• แรงหนุนกลุ่มธนาคาร 16/10/68 #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #กลุ่มธนาคาร #นักลงทุน
    แรงหนุนกลุ่มธนาคาร 16/10/68 #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #กลุ่มธนาคาร #นักลงทุน
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 0 Reviews
  • แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 13
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3”
    ตอนที่ 13

    ส่วนกองกำลังนอกระบบนั้น เป็นเรื่องน่าสนใจอย่างยิ่ง เริ่มมีมาตั้งแต่หลังสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ทหารเกณฑ์ทั้งหลาย โดยเฉพาะจากอังกฤษและแถบยุโรป เมื่อปลดประจำการ แต่ยังติดใจรสชาติการต่อสู้อยู่ ก็พากันไปเป็นทหารรับจ้าง Mercenaries ในแถบอาฟริกา และเมืองต่างๆที่เคยเป็นอาณานิคม และดิ้นรนที่จะให้หลุดพ้นจากการปกครอง ของพวกนักล่าอาณานิคม

    หลังสงครามเย็นเลิก และเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย ในปี ค.ศ.1991 เป็นต้นมา บรรดารัฐต่างๆ ที่เคยเป็นสมาชิกของสหภาพโซเวียต ต่างประกาศตัวเป็นอิสระ ขณะเดียวกับที่อเมริกา ก็เข้าไปแทรกแซงในการต่อสู้เพื่อเป็นอิสระของรัฐเหล่านั้น อเมริกาไม่ใช้กองทัพของตนเข้าไปทั้งหมด แต่ว่าจ้างให้กลุ่มนักรบเข้าไป ทำการแทน ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของพวก Contractors ซึ่งทำหน้าที่ไม่ต่างกับ Mercenaries นัก และเมื่อมีการเข้าไปสำรวจ ขุดเจาะ ทรัพยากรในตะวันออกกลาง อาฟริกา ลาตินอเมริกา ฯลฯ พวกที่เข้าไปสำรวจ ก็จ้างนักรบเข้าไปดูแลทรัพย์สินและเจ้าหน้าที่ของตนด้วย Contractors จึงมีอีกชื่อหนึ่ง เรียกกันว่า Private Military Contractors หรือ (PMC) หรือ Private Security Contractors (PSC)

    สำหรับอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลคาวบอย Bush, Clinton รวมถึง Obama ล้วนใช้บริการของ Contractors ทั้งสิ้น และที่น่าสนใจ สหประชาชาติเอง ในการส่งกองกำลังของสหประชาชาติ ไปดูแลความสงบในประเทศใดๆ ที่อ้างว่ามีทหารจากประเทศสมาชิกส่งไปนั้น ของจริงมีจำนวนน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นพวก Contractors ทั้งสิ้น โดยเฉพาะประเทศที่มีการปะทะกันรุนแรง

    อเมริกาเลือกใช้บริการของ Contractors เพื่อหลีกเลี่ยงการแถลงความจริงต่อสภาสูง เนื่องจากการส่งกองทัพไปประจำที่ใด ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาสูง และที่สำคัญ การใช้ Contractors มี ความคล่องตัวในการย้ายกองกำลังและทุนที่ใช้ โดยใช้ผ่านงบลับต่างๆ ซึ่งอเมริกาชำนาญการเดินเรื่องแบบสีเทาใต้โต๊ะเช่นนี้อยู่แล้ว และหากมีปัญหาอะไร การเก็บกวาดง่ายกว่าเป็นกองทัพ

    อเมริกาส่งกองกำลัง Contractors ไปทุกแห่ง ทั้งแถบอดีตสหภาพโซเวียต อาฟริกา ลาติน อาฟกานิสถาน เอเซีย ตะวันออกกลาง สำหรับตะวันออกกลางนั้น มีรายงานบอกว่า เมื่อสมัยทำสงครามอ่าว อัตราส่วนระหว่างพลประจำกองทัพ กับพวก Contractors ประมาณ 1:50 แต่เมื่ออเมริกาเข้าไปปฏิบัติการในอิรัก และอาฟกานิสถาน จำนวนของ Contractors มีจำนวนมากกว่า จำนวนทหารในกองทัพเสียอีก !
    ช่วงอเมริกาขยิ้อิรัก เขาว่าบริษัท Contractors งอก ขึ้นมาเป็นร้อย ในช่วงสูงสุดใช้ถึง 500 บริษัท มีทั้งบริษัทใหญ่ บริษัทย่อยและเป็นที่รู้กันว่า ในการรบ ปะทะ ยึดเมือง ทั้งหมด เกือบทุกรายการของอเมริกา ใช้ Contractors เป็นหัวเจาะนำเข้าไปก่อน และคุมพื้นที่ให้จนเรียบร้อย กองทัพตัวจริงจึงเข้ามา ดังนั้นความใหญ่ กร่าง และราคาของ Contractors จึงสูงขึ้นตามไปด้วย

    Contractors ส่วน ใหญ่ มีคนในรัฐบาลอเมริกันนั่นแหละ เป็นผู้มีส่วนจัดตั้ง ดูแล ส่งงานให้ และเป็นลูกพี่คุ้มหัวให้อีกต่อ เป็นธุรกิจมืดที่โด่งดัง มีอิทธิพล และราคาสูงจนน่าตกใจของอเมริกา

    Contractors ระดับ เจ้าพ่อของอเมริกา ที่สามารถระดมพลได้เป็นเรือนแสน และรับงานได้ทุกระดับความอันตราย ทุกพื้นที่ และเป็นเรื่องที่เป็นความลับสุดยอด ที่โด่งดัง มีอยู่ไม่เกิน 5 บริษัท หนึ่งในนั้นคือ Blackwater !

    ผมเคยเล่าเรื่อง Blackwater ให้ฟังกันประมาณกลางปีนี้ ในบทความนิทาน “หวังว่าเป็นเพียงข่าวลือ” สำหรับท่านที่ยังไม่เคยอ่าน หรือจำไม่ได้ ผมจะทบทวนให้ฟังเล็กน้อย

    Blackwater ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ.1997 โดยนาย Eric Prince ลูกเศรษฐีที่ชอบการต่อสู้ เขาเป็นอดีตนาวิกโยธิน และประจำหน่วย Seal ฝีมือดีของกองทัพอเมริกา Blackwater รับงานระดับจัดหนัก hardcore ทั้งสิ้น เช่น ปฎิบัติการที่ อาฟกานิสถาน อิรัก ลิเบีย ฯลฯ การเก็บผู้ก่อการร้ายสำคัญ ล้วนเป็นฝีมือของพวก Blackwater เป็นส่วนมาก ค่าจ้างของ Blackwater เป็นหลักพันล้านเหรียญขึ้นไป ธุรกิจของ Blackwaterไปได้สวยและโด่งดังมาก จน Blackwater ไปสะดุดหัวแม่เท้าของใครไม่ทราบ ปี ค.ศ.2009 ลูกน้องของเขาถูกจับและถูกสอบสวน กรณีทำให้ชาวบ้านตายที่อิรัก ส่วนตัวนาย Prince ถูกเล่นงานด้วยข้อหาหนีภาษี

    ข่าวบอกว่า Eric Prince ขายหุ้นใน Blackwater ทิ้งในปี ค.ศ.2010 และตัวเขาหลบไปอยู่ที่ Abu Dhabi บ้างก็ว่าไปอยู่ฮ่องกง ส่วน Blackwater เปลี่ยนผู้บริหารและเปลี่ยนชื่อเป็น Academi

    แต่นาย Eric Prince ไม่ได้ทิ้งงาน Contractors ไปจริงๆหรอก มีข่าวว่า เขาเข้าไปทำธุรกิจที่อาฟริกา ตั้งบริษัทใหม่ชื่อ Frontier Resource Group อ้างว่าเป็นการลงทุนด้าน infrastructure ใน อาฟริการ่วมกับบริษัทจีน แถบซูดาน คองโก และไนจีเรีย จริงๆก็คือไปดูแลธุรกิจของจีน และนักลงทุนจีน ที่เข้าไปอยู่กันเต็มในอาฟริกา ตั้งแต่ปี คศ 2000 เป็นต้นมา
    หลังจากนั้นก็มีข่าวทยอยมาอีกว่า Frontier ไม่ ได้รับงานแค่ 3 ประเทศ แต่ดูแลไปถึง เคนยา, แองโกลา, เอธิโอเปีย, แทนซาเนีย, ยูกานดา, พิทแลนด์ ซึ่งเป็นรัฐอิสระอยู่ในโซมาเลีย ก็เกือบหมดอาฟริกานั่นแหละ !

    ที่อาฟริกา Frontier ของนาย Eric Prince ทำงานร่วมกับ Contractors ระดับเจ้าพ่ออีกรายชื่อ บริษัท Saracen ซึ่งมีสำนักงานอยู่หลายแห่ง เช่นที่ South Africa และ Lebanon เจ้าของ Saracenเป็นใคร ข้อมูลบางรายบอกว่าเป็นของนาย Lafras Luitingh บ้าง บางรายก็บอกว่านาย Luitingh ก็เป็นคู่หูของนาย Eric Prince นั่นแหละ

    Saracen มีฐานสำคัญอยู่อีก 2 ที่ ที่หนึ่งคือ Somalia อีกที่หนึ่งคือ Kosovo ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Poland ลองเดาดูกันมั่งครับ ว่ามีความหมายอย่างไร

    ท่านผู้อ่านคงสงสัย ผมเล่าเรื่องนาย Eric Prince และ Frontier กับ Saracen ทำไมยืดยาว

    เมื่อวันที่ 14 มกราคม ค.ศ.2014 South China Morning Post ลงข่าวแบบไม่ตีปีบว่า หุ้น DVN Holding ซึ่งมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือนายJohnson Ko Chun-shun และ Citic Group ซึ่งเป็นของรัฐบาลจีน ทะยานขึ้น 7.3% ตั้งแต่มีการตั้งนาย Eric Prince อดีตเจ้าของบริษัท Blackwater ที่อื้อฉาวเป็นประธานบริษัท DVN ยังให้ สิทธิ Option ในการซื้อหุ้นแก่นาย Eric อีกด้วย DVN เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง !

    เรื่องนี้คงไม่เป็นแค่ข่าวลือ เพราะ South China ลงข่าวอย่างเป็นทางการ

    และหลังจากนั้นประมาณ 6 เดือน วันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ.2014 ก็มีการแถลงข่าวที่อเมริกาว่า Academi (ชื่อใหม่ของ Blackwater ที่นาย Prince อ้างว่า ขายไปแล้ว) และบริษัท Contractors อีก 5 บริษัท ได้ควบรวมกับ Triple Canopy และตั้งเป็นบริษัท Contractors ที่ใหญ่ที่สุดในโลกชื่อ Constellis Holding ถือเป็นข่าวสะท้านวงการของพวกกองกำลังนอกระบบ และเสทือนไปถึงกองกำลังในระบบของอเมริกา !

    ในวงการเขาเล่ากันว่า นาย Eric Prince นั้นคุมกองกำลังพวก Contractors ประมาณ 30 % ของ Contractors ทั้งหมด ส่วน Constellis คุมอีก 40% ที่เหลือน่าจะเป็นของ Dyn Corp (ซึ่งเป็นของพวกทหาร ที่ออกมาจากหน่วย Special Force เป็นส่วนใหญ่ กลุ่มนี้ เป็นรุ่นแรกที่เป็นนักรบรับจ้างตั้งแต่สมัยสงครามเย็น โดยเข้าไปใน Bosnia, Kosovo) และบริษัทรายย่อย

    สำหรับนาย Eric Prince คงชัดเจนว่าแปรพักตร์ไปเรียบร้อยแล้วจากอเมริกา เขาเป็นผู้ชำนาญการแถบตะวันออกกลาง ถ้าดูระยะเวลาเมื่อดอก ISIS บาน ที่อิรักเมื่อกลางปี ค.ศ.2014 และพวกเสี่ยน้ำมันตะวันออกกลางกลุ่มซาอุดิ พยายามกดดันให้อเมริกาส่งกองกำลังไปจัดการ คงพอเป็นคำตอบได้ว่า อเมริกาจะเอากองกำลังนอกระบบที่ไหน ที่จะเข้าไปไล่จับ ISIS ในตะวันออกกลาง อย่างน้อยกองกำลังนอกระบบก็หายไปแล้ว 30% ที่เหลืออยู่ใช่ว่าจะอยู่ว่างๆเดินเล่น ต่างก็อาจติดภาระกิจที่ทำสัญญากันไว้แล้ว

    และถ้าปรากฏว่า Constellis Holding นั้น ก็ย้ายมาอยู่ฝั่งเดียวกับนาย Eric Prince ด้วย แล้ว อเมริกาคงเหนื่อยแน่ ดูจากสีหน้าอันโทรมจัดของนายโอบามา ระยะหลัง โดยเฉพาะเมื่อไปโผล่หน้าที่แดนมังกร ฝืนยิ้มได้ฝืดตลอดรายการ ก็เกือบจะเชื่อแล้วว่ามีการย้ายฝั่งกันจริง นายโอบามาคงจะเดินเสียวสันหลังตลอดเวลาที่อยู่แดนมังกร ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง อเมริกาจะแก้เกมอันนี้อย่างไรล่ะ ก็ต้องพึ่งกองกำลังในระบบคือกองทัพอย่างเดียว มิน่าเล่า นาย Chuck Hagel รัฐมนตรีกลาโหม ถึงได้ร้องเพลงถอยดีกว่า ไม่เอาดีกว่า ไม่ต้องให้นายโอบามาบีบหรอกครับ

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    6 ธค. 2557
    แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 13 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3” ตอนที่ 13 ส่วนกองกำลังนอกระบบนั้น เป็นเรื่องน่าสนใจอย่างยิ่ง เริ่มมีมาตั้งแต่หลังสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ทหารเกณฑ์ทั้งหลาย โดยเฉพาะจากอังกฤษและแถบยุโรป เมื่อปลดประจำการ แต่ยังติดใจรสชาติการต่อสู้อยู่ ก็พากันไปเป็นทหารรับจ้าง Mercenaries ในแถบอาฟริกา และเมืองต่างๆที่เคยเป็นอาณานิคม และดิ้นรนที่จะให้หลุดพ้นจากการปกครอง ของพวกนักล่าอาณานิคม หลังสงครามเย็นเลิก และเมื่อสหภาพโซเวียตล่มสลาย ในปี ค.ศ.1991 เป็นต้นมา บรรดารัฐต่างๆ ที่เคยเป็นสมาชิกของสหภาพโซเวียต ต่างประกาศตัวเป็นอิสระ ขณะเดียวกับที่อเมริกา ก็เข้าไปแทรกแซงในการต่อสู้เพื่อเป็นอิสระของรัฐเหล่านั้น อเมริกาไม่ใช้กองทัพของตนเข้าไปทั้งหมด แต่ว่าจ้างให้กลุ่มนักรบเข้าไป ทำการแทน ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของพวก Contractors ซึ่งทำหน้าที่ไม่ต่างกับ Mercenaries นัก และเมื่อมีการเข้าไปสำรวจ ขุดเจาะ ทรัพยากรในตะวันออกกลาง อาฟริกา ลาตินอเมริกา ฯลฯ พวกที่เข้าไปสำรวจ ก็จ้างนักรบเข้าไปดูแลทรัพย์สินและเจ้าหน้าที่ของตนด้วย Contractors จึงมีอีกชื่อหนึ่ง เรียกกันว่า Private Military Contractors หรือ (PMC) หรือ Private Security Contractors (PSC) สำหรับอเมริกา ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลคาวบอย Bush, Clinton รวมถึง Obama ล้วนใช้บริการของ Contractors ทั้งสิ้น และที่น่าสนใจ สหประชาชาติเอง ในการส่งกองกำลังของสหประชาชาติ ไปดูแลความสงบในประเทศใดๆ ที่อ้างว่ามีทหารจากประเทศสมาชิกส่งไปนั้น ของจริงมีจำนวนน้อยมาก ส่วนใหญ่จะเป็นพวก Contractors ทั้งสิ้น โดยเฉพาะประเทศที่มีการปะทะกันรุนแรง อเมริกาเลือกใช้บริการของ Contractors เพื่อหลีกเลี่ยงการแถลงความจริงต่อสภาสูง เนื่องจากการส่งกองทัพไปประจำที่ใด ต้องได้รับความเห็นชอบจากสภาสูง และที่สำคัญ การใช้ Contractors มี ความคล่องตัวในการย้ายกองกำลังและทุนที่ใช้ โดยใช้ผ่านงบลับต่างๆ ซึ่งอเมริกาชำนาญการเดินเรื่องแบบสีเทาใต้โต๊ะเช่นนี้อยู่แล้ว และหากมีปัญหาอะไร การเก็บกวาดง่ายกว่าเป็นกองทัพ อเมริกาส่งกองกำลัง Contractors ไปทุกแห่ง ทั้งแถบอดีตสหภาพโซเวียต อาฟริกา ลาติน อาฟกานิสถาน เอเซีย ตะวันออกกลาง สำหรับตะวันออกกลางนั้น มีรายงานบอกว่า เมื่อสมัยทำสงครามอ่าว อัตราส่วนระหว่างพลประจำกองทัพ กับพวก Contractors ประมาณ 1:50 แต่เมื่ออเมริกาเข้าไปปฏิบัติการในอิรัก และอาฟกานิสถาน จำนวนของ Contractors มีจำนวนมากกว่า จำนวนทหารในกองทัพเสียอีก ! ช่วงอเมริกาขยิ้อิรัก เขาว่าบริษัท Contractors งอก ขึ้นมาเป็นร้อย ในช่วงสูงสุดใช้ถึง 500 บริษัท มีทั้งบริษัทใหญ่ บริษัทย่อยและเป็นที่รู้กันว่า ในการรบ ปะทะ ยึดเมือง ทั้งหมด เกือบทุกรายการของอเมริกา ใช้ Contractors เป็นหัวเจาะนำเข้าไปก่อน และคุมพื้นที่ให้จนเรียบร้อย กองทัพตัวจริงจึงเข้ามา ดังนั้นความใหญ่ กร่าง และราคาของ Contractors จึงสูงขึ้นตามไปด้วย Contractors ส่วน ใหญ่ มีคนในรัฐบาลอเมริกันนั่นแหละ เป็นผู้มีส่วนจัดตั้ง ดูแล ส่งงานให้ และเป็นลูกพี่คุ้มหัวให้อีกต่อ เป็นธุรกิจมืดที่โด่งดัง มีอิทธิพล และราคาสูงจนน่าตกใจของอเมริกา Contractors ระดับ เจ้าพ่อของอเมริกา ที่สามารถระดมพลได้เป็นเรือนแสน และรับงานได้ทุกระดับความอันตราย ทุกพื้นที่ และเป็นเรื่องที่เป็นความลับสุดยอด ที่โด่งดัง มีอยู่ไม่เกิน 5 บริษัท หนึ่งในนั้นคือ Blackwater ! ผมเคยเล่าเรื่อง Blackwater ให้ฟังกันประมาณกลางปีนี้ ในบทความนิทาน “หวังว่าเป็นเพียงข่าวลือ” สำหรับท่านที่ยังไม่เคยอ่าน หรือจำไม่ได้ ผมจะทบทวนให้ฟังเล็กน้อย Blackwater ก่อตั้งเมื่อ ค.ศ.1997 โดยนาย Eric Prince ลูกเศรษฐีที่ชอบการต่อสู้ เขาเป็นอดีตนาวิกโยธิน และประจำหน่วย Seal ฝีมือดีของกองทัพอเมริกา Blackwater รับงานระดับจัดหนัก hardcore ทั้งสิ้น เช่น ปฎิบัติการที่ อาฟกานิสถาน อิรัก ลิเบีย ฯลฯ การเก็บผู้ก่อการร้ายสำคัญ ล้วนเป็นฝีมือของพวก Blackwater เป็นส่วนมาก ค่าจ้างของ Blackwater เป็นหลักพันล้านเหรียญขึ้นไป ธุรกิจของ Blackwaterไปได้สวยและโด่งดังมาก จน Blackwater ไปสะดุดหัวแม่เท้าของใครไม่ทราบ ปี ค.ศ.2009 ลูกน้องของเขาถูกจับและถูกสอบสวน กรณีทำให้ชาวบ้านตายที่อิรัก ส่วนตัวนาย Prince ถูกเล่นงานด้วยข้อหาหนีภาษี ข่าวบอกว่า Eric Prince ขายหุ้นใน Blackwater ทิ้งในปี ค.ศ.2010 และตัวเขาหลบไปอยู่ที่ Abu Dhabi บ้างก็ว่าไปอยู่ฮ่องกง ส่วน Blackwater เปลี่ยนผู้บริหารและเปลี่ยนชื่อเป็น Academi แต่นาย Eric Prince ไม่ได้ทิ้งงาน Contractors ไปจริงๆหรอก มีข่าวว่า เขาเข้าไปทำธุรกิจที่อาฟริกา ตั้งบริษัทใหม่ชื่อ Frontier Resource Group อ้างว่าเป็นการลงทุนด้าน infrastructure ใน อาฟริการ่วมกับบริษัทจีน แถบซูดาน คองโก และไนจีเรีย จริงๆก็คือไปดูแลธุรกิจของจีน และนักลงทุนจีน ที่เข้าไปอยู่กันเต็มในอาฟริกา ตั้งแต่ปี คศ 2000 เป็นต้นมา หลังจากนั้นก็มีข่าวทยอยมาอีกว่า Frontier ไม่ ได้รับงานแค่ 3 ประเทศ แต่ดูแลไปถึง เคนยา, แองโกลา, เอธิโอเปีย, แทนซาเนีย, ยูกานดา, พิทแลนด์ ซึ่งเป็นรัฐอิสระอยู่ในโซมาเลีย ก็เกือบหมดอาฟริกานั่นแหละ ! ที่อาฟริกา Frontier ของนาย Eric Prince ทำงานร่วมกับ Contractors ระดับเจ้าพ่ออีกรายชื่อ บริษัท Saracen ซึ่งมีสำนักงานอยู่หลายแห่ง เช่นที่ South Africa และ Lebanon เจ้าของ Saracenเป็นใคร ข้อมูลบางรายบอกว่าเป็นของนาย Lafras Luitingh บ้าง บางรายก็บอกว่านาย Luitingh ก็เป็นคู่หูของนาย Eric Prince นั่นแหละ Saracen มีฐานสำคัญอยู่อีก 2 ที่ ที่หนึ่งคือ Somalia อีกที่หนึ่งคือ Kosovo ซึ่งอยู่ไม่ไกลจาก Poland ลองเดาดูกันมั่งครับ ว่ามีความหมายอย่างไร ท่านผู้อ่านคงสงสัย ผมเล่าเรื่องนาย Eric Prince และ Frontier กับ Saracen ทำไมยืดยาว เมื่อวันที่ 14 มกราคม ค.ศ.2014 South China Morning Post ลงข่าวแบบไม่ตีปีบว่า หุ้น DVN Holding ซึ่งมีผู้ถือหุ้นใหญ่คือนายJohnson Ko Chun-shun และ Citic Group ซึ่งเป็นของรัฐบาลจีน ทะยานขึ้น 7.3% ตั้งแต่มีการตั้งนาย Eric Prince อดีตเจ้าของบริษัท Blackwater ที่อื้อฉาวเป็นประธานบริษัท DVN ยังให้ สิทธิ Option ในการซื้อหุ้นแก่นาย Eric อีกด้วย DVN เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง ! เรื่องนี้คงไม่เป็นแค่ข่าวลือ เพราะ South China ลงข่าวอย่างเป็นทางการ และหลังจากนั้นประมาณ 6 เดือน วันที่ 13 มิถุนายน ค.ศ.2014 ก็มีการแถลงข่าวที่อเมริกาว่า Academi (ชื่อใหม่ของ Blackwater ที่นาย Prince อ้างว่า ขายไปแล้ว) และบริษัท Contractors อีก 5 บริษัท ได้ควบรวมกับ Triple Canopy และตั้งเป็นบริษัท Contractors ที่ใหญ่ที่สุดในโลกชื่อ Constellis Holding ถือเป็นข่าวสะท้านวงการของพวกกองกำลังนอกระบบ และเสทือนไปถึงกองกำลังในระบบของอเมริกา ! ในวงการเขาเล่ากันว่า นาย Eric Prince นั้นคุมกองกำลังพวก Contractors ประมาณ 30 % ของ Contractors ทั้งหมด ส่วน Constellis คุมอีก 40% ที่เหลือน่าจะเป็นของ Dyn Corp (ซึ่งเป็นของพวกทหาร ที่ออกมาจากหน่วย Special Force เป็นส่วนใหญ่ กลุ่มนี้ เป็นรุ่นแรกที่เป็นนักรบรับจ้างตั้งแต่สมัยสงครามเย็น โดยเข้าไปใน Bosnia, Kosovo) และบริษัทรายย่อย สำหรับนาย Eric Prince คงชัดเจนว่าแปรพักตร์ไปเรียบร้อยแล้วจากอเมริกา เขาเป็นผู้ชำนาญการแถบตะวันออกกลาง ถ้าดูระยะเวลาเมื่อดอก ISIS บาน ที่อิรักเมื่อกลางปี ค.ศ.2014 และพวกเสี่ยน้ำมันตะวันออกกลางกลุ่มซาอุดิ พยายามกดดันให้อเมริกาส่งกองกำลังไปจัดการ คงพอเป็นคำตอบได้ว่า อเมริกาจะเอากองกำลังนอกระบบที่ไหน ที่จะเข้าไปไล่จับ ISIS ในตะวันออกกลาง อย่างน้อยกองกำลังนอกระบบก็หายไปแล้ว 30% ที่เหลืออยู่ใช่ว่าจะอยู่ว่างๆเดินเล่น ต่างก็อาจติดภาระกิจที่ทำสัญญากันไว้แล้ว และถ้าปรากฏว่า Constellis Holding นั้น ก็ย้ายมาอยู่ฝั่งเดียวกับนาย Eric Prince ด้วย แล้ว อเมริกาคงเหนื่อยแน่ ดูจากสีหน้าอันโทรมจัดของนายโอบามา ระยะหลัง โดยเฉพาะเมื่อไปโผล่หน้าที่แดนมังกร ฝืนยิ้มได้ฝืดตลอดรายการ ก็เกือบจะเชื่อแล้วว่ามีการย้ายฝั่งกันจริง นายโอบามาคงจะเดินเสียวสันหลังตลอดเวลาที่อยู่แดนมังกร ถ้าเป็นอย่างนั้นจริง อเมริกาจะแก้เกมอันนี้อย่างไรล่ะ ก็ต้องพึ่งกองกำลังในระบบคือกองทัพอย่างเดียว มิน่าเล่า นาย Chuck Hagel รัฐมนตรีกลาโหม ถึงได้ร้องเพลงถอยดีกว่า ไม่เอาดีกว่า ไม่ต้องให้นายโอบามาบีบหรอกครับ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 6 ธค. 2557
    0 Comments 0 Shares 88 Views 0 Reviews
  • หุ้นกลุ่มแบงก์ เริงร่า 15/10/68 #กะเทาะหุ้น #หุ้นกลุ่มแบงก์ #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย
    หุ้นกลุ่มแบงก์ เริงร่า 15/10/68 #กะเทาะหุ้น #หุ้นกลุ่มแบงก์ #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย
    0 Comments 0 Shares 115 Views 0 0 Reviews

  • SET พักยก (14/10/68) #news1 #กะเทาะหุ้น #หุ้นไทย #ตลาดหุ้น
    SET พักยก (14/10/68) #news1 #กะเทาะหุ้น #หุ้นไทย #ตลาดหุ้น
    0 Comments 0 Shares 160 Views 0 0 Reviews
  • หัวข้อข่าว: “Bitcoin ร่วง 5.5% เหลือ 114,505 ดอลลาร์ — สะท้อนความผันผวนในตลาดคริปโต”

    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลก ได้ปรับตัวลดลงประมาณ 5.5% โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ 114,505 ดอลลาร์สหรัฐ ณ เวลา 20:58 GMT หรือ 16:58 ET ตามรายงานของ Reuters การลดลงครั้งนี้สะท้อนถึงความผันผวนที่ยังคงอยู่ในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี แม้จะมีการฟื้นตัวในช่วงก่อนหน้านี้

    การเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin มักได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย เช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก และการปรับตัวของนักลงทุนต่อข่าวสารในวงการเทคโนโลยีและการเงิน

    นอกจากนี้ การลดลงของ Bitcoin ยังอาจส่งผลต่อราคาของคริปโตอื่นๆ เช่น Ethereum, Solana และ BNB ซึ่งมักเคลื่อนไหวตามทิศทางของ Bitcoin โดยรวม

    สถานการณ์ล่าสุดของ Bitcoin
    ราคาลดลง 5.5% เหลือ 114,505 ดอลลาร์สหรัฐ
    เวลารายงานคือ 20:58 GMT วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2025

    ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อราคา
    ความผันผวนของตลาดคริปโตโดยรวม
    การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของธนาคารกลาง
    ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก

    ผลกระทบต่อคริปโตอื่นๆ
    Ethereum, Solana, BNB อาจได้รับผลกระทบตามทิศทางของ Bitcoin
    นักลงทุนอาจปรับพอร์ตหรือชะลอการลงทุนในช่วงที่ตลาดผันผวน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Bitcoin มีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ ทำให้มีลักษณะ deflationary
    ตลาดคริปโตเปิดตลอด 24 ชั่วโมง และมีความผันผวนสูงกว่าตลาดหุ้นทั่วไป
    การลงทุนในคริปโตควรมีการศึกษาความเสี่ยงอย่างรอบคอบ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/11/bitcoin-down-55-at-114505
    🪙 หัวข้อข่าว: “Bitcoin ร่วง 5.5% เหลือ 114,505 ดอลลาร์ — สะท้อนความผันผวนในตลาดคริปโต” เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา Bitcoin ซึ่งเป็นสกุลเงินดิจิทัลที่มีมูลค่าตลาดสูงที่สุดในโลก ได้ปรับตัวลดลงประมาณ 5.5% โดยราคาล่าสุดอยู่ที่ 114,505 ดอลลาร์สหรัฐ ณ เวลา 20:58 GMT หรือ 16:58 ET ตามรายงานของ Reuters การลดลงครั้งนี้สะท้อนถึงความผันผวนที่ยังคงอยู่ในตลาดคริปโตเคอร์เรนซี แม้จะมีการฟื้นตัวในช่วงก่อนหน้านี้ การเคลื่อนไหวของราคา Bitcoin มักได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย เช่น การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก และการปรับตัวของนักลงทุนต่อข่าวสารในวงการเทคโนโลยีและการเงิน นอกจากนี้ การลดลงของ Bitcoin ยังอาจส่งผลต่อราคาของคริปโตอื่นๆ เช่น Ethereum, Solana และ BNB ซึ่งมักเคลื่อนไหวตามทิศทางของ Bitcoin โดยรวม ✅ สถานการณ์ล่าสุดของ Bitcoin ➡️ ราคาลดลง 5.5% เหลือ 114,505 ดอลลาร์สหรัฐ ➡️ เวลารายงานคือ 20:58 GMT วันศุกร์ที่ 11 ตุลาคม 2025 ✅ ปัจจัยที่อาจส่งผลต่อราคา ➡️ ความผันผวนของตลาดคริปโตโดยรวม ➡️ การเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินของธนาคารกลาง ➡️ ความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจโลก ✅ ผลกระทบต่อคริปโตอื่นๆ ➡️ Ethereum, Solana, BNB อาจได้รับผลกระทบตามทิศทางของ Bitcoin ➡️ นักลงทุนอาจปรับพอร์ตหรือชะลอการลงทุนในช่วงที่ตลาดผันผวน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Bitcoin มีจำนวนจำกัดที่ 21 ล้านเหรียญ ทำให้มีลักษณะ deflationary ➡️ ตลาดคริปโตเปิดตลอด 24 ชั่วโมง และมีความผันผวนสูงกว่าตลาดหุ้นทั่วไป ➡️ การลงทุนในคริปโตควรมีการศึกษาความเสี่ยงอย่างรอบคอบ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/11/bitcoin-down-55-at-114505
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Bitcoin down 5.5% at $114,505
    (Reuters) -Bitcoin, the world's largest cryptocurrency by market value, was down by around 5.5% at $114,505 at 1658 ET (2058 GMT) on Friday.
    0 Comments 0 Shares 95 Views 0 Reviews
  • เก็บหุ้นโรงไฟฟ้า 10/10/68 #กะเทาะหุ้น #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #หุ้นโรงไฟฟ้า
    เก็บหุ้นโรงไฟฟ้า 10/10/68 #กะเทาะหุ้น #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #หุ้นโรงไฟฟ้า
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 227 Views 0 0 Reviews
  • กรณีศึกษา DELTA 10/10/68 #กะเทาะหุ้น #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #DELTA
    กรณีศึกษา DELTA 10/10/68 #กะเทาะหุ้น #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #DELTA
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 222 Views 0 0 Reviews
  • หุ้นทรงอิทธิพล DELTA 10/10/68 #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #หุ้น DELTA #หุ้นทรงอิทธิพล
    หุ้นทรงอิทธิพล DELTA 10/10/68 #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #หุ้น DELTA #หุ้นทรงอิทธิพล
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 203 Views 0 0 Reviews
  • “ฟองสบู่ AI ใกล้แตก? IMF และธนาคารอังกฤษเตือนแรง — นักลงทุนเริ่มซื้อทองคำหนีความเสี่ยง”

    ในขณะที่โลกกำลังตื่นเต้นกับการเติบโตของเทคโนโลยี AI รายงานล่าสุดจาก IMF และธนาคารกลางอังกฤษ (Bank of England) กลับส่งสัญญาณเตือนว่า “ฟองสบู่ AI” อาจกำลังเข้าสู่ระยะอันตราย คล้ายกับเหตุการณ์ dotcom crash ในปี 2000

    Kristalina Georgieva ผู้อำนวยการ IMF กล่าวอย่างชัดเจนว่า “ความไม่แน่นอนคือความปกติใหม่” พร้อมชี้ว่าการซื้อทองคำที่พุ่งขึ้นถึง $4,000 ต่อออนซ์ เป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังป้องกันความเสี่ยงจากการปรับฐานครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่ม AI ที่มีมูลค่าพุ่งสูงเกินจริง

    ธนาคารอังกฤษเสริมว่า ความเสี่ยงของการ “ปรับฐานรุนแรง” เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อความสามารถของ AI ยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่คาด หรือเมื่อการแข่งขันในตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้การประเมินรายได้ในอนาคตต้องถูกปรับลดลง

    Goldman Sachs แม้จะมองว่าฟองสบู่ยังไม่แตก แต่ก็ยอมรับว่า “เราน่าจะอยู่ในระยะที่สามของฟองสบู่” จากทั้งหมดห้าระยะ โดยเฉพาะเมื่อมีการลงทุนแบบ “หมุนเวียน” ที่บริษัท AI ซื้อหุ้นกันเองเพื่อดันมูลค่าให้สูงขึ้น

    ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ OpenAI ซึ่งยังไม่เข้าตลาดหุ้น แต่มีมูลค่าประเมินกว่า $500 พันล้าน ขณะที่รายได้ครึ่งปีแรกอยู่ที่ $4.3 พันล้าน และไม่มีแนวโน้มจะมีกำไรในเร็ว ๆ นี้ ตามคำกล่าวของ CEO Sam Altman

    นักวิเคราะห์จาก Van Lanschot Kempen ระบุว่า “การที่บริษัท AI ซื้อหุ้นกันเอง และสร้างรายได้จากการลงทุนข้ามกัน เป็นสัญญาณของฟองสบู่ที่ชัดเจน” และหากเกิดการปรับฐานจริง อาจกระทบต่อโครงสร้างอุตสาหกรรม AI ทั้งระบบ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    IMF และ Bank of England เตือนว่าฟองสบู่ AI อาจใกล้แตก
    ราคาทองคำพุ่งถึง $4,000 ต่อออนซ์ เป็นสัญญาณการป้องกันความเสี่ยง
    ความสามารถของ AI ยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่คาด และการแข่งขันเพิ่มขึ้น
    การประเมินรายได้ในอนาคตของบริษัท AI อาจต้องถูกปรับลด
    Goldman Sachs ระบุว่าเราอยู่ใน “ระยะที่สาม” ของฟองสบู่
    มีการลงทุนแบบหมุนเวียนระหว่างบริษัท AI เพื่อดันมูลค่าหุ้น
    OpenAI มีมูลค่าประเมิน $500 พันล้าน แต่ยังไม่มีกำไร
    นักวิเคราะห์ชี้ว่าการซื้อหุ้นกันเองเป็นสัญญาณฟองสบู่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ฟองสบู่ dotcom ในปี 2000 เกิดจากการลงทุนเกินจริงในบริษัทเทคโนโลยี
    ระยะที่สามของฟองสบู่คือช่วงที่ตลาดยังคึกคัก แต่เริ่มมีสัญญาณความไม่สมเหตุสมผล
    การซื้อทองคำมักเกิดเมื่อมีความกังวลเรื่องเศรษฐกิจหรือการลงทุน
    การประเมินมูลค่าบริษัท AI มักอิงจาก “ศักยภาพในอนาคต” มากกว่ารายได้จริง
    การปรับฐานในตลาดหุ้นอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงในความเชื่อมั่นของนักลงทุน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/bank-of-england-imf-warn-ai-bubble-risk-has-shades-of-2000-dotcom-crash-goldman-sachs-cautions-were-not-there-yet
    📉 “ฟองสบู่ AI ใกล้แตก? IMF และธนาคารอังกฤษเตือนแรง — นักลงทุนเริ่มซื้อทองคำหนีความเสี่ยง” ในขณะที่โลกกำลังตื่นเต้นกับการเติบโตของเทคโนโลยี AI รายงานล่าสุดจาก IMF และธนาคารกลางอังกฤษ (Bank of England) กลับส่งสัญญาณเตือนว่า “ฟองสบู่ AI” อาจกำลังเข้าสู่ระยะอันตราย คล้ายกับเหตุการณ์ dotcom crash ในปี 2000 Kristalina Georgieva ผู้อำนวยการ IMF กล่าวอย่างชัดเจนว่า “ความไม่แน่นอนคือความปกติใหม่” พร้อมชี้ว่าการซื้อทองคำที่พุ่งขึ้นถึง $4,000 ต่อออนซ์ เป็นสัญญาณว่าตลาดกำลังป้องกันความเสี่ยงจากการปรับฐานครั้งใหญ่ โดยเฉพาะในหุ้นกลุ่ม AI ที่มีมูลค่าพุ่งสูงเกินจริง ธนาคารอังกฤษเสริมว่า ความเสี่ยงของการ “ปรับฐานรุนแรง” เพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน โดยเฉพาะเมื่อความสามารถของ AI ยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่คาด หรือเมื่อการแข่งขันในตลาดเพิ่มขึ้น ซึ่งอาจทำให้การประเมินรายได้ในอนาคตต้องถูกปรับลดลง Goldman Sachs แม้จะมองว่าฟองสบู่ยังไม่แตก แต่ก็ยอมรับว่า “เราน่าจะอยู่ในระยะที่สามของฟองสบู่” จากทั้งหมดห้าระยะ โดยเฉพาะเมื่อมีการลงทุนแบบ “หมุนเวียน” ที่บริษัท AI ซื้อหุ้นกันเองเพื่อดันมูลค่าให้สูงขึ้น ตัวอย่างที่ชัดเจนคือ OpenAI ซึ่งยังไม่เข้าตลาดหุ้น แต่มีมูลค่าประเมินกว่า $500 พันล้าน ขณะที่รายได้ครึ่งปีแรกอยู่ที่ $4.3 พันล้าน และไม่มีแนวโน้มจะมีกำไรในเร็ว ๆ นี้ ตามคำกล่าวของ CEO Sam Altman นักวิเคราะห์จาก Van Lanschot Kempen ระบุว่า “การที่บริษัท AI ซื้อหุ้นกันเอง และสร้างรายได้จากการลงทุนข้ามกัน เป็นสัญญาณของฟองสบู่ที่ชัดเจน” และหากเกิดการปรับฐานจริง อาจกระทบต่อโครงสร้างอุตสาหกรรม AI ทั้งระบบ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ IMF และ Bank of England เตือนว่าฟองสบู่ AI อาจใกล้แตก ➡️ ราคาทองคำพุ่งถึง $4,000 ต่อออนซ์ เป็นสัญญาณการป้องกันความเสี่ยง ➡️ ความสามารถของ AI ยังไม่ก้าวหน้าเท่าที่คาด และการแข่งขันเพิ่มขึ้น ➡️ การประเมินรายได้ในอนาคตของบริษัท AI อาจต้องถูกปรับลด ➡️ Goldman Sachs ระบุว่าเราอยู่ใน “ระยะที่สาม” ของฟองสบู่ ➡️ มีการลงทุนแบบหมุนเวียนระหว่างบริษัท AI เพื่อดันมูลค่าหุ้น ➡️ OpenAI มีมูลค่าประเมิน $500 พันล้าน แต่ยังไม่มีกำไร ➡️ นักวิเคราะห์ชี้ว่าการซื้อหุ้นกันเองเป็นสัญญาณฟองสบู่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ฟองสบู่ dotcom ในปี 2000 เกิดจากการลงทุนเกินจริงในบริษัทเทคโนโลยี ➡️ ระยะที่สามของฟองสบู่คือช่วงที่ตลาดยังคึกคัก แต่เริ่มมีสัญญาณความไม่สมเหตุสมผล ➡️ การซื้อทองคำมักเกิดเมื่อมีความกังวลเรื่องเศรษฐกิจหรือการลงทุน ➡️ การประเมินมูลค่าบริษัท AI มักอิงจาก “ศักยภาพในอนาคต” มากกว่ารายได้จริง ➡️ การปรับฐานในตลาดหุ้นอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงในความเชื่อมั่นของนักลงทุน https://www.tomshardware.com/tech-industry/bank-of-england-imf-warn-ai-bubble-risk-has-shades-of-2000-dotcom-crash-goldman-sachs-cautions-were-not-there-yet
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Bank of England, IMF, warn AI bubble risk has shades of 2000 dotcom crash — Goldman Sachs cautions we're not there 'yet'
    Of the five stages of a bubble, we're already in stage three, according to one investment strategist.
    0 Comments 0 Shares 208 Views 0 Reviews
  • รอเก็บธนาคาร สิ้นเดือนธันวาคม 68 09/10/68 #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #นักลงทุน #เศรษฐกิจ
    รอเก็บธนาคาร สิ้นเดือนธันวาคม 68 09/10/68 #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #นักลงทุน #เศรษฐกิจ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 234 Views 0 0 Reviews
  • ไม่ใช่แค่ ‘ทอง’ ที่ร้อนแรง? 08/10/68 #กะเทาะหุ้น #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #ทองคำ #silver
    ไม่ใช่แค่ ‘ทอง’ ที่ร้อนแรง? 08/10/68 #กะเทาะหุ้น #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #ทองคำ #silver
    0 Comments 0 Shares 207 Views 0 0 Reviews
  • SET หลัง กนง.คงดอกเบี้ย 08/10/68 #กะเทาะหุ้น #ตลาดหุ้น #SET #กนง. #ดอกเบี้ย #เศรษฐกิจ
    SET หลัง กนง.คงดอกเบี้ย 08/10/68 #กะเทาะหุ้น #ตลาดหุ้น #SET #กนง. #ดอกเบี้ย #เศรษฐกิจ
    0 Comments 0 Shares 166 Views 0 0 Reviews
  • 3 เดือนทองคำของ ตลาดหุ้นไทย 07/10/68 #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #ราคาทองคำ #นักลงทุน
    3 เดือนทองคำของ ตลาดหุ้นไทย 07/10/68 #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #ราคาทองคำ #นักลงทุน
    Like
    2
    0 Comments 1 Shares 213 Views 0 0 Reviews
  • หุ้นไทยยังไม่หมดเสน่ห์ 07/10/68 #เสน่ห์หุ้นไทย #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #เศรษฐกิจ
    หุ้นไทยยังไม่หมดเสน่ห์ 07/10/68 #เสน่ห์หุ้นไทย #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #เศรษฐกิจ
    0 Comments 0 Shares 197 Views 0 0 Reviews
  • SET50
    1Day BULL
    1Hour BULL
    15Min BEAR

    แนวต้าน 834 / 841
    แนวรับ 827 / 818

    sSET 1 Hour BEAR
    15 Min BEAR

    07/10/2568
    สภาพตลาดหุ้นไทยโดยรวม ยังไม่ค่อยดีอยู่

    มีการถอยลงมา 13 แท่งเทียนแล้ว
    ในกรณีที่ดี... อาจจะใกล้จุดฟื้นต้วแล้ว (ที่การถอย 15 แท่งเทียน)
    แต่ ถ้าไม่ใช่กรณีดี มันก็จะใช้รอบเวลาที่นานกว่านั้น

    หากไม่รีบ ต้องรอการฟื้นตัวที่ชัดเจนก่อน การเล่นทางขึ้นจึงจะได้เปรียบ
    ส่วน การเข้าจังหวะสวนเทรนด์ ก็ลองหาตัวที่ถอยลงมามาก ถึงแนวรับล่างแล้ว

    ติดตามข้อมูลการเทรด การลงทุน ประจำวัน ได้ที่ไลน์ "100Per by ของดี"

    โปรดแตะลิงก์ด้านล่างเพื่อเข้าร่วมโอเพนแชทนี้
    https://line.me/ti/g2/W8kfAjEr152TggKzNe5m-gwfOQ3sOnq-0d7YiQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
    SET50 1Day BULL🪴 1Hour BULL🪴 15Min BEAR🔥 แนวต้าน 834 / 841 แนวรับ 827 / 818 sSET 1 Hour BEAR🔥 15 Min BEAR🔥 07/10/2568 สภาพตลาดหุ้นไทยโดยรวม ยังไม่ค่อยดีอยู่ มีการถอยลงมา 13 แท่งเทียนแล้ว ในกรณีที่ดี... อาจจะใกล้จุดฟื้นต้วแล้ว (ที่การถอย 15 แท่งเทียน) แต่ ถ้าไม่ใช่กรณีดี มันก็จะใช้รอบเวลาที่นานกว่านั้น หากไม่รีบ ต้องรอการฟื้นตัวที่ชัดเจนก่อน การเล่นทางขึ้นจึงจะได้เปรียบ ส่วน การเข้าจังหวะสวนเทรนด์ ก็ลองหาตัวที่ถอยลงมามาก ถึงแนวรับล่างแล้ว 🌟ติดตามข้อมูลการเทรด การลงทุน ประจำวัน ได้ที่ไลน์ "100Per by ของดี" โปรดแตะลิงก์ด้านล่างเพื่อเข้าร่วมโอเพนแชทนี้ https://line.me/ti/g2/W8kfAjEr152TggKzNe5m-gwfOQ3sOnq-0d7YiQ?utm_source=invitation&utm_medium=link_copy&utm_campaign=default
    LINE.ME
    ของดี
    สิ่งดีๆสำหรับทุกคน
    0 Comments 0 Shares 119 Views 0 Reviews
  • หุ้นไทย ยังไม่หมดหวัง! (06/10/68) #news1 #กะเทาะหุ้น #หุ้นไทย #ตลาดหุ้น
    หุ้นไทย ยังไม่หมดหวัง! (06/10/68) #news1 #กะเทาะหุ้น #หุ้นไทย #ตลาดหุ้น
    0 Comments 0 Shares 237 Views 0 0 Reviews
  • AOT เด่น ราคาวิ่งแรง! 03/10/68 #กะเทาะหุ้น #AOT #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย
    AOT เด่น ราคาวิ่งแรง! 03/10/68 #กะเทาะหุ้น #AOT #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย
    0 Comments 0 Shares 297 Views 0 0 Reviews
  • แค่….เอื้อม 1300 จุด 03/10/68 #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #การลงทุน #SET
    แค่….เอื้อม 1300 จุด 03/10/68 #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #การลงทุน #SET
    0 Comments 0 Shares 308 Views 0 0 Reviews
  • ยืนเป้า SET สิ้นปี 1,370 จุด 02/10/68 #กะเทาะหุ้น #SET #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #เศรษฐกิจ
    ยืนเป้า SET สิ้นปี 1,370 จุด 02/10/68 #กะเทาะหุ้น #SET #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #เศรษฐกิจ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 285 Views 0 0 Reviews
  • IAA คาดดัชนีสิ้นปี68 1313 จุด (02/10/68) #news1 #คุยคุ้ยหุ้น #ตลาดหุ้น #หุ้น
    IAA คาดดัชนีสิ้นปี68 1313 จุด (02/10/68) #news1 #คุยคุ้ยหุ้น #ตลาดหุ้น #หุ้น
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 257 Views 0 0 Reviews
  • ตลาดหุ้นไทย โกงความตาย (02/10/68) #news1 #คุยคุ้ยหุ้น #ตลาดหุ้นไทย
    ตลาดหุ้นไทย โกงความตาย (02/10/68) #news1 #คุยคุ้ยหุ้น #ตลาดหุ้นไทย
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 279 Views 0 0 Reviews
  • นักลงทุนต่างชาติ ชี้ชะตาหุ้นไทย (01/10/68) #news1 #กะเทาะหุ้น #หุ้นไทย #ตลาดหุ้น
    นักลงทุนต่างชาติ ชี้ชะตาหุ้นไทย (01/10/68) #news1 #กะเทาะหุ้น #หุ้นไทย #ตลาดหุ้น
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 217 Views 0 0 Reviews
  • “Intel พลิกเกมด้วยดีล 5 พันล้านจาก Nvidia — พร้อมเดินหน้าขอทุนจาก Apple, TSMC และกลุ่ม Magnificent 7”

    หลังจากเผชิญกับความท้าทายทางธุรกิจมาหลายปี Intel กำลังกลับมาอยู่ในกระแสอีกครั้ง ด้วยการประกาศดีลมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์จาก Nvidia ซึ่งจะให้ Intel ออกแบบชิป x86 แบบคัสตอมสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI ของ Nvidia ดีลนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มทุนให้ Intel แต่ยังทำให้มูลค่าตลาดของ Nvidia พุ่งขึ้นถึง 150 พันล้านดอลลาร์ทันทีหลังประกาศ

    แต่ Intel ไม่หยุดแค่นั้น — รายงานจาก The Wall Street Journal และ Bloomberg ระบุว่า Intel ได้เริ่มเจรจากับ Apple และ TSMC เพื่อขอความร่วมมือและการลงทุนเพิ่มเติม โดยหวังว่าจะดึงดูดบริษัทในกลุ่ม “Magnificent 7” ซึ่งประกอบด้วย Microsoft, Alphabet, Amazon, Meta และ Tesla ภายในสิ้นปีนี้

    แม้ Apple จะเคยใช้ชิปของ Intel ใน Mac แต่ได้เปลี่ยนไปใช้ Apple Silicon ตั้งแต่ปี 2020 และผลิตผ่าน TSMC ทำให้ความสัมพันธ์เปลี่ยนจากพันธมิตรเป็นคู่แข่ง อย่างไรก็ตาม Apple ยังมีความสนใจในบริการ foundry ของ Intel โดยเฉพาะในบริบทของการผลิตในสหรัฐฯ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการลงทุนภายในประเทศที่ Apple ขยายเป็น 600 พันล้านดอลลาร์

    ด้าน TSMC ปฏิเสธข่าวการเจรจา โดยระบุว่าไม่มีแผนร่วมทุนกับ Intel ในขณะนี้ แต่นักวิเคราะห์มองว่าแรงกดดันทางการเมืองอาจทำให้บริษัทต่างชาติหันมาพิจารณาการผลิตในสหรัฐฯ มากขึ้น

    Intel อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ โดยมีมูลค่าตลาดลดลงเหลือไม่ถึง 160 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ Nvidia พุ่งทะลุ 4 ล้านล้านดอลลาร์ การหาพันธมิตรใหม่จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาโมเมนตัมและความมั่นคงในระยะยาว

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Nvidia ลงทุน 5 พันล้านดอลลาร์ใน Intel เพื่อพัฒนาชิป x86 สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI
    มูลค่าตลาดของ Nvidia เพิ่มขึ้น 150 พันล้านดอลลาร์หลังประกาศดีล
    Intel เริ่มเจรจากับ Apple และ TSMC เพื่อขอความร่วมมือและการลงทุน
    Apple เคยใช้ชิป Intel ใน Mac ก่อนเปลี่ยนไปใช้ Apple Silicon ที่ผลิตโดย TSMC
    Apple ขยายการลงทุนในสหรัฐฯ เป็น 600 พันล้านดอลลาร์ อาจสนใจบริการ foundry ของ Intel
    TSMC ปฏิเสธข่าวการเจรจา โดยระบุว่าไม่มีแผนร่วมทุนกับ Intel
    Intel ตั้งเป้าขอความร่วมมือจากบริษัทในกลุ่ม Magnificent 7 ภายในสิ้นปีนี้
    มูลค่าตลาดของ Intel ลดลงเหลือไม่ถึง 160 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ Nvidia พุ่งทะลุ 4 ล้านล้าน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    กลุ่ม Magnificent 7 คือบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่มีอิทธิพลสูงในตลาดหุ้นสหรัฐฯ
    Intel เคยขายธุรกิจโมเด็มให้ Apple หลังไม่สามารถผลิตชิป 5G ได้ตามมาตรฐาน
    SoftBank ลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์ใน Intel ก่อนหน้าดีลกับ Nvidia
    รัฐบาลสหรัฐฯ ซื้อหุ้น 9.9% ของ Intel เพื่อเร่งการผลิตในรัฐโอไฮโอ
    การผลิตชิปในประเทศเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ความมั่นคงของสหรัฐฯ

    https://www.techradar.com/pro/reports-claim-intel-approached-apple-for-collaboration-and-investment-i-predict-that-the-rest-of-the-magnificent-7-will-get-the-same-call-before-the-end-of-the-year
    💼 “Intel พลิกเกมด้วยดีล 5 พันล้านจาก Nvidia — พร้อมเดินหน้าขอทุนจาก Apple, TSMC และกลุ่ม Magnificent 7” หลังจากเผชิญกับความท้าทายทางธุรกิจมาหลายปี Intel กำลังกลับมาอยู่ในกระแสอีกครั้ง ด้วยการประกาศดีลมูลค่า 5 พันล้านดอลลาร์จาก Nvidia ซึ่งจะให้ Intel ออกแบบชิป x86 แบบคัสตอมสำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI ของ Nvidia ดีลนี้ไม่เพียงช่วยเพิ่มทุนให้ Intel แต่ยังทำให้มูลค่าตลาดของ Nvidia พุ่งขึ้นถึง 150 พันล้านดอลลาร์ทันทีหลังประกาศ แต่ Intel ไม่หยุดแค่นั้น — รายงานจาก The Wall Street Journal และ Bloomberg ระบุว่า Intel ได้เริ่มเจรจากับ Apple และ TSMC เพื่อขอความร่วมมือและการลงทุนเพิ่มเติม โดยหวังว่าจะดึงดูดบริษัทในกลุ่ม “Magnificent 7” ซึ่งประกอบด้วย Microsoft, Alphabet, Amazon, Meta และ Tesla ภายในสิ้นปีนี้ แม้ Apple จะเคยใช้ชิปของ Intel ใน Mac แต่ได้เปลี่ยนไปใช้ Apple Silicon ตั้งแต่ปี 2020 และผลิตผ่าน TSMC ทำให้ความสัมพันธ์เปลี่ยนจากพันธมิตรเป็นคู่แข่ง อย่างไรก็ตาม Apple ยังมีความสนใจในบริการ foundry ของ Intel โดยเฉพาะในบริบทของการผลิตในสหรัฐฯ ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายการลงทุนภายในประเทศที่ Apple ขยายเป็น 600 พันล้านดอลลาร์ ด้าน TSMC ปฏิเสธข่าวการเจรจา โดยระบุว่าไม่มีแผนร่วมทุนกับ Intel ในขณะนี้ แต่นักวิเคราะห์มองว่าแรงกดดันทางการเมืองอาจทำให้บริษัทต่างชาติหันมาพิจารณาการผลิตในสหรัฐฯ มากขึ้น Intel อยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ โดยมีมูลค่าตลาดลดลงเหลือไม่ถึง 160 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ Nvidia พุ่งทะลุ 4 ล้านล้านดอลลาร์ การหาพันธมิตรใหม่จึงเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อรักษาโมเมนตัมและความมั่นคงในระยะยาว ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Nvidia ลงทุน 5 พันล้านดอลลาร์ใน Intel เพื่อพัฒนาชิป x86 สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI ➡️ มูลค่าตลาดของ Nvidia เพิ่มขึ้น 150 พันล้านดอลลาร์หลังประกาศดีล ➡️ Intel เริ่มเจรจากับ Apple และ TSMC เพื่อขอความร่วมมือและการลงทุน ➡️ Apple เคยใช้ชิป Intel ใน Mac ก่อนเปลี่ยนไปใช้ Apple Silicon ที่ผลิตโดย TSMC ➡️ Apple ขยายการลงทุนในสหรัฐฯ เป็น 600 พันล้านดอลลาร์ อาจสนใจบริการ foundry ของ Intel ➡️ TSMC ปฏิเสธข่าวการเจรจา โดยระบุว่าไม่มีแผนร่วมทุนกับ Intel ➡️ Intel ตั้งเป้าขอความร่วมมือจากบริษัทในกลุ่ม Magnificent 7 ภายในสิ้นปีนี้ ➡️ มูลค่าตลาดของ Intel ลดลงเหลือไม่ถึง 160 พันล้านดอลลาร์ ขณะที่ Nvidia พุ่งทะลุ 4 ล้านล้าน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ กลุ่ม Magnificent 7 คือบริษัทเทคโนโลยีชั้นนำที่มีอิทธิพลสูงในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ➡️ Intel เคยขายธุรกิจโมเด็มให้ Apple หลังไม่สามารถผลิตชิป 5G ได้ตามมาตรฐาน ➡️ SoftBank ลงทุน 2 พันล้านดอลลาร์ใน Intel ก่อนหน้าดีลกับ Nvidia ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ ซื้อหุ้น 9.9% ของ Intel เพื่อเร่งการผลิตในรัฐโอไฮโอ ➡️ การผลิตชิปในประเทศเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ความมั่นคงของสหรัฐฯ https://www.techradar.com/pro/reports-claim-intel-approached-apple-for-collaboration-and-investment-i-predict-that-the-rest-of-the-magnificent-7-will-get-the-same-call-before-the-end-of-the-year
    0 Comments 0 Shares 256 Views 0 Reviews
  • คนละครึ่งพลัส คาดเริ่มปลายตุลา 30/09/68 #รคนละครึ่งพลัส #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #เศรษฐกิจ
    คนละครึ่งพลัส คาดเริ่มปลายตุลา 30/09/68 #รคนละครึ่งพลัส #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #เศรษฐกิจ
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 198 Views 0 0 Reviews
  • SET หมดแรงหนุน ชั่วคราว 30/09/68 #SET #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #เศรษฐกิจ #การลงทุน
    SET หมดแรงหนุน ชั่วคราว 30/09/68 #SET #ตลาดหุ้น #หุ้นไทย #เศรษฐกิจ #การลงทุน
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 202 Views 0 0 Reviews
More Results