุณไม่รู้ตัว………แต่เขาจะรู้เสมอว่าคุณเป็นใคร…แล้วคุณลองดูในอเมริกา นายจอร์จ บุช ก็คืออดีตซีไอเอ…แล้วไง?”
    สื่อ……”#%&฿$€€”

    หลังจากหมัดเด็ดในการสัมภาษณ์นั้นได้ออกทีวีไป
    อาคันตุกะคนแรกที่เข้ามาพบกับปูตินถึงที่ทำงาน ใน Smolny Institute
    คือ Igor Sechin ***เป็นเพื่อนรุ่นน้องในมหาวิทยาลัย และเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในภาษาโปรตุเกส, ฝรั่งเศส และ อังกฤษ เคยเป็นล่ามให้กับกองทัพ
    และ…..เป็นอดีต KGB เช่นกัน……
    แทบไม่ต้องเดา……อิกอร์ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในทีมทำงานเป็นหูเป็นตาให้กับปูติน
    จากนั้น……พรรคพวกเดิมๆที่มีความสามารถอย่างอิกอร์ก็ตบเข้าเข้ามาเสริมกำลัง จนในที่สุด ทั้งออฟฟิศของอนาโตลี
    มีแต่เจ้าหน้าที่ที่เป็นอดีต KGB เป็นส่วนใหญ่

    ปูตินพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยใช้ความสามารถที่มีทั้งหมดตั้งแต่เป็นสายลับ นักกฎหมาย ภาษาเยอรมัน การเมืองและเศรษฐศาสตร์ในการทำงาน เขาเชื่อเสมอว่า รัสเซียสามารถเป็นประเทศที่มีหลักการในการปกครองระบบสังคมนิยมผสมประชาธิปไตยได้ หากประชาชนอยู่ดีกินดี
    เพื่อนที่ใกล้ชิด ที่รู้นิสัยกันดี เขาเอามาทำงานด้วยหมด และทุกคนต่างได้รับผลตอบแทนเข้าขั้นอภิมหาเศรษฐีด้วยกันแทบทั้งนั้น
    แต่.……นั่นหมายความว่า รัฐบาลต้องมีหุ้นอยู่ด้วย.……พร้อมเข้าตรวจสอบได้
    การพัฒนาในเรื่องอุตสาหกรรมพลังงานจะต้องมาเป็นอันดับแรกที่ต้องพัฒนาให้ล้ำที่สุด
    ซึ่งเป็นความคิดที่สอดคล้องกับอนาโตลี ที่ตอนนั้นมีบารมีพอๆกันกับเยลซิน……
    ปูตินกลายเป็นกลไกสำคัญของเหล่าอาคันตุกะที่มาเยี่ยมเยือน และสร้างสัมพันธไมตรีต่างประเทศ ตั้งแต่ รมต. ต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา James Baker,ไปอังกฤษเพื่อพบปะกับ John Major นายกรัฐมนตรี, ไปเยอรมันเพื่อพบกับนายกรัฐมนตรี Helmut Kohl (และทำหน้าที่เป็นล่ำเป็นสัน)
    หรือเมื่อ Henry Kissinger ได้บินมาที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก
    ปูตินไปรับที่สนามบิน และนำไปสู่ที่พัก ในการสนทนากัน
    คิสซิงเจอร์ได้บอกกับปูตินว่า
    “คนที่ทำงานเก่งๆเนี่ย เริ่มต้นมาจากหน่วยราชการลับกันทั้งนั้น”

    ปูตินยิ้มนิดๆ ตอบไปว่า “อย่างผมนี่ไง……..!!”

    **ที่ Florida, USA. มีเมืองที่ชื่อว่า Saint Petersburg เช่นกัน

    ***จำชื่อนี้ไว้นะคะ Igor Sechin เพราะต่อมาเขาคือกลไกสำคัญในการเป็นแขนขาในการทำงาน เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี เมื่อปูตินเป็นนายกฯ
    อิกอร์ดูแลควบคุมการอุตสาหกรรมแร่ รวมไปถึงพลังงานและเป็น CEO บริษัท Rosneft ก๊าสและน้ำมัน ที่ใหญ่อันดับสามของรัสเซีย
    ตัวเขาเองที่เปรียบเสมือนมือขวาของปูตินจนถึงบัดนี้
    และตะวันตก……ได้ให้สถานะเขาว่า เป็นผู้มีอำนาจที่สองรองลงไปจากปูติน

    หรือแม้แต่ Alexey Miller CEO ของ Gazprom บริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียก็เป็นเด็กในคาถาของปูติน
    เพราะปั้นมากับมือตั้งแต่เขาเริ่มเลือกเส้นทางสายการเมือง

    Wiwanda W. Vichit
    พากันจูงมือเข้าอ่านริ้วววว………พี่ปูเขากำลังจะรุ่งในสายการเมืองแล้ววว………!!!! ตอนห้า…..เมื่อราศีจับ……อะไรๆก็ฉุดไม่อยู่……!!! เท่ากับว่า ตอนนี้ปูตินมีสองร่างในบุคคลคนเดียวกัน เขาได้มาเป็นที่ปรึกษาให้กับอนาโตลี แต่ยังคงนั่งทำงานประจำที่มหาวิทยาลัย ส่วนที่สำนักงาน KGB. เขาจะแวะเข้าไปเป็นครั้งเป็นคราว จนวันหนึ่งในช่วงปลายปี 1990 ที่มีคณาจารย์จาก Saint Petersburg University จาก Florida, USA ได้เข้ามาเยี่ยมเยียนมหาวิทยาลัย ในเลนินกราด ในโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และแบบแผนการศึกษา ตัวผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นอธิการบดี Dr. Carl M. Kuttler jr. ได้เดินทางมาด้วย ผู้ที่ทำหน้าที่ต้อนรับ คือ วลาดิเมียร์ ปูติน ที่เป็นผู้ประสานงานทุกอย่าง ตั้งแต่ชมมหาวิทยาลัย ไปเที่ยวนอกเมือง ซึ่งตอนนั้นเป็นภาวะที่น้ำมันขาดแคลนในโซเวียต รถลีมูซีนของท่านอธิการบดี เกิดน้ำมันหมด……ปูตินสามารถสั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐนำน้ำมันมาเติมให้ถึงที่ได้ด้วย คาร์ลจึงแปลกใจมาก……เขาแทบไม่เชื่อว่าคณบดีธรรมดาๆ คนนี้ สามารถตอบคำถามได้หมด ตั้งแต่เรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และการต่างประเทศ ซ้ำยังเรียกหน่วยงานมาจัดการเรื่องเส้นทางและน้ำมันให้ได้อีก ทุกอย่างได้เป็นไปอย่างเรียบร้อย ตลอดทั้งสิบวัน…… ในคืนเกือบสุดท้ายที่คณะจากอเมริกาจะจากไป มีการจัดเลี้ยงอำลา ปูตินจึงนำอนาโตลีไปแนะนำให้รู้จักในฐานะเจ้านาย และ ในฐานะของนายกเทศมนตรีของเมือง ระหว่างการสนทนา คาร์ลได้เชื้อเชิญให้อนาโตลีไปเยี่ยมเยียนที่อเมริกาบ้าง แต่อนาโตลี คือชาวรัสเชี่ยนแท้ๆ ที่ปากกับใจตรงกัน ได้ตอบกลับไปว่า “พวกเราไม่มีทุนรอนขนาดนั้น มันไกลเกินฝัน…” คาร์ลก็เป็นอเมริกันสายป๋า……เขาตอบทันทีว่า “งั้นผมจะลองไปจัดการหาสปอนเซอร์ให้เอง……โปรดอย่าเป็นกังวล” ในที่สุด อนาโตลีและคณะก็ได้ไปเยือนอเมริกาสมใจ ด้วยทุนของ Procter & Gamble และได้เข้าพบกับประธานาธิบดี George H.W. Bush เขาได้ดูงานเทศบาลของเมือง Saint Petersburg, Florida **ที่มีนโยบายเข้มโดยไม่มีการอนุญาตให้ตัดต้นไม้ใดๆได้ จนกว่าจะได้รับการอนุมัติจากทางการ เมื่ออนาโตลีกลับมาถึงโซเวียต สิ่งแรกที่เขาทำคือ ทำการบรรจุปูตินในทีมงานอย่างเป็นทางการ จากความดีความชอบที่สามารถเชื่อมโยงจนได้ไปอเมริกา การทำงานกับอนาโตลี……ปูตินเริ่มมองเห็นอะไรอีกด้านหนึ่งที่เขาไม่ได้มองมาก่อน เช่น เรื่องความเสมอภาค ที่อนาโตลีมักพูดเสมอว่า “เราคุ้นเคยกับความรุนแรงมาตั้งแต่เกิด จนเห็นเป็นเรื่องปรกติ เราต้องอยู่อย่างหวาดกลัว ระแวง กับการที่จะมีคนมาคอยจ้องจับ นั่นมันไม่ใช่วิสัยการเป็นอยู่ของมนุษยชน” หรือ “ เราไม่จำเป็นต้องไปฆ่าฟันผู้คนกลุ่มหนึ่งให้ตาย เพื่อสนองตัญหาของคนอีกกลุ่มหนึ่ง……” เขาทั้งสองคนมีความแตกต่างกันอย่างสุดโต่ง อายุต่างกัน (12 ปี) นิสัยต่างกัน คนหนึ่งรื่นเริง หัวเราะง่าย อารมณ์ดี อีกคนหนึ่ง หน้าเครียด ยิ้มยาก ระวังตัวตลอดเวลา แต่อนาโตลี……พยายามผลักดันปูตินให้เข้ามาในวงจรของความคิดใหม่ ปูตินแยกแยะเรื่องงานได้ดี เขาไม่เคยเออออห่อหมกกับทัศนคติของอนาโตลีที่มีต่อโซเวียต เพราะเขายังเป็น KGB ที่ยังต้องซื่อสัตย์กับงาน และเขาได้เห็นว่า งานเทศมนตรีที่อนาโตลีทำอยู่นั้น เป็นการเล่นการเมืองเสียส่วนใหญ่ งานด้านทำนุบำรุงประชาชนในส่วนสาธารณูปโภคมีน้อยมาก…… ในปีนั้น ปี 1991 เศรษฐกิจของโซเวียตฝืดเคือง ข้าวของทุกอย่างหายไปตลาด ชั้นขายของว่างเปล่า อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน การประท้วงได้เกิดขึ้นตามชายขอบของประเทศ กอร์บาเชฟสั่งให้หน่วยทหารและ KGB เตรียมกำลังให้พร้อม เพื่อที่จะไปปราบม็อบ ผลจากการปะทะ ผู้ต่อต้านเสียชีวิตไป 14 คน ลิธัวเนีย…ประกาศท้าทายโซเวียตด้วยการจัดการลงคะแนนเสียงเพื่อขอเป็นอิสระ กอร์บาเชฟไม่ยอมรับมติของการลงคะแนน โดยอ้างว่าผิดกฎหมาย แต่กระแสเรียกร้อง เรียกหาความเป็นธรรมเริ่มหนาหูขึ้น เดือนเมยายน โซเวียต ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภา ที่มีทั้งฝ่ายคอมมิวนิสต์ และฝ่ายสังคมนิยม ที่จะต้องชิงที่นั่งกัน ผลที่ได้คือ Boris Yelzin ได้ตำแหน่งประธานสภา อันเป็นที่ไม่พอใจกอร์บาเชฟเป็นอย่างยิ่ง เพราะคนละวิสัยทัศน์ และ เขาไม่เข้าใจเลยว่า คนที่ดื่มสุราจัด พูดไม่เป็นภาษามนุษย์ จะมาทำงานใหญ่ได้อย่างไร… แต่กระแสนิยมในตัวเยลซินกลับเพิ่มขึ้นทุกวัน จนบดบังรัศมี ของกอร์บาเชฟจนหมดสิ้น คอมมิวนิสต์อยู่ในกระแสขาลง ……ประชาชนฝ่ายใฝ่สังคมนิยมผสมประชาธิปไตยในสายงานของอนาโตลีทำการเรียกร้องให้เปลี่ยนชื่อเมือง จากเลนินกราด……ให้กลับไปเป็นเหมือนก่อนเก่า คือ St. Petersburg ซึ่งได้รับเสียงตอบรับในสภาเกินครึ่ง ปูติน……วางตัวเงียบสงบ ตั้งแต่เขาได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในฐานะนักการเมือง เขาได้ลาออกจากการเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัย คอยเฝ้าดูสถานะการณ์ของพรรคการเมืองต่างๆที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เขาเป็นที่ไว้วางใจของอนาโตลี ถึงขนาดที่เซ็นลงในกระดาษเปล่าให้ปูตินเอาไว้เขียนสั่งงานแทน วันที่ 17 สิงหาคม 1991 ปูตินได้พาครอบครัวไปเที่ยววันหยุด ที่ฝั่งทะเลบอลติค อนาโตลีไปพักผ่อนที่กึ่งประชุมงานที่ลิธัวเนีย ไม่มีใครรู้ว่า วันต่อมา คือวันที่ 18 เป็นวันที่ Gorbachev, Yeltzin และผู้นำจาก Kazakhstan มีการประชุมลับกันในการที่จะปรับเปลี่ยนทอนอำนาจในเครมลิน แต่ความลับรั่ว……เพราะการประชุมไม่ได้เกิดขึ้น กอร์บาเชฟได้ถูกควบคุมตัวไปขังในบ้านพักตากอากาศของเขาเอง (house arrest) แบบปฏิวัติเงียบจากกลุ่มต่อต้านภายใน หนึ่งในทีมหัวหน้าปฏิบัติการ คือ Vladimir Kryuchkov ผู้อำนวยการใหญ่ KGB และจากนั้น……ทั้งประเทศตกอยู่ในการคุมเข้มของกฏอัยการศึก ปูตินทราบข่าวจากการประกาศฉุกเฉินทางโทรทัศน์ อนาโตลี ทราบข่าวจากโทรศัพท์ที่ปลุกกลางดึก ทำให้เขาต้องรีบบินกลับพร้อมกับผู้ติดตามหนึ่งคน ซึ่งทางคณะประกอบการได้ส่งการ์ดพร้อมอาวุธไปเตรียมควบคุมตัวเขาถึงสามคน แต่เมื่อถึงสนามบิน การ์ดสามคนนั่น ไม่ได้ทำตามคำสั่ง แถมยังช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับอนาโตลีจนบินกลับถึงมอสโคว์ได้อย่างปลอดภัย ปูตินรีบกลับมา เพื่ออยู่ในทีมงานของอนาโตลี เพราะเขารู้สึกเอียนกับการยึดอำนาจแบบนี้ เพราะตลอดชีวิตของเขาก็เจอแต่เหตุการณ์แบบนี้ แล้วผลมันเป็นอย่างไรก็เห็นๆกันอยู่ว่าประเทศได้ย่ำเท้าถอยหลัง ทรุดโทรมลงไปทุกวัน เขาตัดสินใจเขียนใบลาออกจาก KGB หลังจากที่ 16 ปีที่ใช้ชีวิตในเส้นทางนั้น พอกันที… เป็นไปตามคาด……การปฏิวัติโดยฝ่ายทหารและ KGB ในครั้งนี้ ไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาด เพราะประชาชนไม่ยอมรับ เพียงแค่สองวัน กอร์บาเขฟก็ได้รับอิสรภาพออกมาจากบ้านพัก Boris Yeltzin ได้รับความนิยม อนาโตลีก็เช่นกัน เขากลายเป็นตัวแทนของความเป็นประชาธิปไตยในเลนินกราด ปูตินก็ถือเป็นโชคที่เข้าข้าง เพราะเขาตัดสินในเลือกถูกฝั่ง……เพราะถ้าเขายังอยู่ในราชการ แน่นอนว่า……เขาคงจบชีวิตราชการที่ศาลทหารอย่างเดียวกับ Vladimir Kryuchkov เขาควรจะดีใจ……แต่ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุด ที่เห็นองค์กร KGB ที่เหมือนจิตวิญญาณศักดิศรีของลูกผู้ชายนั้นได้ล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา…… ตามคาดคือ Yeltzin ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของรัสเซีย (ใหม่) เขาได้ทำการยุบกลุ่มพรรคที่นิยมคอมมิวนิสต์ อนาโตลี ก็ก้าวขึ้นมาเป็นบุคคลสำคัญแห่งเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก และก็ได้ทำการอย่างเดียวกับเยลซิน คือ ไล่บี้กลุ่มคอมมิวนิสต์ เขาได้แต่งตั้งให้ปูตินเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจและการต่างประเทศ โดยมีที่ทำการใหม่ที่หรูหราสมฐานะ ภาพของเลนินได้ถูกปลดออกจากทุกห้อง โดยนำภาพของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชขึ้นไปแขวนแทน ธงแดงที่มีตราฆ้อนเคียว ถูกปลดลงหมด แต่ยังหาธงอื่นแทนไม่ได้ (ผลิตใหม่ยังไม่ทัน เสร็จพร้อมเมื่อ 1 พฤศจิกายน) ปูตินได้สั่งให้ถอนเสาธงออกไปเลย…… ตอนนั้นเป็นยุคที่ต้องมีสื่อทีวีเพื่อการโปรประกันดา อนาโตลี ให้สัมภาษณ์จนแทบไม่มีเวลาหายใจ เขาจึงมอบหมาย ให้ปูตินรับช่วงต่อไปแทน ที่เป็นการสัมภาษณ์แบบสด ไม่มีสคริปต์ ที่เขาทำให้ทุกคนทึ่งในความสามารถ เพราะปูตินสามารถตอบทุกอย่างได้แบบมือโปร ด้วยท่าทางที่มั่นใจ และเต็มไปด้วยพลังของการทำงาน แต่ในสุดท้ายของการสัมภาษณ์ สื่อได้ถามวนเวียนถึงเรื่องการเป็นสายลับของเขา…… ปูตินเริ่มรำคาญ ……”ดูคุณจะหาคำอธิบายให้ได้ใช่ไหม?” สื่อ “ ก็แน่ละซิ เพราะการที่ได้พบกับอดีต KGB ที่ไม่ได้ปกปิดตัวตนนั้น มันง่ายซะที่ไหน..” ปูติน……”คุณไม่มีทางรู้เลยว่า คุณอาจได้พบพวกเขาบ่อยๆแล้วโดยที่คุณไม่รู้ตัว………แต่เขาจะรู้เสมอว่าคุณเป็นใคร…แล้วคุณลองดูในอเมริกา นายจอร์จ บุช ก็คืออดีตซีไอเอ…แล้วไง?” สื่อ……”#%&฿$€€” หลังจากหมัดเด็ดในการสัมภาษณ์นั้นได้ออกทีวีไป อาคันตุกะคนแรกที่เข้ามาพบกับปูตินถึงที่ทำงาน ใน Smolny Institute คือ Igor Sechin ***เป็นเพื่อนรุ่นน้องในมหาวิทยาลัย และเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในภาษาโปรตุเกส, ฝรั่งเศส และ อังกฤษ เคยเป็นล่ามให้กับกองทัพ และ…..เป็นอดีต KGB เช่นกัน…… แทบไม่ต้องเดา……อิกอร์ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในทีมทำงานเป็นหูเป็นตาให้กับปูติน จากนั้น……พรรคพวกเดิมๆที่มีความสามารถอย่างอิกอร์ก็ตบเข้าเข้ามาเสริมกำลัง จนในที่สุด ทั้งออฟฟิศของอนาโตลี มีแต่เจ้าหน้าที่ที่เป็นอดีต KGB เป็นส่วนใหญ่ ปูตินพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยใช้ความสามารถที่มีทั้งหมดตั้งแต่เป็นสายลับ นักกฎหมาย ภาษาเยอรมัน การเมืองและเศรษฐศาสตร์ในการทำงาน เขาเชื่อเสมอว่า รัสเซียสามารถเป็นประเทศที่มีหลักการในการปกครองระบบสังคมนิยมผสมประชาธิปไตยได้ หากประชาชนอยู่ดีกินดี เพื่อนที่ใกล้ชิด ที่รู้นิสัยกันดี เขาเอามาทำงานด้วยหมด และทุกคนต่างได้รับผลตอบแทนเข้าขั้นอภิมหาเศรษฐีด้วยกันแทบทั้งนั้น แต่.……นั่นหมายความว่า รัฐบาลต้องมีหุ้นอยู่ด้วย.……พร้อมเข้าตรวจสอบได้ การพัฒนาในเรื่องอุตสาหกรรมพลังงานจะต้องมาเป็นอันดับแรกที่ต้องพัฒนาให้ล้ำที่สุด ซึ่งเป็นความคิดที่สอดคล้องกับอนาโตลี ที่ตอนนั้นมีบารมีพอๆกันกับเยลซิน…… ปูตินกลายเป็นกลไกสำคัญของเหล่าอาคันตุกะที่มาเยี่ยมเยือน และสร้างสัมพันธไมตรีต่างประเทศ ตั้งแต่ รมต. ต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา James Baker,ไปอังกฤษเพื่อพบปะกับ John Major นายกรัฐมนตรี, ไปเยอรมันเพื่อพบกับนายกรัฐมนตรี Helmut Kohl (และทำหน้าที่เป็นล่ำเป็นสัน) หรือเมื่อ Henry Kissinger ได้บินมาที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ปูตินไปรับที่สนามบิน และนำไปสู่ที่พัก ในการสนทนากัน คิสซิงเจอร์ได้บอกกับปูตินว่า “คนที่ทำงานเก่งๆเนี่ย เริ่มต้นมาจากหน่วยราชการลับกันทั้งนั้น” ปูตินยิ้มนิดๆ ตอบไปว่า “อย่างผมนี่ไง……..!!” **ที่ Florida, USA. มีเมืองที่ชื่อว่า Saint Petersburg เช่นกัน ***จำชื่อนี้ไว้นะคะ Igor Sechin เพราะต่อมาเขาคือกลไกสำคัญในการเป็นแขนขาในการทำงาน เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี เมื่อปูตินเป็นนายกฯ อิกอร์ดูแลควบคุมการอุตสาหกรรมแร่ รวมไปถึงพลังงานและเป็น CEO บริษัท Rosneft ก๊าสและน้ำมัน ที่ใหญ่อันดับสามของรัสเซีย ตัวเขาเองที่เปรียบเสมือนมือขวาของปูตินจนถึงบัดนี้ และตะวันตก……ได้ให้สถานะเขาว่า เป็นผู้มีอำนาจที่สองรองลงไปจากปูติน หรือแม้แต่ Alexey Miller CEO ของ Gazprom บริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียก็เป็นเด็กในคาถาของปูติน เพราะปั้นมากับมือตั้งแต่เขาเริ่มเลือกเส้นทางสายการเมือง Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 375 มุมมอง 0 รีวิว
  • พูดถึงการเสริมอาวุธต่อสู้อากาศยานให้รถถังเพิ่มเติมจากปืนกลหนัก 12.7 มิลลิเมตรด้านบนป้อมปืน มีกรณีศึกษาน่าสนใจคือกรณีของเกาหลีเหนือที่มีการติดตั้งจรวดต่อสู้อากาศยานประทับบ่าหรือ MANPADS บนป้อมปืนรถถังมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ก่อนจะมีการใช้โดรนแพร่หลายเสียอีก เหตุผลไม่ใช่เพราะเกาหลีเหนือมองการณ์ไกล แต่มาจากดุลทางทหารที่เกาหลีเหนือมีกำลังทางอากาศด้อยกว่าเกาหลีใต้และสหรัฐฯ มาก กองทัพอากาศเกาหลีเหนือมีเครื่องบินขับไล่ที่พอไปวัดไปวาได้คือ MiG-29 ประมาณ 35 ลำเท่านั้น เครื่องบินรบนอกเหนือจากนั้นส่วนใหญ่ก็จะเป็น MiG-21 และ MiG-23 เทียบไม่ได้เลยกับกองทัพอากาศเกาหลีใต้และสหรัฐฯ กองทัพบกเกาหลีเหนือจึงต้องเสริมอาวุธต่อสู้อากาศยานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวทั้งติด MANPADS ให้ยานเกราะทั่วไปด้วย เนื่องจากไม่สามารถหวังพึ่งการคุ้มกันทางอากาศจากเครื่องบินขับไล่ได้

    ทีนี้การติด MANPADS บนป้อมปืนรถถัง ข้อดีก็คือช่วยเพิ่มระยะยิงอาวุธต่อสู้อากาศยานของรถถัง จากที่ปกติปืนกลขนาด 12.7 มิลลิเมตรมีระยะยิงหวังผลประมาณ 1 - 2 กิโลเมตร เพิ่มขึ้นเป็นระยะยิงของ MANPADS ประมาณ 5 กิโลเมตร นำวิถีด้วย อย่างไรก็ตามข้อเสียของ MANPADS คือพลยิงหรือในกรณีนี้คือพลประจำรถถัง ต้องค้นหาเป้าหมายด้วยสายตา และทัศนวิสัยด้านในของรถถังค่อนข้างจำกัด ยิ่งถ้าอยู่ในช่วงที่การรบชุลมุน ผบ. รถถังไม่สามารถเปิดฝาป้อมออกมาได้ ก็ยิ่งมีข้อจำกัดมาก ดังนั้นต่อให้รถถังมีอาวุธต่อสู้อากาศยานเพิ่มคือ MANPADS แต่ถ้ามองไม่เห็นเป้าหมาย ก็ไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพครับ

    ในกรณีของโดรน FPV ความจริงโดรนประเภทนี้โดยตัวมันเองไม่ได้แข็งแกร่งทนทานอะไร ใช้แค่ปืนลูกซองก็สามารถสอยลงมาได้ จุดที่ยากคือการหาโดรนให้พบต่างหาก ต้องไม่ลืมว่าภัยคุกคามในสนามรบไม่ได้มีแค่โดรน มีทั้งทหารราบและยานเกราะฝ่ายตรงข้าม ปืนใหญ่ เป็นต้น ส่งผลให้ไม่สามารถแหงนหน้ามองหาโดรนอย่างเดียวได้ ดังนั้นถ้าในอนาคตจะมีการปรับปรุงความสามารถในการต่อต้านโดรนของยานเกราะ สิ่งที่สำคัญไม่แพ้ระบบอาวุธคือระบบตรวจจับครับ จะทำอย่างไรจึงจะให้พลประจำรถที่มีทัศนวิสัยจำกัด สามารถมองเห็นโดรนก่อนที่โดรนจะเข้าโจมตีได้ อย่างที่ผมบอกไปว่าการสอยโดรน FPV ทำได้ไม่ยาก แค่ปืนลูกซองก็สอยลงมาได้แล้ว แต่สิ่งสำคัญเลยคือต้องเห็นโดรนก่อน

    สวัสดี

    การทูตและการทหาร
    Military and Diplomacy

    14.09.2024
    พูดถึงการเสริมอาวุธต่อสู้อากาศยานให้รถถังเพิ่มเติมจากปืนกลหนัก 12.7 มิลลิเมตรด้านบนป้อมปืน มีกรณีศึกษาน่าสนใจคือกรณีของเกาหลีเหนือที่มีการติดตั้งจรวดต่อสู้อากาศยานประทับบ่าหรือ MANPADS บนป้อมปืนรถถังมาหลายปีแล้ว ตั้งแต่ก่อนจะมีการใช้โดรนแพร่หลายเสียอีก เหตุผลไม่ใช่เพราะเกาหลีเหนือมองการณ์ไกล แต่มาจากดุลทางทหารที่เกาหลีเหนือมีกำลังทางอากาศด้อยกว่าเกาหลีใต้และสหรัฐฯ มาก กองทัพอากาศเกาหลีเหนือมีเครื่องบินขับไล่ที่พอไปวัดไปวาได้คือ MiG-29 ประมาณ 35 ลำเท่านั้น เครื่องบินรบนอกเหนือจากนั้นส่วนใหญ่ก็จะเป็น MiG-21 และ MiG-23 เทียบไม่ได้เลยกับกองทัพอากาศเกาหลีใต้และสหรัฐฯ กองทัพบกเกาหลีเหนือจึงต้องเสริมอาวุธต่อสู้อากาศยานให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ รวทั้งติด MANPADS ให้ยานเกราะทั่วไปด้วย เนื่องจากไม่สามารถหวังพึ่งการคุ้มกันทางอากาศจากเครื่องบินขับไล่ได้ ทีนี้การติด MANPADS บนป้อมปืนรถถัง ข้อดีก็คือช่วยเพิ่มระยะยิงอาวุธต่อสู้อากาศยานของรถถัง จากที่ปกติปืนกลขนาด 12.7 มิลลิเมตรมีระยะยิงหวังผลประมาณ 1 - 2 กิโลเมตร เพิ่มขึ้นเป็นระยะยิงของ MANPADS ประมาณ 5 กิโลเมตร นำวิถีด้วย อย่างไรก็ตามข้อเสียของ MANPADS คือพลยิงหรือในกรณีนี้คือพลประจำรถถัง ต้องค้นหาเป้าหมายด้วยสายตา และทัศนวิสัยด้านในของรถถังค่อนข้างจำกัด ยิ่งถ้าอยู่ในช่วงที่การรบชุลมุน ผบ. รถถังไม่สามารถเปิดฝาป้อมออกมาได้ ก็ยิ่งมีข้อจำกัดมาก ดังนั้นต่อให้รถถังมีอาวุธต่อสู้อากาศยานเพิ่มคือ MANPADS แต่ถ้ามองไม่เห็นเป้าหมาย ก็ไม่สามารถใช้งานได้เต็มประสิทธิภาพครับ ในกรณีของโดรน FPV ความจริงโดรนประเภทนี้โดยตัวมันเองไม่ได้แข็งแกร่งทนทานอะไร ใช้แค่ปืนลูกซองก็สามารถสอยลงมาได้ จุดที่ยากคือการหาโดรนให้พบต่างหาก ต้องไม่ลืมว่าภัยคุกคามในสนามรบไม่ได้มีแค่โดรน มีทั้งทหารราบและยานเกราะฝ่ายตรงข้าม ปืนใหญ่ เป็นต้น ส่งผลให้ไม่สามารถแหงนหน้ามองหาโดรนอย่างเดียวได้ ดังนั้นถ้าในอนาคตจะมีการปรับปรุงความสามารถในการต่อต้านโดรนของยานเกราะ สิ่งที่สำคัญไม่แพ้ระบบอาวุธคือระบบตรวจจับครับ จะทำอย่างไรจึงจะให้พลประจำรถที่มีทัศนวิสัยจำกัด สามารถมองเห็นโดรนก่อนที่โดรนจะเข้าโจมตีได้ อย่างที่ผมบอกไปว่าการสอยโดรน FPV ทำได้ไม่ยาก แค่ปืนลูกซองก็สอยลงมาได้แล้ว แต่สิ่งสำคัญเลยคือต้องเห็นโดรนก่อน สวัสดี การทูตและการทหาร Military and Diplomacy 14.09.2024
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 214 มุมมอง 0 รีวิว
  • ร่วมเฟ้นหาตัวแทนชาติไทย เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับนานาชาติ ณ สาธารณรัฐตุรกี
    ​องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ร่วมกับ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท แกมมาโก้ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2567 เพื่อเป็นเวทีให้เยาวชนไทยได้แสดงศักยภาพด้านการออกแบบและเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์ โดยหัวข้อการแข่งขัน คือ Earth Allies
    การแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย มีทีมเข้าร่วมกว่า 270 ทีม หรือกว่า 1,500 คน พร้อมทั้งผู้ปกครองเข้าเชียร์บุตรหลานรวมจำนวนผู้เข้าร่วมงานกว่า 3,300 คนต่อวัน ทีมที่เข้าแข่งขันมาจากหลายจังหวัด ซึ่งการแข่งขันแบ่งออกเป็น 3 รุ่น คือ รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี จำนวน 102 ทีม รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี จำนวน 80 ทีม และ รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี จำนวน 72 ทีม โดยผู้เข้าแข่งขันจะต้องเขียนโปรแกรมและออกแบบหุ่นยนต์ เพื่อทำภารกิจที่กำหนดในสนาม ผู้ชนะการแข่งขันฯ ลำดับที่ 1 – 3 ของแต่ละรุ่น จะได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมการแข่งขัน ฯ ระดับนานาชาติ ณ สาธารณรัฐตุรกี ในลำดับต่อไป
    สำหรับโครงการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ (WRO 2024: World Robot Olympiad 2024) ในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ ฯ และเอกชนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) การแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2567 กำหนดให้จัดขึ้นในวันที่ 13 - 15 กันยายน พ.ศ. 2567 ณ เอ็มซีซี ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์ โคราช โดยได้รับเกียรติจาก คุณวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธี
    ดร.นวลวรรณ ชะอุ่ม ประธานโครงการจัดการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า "กิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีแข่งขันการเขียนโปรแกรม และ เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจ รวมถึงจุดประกายความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาศักยภาพของเยาวชนไทยให้ก้าวไกลต่อไปในอนาคตตามนโยบาย ประเทศไทย 4.0 ในการพัฒนาวิทยาการ ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการวิจัยพัฒนา"
    คุณปรีชา ลิ้มอั่ว ผจก.ทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด กล่าวต้อนรับ ว่า "ในนาม ผู้บริหาร ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่คุณวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2567 ในวันนี้
    การแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2567 ในครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 - 15 กันยายน 2567 ในฐานะของผู้ร่วมจัดงาน และผู้ร่วมสนับสนุนต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้มีสนามแข่งขันที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งในปีนี้ทราบว่ามีผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 254 ทีม รวมทั้งสิ้นกว่า 1,000 คน และขอต้อนรับน้องๆ เยาวชนที่เข้าร่วมการแข่งขันทุกท่าน และผู้ปกครอง อาจารย์ ที่ได้พาน้องๆ มาร่วมในการแข่งขันครั้งนี้
    สุดท้ายนี้ ในนาม ผู้บริหาร เดอะมอลล์โคราช ขอขอบพระคุณ รองผู้ว่าราชการ จังหวัดนครราชสีมา ประธานโครงการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ท่านผู้มีเกียรติ สื่อมวลชนทุกท่าน ที่ได้ให้เกียรติมาร่วมเปิดงานในครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทาง ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช จะได้รับเกียรติในการจัดงาน ครั้งต่อๆ ไป"
    ในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก
    นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา
    ดร.นวลวรรณ ชะอุ่ม ประธานโครงการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ประจำประเทศไทย
    นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา
    นายธีรารัตน์ ร่มรื่น ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดนครราชสีมา
    ดร.ยุทธกร ฤทธิ์ไธสง รองอธิการบดีฝ่ายบริหารการคลัง พัสดุและกายภาพ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
    อาจารย์สรวิศ ต.ศิริวัฒนา รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน
    อ.ดร.ศิริ สาระเขตต์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรม มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล
    ผศ.ดร.จงกล ศรีธร หัวหน้าสาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี
    คณะกรรมการดำเนินการจัดงาน ท่านผู้มีเกียรติ ผู้เข้าแข่งขัน และสื่อมวลชนทุกท่าน
    ร่วมเฟ้นหาตัวแทนชาติไทย เข้าร่วมการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับนานาชาติ ณ สาธารณรัฐตุรกี ​องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) ร่วมกับ สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท แกมมาโก้ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2567 เพื่อเป็นเวทีให้เยาวชนไทยได้แสดงศักยภาพด้านการออกแบบและเขียนโปรแกรมหุ่นยนต์ โดยหัวข้อการแข่งขัน คือ Earth Allies การแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย มีทีมเข้าร่วมกว่า 270 ทีม หรือกว่า 1,500 คน พร้อมทั้งผู้ปกครองเข้าเชียร์บุตรหลานรวมจำนวนผู้เข้าร่วมงานกว่า 3,300 คนต่อวัน ทีมที่เข้าแข่งขันมาจากหลายจังหวัด ซึ่งการแข่งขันแบ่งออกเป็น 3 รุ่น คือ รุ่นอายุไม่เกิน 12 ปี จำนวน 102 ทีม รุ่นอายุไม่เกิน 15 ปี จำนวน 80 ทีม และ รุ่นอายุไม่เกิน 19 ปี จำนวน 72 ทีม โดยผู้เข้าแข่งขันจะต้องเขียนโปรแกรมและออกแบบหุ่นยนต์ เพื่อทำภารกิจที่กำหนดในสนาม ผู้ชนะการแข่งขันฯ ลำดับที่ 1 – 3 ของแต่ละรุ่น จะได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมการแข่งขัน ฯ ระดับนานาชาติ ณ สาธารณรัฐตุรกี ในลำดับต่อไป สำหรับโครงการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ (WRO 2024: World Robot Olympiad 2024) ในครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานภาครัฐ ฯ และเอกชนมากมาย ไม่ว่าจะเป็นองค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ (อพวช.) สำนักงานบริหารและพัฒนาองค์ความรู้ (องค์การมหาชน) บริษัท เดอะมอลล์ กรุ๊ป จำกัด และ บริษัท อิชิตัน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) การแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี พ.ศ. 2567 กำหนดให้จัดขึ้นในวันที่ 13 - 15 กันยายน พ.ศ. 2567 ณ เอ็มซีซี ฮอลล์ ชั้น 3 เดอะมอลล์ โคราช โดยได้รับเกียรติจาก คุณวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานในพิธี ดร.นวลวรรณ ชะอุ่ม ประธานโครงการจัดการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ประจำประเทศไทย กล่าวว่า "กิจกรรมในครั้งนี้จัดขึ้นเพื่อเป็นเวทีแข่งขันการเขียนโปรแกรม และ เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างแรงบันดาลใจ รวมถึงจุดประกายความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ เพื่อพัฒนาศักยภาพของเยาวชนไทยให้ก้าวไกลต่อไปในอนาคตตามนโยบาย ประเทศไทย 4.0 ในการพัฒนาวิทยาการ ความคิดสร้างสรรค์ นวัตกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และการวิจัยพัฒนา" คุณปรีชา ลิ้มอั่ว ผจก.ทั่วไปปฏิบัติการ บริษัท เดอะมอลล์ราชสีมา จำกัด กล่าวต้อนรับ ว่า "ในนาม ผู้บริหาร ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง ที่คุณวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ได้กรุณาให้เกียรติมาเป็นประธานในพิธีเปิดงานการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2567 ในวันนี้ การแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ระดับชิงแชมป์ประเทศไทย ประจำปี 2567 ในครั้งนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 13 - 15 กันยายน 2567 ในฐานะของผู้ร่วมจัดงาน และผู้ร่วมสนับสนุนต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 เพื่อเปิดโอกาสให้เยาวชนได้มีสนามแข่งขันที่สมบูรณ์แบบ ซึ่งในปีนี้ทราบว่ามีผู้เข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 254 ทีม รวมทั้งสิ้นกว่า 1,000 คน และขอต้อนรับน้องๆ เยาวชนที่เข้าร่วมการแข่งขันทุกท่าน และผู้ปกครอง อาจารย์ ที่ได้พาน้องๆ มาร่วมในการแข่งขันครั้งนี้ สุดท้ายนี้ ในนาม ผู้บริหาร เดอะมอลล์โคราช ขอขอบพระคุณ รองผู้ว่าราชการ จังหวัดนครราชสีมา ประธานโครงการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ ท่านผู้มีเกียรติ สื่อมวลชนทุกท่าน ที่ได้ให้เกียรติมาร่วมเปิดงานในครั้งนี้ และหวังเป็นอย่างยิ่งว่าทาง ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช จะได้รับเกียรติในการจัดงาน ครั้งต่อๆ ไป" ในการจัดการแข่งขันครั้งนี้ได้รับเกียรติจาก นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ดร.นวลวรรณ ชะอุ่ม ประธานโครงการแข่งขันโอลิมปิกหุ่นยนต์ประจำประเทศไทย นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา นายธีรารัตน์ ร่มรื่น ผู้อำนวยการสำนักงานการกีฬาแห่งประเทศไทย จังหวัดนครราชสีมา ดร.ยุทธกร ฤทธิ์ไธสง รองอธิการบดีฝ่ายบริหารการคลัง พัสดุและกายภาพ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา อาจารย์สรวิศ ต.ศิริวัฒนา รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนักศึกษาและศิษย์เก่าสัมพันธ์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน อ.ดร.ศิริ สาระเขตต์ ผู้ช่วยอธิการบดีฝ่ายนวัตกรรม มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ผศ.ดร.จงกล ศรีธร หัวหน้าสาขาวิชาวิศวกรรมอุตสาหการ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี คณะกรรมการดำเนินการจัดงาน ท่านผู้มีเกียรติ ผู้เข้าแข่งขัน และสื่อมวลชนทุกท่าน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 230 มุมมอง 0 รีวิว
  • 12-09-67/01 : หมี CNN / หมี CNN / "ตีแสกหน้า" EP.7

    01. เพิ่งคิดได้ไอ้สัส! ไทยเตรียมเลิกอิงราคาน้ำมันตลาดโลก อย่าเพิ่งรีบดีใจ แค่สลับร่าง สั่งของถูก มากินส่วนต่างอีกที ใครล่ะ ก็จีน รัสเซีย? แปลว่า?
    02. รัสเซีย จีน อิหร่าน ผนึกกำลังซ้อมรบ 5 ทวีป มรึงเห็นภาพชัดพอยังล่ะ?
    03. เป็นไปตามเนื้อผ้า รัสเซียไล่ยึดสบายตรีน อียูเครน หมอบแล้ว จะสู้เพื่อ?
    04. กูล่ะชอบ ตรรกะอีทรัมปป์ เก็บภาษีเพิ่ม 100% คือโดดเดี่ยวอเมริกา โง่ดี
    05. ฉิบหายแล้ว แม้แต่ชาติเล็กๆ ในตะวันออกกลางยังมีไฮเปอร์โซนิค ยิวอึ้ง
    06. EU ช่างหัวแม่งแล้ว ตัวใครตัวมัน แยกย้าย หนาวมา กอดรัสเซียแน่นขึ้น?
    07. จุดจบกาลกิณี อัยกวยช่วยไม่ไหว พ่อโดนมอ112 ยาวเป็นหางว่าว พ่วงทูลเท็จ ลูกโดนที่ดิน โกงสอบกับคุณสมบัติต่ำตมไม่ผ่าน ศาลสะสมแต้มอยู่
    08. ล่าสุดสนามบินโซล ร้างนักท่องเที่ยว บทเรียนราคาแพง อีกามินถูกถอด
    09. กูบอกแล้วไง เหี้ยมันเก่งแต่ฆ่าเด็ก สตรี คนชรา คนท้อง คนพิการ สู้กับทหารแพ้อย่างหมา ตามสูตร ถล่มโรงเรียน ทำได้แค่นี้ แต่เยเมนจัดหนักกว่า
    10. แบนมาแบนกลับไม่มีโกง อียุ่นปี่เสี้ยนแบนชิปจีน จีนสวนหมัดกลับทันที กูไม่ส่งแร่ให้มรึง เชิญไปหาเองนอกโลก ดีออก? ชะตาขาดยังไม่รู้ตัวอีก สัส
    11. อีแคนเสี้ยนต่อ ขึ้นภาษีรถ EV จีน จีนสั่งตัดนำเข้าคาโนลา รายได้หลักอีแคน วัตถุดิบผลิตน้ำมันพืชปรุงอาหาร ภาคเกษตรอีแคนดิ้น ใครจะสั่งกูเนี่ย?
    12. ไอ้สัส! เอากันให้ตายไปข้าง? BYD เตรียมนำแบตเจนใหม่ ฆ่าคู่แข่งตาย
    13. การละครเหี้ยมะกัน อีลา อีช้าง แค่ตัวหมาก แผนแตกอเมริกาเกิดภายใน
    14. น้ำท่วม นักการเมืองเคยช่วยมรึงได้จริงมุย? จ้องจะเบิกงบหาแดร๊ก ถึงปล่อยให้ท่วมไงล่ะ? มันรู้ล่วงหน้าด้วยซ้ำ แต่ปล่อย ประชาธิปไตยหอมหวล
    15. มรึงดู ข่าวเหี้ยปล่อย อีลอน มัสก์ จะรวยล้านล้าน แต่เทสล่ากำลังจะเจ๊ง
    16. ผบ.หน่วยตายเกลื่อน นายพลสิ้นชื่อ อียิว กำลังจนตรอก โดนทุกชั่วโมง
    17. ไอ้สัส! แค่ซ้อมรบ แคตตาล็อกมาเต็ม ทั้งโลกแห่จอง งวดนี้ ใหม่ ดุ เข้ม
    18. จริงดิ! จีนเตรียมกองทัพ AI ทั้งนักรบ และแมลงหลากสายพันธุ์ ล้ำเกิน
    19. หมายังดูออก แผนเสี้ยมไทยแตกขะแมร์ เหยียบธนบัตร ทหารรู้ทัน โดน
    20. 14 ล้านเสียงควายบัดซบ อับอายขายขี้หน้า อีส้มโชว์โง่ไม่เว้นวัน ควาย

    หมายเหตุ : โมเมตั่มมันนำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบ เจ้าเก่าไม่มีทางเลือก ตายคือตาย ไม่ตายก็แตกไม่ได้ ไม่ตายก็ปลดล็อคไม่ได้ สันติสุขคือเรื่องตอแหล จินตหราสิของจริง! เหี้ยยังมีเขี้ยวเล็บอยู่ แพ้แต่ไม่ยอมตายฟรี ต้องสาหัสทั้งโลก นี่คือใบสั่งเยรูซาเล็ม เกมส์จะแรงขึ้นไปเรื่อยๆ ขยายวงกว้างมากขึ้น เพื่อนำไปสู่จุดจบ นั่นคือ "มินิคุ๊กกี้รสชาเขียว" ทำไมรัสเซีย จีน อิหร่าน จะมองไม่ออก ว่าเหี้ยมันจ้องจะทำอะไร? อีทรัมปป์มาเพื่อโดดเดี่ยวอเมริกา มันถึงจะรอดจากอียิวได้แท้จริง คือแยกดินแดน แบ่งกันไปเลย ย่ออเมริกา อังกฤษ ให้เล็กลง เพื่อทางรอดเดียวที่เหลืออยู่ ก่อนสิ้นชาติสูญพันธุ์ ด้านเอเซีย แปซิฟิคต้องระอุ จีนพร้อม แต่เหี้ยยังไม่พร้อม ยิ่งนานวัน จีนกลืนหมดทุกสรรพสิ่ง งานนี้ อีแพะบูชายันต์คงไม่รอด อีปินส์ อีลอดช่อง หาทางลงอยู่ ขืนเข้าเกมส์นี้ ตายสิ้นชาติชัวร์ อาเซียนคือเกราะกำบัง จำคีย์ตรงนี้เอาไว้ แหกด่าน แหกกลุ่มคือสิ้นชาติ! สุดท้าย ขั้วใหม่ได้ไปทั้งหมด

    หมี CNN(ละครบ้านทรายทองจะจบยังไง ขึ้นอยู่กับเกมส์โลกกำหนดบทบาท แสงส่องเข้ามาแล้ว อะไรก็หยุดไม่อยู่ การเปลี่ยนแปลงแบบพลิกขั้วจะเกิดขึ้น เหี้ยจะหนีตาย เพราะแสงทำงานไวมาก ศาลไคฟงคือทางรอดของชาติ วังคือสิ่งยึดเหนี่ยว กองทัพคือหัวใจ ประชาชนและควาย คือตัวแปร แสงจะล้างสิ่งโสมมออกจนหมดเกลี้ยง ใครคิดว่าอะไรที่เป็นไปไม่ได้ จะเกิดขึ้น คอรัปชั่นจะกลายเป็นตราบาปคนชั่ว ยุคใหม่ เปลี่ยนแนวคิดใหม่หมด มันเริ่มขึ้นมาแล้ว มันจะเดินหน้าต่อไป ไม่มีหยุดยั้ง อำนาจคู่กับศรัทธา นี่คือคีย์)
    12 กันยายน 67
    09.50 น.
    https://linevoom.line.me/post/1172610929449175909
    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u
    12-09-67/01 : หมี CNN / หมี CNN / "ตีแสกหน้า" EP.7 01. เพิ่งคิดได้ไอ้สัส! ไทยเตรียมเลิกอิงราคาน้ำมันตลาดโลก อย่าเพิ่งรีบดีใจ แค่สลับร่าง สั่งของถูก มากินส่วนต่างอีกที ใครล่ะ ก็จีน รัสเซีย? แปลว่า? 02. รัสเซีย จีน อิหร่าน ผนึกกำลังซ้อมรบ 5 ทวีป มรึงเห็นภาพชัดพอยังล่ะ? 03. เป็นไปตามเนื้อผ้า รัสเซียไล่ยึดสบายตรีน อียูเครน หมอบแล้ว จะสู้เพื่อ? 04. กูล่ะชอบ ตรรกะอีทรัมปป์ เก็บภาษีเพิ่ม 100% คือโดดเดี่ยวอเมริกา โง่ดี 05. ฉิบหายแล้ว แม้แต่ชาติเล็กๆ ในตะวันออกกลางยังมีไฮเปอร์โซนิค ยิวอึ้ง 06. EU ช่างหัวแม่งแล้ว ตัวใครตัวมัน แยกย้าย หนาวมา กอดรัสเซียแน่นขึ้น? 07. จุดจบกาลกิณี อัยกวยช่วยไม่ไหว พ่อโดนมอ112 ยาวเป็นหางว่าว พ่วงทูลเท็จ ลูกโดนที่ดิน โกงสอบกับคุณสมบัติต่ำตมไม่ผ่าน ศาลสะสมแต้มอยู่ 08. ล่าสุดสนามบินโซล ร้างนักท่องเที่ยว บทเรียนราคาแพง อีกามินถูกถอด 09. กูบอกแล้วไง เหี้ยมันเก่งแต่ฆ่าเด็ก สตรี คนชรา คนท้อง คนพิการ สู้กับทหารแพ้อย่างหมา ตามสูตร ถล่มโรงเรียน ทำได้แค่นี้ แต่เยเมนจัดหนักกว่า 10. แบนมาแบนกลับไม่มีโกง อียุ่นปี่เสี้ยนแบนชิปจีน จีนสวนหมัดกลับทันที กูไม่ส่งแร่ให้มรึง เชิญไปหาเองนอกโลก ดีออก? ชะตาขาดยังไม่รู้ตัวอีก สัส 11. อีแคนเสี้ยนต่อ ขึ้นภาษีรถ EV จีน จีนสั่งตัดนำเข้าคาโนลา รายได้หลักอีแคน วัตถุดิบผลิตน้ำมันพืชปรุงอาหาร ภาคเกษตรอีแคนดิ้น ใครจะสั่งกูเนี่ย? 12. ไอ้สัส! เอากันให้ตายไปข้าง? BYD เตรียมนำแบตเจนใหม่ ฆ่าคู่แข่งตาย 13. การละครเหี้ยมะกัน อีลา อีช้าง แค่ตัวหมาก แผนแตกอเมริกาเกิดภายใน 14. น้ำท่วม นักการเมืองเคยช่วยมรึงได้จริงมุย? จ้องจะเบิกงบหาแดร๊ก ถึงปล่อยให้ท่วมไงล่ะ? มันรู้ล่วงหน้าด้วยซ้ำ แต่ปล่อย ประชาธิปไตยหอมหวล 15. มรึงดู ข่าวเหี้ยปล่อย อีลอน มัสก์ จะรวยล้านล้าน แต่เทสล่ากำลังจะเจ๊ง 16. ผบ.หน่วยตายเกลื่อน นายพลสิ้นชื่อ อียิว กำลังจนตรอก โดนทุกชั่วโมง 17. ไอ้สัส! แค่ซ้อมรบ แคตตาล็อกมาเต็ม ทั้งโลกแห่จอง งวดนี้ ใหม่ ดุ เข้ม 18. จริงดิ! จีนเตรียมกองทัพ AI ทั้งนักรบ และแมลงหลากสายพันธุ์ ล้ำเกิน 19. หมายังดูออก แผนเสี้ยมไทยแตกขะแมร์ เหยียบธนบัตร ทหารรู้ทัน โดน 20. 14 ล้านเสียงควายบัดซบ อับอายขายขี้หน้า อีส้มโชว์โง่ไม่เว้นวัน ควาย หมายเหตุ : โมเมตั่มมันนำไปสู่สงครามเต็มรูปแบบ เจ้าเก่าไม่มีทางเลือก ตายคือตาย ไม่ตายก็แตกไม่ได้ ไม่ตายก็ปลดล็อคไม่ได้ สันติสุขคือเรื่องตอแหล จินตหราสิของจริง! เหี้ยยังมีเขี้ยวเล็บอยู่ แพ้แต่ไม่ยอมตายฟรี ต้องสาหัสทั้งโลก นี่คือใบสั่งเยรูซาเล็ม เกมส์จะแรงขึ้นไปเรื่อยๆ ขยายวงกว้างมากขึ้น เพื่อนำไปสู่จุดจบ นั่นคือ "มินิคุ๊กกี้รสชาเขียว" ทำไมรัสเซีย จีน อิหร่าน จะมองไม่ออก ว่าเหี้ยมันจ้องจะทำอะไร? อีทรัมปป์มาเพื่อโดดเดี่ยวอเมริกา มันถึงจะรอดจากอียิวได้แท้จริง คือแยกดินแดน แบ่งกันไปเลย ย่ออเมริกา อังกฤษ ให้เล็กลง เพื่อทางรอดเดียวที่เหลืออยู่ ก่อนสิ้นชาติสูญพันธุ์ ด้านเอเซีย แปซิฟิคต้องระอุ จีนพร้อม แต่เหี้ยยังไม่พร้อม ยิ่งนานวัน จีนกลืนหมดทุกสรรพสิ่ง งานนี้ อีแพะบูชายันต์คงไม่รอด อีปินส์ อีลอดช่อง หาทางลงอยู่ ขืนเข้าเกมส์นี้ ตายสิ้นชาติชัวร์ อาเซียนคือเกราะกำบัง จำคีย์ตรงนี้เอาไว้ แหกด่าน แหกกลุ่มคือสิ้นชาติ! สุดท้าย ขั้วใหม่ได้ไปทั้งหมด หมี CNN(ละครบ้านทรายทองจะจบยังไง ขึ้นอยู่กับเกมส์โลกกำหนดบทบาท แสงส่องเข้ามาแล้ว อะไรก็หยุดไม่อยู่ การเปลี่ยนแปลงแบบพลิกขั้วจะเกิดขึ้น เหี้ยจะหนีตาย เพราะแสงทำงานไวมาก ศาลไคฟงคือทางรอดของชาติ วังคือสิ่งยึดเหนี่ยว กองทัพคือหัวใจ ประชาชนและควาย คือตัวแปร แสงจะล้างสิ่งโสมมออกจนหมดเกลี้ยง ใครคิดว่าอะไรที่เป็นไปไม่ได้ จะเกิดขึ้น คอรัปชั่นจะกลายเป็นตราบาปคนชั่ว ยุคใหม่ เปลี่ยนแนวคิดใหม่หมด มันเริ่มขึ้นมาแล้ว มันจะเดินหน้าต่อไป ไม่มีหยุดยั้ง อำนาจคู่กับศรัทธา นี่คือคีย์) 12 กันยายน 67 09.50 น. https://linevoom.line.me/post/1172610929449175909 https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 588 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานประเพณีวิ่งควาย ครั้งที่ 153 ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่ 8 - 16 ตุลาคม พ.ศ. 2567
    งานประเพณีวิ่งควาย ครั้งที่ 153 ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดชลบุรี ระหว่างวันที่ 8 - 16 ตุลาคม พ.ศ. 2567
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 83 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,515
    วันพฤหัสบดี: ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง
    วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๗ (12 September 2024)

    Photo Album 2/5
    โอนเงินทำบุญ 48 วัด เป็นเงิน 960 บาท
    11. วัดป่างิ้ว อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
    (สร้างห้องน้ำ)
    12. วัดโค้งเจริญ อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย
    (สร้างห้องน้ำ)
    13. วัดนาควิสัย อ.โพทะเล จ.พิจิตร
    (สร้างห้องน้ำ)
    14. วัดพูนพิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
    (สร้างห้องน้ำ)
    15. วัดบึงลัฏฐิวัน อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา
    (สร้างห้องน้ำ)
    16. วัดหนองคูวนาราม อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์
    (สร้างห้องน้ำ)
    17. วัดแหน ๒ พัฒนาราม อ.ท่าวังผา จ.น่าน
    (สร้างห้องน้ำ)
    18. วัดอ่างตาผึ้ง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา
    (สร้างห้องน้ำ)
    19. วัดหนองกระทุ่ม อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี
    (สร้างห้องน้ำ)
    20. วัดหนองกุ่ม อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์
    (สร้างห้องน้ำ)
    #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์
    * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๕๓ วัน
    I am willing to depart this life at the age of 75.
    ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,515 วันพฤหัสบดี: ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๗ (12 September 2024) Photo Album 2/5 โอนเงินทำบุญ 48 วัด เป็นเงิน 960 บาท 11. วัดป่างิ้ว อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ (สร้างห้องน้ำ) 12. วัดโค้งเจริญ อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย (สร้างห้องน้ำ) 13. วัดนาควิสัย อ.โพทะเล จ.พิจิตร (สร้างห้องน้ำ) 14. วัดพูนพิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี (สร้างห้องน้ำ) 15. วัดบึงลัฏฐิวัน อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา (สร้างห้องน้ำ) 16. วัดหนองคูวนาราม อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ (สร้างห้องน้ำ) 17. วัดแหน ๒ พัฒนาราม อ.ท่าวังผา จ.น่าน (สร้างห้องน้ำ) 18. วัดอ่างตาผึ้ง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา (สร้างห้องน้ำ) 19. วัดหนองกระทุ่ม อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี (สร้างห้องน้ำ) 20. วัดหนองกุ่ม อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ (สร้างห้องน้ำ) #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์ * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๕๓ วัน I am willing to depart this life at the age of 75.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,515
    วันพฤหัสบดี: ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง
    วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๗ (12 September 2024)

    Photo Album 2/5
    โอนเงินทำบุญ 48 วัด เป็นเงิน 960 บาท
    11. วัดป่างิ้ว อ.พร้าว จ.เชียงใหม่
    (สร้างห้องน้ำ)
    12. วัดโค้งเจริญ อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย
    (สร้างห้องน้ำ)
    13. วัดนาควิสัย อ.โพทะเล จ.พิจิตร
    (สร้างห้องน้ำ)
    14. วัดพูนพิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี
    (สร้างห้องน้ำ)
    15. วัดบึงลัฏฐิวัน อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา
    (สร้างห้องน้ำ)
    16. วัดหนองคูวนาราม อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์
    (สร้างห้องน้ำ)
    17. วัดแหน ๒ พัฒนาราม อ.ท่าวังผา จ.น่าน
    (สร้างห้องน้ำ)
    18. วัดอ่างตาผึ้ง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา
    (สร้างห้องน้ำ)
    19. วัดหนองกระทุ่ม อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี
    (สร้างห้องน้ำ)
    20. วัดหนองกุ่ม อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์
    (สร้างห้องน้ำ)
    #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์
    * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๕๓ วัน
    I am willing to depart this life at the age of 75.
    ทำบุญออนไลน์ >>> วันที่ 1,515 วันพฤหัสบดี: ขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๑๐ ปีมะโรง วันที่ ๑๒ กันยายน ๒๕๖๗ (12 September 2024) Photo Album 2/5 โอนเงินทำบุญ 48 วัด เป็นเงิน 960 บาท 11. วัดป่างิ้ว อ.พร้าว จ.เชียงใหม่ (สร้างห้องน้ำ) 12. วัดโค้งเจริญ อ.ทุ่งเสลี่ยม จ.สุโขทัย (สร้างห้องน้ำ) 13. วัดนาควิสัย อ.โพทะเล จ.พิจิตร (สร้างห้องน้ำ) 14. วัดพูนพิมลราช อ.บางบัวทอง จ.นนทบุรี (สร้างห้องน้ำ) 15. วัดบึงลัฏฐิวัน อ.ท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา (สร้างห้องน้ำ) 16. วัดหนองคูวนาราม อ.ลำปลายมาศ จ.บุรีรัมย์ (สร้างห้องน้ำ) 17. วัดแหน ๒ พัฒนาราม อ.ท่าวังผา จ.น่าน (สร้างห้องน้ำ) 18. วัดอ่างตาผึ้ง อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา (สร้างห้องน้ำ) 19. วัดหนองกระทุ่ม อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี (สร้างห้องน้ำ) 20. วัดหนองกุ่ม อ.เมือง จ.ประจวบคีรีขันธ์ (สร้างห้องน้ำ) #โอนเงินทำบุญโดยคุณณรงค์ * เวลาที่เหลืออยู่ในชาตินี้ เท่ากับ ๒๖ ปี ๑๕๓ วัน I am willing to depart this life at the age of 75.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • Live สถานการณ์น้ำท่วม จ.เชียงราย ถนนแม่ยาวมุ่งหน้าสู่สนามบินแม่ฟ้าหลวง จาก FB คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    .
    คลิกชม >> https://www.facebook.com/share/v/aN8PsSm64xkKRu2P/
    Live สถานการณ์น้ำท่วม จ.เชียงราย ถนนแม่ยาวมุ่งหน้าสู่สนามบินแม่ฟ้าหลวง จาก FB คุยทุกเรื่องกับสนธิ . คลิกชม >> https://www.facebook.com/share/v/aN8PsSm64xkKRu2P/
    Like
    Sad
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1000 มุมมอง 0 รีวิว
  • สื่อรอยเตอร์ Reuters สหรัฐตีข่าว การทุจริตในเมืองไทย
    หลังจากบริษัท Deere บริษัทสัญชาติอเมริกัน
    ผู้ผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตร รายใหญ่
    ได้ยอมเสียค่าปรับให้กับ ก.ล.ต.สหรัฐ หรือ SEC
    เป็นจำนวนเงินกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
    หรือ ประมาณ 334 ล้านบาท

    ในกรณีที่ ผู้บริหารระดับสูง และพนักงานบริษัท
    Wirtgen Thailand ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่เมืองไทย
    ได้ติดสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เมืองไทย
    เพื่อให้ได้งาน ซึ่งในคำให้การมีหลายหน่วยงาน
    เช่น กองทัพอากาศ และ กรมทางหลวง เป็นต้น

    โดย Deere & company บริษัทแม่ของ
    Wirtgen Thailand ได้ให้คำให้การต่อ ก.ล.ต. สหรัฐ
    ถึงขึ้นตอนการจะได้งานที่เมืองไทยจากภาครัฐ
    ต้องทำดังนี้

    1. ติดสินบน จ่ายเป็นเงินสด ตั้งแต่ปี 2560-2563
    2. จ่ายในรูปแบบค่าที่ปรึกษา ค่าอาหาร
    3. จ่ายในรูปแบบการท่องเที่ยว แต่ระบุ "เยี่ยมชมโรงงาน"
    ในสวิตเซอร์แลนด์ และ ประเทศต่างๆในยุโรป
    4. จ่ายในรูปแบบความบันเทิง โดยการพาเจ้าหน้าที่รัฐ
    ไปนวดในสถานบริการ อาบ อบ นวด

    ซึ่งการกระทำดังกล่าว ก.ล.ต.สหรัฐ หรือ SEC กล่าวว่า
    การกระทำของ Deere ละเมิดกฎหมายบัญชีและบันทึก
    รวมถึงบทบัญญัติการควบคุมบัญชีภายใน
    ของกฎหมายต่อต้านการติดสินบนของรัฐบาลกลาง
    หรือพระราชบัญญัติการปฏิบัติทุจริตในต่างประเทศ
    และเกิดการปรับเงินเป็นจำนวนกว่า 10 ล้านดอลลาร์
    สหรัฐ หรือ ประมาณ 334 ล้านบาท


    โดย Deere & Company ดำเนินธุรกิจในชื่อ John Deere
    เป็นบริษัทอเมริกันที่ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตร
    เครื่องจักรกลหนัก เครื่องจักรป่าไม้ เครื่องยนต์ดีเซล
    ระบบขับเคลื่อนที่ใช้ในเครื่องจักรกลหนัก และอุปกรณ์
    ดูแลสนามหญ้า

    ที่มา : Reuters
    https://www.reuters.com/legal/deere-pay-993-mln-settle-us-sec-bribery-probe-2024-09-10/

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    🔥🔥สื่อรอยเตอร์ Reuters สหรัฐตีข่าว การทุจริตในเมืองไทย หลังจากบริษัท Deere บริษัทสัญชาติอเมริกัน ผู้ผลิตเครื่องจักรกลทางการเกษตร รายใหญ่ ได้ยอมเสียค่าปรับให้กับ ก.ล.ต.สหรัฐ หรือ SEC เป็นจำนวนเงินกว่า 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ ประมาณ 334 ล้านบาท 🚩ในกรณีที่ ผู้บริหารระดับสูง และพนักงานบริษัท Wirtgen Thailand ซึ่งเป็นบริษัทลูกที่เมืองไทย ได้ติดสินบนให้แก่เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เมืองไทย เพื่อให้ได้งาน ซึ่งในคำให้การมีหลายหน่วยงาน เช่น กองทัพอากาศ และ กรมทางหลวง เป็นต้น 🚩โดย Deere & company บริษัทแม่ของ Wirtgen Thailand ได้ให้คำให้การต่อ ก.ล.ต. สหรัฐ ถึงขึ้นตอนการจะได้งานที่เมืองไทยจากภาครัฐ ต้องทำดังนี้ 🚩1. ติดสินบน จ่ายเป็นเงินสด ตั้งแต่ปี 2560-2563 🚩2. จ่ายในรูปแบบค่าที่ปรึกษา ค่าอาหาร 🚩3. จ่ายในรูปแบบการท่องเที่ยว แต่ระบุ "เยี่ยมชมโรงงาน" ในสวิตเซอร์แลนด์ และ ประเทศต่างๆในยุโรป 🚩4. จ่ายในรูปแบบความบันเทิง โดยการพาเจ้าหน้าที่รัฐ ไปนวดในสถานบริการ อาบ อบ นวด 🚩ซึ่งการกระทำดังกล่าว ก.ล.ต.สหรัฐ หรือ SEC กล่าวว่า การกระทำของ Deere ละเมิดกฎหมายบัญชีและบันทึก รวมถึงบทบัญญัติการควบคุมบัญชีภายใน ของกฎหมายต่อต้านการติดสินบนของรัฐบาลกลาง หรือพระราชบัญญัติการปฏิบัติทุจริตในต่างประเทศ และเกิดการปรับเงินเป็นจำนวนกว่า 10 ล้านดอลลาร์ สหรัฐ หรือ ประมาณ 334 ล้านบาท 🚩โดย Deere & Company ดำเนินธุรกิจในชื่อ John Deere เป็นบริษัทอเมริกันที่ผลิตเครื่องจักรกลการเกษตร เครื่องจักรกลหนัก เครื่องจักรป่าไม้ เครื่องยนต์ดีเซล ระบบขับเคลื่อนที่ใช้ในเครื่องจักรกลหนัก และอุปกรณ์ ดูแลสนามหญ้า ที่มา : Reuters https://www.reuters.com/legal/deere-pay-993-mln-settle-us-sec-bribery-probe-2024-09-10/ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 814 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทิ้งปัจจุบัน

    คำว่า “ปฏิบัติธรรม” ดูจะเป็นคำที่เข้มขลังสำหรับใครบางคน

    เพราะมักจะรู้สึกว่า การปฏิบัติธรรมต้องไปอยู่วัด ทำอะไร ที่ เคร่งครัด เคร่งเครียด ผิดปกติไปจากชีวิตประจำวัน บางคนพอได้ก้าว เท้าเข้าไปสู่สนามแห่งการฝึกฝน ก็เกร็ง เพ่ง เอาเป็นเอาตาย แต่เอา ไม่เป็นเลยเกือบตาย เส้นเอ็นตึงไปหมดทั้งตัว การไปปฏิบัติธรรม จึง ได้โรคกษัย ไตพิการกลับมาด้วย เข็ด ขยาดกันไปทั้งชีวิต

    แท้ที่จริงแล้วการปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องเรียบง่าย สบายๆ ลอง อ่านข้อความต่อไปนี้ แล้วคุณจะรู้ว่า ง่ายกว่าที่คุณคิดตั้งเยอะ

    สามารถอ่านต่อที่เว็บบอร์ดพระนิพพาน

    https://www.thenirvanalive.com/2023/03/09/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%95-4/

    #ทิ้งปัจจุบัน #ปฏิบัติธรรม #ชีวิต #thaitimes #เว็บไซต์พระนิพพาน #เว็บบอร์ดพระนิพพาน
    ทิ้งปัจจุบัน คำว่า “ปฏิบัติธรรม” ดูจะเป็นคำที่เข้มขลังสำหรับใครบางคน เพราะมักจะรู้สึกว่า การปฏิบัติธรรมต้องไปอยู่วัด ทำอะไร ที่ เคร่งครัด เคร่งเครียด ผิดปกติไปจากชีวิตประจำวัน บางคนพอได้ก้าว เท้าเข้าไปสู่สนามแห่งการฝึกฝน ก็เกร็ง เพ่ง เอาเป็นเอาตาย แต่เอา ไม่เป็นเลยเกือบตาย เส้นเอ็นตึงไปหมดทั้งตัว การไปปฏิบัติธรรม จึง ได้โรคกษัย ไตพิการกลับมาด้วย เข็ด ขยาดกันไปทั้งชีวิต แท้ที่จริงแล้วการปฏิบัติธรรมเป็นเรื่องเรียบง่าย สบายๆ ลอง อ่านข้อความต่อไปนี้ แล้วคุณจะรู้ว่า ง่ายกว่าที่คุณคิดตั้งเยอะ สามารถอ่านต่อที่เว็บบอร์ดพระนิพพาน https://www.thenirvanalive.com/2023/03/09/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%95-4/ #ทิ้งปัจจุบัน #ปฏิบัติธรรม #ชีวิต #thaitimes #เว็บไซต์พระนิพพาน #เว็บบอร์ดพระนิพพาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาแล้วลูกจ๋า รถเมล์บอนลัคที่หนูอยากได้

    เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2567 องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) นำรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ยี่ห้อบอนลัค (BLK) มาให้บริการล็อตแรก 100 คัน หลังจากกลุ่มร่วมทำงาน วินสตาร์ และ ดี.ที.ซี.ชนะการประกวดราคาจ้างเหมาซ่อมรถรุ่นดังกล่าว ซึ่งมีอายุการใช้งาน 7 ปี เสนอราคาเป็นเงิน 963.35 ล้านบาท ระยะเวลาสัญญา 3 ปี สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2570 และได้ดำเนินการซ่อมแซมรถให้พร้อมใช้งาน หลังจากหยุดใช้รถ (ตัดจอด) ไปเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา

    ตามแผนงานลำดับถัดไป จะต้องซ่อมแซมรถพร้อมให้บริการรวม 380 คันภายใน 90 วัน และกลับมาให้บริการได้ครบจำนวน 486 คันภายใน 120 วัน พร้อมดูแลซ่อมบำรุงเป็นเวลา 3 ปี

    สำหรับการให้บริการรถโดยสารปรับอากาศ NGV ล็อตแรก 100 คัน แบ่งเป็นเขตการเดินรถละ 25 คัน ได้แก่ เขตการเดินรถที่ 1 สาย 510 (1-19) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (รังสิต)-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 13 คัน สาย A2 ท่าอากาศยานดอนเมือง-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ทางด่วน) 5 คัน สาย A1 ท่าอากาศยานดอนเมือง-หมอชิต 2 (ทางด่วน) สาย 522 (1-22E) รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ทางด่วน) 2 คัน และสาย A3 ท่าอากาศยานดอนเมือง-สวนลุมพินี 1 คัน

    เขตการเดินรถที่ 2 สาย 168 (1-50) เคหะร่มเกล้า-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 15 คัน สาย 60 (1-38) สวนสยาม-สถานีรถไฟฟ้าสนามไชย 8 คัน และสาย 26 (1-36) มีนบุรี-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 2 คัน เขตการเดินรถที่ 3 สาย 142 (3-17E) ปากน้ำ-แสมดำ (ทางด่วน) 9 คัน สาย 511 (3-22E) ปากน้ำ-สายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน (ทางด่วน) 8 คัน สาย 23E (3-4E) ปากน้ำ-เทเวศร์ (ทางด่วน) 3 คัน สาย 102 (3-12E) แพรกษา-เซ็นทรัลพระราม 3 (ทางด่วน) 3 คัน และสาย 145 (3-18) แพรกษา-หมอชิต 2 2 คัน

    เขตการเดินรถที่ 5 สาย 105 (4-18) สมุทรสาคร-สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี 5 คัน สาย 138 (4-22E) พระประแดง (อู่ราชประชา)-หมอชิต 2 5 คัน สาย 21E (4-7E) วัดคู่สร้าง-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 4 คัน สาย 76 (4-14) แสมดำ-ประตูน้ำ 3 คัน สาย 141 (4-24E) แสมดำ-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3 คัน สาย 20 (4-4) ป้อมพระจุลจอมเกล้า-ท่าเรือท่าดินแดง 2 คัน สาย 37 (4-9) ท่าน้ำพระประแดง-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2 คัน และสาย 21 (4-6) วัดคู่สร้าง-มหานาค 1 คัน

    ค่าโดยสารคิดตามระยะทาง เริ่มต้น 15 บาท สูงสุด 25 บาท (รถขึ้นทางด่วนเพิ่ม 2 บาท) รับชำระทั้งเงินสด บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรเครดิต บัตรเดบิต สแกนคิวอาร์โค้ด ตรวจสอบพิกัดรถเมล์ได้ที่แอปพลิเคชัน VIABUS สังเกตที่สัญลักษณ์วีลแชร์ หมายถึงรถโดยสารแบบชานต่ำรองรับผู้พิการ

    #Newskit #ขสมก #บอนลัค
    มาแล้วลูกจ๋า รถเมล์บอนลัคที่หนูอยากได้ เมื่อวันที่ 9 ก.ย. 2567 องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) นำรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) ยี่ห้อบอนลัค (BLK) มาให้บริการล็อตแรก 100 คัน หลังจากกลุ่มร่วมทำงาน วินสตาร์ และ ดี.ที.ซี.ชนะการประกวดราคาจ้างเหมาซ่อมรถรุ่นดังกล่าว ซึ่งมีอายุการใช้งาน 7 ปี เสนอราคาเป็นเงิน 963.35 ล้านบาท ระยะเวลาสัญญา 3 ปี สิ้นสุดวันที่ 30 มิ.ย. 2570 และได้ดำเนินการซ่อมแซมรถให้พร้อมใช้งาน หลังจากหยุดใช้รถ (ตัดจอด) ไปเมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา ตามแผนงานลำดับถัดไป จะต้องซ่อมแซมรถพร้อมให้บริการรวม 380 คันภายใน 90 วัน และกลับมาให้บริการได้ครบจำนวน 486 คันภายใน 120 วัน พร้อมดูแลซ่อมบำรุงเป็นเวลา 3 ปี สำหรับการให้บริการรถโดยสารปรับอากาศ NGV ล็อตแรก 100 คัน แบ่งเป็นเขตการเดินรถละ 25 คัน ได้แก่ เขตการเดินรถที่ 1 สาย 510 (1-19) มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (รังสิต)-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 13 คัน สาย A2 ท่าอากาศยานดอนเมือง-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ทางด่วน) 5 คัน สาย A1 ท่าอากาศยานดอนเมือง-หมอชิต 2 (ทางด่วน) สาย 522 (1-22E) รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ (ทางด่วน) 2 คัน และสาย A3 ท่าอากาศยานดอนเมือง-สวนลุมพินี 1 คัน เขตการเดินรถที่ 2 สาย 168 (1-50) เคหะร่มเกล้า-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 15 คัน สาย 60 (1-38) สวนสยาม-สถานีรถไฟฟ้าสนามไชย 8 คัน และสาย 26 (1-36) มีนบุรี-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ 2 คัน เขตการเดินรถที่ 3 สาย 142 (3-17E) ปากน้ำ-แสมดำ (ทางด่วน) 9 คัน สาย 511 (3-22E) ปากน้ำ-สายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน (ทางด่วน) 8 คัน สาย 23E (3-4E) ปากน้ำ-เทเวศร์ (ทางด่วน) 3 คัน สาย 102 (3-12E) แพรกษา-เซ็นทรัลพระราม 3 (ทางด่วน) 3 คัน และสาย 145 (3-18) แพรกษา-หมอชิต 2 2 คัน เขตการเดินรถที่ 5 สาย 105 (4-18) สมุทรสาคร-สถานีรถไฟฟ้ากรุงธนบุรี 5 คัน สาย 138 (4-22E) พระประแดง (อู่ราชประชา)-หมอชิต 2 5 คัน สาย 21E (4-7E) วัดคู่สร้าง-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 4 คัน สาย 76 (4-14) แสมดำ-ประตูน้ำ 3 คัน สาย 141 (4-24E) แสมดำ-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 3 คัน สาย 20 (4-4) ป้อมพระจุลจอมเกล้า-ท่าเรือท่าดินแดง 2 คัน สาย 37 (4-9) ท่าน้ำพระประแดง-จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 2 คัน และสาย 21 (4-6) วัดคู่สร้าง-มหานาค 1 คัน ค่าโดยสารคิดตามระยะทาง เริ่มต้น 15 บาท สูงสุด 25 บาท (รถขึ้นทางด่วนเพิ่ม 2 บาท) รับชำระทั้งเงินสด บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ บัตรเครดิต บัตรเดบิต สแกนคิวอาร์โค้ด ตรวจสอบพิกัดรถเมล์ได้ที่แอปพลิเคชัน VIABUS สังเกตที่สัญลักษณ์วีลแชร์ หมายถึงรถโดยสารแบบชานต่ำรองรับผู้พิการ #Newskit #ขสมก #บอนลัค
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 316 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต่อเรื่องพี่ปูอีกนิด…..แค้นนี้………กี่ปีก็ไม่สาย……!!

    อย่าซีเรียสนะคะ มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรอย่างที่จั่วหัวไว้หรอก แต่อยากให้อ่านเป็นบทเรียนสำหรับหญิงๆว่า……จะพูดจะจาอะไรต้องระวังให้มากถึงมากที่สุด
    เพราะมันทำให้ใครคนหนึ่งถึงกับตกจากสวรรค์เลยทันที
    ตกเฉยๆก็คงไม่กระไร……แต่นี่เข้าขั้นอับอายและหาทางกลับแทบไม่ได้เลย

    ดิฉันกำลังพูดถึง คู่เชือดคู่เฉือนแห่งปี มาดาม ฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกาและ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งรัสเซีย (พูดถึงอีกแล้ว)
    ที่คนทั้งสองศรศิลป์ไม่กินกันตั้งแต่ยังไม่เจอหน้าด้วยซ้ำ เพราะมาดาม คลินตัน
    เธอช่างกระหายสงครามอย่างออกนอกหน้า ไม่ว่าจะมีการสัมภาษณ์ครั้งใด เธอจะต้องพาดพิงถึงการแทรกแซงของรัสเซีย รวมไปถึวการวิจารณ์ปูตินอย่างเปิดเผย
    เมื่อตอนต้นปี 2016 ที่เธอเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครต เพื่อชิงประธานาธิบดี เธอใช้การหาเสียงด้วยการโจมตีอีกฝ่ายหนึ่งในเรื่องของความโหดร้ายในสงครามซีเรีย
    ว่า
    “ปูตินเป็นคนที่ไม่มีหัวจิตหัวใจ เพราะเขาเคยเป็นเคจีบีมาก่อน”

    ซึ่งข้อความนี้……ปูตินได้ออกอากาศให้สัมภาษณ์โต้กลับไปว่า
    “คนที่เป็นผู้นำ เขาไม่ได้ใช้หัวใจในการบริหารประเทศ เขาใช้สมอง!!”

    สื่อเองก็ช่างกระไร……ชอบนักที่จะคอยถาม คอยจี้ให้แต่ละฝ่ายออกมาแสดงความเห็นต่อกัน ทางฝ่ายชายมักจะนิ่งๆ ตอบสั้นๆ
    แต่ฝ่ายหญิงมักจะสาวยืดเสมอ มีทั้งประชดประชัน และ ดิสเครคิต
    จนปูตินเริ่มจะเชื่อแล้วว่า การเดินขบวนที่เกิดขึ้นบ่อยๆในรัสเซีย น่าจะเกิดจากการแทรกแซงจากภายนอกแน่นอน เพราะตั้งแต่หลายปีที่ผ่านมา รัสเซียมีการเดินขบวนบ่อยมาก และฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล เช่นสื่ออิสระหัวรุนแรง อย่าง Anna Politkovskaya**

    หรือ นักการเมือง Boris Nemtsov***
    ปี 2014 ที่รัสเซียได้ขยายเชื่อมกับ ไครเมียได้สำเร็จ เพราะตลอดเวลา 10ปีที่ผ่านมา รัสเซียพยายามที่จะต่อติดกับทั้งยุโรปและตะวันออกกลาง
    มาดามคลินตันก็โวยวาย กล่าวหาว่า นั่นคือการกระทำของฮิตเล่อร์ชัดๆ
    และเธอได้พยายามล็อบบี้ขัดขวางทุกวิถีทาง

    นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เรียกว่าไม่เกรงใจกันแล้ว

    จนเถึงคราวที่มาดามคลินตันลงเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ที่ดูเหมือนว่า
    เส้นทางนี้ไม่มีพลาด ยิ่งมาเจอคู่แข่งขันที่เป็นเจ้าพ่อวงการนางงาม ท่าทางวิปลาส พูดจาไม่มีหูรูด……นาย Donald Trump ที่ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานทางการเมืองมาก่อน
    เธอและครอบครัวมั่นใจเต็มร้อย ว่าประชากรชาวอเมริกันเกือบทั้งประเทศอยู่ฝ่ายเธอ
    ขนาด Chelsea ธิดาสาวคนเดียวของเธอ ยังประกาศเปิดตัวเธอบนเวที พร้อมทั้งต่อด้วยว่า The next President of the United States of America..
    เสียงในโพล……ก็มาแบบนั้นจริงๆ

    แต่ที่เครมลิน……ทุกคนเชียร์ทรัมป์……รวมทั้งมั่นใจกันอย่างเต็มที่ว่า ตำแหน่งประธานาธิบดีจะต้องเป็นนายทรัมป์แน่นอน…

    ไม่กี่อาทิตย์ก่อนที่จะมีการลงคะแนนเสียง……สิ่งประหลาดได้เกิดขึ้นทางสื่อออนไลน์ นั่นคือ Wikileaks ที่ได้มีการเปิดเผยข้อความจากอีเมล์ของ
    มาดามคลินตันที่ติดต่อกับผู้คนต่างๆ กว่าร้อยฉบับ ล้วนแต่เป็นสาระสำคัญยิ่ง
    เช่นการสนับสนุนสงคราม, ด่ายิว, รับสินบน, รับเงินสนับสนุนจากแหล่งที่ไม่สุจริต, รับเงินจากต่างประเทศเพื่อแลกกับผลประโยชน์ (ในสมัยที่นั่งกลาโหม)
    ทั้งหมดนี้...มาจากฝีมือใครก็ไม่รู้……แต่ต้องเป็นมือแฮคระดับเทพเท่านั้นที่จะทำได้

    ผลคือ……คะแนนของมาดามที่ว่านำมาลิ่วๆนั้น ตกฮวบลงอย่างน่าใจหาย
    วินาทีสุดท้ายคะแนนของกลุ่มที่รอการตัดสินใจได้เทไปให้ทางนายทรัมป์จนหมด เขาชนะไปแบบเฉือนกันปลายจมูก……
    อเมริกา ได้นายทรัมป์มาเป็นประธานาธิบดี
    มาดามคลินตัน จุกจนพูดไม่ออก……เพราะมันหมายถึงสิ่งที่ตั้งความหวังมาตลอดชีวิตว่าจะเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศนั้นหายวับไปต่อหน้าต่อตา เพราะอีเมล์จำนวนร้อยฉบับเหล่านั้น มันได้เปิดหน้ากากเธอจนหมดสิ้น……

    วันนั้น……ทางเครมลินได้รอฟังผลการเลือกตั้งเช่นกัน พร้อมเหล้ายาปลาปิ้ง กับแกล้มพร้อม เตรียมฉลองเหมือนจะรู้ว่า รถหมูคว่ำแน่……!!!

    นี่คือการ”เอาคืน” แบบย้อนเกล็ดที่เจ็บแสบที่สุด………ที่ส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นฝีมือของรัสเซีย

    การเอาคืนในระบบปูตินนั้น……มาได้หลายรูปแบบ อย่างที่ยกชื่อมาเป็นตัวอย่างสองคนข้างบน คนแรก

    Anna Politkovskaya อายุ 48 ปีเป็น อเมริกัน-รัสเซีย ทำงานสื่ออิสระในสายของ Human Rights Watch ที่เอาตัวเองเข้าไปคลุกคลีในสนามรบของสงคราม
    Chechen แล้วส่งข่าวรายงานสู่สื่อใหญ่อเมริกา
    เธอได้รับการเตือนแบบเป็นระยะ นับตั้งแต่ถูกวางยาให้ป่วย, คุมขัง แต่ก็ไม่ได้ผล
    ในที่สุด……เธอได้เสียชีวิตจากการถูกลอบสังหารในบริเวณที่พักของเธอเอง
    ในปี 2006
    คาดว่า……ทางรัสเซียคงหมดความอดทนหลังจากที่จับได้ว่า เธอได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาย Boris Berezovsky เจ้าพ่อสื่อโทรทัศน์ตัวการสำคัญที่หลบหนีไปอยู่ที่อังกฤษ
    หมายเหตุ เรื่องของนาย Boris นี้ ดิฉันเคยเล่าไปแล้ว...

    คนต่อมาคือนาย Boris Nemtsov ที่เคยเป็นอธิบดี (ในรัฐบาลของ ประธานาธิบดี Yeltzin) ที่ต่อต้านปูตินอย่างเปิดเผย อีกทั้งเขาได้พยายามหาพวกจากฝั่งอเมริกาและอังกฤษเพื่อ ช่วยกระจายข่าวต่อ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ปูตินคือบุคคลที่รวยที่สุดในโลก มีบ้านราคาพันล้านเหรียญ มีเรือสำราญ และอีกสารพัดที่จะมี
    วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2015 สองวันก่อนที่เขาจะขึ้นเวทีการอภิปรายใหญ่เกี่ยวกับความไม่โปร่งใสของรัฐบาล เวลาเที่ยงคืนเศษ เขากับแฟนสาวเดินข้ามสะพานบริเวณหน้าพระราชวังเครมลิน
    มีรถแล่นผ่านไปอย่างช้าๆ แล้วเขาก็ล้มลงไป……สิ้นใจด้วยกระสุนที่ยิงเข้ากลางหลังสี่นัด
    งานนี้เป็นงานดี ฝีมือเนี๊ยบ……เพราะแฟนสาวที่เดินเคลียคลออยู่ข้างๆนั้น ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาโดนยิง คิดว่าสะดุดอะไรล้มลง...ไม่มียินเสียงอะไรทั้งสิ้น

    ฟังแล้วก็ต้องทำใจนะคะ……นี่คือด้านมืดของมนุษย์ มีพระคุณแล้วก็ต้องมีพระเดช แล้วยังต้องมีการเก็บกวาดสิ่งที่เรียกว่าเสี้ยนหนาม กีดขวางทางเดิน
    ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยกล……ก็ใช้แฮ๊คเคอร์

    แต่พี่รัสเซียนี่ เขาเอามาใช้ทุกอย่าง……ระยะหลังนี่ หนักไปทางยาพิษชนิดที่นักเคมีต้องค้นตำราแก้……

    ขนาดเก่งกล้าสารพัด มาเสียเชิงให้เป็นที่ขบขันได้ จากข่าวเรื่องทองคำแท่ง หนักกว่า 3.4 ตัน ร่วงลงมากจากเครื่องบินขณะที่กำลังวิ่งบนลู่ เพื่อที่จะเหินขึ้นฟ้า เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้
    ชาวบ้านอเมริกันเขาว่า
    “โธ่เอ๊ยย……ขนาดขนทองยังเอาเครื่องบินผุๆมาใช้………ไหนคุยว่าสร้างจรวดไง?”

    Wiwanda W. Vichit
    ต่อเรื่องพี่ปูอีกนิด…..แค้นนี้………กี่ปีก็ไม่สาย……!! อย่าซีเรียสนะคะ มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรอย่างที่จั่วหัวไว้หรอก แต่อยากให้อ่านเป็นบทเรียนสำหรับหญิงๆว่า……จะพูดจะจาอะไรต้องระวังให้มากถึงมากที่สุด เพราะมันทำให้ใครคนหนึ่งถึงกับตกจากสวรรค์เลยทันที ตกเฉยๆก็คงไม่กระไร……แต่นี่เข้าขั้นอับอายและหาทางกลับแทบไม่ได้เลย ดิฉันกำลังพูดถึง คู่เชือดคู่เฉือนแห่งปี มาดาม ฮิลลารี คลินตัน อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศแห่งสหรัฐอเมริกาและ วลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีแห่งรัสเซีย (พูดถึงอีกแล้ว) ที่คนทั้งสองศรศิลป์ไม่กินกันตั้งแต่ยังไม่เจอหน้าด้วยซ้ำ เพราะมาดาม คลินตัน เธอช่างกระหายสงครามอย่างออกนอกหน้า ไม่ว่าจะมีการสัมภาษณ์ครั้งใด เธอจะต้องพาดพิงถึงการแทรกแซงของรัสเซีย รวมไปถึวการวิจารณ์ปูตินอย่างเปิดเผย เมื่อตอนต้นปี 2016 ที่เธอเป็นตัวแทนของพรรคเดโมแครต เพื่อชิงประธานาธิบดี เธอใช้การหาเสียงด้วยการโจมตีอีกฝ่ายหนึ่งในเรื่องของความโหดร้ายในสงครามซีเรีย ว่า “ปูตินเป็นคนที่ไม่มีหัวจิตหัวใจ เพราะเขาเคยเป็นเคจีบีมาก่อน” ซึ่งข้อความนี้……ปูตินได้ออกอากาศให้สัมภาษณ์โต้กลับไปว่า “คนที่เป็นผู้นำ เขาไม่ได้ใช้หัวใจในการบริหารประเทศ เขาใช้สมอง!!” สื่อเองก็ช่างกระไร……ชอบนักที่จะคอยถาม คอยจี้ให้แต่ละฝ่ายออกมาแสดงความเห็นต่อกัน ทางฝ่ายชายมักจะนิ่งๆ ตอบสั้นๆ แต่ฝ่ายหญิงมักจะสาวยืดเสมอ มีทั้งประชดประชัน และ ดิสเครคิต จนปูตินเริ่มจะเชื่อแล้วว่า การเดินขบวนที่เกิดขึ้นบ่อยๆในรัสเซีย น่าจะเกิดจากการแทรกแซงจากภายนอกแน่นอน เพราะตั้งแต่หลายปีที่ผ่านมา รัสเซียมีการเดินขบวนบ่อยมาก และฝ่ายที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐบาล เช่นสื่ออิสระหัวรุนแรง อย่าง Anna Politkovskaya** หรือ นักการเมือง Boris Nemtsov*** ปี 2014 ที่รัสเซียได้ขยายเชื่อมกับ ไครเมียได้สำเร็จ เพราะตลอดเวลา 10ปีที่ผ่านมา รัสเซียพยายามที่จะต่อติดกับทั้งยุโรปและตะวันออกกลาง มาดามคลินตันก็โวยวาย กล่าวหาว่า นั่นคือการกระทำของฮิตเล่อร์ชัดๆ และเธอได้พยายามล็อบบี้ขัดขวางทุกวิถีทาง นับวันยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น เรียกว่าไม่เกรงใจกันแล้ว จนเถึงคราวที่มาดามคลินตันลงเข้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดี ที่ดูเหมือนว่า เส้นทางนี้ไม่มีพลาด ยิ่งมาเจอคู่แข่งขันที่เป็นเจ้าพ่อวงการนางงาม ท่าทางวิปลาส พูดจาไม่มีหูรูด……นาย Donald Trump ที่ไม่เคยมีประสบการณ์การทำงานทางการเมืองมาก่อน เธอและครอบครัวมั่นใจเต็มร้อย ว่าประชากรชาวอเมริกันเกือบทั้งประเทศอยู่ฝ่ายเธอ ขนาด Chelsea ธิดาสาวคนเดียวของเธอ ยังประกาศเปิดตัวเธอบนเวที พร้อมทั้งต่อด้วยว่า The next President of the United States of America.. เสียงในโพล……ก็มาแบบนั้นจริงๆ แต่ที่เครมลิน……ทุกคนเชียร์ทรัมป์……รวมทั้งมั่นใจกันอย่างเต็มที่ว่า ตำแหน่งประธานาธิบดีจะต้องเป็นนายทรัมป์แน่นอน… ไม่กี่อาทิตย์ก่อนที่จะมีการลงคะแนนเสียง……สิ่งประหลาดได้เกิดขึ้นทางสื่อออนไลน์ นั่นคือ Wikileaks ที่ได้มีการเปิดเผยข้อความจากอีเมล์ของ มาดามคลินตันที่ติดต่อกับผู้คนต่างๆ กว่าร้อยฉบับ ล้วนแต่เป็นสาระสำคัญยิ่ง เช่นการสนับสนุนสงคราม, ด่ายิว, รับสินบน, รับเงินสนับสนุนจากแหล่งที่ไม่สุจริต, รับเงินจากต่างประเทศเพื่อแลกกับผลประโยชน์ (ในสมัยที่นั่งกลาโหม) ทั้งหมดนี้...มาจากฝีมือใครก็ไม่รู้……แต่ต้องเป็นมือแฮคระดับเทพเท่านั้นที่จะทำได้ ผลคือ……คะแนนของมาดามที่ว่านำมาลิ่วๆนั้น ตกฮวบลงอย่างน่าใจหาย วินาทีสุดท้ายคะแนนของกลุ่มที่รอการตัดสินใจได้เทไปให้ทางนายทรัมป์จนหมด เขาชนะไปแบบเฉือนกันปลายจมูก…… อเมริกา ได้นายทรัมป์มาเป็นประธานาธิบดี มาดามคลินตัน จุกจนพูดไม่ออก……เพราะมันหมายถึงสิ่งที่ตั้งความหวังมาตลอดชีวิตว่าจะเป็นประธานาธิบดีหญิงคนแรกของประเทศนั้นหายวับไปต่อหน้าต่อตา เพราะอีเมล์จำนวนร้อยฉบับเหล่านั้น มันได้เปิดหน้ากากเธอจนหมดสิ้น…… วันนั้น……ทางเครมลินได้รอฟังผลการเลือกตั้งเช่นกัน พร้อมเหล้ายาปลาปิ้ง กับแกล้มพร้อม เตรียมฉลองเหมือนจะรู้ว่า รถหมูคว่ำแน่……!!! นี่คือการ”เอาคืน” แบบย้อนเกล็ดที่เจ็บแสบที่สุด………ที่ส่วนใหญ่เชื่อว่าเป็นฝีมือของรัสเซีย การเอาคืนในระบบปูตินนั้น……มาได้หลายรูปแบบ อย่างที่ยกชื่อมาเป็นตัวอย่างสองคนข้างบน คนแรก Anna Politkovskaya อายุ 48 ปีเป็น อเมริกัน-รัสเซีย ทำงานสื่ออิสระในสายของ Human Rights Watch ที่เอาตัวเองเข้าไปคลุกคลีในสนามรบของสงคราม Chechen แล้วส่งข่าวรายงานสู่สื่อใหญ่อเมริกา เธอได้รับการเตือนแบบเป็นระยะ นับตั้งแต่ถูกวางยาให้ป่วย, คุมขัง แต่ก็ไม่ได้ผล ในที่สุด……เธอได้เสียชีวิตจากการถูกลอบสังหารในบริเวณที่พักของเธอเอง ในปี 2006 คาดว่า……ทางรัสเซียคงหมดความอดทนหลังจากที่จับได้ว่า เธอได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับนาย Boris Berezovsky เจ้าพ่อสื่อโทรทัศน์ตัวการสำคัญที่หลบหนีไปอยู่ที่อังกฤษ หมายเหตุ เรื่องของนาย Boris นี้ ดิฉันเคยเล่าไปแล้ว... คนต่อมาคือนาย Boris Nemtsov ที่เคยเป็นอธิบดี (ในรัฐบาลของ ประธานาธิบดี Yeltzin) ที่ต่อต้านปูตินอย่างเปิดเผย อีกทั้งเขาได้พยายามหาพวกจากฝั่งอเมริกาและอังกฤษเพื่อ ช่วยกระจายข่าวต่อ พร้อมให้สัมภาษณ์ว่า ปูตินคือบุคคลที่รวยที่สุดในโลก มีบ้านราคาพันล้านเหรียญ มีเรือสำราญ และอีกสารพัดที่จะมี วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2015 สองวันก่อนที่เขาจะขึ้นเวทีการอภิปรายใหญ่เกี่ยวกับความไม่โปร่งใสของรัฐบาล เวลาเที่ยงคืนเศษ เขากับแฟนสาวเดินข้ามสะพานบริเวณหน้าพระราชวังเครมลิน มีรถแล่นผ่านไปอย่างช้าๆ แล้วเขาก็ล้มลงไป……สิ้นใจด้วยกระสุนที่ยิงเข้ากลางหลังสี่นัด งานนี้เป็นงานดี ฝีมือเนี๊ยบ……เพราะแฟนสาวที่เดินเคลียคลออยู่ข้างๆนั้น ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาโดนยิง คิดว่าสะดุดอะไรล้มลง...ไม่มียินเสียงอะไรทั้งสิ้น ฟังแล้วก็ต้องทำใจนะคะ……นี่คือด้านมืดของมนุษย์ มีพระคุณแล้วก็ต้องมีพระเดช แล้วยังต้องมีการเก็บกวาดสิ่งที่เรียกว่าเสี้ยนหนาม กีดขวางทางเดิน ไม่ได้ด้วยเล่ห์ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยกล……ก็ใช้แฮ๊คเคอร์ แต่พี่รัสเซียนี่ เขาเอามาใช้ทุกอย่าง……ระยะหลังนี่ หนักไปทางยาพิษชนิดที่นักเคมีต้องค้นตำราแก้…… ขนาดเก่งกล้าสารพัด มาเสียเชิงให้เป็นที่ขบขันได้ จากข่าวเรื่องทองคำแท่ง หนักกว่า 3.4 ตัน ร่วงลงมากจากเครื่องบินขณะที่กำลังวิ่งบนลู่ เพื่อที่จะเหินขึ้นฟ้า เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมานี้ ชาวบ้านอเมริกันเขาว่า “โธ่เอ๊ยย……ขนาดขนทองยังเอาเครื่องบินผุๆมาใช้………ไหนคุยว่าสร้างจรวดไง?” Wiwanda W. Vichit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 332 มุมมอง 0 รีวิว
  • แจ้งได้ ต้องเข้าองค์ประกอบ 2อย่าง คือ
    1 ขายในราคาพระแท้
    2.มีการรับประกันแท้ และจงใจให้ผู้ซื้อเข้าใจว่าเป็นของแท้
    ..ในข้อหาฉ้อโกง..
    **ถ้าของหลักพัน หลักหมื่น แสน ล้าน ขายราคาหลักร้อย หลักพัน ดุลพินิจของศาลจะมองว่า ผู้ซื้อเป็นผู้รับความเสี่ยงนั้นไว้เอง และส่วนใหญ่ยกฟ้อง.
    **ถ้าคนขายเก๊ทั้งหมดติดคุก สนามพระที่มีมากกว่า 6-70 ปี คงมีคนติดคุกไม่น้อย.
    **ถามว่า ตร.รับแจ้งความได้ไหม.ตอบว่าได้ แต่ถ้าไม่เข้าองค์ประกอบ 2ข้อข้างต้น คนแจ้งจะโดนฟ้องกลับ ในข้อหาแจ้งความเท็จ ตร.ผู้รับแจ้ง ก็อาจโดน ม.157 ด้วย
    แจ้งได้ ต้องเข้าองค์ประกอบ 2อย่าง คือ 1 ขายในราคาพระแท้ 2.มีการรับประกันแท้ และจงใจให้ผู้ซื้อเข้าใจว่าเป็นของแท้ ..ในข้อหาฉ้อโกง.. **ถ้าของหลักพัน หลักหมื่น แสน ล้าน ขายราคาหลักร้อย หลักพัน ดุลพินิจของศาลจะมองว่า ผู้ซื้อเป็นผู้รับความเสี่ยงนั้นไว้เอง และส่วนใหญ่ยกฟ้อง. **ถ้าคนขายเก๊ทั้งหมดติดคุก สนามพระที่มีมากกว่า 6-70 ปี คงมีคนติดคุกไม่น้อย. **ถามว่า ตร.รับแจ้งความได้ไหม.ตอบว่าได้ แต่ถ้าไม่เข้าองค์ประกอบ 2ข้อข้างต้น คนแจ้งจะโดนฟ้องกลับ ในข้อหาแจ้งความเท็จ ตร.ผู้รับแจ้ง ก็อาจโดน ม.157 ด้วย
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • “บึงสีไฟ” โฉมใหม่ใต้พระบารมี จากบึงน้ำ (เคย) เสื่อมโทรม สู่แลนด์มาร์กสำคัญแห่งเมืองพิจิตร

    “บึงสีไฟ” เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของเมืองชาละวัน ดังปรากฏในคำขวัญจังหวัดพิจิตร ว่า

    “ถิ่นประสูติพระเจ้าเสือ แข่งเรือยาวประเพณี พระเครื่องดีหลวงพ่อเงิน เพลิดเพลินบึงสีไฟ ศูนย์รวมใจหลวงพ่อเพชร รสเด็ดส้มท่าข่อย ข้าวเจ้าอร่อยลือเลื่อง ตำนานเมืองชาละวัน”

    บึงสีไฟ เป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่อยู่คู่กับจังหวัดพิจิตรมาช้านาน มีหลักฐานปรากฏในสมัยพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยา ที่ทรงเห็นว่าพิจิตรเป็นพื้นที่ลุ่มเต็มไปด้วยห้วยหนองคลองบึง โดยเฉพาะบึงสีไฟที่มีน้ำขังตลอดทั้งปี จึงทรงเรียกเมืองพิจิตรว่า “โอฆะบุรี” ที่แปลว่าห้วงน้ำ

    เดิมบึงสีไฟมีพื้นที่กว้างขวางถึงกว่า 12,000 ไร่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเกิดความเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ทำให้ปัจจุบันบึงสีไฟลดขนาดลงเหลือพื้นที่ราว 5,390 ไร่ ถือเป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่อันดับ 3 ของเมืองไทย มีความลึกเฉลี่ยประมาณ 1.5–2 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 5 ตำบลใน อ.เมืองพิจิตร ได้แก่ ต.ในเมือง ต.ท่าหลวง ต.เมืองเก่า ต.โรงช้าง และ ต.คลองคะเชนทร์
    บึงสีไฟนอกจากจะเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติคู่เมืองชาละวันแล้ว ยังเป็นแหล่งเศรษฐกิจและแหล่งรายได้จากการทำประมง ทำสวนบัว การค้าขาย และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญคู่เมืองพิจิตร

    เมื่อเดือน มี.ค. 2544 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินมาที่จังหวัดพิจิตรพร้อมได้ทอดพระเนตรบึงสีไฟเป็นการส่วนพระองค์

    จากนั้นในปี 2556 บึงสีไฟประสบภาวะภัยแล้งอย่างหนัก ฝนที่ทิ้งช่วงเป็นเวลานานทำให้น้ำในบึงแห้งขอด จนเกิดดินแตกระแหง และในปี 2560 เกิดไฟไหม้บริเวณเกาะกลางบึงสีไฟ เนื่องจากมีวัชพืชแห้งทับถมกันเป็นเวลานาน ทำให้เกิดไฟไหม้ได้ง่าย โดยเฉพาะในภัยแล้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระบรมราโชบายในการพัฒนาแม่น้ำลำคลองและแหล่งน้ำในพื้นที่ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนทั่วประเทศ

    โครงการพัฒนาบึงสีไฟเฉลิมพระเกียรติฯ

    ในปี 2566-2567 บึงสีไฟสามารถกักเก็บน้ำเต็มบึง 100% ในปริมาณ 12.64 ล้านลูกบาศก์เมตร (จากเดิมก่อนพัฒนาบึงเก็บน้ำได้ประมาณ 2 ล้านลูกบาศก์เมตร)

    วันนี้ “โครงการพัฒนาบึงสีไฟเฉลิมพระเกียรติฯ” หลังการพัฒนาปรับปรุง ได้พลิกโฉมจากบึงที่เคยเสื่อมโทรม กลายเป็นบึงน้ำอันสวยงาม มีสวนสาธารณะให้คนในพิจิตรและคนต่างถิ่นมาพักผ่อนหย่อนใจ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเช็กอินสำคัญของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนพิจิตร รวมถึงเป็นสถานที่จัดงานสำคัญต่าง ๆ ของจังหวัดพิจิตร อย่างเช่น “เทศกาลสายลมแห่งความสุข KiteXballoon @บึงสีไฟ” ที่จัดขึ้นที่ริมบึงสีไฟเมื่อวันที่ 24 - 25 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งมีคนมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก

    สำหรับสิ่งน่าสนใจในบริเวณบึงสีไฟนั้น ได้แก่

    -สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในวโรกาสพระชนมายุครบ 80 พรรษา เมื่อ พ.ศ. 2527 มีเนื้อที่ 170 ไร่ เป็นสวนพักผ่อนริมบึงสีไฟ มีสะพานทอดลงน้ำสู่ศาลาใหญ่ที่จัดไว้เป็นที่พักผ่อน นักท่องเที่ยวนิยมมาให้อาหารปลาและชมพระอาทิตย์ตกในบึงน้ำที่นี่

    นอกจากนี้บึงสีไฟยังมีไฮไลต์แห่งใหม่ใต้พระบารมี คือ เลนปั่นจักรยานรอบบึงระยะทาง 10.28 กิโลเมตร และสนามจักรยานประเภทต่าง ๆ คือ สนามจักรยาน BMX สนามขาไถ สนามปั๊มแทรค และสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา ซึ่งทางจังหวัดพิจิตรเสนอให้บึงสีไฟเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยพระราชทานชื่อสนามจักรยานว่า “สนามจักรยานสราญจิตมงคลสุข” หมายความว่า สนามจักรยานเป็นสถานที่ทำให้ใจสำราญเป็นมงคลและสุขสบาย

    ขอขอบคุณ ข้อมูจาก https://mgronline.com/travel/detail/9670000026330

    #บึงสีไฟ
    #พิจิตร
    #ท่องเที่ยว

    “บึงสีไฟ” โฉมใหม่ใต้พระบารมี จากบึงน้ำ (เคย) เสื่อมโทรม สู่แลนด์มาร์กสำคัญแห่งเมืองพิจิตร “บึงสีไฟ” เป็นหนึ่งในสัญลักษณ์สำคัญของเมืองชาละวัน ดังปรากฏในคำขวัญจังหวัดพิจิตร ว่า “ถิ่นประสูติพระเจ้าเสือ แข่งเรือยาวประเพณี พระเครื่องดีหลวงพ่อเงิน เพลิดเพลินบึงสีไฟ ศูนย์รวมใจหลวงพ่อเพชร รสเด็ดส้มท่าข่อย ข้าวเจ้าอร่อยลือเลื่อง ตำนานเมืองชาละวัน” บึงสีไฟ เป็นบึงน้ำธรรมชาติขนาดใหญ่ที่อยู่คู่กับจังหวัดพิจิตรมาช้านาน มีหลักฐานปรากฏในสมัยพระบรมไตรโลกนาถแห่งกรุงศรีอยุธยา ที่ทรงเห็นว่าพิจิตรเป็นพื้นที่ลุ่มเต็มไปด้วยห้วยหนองคลองบึง โดยเฉพาะบึงสีไฟที่มีน้ำขังตลอดทั้งปี จึงทรงเรียกเมืองพิจิตรว่า “โอฆะบุรี” ที่แปลว่าห้วงน้ำ เดิมบึงสีไฟมีพื้นที่กว้างขวางถึงกว่า 12,000 ไร่ แต่เมื่อเวลาผ่านไปเกิดความเปลี่ยนแปลงในด้านต่าง ๆ ทำให้ปัจจุบันบึงสีไฟลดขนาดลงเหลือพื้นที่ราว 5,390 ไร่ ถือเป็นแหล่งน้ำจืดขนาดใหญ่อันดับ 3 ของเมืองไทย มีความลึกเฉลี่ยประมาณ 1.5–2 เมตร ครอบคลุมพื้นที่ 5 ตำบลใน อ.เมืองพิจิตร ได้แก่ ต.ในเมือง ต.ท่าหลวง ต.เมืองเก่า ต.โรงช้าง และ ต.คลองคะเชนทร์ บึงสีไฟนอกจากจะเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติคู่เมืองชาละวันแล้ว ยังเป็นแหล่งเศรษฐกิจและแหล่งรายได้จากการทำประมง ทำสวนบัว การค้าขาย และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญคู่เมืองพิจิตร เมื่อเดือน มี.ค. 2544 สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินมาที่จังหวัดพิจิตรพร้อมได้ทอดพระเนตรบึงสีไฟเป็นการส่วนพระองค์ จากนั้นในปี 2556 บึงสีไฟประสบภาวะภัยแล้งอย่างหนัก ฝนที่ทิ้งช่วงเป็นเวลานานทำให้น้ำในบึงแห้งขอด จนเกิดดินแตกระแหง และในปี 2560 เกิดไฟไหม้บริเวณเกาะกลางบึงสีไฟ เนื่องจากมีวัชพืชแห้งทับถมกันเป็นเวลานาน ทำให้เกิดไฟไหม้ได้ง่าย โดยเฉพาะในภัยแล้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงมีพระบรมราโชบายในการพัฒนาแม่น้ำลำคลองและแหล่งน้ำในพื้นที่ที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนทั่วประเทศ โครงการพัฒนาบึงสีไฟเฉลิมพระเกียรติฯ ในปี 2566-2567 บึงสีไฟสามารถกักเก็บน้ำเต็มบึง 100% ในปริมาณ 12.64 ล้านลูกบาศก์เมตร (จากเดิมก่อนพัฒนาบึงเก็บน้ำได้ประมาณ 2 ล้านลูกบาศก์เมตร) วันนี้ “โครงการพัฒนาบึงสีไฟเฉลิมพระเกียรติฯ” หลังการพัฒนาปรับปรุง ได้พลิกโฉมจากบึงที่เคยเสื่อมโทรม กลายเป็นบึงน้ำอันสวยงาม มีสวนสาธารณะให้คนในพิจิตรและคนต่างถิ่นมาพักผ่อนหย่อนใจ เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเช็กอินสำคัญของนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาเยือนพิจิตร รวมถึงเป็นสถานที่จัดงานสำคัญต่าง ๆ ของจังหวัดพิจิตร อย่างเช่น “เทศกาลสายลมแห่งความสุข KiteXballoon @บึงสีไฟ” ที่จัดขึ้นที่ริมบึงสีไฟเมื่อวันที่ 24 - 25 ก.พ. 2567 ที่ผ่านมา ซึ่งมีคนมาร่วมงานกันเป็นจำนวนมาก สำหรับสิ่งน่าสนใจในบริเวณบึงสีไฟนั้น ได้แก่ -สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในวโรกาสพระชนมายุครบ 80 พรรษา เมื่อ พ.ศ. 2527 มีเนื้อที่ 170 ไร่ เป็นสวนพักผ่อนริมบึงสีไฟ มีสะพานทอดลงน้ำสู่ศาลาใหญ่ที่จัดไว้เป็นที่พักผ่อน นักท่องเที่ยวนิยมมาให้อาหารปลาและชมพระอาทิตย์ตกในบึงน้ำที่นี่ นอกจากนี้บึงสีไฟยังมีไฮไลต์แห่งใหม่ใต้พระบารมี คือ เลนปั่นจักรยานรอบบึงระยะทาง 10.28 กิโลเมตร และสนามจักรยานประเภทต่าง ๆ คือ สนามจักรยาน BMX สนามขาไถ สนามปั๊มแทรค และสนามเด็กเล่นสร้างปัญญา ซึ่งทางจังหวัดพิจิตรเสนอให้บึงสีไฟเป็นโครงการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 โดยพระราชทานชื่อสนามจักรยานว่า “สนามจักรยานสราญจิตมงคลสุข” หมายความว่า สนามจักรยานเป็นสถานที่ทำให้ใจสำราญเป็นมงคลและสุขสบาย ขอขอบคุณ ข้อมูจาก https://mgronline.com/travel/detail/9670000026330 #บึงสีไฟ #พิจิตร #ท่องเที่ยว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานพญาปาด เทศกาลหอม กระเทียม กาชาดของดีอำเภอน้ำปาด ณ บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ระหว่างวันที่ 13 - 22 มีนาคม พ.ศ. 2568
    งานพญาปาด เทศกาลหอม กระเทียม กาชาดของดีอำเภอน้ำปาด ณ บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ ระหว่างวันที่ 13 - 22 มีนาคม พ.ศ. 2568
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานวัฒนธรรมไทหล่ม ขนมเส้นหล่มเก่า และเทศกาลอาหารสะอาด รสชาติอร่อย ณ บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ระหว่างวันที่ 7 - 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568
    งานวัฒนธรรมไทหล่ม ขนมเส้นหล่มเก่า และเทศกาลอาหารสะอาด รสชาติอร่อย ณ บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอหล่มเก่า จังหวัดเพชรบูรณ์ ระหว่างวันที่ 7 - 14 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2568
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานเทพาเฟสติวัล ณ บริเวณสนามลานวัฒนธรรม เทศบาลเทพา อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 10 - 19 กันยายน พ.ศ. 2567
    งานเทพาเฟสติวัล ณ บริเวณสนามลานวัฒนธรรม เทศบาลเทพา อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ระหว่างวันที่ 10 - 19 กันยายน พ.ศ. 2567
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 84 มุมมอง 0 รีวิว
  • #โพลขยันทำงานดี
    ไม่ว่าจะเป็นนิดาโพล
    หรือจะดุสิตโพล
    เชียร์โอเวอร์จนพรรคส้มหลงทางเอง
    แพ้ 10 สนามรวด
    ขอบใจโพลของพรรคประชาชน
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #โพลขยันทำงานดี ไม่ว่าจะเป็นนิดาโพล หรือจะดุสิตโพล เชียร์โอเวอร์จนพรรคส้มหลงทางเอง แพ้ 10 สนามรวด ขอบใจโพลของพรรคประชาชน ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัปเกรดเทศบาลนครบุรีรัมย์ ดึงอาณาจักรปราสาทสายฟ้า

    การประกาศเปลี่ยนแปลงฐานะเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เป็นเทศบาลนครบุรีรัมย์ ของกระทรวงมหาดไทย ที่ลงนามโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ตีพิมพ์ลงในราชกิจจานุเบกษา ฉบับวันที่ 6 ก.ย. 2567 และมีผลตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. 2567 ถือว่าเป็นไปตามแผนการยกอาณาจักร "ปราสาทสายฟ้า" ในพื้นที่ตำบลอิสาณ ได้แก่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต สนามช้างอารีนา โรงแรมบริคบอกซ์โฮเทลบุรีรัมย์ โรงแรมอมารี บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และโรงโม่หินศิลาชัย ไปรวมกับตัวเมืองบุรีรัมย์

    เดิมเทศบาลเมืองบุรีรัมย์จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2479 มีพื้นที่เพียง 6 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 2.2 หมื่นคนจาก 18 ชุมชน แต่ได้นำเทศบาลตำบลอิสาณ พื้นที่ 36 ตารางกิโลเมตร ประชากร 2.2 หมื่นคนจาก 18 หมู่บ้าน และอีก 4 หมู่บ้านในตำบลเสม็ด ประชากรราว 5.5 พันคน มารวมกับเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เพื่อให้มีประชากรรวมกันเกิน 50,000 คน ตามหลักเกณฑ์พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496

    ตำบลอิสาณ ที่โอบล้อมรอบเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ หรือตำบลในเมือง นอกจากเป็นที่ตั้งของบริษัทในเครือบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดแล้ว ยังมีห้างบิ๊กซี แม็คโคร โฮมโปร และทวีกิจ ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ ส่วน 4 หมู่บ้านของตำบลเสม็ด มีวนอุทยานเขากระโดง ศูนย์ราชการจังหวัดบุรีรัมย์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ สนามกีฬาบุรีรัมย์ซิตี้สเตเดียม โรงเรียนภัทรบพิตร แขวงทางหลวงบุรีรัมย์ มณฑลทหารบกที่ 26 ค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ และแคมป์บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เขากระโดง

    ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา นายวิกรม สมจิตต์อารี อดีตนายกเทศมนตรีปี 2547-2551 และอดีตประธานหอการค้าจังหวัดบุรีรัมย์ ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งมีความใกล้ชิดกับนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แม้นายเนวินเลิกเล่นการเมืองมาตั้งแต่ปี 2555 หันมาเอาดีกับธุรกิจกีฬา แต่ก็มีบริวารโลดแล่นบนสนามการเมืองในนามพรรคภูมิใจไทย ที่มีนายอนุทินเป็นหัวหน้าพรรค

    การแถลงนโยบายของนายวิกรม มีทั้งหมด 5 ด้าน ได้แก่ 1. ปรับปรุงประสิทธิภาพในการบริหาร และการบริการประชาชน 2. ปรับปรุงตลาดสด และตลาดไนท์บาซาร์ 3. เพิ่มต้นไม้ และพื้นที่สีเขียวให้กับเมือง 4. จัดตั้งและพัฒนาเขตเศรษฐกิจในเมือง และ 5. เตรียมพร้อมกับการยกฐานะเป็นเทศบาลนครบุรีรัมย์ นับจากนี้เมืองบุรีรัมย์อาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ในฐานะองค์กรปกครองท้องถิ่นขนาดใหญ่ขึ้น มีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น และได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลเพิ่มขึ้น

    #Newskit #บุรีรัมย์ #เทศบาลนครบุรีรัมย์
    อัปเกรดเทศบาลนครบุรีรัมย์ ดึงอาณาจักรปราสาทสายฟ้า การประกาศเปลี่ยนแปลงฐานะเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เป็นเทศบาลนครบุรีรัมย์ ของกระทรวงมหาดไทย ที่ลงนามโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย ตีพิมพ์ลงในราชกิจจานุเบกษา ฉบับวันที่ 6 ก.ย. 2567 และมีผลตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค. 2567 ถือว่าเป็นไปตามแผนการยกอาณาจักร "ปราสาทสายฟ้า" ในพื้นที่ตำบลอิสาณ ได้แก่ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต สนามช้างอารีนา โรงแรมบริคบอกซ์โฮเทลบุรีรัมย์ โรงแรมอมารี บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด และโรงโม่หินศิลาชัย ไปรวมกับตัวเมืองบุรีรัมย์ เดิมเทศบาลเมืองบุรีรัมย์จัดตั้งขึ้นเมื่อปี 2479 มีพื้นที่เพียง 6 ตารางกิโลเมตร มีประชากร 2.2 หมื่นคนจาก 18 ชุมชน แต่ได้นำเทศบาลตำบลอิสาณ พื้นที่ 36 ตารางกิโลเมตร ประชากร 2.2 หมื่นคนจาก 18 หมู่บ้าน และอีก 4 หมู่บ้านในตำบลเสม็ด ประชากรราว 5.5 พันคน มารวมกับเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ เพื่อให้มีประชากรรวมกันเกิน 50,000 คน ตามหลักเกณฑ์พระราชบัญญัติเทศบาล พ.ศ. 2496 ตำบลอิสาณ ที่โอบล้อมรอบเทศบาลเมืองบุรีรัมย์ หรือตำบลในเมือง นอกจากเป็นที่ตั้งของบริษัทในเครือบุรีรัมย์ ยูไนเต็ดแล้ว ยังมีห้างบิ๊กซี แม็คโคร โฮมโปร และทวีกิจ ซุปเปอร์เซ็นเตอร์ ส่วน 4 หมู่บ้านของตำบลเสม็ด มีวนอุทยานเขากระโดง ศูนย์ราชการจังหวัดบุรีรัมย์ องค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ สนามกีฬาบุรีรัมย์ซิตี้สเตเดียม โรงเรียนภัทรบพิตร แขวงทางหลวงบุรีรัมย์ มณฑลทหารบกที่ 26 ค่ายสมเด็จเจ้าพระยามหากษัตริย์ และแคมป์บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด เขากระโดง ในการเลือกตั้งนายกเทศมนตรีเมืองบุรีรัมย์ เมื่อวันที่ 18 มี.ค. 2567 ที่ผ่านมา นายวิกรม สมจิตต์อารี อดีตนายกเทศมนตรีปี 2547-2551 และอดีตประธานหอการค้าจังหวัดบุรีรัมย์ ชนะการเลือกตั้ง ซึ่งมีความใกล้ชิดกับนายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แม้นายเนวินเลิกเล่นการเมืองมาตั้งแต่ปี 2555 หันมาเอาดีกับธุรกิจกีฬา แต่ก็มีบริวารโลดแล่นบนสนามการเมืองในนามพรรคภูมิใจไทย ที่มีนายอนุทินเป็นหัวหน้าพรรค การแถลงนโยบายของนายวิกรม มีทั้งหมด 5 ด้าน ได้แก่ 1. ปรับปรุงประสิทธิภาพในการบริหาร และการบริการประชาชน 2. ปรับปรุงตลาดสด และตลาดไนท์บาซาร์ 3. เพิ่มต้นไม้ และพื้นที่สีเขียวให้กับเมือง 4. จัดตั้งและพัฒนาเขตเศรษฐกิจในเมือง และ 5. เตรียมพร้อมกับการยกฐานะเป็นเทศบาลนครบุรีรัมย์ นับจากนี้เมืองบุรีรัมย์อาจได้เห็นการเปลี่ยนแปลง ในฐานะองค์กรปกครองท้องถิ่นขนาดใหญ่ขึ้น มีรายได้จากการจัดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น และได้รับการจัดสรรงบประมาณจากรัฐบาลเพิ่มขึ้น #Newskit #บุรีรัมย์ #เทศบาลนครบุรีรัมย์
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • มารบันเทพ

    พญามาร เป็นเทพยิ่งใหญ่ระดับสูงสุดแห่งชั้นกามาวจรหรือ เทวดาชั้นที่ 5 ชื่อว่า “ปรนิมมิตวสวัตดี” ท่านชื่อว่า “วัสสวัสดี เทวปุตตมาร” คนไทยมักเรียกว่าพญามาร ท่านเป็นมารที่หล่อขั้น เทพแน่นอน เพราะท่านเป็นทั้งเทพทั้งมาร คำว่า “มาร” แปลว่า นิมิต แห่งความขัดข้อง คอยขัดขวางเหนี่ยวรั้งคนไว้ มิให้พ้นจาก อ้านาจครอบงำาของตน ให้ห่วงหน้าพะวงหลังติดอยู่ในกามสุข ไม่อาจเสียสละออกไปบำเพ็ญคุณความดีที่ยิ่งใหญ่ได้

    ซึ่งมารตนนี้เคยมาเฝ้าพระพุทธเจ้าหลายครั้ง พระองค์ได้เล่าให้ พระอานนท์ฟัง ปรากฏในมหาปรินิพพานสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐ ทีฆนิกาย มหาวรรค สรุปว่า

    สมัยที่พระพุทธเจ้ายังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ กำลังหนีออกจาก เมืองกบิลพัสดุเพื่อบรรพชา มาเชื่อว่าวัสสวัดดีมาร ได้เข้ามาห้ามมิให้ ออกมหาภิเนษกรมณ์ แต่พระโพธิสัตว์ได้ปฏิเสธและขับไล่มารไปเสีย

    ต่อมา เมื่อพระโพธิสัตว์ประทับนั่งบนโพธิบัลลังก์ ก่อนจะตรัสรู้ พญามารได้นำเสนามารไปรบกวน แต่ในที่สุดก็พ่ายแพ้แก่ทศบารมี ของพระโพธิสัตว์

    อีกครั้งหนึ่ง สมัยที่ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ณ ต้นอชปาลนิโครธ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ที่อุรุเวลาเสนานิคม

    สามารถอ่านต่อที่เว็บไซต์พระนิพพานได้

    https://www.thenirvanalive.com/2023/03/10/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%95-6/
    มารบันเทพ พญามาร เป็นเทพยิ่งใหญ่ระดับสูงสุดแห่งชั้นกามาวจรหรือ เทวดาชั้นที่ 5 ชื่อว่า “ปรนิมมิตวสวัตดี” ท่านชื่อว่า “วัสสวัสดี เทวปุตตมาร” คนไทยมักเรียกว่าพญามาร ท่านเป็นมารที่หล่อขั้น เทพแน่นอน เพราะท่านเป็นทั้งเทพทั้งมาร คำว่า “มาร” แปลว่า นิมิต แห่งความขัดข้อง คอยขัดขวางเหนี่ยวรั้งคนไว้ มิให้พ้นจาก อ้านาจครอบงำาของตน ให้ห่วงหน้าพะวงหลังติดอยู่ในกามสุข ไม่อาจเสียสละออกไปบำเพ็ญคุณความดีที่ยิ่งใหญ่ได้ ซึ่งมารตนนี้เคยมาเฝ้าพระพุทธเจ้าหลายครั้ง พระองค์ได้เล่าให้ พระอานนท์ฟัง ปรากฏในมหาปรินิพพานสูตร พระไตรปิฎกเล่มที่ ๑๐ ทีฆนิกาย มหาวรรค สรุปว่า สมัยที่พระพุทธเจ้ายังเป็นพระโพธิสัตว์อยู่ กำลังหนีออกจาก เมืองกบิลพัสดุเพื่อบรรพชา มาเชื่อว่าวัสสวัดดีมาร ได้เข้ามาห้ามมิให้ ออกมหาภิเนษกรมณ์ แต่พระโพธิสัตว์ได้ปฏิเสธและขับไล่มารไปเสีย ต่อมา เมื่อพระโพธิสัตว์ประทับนั่งบนโพธิบัลลังก์ ก่อนจะตรัสรู้ พญามารได้นำเสนามารไปรบกวน แต่ในที่สุดก็พ่ายแพ้แก่ทศบารมี ของพระโพธิสัตว์ อีกครั้งหนึ่ง สมัยที่ได้ตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้าแล้ว ณ ต้นอชปาลนิโครธ ริมฝั่งแม่น้ำเนรัญชรา ที่อุรุเวลาเสนานิคม สามารถอ่านต่อที่เว็บไซต์พระนิพพานได้ https://www.thenirvanalive.com/2023/03/10/%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%87%E0%B9%80%E0%B8%A5%E0%B9%88%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%A3%E0%B8%A3%E0%B8%A1%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%95-6/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
  • จ้าวทองใบ
    แกรนด์แชมป์ 11 สนาม
    พร้อมให้บริการพี่น้องเกษตรกรทุกๆท่าน
    ติดต่อ:Facebook ก้อง เจ้าพระยา
    .......................................................
    #นินลนีย์ฟาร์มเขาใหญ่
    #ควายงามเมืองสระแก้ว
    #จ้าวทองใบ
    #ก้อง เจ้าพระยา
    ✨จ้าวทองใบ ✨แกรนด์แชมป์ 11 สนาม ✨พร้อมให้บริการพี่น้องเกษตรกรทุกๆท่าน ✨ติดต่อ:Facebook ก้อง เจ้าพระยา ....................................................... #นินลนีย์ฟาร์มเขาใหญ่ #ควายงามเมืองสระแก้ว #จ้าวทองใบ #ก้อง เจ้าพระยา
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 62 0 รีวิว
  • งานพระยาพิชัยดาบหัก และงานกาชาดจังหวัดอุตรดิตถ์ ณ บริเวณถนนแปดวา สนามกีฬาพระยาพิชัยดาบหัก อำเภอเมืองฯ จังหวัดอุตรดิตถ์ ระหว่างวันที่ 7 - 16 มกราคม พ.ศ. 2568
    งานพระยาพิชัยดาบหัก และงานกาชาดจังหวัดอุตรดิตถ์ ณ บริเวณถนนแปดวา สนามกีฬาพระยาพิชัยดาบหัก อำเภอเมืองฯ จังหวัดอุตรดิตถ์ ระหว่างวันที่ 7 - 16 มกราคม พ.ศ. 2568
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 112 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามไฮบริด คือ อะไร ทำไม คนไทย ต้องรู้จัก

    สงครามที่เรา รู้จักกัน ไม่ว่า จะเป็นสงครามในอดีต หรือในปัจจุบัน ล้วนเกี่ยวข้องกับการ แย่งชิง หรือ ยึดครอง ทรัพยากร ของคู่ต่อสู้ ตัวอย่างชัดๆ คือ วิกฤต รศ.112 ที่ฝรั่งเศสเอาเรือปืน เอากองทัพมา “ปล้น” แผ่นดินสยาม แถมเรียกค่าปฏิกรณ์สงครามเป็น “ เงินถุงแดง”
    ในปัจจุบันก็ไม่ต่างกัน ตัวอย่างชัดๆ คือ สงครามในอิสราเอล ที่แย่งชิงพื้นที่ทำกิน พื้นที่อาศัย ระหว่าง เจ้าของพื้นที่ ชาวปาเลสไตน์ กับ ชาวคาซาร์เรียน ยิว (Khazarian ) ที่ อ้างว่าเป็นชาวอิสราเอล ที่เอากองทัพมาเข่นฆ่า เด็ก สตรี และคนชรา ทำแม้แต่ทิ้งระเบิดถล่ม โรงพยาบาล เพื่อขับไล่คนปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่ ที่ต้องการยึดครอง

    แต่นอกจากสงคราม “ในรูปแบบ ” ตามที่ยกตัวอย่างแล้ว ยังมี สงคราม “นอกรูปแบบ” ที่ใช้กลยุทธ์ ผสมผสาน (hybrid) ที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ “ยึดครองทรัพยากร”
    เทียบให้เห็นภาพชัดๆ คือ สมัยก่อน โจรจะปล้น ก็เอาปืนจี้ แต่ปัจจุบันนี้ ใช้วิธี ฉ้อโกง หลอกลวง คอลเซนเตอร์ ไซเบอร์แอทแทก ฯลฯ เพื่อปล้นทรัพย์ ในระดับ ประเทศก็ไม่ต่างกัน
    สงครามดังกล่าวมีตั้งแต่
    1.สงครามการเงิน ตัวอย่างเช่น วิกฤติต้มยำกุ้ง
    2. สงครามข้อมูลข่าวสาร ให้ข้อมูลที่บิดเบือน หรือ ดึงความสนใจให้ไปสนใจเรื่องอื่นที่ไม่สำคัญ เพื่อทำเรื่องที่ต้องการ
    3. สงครามไซเบอร์ ตย เช่น กรณีระบบ คอมพิวเตอร์ที่พึ่งล่ม ทำคนติดค้างในสนามบิน

    แต่สงครามที่พึ่ง สร้างความเสียหายให้กับหลายประเทศทั่วโลก เร็วๆ นี้ คือ “สงครามชีวภาพ” สงครามที่ใช้ “เชื้อโรค” ใช้ “ยา” เป็นอาวุธ
    สงครามที่เรารู้จัก กันว่า “การระบาดของโควิด”
    ซึ่ง มีข้อมูลชัดเจนว่า กระทรวงกลาโหม สหรัฐ เป็นผู้ให้ทุนวิจัย
    และ บริษัทยายักษ์ใหญ่ เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ บริษัทที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็น กลุ่มเดียวกันกับ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ อุตสากรรมอาวุธ ของอเมริกา

    อาจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ ได้นำหลักฐานที่ยืนยันว่า การระบาดครั้งนี้มีการเตรียม การล่วงหน้า มีการให้ทุนสนับสนุน มีการ ถอนทุนคืน มาตีแผ่ เป็นบทความสาม ตอน ที่ คนไทยทุกคน และฝ่ายความมั่นคงควร “ต้องอ่าน”

    ลับ ลวง พราง ชั่วร้าย ยาและวัคซีน โดย หมอดื้อ
    (ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต )

    (ตอนที่ 1)
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000053749

    (ตอนที่ 2)
    https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2797034

    (ตอนที่ 3)
    https://mgronline.com/daily/detail/9670000057723
    📣สงครามไฮบริด💥 คือ อะไร ⁉️ ทำไม คนไทย ต้องรู้จัก🔥💣 💣สงครามที่เรา รู้จักกัน ไม่ว่า จะเป็นสงครามในอดีต หรือในปัจจุบัน ล้วนเกี่ยวข้องกับการ แย่งชิง หรือ ยึดครอง ทรัพยากร ของคู่ต่อสู้ ตัวอย่างชัดๆ คือ วิกฤต รศ.112 ที่ฝรั่งเศสเอาเรือปืน เอากองทัพมา “ปล้น” แผ่นดินสยาม แถมเรียกค่าปฏิกรณ์สงครามเป็น “ เงินถุงแดง” 🔺 🔥ในปัจจุบันก็ไม่ต่างกัน ตัวอย่างชัดๆ คือ สงครามในอิสราเอล ที่แย่งชิงพื้นที่ทำกิน พื้นที่อาศัย ระหว่าง เจ้าของพื้นที่ ชาวปาเลสไตน์ กับ ชาวคาซาร์เรียน ยิว (Khazarian ) ที่ อ้างว่าเป็นชาวอิสราเอล ที่เอากองทัพมาเข่นฆ่า เด็ก สตรี และคนชรา ทำแม้แต่ทิ้งระเบิดถล่ม โรงพยาบาล เพื่อขับไล่คนปาเลสไตน์ออกจากพื้นที่ ที่ต้องการยึดครอง 💥แต่นอกจากสงคราม “ในรูปแบบ ” ตามที่ยกตัวอย่างแล้ว ยังมี สงคราม “นอกรูปแบบ” ที่ใช้กลยุทธ์ ผสมผสาน (hybrid) ที่มีวัตถุประสงค์เดียวกัน คือ “ยึดครองทรัพยากร” เทียบให้เห็นภาพชัดๆ คือ สมัยก่อน โจรจะปล้น ก็เอาปืนจี้ แต่ปัจจุบันนี้ ใช้วิธี ฉ้อโกง หลอกลวง คอลเซนเตอร์ ไซเบอร์แอทแทก ฯลฯ เพื่อปล้นทรัพย์ ในระดับ ประเทศก็ไม่ต่างกัน สงครามดังกล่าวมีตั้งแต่ 1.สงครามการเงิน ตัวอย่างเช่น วิกฤติต้มยำกุ้ง 💵 2. สงครามข้อมูลข่าวสาร ให้ข้อมูลที่บิดเบือน หรือ ดึงความสนใจให้ไปสนใจเรื่องอื่นที่ไม่สำคัญ เพื่อทำเรื่องที่ต้องการ 📰 3. สงครามไซเบอร์ ตย เช่น กรณีระบบ คอมพิวเตอร์ที่พึ่งล่ม ทำคนติดค้างในสนามบิน🖥️ แต่สงครามที่พึ่ง สร้างความเสียหายให้กับหลายประเทศทั่วโลก เร็วๆ นี้ คือ “สงครามชีวภาพ” สงครามที่ใช้ “เชื้อโรค” ใช้ “ยา” เป็นอาวุธ 💉😷 สงครามที่เรารู้จัก กันว่า “การระบาดของโควิด”🦠 ซึ่ง มีข้อมูลชัดเจนว่า กระทรวงกลาโหม สหรัฐ เป็นผู้ให้ทุนวิจัย และ บริษัทยายักษ์ใหญ่ เป็นผู้ได้รับผลประโยชน์ บริษัทที่มีผู้ถือหุ้นใหญ่เป็น กลุ่มเดียวกันกับ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ อุตสากรรมอาวุธ ของอเมริกา อาจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ ได้นำหลักฐานที่ยืนยันว่า การระบาดครั้งนี้มีการเตรียม การล่วงหน้า มีการให้ทุนสนับสนุน มีการ ถอนทุนคืน มาตีแผ่ เป็นบทความสาม ตอน ที่ คนไทยทุกคน และฝ่ายความมั่นคงควร “ต้องอ่าน” ✍️ ลับ ลวง พราง ชั่วร้าย ยาและวัคซีน โดย หมอดื้อ (ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ) (ตอนที่ 1) https://mgronline.com/daily/detail/9670000053749 (ตอนที่ 2) https://www.thairath.co.th/lifestyle/health-and-beauty/2797034 (ตอนที่ 3) https://mgronline.com/daily/detail/9670000057723
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 439 มุมมอง 118 0 รีวิว
  • #จุดกำเนิดการซื้อขายพระเครื่อง#
    "บาร์มหาผัน"



    ในวงการพระเครื่องสมัยก่อน จะรู้ดีว่า
    นี่คือตลาดพระเครื่องยุคต้นของชาวกรุง

    บาร์มหาผัน เป็นชื่อเรียกกันเล่นๆ ของร้านกาแฟใต้ถุนศาลอาญาสนามหลวง ที่มี นายผัน เป็นเจ้าของ ในยุค 249กว่า นั้น บรรดานักส่องพระจะมานั่งจิบกาแฟ พูดคุยแลกเปลี่ยน เช่าหา พระเครื่องกันที่ร้านนี้ ว่ากันว่า
    การตั้งราคาเช่าพระ เป็นเงินๆ ทองๆ ก็เริ่มกันช่วงนี้ เป็นที่รวมของ คหบดี ข้าราชการ บุคคลทั่วไปที่มีกำลังเช่าหา
    จากใต้ถุนศาลอาญา สนามหลวง บาร์มหาผันก็ย้ายไปที่ข้างวัดบุรณศิริฯ ตรงโรงแรมรัตนโกสินทร์ จากนั้นนั้นตลาดพระเครื่องก็ย้ายไป ข้างวัดมหาธาตุ ซึ่งเป็นยุคที่ได้รับความนิยมขยายตัวมากในวงกว้าง และมีไปอยู่ที่แถววัดราชนัดดา อยู่ช่วงนึง
    จนมาเปิดแบบเป็นกิจลักษณะที่ท่าพระจันทร์ ซึ่งเป็นที่รวมของเซียนน้อยใหญ่จำนวนมาก ที่เริ่มต้นจากที่นี่ ต่อมาเริ่มแออัด คุณพยัพ กับคุณต้อย จึงนำพระเครื่องขึ้นห้างครั้งแรก ที่ห้างพันทิพย์ประตูน้ำ คุณต้อย มาที่เดอะมอลล์ งาม และกลายมาเป็นพันทิพย์งามวงศ์วานจนถึงปัจจุบัน
    #จุดกำเนิดการซื้อขายพระเครื่อง# "บาร์มหาผัน" ในวงการพระเครื่องสมัยก่อน จะรู้ดีว่า นี่คือตลาดพระเครื่องยุคต้นของชาวกรุง บาร์มหาผัน เป็นชื่อเรียกกันเล่นๆ ของร้านกาแฟใต้ถุนศาลอาญาสนามหลวง ที่มี นายผัน เป็นเจ้าของ ในยุค 249กว่า นั้น บรรดานักส่องพระจะมานั่งจิบกาแฟ พูดคุยแลกเปลี่ยน เช่าหา พระเครื่องกันที่ร้านนี้ ว่ากันว่า การตั้งราคาเช่าพระ เป็นเงินๆ ทองๆ ก็เริ่มกันช่วงนี้ เป็นที่รวมของ คหบดี ข้าราชการ บุคคลทั่วไปที่มีกำลังเช่าหา จากใต้ถุนศาลอาญา สนามหลวง บาร์มหาผันก็ย้ายไปที่ข้างวัดบุรณศิริฯ ตรงโรงแรมรัตนโกสินทร์ จากนั้นนั้นตลาดพระเครื่องก็ย้ายไป ข้างวัดมหาธาตุ ซึ่งเป็นยุคที่ได้รับความนิยมขยายตัวมากในวงกว้าง และมีไปอยู่ที่แถววัดราชนัดดา อยู่ช่วงนึง จนมาเปิดแบบเป็นกิจลักษณะที่ท่าพระจันทร์ ซึ่งเป็นที่รวมของเซียนน้อยใหญ่จำนวนมาก ที่เริ่มต้นจากที่นี่ ต่อมาเริ่มแออัด คุณพยัพ กับคุณต้อย จึงนำพระเครื่องขึ้นห้างครั้งแรก ที่ห้างพันทิพย์ประตูน้ำ คุณต้อย มาที่เดอะมอลล์ งาม และกลายมาเป็นพันทิพย์งามวงศ์วานจนถึงปัจจุบัน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฉมหน้ารัฐบาลหนึ่งไม่มีสอง ?!
    น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ถ่ายภาพหมู่ร่วมกันหน้าสนามหญ้า ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี นัดพิเศษ เพื่อหารือปัญหาเร่งด่วน และร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาล เพื่อจะแถลงต่อรัฐสภา ที่ ทำเนียบรัฐบาล
    Copyright © 2024 All Right Reserved ผู้จัดการรายวัน 360˚/ MGR Online

    ที่มา MGR Photo https://www.facebook.com/share/p/PtRdxjUCm1T6B7cM/

    #Thaitimes
    โฉมหน้ารัฐบาลหนึ่งไม่มีสอง ?! น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี ถ่ายภาพหมู่ร่วมกันหน้าสนามหญ้า ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี นัดพิเศษ เพื่อหารือปัญหาเร่งด่วน และร่างคำแถลงนโยบายรัฐบาล เพื่อจะแถลงต่อรัฐสภา ที่ ทำเนียบรัฐบาล Copyright © 2024 All Right Reserved ผู้จัดการรายวัน 360˚/ MGR Online ที่มา MGR Photo https://www.facebook.com/share/p/PtRdxjUCm1T6B7cM/ #Thaitimes
    Sad
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 555 มุมมอง 0 รีวิว
  • พรรค………นี้ออกจะยุ่งๆหน่อย...!!!

    ค่ะ ยุ่งจริงๆ เพราะเหล่าผองเพื่อนต่างกลับมาจากการพักเย็นที่เหมือนจะเป็นธรรมเนียมของคนฝรั่งเศส คือ หน้าร้อน ก็พักร้อน ไปเที่ยวกันไกลๆ
    หน้าหนาวก็ไปเล่นสกี หรือบินตามเกาะต่างๆที่มีอากาศอุ่นๆตามประสาความอู้ฟู่ของใครของมัน

    ดิฉันไม่มีฤดูกาลพักผ่อนอะไรกับเขาทั้งสิ้น เพราะขี้เกียจตัวเป็นขน
    อีกทั้งไปไหนไม่ได้นาน เพราะหมาสามตัวที่นั่งเฝ้าหน้าประตูคอยนั่นทำให้รู้สึก”ผิด” มากกว่าอาการค้อนควักของสามี...ที่คอยรับประทานดันบ่อยๆว่า “ชีวิตดี๊ ดี นะยะเธอ”
    ชั่งเหอะ...เข้าหูซ้ายออกหูขวา ไปลั้ลลา ตีกอล์ฟพร้อมอาหารกลางวัน น้ำชากาแฟยามบ่ายแทบทุกวัน
    ไม่ใช่ว่า...เลิศหรูอะไรหรอกค่ะ สนามกอล์ฟก็จ่ายสมาชิกรายปีอยู่แล้ว
    เพื่อนฝูงก็มากมาย ผลัดกันเป็นเจ้าภาพ มีเรื่องคุยกันแบบสามวันไม่มีจบ
    กลับถึงบ้าน...ก็หมดแรง

    แต่อ่านและติดตามข่าวเมืองไทยอย่างหายใจรดต้นคอเลยเชียว
    โค้งนี้และครั้งนี้...เป็นการเดิมพันที่น่าใจหายใจคว่ำ เพราะมันไม่ใช่การเมืองอย่างที่ควรจะเป็น ไม่มีใครมาพูดถึงนโยบายแบบฉลาดๆ
    มีแต่คิดที่จะเลิกนั่นเลิกนี่ ทำแก้แค้นเอาคืนคนโน้นคนนี้ และ จะแจกนั่นแจกนี่ โดยที่ไม่ได้บอกว่าจะหาเงินมาจากไหนและอย่างไร

    ที่สำคัญที่สุด คือการแสดงออกชัดเจนว่า เรามีเพียงสองขั้วเท่านั้นที่จะเลือก คือ ขั้วเอาเจ้า กับ ไม่เอาเจ้า

    สายสีส้มออกมาโจมตีบ้านเมืองทุกวัน ไอ้นั่นก็ไม่ใช่ ไอ้นี่ก็ไม่ยุติธรรม
    ทุกอย่างที่หล่อเลี้ยงเขามาจนถึงบัดนี้ ก็เพราะประเทศเลวๆที่ไม่มีความสมดุลย์นี่แหละ...
    ยิ่งฟังก็ยิ่งมองเห็นเงาของกลุ่มอิลลูมินาติ กับ OSF (Open Society Foundation) ของ จอร์จ โซรอส ชัดแบบไม่ต้องใช้แว่นขยาย
    เพราะมันคือหลักการพื้นๆของเขาที่ใช้ในทุกประเทศ คือ สนับสนุนคนรุ่นใหม่วัยเยาว์, เชิดชูประชาธิปไตย, ล้างสมองให้เชื่อว่าสิทธิของมนุษยชนต้องเท่ากัน โดยใช้กลุ่ม NGO และ HRW เป็นพี่เลี้ยงให้ในทุกเวที,
    ต้องเปิดพรมแดน รับผู้ลี้ภัย, และต้องไม่”ชาตินิยม” ขนบธรรมเนียม
    อะไรเก่าๆทิ้งไป..เพราะมันไม่สร้างสรรค์ รวมถึงสถาบันกษัตริย์ที่ไม่จำเป็นต้องมี...

    ทั้งหมดทั้งมวล เห็นได้ในนโยบายของพรรคสีส้ม จนเหมือนกับว่า...พวกเขาคือสาวกที่ได้ขายวิญญาณไปแล้ว...
    ที่แน่ๆคือ...พวกเขาได้”ก้าวข้าม” นายทุนท่อน้ำเลี้ยง ณ.ทางไกลไปหลายก้าวแล้วด้วยซ้ำ...คือไม่อ้อมแอ้ม...กล้าที่จะประกาศว่า...ไม่เอาสถาบัน!!

    ที่เหลือก็อยู่ที่คนไทย...จะเลือกทางไหนก็แล้วแต่ แต่เชื่อได้ว่า ข่าวที่มีเรื่องข้าว เรื่องสารพาราควอท นั่น...มันมีมูล
    ฟังแล้วจะว่าเป็นข่าวลวง ลับ พรางอะไรก็ตามที แต่เคยเขียนถึง มอนซานโต้กับไบเออร์ให้อ่านกันแล้ว นั่นคือการทำงานของเขาล้วนๆ
    เรื่องข้าว...คือการนำเมล็ดพันธุ์ไปทำ GMO เพื่อคุณภาพจะได้ทนต่อแมลงและโรคติดต่อ และทำ DNA ในแต่ละสายพันธุ์ เพื่อไม่ให้มีการปลอมปน
    จกการลงทุนขนาดใหญ่นี้ หมายถึงว่า เขาจะเข้ามาควบคุมเมล็ดพันธุ์ข้าวทั้งหมด และใส่ถุงกลับมาขายให้ชาวนา ที่ต้องใช้ตามที่เขากำหนด
    เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว....จะส่งขายต่างประเทศไม่ได้………!!!!
    ข้าวคือสินค้าขาออกที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย ที่มีอนาคตที่ล่อแหลมมาก
    ส่วนเรื่องสารพิษนั่น...ขอขำแปล๊บ...ก็ต้องขอต่ออายุให้ใช้ไปอีกระยะหนึ่ง ใครจะตายก็ชั่งมันปะไร เพราะนายทุนเขายังมีอยู่ในสต๊อก ก็ต้องให้เขาปล่อยให้หมดก่อน จะไปแบนได้ยังไง รับนาฬิ...เอ๊ย รับซองเขามาแล้ว...คิดได้ไม่ยากเลย..!!

    ดิฉันฟังนักวิชาการของพรรคสีส้มที่เขาพูดถึงสถาบัน การเมืองกับประชาธิปไตย ว่าเป็นสิ่งที่ย้อนแย้ง และไม่มีวันที่จะเข้ากันได้
    และเขาได้ยกตัวอย่างถึง ปฏิวัติฝรั่งเศส 1789 ที่………”เขาช่างกล้า”
    ยกเอาคำพูดการตัดสินของ Louis Antoine de Saint-Just หนึ่งในผู้นำบองคณะปฏิวัติ (Jacobin Club) ที่ประกาศชี้โทษให้ทำการใช้กิโยติน
    กับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ในวันที่ 21 มกราคม 1793

    การอภิปรายแบบนี้ ถือว่าพวกเขาได้แทรก”นัยยะ”ไว้ให้คนรุ่นใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับความทันสมัยของโลกเทคโนโลยี ทุกอย่างสั่งได้เหมือนพิซซ่า เด็กรุ่นนี้ไม่มีความเข้าใจถึงความซับซ้อนของการเมือง และการปกครอง
    เพราะขนาดที่ฝรั่งเศสเรียกร้องหาความเป็นประชาธิปไตย ถึงขนาดล้มล้างกษัตริย์ของตัวเอง เอาพระโอรสองค์เล็กของพระเจ้าหลุยส์ที่สิบหกที่มีอายุเพียงหกเจ็ดขวบ (ตามตำแหน่งคือ พระเจ้าหลุยส์ที่ สิบเจ็ด)ไปจองจำ ขังไว้จนสิ้นพระชนม์เมื่อมีพระชนมายุได้ สิบขวบ
    ต่อมาก็พระอนุชา (ตามตำแหน่งที่ชอบธรรมคือ พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปด) ที่ต้องเสด็จออกไปอยู่นอกประเทศ เยอรมันบ้าง อังกฤษบ้าง)
    ในช่วงนี้เองที่ นโปเลียนได้ก้าวขึ้นมาเป็นพระจักรพรรดิ เพราะกษัตริย์พระองค์จริงยังอยู่.………
    พอนโปเลียนไปถูกเนรเทศไปจองจำที่เกาะ Alba
    พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดก็เสด็จกลับมาครองบัลลังก์ฝรั่งเศส
    นโปเลียนแหกเกาะออกมา...พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดก็ออกไปนอกประเทศอีก
    พอนโปเลียนแพ้สงครามที่วอเตอร์ลู (กับอังกฤษ) พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดก็กลับมาครองบัลลังก์ฝรั่งเศสเหมือนเดิมจนสิ้นพระชนม์ในปี 1824

    กษัตริย์ที่ครองบัลลังก์ต่อมา คือ พระเจ้าชารลส์ที่สิบ ( Charles X )
    ที่เป็นหลาน เพราะพระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดไม่มีรัชทายาท
    ฝรั่งเศสได้มีกษัตริย์องค์สุดท้ายคือ พระเจ้า Louis-Philippe (โดยตำแหน่ง) แต่พระองค์ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษเป็นส่วนใหญ่ สิ้นพระชนม์ในปี 1850

    ฝรั่งเศสได้มีประธานาธิบดีคนแรกในปี 1848 เขาคือ Louis-Napoléon Bonaparte หรือเป็นที่รู้จักกันใน Napoléon III ผู้ซึ่งเป็นหลานชายของ
    นโปเลียน

    ฉะนั้น ถ้าใครจะมาบังอาจเล่าเรื่องการปฏิวัติฝรั่งเศสก็ควรจะเล่าให้จบว่า หลังจากที่สำเร็จโทษพระเจ้าหลุยส์ที่สิบหกด้วยกิโยตินแล้ว ก็ไม่ใช่จะหลุดออกจากการปกครองของกษัตริย์และพระจักรพรรดิโดยสิ้นเชิงเสียเมื่อไหร่ กว่าประชาชนจะหาทางออกให้กับประเทศของตัวเอง จัดแจงการปกครองแบบใหม่ได้ก็ใช้เวลาร่วมร้อยปี
    ในช่วงของเกือบร้อยปีนั่น ต้องผ่านสงครามมากี่ครั้ง ทหารตายไปเท่าไหร่ อับอายขายหน้าที่ผู้นำประเทศ (นโปเลียนที่สาม) แพ้สงคราม ต้องโดนเยอรมันจับไปเป็นเชลย
    บ้านเมืองระส่ำระสาย ประชาชนแตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่า
    นี่ไง...ประชาธิปไตยของประเทศตัวอย่างที่ชอบอ้างกันนัก
    ที่ทุกวันนี้...ประชาชนต้องออกมาไล่ผู้นำติดต่อกันสิบสี่อาทิตย์แล้ว
    ทั้งๆที่เขามาจากการเลือกตั้ง....

    แล้วอย่านึกว่า ฝรั่งเศสมีเอกเทศในการปกครองนะคะ ทั้งยุโรปเรากำลังจะอยู่ควบรวมไว้ในหม้อเดียวกัน ในนามว่า Bilderberg Group
    จะมีการจัดตั้งกองกำลังยุโรปให้มีประสิทธิภาพเพื่อที่จะมีเขี้ยวเล็บให้น่าเกรงขาม
    เฉพาะที่ฝรั่งเศส เรามีคลังแสงของระเบิดนิวเคลียร์ขนาดใหญ่เป็นที่สามของโลกค่าาา พี่น้องงงงง....
    งบประมาณในการณ์นี้ คือ สามถึงสี่พันล้านยูโรต่อปี

    ในขณะที่ในบางประเทศคนหลายคนยังถามรัฐบาลตัวเองว่า มีทหารไว้ทำไม???

    ฟังแล้วเหมือนกับโดนลากมาตบกลางสี่แยกยังไงไม่รู้.……เมื่อก่อนหน้านั้นก็โดนไปทีนึงแล้ว ที่หนังสือพิมพ์ฝรั่งเขาขยี้เรื่องเด็กของเราใส่เสื้อ
    สวัสดิกะขึ้นเวที หลังจากที่ขอโทษขอโพยกันแล้ว เขายังเขียนว่า
    ผู้คนชาวไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้เรื่องความเป็นไปของโลก เพราะนักเรียนจะเรียนแค่ไทยทำสงครามกับพม่าเท่านั้น...!!!

    แค่พูดเบาๆยังเจ็บจี๊ดไปทั้งร่าง....!!!

    Wiwanda W. Vichit
    พรรค………นี้ออกจะยุ่งๆหน่อย...!!! ค่ะ ยุ่งจริงๆ เพราะเหล่าผองเพื่อนต่างกลับมาจากการพักเย็นที่เหมือนจะเป็นธรรมเนียมของคนฝรั่งเศส คือ หน้าร้อน ก็พักร้อน ไปเที่ยวกันไกลๆ หน้าหนาวก็ไปเล่นสกี หรือบินตามเกาะต่างๆที่มีอากาศอุ่นๆตามประสาความอู้ฟู่ของใครของมัน ดิฉันไม่มีฤดูกาลพักผ่อนอะไรกับเขาทั้งสิ้น เพราะขี้เกียจตัวเป็นขน อีกทั้งไปไหนไม่ได้นาน เพราะหมาสามตัวที่นั่งเฝ้าหน้าประตูคอยนั่นทำให้รู้สึก”ผิด” มากกว่าอาการค้อนควักของสามี...ที่คอยรับประทานดันบ่อยๆว่า “ชีวิตดี๊ ดี นะยะเธอ” ชั่งเหอะ...เข้าหูซ้ายออกหูขวา ไปลั้ลลา ตีกอล์ฟพร้อมอาหารกลางวัน น้ำชากาแฟยามบ่ายแทบทุกวัน ไม่ใช่ว่า...เลิศหรูอะไรหรอกค่ะ สนามกอล์ฟก็จ่ายสมาชิกรายปีอยู่แล้ว เพื่อนฝูงก็มากมาย ผลัดกันเป็นเจ้าภาพ มีเรื่องคุยกันแบบสามวันไม่มีจบ กลับถึงบ้าน...ก็หมดแรง แต่อ่านและติดตามข่าวเมืองไทยอย่างหายใจรดต้นคอเลยเชียว โค้งนี้และครั้งนี้...เป็นการเดิมพันที่น่าใจหายใจคว่ำ เพราะมันไม่ใช่การเมืองอย่างที่ควรจะเป็น ไม่มีใครมาพูดถึงนโยบายแบบฉลาดๆ มีแต่คิดที่จะเลิกนั่นเลิกนี่ ทำแก้แค้นเอาคืนคนโน้นคนนี้ และ จะแจกนั่นแจกนี่ โดยที่ไม่ได้บอกว่าจะหาเงินมาจากไหนและอย่างไร ที่สำคัญที่สุด คือการแสดงออกชัดเจนว่า เรามีเพียงสองขั้วเท่านั้นที่จะเลือก คือ ขั้วเอาเจ้า กับ ไม่เอาเจ้า สายสีส้มออกมาโจมตีบ้านเมืองทุกวัน ไอ้นั่นก็ไม่ใช่ ไอ้นี่ก็ไม่ยุติธรรม ทุกอย่างที่หล่อเลี้ยงเขามาจนถึงบัดนี้ ก็เพราะประเทศเลวๆที่ไม่มีความสมดุลย์นี่แหละ... ยิ่งฟังก็ยิ่งมองเห็นเงาของกลุ่มอิลลูมินาติ กับ OSF (Open Society Foundation) ของ จอร์จ โซรอส ชัดแบบไม่ต้องใช้แว่นขยาย เพราะมันคือหลักการพื้นๆของเขาที่ใช้ในทุกประเทศ คือ สนับสนุนคนรุ่นใหม่วัยเยาว์, เชิดชูประชาธิปไตย, ล้างสมองให้เชื่อว่าสิทธิของมนุษยชนต้องเท่ากัน โดยใช้กลุ่ม NGO และ HRW เป็นพี่เลี้ยงให้ในทุกเวที, ต้องเปิดพรมแดน รับผู้ลี้ภัย, และต้องไม่”ชาตินิยม” ขนบธรรมเนียม อะไรเก่าๆทิ้งไป..เพราะมันไม่สร้างสรรค์ รวมถึงสถาบันกษัตริย์ที่ไม่จำเป็นต้องมี... ทั้งหมดทั้งมวล เห็นได้ในนโยบายของพรรคสีส้ม จนเหมือนกับว่า...พวกเขาคือสาวกที่ได้ขายวิญญาณไปแล้ว... ที่แน่ๆคือ...พวกเขาได้”ก้าวข้าม” นายทุนท่อน้ำเลี้ยง ณ.ทางไกลไปหลายก้าวแล้วด้วยซ้ำ...คือไม่อ้อมแอ้ม...กล้าที่จะประกาศว่า...ไม่เอาสถาบัน!! ที่เหลือก็อยู่ที่คนไทย...จะเลือกทางไหนก็แล้วแต่ แต่เชื่อได้ว่า ข่าวที่มีเรื่องข้าว เรื่องสารพาราควอท นั่น...มันมีมูล ฟังแล้วจะว่าเป็นข่าวลวง ลับ พรางอะไรก็ตามที แต่เคยเขียนถึง มอนซานโต้กับไบเออร์ให้อ่านกันแล้ว นั่นคือการทำงานของเขาล้วนๆ เรื่องข้าว...คือการนำเมล็ดพันธุ์ไปทำ GMO เพื่อคุณภาพจะได้ทนต่อแมลงและโรคติดต่อ และทำ DNA ในแต่ละสายพันธุ์ เพื่อไม่ให้มีการปลอมปน จกการลงทุนขนาดใหญ่นี้ หมายถึงว่า เขาจะเข้ามาควบคุมเมล็ดพันธุ์ข้าวทั้งหมด และใส่ถุงกลับมาขายให้ชาวนา ที่ต้องใช้ตามที่เขากำหนด เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว....จะส่งขายต่างประเทศไม่ได้………!!!! ข้าวคือสินค้าขาออกที่สำคัญที่สุดของประเทศไทย ที่มีอนาคตที่ล่อแหลมมาก ส่วนเรื่องสารพิษนั่น...ขอขำแปล๊บ...ก็ต้องขอต่ออายุให้ใช้ไปอีกระยะหนึ่ง ใครจะตายก็ชั่งมันปะไร เพราะนายทุนเขายังมีอยู่ในสต๊อก ก็ต้องให้เขาปล่อยให้หมดก่อน จะไปแบนได้ยังไง รับนาฬิ...เอ๊ย รับซองเขามาแล้ว...คิดได้ไม่ยากเลย..!! ดิฉันฟังนักวิชาการของพรรคสีส้มที่เขาพูดถึงสถาบัน การเมืองกับประชาธิปไตย ว่าเป็นสิ่งที่ย้อนแย้ง และไม่มีวันที่จะเข้ากันได้ และเขาได้ยกตัวอย่างถึง ปฏิวัติฝรั่งเศส 1789 ที่………”เขาช่างกล้า” ยกเอาคำพูดการตัดสินของ Louis Antoine de Saint-Just หนึ่งในผู้นำบองคณะปฏิวัติ (Jacobin Club) ที่ประกาศชี้โทษให้ทำการใช้กิโยติน กับพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 ในวันที่ 21 มกราคม 1793 การอภิปรายแบบนี้ ถือว่าพวกเขาได้แทรก”นัยยะ”ไว้ให้คนรุ่นใหม่ที่เกิดมาพร้อมกับความทันสมัยของโลกเทคโนโลยี ทุกอย่างสั่งได้เหมือนพิซซ่า เด็กรุ่นนี้ไม่มีความเข้าใจถึงความซับซ้อนของการเมือง และการปกครอง เพราะขนาดที่ฝรั่งเศสเรียกร้องหาความเป็นประชาธิปไตย ถึงขนาดล้มล้างกษัตริย์ของตัวเอง เอาพระโอรสองค์เล็กของพระเจ้าหลุยส์ที่สิบหกที่มีอายุเพียงหกเจ็ดขวบ (ตามตำแหน่งคือ พระเจ้าหลุยส์ที่ สิบเจ็ด)ไปจองจำ ขังไว้จนสิ้นพระชนม์เมื่อมีพระชนมายุได้ สิบขวบ ต่อมาก็พระอนุชา (ตามตำแหน่งที่ชอบธรรมคือ พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปด) ที่ต้องเสด็จออกไปอยู่นอกประเทศ เยอรมันบ้าง อังกฤษบ้าง) ในช่วงนี้เองที่ นโปเลียนได้ก้าวขึ้นมาเป็นพระจักรพรรดิ เพราะกษัตริย์พระองค์จริงยังอยู่.……… พอนโปเลียนไปถูกเนรเทศไปจองจำที่เกาะ Alba พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดก็เสด็จกลับมาครองบัลลังก์ฝรั่งเศส นโปเลียนแหกเกาะออกมา...พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดก็ออกไปนอกประเทศอีก พอนโปเลียนแพ้สงครามที่วอเตอร์ลู (กับอังกฤษ) พระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดก็กลับมาครองบัลลังก์ฝรั่งเศสเหมือนเดิมจนสิ้นพระชนม์ในปี 1824 กษัตริย์ที่ครองบัลลังก์ต่อมา คือ พระเจ้าชารลส์ที่สิบ ( Charles X ) ที่เป็นหลาน เพราะพระเจ้าหลุยส์ที่สิบแปดไม่มีรัชทายาท ฝรั่งเศสได้มีกษัตริย์องค์สุดท้ายคือ พระเจ้า Louis-Philippe (โดยตำแหน่ง) แต่พระองค์ต้องไปใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษเป็นส่วนใหญ่ สิ้นพระชนม์ในปี 1850 ฝรั่งเศสได้มีประธานาธิบดีคนแรกในปี 1848 เขาคือ Louis-Napoléon Bonaparte หรือเป็นที่รู้จักกันใน Napoléon III ผู้ซึ่งเป็นหลานชายของ นโปเลียน ฉะนั้น ถ้าใครจะมาบังอาจเล่าเรื่องการปฏิวัติฝรั่งเศสก็ควรจะเล่าให้จบว่า หลังจากที่สำเร็จโทษพระเจ้าหลุยส์ที่สิบหกด้วยกิโยตินแล้ว ก็ไม่ใช่จะหลุดออกจากการปกครองของกษัตริย์และพระจักรพรรดิโดยสิ้นเชิงเสียเมื่อไหร่ กว่าประชาชนจะหาทางออกให้กับประเทศของตัวเอง จัดแจงการปกครองแบบใหม่ได้ก็ใช้เวลาร่วมร้อยปี ในช่วงของเกือบร้อยปีนั่น ต้องผ่านสงครามมากี่ครั้ง ทหารตายไปเท่าไหร่ อับอายขายหน้าที่ผู้นำประเทศ (นโปเลียนที่สาม) แพ้สงคราม ต้องโดนเยอรมันจับไปเป็นเชลย บ้านเมืองระส่ำระสาย ประชาชนแตกแยกเป็นก๊กเป็นเหล่า นี่ไง...ประชาธิปไตยของประเทศตัวอย่างที่ชอบอ้างกันนัก ที่ทุกวันนี้...ประชาชนต้องออกมาไล่ผู้นำติดต่อกันสิบสี่อาทิตย์แล้ว ทั้งๆที่เขามาจากการเลือกตั้ง.... แล้วอย่านึกว่า ฝรั่งเศสมีเอกเทศในการปกครองนะคะ ทั้งยุโรปเรากำลังจะอยู่ควบรวมไว้ในหม้อเดียวกัน ในนามว่า Bilderberg Group จะมีการจัดตั้งกองกำลังยุโรปให้มีประสิทธิภาพเพื่อที่จะมีเขี้ยวเล็บให้น่าเกรงขาม เฉพาะที่ฝรั่งเศส เรามีคลังแสงของระเบิดนิวเคลียร์ขนาดใหญ่เป็นที่สามของโลกค่าาา พี่น้องงงงง.... งบประมาณในการณ์นี้ คือ สามถึงสี่พันล้านยูโรต่อปี ในขณะที่ในบางประเทศคนหลายคนยังถามรัฐบาลตัวเองว่า มีทหารไว้ทำไม??? ฟังแล้วเหมือนกับโดนลากมาตบกลางสี่แยกยังไงไม่รู้.……เมื่อก่อนหน้านั้นก็โดนไปทีนึงแล้ว ที่หนังสือพิมพ์ฝรั่งเขาขยี้เรื่องเด็กของเราใส่เสื้อ สวัสดิกะขึ้นเวที หลังจากที่ขอโทษขอโพยกันแล้ว เขายังเขียนว่า ผู้คนชาวไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้เรื่องความเป็นไปของโลก เพราะนักเรียนจะเรียนแค่ไทยทำสงครามกับพม่าเท่านั้น...!!! แค่พูดเบาๆยังเจ็บจี๊ดไปทั้งร่าง....!!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 534 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น อัตศิลป์ถิ่นตรัง ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดตรัง ระหว่างวันที่ 6 - 15 กันยายน พ.ศ. 2567
    งานส่งเสริมภูมิปัญญาท้องถิ่น อัตศิลป์ถิ่นตรัง ณ บริเวณสนามหน้าศาลากลางจังหวัดตรัง ระหว่างวันที่ 6 - 15 กันยายน พ.ศ. 2567
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ่านเอาเรื่อง Ep.75: มอร์มอน

    เมื่อเช้านี้ระหว่างที่ผมรถติดอยู่แถวๆบ้าน สายตาก็เหลือบไปเห็นฝรั่งวัยหนุ่ม 2 คน ท่าทางดี แต่งตัวเรียบร้อยนั่งอยู่บนรถสองแถวครับ

    จากประสบการณ์นั้น มองปร๊าดเดียวก็รู้ว่าพ่อหนุ่มสองคนนี้เป็นพวกเผยแพร่ศาสนาคริสต์ และผมคิดว่าเป็นนิกายมอร์มอน (Mormon) เพราะการแต่งตัวสไตล์เสื้อเชิ้ตแขนสั้น ผูกไท สะพายกระเป๋าดำและมีป้ายชื่อสีดำอันใหญ่ๆนี่ ดูยังไงก็มอร์มอน

    และน่าจะเป็นชาวอเมริกัน เพราะพวกมอร์มอนนั้นส่วนใหญ่จะเป็นอเมริกัน เพราะนิกายมอร์มอนนั้นกำเนิดในอเมริกาครับ

    ตอนสมัยที่ผมได้ไปเรียนอยู่ที่อเมริกาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ผมเคยเจอวัยรุ่นมอร์มอนมาเคาะประตูบ้านและชวนไปเข้าลัทธิกับเขา ได้ฟังเขาเล่าเรื่องของมอร์มอนแล้วก็สนุกดี

    วันนี้ก็ผมจึงไปค้นคว้าหาเรื่องของพวกมอร์มอนมาเล่าสู่กันฟังสนุกๆครับ
    .
    .
    .
    นิกายมอร์มอนนั้นเกิดขึ้นในช่วงที่อเมริกาเพิ่งจะประกาศอิสรภาพแยกตัวจากอังกฤษใหม่ๆครับ นั่นก็คือ ช่วงประมาณ ค.ศ.1800 โน่น

    ความน่าสนใจของนิกายนี้ ก็คือ ผู้ที่เป็นศาสดาหรือผู้นำสารของพระเจ้านั้นเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นชาวนิวยอร์คชื่อ “โจเซฟ สมิธ” ซึ่งโจเซฟผู้นี้เขาไม่ได้มีการศึกษาอะไร แต่เป็นเด็กที่รักการค้นหาขุดหาสมบัติในสวนหลังบ้าน

    อันนี้เราก็ต้องเข้าใจบริบทในยุคนั้นด้วยนิดนึงครับ เพราะอเมริกานั้นเป็นดินแดนโลกใหม่ ดังนั้นความเชื่อเรื่องการขุดหาสมบัติลึกลับของโจรสลัดหรือขุมทรัพย์โบราณก็ยังแพร่หลายครับ

    วันหนึ่งระหว่างที่เด็กชายโจเซฟวัย 15 ขวบนี้กำลังหาโน่นนี่อยู่ในป่าหลังบ้าน ก็ให้บังเอิญได้ไปพบกับร่างมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์สองร่างกำลังลอยอยู่ และบอกกับโจเซฟว่า ร่างหนึ่งคือพระเจ้าและอีกร่างคือพระเยซูบุตรของพระเจ้า

    พระเจ้าบอกกับโจเซฟว่า บรรดานิกายศาสนาคริสต์และศาสนาทั้งหลายที่มีอยู่บนโลกนี้นั้นล้วนแต่เสื่อมโทรมทั้งสิ้น และพระเจ้าได้บอกให้โจเซฟเตรียมตัวที่จะสร้างดินแดนที่วันหนึ่งพระเยซูจะกลับมาพิพากษาคนบาป

    โจเซฟเจอดังนี้แล้ว ก็กลับบ้านมาแต่ก็ไม่ได้คิดจะบอกอะไรใคร ได้แต่เก็บไว้เป็นความลับส่วนตัว

    เวลาผ่านไปอีกสามปี เมื่อโจเซฟอายุได้ 18 ปี ก็ได้มีเทวดาองค์หนึ่งมาปรากฏตัวขึ้นในห้องของโจเซฟ เทวดาบอกกับโจเซฟว่าให้เดินไปที่เนินเขาใกล้ๆบ้านแล้วจะได้พบกับแผ่นทองคำจารึกข้อความสำคัญที่อยากจะให้โจเซฟเอามาเผยแพร่ต่อมนุษย์โลก

    แน่นอนว่าโจเซฟก็ทำตามนั้น และเขาก็ได้พบกับแผ่นทองคำปึกใหญ่ๆจริงๆ บนแผ่นทองคำนั้นจารึกด้วยภาษาฮีบรูโบราณซึ่งโจเซฟอ่านไม่ออก แต่เขาก็เอากลับมาเก็บไว้ที่บ้าน แล้วก็เล่าเรื่องให้พ่อแม่พี่น้องและภรรยาฟัง

    ซึ่งทุกคนก็เชื่อเขาสนิทใจโดยไม่มีข้อโต้แย้งแต่อย่างใด

    แต่ทั้งนี้โจเซฟก็ไม่ได้ให้ใครได้เห็นแผ่นจารึกทองคำนี้เลยนะครับ และเมื่อโจเซฟคิดจะแปลข้อความจากแผ่นทองคำนี้เป็นภาษาอังกฤษ โจเซฟก็จะใช้วิธีขึงผ้าม่านหนาๆใหญ่ๆกั้นระหว่างตัวเขากับคนจดบันทึก (ซึ่งบางทีก็เป็นภรรยาเขาหรือไม่ก็น้องชาย)

    แล้วโจเซฟก็จะใช้เครื่องมือวิเศษที่สามารถมองข้อความบนแผ่นทองคำให้ออกมาเป็นภาษาอังกฤษ โจเซฟก็จะอ่านให้คนจดบันทึกไปเรื่อยๆ ทำอย่างนี้อยู่ราวๆสามเดือน ก็ได้หนังสือขนาดความยาว 800 กว่าหน้า

    เรียกว่า “เดอะบุ๊คออฟมอร์มอน - The Book of Mormon"

    เมื่อโจเซฟตรวจทานหนังสือเล่มนี้เสร็จแล้ว เขาก็จัดการส่งคืนแผ่นทองคำต้นฉบับนี้ให้เทวดาองค์เดิมไป เป็นอันว่าไม่เคยมีใครได้เห็นแผ่นทองคำนี้นอกจากโจเซฟเอง
    .
    .
    .
    ความน่าสนใจก็คือ โจเซฟนั้นเป็นคนที่ไม่ได้รับการศึกษาอะไร แต่สามารถแต่งหนังสือขึ้นความยาว 800 กว่าหน้านี้ได้ก็ถือว่าเก่ง แม้ว่าภายหลังจะมีผู้พบว่า เนื้อหาในหลายๆส่วนนั้นลอกจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ลมาแบบ copy and paste ก็ตามที

    ถ้าเราสังเกตดีๆ โจเซฟเขาไม่ได้ตั้งชื่อหนังสือเขาว่า ”มอร์มอนไบเบิ้ล“ แต่เรียกว่า ”เดอะบุ๊คออฟมอร์มอน“ นะครับ เพราะเขาคิดว่าลัทธิของเขาคือลัทธิใหม่ ไม่ได้เกี่ยวกับไบเบิ้ล

    และในเดอะบุ๊คออฟมอร์มอนนี้ โจเซฟเขาเขียนเล่าไว้ว่า เมื่อราวๆ 600 ปีก่อนสมัยพระเยซูนั้น มีชาวยิวกลุ่มหนึ่งได้หลบหนีออกจากกรุงเยรูซาเล็ม เดินข้ามทะเลทรายและขึ้นเรือรอนแรมมาจนกระทั่งถึงอเมริกา

    ชาวยิวกลุ่มนี้ได้เดินทางเข้ามาพำนักอาศัยอยู่ในแผ่นดินอเมริกาและเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เป็นบรรพบุรุษชาวชนพื้นเมืองอเมริกัน (Native American)

    แน่นอนว่าเมื่อเทคโนโลยีทันสมัยขึ้น การตรวจดีเอ็นเอของชนพื้นเมืองอเมริกันก็พบว่าไม่ได้มีเชื้อสายยิวเลยแม้แต่น้อย

    นอกนั้นในบุ๊คออฟมอร์มอนยังบอกอีกว่า หลังจากที่พระเยซูถูกตรึงกางเขนตายไปนั้น พระองค์ยังได้มาปรากฏตัวอยู่ที่อเมริกาด้วย

    แต่เอาเถิดครับ....ไม่ว่าเรื่องราวจะพิสดารเพียงใด เมื่อโจเซฟประกาศลัทธิใหม่ออกไป ประกอบกับว่าเขาเป็นคนมีวาทศิลป์ดี โน้มน้าวคนได้เก่ง ก็ปรากฏว่ามีผู้เชื่อถือลัทธิมอร์มอนของโจเซฟอยู่หลายพันคน

    และอีกครั้งที่ผมอยากจะขอให้ท่านผู้อ่านนึกภาพว่า นี่คือเหตุการณ์เมื่อ 200 ปีก่อน ที่คนอเมริกันคือชาวยุโรปที่อพยพมาค้นหาโลกใหม่ การที่พวกเขาจะเริ่มต้นกับลัทธิความเชื่อใหม่บนแผ่นดินใหม่ที่ต่างไปจากความเชื่อเดิมที่พวกเขาละทิ้งมา ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
    .
    .
    .
    พ่อหนุ่มโจเซฟในวัย 26 ปีได้ประกาศกับสาวกของตัวเองว่า พระเจ้าได้ขอให้โจเซฟและชาวมอร์มอนสร้างแผ่นดินใหม่ที่เรียกว่า “ไซออน - Zion" เพื่อรอรับการกลับมาของพระเยซู

    ซึ่งการจะทำดั่งนี้ได้ ชาวมอร์มอนทั้งหลายจะต้องเดินทางอพยพไปสร้างเมืองใหม่ขึ้นมา

    ว่าแล้วโจเซฟกับชาวมอร์มอนหลายพันคนก็ออกเดินทางจากนิวยอร์คไปยังรัฐโอไฮโอแล้วก็เริ่มสร้างเมือง แต่สร้างได้สักพักก็โดนชาวเมืองที่เขาอาศัยอยู่เดิมเขาขับไล่ด้วยความที่เป็นพวกลัทธิประหลาด

    โจเซฟและพวกก็อพยพอีกรอบ คราวนี้เดินทางกันต่อมาที่เมืองแจ็คสันวิลล์ รัฐมิสซูรี ทีนี้โจเซฟได้ประกาศว่า ”ที่นี่แหละที่เราจะสร้างเมืองไซออนของเราขึ้นมา เพราะที่นี่อยู่ใกล้กับสวนสวรรค์อีเดนของพระเจ้า“

    จำนวนชาวมอร์มอนเริ่มขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ แถมยังขยันก่อสร้างกันเสียอีก เพราะโจเซฟเขาได้ออกแบบผังเมืองเป็นรูปกริด (Grid) บล็อคๆสี่เหลี่ยมเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม

    ชาวมิสซูรีเดิมเห็นท่าไม่ดี เกรงว่าบ้านเรือนของตัวเองจะโดนพวกมอร์มอนยึดเรียบ ก็เลยขับไล่พวกมอร์มอน แล้วก็เกิดการรบพุ่งกันจริงจังขึ้นจนกระทั่งผู้ว่าการรัฐมิสซูรีต้องประกาศสงครามกันดุเดือด

    พวกมอร์มอนก็จึงต้องย้ายอีก..... คราวนี้ไปอยู่ที่รัฐอิลลินอยส์ ใกล้ๆกับเมืองชิคาโก ทีนี่แหละครับที่โจเซฟชะตาขาด เพราะเมื่อตัวเองเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นก็กำเริบถึงขนาดลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี และเริ่มใช้กำลังทหารของตัวเองไปทำลายโรงพิมพ์ที่ตีพิมพ์บทความต่อต้านพวกมอร์มอน

    ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์จึงจับตัวโจเซฟและน้องชายมาขังตัวไว้ ปรากฏว่าโดนฝูงชนบุกเข้าไปถึงห้องขัง ยิงโจเซฟตายขณะที่พยายามกระโดดหนีออกจากชั้นสอง

    โจเซฟ สมิธตายในวัยเพียง 34 ปี มีสาวกเป็นชาวมอร์มอนอยู่นับหมื่นคน
    .
    .
    .
    บรรดาชาวมอร์มอนทั้งหลายก็อพยพอีกรอบ คราวนี้ระหกระเหินมุ่งหน้าไปฝั่งตะวันตกเรื่อยๆจนกระทั่งไปถึงดินแดนหุบเขาอันกว้างใหญ่ที่ครอบคลุมรัฐยูท่าห์ รัฐอริโซน่า รัฐโคโลราโด และรัฐแคลิฟอร์เนีย

    เพียงแต่สมัยนั้นยังไม่มีชื่อรัฐเช่นนี้ เพราะดินแดนที่ผมเขียนไปข้างต้นนั้นยังคงเป็นของเม็กซิโกเขา และมีชนพื้นเมืองอเมริกันอาศัยกันอยู่

    พวกมอร์มอนมาถึงปุ๊บ ก็เร่งรีบสร้างเมืองกันทันทีเพราะเขาเชื่อกันว่าใกล้จะถึงวันที่พระเยซูจะมาถึงเต็มแก่

    ทั้งนี้เราก็ต้องยกย่องในความสามารถในทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมของพวกมอร์มอน ที่เขาสามารถสร้างเมือง โบสถ์ โรงเรียน โรงเหล็ก เหมืองและระบบระบายน้ำขึ้นมาได้จากดินแดนอันว่างเปล่า

    เมืองของพวกมอร์มอนขยายตัวกันอย่างรวดเร็ว และรูปแบบของเมืองก็ยังคงเป็นแบบกริด (Grid) หรือบล็อคสี่เหลี่ยมๆเป็นระเบียบตามแบบที่โจเซฟ สมิธออกแบบไว้

    พวกมอร์มอนเรียกเมืองของเขาว่า “เดเซเร็ท - Deseret" อันเป็นภาษาโบราณแปลว่า ”รังผึ้ง“ ครับ อันสื่อความหมายถึงความร่วมมือร่วมใจกันชุมชนที่ทำงานร่วมกัน

    ที่เมืองเดเซเร็ทนี้ พวกมอร์มอนเขาเริ่มออกสกุลเงิน ธนบัตร เริ่มออกกฎหมายของตัวเอง มีภาษาเขียนของตัวเอง

    ทีนี้รัฐบาลกลางสหรัฐเริ่มชักจะเหล่สายตามาที่พวกมอร์มอนอีกรอบ เพราะชักจะเริ่มทำทีท่าคล้ายๆจะแยกเป็นประเทศต่างหาก ไม่ขึ้นกับสหรัฐอเมริกาอีกแล้ว

    รัฐบาลก็เลยเรียกผู้นำของมอร์มอนในเวลานั้น คือ นายบริกแฮม ยัง (Brigham Young) ไปคุยด้วยว่าจะเอายังไงกันแน่ นายยังเขาบอกว่า เขาจะยังอยู่กับอเมริกานี่แหละ แต่เขาขอดินแดนทั้งหมดตั้งขึ้นเป็นรัฐใหม่เรียกว่า ”รัฐเดเซเร็ท“

    รัฐบาลอเมริกาไปนั่งดูแล้ว ก็คิดว่าให้ไม่ได้ เพราะดินแดนที่นายยังขอมานั้นกว้างใหญ่ขนาดครอบคลุมถึง 6 รัฐในปัจจุบัน ก็เลยบอกนายยังไปว่าให้ได้แค่พื้นที่เท่ากับรัฐยูท่าในปัจจุบันเท่านั้นแหละ

    จะเอาไม่เอาก็บอกมา

    ซึ่งนายยังก็ยอมตามนั้น รัฐบาลก็เลยตั้งให้นายยังเป็นผู้ว่าการรัฐคนแรกไป

    ทุกวันนี้ถ้าเพื่อนๆคนไหนได้ไปเที่ยวที่เมืองซอลท์เลกซิตี้ รัฐยูท่า ก็จะเห็นระบบการออกแบบบ้านเมืองตามสไตล์ของพวกมอร์มอนครับ เป็นกริดและมีระเบียบเรียบร้อย

    แต่ช้าก่อน....เวรกรรมของพวกมอร์มอนยังไม่หยุดแค่นั้น เพราะยังมีพฤติกรรมหลายๆอย่างของมอร์มอนที่ชนอเมริกันส่วนใหญ่รับไม่ได้ หนึ่งในนั้นคือ “การแต่งงานมีหลายเมีย - Polygamy” เพราะชนอเมริกันนั้นมองว่าการมีเมียหลายๆคนนั้น เป็นหนึ่งในรูปแบบของการใช้แรงงานทาสแบบกลายๆ

    ทีนี้ตามกฎของมอร์มอนในเวลานั้น การแต่งงานมีเมียหลายคนนั้นคือส่วนหนึ่งของการเตรียมตัวไปสู่สรวงสวรรค์ อย่างนายโจเซฟ สมิธนั้นก็มีเมียมากถึง 40 คน ส่วนนายบริกแฮม ยังนั้นมีเมียเยอะถึง 50 กว่าคน

    แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วกฎหมายของพวกมอร์มอนก็ถูกลบทิ้งไปหมดสิ้น ทิ้งไว้แต่ความเชื่อในลัทธิมอร์มอนที่ยังคงเข้มแข็งอยู่

    ที่รัฐยูท่านั้นยังเป็นหนึ่งในรัฐที่ความเป็นมอร์มอนเข้มแข็ง วิทยาลัยสอนศาสนามอร์มอนก็ยังคงมีอยู่ โบสถ์มอร์มอนก็ยังมี

    ทุกวันนี้ที่รัฐนิวยอร์ค ก็ยังคงมีการจัดพิธีเฉลิมฉลองและการแสดงตรงเนินเขา “คูโมรา - Cumorah" ที่โจเซฟ สมิธได้ไปพบกับแผ่นจารึกทองคำอันเป็นกำเนิดของหนังสือเดอะบุ๊คออฟมอร์มอนกันอยู่เลย
    .
    .
    .
    ผมเองก็เคยได้หนังสือมอร์มอนนี้มาเหมือนกัน แต่เสียดายว่าทิ้งไว้ที่อเมริกา ไม่ได้เอากลับมาเมืองไทยด้วย

    อ้อ.... เกร็ดเล็กๆที่อยากแถมไว้ก็คือ ที่อนุสาวรีย์ “วอชิงตัน มอนิวเม้นท์” ที่เป็นรูปแท่งหินสูงใหญ่ ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตันดีซีน่ะครับ

    ตรงฐานของอนุสาวรีย์นี้สร้างขึ้นจากก้อนอิฐใหญ่ๆที่นำมาจากทุกรัฐทั่วสหรัฐอเมริกา อิฐแต่ละก้อนก็จะมีสลักสัญลักษณ์และชื่อรัฐของเขาเอาไว้

    มีอยู่รัฐหนึ่งที่ไม่ยอมใช้ชื่อรัฐตัวเอง แน่นอนว่าคือ ”รัฐยูท่า“ เพราะเขาใช้ชื่อว่า “เดเซเร็ท - Deseret" แบบดั้งเดิมและสลักเป็นรูปรังผึ้งขนาดใหญ่ และมีดวงตาของพระเจ้ามองลงมายังรังผึ้งของเขาด้วย

    อันเป็นการแสดงออกว่า ”เราคือมอร์มอนนะจ๊ะ“

    .....เอามาเล่าสู่กันฟังครับ เขียนยาวเหยียดไปหน่อยต้องขออภัย.....

    ใครสนใจเรื่องนี้ลองเข้าไปชมตามยูทูบวิดีโอข้างล่างนี้ได้เลยครับ

    https://youtu.be/hUW7j9GmXjI?si=3Mbhr_4mIJ15AoIA
    https://youtu.be/aTMsfOcHiJg?si=700kX_fdK2uUdJPS
    https://youtu.be/vJzRAiqg4zg?si=QhybEsnWh3GXeAgX

    นัทแนะ
    อ่านเอาเรื่อง Ep.75: มอร์มอน เมื่อเช้านี้ระหว่างที่ผมรถติดอยู่แถวๆบ้าน สายตาก็เหลือบไปเห็นฝรั่งวัยหนุ่ม 2 คน ท่าทางดี แต่งตัวเรียบร้อยนั่งอยู่บนรถสองแถวครับ จากประสบการณ์นั้น มองปร๊าดเดียวก็รู้ว่าพ่อหนุ่มสองคนนี้เป็นพวกเผยแพร่ศาสนาคริสต์ และผมคิดว่าเป็นนิกายมอร์มอน (Mormon) เพราะการแต่งตัวสไตล์เสื้อเชิ้ตแขนสั้น ผูกไท สะพายกระเป๋าดำและมีป้ายชื่อสีดำอันใหญ่ๆนี่ ดูยังไงก็มอร์มอน และน่าจะเป็นชาวอเมริกัน เพราะพวกมอร์มอนนั้นส่วนใหญ่จะเป็นอเมริกัน เพราะนิกายมอร์มอนนั้นกำเนิดในอเมริกาครับ ตอนสมัยที่ผมได้ไปเรียนอยู่ที่อเมริกาเมื่อ 20 ปีที่แล้ว ผมเคยเจอวัยรุ่นมอร์มอนมาเคาะประตูบ้านและชวนไปเข้าลัทธิกับเขา ได้ฟังเขาเล่าเรื่องของมอร์มอนแล้วก็สนุกดี วันนี้ก็ผมจึงไปค้นคว้าหาเรื่องของพวกมอร์มอนมาเล่าสู่กันฟังสนุกๆครับ . . . นิกายมอร์มอนนั้นเกิดขึ้นในช่วงที่อเมริกาเพิ่งจะประกาศอิสรภาพแยกตัวจากอังกฤษใหม่ๆครับ นั่นก็คือ ช่วงประมาณ ค.ศ.1800 โน่น ความน่าสนใจของนิกายนี้ ก็คือ ผู้ที่เป็นศาสดาหรือผู้นำสารของพระเจ้านั้นเป็นเด็กหนุ่มวัยรุ่นชาวนิวยอร์คชื่อ “โจเซฟ สมิธ” ซึ่งโจเซฟผู้นี้เขาไม่ได้มีการศึกษาอะไร แต่เป็นเด็กที่รักการค้นหาขุดหาสมบัติในสวนหลังบ้าน อันนี้เราก็ต้องเข้าใจบริบทในยุคนั้นด้วยนิดนึงครับ เพราะอเมริกานั้นเป็นดินแดนโลกใหม่ ดังนั้นความเชื่อเรื่องการขุดหาสมบัติลึกลับของโจรสลัดหรือขุมทรัพย์โบราณก็ยังแพร่หลายครับ วันหนึ่งระหว่างที่เด็กชายโจเซฟวัย 15 ขวบนี้กำลังหาโน่นนี่อยู่ในป่าหลังบ้าน ก็ให้บังเอิญได้ไปพบกับร่างมนุษย์ศักดิ์สิทธิ์สองร่างกำลังลอยอยู่ และบอกกับโจเซฟว่า ร่างหนึ่งคือพระเจ้าและอีกร่างคือพระเยซูบุตรของพระเจ้า พระเจ้าบอกกับโจเซฟว่า บรรดานิกายศาสนาคริสต์และศาสนาทั้งหลายที่มีอยู่บนโลกนี้นั้นล้วนแต่เสื่อมโทรมทั้งสิ้น และพระเจ้าได้บอกให้โจเซฟเตรียมตัวที่จะสร้างดินแดนที่วันหนึ่งพระเยซูจะกลับมาพิพากษาคนบาป โจเซฟเจอดังนี้แล้ว ก็กลับบ้านมาแต่ก็ไม่ได้คิดจะบอกอะไรใคร ได้แต่เก็บไว้เป็นความลับส่วนตัว เวลาผ่านไปอีกสามปี เมื่อโจเซฟอายุได้ 18 ปี ก็ได้มีเทวดาองค์หนึ่งมาปรากฏตัวขึ้นในห้องของโจเซฟ เทวดาบอกกับโจเซฟว่าให้เดินไปที่เนินเขาใกล้ๆบ้านแล้วจะได้พบกับแผ่นทองคำจารึกข้อความสำคัญที่อยากจะให้โจเซฟเอามาเผยแพร่ต่อมนุษย์โลก แน่นอนว่าโจเซฟก็ทำตามนั้น และเขาก็ได้พบกับแผ่นทองคำปึกใหญ่ๆจริงๆ บนแผ่นทองคำนั้นจารึกด้วยภาษาฮีบรูโบราณซึ่งโจเซฟอ่านไม่ออก แต่เขาก็เอากลับมาเก็บไว้ที่บ้าน แล้วก็เล่าเรื่องให้พ่อแม่พี่น้องและภรรยาฟัง ซึ่งทุกคนก็เชื่อเขาสนิทใจโดยไม่มีข้อโต้แย้งแต่อย่างใด แต่ทั้งนี้โจเซฟก็ไม่ได้ให้ใครได้เห็นแผ่นจารึกทองคำนี้เลยนะครับ และเมื่อโจเซฟคิดจะแปลข้อความจากแผ่นทองคำนี้เป็นภาษาอังกฤษ โจเซฟก็จะใช้วิธีขึงผ้าม่านหนาๆใหญ่ๆกั้นระหว่างตัวเขากับคนจดบันทึก (ซึ่งบางทีก็เป็นภรรยาเขาหรือไม่ก็น้องชาย) แล้วโจเซฟก็จะใช้เครื่องมือวิเศษที่สามารถมองข้อความบนแผ่นทองคำให้ออกมาเป็นภาษาอังกฤษ โจเซฟก็จะอ่านให้คนจดบันทึกไปเรื่อยๆ ทำอย่างนี้อยู่ราวๆสามเดือน ก็ได้หนังสือขนาดความยาว 800 กว่าหน้า เรียกว่า “เดอะบุ๊คออฟมอร์มอน - The Book of Mormon" เมื่อโจเซฟตรวจทานหนังสือเล่มนี้เสร็จแล้ว เขาก็จัดการส่งคืนแผ่นทองคำต้นฉบับนี้ให้เทวดาองค์เดิมไป เป็นอันว่าไม่เคยมีใครได้เห็นแผ่นทองคำนี้นอกจากโจเซฟเอง . . . ความน่าสนใจก็คือ โจเซฟนั้นเป็นคนที่ไม่ได้รับการศึกษาอะไร แต่สามารถแต่งหนังสือขึ้นความยาว 800 กว่าหน้านี้ได้ก็ถือว่าเก่ง แม้ว่าภายหลังจะมีผู้พบว่า เนื้อหาในหลายๆส่วนนั้นลอกจากพระคัมภีร์ไบเบิ้ลมาแบบ copy and paste ก็ตามที ถ้าเราสังเกตดีๆ โจเซฟเขาไม่ได้ตั้งชื่อหนังสือเขาว่า ”มอร์มอนไบเบิ้ล“ แต่เรียกว่า ”เดอะบุ๊คออฟมอร์มอน“ นะครับ เพราะเขาคิดว่าลัทธิของเขาคือลัทธิใหม่ ไม่ได้เกี่ยวกับไบเบิ้ล และในเดอะบุ๊คออฟมอร์มอนนี้ โจเซฟเขาเขียนเล่าไว้ว่า เมื่อราวๆ 600 ปีก่อนสมัยพระเยซูนั้น มีชาวยิวกลุ่มหนึ่งได้หลบหนีออกจากกรุงเยรูซาเล็ม เดินข้ามทะเลทรายและขึ้นเรือรอนแรมมาจนกระทั่งถึงอเมริกา ชาวยิวกลุ่มนี้ได้เดินทางเข้ามาพำนักอาศัยอยู่ในแผ่นดินอเมริกาและเป็นหนึ่งในกลุ่มคนที่เป็นบรรพบุรุษชาวชนพื้นเมืองอเมริกัน (Native American) แน่นอนว่าเมื่อเทคโนโลยีทันสมัยขึ้น การตรวจดีเอ็นเอของชนพื้นเมืองอเมริกันก็พบว่าไม่ได้มีเชื้อสายยิวเลยแม้แต่น้อย นอกนั้นในบุ๊คออฟมอร์มอนยังบอกอีกว่า หลังจากที่พระเยซูถูกตรึงกางเขนตายไปนั้น พระองค์ยังได้มาปรากฏตัวอยู่ที่อเมริกาด้วย แต่เอาเถิดครับ....ไม่ว่าเรื่องราวจะพิสดารเพียงใด เมื่อโจเซฟประกาศลัทธิใหม่ออกไป ประกอบกับว่าเขาเป็นคนมีวาทศิลป์ดี โน้มน้าวคนได้เก่ง ก็ปรากฏว่ามีผู้เชื่อถือลัทธิมอร์มอนของโจเซฟอยู่หลายพันคน และอีกครั้งที่ผมอยากจะขอให้ท่านผู้อ่านนึกภาพว่า นี่คือเหตุการณ์เมื่อ 200 ปีก่อน ที่คนอเมริกันคือชาวยุโรปที่อพยพมาค้นหาโลกใหม่ การที่พวกเขาจะเริ่มต้นกับลัทธิความเชื่อใหม่บนแผ่นดินใหม่ที่ต่างไปจากความเชื่อเดิมที่พวกเขาละทิ้งมา ก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร . . . พ่อหนุ่มโจเซฟในวัย 26 ปีได้ประกาศกับสาวกของตัวเองว่า พระเจ้าได้ขอให้โจเซฟและชาวมอร์มอนสร้างแผ่นดินใหม่ที่เรียกว่า “ไซออน - Zion" เพื่อรอรับการกลับมาของพระเยซู ซึ่งการจะทำดั่งนี้ได้ ชาวมอร์มอนทั้งหลายจะต้องเดินทางอพยพไปสร้างเมืองใหม่ขึ้นมา ว่าแล้วโจเซฟกับชาวมอร์มอนหลายพันคนก็ออกเดินทางจากนิวยอร์คไปยังรัฐโอไฮโอแล้วก็เริ่มสร้างเมือง แต่สร้างได้สักพักก็โดนชาวเมืองที่เขาอาศัยอยู่เดิมเขาขับไล่ด้วยความที่เป็นพวกลัทธิประหลาด โจเซฟและพวกก็อพยพอีกรอบ คราวนี้เดินทางกันต่อมาที่เมืองแจ็คสันวิลล์ รัฐมิสซูรี ทีนี้โจเซฟได้ประกาศว่า ”ที่นี่แหละที่เราจะสร้างเมืองไซออนของเราขึ้นมา เพราะที่นี่อยู่ใกล้กับสวนสวรรค์อีเดนของพระเจ้า“ จำนวนชาวมอร์มอนเริ่มขยายตัวมากขึ้นเรื่อยๆ แถมยังขยันก่อสร้างกันเสียอีก เพราะโจเซฟเขาได้ออกแบบผังเมืองเป็นรูปกริด (Grid) บล็อคๆสี่เหลี่ยมเป็นระเบียบเรียบร้อยสวยงาม ชาวมิสซูรีเดิมเห็นท่าไม่ดี เกรงว่าบ้านเรือนของตัวเองจะโดนพวกมอร์มอนยึดเรียบ ก็เลยขับไล่พวกมอร์มอน แล้วก็เกิดการรบพุ่งกันจริงจังขึ้นจนกระทั่งผู้ว่าการรัฐมิสซูรีต้องประกาศสงครามกันดุเดือด พวกมอร์มอนก็จึงต้องย้ายอีก..... คราวนี้ไปอยู่ที่รัฐอิลลินอยส์ ใกล้ๆกับเมืองชิคาโก ทีนี่แหละครับที่โจเซฟชะตาขาด เพราะเมื่อตัวเองเริ่มมีอิทธิพลมากขึ้นก็กำเริบถึงขนาดลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี และเริ่มใช้กำลังทหารของตัวเองไปทำลายโรงพิมพ์ที่ตีพิมพ์บทความต่อต้านพวกมอร์มอน ผู้ว่าการรัฐอิลลินอยส์จึงจับตัวโจเซฟและน้องชายมาขังตัวไว้ ปรากฏว่าโดนฝูงชนบุกเข้าไปถึงห้องขัง ยิงโจเซฟตายขณะที่พยายามกระโดดหนีออกจากชั้นสอง โจเซฟ สมิธตายในวัยเพียง 34 ปี มีสาวกเป็นชาวมอร์มอนอยู่นับหมื่นคน . . . บรรดาชาวมอร์มอนทั้งหลายก็อพยพอีกรอบ คราวนี้ระหกระเหินมุ่งหน้าไปฝั่งตะวันตกเรื่อยๆจนกระทั่งไปถึงดินแดนหุบเขาอันกว้างใหญ่ที่ครอบคลุมรัฐยูท่าห์ รัฐอริโซน่า รัฐโคโลราโด และรัฐแคลิฟอร์เนีย เพียงแต่สมัยนั้นยังไม่มีชื่อรัฐเช่นนี้ เพราะดินแดนที่ผมเขียนไปข้างต้นนั้นยังคงเป็นของเม็กซิโกเขา และมีชนพื้นเมืองอเมริกันอาศัยกันอยู่ พวกมอร์มอนมาถึงปุ๊บ ก็เร่งรีบสร้างเมืองกันทันทีเพราะเขาเชื่อกันว่าใกล้จะถึงวันที่พระเยซูจะมาถึงเต็มแก่ ทั้งนี้เราก็ต้องยกย่องในความสามารถในทางวิศวกรรมและสถาปัตยกรรมของพวกมอร์มอน ที่เขาสามารถสร้างเมือง โบสถ์ โรงเรียน โรงเหล็ก เหมืองและระบบระบายน้ำขึ้นมาได้จากดินแดนอันว่างเปล่า เมืองของพวกมอร์มอนขยายตัวกันอย่างรวดเร็ว และรูปแบบของเมืองก็ยังคงเป็นแบบกริด (Grid) หรือบล็อคสี่เหลี่ยมๆเป็นระเบียบตามแบบที่โจเซฟ สมิธออกแบบไว้ พวกมอร์มอนเรียกเมืองของเขาว่า “เดเซเร็ท - Deseret" อันเป็นภาษาโบราณแปลว่า ”รังผึ้ง“ ครับ อันสื่อความหมายถึงความร่วมมือร่วมใจกันชุมชนที่ทำงานร่วมกัน ที่เมืองเดเซเร็ทนี้ พวกมอร์มอนเขาเริ่มออกสกุลเงิน ธนบัตร เริ่มออกกฎหมายของตัวเอง มีภาษาเขียนของตัวเอง ทีนี้รัฐบาลกลางสหรัฐเริ่มชักจะเหล่สายตามาที่พวกมอร์มอนอีกรอบ เพราะชักจะเริ่มทำทีท่าคล้ายๆจะแยกเป็นประเทศต่างหาก ไม่ขึ้นกับสหรัฐอเมริกาอีกแล้ว รัฐบาลก็เลยเรียกผู้นำของมอร์มอนในเวลานั้น คือ นายบริกแฮม ยัง (Brigham Young) ไปคุยด้วยว่าจะเอายังไงกันแน่ นายยังเขาบอกว่า เขาจะยังอยู่กับอเมริกานี่แหละ แต่เขาขอดินแดนทั้งหมดตั้งขึ้นเป็นรัฐใหม่เรียกว่า ”รัฐเดเซเร็ท“ รัฐบาลอเมริกาไปนั่งดูแล้ว ก็คิดว่าให้ไม่ได้ เพราะดินแดนที่นายยังขอมานั้นกว้างใหญ่ขนาดครอบคลุมถึง 6 รัฐในปัจจุบัน ก็เลยบอกนายยังไปว่าให้ได้แค่พื้นที่เท่ากับรัฐยูท่าในปัจจุบันเท่านั้นแหละ จะเอาไม่เอาก็บอกมา ซึ่งนายยังก็ยอมตามนั้น รัฐบาลก็เลยตั้งให้นายยังเป็นผู้ว่าการรัฐคนแรกไป ทุกวันนี้ถ้าเพื่อนๆคนไหนได้ไปเที่ยวที่เมืองซอลท์เลกซิตี้ รัฐยูท่า ก็จะเห็นระบบการออกแบบบ้านเมืองตามสไตล์ของพวกมอร์มอนครับ เป็นกริดและมีระเบียบเรียบร้อย แต่ช้าก่อน....เวรกรรมของพวกมอร์มอนยังไม่หยุดแค่นั้น เพราะยังมีพฤติกรรมหลายๆอย่างของมอร์มอนที่ชนอเมริกันส่วนใหญ่รับไม่ได้ หนึ่งในนั้นคือ “การแต่งงานมีหลายเมีย - Polygamy” เพราะชนอเมริกันนั้นมองว่าการมีเมียหลายๆคนนั้น เป็นหนึ่งในรูปแบบของการใช้แรงงานทาสแบบกลายๆ ทีนี้ตามกฎของมอร์มอนในเวลานั้น การแต่งงานมีเมียหลายคนนั้นคือส่วนหนึ่งของการเตรียมตัวไปสู่สรวงสวรรค์ อย่างนายโจเซฟ สมิธนั้นก็มีเมียมากถึง 40 คน ส่วนนายบริกแฮม ยังนั้นมีเมียเยอะถึง 50 กว่าคน แน่นอนว่าสุดท้ายแล้วกฎหมายของพวกมอร์มอนก็ถูกลบทิ้งไปหมดสิ้น ทิ้งไว้แต่ความเชื่อในลัทธิมอร์มอนที่ยังคงเข้มแข็งอยู่ ที่รัฐยูท่านั้นยังเป็นหนึ่งในรัฐที่ความเป็นมอร์มอนเข้มแข็ง วิทยาลัยสอนศาสนามอร์มอนก็ยังคงมีอยู่ โบสถ์มอร์มอนก็ยังมี ทุกวันนี้ที่รัฐนิวยอร์ค ก็ยังคงมีการจัดพิธีเฉลิมฉลองและการแสดงตรงเนินเขา “คูโมรา - Cumorah" ที่โจเซฟ สมิธได้ไปพบกับแผ่นจารึกทองคำอันเป็นกำเนิดของหนังสือเดอะบุ๊คออฟมอร์มอนกันอยู่เลย . . . ผมเองก็เคยได้หนังสือมอร์มอนนี้มาเหมือนกัน แต่เสียดายว่าทิ้งไว้ที่อเมริกา ไม่ได้เอากลับมาเมืองไทยด้วย อ้อ.... เกร็ดเล็กๆที่อยากแถมไว้ก็คือ ที่อนุสาวรีย์ “วอชิงตัน มอนิวเม้นท์” ที่เป็นรูปแท่งหินสูงใหญ่ ตั้งอยู่ที่กรุงวอชิงตันดีซีน่ะครับ ตรงฐานของอนุสาวรีย์นี้สร้างขึ้นจากก้อนอิฐใหญ่ๆที่นำมาจากทุกรัฐทั่วสหรัฐอเมริกา อิฐแต่ละก้อนก็จะมีสลักสัญลักษณ์และชื่อรัฐของเขาเอาไว้ มีอยู่รัฐหนึ่งที่ไม่ยอมใช้ชื่อรัฐตัวเอง แน่นอนว่าคือ ”รัฐยูท่า“ เพราะเขาใช้ชื่อว่า “เดเซเร็ท - Deseret" แบบดั้งเดิมและสลักเป็นรูปรังผึ้งขนาดใหญ่ และมีดวงตาของพระเจ้ามองลงมายังรังผึ้งของเขาด้วย อันเป็นการแสดงออกว่า ”เราคือมอร์มอนนะจ๊ะ“ .....เอามาเล่าสู่กันฟังครับ เขียนยาวเหยียดไปหน่อยต้องขออภัย..... ใครสนใจเรื่องนี้ลองเข้าไปชมตามยูทูบวิดีโอข้างล่างนี้ได้เลยครับ https://youtu.be/hUW7j9GmXjI?si=3Mbhr_4mIJ15AoIA https://youtu.be/aTMsfOcHiJg?si=700kX_fdK2uUdJPS https://youtu.be/vJzRAiqg4zg?si=QhybEsnWh3GXeAgX นัทแนะ
    6 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1194 มุมมอง 0 รีวิว
  • เปิดปมที่มาความ คั่งของเจี๊ยบ
    เราจะเคยได้ยินวลีที่ว่า ไม่ได้มาแก้ไข แต่มาแก้ แ-ค้-น
    ที่เจี๊ยบใช้ตั้งแต่สมัยมาเป็นหัวโจกตัวแรกๆของพรรคอนาคตใหม่
    สามกีบก็ไม่รู้แหดรู้ตี๋เลยว่าอินี่หมายถึงอะไร
    แต่ก็เฮลั่น ลั่น หารู้ไม่ถูกอิเจี๊ยบอมเกียร์ใช้เป็นเครื่องมือ
    ย้อนกลับไปเมื่อราวๆ 20 ปีที่แล้ว
    ตอนนั้นเจี๊ยบก็ยังไม่เหี่ยวแบบนี้นะ
    แต่ก็จะสั้นๆแบบนี้ เวลาเดินกับใครต้องซอยเท้าถี่กว่าคนอื่นนิดนึง
    เจี๊ยบกว่าจะมีผรัวคนปัจจุบัน ผ่านมาหลายสนาม
    เจี๊ยบมีความรักกับชายผู้คิดมิดีต่อสถาบันอย่างสุดโต่ง
    ทั้งคลิป ทั้งปราศรัย ให้ความเท็จกระจายไปทั่ว
    โดยในเวลานั้น โทนี่ เป็นเจ้าของคลื่นวิทยุชุมชนทั่วประเทศ
    ปลุก ระ ดม ให้คนในชาติมุ่งร้ายต่อสถาบัน
    แต่ด้วยกรรมที่ก่อ ทำให้สุดท้าย หายตัวไป
    นอนคุยกับรากมะม่วงแบบไม่สมัครใจ จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้
    ว่าไปอยู่ใต้ต้นมะม่วงต้นไหน นี่แหละคือที่มา
    ของบรรทัดที่สองที่พิมพ์ไปแล้ว
    และที่เจี๊ยบไม่ยอมไปเพื่อไทย แต่กลับมาซุกก้าวไกล
    เพราะเพื่อไทย ยังสู้ไปกราบไปอยู่ ณ เวลานั้น
    รวมถึงโทนี่ ทิ้งสหายกลางทาง ไม่เหลียวแล
    จากที่เคยอัดฉีดให้สุรชัยเดือนละ 27 ล.บ.
    เรื่องการหายตัวไปของสุรชัย แซ่ด่าน
    ดังนั้น ในเวลานี้ที่ทั้งธนาธร หรือวิโรจน์
    ได้กลับลำมาอวยอิ๊งและโทนี่
    แต่เจี๊ยบอวยไม่ลง จึงพ่นคำต่างๆมาโพส
    เจี๊ยบก็ยังเหมือนเดิม โทษทหาร โทษสถาบัน โทษเพื่อไทย
    แต่ไม่เคยโทษตัวเอง
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เปิดปมที่มาความ คั่งของเจี๊ยบ เราจะเคยได้ยินวลีที่ว่า ไม่ได้มาแก้ไข แต่มาแก้ แ-ค้-น ที่เจี๊ยบใช้ตั้งแต่สมัยมาเป็นหัวโจกตัวแรกๆของพรรคอนาคตใหม่ สามกีบก็ไม่รู้แหดรู้ตี๋เลยว่าอินี่หมายถึงอะไร แต่ก็เฮลั่น ลั่น หารู้ไม่ถูกอิเจี๊ยบอมเกียร์ใช้เป็นเครื่องมือ ย้อนกลับไปเมื่อราวๆ 20 ปีที่แล้ว ตอนนั้นเจี๊ยบก็ยังไม่เหี่ยวแบบนี้นะ แต่ก็จะสั้นๆแบบนี้ เวลาเดินกับใครต้องซอยเท้าถี่กว่าคนอื่นนิดนึง เจี๊ยบกว่าจะมีผรัวคนปัจจุบัน ผ่านมาหลายสนาม เจี๊ยบมีความรักกับชายผู้คิดมิดีต่อสถาบันอย่างสุดโต่ง ทั้งคลิป ทั้งปราศรัย ให้ความเท็จกระจายไปทั่ว โดยในเวลานั้น โทนี่ เป็นเจ้าของคลื่นวิทยุชุมชนทั่วประเทศ ปลุก ระ ดม ให้คนในชาติมุ่งร้ายต่อสถาบัน แต่ด้วยกรรมที่ก่อ ทำให้สุดท้าย หายตัวไป นอนคุยกับรากมะม่วงแบบไม่สมัครใจ จนป่านนี้ก็ยังไม่รู้ ว่าไปอยู่ใต้ต้นมะม่วงต้นไหน นี่แหละคือที่มา ของบรรทัดที่สองที่พิมพ์ไปแล้ว และที่เจี๊ยบไม่ยอมไปเพื่อไทย แต่กลับมาซุกก้าวไกล เพราะเพื่อไทย ยังสู้ไปกราบไปอยู่ ณ เวลานั้น รวมถึงโทนี่ ทิ้งสหายกลางทาง ไม่เหลียวแล จากที่เคยอัดฉีดให้สุรชัยเดือนละ 27 ล.บ. เรื่องการหายตัวไปของสุรชัย แซ่ด่าน ดังนั้น ในเวลานี้ที่ทั้งธนาธร หรือวิโรจน์ ได้กลับลำมาอวยอิ๊งและโทนี่ แต่เจี๊ยบอวยไม่ลง จึงพ่นคำต่างๆมาโพส เจี๊ยบก็ยังเหมือนเดิม โทษทหาร โทษสถาบัน โทษเพื่อไทย แต่ไม่เคยโทษตัวเอง #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 538 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถามอย่างเดียว ภูมิธรรมจะคุมเหล่าทัพ ถ้าได้ยินเสียงเดินสวนสนาม จะสะดุ้งลืมตัววิ่งเข้าป่ามั๊ย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ถามอย่างเดียว ภูมิธรรมจะคุมเหล่าทัพ ถ้าได้ยินเสียงเดินสวนสนาม จะสะดุ้งลืมตัววิ่งเข้าป่ามั๊ย #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 427 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานประเพณีอำเภอบางระกำ ไหว้หลวงพ่ออินทร์ กินปลา ชมหมาบางแก้ว ณ บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ระหว่างวันที่ 14 - 22 ธันวาคม พ.ศ. 2567

    หมายเหตุ: "แก้ว มณีทรัพย์" (แก้ว ปิ้งไก่) ทำการแสดงคืนวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2567
    งานประเพณีอำเภอบางระกำ ไหว้หลวงพ่ออินทร์ กินปลา ชมหมาบางแก้ว ณ บริเวณสนามหน้าที่ว่าการอำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก ระหว่างวันที่ 14 - 22 ธันวาคม พ.ศ. 2567 หมายเหตุ: "แก้ว มณีทรัพย์" (แก้ว ปิ้งไก่) ทำการแสดงคืนวันที่ 21 ธันวาคม พ.ศ. 2567
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts