• อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสสรณะของรูปกาย
    สัทธรรมลำดับที่ : 737
    ชื่อบทธรรม :- อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสสรณะของรูปกาย(ธรรมลักษณะ ๓ ประการของรูป : วัตถุแห่งสัมมาทิฏฐิ)
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=737
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสสรณะของรูปกาย
    (ธรรมลักษณะ ๓ ประการของรูป : วัตถุแห่งสัมมาทิฏฐิ)
    --ภิกษุ ท. ! อะไร เป็นอัสสาทะ (รสอร่อย) ของรูป ?
    +--ภิกษุ ท. ! เหมือนอย่างว่านางสาวน้อยแห่งกษัตริย์ก็ดี
    นางสาวน้อยแห่งพราหมณ์ก็ดี หรือนางสาวน้อยแห่งคหบดีก็ดี
    ที่แสดงลักษณะว่ามีอายุสิบห้าปีก็ดี หรือสิบหกปีก็ดี
    ซึ่งมีทรวดทรงไม่สูงนัก ไม่ต่ำนัก ไม่ผอมนัก ไม่อ้วนนัก ไม่ดำนัก ไม่ขาวนัก
    +--ภิกษุ ท. ! ในสมัยนั้น สีสรรวรรณะแห่งหญิงนั้น ย่อมงดงามอย่างยิ่ง มิใช่หรือ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    +-ภิกษุ ท. ! สุขโสมนัสที่อาศัยสีสรรวรรณะอัน งดงามแล้วบังเกิดขึ้น อันใด,
    อันนั้น #เป็นอัสสาทะของรูป.
    http://etipitaka.com/read/pali/12/173/?keywords=อสฺสาโท

    --ภิกษุ ท. ! อะไร เป็น อาทีนวะ (โทษอันต่ำทราม) ของรูป ?
    (ก) ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้
    บุคคคล จะได้เห็นน้องสาว (ของตนเอง) นั่นแหละ
    โดยกาลต่อมา มีอายุได้ ๘๐ ปีบ้าง ๙๐ ปีบ้าง ๑๐๐ ปีบ้าง
    ชราทรุดโทรมแล้ว มีหลังงอเหมือน โคปานสิแห่งหลังคา*--๑
    มีกายคดไปคดมา
    มีไม้เท้ายันไปในเบื้องหน้า เดินตัวสั่นเทิ้ม กระสับกระส่าย ผ่านวัยอันแข็งแกร่งไปแล้ว
    มีฟันหักแล้ว มีผมหงอกแล้ว มีผมตัดสั้นอย่างลวกๆ
    มีผิวหนังหย่อนยานและมีตัวเต็มไปด้วยจุด.
    +--ภิกษุ ท. ! พวกเธอเข้าใจความข้อนี้ว่าอย่างไร :
    สีสรรวรรณะอันงดงามที่มีมาแต่เดิม อันตรธานไปแล้ว, โทษปรากฏชัดแล้วมิใช่หรือ ?
    “อย่างนั้นพระเจ้าข้า !”
    +--ภิกษุ ท. ! นั่นคือ #อาทีนวะของรูป.
    ------
    *--๑. คำนี้เคยแปลกันว่า กลอนหรือจันทัน แต่ไม่สมเหตุสมผลคือไม่ได้โค้ง.
    รูปเรือนโบราณที่ปรากฏอยู่ในสิลาสลักของโบราณ เห็นโค้งอยู่แต่ส่วนที่เรียกว่าปั้นลม
    โค้งงอเป็นรูปดอกบัว พอที่จะเปรียบกับหลังโกงได้.
    หรือมิฉะนั้น ก็ต้องเป็นเรือนที่มีหลังคาเป็นรูปประทุนเรือจันทันหรือกลอนจึงจะโค้งงอได้, ทำให้ไม่แน่ใจว่าแปลคำนี้ว่าอะไรดี จึงไม่แปลและคงไว้ตามเดิมว่า โคปานสิ.

    (ข) ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
    : บุคคล จะได้เห็นน้องสาว (ของตนเอง) นั่นแหละ
    อาพาธลง ได้รับทุกข์ทรมาณ เป็นไข้หนัก
    นอนกลิ้งเกลือกอยู่ในมูตรและคูถของตนเอง
    อันบุคคลต้องช่วยพยุงให้ลุกและนอน.
    +--ภิกษุ ท. ! พวกเธอเข้าใจข้อความนี้ว่าอย่างไร
    : สีสรรวรรณะอันงดงามที่มีแต่เดิม อันตรธานไปแล้ว, โทษปรากฏชัดแล้ว มิใช่หรือ ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    +--ภิกษุ ท. ! แม้นั่น ก็คือ #อาทีนวะของรูป.

    (ค) ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
    : บุคคล จะได้เห็นน้องสาว (ของตนเอง)
    นั่นแหละ บัดนี้เป็นสรีระร่างอันเขาทิ้งแล้ว ในป่าช้าเป็นที่ทิ้งศพ
    ตายแล้ววันหนึ่ง บ้าง ตายแล้วสองวัน บ้าง ตายแล้วสามวัน บ้าง กำลังขึ้นพอง บ้าง
    มีสีเขียว บ้าง มีหนองไหล บ้าง.
    +--ภิกษุ ท. ! พวกเธอจะข้าใจความหมายนี้อย่างไร
    : สีสันวรรณะอันงดงามที่มีแต่เดิม อันตรธานไปแล้ว, โทษปรากฏชัดแล้ว มิใช่หรือ ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    +--ภิกษุ ท. ! แม้นั่น ก็คือ #อาทีนวะของรูป.

    (ง) ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
    : บุคคล จะได้เห็นน้องสาว (ของตนเอง)
    นั่นแหละ บัดนี้เป็นสรีระร่างอันเขาทิ้งแล้ว ในป่าช้าเป็นที่ทิ้งศพอัน
    ฝูงกาจิกกินอยู่ บ้าง อัน ฝูงแร้งจิกกินอยู่ บ้าง อัน ฝูงตะกรุมจิกกินอยู่ บ้าง
    อัน ฝูงสุนัขกัดกินอยู่ บ้าง อัน ฝูงสุนัขจิ้งจอกกัดกินอยู่ บ้าง
    และอัน หมู่หนอนต่างชนิดบ่อนกินอยู่ บ้าง.
    +--ภิกษุ ท. ! พวกเธอจะเข้าใจความข้อนี้ว่าอย่างไร
    : สีสรรวรรณะอันงดงามที่มีแต่เดิม อันตรธานไปแล้ว, โทษปรากฏชัดแล้ว มิใช่หรือ ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    +--ภิกษุ ท. ! แม้นั่น ก็คือ #อาทีนวะของรูป.

    (จ) ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
    : บุคคล จะได้เห็นน้องสาว (ของตนเอง) นั่นแหละ
    บัดนี้เป็นสรีระร่างอันเขาทิ้งแล้ว ในป่าช้าเป็นที่ทิ้งศพ
    เป็นร่างกระดูก ยังมีเนื้อและเลือด และยังมีเอ็นเป็นเครื่องรึงรัดอยู่ บ้าง
    เป็นร่างกระดูกที่ ปราศจากเนื้อ แต่ยังมีเลือดเปื้อนอยู่ และยังมีเอ็นเป็นเครื่องรึงรัดไว้ บ้าง
    เป็นร่างกระดูกที่ ปราศจากเนื้อและเลือด แต่ยังมีอ็นเป็นเครื่องรึงรัดไว้ บ้าง
    เป็นท่อนกระดูกที่ ปราศจากเอ็นเป็นเครื่องรึงรัด กระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง คือกระดูกมือไปทางหนึ่ง กระดูกเท้าไปทางหนึ่ง กระดูกแข้งไปทางหนึ่ง กระดูกขาไปทางหนึ่ง กระดูกสะเอวไปทางหนึ่ง กระดูกข้อสันหลังไปทางหนึ่ง กระดูกสีข้างไปทางหนึ่ง กระดูกหน้าอกไปทางหนึ่ง กระดูกแขนไปทางหนึ่ง กระดูกไหล่ไปทางหนึ่ง กระดูกคอไปทางหนึ่ง กระดูกคางไปทางหนึ่ง ฟันไปทางหนึ่ง กระโหลกศีรษะไปทางหนึ่ง บ้าง.
    +--ภิกษุ ท. ! พวกเธอจะเข้าใจความข้อนี้ว่าอย่างไร :
    สีสรรวรรณะอันงดงามที่มีแต่เดิม อันตรธานไปแล้ว, โทษปรากฏชัดแล้ว มิใช่หรือ ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    +--ภิกษุ ท. ! แม้นั่น ก็คือ #อาทีนวะของรูป.

    (ฉ) ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก
    : บุคคล จะได้เห็นน้องสาว (ของตนเอง) นั่นแหละ
    บัดนี้เป็นสรีระร่างอันเขาทิ้งแล้ว ในป่าช้าเป็นที่ทิ้งศพ
    เป็นชิ้นกระดูก มีสีขาวดังสีสังข์ บ้าง
    เป็นชิ้นกระดูก กองเรี่ยรายอยู่นานเกินกว่าปีหนึ่งไปแล้ว บ้าง
    เป็นกระดูก เปื่อยผงละเอียดไปแล้ว บ้าง
    +--ภิกษุ ท. ! พวกเธอจะเข้าใจความข้อนี้ว่าอย่างไร
    : สีสรรวรรณะอันงดงามที่มีแต่เดิม อันตรธานไปแล้ว, โทษปรากฏชัดแล้ว มิใช่หรือ ?
    “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !”
    +--ภิกษุ ท. ! แม้นั่น ก็คือ #อาทีนวะของรูป.

    --ภิกษุ ท. ! อะไร เป็นนิสสรณะ (อุบายเครื่องออก) จากรูป ?
    +--ภิกษุ ท. ! การนำออกเสียได้ซึ่งฉันทราคะ การละเสียได้ซึ่งฉันทราคะในรูปอันใด,
    อันนั้น เป็น #นิสสรณะของรูป.
    http://etipitaka.com/read/pali/12/175/?keywords=ฉนฺทราคปฺปหานํ
    --ภิกษุ ท. ! สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด ไม่รู้ชัดตามเป็นจริง
    ซึ่ง อัสสาทะแห่งรูปโดยความเป็นอัสสาทะด้วย
    ซึ่ง อาทีนวะโดยความเป็นอาทีนวะด้วย
    ซึ่ง นิสสรณะโดยความเป็นนิสสรณะด้วย โดยอาการอย่างนี้ อยู่;
    สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นน่ะหรือ จักรอบรู้ซึ่งรูปด้วยตนเอง
    หรือว่าจักชวนผู้อื่นให้รอบรู้ซึ่งรูปเหมือนผู้ที่เคยปฏิบัติแล้ว
    ดังนี้นั้น : นั่นไม่เป็นฐานะที่มีได้.
    --ภิกษุ ท. ! ส่วนสมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด รู้ชัดตามความเป็นจริง
    ซึ่ง อัสสาทะแห่งรูปโดยความเป็นอัสสาทะด้วย
    ซึ่ง อาทีนวะโดยความเป็นอาทีนวะด้วย
    ซึ่ง นิสสรณะโดยความเป็นนิสสรณะด้วย โดยอาการอย่างนี้ อยู่
    สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น จักรอบรู้ซึ่งรูปด้วยตนเอง
    หรือว่าจักชวนผู้อื่นให้รอบรู้ซึ่งรูปเหมือนผู้ที่เคยปฏิบัติแล้ว
    ดังนี้นั้น : นั่นเป็นฐานะที่มีได้.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/118-121/201-204.
    http://etipitaka.com/read/thai/12/118/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%90%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๑๗๓-๑๗๕/๒๐๑-๒๐๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/12/173/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%90%E0%B9%91
    ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=737
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=55&id=737
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=55
    ลำดับสาธยายธรรม : 55 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_55.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสสรณะของรูปกาย สัทธรรมลำดับที่ : 737 ชื่อบทธรรม :- อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสสรณะของรูปกาย(ธรรมลักษณะ ๓ ประการของรูป : วัตถุแห่งสัมมาทิฏฐิ) https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=737 เนื้อความทั้งหมด :- --อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสสรณะของรูปกาย (ธรรมลักษณะ ๓ ประการของรูป : วัตถุแห่งสัมมาทิฏฐิ) --ภิกษุ ท. ! อะไร เป็นอัสสาทะ (รสอร่อย) ของรูป ? +--ภิกษุ ท. ! เหมือนอย่างว่านางสาวน้อยแห่งกษัตริย์ก็ดี นางสาวน้อยแห่งพราหมณ์ก็ดี หรือนางสาวน้อยแห่งคหบดีก็ดี ที่แสดงลักษณะว่ามีอายุสิบห้าปีก็ดี หรือสิบหกปีก็ดี ซึ่งมีทรวดทรงไม่สูงนัก ไม่ต่ำนัก ไม่ผอมนัก ไม่อ้วนนัก ไม่ดำนัก ไม่ขาวนัก +--ภิกษุ ท. ! ในสมัยนั้น สีสรรวรรณะแห่งหญิงนั้น ย่อมงดงามอย่างยิ่ง มิใช่หรือ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” +-ภิกษุ ท. ! สุขโสมนัสที่อาศัยสีสรรวรรณะอัน งดงามแล้วบังเกิดขึ้น อันใด, อันนั้น #เป็นอัสสาทะของรูป. http://etipitaka.com/read/pali/12/173/?keywords=อสฺสาโท --ภิกษุ ท. ! อะไร เป็น อาทีนวะ (โทษอันต่ำทราม) ของรูป ? (ก) ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคคล จะได้เห็นน้องสาว (ของตนเอง) นั่นแหละ โดยกาลต่อมา มีอายุได้ ๘๐ ปีบ้าง ๙๐ ปีบ้าง ๑๐๐ ปีบ้าง ชราทรุดโทรมแล้ว มีหลังงอเหมือน โคปานสิแห่งหลังคา*--๑ มีกายคดไปคดมา มีไม้เท้ายันไปในเบื้องหน้า เดินตัวสั่นเทิ้ม กระสับกระส่าย ผ่านวัยอันแข็งแกร่งไปแล้ว มีฟันหักแล้ว มีผมหงอกแล้ว มีผมตัดสั้นอย่างลวกๆ มีผิวหนังหย่อนยานและมีตัวเต็มไปด้วยจุด. +--ภิกษุ ท. ! พวกเธอเข้าใจความข้อนี้ว่าอย่างไร : สีสรรวรรณะอันงดงามที่มีมาแต่เดิม อันตรธานไปแล้ว, โทษปรากฏชัดแล้วมิใช่หรือ ? “อย่างนั้นพระเจ้าข้า !” +--ภิกษุ ท. ! นั่นคือ #อาทีนวะของรูป. ------ *--๑. คำนี้เคยแปลกันว่า กลอนหรือจันทัน แต่ไม่สมเหตุสมผลคือไม่ได้โค้ง. รูปเรือนโบราณที่ปรากฏอยู่ในสิลาสลักของโบราณ เห็นโค้งอยู่แต่ส่วนที่เรียกว่าปั้นลม โค้งงอเป็นรูปดอกบัว พอที่จะเปรียบกับหลังโกงได้. หรือมิฉะนั้น ก็ต้องเป็นเรือนที่มีหลังคาเป็นรูปประทุนเรือจันทันหรือกลอนจึงจะโค้งงอได้, ทำให้ไม่แน่ใจว่าแปลคำนี้ว่าอะไรดี จึงไม่แปลและคงไว้ตามเดิมว่า โคปานสิ. (ข) ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : บุคคล จะได้เห็นน้องสาว (ของตนเอง) นั่นแหละ อาพาธลง ได้รับทุกข์ทรมาณ เป็นไข้หนัก นอนกลิ้งเกลือกอยู่ในมูตรและคูถของตนเอง อันบุคคลต้องช่วยพยุงให้ลุกและนอน. +--ภิกษุ ท. ! พวกเธอเข้าใจข้อความนี้ว่าอย่างไร : สีสรรวรรณะอันงดงามที่มีแต่เดิม อันตรธานไปแล้ว, โทษปรากฏชัดแล้ว มิใช่หรือ ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” +--ภิกษุ ท. ! แม้นั่น ก็คือ #อาทีนวะของรูป. (ค) ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : บุคคล จะได้เห็นน้องสาว (ของตนเอง) นั่นแหละ บัดนี้เป็นสรีระร่างอันเขาทิ้งแล้ว ในป่าช้าเป็นที่ทิ้งศพ ตายแล้ววันหนึ่ง บ้าง ตายแล้วสองวัน บ้าง ตายแล้วสามวัน บ้าง กำลังขึ้นพอง บ้าง มีสีเขียว บ้าง มีหนองไหล บ้าง. +--ภิกษุ ท. ! พวกเธอจะข้าใจความหมายนี้อย่างไร : สีสันวรรณะอันงดงามที่มีแต่เดิม อันตรธานไปแล้ว, โทษปรากฏชัดแล้ว มิใช่หรือ ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” +--ภิกษุ ท. ! แม้นั่น ก็คือ #อาทีนวะของรูป. (ง) ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : บุคคล จะได้เห็นน้องสาว (ของตนเอง) นั่นแหละ บัดนี้เป็นสรีระร่างอันเขาทิ้งแล้ว ในป่าช้าเป็นที่ทิ้งศพอัน ฝูงกาจิกกินอยู่ บ้าง อัน ฝูงแร้งจิกกินอยู่ บ้าง อัน ฝูงตะกรุมจิกกินอยู่ บ้าง อัน ฝูงสุนัขกัดกินอยู่ บ้าง อัน ฝูงสุนัขจิ้งจอกกัดกินอยู่ บ้าง และอัน หมู่หนอนต่างชนิดบ่อนกินอยู่ บ้าง. +--ภิกษุ ท. ! พวกเธอจะเข้าใจความข้อนี้ว่าอย่างไร : สีสรรวรรณะอันงดงามที่มีแต่เดิม อันตรธานไปแล้ว, โทษปรากฏชัดแล้ว มิใช่หรือ ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” +--ภิกษุ ท. ! แม้นั่น ก็คือ #อาทีนวะของรูป. (จ) ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : บุคคล จะได้เห็นน้องสาว (ของตนเอง) นั่นแหละ บัดนี้เป็นสรีระร่างอันเขาทิ้งแล้ว ในป่าช้าเป็นที่ทิ้งศพ เป็นร่างกระดูก ยังมีเนื้อและเลือด และยังมีเอ็นเป็นเครื่องรึงรัดอยู่ บ้าง เป็นร่างกระดูกที่ ปราศจากเนื้อ แต่ยังมีเลือดเปื้อนอยู่ และยังมีเอ็นเป็นเครื่องรึงรัดไว้ บ้าง เป็นร่างกระดูกที่ ปราศจากเนื้อและเลือด แต่ยังมีอ็นเป็นเครื่องรึงรัดไว้ บ้าง เป็นท่อนกระดูกที่ ปราศจากเอ็นเป็นเครื่องรึงรัด กระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง คือกระดูกมือไปทางหนึ่ง กระดูกเท้าไปทางหนึ่ง กระดูกแข้งไปทางหนึ่ง กระดูกขาไปทางหนึ่ง กระดูกสะเอวไปทางหนึ่ง กระดูกข้อสันหลังไปทางหนึ่ง กระดูกสีข้างไปทางหนึ่ง กระดูกหน้าอกไปทางหนึ่ง กระดูกแขนไปทางหนึ่ง กระดูกไหล่ไปทางหนึ่ง กระดูกคอไปทางหนึ่ง กระดูกคางไปทางหนึ่ง ฟันไปทางหนึ่ง กระโหลกศีรษะไปทางหนึ่ง บ้าง. +--ภิกษุ ท. ! พวกเธอจะเข้าใจความข้อนี้ว่าอย่างไร : สีสรรวรรณะอันงดงามที่มีแต่เดิม อันตรธานไปแล้ว, โทษปรากฏชัดแล้ว มิใช่หรือ ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” +--ภิกษุ ท. ! แม้นั่น ก็คือ #อาทีนวะของรูป. (ฉ) ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : บุคคล จะได้เห็นน้องสาว (ของตนเอง) นั่นแหละ บัดนี้เป็นสรีระร่างอันเขาทิ้งแล้ว ในป่าช้าเป็นที่ทิ้งศพ เป็นชิ้นกระดูก มีสีขาวดังสีสังข์ บ้าง เป็นชิ้นกระดูก กองเรี่ยรายอยู่นานเกินกว่าปีหนึ่งไปแล้ว บ้าง เป็นกระดูก เปื่อยผงละเอียดไปแล้ว บ้าง +--ภิกษุ ท. ! พวกเธอจะเข้าใจความข้อนี้ว่าอย่างไร : สีสรรวรรณะอันงดงามที่มีแต่เดิม อันตรธานไปแล้ว, โทษปรากฏชัดแล้ว มิใช่หรือ ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” +--ภิกษุ ท. ! แม้นั่น ก็คือ #อาทีนวะของรูป. --ภิกษุ ท. ! อะไร เป็นนิสสรณะ (อุบายเครื่องออก) จากรูป ? +--ภิกษุ ท. ! การนำออกเสียได้ซึ่งฉันทราคะ การละเสียได้ซึ่งฉันทราคะในรูปอันใด, อันนั้น เป็น #นิสสรณะของรูป. http://etipitaka.com/read/pali/12/175/?keywords=ฉนฺทราคปฺปหานํ --ภิกษุ ท. ! สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด ไม่รู้ชัดตามเป็นจริง ซึ่ง อัสสาทะแห่งรูปโดยความเป็นอัสสาทะด้วย ซึ่ง อาทีนวะโดยความเป็นอาทีนวะด้วย ซึ่ง นิสสรณะโดยความเป็นนิสสรณะด้วย โดยอาการอย่างนี้ อยู่; สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นน่ะหรือ จักรอบรู้ซึ่งรูปด้วยตนเอง หรือว่าจักชวนผู้อื่นให้รอบรู้ซึ่งรูปเหมือนผู้ที่เคยปฏิบัติแล้ว ดังนี้นั้น : นั่นไม่เป็นฐานะที่มีได้. --ภิกษุ ท. ! ส่วนสมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด รู้ชัดตามความเป็นจริง ซึ่ง อัสสาทะแห่งรูปโดยความเป็นอัสสาทะด้วย ซึ่ง อาทีนวะโดยความเป็นอาทีนวะด้วย ซึ่ง นิสสรณะโดยความเป็นนิสสรณะด้วย โดยอาการอย่างนี้ อยู่ สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น จักรอบรู้ซึ่งรูปด้วยตนเอง หรือว่าจักชวนผู้อื่นให้รอบรู้ซึ่งรูปเหมือนผู้ที่เคยปฏิบัติแล้ว ดังนี้นั้น : นั่นเป็นฐานะที่มีได้.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/118-121/201-204. http://etipitaka.com/read/thai/12/118/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%90%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๑๗๓-๑๗๕/๒๐๑-๒๐๔. http://etipitaka.com/read/pali/12/173/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%90%E0%B9%91 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=737 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=55&id=737 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=55 ลำดับสาธยายธรรม : 55 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_55.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสสรณะของรูปกาย--(ธรรมลักษณะ ๓ ประการของรูป : วัตถุแห่งสัมมาทิฏฐิ)
    -(ความรู้ดังกล่าวนี้สงเคราะห์ลงในสัมมาทิฏฐิ ดังนั้นจึงนำมารวมไว้ในที่นี้). อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสสรณะของรูปกาย (ธรรมลักษณะ ๓ ประการของรูป : วัตถุแห่งสัมมาทิฏฐิ) ภิกษุ ท. ! อะไร เป็นอัสสาทะ (รสอร่อย) ของรูป ? ภิกษุ ท. ! เหมือนอย่างว่านางสาวน้อยแห่งกษัตริย์ก็ดี นางสาวน้อยแห่งพราหมณ์ก็ดี หรือนางสาวน้อยแห่งคหบดีก็ดี ที่แสดงลักษณะว่ามีอายุสิบห้าปีก็ดี หรือสิบหกปีก็ดี ซึ่งมีทรวดทรงไม่สูงนัก ไม่ต่ำนัก ไม่ผอมนัก ไม่อ้วนนัก ไม่ดำนัก ไม่ขาวนัก ภิกษุ ท. ! ในสมัยนั้น สีสรรวรรณะแห่งหญิงนั้น ย่อมงดงามอย่างยิ่ง มิใช่หรือ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” ภิกษุ ท. ! สุขโสมนัสที่อาศัยสีสรรวรรณะอัน งดงามแล้วบังเกิดขึ้น อันใด, อันนั้น เป็นอัสสาทะของรูป. ภิกษุ ท. ! อะไร เป็น อาทีนวะ (โทษอันต่ำทราม) ของรูป ? (ก) ภิกษุ ท. ! ในกรณีนี้ บุคคคล จะได้เห็นน้องสาว (ของตนเอง) นั่นแหละ โดยกาลต่อมา มีอายุได้ ๘๐ ปีบ้าง ๙๐ ปีบ้าง ๑๐๐ ปีบ้าง ชราทรุดโทรมแล้ว มีหลังงอเหมือนโคปานสิแห่งหลังคา๑ มีกายคดไปคดมา มีไม้เท้ายันไป ๑. คำนี้เคยแปลกันว่า กลอนหรือจันทัน แต่ไม่สมเหตุสมผลคือไม่ได้โค้ง. รูปเรือนโบราณที่ปรากฏอยู่ในสิลาสลักของโบราณ เห็นโค้งอยู่แต่ส่วนที่เรียกว่าปั้นลม โค้งงอเป็นรูปดอกบัว พอที่จะเปรียบกับหลังโกงได้. หรือมิฉะนั้น ก็ต้องเป็นเรือนที่มีหลังคาเป็นรูปประทุนเรือจันทันหรือกลอนจึงจะโค้งงอได้, ทำให้ไม่แน่ใจว่าแปลคำนี้ว่าอะไรดี จึงไม่แปลและคงไว้ตามเดิมว่า โคปานสิ. ในเบื้องหน้า เดินตัวสั่นเทิ้ม กระสับกระส่าย ผ่านวัยอันแข็งแกร่งไปแล้ว มีฟันหักแล้ว มีผมหงอกแล้ว มีผมตัดสั้นอย่างลวกๆ มีผิวหนังหย่อนยานและมีตัวเต็มไปด้วยจุด. ภิกษุ ท. ! พวกเธอเข้าใจความข้อนี้ว่าอย่างไร : สีสรรวรรณะอันงดงามที่มีมาแต่เดิม อันตรธานไปแล้ว, โทษปรากฏชัดแล้วมิใช่หรือ ? “อย่างนั้นพระเจ้าข้า !” ภิกษุ ท. ! นั่นคือ อาทีนวะของรูป. (ข) ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : บุคคล จะได้เห็นน้องสาว (ของตนเอง) นั่นแหละ อาพาธลง ได้รับทุกข์ทรมาณ เป็นไข้หนัก นอนกลิ้งเกลือกอยู่ในมูตรและคูถของตนเอง อันบุคคลต้องช่วยพยุงให้ลุกและนอน. ภิกษุ ท. ! พวกเธอเข้าใจข้อความนี้ว่าอย่างไร : สีสรรวรรณะอันงดงามที่มีแต่เดิม อันตรธานไปแล้ว, โทษปรากฏชัดแล้ว มิใช่หรือ ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” ภิกษุ ท. ! แม้นั่น ก็คืออาทีนวะของรูป. (ค) ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : บุคคล จะได้เห็นน้องสาว (ของตนเอง) นั่นแหละ บัดนี้เป็นสรีระร่างอันเขาทิ้งแล้ว ในป่าช้าเป็นที่ทิ้งศพ ตายแล้ววันหนึ่ง บ้าง ตายแล้วสองวัน บ้าง ตายแล้วสามวัน บ้าง กำลังขึ้นพอง บ้าง มีสีเขียว บ้าง มีหนองไหล บ้าง. ภิกษุ ท. ! พวกเธอจะข้าใจความหมายนี้อย่างไร : สีสันวรรณะอันงดงามที่มีแต่เดิม อันตรธานไปแล้ว, โทษปรากฏชัดแล้ว มิใช่หรือ ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” ภิกษุ ท. ! แม้นั่น ก็คืออาทีนวะ ของรูป. (ง) ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : บุคคล จะได้เห็นน้องสาว (ของตนเอง) นั่นแหละ บัดนี้เป็นสรีระร่างอันเขาทิ้งแล้ว ในป่าช้าเป็นที่ทิ้งศพ อัน ฝูงกาจิกกินอยู่ บ้าง อัน ฝูงแร้งจิกกินอยู่ บ้าง อัน ฝูงตะกรุมจิกกินอยู่ บ้าง อัน ฝูงสุนัขกัดกินอยู่ บ้าง อัน ฝูงสุนัขจิ้งจอกกัดกินอยู่ บ้าง และอัน หมู่หนอนต่างชนิดบ่อนกินอยู่ บ้าง. ภิกษุ ท. ! พวกเธอจะเข้าใจความข้อนี้ว่าอย่างไร : สีสรรวรรณะอันงดงามที่มีแต่เดิม อันตรธานไปแล้ว, โทษปรากฏชัดแล้ว มิใช่หรือ ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” ภิกษุ ท. ! แม้นั่น ก็คืออาทีนวะของรูป. (จ) ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : บุคคล จะได้เห็นน้องสาว (ของตนเอง) นั่นแหละ บัดนี้เป็นสรีระร่างอันเขาทิ้งแล้ว ในป่าช้าเป็นที่ทิ้งศพ เป็นร่างกระดูก ยังมีเนื้อและเลือด และยังมีเอ็นเป็นเครื่องรึงรัดอยู่ บ้าง เป็นร่างกระดูกที่ ปราศจากเนื้อ แต่ยังมีเลือดเปื้อนอยู่ และยังมีเอ็นเป็นเครื่องรึงรัดไว้บ้าง เป็นร่างกระดูกที่ปราศจากเนื้อและเลือด แต่ยังมีอ็นเป็นเครื่องรึงรัดไว้บ้าง เป็นท่อนกระดูกที่ปราศจากเอ็นเป็นเครื่องรึงรัด กระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง คือกระดูกมือไปทางหนึ่ง กระดูกเท้าไปทางหนึ่ง กระดูกแข้งไปทางหนึ่ง กระดูกขาไปทางหนึ่ง กระดูกสะเอวไปทางหนึ่ง กระดูกข้อสันหลังไปทางหนึ่ง กระดูกสีข้างไปทางหนึ่ง กระดูกหน้าอกไปทางหนึ่ง กระดูกแขนไปทางหนึ่ง กระดูกไหล่ไปทางหนึ่ง กระดูกคอไปทางหนึ่ง กระดูกคางไปทางหนึ่ง ฟันไปทางหนึ่ง กระโหลกศีรษะไปทางหนึ่งบ้าง. ภิกษุ ท. ! พวกเธอจะเข้าใจความข้อนี้ว่าอย่างไร : สีสรรวรรณะอันงดงามที่มีแต่เดิม อันตรธานไปแล้ว, โทษปรากฏชัดแล้ว มิใช่หรือ ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” ภิกษุ ท. ! แม้นั่น ก็คืออาทีนวะของรูป. (ฉ) ภิกษุ ท. ! โทษอย่างอื่นยังมีอีก : บุคคล จะได้เห็นน้องสาว (ของตนเอง) นั่นแหละ บัดนี้เป็นสรีระร่างอันเขาทิ้งแล้ว ในป่าช้าเป็นที่ทิ้งศพ เป็นชิ้นกระดูก มีสีขาวดังสีสังข์ บ้าง เป็นชิ้นกระดูก กองเรี่ยรายอยู่นานเกินกว่าปีหนึ่งไปแล้ว บ้าง เป็นกระดูก เปื่อยผงละเอียดไปแล้ว บ้าง ภิกษุ ท. ! พวกเธอจะเข้าใจความข้อนี้ว่าอย่างไร : สีสรรวรรณะอันงดงามที่มีแต่เดิม อันตรธานไปแล้ว, โทษปรากฏชัดแล้ว มิใช่หรือ ? “อย่างนั้น พระเจ้าข้า !” ภิกษุ ท. ! แม้นั่น ก็คืออาทีนวะของรูป. ภิกษุ ท. ! อะไร เป็นนิสสรณะ (อุบายเครื่องออก) จากรูป ? ภิกษุ ท. ! การนำออกเสียได้ซึ่งฉันทราคะ การละเสียได้ซึ่งฉันทราคะในรูปอันใด, อันนั้น เป็นนิสสรณะของรูป. ภิกษุ ท. ! สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด ไม่รู้ชัดตามเป็นจริง ซึ่ง อัสสาทะแห่งรูปโดยความเป็นอัสสาทะด้วย ซึ่งอาทีนวะโดยความเป็นอาทีนวะด้วย ซึ่งนิสสรณะโดยความเป็นนิสสรณะด้วย โดยอาการอย่างนี้ อยู่; สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นน่ะหรือ จักรอบรู้ซึ่งรูปด้วยตนเอง หรือว่าจักชวนผู้อื่นให้รอบรู้ซึ่งรูปเหมือนผู้ที่เคยปฏิบัติแล้ว ดังนี้นั้น : นั่นไม่เป็นฐานะที่มีได้. ภิกษุ ท. ! ส่วนสมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด รู้ชัดตามความเป็น จริง ซึ่งอัสสาทะแห่งรูปโดยความเป็นอัสสาทะด้วย ซึ่งอาทีนวะโดยความเป็นอาทีนวะด้วย ซึ่งนิสสรณะโดยความเป็นนิสสรณะด้วย โดยอาการอย่างนี้ อยู่ สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้น จักรอบรู้ซึ่งรูปด้วยตนเอง หรือว่าจักชวนผู้อื่นให้รอบรู้ซึ่งรูปเหมือนผู้ที่เคยปฏิบัติแล้ว ดังนี้นั้น : นั่นเป็นฐานะที่มีได้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • อาริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าความดับของอายตนะ คือ ความดับของทุกข์
    สัทธรรมลำดับที่ : 368
    ชื่อบทธรรม :- ความดับของอายตนะ คือ ความดับของทุกข์
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=368
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ความดับของอายตนะ คือ ความดับของทุกข์
    --ภิกษุ ท. ! ความดับ ความเข้าไปสงบรำงับและความตั้งอยู่ไม่ได้
    แห่งตา แห่งหู แห่งจมูก แห่งลิ้น แห่งกาย แห่งใจ ใด ๆ ;
    http://etipitaka.com/read/pali/17/283/?keywords=ทุกฺขสฺเสโส+นิโรโธ
    #อันนั้นแหละเป็นความดับแห่งทุกข์,
    อันนั้นแหละเป็นความเข้าไปสงบรำงับแห่งสิ่งซึ่งมีปกติเสียบแทงทั้งหลาย,
    อันนั้นแหละเป็นความตั้งอยู่ไม่ได้แห่งชราและมรณะ แล.-

    #ทุกขนิโรธ#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/252/480
    http://etipitaka.com/read/thai/17/252/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%98%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๘๓/๔๘๐
    http://etipitaka.com/read/pali/17/283/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%98%E0%B9%90
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=368
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=368
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24
    ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    อาริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าความดับของอายตนะ คือ ความดับของทุกข์ สัทธรรมลำดับที่ : 368 ชื่อบทธรรม :- ความดับของอายตนะ คือ ความดับของทุกข์ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=368 เนื้อความทั้งหมด :- --ความดับของอายตนะ คือ ความดับของทุกข์ --ภิกษุ ท. ! ความดับ ความเข้าไปสงบรำงับและความตั้งอยู่ไม่ได้ แห่งตา แห่งหู แห่งจมูก แห่งลิ้น แห่งกาย แห่งใจ ใด ๆ ; http://etipitaka.com/read/pali/17/283/?keywords=ทุกฺขสฺเสโส+นิโรโธ #อันนั้นแหละเป็นความดับแห่งทุกข์, อันนั้นแหละเป็นความเข้าไปสงบรำงับแห่งสิ่งซึ่งมีปกติเสียบแทงทั้งหลาย, อันนั้นแหละเป็นความตั้งอยู่ไม่ได้แห่งชราและมรณะ แล.- #ทุกขนิโรธ​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/252/480 http://etipitaka.com/read/thai/17/252/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%98%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๘๓/๔๘๐ http://etipitaka.com/read/pali/17/283/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%98%E0%B9%90 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=368 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=368 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24 ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ความดับของอายตนะ คือ ความดับของทุกข์
    -ความดับของอายตนะ คือ ความดับของทุกข์ ภิกษุ ท. ! ความดับ ความเข้าไปสงบรำงับ และความตั้งอยู่ไม่ได้ แห่งตา แห่งหู แห่งจมูก แห่งลิ้น แห่งกาย แห่งใจ ใด ๆ ; อันนั้นแหละเป็นความดับแห่งทุกข์, อันนั้นแหละเป็นความเข้าไปสงบรำงับแห่งสิ่งซึ่งมีปกติเสียบแทงทั้งหลาย, อันนั้นแหละเป็นความตั้งอยู่ไม่ได้แห่งชราและมรณะ แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • 4 กันยายน 2568
    15.42 น.

    'เพื่อไทย' ปล่อยคลิป 'ชัยเกษม' อ่านคำตอบรับข้อเสนอทุกข้อของ 'พรรคประชาชน' ยุบสภาทันทีไม่ต้องรอ 4 เดือน ยืนยันเป็นสัญญา ปฏิบัติตามไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีเงื่อนไขเพิ่มเติมใดๆ
    .
    เกมของเพื่อไทยคือ ในเมื่อรักษาการนายกฯ มีข้อขัดแย้งในเรื่องอำนาจการยุบสภา เลยจะให้ "ชัยเกษม" ได้เป็นายกฯตัวจริง เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ยุบสภาแทน
    .
    ลูกบอลไปอยู่กับทาง "พรรคประชาชน" หากยังคงเลือกโหวตให้อนุทิน จะถูกครหาไปตลอดว่า ไม่จริงใจอย่างที่พูด เร่งให้มีการยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็ว

    แต่ถ้าหาก พรรคประชาชน กลับลำ โหวตให้เพื่อไทย จะกลายเป็นพรรคที่กลับไปกลับมา ไม่รักษาคำพูด ดังที่เคยดูถูกดูแคลนพรรคอื่นๆตลอดมา
    4 กันยายน 2568 15.42 น. 'เพื่อไทย' ปล่อยคลิป 'ชัยเกษม' อ่านคำตอบรับข้อเสนอทุกข้อของ 'พรรคประชาชน' ยุบสภาทันทีไม่ต้องรอ 4 เดือน ยืนยันเป็นสัญญา ปฏิบัติตามไม่เปลี่ยนแปลง ไม่มีเงื่อนไขเพิ่มเติมใดๆ . เกมของเพื่อไทยคือ ในเมื่อรักษาการนายกฯ มีข้อขัดแย้งในเรื่องอำนาจการยุบสภา เลยจะให้ "ชัยเกษม" ได้เป็นายกฯตัวจริง เพื่อเข้ามาทำหน้าที่ยุบสภาแทน . 👉ลูกบอลไปอยู่กับทาง "พรรคประชาชน" หากยังคงเลือกโหวตให้อนุทิน จะถูกครหาไปตลอดว่า ไม่จริงใจอย่างที่พูด เร่งให้มีการยุบสภา คืนอำนาจให้ประชาชนโดยเร็ว 👉แต่ถ้าหาก พรรคประชาชน กลับลำ โหวตให้เพื่อไทย จะกลายเป็นพรรคที่กลับไปกลับมา ไม่รักษาคำพูด ดังที่เคยดูถูกดูแคลนพรรคอื่นๆตลอดมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสสรณะของกาม
    สัทธรรมลำดับที่ : 736
    ชื่อบทธรรม :- อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสสรณะของกาม
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=736
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสสรณะของกาม
    (ธรรมลักษณะ ๓ ประการของกาม : วัตถุแห่งสัมมาทิฏฐิ)

    --ภิกษุ ท. ! #อะไรเป็นอัสสาทะ (รสอร่อย) ของกามทั้งหลาย ?
    +--ภิกษุ ท. ! กามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้ มีอยู่. ห้าอย่าง อย่างไรเล่า?
    ห้าอย่าง​ คือ
    ๑.รูป อันจะพึงรู้แจ้งด้วยตา
    ๒.เสียงอันจะพึงรู้แจ้งด้วยหู
    ๓.กลิ่นอันจะพึงรู้แจ้งด้วยจมูก
    ๔.รสอันจะพึงรู้แจ้งด้วยลิ้น
    ๕.โผฏฐัพพะอันจะพึงรู้แจ้งด้วยผิวกาย (แต่ละอย่าง ๆ)
    อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ มีลักษณะน่ารัก
    เป็นที่เข้าไปอาศัยอยู่แห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด มีอยู่
    +--ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แลชื่อว่า กามคุณ (คุณค่าสำหรับกาม) ห้าอย่าง.
    +--ภิกษุ ท. ! สุขโสมนัสใด อาศัยกามคุณห้าเหล่านี้แล้วเกิดขึ้น ,
    นี้เป็น อัสสาทะของกาม ทั้งหลาย.

    --ภิกษุ ท. ! #อะไรเป็นอาทีนวะ (โทษอันต่ำทราม) ของกามทั้งหลาย ?
    (ก) ภิกษุ ท. !
    กุลบุตรในโลกนี้ สำเร็จการเป็นอยู่ด้วยความพากเพียรในศิลปะ คือ
    ด้วยศิลปะแห่งการใช้สัญญาด้วยมือ ศิลปแห่งการคำนวณ ศิลปะแห่งการนับ
    ด้วยกสิกรรม ด้วยวาณิชกรรม ด้วยโครักขกรรม ด้วยศิลปะแห่งการใช้ศาตรา
    ด้วยการเป็นราชบุรุษ หรือด้วยศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง,
    +‐-ต้องเผชิญกับความหนาว เผชิญกับความร้อน ต้องลำบากอยู่
    ด้วยสัมผัสอันเกิดจากเหลือบยุงลมแดดและสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย อ่อนแรงอยู่
    ด้วยความหิว กระหายเพราะการไม่ได้บริโภคตามเวลา.
    +--ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นโทษแห่งกาม เป็นกองแห่งทุกข์ อันบุคคลเห็นได้เอง ว่า
    มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ
    +‐-มีเหตุมาแต่กามนั่นเทียว.

    (ข) ภิกษุ ท. !
    แม้เมื่อกุลบุตรนั้นพากเพียรอยู่อย่างนั้น สืบต่อ พยายามอยู่อย่างนั้น
    โภคะก็ยังไม่สำเร็จแก่เขา ;
    +--เขาย่อมเศร้าโศก ย่อมลำบากใจ ร่ำไรรำพัน ตีอกร่ำไห้ ถึงความคลั่งเพ้อว่า
    “ความพากเพียรของเราเป็นโมฆะเสียแล้วหนอ ความพยายามของเราไม่มีผลหนอ”
    ดังนี้ เป็นต้น.
    +--ภิกษุ ท. ! แม้ข้อนี้ ก็เป็นโทษของกาม เป็นกองแห่งทุกข์ อันบุคคลเห็นได้เอง ว่า
    มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ
    +--มีเหตุมาแต่กามนั่นเทียว.

    (ค) ภิกษุ ท. !
    ถึงแม้ว่าเมื่อกุลบุตรนั้น พากเพียรอยู่อย่างนั้นสืบ ต่อพยายามอยู่อย่างนั้น
    โภคะเกิดสำเร็จผลแก่เขาขึ้นมา.
    +--เขาก็ยังเสวยทุกขโทมนัสเพราะการอารักขาโภคะเหล่านั้น โดยวิตกอยู่ว่า
    “ทำอย่างไรพระราชาจึงจะไม่ริบทรัพย์ของเราไป
    โจรจะไม่ปล้นทรัพย์ของเราไป
    ไฟจะไม่ไหม้ น้ำจะไม่พัดพาเอาไป
    ทายาทอันไม่เป็นที่รักจะไม่เยื้อแย่งเอาไป” ดังนี้ เป็นต้น.
    +‐-เมื่อเขาอารักขาคุ้มครองอยู่อย่างนี้
    พระราชาริบทรัพย์ของเขาไปบ้าง
    โจรปล้นเอาไปบ้าง ไฟไหม้เสียบ้าง
    น้ำพัดพาไปเสียบ้าง ทายาทไม่เป็นที่รักเยื้อแย่งไปเสียบ้าง,
    +--เขาย่อมเศร้าโศก ย่อมลำบากใจ ร่ำไรรำพัน ตีอกร่ำไห้ ถึงความคลั่งเพ้อว่า
    “สิ่งที่เคยมีแก่เรา ฉิบหายไปหมดแล้วหนอ” ดังนี้ เป็นต้น.
    +--ภิกษุ ท. ! แม้ข้อนี้ ก็เป็นโทษแห่งกาม เป็นกองแห่งทุกข์ อันบุคคลเห็นได้เอง ว่า
    มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ
    +‐-มีเหตุมาแต่กามนั่นเทียว.

    (ง) ภิกษุ ท. ! โทษอื่นยังมีอีก ที่มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า
    มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ มีเหตุมาแต่กามนั่นเอง; คือ
    ข้อที่ราชาวิวาทกับราชาบ้าง กษัตริย์วิวาทกับกษัตริย์บ้าง
    พราหมณ์วิวาทกับพราหมณ์บ้าง คหบดีวิวาทกับคหบดีบ้าง
    มารดาวิวาทแม้กับบุตร บุตรวิวาทแม้กับมารดา
    บิดาวิวาทแม้กับบุตร บุตรวิวาทแม้กับบิดา
    พี่น้องชายกับพี่น้องชาย พี่น้องหญิงกับพี่น้องหญิง
    แม้สหายกับสหายก็ยังวิวาทกัน,
    +‐-เขาเหล่านั้น ถึงการทะเลาะแก่งแย่งวิวาทกัน ในที่นั้นๆ,
    ทำร้ายกันและกันด้วยฝ่ามือบ้าง ด้วยก้อนดินบ้าง ด้วยท่อนไม้บ้าง ด้วยศาตราบ้าง
    ถึงความตายบ้าง ได้รับทุกข์เจียนตายบ้างในที่นั้น ๆ
    +--ภิกษุ ท. ! แม้ข้อนี้ ก็เป็นโทษของกาม เป็นกองแห่งทุกข์ อันบุคคลเห็นได้เอง ว่า
    มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ
    +--มีเหตุมาแต่กามนั่นเทียว.

    (จ) ภิกษุ ท. !
    โทษอื่นยังมีอีก ที่มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า
    +‐-มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ มีเหตุมาแต่กามนั่นเอง ; คือ
    ข้อคนที่คนทั้งหลายถือดาบและโล่หนัง ผูกสอดธนูและแล่งศร
    แล่นเข้าไปสู่สงครามอันตั้งขึ้นเป็นกองทัพสองฝ่าย
    ยิงศรอยู่บ้าง ซัดหอกอยู่บ้าง กวัดแกว่งดาบอยู่บ้าง,
    คนเหล่านั้น ถูกศรแทงบ้าง ถูกหอกแทงบ้าง ถูกดาบตัดศีรษะบ้าง
    ถึงความตายบ้าง ได้รับทุกข์เจียนตายบ้าง อยู่ในที่นั้นๆ.
    +--ภิกษุ ท. ! แม้ข้อนี้ ก็เป็นโทษของกาม เป็นกองแห่งทุกข์
    อันบุคคลเห็นได้เอง ว่า
    มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ
    +--มีเหตุมาแต่กามนั่นเทียว.

    (ฉ) ภิกษุ ท. !
    โทษอื่นยังมีอีก ที่มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า
    มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ มีเหตุมาแต่กามนั่นเอง ; คือ
    ข้อที่คนทั้งหลายถือดาบและโล่หนัง ผูกสอดธนูและแล่งศร
    แล่นเข้าประชิดเชิงเทินอันกระทำขึ้นด้วยวิธีที่เรียกว่า อัฏฏาวเลปนา*--๑
    เมื่อมีการยิงลูกศรอยู่บ้าง ซัดหอกอยู่บ้าง กวัดแกว่งดาบอยู่บ้าง
    คนเหล่านั้นก็ถูกลูกศรแทงบ้าง ถูกหอกแทงบ้าง
    ถูกรดอยู่ด้วยเถ้าถ่านโคมัยอันร้อนบ้าง
    ปล่อยของหนักให้ตกลงทับทีเดียวตายทั้งหมู่บ้าง
    ถูกตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง ถึงความตายบ้าง ได้รับทุกข์เจียนตายบ้าง อยู่ในที่นั้นๆ.
    +--ภิกษุ ท. ! แม้ข้อนี้ ก็เป็นโทษของกาม เป็นกองแห่งทุกข์
    อันบุคคลเห็นได้เอง ว่า
    มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ
    +--มีเหตุมาแต่กามนั่นเทียว.
    -----
    *--๑. ตีนกำแพงที่ทำให้ขรุขระไว้ด้วยของมีคม ยากแก่การที่ข้าศึกจะเข้าไป
    หรือปีนกำแพงได้.

    (ช) ภิกษุ ท. !
    โทษอื่นยังมีอีก ที่มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า
    มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ มีเหตุมาแต่กามนั่นเอง; คือ
    ข้อที่คนบางพวก ย่อมตัดช่อง ย่องเบา ปล้นสะดมในเรือนหลังเดียว
    คอยดักทำร้ายในที่เปลี่ยว และล่วงภรรยาผู้อื่น.
    พระราชาจับคนเหล่านั้นมาแล้ว ให้กระทำกรรมกรณ์วิธีการลงโทษหลายวิธีด้วยกัน เช่น
    เฆี่ยนด้วยหวายบ้าง หวดด้วยเชือกหนังบ้าง ทุบด้วยท่อนไม้บ้าง
    ตัดมือเสียบ้าง ตัดเท้าเสียบ้าง ตัดเสียทั้งมือและเท้าบ้าง
    ตัดหูบ้าง ตัดจมูกบ้าง ตัดเสียทั้งหูและจมูกบ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “หม้อเคี่ยวน้ำส้ม”*--๑ บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ขอดสังข์”*--๒ บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ปากราหู”*--๓ บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “มาลัยไฟ”*--๔ บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “มือคบเพลิงบ้าง”*--๕ บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ริ้วส่าย”*--๖ บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “นุ่งเปลือกไม้”*--๗ บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ยืนกวาง”*--๘ บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เกี่ยวเหยื่อเบ็ด”*--๙ บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เหรียญกษาปณ์”*--๑๐ บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ทาเกลือ” บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “แปรงแสบ”*--๑๑ บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เวียนหลัก”*--๑๒ บ้าง
    ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ตั่งฟาง”*--๑๓ บ้าง
    ย่อมราดด้วยน้ำมันร้อน ๆ บ้าง
    ย่อมปล่อยให้ “สุนัขทึ้ง”*--๑๔ บ้าง
    ย่อมให้นอนหงายบนหลาวทั้งเป็น ๆ บ้าง
    ย่อมตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง ;
    เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตายบ้าง ได้รับทุกข์เจียนตายบ้าง อยู่ในที่นั้น ๆ.
    +--ภิกษุ ท. ! แม้ข้อนี้ ก็เป็นโทษของกาม เป็นกองแห่งทุกข์
    อันบุคคลเห็นได้เอง ว่า
    มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ
    +--มีเหตุมาแต่กามนั่นเทียว.
    -----
    *--๑. “หม้อเคี่ยวน้ำส้ม” คือต่อยหัวขมองแยกออก แล้วใช้คีมคีบก้อนเหล็กที่ลุกแดงใส่ลงไป ให้มันสมองเดือดพลุ่งขึ้นเหมือนน้ำส้มเดือดล้นหม้อ.
    *--๒. “ขอดสังข์” คือตัดหนังควั่นไปให้รอบจอนหูทั้งสองข้าง และหลุมคอ แล้วรวบผมทั้งหมดขมวดไว้ ใช้ไม้สอดหมุนยกขึ้น ให้หนังหลุดติดขึ้นมาพร้อมกับผมแล้วใช้ทรายหยาบขัดกะโหลกศีรษะล้างให้ขาว ดั่งสังข์.
    *--๓. “ปากราหู” คือใช้ขอเหล็กง้างปากให้อ้าแล้วจุดไฟในปาก. อีกอย่างหนึ่ง ใช้สิ่วตอกเจาะตั้งแต่จอนหูเข้าไปจนถึงปาก ให้โลหิตไหลออกมาเต็มปาก ดูปากอ้า ดั่งปากราหู.
    *--๔. “มาลัยไฟ” คือใช้ผาชุบน้ำมันพันจนทั่วตัวแล้วจุดไฟ.
    *--๕. “มือคบเพลิง” คือใช้ผ้าชุบน้ำมันพันมือทั้งสองข้างจนทั่ว แล้วจุดไฟ.
    *--๖. “ริ้วส่าย” คือเชือดหนังลอกออกเป็นริ้วๆ ตั้งแต่ใต้คอไปจนถึงข้อเท้า แล้วเอาเชือกผูกฉุดคร่าไป นักโทษเดินเหยียบหนังคัวล้มลุกคลุกคลานไปจนกว่าจะตาย.
    *--๗. “นุ่งเปลือกไม้” คือเชือดหนังเป็นริ้วๆอย่างบทก่อน แต่ทำเป็นสองตอน ตั้งแต่ใต้คอจนถึงเอวตอนหนึ่ง ตั้งแต่เอวจนถึงข้อเท้าตอนหนึ่ง ริ้วหนังตอนบนห้อยคลุมลงมาปิดกายตอนล่าง ดูดั่งนุ่งเปลือกไม้.
    *--๘. “ยืนกวาง” คือใช้ห่วงเหล็กรัดข้อศอกทั้งสอง และเข่าทั้งสอง ตรึงติดไว้กับหลักเหล็กสี่หลักบนพื้นดิน ดูดั่ง กวางถูกตรึง แล้วก่อไฟล้อมลนจนกว่าจะตาย.
    *--๙. “เกี่ยวเหยื่อเบ็ด” คือใช้เบ็ดมีเงี่ยงสองข้าง เกี่ยวตัวดึงเอาหนังเนื้อและเอ็นออกมาให้หมด.
    *--๑๐. “เหรียญกษาปณ์” คือใช้มีดคมเชือดหนังออกเป็นแว่นๆ ขนาดเท่าเงินเหรียญจนกว่าจะตาย.
    *--๑๑. “แปรงแสบ” คือฟันสับเสียให้ยับทั่วกาย แล้วใช้แปรงชุบน้ำแสบ (มีน้ำเกลือเป็นต้น) ถูครูดสีไปมาให้เนื้อเอ็นขาดหลุดออกมา เหลือแต่กระดูก.
    *--๑๒. “เวียนหลัก” คือให้นอนตะแคง แล้วใช้หลาวเหล็กตอกเข้าช่องหูให้ทะลุ ลงไปตรึงแน่นอยู่กับดิน แล้วจับเท้าทั้งสองเดินเวียน.
    *--๑๓. “ตั่งฟาง” คือใช้ลูกหินบดทับตัว บดให้กระดูกแตกละเอียด แต่ไม่ให้หนังขาด แล้วจับผมรวบขึ้นเขย่าๆ ให้เนื้อรวมเข้าเป็นกอง แล้วใช้ผมนั่นแหละพันตะล่อมวางไว้ เหมือนตั่งที่ทำด้วยฟางสำหรับเช็ดเท้า.
    *--๑๔. “ให้สุนัขทึ้ง” คือขังฝูงสุนัขให้อดหิวโซหลายวัน แล้วปล่อยให้ออกมารุมทึ้ง พักเดียวเหลือแต่กระดูก.
    --*-- นัยแห่งอรรถกถาและพระไตรปิฎกแปลของ ม . อำไพจริต.--*--

    (ญ) ภิกษุ ท. !
    โทษอื่นยังมีอีก ที่มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า
    มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ มีเหตุมาแต่กามนั่นเอง ;
    คือข้อที่คนทั้งหลายประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจ,
    ครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจแล้ว,
    เขาเหล่านั้น ย่อม เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เบื้องหน้าแต่การตาย
    เพราะการแตกสลายแห่งกาย.
    +--ภิกษุ ท. ! แม้ข้อนี้ ก็เป็นโทษของกาม เป็นกองแห่งทุกข์
    อันบุคคลเห็นได้เอง ว่า
    มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ
    +--มีเหตุมาแต่กามนั่นเทียว.

    --ภิกษุ ท. ! #อะไรเป็นนิสสรณะ (อุบายเป็นเครื่องออก) จากกามทั้งหลาย ?
    +--ภิกษุ ท. !
    การนำออกเสียได้ซึ่งฉันทราคะ #การละเสียได้ซึ่งฉันทราคะ ในกามทั้งหลาย อันใด,
    อันนั้น เป็นนิสสรณะจากกามทั้งหลาย.
    http://etipitaka.com/read/pali/12/168/?keywords=ฉนฺทราคปฺปหานํ
    +--ภิกษุ ท. ! สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด #ไม่รู้ชัดตามเป็นจริง
    ซึ่ง อัสสาทะแห่งกามทั้งหลาย โดยความเป็นอัสสาทะด้วย
    ซึ่ง อาทีนวะ โดยความเป็นอาทีนวะด้วย
    ซึ่ง นิสสรณะ โดยความเป็นนิสสรณะด้วย โดยอาการเหล่านี้ อยู่;
    สมณะพราหมณ์เหล่านั้นน่ะหรือ จักรู้รอบซึ่งกามทั้งหลายด้วยตนเอง
    หรือว่าจักชักชวนผู้อื่นให้รอบรู้ซึ่งกามเหมือนผู้ที่เคยปฏิบัติแล้ว
    ดังนี้นั้น : นั่นไม่เป็นฐานะที่มีได้.
    +--ภิกษุ ท. ! ส่วน สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด #รู้ชัดตามเป็นจริง
    ซึ่ง อัสสาทะแห่งกามทั้งหลาย โดยความเป็นอัสสาทะด้วย
    ซึ่ง อาทีนวะ โดยความเป็นอาทีนวะด้วย
    ซึ่ง นิสสรณะ โดยความเป็นนิสสรณะด้วย โดยอาการอย่างนี้อยู่ ;
    สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นนั่นแหละ จักรอบรู้ซึ่งกามทั้งหลายด้วยตนเอง
    หรือว่าจักชักชวนผู้อื่นให้รอบรู้ซึ่งกามเหมือนผู้ที่เคยปฏิบัติแล้ว
    ดังนี้นั้น : นั่นเป็นฐานะที่มีได้.-

    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู.ม. 12/115-120/197-200.
    http://etipitaka.com/read/thai/12/115/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%97
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู.ม. ๑๒/๑๖๘-๑๗๓/๑๙๗-๒๐๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/12/168/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%97
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=55&id=736
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=55
    ลำดับสาธยายธรรม : 55 ฟังเสียงอ่าน..
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_55.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสสรณะของกาม สัทธรรมลำดับที่ : 736 ชื่อบทธรรม :- อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสสรณะของกาม https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=736 เนื้อความทั้งหมด :- --อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสสรณะของกาม (ธรรมลักษณะ ๓ ประการของกาม : วัตถุแห่งสัมมาทิฏฐิ) --ภิกษุ ท. ! #อะไรเป็นอัสสาทะ (รสอร่อย) ของกามทั้งหลาย ? +--ภิกษุ ท. ! กามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้ มีอยู่. ห้าอย่าง อย่างไรเล่า? ห้าอย่าง​ คือ ๑.รูป อันจะพึงรู้แจ้งด้วยตา ๒.เสียงอันจะพึงรู้แจ้งด้วยหู ๓.กลิ่นอันจะพึงรู้แจ้งด้วยจมูก ๔.รสอันจะพึงรู้แจ้งด้วยลิ้น ๕.โผฏฐัพพะอันจะพึงรู้แจ้งด้วยผิวกาย (แต่ละอย่าง ๆ) อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ มีลักษณะน่ารัก เป็นที่เข้าไปอาศัยอยู่แห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด มีอยู่ +--ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แลชื่อว่า กามคุณ (คุณค่าสำหรับกาม) ห้าอย่าง. +--ภิกษุ ท. ! สุขโสมนัสใด อาศัยกามคุณห้าเหล่านี้แล้วเกิดขึ้น , นี้เป็น อัสสาทะของกาม ทั้งหลาย. --ภิกษุ ท. ! #อะไรเป็นอาทีนวะ (โทษอันต่ำทราม) ของกามทั้งหลาย ? (ก) ภิกษุ ท. ! กุลบุตรในโลกนี้ สำเร็จการเป็นอยู่ด้วยความพากเพียรในศิลปะ คือ ด้วยศิลปะแห่งการใช้สัญญาด้วยมือ ศิลปแห่งการคำนวณ ศิลปะแห่งการนับ ด้วยกสิกรรม ด้วยวาณิชกรรม ด้วยโครักขกรรม ด้วยศิลปะแห่งการใช้ศาตรา ด้วยการเป็นราชบุรุษ หรือด้วยศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง, +‐-ต้องเผชิญกับความหนาว เผชิญกับความร้อน ต้องลำบากอยู่ ด้วยสัมผัสอันเกิดจากเหลือบยุงลมแดดและสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย อ่อนแรงอยู่ ด้วยความหิว กระหายเพราะการไม่ได้บริโภคตามเวลา. +--ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นโทษแห่งกาม เป็นกองแห่งทุกข์ อันบุคคลเห็นได้เอง ว่า มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ +‐-มีเหตุมาแต่กามนั่นเทียว. (ข) ภิกษุ ท. ! แม้เมื่อกุลบุตรนั้นพากเพียรอยู่อย่างนั้น สืบต่อ พยายามอยู่อย่างนั้น โภคะก็ยังไม่สำเร็จแก่เขา ; +--เขาย่อมเศร้าโศก ย่อมลำบากใจ ร่ำไรรำพัน ตีอกร่ำไห้ ถึงความคลั่งเพ้อว่า “ความพากเพียรของเราเป็นโมฆะเสียแล้วหนอ ความพยายามของเราไม่มีผลหนอ” ดังนี้ เป็นต้น. +--ภิกษุ ท. ! แม้ข้อนี้ ก็เป็นโทษของกาม เป็นกองแห่งทุกข์ อันบุคคลเห็นได้เอง ว่า มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ +--มีเหตุมาแต่กามนั่นเทียว. (ค) ภิกษุ ท. ! ถึงแม้ว่าเมื่อกุลบุตรนั้น พากเพียรอยู่อย่างนั้นสืบ ต่อพยายามอยู่อย่างนั้น โภคะเกิดสำเร็จผลแก่เขาขึ้นมา. +--เขาก็ยังเสวยทุกขโทมนัสเพราะการอารักขาโภคะเหล่านั้น โดยวิตกอยู่ว่า “ทำอย่างไรพระราชาจึงจะไม่ริบทรัพย์ของเราไป โจรจะไม่ปล้นทรัพย์ของเราไป ไฟจะไม่ไหม้ น้ำจะไม่พัดพาเอาไป ทายาทอันไม่เป็นที่รักจะไม่เยื้อแย่งเอาไป” ดังนี้ เป็นต้น. +‐-เมื่อเขาอารักขาคุ้มครองอยู่อย่างนี้ พระราชาริบทรัพย์ของเขาไปบ้าง โจรปล้นเอาไปบ้าง ไฟไหม้เสียบ้าง น้ำพัดพาไปเสียบ้าง ทายาทไม่เป็นที่รักเยื้อแย่งไปเสียบ้าง, +--เขาย่อมเศร้าโศก ย่อมลำบากใจ ร่ำไรรำพัน ตีอกร่ำไห้ ถึงความคลั่งเพ้อว่า “สิ่งที่เคยมีแก่เรา ฉิบหายไปหมดแล้วหนอ” ดังนี้ เป็นต้น. +--ภิกษุ ท. ! แม้ข้อนี้ ก็เป็นโทษแห่งกาม เป็นกองแห่งทุกข์ อันบุคคลเห็นได้เอง ว่า มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ +‐-มีเหตุมาแต่กามนั่นเทียว. (ง) ภิกษุ ท. ! โทษอื่นยังมีอีก ที่มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ มีเหตุมาแต่กามนั่นเอง; คือ ข้อที่ราชาวิวาทกับราชาบ้าง กษัตริย์วิวาทกับกษัตริย์บ้าง พราหมณ์วิวาทกับพราหมณ์บ้าง คหบดีวิวาทกับคหบดีบ้าง มารดาวิวาทแม้กับบุตร บุตรวิวาทแม้กับมารดา บิดาวิวาทแม้กับบุตร บุตรวิวาทแม้กับบิดา พี่น้องชายกับพี่น้องชาย พี่น้องหญิงกับพี่น้องหญิง แม้สหายกับสหายก็ยังวิวาทกัน, +‐-เขาเหล่านั้น ถึงการทะเลาะแก่งแย่งวิวาทกัน ในที่นั้นๆ, ทำร้ายกันและกันด้วยฝ่ามือบ้าง ด้วยก้อนดินบ้าง ด้วยท่อนไม้บ้าง ด้วยศาตราบ้าง ถึงความตายบ้าง ได้รับทุกข์เจียนตายบ้างในที่นั้น ๆ +--ภิกษุ ท. ! แม้ข้อนี้ ก็เป็นโทษของกาม เป็นกองแห่งทุกข์ อันบุคคลเห็นได้เอง ว่า มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ +--มีเหตุมาแต่กามนั่นเทียว. (จ) ภิกษุ ท. ! โทษอื่นยังมีอีก ที่มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า +‐-มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ มีเหตุมาแต่กามนั่นเอง ; คือ ข้อคนที่คนทั้งหลายถือดาบและโล่หนัง ผูกสอดธนูและแล่งศร แล่นเข้าไปสู่สงครามอันตั้งขึ้นเป็นกองทัพสองฝ่าย ยิงศรอยู่บ้าง ซัดหอกอยู่บ้าง กวัดแกว่งดาบอยู่บ้าง, คนเหล่านั้น ถูกศรแทงบ้าง ถูกหอกแทงบ้าง ถูกดาบตัดศีรษะบ้าง ถึงความตายบ้าง ได้รับทุกข์เจียนตายบ้าง อยู่ในที่นั้นๆ. +--ภิกษุ ท. ! แม้ข้อนี้ ก็เป็นโทษของกาม เป็นกองแห่งทุกข์ อันบุคคลเห็นได้เอง ว่า มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ +--มีเหตุมาแต่กามนั่นเทียว. (ฉ) ภิกษุ ท. ! โทษอื่นยังมีอีก ที่มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ มีเหตุมาแต่กามนั่นเอง ; คือ ข้อที่คนทั้งหลายถือดาบและโล่หนัง ผูกสอดธนูและแล่งศร แล่นเข้าประชิดเชิงเทินอันกระทำขึ้นด้วยวิธีที่เรียกว่า อัฏฏาวเลปนา*--๑ เมื่อมีการยิงลูกศรอยู่บ้าง ซัดหอกอยู่บ้าง กวัดแกว่งดาบอยู่บ้าง คนเหล่านั้นก็ถูกลูกศรแทงบ้าง ถูกหอกแทงบ้าง ถูกรดอยู่ด้วยเถ้าถ่านโคมัยอันร้อนบ้าง ปล่อยของหนักให้ตกลงทับทีเดียวตายทั้งหมู่บ้าง ถูกตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง ถึงความตายบ้าง ได้รับทุกข์เจียนตายบ้าง อยู่ในที่นั้นๆ. +--ภิกษุ ท. ! แม้ข้อนี้ ก็เป็นโทษของกาม เป็นกองแห่งทุกข์ อันบุคคลเห็นได้เอง ว่า มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ +--มีเหตุมาแต่กามนั่นเทียว. ----- *--๑. ตีนกำแพงที่ทำให้ขรุขระไว้ด้วยของมีคม ยากแก่การที่ข้าศึกจะเข้าไป หรือปีนกำแพงได้. (ช) ภิกษุ ท. ! โทษอื่นยังมีอีก ที่มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ มีเหตุมาแต่กามนั่นเอง; คือ ข้อที่คนบางพวก ย่อมตัดช่อง ย่องเบา ปล้นสะดมในเรือนหลังเดียว คอยดักทำร้ายในที่เปลี่ยว และล่วงภรรยาผู้อื่น. พระราชาจับคนเหล่านั้นมาแล้ว ให้กระทำกรรมกรณ์วิธีการลงโทษหลายวิธีด้วยกัน เช่น เฆี่ยนด้วยหวายบ้าง หวดด้วยเชือกหนังบ้าง ทุบด้วยท่อนไม้บ้าง ตัดมือเสียบ้าง ตัดเท้าเสียบ้าง ตัดเสียทั้งมือและเท้าบ้าง ตัดหูบ้าง ตัดจมูกบ้าง ตัดเสียทั้งหูและจมูกบ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “หม้อเคี่ยวน้ำส้ม”*--๑ บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ขอดสังข์”*--๒ บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ปากราหู”*--๓ บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “มาลัยไฟ”*--๔ บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “มือคบเพลิงบ้าง”*--๕ บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ริ้วส่าย”*--๖ บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “นุ่งเปลือกไม้”*--๗ บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ยืนกวาง”*--๘ บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เกี่ยวเหยื่อเบ็ด”*--๙ บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เหรียญกษาปณ์”*--๑๐ บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ทาเกลือ” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “แปรงแสบ”*--๑๑ บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เวียนหลัก”*--๑๒ บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ตั่งฟาง”*--๑๓ บ้าง ย่อมราดด้วยน้ำมันร้อน ๆ บ้าง ย่อมปล่อยให้ “สุนัขทึ้ง”*--๑๔ บ้าง ย่อมให้นอนหงายบนหลาวทั้งเป็น ๆ บ้าง ย่อมตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง ; เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตายบ้าง ได้รับทุกข์เจียนตายบ้าง อยู่ในที่นั้น ๆ. +--ภิกษุ ท. ! แม้ข้อนี้ ก็เป็นโทษของกาม เป็นกองแห่งทุกข์ อันบุคคลเห็นได้เอง ว่า มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ +--มีเหตุมาแต่กามนั่นเทียว. ----- *--๑. “หม้อเคี่ยวน้ำส้ม” คือต่อยหัวขมองแยกออก แล้วใช้คีมคีบก้อนเหล็กที่ลุกแดงใส่ลงไป ให้มันสมองเดือดพลุ่งขึ้นเหมือนน้ำส้มเดือดล้นหม้อ. *--๒. “ขอดสังข์” คือตัดหนังควั่นไปให้รอบจอนหูทั้งสองข้าง และหลุมคอ แล้วรวบผมทั้งหมดขมวดไว้ ใช้ไม้สอดหมุนยกขึ้น ให้หนังหลุดติดขึ้นมาพร้อมกับผมแล้วใช้ทรายหยาบขัดกะโหลกศีรษะล้างให้ขาว ดั่งสังข์. *--๓. “ปากราหู” คือใช้ขอเหล็กง้างปากให้อ้าแล้วจุดไฟในปาก. อีกอย่างหนึ่ง ใช้สิ่วตอกเจาะตั้งแต่จอนหูเข้าไปจนถึงปาก ให้โลหิตไหลออกมาเต็มปาก ดูปากอ้า ดั่งปากราหู. *--๔. “มาลัยไฟ” คือใช้ผาชุบน้ำมันพันจนทั่วตัวแล้วจุดไฟ. *--๕. “มือคบเพลิง” คือใช้ผ้าชุบน้ำมันพันมือทั้งสองข้างจนทั่ว แล้วจุดไฟ. *--๖. “ริ้วส่าย” คือเชือดหนังลอกออกเป็นริ้วๆ ตั้งแต่ใต้คอไปจนถึงข้อเท้า แล้วเอาเชือกผูกฉุดคร่าไป นักโทษเดินเหยียบหนังคัวล้มลุกคลุกคลานไปจนกว่าจะตาย. *--๗. “นุ่งเปลือกไม้” คือเชือดหนังเป็นริ้วๆอย่างบทก่อน แต่ทำเป็นสองตอน ตั้งแต่ใต้คอจนถึงเอวตอนหนึ่ง ตั้งแต่เอวจนถึงข้อเท้าตอนหนึ่ง ริ้วหนังตอนบนห้อยคลุมลงมาปิดกายตอนล่าง ดูดั่งนุ่งเปลือกไม้. *--๘. “ยืนกวาง” คือใช้ห่วงเหล็กรัดข้อศอกทั้งสอง และเข่าทั้งสอง ตรึงติดไว้กับหลักเหล็กสี่หลักบนพื้นดิน ดูดั่ง กวางถูกตรึง แล้วก่อไฟล้อมลนจนกว่าจะตาย. *--๙. “เกี่ยวเหยื่อเบ็ด” คือใช้เบ็ดมีเงี่ยงสองข้าง เกี่ยวตัวดึงเอาหนังเนื้อและเอ็นออกมาให้หมด. *--๑๐. “เหรียญกษาปณ์” คือใช้มีดคมเชือดหนังออกเป็นแว่นๆ ขนาดเท่าเงินเหรียญจนกว่าจะตาย. *--๑๑. “แปรงแสบ” คือฟันสับเสียให้ยับทั่วกาย แล้วใช้แปรงชุบน้ำแสบ (มีน้ำเกลือเป็นต้น) ถูครูดสีไปมาให้เนื้อเอ็นขาดหลุดออกมา เหลือแต่กระดูก. *--๑๒. “เวียนหลัก” คือให้นอนตะแคง แล้วใช้หลาวเหล็กตอกเข้าช่องหูให้ทะลุ ลงไปตรึงแน่นอยู่กับดิน แล้วจับเท้าทั้งสองเดินเวียน. *--๑๓. “ตั่งฟาง” คือใช้ลูกหินบดทับตัว บดให้กระดูกแตกละเอียด แต่ไม่ให้หนังขาด แล้วจับผมรวบขึ้นเขย่าๆ ให้เนื้อรวมเข้าเป็นกอง แล้วใช้ผมนั่นแหละพันตะล่อมวางไว้ เหมือนตั่งที่ทำด้วยฟางสำหรับเช็ดเท้า. *--๑๔. “ให้สุนัขทึ้ง” คือขังฝูงสุนัขให้อดหิวโซหลายวัน แล้วปล่อยให้ออกมารุมทึ้ง พักเดียวเหลือแต่กระดูก. --*-- นัยแห่งอรรถกถาและพระไตรปิฎกแปลของ ม . อำไพจริต.--*-- (ญ) ภิกษุ ท. ! โทษอื่นยังมีอีก ที่มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ มีเหตุมาแต่กามนั่นเอง ; คือข้อที่คนทั้งหลายประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจ, ครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจแล้ว, เขาเหล่านั้น ย่อม เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เบื้องหน้าแต่การตาย เพราะการแตกสลายแห่งกาย. +--ภิกษุ ท. ! แม้ข้อนี้ ก็เป็นโทษของกาม เป็นกองแห่งทุกข์ อันบุคคลเห็นได้เอง ว่า มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ +--มีเหตุมาแต่กามนั่นเทียว. --ภิกษุ ท. ! #อะไรเป็นนิสสรณะ (อุบายเป็นเครื่องออก) จากกามทั้งหลาย ? +--ภิกษุ ท. ! การนำออกเสียได้ซึ่งฉันทราคะ #การละเสียได้ซึ่งฉันทราคะ ในกามทั้งหลาย อันใด, อันนั้น เป็นนิสสรณะจากกามทั้งหลาย. http://etipitaka.com/read/pali/12/168/?keywords=ฉนฺทราคปฺปหานํ +--ภิกษุ ท. ! สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด #ไม่รู้ชัดตามเป็นจริง ซึ่ง อัสสาทะแห่งกามทั้งหลาย โดยความเป็นอัสสาทะด้วย ซึ่ง อาทีนวะ โดยความเป็นอาทีนวะด้วย ซึ่ง นิสสรณะ โดยความเป็นนิสสรณะด้วย โดยอาการเหล่านี้ อยู่; สมณะพราหมณ์เหล่านั้นน่ะหรือ จักรู้รอบซึ่งกามทั้งหลายด้วยตนเอง หรือว่าจักชักชวนผู้อื่นให้รอบรู้ซึ่งกามเหมือนผู้ที่เคยปฏิบัติแล้ว ดังนี้นั้น : นั่นไม่เป็นฐานะที่มีได้. +--ภิกษุ ท. ! ส่วน สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด #รู้ชัดตามเป็นจริง ซึ่ง อัสสาทะแห่งกามทั้งหลาย โดยความเป็นอัสสาทะด้วย ซึ่ง อาทีนวะ โดยความเป็นอาทีนวะด้วย ซึ่ง นิสสรณะ โดยความเป็นนิสสรณะด้วย โดยอาการอย่างนี้อยู่ ; สมณะหรือพราหมณ์เหล่านั้นนั่นแหละ จักรอบรู้ซึ่งกามทั้งหลายด้วยตนเอง หรือว่าจักชักชวนผู้อื่นให้รอบรู้ซึ่งกามเหมือนผู้ที่เคยปฏิบัติแล้ว ดังนี้นั้น : นั่นเป็นฐานะที่มีได้.- #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู.ม. 12/115-120/197-200. http://etipitaka.com/read/thai/12/115/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%97 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู.ม. ๑๒/๑๖๘-๑๗๓/๑๙๗-๒๐๐. http://etipitaka.com/read/pali/12/168/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99%E0%B9%97 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=55&id=736 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=55 ลำดับสาธยายธรรม : 55 ฟังเสียงอ่าน.. http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_55.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสสรณะของกาม
    -อัสสาทะ-อาทีนวะ-นิสสรณะของกาม (ธรรมลักษณะ ๓ ประการของกาม : วัตถุแห่งสัมมาทิฏฐิ) ภิกษุ ท. ! อะไร เป็นอัสสาทะ (รสอร่อย) ของกามทั้งหลาย ? ภิกษุ ท. ! กามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้ มีอยู่. ห้าอย่าง อย่างไรเล่า? ห้าอย่าง คือ รูป อันจะพึงรู้แจ้งด้วยตา เสียงอันจะพึงรู้แจ้งด้วยหู กลิ่นอันจะพึงรู้แจ้งด้วยจมูก รสอันจะพึงรู้แจ้งด้วยลิ้น โผฏฐัพพะอันจะพึงรู้แจ้งด้วยผิวกาย (แต่ละอย่าง ๆ) อันน่าปรารถนา น่าใคร่ น่าพอใจ มีลักษณะน่ารัก เป็นที่เข้าไปอาศัยอยู่แห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด มีอยู่ ภิกษุ ท. ! เหล่านี้แลชื่อว่า กามคุณ (คุณค่าสำหรับกาม) ห้าอย่าง. ภิกษุ ท. ! สุขโสมนัสใด อาศัยกามคุณห้าเหล่านี้แล้วเกิดขึ้น , นี้เป็นอัสสาทะของกามทั้งหลาย. ภิกษุ ท. ! อะไร เป็นอาทีนวะ (โทษอันต่ำทราม) ของกามทั้งหลาย ? (ก) ภิกษุ ท. ! กุลบุตรในโลกนี้ สำเร็จการเป็นอยู่ด้วยความพากเพียรในศิลปะ คือ ด้วยศิลปะแห่งการใช้สัญญาด้วยมือ ศิลปแห่งการคำนวณ ศิลปะแห่งการนับ ด้วยกสิกรรม ด้วยวาณิชกรรม ด้วยโครักขกรรม ด้วยศิลปะแห่งการใช้ศาตรา ด้วยการเป็นราชบุรุษ หรือด้วยศิลปะอย่างใดอย่างหนึ่ง, ต้องเผชิญกับความหนาว เผชิญกับความร้อน ต้องลำบากอยู่ ด้วยสัมผัสอันเกิดจากเหลือบยุงลมแดดและสัตว์เลื้อยคลานทั้งหลาย อ่อนแรงอยู่ ด้วยความหิว กระหายเพราะการไม่ได้บริโภคตามเวลา. ภิกษุ ท. ! ข้อนี้เป็นโทษแห่งกาม เป็นกองแห่งทุกข์ อันบุคคลเห็นได้เอง ว่ามีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับ ให้กระทำ มีเหตุมาแต่กามนั่นเทียว. (ข) ภิกษุ ท. ! แม้เมื่อกุลบุตรนั้นพากเพียรอยู่อย่างนั้น สืบต่อ พยายามอยู่อย่างนั้น โภคะก็ยังไม่สำเร็จแก่เขา ; เขาย่อมเศร้าโศก ย่อมลำบากใจ ร่ำไรรำพัน ตีอกร่ำไห้ ถึงความคลั่งเพ้อว่า “ความพากเพียรของเราเป็นโมฆะเสียแล้วหนอ ความพยายามของเราไม่มีผลหนอ” ดังนี้เป็นต้น. ภิกษุ ท. ! แม้ข้อนี้ ก็เป็นโทษของกาม เป็นกองแห่งทุกข์ อันบุคคลเห็นได้เอง ว่ามีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ มีเหตุมาแต่กามนั่นเทียว. (ค) ภิกษุ ท. ! ถึงแม้ว่าเมื่อกุลบุตรนั้น พากเพียรอยู่อย่างนั้นสืบ ต่อพยายามอยู่อย่างนั้น โภคะเกิดสำเร็จผลแก่เขาขึ้นมา. เขาก็ยังเสวยทุกขโทมนัสเพราะการอารักขาโภคะเหล่านั้น โดยวิตกอยู่ว่า “ทำอย่างไรพระราชาจึงจะไม่ริบทรัพย์ของเราไป โจรจะไม่ปล้นทรัพย์ของเราไป ไฟจะไม่ไหม้ น้ำจะไม่พัดพาเอาไป ทายาทอันไม่เป็นที่รักจะไม่เยื้อแย่งเอาไป” ดังนี้เป็นต้น. เมื่อเขาอารักขาคุ้มครองอยู่อย่างนี้ พระราชาริบทรัพย์ของเขาไปบ้าง โจรปล้นเอาไปบ้าง ไฟไหม้เสียบ้าง น้ำพัดพาไปเสียบ้าง ทายาทไม่เป็นที่รักเยื้อแย่งไปเสียบ้าง, เขาย่อมเศร้าโศก ย่อมลำบากใจ ร่ำไรรำพัน ตีอกร่ำไห้ ถึงความคลั่งเพ้อว่า “สิ่งที่เคยมีแก่เรา ฉิบหายไปหมดแล้วหนอ” ดังนี้เป็นต้น. ภิกษุ ท. ! แม้ข้อนี้ ก็เป็นโทษแห่งกาม เป็นกองแห่งทุกข์ อันบุคคลเห็นได้เอง ว่ามีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ มีเหตุมาแต่กามนั่นเทียว. (ง) ภิกษุ ท. ! โทษอื่นยังมีอีก ที่มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ มีเหตุมาแต่กามนั่นเอง; คือ ข้อที่ราชาวิวาทกับราชาบ้าง กษัตริย์วิวาทกับกษัตริย์บ้าง พราหมณ์วิวาทกับพราหมณ์บ้าง คหบดีวิวาทกับคหบดีบ้าง มารดาวิวาทแม้กับบุตร บุตรวิวาทแม้กับมารดา บิดาวิวาทแม้กับบุตร บุตรวิวาทแม้กับบิดา พี่น้องชายกับพี่น้องชาย พี่น้องหญิงกับพี่น้องหญิง แม้สหายกับสหายก็ยังวิวาทกัน, เขาเหล่านั้น ถึงการทะเลาะแก่งแย่งวิวาทกัน ในที่นั้นๆ, ทำร้ายกันและกันด้วยฝ่ามือบ้าง ด้วยก้อนดินบ้าง ด้วยท่อนไม้บ้าง ด้วยศาตราบ้าง ถึงความตายบ้าง ได้รับทุกข์เจียนตายบ้าง ในที่นั้น ๆ ภิกษุ ท. ! แม้ข้อนี้ ก็เป็นโทษของกาม เป็นกองแห่งทุกข์ อันบุคคลเห็นได้เอง ว่ามีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ มีเหตุมาแต่กามนั่นเทียว. (จ) ภิกษุ ท. ! โทษอื่นยังมีอีก ที่มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ มีเหตุมาแต่กามนั่นเอง ; คือ ข้อคนที่คนทั้งหลายถือดาบและโล่หนัง ผูกสอดธนูและแล่งศร แล่นเข้าไปสู่สงครามอันตั้งขึ้นเป็นกองทัพสองฝ่าย ยิงศรอยู่บ้าง ซัดหอกอยู่บ้าง กวัดแกว่งดาบอยู่บ้าง, คนเหล่านั้น ถูกศรแทงบ้าง ถูกหอกแทงบ้าง ถูกดาบตัดศีรษะบ้าง ถึงความตายบ้าง ได้รับทุกข์เจียนตายบ้าง อยู่ในที่นั้นๆ. ภิกษุ ท. ! แม้ข้อนี้ ก็เป็นโทษของกาม เป็นกองแห่งทุกข์ อันบุคคลเห็นได้เอง ว่ามีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ มีเหตุมาแต่กามนั่นเทียว. (ฉ) ภิกษุ ท. ! โทษอื่นยังมีอีก ที่มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ มีเหตุมาแต่กามนั่นเอง ; คือ ข้อที่คนทั้งหลายถือดาบและโล่หนัง ผูกสอดธนูและแล่งศร แล่นเข้าประชิดเชิงเทินอันกระทำขึ้นด้วยวิธีที่เรียกว่าอัฏฏาวเลปนา๑ เมื่อมีการยิงลูกศรอยู่บ้าง ซัดหอกอยู่บ้าง กวัดแกว่งดาบอยู่บ้าง คนเหล่านั้นก็ถูกลูกศรแทงบ้าง ถูกหอกแทงบ้าง ถูกรดอยู่ด้วยเถ้าถ่านโคมัยอันร้อนบ้าง ปล่อยของหนักให้ตกลงทับทีเดียวตายทั้งหมู่บ้าง ถูกตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง ถึงความตายบ้าง ได้รับทุกข์เจียนตายบ้าง อยู่ในที่นั้นๆ. ภิกษุ ท. ! แม้ข้อนี้ ก็เป็นโทษของกาม เป็นกองแห่งทุกข์อันบุคคลเห็นได้เอง ว่ามีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ มีเหตุมาแต่กามนั่นเทียว. ๑. ตีนกำแพงที่ทำให้ขรุขระไว้ด้วยของมีคม ยากแก่การที่ข้าศึกจะเข้าไป หรือปีนกำแพงได้. (ช) ภิกษุ ท. ! โทษอื่นยังมีอีก ที่มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ มีเหตุมาแต่กามนั่นเอง; คือ ข้อที่คนบางพวก ย่อมตัดช่อง ย่องเบา ปล้นสะดมในเรือนหลังเดียว คอยดักทำร้ายในที่เปลี่ยว และล่วงภรรยาผู้อื่น. พระราชาจับคนเหล่านั้นมาแล้ว ให้กระทำกรรมกรณ์วิธีการลงโทษหลายวิธีด้วยกัน เช่น เฆี่ยนด้วยหวายบ้าง หวดด้วยเชือกหนังบ้าง ทุบด้วยท่อนไม้บ้าง ตัดมือเสียบ้าง ตัดเท้าเสียบ้าง ตัดเสียทั้งมือและเท้าบ้าง ตัดหูบ้าง ตัดจมูกบ้าง ตัดเสียทั้งหูและจมูกบ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “หม้อเคี่ยวน้ำส้ม”๑ บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ขอดสังข์”๒ บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ปากราหู”๓ บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “มาลัยไฟ”๔ บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “มือคบเพลิงบ้าง”๕ บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ริ้วส่าย”๖ บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “นุ่งเปลือกไม้”๗ บ้าง ย่อมกระทำ ๑. “หม้อเคี่ยวน้ำส้ม” คือต่อยหัวขมองแยกออก แล้วใช้คีมคีบก้อนเหล็กที่ลุกแดงใส่ลงไป ให้มันสมองเดือดพลุ่งขึ้นเหมือนน้ำส้มเดือดล้นหม้อ. ๒. “ขอดสังข์” คือตัดหนังควั่นไปให้รอบจอนหูทั้งสองข้าง และหลุมคอ แล้วรวบผมทั้งหมดขมวดไว้ ใช้ไม้สอดหมุนยกขึ้น ให้หนังหลุดติดขึ้นมาพร้อมกับผมแล้วใช้ทรายหยาบขัดกะโหลกศีรษะล้างให้ขาว ดั่งสังข์. ๓. “ปากราหู” คือใช้ขอเหล็กง้างปากให้อ้าแล้วจุดไฟในปาก. อีกอย่างหนึ่ง ใช้สิ่วตอกเจาะตั้งแต่จอนหูเข้าไปจนถึงปาก ให้โลหิตไหลออกมาเต็มปาก ดูปากอ้า ดั่งปากราหู. ๔. “มาลัยไฟ” คือใช้ผาชุบน้ำมันพันจนทั่วตัวแล้วจุดไฟ. ๕. “มือคบเพลิง” คือใช้ผ้าชุบน้ำมันพันมือทั้งสองข้างจนทั่ว แล้วจุดไฟ. ๖. “ริ้วส่าย” คือเชือดหนังลอกออกเป็นริ้วๆ ตั้งแต่ใต้คอไปจนถึงข้อเท้า แล้วเอาเชือกผูกฉุดคร่าไป นักโทษเดินเหยียบหนังคัวล้มลุกคลุกคลานไปจนกว่าจะตาย. ๗. “นุ่งเปลือกไม้” คือเชือดหนังเป็นริ้วๆอย่างบทก่อน แต่ทำเป็นสองตอน ตั้งแต่ใต้คอจนถึงเอวตอนหนึ่ง ตั้งแต่เอวจนถึงข้อเท้าตอนหนึ่ง ริ้วหนังตอนบนห้อยคลุมลงมาปิดกายตอนล่าง ดูดั่งนุ่งเปลือกไม้. กรรมกรณ์ชื่อ “ยืนกวาง”๘ บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เกี่ยวเหยื่อเบ็ด”๙ บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เหรียญกษาปณ์”๑๐ บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ทาเกลือ” บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “แปรงแสบ”๑๑ บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “เวียนหลัก”๑๒ บ้าง ย่อมกระทำกรรมกรณ์ชื่อ “ตั่งฟาง”๑๓ บ้าง ย่อมราดด้วยน้ำมันร้อน ๆ บ้าง ย่อมปล่อยให้ “สุนัขทึ้ง”๑๔ บ้าง ย่อมให้นอนหงายบนหลาวทั้งเป็น ๆ บ้าง ย่อมตัดศีรษะด้วยดาบบ้าง ; เขาเหล่านั้น ย่อมถึงซึ่งความตายบ้าง ได้รับทุกข์เจียนตายบ้าง อยู่ในที่นั้น ๆ. ภิกษุ ท. ! แม้ข้อนี้ ก็เป็นโทษของกาม เป็นกองแห่งทุกข์ อันบุคคลเห็นได้เอง ว่ามีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ มีเหตุมาแต่กามนั่นเทียว. ๘. “ยืนกวาง” คือใช้ห่วงเหล็กรัดข้อศอกทั้งสอง และเข่าทั้งสอง ตรึงติดไว้กับหลักเหล็กสี่หลักบนพื้นดิน ดูดั่ง กวางถูกตรึง แล้วก่อไฟล้อมลนจนกว่าจะตาย. ๙. “เกี่ยวเหยื่อเบ็ด” คือใช้เบ็ดมีเงี่ยงสองข้าง เกี่ยวตัวดึงเอาหนังเนื้อและเอ็นออกมาให้หมด. ๑๐. “เหรียญกษาปณ์” คือใช้มีดคมเชือดหนังออกเป็นแว่นๆ ขนาดเท่าเงินเหรียญจนกว่าจะตาย. ๑๑. “แปรงแสบ” คือฟันสับเสียให้ยับทั่วกาย แล้วใช้แปรงชุบน้ำแสบ (มีน้ำเกลือเป็นต้น) ถูครูดสีไปมาให้เนื้อเอ็นขาดหลุดออกมา เหลือแต่กระดูก. ๑๒. “เวียนหลัก” คือให้นอนตะแคง แล้วใช้หลาวเหล็กตอกเข้าช่องหูให้ทะลุ ลงไปตรึงแน่นอยู่กับดิน แล้วจับเท้าทั้งสองเดินเวียน. ๑๓. “ตั่งฟาง” คือใช้ลูกหินบดทับตัว บดให้กระดูกแตกละเอียด แต่ไม่ให้หนังขาด แล้วจับผมรวบขึ้นเขย่าๆ ให้เนื้อรวมเข้าเป็นกอง แล้วใช้ผมนั่นแหละพันตะล่อมวางไว้ เหมือนตั่งที่ทำด้วยฟางสำหรับเช็ดเท้า. ๑๔. “ให้สุนัขทึ้ง” คือขังฝูงสุนัขให้อดหิวโซหลายวัน แล้วปล่อยให้ออกมารุมทึ้ง พักเดียวเหลือแต่กระดูก. - นัยแห่งอรรถกถาแลพระไตรปิฎกแปลของ ม . อำไพจริต. (ญ) ภิกษุ ท. ! โทษอื่นยังมีอีก ที่มีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ มีเหตุมาแต่กามนั่นเอง ; คือข้อที่คนทั้งหลายประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจ, ครั้นประพฤติทุจริตด้วยกาย ด้วยวาจา และด้วยใจแล้ว, เขาเหล่านั้น ย่อม เข้าถึงอบาย ทุคติ วินิบาต นรก เบื้องหน้าแต่การตาย เพราะการแตกสลายแห่งกาย. ภิกษุ ท. ! แม้ข้อนี้ ก็เป็นโทษของกาม เป็นกองแห่งทุกข์ อันบุคคลเห็นได้เอง ว่ามีกามเป็นเหตุ มีกามเป็นต้นเค้า มีกามเป็นเครื่องบังคับให้กระทำ มีเหตุมาแต่กามนั่นเทียว. ภิกษุ ท. ! อะไร เป็นนิสสรณะ (อุบายเป็นเครื่องออก) จากกามทั้งหลาย ? ภิกษุ ท. ! การนำออกเสียได้ซึ่งฉันทราคะ การละเสียได้ซึ่งฉันทราคะ ในกามทั้งหลาย อันใด, อันนั้น เป็นนิสสรณะจากกามทั้งหลาย. ภิกษุ ท. ! สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด ไม่รู้ชัดตามเป็นจริง ซึ่ง อัสสาทะแห่งกามทั้งหลายโดยความเป็นอัสสาทะด้วย ซึ่งอาทีนวะโดยความเป็นอาทีนวะด้วย ซึ่งนิสสรณะโดยความเป็นนิสสรณะด้วย โดยอาการเหล่านี้ อยู่; สมณะพราหมณ์เหล่านั้นน่ะหรือ จักรู้รอบซึ่งกามทั้งหลายด้วยตนเอง หรือว่าจักชักชวนผู้อื่นให้รอบรู้ซึ่งกามเหมือนผู้ที่เคยปฏิบัติแล้ว ดังนี้นั้น : นั่นไม่เป็นฐานะที่มีได้. ภิกษุ ท. ! ส่วน สมณะหรือพราหมณ์เหล่าใด รู้ชัดตามเป็นจริง ซึ่ง อัสสาทะแห่งกามทั้งหลายโดยความเป็นอัสสาทะด้วย ซึ่งอาทีนวะโดยความเป็นอาทีนวะด้วย ซึ่งนิสสรณะโดยความเป็นนิสสรณะด้วย โดยอาการอย่างนี้อยู่ ; สมณะหรือ พราหมณ์เหล่านั้นนั่นแหละ จักรอบรู้ซึ่งกามทั้งหลายด้วยตนเอง หรือว่าจักชักชวนผู้อื่นให้รอบรู้ซึ่งกามเหมือนผู้ที่เคยปฏิบัติแล้ว ดังนี้นั้น : นั่นเป็นฐานะที่มีได้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าหลุดพ้นจากทุกข์ เพราะไม่เพลิดเพลินในเบญจขันธ์
    สัทธรรมลำดับที่ : 367
    ชื่อบทธรรม :- หลุดพ้นจากทุกข์ เพราะไม่เพลิดเพลินในเบญจขันธ์
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=367
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --หลุดพ้นจากทุกข์ เพราะไม่เพลิดเพลินในเบญจขันธ์(ห้ากลุ่ม)
    ๑.--ภิกษุ ท. !
    ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ใน รูป,
    ผู้นั้น เท่ากับ ไม่เพลิดเพลินอยู่ ในสิ่งที่เป็นทุกข์.
    เรากล่าวว่า
    “ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ ในสิ่งที่เป็นทุกข์,
    ผู้นั้น ย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์”
    ดังนี้ ;
    ๒.--ภิกษุ ท. !
    ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ใน เวทนา,
    ผู้นั้น เท่ากับ ไม่เพลิดเพลินอยู่ ในสิ่งที่เป็นทุกข์,
    เรากล่าวว่า
    “ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์,
    ผู้นั้น ย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์”
    ดังนี้ ;
    ๓.--ภิกษุ ท. !
    ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ใน สัญญา,
    ผู้นั้น เท่ากับไม่เพลิดเพลินอยู่ ในสิ่งที่เป็นทุกข์,
    เรากล่าวว่า
    “ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์,
    ผู้นั้น ย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์” ดังนี้ ;
    ๔.--ภิกษุ ท. !
    ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ใน สังขาร,
    ผู้นั้น เท่ากับไม่เพลิดเพลินอยู่ ในสิ่งที่เป็นทุกข์,
    เรากล่าวว่า
    “ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์,
    ผู้นั้น ย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์”
    ดังนี้ ;
    ๕.--ภิกษุ ท. !
    ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ใน วิญญาณ,
    ผู้นั้น เท่ากับไม่เพลิดเพลินอยู่ ในสิ่งที่เป็นทุกข์,
    เรากล่าวว่า
    “ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์,
    ผู้นั้น ย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์”
    ดังนี้.-

    #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/30/65.
    http://etipitaka.com/read/thai/17/30/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%95
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๙/๖๕.
    http://etipitaka.com/read/pali/17/39/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%95
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=367
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=367
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24
    ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าหลุดพ้นจากทุกข์ เพราะไม่เพลิดเพลินในเบญจขันธ์ สัทธรรมลำดับที่ : 367 ชื่อบทธรรม :- หลุดพ้นจากทุกข์ เพราะไม่เพลิดเพลินในเบญจขันธ์ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=367 เนื้อความทั้งหมด :- --หลุดพ้นจากทุกข์ เพราะไม่เพลิดเพลินในเบญจขันธ์(ห้ากลุ่ม) ๑.--ภิกษุ ท. ! ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ใน รูป, ผู้นั้น เท่ากับ ไม่เพลิดเพลินอยู่ ในสิ่งที่เป็นทุกข์. เรากล่าวว่า “ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ ในสิ่งที่เป็นทุกข์, ผู้นั้น ย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์” ดังนี้ ; ๒.--ภิกษุ ท. ! ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ใน เวทนา, ผู้นั้น เท่ากับ ไม่เพลิดเพลินอยู่ ในสิ่งที่เป็นทุกข์, เรากล่าวว่า “ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์, ผู้นั้น ย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์” ดังนี้ ; ๓.--ภิกษุ ท. ! ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ใน สัญญา, ผู้นั้น เท่ากับไม่เพลิดเพลินอยู่ ในสิ่งที่เป็นทุกข์, เรากล่าวว่า “ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์, ผู้นั้น ย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์” ดังนี้ ; ๔.--ภิกษุ ท. ! ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ใน สังขาร, ผู้นั้น เท่ากับไม่เพลิดเพลินอยู่ ในสิ่งที่เป็นทุกข์, เรากล่าวว่า “ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์, ผู้นั้น ย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์” ดังนี้ ; ๕.--ภิกษุ ท. ! ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ใน วิญญาณ, ผู้นั้น เท่ากับไม่เพลิดเพลินอยู่ ในสิ่งที่เป็นทุกข์, เรากล่าวว่า “ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์, ผู้นั้น ย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์” ดังนี้.- #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/30/65. http://etipitaka.com/read/thai/17/30/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%95 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๙/๖๕. http://etipitaka.com/read/pali/17/39/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%95 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=367 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=367 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24 ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - หลุดพ้นจากทุกข์ เพราะไม่เพลิดเพลินในเบญจขันธ์
    -หลุดพ้นจากทุกข์ เพราะไม่เพลิดเพลินในเบญจขันธ์ ภิกษุ ท. ! ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ในรูป, ผู้นั้น เท่ากับ ไม่เพลิดเพลินอยู่ ในสิ่งที่เป็นทุกข์. เรากล่าวว่า “ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ ในสิ่งที่เป็นทุกข์, ผู้นั้น ย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์” ดังนี้ ; ภิกษุ ท. ! ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ในเวทนา, ผู้นั้น เท่ากับ ไม่ เพลิดเพลินอยู่ ในสิ่งที่เป็นทุกข์, เรากล่าวว่า “ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์, ผู้นั้น ย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์” ดังนี้ ; ภิกษุ ท. ! ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสัญญา, ผู้นั้น เท่ากับไม่เพลิดเพลินอยู่ ในสิ่งที่เป็นทุกข์, เรากล่าวว่า “ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์, ผู้นั้น ย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์” ดังนี้ ; ภิกษุ ท. ! ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสังขาร, ผู้นั้น เท่ากับไม่เพลิดเพลินอยู่ ในสิ่งที่เป็นทุกข์, เรากล่าวว่า “ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์, ผู้นั้น ย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์” ดังนี้ ; ภิกษุ ท. ! ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ในวิญญาณ, ผู้นั้น เท่ากับไม่เพลิดเพลินอยู่ ในสิ่งที่เป็นทุกข์, เรากล่าวว่า “ผู้ใด ไม่เพลิดเพลินอยู่ในสิ่งที่เป็นทุกข์, ผู้นั้น ย่อมหลุดพ้นไปได้จากทุกข์” ดังนี้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • ดาวเหินจรคู่ผสมระหว่างปีและเดือน ประจำเดือนกันยายน 2568

    ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 7 เดือนกันยายน ไปจนถึง วันอังคารที่ 7 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2568 เป็นเดือนระกาไม้ 乙酉 (อิ๊กอิ้ว) ธาตุน้ำ มีกระแสพลังดาวคู่ผสมสี่เขียว四綠 (ซี๊เล็ก) ธาตุไม้ ดาวแห่งวิชาการความรู้ และดาวจอหงวนและดาวสองดำ 二黑 (หยี่เฮก) ธาตุดิน ดาวป่วยไข้ ดาวแห่งโรคภัย ดาวแห่ง ความเสื่อมถดถอย ประจำอยู่ใน ปีจรมะเส็งไม้ 乙巳 (อิกจี๋) ธาตุไฟ

    ส่งกระแสพลังความขัดแย้งต่อกันทำให้เกิดผลกระทบต่อแนวความคิดที่เป็นจุดจบบทสรุปของบ้านของเมืองให้เบ็ดเสร็จเป็นที่ยอมรับได้ยาก จะเกิดความขัดแย้ง แตกแยก ไม่เข้าใจต่อกัน ถึงแม้จะมีความพยายามมอบความสงบสุขให้แก่ประเทศชาติมากเพียงไรก็ตาม แต่ยังคงมีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่ไม่คิดเอาผลประโยชน์ของชาติเป็นตัวตั้ง หวังแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก ประเทศชาติก็ยังคงต้องอมทุกข์เมื่อผู้ป่วยไข้ที่นอนรอรับการรักษาต่อไปเฉกเช่นเศรษฐกิจและสังคมที่ดำรงคงอยู่ในปัจจุบันทุกวันนี้ ดังนั้นควรครองตนบนพื้นฐานแห่งความไม่ประมาท แม้นการเดินทางจะขึ้นเหนือหรือล่องใต้ จะโดยสารเครื่องบิน เรือยนต์ หรือรถยนต์ ก็ควรตรวจสอบสภาพภูมิอากาศก่อนการเดินทางทุกครั้งเพื่อระมัดระวังอุบัติเหตุเภทภัย

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    ดาวเหินจรคู่ผสมระหว่างปีและเดือน ประจำเดือนกันยายน 2568 ตั้งแต่วันอาทิตย์ที่ 7 เดือนกันยายน ไปจนถึง วันอังคารที่ 7 เดือนตุลาคม พ.ศ. 2568 เป็นเดือนระกาไม้ 乙酉 (อิ๊กอิ้ว) ธาตุน้ำ มีกระแสพลังดาวคู่ผสมสี่เขียว四綠 (ซี๊เล็ก) ธาตุไม้ ดาวแห่งวิชาการความรู้ และดาวจอหงวนและดาวสองดำ 二黑 (หยี่เฮก) ธาตุดิน ดาวป่วยไข้ ดาวแห่งโรคภัย ดาวแห่ง ความเสื่อมถดถอย ประจำอยู่ใน ปีจรมะเส็งไม้ 乙巳 (อิกจี๋) ธาตุไฟ ส่งกระแสพลังความขัดแย้งต่อกันทำให้เกิดผลกระทบต่อแนวความคิดที่เป็นจุดจบบทสรุปของบ้านของเมืองให้เบ็ดเสร็จเป็นที่ยอมรับได้ยาก จะเกิดความขัดแย้ง แตกแยก ไม่เข้าใจต่อกัน ถึงแม้จะมีความพยายามมอบความสงบสุขให้แก่ประเทศชาติมากเพียงไรก็ตาม แต่ยังคงมีกลุ่มบุคคลบางกลุ่มที่ไม่คิดเอาผลประโยชน์ของชาติเป็นตัวตั้ง หวังแต่ผลประโยชน์ส่วนตัวเป็นหลัก ประเทศชาติก็ยังคงต้องอมทุกข์เมื่อผู้ป่วยไข้ที่นอนรอรับการรักษาต่อไปเฉกเช่นเศรษฐกิจและสังคมที่ดำรงคงอยู่ในปัจจุบันทุกวันนี้ ดังนั้นควรครองตนบนพื้นฐานแห่งความไม่ประมาท แม้นการเดินทางจะขึ้นเหนือหรือล่องใต้ จะโดยสารเครื่องบิน เรือยนต์ หรือรถยนต์ ก็ควรตรวจสอบสภาพภูมิอากาศก่อนการเดินทางทุกครั้งเพื่อระมัดระวังอุบัติเหตุเภทภัย ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 65 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าส่วนผู้ใดแล ย่อมไม่เพลิดเพลินกะรูป
    สัทธรรมลำดับที่ : 366
    ชื่อบทธรรม :- ส่วนผู้ใดแล ย่อมไม่เพลิดเพลินกะรูป
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=366
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ส่วนผู้ใดแล ย่อมไม่เพลิดเพลินกะรูป
    --ภิกษุ ท. ! ส่วนผู้ใดแล
    ย่อมไม่เพลิดเพลินกะรูป,
    ไม่เพลิดเพลินกะเสียง,
    ไม่เพลิดเพลินกะกลิ่น,
    ไม่เพลิดเพลินกะรส,
    ไม่เพลิดเพลินกะโผฏฐัพพะ,
    ไม่เพลิดเพลินกะธรรมารมณ์ แล้วไซร้ ;
    ผู้นั้น ชื่อว่า #ย่อมไม่เพลิดเพลินกะสิ่งอันเป็นทุกข์.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/16/?keywords=นาภินนฺทติ+ทุกฺขํ
    ผู้ใด ย่อมไม่เพลิดเพลินกะสิ่งอันเป็นทุกข์ ;
    เรากล่าวว่า #ผู้นั้นย่อมหลุดพ้นจากทุกข์ ดังนี้แล.-

    #ทุกขนิโรธ#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/12/20.
    http://etipitaka.com/read/thai/18/12/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%90
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๑๖/๒๐.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/16/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%90
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=366
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=366
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24
    ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าส่วนผู้ใดแล ย่อมไม่เพลิดเพลินกะรูป สัทธรรมลำดับที่ : 366 ชื่อบทธรรม :- ส่วนผู้ใดแล ย่อมไม่เพลิดเพลินกะรูป https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=366 เนื้อความทั้งหมด :- --ส่วนผู้ใดแล ย่อมไม่เพลิดเพลินกะรูป --ภิกษุ ท. ! ส่วนผู้ใดแล ย่อมไม่เพลิดเพลินกะรูป, ไม่เพลิดเพลินกะเสียง, ไม่เพลิดเพลินกะกลิ่น, ไม่เพลิดเพลินกะรส, ไม่เพลิดเพลินกะโผฏฐัพพะ, ไม่เพลิดเพลินกะธรรมารมณ์ แล้วไซร้ ; ผู้นั้น ชื่อว่า #ย่อมไม่เพลิดเพลินกะสิ่งอันเป็นทุกข์. http://etipitaka.com/read/pali/18/16/?keywords=นาภินนฺทติ+ทุกฺขํ ผู้ใด ย่อมไม่เพลิดเพลินกะสิ่งอันเป็นทุกข์ ; เรากล่าวว่า #ผู้นั้นย่อมหลุดพ้นจากทุกข์ ดังนี้แล.- #ทุกขนิโรธ​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/12/20. http://etipitaka.com/read/thai/18/12/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%90 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๑๖/๒๐. http://etipitaka.com/read/pali/18/16/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%90 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=366 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=366 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24 ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ¸ªà¹ˆà¸§à¸™à¸œà¸¹à¹‰à¹ƒà¸”แล ย่อมไม่เพลิดเพลินกะรูป
    -ภิกษุ ท. ! ส่วนผู้ใดแล ย่อมไม่เพลิดเพลินกะรูป, ไม่เพลิดเพลินกะเสียง, ไม่เพลิดเพลินกะกลิ่น, ไม่เพลิดเพลินกะรส, ไม่เพลิดเพลินกะโผฏฐัพพะ, ไม่เพลิดเพลินกะธรรมารมณ์ แล้วไซร้ ; ผู้นั้น ชื่อว่า ย่อมไม่เพลิดเพลินกะสิ่งอันเป็นทุกข์. ผู้ใด ย่อมไม่เพลิดเพลินกะสิ่งอันเป็นทุกข์ ; เรากล่าวว่า ผู้นั้นย่อมหลุดพ้นจากทุกข์ ดังนี้แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 49 มุมมอง 0 รีวิว
  • Tue. Sep. 2, 2025

    ต้องยอมรับว่า ทักษิณฉลาดมากๆ แต่พลาดตรงที่ดึงเช็งให้ลูกสาวมาลุ้นคำตัดสินศาล แทนที่จะยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ ลูกสาวก็จะหลุดทุกข้อหา แต่เนื่องจากคลิปอังเคิ่ล ตามด้วยสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทักษิณเลยไม่กล้าให้มีการเลือกตั้งช่วงนั้น เพราะแพ้แน่นอน ต้องขอบใจอังเคิ่ลและความมั่นหน้าของทักษิณที่สั่งให้ลูกสาวลุยไฟ

    แต่ความฉลาดและเหลี่ยมจัดของทักษิณในตอนนี้ ที่ต้องรีบใช้อำนาจในมือก่อนที่จะหลุดลอยไป คือในระหว่างที่ทั้งสื่อ และประชาชนสนใจว่าพรรคส้มจะเลือกแดงหรือน้ำเงิน ทักษิณรีบเข้ายึดหัวหาดแต่งตั้งมาเฟียหัวคะแนนในพื้นที่ย่อยยิบเอาไว้ก่อน 3335 จุด โยกย้ายข้าราชการจังหวัดฐานเสียงต่างๆให้พร้อมใช้งาน พร้อมกดหัวชาวบ้านทุกหัวระแหง และพร้อม vote ให้เพื่อไทย ถ้าเตรียมยุบสภา เพราะเขารู้ว่าข้อดีของพรรคเขา คือมีเงินจากท่อน้ำเลี้ยงต่างๆเหลือไว้ฟาดกบาลคนจน

    เปลี่ยนเข็มมาแจกคนจนเข้าระบบซื้อเสียงแบบเดิมๆดีกว่า แทนที่จะต้องมากลืนน้ำลายตัวเองเอื๊อกๆ อ้อนวอนละอ่อนน้อยเด็กเมื่อวานซืน และจ่ายค่ายกมือแสนแพง แถมเสี่ยงโดนอัดคลิปหักหลังอีก ค่ายกมือในสภาคนนึง 10 ล้านบาท เอามาจ่ายหัวคะแนนตลาดล่างได้ตั้งหลายหมู่บ้าน ยัดเงินตัวเล็กๆดีกว่า ได้ vote เห็นๆ ลงทุนต่ำ-กำไรงาม

    เดี๋ยวมาดูกันดีกว่าว่าทักษิณจะรอดวันที่ 9 กันยายนนี้ และทำให้พรรคกลับมาเหยียบหัวประเทศไทยได้อีกครั้งมั้ย รวยเป็นแสนล้าน มีอำนาจอยู่ในมือ แต่ไม่เคยเห็นประโยชน์ของเสียงประชาชนตาดำๆที่ vote ให้เขาเลย เสียดายไม่เอาความฉลาดมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม
    #ไม่ชั่วโดยสันดานดิบจริงๆคิดไม่ออกนะแบบเนี้ย
    Tue. Sep. 2, 2025 ต้องยอมรับว่า ทักษิณฉลาดมากๆ แต่พลาดตรงที่ดึงเช็งให้ลูกสาวมาลุ้นคำตัดสินศาล แทนที่จะยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ ลูกสาวก็จะหลุดทุกข้อหา แต่เนื่องจากคลิปอังเคิ่ล ตามด้วยสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ทักษิณเลยไม่กล้าให้มีการเลือกตั้งช่วงนั้น เพราะแพ้แน่นอน ต้องขอบใจอังเคิ่ลและความมั่นหน้าของทักษิณที่สั่งให้ลูกสาวลุยไฟ แต่ความฉลาดและเหลี่ยมจัดของทักษิณในตอนนี้ ที่ต้องรีบใช้อำนาจในมือก่อนที่จะหลุดลอยไป คือในระหว่างที่ทั้งสื่อ และประชาชนสนใจว่าพรรคส้มจะเลือกแดงหรือน้ำเงิน ทักษิณรีบเข้ายึดหัวหาดแต่งตั้งมาเฟียหัวคะแนนในพื้นที่ย่อยยิบเอาไว้ก่อน 3335 จุด โยกย้ายข้าราชการจังหวัดฐานเสียงต่างๆให้พร้อมใช้งาน พร้อมกดหัวชาวบ้านทุกหัวระแหง และพร้อม vote ให้เพื่อไทย ถ้าเตรียมยุบสภา เพราะเขารู้ว่าข้อดีของพรรคเขา คือมีเงินจากท่อน้ำเลี้ยงต่างๆเหลือไว้ฟาดกบาลคนจน เปลี่ยนเข็มมาแจกคนจนเข้าระบบซื้อเสียงแบบเดิมๆดีกว่า แทนที่จะต้องมากลืนน้ำลายตัวเองเอื๊อกๆ อ้อนวอนละอ่อนน้อยเด็กเมื่อวานซืน และจ่ายค่ายกมือแสนแพง แถมเสี่ยงโดนอัดคลิปหักหลังอีก ค่ายกมือในสภาคนนึง 10 ล้านบาท เอามาจ่ายหัวคะแนนตลาดล่างได้ตั้งหลายหมู่บ้าน ยัดเงินตัวเล็กๆดีกว่า ได้ vote เห็นๆ ลงทุนต่ำ-กำไรงาม เดี๋ยวมาดูกันดีกว่าว่าทักษิณจะรอดวันที่ 9 กันยายนนี้ และทำให้พรรคกลับมาเหยียบหัวประเทศไทยได้อีกครั้งมั้ย รวยเป็นแสนล้าน มีอำนาจอยู่ในมือ แต่ไม่เคยเห็นประโยชน์ของเสียงประชาชนตาดำๆที่ vote ให้เขาเลย เสียดายไม่เอาความฉลาดมาใช้ให้เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม #ไม่ชั่วโดยสันดานดิบจริงๆคิดไม่ออกนะแบบเนี้ย 😩
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 91 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิรยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าความไม่เพลินในอายตนะ คือความหลุดพ้นจากทุกข์
    สัทธรรมลำดับที่ : 365
    ชื่อบทธรรม :- ความไม่เพลินในอายตนะ
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=365
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ความไม่เพลินในอายตนะ คือความหลุดพ้นจากทุกข์
    --ภิกษุ ท. !
    ส่วนผู้ใด ย่อม
    ไม่เพลินกะตา,
    ไม่เพลินกะหู,
    ไม่เพลินกะจมูก,
    ไม่เพลินกะลิ้น,
    ไม่เพลินกะกาย,
    ไม่เพลินกะใจ
    แล้วไซร้ ;
    ผู้นั้น ชื่อว่า #ย่อมไม่เพลิดเพลินกะสิ่งอันเป็นทุกข์.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/16/?keywords=อภินนฺทติ
    ผู้ใด ย่อมไม่เพลิดเพลินกะสิ่งอันเป็นทุกข์ ;
    เรากล่าวว่า
    ผู้นั้น #ย่อมหลุดพ้นจากทุกข์ ดังนี้.-

    #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #ไทยสุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงสุไทยตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/11/19-25.
    http://etipitaka.com/read/thai/18/11/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๑๖/๑๙-๒๕.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/16/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=365
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=365
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24
    ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    อิรยสาวกพึงฝึกหัด​ศึกษาว่าความไม่เพลินในอายตนะ คือความหลุดพ้นจากทุกข์ สัทธรรมลำดับที่ : 365 ชื่อบทธรรม :- ความไม่เพลินในอายตนะ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=365 เนื้อความทั้งหมด :- --ความไม่เพลินในอายตนะ คือความหลุดพ้นจากทุกข์ --ภิกษุ ท. ! ส่วนผู้ใด ย่อม ไม่เพลินกะตา, ไม่เพลินกะหู, ไม่เพลินกะจมูก, ไม่เพลินกะลิ้น, ไม่เพลินกะกาย, ไม่เพลินกะใจ แล้วไซร้ ; ผู้นั้น ชื่อว่า #ย่อมไม่เพลิดเพลินกะสิ่งอันเป็นทุกข์. http://etipitaka.com/read/pali/18/16/?keywords=อภินนฺทติ ผู้ใด ย่อมไม่เพลิดเพลินกะสิ่งอันเป็นทุกข์ ; เรากล่าวว่า ผู้นั้น #ย่อมหลุดพ้นจากทุกข์ ดังนี้.- #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่ #ไทยสุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงสุไทยตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/11/19-25. http://etipitaka.com/read/thai/18/11/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๑๖/๑๙-๒๕. http://etipitaka.com/read/pali/18/16/?keywords=%E0%B9%91%E0%B9%99 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=365 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=365 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24 ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ความไม่เพลินในอายตนะ
    -ความไม่เพลินในอายตนะ คือความหลุดพ้นจากทุกข์ ภิกษุ ท. ! ส่วนผู้ใด ย่อมไม่เพลินกะตา, ไม่เพลินกะหู, ไม่เพลินกะจมูก, ไม่เพลินกะลิ้น, ไม่เพลินกะกาย, ไม่เพลินกะใจ แล้วไซร้ ; ผู้นั้น ชื่อว่า ย่อมไม่เพลิดเพลินกะสิ่งอันเป็นทุกข์. ผู้ใด ย่อมไม่เพลิดเพลินกะสิ่งอันเป็นทุกข์ ; เรากล่าวว่า ผู้นั้น ย่อมหลุดพ้นจากทุกข์ ดังนี้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 93 มุมมอง 0 รีวิว
  • กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้ง ตรวจพบกระสุนปืน ค. ดัดแปลงเป็นกับดักสังหาร ใช้ลวดสะดุดมาประกอบ ในเขตไทยใกล้เนิน 350 ปราสาทตาควาย จ.สุริทร์
    .
    วันนี้ กองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 68 เวลาประมาณ 11.50 น. กองร้อยอาวุธเบาที่ 1 กองพันทหารราบที่ 27 ตรวจพบการวางกับระเบิดแสวงเครื่องในลักษณะใช้ลูกกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิดประกอบกับการใช้ลวดสะดุดของทหารกัมพูชา ในพื้นที่ทิศตะวันตกของปราสาทตาควาย ห่างจากเนิน 350 ประมาณ 1.7 กิโลเมตร ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ใกล้กับบริเวณแนวการวางลวดหนามป้องกันตนเองในเขตไทย
    .
    ทั้งนี้ ยุทธวิธีของทหารกัมพูชาสอดคล้องกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 68 ที่ฝ่ายไทยตรวจพบทหารกัมพูชา ดักซุ่มและตรวจการณ์ฝ่ายไทย บริเวณทิศตะวันตกของเนิน 350 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งต่อมา จากการเข้าตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ พบการวางทุ่นระเบิด PMN-2 รวม 3 ทุ่น พร้อมลูกกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิด 2 ลูก และตะปูเรือใบจำนวนมาก คาดว่าลูกกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิดดังกล่าวจะถูกเตรียมนำมาใช้ในการวางกับระเบิดแสวงเครื่อง ตามที่ปรากฏ
    .
    จากกรณีดังกล่าว พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า การกระทำและหลักฐานดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องการใช้กับระเบิดแสวงเครื่อง เป็นอาวุธลอบโจมตีทหารไทยโดยหวังผลให้เกิดอันตรายถึงชีวิตในดินแดนของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการกระทำยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดระหว่างกัน
    .
    การกระทำดังกล่าวยังย้อนแย้งกับท่าทีที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือนต่อประชาคมระหว่างประเทศว่าเป็นผู้รักสันติและยึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิง ทั้งที่ข้อเท็จจริงและหลักฐานต่าง ๆ ที่พบ ยืนยันได้ว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลง รวมทั้งอนุสัญญาออตตาวามาโดยตลอด
    .
    นอกจากนี้ โฆษกกองทัพบกยังได้กล่าวอีกว่า จากการที่ฝ่ายกัมพูชามีการใช้ยุทธวิธีวางทุ่นระเบิด เพื่อลอบทำร้ายฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการผ่านกองทัพภาคที่ 2 กำชับให้กำลังพลทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบ ไม่ประมาท และใช้ชุดทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดเข้าตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงเพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติภารกิจในทุกครั้ง

    กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอีกครั้ง ตรวจพบกระสุนปืน ค. ดัดแปลงเป็นกับดักสังหาร ใช้ลวดสะดุดมาประกอบ ในเขตไทยใกล้เนิน 350 ปราสาทตาควาย จ.สุริทร์ . วันนี้ กองทัพบกได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 68 เวลาประมาณ 11.50 น. กองร้อยอาวุธเบาที่ 1 กองพันทหารราบที่ 27 ตรวจพบการวางกับระเบิดแสวงเครื่องในลักษณะใช้ลูกกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิดประกอบกับการใช้ลวดสะดุดของทหารกัมพูชา ในพื้นที่ทิศตะวันตกของปราสาทตาควาย ห่างจากเนิน 350 ประมาณ 1.7 กิโลเมตร ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ใกล้กับบริเวณแนวการวางลวดหนามป้องกันตนเองในเขตไทย . ทั้งนี้ ยุทธวิธีของทหารกัมพูชาสอดคล้องกับเหตุการณ์เมื่อวันที่ 22 ส.ค. 68 ที่ฝ่ายไทยตรวจพบทหารกัมพูชา ดักซุ่มและตรวจการณ์ฝ่ายไทย บริเวณทิศตะวันตกของเนิน 350 ต.บักได อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ซึ่งต่อมา จากการเข้าตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ พบการวางทุ่นระเบิด PMN-2 รวม 3 ทุ่น พร้อมลูกกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิด 2 ลูก และตะปูเรือใบจำนวนมาก คาดว่าลูกกระสุนเครื่องยิงลูกระเบิดดังกล่าวจะถูกเตรียมนำมาใช้ในการวางกับระเบิดแสวงเครื่อง ตามที่ปรากฏ . จากกรณีดังกล่าว พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวว่า การกระทำและหลักฐานดังกล่าวแสดงให้เห็นถึงการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงอย่างชัดเจน ทั้งในเรื่องการใช้กับระเบิดแสวงเครื่อง เป็นอาวุธลอบโจมตีทหารไทยโดยหวังผลให้เกิดอันตรายถึงชีวิตในดินแดนของฝ่ายไทย ซึ่งถือเป็นการกระทำยั่วยุที่ส่งผลให้เกิดความตึงเครียดระหว่างกัน . การกระทำดังกล่าวยังย้อนแย้งกับท่าทีที่ฝ่ายกัมพูชาพยายามบิดเบือนต่อประชาคมระหว่างประเทศว่าเป็นผู้รักสันติและยึดมั่นในข้อตกลงหยุดยิง ทั้งที่ข้อเท็จจริงและหลักฐานต่าง ๆ ที่พบ ยืนยันได้ว่ากัมพูชาละเมิดข้อตกลง รวมทั้งอนุสัญญาออตตาวามาโดยตลอด . นอกจากนี้ โฆษกกองทัพบกยังได้กล่าวอีกว่า จากการที่ฝ่ายกัมพูชามีการใช้ยุทธวิธีวางทุ่นระเบิด เพื่อลอบทำร้ายฝ่ายไทยอย่างต่อเนื่อง พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก ได้สั่งการผ่านกองทัพภาคที่ 2 กำชับให้กำลังพลทุกนายปฏิบัติหน้าที่ด้วยความรอบคอบ ไม่ประมาท และใช้ชุดทหารช่างเก็บกู้ทุ่นระเบิดเข้าตรวจสอบพื้นที่เสี่ยงเพื่อความปลอดภัยในการปฏิบัติภารกิจในทุกครั้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​สิ่งทั้งปวงที่ต้องรู้จัก เพื่อความสิ้นทุกข์
    สัทธรรมลำดับที่ : 733
    ชื่อบทธรรม :- สิ่งทั้งปวงที่ต้องรู้จัก เพื่อความสิ้นทุกข์
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=733
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --สิ่งทั้งปวงที่ต้องรู้จัก เพื่อความสิ้นทุกข์
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อไม่รู้ยิ่ง ไม่รอบรู้ ไม่คลายกำหนัด ไม่ละขาด
    ซึ่งสิ่งทั้งปวง ก็เป็นผู้ ไม่ควรแก่ความสิ้นไปแห่งทุกข์.
    ภิกษุ ท. ! สิ่งทั้งปวงนั้นคืออะไรเล่า ?
    ภิกษุ ท. ! สิ่งทั้งปวงคือ :- (
    ๑.อายตนะภายใน ๖
    ๒.อายตนะภายนอก ๖
    ๓.วิญญาณ ๖
    ๔.สัมผัส ๖
    ๕.เวทนา ๖
    : ทรงจำแนกทีละหมวด และแยกอย่างในหมวดนั้น ๆ
    ในที่นี้ยกมากล่าวคราวเดียวกัน เพราะเห็นว่าเป็นที่รู้จักกันดีแล้ว
    )
    (ต่อจากนี้
    ได้ตรัสข้อความป็นปฏิปักขนัย (ตรงกันข้าม)​ คือ
    เมื่อรู้สิ่งทั้งปวงก็ควรแก่ความสิ้นไปแห่งทุกข์
    อันผู้ศึกษาพึงเทียบเคียงได้ด้วยตนเอง
    ).-

    [ในสูตรถัดไป
    ทรงแสดงสิ่งทั้งปวงด้วย
    วิญญาตัทพธรรมทางจักษุ โสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ และมนะ (๑๘/๒๒-๒๓/๒๙-๓๐).
    http://etipitaka.com/read/pali/18/22/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99
    --อีกสูตรหนึ่ง
    ทรงแสดงสิ่งทั้งปวงด้วย ขันธ์ห้า
    (๑๗/๓๓/๕๖-๕๗)
    http://etipitaka.com/read/pali/17/33/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%96
    ].
    -----
    #สัมมาทิฏฐิ
    #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/15/27-28.
    http://etipitaka.com/read/thai/18/15/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๒๑/๒๗-๒๘.
    http://etipitaka.com/read/pali/18/21/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=733
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=54&id=733
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=54
    ลำดับสาธยายธรรม : 54 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_54.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​สิ่งทั้งปวงที่ต้องรู้จัก เพื่อความสิ้นทุกข์ สัทธรรมลำดับที่ : 733 ชื่อบทธรรม :- สิ่งทั้งปวงที่ต้องรู้จัก เพื่อความสิ้นทุกข์ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=733 เนื้อความทั้งหมด :- --สิ่งทั้งปวงที่ต้องรู้จัก เพื่อความสิ้นทุกข์ --ภิกษุ ท. ! เมื่อไม่รู้ยิ่ง ไม่รอบรู้ ไม่คลายกำหนัด ไม่ละขาด ซึ่งสิ่งทั้งปวง ก็เป็นผู้ ไม่ควรแก่ความสิ้นไปแห่งทุกข์. ภิกษุ ท. ! สิ่งทั้งปวงนั้นคืออะไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! สิ่งทั้งปวงคือ :- ( ๑.อายตนะภายใน ๖ ๒.อายตนะภายนอก ๖ ๓.วิญญาณ ๖ ๔.สัมผัส ๖ ๕.เวทนา ๖ : ทรงจำแนกทีละหมวด และแยกอย่างในหมวดนั้น ๆ ในที่นี้ยกมากล่าวคราวเดียวกัน เพราะเห็นว่าเป็นที่รู้จักกันดีแล้ว ) (ต่อจากนี้ ได้ตรัสข้อความป็นปฏิปักขนัย (ตรงกันข้าม)​ คือ เมื่อรู้สิ่งทั้งปวงก็ควรแก่ความสิ้นไปแห่งทุกข์ อันผู้ศึกษาพึงเทียบเคียงได้ด้วยตนเอง ).- [ในสูตรถัดไป ทรงแสดงสิ่งทั้งปวงด้วย วิญญาตัทพธรรมทางจักษุ โสตะ ฆานะ ชิวหา กายะ และมนะ (๑๘/๒๒-๒๓/๒๙-๓๐). http://etipitaka.com/read/pali/18/22/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%99 --อีกสูตรหนึ่ง ทรงแสดงสิ่งทั้งปวงด้วย ขันธ์ห้า (๑๗/๓๓/๕๖-๕๗) http://etipitaka.com/read/pali/17/33/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%96 ]. ----- #สัมมาทิฏฐิ #ทุกขมรรค #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. 18/15/27-28. http://etipitaka.com/read/thai/18/15/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - สฬา. สํ. ๑๘/๒๑/๒๗-๒๘. http://etipitaka.com/read/pali/18/21/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=733 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=54&id=733 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=54 ลำดับสาธยายธรรม : 54 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_54.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - สิ่งทั้งปวงที่ต้องรู้จัก เพื่อความสิ้นทุกข์
    -สิ่งทั้งปวงที่ต้องรู้จัก เพื่อความสิ้นทุกข์ ภิกษุ ท. ! เมื่อไม่รู้ยิ่ง ไม่รอบรู้ ไม่คลายกำหนัด ไม่ละขาด ซึ่งสิ่งทั้งปวง ก็เป็นผู้ ไม่ควรแก่ความสิ้นไปแห่งทุกข์. ภิกษุ ท. ! สิ่งทั้งปวงนั้นคืออะไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! สิ่งทั้งปวงคือ : (อายตนะภายใน ๖ อายตนะภายนอก ๖ วิญญาณ ๖ สัมผัส ๖ เวทนา ๖ : ทรงจำแนกทีละหมวด และแยกอย่างในหมวดนั้น ๆ ในที่นี้ยกมากล่าวคราวเดียวกัน เพราะเห็นว่าเป็นที่รู้จักกันดีแล้ว). (ต่อจากนี้ ได้ตรัสข้อความป็นปฏิปักขนัย คือเมื่อรู้สิ่งทั้งปวงก็ควรแก่ความสิ้นไปแห่งทุกข์ อันผู้ศึกษาพึงเทียบเคียงได้ด้วยตนเอง).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 123 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าที่สุดของพรหมจรรย์ คือนิพพาน
    สัทธรรมลำดับที่ : 364
    ชื่อบทธรรม : -ที่สุดของพรหมจรรย์ คือนิพพาน
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=364
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ที่สุดของพรหมจรรย์ คือนิพพาน
    --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ที่เรียกว่า ‘มาร มาร’ ดังนี้,
    ด้วยเหตุเพียงเท่าไรเล่า จึงถูกเรียกว่า มาร พระเจ้าข้า ?”
    --ราธะ ! เมื่อรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณมีอยู่,
    จะพึงมีมาร, มีผู้ให้ตาย หรือว่าผู้ตาย.
    --ราธะ ! เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้ เธอจงเห็น
    รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ (ขันธ์ห้า)
    เห็น (ขันธ์ห้า) ว่า ‘เป็นมาร’
    เห็น (ขันธ์ห้า) ว่า 'เป็นผู้ให้ตาย’
    ัเห็น (ขันธ์ห้า) ว่า ‘ผู้ตาย’
    เห็น (ขันธ์ห้า) ว่า ‘เป็นโรค’
    เห็น (ขันธ์ห้า) ว่า ‘เป็นหัวฝี’
    เห็น (ขันธ์ห้า) ว่า ‘เป็นลูกศร’
    เห็น (ขันธ์ห้า) ว่า ‘เป็นทุกข์’
    เห็น (ขันธ์ห้า) ว่า ‘เป็นทุกข์ที่เกิดแล้ว’
    ดังนี้.
    พวกใดย่อมเห็น รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณนั้น ด้วยอาการอย่างนี้,
    พวกนั้น ชื่อว่า ย่อมเห็นโดยชอบ แล.
    --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! สัมมาทัสสนะ(การเห็นโดยชอบ)
    มีอะไรเป็นประโยชน์ที่มุ่งหมายเล่า พระเจ้าข้า ?”
    --ราธะ ! สัมมาทัสสนะ มีนิพพิทา (ความเบื่อหน่าย)
    http://etipitaka.com/read/pali/17/231/?keywords=นิพฺพิทา
    เป็นประโยชน์ที่มุ่งหมาย.
    --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็นิพพิทา (ความเบื่อหน่าย)
    มีอะไรเป็นประโยชน์ที่มุ่งหมายเล่า พระเจ้าข้า ?”
    --ราธะ ! นิพพิทาแล มีวิราคะ (ความจางคลายไป)
    http://etipitaka.com/read/pali/17/232/?keywords=วิราค
    เป็นประโยชน์ที่มุ่งหมาย.
    --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็วิราคะ
    มีอะไรเป็นประโยชน์ที่มุ่งหมายเล่า พระเจ้าข้า ?”
    --ราธะ ! วิราคะแล มีวิมุตติ (ความหลุดพ้น)
    http://etipitaka.com/read/pali/17/232/?keywords=วิมุต
    เป็นประโยชน์ที่มุ่งหมาย.
    --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็วิมุตติ
    มีอะไรเป็นประโยชน์ ที่มุ่งหมายเล่า พระเจ้าข้า ?”
    --ราธะ ! วิมุตติแล มีนิพพาน
    http://etipitaka.com/read/pali/17/232/?keywords=นิพพาน
    เป็นประโยชน์ที่มุ่งหมาย.
    --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็นิพพาน
    มีอะไรเป็นประโยชน์ ที่มุ่งหมายเล่า พระเจ้าข้า ?”
    --ราธะ ! เธอได้ถามเลยปัญหาเสียแล้ว,
    เธอไม่อาจจะจับฉวยเอาที่สุดของปัญหาได้.
    --ราธะ ! ด้วยว่า พรหมจรรย์ ที่ประพฤติกันอยู่นี้แล
    ย่อมหยั่งลงสู่นิพพาน #มีนิพพานเป็นที่สุดท้าย.-

    #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่#สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/190/366.
    http://etipitaka.com/read/thai/17/190/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%96%E0%B9%96
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๓๑/๓๖๖.
    http://etipitaka.com/read/pali/17/231/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%96%E0%B9%96
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=364
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=364
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24
    ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่าที่สุดของพรหมจรรย์ คือนิพพาน สัทธรรมลำดับที่ : 364 ชื่อบทธรรม : -ที่สุดของพรหมจรรย์ คือนิพพาน https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=364 เนื้อความทั้งหมด :- --ที่สุดของพรหมจรรย์ คือนิพพาน --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ที่เรียกว่า ‘มาร มาร’ ดังนี้, ด้วยเหตุเพียงเท่าไรเล่า จึงถูกเรียกว่า มาร พระเจ้าข้า ?” --ราธะ ! เมื่อรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณมีอยู่, จะพึงมีมาร, มีผู้ให้ตาย หรือว่าผู้ตาย. --ราธะ ! เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้ เธอจงเห็น รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ (ขันธ์ห้า) เห็น (ขันธ์ห้า) ว่า ‘เป็นมาร’ เห็น (ขันธ์ห้า) ว่า 'เป็นผู้ให้ตาย’ ัเห็น (ขันธ์ห้า) ว่า ‘ผู้ตาย’ เห็น (ขันธ์ห้า) ว่า ‘เป็นโรค’ เห็น (ขันธ์ห้า) ว่า ‘เป็นหัวฝี’ เห็น (ขันธ์ห้า) ว่า ‘เป็นลูกศร’ เห็น (ขันธ์ห้า) ว่า ‘เป็นทุกข์’ เห็น (ขันธ์ห้า) ว่า ‘เป็นทุกข์ที่เกิดแล้ว’ ดังนี้. พวกใดย่อมเห็น รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณนั้น ด้วยอาการอย่างนี้, พวกนั้น ชื่อว่า ย่อมเห็นโดยชอบ แล. --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! สัมมาทัสสนะ(การเห็นโดยชอบ) มีอะไรเป็นประโยชน์ที่มุ่งหมายเล่า พระเจ้าข้า ?” --ราธะ ! สัมมาทัสสนะ มีนิพพิทา (ความเบื่อหน่าย) http://etipitaka.com/read/pali/17/231/?keywords=นิพฺพิทา เป็นประโยชน์ที่มุ่งหมาย. --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็นิพพิทา (ความเบื่อหน่าย) มีอะไรเป็นประโยชน์ที่มุ่งหมายเล่า พระเจ้าข้า ?” --ราธะ ! นิพพิทาแล มีวิราคะ (ความจางคลายไป) http://etipitaka.com/read/pali/17/232/?keywords=วิราค เป็นประโยชน์ที่มุ่งหมาย. --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็วิราคะ มีอะไรเป็นประโยชน์ที่มุ่งหมายเล่า พระเจ้าข้า ?” --ราธะ ! วิราคะแล มีวิมุตติ (ความหลุดพ้น) http://etipitaka.com/read/pali/17/232/?keywords=วิมุต เป็นประโยชน์ที่มุ่งหมาย. --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็วิมุตติ มีอะไรเป็นประโยชน์ ที่มุ่งหมายเล่า พระเจ้าข้า ?” --ราธะ ! วิมุตติแล มีนิพพาน http://etipitaka.com/read/pali/17/232/?keywords=นิพพาน เป็นประโยชน์ที่มุ่งหมาย. --“ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็นิพพาน มีอะไรเป็นประโยชน์ ที่มุ่งหมายเล่า พระเจ้าข้า ?” --ราธะ ! เธอได้ถามเลยปัญหาเสียแล้ว, เธอไม่อาจจะจับฉวยเอาที่สุดของปัญหาได้. --ราธะ ! ด้วยว่า พรหมจรรย์ ที่ประพฤติกันอยู่นี้แล ย่อมหยั่งลงสู่นิพพาน #มีนิพพานเป็นที่สุดท้าย.- #ทุกขนิโรธ #อริยสัจสี่​ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/190/366. http://etipitaka.com/read/thai/17/190/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%96%E0%B9%96 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๓๑/๓๖๖. http://etipitaka.com/read/pali/17/231/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%96%E0%B9%96 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=364 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=364 https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24 ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ที่สุดของพรหมจรรย์ คือนิพพาน
    -ที่สุดของพรหมจรรย์ คือนิพพาน “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ที่เรียกว่า ‘มาร มาร’ ดังนี้, ด้วยเหตุเพียงเท่าไรเล่า จึงถูกเรียกว่า มาร พระเจ้าข้า ?” ราธะ ! เมื่อรูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณมีอยู่, จะพึงมีมาร, มีผู้ให้ตาย หรือว่าผู้ตาย. ราธะ ! เพราะฉะนั้นในเรื่องนี้ เธอจงเห็น รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณ ว่า ‘เป็นมาร’ เห็นว่าเป็น ‘ผู้ให้ตาย’ เห็นว่า ‘ผู้ตาย’ เห็นว่า ‘เป็นโรค’ เห็นว่า ‘เป็นหัวฝี’ เห็นว่า ‘เป็นลูกศร’ เห็นว่า ‘เป็นทุกข์’ เห็นว่า ‘เป็นทุกข์ที่เกิดแล้ว’ ดังนี้. พวกใดย่อมเห็น รูป เวทนา สัญญา สังขาร และวิญญาณนั้น ด้วยอาการอย่างนี้, พวกนั้น ชื่อว่า ย่อมเห็นโดยชอบ แล. “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! สัมมาทัสสนะ(การเห็นโดยชอบ) มีอะไรเป็นประโยชน์ที่มุ่งหมายเล่า พระเจ้าข้า ?” ราธะ ! สัมมาทัสสนะ มีนิพพิทา (ความเบื่อหน่าย) เป็นประโยชน์ที่มุ่งหมาย. “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็นิพพิทา (ความเบื่อหน่าย) มีอะไรเป็นประโยชน์ที่มุ่งหมายเล่า พระเจ้าข้า ?” ราธะ ! นิพพิทาแล มีวิราคะ (ความจางคลายไป) เป็นประโยชน์ที่มุ่งหมาย. “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็วิราคะ มีอะไรเป็นประโยชน์ที่มุ่งหมายเล่า พระเจ้าข้า ?” ราธะ ! วิราคะแล มีวิมุตติ (ความหลุดพ้น) เป็นประโยชน์ที่มุ่งหมาย. “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็วิมุตติ มีอะไรเป็นประโยชน์ ที่มุ่งหมายเล่า พระเจ้าข้า ?” ราธะ ! วิมุตติแล มีนิพพานเป็นประโยชน์ที่มุ่งหมาย. “ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ! ก็นิพพาน มีอะไรเป็นประโยชน์ ที่มุ่งหมายเล่า พระเจ้าข้า ?” ราธะ ! เธอได้ถามเลยปัญหาเสียแล้ว, เธอไม่อาจจะจับฉวยเอาที่สุดของปัญหาได้. ราธะ ! ด้วยว่า พรหมจรรย์ ที่ประพฤติกันอยู่นี้แล ย่อมหยั่งลงสู่นิพพาน มีนิพพานเป็นที่สุดท้าย.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • อ้วนหิ้วพรรคร่วมพินอบพิเทาส้ม น้อมรับทุกข้อเสนอ (31/8/68)

    #TruthFromThailand
    #ภูมิธรรม
    #เพื่อไทย
    #พรรคก้าวไกล
    #พรรคร่วมรัฐบาล
    #ThaiTimes
    #news1
    #shorts
    #ข่าวด่วน
    #ThailandPolitics
    #การเมืองไทย
    #ข่าววันนี้
    อ้วนหิ้วพรรคร่วมพินอบพิเทาส้ม น้อมรับทุกข้อเสนอ (31/8/68) #TruthFromThailand #ภูมิธรรม #เพื่อไทย #พรรคก้าวไกล #พรรคร่วมรัฐบาล #ThaiTimes #news1 #shorts #ข่าวด่วน #ThailandPolitics #การเมืองไทย #ข่าววันนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “ภูมิธรรม” เผย พรรคร่วมรัฐบาล ตอบรับทุกข้อเสนอ “ปชน.” รอพรรคส้มตัดสินใจ ลั่นทำเร็ว ยุบสภาได้ก่อน 4 เดือน ขณะม็อบหนุน พท. โผล่ให้กำลังใจ “เพื่อไทยสู้ๆ”

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000083174

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    “ภูมิธรรม” เผย พรรคร่วมรัฐบาล ตอบรับทุกข้อเสนอ “ปชน.” รอพรรคส้มตัดสินใจ ลั่นทำเร็ว ยุบสภาได้ก่อน 4 เดือน ขณะม็อบหนุน พท. โผล่ให้กำลังใจ “เพื่อไทยสู้ๆ” อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000083174 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 0 รีวิว

  • อินโดฯชาวบ้านบุกยึดทรัพย์สิน สส. สส.คนนี้ก็เกินจริงๆสมควรโดน ,เป็นไปได้มั้ยว่าคือกระบวนการก่อความไม่สงบโดยทีมงานciaและคณะสส.คนของciaด้วย,การออกกฎหมายมากมายควบคุมกดขี่บีบบังคับคนอินโดฯสู่การทำให้ยากจนแบบประเทศไทยก็คงอันเดียวกัน อเมริกาและชาติฝรั่งเป็นอันมากไปปล้นชิงทรัพยากรมีค่ามากมายบนอินโดฯไม่น้อย บีบบังคับเอากว่าประเทศไทยเราอีก,อินโดฯจึงเร่งสร้างกองกำลังทหารของตนเองเพื่อปกป้องตนเอง แต่นักการเมืองอินโดฯก็มีไม่น้อยแบบพรรคในไทยที่ถูกยุบ จะเป็นคนของciaอเมริกาด้วย,สลับกันปกครองเพื่อทำคนอินโดฯดักดานมั่นคงในความยากจนแบบไทย แบบพม่านั้นล่ะ ปล้นชิงบ่อน้ำมันไทยบ่อทองคำไทยเป็นต้นจนคนไทยยากจนต้นทุนแพงส่งผลค่าใช้จ่ายแพง เงินเดือนไม่ผูกผันแปรตรงกับค่าครองชีพค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นหรือแปรผันตรงกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นนั้นเอง,
    ..อินโดฯดูดีๆเหมือนกำลังถูกอีลิทciaวางแผนสร้างความไม่สงบแน่ๆที่ไม่ยืนข้างอเมริกาชาติฝรั่งร่วมจัดการจีนประมาณนั้น,เหมือนไทยกำลัวโดยนี้ล่ะ ,อินโดฯมีปัญหาเรื่องบ่อน้ำมันกับมาเลย์ มาเลย์ฟ้องอเมริกาช่วยจัดการอินโดฯด้วยเดี๋ยวแบ่งรายได้จากแหล่งน้ำมันพิพาทกับอินโดฯนี้ให้ มูลค่าเบื้องต้นกว่า45-60ล้านล้านบาท,จริงๆอาจกว่า100ล้านล้านบาทแน่นอน,อเมริกานำโดยciaสั่งไอ้เหี้ยนี้สส.นี้ยั่วยุคนอินโดฯเสีย บวกกดขี่กดดันคนอินโดฯทุกข์ยากขาดแคลนลำบากให้หนักขึ้น,จากนั้นล็อบบี้คนของตนที่อินโดฯยกแหล่งบ่อน้ำมันพิพาทนี้ให้มาเลย์เสียทำแบบไทยที่หามุกจนเจอ ใช้มุก1:200,000แย่งบ่อน้ำมันในอ่าวไทยจากไทยให้ได้,อินโดฯก็เหมือนไทยนั้นล่ะ ciaอเมริกาครอบงำการปกครองไทยฝั่งผู้นำไทยทั้งสภารวมฝ่ายค้านด้วยยิ่งบินเยือนอเมริกาหลบหนีเป็นว่าเล่น,อินโดฯก็เช่นกัน คนของciaอเมริกาฝรั่งเศสตรึมเช่นกัน,
    ..สรุปอาเชียนเราไม่สงบสุขเพราะพวกฝรั่งอเมริกาciaสายตะวันตกยุโรปมาลุกล้ำอธิปไตยคนอาเชียนคนเอเชียเรามาเกินไปสมควรผลักดันกลับตะวันตกกลับอเมริกายุโรปให้หมด,เขตอาเชียนปลอดฝรั่งตะวันตกยุโรปอเมริกาก็ว่าไป,เราอาจร่วมกันสร้างความสุขสงบจริงภายในเอเชียภายในอาเชียนเราเองได้สบายมาก.



    https://youtube.com/watch?v=tJirUo4MUyc&si=B-21uPkl5v5j5VFh
    อินโดฯชาวบ้านบุกยึดทรัพย์สิน สส. สส.คนนี้ก็เกินจริงๆสมควรโดน ,เป็นไปได้มั้ยว่าคือกระบวนการก่อความไม่สงบโดยทีมงานciaและคณะสส.คนของciaด้วย,การออกกฎหมายมากมายควบคุมกดขี่บีบบังคับคนอินโดฯสู่การทำให้ยากจนแบบประเทศไทยก็คงอันเดียวกัน อเมริกาและชาติฝรั่งเป็นอันมากไปปล้นชิงทรัพยากรมีค่ามากมายบนอินโดฯไม่น้อย บีบบังคับเอากว่าประเทศไทยเราอีก,อินโดฯจึงเร่งสร้างกองกำลังทหารของตนเองเพื่อปกป้องตนเอง แต่นักการเมืองอินโดฯก็มีไม่น้อยแบบพรรคในไทยที่ถูกยุบ จะเป็นคนของciaอเมริกาด้วย,สลับกันปกครองเพื่อทำคนอินโดฯดักดานมั่นคงในความยากจนแบบไทย แบบพม่านั้นล่ะ ปล้นชิงบ่อน้ำมันไทยบ่อทองคำไทยเป็นต้นจนคนไทยยากจนต้นทุนแพงส่งผลค่าใช้จ่ายแพง เงินเดือนไม่ผูกผันแปรตรงกับค่าครองชีพค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นหรือแปรผันตรงกับราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้นนั้นเอง, ..อินโดฯดูดีๆเหมือนกำลังถูกอีลิทciaวางแผนสร้างความไม่สงบแน่ๆที่ไม่ยืนข้างอเมริกาชาติฝรั่งร่วมจัดการจีนประมาณนั้น,เหมือนไทยกำลัวโดยนี้ล่ะ ,อินโดฯมีปัญหาเรื่องบ่อน้ำมันกับมาเลย์ มาเลย์ฟ้องอเมริกาช่วยจัดการอินโดฯด้วยเดี๋ยวแบ่งรายได้จากแหล่งน้ำมันพิพาทกับอินโดฯนี้ให้ มูลค่าเบื้องต้นกว่า45-60ล้านล้านบาท,จริงๆอาจกว่า100ล้านล้านบาทแน่นอน,อเมริกานำโดยciaสั่งไอ้เหี้ยนี้สส.นี้ยั่วยุคนอินโดฯเสีย บวกกดขี่กดดันคนอินโดฯทุกข์ยากขาดแคลนลำบากให้หนักขึ้น,จากนั้นล็อบบี้คนของตนที่อินโดฯยกแหล่งบ่อน้ำมันพิพาทนี้ให้มาเลย์เสียทำแบบไทยที่หามุกจนเจอ ใช้มุก1:200,000แย่งบ่อน้ำมันในอ่าวไทยจากไทยให้ได้,อินโดฯก็เหมือนไทยนั้นล่ะ ciaอเมริกาครอบงำการปกครองไทยฝั่งผู้นำไทยทั้งสภารวมฝ่ายค้านด้วยยิ่งบินเยือนอเมริกาหลบหนีเป็นว่าเล่น,อินโดฯก็เช่นกัน คนของciaอเมริกาฝรั่งเศสตรึมเช่นกัน, ..สรุปอาเชียนเราไม่สงบสุขเพราะพวกฝรั่งอเมริกาciaสายตะวันตกยุโรปมาลุกล้ำอธิปไตยคนอาเชียนคนเอเชียเรามาเกินไปสมควรผลักดันกลับตะวันตกกลับอเมริกายุโรปให้หมด,เขตอาเชียนปลอดฝรั่งตะวันตกยุโรปอเมริกาก็ว่าไป,เราอาจร่วมกันสร้างความสุขสงบจริงภายในเอเชียภายในอาเชียนเราเองได้สบายมาก. https://youtube.com/watch?v=tJirUo4MUyc&si=B-21uPkl5v5j5VFh
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 175 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าอยากกำจัดนักการเมืองชั่วเลวตัดตอนการซื้อเสียงขายเสียงได้100%ตลอดทุกๆการทุจริตใดๆทั่วไทยในทุกๆวงการราชการไทยที่เอกชนห้างร้านบริษัทใดๆมาข้องเกี่ยวเงินงบประมาณรัฐเบิกจ่ายประมูลงานเหมางานหลวงในทุกๆหน่วยงานทั่วไทยได้เด็ดขาด,เรา..ประเทศไทยต้องยกเลิกระบบเงินกระดาษทั้งหมดทันที,ใช้เงินดิจิดัลแทน,เงื่อนไข รัฐบาลต้องแจกจ่ายมือถือควอนตัมให้ภาคประชาชนทั่วไทยแก่ทุกๆคนไทยทันที,เพื่อเราสถานะการดำเนินชีวิตใช้จ่ายของประชาชนไปพร้อมๆกันจริง,66-70ล้านเครื่องต้องพร้อมถึงมือประชาชนทันที,เด็กทารกเกิดมาต้องได้เช่นกัน,โดยผู้ปกครองดูแลแทน,ซื้อขายแลกเปลี่ยนใดๆระบบพร้อมรองรับ,1คน1บัญชีเงินดิจิดัลบาทคอยน์อินทนนท์1เลขหมายมือถือ,ห้ามคนไทยมีมากกว่า1บัญชีเงิน มี100ล้านล้านบาทก็มีได้แค่1บัญชี กรณีบริษัทก็1บัญชี1เบอร์โทรซึ่งจะเป็นอีกรูปแบบอื่นต่อไป,แบงค์ชาติต้องเตรียมการไว้จริงๆมิใช่ค่อยเป็นค่อยไป,AIสามารถสร้างสิ่งดีๆได้มิใช่แค่ทางไม่ดี,ข้าราชการคนใดมีตังใต้โต๊ะผิดปกติเข้าบัญชีตนที่มีหน้าที่งานประมูล สามารถตรวจสอบกระแสการไหลมาของเงินต้นทางได้ตลอดเวลาย้อนหลังวันเดือนปีได้ตลอดไม่หมดอายุการตรวจสอบที่ระบบควอนตัมจัดเก็บด้วยธุรกรรมบล็อกเซนนั้นๆ,ใครใช้ตังซื้อเสียงจากคนขายเียงฝันไปเลยจะรอดดับอนาถแน่นอน,ใครรับตังคนซื้อเสียงก็อนาถเช่นกัน,นักการเมืองไหนทุจริตแดกค่าคิวหักค่าใดหรือหักเบี้ยเลี้ยงทหารแบบอดีตๆไม่โอนเข้าบัญชีทางตรงก็ฝันจะได้เอาเปรียบได้แดกด้วย,งบหายผิดปกติเดินทางไปบล็อกเซนธุรกรรมไหนก็ตามเส้นทางไปได้ เจอขึ้นมาแน่นอน และไอ้นั้นซวยอย่างเดียวด้วย.

    ..ต้องแจกมือถือควอนตัมแก่คนไทยตนเองทุกๆคนฟรี
    ..สวัสดิการต่างๆจะโหลดผ่านมือถือหมด ใครทุกข์ยากลำบากยากจน ระบบก็รู้ ,รายได้ไม่มีเข้ากระเป๋าตังดิจิดัลเลยตลอดปีต่ำกว่า100,000บาทต่อปี ระบบควอนตัมแบงค์ชาติอัดตังเยียวยาชดเชยและหน่วยงานขึ้นเข้าหา ช่วยเหลือทางแก้สร้างสัมมาอาชีพคนๆเหล่านั้นให้ผ่านวิกฤติได้ ขาดเงินทุนก็โอนเงินทุนเข้าเป๋าตังดิจิดัลได้,ข้าราชการทุจริตก็อายัดเฉพาะตังทุจริตนั้นได้ไม่กระทบตังบริสุทธิ์อื่นๆ,ไม่เหมารวมผีบ้าแบบปัจจุบันอีก,ตัดเฉพาะบล็อคเซนธุรกรรมใครมันที่ผิดที่ทุจริตนั้นๆ,ลงโทษตามค่าจริง,เงินเถื่อนๆใต้ดินดับอนาถทั่วไทย ฟอกตังก็ไม่ง่ายด้วย เพราะใช่แบบกระดาษแบบอดีต.มีที่มาที่ไป มีทองค้ำค้ำประกันแต่ละบาทคอยน์อินทนนท์ดิจิดัลนี้.

    ..เคส สส.สว.นายกฯจึงสามารถได้คนดีเข้าไปบริหารสูง ผู้แทนประชาชนที่ดีๆได้มีโอกาสทำหน้าที่ตนตามต้องการในการร่วมพัฒนาชาติ พัฒนาบ้านพัฒนาเมืองร่วมกันกับประชาชนเราทั่วประเทศและท้องถิ่นตนเองใครมันที่ขัดอาสาตนเข้ามา,มิใช่เหี้ยมาแดกประเทศเหมือนในปัจจุบัน วางอิทธิพลไปหมด.

    https://www.youtube.com/watch?v=bbqTl4C1pPk&list=RDbbqTl4C1pPk&start_radio=1
    ถ้าอยากกำจัดนักการเมืองชั่วเลวตัดตอนการซื้อเสียงขายเสียงได้100%ตลอดทุกๆการทุจริตใดๆทั่วไทยในทุกๆวงการราชการไทยที่เอกชนห้างร้านบริษัทใดๆมาข้องเกี่ยวเงินงบประมาณรัฐเบิกจ่ายประมูลงานเหมางานหลวงในทุกๆหน่วยงานทั่วไทยได้เด็ดขาด,เรา..ประเทศไทยต้องยกเลิกระบบเงินกระดาษทั้งหมดทันที,ใช้เงินดิจิดัลแทน,เงื่อนไข รัฐบาลต้องแจกจ่ายมือถือควอนตัมให้ภาคประชาชนทั่วไทยแก่ทุกๆคนไทยทันที,เพื่อเราสถานะการดำเนินชีวิตใช้จ่ายของประชาชนไปพร้อมๆกันจริง,66-70ล้านเครื่องต้องพร้อมถึงมือประชาชนทันที,เด็กทารกเกิดมาต้องได้เช่นกัน,โดยผู้ปกครองดูแลแทน,ซื้อขายแลกเปลี่ยนใดๆระบบพร้อมรองรับ,1คน1บัญชีเงินดิจิดัลบาทคอยน์อินทนนท์1เลขหมายมือถือ,ห้ามคนไทยมีมากกว่า1บัญชีเงิน มี100ล้านล้านบาทก็มีได้แค่1บัญชี กรณีบริษัทก็1บัญชี1เบอร์โทรซึ่งจะเป็นอีกรูปแบบอื่นต่อไป,แบงค์ชาติต้องเตรียมการไว้จริงๆมิใช่ค่อยเป็นค่อยไป,AIสามารถสร้างสิ่งดีๆได้มิใช่แค่ทางไม่ดี,ข้าราชการคนใดมีตังใต้โต๊ะผิดปกติเข้าบัญชีตนที่มีหน้าที่งานประมูล สามารถตรวจสอบกระแสการไหลมาของเงินต้นทางได้ตลอดเวลาย้อนหลังวันเดือนปีได้ตลอดไม่หมดอายุการตรวจสอบที่ระบบควอนตัมจัดเก็บด้วยธุรกรรมบล็อกเซนนั้นๆ,ใครใช้ตังซื้อเสียงจากคนขายเียงฝันไปเลยจะรอดดับอนาถแน่นอน,ใครรับตังคนซื้อเสียงก็อนาถเช่นกัน,นักการเมืองไหนทุจริตแดกค่าคิวหักค่าใดหรือหักเบี้ยเลี้ยงทหารแบบอดีตๆไม่โอนเข้าบัญชีทางตรงก็ฝันจะได้เอาเปรียบได้แดกด้วย,งบหายผิดปกติเดินทางไปบล็อกเซนธุรกรรมไหนก็ตามเส้นทางไปได้ เจอขึ้นมาแน่นอน และไอ้นั้นซวยอย่างเดียวด้วย. ..ต้องแจกมือถือควอนตัมแก่คนไทยตนเองทุกๆคนฟรี ..สวัสดิการต่างๆจะโหลดผ่านมือถือหมด ใครทุกข์ยากลำบากยากจน ระบบก็รู้ ,รายได้ไม่มีเข้ากระเป๋าตังดิจิดัลเลยตลอดปีต่ำกว่า100,000บาทต่อปี ระบบควอนตัมแบงค์ชาติอัดตังเยียวยาชดเชยและหน่วยงานขึ้นเข้าหา ช่วยเหลือทางแก้สร้างสัมมาอาชีพคนๆเหล่านั้นให้ผ่านวิกฤติได้ ขาดเงินทุนก็โอนเงินทุนเข้าเป๋าตังดิจิดัลได้,ข้าราชการทุจริตก็อายัดเฉพาะตังทุจริตนั้นได้ไม่กระทบตังบริสุทธิ์อื่นๆ,ไม่เหมารวมผีบ้าแบบปัจจุบันอีก,ตัดเฉพาะบล็อคเซนธุรกรรมใครมันที่ผิดที่ทุจริตนั้นๆ,ลงโทษตามค่าจริง,เงินเถื่อนๆใต้ดินดับอนาถทั่วไทย ฟอกตังก็ไม่ง่ายด้วย เพราะใช่แบบกระดาษแบบอดีต.มีที่มาที่ไป มีทองค้ำค้ำประกันแต่ละบาทคอยน์อินทนนท์ดิจิดัลนี้. ..เคส สส.สว.นายกฯจึงสามารถได้คนดีเข้าไปบริหารสูง ผู้แทนประชาชนที่ดีๆได้มีโอกาสทำหน้าที่ตนตามต้องการในการร่วมพัฒนาชาติ พัฒนาบ้านพัฒนาเมืองร่วมกันกับประชาชนเราทั่วประเทศและท้องถิ่นตนเองใครมันที่ขัดอาสาตนเข้ามา,มิใช่เหี้ยมาแดกประเทศเหมือนในปัจจุบัน วางอิทธิพลไปหมด. https://www.youtube.com/watch?v=bbqTl4C1pPk&list=RDbbqTl4C1pPk&start_radio=1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 152 มุมมอง 0 รีวิว
  • เอาตรงๆเลยนะ ก็ปลื้มแสดงออกชัดเจนว่าไม่ปลื้มนั้นล่ะ ทั้งบิดเบือนบอกประชาชนที่ไม่รู้อีกว่าในขณะนี้ฝ่ายค้านพรรคประชาชนเขานั้นคนละขั้นชัดเจน แต่ในกูรูตีแผ่แหกความจริงท่านฟันธงไปแล้วตั้งนานว่าทั้งสภาเฮี้ยพวกเดียวกันหมดทั้งฝ่ายค้านที่ว่าด้วย,เสมือนตอนนี้คือละครปาหี่ในการจับมือกันตั้งรัฐบาลมาทำลายชาติเหมือนเดิมจากนายกฯคนที่1และคนที่2ทำภาระกิจพลาดไป,
    ..ปลื้มไม่ปลื้ม,แดงแจ๋ในอดีตกันเลย,อัดแฉโควิดนะทำดีแล้วแต่จิตนอนในจริตใฝ่ทางอกุศลก็ยังเต็มที่ คงผิดหวังเป็นอันมากที่คนที่ตนชอบพรรคที่ตนชอบจากปิดบังสายตาชาวบ้านไว้นานก็เผยตัวตนอีกครั้งแสดงออกการตัดสินของศาลรธน.อย่างเด่นชัด,ผิดเต็มๆจะพูดคุยเชิงอะไรก็ตามเมื่อตนตื่นมารู้ตัวทันทีแล้ว,โหมดสถานะนายกฯตนจะคู่ขนานทันที่หลังตัวเองตื่นนอน,จะกระทำใดๆทั้งทางกายวาจาเช่นสถานะไทบ้านทั่วไปหรือครม.หรือสส.ปกติไม่ได้จนนอนหลับไปอีกครั้งโน้น,ถ้าเป็นคนธรรมดาไปพูดห่าเหวอะไร คุยจนจะยกแผ่นดินประเทศไทยให้บ่อน้ำมันในอ่าวไทยให้แบบสถานะไทบ้านลับๆกัน ประชาชนเขาไม่สนใจหรอกเพราะไม่มีปัญญาอำนาจทำได้จริง,แต่สถานะนายกฯจะพูดจาแสดงออกทางใดๆทั้งทางเปิดเผยหรือไม่เปิดเผยที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติมันผิดสถานะ.

    ..ศาล รธน. ทำสุดยอดแล้ว ส่วนอัตรา6:3 นี้อันตรายมาก ถือว่า3มือที่ลงมตินั้นมีมุมมองที่อันตรายต่ออธิปไตยชาติ ผิดจาก6ลงมติยกมือ ถือว่าท่านเป็นผู้มีศักยภาพด้านความเข้าใจดีของค่าจริงความจริงรู้เหตุรู้ผล อะไรเป็นอะไร ถูกผิด ว่าไปตามถูกผิดแล้วจิตสำนึกดีชั่วที่มนุษย์พึงมีรับรู้เห็นตามความเป็นจริงประกอบ มิใช่อ้างตัวบทกฎหมายที่ตีกรอบจำกัดฝ่ายเดียวซึ่งAIไร้ชีวิตวิญญาณก็ตัดสินลงมติตามตัวบทกฎหมายที่เขียนได้,6ท่านนี้ไม่ผิดหวัง เป็นที่พึ่งพาประชาชนได้ รู้ดีรู้ชั่วรู้ผิดรู้ถูก ถ้ามีสองทางให้เลือกคือขึ้นสวรรค์กับลงนรก ,6ท่านนี้เลือกขึ้นสวรรค์ชัดเจน เป็นผู้มีธรรมกุศลบำรุงใจ อ่านขาดอะไรคือทางเลือกที่ชอบแก่ธรรมนั้น.

    ...ปลื้มตำหนิศาลกลายๆด้วยอคติว่าชนกลุ่มน้อยไม่กี่คนมาตัดสินคนที่มากจากการเลือกตั้ง,แต่ปลื้มไม่บอกค่าจริงที่ว่าอุ๊งอิ๊งพรรคเธอแพ้การเลือกตั้งแต่ต้น บวกนายกฯก็ไม่เลือกตรงจากประชาชนด้วยสิทธิเสนอชื่อนายกฯมาจากพรรคหลักในการจัดตั้งรัฐบาล มีสส.มากตามเกณฑ์กำหนด สส.มาจากประชาชนเลือก,สส.สังกัดพรรค,ซึ่งค่าจริงที่ว่าศาลรธน.จัดการ9:1นั้นถูกแล้ว,ตีความคือศาลรธน.ก็มิได้มาจากประชาชนเลือกตั้งจริง ถูกต้องอีกฝ่าย,อีกฝ่ายคือนายกฯก็มิได้มาจากประชาชนเลือกตั้งตรงเช่นกัน จึงถือว่าเสมอกันชัดเจน,ศาลรธน.มีมากกว่าก็เพื่อเป็นแบบ6:3นี้ล่ะ สามารถอิสระให้ความเป็นธรรมอีกฝ่ายได้ ดวลถูกดวลผิดกันเสรี,หากไม่มีล็อบบี้ศาลมาเกี่ยวข้องด้วยแบบต่างประเทศก็จะดีขึ้นอีก,แบบถุงขนมเป็นกิโลๆตกหน้าศาลข้างห้องศาลแบบข่าวในอดีตในเรื่องอื่นๆนั้นอาจสำเร็จในที่ลับมากมายก็ได้.
    ..
    ..จริงๆรัฐบาลต้องมีแพลตฟอร์มพิเศษเพื่อให้ประชาชนลงมติเรียลไทม์ถอดถอนอำนาจคะแนนเสียงตนเองที่ลงไปได้หากไม่พอใจพฤติกรรมการทำหน้าที่นายกฯ การทำหน้าที่คณะครม.และข้าราชการในระบบราชการไทยเราใดๆ,หรือภาวะพิเศษผิดปกติแบบปัจจุบันที่นายกฯกระทำคลิปหลุดแบบนี้ สามารถมีแพลตฟอร์มพร้อมทันทีให้ประชาชนลงมติร่วมกันทั่วประเทศเรียลไทม์ว่า รัฐบาลชุดคณะนี้สมควรสิ้นอำนาจเลยมั้ย,มีกดปุ่มลงมติเรียลไทม์ ปุ่มที่1ว่า สิ้นอำนาจทั้งรัฐบาล ปุ่มที่2 ไม่สิ้นอำนาจทั้งรัฐบาล ,จากนั้นเปิดทางเลือกให้ประชาชนโหวตลงมติเรียลไทม์ใช้ชื่อบัตรประชาชนตน สแกนใบหน้านิ้วมือออนไลน์ร่วมลงมติเลย,เช่นทั่วประเทศเป็นเอกฉันท์กดปุ่มที่1 ให้สิ้นอำนาจทั้งรัฐบาล กว่า20ล้านรายชื่อบัตรประชาชนให้ถือว่ารัฐบาลชุดนี้พ้นอำนาจตำแหน่งทั้งหมดทันที มีการเลือกตั้งใหม่,นี้ประชาชนต้องมีอำนาจตรงร่วมด้วยแบบนี้ มิใช่ให้สิทธิขาดแค่ตอนกาในคูหาหย่อนบัตรจบเลยมิสามารถตามจัดการสส.ที่ชั่วเลวได้จนมีสิทธิคัดเลือกนายกฯเลวชั่วขึ้นปกครองประเทศ,และประชาชนสามารถใช้แพลตฟอร์มนี้ตั้งหัวข้อมากมายรับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชนแล้วร่วมกันกำจัดนักการเมืองและข้าราชการเลวชั่วผ่านแพลตฟอร์มนี้ได้,แก้ไขกฎหมายก็ได้ เช่นลงมติชื่อขอแก้ไขกฎหมายการเลือกตั้งและสส.สมัครเลือกตั้ง เช่นตั้งหัวข้อว่า ต้องการแก้ไขกฎหมายให้นายกฯมาจากการเลือกตั้งกาโดยตรงจากประชาชนทั่วประเทศหรือไม่ ปุ่มที่1กดต้องการ ปุ่มที่2กดไม่ต้องการ มีประชาชนเกินกว่า10ล้านคนลงมติต้องการผ่านจากเกณฑ์มาตราฐานที่5ล้านเสียงก็ให้มติประชาชนใช้บังคับได้ทันที มีการเขียนกฎหมายใหม่ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของประชาชนทันที,2 หัวข้อว่า สส.ลงสมัครไม่ต้องสังกัดพรรคใดๆก็ได้ต้องการหรือไม่ มติประชาชนกดปุ่มกว่า10ล้านคนก็สามารถบังคับใช้ได้,หรือหัวข้อในแพลตฟอร์มนี้ว่า ต้องการยกเลิกกฎหมายค่าปรับ2,000บาทของการไม่สวมหมวกกันน็อคหรือไม่ ปุ่มที่1ต้องการยกเลิกกฎหมายค่าปรับ2,000บาทนี้ ปุ่มที่2ไม่ต้องการยกเลิก ,มติกดปุ่มออกมาว่า ต้องการยกเลิกกฎหมายค่าปรับ2,000บาทกว่า40ล้านคน แสดงว่าประชาชนเห็นด้วยอย่างยิ่ง,นี้คือแพลตฟอร์มพลังอำนาจจริงของปรัชาชนเพื่อปลดล็อกโต้ตอบความอยุติธรรมที่พอดีมีคนชั่วเลวได้แฝงตัวหลุดเข้าไปในระบบอันดีงามของคนไทยเรา,หรือข้าราชการแบบบ้านหนองจานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จนก่อหายนะซึ่งภัยอธิปไตยชาติไทยตน แพลตฟอร์มเรียลไทม์ออนไลน์นี้สามารถให้ประชาชนลงโทษคนไม่ดีในระบบราชการที่ดีเราได้ทันที,เราจึงต้องตัังองค์กรอิสระนี้ขึ้นมาให้ชัดเจนเพื่อเป็นรัฐบาลเงาของภาคประชาชนไทยเราด้วย.

    #รัฐบาลเงาของภาคประชาชน.

    https://youtube.com/watch?v=zuOf3ku4yuk&si=FsJCmk_245FKQSNf
    เอาตรงๆเลยนะ ก็ปลื้มแสดงออกชัดเจนว่าไม่ปลื้มนั้นล่ะ ทั้งบิดเบือนบอกประชาชนที่ไม่รู้อีกว่าในขณะนี้ฝ่ายค้านพรรคประชาชนเขานั้นคนละขั้นชัดเจน แต่ในกูรูตีแผ่แหกความจริงท่านฟันธงไปแล้วตั้งนานว่าทั้งสภาเฮี้ยพวกเดียวกันหมดทั้งฝ่ายค้านที่ว่าด้วย,เสมือนตอนนี้คือละครปาหี่ในการจับมือกันตั้งรัฐบาลมาทำลายชาติเหมือนเดิมจากนายกฯคนที่1และคนที่2ทำภาระกิจพลาดไป, ..ปลื้มไม่ปลื้ม,แดงแจ๋ในอดีตกันเลย,อัดแฉโควิดนะทำดีแล้วแต่จิตนอนในจริตใฝ่ทางอกุศลก็ยังเต็มที่ คงผิดหวังเป็นอันมากที่คนที่ตนชอบพรรคที่ตนชอบจากปิดบังสายตาชาวบ้านไว้นานก็เผยตัวตนอีกครั้งแสดงออกการตัดสินของศาลรธน.อย่างเด่นชัด,ผิดเต็มๆจะพูดคุยเชิงอะไรก็ตามเมื่อตนตื่นมารู้ตัวทันทีแล้ว,โหมดสถานะนายกฯตนจะคู่ขนานทันที่หลังตัวเองตื่นนอน,จะกระทำใดๆทั้งทางกายวาจาเช่นสถานะไทบ้านทั่วไปหรือครม.หรือสส.ปกติไม่ได้จนนอนหลับไปอีกครั้งโน้น,ถ้าเป็นคนธรรมดาไปพูดห่าเหวอะไร คุยจนจะยกแผ่นดินประเทศไทยให้บ่อน้ำมันในอ่าวไทยให้แบบสถานะไทบ้านลับๆกัน ประชาชนเขาไม่สนใจหรอกเพราะไม่มีปัญญาอำนาจทำได้จริง,แต่สถานะนายกฯจะพูดจาแสดงออกทางใดๆทั้งทางเปิดเผยหรือไม่เปิดเผยที่เกี่ยวกับความมั่นคงของชาติมันผิดสถานะ. ..ศาล รธน. ทำสุดยอดแล้ว ส่วนอัตรา6:3 นี้อันตรายมาก ถือว่า3มือที่ลงมตินั้นมีมุมมองที่อันตรายต่ออธิปไตยชาติ ผิดจาก6ลงมติยกมือ ถือว่าท่านเป็นผู้มีศักยภาพด้านความเข้าใจดีของค่าจริงความจริงรู้เหตุรู้ผล อะไรเป็นอะไร ถูกผิด ว่าไปตามถูกผิดแล้วจิตสำนึกดีชั่วที่มนุษย์พึงมีรับรู้เห็นตามความเป็นจริงประกอบ มิใช่อ้างตัวบทกฎหมายที่ตีกรอบจำกัดฝ่ายเดียวซึ่งAIไร้ชีวิตวิญญาณก็ตัดสินลงมติตามตัวบทกฎหมายที่เขียนได้,6ท่านนี้ไม่ผิดหวัง เป็นที่พึ่งพาประชาชนได้ รู้ดีรู้ชั่วรู้ผิดรู้ถูก ถ้ามีสองทางให้เลือกคือขึ้นสวรรค์กับลงนรก ,6ท่านนี้เลือกขึ้นสวรรค์ชัดเจน เป็นผู้มีธรรมกุศลบำรุงใจ อ่านขาดอะไรคือทางเลือกที่ชอบแก่ธรรมนั้น. ...ปลื้มตำหนิศาลกลายๆด้วยอคติว่าชนกลุ่มน้อยไม่กี่คนมาตัดสินคนที่มากจากการเลือกตั้ง,แต่ปลื้มไม่บอกค่าจริงที่ว่าอุ๊งอิ๊งพรรคเธอแพ้การเลือกตั้งแต่ต้น บวกนายกฯก็ไม่เลือกตรงจากประชาชนด้วยสิทธิเสนอชื่อนายกฯมาจากพรรคหลักในการจัดตั้งรัฐบาล มีสส.มากตามเกณฑ์กำหนด สส.มาจากประชาชนเลือก,สส.สังกัดพรรค,ซึ่งค่าจริงที่ว่าศาลรธน.จัดการ9:1นั้นถูกแล้ว,ตีความคือศาลรธน.ก็มิได้มาจากประชาชนเลือกตั้งจริง ถูกต้องอีกฝ่าย,อีกฝ่ายคือนายกฯก็มิได้มาจากประชาชนเลือกตั้งตรงเช่นกัน จึงถือว่าเสมอกันชัดเจน,ศาลรธน.มีมากกว่าก็เพื่อเป็นแบบ6:3นี้ล่ะ สามารถอิสระให้ความเป็นธรรมอีกฝ่ายได้ ดวลถูกดวลผิดกันเสรี,หากไม่มีล็อบบี้ศาลมาเกี่ยวข้องด้วยแบบต่างประเทศก็จะดีขึ้นอีก,แบบถุงขนมเป็นกิโลๆตกหน้าศาลข้างห้องศาลแบบข่าวในอดีตในเรื่องอื่นๆนั้นอาจสำเร็จในที่ลับมากมายก็ได้. .. ..จริงๆรัฐบาลต้องมีแพลตฟอร์มพิเศษเพื่อให้ประชาชนลงมติเรียลไทม์ถอดถอนอำนาจคะแนนเสียงตนเองที่ลงไปได้หากไม่พอใจพฤติกรรมการทำหน้าที่นายกฯ การทำหน้าที่คณะครม.และข้าราชการในระบบราชการไทยเราใดๆ,หรือภาวะพิเศษผิดปกติแบบปัจจุบันที่นายกฯกระทำคลิปหลุดแบบนี้ สามารถมีแพลตฟอร์มพร้อมทันทีให้ประชาชนลงมติร่วมกันทั่วประเทศเรียลไทม์ว่า รัฐบาลชุดคณะนี้สมควรสิ้นอำนาจเลยมั้ย,มีกดปุ่มลงมติเรียลไทม์ ปุ่มที่1ว่า สิ้นอำนาจทั้งรัฐบาล ปุ่มที่2 ไม่สิ้นอำนาจทั้งรัฐบาล ,จากนั้นเปิดทางเลือกให้ประชาชนโหวตลงมติเรียลไทม์ใช้ชื่อบัตรประชาชนตน สแกนใบหน้านิ้วมือออนไลน์ร่วมลงมติเลย,เช่นทั่วประเทศเป็นเอกฉันท์กดปุ่มที่1 ให้สิ้นอำนาจทั้งรัฐบาล กว่า20ล้านรายชื่อบัตรประชาชนให้ถือว่ารัฐบาลชุดนี้พ้นอำนาจตำแหน่งทั้งหมดทันที มีการเลือกตั้งใหม่,นี้ประชาชนต้องมีอำนาจตรงร่วมด้วยแบบนี้ มิใช่ให้สิทธิขาดแค่ตอนกาในคูหาหย่อนบัตรจบเลยมิสามารถตามจัดการสส.ที่ชั่วเลวได้จนมีสิทธิคัดเลือกนายกฯเลวชั่วขึ้นปกครองประเทศ,และประชาชนสามารถใช้แพลตฟอร์มนี้ตั้งหัวข้อมากมายรับเรื่องร้องทุกข์จากประชาชนแล้วร่วมกันกำจัดนักการเมืองและข้าราชการเลวชั่วผ่านแพลตฟอร์มนี้ได้,แก้ไขกฎหมายก็ได้ เช่นลงมติชื่อขอแก้ไขกฎหมายการเลือกตั้งและสส.สมัครเลือกตั้ง เช่นตั้งหัวข้อว่า ต้องการแก้ไขกฎหมายให้นายกฯมาจากการเลือกตั้งกาโดยตรงจากประชาชนทั่วประเทศหรือไม่ ปุ่มที่1กดต้องการ ปุ่มที่2กดไม่ต้องการ มีประชาชนเกินกว่า10ล้านคนลงมติต้องการผ่านจากเกณฑ์มาตราฐานที่5ล้านเสียงก็ให้มติประชาชนใช้บังคับได้ทันที มีการเขียนกฎหมายใหม่ให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ของประชาชนทันที,2 หัวข้อว่า สส.ลงสมัครไม่ต้องสังกัดพรรคใดๆก็ได้ต้องการหรือไม่ มติประชาชนกดปุ่มกว่า10ล้านคนก็สามารถบังคับใช้ได้,หรือหัวข้อในแพลตฟอร์มนี้ว่า ต้องการยกเลิกกฎหมายค่าปรับ2,000บาทของการไม่สวมหมวกกันน็อคหรือไม่ ปุ่มที่1ต้องการยกเลิกกฎหมายค่าปรับ2,000บาทนี้ ปุ่มที่2ไม่ต้องการยกเลิก ,มติกดปุ่มออกมาว่า ต้องการยกเลิกกฎหมายค่าปรับ2,000บาทกว่า40ล้านคน แสดงว่าประชาชนเห็นด้วยอย่างยิ่ง,นี้คือแพลตฟอร์มพลังอำนาจจริงของปรัชาชนเพื่อปลดล็อกโต้ตอบความอยุติธรรมที่พอดีมีคนชั่วเลวได้แฝงตัวหลุดเข้าไปในระบบอันดีงามของคนไทยเรา,หรือข้าราชการแบบบ้านหนองจานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่จนก่อหายนะซึ่งภัยอธิปไตยชาติไทยตน แพลตฟอร์มเรียลไทม์ออนไลน์นี้สามารถให้ประชาชนลงโทษคนไม่ดีในระบบราชการที่ดีเราได้ทันที,เราจึงต้องตัังองค์กรอิสระนี้ขึ้นมาให้ชัดเจนเพื่อเป็นรัฐบาลเงาของภาคประชาชนไทยเราด้วย. #รัฐบาลเงาของภาคประชาชน. https://youtube.com/watch?v=zuOf3ku4yuk&si=FsJCmk_245FKQSNf
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 203 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่าละฉันทราคะแห่งสิ่งใด ก็คือการละซึ่งสิ่งนั้น
    สัทธรรมลำดับที่ : 362
    ชื่อบทธรรม :- ละฉันทราคะแห่งสิ่งใด ก็คือการละซึ่งสิ่งนั้น
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=362
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ละฉันทราคะแห่งสิ่งใด ก็คือการละซึ่งสิ่งนั้น
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อไม่รู้ยิ่ง ไม่รู้รอบ ไม่คลายกำหนัด ไม่ละขาด ซึ่ง
    รูป .... เวทนา .... สัญญา .... สังขาร .... วิญญาณ
    ก็ไม่ควรแก่ความสิ้นไป แห่งทุกข์.
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อรู้ยิ่ง เมื่อรู้รอบ เมื่อคลายกำหนัด เมื่อละขาด ซึ่ง
    รูป .... เวทนา .... สัญญา .... สังขาร .... วิญญาณ
    ก็ควรแก่ความสิ้นไป แห่งทุกข์.
    --ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะใน
    http://etipitaka.com/read/pali/17/34/?keywords=ฉนฺทราโค
    รูป .... เวทนา .... สัญญา .... สังขาร .... วิญญาณ เสีย ;
    ด้วยการกระทำอย่างนี้ เป็นอันว่า
    รูป .... เวทนา .... สัญญา .... สังขาร .... วิญญาณ นั้น
    เป็นสิ่งที่เธอละขาดแล้ว
    มีรากอันขาดแล้ว
    ทำให้เป็นเหมือนต้นตาลมีขั้วยอดอันขาดแล้ว
    ให้ถึงความไม่มีอยู่ มีอันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา.-

    #ทุกขนิโรธ#อริยสัจสี่#สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ สํ. 17/26/56-58.
    http://etipitaka.com/read/thai/17/26/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%96
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ สํ. ๑๗/๓๓/๕๖-๕๘.
    http://etipitaka.com/read/pali/17/33/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%96
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=362
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=362
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24
    ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่าละฉันทราคะแห่งสิ่งใด ก็คือการละซึ่งสิ่งนั้น สัทธรรมลำดับที่ : 362 ชื่อบทธรรม :- ละฉันทราคะแห่งสิ่งใด ก็คือการละซึ่งสิ่งนั้น https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=362 เนื้อความทั้งหมด :- --ละฉันทราคะแห่งสิ่งใด ก็คือการละซึ่งสิ่งนั้น --ภิกษุ ท. ! เมื่อไม่รู้ยิ่ง ไม่รู้รอบ ไม่คลายกำหนัด ไม่ละขาด ซึ่ง รูป .... เวทนา .... สัญญา .... สังขาร .... วิญญาณ ก็ไม่ควรแก่ความสิ้นไป แห่งทุกข์. --ภิกษุ ท. ! เมื่อรู้ยิ่ง เมื่อรู้รอบ เมื่อคลายกำหนัด เมื่อละขาด ซึ่ง รูป .... เวทนา .... สัญญา .... สังขาร .... วิญญาณ ก็ควรแก่ความสิ้นไป แห่งทุกข์. --ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะใน http://etipitaka.com/read/pali/17/34/?keywords=ฉนฺทราโค รูป .... เวทนา .... สัญญา .... สังขาร .... วิญญาณ เสีย ; ด้วยการกระทำอย่างนี้ เป็นอันว่า รูป .... เวทนา .... สัญญา .... สังขาร .... วิญญาณ นั้น เป็นสิ่งที่เธอละขาดแล้ว มีรากอันขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนต้นตาลมีขั้วยอดอันขาดแล้ว ให้ถึงความไม่มีอยู่ มีอันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา.- #ทุกขนิโรธ​ #อริยสัจสี่​ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ สํ. 17/26/56-58. http://etipitaka.com/read/thai/17/26/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%96 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ สํ. ๑๗/๓๓/๕๖-๕๘. http://etipitaka.com/read/pali/17/33/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%96 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=362 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24&id=362 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=24 ลำดับสาธยายธรรม : 24 ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_24.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ละฉันทราคะแห่งสิ่งใด ก็คือการละซึ่งสิ่งนั้น
    -ละฉันทราคะแห่งสิ่งใด ก็คือการละซึ่งสิ่งนั้น ภิกษุ ท. ! เมื่อไม่รู้ยิ่ง ไม่รู้รอบ ไม่คลายกำหนัด ไม่ละขาด ซึ่ง รูป .... เวทนา .... สัญญา .... สังขาร .... วิญญาณ ก็ไม่ควรแก่ความสิ้นไป แห่งทุกข์. ภิกษุ ท. ! เมื่อรู้ยิ่ง เมื่อรู้รอบ เมื่อคลายกำหนัด เมื่อละขาด ซึ่ง รูป .... เวทนา .... สัญญา .... สังขาร .... วิญญาณ ก็ควรแก่ความสิ้นไป แห่งทุกข์. ภิกษุ ท. ! เธอทั้งหลายจงละฉันทราคะในรูป .... เวทนา .... สัญญา .... สังขาร .... วิญญาณ เสีย ; ด้วยการกระทำอย่างนี้ เป็นอันว่า รูป .... เวทนา .... สัญญา .... สังขาร .... วิญญาณ นั้น เป็นสิ่งที่เธอละขาดแล้ว มีรากอันขาดแล้ว ทำให้เป็นเหมือนต้นตาลมีขั้วยอดอันขาดแล้ว ให้ถึงความไม่มีอยู่ มีอันไม่เกิดขึ้นอีกต่อไปเป็นธรรมดา.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • สังสารวัฏ...คือทะเลแห่งความทุกข์
    Cr.Wiwan Boonya
    สังสารวัฏ...คือทะเลแห่งความทุกข์ Cr.Wiwan Boonya
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 61 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ อนิจจ, ทุกข​, และอนัตตสัญญา
    สัทธรรมลำดับที่ : 730
    ชื่อบทธรรม :- อนิจจ, ทุกข​, และอนัตตสัญญา
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=730
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --อนิจจ, ทุกข​, และอนัตต สัญญาเป็นไปโดยสะดวก
    เมื่อผู้เจริญมุ่งอานิสงส์หกประการ
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุ หวังอยู่ซึ่งอานิสงส์ ๖ ประการ ย่อมสมควร โดยแท้
    เพื่อจะเข้าไปตั้งซึ่ง อนิจจสัญญา ในสังขารทั้งปวงอย่างไม่จำกัดขอบเขต.
    หวังอยู่ซึ่งอานิสงส์ ๖ ประการ เหล่าไหนเล่า ?
    หกประการคือ : -
    ๑--สังขารทั้งปวง จักปรากฏโดยความเป็นของตั้งอยู่อย่างไม่มั่นคง ;
    ๒--ใจของเรา จักไม่ยินดีในโลกทั้งปวง ;
    ๓--ใจของเรา จักออกจากโลกทั้งปวง ;
    ๔--ใจของเรา จักเป็นใจน้อมไปในนิพพาน ;
    ๕--สังโยชน์ทั้งหลายของเรา จักถึงซึ่งการละขาด ; และ
    ๖--เราจักเป็นผู้ประกอบด้วยสามัญญคุณ อันยอดเยี่ยม.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/493/?keywords=สามญฺเญน+สมนฺนาคโต
    --ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุหวังอยู่ซึ่งอานิสงส์ ๖ ประการเหล่านี้แล
    ย่อมสมควรโดยแท้ เพื่อจะเข้าไปตั้งไว้ซึ่งอนิจจสัญญา
    ในสังขารทั้งปวงอย่างไม่จำกัดขอบเขต.-

    #ทุกขมรรค#อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. 22/396/373-375.
    http://etipitaka.com/read/thai/22/396/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%97%E0%B9%93
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ.ช. ๒๒/๔๙๓/๓๗๓-๓๗๕.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/493/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%97%E0%B9%93
    ศึกษาเพิ่มเติม....
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=730
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=54&id=730
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=54
    ลำดับสาธยายธรรม : 54​ ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_54.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ อนิจจ, ทุกข​, และอนัตตสัญญา สัทธรรมลำดับที่ : 730 ชื่อบทธรรม :- อนิจจ, ทุกข​, และอนัตตสัญญา https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=730 เนื้อความทั้งหมด :- --อนิจจ, ทุกข​, และอนัตต สัญญาเป็นไปโดยสะดวก เมื่อผู้เจริญมุ่งอานิสงส์หกประการ --ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุ หวังอยู่ซึ่งอานิสงส์ ๖ ประการ ย่อมสมควร โดยแท้ เพื่อจะเข้าไปตั้งซึ่ง อนิจจสัญญา ในสังขารทั้งปวงอย่างไม่จำกัดขอบเขต. หวังอยู่ซึ่งอานิสงส์ ๖ ประการ เหล่าไหนเล่า ? หกประการคือ : - ๑--สังขารทั้งปวง จักปรากฏโดยความเป็นของตั้งอยู่อย่างไม่มั่นคง ; ๒--ใจของเรา จักไม่ยินดีในโลกทั้งปวง ; ๓--ใจของเรา จักออกจากโลกทั้งปวง ; ๔--ใจของเรา จักเป็นใจน้อมไปในนิพพาน ; ๕--สังโยชน์ทั้งหลายของเรา จักถึงซึ่งการละขาด ; และ ๖--เราจักเป็นผู้ประกอบด้วยสามัญญคุณ อันยอดเยี่ยม. http://etipitaka.com/read/pali/22/493/?keywords=สามญฺเญน+สมนฺนาคโต --ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุหวังอยู่ซึ่งอานิสงส์ ๖ ประการเหล่านี้แล ย่อมสมควรโดยแท้ เพื่อจะเข้าไปตั้งไว้ซึ่งอนิจจสัญญา ในสังขารทั้งปวงอย่างไม่จำกัดขอบเขต.- #ทุกขมรรค​ #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ. 22/396/373-375. http://etipitaka.com/read/thai/22/396/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%97%E0%B9%93 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อํ.ช. ๒๒/๔๙๓/๓๗๓-๓๗๕. http://etipitaka.com/read/pali/22/493/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%97%E0%B9%93 ศึกษาเพิ่มเติม.... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=730 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=54&id=730 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=54 ลำดับสาธยายธรรม : 54​ ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_54.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - อนิจจสัญญาเป็นไปโดยสะดวก เมื่อผู้เจริญมุ่งอานิสงส์หกประการ
    -(ผู้ศึกษาพึงสังเกตให้เห็นว่า โคภูเขาที่ฉลาดย่อมรู้จักจรดเท้าหน้าลงในที่อันมั่นคงเสียก่อนแล้วจึงค่อยยกเท้าหลัง จึงจะไม่พลาดกลิ้งลงมา; เช่นเดียวกับภิกษุ ต้องมีความตั้งอยู่อย่างมั่นคงในสมาธิที่ถึงทับทีแรกเสียก่อน จึงค่อย “ยกเท้าหลัง” เพื่อก้าวไปสู่สมาธิอันสูงขึ้นไป. อุปมาข้อนี้เป็นอุปมาที่แยบคายแปลกกว่าที่เคยได้ยินได้ฟัง เป็นที่น่าสนใจอยู่ มีลักษณะแห่งสัมมาทิฏฐิเต็มบริบูรณ์ จึงนำมาใส่ไว้ในหมวดนี้). อนิจจสัญญาเป็นไปโดยสะดวก เมื่อผู้เจริญมุ่งอานิสงส์หกประการ ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุ หวังอยู่ซึ่งอานิสงส์ ๖ ประการ ย่อมสมควร โดยแท้ เพื่อจะเข้าไปตั้งซึ่ง อนิจจสัญญา ในสังขารทั้งปวงอย่างไม่จำกัดขอบเขต. หวังอยู่ซึ่งอานิสงส์ ๖ ประการ เหล่าไหนเล่า ? หกประการคือ : สังขารทั้งปวง จักปรากฏโดยความเป็นของตั้งอยู่อย่างไม่มั่นคง ; ใจของเรา จักไม่ยินดีในโลกทั้งปวง ; ใจของเรา จักออกจากโลกทั้งปวง ; ใจของเรา จักเป็นใจน้อมไปในนิพพาน ; สังโยชน์ทั้งหลายของเรา จักถึงซึ่งการละขาด ; และ เราจักเป็นผู้ประกอบด้วยสามัญญคุณอันยอดเยี่ยม. ภิกษุ ท. ! เมื่อภิกษุหวังอยู่ซึ่งอานิสงส์ ๖ ประการเหล่านี้แล ย่อมสมควรโดยแท้ เพื่อจะเข้าไปตั้งไว้ซึ่งอนิจจสัญญา ในสังขารทั้งปวงอย่างไม่จำกัดขอบเขต.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​การทำสมาธิมีเคล็ดลับเหมือนแม่โคปีนภูเขาลาดชัน
    สัทธรรมลำดับที่ : 729
    ชื่อบทธรรม :- การทำสมาธิมีเคล็ดลับเหมือนแม่โคปีนภูเขาลาดชัน
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=729
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --การทำสมาธิ มีเคล็ดลับเหมือนแม่โคปีนภูเขาลาดชัน
    --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนโคหากินตามภูเขาโง่เขลา ไม่มีไหวพริบ ไม่รอบรู้ทิศทาง
    ไม่ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ.
    มันได้คิดว่า “จะเที่ยวไปสู่ทิศทางที่ไม่เคยไป จะกินหญ้าที่ไม่เคยกิน จะดื่มน้ำที่ไม่เคยดื่ม”
    ดังนี้
    มันวางเท้าหน้าอย่างไม่ถูกต้อง เมื่อยกเท้าหลัง (จึงพลาดล้ม)
    มันก็ไม่อาจไปถึงทิศทางที่ไม่เคยไป ไม่ได้กินหญ้าที่ไม่เคยกิน ไม่ได้ดื่มน้ำที่ไม่เคยดื่ม
    และทั้งไม่อาจกลับมาสู่ที่ที่มันเคยยืนคิดทีแรกโดยสวัสดีด้วย.
    ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเพราะเหตุว่า #โคตัวนั้นซึ่งหากินตามภูเขาเป็นโคโง่เขลา
    ไม่มีไหวพริบ ไม่รอบรู้ทิศทาง ไม่ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ,
    นี้ฉันใด ;
    --ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน
    : ภิกษุบางรูป ในกรณีนี้
    เป็นพาล ไม่มีไหวพริบ ไม่รอบรู้ทิศทาง ไม่ฉลาด
    เพื่อจะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม
    เข้าถึงปฐมฌานอันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่.
    เธอ ไม่เสพอย่างทั่วถึง ไม่ทำให้เจริญ ไม่กระทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น
    ไม่ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตนตั้งไว้ด้วยดี,
    เธอคิดว่า
    “ถ้ากระไรเพราะความเข้าไปสงบรำงับวิตกและวิจาร เราพึงเข้าถึงทุติยฌาน
    อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น
    ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่ เถิด”
    ดังนี้;
    แต่เธอก็ไม่สามารถจะสงบระงับวิตกและวิจาร เข้าถึงทุติยฌาน .... แล้วแลอยู่ได้.
    เธอคิดต่อไปว่า
    “ถ้ากระไร เราจะ (ย้อนกลับ) เข้าสู่ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร
    มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวก เพราะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศล เข้าถึงปฐมฌาน
    แล้วแลอยู่เถิด”
    ดังนี้
    แต่เธอก็ไม่สามารถจะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าถึงปฐมฌาน .... แล้วแลอยู่ ได้.
    +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้ เรากล่าวว่า พังแล้วทั้งสองด้าน เสื่อมแล้วทั้งสองฝ่าย
    เช่นเดียวกับโคภูเขา อันโง่เขลา ไม่มีไหวพริบ ไม่รอบรู้ทิศทาง
    ไม่ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ ตัวนั้น.

    --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนโคภูเขา ที่ฉลาดเฉลียว มีไหวพริบ รอบรู้ทิศทาง
    ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ.
    มันได้คิดว่า
    “จะเที่ยวไปสู่ทิศทางที่ไม่เคยไป จะกินหญ้าที่ไม่เคยกิน. จะดื่มน้ำที่ไม่เคยดื่ม”
    ดังนี้
    มันวางเท้าหน้าอย่างถูกต้อง แล้วจึงค่อยยกเท้าหลัง
    มันก็สามารถไปสู่ทิศทางที่ไม่เคยไป ได้กินหญ้าที่ไม่เคยกิน ดื่มน้ำที่ไม่เคยดื่ม
    และทั้งสามารถกลับมาสู่ที่ที่มันเคยยืนคิดทีแรกโดยสวัสดีได้ด้วย.
    ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ?
    +--ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเพราะเหตุว่า #โคภูเขานั้นเป็นโคฉลาดเฉลียว
    มีไหวพริบรอบรู้ทิศทาง ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ,
    นี้ฉันใด ;
    --ภิกษุ ท. ! ภิกษุบางรูป ในกรณีนี้ ก็ฉันนั้น
    : เธอเป็นบัณฑิตมี ไหวพริบ รอบรู้ทิศทาง ฉลาดเพื่อจะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม
    เข้าถึง ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่,
    เธอเสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น
    ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี.
    +--เธอคิดต่อไปว่า
    “ถ้ากระไร เพราะความเข้าไปสงบรำงับวิตกและวิจารเสียได้
    เราพึงเข้าทุติยฌาน อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน
    ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร
    มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิแล้วแลอยู่ เถิด”
    ดังนี้.
    +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะทุติยฌาน ก็เข้าถึง ทุติยฌาน
    อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น
    ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ
    เพราะความเข้าไปสงบระงับวิตกและวิจารเสียได้ แล้วแลอยู่ ;
    +--เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น
    ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี.
    +--เธอคิดต่อไปว่า
    “ถ้ากระไร เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ เราพึงเป็นผู้อยู่อุเบกขา
    มีสติและสัมปชัญญะ และพึงเสวยความสุขด้วยนามกาย เข้าถึงตติยฌาน
    อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า “ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติอยู่เป็นปกติสุข”
    ดังนี้ แล้วแลอยู่ เถิด”
    ดังนี้.
    +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะตติยฌาน ก็เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญยะ
    และพึงเสวยความสุขด้วย นามกาย เข้าถึง ตติยฌาน
    อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า “ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข”
    ดังนี้
    เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ แล้วแลอยู่;
    +--เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น
    ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี.
    +--เธอคิดต่อไปว่า
    “ถ้ากระไร เพราะละสุขและทุกข์เสียได้
    เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน
    เราพึงเข้าถึงจตุตถฌานอันไม่มีทุกข์และสุข
    มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่เถิด”
    ดังนี้.
    +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะจตุตถฌาน ก็เข้าถึง จตุตถฌาน
    อันไม่มีทุกข์และสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา
    เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน
    แล้วแลอยู่;
    +--เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น
    ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี.
    +--เธอคิดต่อไปว่า
    “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งรูปสัญญา
    โดยประการทั้งปวง เพราะความดับแห่งปฏิฆสัญญา
    เพราะไม่ได้ทำในใจซึ่งนานัตตสัญญา เราพึงเข้าถึงอากาสานัญจายตนะ
    อันมีการกระทำในใจว่า “อากาศไม่มีที่สุด” ดังนี้ แล้วแลอยู่เถิด”
    ดังนี้.
    เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะอากาสานัญจายตนะ ก็เข้าถึง อากาสานัญจายตนะ
    อันมีการกระทำในใจว่า “อากาศไม่มีที่สุด”
    ดังนี้
    เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งรูปสัญญาโดยประการทั้งปวง
    เพราะความดับไปแห่งปฏิฆสัญญา เพราะไม่ได้ทำในใจซึ่งนานัตตสัญญา แล้วแลอยู่ ;
    +--เธอเสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น
    ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี.
    +--เธอคิดต่อไปว่า
    “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากาสานัญจายตนะ
    โดยประการทั้งปวง เราพึงเข้าถึงวิญญาณัญจายตนะอันมีการทำในใจว่า
    “วิญญาณไม่มีที่สุด” ดังนี้ แล้วแลอยู่เถิด”
    ดังนี้.
    +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะวิญญาณัญจายตนะ ก็เข้าถึง วิญญาณัญจายตนะ
    อันมีการทำในใจว่า “วิญญาณไม่มีที่สุด”
    ดังนี้
    เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากาสานัญจายตนะโดยประการทั้งปวง แล้วแลอยู่ ;
    +--เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น
    ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี.
    +--เธอคิดต่อไปว่า
    “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งวิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวง
    เราพึงเข้าถึงอากิญจัญญายตนะอันมีการทำในใจว่า
    “อะไรๆไม่มี” ดังนี้ แล้วแลอยู่เถิด”
    ดังนี้.
    +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะอากิญจัญญายตนะ ก็เข้าถึง อากิญจัญญายตนะ
    อันมีการทำในใจว่า “อะไรๆ ไม่มี” ดังนี้
    เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่ง วิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวง แล้วแลอยู่;
    +--เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น
    ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี.
    --เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากิญจัญญายตนะ
    โดยประการทั้งปวง เราพึงเข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะ แล้วแลอยู่เถิด”
    ดังนี้.
    +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะเนวสัญญานาสัญญายตนะ
    ก็เข้าถึง เนวสัญญานาสัญญายตนะ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากิญจัญญายตนะ
    โดยประการทั้งปวง แล้วแลอยู่ ;
    +--เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น
    ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี.
    +--เธอคิดต่อไปว่า
    “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะ
    โดยประการทั้งปวง เราพึงเข้าถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ แล้วแลอยู่เถิด”
    ดังนี้.
    +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะสัญญาเวทยิตนิโรธ ก็เข้าถึง สัญญาเวทยิตนิโรธ
    เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะ โดยประการทั้งปวงแล้วแลอยู่ .-

    #ทุกขมรรค#อริยสัจสี่#ไทยสุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นวก. อํ. 23/338 - 342/239.
    http://etipitaka.com/read/thai/23/338/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%99
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นวก. อํ. ๒๓/๔๓๓ - ๔๓๗/๒๓๙.
    http://etipitaka.com/read/pali/23/433/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%99
    ศึกษา​เพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=729
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=54&id=729
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=54
    ลำดับสาธยายธรรม : 54​ ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_54.mp3
    อริย​สาวก​พึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​การทำสมาธิมีเคล็ดลับเหมือนแม่โคปีนภูเขาลาดชัน สัทธรรมลำดับที่ : 729 ชื่อบทธรรม :- การทำสมาธิมีเคล็ดลับเหมือนแม่โคปีนภูเขาลาดชัน https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=729 เนื้อความทั้งหมด :- --การทำสมาธิ มีเคล็ดลับเหมือนแม่โคปีนภูเขาลาดชัน --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนโคหากินตามภูเขาโง่เขลา ไม่มีไหวพริบ ไม่รอบรู้ทิศทาง ไม่ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ. มันได้คิดว่า “จะเที่ยวไปสู่ทิศทางที่ไม่เคยไป จะกินหญ้าที่ไม่เคยกิน จะดื่มน้ำที่ไม่เคยดื่ม” ดังนี้ มันวางเท้าหน้าอย่างไม่ถูกต้อง เมื่อยกเท้าหลัง (จึงพลาดล้ม) มันก็ไม่อาจไปถึงทิศทางที่ไม่เคยไป ไม่ได้กินหญ้าที่ไม่เคยกิน ไม่ได้ดื่มน้ำที่ไม่เคยดื่ม และทั้งไม่อาจกลับมาสู่ที่ที่มันเคยยืนคิดทีแรกโดยสวัสดีด้วย. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเพราะเหตุว่า #โคตัวนั้นซึ่งหากินตามภูเขาเป็นโคโง่เขลา ไม่มีไหวพริบ ไม่รอบรู้ทิศทาง ไม่ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ, นี้ฉันใด ; --ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน : ภิกษุบางรูป ในกรณีนี้ เป็นพาล ไม่มีไหวพริบ ไม่รอบรู้ทิศทาง ไม่ฉลาด เพื่อจะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าถึงปฐมฌานอันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่. เธอ ไม่เสพอย่างทั่วถึง ไม่ทำให้เจริญ ไม่กระทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ไม่ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตนตั้งไว้ด้วยดี, เธอคิดว่า “ถ้ากระไรเพราะความเข้าไปสงบรำงับวิตกและวิจาร เราพึงเข้าถึงทุติยฌาน อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่ เถิด” ดังนี้; แต่เธอก็ไม่สามารถจะสงบระงับวิตกและวิจาร เข้าถึงทุติยฌาน .... แล้วแลอยู่ได้. เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เราจะ (ย้อนกลับ) เข้าสู่ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวก เพราะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศล เข้าถึงปฐมฌาน แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้ แต่เธอก็ไม่สามารถจะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าถึงปฐมฌาน .... แล้วแลอยู่ ได้. +--ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้ เรากล่าวว่า พังแล้วทั้งสองด้าน เสื่อมแล้วทั้งสองฝ่าย เช่นเดียวกับโคภูเขา อันโง่เขลา ไม่มีไหวพริบ ไม่รอบรู้ทิศทาง ไม่ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ ตัวนั้น. --ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนโคภูเขา ที่ฉลาดเฉลียว มีไหวพริบ รอบรู้ทิศทาง ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ. มันได้คิดว่า “จะเที่ยวไปสู่ทิศทางที่ไม่เคยไป จะกินหญ้าที่ไม่เคยกิน. จะดื่มน้ำที่ไม่เคยดื่ม” ดังนี้ มันวางเท้าหน้าอย่างถูกต้อง แล้วจึงค่อยยกเท้าหลัง มันก็สามารถไปสู่ทิศทางที่ไม่เคยไป ได้กินหญ้าที่ไม่เคยกิน ดื่มน้ำที่ไม่เคยดื่ม และทั้งสามารถกลับมาสู่ที่ที่มันเคยยืนคิดทีแรกโดยสวัสดีได้ด้วย. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ? +--ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเพราะเหตุว่า #โคภูเขานั้นเป็นโคฉลาดเฉลียว มีไหวพริบรอบรู้ทิศทาง ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ, นี้ฉันใด ; --ภิกษุ ท. ! ภิกษุบางรูป ในกรณีนี้ ก็ฉันนั้น : เธอเป็นบัณฑิตมี ไหวพริบ รอบรู้ทิศทาง ฉลาดเพื่อจะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าถึง ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่, เธอเสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. +--เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะความเข้าไปสงบรำงับวิตกและวิจารเสียได้ เราพึงเข้าทุติยฌาน อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิแล้วแลอยู่ เถิด” ดังนี้. +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะทุติยฌาน ก็เข้าถึง ทุติยฌาน อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ เพราะความเข้าไปสงบระงับวิตกและวิจารเสียได้ แล้วแลอยู่ ; +--เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. +--เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ เราพึงเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญญะ และพึงเสวยความสุขด้วยนามกาย เข้าถึงตติยฌาน อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า “ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติอยู่เป็นปกติสุข” ดังนี้ แล้วแลอยู่ เถิด” ดังนี้. +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะตติยฌาน ก็เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญยะ และพึงเสวยความสุขด้วย นามกาย เข้าถึง ตติยฌาน อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า “ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข” ดังนี้ เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ แล้วแลอยู่; +--เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. +--เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน เราพึงเข้าถึงจตุตถฌานอันไม่มีทุกข์และสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้. +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะจตุตถฌาน ก็เข้าถึง จตุตถฌาน อันไม่มีทุกข์และสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน แล้วแลอยู่; +--เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. +--เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งรูปสัญญา โดยประการทั้งปวง เพราะความดับแห่งปฏิฆสัญญา เพราะไม่ได้ทำในใจซึ่งนานัตตสัญญา เราพึงเข้าถึงอากาสานัญจายตนะ อันมีการกระทำในใจว่า “อากาศไม่มีที่สุด” ดังนี้ แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้. เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะอากาสานัญจายตนะ ก็เข้าถึง อากาสานัญจายตนะ อันมีการกระทำในใจว่า “อากาศไม่มีที่สุด” ดังนี้ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งรูปสัญญาโดยประการทั้งปวง เพราะความดับไปแห่งปฏิฆสัญญา เพราะไม่ได้ทำในใจซึ่งนานัตตสัญญา แล้วแลอยู่ ; +--เธอเสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. +--เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากาสานัญจายตนะ โดยประการทั้งปวง เราพึงเข้าถึงวิญญาณัญจายตนะอันมีการทำในใจว่า “วิญญาณไม่มีที่สุด” ดังนี้ แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้. +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะวิญญาณัญจายตนะ ก็เข้าถึง วิญญาณัญจายตนะ อันมีการทำในใจว่า “วิญญาณไม่มีที่สุด” ดังนี้ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากาสานัญจายตนะโดยประการทั้งปวง แล้วแลอยู่ ; +--เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. +--เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งวิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวง เราพึงเข้าถึงอากิญจัญญายตนะอันมีการทำในใจว่า “อะไรๆไม่มี” ดังนี้ แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้. +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะอากิญจัญญายตนะ ก็เข้าถึง อากิญจัญญายตนะ อันมีการทำในใจว่า “อะไรๆ ไม่มี” ดังนี้ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่ง วิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวง แล้วแลอยู่; +--เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. --เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากิญจัญญายตนะ โดยประการทั้งปวง เราพึงเข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะ แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้. +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะเนวสัญญานาสัญญายตนะ ก็เข้าถึง เนวสัญญานาสัญญายตนะ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากิญจัญญายตนะ โดยประการทั้งปวง แล้วแลอยู่ ; +--เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. +--เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะ โดยประการทั้งปวง เราพึงเข้าถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้. +--เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะสัญญาเวทยิตนิโรธ ก็เข้าถึง สัญญาเวทยิตนิโรธ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะ โดยประการทั้งปวงแล้วแลอยู่ .- #ทุกขมรรค​ #อริยสัจสี่​ #ไทยสุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - นวก. อํ. 23/338 - 342/239. http://etipitaka.com/read/thai/23/338/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%99 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - นวก. อํ. ๒๓/๔๓๓ - ๔๓๗/๒๓๙. http://etipitaka.com/read/pali/23/433/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%93%E0%B9%99 ศึกษา​เพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=729 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=54&id=729 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=54 ลำดับสาธยายธรรม : 54​ ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_54.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - การทำสมาธิ มีเคล็ดลับเหมือนแม่โคปีนภูเขาลาดชัน
    -(โดยหลักจิตวิทยาตามธรรมชาติทั่วไป แห่งจิตวิทยาสมัยปัจจุบัน ทุกคนพอจะมองเห็นได้เองว่า สัญญา (PERCEPTION) จะต้องเกิดก่อนความรู้ (KNOWLEDGE) หรือญาณ (WISDOM) เสมอ; คือเมื่อเรารู้จักหรือรู้สึกต่อสิ่งใดอย่างทั่วถึงแล้ว เราก็เกิดความรู้สึกว่าสิ่งนั้นมีเรื่องราว มีลักษณะ มีเหตุผล ฯลฯ เป็นอย่างไร, นี้สรุปว่า เมื่อเรารู้จักสิ่งนั้นแล้ว เราจึงจะมีความรู้เรื่องสิ่งนั้นโดยครบถ้วน. นี้คือ อาการที่สัญญาเกิดก่อนญาณ. ส่วนในทางธรรมะนั้น ต้องทำสัญญา (การกำหนด) ในสิ่งที่นำมาเป็นอารมณ์ของสมาธิหรือวิปัสสนานั้นเสียก่อนอย่างทั่วถึง แล้วก็จะเกิดความรู้เกี่ยวกับสิ่งนั้น เช่นรู้ว่าเป็นอนิจจัง ทุกขัง อนัตตา อย่างไร เป็นต้น ต่อภายหลัง ซึ่งเรียกว่าญาณ ; มีสัญญาและญาณเป็นคู่ ๆ ดังนี้ เป็นลำดับ ๆ ขึ้นไป จนกระทั่งถึงสัญญาและญาณคู่สุดท้าย เช่น สัญญาในความหลุดพ้น ก็เกิดญาณว่าหลุดพ้น แล้วดังนี้ ซึ่งเป็นญาณสุดท้ายในทางธรรม). การทำสมาธิ มีเคล็ดลับเหมือนแม่โคปีนภูเขาลาดชัน ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนโคหากินตามภูเขา โง่เขลา ไม่มีไหวพริบ ไม่รอบรู้ทิศทาง ไม่ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ. มันได้คิดว่า “จะเที่ยวไปสู่ทิศทางที่ไม่เคยไป จะกินหญ้าที่ไม่เคยกิน จะดื่มน้ำที่ไม่เคยดื่ม” ดังนี้ มันวางเท้าหน้าอย่างไม่ถูกต้อง เมื่อยกเท้าหลัง (จึงพลาดล้ม) มันก็ไม่อาจไปถึงทิศทางที่ไม่เคยไป ไม่ได้กินหญ้าที่ไม่เคยกิน ไม่ได้ดื่มน้ำที่ไม่เคยดื่ม และทั้งไม่อาจกลับมาสู่ที่ที่มันเคยยืนคิดทีแรกโดยสวัสดีด้วย. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเพราะเหตุว่า โคตัวนั้นซึ่งหากินตามภูเขา เป็นโคโง่เขลา ไม่มีไหวพริบ ไม่รอบรู้ทิศทาง ไม่ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ, นี้ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! ข้อนี้ก็ฉันนั้นเหมือนกัน : ภิกษุบางรูป ในกรณีนี้ เป็นพาล ไม่มีไหวพริบ ไม่รอบรู้ทิศทาง ไม่ฉลาดเพื่อจะสงัดจากกาม สงัดจาก อกุศลธรรม เข้าถึงปฐมฌานอันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่. เธอ ไม่เสพอย่างทั่วถึง ไม่ทำให้เจริญ ไม่กระทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ไม่ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตนตั้งไว้ด้วยดี, เธอคิดว่า “ถ้ากระไรเพราะความเข้าไปสงบรำงับวิตกและวิจาร เราพึงเข้าถึงทุติยฌาน อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ แล้วแลอยู่ เถิด” ดังนี้; แต่เธอก็ไม่สามารถจะสงบระงับวิตกและวิจาร เข้าถึงทุติยฌาน .... แล้วแลอยู่ได้. เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เราจะ (ย้อนกลับ) เข้าสู่ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุข อันเกิดแต่วิเวก เพราะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศล เข้าถึงปฐมฌาน แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้ แต่เธอก็ไม่สามารถจะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าถึงปฐมฌาน .... แล้วแลอยู่ ได้. ภิกษุ ท. ! ภิกษุนี้ เรากล่าวว่า พังแล้วทั้งสองด้าน เสื่อมแล้วทั้งสองฝ่าย เช่นเดียวกับโคภูเขา อันโง่เขลา ไม่มีไหวพริบ ไม่รอบรู้ทิศทาง ไม่ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ ตัวนั้น. ภิกษุ ท. ! เปรียบเหมือนโคภูเขา ที่ฉลาดเฉลียว มีไหวพริบ รอบรู้ทิศทาง ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ. มันได้คิดว่า “จะเที่ยวไปสู่ทิศทางที่ไม่เคยไป จะกินหญ้าที่ไม่เคยกิน. จะดื่มน้ำที่ไม่เคยดื่ม” ดังนี้ มันวางเท้าหน้าอย่างถูกต้อง แล้วจึงค่อยยกเท้าหลัง มันก็สามารถไปสู่ทิศทางที่ไม่เคยไป ได้กินหญ้าที่ไม่เคยกิน ดื่มน้ำที่ไม่เคยดื่ม และทั้งสามารถกลับมาสู่ที่ที่มันเคยยืนคิดทีแรกโดยสวัสดีได้ด้วย. ข้อนั้นเพราะเหตุไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! ข้อนั้นเพราะเหตุว่า โคภูเขานั้นเป็นโคฉลาดเฉลียว มีไหวพริบรอบรู้ทิศทาง ฉลาดเพื่อจะเที่ยวไปตามภูเขาอันขรุขระ, นี้ฉันใด ; ภิกษุ ท. ! ภิกษุบางรูป ในกรณีนี้ ก็ฉันนั้น : เธอเป็นบัณฑิตมี ไหวพริบ รอบรู้ทิศทาง ฉลาดเพื่อจะสงัดจากกาม สงัดจากอกุศลธรรม เข้าถึง ปฐมฌาน อันมีวิตกวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่วิเวก แล้วแลอยู่, เธอเสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะความเข้าไปสงบรำงับวิตกและวิจารเสียได้ เราพึงเข้าทุติยฌาน อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตกไม่มีวิจาร มีแต่ปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิแล้วแลอยู่ เถิด” ดังนี้. เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะทุติยฌาน ก็เข้าถึง ทุติยฌาน อันเป็นเครื่องผ่องใสแห่งใจในภายใน ให้สมาธิเป็นธรรมอันเอกผุดมีขึ้น ไม่มีวิตก ไม่มีวิจาร มีปีติและสุขอันเกิดแต่สมาธิ เพราะความเข้าไปสงบระงับวิตกและวิจารเสียได้ แล้วแลอยู่ ; เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ เราพึงเป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญญะ และพึงเสวยความสุขด้วยนามกาย เข้าถึงตติยฌานอันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า “ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติอยู่เป็นปกติสุข” ดังนี้ แล้วแลอยู่ เถิด” ดังนี้. เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะตติยฌาน ก็เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติและสัมปชัญยะ และพึงเสวยความสุขด้วย นามกาย เข้าถึง ตติยฌาน อันเป็นฌานที่พระอริยเจ้ากล่าวว่า “ผู้ได้ฌานนี้เป็นผู้อยู่อุเบกขา มีสติ อยู่เป็นสุข” ดังนี้ เพราะความจางคลายไปแห่งปีติ แล้วแลอยู่; เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน เราพึงเข้าถึงจตุตถฌานอันไม่มีทุกข์และสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้. เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะจตุตถฌาน ก็เข้าถึง จตุตถฌาน อันไม่มีทุกข์และสุข มีแต่ความที่สติเป็นธรรมชาติบริสุทธิ์เพราะอุเบกขา เพราะละสุขและทุกข์เสียได้ เพราะความดับไปแห่งโสมนัสและโทมนัสในกาลก่อน แล้วแลอยู่; เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งรูปสัญญา โดยประการทั้งปวง เพราะความดับแห่งปฏิฆสัญญา เพราะไม่ได้ทำในใจซึ่งนานัตตสัญญา เราพึงเข้าถึงอากาสานัญจายตนะ อันมีการกระทำในใจว่า “อากาศไม่มีที่สุด” ดังนี้ แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้. เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะอากาสานัญจายตนะ ก็เข้าถึง อากาสานัญจายตนะ อันมีการกระทำในใจว่า “อากาศไม่มีที่สุด” ดังนี้ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งรูปสัญญาโดยประการทั้งปวง เพราะความดับไปแห่งปฏิฆสัญญา เพราะไม่ได้ทำในใจซึ่งนานัตตสัญญา แล้วแลอยู่ ; เธอเสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากาสานัญจายตนะโดยประการทั้งปวง เราพึงเข้าถึงวิญญาณัญจายตนะอันมีการทำในใจว่า “วิญญาณไม่มีที่สุด” ดังนี้ แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้. เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะวิญญาณัญจายตนะ ก็เข้าถึง วิญญาณัญจายตนะ อันมีการทำในใจว่า “วิญญาณไม่มีที่สุด” ดังนี้ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากาสานัญจายตนะโดยประการทั้งปวง แล้วแลอยู่ ; เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งวิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวง เราพึงเข้าถึงอากิญจัญญายตนะอันมีการทำในใจว่า “อะไรๆไม่มี” ดังนี้ แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้. เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะอากิญจัญญายตนะ ก็เข้าถึง อากิญจัญญายตนะ อันมีการทำในใจว่า “อะไรๆ ไม่มี” ดังนี้ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่ง วิญญาณัญจายตนะโดยประการทั้งปวง แล้วแลอยู่; เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากิญจัญญายตนะโดยประการทั้งปวง เราพึงเข้าถึงเนวสัญญานาสัญญายตนะ แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้. เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะเนวสัญญานาสัญญายตนะ ก็เข้าถึง เนวสัญญานาสัญญายตนะ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งอากิญจัญญายตนะโดยประการทั้งปวง แล้วแลอยู่ ; เธอ เสพอย่างทั่วถึง ทำให้เจริญ ทำให้มาก ซึ่งนิมิตนั้น ตั้งทับซึ่งนิมิตนั้นให้เป็นนิมิตอันตั้งไว้ด้วยดี. เธอคิดต่อไปว่า “ถ้ากระไร เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะโดยประการทั้งปวง เราพึงเข้าถึงสัญญาเวทยิตนิโรธ แล้วแลอยู่เถิด” ดังนี้. เธอนั้น เมื่อ ไม่ข้องขัดอยู่กะสัญญาเวทยิตนิโรธ ก็เข้าถึง สัญญา เวทยิตนิโรธ เพราะก้าวล่วงเสียได้ซึ่งเนวสัญญานาสัญญายตนะ โดยประการทั้งปวงแล้วแลอยู่ .
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง”มายากลยุทธ”
    ภาดสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน
    ตอนที่ 22 : ปั่นน้ำมัน (1)
    ปี ค.ศ. 1969 อเมริกาเกิดอาการเศรษฐกิจชักกระตุก ทำท่าจะเดินถอยหลังอีก ในขณะที่เศรษฐกิจของยุโรป โดยเฉพาะเยอรมันและญี่ปุ่น พัฒนาและเดินหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้ค่าเงินสกุลของ 2 ประเทศ สูงกว่าค่าเงินดอลล่าร์ ซึ่งผูกไว้กับราคาทองคำ ไอ้ที่แย่ อเมริกาเริ่มเสียดุลย์การค้า ทำให้มีการเททิ้งดอลล่าร์ ทองสำรองก็เหลือเพียง 1 ใน 4 ของจำนวนหนี้ของประเทศ แล้วประธานาธิบดี Nixon ก็ตัดสินใจแบบหักดิบ ในปี ค.ศ. 1971 ยกเลิกการผูกดอลล่าร์ไว้กับทอง ยกเลิกการเปลี่ยนเงินกระดาษมาเป็นทองคำ ปิดหน้าต่างลงกลอนการแลกเปลี่ยนอย่างถาวร
    โลกช็อคกับมาตรการของคุณพี่นิกสัน คุณพี่เครียด หรือคุณพี่เมา !? คุณพี่นิกสันตอนนั้น ก็คงเหมือนคนพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก โดนบี้รอบข้างจากผลของการเข้าไปทำสงครามเวียตนาม ยังมาเจอเศรษฐกิจเดินถอยหลัง และที่เห็นกำลังมาไว ๆ ก็คือคดีวอเตอร์เกตอันลือชื่อของคุณพี่ เล่นเอาคุณพี่ไปไม่เป็น แล้วจะให้คุณพี่ทำยังไง แกก็ส่งใบลาไปนอนซมระทมทุกข์ ปล่อยให้นาย Kissinger ทำหน้าที่เหมือนเป็นประธานาธิบดีแทน มันเขาล่ะ ! แล้วโลกจะรู้ไหมว่า การตัดเชือกผูกดอลล่าร์ไว้กับทองนะ มันเป็นแผนมายากลแบบสุดยอดของนักเล่นกลเลย แผนนี้เขาวางกันเป็นขั้นตอนแบบบันได 7 ขั้น (3 ขั้น มันน้อยไป) ผู้แต่งเรื่องประกอบและผู้นำการแสดง มือระดับรางวัล Nobel ไม่ใช่รางวัลออสการ์
    ค.ศ. 1969 ภาคอุตสาหกรรมของโลกกำลังบูม อุตสาหกรรมต้องดื่มน้ำมัน ผู้ที่บูมไปด้วย คือ ชาติผู้ผลิตน้ำมัน แน่นอนกลุ่มผู้ค้าน้ำมัน OPEC ก็อู้ฟู้ไปด้วย เขามีข้อตกลงกันตั้งแต่ตอนตั้ง OPEC ว่า การซื้อน้ำมันจะต้องใช้เงินสกุลดอลล่าร์เท่านั้น ชาติไหนจะซื้อน้ำมัน ต้องไปซื้อดอลล่าร์มาก่อน เพื่อเอาไปจ่ายน้ำมัน (ใครนะมันช่างคิดสูตรนี้ !)
    ประเทศผู้ค้าน้ำมัน เช่น ซาอุดิอารเบีย อิหร่าน ฯลฯ เมื่อได้เงินค่าน้ำมัน ก็แน่นอนเอาไปฝากธนาคาร ธนาคารที่รับฝากก็แน่นอนอีกแหละ เป็นพวก Anglo American ธนาคารไหนต้องให้บอกชื่อกันไหม
    ปี ค.ศ. 1973 เดือนพฤษภาคม สมาชิกสมาคมลับ Bilderberg นัดประชุมกัน มีข่าวสำคัญรั่วออกมาจากที่ประชุม แมลงวันวิ่งไล่ตอมข่าว สมาคมนี้น่ะ มันลับอย่างไร สำคัญอย่างไรมา รู้จักกันหน่อย
    Bilderberg Group เป็นสมาคมลับสุดยอด ของบุคคลลับสุดยอด มีสมาชิกโดยการเชิญ ประมาณ 100 กว่าคน จากอเมริกาและยุโรป เรียกว่าเป็นสมาคมผมทองของแท้ ไม่มีด่างดำน้ำตาลเหลืองมาปนเลย ผู้ที่จะได้รับเชิญเป็นสมาชิก หรือมาประชุมก็เป็นพวกอยู่ในระดับสูงสุดของประเทศ เป็นขนมเค็กก็เรียกว่าเป็นพวก cream นั่นแหละ ตั้งขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ. 1959 เพื่อจะประสานงานทางความคิด นโยบาย และวัฒนธรรม ระหว่างอเมริกากับยุโรป เพื่อสร้างรวมมือกัน เกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคงระหว่างประเทศ ฟังดูหรูและน่าทึ่งดีนะ
    คนที่เสนอความคิดตั้งสมาคมนี้ คือนาย Jozef Retinger ซึ่งไปคุยกับ Prince Bernhard สวามีของพระราชินี Julianna แห่ง Netherland คุณเจ้าชาย B เห็นด้วยอย่างยิ่ง ถึงกับลงมือไปคุยกับนายกรัฐมนตรี เบลเยี่ยมด้วยตนเอง รวมทั้งคุยกับหัวหน้า CIA ของอเมริกาขณะนั้น ว่าเราต้องร่วมมือกัน เพื่ออนาคตอันก้าวหน้าของพวกผมทอง
    การประชุมครั้งแรกของสมาคมลับ ที่มีเจ้าชาย B เป็นโต้โผ มีผู้เข้าประชุม 50 คน จาก 11 ประเทศในยุโรป และอีก 11 คนจากอเมริกา
    สมาคมลับนี้ยังมีอยู่จนถึงทุกวันนี้ ชื่อเด่น ๆ ที่เข้าร่วมประชุมกับสมาคมอันนี้ มีตั้งแต่ กษัตริย์ Juan Carlos และ Queen Sofia แห่งสเปน Queen Beatrix แห่งเนเทอร์แลนด์ บริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น IBM, Xerox, Royal Dutch Shell, Nokia และ Daimler และระดับผู้บริหารประเทศ เช่น นายกรัฐมนตรีกรีก นาย Kostas Karamanlis นายกรัฐมนตรีฟินแลนด์ นาย Matti Vanhanen รวมถึงนาย Timothy Geithner ของอเมริกา (และ cream ขนมเค้กอีกหลายอันเขียนไม่หวัดไม่ไหว)
    ในปี ค.ศ. 2013 มีการประชุมที่ Watford ประเทศอังกฤษ รายงานแจ้งว่ามีผู้เข้าประชุม แต่ไม่ประสงค์จะออกนาม อาจโผล่มาหลายคน (ลับจริง ๆ !) สำหรับโต้โผใหญ่ คือ เจ้าชาย B นั้น เป็นประธานสมาคมอยู่จนถึงปี ค.ศ. 1976 เป็นปีที่เขาโดนกล่าวหาเป็นข่าวไปทั่วโลก เกี่ยวกับเรื่องรับสินบนจากบริษัท Lockheed ซึ่งเป็นบริษัทขายอาวุธของอเมริกา Bilderberg ถูกวิจารณ์ว่าเป็นสมาคมระดับสูง ที่ใช้บุคคลระดับสูงทำหน้าที่เหมือน Lobbyist ในเรื่องระดับสำคัญอย่างสูง (หลายสูงเลยล่ะ) คงพอมองเห็นภาพ งานหลักของสมาคมนี้กันแล้ว

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง”มายากลยุทธ” ภาดสอง ตอน เสกกระดาษเป็นน้ำมัน ตอนที่ 22 : ปั่นน้ำมัน (1) ปี ค.ศ. 1969 อเมริกาเกิดอาการเศรษฐกิจชักกระตุก ทำท่าจะเดินถอยหลังอีก ในขณะที่เศรษฐกิจของยุโรป โดยเฉพาะเยอรมันและญี่ปุ่น พัฒนาและเดินหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้ค่าเงินสกุลของ 2 ประเทศ สูงกว่าค่าเงินดอลล่าร์ ซึ่งผูกไว้กับราคาทองคำ ไอ้ที่แย่ อเมริกาเริ่มเสียดุลย์การค้า ทำให้มีการเททิ้งดอลล่าร์ ทองสำรองก็เหลือเพียง 1 ใน 4 ของจำนวนหนี้ของประเทศ แล้วประธานาธิบดี Nixon ก็ตัดสินใจแบบหักดิบ ในปี ค.ศ. 1971 ยกเลิกการผูกดอลล่าร์ไว้กับทอง ยกเลิกการเปลี่ยนเงินกระดาษมาเป็นทองคำ ปิดหน้าต่างลงกลอนการแลกเปลี่ยนอย่างถาวร โลกช็อคกับมาตรการของคุณพี่นิกสัน คุณพี่เครียด หรือคุณพี่เมา !? คุณพี่นิกสันตอนนั้น ก็คงเหมือนคนพระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก โดนบี้รอบข้างจากผลของการเข้าไปทำสงครามเวียตนาม ยังมาเจอเศรษฐกิจเดินถอยหลัง และที่เห็นกำลังมาไว ๆ ก็คือคดีวอเตอร์เกตอันลือชื่อของคุณพี่ เล่นเอาคุณพี่ไปไม่เป็น แล้วจะให้คุณพี่ทำยังไง แกก็ส่งใบลาไปนอนซมระทมทุกข์ ปล่อยให้นาย Kissinger ทำหน้าที่เหมือนเป็นประธานาธิบดีแทน มันเขาล่ะ ! แล้วโลกจะรู้ไหมว่า การตัดเชือกผูกดอลล่าร์ไว้กับทองนะ มันเป็นแผนมายากลแบบสุดยอดของนักเล่นกลเลย แผนนี้เขาวางกันเป็นขั้นตอนแบบบันได 7 ขั้น (3 ขั้น มันน้อยไป) ผู้แต่งเรื่องประกอบและผู้นำการแสดง มือระดับรางวัล Nobel ไม่ใช่รางวัลออสการ์ ค.ศ. 1969 ภาคอุตสาหกรรมของโลกกำลังบูม อุตสาหกรรมต้องดื่มน้ำมัน ผู้ที่บูมไปด้วย คือ ชาติผู้ผลิตน้ำมัน แน่นอนกลุ่มผู้ค้าน้ำมัน OPEC ก็อู้ฟู้ไปด้วย เขามีข้อตกลงกันตั้งแต่ตอนตั้ง OPEC ว่า การซื้อน้ำมันจะต้องใช้เงินสกุลดอลล่าร์เท่านั้น ชาติไหนจะซื้อน้ำมัน ต้องไปซื้อดอลล่าร์มาก่อน เพื่อเอาไปจ่ายน้ำมัน (ใครนะมันช่างคิดสูตรนี้ !) ประเทศผู้ค้าน้ำมัน เช่น ซาอุดิอารเบีย อิหร่าน ฯลฯ เมื่อได้เงินค่าน้ำมัน ก็แน่นอนเอาไปฝากธนาคาร ธนาคารที่รับฝากก็แน่นอนอีกแหละ เป็นพวก Anglo American ธนาคารไหนต้องให้บอกชื่อกันไหม ปี ค.ศ. 1973 เดือนพฤษภาคม สมาชิกสมาคมลับ Bilderberg นัดประชุมกัน มีข่าวสำคัญรั่วออกมาจากที่ประชุม แมลงวันวิ่งไล่ตอมข่าว สมาคมนี้น่ะ มันลับอย่างไร สำคัญอย่างไรมา รู้จักกันหน่อย Bilderberg Group เป็นสมาคมลับสุดยอด ของบุคคลลับสุดยอด มีสมาชิกโดยการเชิญ ประมาณ 100 กว่าคน จากอเมริกาและยุโรป เรียกว่าเป็นสมาคมผมทองของแท้ ไม่มีด่างดำน้ำตาลเหลืองมาปนเลย ผู้ที่จะได้รับเชิญเป็นสมาชิก หรือมาประชุมก็เป็นพวกอยู่ในระดับสูงสุดของประเทศ เป็นขนมเค็กก็เรียกว่าเป็นพวก cream นั่นแหละ ตั้งขึ้นมาเมื่อปี ค.ศ. 1959 เพื่อจะประสานงานทางความคิด นโยบาย และวัฒนธรรม ระหว่างอเมริกากับยุโรป เพื่อสร้างรวมมือกัน เกี่ยวกับนโยบายเศรษฐกิจ การเมือง และความมั่นคงระหว่างประเทศ ฟังดูหรูและน่าทึ่งดีนะ คนที่เสนอความคิดตั้งสมาคมนี้ คือนาย Jozef Retinger ซึ่งไปคุยกับ Prince Bernhard สวามีของพระราชินี Julianna แห่ง Netherland คุณเจ้าชาย B เห็นด้วยอย่างยิ่ง ถึงกับลงมือไปคุยกับนายกรัฐมนตรี เบลเยี่ยมด้วยตนเอง รวมทั้งคุยกับหัวหน้า CIA ของอเมริกาขณะนั้น ว่าเราต้องร่วมมือกัน เพื่ออนาคตอันก้าวหน้าของพวกผมทอง การประชุมครั้งแรกของสมาคมลับ ที่มีเจ้าชาย B เป็นโต้โผ มีผู้เข้าประชุม 50 คน จาก 11 ประเทศในยุโรป และอีก 11 คนจากอเมริกา สมาคมลับนี้ยังมีอยู่จนถึงทุกวันนี้ ชื่อเด่น ๆ ที่เข้าร่วมประชุมกับสมาคมอันนี้ มีตั้งแต่ กษัตริย์ Juan Carlos และ Queen Sofia แห่งสเปน Queen Beatrix แห่งเนเทอร์แลนด์ บริษัทยักษ์ใหญ่ เช่น IBM, Xerox, Royal Dutch Shell, Nokia และ Daimler และระดับผู้บริหารประเทศ เช่น นายกรัฐมนตรีกรีก นาย Kostas Karamanlis นายกรัฐมนตรีฟินแลนด์ นาย Matti Vanhanen รวมถึงนาย Timothy Geithner ของอเมริกา (และ cream ขนมเค้กอีกหลายอันเขียนไม่หวัดไม่ไหว) ในปี ค.ศ. 2013 มีการประชุมที่ Watford ประเทศอังกฤษ รายงานแจ้งว่ามีผู้เข้าประชุม แต่ไม่ประสงค์จะออกนาม อาจโผล่มาหลายคน (ลับจริง ๆ !) สำหรับโต้โผใหญ่ คือ เจ้าชาย B นั้น เป็นประธานสมาคมอยู่จนถึงปี ค.ศ. 1976 เป็นปีที่เขาโดนกล่าวหาเป็นข่าวไปทั่วโลก เกี่ยวกับเรื่องรับสินบนจากบริษัท Lockheed ซึ่งเป็นบริษัทขายอาวุธของอเมริกา Bilderberg ถูกวิจารณ์ว่าเป็นสมาคมระดับสูง ที่ใช้บุคคลระดับสูงทำหน้าที่เหมือน Lobbyist ในเรื่องระดับสำคัญอย่างสูง (หลายสูงเลยล่ะ) คงพอมองเห็นภาพ งานหลักของสมาคมนี้กันแล้ว คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 250 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..จริงๆนี้ประเทศไทยสามารถร่ำรวยมั่งคั่งมหาศาลในหมู่ประชาชนคนชาวไทยเราจริงๆ,ทรัพยากรมีค่ามากมายอันอุดมสมบูรณ์ไพศาลเป็นอันมากไม่แพ้ชาติใดๆในโลก,เพียงพอแก่การดำรงสัมมาประเทศไทยตนเป็นพันๆปีได้อย่างสุขสบาย,
    ..ยิ่งสามารถเป็นสาระพัดฮับของโลก,เป็นที่ตั้งฮับศูนย์กลางต่างๆของโลกได้สบาย,ยิ่งด้านการค้าขายการตลาดอีก เม็ดเงินเข้าประเทศหมุนเวียนสะพัดกว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปีได้สบายมาก,คือทวีปแอปฟริกา อาหรับตะวันออกกลาง อินเดีย อีกฝั่งหนึ่งมาแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงผ่านไทยคือฝั่งอ่าวไทย ฝั่งทะเลจีนใต้ ฝั่งแปซิฟิกทั้งหมดก็ยังได้,ขั้นต่ำต่อปีไม่น้อยกว่า100ล้านล้านบาทแน่นอนที่ค้าขายกันผ่านสาระพัดฮับที่ประเทศไทยเรา,ทุกๆบริษัทประเทศที่เป็นมิตรการค้าเราจะร่ำรวยมั่งคั่งไปพร้อมๆกันนั้นเอง ไม่มีใครได้เปรียบ เสียเปรียบ หรือเอาเปรียบกันนั้นเอง,
    ..ผู้นำที่ดีจะนำพาชาติไทยนำพาประชาชนคนไทยพ้นทุกข์พ้นความยากจน มีแต่ความเจริญดีงามทั้งทางวัตถุและจิตใจยกจิตยกใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนแน่นอนหรือเราเจริญรุ่งเรืองรุ่งโรจน์อย่างแท้จริงอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนหรือเคยเป็นมาก่อนในยุคใดสมัยใดนั้นเอง,ไม่หลอกลวงแหกตาแบบยุคป๋าๆก็ว่า,พบน้ำมันผีบ้าตั้งนานเสือกกั๊กและยกให้ต่างชาติแบบที่เห็นชัดเจนแล้วในปัจจุบันนี้นั้นเอง.
    ..ผู้นำต้องไม่กาก กระจอก ไร้ฝีมือ มือไม่ถึงจริงๆแบบปัจจุบันนี้,ยุคอนาคตมันโคตรก้าวกระโดดเลยนะ จะมาปัญญาอ่อนเด็กอมมือไม่ได้แล้ว,มนุษย์ต้องสำคัญกว่าAIนี้คือผู้นำไทยต้องตั้งเป็นหลักฐานชาติให้ชัดเจนก่อน,แล้วเราจะชนะค่าจริงทั้งหมด.เพราะโลกนี้คือโลกมนุษย์ แม้เราจะเป็นต่างดาวสายพันธ์ผสมก็ตาม,เราคือมนุษย์จริงแล้วในโลกใบนี้,มนุษย์สมบัติแบบเราๆสามารถอัพเรเวลแบบเหนือมนุษย์ที่AIไม่สามารถเข้าถึงหรือหยั่งถึงได้ตลอดกาล แม้AIจะโคตรล้ำขนาดไหนทั่วอนันตจักรวาลก็ตาม.
    ..ประเทศไทยใครๆก็อยากได้ ฝ่ายมืดยิ่งต้องการ ฝ่ายแสงยิ่งปราถนา เพราะประเทศไทยเต็มไปด้วยพลังงานของจักรวาล.ศูนย์กลางเชื่อมต่อพลังงานทั่วอนันตจักรวาลนั้นเอง.,หรือประเทศไทยนี้ไม่สิ้นพระอรหันต์ก็ว่า.และไม่สิ้นพวกเหนือมนุษย์นั้นเอง.
    ..จริงๆนี้ประเทศไทยสามารถร่ำรวยมั่งคั่งมหาศาลในหมู่ประชาชนคนชาวไทยเราจริงๆ,ทรัพยากรมีค่ามากมายอันอุดมสมบูรณ์ไพศาลเป็นอันมากไม่แพ้ชาติใดๆในโลก,เพียงพอแก่การดำรงสัมมาประเทศไทยตนเป็นพันๆปีได้อย่างสุขสบาย, ..ยิ่งสามารถเป็นสาระพัดฮับของโลก,เป็นที่ตั้งฮับศูนย์กลางต่างๆของโลกได้สบาย,ยิ่งด้านการค้าขายการตลาดอีก เม็ดเงินเข้าประเทศหมุนเวียนสะพัดกว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปีได้สบายมาก,คือทวีปแอปฟริกา อาหรับตะวันออกกลาง อินเดีย อีกฝั่งหนึ่งมาแลกเปลี่ยนเชื่อมโยงผ่านไทยคือฝั่งอ่าวไทย ฝั่งทะเลจีนใต้ ฝั่งแปซิฟิกทั้งหมดก็ยังได้,ขั้นต่ำต่อปีไม่น้อยกว่า100ล้านล้านบาทแน่นอนที่ค้าขายกันผ่านสาระพัดฮับที่ประเทศไทยเรา,ทุกๆบริษัทประเทศที่เป็นมิตรการค้าเราจะร่ำรวยมั่งคั่งไปพร้อมๆกันนั้นเอง ไม่มีใครได้เปรียบ เสียเปรียบ หรือเอาเปรียบกันนั้นเอง, ..ผู้นำที่ดีจะนำพาชาติไทยนำพาประชาชนคนไทยพ้นทุกข์พ้นความยากจน มีแต่ความเจริญดีงามทั้งทางวัตถุและจิตใจยกจิตยกใจอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนแน่นอนหรือเราเจริญรุ่งเรืองรุ่งโรจน์อย่างแท้จริงอย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อนหรือเคยเป็นมาก่อนในยุคใดสมัยใดนั้นเอง,ไม่หลอกลวงแหกตาแบบยุคป๋าๆก็ว่า,พบน้ำมันผีบ้าตั้งนานเสือกกั๊กและยกให้ต่างชาติแบบที่เห็นชัดเจนแล้วในปัจจุบันนี้นั้นเอง. ..ผู้นำต้องไม่กาก กระจอก ไร้ฝีมือ มือไม่ถึงจริงๆแบบปัจจุบันนี้,ยุคอนาคตมันโคตรก้าวกระโดดเลยนะ จะมาปัญญาอ่อนเด็กอมมือไม่ได้แล้ว,มนุษย์ต้องสำคัญกว่าAIนี้คือผู้นำไทยต้องตั้งเป็นหลักฐานชาติให้ชัดเจนก่อน,แล้วเราจะชนะค่าจริงทั้งหมด.เพราะโลกนี้คือโลกมนุษย์ แม้เราจะเป็นต่างดาวสายพันธ์ผสมก็ตาม,เราคือมนุษย์จริงแล้วในโลกใบนี้,มนุษย์สมบัติแบบเราๆสามารถอัพเรเวลแบบเหนือมนุษย์ที่AIไม่สามารถเข้าถึงหรือหยั่งถึงได้ตลอดกาล แม้AIจะโคตรล้ำขนาดไหนทั่วอนันตจักรวาลก็ตาม. ..ประเทศไทยใครๆก็อยากได้ ฝ่ายมืดยิ่งต้องการ ฝ่ายแสงยิ่งปราถนา เพราะประเทศไทยเต็มไปด้วยพลังงานของจักรวาล.ศูนย์กลางเชื่อมต่อพลังงานทั่วอนันตจักรวาลนั้นเอง.,หรือประเทศไทยนี้ไม่สิ้นพระอรหันต์ก็ว่า.และไม่สิ้นพวกเหนือมนุษย์นั้นเอง.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้
    สัทธรรมลำดับที่ : 359
    ชื่อบทธรรม :- ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=359
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้
    --ภิกษุ ท.! การปลงภาระหนักลงเสียได้ เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท.! ความดับสนิทเพราะ
    ความจางคลายไปโดยไม่เหลือของตัณหานั้นนั่นเทียว,
    ความละไปของตัณหานั้น,
    ความสลัดกลับคืนของตัณหานั้น,
    ความหลุดออกไปของตัณหานั้น, และ
    ความไม่มีที่อาศัยอีกต่อไปของตัณหานั้น อันใด ;
    --ภิกษุ ท. ! อันนี้เราเรียกว่า #การปลงภาระหนักลงเสียได้ ดังนี้.
    http://etipitaka.com/read/pali/17/32/?keywords=ภารนิกฺเขปนนฺติ

    (พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสพุทธวจนะนี้ ซึ่งเป็นคำร้อยกรองสืบต่อไป)
    ---“ขันธ์ทั้งห้าเป็นของหนักเน้อ !
    +--บุคคลแหละ เป็นผู้แบกของหนักพาไป.
    +--การแบกถือของหนัก เป็นความทุกข์ในโลก.
    +--การปลงภาระหนักเสียได้เป็นความสุข.
    +--พระอริยเจ้าปลงภาระหนักลงเสียแล้ว.
    +--ทั้งไม่หยิบฉวยเอาของหนักอันอื่นขึ้นมาอีก.
    +--ก็เป็นผู้ #ถอนตัณหา ขึ้นได้กระทั่งราก (อวิชชา) ;
    +--เป็นผู้หมดสิ่งปรารถนา ดับสนิทไม่มีส่วนเหลือ”
    ดังนี้.-

    #ทุกขนิโรธ#อริยสัจสี่#สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/32/52-53
    http://etipitaka.com/read/thai/24/105/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%91
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๒/๕๒-๕๓
    http://etipitaka.com/read/pali/17/32/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%92
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=359
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=359
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23
    ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษา​ว่า​ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้ สัทธรรมลำดับที่ : 359 ชื่อบทธรรม :- ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=359 เนื้อความทั้งหมด :- --ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้ --ภิกษุ ท.! การปลงภาระหนักลงเสียได้ เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท.! ความดับสนิทเพราะ ความจางคลายไปโดยไม่เหลือของตัณหานั้นนั่นเทียว, ความละไปของตัณหานั้น, ความสลัดกลับคืนของตัณหานั้น, ความหลุดออกไปของตัณหานั้น, และ ความไม่มีที่อาศัยอีกต่อไปของตัณหานั้น อันใด ; --ภิกษุ ท. ! อันนี้เราเรียกว่า #การปลงภาระหนักลงเสียได้ ดังนี้. http://etipitaka.com/read/pali/17/32/?keywords=ภารนิกฺเขปนนฺติ (พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสพุทธวจนะนี้ ซึ่งเป็นคำร้อยกรองสืบต่อไป) ---“ขันธ์ทั้งห้าเป็นของหนักเน้อ ! +--บุคคลแหละ เป็นผู้แบกของหนักพาไป. +--การแบกถือของหนัก เป็นความทุกข์ในโลก. +--การปลงภาระหนักเสียได้เป็นความสุข. +--พระอริยเจ้าปลงภาระหนักลงเสียแล้ว. +--ทั้งไม่หยิบฉวยเอาของหนักอันอื่นขึ้นมาอีก. +--ก็เป็นผู้ #ถอนตัณหา ขึ้นได้กระทั่งราก (อวิชชา) ; +--เป็นผู้หมดสิ่งปรารถนา ดับสนิทไม่มีส่วนเหลือ” ดังนี้.- #ทุกขนิโรธ​ #อริยสัจสี่​ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/32/52-53 http://etipitaka.com/read/thai/24/105/?keywords=%E0%B9%96%E0%B9%91 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๓๒/๕๒-๕๓ http://etipitaka.com/read/pali/17/32/?keywords=%E0%B9%95%E0%B9%92 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=359 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=359 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23 ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้
    -ดับตัณหา คือปลงภาระหนักลงได้ ภิกษุ ท.! การปลงภาระหนักลงเสียได้ เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท.! ความดับสนิทเพราะความจางคลายไปโดยไม่เหลือของตัณหานั้นนั่นเทียว, ความละไปของตัณหานั้น, ความสลัดกลับคืนของตัณหานั้น, ความหลุดออกไปของตัณหานั้น, และความไม่มีที่อาศัยอีกต่อไปของตัณหานั้น อันใด ; ภิกษุ ท. ! อันนี้เราเรียกว่า การปลงภาระหนักลงเสียได้ ดังนี้. พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสพุทธวจนะนี้ ซึ่งเป็นคำร้อยกรองสืบต่อไป : “ขันธ์ทั้งห้าเป็นของหนักเน้อ ! บุคคลแหละ เป็นผู้แบกของหนักพาไป. การแบกถือของหนัก เป็นความทุกข์ในโลก. การปลงภาระหนักเสียได้เป็นความสุข. พระอริยเจ้าปลงภาระหนักลงเสียแล้ว. ทั้งไม่หยิบฉวยเอาของหนักอันอื่นขึ้นมาอีก. ก็เป็นผู้ถอนตัณหาขึ้นได้กระทั่งราก (อวิชชา) ; เป็นผู้หมดสิ่งปรารถนา ดับสนิทไม่มีส่วนเหลือ” ดังนี้.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่าความดับของเบญจขันธ์ คือ ความดับของทุกข์
    สัทธรรมลำดับที่ : 358
    ชื่อบทธรรม :- ความดับของเบญจขันธ์ คือ ความดับของทุกข์
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=358
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ความดับของเบญจขันธ์ คือ ความดับของทุกข์
    --ภิกษุ ท.! ความดับ ความเข้าไปสงบรำงับ ความตั้งอยู่ไม่ได้
    ของรูป ของเวทนา ของสัญญา ของสังขาร และของวิญญาณ ใดๆ,
    #อันนั้นแหละเป็นความดับของทุกข์,
    http://etipitaka.com/read/pali/17/287/?keywords=ทุกฺขสฺเสโส+นิโรโธ
    อันนั้นแหละเป็นความเข้าไปสงบรำงับ ของสิ่งซึ่งมีปกติเสียบแทงทั้งหลาย,
    อันนั้นแหละเป็นความตั้งอยู่ไม่ได้ของชราและมรณะ แล.-

    #ทุกขนิโรธ#อริยสัจสี่#สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์

    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/287/498.
    http://etipitaka.com/read/pali/17/257/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%99%E0%B9%98
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๘๗/๔๙๘.
    http://etipitaka.com/read/pali/17/287/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%99%E0%B9%98
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=358
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=358
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23
    ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    อริยสาวกพึง​ฝึกหัด​ศึกษาว่าความดับของเบญจขันธ์ คือ ความดับของทุกข์ สัทธรรมลำดับที่ : 358 ชื่อบทธรรม :- ความดับของเบญจขันธ์ คือ ความดับของทุกข์ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=358 เนื้อความทั้งหมด :- --ความดับของเบญจขันธ์ คือ ความดับของทุกข์ --ภิกษุ ท.! ความดับ ความเข้าไปสงบรำงับ ความตั้งอยู่ไม่ได้ ของรูป ของเวทนา ของสัญญา ของสังขาร และของวิญญาณ ใดๆ, #อันนั้นแหละเป็นความดับของทุกข์, http://etipitaka.com/read/pali/17/287/?keywords=ทุกฺขสฺเสโส+นิโรโธ อันนั้นแหละเป็นความเข้าไปสงบรำงับ ของสิ่งซึ่งมีปกติเสียบแทงทั้งหลาย, อันนั้นแหละเป็นความตั้งอยู่ไม่ได้ของชราและมรณะ แล.- #ทุกขนิโรธ​ #อริยสัจสี่​ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. 17/287/498. http://etipitaka.com/read/pali/17/257/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%99%E0%B9%98 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ขนฺธ. สํ. ๑๗/๒๘๗/๔๙๘. http://etipitaka.com/read/pali/17/287/?keywords=%E0%B9%94%E0%B9%99%E0%B9%98 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=358 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23&id=358 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=23 ลำดับสาธยายธรรม : 23​ ฟังเสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_23.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ความดับของเบญจขันธ์ คือ ความดับของทุกข์
    -ความดับของเบญจขันธ์ คือ ความดับของทุกข์ ภิกษุ ท.! ความดับ ความเข้าไปสงบรำงับ ความตั้งอยู่ไม่ได้ของรูป ของเวทนา ของสัญญา ของสังขาร และของวิญญาณ ใดๆ, อันนั้นแหละเป็นความดับของทุกข์, อันนั้นแหละเป็นความเข้าไปสงบรำงับ ของสิ่งซึ่งมีปกติเสียบแทงทั้งหลาย, อันนั้นแหละเป็นความตั้งอยู่ไม่ได้ของชราและมรณะ แล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 156 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts