• สั่งลบข้อมูล 1.2 ล้านราย สแกนม่านตาแลกเหรียญ

    ในช่วงกลางปี 2568 มีประชาชนจำนวนมาก รวมตัวกันที่ร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์รายใหญ่นับร้อยแห่ง เพื่อรอคิวสแกนม่านตา แล้วจะได้รับเหรียญคริปโทเคอเรนซีที่ชื่อว่า เวิลด์คอยน์ เพื่อแลกเป็นเงินสด หรือเพื่อเก็งกำไรและใช้แลกเปลี่ยนระหว่างกัน บางคนบอกว่าสแกนเสร็จแล้วจะได้รับเงินโอนประมาณ 500-1,000 บาท กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจากยังไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมทั้งกรมการปกครองไม่มีนโยบายให้ประชาชนสแกนม่านตา เกรงว่าอาจกลายเป็นการหลอกลวงประชาชน

    ที่สุดแล้ว เมื่อวันที่ 24 พ.ย. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) มีคำสั่งทางปกครองให้ World ประเทศไทย และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ระงับหรืองดสแกนม่านตา เพื่อรับเหรียญคริปโทเคอเรนซีเพิ่มเติมโดยทันที และรายงานผลการดำเนินการแก่ สคส.ภายใน 7 วัน หลังจากตรวจสอบพบว่าใช้วิธีแจกเหรียญคริปโทฯ จูงใจประชาชน เพื่อแลกกับความยินยอมเก็บรวบรวมข้อมูลม่านตา ซึ่งไม่เป็นไปโดยอิสระตามที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งผู้ที่เคยสแกนม่านตาไปแล้ว ไม่สามารถสแกนซ้ำได้ จึงเกินขอบเขตวัตถุประสงค์ที่ขอความยินยอมเพื่อยืนยันความเป็นมนุษย์เท่านั้น

    อีกทั้งสั่งให้ลบทำลายข้อมูลม่านตา และข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องของประชาชน 1.2 ล้านคนทั้งหมด เพื่อป้องกันการโอนย้ายถ่ายเทข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไปยังต่างประเทศ โดยไม่ถูกกฎหมาย นอกจากนี้ ยังให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และหน่วยงานอื่นๆ ตรวจสอบประเด็นที่น่าสงสัยอื่นๆ เช่น กรณีมีขบวนการจ้างคนมาสแกนม่านตาแลกเหรียญ เพื่อนำไปให้บุคคคอื่นใช้ ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต.และตำรวจไซเบอร์ตรวจพบ และจับกุมผู้รับแลกเหรียญดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาตมาแล้วหลายราย และพบว่าประเทศอื่นมีคำสั่งระงับชัดเจน 5 ประเทศ ได้แก่ เยอรมนี สเปน เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และบราซิล

    ด้าน World ประเทศไทย ชี้แจงว่าได้ระงับกระบวนการยืนยันความเป็นมนุษย์จริงในประเทศไทยชั่วคราว แม้ได้ให้ข้อมูลและความร่วมมือกับหน่วยงานกํากับดูแลอย่างเปิดเผย โปร่งใส และตรงไปตรงมาในทุกขั้นตอน ซึ่งยังคงหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไทยอย่างใกล้ชิด รวมถึงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ สคส. เพื่อร่วมกันกําหนดแนวทางดําเนินงานที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป ขณะที่สมาชิกที่เคยสแกนม่านตาไปแล้วบางส่วน ออกมาคัดค้านการสั่งลบข้อมูลแบบเหมาเข่ง อ้างว่ามีเพียง IrisCode และภาพถ่ายใบหน้าเท่านั้น และเกรงว่าจะกระทบกับเวิลด์คอยน์ที่ตนเองมีอยู่

    #Newskit
    สั่งลบข้อมูล 1.2 ล้านราย สแกนม่านตาแลกเหรียญ ในช่วงกลางปี 2568 มีประชาชนจำนวนมาก รวมตัวกันที่ร้านจำหน่ายโทรศัพท์มือถือ และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์รายใหญ่นับร้อยแห่ง เพื่อรอคิวสแกนม่านตา แล้วจะได้รับเหรียญคริปโทเคอเรนซีที่ชื่อว่า เวิลด์คอยน์ เพื่อแลกเป็นเงินสด หรือเพื่อเก็งกำไรและใช้แลกเปลี่ยนระหว่างกัน บางคนบอกว่าสแกนเสร็จแล้วจะได้รับเงินโอนประมาณ 500-1,000 บาท กลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เรื่องความเสี่ยงด้านข้อมูลส่วนบุคคล เนื่องจากยังไม่ได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) รวมทั้งกรมการปกครองไม่มีนโยบายให้ประชาชนสแกนม่านตา เกรงว่าอาจกลายเป็นการหลอกลวงประชาชน ที่สุดแล้ว เมื่อวันที่ 24 พ.ย. สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) มีคำสั่งทางปกครองให้ World ประเทศไทย และบุคคลที่เกี่ยวข้อง ระงับหรืองดสแกนม่านตา เพื่อรับเหรียญคริปโทเคอเรนซีเพิ่มเติมโดยทันที และรายงานผลการดำเนินการแก่ สคส.ภายใน 7 วัน หลังจากตรวจสอบพบว่าใช้วิธีแจกเหรียญคริปโทฯ จูงใจประชาชน เพื่อแลกกับความยินยอมเก็บรวบรวมข้อมูลม่านตา ซึ่งไม่เป็นไปโดยอิสระตามที่กฎหมายกำหนด อีกทั้งผู้ที่เคยสแกนม่านตาไปแล้ว ไม่สามารถสแกนซ้ำได้ จึงเกินขอบเขตวัตถุประสงค์ที่ขอความยินยอมเพื่อยืนยันความเป็นมนุษย์เท่านั้น อีกทั้งสั่งให้ลบทำลายข้อมูลม่านตา และข้อมูลส่วนบุคคลอื่นที่เกี่ยวข้องของประชาชน 1.2 ล้านคนทั้งหมด เพื่อป้องกันการโอนย้ายถ่ายเทข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวไปยังต่างประเทศ โดยไม่ถูกกฎหมาย นอกจากนี้ ยังให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) และหน่วยงานอื่นๆ ตรวจสอบประเด็นที่น่าสงสัยอื่นๆ เช่น กรณีมีขบวนการจ้างคนมาสแกนม่านตาแลกเหรียญ เพื่อนำไปให้บุคคคอื่นใช้ ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต.และตำรวจไซเบอร์ตรวจพบ และจับกุมผู้รับแลกเหรียญดิจิทัลโดยไม่ได้รับอนุญาตมาแล้วหลายราย และพบว่าประเทศอื่นมีคำสั่งระงับชัดเจน 5 ประเทศ ได้แก่ เยอรมนี สเปน เกาหลีใต้ อินโดนีเซีย และบราซิล ด้าน World ประเทศไทย ชี้แจงว่าได้ระงับกระบวนการยืนยันความเป็นมนุษย์จริงในประเทศไทยชั่วคราว แม้ได้ให้ข้อมูลและความร่วมมือกับหน่วยงานกํากับดูแลอย่างเปิดเผย โปร่งใส และตรงไปตรงมาในทุกขั้นตอน ซึ่งยังคงหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในไทยอย่างใกล้ชิด รวมถึงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และ สคส. เพื่อร่วมกันกําหนดแนวทางดําเนินงานที่เหมาะสมและยั่งยืนต่อไป ขณะที่สมาชิกที่เคยสแกนม่านตาไปแล้วบางส่วน ออกมาคัดค้านการสั่งลบข้อมูลแบบเหมาเข่ง อ้างว่ามีเพียง IrisCode และภาพถ่ายใบหน้าเท่านั้น และเกรงว่าจะกระทบกับเวิลด์คอยน์ที่ตนเองมีอยู่ #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตร.บุกค้นโกดังย่านนวลจันทร์ , รวบชาวต่างชาติ 15 รายลักลอบเปิดเว็บหลอกลงทุนคริปโต

    พบใช้โกดังปิดทึบตั้งโต๊ะคอม 15 ชุด ใช้สคริปต์หลอกเหยื่อเทรนคริปโต ยึดโน้ตบุ๊ก–มือถือ–เราเตอร์ รวมกว่า 50 รายการ แจ้ง 3 ข้อหาหนัก ทั้งอั้งยี่–องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ–ต่างด้าวทำงานผิดกฎหมาย

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109296

    #News1live #News1 #โกดังนวลจันทร์ #หลอกลงทุนคริปโต #CryptoScam #อาชญากรรมไซเบอร์ #ตำรวจไซเบอร์ #ต่างด้าวผิดกฎหมาย #webหลอกลงทุน #newsupdate
    ตร.บุกค้นโกดังย่านนวลจันทร์ , รวบชาวต่างชาติ 15 รายลักลอบเปิดเว็บหลอกลงทุนคริปโต • พบใช้โกดังปิดทึบตั้งโต๊ะคอม 15 ชุด ใช้สคริปต์หลอกเหยื่อเทรนคริปโต ยึดโน้ตบุ๊ก–มือถือ–เราเตอร์ รวมกว่า 50 รายการ แจ้ง 3 ข้อหาหนัก ทั้งอั้งยี่–องค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ–ต่างด้าวทำงานผิดกฎหมาย • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109296 • #News1live #News1 #โกดังนวลจันทร์ #หลอกลงทุนคริปโต #CryptoScam #อาชญากรรมไซเบอร์ #ตำรวจไซเบอร์ #ต่างด้าวผิดกฎหมาย #webหลอกลงทุน #newsupdate
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 426 มุมมอง 0 รีวิว
  • บุกจับคลินิกเถื่อนกลางเมืองหาดใหญ่! , ตำรวจไซเบอร์–สสจ.สงขลารวบสาววัย 37 คาหนังคาเขาขณะกำลังฉีดเสริมความงามในบ้านพัก

    พบเปิดบริการเถื่อนมากว่า 2 ปี นัดลูกค้าผ่านไลน์เดือนละกว่า 20 ราย ยึดของกลาง 53 รายการ ตั้ง 7 ข้อหาหนักทั้งสถานพยาบาลเถื่อน–เวชกรรมเถื่อน–ขายยา/เครื่องมือแพทย์ผิดกฎหมาย

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109289

    #News1live #News1 #คลินิกเถื่อน #เสริมความงาม #หาดใหญ่ #ตำรวจไซเบอร์ #สสจสงขลา #สถานพยาบาลผิดกฎหมาย #เครื่องมือแพทย์ผิดกฎหมาย #ข่าวอาชญากรรม #newsupdate
    บุกจับคลินิกเถื่อนกลางเมืองหาดใหญ่! , ตำรวจไซเบอร์–สสจ.สงขลารวบสาววัย 37 คาหนังคาเขาขณะกำลังฉีดเสริมความงามในบ้านพัก • พบเปิดบริการเถื่อนมากว่า 2 ปี นัดลูกค้าผ่านไลน์เดือนละกว่า 20 ราย ยึดของกลาง 53 รายการ ตั้ง 7 ข้อหาหนักทั้งสถานพยาบาลเถื่อน–เวชกรรมเถื่อน–ขายยา/เครื่องมือแพทย์ผิดกฎหมาย • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000109289 • #News1live #News1 #คลินิกเถื่อน #เสริมความงาม #หาดใหญ่ #ตำรวจไซเบอร์ #สสจสงขลา #สถานพยาบาลผิดกฎหมาย #เครื่องมือแพทย์ผิดกฎหมาย #ข่าวอาชญากรรม #newsupdate
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 410 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ทน ‘ทินกร’ รองผบช.ไซเบอร์ ปฏิเสธไม่เคยร่วมจับ 'ชนนพัฒฐ์‘ บิ๊กโจ๊ก ใส่ร้ายให้สังคมเข้าใจผิด พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ โพสต์ชี้แจงแรง ยืนยันไม่เกี่ยวคดีจับ ส.ส.ชนนพัฒฐ์ ลั่นทำงานตรงไปตรงมาตามหลักฐาน ซัด “บิ๊กโจ๊ก” บิดเบือนข้อเท็จจริง ทำสังคมสับสน

