• วันนวมินทรมหาราช ตรงกับวันที่ 13 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9

    เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ประชาชนชาวไทย ต่างร่วมแสดงความอาลัยและน้อมรำลึกถึงพระองค์

    #เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์#นวมินทรมหาราชา#สยามโสภา#ศรีวัฒนธรรม

    https://youtu.be/HekZBtIF7C4?si=EOH8ubJ-xQDsN_CF
    วันนวมินทรมหาราช ตรงกับวันที่ 13 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ประชาชนชาวไทย ต่างร่วมแสดงความอาลัยและน้อมรำลึกถึงพระองค์ #เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์​ #นวมินทรมหาราชา​ #สยามโสภา​ #ศรีวัฒนธรรม https://youtu.be/HekZBtIF7C4?si=EOH8ubJ-xQDsN_CF
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนวมินทรมหาราช ตรงกับวันที่ 13 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9

    เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ประชาชนชาวไทย ต่างร่วมแสดงความอาลัยและน้อมรำลึกถึงพระองค์

    #เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์#นวมินทรมหาราชา#สยามโสภา#thaitimes

    https://youtu.be/HekZBtIF7C4?si=DUiUIjOFQy4Gl-jQ
    วันนวมินทรมหาราช ตรงกับวันที่ 13 ตุลาคม ของทุกปี เป็นวันคล้ายวันสวรรคตของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้ ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ประชาชนชาวไทย ต่างร่วมแสดงความอาลัยและน้อมรำลึกถึงพระองค์ #เทิดทูนสถาบันพระมหากษัตริย์​ #นวมินทรมหาราชา​ #สยามโสภา​ #thaitimes https://youtu.be/HekZBtIF7C4?si=DUiUIjOFQy4Gl-jQ
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • 27 กันยายน 2567 -เปลว สีเงิน ผู้เขียนคอลัมน์”คนปลายซอย“ วิพากษ์วิจารณ์ ”พริษฐ วัชรสินธุ“'สส.พรรคประชาชน ที่เสนอ ๗ แพ็กเกจ" แก้รัฐธรรมนูญ เตือนอย่าบ้า "ประชาธิปไตย-เผด็จการ" โดยไม่รู้จักแยกแยะด้วยเหตุและผลให้มากนัก เนื้อหาในบทความระบุว่า

    "นายพริษฐ์ วัชรสินธุ" ที่แสนจะน่าระอา

    ถ้าเป็นดอกไม้ ก็เป็นดอกไม้พลาสติก มีสี มีฟอร์ม

    แต่...ไม่มีกลิ่น!

    จึงแห้งแล้ง ไม่มีเสน่ห์ ไร้ราคา ค่าแค่มาลัยพลาสติกสวมจอมปลวก ไม่มีวาสนาขึ้นหิ้งบูชาพระ หรืองามสง่าคู่แจกันห้องรับแขก

    หรือถ้าเป็นม้าแข่ง

    ก็เป็น "ม้าพันทาง" วิชาความรู้ปรัชญาการเมืองตามกากตำราฝรั่งเป็น "กะบังตา" สวม

    ก็ไม่เห็นซ้าย-ไม่เห็นขวา เข้าใจว่า โลกนี้ มีแต่ข้างหน้า เป็นทางไปทางเดียวตามตำราบอก ก็วิ่งทื่อตะบึงตรงไป

    หมายถึงว่า อะไรที่ผิดไปจากตำรากูเรียน มันไม่ใช่...มันต้องผิดไปทั้งหมด!

    ดูๆ ไปก็น่าเวทนา...

    ยิ่งเห็นออกมายืนตาแข็งเหมือนตาปลาแช่น้ำยาตามห้องเย็น ท่องตำราประชาธิปไตยว่ากล่าว

    เสนอ "๗ แพ็กเกจ" แก้รัฐธรรมนูญเมื่อวาน (๒๖ ก.ย.๖๗) นี้ด้วยแล้ว

    ต้องร้องว่า...เฮ้อ!

    เป็นอะไรมากมั้ย คุณไอติม ถ้าไม่ไหวกับการแบกตำราละก็ ดื่มนม แล้วกินยานอนพักซะบ้างก็ดีนะ

    คุณตั้งค่ามาตรฐานว่า กฎหมายที่มาจาก สส.-สว. "ระบบรัฐสภา" เท่านั้นที่เป็น "ประชาธิปไตย" ยึดโยงประชาชน

    นอกนั้น ไม่ใช่...ไม่เป็นประชาธิปไตย

    เช่น กฎหมายยุค คสช.หรือยุครัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง

    คุณปฏิเสธ "รังเกียจ-ไม่ยอมรับ" ทั้งหมด!

    พร้อม "สวมกะบังตา" ฝรั่ง ชี้เป็นทางที่พรรคส้มจะชักลากไปเมื่อวาน ว่า

    "พรรค ปชน.ยืนยันมาตลอดว่า รัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐ มีปัญหาเรื่องความชอบธรรมทางประชาธิปไตย

    ทั้งที่มา กระบวนการ และเนื้อหา

    ดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องเดินหน้า ๒ เส้นทางแบบคู่ขนาน นั่นคือ

    -การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด โดย ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด กับอีกเส้นทาง คือ

    -การแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราในประเด็นที่สำคัญและจำเป็นเร่งด่วน

    พรรค ปชน.จึงนำเสนอแนวคิด, ประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา โดยแบ่งชุดประเด็นออกเป็น ๗ แพ็กเกจ

    แพ็กเกจที่ ๑ “ลบล้างผลพวงรัฐประหาร

    แพ็กเกจที่ ๒ “ตีกรอบอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ, องค์กรอิสระ

    แพ็กเกจที่ ๓ “เพิ่มกลไกตรวจสอบการทุจริต”

    แพ็กเกจที่ ๔ “คุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชน”

    แพ็กเกจที่ ๕ “ปฏิรูปกองทัพ”

    แพ็กเกจที่ ๖ “ยกระดับประสิทธิภาพรัฐสภา”

    แพ็กเกจที่ ๗ “ปรับเกณฑ์เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ”

    ฮึ่ๆ...

    ฟัง "ประชาธิปไตย" ที่พริษฐ์ยกเทิดทูนเป็นประทีปไร้แสงนำทางมืดบอดแล้ว

    นึกถึง "นิทานธรรม" ของหลวงปู่ชา "พระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท)" วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี

    ท่านพูดฝรั่งไม่ได้ซักคำ....

    แต่ท่านนำพุทธธรรมไปสอนฝรั่งในยุโรป ในสหรัฐฯ ในเอเชีย จนมีคน "ต่างชาติ-ต่างภาษา" ทั้งฝรั่งและคนเอเชีย ขอบวชเป็นพระ

    มีวัดและสำนักสงฆ์ในสายหลวงปู่ชาเกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ไม่ต่ำกว่า ๒๐๐ แห่ง

    "หลวงปู่ชา" เป็นพระผู้เผยแผ่คำสอนพระพุทธองค์ไปยังตะวันตกเป็นรูปแรกๆ ก็พูดได้เช่นนั้น

    จนทุกวันนี้ พระพุทธศาสนาไปตั้งมั่นในยุโรปชนิด "เคร่งครัด-มั่นคง" ด้านปฏิบัติมุ่งตรง "แก่นพุทธธรรม" ยิ่งกว่าตามวัดในเมืองไทยหลายๆ แห่งด้วยซ้ำ

    เคยมีคนนำเรื่องการเมืองไปถามและแสดงทัศนะเกี่ยวกับประชาธิปไตยกับ "หลวงปู่ชา"

    พุทธศาสนา เป็นศาสนาของคนมีปัญญา

    ฉะนั้น "หลวงปู่ชา" ท่านจะไม่สอนคนตรงๆ แต่จะสอนผ่านอุปมา-อุปไมยเป็น "อุบายธรรม" ให้คนฟังใช้ปัญญาแทงทะลุเอาเอง

    อย่างกรณีโยมผู้นี้....

    เข้าไปกราบหลวงปู่แล้วพูดว่า

    "หลวงพ่อครับ ผมว่ามีประชาธิปไตยก็ดีนะครับ ผู้คนจะได้เคารพในการตัดสินใจของคนหมู่มากเป็นหลัก"

    "มันก็ไม่ถูกต้องเสมอไปหรอกโยม" หลวงปู่ชาท่านว่า โยมก็ย้อนถามว่า "ไม่ถูกต้องยังไงครับ?"

    หลวงปู่ชา ท่านก็กล่าวเป็นอุบายธรรมว่า....

    "ยกตัวอย่างมีแมลงวัน ๒๐ ตัว มีแมลงผึ้ง ๑๐ ตัว แมลงวัน ๒๐ ตัวบอกว่า "อุจจาระหอมหวาน อร่อยดี"

    แต่แมลงผึ้ง ๑๐ ตัว บอกว่า "น้ำผึ้งหอมหวาน อร่อยดี"

    ถ้าพูดตามหลักประชาธิปไตย "แมลงวันชนะ" แมลงผึ้ง เพราะคะแนนเสียง "มากกว่า"

    แมลงผึ้งแพ้ เพราะคะแนนเสียง "น้อยกว่า"

    เราเป็นมนุษย์ ชื่อว่าเป็น "สัตว์ประเสริฐ" มีปัญญามากกว่าสัตว์เหล่านั้น เราควรจะเชื่อใครดี?"

    "นิทานธรรม" เรื่องนี้ มีเผยแพร่ทั่วไป ผู้มีปัญญาก็จะตีความปริศนาธรรมนั้นเข้าใจ ตามที่หลวงปู่ยกเรื่องแมลงวันกับผึ้งเป็นอุปมา-อุปไมย

    หมายถึง "การตัดสินด้วย "หลักประชาธิปไตย" บางครั้งก็ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป ถ้าไม่เอาหลัก "ธรรมาธิปไตย" เข้าไปตัดสิน"

    แล้วพริษฐ์ ....คุณเป็น "ผึ้ง" หรือ "แมลงวัน" ล่ะ?

    ดีกรี "ปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์" เหรียญทอง ออกซฟอร์ด มีปัญญาแยกแยะได้แน่!

    แต่ในการแยกแยะ ก่อนอื่น ต้องเข้าใจ "สถานะ" ให้ชัด ว่าเราเป็นแมลงวันหรือผึ้ง

    หรือเป็นคนใน "สถานะมนุษย์"?

    เมื่อรู้สถานะ พริษฐ์ ก็คือ "สัตว์ประเสริฐ" ต้องมีปัญญามากกว่าสัตว์แน่นอน

    ฉะนั้น ไหน "ประชาธิปไตย" หรือ "ไม่ประชาธิปไตย" ต้องเข้าใจว่าจะชี้ขาดด้วยมือในระบบรัฐสภา "ประชาธิปไตยเลือกตั้ง" หรือในระบบ "เผด็จการประชาธิปไตย" ตายตัวไม่ได้

    ต้องใช้ "ธรรมาธิปไตย" เป็นเครื่องตัดสินชี้ขาด!

    นี่ไม่ใช่เอะอะ ผมลากเข้าวัดนะ

    ต้องเข้าใจ "ธรรมะ" คือธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป ไม่มีอะไร "เป็นอยู่อย่างนั้นนิรันดร์"

    หรือพูดอีกที "ความหมุนเวียน-เปลี่ยนแปลง" นั่นแหละนิรันดร์

    ทุกสิ่ง ประกอบด้วยกาล ด้วยเวลา ด้วยสถานะ เมื่อถึงพร้อมแล้ว มันหมุนเวียน-เปลี่ยนผัน จากรูปแบบหนึ่งไปสู่อีกรูปแบบหนึ่ง ตามเหตุ-ปัจจัย ที่มันต้องเป็นด้วยตัวของมันเอง

    พริษฐ์ไม่ต้องเป็น "จอห์น ล็อก" บิดาแห่งประชาธิปไตยในศตวรรษที่ ๒๑ หรอก

    เป็นแฟน "ออนล็อกหยุ่น" ดีกว่า....

    ไปนั่งกิน breakfast ที่นั่นบ่อยๆ จะเป็นหนทางสร้างสมประสบการณ์ประชาธิปไตย จาก "หลายชีวิต-หลากรุ่น"

    บางที การได้สัมผัสวิถีประชาธิปไตยไทยแท้ๆ อาจทำให้ "ดอกไม้พลาสติก" มีกลิ่นหอมขึ้นมาก็ได้

    ทฤษฎี-หลักการตามตำรา นำมาชี้ขาด "ประชาธิปไตย-เผด็จการ" โดดๆ ไม่ได้หรอก

    มันต้องประกอบด้วย "ประสบการณ์" เพราะสังคมหนึ่งๆ มีทั้งประชาชนผึ้ง ทั้งประชาชนแมลงวัน

    ฉะนั้น บางเรื่องจะใช้ "จำนวนมาก" ถือเป็นประชาธิปไตย

    นั่นมันหลักการ "พลเมืองแมลง"

    มันไม่ถูก-ไม่ชอบธรรมตามหลัก "พลเมืองมนุษย์"

    อย่างจะเขียนกฎหมายให้ง่ายต่อการแยก "ราชอาณาจักร" ไปเป็นสาธารณรัฐ

    เขียนกฎหมาย ไม่เน้น "ศีลธรรม-จริยธรรม" ให้เข้าง่าย กินง่าย-โกงง่าย-อยู่ง่าย

    แค่ "มือมาก" ในระบบสภายกให้ ก็หมายความว่า เหล่านั้น เป็นประชาธิปไตยถูกต้องแล้ว

    ถูกตามประชาธิปไตยแมลงวันละก็ใช่

    แต่มัน "ไม่ถูกต้อง-ไม่ชอบธรรม" ตามประชาธิปไตยมนุษย์ ที่ต้องมี "ธรรม" เป็นแกนในกฎ-กติกาสังคม

    พริษฐ์ ว่า "กฎหมายที่มีขณะนี้ "คสช.เขียน" ไม่เป็นประชาธิปไตย ต้องรื้อทิ้งทั้งหมด"

    ถ้าอย่างนั้น.....

    ระบอบประชาธิปไตยที่ "คณะราษฎร" สถาปนาเมื่อ ปี ๒๔๗๕ ก็ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นประชาธิปไตย ต้องรื้อทิ้ง เพราะไม่ได้มาตามระบบรัฐสภา

    หากแต่มาจาก "คณะราษฎร" ใช้กำลังไปปล้นพระราชอำนาจจาก "พระมหากษัตริย์" มา

    นั่นเท่ากับคณะราษฎร เป็นเผด็จการ!

    และที่พริษฐ์บอก "รังเกียจ-ปฏิเสธ" ทุกกฎหมาย-ทุกคำสั่งของ คสช.ต้องยกเลิก เพราะไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ยึดโยงประชาชน

    งั้น พริษฐ์และพรรคส้ม ต้องพ้นสภาพ สส.ไปวันนี้เลย

    เพราะ พวกคุณทุกคน ถือกำเนิดมาจากรัฐธรรมนูญเผด็จการ ที่ให้มีเลือกตั้ง เมื่อรังเกียจ ให้ยกเลิกกฎหมายนั้น

    สส.พวกคุณและพรรคส้ม ก็ไม่มีกฎหมายรองรับ เป็น สส.ไม่ได้แล้ว!

    เห็นมั้ย พริษฐ์..."ความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด" การพูดเอาเท่ ขาดประสบการณ์โลกจริง แยกเหตุ-แยกผล ไม่ได้ ก็ฉิบหายตัวเอง

    อย่าคิดต่ำกว่าหนอนในถังขี้เลย...พริษฐ์

    หนอน กินขี้เลี้ยงชีวิต มันรู้บุญคุณ มันไม่เคยเนรคุณถังขี้

    แต่พริษฐ์ เป็นมนุษย์ มีสมองคิดด้วยจิตสำนึกเหนือหนอน ฉะนั้น อย่าบ้า "ประชาธิปไตย-เผด็จการ" โดยไม่รู้จักแยกแยะด้วยเหตุและผลให้มากนัก

    จะปฏิรูปกองทัพ เลิกเกณฑ์ทหาร มีสงครามค่อยเกณฑ์

    พริษฐ์...หิวข้าวตอนไหน ค่อยไปทำตอนนั้น อย่างนั้นหรือ?

    นี่ถ้าวันนี้ไม่มีทหารละก็นะ

    พริษฐ์และคณะส้มต้องไปโกยเลนให้ชาวบ้านที่แม่สายแทน...เอามั้ย?

    กลับบ้าน อาบน้ำ ประแป้ง แล้วกินนมนอน ซะไป...พริษฐ์?!

    -เปลว สีเงิน

    ๒๗ กันยายน ๒๕๖๗

    คนปลายซอย

    ที่มา : https://www.thaipost.net/columnist-people/663854/?#m1kerm3y94d8my69xxm

    #Thaitimes
    27 กันยายน 2567 -เปลว สีเงิน ผู้เขียนคอลัมน์”คนปลายซอย“ วิพากษ์วิจารณ์ ”พริษฐ วัชรสินธุ“'สส.พรรคประชาชน ที่เสนอ ๗ แพ็กเกจ" แก้รัฐธรรมนูญ เตือนอย่าบ้า "ประชาธิปไตย-เผด็จการ" โดยไม่รู้จักแยกแยะด้วยเหตุและผลให้มากนัก เนื้อหาในบทความระบุว่า "นายพริษฐ์ วัชรสินธุ" ที่แสนจะน่าระอา ถ้าเป็นดอกไม้ ก็เป็นดอกไม้พลาสติก มีสี มีฟอร์ม แต่...ไม่มีกลิ่น! จึงแห้งแล้ง ไม่มีเสน่ห์ ไร้ราคา ค่าแค่มาลัยพลาสติกสวมจอมปลวก ไม่มีวาสนาขึ้นหิ้งบูชาพระ หรืองามสง่าคู่แจกันห้องรับแขก หรือถ้าเป็นม้าแข่ง ก็เป็น "ม้าพันทาง" วิชาความรู้ปรัชญาการเมืองตามกากตำราฝรั่งเป็น "กะบังตา" สวม ก็ไม่เห็นซ้าย-ไม่เห็นขวา เข้าใจว่า โลกนี้ มีแต่ข้างหน้า เป็นทางไปทางเดียวตามตำราบอก ก็วิ่งทื่อตะบึงตรงไป หมายถึงว่า อะไรที่ผิดไปจากตำรากูเรียน มันไม่ใช่...มันต้องผิดไปทั้งหมด! ดูๆ ไปก็น่าเวทนา... ยิ่งเห็นออกมายืนตาแข็งเหมือนตาปลาแช่น้ำยาตามห้องเย็น ท่องตำราประชาธิปไตยว่ากล่าว เสนอ "๗ แพ็กเกจ" แก้รัฐธรรมนูญเมื่อวาน (๒๖ ก.ย.๖๗) นี้ด้วยแล้ว ต้องร้องว่า...เฮ้อ! เป็นอะไรมากมั้ย คุณไอติม ถ้าไม่ไหวกับการแบกตำราละก็ ดื่มนม แล้วกินยานอนพักซะบ้างก็ดีนะ คุณตั้งค่ามาตรฐานว่า กฎหมายที่มาจาก สส.-สว. "ระบบรัฐสภา" เท่านั้นที่เป็น "ประชาธิปไตย" ยึดโยงประชาชน นอกนั้น ไม่ใช่...ไม่เป็นประชาธิปไตย เช่น กฎหมายยุค คสช.หรือยุครัฐบาลที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง คุณปฏิเสธ "รังเกียจ-ไม่ยอมรับ" ทั้งหมด! พร้อม "สวมกะบังตา" ฝรั่ง ชี้เป็นทางที่พรรคส้มจะชักลากไปเมื่อวาน ว่า "พรรค ปชน.ยืนยันมาตลอดว่า รัฐธรรมนูญปี ๒๕๖๐ มีปัญหาเรื่องความชอบธรรมทางประชาธิปไตย ทั้งที่มา กระบวนการ และเนื้อหา ดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ต้องเดินหน้า ๒ เส้นทางแบบคู่ขนาน นั่นคือ -การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยโดยเร็วที่สุด โดย ส.ส.ร.ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด กับอีกเส้นทาง คือ -การแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราในประเด็นที่สำคัญและจำเป็นเร่งด่วน พรรค ปชน.จึงนำเสนอแนวคิด, ประเด็นแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตรา โดยแบ่งชุดประเด็นออกเป็น ๗ แพ็กเกจ แพ็กเกจที่ ๑ “ลบล้างผลพวงรัฐประหาร แพ็กเกจที่ ๒ “ตีกรอบอำนาจศาลรัฐธรรมนูญ, องค์กรอิสระ แพ็กเกจที่ ๓ “เพิ่มกลไกตรวจสอบการทุจริต” แพ็กเกจที่ ๔ “คุ้มครองสิทธิเสรีภาพประชาชน” แพ็กเกจที่ ๕ “ปฏิรูปกองทัพ” แพ็กเกจที่ ๖ “ยกระดับประสิทธิภาพรัฐสภา” แพ็กเกจที่ ๗ “ปรับเกณฑ์เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ” ฮึ่ๆ... ฟัง "ประชาธิปไตย" ที่พริษฐ์ยกเทิดทูนเป็นประทีปไร้แสงนำทางมืดบอดแล้ว นึกถึง "นิทานธรรม" ของหลวงปู่ชา "พระโพธิญาณเถร (ชา สุภัทโท)" วัดหนองป่าพง อุบลราชธานี ท่านพูดฝรั่งไม่ได้ซักคำ.... แต่ท่านนำพุทธธรรมไปสอนฝรั่งในยุโรป ในสหรัฐฯ ในเอเชีย จนมีคน "ต่างชาติ-ต่างภาษา" ทั้งฝรั่งและคนเอเชีย ขอบวชเป็นพระ มีวัดและสำนักสงฆ์ในสายหลวงปู่ชาเกิดขึ้นในประเทศต่างๆ ไม่ต่ำกว่า ๒๐๐ แห่ง "หลวงปู่ชา" เป็นพระผู้เผยแผ่คำสอนพระพุทธองค์ไปยังตะวันตกเป็นรูปแรกๆ ก็พูดได้เช่นนั้น จนทุกวันนี้ พระพุทธศาสนาไปตั้งมั่นในยุโรปชนิด "เคร่งครัด-มั่นคง" ด้านปฏิบัติมุ่งตรง "แก่นพุทธธรรม" ยิ่งกว่าตามวัดในเมืองไทยหลายๆ แห่งด้วยซ้ำ เคยมีคนนำเรื่องการเมืองไปถามและแสดงทัศนะเกี่ยวกับประชาธิปไตยกับ "หลวงปู่ชา" พุทธศาสนา เป็นศาสนาของคนมีปัญญา ฉะนั้น "หลวงปู่ชา" ท่านจะไม่สอนคนตรงๆ แต่จะสอนผ่านอุปมา-อุปไมยเป็น "อุบายธรรม" ให้คนฟังใช้ปัญญาแทงทะลุเอาเอง อย่างกรณีโยมผู้นี้.... เข้าไปกราบหลวงปู่แล้วพูดว่า "หลวงพ่อครับ ผมว่ามีประชาธิปไตยก็ดีนะครับ ผู้คนจะได้เคารพในการตัดสินใจของคนหมู่มากเป็นหลัก" "มันก็ไม่ถูกต้องเสมอไปหรอกโยม" หลวงปู่ชาท่านว่า โยมก็ย้อนถามว่า "ไม่ถูกต้องยังไงครับ?" หลวงปู่ชา ท่านก็กล่าวเป็นอุบายธรรมว่า.... "ยกตัวอย่างมีแมลงวัน ๒๐ ตัว มีแมลงผึ้ง ๑๐ ตัว แมลงวัน ๒๐ ตัวบอกว่า "อุจจาระหอมหวาน อร่อยดี" แต่แมลงผึ้ง ๑๐ ตัว บอกว่า "น้ำผึ้งหอมหวาน อร่อยดี" ถ้าพูดตามหลักประชาธิปไตย "แมลงวันชนะ" แมลงผึ้ง เพราะคะแนนเสียง "มากกว่า" แมลงผึ้งแพ้ เพราะคะแนนเสียง "น้อยกว่า" เราเป็นมนุษย์ ชื่อว่าเป็น "สัตว์ประเสริฐ" มีปัญญามากกว่าสัตว์เหล่านั้น เราควรจะเชื่อใครดี?" "นิทานธรรม" เรื่องนี้ มีเผยแพร่ทั่วไป ผู้มีปัญญาก็จะตีความปริศนาธรรมนั้นเข้าใจ ตามที่หลวงปู่ยกเรื่องแมลงวันกับผึ้งเป็นอุปมา-อุปไมย หมายถึง "การตัดสินด้วย "หลักประชาธิปไตย" บางครั้งก็ไม่ได้ถูกต้องเสมอไป ถ้าไม่เอาหลัก "ธรรมาธิปไตย" เข้าไปตัดสิน" แล้วพริษฐ์ ....คุณเป็น "ผึ้ง" หรือ "แมลงวัน" ล่ะ? ดีกรี "ปรัชญาการเมืองและเศรษฐศาสตร์" เหรียญทอง ออกซฟอร์ด มีปัญญาแยกแยะได้แน่! แต่ในการแยกแยะ ก่อนอื่น ต้องเข้าใจ "สถานะ" ให้ชัด ว่าเราเป็นแมลงวันหรือผึ้ง หรือเป็นคนใน "สถานะมนุษย์"? เมื่อรู้สถานะ พริษฐ์ ก็คือ "สัตว์ประเสริฐ" ต้องมีปัญญามากกว่าสัตว์แน่นอน ฉะนั้น ไหน "ประชาธิปไตย" หรือ "ไม่ประชาธิปไตย" ต้องเข้าใจว่าจะชี้ขาดด้วยมือในระบบรัฐสภา "ประชาธิปไตยเลือกตั้ง" หรือในระบบ "เผด็จการประชาธิปไตย" ตายตัวไม่ได้ ต้องใช้ "ธรรมาธิปไตย" เป็นเครื่องตัดสินชี้ขาด! นี่ไม่ใช่เอะอะ ผมลากเข้าวัดนะ ต้องเข้าใจ "ธรรมะ" คือธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตและไม่มีชีวิต เกิดขึ้น-ตั้งอยู่-ดับไป ไม่มีอะไร "เป็นอยู่อย่างนั้นนิรันดร์" หรือพูดอีกที "ความหมุนเวียน-เปลี่ยนแปลง" นั่นแหละนิรันดร์ ทุกสิ่ง ประกอบด้วยกาล ด้วยเวลา ด้วยสถานะ เมื่อถึงพร้อมแล้ว มันหมุนเวียน-เปลี่ยนผัน จากรูปแบบหนึ่งไปสู่อีกรูปแบบหนึ่ง ตามเหตุ-ปัจจัย ที่มันต้องเป็นด้วยตัวของมันเอง พริษฐ์ไม่ต้องเป็น "จอห์น ล็อก" บิดาแห่งประชาธิปไตยในศตวรรษที่ ๒๑ หรอก เป็นแฟน "ออนล็อกหยุ่น" ดีกว่า.... ไปนั่งกิน breakfast ที่นั่นบ่อยๆ จะเป็นหนทางสร้างสมประสบการณ์ประชาธิปไตย จาก "หลายชีวิต-หลากรุ่น" บางที การได้สัมผัสวิถีประชาธิปไตยไทยแท้ๆ อาจทำให้ "ดอกไม้พลาสติก" มีกลิ่นหอมขึ้นมาก็ได้ ทฤษฎี-หลักการตามตำรา นำมาชี้ขาด "ประชาธิปไตย-เผด็จการ" โดดๆ ไม่ได้หรอก มันต้องประกอบด้วย "ประสบการณ์" เพราะสังคมหนึ่งๆ มีทั้งประชาชนผึ้ง ทั้งประชาชนแมลงวัน ฉะนั้น บางเรื่องจะใช้ "จำนวนมาก" ถือเป็นประชาธิปไตย นั่นมันหลักการ "พลเมืองแมลง" มันไม่ถูก-ไม่ชอบธรรมตามหลัก "พลเมืองมนุษย์" อย่างจะเขียนกฎหมายให้ง่ายต่อการแยก "ราชอาณาจักร" ไปเป็นสาธารณรัฐ เขียนกฎหมาย ไม่เน้น "ศีลธรรม-จริยธรรม" ให้เข้าง่าย กินง่าย-โกงง่าย-อยู่ง่าย แค่ "มือมาก" ในระบบสภายกให้ ก็หมายความว่า เหล่านั้น เป็นประชาธิปไตยถูกต้องแล้ว ถูกตามประชาธิปไตยแมลงวันละก็ใช่ แต่มัน "ไม่ถูกต้อง-ไม่ชอบธรรม" ตามประชาธิปไตยมนุษย์ ที่ต้องมี "ธรรม" เป็นแกนในกฎ-กติกาสังคม พริษฐ์ ว่า "กฎหมายที่มีขณะนี้ "คสช.เขียน" ไม่เป็นประชาธิปไตย ต้องรื้อทิ้งทั้งหมด" ถ้าอย่างนั้น..... ระบอบประชาธิปไตยที่ "คณะราษฎร" สถาปนาเมื่อ ปี ๒๔๗๕ ก็ไม่ถูกต้อง ไม่เป็นประชาธิปไตย ต้องรื้อทิ้ง เพราะไม่ได้มาตามระบบรัฐสภา หากแต่มาจาก "คณะราษฎร" ใช้กำลังไปปล้นพระราชอำนาจจาก "พระมหากษัตริย์" มา นั่นเท่ากับคณะราษฎร เป็นเผด็จการ! และที่พริษฐ์บอก "รังเกียจ-ปฏิเสธ" ทุกกฎหมาย-ทุกคำสั่งของ คสช.ต้องยกเลิก เพราะไม่เป็นประชาธิปไตย ไม่ยึดโยงประชาชน งั้น พริษฐ์และพรรคส้ม ต้องพ้นสภาพ สส.ไปวันนี้เลย เพราะ พวกคุณทุกคน ถือกำเนิดมาจากรัฐธรรมนูญเผด็จการ ที่ให้มีเลือกตั้ง เมื่อรังเกียจ ให้ยกเลิกกฎหมายนั้น สส.พวกคุณและพรรคส้ม ก็ไม่มีกฎหมายรองรับ เป็น สส.ไม่ได้แล้ว! เห็นมั้ย พริษฐ์..."ความรู้ท่วมหัวแต่เอาตัวไม่รอด" การพูดเอาเท่ ขาดประสบการณ์โลกจริง แยกเหตุ-แยกผล ไม่ได้ ก็ฉิบหายตัวเอง อย่าคิดต่ำกว่าหนอนในถังขี้เลย...พริษฐ์ หนอน กินขี้เลี้ยงชีวิต มันรู้บุญคุณ มันไม่เคยเนรคุณถังขี้ แต่พริษฐ์ เป็นมนุษย์ มีสมองคิดด้วยจิตสำนึกเหนือหนอน ฉะนั้น อย่าบ้า "ประชาธิปไตย-เผด็จการ" โดยไม่รู้จักแยกแยะด้วยเหตุและผลให้มากนัก จะปฏิรูปกองทัพ เลิกเกณฑ์ทหาร มีสงครามค่อยเกณฑ์ พริษฐ์...หิวข้าวตอนไหน ค่อยไปทำตอนนั้น อย่างนั้นหรือ? นี่ถ้าวันนี้ไม่มีทหารละก็นะ พริษฐ์และคณะส้มต้องไปโกยเลนให้ชาวบ้านที่แม่สายแทน...เอามั้ย? กลับบ้าน อาบน้ำ ประแป้ง แล้วกินนมนอน ซะไป...พริษฐ์?! -เปลว สีเงิน ๒๗ กันยายน ๒๕๖๗ คนปลายซอย ที่มา : https://www.thaipost.net/columnist-people/663854/?#m1kerm3y94d8my69xxm #Thaitimes
    Like
    Love
    10
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 893 มุมมอง 0 รีวิว
  • ☆ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย (นาเฮียใช้)
    ☆เพจติดต่อ
    》》
    https://www.facebook.com/naherechai?mibextid=ZbWKwL
    《《
    ♡เข้าชมฟรี♡

    ■นาเฮียใช้หรือศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย
    ■ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี
    ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดสุพรรณบุรีที่รวบรวมเรื่องราวที่น่าสนใจและองค์ความรู้ใหม่ ๆ ในวิถีของเกษตรกรที่ทรงคุณค่าให้ได้ศึกษาและเรียนรู้
    ■สร้างขึ้นจากความจงรักภักดีและสำนึกในคุณงามความดีของในหลวงพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานอย่างหนักเพื่อประชาชนคนไทย
    ■ก่อตั้งโดย คุณนิทัศน์ เจริญธรรมรักษา ที่มีอาชีพเกี่ยวข้องกับชาวนาและข้าว
    ■ใช้ชีวิตภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร
    ■อีกทั้งยังเป็นสถานที่ศึกษาเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวให้ผู้สนใจได้เข้าชม
    ■■■■■■■■■■■■
    #ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย #นาเฮียใช้ #สุพรรณบุรี #เที่ยวไทยไปกับมะนาวก้าวเดิน #สุพรรณบุรี #มะนาวก้าวเดิน #ความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    ☆ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย (นาเฮียใช้) ☆เพจติดต่อ 》》 https://www.facebook.com/naherechai?mibextid=ZbWKwL 《《 ♡เข้าชมฟรี♡ ■นาเฮียใช้หรือศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย ■ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี ถือเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดสุพรรณบุรีที่รวบรวมเรื่องราวที่น่าสนใจและองค์ความรู้ใหม่ ๆ ในวิถีของเกษตรกรที่ทรงคุณค่าให้ได้ศึกษาและเรียนรู้ ■สร้างขึ้นจากความจงรักภักดีและสำนึกในคุณงามความดีของในหลวงพระมหากษัตริย์ที่ทรงงานอย่างหนักเพื่อประชาชนคนไทย ■ก่อตั้งโดย คุณนิทัศน์ เจริญธรรมรักษา ที่มีอาชีพเกี่ยวข้องกับชาวนาและข้าว ■ใช้ชีวิตภายใต้ปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงโดยมีจุดประสงค์หลักเพื่อผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวคุณภาพดีให้เพียงพอต่อความต้องการของเกษตรกร ■อีกทั้งยังเป็นสถานที่ศึกษาเรียนรู้และแหล่งท่องเที่ยวให้ผู้สนใจได้เข้าชม ■■■■■■■■■■■■ #ศูนย์เรียนรู้วิถีชีวิตและจิตวิญญาณชาวนาไทย #นาเฮียใช้ #สุพรรณบุรี #เที่ยวไทยไปกับมะนาวก้าวเดิน #สุพรรณบุรี #มะนาวก้าวเดิน #ความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    Love
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1341 มุมมอง 0 รีวิว
  • งานวันคล้ายวันสถาปนา กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ปีที่ ๑๔

    กรมส่งเสริมวัฒนธรรม สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นองค์กรส่งเสริม สนับสนุนให้ประชาชนมีค่านิยมและพฤติกรรมที่เหมาะสม มีความภาคภูมิใจ และสืบทอดวัฒนธรรมอันเป็นอัตลักษณ์ของตนเองและชุมชน สามารถประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต และการพัฒนาที่ยั่งยืน

    วิสัยทัศน์
    "เป็นองค์กรหลักในการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เพื่อนำพาสังคมไทยไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน”

    พันธกิจ
    - เทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
    - ส่งเสริมและสนับสนุนให้คนไทยมีความภาคภูมิใจในค่านิยมและวัฒนธรรมความเป็นไทย
    - ส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางวัฒนธรรมเพื่อเพิ่มคุณค่าและมูลค่าทุนทางวัฒนธรรม
    - ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายทางวัฒนธรรมทุกภาคส่วนให้มีความเข้มแข็ง
    - ส่งเสริมและพัฒนาการใช้เทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์เพื่อการให้บริการประชาชน
    - ส่งเสริมและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมให้มีศักยภาพ
    - สงวนรักษา พัฒนาต่อยอด และเผยแพร่มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมไทยสู่ระดับนานาชาติ
    - ยกย่องเชิดชูเกียรติ และสนับสนุนการดำเนินงานของศิลปินแห่งชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิทางวัฒนธรรม ผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม และศิลปินพื้นบ้าน
    - ส่งเสริมและพัฒนางานภาพยนตร์และวีดิทัศน์ให้มีความทันสมัยและเหมาะสมกับบริบทของสังคมไทย

    #กรมส่งเสริมวัฒนธรรม #สภาวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร #วัฒนธรรม #thaitimes #thaitimesวัฒนธรรม
    งานวันคล้ายวันสถาปนา กรมส่งเสริมวัฒนธรรม ปีที่ ๑๔ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม สังกัดกระทรวงวัฒนธรรม เป็นองค์กรส่งเสริม สนับสนุนให้ประชาชนมีค่านิยมและพฤติกรรมที่เหมาะสม มีความภาคภูมิใจ และสืบทอดวัฒนธรรมอันเป็นอัตลักษณ์ของตนเองและชุมชน สามารถประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิต และการพัฒนาที่ยั่งยืน วิสัยทัศน์ "เป็นองค์กรหลักในการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม เพื่อนำพาสังคมไทยไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน” พันธกิจ - เทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ - ส่งเสริมและสนับสนุนให้คนไทยมีความภาคภูมิใจในค่านิยมและวัฒนธรรมความเป็นไทย - ส่งเสริมและสนับสนุนการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทางวัฒนธรรมเพื่อเพิ่มคุณค่าและมูลค่าทุนทางวัฒนธรรม - ส่งเสริมและสนับสนุนการมีส่วนร่วมของภาคีเครือข่ายทางวัฒนธรรมทุกภาคส่วนให้มีความเข้มแข็ง - ส่งเสริมและพัฒนาการใช้เทคโนโลยีที่เป็นประโยชน์เพื่อการให้บริการประชาชน - ส่งเสริมและพัฒนาแหล่งเรียนรู้ทางวัฒนธรรมให้มีศักยภาพ - สงวนรักษา พัฒนาต่อยอด และเผยแพร่มรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมไทยสู่ระดับนานาชาติ - ยกย่องเชิดชูเกียรติ และสนับสนุนการดำเนินงานของศิลปินแห่งชาติ ผู้ทรงคุณวุฒิทางวัฒนธรรม ผู้มีผลงานดีเด่นทางวัฒนธรรม และศิลปินพื้นบ้าน - ส่งเสริมและพัฒนางานภาพยนตร์และวีดิทัศน์ให้มีความทันสมัยและเหมาะสมกับบริบทของสังคมไทย #กรมส่งเสริมวัฒนธรรม #สภาวัฒนธรรมกรุงเทพมหานคร #วัฒนธรรม #thaitimes #thaitimesวัฒนธรรม
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 532 มุมมอง 155 0 รีวิว
  • สถาบันการเมืองนักการเมืองเราล้วนต่างถูกพวกWEFนี้ครอบงำสั่งซ้ายหันขวาหัน ต้องไปรับนโยบายมาทำการก็ว่า,ติดเข็มกลัดสีรุ้งตรงหน้าอกตรึม 17ประการต้องรับงานมาทำ,พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศคือตัวเปิดในไทยเราเลยจึงพยายามดันร่างกฎหมายให้ผ่านทั้งสภาฯให้ได้ให้เงียบกริบไม่ให้คนไทยทั้งประเทศรู้ทัน,คาร์บอนเครดิตคือตัวการจะควบคุมสังคมไทยในอนาคตในการดำเนินกิจกรรมทางชีวิตคนไทยทั้งหมดในอนาคต ปลูกข้าวทำนาต้องมีเครดิตคาร์บอนรับรองจึงจะทำได้,อิสระภาพจะไม่มีในคนไทยเหมือนเดิม,นอกจากสังเกตุพฤติกรรมผ่านAI&ตังดิจิดัลหรือเน็ตๆที่เราๆใช้กัน เพื่ออีลิทควบคุมรอบด้านทุกๆมิติทั่วไทย&ทั่วโลก,รัฐบาลโลกเดียวก็ว่า,หายใจเข้าออกต้องจ่ายคาร์บอนเครดิตมา,ซื้อของ ขึ้นรถไฟฟ้าลงเรือต้องสแกนจ่ายเป็นเครดิตคาร์บอนข้อหาทำลายอากาศสร้างโลกร้อนมันว่า,ต้องจ่ายเป็นเครดิตคาร์บอนชดเชยทุกๆกิจกรรมตามกฎหมายที่ลงมติผ่านแล้วในสภาฯขัดขืนต้องถูกลงโทษ ข้อหาทำลายสภาพอากาศโลกก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศผิดปกติพะนะมันอ้าง,คนไทยต้องตื่นรู้ค่าจริงความจริง ทาสยุคใหม่ชัดๆ,ตัดตอนแผนการมันคือห้ามมีพรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนี้,อนาคตถ้ามี จะไม่ต่างจากทาสบ่อน้ำมันที่พวกลอร์ดต่างชาตินี้ปล้นยึดครองบ่อน้ำมันเราคนไทยไปเป็นของมันผ่านพรบ.ปิโตรเลียมที่มันสุมหัวเขียนขึ้นจากเดอะแก๊งพวกมันเองเช่นกัน จนคนไทยเราใช้น้ำมันราคาแพงและตัวพ่อที่ทำสินค้าทุกๆอย่างต้นทุนสูงจนแพงทั้งแผ่นดินไทย,ตัวต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดในปัจจุบัน,ยุคอนาคต&ยุคใหม่ พรบ.นี้ก็เหมือนกัน ตัวปัญหามหากาฬภัยความมั่นคงด้านอิสระภาพแห่งการดำรงชีวิต&ใช้ชีวิตอย่างเสรี&เจตจำนงเสรีเลย,,มันจะทำให้เราเป็นทาส&ถูกควบคุมแบบเผด็จการเบ็ดเสร็จกว่ายุคใดๆ,AIจะรับรู้คุณทุกๆกิริยากิจกรรม เป็นภัยต่อระบบMatrixมันแน่นอน,อายัดตัดกระแสตังคุณทันที ไร้ตังไร้เครดิตใดๆจะใช้ซื้อหาแลกเปลี่ยนกินอยู่ในสังคมชุมชนมันอดตายก็ว่า,เพราะทุกๆอย่างไม่ได้ใช้เงินสด,บวกฝังชิปอีก AIระเบิดตัวชิปให้คุณตายทันทีเรียลไทม์ ณ ตอนนั้นได้ทันทีด้วย.
    ..การตัดตอนมิให้มันมีพรบ.นี้ได้จึงสำคัญมาก,ทหารพระราชาเราเท่านั้นจะยุติพวกมันได้.เพราะศัตรูของพวกมันคือพระมหากษัตริย์แบบแผ่นดินไทยเรา พวกมันจึงพยายามทำลายสถาบันกษัตริย์เราทุกๆช่องทาง.
    สถาบันการเมืองนักการเมืองเราล้วนต่างถูกพวกWEFนี้ครอบงำสั่งซ้ายหันขวาหัน ต้องไปรับนโยบายมาทำการก็ว่า,ติดเข็มกลัดสีรุ้งตรงหน้าอกตรึม 17ประการต้องรับงานมาทำ,พรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศคือตัวเปิดในไทยเราเลยจึงพยายามดันร่างกฎหมายให้ผ่านทั้งสภาฯให้ได้ให้เงียบกริบไม่ให้คนไทยทั้งประเทศรู้ทัน,คาร์บอนเครดิตคือตัวการจะควบคุมสังคมไทยในอนาคตในการดำเนินกิจกรรมทางชีวิตคนไทยทั้งหมดในอนาคต ปลูกข้าวทำนาต้องมีเครดิตคาร์บอนรับรองจึงจะทำได้,อิสระภาพจะไม่มีในคนไทยเหมือนเดิม,นอกจากสังเกตุพฤติกรรมผ่านAI&ตังดิจิดัลหรือเน็ตๆที่เราๆใช้กัน เพื่ออีลิทควบคุมรอบด้านทุกๆมิติทั่วไทย&ทั่วโลก,รัฐบาลโลกเดียวก็ว่า,หายใจเข้าออกต้องจ่ายคาร์บอนเครดิตมา,ซื้อของ ขึ้นรถไฟฟ้าลงเรือต้องสแกนจ่ายเป็นเครดิตคาร์บอนข้อหาทำลายอากาศสร้างโลกร้อนมันว่า,ต้องจ่ายเป็นเครดิตคาร์บอนชดเชยทุกๆกิจกรรมตามกฎหมายที่ลงมติผ่านแล้วในสภาฯขัดขืนต้องถูกลงโทษ ข้อหาทำลายสภาพอากาศโลกก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศผิดปกติพะนะมันอ้าง,คนไทยต้องตื่นรู้ค่าจริงความจริง ทาสยุคใหม่ชัดๆ,ตัดตอนแผนการมันคือห้ามมีพรบ.การเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศนี้,อนาคตถ้ามี จะไม่ต่างจากทาสบ่อน้ำมันที่พวกลอร์ดต่างชาตินี้ปล้นยึดครองบ่อน้ำมันเราคนไทยไปเป็นของมันผ่านพรบ.ปิโตรเลียมที่มันสุมหัวเขียนขึ้นจากเดอะแก๊งพวกมันเองเช่นกัน จนคนไทยเราใช้น้ำมันราคาแพงและตัวพ่อที่ทำสินค้าทุกๆอย่างต้นทุนสูงจนแพงทั้งแผ่นดินไทย,ตัวต้นเหตุของปัญหาทั้งหมดในปัจจุบัน,ยุคอนาคต&ยุคใหม่ พรบ.นี้ก็เหมือนกัน ตัวปัญหามหากาฬภัยความมั่นคงด้านอิสระภาพแห่งการดำรงชีวิต&ใช้ชีวิตอย่างเสรี&เจตจำนงเสรีเลย,,มันจะทำให้เราเป็นทาส&ถูกควบคุมแบบเผด็จการเบ็ดเสร็จกว่ายุคใดๆ,AIจะรับรู้คุณทุกๆกิริยากิจกรรม เป็นภัยต่อระบบMatrixมันแน่นอน,อายัดตัดกระแสตังคุณทันที ไร้ตังไร้เครดิตใดๆจะใช้ซื้อหาแลกเปลี่ยนกินอยู่ในสังคมชุมชนมันอดตายก็ว่า,เพราะทุกๆอย่างไม่ได้ใช้เงินสด,บวกฝังชิปอีก AIระเบิดตัวชิปให้คุณตายทันทีเรียลไทม์ ณ ตอนนั้นได้ทันทีด้วย. ..การตัดตอนมิให้มันมีพรบ.นี้ได้จึงสำคัญมาก,ทหารพระราชาเราเท่านั้นจะยุติพวกมันได้.เพราะศัตรูของพวกมันคือพระมหากษัตริย์แบบแผ่นดินไทยเรา พวกมันจึงพยายามทำลายสถาบันกษัตริย์เราทุกๆช่องทาง.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 426 มุมมอง 59 0 รีวิว
  • เสวนา "ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน" น้อมสำนึกพระอัจฉริยภาพดนตรี กษัตริย์ไทยราชวงศ์จักรี

    โดยสำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม The Publisher ร่วมกับกองดุริยางค์กองบัญชาการกองทัพไทย จัดกิจกรรมแสดงดนตรีและเสวนาหัวข้อ "ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน" เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทย ในราชวงศ์จักรี ซึ่งทุกพระองค์ทรงมีพระอัจฉริยภาพทางด้านดนตรีไทย-สากล ผ่านแต่ละยุคสมัยลุล่วงจนถึงปัจจุบัน

    ณ หอประชุมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ถนนวิภาวดีรังสิต
    #จิบกาแฟแลสยาม #สยามโสภา #Thaitimes #ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน #กองบัญชาการกองทัพไทย #จงรักภักดี
    เสวนา "ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน" น้อมสำนึกพระอัจฉริยภาพดนตรี กษัตริย์ไทยราชวงศ์จักรี โดยสำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม The Publisher ร่วมกับกองดุริยางค์กองบัญชาการกองทัพไทย จัดกิจกรรมแสดงดนตรีและเสวนาหัวข้อ "ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน" เพื่อแสดงถึงความจงรักภักดีและน้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระมหากษัตริย์ไทย ในราชวงศ์จักรี ซึ่งทุกพระองค์ทรงมีพระอัจฉริยภาพทางด้านดนตรีไทย-สากล ผ่านแต่ละยุคสมัยลุล่วงจนถึงปัจจุบัน ณ หอประชุมวิทยาลัยป้องกันราชอาณาจักร ถนนวิภาวดีรังสิต #จิบกาแฟแลสยาม #สยามโสภา #Thaitimes #ดนตรีของพระเจ้าแผ่นดิน #กองบัญชาการกองทัพไทย #จงรักภักดี
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 692 มุมมอง 254 0 รีวิว
  • สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
    ทรงตระหนักถึงความสำคัญของชาวไร่ชาวนาผู้ผลิตอาหาร ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของมนุษย์
    จึงทรงพระราชดำริที่จะจัดหาอาชีพเสริมให้แก่เกษตรกรเหล่านี้ เพื่อให้เกษตรกรมีกำลังใจที่จะทำนาทำไร่ต่อไป ไม่ต้องขายที่ดิน ไม่ต้องเป็นหนี้สิน และไม่ต้องทิ้งถิ่นไปทำมาหากินตามเมืองใหญ่
    สิ่งที่จะเป็นอาชีพเสริมนั้น จะต้องเป็นอาชีพที่ประกอบอยู่ที่บ้านได้ในเวลาที่ว่างจากการทำไร่ทำนา หรือเมื่อดินฟ้าอากาศไม่อำนวยให้เพาะปลูก หรือแม้แต่ผู้ไม่มีดินจะเพาะปลูก ก็จะสามารถประกอบอาชีพเสริมนี้ได้ด้วยทรัพยากรธรรมชาติหรือวัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่นของตน และด้วยภูมิปัญญาตลอดจนด้วยฝีมือของเขาเอง
    นี่คือที่มาของพระราชดำริในการนำศิลปหัตถกรรมมาเป็นอาชีพเสริมให้แก่ชาวไร่ชาวนาไทย
    ■■■■■■■■■■■■
    #พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง #เทิดทูลสถาบันพระมหากษัติริย์ #พระมหากรุณาธิคุณเพื่อปวงชนชาวไทย #ทรงพระเจริญ #ร้อยดวงใจคนไทยภักดี #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระพันปีหลวงของปวงไทย #ศิลปาชีพ #thaitimes #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney #thaitimesเทิดทูลสถาบันพระมหากษัติริย์
    สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงตระหนักถึงความสำคัญของชาวไร่ชาวนาผู้ผลิตอาหาร ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของมนุษย์ จึงทรงพระราชดำริที่จะจัดหาอาชีพเสริมให้แก่เกษตรกรเหล่านี้ เพื่อให้เกษตรกรมีกำลังใจที่จะทำนาทำไร่ต่อไป ไม่ต้องขายที่ดิน ไม่ต้องเป็นหนี้สิน และไม่ต้องทิ้งถิ่นไปทำมาหากินตามเมืองใหญ่ สิ่งที่จะเป็นอาชีพเสริมนั้น จะต้องเป็นอาชีพที่ประกอบอยู่ที่บ้านได้ในเวลาที่ว่างจากการทำไร่ทำนา หรือเมื่อดินฟ้าอากาศไม่อำนวยให้เพาะปลูก หรือแม้แต่ผู้ไม่มีดินจะเพาะปลูก ก็จะสามารถประกอบอาชีพเสริมนี้ได้ด้วยทรัพยากรธรรมชาติหรือวัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่นของตน และด้วยภูมิปัญญาตลอดจนด้วยฝีมือของเขาเอง นี่คือที่มาของพระราชดำริในการนำศิลปหัตถกรรมมาเป็นอาชีพเสริมให้แก่ชาวไร่ชาวนาไทย ■■■■■■■■■■■■ #พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง #เทิดทูลสถาบันพระมหากษัติริย์ #พระมหากรุณาธิคุณเพื่อปวงชนชาวไทย #ทรงพระเจริญ #ร้อยดวงใจคนไทยภักดี #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระพันปีหลวงของปวงไทย #ศิลปาชีพ #thaitimes #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney #thaitimesเทิดทูลสถาบันพระมหากษัติริย์
    Love
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1229 มุมมอง 373 0 รีวิว
  • สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
    ทรงตระหนักถึงความสำคัญของชาวไร่ชาวนาผู้ผลิตอาหาร ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของมนุษย์
    จึงทรงพระราชดำริที่จะจัดหาอาชีพเสริมให้แก่เกษตรกรเหล่านี้ เพื่อให้เกษตรกรมีกำลังใจที่จะทำนาทำไร่ต่อไป ไม่ต้องขายที่ดิน ไม่ต้องเป็นหนี้สิน และไม่ต้องทิ้งถิ่นไปทำมาหากินตามเมืองใหญ่
    สิ่งที่จะเป็นอาชีพเสริมนั้น จะต้องเป็นอาชีพที่ประกอบอยู่ที่บ้านได้ในเวลาที่ว่างจากการทำไร่ทำนา หรือเมื่อดินฟ้าอากาศไม่อำนวยให้เพาะปลูก หรือแม้แต่ผู้ไม่มีดินจะเพาะปลูก ก็จะสามารถประกอบอาชีพเสริมนี้ได้ด้วยทรัพยากรธรรมชาติหรือวัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่นของตน และด้วยภูมิปัญญาตลอดจนด้วยฝีมือของเขาเอง
    นี่คือที่มาของพระราชดำริในการนำศิลปหัตถกรรมมาเป็นอาชีพเสริมให้แก่ชาวไร่ชาวนาไทย
    ■■■■■■■■■■□
    #พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง #เทิดทูลสถาบันพระมหากษัติริย์ #พระมหากรุณาธิคุณเพื่อปวงชนชาวไทย #ทรงพระเจริญ #ร้อยดวงใจคนไทยภักดี #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระพันปีหลวงของปวงไทย #ศิลปาชีพ #thaitimes #thaitimesmanowjourney #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesเทิดทูลสถาบันพระมหากษัติริย์
    สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ทรงตระหนักถึงความสำคัญของชาวไร่ชาวนาผู้ผลิตอาหาร ซึ่งนับเป็นปัจจัยสำคัญที่สุดของมนุษย์ จึงทรงพระราชดำริที่จะจัดหาอาชีพเสริมให้แก่เกษตรกรเหล่านี้ เพื่อให้เกษตรกรมีกำลังใจที่จะทำนาทำไร่ต่อไป ไม่ต้องขายที่ดิน ไม่ต้องเป็นหนี้สิน และไม่ต้องทิ้งถิ่นไปทำมาหากินตามเมืองใหญ่ สิ่งที่จะเป็นอาชีพเสริมนั้น จะต้องเป็นอาชีพที่ประกอบอยู่ที่บ้านได้ในเวลาที่ว่างจากการทำไร่ทำนา หรือเมื่อดินฟ้าอากาศไม่อำนวยให้เพาะปลูก หรือแม้แต่ผู้ไม่มีดินจะเพาะปลูก ก็จะสามารถประกอบอาชีพเสริมนี้ได้ด้วยทรัพยากรธรรมชาติหรือวัตถุดิบที่มีอยู่ในท้องถิ่นของตน และด้วยภูมิปัญญาตลอดจนด้วยฝีมือของเขาเอง นี่คือที่มาของพระราชดำริในการนำศิลปหัตถกรรมมาเป็นอาชีพเสริมให้แก่ชาวไร่ชาวนาไทย ■■■■■■■■■■□ #พระบรมราชินีนาถพระบรมราชชนนีพันปีหลวง #เทิดทูลสถาบันพระมหากษัติริย์ #พระมหากรุณาธิคุณเพื่อปวงชนชาวไทย #ทรงพระเจริญ #ร้อยดวงใจคนไทยภักดี #เรารักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระพันปีหลวงของปวงไทย #ศิลปาชีพ #thaitimes #thaitimesmanowjourney #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesเทิดทูลสถาบันพระมหากษัติริย์
    Love
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1226 มุมมอง 347 0 รีวิว
  • สนับสนุน ให้มีกฏหมาย บังคับให้ สส รัฐมนตรี นายก มีความดีโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์และต้องมีจริยธรรมคุณธรรมให้มากที่สุด ควรมีความสามารถมากกว่า ประชาชนให้มาก คืน พระราชอำนาจให้พระมหากษัตริย์ได้แล้ว
    สนับสนุน ให้มีกฏหมาย บังคับให้ สส รัฐมนตรี นายก มีความดีโดดเด่นเป็นที่ประจักษ์และต้องมีจริยธรรมคุณธรรมให้มากที่สุด ควรมีความสามารถมากกว่า ประชาชนให้มาก คืน พระราชอำนาจให้พระมหากษัตริย์ได้แล้ว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ
    เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียง และมีความเก่าแก่ที่นับย้อนไปได้ถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นเสมือนศูนย์รวมจิตใจของผู้คนฝั่งธนบุรีมาอย่างยาวนาน

    》》พระพุทธธรรมกายเทพมงคล พระพุทธรูปปางสมาธิ สูง 69 เมตร
    《《
    พระพุทธรูปองค์ใหญ่ปางสมาธิ ที่จัดสร้างขึ้นตามนิมิตของหลวงพ่อสด ซึ่งท่านเห็นลักษณะของพระพุทธรูปนี้ในขณะที่กำลังเจริญสมาธิกรรมฐาน พระพุทธรูปทำด้วยทองแดงขนาดใหญ่ สูงเทียบเท่าตึก 20 ชั้น
    ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ นำไปบรรจุไว้ภายในพระเกตุพระพุทธธรรมกายเทพมงคล สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เพื่อจรรโลง เทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเพื่อบูชาพระคุณหลวงพ่อสด

    ที่อยู่ : 300 ซอยรัชมงคลประสาธน์ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร 10160
    พิกัด : goo.gl/maps/jufvS7cXDZaTPfFJ8
    ■■■■■■■■■■■
    #วัดปากน้ำภาษีเจริญ #วัดปากน้ำ #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    วัดปากน้ำ เขตภาษีเจริญ เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียง และมีความเก่าแก่ที่นับย้อนไปได้ถึงสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นเสมือนศูนย์รวมจิตใจของผู้คนฝั่งธนบุรีมาอย่างยาวนาน 》》พระพุทธธรรมกายเทพมงคล พระพุทธรูปปางสมาธิ สูง 69 เมตร 《《 พระพุทธรูปองค์ใหญ่ปางสมาธิ ที่จัดสร้างขึ้นตามนิมิตของหลวงพ่อสด ซึ่งท่านเห็นลักษณะของพระพุทธรูปนี้ในขณะที่กำลังเจริญสมาธิกรรมฐาน พระพุทธรูปทำด้วยทองแดงขนาดใหญ่ สูงเทียบเท่าตึก 20 ชั้น ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ นำไปบรรจุไว้ภายในพระเกตุพระพุทธธรรมกายเทพมงคล สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา ธรรมบูชา สังฆบูชา เพื่อจรรโลง เทิดทูนสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และเพื่อบูชาพระคุณหลวงพ่อสด ที่อยู่ : 300 ซอยรัชมงคลประสาธน์ แขวงปากคลองภาษีเจริญ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพมหานคร 10160 พิกัด : goo.gl/maps/jufvS7cXDZaTPfFJ8 ■■■■■■■■■■■ #วัดปากน้ำภาษีเจริญ #วัดปากน้ำ #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1654 มุมมอง 653 0 รีวิว
  • กองทัพเรือเตรียมพร้อมเต็มที่ รับพระราชพิธีเสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐินทางชลมารค

    กองทัพเรือได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ เพื่อรับพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ในวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๗

    #ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคอันยิ่งใหญ่
    ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ จะประกอบด้วยเรือพระราชพิธีทั้งหมด ๕๒ ลำ จัดเป็น ๕ ริ้ว ความยาวรวม ๑,๒๐๐เมตร กว้าง ๙๐ เมตร โดยมีกำลังพลประจำเรือรวม ๒,๒๐๐ นาย ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อให้การจัดพระราชพิธีครั้งนี้เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ

    #กรมศิลปากรบูรณะเรือพระราชพิธี
    กรมศิลปากรได้ดำเนินการอนุรักษ์และบูรณะเรือพระราชพิธีทั้ง ๕๒ ลำ ซึ่งถือเป็นโบราณวัตถุอันทรงคุณค่า โดยมีการลงรักปิดทอง ประดับกระจก ด้วยฝีมือช่างจากสำนักช่างสิบหมู่ เพื่อให้เรือแต่ละลำคงความงดงามและทรงคุณค่าตามแบบศิลปะดั้งเดิม

    #กองทัพเรือฝึกซ้อมฝีพาย
    กองทัพเรือได้ดำเนินการฝึกซ้อมฝีพายเรือพระราชพิธีอย่างเข้มข้น เพื่อให้การพายเรือเป็นไปอย่างพร้อมเพรียงและสง่างาม อีกทั้งยังคงไว้ซึ่งท่วงท่าตามโบราณราชประเพณี โดยมีการนำเทคนิคสมัยใหม่มาปรับใช้เพื่อเพิ่มความสวยงามและความแม่นยำในการพายเรือ

    เรือพระที่นั่งสำคัญ ๔ ลำ
    * เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์: เรือพระที่นั่งชั้นสูงสุด โขนเรือเป็นรูปหงส์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕ ใช้เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และพระบรมราชินี
    * เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์: เรือพระที่นั่งรอง โขนเรือลงรักปิดทองลายรูปงูตัวเล็ก ๆ จำนวนมาก สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕ ใช้เป็นที่ประทับเปลื้องเครื่องหรือเปลื้องพระชฎามหากฐินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    * เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช: หัวเรือจำหลักรูปพญานาค ๗ เศียร สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๖ ใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ หรือผ้าพระกฐิน
    * เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ ๙: โขนเรือจำหลักรูปพระวิษณุทรงครุฑ สร้างขึ้นใหม่เพื่อถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ โดยปกติแล้วใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ หรือผ้าพระกฐิน

    เรือพระราชพิธีอื่นๆ
    * เรือรูปสัตว์: มีโขนเรือเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น เรืออสุรวายุภักษ์ (รูปยักษ์), เรือครุฑเหินเห็จ (รูปครุฑ), เรือกระบี่ปราบเมืองมาร (รูปขุนกระบี่), เรือเอกชัยเหินหาว (รูปจระเข้หรือเหรา)
    * เรือดั้ง: เรือที่มีลักษณะเป็นเรือยาว หัวเรือและท้ายเรือโค้งงอนขึ้น ประดับลวดลายสวยงาม
    * เรือแซง: เรือที่มีลักษณะคล้ายเรือดั้ง แต่มีขนาดเล็กกว่า ใช้สำหรับพายนำหน้าขบวนเรือพระที่นั่ง
    สืบสานประเพณีอันทรงคุณค่า

    การจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังเป็นการสืบสานและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติให้คงอยู่สืบไป
    ความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ

    พระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ ที่จะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีอันทรงเกียรติและงดงามตระการตา ซึ่งจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทยสืบไป

    เกร็ดความรู้เพิ่มเติม
    ขบวนพยุหยาตราเพชรพวงทางชลมารค ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชจัดขบวนเป็น ๕ ตอน
    ๑. ขบวนนอกหน้าประกอบด้วย เรือพิฆาต ๓ คู่ เรือแซ ๕ คู่ เรือชัย ๑๐ คู่ เรือรูปสัตว์ ๒ คู่
    และมีเรือรูปสัตว์อีก ๑ คู่ เป็นเรือประตูหน้าชั้นนอก คั่นขบวนนอกหน้ากับขบวนในหน้า
    ๒. ขบวนในหน้า มีเรือรูปสัตว์ ๑๒ คู่ เรือเอกชัย ๒ คู่ เป็นเรือประตูหน้าชั้นในคั่นขบวนในหน้า
    กับขบวนเรือพระราชยาน มีเรือโขมดยา [ขะ-โหฺมด-ยา] ซ้อนสายนอก ๕ คู่
    ๓. ขบวนเรือพระราชยาน มีเรือพระที่นั่ง ๕ ลำ เป็นเรือดั้งนำเรือพระที่นั่งศรีสมรรถชัย
    [สี-สะ-หฺมัด-ถะ-ไช] ลำทรง และเรือพระที่นั่งไกรสรมุข [ไกฺร-สอ-ระ-มุก] ที่ใช้เป็นเรือพระที่นั่งรอง ขบวนเรือ
    พระราชยานเป็นเรือพระที่นั่งกิ่งทั้งหมด
    ๔. ขบวนในหลัง แบ่งเป็น ๓ สาย สายกลางมีเรือพระที่นั่งเอกชัย ๒ ลำ สายในซ้ายและในขวา
    เป็นเรือรูปสัตว์ ๒ คู่ อีก ๑ คู่ เป็นเรือประตูหลังชั้นนอก คั่นขบวนในหลังกับขบวนนอกหลัง
    ๕. ขบวนนอกหลัง ประกอบด้วยเรือแซ ๓ คู่ เรือพิฆาต ๒ คู่ และมีม้าแซงเดินริมตลิ่งอีกด้วย

    ภายใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี ยังเปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมเรือพระราชพิธี ๔ ลำ และเรือรูปสัตว์ ๔ ลำ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือพระราชพิธี และชมการฝึกฝีพาย ณ บ่อเรือแผนกเรือราชพิธี กองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ ในวันราชการ ตั้งแต่วันนี้ ถึง ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ระหว่างเวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ

    อ้างอิง
    ๑. Phralan: https://phralan.in.th/Coronation/vocabdetail.php?id=844
    ๒. Thai PBS: https://www.thaipbs.or.th/news/content/341376
    กองทัพเรือเตรียมพร้อมเต็มที่ รับพระราชพิธีเสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐินทางชลมารค กองทัพเรือได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ เพื่อรับพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ในวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๗ #ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคอันยิ่งใหญ่ ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ จะประกอบด้วยเรือพระราชพิธีทั้งหมด ๕๒ ลำ จัดเป็น ๕ ริ้ว ความยาวรวม ๑,๒๐๐เมตร กว้าง ๙๐ เมตร โดยมีกำลังพลประจำเรือรวม ๒,๒๐๐ นาย ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อให้การจัดพระราชพิธีครั้งนี้เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ #กรมศิลปากรบูรณะเรือพระราชพิธี กรมศิลปากรได้ดำเนินการอนุรักษ์และบูรณะเรือพระราชพิธีทั้ง ๕๒ ลำ ซึ่งถือเป็นโบราณวัตถุอันทรงคุณค่า โดยมีการลงรักปิดทอง ประดับกระจก ด้วยฝีมือช่างจากสำนักช่างสิบหมู่ เพื่อให้เรือแต่ละลำคงความงดงามและทรงคุณค่าตามแบบศิลปะดั้งเดิม #กองทัพเรือฝึกซ้อมฝีพาย กองทัพเรือได้ดำเนินการฝึกซ้อมฝีพายเรือพระราชพิธีอย่างเข้มข้น เพื่อให้การพายเรือเป็นไปอย่างพร้อมเพรียงและสง่างาม อีกทั้งยังคงไว้ซึ่งท่วงท่าตามโบราณราชประเพณี โดยมีการนำเทคนิคสมัยใหม่มาปรับใช้เพื่อเพิ่มความสวยงามและความแม่นยำในการพายเรือ เรือพระที่นั่งสำคัญ ๔ ลำ * เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์: เรือพระที่นั่งชั้นสูงสุด โขนเรือเป็นรูปหงส์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕ ใช้เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และพระบรมราชินี * เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์: เรือพระที่นั่งรอง โขนเรือลงรักปิดทองลายรูปงูตัวเล็ก ๆ จำนวนมาก สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕ ใช้เป็นที่ประทับเปลื้องเครื่องหรือเปลื้องพระชฎามหากฐินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว * เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช: หัวเรือจำหลักรูปพญานาค ๗ เศียร สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๖ ใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ หรือผ้าพระกฐิน * เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ ๙: โขนเรือจำหลักรูปพระวิษณุทรงครุฑ สร้างขึ้นใหม่เพื่อถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ โดยปกติแล้วใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ หรือผ้าพระกฐิน เรือพระราชพิธีอื่นๆ * เรือรูปสัตว์: มีโขนเรือเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น เรืออสุรวายุภักษ์ (รูปยักษ์), เรือครุฑเหินเห็จ (รูปครุฑ), เรือกระบี่ปราบเมืองมาร (รูปขุนกระบี่), เรือเอกชัยเหินหาว (รูปจระเข้หรือเหรา) * เรือดั้ง: เรือที่มีลักษณะเป็นเรือยาว หัวเรือและท้ายเรือโค้งงอนขึ้น ประดับลวดลายสวยงาม * เรือแซง: เรือที่มีลักษณะคล้ายเรือดั้ง แต่มีขนาดเล็กกว่า ใช้สำหรับพายนำหน้าขบวนเรือพระที่นั่ง สืบสานประเพณีอันทรงคุณค่า การจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังเป็นการสืบสานและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติให้คงอยู่สืบไป ความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ พระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ ที่จะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีอันทรงเกียรติและงดงามตระการตา ซึ่งจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทยสืบไป เกร็ดความรู้เพิ่มเติม ขบวนพยุหยาตราเพชรพวงทางชลมารค ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชจัดขบวนเป็น ๕ ตอน ๑. ขบวนนอกหน้าประกอบด้วย เรือพิฆาต ๓ คู่ เรือแซ ๕ คู่ เรือชัย ๑๐ คู่ เรือรูปสัตว์ ๒ คู่ และมีเรือรูปสัตว์อีก ๑ คู่ เป็นเรือประตูหน้าชั้นนอก คั่นขบวนนอกหน้ากับขบวนในหน้า ๒. ขบวนในหน้า มีเรือรูปสัตว์ ๑๒ คู่ เรือเอกชัย ๒ คู่ เป็นเรือประตูหน้าชั้นในคั่นขบวนในหน้า กับขบวนเรือพระราชยาน มีเรือโขมดยา [ขะ-โหฺมด-ยา] ซ้อนสายนอก ๕ คู่ ๓. ขบวนเรือพระราชยาน มีเรือพระที่นั่ง ๕ ลำ เป็นเรือดั้งนำเรือพระที่นั่งศรีสมรรถชัย [สี-สะ-หฺมัด-ถะ-ไช] ลำทรง และเรือพระที่นั่งไกรสรมุข [ไกฺร-สอ-ระ-มุก] ที่ใช้เป็นเรือพระที่นั่งรอง ขบวนเรือ พระราชยานเป็นเรือพระที่นั่งกิ่งทั้งหมด ๔. ขบวนในหลัง แบ่งเป็น ๓ สาย สายกลางมีเรือพระที่นั่งเอกชัย ๒ ลำ สายในซ้ายและในขวา เป็นเรือรูปสัตว์ ๒ คู่ อีก ๑ คู่ เป็นเรือประตูหลังชั้นนอก คั่นขบวนในหลังกับขบวนนอกหลัง ๕. ขบวนนอกหลัง ประกอบด้วยเรือแซ ๓ คู่ เรือพิฆาต ๒ คู่ และมีม้าแซงเดินริมตลิ่งอีกด้วย ภายใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี ยังเปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมเรือพระราชพิธี ๔ ลำ และเรือรูปสัตว์ ๔ ลำ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือพระราชพิธี และชมการฝึกฝีพาย ณ บ่อเรือแผนกเรือราชพิธี กองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ ในวันราชการ ตั้งแต่วันนี้ ถึง ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ระหว่างเวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ อ้างอิง ๑. Phralan: https://phralan.in.th/Coronation/vocabdetail.php?id=844 ๒. Thai PBS: https://www.thaipbs.or.th/news/content/341376
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 520 มุมมอง 0 รีวิว
  • รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
    รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
    รักชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • กิจกรรมการกล่าวสุนทรพจน์ ในหัวข้อ “เยาวชนรักสถาบัน” โดย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร

    เพื่อให้เยาวชนเกิดจิตสำนึกที่ดี และมีความจงรักภักดีต่อสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

    #กอรมน #สุนทรพจน์ #เยาวชน #thaitimesเยาวชน #รักสถาบันฯ
    กิจกรรมการกล่าวสุนทรพจน์ ในหัวข้อ “เยาวชนรักสถาบัน” โดย กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร เพื่อให้เยาวชนเกิดจิตสำนึกที่ดี และมีความจงรักภักดีต่อสถาบัน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ #กอรมน #สุนทรพจน์ #เยาวชน #thaitimesเยาวชน #รักสถาบันฯ
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1046 มุมมอง 364 0 รีวิว
  • #รักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระองค์ภา #หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน #ชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    #รักสถาบันพระมหากษัตริย์ #พระองค์ภา #หลวงตามหาบัว_ญาณสัมปันโน #ชาติศาสนาพระมหากษัตริย์
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 351 มุมมอง 53 0 รีวิว
  • ฉีดวัคซีนฝีดาษลิงดีหรือไม่ ในยุคไวรัสฝีมือมนุษย์? / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    “ไข้ทรพิษ” หรือฝีดาษเป็นโรคติดต่อร้ายแรง มีลักษณะเฉพาะคือมีผื่นขึ้นตามตัว ไข้สูง ปวดศีรษะ ชัก และอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน มีอัตราการเสียชีวิต 30% เกิดจากเชื้อไวรัส แบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ

    1.ไข้ทรพิษชนิดร้ายแรง เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา เมเจอร์” (Variola major or classical smallpox)

    2.ไข้ทรพิษชนิดอ่อน ซึ่งมีความรุนแรงน้อยกว่าชนิดแรก เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา ไมเนอร์”  (Variola minor or alastrim)[1]

    เว็บไซต์กรมควบคุมโรค สหรัฐอเมริกา ได้รายงานหลักฐานแรกสุดของโรคนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตศักราชในอียิปต์[2] และเมื่อเวลาผ่านไปก็ทยอยลุกลามไปทั่วโลก

    ทั้งนี้เชื้อไวรัสฝีดาษ (Variolar) นี้สามารถแพร่กระจายไปในอากาศ จากละอองสิ่งคัดหลั่งจากคนที่เป็นโรค เช่น น้ำมูก, น้ำลาย หรือจากการสัมผัสกับผิวหนังที่มีแผลฝีดาษ เชื้อนี้มีความคงทนต่อสภาพอากาศ สามารถแพร่ได้ไม่ว่าจะอากาศร้อนหรือหนาว และสามารถติดต่อจากคนไปสู่คนได้โดยง่าย

    อย่างไรก็ตาม การรณรงค์ฉีดวัคซีนกวาดล้างโรคฝีดาษ ตลอดศตวรรษที่ 19-20 โดยการประสานงานขององค์การอนามัยโลก เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510-2518 ทำให้ผู้ป่วยฝีดาษทั่วโลกลดลงอย่างมาก ตามรายงานขององค์การอนามัยโลกแจ้งว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคฝีดาษรายสุดท้าย เกิดขึ้นที่ ประเทศโซมาเลีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2520

    ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศว่า ฝีดาษถูกกวาดล้าง (eradicate) หมดไปจากโลกในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2523[2]

    จึงถือว่าเป็นโรคระบาดที่มนุษย์สามารถเอาชนะได้หลังจากใช้เวลานานกว่า 3,000 ปี

    อย่างไรก็ตามแม้ว่าโรคจะถูกกวาดล้างไปแล้ว แต่เชื้อไวรัสฝีดาษยังถูกเก็บไว้ในห้องปฏิบัติการและอยู่ในความดูแลอย่างเข้มงวดที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติ (CDC) เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกาและที่ State Research Centre of Virology and Biotechnology สหพันธ์สาธารณรัฐ รัสเซีย ซึ่งหน่วยงานทั้ง 2 แห่งในประเทศนี้ได้รับอนุญาตจาก WHA ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2542 ให้เป็นที่เก็บไวรัส Variola ที่มีชีวิตเพื่อนำมาใช้ในการศึกษาวิจัยในกรณีที่อาจมีโรคฝีดาษอุบัติใหม่ขึ้นมา[3],[4]

    ซึ่งแปลว่าคนในโลกนี้ควรจะปลอดจากเชื้อฝีดาษไปตลอดกาลแล้ว นับตั้งแต่ปี พ.ศ.​2523 หากไม่มีการรั่วไหล หรือมีวาระซ่อนเร้นในการทำธุรกิจกับชีวิตของมนุษยชาติ จริงหรือไม่?

