• กัมพูชาเลื่อนถก RBC สาระสำคัญปรับกำลัง : [NEWS UPDATE]
    พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เผยถึงการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา(ศบ.ทก.) ครั้งแรก
    จะติดตามสถานการณ์ชายแดนที่ยกระดับคุมเข้ม เนื่องจากกัมพูชา ปิดด่านบางจุดทำให้รถขนส่งผลไม้จากไทยไม่สามารถข้ามไปได้ ซึ่งจะไม่ใช้มาตรการตาต่อตาฟัน แต่มองเรื่องผลกระทบต่อประชาชนไทยและกัมพูชา ขณะที่
    กัมพูชาขอเลื่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค(RBC) โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งสาระสำคัญของการประชุม RBC มีอย่างเดียวคือการปรับกำลัง มีแนวคิดจัดเวทีให้นักวิชาการที่แสดงความคิดเห็นสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เนื่องจากการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างหลายทิศทางทำให้รัฐบาลทำงานลำบาก


    ห้ามข้ามทำงานบ่อนเขมร

    ไทยขีดความสามารถลด

    ฝึกทักษะผ่าตัดขั้นสูง

    ภาษีสหรัฐฟาดอุตเหล็ก
    กัมพูชาเลื่อนถก RBC สาระสำคัญปรับกำลัง : [NEWS UPDATE] พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม เผยถึงการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา(ศบ.ทก.) ครั้งแรก จะติดตามสถานการณ์ชายแดนที่ยกระดับคุมเข้ม เนื่องจากกัมพูชา ปิดด่านบางจุดทำให้รถขนส่งผลไม้จากไทยไม่สามารถข้ามไปได้ ซึ่งจะไม่ใช้มาตรการตาต่อตาฟัน แต่มองเรื่องผลกระทบต่อประชาชนไทยและกัมพูชา ขณะที่ กัมพูชาขอเลื่อนการประชุมคณะกรรมการชายแดนระดับภูมิภาค(RBC) โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งสาระสำคัญของการประชุม RBC มีอย่างเดียวคือการปรับกำลัง มีแนวคิดจัดเวทีให้นักวิชาการที่แสดงความคิดเห็นสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา แลกเปลี่ยนความคิดเห็น เนื่องจากการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่างหลายทิศทางทำให้รัฐบาลทำงานลำบาก ห้ามข้ามทำงานบ่อนเขมร ไทยขีดความสามารถลด ฝึกทักษะผ่าตัดขั้นสูง ภาษีสหรัฐฟาดอุตเหล็ก
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 34 0 รีวิว
  • ♣ ฮุน มานี น้องชายฮุน มาเนต ปลุกม็อบ
    เดินขบวนกลางกรุงพนมเปญ
    หวังยกระดับกระแสต่อต้านไทยเรื่องชายแดน เข้าเค้าอดีตที่เคยปลุกม็อบเผาทำลายสถานทูตและธุรกิจไทยในกัมพูชา
    #7ดอกจิก
    ♣ ฮุน มานี น้องชายฮุน มาเนต ปลุกม็อบ เดินขบวนกลางกรุงพนมเปญ หวังยกระดับกระแสต่อต้านไทยเรื่องชายแดน เข้าเค้าอดีตที่เคยปลุกม็อบเผาทำลายสถานทูตและธุรกิจไทยในกัมพูชา #7ดอกจิก
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 40 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft ออกมาประกาศจับมือกับ AMD แบบ “ระยะยาวหลายปี” เพื่อร่วมกันพัฒนา Xbox รุ่นถัดไปและอุปกรณ์ใหม่ ๆ ที่จะออกในอนาคต โดย Sarah Bond (ประธาน Xbox) บอกว่า เขาไม่ได้ต้องการแค่ทำกราฟิกให้สวยขึ้น แต่ต้องการ “ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมให้สมจริงกว่าเดิม” ผ่านการใช้ AI ผสานเข้ากับชิปประมวลผล

    สิ่งที่น่าสนใจคือ Microsoft ยังยืนยันว่า Xbox ใหม่ยังคงเล่นเกมเก่าได้ (Backward Compatibility) นั่นหมายความว่าคนที่ลงทุนเกมดิจิทัลไว้เยอะ ๆ ไม่ต้องห่วงว่าจะเสียเงินเปล่า

    และไม่ใช่แค่คอนโซล เพราะ Microsoft ส่งสัญญาณชัดว่า Xbox จะไม่ผูกกับเครื่องอีกต่อไป แต่จะพัฒนาให้ “เล่นเกมได้ทุกที่ ทุกอุปกรณ์” — เหมือนจะมุ่งเป้าไปยังโลกแบบ cloud gaming หรือ hybrid system มากขึ้น

    นอกจากนี้เขายังพูดถึง “Xbox Ally” เครื่องเกมพกพาที่รัน Windows 11 รุ่นเบา ซึ่งก็มาพร้อมชิป AMD เช่นกัน แปลว่าพาร์ตเนอร์รายนี้กำลังมีบทบาททั้งในคอนโซล เกมพกพา และแม้แต่บนพีซีเกมมิ่ง

    ✅ Microsoft ประกาศความร่วมมือหลายปีกับ AMD  
    • ร่วมกันพัฒนาชิปรุ่นใหม่เพื่อ Xbox และฮาร์ดแวร์เกมรุ่นถัดไป  
    • เน้นกราฟิกขั้นสูง, การผสาน AI และความสมจริงในการเล่นเกม

    ✅ เป้าหมาย: Xbox ที่ “ไร้พรมแดน” เล่นได้ทุกอุปกรณ์  
    • ไม่จำกัดเฉพาะเครื่องคอนโซลอีกต่อไป  
    • มีแนวโน้มพัฒนาแพลตฟอร์มแบบ cross-device และ cloud-based

    ✅ รองรับเกมเก่า (Backward Compatibility) ต่อเนื่อง  
    • ผู้เล่นสามารถนำคลังเกมเก่ามาใช้กับเครื่องใหม่ได้  
    • เป็นจุดแข็งสำคัญที่สร้างความมั่นใจให้ฐานลูกค้าเดิม

    ✅ Windows คือเป้าหมายใหม่ของ Xbox  
    • Sarah Bond ระบุชัดว่ากำลังทำให้ Windows เป็น “แพลตฟอร์มเกมอันดับหนึ่ง”  
    • อาจเป็นสัญญาณของการลดบทบาทคอนโซล หรือเปลี่ยนทิศไปยัง Game-as-a-platform มากขึ้น

    ✅ Xbox Ally เครื่องเล่นเกมพกพารัน Windows ก็ใช้ชิป AMD เช่นกัน  
    • ชูจุดเด่นเล่นเกม PC ได้ในรูปแบบพกพา  
    • ใช้ Windows 11 รุ่นพิเศษที่เบาและไม่มี bloatware

    ‼️ อนาคตของ Xbox อาจไม่ใช่คอนโซลแบบเดิมอีกต่อไป  
    • ผู้ที่ชอบประสบการณ์คอนโซลแบบ “เสียบเล่นได้เลย” อาจต้องปรับตัว  
    • หาก Xbox กลายเป็น platform มากกว่า product การเข้าถึงอาจซับซ้อนขึ้น

    ‼️ การใช้ AI ในฮาร์ดแวร์เกมต้องจับตาด้านความเป็นส่วนตัว  
    • ยังไม่มีรายละเอียดว่า AI จะใช้ทำอะไรบ้างในฝั่งผู้เล่น  
    • หากวิเคราะห์พฤติกรรมผู้เล่นเพื่อปรับประสบการณ์แบบ dynamic ก็อาจกระทบเรื่อง Privacy

    ‼️ AMD อาจถือความลับด้านเทคโนโลยีเกมไว้มากเกินไป  
    • ทั้ง Xbox, Windows handheld, และ PC gaming ต่างก็ใช้ AMD  
    • การพึ่งพา supplier เจ้าเดียวมากเกินไปอาจมีความเสี่ยงในระยะยาว

    https://www.neowin.net/news/microsoft-announces-multi-year-partnership-with-amd-for-future-of-xbox-consoles-and-hardware/
    Microsoft ออกมาประกาศจับมือกับ AMD แบบ “ระยะยาวหลายปี” เพื่อร่วมกันพัฒนา Xbox รุ่นถัดไปและอุปกรณ์ใหม่ ๆ ที่จะออกในอนาคต โดย Sarah Bond (ประธาน Xbox) บอกว่า เขาไม่ได้ต้องการแค่ทำกราฟิกให้สวยขึ้น แต่ต้องการ “ยกระดับประสบการณ์การเล่นเกมให้สมจริงกว่าเดิม” ผ่านการใช้ AI ผสานเข้ากับชิปประมวลผล สิ่งที่น่าสนใจคือ Microsoft ยังยืนยันว่า Xbox ใหม่ยังคงเล่นเกมเก่าได้ (Backward Compatibility) นั่นหมายความว่าคนที่ลงทุนเกมดิจิทัลไว้เยอะ ๆ ไม่ต้องห่วงว่าจะเสียเงินเปล่า และไม่ใช่แค่คอนโซล เพราะ Microsoft ส่งสัญญาณชัดว่า Xbox จะไม่ผูกกับเครื่องอีกต่อไป แต่จะพัฒนาให้ “เล่นเกมได้ทุกที่ ทุกอุปกรณ์” — เหมือนจะมุ่งเป้าไปยังโลกแบบ cloud gaming หรือ hybrid system มากขึ้น นอกจากนี้เขายังพูดถึง “Xbox Ally” เครื่องเกมพกพาที่รัน Windows 11 รุ่นเบา ซึ่งก็มาพร้อมชิป AMD เช่นกัน แปลว่าพาร์ตเนอร์รายนี้กำลังมีบทบาททั้งในคอนโซล เกมพกพา และแม้แต่บนพีซีเกมมิ่ง ✅ Microsoft ประกาศความร่วมมือหลายปีกับ AMD   • ร่วมกันพัฒนาชิปรุ่นใหม่เพื่อ Xbox และฮาร์ดแวร์เกมรุ่นถัดไป   • เน้นกราฟิกขั้นสูง, การผสาน AI และความสมจริงในการเล่นเกม ✅ เป้าหมาย: Xbox ที่ “ไร้พรมแดน” เล่นได้ทุกอุปกรณ์   • ไม่จำกัดเฉพาะเครื่องคอนโซลอีกต่อไป   • มีแนวโน้มพัฒนาแพลตฟอร์มแบบ cross-device และ cloud-based ✅ รองรับเกมเก่า (Backward Compatibility) ต่อเนื่อง   • ผู้เล่นสามารถนำคลังเกมเก่ามาใช้กับเครื่องใหม่ได้   • เป็นจุดแข็งสำคัญที่สร้างความมั่นใจให้ฐานลูกค้าเดิม ✅ Windows คือเป้าหมายใหม่ของ Xbox   • Sarah Bond ระบุชัดว่ากำลังทำให้ Windows เป็น “แพลตฟอร์มเกมอันดับหนึ่ง”   • อาจเป็นสัญญาณของการลดบทบาทคอนโซล หรือเปลี่ยนทิศไปยัง Game-as-a-platform มากขึ้น ✅ Xbox Ally เครื่องเล่นเกมพกพารัน Windows ก็ใช้ชิป AMD เช่นกัน   • ชูจุดเด่นเล่นเกม PC ได้ในรูปแบบพกพา   • ใช้ Windows 11 รุ่นพิเศษที่เบาและไม่มี bloatware ‼️ อนาคตของ Xbox อาจไม่ใช่คอนโซลแบบเดิมอีกต่อไป   • ผู้ที่ชอบประสบการณ์คอนโซลแบบ “เสียบเล่นได้เลย” อาจต้องปรับตัว   • หาก Xbox กลายเป็น platform มากกว่า product การเข้าถึงอาจซับซ้อนขึ้น ‼️ การใช้ AI ในฮาร์ดแวร์เกมต้องจับตาด้านความเป็นส่วนตัว   • ยังไม่มีรายละเอียดว่า AI จะใช้ทำอะไรบ้างในฝั่งผู้เล่น   • หากวิเคราะห์พฤติกรรมผู้เล่นเพื่อปรับประสบการณ์แบบ dynamic ก็อาจกระทบเรื่อง Privacy ‼️ AMD อาจถือความลับด้านเทคโนโลยีเกมไว้มากเกินไป   • ทั้ง Xbox, Windows handheld, และ PC gaming ต่างก็ใช้ AMD   • การพึ่งพา supplier เจ้าเดียวมากเกินไปอาจมีความเสี่ยงในระยะยาว https://www.neowin.net/news/microsoft-announces-multi-year-partnership-with-amd-for-future-of-xbox-consoles-and-hardware/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft announces multi-year partnership with AMD for future of Xbox consoles and hardware
    Microsoft has entered a partnership with chipmaker AMD to co-develop the next generation of Xbox gaming devices. There seems to be a strategy shift happening for Xbox as well.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft เพิ่งยกระดับความสามารถของระบบความปลอดภัย Microsoft Defender XDR ด้วยการใส่ “TITAN” เข้าไปเป็นมันสมองของ Copilot ในฟีเจอร์ที่เรียกว่า Guided Response ซึ่งแต่เดิมทำหน้าที่แนะนำนักวิเคราะห์ความปลอดภัยให้รับมือกับภัยคุกคามแบบทีละขั้น แต่พอผนวก TITAN เข้าไปแล้ว ทุกอย่างยิ่งแกร่งขึ้นหลายเท่า

    TITAN คือกราฟปัญญาประดิษฐ์ที่ Microsoft พัฒนาขึ้นมาให้ฉลาดในการจับสัญญาณภัยร้ายก่อนที่มันจะลงมือ โดยมันจะวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง ทั้งภายในและภายนอกองค์กร ไม่ว่าจะเป็น IP แปลก ๆ อีเมลที่ไม่น่าไว้ใจ ไปจนถึงพฤติกรรมที่ “ดูมีพิรุธ” ของอุปกรณ์ในระบบ ตัวระบบจะใช้หลัก “guilt-by-association” หรือแปลคร่าว ๆ ว่า “ถ้าแวดล้อมคุณไม่ดี คุณก็อาจไม่น่าไว้ใจเช่นกัน” ในการวิเคราะห์พฤติกรรม

    ยกตัวอย่าง: ถ้าอุปกรณ์หนึ่งเคยเชื่อมต่อกับ IP ที่มีประวัติไม่ดี TITAN จะขึ้นสถานะเตือนเพื่อให้นักวิเคราะห์เข้าตรวจสอบหรือสั่งกักกันทันที ฟังดูเหมือน AI มีประสาทสัมผัสที่หกเลยใช่ไหมครับ?

    และจากการทดสอบภายใน Microsoft เขาพบว่าระบบใหม่นี้ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจถึง 8% และยังลดเวลาการตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อีกด้วย

    ✅ Microsoft Defender XDR อัปเกรดด้วย TITAN  
    • ทำให้ฟีเจอร์ Guided Response ฉลาดยิ่งขึ้น โดยแนะนำการตอบสนองต่อภัยคุกคามแบบเรียลไทม์  
    • วิเคราะห์ข้อมูลแบบ adaptive ผ่านกราฟภัยคุกคามที่อิงพฤติกรรมและเครือข่ายความสัมพันธ์

    ✅ คุณสมบัติของ TITAN  
    • ใช้เทคนิค guilt-by-association วิเคราะห์ภัยที่ยังไม่ถูกระบุอย่างเป็นทางการ  
    • รวมข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น Microsoft Defender for Threat Intelligence และ feedback จากลูกค้า  
    • แสดงคำแนะนำแบบ “อธิบายได้” เพิ่มความมั่นใจให้นักวิเคราะห์ในการดำเนินการ

    ✅ ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้งาน TITAN  
    • เพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยภัยคุกคามขึ้น 8%  
    • ลดเวลาในการตอบสนองต่อเหตุการณ์  
    • มีคำแนะนำเชิงปฏิบัติสำหรับ IP address, IP range และ email sender ที่น่าสงสัย

    ‼️ คำเตือนเรื่องการตีความผลลัพธ์ของ TITAN  
    • แม้ TITAN จะฉลาด แต่การตัดสินใจ “เหมารวม” อุปกรณ์หรือผู้ใช้งานจากความเกี่ยวข้องอาจทำให้เกิด false positives (แจ้งเตือนผิดพลาด)  
    • จำเป็นต้องมีนักวิเคราะห์ตรวจสอบก่อนดำเนินการตัดสินใจขั้นสุดท้าย

    ‼️ ความท้าทายในการใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติด้านความปลอดภัย  
    • ระบบ AI แม้จะลดภาระงานได้ แต่ยังจำเป็นต้องมีมนุษย์ควบคุมและปรับใช้ตามบริบทที่เหมาะสม  
    • การพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป อาจเปิดช่องว่างให้ภัยคุกคามระดับสูงใช้หลบเลี่ยงหรือทำการโจมตีแบบแอบแฝง

    https://www.neowin.net/news/microsoft-defender-xdr-gets-titan-powered-security-copilot-recommendations/
    Microsoft เพิ่งยกระดับความสามารถของระบบความปลอดภัย Microsoft Defender XDR ด้วยการใส่ “TITAN” เข้าไปเป็นมันสมองของ Copilot ในฟีเจอร์ที่เรียกว่า Guided Response ซึ่งแต่เดิมทำหน้าที่แนะนำนักวิเคราะห์ความปลอดภัยให้รับมือกับภัยคุกคามแบบทีละขั้น แต่พอผนวก TITAN เข้าไปแล้ว ทุกอย่างยิ่งแกร่งขึ้นหลายเท่า TITAN คือกราฟปัญญาประดิษฐ์ที่ Microsoft พัฒนาขึ้นมาให้ฉลาดในการจับสัญญาณภัยร้ายก่อนที่มันจะลงมือ โดยมันจะวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของข้อมูลจากหลากหลายแหล่ง ทั้งภายในและภายนอกองค์กร ไม่ว่าจะเป็น IP แปลก ๆ อีเมลที่ไม่น่าไว้ใจ ไปจนถึงพฤติกรรมที่ “ดูมีพิรุธ” ของอุปกรณ์ในระบบ ตัวระบบจะใช้หลัก “guilt-by-association” หรือแปลคร่าว ๆ ว่า “ถ้าแวดล้อมคุณไม่ดี คุณก็อาจไม่น่าไว้ใจเช่นกัน” ในการวิเคราะห์พฤติกรรม ยกตัวอย่าง: ถ้าอุปกรณ์หนึ่งเคยเชื่อมต่อกับ IP ที่มีประวัติไม่ดี TITAN จะขึ้นสถานะเตือนเพื่อให้นักวิเคราะห์เข้าตรวจสอบหรือสั่งกักกันทันที ฟังดูเหมือน AI มีประสาทสัมผัสที่หกเลยใช่ไหมครับ? และจากการทดสอบภายใน Microsoft เขาพบว่าระบบใหม่นี้ช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจถึง 8% และยังลดเวลาการตอบสนองต่อภัยคุกคามได้อีกด้วย ✅ Microsoft Defender XDR อัปเกรดด้วย TITAN   • ทำให้ฟีเจอร์ Guided Response ฉลาดยิ่งขึ้น โดยแนะนำการตอบสนองต่อภัยคุกคามแบบเรียลไทม์   • วิเคราะห์ข้อมูลแบบ adaptive ผ่านกราฟภัยคุกคามที่อิงพฤติกรรมและเครือข่ายความสัมพันธ์ ✅ คุณสมบัติของ TITAN   • ใช้เทคนิค guilt-by-association วิเคราะห์ภัยที่ยังไม่ถูกระบุอย่างเป็นทางการ   • รวมข้อมูลจากหลายแหล่ง เช่น Microsoft Defender for Threat Intelligence และ feedback จากลูกค้า   • แสดงคำแนะนำแบบ “อธิบายได้” เพิ่มความมั่นใจให้นักวิเคราะห์ในการดำเนินการ ✅ ผลลัพธ์ที่ได้จากการใช้งาน TITAN   • เพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยภัยคุกคามขึ้น 8%   • ลดเวลาในการตอบสนองต่อเหตุการณ์   • มีคำแนะนำเชิงปฏิบัติสำหรับ IP address, IP range และ email sender ที่น่าสงสัย ‼️ คำเตือนเรื่องการตีความผลลัพธ์ของ TITAN   • แม้ TITAN จะฉลาด แต่การตัดสินใจ “เหมารวม” อุปกรณ์หรือผู้ใช้งานจากความเกี่ยวข้องอาจทำให้เกิด false positives (แจ้งเตือนผิดพลาด)   • จำเป็นต้องมีนักวิเคราะห์ตรวจสอบก่อนดำเนินการตัดสินใจขั้นสุดท้าย ‼️ ความท้าทายในการใช้เทคโนโลยีอัตโนมัติด้านความปลอดภัย   • ระบบ AI แม้จะลดภาระงานได้ แต่ยังจำเป็นต้องมีมนุษย์ควบคุมและปรับใช้ตามบริบทที่เหมาะสม   • การพึ่งพาเทคโนโลยีมากเกินไป อาจเปิดช่องว่างให้ภัยคุกคามระดับสูงใช้หลบเลี่ยงหรือทำการโจมตีแบบแอบแฝง https://www.neowin.net/news/microsoft-defender-xdr-gets-titan-powered-security-copilot-recommendations/
    WWW.NEOWIN.NET
    Microsoft Defender XDR gets TITAN-powered Security Copilot recommendations
    Microsoft has announced an improvement to Security Copilot Guided Response in Defender XDR called TITAN which aims to flag threats before they've done anything wrong.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 31 มุมมอง 0 รีวิว
  • ซินโครตรอน อว. เปิดตัว 2 นวัตกรรมล้ำสมัย “เครื่องสังเคราะห์กราฟีน” และ “เครื่องเคลือบฟิล์ม DLC” ยกระดับอุตสาหกรรมไทยในงาน Thailand Research Expo 2025

    สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ร่วมแสดงผลงานในงานมหกรรมวิจัยแห่งชาติ Thailand Research Expo 2025 ชู 2 นวัตกรรมก้าวล้ำพร้อมต่อยอดสู่การยกระดับอุตสาหกรรมไทย “เครื่องสังเคราะห์กราฟีนในระดับอุตสาหกรรม” และ “เครื่องเคลือบฟิล์มดีแอลซีสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม”

    กรุงเทพฯ – สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอนได้นำผลงานมาร่วมจัดแสดงภายในงานมหกรรมวิจัยแห่งชาติ 2568 หรือ Thailand Research Expo 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-20 มิถุนายน 2568
    ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ จำนวน 2 ผลงาน คือ “เครื่องสังเคราะห์กราฟีนสู่การนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์” และ“เครื่องต้นแบบการเคลือบฟิล์มดีแอลซีสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม” โดยจัดแสดงที่บูธ CL2 ภายในโซนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมและพัฒนาเศรษฐกิจ

    ดร.พัฒนพงศ์ จันทร์พวง หัวหน้าฝ่ายพัฒนาเทคนิคและวิศวกรรม และหัวหน้าทีมวิจัยเครื่องสังเคราะห์กราฟีนฯ กล่าวว่า “กราฟีนเป็นคาร์บอนที่มีการจัดเรียงตัวในลักษณะ 2 มิติ ทำให้มีคุณสมบัติที่แข็งแรงกว่าเหล็กกล้าถึง 200 เท่า, นำไฟฟ้าได้ดีกว่าโลหะทองแดง, น้ำหนักเบา, แผ่ความร้อนได้ดี และความยืดหยุ่นสูง จึงถูกนำไปประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีหลากหลายด้าน เช่น อิเล็กทรอนิกส์, การก่อสร้าง, การแพทย์, และการกักเก็บพลังงาน เป็นต้น ปัจจุบันมีเทคโนโลยีในการสังเคราะห์กราฟีนหลายวิธี แต่ละวิธีก็มีข้อจำกัดแตกต่างกัน ซึ่งวิธีที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการสังเคราะห์กราฟีนให้ได้ระดับอุตสาหกรรม คือวิธี Flash Joule Heating (FJH) ที่อาศัยการจ่ายกระแสไฟฟ้าแรงสูงในเวลาฉับพลันผ่านผงคาร์บอนที่ได้จากขยะ จนทำให้เกิดความร้อนสูงกว่า 2700 องศาเซลเซียส แล้วเกิดการสลายพันธะระหว่างอะตอมของคาร์บอนกับแก๊ส หลังอุณหภูมิลดลงอะตอมของคาร์บอนจะจัดเรียงตัวกันกลายเป็นกราฟีนในเสี้ยววินาที”

    “ทั้งนี้ สถาบันฯ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบสังเคราะห์กราฟีนด้วยเทคนิคความร้อนกระตุ้นแบบพัลส์ยาว (Long-Pulse Joule Heating: LPJH) ที่มีกำลังผลิตวันละ 1 กิโลกรัม โดยอ้างอิงหลักการสังเคราะห์กราฟีนโดยใช้เทคนิค FJH และได้ศึกษาและพัฒนากระบวนการสังเคราะห์กราฟีนจากขยะเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ใบอ้อยและชานอ้อยจากอุตสาหกรรมผลิตน้ำตาล อุตสาหกรรมพอลิเมอร์, เศษผ้าและเสื้อผ้าเก่าจากอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอ เป็นต้น พร้อมกันนี้ได้ศึกษา พัฒนา และประยุกต์ใช้ กราฟีนที่ผลิตได้ สำหรับพัฒนาคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้างและคอนกรีต, อุตสาหกรรมยางและพอลิเมอร์, อุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอ, อุตสาหกรรมสีเคลือบ เป็นต้น” ดร.พัฒนพงศ์ จันทร์พวง กล่าว

    อีกหนึ่งนวัตกรรมสำคัญคือ เครื่องเคลือบฟิล์มดีแอลซี (DLC) สำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ซึ่ง
    ดร.ศรายุทธ ตั้นมี หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กรและหัวหน้าทีมวิจัยเครื่องต้นแบบการเคลือบฟิล์มดีแอลซีฯ อธิบายว่า “สิ่งปนเปื้อนในน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติก่อให้เกิดการกัดกร่อนของชิ้นส่วนทางวิศวกรรมในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ส่งผลให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในกระบวนการบำรุงรักษาทั้งการซ่อมและเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่ และยังส่งผลให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อประเทศด้วย โดยเทคโนโลยีการเคลือบฟิล์มคาร์บอนคล้ายเพชร หรือ ฟิล์มดีแอลซี (DLC) ช่วยเพิ่มสมบัติความแข็ง ต้านการสึกกร่อนและการกัดกร่อน และลดแรงเสียดทานให้กับชิ้นส่วนอุตสาหกรรมได้”

    “สถาบันฯ ได้ร่วมกับ บริษัท ปตท.สํารวจและผลิตปิโตรเลียม จํากัด (มหาชน) พัฒนาเครื่องต้นแบบการเคลือบฟิล์มดีแอลซีสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียมเป็นเครื่องแรกของประเทศไทย เพื่อลดต้นทุนการนำเข้าจากต่างประเทศ และยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไทย ให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล เครื่องต้นแบบเครื่องเคลือบฟิล์มดีแอลซีฯ นี้ ใช้เทคโนโลยีพลาสมาและการเคลือบฟิล์มด้วยเทคนิคการใช้พลาสมาเพิ่มการตกสะสมของไอเชิงเคมี (RF-PECVD) เพื่อสังเคราะห์ฟิล์มดีแอลซี และใช้เทคนิคแสงซินโครตรอนขั้นสูง Near Edge X-ray Absorption Fine Structure (NEXAFS) เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างฟิล์มดีแอลซี และศึกษาการกระจายตัวของพันธะคาร์บอน ซึ่งฟิล์มดีแอลซีที่พัฒนาขึ้นนี้มีคุณสมบัติต้านการสึกกร่อนและการกัดกร่อนสูง เหมาะสมกับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ช่วยลดต้นทุนการซ่อมบำรุง และสามารถทดแทนวัสดุนำเข้าราคาแพงได้” ดร.ศรายุทธ ตั้นมี กล่าว

    สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้าชมทั้ง 2 นวัตกรรมของสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ได้ที่ บูธ CL2 ในงาน Thailand Research Expo 2025 ตั้งแต่เวลา 08.30 - 17.00 น. ระหว่างวันที่ 16-20 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ
    ซินโครตรอน อว. เปิดตัว 2 นวัตกรรมล้ำสมัย “เครื่องสังเคราะห์กราฟีน” และ “เครื่องเคลือบฟิล์ม DLC” ยกระดับอุตสาหกรรมไทยในงาน Thailand Research Expo 2025 สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน (องค์การมหาชน) กระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัย และนวัตกรรม (อว.) ร่วมแสดงผลงานในงานมหกรรมวิจัยแห่งชาติ Thailand Research Expo 2025 ชู 2 นวัตกรรมก้าวล้ำพร้อมต่อยอดสู่การยกระดับอุตสาหกรรมไทย “เครื่องสังเคราะห์กราฟีนในระดับอุตสาหกรรม” และ “เครื่องเคลือบฟิล์มดีแอลซีสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม” กรุงเทพฯ – สถาบันวิจัยแสงซินโครตรอนได้นำผลงานมาร่วมจัดแสดงภายในงานมหกรรมวิจัยแห่งชาติ 2568 หรือ Thailand Research Expo 2025 ซึ่งจัดขึ้นระหว่างวันที่ 16-20 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ จำนวน 2 ผลงาน คือ “เครื่องสังเคราะห์กราฟีนสู่การนำไปใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์” และ“เครื่องต้นแบบการเคลือบฟิล์มดีแอลซีสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม” โดยจัดแสดงที่บูธ CL2 ภายในโซนงานวิจัยและนวัตกรรมเพื่อใช้ประโยชน์ในภาคอุตสาหกรรมและพัฒนาเศรษฐกิจ ดร.พัฒนพงศ์ จันทร์พวง หัวหน้าฝ่ายพัฒนาเทคนิคและวิศวกรรม และหัวหน้าทีมวิจัยเครื่องสังเคราะห์กราฟีนฯ กล่าวว่า “กราฟีนเป็นคาร์บอนที่มีการจัดเรียงตัวในลักษณะ 2 มิติ ทำให้มีคุณสมบัติที่แข็งแรงกว่าเหล็กกล้าถึง 200 เท่า, นำไฟฟ้าได้ดีกว่าโลหะทองแดง, น้ำหนักเบา, แผ่ความร้อนได้ดี และความยืดหยุ่นสูง จึงถูกนำไปประยุกต์ใช้กับเทคโนโลยีหลากหลายด้าน เช่น อิเล็กทรอนิกส์, การก่อสร้าง, การแพทย์, และการกักเก็บพลังงาน เป็นต้น ปัจจุบันมีเทคโนโลยีในการสังเคราะห์กราฟีนหลายวิธี แต่ละวิธีก็มีข้อจำกัดแตกต่างกัน ซึ่งวิธีที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพสูงสุดในการสังเคราะห์กราฟีนให้ได้ระดับอุตสาหกรรม คือวิธี Flash Joule Heating (FJH) ที่อาศัยการจ่ายกระแสไฟฟ้าแรงสูงในเวลาฉับพลันผ่านผงคาร์บอนที่ได้จากขยะ จนทำให้เกิดความร้อนสูงกว่า 2700 องศาเซลเซียส แล้วเกิดการสลายพันธะระหว่างอะตอมของคาร์บอนกับแก๊ส หลังอุณหภูมิลดลงอะตอมของคาร์บอนจะจัดเรียงตัวกันกลายเป็นกราฟีนในเสี้ยววินาที” “ทั้งนี้ สถาบันฯ ประสบความสำเร็จในการพัฒนาระบบสังเคราะห์กราฟีนด้วยเทคนิคความร้อนกระตุ้นแบบพัลส์ยาว (Long-Pulse Joule Heating: LPJH) ที่มีกำลังผลิตวันละ 1 กิโลกรัม โดยอ้างอิงหลักการสังเคราะห์กราฟีนโดยใช้เทคนิค FJH และได้ศึกษาและพัฒนากระบวนการสังเคราะห์กราฟีนจากขยะเหลือทิ้งจากอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น ใบอ้อยและชานอ้อยจากอุตสาหกรรมผลิตน้ำตาล อุตสาหกรรมพอลิเมอร์, เศษผ้าและเสื้อผ้าเก่าจากอุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอ เป็นต้น พร้อมกันนี้ได้ศึกษา พัฒนา และประยุกต์ใช้ กราฟีนที่ผลิตได้ สำหรับพัฒนาคุณสมบัติของผลิตภัณฑ์อื่นๆ ในอุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมก่อสร้างและคอนกรีต, อุตสาหกรรมยางและพอลิเมอร์, อุตสาหกรรมเสื้อผ้าและสิ่งทอ, อุตสาหกรรมสีเคลือบ เป็นต้น” ดร.พัฒนพงศ์ จันทร์พวง กล่าว อีกหนึ่งนวัตกรรมสำคัญคือ เครื่องเคลือบฟิล์มดีแอลซี (DLC) สำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ซึ่ง ดร.ศรายุทธ ตั้นมี หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์องค์กรและหัวหน้าทีมวิจัยเครื่องต้นแบบการเคลือบฟิล์มดีแอลซีฯ อธิบายว่า “สิ่งปนเปื้อนในน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติก่อให้เกิดการกัดกร่อนของชิ้นส่วนทางวิศวกรรมในอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ส่งผลให้ต้องเสียค่าใช้จ่ายสูงในกระบวนการบำรุงรักษาทั้งการซ่อมและเปลี่ยนชิ้นส่วนใหม่ และยังส่งผลให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจต่อประเทศด้วย โดยเทคโนโลยีการเคลือบฟิล์มคาร์บอนคล้ายเพชร หรือ ฟิล์มดีแอลซี (DLC) ช่วยเพิ่มสมบัติความแข็ง ต้านการสึกกร่อนและการกัดกร่อน และลดแรงเสียดทานให้กับชิ้นส่วนอุตสาหกรรมได้” “สถาบันฯ ได้ร่วมกับ บริษัท ปตท.สํารวจและผลิตปิโตรเลียม จํากัด (มหาชน) พัฒนาเครื่องต้นแบบการเคลือบฟิล์มดีแอลซีสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเลียมเป็นเครื่องแรกของประเทศไทย เพื่อลดต้นทุนการนำเข้าจากต่างประเทศ และยกระดับขีดความสามารถของอุตสาหกรรมไทย ให้สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล เครื่องต้นแบบเครื่องเคลือบฟิล์มดีแอลซีฯ นี้ ใช้เทคโนโลยีพลาสมาและการเคลือบฟิล์มด้วยเทคนิคการใช้พลาสมาเพิ่มการตกสะสมของไอเชิงเคมี (RF-PECVD) เพื่อสังเคราะห์ฟิล์มดีแอลซี และใช้เทคนิคแสงซินโครตรอนขั้นสูง Near Edge X-ray Absorption Fine Structure (NEXAFS) เพื่อวิเคราะห์โครงสร้างฟิล์มดีแอลซี และศึกษาการกระจายตัวของพันธะคาร์บอน ซึ่งฟิล์มดีแอลซีที่พัฒนาขึ้นนี้มีคุณสมบัติต้านการสึกกร่อนและการกัดกร่อนสูง เหมาะสมกับอุตสาหกรรมปิโตรเลียม ช่วยลดต้นทุนการซ่อมบำรุง และสามารถทดแทนวัสดุนำเข้าราคาแพงได้” ดร.ศรายุทธ ตั้นมี กล่าว สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้าชมทั้ง 2 นวัตกรรมของสถาบันวิจัยแสงซินโครตรอน ได้ที่ บูธ CL2 ในงาน Thailand Research Expo 2025 ตั้งแต่เวลา 08.30 - 17.00 น. ระหว่างวันที่ 16-20 มิถุนายน 2568 ณ โรงแรมเซ็นทาราแกรนด์ และบางกอกคอนเวนชันเซ็นเตอร์ เซ็นทรัลเวิลด์ กรุงเทพฯ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • แหล่งข่าวระบุว่า หนึ่งในเป้าหมายของอิหร่านครั้งนี้คือ อาคารกองบัญชาการ "หน่วย 8200" ซึ่งเป็นหน่วยงานข่าวกรองด้านไซเบอร์ระดับสูงของอิสราเอล ในเฮิร์ซลิยา ถูกทำลายไปทั้งหลัง

    (บางรายงานบอกว่าเป็นสำนักงานใหญ่มอสสาด อาจจะเป็นที่เดียวกันหรือเปล่า ไม่แน่ใจ)

    นอกจากนี้ยังมีรายงานเจ้าหน้าที่หลายรายติดอยู่ภายใต้ซากปรักหักพัง

    มีรายงานว่าสถานที่แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของสงครามอิเล็กทรอนิกส์ของอิสราเอลที่สำคัญที่สุด

    หลังการโจมตีของอิหร่าน มีการเซ็นเซอร์อย่างเข้มงวด ทำให้ไม่สามารถจับภาพและรายละเอียดได้อย่างชัดเจน

    .

    เมื่อปี 2024 หน่วย 8200 เป็นหน่วยทหารที่รับผิดชอบเหตุระเบิดจากเพจเจอร์หลายพันเครื่องของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน โดยเป็นคนติดตั้งระเบิดขนาดเล็กเอาไว้ภายในอุปกรณ์สื่อสาร ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตในโรงงานเลยทีเดียว

    หน่วย 8200 ยังเป็นหนึ่งในหน่วยงานด้านไซเบอร์ที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้ โดยหน่วย 8200 เกิดมาจากการที่รัฐบาลทุ่มงบให้กับความมั่นคงทางไซเบอร์และปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ และเริ่มพัฒนาการสร้างระบบเตือนภัยไปจนถึงการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับศักยภาพงานด้านการป้องกันประเทศ

    เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานนี้ ถือเป็นระดับหัวกะทิของประเทศที่ส่วนใหญ่เป็นคนวัยหนุ่มสาวแทบทั้งสิ้น และการจะเข้าปฏิบัติงานในหน่วยนี้ได้จะต้องมีทัศนคติแบบ "ทำได้" หรือ "Can Do"  
    แหล่งข่าวระบุว่า หนึ่งในเป้าหมายของอิหร่านครั้งนี้คือ อาคารกองบัญชาการ "หน่วย 8200" ซึ่งเป็นหน่วยงานข่าวกรองด้านไซเบอร์ระดับสูงของอิสราเอล ในเฮิร์ซลิยา ถูกทำลายไปทั้งหลัง (บางรายงานบอกว่าเป็นสำนักงานใหญ่มอสสาด อาจจะเป็นที่เดียวกันหรือเปล่า ไม่แน่ใจ) นอกจากนี้ยังมีรายงานเจ้าหน้าที่หลายรายติดอยู่ภายใต้ซากปรักหักพัง มีรายงานว่าสถานที่แห่งนี้เป็นส่วนหนึ่งของสงครามอิเล็กทรอนิกส์ของอิสราเอลที่สำคัญที่สุด หลังการโจมตีของอิหร่าน มีการเซ็นเซอร์อย่างเข้มงวด ทำให้ไม่สามารถจับภาพและรายละเอียดได้อย่างชัดเจน . เมื่อปี 2024 หน่วย 8200 เป็นหน่วยทหารที่รับผิดชอบเหตุระเบิดจากเพจเจอร์หลายพันเครื่องของกลุ่มฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน โดยเป็นคนติดตั้งระเบิดขนาดเล็กเอาไว้ภายในอุปกรณ์สื่อสาร ตั้งแต่ขั้นตอนการผลิตในโรงงานเลยทีเดียว หน่วย 8200 ยังเป็นหนึ่งในหน่วยงานด้านไซเบอร์ที่ดีที่สุดบนโลกใบนี้ โดยหน่วย 8200 เกิดมาจากการที่รัฐบาลทุ่มงบให้กับความมั่นคงทางไซเบอร์และปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ และเริ่มพัฒนาการสร้างระบบเตือนภัยไปจนถึงการพัฒนาเทคโนโลยีเพื่อยกระดับศักยภาพงานด้านการป้องกันประเทศ เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานนี้ ถือเป็นระดับหัวกะทิของประเทศที่ส่วนใหญ่เป็นคนวัยหนุ่มสาวแทบทั้งสิ้น และการจะเข้าปฏิบัติงานในหน่วยนี้ได้จะต้องมีทัศนคติแบบ "ทำได้" หรือ "Can Do"  
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • กดดัน 'บ่อนปอยเปต' ยกระดับเข้มอย่างยิ่งยวด ห้ามพนักงานไทยข้ามไปทำงานกาสิโนเขมร
    https://www.thai-tai.tv/news/19475/
    กดดัน 'บ่อนปอยเปต' ยกระดับเข้มอย่างยิ่งยวด ห้ามพนักงานไทยข้ามไปทำงานกาสิโนเขมร https://www.thai-tai.tv/news/19475/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 14 มุมมอง 0 รีวิว
  • เริ่มแล้วยกระดับคุมเข้มชายแดน จ.สระแก้วห้ามคนไทยทำงานบ่อนปอยเปตผ่าน กองกำลังบูรพา ออกมาตรการควบคุมจุดผ่านแดนชายแดนสระแก้วขั้นสูงสุด สั่งห้ามคนไทยทุกประเภทที่เป็นพนักงานในบ่อนการพนัน กาสิโน หรือสถานบันเทิงในกรุงปอยเปต เดินทางออกนอกราชอาณาจักรผ่านทุกจุดผ่านแดนในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2568 เวลา 08.00 น. เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง เป็นคำสั่งที่ออกโดยกองกำลังบูรพา มีหนังสือถึงผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว เรื่อง “มาตรการควบคุมจุดผ่านแดนถาวร/จุดผ่อนปรนเพื่อการค้าฯ ในพื้นที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว” เพื่อยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณแนวชายแดน โดยเฉพาะในจังหวัดสระแก้ว ซึ่งมีจุดผ่านแดนสำคัญหลายแห่ง เช่น จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ และจุดผ่อนปรนการค้าอื่น ๆ ในพื้นที่ โดยสั่งการให้หน่วยที่รับผิดชอบในพื้นที่ชายแดน เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมบุคคลที่จะเดินทางออกนอกราชอาณาจักรกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ คนไทยที่มีสถานะเป็นพนักงาน บ่อนการพนัน กาสิโน สถานบันเทิงทุกประเภท ในกรุงปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยให้ห้ามออกนอกประเทศผ่านทุกจุดผ่านแดนในพื้นที่จังหวัดสระแก้วไม่ว่ากรณีใด ๆ จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงจากทางกองกำลังบูรพาโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ด่านตรวจทหาร และฝ่ายปกครองในพื้นที่ ต้องร่วมกันบังคับใช้มาตรการนี้อย่างเคร่งครัด ทำการตรวจสอบเอกสารและจุดประสงค์การเดินทางของผู้ที่ผ่านเข้า-ออกประเทศอย่างละเอียด เพื่อป้องกันการฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าวกองกำลังบูรพาย้ำว่า มาตรการครั้งนี้เป็นเพียงการควบคุมเพื่อความปลอดภัยของประชาชนไทย โดยจะไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าขายหรือการเดินทางของประชาชนทั่วไปที่มีจุดประสงค์อื่นนอกเหนือจากการทำงานในบ่อนและสถานบันเทิง#JBC #ชายแดนไทยเขมร ที่มา : ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม
    เริ่มแล้วยกระดับคุมเข้มชายแดน จ.สระแก้วห้ามคนไทยทำงานบ่อนปอยเปตผ่าน กองกำลังบูรพา ออกมาตรการควบคุมจุดผ่านแดนชายแดนสระแก้วขั้นสูงสุด สั่งห้ามคนไทยทุกประเภทที่เป็นพนักงานในบ่อนการพนัน กาสิโน หรือสถานบันเทิงในกรุงปอยเปต เดินทางออกนอกราชอาณาจักรผ่านทุกจุดผ่านแดนในพื้นที่จังหวัดสระแก้ว มีผลตั้งแต่วันที่ 17 มิถุนายน 2568 เวลา 08.00 น. เป็นต้นไปจนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลง เป็นคำสั่งที่ออกโดยกองกำลังบูรพา มีหนังสือถึงผู้กำกับการตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดสระแก้ว เรื่อง “มาตรการควบคุมจุดผ่านแดนถาวร/จุดผ่อนปรนเพื่อการค้าฯ ในพื้นที่ชายแดนจังหวัดสระแก้ว” เพื่อยกระดับมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณแนวชายแดน โดยเฉพาะในจังหวัดสระแก้ว ซึ่งมีจุดผ่านแดนสำคัญหลายแห่ง เช่น จุดผ่านแดนถาวรบ้านคลองลึก อ.อรัญประเทศ และจุดผ่อนปรนการค้าอื่น ๆ ในพื้นที่ โดยสั่งการให้หน่วยที่รับผิดชอบในพื้นที่ชายแดน เพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมบุคคลที่จะเดินทางออกนอกราชอาณาจักรกลุ่มเป้าหมายหลัก คือ คนไทยที่มีสถานะเป็นพนักงาน บ่อนการพนัน กาสิโน สถานบันเทิงทุกประเภท ในกรุงปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยให้ห้ามออกนอกประเทศผ่านทุกจุดผ่านแดนในพื้นที่จังหวัดสระแก้วไม่ว่ากรณีใด ๆ จนกว่าจะมีคำสั่งเปลี่ยนแปลงจากทางกองกำลังบูรพาโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง ด่านตรวจทหาร และฝ่ายปกครองในพื้นที่ ต้องร่วมกันบังคับใช้มาตรการนี้อย่างเคร่งครัด ทำการตรวจสอบเอกสารและจุดประสงค์การเดินทางของผู้ที่ผ่านเข้า-ออกประเทศอย่างละเอียด เพื่อป้องกันการฝ่าฝืนคำสั่งดังกล่าวกองกำลังบูรพาย้ำว่า มาตรการครั้งนี้เป็นเพียงการควบคุมเพื่อความปลอดภัยของประชาชนไทย โดยจะไม่ส่งผลกระทบต่อการค้าขายหรือการเดินทางของประชาชนทั่วไปที่มีจุดประสงค์อื่นนอกเหนือจากการทำงานในบ่อนและสถานบันเทิง#JBC #ชายแดนไทยเขมร ที่มา : ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดูท่า จะไม่จบง่าย! กรณีพิพาทไทย-กัมพูชา /ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ประเมินจำกัดเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดน ยังไม่กระทบการค้าการส่งออกมากนัก แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อ และต้องยกระดับมาตรการปิดด่านถาวร 100 % มูลค่าการค้าชายแดน เสียหายหลักหมื่นล้านบาทต่อเดือน
    ดูท่า จะไม่จบง่าย! กรณีพิพาทไทย-กัมพูชา /ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ประเมินจำกัดเวลาเปิด-ปิดด่านชายแดน ยังไม่กระทบการค้าการส่งออกมากนัก แต่หากสถานการณ์ยืดเยื้อ และต้องยกระดับมาตรการปิดด่านถาวร 100 % มูลค่าการค้าชายแดน เสียหายหลักหมื่นล้านบาทต่อเดือน
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 380 มุมมอง 28 0 รีวิว
  • คนกรุงฯ รอลุ้น นั่งรถไฟคิฮะติดแอร์

    เฟซบุ๊ก "ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย" ได้เผยแพร่ภาพประชาสัมพันธ์ "รฟท. ยกระดับการเดินทางชานเมือง เตรียมเปิดให้บริการขบวน KIHA 40/48 ปรับอากาศ เสริมความสะดวก ปลอดภัย เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ -ปริมณฑล อย่างไร้รอยต่อ" โดยระบุว่า ขบวนรถไฟญี่ปุ่น KIHA 40 และ KIHA 48 รถดีเซลรางปรับอากาศ ดำเนินการทดสอบและปรับปรุง พร้อมให้บริการปลายปีนี้ พร้อมระบุคุณสมบัติ อาทิ เบาะนั่งสบาย มีทั้งแบบนั่งยาวและนั่งขวาง ห้องน้ำสะอาดตามมาตรฐาน ตู้โดยสารปรับอากาศ เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างกรุงเทพ-ปริมณฑล รวดเร็วไร้รอยต่อ ตอบโจทย์การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่ประหยัด สะดวก และมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง

    สำหรับขบวนรถคิฮะ 40 จำนวน 9 คัน และคิฮะ 48 จำนวน 11 คัน การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รับมอบจากบริษัท JR EAST ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเคยประจำการที่ศูนย์ Minami Akita เมื่อปี 2520 เพื่อใช้งานในสาย Gono และ สาย Oga ก่อนถูกปลดระวางในเดือน มี.ค. 2564 โดยมีการส่งมอบเมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2567 และได้ออกเดินทางสู่ประเทศไทยโดยขนส่งทางเรือเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2567 ก่อนนำรถต้นแบบปรับขนาดเพลาล้อจาก 1.067 เมตร เป็น 1 เมตร ให้เข้ากับมาตรฐานรางรถไฟของประเทศไทย จากนั้นปรับปรุงสภาพตามมาตรฐานของการรถไฟฯ โดยเดินรถด้วยความเร็วสูงสุด 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

    เมื่อเร็วๆ นี้ได้นำขบวนรถดีเซลรางปรับอากาศรุ่นคิฮะ 40 และคิฮะ 48 ที่ผ่านการปรับปรุงเรียบร้อยแล้วมาทดสอบ จำนวน 2 คัน เส้นทางมักกะสัน-หัวหมาก เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากนี้จะปรับปรุงสีภายนอกและห้องสุขาเพิ่มเติม ก่อนที่จะนำออกให้บริการแก่ประชาชนในช่วงปลายปี 2568 จำนวน 6 คัน และจะทยอยปรับปรุงจนครบทั้ง 20 คันต่อไป รฟท. มีแผนจะนำขบวนรถคิฮะ 40 และคิฮะ 48 มาให้บริการในเส้นทางชานเมือง (FEEDER) ไปยังปลายทางสถานีชุมทางฉะเชิงเทรา สถานีอยุธยา และสถานีนครปฐม เพื่อเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล อาทิ รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ เป็นต้น

    เหตุที่ไม่สามารถนำขบวนรถคิฮะมาให้บริการในต่างจังหวัด มีการพูดกันในกลุ่มคนรักรถไฟว่า เนื่องจากเป็นรถได้รับบริจาคจากญี่ปุ่น ซึ่งเลิกผลิตไปแล้ว ไม่มีอะไหล่ จำเป็นต้องได้รับการดูแลและซ่อมบำรุงจากโรงงานรถไฟมักกะสันอย่างใกล้ชิด อาจต้องรอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติสั่งซื้อรถดีเซลรางปรับอากาศ พร้อมอะไหล่ จำนวน 184 คัน วงเงินรวมทั้งสิ้น 24,150 ล้านบาท หรือรอปรับโฉมรถโดยสารชั้น 3 จากระบบพัดลมเป็นปรับอากาศ จำนวน 40 คันในปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 295.60 ล้านบาท

    #Newskit
    คนกรุงฯ รอลุ้น นั่งรถไฟคิฮะติดแอร์ เฟซบุ๊ก "ทีมพีอาร์การรถไฟแห่งประเทศไทย" ได้เผยแพร่ภาพประชาสัมพันธ์ "รฟท. ยกระดับการเดินทางชานเมือง เตรียมเปิดให้บริการขบวน KIHA 40/48 ปรับอากาศ เสริมความสะดวก ปลอดภัย เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างกรุงเทพฯ -ปริมณฑล อย่างไร้รอยต่อ" โดยระบุว่า ขบวนรถไฟญี่ปุ่น KIHA 40 และ KIHA 48 รถดีเซลรางปรับอากาศ ดำเนินการทดสอบและปรับปรุง พร้อมให้บริการปลายปีนี้ พร้อมระบุคุณสมบัติ อาทิ เบาะนั่งสบาย มีทั้งแบบนั่งยาวและนั่งขวาง ห้องน้ำสะอาดตามมาตรฐาน ตู้โดยสารปรับอากาศ เชื่อมต่อการเดินทางระหว่างกรุงเทพ-ปริมณฑล รวดเร็วไร้รอยต่อ ตอบโจทย์การเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่ประหยัด สะดวก และมีมาตรฐานความปลอดภัยสูง สำหรับขบวนรถคิฮะ 40 จำนวน 9 คัน และคิฮะ 48 จำนวน 11 คัน การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รับมอบจากบริษัท JR EAST ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเคยประจำการที่ศูนย์ Minami Akita เมื่อปี 2520 เพื่อใช้งานในสาย Gono และ สาย Oga ก่อนถูกปลดระวางในเดือน มี.ค. 2564 โดยมีการส่งมอบเมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2567 และได้ออกเดินทางสู่ประเทศไทยโดยขนส่งทางเรือเมื่อวันที่ 21 พ.ค. 2567 ก่อนนำรถต้นแบบปรับขนาดเพลาล้อจาก 1.067 เมตร เป็น 1 เมตร ให้เข้ากับมาตรฐานรางรถไฟของประเทศไทย จากนั้นปรับปรุงสภาพตามมาตรฐานของการรถไฟฯ โดยเดินรถด้วยความเร็วสูงสุด 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เมื่อเร็วๆ นี้ได้นำขบวนรถดีเซลรางปรับอากาศรุ่นคิฮะ 40 และคิฮะ 48 ที่ผ่านการปรับปรุงเรียบร้อยแล้วมาทดสอบ จำนวน 2 คัน เส้นทางมักกะสัน-หัวหมาก เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา หลังจากนี้จะปรับปรุงสีภายนอกและห้องสุขาเพิ่มเติม ก่อนที่จะนำออกให้บริการแก่ประชาชนในช่วงปลายปี 2568 จำนวน 6 คัน และจะทยอยปรับปรุงจนครบทั้ง 20 คันต่อไป รฟท. มีแผนจะนำขบวนรถคิฮะ 40 และคิฮะ 48 มาให้บริการในเส้นทางชานเมือง (FEEDER) ไปยังปลายทางสถานีชุมทางฉะเชิงเทรา สถานีอยุธยา และสถานีนครปฐม เพื่อเชื่อมต่อโครงข่ายรถไฟฟ้าในกรุงเทพฯ และปริมณฑล อาทิ รถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง รถไฟฟ้าแอร์พอร์ตเรลลิงก์ เป็นต้น เหตุที่ไม่สามารถนำขบวนรถคิฮะมาให้บริการในต่างจังหวัด มีการพูดกันในกลุ่มคนรักรถไฟว่า เนื่องจากเป็นรถได้รับบริจาคจากญี่ปุ่น ซึ่งเลิกผลิตไปแล้ว ไม่มีอะไหล่ จำเป็นต้องได้รับการดูแลและซ่อมบำรุงจากโรงงานรถไฟมักกะสันอย่างใกล้ชิด อาจต้องรอคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติสั่งซื้อรถดีเซลรางปรับอากาศ พร้อมอะไหล่ จำนวน 184 คัน วงเงินรวมทั้งสิ้น 24,150 ล้านบาท หรือรอปรับโฉมรถโดยสารชั้น 3 จากระบบพัดลมเป็นปรับอากาศ จำนวน 40 คันในปีงบประมาณ 2568 วงเงิน 295.60 ล้านบาท #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 132 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน!!!

    อิหร่านเริ่มเปิดฉากโจมตีอิสราเอลอีกครั้ง หลังจากวันนี้อิสราเอลยกระดับการโจมตีทางอากาศต่ออิหร่านอย่างรุนแรงหลายเป้าหมาย
    ด่วน!!! อิหร่านเริ่มเปิดฉากโจมตีอิสราเอลอีกครั้ง หลังจากวันนี้อิสราเอลยกระดับการโจมตีทางอากาศต่ออิหร่านอย่างรุนแรงหลายเป้าหมาย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอลกำลังจับตาดูสถานการณ์ของผู้นำสูงสุดอิหร่าน อาลี คาเมเนอี ว่าจะมีการ "ประกาศสงคราม" อย่างเป็นทางการหรือไม่ หลังจากวันนี้อิสราเอลยกระดับการโจมตีทางอากาศรุนแรงขึ้นอย่างมาก

    (วิดีโอประกอบ) โดยล่าสุดอิสราเอลเพิ่งโจมตีสำนักงานใหญ่ของกองบัญชาการ IRGC ในเมืองชีราซ (Shiraz) ซึ่งนับเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดภายในอิหร่าน

    นอกจากนี้ อิสราเอลยังเปิดฉากถล่มทางอากาศโดยเน้นเป้าหมายไปที่ศูนย์บัญชาการสำคัญทั่วทางฝั่งตะวันตกของอิหร่าน เนื่องจากมีการเคลียร์ระบบป้องกันภัยทางอากาศไปเกือบหมดแล้ว
    อิสราเอลกำลังจับตาดูสถานการณ์ของผู้นำสูงสุดอิหร่าน อาลี คาเมเนอี ว่าจะมีการ "ประกาศสงคราม" อย่างเป็นทางการหรือไม่ หลังจากวันนี้อิสราเอลยกระดับการโจมตีทางอากาศรุนแรงขึ้นอย่างมาก (วิดีโอประกอบ) โดยล่าสุดอิสราเอลเพิ่งโจมตีสำนักงานใหญ่ของกองบัญชาการ IRGC ในเมืองชีราซ (Shiraz) ซึ่งนับเป็นการโจมตีครั้งใหญ่ที่สุดภายในอิหร่าน นอกจากนี้ อิสราเอลยังเปิดฉากถล่มทางอากาศโดยเน้นเป้าหมายไปที่ศูนย์บัญชาการสำคัญทั่วทางฝั่งตะวันตกของอิหร่าน เนื่องจากมีการเคลียร์ระบบป้องกันภัยทางอากาศไปเกือบหมดแล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/
    ภาพช่วงเช้าของอิสราเอล ยิ่งเผยให้เห็นความเสียอย่างย่อยยับจากการโจมตีตอบโต้จากอิหร่าน

    👉คำเตือนจาก IRGC ของอิหร่าน หากอิสราเอลยังไม่หยุดการโจมตีรุกรานอิหร่าน อิหร่านจะขยายขอบเขตการทำลายล้าง และยกระดับการโจมตีตอบโต้ขึ้นไปอีก
    2/ ภาพช่วงเช้าของอิสราเอล ยิ่งเผยให้เห็นความเสียอย่างย่อยยับจากการโจมตีตอบโต้จากอิหร่าน 👉คำเตือนจาก IRGC ของอิหร่าน หากอิสราเอลยังไม่หยุดการโจมตีรุกรานอิหร่าน อิหร่านจะขยายขอบเขตการทำลายล้าง และยกระดับการโจมตีตอบโต้ขึ้นไปอีก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 15 0 รีวิว
  • 1/
    ภาพช่วงเช้าของอิสราเอล ยิ่งเผยให้เห็นความเสียอย่างย่อยยับจากการโจมตีตอบโต้จากอิหร่าน

    👉คำเตือนจาก IRGC ของอิหร่าน หากอิสราเอลยังไม่หยุดการโจมตีรุกรานอิหร่าน อิหร่านจะขยายขอบเขตการทำลายล้าง และยกระดับการโจมตีตอบโต้ขึ้นไปอีก
    1/ ภาพช่วงเช้าของอิสราเอล ยิ่งเผยให้เห็นความเสียอย่างย่อยยับจากการโจมตีตอบโต้จากอิหร่าน 👉คำเตือนจาก IRGC ของอิหร่าน หากอิสราเอลยังไม่หยุดการโจมตีรุกรานอิหร่าน อิหร่านจะขยายขอบเขตการทำลายล้าง และยกระดับการโจมตีตอบโต้ขึ้นไปอีก
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 14 0 รีวิว
  • รองผู้บัญชาการ IRGC ของอิหร่าน แถลงผลการโจมตีจากปฏิบัติการ "True Promise-3" เมื่อคืนที่ผ่านมา:

    'ในปฏิบัติการ True Promise-3 เพื่อตอบโต้ความชั่วร้ายและการรุกรานของระบอบไซออนิสต์ในปัจจุบัน

    เราได้โจมตีโรงงานผลิตเชื้อเพลิงเครื่องบินขับไล่และศูนย์จัดหาพลังงานของอิสราเอลด้วยโดรนและขีปนาวุธจำนวนมาก

    หากการรุกรานจากไซออนิสต์ยังคงดำเนินต่อไป ปฏิบัติการของกองกำลังติดอาวุธของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านจะยกระดับความรุนแรงให้มากขึ้นและขยายขอบเขตการโจมตีเพิ่มขึ้นอีก

    นอกจากนี้ หน่วยป้องกันการบินและอวกาศของ IRGC ภายใต้การบังคับบัญชาของเครือข่ายบูรณาการและสำนักงานใหญ่ร่วมของกองกำลังป้องกันทางอากาศของประเทศ ประสบความสำเร็จในการสกัดกั้นและทำลายขีปนาวุธร่อนของอิสราเอล 3 ลูก โดรน 10 ลำ และโดรนขนาดเล็กอีกหลายสิบลำในประเทศ'
    รองผู้บัญชาการ IRGC ของอิหร่าน แถลงผลการโจมตีจากปฏิบัติการ "True Promise-3" เมื่อคืนที่ผ่านมา: 'ในปฏิบัติการ True Promise-3 เพื่อตอบโต้ความชั่วร้ายและการรุกรานของระบอบไซออนิสต์ในปัจจุบัน เราได้โจมตีโรงงานผลิตเชื้อเพลิงเครื่องบินขับไล่และศูนย์จัดหาพลังงานของอิสราเอลด้วยโดรนและขีปนาวุธจำนวนมาก หากการรุกรานจากไซออนิสต์ยังคงดำเนินต่อไป ปฏิบัติการของกองกำลังติดอาวุธของสาธารณรัฐอิสลามอิหร่านจะยกระดับความรุนแรงให้มากขึ้นและขยายขอบเขตการโจมตีเพิ่มขึ้นอีก นอกจากนี้ หน่วยป้องกันการบินและอวกาศของ IRGC ภายใต้การบังคับบัญชาของเครือข่ายบูรณาการและสำนักงานใหญ่ร่วมของกองกำลังป้องกันทางอากาศของประเทศ ประสบความสำเร็จในการสกัดกั้นและทำลายขีปนาวุธร่อนของอิสราเอล 3 ลูก โดรน 10 ลำ และโดรนขนาดเล็กอีกหลายสิบลำในประเทศ'
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 138 มุมมอง 11 0 รีวิว
  • อิสราเอลและอิหร่านเปิดฉากโจมตีเข้าใส่กันอีกรอบในช่วงค่ำวันเสาร์(14มิ.ย.) โหมกระพือความวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งในวงกว้าง หลังอิสราเอลยกระดับปฏิบัติการเล่นงานคู่อริตัวฉกาจแห่งนี้ ด้วการโจมตีบ่อแก๊สใหญ่ที่สุดของโลก
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000056072

    #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #SondhiX
    อิสราเอลและอิหร่านเปิดฉากโจมตีเข้าใส่กันอีกรอบในช่วงค่ำวันเสาร์(14มิ.ย.) โหมกระพือความวิตกกังวลเกี่ยวกับความขัดแย้งในวงกว้าง หลังอิสราเอลยกระดับปฏิบัติการเล่นงานคู่อริตัวฉกาจแห่งนี้ ด้วการโจมตีบ่อแก๊สใหญ่ที่สุดของโลก . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000056072 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #SondhiX
    Like
    Love
    Sad
    10
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 866 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความหายนะของประเทศได้ย่างกรายเข้ามาแล้ว​เศรษฐกิจโลกจะถดถอยหนัก โดยตอนนี้ได้ก่อให้เกิดอาการช็อคขึ้นมาแล้วว่าเศรษฐกิจโลกจะตกต่ำเหลือเติบโตได้แค่ 2.5 % ในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้ คือตั้งแต่ปีนี้ไปจนปี 2027 ซึ่งโลกจะเจอกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ที่สุดใน 65 ปี นับตั้งแต่ทศวรรษ 1960​ที่กล่าวข้างต้นนี้ไม่ใช่เป็นข่าวโซเชียลธรรมดา แต่เป็นรายงานของธนาคารโลกที่เพิ่งเผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2025 นี้ โดยรองประธานอาวุโสและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ (Senior Vice President and Chief Economist) ของธนาคารโลก ชื่อว่า Indermit Gill รายงานฉบับนี้ระบุชัดว่าสาเหตุที่ต้องปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกลงสู่ระดับต่ำสุดๆเช่นนี้เป็นผลมาจากสงครามภาษี และความเสี่ยงที่สูงของเศรษฐกิจโลกนั่นเอง​ประเทศที่จะได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ทางเศรษฐกิจของชาติมหาอำนาจในครั้งนี้ ตามรายงานบอกไว้ชัดว่าประเทศที่ยากจนมากจะได้รับผลกระทบที่เจ็บปวดแน่ แต่ประเทศที่กำลังพัฒนาทั้งหลาย (เช่นไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น) จะได้รับผลกระทบที่เลวร้ายสุดๆ​แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย ประเทศที่ช่วงเดือนเมษายนนี้ธนาคารโลกได้คาดการณ์ว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้แค่ 1.6 % และปี 2026 จะขยายตัวได้เพียง 1.8 % ประเทศที่ถูกเพื่อนต่างชาติมองว่าเป็นผู้ป่วยหนักสุดในเอเชีย ประเทศที่ทางด้านเศรษฐกิจทำอย่างไรก็ไม่ดีขึ้น แถมการเมืองก็สุดจะเลวร้ายซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องต่างก็ทำการเมืองแบบแย่งชิงทั้งอำนาจและเงินตราอย่างถึงพริกถึงขิง ไม่มีสำนึกและยางอายให้ประชาชนเห็น จะดูมิติไหนก็ไม่มีดีสักอย่าง ซ้ำร้ายกว่านั้น ประเทศนี้เป็นประเทศเดียวที่มีนายกรัฐมนตรีกำลังฝึกงานอยู่ ด้วยสถานการณ์ที่เลวร้ายทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง ได้ส่งผลให้ภาวะด้านสังคมที่เละเทะอยู่แล้วในทุกภาคส่วน นับตั้งแต่พฤติกรรมฉ้อโกงของผู้คนทุกประเภท การทุจริตการคอร์รัปชั่นที่ฝังรากลึก การเผยแพร่ที่ไม่หยุดยั้งของยาเสพติด การค้ามนุษย์ การพนันและหวยออนไลน์ที่เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของชนระดับล่างทั้งประเทศ การประกอบธุรกิจสีเทาทั้งคนไทยและต่างชาติ เรื่องเลวร้ายของไทยเหล่านี้ได้ขยายตัวออกไปทั่วประเทศจนยากที่จะแก้ไขให้กลับสู่สังคมที่น่าอยู่ของคนไทยในอดีตได้อีกแล้ว​ภาพที่น่ากลัว น่าเป็นห่วงของการคาดการณ์ของเศรษฐกิจโลกของธนาคารโลกครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการข่มขู่แต่อย่างใด แต่ Chief Economist ของธนาคารโลก ต้องการชี้ให้เห็นว่าสิ่งเลวร้ายด้านเศรษฐกิจที่จะต้องเกิดขึ้นในโลกใบนี้แน่ๆในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้มีอะไรบ้าง และจะกระทบต่อประเทศไหนรุนแรงแค่ไหน​รายงานของธนาคารโลกฉบับนี้ยังได้เสนอแนะแนวทางแก้ไขไว้ให้ประเทศต่างๆ ถึง 3 ประการ ประการแรก ประเทศที่เกี่ยวข้องจะต้องปรับความสัมพันธ์ทางการค้าเสียใหม่ (rebuild trade relation) โดยให้คำนึงถึงรากฐานทางการค้าที่แท้จริงที่ต้องมีต่อกัน เป็นต้นประการที่สอง ทุกประเทศต้องพยายามรักษาและปรับปรุงกฎเกณฑ์ของการคลังภาครัฐ (reform fiscal order) โดยเฉพาะประเทศที่รายได้ต่ำที่ถูกกดดันบีบคั้น ทั้งจากงบประมาณที่มีน้อยและการช่วยเหลือจากต่างชาติที่ลดลง รวมทั้งการที่ต้องจ่ายเงินไปในเรื่องค่าดอกเบี้ยของหนี้สาธารณะที่สูงจากงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด เหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญต่อการเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าในเรื่องการลงทุนที่จำเป็น หรือการกระตุ้นการบริโภค ซึ่งรายงานได้แนะนำไว้ชัดว่าประเทศที่กำลังพัฒนาจำเป็นต้องหันมาสนใจเรื่องการขยายฐานภาษีและเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บรายได้จากภาษีอย่างจริงจังให้มากขึ้นประการที่สาม เร่งรัดการมีงานทำ (accelerate job creation) ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลของประเทศที่ยากจนจำต้องทำอย่างจริงจัง รวมถึงการยกระดับความรู้และความสามารถให้ผู้ใช้แรงงาน และการดูแลตลาดแรงงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นผมเห็นว่าสมควรที่คนไทยต้องรับรู้ไว้เพราะเรากำลังประสบกับภาวะวิกฤตหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่รับผิดชอบในการบริหารประเทศ ทั้งที่เป็นนักการเมืองและข้าราชการประจำ ควรพิจารณาตนเองให้หนักและควรพลิกผันความรู้สึกนึกคิดของตนเองให้ทำการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติด้วยใจ เพื่อเชิดชูประเทศชาติ สถาบันของชาติ และพลเมืองของชาติไว้เหนือสิ่งอื่นใดด้วยความจริงใจ ไม่ใช่แค่ด้วยคำพูดที่สวยงามลมๆแล้งๆ อีกต่อไป
    ความหายนะของประเทศได้ย่างกรายเข้ามาแล้ว​เศรษฐกิจโลกจะถดถอยหนัก โดยตอนนี้ได้ก่อให้เกิดอาการช็อคขึ้นมาแล้วว่าเศรษฐกิจโลกจะตกต่ำเหลือเติบโตได้แค่ 2.5 % ในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้ คือตั้งแต่ปีนี้ไปจนปี 2027 ซึ่งโลกจะเจอกับอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ที่สุดใน 65 ปี นับตั้งแต่ทศวรรษ 1960​ที่กล่าวข้างต้นนี้ไม่ใช่เป็นข่าวโซเชียลธรรมดา แต่เป็นรายงานของธนาคารโลกที่เพิ่งเผยแพร่ออกมาเมื่อวันที่ 11 มิถุนายน 2025 นี้ โดยรองประธานอาวุโสและหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ (Senior Vice President and Chief Economist) ของธนาคารโลก ชื่อว่า Indermit Gill รายงานฉบับนี้ระบุชัดว่าสาเหตุที่ต้องปรับลดการคาดการณ์เศรษฐกิจโลกลงสู่ระดับต่ำสุดๆเช่นนี้เป็นผลมาจากสงครามภาษี และความเสี่ยงที่สูงของเศรษฐกิจโลกนั่นเอง​ประเทศที่จะได้รับผลกระทบจากการต่อสู้ทางเศรษฐกิจของชาติมหาอำนาจในครั้งนี้ ตามรายงานบอกไว้ชัดว่าประเทศที่ยากจนมากจะได้รับผลกระทบที่เจ็บปวดแน่ แต่ประเทศที่กำลังพัฒนาทั้งหลาย (เช่นไทย เวียดนาม อินโดนีเซีย ฟิลิปปินส์ เป็นต้น) จะได้รับผลกระทบที่เลวร้ายสุดๆ​แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศไทย ประเทศที่ช่วงเดือนเมษายนนี้ธนาคารโลกได้คาดการณ์ว่าปีนี้เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวได้แค่ 1.6 % และปี 2026 จะขยายตัวได้เพียง 1.8 % ประเทศที่ถูกเพื่อนต่างชาติมองว่าเป็นผู้ป่วยหนักสุดในเอเชีย ประเทศที่ทางด้านเศรษฐกิจทำอย่างไรก็ไม่ดีขึ้น แถมการเมืองก็สุดจะเลวร้ายซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องต่างก็ทำการเมืองแบบแย่งชิงทั้งอำนาจและเงินตราอย่างถึงพริกถึงขิง ไม่มีสำนึกและยางอายให้ประชาชนเห็น จะดูมิติไหนก็ไม่มีดีสักอย่าง ซ้ำร้ายกว่านั้น ประเทศนี้เป็นประเทศเดียวที่มีนายกรัฐมนตรีกำลังฝึกงานอยู่ ด้วยสถานการณ์ที่เลวร้ายทั้งทางเศรษฐกิจและการเมือง ได้ส่งผลให้ภาวะด้านสังคมที่เละเทะอยู่แล้วในทุกภาคส่วน นับตั้งแต่พฤติกรรมฉ้อโกงของผู้คนทุกประเภท การทุจริตการคอร์รัปชั่นที่ฝังรากลึก การเผยแพร่ที่ไม่หยุดยั้งของยาเสพติด การค้ามนุษย์ การพนันและหวยออนไลน์ที่เข้าไปอยู่ในชีวิตประจำวันของชนระดับล่างทั้งประเทศ การประกอบธุรกิจสีเทาทั้งคนไทยและต่างชาติ เรื่องเลวร้ายของไทยเหล่านี้ได้ขยายตัวออกไปทั่วประเทศจนยากที่จะแก้ไขให้กลับสู่สังคมที่น่าอยู่ของคนไทยในอดีตได้อีกแล้ว​ภาพที่น่ากลัว น่าเป็นห่วงของการคาดการณ์ของเศรษฐกิจโลกของธนาคารโลกครั้งนี้ไม่ใช่เป็นการข่มขู่แต่อย่างใด แต่ Chief Economist ของธนาคารโลก ต้องการชี้ให้เห็นว่าสิ่งเลวร้ายด้านเศรษฐกิจที่จะต้องเกิดขึ้นในโลกใบนี้แน่ๆในช่วง 3 ปีข้างหน้านี้มีอะไรบ้าง และจะกระทบต่อประเทศไหนรุนแรงแค่ไหน​รายงานของธนาคารโลกฉบับนี้ยังได้เสนอแนะแนวทางแก้ไขไว้ให้ประเทศต่างๆ ถึง 3 ประการ ประการแรก ประเทศที่เกี่ยวข้องจะต้องปรับความสัมพันธ์ทางการค้าเสียใหม่ (rebuild trade relation) โดยให้คำนึงถึงรากฐานทางการค้าที่แท้จริงที่ต้องมีต่อกัน เป็นต้นประการที่สอง ทุกประเทศต้องพยายามรักษาและปรับปรุงกฎเกณฑ์ของการคลังภาครัฐ (reform fiscal order) โดยเฉพาะประเทศที่รายได้ต่ำที่ถูกกดดันบีบคั้น ทั้งจากงบประมาณที่มีน้อยและการช่วยเหลือจากต่างชาติที่ลดลง รวมทั้งการที่ต้องจ่ายเงินไปในเรื่องค่าดอกเบี้ยของหนี้สาธารณะที่สูงจากงบประมาณที่มีอยู่อย่างจำกัด เหล่านี้ล้วนเป็นปัญหาและอุปสรรคที่สำคัญต่อการเร่งการเติบโตทางเศรษฐกิจ ไม่ว่าในเรื่องการลงทุนที่จำเป็น หรือการกระตุ้นการบริโภค ซึ่งรายงานได้แนะนำไว้ชัดว่าประเทศที่กำลังพัฒนาจำเป็นต้องหันมาสนใจเรื่องการขยายฐานภาษีและเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บรายได้จากภาษีอย่างจริงจังให้มากขึ้นประการที่สาม เร่งรัดการมีงานทำ (accelerate job creation) ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลของประเทศที่ยากจนจำต้องทำอย่างจริงจัง รวมถึงการยกระดับความรู้และความสามารถให้ผู้ใช้แรงงาน และการดูแลตลาดแรงงานให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นผมเห็นว่าสมควรที่คนไทยต้องรับรู้ไว้เพราะเรากำลังประสบกับภาวะวิกฤตหลายด้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่รับผิดชอบในการบริหารประเทศ ทั้งที่เป็นนักการเมืองและข้าราชการประจำ ควรพิจารณาตนเองให้หนักและควรพลิกผันความรู้สึกนึกคิดของตนเองให้ทำการแก้ไขปัญหาของประเทศชาติด้วยใจ เพื่อเชิดชูประเทศชาติ สถาบันของชาติ และพลเมืองของชาติไว้เหนือสิ่งอื่นใดด้วยความจริงใจ ไม่ใช่แค่ด้วยคำพูดที่สวยงามลมๆแล้งๆ อีกต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เผยกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล และมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เรียกร้องให้เปลี่ยนหัวหน้าคณะเจรจาในการประชุมเจบีซี ผู้ที่อยู่กับปัญหาในพื้นที่รู้ดีว่าใครเหมาะสม และใครรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติได้ดีที่สุด ส่วนที่กัมพูชาตั้งคณะกรรมการนำเรื่องข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นสู่ศาลโลก ไม่เป็นอะไรต่างคนต่างทำหน้าที่ เราไม่ได้อยู่ในอำนาจศาลโลก เชื่อไม่มีปัญหาคาใจในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา(เจบีซี) ได้พูดคุยกันว่า เราต้องการเคลียร์เฉพาะกรณีขัดแย้งข้อพิพาทครั้งนี้ ส่วนการเปิด-ปิดด่าน ดำเนินการตามมาตรการแต่ละพื้นที่ ยังไม่ยกระดับมาตรการ มีบทเรียนจากเขาพระวิหาร เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว แต่ไม่สามารถพูดได้

    -เรื่องตลกของนายกอิ๊งค์
    -อายัดทรัพย์หมอแอร์ 400 ล้าน
    -ปล่อยแบงก์รีดค่าธรรมเนียม
    -ปูดแจกกล้วยล้มสอบฮั้ว สว.
    นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เผยกรณีนายสนธิ ลิ้มทองกุล และมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน เรียกร้องให้เปลี่ยนหัวหน้าคณะเจรจาในการประชุมเจบีซี ผู้ที่อยู่กับปัญหาในพื้นที่รู้ดีว่าใครเหมาะสม และใครรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติได้ดีที่สุด ส่วนที่กัมพูชาตั้งคณะกรรมการนำเรื่องข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นสู่ศาลโลก ไม่เป็นอะไรต่างคนต่างทำหน้าที่ เราไม่ได้อยู่ในอำนาจศาลโลก เชื่อไม่มีปัญหาคาใจในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา(เจบีซี) ได้พูดคุยกันว่า เราต้องการเคลียร์เฉพาะกรณีขัดแย้งข้อพิพาทครั้งนี้ ส่วนการเปิด-ปิดด่าน ดำเนินการตามมาตรการแต่ละพื้นที่ ยังไม่ยกระดับมาตรการ มีบทเรียนจากเขาพระวิหาร เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว แต่ไม่สามารถพูดได้ -เรื่องตลกของนายกอิ๊งค์ -อายัดทรัพย์หมอแอร์ 400 ล้าน -ปล่อยแบงก์รีดค่าธรรมเนียม -ปูดแจกกล้วยล้มสอบฮั้ว สว.
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 438 มุมมอง 41 0 รีวิว
  • เมินเปลี่ยนหัวหน้าเจบีซี รู้ดีใครรักษาประโยชน์ชาติ : [THE MESSAGE]

    นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เผยกรณีกัมพูชาตั้งคณะกรรมการนำเรื่องข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาขึ้นสู่ศาลโลก ไม่เป็นอะไรต่างคนต่างทำหน้าที่ เราไม่ได้อยู่ในอำนาจศาลโลก เชื่อไม่มีปัญหาคาใจในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - กัมพูชา(เจบีซี) ได้พูดคุยกันแล้วว่าเฉพาะกรณีขัดแย้งข้อพิพาทครั้งนี้ เราต้องการเคลียร์ในเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนการเปิด-ปิดด่าน ดำเนินการตามมาตรการแต่ละพื้นที่ ยังไม่ยกระดับมาตรการ มีบทเรียนจากเขาพระวิหาร เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว แต่ไม่สามารถพูดได้ ส่วนที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรียกร้องให้เปลี่ยนหัวหน้าคณะเจรจาในการประชุมเจบีซี ผู้ที่อยู่กับปัญหาในพื้นที่รู้ดีว่าใครเหมาะสม และใครจะรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติได้ดีที่สุด
    เมินเปลี่ยนหัวหน้าเจบีซี รู้ดีใครรักษาประโยชน์ชาติ : [THE MESSAGE] นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เผยกรณีกัมพูชาตั้งคณะกรรมการนำเรื่องข้อพิพาทชายแดนไทย-กัมพูชาขึ้นสู่ศาลโลก ไม่เป็นอะไรต่างคนต่างทำหน้าที่ เราไม่ได้อยู่ในอำนาจศาลโลก เชื่อไม่มีปัญหาคาใจในการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย - กัมพูชา(เจบีซี) ได้พูดคุยกันแล้วว่าเฉพาะกรณีขัดแย้งข้อพิพาทครั้งนี้ เราต้องการเคลียร์ในเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนการเปิด-ปิดด่าน ดำเนินการตามมาตรการแต่ละพื้นที่ ยังไม่ยกระดับมาตรการ มีบทเรียนจากเขาพระวิหาร เตรียมทุกอย่างไว้แล้ว แต่ไม่สามารถพูดได้ ส่วนที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เรียกร้องให้เปลี่ยนหัวหน้าคณะเจรจาในการประชุมเจบีซี ผู้ที่อยู่กับปัญหาในพื้นที่รู้ดีว่าใครเหมาะสม และใครจะรักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติได้ดีที่สุด
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 372 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • กองทัพสหรัฐฯจะส่งนาวิกโยธินราว 700 นาย เข้าไปประจำการในลอสแองเจลิสเป็นการชั่วคราว จนกว่ากำลังเสริมของกองกำลังป้องกันชาติจะเดินทางมาถึง ความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการยกระดับตอบโต้การประท้วงบนท้องถนน ต่อต้านนโยบายคนเข้าเมืองของเขา พร้อมกับขู่จับกุมผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย โทษฐานฟ้องร้องรัฐบาลกลางต่อกรณีประจำการกองกำลังป้องกันชาติจัดการกับผู้ชุมนุม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000054185

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    กองทัพสหรัฐฯจะส่งนาวิกโยธินราว 700 นาย เข้าไปประจำการในลอสแองเจลิสเป็นการชั่วคราว จนกว่ากำลังเสริมของกองกำลังป้องกันชาติจะเดินทางมาถึง ความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ในการยกระดับตอบโต้การประท้วงบนท้องถนน ต่อต้านนโยบายคนเข้าเมืองของเขา พร้อมกับขู่จับกุมผู้ว่าการรัฐแคลิฟอร์เนีย โทษฐานฟ้องร้องรัฐบาลกลางต่อกรณีประจำการกองกำลังป้องกันชาติจัดการกับผู้ชุมนุม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000054185 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 955 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🚀 Intel Panther Lake: ก้าวสำคัญสู่ยุค AI และประสิทธิภาพสูง
    Intel กำลังเตรียมเปิดตัว Panther Lake ซึ่งเป็น ซีพียูรุ่นใหม่ที่ใช้กระบวนการผลิต 18A (1.8nm-class) โดยเน้นไปที่ การเพิ่มประสิทธิภาพและการประมวลผล AI

    Panther Lake จะเปิดตัวใน ครึ่งหลังของปี 2025 และจะถูกใช้ใน แล็ปท็อปและอุปกรณ์พกพา โดยใช้ RibbonFET และ PowerVia ซึ่งช่วยให้ ประสิทธิภาพสูงขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง

    ✅ ข้อมูลจากข่าว
    - Intel Panther Lake จะเปิดตัวในครึ่งหลังของปี 2025 และวางจำหน่ายในต้นปี 2026
    - ใช้กระบวนการผลิต 18A (1.8nm-class) พร้อมเทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia
    - ใช้สถาปัตยกรรม Multi-Chip Module (MCM) แบบ 5 Tile
    - มี Cougar Cove P-cores และ Darkmont E-cores เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ
    - กราฟิก Xe3 Celestial iGPU อาจเทียบเท่ากับ GPU แยกระดับเริ่มต้น
    - รองรับ LPDDR5X และ DDR5 เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์หน่วยความจำ

    🔥 การแข่งขันในตลาด AI และอุปกรณ์พกพา
    Intel ตั้งเป้าให้ Panther Lake แข่งขันกับ Apple Silicon, Snapdragon X Elite และ AMD Strix Point โดยเน้นไปที่ การประมวลผล AI และประสิทธิภาพสูงในอุปกรณ์พกพา

    ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - Panther Lake จะไม่มีรุ่นสำหรับเดสก์ท็อปในช่วงเปิดตัว
    - ต้องติดตามว่าประสิทธิภาพของ Xe3 Celestial iGPU จะสามารถแข่งขันกับ GPU แยกได้จริงหรือไม่
    - การใช้กระบวนการผลิต 18A อาจมีความท้าทายด้านต้นทุนและการผลิต
    - ต้องรอดูว่า Intel จะสามารถแข่งขันกับ Apple และ Qualcomm ในตลาด AI ได้หรือไม่

    https://computercity.com/hardware/processors/intel-panther-lake-coming-in-2025-latest-news
    🚀 Intel Panther Lake: ก้าวสำคัญสู่ยุค AI และประสิทธิภาพสูง Intel กำลังเตรียมเปิดตัว Panther Lake ซึ่งเป็น ซีพียูรุ่นใหม่ที่ใช้กระบวนการผลิต 18A (1.8nm-class) โดยเน้นไปที่ การเพิ่มประสิทธิภาพและการประมวลผล AI Panther Lake จะเปิดตัวใน ครึ่งหลังของปี 2025 และจะถูกใช้ใน แล็ปท็อปและอุปกรณ์พกพา โดยใช้ RibbonFET และ PowerVia ซึ่งช่วยให้ ประสิทธิภาพสูงขึ้นและใช้พลังงานน้อยลง ✅ ข้อมูลจากข่าว - Intel Panther Lake จะเปิดตัวในครึ่งหลังของปี 2025 และวางจำหน่ายในต้นปี 2026 - ใช้กระบวนการผลิต 18A (1.8nm-class) พร้อมเทคโนโลยี RibbonFET และ PowerVia - ใช้สถาปัตยกรรม Multi-Chip Module (MCM) แบบ 5 Tile - มี Cougar Cove P-cores และ Darkmont E-cores เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ - กราฟิก Xe3 Celestial iGPU อาจเทียบเท่ากับ GPU แยกระดับเริ่มต้น - รองรับ LPDDR5X และ DDR5 เพื่อเพิ่มแบนด์วิดท์หน่วยความจำ 🔥 การแข่งขันในตลาด AI และอุปกรณ์พกพา Intel ตั้งเป้าให้ Panther Lake แข่งขันกับ Apple Silicon, Snapdragon X Elite และ AMD Strix Point โดยเน้นไปที่ การประมวลผล AI และประสิทธิภาพสูงในอุปกรณ์พกพา ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - Panther Lake จะไม่มีรุ่นสำหรับเดสก์ท็อปในช่วงเปิดตัว - ต้องติดตามว่าประสิทธิภาพของ Xe3 Celestial iGPU จะสามารถแข่งขันกับ GPU แยกได้จริงหรือไม่ - การใช้กระบวนการผลิต 18A อาจมีความท้าทายด้านต้นทุนและการผลิต - ต้องรอดูว่า Intel จะสามารถแข่งขันกับ Apple และ Qualcomm ในตลาด AI ได้หรือไม่ https://computercity.com/hardware/processors/intel-panther-lake-coming-in-2025-latest-news
    COMPUTERCITY.COM
    Intel Panther Lake Coming In 2025: Latest News
    Intel’s Panther Lake processors are shaping up to be one of the company’s most ambitious generational shifts in years—bringing together bleeding-edge
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • ลดเวลาพำนักไทย-เขมร จาก 60 เหลือ 7 วัน

    ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ก่อให้เกิดมาตรการตอบโต้ระหว่างสองประเทศ จากการจำกัดเวลาเปิด-ปิดด่านพรมแดน และการให้ผ่านแดนเฉพาะบุคคลที่มีเหตุจำเป็น เช่น การค้าขาย การขนส่งสินค้า แรงงาน และงานจำเป็นอื่นๆ แต่ปิดตายห้ามนักท่องเที่ยวและนักพนันชาวไทยข้ามไปยังฝั่งกัมพูชา ล่าสุดกัมพูชาจำกัดระยะเวลาพำนักของชาวไทยที่เดินทางเข้ากัมพูชา จากเดิม 60 วัน เหลือเพียง 7 วัน ตามคำสั่งของผู้นำกัมพูชา เมื่อครบกำหนดต้องเดินทางออกนอกประเทศและประทับตราหนังสือเดินทางใหม่ ทำให้กระทรวงการต่างประเทศของไทยประกาศว่า ฝ่ายไทยได้ปรับลดระยะเวลาพำนักของชาวกัมพูชาเหลือเพียง 7 วันเช่นกัน

    นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ระบุว่า ได้รับทราบเหมือนกันว่ากัมพูชาลดจำนวนวันสำหรับการเดินทางเข้ากัมพูชาเหลือ 7 วัน ส่วนฝ่ายไทยได้ปรับลดเป็น 7 วันเช่นเดียวกัน ส่วนจะมีไปถึงเมื่อใดนั้น ทั้งสองฝ่ายยังไม่กำหนดจึงยังตอบไม่ได้ รอให้สถานการณ์ดีขึ้นคงจะหันมาคุยกันเรื่องการเพิ่มวันเป็นลำดับต่อไป แต่ยังไม่ใช่ความสำคัญอันดับต้นในขณะนี้

    นอกจากนี้ ศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ศอ.ปชด.) เตรียมเสนอสภาความมั่นคงแห่งชาติ ยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยี และการค้ามนุษย์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เช่น การตัดกระแสไฟฟ้า การระงับสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่ส่งเข้าไปในพื้นที่ที่เป็นบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ การควบคุมสินค้าและยุทโธปกรณ์ที่อาจนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี และอาชญากรรมข้ามชาติอื่นๆ อีกด้วย

    สำหรับกัมพูชา เคยเป็น 1 ใน 93 ประเทศที่ทางการไทยมีมาตรการฟรีวีซ่า กำหนดให้เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว ทำงานหรือติดต่อธุรกิจระยะสั้นได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 60 วัน เป็นกรณีพิเศษ แต่ที่ผ่านมาภาคการท่องเที่ยวเคยเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนปรับมาตรการฟรีวีซ่าจาก 60 วัน เหลือ 30 วัน หลังพบว่ามีชาวต่างชาติเข้ามาอยู่ไทยนานเกินไป ทำธุรกิจแบบผิดกฎหมาย แย่งงานแย่งอาชีพคนไทย อีกทั้งชาวต่างชาติที่เข้ามาเพื่อท่องเที่ยวจริงๆ ในไทยส่วนใหญ่อยู่ไม่เกิน 15 วัน ทำให้ภาคการท่องเที่ยวเผชิญปัญหาความมั่นคง กระทบความเชื่อมั่นต่อการเดินทาง

    ถึงกระนั้น การปรับลดเวลาพำนักชาวกัมพูชาเหลือ 7 วันครั้งนี้ อาจไม่ได้ตั้งใจให้เกิด แต่เมื่อกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ไทยจึงต้องออกมาตรการตอบโต้ตามมา

    #Newskit
    ลดเวลาพำนักไทย-เขมร จาก 60 เหลือ 7 วัน ความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชา ก่อให้เกิดมาตรการตอบโต้ระหว่างสองประเทศ จากการจำกัดเวลาเปิด-ปิดด่านพรมแดน และการให้ผ่านแดนเฉพาะบุคคลที่มีเหตุจำเป็น เช่น การค้าขาย การขนส่งสินค้า แรงงาน และงานจำเป็นอื่นๆ แต่ปิดตายห้ามนักท่องเที่ยวและนักพนันชาวไทยข้ามไปยังฝั่งกัมพูชา ล่าสุดกัมพูชาจำกัดระยะเวลาพำนักของชาวไทยที่เดินทางเข้ากัมพูชา จากเดิม 60 วัน เหลือเพียง 7 วัน ตามคำสั่งของผู้นำกัมพูชา เมื่อครบกำหนดต้องเดินทางออกนอกประเทศและประทับตราหนังสือเดินทางใหม่ ทำให้กระทรวงการต่างประเทศของไทยประกาศว่า ฝ่ายไทยได้ปรับลดระยะเวลาพำนักของชาวกัมพูชาเหลือเพียง 7 วันเช่นกัน นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเมื่อวันที่ 9 มิ.ย. ระบุว่า ได้รับทราบเหมือนกันว่ากัมพูชาลดจำนวนวันสำหรับการเดินทางเข้ากัมพูชาเหลือ 7 วัน ส่วนฝ่ายไทยได้ปรับลดเป็น 7 วันเช่นเดียวกัน ส่วนจะมีไปถึงเมื่อใดนั้น ทั้งสองฝ่ายยังไม่กำหนดจึงยังตอบไม่ได้ รอให้สถานการณ์ดีขึ้นคงจะหันมาคุยกันเรื่องการเพิ่มวันเป็นลำดับต่อไป แต่ยังไม่ใช่ความสำคัญอันดับต้นในขณะนี้ นอกจากนี้ ศูนย์อำนวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน (ศอ.ปชด.) เตรียมเสนอสภาความมั่นคงแห่งชาติ ยกระดับมาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยี และการค้ามนุษย์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา เช่น การตัดกระแสไฟฟ้า การระงับสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่ส่งเข้าไปในพื้นที่ที่เป็นบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ การควบคุมสินค้าและยุทโธปกรณ์ที่อาจนำไปใช้ในการก่ออาชญากรรมทางเทคโนโลยี และอาชญากรรมข้ามชาติอื่นๆ อีกด้วย สำหรับกัมพูชา เคยเป็น 1 ใน 93 ประเทศที่ทางการไทยมีมาตรการฟรีวีซ่า กำหนดให้เข้ามาในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวเพื่อการท่องเที่ยว ทำงานหรือติดต่อธุรกิจระยะสั้นได้รับการยกเว้นการตรวจลงตรา และให้อยู่ในราชอาณาจักรได้ไม่เกิน 60 วัน เป็นกรณีพิเศษ แต่ที่ผ่านมาภาคการท่องเที่ยวเคยเรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนปรับมาตรการฟรีวีซ่าจาก 60 วัน เหลือ 30 วัน หลังพบว่ามีชาวต่างชาติเข้ามาอยู่ไทยนานเกินไป ทำธุรกิจแบบผิดกฎหมาย แย่งงานแย่งอาชีพคนไทย อีกทั้งชาวต่างชาติที่เข้ามาเพื่อท่องเที่ยวจริงๆ ในไทยส่วนใหญ่อยู่ไม่เกิน 15 วัน ทำให้ภาคการท่องเที่ยวเผชิญปัญหาความมั่นคง กระทบความเชื่อมั่นต่อการเดินทาง ถึงกระนั้น การปรับลดเวลาพำนักชาวกัมพูชาเหลือ 7 วันครั้งนี้ อาจไม่ได้ตั้งใจให้เกิด แต่เมื่อกัมพูชาเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ไทยจึงต้องออกมาตรการตอบโต้ตามมา #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • กต.แถลง ไทยยังใช้มาตรการควบคุมชายแดนกับกัมพูชา แม้ลดความตึงเครียดแต่ยังเปราะบาง ศอ.ปชด.เตรียมเสนอ สมช.ยกระดับป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามแดน ตัดกระแสไฟฟ้าระงับสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ส่งเข้าพื้นที่บ่อนการพนัน และสแกมเมอร์ ส่วนวีซ่าไทยลดวันเขมรอยู่ได้เหลือ 7 วันแล้วเช่นกันแล้ว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000053994

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    กต.แถลง ไทยยังใช้มาตรการควบคุมชายแดนกับกัมพูชา แม้ลดความตึงเครียดแต่ยังเปราะบาง ศอ.ปชด.เตรียมเสนอ สมช.ยกระดับป้องกันปราบปรามอาชญากรรมข้ามแดน ตัดกระแสไฟฟ้าระงับสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ส่งเข้าพื้นที่บ่อนการพนัน และสแกมเมอร์ ส่วนวีซ่าไทยลดวันเขมรอยู่ได้เหลือ 7 วันแล้วเช่นกันแล้ว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000053994 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 427 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พิพัฒน์”นำทัพ Safe@Work 2025 ชูความปลอดภัยเป็นยุทธศาสตร์ชาติ ย้ำสุขภาพดี หนุนภาคธุรกิจร่วมยกระดับมาตรฐานแรงงานไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/19279/
    “พิพัฒน์”นำทัพ Safe@Work 2025 ชูความปลอดภัยเป็นยุทธศาสตร์ชาติ ย้ำสุขภาพดี หนุนภาคธุรกิจร่วมยกระดับมาตรฐานแรงงานไทย https://www.thai-tai.tv/news/19279/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัดไฟ-เน็ตเข้าบ่อน เส้นเลือดใหญ่เขมร : [NEWS UPDATE]
    กองทัพไทยออกเอกสารข่าวในนามศูนย์อํานวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง ในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน(ศอ.ปชด.) ระบุยังมีกลุ่มบุคคลกระทําผิดด้านอาชญากรรมทางเทคโนโลยี การค้ามนุษย์ตามชายแดนไทย-กัมพูชา จึงมีมาตรการป้องกันปราบปราม ดังนี้ 1.ให้กัมพูชาเร่งปราบปรามผู้ก่ออาชญากรรมทุกพื้นที่ทันที 2.จะยกระดับมาตรการ เช่น ตัดไฟฟ้า ระงับสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ส่งเข้าพื้นที่บ่อนการพนันและสแกมเมอร์ ควบคุมสินค้าและยุทโธปกรณ์ที่อาจนําไปใช้ก่ออาชญากรรม โดยเอกสารข่าวมีขึ้นหลังการพูดคุยของไทยและกัมพูชาที่ได้ข้อยุติว่า ทหารทั้งสองฝ่ายจะถอยจากจุดที่ปะทะกันเมื่อวันที่ 28 พ.ค.2568 กลับไปจุดเดิมที่เคยอยู่เมื่อปี 2567 และให้กัมพูชาปิดกลบคูเรด ปรับพื้นที่คืนสภาพเดิม


    ตีหัวใจรายได้มหาศาล

    ภาพชัดช่องบกอยู่ในไทย

    ขอบคุณกองทัพอดทน

    หยุดเดินรถไทย-กัมพูชา
    ตัดไฟ-เน็ตเข้าบ่อน เส้นเลือดใหญ่เขมร : [NEWS UPDATE] กองทัพไทยออกเอกสารข่าวในนามศูนย์อํานวยการขับเคลื่อนการป้องกันและแก้ไขปัญหาภัยคุกคามที่ส่งผลกระทบต่อความมั่นคง ในพื้นที่ชายแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน(ศอ.ปชด.) ระบุยังมีกลุ่มบุคคลกระทําผิดด้านอาชญากรรมทางเทคโนโลยี การค้ามนุษย์ตามชายแดนไทย-กัมพูชา จึงมีมาตรการป้องกันปราบปราม ดังนี้ 1.ให้กัมพูชาเร่งปราบปรามผู้ก่ออาชญากรรมทุกพื้นที่ทันที 2.จะยกระดับมาตรการ เช่น ตัดไฟฟ้า ระงับสัญญาณอินเทอร์เน็ตที่ส่งเข้าพื้นที่บ่อนการพนันและสแกมเมอร์ ควบคุมสินค้าและยุทโธปกรณ์ที่อาจนําไปใช้ก่ออาชญากรรม โดยเอกสารข่าวมีขึ้นหลังการพูดคุยของไทยและกัมพูชาที่ได้ข้อยุติว่า ทหารทั้งสองฝ่ายจะถอยจากจุดที่ปะทะกันเมื่อวันที่ 28 พ.ค.2568 กลับไปจุดเดิมที่เคยอยู่เมื่อปี 2567 และให้กัมพูชาปิดกลบคูเรด ปรับพื้นที่คืนสภาพเดิม ตีหัวใจรายได้มหาศาล ภาพชัดช่องบกอยู่ในไทย ขอบคุณกองทัพอดทน หยุดเดินรถไทย-กัมพูชา
    Like
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 491 มุมมอง 39 0 รีวิว
Pages Boosts