• DongPleng On Air
    www.dongpleng.com
    ศิลปะ ดนตรี กวี ธรรมชาติ
    เจตนารมณ์ ของเรา
    1. เพื่อให้ความบันเทิงและผ่อนคลายด้านเสียงเพลงรวมถึงสาระที่น่าสนใจในแนวทาง ศิลปะ ดนตรี กวี ธรรมชาติ
    2. รณรงค์ให้ทุกคนรู้คุณค่าของแหล่งธรรมชาติต่างๆ การอณุรักษ์แหล่งท่องเที่ยว การรักษาสิ่งแวดล้อม
    3. เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร สาระบันเทิง เช่น กิจกรรม ประเพณี วัฒนธรรมและเทศกาลต่างๆ ของไทย และให้พื้นที่นำเสนอผลงานของศิลปินนักร้องได้อย่างอิสระ
    4. รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวสนใจเที่ยวในเมืองไทยรวมถึงนำเสนอเอกลักษณ์ไทย เช่น ศิลปะไทย อาหารไทย
    5. สร้างสัมพันธภาพที่ดีของคนในสังคมให้รู้รักสามัคคี ภูมิใจและรักในความเป็นไทย
    6. สร้างภาพลักษณ์ที่ดีสำหรับองค์กร ผลิตภัณฑ์สินค้า และบริการ ต่างๆ
    7. ส่งเสริมการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์ในทางที่สร้างสรรค์
    ขอบพระคุณครับ
    #ศิลปะดนตรีกวีธรรมชาติ #indie #onair #dongplengonair #radioonline #อัลเตอร์90 #djดีเจชอว์ #shawsherryduck #วิทยุออนไลน์ #สถานีวิทยุ #ชอว์พิชิต #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #radioshow #live #สาระบันเทิง #เพลงไทย #เสียงเพลงสร้างสรรค์ #เพื่อชีวิต #ลูกทุ่ง #วิทยุอารมณ์ดี #ป็อปร็อค #ยุคเทป #เพลงใหม่ #เพลงเก่า #คิดบวก #ความสุข #ความรัก #เพลงรัก #เพลงดี #เพลงสากล
    DongPleng On Air www.dongpleng.com ศิลปะ ดนตรี กวี ธรรมชาติ เจตนารมณ์ ของเรา 1. เพื่อให้ความบันเทิงและผ่อนคลายด้านเสียงเพลงรวมถึงสาระที่น่าสนใจในแนวทาง ศิลปะ ดนตรี กวี ธรรมชาติ 2. รณรงค์ให้ทุกคนรู้คุณค่าของแหล่งธรรมชาติต่างๆ การอณุรักษ์แหล่งท่องเที่ยว การรักษาสิ่งแวดล้อม 3. เผยแพร่ข้อมูลข่าวสาร สาระบันเทิง เช่น กิจกรรม ประเพณี วัฒนธรรมและเทศกาลต่างๆ ของไทย และให้พื้นที่นำเสนอผลงานของศิลปินนักร้องได้อย่างอิสระ 4. รณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้นักท่องเที่ยวสนใจเที่ยวในเมืองไทยรวมถึงนำเสนอเอกลักษณ์ไทย เช่น ศิลปะไทย อาหารไทย 5. สร้างสัมพันธภาพที่ดีของคนในสังคมให้รู้รักสามัคคี ภูมิใจและรักในความเป็นไทย 6. สร้างภาพลักษณ์ที่ดีสำหรับองค์กร ผลิตภัณฑ์สินค้า และบริการ ต่างๆ 7. ส่งเสริมการใช้อินเทอร์เน็ตอย่างเหมาะสมและเกิดประโยชน์ในทางที่สร้างสรรค์ ขอบพระคุณครับ #ศิลปะดนตรีกวีธรรมชาติ #indie #onair #dongplengonair #radioonline #อัลเตอร์90 #djดีเจชอว์ #shawsherryduck #วิทยุออนไลน์ #สถานีวิทยุ #ชอว์พิชิต #ชอว์เชอร์รี่ดั๊ก #radioshow #live #สาระบันเทิง #เพลงไทย #เสียงเพลงสร้างสรรค์ #เพื่อชีวิต #ลูกทุ่ง #วิทยุอารมณ์ดี #ป็อปร็อค #ยุคเทป #เพลงใหม่ #เพลงเก่า #คิดบวก #ความสุข #ความรัก #เพลงรัก #เพลงดี #เพลงสากล
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 79 Views 0 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากเบื้องหลังจอ: เมื่อ Albavisión ถูกโจมตีโดย GLOBAL GROUP

    Albavisión คือเครือข่ายสื่อขนาดใหญ่ที่มีสถานีโทรทัศน์ 45 ช่อง, สถานีวิทยุ 68 แห่ง, โรงภาพยนตร์กว่า 65 แห่ง และสื่อสิ่งพิมพ์ในกว่า 14 ประเทศทั่วละตินอเมริกา ก่อตั้งโดย Remigio Ángel González นักธุรกิจผู้พลิกฟื้นสื่อที่กำลังล้มให้กลับมาทำกำไรด้วยละครท้องถิ่นและภาพยนตร์ฮอลลีวูด

    แต่ในเดือนกรกฎาคม 2025 GLOBAL GROUP ซึ่งเป็นกลุ่มแรนซัมแวร์แบบ RaaS (Ransomware-as-a-Service) ได้อ้างว่าเจาะระบบของ Albavisión และขโมยข้อมูลกว่า 400 GB โดยใช้เทคนิคการเจรจาแบบใหม่ผ่านแชตบอท AI ที่รองรับหลายภาษา

    กลุ่มนี้ยังเคยเรียกค่าไถ่สูงถึง 9.5 BTC (ประมาณ 1 ล้านดอลลาร์) จากเหยื่อรายอื่น และมีประวัติการโจมตีองค์กรสื่ออื่น ๆ เช่น RTC ในอิตาลี และ RTE ที่อาจหมายถึงสถานีในไอร์แลนด์

    Albavisión ถูกโจมตีโดยกลุ่ม GLOBAL GROUP และถูกขโมยข้อมูล 400 GB
    เป็นบริษัทสื่อภาษาสเปนขนาดใหญ่ มีฐานอยู่ที่ไมอามี
    ดำเนินกิจการในกว่า 14 ประเทศในละตินอเมริกา

    GLOBAL GROUP เป็นกลุ่มแรนซัมแวร์แบบ RaaS ที่เปิดตัวในมิถุนายน 2025
    ใช้แชตบอท AI เพื่อเจรจากับเหยื่อโดยอัตโนมัติ
    รองรับหลายภาษาเพื่อขยายเป้าหมายทั่วโลก

    กลุ่มนี้ขู่จะเปิดเผยข้อมูลหาก Albavisión ไม่เจรจาภายใน 15 วัน
    ใช้เว็บไซต์บนเครือข่าย Tor สำหรับการเจรจาและเผยแพร่ข้อมูล
    มีประวัติการเปิดเผยข้อมูลเหยื่อแล้ว 18 ราย รวมถึงโรงพยาบาล

    GLOBAL GROUP มีแนวโน้มมุ่งเป้าไปที่องค์กรสื่อโดยเฉพาะ
    รายชื่อเหยื่อรวมถึง RTC (อิตาลี) และ RTE (อาจเป็นไอร์แลนด์)
    สะท้อนความพยายามในการโจมตีโครงสร้างสื่อสารมวลชน

    ผู้ก่อตั้ง Albavisión คือ Remigio Ángel González มูลค่าส่วนตัวราว 2 พันล้านดอลลาร์
    เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในการซื้อกิจการสื่อที่ล้มเหลวแล้วพลิกฟื้นให้ทำกำไร
    การโจมตีจึงอาจเป็นการเลือกเป้าหมายอย่างมีนัยสำคัญ

    https://hackread.com/global-group-ransomware-media-giant-albavision-breach/
    🎙️ เรื่องเล่าจากเบื้องหลังจอ: เมื่อ Albavisión ถูกโจมตีโดย GLOBAL GROUP Albavisión คือเครือข่ายสื่อขนาดใหญ่ที่มีสถานีโทรทัศน์ 45 ช่อง, สถานีวิทยุ 68 แห่ง, โรงภาพยนตร์กว่า 65 แห่ง และสื่อสิ่งพิมพ์ในกว่า 14 ประเทศทั่วละตินอเมริกา ก่อตั้งโดย Remigio Ángel González นักธุรกิจผู้พลิกฟื้นสื่อที่กำลังล้มให้กลับมาทำกำไรด้วยละครท้องถิ่นและภาพยนตร์ฮอลลีวูด แต่ในเดือนกรกฎาคม 2025 GLOBAL GROUP ซึ่งเป็นกลุ่มแรนซัมแวร์แบบ RaaS (Ransomware-as-a-Service) ได้อ้างว่าเจาะระบบของ Albavisión และขโมยข้อมูลกว่า 400 GB โดยใช้เทคนิคการเจรจาแบบใหม่ผ่านแชตบอท AI ที่รองรับหลายภาษา กลุ่มนี้ยังเคยเรียกค่าไถ่สูงถึง 9.5 BTC (ประมาณ 1 ล้านดอลลาร์) จากเหยื่อรายอื่น และมีประวัติการโจมตีองค์กรสื่ออื่น ๆ เช่น RTC ในอิตาลี และ RTE ที่อาจหมายถึงสถานีในไอร์แลนด์ ✅ Albavisión ถูกโจมตีโดยกลุ่ม GLOBAL GROUP และถูกขโมยข้อมูล 400 GB ➡️ เป็นบริษัทสื่อภาษาสเปนขนาดใหญ่ มีฐานอยู่ที่ไมอามี ➡️ ดำเนินกิจการในกว่า 14 ประเทศในละตินอเมริกา ✅ GLOBAL GROUP เป็นกลุ่มแรนซัมแวร์แบบ RaaS ที่เปิดตัวในมิถุนายน 2025 ➡️ ใช้แชตบอท AI เพื่อเจรจากับเหยื่อโดยอัตโนมัติ ➡️ รองรับหลายภาษาเพื่อขยายเป้าหมายทั่วโลก ✅ กลุ่มนี้ขู่จะเปิดเผยข้อมูลหาก Albavisión ไม่เจรจาภายใน 15 วัน ➡️ ใช้เว็บไซต์บนเครือข่าย Tor สำหรับการเจรจาและเผยแพร่ข้อมูล ➡️ มีประวัติการเปิดเผยข้อมูลเหยื่อแล้ว 18 ราย รวมถึงโรงพยาบาล ✅ GLOBAL GROUP มีแนวโน้มมุ่งเป้าไปที่องค์กรสื่อโดยเฉพาะ ➡️ รายชื่อเหยื่อรวมถึง RTC (อิตาลี) และ RTE (อาจเป็นไอร์แลนด์) ➡️ สะท้อนความพยายามในการโจมตีโครงสร้างสื่อสารมวลชน ✅ ผู้ก่อตั้ง Albavisión คือ Remigio Ángel González มูลค่าส่วนตัวราว 2 พันล้านดอลลาร์ ➡️ เป็นนักธุรกิจที่มีชื่อเสียงในการซื้อกิจการสื่อที่ล้มเหลวแล้วพลิกฟื้นให้ทำกำไร ➡️ การโจมตีจึงอาจเป็นการเลือกเป้าหมายอย่างมีนัยสำคัญ https://hackread.com/global-group-ransomware-media-giant-albavision-breach/
    HACKREAD.COM
    GLOBAL GROUP Ransomware Claims Breach of Media Giant Albavisión
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 310 Views 0 Reviews
  • EP.6 ถอดรหัสไทยเสียดินแดนครั้งที่ 16 ปราสาทเขาพระวิหาร

    ค่ำวันที่ 4 กรกฎาคม 2505 หลังจากศาลโลกตัดสินให้ปราสาทพระวิหาร ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของกัมพูชา ได้ประมาณ 20 วัน จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีของไทย ในขณะนั้น ได้กล่าวปราศรัยผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย แสดงความรู้สึกต่อการสูญเสียปราสาทพระวิหาร และยืนยันสิทธิ์ที่จะทวงคืนปราสาทพระวิหารในอนาคต ดังนี้

    พี่น้องร่วมชาติ และมิตรร่วมชีวิตที่รักของข้าพเจ้าทั้งหลาย ตามที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือที่เรียกว่า ศาลโลก ได้วินิจฉัยชี้ขาดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2505 ให้ปราสาทเขาพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา และทางรัฐบาลได้ออกแถลงให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบเป็นลำดับนั้น

    รัฐบาลของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะตัวของข้าพเจ้า ถือว่าเรื่องนี้มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผลได้ผลเสียของชาติ อันเป็นเรื่องของแผ่นดินไทย ซึ่งเป็นมรดกที่บรรพบุรุษของเราสู้มา อุตส่าห์ฝ่าคมอาวุธรักษาไว้ และตกทอดมาถึงรุ่นเรา

    เนื่องจากในคำปราศรัยนี้เป็นเรื่องที่สะเทือนใจพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าทราบดีว่า ในส่วนลึกและหัวใจแล้ว คนไทยผู้รักชาติทุกคน มีความเศร้าสลดและมีความข่มขืนใจเพียงใด แสดงออกถึงของประชาชนในการเดินขบวนทั่วประเทศ เพื่อคัดค้านคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นสิ่งที่เห็นกันอยู่อย่างชัดเจนแล้ว

    ทั้งนี้ มิใช่ว่าพวกเราจะนั่งนิ่งเฉยหรือท้อแท้ใจ ชาติไทยยอมท้อแท้ทอดอาลัยไม่ได้ เราเคยสูญเสียดินแดนแก่ประเทศมหาอำนาจที่ล่าอาณานิคมมาแล้วหลายครั้ง หากบรรพบุรุษของเรายอมท้อแท้ เราจะเอาแผ่นดินที่ไหนมาอยู่กันได้จนถึงทุกวันนี้ เราจะต้องหาวิธีการสู้ต่อไป

    สำหรับกรณีเขาพระวิหาร ซึ่งศาลโลกได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้วนั้น ข้าพเจ้าขอทบทวนเข้าใจกับเพื่อนร่วมชาติทั้งหลาย ว่า รัฐบาลและประชาชนชาวไทย ไม่ได้เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลโลก ทั้งในข้อเท็จจริงกฎหมายระหว่างประเทศ และหลักความยุติธรรม

    เมื่อเป็นดังนี้ แม้นรัฐบาลและปวงชนชาวไทย จะได้มีความรู้สึกสลดใจและขมขื่นเพียงใด ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ ก็ต้องปฏิบัติตามพันธกรณีในกฎบัตรสหประชาชาติ กล่าวคือ ต้องยอมให้กัมพูชามีอธิปไตยเหนือเขาพระวิหาร ตามพันธกรณีแห่งกฎบัตรสหประชาชาติ แต่รัฐบาลขอตั้งประท้วงและขอสงวนสิทธิ์อันชอบธรรมของประเทศไทยในเรื่องนี้ไว้ เพื่อสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินทางกฎหมายที่จำเป็น ซึ่งอาจจะมีขึ้นในภายภาคหน้า ให้กรรมสิทธิ์นี้กลับคืนมาในโอกาสอันสมควร

    พี่น้องทั้งหลายคงทราบดีว่า ชาติของเราต้องเสียศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิไป เนื่องจากเขาพระวิหาร อีกสิบปีอีกกี่ร้อยปี เราก็สามารถสร้างเกียรติภูมิคราวนี้กลับคืนมาได้ ข้าพเจ้าทราบว่า การสูญเสียปราสาทเขาพระวิหารครั้งนี้ เป็นการสูญเสียที่สะเทือนใจของคนไทยทั้งชาติ

    ฉะนั้น แม้นว่า กัมพูชาจะได้ปราสาทเขาพระวิหารนี้ไป ก็คงไปได้แค่ซากปรักหักพัง และแผ่นดินเฉพาะรองรับเขาพระวิหารเท่านั้น วิญญาณของปราสาทเขาพระวิหารยังคงอยู่กับคนไทยตลอดไป ประชาชนชาวไทยจะระลึกอยู่เสมอว่า ปราสาทเขาพระวิหารของไทยถูกปล้นเอาไป ด้วยอุปเล่ห์เพทุบาย คนที่ไม่มีเกียรติและไม่รับผิดชอบ ไม่รักความเป็นธรรม เมื่อประเทศไทยเราประพฤติปฏิบัติดีในสังคมโลก อันเป็นที่มีศีลธรรม มีสัตย์ ในวันหนึ่งข้างหน้าไม่ช้าก็เร็ว ปราสาทเขาพระวิหารจะต้องกลับมาสู่ดินแดนไทยอีกครั้งหนึ่ง

    เหตุการณ์เกี่ยวกับเขาพระวิหารครั้งนี้ สลักแน่นอยู่ในความทรงจำของคนไทยสืบไปชั่วลูกชั่วหลาน และเป็นรอยจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ของชาติไปตลอด เสมือนแผลที่อยู่ในใจของคนไทยทั้งชาติ แต่ข้าพเจ้าหวังอยู่เสมอว่า ในที่สุด ธรรมะย่อมชนะอธรรม การหัวเราะที่หลังย่อมดังกว่า และนานกว่า

    พี่น้องร่วมชาติทุกท่าน ได้โปรดวางใจรัฐบาลซึ่งข้าพเจ้าเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่นี้ จะสามารถนำชาติและพี่น้องชาวไทยที่รักก้าวสู่อนาคตอันสุกใสให้ได้ และข้าพเจ้ารับรองแก่ท่านทั้งหลายว่า เมื่อถึงคราวที่ชาติคับขันแล้ว ข้าพเจ้าจะกอดคอร่วมเป็นร่วมตายกับพี่น้องประชาชนชาวไทย เอาเลือดทาแผ่นดิน ไม่เสียดายชีวิตแม้แต่นิดเดียว แต่เราจะทำอย่างไรได้ ข้าพเจ้าเองมีความเจ็บช้ำน้ำใจไม่น้อยไปกว่าเพื่อร่วมชาติทั้งหลาย

    การที่ข้าพเจ้าต้องมากล่าวถึงเรื่องนี้ ข้าพเจ้าอยากจะกล่าวว่า การมาพูดกับท่านด้วยน้ำตา น้ำตาของข้าพเจ้า เป็นน้ำตาของลูกผู้ชาย ของเลือด ของความคับแค้น และการผูกใจเจ็บชั่วชีวิตชาตินี้และชาติหน้า ต่อดวงวิญญาณของบรรพบุรุษผู้กล้าหาญของชาวไทย

    ข้าพเจ้าขอกล่าวคำปฏิญาณด้วยสัตย์วาจาดังนี้ พี่น้องที่รักชาติทั้งหลาย น้ำตาไม่อาจทำให้เราฉลาดขึ้น แต่เราจะต้องได้อะไรคืนมา ในขั้นสุดท้ายชาติไทยจะต้องประสบกับชัยชนะเสมอ เราต้องกล้าสู้ เราต้องกล้ายิ้มรับภัยที่มาถึงตัวเรา ชาติไทยเป็นชาติที่เชื่อมั่นในบริวารพุทธศาสนา ตั้งตนอยู่ในความเป็นธรรมตลอดมา

    ข้าพเจ้าเชื่อมั่นเสมอว่า ชาติของเราจะไม่อับจนเป็นอันขาด เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องหนึ่งในบรรดาเรื่องใหญ่ทั้งหลาย มีความสำคัญมากกว่านี้ ชาติที่รักของเรากำลังพัฒนาไปในสู่วิถีทางที่ดีขึ้น เหตุนี้ไม่ใช่เหตุผลความอับจนของเรา จงหวังและทำในเรื่องชาติที่สำคัญกว่านี้ ข้าพเจ้าเชื่อมั่นเหลือเกินว่า ชาติไทยของเรามีอนาคตแจ่มใสและรุ่งโรจน์อย่างแน่นอนและมั่นคงในอนาคตอันใกล้ นี้ เราจงมาช่วยกันสร้างชาติที่รักยิ่งของเราต่อไป

    พี่น้องชาวไทยที่รักทั้งหลาย วันนี้เป็นวันหนึ่งและเป็นในวันข้างหน้า เราจะต้องเอาปราสาทเขาพระวิหารกลับคืนมา ให้เป็นของชาติไทยให้จงได้ สวัสดี”

    https://youtube.com/shorts/Xdz0paAXVz4?si=k7SNESYjZJlELM04
    EP.6 ถอดรหัสไทยเสียดินแดนครั้งที่ 16 ปราสาทเขาพระวิหาร ค่ำวันที่ 4 กรกฎาคม 2505 หลังจากศาลโลกตัดสินให้ปราสาทพระวิหาร ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของกัมพูชา ได้ประมาณ 20 วัน จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีของไทย ในขณะนั้น ได้กล่าวปราศรัยผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย แสดงความรู้สึกต่อการสูญเสียปราสาทพระวิหาร และยืนยันสิทธิ์ที่จะทวงคืนปราสาทพระวิหารในอนาคต ดังนี้ พี่น้องร่วมชาติ และมิตรร่วมชีวิตที่รักของข้าพเจ้าทั้งหลาย ตามที่ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือที่เรียกว่า ศาลโลก ได้วินิจฉัยชี้ขาดเมื่อวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ.2505 ให้ปราสาทเขาพระวิหารตกเป็นของกัมพูชา และทางรัฐบาลได้ออกแถลงให้พี่น้องทั้งหลายได้ทราบเป็นลำดับนั้น รัฐบาลของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โดยเฉพาะตัวของข้าพเจ้า ถือว่าเรื่องนี้มีความสำคัญยิ่ง เพราะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับผลได้ผลเสียของชาติ อันเป็นเรื่องของแผ่นดินไทย ซึ่งเป็นมรดกที่บรรพบุรุษของเราสู้มา อุตส่าห์ฝ่าคมอาวุธรักษาไว้ และตกทอดมาถึงรุ่นเรา เนื่องจากในคำปราศรัยนี้เป็นเรื่องที่สะเทือนใจพี่น้องทั้งหลาย ข้าพเจ้าทราบดีว่า ในส่วนลึกและหัวใจแล้ว คนไทยผู้รักชาติทุกคน มีความเศร้าสลดและมีความข่มขืนใจเพียงใด แสดงออกถึงของประชาชนในการเดินขบวนทั่วประเทศ เพื่อคัดค้านคำพิพากษาของศาลโลกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เป็นสิ่งที่เห็นกันอยู่อย่างชัดเจนแล้ว ทั้งนี้ มิใช่ว่าพวกเราจะนั่งนิ่งเฉยหรือท้อแท้ใจ ชาติไทยยอมท้อแท้ทอดอาลัยไม่ได้ เราเคยสูญเสียดินแดนแก่ประเทศมหาอำนาจที่ล่าอาณานิคมมาแล้วหลายครั้ง หากบรรพบุรุษของเรายอมท้อแท้ เราจะเอาแผ่นดินที่ไหนมาอยู่กันได้จนถึงทุกวันนี้ เราจะต้องหาวิธีการสู้ต่อไป สำหรับกรณีเขาพระวิหาร ซึ่งศาลโลกได้วินิจฉัยชี้ขาดไปแล้วนั้น ข้าพเจ้าขอทบทวนเข้าใจกับเพื่อนร่วมชาติทั้งหลาย ว่า รัฐบาลและประชาชนชาวไทย ไม่ได้เห็นด้วยกับคำตัดสินของศาลโลก ทั้งในข้อเท็จจริงกฎหมายระหว่างประเทศ และหลักความยุติธรรม เมื่อเป็นดังนี้ แม้นรัฐบาลและปวงชนชาวไทย จะได้มีความรู้สึกสลดใจและขมขื่นเพียงใด ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นสมาชิกของสหประชาชาติ ก็ต้องปฏิบัติตามพันธกรณีในกฎบัตรสหประชาชาติ กล่าวคือ ต้องยอมให้กัมพูชามีอธิปไตยเหนือเขาพระวิหาร ตามพันธกรณีแห่งกฎบัตรสหประชาชาติ แต่รัฐบาลขอตั้งประท้วงและขอสงวนสิทธิ์อันชอบธรรมของประเทศไทยในเรื่องนี้ไว้ เพื่อสงวนสิทธิ์ที่จะดำเนินทางกฎหมายที่จำเป็น ซึ่งอาจจะมีขึ้นในภายภาคหน้า ให้กรรมสิทธิ์นี้กลับคืนมาในโอกาสอันสมควร พี่น้องทั้งหลายคงทราบดีว่า ชาติของเราต้องเสียศักดิ์ศรีและเกียรติภูมิไป เนื่องจากเขาพระวิหาร อีกสิบปีอีกกี่ร้อยปี เราก็สามารถสร้างเกียรติภูมิคราวนี้กลับคืนมาได้ ข้าพเจ้าทราบว่า การสูญเสียปราสาทเขาพระวิหารครั้งนี้ เป็นการสูญเสียที่สะเทือนใจของคนไทยทั้งชาติ ฉะนั้น แม้นว่า กัมพูชาจะได้ปราสาทเขาพระวิหารนี้ไป ก็คงไปได้แค่ซากปรักหักพัง และแผ่นดินเฉพาะรองรับเขาพระวิหารเท่านั้น วิญญาณของปราสาทเขาพระวิหารยังคงอยู่กับคนไทยตลอดไป ประชาชนชาวไทยจะระลึกอยู่เสมอว่า ปราสาทเขาพระวิหารของไทยถูกปล้นเอาไป ด้วยอุปเล่ห์เพทุบาย คนที่ไม่มีเกียรติและไม่รับผิดชอบ ไม่รักความเป็นธรรม เมื่อประเทศไทยเราประพฤติปฏิบัติดีในสังคมโลก อันเป็นที่มีศีลธรรม มีสัตย์ ในวันหนึ่งข้างหน้าไม่ช้าก็เร็ว ปราสาทเขาพระวิหารจะต้องกลับมาสู่ดินแดนไทยอีกครั้งหนึ่ง เหตุการณ์เกี่ยวกับเขาพระวิหารครั้งนี้ สลักแน่นอยู่ในความทรงจำของคนไทยสืบไปชั่วลูกชั่วหลาน และเป็นรอยจารึกอยู่ในประวัติศาสตร์ของชาติไปตลอด เสมือนแผลที่อยู่ในใจของคนไทยทั้งชาติ แต่ข้าพเจ้าหวังอยู่เสมอว่า ในที่สุด ธรรมะย่อมชนะอธรรม การหัวเราะที่หลังย่อมดังกว่า และนานกว่า พี่น้องร่วมชาติทุกท่าน ได้โปรดวางใจรัฐบาลซึ่งข้าพเจ้าเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่นี้ จะสามารถนำชาติและพี่น้องชาวไทยที่รักก้าวสู่อนาคตอันสุกใสให้ได้ และข้าพเจ้ารับรองแก่ท่านทั้งหลายว่า เมื่อถึงคราวที่ชาติคับขันแล้ว ข้าพเจ้าจะกอดคอร่วมเป็นร่วมตายกับพี่น้องประชาชนชาวไทย เอาเลือดทาแผ่นดิน ไม่เสียดายชีวิตแม้แต่นิดเดียว แต่เราจะทำอย่างไรได้ ข้าพเจ้าเองมีความเจ็บช้ำน้ำใจไม่น้อยไปกว่าเพื่อร่วมชาติทั้งหลาย การที่ข้าพเจ้าต้องมากล่าวถึงเรื่องนี้ ข้าพเจ้าอยากจะกล่าวว่า การมาพูดกับท่านด้วยน้ำตา น้ำตาของข้าพเจ้า เป็นน้ำตาของลูกผู้ชาย ของเลือด ของความคับแค้น และการผูกใจเจ็บชั่วชีวิตชาตินี้และชาติหน้า ต่อดวงวิญญาณของบรรพบุรุษผู้กล้าหาญของชาวไทย ข้าพเจ้าขอกล่าวคำปฏิญาณด้วยสัตย์วาจาดังนี้ พี่น้องที่รักชาติทั้งหลาย น้ำตาไม่อาจทำให้เราฉลาดขึ้น แต่เราจะต้องได้อะไรคืนมา ในขั้นสุดท้ายชาติไทยจะต้องประสบกับชัยชนะเสมอ เราต้องกล้าสู้ เราต้องกล้ายิ้มรับภัยที่มาถึงตัวเรา ชาติไทยเป็นชาติที่เชื่อมั่นในบริวารพุทธศาสนา ตั้งตนอยู่ในความเป็นธรรมตลอดมา ข้าพเจ้าเชื่อมั่นเสมอว่า ชาติของเราจะไม่อับจนเป็นอันขาด เรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องหนึ่งในบรรดาเรื่องใหญ่ทั้งหลาย มีความสำคัญมากกว่านี้ ชาติที่รักของเรากำลังพัฒนาไปในสู่วิถีทางที่ดีขึ้น เหตุนี้ไม่ใช่เหตุผลความอับจนของเรา จงหวังและทำในเรื่องชาติที่สำคัญกว่านี้ ข้าพเจ้าเชื่อมั่นเหลือเกินว่า ชาติไทยของเรามีอนาคตแจ่มใสและรุ่งโรจน์อย่างแน่นอนและมั่นคงในอนาคตอันใกล้ นี้ เราจงมาช่วยกันสร้างชาติที่รักยิ่งของเราต่อไป พี่น้องชาวไทยที่รักทั้งหลาย วันนี้เป็นวันหนึ่งและเป็นในวันข้างหน้า เราจะต้องเอาปราสาทเขาพระวิหารกลับคืนมา ให้เป็นของชาติไทยให้จงได้ สวัสดี” https://youtube.com/shorts/Xdz0paAXVz4?si=k7SNESYjZJlELM04
    0 Comments 0 Shares 596 Views 0 Reviews
  • EP.2 ถอดรหัสไทยเสียดินแดนครั้งที่ 16 ปราสาทเขาพระวิหาร

    ประวัติศาสตร์ในสถานศึกษาจะสอนเราว่าไทยเสียดินแดน 14 ครั้ง ทำไมแอดถึงบอกว่าเราเสียดินแดนถึง 16 ครั้ง

    เสียดินแดน 1 - 14 ทุกคนคงหาได้ในอินเตอร์เน็ตอยู่แล้ว แอดจะไม่กล่าวถึง

    แต่ครั้งที่ 15 คือวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2505 ศาลโลกตัดสินให้กัมพูชามีอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหาร นั่นหมายถึง ตัวปราสาทพระวิหาร และดินแดนที่อยู่ใต้ตัวปราสาท

    ในวันที่ “เขาพระวิหาร” ตกเป็นของเขมร ทหารไทยเชิญ “เสาธงชาติไทย” จากเขาพระวิหาร โดย “ไม่มีการลดธง” แม้แต่นิดเดียว ]
    .
    พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ (องค์ต้นราชสกุล “ชุมพล”) ทรงค้นพบปราสาทแห่งนี้เมื่อปี ๒๔๔๒ แล้วทรงจารึกพระนาม และปีที่ค้นพบไว้ที่บริเวณชะง่อนผาเป้ยตาดีว่า “๑๑๘ สรรพสิทธิ” และ “ปราสาทพระวิหาร” เป็นปราสาทที่ได้ชื่อประทานจากพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์สำเร็จราชการมณฑลลาวกาว พระองค์มีรับสั่งว่าปราสาทองค์นี้เหมือนปราสาทที่เทพสร้าง จึงเรียกว่า “ปราสาทเทพพระวิหาร” ซึ่งต่อมาเรียกกันทั่วไปว่า “ปราสาทพระวิหาร” คนกัมพูชาออกเสียงเป็น “เปรี๊ยะวิเฮียร์” เรียกตามคนไทยมาตลอด
    .
    เนื่องจากปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ตรงรอยต่อของไทยกับกัมพูชา ซึ่งผลัดกันยึดครองดินแดนแถบนี้จนหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ไทยได้ส่งทหารเข้ายึดครองพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหาร กษัตริย์สีหนุ จึงยื่นฟ้องต่อศาลโลกเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๐๒
    .
    การไต่สวนพิจารณาคดีเป็นไปอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง ๓ ปี มีการนัดพิจารณาสืบพยานทั้งหมด ๗๓ ครั้ง จนในที่สุด ศาลโลกก็ตัดสินให้กัมพูชาเป็นฝ่ายชนะคดีด้วยคะแนน ๙ ต่อ ๓ เสียง ยังผลให้ประเทศไทยต้องยินยอมทำตามข้อเรียกร้องทั้ง ๒ ข้อของกัมพูชา นับเป็นการเสียดินแดนครั้งล่าสุดของประเทศไทยในยุครัตนโกสินทร์ เสียพื้นที่ไปทั้งหมดประมาณ ๑๕๐ ไร่
    .
    ค่ำคืนวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๐๕ หลังศาลโลกตัดสินให้ ปราสาทพระวิหาร ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของกัมพูชา ได้ประมาณ ๒๐ วัน จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้กล่าวปราศรัยผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย แสดงความรู้สึกต่อการสูญเสียปราสาทพระวิหาร
    .
    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คือ พลโทประภาส จารุเสถียร (ยศในขณะนั้น) บอกว่า “...ถ้าเราไปชักธงชาติลง และพับธงเดินกลับมา จะเป็นการเสียเกียรติยศประเทศไทยซึ่งเคยปกครองเขาพระวิหารมาเป็นเวลานาน...”
    .
    จึงได้ให้ทหารและตำรวจตระเวนชายแดน เชิญเสาธงชาติไทยจากเขาพระวิหาร บนยอดผาเป้ยตาดี ยกเสาธงทั้งต้นลงมา โดยไม่มีการลดธงแม้แต่นิดเดียว ซึ่งทำให้กัมพูชาไม่พอใจอย่างมาก เหมือนกับว่าไทยประชดคำตัดสินของศาลโลก ซึ่งทางเราก็ตอบโต้ว่า “...เป็นสิทธิของเรา...”

    ครั้งที่ 16 คือ 11 พ.ย. 2556 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก ได้พิพากษาให้กัมพูชาเป็นผู้มีอำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่รอบๆ ตัวปราสาทพระวิหาร อันตั้งอยู่ตรงชายแดนติดต่อกับประเทศไทย ในคำตัดสินครั้งสำคัญซึ่งมุ่งหมายยุติข้อพิพาทอันยืดเยื้อหลายสิบปี ทั้งนี้ ศาลสูงสุดของสหประชาชาติแห่งนี้ ยังได้สั่งให้รัฐบาลไทยถอนกำลังรักษาความมั่นคงของตนออกมาจากพื้นที่ดังกล่าวอีกด้วย

    คำตัดสินคราวนี้ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเส้นพรมแดนของทั้งสองประเทศในบริเวณรอบๆ ปราสาทพระวิหารที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วแห่งนี้ จึงเป็นการปฏิเสธข้ออ้างของฝ่ายกัมพูชาที่ว่า ตนเองเป็นมีอำนาจอธิปไตยเหนือภูเขาพนมตรวบ หรือภูมะเขือที่อยู่ใกล้ๆ กับปราสาท

    แต่เพราะ นายนพดล ปัทมะ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศได้เคยลงนามคำแถลงการณ์ร่วมกับฝ่ายกัมพูชา โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีนายสมัคร ยินยอมให้เขมรนำปราสาทพระวิหารขึ้นเป็นมรดกพร้อมแนบแผนที่บริเวรบริหารจัดการให้เขมรไปด้วยเกือบพันไร่ นั่นคือที่เราสูญเสียในครั้งที่ 16

    บทความบางตอนจากเพจโบราณนานมา และ มเหนทรบรรพต
    EP.2 ถอดรหัสไทยเสียดินแดนครั้งที่ 16 ปราสาทเขาพระวิหาร ประวัติศาสตร์ในสถานศึกษาจะสอนเราว่าไทยเสียดินแดน 14 ครั้ง ทำไมแอดถึงบอกว่าเราเสียดินแดนถึง 16 ครั้ง เสียดินแดน 1 - 14 ทุกคนคงหาได้ในอินเตอร์เน็ตอยู่แล้ว แอดจะไม่กล่าวถึง แต่ครั้งที่ 15 คือวันที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2505 ศาลโลกตัดสินให้กัมพูชามีอธิปไตยเหนือปราสาทพระวิหาร นั่นหมายถึง ตัวปราสาทพระวิหาร และดินแดนที่อยู่ใต้ตัวปราสาท ในวันที่ “เขาพระวิหาร” ตกเป็นของเขมร ทหารไทยเชิญ “เสาธงชาติไทย” จากเขาพระวิหาร โดย “ไม่มีการลดธง” แม้แต่นิดเดียว ] . พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าชุมพลสมโภช กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ (องค์ต้นราชสกุล “ชุมพล”) ทรงค้นพบปราสาทแห่งนี้เมื่อปี ๒๔๔๒ แล้วทรงจารึกพระนาม และปีที่ค้นพบไว้ที่บริเวณชะง่อนผาเป้ยตาดีว่า “๑๑๘ สรรพสิทธิ” และ “ปราสาทพระวิหาร” เป็นปราสาทที่ได้ชื่อประทานจากพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ข้าหลวงต่างพระองค์สำเร็จราชการมณฑลลาวกาว พระองค์มีรับสั่งว่าปราสาทองค์นี้เหมือนปราสาทที่เทพสร้าง จึงเรียกว่า “ปราสาทเทพพระวิหาร” ซึ่งต่อมาเรียกกันทั่วไปว่า “ปราสาทพระวิหาร” คนกัมพูชาออกเสียงเป็น “เปรี๊ยะวิเฮียร์” เรียกตามคนไทยมาตลอด . เนื่องจากปราสาทพระวิหารตั้งอยู่ตรงรอยต่อของไทยกับกัมพูชา ซึ่งผลัดกันยึดครองดินแดนแถบนี้จนหลังสงครามโลกครั้งที่ ๒ ไทยได้ส่งทหารเข้ายึดครองพื้นที่บริเวณปราสาทพระวิหาร กษัตริย์สีหนุ จึงยื่นฟ้องต่อศาลโลกเมื่อวันที่ ๖ ตุลาคม ๒๕๐๒ . การไต่สวนพิจารณาคดีเป็นไปอย่างต่อเนื่องยาวนานถึง ๓ ปี มีการนัดพิจารณาสืบพยานทั้งหมด ๗๓ ครั้ง จนในที่สุด ศาลโลกก็ตัดสินให้กัมพูชาเป็นฝ่ายชนะคดีด้วยคะแนน ๙ ต่อ ๓ เสียง ยังผลให้ประเทศไทยต้องยินยอมทำตามข้อเรียกร้องทั้ง ๒ ข้อของกัมพูชา นับเป็นการเสียดินแดนครั้งล่าสุดของประเทศไทยในยุครัตนโกสินทร์ เสียพื้นที่ไปทั้งหมดประมาณ ๑๕๐ ไร่ . ค่ำคืนวันที่ ๔ กรกฎาคม ๒๕๐๕ หลังศาลโลกตัดสินให้ ปราสาทพระวิหาร ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของกัมพูชา ได้ประมาณ ๒๐ วัน จอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ได้กล่าวปราศรัยผ่านสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย แสดงความรู้สึกต่อการสูญเสียปราสาทพระวิหาร . รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย คือ พลโทประภาส จารุเสถียร (ยศในขณะนั้น) บอกว่า “...ถ้าเราไปชักธงชาติลง และพับธงเดินกลับมา จะเป็นการเสียเกียรติยศประเทศไทยซึ่งเคยปกครองเขาพระวิหารมาเป็นเวลานาน...” . จึงได้ให้ทหารและตำรวจตระเวนชายแดน เชิญเสาธงชาติไทยจากเขาพระวิหาร บนยอดผาเป้ยตาดี ยกเสาธงทั้งต้นลงมา โดยไม่มีการลดธงแม้แต่นิดเดียว ซึ่งทำให้กัมพูชาไม่พอใจอย่างมาก เหมือนกับว่าไทยประชดคำตัดสินของศาลโลก ซึ่งทางเราก็ตอบโต้ว่า “...เป็นสิทธิของเรา...” ครั้งที่ 16 คือ 11 พ.ย. 2556 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือศาลโลก ได้พิพากษาให้กัมพูชาเป็นผู้มีอำนาจอธิปไตยเหนือพื้นที่รอบๆ ตัวปราสาทพระวิหาร อันตั้งอยู่ตรงชายแดนติดต่อกับประเทศไทย ในคำตัดสินครั้งสำคัญซึ่งมุ่งหมายยุติข้อพิพาทอันยืดเยื้อหลายสิบปี ทั้งนี้ ศาลสูงสุดของสหประชาชาติแห่งนี้ ยังได้สั่งให้รัฐบาลไทยถอนกำลังรักษาความมั่นคงของตนออกมาจากพื้นที่ดังกล่าวอีกด้วย คำตัดสินคราวนี้ไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนเกี่ยวกับเส้นพรมแดนของทั้งสองประเทศในบริเวณรอบๆ ปราสาทพระวิหารที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกแล้วแห่งนี้ จึงเป็นการปฏิเสธข้ออ้างของฝ่ายกัมพูชาที่ว่า ตนเองเป็นมีอำนาจอธิปไตยเหนือภูเขาพนมตรวบ หรือภูมะเขือที่อยู่ใกล้ๆ กับปราสาท แต่เพราะ นายนพดล ปัทมะ ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศได้เคยลงนามคำแถลงการณ์ร่วมกับฝ่ายกัมพูชา โดยได้รับความเห็นชอบจากรัฐมนตรีนายสมัคร ยินยอมให้เขมรนำปราสาทพระวิหารขึ้นเป็นมรดกพร้อมแนบแผนที่บริเวรบริหารจัดการให้เขมรไปด้วยเกือบพันไร่ นั่นคือที่เราสูญเสียในครั้งที่ 16 บทความบางตอนจากเพจโบราณนานมา และ มเหนทรบรรพต
    0 Comments 0 Shares 559 Views 27 0 Reviews
  • รายการ เพลงรักจากใจ สถานีวิทยุ Visith Podcast เพลงต่อไปแนวออกกำลังกายExercise ร่างกายจะได้คึกคัก รับฟังเพลง โอเคโนเค กันครับ
    รายการ เพลงรักจากใจ สถานีวิทยุ Visith Podcast เพลงต่อไปแนวออกกำลังกายExercise ร่างกายจะได้คึกคัก รับฟังเพลง โอเคโนเค กันครับ
    0 Comments 0 Shares 224 Views 1 0 Reviews
  • ขณะนี้คุณกำลังรับฟังรายการ เพลงรักจากใจ จากสถานีวิทยุ Visith Podcast อยู่ครับ เพลงต่อไป ไวน์แก้วนี้มีราคะ เชิญรับฟังครับ
    ขณะนี้คุณกำลังรับฟังรายการ เพลงรักจากใจ จากสถานีวิทยุ Visith Podcast อยู่ครับ เพลงต่อไป ไวน์แก้วนี้มีราคะ เชิญรับฟังครับ
    0 Comments 0 Shares 196 Views 3 0 Reviews
  • RS มาถึงจุดตกต่ำเช่นนี้ ใครจะคิด...
    ไม่สามารถชำระหนี้แค่ 27 ล้าน
    หากถูกทวงหนี้ต้นทุนทั้งหมดหลักพันล้านจะทำอย่างไร?
    ทรัพย์สินเดียวที่มีคือลิขสิทธิ์เพลงที่เพื่อนพ้องน้องพี่ได้สร้างสรรค์ไว้
    .
    ผมทำงานในวงการเพลงในฐานะคอมโพสเซอร์ นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์มาตั้งแต่ปี 2530 งานโปรดิวซ์ครั้งแรกคืองานชุดคนเขียนเพลงบรรเลงชีวิตของเธนศร์ วรากุลนุเคราะห์ เห็นวัฏจักรวงการเพลงมาตั้งแต่ยุคเก่ารุ่นพ่อช่วงปลายๆ ต่อเข้ายุคมืดที่นายทุนเอาเปรียบนักแต่งเพลงรุ่นครู จ่ายสองสามพันบาทค่าจ้างแต่งเพลงแล้วถือครองสิทธิ์ตลอดกาลจนถึงลูกเต้ามัน
    .
    ในช่วงก่อนยุคเปลี่ยนผ่านครั้งที่หนึ่ง เรียกว่ายุคปฏิวัติวงการก็ได้ (มันจะมีครั้งที่สองที่เรียกดิสรัพชั่น) ผมกำลังเรียนรู้อยู่ที่บริษัทบัตเตอร์ฟลาย ความที่มีครูดีเป็นแบบอย่าง ได้เรียนรู้ระบบแบบฝรั่งว่าเป็นอย่างไร ทำให้เราเข้าใจกลไกของมัน รู้แล้วก็อยากจะสร้างความเปลี่ยนแปลง เลยริเริ่มไปเรียกร้องกับนายทุนมาเฟียค่ายเพลงคนนึงที่วงที่ผมไปเล่นอยู่ด้วยสังกัดอยู่ กำลังจะมีการทำงานชุดใหม่ ก็เลยไปเสนอว่าอยากให้มีการจ่ายค่าผลิตอย่างเป็นธรรม ทั้งเรียบเรียง คำร้องทำนอง มิกซ์เสียง ค่าควบคุมการผลิตต่างๆ รวมทั้งขอส่วนแบ่งจากยอดขาย ผลคือ "มึงหัวหมอหรือ?" งานหยุดชะงัก พวกผมถูกแบนจากสังกัดนั้นจนภายหลังพากันออกมาตั้งเป็นวงตาวัน แต่ไม่วายยังโดนไอ้เสี่ยคนนั้นตามมากลั่นแกล้งภายหลังได้ ตอนที่ออกผลงานชุดแรกของวงตาวัน หุ่นกระบอก แม้จะสังกัดแกรมมี่แล้ว แต่ต้องขายกับบริษัทจัดจำหน่ายของพวกมัน แกรมมี่ยังไม่มีระบบจัดจำหน่ายในตอนนั้น เอ็มจีเอเกิดขึ้นในภายหลัง เสี่ยมันให้สถานีวิทยุในเครือมันมาเรียกวงไปสัมภาษ เสร็จแล้วเรียกไปเชือดที่ห้องทำงานมัน แล้วบอกเราว่า "มึงคิดว่าจะหนีกูพ้นหรือ" ตอนนี้มันเป็นคนจัดจำหน่ายอัลบั้มของพวกผม มันคุมยี่ปั๊ว ซาปั๊ว สถานีวิทยุทั่วประเทศ มันว่าอย่าหวังเลยว่ามึงจะขายได้ และกูจะไม่ให้สถานีวิทยุของกูที่มึงเห็นปักหมุดอยู่เต็มบนแผนที่ประเทศไทยนั่นเล่นเพลงของพวกมึง... มันกดอินเตอร์คอมหาเลขา "เฮ้ย ไอ้อัลบั้มหุ่นกระป๋องนี่ขายได้เท่าไหร่แล้ววันนี้... สองพันค่ะ... สองพัน! มึงได้ยินไหม มึงคงขายได้ประมาณนี้แหละ อย่าหวังว่าจะมากกว่านี้" พี่หมูมือกีต้าร์เลือดขึ้นหน้าเกือบลุกขึ้นเตะก้านคอมัน แต่รู้ว่าอยู่ในตึกมัน หากไปกระทืบมันเข้า วงตาวันวันนั้นคงหามใส่เปลกันออกมาจากตึกนั่นทั้งวง
    .
    นายทุนยุคมืดมีความระยำเช่นนี้ ศิลปินคนไหนขายได้มันแจกสร้อยทองแจกเงินให้ตามความพอใจ ขายดีมากมันให้กุญแจรถไปขับ หมดพิสวาทก็เรียกกุญแจคืน ชอบนักร้องหญิงของวงก็เอาทำเมีย ไม่มีส่วนแบ่งจากการขายใดๆ ทั้งสิ้น มีเสี่ยในวงการยุคมืดอยู่สองสามคนที่รู้จักกันนับแต่เวลานั้น
    .
    การดำเนินธุรกิจด้วยความเป็นธรรมในวงการเพลงนั้นเป็นสิ่งที่หาแทบไม่ได้ เถ้าแก่พวกนี้ เจ่กแปะพวกนี้ โน๊ตตัวเดียวก็ไม่กระดิก แต่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์นับร้อยนับพันเพลงไปได้อย่างน่าขนลุก นักแต่งเพลงไม่เคยถูกให้เกียรติ ทั้งที่ธุรกิจมีไม่ได้หากไม่มีคนสร้างสรรค์ แต่สิทธิ์ผู้ประพันธ์ของผู้สร้างสรรค์กลับกลายเป็นของนายทุนพวกนี้ นับจากนาทีนั้น ผมสาบานกับตัวเองว่าจะดิ้นให้หลุดจากบ่วงอุบาทย์นี้สักวัน รวมทั้งกฏหมายที่ว่าด้วยการจ้างทำของ และแน่นอนว่า ผมพบทางสลัดหลุดจากวังวนพวกนี้ได้ในที่สุด
    .
    คุณธรรม กรรมใดที่ใครก่อ ย่อมบ่งชี้เจตนาของบุคคลนั้น และบุคคลย่อมต้องรับผลนั้นในสักวัน ไม่ช้าก็เร็ว
    .
    วันนึง เมื่อผมดำเนินอาชีพของผมมาถึงจุดที่เป็นคอมโพสเซอร์ที่มีค่าตัวแพงที่สุดคนนึง ดนตรีผมหนึ่งนาทีมีราคาประมาณแสนบาท ผมรับดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่องละหนึ่งล้านบาท และไม่เคยเสียสิทธิ์ผู้ประพันธ์ไปให้ใครอีกเลย วันนั้นที่งานออกร้านของนักโทษกรมราชทันฑ์ มีพ่อค้าแม่ค้ามาร่วมเปิดท้ายขายของ ผมเห็นไอ้เสี่ยระยำที่เคยยิ่งใหญ่นั่นหอบกล่องอัลบั้มเพลงเก่าๆ ทั้งเทปเก่าและซีดีเก่ามาขายถูกๆ น่าสมเพชที่เมืองไทยมาถึงจุดพินาศเพราะมีเทปผีซีดีเถื่อนเกลื่อนเมือง ซึ่งพวกเพื่อนเสี่ยในยุคของมันบางคนก็มีส่วนในธุรกิจผีพวกนี้... ผมเห็นมันนั่งหน้ามันอยู่ข้างแผงและกล่องอัลบั้มแทบไม่มีใครซื้อ เพลงพวกนี้มีโหลดได้ฟรีๆ ทั่วไปหมด ผมไปหยุดยืนดูมันหัวจรดตีนด้วยใบหน้าเหยียดหยาม สะใจสุดๆ ยามรุ่งเรืองฟุ้งเฟ้อใช้ชีวิตสุดโต่ง ยามตกต่ำสิ้นไร้มีแต่หนี้สิน
    .
    ทำไมผมถึงรำลึกถึงพี่เต๋อด้วยความยกย่องเสมอ ก็เพราะเหตุนี้ ระบบที่ดีกว่าเป็นธรรมกว่าอย่างที่ผมไปพลีชีพเรียกร้องกัน ในที่สุดเกิดขึ้นเพราะพี่เต๋อไปก่อตั้งแกรมมี่แล้วสร้างระบบแบบนี้ขึ้นมาได้สำเร็จ ทีมผลิตมีค่าผลิตเป็นสัดส่วนครบถ้วนตามหน้าที่แบบฝรั่งและมีการแบ่งเปอร์เซ็นต์จากยอดขายให้ผู้ประพันธ์และโปรดิวเซอร์ ผมไม่ยกย่องคุณไพบูลย์ในข้อนี้หรอก เพราะระบบเช่นนี้ บังเกิดขึ้นได้เพราะพี่เต๋อ ไม่ใช่พี่บูลย์ ถ้าพี่บูลย์ไม่ยอมรับให้สร้างระบบธุรกิจเช่นนี้พี่เต๋อคงไม่เอาด้วย และพวกพี่ๆ จากบัตเตอร์ฟลายก็คงจะไม่ไปเป็นกำลังผลิตให้ บริษัทแกรมมี่ก็จะไม่เกิด พอแกรมมี่เริ่มระบบนี้ ทุกค่ายเพลงต้องเดินตามเปลี่ยนมาใช้ระบบแบบเดียวกันทุกค่าย เอาตรงๆ เขาไม่ได้อยากเปลี่ยนกันหรอกนะ แต่มันจำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะแกรมมี่แจ้งเกิดสำเร็จแล้วแซงทุกค่ายจนใครๆ ก็อยากไปอยู่ที่นั่น ค่ายอื่นก็ต้องปรับตาม ต่างกันเล็กน้อยที่บางพวกยังจ้องเอาเปรียบอยู่ แม้แต่ค่ายมาเฟียก็ต้องปรับตาม ไม่เช่นนั้นศิลปินทุกคน คนมีฝีมือจะเดินไปที่แกรมมี่หมด กระนั้นพวกเสี่ยนั่นก็ปรับตัวได้ไม่ดี ผลประโยชน์ยังเอาเปรียบ ค่าผลิตและส่วนแบ่งต่ำกว่าที่อื่น และคุณภาพงานไม่ดี
    .
    อย่างไรก็ตาม มีรุ่งเรืองก็มีเสื่อมถอย สำหรับผมมันเริ่มเสื่อมลงเมื่อมี mp3 แต่ยิ่งเสื่อมกว่าหลังจากพี่เต๋อเสียชีวิต.. หนึ่งปีให้หลังจากนั้น ผมก็ลาออกจากแกรมมี่ มูลเหตุของการลาออกน่าจะเคยเล่าให้บางคนฟังบ้างแล้ว พวกเราทีมผลิตที่อยู่ในทีมใบตองได้รับอนุญาตให้ขึ้นลิฟท์ตัวเดียวกับที่พี่เต๋อพี่บูลย์ขึ้น วันหนึ่งผมเจอพี่บูลย์ ตอนนั้นเราแยกจากแกรมมี่แกรนด์มาตั้งเป็นอีกเลเบลหนึ่งคือ RPG (Rewat's Producer Group) แล้ว ในลิฟท์พี่บูลย์พูดกับผม... "พี่ปุ้ม.. ผมว่าเราต้องทำงานหนักให้เป็นสองเท่าเพื่อกำไรเท่าเดิม ต้องผลิตให้เร็วขึ้น... ผมว่าอย่างพี่เอาตีนเขี่ยแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว... เก่งไม่กลัวกลัวช้า..." ผมจำประโยคนี้แจ่มชัดแม้ผ่านไปยี่สิบปี พวกเราไม่ได้ช้า ไม่มีใครในตึกมีทักษะทางดนตรีและทักษะทางเทคนิคัลเท่าพวกเราอีกแล้ว เราทำงานละเอียด แม้แต่เสียง Snare แค่แทร็คเดียวเรายังพิถีพิถันเลือกกันอยู่หลายชั่วโมง ทุกเทคทุกแทร็คปราณีต เล่นและบันทึกอย่างตั้งใจ มันปลูกฝังกันมาจากการทำงานกับพี่ๆ กับครูของเราและพี่เต๋อ ทุกวันนี้ย้อนไปฟังงานยุคนั้นดูได้ คุณภาพเสียงยังดีอยู่เลย ความตั้งใจนี้เป็นสันดานและ "เอาตีนเขี่ยไม่ได้..." ผมออกจากลิฟท์วันนั้นแล้วตรงไปลาออกกับโอม ชาตรี คงสุวรรณ ซึ่งนั่งแท่นเป็น managing director อยู่
    .
    เพียงหนึ่งปีให้หลังการเสียชีวิตของพี่เต๋อ ผมรู้สึกได้เลยว่าคุณธรรมที่เคยมีก็เสื่อมลง ผมรู้ทันทีว่าถึงเวลาต้องไป จากวันนั้นเป็นต้นมา ผมรู้ว่าแกรมมี่จะเสื่อมถอยลง อีกปีต่อมาผมกับเพื่อนชื่อฝิ่น คณิต พฤกษ์พระกานต์ ซึ่งเป็นคนลงทุน เราเปิดสถาบันผลิตบุคคลากรสายอาชีพบันเทิงชื่อ Gen-X Academy เปิดอยู่ 14 ปี สอนวิชาที่ไม่เคยมีสอนในมหาวิทยาลัยเมืองไทยมาก่อนนอกจากที่ต่างประเทศ เช่น Songwriting, Arranging, Computer Music, Studio Sound Engineer, Live Sound Engineer, Film Scoring, Sounddesign, Video Post Production, Motion Graphics... เราผลิตบุคคลากรให้กับวงการบันเทิงอาชีพไปนับพันคน ผลิตนักแต่งเพลงไปประมาณสองร้อยกว่าคนเป็นอย่างน้อย ซาวด์เอนจิเนียร์สตูดิโอไม่ต่ำกว่าสามร้อยคน ไลฟ์ซาวด์เอนจิเนียร์อีกไม่ต่ำกว่าสามร้อยคน ยังไม่นับสาขาอื่นเช่น คอมพิวเตอร์กราฟฟิค นักตัดต่อวิดิโอ ทีวีรีพอร์ตเตอร์ ดีเจ นักพากย์... จนกระทั่งมหาวิทยาลัย-วิทยาลัยทั่วทั้งประเทศเกิดการปรับตัวครั้งใหญ่ บรรจุการสอนวิชาเหล่านี้เข้าในระดับปริญญาตรีของคณะดนตรีทุกแห่ง มีห้องอัด มีแลบคอมพิวเตอร์ให้นักศึกษาใช้ ในที่สุดพวกเขาทำตามทุกอย่างที่เรานำร่องมาก่อน แม้ธุรกิจจบ แต่ผมกลับภูมิใจที่ภารกิจจบ GenX Academy ปิดลงเพราะเราไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่เราทำมันได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นผลไปทั่วอย่างที่เราอยากเห็น
    .
    มันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผลลัพธ์จากการได้แบบอย่างที่ดีมาก่อนหน้านั้น มันได้ขยายผลอย่างเป็นรูปธรรมในภายหลัง ตอนอยู่ที่บัตเตอร์ฟลาย พี่ๆ ทำโรงเรียน B.I.T. กันให้ผมเห็นเป็นตัวอย่าง สอนกันอยู่หลายรุ่น ผมได้ช่วยสอนเรื่อง Synthesizer พอมาทำงานกับพี่เต๋อ ไม่ว่าพี่เขาจะมีงานบริหารตื่นเช้าเพียงใด ตกเย็นพี่เต๋อจะมาขลุกอยู่กับพวกเราที่สตูดิโอแทบทุกวัน มีเรื่องมากมายที่ผมได้เรียนรู้ ตอนนั้นยึดหัวหาดที่ห้องอัดศรีสยามเป็นหลัก ผมยังจำประโยคที่พี่เต๋อพูดตอนที่ทานอาหารร่วมกันในคืนหนึ่ง ผมอยู่กับทีมและมีน้องๆ รุ่นใหม่บางคนกำลังเรียนรู้การทำงาน ดูเหมือนวันนั้นจะมีก๊อล์ฟวายนอทเซเว่น... พี่เต๋อพูดว่า "เราต้องสอนน้องๆ ต้องสร้างน้องๆ รุ่นใหม่ที่คิดเหมือนเรา ตั้งใจทำงานให้ดีมีคุณภาพ เชื่อในมาตรฐานการทำงานแบบที่เราทำ"
    .
    คุณธรรมในวงการเพลง ไม่ใช่สิ่งที่หาได้ง่ายโดยทั่วไป แม้เคยเจอกับพวกยุคมืด แต่ผมก็ยังโชคดีที่เห็นมันในยุคของพี่เต๋อและการทำงานกับพี่ๆ หลายคน ผมมีน้องๆ ที่รู้จักชอบพอกันหลายคนอยู่ในค่ายเพลงอื่น ผมมักจะได้ยินเสียงสะท้อนออกมาให้รู้เสมอ หลากหลายเรื่องราว.. อย่างหนึ่งที่มักได้ยินจากฝั่งของอาร์เอส พูดตามจริง ไม่ค่อยดีนัก การดูแลชีวิตและให้เกียรติคนทำงานผลิตไม่ได้ดีเท่าไหร่ ความเป็นธรรมในการจ้าง ส่วนแบ่งในรายได้ ที่สำคัญคือการปันผลให้คนสร้างสรรค์ ไม่ค่อยดีนัก และลิขสิทธิ์อยู่กับนายทุนหมด ผู้ประพันธ์ไม่มีสิทธิ์เลย อย่างน้อยก็ได้ยินมาอย่างนั้น อย่างที่เคยเป็นข่าวไป ผู้แต่งไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเล่นเพลงที่ตัวเองสร้างขึ้นเพราะสิทธิ์ไปอยู่กับเสี่ยเจ้าของค่าย และน่าทุเรศคือ มันฟ้องผู้แต่งที่เอาเพลงที่ตนเองแต่งมาเล่นโดยไม่ขออนุญาตมัน... ยังดีที่แกรมมี่ถือลิขสิทธิ์ร่วมกันกับผู้ประพันธ์ แม้ว่าระบบจะไม่มีการปรับระดับเพดานให้ดีมากขึ้นตามกาลเวลาและค่าครองชีพ แต่ระบบจัดเก็บและดูแลพับลิชชิ่งของแกรมมี่ยังคงทำงานมาตลอด และยี่สิบปีที่ผ่านมายังคงมีส่วนแบ่งโอนเข้าบัญชีเสมอไม่ได้ขาด มากบ้างน้อยบ้าง
    .
    มีนายทุนสายบันเทิงไม่น้อยที่ผมรู้เช่นเห็นชาติมาแต่โบราณ ต้องใช้คำนี้ เช่น บริษัทหนึ่งที่โดดเด่นในการทำคาราโอเกะมีนางแบบโป๊เดินอล่างฉ่างประกอบแบ๊คกิ้งแทร็ค วันนึงร่วมกับบริษัทญี่ปุ่นที่มีเน็ทเวิร์คโฟโต้บุ๊ควัยรุ่นนุ่งน้อยห่มน้อยซึ่งบางที น้อยมาก... ทำค่ายไอดอลข้ามชาติกัน ผมเคยพยายามเตือน ผลคือทัวร์ลง. ไม่มีใครรู้ว่าสัญญาที่เซ็นต์นั้นครอบคลุมการเป็นเจ้าของตัวตนไปจนถึงภาพถ่ายเซลฟี่ส่วนตัวของศิลปินในสังกัดคนนั้น พวกนั้นสามารถอ้างได้แม้ลิขสิทธิของภาพที่เป็นส่วนตัว ในพื้นที่การทำงานเช่น คอนเสิร์ท การปรากฏตัวในที่ต่างๆ ฯ เขาไม่อนุญาตให้ช่างภาพอื่นที่เป็นคนนอกถ่ายภาพเลย แต่จะมีช่างภาพของเขาเท่านั้นที่จะตามถ่ายตลอดเวลา แม้จะเป็นเวลาและพื้นที่ที่ไม่สมควรถ่ายก็จะถูกถ่ายไปได้ คลังภาพจำนวนมากถูกเก็บไว้และเป็นสิทธิของเขาตามกฏหมาย และคุณไม่มีทางรู้ว่ามีภาพอะไรที่ไม่ควรถ่ายถูกถ่ายเก็บไว้
    .
    คุณธรรมในวงการนี้หายากมาก และยิ่งในยุคนี้คุณจะยิ่งสิ้นหวังมากขึ้นไปอีกเพราะมาตรฐานทางจริยธรรมของมนุษย์ตกต่ำมาก ไม่กี่วันมานี้ มีคุณแม่คนหนึ่งออกมาพูดออกสื่อโซเชียลแทนลูกชายที่โดนคดีทำร้ายผู้หญิงว่า... "อย่าให้เรื่องทะเลาะกันของชายหญิงมาทำให้อนาคตเสียเลย มันเล็กน้อยมาก ขอให้คิดว่าน้องเขาเป็นเด็กเรียนดี เรียนเก่ง ให้ดูที่การเรียนของน้องเป็นสำคัญ เรื่องอื่นมันเล็กน้อย".... นี่คือตรรกะของสังคมที่ป่วยและผู้คนขาดวิจารณญาณในการพิจารณาชั่วดี
    .
    กรรมเป็นตัวกำหนด คนที่ทำกรรมใดไว้จะได้รับผลของกรรมนั้นแล
    กราบขอบพระคุณ พี่ๆ และครูอาจารย์ที่ปูทางให้โลกของผมตลอดสามสิบกว่าปีที่ผ่านไป มีความดีงามและอุ้มชูผมมาตลอดอาชีพการทำงาน
    .
    ขอภาวนาให้สิทธิผู้ประพันธ์คืนกลับไปยังผู้สร้างสรรค์ทุกท่าน
    .
    RS มาถึงจุดตกต่ำเช่นนี้ ใครจะคิด... ไม่สามารถชำระหนี้แค่ 27 ล้าน หากถูกทวงหนี้ต้นทุนทั้งหมดหลักพันล้านจะทำอย่างไร? ทรัพย์สินเดียวที่มีคือลิขสิทธิ์เพลงที่เพื่อนพ้องน้องพี่ได้สร้างสรรค์ไว้ . ผมทำงานในวงการเพลงในฐานะคอมโพสเซอร์ นักแต่งเพลง โปรดิวเซอร์มาตั้งแต่ปี 2530 งานโปรดิวซ์ครั้งแรกคืองานชุดคนเขียนเพลงบรรเลงชีวิตของเธนศร์ วรากุลนุเคราะห์ เห็นวัฏจักรวงการเพลงมาตั้งแต่ยุคเก่ารุ่นพ่อช่วงปลายๆ ต่อเข้ายุคมืดที่นายทุนเอาเปรียบนักแต่งเพลงรุ่นครู จ่ายสองสามพันบาทค่าจ้างแต่งเพลงแล้วถือครองสิทธิ์ตลอดกาลจนถึงลูกเต้ามัน . ในช่วงก่อนยุคเปลี่ยนผ่านครั้งที่หนึ่ง เรียกว่ายุคปฏิวัติวงการก็ได้ (มันจะมีครั้งที่สองที่เรียกดิสรัพชั่น) ผมกำลังเรียนรู้อยู่ที่บริษัทบัตเตอร์ฟลาย ความที่มีครูดีเป็นแบบอย่าง ได้เรียนรู้ระบบแบบฝรั่งว่าเป็นอย่างไร ทำให้เราเข้าใจกลไกของมัน รู้แล้วก็อยากจะสร้างความเปลี่ยนแปลง เลยริเริ่มไปเรียกร้องกับนายทุนมาเฟียค่ายเพลงคนนึงที่วงที่ผมไปเล่นอยู่ด้วยสังกัดอยู่ กำลังจะมีการทำงานชุดใหม่ ก็เลยไปเสนอว่าอยากให้มีการจ่ายค่าผลิตอย่างเป็นธรรม ทั้งเรียบเรียง คำร้องทำนอง มิกซ์เสียง ค่าควบคุมการผลิตต่างๆ รวมทั้งขอส่วนแบ่งจากยอดขาย ผลคือ "มึงหัวหมอหรือ?" งานหยุดชะงัก พวกผมถูกแบนจากสังกัดนั้นจนภายหลังพากันออกมาตั้งเป็นวงตาวัน แต่ไม่วายยังโดนไอ้เสี่ยคนนั้นตามมากลั่นแกล้งภายหลังได้ ตอนที่ออกผลงานชุดแรกของวงตาวัน หุ่นกระบอก แม้จะสังกัดแกรมมี่แล้ว แต่ต้องขายกับบริษัทจัดจำหน่ายของพวกมัน แกรมมี่ยังไม่มีระบบจัดจำหน่ายในตอนนั้น เอ็มจีเอเกิดขึ้นในภายหลัง เสี่ยมันให้สถานีวิทยุในเครือมันมาเรียกวงไปสัมภาษ เสร็จแล้วเรียกไปเชือดที่ห้องทำงานมัน แล้วบอกเราว่า "มึงคิดว่าจะหนีกูพ้นหรือ" ตอนนี้มันเป็นคนจัดจำหน่ายอัลบั้มของพวกผม มันคุมยี่ปั๊ว ซาปั๊ว สถานีวิทยุทั่วประเทศ มันว่าอย่าหวังเลยว่ามึงจะขายได้ และกูจะไม่ให้สถานีวิทยุของกูที่มึงเห็นปักหมุดอยู่เต็มบนแผนที่ประเทศไทยนั่นเล่นเพลงของพวกมึง... มันกดอินเตอร์คอมหาเลขา "เฮ้ย ไอ้อัลบั้มหุ่นกระป๋องนี่ขายได้เท่าไหร่แล้ววันนี้... สองพันค่ะ... สองพัน! มึงได้ยินไหม มึงคงขายได้ประมาณนี้แหละ อย่าหวังว่าจะมากกว่านี้" พี่หมูมือกีต้าร์เลือดขึ้นหน้าเกือบลุกขึ้นเตะก้านคอมัน แต่รู้ว่าอยู่ในตึกมัน หากไปกระทืบมันเข้า วงตาวันวันนั้นคงหามใส่เปลกันออกมาจากตึกนั่นทั้งวง . นายทุนยุคมืดมีความระยำเช่นนี้ ศิลปินคนไหนขายได้มันแจกสร้อยทองแจกเงินให้ตามความพอใจ ขายดีมากมันให้กุญแจรถไปขับ หมดพิสวาทก็เรียกกุญแจคืน ชอบนักร้องหญิงของวงก็เอาทำเมีย ไม่มีส่วนแบ่งจากการขายใดๆ ทั้งสิ้น มีเสี่ยในวงการยุคมืดอยู่สองสามคนที่รู้จักกันนับแต่เวลานั้น . การดำเนินธุรกิจด้วยความเป็นธรรมในวงการเพลงนั้นเป็นสิ่งที่หาแทบไม่ได้ เถ้าแก่พวกนี้ เจ่กแปะพวกนี้ โน๊ตตัวเดียวก็ไม่กระดิก แต่เป็นเจ้าของลิขสิทธิ์นับร้อยนับพันเพลงไปได้อย่างน่าขนลุก นักแต่งเพลงไม่เคยถูกให้เกียรติ ทั้งที่ธุรกิจมีไม่ได้หากไม่มีคนสร้างสรรค์ แต่สิทธิ์ผู้ประพันธ์ของผู้สร้างสรรค์กลับกลายเป็นของนายทุนพวกนี้ นับจากนาทีนั้น ผมสาบานกับตัวเองว่าจะดิ้นให้หลุดจากบ่วงอุบาทย์นี้สักวัน รวมทั้งกฏหมายที่ว่าด้วยการจ้างทำของ และแน่นอนว่า ผมพบทางสลัดหลุดจากวังวนพวกนี้ได้ในที่สุด . คุณธรรม กรรมใดที่ใครก่อ ย่อมบ่งชี้เจตนาของบุคคลนั้น และบุคคลย่อมต้องรับผลนั้นในสักวัน ไม่ช้าก็เร็ว . วันนึง เมื่อผมดำเนินอาชีพของผมมาถึงจุดที่เป็นคอมโพสเซอร์ที่มีค่าตัวแพงที่สุดคนนึง ดนตรีผมหนึ่งนาทีมีราคาประมาณแสนบาท ผมรับดนตรีประกอบภาพยนตร์เรื่องละหนึ่งล้านบาท และไม่เคยเสียสิทธิ์ผู้ประพันธ์ไปให้ใครอีกเลย วันนั้นที่งานออกร้านของนักโทษกรมราชทันฑ์ มีพ่อค้าแม่ค้ามาร่วมเปิดท้ายขายของ ผมเห็นไอ้เสี่ยระยำที่เคยยิ่งใหญ่นั่นหอบกล่องอัลบั้มเพลงเก่าๆ ทั้งเทปเก่าและซีดีเก่ามาขายถูกๆ น่าสมเพชที่เมืองไทยมาถึงจุดพินาศเพราะมีเทปผีซีดีเถื่อนเกลื่อนเมือง ซึ่งพวกเพื่อนเสี่ยในยุคของมันบางคนก็มีส่วนในธุรกิจผีพวกนี้... ผมเห็นมันนั่งหน้ามันอยู่ข้างแผงและกล่องอัลบั้มแทบไม่มีใครซื้อ เพลงพวกนี้มีโหลดได้ฟรีๆ ทั่วไปหมด ผมไปหยุดยืนดูมันหัวจรดตีนด้วยใบหน้าเหยียดหยาม สะใจสุดๆ ยามรุ่งเรืองฟุ้งเฟ้อใช้ชีวิตสุดโต่ง ยามตกต่ำสิ้นไร้มีแต่หนี้สิน . ทำไมผมถึงรำลึกถึงพี่เต๋อด้วยความยกย่องเสมอ ก็เพราะเหตุนี้ ระบบที่ดีกว่าเป็นธรรมกว่าอย่างที่ผมไปพลีชีพเรียกร้องกัน ในที่สุดเกิดขึ้นเพราะพี่เต๋อไปก่อตั้งแกรมมี่แล้วสร้างระบบแบบนี้ขึ้นมาได้สำเร็จ ทีมผลิตมีค่าผลิตเป็นสัดส่วนครบถ้วนตามหน้าที่แบบฝรั่งและมีการแบ่งเปอร์เซ็นต์จากยอดขายให้ผู้ประพันธ์และโปรดิวเซอร์ ผมไม่ยกย่องคุณไพบูลย์ในข้อนี้หรอก เพราะระบบเช่นนี้ บังเกิดขึ้นได้เพราะพี่เต๋อ ไม่ใช่พี่บูลย์ ถ้าพี่บูลย์ไม่ยอมรับให้สร้างระบบธุรกิจเช่นนี้พี่เต๋อคงไม่เอาด้วย และพวกพี่ๆ จากบัตเตอร์ฟลายก็คงจะไม่ไปเป็นกำลังผลิตให้ บริษัทแกรมมี่ก็จะไม่เกิด พอแกรมมี่เริ่มระบบนี้ ทุกค่ายเพลงต้องเดินตามเปลี่ยนมาใช้ระบบแบบเดียวกันทุกค่าย เอาตรงๆ เขาไม่ได้อยากเปลี่ยนกันหรอกนะ แต่มันจำเป็นต้องเปลี่ยน เพราะแกรมมี่แจ้งเกิดสำเร็จแล้วแซงทุกค่ายจนใครๆ ก็อยากไปอยู่ที่นั่น ค่ายอื่นก็ต้องปรับตาม ต่างกันเล็กน้อยที่บางพวกยังจ้องเอาเปรียบอยู่ แม้แต่ค่ายมาเฟียก็ต้องปรับตาม ไม่เช่นนั้นศิลปินทุกคน คนมีฝีมือจะเดินไปที่แกรมมี่หมด กระนั้นพวกเสี่ยนั่นก็ปรับตัวได้ไม่ดี ผลประโยชน์ยังเอาเปรียบ ค่าผลิตและส่วนแบ่งต่ำกว่าที่อื่น และคุณภาพงานไม่ดี . อย่างไรก็ตาม มีรุ่งเรืองก็มีเสื่อมถอย สำหรับผมมันเริ่มเสื่อมลงเมื่อมี mp3 แต่ยิ่งเสื่อมกว่าหลังจากพี่เต๋อเสียชีวิต.. หนึ่งปีให้หลังจากนั้น ผมก็ลาออกจากแกรมมี่ มูลเหตุของการลาออกน่าจะเคยเล่าให้บางคนฟังบ้างแล้ว พวกเราทีมผลิตที่อยู่ในทีมใบตองได้รับอนุญาตให้ขึ้นลิฟท์ตัวเดียวกับที่พี่เต๋อพี่บูลย์ขึ้น วันหนึ่งผมเจอพี่บูลย์ ตอนนั้นเราแยกจากแกรมมี่แกรนด์มาตั้งเป็นอีกเลเบลหนึ่งคือ RPG (Rewat's Producer Group) แล้ว ในลิฟท์พี่บูลย์พูดกับผม... "พี่ปุ้ม.. ผมว่าเราต้องทำงานหนักให้เป็นสองเท่าเพื่อกำไรเท่าเดิม ต้องผลิตให้เร็วขึ้น... ผมว่าอย่างพี่เอาตีนเขี่ยแป๊บเดียวก็เสร็จแล้ว... เก่งไม่กลัวกลัวช้า..." ผมจำประโยคนี้แจ่มชัดแม้ผ่านไปยี่สิบปี พวกเราไม่ได้ช้า ไม่มีใครในตึกมีทักษะทางดนตรีและทักษะทางเทคนิคัลเท่าพวกเราอีกแล้ว เราทำงานละเอียด แม้แต่เสียง Snare แค่แทร็คเดียวเรายังพิถีพิถันเลือกกันอยู่หลายชั่วโมง ทุกเทคทุกแทร็คปราณีต เล่นและบันทึกอย่างตั้งใจ มันปลูกฝังกันมาจากการทำงานกับพี่ๆ กับครูของเราและพี่เต๋อ ทุกวันนี้ย้อนไปฟังงานยุคนั้นดูได้ คุณภาพเสียงยังดีอยู่เลย ความตั้งใจนี้เป็นสันดานและ "เอาตีนเขี่ยไม่ได้..." ผมออกจากลิฟท์วันนั้นแล้วตรงไปลาออกกับโอม ชาตรี คงสุวรรณ ซึ่งนั่งแท่นเป็น managing director อยู่ . เพียงหนึ่งปีให้หลังการเสียชีวิตของพี่เต๋อ ผมรู้สึกได้เลยว่าคุณธรรมที่เคยมีก็เสื่อมลง ผมรู้ทันทีว่าถึงเวลาต้องไป จากวันนั้นเป็นต้นมา ผมรู้ว่าแกรมมี่จะเสื่อมถอยลง อีกปีต่อมาผมกับเพื่อนชื่อฝิ่น คณิต พฤกษ์พระกานต์ ซึ่งเป็นคนลงทุน เราเปิดสถาบันผลิตบุคคลากรสายอาชีพบันเทิงชื่อ Gen-X Academy เปิดอยู่ 14 ปี สอนวิชาที่ไม่เคยมีสอนในมหาวิทยาลัยเมืองไทยมาก่อนนอกจากที่ต่างประเทศ เช่น Songwriting, Arranging, Computer Music, Studio Sound Engineer, Live Sound Engineer, Film Scoring, Sounddesign, Video Post Production, Motion Graphics... เราผลิตบุคคลากรให้กับวงการบันเทิงอาชีพไปนับพันคน ผลิตนักแต่งเพลงไปประมาณสองร้อยกว่าคนเป็นอย่างน้อย ซาวด์เอนจิเนียร์สตูดิโอไม่ต่ำกว่าสามร้อยคน ไลฟ์ซาวด์เอนจิเนียร์อีกไม่ต่ำกว่าสามร้อยคน ยังไม่นับสาขาอื่นเช่น คอมพิวเตอร์กราฟฟิค นักตัดต่อวิดิโอ ทีวีรีพอร์ตเตอร์ ดีเจ นักพากย์... จนกระทั่งมหาวิทยาลัย-วิทยาลัยทั่วทั้งประเทศเกิดการปรับตัวครั้งใหญ่ บรรจุการสอนวิชาเหล่านี้เข้าในระดับปริญญาตรีของคณะดนตรีทุกแห่ง มีห้องอัด มีแลบคอมพิวเตอร์ให้นักศึกษาใช้ ในที่สุดพวกเขาทำตามทุกอย่างที่เรานำร่องมาก่อน แม้ธุรกิจจบ แต่ผมกลับภูมิใจที่ภารกิจจบ GenX Academy ปิดลงเพราะเราไม่มีความจำเป็นอีกต่อไปแล้ว สิ่งที่เราทำมันได้ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นผลไปทั่วอย่างที่เราอยากเห็น . มันปฏิเสธไม่ได้เลยว่าผลลัพธ์จากการได้แบบอย่างที่ดีมาก่อนหน้านั้น มันได้ขยายผลอย่างเป็นรูปธรรมในภายหลัง ตอนอยู่ที่บัตเตอร์ฟลาย พี่ๆ ทำโรงเรียน B.I.T. กันให้ผมเห็นเป็นตัวอย่าง สอนกันอยู่หลายรุ่น ผมได้ช่วยสอนเรื่อง Synthesizer พอมาทำงานกับพี่เต๋อ ไม่ว่าพี่เขาจะมีงานบริหารตื่นเช้าเพียงใด ตกเย็นพี่เต๋อจะมาขลุกอยู่กับพวกเราที่สตูดิโอแทบทุกวัน มีเรื่องมากมายที่ผมได้เรียนรู้ ตอนนั้นยึดหัวหาดที่ห้องอัดศรีสยามเป็นหลัก ผมยังจำประโยคที่พี่เต๋อพูดตอนที่ทานอาหารร่วมกันในคืนหนึ่ง ผมอยู่กับทีมและมีน้องๆ รุ่นใหม่บางคนกำลังเรียนรู้การทำงาน ดูเหมือนวันนั้นจะมีก๊อล์ฟวายนอทเซเว่น... พี่เต๋อพูดว่า "เราต้องสอนน้องๆ ต้องสร้างน้องๆ รุ่นใหม่ที่คิดเหมือนเรา ตั้งใจทำงานให้ดีมีคุณภาพ เชื่อในมาตรฐานการทำงานแบบที่เราทำ" . คุณธรรมในวงการเพลง ไม่ใช่สิ่งที่หาได้ง่ายโดยทั่วไป แม้เคยเจอกับพวกยุคมืด แต่ผมก็ยังโชคดีที่เห็นมันในยุคของพี่เต๋อและการทำงานกับพี่ๆ หลายคน ผมมีน้องๆ ที่รู้จักชอบพอกันหลายคนอยู่ในค่ายเพลงอื่น ผมมักจะได้ยินเสียงสะท้อนออกมาให้รู้เสมอ หลากหลายเรื่องราว.. อย่างหนึ่งที่มักได้ยินจากฝั่งของอาร์เอส พูดตามจริง ไม่ค่อยดีนัก การดูแลชีวิตและให้เกียรติคนทำงานผลิตไม่ได้ดีเท่าไหร่ ความเป็นธรรมในการจ้าง ส่วนแบ่งในรายได้ ที่สำคัญคือการปันผลให้คนสร้างสรรค์ ไม่ค่อยดีนัก และลิขสิทธิ์อยู่กับนายทุนหมด ผู้ประพันธ์ไม่มีสิทธิ์เลย อย่างน้อยก็ได้ยินมาอย่างนั้น อย่างที่เคยเป็นข่าวไป ผู้แต่งไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะเล่นเพลงที่ตัวเองสร้างขึ้นเพราะสิทธิ์ไปอยู่กับเสี่ยเจ้าของค่าย และน่าทุเรศคือ มันฟ้องผู้แต่งที่เอาเพลงที่ตนเองแต่งมาเล่นโดยไม่ขออนุญาตมัน... ยังดีที่แกรมมี่ถือลิขสิทธิ์ร่วมกันกับผู้ประพันธ์ แม้ว่าระบบจะไม่มีการปรับระดับเพดานให้ดีมากขึ้นตามกาลเวลาและค่าครองชีพ แต่ระบบจัดเก็บและดูแลพับลิชชิ่งของแกรมมี่ยังคงทำงานมาตลอด และยี่สิบปีที่ผ่านมายังคงมีส่วนแบ่งโอนเข้าบัญชีเสมอไม่ได้ขาด มากบ้างน้อยบ้าง . มีนายทุนสายบันเทิงไม่น้อยที่ผมรู้เช่นเห็นชาติมาแต่โบราณ ต้องใช้คำนี้ เช่น บริษัทหนึ่งที่โดดเด่นในการทำคาราโอเกะมีนางแบบโป๊เดินอล่างฉ่างประกอบแบ๊คกิ้งแทร็ค วันนึงร่วมกับบริษัทญี่ปุ่นที่มีเน็ทเวิร์คโฟโต้บุ๊ควัยรุ่นนุ่งน้อยห่มน้อยซึ่งบางที น้อยมาก... ทำค่ายไอดอลข้ามชาติกัน ผมเคยพยายามเตือน ผลคือทัวร์ลง. ไม่มีใครรู้ว่าสัญญาที่เซ็นต์นั้นครอบคลุมการเป็นเจ้าของตัวตนไปจนถึงภาพถ่ายเซลฟี่ส่วนตัวของศิลปินในสังกัดคนนั้น พวกนั้นสามารถอ้างได้แม้ลิขสิทธิของภาพที่เป็นส่วนตัว ในพื้นที่การทำงานเช่น คอนเสิร์ท การปรากฏตัวในที่ต่างๆ ฯ เขาไม่อนุญาตให้ช่างภาพอื่นที่เป็นคนนอกถ่ายภาพเลย แต่จะมีช่างภาพของเขาเท่านั้นที่จะตามถ่ายตลอดเวลา แม้จะเป็นเวลาและพื้นที่ที่ไม่สมควรถ่ายก็จะถูกถ่ายไปได้ คลังภาพจำนวนมากถูกเก็บไว้และเป็นสิทธิของเขาตามกฏหมาย และคุณไม่มีทางรู้ว่ามีภาพอะไรที่ไม่ควรถ่ายถูกถ่ายเก็บไว้ . คุณธรรมในวงการนี้หายากมาก และยิ่งในยุคนี้คุณจะยิ่งสิ้นหวังมากขึ้นไปอีกเพราะมาตรฐานทางจริยธรรมของมนุษย์ตกต่ำมาก ไม่กี่วันมานี้ มีคุณแม่คนหนึ่งออกมาพูดออกสื่อโซเชียลแทนลูกชายที่โดนคดีทำร้ายผู้หญิงว่า... "อย่าให้เรื่องทะเลาะกันของชายหญิงมาทำให้อนาคตเสียเลย มันเล็กน้อยมาก ขอให้คิดว่าน้องเขาเป็นเด็กเรียนดี เรียนเก่ง ให้ดูที่การเรียนของน้องเป็นสำคัญ เรื่องอื่นมันเล็กน้อย".... นี่คือตรรกะของสังคมที่ป่วยและผู้คนขาดวิจารณญาณในการพิจารณาชั่วดี . กรรมเป็นตัวกำหนด คนที่ทำกรรมใดไว้จะได้รับผลของกรรมนั้นแล กราบขอบพระคุณ พี่ๆ และครูอาจารย์ที่ปูทางให้โลกของผมตลอดสามสิบกว่าปีที่ผ่านไป มีความดีงามและอุ้มชูผมมาตลอดอาชีพการทำงาน . ขอภาวนาให้สิทธิผู้ประพันธ์คืนกลับไปยังผู้สร้างสรรค์ทุกท่าน .
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 967 Views 0 Reviews
  • สถานีวิทยุกองทัพอิสราเอล วิเคราะห์ถึงมิตรภาพระหว่างทรัมป์และเนทันยาฮู ถึงจุดที่สิ้นสุดลงแล้ว

    ประธานาธิบดีทรัมป์ตัดสินใจ "ตัดการติดต่อ" กับเนทันยาฮู โดยระบุว่าเนทันยาฮูและผู้ร่วมงานของเขาแสดงพฤติกรรม "หยิ่งยโส" และพยายามกดดันประธานาธิบดี

    ผู้ใกล้ชิดของทรัมป์บอกกับรอน เดอร์เมอร์ รัฐมนตรีกระทรวงกิจการยุทธศาสตร์ของอิสราเอลว่า ประธานาธิบดีรู้สึกว่าเนทันยาฮูไม่ให้เกียรติและเอาเปรียบ รวมทั้งพยายามกดดันเขาเหมือนอย่างที่ทำกับไบเดน ซึ่งไม่มีอะไรที่เขาเกลียดไปมากกว่านี้ และประธานาธิบดีไม่ชอบ "การถูกมองว่าถูกเอาเปรียบได้ง่าย" ในที่สาธารณะ
    สถานีวิทยุกองทัพอิสราเอล วิเคราะห์ถึงมิตรภาพระหว่างทรัมป์และเนทันยาฮู ถึงจุดที่สิ้นสุดลงแล้ว ประธานาธิบดีทรัมป์ตัดสินใจ "ตัดการติดต่อ" กับเนทันยาฮู โดยระบุว่าเนทันยาฮูและผู้ร่วมงานของเขาแสดงพฤติกรรม "หยิ่งยโส" และพยายามกดดันประธานาธิบดี ผู้ใกล้ชิดของทรัมป์บอกกับรอน เดอร์เมอร์ รัฐมนตรีกระทรวงกิจการยุทธศาสตร์ของอิสราเอลว่า ประธานาธิบดีรู้สึกว่าเนทันยาฮูไม่ให้เกียรติและเอาเปรียบ รวมทั้งพยายามกดดันเขาเหมือนอย่างที่ทำกับไบเดน ซึ่งไม่มีอะไรที่เขาเกลียดไปมากกว่านี้ และประธานาธิบดีไม่ชอบ "การถูกมองว่าถูกเอาเปรียบได้ง่าย" ในที่สาธารณะ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 220 Views 0 Reviews
  • 9 мая - 9 May - 9 พฤษภาคม
    วันแห่งชัยชนะของประชาชนโซเวียตในมหาสงครามแห่งความรักชาติ

    วันที่ 9 พฤษภาคม เป็นวันแห่งชัยชนะในมหาสงครามแห่งความรักชาติ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 4 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2484 (ค.ศ.1941) ถึง พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) รวมระยะเวลา 1,418 วัน

    พิธีการยอมจำนนในเบอร์ลิน:
    วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2488 ในเขตชานเมืองของกรุงเบอร์ลิน เวลา 22:43 น. ตามเวลายุโรปกลาง (เนื่องจากเป็นเวลา 00:43 น. ตามเวลามอสโก จึงทำให้เป็นวันที่ 9 พฤษภาคม ) มีการลงนามในตราสารการยอมรับความพ่ายแพ้ของกองทัพเยอรมนีอย่างไม่มีเงื่อนไข ซึ่งถือเป็นการยุติมหาสงครามแห่งความรักชาติ และ สงครามโลกครั้งที่ 2

    ฝ่ายเยอรมัน เอกสารลงนามโดย: จอมพล Wilhelm Keitel ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพเรือเยอรมัน, พันเอก Hans Stumpf ผู้แทนของ Luftwaffe (กองทัพอากาศ), และ พลเรือเอก Hans von Friedeburg ตัวแทนของ Kriegsmarine (กองทัพเรือ)
    ในส่วนของพันธมิตรนั้น จอมพล Georgy Zhukov (จากโซเวียต) และ จอมพล Arthur Tedder (จากสหราชอาณาจักร) รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองกำลังพันธมิตร
    ส่วน นายพล Carl Spaats (สหรัฐอเมริกา) และนายพล Jean de Latre de Tassigny (ฝรั่งเศส) ลงนามในฐานะพยาน

    ก่อนหน้าที่จะมีการลงนามใน "พิธีการยอมจำนน" ที่กรุงเบอร์ลิน มีการลงนามกันในแรมส์ ประเทศฝรั่งเศส ไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อเวลา 2.41 น. ของวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 สถานที่ในการลงนามเป็นกองบัญชาการกำลังรบนอกประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรสูงสุด (SHAEF) และจะมีผลเมื่อเวลา 23.01 น. ตามเวลายุโรปกลาง ของวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1945

    แต่ทางโซเวียตไม่เห็นด้วย เนื่องจากพิธีการลงนามในแรมส์ถูกจัดขึ้นโดยฝ่ายสัมพันธมิตรตะวันตก โดยไม่ได้ตกลงกับทางกองบัญชาการหลักของโซเวียต ไม่นานหลังจากมีการลงนามยอมจำนนแล้ว ฝ่ายโซเวียตได้ประกาศว่าผู้แทนโซเวียตในแรมส์ พลเอกซูสโลปารอฟ ไม่มีอำนาจที่จะลงนามในตราสารนี้

    ยิ่งไปกว่านี้ บางส่วนของกองทัพเยอรมันปฏิเสธที่จะยอมวางอาวุธและยังคงทำการสู้รบต่อไปในเชโกสโลวาเกีย โดยได้มีการประกาศในสถานีวิทยุเยอรมันว่าเยอรมนีตกลงสันติภาพกับฝ่ายสัมพันธมิตรตะวันตก มิใช่กับฝ่ายโซเวียต

    โซเวียตยืนกรานว่าการลงนามยอมจำนนในแรมส์ ควรเรียกว่าเป็น "พิธีสารชั้นต้นของการยอมจำนน" ดังนั้นฝ่ายสัมพันธมิตรจึงตกลงให้มีพิธีการยอมจำนนอีกครั้งหนึ่งในเบอร์ลิน

    9 мая - 9 May - 9 พฤษภาคม วันแห่งชัยชนะของประชาชนโซเวียตในมหาสงครามแห่งความรักชาติ วันที่ 9 พฤษภาคม เป็นวันแห่งชัยชนะในมหาสงครามแห่งความรักชาติ ซึ่งใช้เวลาประมาณ 4 ปี ตั้งแต่ปี พ.ศ.2484 (ค.ศ.1941) ถึง พ.ศ.2488 (ค.ศ.1945) รวมระยะเวลา 1,418 วัน 👉พิธีการยอมจำนนในเบอร์ลิน: วันที่ 8 พฤษภาคม พ.ศ. 2488 ในเขตชานเมืองของกรุงเบอร์ลิน เวลา 22:43 น. ตามเวลายุโรปกลาง (เนื่องจากเป็นเวลา 00:43 น. ตามเวลามอสโก จึงทำให้เป็นวันที่ 9 พฤษภาคม ) มีการลงนามในตราสารการยอมรับความพ่ายแพ้ของกองทัพเยอรมนีอย่างไม่มีเงื่อนไข ซึ่งถือเป็นการยุติมหาสงครามแห่งความรักชาติ และ สงครามโลกครั้งที่ 2 ฝ่ายเยอรมัน เอกสารลงนามโดย: จอมพล Wilhelm Keitel ผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพเรือเยอรมัน, พันเอก Hans Stumpf ผู้แทนของ Luftwaffe (กองทัพอากาศ), และ พลเรือเอก Hans von Friedeburg ตัวแทนของ Kriegsmarine (กองทัพเรือ) ในส่วนของพันธมิตรนั้น จอมพล Georgy Zhukov (จากโซเวียต) และ จอมพล Arthur Tedder (จากสหราชอาณาจักร) รองผู้บัญชาการทหารสูงสุดแห่งกองกำลังพันธมิตร ส่วน นายพล Carl Spaats (สหรัฐอเมริกา) และนายพล Jean de Latre de Tassigny (ฝรั่งเศส) ลงนามในฐานะพยาน ก่อนหน้าที่จะมีการลงนามใน "พิธีการยอมจำนน" ที่กรุงเบอร์ลิน มีการลงนามกันในแรมส์ ประเทศฝรั่งเศส ไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อเวลา 2.41 น. ของวันที่ 7 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 สถานที่ในการลงนามเป็นกองบัญชาการกำลังรบนอกประเทศฝ่ายสัมพันธมิตรสูงสุด (SHAEF) และจะมีผลเมื่อเวลา 23.01 น. ตามเวลายุโรปกลาง ของวันที่ 8 พฤษภาคม ค.ศ. 1945 แต่ทางโซเวียตไม่เห็นด้วย เนื่องจากพิธีการลงนามในแรมส์ถูกจัดขึ้นโดยฝ่ายสัมพันธมิตรตะวันตก โดยไม่ได้ตกลงกับทางกองบัญชาการหลักของโซเวียต ไม่นานหลังจากมีการลงนามยอมจำนนแล้ว ฝ่ายโซเวียตได้ประกาศว่าผู้แทนโซเวียตในแรมส์ พลเอกซูสโลปารอฟ ไม่มีอำนาจที่จะลงนามในตราสารนี้ ยิ่งไปกว่านี้ บางส่วนของกองทัพเยอรมันปฏิเสธที่จะยอมวางอาวุธและยังคงทำการสู้รบต่อไปในเชโกสโลวาเกีย โดยได้มีการประกาศในสถานีวิทยุเยอรมันว่าเยอรมนีตกลงสันติภาพกับฝ่ายสัมพันธมิตรตะวันตก มิใช่กับฝ่ายโซเวียต โซเวียตยืนกรานว่าการลงนามยอมจำนนในแรมส์ ควรเรียกว่าเป็น "พิธีสารชั้นต้นของการยอมจำนน" ดังนั้นฝ่ายสัมพันธมิตรจึงตกลงให้มีพิธีการยอมจำนนอีกครั้งหนึ่งในเบอร์ลิน
    Wow
    1
    0 Comments 0 Shares 632 Views 0 Reviews
  • YouTube TV กำลังจะมีการปรับปรุงครั้งใหญ่ในปีนี้ โดยมีการออกแบบ UI ใหม่เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน รวมถึงฟีเจอร์ Multiview ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดูหลายช่องพร้อมกันได้ นอกจากนี้ YouTube Music ยังเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ AI ในการสร้างสถานีวิทยุส่วนตัว และ YouTube Premium เพิ่มตัวเลือกความเร็วในการเล่นวิดีโอสูงสุดถึง 4x บนมือถือ

    การออกแบบ UI ใหม่ใน YouTube TV
    - เพิ่มการนำทางที่ง่ายขึ้นและการควบคุมการเล่นที่ดีขึ้น
    - เพิ่มการเข้าถึงความคิดเห็นและข้อมูลช่อง รวมถึงการสมัครสมาชิก

    ฟีเจอร์ Multiview ที่ปรับปรุงใหม่
    - ผู้ใช้งานสามารถสร้าง Multiview ของตัวเองได้ โดยเริ่มจากช่องยอดนิยมบางช่อง
    - ก่อนหน้านี้ Multiview จำกัดเฉพาะเนื้อหากีฬาและการจัดวางที่เลือกโดย YouTube TV

    ฟีเจอร์ AI ใน YouTube Music
    - ฟีเจอร์ Ask Music ช่วยสร้างสถานีวิทยุส่วนตัวตามคำอธิบายของผู้ใช้งาน
    - ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานใน iOS และ Android สำหรับผู้ใช้ YouTube Premium และ YouTube Music

    การเพิ่มตัวเลือกความเร็วในการเล่นวิดีโอใน YouTube Premium
    - รองรับความเร็วในการเล่นสูงสุดถึง 4x บนมือถือ

    ฟีเจอร์ใหม่สำหรับผู้สร้างเนื้อหา
    - ผู้สร้างสามารถตอบความคิดเห็นด้วยโน้ตเสียง ซึ่งจะเปิดตัวให้ผู้สร้างมากขึ้นในปีนี้

    https://www.neowin.net/news/youtube-tv-is-getting-a-redesign-and-multiview-later-this-year/
    YouTube TV กำลังจะมีการปรับปรุงครั้งใหญ่ในปีนี้ โดยมีการออกแบบ UI ใหม่เพื่อเพิ่มความสะดวกในการใช้งาน รวมถึงฟีเจอร์ Multiview ที่ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถดูหลายช่องพร้อมกันได้ นอกจากนี้ YouTube Music ยังเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ที่ใช้ AI ในการสร้างสถานีวิทยุส่วนตัว และ YouTube Premium เพิ่มตัวเลือกความเร็วในการเล่นวิดีโอสูงสุดถึง 4x บนมือถือ ✅ การออกแบบ UI ใหม่ใน YouTube TV - เพิ่มการนำทางที่ง่ายขึ้นและการควบคุมการเล่นที่ดีขึ้น - เพิ่มการเข้าถึงความคิดเห็นและข้อมูลช่อง รวมถึงการสมัครสมาชิก ✅ ฟีเจอร์ Multiview ที่ปรับปรุงใหม่ - ผู้ใช้งานสามารถสร้าง Multiview ของตัวเองได้ โดยเริ่มจากช่องยอดนิยมบางช่อง - ก่อนหน้านี้ Multiview จำกัดเฉพาะเนื้อหากีฬาและการจัดวางที่เลือกโดย YouTube TV ✅ ฟีเจอร์ AI ใน YouTube Music - ฟีเจอร์ Ask Music ช่วยสร้างสถานีวิทยุส่วนตัวตามคำอธิบายของผู้ใช้งาน - ฟีเจอร์นี้เปิดให้ใช้งานใน iOS และ Android สำหรับผู้ใช้ YouTube Premium และ YouTube Music ✅ การเพิ่มตัวเลือกความเร็วในการเล่นวิดีโอใน YouTube Premium - รองรับความเร็วในการเล่นสูงสุดถึง 4x บนมือถือ ✅ ฟีเจอร์ใหม่สำหรับผู้สร้างเนื้อหา - ผู้สร้างสามารถตอบความคิดเห็นด้วยโน้ตเสียง ซึ่งจะเปิดตัวให้ผู้สร้างมากขึ้นในปีนี้ https://www.neowin.net/news/youtube-tv-is-getting-a-redesign-and-multiview-later-this-year/
    WWW.NEOWIN.NET
    YouTube TV is getting a redesign and multiview later this year
    YouTube, in its blog post celebrating its 20th anniversary, announced new features, including a TV app redesign coming this summer.
    0 Comments 0 Shares 315 Views 0 Reviews
  • นักท่องเที่ยวนับล้าน เยือนหลวงพระบาง

    สถานีวิทยุแห่งชาติลาว (Lao National Radio) รายงานเมื่อวันที่ 23 เม.ย. ว่า แขวงหลวงพระบาง ทางตอนเหนือของประเทศลาว ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยว 1,167,581 คน ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้น 722,679 คน หรือเพิ่มขึ้นถึง 162% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 แบ่งออกเป็นนักท่องเที่ยวในประเทศ 459,091 คน เพิ่มขึ้น 297,081 คน หรือ 183% จากปีก่อน และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 708,490 คน เพิ่มขึ้น 425,661 คน คิดเป็น 232% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สร้างรายได้กว่า 584,665,369 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (19,589.79 ล้านบาท)

    นางสุดาพอน คันทะวง หัวหน้าแผนกแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยว แขวงหลวงพระบาง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาในปี 2567 แขวงหลวงพระบาง ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยว 2,326,758 ล้านคน เกินเป้าหมายประจำปี 30.8% สร้างรายได้ 1,209,189,549 เหรียญสหรัฐฯ (40,532.02 ล้านบาท) ด้านสำนักข่าวซินหัว รายงานว่า แขวงหลวงพระบางคาดการณ์ว่าในปีนี้จะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างน้อย 2.3 ล้านคน โดยตั้งเป้าสร้างรายได้มากกว่า 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (40,213 ล้านบาท)

    แขวงหลวงพระบาง ห่างจากนครหลวงเวียงจันทน์ประมาณ 220 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในแขวงที่มีชื่อเสียงที่สุดของลาว และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เนื่องจากมีวัดเก่าแก่ สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม และทิวทัศน์ชนบท โดยรัฐบาลลาวถือว่าการท่องเที่ยวเป็นภาคเศรษฐกิจหลัก ซึ่งเน้นย้ำถึงบทบาทในการสร้างงาน สร้างรายได้ และการไหลเข้าของเงินตราต่างประเทศ ซึ่งมีส่วนสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ

    สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงได้แก่ วัดเชียงทอง หอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง พระธาตุพูสี วัดใหม่สุวรรณภูมาราม น้ำตกตาดกวางสี ตลาดเช้าและตลาดมืด รวมทั้งกิจกรรมล่องเรือแม่น้ำโขง

    สำหรับนักท่องเที่ยวจากประเทศไทย การเดินทางสะดวกกว่าเมื่อก่อน เพราะมีรถไฟลาว-จีนให้บริการระหว่างสถานีนครหลวงเวียงจันทน์ ถึงสถานีหลวงพระบางวันละ 6 ขบวน เที่ยวแรก 07.20 น. เที่ยวสุดท้าย 16.05 น. รถไฟธรรมดาราคาเริ่มต้นที่ 234,000 กีบ (363 บาท) รถไฟ EMU ราคาเริ่มต้นที่ 330,000 กีบ (512 บาท) ซื้อตั๋วล่วงหน้า 3 วันก่อนเดินทางได้ที่แอปพลิเคชัน LCR Ticket สามารถใช้เบอร์มือถือไทยลงทะเบียน และชำระค่าตั๋วรถไฟผ่านบัตร VISA ได้

    นอกจากนี้ ยังมีเที่ยวบินไปยังหลวงพระบาง จากสนามบินสุวรรณภูมิ บางกอกแอร์เวย์บินทุกวัน ลาวแอร์ไลน์สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน จากสนามบินดอนเมือง ไทยแอร์เอเชียบินทุกวัน และสนามบินเชียงใหม่ ลาวแอร์ไลน์สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน

    #Newskit
    นักท่องเที่ยวนับล้าน เยือนหลวงพระบาง สถานีวิทยุแห่งชาติลาว (Lao National Radio) รายงานเมื่อวันที่ 23 เม.ย. ว่า แขวงหลวงพระบาง ทางตอนเหนือของประเทศลาว ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยว 1,167,581 คน ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้น 722,679 คน หรือเพิ่มขึ้นถึง 162% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 แบ่งออกเป็นนักท่องเที่ยวในประเทศ 459,091 คน เพิ่มขึ้น 297,081 คน หรือ 183% จากปีก่อน และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 708,490 คน เพิ่มขึ้น 425,661 คน คิดเป็น 232% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สร้างรายได้กว่า 584,665,369 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (19,589.79 ล้านบาท) นางสุดาพอน คันทะวง หัวหน้าแผนกแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยว แขวงหลวงพระบาง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาในปี 2567 แขวงหลวงพระบาง ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยว 2,326,758 ล้านคน เกินเป้าหมายประจำปี 30.8% สร้างรายได้ 1,209,189,549 เหรียญสหรัฐฯ (40,532.02 ล้านบาท) ด้านสำนักข่าวซินหัว รายงานว่า แขวงหลวงพระบางคาดการณ์ว่าในปีนี้จะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างน้อย 2.3 ล้านคน โดยตั้งเป้าสร้างรายได้มากกว่า 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (40,213 ล้านบาท) แขวงหลวงพระบาง ห่างจากนครหลวงเวียงจันทน์ประมาณ 220 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในแขวงที่มีชื่อเสียงที่สุดของลาว และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เนื่องจากมีวัดเก่าแก่ สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม และทิวทัศน์ชนบท โดยรัฐบาลลาวถือว่าการท่องเที่ยวเป็นภาคเศรษฐกิจหลัก ซึ่งเน้นย้ำถึงบทบาทในการสร้างงาน สร้างรายได้ และการไหลเข้าของเงินตราต่างประเทศ ซึ่งมีส่วนสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงได้แก่ วัดเชียงทอง หอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง พระธาตุพูสี วัดใหม่สุวรรณภูมาราม น้ำตกตาดกวางสี ตลาดเช้าและตลาดมืด รวมทั้งกิจกรรมล่องเรือแม่น้ำโขง สำหรับนักท่องเที่ยวจากประเทศไทย การเดินทางสะดวกกว่าเมื่อก่อน เพราะมีรถไฟลาว-จีนให้บริการระหว่างสถานีนครหลวงเวียงจันทน์ ถึงสถานีหลวงพระบางวันละ 6 ขบวน เที่ยวแรก 07.20 น. เที่ยวสุดท้าย 16.05 น. รถไฟธรรมดาราคาเริ่มต้นที่ 234,000 กีบ (363 บาท) รถไฟ EMU ราคาเริ่มต้นที่ 330,000 กีบ (512 บาท) ซื้อตั๋วล่วงหน้า 3 วันก่อนเดินทางได้ที่แอปพลิเคชัน LCR Ticket สามารถใช้เบอร์มือถือไทยลงทะเบียน และชำระค่าตั๋วรถไฟผ่านบัตร VISA ได้ นอกจากนี้ ยังมีเที่ยวบินไปยังหลวงพระบาง จากสนามบินสุวรรณภูมิ บางกอกแอร์เวย์บินทุกวัน ลาวแอร์ไลน์สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน จากสนามบินดอนเมือง ไทยแอร์เอเชียบินทุกวัน และสนามบินเชียงใหม่ ลาวแอร์ไลน์สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 747 Views 0 Reviews
  • จากเชียงใหม่ไปเวียงจันทน์ เส้นทางใหม่ R11 เพียง 11 ชั่วโมง

    เปิดใช้อย่างเป็นทางการ สำหรับทางหลวงแห่งชาติหมายเลข 11 (R11) เชื่อมต่อระหว่างภาคเหนือของประเทศไทยกับนครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยเมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา มีพิธีเปิดทางหลวง R11 จากเมืองสังทอง นครหลวงเวียงจันทน์ ถึงบ้านครกข้าวดอ เมืองสานะคาม แขวงเวียงจันทน์ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (NEDA) และกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว

    สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว (Lao National Radio) รายงานว่า ทางหลวง R11 เป็นเส้นทางสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างไทย-ลาว ออกแบบเป็น 2 ช่องจราจร ตามมาตรฐานทางหลวงอาเซียน เริ่มจากจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ ก่อนจะเข้าสู่จุดผ่านแดนถาวรภูดู่ เข้าสู่เมืองปากลาย แขวงไซยะบุลี เมืองสังทอง สิ้นสุดที่นครหลวงเวียงจันทน์ รวมระยะทางในประเทศไทย 391 กิโลเมตร และในประเทศลาว 238 กิโลเมตร

    ก่อนหน้านี้การเดินทางจากจังหวัดเชียงใหม่ ไปนครหลวงเวียงจันทน์ ต้องออกไปทางด่านพรมแดนหนองคาย ระยะทาง 863 กิโลเมตร ใช้เวลา 14 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้เส้นทางนี้จะมีระยะทาง 629 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียง 10-11 ชั่วโมงเท่านั้น และเป็นการเดินทางในเส้นทางตรงที่ไม่มีสันภู หรือทางลาดชัน ช่วยให้สัญจรไปมาได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากจะประหยัดเวลาแล้ว ยังมีบทบาทสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการพัฒนาสองประเทศ

    ที่ผ่านมา NEDA ได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป.ลาว ก่อสร้างและพัฒนาถนน รวม 3 โครงการ ได้แก่

    1. ก่อสร้างถนนจากด่านภูดู่ อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์ ถึงเมืองปากลาย แขวงไซยะบุลี ระยะทาง 32 กิโลเมตร วงเงิน 718 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเดือน ธ.ค. 2555 แล้วเสร็จเดือน มิ.ย. 2557

    2. พัฒนาถนน R11 ช่วงบ้านตาดทอง-น้ำสัง และเมืองสังทอง ระยะทาง 82 กิโลเมตร วงเงิน 1,392 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเดือน พ.ค. 2554 แล้วเสร็จเดือน ก.ค. 2557

    3. พัฒนาถนน R11 ช่วงครกข้าวดอ-บ้านโนนสะหวัน-สานะคาม-บ้านวัง-บ้านน้ำสัง ระยะทาง 124 กิโลเมตร วงเงิน 1,826.50 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเดือน ต.ค. 2562 แล้วเสร็จเตือน ก.ค. 2566

    สำหรับจุดผ่านแดนถาวรภูดู่ ห่างจากตัวเมืองอุตรดิตถ์ประมาณ 160 กิโลเมตร เปิดตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. การนำรถยนต์เข้าประเทศลาว ต้องมีหนังสืออนุญาตรถระหว่างประเทศ (พาสปอร์ตรถ) ใบรับรองการตรวจสภาพรถ ทะเบียนรถที่แปลเป็นทะเบียนสากลในรูปแบบกระดาษ A4 สติกเกอร์สัญลักษณ์ตัว T และต้องทำประกันภัยรถยนต์บุคคล 3 ของ สปป.ลาวด้วย ซึ่งมีทั้งแบบ 7 วัน 3 เดือน และรายปี

    #Newskit
    จากเชียงใหม่ไปเวียงจันทน์ เส้นทางใหม่ R11 เพียง 11 ชั่วโมง เปิดใช้อย่างเป็นทางการ สำหรับทางหลวงแห่งชาติหมายเลข 11 (R11) เชื่อมต่อระหว่างภาคเหนือของประเทศไทยกับนครหลวงเวียงจันทน์ สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) โดยเมื่อวันที่ 20 ก.พ. ที่ผ่านมา มีพิธีเปิดทางหลวง R11 จากเมืองสังทอง นครหลวงเวียงจันทน์ ถึงบ้านครกข้าวดอ เมืองสานะคาม แขวงเวียงจันทน์ ภายใต้ความร่วมมือระหว่างสำนักงานความร่วมมือพัฒนาเศรษฐกิจกับประเทศเพื่อนบ้าน (NEDA) และกระทรวงโยธาธิการและขนส่ง สปป.ลาว สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว (Lao National Radio) รายงานว่า ทางหลวง R11 เป็นเส้นทางสำคัญที่เชื่อมต่อระหว่างไทย-ลาว ออกแบบเป็น 2 ช่องจราจร ตามมาตรฐานทางหลวงอาเซียน เริ่มจากจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง แพร่ อุตรดิตถ์ ก่อนจะเข้าสู่จุดผ่านแดนถาวรภูดู่ เข้าสู่เมืองปากลาย แขวงไซยะบุลี เมืองสังทอง สิ้นสุดที่นครหลวงเวียงจันทน์ รวมระยะทางในประเทศไทย 391 กิโลเมตร และในประเทศลาว 238 กิโลเมตร ก่อนหน้านี้การเดินทางจากจังหวัดเชียงใหม่ ไปนครหลวงเวียงจันทน์ ต้องออกไปทางด่านพรมแดนหนองคาย ระยะทาง 863 กิโลเมตร ใช้เวลา 14 ชั่วโมง แต่ถ้าใช้เส้นทางนี้จะมีระยะทาง 629 กิโลเมตร ใช้เวลาเพียง 10-11 ชั่วโมงเท่านั้น และเป็นการเดินทางในเส้นทางตรงที่ไม่มีสันภู หรือทางลาดชัน ช่วยให้สัญจรไปมาได้อย่างสะดวกสบาย นอกจากจะประหยัดเวลาแล้ว ยังมีบทบาทสำคัญขับเคลื่อนเศรษฐกิจและการพัฒนาสองประเทศ ที่ผ่านมา NEDA ได้ให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่ สปป.ลาว ก่อสร้างและพัฒนาถนน รวม 3 โครงการ ได้แก่ 1. ก่อสร้างถนนจากด่านภูดู่ อ.บ้านโคก จ.อุตรดิตถ์ ถึงเมืองปากลาย แขวงไซยะบุลี ระยะทาง 32 กิโลเมตร วงเงิน 718 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเดือน ธ.ค. 2555 แล้วเสร็จเดือน มิ.ย. 2557 2. พัฒนาถนน R11 ช่วงบ้านตาดทอง-น้ำสัง และเมืองสังทอง ระยะทาง 82 กิโลเมตร วงเงิน 1,392 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเดือน พ.ค. 2554 แล้วเสร็จเดือน ก.ค. 2557 3. พัฒนาถนน R11 ช่วงครกข้าวดอ-บ้านโนนสะหวัน-สานะคาม-บ้านวัง-บ้านน้ำสัง ระยะทาง 124 กิโลเมตร วงเงิน 1,826.50 ล้านบาท เริ่มก่อสร้างเดือน ต.ค. 2562 แล้วเสร็จเตือน ก.ค. 2566 สำหรับจุดผ่านแดนถาวรภูดู่ ห่างจากตัวเมืองอุตรดิตถ์ประมาณ 160 กิโลเมตร เปิดตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น. การนำรถยนต์เข้าประเทศลาว ต้องมีหนังสืออนุญาตรถระหว่างประเทศ (พาสปอร์ตรถ) ใบรับรองการตรวจสภาพรถ ทะเบียนรถที่แปลเป็นทะเบียนสากลในรูปแบบกระดาษ A4 สติกเกอร์สัญลักษณ์ตัว T และต้องทำประกันภัยรถยนต์บุคคล 3 ของ สปป.ลาวด้วย ซึ่งมีทั้งแบบ 7 วัน 3 เดือน และรายปี #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 929 Views 0 Reviews
  • ปรับ 2.5 แสนริงกิตคลื่น ERA ปมคลิปดีเจล้อเลียนฮินดู

    ความคืบหน้ากรณีที่ ปาก อาซาด (Pak Azad) หรือ อาซาด จัสมิน จอห์น หลุยส์ เจฟฟรี่ (Azad Jazmin John Louis Jeffri) ดีเจสถานีวิทยุอีรา (ERA) คลื่นเพลงชื่อดังในมาเลเซีย ไปล้อเลียนการเต้นรำกาวาดี (Kavadi) ของศาสนาฮินดู แล้วมีคลิปในบัญชีโซเชียลมีเดียทางการของสถานี ทำให้ชาวมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย และผู้ที่นับถือศาสนาฮินดูไม่พอใจ กระทั่งบริษัทแอสโตรสั่งให้พักงานดีเจสามคนที่จัดรายการร่วมกัน และพนักงานสถานีอีก 2 คนอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่ดีเจทั้งสามคนขอโทษทั้งผ่านคลิปวีดีโอ รวมทั้งไปขอโทษต่อชุมชนชาวอินเดียที่วัดถ้ำบาตู (Batu Caves) ก่อนหน้านี้

    ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 11 มี.ค. คณะกรรมการสื่อสารและมัลติมีเดียแห่งมาเลเซีย (MCMC) สั่งปรับ 250,000 ริงกิต (1,925,000 บาท) แก่บริษัทเมสตร้า บอร์ดคาสต์ (Maestra Broadcast) บริษัทย่อยของ แอสโตร มาเลเซีย โฮลดิ้งส์ (Astro Malaysia Holdings) ผู้ผลิตสื่อบันเทิงในมาเลเซีย โดยพิจารณาจากวีดีโอคลิปอัปโหลดลงในติ๊กต็อกที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ แต่ไม่ระงับใบอนุญาตสถานีวิทยุ เนื่องจากบริษัทฯ ได้แก้ไขปัญหาพร้อมกับขอโทษ อีกทั้งเกรงถึงผลกระทบกับคลื่นเพลงภาษาจีน Melody และคลื่นเพลงสากล Mix FM ภายใต้ใบอนุญาตเดียวกันด้วย

    อย่างไรก็ตาม มีการเปรียบเทียบและโจมตี MCMC โดยเทียบกับกรณีละเมิดกฎ "3R" ได้แก่ เชื้อชาติ ศาสนา และราชวงศ์ (Race, Religion and Royalty) ทำนองว่าลำเอียงเมื่อเทียบกับคดีอื่นๆ ทำให้นายฟาห์มี ฟาดซิล รมว.การสื่อสาร และโฆษกรัฐบาลอันวาร์ อิบราฮิม อธิบายว่าแตกต่างกัน เพราะกรณีถุงเท้าในร้าน KK Mart เป็นคดีอาญา ศาลกำหนดค่าปรับ 60,000 ริงกิต (462,000 บาท) ส่วนกรณีนักแสดง ฮาริธ อิสกันเดอร์ (Harith Iskander) และผู้ใช้โซเชียลมีเดีย Cecelia Yap ที่อัปโหลดเนื้อหาพาดพิงศาสนาอิสลาม ถูกดำเนินคดีในนามบุคคล ไม่ใช่บริษัท และอัยการให้ปรับ 10,000 ริงกิต (77,000 บาท) โดยไม่ได้นำคดีขึ้นสู่ศาลแต่อย่างใด

    ตุนกู นาซรุล อาไบดาห์ โฆษกอาวุโสของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ ระบุว่า นายกฯ เรียกร้องให้ชาวมาเลเซียทุกคนร่วมมือกันเพื่อเป็นตัวแทนแห่งความสามัคคี และช่วยเหลือรัฐบาลรวมพลังชาวมาเลเซียทุกคนที่มีศาสนา เชื้อชาติ และชาติพันธุ์ที่แตกต่างเข้าด้วยกัน โดยนายกฯ ได้พบกับดีเจที่เป็นข่าว ในงานเลี้ยงอาหารค่ำอิฟตาร์กับผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 11 มี.ค.โดยแนะว่าให้นำสารแห่งความสามัคคีไปใช้ในชีวิตประจำวัน และหวังว่าชาวมาเลเซียจะก้าวข้ามเรื่องนี้ไปข้างหน้าเพื่อสร้างสันติภาพและความสามัคคีในประเทศ โดยเคารพซึ่งกันและกัน

    #Newskit
    ปรับ 2.5 แสนริงกิตคลื่น ERA ปมคลิปดีเจล้อเลียนฮินดู ความคืบหน้ากรณีที่ ปาก อาซาด (Pak Azad) หรือ อาซาด จัสมิน จอห์น หลุยส์ เจฟฟรี่ (Azad Jazmin John Louis Jeffri) ดีเจสถานีวิทยุอีรา (ERA) คลื่นเพลงชื่อดังในมาเลเซีย ไปล้อเลียนการเต้นรำกาวาดี (Kavadi) ของศาสนาฮินดู แล้วมีคลิปในบัญชีโซเชียลมีเดียทางการของสถานี ทำให้ชาวมาเลเซียเชื้อสายอินเดีย และผู้ที่นับถือศาสนาฮินดูไม่พอใจ กระทั่งบริษัทแอสโตรสั่งให้พักงานดีเจสามคนที่จัดรายการร่วมกัน และพนักงานสถานีอีก 2 คนอย่างไม่มีกำหนด ขณะที่ดีเจทั้งสามคนขอโทษทั้งผ่านคลิปวีดีโอ รวมทั้งไปขอโทษต่อชุมชนชาวอินเดียที่วัดถ้ำบาตู (Batu Caves) ก่อนหน้านี้ ปรากฎว่าเมื่อวันที่ 11 มี.ค. คณะกรรมการสื่อสารและมัลติมีเดียแห่งมาเลเซีย (MCMC) สั่งปรับ 250,000 ริงกิต (1,925,000 บาท) แก่บริษัทเมสตร้า บอร์ดคาสต์ (Maestra Broadcast) บริษัทย่อยของ แอสโตร มาเลเซีย โฮลดิ้งส์ (Astro Malaysia Holdings) ผู้ผลิตสื่อบันเทิงในมาเลเซีย โดยพิจารณาจากวีดีโอคลิปอัปโหลดลงในติ๊กต็อกที่บริษัทฯ เป็นเจ้าของ แต่ไม่ระงับใบอนุญาตสถานีวิทยุ เนื่องจากบริษัทฯ ได้แก้ไขปัญหาพร้อมกับขอโทษ อีกทั้งเกรงถึงผลกระทบกับคลื่นเพลงภาษาจีน Melody และคลื่นเพลงสากล Mix FM ภายใต้ใบอนุญาตเดียวกันด้วย อย่างไรก็ตาม มีการเปรียบเทียบและโจมตี MCMC โดยเทียบกับกรณีละเมิดกฎ "3R" ได้แก่ เชื้อชาติ ศาสนา และราชวงศ์ (Race, Religion and Royalty) ทำนองว่าลำเอียงเมื่อเทียบกับคดีอื่นๆ ทำให้นายฟาห์มี ฟาดซิล รมว.การสื่อสาร และโฆษกรัฐบาลอันวาร์ อิบราฮิม อธิบายว่าแตกต่างกัน เพราะกรณีถุงเท้าในร้าน KK Mart เป็นคดีอาญา ศาลกำหนดค่าปรับ 60,000 ริงกิต (462,000 บาท) ส่วนกรณีนักแสดง ฮาริธ อิสกันเดอร์ (Harith Iskander) และผู้ใช้โซเชียลมีเดีย Cecelia Yap ที่อัปโหลดเนื้อหาพาดพิงศาสนาอิสลาม ถูกดำเนินคดีในนามบุคคล ไม่ใช่บริษัท และอัยการให้ปรับ 10,000 ริงกิต (77,000 บาท) โดยไม่ได้นำคดีขึ้นสู่ศาลแต่อย่างใด ตุนกู นาซรุล อาไบดาห์ โฆษกอาวุโสของนายกรัฐมนตรีอันวาร์ ระบุว่า นายกฯ เรียกร้องให้ชาวมาเลเซียทุกคนร่วมมือกันเพื่อเป็นตัวแทนแห่งความสามัคคี และช่วยเหลือรัฐบาลรวมพลังชาวมาเลเซียทุกคนที่มีศาสนา เชื้อชาติ และชาติพันธุ์ที่แตกต่างเข้าด้วยกัน โดยนายกฯ ได้พบกับดีเจที่เป็นข่าว ในงานเลี้ยงอาหารค่ำอิฟตาร์กับผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนเมื่อวันที่ 11 มี.ค.โดยแนะว่าให้นำสารแห่งความสามัคคีไปใช้ในชีวิตประจำวัน และหวังว่าชาวมาเลเซียจะก้าวข้ามเรื่องนี้ไปข้างหน้าเพื่อสร้างสันติภาพและความสามัคคีในประเทศ โดยเคารพซึ่งกันและกัน #Newskit
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 949 Views 0 Reviews
  • ดีเจมาเลเซีย ล้อเลียนพิธีกรรมฮินดู

    เกิดเรื่องไม่เหมาะสมในวงการวิทยุมาเลเซีย เมื่อ อาซาด จัสมิน จอห์น หลุยส์ เจฟฟรี่ (Azad Jazmin John Louis Jeffri) หนึ่งในผู้ดำเนินรายการตีกะ ปากี อีรา (3 Pagi Era) ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกวันจันทร์-ศุกร์ 6 โมงเช้า ทางสถานีวิทยุอีรา (ERA) คลื่นเพลงชื่อดังในมาเลเซีย แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ล้อเลียนการเต้นรำกาวาดี (Kavadi) ของศาสนาฮินดู ซึ่งเป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ในช่วงเทศกาลไทปูซัม (Thaipusam) ตะโกนคำว่า “เวล เวล!” และหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ปรากฎผ่านวีดีโอคลิปในบัญชีโซเชียลมีเดียทางการของสถานี กลายเป็นที่วิจารณ์และไม่พอใจอย่างมากสำหรับชาวฮินดูในมาเลเซีย

    พฤติกรรมดังกล่าวมีความผิดตามกฎหมายมาเลเซีย ข้อหาจงใจทำร้ายความรู้สึกทางศาสนาของบุคคลใดๆ (กฎหมายอาญามาตรา 298) กับข้อหาใช้ระบบหรือบริการเครือข่ายสื่อสารและมัลติมีเดียไม่เหมาะสม (มาตรา 233 พ.ร.บ.การสื่อสารและมัลติมีเดีย) ซึ่งมีผู้แจ้งความกับตำรวจแล้วและอยู่ในระหว่างสอบสวน ส่วนคณะกรรมการการสื่อสารและมัลติมีเดียแห่งมาเลเซีย (MCMC) ได้เรียกแอสโตร (Astro) บริษัทด้านสื่อและบันเทิงในมาเลเซีย กับผู้บริหารสถานีมาชี้แจง ขณะที่ โกบินด์ ซิงห์ ดิโอ รมว.ดิจิทัลมาเลเซีย ตำหนิพฤติกรรมดีเจคนดังกล่าวว่า น่ารังเกียจและกังวลใจอย่างยิ่ง การล้อเลียนหรือไม่เคารพต่อศาสนาใดๆ ถือเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

    ขณะที่แอสโตรได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจ และจะดําเนินการสอบสวนภายในอย่างละเอียด โดยซีอีโอและผู้บริหารระดับสูงได้เข้าพบคณะกรรมการ MCMC และตัดสินใจระงับการจัดรายการของดีเจทั้ง 3 คน พร้อมพนักงานอีก 2 คน

    ด้านดีเจทั้งสามคน นำโดย นาบิล อาห์หมัด (Nabil Ahmad), อาซาด และ ราดิน อาเมียร์ อัฟเฟนดี (Radin Amir Affendy) ออกมาขอโทษต่อวีดีโอคลิปดังกล่าว ที่ทำให้หลายฝ่ายไม่สบายใจ และกระทบความรู้สึกบางคน รวมทั้งชาวมาเลย์เชื้อสายอินเดีย ขณะที่ราดินได้ขอให้ผู้ฟังมั่นใจว่า เรื่องดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต ส่วนคนต้นเรื่องอย่างอาซาด กล่าวว่า ยินดีรับคำติชมและคำวิจารณ์อยู่เสมอเพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนาตัวเอง โดยเฉพาะจากผู้ฟัง พร้อมขออภัยอย่างสุดซึ้งสำหรับความผิดพลาดที่ไม่ได้ตั้งใจและเสียใจอย่างยิ่ง

    อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เตือนทุกฝ่ายให้หลีกเลี่ยงคำพูดหรือการกระทำที่เกี่ยวข้องกับ 3R ได้แก่ เชื้อชาติ ศาสนา และราชวงศ์ (Race, Religion and Royalty) เพราะจะทำลายความสามัคคีในชาติ และจะต้องไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก พร้อมกับให้ชาวมาเลเซียทุกคนให้ความสำคัญกับความเคารพในชุมชนต่างๆ ตามหลักการแห่งชาติ (Rukun Negara)

    #Newskit
    ดีเจมาเลเซีย ล้อเลียนพิธีกรรมฮินดู เกิดเรื่องไม่เหมาะสมในวงการวิทยุมาเลเซีย เมื่อ อาซาด จัสมิน จอห์น หลุยส์ เจฟฟรี่ (Azad Jazmin John Louis Jeffri) หนึ่งในผู้ดำเนินรายการตีกะ ปากี อีรา (3 Pagi Era) ที่จัดขึ้นเป็นประจำทุกวันจันทร์-ศุกร์ 6 โมงเช้า ทางสถานีวิทยุอีรา (ERA) คลื่นเพลงชื่อดังในมาเลเซีย แสดงพฤติกรรมไม่เหมาะสม ล้อเลียนการเต้นรำกาวาดี (Kavadi) ของศาสนาฮินดู ซึ่งเป็นพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ในช่วงเทศกาลไทปูซัม (Thaipusam) ตะโกนคำว่า “เวล เวล!” และหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง ปรากฎผ่านวีดีโอคลิปในบัญชีโซเชียลมีเดียทางการของสถานี กลายเป็นที่วิจารณ์และไม่พอใจอย่างมากสำหรับชาวฮินดูในมาเลเซีย พฤติกรรมดังกล่าวมีความผิดตามกฎหมายมาเลเซีย ข้อหาจงใจทำร้ายความรู้สึกทางศาสนาของบุคคลใดๆ (กฎหมายอาญามาตรา 298) กับข้อหาใช้ระบบหรือบริการเครือข่ายสื่อสารและมัลติมีเดียไม่เหมาะสม (มาตรา 233 พ.ร.บ.การสื่อสารและมัลติมีเดีย) ซึ่งมีผู้แจ้งความกับตำรวจแล้วและอยู่ในระหว่างสอบสวน ส่วนคณะกรรมการการสื่อสารและมัลติมีเดียแห่งมาเลเซีย (MCMC) ได้เรียกแอสโตร (Astro) บริษัทด้านสื่อและบันเทิงในมาเลเซีย กับผู้บริหารสถานีมาชี้แจง ขณะที่ โกบินด์ ซิงห์ ดิโอ รมว.ดิจิทัลมาเลเซีย ตำหนิพฤติกรรมดีเจคนดังกล่าวว่า น่ารังเกียจและกังวลใจอย่างยิ่ง การล้อเลียนหรือไม่เคารพต่อศาสนาใดๆ ถือเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ ขณะที่แอสโตรได้ออกแถลงการณ์แสดงความเสียใจ และจะดําเนินการสอบสวนภายในอย่างละเอียด โดยซีอีโอและผู้บริหารระดับสูงได้เข้าพบคณะกรรมการ MCMC และตัดสินใจระงับการจัดรายการของดีเจทั้ง 3 คน พร้อมพนักงานอีก 2 คน ด้านดีเจทั้งสามคน นำโดย นาบิล อาห์หมัด (Nabil Ahmad), อาซาด และ ราดิน อาเมียร์ อัฟเฟนดี (Radin Amir Affendy) ออกมาขอโทษต่อวีดีโอคลิปดังกล่าว ที่ทำให้หลายฝ่ายไม่สบายใจ และกระทบความรู้สึกบางคน รวมทั้งชาวมาเลย์เชื้อสายอินเดีย ขณะที่ราดินได้ขอให้ผู้ฟังมั่นใจว่า เรื่องดังกล่าวจะไม่เกิดขึ้นซ้ำอีกในอนาคต ส่วนคนต้นเรื่องอย่างอาซาด กล่าวว่า ยินดีรับคำติชมและคำวิจารณ์อยู่เสมอเพื่อนำไปปรับปรุงพัฒนาตัวเอง โดยเฉพาะจากผู้ฟัง พร้อมขออภัยอย่างสุดซึ้งสำหรับความผิดพลาดที่ไม่ได้ตั้งใจและเสียใจอย่างยิ่ง อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เตือนทุกฝ่ายให้หลีกเลี่ยงคำพูดหรือการกระทำที่เกี่ยวข้องกับ 3R ได้แก่ เชื้อชาติ ศาสนา และราชวงศ์ (Race, Religion and Royalty) เพราะจะทำลายความสามัคคีในชาติ และจะต้องไม่เกิดขึ้นซ้ำอีก พร้อมกับให้ชาวมาเลเซียทุกคนให้ความสำคัญกับความเคารพในชุมชนต่างๆ ตามหลักการแห่งชาติ (Rukun Negara) #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 921 Views 0 Reviews
  • รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noël Barrot) ล่าสุดแสดงความรู้สึกมึนงงหลังมีรายงานรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ (Pete Hegseth) มีรายงานสั่งให้ยุติปฏิบัติการต่อต้านรัสเซียทางไซเบอร์ชั่วคราว
    .
    โพลิติโกของสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (3 มี.ค.) ว่า กลายเป็นประเด็นล่าสุดของการเปลี่ยนนโยบายการต่างประเทศสหรัฐฯ แบบ 360 องศาที่ดูเหมือนทำให้ “รัสเซีย” ได้เปรียบส่งผลทำให้เป็นที่กังขาในสายตาทั่วโลกโดยเฉพาะในยุโรป
    .
    รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noël Barrot) วันจันทร์ (3) ออกมาแสดงความเห็นสถานีวิทยุฟรานซ์อินเตอร์ (France Inter) ว่า “ผมมีปัญหาเล็กน้อยในความเข้าใจ (การตัดสินใจของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ)”
    .
    รัฐมนตรีฝรั่งเศสกล่าวว่า บรรดาชาติสมาชิกสหภาพยุโรปมักตกเป็นเป้าการโจมตีทางไซเบอร์จากรัสเซีย
    .
    นิวสวีกของสหรัฐฯ รายงานว่า คำสั่งของเฮกเซธเป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวที่จะนำประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน กลับสู่โต๊ะเจรจาสงครามยูเครน แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างมอสโกและวอชิงตัน อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส
    .
    The Record สื่อความมั่นคงทางไซเบอร์เป็นสื่อแรกที่รายงานคำสั่งรัฐมนตรีกลาโหมเพนตากอนที่ออกคำสั่งให้ยุติปฏิบัติการต่อต้านคู่อริรัสเซียเมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.)
    .
    สำนักงานกองบัญชาการไซเบอร์สหรัฐฯ USCYBERCOM (U.S. Cyber Command) ภายใต้กองทัพสหรัฐฯ ก่อตั้งมานานกว่า 10 ปีมีผู้ปฏิบัติการไม่กี่ร้อยคนประจำฐานที่ฟอร์ตมีด (Fort Meade) รัฐแมรีแลนด์
    .
    “คำสั่งนี้ไม่ใช้กับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ NSA ที่เฮกเซธทำหน้าที่บริหารหรือสัญญาณของตัวเองในการทำงานด้านข่าวกรองที่มีเป้าหมายไปที่รัสเซีย” The Record ชี้
    .
    ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สกล่าวว่า คำสั่งของเจ้ากระทรวงเพนตากอนออกมาก่อนเกิดศึกหน้าจอโทรทัศน์ที่ทำเนียบขาวระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ที่เป็นส่วนหนึ่งของการกลับมาประเมินอีกครั้งในปฏิบัติการทั้งหมดต่อต้านรัสเซียที่ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะ
    .
    ขณะที่เจ้าหน้าที่อเมริกันทั้งหลายกล่าวว่า มันเป็นเรื่องปกติสำหรับปฏิบัติการทางการทหารที่จะมีการหยุดพักชั่วคราวระหว่างการเจรจาทางการทูต ซึ่งการถอยออกมาจากปฏิบัติการทางไซเบอร์ต่อต้านรัสเซียอาจเป็นเหมือนการเดิมพันเพราะเกมจะอยู่ในมือของประธานาธิบดีปูตินที่จะยอมเคลื่อนไหวในลักษณะที่คล้ายกันหรือไม่
    .
    ทั้งนี้ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ไม่เปิดเผยได้กล่าวต่อ CNN ว่า การสั่งหยุดพักชั่วคราวถือเป็นความหายนะครั้งใหญ่ ขณะที่ผู้นำเสียงข้างน้อยพรรคเดโมแครตในสภาสูงสหรัฐฯ ชัค ชูเมอร์ (Chuck Schumer) ออกมาโพสต์บนแพลตฟอร์ม X ว่า มันอาจเป็นความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญที่อาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้รัสเซีย
    .
    อย่างไรก็ตามในวันอาทิตย์ (2) สำนักงานความมั่นคงโครงสร้างพื้นฐานและไซเบอร์สหรัฐฯ (U.S. Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) แถลงบนแพลตฟอร์ม X ว่า ภารกิจของสำนักงานในการปกป้องภัยคุกคามทางไซเบอร์ทุกรูปแบบรวมถึงจาก “รัสเซีย” ไม่เปลี่ยนแปลง
    .
    โพลิติโกรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของเพนตากอนครั้งสำคัญนี้ทำให้มีความประหลาดใจอย่างมากในยุโรปที่ “รัสเซีย” ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามหลักในทางไซเบอร์ควบคู่ไปกับ “จีน”
    .
    ซึ่งทั้งเจ้าหน้าฝรั่งเศสและประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง ต่างออกมากล่าวหา “รัสเซีย” หลายครั้งที่ปูตินใช้สงครามไฮบริดต่อฝรั่งเศสผ่านทางการโจมตีทางไซเบอร์ “รัสเซียกำลังโจมตีพวกเราผ่านทางข้อมูลทางไซเบอร์”
    .
    มาครงกล่าวในเดือนที่ผ่านมาอ้างว่า “มอสโกกำลังแสวงหาเพื่อสร้างความไร้เสถียรภาพต่อประชาธิปไตยของพวกเรา”
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021231
    ..............
    Sondhi X
    รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noël Barrot) ล่าสุดแสดงความรู้สึกมึนงงหลังมีรายงานรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ (Pete Hegseth) มีรายงานสั่งให้ยุติปฏิบัติการต่อต้านรัสเซียทางไซเบอร์ชั่วคราว . โพลิติโกของสหรัฐฯ รายงานวานนี้ (3 มี.ค.) ว่า กลายเป็นประเด็นล่าสุดของการเปลี่ยนนโยบายการต่างประเทศสหรัฐฯ แบบ 360 องศาที่ดูเหมือนทำให้ “รัสเซีย” ได้เปรียบส่งผลทำให้เป็นที่กังขาในสายตาทั่วโลกโดยเฉพาะในยุโรป . รัฐมนตรีต่างประเทศฝรั่งเศส ฌ็อง-โนเอล บาร์โรต์ (Jean-Noël Barrot) วันจันทร์ (3) ออกมาแสดงความเห็นสถานีวิทยุฟรานซ์อินเตอร์ (France Inter) ว่า “ผมมีปัญหาเล็กน้อยในความเข้าใจ (การตัดสินใจของรัฐมนตรีกลาโหมสหรัฐฯ พีธ เฮกเซธ)” . รัฐมนตรีฝรั่งเศสกล่าวว่า บรรดาชาติสมาชิกสหภาพยุโรปมักตกเป็นเป้าการโจมตีทางไซเบอร์จากรัสเซีย . นิวสวีกของสหรัฐฯ รายงานว่า คำสั่งของเฮกเซธเป็นส่วนหนึ่งของความเคลื่อนไหวที่จะนำประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน กลับสู่โต๊ะเจรจาสงครามยูเครน แสดงให้เห็นความสัมพันธ์ใหม่ระหว่างมอสโกและวอชิงตัน อ้างอิงจากหนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์ส . The Record สื่อความมั่นคงทางไซเบอร์เป็นสื่อแรกที่รายงานคำสั่งรัฐมนตรีกลาโหมเพนตากอนที่ออกคำสั่งให้ยุติปฏิบัติการต่อต้านคู่อริรัสเซียเมื่อวันศุกร์ (28 ก.พ.) . สำนักงานกองบัญชาการไซเบอร์สหรัฐฯ USCYBERCOM (U.S. Cyber Command) ภายใต้กองทัพสหรัฐฯ ก่อตั้งมานานกว่า 10 ปีมีผู้ปฏิบัติการไม่กี่ร้อยคนประจำฐานที่ฟอร์ตมีด (Fort Meade) รัฐแมรีแลนด์ . “คำสั่งนี้ไม่ใช้กับสำนักงานความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐฯ NSA ที่เฮกเซธทำหน้าที่บริหารหรือสัญญาณของตัวเองในการทำงานด้านข่าวกรองที่มีเป้าหมายไปที่รัสเซีย” The Record ชี้ . ทั้งนี้ หนังสือพิมพ์นิวยอร์กไทม์สกล่าวว่า คำสั่งของเจ้ากระทรวงเพนตากอนออกมาก่อนเกิดศึกหน้าจอโทรทัศน์ที่ทำเนียบขาวระหว่างประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ และประธานาธิบดียูเครน โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ที่เป็นส่วนหนึ่งของการกลับมาประเมินอีกครั้งในปฏิบัติการทั้งหมดต่อต้านรัสเซียที่ไม่เคยเปิดเผยต่อสาธารณะ . ขณะที่เจ้าหน้าที่อเมริกันทั้งหลายกล่าวว่า มันเป็นเรื่องปกติสำหรับปฏิบัติการทางการทหารที่จะมีการหยุดพักชั่วคราวระหว่างการเจรจาทางการทูต ซึ่งการถอยออกมาจากปฏิบัติการทางไซเบอร์ต่อต้านรัสเซียอาจเป็นเหมือนการเดิมพันเพราะเกมจะอยู่ในมือของประธานาธิบดีปูตินที่จะยอมเคลื่อนไหวในลักษณะที่คล้ายกันหรือไม่ . ทั้งนี้ หนึ่งในเจ้าหน้าที่ไม่เปิดเผยได้กล่าวต่อ CNN ว่า การสั่งหยุดพักชั่วคราวถือเป็นความหายนะครั้งใหญ่ ขณะที่ผู้นำเสียงข้างน้อยพรรคเดโมแครตในสภาสูงสหรัฐฯ ชัค ชูเมอร์ (Chuck Schumer) ออกมาโพสต์บนแพลตฟอร์ม X ว่า มันอาจเป็นความผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญที่อาจจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบให้รัสเซีย . อย่างไรก็ตามในวันอาทิตย์ (2) สำนักงานความมั่นคงโครงสร้างพื้นฐานและไซเบอร์สหรัฐฯ (U.S. Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) แถลงบนแพลตฟอร์ม X ว่า ภารกิจของสำนักงานในการปกป้องภัยคุกคามทางไซเบอร์ทุกรูปแบบรวมถึงจาก “รัสเซีย” ไม่เปลี่ยนแปลง . โพลิติโกรายงานว่า ความเคลื่อนไหวของเพนตากอนครั้งสำคัญนี้ทำให้มีความประหลาดใจอย่างมากในยุโรปที่ “รัสเซีย” ถูกมองว่าเป็นภัยคุกคามหลักในทางไซเบอร์ควบคู่ไปกับ “จีน” . ซึ่งทั้งเจ้าหน้าฝรั่งเศสและประธานาธิบดีฝรั่งเศส เอ็มมานุเอล มาครง ต่างออกมากล่าวหา “รัสเซีย” หลายครั้งที่ปูตินใช้สงครามไฮบริดต่อฝรั่งเศสผ่านทางการโจมตีทางไซเบอร์ “รัสเซียกำลังโจมตีพวกเราผ่านทางข้อมูลทางไซเบอร์” . มาครงกล่าวในเดือนที่ผ่านมาอ้างว่า “มอสโกกำลังแสวงหาเพื่อสร้างความไร้เสถียรภาพต่อประชาธิปไตยของพวกเรา” . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000021231 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    6
    0 Comments 0 Shares 2587 Views 0 Reviews
  • อีลอน มัสก์ หัวหน้าหน่วยงานปรับปรุงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) แสดงความเห็นด้วยที่ให้ปิดสถานีวิทยุ Radio Liberty/Radio Free Europe (RFE/RL) และสำนักข่าววอยซ์ออฟอเมริกา (VOA) โดยระบุว่าสื่อทั้ง 2 แห่ง เงินภาษีของประชาชนชาวอเมริกันไปปีละ 1 พันล้านดอลลาร์

    มัสก์ตอบสนองต่อโพสต์เริ่มต้นของ "ริชาร์ด เกรเนลล์" (Richard Grenell) ที่ถูกแชร์ข้อความต่อกันมา ซึ่งเกรเนลล์โพสต์ข้อความโจมตีสื่ออเมริกาทั้งสองแห่ง (“Radio Free Europe และ Voice of America)

    "Radio Free Europe และ Voice of America เป็นสื่อที่ใช้เงินของผู้เสียภาษีสหรัฐฯ สื่อมวลชนเหล่านี้เต็มไปด้วยพวกนักเคลื่อนไหวซ้ายจัด ผมทำงานกับพวกนักข่าวเหล่านี้มานานนับสิบปี พวกเขาเป็นเศษซากของอดีต เราไม่ต้องการสื่อมวลชนที่จ่ายเงินโดยรัฐบาล" เกรเนลล์ โพสต์บน "X"

    RFE/RL ถูกจัดตั้งขึ้นในปี 1950 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อโปรอเมริกาและต่อต้านสหภาพโซเวียต

    ส่วน Voice of America (VoA) จัดตั้งขึ้นในช่วงทศวรรษ 1940 เพื่อตอบโต้โฆษณาชวนเชื่อของนาซี ภายหลังมามามุ่งเน้นไปที่สหภาพโซเวียตในปี 1947

    ทั้งนี้สื่อมวลชนทั้ง 2 แห่ง ได้รับเงินทุนสนับสนุจากสภาคองเกรส และรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นผู้บริหารจัดการควบคุมโดยตรง ขณะที่มันอยู่ภายใต้สังกัดสำนักงานสื่อระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (United States Agency for Global Media - USAGM) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลาง

    สำหรับ ริชาร์ด เกรเนลล์ (Richard Grenell) เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ(National Intelligence)ในสมัยรัฐบาลทรัมป์ช่วงปี 2560-2564 นอกจากนี้ยังเคยเป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำเยอรมนี ปัจจุบันได้รับมอบหมายให้ดูแล “ภารกิจพิเศษ” ในตำแหน่งผู้แทนพิเศษในการเจรจาด้านความขัดแย้งในยูเครน
    อีลอน มัสก์ หัวหน้าหน่วยงานปรับปรุงประสิทธิภาพรัฐบาล (DOGE) แสดงความเห็นด้วยที่ให้ปิดสถานีวิทยุ Radio Liberty/Radio Free Europe (RFE/RL) และสำนักข่าววอยซ์ออฟอเมริกา (VOA) โดยระบุว่าสื่อทั้ง 2 แห่ง เงินภาษีของประชาชนชาวอเมริกันไปปีละ 1 พันล้านดอลลาร์ มัสก์ตอบสนองต่อโพสต์เริ่มต้นของ "ริชาร์ด เกรเนลล์" (Richard Grenell) ที่ถูกแชร์ข้อความต่อกันมา ซึ่งเกรเนลล์โพสต์ข้อความโจมตีสื่ออเมริกาทั้งสองแห่ง (“Radio Free Europe และ Voice of America) "Radio Free Europe และ Voice of America เป็นสื่อที่ใช้เงินของผู้เสียภาษีสหรัฐฯ สื่อมวลชนเหล่านี้เต็มไปด้วยพวกนักเคลื่อนไหวซ้ายจัด ผมทำงานกับพวกนักข่าวเหล่านี้มานานนับสิบปี พวกเขาเป็นเศษซากของอดีต เราไม่ต้องการสื่อมวลชนที่จ่ายเงินโดยรัฐบาล" เกรเนลล์ โพสต์บน "X" RFE/RL ถูกจัดตั้งขึ้นในปี 1950 เพื่อใช้เป็นเครื่องมือในการเผยแพร่โฆษณาชวนเชื่อโปรอเมริกาและต่อต้านสหภาพโซเวียต ส่วน Voice of America (VoA) จัดตั้งขึ้นในช่วงทศวรรษ 1940 เพื่อตอบโต้โฆษณาชวนเชื่อของนาซี ภายหลังมามามุ่งเน้นไปที่สหภาพโซเวียตในปี 1947 ทั้งนี้สื่อมวลชนทั้ง 2 แห่ง ได้รับเงินทุนสนับสนุจากสภาคองเกรส และรัฐบาลสหรัฐฯ เป็นผู้บริหารจัดการควบคุมโดยตรง ขณะที่มันอยู่ภายใต้สังกัดสำนักงานสื่อระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (United States Agency for Global Media - USAGM) ซึ่งเป็นหน่วยงานของรัฐบาลกลาง สำหรับ ริชาร์ด เกรเนลล์ (Richard Grenell) เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานข่าวกรองแห่งชาติ(National Intelligence)ในสมัยรัฐบาลทรัมป์ช่วงปี 2560-2564 นอกจากนี้ยังเคยเป็นเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำเยอรมนี ปัจจุบันได้รับมอบหมายให้ดูแล “ภารกิจพิเศษ” ในตำแหน่งผู้แทนพิเศษในการเจรจาด้านความขัดแย้งในยูเครน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 592 Views 0 Reviews
  • ประกาศชี้แจงจากสถาบันวัคซีนแห่งชาติ
    https://www.facebook.com/share/p/1FFpZjTvzr/

    ก่อนหน้านี้ ทางสถาบันวัคซีนแห่งชาติ โพสต์เกี่ยวกับการมอบของที่ระลึกเนื่องในโอกาสวันปีใหม่ 2568 พร้อมแสดงความขอบคุณสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 (ช่อง 3 HD) ในการสื่อสารความรู้ด้านวัคซีนสู่สาธารณชนด้วยดีเสมอมา โดยมีคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวรายการเรื่องเล่าเช้านี้
    ให้การต้อนรับ

    ต่อมามีการปิดคอมเม้นต์ไปในที่สุด
    ประกาศชี้แจงจากสถาบันวัคซีนแห่งชาติ https://www.facebook.com/share/p/1FFpZjTvzr/ ก่อนหน้านี้ ทางสถาบันวัคซีนแห่งชาติ โพสต์เกี่ยวกับการมอบของที่ระลึกเนื่องในโอกาสวันปีใหม่ 2568 พร้อมแสดงความขอบคุณสถานีวิทยุโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 (ช่อง 3 HD) ในการสื่อสารความรู้ด้านวัคซีนสู่สาธารณชนด้วยดีเสมอมา โดยมีคุณสรยุทธ สุทัศนะจินดา ผู้ประกาศข่าวรายการเรื่องเล่าเช้านี้ ให้การต้อนรับ ต่อมามีการปิดคอมเม้นต์ไปในที่สุด
    0 Comments 0 Shares 528 Views 0 Reviews
  • ภาพการโจมตีสนามบินในเยเมนโดยอิสราเอล

    สถานีวิทยุกองกำลังอิสราเอลรายงาน การโจมตีในเยเมนได้แก่ สนามบินซานา ท่าเรือโฮเดดาห์ และโรงงานทางด้านน้ำมัน ซึ่งเป็นเป้าหมายใหม่ ไม่เหมือนกับการโจมตีครั้งก่อนๆ

    การโจมตีสนามบินพลเรือนในซานา เน้นเป้าหมายไปที่หอควบคุมการบินโดยเฉพาะ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อขัดขวางการดำเนินงานของสนามบิน
    ภาพการโจมตีสนามบินในเยเมนโดยอิสราเอล สถานีวิทยุกองกำลังอิสราเอลรายงาน การโจมตีในเยเมนได้แก่ สนามบินซานา ท่าเรือโฮเดดาห์ และโรงงานทางด้านน้ำมัน ซึ่งเป็นเป้าหมายใหม่ ไม่เหมือนกับการโจมตีครั้งก่อนๆ การโจมตีสนามบินพลเรือนในซานา เน้นเป้าหมายไปที่หอควบคุมการบินโดยเฉพาะ โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อขัดขวางการดำเนินงานของสนามบิน
    0 Comments 0 Shares 360 Views 13 0 Reviews
  • รัสเซียประกาศพัฒนา "วัคซีน" mRNA ที่ใช้รักษาโรคมะเร็ง และจะแจกจ่ายให้ผู้ป่วย "ฟรี" เพื่อทดลองขั้นตอนคลินิก


    รัสเซียประกาศพัฒนาวัคซีนป้องกันมะเร็งด้วย mRNA จะมีกำหนดเปิดตัวในปี 2025 การทดลองก่อนการทดลองทางคลินิกแสดงให้เห็นการยับยั้งเนื้องอกและลดการแพร่กระจาย

    นอกจากนี้การนำเทคโนโลยี AI มาใช้ ทำให้การสร้างวัคซีนเป็นรายบุคคลได้ภายในหนึ่งชั่วโมง ซึ่งจะช่วยเร่งกระบวนการอันยาวนานในปัจจุบันได้อย่างมาก วัคซีนนี้มุ่งหวังที่จะเสริมสร้างความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันในการกำหนดเป้าหมายและกำจัดเซลล์มะเร็ง

    Andrey Kaprin ผู้อำนวยการทั่วไปของศูนย์วิจัยการแพทย์ด้านรังสีวิทยา กระทรวงสาธารณสุขของรัสเซีย กล่าวกับสถานีวิทยุ Rossiya
    รัสเซียประกาศพัฒนา "วัคซีน" mRNA ที่ใช้รักษาโรคมะเร็ง และจะแจกจ่ายให้ผู้ป่วย "ฟรี" เพื่อทดลองขั้นตอนคลินิก รัสเซียประกาศพัฒนาวัคซีนป้องกันมะเร็งด้วย mRNA จะมีกำหนดเปิดตัวในปี 2025 การทดลองก่อนการทดลองทางคลินิกแสดงให้เห็นการยับยั้งเนื้องอกและลดการแพร่กระจาย นอกจากนี้การนำเทคโนโลยี AI มาใช้ ทำให้การสร้างวัคซีนเป็นรายบุคคลได้ภายในหนึ่งชั่วโมง ซึ่งจะช่วยเร่งกระบวนการอันยาวนานในปัจจุบันได้อย่างมาก วัคซีนนี้มุ่งหวังที่จะเสริมสร้างความสามารถของระบบภูมิคุ้มกันในการกำหนดเป้าหมายและกำจัดเซลล์มะเร็ง Andrey Kaprin ผู้อำนวยการทั่วไปของศูนย์วิจัยการแพทย์ด้านรังสีวิทยา กระทรวงสาธารณสุขของรัสเซีย กล่าวกับสถานีวิทยุ Rossiya
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 692 Views 11 0 Reviews
  • ขอเชิญรับชมการถ่ายทอดสด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด "สวนเปรมประชาวนารักษ์" วันอังคารที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๗ เวลา ๑๖.๔๕ น. ณ พื้นที่ถนนกำแพงเพชร ๖ แนวขนานคลองเปรมประชากร เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานครทาง โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ผ่าน MCOT (MCOT HD 30) และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT 2HD)
    📺 ขอเชิญรับชมการถ่ายทอดสด พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงเปิด "สวนเปรมประชาวนารักษ์" วันอังคารที่ ๑๐ ธันวาคม ๒๕๖๗ 🕟 เวลา ๑๖.๔๕ น.📌 ณ พื้นที่ถนนกำแพงเพชร ๖ แนวขนานคลองเปรมประชากร เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานครทาง โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจแห่งประเทศไทย ผ่าน MCOT (MCOT HD 30) และสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT 2HD)
    0 Comments 0 Shares 260 Views 0 Reviews
  • รถเมล์ด่วน BRT สายแรกในลาว คืบ 36% คาดทดลองใช้ปลายปี 68

    สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว (LNR) รายงานความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการขนส่งแบบยั่งยืนในตัวเมืองนครหลวงเวียงจันทน์ (VSUTP) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) พบว่ามีความคืบหน้าแล้ว 36% โดยเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. คณะของกระทรวงโยธาธิการและขนส่งได้เยี่ยมชมโครงการ เริ่มจากศูนย์ควบคุมรถเมล์ กม.16 บ้านโพคำ เมืองไชทานี และทดลองนั่งรถเมล์ไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันรถเมล์ไฟฟ้า 55 คัน ได้มาถึงนครหลวงเวียงจันทน์เรียบร้อยแล้ว

    จากนั้นได้เยี่ยมชมการก่อสร้างจุดขึ้น-ลงรถเมล์ สถานีมหาวิทยาลัยแห่งชาติ ดงโดก สถานีโพนสะอาด สถานีใกล้วัดธาตุฝุ่น และอีกหลายแห่ง ปัจจุบันการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถเมล์ด่วน BRT ตั้งแต่สวนเจ้าฟ้างุ้ม ถึงหน้ามหาวิทยาลัยแห่งชาติ ดงโดก ระยะทางรวม 12.9 กิโลเมตร คืบหน้าแล้วประมาณ 36% คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดทดลองให้บริการรถเมล์ด่วนในปลายปี 2568 ที่ผ่านมาทางโครงการฯ ได้ติดตามผู้รับจ้างก่อสร้างจุดขึ้น-ลงรถเมล์ 27 จุดอย่างต่อเนื่อง

    ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 พ.ย. รถโดยสารปรับอากาศพลังงานไฟฟ้า 40 ที่นั่ง ยาว 12 เมตร ยี่ห้อ Cherry Wanda ชุดแรก 28 คัน ที่นำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มาถึงสถานีด่านขนส่งสินค้ารถไฟเวียงจันทน์ใต้ โดยรถดังกล่าวผลิตจากโรงงานในเมืองกุ้ยหยาง มณฑลกุ้ยโจว ขนส่งผ่านทางรถไฟ เข้าสู่ประเทศลาวผ่านด่านรถไฟสากลบ่อเต็น ภายหลังสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว ระบุว่า รถโดยสารทั้งหมดได้มาถึงนครหลวงเวียงจันทน์ครบทั้ง 55 คันแล้ว

    สำหรับการก่อสร้างโครงการรถเมล์ด่วน BRT นครหลวงเวียงจันทน์ เริ่มต้นตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมา โดยก่อสร้างช่องจราจรรถเมล์ด่วน และสถานี BRT แบ่งเป็น 2 สัญญา ได้แก่ สวนเจ้าฟ้างุ้ม ถึงประตูชัย และประตูชัย ถึงมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว ดงโดก พร้อมก่อสร้างอู่รถเมล์ ศูนย์ซ่อมบำรุง และศูนย์ควบคุมการเดินรถเมล์ BRT ก่อสร้างทางร่วม ปรับปรุงทัศนียภาพ และติดตั้งไฟสัญญาณจราจร จำนวน 41 จุด ครอบคลุม 5 ตัวเมือง สิ้นสุดเดือน ธ.ค. 2567

    โดยการให้บริการจะเปิดตั้งแต่ 06.00-22.00 น. คิดค่าโดยสารเป็น 2 ระยะ คือ ระยะสั้นใจกลางเมือง 3,500 กีบ ระยะยาวไปยังชานเมือง 8,000 กีบ ชำระเงินผ่านบัตรสมาร์ทการ์ด ที่สถานีหลักของรถเมล์ด่วน BRT และร้านสะดวกซื้อที่ร่วมโครงการ นอกจากนี้ ในโครงการยังมีการพัฒนาการบริหารที่จอดรถ ระบบบริหารการจราจร และบริการรถสามล้อไฟฟ้า เพื่อจูงใจให้ผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวและรถจักรยานยนต์ หันมาใช้บริการขนส่งสาธารณะอีกด้วย อ่านรายละเอียดโครงการที่เว็บไซต์ https://utms.la

    #Newskit
    รถเมล์ด่วน BRT สายแรกในลาว คืบ 36% คาดทดลองใช้ปลายปี 68 สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว (LNR) รายงานความคืบหน้าการก่อสร้างโครงการขนส่งแบบยั่งยืนในตัวเมืองนครหลวงเวียงจันทน์ (VSUTP) สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) พบว่ามีความคืบหน้าแล้ว 36% โดยเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. คณะของกระทรวงโยธาธิการและขนส่งได้เยี่ยมชมโครงการ เริ่มจากศูนย์ควบคุมรถเมล์ กม.16 บ้านโพคำ เมืองไชทานี และทดลองนั่งรถเมล์ไฟฟ้า ซึ่งปัจจุบันรถเมล์ไฟฟ้า 55 คัน ได้มาถึงนครหลวงเวียงจันทน์เรียบร้อยแล้ว จากนั้นได้เยี่ยมชมการก่อสร้างจุดขึ้น-ลงรถเมล์ สถานีมหาวิทยาลัยแห่งชาติ ดงโดก สถานีโพนสะอาด สถานีใกล้วัดธาตุฝุ่น และอีกหลายแห่ง ปัจจุบันการก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานสำหรับรถเมล์ด่วน BRT ตั้งแต่สวนเจ้าฟ้างุ้ม ถึงหน้ามหาวิทยาลัยแห่งชาติ ดงโดก ระยะทางรวม 12.9 กิโลเมตร คืบหน้าแล้วประมาณ 36% คาดว่าจะแล้วเสร็จและเปิดทดลองให้บริการรถเมล์ด่วนในปลายปี 2568 ที่ผ่านมาทางโครงการฯ ได้ติดตามผู้รับจ้างก่อสร้างจุดขึ้น-ลงรถเมล์ 27 จุดอย่างต่อเนื่อง ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 8 พ.ย. รถโดยสารปรับอากาศพลังงานไฟฟ้า 40 ที่นั่ง ยาว 12 เมตร ยี่ห้อ Cherry Wanda ชุดแรก 28 คัน ที่นำเข้าจากสาธารณรัฐประชาชนจีน ได้มาถึงสถานีด่านขนส่งสินค้ารถไฟเวียงจันทน์ใต้ โดยรถดังกล่าวผลิตจากโรงงานในเมืองกุ้ยหยาง มณฑลกุ้ยโจว ขนส่งผ่านทางรถไฟ เข้าสู่ประเทศลาวผ่านด่านรถไฟสากลบ่อเต็น ภายหลังสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งชาติลาว ระบุว่า รถโดยสารทั้งหมดได้มาถึงนครหลวงเวียงจันทน์ครบทั้ง 55 คันแล้ว สำหรับการก่อสร้างโครงการรถเมล์ด่วน BRT นครหลวงเวียงจันทน์ เริ่มต้นตั้งแต่เดือน มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมา โดยก่อสร้างช่องจราจรรถเมล์ด่วน และสถานี BRT แบ่งเป็น 2 สัญญา ได้แก่ สวนเจ้าฟ้างุ้ม ถึงประตูชัย และประตูชัย ถึงมหาวิทยาลัยแห่งชาติลาว ดงโดก พร้อมก่อสร้างอู่รถเมล์ ศูนย์ซ่อมบำรุง และศูนย์ควบคุมการเดินรถเมล์ BRT ก่อสร้างทางร่วม ปรับปรุงทัศนียภาพ และติดตั้งไฟสัญญาณจราจร จำนวน 41 จุด ครอบคลุม 5 ตัวเมือง สิ้นสุดเดือน ธ.ค. 2567 โดยการให้บริการจะเปิดตั้งแต่ 06.00-22.00 น. คิดค่าโดยสารเป็น 2 ระยะ คือ ระยะสั้นใจกลางเมือง 3,500 กีบ ระยะยาวไปยังชานเมือง 8,000 กีบ ชำระเงินผ่านบัตรสมาร์ทการ์ด ที่สถานีหลักของรถเมล์ด่วน BRT และร้านสะดวกซื้อที่ร่วมโครงการ นอกจากนี้ ในโครงการยังมีการพัฒนาการบริหารที่จอดรถ ระบบบริหารการจราจร และบริการรถสามล้อไฟฟ้า เพื่อจูงใจให้ผู้ใช้รถยนต์ส่วนตัวและรถจักรยานยนต์ หันมาใช้บริการขนส่งสาธารณะอีกด้วย อ่านรายละเอียดโครงการที่เว็บไซต์ https://utms.la #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 1109 Views 0 Reviews
  • จุดเปลี่ยนวิทยุชุมชน สู่ระบบใบอนุญาต

    ในห้วงเดือน พ.ย. 2567 เป็นช่วงจุดเปลี่ยนสำคัญของผู้ทดลองออกอากาศวิทยุกระจายเสียงในระบบเอฟเอ็ม หรือผู้ประกอบการวิทยุชุมชน ทั้งประเภทธุรกิจ 2,982 สถานี ประเภทสาธารณะ 548 สถานี และประเภทชุมชน 145 สถานี รวม 3,675 สถานี เพราะหลังวันที่ 31 ธ.ค. 2567 เป็นต้นไป ผู้ประกอบการรายเดิมหลังจากส่งผังรายการและแบบรายงานทางเทคนิคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว จะได้รับสิทธิทดลองออกอากาศต่อตามบทเฉพาะกาลไปก่อน จนกว่า กสทช. จะสั่งไม่ออกใบอนุญาตหรือสั่งเป็นอย่างอื่น

    โดยผู้ประกอบการวิทยุชุมชนทั้งเก่าและใหม่ ต้องเข้าสู่การขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ระบบเอฟเอ็ม สำหรับการให้บริการกระจายเสียง โดยประเภทกิจการบริการสาธารณะ 137 สถานี ต้องเป็นนิติบุคคลประเภทกระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์การมหาชน สมาคม มูลนิธิ แบบไม่แสวงหากำไร สถาบันอุดมศึกษา

    ส่วนประเภทกิจการบริการชุมชน 148 สถานี ต้องเป็นสมาคม มูลนิธิ นิติบุคคลที่ไม่แสวงหาผลกำไร หรือกลุ่มคนในท้องถิ่นจำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าได้สร้างความเข้มแข็งในชุมชนที่ตั้งสถานีมาอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 2 ปี โดยต้องยื่นภายในวันที่ 30 พ.ย. 2567 ผ่านระบบออนไลน์ที่เรียกว่า e-BCS ของสำนักงาน กสทช.

    ส่วนประเภทกิจการทางธุรกิจ ระดับท้องถิ่น 2,507 สถานี ต้องยื่นภายในวันที่ 27 ธ.ค. 2567 พร้อมชำระค่าธรรมเนียมคำขอ 5,350 บาทต่อคลื่นความถี่ กับหลักประกันการประมูล 10% หรือ 2,500 บาท ของราคาขั้นต่ำของคลื่นความถี่ กำหนดที่ 25,000 บาท โดยต้องเป็นนิติบุคคลที่มีบุคคลผู้มีสัญชาติไทย ซึ่งมีผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นมีภูมิลำเนาภายในจังหวัดนั้น และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดนั้นมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน

    กำหนดให้ 1 นิติบุคคล ยื่นคำขอได้สูงสุดไม่เกิน 2 คลื่นความถี่ภายในจังหวัดเดียวกัน เมื่อสิ้นสุดการประมูล สามารถเลือกได้เพียง 1 คลื่นความถี่เท่านั้น เมื่อชนะการประมูล ต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เท่ากับราคาที่ชนะการประมูล รวมทั้งแจ้งความพร้อมในการให้บริการและแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับสถานีวิทยุกระจายเสียง ภายใน 30 วัน

    ผลกระทบจากการจัดระเบียบวิทยุชุมชนของ กสทช. ที่ให้ลดกำลังส่ง ทำให้รัศมีการออกอากาศลดลง ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งล้มหายตายจาก แต่ก็ยังมีผู้ประกอบการอีกส่วนหนึ่งอยู่รอด สำหรับต่างจังหวัด วิทยุชุมชนยังคงเป็นสื่อหลักที่เข้าถึงผู้ฟังระดับพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท แม้จะไม่เท่ากับวิทยุกระจายเสียงประเภทกิจการทางธุรกิจ ที่มีรัศมีการออกอากาศ 70-80 ตารางกิโลเมตรก็ตาม

    #Newskit
    จุดเปลี่ยนวิทยุชุมชน สู่ระบบใบอนุญาต ในห้วงเดือน พ.ย. 2567 เป็นช่วงจุดเปลี่ยนสำคัญของผู้ทดลองออกอากาศวิทยุกระจายเสียงในระบบเอฟเอ็ม หรือผู้ประกอบการวิทยุชุมชน ทั้งประเภทธุรกิจ 2,982 สถานี ประเภทสาธารณะ 548 สถานี และประเภทชุมชน 145 สถานี รวม 3,675 สถานี เพราะหลังวันที่ 31 ธ.ค. 2567 เป็นต้นไป ผู้ประกอบการรายเดิมหลังจากส่งผังรายการและแบบรายงานทางเทคนิคต่างๆ ที่เกี่ยวข้องแล้ว จะได้รับสิทธิทดลองออกอากาศต่อตามบทเฉพาะกาลไปก่อน จนกว่า กสทช. จะสั่งไม่ออกใบอนุญาตหรือสั่งเป็นอย่างอื่น โดยผู้ประกอบการวิทยุชุมชนทั้งเก่าและใหม่ ต้องเข้าสู่การขอรับใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ระบบเอฟเอ็ม สำหรับการให้บริการกระจายเสียง โดยประเภทกิจการบริการสาธารณะ 137 สถานี ต้องเป็นนิติบุคคลประเภทกระทรวง ทบวง กรม องค์กรอิสระ องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น องค์การมหาชน สมาคม มูลนิธิ แบบไม่แสวงหากำไร สถาบันอุดมศึกษา ส่วนประเภทกิจการบริการชุมชน 148 สถานี ต้องเป็นสมาคม มูลนิธิ นิติบุคคลที่ไม่แสวงหาผลกำไร หรือกลุ่มคนในท้องถิ่นจำนวนไม่น้อยกว่า 5 คน มีหลักฐานเชิงประจักษ์ว่าได้สร้างความเข้มแข็งในชุมชนที่ตั้งสถานีมาอย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่า 2 ปี โดยต้องยื่นภายในวันที่ 30 พ.ย. 2567 ผ่านระบบออนไลน์ที่เรียกว่า e-BCS ของสำนักงาน กสทช. ส่วนประเภทกิจการทางธุรกิจ ระดับท้องถิ่น 2,507 สถานี ต้องยื่นภายในวันที่ 27 ธ.ค. 2567 พร้อมชำระค่าธรรมเนียมคำขอ 5,350 บาทต่อคลื่นความถี่ กับหลักประกันการประมูล 10% หรือ 2,500 บาท ของราคาขั้นต่ำของคลื่นความถี่ กำหนดที่ 25,000 บาท โดยต้องเป็นนิติบุคคลที่มีบุคคลผู้มีสัญชาติไทย ซึ่งมีผู้ถือหุ้นหรือผู้เป็นหุ้นมีภูมิลำเนาภายในจังหวัดนั้น และมีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้านในจังหวัดนั้นมาแล้วไม่น้อยกว่า 6 เดือน กำหนดให้ 1 นิติบุคคล ยื่นคำขอได้สูงสุดไม่เกิน 2 คลื่นความถี่ภายในจังหวัดเดียวกัน เมื่อสิ้นสุดการประมูล สามารถเลือกได้เพียง 1 คลื่นความถี่เท่านั้น เมื่อชนะการประมูล ต้องชำระค่าธรรมเนียมใบอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่เท่ากับราคาที่ชนะการประมูล รวมทั้งแจ้งความพร้อมในการให้บริการและแจ้งข้อมูลเกี่ยวกับสถานีวิทยุกระจายเสียง ภายใน 30 วัน ผลกระทบจากการจัดระเบียบวิทยุชุมชนของ กสทช. ที่ให้ลดกำลังส่ง ทำให้รัศมีการออกอากาศลดลง ผู้ประกอบการส่วนหนึ่งล้มหายตายจาก แต่ก็ยังมีผู้ประกอบการอีกส่วนหนึ่งอยู่รอด สำหรับต่างจังหวัด วิทยุชุมชนยังคงเป็นสื่อหลักที่เข้าถึงผู้ฟังระดับพื้นที่ โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบท แม้จะไม่เท่ากับวิทยุกระจายเสียงประเภทกิจการทางธุรกิจ ที่มีรัศมีการออกอากาศ 70-80 ตารางกิโลเมตรก็ตาม #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 494 Views 0 Reviews
  • โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน มีความกังวลใหญ่หลวงเกี่ยวกับชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเกรงว่ามันอาจนำมาซึ่งการระงับความช่วยเหลือทั้งทางทหารและทางการเงินจากวอชิงตัน จากการเปิดเผยของโรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวะเกีย
    .
    ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุท้องถิ่นในวันเสาร์ (9 พ.ย.) ฟิโก พูดคุยเกี่ยวกับแนวทางที่นโยบายต่างๆ ของทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อการเมืองระหว่างประเทศและความขัดแย้งในยูเครน ซึ่งนายกรัฐมนตรีรายนี้อ้างว่าตอนที่เขาพบเจอ เซเลนสกี ระหว่างการประชุมซัมมิตอียูในบูดาเปสต์ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้นำยูเครนดูมีอาการหวั่นวิตกอย่างเห็นได้ชัด
    .
    "คุณเคยเห็นคนคนหนึ่งที่กลัวว่าสงครามจะจบลงหรือเปล่า? ผมได้เห็นแล้ว และเขาชื่อ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี" ฟิโกบอกกับรายงานวิทยุ พร้อมเล่าต่อว่า "ดูเหมือน เซเลนสกี จะช็อกที่ ทรัมป์ ชนะ และความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ อาจถูกระงับ"
    .
    ตลอดการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี ทรัมป์เน้นย้ำคำสัญญาจะยุติการสู้รบในยูเครน ภายใน 24 ชั่วโมง โดยไม่เจาะจงว่าเขาจะดำเนินการอย่างไรในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ฟิโก โต้แย้งว่าการสู้รบจะไม่มีวันจบลง ตราบใดที่ตะวันตกยังคงส่งอาวุธมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เข้าสู่เขตสงครามนี้
    .
    "นั่นหมายความว่าอาจจะมีการตัดสินใจระดับรากฐานบางอย่างในเรื่องเกี่ยวกับสงครามในยูเครน เขาเป็นบางคนที่ไม่ชอบสงครามในลักษณะดังกล่าว" ฟิโกให้ความเห็น โดยชี้ว่า ทรัมป์เป็นนักธุรกิจที่มีความโอนเอียงใช้การรีดภาษีและมาตรการคว่ำบาตรเหนือการเผชิญหน้าทางทหาร พร้อมเชื่อว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะใช้ก้าวย่างที่เด็ดขาด
    .
    "ถ้าวอชิงตันตัดเงินสนับสนุนที่มอบแก่เคียฟ อียูจะจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนนโยบายต่างๆ และผลักดันให้เกิดการเจรจา แทนที่จะเพิ่มความพยายามป้อนอาวุธแก่ยูเครน ในความหวังว่าท้ายที่สุด รัสเซียจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้" ฟิโกระบุ "เป็นอีกครั้งที่เราทำตัวเหมือนเป็นคณะรัฐมนตรีทหารในเรื่องเกี่ยวกับยูเครน แล้วอียูพร้อมสำหรับรับผิดชอบทุกค่าใช้จ่ายของสงครามในยูเครนแล้วงั้นหรือ?"
    .
    "มันยังคงเป็นหนึ่งในทางเลือก ถ้าหากเรายังคงสนับสนุนยูเครนต่อไป เราจะทำให้รัสเซียยอมคุกเข่า แต่ดูเแล้วมันคงไม่ได้ผล" เขาโต้แย้ง พร้อมเรียกร้องให้อียูตระหนักว่าตรรกะนี้คือจุดด่างพร้อย เนื่องจาก "อียูคือโครงการแห่งสันติ และสงครามควรหยุดลง"
    .
    บรรดาผู้นำสหภาพยุโรปหารือกันในบูดาเปสต์ ว่าพวกเขาจะสามารถเดินหน้าให้การสนับสนุนทางการเงินแก่กองทัพยูเครนต่อไปได้หรือไม่ หากว่า ทรัมป์ ตัดสินใจถอนแรงสนับสนุนของวอชิงตัน ตามรายงานของบลูมเบิร์กเมื่อวันศุกร์ (8 พ.ย.) อย่างไรก็ตามสื่อแห่งนี้อ้างอิงแหล่งข่าว ระบุว่า นอกเหนือจากเรื่องเงินๆ ทองๆ แล้ว บรรดาผู้นำอียูยังมีความกังวลเกี่ยวกับทรัพยากรทางทหาร ซึ่งที่ผ่านมานั้น หลักๆ แล้วมาจากสหรัฐฯ
    .
    ขณะเดียวกัน ดูเหมือนว่า เซเลนสกี เริ่มแสดงความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ โดยเขาเรียกร้องให้อียูนำสินทรัพย์ของรัสเซียที่อียูอายัดไว้มูลค่ากว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ มอบแก่ยูเครน หากถูกสหรัฐฯ ตัดความช่วยเหลือ อ้างว่าเงินเหล่านี้ "เป็นของยูเครนโดยชอบธรรม"
    .
    เซเลนสกี บอกกับที่ประชุมด้วยว่า เขายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแผนของทรัมป์ และมีเพียงเคียฟเท่านั้นที่จะตัดสินใจอนาคตของตนเอง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108288
    ..............
    Sondhi X
    โวโลดิมีร์ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน มีความกังวลใหญ่หลวงเกี่ยวกับชัยชนะของโดนัลด์ ทรัมป์ ในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดยเกรงว่ามันอาจนำมาซึ่งการระงับความช่วยเหลือทั้งทางทหารและทางการเงินจากวอชิงตัน จากการเปิดเผยของโรเบิร์ต ฟิโก นายกรัฐมนตรีสโลวะเกีย . ระหว่างให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุท้องถิ่นในวันเสาร์ (9 พ.ย.) ฟิโก พูดคุยเกี่ยวกับแนวทางที่นโยบายต่างๆ ของทรัมป์ จะส่งผลกระทบต่อการเมืองระหว่างประเทศและความขัดแย้งในยูเครน ซึ่งนายกรัฐมนตรีรายนี้อ้างว่าตอนที่เขาพบเจอ เซเลนสกี ระหว่างการประชุมซัมมิตอียูในบูดาเปสต์ เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ผู้นำยูเครนดูมีอาการหวั่นวิตกอย่างเห็นได้ชัด . "คุณเคยเห็นคนคนหนึ่งที่กลัวว่าสงครามจะจบลงหรือเปล่า? ผมได้เห็นแล้ว และเขาชื่อ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี" ฟิโกบอกกับรายงานวิทยุ พร้อมเล่าต่อว่า "ดูเหมือน เซเลนสกี จะช็อกที่ ทรัมป์ ชนะ และความช่วยเหลือจากสหรัฐฯ อาจถูกระงับ" . ตลอดการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้งประธานาธิบดี ทรัมป์เน้นย้ำคำสัญญาจะยุติการสู้รบในยูเครน ภายใน 24 ชั่วโมง โดยไม่เจาะจงว่าเขาจะดำเนินการอย่างไรในการบรรลุเป้าหมายดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ฟิโก โต้แย้งว่าการสู้รบจะไม่มีวันจบลง ตราบใดที่ตะวันตกยังคงส่งอาวุธมูลค่าหลายพันล้านดอลลาร์เข้าสู่เขตสงครามนี้ . "นั่นหมายความว่าอาจจะมีการตัดสินใจระดับรากฐานบางอย่างในเรื่องเกี่ยวกับสงครามในยูเครน เขาเป็นบางคนที่ไม่ชอบสงครามในลักษณะดังกล่าว" ฟิโกให้ความเห็น โดยชี้ว่า ทรัมป์เป็นนักธุรกิจที่มีความโอนเอียงใช้การรีดภาษีและมาตรการคว่ำบาตรเหนือการเผชิญหน้าทางทหาร พร้อมเชื่อว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐฯ จะใช้ก้าวย่างที่เด็ดขาด . "ถ้าวอชิงตันตัดเงินสนับสนุนที่มอบแก่เคียฟ อียูจะจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนนโยบายต่างๆ และผลักดันให้เกิดการเจรจา แทนที่จะเพิ่มความพยายามป้อนอาวุธแก่ยูเครน ในความหวังว่าท้ายที่สุด รัสเซียจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้" ฟิโกระบุ "เป็นอีกครั้งที่เราทำตัวเหมือนเป็นคณะรัฐมนตรีทหารในเรื่องเกี่ยวกับยูเครน แล้วอียูพร้อมสำหรับรับผิดชอบทุกค่าใช้จ่ายของสงครามในยูเครนแล้วงั้นหรือ?" . "มันยังคงเป็นหนึ่งในทางเลือก ถ้าหากเรายังคงสนับสนุนยูเครนต่อไป เราจะทำให้รัสเซียยอมคุกเข่า แต่ดูเแล้วมันคงไม่ได้ผล" เขาโต้แย้ง พร้อมเรียกร้องให้อียูตระหนักว่าตรรกะนี้คือจุดด่างพร้อย เนื่องจาก "อียูคือโครงการแห่งสันติ และสงครามควรหยุดลง" . บรรดาผู้นำสหภาพยุโรปหารือกันในบูดาเปสต์ ว่าพวกเขาจะสามารถเดินหน้าให้การสนับสนุนทางการเงินแก่กองทัพยูเครนต่อไปได้หรือไม่ หากว่า ทรัมป์ ตัดสินใจถอนแรงสนับสนุนของวอชิงตัน ตามรายงานของบลูมเบิร์กเมื่อวันศุกร์ (8 พ.ย.) อย่างไรก็ตามสื่อแห่งนี้อ้างอิงแหล่งข่าว ระบุว่า นอกเหนือจากเรื่องเงินๆ ทองๆ แล้ว บรรดาผู้นำอียูยังมีความกังวลเกี่ยวกับทรัพยากรทางทหาร ซึ่งที่ผ่านมานั้น หลักๆ แล้วมาจากสหรัฐฯ . ขณะเดียวกัน ดูเหมือนว่า เซเลนสกี เริ่มแสดงความกังวลมากขึ้นเรื่อยๆ เกี่ยวกับเรื่องเงินๆ ทองๆ โดยเขาเรียกร้องให้อียูนำสินทรัพย์ของรัสเซียที่อียูอายัดไว้มูลค่ากว่า 300,000 ล้านดอลลาร์ มอบแก่ยูเครน หากถูกสหรัฐฯ ตัดความช่วยเหลือ อ้างว่าเงินเหล่านี้ "เป็นของยูเครนโดยชอบธรรม" . เซเลนสกี บอกกับที่ประชุมด้วยว่า เขายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับแผนของทรัมป์ และมีเพียงเคียฟเท่านั้นที่จะตัดสินใจอนาคตของตนเอง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108288 .............. Sondhi X
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1050 Views 0 Reviews
  • ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะถอนประเทศของเขาออกจากความขัดแย้งยูเครน ปล่อยให้พวกผู้นำอียู อยู่ในสถานะยากลำบากและอึดอัดใจว่าจะเอาอย่างไรต่อไป จากความเห็นของวิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี
    .
    "สถานการณ์ในแนวหน้านั้นชัดเจน มันคือความพ่ายแพ้ทางทหาร อเมริกาจะออกจากสงครามนี้" เขาให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุท้องถิ่น "ยุโรปไม่สามารถสนับสนุนทางการเงินสงครามนี้ได้เพียงลำพัง"
    .
    พวกผู้นำอียูบางส่วนต้องการเดินหน้าไหลบ่าเงินทุนอันไร้ประโยชน์ แต่มีจำนวนมากขึ้นเริ่มปิดปากเงียบเกี่ยวกับความเห็นดังกล่าว จากคำอ้างอิงจากเออร์บาน ขณะที่คนอื่นๆ เรียกร้องให้ทำการประเมินทบทวนโยบายในปัจจุบัน
    .
    เขากล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน มีบางประเทศที่สนับสนุนการลดสถานการณ์ความตึงเครียดและการเจรจา ในนั้นรวมถึงตัวฮังการีเอง เช่นเดียวกับสโลวะเกียและวาติกัน
    .
    ความคาดหมายของเออร์บาน ต่อการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายของสหรัฐฯ มีขึ้นตามหลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ในขณะที่ตัวแทนจากรีพับลิกันเคยกล่าวอ้างว่าเขาจะยุติความขัดแย้งยูเครนภายใน 24 ชั่วโมง
    .
    ผู้นำฮังการีคาดหมายด้วยว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญๆ ทั่วทั้งโลก หลังจากทรัมป์ได้รับชัยชนะ ขณะที่เขาเชื่อว่าโลกนั้นกว้างใหญ่ "ที่ไม่ได้แต่มองเห็นจากดวงจันทร์ แต่ยังรวมถึงดาวอังคาร"
    .
    เออร์บานกล่าวต่อว่า พวกนักการเมืองที่เคยผลักดันให้ยูเครนได้รับชัยชนะ ตอนนี้กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่พวกเขารู้มาเสมอว่ามีความเป็นไปได้ที่ต้องเผชิญกับผลลัพธ์เช่นนี้ ทั้งนี้เมื่อช่วงต้นปี เออร์บาน เคยดำเนินการในสิ่งที่เขาเรียกว่า "ภารกิจสันติภาพ" พบปะกับเหล่าผู้เกี่ยวข้องในความขัดแย้ง เขาเดินทางไปกรุงเคียฟ กรุงมอสโกและกรุงปักกิ่ง เช่นเดียวกับไปสหรัฐฯ ซึ่งเขาได้พูดคุยในประเด็นนี้กับทั้งประธานาธิบดีโจ ไบเดน และโดนัลด์ ทรัมป์
    .
    จากนั้น ฮังการีได้ส่งรายงานฉบับหนึ่งถึงรัฐสมาชิกอียูอื่นๆ โดยให้คำแนะนำว่าพวกเขาควรเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในยูเครน "เพื่อที่จะไม่มีผู้นำใดๆ มาพูดในภายหลังว่า พวกเขารู้สึกประหลาดใจ"
    .
    "ปัญหาใหญ่หลวงที่สุดของยุโรปในตอนนี้คือ พวกเขาไม่ยอมพูดกับคนที่พวกเขาจำเป็นต้องพูดคุยด้วย" เออร์บานกล่าว "ความหยิ่งยโสนี้ไม่อาจปล่อยให้เกิดขึ้นได้ในทางการเมือง"
    .
    เออร์บาน เคยถูกพวกผู้นำอียูบางส่วนใส้ร้ายป้ายสีเกี่ยวกับความพยายามประสานงานทางการทูต พวกเขาอ้างว่านายกรัฐมนตรีฮังการีอยู่ข้างรัสเซีย
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108068
    ..............
    Sondhi X
    ว่าที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ จะถอนประเทศของเขาออกจากความขัดแย้งยูเครน ปล่อยให้พวกผู้นำอียู อยู่ในสถานะยากลำบากและอึดอัดใจว่าจะเอาอย่างไรต่อไป จากความเห็นของวิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี . "สถานการณ์ในแนวหน้านั้นชัดเจน มันคือความพ่ายแพ้ทางทหาร อเมริกาจะออกจากสงครามนี้" เขาให้สัมภาษณ์กับสถานีวิทยุท้องถิ่น "ยุโรปไม่สามารถสนับสนุนทางการเงินสงครามนี้ได้เพียงลำพัง" . พวกผู้นำอียูบางส่วนต้องการเดินหน้าไหลบ่าเงินทุนอันไร้ประโยชน์ แต่มีจำนวนมากขึ้นเริ่มปิดปากเงียบเกี่ยวกับความเห็นดังกล่าว จากคำอ้างอิงจากเออร์บาน ขณะที่คนอื่นๆ เรียกร้องให้ทำการประเมินทบทวนโยบายในปัจจุบัน . เขากล่าวต่อว่า ขณะเดียวกัน มีบางประเทศที่สนับสนุนการลดสถานการณ์ความตึงเครียดและการเจรจา ในนั้นรวมถึงตัวฮังการีเอง เช่นเดียวกับสโลวะเกียและวาติกัน . ความคาดหมายของเออร์บาน ต่อการเปลี่ยนแปลงทางนโยบายของสหรัฐฯ มีขึ้นตามหลัง โดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีเมื่อช่วงต้นสัปดาห์ ในขณะที่ตัวแทนจากรีพับลิกันเคยกล่าวอ้างว่าเขาจะยุติความขัดแย้งยูเครนภายใน 24 ชั่วโมง . ผู้นำฮังการีคาดหมายด้วยว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงสำคัญๆ ทั่วทั้งโลก หลังจากทรัมป์ได้รับชัยชนะ ขณะที่เขาเชื่อว่าโลกนั้นกว้างใหญ่ "ที่ไม่ได้แต่มองเห็นจากดวงจันทร์ แต่ยังรวมถึงดาวอังคาร" . เออร์บานกล่าวต่อว่า พวกนักการเมืองที่เคยผลักดันให้ยูเครนได้รับชัยชนะ ตอนนี้กำลังอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก แต่พวกเขารู้มาเสมอว่ามีความเป็นไปได้ที่ต้องเผชิญกับผลลัพธ์เช่นนี้ ทั้งนี้เมื่อช่วงต้นปี เออร์บาน เคยดำเนินการในสิ่งที่เขาเรียกว่า "ภารกิจสันติภาพ" พบปะกับเหล่าผู้เกี่ยวข้องในความขัดแย้ง เขาเดินทางไปกรุงเคียฟ กรุงมอสโกและกรุงปักกิ่ง เช่นเดียวกับไปสหรัฐฯ ซึ่งเขาได้พูดคุยในประเด็นนี้กับทั้งประธานาธิบดีโจ ไบเดน และโดนัลด์ ทรัมป์ . จากนั้น ฮังการีได้ส่งรายงานฉบับหนึ่งถึงรัฐสมาชิกอียูอื่นๆ โดยให้คำแนะนำว่าพวกเขาควรเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในยูเครน "เพื่อที่จะไม่มีผู้นำใดๆ มาพูดในภายหลังว่า พวกเขารู้สึกประหลาดใจ" . "ปัญหาใหญ่หลวงที่สุดของยุโรปในตอนนี้คือ พวกเขาไม่ยอมพูดกับคนที่พวกเขาจำเป็นต้องพูดคุยด้วย" เออร์บานกล่าว "ความหยิ่งยโสนี้ไม่อาจปล่อยให้เกิดขึ้นได้ในทางการเมือง" . เออร์บาน เคยถูกพวกผู้นำอียูบางส่วนใส้ร้ายป้ายสีเกี่ยวกับความพยายามประสานงานทางการทูต พวกเขาอ้างว่านายกรัฐมนตรีฮังการีอยู่ข้างรัสเซีย . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108068 .............. Sondhi X
    Like
    7
    0 Comments 0 Shares 1137 Views 0 Reviews
  • อิสราเอลเผยได้บุกโจมตีซีเรียภาคพื้นดิน จับกุมพลเมืองซีเรียที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสายลับคอยส่งข่าวให้กับอิหร่าน

    นับเป็นครั้งแรกที่อิสราเอลประกาศอย่างเป็นทางการว่า กองกำลังของตนบุกรุกเข้าไปปฏิบัติการภาคพื้นดินในดินแดนซีเรีย แม้ว่าที่ผ่านมาอิสราเอลได้โจมตีทางอากาศในซีเรียหลายครั้งก็ตาม

    กองกำลังอิสราเอลกล่าวว่าการบุกเข้าไปในซีเรียเพื่อจับกุมสายลับครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการพิเศษ "ที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา" แม้ว่าจะไม่ยอมระบุอย่างชัดเจนว่าเกิดขึ้นเมื่อใด

    ทางด้านซีเรียไม่ได้ยืนยันการประกาศดังกล่าวในทันที แต่สถานีวิทยุกระจายเสียงซีเรียที่สนับสนุนรัฐบาลอย่าง Sham FM รายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่ากองกำลังอิสราเอลได้ดำเนินการ "ลักพาตัว" ชายคนหนึ่งทางตอนใต้ของประเทศเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา
    อิสราเอลเผยได้บุกโจมตีซีเรียภาคพื้นดิน จับกุมพลเมืองซีเรียที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นสายลับคอยส่งข่าวให้กับอิหร่าน นับเป็นครั้งแรกที่อิสราเอลประกาศอย่างเป็นทางการว่า กองกำลังของตนบุกรุกเข้าไปปฏิบัติการภาคพื้นดินในดินแดนซีเรีย แม้ว่าที่ผ่านมาอิสราเอลได้โจมตีทางอากาศในซีเรียหลายครั้งก็ตาม กองกำลังอิสราเอลกล่าวว่าการบุกเข้าไปในซีเรียเพื่อจับกุมสายลับครั้งนี้ เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการพิเศษ "ที่เกิดขึ้นในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา" แม้ว่าจะไม่ยอมระบุอย่างชัดเจนว่าเกิดขึ้นเมื่อใด ทางด้านซีเรียไม่ได้ยืนยันการประกาศดังกล่าวในทันที แต่สถานีวิทยุกระจายเสียงซีเรียที่สนับสนุนรัฐบาลอย่าง Sham FM รายงานเมื่อวันอาทิตย์ว่ากองกำลังอิสราเอลได้ดำเนินการ "ลักพาตัว" ชายคนหนึ่งทางตอนใต้ของประเทศเมื่อช่วงฤดูร้อนที่ผ่านมา
    0 Comments 0 Shares 213 Views 45 0 Reviews
More Results