    อย่างไรก็ตาม ได้มีเหตุการณ์พบขวดทดลองที่มีลักษณะแห้งและแช่แข็งบรรจุเชื้อไข้ทรพิษจำนวน 6 ขวด เก็บอยู่ในกล่องในห้องเก็บของที่มีการควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ 5 องศาเซลเซียส ของสถาบันเพื่อสุขภาพแห่งชาติอเมริกา (National Institutes of Health: NIH) ในสังกัดองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ในเบเธสดา รัฐแมรีแลนด์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ที่ผ่านมา[3]

    เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตระหนกแก่ประชาชนที่ทราบข่าว เนื่องจากความกลัวว่าจะมีการนำเชื้อไข้ทรพิษเป็นอาวุธชีวภาพ ทำให้มีการกำหนดมาตรฐานการเก็บรักษาเชื้อไวรัสไข้ทรพิษหรือฝีดาษ ว่าจะต้องถูกเก็บรักษาไว้ใน BSL-4 หรือแล็บความปลอดภัยด้านชีวภาพระดับ 4[3]

    แต่ห้องเก็บของที่พบกล่องบรรจุขวดเชื้อไวรัสฝีดาษไม่เข้ามาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง ทำให้มีการสอบสวนที่มาที่ไปของขวดตัวอย่างที่พบและนำเข้าสู่ระบบการทำลายเชื้อ เพื่อให้เกิดความแน่ใจว่าจะไม่มีการนำไปใช้ในทางที่ผิด อันเนื่องมาจากความรุนแรงของโรคที่เคยปรากฏในอดีตที่ผ่านมา[3]

    คำถามที่ตามมามีอยู่ว่าในเมื่อเชื้อฝีดาษหายไปจากโลกกว่า 40 ปี และเชื้อตัวอย่างยังคงหลงเหลืออยู่เพียงแค่ห้องปฏิบัติการ 2 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา กับ รัสเซีย หากฝีดาษจะมีการกลับมาระบาดอีกครั้งในโลก ย่อมต้องถูกตั้งข้อสงสัยว่ามาจากสหรัฐอเมริกา หรือ รัสเซียกันแน่

    ปรากฏในรายงานผลการสอบสวนของกรรมาธิการของวุฒิสภาในสหรัฐอเมริกาฉบับเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2567[5] พบว่าฝีดาษลิงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ อาจเป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นโดยมนุษย์

    เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567[6] นำรายงานผลการสอบสวนดังกล่าว และโพสต์ข้อความว่า

    “ไวรัสฝีดาษตัวใหม่ที่่ทั่วโลกกำลังตื่นตระหนก จากการประกาศขององค์การอนามัยโลกประสานกับองค์กรของสหรัฐฯ และพยายามจะให้มีการสะสมวัคซีนตลอดจนให้มีการใช้ทั่วโลก เป็นการเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือมีการประดิษฐ์มีการตรวจสอบโดยกรรมาธิการเฉพาะของวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยกรรมาธิการดังกล่าวออกรายงาน 73 หน้า ในวันที่ 11 มิถุนายน 2024 เป็นการสอบสวนการทำวิจัยไวรัสฝีดาษลิง ที่มีความเสี่ยงสูงโดยทำให้มีความรุนแรงมากขึ้นและติดต่อได้ง่ายขึ้นระหว่างคนสู่คน

    ขั้นตอนติดต่อส่วนของไวรัสในกลุ่มที่สอง ไปยังกลุ่มที่หนึ่งปรากฏว่าความรุนแรงลดลง

    ดังนั้นเลยมีกระบวนการที่ทำโดยเอาส่วนที่หนึ่งเสียบไปยังกลุ่มที่สองจนได้ผลสำเร็จ มีความรุนแรงมากขึ้นและแพร่ได้เร็ว เกิดการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    สืบจนพบว่าเป็นการอนุมัติทุนในองค์กร NIH NIAID ของสหรัฐฯ ในปี 2015 และรายงานความสำเร็จในปี 2022 ซึ่งในขณะนั้นเอง ก่อให้เกิดความวิตกกังวลของนักวิทยาศาสตร์ทั่วไปถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น

    และนำไปสู่การสืบสวนจนกระทั่งถึงผู้อนุมัติสนับสนุนงานสร้างไวรัสใหม่ คือ ดร.เฟาซี (ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับแนวหน้าของสหรัฐฯ และหัวหน้าทีมที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของประธานาธิบดี โจ ไบเดน)

    และเหตุการณ์ที่คล้องจอง คือการฝึกซ้อมรับมือผู้ก่อการร้าย โดยสมมุติว่ามีการใช้อาวุธชีวภาพ คือไวรัสฝีดาษลิงที่ตัดต่อพันธุกรรม ชื่อ Akhmeta ทั้งในปี 2021 และในปี 2022 โดยสร้างฉากทัศน์ เริ่มจากการปล่อยไวรัสจนกระทั่งมีการระบาดทั่วโลกและล้มตายไปหลายร้อยล้านคนและในขณะเดียวกันมีการตระเตรียมยาและวัคซีน

    เหตุการณ์ที่เกิดในปัจจุบันที่มีการติดเชื้อฝีดาษลิงในมนุษย์ที่ง่ายขึ้น เริ่มเกิดขึ้นในปี 2021 และ 2022 และทยอยแพร่ไปทั่วโลก

    จนองค์การอนามัยโลกประกาศเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินและผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนทั่วโลก[6]

    ส่วนประเทศไทยได้ปรากฏข้อมูลที่รวมรวมโดยเว็บไซต์ Hfocus รายงานว่าการเกิดโรคฝีดาษในไทยพบหลักฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ดังปรากฎในพระราชพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยาว่า

    ถึงขนาดว่ามีพระมหากษัตริย์ไทยสวรรคตด้วยฝีดาษ 2 พระองค์  ได้แก่ สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 หน่อพุทธางกูร พระมหากษัตริย์ ลำดับที่ 11 ของกรุงศรีอยุธยา ทรงพระประชวรด้วยโรคไข้ทรพิษ และเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2076 หรือประมาณ 491 ปีที่แล้ว

    อีก 72 ปีต่อมา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ประชวรที่เมืองหาง (เมืองห้างหลวง ในรัฐฉาน) เป็นฝีละลอกขึ้นที่พระพักตร์ กลายเป็นพิษ และสวรรคต เมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 ซึ่งตรงกับช่วงศตวรรษที่ 16 มีการระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลก และยังมีการระบาดในพ.ศ. 2292 สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ที่ทำให้มีคนตายมาก[3]

    โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ ในอดีตนั้นมีความร้ายแรง เพราะยังถึงขั้นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์ได้ จึงมีความแตกต่างจากโรคระบาดชนิดอื่นๆ

    ดังนั้นในเวลาต่อๆมา โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ จึงเป็นโรคระบาดที่สำคัญที่ต้องมีการพัฒนาอย่างเร่งด่วน ทั้งการป้องกันการเกิดโรคระบาด จนถึงขั้นการรักษาโรค

    ในสมัยรัตนโกสินทร์ มีการระบาดของฝีดาษเช่นกัน จากบันทึกของหมอบรัดเลย์ ที่ระบุว่าในสมัยรัชกาลที่ 3 มีการระบาดของฝีดาษอย่างหนัก ทำให้หมอบรัดเลย์ริเริ่มการปลูกฝีบำบัดโรคฝีดาษเป็นครั้งแรกในไทยในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2379 โดยใช้เชื้อหนองฝีโคที่นำเข้ามาจากอเมริกา และได้เขียนตำราชื่อ “ตำราปลูกฝีให้กันโรคธระพิศม์ไม่ให้ขึ้นได้” ปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้[3]

    ในระยะ พ.ศ. 2460 – 2504 ยังมีการระบาดของฝีดาษเกิดขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2488 – 2489 ช่วงการเกิดสงครามมีการระบาดของฝีดาษครั้งใหญ่สุดเริ่มต้นจากเชลยพม่าที่ทหารญี่ปุ่นจับมาสร้างทางรถไฟสายมรณะข้ามแม่นํ้าแควป่วยเป็นไข้ทรพิษและแพร่ไปยังกลุ่มกรรมกรไทยจากภาคต่างๆที่มารับจ้างทํางานในแถบนั้น เมื่อแยกย้ายกันกลับบ้าน ได้นําโรคกลับไปแพร่ระบาดใหญ่ทั่วประเทศ มีผู้ป่วยมากถึง 62,837 คน และเสียชีวิต 15,621 คน[3]

    การระบาดเกิดขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2502 ทำให้มีผู้ป่วย 1,548 คน ตาย 272 คน และการระบาดครั้งสุดท้ายมีการบันทึกไว้ว่าเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2504 ที่อําเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีผู้ป่วย 34 ราย ตาย 5 ราย โดยรับเชื้อมาจากรัฐเชียงตุงของพม่า ทำให้กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกวาดล้างไข้ทรพิษหรือฝีดาษในประเทศไทย รณรงค์ปลูกฝีป้องกันโรค จนปีพ.ศ. 2523 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่าฝีดาษได้ถูกกวาดล้างแล้วจึงหยุดการปลูกฝีป้องกันโรค   และนับแต่นั้นมาไม่เคยปรากฏว่ามีฝีดาษเกิดขึ้นในประเทศไทย[3]

    นี่คือเหตุผลว่าประเทศไทยได้ทำการปลูกฝี เพื่อป้องกันโรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษในปี พ.ศ. 2532 เป็นปีสุดท้าย หรือเมื่อประมาณ 44 ปีที่แล้ว ดังนั้นประชาชนไทยที่อายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไป ก็น่าจะได้รับการปลูกฝีไปเกือบทั้งหมดแล้ว

    แต่เมื่อฝีดาษลิงกลับมาระบาดอีกครั้ง ก็ทำให้เกิดคำถามว่าประเทศไทยจะรับมืออย่างไร และเราควรจะฉีดวัคซีนหรือไม่? และคนที่มีอายุเกิน 44 ปี (ซึ่งส่วนใหญ่ได้ปลูกฝีไข้ทรพิษมาแล้ว)จะมีคนติดเชื้อโรคฝีดาษลิงหรือไม่

    โดยวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2567 เว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานสถานการณ์ฝีดาษวานร (ฝีดาษลิง)จนถึงปัจจุบันว่า มีผู้ป่วยฝีดาษลิงในประเทศไทย จำนวน 835 ราย เป็นเพศชายเกือบทั้งหมดมากถึง 814 ราย คิดเป็นร้อยละ 97.49 ในขณะที่เป็นเพศหญิง 21 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.51 เท่านั้น[7]

    ซึ่งถือว่าโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงในผู้หญิงน้อยมาก

    แต่ที่น่าสนใจคือ กลุ่มคนวัยหนุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เอชไอวี อย่างไรก็ตามกลุ่มคนที่เคยปลูกฝีไข้ทรพิษแล้วยังสามารถติดเชื้อฝีดาษลิงได้อยู่ดีแต่น้อยกว่าคนที่ไม่ได้ปลูกฝี ดังนี้

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 0-14 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 2 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.36 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมด

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 15-19 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 3 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.24 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 20-24 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 81 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 25-29 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 172 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.59 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 30-39 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 347 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 41.56 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 40-49 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 174 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.83 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ในกลุ่มนี้หากพิจารณาแยกแยะผู้ที่มีอายุ 40-44 ปี ซึ่งไม่เคยได้รับการปลูกฝีมาก่อนมีจำนวน 130 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15.65 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุมากกว่า 45-49 ที่เชื่อว่าน่าจะได้รับการปลูกฝีแล้วติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว 44 ราย คิดเป็นเพียงร้อยละ 5.27 เท่านั้น

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 50-59 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 29 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.47 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย

    ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ติดเชื้อฝีดาษลิง 8 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.95 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย[7]

    จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ในประเทศไทยผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไปซึ่งน่าจะมีการปลูกฝีไข้ทรพิษไปแล้วก็ยังมีโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงได้ เพียงแต่มีสัดส่วนน้อยกว่าประชากรที่ยังไม่เคยได้รับการปลูกฝี คือ ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 44 ปีลงมา มีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงจำนวน 754 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90.30 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้น (ซึ่งส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดได้รับการปลูกฝีไปแล้ว)มีผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งสิ้น 81 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ราย

    อย่างไรก็ตามในภาวะดังกล่าว มีคำแถลงจากนายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความเห็นเอาไว้เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 ความว่า

    “โดยจริงๆ วัคซีนไม่จำเป็นต้องฉีดทุกคน ไม่มีการระบาดทั่วไป เพราะอัตราการระบาดต่ำ แต่จะพบในผู้ป่วยเฉพาะ เช่น ผู้ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้ง ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวี และไม่ทานยาทั้งหมด 13 รายที่ผ่านมา (เชื้อเคลด2)”[8]

    นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังได้

    “คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาเห็นว่า เพื่อเป็นการควบคุมโรค แต่เนื่องจากวัคซีนป้องกันฝีดาษวานรยังไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย ทางกรมควบคุมโรคจึงใช้ มาตรา 13(5) เพื่อการควบคุมโรค ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510  จะมีการใช้งบประมาณ กรมควบคุมโรค วงเงิน 21 ล้านบาท เพื่อการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าว รวม 3,000 โดส  เพื่อฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง  3 กลุ่ม ประกอบด้วย  

    1. บุคลากรทางการแพทย์ที่เสี่ยงต่อการติดโรค อาทิ ไปสัมผัสเสี่ยงสูง คือ สัมผัสคนติดเชื้อ

    2. กลุ่มไปสัมผัสโรค เสี่ยงว่าจะติดเชื้อ ก็จะฉีดภายใน 4 วัน

    และ3. มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดคนติดเชื้อ เช่น คนในครอบครัวที่ติดเชื้อ ซึ่ง 3 กลุ่มเสี่ยงนี้ กรมควบคุมโรคจะดูแลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย“[8]

    เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตให้ความเห็น เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 ในเรื่องความพยายามกระพือข่าวให้กลัวเพื่อให้เกิดการระดมฉีดวัคซีน ความว่า

    “กรมควบคุมโรคประกาศแล้ว ฝีดาษลิงอัตราการระบาดต่ำ ทั้งประเทศมีประมาณ 800 ราย และที่เสียชีวิตนั้น เพราะมีติดเชื้อไวรัสเอดส์ และโรคทางเพศสัมพันธ์อื่น การติดตามของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผู้ติดเชื้อปลอดภัยดี

    วัคซีนขณะนี้ “ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน” และกระทรวงสาธารณสุข จะจัดการให้ฉีดฟรีใน “กลุ่มเสี่ยง” เท่านั้น ได้แก่

    1. บุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ
    2. คนที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยต้องฉีดภายใน 4 วัน

    ทั้งสองกลุ่มนี้ฟรี
    ส่วนกลุ่มที่ต้องเดินทางในพื้นที่เสี่ยงนั้น การฉีดนั้นต้องจ่ายเงิน

    “กลุ่มที่กระพือข่าวให้น่ากลัว โดยไม่ยึดความจริง และอาจทำให้นำไปสู่การค้าวัคซีน ควรต้องจับตามองอย่างเข้มข้น””[9]

    อย่างไรก็ตามแม้ว่าฝีดาษลิงจะเป็นเชื้อที่ยังติดได้ยาก ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยเฉพาะคือ ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวีที่ไม่ทานยาทั้งหมด ส่วนการติดนั้นต้องอาศัยการสัมผัสผิวใกล้ชิด อัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำ คนส่วนใหญ่จึงยังไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนแต่ประการใด

    อย่างไรก็ตามเนื่องจากโรคฝีดาษที่กลับมาระบาดอีกครั้งในรอบ 44 ปี ทำให้ความรู้ในการรักษาผู้ป่วยขาดตอนไป คงเหลือแต่การค้นคว้ากรรมวิธีการรักษาในประวัติศาสตร์ของคนไทยว่าใช้วิธีการรักษาอย่างไร

    โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า “โรคฝีดาษ” เป็นโรคที่มีความจำเพาะ ถึงขนาดทำให้พระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์

    จึงปรากฏเรื่องของตำรับยาและสมุนไพรที่เกี่ยวกับการรักษา “โรคฝีดาษ” แยกออกมาต่างหากจากโรคระบาดอื่นๆ บันทึกปรากฏอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 2 ของจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร[10]-[12] และอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม[10],[13]-[15]

    นอกจากนั้น โรคฝีดาษไม่ใช่เป็นโรคระบาดอื่นๆที่ใช้ “ยาขาว”ที่ใช้กับโรคระบาดหลายชนิดในตำรับยาเดียว ที่ปรากฏในศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามอีกด้วย[16]

    หลักฐานที่ว่า “โรคฝีดาษ” ไม่ใช่โรคระบาดทั่วไปนั้น จะเห็นได้จากพระคัมภีร์ตักกะศิลาที่บันทึกภูมิปัญญามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และบันทึกมาโดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่ตกทอดมาถึงตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 หรือตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ไม่พบการกล่าวถึงคำว่า “ฝีดาษ” แต่ประการใด

    แต่ในที่สุดก็ได้พบตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ระบุคัมภีร์ชื่อ “พระตำหรับแผนฝีดาษ” บันทึกในสมุดไทย มีรายละเอียดจำนวนมากเกี่ยวกับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะ และมีจำนวนมากถึง 3 เล่ม จนไม่สามารถที่จะถ่ายทอดมาให้อ่านในหมดในบทความนี้

    โดย “พระตำหรับแผนฝีดาษ” ในสมัยรัชกาลที่ 5 นั้น มีการกล่าวถึงลักษณะของฝีแต่ละชนิด และจุดที่เกิดฝีว่าบริเวณใดเป็นแล้วไม่เสียชีวิต รวมถึงบริเวณใดจะทำให้เสียชีวิตภายในกี่วัน จึงได้มีการแบ่งแยกวิธีการรักษาอย่างละเอียดยิบ

    อย่างไรก็ตามก็มีวาง “หลักการ“ ถึงวิธีการรักษาโรคฝีดาษปรากฏอยู่ใน ”พระตำหรับแผนฝีดาษ เล่ม 2“ ที่ระบุความตอนหนึ่งว่า

    ”๏ สิทธิการิยะ พระตำราประสะฝีดาษทั้งปวง ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษาฝีดาษ ถ้าเห็นศีศะรู้ว่าเปนฝีดาษแน่แล้ว ให้กินยาล้อมตับดับพิศม์และให้กินยารุเสีย แลกินยาแปรภายใน พ่นยาแปรภายนอกแลกินยากะทุ้ง…“[17]

    หลังจากนั้นพอวันเวลาเปลี่ยนไปก็มีตำรับยาเฉพาะที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆจนรักษาฝีดาษจนหายในที่สุด

    ซึ่งในโอกาสอันสมควรก็น่าจะมีการรื้อฟื้น ศึกษา พระตำหรับแผนฝีดาษ สมัยรัชกาลที่ 5 แล้วทำการวิจัย พัฒนา เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับโรคฝีดาษในยุคปัจจุบันต่อไป

    ด้วยความปรารถนาดี
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    12 กันยายน 2567

    อ้างอิง
    [1] Ryan KJ, Ray CG, บ.ก. (2004). Sherris Medical Microbiology (4th ed.). McGraw Hill. pp. 525–28. ISBN 978-0-8385-8529-0.

    [2] CDC, History of Smallpox, 25 July 2017
    https://www.cdc.gov/smallpox/history/history.html

    [3] Hfocus, โรคระบาดร้ายแรงในอดีต ตอนที่ 3 โรคไข้ทรพิษ (ฝีดาษ), วันที่ 26 สิงหาคม 2558
    https://www.hfocus.org/content/2014/08/7977

    [4] World Health Organization, Small Pox, Media Center
    https://web.archive.org/web/20070921235036/http://www.who.int/mediacentre/factsheets/smallpox/en/

    [5] U.S. House of Representatives, Interim Staff Report on Investigation into Risky MPXV Experiment at the National Institute of Allergy and Infectious Diseases, June 14 2024
    https://d1dth6e84htgma.cloudfront.net/Mpox_Memo_Rpt_correction_18e95e3204.pdf?utm_source=substack&utm_medium=email&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR0YlqstCXKzOUttRicgqQ6lG00dtMnZ_9pFf4FqtlBbSAyw5uR-tGR6QIM_aem_ZXPXy1XgTiGCTixSJJ-aFg

    [6] ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา, “หมอธีระวัฒน์” เปิดผลสอบสวน “ฝีดาษลิง” ธรรมชาติสร้างหรือมนุษย์ประดิษฐ์, ผู้จัดการออนไลน์, 6 กันยายน 2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000082903

    [7] กรมควบคุมโรค, รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อฝีดาษวานร (Mpox), 12 กันยายน 2567
    https://ddc.moph.go.th/monkeypox/dashboard.php

    [8] Hfocus, กรมควบคุมโรค ทุ่มงบ 21 ล้านบาท จัดหา “วัคซีนฝีดาษวานร” 3 พันโดสให้เฉพาะ 3 กลุ่มเสี่ยง, 6 กันยายน 2567
    https://www.hfocus.org/content/2024/09/31577

    [9] ผู้จัดการออนไลน์, “หมอธีระวัฒน์” แนะจับตาพวกกระพือข่าวให้ตื่นกลัวฝีดาษลิง หวังค้าวัคซีน หลังกรมควบคุมโรคยืนยันแล้วอัตราระบาดต่ำ, 7 กันยายน 2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000083178

    [10] ผู้จัดการออนไลน์, “ปานเทพ” เผยตำรับยาแก้ “ฝีดาษ” ในศิลาจารึก แนะวิจัยสมุนไพรไทยต่อยอดไว้สู้ “ฝีดาษลิง”, เผยแพร่: 5 กันยายน 2567
    https://mgronline.com/qol/detail/9670000082615

    [11] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567)
    https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/14798

    [12] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558
    https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/16335

    [13] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560
    https://db.sac.or.th/.../file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf

    [14] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564
    https://db.sac.or.th/.../7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf

    [15] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723

    [16] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔

    [17] คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒, ตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒

    ฉีดวัคซีนฝีดาษลิงดีหรือไม่ ในยุคไวรัสฝีมือมนุษย์? / ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ “ไข้ทรพิษ” หรือฝีดาษเป็นโรคติดต่อร้ายแรง มีลักษณะเฉพาะคือมีผื่นขึ้นตามตัว ไข้สูง ปวดศีรษะ ชัก และอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน มีอัตราการเสียชีวิต 30% เกิดจากเชื้อไวรัส แบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ 1.ไข้ทรพิษชนิดร้ายแรง เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา เมเจอร์” (Variola major or classical smallpox) 2.ไข้ทรพิษชนิดอ่อน ซึ่งมีความรุนแรงน้อยกว่าชนิดแรก เกิดจากเชื้อ “วาริโอลา ไมเนอร์”  (Variola minor or alastrim)[1] เว็บไซต์กรมควบคุมโรค สหรัฐอเมริกา ได้รายงานหลักฐานแรกสุดของโรคนี้เกิดขึ้นมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 3 ก่อนคริสตศักราชในอียิปต์[2] และเมื่อเวลาผ่านไปก็ทยอยลุกลามไปทั่วโลก ทั้งนี้เชื้อไวรัสฝีดาษ (Variolar) นี้สามารถแพร่กระจายไปในอากาศ จากละอองสิ่งคัดหลั่งจากคนที่เป็นโรค เช่น น้ำมูก, น้ำลาย หรือจากการสัมผัสกับผิวหนังที่มีแผลฝีดาษ เชื้อนี้มีความคงทนต่อสภาพอากาศ สามารถแพร่ได้ไม่ว่าจะอากาศร้อนหรือหนาว และสามารถติดต่อจากคนไปสู่คนได้โดยง่าย อย่างไรก็ตาม การรณรงค์ฉีดวัคซีนกวาดล้างโรคฝีดาษ ตลอดศตวรรษที่ 19-20 โดยการประสานงานขององค์การอนามัยโลก เริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2510-2518 ทำให้ผู้ป่วยฝีดาษทั่วโลกลดลงอย่างมาก ตามรายงานขององค์การอนามัยโลกแจ้งว่ามีผู้ป่วยเป็นโรคฝีดาษรายสุดท้าย เกิดขึ้นที่ ประเทศโซมาเลีย เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม พ.ศ.2520 ซึ่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศว่า ฝีดาษถูกกวาดล้าง (eradicate) หมดไปจากโลกในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2523[2] จึงถือว่าเป็นโรคระบาดที่มนุษย์สามารถเอาชนะได้หลังจากใช้เวลานานกว่า 3,000 ปี อย่างไรก็ตามแม้ว่าโรคจะถูกกวาดล้างไปแล้ว แต่เชื้อไวรัสฝีดาษยังถูกเก็บไว้ในห้องปฏิบัติการและอยู่ในความดูแลอย่างเข้มงวดที่ศูนย์ป้องกันและควบคุมโรคแห่งชาติ (CDC) เมืองแอตแลนตา รัฐจอร์เจีย ประเทศสหรัฐอเมริกาและที่ State Research Centre of Virology and Biotechnology สหพันธ์สาธารณรัฐ รัสเซีย ซึ่งหน่วยงานทั้ง 2 แห่งในประเทศนี้ได้รับอนุญาตจาก WHA ในเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2542 ให้เป็นที่เก็บไวรัส Variola ที่มีชีวิตเพื่อนำมาใช้ในการศึกษาวิจัยในกรณีที่อาจมีโรคฝีดาษอุบัติใหม่ขึ้นมา[3],[4] ซึ่งแปลว่าคนในโลกนี้ควรจะปลอดจากเชื้อฝีดาษไปตลอดกาลแล้ว นับตั้งแต่ปี พ.ศ.​2523 หากไม่มีการรั่วไหล หรือมีวาระซ่อนเร้นในการทำธุรกิจกับชีวิตของมนุษยชาติ จริงหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ได้มีเหตุการณ์พบขวดทดลองที่มีลักษณะแห้งและแช่แข็งบรรจุเชื้อไข้ทรพิษจำนวน 6 ขวด เก็บอยู่ในกล่องในห้องเก็บของที่มีการควบคุมอุณหภูมิไว้ที่ 5 องศาเซลเซียส ของสถาบันเพื่อสุขภาพแห่งชาติอเมริกา (National Institutes of Health: NIH) ในสังกัดองค์การอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) ในเบเธสดา รัฐแมรีแลนด์ เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2557 ที่ผ่านมา[3] เหตุการณ์ดังกล่าวสร้างความตระหนกแก่ประชาชนที่ทราบข่าว เนื่องจากความกลัวว่าจะมีการนำเชื้อไข้ทรพิษเป็นอาวุธชีวภาพ ทำให้มีการกำหนดมาตรฐานการเก็บรักษาเชื้อไวรัสไข้ทรพิษหรือฝีดาษ ว่าจะต้องถูกเก็บรักษาไว้ใน BSL-4 หรือแล็บความปลอดภัยด้านชีวภาพระดับ 4[3] แต่ห้องเก็บของที่พบกล่องบรรจุขวดเชื้อไวรัสฝีดาษไม่เข้ามาตรฐานความปลอดภัยขั้นสูง ทำให้มีการสอบสวนที่มาที่ไปของขวดตัวอย่างที่พบและนำเข้าสู่ระบบการทำลายเชื้อ เพื่อให้เกิดความแน่ใจว่าจะไม่มีการนำไปใช้ในทางที่ผิด อันเนื่องมาจากความรุนแรงของโรคที่เคยปรากฏในอดีตที่ผ่านมา[3] คำถามที่ตามมามีอยู่ว่าในเมื่อเชื้อฝีดาษหายไปจากโลกกว่า 40 ปี และเชื้อตัวอย่างยังคงหลงเหลืออยู่เพียงแค่ห้องปฏิบัติการ 2 ประเทศ คือ สหรัฐอเมริกา กับ รัสเซีย หากฝีดาษจะมีการกลับมาระบาดอีกครั้งในโลก ย่อมต้องถูกตั้งข้อสงสัยว่ามาจากสหรัฐอเมริกา หรือ รัสเซียกันแน่ ปรากฏในรายงานผลการสอบสวนของกรรมาธิการของวุฒิสภาในสหรัฐอเมริกาฉบับเมื่อวันที่ 14 มิถุนายน พ.ศ. 2567[5] พบว่าฝีดาษลิงที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้ อาจเป็นปัญหาที่ไม่ได้เกิดขึ้นตามธรรมชาติ แต่เป็นการประดิษฐ์ขึ้นโดยมนุษย์ เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต ได้โพสต์เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567[6] นำรายงานผลการสอบสวนดังกล่าว และโพสต์ข้อความว่า “ไวรัสฝีดาษตัวใหม่ที่่ทั่วโลกกำลังตื่นตระหนก จากการประกาศขององค์การอนามัยโลกประสานกับองค์กรของสหรัฐฯ และพยายามจะให้มีการสะสมวัคซีนตลอดจนให้มีการใช้ทั่วโลก เป็นการเกิดขึ้นตามธรรมชาติหรือมีการประดิษฐ์มีการตรวจสอบโดยกรรมาธิการเฉพาะของวุฒิสภาสหรัฐฯ โดยกรรมาธิการดังกล่าวออกรายงาน 73 หน้า ในวันที่ 11 มิถุนายน 2024 เป็นการสอบสวนการทำวิจัยไวรัสฝีดาษลิง ที่มีความเสี่ยงสูงโดยทำให้มีความรุนแรงมากขึ้นและติดต่อได้ง่ายขึ้นระหว่างคนสู่คน ขั้นตอนติดต่อส่วนของไวรัสในกลุ่มที่สอง ไปยังกลุ่มที่หนึ่งปรากฏว่าความรุนแรงลดลง ดังนั้นเลยมีกระบวนการที่ทำโดยเอาส่วนที่หนึ่งเสียบไปยังกลุ่มที่สองจนได้ผลสำเร็จ มีความรุนแรงมากขึ้นและแพร่ได้เร็ว เกิดการระบาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น สืบจนพบว่าเป็นการอนุมัติทุนในองค์กร NIH NIAID ของสหรัฐฯ ในปี 2015 และรายงานความสำเร็จในปี 2022 ซึ่งในขณะนั้นเอง ก่อให้เกิดความวิตกกังวลของนักวิทยาศาสตร์ทั่วไปถึงอันตรายที่จะเกิดขึ้น และนำไปสู่การสืบสวนจนกระทั่งถึงผู้อนุมัติสนับสนุนงานสร้างไวรัสใหม่ คือ ดร.เฟาซี (ดร.แอนโทนี เฟาซี ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อระดับแนวหน้าของสหรัฐฯ และหัวหน้าทีมที่ปรึกษาด้านสาธารณสุขของประธานาธิบดี โจ ไบเดน) และเหตุการณ์ที่คล้องจอง คือการฝึกซ้อมรับมือผู้ก่อการร้าย โดยสมมุติว่ามีการใช้อาวุธชีวภาพ คือไวรัสฝีดาษลิงที่ตัดต่อพันธุกรรม ชื่อ Akhmeta ทั้งในปี 2021 และในปี 2022 โดยสร้างฉากทัศน์ เริ่มจากการปล่อยไวรัสจนกระทั่งมีการระบาดทั่วโลกและล้มตายไปหลายร้อยล้านคนและในขณะเดียวกันมีการตระเตรียมยาและวัคซีน เหตุการณ์ที่เกิดในปัจจุบันที่มีการติดเชื้อฝีดาษลิงในมนุษย์ที่ง่ายขึ้น เริ่มเกิดขึ้นในปี 2021 และ 2022 และทยอยแพร่ไปทั่วโลก จนองค์การอนามัยโลกประกาศเป็นสถานการณ์ฉุกเฉินและผลักดันให้มีการฉีดวัคซีนทั่วโลก[6] ส่วนประเทศไทยได้ปรากฏข้อมูลที่รวมรวมโดยเว็บไซต์ Hfocus รายงานว่าการเกิดโรคฝีดาษในไทยพบหลักฐานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ดังปรากฎในพระราชพงศาวดารสมัยกรุงศรีอยุธยาว่า ถึงขนาดว่ามีพระมหากษัตริย์ไทยสวรรคตด้วยฝีดาษ 2 พระองค์  ได้แก่ สมเด็จพระบรมราชาที่ 4 หน่อพุทธางกูร พระมหากษัตริย์ ลำดับที่ 11 ของกรุงศรีอยุธยา ทรงพระประชวรด้วยโรคไข้ทรพิษ และเสด็จสวรรคตในปี พ.ศ. 2076 หรือประมาณ 491 ปีที่แล้ว อีก 72 ปีต่อมา สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ได้ประชวรที่เมืองหาง (เมืองห้างหลวง ในรัฐฉาน) เป็นฝีละลอกขึ้นที่พระพักตร์ กลายเป็นพิษ และสวรรคต เมื่อ 25 เมษายน พ.ศ. 2148 ซึ่งตรงกับช่วงศตวรรษที่ 16 มีการระบาดครั้งใหญ่ทั่วโลก และยังมีการระบาดในพ.ศ. 2292 สมัยสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวบรมโกศ ที่ทำให้มีคนตายมาก[3] โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ ในอดีตนั้นมีความร้ายแรง เพราะยังถึงขั้นพระมหากษัตริย์แห่งกรุงศรีอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์ได้ จึงมีความแตกต่างจากโรคระบาดชนิดอื่นๆ ดังนั้นในเวลาต่อๆมา โรคฝีดาษ หรือ ไข้ทรพิษ จึงเป็นโรคระบาดที่สำคัญที่ต้องมีการพัฒนาอย่างเร่งด่วน ทั้งการป้องกันการเกิดโรคระบาด จนถึงขั้นการรักษาโรค ในสมัยรัตนโกสินทร์ มีการระบาดของฝีดาษเช่นกัน จากบันทึกของหมอบรัดเลย์ ที่ระบุว่าในสมัยรัชกาลที่ 3 มีการระบาดของฝีดาษอย่างหนัก ทำให้หมอบรัดเลย์ริเริ่มการปลูกฝีบำบัดโรคฝีดาษเป็นครั้งแรกในไทยในวันที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2379 โดยใช้เชื้อหนองฝีโคที่นำเข้ามาจากอเมริกา และได้เขียนตำราชื่อ “ตำราปลูกฝีให้กันโรคธระพิศม์ไม่ให้ขึ้นได้” ปรากฏมาจนถึงทุกวันนี้[3] ในระยะ พ.ศ. 2460 – 2504 ยังมีการระบาดของฝีดาษเกิดขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2488 – 2489 ช่วงการเกิดสงครามมีการระบาดของฝีดาษครั้งใหญ่สุดเริ่มต้นจากเชลยพม่าที่ทหารญี่ปุ่นจับมาสร้างทางรถไฟสายมรณะข้ามแม่นํ้าแควป่วยเป็นไข้ทรพิษและแพร่ไปยังกลุ่มกรรมกรไทยจากภาคต่างๆที่มารับจ้างทํางานในแถบนั้น เมื่อแยกย้ายกันกลับบ้าน ได้นําโรคกลับไปแพร่ระบาดใหญ่ทั่วประเทศ มีผู้ป่วยมากถึง 62,837 คน และเสียชีวิต 15,621 คน[3] การระบาดเกิดขึ้นอีกครั้งในปี พ.ศ. 2502 ทำให้มีผู้ป่วย 1,548 คน ตาย 272 คน และการระบาดครั้งสุดท้ายมีการบันทึกไว้ว่าเกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2504 ที่อําเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย มีผู้ป่วย 34 ราย ตาย 5 ราย โดยรับเชื้อมาจากรัฐเชียงตุงของพม่า ทำให้กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกวาดล้างไข้ทรพิษหรือฝีดาษในประเทศไทย รณรงค์ปลูกฝีป้องกันโรค จนปีพ.ศ. 2523 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่าฝีดาษได้ถูกกวาดล้างแล้วจึงหยุดการปลูกฝีป้องกันโรค   และนับแต่นั้นมาไม่เคยปรากฏว่ามีฝีดาษเกิดขึ้นในประเทศไทย[3] นี่คือเหตุผลว่าประเทศไทยได้ทำการปลูกฝี เพื่อป้องกันโรคฝีดาษ หรือไข้ทรพิษในปี พ.ศ. 2532 เป็นปีสุดท้าย หรือเมื่อประมาณ 44 ปีที่แล้ว ดังนั้นประชาชนไทยที่อายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไป ก็น่าจะได้รับการปลูกฝีไปเกือบทั้งหมดแล้ว แต่เมื่อฝีดาษลิงกลับมาระบาดอีกครั้ง ก็ทำให้เกิดคำถามว่าประเทศไทยจะรับมืออย่างไร และเราควรจะฉีดวัคซีนหรือไม่? และคนที่มีอายุเกิน 44 ปี (ซึ่งส่วนใหญ่ได้ปลูกฝีไข้ทรพิษมาแล้ว)จะมีคนติดเชื้อโรคฝีดาษลิงหรือไม่ โดยวันที่ 12 กันยายน พ.ศ. 2567 เว็บไซต์ของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้รายงานสถานการณ์ฝีดาษวานร (ฝีดาษลิง)จนถึงปัจจุบันว่า มีผู้ป่วยฝีดาษลิงในประเทศไทย จำนวน 835 ราย เป็นเพศชายเกือบทั้งหมดมากถึง 814 ราย คิดเป็นร้อยละ 97.49 ในขณะที่เป็นเพศหญิง 21 ราย คิดเป็นร้อยละ 2.51 เท่านั้น[7] ซึ่งถือว่าโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงในผู้หญิงน้อยมาก แต่ที่น่าสนใจคือ กลุ่มคนวัยหนุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มคนที่ป่วยเป็นโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง เอชไอวี อย่างไรก็ตามกลุ่มคนที่เคยปลูกฝีไข้ทรพิษแล้วยังสามารถติดเชื้อฝีดาษลิงได้อยู่ดีแต่น้อยกว่าคนที่ไม่ได้ปลูกฝี ดังนี้ ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 0-14 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 2 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.36 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมด ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 15-19 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 3 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.24 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 20-24 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 81 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 25-29 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 172 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.59 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 30-39 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 347 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 41.56 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 40-49 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 174 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 20.83 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ในกลุ่มนี้หากพิจารณาแยกแยะผู้ที่มีอายุ 40-44 ปี ซึ่งไม่เคยได้รับการปลูกฝีมาก่อนมีจำนวน 130 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 15.65 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุมากกว่า 45-49 ที่เชื่อว่าน่าจะได้รับการปลูกฝีแล้วติดเชื้อฝีดาษลิงแล้ว 44 ราย คิดเป็นเพียงร้อยละ 5.27 เท่านั้น ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 50-59 ปี ติดเชื้อฝีดาษลิง 29 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 3.47 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย ผู้ป่วยที่มีอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป ติดเชื้อฝีดาษลิง 8 ราย คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 0.95 ของผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งหมดในประเทศไทย[7] จากข้อมูลดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ในประเทศไทยผู้ที่มีอายุมากกว่า 45 ปีขึ้นไปซึ่งน่าจะมีการปลูกฝีไข้ทรพิษไปแล้วก็ยังมีโอกาสติดเชื้อฝีดาษลิงได้ เพียงแต่มีสัดส่วนน้อยกว่าประชากรที่ยังไม่เคยได้รับการปลูกฝี คือ ผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 44 ปีลงมา มีผู้ติดเชื้อฝีดาษลิงจำนวน 754 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 90.30 ในขณะที่ผู้ที่มีอายุตั้งแต่ 45 ปีขึ้น (ซึ่งส่วนใหญ่หรือเกือบทั้งหมดได้รับการปลูกฝีไปแล้ว)มีผู้ป่วยติดเชื้อฝีดาษลิงทั้งสิ้น 81 รายคิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 9.70 ราย อย่างไรก็ตามในภาวะดังกล่าว มีคำแถลงจากนายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ได้ให้ความเห็นเอาไว้เมื่อวันที่ 6 กันยายน 2567 ความว่า “โดยจริงๆ วัคซีนไม่จำเป็นต้องฉีดทุกคน ไม่มีการระบาดทั่วไป เพราะอัตราการระบาดต่ำ แต่จะพบในผู้ป่วยเฉพาะ เช่น ผู้ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้ง ผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวี และไม่ทานยาทั้งหมด 13 รายที่ผ่านมา (เชื้อเคลด2)”[8] นายแพทย์ธงชัย กีรติหัตถยากร อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข ยังได้ “คณะอนุกรรมการฯ พิจารณาเห็นว่า เพื่อเป็นการควบคุมโรค แต่เนื่องจากวัคซีนป้องกันฝีดาษวานรยังไม่ได้มีการขึ้นทะเบียนในประเทศไทย ทางกรมควบคุมโรคจึงใช้ มาตรา 13(5) เพื่อการควบคุมโรค ตาม พ.ร.บ.ยา พ.ศ.2510  จะมีการใช้งบประมาณ กรมควบคุมโรค วงเงิน 21 ล้านบาท เพื่อการจัดซื้อวัคซีนดังกล่าว รวม 3,000 โดส  เพื่อฉีดให้กับกลุ่มเสี่ยง  3 กลุ่ม ประกอบด้วย   1. บุคลากรทางการแพทย์ที่เสี่ยงต่อการติดโรค อาทิ ไปสัมผัสเสี่ยงสูง คือ สัมผัสคนติดเชื้อ 2. กลุ่มไปสัมผัสโรค เสี่ยงว่าจะติดเชื้อ ก็จะฉีดภายใน 4 วัน และ3. มีประวัติสัมผัสใกล้ชิดคนติดเชื้อ เช่น คนในครอบครัวที่ติดเชื้อ ซึ่ง 3 กลุ่มเสี่ยงนี้ กรมควบคุมโรคจะดูแลโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย“[8] เรื่องดังกล่าวนี้ทำให้ศาสตราจารย์นายแพทย์ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา ที่ปรึกษาวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิตให้ความเห็น เมื่อวันที่ 7 กันยายน 2567 ในเรื่องความพยายามกระพือข่าวให้กลัวเพื่อให้เกิดการระดมฉีดวัคซีน ความว่า “กรมควบคุมโรคประกาศแล้ว ฝีดาษลิงอัตราการระบาดต่ำ ทั้งประเทศมีประมาณ 800 ราย และที่เสียชีวิตนั้น เพราะมีติดเชื้อไวรัสเอดส์ และโรคทางเพศสัมพันธ์อื่น การติดตามของกระทรวงสาธารณสุข พบว่า ผู้ติดเชื้อปลอดภัยดี วัคซีนขณะนี้ “ยังไม่ได้ขึ้นทะเบียน” และกระทรวงสาธารณสุข จะจัดการให้ฉีดฟรีใน “กลุ่มเสี่ยง” เท่านั้น ได้แก่ 1. บุคลากรทางการแพทย์ที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อ 2. คนที่สัมผัสกับผู้ติดเชื้อโดยต้องฉีดภายใน 4 วัน ทั้งสองกลุ่มนี้ฟรี ส่วนกลุ่มที่ต้องเดินทางในพื้นที่เสี่ยงนั้น การฉีดนั้นต้องจ่ายเงิน “กลุ่มที่กระพือข่าวให้น่ากลัว โดยไม่ยึดความจริง และอาจทำให้นำไปสู่การค้าวัคซีน ควรต้องจับตามองอย่างเข้มข้น””[9] อย่างไรก็ตามแม้ว่าฝีดาษลิงจะเป็นเชื้อที่ยังติดได้ยาก ส่วนใหญ่พบในผู้ป่วยเฉพาะคือ ขายบริการทางเพศ และชายรักชาย อีกทั้งผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่เกิดจากผู้ป่วยเอชไอวีที่ไม่ทานยาทั้งหมด ส่วนการติดนั้นต้องอาศัยการสัมผัสผิวใกล้ชิด อัตราการเสียชีวิตอยู่ในระดับต่ำ คนส่วนใหญ่จึงยังไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนแต่ประการใด อย่างไรก็ตามเนื่องจากโรคฝีดาษที่กลับมาระบาดอีกครั้งในรอบ 44 ปี ทำให้ความรู้ในการรักษาผู้ป่วยขาดตอนไป คงเหลือแต่การค้นคว้ากรรมวิธีการรักษาในประวัติศาสตร์ของคนไทยว่าใช้วิธีการรักษาอย่างไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า “โรคฝีดาษ” เป็นโรคที่มีความจำเพาะ ถึงขนาดทำให้พระมหากษัตริย์สมัยอยุธยาเสด็จสวรรคตถึง 2 พระองค์ จึงปรากฏเรื่องของตำรับยาและสมุนไพรที่เกี่ยวกับการรักษา “โรคฝีดาษ” แยกออกมาต่างหากจากโรคระบาดอื่นๆ บันทึกปรากฏอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 2 ของจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร[10]-[12] และอยู่ในแผ่นศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม[10],[13]-[15] นอกจากนั้น โรคฝีดาษไม่ใช่เป็นโรคระบาดอื่นๆที่ใช้ “ยาขาว”ที่ใช้กับโรคระบาดหลายชนิดในตำรับยาเดียว ที่ปรากฏในศิลาจารึกในสมัยรัชกาลที่ 3 ในแผ่นศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามอีกด้วย[16] หลักฐานที่ว่า “โรคฝีดาษ” ไม่ใช่โรคระบาดทั่วไปนั้น จะเห็นได้จากพระคัมภีร์ตักกะศิลาที่บันทึกภูมิปัญญามาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 1 และบันทึกมาโดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่ตกทอดมาถึงตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 หรือตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ในสมัยรัชกาลที่ 5 ไม่พบการกล่าวถึงคำว่า “ฝีดาษ” แต่ประการใด แต่ในที่สุดก็ได้พบตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 ที่ระบุคัมภีร์ชื่อ “พระตำหรับแผนฝีดาษ” บันทึกในสมุดไทย มีรายละเอียดจำนวนมากเกี่ยวกับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะ และมีจำนวนมากถึง 3 เล่ม จนไม่สามารถที่จะถ่ายทอดมาให้อ่านในหมดในบทความนี้ โดย “พระตำหรับแผนฝีดาษ” ในสมัยรัชกาลที่ 5 นั้น มีการกล่าวถึงลักษณะของฝีแต่ละชนิด และจุดที่เกิดฝีว่าบริเวณใดเป็นแล้วไม่เสียชีวิต รวมถึงบริเวณใดจะทำให้เสียชีวิตภายในกี่วัน จึงได้มีการแบ่งแยกวิธีการรักษาอย่างละเอียดยิบ อย่างไรก็ตามก็มีวาง “หลักการ“ ถึงวิธีการรักษาโรคฝีดาษปรากฏอยู่ใน ”พระตำหรับแผนฝีดาษ เล่ม 2“ ที่ระบุความตอนหนึ่งว่า ”๏ สิทธิการิยะ พระตำราประสะฝีดาษทั้งปวง ถ้าแพทย์ผู้ใดจะรักษาฝีดาษ ถ้าเห็นศีศะรู้ว่าเปนฝีดาษแน่แล้ว ให้กินยาล้อมตับดับพิศม์และให้กินยารุเสีย แลกินยาแปรภายใน พ่นยาแปรภายนอกแลกินยากะทุ้ง…“[17] หลังจากนั้นพอวันเวลาเปลี่ยนไปก็มีตำรับยาเฉพาะที่เปลี่ยนไปเรื่อยๆจนรักษาฝีดาษจนหายในที่สุด ซึ่งในโอกาสอันสมควรก็น่าจะมีการรื้อฟื้น ศึกษา พระตำหรับแผนฝีดาษ สมัยรัชกาลที่ 5 แล้วทำการวิจัย พัฒนา เพื่อนำมาประยุกต์ใช้กับโรคฝีดาษในยุคปัจจุบันต่อไป ด้วยความปรารถนาดี ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 12 กันยายน 2567 อ้างอิง [1] Ryan KJ, Ray CG, บ.ก. (2004). Sherris Medical Microbiology (4th ed.). McGraw Hill. pp. 525–28. ISBN 978-0-8385-8529-0. [2] CDC, History of Smallpox, 25 July 2017 https://www.cdc.gov/smallpox/history/history.html [3] Hfocus, โรคระบาดร้ายแรงในอดีต ตอนที่ 3 โรคไข้ทรพิษ (ฝีดาษ), วันที่ 26 สิงหาคม 2558 https://www.hfocus.org/content/2014/08/7977 [4] World Health Organization, Small Pox, Media Center https://web.archive.org/web/20070921235036/http://www.who.int/mediacentre/factsheets/smallpox/en/ [5] U.S. House of Representatives, Interim Staff Report on Investigation into Risky MPXV Experiment at the National Institute of Allergy and Infectious Diseases, June 14 2024 https://d1dth6e84htgma.cloudfront.net/Mpox_Memo_Rpt_correction_18e95e3204.pdf?utm_source=substack&utm_medium=email&fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTAAAR0YlqstCXKzOUttRicgqQ6lG00dtMnZ_9pFf4FqtlBbSAyw5uR-tGR6QIM_aem_ZXPXy1XgTiGCTixSJJ-aFg [6] ศ.นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา, “หมอธีระวัฒน์” เปิดผลสอบสวน “ฝีดาษลิง” ธรรมชาติสร้างหรือมนุษย์ประดิษฐ์, ผู้จัดการออนไลน์, 6 กันยายน 2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000082903 [7] กรมควบคุมโรค, รายงานสถานการณ์โรคติดเชื้อฝีดาษวานร (Mpox), 12 กันยายน 2567 https://ddc.moph.go.th/monkeypox/dashboard.php [8] Hfocus, กรมควบคุมโรค ทุ่มงบ 21 ล้านบาท จัดหา “วัคซีนฝีดาษวานร” 3 พันโดสให้เฉพาะ 3 กลุ่มเสี่ยง, 6 กันยายน 2567 https://www.hfocus.org/content/2024/09/31577 [9] ผู้จัดการออนไลน์, “หมอธีระวัฒน์” แนะจับตาพวกกระพือข่าวให้ตื่นกลัวฝีดาษลิง หวังค้าวัคซีน หลังกรมควบคุมโรคยืนยันแล้วอัตราระบาดต่ำ, 7 กันยายน 2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000083178 [10] ผู้จัดการออนไลน์, “ปานเทพ” เผยตำรับยาแก้ “ฝีดาษ” ในศิลาจารึก แนะวิจัยสมุนไพรไทยต่อยอดไว้สู้ “ฝีดาษลิง”, เผยแพร่: 5 กันยายน 2567 https://mgronline.com/qol/detail/9670000082615 [11] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567) https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/14798 [12] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558 https://db.sac.or.th/inscript.../inscribe/image_detail/16335 [13] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560 https://db.sac.or.th/.../file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf [14] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 https://db.sac.or.th/.../7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf [15] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723 [16] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔ [17] คณะกรรมการอำนวยการจัดงานเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคล เฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๕ ธันวาคม ๒๕๔๒, ตำราเวชศาสตร์ฉบับหลวง รัชกาลที่ ๕ เล่ม ๒
    Like
    Love
    Yay
    116
    3 ความคิดเห็น 4 การแบ่งปัน 3131 มุมมอง 3 รีวิว
  • นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา มั่นใจเป็นรัฐบาลแห่ง “ความหวัง โอกาส และความเสมอภาคทางเศรษฐกิจและสังคม” เดินหน้าพลิกฟื้นประเทศ ผลักดันประโยชน์วันนี้ เพื่ออนาคตของประชาชนทุกคน พร้อมมุ่งมั่นพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000084867

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    นายกรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา มั่นใจเป็นรัฐบาลแห่ง “ความหวัง โอกาส และความเสมอภาคทางเศรษฐกิจและสังคม” เดินหน้าพลิกฟื้นประเทศ ผลักดันประโยชน์วันนี้ เพื่ออนาคตของประชาชนทุกคน พร้อมมุ่งมั่นพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์ อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000084867 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    Sad
    Wow
    Angry
    Yay
    23
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 5820 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประชาธิปไตยใต้ร่มเงาของคณาธิปไตย………!!!

    ดิฉันไม่ค่อยได้เขียนเรื่องการเมืองของประเทศไทยมากนัก เพราะไม่อยากอยู่ในสภาพของ”ลิง” ที่คิดหาญอยากจะแก้แห
    แต่ต้องเอาซะหน่อย เพราะมีหลายฝ่ายออกมาเรียกร้อง”ประชาธิปไตย” ให้กับบ้านเมือง
    เพราะเรามีรัฐบาลทหารที่กำลังอยู่ในภาวะจัดระเบียบให้แบบเอากฏหมายมาเป็นตัวตั้ง ที่เหมือนจะกำลังตบให้เข้ารูปเข้ารอย โดยการเพิ่มโทษเอาผิดและกางกั้น อุดรอยรั่วตรงนั้นตรงนี้
    ทำไปทำมา……คนในรัฐบาลก็ดันมีพฤติการณ์ที่ไม่โปร่งใส แถมคนที่เป็นหัวหน้ากลับอ้ำอึ้งทำอะไรไม่ได้ นอกจากเรียกร้องให้สื่อเพลาการให้ข่าวทางด้านลบของพวกตัวเองลงไป
    สรุปว่า……แหนั้นมันยุ่งเหยิงเกิน……ขนาดชั้นหนุมานทหารเอกยังแก้ไม่ไหว……!!

    แล้วดิฉัน……ลิง……เอ๊ย……มนุษย์อาวุโสตัวน้อยๆ จะไปบังอาจได้อย่างไร……ใช่ม๊ะ???

    แต่อยากจะเล่าถึงเรื่องอื่นๆที่เนื้อเรื่องมันช่างโดนใจไทยแท้เป็นอย่างมาก……
    นั่นคือเรื่องกรณีพิพาทระหว่างอังกฤษกับรัสเซีย ที่บาดหมางถึงขนาดอัปเปหิคณะทูตออกจากประเทศกันแบบชิ้วๆ ให้เก็บของภายในสามวันเจ็ดวันนั่นเชียว

    ถ้าจะให้เล่าต้องอ่านอย่างตั้งใจนิดนึง เพราะเรื่องนี้มีตัวละครหลายตัว ที่เกี่ยวพันโยงใยกันไปหมด เอาเรื่องหลักๆแบบกระชับที่สุดแล้วกันนะคะ

    ขอย้อนเรื่องไปเมื่อครั้ง ปี 2000 ที่ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่ร่ำรวยคนหนึ่ง นามว่า Boris Berezovsky ที่มีฐานะร่ำรวยติดอันดับต้นๆของรัสเซีย และเป็นผู้สนับสนุนหลักของพรรค Unity ที่ผลักด้นจนปูตินได้มาเป็นประธานาธิบดีในปีนั้น
    แต่ปูติน……ไม่ได้เห็นนายทุนพรรคสำคัญไปกว่าอุดมการณ์ เขาตลบย้อนหลังด้วยนโยบายกวาดล้างมาเฟียและผู้สนับสนุนท่อน้ำเลี้ยงทั้งหมด ซึ่งมันกระทบกับหลายเครือข่ายของกลุ่มต่างๆ แม้แต่กลุ่มอภิมหาเศรษฐีอย่าง BB (ใช้ชื่อย่อแล้วกันนะคะ) ที่มีธุรกิจมากมายรวมไปถึง
    หลักๆคือ สื่อโทรทัศน์และพลังงานน้ำมัน
    การขัดแย้งเกิดขึ้น มีการแจ้งหาหลายข้อ จน BB ต้องหาเรื่องไป”ทำธุระที่อังกฤษ” แล้วก็ไม่หวนกลับมาขึ้นศาล
    ทางอังกฤษก็อ้าแขนรับ เพราะเงินจำนวนพันๆล้านยูโรที่เขามีอยู่นั้น ได้เปลี่ยนสถานะให้เขาเป็น Oligarch อันหมายถึง ผู้ลี้ภัยทางการเมือง ซึ่งต่างกับคำว่า Fugitive อันหมายถึงพวกที่หนีคดีแบบหัวซุกหัวซุน
    ที่ต้องมาขยายในความแตกต่างระหว่างสองคำนั้น เพราะเห็นสื่อต่างๆใช้กันเกร่อ และอ่านแล้วขัดใจทุกทีไป เพราะความหมายผิดไปอย่างสุดโต่ง
    โอลิการ์ช นั้น ไม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปไหนเลย แถมยังมีหน้ามีตาอยู่ในสังคมชั้นสูงในประเทศอื่นๆได้ เพราะมีเงินนับพันล้านหมื่นล้าน ไปที่ไหนใครก็ต้อนรับ
    (จะอธิบายถึงระบบการปกครองในแบบต่างๆต่อไป)

    เช่นเดียวกับ BB เมื่อไม่อยากกลับรัสเซียก็ซื้อคฤหาสน์อยู่ที่อังกฤษ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายบนกองเงินกองทอง แต่……ก็พกความแค้นเอาไว้ คอยเล่นงานรัฐบาลปูตินในทุกโอกาสที่มีเขาได้ผู้ช่วยที่ดี คือ Alexander Litvinenko อดีต KGB ที่สนิทสนมกัน จนสามารถซื้อใจและนำตัวออกมาจากรัสเซียมาอยู่ด้วยกันที่อังกฤษ และได้สนับสนุนให้ อเล็กซานเดอร์ ไปทำงานขายความลับของชาติให้กับ MI 6 หน่วยสายลับของอังกฤษ
    เท่านั้นไม่พอ……ทั้ง Alexander Litvinenko และ เพื่อนที่เป็นนักเขียน อเมริกัน-รัสเชี่ยน
    Yuri Felshtinsky ได้ออกหนังสือในชื่อว่า
    Blowing up Russia: The secret to bring back KGB power (2004)** (มีภาพประกอบ)

    ที่ติดอันดับหนังสือขายดีเพียงแค่ข้ามคืน โดยได้รับทุนรอนสนับสนุนจาก BB
    เนื้อความในหนังสือเป็นเรื่องภายในของหน่วยสืบราชการลับของรัสเซีย และการขยายสาขายิบย่อยออกไปหลายแขนงในชื่อย่อต่างๆกัน รวมทั้งงานต่างๆที่แยกออกไปตามถนัด
    นอกจากนั้น BB ยังให้การสนับสนุนการก่อความไม่สงบทั้งในประเทศและนอกประเทศ อย่างกรณีของสงคราม Chechen ให้ก่อหวอดขึ้นมา เลยเถิดไปถึงการสนับสนุนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในยูเครนเมื่อปี 2004 และ 2010 ที่มีอยู่เพียงสองพรรคการเมือง พรรคที่ต่อต้านรัสเซีย กับพรรคที่สนับสนุนรัสเซีย
    งานนี้เขาทุ่มทุนกับพรรคที่ต่อต้านเต็มที่หมดไปหลายสิบล้านยูโร (แต่ก็แพ้การเลือกตั้ง)
    คือว่าทำทุกอย่างที่โค่นรัฐบาลของปูตินให้ได้……โดยใช้ผืนดินอังกฤษเป็นราก……

    ถามว่ารัฐบาลของปูตินและปูตินรู้สึกอย่างไร……?
    คำตอบคือ……เงียบ แต่เงียบแบบคลื่นใต้น้ำ โดยการ”กำจัด” ออกไปทีละคน เหมือนอย่างกับที่ทำกับสายลับนอกคอกคนอื่นๆ ที่มีเหตุต้องจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันสมควร ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก……เฉพาะในอังกฤษที่ชอบฟูมฟักสายลับและโอลิการ์ช จากรัสเซียนั้น
    โดนเก็บไปสิบสี่คนแล้ว โดยที่หน่วยสายลับและตำรวจต่างก็หาสาเหตุไม่ค่อยจะได้ หรืออาจจะได้แต่ไม่ออกสื่อ………

    ราย Alexander Litvinenko (จะเรียกเขาว่า Alex) นั้นมาแบบแปลกและทิ้งความตื่นตระหนกไว้ทั่วบริเตน นั่นคือ โดยยาพิษที่มาในรูปของกัมมันตภาพรังสี ในนามว่า Polonium 210 ที่เคลือบไว้กับกาน้ำชาที่เขาไปทานอาหารในร้านซูชิ เพราะได้นัดเจอกับเพื่อนที่เป็นอดีต KGB ที่มาเยี่ยมเยือนจากรัสเซีย ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2006
    หลังจากที่ได้แยกจากกัน เขาก็ล้มป่วย เกิดอาการขั้นวิกฤติจนต้องส่งโรงพยาบาลด่วนฉุกเฉิน อาการที่แพทย์ต้องวิ่งหาสาเหตุกันจ้าละหวั่น คือ อวัยวะในร่างกายของเขา
    ต่างพากันอ่อนแรง หมดสมรรถภาพไปทีละอย่าง นับจากตับ ไต หัวใจ
    เขาทนได้ถึง 28 วัน จึงเสียชีวิต และทางแพทย์เพิ่งจะรู้คำตอบว่า มันคือ ยาพิษกัมมันตภาพรังสี
    จึงได้เข้าไปตรวจร่องรอยของเส้นทางหลังจากที่เขาและเพื่อนสองคน พบว่า มีร่องรอยของ
    Polonium 210ในทุกที่ ตั้งแต่โรงแรม ห้องพัก ห้องน้ำ และในร้านอาหาร
    เพื่อนสองคนนั้น คือ Andrei Lugovoi และ Dmitry Kovtun ที่บินกลับไปรัสเซียแล้ว

    ทีนี้ถึงคิวของ BB อภิมหาเศรษฐีที่เหมือนว่าใครจะทำอะไรเขาไม่ได้……แต่……มีอีกคนหนึ่งที่”เหนือเมฆ”กว่า นั่นคือ Roman Abramovich
    คนคนนี้ที่ต้องเรียกว่าเหนือเมฆหรือยอดมนุษย์ก็ไม่ผิดความจริงเท่าไหร่ เพราะ
    เขาจบการศึกษาแค่ชั้นมัธยมปลาย และออกมาทำมาหากินโดยการขายของเล่นเด็ก และ
    ขายยางรถยนตร์เก่า จนอายุย่างเข้าสามสิบปี (1996) เขาเริ่มเป็นปึกแผ่น ร่ำรวย
    จนสามารถเข้าไปอยู่ในแวดวงการเมือง เป็นที่ไว้ใจของปธน. Yeltsin จนเขาได้ก้าวขึ้นไปเป็นนายกเทศมนตรีเมือง Chukotka (1999) ที่แสนยากจน……ที่นั่น Roman ได้ควักกระเป๋า เอาเงินส่วนตัวกว่า ร้อยล้านยูโร บริจาคสร้างสาธารณูปโภคให้ใหม่ทั้งเมือง สร้างงานให้ประชาชน
    เมื่อปี 1992 คือปีที่เขาหันมาจับธุรกิจบ่อน้ำมันและได้รู้จักกับ BB และกลุ่มอภิมหาเศรษฐีคนอื่นๆในฐานะผู้ร่วมทุน ในนามของกลุ่มที่มีชื่อว่า Sibneft ที่แยกย่อยออกไปอีกหลายเครือข่ายเช่นการทำกระดาษอลูมินั่ม และเครื่องจักรกล
    ที่สร้างเม็ดเงินให้อย่างมหาศาล จนคนทั้งคู่ (และหุ้นส่วนคนอื่น) รวยจนติดอันดับ Forbes
    แต่เส้นทางต่อมา……คนทั้งสองเดินคนละเส้นทาง แต่ไปอยู่ในที่เดียวกัน คือ อังกฤษ

    Roman ไปในฐานะนักลงทุนข้ามชาติ เพราะไปทำธุรกิจที่จะขยายเม็ดเงิน ร่ำรวยมหาศาลและไปซื้อทีมฟุตบอล Chelsea………!!!
    นอกเหนือจากการเป็นมิตรสหายคนสนิทคนหนึ่งของปูติน
    ส่วน BB นั้น อยู่ในฐานะนักลี้ภัยที่สนับสนุนการเมืองฝ่ายตรงข้าม ที่ยังไม่เลิกละลดต่อความพยาบาท

    Roman ได้ขึ้นฟ้องร้องต่อศาลอังกฤษในปี 2011 ที่ถูก BB โกงเงินจำนวนหลายร้อยล้านปอนด์จากธุรกิจที่เคยทำร่วมกัน รวมทั้งยื่นบัญชีที่ได้ออกเงินช่วย BB ในเรื่องของการหลบหนีมาตั้งหลักปักฐานที่อังกฤษ
    ศาลรับฟ้อง……และว่ากันไปตามหลักฐาน ที่ทางฝ่าย Roman มีมาพร้อมมูล
    ซึ่งต่อมา ศาลได้ตัดสินให้เขาเป็นฝ่ายชนะ (ปี 2012)ที่จะได้รับเงินค่าเสียหายชดใช้จาก BB
    เป็นจำนวน สามพันล้านปอนด์ บวกค่าทนายของทั้งสองฝ่ายอีกร้อยล้านปอนด์

    BB เดินออกจากศาลทั้งน้ำตา เขาบอกกับคนสนิทว่า
    “ฉันควรจะกระโดดตึกหรือเชือดข้อมือ อย่างไหนจะดีกว่ากัน ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนที่ยากจนที่สุดในโลกแล้ว……”

    แต่ BB ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานต่อความยากจนนานนัก เพราะ เขาถูกพบว่าเป็นศพภายในคฤหาสน์ของเขาเองในปีต่อมา 2013 ในสภาพว่า ผูกคอตายในห้องน้ำ……?!!
    ทางฝ่ายนิติเวชได้ออกมาให้ข่าวว่า สภาพศพนั้นผิดไปจากการฆ่าตัวตายธรรมดา เพราะศรีษะมีรอยถูกตี และมีรอยหักที่ซี่โครง

    เหมือนจะเป็นการบอกให้รู้ว่า……เมริงต้องหมดตัวเสียก่อน แล้วค่อยตาย……!!!

    นี่คือเรื่องราวย่อๆที่เกิดขึ้นให้ทราบเค้าโครงเรื่องรอยบาดหมางระหว่างอังกฤษกับรัสเซีย
    คือ ไม่ว่าใครจะไปลี้ภัยอะไรยังไง อังกฤษอ้าแขนรับหมด ขอให้หอบเงินเข้ามาเถอะ การอำนวยความสะดวกจัดให้เต็มที่
    โดยเฉพาะเหล่าอภิมหาเศรษฐีและเหล่าสายลับนอกคอกจากรัสเซีย
    ซึ่งแต่ละคนล้วนแต่ตายไม่สวย……ยังมีอีกสองราย เอาไว้วันหลังจะเล่าให้ฟัง
    คือ Sergei Skripal (อดีตสายลับ) และ Badri Patarkatsishvili (อภิมหาเศรษฐี) ที่มัจจุราชจากรัสเซียมาเยือนถึงเกาะอังกฤษ นอกเหนือไปจากรายยิบย่อย
    ที่อังกฤษจับมือใครดมไม่ได้ ………ได้แต่โกรธแค้นรัสเซียที่อาจหาญทำการอุกอาจข้ามประเทศ
    จนมาถึงเรื่องซีเรีย………ที่นับว่าคือจุดของการแตกหัก

    อังกฤษทุกวันนี้ก็นั่งไม่ติด เพราะไม่รู้ว่าจะสู้กับอะไร ศึกจะมาเป็นแบบไหนในบ้านเมือง
    จะมาในรูปของก่อการร้าย หรือ ยาพิษกัมมันตภาพรังสีที่ยังหาทางรักษาไม่ได้
    นี่คือเหตุผลที่ต้องใช้งบประมาณอย่างมากมายสำหรับการรักษาความปลอดภัยในการจัดงานอภิเษกของเจ้าชายแฮร์รี่ ที่ประชาชนต่างไม่พอใจกับการใช้งบประมาณมากมายมหาศาลในส่วนของภาษีที่เขาจ่าย
    รัฐบาลก็ได้แต่อ้อมแอ้ม……ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเพื่อไม่ให้กลายเป็นการชี้โพรง………

    ทีนี้มาเล่าถึงเรื่องการปกครองระบอบต่างๆในโลกที่แบ่งออกเป็นได้อยู่ 5 ชนิด
    คือ
    1. ระบอบประชาธิปไตย (Democracy) ที่ประชาชนเลือกผู้นำและรัฐบาลผ่านการลงคะแนนเสียง
    2. ระบอบคณาธิปไตย (Oligarchy) คือรัฐบาลที่มาโดยกลุ่มนายทุนอยู่เบื้องหลัง
    3. ระบอบเผด็จการ (Autocracy) คือ รัฐบาลที่มีผู้นำคนเดียวที่เป็นผู้ชี้ชะตาประเทศและประชาชน อย่าง ซาอุ
    4. ระบอบกษัตริย์ (Monarchy) คือมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อย่างประเทศไทย คือ constitutional monarchy หมายถึง ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ
    5. ระบอบคอมมิวนิสต์ (Communism) คือ ทุกอย่างเป็นของรัฐบาล ประชาชนทุกคนจะมีส่วนแบ่งเท่าๆกันภายใต้การจัดสรรที่เสมอภาค

    ประเทศไทยของเราลักหลั่นมากในเรื่องนี้ เพราะ คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราอยู่ในระบอบไหนกันแน่ เพราะนอกจากคอมมิวนิสต์กับเผด็จการแล้ว เราเป็นหมด………
    ประชาธิปไตย……มีมั่ง ไม่มีมั่ง คอยลุ้นเอา สนุกดี
    คณาธิปไตย………แน่นอน มีตลอด ตราบใดที่กลุ่มเจ้าสัวยังขยายกิจการอย่างไม่หยุดยั้ง
    แม้แต่รถกับข้าวก็ไม่เหลือให้ชนชั้นล่างได้เข้ามามีโอกาส
    ระบอบกษัตริย์ หรือ ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญนั้น คือหัวใจที่หล่อเลี้ยงประเทศให้
    เต้นไปตามจังหวะอยู่ในทุกวันนี้

    ประชาชนจะต้องรู้ให้เท่าทันว่า ประเทศของเราอยู่ก้ำกึ่งในสามระบอบนี้ จะได้ทำตัวให้ถูก
    รู้จักการถ่วงดุลย์ รู้จักว่าอย่าให้มันโน้มเอียงไปทางลบ
    อย่ามัวแต่เรียกร้องประชาธิปไตย รอเลือกตั้งจนตัวสั่น เพราะ อย่างไรเสียเราก็สลัดไม่หลุดไปจากกลุ่มคณาธิปไตยที่ไล่แจกนาฬิกาแพงๆให้กับคนในรัฐบาลอย่างที่เห็นๆอยู่

    เคยคุยกับคนอังกฤษ(แก่ๆ) เรื่องพระราชวงค์ของเขา ว่า……ไม่ค่อยเห็นคนออกมาแสดงความไม่พอใจ หรือเรียกร้องจนทำให้พระราชินีต้องเสื่อมเสียพระเกียรติยศ……
    เขาตอบว่า เพราะพระราชวงค์ทรงเป็นเลือดนักสู้……เป็นผู้นำที่เคียงคู่มากับพวกเขาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายของสงคราม ไม่ว่าจะเป็นสงครามไหนๆ กษัตริย์อังกฤษไม่เคยถอยแม้แต่ก้าวเดียว………

    นี่คือผลพวงจากการศึกษาจริงๆค่ะ คนอังกฤษทุกคนรู้เรื่องประวัติศาสตร์บ้านเมืองของตัวเองเป็นอย่างดี จึงมีความรักชาติที่ฝังลึกสลักแน่นในสายเลือด
    แต่เราก็เขยิบขึ้นมาแล้ว เราก้าวมาเกือบถูกทางแล้ว เพราะออเจ้าได้ทำให้เด็กไทยทั้งประเทศตื่นตัวในการรักชาติ เทิดทูนพระมหากษัตริย์ในอดีต……บูชาความเป็นไทย
    ถึงขนาดทิ้งบัตรประชาชนเก่าๆ จัดแจงแต่งชุดไทยไปถ่ายใบใหม่
    ประกาศให้โลกรู้ว่า……
    เรารุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนะ…ออเจ้าฝรั่งฟรังคีทั้งหลาย !!!

    แหม………จะว่าไปนะ……อีผิน เอ๊ย……ดิฉันก็นึกทึ่งตัวเองอยู่ไม่น้อย ที่เขียนเรื่องรัสเซีย เรื่องอังกฤษอยู่ดีดี๊………มาจบลงด้วยเรื่องของออเจ้าอย่างหน้าตาเฉย
    อย่างนี้ชิมิคะ……ที่เขาเรียกว่า”โหนกระแส” น่ะ………555555?!!!

    Wiwanda W. Vichit
    ประชาธิปไตยใต้ร่มเงาของคณาธิปไตย………!!! ดิฉันไม่ค่อยได้เขียนเรื่องการเมืองของประเทศไทยมากนัก เพราะไม่อยากอยู่ในสภาพของ”ลิง” ที่คิดหาญอยากจะแก้แห แต่ต้องเอาซะหน่อย เพราะมีหลายฝ่ายออกมาเรียกร้อง”ประชาธิปไตย” ให้กับบ้านเมือง เพราะเรามีรัฐบาลทหารที่กำลังอยู่ในภาวะจัดระเบียบให้แบบเอากฏหมายมาเป็นตัวตั้ง ที่เหมือนจะกำลังตบให้เข้ารูปเข้ารอย โดยการเพิ่มโทษเอาผิดและกางกั้น อุดรอยรั่วตรงนั้นตรงนี้ ทำไปทำมา……คนในรัฐบาลก็ดันมีพฤติการณ์ที่ไม่โปร่งใส แถมคนที่เป็นหัวหน้ากลับอ้ำอึ้งทำอะไรไม่ได้ นอกจากเรียกร้องให้สื่อเพลาการให้ข่าวทางด้านลบของพวกตัวเองลงไป สรุปว่า……แหนั้นมันยุ่งเหยิงเกิน……ขนาดชั้นหนุมานทหารเอกยังแก้ไม่ไหว……!! แล้วดิฉัน……ลิง……เอ๊ย……มนุษย์อาวุโสตัวน้อยๆ จะไปบังอาจได้อย่างไร……ใช่ม๊ะ??? แต่อยากจะเล่าถึงเรื่องอื่นๆที่เนื้อเรื่องมันช่างโดนใจไทยแท้เป็นอย่างมาก…… นั่นคือเรื่องกรณีพิพาทระหว่างอังกฤษกับรัสเซีย ที่บาดหมางถึงขนาดอัปเปหิคณะทูตออกจากประเทศกันแบบชิ้วๆ ให้เก็บของภายในสามวันเจ็ดวันนั่นเชียว ถ้าจะให้เล่าต้องอ่านอย่างตั้งใจนิดนึง เพราะเรื่องนี้มีตัวละครหลายตัว ที่เกี่ยวพันโยงใยกันไปหมด เอาเรื่องหลักๆแบบกระชับที่สุดแล้วกันนะคะ ขอย้อนเรื่องไปเมื่อครั้ง ปี 2000 ที่ ผู้ลี้ภัยทางการเมืองที่ร่ำรวยคนหนึ่ง นามว่า Boris Berezovsky ที่มีฐานะร่ำรวยติดอันดับต้นๆของรัสเซีย และเป็นผู้สนับสนุนหลักของพรรค Unity ที่ผลักด้นจนปูตินได้มาเป็นประธานาธิบดีในปีนั้น แต่ปูติน……ไม่ได้เห็นนายทุนพรรคสำคัญไปกว่าอุดมการณ์ เขาตลบย้อนหลังด้วยนโยบายกวาดล้างมาเฟียและผู้สนับสนุนท่อน้ำเลี้ยงทั้งหมด ซึ่งมันกระทบกับหลายเครือข่ายของกลุ่มต่างๆ แม้แต่กลุ่มอภิมหาเศรษฐีอย่าง BB (ใช้ชื่อย่อแล้วกันนะคะ) ที่มีธุรกิจมากมายรวมไปถึง หลักๆคือ สื่อโทรทัศน์และพลังงานน้ำมัน การขัดแย้งเกิดขึ้น มีการแจ้งหาหลายข้อ จน BB ต้องหาเรื่องไป”ทำธุระที่อังกฤษ” แล้วก็ไม่หวนกลับมาขึ้นศาล ทางอังกฤษก็อ้าแขนรับ เพราะเงินจำนวนพันๆล้านยูโรที่เขามีอยู่นั้น ได้เปลี่ยนสถานะให้เขาเป็น Oligarch อันหมายถึง ผู้ลี้ภัยทางการเมือง ซึ่งต่างกับคำว่า Fugitive อันหมายถึงพวกที่หนีคดีแบบหัวซุกหัวซุน ที่ต้องมาขยายในความแตกต่างระหว่างสองคำนั้น เพราะเห็นสื่อต่างๆใช้กันเกร่อ และอ่านแล้วขัดใจทุกทีไป เพราะความหมายผิดไปอย่างสุดโต่ง โอลิการ์ช นั้น ไม่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปไหนเลย แถมยังมีหน้ามีตาอยู่ในสังคมชั้นสูงในประเทศอื่นๆได้ เพราะมีเงินนับพันล้านหมื่นล้าน ไปที่ไหนใครก็ต้อนรับ (จะอธิบายถึงระบบการปกครองในแบบต่างๆต่อไป) เช่นเดียวกับ BB เมื่อไม่อยากกลับรัสเซียก็ซื้อคฤหาสน์อยู่ที่อังกฤษ ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายบนกองเงินกองทอง แต่……ก็พกความแค้นเอาไว้ คอยเล่นงานรัฐบาลปูตินในทุกโอกาสที่มีเขาได้ผู้ช่วยที่ดี คือ Alexander Litvinenko อดีต KGB ที่สนิทสนมกัน จนสามารถซื้อใจและนำตัวออกมาจากรัสเซียมาอยู่ด้วยกันที่อังกฤษ และได้สนับสนุนให้ อเล็กซานเดอร์ ไปทำงานขายความลับของชาติให้กับ MI 6 หน่วยสายลับของอังกฤษ เท่านั้นไม่พอ……ทั้ง Alexander Litvinenko และ เพื่อนที่เป็นนักเขียน อเมริกัน-รัสเชี่ยน Yuri Felshtinsky ได้ออกหนังสือในชื่อว่า Blowing up Russia: The secret to bring back KGB power (2004)** (มีภาพประกอบ) ที่ติดอันดับหนังสือขายดีเพียงแค่ข้ามคืน โดยได้รับทุนรอนสนับสนุนจาก BB เนื้อความในหนังสือเป็นเรื่องภายในของหน่วยสืบราชการลับของรัสเซีย และการขยายสาขายิบย่อยออกไปหลายแขนงในชื่อย่อต่างๆกัน รวมทั้งงานต่างๆที่แยกออกไปตามถนัด นอกจากนั้น BB ยังให้การสนับสนุนการก่อความไม่สงบทั้งในประเทศและนอกประเทศ อย่างกรณีของสงคราม Chechen ให้ก่อหวอดขึ้นมา เลยเถิดไปถึงการสนับสนุนการเลือกตั้งประธานาธิบดีในยูเครนเมื่อปี 2004 และ 2010 ที่มีอยู่เพียงสองพรรคการเมือง พรรคที่ต่อต้านรัสเซีย กับพรรคที่สนับสนุนรัสเซีย งานนี้เขาทุ่มทุนกับพรรคที่ต่อต้านเต็มที่หมดไปหลายสิบล้านยูโร (แต่ก็แพ้การเลือกตั้ง) คือว่าทำทุกอย่างที่โค่นรัฐบาลของปูตินให้ได้……โดยใช้ผืนดินอังกฤษเป็นราก…… ถามว่ารัฐบาลของปูตินและปูตินรู้สึกอย่างไร……? คำตอบคือ……เงียบ แต่เงียบแบบคลื่นใต้น้ำ โดยการ”กำจัด” ออกไปทีละคน เหมือนอย่างกับที่ทำกับสายลับนอกคอกคนอื่นๆ ที่มีเหตุต้องจากโลกนี้ไปก่อนวัยอันสมควร ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก……เฉพาะในอังกฤษที่ชอบฟูมฟักสายลับและโอลิการ์ช จากรัสเซียนั้น โดนเก็บไปสิบสี่คนแล้ว โดยที่หน่วยสายลับและตำรวจต่างก็หาสาเหตุไม่ค่อยจะได้ หรืออาจจะได้แต่ไม่ออกสื่อ……… ราย Alexander Litvinenko (จะเรียกเขาว่า Alex) นั้นมาแบบแปลกและทิ้งความตื่นตระหนกไว้ทั่วบริเตน นั่นคือ โดยยาพิษที่มาในรูปของกัมมันตภาพรังสี ในนามว่า Polonium 210 ที่เคลือบไว้กับกาน้ำชาที่เขาไปทานอาหารในร้านซูชิ เพราะได้นัดเจอกับเพื่อนที่เป็นอดีต KGB ที่มาเยี่ยมเยือนจากรัสเซีย ในวันที่ 1 พฤศจิกายน 2006 หลังจากที่ได้แยกจากกัน เขาก็ล้มป่วย เกิดอาการขั้นวิกฤติจนต้องส่งโรงพยาบาลด่วนฉุกเฉิน อาการที่แพทย์ต้องวิ่งหาสาเหตุกันจ้าละหวั่น คือ อวัยวะในร่างกายของเขา ต่างพากันอ่อนแรง หมดสมรรถภาพไปทีละอย่าง นับจากตับ ไต หัวใจ เขาทนได้ถึง 28 วัน จึงเสียชีวิต และทางแพทย์เพิ่งจะรู้คำตอบว่า มันคือ ยาพิษกัมมันตภาพรังสี จึงได้เข้าไปตรวจร่องรอยของเส้นทางหลังจากที่เขาและเพื่อนสองคน พบว่า มีร่องรอยของ Polonium 210ในทุกที่ ตั้งแต่โรงแรม ห้องพัก ห้องน้ำ และในร้านอาหาร เพื่อนสองคนนั้น คือ Andrei Lugovoi และ Dmitry Kovtun ที่บินกลับไปรัสเซียแล้ว ทีนี้ถึงคิวของ BB อภิมหาเศรษฐีที่เหมือนว่าใครจะทำอะไรเขาไม่ได้……แต่……มีอีกคนหนึ่งที่”เหนือเมฆ”กว่า นั่นคือ Roman Abramovich คนคนนี้ที่ต้องเรียกว่าเหนือเมฆหรือยอดมนุษย์ก็ไม่ผิดความจริงเท่าไหร่ เพราะ เขาจบการศึกษาแค่ชั้นมัธยมปลาย และออกมาทำมาหากินโดยการขายของเล่นเด็ก และ ขายยางรถยนตร์เก่า จนอายุย่างเข้าสามสิบปี (1996) เขาเริ่มเป็นปึกแผ่น ร่ำรวย จนสามารถเข้าไปอยู่ในแวดวงการเมือง เป็นที่ไว้ใจของปธน. Yeltsin จนเขาได้ก้าวขึ้นไปเป็นนายกเทศมนตรีเมือง Chukotka (1999) ที่แสนยากจน……ที่นั่น Roman ได้ควักกระเป๋า เอาเงินส่วนตัวกว่า ร้อยล้านยูโร บริจาคสร้างสาธารณูปโภคให้ใหม่ทั้งเมือง สร้างงานให้ประชาชน เมื่อปี 1992 คือปีที่เขาหันมาจับธุรกิจบ่อน้ำมันและได้รู้จักกับ BB และกลุ่มอภิมหาเศรษฐีคนอื่นๆในฐานะผู้ร่วมทุน ในนามของกลุ่มที่มีชื่อว่า Sibneft ที่แยกย่อยออกไปอีกหลายเครือข่ายเช่นการทำกระดาษอลูมินั่ม และเครื่องจักรกล ที่สร้างเม็ดเงินให้อย่างมหาศาล จนคนทั้งคู่ (และหุ้นส่วนคนอื่น) รวยจนติดอันดับ Forbes แต่เส้นทางต่อมา……คนทั้งสองเดินคนละเส้นทาง แต่ไปอยู่ในที่เดียวกัน คือ อังกฤษ Roman ไปในฐานะนักลงทุนข้ามชาติ เพราะไปทำธุรกิจที่จะขยายเม็ดเงิน ร่ำรวยมหาศาลและไปซื้อทีมฟุตบอล Chelsea………!!! นอกเหนือจากการเป็นมิตรสหายคนสนิทคนหนึ่งของปูติน ส่วน BB นั้น อยู่ในฐานะนักลี้ภัยที่สนับสนุนการเมืองฝ่ายตรงข้าม ที่ยังไม่เลิกละลดต่อความพยาบาท Roman ได้ขึ้นฟ้องร้องต่อศาลอังกฤษในปี 2011 ที่ถูก BB โกงเงินจำนวนหลายร้อยล้านปอนด์จากธุรกิจที่เคยทำร่วมกัน รวมทั้งยื่นบัญชีที่ได้ออกเงินช่วย BB ในเรื่องของการหลบหนีมาตั้งหลักปักฐานที่อังกฤษ ศาลรับฟ้อง……และว่ากันไปตามหลักฐาน ที่ทางฝ่าย Roman มีมาพร้อมมูล ซึ่งต่อมา ศาลได้ตัดสินให้เขาเป็นฝ่ายชนะ (ปี 2012)ที่จะได้รับเงินค่าเสียหายชดใช้จาก BB เป็นจำนวน สามพันล้านปอนด์ บวกค่าทนายของทั้งสองฝ่ายอีกร้อยล้านปอนด์ BB เดินออกจากศาลทั้งน้ำตา เขาบอกกับคนสนิทว่า “ฉันควรจะกระโดดตึกหรือเชือดข้อมือ อย่างไหนจะดีกว่ากัน ตอนนี้ฉันกลายเป็นคนที่ยากจนที่สุดในโลกแล้ว……” แต่ BB ไม่ต้องทนทุกข์ทรมานต่อความยากจนนานนัก เพราะ เขาถูกพบว่าเป็นศพภายในคฤหาสน์ของเขาเองในปีต่อมา 2013 ในสภาพว่า ผูกคอตายในห้องน้ำ……?!! ทางฝ่ายนิติเวชได้ออกมาให้ข่าวว่า สภาพศพนั้นผิดไปจากการฆ่าตัวตายธรรมดา เพราะศรีษะมีรอยถูกตี และมีรอยหักที่ซี่โครง เหมือนจะเป็นการบอกให้รู้ว่า……เมริงต้องหมดตัวเสียก่อน แล้วค่อยตาย……!!! นี่คือเรื่องราวย่อๆที่เกิดขึ้นให้ทราบเค้าโครงเรื่องรอยบาดหมางระหว่างอังกฤษกับรัสเซีย คือ ไม่ว่าใครจะไปลี้ภัยอะไรยังไง อังกฤษอ้าแขนรับหมด ขอให้หอบเงินเข้ามาเถอะ การอำนวยความสะดวกจัดให้เต็มที่ โดยเฉพาะเหล่าอภิมหาเศรษฐีและเหล่าสายลับนอกคอกจากรัสเซีย ซึ่งแต่ละคนล้วนแต่ตายไม่สวย……ยังมีอีกสองราย เอาไว้วันหลังจะเล่าให้ฟัง คือ Sergei Skripal (อดีตสายลับ) และ Badri Patarkatsishvili (อภิมหาเศรษฐี) ที่มัจจุราชจากรัสเซียมาเยือนถึงเกาะอังกฤษ นอกเหนือไปจากรายยิบย่อย ที่อังกฤษจับมือใครดมไม่ได้ ………ได้แต่โกรธแค้นรัสเซียที่อาจหาญทำการอุกอาจข้ามประเทศ จนมาถึงเรื่องซีเรีย………ที่นับว่าคือจุดของการแตกหัก อังกฤษทุกวันนี้ก็นั่งไม่ติด เพราะไม่รู้ว่าจะสู้กับอะไร ศึกจะมาเป็นแบบไหนในบ้านเมือง จะมาในรูปของก่อการร้าย หรือ ยาพิษกัมมันตภาพรังสีที่ยังหาทางรักษาไม่ได้ นี่คือเหตุผลที่ต้องใช้งบประมาณอย่างมากมายสำหรับการรักษาความปลอดภัยในการจัดงานอภิเษกของเจ้าชายแฮร์รี่ ที่ประชาชนต่างไม่พอใจกับการใช้งบประมาณมากมายมหาศาลในส่วนของภาษีที่เขาจ่าย รัฐบาลก็ได้แต่อ้อมแอ้ม……ไม่รู้จะอธิบายอย่างไรเพื่อไม่ให้กลายเป็นการชี้โพรง……… ทีนี้มาเล่าถึงเรื่องการปกครองระบอบต่างๆในโลกที่แบ่งออกเป็นได้อยู่ 5 ชนิด คือ 1. ระบอบประชาธิปไตย (Democracy) ที่ประชาชนเลือกผู้นำและรัฐบาลผ่านการลงคะแนนเสียง 2. ระบอบคณาธิปไตย (Oligarchy) คือรัฐบาลที่มาโดยกลุ่มนายทุนอยู่เบื้องหลัง 3. ระบอบเผด็จการ (Autocracy) คือ รัฐบาลที่มีผู้นำคนเดียวที่เป็นผู้ชี้ชะตาประเทศและประชาชน อย่าง ซาอุ 4. ระบอบกษัตริย์ (Monarchy) คือมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อย่างประเทศไทย คือ constitutional monarchy หมายถึง ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญ 5. ระบอบคอมมิวนิสต์ (Communism) คือ ทุกอย่างเป็นของรัฐบาล ประชาชนทุกคนจะมีส่วนแบ่งเท่าๆกันภายใต้การจัดสรรที่เสมอภาค ประเทศไทยของเราลักหลั่นมากในเรื่องนี้ เพราะ คนส่วนใหญ่ยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเราอยู่ในระบอบไหนกันแน่ เพราะนอกจากคอมมิวนิสต์กับเผด็จการแล้ว เราเป็นหมด……… ประชาธิปไตย……มีมั่ง ไม่มีมั่ง คอยลุ้นเอา สนุกดี คณาธิปไตย………แน่นอน มีตลอด ตราบใดที่กลุ่มเจ้าสัวยังขยายกิจการอย่างไม่หยุดยั้ง แม้แต่รถกับข้าวก็ไม่เหลือให้ชนชั้นล่างได้เข้ามามีโอกาส ระบอบกษัตริย์ หรือ ราชาธิปไตยภายใต้รัฐธรรมนูญนั้น คือหัวใจที่หล่อเลี้ยงประเทศให้ เต้นไปตามจังหวะอยู่ในทุกวันนี้ ประชาชนจะต้องรู้ให้เท่าทันว่า ประเทศของเราอยู่ก้ำกึ่งในสามระบอบนี้ จะได้ทำตัวให้ถูก รู้จักการถ่วงดุลย์ รู้จักว่าอย่าให้มันโน้มเอียงไปทางลบ อย่ามัวแต่เรียกร้องประชาธิปไตย รอเลือกตั้งจนตัวสั่น เพราะ อย่างไรเสียเราก็สลัดไม่หลุดไปจากกลุ่มคณาธิปไตยที่ไล่แจกนาฬิกาแพงๆให้กับคนในรัฐบาลอย่างที่เห็นๆอยู่ เคยคุยกับคนอังกฤษ(แก่ๆ) เรื่องพระราชวงค์ของเขา ว่า……ไม่ค่อยเห็นคนออกมาแสดงความไม่พอใจ หรือเรียกร้องจนทำให้พระราชินีต้องเสื่อมเสียพระเกียรติยศ…… เขาตอบว่า เพราะพระราชวงค์ทรงเป็นเลือดนักสู้……เป็นผู้นำที่เคียงคู่มากับพวกเขาตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้ายของสงคราม ไม่ว่าจะเป็นสงครามไหนๆ กษัตริย์อังกฤษไม่เคยถอยแม้แต่ก้าวเดียว……… นี่คือผลพวงจากการศึกษาจริงๆค่ะ คนอังกฤษทุกคนรู้เรื่องประวัติศาสตร์บ้านเมืองของตัวเองเป็นอย่างดี จึงมีความรักชาติที่ฝังลึกสลักแน่นในสายเลือด แต่เราก็เขยิบขึ้นมาแล้ว เราก้าวมาเกือบถูกทางแล้ว เพราะออเจ้าได้ทำให้เด็กไทยทั้งประเทศตื่นตัวในการรักชาติ เทิดทูนพระมหากษัตริย์ในอดีต……บูชาความเป็นไทย ถึงขนาดทิ้งบัตรประชาชนเก่าๆ จัดแจงแต่งชุดไทยไปถ่ายใบใหม่ ประกาศให้โลกรู้ว่า…… เรารุ่งเรืองมาตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชนะ…ออเจ้าฝรั่งฟรังคีทั้งหลาย !!! แหม………จะว่าไปนะ……อีผิน เอ๊ย……ดิฉันก็นึกทึ่งตัวเองอยู่ไม่น้อย ที่เขียนเรื่องรัสเซีย เรื่องอังกฤษอยู่ดีดี๊………มาจบลงด้วยเรื่องของออเจ้าอย่างหน้าตาเฉย อย่างนี้ชิมิคะ……ที่เขาเรียกว่า”โหนกระแส” น่ะ………555555?!!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 739 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอยกย่องเทิดทูนพระมหากษัตริย์ไทย 🙏
    ขอยกย่องเทิดทูนพระมหากษัตริย์ไทย 🙏
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..แทบทุกคนเคยเป็นมาแล้ว ทั้งเทวดา เจ้าฟ้า พระมหากษัตริย์ ยาจก วณิพก เศรษฐี คหบดี ตลอดจนสัตว์ใหญ่สัตว์น้อย เคยตายมาแล้วด้วยอาการต่างๆ ตายอย่างเทวดา ตายอย่างเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ตายอย่างขอทานข้างถนน ตายอย่างสัตว์ ทั้งที่ตายเอง และทั้งที่ถูกฆ่าตาย

    เคยมีทั้งสุข เคยมีทั้งทุกข์ เคยเป็นทั้งผู้ร้าย เคยเป็นทั้งผู้ดี น้ำตาเคยท่วมบ้านท่วมเมืองมาแล้ว กระดูกทับถมแผ่นดินนี้หาที่ว่างสักเท่าปลายเข็มจะปักลงก็ไม่พบ เปรียบกับชีวิตนี้เพียงชาติเดียว ชีวิตนี้จึงน้อยนัก จะห่วงใยแสวงหาอะไรอีกมาให้ชีวิตนี้ ที่จะสำคัญกว่าการห่วงหาทางหนีมือแห่งกรรม ที่ทำไว้มากมายในอดีตชาติ

    กรรมใดมากกว่า แรงกว่า สำคัญกว่า กรรมนั้นจะส่งผลมากกว่า เร็วกว่า มั่นคงกว่า

    แทบทุกคนมีชาติในอนาคตที่ไกลออกไป พ้นความรู้เห็นของใครทั้งหลาย จะเกิดเป็นอะไรต่อมิอะไรก็ได้ทั้งสิ้น ตามอำนาจของกรรมที่ได้ทำไว้แล้ว ทั้งที่ทำในอดีตชาติและที่ทำในชาตินี้ สำคัญที่ว่าได้ทำกรรมใดมากกว่า แรงกว่า สำคัญกว่า กรรมนั้นก็จะส่งผลมากกว่า เร็วกว่า มั่นคงกว่า ถ้าเป็นกรรมดี ก็จะให้ความสุขความเจริญ มีบุญห้อมล้อมรักษา ถ้าเป็นกรรมชั่ว ก็จะให้ความทุกข์ความเสื่อมโทรม มีบาปห้อมล้อมรังควาน ..ฯลฯ

    พระนิพนธ์ ธรรมเพื่อความสวัสดี
    สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
    ..แทบทุกคนเคยเป็นมาแล้ว ทั้งเทวดา เจ้าฟ้า พระมหากษัตริย์ ยาจก วณิพก เศรษฐี คหบดี ตลอดจนสัตว์ใหญ่สัตว์น้อย เคยตายมาแล้วด้วยอาการต่างๆ ตายอย่างเทวดา ตายอย่างเจ้าฟ้าเจ้าแผ่นดิน ตายอย่างขอทานข้างถนน ตายอย่างสัตว์ ทั้งที่ตายเอง และทั้งที่ถูกฆ่าตาย เคยมีทั้งสุข เคยมีทั้งทุกข์ เคยเป็นทั้งผู้ร้าย เคยเป็นทั้งผู้ดี น้ำตาเคยท่วมบ้านท่วมเมืองมาแล้ว กระดูกทับถมแผ่นดินนี้หาที่ว่างสักเท่าปลายเข็มจะปักลงก็ไม่พบ เปรียบกับชีวิตนี้เพียงชาติเดียว ชีวิตนี้จึงน้อยนัก จะห่วงใยแสวงหาอะไรอีกมาให้ชีวิตนี้ ที่จะสำคัญกว่าการห่วงหาทางหนีมือแห่งกรรม ที่ทำไว้มากมายในอดีตชาติ กรรมใดมากกว่า แรงกว่า สำคัญกว่า กรรมนั้นจะส่งผลมากกว่า เร็วกว่า มั่นคงกว่า แทบทุกคนมีชาติในอนาคตที่ไกลออกไป พ้นความรู้เห็นของใครทั้งหลาย จะเกิดเป็นอะไรต่อมิอะไรก็ได้ทั้งสิ้น ตามอำนาจของกรรมที่ได้ทำไว้แล้ว ทั้งที่ทำในอดีตชาติและที่ทำในชาตินี้ สำคัญที่ว่าได้ทำกรรมใดมากกว่า แรงกว่า สำคัญกว่า กรรมนั้นก็จะส่งผลมากกว่า เร็วกว่า มั่นคงกว่า ถ้าเป็นกรรมดี ก็จะให้ความสุขความเจริญ มีบุญห้อมล้อมรักษา ถ้าเป็นกรรมชั่ว ก็จะให้ความทุกข์ความเสื่อมโทรม มีบาปห้อมล้อมรังควาน ..ฯลฯ พระนิพนธ์ ธรรมเพื่อความสวัสดี สมเด็จพระสังฆราชเจ้า กรมหลวงวชิรญาณสังวร
    Like
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • มิน่าหล่ะ เลือดรักชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์
    เข้มข้นขนาดนี้
    #คิงส์โพธิ์แดง
    มิน่าหล่ะ เลือดรักชาติและสถาบันพระมหากษัตริย์ เข้มข้นขนาดนี้ #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 276 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่แปลกหรอกถ้าคุณทักษิณจะหลุดคดี ๑๑๒ ด้วย:

    ๑.ผมสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาที่ทำรัฐประหาร เพราะช่วงนั้น คุณทักษิณ ชินวัตรโกงชาติโกงแผ่นดินมากมายแล้วกฎหมายบ้านเมืองเอาผิดไม่ได้

    คุณทักษิณคุมทหาร คุมตำรวจ คุมอัยการ คุมกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด เมื่อกฎหมายเอาผิดคุณทักษิณไม่ได้ ประชาชนก็ออกถนน กลายเป็นกลุ่มเสื้อเหลือง พอเห็นเสื้อเหลืองออกถนน คุณทักษิณก็สร้างมวลชนเสื้อแดงมาต่อต้าน ถึงขั้นเผาศาลากลางจังหวัดด้วย

    เมื่อประชาธิปไตยเดินหน้าไม่ได้ ทหารก็จำเป็นต้องทำรัฐประหาร ผมมองว่าการทำรัฐประหารเป็นการผ่าทางตันและนำหลักนิติธรรมนิติรัฐกลับมา

    ถ้าพรรคประชาชนหรือนักการเมืองพรรคนี้ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ก็เป็นเรื่องของท่าน อเมริกาทำรัฐประหารในประเทศอื่นๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดตนเองเป็นประจำ เช่น ที่ปากีสถาน บังกลาเทศ ตอนนี้ กำลังหาทางทำที่บราซิลและเวเนซุเอล่า ทำไมคนไทยจะทำไม่ได้บ้างละครับ เพื่อให้ประเทศชาติมีความมั่นคงกลับคืนมา?

    รัฐบาลท่านพลเอกประยุทธ์ก็ทำโครงการดีๆ หลายเรื่อง เอาคนเก่งมาทำงาน สร้างถนนหนทางในต่างจังหวัดดีขึ้นจนผิดหูผิดตา เศรษฐกิจไม่ดี ท่านก็มีเป๋าตังค์หรือโครงการคนละครึ่งช่วยเหลือประชาชน

    ข้อสำคัญ ไม่มีใครสงสัยในความภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของท่าน และอีกข้อคือท่านไม่มีประเด็นด่างพร้อยเรื่องทุจริต อย่างน้อยก็ไม่มีใครเอาผิดท่านได้

    จึงไม่แปลกหรอกที่ประชาชนไทยจำนวนมากจะคิดถึงท่านพลเอกประยุทธ์ แม้ท่านจะหมดอำนาจจากรัฐบาลไปแล้ว

    ๒.ปัญหาก็คือพอทำรัฐประหารได้อำนาจมา พลเอกประยุทธ์ไม่ได้ตั้งใจหาทางแก้กฎหมายด้านความมั่นคงหลายๆ ด้านให้รัดกุมยิ่งขึ้น เช่น

    ไม่ออกกฎหมายกวาดล้าง NGOs ที่แทรกแซงการเมืองภายในประเทศ ไม่ออกกฎหมายจัดการคนที่ไลฟ์สดคุยกับนักโทษที่หลบหนีไปต่างประเทศ ไม่ออกกฎหมายจัดการสื่อโซเชียลมิเดียที่หมิ่นประมาทต่อสถาบันกษัตริย์เหมือนรัฐบาลประเทศอื่นๆ หลายปรเทศ ไม่ออกกฎหมายควบคุมสื่อโซเชียลมิเดียที่โฆษณาบ่อนพนันเป็นอาจิณ ฯลฯ คุณทักษิณจึงไลฟ์สดเข้าประเทศไทย หาเสียงได้อย่างสบายๆ ต่างชาติก็ยังใช้ NGOs ปลุกระดมประชาชนช่วยพรรคฝ่ายตรงข้ามได้อย่างสบายๆ เหมือนเดิม

    ในขณะที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์หันไปเน้นสร้างถนนและรถไฟฟ้ามากมายหลายเส้นสายแทน

    ผมเคยวิจารณ์ว่าแค่สร้างรถไฟทางคู่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศก็พอแล้ว หันไปเน้นขุดคลองส่งน้ำในชนบทภาคอีสานและภาคอื่นๆ อย่างทั่วถึงจะดีกว่า ประชาชนจะได้อยู่ดีกินดีมากยิ่งขึ้นเพราะรายได้ประชาชนยังมีไม่มาก ถ้าสร้างรถไฟฟ้าหลายเส้นสายแล้วประชาชนไม่มีเงินนั่ง จะเจ๊งเอาได้

    ตอนนี้ก็มีข่าวว่าเริ่มเป็นปัญหาคือรถไฟฟ้าหลายเส้นทางก่อหนี้สิ้นมากขึ้นแล้ว เพราะค่ารถไฟฟ้าแพง คนส่วนใหญ่ไม่มีกำลังจะไปนั่ง

    แถมรัฐบาลท่านพลเอกประยุทธ์ยังเปิดทาง ปล่อยคุณยิ่งลักษณ์ให้หลบหนีไปต่างประเทศอย่างสะดวกสบายอีกด้วย

    ๓.ต่อมา พอมีการเลือกตั้งใหม่ พรรคท่านพลเอกประยุทธ์พ่ายแพ้เสียงข้างมากในการเลือกตั้ง ก็มีดีลพาคุณทักษิณ ชินวัตรกลับบ้าน มีการเสนออภัยโทษคุณทักษิณ ชินวัตร โดยพลเอกประยุทธ์ เป็นผู้รับสนองพระบรมราชการโองการ มีวุฒิสมาชิกสายพลเอกประยุทธ์โหวตให้คุณเศรษฐาเป็นนายก

    แล้วคุณทักษิณ ชินวัตรก็กลับประเทศไทย และทำผิดกติกา ไม่ยอมเข้าคุกแม้แต่วันเดียว เป็นการทำลายระบบนิติธรรมนิติรัฐ คุณทักษิณกลายเป็นผู้กว้างขวางนอกรัฐธรรมนูญหรืออภิสิทธิ์ชนในสังคมไทยขึ้นมา

    ตอนนี้ คุณทักษิณซึ่งเป็นนักโทษหนีคดีเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจัดตั้งรัฐบาล เป็นผู้นัดพบนักการเมืองพรรคต่างๆ ไปพบ แล้วเอาลูกตัวเองเป็นนายิการัฐมนตรี

    จะแปลกอะไรถ้าคุณทักษิณจะหลุดคดี ๑๑๒ ด้วย?


    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    ไม่แปลกหรอกถ้าคุณทักษิณจะหลุดคดี ๑๑๒ ด้วย: ๑.ผมสนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชาที่ทำรัฐประหาร เพราะช่วงนั้น คุณทักษิณ ชินวัตรโกงชาติโกงแผ่นดินมากมายแล้วกฎหมายบ้านเมืองเอาผิดไม่ได้ คุณทักษิณคุมทหาร คุมตำรวจ คุมอัยการ คุมกระบวนการยุติธรรมทั้งหมด เมื่อกฎหมายเอาผิดคุณทักษิณไม่ได้ ประชาชนก็ออกถนน กลายเป็นกลุ่มเสื้อเหลือง พอเห็นเสื้อเหลืองออกถนน คุณทักษิณก็สร้างมวลชนเสื้อแดงมาต่อต้าน ถึงขั้นเผาศาลากลางจังหวัดด้วย เมื่อประชาธิปไตยเดินหน้าไม่ได้ ทหารก็จำเป็นต้องทำรัฐประหาร ผมมองว่าการทำรัฐประหารเป็นการผ่าทางตันและนำหลักนิติธรรมนิติรัฐกลับมา ถ้าพรรคประชาชนหรือนักการเมืองพรรคนี้ไม่เห็นด้วยกับแนวคิดนี้ก็เป็นเรื่องของท่าน อเมริกาทำรัฐประหารในประเทศอื่นๆ เพื่อจัดตั้งรัฐบาลหุ่นเชิดตนเองเป็นประจำ เช่น ที่ปากีสถาน บังกลาเทศ ตอนนี้ กำลังหาทางทำที่บราซิลและเวเนซุเอล่า ทำไมคนไทยจะทำไม่ได้บ้างละครับ เพื่อให้ประเทศชาติมีความมั่นคงกลับคืนมา? รัฐบาลท่านพลเอกประยุทธ์ก็ทำโครงการดีๆ หลายเรื่อง เอาคนเก่งมาทำงาน สร้างถนนหนทางในต่างจังหวัดดีขึ้นจนผิดหูผิดตา เศรษฐกิจไม่ดี ท่านก็มีเป๋าตังค์หรือโครงการคนละครึ่งช่วยเหลือประชาชน ข้อสำคัญ ไม่มีใครสงสัยในความภักดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ของท่าน และอีกข้อคือท่านไม่มีประเด็นด่างพร้อยเรื่องทุจริต อย่างน้อยก็ไม่มีใครเอาผิดท่านได้ จึงไม่แปลกหรอกที่ประชาชนไทยจำนวนมากจะคิดถึงท่านพลเอกประยุทธ์ แม้ท่านจะหมดอำนาจจากรัฐบาลไปแล้ว ๒.ปัญหาก็คือพอทำรัฐประหารได้อำนาจมา พลเอกประยุทธ์ไม่ได้ตั้งใจหาทางแก้กฎหมายด้านความมั่นคงหลายๆ ด้านให้รัดกุมยิ่งขึ้น เช่น ไม่ออกกฎหมายกวาดล้าง NGOs ที่แทรกแซงการเมืองภายในประเทศ ไม่ออกกฎหมายจัดการคนที่ไลฟ์สดคุยกับนักโทษที่หลบหนีไปต่างประเทศ ไม่ออกกฎหมายจัดการสื่อโซเชียลมิเดียที่หมิ่นประมาทต่อสถาบันกษัตริย์เหมือนรัฐบาลประเทศอื่นๆ หลายปรเทศ ไม่ออกกฎหมายควบคุมสื่อโซเชียลมิเดียที่โฆษณาบ่อนพนันเป็นอาจิณ ฯลฯ คุณทักษิณจึงไลฟ์สดเข้าประเทศไทย หาเสียงได้อย่างสบายๆ ต่างชาติก็ยังใช้ NGOs ปลุกระดมประชาชนช่วยพรรคฝ่ายตรงข้ามได้อย่างสบายๆ เหมือนเดิม ในขณะที่รัฐบาลพลเอกประยุทธ์หันไปเน้นสร้างถนนและรถไฟฟ้ามากมายหลายเส้นสายแทน ผมเคยวิจารณ์ว่าแค่สร้างรถไฟทางคู่ให้ครอบคลุมทั่วประเทศก็พอแล้ว หันไปเน้นขุดคลองส่งน้ำในชนบทภาคอีสานและภาคอื่นๆ อย่างทั่วถึงจะดีกว่า ประชาชนจะได้อยู่ดีกินดีมากยิ่งขึ้นเพราะรายได้ประชาชนยังมีไม่มาก ถ้าสร้างรถไฟฟ้าหลายเส้นสายแล้วประชาชนไม่มีเงินนั่ง จะเจ๊งเอาได้ ตอนนี้ก็มีข่าวว่าเริ่มเป็นปัญหาคือรถไฟฟ้าหลายเส้นทางก่อหนี้สิ้นมากขึ้นแล้ว เพราะค่ารถไฟฟ้าแพง คนส่วนใหญ่ไม่มีกำลังจะไปนั่ง แถมรัฐบาลท่านพลเอกประยุทธ์ยังเปิดทาง ปล่อยคุณยิ่งลักษณ์ให้หลบหนีไปต่างประเทศอย่างสะดวกสบายอีกด้วย ๓.ต่อมา พอมีการเลือกตั้งใหม่ พรรคท่านพลเอกประยุทธ์พ่ายแพ้เสียงข้างมากในการเลือกตั้ง ก็มีดีลพาคุณทักษิณ ชินวัตรกลับบ้าน มีการเสนออภัยโทษคุณทักษิณ ชินวัตร โดยพลเอกประยุทธ์ เป็นผู้รับสนองพระบรมราชการโองการ มีวุฒิสมาชิกสายพลเอกประยุทธ์โหวตให้คุณเศรษฐาเป็นนายก แล้วคุณทักษิณ ชินวัตรก็กลับประเทศไทย และทำผิดกติกา ไม่ยอมเข้าคุกแม้แต่วันเดียว เป็นการทำลายระบบนิติธรรมนิติรัฐ คุณทักษิณกลายเป็นผู้กว้างขวางนอกรัฐธรรมนูญหรืออภิสิทธิ์ชนในสังคมไทยขึ้นมา ตอนนี้ คุณทักษิณซึ่งเป็นนักโทษหนีคดีเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการจัดตั้งรัฐบาล เป็นผู้นัดพบนักการเมืองพรรคต่างๆ ไปพบ แล้วเอาลูกตัวเองเป็นนายิการัฐมนตรี จะแปลกอะไรถ้าคุณทักษิณจะหลุดคดี ๑๑๒ ด้วย? ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 439 มุมมอง 0 รีวิว
  • คนไทยรัก ชาติ ศาสนา
    พระมหากษัตริย์ และประเทศไทย
    คนไทยรัก ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประเทศไทย
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถึงพี่คิงส์โพธิ์แดงจะไม่ชอบทักษิณ
    แต่พี่คิงส์เชื่อว่า คนเสื้อแดงที่ต่อสู้
    เพื่ออุดมการณ์ทางการเมือง ไม่ได้มีเฉพาะ
    ถูกจ้างมาอย่างที่หลายๆคนด้อยค่า
    ยังเชื่อเสมอว่าคนไทยด้วยกัน
    คิดต่างทางการเมืองได้
    และหลายครั้งพร้อมเอาชีวิตแลก
    เพื่อให้อุดมกาณ์บรรลุเป้าหมาย
    ด้วยการรักใครซักคนที่มีจุดยืนนั้น
    คนเสื้อแดงอุดมการณ์เสียสละกันมามาก
    บ้างต้องจากไป บ้างก็อยู่ในตาราง
    และมีนับร้อยครั้ง ที่ชาวบ้านที่เสียสละ
    คนเสื้อแดงเข้าไปอยู่ในตาราง
    แต่กลับไร้การเหลียวแล
    สู้เพราะหลงคำหวาน วาทะกรรมนักการเมือง
    ซึ่งก็ไม่ได้ต่างกับพรรคสีส้ม ที่ใช้วาทะกรรม
    จนกลุ่มมเยาวชนอุดมการณ์ทะลุวัง
    ที่นอกเหนือจากกลุ่มที่ถูกจ้าง ต้องเข้าไปในตาราง
    ตุยไปแล้วก็มี หนีไปก็เยอะ จนชีวิตพังพินาศ
    เหมือนที่บุ้งเองก็พูดก่อนจะตุยว่า ตัดสินใจผิด
    ก็ถือเป็นบทเรียนของคนธรรมดาอย่างเรา
    ว่านักการเมืองเก่งเรื่องวาทะกรรม
    แต่สถาบันพระมหากษัตริย์กลับมีแต่ให้ความช่วยเหลือ
    กับประชาชน โดยที่พระองค์ไม่เคยละเว้นกับผู้ใด
    แม้แต่คนที่คิดร้ายกับพระองค์ ต่างได้รับพระเมตตาอย่างทั่วถึง
    ดังนั้น ใครก็ตามที่คิดดึงฟ้าให้ลงต่ำ
    ก็ยังคงมีพศกนิกรของพระองค์ท่าน
    ที่จะคงยืนหยัดปกป้องพระเกียรติของพระองค์จนกว่าชีวิตจะหาไม่
    นั่นคือการแสดงออกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์
    ที่ประชาชนคนธรรมดาคนหนึ่งจะสามารถทำได้
    ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน
    ---------------------------------------------------
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ถึงพี่คิงส์โพธิ์แดงจะไม่ชอบทักษิณ แต่พี่คิงส์เชื่อว่า คนเสื้อแดงที่ต่อสู้ เพื่ออุดมการณ์ทางการเมือง ไม่ได้มีเฉพาะ ถูกจ้างมาอย่างที่หลายๆคนด้อยค่า ยังเชื่อเสมอว่าคนไทยด้วยกัน คิดต่างทางการเมืองได้ และหลายครั้งพร้อมเอาชีวิตแลก เพื่อให้อุดมกาณ์บรรลุเป้าหมาย ด้วยการรักใครซักคนที่มีจุดยืนนั้น คนเสื้อแดงอุดมการณ์เสียสละกันมามาก บ้างต้องจากไป บ้างก็อยู่ในตาราง และมีนับร้อยครั้ง ที่ชาวบ้านที่เสียสละ คนเสื้อแดงเข้าไปอยู่ในตาราง แต่กลับไร้การเหลียวแล สู้เพราะหลงคำหวาน วาทะกรรมนักการเมือง ซึ่งก็ไม่ได้ต่างกับพรรคสีส้ม ที่ใช้วาทะกรรม จนกลุ่มมเยาวชนอุดมการณ์ทะลุวัง ที่นอกเหนือจากกลุ่มที่ถูกจ้าง ต้องเข้าไปในตาราง ตุยไปแล้วก็มี หนีไปก็เยอะ จนชีวิตพังพินาศ เหมือนที่บุ้งเองก็พูดก่อนจะตุยว่า ตัดสินใจผิด ก็ถือเป็นบทเรียนของคนธรรมดาอย่างเรา ว่านักการเมืองเก่งเรื่องวาทะกรรม แต่สถาบันพระมหากษัตริย์กลับมีแต่ให้ความช่วยเหลือ กับประชาชน โดยที่พระองค์ไม่เคยละเว้นกับผู้ใด แม้แต่คนที่คิดร้ายกับพระองค์ ต่างได้รับพระเมตตาอย่างทั่วถึง ดังนั้น ใครก็ตามที่คิดดึงฟ้าให้ลงต่ำ ก็ยังคงมีพศกนิกรของพระองค์ท่าน ที่จะคงยืนหยัดปกป้องพระเกียรติของพระองค์จนกว่าชีวิตจะหาไม่ นั่นคือการแสดงออกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ ที่ประชาชนคนธรรมดาคนหนึ่งจะสามารถทำได้ ขอพระองค์ทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน --------------------------------------------------- #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 647 มุมมอง 0 รีวิว
  • เพจเทพชวนเที่ยววันนี้ ขอพาเพื่อนๆไปเที่ยว 'เกาะกูด' สถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงาม เกาะกูดมีเนื้อที่ 105 ตารางกิโลเมตรหรือประมาณ 65,625 ไร่ ความยาวของเกาะ 25 กิโลเมตร ความกว้าง 12 กิโลเมตร ถือว่าเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของไทย รองจากเกาะภูเก็ต เกาะสมุย เกาะช้าง เกาะตะรุเตา และเกาะพะงัน ตั้งอยู่ในอ่าวไทย เป็นเกาะสุดท้ายแห่งน่านน้ำตะวันออกไทย อยู่ในการบริหารขององค์การบริหารส่วนตำบลเกาะกูด ส่วนหนึ่งของอำเภอเกาะกูดในจังหวัดตราด😊

    เกาะกูดนั้นยังมีสภาพความเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ โดยมีภูเขาและที่ราบสันเขาซึ่งเป็นต้นกำเนิดลำธาร ทำให้เกาะกูดมีน้ำตกที่ขึ้นชื่อคือ 'น้ำตกคลองเจ้า' ที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ทางฝั่งตะวันตกของเกาะ นับตั้งแต่อ่าวยายกี๋ หาดคลองเจ้า หาดอ่าวพร้าว อ่าวง่ามโข่ หาดอ่าวเบ้า หาดคลองหิน อ่าวพร้าวจนสุดปลายแหลมเทียน ล้วนแต่เป็นหาดที่มีทรายสวยงามน้ำทะเลใส ประกอบกับธรรมชาติสงบเงียบ ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าวริมหาด นอกจากนี้บนเกาะกูดยังมีป่าชายเลนที่สมบูรณ์และแนวปะการังหลากชนิด รวมทั้งเกาะแรดและเกาะไม้ซี้ซึ่งอยู่ใกล้กับเกาะกูด

    น้ำตกคลองเจ้า ถือว่าเป็นน้ำตกมหัศจรรย์ของเกาะกูด ที่มีน้ำใสไหลเย็นตลอดทั้งปี มีทัศนียภาพที่สวยงาม จึงทำให้ที่นี่คลายเป็นจุดเช็คอินคลายร้อนยอดฮิตอีกแห่งหนึ่งของเกาะกูด ที่มีเสน่ห์ไม่น้อยไปกว่าทะเลเลย🥰

    ประวัติ น้ำตกคลองเจ้า
    นอกจากจะเป็นที่เที่ยวธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจไม่น้อยเลย ย้อนไปยังสมัยรัชกาลที่ 1 น้ำตกคลองเจ้า หรือ น้ำตกธารสนุก เคยเป็นสถานที่ลี้ภัยสงครามของ เจ้าญวน “องเชียงสือ” แห่งแคว้นอันนัม (เวียดนาม) จึงกลายเป็นที่มาของชื่อ "น้ำตกคลองเจ้า" นั่นเอง จนกระทั่งสมัยที่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เสด็จมายังเกาะกูด พระองค์ก็ได้พระราชทานนามให้ใหม่เป็น “น้ำตกอนัมก๊ก” เพื่อระลึกถึง องเชียงสือ แต่ชาวบ้านก็ยังเรียกจนติดปากว่า น้ำตกคลองเจ้า เนื่องจากเป็นน้ำตกที่มีทั้งเจ้าญวน และพระมหากษัตริย์ไทยเสด็จประพาสมาที่นี่นั่นเอง


    ไฮไลท์ น้ำตกคลองเจ้า
    น้ำตกคลองเจ้า เป็นน้ำตกขนาดกลาง ความสูงโดยรวม 10 เมตร มีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นล่างจะมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่ค่อนข้างใสสะอาด เหมาะกับการมาเล่นน้ำคลายร้อนเป็นอย่างมาก ด้านหน้ามีก้อนหินใหญ่จารึกพระปรมาภิไธยย่อ "วปร" ส่วนด้านบนสุดจะเป็นธารหินที่มีน้ำไหลลงสู่เบื้องล่าง จนเกิดเป็นทัศนียภาพอันงดงามจนน่าทึ่ง!!
    และแม้จะมีน้ำไหลตลอดทั้งปี จนสามารถมาท่องเที่ยวได้ตลอด แต่ช่วงเวลาที่สวยและน่าเที่ยวที่สุดก็คือ ฤดูฝน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-ตุลาคมค่ะ (ก็คือช่วงนี้นั่นเอง) เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่มีน้ำมาก ธรรมชาติโดยรอบก็มีความเขียวขจี อากาศชุ่มชื่นเย็นสบาย กลายเป็นสถานที่พักผ่อนคลายร้อนที่สดชื่นไม่แพ้ทะเลเลยทีเดียว😀

    เกาะกูด นอกจากจะเป็นพื้นทีที่ทางประวัติศาสตร์แล้ว ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมาย ที่รอนักท่องเที่ยวไปพิสูจน์ความสวยงามและน่าพิศวงอีกมากมาย เพื่อนๆท่านใดมีโปรแกรมว่าไปไปเที่ยวเกาะกูด หรือเคยไปมาแล้ว คอมเม้นแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันก็ได้นะครับ🤩

    #เกาะกูด #ตราด #ท่องเที่ยว #น้ำตกคลองเจ้า
    เพจเทพชวนเที่ยววันนี้ ขอพาเพื่อนๆไปเที่ยว 'เกาะกูด' สถานที่ท่องเที่ยวอันสวยงาม เกาะกูดมีเนื้อที่ 105 ตารางกิโลเมตรหรือประมาณ 65,625 ไร่ ความยาวของเกาะ 25 กิโลเมตร ความกว้าง 12 กิโลเมตร ถือว่าเป็นเกาะที่ใหญ่เป็นอันดับ 6 ของไทย รองจากเกาะภูเก็ต เกาะสมุย เกาะช้าง เกาะตะรุเตา และเกาะพะงัน ตั้งอยู่ในอ่าวไทย เป็นเกาะสุดท้ายแห่งน่านน้ำตะวันออกไทย อยู่ในการบริหารขององค์การบริหารส่วนตำบลเกาะกูด ส่วนหนึ่งของอำเภอเกาะกูดในจังหวัดตราด😊 เกาะกูดนั้นยังมีสภาพความเป็นธรรมชาติอย่างสมบูรณ์ โดยมีภูเขาและที่ราบสันเขาซึ่งเป็นต้นกำเนิดลำธาร ทำให้เกาะกูดมีน้ำตกที่ขึ้นชื่อคือ 'น้ำตกคลองเจ้า' ที่มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ทางฝั่งตะวันตกของเกาะ นับตั้งแต่อ่าวยายกี๋ หาดคลองเจ้า หาดอ่าวพร้าว อ่าวง่ามโข่ หาดอ่าวเบ้า หาดคลองหิน อ่าวพร้าวจนสุดปลายแหลมเทียน ล้วนแต่เป็นหาดที่มีทรายสวยงามน้ำทะเลใส ประกอบกับธรรมชาติสงบเงียบ ร่มรื่นด้วยทิวมะพร้าวริมหาด นอกจากนี้บนเกาะกูดยังมีป่าชายเลนที่สมบูรณ์และแนวปะการังหลากชนิด รวมทั้งเกาะแรดและเกาะไม้ซี้ซึ่งอยู่ใกล้กับเกาะกูด น้ำตกคลองเจ้า ถือว่าเป็นน้ำตกมหัศจรรย์ของเกาะกูด ที่มีน้ำใสไหลเย็นตลอดทั้งปี มีทัศนียภาพที่สวยงาม จึงทำให้ที่นี่คลายเป็นจุดเช็คอินคลายร้อนยอดฮิตอีกแห่งหนึ่งของเกาะกูด ที่มีเสน่ห์ไม่น้อยไปกว่าทะเลเลย🥰 ประวัติ น้ำตกคลองเจ้า นอกจากจะเป็นที่เที่ยวธรรมชาติที่สวยงามแล้ว ยังมีประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจไม่น้อยเลย ย้อนไปยังสมัยรัชกาลที่ 1 น้ำตกคลองเจ้า หรือ น้ำตกธารสนุก เคยเป็นสถานที่ลี้ภัยสงครามของ เจ้าญวน “องเชียงสือ” แห่งแคว้นอันนัม (เวียดนาม) จึงกลายเป็นที่มาของชื่อ "น้ำตกคลองเจ้า" นั่นเอง จนกระทั่งสมัยที่ พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 เสด็จมายังเกาะกูด พระองค์ก็ได้พระราชทานนามให้ใหม่เป็น “น้ำตกอนัมก๊ก” เพื่อระลึกถึง องเชียงสือ แต่ชาวบ้านก็ยังเรียกจนติดปากว่า น้ำตกคลองเจ้า เนื่องจากเป็นน้ำตกที่มีทั้งเจ้าญวน และพระมหากษัตริย์ไทยเสด็จประพาสมาที่นี่นั่นเอง ไฮไลท์ น้ำตกคลองเจ้า น้ำตกคลองเจ้า เป็นน้ำตกขนาดกลาง ความสูงโดยรวม 10 เมตร มีทั้งหมด 3 ชั้น ชั้นล่างจะมีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่ค่อนข้างใสสะอาด เหมาะกับการมาเล่นน้ำคลายร้อนเป็นอย่างมาก ด้านหน้ามีก้อนหินใหญ่จารึกพระปรมาภิไธยย่อ "วปร" ส่วนด้านบนสุดจะเป็นธารหินที่มีน้ำไหลลงสู่เบื้องล่าง จนเกิดเป็นทัศนียภาพอันงดงามจนน่าทึ่ง!! และแม้จะมีน้ำไหลตลอดทั้งปี จนสามารถมาท่องเที่ยวได้ตลอด แต่ช่วงเวลาที่สวยและน่าเที่ยวที่สุดก็คือ ฤดูฝน ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม-ตุลาคมค่ะ (ก็คือช่วงนี้นั่นเอง) เพราะจะเป็นช่วงเวลาที่มีน้ำมาก ธรรมชาติโดยรอบก็มีความเขียวขจี อากาศชุ่มชื่นเย็นสบาย กลายเป็นสถานที่พักผ่อนคลายร้อนที่สดชื่นไม่แพ้ทะเลเลยทีเดียว😀 เกาะกูด นอกจากจะเป็นพื้นทีที่ทางประวัติศาสตร์แล้ว ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอีกมากมาย ที่รอนักท่องเที่ยวไปพิสูจน์ความสวยงามและน่าพิศวงอีกมากมาย เพื่อนๆท่านใดมีโปรแกรมว่าไปไปเที่ยวเกาะกูด หรือเคยไปมาแล้ว คอมเม้นแลกเปลี่ยนประสบการณ์กันก็ได้นะครับ🤩 #เกาะกูด #ตราด #ท่องเที่ยว #น้ำตกคลองเจ้า
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 444 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ 20 สิงหา เป็นวันคล้ายวันเกิดของพระสำคัญยิ่งรูปหนึ่งของเมืองไทย หลายท่านอาจยังไม่รู้ lit nit เองก็ไม่รู้ เพียงแต่เมื่อคืนบังเอิญหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านก่อนนอน จึงทำให้ได้รู้และนำมาเล่าสู่กันฟัง
    ....
    หนังสือเล่มนี้เป็นประวัติของพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร พระบ้าน ๆ ที่ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติและศาสนาอย่างมหาศาล สถาบันพระมหากษัตริย์ให้ความเคารพนับถืออย่างยิ่ง เมื่อท่านจากไปในหลวง ร.9 ทรงไปรดน้ำศพ (ตามประเพณีแล้วเมื่อพระราชารดน้ำศพผู้ใดก็จะไม่มีการให้ใครคนอื่นมารดน้ำศพต่อ แต่วันนั้นในหลวงทรงงดประเพณีนี้เพื่อให้ลูกศิษย์และประชาชนได้มีโอกาสทำความเคารพและขอขมาหลวงปู่) พระพันปีหลวงที่ขณะนั้นเป็นราชินีและเชื้อพระวงศ์ได้ทรงจัดดอกไม้หน้าศพด้วยพระองค์เอง หรือแม้แต่หนังสือในรูปซึ่งพิมพ์แจกในในงานพระทานเพลิงศพ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ ก็โปรดเกล้าพระราชทานพระราชนิพนธ์โคลงด้นวิวิธมาลี "อาจาราศิรวาท" แด่หนังสือเล่มนี้ด้วย
    ....
    หนังสือเล่มนี้ทำให้ lit nit ได้คำตอบที่เด็ก ๆ เขียนคำถามมาว่า
    "ทำไมเรียกพระพุทธเจ้าว่าพระพุทธเจ้า ?"
    #เริ่มต้นวันใหม่ด้วยความดีงามของพระอาจารย์
    วันนี้ 20 สิงหา เป็นวันคล้ายวันเกิดของพระสำคัญยิ่งรูปหนึ่งของเมืองไทย หลายท่านอาจยังไม่รู้ lit nit เองก็ไม่รู้ เพียงแต่เมื่อคืนบังเอิญหยิบหนังสือเล่มนี้มาอ่านก่อนนอน จึงทำให้ได้รู้และนำมาเล่าสู่กันฟัง .... หนังสือเล่มนี้เป็นประวัติของพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร พระบ้าน ๆ ที่ทำคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติและศาสนาอย่างมหาศาล สถาบันพระมหากษัตริย์ให้ความเคารพนับถืออย่างยิ่ง เมื่อท่านจากไปในหลวง ร.9 ทรงไปรดน้ำศพ (ตามประเพณีแล้วเมื่อพระราชารดน้ำศพผู้ใดก็จะไม่มีการให้ใครคนอื่นมารดน้ำศพต่อ แต่วันนั้นในหลวงทรงงดประเพณีนี้เพื่อให้ลูกศิษย์และประชาชนได้มีโอกาสทำความเคารพและขอขมาหลวงปู่) พระพันปีหลวงที่ขณะนั้นเป็นราชินีและเชื้อพระวงศ์ได้ทรงจัดดอกไม้หน้าศพด้วยพระองค์เอง หรือแม้แต่หนังสือในรูปซึ่งพิมพ์แจกในในงานพระทานเพลิงศพ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ ก็โปรดเกล้าพระราชทานพระราชนิพนธ์โคลงด้นวิวิธมาลี "อาจาราศิรวาท" แด่หนังสือเล่มนี้ด้วย .... หนังสือเล่มนี้ทำให้ lit nit ได้คำตอบที่เด็ก ๆ เขียนคำถามมาว่า "ทำไมเรียกพระพุทธเจ้าว่าพระพุทธเจ้า ?" #เริ่มต้นวันใหม่ด้วยความดีงามของพระอาจารย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอาให้ชัดนะรอบเดียว
    #เพจคิงส์โพธิ์แดงแนวทางของเพจคือ
    การเปิด โปงคนซั่วไม่ให้มีที่ยืนในสังคม
    ทั้งข้าราชการ ตำรวจ หรือแม้กระทั่งทหาร
    ลุงป้องก็เคย อนุทินก็เคย พีระพันธ์ก็ยังเคยโพสถึง
    เป็นกรณีๆ เป็นเรื่องๆไป
    อย่างไอ่สุรเชษฐ์นั่นรองผบตร. คิงส์ก็เล่นซะยับไม่เปิดตาดูเลยใช่มั๊ย
    รวมถึงนักการเมือง โดยไม่เคยสนใจ
    ว่าคนนั้นจะเป็นคนพรรคไหน
    พรรคก้าวกีย์มีความชัดเจนที่มีเป้าหมาย
    ในการล้มล้างการปกครองจึงเป็นศั-ต-รู หมายเลข 1
    ซึ่งหลายคนบอกว่า ถ้ามันไม่เอานโยบาย 112
    ก็จะสนับสนุนมัน ตรงนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะคิงส์โพธิ์แดงมีข้อมูลชัดเจนว่าพรรคนี้ได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา เพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุก
    ส่วนอีกพรรคคือเพื่อไทย พี่คิงส์โพธิ์แดงมีข้อมูลตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับความซั่วของโทนี่ ที่มีทั้งเรื่องความอ-ำ-ม-หิ-ต และการหมิ่นต่อสถาบัน คิงส์ฯได้แ-ฉ ทั้งการ์ตูนและโพสเป็นข้อความไปเยอะมาก
    และจากข้อมูลวงในที่คิงส์มีจริงๆแล้วพรรคร่วมจะรวมตัวกันหรือเรียกว่าแข็งเมืองจากพรรคเพื่อไทย แต่เพราะขาดความพร้อมในการเลือกตั้งหากมีการยุบสภา ซึ่งโทนี่เองก็รู้จุดอ่อน และเรียกไปพบหลังนายกนิดลงจากตำแหน่ง
    สรุปก็อย่างที่เห็น อุ๊งอิ๊งได้เป็นนายก และคะแนนสนับสนุนก็มาจากพรรคที่คุณๆเลือกกันมาแทบทั้งนั้น
    ดังนั้น การที่อุ๊งอิ๊งขึ้นมาเป็นนายก ถ้าเปรียบเทียบกับเท้งเต้งของพรรคก้าวกีย์ มันจะไม่ยุติธรรมมั๊ย ที่พ่อเค้าซั่ว แล้วเราจะไปด-่าลูกเค้าทั้งๆที่ตัวลูกยังไม่ได้เริ่มทำหน้าที่ แต่ถ้าส้มมันขึ้นมา มันยกประเทศให้อเมริกาแน่นอน
    จึงเป็นที่มาที่พี่คิงส์ให้คิดในทางบวกกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นไปแล้วว่า
    "ท่องไว้นะ ได้แดงมาตอนนี้ก็ยังดีกว่าส้มฟร๊ะ ลองให้ทำงานดูซักตั้ง แล้วค่อยว่ากัน"
    สิ่งหนึ่งที่พี่คิงส์ยึดมั่นเสมอคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต้องคงอยู่สืบไป ถ้าอุ๊งอิ๊งทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง คิงส์โพธิ์แดงก็จะนำมาเปิดให้แฟนเพจได้เห็น ไม่ต้องห่วง
    ทำเพจมาหลายปี ถ้าคนที่เป็นแฟนเพจพี่คิงส์จริงจะรู้นิสัยและแนวทางของพี่คิงส์ดี จะไม่มีคำว่า หางส้ม หางแดง
    แต่ถ้ากรูอธิบายครบจบแล้ว ใครจะเรียกพี่คิงส์ว่ายังไงก็แล้วแต่ ถ้าทำให้มีความสุขอะนะ
    แต่จะให้คติอะไรอย่างนึงว่า
    ถ้าเมิงผลักทุกคนให้เป็นศั-ต-รู โดยอคติอย่างไม่ยุติธรรม เมิงจะอยู่คนเดียวบนโลก
    เมิงรอให้เค้าทำผิดทำไม่ดี ทำซั่วก่อนสิ เดี๋ยวเพจนี้ก็จะเป็นหัวหอกจัดการให้เอง อีกอย่างที่สำคัญพรรคที่แฟนเพจกับพี่คิงส์หวังให้มีอำนาจในการบริหาร มีพรรคไหนที่กล้ายืนหยัดในเวลานี้บ้าง ยกมือกันหน้าสะหลอน ทำไมพวกเมิงไม่เรียกพรรคร่วมว่าหางแดงหล่ะ เออแล้วเมิงจะให้กรูทำยังไง
    ตามนั้นคือจบ
    ไอ่ฉัด
    คิงส์โพธิ์แดง
    เอาให้ชัดนะรอบเดียว #เพจคิงส์โพธิ์แดงแนวทางของเพจคือ การเปิด โปงคนซั่วไม่ให้มีที่ยืนในสังคม ทั้งข้าราชการ ตำรวจ หรือแม้กระทั่งทหาร ลุงป้องก็เคย อนุทินก็เคย พีระพันธ์ก็ยังเคยโพสถึง เป็นกรณีๆ เป็นเรื่องๆไป อย่างไอ่สุรเชษฐ์นั่นรองผบตร. คิงส์ก็เล่นซะยับไม่เปิดตาดูเลยใช่มั๊ย รวมถึงนักการเมือง โดยไม่เคยสนใจ ว่าคนนั้นจะเป็นคนพรรคไหน พรรคก้าวกีย์มีความชัดเจนที่มีเป้าหมาย ในการล้มล้างการปกครองจึงเป็นศั-ต-รู หมายเลข 1 ซึ่งหลายคนบอกว่า ถ้ามันไม่เอานโยบาย 112 ก็จะสนับสนุนมัน ตรงนี้เป็นไปไม่ได้ เพราะคิงส์โพธิ์แดงมีข้อมูลชัดเจนว่าพรรคนี้ได้รับการสนับสนุนจากอเมริกา เพื่อล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตย์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุก ส่วนอีกพรรคคือเพื่อไทย พี่คิงส์โพธิ์แดงมีข้อมูลตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบันที่เกี่ยวข้องกับความซั่วของโทนี่ ที่มีทั้งเรื่องความอ-ำ-ม-หิ-ต และการหมิ่นต่อสถาบัน คิงส์ฯได้แ-ฉ ทั้งการ์ตูนและโพสเป็นข้อความไปเยอะมาก และจากข้อมูลวงในที่คิงส์มีจริงๆแล้วพรรคร่วมจะรวมตัวกันหรือเรียกว่าแข็งเมืองจากพรรคเพื่อไทย แต่เพราะขาดความพร้อมในการเลือกตั้งหากมีการยุบสภา ซึ่งโทนี่เองก็รู้จุดอ่อน และเรียกไปพบหลังนายกนิดลงจากตำแหน่ง สรุปก็อย่างที่เห็น อุ๊งอิ๊งได้เป็นนายก และคะแนนสนับสนุนก็มาจากพรรคที่คุณๆเลือกกันมาแทบทั้งนั้น ดังนั้น การที่อุ๊งอิ๊งขึ้นมาเป็นนายก ถ้าเปรียบเทียบกับเท้งเต้งของพรรคก้าวกีย์ มันจะไม่ยุติธรรมมั๊ย ที่พ่อเค้าซั่ว แล้วเราจะไปด-่าลูกเค้าทั้งๆที่ตัวลูกยังไม่ได้เริ่มทำหน้าที่ แต่ถ้าส้มมันขึ้นมา มันยกประเทศให้อเมริกาแน่นอน จึงเป็นที่มาที่พี่คิงส์ให้คิดในทางบวกกับสิ่งที่มันเกิดขึ้นไปแล้วว่า "ท่องไว้นะ ได้แดงมาตอนนี้ก็ยังดีกว่าส้มฟร๊ะ ลองให้ทำงานดูซักตั้ง แล้วค่อยว่ากัน" สิ่งหนึ่งที่พี่คิงส์ยึดมั่นเสมอคือ ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ ต้องคงอยู่สืบไป ถ้าอุ๊งอิ๊งทำอะไรที่ไม่ถูกต้อง คิงส์โพธิ์แดงก็จะนำมาเปิดให้แฟนเพจได้เห็น ไม่ต้องห่วง ทำเพจมาหลายปี ถ้าคนที่เป็นแฟนเพจพี่คิงส์จริงจะรู้นิสัยและแนวทางของพี่คิงส์ดี จะไม่มีคำว่า หางส้ม หางแดง แต่ถ้ากรูอธิบายครบจบแล้ว ใครจะเรียกพี่คิงส์ว่ายังไงก็แล้วแต่ ถ้าทำให้มีความสุขอะนะ แต่จะให้คติอะไรอย่างนึงว่า ถ้าเมิงผลักทุกคนให้เป็นศั-ต-รู โดยอคติอย่างไม่ยุติธรรม เมิงจะอยู่คนเดียวบนโลก เมิงรอให้เค้าทำผิดทำไม่ดี ทำซั่วก่อนสิ เดี๋ยวเพจนี้ก็จะเป็นหัวหอกจัดการให้เอง อีกอย่างที่สำคัญพรรคที่แฟนเพจกับพี่คิงส์หวังให้มีอำนาจในการบริหาร มีพรรคไหนที่กล้ายืนหยัดในเวลานี้บ้าง ยกมือกันหน้าสะหลอน ทำไมพวกเมิงไม่เรียกพรรคร่วมว่าหางแดงหล่ะ เออแล้วเมิงจะให้กรูทำยังไง ตามนั้นคือจบ ไอ่ฉัด คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 589 มุมมอง 0 รีวิว
  • #แคมป์ส้มล้างสมองล้มล้างการปกครองที่เขาเขียว
    #ฝ่ายความมั่นคง #เจ้าหน้าที่ตำรวจ #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
    #กกต. #ศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งทุกหน่วยครับ
    กลุ่มพรรคส้ม ที่โดนยุบ แล้วตั้งชื่อพรรคประชาโจน
    ได้มีการสร้างแคมป์เพื่อให้คนไปฟังเรื่องไม่จริง
    เนื้อหาพาสู่การปลุกระดมให้ล้มล้างการปกครอง
    ระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
    ไม่ได้จัดครั้งแรก จัดมาจะสิบรอบแล้ว
    คนหัวอ่อน ไม่มีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์
    ก็หลวมตัวเชื่อไปไม่น้อย เป็นแหล่งเพาะพันธิ์
    dna ผลไม้พิษ ที่ควรดำเนินการบางอย่างโดยทันที
    เพื่อหยุดยั้งการแพร่พันธ์
    หัวหน้าพรรคคนล่าสุดไปด้วย
    ที่ประกาศจะดัน 112 ให้สำเร็จ
    ล้มล้างการปกครองชัดเจนครับ
    #ฝ่ายความมั่นคง
    #กกต.
    #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ
    #ศาลรัฐธรรมนูญ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #แคมป์ส้มล้างสมองล้มล้างการปกครองที่เขาเขียว #ฝ่ายความมั่นคง #เจ้าหน้าที่ตำรวจ #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #กกต. #ศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งทุกหน่วยครับ กลุ่มพรรคส้ม ที่โดนยุบ แล้วตั้งชื่อพรรคประชาโจน ได้มีการสร้างแคมป์เพื่อให้คนไปฟังเรื่องไม่จริง เนื้อหาพาสู่การปลุกระดมให้ล้มล้างการปกครอง ระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ได้จัดครั้งแรก จัดมาจะสิบรอบแล้ว คนหัวอ่อน ไม่มีความรู้เรื่องประวัติศาสตร์ ก็หลวมตัวเชื่อไปไม่น้อย เป็นแหล่งเพาะพันธิ์ dna ผลไม้พิษ ที่ควรดำเนินการบางอย่างโดยทันที เพื่อหยุดยั้งการแพร่พันธ์ หัวหน้าพรรคคนล่าสุดไปด้วย ที่ประกาศจะดัน 112 ให้สำเร็จ ล้มล้างการปกครองชัดเจนครับ #ฝ่ายความมั่นคง #กกต. #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ศาลรัฐธรรมนูญ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 426 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไอ่เราก็เป็นพลเมืองดีซะด้วย
    #ขอแจ้งเบาะแสให้กกตและศาลรัฐธรรมนูญทราบครับ
    ว่านายเท้งเต้ง หัวหน้าพรรคคนใหม่ของส้ม หรือพรรคประชาโจน
    มีพฤติกรรมอันอุกอาจที่เข้าข่ายปลุกระดม
    ให้เกิดการล้มล้างการปกครองในระบบประชาธิปไตย
    อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
    ครับ
    และหลังรับตำแหน่งก็ได้ออกมาประกาศเดินหน้าเรื่องนี้ด้วย
    ปล่อยไปไม่ได้ครับท่าน
    #คณะกรรมการการเลือกตั้ง
    #ศาลรัฐธรรมนูญ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ไอ่เราก็เป็นพลเมืองดีซะด้วย #ขอแจ้งเบาะแสให้กกตและศาลรัฐธรรมนูญทราบครับ ว่านายเท้งเต้ง หัวหน้าพรรคคนใหม่ของส้ม หรือพรรคประชาโจน มีพฤติกรรมอันอุกอาจที่เข้าข่ายปลุกระดม ให้เกิดการล้มล้างการปกครองในระบบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ครับ และหลังรับตำแหน่งก็ได้ออกมาประกาศเดินหน้าเรื่องนี้ด้วย ปล่อยไปไม่ได้ครับท่าน #คณะกรรมการการเลือกตั้ง #ศาลรัฐธรรมนูญ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 0 รีวิว
  • วอร์นเนอร์ มิวสิค กับคอนเทนต์แซะศาล

    ไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยประมาท หรือจงใจอยากให้เกิดก็ตาม แต่โพสต์ในเพจเฟซบุ๊ก Warner Music Thailand ของค่ายเพลงวอร์นเนอร์ มิวสิค (ประเทศไทย) ค่ายเพลงสากลภายใต้การดูแลของ วอร์นเนอร์ มิวสิค กรุ๊ป โพสต์ภาพตัดต่อภาพตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในลักษณะที่มิบังควร เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ถือเป็นความผิดสำเร็จแล้ว

    โพสต์ดังกล่าวเป็นการโปรโมตเพลงสากลที่ชื่อว่า Apple ของศิลปินที่ชื่อว่า Charli xcx โดยข้อความในภาพระบุว่า "I THINK THE APPLE'S ROTTEN RIGHT TO THE CORE ฉันว่ารูปแอปเปิลลูกนี้มันคงเน่าจนถึงแกนแล้วล่ะ" พร้อมกับตัดต่อภาพแอปเปิลที่มีสภาพเน่าเสียไปยังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแต่ละคน

    นอกจากนี้ ยังมีการตัดต่อภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระมหากษัตริย์สองรัชกาล ที่กรอบรูปบนผนังด้านหลังบัลลังก์ โดยการปิดสีเขียวทับ และระบุข้อความภาษาอังกฤษที่มีความหมายในลักษณะที่ไม่บังควร

    ผลก็คือมีผู้คนเข้าไปแสดงความคิดเห็นไม่พอใจการกระทำของเพจเฟซบุ๊กค่ายเพลงดังกล่าวจำนวนมาก กระทั่งเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันที่ 10 สิงหาคม 2567 ก็ได้ลบโพสต์ดังกล่าวออก แต่ก็ไม่มีท่าทีใดๆ ทำให้คนที่ไม่พอใจยังตามไปคอมเมนต์ในโพสต์เก่าๆ ส่วนแอดมินเพจเลือกที่จะลบโพสต์ย้อนหลัง และจำกัดการแสดงความคิดเห็นบนโพสต์ต่างๆ

    เมื่อไม่อาจต้านทานกระแสจากคนที่ไม่พอใจได้ ที่สุดแล้ว บริษัท วอร์นเนอร์ มิวสิค (ประเทศไทย) จํากัด จึงได้ออกแถลงการณ์เมื่อเวลา 22.00 น. ของวันที่ 11 สิงหาคม 2567 ระบุว่า บริษัทฯ เสียใจเป็นอย่างยิ่งจากการนําเสนอเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมบนบัญชีสื่อโซเชียลอย่างเป็นทางการของบริษัทฯ

    "ภาพที่ใช้ในการสื่อสารทางด้านการตลาดออนไลน์มีความไม่เหมาะสม ทั้งยังไม่สอดคล้องกับหลักการและระเบียบของบริษัทฯ เนื้อหาดังกล่าวนี้ได้ถูกผลิตและเผยแพร่ออกไปโดยพนักงานระดับปฏิบัติการโดยที่ไม่ผ่านการขออนุมัติจากระดับบริหารและศิลปิน ทันทีที่ผู้บริหารทราบถึงเนื้อหาดังกล่าว จึงได้ดําเนินการลบออกทันที"

    ในแถลงการณ์ระบุว่า บริษัทฯ มีหลักการและระเบียบที่จะไม่นําเสนอ เนื้อหาและประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงการพาดพิงถึงเจ้าหน้าที่หรือตุลาการในกระบวนการยุติธรรม และอยู่ในระหว่างการพิจารณาบทลงโทษต่อพนักงานที่รับผิดชอบในการผลิตและเผยแพร่เนื้อหาดังกล่าว

    อนึ่ง กรณีแสดงความคิดเห็นในลักษณะของการวิจารณ์คำสั่งหรือคำวินิจฉัยคดีที่มิได้กระทำโดยสุจริต โดยใช้ถ้อยคำที่มีความหมายหยาบคาย เสียดสี หรืออาฆาตมาดร้าย เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 38 และมาตรา 39 และอาจเป็นความผิดฐานดูหมิ่นศาลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ

    กรณีที่เกิดขึ้น เป็นบทเรียนสำหรับคนทำการตลาด ผ่านบัญชีสื่อโซเชียลอย่างเป็นทางการ ถ้าต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม สิ่งหนึ่งที่คนทำคอนเทนต์ต้องระมัดระวังโดยสามัญสำนึกก็คือ ชาติพันธุ์ ศาสนา การเมือง และสถานะทางเพศ เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่จะส่งผลกระทบต่อแบรนด์ ยกเว้นถ้ามั่นใจในจุดยืนของตัวเองและฐานลูกค้าแล้ว

    #Newskit #WarnerMusicThailand #ศาลรัฐธรรมนูญ
    วอร์นเนอร์ มิวสิค กับคอนเทนต์แซะศาล ไม่ว่าจะเป็นการกระทำโดยประมาท หรือจงใจอยากให้เกิดก็ตาม แต่โพสต์ในเพจเฟซบุ๊ก Warner Music Thailand ของค่ายเพลงวอร์นเนอร์ มิวสิค (ประเทศไทย) ค่ายเพลงสากลภายใต้การดูแลของ วอร์นเนอร์ มิวสิค กรุ๊ป โพสต์ภาพตัดต่อภาพตุลาการศาลรัฐธรรมนูญในลักษณะที่มิบังควร เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ถือเป็นความผิดสำเร็จแล้ว โพสต์ดังกล่าวเป็นการโปรโมตเพลงสากลที่ชื่อว่า Apple ของศิลปินที่ชื่อว่า Charli xcx โดยข้อความในภาพระบุว่า "I THINK THE APPLE'S ROTTEN RIGHT TO THE CORE ฉันว่ารูปแอปเปิลลูกนี้มันคงเน่าจนถึงแกนแล้วล่ะ" พร้อมกับตัดต่อภาพแอปเปิลที่มีสภาพเน่าเสียไปยังตุลาการศาลรัฐธรรมนูญแต่ละคน นอกจากนี้ ยังมีการตัดต่อภาพพระบรมฉายาลักษณ์ของพระมหากษัตริย์สองรัชกาล ที่กรอบรูปบนผนังด้านหลังบัลลังก์ โดยการปิดสีเขียวทับ และระบุข้อความภาษาอังกฤษที่มีความหมายในลักษณะที่ไม่บังควร ผลก็คือมีผู้คนเข้าไปแสดงความคิดเห็นไม่พอใจการกระทำของเพจเฟซบุ๊กค่ายเพลงดังกล่าวจำนวนมาก กระทั่งเวลาประมาณ 16.00 น. ของวันที่ 10 สิงหาคม 2567 ก็ได้ลบโพสต์ดังกล่าวออก แต่ก็ไม่มีท่าทีใดๆ ทำให้คนที่ไม่พอใจยังตามไปคอมเมนต์ในโพสต์เก่าๆ ส่วนแอดมินเพจเลือกที่จะลบโพสต์ย้อนหลัง และจำกัดการแสดงความคิดเห็นบนโพสต์ต่างๆ เมื่อไม่อาจต้านทานกระแสจากคนที่ไม่พอใจได้ ที่สุดแล้ว บริษัท วอร์นเนอร์ มิวสิค (ประเทศไทย) จํากัด จึงได้ออกแถลงการณ์เมื่อเวลา 22.00 น. ของวันที่ 11 สิงหาคม 2567 ระบุว่า บริษัทฯ เสียใจเป็นอย่างยิ่งจากการนําเสนอเนื้อหาที่ไม่เหมาะสมบนบัญชีสื่อโซเชียลอย่างเป็นทางการของบริษัทฯ "ภาพที่ใช้ในการสื่อสารทางด้านการตลาดออนไลน์มีความไม่เหมาะสม ทั้งยังไม่สอดคล้องกับหลักการและระเบียบของบริษัทฯ เนื้อหาดังกล่าวนี้ได้ถูกผลิตและเผยแพร่ออกไปโดยพนักงานระดับปฏิบัติการโดยที่ไม่ผ่านการขออนุมัติจากระดับบริหารและศิลปิน ทันทีที่ผู้บริหารทราบถึงเนื้อหาดังกล่าว จึงได้ดําเนินการลบออกทันที" ในแถลงการณ์ระบุว่า บริษัทฯ มีหลักการและระเบียบที่จะไม่นําเสนอ เนื้อหาและประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการเมือง ชาติ ศาสนา และสถาบันพระมหากษัตริย์ รวมถึงการพาดพิงถึงเจ้าหน้าที่หรือตุลาการในกระบวนการยุติธรรม และอยู่ในระหว่างการพิจารณาบทลงโทษต่อพนักงานที่รับผิดชอบในการผลิตและเผยแพร่เนื้อหาดังกล่าว อนึ่ง กรณีแสดงความคิดเห็นในลักษณะของการวิจารณ์คำสั่งหรือคำวินิจฉัยคดีที่มิได้กระทำโดยสุจริต โดยใช้ถ้อยคำที่มีความหมายหยาบคาย เสียดสี หรืออาฆาตมาดร้าย เป็นความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 38 และมาตรา 39 และอาจเป็นความผิดฐานดูหมิ่นศาลตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 198 ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่ 1-7 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000-140,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ กรณีที่เกิดขึ้น เป็นบทเรียนสำหรับคนทำการตลาด ผ่านบัญชีสื่อโซเชียลอย่างเป็นทางการ ถ้าต้องการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายทุกกลุ่ม สิ่งหนึ่งที่คนทำคอนเทนต์ต้องระมัดระวังโดยสามัญสำนึกก็คือ ชาติพันธุ์ ศาสนา การเมือง และสถานะทางเพศ เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งที่จะส่งผลกระทบต่อแบรนด์ ยกเว้นถ้ามั่นใจในจุดยืนของตัวเองและฐานลูกค้าแล้ว #Newskit #WarnerMusicThailand #ศาลรัฐธรรมนูญ
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 714 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'แก้วสรร อติโพธิ' เผยแพร่บทความ 'ก้าวใหม่ของก้าวไกล' เสนอแก้มาตรา 112 อย่างไร จึงจะไม่ถูกยุบพรรคอีก

    10 สิงหาคม 2567-นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง "ก้าวใหม่...ของก้าวไกล? ในรูปแบบถาม-ตอบ มีเนื้อหาดังนี้

    “ ที่ผ่านมาเราไม่เคยสื่อสารลดเพดานเรื่องอะไร....เราเองก็ไม่ประมาททำทุกอย่างรอบคอบ คำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาจนนำมาสู่การยุบพรรคก้าวไกล เราต้องกลับมาศึกษาอย่างดี พวกเรายังคงต้องผลักดันเดินหน้าปรับปรุงแก้กฎหมายในส่วนนี้ ที่ปัจจุบันก็ยังมีปัญหาอยู่ ”ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน

    ถาม พรรคประชาชนต้องเสนอร่างกฎหมายแก้ ม.๑๑๒ อย่างไร..จึงจะไม่ถูกศาลสั่งยุบอีก ครับ ?

    ตอบ เสนอร่างเดิมไม่ปรับปรุงอะไรเลยก็ยังได้ครับ ขอแต่ให้เสนอด้วยกระบวนการนิติบัญญัติที่ชอบเท่านั้น คุณต้องอ่านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญให้ดีๆว่า ความผิดที่ผ่านมา มันอยู่ที่ ความเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่มุ่งเอาการเสนอกฎหมายมาบังหน้า บังความเคลื่อนไหวใหญ่อย่างเป็นขบวนการที่มุ่งกร่อนเซาะสถาบันกษัตริย์ ความข้อนี้ศาลพูดไว้ชัดแล้วในคำวินิจฉัยแรก เมื่อ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๗
    “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองมีพฤติการณ์ในการใช้สิทธิหรือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเพื่อทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดย ซ่อนเร้นหรือผ่านการนำเสนอร่างกฎหมาย ...มีลักษณะดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นขบวนการ ใช้หลายพฤติการณ์ประกอบกัน ทั้งการชุมนุม การจัดกิจการ การรณรงค์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ การเสนอร่างแก้ไขกฎหมายเข้าสู่สภา และการใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ”

    “ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเอกฉันท์ วินิจฉัยว่า สั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่นเพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกทั้ง ไม่ให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย”

    ถาม อะไรคือการแก้ไขกฎหมาย “ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ”

    ตอบ คือการใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่สุจริต ผิดวิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญ มุ่งวี้ดบึ้มให้การมีอยู่ของสถาบันกษัตริย์กลายเป็นปัญหาของชาติ ชูเป็นนโยบายหลัก จัดกิจกรรม จัดชุมนุม รณรงค์ผ่านสื่อ และสอดประสานกับกลุ่มต่างๆ ใช้โซเชียลใส่ร้าย ทำลาย ปล่อยแฟลชม๊อบออกมาอาละวาด ด่าทอ เกิดคดี ๑๑๒ ถูกจับกุมเสียอนาคตเป็นร้อยคดี
    พฤติการณ์ทั้งหมดนี้ในคำวินิจฉัยยุบพรรค ศาลระบุไว้เป็นเอกฉันท์ว่าเป็นขบวนการกว้างกว่ากิจกรรมเสนอร่างกฎหมายในสภา มีผลเป็นการล้มล้างการปกครอง ส่วนตัวตนของคนที่เคลื่อนไหวถึงขั้นเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่นั้น ตรงนี้เสียง ๘ : ๑ ยืนยันว่าเป็นปฏิปักษ์

    ถาม อ้าว...ถ้าชี้ว่าเป็นปฏิปักษ์อย่างนี้ สส.ก้าวไกล ๔๔ คน ที่ร่วมลงชื่อเสนอร่างกฎหมาย ก็โดนตัดสิทธิสมัครเลือกตั้งไปตลอดชีวิตเลยสิครับ

    ตอบ ปปช.เขากำลังเริ่มตรวจสอบอยู่ ถ้าพบว่ามีมูล ก็จะกล่าวหาว่าใครมีพฤติการณ์ประพฤติผิดจรรยาบรรณอย่างไรบ้าง จากนั้นก็ให้ชี้แจงเข้าสู่กระบวนการไต่สวนแล้วเสนอ คณะกรรมการ ปปช. มีมติในที่สุดว่า ควรส่งให้ศาลฏีกาพิพากษาตัดสิทธิ ฐานประพฤติผิดมาตรฐานจริยธรรมผู้แทนราษฎร ข้อนี้หรือไม่?

    “ ข้อ ๖ สมาชิกและกรรมาธิการต้องจงรักภักดีและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ”

    ถาม ผมเป็น สส.ก้าวไกล เห็นว่า การใช้ ม.๑๑๒ โดยไม่ถูกต้องมันมีอยู่จริง ก็ร่วมลงชื่อเสนอร่างกฎหมายไปโดยสุจริต ผมก็โดนฆ่าโดนตัดสิทธิทางการเมืองเลยหรือ

    ตอบ ถ้าเราเข้าใจชัดแล้วว่า ความผิดที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้บ่งนั้น มันอยู่ที่การกร่อนเซาะสถาบันโดยจัดตั้งและเคลื่อนไหวจนเป็นขบวนการใหญ่ ซ่อนเร้นอยู่หลังการนำเสนอร่างกฎหมาย อีกทีหนึ่ง ถ้าเข้าใจตรงกันเช่นนี้คุณก็ไม่ผิด เพราะใช้อำนาจหน้าที่ไปโดยสุจริต ไม่ได้รู้เห็นสุมหัวร่วมอยู่ในขบวนการกร่อนเซาะนั้น

    ถาม ถ้าถือตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ร่างกฎหมายที่ผมลงชื่อไปนั้น มันระบุให้ความผิดหมิ่นกษัตริย์เป็นความผิดอันยอมความได้เช่นหมิ่นชาวบ้านทั่วไปนะครับ แก้กฎหมายอย่างนี้ตำรวจไปจับคนด่าในหลวงเลยไม่ได้ ต้องให้ในวังแจ้งความเอาเรื่องก่อน อย่างนี้มันหมายความว่าเราเลิกไม่คุ้มครองกษัตริย์ในฐานะสถาบันของชาติอีกต่อไป แล้วมันไม่ขัดรัฐธรรมนูญหรือครับ ผมจะรอด หลุดคดีจริยธรรมแน่หรือเมื่อเสนอกฎหมายขัดรัฐธรรมนูญ

    ตอบ ถ้าร่างนี้ผ่านเป็นกฎหมาย ผมว่าศาลรัฐธรรมนูญต้องตีตก ว่าขัดรัฐธรรมนูญแน่ แต่ปัญหาว่าคนเสนอร่างกฎหมาย เคลื่อนไหวเป็นปฏิปักษ์หรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง

    ถาม หมายความว่า ใน สส. ๔๔ คนนี้ อาจเป็นผิดเพียงบางคนเท่านั้น อย่างนั้นหรือ

    ตอบ ครับเป็นเช่นนั้น...คดีนี้ลงโทษที่คน เอาเฉพาะที่เป็น สส. และเฉพาะคนที่เป็นภัยต่อรัฐธรรมนูญออกไปจากการเมือง แต่ละคนต้องมีพฤติการณ์ส่วนตนประกอบชัดเจนด้วยว่าร่วมอยู่ในขบวนการกร่อนเซาะด้วยจริงๆ
    เยอรมันหลังสงครามเขาก็ออกกฎหมายตัดสิทธิทางการเมืองของแกนนำนาซีเหมือนกัน

    ถาม อาจารย์เห็นใครบ้างไหม

    ตอบ มีหลายคนหลายพฤติการณ์ คำวินิจฉัยศาลระบุไว้เหมือนกันว่ามีอยู่ในพรรคนี้แน่ ทั้งขึ้นปราศัย ทั้งต้องคดี ๑๑๒ ทั้งช่วยประกันตัว ฯลฯ

    ก็แล้วแต่ ปปช.จะไต่สวนเจอใครไหม หลักฐานไปได้แค่ไหนก็แค่นั้น ไม่เพียงพอก็ไม่เป็นไร เราอย่าไปแทรกแซง

    ถาม ปปช.น่าจะขอหมายศาล ค้นโพสต์ในโซเชียลของ สส.พวกนี้ได้ไหมครับ น่าจะเจออะไรมากมายทีเดียว

    ตอบ ป่านนี้ไม่เหลืออะไรแล้วล่ะครับ

    ถาม สรุปแล้ว มาวันนี้ที่ หัวหน้าเท้งพรรคประชาชนบอกว่ายังจะเสนอร่างกฎหมาย ๑๑๒ อยู่อีก ก็ทำได้โดยชอบ อย่างนั้นใช่ไหมครับ

    ตอบ ถ้าทำโดยสุจริต ไม่มุ่งวี้ดบึ้มสร้างความขัดแย้ง เกลียดชังสถาบัน ก็เชิญเลยครับ

    ถาม เขาก็จะข่มใจไหวหรือครับ ผมเห็นชูสโลแกนปฏิวัติฝรั่งเศสครั้งปฏิวัติล้มล้างกษัตริย์ว่า “ เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ ” แล้วยังโบกธง “ ชาติ ศาสนา ประชาชน ” ชี้นำสังคมไทยเสียด้วย แล้วอย่างนี้ดูจะลดเพดานยากอยู่นะครับ

    ตอบ เรื่องของเขา เราดูให้ออกก็พอแล้วครับ ว่าเขารักความสามัคคีมีภราดรภาพในหมู่คนไทยจริงไหม รักชาติไม่รับเงินไม่รับอาณัติไม่ชักศึกเข้าบ้าน จนบ้านเมืองชิบหายเหมือน เซเลนสกี้หรือไม่ ดูไม่ยากหรอกครับ

    ถาม เขามีเสียงศรัทธาถึง ๑๔ ล้านเสียง อาจารย์อยากให้เขาใช้พลังนี้ทำอะไร

    ตอบ เลิกบ้าการเมืองเลิกหมกมุ่นแก้รัฐธรรมนูญ เดินเข้ามาเป็นรัฐบาลทำเรื่องนี้ให้เป็นจริงเถิดครับ ผมพร้อมจะเดินหาเสียงให้ทั้งซอยบ้านผมเลย

    - ปฏิรูปเกษตรกรรม ให้เกษตรกรคนเล็กคนน้อยมีอนาคตสร้างผลิตภาพในการผลิตต่างๆ ได้พอๆกับธุรกิจอาหารของซีพี อย่างที่อินเดียเขากำลังทำ

    - ปฏิรูปการจัดการความเจริญ ทำเชียงใหม่ ขอนแก่น พิษณุโลก หาดใหญ่ เป็นเมืองรองให้เป็นฐานความเจริญของภูมิภาค ตามที่ธนาคารโลกเขาแนะนำ

    - ปฏิรูปการศึกษา ให้คนหลายสิบล้าน ยืนขึ้นมาสร้างตนเอง เลิกแบมือรอเงินดิจิตอล อย่างทุกวันนี้

    ตัวอย่างปฏิรูประดับโครงสร้างอย่างนี้ต่างหากครับ คือ “ก้าวไกล” ที่แท้จริง ที่พวกคุณคนรุ่นใหม่ต้องทุ่มเทเพื่ออนาคตของคุณเองให้จงได้

    ที่มา: ไทยโพสต์

    #Thaitimes
    'แก้วสรร อติโพธิ' เผยแพร่บทความ 'ก้าวใหม่ของก้าวไกล' เสนอแก้มาตรา 112 อย่างไร จึงจะไม่ถูกยุบพรรคอีก 10 สิงหาคม 2567-นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง "ก้าวใหม่...ของก้าวไกล? ในรูปแบบถาม-ตอบ มีเนื้อหาดังนี้ “ ที่ผ่านมาเราไม่เคยสื่อสารลดเพดานเรื่องอะไร....เราเองก็ไม่ประมาททำทุกอย่างรอบคอบ คำตัดสินศาลรัฐธรรมนูญที่ออกมาจนนำมาสู่การยุบพรรคก้าวไกล เราต้องกลับมาศึกษาอย่างดี พวกเรายังคงต้องผลักดันเดินหน้าปรับปรุงแก้กฎหมายในส่วนนี้ ที่ปัจจุบันก็ยังมีปัญหาอยู่ ”ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ถาม พรรคประชาชนต้องเสนอร่างกฎหมายแก้ ม.๑๑๒ อย่างไร..จึงจะไม่ถูกศาลสั่งยุบอีก ครับ ? ตอบ เสนอร่างเดิมไม่ปรับปรุงอะไรเลยก็ยังได้ครับ ขอแต่ให้เสนอด้วยกระบวนการนิติบัญญัติที่ชอบเท่านั้น คุณต้องอ่านคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญให้ดีๆว่า ความผิดที่ผ่านมา มันอยู่ที่ ความเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่มุ่งเอาการเสนอกฎหมายมาบังหน้า บังความเคลื่อนไหวใหญ่อย่างเป็นขบวนการที่มุ่งกร่อนเซาะสถาบันกษัตริย์ ความข้อนี้ศาลพูดไว้ชัดแล้วในคำวินิจฉัยแรก เมื่อ ๓๐ มกราคม ๒๕๖๗ “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองมีพฤติการณ์ในการใช้สิทธิหรือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเพื่อทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดย ซ่อนเร้นหรือผ่านการนำเสนอร่างกฎหมาย ...มีลักษณะดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นขบวนการ ใช้หลายพฤติการณ์ประกอบกัน ทั้งการชุมนุม การจัดกิจการ การรณรงค์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ การเสนอร่างแก้ไขกฎหมายเข้าสู่สภา และการใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ” “ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเอกฉันท์ วินิจฉัยว่า สั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่นเพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกทั้ง ไม่ให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย” ถาม อะไรคือการแก้ไขกฎหมาย “ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ” ตอบ คือการใช้อำนาจหน้าที่โดยไม่สุจริต ผิดวิถีทางแห่งรัฐธรรมนูญ มุ่งวี้ดบึ้มให้การมีอยู่ของสถาบันกษัตริย์กลายเป็นปัญหาของชาติ ชูเป็นนโยบายหลัก จัดกิจกรรม จัดชุมนุม รณรงค์ผ่านสื่อ และสอดประสานกับกลุ่มต่างๆ ใช้โซเชียลใส่ร้าย ทำลาย ปล่อยแฟลชม๊อบออกมาอาละวาด ด่าทอ เกิดคดี ๑๑๒ ถูกจับกุมเสียอนาคตเป็นร้อยคดี พฤติการณ์ทั้งหมดนี้ในคำวินิจฉัยยุบพรรค ศาลระบุไว้เป็นเอกฉันท์ว่าเป็นขบวนการกว้างกว่ากิจกรรมเสนอร่างกฎหมายในสภา มีผลเป็นการล้มล้างการปกครอง ส่วนตัวตนของคนที่เคลื่อนไหวถึงขั้นเป็นปฏิปักษ์ต่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขหรือไม่นั้น ตรงนี้เสียง ๘ : ๑ ยืนยันว่าเป็นปฏิปักษ์ ถาม อ้าว...ถ้าชี้ว่าเป็นปฏิปักษ์อย่างนี้ สส.ก้าวไกล ๔๔ คน ที่ร่วมลงชื่อเสนอร่างกฎหมาย ก็โดนตัดสิทธิสมัครเลือกตั้งไปตลอดชีวิตเลยสิครับ ตอบ ปปช.เขากำลังเริ่มตรวจสอบอยู่ ถ้าพบว่ามีมูล ก็จะกล่าวหาว่าใครมีพฤติการณ์ประพฤติผิดจรรยาบรรณอย่างไรบ้าง จากนั้นก็ให้ชี้แจงเข้าสู่กระบวนการไต่สวนแล้วเสนอ คณะกรรมการ ปปช. มีมติในที่สุดว่า ควรส่งให้ศาลฏีกาพิพากษาตัดสิทธิ ฐานประพฤติผิดมาตรฐานจริยธรรมผู้แทนราษฎร ข้อนี้หรือไม่? “ ข้อ ๖ สมาชิกและกรรมาธิการต้องจงรักภักดีและพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ” ถาม ผมเป็น สส.ก้าวไกล เห็นว่า การใช้ ม.๑๑๒ โดยไม่ถูกต้องมันมีอยู่จริง ก็ร่วมลงชื่อเสนอร่างกฎหมายไปโดยสุจริต ผมก็โดนฆ่าโดนตัดสิทธิทางการเมืองเลยหรือ ตอบ ถ้าเราเข้าใจชัดแล้วว่า ความผิดที่ศาลรัฐธรรมนูญชี้บ่งนั้น มันอยู่ที่การกร่อนเซาะสถาบันโดยจัดตั้งและเคลื่อนไหวจนเป็นขบวนการใหญ่ ซ่อนเร้นอยู่หลังการนำเสนอร่างกฎหมาย อีกทีหนึ่ง ถ้าเข้าใจตรงกันเช่นนี้คุณก็ไม่ผิด เพราะใช้อำนาจหน้าที่ไปโดยสุจริต ไม่ได้รู้เห็นสุมหัวร่วมอยู่ในขบวนการกร่อนเซาะนั้น ถาม ถ้าถือตามที่ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้ว ร่างกฎหมายที่ผมลงชื่อไปนั้น มันระบุให้ความผิดหมิ่นกษัตริย์เป็นความผิดอันยอมความได้เช่นหมิ่นชาวบ้านทั่วไปนะครับ แก้กฎหมายอย่างนี้ตำรวจไปจับคนด่าในหลวงเลยไม่ได้ ต้องให้ในวังแจ้งความเอาเรื่องก่อน อย่างนี้มันหมายความว่าเราเลิกไม่คุ้มครองกษัตริย์ในฐานะสถาบันของชาติอีกต่อไป แล้วมันไม่ขัดรัฐธรรมนูญหรือครับ ผมจะรอด หลุดคดีจริยธรรมแน่หรือเมื่อเสนอกฎหมายขัดรัฐธรรมนูญ ตอบ ถ้าร่างนี้ผ่านเป็นกฎหมาย ผมว่าศาลรัฐธรรมนูญต้องตีตก ว่าขัดรัฐธรรมนูญแน่ แต่ปัญหาว่าคนเสนอร่างกฎหมาย เคลื่อนไหวเป็นปฏิปักษ์หรือไม่นั้น เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถาม หมายความว่า ใน สส. ๔๔ คนนี้ อาจเป็นผิดเพียงบางคนเท่านั้น อย่างนั้นหรือ ตอบ ครับเป็นเช่นนั้น...คดีนี้ลงโทษที่คน เอาเฉพาะที่เป็น สส. และเฉพาะคนที่เป็นภัยต่อรัฐธรรมนูญออกไปจากการเมือง แต่ละคนต้องมีพฤติการณ์ส่วนตนประกอบชัดเจนด้วยว่าร่วมอยู่ในขบวนการกร่อนเซาะด้วยจริงๆ เยอรมันหลังสงครามเขาก็ออกกฎหมายตัดสิทธิทางการเมืองของแกนนำนาซีเหมือนกัน ถาม อาจารย์เห็นใครบ้างไหม ตอบ มีหลายคนหลายพฤติการณ์ คำวินิจฉัยศาลระบุไว้เหมือนกันว่ามีอยู่ในพรรคนี้แน่ ทั้งขึ้นปราศัย ทั้งต้องคดี ๑๑๒ ทั้งช่วยประกันตัว ฯลฯ ก็แล้วแต่ ปปช.จะไต่สวนเจอใครไหม หลักฐานไปได้แค่ไหนก็แค่นั้น ไม่เพียงพอก็ไม่เป็นไร เราอย่าไปแทรกแซง ถาม ปปช.น่าจะขอหมายศาล ค้นโพสต์ในโซเชียลของ สส.พวกนี้ได้ไหมครับ น่าจะเจออะไรมากมายทีเดียว ตอบ ป่านนี้ไม่เหลืออะไรแล้วล่ะครับ ถาม สรุปแล้ว มาวันนี้ที่ หัวหน้าเท้งพรรคประชาชนบอกว่ายังจะเสนอร่างกฎหมาย ๑๑๒ อยู่อีก ก็ทำได้โดยชอบ อย่างนั้นใช่ไหมครับ ตอบ ถ้าทำโดยสุจริต ไม่มุ่งวี้ดบึ้มสร้างความขัดแย้ง เกลียดชังสถาบัน ก็เชิญเลยครับ ถาม เขาก็จะข่มใจไหวหรือครับ ผมเห็นชูสโลแกนปฏิวัติฝรั่งเศสครั้งปฏิวัติล้มล้างกษัตริย์ว่า “ เสรีภาพ เสมอภาค ภราดรภาพ ” แล้วยังโบกธง “ ชาติ ศาสนา ประชาชน ” ชี้นำสังคมไทยเสียด้วย แล้วอย่างนี้ดูจะลดเพดานยากอยู่นะครับ ตอบ เรื่องของเขา เราดูให้ออกก็พอแล้วครับ ว่าเขารักความสามัคคีมีภราดรภาพในหมู่คนไทยจริงไหม รักชาติไม่รับเงินไม่รับอาณัติไม่ชักศึกเข้าบ้าน จนบ้านเมืองชิบหายเหมือน เซเลนสกี้หรือไม่ ดูไม่ยากหรอกครับ ถาม เขามีเสียงศรัทธาถึง ๑๔ ล้านเสียง อาจารย์อยากให้เขาใช้พลังนี้ทำอะไร ตอบ เลิกบ้าการเมืองเลิกหมกมุ่นแก้รัฐธรรมนูญ เดินเข้ามาเป็นรัฐบาลทำเรื่องนี้ให้เป็นจริงเถิดครับ ผมพร้อมจะเดินหาเสียงให้ทั้งซอยบ้านผมเลย - ปฏิรูปเกษตรกรรม ให้เกษตรกรคนเล็กคนน้อยมีอนาคตสร้างผลิตภาพในการผลิตต่างๆ ได้พอๆกับธุรกิจอาหารของซีพี อย่างที่อินเดียเขากำลังทำ - ปฏิรูปการจัดการความเจริญ ทำเชียงใหม่ ขอนแก่น พิษณุโลก หาดใหญ่ เป็นเมืองรองให้เป็นฐานความเจริญของภูมิภาค ตามที่ธนาคารโลกเขาแนะนำ - ปฏิรูปการศึกษา ให้คนหลายสิบล้าน ยืนขึ้นมาสร้างตนเอง เลิกแบมือรอเงินดิจิตอล อย่างทุกวันนี้ ตัวอย่างปฏิรูประดับโครงสร้างอย่างนี้ต่างหากครับ คือ “ก้าวไกล” ที่แท้จริง ที่พวกคุณคนรุ่นใหม่ต้องทุ่มเทเพื่ออนาคตของคุณเองให้จงได้ ที่มา: ไทยโพสต์ #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 832 มุมมอง 0 รีวิว
  • สุดยอดศิลปิน แอ๊ดคาราบาว
    เปลี่ยนชื่อใหม่แล้วเป็น อวย หัว แค๊ด
    ศิลปินแห่งขาติ ที่ออกตัวแรง
    กล่าวเยินยอ บ่นเสียดาย
    พรรคที่ล้มล้างการปกครองระบบบอบประชาธิปไตย
    อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
    อวย หัว แค๊ด คงอยากให้ความพยายาม
    ในการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ของก้าวไกล
    ประสบผลสำคัญ วันนั้นคงยิ้มได้
    แต่คงไม่มีหรอกนะ อวย หัว แค๊ด
    เพราะผู้จงรักษ์ภักดียังมีเต็มแผ่นดิน
    เมิงรอดูผลกรรมได้เลย
    ว่าคนไทยจะซัพพอต อวย หัว แค๊ด อยู่หรือเปล่า
    แหม่ ไอ่วงที่ประกาศยุบๆ ไม่ยุบบ่อยๆ
    ก็เหมาะแล้ว กับพรรคล้มสถาบันที่ถูกยุบแล้วยุบอีก
    #คิงส์โพธิ์แดง
    สุดยอดศิลปิน แอ๊ดคาราบาว เปลี่ยนชื่อใหม่แล้วเป็น อวย หัว แค๊ด ศิลปินแห่งขาติ ที่ออกตัวแรง กล่าวเยินยอ บ่นเสียดาย พรรคที่ล้มล้างการปกครองระบบบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข อวย หัว แค๊ด คงอยากให้ความพยายาม ในการล้มล้างสถาบันกษัตริย์ของก้าวไกล ประสบผลสำคัญ วันนั้นคงยิ้มได้ แต่คงไม่มีหรอกนะ อวย หัว แค๊ด เพราะผู้จงรักษ์ภักดียังมีเต็มแผ่นดิน เมิงรอดูผลกรรมได้เลย ว่าคนไทยจะซัพพอต อวย หัว แค๊ด อยู่หรือเปล่า แหม่ ไอ่วงที่ประกาศยุบๆ ไม่ยุบบ่อยๆ ก็เหมาะแล้ว กับพรรคล้มสถาบันที่ถูกยุบแล้วยุบอีก #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 385 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงต่างประเทศแถลงโต้ต่างชาติวิจารณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญยุบก้าวไกล ยืนยันเป็นเอกสิทธิ์และอำนาจศาลฯที่ไม่สามารถแทรกแซงโดยอำนาจอื่นได้ ย้ำไทยยังคงยึดมั่นค่านิยมประชาธิปไตย ยึดกติการะหว่างประเทศ

    8 สิงหาคม 2567-.นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงกรณีที่บางประเทศวิพากษ์วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญของไทยที่มีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคก้าวไกล ว่า คำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลเป็นเอกสิทธิ์และอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งอยู่ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญตามหลักการของการแบ่งแยกเขตอำนาจของรัฐธรรมนูญ การตัดสินวินิจฉัยของศาลฯ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถแทรกแซงได้โดยอำนาจอื่นหรือโดยรัฐบาล ขณะที่คำตัดสินดังกล่าวมีผลผูกพันตามกฎหมาย และต้องได้รับความเคารพโดยปวงชนชาวไทย

    โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยยังคงดำเนินตามค่านิยมประชาธิปไตยและในฐานะรัฐภาคีของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และย้ำความมุ่งมั่นต่อพันธกรณีและเสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพในการสมาคม เสรีภาพในการชุมนุมอย่างสันติ และเสรีภาพในการก่อตั้งพรรคการเมือง ประเทศไทยมีความภาคภูมิใจในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นส่วนสำคัญยิ่งต่อขนบประเพณีของไทย และเป็นเสาหลักของฝ่ายตุลาการ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติที่แยกออกจากกัน 3 ฝ่าย ซึ่งสร้างความเป็นชาติตลอดห้วงประวัติศาสตร์หลายศตวรรษที่ผ่านมา นอกจากนี้ ประเทศไทยจะดำเนินตามขนบประเพณีและระบอบประชาธิปไตยนี้อย่างมั่นคงด้วยความภาคภูมิใจและมีศักดิ์ศรี เราเชื่อมั่นว่าประชาชนคนไทยทุกคนจะเคารพในคำพิพากษา และร่วมกันนำประเทศไปข้างหน้าตามวิถีทางประชาธิปไตยต่อไป

    #Thaitimes
    กระทรวงต่างประเทศแถลงโต้ต่างชาติวิจารณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญยุบก้าวไกล ยืนยันเป็นเอกสิทธิ์และอำนาจศาลฯที่ไม่สามารถแทรกแซงโดยอำนาจอื่นได้ ย้ำไทยยังคงยึดมั่นค่านิยมประชาธิปไตย ยึดกติการะหว่างประเทศ 8 สิงหาคม 2567-.นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงกรณีที่บางประเทศวิพากษ์วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญของไทยที่มีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคก้าวไกล ว่า คำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลเป็นเอกสิทธิ์และอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งอยู่ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญตามหลักการของการแบ่งแยกเขตอำนาจของรัฐธรรมนูญ การตัดสินวินิจฉัยของศาลฯ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถแทรกแซงได้โดยอำนาจอื่นหรือโดยรัฐบาล ขณะที่คำตัดสินดังกล่าวมีผลผูกพันตามกฎหมาย และต้องได้รับความเคารพโดยปวงชนชาวไทย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยยังคงดำเนินตามค่านิยมประชาธิปไตยและในฐานะรัฐภาคีของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และย้ำความมุ่งมั่นต่อพันธกรณีและเสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพในการสมาคม เสรีภาพในการชุมนุมอย่างสันติ และเสรีภาพในการก่อตั้งพรรคการเมือง ประเทศไทยมีความภาคภูมิใจในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นส่วนสำคัญยิ่งต่อขนบประเพณีของไทย และเป็นเสาหลักของฝ่ายตุลาการ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติที่แยกออกจากกัน 3 ฝ่าย ซึ่งสร้างความเป็นชาติตลอดห้วงประวัติศาสตร์หลายศตวรรษที่ผ่านมา นอกจากนี้ ประเทศไทยจะดำเนินตามขนบประเพณีและระบอบประชาธิปไตยนี้อย่างมั่นคงด้วยความภาคภูมิใจและมีศักดิ์ศรี เราเชื่อมั่นว่าประชาชนคนไทยทุกคนจะเคารพในคำพิพากษา และร่วมกันนำประเทศไปข้างหน้าตามวิถีทางประชาธิปไตยต่อไป #Thaitimes
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 573 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรามาโหวตให้นักแสดงพรรคก้าวกีย์ที่ถูกยุบกันหน่อยดีกว่า
    ใครชอบคนไหนก็โหวตๆกันมา
    คนแรก ชื่อ ป้าเจี๊ยบอมเกียร์ มาจากค่ายดาวแดง เป็นวัตถุโบราณค-อ-ม-มิ-ว-นิ-ส หลงยุคมา บรรยายอาการคือ กรี๊ดๆ น้ำมูกน้ำตาไหล
    คนที่สอง ชื่อ พิธาว่าว ชื่นชอบการแสดง แต่ต้องระวังถูกยืมตัง ทำบริษัทครอบครัวเจ๊ง แบ๊งโทรมาทวงทุกวัน ไม่มากแค่ 800 ล้าน บทบาทน้ำตาน้ำมูกไหลอาบแก้ม
    คนที่สาม ชื่อ ชัยธวัช ฉาลาชัยทาลล้มล้างการปกครอง อดีตเป็นบก นิตยสารฟ้าเดียวกัน ที่มีเนื้อหาให้ร้ายพระมหากษัตริย์ไทย ทั้งร.9 และร.10 อาการร้องไห้เบาๆหยิบผ้าเช็ดทรีนมาปาดดวงตาทั้งสองข้าง
    คนสุดท้าย ชื่อ ไหม หรือไหม่เส้นหย่อย คนนี้ร้องไห้แบบไม่มีน้ำตา เพราะใจตื่นเต้นที่กำลังจะได้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ในนามพรรคถิ่นกาขาวชาวสิวิไล ดีใจถึงกับ วอเทอร์วอร์คกันเลยทีเดียว
    เอาล่ะครับบรรยายมาถึงตอนนี้ ใครชอบบทบาทของคนไหน เพราะอะไร พิมพ์คอมเม้นมาได้เลย
    หมายเหตุ กรุณาอย่าพิมพ์ด้วยความสุภาพ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เรามาโหวตให้นักแสดงพรรคก้าวกีย์ที่ถูกยุบกันหน่อยดีกว่า ใครชอบคนไหนก็โหวตๆกันมา คนแรก ชื่อ ป้าเจี๊ยบอมเกียร์ มาจากค่ายดาวแดง เป็นวัตถุโบราณค-อ-ม-มิ-ว-นิ-ส หลงยุคมา บรรยายอาการคือ กรี๊ดๆ น้ำมูกน้ำตาไหล คนที่สอง ชื่อ พิธาว่าว ชื่นชอบการแสดง แต่ต้องระวังถูกยืมตัง ทำบริษัทครอบครัวเจ๊ง แบ๊งโทรมาทวงทุกวัน ไม่มากแค่ 800 ล้าน บทบาทน้ำตาน้ำมูกไหลอาบแก้ม คนที่สาม ชื่อ ชัยธวัช ฉาลาชัยทาลล้มล้างการปกครอง อดีตเป็นบก นิตยสารฟ้าเดียวกัน ที่มีเนื้อหาให้ร้ายพระมหากษัตริย์ไทย ทั้งร.9 และร.10 อาการร้องไห้เบาๆหยิบผ้าเช็ดทรีนมาปาดดวงตาทั้งสองข้าง คนสุดท้าย ชื่อ ไหม หรือไหม่เส้นหย่อย คนนี้ร้องไห้แบบไม่มีน้ำตา เพราะใจตื่นเต้นที่กำลังจะได้เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ในนามพรรคถิ่นกาขาวชาวสิวิไล ดีใจถึงกับ วอเทอร์วอร์คกันเลยทีเดียว เอาล่ะครับบรรยายมาถึงตอนนี้ ใครชอบบทบาทของคนไหน เพราะอะไร พิมพ์คอมเม้นมาได้เลย หมายเหตุ กรุณาอย่าพิมพ์ด้วยความสุภาพ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 360 มุมมอง 0 รีวิว
  • 8 สิงหาคม 2567 - นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง "ทำไม...ยุบก้าวไกล" ในรูปแบบถาม-ตอบ มีเนื้อหาดังนี้

    ถาม เห็นพวกทูตฝรั่ง และประธานกรรมาธิการวุฒิสภาสหรัฐ ดาหน้าออกมาท้วงติงไม่ให้ยุบพรรคก้าวไกลแล้ว อาจารย์รับได้ไหมครับ ?

    ตอบ ฝรั่งตะวันตกถือตนเองเป็นจ้าวจักรวาล มีอเมริกาเป็นรัฐดวงอาทิตย์มีฝูงรัฐดาวเทียมในยุโรปเป็นบริวาร ร่วมกันถือประชาธิปไตยเป็นบัตรเสือก เข้ามาก้าวก่ายแทรกแซงประเทศเล็กๆที่เป็นรัฐอุกกาบาตล่องลอยเคว้งคว้างอยู่ทั่วไป ถ้ารัฐบาลรัฐอุกาบาตใดขืนมือขืนเท้า เขาก็เปลี่ยนเอาได้ง่ายๆ
    ใครจะรับรัฐฝรั่งเหล่านี้ได้หรือไม่ได้ก็ไม่มีความหมาย มันเป็นเช่นนี้มานานแล้ว มันสำคัญที่คนไทยเราเองต่างหากว่า เราเข้าใจและรับได้ในคำพิพากษานี้หรือไม่ สำหรับผม..ผมรับได้ครับ

    กษัตริย์แตะต้องไม่ได้ ?

    ถาม ฝรั่งมันว่า เสนอกฎหมายลดความคุ้มครองกษัตริย์ มันจะเป็นการล้มล้างการปกครองไปได้อย่างไร?

    ตอบ ต้องบอกเขาเลยว่า ร่างกฎหมายก้าวไกล ไม่ได้ลดความคุ้มครองนะครับ แต่เลิกการคุ้มครองสถาบันกษัตริย์ไปเลย ใครไปด่าว่าในหลวง ก็ต้องให้ในวังไปแจ้งความกล่าวโทษเอาเอง กษัตริย์เลยกลายเป็นแค่ชาวบ้าน ไม่ใช่สถาบันที่รัฐต้องคุ้มครองอีกต่อไป

    อำนาจปกป้องรัฐธรรมนูญ!

    ถาม ถ้าร่างกฎหมายก้าวไกลขัดรัฐธรรมนูญ ก็ให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินสิครับ ว่ากฎหมายอย่างนี้ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ใช้บังคับได้หรือเปล่า ไปสั่งปิดปากเขาก่อน แล้วฝังกลบยุบพรรคเขาเลยได้อย่างไร

    ตอบ สิ่งที่ศาลเห็นว่าผิดคือ “ความเคลื่อนไหว” ไม่ใช่ “ความคิด ” ตอนฮิตเลอร์สถาปนาพรรคนาซี เขาก็มีร่างกฎหมายชาตินิยมเสนอขึ้นมามากมาย แต่อันตรายต่อรัฐธรรมนูญมันอยู่ที่ความเคลื่อนไหวทั้งหมดของขบวนการนาซี ทั้งความคิด ทั้งการชุมนุม ทั้งการปลุกระดมมวลชนให้เกลียดชังฮึกเหิม ที่มุ่งปฏิวัติกร่อนเซาะระบอบประชาธิปไตยเยอรมันทั้งระบอบเลย

    พอหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศฝรั่งก็สร้างกฎหมายขึ้นมาป้องปรามความเคลื่อนไหวมวลชนปฏิวัติแบบนี้ขึ้นหลายแนวทาง ไทยเราก็คิดขึ้นมาใช้เหมือนกันในรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๓ เกิดเป็น “สิทธิปกป้องรัฐธรรมนูญ ”ขึ้นมา แล้วมันผิดจากมาตรฐานโลกที่ตรงไหน

    ถาม ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยถึง “ความเคลื่อนไหว” อันเป็นภัยนี้ ไว้ที่ตรงไหน ผมไม่เห็น

    ตอบ ต้องดูในคำวินิจฉัยแรกที่ศาลได้สั่งให้ก้าวไกลหยุดความเคลื่อนไหวทั้งปวงเลย

    “เป็นการใช้นโยบายพรรคการเมือง นำสถาบันพระมหากษัตริย์ลงมาเพื่อหวังคะแนนเสียงและประโยชน์ในการชนะการเลือกตั้ง มุ่งหมายให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในสถานะเป็นคู่ขัดแย้งของประชาชน ทำให้สถาบันต้องเข้าไปเป็นฝักฝ่าย ต่อสู้แข่งขันรณรงค์ทางการเมือง อันอาจนำมาซึ่งการโจมตี ติเตียน โดยไม่คำนึงถึงหลักการปกครองที่สำคัญว่าพระมหากษัตริย์ต้องดำรงฐานะอยู่เหนือการเมืองและความเป็นกลางทางการเมือง ”

    “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองมีพฤติการณ์ในการใช้สิทธิหรือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเพื่อทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดย ซ่อนเร้นหรือผ่านการนำเสนอร่างกฎหมาย แก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายพรรค รวมทั้ง มีการรณรงค์ ให้มีการยกเลิก หรือแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มีลักษณะดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นขบวนการ ใช้หลายพฤติการณ์ประกอบกัน ทั้งการชุมนุม การจัดกิจการ การรณรงค์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ การเสนอร่างแก้ไขกฎหมายเข้าสู่สภา และการใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ”

    “ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเอกฉันท์ วินิจฉัยว่า สั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่นเพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกทั้ง ไม่ให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย”

    อนาคตใหม่ ๓

    ถาม อาจารย์ว่าพรรค “อนาคตใหม่ ๓” จะยอมเลิกเคลื่อนไหวกร่อนเซาะสถาบันหรือไม่ ?

    ตอบ โลกนี้มันมีความฝัน ความคิด ให้นำมาปรุงแต่งเป็นธงนำได้หลายประการ เรื่องโลกแห่งความเสมอภาคนั้น คอมมูนิสต์ก็พยายามชี้นำ อธิบายเหมาโลกมาแล้วว่าปัญหาอยู่ที่ชนชั้นนายทุน มาวันนี้ธงชี้นำนี้ก็เก่าไปแล้ว

    พอมาช่วงไล่ คสช. ก็มีผู้นำ “สถาบันกษัตริย์” มาเหมาให้เป็นจำเลยใหม่อีก แถมเอาไปโยงเชื่อมต่อกับปฏิวัติ ๒๔๗๕ ให้ดูขลังขึ้นอีกด้วย จากนั้นก็ปรุงแต่งเพิ่มความเสมอภาคของเพศ,ของเด็ก,ของผู้ใช้แรงงาน และของผู้อพยพเข้าไปอีก “ความใหม่” มันก็ก่อตัวจนดูดี มีแรงดึงดูดขึ้นมาได้

    เมื่อผนวกกับฝ่ายผู้บริโภคคือคนรุ่นใหม่ ที่กำลังหลงเริงอยู่ในยุคแห่งอิสระภาพ จากพ่อแม่ จากสังคมชาติ จากวัฒนธรรม พวกเขาก็เลยสมาทานความใหม่เหล่านี้ผ่านโลกโซเชียล เข้าไปในตัวตนได้ในที่สุด

    ถาม “อนาคตใหม่ ๓” จะไม่ยอมเปลี่ยน “ความใหม่ ”ข้างต้นนี้หรือครับ

    ตอบ เราได้แต่หวังเท่านั้นว่าเขาจะเปลี่ยน คิดใหม่แล้วชูธงใหม่ไปในทางสร้างสรรค์ มุ่งแก้ปัญหาจริงในบ้านเมืองอย่างจริงจัง แล้วชักนำพลังคนรุ่นใหม่ไปสร้างบ้านเมืองใหม่ของเขาได้ต่อไป คนดีที่รู้จักคิดอ่านผมก็เห็นว่าพอมีอยู่บ้างเหมือนกัน

    เฉพาะวันนี้วิกฤตโลกาภิวัฒน์เกิดชัดเจนแล้วทั้งสงครามและเศรษฐกิจ

    “อนาคตเก่า” อยู่ไม่ได้แล้วล่ะครับ

    ที่มา : ไทยโพสต์
    8 สิงหาคม 2567 - นายแก้วสรร อติโพธิ เผยแพร่บทความเรื่อง "ทำไม...ยุบก้าวไกล" ในรูปแบบถาม-ตอบ มีเนื้อหาดังนี้ ถาม เห็นพวกทูตฝรั่ง และประธานกรรมาธิการวุฒิสภาสหรัฐ ดาหน้าออกมาท้วงติงไม่ให้ยุบพรรคก้าวไกลแล้ว อาจารย์รับได้ไหมครับ ? ตอบ ฝรั่งตะวันตกถือตนเองเป็นจ้าวจักรวาล มีอเมริกาเป็นรัฐดวงอาทิตย์มีฝูงรัฐดาวเทียมในยุโรปเป็นบริวาร ร่วมกันถือประชาธิปไตยเป็นบัตรเสือก เข้ามาก้าวก่ายแทรกแซงประเทศเล็กๆที่เป็นรัฐอุกกาบาตล่องลอยเคว้งคว้างอยู่ทั่วไป ถ้ารัฐบาลรัฐอุกาบาตใดขืนมือขืนเท้า เขาก็เปลี่ยนเอาได้ง่ายๆ ใครจะรับรัฐฝรั่งเหล่านี้ได้หรือไม่ได้ก็ไม่มีความหมาย มันเป็นเช่นนี้มานานแล้ว มันสำคัญที่คนไทยเราเองต่างหากว่า เราเข้าใจและรับได้ในคำพิพากษานี้หรือไม่ สำหรับผม..ผมรับได้ครับ กษัตริย์แตะต้องไม่ได้ ? ถาม ฝรั่งมันว่า เสนอกฎหมายลดความคุ้มครองกษัตริย์ มันจะเป็นการล้มล้างการปกครองไปได้อย่างไร? ตอบ ต้องบอกเขาเลยว่า ร่างกฎหมายก้าวไกล ไม่ได้ลดความคุ้มครองนะครับ แต่เลิกการคุ้มครองสถาบันกษัตริย์ไปเลย ใครไปด่าว่าในหลวง ก็ต้องให้ในวังไปแจ้งความกล่าวโทษเอาเอง กษัตริย์เลยกลายเป็นแค่ชาวบ้าน ไม่ใช่สถาบันที่รัฐต้องคุ้มครองอีกต่อไป อำนาจปกป้องรัฐธรรมนูญ! ถาม ถ้าร่างกฎหมายก้าวไกลขัดรัฐธรรมนูญ ก็ให้ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินสิครับ ว่ากฎหมายอย่างนี้ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ ใช้บังคับได้หรือเปล่า ไปสั่งปิดปากเขาก่อน แล้วฝังกลบยุบพรรคเขาเลยได้อย่างไร ตอบ สิ่งที่ศาลเห็นว่าผิดคือ “ความเคลื่อนไหว” ไม่ใช่ “ความคิด ” ตอนฮิตเลอร์สถาปนาพรรคนาซี เขาก็มีร่างกฎหมายชาตินิยมเสนอขึ้นมามากมาย แต่อันตรายต่อรัฐธรรมนูญมันอยู่ที่ความเคลื่อนไหวทั้งหมดของขบวนการนาซี ทั้งความคิด ทั้งการชุมนุม ทั้งการปลุกระดมมวลชนให้เกลียดชังฮึกเหิม ที่มุ่งปฏิวัติกร่อนเซาะระบอบประชาธิปไตยเยอรมันทั้งระบอบเลย พอหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ประเทศฝรั่งก็สร้างกฎหมายขึ้นมาป้องปรามความเคลื่อนไหวมวลชนปฏิวัติแบบนี้ขึ้นหลายแนวทาง ไทยเราก็คิดขึ้นมาใช้เหมือนกันในรัฐธรรมนูญ ๒๕๔๓ เกิดเป็น “สิทธิปกป้องรัฐธรรมนูญ ”ขึ้นมา แล้วมันผิดจากมาตรฐานโลกที่ตรงไหน ถาม ศาลรัฐธรรมนูญ วินิจฉัยถึง “ความเคลื่อนไหว” อันเป็นภัยนี้ ไว้ที่ตรงไหน ผมไม่เห็น ตอบ ต้องดูในคำวินิจฉัยแรกที่ศาลได้สั่งให้ก้าวไกลหยุดความเคลื่อนไหวทั้งปวงเลย “เป็นการใช้นโยบายพรรคการเมือง นำสถาบันพระมหากษัตริย์ลงมาเพื่อหวังคะแนนเสียงและประโยชน์ในการชนะการเลือกตั้ง มุ่งหมายให้สถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ในสถานะเป็นคู่ขัดแย้งของประชาชน ทำให้สถาบันต้องเข้าไปเป็นฝักฝ่าย ต่อสู้แข่งขันรณรงค์ทางการเมือง อันอาจนำมาซึ่งการโจมตี ติเตียน โดยไม่คำนึงถึงหลักการปกครองที่สำคัญว่าพระมหากษัตริย์ต้องดำรงฐานะอยู่เหนือการเมืองและความเป็นกลางทางการเมือง ” “ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองมีพฤติการณ์ในการใช้สิทธิหรือเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นเพื่อทำลายการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข โดย ซ่อนเร้นหรือผ่านการนำเสนอร่างกฎหมาย แก้ไขเพิ่มเติม ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และใช้เป็นนโยบายพรรค รวมทั้ง มีการรณรงค์ ให้มีการยกเลิก หรือแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มีลักษณะดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องเป็นขบวนการ ใช้หลายพฤติการณ์ประกอบกัน ทั้งการชุมนุม การจัดกิจการ การรณรงค์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ การเสนอร่างแก้ไขกฎหมายเข้าสู่สภา และการใช้เป็นนโยบายหาเสียงเลือกตั้ง ” “ศาลรัฐธรรมนูญโดยมติเอกฉันท์ วินิจฉัยว่า สั่งการให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการแสดงความคิดเห็น การพูด การเขียน การพิมพ์ การโฆษณา และการสื่อความหมายโดยวิธีอื่นเพื่อให้มีการยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 อีกทั้ง ไม่ให้มีการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ด้วยวิธีการซึ่งไม่ใช่กระบวนการทางนิติบัญญัติโดยชอบ ที่จะเกิดขึ้นต่อไปในอนาคตด้วย” อนาคตใหม่ ๓ ถาม อาจารย์ว่าพรรค “อนาคตใหม่ ๓” จะยอมเลิกเคลื่อนไหวกร่อนเซาะสถาบันหรือไม่ ? ตอบ โลกนี้มันมีความฝัน ความคิด ให้นำมาปรุงแต่งเป็นธงนำได้หลายประการ เรื่องโลกแห่งความเสมอภาคนั้น คอมมูนิสต์ก็พยายามชี้นำ อธิบายเหมาโลกมาแล้วว่าปัญหาอยู่ที่ชนชั้นนายทุน มาวันนี้ธงชี้นำนี้ก็เก่าไปแล้ว พอมาช่วงไล่ คสช. ก็มีผู้นำ “สถาบันกษัตริย์” มาเหมาให้เป็นจำเลยใหม่อีก แถมเอาไปโยงเชื่อมต่อกับปฏิวัติ ๒๔๗๕ ให้ดูขลังขึ้นอีกด้วย จากนั้นก็ปรุงแต่งเพิ่มความเสมอภาคของเพศ,ของเด็ก,ของผู้ใช้แรงงาน และของผู้อพยพเข้าไปอีก “ความใหม่” มันก็ก่อตัวจนดูดี มีแรงดึงดูดขึ้นมาได้ เมื่อผนวกกับฝ่ายผู้บริโภคคือคนรุ่นใหม่ ที่กำลังหลงเริงอยู่ในยุคแห่งอิสระภาพ จากพ่อแม่ จากสังคมชาติ จากวัฒนธรรม พวกเขาก็เลยสมาทานความใหม่เหล่านี้ผ่านโลกโซเชียล เข้าไปในตัวตนได้ในที่สุด ถาม “อนาคตใหม่ ๓” จะไม่ยอมเปลี่ยน “ความใหม่ ”ข้างต้นนี้หรือครับ ตอบ เราได้แต่หวังเท่านั้นว่าเขาจะเปลี่ยน คิดใหม่แล้วชูธงใหม่ไปในทางสร้างสรรค์ มุ่งแก้ปัญหาจริงในบ้านเมืองอย่างจริงจัง แล้วชักนำพลังคนรุ่นใหม่ไปสร้างบ้านเมืองใหม่ของเขาได้ต่อไป คนดีที่รู้จักคิดอ่านผมก็เห็นว่าพอมีอยู่บ้างเหมือนกัน เฉพาะวันนี้วิกฤตโลกาภิวัฒน์เกิดชัดเจนแล้วทั้งสงครามและเศรษฐกิจ “อนาคตเก่า” อยู่ไม่ได้แล้วล่ะครับ ที่มา : ไทยโพสต์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 760 มุมมอง 0 รีวิว
  • #นับจากนี้ไปคนไทยจะตาสว่างเสียที
    ความเคลื่อนไหวของกลุ่ม ค-อ-ม-มิ-ว-นิ-ส ในประเทศไทย
    มีมาโดยตลอด แต่อดีตจะทำแบบแอบๆทำ รู้กันเฉพาะกลุ่ม
    ภายใต้หนังสือและเว็บไซต์ที่ชื่อฟ้าเดียวกันที่มีเนื้อหา
    ที่บิดเบือนประวัติศาสตร์ให้ร้ายต่อสถาบันกษัตรย์
    คาดว่าในเวลานั้น ธนาธรใช้ทุนส่วนตัวในการเคลื่อนไหวอย่างไม่กระโตกกระตากนัก โดยมีนายชัยธวัชหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนสุดท้ายก่อนถูกยุบเป็นบรรณาธิการอย่างเปิดเผย
    แต่วันหนึ่ง ธนาธร ช่อ และปิยบุตร เหมือนได้พลังวิเศษ
    คิดใหญ่ ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งในช่วงแรก
    คนไทยยังรู้สึกถึงความหวังว่าการเมืองในประเทศไทย
    น่าจะเปลี่ยนไปได้ด้วยมือของคนรุ่นใหม่
    ทำให้ได้คะแนนเสียงมากอย่างน่าตกใจ
    รวมถึงการนำระบบไอโอบอท มาใช้ก่อนใคร
    ปั้นกระแสทวิตเตอร์ กำหนดเทรนให้มีแต่เรื่องราวของพรรคอนาคตใหม่
    ทำให้สื่อทุกสำนักวนเวียนอยู่แต่กับพรรคและคนของพรรคอนาคตใหม่เวลานั้น จนทำให้เกิดอุปทานหมู่ เวลาใครไปคอมเม้นตรงข้าม ก็ใช้บอทไอโอเข้าไปถล่ม จนคนคิดต่างไม่กล้าไปยุ่งเพราะเข้าใจว่า บอทไอโอคือคนจริงๆ
    เกิดปรากฏการคอมเม้นเป็นรูปส้มพร้อมกัน
    แต่เรื่องก็มาแตก ที่วิโรจน์ถ่ายรูปพร้อมอุปกรณ์มือถือหลายสิบเครื่องที่เป็นอุปกรณ์บอทไอโอที่นำเข้าระบบมาจากเวียดนาม
    แต่ตอนนี้ ทุกแพลตฟอร์มต่างปรับตัวและป้องกันบอทไอโอและลบแอคเค้าบอทออกจากระบบแทบเกลี้ยง ทำให้ทุกวันนี้แม้แต่ไลฟ์สดของหัวหน้าพรรคเอง หรือนายพิธาก็ยังมีคนดูแค่สามสี่ร้อยคน
    ยังรวมไปถึงการที่พรรคก้าวไกลไม่กล้าทำในสิ่งที่มีความเสี่ยงต่อกฏหมาย
    ก็ยังมีงบจำนวนมหาศาลที่มีหลักฐานและพยานว่าบุ้งได้รับมาจากการส่งภาพการก่อความวุ่นวายจากสมุน และได้ตังมาก็เอามาเปย์ผู้ และให้เด็กในสังกัดกินอดๆอยากๆ แต่ต้นทางน้ำมานั้น จำนวนมหาศาล ถึงขนาดที่ตรวจสอบบัญชีเพนกวิ้น มีไม่ต่ำกว่า ุ60 ล้านบาท เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องลับเซิทหาได้เป็นข้อมูลจากทางการไทยเองและทรายเจริญปุระ ก็เคยออกมาคอนเฟิร์มเองด้วยซ้ำ
    คำถามว่า งบทำบอทไอโอ งบสร้างความวุ่นวายในนามกลุ่มทะลุวัง หรือ งบในการสร้างพรรค มันเอามาจากไหนกันนะ
    ก็พบว่ามีการสืบเส้นทางการเงินมีองค์กรอิสระองค์กรหนึ่งของต่างชาติ เป็นจุดเชื่อมโยงเงินจากบางคนในสหรัฐเข้ากระเป๋าคนเหล่านี้
    จนในที่สุด ความจริงก็ถูกเปิด ด้วยการที่ผู้นำจิตวิญญาณของอนาคตใหม่หรือพรรคก้าวไกล ต่างเข้านอกออกในสถานฑูตสหรัฐประจำประเทศไทยเป็นว่าเล่น ไม่เว้นแม้แต่เสี่ยเพนกวิ้นเช่นกัน
    จนมาถึงวันนี้ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้ก้าวไกลเป็นพรรคที่ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรเป็นประมุข
    องค์กรแอมเนสตี้ ถึงขนาดออกอาการเหิมเกริม สั่งศาลรัฐธรรมนูญให้รีบกลับคำตัดสิน ซึ่งไม่เคยมีเหตุการละเมิดศาลจากองค์กรต่างชาติแบบนี้มาก่อนในประเทศไทย
    นอกจากนั้น ทูต 18 ประเทศ ที่ทำเกินหน้าที่การเป็นทูตประจำประเทศไทย รวมไปถึง สว.สหรัฐก็ออกมาขู่ศาลไทย อย่างกร่างๆ
    ดังนั้น ที่คิงส์โพธิ์แดงเคยให้ข้อมูลว่า เมกาคือผู้อยู่เ้บื้องหลัง
    ความพยายามในการก้าวก่าย และให้การสนับสนุนส่งเสริมกลุ่มคนที่ให้ร้ายจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตรย์มาโดยตลอดนั้น ก็คือสหรัฐอเมริกา
    ที่มีเป้าหมายในการแก้ไขม.112 นั้น มีความชัดเจนแม้ว่าหากตัดข้อนี้ไปพรรคอื่นๆก็พร้อมร่วมจัดตั้งรัฐบาล แต่เพราะเหตุใดทั้งพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล จึงยืนยันในจุดยืนนี้มาตลอด
    นั่นก็เพราะงบประมาณที่ให้การสนับสนุน ก็ให้มาทำเรื่องนี้โดยตรง
    เพราะการที่แก้ไขม112 โดยการให้ร้าย บิดเบือน พระมหากษัตย์ได้โดยผิดน้อยที่สุดหรือไม่ผิดเลยท ก็คุ้มค่าต่อความเสี่ยงที่จะปั้นแต่งปลุกปั่นให้คนไทยรุ่นใหม่ มีความชิงชังสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะสหรัฐไม่มีฐานทัพในโซนนี้ หากได้ประเทศไทยในการตั้งฐานทัพด้วยการสร้างสถานการณ์ต่างๆ ก็จะสามารถส่งจรวดไปจีนได้ในระยะวิถีกรณีมีความขัดแย้งกันระหว่างประเทศมหาอำนาจ (ซึ่งข้อมูลเรื่องสหรัฐมีเป้าหมายตั้งฐานทัพในประเทศไทย มีหลักฐานอยู่ทั้งที่วิทยาลัยป้องกันราชอนาจักร และฝ่ายความมั่นคงจำนวนไม่น้อย)
    ....และโดยเฉพาะตอนนี้ จีนแผ่นดินใหญ่ก็ได้ใช้สูตรทางเศรษฐกิจและการลงทุนเข้ามาขายอนาเขตแบบเนียนๆทั้งกำพูชา สปปลาว และพม่าแล้ว เหลือแค่ไทยที่ขยับเข้ามาได้ยากกว่าประเทศเพื่อนบ้านมากนักแต่ก็มาแล้วพอสมควรทีเดียว
    แต่สหรัฐที่ยังไม่สามารถมาตั้งฐานทัพในประเทศไทยหรือยึดประเทศไทยได้นั้น เพราะประเทศไทยมีสถาบันพระมหากษัตรที่ทรงอยู่เหนือการเมือง เป็นผู้ทรงให้ทรงเมตตาต่อพสกนิกรในทุกยุคทุกรัชสมัยจวบถึงปัจจุบัน มีผู้จงรักษภักดีต่อพระองค์ที่รักษาปกป้องไว้ซึ่งสามสถาบันหลักที่ยืนหยัดมั่นคงในความเป็นชาติได้ ดังนั้น ม.112 จึงเป็นกูญแจสำคัญที่ก้าวไกลและอนาคตใหม่พยายามผลักดันกฏหมายด้วยวาทะกรรมต่างๆให้ผู้หมิ่นสถาบันผิดน้อยที่สุดหรือไม่ผิดเลยตามกฏหมายนั่นเอง ไม่มีสถาบันกษัตริย์ก็สิ้นชาติ
    หากสังเกตุให้ดีแม้กระทั่งมีเป้าหมายลดกำลังทหาร ก็เพื่อบั่นทอนความมั่นคงของชาติ โดยนำจุดบกพร่องเพียงส่วนน้อย มาตีให้เป็นเรื่อง่ส่วนใหญ่ เพื่อสร้างความชอบธรรมและได้คะแนนเสียงกับกลุ่มเด็กโตที่กำลังจะเกณฑ์และกลัวการเป็นทหารมาเป็นคะแนนเสียงร่วม และพฤติกรรมที่สร้างแนวคิดไม่ให้ลูกมีความกตัญญูกับพ่อแม่ นั่นก็เพราะเมื่อเด็กห่างอกพ่อแม่ก็จะสามารถชักจูงได้โดยง่าย และเป็นฐานมวลชนที่พวกเขาเหล่านี้จูงไปไหนก็ไป
    ดังนั้น ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่คิงส์โพธิ์แดง นำเสนอมาโดยตลอด และทุกอย่างในข้อมูลของโพสนี้ได้มอบให้นั้น ล้วนมีหลักฐาน มีพยานที่หาได้ไม่ยากเลย
    ยกตัวอย่างเช่น ภาพเพนกวิ้น ที่เข้านอกออกในสถานฑุตสหรัฐก็มีให้เห็นอยู่ดาษดื่น
    ดังนั้นพี่น้องชาวไทยอย่าแปลกใจถึงการเคลื่อนไหวขององค์กรอิสระต่างชาติ หรือแม้กระทั่ง นาโต้ un รวมถึงความพยายามกดดันโดนทูตตะวันตกประจำประเทศไทย นั่นเพราะเรามีกลุ่มค-อ-ม-มิ-ว-นิ-ส-ต-ก-ยุ-ค อย่าธร ข่อ ปิยะบุตร และตัวแม่อย่างเจี๊ยบอมรัตน์ที่คิดว่าจะห-ล-อ-ก ใช้งบและอำนาจของสหรัฐและกลุ่มยุโรปเพื่อสานฝันของตัวเอง แต่แท้ที่จริงกลับถูกเค้าใช้ตัวเองเป็นเครื่องมือยึดประเทศไทยเป็นฐานไม่รู้ตัว และมีคนอยากดังแบบพิธา ไอติม และสก็อยอย่างไอซ์ คนไม่อยากเป็นทหารอย่างจิรัฐ ก็มั่วๆรวมๆกันอยู่และยอมแลกความมั่นคงของชาติกับผลประโยชน์ส่วนตัว
    นับจากวันที่ 7 สิงหา 67 นี้ไป เราจะถูกรุมวิจารณ์และกดดันจากสหรัฐและพันธมิตรผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงองค์กรอิสระมากมาย
    คิงส์โพธิ์แดงจึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยผู้รักชาติรับสถาบันร่วมกันปกป้องสถาบันพระมหากษัตรย์ และ
    ช่วยเผยแพร่ความรู้นี้สู่พี่น้องชาวไทยเพื่อให้ประเทศไทยยังคงอยู่สืบไปนานเท่านาน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #นับจากนี้ไปคนไทยจะตาสว่างเสียที ความเคลื่อนไหวของกลุ่ม ค-อ-ม-มิ-ว-นิ-ส ในประเทศไทย มีมาโดยตลอด แต่อดีตจะทำแบบแอบๆทำ รู้กันเฉพาะกลุ่ม ภายใต้หนังสือและเว็บไซต์ที่ชื่อฟ้าเดียวกันที่มีเนื้อหา ที่บิดเบือนประวัติศาสตร์ให้ร้ายต่อสถาบันกษัตรย์ คาดว่าในเวลานั้น ธนาธรใช้ทุนส่วนตัวในการเคลื่อนไหวอย่างไม่กระโตกกระตากนัก โดยมีนายชัยธวัชหัวหน้าพรรคก้าวไกลคนสุดท้ายก่อนถูกยุบเป็นบรรณาธิการอย่างเปิดเผย แต่วันหนึ่ง ธนาธร ช่อ และปิยบุตร เหมือนได้พลังวิเศษ คิดใหญ่ ก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งในช่วงแรก คนไทยยังรู้สึกถึงความหวังว่าการเมืองในประเทศไทย น่าจะเปลี่ยนไปได้ด้วยมือของคนรุ่นใหม่ ทำให้ได้คะแนนเสียงมากอย่างน่าตกใจ รวมถึงการนำระบบไอโอบอท มาใช้ก่อนใคร ปั้นกระแสทวิตเตอร์ กำหนดเทรนให้มีแต่เรื่องราวของพรรคอนาคตใหม่ ทำให้สื่อทุกสำนักวนเวียนอยู่แต่กับพรรคและคนของพรรคอนาคตใหม่เวลานั้น จนทำให้เกิดอุปทานหมู่ เวลาใครไปคอมเม้นตรงข้าม ก็ใช้บอทไอโอเข้าไปถล่ม จนคนคิดต่างไม่กล้าไปยุ่งเพราะเข้าใจว่า บอทไอโอคือคนจริงๆ เกิดปรากฏการคอมเม้นเป็นรูปส้มพร้อมกัน แต่เรื่องก็มาแตก ที่วิโรจน์ถ่ายรูปพร้อมอุปกรณ์มือถือหลายสิบเครื่องที่เป็นอุปกรณ์บอทไอโอที่นำเข้าระบบมาจากเวียดนาม แต่ตอนนี้ ทุกแพลตฟอร์มต่างปรับตัวและป้องกันบอทไอโอและลบแอคเค้าบอทออกจากระบบแทบเกลี้ยง ทำให้ทุกวันนี้แม้แต่ไลฟ์สดของหัวหน้าพรรคเอง หรือนายพิธาก็ยังมีคนดูแค่สามสี่ร้อยคน ยังรวมไปถึงการที่พรรคก้าวไกลไม่กล้าทำในสิ่งที่มีความเสี่ยงต่อกฏหมาย ก็ยังมีงบจำนวนมหาศาลที่มีหลักฐานและพยานว่าบุ้งได้รับมาจากการส่งภาพการก่อความวุ่นวายจากสมุน และได้ตังมาก็เอามาเปย์ผู้ และให้เด็กในสังกัดกินอดๆอยากๆ แต่ต้นทางน้ำมานั้น จำนวนมหาศาล ถึงขนาดที่ตรวจสอบบัญชีเพนกวิ้น มีไม่ต่ำกว่า ุ60 ล้านบาท เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องลับเซิทหาได้เป็นข้อมูลจากทางการไทยเองและทรายเจริญปุระ ก็เคยออกมาคอนเฟิร์มเองด้วยซ้ำ คำถามว่า งบทำบอทไอโอ งบสร้างความวุ่นวายในนามกลุ่มทะลุวัง หรือ งบในการสร้างพรรค มันเอามาจากไหนกันนะ ก็พบว่ามีการสืบเส้นทางการเงินมีองค์กรอิสระองค์กรหนึ่งของต่างชาติ เป็นจุดเชื่อมโยงเงินจากบางคนในสหรัฐเข้ากระเป๋าคนเหล่านี้ จนในที่สุด ความจริงก็ถูกเปิด ด้วยการที่ผู้นำจิตวิญญาณของอนาคตใหม่หรือพรรคก้าวไกล ต่างเข้านอกออกในสถานฑูตสหรัฐประจำประเทศไทยเป็นว่าเล่น ไม่เว้นแม้แต่เสี่ยเพนกวิ้นเช่นกัน จนมาถึงวันนี้ที่ศาลรัฐธรรมนูญได้วินิจฉัยให้ก้าวไกลเป็นพรรคที่ล้มล้างการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรเป็นประมุข องค์กรแอมเนสตี้ ถึงขนาดออกอาการเหิมเกริม สั่งศาลรัฐธรรมนูญให้รีบกลับคำตัดสิน ซึ่งไม่เคยมีเหตุการละเมิดศาลจากองค์กรต่างชาติแบบนี้มาก่อนในประเทศไทย นอกจากนั้น ทูต 18 ประเทศ ที่ทำเกินหน้าที่การเป็นทูตประจำประเทศไทย รวมไปถึง สว.สหรัฐก็ออกมาขู่ศาลไทย อย่างกร่างๆ ดังนั้น ที่คิงส์โพธิ์แดงเคยให้ข้อมูลว่า เมกาคือผู้อยู่เ้บื้องหลัง ความพยายามในการก้าวก่าย และให้การสนับสนุนส่งเสริมกลุ่มคนที่ให้ร้ายจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตรย์มาโดยตลอดนั้น ก็คือสหรัฐอเมริกา ที่มีเป้าหมายในการแก้ไขม.112 นั้น มีความชัดเจนแม้ว่าหากตัดข้อนี้ไปพรรคอื่นๆก็พร้อมร่วมจัดตั้งรัฐบาล แต่เพราะเหตุใดทั้งพรรคอนาคตใหม่ และพรรคก้าวไกล จึงยืนยันในจุดยืนนี้มาตลอด นั่นก็เพราะงบประมาณที่ให้การสนับสนุน ก็ให้มาทำเรื่องนี้โดยตรง เพราะการที่แก้ไขม112 โดยการให้ร้าย บิดเบือน พระมหากษัตย์ได้โดยผิดน้อยที่สุดหรือไม่ผิดเลยท ก็คุ้มค่าต่อความเสี่ยงที่จะปั้นแต่งปลุกปั่นให้คนไทยรุ่นใหม่ มีความชิงชังสถาบันพระมหากษัตริย์ เพราะสหรัฐไม่มีฐานทัพในโซนนี้ หากได้ประเทศไทยในการตั้งฐานทัพด้วยการสร้างสถานการณ์ต่างๆ ก็จะสามารถส่งจรวดไปจีนได้ในระยะวิถีกรณีมีความขัดแย้งกันระหว่างประเทศมหาอำนาจ (ซึ่งข้อมูลเรื่องสหรัฐมีเป้าหมายตั้งฐานทัพในประเทศไทย มีหลักฐานอยู่ทั้งที่วิทยาลัยป้องกันราชอนาจักร และฝ่ายความมั่นคงจำนวนไม่น้อย) ....และโดยเฉพาะตอนนี้ จีนแผ่นดินใหญ่ก็ได้ใช้สูตรทางเศรษฐกิจและการลงทุนเข้ามาขายอนาเขตแบบเนียนๆทั้งกำพูชา สปปลาว และพม่าแล้ว เหลือแค่ไทยที่ขยับเข้ามาได้ยากกว่าประเทศเพื่อนบ้านมากนักแต่ก็มาแล้วพอสมควรทีเดียว แต่สหรัฐที่ยังไม่สามารถมาตั้งฐานทัพในประเทศไทยหรือยึดประเทศไทยได้นั้น เพราะประเทศไทยมีสถาบันพระมหากษัตรที่ทรงอยู่เหนือการเมือง เป็นผู้ทรงให้ทรงเมตตาต่อพสกนิกรในทุกยุคทุกรัชสมัยจวบถึงปัจจุบัน มีผู้จงรักษภักดีต่อพระองค์ที่รักษาปกป้องไว้ซึ่งสามสถาบันหลักที่ยืนหยัดมั่นคงในความเป็นชาติได้ ดังนั้น ม.112 จึงเป็นกูญแจสำคัญที่ก้าวไกลและอนาคตใหม่พยายามผลักดันกฏหมายด้วยวาทะกรรมต่างๆให้ผู้หมิ่นสถาบันผิดน้อยที่สุดหรือไม่ผิดเลยตามกฏหมายนั่นเอง ไม่มีสถาบันกษัตริย์ก็สิ้นชาติ หากสังเกตุให้ดีแม้กระทั่งมีเป้าหมายลดกำลังทหาร ก็เพื่อบั่นทอนความมั่นคงของชาติ โดยนำจุดบกพร่องเพียงส่วนน้อย มาตีให้เป็นเรื่อง่ส่วนใหญ่ เพื่อสร้างความชอบธรรมและได้คะแนนเสียงกับกลุ่มเด็กโตที่กำลังจะเกณฑ์และกลัวการเป็นทหารมาเป็นคะแนนเสียงร่วม และพฤติกรรมที่สร้างแนวคิดไม่ให้ลูกมีความกตัญญูกับพ่อแม่ นั่นก็เพราะเมื่อเด็กห่างอกพ่อแม่ก็จะสามารถชักจูงได้โดยง่าย และเป็นฐานมวลชนที่พวกเขาเหล่านี้จูงไปไหนก็ไป ดังนั้น ทั้งหมดนี้ คือสิ่งที่คิงส์โพธิ์แดง นำเสนอมาโดยตลอด และทุกอย่างในข้อมูลของโพสนี้ได้มอบให้นั้น ล้วนมีหลักฐาน มีพยานที่หาได้ไม่ยากเลย ยกตัวอย่างเช่น ภาพเพนกวิ้น ที่เข้านอกออกในสถานฑุตสหรัฐก็มีให้เห็นอยู่ดาษดื่น ดังนั้นพี่น้องชาวไทยอย่าแปลกใจถึงการเคลื่อนไหวขององค์กรอิสระต่างชาติ หรือแม้กระทั่ง นาโต้ un รวมถึงความพยายามกดดันโดนทูตตะวันตกประจำประเทศไทย นั่นเพราะเรามีกลุ่มค-อ-ม-มิ-ว-นิ-ส-ต-ก-ยุ-ค อย่าธร ข่อ ปิยะบุตร และตัวแม่อย่างเจี๊ยบอมรัตน์ที่คิดว่าจะห-ล-อ-ก ใช้งบและอำนาจของสหรัฐและกลุ่มยุโรปเพื่อสานฝันของตัวเอง แต่แท้ที่จริงกลับถูกเค้าใช้ตัวเองเป็นเครื่องมือยึดประเทศไทยเป็นฐานไม่รู้ตัว และมีคนอยากดังแบบพิธา ไอติม และสก็อยอย่างไอซ์ คนไม่อยากเป็นทหารอย่างจิรัฐ ก็มั่วๆรวมๆกันอยู่และยอมแลกความมั่นคงของชาติกับผลประโยชน์ส่วนตัว นับจากวันที่ 7 สิงหา 67 นี้ไป เราจะถูกรุมวิจารณ์และกดดันจากสหรัฐและพันธมิตรผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย รวมถึงองค์กรอิสระมากมาย คิงส์โพธิ์แดงจึงขอเชิญชวนพี่น้องชาวไทยผู้รักชาติรับสถาบันร่วมกันปกป้องสถาบันพระมหากษัตรย์ และ ช่วยเผยแพร่ความรู้นี้สู่พี่น้องชาวไทยเพื่อให้ประเทศไทยยังคงอยู่สืบไปนานเท่านาน #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1157 มุมมอง 0 รีวิว
  • #แอมแนสตี้เหิมสั่งศาลรัฐธรรมนูญเปลี่ยนคำตัดสินยุบพรรค
    แอมแนสตี้ องค์กรต่างชาติที่มีพฤติกรรมสนับสนุน
    พฤติกรรมของพรรคก้าวไกล พรรคที่ได้รับการพิจารณา
    ตัดสินว่าเป็นพรรคที่ล้มล้างการปกครองนั้น
    พบว่าหลังศาลรัฐธรรมนูญแห่งราชอณาจักรไทยได้ทำการตัดสิน
    แอมแนสตี้ ได้ออกแถลงการที่เป็นการก้าวล่วงอำนาจตุลาการของประเทศไทย
    โดยมีเนื้อหาดังนี้
    นที่ 7 ส.ค. 67 ดีโพรซ มูเชนา ผู้อำนวยการอาวุโส แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เห็นชอบกับการยุบพรรคก้าวไกล เป็นการตัดสินใจที่ไร้ความชอบธรรม ซึ่งเผยให้เห็นความเพิกเฉยโดยสิ้นเชิงของทางการไทย ต่อพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่ไทย
    “การยุบพรรคการเมือง เพียงเพราะเสนอให้ปฏิรูปกฎหมาย ถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการสมาคม เป็นการละเมิดต่อสมาชิกรัฐสภา ซึ่งเพียงแต่เสนอกฎหมายตามหน้าที่เท่านั้น”
    “การคุกคามอย่างต่อเนื่องของทางการไทยต่อนักการเมืองฝ่ายค้าน เป็นภาพสะท้อนถึงความย้อนแย้งอย่างสิ้นเชิงกับคำมั่นสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยประกาศ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำโลกด้านสิทธิมนุษยชน โดยการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ทางการไทยต้องกลับคำวินิจฉัยที่สั่งให้ยุบพรรคอย่างเร่งด่วน และยุติการใช้กฎหมายเป็นอาวุธ เพื่อข่มขู่และคุกคามผู้วิจารณ์ นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักการเมืองฝ่ายค้าน”
    เพจคิงส์โพธิ์แดงและปวงชนไทยผู้ภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตย์
    จึงเรียนถึงรัฐบาลไทย และกองทัพไทยได้พิจารณาในการดำเนินการกับองค์กรดังกล่าว ที่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในกาาคุกคามอำนาจอธิปไตยของประเทศ รวมถึงเป็นผู้สนับสนุนให้กลุ่มคนสร้างความสับสนวุ่นวายเพื่อการล้มล้างการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
    มิเช่นนั้นแล้ว หากปล่อยให้องค์กรแอมแนสตี้ ยังคงมีพฤติการเช่นนี้อยู่คงเกิดผลเสียหายต่อเอกราชและความมั่นคงของประเทศไทยอย่างแน่นอน
    ฝากแฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงช่วยส่งต่อไป
    ให้รัฐบาลและกองทัพไทยได้รับรู้รับทราบและดำเนินการหยุดยั้งแอมแนสตี้อย่างถาวรต่อไป
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #แอมแนสตี้เหิมสั่งศาลรัฐธรรมนูญเปลี่ยนคำตัดสินยุบพรรค แอมแนสตี้ องค์กรต่างชาติที่มีพฤติกรรมสนับสนุน พฤติกรรมของพรรคก้าวไกล พรรคที่ได้รับการพิจารณา ตัดสินว่าเป็นพรรคที่ล้มล้างการปกครองนั้น พบว่าหลังศาลรัฐธรรมนูญแห่งราชอณาจักรไทยได้ทำการตัดสิน แอมแนสตี้ ได้ออกแถลงการที่เป็นการก้าวล่วงอำนาจตุลาการของประเทศไทย โดยมีเนื้อหาดังนี้ นที่ 7 ส.ค. 67 ดีโพรซ มูเชนา ผู้อำนวยการอาวุโส แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล กล่าวว่า คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญที่เห็นชอบกับการยุบพรรคก้าวไกล เป็นการตัดสินใจที่ไร้ความชอบธรรม ซึ่งเผยให้เห็นความเพิกเฉยโดยสิ้นเชิงของทางการไทย ต่อพันธกรณีด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่ไทย “การยุบพรรคการเมือง เพียงเพราะเสนอให้ปฏิรูปกฎหมาย ถือเป็นการละเมิดอย่างร้ายแรงต่อสิทธิในเสรีภาพการแสดงออกและการสมาคม เป็นการละเมิดต่อสมาชิกรัฐสภา ซึ่งเพียงแต่เสนอกฎหมายตามหน้าที่เท่านั้น” “การคุกคามอย่างต่อเนื่องของทางการไทยต่อนักการเมืองฝ่ายค้าน เป็นภาพสะท้อนถึงความย้อนแย้งอย่างสิ้นเชิงกับคำมั่นสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนที่ประเทศไทยประกาศ เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้นำโลกด้านสิทธิมนุษยชน โดยการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ ทางการไทยต้องกลับคำวินิจฉัยที่สั่งให้ยุบพรรคอย่างเร่งด่วน และยุติการใช้กฎหมายเป็นอาวุธ เพื่อข่มขู่และคุกคามผู้วิจารณ์ นักปกป้องสิทธิมนุษยชน และนักการเมืองฝ่ายค้าน” เพจคิงส์โพธิ์แดงและปวงชนไทยผู้ภักดีต่อชาติ ศาสนา พระมหากษัตย์ จึงเรียนถึงรัฐบาลไทย และกองทัพไทยได้พิจารณาในการดำเนินการกับองค์กรดังกล่าว ที่มีเป้าหมายที่ชัดเจนในกาาคุกคามอำนาจอธิปไตยของประเทศ รวมถึงเป็นผู้สนับสนุนให้กลุ่มคนสร้างความสับสนวุ่นวายเพื่อการล้มล้างการปกครองระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข มิเช่นนั้นแล้ว หากปล่อยให้องค์กรแอมแนสตี้ ยังคงมีพฤติการเช่นนี้อยู่คงเกิดผลเสียหายต่อเอกราชและความมั่นคงของประเทศไทยอย่างแน่นอน ฝากแฟนเพจคิงส์โพธิ์แดงช่วยส่งต่อไป ให้รัฐบาลและกองทัพไทยได้รับรู้รับทราบและดำเนินการหยุดยั้งแอมแนสตี้อย่างถาวรต่อไป #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Angry
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 460 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินแล้ว
    พรรคก้าวไกลถูกยุบเหตุจากมีหลักฐานอันเชื่อได้
    ว่าพรรคก้าวไกลมีพฤติกรรมในการล้มล้างการปกครอง
    ในระบอบประชาธิปไตย์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
    ข้อโต้แย้งที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล ได้อ้างนั้นไม่ถูกต้อง ศาลรัฐธรรมนูญชี้แจงได้ชัดแจ้ง
    ว่าศาลรัฐธรรมนูญสามารถยุบพรรคก้าวไกลได้ตามกฏหมายรัฐธรรมนูญ
    พร้อมตัดสิทธิการการเมือง
    1.ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภา
    2. พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
    3. ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล
    และอีก 3 คน รวม 6 คน
    เป็นเวลา 10 ปี
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ศาลรัฐธรรมนูญตัดสินแล้ว พรรคก้าวไกลถูกยุบเหตุจากมีหลักฐานอันเชื่อได้ ว่าพรรคก้าวไกลมีพฤติกรรมในการล้มล้างการปกครอง ในระบอบประชาธิปไตย์อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ข้อโต้แย้งที่นายปิยบุตร แสงกนกกุล ได้อ้างนั้นไม่ถูกต้อง ศาลรัฐธรรมนูญชี้แจงได้ชัดแจ้ง ว่าศาลรัฐธรรมนูญสามารถยุบพรรคก้าวไกลได้ตามกฏหมายรัฐธรรมนูญ พร้อมตัดสิทธิการการเมือง 1.ปดิพัทธ์ สันติภาดา รองประธานสภา 2. พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 3. ชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล และอีก 3 คน รวม 6 คน เป็นเวลา 10 ปี #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Haha
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 446 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลรัฐธรรมนูญลงมติเอกฉันท์ 9:0 ตัดสิน "ยุบพรรคก้าวไกล"และเพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรคฯ10ปี

    7 สิงหาคม 2567- เวลา 15.45 น. ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9:0 วินิจฉัยยุบ “พรรคก้าวไกล” ในคดีล้มล้างการปกครอง เข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองฯ ข้อเท็จจริงปรากฏตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 โดยและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรค และห้ามมิให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรค และถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง

    ทั้งนี้ที่มาคดีนี้มาจากนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ว่าการกระทำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและการกระทำของพรรคก้าวไกลที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่...) พ.ศ. ... เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่

    #Thaitimes
    ศาลรัฐธรรมนูญลงมติเอกฉันท์ 9:0 ตัดสิน "ยุบพรรคก้าวไกล"และเพิกถอนสิทธิกรรมการบริหารพรรคฯ10ปี 7 สิงหาคม 2567- เวลา 15.45 น. ศาลรัฐธรรมนูญมีมติเอกฉันท์ 9:0 วินิจฉัยยุบ “พรรคก้าวไกล” ในคดีล้มล้างการปกครอง เข้าลักษณะกระทำการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองฯ ข้อเท็จจริงปรากฏตามคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 3/2567 โดยและเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของคณะกรรมการบริหารพรรค และห้ามมิให้ผู้ซึ่งดำรงตำแหน่งคณะกรรมการบริหารพรรค และถูกเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งไปจดทะเบียนพรรคการเมืองขึ้นใหม่ หรือเป็นกรรมการบริหารพรรคการเมืองหรือมีส่วนร่วมในการจัดตั้งพรรคการเมืองขึ้นใหม่ภายในกำหนด 10 ปี นับแต่วันที่ศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่ง ทั้งนี้ที่มาคดีนี้มาจากนายธีรยุทธ สุวรรณเกษร ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 ว่าการกระทำของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและการกระทำของพรรคก้าวไกลที่เสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่...) พ.ศ. ... เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่ง หรือไม่ #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 430 มุมมอง 0 รีวิว
  • กะปิบูด โยงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ พูดถึงรัฐบาล ว่าเป็นฝักใฝ่พรรคการเมือง กระทบความเป็นกลางทางการเมืองขององคมนตรี และกระทบพระราชสถานะความเป็นกลางของพระมหากษัตริย์
    #คิงส์โพธิ์แดง
    กะปิบูด โยงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ พูดถึงรัฐบาล ว่าเป็นฝักใฝ่พรรคการเมือง กระทบความเป็นกลางทางการเมืองขององคมนตรี และกระทบพระราชสถานะความเป็นกลางของพระมหากษัตริย์ #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • โธ่...พิธา!!…

    "ในฐานะผู้ถูกร้องขอเรียนต่อศาลว่า ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขจะดำรงอยู่อย่างมั่นคงได้ มิใช่ด้วยการบ่อนทำลายสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน และหลักการคุณค่าพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย ในทางตรงข้าม การพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะต้องโอบรับความคิดเห็นที่ดำรงอยู่หลากหลายในสังคมอย่างมีภราดรภาพ มีการรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน อันเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ และมีความอดทนอดกลั้นในการรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง รวมทั้งใช้กระบวนการทางประชาธิปไตยแก้ปัญหาความแตกต่างขัดแย้งในสังคมอย่างมีวุฒิภาวะ ด้วยวิถีทางการเสริมสร้างประชาธิปไตยที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางภายใต้ร่มพระบารมีที่มีองค์พระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนโดยไม่แบ่งแยก และจักเป็นการธำรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้ยืนยงสถาพรเยี่ยงนานาอารยประเทศ"นายพิธากล่าว

    ที่มา https://mgronline.com/politics/detail/9670000069859#google_vignette

    #Thaitimes
    โธ่...พิธา!!… "ในฐานะผู้ถูกร้องขอเรียนต่อศาลว่า ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขจะดำรงอยู่อย่างมั่นคงได้ มิใช่ด้วยการบ่อนทำลายสิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน และหลักการคุณค่าพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตย ในทางตรงข้าม การพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข จะต้องโอบรับความคิดเห็นที่ดำรงอยู่หลากหลายในสังคมอย่างมีภราดรภาพ มีการรับฟังความคิดเห็นซึ่งกันและกัน อันเป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ และมีความอดทนอดกลั้นในการรับฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง รวมทั้งใช้กระบวนการทางประชาธิปไตยแก้ปัญหาความแตกต่างขัดแย้งในสังคมอย่างมีวุฒิภาวะ ด้วยวิถีทางการเสริมสร้างประชาธิปไตยที่มีประชาชนเป็นศูนย์กลางภายใต้ร่มพระบารมีที่มีองค์พระมหากษัตริย์เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนโดยไม่แบ่งแยก และจักเป็นการธำรงไว้ซึ่งการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขให้ยืนยงสถาพรเยี่ยงนานาอารยประเทศ"นายพิธากล่าว ที่มา https://mgronline.com/politics/detail/9670000069859#google_vignette #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    "พิธา" อ้าง ปชต.อันมีกษัตริย์เป็นประมุข ไม่ได้อยู่ด้วยการบ่อนทำลายหลักพื้นฐาน-เสรีภาพ ปชช.
    แดดดี้ส้ม ย้ำ ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ไม่ได้อยู่ได้ด้วยการบ่อนทำลายหลักการพื้นฐาน-สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของ ปชช. แต่ ต้องโอบรับความคิดเห็นที่หลากหลายในสังคมอย่างมีภราดรภาพ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 442 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระมหากษัตริย์ ทรงปิดทองหลังพระ
    เรื่องของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร
    รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระ
    วชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โดย พระครูวิลาศกาญจน
    ธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ)
    ตัดเสียงมาจาก เสียงธรรมวัดท่าขนุน ๑๒ สิ.ง
    หาคม พ.ศ. ๒๕๖๕
    #หลวงพ่อเล็ก #วัดท่าขนุน #เสียงธรรม
    #ร10 #ผู้ปิดทองหลังพระ #พระมหากษัตริย์
    พระมหากษัตริย์ ทรงปิดทองหลังพระ เรื่องของ พระบาทสมเด็จพระปรเมนทร รามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ พระ วชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว โดย พระครูวิลาศกาญจน ธรรม (หลวงพ่อเล็ก สุธมฺมปญฺโญ) ตัดเสียงมาจาก เสียงธรรมวัดท่าขนุน ๑๒ สิ.ง หาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ #หลวงพ่อเล็ก #วัดท่าขนุน #เสียงธรรม #ร10 #ผู้ปิดทองหลังพระ #พระมหากษัตริย์
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 393 มุมมอง 45 0 รีวิว
  • ๒๘ กรกฏาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗
    เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ ๖ รอบ
    "พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว"
    เป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ ๑๐
    แห่งราชวงศ์จักรี
    ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๗๒ พรรษา
    ปวงข้าพระพุทธเจ้าฯ ขอน้อมถวายพระพรชัยมงคล
    ขอพระองค์ทรงพระเกษมสำราญ มีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน อยู่เป็นพระมิ่งขวัญของเหล่าพสกนิกร
    ตลอดกาล ตลอดไป
    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
    ๒๘ กรกฏาคม พุทธศักราช ๒๕๖๗ เนื่องในโอกาสมหามงคลวันเฉลิมพระชนมพรรษา ครบ ๖ รอบ "พระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณ มหิศรภูมิพลราชวรางกูร กิติสิริสมบูรณอดุลยเดช สยามินทราธิเบศรราชวโรดม บรมนาถบพิตร พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว" เป็นพระมหากษัตริย์ไทย รัชกาลที่ ๑๐ แห่งราชวงศ์จักรี ทรงเจริญพระชนมพรรษา ๗๒ พรรษา ปวงข้าพระพุทธเจ้าฯ ขอน้อมถวายพระพรชัยมงคล ขอพระองค์ทรงพระเกษมสำราญ มีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง มีพระชนมายุยิ่งยืนนาน อยู่เป็นพระมิ่งขวัญของเหล่าพสกนิกร ตลอดกาล ตลอดไป ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม ขอเดชะ
    Like
    Love
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาสั่งจำคุกอีก 4 ปี ไม่รอลงอาญา “อานนท์ นำภา” ทนายม็อบราษฎร โพสต์หมิ่นเบื้องสูง ตามม.112 นับโทษต่ออีก 3 คดีรวมคุก 14 ปีเศษ

    25 กรกฎาคม 2567 -ที่ห้องพิจารณาคดี 713 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำอ.735/2564 ที่พนักงานอัยการคดีอาญาเป็นโจทก์ฟ้องนายอานนท์ นำภา ทนายความกลุ่มราษฎร เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลอาญามาตรา112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง

    โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุป ว่า เมื่อวันที่ 11มกราคม 2564 จำเลยได้ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก มีเจตนาให้ผู้พบเห็นหลงเชื่อ ทำนองว่า การที่ในหลวงรัชกาลที่ 10 ลงมาบริหารประเทศด้วยตนเอง ขัดต่อหลักการประชาธิปไตย และเมื่อคนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาพูดก็โดนมาตรา 112 และข้อความอื่นๆ ซึ่งเป็นความเท็จ ความจริงแล้วสถาบันกษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้ อันเป็นความผิดต่อความมั่นคงและฝ่าฝืนกฎหมาย
    ศาลอาญาสั่งจำคุกอีก 4 ปี ไม่รอลงอาญา “อานนท์ นำภา” ทนายม็อบราษฎร โพสต์หมิ่นเบื้องสูง ตามม.112 นับโทษต่ออีก 3 คดีรวมคุก 14 ปีเศษ 25 กรกฎาคม 2567 -ที่ห้องพิจารณาคดี 713 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาคดีดูหมิ่นสถาบัน หมายเลขดำอ.735/2564 ที่พนักงานอัยการคดีอาญาเป็นโจทก์ฟ้องนายอานนท์ นำภา ทนายความกลุ่มราษฎร เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาทแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ ตามประมวลอาญามาตรา112 , พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 มาตรา 14 วรรคหนึ่ง โดยอัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุป ว่า เมื่อวันที่ 11มกราคม 2564 จำเลยได้ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก มีเจตนาให้ผู้พบเห็นหลงเชื่อ ทำนองว่า การที่ในหลวงรัชกาลที่ 10 ลงมาบริหารประเทศด้วยตนเอง ขัดต่อหลักการประชาธิปไตย และเมื่อคนรุ่นใหม่ลุกขึ้นมาพูดก็โดนมาตรา 112 และข้อความอื่นๆ ซึ่งเป็นความเท็จ ความจริงแล้วสถาบันกษัตริย์เป็นที่เคารพสักการะผู้ใดจะล่วงละเมิดมิได้ อันเป็นความผิดต่อความมั่นคงและฝ่าฝืนกฎหมาย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 377 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทักษิณทำทุกทางให้ภูมิใจไทย ยอมหนุนนิรโทษกรรมรวมคดี 112 ต่อรองอะไรนึกถึงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นะหนูนะ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ทักษิณ
    ทักษิณทำทุกทางให้ภูมิใจไทย ยอมหนุนนิรโทษกรรมรวมคดี 112 ต่อรองอะไรนึกถึงชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ นะหนูนะ #คิงส์โพธิ์แดง #ทักษิณ
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 273 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ สามกีบ ก้าวไกล โปรดทราบ ข่มขู่อดีตประธานาธิบดียังโดนรวบตัว พวกข่มขู่ ดูหมิ่น ให้ร้ายพระมหากษัตริย์เลิกอ้างเสรีภาพที่คุกคามผู้อื่นได้แล้ว
    #7ดอกจิก
    #เสรีภาพ
    #โจไบเดน
    ♣ สามกีบ ก้าวไกล โปรดทราบ ข่มขู่อดีตประธานาธิบดียังโดนรวบตัว พวกข่มขู่ ดูหมิ่น ให้ร้ายพระมหากษัตริย์เลิกอ้างเสรีภาพที่คุกคามผู้อื่นได้แล้ว #7ดอกจิก #เสรีภาพ #โจไบเดน
    Like
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 384 มุมมอง 0 รีวิว
  • การให้ร้ายพระมหากษัตริย์ มิใช่การแสดงความเห็นทางการเมือง เสแสร้งจงรักภักดี แต่ให้ท้ายคนละเมิด112
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ทนวยอานนท์
    #เจี๊ยบอมรัตน์
    #เจี๊ยบอมเกียร์
    การให้ร้ายพระมหากษัตริย์ มิใช่การแสดงความเห็นทางการเมือง เสแสร้งจงรักภักดี แต่ให้ท้ายคนละเมิด112 #คิงส์โพธิ์แดง #ทนวยอานนท์ #เจี๊ยบอมรัตน์ #เจี๊ยบอมเกียร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 344 มุมมอง 0 รีวิว