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000106898

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #ข่าว
    #บิ๊กโจ๊ก #ทินกรรังมาตย์ #ตำรวจไซเบอร์ #คดีเว็บพนัน #truthfromthailand #newsupdate
    ไม่ทน ‘ทินกร’ รองผบช.ไซเบอร์ ปฏิเสธไม่เคยร่วมจับ 'ชนนพัฒฐ์‘ บิ๊กโจ๊ก ใส่ร้ายให้สังคมเข้าใจผิด พล.ต.ต.ทินกร รังมาตย์ โพสต์ชี้แจงแรง ยืนยันไม่เกี่ยวคดีจับ ส.ส.ชนนพัฒฐ์ ลั่นทำงานตรงไปตรงมาตามหลักฐาน ซัด “บิ๊กโจ๊ก” บิดเบือนข้อเท็จจริง ทำสังคมสับสน อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000106898 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #ข่าว #บิ๊กโจ๊ก #ทินกรรังมาตย์ #ตำรวจไซเบอร์ #คดีเว็บพนัน #truthfromthailand #newsupdate
    Haha
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 317 มุมมอง 1 รีวิว
  • คนค้าขายฉิบหาย เพราะระบบ CFR ของ ITMX

    มาตรการอายัดบัญชีของธนาคารพาณิชย์ ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ กำลังทำให้บรรดาผู้ประกอบอาชีพค้าขายจำนวนมากเดือดร้อน เพราะจู่ๆ ถูกอายัดบัญชี ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ ธนาคารอ้างว่าบัญชีและช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ถูกระงับการทำธุรกรรมตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (CFR) ทำให้มีผู้ค้าส่วนหนึ่งงดรับเงินโอนหรือสแกน QR Code รับเฉพาะเงินสดไปก่อน ขณะเดียวกัน ลูกค้าธนาคารส่วนหนึ่งต่างถอนเงินออกจากบัญชี เพราะไม่ไว้วางใจระบบธนาคาร

    สาเหตุหลักเป็นเพราะกลุ่มมิจฉาชีพเปลี่ยนวิธีการหลอกลวงประชาชน จากเดิมล่อลวงให้โอนเงินเข้าบัญชีม้า เป็นการโอนเงินไปยังบัญชีร้านค้าเพื่อแลกสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นลักษณะของการฟอกเงินวิธีหนึ่ง หรือการหลอกให้โอนเงินครั้งแรกจำนวนน้อย เพื่อให้เหยื่อเชื่อใจว่ามีตัวตนจริง ก่อนให้โอนไปยังบัญชีม้า ซึ่งการอายัดบัญชีจะมีอยู่ 2 ลักษณะ ได้แก่ 1. ผู้เสียหายโทร.แจ้งสายด่วน 1441 หรือแจ้งความกับตำรวจ แล้วทำเรื่องแจ้งธนาคารอายัด ซึ่งจะมีเลขอ้างอิง 2. ธนาคารอายัดเองเมื่อสังเกตการทำธุรกรรมแล้วเชื่อว่าผิดปกติ กรณีนี้จะไม่มีเลขอ้างอิง โดยพิจารณาให้เป็นบัญชีม้าแต่ละสีตามความรุนแรงของพฤติกรรม

    เบื้องหลังที่ทำให้บรรดาผู้ค้าต่างพากันวุ่นวาย คือ ระบบ Central Fraud Registry (CFR) เป็นศูนย์กลางรวมรวมข้อมูลรายการธุรกรรมต้องสงสัย และนำข้อมูลไปใช้ในการสอบสวนขยายผลเพื่ออายัดเงินจากบัญชีม้าต่างๆ และเพื่อประโยชน์ในการติดตามเงินคืนแก่ผู้เสียหายเมื่อมีการร้องขอข้อมูลจากเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงการนำข้อมูลไปใช้ในกระบวนการยุติธรรม โดยให้ธนาคารส่งข้อมูลธุรกรรมต้องสงสัย ที่ผู้เสียหายเป็นผู้แจ้ง หรือธนาคารตรวจพบรายการต้องสงสัยนั้นเอง หากเส้นทางการเงินโยงไปยังบัญชีใดก็จะอายัดบัญชี และรายงานไปยังธนาคารสมาชิก เพื่ออายัดบัญชีภายใต้เลขประจำตัวประชาชนเดียวกัน ผลก็คือแม้ธนาคารต้นทางจะปลดอายัดแล้ว แต่ผู้ค้าที่มีบัญชีหลายธนาคาร ต้องไปไล่เบี้ยกับธนาคารอื่นๆ ที่ยังคงอายัดบัญชี

    นอกจากนี้ กรณีตำรวจไซเบอร์ใช้สายด่วน 1441 รับเรื่อง แล้วโยนไปให้ร้อยเวรตามโรงพักต่างๆ ต้องรับภาระทำคดี โดยที่ตำรวจไซเบอร์และธนาคารพาณิชย์ต่างโยนภาระพิสูจน์ความจริงกันไปมา แสดงให้เห็นว่า แม้กระบวนการล็อกบัญชีจะง่ายดายโดยอ้างว่าเพื่อยับยั้งความเสียหาย แต่การปลดล็อกบัญชีหากพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่บัญชีม้ายุ่งยากกว่า จึงเป็นมาตรการที่วุ่นวาย ทำให้ประชาชนไม่มั่นใจในระบบธนาคาร ทำลายเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    #Newskit
    คนค้าขายฉิบหาย เพราะระบบ CFR ของ ITMX มาตรการอายัดบัญชีของธนาคารพาณิชย์ ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ กำลังทำให้บรรดาผู้ประกอบอาชีพค้าขายจำนวนมากเดือดร้อน เพราะจู่ๆ ถูกอายัดบัญชี ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ ธนาคารอ้างว่าบัญชีและช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ถูกระงับการทำธุรกรรมตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (CFR) ทำให้มีผู้ค้าส่วนหนึ่งงดรับเงินโอนหรือสแกน QR Code รับเฉพาะเงินสดไปก่อน ขณะเดียวกัน ลูกค้าธนาคารส่วนหนึ่งต่างถอนเงินออกจากบัญชี เพราะไม่ไว้วางใจระบบธนาคาร สาเหตุหลักเป็นเพราะกลุ่มมิจฉาชีพเปลี่ยนวิธีการหลอกลวงประชาชน จากเดิมล่อลวงให้โอนเงินเข้าบัญชีม้า เป็นการโอนเงินไปยังบัญชีร้านค้าเพื่อแลกสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นลักษณะของการฟอกเงินวิธีหนึ่ง หรือการหลอกให้โอนเงินครั้งแรกจำนวนน้อย เพื่อให้เหยื่อเชื่อใจว่ามีตัวตนจริง ก่อนให้โอนไปยังบัญชีม้า ซึ่งการอายัดบัญชีจะมีอยู่ 2 ลักษณะ ได้แก่ 1. ผู้เสียหายโทร.แจ้งสายด่วน 1441 หรือแจ้งความกับตำรวจ แล้วทำเรื่องแจ้งธนาคารอายัด ซึ่งจะมีเลขอ้างอิง 2. ธนาคารอายัดเองเมื่อสังเกตการทำธุรกรรมแล้วเชื่อว่าผิดปกติ กรณีนี้จะไม่มีเลขอ้างอิง โดยพิจารณาให้เป็นบัญชีม้าแต่ละสีตามความรุนแรงของพฤติกรรม เบื้องหลังที่ทำให้บรรดาผู้ค้าต่างพากันวุ่นวาย คือ ระบบ Central Fraud Registry (CFR) เป็นศูนย์กลางรวมรวมข้อมูลรายการธุรกรรมต้องสงสัย และนำข้อมูลไปใช้ในการสอบสวนขยายผลเพื่ออายัดเงินจากบัญชีม้าต่างๆ และเพื่อประโยชน์ในการติดตามเงินคืนแก่ผู้เสียหายเมื่อมีการร้องขอข้อมูลจากเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงการนำข้อมูลไปใช้ในกระบวนการยุติธรรม โดยให้ธนาคารส่งข้อมูลธุรกรรมต้องสงสัย ที่ผู้เสียหายเป็นผู้แจ้ง หรือธนาคารตรวจพบรายการต้องสงสัยนั้นเอง หากเส้นทางการเงินโยงไปยังบัญชีใดก็จะอายัดบัญชี และรายงานไปยังธนาคารสมาชิก เพื่ออายัดบัญชีภายใต้เลขประจำตัวประชาชนเดียวกัน ผลก็คือแม้ธนาคารต้นทางจะปลดอายัดแล้ว แต่ผู้ค้าที่มีบัญชีหลายธนาคาร ต้องไปไล่เบี้ยกับธนาคารอื่นๆ ที่ยังคงอายัดบัญชี นอกจากนี้ กรณีตำรวจไซเบอร์ใช้สายด่วน 1441 รับเรื่อง แล้วโยนไปให้ร้อยเวรตามโรงพักต่างๆ ต้องรับภาระทำคดี โดยที่ตำรวจไซเบอร์และธนาคารพาณิชย์ต่างโยนภาระพิสูจน์ความจริงกันไปมา แสดงให้เห็นว่า แม้กระบวนการล็อกบัญชีจะง่ายดายโดยอ้างว่าเพื่อยับยั้งความเสียหาย แต่การปลดล็อกบัญชีหากพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่บัญชีม้ายุ่งยากกว่า จึงเป็นมาตรการที่วุ่นวาย ทำให้ประชาชนไม่มั่นใจในระบบธนาคาร ทำลายเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 682 มุมมอง 0 รีวิว
  • เฟซบุ๊กอ้างตำรวจชั้นผู้น้อยแฉตำรวจไซเบอร์ทำโพรเสสอายัดบัญชี ผู้เสียหายโทร.ไปที่ 1441 บอกว่าโดนโกง ธนาคารอายัด ก่อนแจกคดีให้พนักงานสอบสวนตามโรงพัก รับกรรมกันไป ขั้นตอนการปลดยุ่งยากต้องรอร้อยเวรเสนอไปที่ตำรวจไซเบอร์ จะปลดให้หรือไม่ปลดอีกที พบเจ้าของบัญชีถูกมิจฉาชีพเอาไปหลอกโอนตังค์ เข้าทดลองทำภารกิจด่านแรก และโอนคืนให้ กลายเป็นบัญชีม้าแถว 1

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000087927

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    เฟซบุ๊กอ้างตำรวจชั้นผู้น้อยแฉตำรวจไซเบอร์ทำโพรเสสอายัดบัญชี ผู้เสียหายโทร.ไปที่ 1441 บอกว่าโดนโกง ธนาคารอายัด ก่อนแจกคดีให้พนักงานสอบสวนตามโรงพัก รับกรรมกันไป ขั้นตอนการปลดยุ่งยากต้องรอร้อยเวรเสนอไปที่ตำรวจไซเบอร์ จะปลดให้หรือไม่ปลดอีกที พบเจ้าของบัญชีถูกมิจฉาชีพเอาไปหลอกโอนตังค์ เข้าทดลองทำภารกิจด่านแรก และโอนคืนให้ กลายเป็นบัญชีม้าแถว 1 อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000087927 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 534 มุมมอง 0 รีวิว
  • สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งความตำรวจไซเบอร์ เอาผิดช่องยูทูบ "สถาบันทิศทางไทย" และเพจเฟซบุ๊ก "เดอะคริติกส์" เผยแพร่ข่าว "นั่งลงลูก" บิดเบือนข้อเท็จจริงในกระบวนการไต่สวนของศาล ในคดีคลิปเสียงแพทองธาร
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000082262

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ แจ้งความตำรวจไซเบอร์ เอาผิดช่องยูทูบ "สถาบันทิศทางไทย" และเพจเฟซบุ๊ก "เดอะคริติกส์" เผยแพร่ข่าว "นั่งลงลูก" บิดเบือนข้อเท็จจริงในกระบวนการไต่สวนของศาล ในคดีคลิปเสียงแพทองธาร . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000082262 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Haha
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1000 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังโด่งดังจากคดีสั่งลูกน้องกระทืบตชด.เฝ้าคูหาเลือกตั้ง ก็โดนอีกหลายคดี ล่าสุด ตำรวจไซเบอร์พบเส้นเงินเชื่อมโยงบ่อนกาสิโน เครือข่ายก๊กอาน ท่อน้ำเลี้ยงฮุนเซน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    หลังโด่งดังจากคดีสั่งลูกน้องกระทืบตชด.เฝ้าคูหาเลือกตั้ง ก็โดนอีกหลายคดี ล่าสุด ตำรวจไซเบอร์พบเส้นเงินเชื่อมโยงบ่อนกาสิโน เครือข่ายก๊กอาน ท่อน้ำเลี้ยงฮุนเซน #คิงส์โพธิ์แดง
    Angry
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 383 มุมมอง 0 รีวิว
  • คดีคลิปเสียงลุง-หลาน หลักฐานยังไร้น้ำหนัก : [THE MESSAGE]

    นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน เผยถึงการประชุมคณะกรรมการสอบสวนคลิปเสียงระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เป็นการประชุมระหว่างอัยการสูงสุดกับตำรวจไซเบอร์ครั้งแรก ยังไม่ดำเนินคดีหรือแจ้งข้อกล่าวหาใคร เป็นเพียงการพิจารณาว่าเข้าข่ายความผิดหรือไม่ โดยจะกำหนดแนวทางสอบสวนว่าจะเรียกพยานคนไหนมาสอบปากคำบ้าง รวมถึงพิจารณาเรียกนายกรัฐมนตรีด้วย แต่การสอบปากคำนายฮุน เซน โอกาสเรียกมายาก โดยหลักฐานที่ตำรวจสอบปากคำเบื้องต้นยังไม่มีน้ำหนักมากพอ ซึ่งคณะทำงานจะรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง หากไม่สั่งฟ้องคดีก็สิ้นสุด หากอัยการสูงสุดชี้ว่ามีความผิด จะเข้าสู่ขั้นตอนออกหมายจับและส่งผู้ร้ายข้ามแดน
    คดีคลิปเสียงลุง-หลาน หลักฐานยังไร้น้ำหนัก : [THE MESSAGE] นายวัชรินทร์ ภาณุรัตน์ รองอธิบดีอัยการสำนักงานการสอบสวน เผยถึงการประชุมคณะกรรมการสอบสวนคลิปเสียงระหว่างนายกรัฐมนตรีกับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เป็นการประชุมระหว่างอัยการสูงสุดกับตำรวจไซเบอร์ครั้งแรก ยังไม่ดำเนินคดีหรือแจ้งข้อกล่าวหาใคร เป็นเพียงการพิจารณาว่าเข้าข่ายความผิดหรือไม่ โดยจะกำหนดแนวทางสอบสวนว่าจะเรียกพยานคนไหนมาสอบปากคำบ้าง รวมถึงพิจารณาเรียกนายกรัฐมนตรีด้วย แต่การสอบปากคำนายฮุน เซน โอกาสเรียกมายาก โดยหลักฐานที่ตำรวจสอบปากคำเบื้องต้นยังไม่มีน้ำหนักมากพอ ซึ่งคณะทำงานจะรวบรวมพยานหลักฐานส่งให้อัยการสูงสุดพิจารณาสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้อง หากไม่สั่งฟ้องคดีก็สิ้นสุด หากอัยการสูงสุดชี้ว่ามีความผิด จะเข้าสู่ขั้นตอนออกหมายจับและส่งผู้ร้ายข้ามแดน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 780 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • สีกากอล์ฟพิฆาตพระ นึกว่ารอดแต่โดนรวบ!

    การจับกุมสีกากอล์ฟ หรือ น.ส.วิลาวัลย์ เอมสวัสดิ์ วัย 35 ปี ที่เสพเมถุนและมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับพระชั้นผู้ใหญ่หลายคน ถึงขั้นปาราชิก ลาสิกขาราวกับใบไม้ร่วง เกิดวิกฤตศรัทธาวงการพระพุทธศาสนา สังคมพากันโล่งใจไปบ้าง เพราะกว่าตำรวจสอบสวนกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาผิดได้ ต้องใช้เวลาและพยานหลักฐานหนักมาก

    สีกากอล์ฟถูกเอาผิดใน 3 คดี เป็นของ บก.ปปป. ขอศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง (ตลิ่งชัน) ออกหมายจับ ได้แก่ สนับสนุนเจ้าพนักงาน คือ อดีตพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา ยักยอกเงินบัญชีวัด 3.8 แสนบาทใส่บัญชีตัวเองแล้วโอนให้สีกากอล์ฟ ร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร

    ส่วนอีก 2 คดีเป็นของกองปราบปราม ขอศาลอาญา (รัชดาภิเษก) ออกหมายจับ ได้แก่ คดีฉ้อโกงหลอกเอาเงินอดีต ผอ.พระพุทธศาสนาพิจิตร 4 แสนบาท อ้างว่ามีข้อมูลเสพเมถุนกับพระเทพวัชรสิทธิเมธี เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร แล้วก็ไม่ส่ง ก่อนหน้านี้มีชาวบ้านร้องเรียนว่าเสพเมถุนและทุจริตเงินวัดตั้งแต่ปี 2559 แต่สุดท้าย ผอ.ถูกเจ้าคณะจังหวัดเด้งไปอยู่ที่อื่น

    กับคดีรีดเอาทรัพย์และทำให้เสื่อมเสีย ที่อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวราราม ถูกขู่ให้โอนเงิน 15,000 บาท แลกกับการไม่ถูกแฉเรื่องเสพเมถุน อดีตพระครูฯ ต้องยอมโอนเงินให้ 8,000 บาท กับบังคับให้ทำหนังสือร้องเรียนอดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือเจ้าคุณอาชว์ เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ เรื่องเสพเมถุนเพื่อหวังรีดเงิน 7.2 ล้านบาท อ้างว่าท้องขอค่าเลี้ยงลูก

    น่าเสียดายที่เจ้าคุณอาชว์รู้สึกอับอาย หลังลาสิกขาเลือกที่จะหนีหาย ทั้งที่กรณีที่สีกากอล์ฟขู่เรียกเงิน 7.2 ล้านบาท เข้าข่ายกรรโชกทรัพย์ ถ้าลาสิกขาและให้ความร่วมมือกับตำรวจ บก.ปปป. ให้ข้อมูลก็สามารถเอาผิดสีกากอล์ฟได้ แม้เจ้าคุณอาชว์จะจ่ายเงินส่วนตัวให้สีกากอล์ฟหลักล้านบาท แลกกับการไม่ต้องถูกร้องเรียน ก่อนที่เรื่องจะบานปลายกลายเป็นข่าว

    การแถลงข่าวของตำรวจสอบสวนกลางเมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) ระบุว่า พระที่ยอมรับว่าเสพเมถุนกับสีกากอล์ฟมี 9 รูป เหลือพระราชรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ที่ยังไม่สึกออกมา ส่วนพระที่มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวมี 3 รูป หนึ่งในนั้นคือพระมหาทิวากร อาภทฺโท เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ที่ยังหลบหนี นอกเหนือจากยักยอกเงินวัดกว่า 1 ล้านบาท

    ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บัญชีธนาคารของสีกากอล์ฟมีเงินหมุนเวียนกว่า 380 ล้านบาท แต่ส่วนใหญ่โอนออกไปยังเว็บพนัน แต่ละครั้งสูงสุด 500,000 บาท ปัจจุบันเหลือติดบัญชี 8,000 บาท ตำรวจไซเบอร์กำลังแกะรอยอยู่

    #Newskit
    สีกากอล์ฟพิฆาตพระ นึกว่ารอดแต่โดนรวบ! การจับกุมสีกากอล์ฟ หรือ น.ส.วิลาวัลย์ เอมสวัสดิ์ วัย 35 ปี ที่เสพเมถุนและมีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวกับพระชั้นผู้ใหญ่หลายคน ถึงขั้นปาราชิก ลาสิกขาราวกับใบไม้ร่วง เกิดวิกฤตศรัทธาวงการพระพุทธศาสนา สังคมพากันโล่งใจไปบ้าง เพราะกว่าตำรวจสอบสวนกลางและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเอาผิดได้ ต้องใช้เวลาและพยานหลักฐานหนักมาก สีกากอล์ฟถูกเอาผิดใน 3 คดี เป็นของ บก.ปปป. ขอศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง (ตลิ่งชัน) ออกหมายจับ ได้แก่ สนับสนุนเจ้าพนักงาน คือ อดีตพระเทพพัชราภรณ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดชูจิตธรรมาราม จ.พระนครศรีอยุธยา ยักยอกเงินบัญชีวัด 3.8 แสนบาทใส่บัญชีตัวเองแล้วโอนให้สีกากอล์ฟ ร่วมกันฟอกเงิน สมคบกันฟอกเงิน และรับของโจร ส่วนอีก 2 คดีเป็นของกองปราบปราม ขอศาลอาญา (รัชดาภิเษก) ออกหมายจับ ได้แก่ คดีฉ้อโกงหลอกเอาเงินอดีต ผอ.พระพุทธศาสนาพิจิตร 4 แสนบาท อ้างว่ามีข้อมูลเสพเมถุนกับพระเทพวัชรสิทธิเมธี เจ้าคณะจังหวัดพิจิตร แล้วก็ไม่ส่ง ก่อนหน้านี้มีชาวบ้านร้องเรียนว่าเสพเมถุนและทุจริตเงินวัดตั้งแต่ปี 2559 แต่สุดท้าย ผอ.ถูกเจ้าคณะจังหวัดเด้งไปอยู่ที่อื่น กับคดีรีดเอาทรัพย์และทำให้เสื่อมเสีย ที่อดีตพระครูสิริวิริยธาดา ผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดโสธรวราราม ถูกขู่ให้โอนเงิน 15,000 บาท แลกกับการไม่ถูกแฉเรื่องเสพเมถุน อดีตพระครูฯ ต้องยอมโอนเงินให้ 8,000 บาท กับบังคับให้ทำหนังสือร้องเรียนอดีตพระเทพวชิรปาโมกข์ หรือเจ้าคุณอาชว์ เจ้าอาวาสวัดตรีทศเทพ เรื่องเสพเมถุนเพื่อหวังรีดเงิน 7.2 ล้านบาท อ้างว่าท้องขอค่าเลี้ยงลูก น่าเสียดายที่เจ้าคุณอาชว์รู้สึกอับอาย หลังลาสิกขาเลือกที่จะหนีหาย ทั้งที่กรณีที่สีกากอล์ฟขู่เรียกเงิน 7.2 ล้านบาท เข้าข่ายกรรโชกทรัพย์ ถ้าลาสิกขาและให้ความร่วมมือกับตำรวจ บก.ปปป. ให้ข้อมูลก็สามารถเอาผิดสีกากอล์ฟได้ แม้เจ้าคุณอาชว์จะจ่ายเงินส่วนตัวให้สีกากอล์ฟหลักล้านบาท แลกกับการไม่ต้องถูกร้องเรียน ก่อนที่เรื่องจะบานปลายกลายเป็นข่าว การแถลงข่าวของตำรวจสอบสวนกลางเมื่อวานนี้ (15 ก.ค.) ระบุว่า พระที่ยอมรับว่าเสพเมถุนกับสีกากอล์ฟมี 9 รูป เหลือพระราชรัตนสุธี เจ้าคณะจังหวัดพิษณุโลก ที่ยังไม่สึกออกมา ส่วนพระที่มีความสัมพันธ์ฉันชู้สาวมี 3 รูป หนึ่งในนั้นคือพระมหาทิวากร อาภทฺโท เจ้าอาวาสวัดใหญ่จอมปราสาท ที่ยังหลบหนี นอกเหนือจากยักยอกเงินวัดกว่า 1 ล้านบาท ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา บัญชีธนาคารของสีกากอล์ฟมีเงินหมุนเวียนกว่า 380 ล้านบาท แต่ส่วนใหญ่โอนออกไปยังเว็บพนัน แต่ละครั้งสูงสุด 500,000 บาท ปัจจุบันเหลือติดบัญชี 8,000 บาท ตำรวจไซเบอร์กำลังแกะรอยอยู่ #Newskit
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1312 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจไซเบอร์สรุปสำนวนคดี “ฮุนเซน” ปมคลิปเสียงสนทนา “แพทองธาร” เตรียมส่งอัยการสูงสุด 14 ก.ค. ฐานความผิดตาม ม.116 กระทบความมั่นคง-พ.ร.บ.คอมฯ
    https://www.thai-tai.tv/news/20185/
    .
    #สมคิดเชื้อคง #ฮุนเซน #แพทองธาร #คลิปเสียงหลุด #ความมั่นคง #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #อัยการสูงสุด #อินเตอร์โพล #ข่าวการเมือง #ประเทศไทย #กัมพูชา
    ตำรวจไซเบอร์สรุปสำนวนคดี “ฮุนเซน” ปมคลิปเสียงสนทนา “แพทองธาร” เตรียมส่งอัยการสูงสุด 14 ก.ค. ฐานความผิดตาม ม.116 กระทบความมั่นคง-พ.ร.บ.คอมฯ https://www.thai-tai.tv/news/20185/ . #สมคิดเชื้อคง #ฮุนเซน #แพทองธาร #คลิปเสียงหลุด #ความมั่นคง #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #อัยการสูงสุด #อินเตอร์โพล #ข่าวการเมือง #ประเทศไทย #กัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 537 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานวุฒิสภากัมพูชา ท้ากระบวนการยุติธรรมไทยสืบสวนทักษิณ ชินวัตร เพราะใกล้ชิดกันมาก หลังตำรวจไซเบอร์ออกหมายจับก๊ก อาน ระบุเป็นคนสนิท ฮุน เซน ฐานมีส่วนร่วมอาชญากรรมข้ามชาติ เปรียบไทยทิ้งหินใส่เท้าตัวเอง ปราบอาชญากรรมออนไลน์ช้ามาก ทั้งที่ควรทำมานานแล้ว เคยระบาดไม่หยุดแถวชายแดนไทยมานาน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000064526

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ประธานวุฒิสภากัมพูชา ท้ากระบวนการยุติธรรมไทยสืบสวนทักษิณ ชินวัตร เพราะใกล้ชิดกันมาก หลังตำรวจไซเบอร์ออกหมายจับก๊ก อาน ระบุเป็นคนสนิท ฮุน เซน ฐานมีส่วนร่วมอาชญากรรมข้ามชาติ เปรียบไทยทิ้งหินใส่เท้าตัวเอง ปราบอาชญากรรมออนไลน์ช้ามาก ทั้งที่ควรทำมานานแล้ว เคยระบาดไม่หยุดแถวชายแดนไทยมานาน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000064526 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1463 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ฮุนเซน" โพสต์เดือด! หลังไทยจับคนสนิท ลั่น "ประเทศไทยทิ้งหินลงบนเท้าตัวเอง" จี้สอบ "ทักษิณ" ด้วย
    https://www.thai-tai.tv/news/20129/
    .
    #ฮุนเซน #ทักษิณชินวัตร #กัมพูชา #ประเทศไทย #อาชญากรรมไซเบอร์ #ก๊กอาน #ตำรวจไซเบอร์ #ปราบปรามอาชญากรรม #ศาลไทย #ข่าวร้อน
    "ฮุนเซน" โพสต์เดือด! หลังไทยจับคนสนิท ลั่น "ประเทศไทยทิ้งหินลงบนเท้าตัวเอง" จี้สอบ "ทักษิณ" ด้วย https://www.thai-tai.tv/news/20129/ . #ฮุนเซน #ทักษิณชินวัตร #กัมพูชา #ประเทศไทย #อาชญากรรมไซเบอร์ #ก๊กอาน #ตำรวจไซเบอร์ #ปราบปรามอาชญากรรม #ศาลไทย #ข่าวร้อน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 430 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจไซเบอร์ออกหมายจับ 'ก๊กอาน' สมุนคนสนิท 'ฮุนเซน' ฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ยึดรถหรู-เงิน 27 ล้าน
    https://www.thai-tai.tv/news/20112/
    .
    #ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ #อาชญากรรมข้ามชาติ #บัญชีม้า #สกุลเงินดิจิทัล #ปอยเปต #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ไซเบอร์อาชญากรรม #ไทยกัมพูชา
    ตำรวจไซเบอร์ออกหมายจับ 'ก๊กอาน' สมุนคนสนิท 'ฮุนเซน' ฐานมีส่วนร่วมในองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ยึดรถหรู-เงิน 27 ล้าน https://www.thai-tai.tv/news/20112/ . #ปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ #อาชญากรรมข้ามชาติ #บัญชีม้า #สกุลเงินดิจิทัล #ปอยเปต #สำนักงานตำรวจแห่งชาติ #ไซเบอร์อาชญากรรม #ไทยกัมพูชา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 572 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้อนไปปี 2011–2014 ผู้ชายคนนี้เคยดูแลเว็บชื่อ P2Planet.net ที่มีลิงก์ torrent มากกว่า 14,000 รายการ และมีผู้ใช้ลงทะเบียนกว่า 44,000 คน ซึ่งในยุคนั้นถือว่าใหญ่พอตัวเลย

    ต่อมาเว็บถูก DDoS และแฮกจนฐานข้อมูลหลุดออกสู่สาธารณะ ซึ่งเชื่อว่าเป็นหลักฐานที่นำไปสู่การจับกุมครั้งแรกในปี 2014 โดยตำรวจไซเบอร์กรีซที่พบว่าเขามีสิทธิ์เข้าถึงระดับแอดมินเว็บ พร้อมยึดฮาร์ดไดรฟ์ไว้

    เวลาผ่านไปกว่า 10 ปี เขายื่นอุทธรณ์หลายครั้ง จนล่าสุดศาลอุทธรณ์ที่เมือง Piraeus ตัดสินให้จำคุกโดย ไม่ให้ประกันระหว่างอุทธรณ์ พร้อมจับตัวทันทีในศาล สร้างความตกใจให้คนทั้งห้องพิจารณาคดี

    ประเด็นคือ รัฐบาลกรีซต้องการ "ส่งสัญญาณเข้ม" ว่าจะเอาจริงกับการละเมิดลิขสิทธิ์ แม้จะเป็นคดีเก่าหลายปีแล้วก็ตาม อีกทั้งยังมีคำตัดสินจำคุก 5 ปีในกรณีคล้ายกันที่เมือง Larissa เมื่อไม่นานนี้ด้วย

    และที่น่าสนใจคือ คำตัดสินนี้เน้นว่า “การปล่อยให้คนดาวน์โหลด” ยังไม่หนักเท่า “การ seeding หรือช่วยกระจายไฟล์” ซึ่งถือว่าเป็น “การแจกจ่าย” ที่ผิดเต็ม ๆ

    https://www.tomshardware.com/software/greek-man-gets-5-years-in-prison-for-running-a-now-defunct-torrenting-site-10-years-ago-greece-goes-tough-on-torrenting
    ย้อนไปปี 2011–2014 ผู้ชายคนนี้เคยดูแลเว็บชื่อ P2Planet.net ที่มีลิงก์ torrent มากกว่า 14,000 รายการ และมีผู้ใช้ลงทะเบียนกว่า 44,000 คน ซึ่งในยุคนั้นถือว่าใหญ่พอตัวเลย ต่อมาเว็บถูก DDoS และแฮกจนฐานข้อมูลหลุดออกสู่สาธารณะ ซึ่งเชื่อว่าเป็นหลักฐานที่นำไปสู่การจับกุมครั้งแรกในปี 2014 โดยตำรวจไซเบอร์กรีซที่พบว่าเขามีสิทธิ์เข้าถึงระดับแอดมินเว็บ พร้อมยึดฮาร์ดไดรฟ์ไว้ เวลาผ่านไปกว่า 10 ปี เขายื่นอุทธรณ์หลายครั้ง จนล่าสุดศาลอุทธรณ์ที่เมือง Piraeus ตัดสินให้จำคุกโดย ไม่ให้ประกันระหว่างอุทธรณ์ พร้อมจับตัวทันทีในศาล สร้างความตกใจให้คนทั้งห้องพิจารณาคดี ประเด็นคือ รัฐบาลกรีซต้องการ "ส่งสัญญาณเข้ม" ว่าจะเอาจริงกับการละเมิดลิขสิทธิ์ แม้จะเป็นคดีเก่าหลายปีแล้วก็ตาม อีกทั้งยังมีคำตัดสินจำคุก 5 ปีในกรณีคล้ายกันที่เมือง Larissa เมื่อไม่นานนี้ด้วย และที่น่าสนใจคือ คำตัดสินนี้เน้นว่า “การปล่อยให้คนดาวน์โหลด” ยังไม่หนักเท่า “การ seeding หรือช่วยกระจายไฟล์” ซึ่งถือว่าเป็น “การแจกจ่าย” ที่ผิดเต็ม ๆ https://www.tomshardware.com/software/greek-man-gets-5-years-in-prison-for-running-a-now-defunct-torrenting-site-10-years-ago-greece-goes-tough-on-torrenting
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 325 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ฮุนเซน"งานเข้า? ผบช.ตำรวจไซเบอร์สั่งสอบคลิปเสียง ชี้แอบอัดส่อผิด พ.ร.บ.คอมพ์ เป็นความผิดทั้งต่อแผ่นดินและต่อส่วนตัว หากผู้เสียหายมีความประสงค์จะร้องทุกข์กล่าวโทษก็สามารถดำเนินการได้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000057886

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    "ฮุนเซน"งานเข้า? ผบช.ตำรวจไซเบอร์สั่งสอบคลิปเสียง ชี้แอบอัดส่อผิด พ.ร.บ.คอมพ์ เป็นความผิดทั้งต่อแผ่นดินและต่อส่วนตัว หากผู้เสียหายมีความประสงค์จะร้องทุกข์กล่าวโทษก็สามารถดำเนินการได้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000057886 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    9
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 733 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบช.ไซเบอร์ เผยสั่งการไปยังหน่วยที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบคลิปสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรี-ฮุนเซน

    วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เปิดเผยถึงกรณีที่มีผู้นำคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับนายฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาและประธานวุฒิสภาของกัมพูชา เผยแพร่ออกมาทางโซเชียลมีเดีย จนเป็นที่วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ว่า สำหรับเรื่องนี้ ตนเองได้สั่งการไปยังหน่วยที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบไปตามอำนาจหน้าที่ ว่ากรณีดังกล่าวที่ปรากฏมีการเผยแพร่คลิปเสียงโดยเป็นการแอบอัด จะเข้าข่ายการกระทำความผิดฐานใดหรือไม่ เป็นการกระทำผิดนอกราชอาณาจักรหรือไม่อย่างไร มีผู้ที่เกี่ยวข้องว่าจะกระทำผิดกฎหมายไทยหรือไม่ ซึ่งเป็นการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ ในเบื้องต้นยังไม่มีผู้ใดมาร้องทุกข์กล่าวโทษแต่อย่างใด

    โดยในส่วนนี้ตามอำนาจหน้าที่ทางตำรวจไซเบอร์ได้มีการตรวจสอบทางโลกออนไลน์อยู่แล้วก็ทำไปตามอำนาจหน้าที่หากพบเป็นการกระทำความผิดก็จะดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีทั้งความผิดต่อรัฐหรือความผิดต่อแผ่นดิน กับความผิดต่อส่วนตัว ซึ่งความผิด ต่อส่วนตัวหากผู้เสียหายมีความประสงค์จะร้องทุกข์กล่าวโทษก็สามารถดำเนินการได้

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000057872

    #MGROnline #ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี #ตำรวจไซเบอร์ #ฮุนเซน
    ผบช.ไซเบอร์ เผยสั่งการไปยังหน่วยที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบคลิปสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรี-ฮุนเซน • วันนี้ (19 มิ.ย.) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) พล.ต.ท.ไตรรงค์ ผิวพรรณ ผบช.สอท. เปิดเผยถึงกรณีที่มีผู้นำคลิปเสียงการสนทนาระหว่าง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กับนายฮุนเซน อดีตนายกรัฐมนตรีของกัมพูชาและประธานวุฒิสภาของกัมพูชา เผยแพร่ออกมาทางโซเชียลมีเดีย จนเป็นที่วิจารณ์กันอย่างกว้างขวาง ว่า สำหรับเรื่องนี้ ตนเองได้สั่งการไปยังหน่วยที่เกี่ยวข้องทำการตรวจสอบไปตามอำนาจหน้าที่ ว่ากรณีดังกล่าวที่ปรากฏมีการเผยแพร่คลิปเสียงโดยเป็นการแอบอัด จะเข้าข่ายการกระทำความผิดฐานใดหรือไม่ เป็นการกระทำผิดนอกราชอาณาจักรหรือไม่อย่างไร มีผู้ที่เกี่ยวข้องว่าจะกระทำผิดกฎหมายไทยหรือไม่ ซึ่งเป็นการตรวจสอบตามอำนาจหน้าที่ ในเบื้องต้นยังไม่มีผู้ใดมาร้องทุกข์กล่าวโทษแต่อย่างใด • โดยในส่วนนี้ตามอำนาจหน้าที่ทางตำรวจไซเบอร์ได้มีการตรวจสอบทางโลกออนไลน์อยู่แล้วก็ทำไปตามอำนาจหน้าที่หากพบเป็นการกระทำความผิดก็จะดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งความผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ มีทั้งความผิดต่อรัฐหรือความผิดต่อแผ่นดิน กับความผิดต่อส่วนตัว ซึ่งความผิด ต่อส่วนตัวหากผู้เสียหายมีความประสงค์จะร้องทุกข์กล่าวโทษก็สามารถดำเนินการได้ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000057872 • #MGROnline #ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี #ตำรวจไซเบอร์ #ฮุนเซน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 408 มุมมอง 0 รีวิว
  • 17 มิถุนายน 2568 รายงานข่าวเนชั่นระบุว่า มินนี่” และพวกถูกปล่อยตัวจากคุก เพราะตำรวจทำสำนวนส่งฟ้อง “คดีเว็บพนัน-ฟอกเงิน” ไม่ทันก่อนครบกำหนดฝากขัง ผู้การตำรวจไซเบอร์แจงสาเหตุเพราะอะไร?17 มิถุนายน 2568 พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท. กล่าวถึงกรณีที่คดีร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือ คดีเว็บพนัน ร่วมกันฟอกเงิน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่มีการสมคบกัน หรือคดีฟอกเงิน ที่มี น.ส.ธันยนันท์ สุจริตชินศรี อายุ 28 ปี หรือ มินนี่ กับพวกรวม 10 คน เป็นผู้ต้องหาในคดี ยังไม่สามารถฟ้องได้ จนครบกำหนดขาดขัง ต้องปล่อยตัวไปว่า คดีนี้ทางพนักงานสอบสวน ได้ยื่นคำร้องฝากขังผู้ต้องหากับพวกครั้งเเรก ไปเมื่อวันที่ 6 มี.ค.โดยผู้ต้องหาไม่ได้การปล่อยชั่วคราวจากศาลต่อมาพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ทำความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา ไปส่งยังพนักงานอัยการคดีพิเศษในช่วงฝากขังครั้งที่ 7 ทางพนักงานอัยการเจ้าของสำนวนพิจารณาเเล้วยังเห็นว่า การสอบสวนยังไม่เเล้วเสร็จ ยังมีประเด็นเกี่ยวกับการเดินบัญชี ที่พนักงานสอบสวนปริ๊นมาจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ ยังไม่ได้สอบสวนธนาคาร จึงจะต้องไปสอบธนาคารเพิ่ม รวมถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารรวมกว่า 14 บัญชี ซึ่งคืนสำนวนให้พนักงานสอบสวน มาก่อนที่จะครบฝากขังครั้งสุดท้ายในวันที่ 28 พ.ค.ประมาณ 2-3 วัน พนักงานสอบสวนไม่สามารถทำได้ทัน พนักงานอัยการจึงไม่สามารถยื่นฟ้องได้ทัน ศาลจึงปล่อยตัวมินนี่ กับพวกรวม 10 คน ในวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมาพล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ยืนยันว่า การปล่อยขาดตรงนี้ก็ไม่ถือว่า ได้รับความเสียหาย เนื่องจากเป็นอำนาจพิจารณาของอัยการ ที่จะคืนสำนวนให้ตำรวจสอบสวนเพิ่มเติมได้ โดยในวันพรุ่งนี้ (18 มิ.ย.) ตนจะเข้าปรึกษากับอัยการเจ้าของสำนวน เพื่อปรึกษาแนวทางเพื่อเร่งรัดการสอบสวนให้รอบคอบรัดกุมครบถ้วน ตามการสั่งสอบเพิ่มเติมของอัยการ เพื่อจะได้เสนอต่อพนักงานอัยการคดีพิเศษอีกครั้งหนึ่ง
    17 มิถุนายน 2568 รายงานข่าวเนชั่นระบุว่า มินนี่” และพวกถูกปล่อยตัวจากคุก เพราะตำรวจทำสำนวนส่งฟ้อง “คดีเว็บพนัน-ฟอกเงิน” ไม่ทันก่อนครบกำหนดฝากขัง ผู้การตำรวจไซเบอร์แจงสาเหตุเพราะอะไร?17 มิถุนายน 2568 พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท. กล่าวถึงกรณีที่คดีร่วมกันจัดให้มีการเล่นหรือทำอุบายล่อช่วยประกาศโฆษณา หรือชักชวนโดยทางตรงหรือทางอ้อมให้ผู้อื่นเข้าเล่น หรือเข้าพนันในการเล่นทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์โดยไม่ได้รับอนุญาต หรือ คดีเว็บพนัน ร่วมกันฟอกเงิน สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดฐานฟอกเงิน และได้มีการกระทำความผิดฐานฟอกเงินเพราะเหตุที่มีการสมคบกัน หรือคดีฟอกเงิน ที่มี น.ส.ธันยนันท์ สุจริตชินศรี อายุ 28 ปี หรือ มินนี่ กับพวกรวม 10 คน เป็นผู้ต้องหาในคดี ยังไม่สามารถฟ้องได้ จนครบกำหนดขาดขัง ต้องปล่อยตัวไปว่า คดีนี้ทางพนักงานสอบสวน ได้ยื่นคำร้องฝากขังผู้ต้องหากับพวกครั้งเเรก ไปเมื่อวันที่ 6 มี.ค.โดยผู้ต้องหาไม่ได้การปล่อยชั่วคราวจากศาลต่อมาพนักงานสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน ทำความเห็นสมควรสั่งฟ้องผู้ต้องหา ไปส่งยังพนักงานอัยการคดีพิเศษในช่วงฝากขังครั้งที่ 7 ทางพนักงานอัยการเจ้าของสำนวนพิจารณาเเล้วยังเห็นว่า การสอบสวนยังไม่เเล้วเสร็จ ยังมีประเด็นเกี่ยวกับการเดินบัญชี ที่พนักงานสอบสวนปริ๊นมาจากระบบอิเล็กทรอนิกส์ ยังไม่ได้สอบสวนธนาคาร จึงจะต้องไปสอบธนาคารเพิ่ม รวมถึงเจ้าหน้าที่ธนาคารรวมกว่า 14 บัญชี ซึ่งคืนสำนวนให้พนักงานสอบสวน มาก่อนที่จะครบฝากขังครั้งสุดท้ายในวันที่ 28 พ.ค.ประมาณ 2-3 วัน พนักงานสอบสวนไม่สามารถทำได้ทัน พนักงานอัยการจึงไม่สามารถยื่นฟ้องได้ทัน ศาลจึงปล่อยตัวมินนี่ กับพวกรวม 10 คน ในวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมาพล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ยืนยันว่า การปล่อยขาดตรงนี้ก็ไม่ถือว่า ได้รับความเสียหาย เนื่องจากเป็นอำนาจพิจารณาของอัยการ ที่จะคืนสำนวนให้ตำรวจสอบสวนเพิ่มเติมได้ โดยในวันพรุ่งนี้ (18 มิ.ย.) ตนจะเข้าปรึกษากับอัยการเจ้าของสำนวน เพื่อปรึกษาแนวทางเพื่อเร่งรัดการสอบสวนให้รอบคอบรัดกุมครบถ้วน ตามการสั่งสอบเพิ่มเติมของอัยการ เพื่อจะได้เสนอต่อพนักงานอัยการคดีพิเศษอีกครั้งหนึ่ง
    Haha
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 620 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอบคุณเงินบุญ ต่อทุนอาตมา

    นับเป็นข่าวเสื่อมเสียต่อวงการพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ 15 พ.ค. เจ้าคุณแย้ม หรือพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) หรือนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า อายุ 70 ปี เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม เจ้าคณะภาค 14 เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. หลังทราบว่ากำลังจะถูกดำเนินคดีข้อหาทุจริตยักยอกเงินวัด 300 ล้านบาท ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอออกหมายจับข้อหายักยอกทรัพย์ ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต ก่อนที่ศาลอนุมัติหมายจับช่วงเที่ยง

    ก่อนหน้านี้ชาวบ้านร้องเรียนตำรวจกองปราบปราม เจ้าคุณแย้มยักยอกเงินวัดไร่ขิงไปเล่นพนันออนไลน์ จึงส่งสายลับแฝงตัวอยู่ในวัดตั้งแต่ปี 2567 ทั้งไปทำบุญและทำกิจกรรมในวัดนานกว่า 8 เดือน สืบสวนพบว่าเจ้าคุณแย้มสั่งให้คณะกรรมการวัดโอนเงินจากบัญชีวัดเข้าบัญชีส่วนตัว แล้วโอนไปให้สีกา คือ น.ส.อรัญญาวรรณ วังทะพันธ์ อายุ 28 ปี นายหน้าเครือข่ายเว็บพนัน เพื่อโอนเข้าบัญชีเว็บพนันออนไลน์เติมเครดิตใช้เล่นบาคาร่า ตรวจสอบเส้นเงินพบว่าตั้งแต่ปี 2564-2568 เงินบัญชีวัดถูกโอนออกหลายครั้ง รวมกว่า 300 ล้านบาท ส่วนเส้นเงินบัญชีเจ้าคุณแย้มกับบัญชีเว็บพนัน พบว่ามียอดโอนเข้า-ออกจากการได้และเสียไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท

    เมื่อเงินในบัญชีวัดร่อยหรอ เจ้าคุณแย้มเริ่มหันไปยืมเงินพระผู้ใหญ่วัดอื่นๆ ที่สนิทสนมกัน เพื่อนำมาเล่นพนัน มีตั้งแต่หลักแสนบาท ถึงหลักล้านบาทต่อครั้ง ด้าน น.ส.อรัญญาวรรณ สีการุ่นเอ๊าะ ตรวจสอบเชิงลึกพบว่าเป็นเจ้าของบัญชีและดูแลเส้นเงินธุรกิจพนันออนไลน์ เมื่อปลายปี 2567 เคยถูกตำรวจไซเบอร์จับกุมหลังพัวพันเครือข่ายเว็บพนัน LAGALAXY911 ก่อนประกันตัวสู้คดี ล่าสุดตำรวจกองปราบปรามจับกุมที่บ้านพักในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ฐานเป็นผู้สนับสนุนกระทำความผิด

    สำหรับวัดไร่ขิง พระอารามหลวง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำนครชัยศรี มีชื่อเสียงจากพระพุทธรูปหลวงพ่อวัดไร่ขิง มีนักท่องเที่ยวเข้ามากราบไหว้อย่างต่อเนื่อง แต่อีกด้านหนึ่งเป็นที่วิจารณ์ว่ามีเรื่องพุทธพาณิชย์ โดยเฉพาะค่าเช่าแผงค้างานประจำปีวัดไร่ขิง ปี 2565 แผงละ 120,000 บาท ปี 2566 พุ่งสูงถึงแผงละ 400,000 บาท ปี 2567 ย้ายมายังทำเลทองแผงละ 2,300,000 บาท และล่าสุดปลายปี 2567 แผงละ 1,500,000 บาท กลายเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยบนโลกออนไลน์ กรณีวัดไร่ขิงเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง เพราะยังมีอีกหลายวัดในประเทศไทยที่มีลักษณะพุทธพาณิชย์ชัดเจน แต่ก็ยังมีคนไม่รู้ไปบูชาสักการะ และแก้บนด้วยของเซ่นไหว้สิ้นเปลืองมหาศาลอย่างต่อเนื่อง

    #Newskit
    ขอบคุณเงินบุญ ต่อทุนอาตมา นับเป็นข่าวเสื่อมเสียต่อวงการพระพุทธศาสนา เมื่อวันที่ 15 พ.ค. เจ้าคุณแย้ม หรือพระธรรมวชิรานุวัตร (แย้ม กิตฺตินฺธโร) หรือนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า อายุ 70 ปี เจ้าอาวาสวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม เจ้าคณะภาค 14 เดินทางเข้าพบ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. หลังทราบว่ากำลังจะถูกดำเนินคดีข้อหาทุจริตยักยอกเงินวัด 300 ล้านบาท ขณะเดียวกัน พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปป. ยื่นคำร้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ขอออกหมายจับข้อหายักยอกทรัพย์ ปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและโดยทุจริต ก่อนที่ศาลอนุมัติหมายจับช่วงเที่ยง ก่อนหน้านี้ชาวบ้านร้องเรียนตำรวจกองปราบปราม เจ้าคุณแย้มยักยอกเงินวัดไร่ขิงไปเล่นพนันออนไลน์ จึงส่งสายลับแฝงตัวอยู่ในวัดตั้งแต่ปี 2567 ทั้งไปทำบุญและทำกิจกรรมในวัดนานกว่า 8 เดือน สืบสวนพบว่าเจ้าคุณแย้มสั่งให้คณะกรรมการวัดโอนเงินจากบัญชีวัดเข้าบัญชีส่วนตัว แล้วโอนไปให้สีกา คือ น.ส.อรัญญาวรรณ วังทะพันธ์ อายุ 28 ปี นายหน้าเครือข่ายเว็บพนัน เพื่อโอนเข้าบัญชีเว็บพนันออนไลน์เติมเครดิตใช้เล่นบาคาร่า ตรวจสอบเส้นเงินพบว่าตั้งแต่ปี 2564-2568 เงินบัญชีวัดถูกโอนออกหลายครั้ง รวมกว่า 300 ล้านบาท ส่วนเส้นเงินบัญชีเจ้าคุณแย้มกับบัญชีเว็บพนัน พบว่ามียอดโอนเข้า-ออกจากการได้และเสียไม่ต่ำกว่า 500 ล้านบาท เมื่อเงินในบัญชีวัดร่อยหรอ เจ้าคุณแย้มเริ่มหันไปยืมเงินพระผู้ใหญ่วัดอื่นๆ ที่สนิทสนมกัน เพื่อนำมาเล่นพนัน มีตั้งแต่หลักแสนบาท ถึงหลักล้านบาทต่อครั้ง ด้าน น.ส.อรัญญาวรรณ สีการุ่นเอ๊าะ ตรวจสอบเชิงลึกพบว่าเป็นเจ้าของบัญชีและดูแลเส้นเงินธุรกิจพนันออนไลน์ เมื่อปลายปี 2567 เคยถูกตำรวจไซเบอร์จับกุมหลังพัวพันเครือข่ายเว็บพนัน LAGALAXY911 ก่อนประกันตัวสู้คดี ล่าสุดตำรวจกองปราบปรามจับกุมที่บ้านพักในเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ฐานเป็นผู้สนับสนุนกระทำความผิด สำหรับวัดไร่ขิง พระอารามหลวง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำนครชัยศรี มีชื่อเสียงจากพระพุทธรูปหลวงพ่อวัดไร่ขิง มีนักท่องเที่ยวเข้ามากราบไหว้อย่างต่อเนื่อง แต่อีกด้านหนึ่งเป็นที่วิจารณ์ว่ามีเรื่องพุทธพาณิชย์ โดยเฉพาะค่าเช่าแผงค้างานประจำปีวัดไร่ขิง ปี 2565 แผงละ 120,000 บาท ปี 2566 พุ่งสูงถึงแผงละ 400,000 บาท ปี 2567 ย้ายมายังทำเลทองแผงละ 2,300,000 บาท และล่าสุดปลายปี 2567 แผงละ 1,500,000 บาท กลายเป็นที่เคลือบแคลงสงสัยบนโลกออนไลน์ กรณีวัดไร่ขิงเป็นเพียงยอดภูเขาน้ำแข็ง เพราะยังมีอีกหลายวัดในประเทศไทยที่มีลักษณะพุทธพาณิชย์ชัดเจน แต่ก็ยังมีคนไม่รู้ไปบูชาสักการะ และแก้บนด้วยของเซ่นไหว้สิ้นเปลืองมหาศาลอย่างต่อเนื่อง #Newskit
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1115 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ฉกข้อสอบ-แจ้งจับตำรวจ-เล่นบทกร้าวแต่พลาดจังหวะ ดร.นิด ก้าวพลาดซ้ำซ้อน เข้าทางแก๊งบิ๊กโจ๊กเต็ม ๆ คดีไม่จบ แถมจ่อโดนฟ้องกลับ…เข้าสู่เฟส ‘รับกรรมคนเดียว’ อย่างสมบูรณ์”

    #ฉกข้อสอบแจ้งจับตำรวจ #โกงสอบแก๊งบิ๊กโจ๊ก #แก๊งบิ๊กโจ๊ก #ตำรวจไซเบอร์ #สุรเชชษฐ์หักพาล #ขนิษฐาเลิศบรรเจิดวงศ์ #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    “ฉกข้อสอบ-แจ้งจับตำรวจ-เล่นบทกร้าวแต่พลาดจังหวะ ดร.นิด ก้าวพลาดซ้ำซ้อน เข้าทางแก๊งบิ๊กโจ๊กเต็ม ๆ คดีไม่จบ แถมจ่อโดนฟ้องกลับ…เข้าสู่เฟส ‘รับกรรมคนเดียว’ อย่างสมบูรณ์” #ฉกข้อสอบแจ้งจับตำรวจ #โกงสอบแก๊งบิ๊กโจ๊ก #แก๊งบิ๊กโจ๊ก #ตำรวจไซเบอร์ #สุรเชชษฐ์หักพาล #ขนิษฐาเลิศบรรเจิดวงศ์ #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1916 มุมมอง 17 0 รีวิว
  • 12 พฤษภาคม 2568-รายงานข่าวเนชั่นทีวีระบุว่า นายจุลภาส เครือโสภณ หรือ ทอม เครือโสภณ นักธุรกิจดัง ในฐานะกรรมการบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด พร้อมด้วยนายวิฑูรย์ เก่งงาน หรือทนายอ๋อง ในฐานะทนายความบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด แถลงข่าวเปิดโปงธุรกรรมผิดกฎหมาย หลังตรวจพบความเสี่ยงปกปิดข้อมูล ก่อนเข้าซื้อกิจการ โดยผู้บริหารชุดเก่าปล่อยให้เว็บพนันมาใช้บริการช่องทางการรับชำระเงินทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก พบเงินหมุนเวียนกว่า 10,000 ล้านบาท

    โดย นายวิฑูรย์ ทนายระบุว่า บริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด เป็นบริษัทจากทางอินโดนีเซียและอเมริกา เข้ามาลงทุนในไทย โดยมีการซื้อบริษัทแห่งหนึ่งที่ทำเกี่ยวกับ Payment Gateway เพื่อเอามาพัฒนาต่อ เนื่องจากหากเป็นบริษัทแม่จากต่างประเทศจะไม่มี license เป็นของตัวเอง การซื้อบริษัทจากไทยจึงง่ายกว่า ซึ่งบริษัทเรามีลักษณะเป็นบริษัทตัวกลางรับชำระเงิน ทำธุรกรรมในระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบ Payment Gateway

    และการลงทุนซื้อบริษัทดังกล่าว เกิดขึ้นในกลางปี 2565 โดยผู้บริหารของ บริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด เข้ามาบริหาร เมื่อปลายปี 2566 แต่ตอนนั้นยังเป็นชื่อเดิมและมีการเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด ในกุมภาพันธ์ปี 2567

    แต่ในระหว่างปลายปี 2566 ที่ผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาบริหาร ได้มีการตรวจพบธุรกรรมที่น่าสงสัยของลูกค้า 20 อันดับแรก จากนั้นจึงทำการตรวจสอบเชิงลึก และตรวจสอบเป็นลิงก์ URL จึงพบว่า เป็นธุรกิจเว็บพนันออนไลน์ และเว็บพนันไม่ใช่ธุรกิจที่ถูกกฎหมาย

    ซึ่งตรวจพบ URL กว่า 100 ร้านค้า พบเงินหมุนเวียนปีละ กว่า 10,000 ล้านบาท เป็นเว็บพนันจากในประเทศไทยทั้งหมด

    ทางบริษัท จึงได้ทำการไล่ ผู้บริหารชุดเก่า 2 คนออก จากนั้นผู้บริหารชุดเก่าจึงได้ไปฟ้องศาลแรงงานกับบริษัทในข้อหาผิดสัญญาจ้างและเลิกจ้างไม่เป็นธรรม จึงได้มีการต่อสู้คดีกัน โดยทางบริษัทส่งหลักฐานทางธุรกรรมที่ชี้ให้เห็นว่า มีการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งศาลพิพากษาว่า 2 ผู้บริหารเก่าทำผิดกฎหมายจริง และทำให้บริษัทเสียหาย แต่ศาลสั่งให้จ่ายโบนัสตามสัญญาจ้าง 300 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่า สัญญาจ้างไม่มีการระบุว่า จะไม่จ่ายเงินให้**กรณีมีการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย แม้ในกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะระบุไว้ว่าผิดก็ตาม ทางบริษัทจึงใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์

    นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทางบริษัท คือ บริษัทขาดความน่าเชื่อถือ และจะถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของบริษัทในวันอังคาร-ศุกร์ที่จะถึงนี้ เพราะไม่ใช่แค่เว็บพนันออนไลน์ แต่มีการกู้ยืมเงินออนไลน์ด้วย แต่ทางบริษัทยินดีให้มาดำเนินการตรวจสอบ

    นายวิฑูรย์ บอกอีกว่า สิ่งที่น่าตกใจกับบริษัท คือกรมบังคับคดี มีการอายัดเงินของลูกค้าบริษัท ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2568 มูลค่า 8 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 200-300 ล้านบาท จึงมีข้อสงสัยว่า ปกติแล้วมีการอายัดกันไวขนาดนี้เลยหรือ เพราะทำเรื่องอายัดวันที่ 30 เมษายน 2568 เวลา 12.44 น. หลังจากนั้นมีออกคำสั่งอายัดเวลา 13.00 น. และยังออกหมายการอายัดเงินไปยังธนาคารภายในวันเดียวกัน และส่งหมายผ่านทางไปรษณีย์มาที่บริษัทวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 จึงตั้งข้อสังเกตว่าทนายส่วนใหญ่ไม่เคยเจอสถานการณ์นี้มาก่อน ที่กระบวนการการออกหมายและอายัดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในวันเดียว

    โดยหลังจากนี้ทางบริษัท จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งมอบให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะไปยื่นให้กับตำรวจไซเบอร์ และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน

    ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน จะไปยื่นหลักฐานให้กับ ปปง. และประสานงาน เพื่อที่จะนำข้อมูลส่งไปให้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ในการตรวจสอบ เนื่องจากการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นเป็นการทำธุรกรรมที่ใหญ่ในประเทศไทย พร้อมยืนยันว่า ทางบริษัทจะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบทลายเครือข่ายเว็บพนันอย่างเต็มที่ พร้อมเน้นว่า เรื่องนี้ทำงานกันอย่างสนุกแน่นอน โดยหลังจากนี้จะไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับทางกรมบังคับคดีอีกด้วย

    นายทอม เครือโสภณ เปิดใจถึงความไม่ชอบมาพากลว่า ว่า ระหว่างการสู้คดี มีผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ พูดไปแล้วทุกคนรู้จัก และมีเสธ.ท่านหนึ่ง โทรศัพท์มาหาตนเอง ซึ่งรวมๆแล้วที่โทรมาหาตนเองมีมากกว่า 10 คน เป็นการโทรมาเจรจาขอให้ยุติเรื่องและจ่ายเงิน 300 ล้านบาท ให้กับ 2 ผู้บริหารชุดเก่าที่กระทำความผิด และกล่าวหาว่าตนเองทำไมถึงไปช่วยชาวต่างชาติ ตนเองจึงขอบอกเสธ.ที่โทรมาว่า “ผมไม่เล่นเกมนี้”

    สิ่งที่ตนยอมไม่ได้ เนื่องจากมีการกลั่นแกล้งลูกค้าของตนเอง โดยการส่งหมายอายัดบัญชีมา ทั้งๆที่รู้ว่าเรากำลังอุทธรณ์ จึงเป็นเหมือนการกลั่นแกล้งนักลงทุนที่จะมาลงทุนในประเทศไทย

    นอกจากนี้ในเรื่องของความสัมพันธ์ของ 2 ผู้บริหารชุดเก่ากับเสธ. ตนเองไม่ทราบว่าเป็นอะไรกัน แต่ในช่วงเวลานั้นใครที่น่าจะ เจรจากับตนเองได้ ก็คงจะให้คนระดับเดียวกันมาเจรจา

    “คุณมีผู้ใหญ่ผมก็มีผู้ใหญ่ คุณมีเสธผมมีนายพล ทุกคนที่โทรมาล็อบบี้ บอกผมว่าเดี๋ยวมีของขวัญให้คุณทอม โชคดีเมียพี่รวย ล็อบบี้คนผิดแล้ว“ นายทอม เครือโสภณ กล่าว

    ทั้งนี้ การออกมาแถลงข่าว แม้จะเกิดความเสียหายเป็นหมื่นล้าน แต่บริษัท ตัดสินใจแล้วว่า จะจ่ายเงินให้กับลูกค้าแทนที่ถูกอายัดบัญชี เองจำนวนกว่า 10,000 ราย จะต้องควักเงินตัวเองเพื่อประเทศชาติ เพราะบริษัทต้องการเป็นบริษัทที่โปร่งใส และมองว่า การทำแบบนี้ทำให้ประเทศชาติเสียผลประโยชน์

    ดังนั้น ตนเองในฐานะผู้บริหารของบริษัท อยากจะเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีความเข้มงวดและปราบปรามบริษัท Payment Gateway ของรายอื่นที่รับโอนเงินจาก เว็บพนันอย่างจริงจัง เพราะเชื่อว่าเงินหมุนเวียนหลักหมื่นล้านที่เป็นเงินจากเว็บพนัน จะหมุนเวียนไปใช้บริษัท Payment Gateway ของบริษัทอื่นแน่นอน

    ส่วนกรณีที่ 2 ผู้บริหารชุดเก่าจะอ้างว่าไม่ทราบมาก่อนว่ามีลูกค้าเป็นเว็บพนันออนไลน์ เรื่องนี้ นายยศกร เหล่าโชติธนกุล ทีมทนายความ ระบุด้วยว่า เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเป็นผู้บริหาร ก็ต้องรู้ฐานลูกค้าอยู่เเล้ว และก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ทำหนังสือเตือนถึงผู้บริหารชุดเก่าให้ปรับเปลี่ยนการบริหาร และปรับเปลี่ยนการดำเนินการหลายอย่าง เพราะเป็นไปตามกฎระเบียบ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้บริหารชุดเก่ามีความหละหลวมในการบริหารงาน
    12 พฤษภาคม 2568-รายงานข่าวเนชั่นทีวีระบุว่า นายจุลภาส เครือโสภณ หรือ ทอม เครือโสภณ นักธุรกิจดัง ในฐานะกรรมการบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด พร้อมด้วยนายวิฑูรย์ เก่งงาน หรือทนายอ๋อง ในฐานะทนายความบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด แถลงข่าวเปิดโปงธุรกรรมผิดกฎหมาย หลังตรวจพบความเสี่ยงปกปิดข้อมูล ก่อนเข้าซื้อกิจการ โดยผู้บริหารชุดเก่าปล่อยให้เว็บพนันมาใช้บริการช่องทางการรับชำระเงินทางออนไลน์เป็นจำนวนมาก พบเงินหมุนเวียนกว่า 10,000 ล้านบาท โดย นายวิฑูรย์ ทนายระบุว่า บริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด เป็นบริษัทจากทางอินโดนีเซียและอเมริกา เข้ามาลงทุนในไทย โดยมีการซื้อบริษัทแห่งหนึ่งที่ทำเกี่ยวกับ Payment Gateway เพื่อเอามาพัฒนาต่อ เนื่องจากหากเป็นบริษัทแม่จากต่างประเทศจะไม่มี license เป็นของตัวเอง การซื้อบริษัทจากไทยจึงง่ายกว่า ซึ่งบริษัทเรามีลักษณะเป็นบริษัทตัวกลางรับชำระเงิน ทำธุรกรรมในระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือระบบ Payment Gateway และการลงทุนซื้อบริษัทดังกล่าว เกิดขึ้นในกลางปี 2565 โดยผู้บริหารของ บริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด เข้ามาบริหาร เมื่อปลายปี 2566 แต่ตอนนั้นยังเป็นชื่อเดิมและมีการเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท เซ็นดิท เทค จำกัด ในกุมภาพันธ์ปี 2567 แต่ในระหว่างปลายปี 2566 ที่ผู้บริหารชุดใหม่เข้ามาบริหาร ได้มีการตรวจพบธุรกรรมที่น่าสงสัยของลูกค้า 20 อันดับแรก จากนั้นจึงทำการตรวจสอบเชิงลึก และตรวจสอบเป็นลิงก์ URL จึงพบว่า เป็นธุรกิจเว็บพนันออนไลน์ และเว็บพนันไม่ใช่ธุรกิจที่ถูกกฎหมาย ซึ่งตรวจพบ URL กว่า 100 ร้านค้า พบเงินหมุนเวียนปีละ กว่า 10,000 ล้านบาท เป็นเว็บพนันจากในประเทศไทยทั้งหมด ทางบริษัท จึงได้ทำการไล่ ผู้บริหารชุดเก่า 2 คนออก จากนั้นผู้บริหารชุดเก่าจึงได้ไปฟ้องศาลแรงงานกับบริษัทในข้อหาผิดสัญญาจ้างและเลิกจ้างไม่เป็นธรรม จึงได้มีการต่อสู้คดีกัน โดยทางบริษัทส่งหลักฐานทางธุรกรรมที่ชี้ให้เห็นว่า มีการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย ซึ่งศาลพิพากษาว่า 2 ผู้บริหารเก่าทำผิดกฎหมายจริง และทำให้บริษัทเสียหาย แต่ศาลสั่งให้จ่ายโบนัสตามสัญญาจ้าง 300 ล้านบาท โดยให้เหตุผลว่า สัญญาจ้างไม่มีการระบุว่า จะไม่จ่ายเงินให้**กรณีมีการทำธุรกรรมที่ผิดกฎหมาย แม้ในกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ จะระบุไว้ว่าผิดก็ตาม ทางบริษัทจึงใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ นายวิฑูรย์ กล่าวต่อว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นกับทางบริษัท คือ บริษัทขาดความน่าเชื่อถือ และจะถูกสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน หรือ ปปง. ตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของบริษัทในวันอังคาร-ศุกร์ที่จะถึงนี้ เพราะไม่ใช่แค่เว็บพนันออนไลน์ แต่มีการกู้ยืมเงินออนไลน์ด้วย แต่ทางบริษัทยินดีให้มาดำเนินการตรวจสอบ นายวิฑูรย์ บอกอีกว่า สิ่งที่น่าตกใจกับบริษัท คือกรมบังคับคดี มีการอายัดเงินของลูกค้าบริษัท ตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2568 มูลค่า 8 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 200-300 ล้านบาท จึงมีข้อสงสัยว่า ปกติแล้วมีการอายัดกันไวขนาดนี้เลยหรือ เพราะทำเรื่องอายัดวันที่ 30 เมษายน 2568 เวลา 12.44 น. หลังจากนั้นมีออกคำสั่งอายัดเวลา 13.00 น. และยังออกหมายการอายัดเงินไปยังธนาคารภายในวันเดียวกัน และส่งหมายผ่านทางไปรษณีย์มาที่บริษัทวันที่ 1 พฤษภาคม 2568 จึงตั้งข้อสังเกตว่าทนายส่วนใหญ่ไม่เคยเจอสถานการณ์นี้มาก่อน ที่กระบวนการการออกหมายและอายัดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วภายในวันเดียว โดยหลังจากนี้ทางบริษัท จะรวบรวมข้อมูลทั้งหมดส่งมอบให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยจะไปยื่นให้กับตำรวจไซเบอร์ และ กองบังคับการปราบปรามการกระทำผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ บก.ปอท. ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับเว็บพนัน ส่วนที่เกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน จะไปยื่นหลักฐานให้กับ ปปง. และประสานงาน เพื่อที่จะนำข้อมูลส่งไปให้ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ ในการตรวจสอบ เนื่องจากการทำธุรกรรมที่เกิดขึ้นเป็นการทำธุรกรรมที่ใหญ่ในประเทศไทย พร้อมยืนยันว่า ทางบริษัทจะให้ความร่วมมือในการตรวจสอบทลายเครือข่ายเว็บพนันอย่างเต็มที่ พร้อมเน้นว่า เรื่องนี้ทำงานกันอย่างสนุกแน่นอน โดยหลังจากนี้จะไปยื่นหนังสือขอความเป็นธรรมกับทางกรมบังคับคดีอีกด้วย นายทอม เครือโสภณ เปิดใจถึงความไม่ชอบมาพากลว่า ว่า ระหว่างการสู้คดี มีผู้ใหญ่ที่มีชื่อเสียงระดับประเทศ พูดไปแล้วทุกคนรู้จัก และมีเสธ.ท่านหนึ่ง โทรศัพท์มาหาตนเอง ซึ่งรวมๆแล้วที่โทรมาหาตนเองมีมากกว่า 10 คน เป็นการโทรมาเจรจาขอให้ยุติเรื่องและจ่ายเงิน 300 ล้านบาท ให้กับ 2 ผู้บริหารชุดเก่าที่กระทำความผิด และกล่าวหาว่าตนเองทำไมถึงไปช่วยชาวต่างชาติ ตนเองจึงขอบอกเสธ.ที่โทรมาว่า “ผมไม่เล่นเกมนี้” สิ่งที่ตนยอมไม่ได้ เนื่องจากมีการกลั่นแกล้งลูกค้าของตนเอง โดยการส่งหมายอายัดบัญชีมา ทั้งๆที่รู้ว่าเรากำลังอุทธรณ์ จึงเป็นเหมือนการกลั่นแกล้งนักลงทุนที่จะมาลงทุนในประเทศไทย นอกจากนี้ในเรื่องของความสัมพันธ์ของ 2 ผู้บริหารชุดเก่ากับเสธ. ตนเองไม่ทราบว่าเป็นอะไรกัน แต่ในช่วงเวลานั้นใครที่น่าจะ เจรจากับตนเองได้ ก็คงจะให้คนระดับเดียวกันมาเจรจา “คุณมีผู้ใหญ่ผมก็มีผู้ใหญ่ คุณมีเสธผมมีนายพล ทุกคนที่โทรมาล็อบบี้ บอกผมว่าเดี๋ยวมีของขวัญให้คุณทอม โชคดีเมียพี่รวย ล็อบบี้คนผิดแล้ว“ นายทอม เครือโสภณ กล่าว ทั้งนี้ การออกมาแถลงข่าว แม้จะเกิดความเสียหายเป็นหมื่นล้าน แต่บริษัท ตัดสินใจแล้วว่า จะจ่ายเงินให้กับลูกค้าแทนที่ถูกอายัดบัญชี เองจำนวนกว่า 10,000 ราย จะต้องควักเงินตัวเองเพื่อประเทศชาติ เพราะบริษัทต้องการเป็นบริษัทที่โปร่งใส และมองว่า การทำแบบนี้ทำให้ประเทศชาติเสียผลประโยชน์ ดังนั้น ตนเองในฐานะผู้บริหารของบริษัท อยากจะเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ มีความเข้มงวดและปราบปรามบริษัท Payment Gateway ของรายอื่นที่รับโอนเงินจาก เว็บพนันอย่างจริงจัง เพราะเชื่อว่าเงินหมุนเวียนหลักหมื่นล้านที่เป็นเงินจากเว็บพนัน จะหมุนเวียนไปใช้บริษัท Payment Gateway ของบริษัทอื่นแน่นอน ส่วนกรณีที่ 2 ผู้บริหารชุดเก่าจะอ้างว่าไม่ทราบมาก่อนว่ามีลูกค้าเป็นเว็บพนันออนไลน์ เรื่องนี้ นายยศกร เหล่าโชติธนกุล ทีมทนายความ ระบุด้วยว่า เป็นไปไม่ได้ เนื่องจากเป็นผู้บริหาร ก็ต้องรู้ฐานลูกค้าอยู่เเล้ว และก่อนหน้านี้ธนาคารแห่งประเทศไทยได้ทำหนังสือเตือนถึงผู้บริหารชุดเก่าให้ปรับเปลี่ยนการบริหาร และปรับเปลี่ยนการดำเนินการหลายอย่าง เพราะเป็นไปตามกฎระเบียบ ซึ่งชี้ให้เห็นว่าผู้บริหารชุดเก่ามีความหละหลวมในการบริหารงาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1045 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อัยการดาว” เข้าแจ้งความตำรวจไซเบอร์ หลังมารดาถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้โอนเงินสูญกว่า 7 แสนบาท

    วันนี้ (12 พ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ อัยการผู้เชี่ยวชาญสำนักงานคดียาเสพติด หรือ “อัยการดาว” อัยการมือทำคดีเเตงโม ดาราสาวชื่อดังตกเรือเสียชีวิต เมื่อครั้งนั่งตำเเหน่งอัยการจังหวัดนนทบุรี ได้รับมอบอำนาจจากมารดาเข้าเเจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บช.สอท.ให้ดำเนินคดีกับขบวนการ แก๊งคอลเซนเตอร์ซึ่งหลอกลวงมารดาของตนที่มีอายุเกือบ 80 ปี โดยมีพฤติการณ์เข้ามาตีสนิทในโลกออนไลน์หลอกให้โอนเงินในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียง 4-5 วัน ให้มีการโอนเงินจำนวนหลายสิบครั้งจนหมดยอดเงินถึง 7 เเสนกว่าบาทเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000044344

    #MGROnline #อัยการดาว #ตำรวจไซเบอร์
    “อัยการดาว” เข้าแจ้งความตำรวจไซเบอร์ หลังมารดาถูกแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวงให้โอนเงินสูญกว่า 7 แสนบาท • วันนี้ (12 พ.ค.) ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) น.ส.สุภาภรณ์ นิปวณิชย์ อัยการผู้เชี่ยวชาญสำนักงานคดียาเสพติด หรือ “อัยการดาว” อัยการมือทำคดีเเตงโม ดาราสาวชื่อดังตกเรือเสียชีวิต เมื่อครั้งนั่งตำเเหน่งอัยการจังหวัดนนทบุรี ได้รับมอบอำนาจจากมารดาเข้าเเจ้งความต่อพนักงานสอบสวน บช.สอท.ให้ดำเนินคดีกับขบวนการ แก๊งคอลเซนเตอร์ซึ่งหลอกลวงมารดาของตนที่มีอายุเกือบ 80 ปี โดยมีพฤติการณ์เข้ามาตีสนิทในโลกออนไลน์หลอกให้โอนเงินในช่วงระยะเวลาสั้นๆ เพียง 4-5 วัน ให้มีการโอนเงินจำนวนหลายสิบครั้งจนหมดยอดเงินถึง 7 เเสนกว่าบาทเมื่อช่วงปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000044344 • #MGROnline #อัยการดาว #ตำรวจไซเบอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 543 มุมมอง 0 รีวิว
  • ป่อง สายไหม เข้าพบตำรวจไซเบอร์แล้ว ยืนยันมีอาชีพนักPนัน แต่ไม่ได้โปรโมทเว็บ มีคนเอาเสื้อ888 มาให้ใส่ แต่เว็บเค้าประกาศเองนะว่า ยกเลิกให้เมิงเป็นพรีเซ็นเตอร์ ปากไวมือไว ก็จบเห่ก่อนลูกนายกเบี้ยวซะอีก
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ป่องสายไหม
    #สปสายไหม
    ป่อง สายไหม เข้าพบตำรวจไซเบอร์แล้ว ยืนยันมีอาชีพนักPนัน แต่ไม่ได้โปรโมทเว็บ มีคนเอาเสื้อ888 มาให้ใส่ แต่เว็บเค้าประกาศเองนะว่า ยกเลิกให้เมิงเป็นพรีเซ็นเตอร์ ปากไวมือไว ก็จบเห่ก่อนลูกนายกเบี้ยวซะอีก #คิงส์โพธิ์แดง #ป่องสายไหม #สปสายไหม
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 543 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกมบงการ! บิ๊กโจ๊กส่งคนอุ้ม ‘ดร.นิด’ กลางโรงพัก หวังพลิกคดีโกงสอบ ด้วยแผนแจ้งความสวนตำรวจไซเบอร์

    #แก๊งบิ๊กโจ๊กเหิมเกริม #บุกโรงพักอุ้มด็อกเตอร์นิด #คดีโกงสอบ #ตำรวจไซเบอร์ #บิ๊กโจ๊ก #สุรเชชษฐ์หักพาล #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    เกมบงการ! บิ๊กโจ๊กส่งคนอุ้ม ‘ดร.นิด’ กลางโรงพัก หวังพลิกคดีโกงสอบ ด้วยแผนแจ้งความสวนตำรวจไซเบอร์ #แก๊งบิ๊กโจ๊กเหิมเกริม #บุกโรงพักอุ้มด็อกเตอร์นิด #คดีโกงสอบ #ตำรวจไซเบอร์ #บิ๊กโจ๊ก #สุรเชชษฐ์หักพาล #Sondhix #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิฯ
    Like
    Sad
    Angry
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1840 มุมมอง 56 0 รีวิว
  • “ดร.นิด” ส่งทนายแจ้งความกับตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง เอาผิดตำรวจไซเบอร์ อ้างว่าสอบสวนไม่เป็นธรรม คดีลักข้อสอบนิติศาสตร์ จุฬาฯ ให้อดีตบิ๊กตำรวจ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนรับเรื่องไว้เตรียมส่ง ป.ป.ช.ต่อไป

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000040861

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “ดร.นิด” ส่งทนายแจ้งความกับตำรวจ สน.ทุ่งสองห้อง เอาผิดตำรวจไซเบอร์ อ้างว่าสอบสวนไม่เป็นธรรม คดีลักข้อสอบนิติศาสตร์ จุฬาฯ ให้อดีตบิ๊กตำรวจ เบื้องต้นพนักงานสอบสวนรับเรื่องไว้เตรียมส่ง ป.ป.ช.ต่อไป อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000040861 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 964 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts