• ลุงนิด เกษตรปลูกยางพารา ต.ทุ่งต่อ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง
    #ยางพารา #เกษตร #ชาวสวนยางพารา #ชาวไร่ #ชาวนา #สารปรับสภาพดิน #ธรณีสยาม #นารายณ์พลิกแผ่นดินบิ๊กแจ๊สจัดให้
    ลุงนิด เกษตรปลูกยางพารา ต.ทุ่งต่อ อ.ห้วยยอด จ.ตรัง #ยางพารา #เกษตร #ชาวสวนยางพารา #ชาวไร่ #ชาวนา #สารปรับสภาพดิน #ธรณีสยาม #นารายณ์พลิกแผ่นดินบิ๊กแจ๊สจัดให้
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 51 0 รีวิว
  • ยูเครนส่งโดรนอย่างน้อย 34 ลำโจมตีมอสโก ซึ่งถือเป็นการโจมตีเมืองหลวงของรัสเซียด้วยโดรนครั้งใหญ่ที่สุดนับจากสงครามเริ่มต้นขึ้นในปี 2022 และส่งผลให้สนามบินหลัก 3 แห่งในมอสโกต้องเปลี่ยนเส้นทางบินอย่างน้อย 36 เที่ยวบิน อีกทั้งมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 1 คน
    .
    กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า สามารถสกัดการพยายามก่อการร้ายของยูเครน และได้ทำลายโดรนอีก 36 ลำที่โจมตีแคว้นอื่นๆ ทางตะวันตกในช่วงเวลา 3 ชั่วโมงของวันอาทิตย์
    .
    ขณะเดียวกัน สำนักงานการขนส่งทางอากาศของรัฐบาลรัสเซียระบุว่า สนามบินโดโมเดโดโว เชเรเมเตียโว และซูคอฟสกี้ ต้องเปลี่ยนเส้นทางอย่างน้อย 36 เที่ยวบิน แต่ล่าสุดกลับมาให้บริการตามปกติแล้ว นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บหนึ่งคนในแคว้นมอสโก
    .
    มอสโกและปริมณฑลโดยรอบที่มีประชากรอย่างน้อย 21 ล้านคน ถือเป็นหนึ่งในเขตมหานครใหญ่ที่สุดในยุโรปเช่นเดียวกับอิสตันบูล
    .
    ในทางกลับกัน เคียฟเผยว่า รัสเซียส่งโดรนจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 145 ลำเข้าไปโจมตีในยูเครน แต่ระบบป้องกันภัยทางอากาศสามารถสอยร่วงไป 62 ลำ นอกจากนั้นยูเครนยังโจมตีคลังแสงในแคว้นบรีแยนสก์ของรัสเซีย ซึ่งมีรายงานว่า โดรน 14 ลำถูกยิงร่วงในแคว้นดังกล่าว
    .
    ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่บางคนระบุว่า สงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อมา 2 ปีครึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้าย หลังจากกองกำลังมอสโกรุกคืบเร็วที่สุดนับจากเริ่มต้นสงคราม และหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของอเมริกา
    .
    ระหว่างหาเสียง ทรัมป์ที่มีกำหนดสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมปีหน้า ประกาศว่า จะนำสันติภาพมาสู่ยูเครนภายใน 24 ชั่วโมงหลังรับตำแหน่ง แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่า จะทำได้อย่างไร
    .
    นอกจากนั้นสื่อรายงานว่า ตอนที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ของยูเครน โทรไปแสดงความยินดีกับทรัมป์ อีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา ยังร่วมวงสนทนาด้วย ซึ่งมัสก์เป็นเจ้าของสเปซเอ็กซ์ที่ให้บริการการสื่อสารผ่านดาวเทียมที่สำคัญสำหรับปฏิบัติการรบของยูเครน
    .
    ทั้งนี้ เคียฟที่เป็นเป้าหมายการโจมตีด้วยโดรนจากรัสเซียเป็นประจำ พยายามตอบโต้ด้วยการส่งโดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน สนามบิน และแม้แต่สถานีเรดาร์เตือนภัยล่วงหน้าเชิงยุทธศาสตร์ของรัสเซีย
    .
    แม้ตลอดแนวรบ 1,000 กิโลเมตรส่วนใหญ่เป็นสงครามสนามเพลาะและปืนใหญ่แบบเดียวกับสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่หนึ่งในนวัตกรรมสำคัญที่สุดที่ถูกนำมาใช้ในสมรภูมินี้คือโดรน
    .
    มอสโกและเคียฟพยายามซื้อและพัฒนาโดรนใหม่ๆ รวมทั้งใช้ด้วยวิธีที่สร้างสรรค์ ควบคู่กับการหาวิธีการใหม่ๆ ในการทำลายโดรนของฝ่ายตรงข้ามที่มีตั้งแต่ใช้ปืนสั้นของชาวไร่ชาวนายิงจนถึงระบบอิเล็กทรอนิกส์ก่อกวนสัญญาณขั้นสูง
    .
    รัสเซียยังพัฒนา “ร่ม” อิเล็กทรอนิกส์เหนือมอสโก พร้อมระบบชั้นในขั้นสูงเหนืออาคารที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ เครือข่ายการป้องกันภัยทางอากาศอันซับซ้อนที่สามารถยิงโดรนก่อนที่จะเข้าถึงเครมลินที่อยู่ใจกลางเมืองหลวง
    .
    ทั้งสองฝ่ายต่างเปลี่ยนโดรนเชิงพาณิชย์ราคาถูกเป็นอาวุธโจมตีร้ายแรงพร้อมทั้งเร่งกำลังผลิตในประเทศ และทหารของทั้งสองประเทศต่างกลัวอาวุธชนิดนี้ นอกจากนั้นรัสเซียและยูเครนยังปล่อยวิดีโอการโจมตีด้วยโดรนที่สร้างความเสียหายรุนแรงและมีคนตายเพื่อทำลายขวัญของฝ่ายตรงข้าม
    .
    ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่พยายามป้องกันมอสโกจากสงคราม ระบุว่า การโจมตีด้วยโดรนของยูเครนที่พุ่งเป้าโครงสร้างพื้นฐานด้านพลเรือน เช่น โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ เป็นการก่อการร้ายและประกาศตอบโต้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108253
    ..............
    Sondhi X
    ยูเครนส่งโดรนอย่างน้อย 34 ลำโจมตีมอสโก ซึ่งถือเป็นการโจมตีเมืองหลวงของรัสเซียด้วยโดรนครั้งใหญ่ที่สุดนับจากสงครามเริ่มต้นขึ้นในปี 2022 และส่งผลให้สนามบินหลัก 3 แห่งในมอสโกต้องเปลี่ยนเส้นทางบินอย่างน้อย 36 เที่ยวบิน อีกทั้งมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 1 คน . กระทรวงกลาโหมรัสเซียแถลงว่า สามารถสกัดการพยายามก่อการร้ายของยูเครน และได้ทำลายโดรนอีก 36 ลำที่โจมตีแคว้นอื่นๆ ทางตะวันตกในช่วงเวลา 3 ชั่วโมงของวันอาทิตย์ . ขณะเดียวกัน สำนักงานการขนส่งทางอากาศของรัฐบาลรัสเซียระบุว่า สนามบินโดโมเดโดโว เชเรเมเตียโว และซูคอฟสกี้ ต้องเปลี่ยนเส้นทางอย่างน้อย 36 เที่ยวบิน แต่ล่าสุดกลับมาให้บริการตามปกติแล้ว นอกจากนั้นยังมีรายงานว่า มีผู้ได้รับบาดเจ็บหนึ่งคนในแคว้นมอสโก . มอสโกและปริมณฑลโดยรอบที่มีประชากรอย่างน้อย 21 ล้านคน ถือเป็นหนึ่งในเขตมหานครใหญ่ที่สุดในยุโรปเช่นเดียวกับอิสตันบูล . ในทางกลับกัน เคียฟเผยว่า รัสเซียส่งโดรนจำนวนสูงสุดเป็นประวัติการณ์ถึง 145 ลำเข้าไปโจมตีในยูเครน แต่ระบบป้องกันภัยทางอากาศสามารถสอยร่วงไป 62 ลำ นอกจากนั้นยูเครนยังโจมตีคลังแสงในแคว้นบรีแยนสก์ของรัสเซีย ซึ่งมีรายงานว่า โดรน 14 ลำถูกยิงร่วงในแคว้นดังกล่าว . ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่บางคนระบุว่า สงครามในยูเครนที่ยืดเยื้อมา 2 ปีครึ่งกำลังเข้าสู่ช่วงสุดท้าย หลังจากกองกำลังมอสโกรุกคืบเร็วที่สุดนับจากเริ่มต้นสงคราม และหลังจากโดนัลด์ ทรัมป์ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดีคนที่ 47 ของอเมริกา . ระหว่างหาเสียง ทรัมป์ที่มีกำหนดสาบานตนเข้ารับตำแหน่งในเดือนมกราคมปีหน้า ประกาศว่า จะนำสันติภาพมาสู่ยูเครนภายใน 24 ชั่วโมงหลังรับตำแหน่ง แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดว่า จะทำได้อย่างไร . นอกจากนั้นสื่อรายงานว่า ตอนที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ของยูเครน โทรไปแสดงความยินดีกับทรัมป์ อีลอน มัสก์ ซีอีโอเทสลา ยังร่วมวงสนทนาด้วย ซึ่งมัสก์เป็นเจ้าของสเปซเอ็กซ์ที่ให้บริการการสื่อสารผ่านดาวเทียมที่สำคัญสำหรับปฏิบัติการรบของยูเครน . ทั้งนี้ เคียฟที่เป็นเป้าหมายการโจมตีด้วยโดรนจากรัสเซียเป็นประจำ พยายามตอบโต้ด้วยการส่งโดรนโจมตีโรงกลั่นน้ำมัน สนามบิน และแม้แต่สถานีเรดาร์เตือนภัยล่วงหน้าเชิงยุทธศาสตร์ของรัสเซีย . แม้ตลอดแนวรบ 1,000 กิโลเมตรส่วนใหญ่เป็นสงครามสนามเพลาะและปืนใหญ่แบบเดียวกับสงครามโลกครั้งที่ 1 แต่หนึ่งในนวัตกรรมสำคัญที่สุดที่ถูกนำมาใช้ในสมรภูมินี้คือโดรน . มอสโกและเคียฟพยายามซื้อและพัฒนาโดรนใหม่ๆ รวมทั้งใช้ด้วยวิธีที่สร้างสรรค์ ควบคู่กับการหาวิธีการใหม่ๆ ในการทำลายโดรนของฝ่ายตรงข้ามที่มีตั้งแต่ใช้ปืนสั้นของชาวไร่ชาวนายิงจนถึงระบบอิเล็กทรอนิกส์ก่อกวนสัญญาณขั้นสูง . รัสเซียยังพัฒนา “ร่ม” อิเล็กทรอนิกส์เหนือมอสโก พร้อมระบบชั้นในขั้นสูงเหนืออาคารที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์ เครือข่ายการป้องกันภัยทางอากาศอันซับซ้อนที่สามารถยิงโดรนก่อนที่จะเข้าถึงเครมลินที่อยู่ใจกลางเมืองหลวง . ทั้งสองฝ่ายต่างเปลี่ยนโดรนเชิงพาณิชย์ราคาถูกเป็นอาวุธโจมตีร้ายแรงพร้อมทั้งเร่งกำลังผลิตในประเทศ และทหารของทั้งสองประเทศต่างกลัวอาวุธชนิดนี้ นอกจากนั้นรัสเซียและยูเครนยังปล่อยวิดีโอการโจมตีด้วยโดรนที่สร้างความเสียหายรุนแรงและมีคนตายเพื่อทำลายขวัญของฝ่ายตรงข้าม . ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ที่พยายามป้องกันมอสโกจากสงคราม ระบุว่า การโจมตีด้วยโดรนของยูเครนที่พุ่งเป้าโครงสร้างพื้นฐานด้านพลเรือน เช่น โรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ เป็นการก่อการร้ายและประกาศตอบโต้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000108253 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 565 มุมมอง 0 รีวิว
  • สนธิสัญญาองค์การอนามัยโลก

    ประเทศไทยควรต้องสนใจกับข้อกำหนดสนธิสัญญากับองค์การอนามัยโลก

    รายชื่อคัดค้าน และรายละเอียด สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกที่ เมื่อตกลง ต้องทำตาม
    อย่าง บิดพริ้วไม่ได้

    ปัจจุบันมีการลงขื่อ 60,000 ราย และ รวมทั้ง มีการคัดค้านจาก สมาพันธ์เครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย
    ซึ่งถือว่าเป็นประชาชนรากหญ้าและได้รับผลกระทบ
    อย่างสูงเมื่อการดำรงชีวิต การเข้าถึงยาและสมุนไพรวิถีไทยจะถูกห้าม

    รายละเอียดเหล่านี้ ส่งถึง ท่าน รมต ประธานสภา และ กระทรวง สาธารณสุข
    ตั้งแต่พฤษภาคม 2567 จนถึงปัจจุบันนี้ คนไทยยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น

    และทางการ และรัฐบาล ควร ต้องชี้แจงให้คนไทยทุกคนทราบ

    และ รัฐบาล ทราบหรือไม่ว่า ควรต้องทำอะไร ทั้งๆที่ประเทศต่างๆทั่วโลกกังวล

    ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยมีทรัพยากรสมุนไพรธรรมชาติที่ใช้กันมาเนิ่นนานแล้ว แต่ถูกด้อยค่าไปตามลำดับ

    และต้องตระหนักว่าสมุนไพรเหล่านี้ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาเป็นยาและส่งกลับมาขาย ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร และตัวอื่นๆ โดยศึกษาในขั้นโมเลกุลและผลตรงกับที่บรรพบุรุษไทยได้จารึกสรรพคุณไว้ตั้งแต่สมัยต้นรัชกาล ด้วยซ้ำ
    ในตำราแพทย์ไทยนั้น

    ยกตัวอย่างเช่นรูปลักษณะของฝีดาษได้บรรยายไว้ 12 ชนิด ซึ่งตรงกับ 12 ไวรัสในตระกูลฝีดาษที่เราทราบกันในปัจจุบัน และมีการระบุสมุนไพรแต่ละประเภทตามความรุนแรงของชนิดฝีดาษ

    ข้อมูลรายละเอียดของการคัดค้าน WHO 24 พค.67
    https://drive.google.com/drive/folders/1GyWC2OcVnUkglL7YUtFRum8S_TqZvmIU

    ความสำคัญของ สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกต่อภาคีเครือข่ายรวมกระทั่งถึงประเทศไทย
    ถ้าอยู่ภายใต้ สนธิสัญญานี้ จะบิดพริ้วมิได้
    และจะเกิด ผลกระทบติดตามมากมาย หลายเรื่อง เช่น
    1- องค์การอนามัยโลกสามารถประกาศโรคระบาดใดให้เป็น สถานการณ์โรค ระบาดทั้งโลกได้ โดยไม่ต้องฟัง ข้อมูลรายละเอียดจากพื้นที่ให้ครบทุกด้าน
    2- เมื่อประกาศแล้วเราต้องทำตามทุกอย่าง และไม่สามารถทำอะไรที่ควรจะทำได้
    3- วัคซีนต้องฉีดตามองค์การอนามัยโลกสั่ง โดย องค์การอนามัยโลก ไม่ต้อง มีความรับผิดชอบ ถ้าเกิดมีผลข้างเคียง ไม่ว่าจะรุนแรงเท่าใด เพราะถือว่า ได้รับสิทธิ์และถืออำนาจสั่งการได้อย่างสมบูรณ์
    4-ยา ต้องใช้ตามที่สั่งโดยไม่บิดพลิ้ว นั่นคือยาต้องสั่งจากต่างประเทศอย่างเดียว และยาที่ผลิตจากวัตถุดิบจากประเทศในเอเชียจะถูกมองว่าไม่มีประสิทธิภาพไม่ได้มาตรฐานและมีอันตรายทันที หรือไม่
    5- สมุนไพรที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการใช้และจะมีการออกประกาศโดยกระทรวงทบวงกรมสถาบันโรงเรียนแพทย์โดยถือว่าเป็นคำสั่งหรือข้อแนะนำจากองค์การอนามัยโลกและผ่านมาทาง อย สหรัฐ ศูนย์ควบคุมป้องกันโรคของสหรัฐ
    6- สามารถที่จะเซ็นเซอร์ทุกอย่างได้ที่เกี่ยวกับข้อมูลที่ควรจะเป็น ไม่ว่าเป็นผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนของวัคซีนและยาที่องค์การอนามัยโลกสั่ง
    ประชาชนไม่สามารถสื่อสารการใช้ยาที่คนไทยใช้อยู่แล้วในพื้นที่ และมีหน่วยงานที่เซ็นเซอร์โดยจัดให้เป็นข้อมูลเท็จ misinformation ผ่านทางหน่วยงานของรัฐ จากองค์กร และสู่ประชาชนทั้งประเทศให้เชื่อฟัง

    ทั้งนี้จะมีหน่วยงานที่สอดส่องโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์และทำการถอดถอนข้อมูล ดิสเครดิต ผู้ที่ให้ข้อมูลทันที มีหน่วยงานลักษณะนี้ รวมทั้งกระทรวงของรัฐที่ทำตามกระบวนการนี้

    สิ่งที่กล่าวนี้เกิดขึ้นแล้ว ในช่วงโควิด และเป็นที่ประจักษ์ในเรื่องของผลกระทบผลข้างเคียง ของสิ่งที่ฉีด

    โดยที่ทางการของประเทศ ไทยเองประกาศทั่วประเทศเมื่อต้นปี 2567 ว่า
    ผลกระทบร้ายแรงและถึงแก่ชีวิตทั้งประเทศมีเพียงห้าราย
    โดยที่ตัวเลขห้ารายนี้ จะเทียบกับหนึ่งในล้าน ซึ่ง
    เป็นตัวเลขที่ยอมรับได้ตามประกาศขององค์การอนามัยโลก
    ทั้งๆที่รายอื่นเป็น 10,000 เป็น 100,000 ถูกปัดว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง และถึงกระทั่งให้หาข้อพิสูจน์มา เอง โดยที่การพิสูจน์ หรือชันสูตรศพ ทาง วิทยาศาสตร์นั้นต้องการทุนไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท

    สิ่งเหล่านี้ปรากฏขึ้นแล้วและจะรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่าถ้าตกอยู่ในสนธิสัญญานี้

    วัคซีนในปัจจุบันและต่อจากนี้ในมนุษย์และสัตว์ใช้เทคโนโลยี ที่ใช้กับโควิด ทั้งนี้โดยอ้างว่า ได้ใช้กับประชาชนทั่วโลกแล้วและผลกระทบไม่ได้เกิดจากวัคซีน

    นสพ มติชน ฉบับพิมพ์
    ท็อล์กออฟเดอะทาวน์
    10 พย 2567

    กระบวนการรวบรวมรายชื่อคัดค้านและนำส่งทางการของประเทศไทยโดยกลุ่มแพทย์และประชาชนไทยพิทักษ์สิทธิ์

    รวบรวมข้อมูลโดย
    ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา
    ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก
    มหาวิทยาลัยรังสิต
    สนธิสัญญาองค์การอนามัยโลก ประเทศไทยควรต้องสนใจกับข้อกำหนดสนธิสัญญากับองค์การอนามัยโลก รายชื่อคัดค้าน และรายละเอียด สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกที่ เมื่อตกลง ต้องทำตาม อย่าง บิดพริ้วไม่ได้ ปัจจุบันมีการลงขื่อ 60,000 ราย และ รวมทั้ง มีการคัดค้านจาก สมาพันธ์เครือข่ายชาวนาแห่งประเทศไทย ซึ่งถือว่าเป็นประชาชนรากหญ้าและได้รับผลกระทบ อย่างสูงเมื่อการดำรงชีวิต การเข้าถึงยาและสมุนไพรวิถีไทยจะถูกห้าม รายละเอียดเหล่านี้ ส่งถึง ท่าน รมต ประธานสภา และ กระทรวง สาธารณสุข ตั้งแต่พฤษภาคม 2567 จนถึงปัจจุบันนี้ คนไทยยังไม่ทราบว่าเกิดอะไรขึ้น และทางการ และรัฐบาล ควร ต้องชี้แจงให้คนไทยทุกคนทราบ และ รัฐบาล ทราบหรือไม่ว่า ควรต้องทำอะไร ทั้งๆที่ประเทศต่างๆทั่วโลกกังวล ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าประเทศไทยมีทรัพยากรสมุนไพรธรรมชาติที่ใช้กันมาเนิ่นนานแล้ว แต่ถูกด้อยค่าไปตามลำดับ และต้องตระหนักว่าสมุนไพรเหล่านี้ปัจจุบันมีการศึกษาวิจัยเพื่อพัฒนาเป็นยาและส่งกลับมาขาย ทั้งนี้ไม่ว่าจะเป็นขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร และตัวอื่นๆ โดยศึกษาในขั้นโมเลกุลและผลตรงกับที่บรรพบุรุษไทยได้จารึกสรรพคุณไว้ตั้งแต่สมัยต้นรัชกาล ด้วยซ้ำ ในตำราแพทย์ไทยนั้น ยกตัวอย่างเช่นรูปลักษณะของฝีดาษได้บรรยายไว้ 12 ชนิด ซึ่งตรงกับ 12 ไวรัสในตระกูลฝีดาษที่เราทราบกันในปัจจุบัน และมีการระบุสมุนไพรแต่ละประเภทตามความรุนแรงของชนิดฝีดาษ ข้อมูลรายละเอียดของการคัดค้าน WHO 24 พค.67 https://drive.google.com/drive/folders/1GyWC2OcVnUkglL7YUtFRum8S_TqZvmIU ความสำคัญของ สนธิสัญญาขององค์การอนามัยโลกต่อภาคีเครือข่ายรวมกระทั่งถึงประเทศไทย ถ้าอยู่ภายใต้ สนธิสัญญานี้ จะบิดพริ้วมิได้ และจะเกิด ผลกระทบติดตามมากมาย หลายเรื่อง เช่น 1- องค์การอนามัยโลกสามารถประกาศโรคระบาดใดให้เป็น สถานการณ์โรค ระบาดทั้งโลกได้ โดยไม่ต้องฟัง ข้อมูลรายละเอียดจากพื้นที่ให้ครบทุกด้าน 2- เมื่อประกาศแล้วเราต้องทำตามทุกอย่าง และไม่สามารถทำอะไรที่ควรจะทำได้ 3- วัคซีนต้องฉีดตามองค์การอนามัยโลกสั่ง โดย องค์การอนามัยโลก ไม่ต้อง มีความรับผิดชอบ ถ้าเกิดมีผลข้างเคียง ไม่ว่าจะรุนแรงเท่าใด เพราะถือว่า ได้รับสิทธิ์และถืออำนาจสั่งการได้อย่างสมบูรณ์ 4-ยา ต้องใช้ตามที่สั่งโดยไม่บิดพลิ้ว นั่นคือยาต้องสั่งจากต่างประเทศอย่างเดียว และยาที่ผลิตจากวัตถุดิบจากประเทศในเอเชียจะถูกมองว่าไม่มีประสิทธิภาพไม่ได้มาตรฐานและมีอันตรายทันที หรือไม่ 5- สมุนไพรที่พิสูจน์แล้วว่าใช้ได้ เป็นไปไม่ได้ที่จะมีการใช้และจะมีการออกประกาศโดยกระทรวงทบวงกรมสถาบันโรงเรียนแพทย์โดยถือว่าเป็นคำสั่งหรือข้อแนะนำจากองค์การอนามัยโลกและผ่านมาทาง อย สหรัฐ ศูนย์ควบคุมป้องกันโรคของสหรัฐ 6- สามารถที่จะเซ็นเซอร์ทุกอย่างได้ที่เกี่ยวกับข้อมูลที่ควรจะเป็น ไม่ว่าเป็นผลข้างเคียงผลแทรกซ้อนของวัคซีนและยาที่องค์การอนามัยโลกสั่ง ประชาชนไม่สามารถสื่อสารการใช้ยาที่คนไทยใช้อยู่แล้วในพื้นที่ และมีหน่วยงานที่เซ็นเซอร์โดยจัดให้เป็นข้อมูลเท็จ misinformation ผ่านทางหน่วยงานของรัฐ จากองค์กร และสู่ประชาชนทั้งประเทศให้เชื่อฟัง ทั้งนี้จะมีหน่วยงานที่สอดส่องโดยใช้ปัญญาประดิษฐ์และทำการถอดถอนข้อมูล ดิสเครดิต ผู้ที่ให้ข้อมูลทันที มีหน่วยงานลักษณะนี้ รวมทั้งกระทรวงของรัฐที่ทำตามกระบวนการนี้ สิ่งที่กล่าวนี้เกิดขึ้นแล้ว ในช่วงโควิด และเป็นที่ประจักษ์ในเรื่องของผลกระทบผลข้างเคียง ของสิ่งที่ฉีด โดยที่ทางการของประเทศ ไทยเองประกาศทั่วประเทศเมื่อต้นปี 2567 ว่า ผลกระทบร้ายแรงและถึงแก่ชีวิตทั้งประเทศมีเพียงห้าราย โดยที่ตัวเลขห้ารายนี้ จะเทียบกับหนึ่งในล้าน ซึ่ง เป็นตัวเลขที่ยอมรับได้ตามประกาศขององค์การอนามัยโลก ทั้งๆที่รายอื่นเป็น 10,000 เป็น 100,000 ถูกปัดว่าไม่มีความเกี่ยวข้อง และถึงกระทั่งให้หาข้อพิสูจน์มา เอง โดยที่การพิสูจน์ หรือชันสูตรศพ ทาง วิทยาศาสตร์นั้นต้องการทุนไม่ต่ำกว่า 500,000 บาท สิ่งเหล่านี้ปรากฏขึ้นแล้วและจะรุนแรงขึ้นอีกหลายเท่าถ้าตกอยู่ในสนธิสัญญานี้ วัคซีนในปัจจุบันและต่อจากนี้ในมนุษย์และสัตว์ใช้เทคโนโลยี ที่ใช้กับโควิด ทั้งนี้โดยอ้างว่า ได้ใช้กับประชาชนทั่วโลกแล้วและผลกระทบไม่ได้เกิดจากวัคซีน นสพ มติชน ฉบับพิมพ์ ท็อล์กออฟเดอะทาวน์ 10 พย 2567 กระบวนการรวบรวมรายชื่อคัดค้านและนำส่งทางการของประเทศไทยโดยกลุ่มแพทย์และประชาชนไทยพิทักษ์สิทธิ์ รวบรวมข้อมูลโดย ศ นพ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    Like
    Love
    12
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 316 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พี่อ้อย-จตุพร อุบลเลิศ” เป็นใคร มาจากไหน
    .
    วันนี้เรามาฟังความจริงที่มีหนึ่งเดียว จากผม สนธิ ลิ้มทองกุล ที่จะขอเปิดตัว "คุณอ้อย" จตุพร อุบลเลิศ ทุกคนสงสัยว่าคุณอ้อย รวยมาจากไหน ถึงหลงกลโอนเงินลงทุนไปให้ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้มากมายมหาศาลถึง 71 ล้านบาท แล้วทนายตั้ม ก็อ้างว่าให้โดยเสน่หา ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด
    .
    "พี่อ้อย จตุพร" ทุกวันนี้อายุ 58-59 ปีแล้ว เป็นชาวอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยกำเนิด คุณพ่อเป็นตำรวจชั้นประทวน ยศจ่าสิบตำรวจ คุณแม่เป็นชาวนา ชื่อ สมพิศ อุบลเลิศ ชีวิตวัยเด็กเต็มไปด้วยความยากลำบาก พ่อแม่แยกทางกัน ส่วนตัวคุณอ้อยเองนั้นจบแค่ ป.6 จากโรงเรียนประถมในอำเภอปากช่อง ก่อนจะออกมาทำงานเร่ขายถั่วต้มกับเพื่อนสนิทที่รักกันมาก ก็คือ "พี่น้อย" ซึ่งปัจจุบันเป็นเลขาฯ คุณอ้อย
    .
    หลังจากนั้นแล้วต่างคนต่างแยกย้ายไป พี่อ้อย ได้สามีเป็นคนเยอรมัน ไปอยู่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่อายุ 21 ปี ส่วนพี่น้อยทำงานคุมบ่อทราย คุมรถเข้า-ออก ดูเอกสารหลักฐาน ดูบัญชี เขาทำอะไรละเอียดลออ จดจำวันที่ วัน ว. เวลา น. เก็บหลักฐานเอกสารต่างๆ ไว้ครบถ้วนหมด ด้วยเหตุนี้ ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พี่อ้อยเปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาเศรษฐินีขึ้นมา ก็เลยดึงพี่น้อยมาเป็นเลขาฯส่วนตัว มอบหมายให้จัดการเรื่องราวต่างๆ
    .
    แกร่ำรวยขึ้นมา มีข่าวจากสื่อฝรั่งเศสกรณีผู้ถูกรางวัลล็อตเตอรียูโร จำนวน 157 ล้านยูโร หรือราวๆ เกือบ 6,000 ล้านบาท เมื่อปี 2563 พอแกร่ำรวยขึ้นมาก็เกิดความสำนึกรักบ้านเกิดมาก เอาเงินซื้อวัคซีนที่มาฉีดให้คนปากช่อง กันโรคระบาด มีทั้งรถกู้ภัย รถพยาบาล แต่สิ่งที่พี่อ้อย หรือคุณจตุพร ทุ่มเทให้มากที่สุดนั้น คือโรงเรียนเก่าที่เคยเรียน ชื่อว่าโรงเรียนวัดขนงพระเหนือ จึงเริ่มการสนับสนุนโรงเรียนแห่งนี้ก่อนที่จะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีเสียด้วยซ้ำ รวมจากวันนั้นถึงวันนี้ ร้อยกว่าล้านบาท จนได้รับฉายาจากครูอาจารย์ ชาวบ้านในพื้นที่ ว่าเป็น "นางฟ้าเดินดิน"
    .
    คณะอาจารย์โรงเรียนวัดขนงพระเหนือได้พูดกับคุณนพรัฐ พรวนสุข ขอใช้สิทธิ์พาดพิงและขอชี้แจงไปยังสื่อ (คือคุณหมาแก่ ดนัย เอกมหาสวัสดิ์) เพราะรู้ว่าออกข่าวด้อยค่าโรงเรียนอย่างขาดความเข้าใจ
    .
    นอกจากนี้ บนผนังอาคาร มีภาพถ่ายของษิทรา เบี้ยบังเกิด มาร่วมพิธีที่โรงเรียน พวกครู คณะครูเขาบอกว่ามั่นใจว่าจะไม่ได้เห็นทนายตั้มอีกแล้ว และกรุณาไม่อยากให้กลับมา เพราะสิ่งที่ทนายตั้มกระทำกับพี่อ้อยนั้น เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่สุด ทำไมคนดีๆระดับนางฟ้าเดินดิน ต้องมาถูกฉ้อโกงจากทนายตั้ม ที่พี่อ้อยให้ใจและไว้วางใจ
    .
    พี่อ้อยเป็นคนมีจิตสำนึกที่ดี จิตใจงดงามที่เป็นบุญเป็นกุศล และผมเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเป็นบุญหนุนส่งให้พี่อ้อยโชคดีขนาดนี้ ก่อนที่จะโชคร้ายมาเจอคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด และคนที่เจอคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด โชคร้ายทุกคน
    .
    คุณษิทรา คุณรู้หรือเปล่า สิ่งที่คุณทำกับเขาไม่ใช่การเนรคุณกับพี่อ้อย จตุพร คนที่เคยไว้ใจคุณ มีพระคุณกับคุณ อายบ้างไหม ว่าความโลภของคุณมันได้ทำร้ายตัวคุณเอง แต่ยังทำร้ายคนจำนวนมาก
    “พี่อ้อย-จตุพร อุบลเลิศ” เป็นใคร มาจากไหน . วันนี้เรามาฟังความจริงที่มีหนึ่งเดียว จากผม สนธิ ลิ้มทองกุล ที่จะขอเปิดตัว "คุณอ้อย" จตุพร อุบลเลิศ ทุกคนสงสัยว่าคุณอ้อย รวยมาจากไหน ถึงหลงกลโอนเงินลงทุนไปให้ษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ ทนายตั้ม ได้มากมายมหาศาลถึง 71 ล้านบาท แล้วทนายตั้ม ก็อ้างว่าให้โดยเสน่หา ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่อย่างใด . "พี่อ้อย จตุพร" ทุกวันนี้อายุ 58-59 ปีแล้ว เป็นชาวอำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โดยกำเนิด คุณพ่อเป็นตำรวจชั้นประทวน ยศจ่าสิบตำรวจ คุณแม่เป็นชาวนา ชื่อ สมพิศ อุบลเลิศ ชีวิตวัยเด็กเต็มไปด้วยความยากลำบาก พ่อแม่แยกทางกัน ส่วนตัวคุณอ้อยเองนั้นจบแค่ ป.6 จากโรงเรียนประถมในอำเภอปากช่อง ก่อนจะออกมาทำงานเร่ขายถั่วต้มกับเพื่อนสนิทที่รักกันมาก ก็คือ "พี่น้อย" ซึ่งปัจจุบันเป็นเลขาฯ คุณอ้อย . หลังจากนั้นแล้วต่างคนต่างแยกย้ายไป พี่อ้อย ได้สามีเป็นคนเยอรมัน ไปอยู่กรุงเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี ตั้งแต่อายุ 21 ปี ส่วนพี่น้อยทำงานคุมบ่อทราย คุมรถเข้า-ออก ดูเอกสารหลักฐาน ดูบัญชี เขาทำอะไรละเอียดลออ จดจำวันที่ วัน ว. เวลา น. เก็บหลักฐานเอกสารต่างๆ ไว้ครบถ้วนหมด ด้วยเหตุนี้ ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา พี่อ้อยเปลี่ยนสถานภาพเป็นมหาเศรษฐินีขึ้นมา ก็เลยดึงพี่น้อยมาเป็นเลขาฯส่วนตัว มอบหมายให้จัดการเรื่องราวต่างๆ . แกร่ำรวยขึ้นมา มีข่าวจากสื่อฝรั่งเศสกรณีผู้ถูกรางวัลล็อตเตอรียูโร จำนวน 157 ล้านยูโร หรือราวๆ เกือบ 6,000 ล้านบาท เมื่อปี 2563 พอแกร่ำรวยขึ้นมาก็เกิดความสำนึกรักบ้านเกิดมาก เอาเงินซื้อวัคซีนที่มาฉีดให้คนปากช่อง กันโรคระบาด มีทั้งรถกู้ภัย รถพยาบาล แต่สิ่งที่พี่อ้อย หรือคุณจตุพร ทุ่มเทให้มากที่สุดนั้น คือโรงเรียนเก่าที่เคยเรียน ชื่อว่าโรงเรียนวัดขนงพระเหนือ จึงเริ่มการสนับสนุนโรงเรียนแห่งนี้ก่อนที่จะร่ำรวยเป็นมหาเศรษฐีเสียด้วยซ้ำ รวมจากวันนั้นถึงวันนี้ ร้อยกว่าล้านบาท จนได้รับฉายาจากครูอาจารย์ ชาวบ้านในพื้นที่ ว่าเป็น "นางฟ้าเดินดิน" . คณะอาจารย์โรงเรียนวัดขนงพระเหนือได้พูดกับคุณนพรัฐ พรวนสุข ขอใช้สิทธิ์พาดพิงและขอชี้แจงไปยังสื่อ (คือคุณหมาแก่ ดนัย เอกมหาสวัสดิ์) เพราะรู้ว่าออกข่าวด้อยค่าโรงเรียนอย่างขาดความเข้าใจ . นอกจากนี้ บนผนังอาคาร มีภาพถ่ายของษิทรา เบี้ยบังเกิด มาร่วมพิธีที่โรงเรียน พวกครู คณะครูเขาบอกว่ามั่นใจว่าจะไม่ได้เห็นทนายตั้มอีกแล้ว และกรุณาไม่อยากให้กลับมา เพราะสิ่งที่ทนายตั้มกระทำกับพี่อ้อยนั้น เป็นเรื่องที่น่าเสียใจที่สุด ทำไมคนดีๆระดับนางฟ้าเดินดิน ต้องมาถูกฉ้อโกงจากทนายตั้ม ที่พี่อ้อยให้ใจและไว้วางใจ . พี่อ้อยเป็นคนมีจิตสำนึกที่ดี จิตใจงดงามที่เป็นบุญเป็นกุศล และผมเชื่อว่าการกระทำดังกล่าวเป็นบุญหนุนส่งให้พี่อ้อยโชคดีขนาดนี้ ก่อนที่จะโชคร้ายมาเจอคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด และคนที่เจอคุณษิทรา เบี้ยบังเกิด โชคร้ายทุกคน . คุณษิทรา คุณรู้หรือเปล่า สิ่งที่คุณทำกับเขาไม่ใช่การเนรคุณกับพี่อ้อย จตุพร คนที่เคยไว้ใจคุณ มีพระคุณกับคุณ อายบ้างไหม ว่าความโลภของคุณมันได้ทำร้ายตัวคุณเอง แต่ยังทำร้ายคนจำนวนมาก
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 650 มุมมอง 0 รีวิว
  • หม่อมโจ้
    สิ่งที่ควรรู้เรื่องอิสราเอลหม่อมโจ้ โต้ทูตอิสราเอล ยันต้องเปิดความจริง ช่วยคนไทยพ้นภาวะทาส
    เพื่อนๆคงจะรู้จัก คุณปุ๊ก อาภัสรา หงสกุล อดีตนางงามจักรวาลชาวไทยคนแรก ที่เรียกว่ามิสยูนิเวอร์ส คุณอาภัสราจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.ศ.3) ปี 2506 จาก ร.ร.ศึกษาวิทยา ถนนสีลม แล้วไปเรียนอาชีวศึกษาที่ ร.ร.เลขานุการที่นครรัฐปีนัง ในมาเลเซีย จบชั้นปีที่ 2 เธอมาประกวดนางสาวไทย ได้ตำแหน่งปี 2507 จากนั้นไปเรียนต่อแล้วกลับมาปี 2508 เดินทางไปประกวดมิสยูนิเวอร์สที่นครไมอามี่ รัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา ได้ตำแหน่งขณะมีอายุ18ปี คุณปุ๊กเกิดวันที่16 มกราคม 2490 ปีกุนปีเดียวกับผม ปี 2510 ขณะมีอายุ 20ปีได้สมรสครั้งแรกกับหม่อมราชวงศ์เกียรติคุณ กิติยากร มีบุตรชายคนแรกคือหม่อมหลวงรุ่งคุณ กิติยากร
    ปัจจุบัน หม่อมโจ้ บุตรชายคนแรกของคุณปุ๊ก อายุได้ 53 ปีแล้ว หม่อมโจ้เรียนจบจากต่างประเทศที่สหรัฐอเมริกาในระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจเคยทำงานบริษัทต่างประเทศจนได้ลาออกไปอุปสมบทเป็นพระภิกษุในสายวัดป่าอยู่หลายปีได้มาซื้อที่ดินที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 45 ไร่ ปลูกพืชและผลไม้สายพันธุ์ของต่างประเทศที่ไม่มีใครทำมาก่อนจนผลไม้ขายได้ในราคาสูง หม่อมหลวงรุ่งคุณได้ศึกษาและวิเคราะห์เขียนหนังสือหลายเรื่องเกี่ยวกับอิสราเอล ไว้มากจนเป็นข่าวตอบโต้กับเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยดังนี้
    เรียน ท่านเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย นายไซม่อน โรดเด็ด
    ข้าพเจ้ารับทราบถึงความไม่พอใจของท่านกับบทความของข้าพเจ้า ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่ข้าพเจ้าได้เขียน เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้าโดยบริสุทธิ์ใจ อันเป็นสิทธิที่ข้าพเจ้าจะแสดงได้ โดยความเห็นของข้าพเจ้านั้น เป็นไปตามข้อมูลหลักฐานอันมีจริงทางประวัติศาสตร์ที่ได้มีความพยายามในการกลบและบิดเบือน
    แม้กระนั้น ท่านอาจแปลกใจคิดว่า แล้วไฉนทั้งที่ข้าพเจ้าและประเทศไทยที่ไม่ได้มีส่วนได้เสีย ข้าพเจ้าจึงต้องไปเขียนในเรื่องราวสร้างความบาดหมางให้แก่ท่าน ข้าพเจ้าจึงใคร่ที่จะชี้แจงตรงนี้ว่า ข้าพเจ้าไม่ได้เขียนเพื่อที่จะก่อความบาดหมางให้แก่ท่านหรือแก่ผู้ใด และ เรื่องราวที่ข้าพเจ้าเขียนนั้น มีความเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าและต่อประเทศไทยอย่างไรบ้าง
    อย่างแรก 'กลุ่มทุนธนาคารยิว Zionist' ที่ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงนั้น ข้าพเจ้ากล่าวถึงคนเพียงกลุ่มหนึ่ง มิใช่ชาวยิวทั้งหมด โดยคำว่า 'Zionist' แม้แต่ชาวยิวแท้ Orthodox Jews ที่ยึดมั่นใน Torah จำนวนมากก็ไม่ได้เห็นด้วยเลย ดังที่พวกเขาได้ออกมาประท้วง ประกาศว่า 'Zionism' ไม่ใช่ 'Judaism' เอง ท่านทูตน่าจะพอทราบอยู่ เพราะใน Israel ก็มีการจับชาวยิวแท้ ที่มีอัธยาศัยดีเหล่านี้ ไปจำคุกอยู่จำนวนหนึ่ง
    'ทุนธนาคาร Zionist' ที่ข้าพเจ้าพูดถึง หมายถึงกลุ่มทุนธนาคารที่เป็นผู้มีอำนาจที่สุดในโลก มีอำนาจเหนือรัฐหลายรัฐ รวมถึงมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา เขาคุมการเงินโดยกลุ่มของเขาเอง เป็นเจ้าของ Federal Reserve Bank ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา ที่พิมพ์เงินให้รัฐบาลสหรัฐฯต้องกู้ มิใช่ของประชาชนชาวอเมริกันตามที่ควรจะเป็นแต่อย่างใด กลุ่มทุนธนาคารของเขาเป็นหุ้นใหญ่ในบริษัทยักษ์ใหญ่แทบทั้งสิ้นทั่วโลก รวมถึง 6 บริษัทที่คุม 90% ของสื่อในสหรัฐอเมริกา เขาคุมแหล่งนํ้ามันและก๊าซหลัก ๆ ทั่วโลก และกำลังรุกเพื่อควบคุมผูกขาดอาหารของโลกโดยการผลิต GMO แม้แต่องค์กรโลก เช่น UN ที่ให้กำเนิด World Bank และ IMF ล้วนเป็นองค์กรที่พวกเขาจัดตั้งขึ้น และควบคุมทั้งสิ้น
    ชื่อตระกูลที่โดดเด่นมีอิทธิพลสูงสุดใน 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้ ได้แก่ 'Rothschild' และ 'Rockefeller' ชื่อ 'Rothschild' ท่านทูตย่อมรู้จักเป็นอย่างดี โดยใน 'Independence Hall' ที่ Tel Aviv เมืองหลวงของท่านเอง ก็มีนิทรรศการเอกสารชิ้นสำคัญมากชิ้นหนึ่งเรียกว่า 'The Balfour Declaration' เป็นจดหมายจากรัฐบาลอังกฤษ จ่าหัวถึง 'Lord Rothschild' ใน 1917 แสดงถึงการที่รัฐบาลอังกฤษสนับสนุนให้เกิด บ้านอยู่ (national home) ของชาวยิว ที่ Palestine แก่ 'Lord Rothschild' Baron Edmond (Abraham Benjamin) Rothschild จึงมีสถานะเป็น "the Father of the Settlements" (Avi ha-Yishuv) หรือบิดาแห่งอิสราเอล
    ใน4บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลก หรือ 'The Four Horsemen of Oil' ที่อยู่เบื้องหลังนโยบายการครอบครองน้ำมันของสหรัฐฯ 2 บริษัท คือ BP Amoco และ Royal Dutch/Shell อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูล Rothschild ที่ถือหุ้นใหญ่ ส่วน อีกสอง Exxon Mobil และ Chevron คือ บริษัทที่มาจาก Standard Oil ของ John D. Rockefeller โดยกรรมการของบริษัทน้ำมันเหล่านี้จำนวนหนึ่ง ไขว้กันเองเป็นใย และไขว้เป็นกรรมการของธนาคารยักษ์ใหญ่ เช่น JP Morgan Chase ของ Rockefeller และ Citigroup, Bank of America, Wells Fargo, N. M. Rothschild & Sons โดยตระกูล Rothschild ควบคุม และมีการเชื่อมโยงถือหุ้นไขว้กันกับกลุ่มทุนนอมินียักษ์ เช่น BlackRock, State Street, Vanguard และ Fidelity ที่ถือหุ้นใหญ่บริษัทยักษ์ใหญ่ แทบทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย
    ในการสร้างอำนาจเหนือรัฐต่าง ๆ 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้ ได้จัดตั้งองค์กร Front ของเขา เช่น The Bilderberg Group, Council on Foreign Relations (CFR) และ The Trilateral Commission (TC) โดยองค์กรเหล่านี้จะรวมกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' และบรรดาผู้มีอิทธิผล เช่น อดีตประธานาธิบดี บริวารมือขวาของเขา Henry Kissinger นักการเมืองทุกขั้ว ทหาร หัวหน้าหน่วยงานลับ ของประเทศสำคัญในยุโรป และสหรัฐฯ โดยใน Trilateral Commission จะมีสมาชิกเป็นบุคคลสำคัญของประเทศในทวีปเอเชียต่าง ๆ ที่รับใช้พวกเขา 'ทุนธนาคาร Zionist' จึงมีอิทธิพลอำนาจเหนือรัฐ เช่นมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา
    ด้วยความละโมบของพวกเขา ในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ โดยกำลังก็ดี โดยวิธีแห่งการให้สินบนแก่ผู้ขายชาติตนเองก็ดี โดยการบีบบังคับด้วยหนี้สินก็ดี โดยการแทรกแซงการเมืองภายในก็ดี 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้ ได้เข้ายึดครองทรัพยากร พลังงาน เศรษฐกิจ และการเงิน ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ทำให้ประชาชนของประเทศนั้น ๆ ตกเป็นทาสของพวกเขา โดยในประเทศไทยเอง ปรากฏหลักฐานชัดเจนถึงการกระทำ ที่ 'ทุนธนาคาร Zionist' พร้อมการร่วมมือของ 'คนไทย' ที่ได้ขายตัวขายจิตวิญญาณให้พวกเขา ได้ร่วมกระทำ ดังต่อไปนี้ (1) การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ จากประชาชนคนไทย (2) การทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ ตามด้วยการยึดครองเศรษฐกิจการเงิน (3) การชักใยอยู่เบื้องหลังทุกฝ่าย ในการสร้างความแตกแยก ตามยุทธศาสตร์ 'แบ่งแยกแล้วปกครอง' เพื่อการยึดครองประเทศเป็นเมืองขึ้นยิ่งขึ้นไป มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ :
    (1) การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ จากประชาชนคนไทย โดย 'ทุนธนาคาร Zionist'
    ทั้งที่ประเทศไทย มีอธิปไตยของตนเอง โดยอธิปไตย นั้นเป็นของปวงชนชาวไทย อันหมายความว่าทรัพยากรของชาตินั้นเป็นของประชาชนคนไทย แต่ปรากฏว่า กฎหมายว่าด้วยน้ำมันและก๊าซ (พ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2514) มิได้มีการเขียนขึ้นไม่ว่าจะ 'โดย' ประชาชน หรือ 'เพื่อ' ประชาชน แต่อย่างใด แต่ได้ถูกเขียนขึ้นโดย Walter James Levi สมาชิกทั้ง CFR และ The Trilateral Commission ผู้ทำงานให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขั้นขึ้นชื่อว่าเป็น หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์พลังงานของสหรัฐอเมริกา (the dean of United States oil economists) และ ได้เป็นผู้บริหารบริษัทของตระกูล Rockefeller เองคือ Standard Oil Company of New York หรือ Socony (ปัจจุบันคือ Exxon) คนที่เขียนกฎหมายนี้ของประเทศไทย ไม่ใช่คนไทย แต่คือคนของ 'ทุนธนาคาร Zionist'
    เนื้อหาของกฎหมายดังกล่าวเอง ก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ของ 'ทุนธนาคาร Zionist' โดยมีลักษณะของกฎหมายสำหรับเมืองขึ้นอันไม่เป็นธรรม คือ น้ำมันและก๊าซทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้รับสัมปทาน การได้สัมปทานเป็นไปโดยไม่มีการประมูลอย่างโปร่งใส ค่าตอบแทนเป็นไปอย่างต่ำ และ ประชาชนคนไทยที่เป็นเจ้าของโดยแท้จริง ไม่สามารถตรวจสอบรับทราบความจริงได้เลย โดยวิธีที่สามารถจะเรียกว่าโปร่งใสได้ ว่าปริมาณทรัพยากรที่มีการขุดไปนั้นมีปริมาณที่แท้จริงมากน้อยเพียงใด ประเทศไทยมีพลังงานมากน้อยแค่ไหนโดยต้องยอมรับตามตัวเลข ที่บริษัทพลังงานต่าง ๆ แจ้งเท่านั้น
    การปล้นอธิปไตยโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นไปได้ด้วยการข่มขู่ไม่ให้ความร่วมมือ พร้อมการให้สินบนแก่ 'คนไทยที่ขายชาติตัวเอง' ซึ่งจากนั้นมา การรุกครอบครองน้ำมันและก๊าซของประชาชนคนไทย โดยวิธีการดังกล่าวได้ขยายไปเรื่อย ๆ มีการแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติม ให้เอื้ออำนวยแก่ผู้รับสัมปทานอย่างล้นพ้นโดยภายหลังจะเห็นได้ชัดเจนถึงผู้เข้ามามีอำนาจในไทย ไม่ว่าขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ได้สานต่อไปในทาง 'ขายชาติตัวเอง' ให้แก่ 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้เพื่อค่าคอมมิสชั่น ถึงขั้นร่วมกันชง ส่งลูกกันข้ามรัฐบาล ยกดินแดนไทยให้กัมพูชา อันส่งผลให้พื้นที่ไทยในทะเลอ่าวไทย 27,000 ตารางกิโลเมตรอันอุดมด้วยน้ำมันและก๊าซที่สุดแห่งหนึ่ง ต้องตกกลายเป็นพื้นที่พิพาท ระหว่างไทยกับกัมพูชา
    ซึ่งในพื้นที่นี้ บริษัท Chevron คือบริษัทที่จ่อล็อกจะถือสัมปทานจากทั้ง 2 ประเทศ ในกรณีนี้ที่มีการพิพาทเรื่องพื้นที่ในอ่าวไทย หากไทยและกัมพูชา ให้สัมปทานในพื้นที่นี้ ผู้ที่จะมีอิทธิพลสูงสุดในการครอบครอง ย่อมมิใช่ไทยหรือกัมพูชาอีกทั้งนั้น แต่จะเป็นสหรัฐอเมริกาภายใต้กลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' เพราะสัมปทานจะเป็นของ Chevron โดยเอกฉันท์ ฝ่ายใดที่ให้ประโยชน์แก่สหรัฐฯ สูงสุด สหรัฐฯ ย่อมสนับสนุนฝ่ายนั้น
    ในปัจจุบัน การถูกปล้นอธิปไตย การตกเป็นอาณานิคมของ 'ทุนธนาคาร Zionist' อย่างเต็มรูปแบบในเรื่องพลังงาน ก็ประจักษ์ชัดเจนอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยในปัจจุบัน นาย ณรงค์ชัย อัครเศรณี ผู้เข้ามาดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก่อนเข้ามารับตำแหน่ง ได้เป็นสมาชิก The Trilateral Commission (TC) องค์กรของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ยาวนานถึง 30 ปี โดยเมื่อเข้ามาแล้ว ก็ไม่รีรอที่จะประกาศผลักดันเปิดสัมปทานในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยไม่สนใจ และไม่มีการชี้แจงอันใดเกี่ยวกับการเสียดินแดนของประเทศไทย ทั้งที่มีการคัดค้าน
    ด้วยประการฉะนี้ การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ โดย 'ทุนธนาคาร Zionist' จึงมิได้ครอบคลุมเพียงแค่น้ำมันและก๊าซอีกต่อไป แต่ได้ขยายไปเป็นการปล้นดินแดนไทย จากประชาชนคนไทย ไปโดยเรียบร้อย
    (2) การทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ ตามด้วยการยึดครองเศรษฐกิจการเงินของประเทศ
    การที่เถ้าแก่สามานย์รายใดจะต้องการยึดที่ดินสวย ๆ ของชาวนา วิธีที่เขาจะกระทำคือ ให้ชาวนากู้เงิน ทำให้จ่ายหนี้ไม่ได้ เมื่อจ่ายช้าก็อายัดที่ดินนั้น บังคับขายในราคาต่ำกว่าจริงสิบเท่า แล้วเข้าซื้อเอง
    วิธีการของ 'ทุนธนาคาร Zionist' ก็เป็นเช่นนั้น ทำให้ประเทศเป็นหนี้ หลังการปล่อยกู้เงินให้แก่ประเทศไทยจำนวนมากให้คน น้อยกว่า 1% อย่างฟุ่มเฟือย George Soros สมาชิกอาวุโส CFR ได้นำกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' มาโจมตีค่าเงินบาท จาก 25 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ กลายเป็น 56 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ เพราะกู้เงินจากต่างชาติมามาก เศรษฐกิจไทยได้เข้าสู่วิกฤต มีการล่มสลายของธุรกิจจำนวนมาก(ในปี 2540 – 2542)
    ต่อมาก็เป็นไปตามแบบแผนวิธีการของ IMF และ World Bank ที่ 51% เป็นของ US Treasury ควบคุมโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' ของ Rothschild ตามขั้นตอนที่ Joseph Stiglitz ผู้เป็นอดีตประธานที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจของ President Bill Clinton อดีตรองประธาน และ Chief Economist ของ World Bank ได้เปิดโปงให้แก่หนังสือ The Observer และ Newsweek หลังมีเอกสารลับหลุดออกมาจาก World Bank คือในการขอความช่วยเหลือทางการเงิน จำต้องเซ็นสัญญา โดยในสัญญาจะตกลงใน (a) Privatization การแปรรูป โดยรัฐจะต้องยินยอมขายสมบัติของชาติเกี่ยวเนื่องกับสิ่งจำเป็น เช่น น้ำ ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ (b) Capital Market Liberalization การเปิดให้ทุนไหลเข้าออก โดยส่วนใหญ่มักจะไหลออก (c) Market-based pricing การขึ้นราคา อาหาร ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ โดยอ้างว่าเป็นราคาตลาดโลก (d) Free Trade การค้าเสรี ตามกฎของ WTO และ World Bank
    Stiglitz ได้ระบุในการสัมภาษณ์อย่างชัดเจนว่า การยินยอมในการตกลงนั้นเกิดขึ้นไม่ยากโดย (ก) World Bank IMF สามารถสั่ง Financial Blockage การกีดกันทางการเงินหากไม่ร่วมมือ และ (ข) นักการเมืองในประเทศนั้น ๆ ยินดีที่จะยกบริษัท น้ำ ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ ให้โดย 'เขาจะตาโตกันเลย เมือเขานึกถึงค่าคอมมิสชั่นที่เขาจะได้กัน จากการลดราคาเป็นพัน ๆ ล้านในการแปรรูป' โดยเขาจะสามารถใช้ข้ออ้างว่า ถูก World Bank IMF บังคับ
    แล้วการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ก็ได้ตามมา พร้อมการขายสมบัติชาติแบบล็อกสเปคในราคาที่ต่ำกว่าทุนถึง 5 เท่า ตามด้วยการแปรรูปบริษัทน้ำมัน-ก๊าซของชาติ โดยสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ว่าจะในกรณี การยกดินแดนให้ต่างชาติ หรือ การแปรรูป จะเกิดขึ้นโดยการร่วมมือของมากกว่าหนึ่งรัฐบาล โดยฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายชง อีกฝ่ายเป็นฝ่ายจัดการ ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นไปเพื่อการสามารถโยนความผิดกันไปมาได้ โดยไม่มีใครผิดเต็ม ๆ โดยในกรณีนี้ แม้ขั้วนักการเมืองกลุ่มที่รับข้อตกลงรับรายละเอียดในการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับจาก 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้พยายามจะโยนความผิดให้ผู้ริเริ่มการตกลง แต่ก็ปรากฏให้เห็นได้ถึงการตอบแทน เมื่อคนของเขาได้ไปนั่งเป็นผู้อำนวยการใหญ่ WTO
    โดยการโจมตีค่าเงิน การบีบข่มขู่ การให้สินบนแก่ผู้เข้ามามีอำนาจทุกขั้ว ที่ร่วมกันขายชาติตนเอง 'ทุนธนาคาร Zionist' เช่น JP Morgan Chase, BlackRock, State Street, Vanguard และ Fidelity ได้เข้ามายึดครองควบคุม บริษัทน้ำมันก๊าซ ธนาคาร และ เศรษฐกิจการเงินของประเทศไทย ไปจากคนไทย และยังรุกคืบยิ่ง ณ ปัจจุบัน ตามข่าวการแปรรูปที่ปรากฏอยู่
    (3) การชักใยอยู่เบื้องหลัง ในการสร้างความแตกแยก ตามยุทธศาสตร์ 'แบ่งแยกแล้วปกครอง' (Divide and Conquer) เพื่อการยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จ
    เป็นที่ประจักษ์ว่าไม่ว่าจะขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ที่เข้ามามีอำนาจ ล้วนให้ความร่วมมือกับ 'ทุนธนาคาร Zionist' ในการขายทำลายชาติ โดยมีค่าคอมมิสชั่น ทั้งในทรัพยากรและในการแปรรูป เป็นตัวเชื่อม สามารถควบคุม ชักใยได้ทุกฝ่าย ยุทธศาสตร์ แบ่งแยกแล้วปกครอง เป็นยุทธศาสตร์ที่มีตัวอย่างเห็นได้ในโลกปัจจุบันมากมายในการเข้ายึดครองประเทศต่าง ๆ ของ 'ทุนธนาคาร Zionist' โดยการยุยงให้เหยื่อตีกันเอง บางกรณีให้อาวุธทั้ง 2 ฝ่าย ทำลายภูมิคุ้มกันความสามัคคีของชนชาตินั้น ๆ สร้างความแตกแยก โดยเมื่อมีรอยแตก ก็สามารถจะแทรกเข้าไป ยึดครองประเทศนั้น ๆ
    ความแตกแยก ปัญหาความขัดแย้งเสื้อสี ที่ปรากฏอยู่ในประเทศไทย ล้วนมีการชักใย มีการสนับสนุน ทั้ง 2 ฝ่ายการเมือง โดยมีกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นผู้อยู่เบื้องหลังนักการเมืองทั้ง 2 ขั้ว โดยทั้ง 2 ขั้ว นั้นล้วนมีผลประโยชน์ในเรื่องคอมมิสชั่น จากกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' และถูกชักใยให้ปลุกปั่นประชาชน ให้มาตีกันเองโดยการรู้ไม่เท่าทันของประชาชน ว่าโดยแท้จริงแล้ว นักการเมืองและผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ล้วนให้ความร่วมมือ ขายชาติตนเองแก่ 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งสิ้น
    หลักฐานปรากฏชัดเจนว่าสมาชิก CFR ของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' อาทิ (a) Robert Blackville สมาชิก CFR มือขวาการต่างประเทศของ Henry Kissinger จาก Barbour Griffif & Rogers (CFR) (b) Keneth Adelman สมาชิก CFR อดีตทูต UN ของสหรัฐ จาก Baker & Botts Robert (CFR) (c) Robert Amsterdam จาก Amsterdam & Peroff (Chatham House) ได้ทำหน้าที่เป็น lobbyist ให้อดีตนักการเมืองที่หลบอยู่ที่ Dubai และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการเสื้อแดง และองค์กร NED ได้ให้เงินสนับสนุน Website ของเสื้อแดงจำนวนมาก โดยต้องเป็นที่กล่าวว่า นักการเมืองไทยที่หลบหนีอยู่ที่ Dubai นั้น โดยแท้จริงแล้วเป็นเพียงหุ่นเชิด ที่ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ชักใยอยู่เบื้องหลัง ซึ่งโดยลำพังเขาไม่สามารถที่จะทำเองได้เลย (นั่นคือทักษิณ ชินวัตร)
    ส่วนนักการเมืองผู้เข้ามามีอำนาจ ฝ่ายอื่น ๆ ที่โหน อ้าง ปกป้อง สถาบันสำคัญ ๆ ฝ่ายนี้ โดยการขายตัวขายชาติ การปรารถนาได้ค่าคอมมิสชั่น ทั้งในน้ำมันก๊าซ และในการแปรรูป เป็นตัวเชื่อม ก็ไม่พ้นการอยู่ภายใต้อำนาจการชักใยของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ที่เป็นผู้กำกับการแสดง จูงทั้งสองสามฝ่าย ให้ชงและส่งลูกให้กัน เสี้ยมให้ชาติ ล่มสลาย เพื่อการปล้นยึดครองอย่างเบ็ดเสร็จ ในระหว่างที่สหรัฐ แขนขวาของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' สนับสนุนฝ่ายหนึ่ง แขนซ้าย ก็ทำตัวเข้าสนับสนุนอีกฝ่าย
    ข้าพเจ้าจึงจะประกาศ ณ ที่นี้ว่าข้าพเจ้ามิได้รังเกียจประชาชนของชนชาติใด จะเป็นชาวอเมริกันหรือชาวยิวหรือชาติใด ๆ ทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ข้าพเจ้ารังเกียจ คือพฤติกรรม เอาเปรียบ เบียดเบียน แทรกแซง ปล้นทั้งทรัพยากรและดินแดน ทำลายชาติอื่น ที่ 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้ได้กระทำทั่วโลก
    ดังนั้น กับคำกล่าวของท่านว่าข้าพเจ้าเหยียดชนชาติ เมื่อความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นข้าพเจ้าจึงไม่เดือดร้อนใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ว่าในโลกปัจจุบัน เท่าที่ข้าพเจ้าทราบ ข้าพเจ้าไม่เห็นว่าจะมีค่ายนักโทษอันใดที่กระทำความทารุณโหดร้ายเท่ากับที่สถานที่ชื่อ Gaza และในเมื่อประเทศของท่านเองยังกระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาว Palestine อย่างที่กระทำอยู่ ท่านยังจะกล้าบังอาจเรียกผู้ใดว่าเหยียดชนชาติได้เสียอย่างไร
    จะเรียกใครว่าอย่างไรท่านจงมองตัวเองบ้างเสียเถิด ท่านจงสำเหนียกเสียบ้างเถิดว่า พฤติกรรมร้องทำจะเป็นจะตายว่าพวกตนถูกทำร้าย ทั้งที่พวกตนนั่นแหละคือผู้ที่กระทำชำเราเขาไปทั่ว ท่านคิดว่าอย่างไร พฤติกรรมนี้เป็นพฤติกรรมที่น่าสมเพชหรือไม่
    ไม่ว่าจะประชาชนชนชาติใด เขาก็ย่อมปรารถนาความสงบสุข เขาย่อมปรารถนาอธิปไตยในชาติของเขาเอง เขาย่อมปรารถนาที่จะตัดสินอนาคตเขาเอง เขาย่อมปรารถนาว่าทรัพยากรของเขาจะถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของเขาด้วยความเป็นธรรม เขาย่อมไม่ต้องการให้ใครมาเอาดินแดนของเขาไป แต่ในประเทศไทย ด้วยการชักใย การซื้อคนไทยที่ขายชาติตนเองทุกขั้ว การซื้อสื่อ การปลุกปั้นโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น
    ผลคือ คนไทย แทนที่จะรักใครสามัคคีกัน แทนที่จะได้รับผลประโยชน์จากสมบัติอันมีค่าของเขา แทนที่จะมีรัฐสวัสดิการ การรักษาพยาบาล การศึกษา ที่มีคุณภาพ แทนที่จะมีชีวิตที่มีคุณภาพความสุขที่พวกเขาควรได้รับ เขากลับต้องมาเกลียดชังกันเอง ทะเลาะสู้กันเอง เขากลับต้องมาเป็นทาสของ 'ทุนธนาคาร Zionist' ต้องมาเป็นทาสที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายสู้กันเอง แทนที่จะสามัคคีกันเพื่อปลดปล่อยพวกตนจากความเป็นทาส เพราะความไม่รู้เท่าทัน เพราะการหลอกลวงโดยนักการเมือง ผู้เข้ามามีอำนาจที่หิวโหย ที่ล้วนทำเพื่อตนเอง โดยรับใช้ ถูกชักใยจากนายคนเดียวกันคือ 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งนั้น
    ข้าพเจ้าจึงมีความจำเป็นที่จะเปิดเผยความจริง ความจริงโดยรอบด้าน และความจริงที่จริงที่สุด โดย เมื่อประชาชนชาวไทยตื่นรู้กับความจริง การเป็นทาสที่ถูกหลอกให้สู้กันเองย่อมหมดไป ความสามัคคีย่อมกลับมา โดยสิ่งนี้สิ่งเดียว คือ การตื่นรู้เท่านั้น ที่จะทำให้ชนชาติไทยรอดพ้นภัยไปได้
    ทั้งนี้ทั้งนั้น มิใช่ว่าประชาชนชาวไทยจะต้องไปเป็นศัตรูกับใคร การตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดังฉันใด และ เมื่อคนไทยตื่นรู้เลิกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นหนึ่งอันเดียวกัน รวมกันปราบปรามเหล่าคนไทยที่ขายชาติตนเองทั้งหลายแล้ว ประเทศและประชาชนชาวไทยย่อมพ้นจากการเป็นอาณานิคม พ้นจากการเป็นเป็นทาส ไม่ว่าจะเป็น ทาสของ 'ทุนธนาคาร Zionist' หรือ กลุ่มทุนอื่นใด
    จึงเรียนมาเพื่อทราบ
    ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร
    หม่อมโจ้ สิ่งที่ควรรู้เรื่องอิสราเอลหม่อมโจ้ โต้ทูตอิสราเอล ยันต้องเปิดความจริง ช่วยคนไทยพ้นภาวะทาส เพื่อนๆคงจะรู้จัก คุณปุ๊ก อาภัสรา หงสกุล อดีตนางงามจักรวาลชาวไทยคนแรก ที่เรียกว่ามิสยูนิเวอร์ส คุณอาภัสราจบชั้นมัธยมศึกษาตอนต้น (ม.ศ.3) ปี 2506 จาก ร.ร.ศึกษาวิทยา ถนนสีลม แล้วไปเรียนอาชีวศึกษาที่ ร.ร.เลขานุการที่นครรัฐปีนัง ในมาเลเซีย จบชั้นปีที่ 2 เธอมาประกวดนางสาวไทย ได้ตำแหน่งปี 2507 จากนั้นไปเรียนต่อแล้วกลับมาปี 2508 เดินทางไปประกวดมิสยูนิเวอร์สที่นครไมอามี่ รัฐฟลอริด้า สหรัฐอเมริกา ได้ตำแหน่งขณะมีอายุ18ปี คุณปุ๊กเกิดวันที่16 มกราคม 2490 ปีกุนปีเดียวกับผม ปี 2510 ขณะมีอายุ 20ปีได้สมรสครั้งแรกกับหม่อมราชวงศ์เกียรติคุณ กิติยากร มีบุตรชายคนแรกคือหม่อมหลวงรุ่งคุณ กิติยากร ปัจจุบัน หม่อมโจ้ บุตรชายคนแรกของคุณปุ๊ก อายุได้ 53 ปีแล้ว หม่อมโจ้เรียนจบจากต่างประเทศที่สหรัฐอเมริกาในระดับปริญญาโทด้านบริหารธุรกิจเคยทำงานบริษัทต่างประเทศจนได้ลาออกไปอุปสมบทเป็นพระภิกษุในสายวัดป่าอยู่หลายปีได้มาซื้อที่ดินที่อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา 45 ไร่ ปลูกพืชและผลไม้สายพันธุ์ของต่างประเทศที่ไม่มีใครทำมาก่อนจนผลไม้ขายได้ในราคาสูง หม่อมหลวงรุ่งคุณได้ศึกษาและวิเคราะห์เขียนหนังสือหลายเรื่องเกี่ยวกับอิสราเอล ไว้มากจนเป็นข่าวตอบโต้กับเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทยดังนี้ เรียน ท่านเอกอัครราชทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย นายไซม่อน โรดเด็ด ข้าพเจ้ารับทราบถึงความไม่พอใจของท่านกับบทความของข้าพเจ้า ทั้งนี้ทั้งนั้น ที่ข้าพเจ้าได้เขียน เป็นการแสดงความคิดเห็นส่วนตัวของข้าพเจ้าโดยบริสุทธิ์ใจ อันเป็นสิทธิที่ข้าพเจ้าจะแสดงได้ โดยความเห็นของข้าพเจ้านั้น เป็นไปตามข้อมูลหลักฐานอันมีจริงทางประวัติศาสตร์ที่ได้มีความพยายามในการกลบและบิดเบือน แม้กระนั้น ท่านอาจแปลกใจคิดว่า แล้วไฉนทั้งที่ข้าพเจ้าและประเทศไทยที่ไม่ได้มีส่วนได้เสีย ข้าพเจ้าจึงต้องไปเขียนในเรื่องราวสร้างความบาดหมางให้แก่ท่าน ข้าพเจ้าจึงใคร่ที่จะชี้แจงตรงนี้ว่า ข้าพเจ้าไม่ได้เขียนเพื่อที่จะก่อความบาดหมางให้แก่ท่านหรือแก่ผู้ใด และ เรื่องราวที่ข้าพเจ้าเขียนนั้น มีความเกี่ยวข้องกับข้าพเจ้าและต่อประเทศไทยอย่างไรบ้าง อย่างแรก 'กลุ่มทุนธนาคารยิว Zionist' ที่ข้าพเจ้าได้กล่าวถึงนั้น ข้าพเจ้ากล่าวถึงคนเพียงกลุ่มหนึ่ง มิใช่ชาวยิวทั้งหมด โดยคำว่า 'Zionist' แม้แต่ชาวยิวแท้ Orthodox Jews ที่ยึดมั่นใน Torah จำนวนมากก็ไม่ได้เห็นด้วยเลย ดังที่พวกเขาได้ออกมาประท้วง ประกาศว่า 'Zionism' ไม่ใช่ 'Judaism' เอง ท่านทูตน่าจะพอทราบอยู่ เพราะใน Israel ก็มีการจับชาวยิวแท้ ที่มีอัธยาศัยดีเหล่านี้ ไปจำคุกอยู่จำนวนหนึ่ง 'ทุนธนาคาร Zionist' ที่ข้าพเจ้าพูดถึง หมายถึงกลุ่มทุนธนาคารที่เป็นผู้มีอำนาจที่สุดในโลก มีอำนาจเหนือรัฐหลายรัฐ รวมถึงมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา เขาคุมการเงินโดยกลุ่มของเขาเอง เป็นเจ้าของ Federal Reserve Bank ธนาคารกลางแห่งสหรัฐอเมริกา ที่พิมพ์เงินให้รัฐบาลสหรัฐฯต้องกู้ มิใช่ของประชาชนชาวอเมริกันตามที่ควรจะเป็นแต่อย่างใด กลุ่มทุนธนาคารของเขาเป็นหุ้นใหญ่ในบริษัทยักษ์ใหญ่แทบทั้งสิ้นทั่วโลก รวมถึง 6 บริษัทที่คุม 90% ของสื่อในสหรัฐอเมริกา เขาคุมแหล่งนํ้ามันและก๊าซหลัก ๆ ทั่วโลก และกำลังรุกเพื่อควบคุมผูกขาดอาหารของโลกโดยการผลิต GMO แม้แต่องค์กรโลก เช่น UN ที่ให้กำเนิด World Bank และ IMF ล้วนเป็นองค์กรที่พวกเขาจัดตั้งขึ้น และควบคุมทั้งสิ้น ชื่อตระกูลที่โดดเด่นมีอิทธิพลสูงสุดใน 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้ ได้แก่ 'Rothschild' และ 'Rockefeller' ชื่อ 'Rothschild' ท่านทูตย่อมรู้จักเป็นอย่างดี โดยใน 'Independence Hall' ที่ Tel Aviv เมืองหลวงของท่านเอง ก็มีนิทรรศการเอกสารชิ้นสำคัญมากชิ้นหนึ่งเรียกว่า 'The Balfour Declaration' เป็นจดหมายจากรัฐบาลอังกฤษ จ่าหัวถึง 'Lord Rothschild' ใน 1917 แสดงถึงการที่รัฐบาลอังกฤษสนับสนุนให้เกิด บ้านอยู่ (national home) ของชาวยิว ที่ Palestine แก่ 'Lord Rothschild' Baron Edmond (Abraham Benjamin) Rothschild จึงมีสถานะเป็น "the Father of the Settlements" (Avi ha-Yishuv) หรือบิดาแห่งอิสราเอล ใน4บริษัทน้ำมันยักษ์ใหญ่ของโลก หรือ 'The Four Horsemen of Oil' ที่อยู่เบื้องหลังนโยบายการครอบครองน้ำมันของสหรัฐฯ 2 บริษัท คือ BP Amoco และ Royal Dutch/Shell อยู่ภายใต้การควบคุมของตระกูล Rothschild ที่ถือหุ้นใหญ่ ส่วน อีกสอง Exxon Mobil และ Chevron คือ บริษัทที่มาจาก Standard Oil ของ John D. Rockefeller โดยกรรมการของบริษัทน้ำมันเหล่านี้จำนวนหนึ่ง ไขว้กันเองเป็นใย และไขว้เป็นกรรมการของธนาคารยักษ์ใหญ่ เช่น JP Morgan Chase ของ Rockefeller และ Citigroup, Bank of America, Wells Fargo, N. M. Rothschild & Sons โดยตระกูล Rothschild ควบคุม และมีการเชื่อมโยงถือหุ้นไขว้กันกับกลุ่มทุนนอมินียักษ์ เช่น BlackRock, State Street, Vanguard และ Fidelity ที่ถือหุ้นใหญ่บริษัทยักษ์ใหญ่ แทบทั้งหมดในสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย ในการสร้างอำนาจเหนือรัฐต่าง ๆ 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้ ได้จัดตั้งองค์กร Front ของเขา เช่น The Bilderberg Group, Council on Foreign Relations (CFR) และ The Trilateral Commission (TC) โดยองค์กรเหล่านี้จะรวมกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' และบรรดาผู้มีอิทธิผล เช่น อดีตประธานาธิบดี บริวารมือขวาของเขา Henry Kissinger นักการเมืองทุกขั้ว ทหาร หัวหน้าหน่วยงานลับ ของประเทศสำคัญในยุโรป และสหรัฐฯ โดยใน Trilateral Commission จะมีสมาชิกเป็นบุคคลสำคัญของประเทศในทวีปเอเชียต่าง ๆ ที่รับใช้พวกเขา 'ทุนธนาคาร Zionist' จึงมีอิทธิพลอำนาจเหนือรัฐ เช่นมหาอำนาจสหรัฐอเมริกา ด้วยความละโมบของพวกเขา ในการล่าอาณานิคมยุคใหม่ โดยกำลังก็ดี โดยวิธีแห่งการให้สินบนแก่ผู้ขายชาติตนเองก็ดี โดยการบีบบังคับด้วยหนี้สินก็ดี โดยการแทรกแซงการเมืองภายในก็ดี 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้ ได้เข้ายึดครองทรัพยากร พลังงาน เศรษฐกิจ และการเงิน ของประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก ทำให้ประชาชนของประเทศนั้น ๆ ตกเป็นทาสของพวกเขา โดยในประเทศไทยเอง ปรากฏหลักฐานชัดเจนถึงการกระทำ ที่ 'ทุนธนาคาร Zionist' พร้อมการร่วมมือของ 'คนไทย' ที่ได้ขายตัวขายจิตวิญญาณให้พวกเขา ได้ร่วมกระทำ ดังต่อไปนี้ (1) การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ จากประชาชนคนไทย (2) การทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ ตามด้วยการยึดครองเศรษฐกิจการเงิน (3) การชักใยอยู่เบื้องหลังทุกฝ่าย ในการสร้างความแตกแยก ตามยุทธศาสตร์ 'แบ่งแยกแล้วปกครอง' เพื่อการยึดครองประเทศเป็นเมืองขึ้นยิ่งขึ้นไป มีรายละเอียดดังต่อไปนี้ : (1) การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ จากประชาชนคนไทย โดย 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งที่ประเทศไทย มีอธิปไตยของตนเอง โดยอธิปไตย นั้นเป็นของปวงชนชาวไทย อันหมายความว่าทรัพยากรของชาตินั้นเป็นของประชาชนคนไทย แต่ปรากฏว่า กฎหมายว่าด้วยน้ำมันและก๊าซ (พ.ร.บ.ปิโตรเลียม 2514) มิได้มีการเขียนขึ้นไม่ว่าจะ 'โดย' ประชาชน หรือ 'เพื่อ' ประชาชน แต่อย่างใด แต่ได้ถูกเขียนขึ้นโดย Walter James Levi สมาชิกทั้ง CFR และ The Trilateral Commission ผู้ทำงานให้รัฐบาลสหรัฐฯ ขั้นขึ้นชื่อว่าเป็น หัวหน้าฝ่ายเศรษฐศาสตร์พลังงานของสหรัฐอเมริกา (the dean of United States oil economists) และ ได้เป็นผู้บริหารบริษัทของตระกูล Rockefeller เองคือ Standard Oil Company of New York หรือ Socony (ปัจจุบันคือ Exxon) คนที่เขียนกฎหมายนี้ของประเทศไทย ไม่ใช่คนไทย แต่คือคนของ 'ทุนธนาคาร Zionist' เนื้อหาของกฎหมายดังกล่าวเอง ก็เป็นไปเพื่อประโยชน์ของ 'ทุนธนาคาร Zionist' โดยมีลักษณะของกฎหมายสำหรับเมืองขึ้นอันไม่เป็นธรรม คือ น้ำมันและก๊าซทั้งหมดเป็นกรรมสิทธิ์ของผู้รับสัมปทาน การได้สัมปทานเป็นไปโดยไม่มีการประมูลอย่างโปร่งใส ค่าตอบแทนเป็นไปอย่างต่ำ และ ประชาชนคนไทยที่เป็นเจ้าของโดยแท้จริง ไม่สามารถตรวจสอบรับทราบความจริงได้เลย โดยวิธีที่สามารถจะเรียกว่าโปร่งใสได้ ว่าปริมาณทรัพยากรที่มีการขุดไปนั้นมีปริมาณที่แท้จริงมากน้อยเพียงใด ประเทศไทยมีพลังงานมากน้อยแค่ไหนโดยต้องยอมรับตามตัวเลข ที่บริษัทพลังงานต่าง ๆ แจ้งเท่านั้น การปล้นอธิปไตยโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นไปได้ด้วยการข่มขู่ไม่ให้ความร่วมมือ พร้อมการให้สินบนแก่ 'คนไทยที่ขายชาติตัวเอง' ซึ่งจากนั้นมา การรุกครอบครองน้ำมันและก๊าซของประชาชนคนไทย โดยวิธีการดังกล่าวได้ขยายไปเรื่อย ๆ มีการแก้ไขกฎหมายเพิ่มเติม ให้เอื้ออำนวยแก่ผู้รับสัมปทานอย่างล้นพ้นโดยภายหลังจะเห็นได้ชัดเจนถึงผู้เข้ามามีอำนาจในไทย ไม่ว่าขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ได้สานต่อไปในทาง 'ขายชาติตัวเอง' ให้แก่ 'ทุนธนาคาร Zionist' เหล่านี้เพื่อค่าคอมมิสชั่น ถึงขั้นร่วมกันชง ส่งลูกกันข้ามรัฐบาล ยกดินแดนไทยให้กัมพูชา อันส่งผลให้พื้นที่ไทยในทะเลอ่าวไทย 27,000 ตารางกิโลเมตรอันอุดมด้วยน้ำมันและก๊าซที่สุดแห่งหนึ่ง ต้องตกกลายเป็นพื้นที่พิพาท ระหว่างไทยกับกัมพูชา ซึ่งในพื้นที่นี้ บริษัท Chevron คือบริษัทที่จ่อล็อกจะถือสัมปทานจากทั้ง 2 ประเทศ ในกรณีนี้ที่มีการพิพาทเรื่องพื้นที่ในอ่าวไทย หากไทยและกัมพูชา ให้สัมปทานในพื้นที่นี้ ผู้ที่จะมีอิทธิพลสูงสุดในการครอบครอง ย่อมมิใช่ไทยหรือกัมพูชาอีกทั้งนั้น แต่จะเป็นสหรัฐอเมริกาภายใต้กลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' เพราะสัมปทานจะเป็นของ Chevron โดยเอกฉันท์ ฝ่ายใดที่ให้ประโยชน์แก่สหรัฐฯ สูงสุด สหรัฐฯ ย่อมสนับสนุนฝ่ายนั้น ในปัจจุบัน การถูกปล้นอธิปไตย การตกเป็นอาณานิคมของ 'ทุนธนาคาร Zionist' อย่างเต็มรูปแบบในเรื่องพลังงาน ก็ประจักษ์ชัดเจนอย่างไม่เคยมีมาก่อน โดยในปัจจุบัน นาย ณรงค์ชัย อัครเศรณี ผู้เข้ามาดำรงตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ก่อนเข้ามารับตำแหน่ง ได้เป็นสมาชิก The Trilateral Commission (TC) องค์กรของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ยาวนานถึง 30 ปี โดยเมื่อเข้ามาแล้ว ก็ไม่รีรอที่จะประกาศผลักดันเปิดสัมปทานในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเต็มที่ โดยไม่สนใจ และไม่มีการชี้แจงอันใดเกี่ยวกับการเสียดินแดนของประเทศไทย ทั้งที่มีการคัดค้าน ด้วยประการฉะนี้ การปล้นโกงน้ำมันและก๊าซ โดย 'ทุนธนาคาร Zionist' จึงมิได้ครอบคลุมเพียงแค่น้ำมันและก๊าซอีกต่อไป แต่ได้ขยายไปเป็นการปล้นดินแดนไทย จากประชาชนคนไทย ไปโดยเรียบร้อย (2) การทำให้ประเทศไทยเป็นหนี้ ตามด้วยการยึดครองเศรษฐกิจการเงินของประเทศ การที่เถ้าแก่สามานย์รายใดจะต้องการยึดที่ดินสวย ๆ ของชาวนา วิธีที่เขาจะกระทำคือ ให้ชาวนากู้เงิน ทำให้จ่ายหนี้ไม่ได้ เมื่อจ่ายช้าก็อายัดที่ดินนั้น บังคับขายในราคาต่ำกว่าจริงสิบเท่า แล้วเข้าซื้อเอง วิธีการของ 'ทุนธนาคาร Zionist' ก็เป็นเช่นนั้น ทำให้ประเทศเป็นหนี้ หลังการปล่อยกู้เงินให้แก่ประเทศไทยจำนวนมากให้คน น้อยกว่า 1% อย่างฟุ่มเฟือย George Soros สมาชิกอาวุโส CFR ได้นำกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' มาโจมตีค่าเงินบาท จาก 25 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ กลายเป็น 56 บาทต่อ 1 ดอลลาร์ เพราะกู้เงินจากต่างชาติมามาก เศรษฐกิจไทยได้เข้าสู่วิกฤต มีการล่มสลายของธุรกิจจำนวนมาก(ในปี 2540 – 2542) ต่อมาก็เป็นไปตามแบบแผนวิธีการของ IMF และ World Bank ที่ 51% เป็นของ US Treasury ควบคุมโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' ของ Rothschild ตามขั้นตอนที่ Joseph Stiglitz ผู้เป็นอดีตประธานที่ปรึกษาทีมเศรษฐกิจของ President Bill Clinton อดีตรองประธาน และ Chief Economist ของ World Bank ได้เปิดโปงให้แก่หนังสือ The Observer และ Newsweek หลังมีเอกสารลับหลุดออกมาจาก World Bank คือในการขอความช่วยเหลือทางการเงิน จำต้องเซ็นสัญญา โดยในสัญญาจะตกลงใน (a) Privatization การแปรรูป โดยรัฐจะต้องยินยอมขายสมบัติของชาติเกี่ยวเนื่องกับสิ่งจำเป็น เช่น น้ำ ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ (b) Capital Market Liberalization การเปิดให้ทุนไหลเข้าออก โดยส่วนใหญ่มักจะไหลออก (c) Market-based pricing การขึ้นราคา อาหาร ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ โดยอ้างว่าเป็นราคาตลาดโลก (d) Free Trade การค้าเสรี ตามกฎของ WTO และ World Bank Stiglitz ได้ระบุในการสัมภาษณ์อย่างชัดเจนว่า การยินยอมในการตกลงนั้นเกิดขึ้นไม่ยากโดย (ก) World Bank IMF สามารถสั่ง Financial Blockage การกีดกันทางการเงินหากไม่ร่วมมือ และ (ข) นักการเมืองในประเทศนั้น ๆ ยินดีที่จะยกบริษัท น้ำ ไฟฟ้า น้ำมันและก๊าซ ให้โดย 'เขาจะตาโตกันเลย เมือเขานึกถึงค่าคอมมิสชั่นที่เขาจะได้กัน จากการลดราคาเป็นพัน ๆ ล้านในการแปรรูป' โดยเขาจะสามารถใช้ข้ออ้างว่า ถูก World Bank IMF บังคับ แล้วการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ก็ได้ตามมา พร้อมการขายสมบัติชาติแบบล็อกสเปคในราคาที่ต่ำกว่าทุนถึง 5 เท่า ตามด้วยการแปรรูปบริษัทน้ำมัน-ก๊าซของชาติ โดยสามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าไม่ว่าจะในกรณี การยกดินแดนให้ต่างชาติ หรือ การแปรรูป จะเกิดขึ้นโดยการร่วมมือของมากกว่าหนึ่งรัฐบาล โดยฝ่ายหนึ่งเป็นฝ่ายชง อีกฝ่ายเป็นฝ่ายจัดการ ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นไปเพื่อการสามารถโยนความผิดกันไปมาได้ โดยไม่มีใครผิดเต็ม ๆ โดยในกรณีนี้ แม้ขั้วนักการเมืองกลุ่มที่รับข้อตกลงรับรายละเอียดในการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับจาก 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้พยายามจะโยนความผิดให้ผู้ริเริ่มการตกลง แต่ก็ปรากฏให้เห็นได้ถึงการตอบแทน เมื่อคนของเขาได้ไปนั่งเป็นผู้อำนวยการใหญ่ WTO โดยการโจมตีค่าเงิน การบีบข่มขู่ การให้สินบนแก่ผู้เข้ามามีอำนาจทุกขั้ว ที่ร่วมกันขายชาติตนเอง 'ทุนธนาคาร Zionist' เช่น JP Morgan Chase, BlackRock, State Street, Vanguard และ Fidelity ได้เข้ามายึดครองควบคุม บริษัทน้ำมันก๊าซ ธนาคาร และ เศรษฐกิจการเงินของประเทศไทย ไปจากคนไทย และยังรุกคืบยิ่ง ณ ปัจจุบัน ตามข่าวการแปรรูปที่ปรากฏอยู่ (3) การชักใยอยู่เบื้องหลัง ในการสร้างความแตกแยก ตามยุทธศาสตร์ 'แบ่งแยกแล้วปกครอง' (Divide and Conquer) เพื่อการยึดครองประเทศอย่างเบ็ดเสร็จ เป็นที่ประจักษ์ว่าไม่ว่าจะขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ที่เข้ามามีอำนาจ ล้วนให้ความร่วมมือกับ 'ทุนธนาคาร Zionist' ในการขายทำลายชาติ โดยมีค่าคอมมิสชั่น ทั้งในทรัพยากรและในการแปรรูป เป็นตัวเชื่อม สามารถควบคุม ชักใยได้ทุกฝ่าย ยุทธศาสตร์ แบ่งแยกแล้วปกครอง เป็นยุทธศาสตร์ที่มีตัวอย่างเห็นได้ในโลกปัจจุบันมากมายในการเข้ายึดครองประเทศต่าง ๆ ของ 'ทุนธนาคาร Zionist' โดยการยุยงให้เหยื่อตีกันเอง บางกรณีให้อาวุธทั้ง 2 ฝ่าย ทำลายภูมิคุ้มกันความสามัคคีของชนชาตินั้น ๆ สร้างความแตกแยก โดยเมื่อมีรอยแตก ก็สามารถจะแทรกเข้าไป ยึดครองประเทศนั้น ๆ ความแตกแยก ปัญหาความขัดแย้งเสื้อสี ที่ปรากฏอยู่ในประเทศไทย ล้วนมีการชักใย มีการสนับสนุน ทั้ง 2 ฝ่ายการเมือง โดยมีกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นผู้อยู่เบื้องหลังนักการเมืองทั้ง 2 ขั้ว โดยทั้ง 2 ขั้ว นั้นล้วนมีผลประโยชน์ในเรื่องคอมมิสชั่น จากกลุ่ม 'ทุนธนาคาร Zionist' และถูกชักใยให้ปลุกปั่นประชาชน ให้มาตีกันเองโดยการรู้ไม่เท่าทันของประชาชน ว่าโดยแท้จริงแล้ว นักการเมืองและผู้มีอำนาจ ไม่ว่าจะขั้วไหน เข้ามาด้วยวิธีใด ล้วนให้ความร่วมมือ ขายชาติตนเองแก่ 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งสิ้น หลักฐานปรากฏชัดเจนว่าสมาชิก CFR ของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' อาทิ (a) Robert Blackville สมาชิก CFR มือขวาการต่างประเทศของ Henry Kissinger จาก Barbour Griffif & Rogers (CFR) (b) Keneth Adelman สมาชิก CFR อดีตทูต UN ของสหรัฐ จาก Baker & Botts Robert (CFR) (c) Robert Amsterdam จาก Amsterdam & Peroff (Chatham House) ได้ทำหน้าที่เป็น lobbyist ให้อดีตนักการเมืองที่หลบอยู่ที่ Dubai และเป็นผู้อยู่เบื้องหลังขบวนการเสื้อแดง และองค์กร NED ได้ให้เงินสนับสนุน Website ของเสื้อแดงจำนวนมาก โดยต้องเป็นที่กล่าวว่า นักการเมืองไทยที่หลบหนีอยู่ที่ Dubai นั้น โดยแท้จริงแล้วเป็นเพียงหุ่นเชิด ที่ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ชักใยอยู่เบื้องหลัง ซึ่งโดยลำพังเขาไม่สามารถที่จะทำเองได้เลย (นั่นคือทักษิณ ชินวัตร) ส่วนนักการเมืองผู้เข้ามามีอำนาจ ฝ่ายอื่น ๆ ที่โหน อ้าง ปกป้อง สถาบันสำคัญ ๆ ฝ่ายนี้ โดยการขายตัวขายชาติ การปรารถนาได้ค่าคอมมิสชั่น ทั้งในน้ำมันก๊าซ และในการแปรรูป เป็นตัวเชื่อม ก็ไม่พ้นการอยู่ภายใต้อำนาจการชักใยของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' ที่เป็นผู้กำกับการแสดง จูงทั้งสองสามฝ่าย ให้ชงและส่งลูกให้กัน เสี้ยมให้ชาติ ล่มสลาย เพื่อการปล้นยึดครองอย่างเบ็ดเสร็จ ในระหว่างที่สหรัฐ แขนขวาของ 'กลุ่มทุนธนาคาร Zionist' สนับสนุนฝ่ายหนึ่ง แขนซ้าย ก็ทำตัวเข้าสนับสนุนอีกฝ่าย ข้าพเจ้าจึงจะประกาศ ณ ที่นี้ว่าข้าพเจ้ามิได้รังเกียจประชาชนของชนชาติใด จะเป็นชาวอเมริกันหรือชาวยิวหรือชาติใด ๆ ทั้งสิ้น แต่สิ่งที่ข้าพเจ้ารังเกียจ คือพฤติกรรม เอาเปรียบ เบียดเบียน แทรกแซง ปล้นทั้งทรัพยากรและดินแดน ทำลายชาติอื่น ที่ 'ทุนธนาคาร Zionist' นี้ได้กระทำทั่วโลก ดังนั้น กับคำกล่าวของท่านว่าข้าพเจ้าเหยียดชนชาติ เมื่อความจริงไม่ได้เป็นเช่นนั้นข้าพเจ้าจึงไม่เดือดร้อนใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ว่าในโลกปัจจุบัน เท่าที่ข้าพเจ้าทราบ ข้าพเจ้าไม่เห็นว่าจะมีค่ายนักโทษอันใดที่กระทำความทารุณโหดร้ายเท่ากับที่สถานที่ชื่อ Gaza และในเมื่อประเทศของท่านเองยังกระทำการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาว Palestine อย่างที่กระทำอยู่ ท่านยังจะกล้าบังอาจเรียกผู้ใดว่าเหยียดชนชาติได้เสียอย่างไร จะเรียกใครว่าอย่างไรท่านจงมองตัวเองบ้างเสียเถิด ท่านจงสำเหนียกเสียบ้างเถิดว่า พฤติกรรมร้องทำจะเป็นจะตายว่าพวกตนถูกทำร้าย ทั้งที่พวกตนนั่นแหละคือผู้ที่กระทำชำเราเขาไปทั่ว ท่านคิดว่าอย่างไร พฤติกรรมนี้เป็นพฤติกรรมที่น่าสมเพชหรือไม่ ไม่ว่าจะประชาชนชนชาติใด เขาก็ย่อมปรารถนาความสงบสุข เขาย่อมปรารถนาอธิปไตยในชาติของเขาเอง เขาย่อมปรารถนาที่จะตัดสินอนาคตเขาเอง เขาย่อมปรารถนาว่าทรัพยากรของเขาจะถูกนำมาใช้เพื่อประโยชน์ของเขาด้วยความเป็นธรรม เขาย่อมไม่ต้องการให้ใครมาเอาดินแดนของเขาไป แต่ในประเทศไทย ด้วยการชักใย การซื้อคนไทยที่ขายชาติตนเองทุกขั้ว การซื้อสื่อ การปลุกปั้นโดย 'ทุนธนาคาร Zionist' เป็นอยู่เบื้องหลังทั้งสิ้น ผลคือ คนไทย แทนที่จะรักใครสามัคคีกัน แทนที่จะได้รับผลประโยชน์จากสมบัติอันมีค่าของเขา แทนที่จะมีรัฐสวัสดิการ การรักษาพยาบาล การศึกษา ที่มีคุณภาพ แทนที่จะมีชีวิตที่มีคุณภาพความสุขที่พวกเขาควรได้รับ เขากลับต้องมาเกลียดชังกันเอง ทะเลาะสู้กันเอง เขากลับต้องมาเป็นทาสของ 'ทุนธนาคาร Zionist' ต้องมาเป็นทาสที่แบ่งฝักแบ่งฝ่ายสู้กันเอง แทนที่จะสามัคคีกันเพื่อปลดปล่อยพวกตนจากความเป็นทาส เพราะความไม่รู้เท่าทัน เพราะการหลอกลวงโดยนักการเมือง ผู้เข้ามามีอำนาจที่หิวโหย ที่ล้วนทำเพื่อตนเอง โดยรับใช้ ถูกชักใยจากนายคนเดียวกันคือ 'ทุนธนาคาร Zionist' ทั้งนั้น ข้าพเจ้าจึงมีความจำเป็นที่จะเปิดเผยความจริง ความจริงโดยรอบด้าน และความจริงที่จริงที่สุด โดย เมื่อประชาชนชาวไทยตื่นรู้กับความจริง การเป็นทาสที่ถูกหลอกให้สู้กันเองย่อมหมดไป ความสามัคคีย่อมกลับมา โดยสิ่งนี้สิ่งเดียว คือ การตื่นรู้เท่านั้น ที่จะทำให้ชนชาติไทยรอดพ้นภัยไปได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น มิใช่ว่าประชาชนชาวไทยจะต้องไปเป็นศัตรูกับใคร การตบมือข้างเดียวย่อมไม่ดังฉันใด และ เมื่อคนไทยตื่นรู้เลิกแบ่งฝักแบ่งฝ่ายเป็นหนึ่งอันเดียวกัน รวมกันปราบปรามเหล่าคนไทยที่ขายชาติตนเองทั้งหลายแล้ว ประเทศและประชาชนชาวไทยย่อมพ้นจากการเป็นอาณานิคม พ้นจากการเป็นเป็นทาส ไม่ว่าจะเป็น ทาสของ 'ทุนธนาคาร Zionist' หรือ กลุ่มทุนอื่นใด จึงเรียนมาเพื่อทราบ ม.ล.รุ่งคุณ กิติยากร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 226 มุมมอง 0 รีวิว
  • นาข้าวมหัศจรรย์

    ก่อนจะเริ่มต้นปลูกข้าว ข้าพเจ้าก็มีทัศนคติแบบไม่ใช้สารเคมีมาก่อนแล้ว

    เมื่อจะเริ่มต้นทำ ก็ได้รับคำแนะนำจากชาวนาเพื่อนบ้านว่าต้องทำอย่างไรบ้าง แน่นอนว่าต้องมีการใช้สารเคมีด้วย เมื่อข้าพเจ้าบอกว่า จะไม่ใช้สารเคมี คำตอบที่คล้ายๆ กันคือ ไม่ได้ข้าวหรอก

    นั่นคือในปี 2563 กระบวนการใช้สารเคมีในทางการเกษตรได้หยั่งรากลึกในความเชื่อของเกษตรกร ทั้งที่ได้มีกลุ่ม องค์กร รณรงค์ เรื่องเกษตรอินทรีย์ กสิกรรมธรรมชาติ อันตรายของสารเคมี กันอย่างเข้มข้น

    เมื่อข้าพเจ้าปลูกแบบไม่ใช้สารเคมี และข้าวออกร่วง ข้าพเจ้า ก็จะชวนเพื่อนบ้านชาวนามาดู โดยบอกว่ามาดู "นาข้าวมหัศจรรย์ " กัน เมื่อมาดูก็จะมีคำถามว่า มหัศจรรย์อย่างไร ข้าพเจ้าก็จะตอบแบบยิ้มๆ ว่า ไม่ใช้สารเคมีอะไรเลย ทั้งยา ทั้งปุ๋ย มันก็ได้ข้าวอยู่นะ นี่มันมหัศจรรย์จริงจริง

    ร้อยทั้งร้อย คือ ไม่เชื่อ คิดว่าข้าพเจ้าต้องแอบหว่านแอบฉีดแน่ๆ ข้าพเจ้าก็บอกว่า มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ไม่ได้ทำแบบนั้นจริงจริง หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็พาไปดูสิ่งมหัศจรรย์อื่นๆ พวกพืชผักผลไม้ ที่ปลูกแบบไม่ใช้สารเคมีเลย

    สุดท้ายมาจบที่โรงปุ๋ยหมัก เพื่อนฯ ก็จะถามขึ้นมาว่า นี่ก็สิ่งมหัศจรรย์อีกสิ ข้าพเจ้าก็ตอบว่า อันนี้แค่ปุ๋ยหมักธรรมดาๆ ข้าพเจ้าแค่ลากไปใส่นา ใส่ต้นไม้แค่นั้น แล้วความมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นเอง

    เรื่องก็จบแบบ Happy ending ทุกคนก็หัวเราะสนุกสนานกับความมหัศจรรย์ของข้าพเจ้า

    แต่ข้าพเจ้าต้องทนทุกข์กับการเผาฟาง กลิ่นสารเคมี ความมหัศจรรย์คงไม่พอ ต้องเรียกปาฏิหาริย์มาใช้แล้วมั้ง

    #นาข้าวไรซ์เบอร์รี่
    FB page: ธรรมดาแสนดี
    นาข้าวมหัศจรรย์ ก่อนจะเริ่มต้นปลูกข้าว ข้าพเจ้าก็มีทัศนคติแบบไม่ใช้สารเคมีมาก่อนแล้ว เมื่อจะเริ่มต้นทำ ก็ได้รับคำแนะนำจากชาวนาเพื่อนบ้านว่าต้องทำอย่างไรบ้าง แน่นอนว่าต้องมีการใช้สารเคมีด้วย เมื่อข้าพเจ้าบอกว่า จะไม่ใช้สารเคมี คำตอบที่คล้ายๆ กันคือ ไม่ได้ข้าวหรอก นั่นคือในปี 2563 กระบวนการใช้สารเคมีในทางการเกษตรได้หยั่งรากลึกในความเชื่อของเกษตรกร ทั้งที่ได้มีกลุ่ม องค์กร รณรงค์ เรื่องเกษตรอินทรีย์ กสิกรรมธรรมชาติ อันตรายของสารเคมี กันอย่างเข้มข้น เมื่อข้าพเจ้าปลูกแบบไม่ใช้สารเคมี และข้าวออกร่วง ข้าพเจ้า ก็จะชวนเพื่อนบ้านชาวนามาดู โดยบอกว่ามาดู "นาข้าวมหัศจรรย์ " กัน เมื่อมาดูก็จะมีคำถามว่า มหัศจรรย์อย่างไร ข้าพเจ้าก็จะตอบแบบยิ้มๆ ว่า ไม่ใช้สารเคมีอะไรเลย ทั้งยา ทั้งปุ๋ย มันก็ได้ข้าวอยู่นะ นี่มันมหัศจรรย์จริงจริง ร้อยทั้งร้อย คือ ไม่เชื่อ คิดว่าข้าพเจ้าต้องแอบหว่านแอบฉีดแน่ๆ ข้าพเจ้าก็บอกว่า มันเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ไม่ได้ทำแบบนั้นจริงจริง หลังจากนั้นข้าพเจ้าก็พาไปดูสิ่งมหัศจรรย์อื่นๆ พวกพืชผักผลไม้ ที่ปลูกแบบไม่ใช้สารเคมีเลย สุดท้ายมาจบที่โรงปุ๋ยหมัก เพื่อนฯ ก็จะถามขึ้นมาว่า นี่ก็สิ่งมหัศจรรย์อีกสิ ข้าพเจ้าก็ตอบว่า อันนี้แค่ปุ๋ยหมักธรรมดาๆ ข้าพเจ้าแค่ลากไปใส่นา ใส่ต้นไม้แค่นั้น แล้วความมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้นเอง เรื่องก็จบแบบ Happy ending ทุกคนก็หัวเราะสนุกสนานกับความมหัศจรรย์ของข้าพเจ้า แต่ข้าพเจ้าต้องทนทุกข์กับการเผาฟาง กลิ่นสารเคมี ความมหัศจรรย์คงไม่พอ ต้องเรียกปาฏิหาริย์มาใช้แล้วมั้ง #นาข้าวไรซ์เบอร์รี่ FB page: ธรรมดาแสนดี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'Nirvana A Story Of Buddhist Psychology
    เขียนโดย Paul Carus'
    ตีพิมพ์ในปี 2020 ISBN 9788121238236


    นิพพาน เป็น สภาวะแห่งความสงบอย่างสมบูรณ์ อิสรภาพ ความสุขสูงสุด ตลอดจนการหลุดพ้นหรือสิ้นสุดจากวัฏสงสาร ซึ่งเป็นวัฏจักรซ้ำๆ ของการเกิด ชีวิต และความตาย

    นิพพาน จึงเป็นสภาวะเหนือโลกที่ไม่มีความทุกข์ ความปรารถนา หรือความรู้สึกในตัวตน และบุคคลนั้นจะได้รับการปลดปล่อยจากผลของกรรมและวัฏจักรแห่งความตายและการเกิดใหม่

    หนังสือเล่มนี้ เป็น ตัวแทนของเป้าหมายสุดท้ายของศาสนาพุทธ ที่กล่าวถึงในแง่มุมที่ลึกซึ้งที่สุดของศาสนาพุทธ ที่เรียกว่า "นิพพาน" ซึ่งก็คือการสิ้นสุดของชีวิต

    หนังสือเล่มนี้ มี เนื้อหาเป็นบทสนทนาระหว่างบุคคลสองคน ได้แก่ สุทัตตา ชาวนา และอนุราธะ ศิษย์ของพระพุทธเจ้า โดยแต่ละบทจะกล่าวถึงปรัชญาของพุทธศาสนาในแง่มุมต่างๆ และมุ่งหวังให้เห็นภาพ..แก่นแท้ของปรัชญาพุทธศาสนาทั้งหมด ซึ่งก็คือ นิพพาน
    .
    .
    พัชรี ว่องไววิทย์
    October10, 2024
    Sausalito, CA94965
    'Nirvana A Story Of Buddhist Psychology เขียนโดย Paul Carus' ตีพิมพ์ในปี 2020 ISBN 9788121238236 นิพพาน เป็น สภาวะแห่งความสงบอย่างสมบูรณ์ อิสรภาพ ความสุขสูงสุด ตลอดจนการหลุดพ้นหรือสิ้นสุดจากวัฏสงสาร ซึ่งเป็นวัฏจักรซ้ำๆ ของการเกิด ชีวิต และความตาย นิพพาน จึงเป็นสภาวะเหนือโลกที่ไม่มีความทุกข์ ความปรารถนา หรือความรู้สึกในตัวตน และบุคคลนั้นจะได้รับการปลดปล่อยจากผลของกรรมและวัฏจักรแห่งความตายและการเกิดใหม่ หนังสือเล่มนี้ เป็น ตัวแทนของเป้าหมายสุดท้ายของศาสนาพุทธ ที่กล่าวถึงในแง่มุมที่ลึกซึ้งที่สุดของศาสนาพุทธ ที่เรียกว่า "นิพพาน" ซึ่งก็คือการสิ้นสุดของชีวิต หนังสือเล่มนี้ มี เนื้อหาเป็นบทสนทนาระหว่างบุคคลสองคน ได้แก่ สุทัตตา ชาวนา และอนุราธะ ศิษย์ของพระพุทธเจ้า โดยแต่ละบทจะกล่าวถึงปรัชญาของพุทธศาสนาในแง่มุมต่างๆ และมุ่งหวังให้เห็นภาพ..แก่นแท้ของปรัชญาพุทธศาสนาทั้งหมด ซึ่งก็คือ นิพพาน . . พัชรี ว่องไววิทย์ October10, 2024 Sausalito, CA94965
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 29 มุมมอง 0 รีวิว
  • #นิทานEP5ตอนดาวหลงทางสู่เหวนารก
    วันนี้ เรามาพบกับนิทานของพี่คิงส์ฯ เป็นอีพีห้า
    ที่มีเรื่องราวที่มีความเกี่ยวข้องกับแกนของเนื้อเรื่อง
    จากนิทานชาวนาหน้าหล่อกับงูจอมหงี่
    เรามารู้จักตัวละครตัวใหม่กันดีกว่า
    ตัวละครแรกคือ น้องดาวตก
    -น้องดาวตกคือนางเอกยี่เกจากเมืองดาวจากประเทศแห่งความอิสระ ซึ่งในอดีต น้องดาวตกเคยเป็นนักร้องลูกกรุง ที่มีชื่อเสียงระดับกลางๆ ไม่ได้โดดเด่นมาก แต่น้องดาวตกก็ฉีกแนวของตัวเอง มาเป็นดาวฮาแห่งคณะยี่เกมุ่งไปทางตลก ก็มีงานแสดงยี่เกมากขึ้น แสดงแบบไม่ห่วงสวย เป็นที่ชื่นชอบของชาวประเทศแห่งความอิสระพอสมควร
    - แต่ด้วย ดาวตก คบหากับคนรู้ใจ ที่ไปไงมาไงไม่รู้ ดันเป็นคนชอบเล่นน้ำเต้าปูปลา ซึ่งก็เคยอยู่ในวงการนักร้องลูกกรุงเหมือนกัน และด้วยสถานการณ์ที่ประเทศแห่งความอิสระ คนให้ความสนใจกับการท่องกระจกวิเศษ มากกว่าจะดูยี่เก หรืองิ้ววิกใหญ่ๆ ทำให้ ดาวตกก็ต้องอยู่ในสภาพที่ไร้งานพอสมควร และเห็นโอกาสใหม่ จากปรากฏการชาวนากับงูหงี่ จึงเข้ามาเริ่มต้นทำความรู้จักการแข่งขันในกระจกวิเศษแบบงูๆปลาๆ เพื่อสร้างคอนเน็คชั่นบางอย่าง
    -ดาวตกกับผลัว คิดการใหญ เพราะไปจับพลัดจับผลู ไปรู้จักกับคนที่มีเงินกงเต็กจำนวนมาก เป็นคนประเทศ วามเนียด ชื่อปาปาย่า และมะขวิด เป็นที่เปิดเผยในวงกว้าง ว่าหนึ่งในสองคนนี้ มีรายได้หลักจากการค้าฮิวเมน ทำเอาเทพหน้ากากถึงกับอึ้งไป ว่าดาวตกผู้ใสซื่อจะเปลี่ยนเวย์แบบฟ้ากับก้นเหวจริงๆหรือ
    - และจากที่ดาวตกเปิดเผยว่า มีความสนิทสนมกับ ตัวละคนแห่ง เมือง วามเนียด จึงทำให้ เพื่อนนังงู ชื่อ วาเป็กส์ อยากเข้าหาปาปาย่าและมะขวิด บ้าง จึงทำการตีสนิทกับ ดาวตก เพื่อเชื่อมลูกค้าเข้าค่ายจักรวาลแห่งมารดำ สู่ระบบ กระจกวิเศษ ที่วางไว้อย่างดี
    - และมีอีกตัวละคร ที่มีชื่อเสียงเรื่องการเปลี่ยนแบ๊งกงเต็กที่ได้มาจากเรื่องเซี่ยๆ ชื่อ แป้งทอด ก็ตีสนิทดาวตก เพื่อเข้าพบปาปาย่า และมะขวิด เปย์ให้กันแบบฉ่ำๆ เพื่อคำว่ามิตรภาพ
    รอบนี้ต้องยอมรับว่า ดาวตก วิ่งทั้งฝั่งประเทศวามเนียด และประเทศอุนจิเป็นว่าเล่น อุนจิที่เป็นฐานบัญชาการของโลกแห่งมาร และดิลนี้มีท่าทีที่จะสำเร็จเสียด้วย
    โดยนับจากนี้ไป โรงงานผลิตผีดิบก็ทำงานได้ดี จะผลิตผีออกมาป่วนในโลกแห่งกระจก ผีดิลเหล่านี้ก็ยังเป็นตัวแทนของกองเชียร์ที่เป็นคนจริงในการแข่งขันบิ๊กแม๊คในอนาคต บิ๊คแม็กก็มาจากชื่อเบอร์เกอร์ยี่ห้อหนึ่ง โดยไม่จำเป็นต้องมีคนจริงๆเป็นกองเชียร์จริงเข้ามาอยู่ในการรับชมแต่ ผีดิบ จะทำหน้าที่แทนคน ในนั่งชม ในขณะมีตัวแสดงแข่งขัน โดยจะโยนของขวัญผ่านผีดิบ ให้ดู่ว่ามีความเอิกเริก เพียงพอที่จะสอดไส้แบ๊งกงเต็กเข้าระบบ แล้วก็ถอนออกมา โดยชำระค่าต๋งให้กับเมืองนั้นๆ ก็ทำให้แบ๊งกงเต็ก กลายเป็นเงินจริง แบบสบายๆ
    -คำถามว่า ทำไม ต้องเป็นดาวตก นั่นก็เพราะ ดาวตกรู้จักคนในวงการดาว และมองออกว่าใครที่เหมาะจะเป็นตัวแสดง ทำให้ดาวตก มีความเป็นไปได้สูงที่จะสร้างคอกเอง และพาดาราตกงานเข้ามาในระบบ โดยมีผู้หนับหนุนหลักคือ ปาปาย่าและมะขวิด + กับระบบของแดนอุนจิ + ตัวแสดงที่ดี เรียกว่าครบองค์ประกอบ ในการสร้างคอกใหม่ ที่มั่นคงในประเทศ
    -สิ่งที่น่าห่วงคือ ดาวตกรู้ทั้งๆรู้ ว่าเส้นทางนี้ มันไม่ยาว ดาวในเมืองแห่งความอิสระเอง กำลังจะได้ผลตอบแทนมากมาย ด้วยความที่จมไม่ลง แทบจะไม่มีใครปฏิเสธ จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม แต่เส้นทางเปลี่ยนกงเต็กให้เป็นเงินจริง ก็ไม่มีความยั่งยืน สุดท้าย ก็จบไม่สวยซักราย
    ขอย้ำว่า นี่เป็นเพียงนิทาน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับคนในชีวิตจริงแต่ประการใด
    นิทาน ถูกสร้างมาเพื่อความบรรเทิงเท่านั้น
    อย่าโยง
    #คิงส์โพธิ์แดง -สำรอง 2
    #นิทานEP5ตอนดาวหลงทางสู่เหวนารก วันนี้ เรามาพบกับนิทานของพี่คิงส์ฯ เป็นอีพีห้า ที่มีเรื่องราวที่มีความเกี่ยวข้องกับแกนของเนื้อเรื่อง จากนิทานชาวนาหน้าหล่อกับงูจอมหงี่ เรามารู้จักตัวละครตัวใหม่กันดีกว่า ตัวละครแรกคือ น้องดาวตก -น้องดาวตกคือนางเอกยี่เกจากเมืองดาวจากประเทศแห่งความอิสระ ซึ่งในอดีต น้องดาวตกเคยเป็นนักร้องลูกกรุง ที่มีชื่อเสียงระดับกลางๆ ไม่ได้โดดเด่นมาก แต่น้องดาวตกก็ฉีกแนวของตัวเอง มาเป็นดาวฮาแห่งคณะยี่เกมุ่งไปทางตลก ก็มีงานแสดงยี่เกมากขึ้น แสดงแบบไม่ห่วงสวย เป็นที่ชื่นชอบของชาวประเทศแห่งความอิสระพอสมควร - แต่ด้วย ดาวตก คบหากับคนรู้ใจ ที่ไปไงมาไงไม่รู้ ดันเป็นคนชอบเล่นน้ำเต้าปูปลา ซึ่งก็เคยอยู่ในวงการนักร้องลูกกรุงเหมือนกัน และด้วยสถานการณ์ที่ประเทศแห่งความอิสระ คนให้ความสนใจกับการท่องกระจกวิเศษ มากกว่าจะดูยี่เก หรืองิ้ววิกใหญ่ๆ ทำให้ ดาวตกก็ต้องอยู่ในสภาพที่ไร้งานพอสมควร และเห็นโอกาสใหม่ จากปรากฏการชาวนากับงูหงี่ จึงเข้ามาเริ่มต้นทำความรู้จักการแข่งขันในกระจกวิเศษแบบงูๆปลาๆ เพื่อสร้างคอนเน็คชั่นบางอย่าง -ดาวตกกับผลัว คิดการใหญ เพราะไปจับพลัดจับผลู ไปรู้จักกับคนที่มีเงินกงเต็กจำนวนมาก เป็นคนประเทศ วามเนียด ชื่อปาปาย่า และมะขวิด เป็นที่เปิดเผยในวงกว้าง ว่าหนึ่งในสองคนนี้ มีรายได้หลักจากการค้าฮิวเมน ทำเอาเทพหน้ากากถึงกับอึ้งไป ว่าดาวตกผู้ใสซื่อจะเปลี่ยนเวย์แบบฟ้ากับก้นเหวจริงๆหรือ - และจากที่ดาวตกเปิดเผยว่า มีความสนิทสนมกับ ตัวละคนแห่ง เมือง วามเนียด จึงทำให้ เพื่อนนังงู ชื่อ วาเป็กส์ อยากเข้าหาปาปาย่าและมะขวิด บ้าง จึงทำการตีสนิทกับ ดาวตก เพื่อเชื่อมลูกค้าเข้าค่ายจักรวาลแห่งมารดำ สู่ระบบ กระจกวิเศษ ที่วางไว้อย่างดี - และมีอีกตัวละคร ที่มีชื่อเสียงเรื่องการเปลี่ยนแบ๊งกงเต็กที่ได้มาจากเรื่องเซี่ยๆ ชื่อ แป้งทอด ก็ตีสนิทดาวตก เพื่อเข้าพบปาปาย่า และมะขวิด เปย์ให้กันแบบฉ่ำๆ เพื่อคำว่ามิตรภาพ รอบนี้ต้องยอมรับว่า ดาวตก วิ่งทั้งฝั่งประเทศวามเนียด และประเทศอุนจิเป็นว่าเล่น อุนจิที่เป็นฐานบัญชาการของโลกแห่งมาร และดิลนี้มีท่าทีที่จะสำเร็จเสียด้วย โดยนับจากนี้ไป โรงงานผลิตผีดิบก็ทำงานได้ดี จะผลิตผีออกมาป่วนในโลกแห่งกระจก ผีดิลเหล่านี้ก็ยังเป็นตัวแทนของกองเชียร์ที่เป็นคนจริงในการแข่งขันบิ๊กแม๊คในอนาคต บิ๊คแม็กก็มาจากชื่อเบอร์เกอร์ยี่ห้อหนึ่ง โดยไม่จำเป็นต้องมีคนจริงๆเป็นกองเชียร์จริงเข้ามาอยู่ในการรับชมแต่ ผีดิบ จะทำหน้าที่แทนคน ในนั่งชม ในขณะมีตัวแสดงแข่งขัน โดยจะโยนของขวัญผ่านผีดิบ ให้ดู่ว่ามีความเอิกเริก เพียงพอที่จะสอดไส้แบ๊งกงเต็กเข้าระบบ แล้วก็ถอนออกมา โดยชำระค่าต๋งให้กับเมืองนั้นๆ ก็ทำให้แบ๊งกงเต็ก กลายเป็นเงินจริง แบบสบายๆ -คำถามว่า ทำไม ต้องเป็นดาวตก นั่นก็เพราะ ดาวตกรู้จักคนในวงการดาว และมองออกว่าใครที่เหมาะจะเป็นตัวแสดง ทำให้ดาวตก มีความเป็นไปได้สูงที่จะสร้างคอกเอง และพาดาราตกงานเข้ามาในระบบ โดยมีผู้หนับหนุนหลักคือ ปาปาย่าและมะขวิด + กับระบบของแดนอุนจิ + ตัวแสดงที่ดี เรียกว่าครบองค์ประกอบ ในการสร้างคอกใหม่ ที่มั่นคงในประเทศ -สิ่งที่น่าห่วงคือ ดาวตกรู้ทั้งๆรู้ ว่าเส้นทางนี้ มันไม่ยาว ดาวในเมืองแห่งความอิสระเอง กำลังจะได้ผลตอบแทนมากมาย ด้วยความที่จมไม่ลง แทบจะไม่มีใครปฏิเสธ จะรู้หรือไม่รู้ก็ตาม แต่เส้นทางเปลี่ยนกงเต็กให้เป็นเงินจริง ก็ไม่มีความยั่งยืน สุดท้าย ก็จบไม่สวยซักราย ขอย้ำว่า นี่เป็นเพียงนิทาน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับคนในชีวิตจริงแต่ประการใด นิทาน ถูกสร้างมาเพื่อความบรรเทิงเท่านั้น อย่าโยง #คิงส์โพธิ์แดง -สำรอง 2
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 430 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้าวหอมมะลินาปี ส่งตรงจากชาวนาไทย ออแกนิค มีขายที่eat24mall
    สนับสนุนเกษตรกรไทยสนใจสั่งซื้อได้ที่ลิงค์นี้
    https://www.eat24mall.com/shop/094211122023/?v=75dfaed2dded&license=2949
    ข้าวหอมมะลินาปี ส่งตรงจากชาวนาไทย ออแกนิค มีขายที่eat24mall สนับสนุนเกษตรกรไทยสนใจสั่งซื้อได้ที่ลิงค์นี้ https://www.eat24mall.com/shop/094211122023/?v=75dfaed2dded&license=2949
    WWW.EAT24MALL.COM
    บุญมี ข้าวหอมมะลิ105นาปี เชียงราย - EAT24MALL
    ชื่อสินค้า : บุญมี ข้าวหอมมะลิ105นาปี เชียงราย รูปแบบ : [...]
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 30 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤠#ปู่ของปู่เล่าให้เขาว่า🤠

    คนจีนคนไหนที่คนอเมริกันนับถือมากที่สุด? บางคนพูดว่าขงจื๊อ บางคนบอกว่าจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ บางคนบอกว่าหยางเจวิ้นหนิง(楊振寧) บางคนบอกว่าบรูซลี บางคนบอกว่าเฉิงหลง(成龍) และเจ็ต ลี(李連杰) ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าพวกเขาทั้งหมดประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในสาขาของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งขงจื๊อ การมีอิทธิพลกระทบในระดับโลกของเขาอาจกล่าวได้ว่าน่าอัศจรรย์ตลอดทุกยุคสมัย

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่ค่อยมีใครทราบก็คือมีคนจีนที่ไม่มีผลการเรียนดีหรือเป็นที่รู้จัก ไม่มีใครรู้ชื่อจริงด้วยซ้ำ แต่เขาอาศัยลำพังด้วยตัวคนเดียวก่อตั้งภาควิชาภาษาจีนศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ชื่อเสียงซึ่งโด่งดังที่เราคุ้นเคยเช่น หูชื่อ(胡適) เถาสิงจวือ(陶行知) เฝิง อิ่วหลาน(馮友蘭) หม่า หยินชู(馬寅初) พาน กวงต้าน(潘光旦) สวี จวื่อหมอ(徐志摩) เหวิน อิตวอ(聞一多) ฯลฯ ล้วนมาจากที่นี่ – นี่คือภาควิชาเอเชียตะวันออกที่มีชื่อเสียงระดับโลกของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย(Columbia University)

    ชื่อของเขาคือ ติงหลง(丁龍) (ทับศัพท์) เขาเกิดในครอบครัวชาวนาที่ยากจนในมณฑลกว่างตง(廣東)เมื่อปี ค.ศ. 1857 ในขณะนั้น ประเทศจีนกำลังประสบปัญหาภายในและภายนอก และอยู่ในความวุ่นวาย ชาวจีนจำนวนมากต้องหนีออกไปต่างประเทศเพื่อหาเลี้ยงชีพ หรือถูกค้ามนุษย์ไปเป็นแรงงานในต่างประเทศ โชคไม่ดีที่ ติงหลง(丁龍)วัย 18 ปีได้กลายเป็นหนึ่งในนั้นและถูกค้ามนุษย์ไปยังสหรัฐอเมริกาในฐานะ "ลูกหมู" และกลายเป็นคนรับใช้ในบ้านของนายพล นายพลคนนี้คือนายพลชาวอเมริกันผู้โด่งดัง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)

    ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)เป็นคนฉลาดและขยันมาตั้งแต่เด็ก ไม่เพียงแต่เขาจะเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยโคลัมเบียซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกเท่านั้น เขายังพูดปราศรัยในฐานะตัวแทนของบัณฑิตดีเด่นในปีนั้นด้วย หลังจากสำเร็จการศึกษาเขาได้เดินทางไปยังรัฐแคลิฟอร์เนียทางตะวันตกเพื่อพัฒนาอาชีพของเขา ในช่วงสมัยตื่นทองเขาประสบความสำเร็จในการสร้างตัว ต่อมาเขาได้ก่อตั้งธนาคารแห่งแคลิฟอร์เนีย(Bank Of California)และกลายเป็นประธานธนาคาร ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสร้างเมืองใหม่ในดินแดนรกร้างของสหรัฐอเมริกาโดยลำพัง โดยตั้งชื่อเมืองว่า "โอ๊คแลนด์( Auckland)" ประกาศตนเป็นนายกเทศมนตรี และสร้างโรงเรียน ท่าเรือ แนวเขื่อนกันคลื่น และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง

    เขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของทางรถไฟสายแปซิฟิกตอนกลาง(Central Pacific Railroad) และเป็นประธานของบริษัทบริษัทโทรเลขแคลิฟอร์เนีย (California Telegraph) และ บริษัท โอเวอร์แลนด์เทเลกราฟ จำกัด(Overland Telegraph Company) ซึ่งก่อตั้งสายโทรเลขสายแรกที่เชื่อมชายฝั่งตะวันออกและตะวันตกของสหรัฐอเมริกา เขายังดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการบริหารของบริษัทรถไฟหลายแห่งอีกด้วย เนื่องจากเขาเคยทำหน้าที่กองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติแคลิฟอร์เนีย เขาจึงเป็นที่รู้จักในนาม "นายพล" ในสหรัฐอเมริกา ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสร้างเมืองใหม่เอี่ยมบนดินแดนร้างในสหรัฐอเมริกาโดยลำพัง โดยตั้งชื่อเมืองว่า "โอ๊คแลนด์" ประกาศตนเป็นนายกเทศมนตรี และสร้างโรงเรียน ท่าเรือ ท่าเรือ และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง

    แม้ว่า ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)จะประสบความสำเร็จ แต่เขาถือว่าความมั่งคั่งเป็นชีวิตของเขา มีอารมณ์ไม่ดี อยู่คนเดียวตลอดชีวิตและมักจะทุบตีและดุด่าคนรับใช้ของเขา วันหนึ่ง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)อารมณ์ไม่ดี ดื่มไวน์มาก ตะโกนใส่คนรับใช้ และพูดทันทีว่าเขาจะไล่ทุกคนออก รวมถึงติงหลง(丁龍)ด้วย คนรับใช้คนอื่นไม่พอใจ ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)มานานแล้วและใช้โอกาสนี้จากไปทีละคน วันรุ่งขึ้น หลังจากที่สร่างเมา ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)ก็ตระหนักถึงความผิดพลาดที่เขาทำและเตรียมที่จะต้องเผชิญกับการอดอาหาร

    น่าแปลกที่ ติงหลง(丁龍)ไม่เพียงแต่ไม่จากไป แต่ยังเสิร์ฟอาหารเช้าแสนอร่อยให้เขาตามปกติอีกด้วย ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)พูดด้วยความประหลาดใจ: ทำไมคุณไม่จากไปเหมือนพวกเขาล่ะ? ติงหลง(丁龍)พูดอย่างใจเย็น: แม้ว่าคุณจะมีอารมณ์ไม่ดี แต่ฉันคิดว่าคุณเป็นคนดี นอกจากนี้ ตามคำสอนของขงจื๊อ ฉันไม่สามารถจากคุณไปอย่างกะทันหันได้ ขงจื๊อจีนเคยกล่าวไว้ว่า: จงภักดีต่อผู้อื่น เมื่อคุณได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่น คนต้องภักดีต่อสิ่งต่างๆ

    นายพลท่านนี้ประหลาดใจมาก เขาคิดว่าคนรับใช้ของเขาเป็นคนรู้หนังสือมีวัฒนธรรม จึงพูดว่า: ขงจื๊อเป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ในประเทศจีนเมื่อหลายพันปีก่อน ฉันไม่รู้ว่าคุณอ่านหนังสือและเข้าใจวิถีแห่งปราชญ์ คิดไม่ถึงว่าติงหลง(丁龍)ตอบกลับมาว่า: ฉันไม่รู้หนังสือ แต่พ่อบอกฉันเอง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)คิดว่าพ่อของเขาเป็นคนรู้หนังสือมีวัฒนธรรมหรือเป็นนักวิชาการ คิดไม่ถึงอีกว่า ติงหลง(丁龍)ตอบว่า พ่อของฉันก็อ่านหนังสือไม่ออกและไม่อ่านหนังสือ ปู่ของฉันเล่าให้เขาฟัง แม้แต่ปู่ของฉันก็อ่านหนังสือไม่ออกและไม่อ่านหนังสือ ปู่ของปู่เล่าให้เขาฟังเอง สุงขึ้นไปกว่านั้น ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว สรุปได้ว่า ครอบครัวของฉันมีพื้นฐานด้านเกษตรกรรมและไม่มีการศึกษา

    นายพลชาวอเมริกันตกตะลึงอย่างยิ่ง เขาไม่คิดว่าชาวจีนที่ไม่ได้รับการศึกษาเช่น ติงหลง(丁龍)จะมีจิตใจที่เรียบง่ายและเที่ยงธรรมและความภักดีที่โดดเด่นเช่นนี้! ด้วยวิธีนี้ ติงหลง(丁龍) ได้รับความชื่นชมจาก ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) อย่างรวดเร็ว จากผู้ช่วยระดับต่ำสุดเขากลายเป็นแม่บ้านของ ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) และในที่สุดก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดชีวิต

    ติงหลง(丁龍) ขยันและประหยัด ภักดีต่อเจ้านายของเขา และไม่เคยแต่งงานในชีวิตนี้ ค่าตอบแทนที่เขาประหยัดได้จากการทำงานในปีต่อ ๆ มาก็เป็นเงินออมที่น่าทึ่งเช่นกัน เมื่อเขาเกษียณ เขาขอลาออกจากฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) นายท่านไม่เต็มใจที่จะทิ้งคนรับใช้ที่อุทิศชีวิตส่วนใหญ่ให้กับเขา และถามว่าเขายังต้องการความช่วยเหลืออะไรอีก อย่างไรก็ตาม คำตอบของติงหลง(丁龍)ทำให้นายพลตกใจอีกครั้ง

    ติงหลง(丁龍) เห็นว่าชาวจีนถูกรังแกในสหรัฐอเมริกา แทนที่จะขอเงินบำนาญจำนวนให้มากไว้เลี้ยงชีวิตในบั้นปลาย แต่เขาขอให้เจ้าของช่วยออกมาออกหน้าช่วยในการที่เขาบริจาคเงินออมทั้งชีวิตจำนวน 12,000 ดอลลาร์สหรัฐให้กับมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย โดยขอให้มหาวิทยาลัยก่อตั้งแผนกภาควิชาภาษาจีนศึกษา เพื่อการศึกษา วัฒนธรรมมาตุภูมิของเขาเพื่อให้ชาวอเมริกันเข้าใจจีน!

    ปีนั้นเป็นปีแห่งความทุกข์ทรมานของจีน รัฐบาลชิง(清)ถูกบังคับให้ลงนามใน "สนธิสัญญาซินโจว(辛丑條約)" ชาวจีนถูกชาวตะวันตกดูหมิ่นมากยิ่งขึ้น เสียงต่อต้านจีนก็ดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ชาวจีนผู้ต่ำต้อยคนนี้ ด้วยการกระทำที่ไม่ธรรมดาของเขา กลายเป็นความฉลาดที่หาได้ยากของคนจีนในปีสีเทานี้ อย่างไรก็ตาม ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่นี้ต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมาย แม้ว่าเงินจำนวนนี้จะเป็นเงินก้อนใหญ่ในสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น แต่ก็ยังเป็นเพียงเศษสตางค์ในการสร้างแผนกในมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติ

    นายพลฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)ไม่ท้อแท้ เขาเขียนจดหมายถึงมหาวิทยาลัยโคลัมเบียด้วยความจริงใจ: ท่านอธิการบดีของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ข้าพเจ้าขอมอบเช็คเงินสดจำนวน 12,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อบริจาคให้กับกองทุนวิจัยจีนศึกษาของโรงเรียนของคุณ ลายเซ็นคือ: ติงหลง(丁龍) ชาวจีน เขาแนะนำติงหลง(丁龍) ดังนี้ นี่เป็นบุคคลที่หายาก มีความสม่ำเสมอ ดูมีระดับ มีน้ำใจ กล้าหาญ และใจดี ในด้านธรรมชาติและการศึกษาเขาเป็นผู้ศรัทธาในขงจื๊อ ในด้านพฤติกรรม เขาเป็นเหมือนคนเคร่งครัด ในด้านความเชื่อ เขาเป็น นับถือศาสนาพุทธ แต่โดยอุปนิสัยแล้ว เขาเป็นเหมือนคริสเตียน

    นายพลฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)เองก็เพิ่มเงินเพิ่มอีก 500,000 ดอลลาร์ และต่อมาก็เพิ่มเงินอีก เขายังขายบ้านในแมนฮัตตันซึ่งเป็นเงินออมเกือบทั้งหมด ในสุดท้ายย้ายไปอยู่บ้านเก่าในชนบท ข่าวที่ว่ามหาวิทยาลัยโคลัมเบียได้จัดตั้งภาควิชาภาษาจีนศึกษาได้แพร่กระจายไปทั่วเป่ยผิง (北平) ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้กับรัฐบาลแมนจูและราชวงศ์ชิง(清) จักรพรรดินีอัครมเหสีฉือซี(慈禧) บริจาคหนังสือมากกว่า 5,000 เล่ม หลี่หงจาง(李鴻章)และอู๋ถิงฟาง(伍廷芳)ทูตของรัฐบาลชิง(清)ประจำสหรัฐอเมริกา และคนอื่นๆ ต่างบริจาคเงิน รวมถึงหนังสืออ้างอิงที่ใหญ่ที่สุดในขณะนั้น นั่นคือ คอลเลกชันหนังสือโบราณและสมัยใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งจากจักรวรรดิ(欽定古今圖書集成) จนถึงทุกวันนี้ หนังสือเล่มนี้ยังคงจัดแสดงอยู่ในห้องสมุดเอเชียตะวันออกของโคลัมเบีย

    อย่างไรก็ตาม ติงหลง(丁龍)หายตัวไปหลังปีค.ศ. 1906 บางคนบอกว่าเขาซื้อตั๋วเรือและกลับไปยังบ้านเกิดที่เขาใฝ่ฝัน บางคนบอกว่าเขากลับไปที่บ้านเกิดของนายพลคาโปนในนิวยอร์ก เพราะบางคนแปลกใจที่พบว่า ว่าในเมืองเล็กๆ นั้น มี "ถนนติงหลง" ซึ่งตั้งชื่อตามชื่อของเขา กล่าวโดยสรุป ทุกสิ่งเกี่ยวกับเขาหายไปอย่างปาฏิหาริย์ในช่วงเวลาและพื้นที่แห่งประวัติศาสตร์...

    ในปีค.ศ. 2007 มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่ประกาศเกี่ยวกับบุคคลสูญหายเกี่ยวกับ ติงหลง(丁龍)และ China Central Television ก็เข้าร่วมด้วย คนรับใช้ที่มีสถานะต่ำต้อย อาจสามารถสร้างชื่อให้ตัวเองและทำให้บรรพบุรุษของเขาภูมิใจได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่เปิดเผยตัวตนและไม่แยแสต่อชื่อเสียงและโชคลาภ ด้วยร่างกายวิญญาณเช่นนี้ วิสัยทัศน์เช่นนี้ และจิตวิญญาณเช่นนี้ เมื่อพิจารณาประวัติศาสตร์ทั้งหมดของจีน มีสักกี่คนที่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ ? ?

    ชื่อ ติงหลง(丁龍)ที่ปรากฏอยู่นี้ ทุกคนที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐอเมริกา ไม่มีใครไม่เคยได้ยินมา และไม่มีใครไม่รู้ว่า ตามที่แสดงความคิดเห็นในประกาศผู้สูญหาย: ติงหลง(丁龍)เป็นผู้บริจาคเงิน และที่สำคัญกว่านั้นคือมีส่วนสนับสนุนวิสัยทัศน์และอุดมคติของเขา

    🥳โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳

    🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    🤠#ปู่ของปู่เล่าให้เขาว่า🤠 คนจีนคนไหนที่คนอเมริกันนับถือมากที่สุด? บางคนพูดว่าขงจื๊อ บางคนบอกว่าจักรพรรดิฉินซีฮ่องเต้ บางคนบอกว่าหยางเจวิ้นหนิง(楊振寧) บางคนบอกว่าบรูซลี บางคนบอกว่าเฉิงหลง(成龍) และเจ็ต ลี(李連杰) ไม่อาจปฏิเสธได้ว่าพวกเขาทั้งหมดประสบความสำเร็จอย่างโดดเด่นในสาขาของตน โดยเฉพาะอย่างยิ่งขงจื๊อ การมีอิทธิพลกระทบในระดับโลกของเขาอาจกล่าวได้ว่าน่าอัศจรรย์ตลอดทุกยุคสมัย อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ไม่ค่อยมีใครทราบก็คือมีคนจีนที่ไม่มีผลการเรียนดีหรือเป็นที่รู้จัก ไม่มีใครรู้ชื่อจริงด้วยซ้ำ แต่เขาอาศัยลำพังด้วยตัวคนเดียวก่อตั้งภาควิชาภาษาจีนศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำในสหรัฐอเมริกา ชื่อเสียงซึ่งโด่งดังที่เราคุ้นเคยเช่น หูชื่อ(胡適) เถาสิงจวือ(陶行知) เฝิง อิ่วหลาน(馮友蘭) หม่า หยินชู(馬寅初) พาน กวงต้าน(潘光旦) สวี จวื่อหมอ(徐志摩) เหวิน อิตวอ(聞一多) ฯลฯ ล้วนมาจากที่นี่ – นี่คือภาควิชาเอเชียตะวันออกที่มีชื่อเสียงระดับโลกของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย(Columbia University) ชื่อของเขาคือ ติงหลง(丁龍) (ทับศัพท์) เขาเกิดในครอบครัวชาวนาที่ยากจนในมณฑลกว่างตง(廣東)เมื่อปี ค.ศ. 1857 ในขณะนั้น ประเทศจีนกำลังประสบปัญหาภายในและภายนอก และอยู่ในความวุ่นวาย ชาวจีนจำนวนมากต้องหนีออกไปต่างประเทศเพื่อหาเลี้ยงชีพ หรือถูกค้ามนุษย์ไปเป็นแรงงานในต่างประเทศ โชคไม่ดีที่ ติงหลง(丁龍)วัย 18 ปีได้กลายเป็นหนึ่งในนั้นและถูกค้ามนุษย์ไปยังสหรัฐอเมริกาในฐานะ "ลูกหมู" และกลายเป็นคนรับใช้ในบ้านของนายพล นายพลคนนี้คือนายพลชาวอเมริกันผู้โด่งดัง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)เป็นคนฉลาดและขยันมาตั้งแต่เด็ก ไม่เพียงแต่เขาจะเข้าศึกษาในมหาวิทยาลัยโคลัมเบียซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงระดับโลกเท่านั้น เขายังพูดปราศรัยในฐานะตัวแทนของบัณฑิตดีเด่นในปีนั้นด้วย หลังจากสำเร็จการศึกษาเขาได้เดินทางไปยังรัฐแคลิฟอร์เนียทางตะวันตกเพื่อพัฒนาอาชีพของเขา ในช่วงสมัยตื่นทองเขาประสบความสำเร็จในการสร้างตัว ต่อมาเขาได้ก่อตั้งธนาคารแห่งแคลิฟอร์เนีย(Bank Of California)และกลายเป็นประธานธนาคาร ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสร้างเมืองใหม่ในดินแดนรกร้างของสหรัฐอเมริกาโดยลำพัง โดยตั้งชื่อเมืองว่า "โอ๊คแลนด์( Auckland)" ประกาศตนเป็นนายกเทศมนตรี และสร้างโรงเรียน ท่าเรือ แนวเขื่อนกันคลื่น และโครงสร้างพื้นฐานอื่น ๆ อย่างต่อเนื่อง เขาเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของทางรถไฟสายแปซิฟิกตอนกลาง(Central Pacific Railroad) และเป็นประธานของบริษัทบริษัทโทรเลขแคลิฟอร์เนีย (California Telegraph) และ บริษัท โอเวอร์แลนด์เทเลกราฟ จำกัด(Overland Telegraph Company) ซึ่งก่อตั้งสายโทรเลขสายแรกที่เชื่อมชายฝั่งตะวันออกและตะวันตกของสหรัฐอเมริกา เขายังดำรงตำแหน่งเป็นคณะกรรมการบริหารของบริษัทรถไฟหลายแห่งอีกด้วย เนื่องจากเขาเคยทำหน้าที่กองกำลังรักษาดินแดนแห่งชาติแคลิฟอร์เนีย เขาจึงเป็นที่รู้จักในนาม "นายพล" ในสหรัฐอเมริกา ไม่เพียงเท่านั้น เขายังสร้างเมืองใหม่เอี่ยมบนดินแดนร้างในสหรัฐอเมริกาโดยลำพัง โดยตั้งชื่อเมืองว่า "โอ๊คแลนด์" ประกาศตนเป็นนายกเทศมนตรี และสร้างโรงเรียน ท่าเรือ ท่าเรือ และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง แม้ว่า ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)จะประสบความสำเร็จ แต่เขาถือว่าความมั่งคั่งเป็นชีวิตของเขา มีอารมณ์ไม่ดี อยู่คนเดียวตลอดชีวิตและมักจะทุบตีและดุด่าคนรับใช้ของเขา วันหนึ่ง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)อารมณ์ไม่ดี ดื่มไวน์มาก ตะโกนใส่คนรับใช้ และพูดทันทีว่าเขาจะไล่ทุกคนออก รวมถึงติงหลง(丁龍)ด้วย คนรับใช้คนอื่นไม่พอใจ ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)มานานแล้วและใช้โอกาสนี้จากไปทีละคน วันรุ่งขึ้น หลังจากที่สร่างเมา ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)ก็ตระหนักถึงความผิดพลาดที่เขาทำและเตรียมที่จะต้องเผชิญกับการอดอาหาร น่าแปลกที่ ติงหลง(丁龍)ไม่เพียงแต่ไม่จากไป แต่ยังเสิร์ฟอาหารเช้าแสนอร่อยให้เขาตามปกติอีกด้วย ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)พูดด้วยความประหลาดใจ: ทำไมคุณไม่จากไปเหมือนพวกเขาล่ะ? ติงหลง(丁龍)พูดอย่างใจเย็น: แม้ว่าคุณจะมีอารมณ์ไม่ดี แต่ฉันคิดว่าคุณเป็นคนดี นอกจากนี้ ตามคำสอนของขงจื๊อ ฉันไม่สามารถจากคุณไปอย่างกะทันหันได้ ขงจื๊อจีนเคยกล่าวไว้ว่า: จงภักดีต่อผู้อื่น เมื่อคุณได้รับความไว้วางใจจากผู้อื่น คนต้องภักดีต่อสิ่งต่างๆ นายพลท่านนี้ประหลาดใจมาก เขาคิดว่าคนรับใช้ของเขาเป็นคนรู้หนังสือมีวัฒนธรรม จึงพูดว่า: ขงจื๊อเป็นปราชญ์ผู้ยิ่งใหญ่ในประเทศจีนเมื่อหลายพันปีก่อน ฉันไม่รู้ว่าคุณอ่านหนังสือและเข้าใจวิถีแห่งปราชญ์ คิดไม่ถึงว่าติงหลง(丁龍)ตอบกลับมาว่า: ฉันไม่รู้หนังสือ แต่พ่อบอกฉันเอง ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)คิดว่าพ่อของเขาเป็นคนรู้หนังสือมีวัฒนธรรมหรือเป็นนักวิชาการ คิดไม่ถึงอีกว่า ติงหลง(丁龍)ตอบว่า พ่อของฉันก็อ่านหนังสือไม่ออกและไม่อ่านหนังสือ ปู่ของฉันเล่าให้เขาฟัง แม้แต่ปู่ของฉันก็อ่านหนังสือไม่ออกและไม่อ่านหนังสือ ปู่ของปู่เล่าให้เขาฟังเอง สุงขึ้นไปกว่านั้น ฉันก็ไม่ค่อยรู้เรื่องแล้ว สรุปได้ว่า ครอบครัวของฉันมีพื้นฐานด้านเกษตรกรรมและไม่มีการศึกษา นายพลชาวอเมริกันตกตะลึงอย่างยิ่ง เขาไม่คิดว่าชาวจีนที่ไม่ได้รับการศึกษาเช่น ติงหลง(丁龍)จะมีจิตใจที่เรียบง่ายและเที่ยงธรรมและความภักดีที่โดดเด่นเช่นนี้! ด้วยวิธีนี้ ติงหลง(丁龍) ได้รับความชื่นชมจาก ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) อย่างรวดเร็ว จากผู้ช่วยระดับต่ำสุดเขากลายเป็นแม่บ้านของ ฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) และในที่สุดก็กลายเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันตลอดชีวิต ติงหลง(丁龍) ขยันและประหยัด ภักดีต่อเจ้านายของเขา และไม่เคยแต่งงานในชีวิตนี้ ค่าตอบแทนที่เขาประหยัดได้จากการทำงานในปีต่อ ๆ มาก็เป็นเงินออมที่น่าทึ่งเช่นกัน เมื่อเขาเกษียณ เขาขอลาออกจากฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier) นายท่านไม่เต็มใจที่จะทิ้งคนรับใช้ที่อุทิศชีวิตส่วนใหญ่ให้กับเขา และถามว่าเขายังต้องการความช่วยเหลืออะไรอีก อย่างไรก็ตาม คำตอบของติงหลง(丁龍)ทำให้นายพลตกใจอีกครั้ง ติงหลง(丁龍) เห็นว่าชาวจีนถูกรังแกในสหรัฐอเมริกา แทนที่จะขอเงินบำนาญจำนวนให้มากไว้เลี้ยงชีวิตในบั้นปลาย แต่เขาขอให้เจ้าของช่วยออกมาออกหน้าช่วยในการที่เขาบริจาคเงินออมทั้งชีวิตจำนวน 12,000 ดอลลาร์สหรัฐให้กับมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย โดยขอให้มหาวิทยาลัยก่อตั้งแผนกภาควิชาภาษาจีนศึกษา เพื่อการศึกษา วัฒนธรรมมาตุภูมิของเขาเพื่อให้ชาวอเมริกันเข้าใจจีน! ปีนั้นเป็นปีแห่งความทุกข์ทรมานของจีน รัฐบาลชิง(清)ถูกบังคับให้ลงนามใน "สนธิสัญญาซินโจว(辛丑條約)" ชาวจีนถูกชาวตะวันตกดูหมิ่นมากยิ่งขึ้น เสียงต่อต้านจีนก็ดังขึ้นเรื่อยๆ แต่ชาวจีนผู้ต่ำต้อยคนนี้ ด้วยการกระทำที่ไม่ธรรมดาของเขา กลายเป็นความฉลาดที่หาได้ยากของคนจีนในปีสีเทานี้ อย่างไรก็ตาม ความปรารถนาอันยิ่งใหญ่นี้ต้องเผชิญกับความยากลำบากมากมาย แม้ว่าเงินจำนวนนี้จะเป็นเงินก้อนใหญ่ในสหรัฐอเมริกาในขณะนั้น แต่ก็ยังเป็นเพียงเศษสตางค์ในการสร้างแผนกในมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติ นายพลฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)ไม่ท้อแท้ เขาเขียนจดหมายถึงมหาวิทยาลัยโคลัมเบียด้วยความจริงใจ: ท่านอธิการบดีของมหาวิทยาลัยโคลัมเบีย ข้าพเจ้าขอมอบเช็คเงินสดจำนวน 12,000 ดอลลาร์สหรัฐ เพื่อบริจาคให้กับกองทุนวิจัยจีนศึกษาของโรงเรียนของคุณ ลายเซ็นคือ: ติงหลง(丁龍) ชาวจีน เขาแนะนำติงหลง(丁龍) ดังนี้ นี่เป็นบุคคลที่หายาก มีความสม่ำเสมอ ดูมีระดับ มีน้ำใจ กล้าหาญ และใจดี ในด้านธรรมชาติและการศึกษาเขาเป็นผู้ศรัทธาในขงจื๊อ ในด้านพฤติกรรม เขาเป็นเหมือนคนเคร่งครัด ในด้านความเชื่อ เขาเป็น นับถือศาสนาพุทธ แต่โดยอุปนิสัยแล้ว เขาเป็นเหมือนคริสเตียน นายพลฮอเรซ วอลโพล คาร์เพนเทียร์ (Horace Walpole Carpentier)เองก็เพิ่มเงินเพิ่มอีก 500,000 ดอลลาร์ และต่อมาก็เพิ่มเงินอีก เขายังขายบ้านในแมนฮัตตันซึ่งเป็นเงินออมเกือบทั้งหมด ในสุดท้ายย้ายไปอยู่บ้านเก่าในชนบท ข่าวที่ว่ามหาวิทยาลัยโคลัมเบียได้จัดตั้งภาควิชาภาษาจีนศึกษาได้แพร่กระจายไปทั่วเป่ยผิง (北平) ซึ่งสร้างแรงบันดาลใจให้กับรัฐบาลแมนจูและราชวงศ์ชิง(清) จักรพรรดินีอัครมเหสีฉือซี(慈禧) บริจาคหนังสือมากกว่า 5,000 เล่ม หลี่หงจาง(李鴻章)และอู๋ถิงฟาง(伍廷芳)ทูตของรัฐบาลชิง(清)ประจำสหรัฐอเมริกา และคนอื่นๆ ต่างบริจาคเงิน รวมถึงหนังสืออ้างอิงที่ใหญ่ที่สุดในขณะนั้น นั่นคือ คอลเลกชันหนังสือโบราณและสมัยใหม่ที่ได้รับการแต่งตั้งจากจักรวรรดิ(欽定古今圖書集成) จนถึงทุกวันนี้ หนังสือเล่มนี้ยังคงจัดแสดงอยู่ในห้องสมุดเอเชียตะวันออกของโคลัมเบีย อย่างไรก็ตาม ติงหลง(丁龍)หายตัวไปหลังปีค.ศ. 1906 บางคนบอกว่าเขาซื้อตั๋วเรือและกลับไปยังบ้านเกิดที่เขาใฝ่ฝัน บางคนบอกว่าเขากลับไปที่บ้านเกิดของนายพลคาโปนในนิวยอร์ก เพราะบางคนแปลกใจที่พบว่า ว่าในเมืองเล็กๆ นั้น มี "ถนนติงหลง" ซึ่งตั้งชื่อตามชื่อของเขา กล่าวโดยสรุป ทุกสิ่งเกี่ยวกับเขาหายไปอย่างปาฏิหาริย์ในช่วงเวลาและพื้นที่แห่งประวัติศาสตร์... ในปีค.ศ. 2007 มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐอเมริกาได้เผยแพร่ประกาศเกี่ยวกับบุคคลสูญหายเกี่ยวกับ ติงหลง(丁龍)และ China Central Television ก็เข้าร่วมด้วย คนรับใช้ที่มีสถานะต่ำต้อย อาจสามารถสร้างชื่อให้ตัวเองและทำให้บรรพบุรุษของเขาภูมิใจได้ แต่เขาเลือกที่จะไม่เปิดเผยตัวตนและไม่แยแสต่อชื่อเสียงและโชคลาภ ด้วยร่างกายวิญญาณเช่นนี้ วิสัยทัศน์เช่นนี้ และจิตวิญญาณเช่นนี้ เมื่อพิจารณาประวัติศาสตร์ทั้งหมดของจีน มีสักกี่คนที่สามารถเปรียบเทียบกับเขาได้ ? ? ชื่อ ติงหลง(丁龍)ที่ปรากฏอยู่นี้ ทุกคนที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐอเมริกา ไม่มีใครไม่เคยได้ยินมา และไม่มีใครไม่รู้ว่า ตามที่แสดงความคิดเห็นในประกาศผู้สูญหาย: ติงหลง(丁龍)เป็นผู้บริจาคเงิน และที่สำคัญกว่านั้นคือมีส่วนสนับสนุนวิสัยทัศน์และอุดมคติของเขา 🥳โปรดติดตามบทความที่น่าสนใจต่อไป.ในโอกาสหน้า🥳 🥰กราบขออภัยในความผิดพลาดและกราบขอบพระคุณของข้อชี้แนะ🥰
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 482 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ปฏิวัติยุคสมัยด้วยฟางเส้นเดียว” พศ.๒๕๓๐
    แปลจาก "The One Straw Revolution"
    หนังสือเล่มนี้แหละ จุดประกายความคิดให้ฉันเข้าใจได้อย่างถูกต้องในเรื่องการทำการเกษตรธรรมชาติ สรุปว่า

    ชาวนา เดินตามนักวิชาการในระบบทุนสามานย์ที่หวังครอบครองปัจจัยการผลิตสำคัญ คือ #ที่ดิน โดยสร้างงานทางวิชาการ(จอมปลอม)หลอกเกษตรกรทั่วโลก ให้นิยมทำการเกษตรแบบเคมี..สร้างความหวัง(ต้อง)พึ่งพิง สารเคมี ยาปราบวัชพืช ยาปราบศัตรูพืช..ฯลฯ
    อีกทั้ง..ชาวนายังเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้อุตสาหกรรมเคมีทางการเกษตรเป็นจำนวนเงินมหาศาล เป็นน้ำเลี้ยงระบบอุบาทว์นี้ ยืดเยื้อ ยาวนาน มานานตลอดนับร้อยปี
    สิ่งที่บิดเบือนธรรมชาติ..มีดังนี้ คือ
    👉การไถหน้าดิน ซึ่งนักวิชาเกิน โม้..ว่าเป็นวิธีการทำให้ดินโปร่ง อากาศเข้าสู่รากพืชได้ดี..นั้น
    (ความจริง)เป็นหน้าที่ของระบบรากพืช ร่วมมือกับแมง แมลง ไส้เดือน และจุลินทรีย์ ทำหน้าที่ตามธรรมชาติอยู่แล้ว ค่ะ
    การไถยิ่งเป็นการหว่านรวมถึงการพลิกฟื้น(ช่วย)เมล็ดพันธุ์วัชพืชให้งอกได้ดีและมีจำนวนมากขึ้น. ➡ เคมีเกษตร(ขายดี)
    👉 ประสบการณ์ที่ผ่านมา..พิสูจน์ว่า การใช้ปุ๋ยเคมี ทำให้พืชอ่อนแอ..ไม่ต้านทานโรค ➡ เคมีเกษตร(ขายดี)
    เป็นสาเหตุสำคัญของการลดลงของสิ่งที่มีชีวิตในดิน รวมถึงการลดลงของจุลินทรีย์ นั่นคือ..ทุกชีวิตในดิน(ตายเรียบ) นะคะ
    👉สารเคมีฆ่าแมลง ทำให้สัตว์เล็กๆ คือ ตัวห้ำ ตัวเบียฬ ที่มีบทบาทในการควบคุมแมลง(ลดลง)และหอย หนู งู ปู ปลา สูญพันธุ์ไปด้วย
    ยิ่งใช้เคมี..แมลงยิ่งดื้อยาและเพิ่มจำนวนขึ้น เป็นซะ..ง๊าน ➡ เคมีเกษตร(ขายดี)
    👉มีการเผาฟางเป็นการทำลายดิน..ดินสิ่งมีชีวิตและนิเวศน์ธรรมชาติ(ตายเรียบ) ที่ยากจะกลับคืนเป็นเหมือนเดิม เปรียบเสมือนกับเปิดโลกแห่งสารเคมีให้เจริญเติบโตบนแผ่นดินนี้.➡ เคมีเกษตร(ขายดี)
    👉 การใช้ยากำจัดวัชพืช ทำให้วัชพืชตามธรรมชาติหายไป ซึ่งวัชพืชตามธรรมชาติเป็นพืชที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดินและช่วยให้เกิดความ สมดุลในสิ่งแวดล้อมทางชีววิทยา (ตามหลักการพื้นฐาน) วัชพืชเป็นสิ่งที่ต้องควบคุม แต่ไม่ต้องกำจัด การใช้ฟางคลุม และปลูกพืชคลุมดินจำพวกถั่วปนไปกับพืชผล ตลอดจนการปล่อยน้ำเข้านาเป็นครั้งคราว เป็นวิธีควบคุมวัชพืชได้อย่างดีในนา..แว๊ว ค่ะ.
    👉ข้าวเป็นพืชครึ่งบกครึ่งน้ำ การปลูกข้าวในน้ำทำให้ต้นข้าวต้องเสียพลังงานในการปรับตัวดูดซึมและการหายใจทางราก วิธีการปลูกข้าวที่ถูกต้องน่าจะเป็นแบบเปียกสลับแห้ง น่าจะเป็นคำตอบที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตในทุกช่วงวัยของข้าว เพราะว่าพิสูจน์แล้วว่า..แตกกอได้ดี ลำต้นอวบแข็งแรง ข้าวไม่ล้ม และผลผลิตสูงที่สุด.
    👉 พันธุ์ข้าวดัดแปลง/ ลูกผสม จากบริษัทการเกษตรพันธสัญญายักษ์ใหญ่ ได้ถูกออกแบบให้สนองตอบต่อยาและสารเคมีที่กำหนดให้เท่านั้น ทำให้เกษตรกรถูกควบคุมเป็นตัวประกัน และแปรสภาพจากเจ้าของที่ดิน กลายเป็นลูกจ้างบนที่ดินเดิมนั้น.

    หากว่า..ชาวนา ไม่ปฏิวัติ หันมาผลิตข้าวนาเกษตรธรรมชาติ(ต้นทุนต่ำ) ร่วมกับทำสวนผสมให้มีรายได้เพิ่ม สม่ำเสมอทุกวัน ใช้จักรกลทางการเกษตรที่ลดค่าแรงงาน ลดความเสี่ยง เพิ่มรอบผลผลิต
    สุดท้าย..คือ สูญเสียที่ดินทำกิน.
    “ปฏิวัติยุคสมัยด้วยฟางเส้นเดียว” พศ.๒๕๓๐ แปลจาก "The One Straw Revolution" หนังสือเล่มนี้แหละ จุดประกายความคิดให้ฉันเข้าใจได้อย่างถูกต้องในเรื่องการทำการเกษตรธรรมชาติ สรุปว่า ชาวนา เดินตามนักวิชาการในระบบทุนสามานย์ที่หวังครอบครองปัจจัยการผลิตสำคัญ คือ #ที่ดิน โดยสร้างงานทางวิชาการ(จอมปลอม)หลอกเกษตรกรทั่วโลก ให้นิยมทำการเกษตรแบบเคมี..สร้างความหวัง(ต้อง)พึ่งพิง สารเคมี ยาปราบวัชพืช ยาปราบศัตรูพืช..ฯลฯ อีกทั้ง..ชาวนายังเป็นแหล่งสร้างรายได้ให้อุตสาหกรรมเคมีทางการเกษตรเป็นจำนวนเงินมหาศาล เป็นน้ำเลี้ยงระบบอุบาทว์นี้ ยืดเยื้อ ยาวนาน มานานตลอดนับร้อยปี สิ่งที่บิดเบือนธรรมชาติ..มีดังนี้ คือ 👉การไถหน้าดิน ซึ่งนักวิชาเกิน โม้..ว่าเป็นวิธีการทำให้ดินโปร่ง อากาศเข้าสู่รากพืชได้ดี..นั้น (ความจริง)เป็นหน้าที่ของระบบรากพืช ร่วมมือกับแมง แมลง ไส้เดือน และจุลินทรีย์ ทำหน้าที่ตามธรรมชาติอยู่แล้ว ค่ะ การไถยิ่งเป็นการหว่านรวมถึงการพลิกฟื้น(ช่วย)เมล็ดพันธุ์วัชพืชให้งอกได้ดีและมีจำนวนมากขึ้น. ➡ เคมีเกษตร(ขายดี) 👉 ประสบการณ์ที่ผ่านมา..พิสูจน์ว่า การใช้ปุ๋ยเคมี ทำให้พืชอ่อนแอ..ไม่ต้านทานโรค ➡ เคมีเกษตร(ขายดี) เป็นสาเหตุสำคัญของการลดลงของสิ่งที่มีชีวิตในดิน รวมถึงการลดลงของจุลินทรีย์ นั่นคือ..ทุกชีวิตในดิน(ตายเรียบ) นะคะ 👉สารเคมีฆ่าแมลง ทำให้สัตว์เล็กๆ คือ ตัวห้ำ ตัวเบียฬ ที่มีบทบาทในการควบคุมแมลง(ลดลง)และหอย หนู งู ปู ปลา สูญพันธุ์ไปด้วย ยิ่งใช้เคมี..แมลงยิ่งดื้อยาและเพิ่มจำนวนขึ้น เป็นซะ..ง๊าน ➡ เคมีเกษตร(ขายดี) 👉มีการเผาฟางเป็นการทำลายดิน..ดินสิ่งมีชีวิตและนิเวศน์ธรรมชาติ(ตายเรียบ) ที่ยากจะกลับคืนเป็นเหมือนเดิม เปรียบเสมือนกับเปิดโลกแห่งสารเคมีให้เจริญเติบโตบนแผ่นดินนี้.➡ เคมีเกษตร(ขายดี) 👉 การใช้ยากำจัดวัชพืช ทำให้วัชพืชตามธรรมชาติหายไป ซึ่งวัชพืชตามธรรมชาติเป็นพืชที่มีบทบาทสำคัญในการสร้างความอุดมสมบูรณ์ให้แก่ดินและช่วยให้เกิดความ สมดุลในสิ่งแวดล้อมทางชีววิทยา (ตามหลักการพื้นฐาน) วัชพืชเป็นสิ่งที่ต้องควบคุม แต่ไม่ต้องกำจัด การใช้ฟางคลุม และปลูกพืชคลุมดินจำพวกถั่วปนไปกับพืชผล ตลอดจนการปล่อยน้ำเข้านาเป็นครั้งคราว เป็นวิธีควบคุมวัชพืชได้อย่างดีในนา..แว๊ว ค่ะ. 👉ข้าวเป็นพืชครึ่งบกครึ่งน้ำ การปลูกข้าวในน้ำทำให้ต้นข้าวต้องเสียพลังงานในการปรับตัวดูดซึมและการหายใจทางราก วิธีการปลูกข้าวที่ถูกต้องน่าจะเป็นแบบเปียกสลับแห้ง น่าจะเป็นคำตอบที่เหมาะสมกับการเจริญเติบโตในทุกช่วงวัยของข้าว เพราะว่าพิสูจน์แล้วว่า..แตกกอได้ดี ลำต้นอวบแข็งแรง ข้าวไม่ล้ม และผลผลิตสูงที่สุด. 👉 พันธุ์ข้าวดัดแปลง/ ลูกผสม จากบริษัทการเกษตรพันธสัญญายักษ์ใหญ่ ได้ถูกออกแบบให้สนองตอบต่อยาและสารเคมีที่กำหนดให้เท่านั้น ทำให้เกษตรกรถูกควบคุมเป็นตัวประกัน และแปรสภาพจากเจ้าของที่ดิน กลายเป็นลูกจ้างบนที่ดินเดิมนั้น. หากว่า..ชาวนา ไม่ปฏิวัติ หันมาผลิตข้าวนาเกษตรธรรมชาติ(ต้นทุนต่ำ) ร่วมกับทำสวนผสมให้มีรายได้เพิ่ม สม่ำเสมอทุกวัน ใช้จักรกลทางการเกษตรที่ลดค่าแรงงาน ลดความเสี่ยง เพิ่มรอบผลผลิต สุดท้าย..คือ สูญเสียที่ดินทำกิน.
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เปลี่ยนใจเพราะไปสัญญากับแฟนเพจ
    #ครบ1500ไลค์ก็จัดไป
    นิทาน ชาวนากับงูเหม็นจอมหงี่
    ตอน เปิดวังศรีธัญญ่ากับเทพหมา888
    กลางครั้งหนึ่ง ที่ไม่ย้อนในสามอีพีที่ผ่านมา
    วันนี้ เราไปเปิดวังศรีธัญญ่าที่ปัจุบัน เป็นที่รู้กันว่า มีเทพแม่เลี้ยงเดี่ยว
    ที่ไม่มีที่พึ่งพาทางใจอยู่ไม่ต่ำกว่า 70 เปอร์เซ็น
    หวังคำมโน จากเฒ่าจีมันทโน เพื่อชะโลมใจ โดยยอมแลกด้วย
    ด้วยพรที่มีแบบหมดหน้าตัก
    แต่ เทพตัวผู้ก็มี เช่น ไอ่ปี๋หน้าเห็ด ที่หลุดเข้าไปได้เพราะความกาก ความต่ำ เฒ่าจีมันทโน ดึงไปท่ามกลางเทพเป๋าหนัก เพื่อเป็นลูกมือในการทำอะไรก็ตามที่มันมีความเสี่ยง เพราะคนอย่างปี๋ พี่เหือ ทำได้ทุกอย่าง
    แต่วันนี้ เราจะพุ่งเป้ามาดูตัวละครลับ แต่เป็นตัวสำคัญในนิทานเรื่องนี้
    ที่ยังไม่มีใครเปิด แต่พี่คิงส์เปิดก่อนเลยไม่รอ เพราะตอนนี้ เทพตนนี้ใช้ทรัพยากรที่มี เล่นงานเพื่อนชาวนา ถึงกับบ้านปลิวไปหลายหลัง
    ขอให้แฟนเพจทุกท่าน ทำความรู้จักกับ เทพหมา888 เทพหมา เป็นการจำแลงกายมา จริงๆก็ไม่ได้อินอะไรกับบทบาทของอินังงูเหม็น แต่นี่คือช่องทางในการเปลี่ยนกงเต็กจากโลกแห่งความมืด ให้กลายเป็นเงินจริงในโลกมนุษย์
    -เทพหมา888 ก็คือมารหมา888 แค่เข้ามาฝังในวังศรีธัญญ่า เออ ออ ไปตามประสา และยังมีร่างทรงกองกอย ไว้ส่งของขวัญหนักๆ แบบไม่เปิดหน้า ในระหว่างการแข่งขันของนังงูพิษ
    -มารหมา888 เป็นเจ้าพ่อ ของโลกแห่งความมืด มีมารสีกากีอยู่เบื้องหลัง จึงรอดมาได้ถึงวันนี้ แต่ปัญหาก็คือ กงเต็กที่มี มันเอาออกมาไม่ได้ มีเป็นแสนล้าน ก็เหมือนไม่มี และช่วงที่ผ่านมา มีการสืบเส้นทางของกงเต็กหนักมาก ทำให้หลายธุรกิจที่สั่งให้ผีดิบเมืองมนุษ์ทำ เช่น การขายเกวียนมือสอง การซื้อวัง แม้กระทั่ง กลุ่มซุปเปอร์เกวียน ต้องเทกันจ้าระหวั่น เพื่อดึงเข้าสู่ระบบกงเต็กคืน ไม่งั้นบังลัย
    -เทพหมา888 ถึงจะยิ่งใหญ่ในโลกแห่งความมืด แต่ก็ยังมีจักรวาลแห่งความมืด ที่ยิ่งใหญ่กว่า โดยจักรวาลแห่งความมืด คือเจ้าของตัวจริงของวังศรีธัญญ่า โดยมีการสร้างบ้านหลังหนึ่ง ชื่อ เอเจนซ่า ไว้รวบรวมคนแบบ งูเหม็น เอาไว้สร้างการแข่งขัน เพื่อให้ ทั้งโลกและจักรวาลแห่งความมืด ใช้แทรกกงเต็กเข้าระบบ และเปลี่ยนเป็นเงินของโลกมนุษย์ให้สะอาด
    -มารหมา888 จึงวางโปรเจคใหญ่ ด้วยการเพิ่มปริมาณทรัพยากร ด้วยทุนทรัพย์ที่มหาศาลจากจักรวาลแห่งความมืด ระดมมารทั่วจักรวาลมาทำงานใหญ่ มีทั้งเครื่องมือเทพ ไว้สร้างผีกองกอย ได้จำนวนมหาศาล ไว้ปั่นป่วนทั้งภพเทพ และภพมนุษย์
    -ช่วงนี้ บ้านคนดีๆถูกพายุผี พัดบ้านปลิวไปทีละหลังสองหลัง
    โดยมี จีมันทโน นังเฒ่า สร้างวาทะกรรมว่า เพื่อนชาวนาหน้าหล่อ สงบปากสงบคำ ก็เพราะตาสว่าง แต่เบื้องหลัง ใช้ไอ่ปี๋หน้าเห็ด บัญชาการชั้นรอง ปักเป้านำผีนรกเป็นฝูงราว 500-2000 ตัว เข้าปะทะบ้านคนดีๆพร้อมกัน บ้านจึงปลิวไปอย่างน่าเสียดาย
    แต่ เรื่องนี้ ได้ถึงเง็กเซียน และได้ส่งทหารสวรรค์ เข้ามาตรวจสอบ
    แต่ความพยามอย่างไม่ลดละ ของจักรวาลแห่งความมืด มันก็อัดฉีดเต็มกำลัง เพราะทั้งทวีปมนุษย์สีขาว สีเหลือง สีดำ หรือหน้าคมเข้ม ต่างก็รู้แผนของโลกแห่งความมืด และขับไล่ออกจากดินแดน
    ดังนั้น โลกแห่งความอิสระนี่แหละ ที่เป็นเป้าหมาย
    เพราะเต็มไปด้วยจองหงวน และผู้มีอำนาจที่ช่อฉล
    พร้อมเปิดทางให้โลกและจักรวาลแห่งความมืด ได้ความง่ายดายในทุกแผน
    แต่ก็ยังมีจองหงวน และจอมยุทธทั่วหล้า ที่พร้อมจะยืนหยัด
    ไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือชาวนาหน้าหล่อ 1 คนอีกต่อไป
    แต่มันคือการยืนหยัดเพื่อรักษาพิภพนี้
    เพราะเมื่อใด ที่โลกแห่งความอิสระ ถูกครอบด้วยวิถีมาร
    จากจักรวาลแห่งความมืด นั่นหมายถึงเราจะไม่สามารถย้อนเวลากลับไป
    จากจุดที่เคยอยู่กันอย่างผาสุขอีกเลย
    และนี่คือ อีพี 4
    ทั้งๆที่พี่คิงส์เอง ก็คิดว่าจะไม่ทำแล้ว อยากชนตรงๆ
    แต่มองดูสัญญา ที่ให้ไว้กับแฟนเพจ ก็ต้องทำ
    ไหนๆก็ทำแล้ว เพจคิงส์โพธิ์แดง
    ก็จะเปิดทั้งความจริงแบบตรงๆ
    และมีนิทานสนุกๆที่ไม่ได้อ้างอิงกับคนจริงๆ
    ไว้ให้แฟนเพจได้อ่านกัน
    ส่วนไอ่เฒ่าผู้คลั่งรักที่ฟันหน้าหายหมดแล้ว
    ปล่อยมันให้กลับคืนสู่ธรรมชาติ
    ระดับลิ่วล้อกากๆ ละไว้ก่อน ให้มันเพ้อไปว่ายิงแอดเป็นแล้ว
    ช่วงนี้ของเล่นหัวเท่านั้น รอติดตามอีพีห้าต่อไป
    เดี๋ยวหัวค่ำ จะทำเป็นนิทานเสียง ให้แฟนเพจที่ไม่ชอบอ่านยาวๆได้ฟังกัน
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เปลี่ยนใจเพราะไปสัญญากับแฟนเพจ #ครบ1500ไลค์ก็จัดไป นิทาน ชาวนากับงูเหม็นจอมหงี่ ตอน เปิดวังศรีธัญญ่ากับเทพหมา888 กลางครั้งหนึ่ง ที่ไม่ย้อนในสามอีพีที่ผ่านมา วันนี้ เราไปเปิดวังศรีธัญญ่าที่ปัจุบัน เป็นที่รู้กันว่า มีเทพแม่เลี้ยงเดี่ยว ที่ไม่มีที่พึ่งพาทางใจอยู่ไม่ต่ำกว่า 70 เปอร์เซ็น หวังคำมโน จากเฒ่าจีมันทโน เพื่อชะโลมใจ โดยยอมแลกด้วย ด้วยพรที่มีแบบหมดหน้าตัก แต่ เทพตัวผู้ก็มี เช่น ไอ่ปี๋หน้าเห็ด ที่หลุดเข้าไปได้เพราะความกาก ความต่ำ เฒ่าจีมันทโน ดึงไปท่ามกลางเทพเป๋าหนัก เพื่อเป็นลูกมือในการทำอะไรก็ตามที่มันมีความเสี่ยง เพราะคนอย่างปี๋ พี่เหือ ทำได้ทุกอย่าง แต่วันนี้ เราจะพุ่งเป้ามาดูตัวละครลับ แต่เป็นตัวสำคัญในนิทานเรื่องนี้ ที่ยังไม่มีใครเปิด แต่พี่คิงส์เปิดก่อนเลยไม่รอ เพราะตอนนี้ เทพตนนี้ใช้ทรัพยากรที่มี เล่นงานเพื่อนชาวนา ถึงกับบ้านปลิวไปหลายหลัง ขอให้แฟนเพจทุกท่าน ทำความรู้จักกับ เทพหมา888 เทพหมา เป็นการจำแลงกายมา จริงๆก็ไม่ได้อินอะไรกับบทบาทของอินังงูเหม็น แต่นี่คือช่องทางในการเปลี่ยนกงเต็กจากโลกแห่งความมืด ให้กลายเป็นเงินจริงในโลกมนุษย์ -เทพหมา888 ก็คือมารหมา888 แค่เข้ามาฝังในวังศรีธัญญ่า เออ ออ ไปตามประสา และยังมีร่างทรงกองกอย ไว้ส่งของขวัญหนักๆ แบบไม่เปิดหน้า ในระหว่างการแข่งขันของนังงูพิษ -มารหมา888 เป็นเจ้าพ่อ ของโลกแห่งความมืด มีมารสีกากีอยู่เบื้องหลัง จึงรอดมาได้ถึงวันนี้ แต่ปัญหาก็คือ กงเต็กที่มี มันเอาออกมาไม่ได้ มีเป็นแสนล้าน ก็เหมือนไม่มี และช่วงที่ผ่านมา มีการสืบเส้นทางของกงเต็กหนักมาก ทำให้หลายธุรกิจที่สั่งให้ผีดิบเมืองมนุษ์ทำ เช่น การขายเกวียนมือสอง การซื้อวัง แม้กระทั่ง กลุ่มซุปเปอร์เกวียน ต้องเทกันจ้าระหวั่น เพื่อดึงเข้าสู่ระบบกงเต็กคืน ไม่งั้นบังลัย -เทพหมา888 ถึงจะยิ่งใหญ่ในโลกแห่งความมืด แต่ก็ยังมีจักรวาลแห่งความมืด ที่ยิ่งใหญ่กว่า โดยจักรวาลแห่งความมืด คือเจ้าของตัวจริงของวังศรีธัญญ่า โดยมีการสร้างบ้านหลังหนึ่ง ชื่อ เอเจนซ่า ไว้รวบรวมคนแบบ งูเหม็น เอาไว้สร้างการแข่งขัน เพื่อให้ ทั้งโลกและจักรวาลแห่งความมืด ใช้แทรกกงเต็กเข้าระบบ และเปลี่ยนเป็นเงินของโลกมนุษย์ให้สะอาด -มารหมา888 จึงวางโปรเจคใหญ่ ด้วยการเพิ่มปริมาณทรัพยากร ด้วยทุนทรัพย์ที่มหาศาลจากจักรวาลแห่งความมืด ระดมมารทั่วจักรวาลมาทำงานใหญ่ มีทั้งเครื่องมือเทพ ไว้สร้างผีกองกอย ได้จำนวนมหาศาล ไว้ปั่นป่วนทั้งภพเทพ และภพมนุษย์ -ช่วงนี้ บ้านคนดีๆถูกพายุผี พัดบ้านปลิวไปทีละหลังสองหลัง โดยมี จีมันทโน นังเฒ่า สร้างวาทะกรรมว่า เพื่อนชาวนาหน้าหล่อ สงบปากสงบคำ ก็เพราะตาสว่าง แต่เบื้องหลัง ใช้ไอ่ปี๋หน้าเห็ด บัญชาการชั้นรอง ปักเป้านำผีนรกเป็นฝูงราว 500-2000 ตัว เข้าปะทะบ้านคนดีๆพร้อมกัน บ้านจึงปลิวไปอย่างน่าเสียดาย แต่ เรื่องนี้ ได้ถึงเง็กเซียน และได้ส่งทหารสวรรค์ เข้ามาตรวจสอบ แต่ความพยามอย่างไม่ลดละ ของจักรวาลแห่งความมืด มันก็อัดฉีดเต็มกำลัง เพราะทั้งทวีปมนุษย์สีขาว สีเหลือง สีดำ หรือหน้าคมเข้ม ต่างก็รู้แผนของโลกแห่งความมืด และขับไล่ออกจากดินแดน ดังนั้น โลกแห่งความอิสระนี่แหละ ที่เป็นเป้าหมาย เพราะเต็มไปด้วยจองหงวน และผู้มีอำนาจที่ช่อฉล พร้อมเปิดทางให้โลกและจักรวาลแห่งความมืด ได้ความง่ายดายในทุกแผน แต่ก็ยังมีจองหงวน และจอมยุทธทั่วหล้า ที่พร้อมจะยืนหยัด ไม่ใช่เพื่อช่วยเหลือชาวนาหน้าหล่อ 1 คนอีกต่อไป แต่มันคือการยืนหยัดเพื่อรักษาพิภพนี้ เพราะเมื่อใด ที่โลกแห่งความอิสระ ถูกครอบด้วยวิถีมาร จากจักรวาลแห่งความมืด นั่นหมายถึงเราจะไม่สามารถย้อนเวลากลับไป จากจุดที่เคยอยู่กันอย่างผาสุขอีกเลย และนี่คือ อีพี 4 ทั้งๆที่พี่คิงส์เอง ก็คิดว่าจะไม่ทำแล้ว อยากชนตรงๆ แต่มองดูสัญญา ที่ให้ไว้กับแฟนเพจ ก็ต้องทำ ไหนๆก็ทำแล้ว เพจคิงส์โพธิ์แดง ก็จะเปิดทั้งความจริงแบบตรงๆ และมีนิทานสนุกๆที่ไม่ได้อ้างอิงกับคนจริงๆ ไว้ให้แฟนเพจได้อ่านกัน ส่วนไอ่เฒ่าผู้คลั่งรักที่ฟันหน้าหายหมดแล้ว ปล่อยมันให้กลับคืนสู่ธรรมชาติ ระดับลิ่วล้อกากๆ ละไว้ก่อน ให้มันเพ้อไปว่ายิงแอดเป็นแล้ว ช่วงนี้ของเล่นหัวเท่านั้น รอติดตามอีพีห้าต่อไป เดี๋ยวหัวค่ำ จะทำเป็นนิทานเสียง ให้แฟนเพจที่ไม่ชอบอ่านยาวๆได้ฟังกัน #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 975 มุมมอง 0 รีวิว
  • #อุรณสวัสดิ์แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดง
    เช้าๆแบบนี้ พี่คิงส์อยากคุยเรื่องแรงจูงใจสู่ความสำเร็จ
    แต่ละคน ล้วนแล้วแต่มีการตั้งเป้าหมายเพื่อให้ชีวิตไปถึงจุด
    ที่เป็นความต้องการ บ้างก็อยากมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี
    บ้างก็อยากมีทรัพย์สินเงินทองเยอะๆ บ้างขอเพียงแค่อยู่อย่างไม่ลำบาก
    แต่ต้องยอมรับว่า สำหรับตัวละครหนึ่ง
    ในนิทานเรื่อง "ชาวนากับงูจอมหงี่"
    ตัวละครหนึ่งที่ได้รับความสนใจมากคือ ปี๋หน้าเห็ด
    ซึ่ง เค้าก็มีเป้าหมายที่ชัดเจน ชนิดที่เค้าเองก็ไม่เคยออกมาปฏิเสธ
    มีความชัดเจนถึงจุดยืน
    ในสมัยก่อนที่มีอาชีพขี่เกวียนเวียนส่งผักส่งปลาในพื้นที่เมืองแห่งการเริ่มต้น
    ปี๋หน้าเห็นสร้างวีระกรรมไว้อย่างโชกโชน โดยเฉพาะเรื่องการฉุด การหาเศษหาเลยกับแม่นางในเมือง จนเป็นที่โจษจันกันอย่างกว้างขวาง ถ้าปี๋ ขี่เกวียนมา บรรดาประชาชนต่างกันแตกตื่น ต้องปิดบ้านปิดเรือนล็อคบ้านให้เรียบร้อย
    ปี๋หน้าเห็ด มักอ้างว่าตนเองมีพี่เป็นจองหงวน ซึ่งถ้าจริง ครอบครัวปี๋หน้าเห็ดก็ควรตรวจดีเอ็นเอ เพราะทั้งหน้าตาและสมองช่างต่างกับพี่เสียเหลือเกิน แต่ถ้าไม่จริง ก็เป็นเรื่องอัปยศที่สร้างไว้เพื่อหวังให้ผู้อื่นยำเกรง
    ปี๋หน้าเห็ด ขี่เกวียนเวียนส่งผัก ช่างกล้านัก ลูกค้าฝากเงินค่าผักไปให้แม่ค้า ปี๋หน้าเห็ด เชิดหน้าตาเฉย จนทำให้ผู้คนต่างตามล่าหาตัวกันทั่วเมืองแห่งการเริ่มต้น นั่นคือความเป็นโจนที่มีอยู่ในตัวปี๋ อย่างเต็มระบบ
    -สำหรับคนแบบปี๋ ก็ทำให้ต้องมาขุดตัวละครนี้ ให้ลึกไปอีกว่า เงินที่หามา จากการขี่เกวียน และที่เชิดไปนั้นเอาไปไหน กลับพบว่า ปี๋หน้าเห็น เป็นคนที่มมีกำหนัดสูงปรี๊ด ถ้าไม่มีตังค์ ปี๋ จะใช้การสำเร็จโทษด้วยแม่นางทั้งห้า แต่ถ้าปี๋ได้ตังค์มาจากใดๆ ก็จะต้องไปหาสำนักโคมเขียว เพื่อระบายน้ำเน่าในตัว ดังนั้นสำหรับตัวละครตัวนี้
    แรงจูงใจในการชับเคลื่อนชีวิต คือ เพื่อพี่เท่านั้น พี่ไม่ใช่หมายถึงพี่ชายพี่สาว หรือพี่จีมันทโน แต่เป็น "พี่เหือ"
    วีรกรรมของตัวละครนี้ยังมีอีกเยอะ ไว้ค่อยๆเป็นค่อยๆไป
    เพราะนิทานเรื่องนี้ คงอีกหลายพีอี กว่าจะจบ
    เดี๋ยวรอติดตาม EP4 เจาะเทพในวังศรีธัญญ่าตัวสำคัญอีก 1 ตัว
    ที่พี่คิงส์ใบให้ทายเมื่อวานไปแล้ว
    รอติดตาม
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #อุรณสวัสดิ์แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดง เช้าๆแบบนี้ พี่คิงส์อยากคุยเรื่องแรงจูงใจสู่ความสำเร็จ แต่ละคน ล้วนแล้วแต่มีการตั้งเป้าหมายเพื่อให้ชีวิตไปถึงจุด ที่เป็นความต้องการ บ้างก็อยากมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่ดี บ้างก็อยากมีทรัพย์สินเงินทองเยอะๆ บ้างขอเพียงแค่อยู่อย่างไม่ลำบาก แต่ต้องยอมรับว่า สำหรับตัวละครหนึ่ง ในนิทานเรื่อง "ชาวนากับงูจอมหงี่" ตัวละครหนึ่งที่ได้รับความสนใจมากคือ ปี๋หน้าเห็ด ซึ่ง เค้าก็มีเป้าหมายที่ชัดเจน ชนิดที่เค้าเองก็ไม่เคยออกมาปฏิเสธ มีความชัดเจนถึงจุดยืน ในสมัยก่อนที่มีอาชีพขี่เกวียนเวียนส่งผักส่งปลาในพื้นที่เมืองแห่งการเริ่มต้น ปี๋หน้าเห็นสร้างวีระกรรมไว้อย่างโชกโชน โดยเฉพาะเรื่องการฉุด การหาเศษหาเลยกับแม่นางในเมือง จนเป็นที่โจษจันกันอย่างกว้างขวาง ถ้าปี๋ ขี่เกวียนมา บรรดาประชาชนต่างกันแตกตื่น ต้องปิดบ้านปิดเรือนล็อคบ้านให้เรียบร้อย ปี๋หน้าเห็ด มักอ้างว่าตนเองมีพี่เป็นจองหงวน ซึ่งถ้าจริง ครอบครัวปี๋หน้าเห็ดก็ควรตรวจดีเอ็นเอ เพราะทั้งหน้าตาและสมองช่างต่างกับพี่เสียเหลือเกิน แต่ถ้าไม่จริง ก็เป็นเรื่องอัปยศที่สร้างไว้เพื่อหวังให้ผู้อื่นยำเกรง ปี๋หน้าเห็ด ขี่เกวียนเวียนส่งผัก ช่างกล้านัก ลูกค้าฝากเงินค่าผักไปให้แม่ค้า ปี๋หน้าเห็ด เชิดหน้าตาเฉย จนทำให้ผู้คนต่างตามล่าหาตัวกันทั่วเมืองแห่งการเริ่มต้น นั่นคือความเป็นโจนที่มีอยู่ในตัวปี๋ อย่างเต็มระบบ -สำหรับคนแบบปี๋ ก็ทำให้ต้องมาขุดตัวละครนี้ ให้ลึกไปอีกว่า เงินที่หามา จากการขี่เกวียน และที่เชิดไปนั้นเอาไปไหน กลับพบว่า ปี๋หน้าเห็น เป็นคนที่มมีกำหนัดสูงปรี๊ด ถ้าไม่มีตังค์ ปี๋ จะใช้การสำเร็จโทษด้วยแม่นางทั้งห้า แต่ถ้าปี๋ได้ตังค์มาจากใดๆ ก็จะต้องไปหาสำนักโคมเขียว เพื่อระบายน้ำเน่าในตัว ดังนั้นสำหรับตัวละครตัวนี้ แรงจูงใจในการชับเคลื่อนชีวิต คือ เพื่อพี่เท่านั้น พี่ไม่ใช่หมายถึงพี่ชายพี่สาว หรือพี่จีมันทโน แต่เป็น "พี่เหือ" วีรกรรมของตัวละครนี้ยังมีอีกเยอะ ไว้ค่อยๆเป็นค่อยๆไป เพราะนิทานเรื่องนี้ คงอีกหลายพีอี กว่าจะจบ เดี๋ยวรอติดตาม EP4 เจาะเทพในวังศรีธัญญ่าตัวสำคัญอีก 1 ตัว ที่พี่คิงส์ใบให้ทายเมื่อวานไปแล้ว รอติดตาม #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 980 มุมมอง 0 รีวิว
  • #สำหรับดาราและตตเกอร์
    ระวังนะครับ แบบที่ไม่ตั้งใจ
    และกรณีแบบที่ตั้งใจ บินไปเวียดนาม
    ข้อมูลพี่มีหมดนะ
    (มีแม้กระทั่งในสิ่งที่ชาวนาหน้าหล่อไม่รู้)
    ถ้าไม่ถอนตัว ไม่หยุด
    พี่คิงส์จะไม่เกรงใจนะครับ
    ถึงงานแสดงมันจะไม่ค่อยมี
    ละครจะไม่ค่อยได้เล่นกันแล้ว
    แต่อย่าหาทางออกแบบนี้
    คุณรู้มั๊ย เงินดาร์คได้มาแบบไหน
    ถ้าคุณรู้ คุณจะหนาว
    อย่าหาว่าพี่คิงส์ไม่เตือน
    ให้โอกาสเปลี่ยนใจ
    ส่วนคนที่ไม่รู้ ถ้าตอนนี้มีคนต่างชาติ
    ติดต่อ ให้ค่าตอบแทนมากผิดปกติ
    เพื่อให้เข้าไปทำพีอาร์ที่นำไปสู่
    การจัดบิ๊กแม๊ตในอนาคต
    ให้ตีไว้ก่อนเลยว่า เงินดาร์ค
    เพราะพวกนี้ ถ้ามันโอนใหุ้คุณ
    มันจะโอนแบบตรงๆจากบชฟอก
    ไปบช คุณ มันไม่เซฟคุณแน่นอน
    มันจะให้คุณโดนหางเลขไปด้วย
    แต่ระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่จะหาตัวมันไม่เจอ
    แต่เจอคุณก่อนแน่นอน เซฟตัวเองด้วย
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #สำหรับดาราและตตเกอร์ ระวังนะครับ แบบที่ไม่ตั้งใจ และกรณีแบบที่ตั้งใจ บินไปเวียดนาม ข้อมูลพี่มีหมดนะ (มีแม้กระทั่งในสิ่งที่ชาวนาหน้าหล่อไม่รู้) ถ้าไม่ถอนตัว ไม่หยุด พี่คิงส์จะไม่เกรงใจนะครับ ถึงงานแสดงมันจะไม่ค่อยมี ละครจะไม่ค่อยได้เล่นกันแล้ว แต่อย่าหาทางออกแบบนี้ คุณรู้มั๊ย เงินดาร์คได้มาแบบไหน ถ้าคุณรู้ คุณจะหนาว อย่าหาว่าพี่คิงส์ไม่เตือน ให้โอกาสเปลี่ยนใจ ส่วนคนที่ไม่รู้ ถ้าตอนนี้มีคนต่างชาติ ติดต่อ ให้ค่าตอบแทนมากผิดปกติ เพื่อให้เข้าไปทำพีอาร์ที่นำไปสู่ การจัดบิ๊กแม๊ตในอนาคต ให้ตีไว้ก่อนเลยว่า เงินดาร์ค เพราะพวกนี้ ถ้ามันโอนใหุ้คุณ มันจะโอนแบบตรงๆจากบชฟอก ไปบช คุณ มันไม่เซฟคุณแน่นอน มันจะให้คุณโดนหางเลขไปด้วย แต่ระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่จะหาตัวมันไม่เจอ แต่เจอคุณก่อนแน่นอน เซฟตัวเองด้วย #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 947 มุมมอง 0 รีวิว
  • #พวกเมิงก็ลองสิ
    อันนี้แค่เอาภาพดารามาประกอบนะครับนะ
    ไม่เกี่ยวกับเนื้อหานิทาน
    อิเฒ่าโจให้ปี๋หน้าเห็ดไปสร้างทีมปั่นในกระจกวิเศษ
    แต่ก็มีเล่นถึงครอบครัวชาวนาหน้าหล่อ
    เอากะเรวาราดมาทำงานดาร์ค
    กะเซฟอะดิอิเฒ่าจี จะได้เหลือส่วนต่างเยอะๆ
    ช่วงนี้ พี่คิงส์ขอหัวเราะเสียงอื่นนอกจาก 555 ได้มั๊ย
    ขอหัวเราะเป็น 888
    แล้วขอจามเป็นเสียงอื่นได้มั๊ย ไม่เอาแล้ว ฮัดเชิ้ย
    ขอจามเป็น โฮ่งๆ 9
    และขอหาวเป็นเสียงอื่นได้มั๊ย ไม่เอา ฮ้าวววววว
    แต่เป็น นายทุน นายทุน อะไรแบบนี้
    พอดีคิดเนื้อหาในนิทานแหละ อย่าคิดมากครับ
    อย่าไปโยงมั่วๆอีกหล่ะ เป็นเรื่องในวังศรีธัญญ่านั่นแหละ
    อ้อ นิทานเค้าบอกว่า มีหนึ่งในเทพเค้ารับคนจากพิภพดาร์คไม่อั้นนะ
    ดูเหมือนจะมีงานหย่ายยยยย เอาผีดิบที่เคยใช้สำหรับงานน้ำเต้า ปู ปลา
    แต่เอามาหลอกเพื่อนชาวนาหน้าหล่อ ได้ข่าวว่า ลมผีดิบผัดปลิวไปหลายหลังแล้วเหมือนกันนะ
    เออ มันก็แค่นิทาน อย่าไปโยง
    แค่นั้นแหละ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #พวกเมิงก็ลองสิ อันนี้แค่เอาภาพดารามาประกอบนะครับนะ ไม่เกี่ยวกับเนื้อหานิทาน อิเฒ่าโจให้ปี๋หน้าเห็ดไปสร้างทีมปั่นในกระจกวิเศษ แต่ก็มีเล่นถึงครอบครัวชาวนาหน้าหล่อ เอากะเรวาราดมาทำงานดาร์ค กะเซฟอะดิอิเฒ่าจี จะได้เหลือส่วนต่างเยอะๆ ช่วงนี้ พี่คิงส์ขอหัวเราะเสียงอื่นนอกจาก 555 ได้มั๊ย ขอหัวเราะเป็น 888 แล้วขอจามเป็นเสียงอื่นได้มั๊ย ไม่เอาแล้ว ฮัดเชิ้ย ขอจามเป็น โฮ่งๆ 9 และขอหาวเป็นเสียงอื่นได้มั๊ย ไม่เอา ฮ้าวววววว แต่เป็น นายทุน นายทุน อะไรแบบนี้ พอดีคิดเนื้อหาในนิทานแหละ อย่าคิดมากครับ อย่าไปโยงมั่วๆอีกหล่ะ เป็นเรื่องในวังศรีธัญญ่านั่นแหละ อ้อ นิทานเค้าบอกว่า มีหนึ่งในเทพเค้ารับคนจากพิภพดาร์คไม่อั้นนะ ดูเหมือนจะมีงานหย่ายยยยย เอาผีดิบที่เคยใช้สำหรับงานน้ำเต้า ปู ปลา แต่เอามาหลอกเพื่อนชาวนาหน้าหล่อ ได้ข่าวว่า ลมผีดิบผัดปลิวไปหลายหลังแล้วเหมือนกันนะ เออ มันก็แค่นิทาน อย่าไปโยง แค่นั้นแหละ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 971 มุมมอง 0 รีวิว
  • ชอบความเดา นี่พี่คิงส์ก็กลายเป็นคนในบ้านชาวนาหน้าหล่อไปแล้ว เออ ใช่ก็ได้ แต่ในนิทานนะ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    ชอบความเดา นี่พี่คิงส์ก็กลายเป็นคนในบ้านชาวนาหน้าหล่อไปแล้ว เออ ใช่ก็ได้ แต่ในนิทานนะ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 886 มุมมอง 0 รีวิว
  • #นิทานEP3ชาวนากับงูเหม็นจอมหงี่
    #ตอนเปิดเทพแห่งวังศรีธัญญ่า
    สวัสดี แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดง และคิงส์ปีศาจ
    ความสนุกเข้มข้น ของนิทานกำลังไต่ระดับเพดานที่จะมีความข้นขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสำหรับใครที่รู้สึกตาลาย เดี๋ยวซักครู่พี่คิงส์จะมาทำเป็นสารมีเสียงให้ และถ้าคุณคนพร้อม เรามาเริ่มกันเลย
    ย้ำอีกครั้งว่า นิทานเรื่องนี้ถูกสร้างมาเพื่อความบันเทิงและเป็นคติสอนใจเท่านั้น ไม่ได้มิได้มีความเกี่ยวข้องกับบุคคลจริงแต่อย่างใด อย่าทะลึ่งเอาไปโยงเดี๋ยวจะต้องมีคนออกมาดิ้นแก้ตัวอีก ไอ่ฉัด
    กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ที่พี่คิงส์จะไม่ย้อนไปสองอีพีก่อนหน้า ขอพาท่านมารู้จักกับวังศรีธัญญ่า
    วังศรีธัญญ่า มีนังเฒ่าจี หรือชื่อเต็มๆคือ จีมัณฑโน เป็นผู้ดูแลเรียกได้ว่าเป็นเจ้าแม่แห่งวัง โดยนังเฒ่าจีก็ไม่ได้รายได้ทางตรงจากวังแต่อย่างใด แต่ก็ไม่ได้ทำฟรี มีรายได้จากการจ้างนอกระบบ ของกลุ่มมารดำข้ามพิภพ เดี๋ยวพี่คิงส์จะเล่าตอนมารดำข้ามพิภพแยกไปเป็นอีพีอื่นๆอีกที
    สำหรับวังศรีธัญญ่านี้ เกิดขึ้นตั้งแต่ งูจอมหงี่พบกับชาวนาหน้าหล่อ และมีการถ่ายทอดผ่านกระจกวิเศษ ด้วยการแสดงของนังงู ก็ทำให้คนที่มีความรักในตัวชาวนาหน้าหล่อ ต่างพากันเอ็นดู และเป็นการฉวยโอกาสที่เฒ่าจีมัณฑโน ต้องการแสวงหาประโยชน์จากงานนี้ ด้วยขอเสนอดีๆกับกลุ่มดาร์คข้ามพิภพ ทำให้เฒ่าจีแทบไม่ต้องทำมาหารับประทานใดๆเลย เพียงแค่คุมคนในวังให้อยู่ก็พอ - อ่านต่อที่เพจคิงส์ปีศาจ
    - เนื้อหานิทานไม่ได้สั้นแบบนี้ เพราะยังไม่จบเพียงเท่านี้ นี่เป็นเพียงเริ่มต้น
    อยากอ่านยาวๆจนจบ พีอี3 ไปอ่านต่อได้ที่
    เพจ คิงส์ปีศาจ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #นิทานEP3ชาวนากับงูเหม็นจอมหงี่ #ตอนเปิดเทพแห่งวังศรีธัญญ่า สวัสดี แฟนเพจคิงส์โพธิ์แดง และคิงส์ปีศาจ ความสนุกเข้มข้น ของนิทานกำลังไต่ระดับเพดานที่จะมีความข้นขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสำหรับใครที่รู้สึกตาลาย เดี๋ยวซักครู่พี่คิงส์จะมาทำเป็นสารมีเสียงให้ และถ้าคุณคนพร้อม เรามาเริ่มกันเลย ย้ำอีกครั้งว่า นิทานเรื่องนี้ถูกสร้างมาเพื่อความบันเทิงและเป็นคติสอนใจเท่านั้น ไม่ได้มิได้มีความเกี่ยวข้องกับบุคคลจริงแต่อย่างใด อย่าทะลึ่งเอาไปโยงเดี๋ยวจะต้องมีคนออกมาดิ้นแก้ตัวอีก ไอ่ฉัด กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว ที่พี่คิงส์จะไม่ย้อนไปสองอีพีก่อนหน้า ขอพาท่านมารู้จักกับวังศรีธัญญ่า วังศรีธัญญ่า มีนังเฒ่าจี หรือชื่อเต็มๆคือ จีมัณฑโน เป็นผู้ดูแลเรียกได้ว่าเป็นเจ้าแม่แห่งวัง โดยนังเฒ่าจีก็ไม่ได้รายได้ทางตรงจากวังแต่อย่างใด แต่ก็ไม่ได้ทำฟรี มีรายได้จากการจ้างนอกระบบ ของกลุ่มมารดำข้ามพิภพ เดี๋ยวพี่คิงส์จะเล่าตอนมารดำข้ามพิภพแยกไปเป็นอีพีอื่นๆอีกที สำหรับวังศรีธัญญ่านี้ เกิดขึ้นตั้งแต่ งูจอมหงี่พบกับชาวนาหน้าหล่อ และมีการถ่ายทอดผ่านกระจกวิเศษ ด้วยการแสดงของนังงู ก็ทำให้คนที่มีความรักในตัวชาวนาหน้าหล่อ ต่างพากันเอ็นดู และเป็นการฉวยโอกาสที่เฒ่าจีมัณฑโน ต้องการแสวงหาประโยชน์จากงานนี้ ด้วยขอเสนอดีๆกับกลุ่มดาร์คข้ามพิภพ ทำให้เฒ่าจีแทบไม่ต้องทำมาหารับประทานใดๆเลย เพียงแค่คุมคนในวังให้อยู่ก็พอ - อ่านต่อที่เพจคิงส์ปีศาจ - เนื้อหานิทานไม่ได้สั้นแบบนี้ เพราะยังไม่จบเพียงเท่านี้ นี่เป็นเพียงเริ่มต้น อยากอ่านยาวๆจนจบ พีอี3 ไปอ่านต่อได้ที่ เพจ คิงส์ปีศาจ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 858 มุมมอง 0 รีวิว
  • EP.7 วิถีสุพรรณ สร้างสรรค์มั่งคง - สุขนิยาม สยามโสภา (สุพรรณบุรี)
    》》
    https://youtu.be/7ejG-2nRzmo?si=v2auD9FcYL_rSDdi
    《《
    ■ซึ่งเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศไทย บนฝั่งแม่น้ำท่าจีน
    》》มีพระพุทธรูปบนผนังหน้าผา ที่สูงใหญ่เป็นหนึ่ง ในที่สุดของโลก
    》》เป็นแหล่งรวบรวมองค์ความรู้ในวิถีของเกษตรกรชาวนา ที่จัดทำได้อย่างน่าสนใจ
    》》สนันสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ภูมิปัญญาการเลี้ยงควายไทย
    》》ได้รับพระราชทานโครงการบรรเทาปัญหาน้ำท่วม พื้นที่การเกษตร
    》》และยังมีแหล่งเพาะปลูกแห้ว ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
    ■■■■■■■■■■■■
    #TV5HDONLINE#สยามโสภา#วิถีสุพรรณ#เมืองอู่ข้าวอู่น้ำของไทย#ศูนย์อนุรักษ์ควายไทย#เที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี#thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    EP.7 วิถีสุพรรณ สร้างสรรค์มั่งคง - สุขนิยาม สยามโสภา (สุพรรณบุรี) 》》 https://youtu.be/7ejG-2nRzmo?si=v2auD9FcYL_rSDdi 《《 ■ซึ่งเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำของประเทศไทย บนฝั่งแม่น้ำท่าจีน 》》มีพระพุทธรูปบนผนังหน้าผา ที่สูงใหญ่เป็นหนึ่ง ในที่สุดของโลก 》》เป็นแหล่งรวบรวมองค์ความรู้ในวิถีของเกษตรกรชาวนา ที่จัดทำได้อย่างน่าสนใจ 》》สนันสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ภูมิปัญญาการเลี้ยงควายไทย 》》ได้รับพระราชทานโครงการบรรเทาปัญหาน้ำท่วม พื้นที่การเกษตร 》》และยังมีแหล่งเพาะปลูกแห้ว ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ■■■■■■■■■■■■ #TV5HDONLINE​ #สยามโสภา​ #วิถีสุพรรณ​ #เมืองอู่ข้าวอู่น้ำของไทย​ #ศูนย์อนุรักษ์ควายไทย​ #เที่ยวจังหวัดสุพรรณบุรี​ #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    Like
    Love
    Wow
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1607 มุมมอง 0 รีวิว
  • ☆ร่วมเดินทางไปเช็คอิน Ep.2
    》สุพรรณบุรี《
    ■ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและ
    จิตวิญญาณชาวนาไทย (นาเฮียใช้)
    ■พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณ
    (หลวงพ่ออู่ทอง)
    ตั้งอยู่ใกล้วัดเขาทำเทียม
    ที่หน้าผามังกรบิน
    ณ พุทธมหาสถานเมืองโบราณอู่ทอง
    อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี
    ■■■■■■■■■■
    #เบื้องหลังการถ่ายรายการสยามโสภา #มะนาวก้าวเดิน #สุพรรณบุรี #เที่ยวไทยไปกับมะนาวก้าวเดิน
    #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    ☆ร่วมเดินทางไปเช็คอิน Ep.2 》สุพรรณบุรี《 ■ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและ จิตวิญญาณชาวนาไทย (นาเฮียใช้) ■พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณ (หลวงพ่ออู่ทอง) ตั้งอยู่ใกล้วัดเขาทำเทียม ที่หน้าผามังกรบิน ณ พุทธมหาสถานเมืองโบราณอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรี ■■■■■■■■■■ #เบื้องหลังการถ่ายรายการสยามโสภา #มะนาวก้าวเดิน #สุพรรณบุรี #เที่ยวไทยไปกับมะนาวก้าวเดิน #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1300 มุมมอง 374 0 รีวิว
  • ชีวิต ... สิ่งมีค่าสูงสุด
    ที่จะต้องระวังดูแลรักษา เปรียบดั่งชาวนาที่ต้องหมั่นดูแลผืนนาของตนอย่างสุดความสามารถ
    .
    ยามที่ได้ลงทุนลงแรงเพาะปลูกแล้ว
    แต่กลับปล่อยให้วันคืนล่วงไป โดยไม่ใส่ใจเท่าที่ควร ก็แน่นอนว่า #เขาจะต้องเสียใจเมื่อวันเก็บเกี่ยวมาถึง
    .
    ชีวิต ... ก็เช่นกัน
    หากละเลย ไม่ระแวดระวัง ไม่แยกแยะดี-ชั่ว กอปรก่อแต่สิ่งดีงาม เมื่อวาระสุดท้ายมาถึง เราจะต้องเสียใจขนาดไหน และเมื่อไรจึงจะมีโอกาสให้แก้ตัวอีก ?
    .
    ถามตัวเองให้จงหนักว่า
    “เวลาล่วงไป ล่วงไป บัดนี้ เรากำลังทำอะไรอยู่ ? "
    .
    ผมก็แค่ผู้ชายบ้า ๆ ชอบใช้ชีวิตง่าย ๆ มีเสียงหัวเราะเป็นมิตร
    ชีวิต ... สิ่งมีค่าสูงสุด ที่จะต้องระวังดูแลรักษา เปรียบดั่งชาวนาที่ต้องหมั่นดูแลผืนนาของตนอย่างสุดความสามารถ . ยามที่ได้ลงทุนลงแรงเพาะปลูกแล้ว แต่กลับปล่อยให้วันคืนล่วงไป โดยไม่ใส่ใจเท่าที่ควร ก็แน่นอนว่า #เขาจะต้องเสียใจเมื่อวันเก็บเกี่ยวมาถึง . ชีวิต ... ก็เช่นกัน หากละเลย ไม่ระแวดระวัง ไม่แยกแยะดี-ชั่ว กอปรก่อแต่สิ่งดีงาม เมื่อวาระสุดท้ายมาถึง เราจะต้องเสียใจขนาดไหน และเมื่อไรจึงจะมีโอกาสให้แก้ตัวอีก ? . ถามตัวเองให้จงหนักว่า “เวลาล่วงไป ล่วงไป บัดนี้ เรากำลังทำอะไรอยู่ ? " . ผมก็แค่ผู้ชายบ้า ๆ ชอบใช้ชีวิตง่าย ๆ มีเสียงหัวเราะเป็นมิตร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • #นิทานเรื่องชาวนากับงูเห่าเหม็นจอมหงี่
    นิทานเรื่องนี้ มิได้ทำการอ้างอิงจากเนื้อหาที่ไม่จริง
    เรื่องนี้ ขอเอาแค่พอสรุปเนื้อหา เพราะแฟนเพจบ่นมาเยอะว่า อ่านแล้วตาลาย
    รับรองว่าโพสนี้สั้นๆครับ เอาแค่พอเข้าใจ ไม่เกิน 1000 บรรทัด
    เรามาเริ่มกันเลย
    -กลางครั้งหนึ่ง ประมาณต้นปีนี้ มีชาวนาผู้ร่ำรวยคนหนึ่ง เป็นชาวนาหน้ามน ที่มีออร่ามาก หญิงสาวในหมู่บ้านต่างหมายปอง เพราะชาวนาคนนี้ ครบเครื่อง ทั้งหล่อ ทั้งรวย แถมมีชื่อเสียงดังไกลข้ามหมู่บ้าน
    -วันหนึ่ง ชาวนา สนุกกับการทำนาแนวใหม่ ด้วยการชวนชาวนาด้วยกัน มาร่วมการแข่งขัน พาแฟนๆมาช่วยกันรุมปลูกข้าว ใครปักข้าวได้มากกว่าคนนั้นชนะ แต่ชาวนา ก็ชวนสนุกๆหอมปากหอมคอ ได้มิตรภาพ ได้เฮฮา
    -ระหว่างนั้น ที่ชาวนารูปหล่อกำลังสนุกสนาน ก็หันไปเจอ สิ่งมีชีวิตที่หน้าตาคล้ายคน หัวเป็นงู แต่ตัวเป็นเฮี้ย ลักษณะเป็นตัวเมีย มีกลิ่นเหม็น ซึ่งก็กำลังพยายามทำนาแนวใหม่แบบชาวหนาสุดหล่อ แต่ก็แสดงความสำออย อ้างว่าตัวเองน่าสงสาร และกำลังรู้สึกหนาวว ชาวนาหนุ่มจึงตัดสินใจ ชวนเพื่อนๆที่กำลังสนุกสนานในพื้นนาของตัวเอง กับการแข่งขันปลูกข้าว ให้มาช่วย นังงูที่นาผืนนี้
    -นังงูดีใจ ตื่นตาตื่นใจอย่างมาก เพราะไม่เคยคิดว่า จะสามารถต้มคนได้ประสบความสำเร็จขนาดนี้ จึงเริ่มออกอุบาย แปลงกายใส่หน้ากาก ว่าตัวเองนั้นคือคน ที่เป็นยายโกะที่น่ารัก ทั้งๆที่นังงู อายุมากกว่า 1000 ปีแล้ว และกรำศึกมาโชกโชน
    -ชาวนาเห็นว่า นังงูเหม็น น่าสงสาร และโดนมนต์ดำของนังงูไปชั่วขณะหนึ่ง จนพลาดนำนังงูเข้ามาในบ้าน แต่ลักษณะของนังงู มีความผิดปกตินับร้อยๆเรื่อง
    นังงูเหม็น เป็นลำยอง ทุกครั้งที่สโหลสะเหล จะมีอาการหงี่อย่างแรง เรียกว่า ขาดของไม่ได้ และมีหลายครั้งที่นังงู พยายามจะทำตัวเป็นนังงูขย่มตอ แต่ชาวนาหน้าหล่อกลับปัดป้อง ด้วยเพราะคุณธรรมของชาวนา และความซกมกของนังงู ทำให้ชาวนายังรอดปลอดภัย
    -มันจึงเกิดเรื่องขึ้น นั่งงูไม่ได้หยำเปย์แค่บางวัน แต่หยำเปย์เป็นลำยองทุกคืน ในเหยือกเยติที่เห็นนั้นน่ะ ไม่ใช่น้ำ มันเป็นแอล ในเมื่อชาวนาไม่สนอง ก็ต้องหาทางออก
    โดยแทบทุกคืน ช่วงเวลาประมาณตีสอง โดยเฉพาะวันที่แสงจันทราสาดส่อง ความหงี่จะเพิ่มเป็นทวีคุณ งูเหม็นจึงโทรเรียก ชายที่มาจากดินแดนมนุษย์งูเหมือนกัน ที่เรียกว่า เพื่อน ที่เป็นคนชวนให้นังงู รู้จักการทำนาแนวใหม่
    -ชาวนา รู้ และเห็นทุกอย่าง และห้าม ไม่ให้ทำแบบนี้ พยายามจะปรับให้นังงู ให้ดีขึ้น แต่นังงูกลับไม่ใยดี เพราะความหงี่บังตา เพื่อนชายนังงูจะมารับออกไปทุกตีสอง
    และแล้ว เพื่อนพ้องท้องก็เริ่มชนกัน แต่ไม่ได้นับว่าเป็นผัวเมียกัน เพราะตัวจริงที่เลี้ยงดูงู ก็มีอยู่แล้ว ส่วนเพื่อนพ้อท้องชนเกิน มันก็เหมือนเวลาหิวข้าว หิวก็กินกัน อิ่มก็แยกกัน แล้วก็เอามาส่งที่บ้านชาวนา ในเวลา 6 โมงเช้า
    -นอกจากความหงี่ขั้นสุดแล้ว ด้วยความที่นังงู มาโปรยเสน่ห์ และใช้มนต์ดำบดบัง นังงูไม่เคยรักชาวนาเลย แม้แต่วินาทีเดียว เพราะชาวนาทั้งสะอาดเกินไป เนี๊ยบเกินไป เป็นคนดีเกินไป อย่างนังงู ผัวตัวจริงต้องลักษณะดิบๆ และซาล่าดิส
    -ดังนั้นระยะเวลากว่า7 เดือน ที่ชาวนาต้องทนอยู่กับนังงู ทุกครั้งที่นังงูถูกขัดใจ จะกระโดดกัดชาวนา หรือเอาขาหน้าหยุมหัวชาวนา หรือเอาขาหน้าบักๆๆๆๆตามร่างกายของชาวนาหนุ่ม จนตัวมีแต่รอยฟกช้ำ คอสตูมและช่างแต่หน้าของชาวนา ต่างเป็นพยายานเรื่องนี้ได้
    แฟนเพจครับ เรื่องที่นำเสนอนี้ เป็นเพียง 1 ใน 1000 ของเนื้อหาทั้งหมด
    ขออนุญาตทะยอยเล่าให้ทุกท่านได้อ่าน ในโอกาสต่อไป
    ถือว่า เป็น EP.1 ของนิทานเรื่อง ชาวนากับงูเหม็นจอมหงี่นะครับนะ
    ไม่ไหวฟังแฟนเพจบ่นว่าพิมพ์ยาวเกินไป
    นี่ก็ตัดให้สั้นๆ จะได้อ่านกันง่ายๆแล้ว
    คิดว่าแฟนเพจคงพอใจนะครับ
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #นิทานเรื่องชาวนากับงูเห่าเหม็นจอมหงี่ นิทานเรื่องนี้ มิได้ทำการอ้างอิงจากเนื้อหาที่ไม่จริง เรื่องนี้ ขอเอาแค่พอสรุปเนื้อหา เพราะแฟนเพจบ่นมาเยอะว่า อ่านแล้วตาลาย รับรองว่าโพสนี้สั้นๆครับ เอาแค่พอเข้าใจ ไม่เกิน 1000 บรรทัด เรามาเริ่มกันเลย -กลางครั้งหนึ่ง ประมาณต้นปีนี้ มีชาวนาผู้ร่ำรวยคนหนึ่ง เป็นชาวนาหน้ามน ที่มีออร่ามาก หญิงสาวในหมู่บ้านต่างหมายปอง เพราะชาวนาคนนี้ ครบเครื่อง ทั้งหล่อ ทั้งรวย แถมมีชื่อเสียงดังไกลข้ามหมู่บ้าน -วันหนึ่ง ชาวนา สนุกกับการทำนาแนวใหม่ ด้วยการชวนชาวนาด้วยกัน มาร่วมการแข่งขัน พาแฟนๆมาช่วยกันรุมปลูกข้าว ใครปักข้าวได้มากกว่าคนนั้นชนะ แต่ชาวนา ก็ชวนสนุกๆหอมปากหอมคอ ได้มิตรภาพ ได้เฮฮา -ระหว่างนั้น ที่ชาวนารูปหล่อกำลังสนุกสนาน ก็หันไปเจอ สิ่งมีชีวิตที่หน้าตาคล้ายคน หัวเป็นงู แต่ตัวเป็นเฮี้ย ลักษณะเป็นตัวเมีย มีกลิ่นเหม็น ซึ่งก็กำลังพยายามทำนาแนวใหม่แบบชาวหนาสุดหล่อ แต่ก็แสดงความสำออย อ้างว่าตัวเองน่าสงสาร และกำลังรู้สึกหนาวว ชาวนาหนุ่มจึงตัดสินใจ ชวนเพื่อนๆที่กำลังสนุกสนานในพื้นนาของตัวเอง กับการแข่งขันปลูกข้าว ให้มาช่วย นังงูที่นาผืนนี้ -นังงูดีใจ ตื่นตาตื่นใจอย่างมาก เพราะไม่เคยคิดว่า จะสามารถต้มคนได้ประสบความสำเร็จขนาดนี้ จึงเริ่มออกอุบาย แปลงกายใส่หน้ากาก ว่าตัวเองนั้นคือคน ที่เป็นยายโกะที่น่ารัก ทั้งๆที่นังงู อายุมากกว่า 1000 ปีแล้ว และกรำศึกมาโชกโชน -ชาวนาเห็นว่า นังงูเหม็น น่าสงสาร และโดนมนต์ดำของนังงูไปชั่วขณะหนึ่ง จนพลาดนำนังงูเข้ามาในบ้าน แต่ลักษณะของนังงู มีความผิดปกตินับร้อยๆเรื่อง นังงูเหม็น เป็นลำยอง ทุกครั้งที่สโหลสะเหล จะมีอาการหงี่อย่างแรง เรียกว่า ขาดของไม่ได้ และมีหลายครั้งที่นังงู พยายามจะทำตัวเป็นนังงูขย่มตอ แต่ชาวนาหน้าหล่อกลับปัดป้อง ด้วยเพราะคุณธรรมของชาวนา และความซกมกของนังงู ทำให้ชาวนายังรอดปลอดภัย -มันจึงเกิดเรื่องขึ้น นั่งงูไม่ได้หยำเปย์แค่บางวัน แต่หยำเปย์เป็นลำยองทุกคืน ในเหยือกเยติที่เห็นนั้นน่ะ ไม่ใช่น้ำ มันเป็นแอล ในเมื่อชาวนาไม่สนอง ก็ต้องหาทางออก โดยแทบทุกคืน ช่วงเวลาประมาณตีสอง โดยเฉพาะวันที่แสงจันทราสาดส่อง ความหงี่จะเพิ่มเป็นทวีคุณ งูเหม็นจึงโทรเรียก ชายที่มาจากดินแดนมนุษย์งูเหมือนกัน ที่เรียกว่า เพื่อน ที่เป็นคนชวนให้นังงู รู้จักการทำนาแนวใหม่ -ชาวนา รู้ และเห็นทุกอย่าง และห้าม ไม่ให้ทำแบบนี้ พยายามจะปรับให้นังงู ให้ดีขึ้น แต่นังงูกลับไม่ใยดี เพราะความหงี่บังตา เพื่อนชายนังงูจะมารับออกไปทุกตีสอง และแล้ว เพื่อนพ้องท้องก็เริ่มชนกัน แต่ไม่ได้นับว่าเป็นผัวเมียกัน เพราะตัวจริงที่เลี้ยงดูงู ก็มีอยู่แล้ว ส่วนเพื่อนพ้อท้องชนเกิน มันก็เหมือนเวลาหิวข้าว หิวก็กินกัน อิ่มก็แยกกัน แล้วก็เอามาส่งที่บ้านชาวนา ในเวลา 6 โมงเช้า -นอกจากความหงี่ขั้นสุดแล้ว ด้วยความที่นังงู มาโปรยเสน่ห์ และใช้มนต์ดำบดบัง นังงูไม่เคยรักชาวนาเลย แม้แต่วินาทีเดียว เพราะชาวนาทั้งสะอาดเกินไป เนี๊ยบเกินไป เป็นคนดีเกินไป อย่างนังงู ผัวตัวจริงต้องลักษณะดิบๆ และซาล่าดิส -ดังนั้นระยะเวลากว่า7 เดือน ที่ชาวนาต้องทนอยู่กับนังงู ทุกครั้งที่นังงูถูกขัดใจ จะกระโดดกัดชาวนา หรือเอาขาหน้าหยุมหัวชาวนา หรือเอาขาหน้าบักๆๆๆๆตามร่างกายของชาวนาหนุ่ม จนตัวมีแต่รอยฟกช้ำ คอสตูมและช่างแต่หน้าของชาวนา ต่างเป็นพยายานเรื่องนี้ได้ แฟนเพจครับ เรื่องที่นำเสนอนี้ เป็นเพียง 1 ใน 1000 ของเนื้อหาทั้งหมด ขออนุญาตทะยอยเล่าให้ทุกท่านได้อ่าน ในโอกาสต่อไป ถือว่า เป็น EP.1 ของนิทานเรื่อง ชาวนากับงูเหม็นจอมหงี่นะครับนะ ไม่ไหวฟังแฟนเพจบ่นว่าพิมพ์ยาวเกินไป นี่ก็ตัดให้สั้นๆ จะได้อ่านกันง่ายๆแล้ว คิดว่าแฟนเพจคงพอใจนะครับ #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    Sad
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1087 มุมมอง 0 รีวิว
  • ☆ร่วมเดินทางไปเช็คอิน EP.1
    》สุพรรณบุรี《
    ■สถานีเดินรถโดยสารขนาดเล็ก
    (จตุจักร) อาคารD
    กรุงเทพฯ-สุพรรณบุรี คนละ 100 บาท
    ■DD Place สุพรรณบุรี
    ราคา 450 บาท
    063-236-3693
    ■เหมารถไปทำงาน
    ครึ่งวัน 1,500+400=1,900 บาท
    ■สวนมะเดื่อฝรั่ง Bass Fig Farm
    สุพรรณบุรี
    082-046-4656
    ■ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและ
    จิตวิญญาณชาวนาไทย (นาเฮียใช้)
    ■■■■■■■■■■
    #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney #ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย #นาเฮียใช้ #สุพรรณบุรี
    ☆ร่วมเดินทางไปเช็คอิน EP.1 》สุพรรณบุรี《 ■สถานีเดินรถโดยสารขนาดเล็ก (จตุจักร) อาคารD กรุงเทพฯ-สุพรรณบุรี คนละ 100 บาท ■DD Place สุพรรณบุรี ราคา 450 บาท 063-236-3693 ■เหมารถไปทำงาน ครึ่งวัน 1,500+400=1,900 บาท ■สวนมะเดื่อฝรั่ง Bass Fig Farm สุพรรณบุรี 082-046-4656 ■ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและ จิตวิญญาณชาวนาไทย (นาเฮียใช้) ■■■■■■■■■■ #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney #ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย #นาเฮียใช้ #สุพรรณบุรี
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1544 มุมมอง 446 0 รีวิว
  • ☆ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย (นาเฮียใช้)
    ☆เพจติดต่อ
    》》
    https://www.facebook.com/naherechai?mibextid=ZbWKwL
    《《
    ♡เข้าชมฟรี♡

    ■นาเฮียใช้หรือศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย
    ■ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
    ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดสุพรรณบุรีที่รวบรวมเรื่องราวที่น่าสนใจและองค์ความรู้ใหม่ ๆ ในวิถีของเกษตรกรที่ทรงคุณค่าให้ได้ศึกษาและเรียนรู้
    ■สร้างขึ้นจากความจงรักภักดีและสำนึกในคุณงามความดีของในหลวงพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานอย่างหนักเพื่อประชาชนคนไทย
    ■ก่อตั้งโดย คุณนิทัศน์ เจริญธรรมรักษา ที่มีอาชีพเกี่ยวข้องกับชาวนาและข้าว
    ■ใช้ชีวิตภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร
    ■อีกทั้งยังเป็นสถานที่ศึกษาเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวให้ผู้สนใจได้เข้าชม
    ■■■■■■■■■■■■
    #ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย #นาเฮียใช้ #สุพรรณบุรี #เที่ยวไทยไปกับมะนาวก้าวเดิน #สุพรรณบุรี #มะนาวก้าวเดิน #ความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    ☆ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย (นาเฮียใช้) ☆เพจติดต่อ 》》 https://www.facebook.com/naherechai?mibextid=ZbWKwL 《《 ♡เข้าชมฟรี♡ ■นาเฮียใช้หรือศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย ■ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดสุพรรณบุรีที่รวบรวมเรื่องราวที่น่าสนใจและองค์ความรู้ใหม่ ๆ ในวิถีของเกษตรกรที่ทรงคุณค่าให้ได้ศึกษาและเรียนรู้ ■สร้างขึ้นจากความจงรักภักดีและสำนึกในคุณงามความดีของในหลวงพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานอย่างหนักเพื่อประชาชนคนไทย ■ก่อตั้งโดย คุณนิทัศน์ เจริญธรรมรักษา ที่มีอาชีพเกี่ยวข้องกับชาวนาและข้าว ■ใช้ชีวิตภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร ■อีกทั้งยังเป็นสถานที่ศึกษาเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวให้ผู้สนใจได้เข้าชม ■■■■■■■■■■■■ #ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย #นาเฮียใช้ #สุพรรณบุรี #เที่ยวไทยไปกับมะนาวก้าวเดิน #สุพรรณบุรี #มะนาวก้าวเดิน #ความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    Love
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1409 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
    ทรงตระหนักถึงความสำคัญของชาวไร่ชาวนาผู้ผลิตอาหาร ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของมนุษย์
    จึงทรงพระราชดำริที่จะจัดหาอาชีพเสริมให้แก่เกษตรกรเหล่านี้ เพื่อให้เกษตรกรมีกำลังใจที่จะทำนาทำไร่ต่อไป ไม่ต้องขายที่ดิน ไม่ต้องเป็นหนี้สิน และไม่ต้องทิ้งถิ่นไปทำมาหากินตามเมืองใหญ่
    สิ่งที่จะเป็นอาชีพเสริมนั้น จะต้องเป็นอาชีพที่ประกอบอยู่ที่บ้านได้ในเวลาที่ว่างจากการทำไร่ทำนา หรือเมื่อดินฟ้าอากาศไม่อำนวยให้เพาะปลูก หรือแม้แต่ผู้ไม่มีดินจะเพาะปลูก ก็จะสามารถประกอบอาชีพเสริมนี้ได้ด้วยทรัพยากรธรรมชาติหรือวัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่นของตน และด้วยภูมิปัญญาตลอดจนด้วยฝีมือของเขาเอง
    นี่คือที่มาของพระราชดำริในการนำศิลปหัตถกรรมมาเป็นอาชีพเสริมให้แก่ชาวไร่ชาวนาไทย
    ■■■■■■■■■■■■
    #พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง #เทิดทูลสถาบันพระมหากษัติริย์ #พระมหากรุณาธิคุณเพื่อปวงชนชาวไทย #ทรงพระเจริญ #ร้อยดวงใจคนไทยภักดี #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระพันปีหลวงของปวงไทย #ศิลปาชีพ #thaitimes #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney #thaitimesเทิดทูลสถาบันพระมหากษัติริย์
    สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงตระหนักถึงความสำคัญของชาวไร่ชาวนาผู้ผลิตอาหาร ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของมนุษย์ จึงทรงพระราชดำริที่จะจัดหาอาชีพเสริมให้แก่เกษตรกรเหล่านี้ เพื่อให้เกษตรกรมีกำลังใจที่จะทำนาทำไร่ต่อไป ไม่ต้องขายที่ดิน ไม่ต้องเป็นหนี้สิน และไม่ต้องทิ้งถิ่นไปทำมาหากินตามเมืองใหญ่ สิ่งที่จะเป็นอาชีพเสริมนั้น จะต้องเป็นอาชีพที่ประกอบอยู่ที่บ้านได้ในเวลาที่ว่างจากการทำไร่ทำนา หรือเมื่อดินฟ้าอากาศไม่อำนวยให้เพาะปลูก หรือแม้แต่ผู้ไม่มีดินจะเพาะปลูก ก็จะสามารถประกอบอาชีพเสริมนี้ได้ด้วยทรัพยากรธรรมชาติหรือวัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่นของตน และด้วยภูมิปัญญาตลอดจนด้วยฝีมือของเขาเอง นี่คือที่มาของพระราชดำริในการนำศิลปหัตถกรรมมาเป็นอาชีพเสริมให้แก่ชาวไร่ชาวนาไทย ■■■■■■■■■■■■ #พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง #เทิดทูลสถาบันพระมหากษัติริย์ #พระมหากรุณาธิคุณเพื่อปวงชนชาวไทย #ทรงพระเจริญ #ร้อยดวงใจคนไทยภักดี #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระพันปีหลวงของปวงไทย #ศิลปาชีพ #thaitimes #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney #thaitimesเทิดทูลสถาบันพระมหากษัติริย์
    Love
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1283 มุมมอง 381 0 รีวิว
  • สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
    ทรงตระหนักถึงความสำคัญของชาวไร่ชาวนาผู้ผลิตอาหาร ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของมนุษย์
    จึงทรงพระราชดำริที่จะจัดหาอาชีพเสริมให้แก่เกษตรกรเหล่านี้ เพื่อให้เกษตรกรมีกำลังใจที่จะทำนาทำไร่ต่อไป ไม่ต้องขายที่ดิน ไม่ต้องเป็นหนี้สิน และไม่ต้องทิ้งถิ่นไปทำมาหากินตามเมืองใหญ่
    สิ่งที่จะเป็นอาชีพเสริมนั้น จะต้องเป็นอาชีพที่ประกอบอยู่ที่บ้านได้ในเวลาที่ว่างจากการทำไร่ทำนา หรือเมื่อดินฟ้าอากาศไม่อำนวยให้เพาะปลูก หรือแม้แต่ผู้ไม่มีดินจะเพาะปลูก ก็จะสามารถประกอบอาชีพเสริมนี้ได้ด้วยทรัพยากรธรรมชาติหรือวัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่นของตน และด้วยภูมิปัญญาตลอดจนด้วยฝีมือของเขาเอง
    นี่คือที่มาของพระราชดำริในการนำศิลปหัตถกรรมมาเป็นอาชีพเสริมให้แก่ชาวไร่ชาวนาไทย
    ■■■■■■■■■■□
    #พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง #เทิดทูลสถาบันพระมหากษัติริย์ #พระมหากรุณาธิคุณเพื่อปวงชนชาวไทย #ทรงพระเจริญ #ร้อยดวงใจคนไทยภักดี #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระพันปีหลวงของปวงไทย #ศิลปาชีพ #thaitimes #thaitimesmanowjourney #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesเทิดทูลสถาบันพระมหากษัติริย์
    สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงตระหนักถึงความสำคัญของชาวไร่ชาวนาผู้ผลิตอาหาร ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของมนุษย์ จึงทรงพระราชดำริที่จะจัดหาอาชีพเสริมให้แก่เกษตรกรเหล่านี้ เพื่อให้เกษตรกรมีกำลังใจที่จะทำนาทำไร่ต่อไป ไม่ต้องขายที่ดิน ไม่ต้องเป็นหนี้สิน และไม่ต้องทิ้งถิ่นไปทำมาหากินตามเมืองใหญ่ สิ่งที่จะเป็นอาชีพเสริมนั้น จะต้องเป็นอาชีพที่ประกอบอยู่ที่บ้านได้ในเวลาที่ว่างจากการทำไร่ทำนา หรือเมื่อดินฟ้าอากาศไม่อำนวยให้เพาะปลูก หรือแม้แต่ผู้ไม่มีดินจะเพาะปลูก ก็จะสามารถประกอบอาชีพเสริมนี้ได้ด้วยทรัพยากรธรรมชาติหรือวัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่นของตน และด้วยภูมิปัญญาตลอดจนด้วยฝีมือของเขาเอง นี่คือที่มาของพระราชดำริในการนำศิลปหัตถกรรมมาเป็นอาชีพเสริมให้แก่ชาวไร่ชาวนาไทย ■■■■■■■■■■□ #พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง #เทิดทูลสถาบันพระมหากษัติริย์ #พระมหากรุณาธิคุณเพื่อปวงชนชาวไทย #ทรงพระเจริญ #ร้อยดวงใจคนไทยภักดี #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระพันปีหลวงของปวงไทย #ศิลปาชีพ #thaitimes #thaitimesmanowjourney #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesเทิดทูลสถาบันพระมหากษัติริย์
    Love
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1279 มุมมอง 358 0 รีวิว
Pages Boosts