• เผือกเส้นสวยเป๊ะ! หากคุณกำลังมองหาเครื่องจักรที่สามารถหั่น เผือก ให้ออกมาเป็น เส้นยาวเรียว ได้มาตรฐานสม่ำเสมอ เหมือนที่คุณเห็นในภาพนี้ (เน้นความสม่ำเสมอของเส้น) คุณมาถูกที่แล้ว!

    เครื่องหั่นมันฝรั่ง (Potato Slicer) Model YPS-J300-606-Z-S จาก ย.ย่งฮะเฮง คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ ร้านขนม โรงงานแปรรูป และผู้ค้าส่ง ได้ชิ้นงานคุณภาพสูงเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็น:

    เผือกเส้นทอด/อบ: ได้เส้นสวยเท่ากันหมด ทอดแล้วสุกพร้อมกัน กรอบนาน

    เผือกเส้นสำหรับขนม: หรือส่วนผสมอาหารอื่น ๆ ที่ต้องการความประณีต

    สเปคเครื่องจักรที่สร้างสรรค์คุณภาพ:
    สร้างชิ้นงานสวยเป๊ะ: เครื่องนี้สามารถหั่นเผือกเป็นเส้นได้สวยงามตามภาพที่คุณเห็น และสามารถ ปรับความหนาบางได้ อย่างแม่นยำ เพื่อให้ได้ขนาดที่ต้องการทุกล็อตการผลิต
    ความเร็วเหนือกว่าแรงงานคน: ทำงานต่อเนื่องด้วยกำลังการผลิตสูง 100 – 300 กิโลกรัมต่อชั่วโมง! (มอเตอร์ 1 HP, 220 V.)

    หยุดพึ่งพาการหั่นด้วยมือ! ลงทุนกับเครื่องจักรที่สร้างสรรค์ชิ้นงานคุณภาพและความสม่ำเสมอ เหมือนที่คุณต้องการ เพื่อขยายตลาดได้อย่างมั่นใจ

    สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม:
    ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330

    เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.)
    แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7
    แชท: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9
    โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com

    #เครื่องหั่นเผือก #เผือกเส้น #เผือกทอด #เผือกแปรรูป #เครื่องหั่นผัก #เครื่องหั่นมันฝรั่ง #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #เครื่องจักรอุตสาหกรรม #เครื่องครัวเชิงพาณิชย์ #ยงฮะเฮง #Yoryonghahheng #เครื่องหั่นสแตนเลส #โรงงานอาหาร #ธุรกิจร้านขนม #ผู้ค้าส่ง #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #กำลังการผลิตสูง #มาตรฐานการผลิต #อาหารแช่แข็ง #วัตถุดิบ #อุปกรณ์ครัว #ครัวมืออาชีพ #เครื่องจักร1HP #ลงทุนธุรกิจ #สินค้าอุตสาหกรรม #ทำกำไร #เผือก #มืออาชีพ #เทคนิคการผลิต
    ✨ เผือกเส้นสวยเป๊ะ! หากคุณกำลังมองหาเครื่องจักรที่สามารถหั่น เผือก ให้ออกมาเป็น เส้นยาวเรียว ได้มาตรฐานสม่ำเสมอ เหมือนที่คุณเห็นในภาพนี้ (เน้นความสม่ำเสมอของเส้น) คุณมาถูกที่แล้ว! เครื่องหั่นมันฝรั่ง (Potato Slicer) Model YPS-J300-606-Z-S จาก ย.ย่งฮะเฮง คือเครื่องมือสำคัญที่ช่วยให้ ร้านขนม โรงงานแปรรูป และผู้ค้าส่ง ได้ชิ้นงานคุณภาพสูงเพื่อยกระดับผลิตภัณฑ์ของคุณ ไม่ว่าจะเป็น: เผือกเส้นทอด/อบ: ได้เส้นสวยเท่ากันหมด ทอดแล้วสุกพร้อมกัน กรอบนาน เผือกเส้นสำหรับขนม: หรือส่วนผสมอาหารอื่น ๆ ที่ต้องการความประณีต ⚙️ สเปคเครื่องจักรที่สร้างสรรค์คุณภาพ: 📌สร้างชิ้นงานสวยเป๊ะ: เครื่องนี้สามารถหั่นเผือกเป็นเส้นได้สวยงามตามภาพที่คุณเห็น และสามารถ ปรับความหนาบางได้ อย่างแม่นยำ เพื่อให้ได้ขนาดที่ต้องการทุกล็อตการผลิต 📌ความเร็วเหนือกว่าแรงงานคน: ทำงานต่อเนื่องด้วยกำลังการผลิตสูง 100 – 300 กิโลกรัมต่อชั่วโมง! (มอเตอร์ 1 HP, 220 V.) 🔥 หยุดพึ่งพาการหั่นด้วยมือ! ลงทุนกับเครื่องจักรที่สร้างสรรค์ชิ้นงานคุณภาพและความสม่ำเสมอ เหมือนที่คุณต้องการ เพื่อขยายตลาดได้อย่างมั่นใจ 🛒 สนใจดูสินค้าจริงและสอบถามเพิ่มเติม: ที่ตั้ง: 1970-1972 ถ.บรรทัดทอง (ถ.พระราม 6) แขวงวังใหม่ เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ 10330 เวลาทำการ: จันทร์-ศุกร์ (8.00-17.00 น.), เสาร์ (8.00-16.00 น.) แผนที่: https://maps.app.goo.gl/9oLTmzwbArzJy5wc7 แชท: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng (มี @) หรือ คลิก https://lin.ee/5H812n9 โทรศัพท์: 02-215-3515-9 หรือ 081-3189098 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com อีเมล: sales@yoryonghahheng.com หรือ yonghahheng@gmail.com #เครื่องหั่นเผือก #เผือกเส้น #เผือกทอด #เผือกแปรรูป #เครื่องหั่นผัก #เครื่องหั่นมันฝรั่ง #เครื่องจักรแปรรูปอาหาร #เครื่องจักรอุตสาหกรรม #เครื่องครัวเชิงพาณิชย์ #ยงฮะเฮง #Yoryonghahheng #เครื่องหั่นสแตนเลส #โรงงานอาหาร #ธุรกิจร้านขนม #ผู้ค้าส่ง #ลดต้นทุน #เพิ่มผลผลิต #กำลังการผลิตสูง #มาตรฐานการผลิต #อาหารแช่แข็ง #วัตถุดิบ #อุปกรณ์ครัว #ครัวมืออาชีพ #เครื่องจักร1HP #ลงทุนธุรกิจ #สินค้าอุตสาหกรรม #ทำกำไร #เผือก #มืออาชีพ #เทคนิคการผลิต
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 87 Views 0 Reviews
  • โครงสร้างสังคมยุคใหม่ 4-10-68 …ภายใต้ระบอบพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข
    4/10/68
    รูปการพาประชาชนเคลื่อนไหว กับ รูปการตั้งพรรคการเมือง ต้องเดินคู่ขนานกันไป ความใฝ่ฝันของพวกเราก็จะถึงเป้าหมายสำเร็จเร็วขึ้น
    • รูปการพาประชาชนเคลื่อนไหวเชิงกลยุธตามสภาพการณ์ มีผลให้ตื่นตัวทางการเมือง
    • ส่วนการตั้งพรรคการเมืองมีผลให้ความตื่นตัวยกระดับขึ้นอีกขั้น ความฝันใฝ่จะเป็นจริงได้ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์สังคม นั่นคือ “ชนะเลือกตั้ง๋” จึงจะได้สิทธิใช้อำนาจแทนประชาชนที่เป็นเจ้าของ ตอนนั้นจึงจะเป็นโอกาสของเราล่ะที่จะปฏิรูปสังคม
    o บทเรียน 14ตุลา 16ตุลา ก็คือ เราไม่มี “รูปแบบโครงสร้างสังคม”เป็นเข็มทิศสู่เป้าหมายนี่ข้อที่1, ไม่มี “พรรค” ที่มีเข็มทิศนำพานี่ข้อที่2 , เมี่อขาดข้อที่1 และข้อที่2 แล้วก็เป็นผลให้ ข้อที่3ที่เป็นนักเรียน-นักศึกษาถูกปราบอย่างแรง
    o บทเรียนเนปาลก็เช่นกัน ความเหลื่อมล้ำสูงมาก ภาคประชาชนลุกขึ้นมาสู้ลงถนนประท้วงมา 20 กว่าปี เปลี่ยนรัฐบาลหลายชุด สภาพความจนความเหลื่อมล้ำก็ยังเหมือนเดิม อีกทั้งรุ่นเจนซี(ไม่มีเงินเรียนหนังสือส่วนที่เรียนจบก็หางานทำไม่ได้อีกทั้งถูกแบนไม่ให้ดูเน็ทสื่อโซเชียลก็ทำการประท้วงใหญ่ ถึงแม้ยกเลิกการแบนฯ ก็ยั้งไม่อยู่เข้าสู่ มิคสัญญีเผาสภา เผาสถานที่ราชการฯ นายพลทัพบกออกมาเองขอคุยผู้นำเจนซีตกลงเชิญอดีตผู้พิพากษาสูงสุดรักษาการณ์นายกฯ อีก 6 เดือนเลือกตั้ง
    ถึงจะเลือกตั้งใหม่ก็คงเหมือนเดิม ก็พรรคการเมใหญ่ 8 พรรคจ่อลงเลือกตั้งอยู่
    # ถึงแม้ เนปาล มีพลังมวลชนสูง แต่ขาด เข็มทิศโครงสร้างสังคมชี้นำทาง และขาดพรรคการเมืองของมวลชนเอง



    โครงสร้างสังคมยุคใหม่ 4-10-68 …ภายใต้ระบอบพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข 4/10/68 รูปการพาประชาชนเคลื่อนไหว กับ รูปการตั้งพรรคการเมือง ต้องเดินคู่ขนานกันไป ความใฝ่ฝันของพวกเราก็จะถึงเป้าหมายสำเร็จเร็วขึ้น • รูปการพาประชาชนเคลื่อนไหวเชิงกลยุธตามสภาพการณ์ มีผลให้ตื่นตัวทางการเมือง • ส่วนการตั้งพรรคการเมืองมีผลให้ความตื่นตัวยกระดับขึ้นอีกขั้น ความฝันใฝ่จะเป็นจริงได้ต้องปฏิบัติตามกฎเกณฑ์สังคม นั่นคือ “ชนะเลือกตั้ง๋” จึงจะได้สิทธิใช้อำนาจแทนประชาชนที่เป็นเจ้าของ ตอนนั้นจึงจะเป็นโอกาสของเราล่ะที่จะปฏิรูปสังคม o บทเรียน 14ตุลา 16ตุลา ก็คือ เราไม่มี “รูปแบบโครงสร้างสังคม”เป็นเข็มทิศสู่เป้าหมายนี่ข้อที่1, ไม่มี “พรรค” ที่มีเข็มทิศนำพานี่ข้อที่2 , เมี่อขาดข้อที่1 และข้อที่2 แล้วก็เป็นผลให้ ข้อที่3ที่เป็นนักเรียน-นักศึกษาถูกปราบอย่างแรง o บทเรียนเนปาลก็เช่นกัน ความเหลื่อมล้ำสูงมาก ภาคประชาชนลุกขึ้นมาสู้ลงถนนประท้วงมา 20 กว่าปี เปลี่ยนรัฐบาลหลายชุด สภาพความจนความเหลื่อมล้ำก็ยังเหมือนเดิม อีกทั้งรุ่นเจนซี(ไม่มีเงินเรียนหนังสือส่วนที่เรียนจบก็หางานทำไม่ได้อีกทั้งถูกแบนไม่ให้ดูเน็ทสื่อโซเชียลก็ทำการประท้วงใหญ่ ถึงแม้ยกเลิกการแบนฯ ก็ยั้งไม่อยู่เข้าสู่ มิคสัญญีเผาสภา เผาสถานที่ราชการฯ นายพลทัพบกออกมาเองขอคุยผู้นำเจนซีตกลงเชิญอดีตผู้พิพากษาสูงสุดรักษาการณ์นายกฯ อีก 6 เดือนเลือกตั้ง ถึงจะเลือกตั้งใหม่ก็คงเหมือนเดิม ก็พรรคการเมใหญ่ 8 พรรคจ่อลงเลือกตั้งอยู่ # ถึงแม้ เนปาล มีพลังมวลชนสูง แต่ขาด เข็มทิศโครงสร้างสังคมชี้นำทาง และขาดพรรคการเมืองของมวลชนเอง
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • “Hostinger เปิดตัว Link-in-Bio Builder — สร้างเพจขายของผ่านโซเชียลได้ฟรี พร้อมขยายเป็นเว็บไซต์เต็มรูปแบบ”

    Hostinger ผู้ให้บริการสร้างเว็บไซต์ชื่อดัง ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด “Link-in-Bio Builder” ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น Instagram, TikTok หรือ X โดยฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างหน้าเพจแบบ mobile-first ที่รวมลิงก์สำคัญทั้งหมดไว้ในที่เดียว พร้อมรองรับการขายสินค้าโดยไม่ต้องมีร้านค้าเต็มรูปแบบ

    ฟีเจอร์นี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในโลกออนไลน์ — มีแพลตฟอร์มอย่าง Linktree และ Beacons ที่ทำหน้าที่คล้ายกัน แต่ Hostinger ได้ยกระดับด้วยการผสานเข้ากับระบบ Website Builder และ WordPress ecosystem โดยตรง ทำให้ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นจากเพจเล็ก ๆ แล้วขยายเป็นเว็บไซต์เต็มรูปแบบได้ในอนาคต

    ผู้ใช้สามารถเลือกเทมเพลตที่ออกแบบไว้ล่วงหน้า ปรับแต่งสี ฟอนต์ รูปภาพ และเพิ่มลิงก์หรือสินค้าได้สูงสุดถึง 600 รายการ รองรับการชำระเงินมากกว่า 100 ช่องทาง และไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝงใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังมีระบบติดตามยอดคลิก ยอดขาย และการเก็บอีเมลเพื่อทำการตลาดต่อยอด

    ที่สำคัญคือ Hostinger เปิดให้ใช้งานฟีเจอร์นี้ฟรีสำหรับผู้ใช้ที่มีแผนบริการอยู่แล้ว และสามารถเลือกโดเมนส่วนตัวเพื่อเผยแพร่เพจได้ทันที ถือเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจสำหรับครีเอเตอร์ นักธุรกิจรายย่อย หรือใครก็ตามที่ต้องการสร้างตัวตนออนไลน์อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Hostinger เปิดตัวฟีเจอร์ Link-in-Bio Builder สำหรับผู้ใช้โซเชียลมีเดีย
    สร้างหน้าเพจแบบ mobile-first ที่รวมลิงก์ทั้งหมดไว้ใน URL เดียว
    รองรับการขายสินค้าโดยไม่ต้องมีร้านค้าเต็มรูปแบบ
    ผสานเข้ากับระบบ Website Builder และ WordPress ecosystem
    ผู้ใช้สามารถเลือกเทมเพลตและปรับแต่งได้ตามต้องการ
    รองรับสินค้าสูงสุด 600 รายการ และช่องทางชำระเงินกว่า 100 แบบ
    ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝงในการทำธุรกรรม
    มีระบบติดตามยอดคลิก ยอดขาย และการเก็บอีเมล
    ใช้งานฟรีสำหรับผู้ใช้ที่มีแผนบริการ Hostinger อยู่แล้ว
    สามารถขยายเป็นเว็บไซต์เต็มรูปแบบได้ในอนาคต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Link-in-Bio เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้ใช้ Instagram และ TikTok ที่มีข้อจำกัดด้านลิงก์
    แพลตฟอร์มอย่าง Linktree, Beacons, และ Stan Store เป็นคู่แข่งในตลาดนี้
    การรวมระบบ ecommerce เข้ากับ Link-in-Bio ช่วยให้ผู้ใช้เริ่มขายได้ทันที
    การใช้ AI ในการสร้างเว็บไซต์ช่วยลดเวลาและเพิ่มความแม่นยำในการออกแบบ
    การมีโดเมนส่วนตัวช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและการจดจำแบรนด์

    https://www.techradar.com/pro/website-building/hostinger-rolls-out-link-in-bio-builder
    📱 “Hostinger เปิดตัว Link-in-Bio Builder — สร้างเพจขายของผ่านโซเชียลได้ฟรี พร้อมขยายเป็นเว็บไซต์เต็มรูปแบบ” Hostinger ผู้ให้บริการสร้างเว็บไซต์ชื่อดัง ได้เปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ล่าสุด “Link-in-Bio Builder” ที่ออกแบบมาเพื่อผู้ใช้งานโซเชียลมีเดียโดยเฉพาะ ไม่ว่าจะเป็น Instagram, TikTok หรือ X โดยฟีเจอร์นี้ช่วยให้ผู้ใช้สามารถสร้างหน้าเพจแบบ mobile-first ที่รวมลิงก์สำคัญทั้งหมดไว้ในที่เดียว พร้อมรองรับการขายสินค้าโดยไม่ต้องมีร้านค้าเต็มรูปแบบ ฟีเจอร์นี้ไม่ใช่เรื่องใหม่ในโลกออนไลน์ — มีแพลตฟอร์มอย่าง Linktree และ Beacons ที่ทำหน้าที่คล้ายกัน แต่ Hostinger ได้ยกระดับด้วยการผสานเข้ากับระบบ Website Builder และ WordPress ecosystem โดยตรง ทำให้ผู้ใช้สามารถเริ่มต้นจากเพจเล็ก ๆ แล้วขยายเป็นเว็บไซต์เต็มรูปแบบได้ในอนาคต ผู้ใช้สามารถเลือกเทมเพลตที่ออกแบบไว้ล่วงหน้า ปรับแต่งสี ฟอนต์ รูปภาพ และเพิ่มลิงก์หรือสินค้าได้สูงสุดถึง 600 รายการ รองรับการชำระเงินมากกว่า 100 ช่องทาง และไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝงใด ๆ ทั้งสิ้น นอกจากนี้ยังมีระบบติดตามยอดคลิก ยอดขาย และการเก็บอีเมลเพื่อทำการตลาดต่อยอด ที่สำคัญคือ Hostinger เปิดให้ใช้งานฟีเจอร์นี้ฟรีสำหรับผู้ใช้ที่มีแผนบริการอยู่แล้ว และสามารถเลือกโดเมนส่วนตัวเพื่อเผยแพร่เพจได้ทันที ถือเป็นทางเลือกใหม่ที่น่าสนใจสำหรับครีเอเตอร์ นักธุรกิจรายย่อย หรือใครก็ตามที่ต้องการสร้างตัวตนออนไลน์อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Hostinger เปิดตัวฟีเจอร์ Link-in-Bio Builder สำหรับผู้ใช้โซเชียลมีเดีย ➡️ สร้างหน้าเพจแบบ mobile-first ที่รวมลิงก์ทั้งหมดไว้ใน URL เดียว ➡️ รองรับการขายสินค้าโดยไม่ต้องมีร้านค้าเต็มรูปแบบ ➡️ ผสานเข้ากับระบบ Website Builder และ WordPress ecosystem ➡️ ผู้ใช้สามารถเลือกเทมเพลตและปรับแต่งได้ตามต้องการ ➡️ รองรับสินค้าสูงสุด 600 รายการ และช่องทางชำระเงินกว่า 100 แบบ ➡️ ไม่มีค่าธรรมเนียมแอบแฝงในการทำธุรกรรม ➡️ มีระบบติดตามยอดคลิก ยอดขาย และการเก็บอีเมล ➡️ ใช้งานฟรีสำหรับผู้ใช้ที่มีแผนบริการ Hostinger อยู่แล้ว ➡️ สามารถขยายเป็นเว็บไซต์เต็มรูปแบบได้ในอนาคต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Link-in-Bio เป็นเครื่องมือสำคัญสำหรับผู้ใช้ Instagram และ TikTok ที่มีข้อจำกัดด้านลิงก์ ➡️ แพลตฟอร์มอย่าง Linktree, Beacons, และ Stan Store เป็นคู่แข่งในตลาดนี้ ➡️ การรวมระบบ ecommerce เข้ากับ Link-in-Bio ช่วยให้ผู้ใช้เริ่มขายได้ทันที ➡️ การใช้ AI ในการสร้างเว็บไซต์ช่วยลดเวลาและเพิ่มความแม่นยำในการออกแบบ ➡️ การมีโดเมนส่วนตัวช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและการจดจำแบรนด์ https://www.techradar.com/pro/website-building/hostinger-rolls-out-link-in-bio-builder
    WWW.TECHRADAR.COM
    Hostinger rolls out link-in-bio builder
    Create simple mobile-first landing pages
    0 Comments 0 Shares 111 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้กล่าวตอบโต้คำพูดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เรียกรัสเซียว่าเป็น "เสือกระดาษ" (paper tiger) ซึ่งถือเป็นการเย้ยหยันอย่างรุนแรง!

    "เสือกระดาษอย่างนั้นหรือ? แล้วคุณกล้าจัดการกับเสือกระดาษตัวนี้ไหมล่ะ!?!"

    "ในขณะที่เรากำลังต่อสู้กับประเทศพันธมิตรนาโต้ทั้งหมด แต่เรายังสามารถเดินหน้า รุกคืบ และยังรู้สึกถึงความมั่นใจอยู่ เรากลับถูกเรียกว่า 'เสือกระดาษ' ยังงั้นเหรอ! ถ้าอย่างนั้นนาโต้ล่ะจะเรียกว่าอะไรดี!?!"

    ปูตินยังใช้โอกาสนี้ส่งคำเตือนไปถึงนาโต้รวมทั้งสหรัฐที่กำลังส่งขีปนาวุธ Tomahawk ให้กับยูเครน ว่าการจัดส่งขีปนาวุธดังกล่าว จะทำให้ประเทศเหล่านั้นเข้ามามีส่วนร่วมโดยตรง ซึ่งก็คือบุคลากรทางทหารของอเมริกัน ซึ่งจะถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งในขั้นตอนใหม่ที่เข้มข้นขึ้นไปอีก และอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและสหรัฐอเมริกา
    ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้กล่าวตอบโต้คำพูดของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่เรียกรัสเซียว่าเป็น "เสือกระดาษ" (paper tiger) ซึ่งถือเป็นการเย้ยหยันอย่างรุนแรง! 👉"เสือกระดาษอย่างนั้นหรือ? แล้วคุณกล้าจัดการกับเสือกระดาษตัวนี้ไหมล่ะ!?!" 👉"ในขณะที่เรากำลังต่อสู้กับประเทศพันธมิตรนาโต้ทั้งหมด แต่เรายังสามารถเดินหน้า รุกคืบ และยังรู้สึกถึงความมั่นใจอยู่ เรากลับถูกเรียกว่า 'เสือกระดาษ' ยังงั้นเหรอ! ถ้าอย่างนั้นนาโต้ล่ะจะเรียกว่าอะไรดี!?!" 👉 ปูตินยังใช้โอกาสนี้ส่งคำเตือนไปถึงนาโต้รวมทั้งสหรัฐที่กำลังส่งขีปนาวุธ Tomahawk ให้กับยูเครน ว่าการจัดส่งขีปนาวุธดังกล่าว จะทำให้ประเทศเหล่านั้นเข้ามามีส่วนร่วมโดยตรง ซึ่งก็คือบุคลากรทางทหารของอเมริกัน ซึ่งจะถือเป็นการยกระดับความขัดแย้งในขั้นตอนใหม่ที่เข้มข้นขึ้นไปอีก และอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและสหรัฐอเมริกา
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 143 Views 0 0 Reviews
  • “PoC หลุด! ช่องโหว่ Linux Kernel เปิดทางผู้ใช้ธรรมดาเข้าถึงสิทธิ Root — ระบบเสี่ยงทั่วโลก”

    เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2025 มีการเปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงใน Linux Kernel ที่สามารถใช้เพื่อยกระดับสิทธิจากผู้ใช้ธรรมดาให้กลายเป็น root ได้ โดยช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการจัดการหน่วยความจำผิดพลาดในฟีเจอร์ vsock (Virtual Socket) ซึ่งใช้สำหรับการสื่อสารระหว่าง virtual machines โดยเฉพาะในระบบคลาวด์และ virtualization เช่น VMware

    ช่องโหว่นี้ถูกจัดอยู่ในประเภท Use-After-Free (UAF) ซึ่งเกิดจากการลดค่าการอ้างอิงของวัตถุใน kernel ก่อนเวลาอันควร ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุมหน่วยความจำที่ถูกปล่อยแล้ว และฝังโค้ดอันตรายเพื่อเข้าถึงสิทธิระดับ kernel ได้

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้เผยแพร่ proof-of-concept (PoC) ที่แสดงให้เห็นขั้นตอนการโจมตีอย่างละเอียด ตั้งแต่การบังคับให้ kernel ปล่อย vsock object ไปจนถึงการ reclaim หน่วยความจำด้วยข้อมูลที่ควบคุมได้ และการหลบเลี่ยง KASLR (Kernel Address Space Layout Randomization) เพื่อเข้าถึงโครงสร้างภายในของ kernel

    ช่องโหว่นี้มีผลกระทบต่อระบบ Linux จำนวนมหาศาล โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ใช้ virtualization และ container เช่น OpenShift หรือ Red Hat Enterprise Linux CoreOS ซึ่งแม้บางระบบจะมีสิทธิ root อยู่แล้ว แต่ก็ยังเปิดช่องให้เกิดการโจมตีแบบ lateral movement หรือการฝัง backdoor ได้ในระดับ kernel

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ช่องโหว่เกิดจากการจัดการ reference count ผิดพลาดใน vsock subsystem ของ Linux Kernel
    ประเภทช่องโหว่คือ Use-After-Free (UAF) ซึ่งเปิดช่องให้ควบคุมหน่วยความจำที่ถูกปล่อย
    มีการเผยแพร่ PoC ที่แสดงขั้นตอนการโจมตีอย่างละเอียด
    ผู้โจมตีสามารถหลบเลี่ยง KASLR และ hijack control flow เพื่อเข้าถึงสิทธิ root
    ระบบที่ใช้ virtualization เช่น VMware และ OpenShift ได้รับผลกระทบโดยตรง
    Linux distributions ได้ออก patch แล้วสำหรับ kernel เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ
    การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้จากผู้ใช้ธรรมดาที่ไม่มีสิทธิ root
    การใช้ vsock_diag_dump เป็นช่องทางในการ leak kernel address

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Use-After-Free เป็นช่องโหว่ที่พบได้บ่อยในระบบที่มีการจัดการหน่วยความจำแบบ dynamic
    KASLR เป็นเทคนิคที่ใช้สุ่มตำแหน่งหน่วยความจำเพื่อป้องกันการโจมตี
    PoC ที่เผยแพร่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถทดสอบและตรวจสอบช่องโหว่ได้รวดเร็วขึ้น
    การโจมตีระดับ kernel มีความรุนแรงสูง เพราะสามารถควบคุมระบบทั้งหมดได้
    ระบบ container ที่เปิดใช้งาน user namespaces มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น

    https://securityonline.info/poc-released-linux-kernel-flaw-allows-user-to-gain-root-privileges/
    🛡️ “PoC หลุด! ช่องโหว่ Linux Kernel เปิดทางผู้ใช้ธรรมดาเข้าถึงสิทธิ Root — ระบบเสี่ยงทั่วโลก” เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2025 มีการเปิดเผยช่องโหว่ร้ายแรงใน Linux Kernel ที่สามารถใช้เพื่อยกระดับสิทธิจากผู้ใช้ธรรมดาให้กลายเป็น root ได้ โดยช่องโหว่นี้เกี่ยวข้องกับการจัดการหน่วยความจำผิดพลาดในฟีเจอร์ vsock (Virtual Socket) ซึ่งใช้สำหรับการสื่อสารระหว่าง virtual machines โดยเฉพาะในระบบคลาวด์และ virtualization เช่น VMware ช่องโหว่นี้ถูกจัดอยู่ในประเภท Use-After-Free (UAF) ซึ่งเกิดจากการลดค่าการอ้างอิงของวัตถุใน kernel ก่อนเวลาอันควร ทำให้ผู้โจมตีสามารถเข้าควบคุมหน่วยความจำที่ถูกปล่อยแล้ว และฝังโค้ดอันตรายเพื่อเข้าถึงสิทธิระดับ kernel ได้ นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้เผยแพร่ proof-of-concept (PoC) ที่แสดงให้เห็นขั้นตอนการโจมตีอย่างละเอียด ตั้งแต่การบังคับให้ kernel ปล่อย vsock object ไปจนถึงการ reclaim หน่วยความจำด้วยข้อมูลที่ควบคุมได้ และการหลบเลี่ยง KASLR (Kernel Address Space Layout Randomization) เพื่อเข้าถึงโครงสร้างภายในของ kernel ช่องโหว่นี้มีผลกระทบต่อระบบ Linux จำนวนมหาศาล โดยเฉพาะในสภาพแวดล้อมที่ใช้ virtualization และ container เช่น OpenShift หรือ Red Hat Enterprise Linux CoreOS ซึ่งแม้บางระบบจะมีสิทธิ root อยู่แล้ว แต่ก็ยังเปิดช่องให้เกิดการโจมตีแบบ lateral movement หรือการฝัง backdoor ได้ในระดับ kernel ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ช่องโหว่เกิดจากการจัดการ reference count ผิดพลาดใน vsock subsystem ของ Linux Kernel ➡️ ประเภทช่องโหว่คือ Use-After-Free (UAF) ซึ่งเปิดช่องให้ควบคุมหน่วยความจำที่ถูกปล่อย ➡️ มีการเผยแพร่ PoC ที่แสดงขั้นตอนการโจมตีอย่างละเอียด ➡️ ผู้โจมตีสามารถหลบเลี่ยง KASLR และ hijack control flow เพื่อเข้าถึงสิทธิ root ➡️ ระบบที่ใช้ virtualization เช่น VMware และ OpenShift ได้รับผลกระทบโดยตรง ➡️ Linux distributions ได้ออก patch แล้วสำหรับ kernel เวอร์ชันที่ได้รับผลกระทบ ➡️ การโจมตีสามารถเกิดขึ้นได้จากผู้ใช้ธรรมดาที่ไม่มีสิทธิ root ➡️ การใช้ vsock_diag_dump เป็นช่องทางในการ leak kernel address ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Use-After-Free เป็นช่องโหว่ที่พบได้บ่อยในระบบที่มีการจัดการหน่วยความจำแบบ dynamic ➡️ KASLR เป็นเทคนิคที่ใช้สุ่มตำแหน่งหน่วยความจำเพื่อป้องกันการโจมตี ➡️ PoC ที่เผยแพร่ช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถทดสอบและตรวจสอบช่องโหว่ได้รวดเร็วขึ้น ➡️ การโจมตีระดับ kernel มีความรุนแรงสูง เพราะสามารถควบคุมระบบทั้งหมดได้ ➡️ ระบบ container ที่เปิดใช้งาน user namespaces มีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น https://securityonline.info/poc-released-linux-kernel-flaw-allows-user-to-gain-root-privileges/
    SECURITYONLINE.INFO
    PoC Released: Linux Kernel Flaw Allows User to Gain Root Privileges
    A high-severity flaw in the Linux ethtool netlink interface (CVE-2025-21701) enables a Use-After-Free attack to gain root privileges. A PoC has been publicly released.
    0 Comments 0 Shares 73 Views 0 Reviews
  • “Nothing OS 4.0 เปิดเบต้าแล้ว — ระบบ Android 16 ที่มาพร้อม AI, วิดเจ็ตอัจฉริยะ และฟีเจอร์เฉพาะรุ่น”

    Nothing ประกาศเปิดตัวระบบปฏิบัติการ Nothing OS 4.0 เวอร์ชันเบต้าอย่างเป็นทางการ โดยพัฒนาบนพื้นฐาน Android 16 และมุ่งเน้นการใช้งาน AI เพื่อปรับแต่งประสบการณ์ผู้ใช้ให้ลึกและเฉพาะตัวมากขึ้น โดยเปิดให้ผู้ใช้บางรุ่นเข้าร่วมทดสอบก่อนเปิดตัวเต็มรูปแบบ

    รุ่นที่สามารถเข้าร่วมเบต้าได้ทันที ได้แก่ Nothing Phone 3, Phone 2, Phone 2a และ Phone 2a Plus ส่วนรุ่นใหม่อย่าง Phone 3a และ 3a Pro ยังไม่สามารถเข้าร่วมได้ในตอนนี้ โดย Nothing ระบุว่าจะเปิดให้เข้าร่วมภายในเดือนตุลาคมนี้

    ฟีเจอร์เด่นของ Nothing OS 4.0 คือ “AI Usage Dashboard” ที่มีเฉพาะใน Phone 3 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เห็นภาพรวมการทำงานของโมเดล AI ในเครื่องได้อย่างโปร่งใส พร้อมระบบ “Essential Apps” ที่สามารถสร้างวิดเจ็ตด้วยคำสั่งธรรมชาติ และแชร์ใน Playground ได้ทันที โดย Phone 3 รองรับวิดเจ็ตสูงสุด 6 ตัว ส่วนรุ่นอื่นรองรับ 2 ตัว

    Phone 2 และ 2a Series จะได้รับฟีเจอร์กล้องใหม่ชื่อ “Stretch” ซึ่งพัฒนาร่วมกับช่างภาพ Jordan Hemingway โดยเน้นการเพิ่มเงาและไฮไลต์ให้ภาพดูมีมิติยิ่งขึ้น พร้อมการปรับปรุงความเร็วเปิดแอปผ่านระบบ App Optimisation

    ฟีเจอร์ที่มีในทุกรุ่น ได้แก่ การสลับแอปผ่าน Pop-up View แบบสองไอคอน, หน้าปัดนาฬิกาใหม่ 2 แบบบนหน้าล็อก, การรองรับ Quick Settings แบบ 2x2 และ Extra Dark Mode สำหรับผู้ที่ชอบธีมมืดแบบสุดขั้ว

    ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมเบต้าได้โดยดาวน์โหลดไฟล์ .apk จากเว็บไซต์ Nothing แล้วติดตั้งผ่านเมนู Settings > System > Nothing Beta Hub โดยต้องอยู่บนเวอร์ชัน Nothing OS 3.5 ก่อน และต้องลงทะเบียนก่อนวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ซึ่งเป็นวันปิดรับสมัคร

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Nothing OS 4.0 เบต้าเปิดให้ใช้งานแล้วบน Phone 3, 2, 2a และ 2a Plus
    Phone 3a และ 3a Pro จะเข้าร่วมได้ภายในเดือนตุลาคม
    Phone 3 ได้รับฟีเจอร์ AI Usage Dashboard และรองรับวิดเจ็ต AI สูงสุด 6 ตัว
    Phone 2 และ 2a Series ได้รับฟีเจอร์กล้อง Stretch และระบบ App Optimisation
    ฟีเจอร์ใหม่ที่มีในทุกรุ่น ได้แก่ Pop-up View, หน้าปัดนาฬิกาใหม่, Quick Settings 2x2 และ Extra Dark Mode
    ระบบ Essential Apps ช่วยสร้างวิดเจ็ตด้วยคำสั่งธรรมชาติ และแชร์ใน Playground
    ต้องลงทะเบียนเบต้าก่อนวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ผ่าน Nothing Beta Hub
    การติดตั้งต้องอยู่บนเวอร์ชัน Nothing OS 3.5 และดาวน์โหลดไฟล์ .apk จากเว็บไซต์ Nothing

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Android 16 เน้นการปรับปรุงความปลอดภัยและการจัดการ AI บนอุปกรณ์
    ระบบวิดเจ็ตแบบ AI เริ่มเป็นเทรนด์ใหม่ในหลายแบรนด์ เช่น Google และ Samsung
    การใช้คำสั่งธรรมชาติสร้างวิดเจ็ตช่วยลดขั้นตอนการตั้งค่าแบบเดิม
    Extra Dark Mode ช่วยลดการใช้พลังงานบนหน้าจอ OLED และถนอมสายตา
    การร่วมมือกับช่างภาพมืออาชีพช่วยยกระดับคุณภาพกล้องในสมาร์ตโฟน

    https://www.techradar.com/phones/nothing-phones/the-nothing-os-4-0-open-beta-has-landed-but-its-availability-and-features-vary-a-lot-depending-on-your-phone
    📱 “Nothing OS 4.0 เปิดเบต้าแล้ว — ระบบ Android 16 ที่มาพร้อม AI, วิดเจ็ตอัจฉริยะ และฟีเจอร์เฉพาะรุ่น” Nothing ประกาศเปิดตัวระบบปฏิบัติการ Nothing OS 4.0 เวอร์ชันเบต้าอย่างเป็นทางการ โดยพัฒนาบนพื้นฐาน Android 16 และมุ่งเน้นการใช้งาน AI เพื่อปรับแต่งประสบการณ์ผู้ใช้ให้ลึกและเฉพาะตัวมากขึ้น โดยเปิดให้ผู้ใช้บางรุ่นเข้าร่วมทดสอบก่อนเปิดตัวเต็มรูปแบบ รุ่นที่สามารถเข้าร่วมเบต้าได้ทันที ได้แก่ Nothing Phone 3, Phone 2, Phone 2a และ Phone 2a Plus ส่วนรุ่นใหม่อย่าง Phone 3a และ 3a Pro ยังไม่สามารถเข้าร่วมได้ในตอนนี้ โดย Nothing ระบุว่าจะเปิดให้เข้าร่วมภายในเดือนตุลาคมนี้ ฟีเจอร์เด่นของ Nothing OS 4.0 คือ “AI Usage Dashboard” ที่มีเฉพาะใน Phone 3 ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้เห็นภาพรวมการทำงานของโมเดล AI ในเครื่องได้อย่างโปร่งใส พร้อมระบบ “Essential Apps” ที่สามารถสร้างวิดเจ็ตด้วยคำสั่งธรรมชาติ และแชร์ใน Playground ได้ทันที โดย Phone 3 รองรับวิดเจ็ตสูงสุด 6 ตัว ส่วนรุ่นอื่นรองรับ 2 ตัว Phone 2 และ 2a Series จะได้รับฟีเจอร์กล้องใหม่ชื่อ “Stretch” ซึ่งพัฒนาร่วมกับช่างภาพ Jordan Hemingway โดยเน้นการเพิ่มเงาและไฮไลต์ให้ภาพดูมีมิติยิ่งขึ้น พร้อมการปรับปรุงความเร็วเปิดแอปผ่านระบบ App Optimisation ฟีเจอร์ที่มีในทุกรุ่น ได้แก่ การสลับแอปผ่าน Pop-up View แบบสองไอคอน, หน้าปัดนาฬิกาใหม่ 2 แบบบนหน้าล็อก, การรองรับ Quick Settings แบบ 2x2 และ Extra Dark Mode สำหรับผู้ที่ชอบธีมมืดแบบสุดขั้ว ผู้ใช้สามารถเข้าร่วมเบต้าได้โดยดาวน์โหลดไฟล์ .apk จากเว็บไซต์ Nothing แล้วติดตั้งผ่านเมนู Settings > System > Nothing Beta Hub โดยต้องอยู่บนเวอร์ชัน Nothing OS 3.5 ก่อน และต้องลงทะเบียนก่อนวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ซึ่งเป็นวันปิดรับสมัคร ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Nothing OS 4.0 เบต้าเปิดให้ใช้งานแล้วบน Phone 3, 2, 2a และ 2a Plus ➡️ Phone 3a และ 3a Pro จะเข้าร่วมได้ภายในเดือนตุลาคม ➡️ Phone 3 ได้รับฟีเจอร์ AI Usage Dashboard และรองรับวิดเจ็ต AI สูงสุด 6 ตัว ➡️ Phone 2 และ 2a Series ได้รับฟีเจอร์กล้อง Stretch และระบบ App Optimisation ➡️ ฟีเจอร์ใหม่ที่มีในทุกรุ่น ได้แก่ Pop-up View, หน้าปัดนาฬิกาใหม่, Quick Settings 2x2 และ Extra Dark Mode ➡️ ระบบ Essential Apps ช่วยสร้างวิดเจ็ตด้วยคำสั่งธรรมชาติ และแชร์ใน Playground ➡️ ต้องลงทะเบียนเบต้าก่อนวันที่ 14 ตุลาคม 2025 ผ่าน Nothing Beta Hub ➡️ การติดตั้งต้องอยู่บนเวอร์ชัน Nothing OS 3.5 และดาวน์โหลดไฟล์ .apk จากเว็บไซต์ Nothing ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Android 16 เน้นการปรับปรุงความปลอดภัยและการจัดการ AI บนอุปกรณ์ ➡️ ระบบวิดเจ็ตแบบ AI เริ่มเป็นเทรนด์ใหม่ในหลายแบรนด์ เช่น Google และ Samsung ➡️ การใช้คำสั่งธรรมชาติสร้างวิดเจ็ตช่วยลดขั้นตอนการตั้งค่าแบบเดิม ➡️ Extra Dark Mode ช่วยลดการใช้พลังงานบนหน้าจอ OLED และถนอมสายตา ➡️ การร่วมมือกับช่างภาพมืออาชีพช่วยยกระดับคุณภาพกล้องในสมาร์ตโฟน https://www.techradar.com/phones/nothing-phones/the-nothing-os-4-0-open-beta-has-landed-but-its-availability-and-features-vary-a-lot-depending-on-your-phone
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • “AMD Fluid Motion Frames 3 โผล่ในไดรเวอร์ใหม่ — เตรียมใช้ AI จาก FSR 4 ยกระดับการสร้างเฟรมแบบไดรเวอร์”

    AMD กำลังซุ่มพัฒนาเทคโนโลยี Fluid Motion Frames รุ่นที่ 3 (AFMF 3) ซึ่งถูกค้นพบในไดรเวอร์เวอร์ชันพรีวิวของ Adrenalin 25.20 โดยผู้ใช้งานในฟอรัม Guru3D ผ่านการส่งออกโปรไฟล์เกมจาก AMD GPU Profile Manager แม้ในหน้าควบคุมของไดรเวอร์จะยังไม่แสดงฟีเจอร์นี้อย่างเป็นทางการ

    AFMF คือเทคโนโลยีการสร้างเฟรมที่ทำงานในระดับไดรเวอร์ โดยออกแบบมาเพื่อเพิ่มเฟรมเรตในเกมที่ไม่รองรับ FSR frame generation โดยตรง ซึ่งในเวอร์ชันใหม่ AFMF 3 คาดว่าจะใช้โมเดล AI เดียวกับ FSR 4 ที่มีคุณภาพสูงกว่าเวอร์ชันก่อนหน้าอย่าง AFMF 2.1 ที่ยังใช้การปรับแต่งแบบเก่า

    ไดรเวอร์ใหม่นี้ยังมาพร้อมการอัปเดตด้าน AI จำนวนมาก เช่น รองรับ Python 3.12 และ PyTorch บน Windows Preview เพื่อเสริมการทำงานของ LLM บน GPU ตระกูล RX 9000, RX 7000 และ Ryzen AI 9/Max APU บน Windows 11

    แม้ยังไม่มีการยืนยันว่า AFMF 3 จะมาพร้อมกับไดรเวอร์ 25.20 หรือเวอร์ชันถัดไป แต่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเปิดตัวพร้อมกับ FSR Redstone ซึ่งเป็นการอัปเดตใหญ่ที่รวมการสร้างเฟรมด้วย ML และการเรนเดอร์ ray tracing สำหรับสถาปัตยกรรม RDNA 4

    อย่างไรก็ตาม FSR 4 และ AFMF 3 อาจรองรับเฉพาะ GPU รุ่น RX 9000 เท่านั้น เนื่องจากโมเดล ML ที่ใช้ต้องการความสามารถเฉพาะของ RDNA 4 แม้จะมีหลักฐานว่ามีการปรับแต่งให้ใช้กับ RDNA 3 ได้ แต่ AMD ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AFMF 3 ถูกค้นพบในไดรเวอร์พรีวิว Adrenalin 25.20 ผ่านการส่งออกโปรไฟล์เกม
    AFMF เป็นเทคโนโลยีสร้างเฟรมระดับไดรเวอร์สำหรับเกมที่ไม่รองรับ FSR frame generation
    AFMF 3 คาดว่าจะใช้โมเดล AI เดียวกับ FSR 4 เพื่อเพิ่มคุณภาพการสร้างเฟรม
    ไดรเวอร์ใหม่มีการอัปเดตด้าน AI เช่น Python 3.12 และ PyTorch บน Windows Preview
    รองรับ GPU RX 9000, RX 7000 และ Ryzen AI 9/Max APU บน Windows 11
    FSR Redstone จะรวมการสร้างเฟรมด้วย ML และ ray tracing สำหรับ RDNA 4
    มีความเป็นไปได้ว่า AFMF 3 จะเปิดตัวพร้อมกับ FSR Redstone ในไดรเวอร์เวอร์ชันถัดไป

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    AFMF 2.1 ใช้ AI-optimized enhancements แต่ยังด้อยกว่าคุณภาพของ FSR 4
    Nvidia เปิดตัว Smooth Motion บน RTX 40 series กดดันให้ AMD พัฒนา AFMF
    FSR 4 ถูกปรับแต่งให้ใช้กับ RDNA 3 ได้โดยชุมชน modder แต่ยังไม่มีการประกาศจาก AMD
    DLSS 4 ของ Nvidia ยังเหนือกว่า FSR 4 ในด้านคุณภาพภาพและการสร้างเฟรม
    AMD HYPR-RX เป็นระบบเปิดใช้งานฟีเจอร์รวม เช่น AFMF, Radeon Chill และอื่น ๆ

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/amd-fluid-motion-frames-3-spotted-in-the-upcoming-amd-adrenalin-25-20-driver-branch-could-lean-on-ai-model-used-in-fsr-4
    🖥️ “AMD Fluid Motion Frames 3 โผล่ในไดรเวอร์ใหม่ — เตรียมใช้ AI จาก FSR 4 ยกระดับการสร้างเฟรมแบบไดรเวอร์” AMD กำลังซุ่มพัฒนาเทคโนโลยี Fluid Motion Frames รุ่นที่ 3 (AFMF 3) ซึ่งถูกค้นพบในไดรเวอร์เวอร์ชันพรีวิวของ Adrenalin 25.20 โดยผู้ใช้งานในฟอรัม Guru3D ผ่านการส่งออกโปรไฟล์เกมจาก AMD GPU Profile Manager แม้ในหน้าควบคุมของไดรเวอร์จะยังไม่แสดงฟีเจอร์นี้อย่างเป็นทางการ AFMF คือเทคโนโลยีการสร้างเฟรมที่ทำงานในระดับไดรเวอร์ โดยออกแบบมาเพื่อเพิ่มเฟรมเรตในเกมที่ไม่รองรับ FSR frame generation โดยตรง ซึ่งในเวอร์ชันใหม่ AFMF 3 คาดว่าจะใช้โมเดล AI เดียวกับ FSR 4 ที่มีคุณภาพสูงกว่าเวอร์ชันก่อนหน้าอย่าง AFMF 2.1 ที่ยังใช้การปรับแต่งแบบเก่า ไดรเวอร์ใหม่นี้ยังมาพร้อมการอัปเดตด้าน AI จำนวนมาก เช่น รองรับ Python 3.12 และ PyTorch บน Windows Preview เพื่อเสริมการทำงานของ LLM บน GPU ตระกูล RX 9000, RX 7000 และ Ryzen AI 9/Max APU บน Windows 11 แม้ยังไม่มีการยืนยันว่า AFMF 3 จะมาพร้อมกับไดรเวอร์ 25.20 หรือเวอร์ชันถัดไป แต่มีความเป็นไปได้สูงว่าจะเปิดตัวพร้อมกับ FSR Redstone ซึ่งเป็นการอัปเดตใหญ่ที่รวมการสร้างเฟรมด้วย ML และการเรนเดอร์ ray tracing สำหรับสถาปัตยกรรม RDNA 4 อย่างไรก็ตาม FSR 4 และ AFMF 3 อาจรองรับเฉพาะ GPU รุ่น RX 9000 เท่านั้น เนื่องจากโมเดล ML ที่ใช้ต้องการความสามารถเฉพาะของ RDNA 4 แม้จะมีหลักฐานว่ามีการปรับแต่งให้ใช้กับ RDNA 3 ได้ แต่ AMD ยังไม่ประกาศอย่างเป็นทางการ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AFMF 3 ถูกค้นพบในไดรเวอร์พรีวิว Adrenalin 25.20 ผ่านการส่งออกโปรไฟล์เกม ➡️ AFMF เป็นเทคโนโลยีสร้างเฟรมระดับไดรเวอร์สำหรับเกมที่ไม่รองรับ FSR frame generation ➡️ AFMF 3 คาดว่าจะใช้โมเดล AI เดียวกับ FSR 4 เพื่อเพิ่มคุณภาพการสร้างเฟรม ➡️ ไดรเวอร์ใหม่มีการอัปเดตด้าน AI เช่น Python 3.12 และ PyTorch บน Windows Preview ➡️ รองรับ GPU RX 9000, RX 7000 และ Ryzen AI 9/Max APU บน Windows 11 ➡️ FSR Redstone จะรวมการสร้างเฟรมด้วย ML และ ray tracing สำหรับ RDNA 4 ➡️ มีความเป็นไปได้ว่า AFMF 3 จะเปิดตัวพร้อมกับ FSR Redstone ในไดรเวอร์เวอร์ชันถัดไป ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ AFMF 2.1 ใช้ AI-optimized enhancements แต่ยังด้อยกว่าคุณภาพของ FSR 4 ➡️ Nvidia เปิดตัว Smooth Motion บน RTX 40 series กดดันให้ AMD พัฒนา AFMF ➡️ FSR 4 ถูกปรับแต่งให้ใช้กับ RDNA 3 ได้โดยชุมชน modder แต่ยังไม่มีการประกาศจาก AMD ➡️ DLSS 4 ของ Nvidia ยังเหนือกว่า FSR 4 ในด้านคุณภาพภาพและการสร้างเฟรม ➡️ AMD HYPR-RX เป็นระบบเปิดใช้งานฟีเจอร์รวม เช่น AFMF, Radeon Chill และอื่น ๆ https://www.tomshardware.com/pc-components/gpu-drivers/amd-fluid-motion-frames-3-spotted-in-the-upcoming-amd-adrenalin-25-20-driver-branch-could-lean-on-ai-model-used-in-fsr-4
    0 Comments 0 Shares 117 Views 0 Reviews
  • “Ubuntu Touch 24.04 LTS มาแล้ว! มือถือโอเพ่นซอร์สยกระดับความปลอดภัยและความลื่นไหล พร้อมรองรับอุปกรณ์หลากหลาย”

    หลังจากรอคอยกันมานาน UBports Foundation ได้ปล่อยอัปเดตใหญ่ของระบบปฏิบัติการมือถือ Ubuntu Touch เวอร์ชัน 24.04-1.0 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ระบบนี้อิงจาก Ubuntu 24.04 LTS (Noble Numbat) โดยการเปลี่ยนฐานระบบนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเบื้องหลัง แต่เป็นการเปิดประตูสู่ฟีเจอร์ใหม่ ความปลอดภัยที่ดีขึ้น และประสบการณ์ผู้ใช้ที่ทันสมัยมากขึ้น

    หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือระบบ “การเข้ารหัสข้อมูลส่วนตัว” แบบ experimental ที่ใช้รหัสผ่านของผู้ใช้ในการเปิดข้อมูลทุกครั้งที่บูตเครื่อง ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยในระดับที่มือถือโอเพ่นซอร์สไม่เคยมีมาก่อน

    นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงด้าน UI และ UX หลายจุด เช่น การเปลี่ยนธีมของแอปแบบสด (live-switching), การตั้งค่าการหมุนหน้าจอแบบ 1 ครั้ง, การแชร์อินเทอร์เน็ตผ่าน USB, การแสดง MAC address ใน Bluetooth, และการย้ายแอประหว่าง workspace ด้วยคีย์ลัด Ctrl+Alt+Shift

    แอป Contacts ถูกปรับให้ไม่กระพริบขณะโหลด avatar, ส่วน System Settings ก็มีการเปลี่ยนชื่อหน้า About เป็น System Information พร้อมฟีเจอร์ซ่อน IMEI เพื่อความเป็นส่วนตัว และแสดงข้อมูลเครือข่ายเพิ่มเติมในหน้า Wi-Fi

    อัปเดตนี้รองรับอุปกรณ์หลากหลาย ตั้งแต่ Fairphone, Pixel, OnePlus, Xiaomi ไปจนถึง Rabbit R1 และ Volla Tablet โดยผู้ใช้ที่อยู่ในช่อง Stable จะได้รับอัปเดตผ่านหน้าจอ Updates ในแอป System Settings ซึ่งจะทยอยปล่อยให้ครบทุกเครื่องในช่วงสัปดาห์นี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Ubuntu Touch 24.04-1.0 เป็นเวอร์ชันแรกที่อิงจาก Ubuntu 24.04 LTS
    เพิ่มฟีเจอร์เข้ารหัสข้อมูลส่วนตัวแบบ experimental โดยใช้รหัสผ่านของผู้ใช้
    รองรับการเปลี่ยนธีมแบบสด (live-switching) และปรับธีมผ่าน System Settings
    ปรับ UI ของแอป Phone ให้เหมาะกับหน้าจอใหญ่
    เพิ่มโหมด USB สำหรับแชร์อินเทอร์เน็ต และแสดง MAC address ใน Bluetooth
    เพิ่มปุ่มหมุนหน้าจอแบบ 1 ครั้ง และสแกน Bluetooth ใหม่แบบ manual
    ตั้งเสียงเตือนปฏิทินได้, เลือกแสดงสัปดาห์/กิจกรรม/นาฬิกาในเมนูเวลา
    ย้ายแอประหว่าง workspace ด้วย Ctrl+Alt+Shift+ลูกศร
    หน้า About เปลี่ยนชื่อเป็น System Information พร้อมฟีเจอร์ซ่อน IMEI
    แอป Contacts ไม่กระพริบขณะโหลด avatar และปรับ Workspace สำหรับ convergence
    ปิด auto-capitalization, auto-correction และ auto-punctuation บนคีย์บอร์ดโดยค่าเริ่มต้น
    รองรับอุปกรณ์หลากหลาย เช่น Pixel 3a, OnePlus 6, Xiaomi Redmi Note 9, Rabbit R1 ฯลฯ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Ubuntu Touch เป็นระบบมือถือโอเพ่นซอร์สที่เน้นความเป็นส่วนตัวและไม่มีการติดตามผู้ใช้
    Lomiri คือ desktop environment ที่ใช้ใน Ubuntu Touch ซึ่งรองรับการใช้งานแบบ convergence
    UBports Foundation เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ดูแลการพัฒนา Ubuntu Touch
    การอัปเดตจาก Ubuntu 20.04 เป็น 24.04 ช่วยให้ระบบรองรับซอฟต์แวร์ใหม่ เช่น Qt 5.15
    ระบบ installer ของ UBports ช่วยให้ติดตั้ง Ubuntu Touch ได้ง่ายบนอุปกรณ์ที่รองรับ

    https://9to5linux.com/ubuntu-touch-mobile-linux-os-is-now-finally-based-on-ubuntu-24-04-lts
    📱 “Ubuntu Touch 24.04 LTS มาแล้ว! มือถือโอเพ่นซอร์สยกระดับความปลอดภัยและความลื่นไหล พร้อมรองรับอุปกรณ์หลากหลาย” หลังจากรอคอยกันมานาน UBports Foundation ได้ปล่อยอัปเดตใหญ่ของระบบปฏิบัติการมือถือ Ubuntu Touch เวอร์ชัน 24.04-1.0 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ระบบนี้อิงจาก Ubuntu 24.04 LTS (Noble Numbat) โดยการเปลี่ยนฐานระบบนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเบื้องหลัง แต่เป็นการเปิดประตูสู่ฟีเจอร์ใหม่ ความปลอดภัยที่ดีขึ้น และประสบการณ์ผู้ใช้ที่ทันสมัยมากขึ้น หนึ่งในฟีเจอร์เด่นคือระบบ “การเข้ารหัสข้อมูลส่วนตัว” แบบ experimental ที่ใช้รหัสผ่านของผู้ใช้ในการเปิดข้อมูลทุกครั้งที่บูตเครื่อง ซึ่งช่วยเพิ่มความปลอดภัยในระดับที่มือถือโอเพ่นซอร์สไม่เคยมีมาก่อน นอกจากนี้ยังมีการปรับปรุงด้าน UI และ UX หลายจุด เช่น การเปลี่ยนธีมของแอปแบบสด (live-switching), การตั้งค่าการหมุนหน้าจอแบบ 1 ครั้ง, การแชร์อินเทอร์เน็ตผ่าน USB, การแสดง MAC address ใน Bluetooth, และการย้ายแอประหว่าง workspace ด้วยคีย์ลัด Ctrl+Alt+Shift แอป Contacts ถูกปรับให้ไม่กระพริบขณะโหลด avatar, ส่วน System Settings ก็มีการเปลี่ยนชื่อหน้า About เป็น System Information พร้อมฟีเจอร์ซ่อน IMEI เพื่อความเป็นส่วนตัว และแสดงข้อมูลเครือข่ายเพิ่มเติมในหน้า Wi-Fi อัปเดตนี้รองรับอุปกรณ์หลากหลาย ตั้งแต่ Fairphone, Pixel, OnePlus, Xiaomi ไปจนถึง Rabbit R1 และ Volla Tablet โดยผู้ใช้ที่อยู่ในช่อง Stable จะได้รับอัปเดตผ่านหน้าจอ Updates ในแอป System Settings ซึ่งจะทยอยปล่อยให้ครบทุกเครื่องในช่วงสัปดาห์นี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Ubuntu Touch 24.04-1.0 เป็นเวอร์ชันแรกที่อิงจาก Ubuntu 24.04 LTS ➡️ เพิ่มฟีเจอร์เข้ารหัสข้อมูลส่วนตัวแบบ experimental โดยใช้รหัสผ่านของผู้ใช้ ➡️ รองรับการเปลี่ยนธีมแบบสด (live-switching) และปรับธีมผ่าน System Settings ➡️ ปรับ UI ของแอป Phone ให้เหมาะกับหน้าจอใหญ่ ➡️ เพิ่มโหมด USB สำหรับแชร์อินเทอร์เน็ต และแสดง MAC address ใน Bluetooth ➡️ เพิ่มปุ่มหมุนหน้าจอแบบ 1 ครั้ง และสแกน Bluetooth ใหม่แบบ manual ➡️ ตั้งเสียงเตือนปฏิทินได้, เลือกแสดงสัปดาห์/กิจกรรม/นาฬิกาในเมนูเวลา ➡️ ย้ายแอประหว่าง workspace ด้วย Ctrl+Alt+Shift+ลูกศร ➡️ หน้า About เปลี่ยนชื่อเป็น System Information พร้อมฟีเจอร์ซ่อน IMEI ➡️ แอป Contacts ไม่กระพริบขณะโหลด avatar และปรับ Workspace สำหรับ convergence ➡️ ปิด auto-capitalization, auto-correction และ auto-punctuation บนคีย์บอร์ดโดยค่าเริ่มต้น ➡️ รองรับอุปกรณ์หลากหลาย เช่น Pixel 3a, OnePlus 6, Xiaomi Redmi Note 9, Rabbit R1 ฯลฯ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Ubuntu Touch เป็นระบบมือถือโอเพ่นซอร์สที่เน้นความเป็นส่วนตัวและไม่มีการติดตามผู้ใช้ ➡️ Lomiri คือ desktop environment ที่ใช้ใน Ubuntu Touch ซึ่งรองรับการใช้งานแบบ convergence ➡️ UBports Foundation เป็นองค์กรไม่แสวงหากำไรที่ดูแลการพัฒนา Ubuntu Touch ➡️ การอัปเดตจาก Ubuntu 20.04 เป็น 24.04 ช่วยให้ระบบรองรับซอฟต์แวร์ใหม่ เช่น Qt 5.15 ➡️ ระบบ installer ของ UBports ช่วยให้ติดตั้ง Ubuntu Touch ได้ง่ายบนอุปกรณ์ที่รองรับ https://9to5linux.com/ubuntu-touch-mobile-linux-os-is-now-finally-based-on-ubuntu-24-04-lts
    9TO5LINUX.COM
    Ubuntu Touch Mobile Linux OS Is Now Finally Based on Ubuntu 24.04 LTS - 9to5Linux
    Ubuntu Touch 24.04 1.0 is now rolling out to all supported devices based on Ubuntu 24.04 LTS with new features and improvements.
    0 Comments 0 Shares 108 Views 0 Reviews
  • “Klopatra: มัลแวร์ Android สุดแสบจากตุรกี ใช้ VNC ลับและโค้ดซ่อนระดับพาณิชย์ เจาะบัญชีธนาคารยุโรปขณะเหยื่อหลับ”

    Cleafy ทีมวิเคราะห์ภัยคุกคามจากอิตาลีได้เปิดเผยมัลแวร์ Android ตัวใหม่ชื่อ “Klopatra” ซึ่งเป็น Remote Access Trojan (RAT) ที่มีความซับซ้อนสูงและไม่เกี่ยวข้องกับมัลแวร์ตระกูลเดิมใด ๆ โดย Klopatra ถูกออกแบบมาเพื่อโจมตีผู้ใช้ธนาคารในยุโรป โดยเฉพาะในสเปนและอิตาลี ซึ่งมีอุปกรณ์ติดเชื้อแล้วกว่า 3,000 เครื่อง

    Klopatra เริ่มต้นด้วยการหลอกให้เหยื่อดาวน์โหลดแอป IPTV ปลอมชื่อ “Mobdro Pro IP TV + VPN” ซึ่งขอสิทธิ์ REQUEST_INSTALL_PACKAGES เพื่อให้สามารถติดตั้งแอปอื่นได้ เมื่อเหยื่ออนุญาต ตัว dropper จะติดตั้ง payload หลักของ Klopatra แบบเงียบ ๆ และเริ่มควบคุมอุปกรณ์ทันที

    มัลแวร์นี้ใช้ Accessibility Services เพื่อเข้าถึงหน้าจอ, บันทึกการพิมพ์, และควบคุมอุปกรณ์แบบไร้ร่องรอย โดยมีฟีเจอร์เด่นคือ Hidden VNC ที่ทำให้หน้าจอของเหยื่อกลายเป็นสีดำเหมือนปิดเครื่อง ขณะที่ผู้โจมตีสามารถเปิดแอปธนาคารและโอนเงินได้โดยไม่ถูกสังเกต

    Klopatra ยังใช้เทคนิค overlay attack โดยแสดงหน้าจอ login ปลอมที่เหมือนจริง เมื่อเหยื่อกรอกข้อมูล ระบบจะส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตีทันที

    สิ่งที่ทำให้ Klopatra อันตรายยิ่งขึ้นคือการใช้ Virbox ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือป้องกันโค้ดระดับพาณิชย์ที่ใช้ในซอฟต์แวร์ถูกลิขสิทธิ์ ทำให้การวิเคราะห์และตรวจจับทำได้ยากมาก โดยโค้ดหลักถูกย้ายไปอยู่ใน native layer พร้อมกลไก anti-debugging และตรวจจับ emulator

    จากการวิเคราะห์ภาษาในโค้ดและเซิร์ฟเวอร์ควบคุม พบว่าผู้พัฒนา Klopatra เป็นกลุ่มที่พูดภาษาตุรกี โดยมีการใช้คำว่า “etiket” และ “bot_notu” ในระบบหลังบ้าน รวมถึงข้อความหยาบคายที่บ่งบอกถึงความหงุดหงิดจากการโจรกรรมที่ล้มเหลว

    มีการระบุ botnet หลัก 2 กลุ่ม ได้แก่

    สเปน: ควบคุมผ่าน adsservices[.]uk

    อิตาลี: ควบคุมผ่าน adsservice2[.]org และมีเซิร์ฟเวอร์ทดสอบชื่อ guncel-tv-player-lnat[.]com

    Klopatra ถูกติดตามแล้วกว่า 40 เวอร์ชันตั้งแต่มีนาคม 2025 และยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดย Cleafy เตือนว่า นี่คือสัญญาณของการ “ยกระดับอาชญากรรมไซเบอร์บนมือถือ” ที่ใช้เทคโนโลยีระดับองค์กรเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับและเพิ่มกำไรสูงสุด

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Klopatra เป็น Android RAT ที่ใช้ Hidden VNC และ overlay attack เพื่อขโมยข้อมูลธนาคาร
    เริ่มต้นด้วย dropper ปลอมชื่อ Mobdro Pro IP TV + VPN ที่ขอสิทธิ์ติดตั้งแอป
    ใช้ Accessibility Services เพื่อควบคุมอุปกรณ์แบบสมบูรณ์
    Hidden VNC ทำให้หน้าจอเหยื่อกลายเป็นสีดำ ขณะผู้โจมตีควบคุมอุปกรณ์
    Overlay attack แสดงหน้าจอ login ปลอมเพื่อขโมยข้อมูลธนาคาร
    ใช้ Virbox เพื่อป้องกันโค้ด ทำให้ตรวจจับและวิเคราะห์ได้ยาก
    โค้ดหลักถูกย้ายไป native layer พร้อมกลไก anti-debugging และ integrity check
    ผู้พัฒนาเป็นกลุ่มที่พูดภาษาตุรกี โดยมีคำในระบบหลังบ้านเป็นภาษาตุรกี
    มี botnet 2 กลุ่มในสเปนและอิตาลี และเซิร์ฟเวอร์ทดสอบอีก 1 แห่ง
    ติดตามแล้วกว่า 40 เวอร์ชันตั้งแต่มีนาคม 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Virbox เป็นเครื่องมือป้องกันโค้ดที่ใช้ในซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ เช่น เกมหรือแอปองค์กร
    Hidden VNC เคยถูกใช้ในมัลแวร์ระดับองค์กร เช่น APT เพื่อควบคุมอุปกรณ์แบบลับ
    Accessibility Services เป็นช่องโหว่ที่มัลแวร์ Android ใช้บ่อยที่สุดในช่วงหลัง
    Overlay attack ถูกใช้ในมัลแวร์ธนาคารหลายตัว เช่น BRATA และ Octo
    การใช้ native code ทำให้มัลแวร์หลบเลี่ยงการตรวจจับจาก antivirus ได้ดีขึ้น

    https://securityonline.info/klopatra-new-android-rat-uses-hidden-vnc-and-commercial-obfuscation-to-hijack-european-banking-accounts/
    📱 “Klopatra: มัลแวร์ Android สุดแสบจากตุรกี ใช้ VNC ลับและโค้ดซ่อนระดับพาณิชย์ เจาะบัญชีธนาคารยุโรปขณะเหยื่อหลับ” Cleafy ทีมวิเคราะห์ภัยคุกคามจากอิตาลีได้เปิดเผยมัลแวร์ Android ตัวใหม่ชื่อ “Klopatra” ซึ่งเป็น Remote Access Trojan (RAT) ที่มีความซับซ้อนสูงและไม่เกี่ยวข้องกับมัลแวร์ตระกูลเดิมใด ๆ โดย Klopatra ถูกออกแบบมาเพื่อโจมตีผู้ใช้ธนาคารในยุโรป โดยเฉพาะในสเปนและอิตาลี ซึ่งมีอุปกรณ์ติดเชื้อแล้วกว่า 3,000 เครื่อง Klopatra เริ่มต้นด้วยการหลอกให้เหยื่อดาวน์โหลดแอป IPTV ปลอมชื่อ “Mobdro Pro IP TV + VPN” ซึ่งขอสิทธิ์ REQUEST_INSTALL_PACKAGES เพื่อให้สามารถติดตั้งแอปอื่นได้ เมื่อเหยื่ออนุญาต ตัว dropper จะติดตั้ง payload หลักของ Klopatra แบบเงียบ ๆ และเริ่มควบคุมอุปกรณ์ทันที มัลแวร์นี้ใช้ Accessibility Services เพื่อเข้าถึงหน้าจอ, บันทึกการพิมพ์, และควบคุมอุปกรณ์แบบไร้ร่องรอย โดยมีฟีเจอร์เด่นคือ Hidden VNC ที่ทำให้หน้าจอของเหยื่อกลายเป็นสีดำเหมือนปิดเครื่อง ขณะที่ผู้โจมตีสามารถเปิดแอปธนาคารและโอนเงินได้โดยไม่ถูกสังเกต Klopatra ยังใช้เทคนิค overlay attack โดยแสดงหน้าจอ login ปลอมที่เหมือนจริง เมื่อเหยื่อกรอกข้อมูล ระบบจะส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตีทันที สิ่งที่ทำให้ Klopatra อันตรายยิ่งขึ้นคือการใช้ Virbox ซึ่งเป็นชุดเครื่องมือป้องกันโค้ดระดับพาณิชย์ที่ใช้ในซอฟต์แวร์ถูกลิขสิทธิ์ ทำให้การวิเคราะห์และตรวจจับทำได้ยากมาก โดยโค้ดหลักถูกย้ายไปอยู่ใน native layer พร้อมกลไก anti-debugging และตรวจจับ emulator จากการวิเคราะห์ภาษาในโค้ดและเซิร์ฟเวอร์ควบคุม พบว่าผู้พัฒนา Klopatra เป็นกลุ่มที่พูดภาษาตุรกี โดยมีการใช้คำว่า “etiket” และ “bot_notu” ในระบบหลังบ้าน รวมถึงข้อความหยาบคายที่บ่งบอกถึงความหงุดหงิดจากการโจรกรรมที่ล้มเหลว มีการระบุ botnet หลัก 2 กลุ่ม ได้แก่ 🌍 สเปน: ควบคุมผ่าน adsservices[.]uk 🌍 อิตาลี: ควบคุมผ่าน adsservice2[.]org และมีเซิร์ฟเวอร์ทดสอบชื่อ guncel-tv-player-lnat[.]com Klopatra ถูกติดตามแล้วกว่า 40 เวอร์ชันตั้งแต่มีนาคม 2025 และยังคงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดย Cleafy เตือนว่า นี่คือสัญญาณของการ “ยกระดับอาชญากรรมไซเบอร์บนมือถือ” ที่ใช้เทคโนโลยีระดับองค์กรเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับและเพิ่มกำไรสูงสุด ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Klopatra เป็น Android RAT ที่ใช้ Hidden VNC และ overlay attack เพื่อขโมยข้อมูลธนาคาร ➡️ เริ่มต้นด้วย dropper ปลอมชื่อ Mobdro Pro IP TV + VPN ที่ขอสิทธิ์ติดตั้งแอป ➡️ ใช้ Accessibility Services เพื่อควบคุมอุปกรณ์แบบสมบูรณ์ ➡️ Hidden VNC ทำให้หน้าจอเหยื่อกลายเป็นสีดำ ขณะผู้โจมตีควบคุมอุปกรณ์ ➡️ Overlay attack แสดงหน้าจอ login ปลอมเพื่อขโมยข้อมูลธนาคาร ➡️ ใช้ Virbox เพื่อป้องกันโค้ด ทำให้ตรวจจับและวิเคราะห์ได้ยาก ➡️ โค้ดหลักถูกย้ายไป native layer พร้อมกลไก anti-debugging และ integrity check ➡️ ผู้พัฒนาเป็นกลุ่มที่พูดภาษาตุรกี โดยมีคำในระบบหลังบ้านเป็นภาษาตุรกี ➡️ มี botnet 2 กลุ่มในสเปนและอิตาลี และเซิร์ฟเวอร์ทดสอบอีก 1 แห่ง ➡️ ติดตามแล้วกว่า 40 เวอร์ชันตั้งแต่มีนาคม 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Virbox เป็นเครื่องมือป้องกันโค้ดที่ใช้ในซอฟต์แวร์ลิขสิทธิ์ เช่น เกมหรือแอปองค์กร ➡️ Hidden VNC เคยถูกใช้ในมัลแวร์ระดับองค์กร เช่น APT เพื่อควบคุมอุปกรณ์แบบลับ ➡️ Accessibility Services เป็นช่องโหว่ที่มัลแวร์ Android ใช้บ่อยที่สุดในช่วงหลัง ➡️ Overlay attack ถูกใช้ในมัลแวร์ธนาคารหลายตัว เช่น BRATA และ Octo ➡️ การใช้ native code ทำให้มัลแวร์หลบเลี่ยงการตรวจจับจาก antivirus ได้ดีขึ้น https://securityonline.info/klopatra-new-android-rat-uses-hidden-vnc-and-commercial-obfuscation-to-hijack-european-banking-accounts/
    SECURITYONLINE.INFO
    Klopatra: New Android RAT Uses Hidden VNC and Commercial Obfuscation to Hijack European Banking Accounts
    Cleafy uncovers Klopatra, a new Android RAT using commercial Virbox obfuscation and native code to target banks in Spain/Italy, allowing invisible remote device control.Export to Sheets
    0 Comments 0 Shares 125 Views 0 Reviews
  • “Zhaoxin เปิดตัว KH-50000 ซีพียูเซิร์ฟเวอร์ 96 คอร์ — ยกระดับเทคโนโลยีจีนด้วยดีไซน์ chiplet และแบนด์วิดธ์มหาศาล”

    Zhaoxin ผู้ผลิตซีพียูจากจีนเปิดตัว KH-50000 อย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยมุ่งเป้าไปที่ตลาดเซิร์ฟเวอร์ภายในประเทศ ด้วยสเปกที่เรียกได้ว่า “ท้าชน AMD EPYC” โดยเฉพาะรุ่น Bergamo ที่มี 96 คอร์เช่นกัน

    KH-50000 ใช้ดีไซน์แบบ chiplet โดยประกอบด้วย 12 compute chiplets และ 1 IO chiplet ขนาดใหญ่ รองรับสูงสุด 96 คอร์ พร้อมแคช L3 ขนาด 384MB และความเร็ว 2.0GHz base / 3.0GHz boost แม้ยังไม่ยืนยันว่ารองรับ SMT หรือไม่ แต่ IPC เพิ่มขึ้นถึง 30% จากรุ่นก่อนหน้า KH-40000

    จุดเด่นอีกอย่างคือการรองรับหน่วยความจำ DDR5 แบบ 12-channel ECC และ PCIe 5.0 สูงสุด 128 เลน พร้อม ZPI 5.0 interconnect ที่รองรับระบบ dual และ quad-socket ได้สูงสุดถึง 384 คอร์ในเมนบอร์ดเดียว ซึ่งถือเป็นก้าวกระโดดด้านแบนด์วิดธ์และ latency

    ดีไซน์ภายนอกของ KH-50000 ยังคล้ายกับ AMD EPYC Bergamo อย่างเห็นได้ชัด ทั้ง IHS และแพ็กเกจ โดย Zhaoxin ตั้งใจให้เป็นทางเลือกที่ผลิตภายในประเทศจีนอย่างแท้จริง

    นอกจาก KH-50000 แล้ว Zhaoxin ยังเปิดตัว KX-7000N สำหรับตลาด consumer ซึ่งเพิ่ม NPU สำหรับงาน AI และเตรียมเข้าสู่ยุค “AI PC” ด้วยการรองรับ PCIe 5.0 และการออกแบบสถาปัตยกรรมใหม่ที่เน้นการประมวลผลแบบ heterogeneous

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Zhaoxin เปิดตัว KH-50000 ซีพียูเซิร์ฟเวอร์แบบ chiplet รองรับสูงสุด 96 คอร์
    ประกอบด้วย 12 compute chiplets และ 1 IO chiplet ขนาดใหญ่
    ความเร็ว 2.0GHz base / 3.0GHz boost พร้อมแคช L3 ขนาด 384MB
    IPC เพิ่มขึ้น 30% จาก KH-40000 รุ่นก่อนหน้า
    รองรับ DDR5 แบบ 12-channel ECC และ PCIe 5.0 สูงสุด 128 เลน
    ใช้ ZPI 5.0 interconnect รองรับ dual และ quad-socket สูงสุด 384 คอร์
    ดีไซน์ภายนอกคล้าย AMD EPYC Bergamo ทั้ง IHS และแพ็กเกจ
    เปิดตัว KX-7000N สำหรับตลาด consumer พร้อม NPU สำหรับงาน AI
    KX-7000N รองรับ PCIe 5.0 และเตรียมเข้าสู่ยุค AI PC

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    AMD EPYC Bergamo ใช้ Zen 5 รองรับ 96 คอร์ 192 เธรด และแคช 384MB เช่นกัน
    ZPI 5.0 เป็น interconnect ที่พัฒนาโดย Zhaoxin เพื่อรองรับระบบหลายซ็อกเก็ต
    PCIe 5.0 มีแบนด์วิดธ์สูงถึง 32GT/s ต่อเลน เหมาะกับงาน HPC และ AI
    NPU (Neural Processing Unit) ช่วยเร่งงาน AI เช่น inference และการประมวลผลภาพ
    ตลาด AI PC กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมี Intel และ AMD เตรียมเปิดตัวชิปที่มี NPU ในปี 2026

    https://wccftech.com/zhaoxin-launches-kh-50000-cpus-up-to-96-cores-first-die-shots-12-compute-chiplet/
    🧠 “Zhaoxin เปิดตัว KH-50000 ซีพียูเซิร์ฟเวอร์ 96 คอร์ — ยกระดับเทคโนโลยีจีนด้วยดีไซน์ chiplet และแบนด์วิดธ์มหาศาล” Zhaoxin ผู้ผลิตซีพียูจากจีนเปิดตัว KH-50000 อย่างเป็นทางการในเดือนกันยายน 2025 โดยมุ่งเป้าไปที่ตลาดเซิร์ฟเวอร์ภายในประเทศ ด้วยสเปกที่เรียกได้ว่า “ท้าชน AMD EPYC” โดยเฉพาะรุ่น Bergamo ที่มี 96 คอร์เช่นกัน KH-50000 ใช้ดีไซน์แบบ chiplet โดยประกอบด้วย 12 compute chiplets และ 1 IO chiplet ขนาดใหญ่ รองรับสูงสุด 96 คอร์ พร้อมแคช L3 ขนาด 384MB และความเร็ว 2.0GHz base / 3.0GHz boost แม้ยังไม่ยืนยันว่ารองรับ SMT หรือไม่ แต่ IPC เพิ่มขึ้นถึง 30% จากรุ่นก่อนหน้า KH-40000 จุดเด่นอีกอย่างคือการรองรับหน่วยความจำ DDR5 แบบ 12-channel ECC และ PCIe 5.0 สูงสุด 128 เลน พร้อม ZPI 5.0 interconnect ที่รองรับระบบ dual และ quad-socket ได้สูงสุดถึง 384 คอร์ในเมนบอร์ดเดียว ซึ่งถือเป็นก้าวกระโดดด้านแบนด์วิดธ์และ latency ดีไซน์ภายนอกของ KH-50000 ยังคล้ายกับ AMD EPYC Bergamo อย่างเห็นได้ชัด ทั้ง IHS และแพ็กเกจ โดย Zhaoxin ตั้งใจให้เป็นทางเลือกที่ผลิตภายในประเทศจีนอย่างแท้จริง นอกจาก KH-50000 แล้ว Zhaoxin ยังเปิดตัว KX-7000N สำหรับตลาด consumer ซึ่งเพิ่ม NPU สำหรับงาน AI และเตรียมเข้าสู่ยุค “AI PC” ด้วยการรองรับ PCIe 5.0 และการออกแบบสถาปัตยกรรมใหม่ที่เน้นการประมวลผลแบบ heterogeneous ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Zhaoxin เปิดตัว KH-50000 ซีพียูเซิร์ฟเวอร์แบบ chiplet รองรับสูงสุด 96 คอร์ ➡️ ประกอบด้วย 12 compute chiplets และ 1 IO chiplet ขนาดใหญ่ ➡️ ความเร็ว 2.0GHz base / 3.0GHz boost พร้อมแคช L3 ขนาด 384MB ➡️ IPC เพิ่มขึ้น 30% จาก KH-40000 รุ่นก่อนหน้า ➡️ รองรับ DDR5 แบบ 12-channel ECC และ PCIe 5.0 สูงสุด 128 เลน ➡️ ใช้ ZPI 5.0 interconnect รองรับ dual และ quad-socket สูงสุด 384 คอร์ ➡️ ดีไซน์ภายนอกคล้าย AMD EPYC Bergamo ทั้ง IHS และแพ็กเกจ ➡️ เปิดตัว KX-7000N สำหรับตลาด consumer พร้อม NPU สำหรับงาน AI ➡️ KX-7000N รองรับ PCIe 5.0 และเตรียมเข้าสู่ยุค AI PC ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ AMD EPYC Bergamo ใช้ Zen 5 รองรับ 96 คอร์ 192 เธรด และแคช 384MB เช่นกัน ➡️ ZPI 5.0 เป็น interconnect ที่พัฒนาโดย Zhaoxin เพื่อรองรับระบบหลายซ็อกเก็ต ➡️ PCIe 5.0 มีแบนด์วิดธ์สูงถึง 32GT/s ต่อเลน เหมาะกับงาน HPC และ AI ➡️ NPU (Neural Processing Unit) ช่วยเร่งงาน AI เช่น inference และการประมวลผลภาพ ➡️ ตลาด AI PC กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมี Intel และ AMD เตรียมเปิดตัวชิปที่มี NPU ในปี 2026 https://wccftech.com/zhaoxin-launches-kh-50000-cpus-up-to-96-cores-first-die-shots-12-compute-chiplet/
    WCCFTECH.COM
    Zhaoxin Launches Its KH-50000 CPUs With Up To 96 Cores: First Die Shots Reveal 12 Compute Chiplet Accompanying A Massive IO Chiplet
    Zhaoxin has finally launched its KH-50000 CPUs for servers, offering up to 96 cores and a chiplet design for the domestic Chinese markets.
    0 Comments 0 Shares 112 Views 0 Reviews
  • “AMD Redstone มาแน่ — FSR 4 และ AFMF 3 เตรียมพลิกเกมกราฟิก พร้อมขยายสู่การ์ดรุ่นเก่า”

    AMD กำลังเตรียมปล่อยอัปเดตใหญ่ในชื่อ “Redstone” ซึ่งเป็นชุดเทคโนโลยี AI สำหรับการอัปสเกลภาพและสร้างเฟรมแบบใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับประสบการณ์เกมบน Radeon RX 9000 และอาจรวมถึงการ์ดรุ่นเก่าอย่าง RDNA 3.5 ด้วย

    จุดเด่นของ Redstone คือการรวมเทคโนโลยี FSR 4 (FidelityFX Super Resolution) รุ่นล่าสุด ที่ปรับปรุงคุณภาพภาพขณะอัปสเกลให้ดีขึ้น โดยยังคงเฟรมเรตสูง และที่น่าจับตาคือการมาของ AFMF 3 (AMD Fluid Motion Frames) ซึ่งเป็นระบบสร้างเฟรมระดับไดรเวอร์ ที่ช่วยลด ghosting และ input lag ได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า

    ข้อมูลจากไฟล์ไดรเวอร์ล่าสุดของ AMD ระบุว่า AFMF 3 จะมาพร้อมกับไดรเวอร์ Adrenalin 25.20 ซึ่งคาดว่าจะเป็นแพ็กเกจเดียวกับ Redstone และอาจมีการ backport FSR 4 ไปยังการ์ด RDNA 3.5 ด้วย โดยก่อนหน้านี้มีการเปิด FSR 4 แบบ open-source ชั่วคราว ทำให้ modder นำไปใช้กับการ์ดรุ่นเก่าได้สำเร็จ

    Redstone ยังเน้นการปรับปรุง ray tracing และการสร้างเฟรมด้วย machine learning ซึ่งจะช่วยให้เกมที่ไม่มีระบบ frame generation ในตัวสามารถลื่นไหลขึ้นได้ โดยเฉพาะบนอุปกรณ์พกพาอย่าง Lenovo Legion Go และ Asus ROG Ally ที่ใช้ชิป AMD Z1 Extreme

    แม้จะยังไม่สามารถเทียบกับ DLSS 4 ของ NVIDIA ได้ในแง่คุณภาพภาพและการรองรับหลายเฟรมพร้อมกัน แต่ Redstone คือก้าวสำคัญของ AMD ในการลดช่องว่างระหว่างสองค่าย และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้การ์ด AMD ได้สัมผัสเทคโนโลยีใหม่โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AMD เตรียมปล่อยอัปเดต Redstone ที่รวม FSR 4 และ AFMF 3
    AFMF 3 เป็นระบบสร้างเฟรมระดับไดรเวอร์ที่ลด ghosting และ input lag
    ไดรเวอร์ Adrenalin 25.20 จะเป็นแพ็กเกจที่รวม Redstone และ AFMF 3
    FSR 4 ปรับปรุงคุณภาพภาพขณะอัปสเกล โดยยังคงเฟรมเรตสูง
    มีแนวโน้มว่า FSR 4 จะถูก backport ไปยังการ์ด RDNA 3.5
    Redstone เน้นการสร้างเฟรมด้วย machine learning และปรับปรุง ray tracing
    อุปกรณ์พกพาอย่าง ROG Ally และ Legion Go จะได้ประโยชน์จาก Redstone
    การเปิด FSR 4 แบบ open-source ชั่วคราวทำให้ modder นำไปใช้กับการ์ดรุ่นเก่าได้
    Redstone เป็นความพยายามของ AMD ในการลดช่องว่างกับ DLSS 4 ของ NVIDIA

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    AFMF 1 เปิดตัวในปี 2023 สำหรับ emulator และเกมที่ไม่มี frame-gen
    AFMF 2.1 เพิ่มการติดตามภาพแบบ temporal และลด ghosting
    DLSS 4 รองรับ Multi Frame Generation และมีคุณภาพภาพสูงกว่า
    FSR 4 ยังสามารถใช้งานบนการ์ดรุ่นเก่าผ่าน OptiScaler แต่ไม่เป็นทางการ
    การ์ด RDNA 3.5 เช่น Radeon 780M iGPU มีฐานผู้ใช้จำนวนมากที่รออัปเดตนี้

    https://www.techradar.com/computing/gpu/amds-next-gen-redstone-ai-upscaling-tech-looks-imminent-and-a-big-clue-has-been-spotted-in-the-latest-drivers
    🧠 “AMD Redstone มาแน่ — FSR 4 และ AFMF 3 เตรียมพลิกเกมกราฟิก พร้อมขยายสู่การ์ดรุ่นเก่า” AMD กำลังเตรียมปล่อยอัปเดตใหญ่ในชื่อ “Redstone” ซึ่งเป็นชุดเทคโนโลยี AI สำหรับการอัปสเกลภาพและสร้างเฟรมแบบใหม่ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับประสบการณ์เกมบน Radeon RX 9000 และอาจรวมถึงการ์ดรุ่นเก่าอย่าง RDNA 3.5 ด้วย จุดเด่นของ Redstone คือการรวมเทคโนโลยี FSR 4 (FidelityFX Super Resolution) รุ่นล่าสุด ที่ปรับปรุงคุณภาพภาพขณะอัปสเกลให้ดีขึ้น โดยยังคงเฟรมเรตสูง และที่น่าจับตาคือการมาของ AFMF 3 (AMD Fluid Motion Frames) ซึ่งเป็นระบบสร้างเฟรมระดับไดรเวอร์ ที่ช่วยลด ghosting และ input lag ได้ดีกว่ารุ่นก่อนหน้า ข้อมูลจากไฟล์ไดรเวอร์ล่าสุดของ AMD ระบุว่า AFMF 3 จะมาพร้อมกับไดรเวอร์ Adrenalin 25.20 ซึ่งคาดว่าจะเป็นแพ็กเกจเดียวกับ Redstone และอาจมีการ backport FSR 4 ไปยังการ์ด RDNA 3.5 ด้วย โดยก่อนหน้านี้มีการเปิด FSR 4 แบบ open-source ชั่วคราว ทำให้ modder นำไปใช้กับการ์ดรุ่นเก่าได้สำเร็จ Redstone ยังเน้นการปรับปรุง ray tracing และการสร้างเฟรมด้วย machine learning ซึ่งจะช่วยให้เกมที่ไม่มีระบบ frame generation ในตัวสามารถลื่นไหลขึ้นได้ โดยเฉพาะบนอุปกรณ์พกพาอย่าง Lenovo Legion Go และ Asus ROG Ally ที่ใช้ชิป AMD Z1 Extreme แม้จะยังไม่สามารถเทียบกับ DLSS 4 ของ NVIDIA ได้ในแง่คุณภาพภาพและการรองรับหลายเฟรมพร้อมกัน แต่ Redstone คือก้าวสำคัญของ AMD ในการลดช่องว่างระหว่างสองค่าย และเปิดโอกาสให้ผู้ใช้การ์ด AMD ได้สัมผัสเทคโนโลยีใหม่โดยไม่ต้องเปลี่ยนฮาร์ดแวร์ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AMD เตรียมปล่อยอัปเดต Redstone ที่รวม FSR 4 และ AFMF 3 ➡️ AFMF 3 เป็นระบบสร้างเฟรมระดับไดรเวอร์ที่ลด ghosting และ input lag ➡️ ไดรเวอร์ Adrenalin 25.20 จะเป็นแพ็กเกจที่รวม Redstone และ AFMF 3 ➡️ FSR 4 ปรับปรุงคุณภาพภาพขณะอัปสเกล โดยยังคงเฟรมเรตสูง ➡️ มีแนวโน้มว่า FSR 4 จะถูก backport ไปยังการ์ด RDNA 3.5 ➡️ Redstone เน้นการสร้างเฟรมด้วย machine learning และปรับปรุง ray tracing ➡️ อุปกรณ์พกพาอย่าง ROG Ally และ Legion Go จะได้ประโยชน์จาก Redstone ➡️ การเปิด FSR 4 แบบ open-source ชั่วคราวทำให้ modder นำไปใช้กับการ์ดรุ่นเก่าได้ ➡️ Redstone เป็นความพยายามของ AMD ในการลดช่องว่างกับ DLSS 4 ของ NVIDIA ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ AFMF 1 เปิดตัวในปี 2023 สำหรับ emulator และเกมที่ไม่มี frame-gen ➡️ AFMF 2.1 เพิ่มการติดตามภาพแบบ temporal และลด ghosting ➡️ DLSS 4 รองรับ Multi Frame Generation และมีคุณภาพภาพสูงกว่า ➡️ FSR 4 ยังสามารถใช้งานบนการ์ดรุ่นเก่าผ่าน OptiScaler แต่ไม่เป็นทางการ ➡️ การ์ด RDNA 3.5 เช่น Radeon 780M iGPU มีฐานผู้ใช้จำนวนมากที่รออัปเดตนี้ https://www.techradar.com/computing/gpu/amds-next-gen-redstone-ai-upscaling-tech-looks-imminent-and-a-big-clue-has-been-spotted-in-the-latest-drivers
    0 Comments 0 Shares 169 Views 0 Reviews
  • “Broadcom อุดช่องโหว่ร้ายแรงใน VMware — เสี่ยงถูกยกระดับสิทธิ์และขโมยข้อมูลจาก VM โดยไม่รู้ตัว”

    Broadcom ได้ออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัย 3 รายการที่ส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ VMware Aria Operations และ VMware Tools ซึ่งถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในระบบคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐานขององค์กร โดยช่องโหว่เหล่านี้มีระดับความรุนแรงตั้งแต่ปานกลางไปจนถึงสำคัญ และอาจถูกใช้โจมตีเพื่อยกระดับสิทธิ์หรือขโมยข้อมูลจากระบบเสมือนจริง (VM)

    ช่องโหว่แรก CVE-2025-41244 เป็นช่องโหว่แบบ Local Privilege Escalation ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ที่ไม่มีสิทธิ์แอดมินใน VM สามารถยกระดับสิทธิ์เป็น root ได้ หาก VM นั้นติดตั้ง VMware Tools และถูกจัดการผ่าน Aria Operations ที่เปิดใช้ SDMP

    ช่องโหว่ที่สอง CVE-2025-41245 เป็นช่องโหว่แบบ Information Disclosure ที่เกิดขึ้นใน Aria Operations โดยผู้ใช้ที่ไม่มีสิทธิ์แอดมินสามารถเข้าถึงข้อมูล credential ของผู้ใช้อื่นในระบบได้

    ช่องโหว่สุดท้าย CVE-2025-41246 เป็นช่องโหว่ Improper Authorization ใน VMware Tools for Windows ซึ่งเปิดช่องให้ผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันตัวตนใน vCenter หรือ ESX สามารถเข้าถึง VM อื่น ๆ ได้โดยไม่ควรจะทำได้

    Broadcom ได้ออกแพตช์ในเวอร์ชัน VMware Tools 13.0.5 และ 12.5.4 รวมถึง Aria Operations 8.18.5 เพื่อแก้ไขช่องโหว่ทั้งหมด และแนะนำให้ผู้ใช้งานอัปเดตทันที เนื่องจากไม่มีวิธีแก้ไขชั่วคราวหรือ workaround ใด ๆ ที่ปลอดภัยพอในตอนนี้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Broadcom แก้ไขช่องโหว่ 3 รายการใน VMware Aria Operations และ VMware Tools
    CVE-2025-41244 เป็นช่องโหว่ยกระดับสิทธิ์จากผู้ใช้ทั่วไปเป็น root บน VM
    ช่องโหว่นี้เกิดเมื่อใช้ VMware Tools ร่วมกับ Aria Operations ที่เปิด SDMP
    CVE-2025-41245 เป็นช่องโหว่เปิดเผยข้อมูล credential ของผู้ใช้อื่นใน Aria Operations
    CVE-2025-41246 เป็นช่องโหว่การควบคุมสิทธิ์ที่ผิดพลาดใน VMware Tools for Windows
    ผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันตัวตนใน vCenter หรือ ESX อาจเข้าถึง VM อื่นได้โดยไม่ถูกจำกัด
    แพตช์ถูกปล่อยใน VMware Tools 13.0.5, 12.5.4 และ Aria Operations 8.18.5
    ช่องโหว่มีผลกระทบต่อ VMware Cloud Foundation และ Telco Cloud Platform

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ช่องโหว่แบบ privilege escalation เป็นหนึ่งในช่องโหว่ที่ถูกใช้โจมตีมากที่สุดในองค์กร
    SDMP (Software Defined Monitoring Platform) เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยจัดการ VM แต่เพิ่มความเสี่ยงหากไม่ตั้งค่าปลอดภัย
    Aria Operations เป็นเครื่องมือจัดการและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของระบบคลาวด์
    VMware Tools เป็นชุดเครื่องมือที่ติดตั้งใน VM เพื่อปรับปรุงการทำงานร่วมกับ hypervisor
    การอัปเดตไดรเวอร์และเครื่องมือใน VM เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันการโจมตีจากภายใน

    https://securityonline.info/broadcom-patches-vmware-flaws-privilege-escalation-and-info-disclosure-vulnerabilities-affect-vmware-tools-and-aria-operations/
    🛡️ “Broadcom อุดช่องโหว่ร้ายแรงใน VMware — เสี่ยงถูกยกระดับสิทธิ์และขโมยข้อมูลจาก VM โดยไม่รู้ตัว” Broadcom ได้ออกแพตช์เพื่อแก้ไขช่องโหว่ความปลอดภัย 3 รายการที่ส่งผลกระทบต่อผลิตภัณฑ์ VMware Aria Operations และ VMware Tools ซึ่งถูกใช้งานอย่างแพร่หลายในระบบคลาวด์และโครงสร้างพื้นฐานขององค์กร โดยช่องโหว่เหล่านี้มีระดับความรุนแรงตั้งแต่ปานกลางไปจนถึงสำคัญ และอาจถูกใช้โจมตีเพื่อยกระดับสิทธิ์หรือขโมยข้อมูลจากระบบเสมือนจริง (VM) ช่องโหว่แรก CVE-2025-41244 เป็นช่องโหว่แบบ Local Privilege Escalation ที่เปิดโอกาสให้ผู้ใช้ที่ไม่มีสิทธิ์แอดมินใน VM สามารถยกระดับสิทธิ์เป็น root ได้ หาก VM นั้นติดตั้ง VMware Tools และถูกจัดการผ่าน Aria Operations ที่เปิดใช้ SDMP ช่องโหว่ที่สอง CVE-2025-41245 เป็นช่องโหว่แบบ Information Disclosure ที่เกิดขึ้นใน Aria Operations โดยผู้ใช้ที่ไม่มีสิทธิ์แอดมินสามารถเข้าถึงข้อมูล credential ของผู้ใช้อื่นในระบบได้ ช่องโหว่สุดท้าย CVE-2025-41246 เป็นช่องโหว่ Improper Authorization ใน VMware Tools for Windows ซึ่งเปิดช่องให้ผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันตัวตนใน vCenter หรือ ESX สามารถเข้าถึง VM อื่น ๆ ได้โดยไม่ควรจะทำได้ Broadcom ได้ออกแพตช์ในเวอร์ชัน VMware Tools 13.0.5 และ 12.5.4 รวมถึง Aria Operations 8.18.5 เพื่อแก้ไขช่องโหว่ทั้งหมด และแนะนำให้ผู้ใช้งานอัปเดตทันที เนื่องจากไม่มีวิธีแก้ไขชั่วคราวหรือ workaround ใด ๆ ที่ปลอดภัยพอในตอนนี้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Broadcom แก้ไขช่องโหว่ 3 รายการใน VMware Aria Operations และ VMware Tools ➡️ CVE-2025-41244 เป็นช่องโหว่ยกระดับสิทธิ์จากผู้ใช้ทั่วไปเป็น root บน VM ➡️ ช่องโหว่นี้เกิดเมื่อใช้ VMware Tools ร่วมกับ Aria Operations ที่เปิด SDMP ➡️ CVE-2025-41245 เป็นช่องโหว่เปิดเผยข้อมูล credential ของผู้ใช้อื่นใน Aria Operations ➡️ CVE-2025-41246 เป็นช่องโหว่การควบคุมสิทธิ์ที่ผิดพลาดใน VMware Tools for Windows ➡️ ผู้ใช้ที่ผ่านการยืนยันตัวตนใน vCenter หรือ ESX อาจเข้าถึง VM อื่นได้โดยไม่ถูกจำกัด ➡️ แพตช์ถูกปล่อยใน VMware Tools 13.0.5, 12.5.4 และ Aria Operations 8.18.5 ➡️ ช่องโหว่มีผลกระทบต่อ VMware Cloud Foundation และ Telco Cloud Platform ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ช่องโหว่แบบ privilege escalation เป็นหนึ่งในช่องโหว่ที่ถูกใช้โจมตีมากที่สุดในองค์กร ➡️ SDMP (Software Defined Monitoring Platform) เป็นฟีเจอร์ที่ช่วยจัดการ VM แต่เพิ่มความเสี่ยงหากไม่ตั้งค่าปลอดภัย ➡️ Aria Operations เป็นเครื่องมือจัดการและวิเคราะห์ประสิทธิภาพของระบบคลาวด์ ➡️ VMware Tools เป็นชุดเครื่องมือที่ติดตั้งใน VM เพื่อปรับปรุงการทำงานร่วมกับ hypervisor ➡️ การอัปเดตไดรเวอร์และเครื่องมือใน VM เป็นสิ่งจำเป็นเพื่อป้องกันการโจมตีจากภายใน https://securityonline.info/broadcom-patches-vmware-flaws-privilege-escalation-and-info-disclosure-vulnerabilities-affect-vmware-tools-and-aria-operations/
    SECURITYONLINE.INFO
    Broadcom Patches VMware Flaws: Privilege Escalation and Info Disclosure Vulnerabilities Affect VMware Tools and Aria Operations
    Broadcom has patched three flaws in VMware Aria Operations and VMware Tools. The vulnerabilities include privilege escalation and information disclosure.
    0 Comments 0 Shares 139 Views 0 Reviews
  • “ช่องโหว่ในไดรเวอร์ GPU ของ Qualcomm ทำ Android ล่ม — PoC เผยจุดอ่อนระดับเคอร์เนลที่อาจถูกโจมตีได้จริง”

    นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้เปิดเผยช่องโหว่ใหม่ในไดรเวอร์ KGSL ของ Qualcomm ซึ่งใช้ใน GPU ตระกูล Adreno บนอุปกรณ์ Android โดยช่องโหว่นี้เป็น “race condition” ที่เกิดขึ้นเมื่อสองเธรดเข้าถึงรายการข้อมูลเดียวกันพร้อมกัน ส่งผลให้เกิด “use-after-free” ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่สามารถนำไปสู่การล่มของระบบ หรือแม้แต่การโจมตีแบบยกระดับสิทธิ์ (privilege escalation)

    ช่องโหว่นี้ถูกระบุใน CVE-2024-38399 และมีการเผยแพร่ PoC (Proof of Concept) ที่สามารถทำให้เคอร์เนลล่มได้จริง โดยใช้การเรียกฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องกับการจัดการหน่วยความจำของ GPU ในจังหวะที่ระบบยังไม่ปลดล็อกการเข้าถึง ทำให้เกิดการใช้หน่วยความจำที่ถูกปล่อยไปแล้ว

    นักวิจัยพบว่าเมื่อเธรดหนึ่งปล่อยหน่วยความจำ และอีกเธรดหนึ่งยังคงเข้าถึงอยู่ จะเกิดการชนกันของข้อมูล ซึ่งนำไปสู่การล่มของเคอร์เนลทันที โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีการใช้งานกราฟิกหนัก เช่น การเล่นเกม หรือการเปลี่ยนหน้าจออย่างรวดเร็ว

    Qualcomm ยังไม่ได้ออกแพตช์อย่างเป็นทางการ แต่มีการแจ้งเตือนให้ผู้ผลิตอุปกรณ์ Android ตรวจสอบและอัปเดตไดรเวอร์ KGSL โดยเร็ว เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะในอุปกรณ์ที่ใช้ Snapdragon รุ่นใหม่ ๆ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ช่องโหว่ CVE-2024-38399 เกิดจาก race condition ในไดรเวอร์ KGSL ของ Qualcomm
    ใช้ใน GPU Adreno บนอุปกรณ์ Android เช่น สมาร์ตโฟนที่ใช้ Snapdragon
    ช่องโหว่นำไปสู่ use-after-free ซึ่งสามารถทำให้เคอร์เนลล่มหรือถูกโจมตีได้
    มีการเผยแพร่ PoC ที่สามารถทำให้ระบบล่มได้จริง
    เกิดจากการเข้าถึงหน่วยความจำพร้อมกันจากหลายเธรดในจังหวะที่ไม่ปลอดภัย
    Qualcomm แจ้งเตือนผู้ผลิตให้ตรวจสอบและอัปเดตไดรเวอร์ KGSL โดยเร็ว
    ช่องโหว่นี้มีผลกระทบต่อการใช้งานกราฟิกหนัก เช่น เกมหรือแอปที่เปลี่ยนหน้าจอเร็ว
    ยังไม่มีแพตช์อย่างเป็นทางการจาก Qualcomm ณ วันที่รายงาน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    KGSL (Kernel Graphics Support Layer) เป็นไดรเวอร์หลักที่จัดการ GPU บน Android
    Race condition เป็นช่องโหว่ที่เกิดจากการจัดการเธรดไม่ปลอดภัยในระบบหลายเธรด
    Use-after-free เป็นช่องโหว่ที่พบได้บ่อยในระบบปฏิบัติการและเบราว์เซอร์
    ช่องโหว่ระดับเคอร์เนลมีความรุนแรงสูง เพราะสามารถเข้าถึงสิทธิ์ระดับ root ได้
    การโจมตีแบบ privilege escalation สามารถใช้ช่องโหว่นี้เพื่อควบคุมอุปกรณ์ทั้งหมด

    https://securityonline.info/under-the-hood-of-a-kernel-crash-poc-exposes-race-condition-in-qualcomms-driver/
    🧨 “ช่องโหว่ในไดรเวอร์ GPU ของ Qualcomm ทำ Android ล่ม — PoC เผยจุดอ่อนระดับเคอร์เนลที่อาจถูกโจมตีได้จริง” นักวิจัยด้านความปลอดภัยได้เปิดเผยช่องโหว่ใหม่ในไดรเวอร์ KGSL ของ Qualcomm ซึ่งใช้ใน GPU ตระกูล Adreno บนอุปกรณ์ Android โดยช่องโหว่นี้เป็น “race condition” ที่เกิดขึ้นเมื่อสองเธรดเข้าถึงรายการข้อมูลเดียวกันพร้อมกัน ส่งผลให้เกิด “use-after-free” ซึ่งเป็นช่องโหว่ที่สามารถนำไปสู่การล่มของระบบ หรือแม้แต่การโจมตีแบบยกระดับสิทธิ์ (privilege escalation) ช่องโหว่นี้ถูกระบุใน CVE-2024-38399 และมีการเผยแพร่ PoC (Proof of Concept) ที่สามารถทำให้เคอร์เนลล่มได้จริง โดยใช้การเรียกฟังก์ชันที่เกี่ยวข้องกับการจัดการหน่วยความจำของ GPU ในจังหวะที่ระบบยังไม่ปลดล็อกการเข้าถึง ทำให้เกิดการใช้หน่วยความจำที่ถูกปล่อยไปแล้ว นักวิจัยพบว่าเมื่อเธรดหนึ่งปล่อยหน่วยความจำ และอีกเธรดหนึ่งยังคงเข้าถึงอยู่ จะเกิดการชนกันของข้อมูล ซึ่งนำไปสู่การล่มของเคอร์เนลทันที โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่มีการใช้งานกราฟิกหนัก เช่น การเล่นเกม หรือการเปลี่ยนหน้าจออย่างรวดเร็ว Qualcomm ยังไม่ได้ออกแพตช์อย่างเป็นทางการ แต่มีการแจ้งเตือนให้ผู้ผลิตอุปกรณ์ Android ตรวจสอบและอัปเดตไดรเวอร์ KGSL โดยเร็ว เพื่อป้องกันการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต โดยเฉพาะในอุปกรณ์ที่ใช้ Snapdragon รุ่นใหม่ ๆ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ช่องโหว่ CVE-2024-38399 เกิดจาก race condition ในไดรเวอร์ KGSL ของ Qualcomm ➡️ ใช้ใน GPU Adreno บนอุปกรณ์ Android เช่น สมาร์ตโฟนที่ใช้ Snapdragon ➡️ ช่องโหว่นำไปสู่ use-after-free ซึ่งสามารถทำให้เคอร์เนลล่มหรือถูกโจมตีได้ ➡️ มีการเผยแพร่ PoC ที่สามารถทำให้ระบบล่มได้จริง ➡️ เกิดจากการเข้าถึงหน่วยความจำพร้อมกันจากหลายเธรดในจังหวะที่ไม่ปลอดภัย ➡️ Qualcomm แจ้งเตือนผู้ผลิตให้ตรวจสอบและอัปเดตไดรเวอร์ KGSL โดยเร็ว ➡️ ช่องโหว่นี้มีผลกระทบต่อการใช้งานกราฟิกหนัก เช่น เกมหรือแอปที่เปลี่ยนหน้าจอเร็ว ➡️ ยังไม่มีแพตช์อย่างเป็นทางการจาก Qualcomm ณ วันที่รายงาน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ KGSL (Kernel Graphics Support Layer) เป็นไดรเวอร์หลักที่จัดการ GPU บน Android ➡️ Race condition เป็นช่องโหว่ที่เกิดจากการจัดการเธรดไม่ปลอดภัยในระบบหลายเธรด ➡️ Use-after-free เป็นช่องโหว่ที่พบได้บ่อยในระบบปฏิบัติการและเบราว์เซอร์ ➡️ ช่องโหว่ระดับเคอร์เนลมีความรุนแรงสูง เพราะสามารถเข้าถึงสิทธิ์ระดับ root ได้ ➡️ การโจมตีแบบ privilege escalation สามารถใช้ช่องโหว่นี้เพื่อควบคุมอุปกรณ์ทั้งหมด https://securityonline.info/under-the-hood-of-a-kernel-crash-poc-exposes-race-condition-in-qualcomms-driver/
    SECURITYONLINE.INFO
    Under the Hood of a Kernel Crash: PoC Exposes Race Condition in Qualcomm's Driver
    A new PoC reveals a race condition in Qualcomm's KGSL GPU driver (CVE-2024-38399). Two threads can access the same list simultaneously, leading to a Use-After-Free vulnerability.
    0 Comments 0 Shares 124 Views 0 Reviews
  • สหรัฐฯกำลังดำเนินการยกระดับผลิตขีนาวุธ ในการเตรียมพร้อมรับมือความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งกับจีน ตามรายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล เมื่อวันจันทร์(29ก.ย.) ทั้งนี้มีข่าวว่าเพนตากอนกดดันให้บรรดาบริษัทผู้รับเหมากลาโหมทั้งหลาย เพิ่มกำลังผลิตเป็น 2 เท่าหรือ 4 เท่า ท่ามกลางความกังวลว่าคลังแสงอาวุธอาจไม่เพียงพอ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000093281

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    สหรัฐฯกำลังดำเนินการยกระดับผลิตขีนาวุธ ในการเตรียมพร้อมรับมือความเป็นไปได้ที่จะเกิดความขัดแย้งกับจีน ตามรายงานของวอลล์สตรีท เจอร์นัล เมื่อวันจันทร์(29ก.ย.) ทั้งนี้มีข่าวว่าเพนตากอนกดดันให้บรรดาบริษัทผู้รับเหมากลาโหมทั้งหลาย เพิ่มกำลังผลิตเป็น 2 เท่าหรือ 4 เท่า ท่ามกลางความกังวลว่าคลังแสงอาวุธอาจไม่เพียงพอ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000093281 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 374 Views 0 Reviews
  • “AI ล่ามนุษย์: ธนาคาร Santander ใช้ปัญญาประดิษฐ์ช่วยตำรวจอังกฤษทลายขบวนการค้ามนุษย์”

    ในโลกที่อาชญากรรมซับซ้อนขึ้นทุกวัน ธนาคารก็ไม่ใช่แค่สถานที่ฝากเงินอีกต่อไป ล่าสุด Santander UK ได้เปิดเผยว่าได้ใช้เครื่องมือ AI ที่พัฒนาโดยบริษัท ThetaRay เพื่อช่วยตรวจจับธุรกรรมต้องสงสัยที่อาจเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และการแสวงหาผลประโยชน์จากผู้คนในสหราชอาณาจักร

    ระบบนี้ถูกใช้งานมาแล้วประมาณหนึ่งปี และสามารถสร้าง “การแจ้งเตือน” หลายร้อยรายการให้กับหน่วยงาน National Crime Agency (NCA) ของอังกฤษ ซึ่งนำไปสู่การทลายขบวนการค้ามนุษย์หลายกลุ่มได้สำเร็จ โดย AI จะวิเคราะห์รูปแบบธุรกรรม เช่น การถอนเงินสดจำนวนเล็ก ๆ ซ้ำ ๆ, การจ่ายเงินให้กับเว็บไซต์บริการผู้ใหญ่, การจองเที่ยวบินและที่พักระหว่างประเทศ ซึ่งอาจดูไม่ผิดปกติเมื่อแยกกัน แต่เมื่อรวมกันแล้วกลับเป็นสัญญาณของการแสวงหาผลประโยชน์

    Jas Narang หัวหน้าฝ่าย AI และการเปลี่ยนแปลงของ Santander UK กล่าวว่า ระบบนี้ช่วยให้ธนาคารสามารถตรวจจับรูปแบบที่ซับซ้อนซึ่งระบบแบบเดิมไม่สามารถทำได้ และทุกการแจ้งเตือนจะถูกตรวจสอบโดยทีมผู้เชี่ยวชาญกว่า 1,000 คนก่อนส่งต่อให้ตำรวจ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการแจ้งเตือนผิดพลาด

    แม้จะมีเสียงวิจารณ์จากกลุ่มรณรงค์ด้านความเป็นส่วนตัว แต่ Santander ยืนยันว่าเครื่องมือนี้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างแท้จริง และกำลังพิจารณาขยายการใช้งานไปยังประเทศอื่น ๆ รวมถึงใช้ตรวจจับอาชญากรรมรูปแบบอื่น เช่น การฟอกเงินหรือการแสวงหาผลประโยชน์จากแรงงาน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Santander UK ใช้ AI จาก ThetaRay เพื่อช่วยตรวจจับการค้ามนุษย์ผ่านธุรกรรมทางการเงิน
    ระบบสามารถสร้างการแจ้งเตือนหลายร้อยรายการให้กับ NCA ภายใน 1 ปี
    AI วิเคราะห์รูปแบบธุรกรรม เช่น การถอนเงินซ้ำ ๆ, การจ่ายเงินให้เว็บไซต์บริการผู้ใหญ่, การจองเที่ยวบินและที่พัก
    ทุกการแจ้งเตือนจะถูกตรวจสอบโดยทีมผู้เชี่ยวชาญกว่า 1,000 คนก่อนส่งต่อให้ตำรวจ
    ระบบนี้ช่วยให้ Santander ก้าวข้ามข้อจำกัดของระบบตรวจจับแบบเดิมที่ใช้กฎตายตัว
    การใช้งาน AI นี้ถือเป็นครั้งแรกของ Santander ในการยกระดับการควบคุมอาชญากรรมทางการเงิน
    ธนาคารกำลังพิจารณาขยายการใช้งานไปยังประเทศอื่นและอาชญากรรมรูปแบบอื่น
    การดำเนินการนี้ช่วยให้ NCA ทลายขบวนการค้ามนุษย์หลายกลุ่มในอังกฤษ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    องค์กรแรงงานระหว่างประเทศระบุว่ามีผู้คนกว่า 28 ล้านคนทั่วโลกติดอยู่ในแรงงานบังคับหรือการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ
    การค้ามนุษย์มักใช้ช่องทางการเงินในการเคลื่อนย้ายเงินจากอาชญากรรม เช่น การจ่ายค่าเดินทางหรือที่พัก
    ThetaRay เป็นบริษัทด้าน fintech และ big data ที่เชี่ยวชาญด้านการตรวจจับธุรกรรมผิดปกติ
    การใช้ AI ในการตรวจจับอาชญากรรมทางการเงินเริ่มเป็นมาตรฐานใหม่ในธนาคารระดับโลก
    การตรวจจับแบบ real-time ช่วยให้ตำรวจสามารถดำเนินการได้ทันก่อนที่ขบวนการจะเปลี่ยนรูปแบบ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/29/santander-uses-ai-tool-to-help-bust-human-trafficking-gangs-in-uk
    🕵️‍♀️ “AI ล่ามนุษย์: ธนาคาร Santander ใช้ปัญญาประดิษฐ์ช่วยตำรวจอังกฤษทลายขบวนการค้ามนุษย์” ในโลกที่อาชญากรรมซับซ้อนขึ้นทุกวัน ธนาคารก็ไม่ใช่แค่สถานที่ฝากเงินอีกต่อไป ล่าสุด Santander UK ได้เปิดเผยว่าได้ใช้เครื่องมือ AI ที่พัฒนาโดยบริษัท ThetaRay เพื่อช่วยตรวจจับธุรกรรมต้องสงสัยที่อาจเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และการแสวงหาผลประโยชน์จากผู้คนในสหราชอาณาจักร ระบบนี้ถูกใช้งานมาแล้วประมาณหนึ่งปี และสามารถสร้าง “การแจ้งเตือน” หลายร้อยรายการให้กับหน่วยงาน National Crime Agency (NCA) ของอังกฤษ ซึ่งนำไปสู่การทลายขบวนการค้ามนุษย์หลายกลุ่มได้สำเร็จ โดย AI จะวิเคราะห์รูปแบบธุรกรรม เช่น การถอนเงินสดจำนวนเล็ก ๆ ซ้ำ ๆ, การจ่ายเงินให้กับเว็บไซต์บริการผู้ใหญ่, การจองเที่ยวบินและที่พักระหว่างประเทศ ซึ่งอาจดูไม่ผิดปกติเมื่อแยกกัน แต่เมื่อรวมกันแล้วกลับเป็นสัญญาณของการแสวงหาผลประโยชน์ Jas Narang หัวหน้าฝ่าย AI และการเปลี่ยนแปลงของ Santander UK กล่าวว่า ระบบนี้ช่วยให้ธนาคารสามารถตรวจจับรูปแบบที่ซับซ้อนซึ่งระบบแบบเดิมไม่สามารถทำได้ และทุกการแจ้งเตือนจะถูกตรวจสอบโดยทีมผู้เชี่ยวชาญกว่า 1,000 คนก่อนส่งต่อให้ตำรวจ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีการแจ้งเตือนผิดพลาด แม้จะมีเสียงวิจารณ์จากกลุ่มรณรงค์ด้านความเป็นส่วนตัว แต่ Santander ยืนยันว่าเครื่องมือนี้มีผลกระทบเชิงบวกอย่างแท้จริง และกำลังพิจารณาขยายการใช้งานไปยังประเทศอื่น ๆ รวมถึงใช้ตรวจจับอาชญากรรมรูปแบบอื่น เช่น การฟอกเงินหรือการแสวงหาผลประโยชน์จากแรงงาน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Santander UK ใช้ AI จาก ThetaRay เพื่อช่วยตรวจจับการค้ามนุษย์ผ่านธุรกรรมทางการเงิน ➡️ ระบบสามารถสร้างการแจ้งเตือนหลายร้อยรายการให้กับ NCA ภายใน 1 ปี ➡️ AI วิเคราะห์รูปแบบธุรกรรม เช่น การถอนเงินซ้ำ ๆ, การจ่ายเงินให้เว็บไซต์บริการผู้ใหญ่, การจองเที่ยวบินและที่พัก ➡️ ทุกการแจ้งเตือนจะถูกตรวจสอบโดยทีมผู้เชี่ยวชาญกว่า 1,000 คนก่อนส่งต่อให้ตำรวจ ➡️ ระบบนี้ช่วยให้ Santander ก้าวข้ามข้อจำกัดของระบบตรวจจับแบบเดิมที่ใช้กฎตายตัว ➡️ การใช้งาน AI นี้ถือเป็นครั้งแรกของ Santander ในการยกระดับการควบคุมอาชญากรรมทางการเงิน ➡️ ธนาคารกำลังพิจารณาขยายการใช้งานไปยังประเทศอื่นและอาชญากรรมรูปแบบอื่น ➡️ การดำเนินการนี้ช่วยให้ NCA ทลายขบวนการค้ามนุษย์หลายกลุ่มในอังกฤษ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ องค์กรแรงงานระหว่างประเทศระบุว่ามีผู้คนกว่า 28 ล้านคนทั่วโลกติดอยู่ในแรงงานบังคับหรือการแสวงหาผลประโยชน์ทางเพศ ➡️ การค้ามนุษย์มักใช้ช่องทางการเงินในการเคลื่อนย้ายเงินจากอาชญากรรม เช่น การจ่ายค่าเดินทางหรือที่พัก ➡️ ThetaRay เป็นบริษัทด้าน fintech และ big data ที่เชี่ยวชาญด้านการตรวจจับธุรกรรมผิดปกติ ➡️ การใช้ AI ในการตรวจจับอาชญากรรมทางการเงินเริ่มเป็นมาตรฐานใหม่ในธนาคารระดับโลก ➡️ การตรวจจับแบบ real-time ช่วยให้ตำรวจสามารถดำเนินการได้ทันก่อนที่ขบวนการจะเปลี่ยนรูปแบบ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/29/santander-uses-ai-tool-to-help-bust-human-trafficking-gangs-in-uk
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Santander uses AI tool to help bust human trafficking gangs in UK
    High street lender Santander UK has revealed an artificial intelligence (AI) tool used by the bank is helping combat human trafficking after generating hundreds of leads for police to crack gangs operating in Britain.
    0 Comments 0 Shares 162 Views 0 Reviews
  • Samsung กำลังเตรียมปล่อยอัปเดต One UI 8.5 ซึ่งเป็นเวอร์ชันต่อยอดจาก One UI 8 ที่ใช้พื้นฐาน Android 16 โดยมีฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจหลุดออกมาหลายรายการ โดยเฉพาะในแอปกล้องที่ดูเหมือนจะได้รับการยกระดับครั้งใหญ่ทั้งในด้านความสร้างสรรค์และความเป็นมืออาชีพ

    ฟีเจอร์แรกคือการเพิ่ม LUT (Look-Up Table) สำหรับวิดีโอแบบ LOG ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนโทนภาพได้ทันที เช่น Blockbuster, Thriller หรือ Initiatique โดยไม่ต้องใช้แอปตัดต่อภายนอก เหมาะสำหรับสายครีเอเตอร์ที่ต้องการ mood แบบภาพยนตร์

    อีกฟีเจอร์ที่น่าตื่นเต้นคือการรองรับการถ่ายภาพและวิดีโอแบบ 3D, VR และ spatial media ซึ่งอาจเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ AR/VR ของ Samsung ที่กำลังพัฒนาอยู่ โดยไม่ต้องใช้แอปเสริมหรือกล้องพิเศษ

    นอกจากนี้ยังมีการค้นพบระบบ Advanced Professional Video (APV) ที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายวิดีโอคุณภาพสูงและแปลงเป็น HEVC ได้ทันทีในแอป Gallery ซึ่งเป็นการยกระดับการถ่ายทำระดับโปรให้มาอยู่ในมือถือ

    ด้านการเชื่อมต่อ One UI 8.5 จะเพิ่มระบบ Intelligent Link Assessment และ Intelligent Network Switch ที่ใช้ AI ในการตัดสินใจว่าจะเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือ Cellular โดยพิจารณาจากความเร็ว ความปลอดภัย และประวัติการเชื่อมต่อของผู้ใช้ ทำให้ไม่ต้องสลับเน็ตเองอีกต่อไป

    แม้ยังไม่มีการประกาศวันปล่อยอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่า One UI 8.5 จะเปิดตัวพร้อม Galaxy S26 ในเดือนมกราคม 2026

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    One UI 8.5 จะเพิ่ม LUT สำหรับวิดีโอแบบ LOG เช่น Blockbuster, Thriller
    รองรับการถ่ายภาพและวิดีโอแบบ 3D, VR และ spatial media
    เพิ่มระบบ APV (Advanced Professional Video) สำหรับการถ่ายวิดีโอคุณภาพสูง
    สามารถแปลงวิดีโอ APV เป็น HEVC ได้ในแอป Gallery
    เพิ่มระบบ Intelligent Link Assessment และ Intelligent Network Switch
    ใช้ AI ในการเลือกเครือข่ายที่เหมาะสมระหว่าง Wi-Fi และ Cellular
    คาดว่า One UI 8.5 จะเปิดตัวพร้อม Galaxy S26 ในเดือนมกราคม 2026
    ฟีเจอร์กล้องใหม่อาจใช้ร่วมกับอุปกรณ์ AR/VR ของ Samsung ที่กำลังพัฒนา

    https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/good-news-for-samsung-galaxy-owners-one-ui-8-5-could-bring-these-3-big-upgrades
    Samsung กำลังเตรียมปล่อยอัปเดต One UI 8.5 ซึ่งเป็นเวอร์ชันต่อยอดจาก One UI 8 ที่ใช้พื้นฐาน Android 16 โดยมีฟีเจอร์ใหม่ที่น่าสนใจหลุดออกมาหลายรายการ โดยเฉพาะในแอปกล้องที่ดูเหมือนจะได้รับการยกระดับครั้งใหญ่ทั้งในด้านความสร้างสรรค์และความเป็นมืออาชีพ ฟีเจอร์แรกคือการเพิ่ม LUT (Look-Up Table) สำหรับวิดีโอแบบ LOG ซึ่งช่วยให้ผู้ใช้สามารถเปลี่ยนโทนภาพได้ทันที เช่น Blockbuster, Thriller หรือ Initiatique โดยไม่ต้องใช้แอปตัดต่อภายนอก เหมาะสำหรับสายครีเอเตอร์ที่ต้องการ mood แบบภาพยนตร์ อีกฟีเจอร์ที่น่าตื่นเต้นคือการรองรับการถ่ายภาพและวิดีโอแบบ 3D, VR และ spatial media ซึ่งอาจเป็นการเตรียมพร้อมสำหรับการใช้งานร่วมกับอุปกรณ์ AR/VR ของ Samsung ที่กำลังพัฒนาอยู่ โดยไม่ต้องใช้แอปเสริมหรือกล้องพิเศษ นอกจากนี้ยังมีการค้นพบระบบ Advanced Professional Video (APV) ที่จะช่วยให้ผู้ใช้สามารถถ่ายวิดีโอคุณภาพสูงและแปลงเป็น HEVC ได้ทันทีในแอป Gallery ซึ่งเป็นการยกระดับการถ่ายทำระดับโปรให้มาอยู่ในมือถือ ด้านการเชื่อมต่อ One UI 8.5 จะเพิ่มระบบ Intelligent Link Assessment และ Intelligent Network Switch ที่ใช้ AI ในการตัดสินใจว่าจะเชื่อมต่อ Wi-Fi หรือ Cellular โดยพิจารณาจากความเร็ว ความปลอดภัย และประวัติการเชื่อมต่อของผู้ใช้ ทำให้ไม่ต้องสลับเน็ตเองอีกต่อไป แม้ยังไม่มีการประกาศวันปล่อยอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่า One UI 8.5 จะเปิดตัวพร้อม Galaxy S26 ในเดือนมกราคม 2026 ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ One UI 8.5 จะเพิ่ม LUT สำหรับวิดีโอแบบ LOG เช่น Blockbuster, Thriller ➡️ รองรับการถ่ายภาพและวิดีโอแบบ 3D, VR และ spatial media ➡️ เพิ่มระบบ APV (Advanced Professional Video) สำหรับการถ่ายวิดีโอคุณภาพสูง ➡️ สามารถแปลงวิดีโอ APV เป็น HEVC ได้ในแอป Gallery ➡️ เพิ่มระบบ Intelligent Link Assessment และ Intelligent Network Switch ➡️ ใช้ AI ในการเลือกเครือข่ายที่เหมาะสมระหว่าง Wi-Fi และ Cellular ➡️ คาดว่า One UI 8.5 จะเปิดตัวพร้อม Galaxy S26 ในเดือนมกราคม 2026 ➡️ ฟีเจอร์กล้องใหม่อาจใช้ร่วมกับอุปกรณ์ AR/VR ของ Samsung ที่กำลังพัฒนา https://www.techradar.com/phones/samsung-galaxy-phones/good-news-for-samsung-galaxy-owners-one-ui-8-5-could-bring-these-3-big-upgrades
    0 Comments 0 Shares 120 Views 0 Reviews
  • “Snapdragon X2 Elite Extreme: ชิปโน้ตบุ๊กที่แรงที่สุดของ Qualcomm — ซูเปอร์คอร์ 18 ตัว, RAM 128GB, AI 80 TOPS พร้อมชน AMD และ Intel”

    Qualcomm เปิดตัวชิปสำหรับโน้ตบุ๊ก Windows รุ่นใหม่ล่าสุดในชื่อ Snapdragon X2 Elite และ X2 Elite Extreme ซึ่งถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ในตลาด PC โดยเฉพาะรุ่น Extreme ที่มาพร้อมกับสเปกสุดโหด: ซีพียู 18 คอร์, ความเร็วบูสต์สูงสุด 5.0GHz, รองรับ RAM LPDDR5X สูงสุดถึง 128GB และหน่วยประมวลผล AI (NPU) ที่แรงถึง 80 TOPS — มากกว่าคู่แข่งอย่าง AMD Ryzen AI+ 395 และ Intel Core Ultra แบบไม่เกรงใจ

    ชิปทั้งสองรุ่นใช้สถาปัตยกรรม Oryon รุ่นที่ 3 บนกระบวนการผลิต 3nm ของ TSMC โดยรุ่น Extreme มี 12 คอร์หลักและ 6 คอร์ประสิทธิภาพ พร้อมแคชรวม 53MB และสามารถเชื่อมต่อ PCIe 5.0 ได้ถึง 12 เลน รองรับการแสดงผลสูงสุด 3 จอ 4K ที่ 144Hz หรือ 2 จอ 5K ที่ 60Hz

    ด้านกราฟิกก็ไม่น้อยหน้า เพราะมาพร้อม GPU Adreno X2-90 ที่รองรับ ray tracing แบบฮาร์ดแวร์ และ API ล่าสุดอย่าง DirectX 12.2 Ultimate, Vulkan และ OpenCL 3.0 ส่วนรุ่น Elite ธรรมดาจะลดคอร์ลงเหลือ 12 คอร์ และใช้ GPU Adreno X2-85 ที่แรงน้อยกว่าเล็กน้อย

    ทั้งสองรุ่นรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4 และสามารถติดตั้งโมเด็ม Snapdragon X75 สำหรับ 5G ได้ โดยออกแบบมาเพื่อใช้งานกับ Copilot+ PC ที่เน้นการประมวลผล AI หลายงานพร้อมกันบนเครื่องโดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์

    Qualcomm ระบุว่าโน้ตบุ๊กรุ่นแรกที่ใช้ชิปเหล่านี้จะเปิดตัวในช่วงครึ่งแรกของปี 2026 และจะเป็นการเปิดศักราชใหม่ของโน้ตบุ๊กที่บางเบาแต่ทรงพลังระดับเวิร์กสเตชัน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Snapdragon X2 Elite Extreme มี 18 คอร์ (12P + 6E) ความเร็วบูสต์สูงสุด 5.0GHz
    รองรับ RAM LPDDR5X สูงสุด 128GB บนแบนด์วิดธ์ 228GB/s
    NPU แรงถึง 80 TOPS เหมาะกับงาน AI หลายงานพร้อมกัน
    GPU Adreno X2-90 รองรับ ray tracing และ API ล่าสุด
    รองรับ PCIe 5.0, NVMe SSD, UFS 4.0 และ USB4 หลายพอร์ต
    แสดงผลได้สูงสุด 3 จอ 4K 144Hz หรือ 2 จอ 5K 60Hz
    รองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4 และโมเด็ม 5G Snapdragon X75
    ใช้สถาปัตยกรรม Oryon รุ่นที่ 3 บนกระบวนการผลิต 3nm
    โน้ตบุ๊กรุ่นแรกจะเปิดตัวในครึ่งแรกของปี 2026

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Snapdragon X2 Elite Extreme แรงกว่า Snapdragon X Elite รุ่นแรกถึง 31% ที่พลังงานเท่ากัน
    ใช้พลังงานน้อยลงถึง 43% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า
    Adreno X2-90 มีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงขึ้น 2.3 เท่า
    ชิปนี้ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับ Copilot+ PC โดยเฉพาะ
    Qualcomm ตั้งเป้าแข่งกับ Apple M4, AMD Ryzen AI+ และ Intel Core Ultra

    https://www.techradar.com/pro/qualcomms-most-powerful-cpu-ever-will-target-amds-ryzen-ai-395-with-128gb-onboard-lpddr5x-memory-while-intel-has-only-32gb-integrated-memory-to-contend-with
    ⚙️ “Snapdragon X2 Elite Extreme: ชิปโน้ตบุ๊กที่แรงที่สุดของ Qualcomm — ซูเปอร์คอร์ 18 ตัว, RAM 128GB, AI 80 TOPS พร้อมชน AMD และ Intel” Qualcomm เปิดตัวชิปสำหรับโน้ตบุ๊ก Windows รุ่นใหม่ล่าสุดในชื่อ Snapdragon X2 Elite และ X2 Elite Extreme ซึ่งถือเป็นการยกระดับครั้งใหญ่ในตลาด PC โดยเฉพาะรุ่น Extreme ที่มาพร้อมกับสเปกสุดโหด: ซีพียู 18 คอร์, ความเร็วบูสต์สูงสุด 5.0GHz, รองรับ RAM LPDDR5X สูงสุดถึง 128GB และหน่วยประมวลผล AI (NPU) ที่แรงถึง 80 TOPS — มากกว่าคู่แข่งอย่าง AMD Ryzen AI+ 395 และ Intel Core Ultra แบบไม่เกรงใจ ชิปทั้งสองรุ่นใช้สถาปัตยกรรม Oryon รุ่นที่ 3 บนกระบวนการผลิต 3nm ของ TSMC โดยรุ่น Extreme มี 12 คอร์หลักและ 6 คอร์ประสิทธิภาพ พร้อมแคชรวม 53MB และสามารถเชื่อมต่อ PCIe 5.0 ได้ถึง 12 เลน รองรับการแสดงผลสูงสุด 3 จอ 4K ที่ 144Hz หรือ 2 จอ 5K ที่ 60Hz ด้านกราฟิกก็ไม่น้อยหน้า เพราะมาพร้อม GPU Adreno X2-90 ที่รองรับ ray tracing แบบฮาร์ดแวร์ และ API ล่าสุดอย่าง DirectX 12.2 Ultimate, Vulkan และ OpenCL 3.0 ส่วนรุ่น Elite ธรรมดาจะลดคอร์ลงเหลือ 12 คอร์ และใช้ GPU Adreno X2-85 ที่แรงน้อยกว่าเล็กน้อย ทั้งสองรุ่นรองรับการเชื่อมต่อ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4 และสามารถติดตั้งโมเด็ม Snapdragon X75 สำหรับ 5G ได้ โดยออกแบบมาเพื่อใช้งานกับ Copilot+ PC ที่เน้นการประมวลผล AI หลายงานพร้อมกันบนเครื่องโดยไม่ต้องพึ่งคลาวด์ Qualcomm ระบุว่าโน้ตบุ๊กรุ่นแรกที่ใช้ชิปเหล่านี้จะเปิดตัวในช่วงครึ่งแรกของปี 2026 และจะเป็นการเปิดศักราชใหม่ของโน้ตบุ๊กที่บางเบาแต่ทรงพลังระดับเวิร์กสเตชัน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Snapdragon X2 Elite Extreme มี 18 คอร์ (12P + 6E) ความเร็วบูสต์สูงสุด 5.0GHz ➡️ รองรับ RAM LPDDR5X สูงสุด 128GB บนแบนด์วิดธ์ 228GB/s ➡️ NPU แรงถึง 80 TOPS เหมาะกับงาน AI หลายงานพร้อมกัน ➡️ GPU Adreno X2-90 รองรับ ray tracing และ API ล่าสุด ➡️ รองรับ PCIe 5.0, NVMe SSD, UFS 4.0 และ USB4 หลายพอร์ต ➡️ แสดงผลได้สูงสุด 3 จอ 4K 144Hz หรือ 2 จอ 5K 60Hz ➡️ รองรับ Wi-Fi 7, Bluetooth 5.4 และโมเด็ม 5G Snapdragon X75 ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Oryon รุ่นที่ 3 บนกระบวนการผลิต 3nm ➡️ โน้ตบุ๊กรุ่นแรกจะเปิดตัวในครึ่งแรกของปี 2026 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Snapdragon X2 Elite Extreme แรงกว่า Snapdragon X Elite รุ่นแรกถึง 31% ที่พลังงานเท่ากัน ➡️ ใช้พลังงานน้อยลงถึง 43% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ➡️ Adreno X2-90 มีประสิทธิภาพต่อวัตต์สูงขึ้น 2.3 เท่า ➡️ ชิปนี้ออกแบบมาเพื่อใช้งานกับ Copilot+ PC โดยเฉพาะ ➡️ Qualcomm ตั้งเป้าแข่งกับ Apple M4, AMD Ryzen AI+ และ Intel Core Ultra https://www.techradar.com/pro/qualcomms-most-powerful-cpu-ever-will-target-amds-ryzen-ai-395-with-128gb-onboard-lpddr5x-memory-while-intel-has-only-32gb-integrated-memory-to-contend-with
    0 Comments 0 Shares 148 Views 0 Reviews
  • “Linux Kernel 6.17 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ — ยกระดับความปลอดภัย รองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ พร้อมฟีเจอร์ล้ำยุคสำหรับยุค AI และ Cloud”

    Linus Torvalds ประกาศเปิดตัว Linux Kernel 6.17 อย่างเป็นทางการเมื่อปลายเดือนกันยายน 2025 โดยเวอร์ชันนี้มาพร้อมกับการปรับปรุงครั้งใหญ่ทั้งด้านความปลอดภัย การรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ และฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานในยุคที่ระบบปฏิบัติการต้องรองรับงานหนักระดับเซิร์ฟเวอร์และคลาวด์

    หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือการเพิ่มฟีเจอร์ “Attack Vector Controls” ซึ่งช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถจัดการการป้องกันช่องโหว่ CPU ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องตั้งค่าทีละรายการ แต่สามารถเลือกปิดหรือเปิดการป้องกันตามประเภทของการโจมตี เช่น user-to-kernel หรือ guest-to-host ได้ในบรรทัดเดียว

    ด้านฮาร์ดแวร์ Linux 6.17 รองรับเทคโนโลยีใหม่จากหลายค่าย เช่น:

    ARM: Branch Record Buffer Extension (BRBE) และ GICv5 สำหรับ KVM
    AMD: Hardware Feedback Interface (HFI) และ ACP 7.2 SoundWire
    Intel: Wildcat Lake, Bartlett Lake-S, Panther Lake Xe3 graphics, IPU7 driver
    Apple: SMC driver สำหรับรีบูต Mac M1/M2 ด้วย mainline kernel

    ยังมีการรองรับอุปกรณ์ใหม่อีกมาก เช่น Raspberry Pi 5 RP1 chip, Argon40 Fan HAT, Touch Bar บน MacBook Pro, และ OneXPlayer X1 Pro

    ในด้านระบบไฟล์และเน็ตเวิร์ก มีการเพิ่ม:
    Large-folio support สำหรับ Btrfs
    Metadata compression สำหรับ EROFS
    Scalability ที่ดีขึ้นสำหรับ EXT4
    รองรับ DualPI2 congestion control และ TCP_MAXSEG สำหรับ multipath TCP

    นอกจากนี้ยังมีการเพิ่ม live patching สำหรับ AArch64, proxy execution, และระบบ tracepoint สำหรับ User-Mode Linux รวมถึงการปรับปรุงระบบจัดการหน่วยความจำด้วยโมดูล DAMON_STAT

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Linux Kernel 6.17 เปิดตัวอย่างเป็นทางการโดย Linus Torvalds
    เพิ่มฟีเจอร์ Attack Vector Controls สำหรับจัดการการป้องกันช่องโหว่ CPU
    รองรับ ARM BRBE, GICv5, AMD HFI, Intel Wildcat Lake และ Apple SMC driver
    รองรับอุปกรณ์ใหม่ เช่น Raspberry Pi 5 RP1, Argon40 Fan HAT, Touch Bar บน MacBook Pro
    รองรับ codec HEVC และ VP9 ผ่าน Qualcomm Iris decoder บน V4L2
    เพิ่ม live patching สำหรับ AArch64 และ proxy execution
    รองรับระบบไฟล์ใหม่ เช่น Btrfs, EXT4, EROFS ด้วยฟีเจอร์ใหม่
    ปรับปรุงระบบเน็ตเวิร์ก เช่น DualPI2, TCP_MAXSEG, IPv6 force_forwarding
    เพิ่ม driver สำหรับ Framework Laptop 13, ASUS Commercial, HP EliteBook

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Attack Vector Controls แบ่งการป้องกันออกเป็น 5 ประเภท เช่น user-to-user, guest-to-guest
    สามารถตั้งค่าการป้องกันผ่าน GRUB ด้วยพารามิเตอร์เดียว เช่น mitigations=auto,no_user_kernel
    การรองรับ Intel Xe3 graphics บ่งบอกถึงความพร้อมของ Core Ultra Series 3
    DAMON_STAT ช่วยให้การตรวจสอบการใช้หน่วยความจำง่ายขึ้นและแม่นยำขึ้น
    การรองรับ SoundWire บน AMD ACP 7.2 ช่วยให้เสียงบนโน้ตบุ๊ค AMD ดีขึ้น

    https://9to5linux.com/linux-kernel-6-17-officially-released-this-is-whats-new
    🐧 “Linux Kernel 6.17 เปิดตัวอย่างเป็นทางการ — ยกระดับความปลอดภัย รองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ พร้อมฟีเจอร์ล้ำยุคสำหรับยุค AI และ Cloud” Linus Torvalds ประกาศเปิดตัว Linux Kernel 6.17 อย่างเป็นทางการเมื่อปลายเดือนกันยายน 2025 โดยเวอร์ชันนี้มาพร้อมกับการปรับปรุงครั้งใหญ่ทั้งด้านความปลอดภัย การรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ และฟีเจอร์ที่ตอบโจทย์การใช้งานในยุคที่ระบบปฏิบัติการต้องรองรับงานหนักระดับเซิร์ฟเวอร์และคลาวด์ หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือการเพิ่มฟีเจอร์ “Attack Vector Controls” ซึ่งช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถจัดการการป้องกันช่องโหว่ CPU ได้ง่ายขึ้น โดยไม่ต้องตั้งค่าทีละรายการ แต่สามารถเลือกปิดหรือเปิดการป้องกันตามประเภทของการโจมตี เช่น user-to-kernel หรือ guest-to-host ได้ในบรรทัดเดียว ด้านฮาร์ดแวร์ Linux 6.17 รองรับเทคโนโลยีใหม่จากหลายค่าย เช่น: 🗝️ ARM: Branch Record Buffer Extension (BRBE) และ GICv5 สำหรับ KVM 🗝️ AMD: Hardware Feedback Interface (HFI) และ ACP 7.2 SoundWire 🗝️ Intel: Wildcat Lake, Bartlett Lake-S, Panther Lake Xe3 graphics, IPU7 driver 🗝️ Apple: SMC driver สำหรับรีบูต Mac M1/M2 ด้วย mainline kernel ยังมีการรองรับอุปกรณ์ใหม่อีกมาก เช่น Raspberry Pi 5 RP1 chip, Argon40 Fan HAT, Touch Bar บน MacBook Pro, และ OneXPlayer X1 Pro ในด้านระบบไฟล์และเน็ตเวิร์ก มีการเพิ่ม: 🗝️ Large-folio support สำหรับ Btrfs 🗝️ Metadata compression สำหรับ EROFS 🗝️ Scalability ที่ดีขึ้นสำหรับ EXT4 🗝️ รองรับ DualPI2 congestion control และ TCP_MAXSEG สำหรับ multipath TCP นอกจากนี้ยังมีการเพิ่ม live patching สำหรับ AArch64, proxy execution, และระบบ tracepoint สำหรับ User-Mode Linux รวมถึงการปรับปรุงระบบจัดการหน่วยความจำด้วยโมดูล DAMON_STAT ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Linux Kernel 6.17 เปิดตัวอย่างเป็นทางการโดย Linus Torvalds ➡️ เพิ่มฟีเจอร์ Attack Vector Controls สำหรับจัดการการป้องกันช่องโหว่ CPU ➡️ รองรับ ARM BRBE, GICv5, AMD HFI, Intel Wildcat Lake และ Apple SMC driver ➡️ รองรับอุปกรณ์ใหม่ เช่น Raspberry Pi 5 RP1, Argon40 Fan HAT, Touch Bar บน MacBook Pro ➡️ รองรับ codec HEVC และ VP9 ผ่าน Qualcomm Iris decoder บน V4L2 ➡️ เพิ่ม live patching สำหรับ AArch64 และ proxy execution ➡️ รองรับระบบไฟล์ใหม่ เช่น Btrfs, EXT4, EROFS ด้วยฟีเจอร์ใหม่ ➡️ ปรับปรุงระบบเน็ตเวิร์ก เช่น DualPI2, TCP_MAXSEG, IPv6 force_forwarding ➡️ เพิ่ม driver สำหรับ Framework Laptop 13, ASUS Commercial, HP EliteBook ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Attack Vector Controls แบ่งการป้องกันออกเป็น 5 ประเภท เช่น user-to-user, guest-to-guest ➡️ สามารถตั้งค่าการป้องกันผ่าน GRUB ด้วยพารามิเตอร์เดียว เช่น mitigations=auto,no_user_kernel ➡️ การรองรับ Intel Xe3 graphics บ่งบอกถึงความพร้อมของ Core Ultra Series 3 ➡️ DAMON_STAT ช่วยให้การตรวจสอบการใช้หน่วยความจำง่ายขึ้นและแม่นยำขึ้น ➡️ การรองรับ SoundWire บน AMD ACP 7.2 ช่วยให้เสียงบนโน้ตบุ๊ค AMD ดีขึ้น https://9to5linux.com/linux-kernel-6-17-officially-released-this-is-whats-new
    9TO5LINUX.COM
    Linux Kernel 6.17 Officially Released, This Is What’s New - 9to5Linux
    Linux kernel 6.17 is now available for download with new features, enhanced hardware support, networking improvements, and other changes.
    0 Comments 0 Shares 177 Views 0 Reviews
  • เบื่อมั้ย? ต้องนั่งปอกกระเทียมทีละกลีบ…
    ทั้งเหนื่อย ทั้งช้า แถมมีกลิ่นติดมืออีก!

    ถึงเวลายกระดับครัวคุณแล้ว!
    ด้วย เครื่องปอกเปลือกอัตโนมัติ 30 ลิตร จากยงฮะเฮง
    ใส่กระเทียมจีนทีเดียว 10–20 กก. กดปุ่มเดียว!
    ปอกเสร็จภายในไม่กี่นาที ได้กระเทียมปอกสวย ๆ พร้อมปรุงทันที

    สเปกที่โคตรคุ้ม
    มอเตอร์แรง 2 แรงม้า / ไฟบ้าน 220V
    ความจุ 30 ลิตร ปอกได้ทีละเยอะ
    Timer ตั้งเวลาอัตโนมัติ
    น้ำหนัก 74 กก. แข็งแรง มั่นคง
    ผลิตจาก สแตนเลสพรีเมียม สวยหรู ทนทาน

    เหมาะกับใคร?
    ร้านอาหาร
    โรงแรม
    โรงงานอาหาร
    ครัวใหญ่ที่ต้องใช้กระเทียมเยอะ

    ประหยัดแรงงาน – ประหยัดเวลา – ลดต้นทุน – เพิ่มกำไร

    สนใจสินค้า? มาลองดูเครื่องจริงได้เลย!
    จันทร์–ศุกร์: 8.00–17.00 น. | เสาร์: 8.00–16.00 น.
    กดดูแผนที่

    ช่องทางติดต่อ:
    Messenger: m.me/yonghahheng
    LINE: @yonghahheng หรือ คลิกที่นี่
    โทร: 02-215-3515-9, 081-318-9098
    เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com
    sales@yoryonghahheng.com
    , yonghahheng@gmail.com

    เลิกนั่งปอกเองจนเมื่อยมือ…ให้เครื่องทำแทนคุณดีกว่า!

    #เครื่องปอกกระเทียม #เครื่องปอกเปลือก30ลิตร #ปอกกระเทียมจีน #ครัวอุตสาหกรรม #Yoryonghahheng #ยงฮะเฮง #FoodMachine #เครื่องจักรอาหาร #ครัวโรงแรม #ร้านอาหาร #โรงงานอาหาร #อุปกรณ์ครัวอุตสาหกรรม #เครื่องครัวสแตนเลส #ลดต้นทุนแรงงาน #ครัวใหญ่ #สายทำอาหาร #ของมันต้องมี #ไม่เหนื่อยอีกต่อไป #ไม่มีกลิ่นติดมือ #ปอกเร็วทันใจ
    🥵 เบื่อมั้ย? ต้องนั่งปอกกระเทียมทีละกลีบ… ทั้งเหนื่อย ทั้งช้า แถมมีกลิ่นติดมืออีก! 🧄✋ 🚀 ถึงเวลายกระดับครัวคุณแล้ว! ด้วย เครื่องปอกเปลือกอัตโนมัติ 30 ลิตร จากยงฮะเฮง ใส่กระเทียมจีนทีเดียว 10–20 กก. กดปุ่มเดียว! ⚡ ปอกเสร็จภายในไม่กี่นาที ได้กระเทียมปอกสวย ๆ พร้อมปรุงทันที 🍳 ⚙️ สเปกที่โคตรคุ้ม ✨ มอเตอร์แรง 2 แรงม้า / ไฟบ้าน 220V ✨ ความจุ 30 ลิตร ปอกได้ทีละเยอะ ✨ Timer ตั้งเวลาอัตโนมัติ ⏱️ ✨ น้ำหนัก 74 กก. แข็งแรง มั่นคง ✨ ผลิตจาก สแตนเลสพรีเมียม สวยหรู ทนทาน 💡 เหมาะกับใคร? ✔️ ร้านอาหาร 🍲 ✔️ โรงแรม 🏨 ✔️ โรงงานอาหาร 🏭 ✔️ ครัวใหญ่ที่ต้องใช้กระเทียมเยอะ 🔥 ประหยัดแรงงาน – ประหยัดเวลา – ลดต้นทุน – เพิ่มกำไร 📍 สนใจสินค้า? มาลองดูเครื่องจริงได้เลย! 🗓️ จันทร์–ศุกร์: 8.00–17.00 น. | เสาร์: 8.00–16.00 น. 🗺️ 📌 กดดูแผนที่ 💬 ช่องทางติดต่อ: Messenger: m.me/yonghahheng LINE: @yonghahheng หรือ คลิกที่นี่ โทร: 02-215-3515-9, 081-318-9098 🌐 เว็บไซต์: www.yoryonghahheng.com ✉️ sales@yoryonghahheng.com , yonghahheng@gmail.com ⚡ เลิกนั่งปอกเองจนเมื่อยมือ…ให้เครื่องทำแทนคุณดีกว่า! 🧄💎 #เครื่องปอกกระเทียม #เครื่องปอกเปลือก30ลิตร #ปอกกระเทียมจีน #ครัวอุตสาหกรรม #Yoryonghahheng #ยงฮะเฮง #FoodMachine #เครื่องจักรอาหาร #ครัวโรงแรม #ร้านอาหาร #โรงงานอาหาร #อุปกรณ์ครัวอุตสาหกรรม #เครื่องครัวสแตนเลส #ลดต้นทุนแรงงาน #ครัวใหญ่ #สายทำอาหาร #ของมันต้องมี #ไม่เหนื่อยอีกต่อไป #ไม่มีกลิ่นติดมือ #ปอกเร็วทันใจ
    0 Comments 0 Shares 195 Views 0 Reviews
  • “Raspberry Pi 500+ เปิดตัว! คอมพิวเตอร์ในคีย์บอร์ดกลไก พร้อม SSD และ RAM 16GB — ยกระดับจากของเล่นสู่เครื่องทำงานจริง”

    Raspberry Pi กลับมาเขย่าวงการอีกครั้งด้วยการเปิดตัว Raspberry Pi 500+ ซึ่งเป็นรุ่นอัปเกรดจาก Pi 500 ที่รวมคอมพิวเตอร์ไว้ในตัวคีย์บอร์ดแบบ all-in-one โดยครั้งนี้ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะจัดเต็มทั้งสเปกและประสบการณ์ใช้งานที่ใกล้เคียงกับเดสก์ท็อปจริงมากขึ้น

    จุดเด่นที่สุดคือการเปลี่ยนคีย์บอร์ดจากแบบธรรมดาเป็น “คีย์บอร์ดกลไก” โดยใช้สวิตช์ Gateron KS-33 Blue พร้อมไฟ RGB แบบ backlit ซึ่งให้สัมผัสการพิมพ์ที่คลิกสนุกและทนทานมากขึ้น แถมยังสามารถถอดเปลี่ยน keycap ได้ตามใจชอบ

    ด้านสเปกภายใน Raspberry Pi 500+ ใช้ CPU Arm Cortex-A76 แบบ quad-core ความเร็ว 2.4GHz พร้อม RAM LPDDR4X ขนาด 16GB และ SSD ภายใน 256GB ที่สามารถขยายเพิ่มได้ผ่าน M.2 slot ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ Raspberry Pi ใส่ SSD แบบ NVMe มาให้ในรุ่น consumer แบบนี้

    ยังคงมี GPIO 40-pin สำหรับงาน DIY และการเชื่อมต่อครบครัน ทั้ง USB 3.0, USB 2.0, micro HDMI รองรับ 4K 60Hz, Gigabit Ethernet, Wi-Fi 5 และ Bluetooth 5.0 โดยทั้งหมดนี้ยังคงอยู่ในบอดี้ขนาดกะทัดรัดที่ออกแบบให้คล้ายกับคอมพิวเตอร์ยุค 80s อย่าง BBC Micro

    ราคาจำหน่ายอยู่ที่ $200 สำหรับตัวเครื่อง และ $220 สำหรับชุด Desktop Kit ที่มาพร้อมเมาส์, สาย HDMI, อะแดปเตอร์ USB-C 27W และคู่มือ Raspberry Pi Beginner’s Guide

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Raspberry Pi 500+ เป็นรุ่นอัปเกรดจาก Pi 500 ที่รวมคอมพิวเตอร์ไว้ในคีย์บอร์ดกลไก
    ใช้สวิตช์ Gateron KS-33 Blue พร้อมไฟ RGB และ keycap ถอดเปลี่ยนได้
    CPU: Quad-core Arm Cortex-A76 ความเร็ว 2.4GHz
    RAM: 16GB LPDDR4X ความเร็ว 4267 MHz
    SSD ภายใน 256GB พร้อม M.2 slot สำหรับขยายเพิ่ม
    รองรับ microSD เพิ่มเติมได้เช่นเดิม
    GPU: VideoCore VII รองรับ OpenGL ES 3.1 และ Vulkan 1.3
    การเชื่อมต่อ: USB 3.0 x2, USB 2.0 x1, micro HDMI x2, Gigabit Ethernet, Wi-Fi 5, Bluetooth 5.0
    GPIO 40-pin สำหรับงาน DIY และ embedded projects
    ราคา $200 สำหรับตัวเครื่อง และ $220 สำหรับชุด Desktop Kit

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Raspberry Pi 500+ ใช้ PCB และชิปเซ็ตเดียวกับ Pi 500 แต่เพิ่ม RAM และ SSD
    ดีไซน์คีย์บอร์ดกลไกเป็นครั้งแรกของ Raspberry Pi ในกลุ่ม consumer
    ขนาดตัวเครื่องใหญ่ขึ้นเล็กน้อย: 312 x 123 x 35.8 มม.
    เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป, นักเรียน, นักพัฒนา และผู้ที่ต้องการคอมพ์เล็ก ๆ สำหรับงานจริง
    Raspberry Pi มี ecosystem ที่รองรับการใช้งานตั้งแต่ IoT, เซิร์ฟเวอร์เบา ๆ ไปจนถึง desktop

    https://news.itsfoss.com/raspberry-pi-500-plus/
    ⌨️ “Raspberry Pi 500+ เปิดตัว! คอมพิวเตอร์ในคีย์บอร์ดกลไก พร้อม SSD และ RAM 16GB — ยกระดับจากของเล่นสู่เครื่องทำงานจริง” Raspberry Pi กลับมาเขย่าวงการอีกครั้งด้วยการเปิดตัว Raspberry Pi 500+ ซึ่งเป็นรุ่นอัปเกรดจาก Pi 500 ที่รวมคอมพิวเตอร์ไว้ในตัวคีย์บอร์ดแบบ all-in-one โดยครั้งนี้ไม่ได้มาเล่น ๆ เพราะจัดเต็มทั้งสเปกและประสบการณ์ใช้งานที่ใกล้เคียงกับเดสก์ท็อปจริงมากขึ้น จุดเด่นที่สุดคือการเปลี่ยนคีย์บอร์ดจากแบบธรรมดาเป็น “คีย์บอร์ดกลไก” โดยใช้สวิตช์ Gateron KS-33 Blue พร้อมไฟ RGB แบบ backlit ซึ่งให้สัมผัสการพิมพ์ที่คลิกสนุกและทนทานมากขึ้น แถมยังสามารถถอดเปลี่ยน keycap ได้ตามใจชอบ ด้านสเปกภายใน Raspberry Pi 500+ ใช้ CPU Arm Cortex-A76 แบบ quad-core ความเร็ว 2.4GHz พร้อม RAM LPDDR4X ขนาด 16GB และ SSD ภายใน 256GB ที่สามารถขยายเพิ่มได้ผ่าน M.2 slot ซึ่งถือเป็นครั้งแรกที่ Raspberry Pi ใส่ SSD แบบ NVMe มาให้ในรุ่น consumer แบบนี้ ยังคงมี GPIO 40-pin สำหรับงาน DIY และการเชื่อมต่อครบครัน ทั้ง USB 3.0, USB 2.0, micro HDMI รองรับ 4K 60Hz, Gigabit Ethernet, Wi-Fi 5 และ Bluetooth 5.0 โดยทั้งหมดนี้ยังคงอยู่ในบอดี้ขนาดกะทัดรัดที่ออกแบบให้คล้ายกับคอมพิวเตอร์ยุค 80s อย่าง BBC Micro ราคาจำหน่ายอยู่ที่ $200 สำหรับตัวเครื่อง และ $220 สำหรับชุด Desktop Kit ที่มาพร้อมเมาส์, สาย HDMI, อะแดปเตอร์ USB-C 27W และคู่มือ Raspberry Pi Beginner’s Guide ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Raspberry Pi 500+ เป็นรุ่นอัปเกรดจาก Pi 500 ที่รวมคอมพิวเตอร์ไว้ในคีย์บอร์ดกลไก ➡️ ใช้สวิตช์ Gateron KS-33 Blue พร้อมไฟ RGB และ keycap ถอดเปลี่ยนได้ ➡️ CPU: Quad-core Arm Cortex-A76 ความเร็ว 2.4GHz ➡️ RAM: 16GB LPDDR4X ความเร็ว 4267 MHz ➡️ SSD ภายใน 256GB พร้อม M.2 slot สำหรับขยายเพิ่ม ➡️ รองรับ microSD เพิ่มเติมได้เช่นเดิม ➡️ GPU: VideoCore VII รองรับ OpenGL ES 3.1 และ Vulkan 1.3 ➡️ การเชื่อมต่อ: USB 3.0 x2, USB 2.0 x1, micro HDMI x2, Gigabit Ethernet, Wi-Fi 5, Bluetooth 5.0 ➡️ GPIO 40-pin สำหรับงาน DIY และ embedded projects ➡️ ราคา $200 สำหรับตัวเครื่อง และ $220 สำหรับชุด Desktop Kit ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Raspberry Pi 500+ ใช้ PCB และชิปเซ็ตเดียวกับ Pi 500 แต่เพิ่ม RAM และ SSD ➡️ ดีไซน์คีย์บอร์ดกลไกเป็นครั้งแรกของ Raspberry Pi ในกลุ่ม consumer ➡️ ขนาดตัวเครื่องใหญ่ขึ้นเล็กน้อย: 312 x 123 x 35.8 มม. ➡️ เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไป, นักเรียน, นักพัฒนา และผู้ที่ต้องการคอมพ์เล็ก ๆ สำหรับงานจริง ➡️ Raspberry Pi มี ecosystem ที่รองรับการใช้งานตั้งแต่ IoT, เซิร์ฟเวอร์เบา ๆ ไปจนถึง desktop https://news.itsfoss.com/raspberry-pi-500-plus/
    0 Comments 0 Shares 159 Views 0 Reviews
  • “Fedora 43 มาแล้ว! GNOME 49, RPM 6, Kernel 6.17 และ WebUI ใหม่ — ยกระดับประสบการณ์ลินุกซ์เดสก์ท็อปและนักพัฒนา”

    Fedora 43 กำลังจะเปิดตัวในวันที่ 28 ตุลาคม 2025 โดยมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งในด้านประสบการณ์ผู้ใช้และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา โดยเฉพาะใน Fedora Workstation ที่ใช้ GNOME เป็นหลัก และ Fedora Spins ที่มี KDE, XFCE และอื่น ๆ

    หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือการเปลี่ยนไปใช้ GNOME 49 แบบ Wayland-only โดยลบแพ็กเกจ X11 ออกจาก Workstation edition ทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้จะเข้าสู่ยุค Wayland อย่างเต็มตัว พร้อมฟีเจอร์ใหม่ เช่น media control บน lock screen, แอปใหม่ 3 ตัว และการออกแบบ Nautilus ใหม่

    ด้านการติดตั้ง Fedora 43 ใช้ Anaconda WebUI เป็นตัวติดตั้งหลักสำหรับทั้ง Workstation และ Spins ซึ่งช่วยให้ประสบการณ์การติดตั้งมีความทันสมัยและสม่ำเสมอมากขึ้น พร้อมเปลี่ยนระบบจัดการแพ็กเกจจาก DNF4 ไปเป็น DNF5 เพื่อรองรับการดีบักและการจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    Fedora 43 ยังอัปเดต RPM ไปเป็นเวอร์ชัน 6.0 ซึ่งรองรับ OpenPGP v6, การเซ็นหลายลายเซ็นในแพ็กเกจเดียว และการใช้ fingerprint แทน short key ID เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการตรวจสอบแพ็กเกจ

    สำหรับนักพัฒนา Fedora 43 มาพร้อมกับ GCC 15.2, Binutils 2.45, glibc 2.42, GDB 17.1 และ Python 3.14 รวมถึง LLVM 21 ซึ่งช่วยให้การพัฒนาแอปพลิเคชันมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    นอกจากนี้ยังมีการรองรับภาษา Hare ซึ่งเป็นภาษาใหม่ที่เน้นความเรียบง่ายและประสิทธิภาพในงานระบบระดับล่าง และ Fedora 43 ยังใช้ Linux Kernel 6.17 ที่ปรับปรุงการจัดการพลังงาน, การรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ และการทำงานร่วมกับ virtualization ได้ดีขึ้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Fedora 43 เปิดตัววันที่ 28 ตุลาคม 2025 (อาจเลื่อนได้ถึง 11 พฤศจิกายน หากพบบั๊กสำคัญ)
    GNOME 49 ใช้ Wayland-only บน Workstation edition พร้อมฟีเจอร์ใหม่หลายรายการ
    Anaconda WebUI เป็นตัวติดตั้งหลักสำหรับ Workstation และ Spins
    เปลี่ยนระบบจัดการแพ็กเกจจาก DNF4 ไปเป็น DNF5
    RPM 6.0 รองรับ OpenPGP v6, fingerprint-based verification และหลายลายเซ็น
    อัปเดตเครื่องมือพัฒนา: GCC 15.2, Binutils 2.45, glibc 2.42, GDB 17.1, Python 3.14, LLVM 21
    รองรับภาษา Hare สำหรับงานระบบที่ต้องการประสิทธิภาพสูง
    ใช้ Linux Kernel 6.17 ที่ปรับปรุงการจัดการพลังงานและฮาร์ดแวร์ใหม่
    AMD Ryzen รองรับ HFI (Hardware Feedback Interface) เพื่อจัดการโหลดงานได้ดีขึ้น
    Intel รองรับ IPU7 สำหรับกล้อง และ SR-IOV สำหรับ GPU virtualization

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    GNOME 49 มี donation prompt, media control บน lock screen และ Nautilus redesign
    Wayland มีความปลอดภัยและประสิทธิภาพดีกว่า X11 โดยเฉพาะในงานกราฟิก
    DNF5 เป็นพื้นฐานสำหรับการพัฒนาแพ็กเกจแบบใหม่ในอนาคต
    RPM 6.0 เตรียมรองรับแพ็กเกจฟอร์แมต v6 ในอนาคต แต่ Fedora 43 ยังใช้ v4
    Kernel 6.17 ไม่ใช่ LTS แต่เน้นการรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่และปรับปรุง virtualization

    https://news.itsfoss.com/fedora-43-features/
    🐧 “Fedora 43 มาแล้ว! GNOME 49, RPM 6, Kernel 6.17 และ WebUI ใหม่ — ยกระดับประสบการณ์ลินุกซ์เดสก์ท็อปและนักพัฒนา” Fedora 43 กำลังจะเปิดตัวในวันที่ 28 ตุลาคม 2025 โดยมาพร้อมกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ทั้งในด้านประสบการณ์ผู้ใช้และเครื่องมือสำหรับนักพัฒนา โดยเฉพาะใน Fedora Workstation ที่ใช้ GNOME เป็นหลัก และ Fedora Spins ที่มี KDE, XFCE และอื่น ๆ หนึ่งในไฮไลต์สำคัญคือการเปลี่ยนไปใช้ GNOME 49 แบบ Wayland-only โดยลบแพ็กเกจ X11 ออกจาก Workstation edition ทั้งหมด ซึ่งหมายความว่าผู้ใช้จะเข้าสู่ยุค Wayland อย่างเต็มตัว พร้อมฟีเจอร์ใหม่ เช่น media control บน lock screen, แอปใหม่ 3 ตัว และการออกแบบ Nautilus ใหม่ ด้านการติดตั้ง Fedora 43 ใช้ Anaconda WebUI เป็นตัวติดตั้งหลักสำหรับทั้ง Workstation และ Spins ซึ่งช่วยให้ประสบการณ์การติดตั้งมีความทันสมัยและสม่ำเสมอมากขึ้น พร้อมเปลี่ยนระบบจัดการแพ็กเกจจาก DNF4 ไปเป็น DNF5 เพื่อรองรับการดีบักและการจัดการที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น Fedora 43 ยังอัปเดต RPM ไปเป็นเวอร์ชัน 6.0 ซึ่งรองรับ OpenPGP v6, การเซ็นหลายลายเซ็นในแพ็กเกจเดียว และการใช้ fingerprint แทน short key ID เพื่อเพิ่มความปลอดภัยในการตรวจสอบแพ็กเกจ สำหรับนักพัฒนา Fedora 43 มาพร้อมกับ GCC 15.2, Binutils 2.45, glibc 2.42, GDB 17.1 และ Python 3.14 รวมถึง LLVM 21 ซึ่งช่วยให้การพัฒนาแอปพลิเคชันมีประสิทธิภาพมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการรองรับภาษา Hare ซึ่งเป็นภาษาใหม่ที่เน้นความเรียบง่ายและประสิทธิภาพในงานระบบระดับล่าง และ Fedora 43 ยังใช้ Linux Kernel 6.17 ที่ปรับปรุงการจัดการพลังงาน, การรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ และการทำงานร่วมกับ virtualization ได้ดีขึ้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Fedora 43 เปิดตัววันที่ 28 ตุลาคม 2025 (อาจเลื่อนได้ถึง 11 พฤศจิกายน หากพบบั๊กสำคัญ) ➡️ GNOME 49 ใช้ Wayland-only บน Workstation edition พร้อมฟีเจอร์ใหม่หลายรายการ ➡️ Anaconda WebUI เป็นตัวติดตั้งหลักสำหรับ Workstation และ Spins ➡️ เปลี่ยนระบบจัดการแพ็กเกจจาก DNF4 ไปเป็น DNF5 ➡️ RPM 6.0 รองรับ OpenPGP v6, fingerprint-based verification และหลายลายเซ็น ➡️ อัปเดตเครื่องมือพัฒนา: GCC 15.2, Binutils 2.45, glibc 2.42, GDB 17.1, Python 3.14, LLVM 21 ➡️ รองรับภาษา Hare สำหรับงานระบบที่ต้องการประสิทธิภาพสูง ➡️ ใช้ Linux Kernel 6.17 ที่ปรับปรุงการจัดการพลังงานและฮาร์ดแวร์ใหม่ ➡️ AMD Ryzen รองรับ HFI (Hardware Feedback Interface) เพื่อจัดการโหลดงานได้ดีขึ้น ➡️ Intel รองรับ IPU7 สำหรับกล้อง และ SR-IOV สำหรับ GPU virtualization ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ GNOME 49 มี donation prompt, media control บน lock screen และ Nautilus redesign ➡️ Wayland มีความปลอดภัยและประสิทธิภาพดีกว่า X11 โดยเฉพาะในงานกราฟิก ➡️ DNF5 เป็นพื้นฐานสำหรับการพัฒนาแพ็กเกจแบบใหม่ในอนาคต ➡️ RPM 6.0 เตรียมรองรับแพ็กเกจฟอร์แมต v6 ในอนาคต แต่ Fedora 43 ยังใช้ v4 ➡️ Kernel 6.17 ไม่ใช่ LTS แต่เน้นการรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่และปรับปรุง virtualization https://news.itsfoss.com/fedora-43-features/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    Fedora 43 Release Date and New Features
    A close look at the new features coming in Fedora 43.
    0 Comments 0 Shares 166 Views 0 Reviews
  • “องอาจ วงษ์ประยูร“รมช.ศธ. คนใหม่ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนเริ่มงาน เผย พร้อมทำงานร่วมกับทุกฝ่าย

    วันที่ 25 กันยายน 2568 เวลา 09.00 น. นายองอาจ วงษ์ประยูร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) พร้อมด้วยนายสุธี พงษ์เพียรชอบ คณะทำงาน ได้เดินทางเข้ากระทรวงศึกษาธิการอย่างเป็นทางการ โดยได้เริ่มต้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยการเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อความเป็นสิริมงคล อาทิ พระพุทธรูปประจำกระทรวงศึกษาธิการ “พระพุทธบารมีศักดิ์สิทธิ์ สยามิศรจักรีสัฏฐีอนุสรณ์ ศึกษาทรรังสรรค์”, ศาลพระภูมิ, พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6, พระพุทธรูปหน้า สอศ. และศาลปู่เจียม

    จากนั้น นายองอาจและคณะ ได้เดินทางเข้าห้องทำงานรัฐมนตรี โดยมีนายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และคณะผู้บริหาร รวมทั้งข้าราชการและเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ

    โดย นายองอาจ กล่าวว่า การศึกษาคือ รากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ ตนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่าย เพื่อยกระดับการศึกษาไทยให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
    “องอาจ วงษ์ประยูร“รมช.ศธ. คนใหม่ สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ก่อนเริ่มงาน เผย พร้อมทำงานร่วมกับทุกฝ่าย วันที่ 25 กันยายน 2568 เวลา 09.00 น. นายองอาจ วงษ์ประยูร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมช.ศธ.) พร้อมด้วยนายสุธี พงษ์เพียรชอบ คณะทำงาน ได้เดินทางเข้ากระทรวงศึกษาธิการอย่างเป็นทางการ โดยได้เริ่มต้นการปฏิบัติหน้าที่ด้วยการเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อความเป็นสิริมงคล อาทิ พระพุทธรูปประจำกระทรวงศึกษาธิการ “พระพุทธบารมีศักดิ์สิทธิ์ สยามิศรจักรีสัฏฐีอนุสรณ์ ศึกษาทรรังสรรค์”, ศาลพระภูมิ, พระบรมราชานุสาวรีย์ รัชกาลที่ 6, พระพุทธรูปหน้า สอศ. และศาลปู่เจียม จากนั้น นายองอาจและคณะ ได้เดินทางเข้าห้องทำงานรัฐมนตรี โดยมีนายสุเทพ แก่งสันเทียะ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และคณะผู้บริหาร รวมทั้งข้าราชการและเจ้าหน้าที่ให้การต้อนรับ โดย นายองอาจ กล่าวว่า การศึกษาคือ รากฐานสำคัญในการพัฒนาประเทศ ตนพร้อมที่จะทำงานร่วมกับทุกฝ่าย เพื่อยกระดับการศึกษาไทยให้เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 144 Views 0 Reviews
  • “GitHub ปรับมาตรการความปลอดภัยครั้งใหญ่ หลังมัลแวร์ Shai-Hulud โจมตี npm — ยกระดับ 2FA และ Trusted Publishing ป้องกันซัพพลายเชน”

    หลังจากเกิดเหตุการณ์โจมตีครั้งใหญ่ในระบบ npm โดยมัลแวร์ชนิดใหม่ชื่อว่า “Shai-Hulud” ซึ่งเป็นเวิร์มแบบ self-replicating ที่สามารถขยายตัวเองผ่านบัญชีผู้ดูแลแพ็กเกจที่ถูกแฮก GitHub ได้ออกมาตรการความปลอดภัยชุดใหม่เพื่อป้องกันการโจมตีซ้ำในอนาคต โดยเน้นการปรับปรุงระบบการยืนยันตัวตนและการเผยแพร่แพ็กเกจให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น

    Shai-Hulud ใช้เทคนิคการฝังโค้ดใน post-install script ของแพ็กเกจยอดนิยม แล้วสแกนเครื่องนักพัฒนาเพื่อขโมยข้อมูลลับ เช่น GitHub tokens, API keys ของ AWS, GCP และ Azure ก่อนจะส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี และใช้บัญชีที่ถูกแฮกเพื่อเผยแพร่แพ็กเกจใหม่ที่ติดมัลแวร์ ทำให้เกิดการแพร่กระจายแบบอัตโนมัติ

    GitHub ตอบสนองโดยลบแพ็กเกจที่ถูกแฮกกว่า 500 รายการ และบล็อกการอัปโหลดแพ็กเกจใหม่ที่มีลักษณะคล้ายมัลแวร์ พร้อมประกาศมาตรการใหม่ ได้แก่ การบังคับใช้ 2FA สำหรับการเผยแพร่แบบ local, การใช้ token แบบ granular ที่หมดอายุภายใน 7 วัน และการส่งเสริมให้ใช้ Trusted Publishing ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ token แบบชั่วคราวจาก CI/CD แทน token ถาวร

    นอกจากนี้ GitHub ยังประกาศยกเลิกการใช้ classic tokens และ TOTP-based 2FA โดยจะเปลี่ยนไปใช้ FIDO/WebAuthn เพื่อเพิ่มความปลอดภัย และจะไม่อนุญาตให้ bypass 2FA ในการเผยแพร่แพ็กเกจอีกต่อไป

    การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะถูกนำมาใช้แบบค่อยเป็นค่อยไป พร้อมเอกสารคู่มือและช่องทางสนับสนุน เพื่อให้ผู้ดูแลแพ็กเกจสามารถปรับ workflow ได้โดยไม่สะดุด

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    GitHub ปรับมาตรการความปลอดภัยหลังมัลแวร์ Shai-Hulud โจมตี npm
    Shai-Hulud เป็นเวิร์มที่ขโมยข้อมูลลับและเผยแพร่แพ็กเกจมัลแวร์แบบอัตโนมัติ
    GitHub ลบแพ็กเกจที่ถูกแฮกกว่า 500 รายการ และบล็อกการอัปโหลดใหม่
    บังคับใช้ 2FA สำหรับการเผยแพร่แบบ local และไม่อนุญาตให้ bypass
    ใช้ granular tokens ที่หมดอายุภายใน 7 วัน แทน token ถาวร
    ส่งเสริม Trusted Publishing ที่ใช้ token แบบชั่วคราวจาก CI/CD
    ยกเลิก classic tokens และ TOTP-based 2FA เปลี่ยนไปใช้ FIDO/WebAuthn
    ขยายรายชื่อผู้ให้บริการที่รองรับ Trusted Publishing
    จะมีเอกสารคู่มือและการสนับสนุนเพื่อช่วยปรับ workflow

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Trusted Publishing ใช้ OpenID Connect (OIDC) เพื่อสร้าง token แบบปลอดภัยจากระบบ CI
    ทุกแพ็กเกจที่เผยแพร่ผ่าน Trusted Publishing จะมี provenance attestation ยืนยันแหล่งที่มา
    npm ecosystem มีการโจมตีแบบ supply chain เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2025
    การใช้ token แบบถาวรในระบบ CI เป็นช่องโหว่ที่ถูกใช้โจมตีบ่อยครั้ง
    การเปลี่ยนมาใช้ FIDO/WebAuthn ช่วยลดความเสี่ยงจาก phishing และ credential theft

    https://www.techradar.com/pro/security/github-is-finally-tightening-up-security-around-npm-following-multiple-attacks
    🛡️ “GitHub ปรับมาตรการความปลอดภัยครั้งใหญ่ หลังมัลแวร์ Shai-Hulud โจมตี npm — ยกระดับ 2FA และ Trusted Publishing ป้องกันซัพพลายเชน” หลังจากเกิดเหตุการณ์โจมตีครั้งใหญ่ในระบบ npm โดยมัลแวร์ชนิดใหม่ชื่อว่า “Shai-Hulud” ซึ่งเป็นเวิร์มแบบ self-replicating ที่สามารถขยายตัวเองผ่านบัญชีผู้ดูแลแพ็กเกจที่ถูกแฮก GitHub ได้ออกมาตรการความปลอดภัยชุดใหม่เพื่อป้องกันการโจมตีซ้ำในอนาคต โดยเน้นการปรับปรุงระบบการยืนยันตัวตนและการเผยแพร่แพ็กเกจให้ปลอดภัยยิ่งขึ้น Shai-Hulud ใช้เทคนิคการฝังโค้ดใน post-install script ของแพ็กเกจยอดนิยม แล้วสแกนเครื่องนักพัฒนาเพื่อขโมยข้อมูลลับ เช่น GitHub tokens, API keys ของ AWS, GCP และ Azure ก่อนจะส่งข้อมูลไปยังเซิร์ฟเวอร์ของผู้โจมตี และใช้บัญชีที่ถูกแฮกเพื่อเผยแพร่แพ็กเกจใหม่ที่ติดมัลแวร์ ทำให้เกิดการแพร่กระจายแบบอัตโนมัติ GitHub ตอบสนองโดยลบแพ็กเกจที่ถูกแฮกกว่า 500 รายการ และบล็อกการอัปโหลดแพ็กเกจใหม่ที่มีลักษณะคล้ายมัลแวร์ พร้อมประกาศมาตรการใหม่ ได้แก่ การบังคับใช้ 2FA สำหรับการเผยแพร่แบบ local, การใช้ token แบบ granular ที่หมดอายุภายใน 7 วัน และการส่งเสริมให้ใช้ Trusted Publishing ซึ่งเป็นระบบที่ใช้ token แบบชั่วคราวจาก CI/CD แทน token ถาวร นอกจากนี้ GitHub ยังประกาศยกเลิกการใช้ classic tokens และ TOTP-based 2FA โดยจะเปลี่ยนไปใช้ FIDO/WebAuthn เพื่อเพิ่มความปลอดภัย และจะไม่อนุญาตให้ bypass 2FA ในการเผยแพร่แพ็กเกจอีกต่อไป การเปลี่ยนแปลงเหล่านี้จะถูกนำมาใช้แบบค่อยเป็นค่อยไป พร้อมเอกสารคู่มือและช่องทางสนับสนุน เพื่อให้ผู้ดูแลแพ็กเกจสามารถปรับ workflow ได้โดยไม่สะดุด ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ GitHub ปรับมาตรการความปลอดภัยหลังมัลแวร์ Shai-Hulud โจมตี npm ➡️ Shai-Hulud เป็นเวิร์มที่ขโมยข้อมูลลับและเผยแพร่แพ็กเกจมัลแวร์แบบอัตโนมัติ ➡️ GitHub ลบแพ็กเกจที่ถูกแฮกกว่า 500 รายการ และบล็อกการอัปโหลดใหม่ ➡️ บังคับใช้ 2FA สำหรับการเผยแพร่แบบ local และไม่อนุญาตให้ bypass ➡️ ใช้ granular tokens ที่หมดอายุภายใน 7 วัน แทน token ถาวร ➡️ ส่งเสริม Trusted Publishing ที่ใช้ token แบบชั่วคราวจาก CI/CD ➡️ ยกเลิก classic tokens และ TOTP-based 2FA เปลี่ยนไปใช้ FIDO/WebAuthn ➡️ ขยายรายชื่อผู้ให้บริการที่รองรับ Trusted Publishing ➡️ จะมีเอกสารคู่มือและการสนับสนุนเพื่อช่วยปรับ workflow ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Trusted Publishing ใช้ OpenID Connect (OIDC) เพื่อสร้าง token แบบปลอดภัยจากระบบ CI ➡️ ทุกแพ็กเกจที่เผยแพร่ผ่าน Trusted Publishing จะมี provenance attestation ยืนยันแหล่งที่มา ➡️ npm ecosystem มีการโจมตีแบบ supply chain เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในปี 2025 ➡️ การใช้ token แบบถาวรในระบบ CI เป็นช่องโหว่ที่ถูกใช้โจมตีบ่อยครั้ง ➡️ การเปลี่ยนมาใช้ FIDO/WebAuthn ช่วยลดความเสี่ยงจาก phishing และ credential theft https://www.techradar.com/pro/security/github-is-finally-tightening-up-security-around-npm-following-multiple-attacks
    0 Comments 0 Shares 199 Views 0 Reviews
  • “Cadence จับมือ TSMC ยกระดับการออกแบบชิปยุค AI ด้วย 3DFabric และโหนดระดับนาโนเมตร — เมื่อการออกแบบกลายเป็นงานของ AI”

    ในวันที่โลกต้องการชิปที่เร็วขึ้น ฉลาดขึ้น และประหยัดพลังงานมากขึ้น Cadence และ TSMC ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญเพื่อผลักดันการออกแบบชิประดับสูง โดยใช้เทคโนโลยี AI และโครงสร้าง 3D-IC ผ่านแพลตฟอร์ม 3DFabric ของ TSMC ซึ่งเป็นการรวมพลังระหว่างเครื่องมือออกแบบอัตโนมัติ (EDA) และ IP ที่ผ่านการพิสูจน์แล้วในระดับซิลิคอน

    Cadence ได้พัฒนา AI design flow ที่รองรับโหนดขั้นสูงของ TSMC ได้แก่ N3, N2 และ A16 โดยใช้เครื่องมือเช่น Innovus, Quantus, Tempus, Voltus และ Virtuoso Studio ซึ่งช่วยให้นักออกแบบสามารถเร่งเวลาในการเข้าสู่ตลาด และเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานและพื้นที่ของชิป (PPA) ได้อย่างมีนัยสำคัญ

    TSMC ยังเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน 3DFabric เช่น การจัดการ bump connections อัตโนมัติ การวิเคราะห์การจัดวาง chiplet และการจำลองความร้อนร่วมกับระบบ photonic ซึ่ง Cadence ได้เสริมด้วย Clarity 3D Solver และ Sigrity X เพื่อวิเคราะห์สัญญาณและพลังงานในระดับระบบ

    นอกจากนี้ Cadence ยังเปิดตัว IP ใหม่สำหรับโหนด N3P เช่น HBM4, LPDDR6/5X, DDR5 MRDIMM Gen 2 และ PCIe 7.0 ที่มีความเร็วสูงถึง 128 GT/s รวมถึง UCIe 32G สำหรับการเชื่อมต่อ chiplet ซึ่งทั้งหมดนี้ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI ขนาดใหญ่ เช่น LLM และ agentic AI

    ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ใช่แค่การพัฒนาเครื่องมือ — แต่มันคือการสร้างระบบนิเวศที่ช่วยให้นักออกแบบสามารถใช้ AI ในการออกแบบชิปที่ซับซ้อนระดับ 3D ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงจากข้อผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์

    https://www.techpowerup.com/341315/cadence-partners-with-tsmc-to-power-next-generation-innovations-using-ai-flows-and-ip-for-tsmc-advanced-nodes-and-3dfabric
    🔧 “Cadence จับมือ TSMC ยกระดับการออกแบบชิปยุค AI ด้วย 3DFabric และโหนดระดับนาโนเมตร — เมื่อการออกแบบกลายเป็นงานของ AI” ในวันที่โลกต้องการชิปที่เร็วขึ้น ฉลาดขึ้น และประหยัดพลังงานมากขึ้น Cadence และ TSMC ได้ประกาศความร่วมมือครั้งสำคัญเพื่อผลักดันการออกแบบชิประดับสูง โดยใช้เทคโนโลยี AI และโครงสร้าง 3D-IC ผ่านแพลตฟอร์ม 3DFabric ของ TSMC ซึ่งเป็นการรวมพลังระหว่างเครื่องมือออกแบบอัตโนมัติ (EDA) และ IP ที่ผ่านการพิสูจน์แล้วในระดับซิลิคอน Cadence ได้พัฒนา AI design flow ที่รองรับโหนดขั้นสูงของ TSMC ได้แก่ N3, N2 และ A16 โดยใช้เครื่องมือเช่น Innovus, Quantus, Tempus, Voltus และ Virtuoso Studio ซึ่งช่วยให้นักออกแบบสามารถเร่งเวลาในการเข้าสู่ตลาด และเพิ่มประสิทธิภาพด้านพลังงานและพื้นที่ของชิป (PPA) ได้อย่างมีนัยสำคัญ TSMC ยังเปิดตัวฟีเจอร์ใหม่ใน 3DFabric เช่น การจัดการ bump connections อัตโนมัติ การวิเคราะห์การจัดวาง chiplet และการจำลองความร้อนร่วมกับระบบ photonic ซึ่ง Cadence ได้เสริมด้วย Clarity 3D Solver และ Sigrity X เพื่อวิเคราะห์สัญญาณและพลังงานในระดับระบบ นอกจากนี้ Cadence ยังเปิดตัว IP ใหม่สำหรับโหนด N3P เช่น HBM4, LPDDR6/5X, DDR5 MRDIMM Gen 2 และ PCIe 7.0 ที่มีความเร็วสูงถึง 128 GT/s รวมถึง UCIe 32G สำหรับการเชื่อมต่อ chiplet ซึ่งทั้งหมดนี้ออกแบบมาเพื่อรองรับงาน AI ขนาดใหญ่ เช่น LLM และ agentic AI ความร่วมมือครั้งนี้ไม่ใช่แค่การพัฒนาเครื่องมือ — แต่มันคือการสร้างระบบนิเวศที่ช่วยให้นักออกแบบสามารถใช้ AI ในการออกแบบชิปที่ซับซ้อนระดับ 3D ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดความเสี่ยงจากข้อผิดพลาดที่เกิดจากมนุษย์ https://www.techpowerup.com/341315/cadence-partners-with-tsmc-to-power-next-generation-innovations-using-ai-flows-and-ip-for-tsmc-advanced-nodes-and-3dfabric
    WWW.TECHPOWERUP.COM
    Cadence Partners with TSMC to Power Next-Generation Innovations Using AI Flows and IP for TSMC Advanced Nodes and 3DFabric
    Cadence today announced major advancements in chip design automation and IP, driven by its long-standing relationship with TSMC to develop advanced design infrastructure and accelerate time to market, for AI and HPC customer applications. Cadence and TSMC have collaborated closely across the spectru...
    0 Comments 0 Shares 142 Views 0 Reviews
  • “Snapdragon X2 Elite Extreme: ชิป Arm 3nm ตัวแรกแตะ 5GHz — Qualcomm เปิดเกมรุกตลาด PC ด้วยพลัง AI และประสิทธิภาพล้นขอบ”

    ที่งาน Snapdragon Summit 2025 ณ ฮาวาย Qualcomm เปิดตัวชิปตระกูลใหม่สำหรับ PC คือ Snapdragon X2 Elite และ X2 Elite Extreme ซึ่งเป็นรุ่นต่อยอดจาก X Elite รุ่นแรกที่เปิดตัวเมื่อปี 2023 โดยครั้งนี้ Qualcomm ตั้งใจยกระดับชิป Arm สำหรับ Windows PC ให้เทียบชั้นกับ x86 จาก Intel และ AMD

    Snapdragon X2 Elite Extreme เป็นชิประดับสูงสุดในซีรีส์นี้ โดยมี 18 คอร์ แบ่งเป็น 12 คอร์ “Prime” ที่สามารถเร่งความเร็วได้ถึง 5.0GHz (บน 2 คอร์) และอีก 6 คอร์ “Performance” ที่ทำงานที่ 3.6GHz ถือเป็นชิป Arm ตัวแรกที่แตะความเร็วระดับนี้บน PC

    ชิปทั้งหมดผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm และใช้สถาปัตยกรรม Oryon รุ่นที่ 3 ซึ่ง Qualcomm เคลมว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าคู่แข่งถึง 75% ที่พลังงานเท่ากัน และประหยัดพลังงานกว่าเดิมถึง 43% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า

    ด้านกราฟิก ชิปใหม่มาพร้อม Adreno GPU รุ่นล่าสุดที่มีประสิทธิภาพต่อวัตต์เพิ่มขึ้น 2.3 เท่า รองรับ ray tracing และการเรนเดอร์ภาพระดับสูง ส่วน NPU (Neural Processing Unit) ก็แรงไม่แพ้กัน โดยมีพลังประมวลผลถึง 80 TOPS ซึ่งสูงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 78% และถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ Copilot+ และงาน AI แบบเรียลไทม์

    Snapdragon X2 Elite Extreme ยังมีการออกแบบหน่วยความจำแบบ unified ระหว่าง CPU และ GPU คล้ายกับ Apple M-Series ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการประมวลผลและลด latency ในการทำงานร่วมกันของระบบ

    Qualcomm ระบุว่าอุปกรณ์ที่ใช้ชิปนี้จะเริ่มวางจำหน่ายในครึ่งแรกของปี 2026 โดยคาดว่าจะมีทั้งโน้ตบุ๊กระดับโปร, แท็บเล็ต, และ mini PC จากผู้ผลิตชั้นนำ เช่น Microsoft, Samsung, Dell, HP และ Lenovo

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Snapdragon X2 Elite Extreme เป็นชิป Arm ตัวแรกที่แตะ 5.0GHz บน 2 คอร์
    มีทั้งหมด 18 คอร์ (12 Prime + 6 Performance) และผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm
    ใช้สถาปัตยกรรม Oryon รุ่นที่ 3 พร้อมแคชรวม 53MB
    GPU Adreno รุ่นใหม่มีประสิทธิภาพต่อวัตต์เพิ่มขึ้น 2.3 เท่า
    NPU มีพลังประมวลผล 80 TOPS รองรับงาน AI และ Copilot+
    รองรับ LPDDR5X สูงสุด 128GB และแบนด์วิดธ์ 228 GB/s
    มีโมเด็ม Snapdragon X75 รองรับ 5G สูงสุด 10Gbps และ Wi-Fi 7
    ระบบหน่วยความจำแบบ unified ระหว่าง CPU และ GPU ช่วยลด latency
    คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายในครึ่งแรกของปี 2026 ทั้งในโน้ตบุ๊กและ mini PC

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Oryon เป็นสถาปัตยกรรมที่ Qualcomm พัฒนาขึ้นเองหลังจากซื้อกิจการ Nuvia
    Unified memory architecture ช่วยให้การประมวลผลภาพและข้อมูล AI เร็วขึ้น
    NPU ที่มี 80 TOPS ถือเป็นระดับสูงสุดในตลาด PC ณ ปัจจุบัน
    ARM-based PC มีข้อได้เปรียบด้านพลังงานและความบางเบา
    Qualcomm พยายามผลักดัน Windows on ARM ให้เป็นมาตรฐานใหม่สำหรับโน้ตบุ๊ก

    https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/qualcomms-new-snapdragon-x2-elite-extreme-and-elite-chips-for-pcs-stretch-up-to-a-record-5-ghz-3nm-arm-chips-sport-new-oryon-prime-cores
    ⚡ “Snapdragon X2 Elite Extreme: ชิป Arm 3nm ตัวแรกแตะ 5GHz — Qualcomm เปิดเกมรุกตลาด PC ด้วยพลัง AI และประสิทธิภาพล้นขอบ” ที่งาน Snapdragon Summit 2025 ณ ฮาวาย Qualcomm เปิดตัวชิปตระกูลใหม่สำหรับ PC คือ Snapdragon X2 Elite และ X2 Elite Extreme ซึ่งเป็นรุ่นต่อยอดจาก X Elite รุ่นแรกที่เปิดตัวเมื่อปี 2023 โดยครั้งนี้ Qualcomm ตั้งใจยกระดับชิป Arm สำหรับ Windows PC ให้เทียบชั้นกับ x86 จาก Intel และ AMD Snapdragon X2 Elite Extreme เป็นชิประดับสูงสุดในซีรีส์นี้ โดยมี 18 คอร์ แบ่งเป็น 12 คอร์ “Prime” ที่สามารถเร่งความเร็วได้ถึง 5.0GHz (บน 2 คอร์) และอีก 6 คอร์ “Performance” ที่ทำงานที่ 3.6GHz ถือเป็นชิป Arm ตัวแรกที่แตะความเร็วระดับนี้บน PC ชิปทั้งหมดผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm และใช้สถาปัตยกรรม Oryon รุ่นที่ 3 ซึ่ง Qualcomm เคลมว่ามีประสิทธิภาพสูงกว่าคู่แข่งถึง 75% ที่พลังงานเท่ากัน และประหยัดพลังงานกว่าเดิมถึง 43% เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้า ด้านกราฟิก ชิปใหม่มาพร้อม Adreno GPU รุ่นล่าสุดที่มีประสิทธิภาพต่อวัตต์เพิ่มขึ้น 2.3 เท่า รองรับ ray tracing และการเรนเดอร์ภาพระดับสูง ส่วน NPU (Neural Processing Unit) ก็แรงไม่แพ้กัน โดยมีพลังประมวลผลถึง 80 TOPS ซึ่งสูงกว่ารุ่นก่อนหน้าถึง 78% และถูกออกแบบมาเพื่อรองรับ Copilot+ และงาน AI แบบเรียลไทม์ Snapdragon X2 Elite Extreme ยังมีการออกแบบหน่วยความจำแบบ unified ระหว่าง CPU และ GPU คล้ายกับ Apple M-Series ซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการประมวลผลและลด latency ในการทำงานร่วมกันของระบบ Qualcomm ระบุว่าอุปกรณ์ที่ใช้ชิปนี้จะเริ่มวางจำหน่ายในครึ่งแรกของปี 2026 โดยคาดว่าจะมีทั้งโน้ตบุ๊กระดับโปร, แท็บเล็ต, และ mini PC จากผู้ผลิตชั้นนำ เช่น Microsoft, Samsung, Dell, HP และ Lenovo ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Snapdragon X2 Elite Extreme เป็นชิป Arm ตัวแรกที่แตะ 5.0GHz บน 2 คอร์ ➡️ มีทั้งหมด 18 คอร์ (12 Prime + 6 Performance) และผลิตด้วยเทคโนโลยี 3nm ➡️ ใช้สถาปัตยกรรม Oryon รุ่นที่ 3 พร้อมแคชรวม 53MB ➡️ GPU Adreno รุ่นใหม่มีประสิทธิภาพต่อวัตต์เพิ่มขึ้น 2.3 เท่า ➡️ NPU มีพลังประมวลผล 80 TOPS รองรับงาน AI และ Copilot+ ➡️ รองรับ LPDDR5X สูงสุด 128GB และแบนด์วิดธ์ 228 GB/s ➡️ มีโมเด็ม Snapdragon X75 รองรับ 5G สูงสุด 10Gbps และ Wi-Fi 7 ➡️ ระบบหน่วยความจำแบบ unified ระหว่าง CPU และ GPU ช่วยลด latency ➡️ คาดว่าจะเริ่มวางจำหน่ายในครึ่งแรกของปี 2026 ทั้งในโน้ตบุ๊กและ mini PC ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Oryon เป็นสถาปัตยกรรมที่ Qualcomm พัฒนาขึ้นเองหลังจากซื้อกิจการ Nuvia ➡️ Unified memory architecture ช่วยให้การประมวลผลภาพและข้อมูล AI เร็วขึ้น ➡️ NPU ที่มี 80 TOPS ถือเป็นระดับสูงสุดในตลาด PC ณ ปัจจุบัน ➡️ ARM-based PC มีข้อได้เปรียบด้านพลังงานและความบางเบา ➡️ Qualcomm พยายามผลักดัน Windows on ARM ให้เป็นมาตรฐานใหม่สำหรับโน้ตบุ๊ก https://www.tomshardware.com/pc-components/cpus/qualcomms-new-snapdragon-x2-elite-extreme-and-elite-chips-for-pcs-stretch-up-to-a-record-5-ghz-3nm-arm-chips-sport-new-oryon-prime-cores
    0 Comments 0 Shares 185 Views 0 Reviews
More Results