• ผู้ว่าฯ สระแก้ว โอษฐภัย ทำไทยเสียดินแดน?

    ประโยคที่ว่า "บ้านหนองจานไม่มีเอกสารสิทธิ์ แต่เป็นพื้นที่ป่า" ของนายปริญญา โพ​ธิ​สัตย์​ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ที่เพิ่งได้รับการต่อวาระราชการอีก 1 ปี ก่อนครบเกษียณอายุในปี 2569 ระหว่างการตอบคำถามสื่อมวลชนต่อหน้าคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (IOT) 8 ประเทศ เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ก่อให้เกิดความสงสัยแก่คนไทยทั้งประเทศ และสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้แก่ชาวบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ที่ถูกชาวกัมพูชาบุกรุกที่ดินทำกินมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษมานาน

    ที่สุดแล้วเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ผู้ว่าฯ สระแก้ว จัดให้มีการยื่นเอกสารสิทธิ์ การถือครองที่ดินให้แก่ชาวบ้านหนองจาน เพื่อคัดกรองเตรียมออกโฉนด พร้อมกับขอโทษประชาชน ที่เคยกล่าวว่าพื้นที่บ้านหนองจานไม่มีเอกสารสิทธิ์ ทำให้เกิดเข้าใจผิด แท้ที่จริงแล้วเฉพาะแปลงสามเหลี่ยมที่กัมพูชาบุกรุก ที่เป็นพื้นที่ป่าไม้ ไม่ใช่ทั้งหมู่บ้าน ซึ่งทางจังหวัดสระแก้ว กองทัพภาคที่ 1 กรมป่าไม้ อำเภอโคกสูง และทุกส่วนราชการ รวมทั้งทางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สัญญาว่าจะนำพื้นที่ดังกล่าวกลับมาให้ได้

    อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าฯ สระแก้ว ถูกนายวีระ สมความคิด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่เคยถูกกัมพูชาจับกุมที่บ้านหนองจาน เมื่อปี 2553 ตำหนิว่า แถลงข่าวแบบนี้ได้อย่างไร ชาวบ้านเสียใจมาก พร้อมตำหนิที่ดินจังหวัดสระแก้วว่าเล่นลิ้น เพราะชาวบ้านมีเอกสารสิทธิ์ แต่กลับบอกว่าไม่ใช่สิทธิครอบครอง ไปรายงานผู้ว่าฯ เช่นนี้ทำให้เข้าใจผิด นอกจากนี้ ที่ผ่านมาทหารและข้าราชการไม่ได้ช่วยชาวบ้านหลายสิบปี ทำให้เสียพื้นที่ให้กัมพูชา 40-50 ปี และตนต้องถูกทางการกัมพูชาจับกุม

    อีกด้านหนึ่ง ผลจากการเปิดให้ชาวบ้านหนองจานยื่นเอกสารสิทธิ์ ทำให้นายอุม เรียตรีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย กัมพูชา ยื่นหนังสือประท้วงผู้ว่าฯ สระแก้ว อ้างว่ากระทบต่ออธิปไตยของกัมพูชาและละเมิด MOU43 เพราะคณะกรรมการ JBC ยังไม่ได้กำหนดเขตแดนที่ชัดเจน จึงขอคัดค้านและขอให้ทบทวนเพื่อแสดงความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและหลีกเลี่ยงความตึงเครียด

    ขณะที่สำนักข่าว Kampuchea Thmey Daily ของนางฮุน มานา ลูกสาวนายฮุน เซน รักษาการประมุขประเทศกัมพูชา ได้ทีนำเสนอข่าวว่า การที่นายปริญญาระบุว่า บ้านหนองจานเป็นพื้นที่ป่าไม้ ไม่มีเอกสารสิทธิที่ดิน อนุมานว่าไทยไม่มีสิทธิ์อ้างสิทธิเป็นของตนเอง จึงถือว่าเป็นที่ดินของกัมพูชา แต่เพราะประชาชนไม่พอใจ โกรธแค้น จึงถูกบังคับให้ขอโทษโดยอ้างว่าเข้าใจผิด การกระทำของทหารไทยสร้างความเสียหายต่อความไว้วางใจ เรียกร้องให้ไทยเคารพข้อตกลงทวิภาคีและพันธกรณีอีกครั้ง

    #Newskit
    ผู้ว่าฯ สระแก้ว โอษฐภัย ทำไทยเสียดินแดน? ประโยคที่ว่า "บ้านหนองจานไม่มีเอกสารสิทธิ์ แต่เป็นพื้นที่ป่า" ของนายปริญญา โพ​ธิ​สัตย์​ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ที่เพิ่งได้รับการต่อวาระราชการอีก 1 ปี ก่อนครบเกษียณอายุในปี 2569 ระหว่างการตอบคำถามสื่อมวลชนต่อหน้าคณะผู้สังเกตการณ์อาเซียน (IOT) 8 ประเทศ เมื่อวันที่ 22 ส.ค. ก่อให้เกิดความสงสัยแก่คนไทยทั้งประเทศ และสร้างความเจ็บช้ำน้ำใจให้แก่ชาวบ้านหนองจาน ต.โนนหมากมุ่น อ.โคกสูง จ.สระแก้ว ที่ถูกชาวกัมพูชาบุกรุกที่ดินทำกินมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษมานาน ที่สุดแล้วเมื่อวันที่ 25 ส.ค. ผู้ว่าฯ สระแก้ว จัดให้มีการยื่นเอกสารสิทธิ์ การถือครองที่ดินให้แก่ชาวบ้านหนองจาน เพื่อคัดกรองเตรียมออกโฉนด พร้อมกับขอโทษประชาชน ที่เคยกล่าวว่าพื้นที่บ้านหนองจานไม่มีเอกสารสิทธิ์ ทำให้เกิดเข้าใจผิด แท้ที่จริงแล้วเฉพาะแปลงสามเหลี่ยมที่กัมพูชาบุกรุก ที่เป็นพื้นที่ป่าไม้ ไม่ใช่ทั้งหมู่บ้าน ซึ่งทางจังหวัดสระแก้ว กองทัพภาคที่ 1 กรมป่าไม้ อำเภอโคกสูง และทุกส่วนราชการ รวมทั้งทางตำรวจตรวจคนเข้าเมือง สัญญาว่าจะนำพื้นที่ดังกล่าวกลับมาให้ได้ อย่างไรก็ตาม ผู้ว่าฯ สระแก้ว ถูกนายวีระ สมความคิด นักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่เคยถูกกัมพูชาจับกุมที่บ้านหนองจาน เมื่อปี 2553 ตำหนิว่า แถลงข่าวแบบนี้ได้อย่างไร ชาวบ้านเสียใจมาก พร้อมตำหนิที่ดินจังหวัดสระแก้วว่าเล่นลิ้น เพราะชาวบ้านมีเอกสารสิทธิ์ แต่กลับบอกว่าไม่ใช่สิทธิครอบครอง ไปรายงานผู้ว่าฯ เช่นนี้ทำให้เข้าใจผิด นอกจากนี้ ที่ผ่านมาทหารและข้าราชการไม่ได้ช่วยชาวบ้านหลายสิบปี ทำให้เสียพื้นที่ให้กัมพูชา 40-50 ปี และตนต้องถูกทางการกัมพูชาจับกุม อีกด้านหนึ่ง ผลจากการเปิดให้ชาวบ้านหนองจานยื่นเอกสารสิทธิ์ ทำให้นายอุม เรียตรีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย กัมพูชา ยื่นหนังสือประท้วงผู้ว่าฯ สระแก้ว อ้างว่ากระทบต่ออธิปไตยของกัมพูชาและละเมิด MOU43 เพราะคณะกรรมการ JBC ยังไม่ได้กำหนดเขตแดนที่ชัดเจน จึงขอคัดค้านและขอให้ทบทวนเพื่อแสดงความเป็นเพื่อนบ้านที่ดีและหลีกเลี่ยงความตึงเครียด ขณะที่สำนักข่าว Kampuchea Thmey Daily ของนางฮุน มานา ลูกสาวนายฮุน เซน รักษาการประมุขประเทศกัมพูชา ได้ทีนำเสนอข่าวว่า การที่นายปริญญาระบุว่า บ้านหนองจานเป็นพื้นที่ป่าไม้ ไม่มีเอกสารสิทธิที่ดิน อนุมานว่าไทยไม่มีสิทธิ์อ้างสิทธิเป็นของตนเอง จึงถือว่าเป็นที่ดินของกัมพูชา แต่เพราะประชาชนไม่พอใจ โกรธแค้น จึงถูกบังคับให้ขอโทษโดยอ้างว่าเข้าใจผิด การกระทำของทหารไทยสร้างความเสียหายต่อความไว้วางใจ เรียกร้องให้ไทยเคารพข้อตกลงทวิภาคีและพันธกรณีอีกครั้ง #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • นั้นไง ตามที่คาดไว้จริงๆ เข้าทางตามแผน เริ่มใ่บริบท500เมตรแล้ว มันอ้างเอาแล้วแบบตามความมึนด้านหน้าหนาสไตล์เขมรมัน,
    ..เจตนาสมยอมให้เสียดินแดนมั้ยล่ะ,ทหารเขมรในคราบพลเรือนประชาชนนั้นล่ะ มันใช้มุกเอาครอบครัวทหารทั้งหมดย้ายเข้าเขตแดนไทยด้วยแบบช่องอานม้าเรานั้นล่ะ,
    ..เขตระวางดาวเทียมมันชัดเจนแล้วเหมน!!,เหมนเข้ามาตำรวจทั้งจังหวัดสระแก้วเข้าจับกุมคนหลบหนีเข้าเมืองเราเขตเราผิดกฎหมายได้เลยนะ,ผู้ว่าสระแก้วมีความคิดแบบนี้มั้ยนะนอกจากจะฉีดน้ำผลักดันมันไป,กฎอัยการศึกมีไว้ทำไม รุกล้ำมาเขตอธิปไตยไทยแล้วชัดเจน,แบบนี้จัดการทันทีได้เลย.ต้องเด็ดขาดมาตีหน้ามึนแบบนี้ไม่ได้,ประชาชนของเขมรแบบนี้ถือว่าเสมือนทหารรบภาคประชาชนในกลศึกเขมร เราสามารถลงโทษขั้นเด็ดขาดได้ทันที เสมือนกลุ่มกองโจรก็ได้จากต่างชาติ,ประชาชนแบบนี้พร้อมทำสงครามแล้ว,ต้องเอาวัยรุ่นเราไปตีหัวมันเลย ทหารไม่ต้อง วัยรุ่นเราระดมพลเลย,สั่งสอนแบบประชาชนคนไทยสั่งสอนประชาชนเขมร,ใครทหารอาสาก็ถอดชุดอาสาออก มาใส่ชุดประชาชนคุ้มครองประชาชนด้วยเพราะมันมีทหารเขมรใส่ชุดประชาชนด้วยเช่นกัน.
    ..จริงๆทหารไทยต้องมาสไตล์แบบส.ห.แล้วนะ คือทุบตีคนเขมรนี้จริงทันทีแบบไม่ต้องใช้อาวุธเลย เด็ดขาดต้องเด็ดขาด อย่ามายั่วยุใช้มุกนี้ ตีหนักๆกลับไปเลย บวกใครเป็นเขาลักษณะชายคล้ายทหารเขมรแต่งเป็นชาวบ้านยิ่งใส่ให้หนักเลย,หัวแตกขาหักแขนหักก็ต้องใส่มันเพราะยุยงปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบตามแนวพรมแดน ,อาจยิงทิ้งต้องยิงสั่งสอนเลย คือยิงหนังสติ๊กอัพเกรดที่ว่านั้นใส่ลำตัว แข้งขาแขนมือได้หมด หัวก็อาจพอสมองบุ๋มพอ กระโหลกแตกก็ว่า คือมันเฮี้ยจริงๆ ดูการปลุกปั่นสิ เป็นแบบแผนมากนะ เตรียมงานมาอย่างดี,เรา..ต้องจัดเต็มที่ต้อนรับสมแผนมันที่วางไว้.

    https://youtube.com/shorts/ama57ngk4EE?si=vyGnW8oEWCgbWB5L
    นั้นไง ตามที่คาดไว้จริงๆ เข้าทางตามแผน เริ่มใ่บริบท500เมตรแล้ว มันอ้างเอาแล้วแบบตามความมึนด้านหน้าหนาสไตล์เขมรมัน, ..เจตนาสมยอมให้เสียดินแดนมั้ยล่ะ,ทหารเขมรในคราบพลเรือนประชาชนนั้นล่ะ มันใช้มุกเอาครอบครัวทหารทั้งหมดย้ายเข้าเขตแดนไทยด้วยแบบช่องอานม้าเรานั้นล่ะ, ..เขตระวางดาวเทียมมันชัดเจนแล้วเหมน!!,เหมนเข้ามาตำรวจทั้งจังหวัดสระแก้วเข้าจับกุมคนหลบหนีเข้าเมืองเราเขตเราผิดกฎหมายได้เลยนะ,ผู้ว่าสระแก้วมีความคิดแบบนี้มั้ยนะนอกจากจะฉีดน้ำผลักดันมันไป,กฎอัยการศึกมีไว้ทำไม รุกล้ำมาเขตอธิปไตยไทยแล้วชัดเจน,แบบนี้จัดการทันทีได้เลย.ต้องเด็ดขาดมาตีหน้ามึนแบบนี้ไม่ได้,ประชาชนของเขมรแบบนี้ถือว่าเสมือนทหารรบภาคประชาชนในกลศึกเขมร เราสามารถลงโทษขั้นเด็ดขาดได้ทันที เสมือนกลุ่มกองโจรก็ได้จากต่างชาติ,ประชาชนแบบนี้พร้อมทำสงครามแล้ว,ต้องเอาวัยรุ่นเราไปตีหัวมันเลย ทหารไม่ต้อง วัยรุ่นเราระดมพลเลย,สั่งสอนแบบประชาชนคนไทยสั่งสอนประชาชนเขมร,ใครทหารอาสาก็ถอดชุดอาสาออก มาใส่ชุดประชาชนคุ้มครองประชาชนด้วยเพราะมันมีทหารเขมรใส่ชุดประชาชนด้วยเช่นกัน. ..จริงๆทหารไทยต้องมาสไตล์แบบส.ห.แล้วนะ คือทุบตีคนเขมรนี้จริงทันทีแบบไม่ต้องใช้อาวุธเลย เด็ดขาดต้องเด็ดขาด อย่ามายั่วยุใช้มุกนี้ ตีหนักๆกลับไปเลย บวกใครเป็นเขาลักษณะชายคล้ายทหารเขมรแต่งเป็นชาวบ้านยิ่งใส่ให้หนักเลย,หัวแตกขาหักแขนหักก็ต้องใส่มันเพราะยุยงปลุกปั่นให้เกิดความไม่สงบตามแนวพรมแดน ,อาจยิงทิ้งต้องยิงสั่งสอนเลย คือยิงหนังสติ๊กอัพเกรดที่ว่านั้นใส่ลำตัว แข้งขาแขนมือได้หมด หัวก็อาจพอสมองบุ๋มพอ กระโหลกแตกก็ว่า คือมันเฮี้ยจริงๆ ดูการปลุกปั่นสิ เป็นแบบแผนมากนะ เตรียมงานมาอย่างดี,เรา..ต้องจัดเต็มที่ต้อนรับสมแผนมันที่วางไว้. https://youtube.com/shorts/ama57ngk4EE?si=vyGnW8oEWCgbWB5L
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • คลิปนี้ด่าแทนคนไทยเต็มๆเน้นๆ ทหารภาคตะวันออกเสียงเกียรติชายชาติทหารมากๆถึงมากที่สุด,ทำลายเกียรติภูมิศักดิ์ศรีตนเองชัดเจน,ตลอดทำลายเกียรติทหารท่านอื่นๆด้วย ทรยศในความเป็นทหารทั้งต่อตนเองและเพื่อนๆร่วมอุดมการณ์ด้วย เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่พลทหารเกณฑ์รุ่นลูกรุ่นหลาย,ไม่สามารถแยกแยะถูกผิดดีชั่วได้จริง ,เด็ก7-8ขวบเขมรมันยังรู้ว่าดินแดนนี้เป็นของมันโน้น,เด็ก7-8ขวบไทยยิ่งเอาแผนที่มากางดูมันจะยิ่งไม่รู้ได้อย่างไร,ไปวางรั้วลวดหนามอะไรไกลขนาดนั้น เสาหลักเขตปักหมุดตำตาแท้ๆ วางรั้วลวดหนามบวกลบ5-10เมตรห่างเสาหมุดสยามใครจะว่าอะไร นี้ไปวางรั้วลวดหนามห่าง200-500เมตร,ผู้ใหญ่คนไทยเต็มบ้านเต็มเมือง อาจารย์มหาลัยเต็มประเทศไทยก็คงบรมโง่โคตรๆเช่นกันตลอดโรงเรียนเตรียมทหารเองคงผลิตนายร้อยโง่ๆออกมาแนๆ่หรือโง่ๆเต็มกองทัพ มาพากันดู ชวนกันมาดู พามาดูกันสิว่า วางรั้วหนามแบบนีัถูกแล้ว,คนไทยเราจริงๆต้องการสร้างรั้วลวดหนามถาวรกันแล้วเพราะพื้นที่แถวนี้ปักหมุดมีหมุดระระวางชัดเจนแล้ว ที่ราบลุ่มด้วย มิใช่แบบโซนแม่ทัพภาคที่2,สระแก้ว ตราด เริ่มสร้างได้ทันทีด้วย.มิใช่แค่บ้านหนองจานนี้ ตลอดแนวภาคตะวันออกทั้งหมดเลย ตัดขาดเขตธรรมชาติทั้งหมด,ภาค1ไม่เป็นที่ไว้วางใจของประชาชนแล้วนั้นเอง,ผบ.ทบ.สูงสุดต้องมาจากภาค2แล้วตอนนี้,ผลงานเด่นสง่าชัดเจนด้วย,สามารถยึดพื้นที่คืนจริงได้11พื้นที่จุดเขมรยึดครองกว่าสิบๆปี,ภาค1มีผลงานอะไร,นี้กรณีผลงานที่เข้าตาประชาชนจริงๆ,ถ้าเปิดลงมติโหวตออนไลน์เรียลไทม์ ระหว่างแม่ทัพภาค2และภาค1 สรุปแทนคนไทยเลยว่า แม่ทัพภาค2สมเกียรติสมศักดิ์ศรีมากกว่า เทพเทวดาชื่นชมเชิดชูอวยชัยได้ วิญญาณทหารหาญก็ปิติยินดีด้วยหรือบรรพบุรุษที่รู้เห็นความเป็นจริงก็ยิ่งอวยพรชัยแล.ประชาชนเขาดูออก,ผลการแถลงก็อึมครึม ไม่ประกาศชัดเจนอะไร หรือเราภาค1จะวางรั้วลวดหนามใหม่ให้ติดเสาหมุดสยามเขตดินแดนไทยทันที,จะผลักดันรื้อบ้านเรือนเขมรออกทัังหมดจากแผ่นดินไทยทันทีด้วย หากพบคนเขมรยังอยู่ในเขตรั้วลวดหนามใหม่ที่วางตามแผ่นดินเขตดินแดนเราตรงเสาหมุดจริงในหลักแดนต่างๆเทียมดาวเทียมเราที่วางรั้วลวดหนาม หากพบเห็นเขมรจะกรณีใดๆทหารภาคที่1และตำรวจพื้นที่จะเข้าจับกุมดำเนินคดีทุกๆคนเขมรทันที นี้ต้องประกาศชัดเจนแบบนี้,ดินแดนไทยในเขตตนแท้ๆไม่เกี่ยวกับวาทะกรรมคำพูดใดๆ.,ถ้าผิดไปจากนี้ มันไม่ใช่แล้ว เพราะนี้พื้นฐานที่ปฏิบัติประกาศได้ในทันที.,ข้อตกลงมาเลย์ไม่เกี่ยวเลย ตำรวจสามารถลงพื้นที่เข้าจับกุมคนเขมรที่เข้าเมืองผิดกฎหมายได้ภายในรั้วลวดหนามเขตดินแดนไทยตน,ถ้าข้าราชการทั้งภาคนี้ปฏิบัติการไม่ได้ ต้องลงโทษให้พ้นจากหน้าที่ข้าราชการและไม่มีสิทธิรับสวัสดิการใดๆของแผ่นดินไทยเลย,อาจโดนม.157และม.119ด้วย.ทั้งภาคตะวันออกกันเลย ปล่อยปะละเลยกันจนรากงอก.

    https://youtube.com/watch?v=0XLgmv-IwVM&si=v7CifrOa_X1ONlWv
    คลิปนี้ด่าแทนคนไทยเต็มๆเน้นๆ ทหารภาคตะวันออกเสียงเกียรติชายชาติทหารมากๆถึงมากที่สุด,ทำลายเกียรติภูมิศักดิ์ศรีตนเองชัดเจน,ตลอดทำลายเกียรติทหารท่านอื่นๆด้วย ทรยศในความเป็นทหารทั้งต่อตนเองและเพื่อนๆร่วมอุดมการณ์ด้วย เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีแก่พลทหารเกณฑ์รุ่นลูกรุ่นหลาย,ไม่สามารถแยกแยะถูกผิดดีชั่วได้จริง ,เด็ก7-8ขวบเขมรมันยังรู้ว่าดินแดนนี้เป็นของมันโน้น,เด็ก7-8ขวบไทยยิ่งเอาแผนที่มากางดูมันจะยิ่งไม่รู้ได้อย่างไร,ไปวางรั้วลวดหนามอะไรไกลขนาดนั้น เสาหลักเขตปักหมุดตำตาแท้ๆ วางรั้วลวดหนามบวกลบ5-10เมตรห่างเสาหมุดสยามใครจะว่าอะไร นี้ไปวางรั้วลวดหนามห่าง200-500เมตร,ผู้ใหญ่คนไทยเต็มบ้านเต็มเมือง อาจารย์มหาลัยเต็มประเทศไทยก็คงบรมโง่โคตรๆเช่นกันตลอดโรงเรียนเตรียมทหารเองคงผลิตนายร้อยโง่ๆออกมาแนๆ่หรือโง่ๆเต็มกองทัพ มาพากันดู ชวนกันมาดู พามาดูกันสิว่า วางรั้วหนามแบบนีัถูกแล้ว,คนไทยเราจริงๆต้องการสร้างรั้วลวดหนามถาวรกันแล้วเพราะพื้นที่แถวนี้ปักหมุดมีหมุดระระวางชัดเจนแล้ว ที่ราบลุ่มด้วย มิใช่แบบโซนแม่ทัพภาคที่2,สระแก้ว ตราด เริ่มสร้างได้ทันทีด้วย.มิใช่แค่บ้านหนองจานนี้ ตลอดแนวภาคตะวันออกทั้งหมดเลย ตัดขาดเขตธรรมชาติทั้งหมด,ภาค1ไม่เป็นที่ไว้วางใจของประชาชนแล้วนั้นเอง,ผบ.ทบ.สูงสุดต้องมาจากภาค2แล้วตอนนี้,ผลงานเด่นสง่าชัดเจนด้วย,สามารถยึดพื้นที่คืนจริงได้11พื้นที่จุดเขมรยึดครองกว่าสิบๆปี,ภาค1มีผลงานอะไร,นี้กรณีผลงานที่เข้าตาประชาชนจริงๆ,ถ้าเปิดลงมติโหวตออนไลน์เรียลไทม์ ระหว่างแม่ทัพภาค2และภาค1 สรุปแทนคนไทยเลยว่า แม่ทัพภาค2สมเกียรติสมศักดิ์ศรีมากกว่า เทพเทวดาชื่นชมเชิดชูอวยชัยได้ วิญญาณทหารหาญก็ปิติยินดีด้วยหรือบรรพบุรุษที่รู้เห็นความเป็นจริงก็ยิ่งอวยพรชัยแล.ประชาชนเขาดูออก,ผลการแถลงก็อึมครึม ไม่ประกาศชัดเจนอะไร หรือเราภาค1จะวางรั้วลวดหนามใหม่ให้ติดเสาหมุดสยามเขตดินแดนไทยทันที,จะผลักดันรื้อบ้านเรือนเขมรออกทัังหมดจากแผ่นดินไทยทันทีด้วย หากพบคนเขมรยังอยู่ในเขตรั้วลวดหนามใหม่ที่วางตามแผ่นดินเขตดินแดนเราตรงเสาหมุดจริงในหลักแดนต่างๆเทียมดาวเทียมเราที่วางรั้วลวดหนาม หากพบเห็นเขมรจะกรณีใดๆทหารภาคที่1และตำรวจพื้นที่จะเข้าจับกุมดำเนินคดีทุกๆคนเขมรทันที นี้ต้องประกาศชัดเจนแบบนี้,ดินแดนไทยในเขตตนแท้ๆไม่เกี่ยวกับวาทะกรรมคำพูดใดๆ.,ถ้าผิดไปจากนี้ มันไม่ใช่แล้ว เพราะนี้พื้นฐานที่ปฏิบัติประกาศได้ในทันที.,ข้อตกลงมาเลย์ไม่เกี่ยวเลย ตำรวจสามารถลงพื้นที่เข้าจับกุมคนเขมรที่เข้าเมืองผิดกฎหมายได้ภายในรั้วลวดหนามเขตดินแดนไทยตน,ถ้าข้าราชการทั้งภาคนี้ปฏิบัติการไม่ได้ ต้องลงโทษให้พ้นจากหน้าที่ข้าราชการและไม่มีสิทธิรับสวัสดิการใดๆของแผ่นดินไทยเลย,อาจโดนม.157และม.119ด้วย.ทั้งภาคตะวันออกกันเลย ปล่อยปะละเลยกันจนรากงอก. https://youtube.com/watch?v=0XLgmv-IwVM&si=v7CifrOa_X1ONlWv
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 150 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อไนจีเรียลุกขึ้นสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์ – และ 50 ชาวจีนต้องกลับบ้าน

    กลางเดือนสิงหาคม 2025 รัฐบาลไนจีเรียเปิดปฏิบัติการครั้งใหญ่เพื่อปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่มีชาวต่างชาติเป็นแกนนำ โดยหน่วยงาน Economic and Financial Crimes Commission (EFCC) ร่วมมือกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จับกุมผู้ต้องสงสัยกว่า 192 คนในเมืองลากอส ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ

    ผลจากการสอบสวนและดำเนินคดีนำไปสู่การเนรเทศชาวจีน 50 คน และชาวตูนิเซียอีก 1 คน หลังถูกตัดสินว่ามีความผิดฐาน “cyber-terrorism” และ “internet fraud” โดยศาลมีคำสั่งให้ส่งตัวกลับประเทศหลังจากรับโทษจำคุก

    EFCC ระบุว่า การกระทำของกลุ่มนี้มีเป้าหมายเพื่อบ่อนทำลายความมั่นคงทางการเงินของไนจีเรีย และสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจผ่านการหลอกลวงออนไลน์ เช่น romance scam และการลงทุนในคริปโตปลอม

    การเนรเทศครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ระยะยาวในการปกป้องพลเมืองและระบบการเงินของประเทศ โดย EFCC ยืนยันว่าจะมีการเนรเทศเพิ่มเติมในอีกไม่กี่วันข้างหน้า

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    ไนจีเรียเนรเทศชาวจีน 50 คน และชาวตูนิเซีย 1 คน ฐาน cyber-terrorism และ internet fraud
    ปฏิบัติการเริ่มเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2025 โดย EFCC ร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง
    มีผู้ต้องสงสัยถูกจับกุมรวม 192 คนในเมืองลากอส
    การดำเนินคดีนำไปสู่คำสั่งศาลให้เนรเทศหลังรับโทษจำคุก
    EFCC ระบุว่ากลุ่มนี้เป็นหนึ่งในเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
    การโจมตีรวมถึง romance scam และการหลอกลงทุนในคริปโตปลอม
    มีการเนรเทศรวมแล้ว 102 คนตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการ
    EFCC ยืนยันว่าจะมีการเนรเทศเพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้
    EFCC ประกาศว่านี่คือ “หมุดหมายสำคัญ” ในการต่อสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์
    การเนรเทศมีเป้าหมายเพื่อปกป้องความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของระบบการเงินไนจีเรีย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ในปี 2024 EFCC เคยจับกุมผู้ต้องสงสัยกว่า 800 คนในอาคารเดียวที่ใช้เป็นศูนย์กลางหลอกลวง
    Romance scam เป็นหนึ่งในรูปแบบที่สร้างความเสียหายสูงสุดในไนจีเรีย
    การหลอกลงทุนในคริปโตปลอมมีเป้าหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ
    EFCC ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานระหว่างประเทศในการติดตามธุรกรรมข้ามพรมแดน
    การเน้นปราบปรามชาวต่างชาติสะท้อนถึงความพยายามควบคุมอิทธิพลภายนอกในอาชญากรรมไซเบอร์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/21/nigeria-deports-50-chinese-nationals-in-cybercrime-crackdown
    🎙️ เมื่อไนจีเรียลุกขึ้นสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์ – และ 50 ชาวจีนต้องกลับบ้าน กลางเดือนสิงหาคม 2025 รัฐบาลไนจีเรียเปิดปฏิบัติการครั้งใหญ่เพื่อปราบปรามเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่มีชาวต่างชาติเป็นแกนนำ โดยหน่วยงาน Economic and Financial Crimes Commission (EFCC) ร่วมมือกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง จับกุมผู้ต้องสงสัยกว่า 192 คนในเมืองลากอส ซึ่งเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของประเทศ ผลจากการสอบสวนและดำเนินคดีนำไปสู่การเนรเทศชาวจีน 50 คน และชาวตูนิเซียอีก 1 คน หลังถูกตัดสินว่ามีความผิดฐาน “cyber-terrorism” และ “internet fraud” โดยศาลมีคำสั่งให้ส่งตัวกลับประเทศหลังจากรับโทษจำคุก EFCC ระบุว่า การกระทำของกลุ่มนี้มีเป้าหมายเพื่อบ่อนทำลายความมั่นคงทางการเงินของไนจีเรีย และสร้างความเสียหายต่อระบบเศรษฐกิจผ่านการหลอกลวงออนไลน์ เช่น romance scam และการลงทุนในคริปโตปลอม การเนรเทศครั้งนี้ถือเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ระยะยาวในการปกป้องพลเมืองและระบบการเงินของประเทศ โดย EFCC ยืนยันว่าจะมีการเนรเทศเพิ่มเติมในอีกไม่กี่วันข้างหน้า 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ ไนจีเรียเนรเทศชาวจีน 50 คน และชาวตูนิเซีย 1 คน ฐาน cyber-terrorism และ internet fraud ➡️ ปฏิบัติการเริ่มเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 2025 โดย EFCC ร่วมกับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ➡️ มีผู้ต้องสงสัยถูกจับกุมรวม 192 คนในเมืองลากอส ➡️ การดำเนินคดีนำไปสู่คำสั่งศาลให้เนรเทศหลังรับโทษจำคุก ➡️ EFCC ระบุว่ากลุ่มนี้เป็นหนึ่งในเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ ➡️ การโจมตีรวมถึง romance scam และการหลอกลงทุนในคริปโตปลอม ➡️ มีการเนรเทศรวมแล้ว 102 คนตั้งแต่เริ่มปฏิบัติการ ➡️ EFCC ยืนยันว่าจะมีการเนรเทศเพิ่มเติมในเร็ว ๆ นี้ ➡️ EFCC ประกาศว่านี่คือ “หมุดหมายสำคัญ” ในการต่อสู้กับอาชญากรรมไซเบอร์ ➡️ การเนรเทศมีเป้าหมายเพื่อปกป้องความมั่นคงและความน่าเชื่อถือของระบบการเงินไนจีเรีย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ในปี 2024 EFCC เคยจับกุมผู้ต้องสงสัยกว่า 800 คนในอาคารเดียวที่ใช้เป็นศูนย์กลางหลอกลวง ➡️ Romance scam เป็นหนึ่งในรูปแบบที่สร้างความเสียหายสูงสุดในไนจีเรีย ➡️ การหลอกลงทุนในคริปโตปลอมมีเป้าหมายทั้งในประเทศและต่างประเทศ ➡️ EFCC ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานระหว่างประเทศในการติดตามธุรกรรมข้ามพรมแดน ➡️ การเน้นปราบปรามชาวต่างชาติสะท้อนถึงความพยายามควบคุมอิทธิพลภายนอกในอาชญากรรมไซเบอร์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/21/nigeria-deports-50-chinese-nationals-in-cybercrime-crackdown
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Nigeria deports 50 Chinese nationals in cybercrime crackdown
    ABUJA (Reuters) -Nigeria has deported 50 Chinese nationals and one Tunisian convicted of cyber-terrorism and internet fraud as part of a crackdown on foreign-led cybercrime networks, the country's anti-graft agency said on Thursday.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • Rapper Bot – จากเครือข่ายโจมตีระดับโลก สู่การล่มสลายด้วยหมายจับเดียว

    ในเดือนสิงหาคม 2025 Ethan Foltz ชายวัย 22 ปีจากรัฐโอเรกอน ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DoJ) หลังถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สร้างและบริหาร “Rapper Bot” เครือข่าย DDoS-for-hire ที่ถูกใช้ในการโจมตีมากกว่า 370,000 ครั้งทั่วโลก

    Rapper Bot เป็นมัลแวร์ที่แพร่กระจายผ่านอุปกรณ์ทั่วไป เช่น DVR และ WiFi router โดยแฮกเกอร์สามารถควบคุมอุปกรณ์เหล่านี้ได้มากถึง 95,000 เครื่อง และใช้เป็นฐานยิงข้อมูลมหาศาลเพื่อโจมตีเป้าหมายแบบ DDoS (Distributed Denial of Service)

    เป้าหมายของการโจมตีมีตั้งแต่หน่วยงานรัฐบาล สื่อสังคมออนไลน์ ไปจนถึงบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ โดยบางครั้งการโจมตีมีขนาดสูงถึง 6 Tbps ซึ่งสามารถทำให้ระบบล่มได้ภายในไม่กี่วินาที

    Foltzถูกกล่าวหาว่าให้บริการเช่าเครือข่ายนี้แก่ลูกค้าทั่วโลกในรูปแบบ “DDoS-for-hire” และบางรายยังใช้เพื่อข่มขู่เรียกค่าไถ่จากเหยื่อด้วย

    การจับกุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการ PowerOFF ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานระหว่างประเทศในการปราบปรามบริการ DDoS-for-hire โดยก่อนหน้านี้ในปี 2024 มีการยึดโดเมนที่เกี่ยวข้องถึง 27 แห่ง

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Ethan Foltz อายุ 22 ปี ถูกจับในรัฐโอเรกอน ฐานสร้างและบริหาร Rapper Bot
    Rapper Bot เป็นเครือข่าย DDoS-for-hire ที่ควบคุมอุปกรณ์ได้ถึง 95,000 เครื่อง
    ใช้มัลแวร์เจาะ DVR และ WiFi router เพื่อสร้าง botnet
    มีการโจมตีมากกว่า 370,000 ครั้งต่อ 18,000 เหยื่อใน 80 ประเทศ
    ขนาดการโจมตีสูงสุดถึง 6 Tbps ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ DDoS
    เป้าหมายรวมถึงหน่วยงานรัฐบาล สื่อสังคม และบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ
    ลูกค้าบางรายใช้ Rapper Bot เพื่อข่มขู่เรียกค่าไถ่จากเหยื่อ
    การจับกุมเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการ PowerOFF ที่ปราบปรามบริการ DDoS-for-hire
    หลังการจับกุม ไม่มีรายงานการโจมตีจาก Rapper Bot เพิ่มเติม
    Foltz ถูกตั้งข้อหาสนับสนุนการบุกรุกระบบคอมพิวเตอร์ และอาจถูกจำคุกสูงสุด 10 ปี

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DDoS ขนาด 2–3 Tbps สามารถทำให้เว็บไซต์หรือบริการล่มได้ภายในไม่กี่วินาที
    ค่าเสียหายจากการโจมตี 30 วินาทีอาจสูงถึง $10,000 ต่อครั้ง
    Botnet ที่ใช้ IoT device เป็นเป้าหมายหลัก เพราะมีความปลอดภัยต่ำ
    Rapper Bot เคยถูกเรียกอีกชื่อว่า “Eleven Eleven Botnet” และ “CowBot”
    การจับกุมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานความมั่นคงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

    https://www.techradar.com/pro/security/hacker-behind-rapper-bot-ddos-for-hire-botnet-which-carried-out-over-370-000-attacks-arrested
    🎙️ Rapper Bot – จากเครือข่ายโจมตีระดับโลก สู่การล่มสลายด้วยหมายจับเดียว ในเดือนสิงหาคม 2025 Ethan Foltz ชายวัย 22 ปีจากรัฐโอเรกอน ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DoJ) หลังถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สร้างและบริหาร “Rapper Bot” เครือข่าย DDoS-for-hire ที่ถูกใช้ในการโจมตีมากกว่า 370,000 ครั้งทั่วโลก Rapper Bot เป็นมัลแวร์ที่แพร่กระจายผ่านอุปกรณ์ทั่วไป เช่น DVR และ WiFi router โดยแฮกเกอร์สามารถควบคุมอุปกรณ์เหล่านี้ได้มากถึง 95,000 เครื่อง และใช้เป็นฐานยิงข้อมูลมหาศาลเพื่อโจมตีเป้าหมายแบบ DDoS (Distributed Denial of Service) เป้าหมายของการโจมตีมีตั้งแต่หน่วยงานรัฐบาล สื่อสังคมออนไลน์ ไปจนถึงบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ โดยบางครั้งการโจมตีมีขนาดสูงถึง 6 Tbps ซึ่งสามารถทำให้ระบบล่มได้ภายในไม่กี่วินาที Foltzถูกกล่าวหาว่าให้บริการเช่าเครือข่ายนี้แก่ลูกค้าทั่วโลกในรูปแบบ “DDoS-for-hire” และบางรายยังใช้เพื่อข่มขู่เรียกค่าไถ่จากเหยื่อด้วย การจับกุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการ PowerOFF ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานระหว่างประเทศในการปราบปรามบริการ DDoS-for-hire โดยก่อนหน้านี้ในปี 2024 มีการยึดโดเมนที่เกี่ยวข้องถึง 27 แห่ง 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Ethan Foltz อายุ 22 ปี ถูกจับในรัฐโอเรกอน ฐานสร้างและบริหาร Rapper Bot ➡️ Rapper Bot เป็นเครือข่าย DDoS-for-hire ที่ควบคุมอุปกรณ์ได้ถึง 95,000 เครื่อง ➡️ ใช้มัลแวร์เจาะ DVR และ WiFi router เพื่อสร้าง botnet ➡️ มีการโจมตีมากกว่า 370,000 ครั้งต่อ 18,000 เหยื่อใน 80 ประเทศ ➡️ ขนาดการโจมตีสูงสุดถึง 6 Tbps ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ DDoS ➡️ เป้าหมายรวมถึงหน่วยงานรัฐบาล สื่อสังคม และบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ➡️ ลูกค้าบางรายใช้ Rapper Bot เพื่อข่มขู่เรียกค่าไถ่จากเหยื่อ ➡️ การจับกุมเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการ PowerOFF ที่ปราบปรามบริการ DDoS-for-hire ➡️ หลังการจับกุม ไม่มีรายงานการโจมตีจาก Rapper Bot เพิ่มเติม ➡️ Foltz ถูกตั้งข้อหาสนับสนุนการบุกรุกระบบคอมพิวเตอร์ และอาจถูกจำคุกสูงสุด 10 ปี ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DDoS ขนาด 2–3 Tbps สามารถทำให้เว็บไซต์หรือบริการล่มได้ภายในไม่กี่วินาที ➡️ ค่าเสียหายจากการโจมตี 30 วินาทีอาจสูงถึง $10,000 ต่อครั้ง ➡️ Botnet ที่ใช้ IoT device เป็นเป้าหมายหลัก เพราะมีความปลอดภัยต่ำ ➡️ Rapper Bot เคยถูกเรียกอีกชื่อว่า “Eleven Eleven Botnet” และ “CowBot” ➡️ การจับกุมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานความมั่นคงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ https://www.techradar.com/pro/security/hacker-behind-rapper-bot-ddos-for-hire-botnet-which-carried-out-over-370-000-attacks-arrested
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ฮุน เซน" สวนกลับทันควัน...ระบุหากไทยจับกุมผู้นำกัมพูชาได้...เราก็สามารถจับผู้นำไทยที่เคยรุกรานได้เช่นกัน
    https://www.thai-tai.tv/news/21010/
    .
    #ฮุนเซน #ภูมิธรรมเวชยชัย #ชายแดนไทยกัมพูชา #การเมือง #ข่าวต่างประเทศ #ไทยไท
    "ฮุน เซน" สวนกลับทันควัน...ระบุหากไทยจับกุมผู้นำกัมพูชาได้...เราก็สามารถจับผู้นำไทยที่เคยรุกรานได้เช่นกัน https://www.thai-tai.tv/news/21010/ . #ฮุนเซน #ภูมิธรรมเวชยชัย #ชายแดนไทยกัมพูชา #การเมือง #ข่าวต่างประเทศ #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อฮาร์ดดิสก์ปลอมกลายเป็นภัยเงียบ: ปฏิบัติการบุกจับโรงงานรีไซเคิลอุปกรณ์ไอที

    เรื่องนี้เริ่มจากการที่ Seagate พบความผิดปกติในราคาฮาร์ดดิสก์บนแพลตฟอร์ม Shopee และ Lazada ซึ่งมีการขายรุ่น IronWolf Pro ขนาด 16TB ในราคาต่ำกว่าท้องตลาดถึง 70% จึงเริ่มสืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่มาเลเซีย

    ผลคือการบุกจับโรงงานลับนอกกรุงกัวลาลัมเปอร์ในเดือนพฤษภาคม 2025 พบฮาร์ดดิสก์ปลอมกว่า 700 ลูกจาก Seagate, Western Digital และ Toshiba โดยมีการลบข้อมูล SMART เพื่อให้ดูเหมือนใหม่ พร้อมรีแพ็คเกจและเปลี่ยนฉลากให้เป็นรุ่นระดับสูง เช่น Barracuda ถูกแปลงเป็น IronWolf หรือ SkyHawk

    ฮาร์ดดิสก์เหล่านี้ส่วนใหญ่เคยถูกใช้ในการขุดเหรียญ Chia จากจีน ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับอุปกรณ์อย่างหนัก ก่อนจะถูกขายต่อให้โรงงานรีไซเคิลเพื่อปลอมแปลงเป็นของใหม่

    Seagate จึงปรับนโยบายใหม่ โดยบังคับให้ตัวแทนจำหน่ายต้องซื้อสินค้าจากช่องทางที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น พร้อมใช้ระบบ Global Trade Screening (GTS) เพื่อคัดกรองซัพพลายเออร์ที่มีความเสี่ยง

    การสืบสวนและจับกุม
    Seagate พบราคาฮาร์ดดิสก์ผิดปกติบน Shopee และ Lazada
    ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่มาเลเซียบุกจับโรงงานนอกกรุงกัวลาลัมเปอร์
    ยึดฮาร์ดดิสก์ปลอมกว่า 700 ลูกจากหลายแบรนด์

    วิธีการปลอมแปลง
    ลบข้อมูล SMART เพื่อให้ดูเหมือนใหม่
    รีแพ็คเกจและเปลี่ยนฉลากเป็นรุ่นระดับสูง
    ขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในราคาต่ำกว่าท้องตลาด

    ที่มาของฮาร์ดดิสก์มือสอง
    ส่วนใหญ่เคยใช้ขุดเหรียญ Chia จากจีน
    ถูกขายต่อให้โรงงานรีไซเคิลเพื่อปลอมแปลง
    ประเมินว่ามีฮาร์ดดิสก์จาก Chia กว่า 1 ล้านลูกในตลาด

    มาตรการของ Seagate
    ปรับนโยบายให้ซื้อขายผ่านตัวแทนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น
    ใช้ระบบ GTS คัดกรองซัพพลายเออร์ที่มีความเสี่ยง
    ตรวจสอบเฟิร์มแวร์เพื่อหาการปลอมแปลง

    https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/seagate-spins-up-a-raid-on-a-counterfeit-hard-drive-workshop-authorities-read-criminals-writes-while-they-spill-the-beans
    🧠 เมื่อฮาร์ดดิสก์ปลอมกลายเป็นภัยเงียบ: ปฏิบัติการบุกจับโรงงานรีไซเคิลอุปกรณ์ไอที เรื่องนี้เริ่มจากการที่ Seagate พบความผิดปกติในราคาฮาร์ดดิสก์บนแพลตฟอร์ม Shopee และ Lazada ซึ่งมีการขายรุ่น IronWolf Pro ขนาด 16TB ในราคาต่ำกว่าท้องตลาดถึง 70% จึงเริ่มสืบสวนร่วมกับเจ้าหน้าที่มาเลเซีย ผลคือการบุกจับโรงงานลับนอกกรุงกัวลาลัมเปอร์ในเดือนพฤษภาคม 2025 พบฮาร์ดดิสก์ปลอมกว่า 700 ลูกจาก Seagate, Western Digital และ Toshiba โดยมีการลบข้อมูล SMART เพื่อให้ดูเหมือนใหม่ พร้อมรีแพ็คเกจและเปลี่ยนฉลากให้เป็นรุ่นระดับสูง เช่น Barracuda ถูกแปลงเป็น IronWolf หรือ SkyHawk ฮาร์ดดิสก์เหล่านี้ส่วนใหญ่เคยถูกใช้ในการขุดเหรียญ Chia จากจีน ซึ่งสร้างความเสียหายให้กับอุปกรณ์อย่างหนัก ก่อนจะถูกขายต่อให้โรงงานรีไซเคิลเพื่อปลอมแปลงเป็นของใหม่ Seagate จึงปรับนโยบายใหม่ โดยบังคับให้ตัวแทนจำหน่ายต้องซื้อสินค้าจากช่องทางที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น พร้อมใช้ระบบ Global Trade Screening (GTS) เพื่อคัดกรองซัพพลายเออร์ที่มีความเสี่ยง ✅ การสืบสวนและจับกุม ➡️ Seagate พบราคาฮาร์ดดิสก์ผิดปกติบน Shopee และ Lazada ➡️ ร่วมมือกับเจ้าหน้าที่มาเลเซียบุกจับโรงงานนอกกรุงกัวลาลัมเปอร์ ➡️ ยึดฮาร์ดดิสก์ปลอมกว่า 700 ลูกจากหลายแบรนด์ ✅ วิธีการปลอมแปลง ➡️ ลบข้อมูล SMART เพื่อให้ดูเหมือนใหม่ ➡️ รีแพ็คเกจและเปลี่ยนฉลากเป็นรุ่นระดับสูง ➡️ ขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ในราคาต่ำกว่าท้องตลาด ✅ ที่มาของฮาร์ดดิสก์มือสอง ➡️ ส่วนใหญ่เคยใช้ขุดเหรียญ Chia จากจีน ➡️ ถูกขายต่อให้โรงงานรีไซเคิลเพื่อปลอมแปลง ➡️ ประเมินว่ามีฮาร์ดดิสก์จาก Chia กว่า 1 ล้านลูกในตลาด ✅ มาตรการของ Seagate ➡️ ปรับนโยบายให้ซื้อขายผ่านตัวแทนที่ได้รับอนุญาตเท่านั้น ➡️ ใช้ระบบ GTS คัดกรองซัพพลายเออร์ที่มีความเสี่ยง ➡️ ตรวจสอบเฟิร์มแวร์เพื่อหาการปลอมแปลง https://www.tomshardware.com/pc-components/hdds/seagate-spins-up-a-raid-on-a-counterfeit-hard-drive-workshop-authorities-read-criminals-writes-while-they-spill-the-beans
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 191 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทหารพรานนาวิกโยธิน ทร. กกล.ป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด จับกุม 6 ชาวจีน พร้อม 1 คนไทย จากกัมพูชา ลักลอบเข้าไทย ที่ โป่งน้ำร้อน พบ เชื่อมโยง ขบวนการสแกมเมอร์ ในกัมพูชา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000078191

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ทหารพรานนาวิกโยธิน ทร. กกล.ป้องกันชายแดนจันทบุรี-ตราด จับกุม 6 ชาวจีน พร้อม 1 คนไทย จากกัมพูชา ลักลอบเข้าไทย ที่ โป่งน้ำร้อน พบ เชื่อมโยง ขบวนการสแกมเมอร์ ในกัมพูชา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000078191 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 429 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อผู้พิทักษ์ไซเบอร์กลายเป็นผู้ต้องหา: คดีที่สะเทือนความเชื่อมั่นระดับโลก

    Tom Artiom Alexandrovich วัย 38 ปี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีของ Israel Cyber Directorate ถูกจับในลาสเวกัสระหว่างการประชุม Black Hat 2025 ซึ่งเป็นงานใหญ่ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ระดับโลก

    เขาเป็นหนึ่งใน 8 ผู้ต้องหาที่ถูกจับจากปฏิบัติการลับร่วมกันระหว่าง FBI, ICAC และตำรวจท้องถิ่น โดยทั้งหมดถูกตั้งข้อหา “ล่อลวงเด็กผ่านคอมพิวเตอร์เพื่อการล่วงละเมิดทางเพศ” ซึ่งตามกฎหมายรัฐเนวาดา มีโทษจำคุก 1–10 ปี

    แม้ตำรวจลาสเวกัสจะยืนยันการจับกุมและการฝากขัง แต่รัฐบาลอิสราเอลกลับแถลงว่า Alexandrovich “ไม่ได้ถูกจับกุม แต่ถูกสอบสวน” และเดินทางกลับประเทศตามกำหนด โดยถูกสั่งพักงานเพื่อรอผลสอบสวน

    เขาเคยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา “Cyber Dome” ระบบป้องกันภัยไซเบอร์ระดับชาติของอิสราเอล และเคยได้รับรางวัล Israel Defense Prize จากผลงานด้านความมั่นคงไซเบอร์

    เหตุการณ์นี้จึงไม่ใช่แค่คดีอาชญากรรมธรรมดา แต่สะท้อนถึงความเปราะบางของระบบที่ควรปกป้องผู้คนจากภัยออนไลน์ และยังตอกย้ำความจำเป็นของความร่วมมือระหว่างประเทศในการจัดการอาชญากรรมไซเบอร์ที่ข้ามพรมแดน

    ข้อมูลการจับกุม
    Tom Artiom Alexandrovich ถูกจับในลาสเวกัสระหว่างร่วมงาน Black Hat 2025
    เป็นหนึ่งใน 8 ผู้ต้องหาที่ถูกจับจากปฏิบัติการลับของ FBI และ ICAC
    ถูกตั้งข้อหาล่อลวงเด็กผ่านคอมพิวเตอร์เพื่อการล่วงละเมิดทางเพศ

    ความขัดแย้งระหว่างประเทศ
    ตำรวจสหรัฐฯ ยืนยันการจับกุมและฝากขัง
    รัฐบาลอิสราเอลแถลงว่าเป็นเพียงการสอบสวน ไม่ใช่การจับกุม
    Alexandrovich ถูกสั่งพักงานและกลับประเทศตามกำหนด

    ประวัติและบทบาทของผู้ต้องหา
    เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีของ Israel Cyber Directorate
    มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา Cyber Dome และระบบป้องกันโครงสร้างพื้นฐาน
    เคยได้รับรางวัล Israel Defense Prize จากผลงานด้านความมั่นคงไซเบอร์

    ความร่วมมือระหว่างประเทศ
    ปฏิบัติการลับครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง FBI, ICAC และหน่วยงานท้องถิ่น
    แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นของการทำงานร่วมกันเพื่อจัดการภัยออนไลน์
    เป็นตัวอย่างของการบังคับใช้กฎหมายข้ามพรมแดนในยุคดิจิทัล

    การล่อลวงเด็กทางออนไลน์ยังคงเป็นภัยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง
    ความขัดแย้งระหว่างข้อมูลจากต่างประเทศอาจทำให้คดีไม่โปร่งใส
    การขาดนโยบายตรวจสอบบุคลากรในหน่วยงานความมั่นคงอาจนำไปสู่ความเสี่ยงระดับชาติ

    https://hackread.com/israeli-cybersecurity-director-arrest-us-child-exploit-sting/
    🧠 เมื่อผู้พิทักษ์ไซเบอร์กลายเป็นผู้ต้องหา: คดีที่สะเทือนความเชื่อมั่นระดับโลก Tom Artiom Alexandrovich วัย 38 ปี ซึ่งเคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีของ Israel Cyber Directorate ถูกจับในลาสเวกัสระหว่างการประชุม Black Hat 2025 ซึ่งเป็นงานใหญ่ด้านความปลอดภัยไซเบอร์ระดับโลก เขาเป็นหนึ่งใน 8 ผู้ต้องหาที่ถูกจับจากปฏิบัติการลับร่วมกันระหว่าง FBI, ICAC และตำรวจท้องถิ่น โดยทั้งหมดถูกตั้งข้อหา “ล่อลวงเด็กผ่านคอมพิวเตอร์เพื่อการล่วงละเมิดทางเพศ” ซึ่งตามกฎหมายรัฐเนวาดา มีโทษจำคุก 1–10 ปี แม้ตำรวจลาสเวกัสจะยืนยันการจับกุมและการฝากขัง แต่รัฐบาลอิสราเอลกลับแถลงว่า Alexandrovich “ไม่ได้ถูกจับกุม แต่ถูกสอบสวน” และเดินทางกลับประเทศตามกำหนด โดยถูกสั่งพักงานเพื่อรอผลสอบสวน เขาเคยมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา “Cyber Dome” ระบบป้องกันภัยไซเบอร์ระดับชาติของอิสราเอล และเคยได้รับรางวัล Israel Defense Prize จากผลงานด้านความมั่นคงไซเบอร์ เหตุการณ์นี้จึงไม่ใช่แค่คดีอาชญากรรมธรรมดา แต่สะท้อนถึงความเปราะบางของระบบที่ควรปกป้องผู้คนจากภัยออนไลน์ และยังตอกย้ำความจำเป็นของความร่วมมือระหว่างประเทศในการจัดการอาชญากรรมไซเบอร์ที่ข้ามพรมแดน ✅ ข้อมูลการจับกุม ➡️ Tom Artiom Alexandrovich ถูกจับในลาสเวกัสระหว่างร่วมงาน Black Hat 2025 ➡️ เป็นหนึ่งใน 8 ผู้ต้องหาที่ถูกจับจากปฏิบัติการลับของ FBI และ ICAC ➡️ ถูกตั้งข้อหาล่อลวงเด็กผ่านคอมพิวเตอร์เพื่อการล่วงละเมิดทางเพศ ✅ ความขัดแย้งระหว่างประเทศ ➡️ ตำรวจสหรัฐฯ ยืนยันการจับกุมและฝากขัง ➡️ รัฐบาลอิสราเอลแถลงว่าเป็นเพียงการสอบสวน ไม่ใช่การจับกุม ➡️ Alexandrovich ถูกสั่งพักงานและกลับประเทศตามกำหนด ✅ ประวัติและบทบาทของผู้ต้องหา ➡️ เคยดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายเทคโนโลยีของ Israel Cyber Directorate ➡️ มีบทบาทสำคัญในการพัฒนา Cyber Dome และระบบป้องกันโครงสร้างพื้นฐาน ➡️ เคยได้รับรางวัล Israel Defense Prize จากผลงานด้านความมั่นคงไซเบอร์ ✅ ความร่วมมือระหว่างประเทศ ➡️ ปฏิบัติการลับครั้งนี้เป็นความร่วมมือระหว่าง FBI, ICAC และหน่วยงานท้องถิ่น ➡️ แสดงให้เห็นถึงความจำเป็นของการทำงานร่วมกันเพื่อจัดการภัยออนไลน์ ➡️ เป็นตัวอย่างของการบังคับใช้กฎหมายข้ามพรมแดนในยุคดิจิทัล ⛔ การล่อลวงเด็กทางออนไลน์ยังคงเป็นภัยที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง ⛔ ความขัดแย้งระหว่างข้อมูลจากต่างประเทศอาจทำให้คดีไม่โปร่งใส ⛔ การขาดนโยบายตรวจสอบบุคลากรในหน่วยงานความมั่นคงอาจนำไปสู่ความเสี่ยงระดับชาติ https://hackread.com/israeli-cybersecurity-director-arrest-us-child-exploit-sting/
    HACKREAD.COM
    Top Israeli Cybersecurity Official Arrested in US Child Exploitation Sting
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประชาชนเรายึดอำนาจเถอะ,จากนั้นลงมติ สร้างรั้วลวดหนามแบบเวียดนามหนาแน่นนั้นเลย มรึงก็ไปรักษาโรงพยาบาลเขมรมรึงเถอะ ประเทศใครประเทศมันปิดด่านถาวรจริงจังเลย อยู่ใครอยู่มันเงียบๆสัก10-20ปีไปก่อน,ห้ามคนไทยไปเขมรเด็ดขาดจะไม่รับรองความปลอดภัยใดๆ,แต่ถ้าเขมรลักพาตัว สถานที่ราชการเขมรจะถูกไทยระเบิดทิ้งหากไม่จับกุมคนลักพาตัวคนไทยมาลงโทษและไม่ส่งตัวคนไทยเรากลับมาคืนอย่างปลอดภัย,ตัดสายสัมพันธ์ค้าขายทั้งหมดกับเขมร ตัดน้ำตัดไฟตัดเน็ตตัดสายเคเบิล ตัดถนนรถไฟเชื่อมไปหาเขมรทั้งหมดทันที,แรงงานเขมรส่งกลับเขมรทั้งหมดที่อยู่ประเทศไทยไม่มีเงื่อนไขใดๆให้อยู่ต่อทุกๆกรณี,ไทยเราต้องเด็ดขาดจริงๆนะ อย่าเลอะเทอะแบบปัจจุบัน,อย่าอ้างเมตตาสงสารใดๆเลย เกิดชาติหน้ามาเกิดบนแผ่นดินไทยก็แล้วกัน ชาติปัจจุบันนี้เราปกป้องคนไทยดูแลคนไทยเราก่อนคืออันดับแรกในภัยคุกคามความขัดแย้งรุกรานอธิปไตยไทย เกลียดชังประเทศไทยว่าไทยคือโจรสยามก็ว่า เคลมสาระพัดต่างๆของไทย ว่ากล่าวด่าทอคนไทยสินค้าไทย เนรคุณคนไทย,เรา..ประเทศไทยต้องเด็ดขาดจริงๆ,มันจะเป็นจะตายมิใช่สถานะคนไทยไปเกี่ยวข้องอีกต่อไป,โรงงานใดเมตตาสงสารคนเขมรก็รับความเสี่ยงเองไปตั้งฐานผลิตที่เขมร,แต่ทุกๆสินค้าบริการของเขมรทั้งหมด ประเทศไทยห้ามนำเข้าและยกเลิกการค้าขายกับเขมรทั้งหมด ยกเลิกธุรกรรมกิจการใดๆกับเขมรทั้งหมด,ส่วนชาติใดค้าขายกับเขมร ช่วยเหลือเขมรที่เป็นภัยความมั่นคงกับเราโดยเฉพาะภูมิภาคนี้เราประเทศไทยจะกลับไปพิจารณาประเทศนั้นๆอย่างมีสติปัญญาและรอบคอบที่สุด,
    ..
    ..เรา..ประชาชนคนไทยต้องสั่งสอนเขมรจริงจังได้แล้ว,โรงงานกิจการใดๆที่ใช้คนเขมรต่างพิจารณาสถานะใหม่จริงๆด้วย.,คนเขมรเขามีวิถีคนเขมรเอง,มาใช้วิถีเขมรบนแผ่นดินวิถีไทยแบบเนรคุณหักหลังทรยศว่ากล่าวด่าดูถูกเรามาเก่งกล้าสามารถตีลูกตีหลานฆ่าเด็กๆเราฆ่าลูกฆ่าหลานคนไทยเราประชาชนผู้บริสุทธิ์เรา ,หมายยึดบ้านยึดเมืองเรามันสมควรมั้ย.
    ..
    https://youtube.com/shorts/jakwmzORgoc?si=l9z9DBpc1kjOSd6J
    ประชาชนเรายึดอำนาจเถอะ,จากนั้นลงมติ สร้างรั้วลวดหนามแบบเวียดนามหนาแน่นนั้นเลย มรึงก็ไปรักษาโรงพยาบาลเขมรมรึงเถอะ ประเทศใครประเทศมันปิดด่านถาวรจริงจังเลย อยู่ใครอยู่มันเงียบๆสัก10-20ปีไปก่อน,ห้ามคนไทยไปเขมรเด็ดขาดจะไม่รับรองความปลอดภัยใดๆ,แต่ถ้าเขมรลักพาตัว สถานที่ราชการเขมรจะถูกไทยระเบิดทิ้งหากไม่จับกุมคนลักพาตัวคนไทยมาลงโทษและไม่ส่งตัวคนไทยเรากลับมาคืนอย่างปลอดภัย,ตัดสายสัมพันธ์ค้าขายทั้งหมดกับเขมร ตัดน้ำตัดไฟตัดเน็ตตัดสายเคเบิล ตัดถนนรถไฟเชื่อมไปหาเขมรทั้งหมดทันที,แรงงานเขมรส่งกลับเขมรทั้งหมดที่อยู่ประเทศไทยไม่มีเงื่อนไขใดๆให้อยู่ต่อทุกๆกรณี,ไทยเราต้องเด็ดขาดจริงๆนะ อย่าเลอะเทอะแบบปัจจุบัน,อย่าอ้างเมตตาสงสารใดๆเลย เกิดชาติหน้ามาเกิดบนแผ่นดินไทยก็แล้วกัน ชาติปัจจุบันนี้เราปกป้องคนไทยดูแลคนไทยเราก่อนคืออันดับแรกในภัยคุกคามความขัดแย้งรุกรานอธิปไตยไทย เกลียดชังประเทศไทยว่าไทยคือโจรสยามก็ว่า เคลมสาระพัดต่างๆของไทย ว่ากล่าวด่าทอคนไทยสินค้าไทย เนรคุณคนไทย,เรา..ประเทศไทยต้องเด็ดขาดจริงๆ,มันจะเป็นจะตายมิใช่สถานะคนไทยไปเกี่ยวข้องอีกต่อไป,โรงงานใดเมตตาสงสารคนเขมรก็รับความเสี่ยงเองไปตั้งฐานผลิตที่เขมร,แต่ทุกๆสินค้าบริการของเขมรทั้งหมด ประเทศไทยห้ามนำเข้าและยกเลิกการค้าขายกับเขมรทั้งหมด ยกเลิกธุรกรรมกิจการใดๆกับเขมรทั้งหมด,ส่วนชาติใดค้าขายกับเขมร ช่วยเหลือเขมรที่เป็นภัยความมั่นคงกับเราโดยเฉพาะภูมิภาคนี้เราประเทศไทยจะกลับไปพิจารณาประเทศนั้นๆอย่างมีสติปัญญาและรอบคอบที่สุด, .. ..เรา..ประชาชนคนไทยต้องสั่งสอนเขมรจริงจังได้แล้ว,โรงงานกิจการใดๆที่ใช้คนเขมรต่างพิจารณาสถานะใหม่จริงๆด้วย.,คนเขมรเขามีวิถีคนเขมรเอง,มาใช้วิถีเขมรบนแผ่นดินวิถีไทยแบบเนรคุณหักหลังทรยศว่ากล่าวด่าดูถูกเรามาเก่งกล้าสามารถตีลูกตีหลานฆ่าเด็กๆเราฆ่าลูกฆ่าหลานคนไทยเราประชาชนผู้บริสุทธิ์เรา ,หมายยึดบ้านยึดเมืองเรามันสมควรมั้ย. .. https://youtube.com/shorts/jakwmzORgoc?si=l9z9DBpc1kjOSd6J
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 192 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปฏิบัติการล่าข้ามแดน: เมื่อตำรวจไทยตามรอยแก๊ง SMS หลอกลวงและฟอกเงินด้วยคริปโต

    ในเดือนสิงหาคม 2025 ตำรวจไทยได้เปิดเผยสองปฏิบัติการใหญ่ที่สะเทือนวงการอาชญากรรมไซเบอร์ ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับนานาชาติ

    เรื่องแรกคือการจับกุมชายไทยสองคนในกรุงเทพฯ ที่ใช้เครื่อง SMS Blaster ส่งข้อความหลอกลวงวันละกว่า 20,000 ข้อความ โดยขับรถไปรอบเมืองพร้อมอุปกรณ์ที่สามารถยิงข้อความในรัศมี 1–2 กิโลเมตร ข้อความมักเป็นแนว “แต้มสะสมใกล้หมด” หรือ “คุณได้รับรางวัล” พร้อมลิงก์ปลอมที่หลอกให้กรอกข้อมูลธนาคาร

    เบื้องหลังคือหัวหน้าแก๊งชาวจีนที่สั่งการผ่าน Telegram โดยจ้างคนไทยขับรถและยิงข้อความในพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งเป็นรูปแบบ “Smishing” ที่ผสมผสานเทคโนโลยีและการหลอกลวงแบบคลาสสิก

    อีกด้านหนึ่งคือ “Operation Skyfall” ที่ตำรวจไทยร่วมมือกับ Binance และหน่วยงานต่างประเทศเพื่อสืบสวนเครือข่ายฟอกเงินข้ามแดนที่ใช้แอปปลอมชื่อ “Ulela Max” หลอกให้เหยื่อลงทุนในหุ้นปลอม ก่อนนำเงินไปแปลงเป็น USDT แล้วส่งผ่านบัญชีในกัมพูชาและเมียนมาไปยังหัวหน้าแก๊งชาวจีน

    เครือข่ายนี้สามารถฟอกเงินได้มากกว่า 1 พันล้านบาทต่อเดือน โดยใช้บัญชีม้าและช่องทางดิจิทัลที่ซับซ้อน ตำรวจออกหมายจับ 28 คน และยึดเงินสดได้กว่า 46 ล้านบาทจากผู้ต้องสงสัยชาวเมียนมาในจังหวัดแม่สอด

    ลักษณะของอุปกรณ์ SMS Blaster
    ส่งข้อความในรัศมี 1–3 กิโลเมตร
    ใช้เทคโนโลยี False Base Station เลียนแบบเสาสัญญาณมือถือ
    สามารถยิงข้อความได้ถึง 100,000 ข้อความต่อชั่วโมง

    ปฏิบัติการ Operation Skyfall
    เครือข่ายฟอกเงินข้ามแดนผ่านแอปปลอม “Ulela Max”
    เหยื่อถูกหลอกให้ลงทุนในหุ้นปลอมผ่านกลุ่ม Line และ Facebook
    เงินถูกแปลงเป็น USDT แล้วส่งผ่านบัญชีในกัมพูชาและเมียนมา

    ความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน
    ตำรวจไทยร่วมมือกับ Binance และ Bitkub ในการติดตามธุรกรรมคริปโต
    ยึดเงินสดกว่า 46 ล้านบาทจากผู้ต้องสงสัยในแม่สอด
    ออกหมายจับ 28 คน รวมถึงผู้ต้องสงสัยต่างชาติและบัญชีม้า

    https://hackread.com/police-bust-crypto-scam-smishing-sms-blaster-operator/
    🧠 ปฏิบัติการล่าข้ามแดน: เมื่อตำรวจไทยตามรอยแก๊ง SMS หลอกลวงและฟอกเงินด้วยคริปโต ในเดือนสิงหาคม 2025 ตำรวจไทยได้เปิดเผยสองปฏิบัติการใหญ่ที่สะเทือนวงการอาชญากรรมไซเบอร์ ทั้งในระดับท้องถิ่นและระดับนานาชาติ เรื่องแรกคือการจับกุมชายไทยสองคนในกรุงเทพฯ ที่ใช้เครื่อง SMS Blaster ส่งข้อความหลอกลวงวันละกว่า 20,000 ข้อความ โดยขับรถไปรอบเมืองพร้อมอุปกรณ์ที่สามารถยิงข้อความในรัศมี 1–2 กิโลเมตร ข้อความมักเป็นแนว “แต้มสะสมใกล้หมด” หรือ “คุณได้รับรางวัล” พร้อมลิงก์ปลอมที่หลอกให้กรอกข้อมูลธนาคาร เบื้องหลังคือหัวหน้าแก๊งชาวจีนที่สั่งการผ่าน Telegram โดยจ้างคนไทยขับรถและยิงข้อความในพื้นที่เป้าหมาย ซึ่งเป็นรูปแบบ “Smishing” ที่ผสมผสานเทคโนโลยีและการหลอกลวงแบบคลาสสิก อีกด้านหนึ่งคือ “Operation Skyfall” ที่ตำรวจไทยร่วมมือกับ Binance และหน่วยงานต่างประเทศเพื่อสืบสวนเครือข่ายฟอกเงินข้ามแดนที่ใช้แอปปลอมชื่อ “Ulela Max” หลอกให้เหยื่อลงทุนในหุ้นปลอม ก่อนนำเงินไปแปลงเป็น USDT แล้วส่งผ่านบัญชีในกัมพูชาและเมียนมาไปยังหัวหน้าแก๊งชาวจีน เครือข่ายนี้สามารถฟอกเงินได้มากกว่า 1 พันล้านบาทต่อเดือน โดยใช้บัญชีม้าและช่องทางดิจิทัลที่ซับซ้อน ตำรวจออกหมายจับ 28 คน และยึดเงินสดได้กว่า 46 ล้านบาทจากผู้ต้องสงสัยชาวเมียนมาในจังหวัดแม่สอด ✅ ลักษณะของอุปกรณ์ SMS Blaster ➡️ ส่งข้อความในรัศมี 1–3 กิโลเมตร ➡️ ใช้เทคโนโลยี False Base Station เลียนแบบเสาสัญญาณมือถือ ➡️ สามารถยิงข้อความได้ถึง 100,000 ข้อความต่อชั่วโมง ✅ ปฏิบัติการ Operation Skyfall ➡️ เครือข่ายฟอกเงินข้ามแดนผ่านแอปปลอม “Ulela Max” ➡️ เหยื่อถูกหลอกให้ลงทุนในหุ้นปลอมผ่านกลุ่ม Line และ Facebook ➡️ เงินถูกแปลงเป็น USDT แล้วส่งผ่านบัญชีในกัมพูชาและเมียนมา ✅ ความร่วมมือระหว่างหน่วยงาน ➡️ ตำรวจไทยร่วมมือกับ Binance และ Bitkub ในการติดตามธุรกรรมคริปโต ➡️ ยึดเงินสดกว่า 46 ล้านบาทจากผู้ต้องสงสัยในแม่สอด ➡️ ออกหมายจับ 28 คน รวมถึงผู้ต้องสงสัยต่างชาติและบัญชีม้า https://hackread.com/police-bust-crypto-scam-smishing-sms-blaster-operator/
    HACKREAD.COM
    Police Bust Crypto Scammers, Nab Smishing SMS Blaster Operator
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 237 มุมมอง 0 รีวิว
  • จับพระ-สีกา! ตำรวจ บก.ปปป. ลุยจับกุม "อดีตเจ้าคณะฯ นครสวรรค์" และ "หญิงคนสนิท"...คดียักยอกเงินวัดกว่า 4.1 ล้านบาท
    https://www.thai-tai.tv/news/20946/
    .
    #คดีทุจริต #อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ #บกปปป #ปปช #ข่าวอาชญากรรม #ไทยไท

    จับพระ-สีกา! ตำรวจ บก.ปปป. ลุยจับกุม "อดีตเจ้าคณะฯ นครสวรรค์" และ "หญิงคนสนิท"...คดียักยอกเงินวัดกว่า 4.1 ล้านบาท https://www.thai-tai.tv/news/20946/ . #คดีทุจริต #อดีตเจ้าคณะจังหวัดนครสวรรค์ #บกปปป #ปปช #ข่าวอาชญากรรม #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • รถตู้ตรวจจับใบหน้า — เทคโนโลยีล้ำยุคเพื่อความปลอดภัย หรือจุดเริ่มต้นของรัฐเฝ้าระวัง?

    รัฐบาลอังกฤษประกาศแผนขยายการใช้เทคโนโลยี Live Facial Recognition (LFR) โดยจะส่งรถตู้ตรวจจับใบหน้า 10 คันไปยัง 7 กองกำลังตำรวจทั่วประเทศ เช่น Greater Manchester, West Yorkshire และ Thames Valley เพื่อช่วยตามหาผู้ต้องสงสัยในคดีร้ายแรง เช่น ข่มขืน ทำร้ายร่างกาย และฆาตกรรม

    เทคโนโลยีนี้เคยถูกทดลองใช้ในลอนดอนและเซาธ์เวลส์ และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 580 รายในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยระบบจะเปรียบเทียบใบหน้าของผู้คนกับ “watchlist” ที่จัดทำเฉพาะสำหรับแต่ละภารกิจ และมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบผลลัพธ์ทุกครั้ง

    แม้รัฐบาลจะยืนยันว่ามีการทดสอบความแม่นยำและไม่มีอคติทางเชื้อชาติหรือเพศ แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชน เช่น Amnesty International และ Big Brother Watch กลับเตือนว่าเทคโนโลยีนี้ “อันตรายและเลือกปฏิบัติ” โดยเฉพาะกับคนผิวสี และอาจนำไปสู่การจับผิดคนโดยไม่ตั้งใจ

    รัฐบาลจึงเตรียมเปิดให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านการปรึกษาสาธารณะ เพื่อจัดทำกรอบกฎหมายใหม่ที่ชัดเจน ก่อนจะขยายการใช้งานในวงกว้าง

    รัฐบาลอังกฤษเตรียมส่งรถตู้ตรวจจับใบหน้า 10 คันไปยัง 7 กองกำลังตำรวจ
    ใช้เพื่อจับผู้ต้องสงสัยในคดีร้ายแรง เช่น ข่มขืนและฆาตกรรม

    เทคโนโลยี LFR เคยถูกทดลองใช้ในลอนดอนและเซาธ์เวลส์
    นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา 580 รายใน 12 เดือน

    การใช้งานจะอิงจาก “watchlist” ที่จัดทำเฉพาะสำหรับแต่ละภารกิจ
    ตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรม

    รัฐบาลจะเปิดการปรึกษาสาธารณะเพื่อจัดทำกรอบกฎหมายใหม่
    เพื่อกำหนดวิธีใช้และมาตรการคุ้มครองความเป็นส่วนตัว

    การทดสอบโดย National Physical Laboratory พบว่าไม่มีอคติทางเชื้อชาติหรือเพศ
    สนับสนุนความแม่นยำของระบบ LFR

    กลุ่ม Liberty สนับสนุนการจัดทำกรอบกฎหมายก่อนขยายการใช้งาน
    เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมและได้รับการคุ้มครอง

    เทคโนโลยี LFR ใช้การวัดระยะระหว่างจุดบนใบหน้าเพื่อเปรียบเทียบกับฐานข้อมูล
    เช่น ระยะระหว่างตา ความยาวกราม

    LFR ถูกใช้ในงานใหญ่ เช่น คอนเสิร์ต Beyoncé และการแข่งขันฟุตบอล
    เพื่อป้องกันอาชญากรรมและรักษาความปลอดภัย

    การใช้งานใน South Wales มีการลบข้อมูลของผู้ที่ไม่ตรงกับ watchlist ทันที
    เป็นมาตรการป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัว

    มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ประจำชุมชนทั่วประเทศเพื่อรับเรื่องร้องเรียน
    เป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูตำรวจท้องถิ่น

    https://news.sky.com/story/facial-recognition-vans-to-be-rolled-out-across-police-forces-in-england-13410613
    🚐🧠 รถตู้ตรวจจับใบหน้า — เทคโนโลยีล้ำยุคเพื่อความปลอดภัย หรือจุดเริ่มต้นของรัฐเฝ้าระวัง? รัฐบาลอังกฤษประกาศแผนขยายการใช้เทคโนโลยี Live Facial Recognition (LFR) โดยจะส่งรถตู้ตรวจจับใบหน้า 10 คันไปยัง 7 กองกำลังตำรวจทั่วประเทศ เช่น Greater Manchester, West Yorkshire และ Thames Valley เพื่อช่วยตามหาผู้ต้องสงสัยในคดีร้ายแรง เช่น ข่มขืน ทำร้ายร่างกาย และฆาตกรรม เทคโนโลยีนี้เคยถูกทดลองใช้ในลอนดอนและเซาธ์เวลส์ และสามารถจับกุมผู้ต้องหาได้กว่า 580 รายในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยระบบจะเปรียบเทียบใบหน้าของผู้คนกับ “watchlist” ที่จัดทำเฉพาะสำหรับแต่ละภารกิจ และมีเจ้าหน้าที่ตรวจสอบผลลัพธ์ทุกครั้ง แม้รัฐบาลจะยืนยันว่ามีการทดสอบความแม่นยำและไม่มีอคติทางเชื้อชาติหรือเพศ แต่กลุ่มสิทธิมนุษยชน เช่น Amnesty International และ Big Brother Watch กลับเตือนว่าเทคโนโลยีนี้ “อันตรายและเลือกปฏิบัติ” โดยเฉพาะกับคนผิวสี และอาจนำไปสู่การจับผิดคนโดยไม่ตั้งใจ รัฐบาลจึงเตรียมเปิดให้ประชาชนร่วมแสดงความคิดเห็นผ่านการปรึกษาสาธารณะ เพื่อจัดทำกรอบกฎหมายใหม่ที่ชัดเจน ก่อนจะขยายการใช้งานในวงกว้าง ✅ รัฐบาลอังกฤษเตรียมส่งรถตู้ตรวจจับใบหน้า 10 คันไปยัง 7 กองกำลังตำรวจ ➡️ ใช้เพื่อจับผู้ต้องสงสัยในคดีร้ายแรง เช่น ข่มขืนและฆาตกรรม ✅ เทคโนโลยี LFR เคยถูกทดลองใช้ในลอนดอนและเซาธ์เวลส์ ➡️ นำไปสู่การจับกุมผู้ต้องหา 580 รายใน 12 เดือน ✅ การใช้งานจะอิงจาก “watchlist” ที่จัดทำเฉพาะสำหรับแต่ละภารกิจ ➡️ ตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ที่ได้รับการฝึกอบรม ✅ รัฐบาลจะเปิดการปรึกษาสาธารณะเพื่อจัดทำกรอบกฎหมายใหม่ ➡️ เพื่อกำหนดวิธีใช้และมาตรการคุ้มครองความเป็นส่วนตัว ✅ การทดสอบโดย National Physical Laboratory พบว่าไม่มีอคติทางเชื้อชาติหรือเพศ ➡️ สนับสนุนความแม่นยำของระบบ LFR ✅ กลุ่ม Liberty สนับสนุนการจัดทำกรอบกฎหมายก่อนขยายการใช้งาน ➡️ เพื่อให้ประชาชนมีส่วนร่วมและได้รับการคุ้มครอง ✅ เทคโนโลยี LFR ใช้การวัดระยะระหว่างจุดบนใบหน้าเพื่อเปรียบเทียบกับฐานข้อมูล ➡️ เช่น ระยะระหว่างตา ความยาวกราม ✅ LFR ถูกใช้ในงานใหญ่ เช่น คอนเสิร์ต Beyoncé และการแข่งขันฟุตบอล ➡️ เพื่อป้องกันอาชญากรรมและรักษาความปลอดภัย ✅ การใช้งานใน South Wales มีการลบข้อมูลของผู้ที่ไม่ตรงกับ watchlist ทันที ➡️ เป็นมาตรการป้องกันการละเมิดความเป็นส่วนตัว ✅ มีการแต่งตั้งเจ้าหน้าที่ประจำชุมชนทั่วประเทศเพื่อรับเรื่องร้องเรียน ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของแผนฟื้นฟูตำรวจท้องถิ่น https://news.sky.com/story/facial-recognition-vans-to-be-rolled-out-across-police-forces-in-england-13410613
    NEWS.SKY.COM
    Facial recognition vans to be rolled out across police forces in England
    Ten live facial recognition vans will be deployed - but human rights groups argue the tech is "dangerous and discriminatory".
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • หลังถูกจับกุมคดีรีสอร์ตรุกที่ดินป่าไม้ ด.ต. ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือ “จอนนี่ มือปราบ” และภรรยา ได้โพสต์ผ่านเพจส่วนตัวขอความเป็นธรรมและให้สังคมอย่าซ้ำเติม ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนเลว ทำมาหากินสุจริต และพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พร้อมขอโทษทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ พร้อมเรียกร้องให้สังคมให้โอกาสทำมาหากินและช่วยเหลือครอบครัว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000077379

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    หลังถูกจับกุมคดีรีสอร์ตรุกที่ดินป่าไม้ ด.ต. ยุทธพล ศรีสมพงษ์ หรือ “จอนนี่ มือปราบ” และภรรยา ได้โพสต์ผ่านเพจส่วนตัวขอความเป็นธรรมและให้สังคมอย่าซ้ำเติม ยืนยันว่าไม่ได้เป็นคนเลว ทำมาหากินสุจริต และพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม พร้อมขอโทษทุกฝ่ายที่ได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้ พร้อมเรียกร้องให้สังคมให้โอกาสทำมาหากินและช่วยเหลือครอบครัว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000077379 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Love
    Sad
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 484 มุมมอง 0 รีวิว
  • นี้ล่ะกูอเมริกาจึงรีบรับคำสั่งจากนายใหญ่มาบอกพวกเราทั้งสองฝ่ายรีบแก้เกมส์ทหารพระราชาไทยนะ แค่รัฐบาลไทยฝ่ายเราจะหยุดทหารไทยห้ามไม่ให้ยิงใส่พวกเรากันเองคือฝ่ายเขมรเราก็บอกทหารไทยให้หยุดยิงก็ไม่ได้ ถ้าทหารไทยยังยิงพวกเราอีก เราแพ้แน่นอนเพราะทหารไทยระเบิดคลังอาวุธเราหมดแล้วไม่มีอาวุธไปสู้ทหารไทยได้ ฮุนเซยฮุนมาเนตเราจะแพ้เลย เผลอเด็ดหัวฮุนเซนระเบิดบ้านฮุนเซนฮุนมาเนตด้วย ลามไปถึงบ่อเงินบ่อทองกูอเมริกาด้วยสแกมเมอร์คอลเซ็นเตอร์ต่างๆที่โอนตังมากมายมาเก็บไว้ในอเมริกากูช่วยเพิ่มสภาพคล่องจากเงินมืดนี้ได้ดีด้วย ทหารไทยระเบิดอู่ข้าวอู่น้ำกูหมดทั่วเขมร ตึกๆทั่วเขมรและใจกลางเขตทำเงินกูจะซวยโคตรๆด้วย ต้องรีบสุมหัวให้ขี้ข้ากูมาเลย์มาช่วยเล่นละครกับพวกมรึงด้วยว่าไทยกับเขมรรีบเจรจาตกลงกันหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไขทันที เดี๋ยวระหว่างนี้เครือข่ายลูกน้องกูจะส่งอาวุธให้เขมรจนพร้อมเพียงพออีกครั้ง อย่าให้มันจับกุมโดรนและอื่นๆที่เหลือจากเครือข่ายเราอีกนะที่จะส่งเข้าไปเขมร,อุตสาห์วางแผนซ่อนโดรนในไทยนำเข้าจากสิงคโปร์ว่าโปร่งใส่ชื่อประเทศค้ำประกันว่านำเข้ามาใช้เพื่อทางดีงามแบบภาพลักษณ์สิงคโปร์ในสายตาโลกว่าซื่อสัตย์โปร่งใส กูให้มันส่งไปเขมรแต่เสือกถูกจับก่อนเสียแผนมาก,ยังเหลือเครือข่ายเราอีกเยอะทำงานให้ระมัดระวังด้วย,เตรียมการล่วงหน้าก่อนเขมรเปิดใส่ไทยแล้วนะ,ถ่วงเวลาหยุดยิงไว้ก่อน ส่งอาวุธเพียงพอให้เขมรเสร็จค่อยกลับมาเปิดกับไทยอีกรอบที่สอง รอบแรกเราพลาดไปเปิดก่อน เพราะมั่นใจว่าอาวุธเราเต็มคลังแสงแล้ว กำลังเอาออกมาแต่มันระเบิดเราฐานเขมรเราก่อน,ลากยาวการหยุดยิงไว้ก่อนนี้กูอเมริกาช่วยพวกมรึงออกนอกหน้าเต็มที่เลยนะ,บ่อน้ำมันที่อ่าวไทย กูอเมริกาและฝรั่งเศสหรือพวกฝรั่งกูทั้งหมดต้องได้อ่าวไทยที่ขีดเส้นใหม่1:200,000นี้นะ ห้ามพวกมรึงยกเลิกmou43/44เด็ดขาดปิดปากทุกๆสื่อหลักในไทยในเขมรให้ด้วย กูล็อบบี้ทุกๆชาติทั่วโลกห้ามเอยปากพูดถึงmou43/44นี้ได้,นอกจากทหารไทยฉลาดพอล่ะ ไปบอกรัสเชีย จีน อินเดีย แฮ็กเกอร์ใต้ดินระดับเทพโหนกระแสชวนชาวโลกชี้เป้าให้ไทยยกเลิกmou43/44มติชาวโลกมวลชนขนาดนั้นกูก็ช่วยปกปิดช่วยมรึงไม่ได้เช่นกัน.,ดีแล้วที่เบียงเบนว่าให้ใช้คำว่า เขมรยิงก่อน ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด,ถ้าใช้คำว่า เขมรเปิดก่อน ยกเลิกmou43/44 1:200,000ก็หายวูบเลยบวกบ่อน้ำมันอ่าวไทยกูด้วยและมรึงๆก็ไม่ได้แดกด้วย.

    https://youtube.com/shorts/HL8Yht89t_g?si=YH-hh9zC5aEtvIIW
    นี้ล่ะกูอเมริกาจึงรีบรับคำสั่งจากนายใหญ่มาบอกพวกเราทั้งสองฝ่ายรีบแก้เกมส์ทหารพระราชาไทยนะ แค่รัฐบาลไทยฝ่ายเราจะหยุดทหารไทยห้ามไม่ให้ยิงใส่พวกเรากันเองคือฝ่ายเขมรเราก็บอกทหารไทยให้หยุดยิงก็ไม่ได้ ถ้าทหารไทยยังยิงพวกเราอีก เราแพ้แน่นอนเพราะทหารไทยระเบิดคลังอาวุธเราหมดแล้วไม่มีอาวุธไปสู้ทหารไทยได้ ฮุนเซยฮุนมาเนตเราจะแพ้เลย เผลอเด็ดหัวฮุนเซนระเบิดบ้านฮุนเซนฮุนมาเนตด้วย ลามไปถึงบ่อเงินบ่อทองกูอเมริกาด้วยสแกมเมอร์คอลเซ็นเตอร์ต่างๆที่โอนตังมากมายมาเก็บไว้ในอเมริกากูช่วยเพิ่มสภาพคล่องจากเงินมืดนี้ได้ดีด้วย ทหารไทยระเบิดอู่ข้าวอู่น้ำกูหมดทั่วเขมร ตึกๆทั่วเขมรและใจกลางเขตทำเงินกูจะซวยโคตรๆด้วย ต้องรีบสุมหัวให้ขี้ข้ากูมาเลย์มาช่วยเล่นละครกับพวกมรึงด้วยว่าไทยกับเขมรรีบเจรจาตกลงกันหยุดยิงแบบไม่มีเงื่อนไขทันที เดี๋ยวระหว่างนี้เครือข่ายลูกน้องกูจะส่งอาวุธให้เขมรจนพร้อมเพียงพออีกครั้ง อย่าให้มันจับกุมโดรนและอื่นๆที่เหลือจากเครือข่ายเราอีกนะที่จะส่งเข้าไปเขมร,อุตสาห์วางแผนซ่อนโดรนในไทยนำเข้าจากสิงคโปร์ว่าโปร่งใส่ชื่อประเทศค้ำประกันว่านำเข้ามาใช้เพื่อทางดีงามแบบภาพลักษณ์สิงคโปร์ในสายตาโลกว่าซื่อสัตย์โปร่งใส กูให้มันส่งไปเขมรแต่เสือกถูกจับก่อนเสียแผนมาก,ยังเหลือเครือข่ายเราอีกเยอะทำงานให้ระมัดระวังด้วย,เตรียมการล่วงหน้าก่อนเขมรเปิดใส่ไทยแล้วนะ,ถ่วงเวลาหยุดยิงไว้ก่อน ส่งอาวุธเพียงพอให้เขมรเสร็จค่อยกลับมาเปิดกับไทยอีกรอบที่สอง รอบแรกเราพลาดไปเปิดก่อน เพราะมั่นใจว่าอาวุธเราเต็มคลังแสงแล้ว กำลังเอาออกมาแต่มันระเบิดเราฐานเขมรเราก่อน,ลากยาวการหยุดยิงไว้ก่อนนี้กูอเมริกาช่วยพวกมรึงออกนอกหน้าเต็มที่เลยนะ,บ่อน้ำมันที่อ่าวไทย กูอเมริกาและฝรั่งเศสหรือพวกฝรั่งกูทั้งหมดต้องได้อ่าวไทยที่ขีดเส้นใหม่1:200,000นี้นะ ห้ามพวกมรึงยกเลิกmou43/44เด็ดขาดปิดปากทุกๆสื่อหลักในไทยในเขมรให้ด้วย กูล็อบบี้ทุกๆชาติทั่วโลกห้ามเอยปากพูดถึงmou43/44นี้ได้,นอกจากทหารไทยฉลาดพอล่ะ ไปบอกรัสเชีย จีน อินเดีย แฮ็กเกอร์ใต้ดินระดับเทพโหนกระแสชวนชาวโลกชี้เป้าให้ไทยยกเลิกmou43/44มติชาวโลกมวลชนขนาดนั้นกูก็ช่วยปกปิดช่วยมรึงไม่ได้เช่นกัน.,ดีแล้วที่เบียงเบนว่าให้ใช้คำว่า เขมรยิงก่อน ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด,ถ้าใช้คำว่า เขมรเปิดก่อน ยกเลิกmou43/44 1:200,000ก็หายวูบเลยบวกบ่อน้ำมันอ่าวไทยกูด้วยและมรึงๆก็ไม่ได้แดกด้วย. https://youtube.com/shorts/HL8Yht89t_g?si=YH-hh9zC5aEtvIIW
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากห้องเรียนอเมริกัน: เมื่อ AI จับผิดนักเรียนจนกลายเป็นผู้ต้องหา

    ในยุคที่โรงเรียนพยายามใช้เทคโนโลยีเพื่อปกป้องนักเรียนจากภัยคุกคาม เช่น การกลั่นแกล้งหรือการทำร้ายตัวเอง หลายโรงเรียนในสหรัฐฯ ได้ติดตั้งระบบเฝ้าระวังด้วย AI เช่น Gaggle และ Lightspeed Alert เพื่อสแกนข้อความที่นักเรียนพิมพ์ในอีเมลหรือแชตที่เชื่อมกับบัญชีโรงเรียน

    แต่สิ่งที่ควรเป็นเครื่องมือช่วยชีวิต กลับกลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้เด็กบางคนถูกจับกุมโดยไม่ตั้งใจ ตัวอย่างเช่น เด็กหญิงวัย 13 ปีในรัฐเทนเนสซีที่พิมพ์ข้อความล้อเล่นว่า “Thursday we kill all the Mexico’s” หลังถูกเพื่อนล้อเรื่องผิว เธอถูกจับกุม ถูกสอบสวน ถูกตรวจร่างกาย และต้องนอนคุกข้ามคืน แม้ข้อความจะเป็นแค่การประชดประชันในกลุ่มเพื่อน

    ระบบ AI เหล่านี้สามารถแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่โรงเรียนและตำรวจทันทีเมื่อพบข้อความต้องสงสัย โดยไม่พิจารณาบริบทหรือเจตนา ทำให้เกิดการแจ้งเตือนผิดพลาดจำนวนมาก เช่น การบ้านที่มีคำว่า “mental health” หรือภาพถ่ายในชั้นเรียนที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นภาพโป๊

    แม้ผู้พัฒนาอย่าง Gaggle จะยืนยันว่าเครื่องมือควรใช้เพื่อ “เตือนล่วงหน้า” ไม่ใช่ “ลงโทษ” แต่ในหลายกรณี โรงเรียนกลับใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีหรือส่งนักเรียนไปโรงเรียนทางเลือก

    โรงเรียนในสหรัฐฯ ใช้ระบบ AI เช่น Gaggle และ Lightspeed Alert เพื่อเฝ้าระวังข้อความของนักเรียน
    ตรวจจับคำที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง การกลั่นแกล้ง หรือการทำร้ายตัวเอง

    เด็กหญิงวัย 13 ปีถูกจับกุมหลังพิมพ์ข้อความประชดเพื่อนในแชตโรงเรียน
    ถูกสอบสวน ตรวจร่างกาย และนอนคุกข้ามคืน

    ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติสามารถแจ้งตำรวจทันทีโดยไม่พิจารณาบริบท
    นำไปสู่การดำเนินคดีแม้ไม่มีเจตนาร้าย

    กฎหมาย zero-tolerance ในรัฐเทนเนสซีบังคับให้รายงานภัยคุกคามทุกกรณี
    แม้จะเป็นคำพูดเล่นหรือไม่มีมูลเหตุจริง

    นักเรียนหลายคนถูกเรียกพบครูหรือถูกลงโทษจากข้อความที่ไม่เป็นภัยจริง
    เช่น การบ้านที่มีคำว่า “mental health” หรือภาพถ่ายในชั้นเรียน

    ระบบแจ้งเตือนของ Gaggle ในเขต Lawrence แจ้งเตือนกว่า 1,200 ครั้งใน 10 เดือน
    โดยสองในสามเป็น false alarm รวมถึงกว่า 200 กรณีจากการบ้านนักเรียน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/08/students-have-been-called-to-the-office---and-even-arrested---for-ai-surveillance-false-alarms
    🎓🔍 เรื่องเล่าจากห้องเรียนอเมริกัน: เมื่อ AI จับผิดนักเรียนจนกลายเป็นผู้ต้องหา ในยุคที่โรงเรียนพยายามใช้เทคโนโลยีเพื่อปกป้องนักเรียนจากภัยคุกคาม เช่น การกลั่นแกล้งหรือการทำร้ายตัวเอง หลายโรงเรียนในสหรัฐฯ ได้ติดตั้งระบบเฝ้าระวังด้วย AI เช่น Gaggle และ Lightspeed Alert เพื่อสแกนข้อความที่นักเรียนพิมพ์ในอีเมลหรือแชตที่เชื่อมกับบัญชีโรงเรียน แต่สิ่งที่ควรเป็นเครื่องมือช่วยชีวิต กลับกลายเป็นเครื่องมือที่ทำให้เด็กบางคนถูกจับกุมโดยไม่ตั้งใจ ตัวอย่างเช่น เด็กหญิงวัย 13 ปีในรัฐเทนเนสซีที่พิมพ์ข้อความล้อเล่นว่า “Thursday we kill all the Mexico’s” หลังถูกเพื่อนล้อเรื่องผิว เธอถูกจับกุม ถูกสอบสวน ถูกตรวจร่างกาย และต้องนอนคุกข้ามคืน แม้ข้อความจะเป็นแค่การประชดประชันในกลุ่มเพื่อน ระบบ AI เหล่านี้สามารถแจ้งเตือนเจ้าหน้าที่โรงเรียนและตำรวจทันทีเมื่อพบข้อความต้องสงสัย โดยไม่พิจารณาบริบทหรือเจตนา ทำให้เกิดการแจ้งเตือนผิดพลาดจำนวนมาก เช่น การบ้านที่มีคำว่า “mental health” หรือภาพถ่ายในชั้นเรียนที่ถูกเข้าใจผิดว่าเป็นภาพโป๊ แม้ผู้พัฒนาอย่าง Gaggle จะยืนยันว่าเครื่องมือควรใช้เพื่อ “เตือนล่วงหน้า” ไม่ใช่ “ลงโทษ” แต่ในหลายกรณี โรงเรียนกลับใช้เป็นหลักฐานในการดำเนินคดีหรือส่งนักเรียนไปโรงเรียนทางเลือก ✅ โรงเรียนในสหรัฐฯ ใช้ระบบ AI เช่น Gaggle และ Lightspeed Alert เพื่อเฝ้าระวังข้อความของนักเรียน ➡️ ตรวจจับคำที่เกี่ยวข้องกับความรุนแรง การกลั่นแกล้ง หรือการทำร้ายตัวเอง ✅ เด็กหญิงวัย 13 ปีถูกจับกุมหลังพิมพ์ข้อความประชดเพื่อนในแชตโรงเรียน ➡️ ถูกสอบสวน ตรวจร่างกาย และนอนคุกข้ามคืน ✅ ระบบแจ้งเตือนอัตโนมัติสามารถแจ้งตำรวจทันทีโดยไม่พิจารณาบริบท ➡️ นำไปสู่การดำเนินคดีแม้ไม่มีเจตนาร้าย ✅ กฎหมาย zero-tolerance ในรัฐเทนเนสซีบังคับให้รายงานภัยคุกคามทุกกรณี ➡️ แม้จะเป็นคำพูดเล่นหรือไม่มีมูลเหตุจริง ✅ นักเรียนหลายคนถูกเรียกพบครูหรือถูกลงโทษจากข้อความที่ไม่เป็นภัยจริง ➡️ เช่น การบ้านที่มีคำว่า “mental health” หรือภาพถ่ายในชั้นเรียน ✅ ระบบแจ้งเตือนของ Gaggle ในเขต Lawrence แจ้งเตือนกว่า 1,200 ครั้งใน 10 เดือน ➡️ โดยสองในสามเป็น false alarm รวมถึงกว่า 200 กรณีจากการบ้านนักเรียน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/08/students-have-been-called-to-the-office---and-even-arrested---for-ai-surveillance-false-alarms
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Students have been called to the office - and even arrested - for AI surveillance false alarms
    Surveillance systems in American schools increasingly monitor everything students write on school accounts and devices.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 259 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจสวัสดิภาพเด็กและสตรี บช.น. จับกุมไฮโซลูกนัท ทายาทนักธุรกิจอสังหาฯ ดัง หลังสาวรายหนึ่งโร่แจ้งความถูกบังคับให้เสพยาเสพติด และใช้อาวุธปืนทำร้ายร่างกาย พบอาวุธปืนในบ้านมากถึง 20 กระบอก
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000074809

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ตำรวจสวัสดิภาพเด็กและสตรี บช.น. จับกุมไฮโซลูกนัท ทายาทนักธุรกิจอสังหาฯ ดัง หลังสาวรายหนึ่งโร่แจ้งความถูกบังคับให้เสพยาเสพติด และใช้อาวุธปืนทำร้ายร่างกาย พบอาวุธปืนในบ้านมากถึง 20 กระบอก . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000074809 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Angry
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1074 มุมมอง 0 รีวิว
  • พ.ต.อ.อัษฎไณย ป้องกัน ผกก.สภ.ลำดวน เผยถึงการจับกุม นายวิน ดา ชายชาวกัมพูชา พร้อมของกลางอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก เครื่องแบบทหารลายพรางติดธงกัมพูชาและติดโลโก้หน่วย BHQ หรือ กองบัญชาการองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ที่บ้านหลังหนึ่ง ใน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ หลังตำรวจสืบทราบว่ามีชาวกัมพูชา ลักษณะเหมือนแอบแฝงส่งข้อมูลไปกัมพูชา โดยนายวิน ดา ยอมรับเคยเป็นทหารแต่ลาออกเมื่อ 3-4 ปีก่อน เสื้อลายพรางเป็นเสื้อของทหารกัมพูชา แต่ชื่อไม่ตรงกับเจ้าตัว สืบสวนพบ นายวิน ใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ทั้งชื่อทางทหาร ชื่อในพาสปอร์ต ชื่อในบัตรประชาชน และชื่อในบัตรที่ทำงาน แต่ละชื่อไม่ตรงกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสอบสวนอย่างละเอียด และตรวจสอบโทรศัพท์มือถือว่ามีข้อมูลเชื่อมโยงด้านความมั่นคงของไทยไปให้กัมพูชาหรือไม่

    -เลขา GBC ประชุมมาราธอน
    -กัมพูชาจ้องรื้อรั้ว
    -ฉะผู้ว่าอุบลกอดงบ
    -จีนไม่ส่งโดรนช่วยกัมพูชา
    พ.ต.อ.อัษฎไณย ป้องกัน ผกก.สภ.ลำดวน เผยถึงการจับกุม นายวิน ดา ชายชาวกัมพูชา พร้อมของกลางอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ 1 กระบอก เครื่องแบบทหารลายพรางติดธงกัมพูชาและติดโลโก้หน่วย BHQ หรือ กองบัญชาการองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ที่บ้านหลังหนึ่ง ใน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ หลังตำรวจสืบทราบว่ามีชาวกัมพูชา ลักษณะเหมือนแอบแฝงส่งข้อมูลไปกัมพูชา โดยนายวิน ดา ยอมรับเคยเป็นทหารแต่ลาออกเมื่อ 3-4 ปีก่อน เสื้อลายพรางเป็นเสื้อของทหารกัมพูชา แต่ชื่อไม่ตรงกับเจ้าตัว สืบสวนพบ นายวิน ใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ทั้งชื่อทางทหาร ชื่อในพาสปอร์ต ชื่อในบัตรประชาชน และชื่อในบัตรที่ทำงาน แต่ละชื่อไม่ตรงกัน ซึ่งเจ้าหน้าที่จะสอบสวนอย่างละเอียด และตรวจสอบโทรศัพท์มือถือว่ามีข้อมูลเชื่อมโยงด้านความมั่นคงของไทยไปให้กัมพูชาหรือไม่ -เลขา GBC ประชุมมาราธอน -กัมพูชาจ้องรื้อรั้ว -ฉะผู้ว่าอุบลกอดงบ -จีนไม่ส่งโดรนช่วยกัมพูชา
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 446 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกชิป: เมื่ออดีตพนักงาน Huawei ถูกตัดสินจำคุกจากคดีลับเทคโนโลยี

    ในโลกของเซมิคอนดักเตอร์ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด คดีล่าสุดจากประเทศจีนได้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ เมื่อศาลในเซี่ยงไฮ้ตัดสินจำคุกอดีตพนักงาน Huawei จำนวน 14 คน จากข้อหาขโมยข้อมูลลับด้านเทคโนโลยีชิปไปใช้ในการก่อตั้งบริษัทใหม่ชื่อ Zunpai Communication Technology

    Zhang Kun อดีตนักวิจัยจาก HiSilicon ซึ่งเป็นหน่วยงานพัฒนาชิปของ Huawei ได้ลาออกในปี 2019 และก่อตั้ง Zunpai ในปี 2021 โดยดึงอดีตเพื่อนร่วมงานมาร่วมทีม พร้อมเสนอเงินเดือนสูงและหุ้นในบริษัท แต่สิ่งที่ตามมาคือข้อกล่าวหาว่า พวกเขาได้คัดลอกข้อมูลลับก่อนลาออก และนำไปใช้ในการพัฒนาชิป Wi-Fi ของ Zunpai

    ในเดือนธันวาคม 2023 ตำรวจเซี่ยงไฮ้ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยทั้ง 14 คน และอายัดทรัพย์สินของ Zunpai มูลค่า 95 ล้านหยวน โดยพบว่าเทคโนโลยีที่ใช้ใน Zunpai มีความคล้ายคลึงกับของ Huawei ถึง 90% แม้คำตัดสินจะยังไม่เผยแพร่สู่สาธารณะ แต่มีรายงานว่าผู้ต้องหาอาจถูกจำคุกสูงสุด 6 ปี พร้อมโทษปรับ

    คดีนี้สะท้อนถึงความเข้มงวดของจีนในการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมชิปที่ถือเป็นหัวใจของเศรษฐกิจดิจิทัล และยังเป็นการเตือนว่า “การลอกเลียนเทคโนโลยี” ไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป

    ศาลเซี่ยงไฮ้ตัดสินจำคุกอดีตพนักงาน Huawei 14 คน
    จากข้อหาขโมยข้อมูลลับด้านเทคโนโลยีชิป

    ผู้ต้องหาก่อตั้งบริษัท Zunpai เพื่อพัฒนาชิป Wi-Fi
    โดยใช้ข้อมูลจาก HiSilicon ซึ่งเป็นหน่วยงานของ Huawei

    ตำรวจพบว่าเทคโนโลยีของ Zunpai คล้ายกับของ Huawei ถึง 90%
    และอายัดทรัพย์สินมูลค่า 95 ล้านหยวน

    คำตัดสินยังไม่เผยแพร่ แต่มีรายงานว่าผู้ต้องหาอาจถูกจำคุกสูงสุด 6 ปี
    พร้อมโทษปรับทางการเงิน

    Huawei ยังไม่ออกความเห็นอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับคดีนี้
    แต่ได้ดำเนินการทางกฎหมายตั้งแต่ปี 2023

    จีนมีแนวโน้มเพิ่มความเข้มงวดในการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา
    มีผู้ถูกดำเนินคดีด้าน IP มากกว่า 21,000 คนในปี 2024

    HiSilicon เป็นหน่วยงานพัฒนาชิปของ Huawei ที่มีบทบาทสำคัญ
    โดยเฉพาะในด้านการพัฒนา AI และการสื่อสาร

    การลอกเลียนเทคโนโลยีชิปส่งผลต่อการแข่งขันในระดับโลก
    และอาจกระทบต่อความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยี

    การตั้งบริษัทใหม่โดยอดีตพนักงานเป็นเรื่องปกติในวงการเทคโนโลยี
    แต่ต้องไม่ละเมิดข้อมูลลับของบริษัทเดิม

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/14-ex-huawei-employees-handed-down-prison-sentences-in-china-accused-face-up-to-six-years-for-taking-chip-related-business-secrets-with-them-to-form-startup-zunpai
    🔐⚖️ เรื่องเล่าจากโลกชิป: เมื่ออดีตพนักงาน Huawei ถูกตัดสินจำคุกจากคดีลับเทคโนโลยี ในโลกของเซมิคอนดักเตอร์ที่แข่งขันกันอย่างดุเดือด คดีล่าสุดจากประเทศจีนได้สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ เมื่อศาลในเซี่ยงไฮ้ตัดสินจำคุกอดีตพนักงาน Huawei จำนวน 14 คน จากข้อหาขโมยข้อมูลลับด้านเทคโนโลยีชิปไปใช้ในการก่อตั้งบริษัทใหม่ชื่อ Zunpai Communication Technology Zhang Kun อดีตนักวิจัยจาก HiSilicon ซึ่งเป็นหน่วยงานพัฒนาชิปของ Huawei ได้ลาออกในปี 2019 และก่อตั้ง Zunpai ในปี 2021 โดยดึงอดีตเพื่อนร่วมงานมาร่วมทีม พร้อมเสนอเงินเดือนสูงและหุ้นในบริษัท แต่สิ่งที่ตามมาคือข้อกล่าวหาว่า พวกเขาได้คัดลอกข้อมูลลับก่อนลาออก และนำไปใช้ในการพัฒนาชิป Wi-Fi ของ Zunpai ในเดือนธันวาคม 2023 ตำรวจเซี่ยงไฮ้ได้จับกุมผู้ต้องสงสัยทั้ง 14 คน และอายัดทรัพย์สินของ Zunpai มูลค่า 95 ล้านหยวน โดยพบว่าเทคโนโลยีที่ใช้ใน Zunpai มีความคล้ายคลึงกับของ Huawei ถึง 90% แม้คำตัดสินจะยังไม่เผยแพร่สู่สาธารณะ แต่มีรายงานว่าผู้ต้องหาอาจถูกจำคุกสูงสุด 6 ปี พร้อมโทษปรับ คดีนี้สะท้อนถึงความเข้มงวดของจีนในการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมชิปที่ถือเป็นหัวใจของเศรษฐกิจดิจิทัล และยังเป็นการเตือนว่า “การลอกเลียนเทคโนโลยี” ไม่ใช่เรื่องเล็กอีกต่อไป ✅ ศาลเซี่ยงไฮ้ตัดสินจำคุกอดีตพนักงาน Huawei 14 คน ➡️ จากข้อหาขโมยข้อมูลลับด้านเทคโนโลยีชิป ✅ ผู้ต้องหาก่อตั้งบริษัท Zunpai เพื่อพัฒนาชิป Wi-Fi ➡️ โดยใช้ข้อมูลจาก HiSilicon ซึ่งเป็นหน่วยงานของ Huawei ✅ ตำรวจพบว่าเทคโนโลยีของ Zunpai คล้ายกับของ Huawei ถึง 90% ➡️ และอายัดทรัพย์สินมูลค่า 95 ล้านหยวน ✅ คำตัดสินยังไม่เผยแพร่ แต่มีรายงานว่าผู้ต้องหาอาจถูกจำคุกสูงสุด 6 ปี ➡️ พร้อมโทษปรับทางการเงิน ✅ Huawei ยังไม่ออกความเห็นอย่างเป็นทางการเกี่ยวกับคดีนี้ ➡️ แต่ได้ดำเนินการทางกฎหมายตั้งแต่ปี 2023 ✅ จีนมีแนวโน้มเพิ่มความเข้มงวดในการปกป้องทรัพย์สินทางปัญญา ➡️ มีผู้ถูกดำเนินคดีด้าน IP มากกว่า 21,000 คนในปี 2024 ✅ HiSilicon เป็นหน่วยงานพัฒนาชิปของ Huawei ที่มีบทบาทสำคัญ ➡️ โดยเฉพาะในด้านการพัฒนา AI และการสื่อสาร ✅ การลอกเลียนเทคโนโลยีชิปส่งผลต่อการแข่งขันในระดับโลก ➡️ และอาจกระทบต่อความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทานเทคโนโลยี ✅ การตั้งบริษัทใหม่โดยอดีตพนักงานเป็นเรื่องปกติในวงการเทคโนโลยี ➡️ แต่ต้องไม่ละเมิดข้อมูลลับของบริษัทเดิม https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/14-ex-huawei-employees-handed-down-prison-sentences-in-china-accused-face-up-to-six-years-for-taking-chip-related-business-secrets-with-them-to-form-startup-zunpai
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 283 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกชิป: เมื่อเทคโนโลยีระดับนาโนกลายเป็นเป้าหมายของการจารกรรม

    ในโลกของเซมิคอนดักเตอร์ที่แข่งขันกันดุเดือด TSMC บริษัทผู้ผลิตชิปอันดับหนึ่งของโลกจากไต้หวัน กำลังเผชิญกับคดีร้ายแรง เมื่อมีพนักงานปัจจุบันและอดีตพนักงานรวม 6 คนถูกจับกุมในข้อหาพยายามขโมยข้อมูลลับเกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตร ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุดในปัจจุบัน และมีมูลค่าสูงถึง $30,000 ต่อแผ่นเวเฟอร์

    การสืบสวนเริ่มต้นจากระบบตรวจสอบภายในของ TSMC ที่พบพฤติกรรมเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับแก้ไขของไต้หวัน ซึ่งระบุชัดว่าการรั่วไหลของเทคโนโลยีระดับต่ำกว่า 14 นาโนเมตรถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ

    เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านและที่ทำงานของผู้ต้องสงสัย รวมถึงบริษัทญี่ปุ่น Tokyo Electron ที่อาจเกี่ยวข้องกับคดีนี้ แม้ยังไม่มีการเปิดเผยว่าข้อมูลถูกส่งต่อไปยังใคร แต่ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นนั้นมหาศาล เพราะ TSMC เป็นผู้ผลิตชิปให้กับบริษัทระดับโลกอย่าง Apple, Nvidia และ Qualcomm

    ในยุคที่ AI และเทคโนโลยีขั้นสูงเป็นหัวใจของเศรษฐกิจโลก การขโมยข้อมูลลับไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจ แต่เป็นเรื่องของความมั่นคงระดับชาติ และผู้กระทำผิดอาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 12 ปี พร้อมปรับกว่า 100 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน

    พนักงาน TSMC ถูกจับกุมในข้อหาพยายามขโมยข้อมูลเทคโนโลยี 2nm
    รวมทั้งหมด 6 คน มีทั้งพนักงานปัจจุบันและอดีต

    TSMC ตรวจพบการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตจากระบบภายใน
    ก่อนส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดี

    คดีนี้อยู่ภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ของไต้หวัน
    เน้นปกป้องเทคโนโลยีระดับนาโนที่ถือเป็น “เทคโนโลยีหลักของชาติ”

    เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านและที่ทำงานของผู้ต้องสงสัย
    รวมถึงบริษัทญี่ปุ่น Tokyo Electron ที่อาจเกี่ยวข้อง

    TSMC ยืนยันจะดำเนินคดีอย่างเต็มที่และเสริมระบบตรวจสอบภายใน
    เพื่อรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขันและเสถียรภาพองค์กร

    เทคโนโลยี 2nm เป็นขั้นสูงสุดของการผลิตชิปในปัจจุบัน
    มีประสิทธิภาพสูงและใช้ในอุปกรณ์ระดับพรีเมียม เช่น iPhone 18

    ราคาการผลิตชิป 2nm สูงถึง $30,000 ต่อเวเฟอร์
    แพงกว่าชิป 3nm ถึง 66%

    TSMC มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า Samsung ถึง 3 เท่า
    เป็นผู้ผลิตชิปให้บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลก

    การแข่งขันด้าน AI และเซิร์ฟเวอร์ทำให้เทคโนโลยีชิปเป็นเป้าหมายสำคัญ
    โดยเฉพาะในยุคหลัง ChatGPT ที่ต้องใช้พลังประมวลผลมหาศาล

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/two-former-tsmc-employees-arrested
    🔍💥 เรื่องเล่าจากโลกชิป: เมื่อเทคโนโลยีระดับนาโนกลายเป็นเป้าหมายของการจารกรรม ในโลกของเซมิคอนดักเตอร์ที่แข่งขันกันดุเดือด TSMC บริษัทผู้ผลิตชิปอันดับหนึ่งของโลกจากไต้หวัน กำลังเผชิญกับคดีร้ายแรง เมื่อมีพนักงานปัจจุบันและอดีตพนักงานรวม 6 คนถูกจับกุมในข้อหาพยายามขโมยข้อมูลลับเกี่ยวกับเทคโนโลยีการผลิตชิปขนาด 2 นาโนเมตร ซึ่งถือเป็นเทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุดในปัจจุบัน และมีมูลค่าสูงถึง $30,000 ต่อแผ่นเวเฟอร์ การสืบสวนเริ่มต้นจากระบบตรวจสอบภายในของ TSMC ที่พบพฤติกรรมเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาต ก่อนส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดีภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับแก้ไขของไต้หวัน ซึ่งระบุชัดว่าการรั่วไหลของเทคโนโลยีระดับต่ำกว่า 14 นาโนเมตรถือเป็นภัยต่อความมั่นคงของชาติ เจ้าหน้าที่ได้เข้าตรวจค้นบ้านและที่ทำงานของผู้ต้องสงสัย รวมถึงบริษัทญี่ปุ่น Tokyo Electron ที่อาจเกี่ยวข้องกับคดีนี้ แม้ยังไม่มีการเปิดเผยว่าข้อมูลถูกส่งต่อไปยังใคร แต่ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นนั้นมหาศาล เพราะ TSMC เป็นผู้ผลิตชิปให้กับบริษัทระดับโลกอย่าง Apple, Nvidia และ Qualcomm ในยุคที่ AI และเทคโนโลยีขั้นสูงเป็นหัวใจของเศรษฐกิจโลก การขโมยข้อมูลลับไม่ใช่แค่เรื่องธุรกิจ แต่เป็นเรื่องของความมั่นคงระดับชาติ และผู้กระทำผิดอาจต้องโทษจำคุกสูงสุด 12 ปี พร้อมปรับกว่า 100 ล้านดอลลาร์ไต้หวัน ✅ พนักงาน TSMC ถูกจับกุมในข้อหาพยายามขโมยข้อมูลเทคโนโลยี 2nm ➡️ รวมทั้งหมด 6 คน มีทั้งพนักงานปัจจุบันและอดีต ✅ TSMC ตรวจพบการเข้าถึงข้อมูลโดยไม่ได้รับอนุญาตจากระบบภายใน ➡️ ก่อนส่งเรื่องให้เจ้าหน้าที่ดำเนินคดี ✅ คดีนี้อยู่ภายใต้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติฉบับใหม่ของไต้หวัน ➡️ เน้นปกป้องเทคโนโลยีระดับนาโนที่ถือเป็น “เทคโนโลยีหลักของชาติ” ✅ เจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นบ้านและที่ทำงานของผู้ต้องสงสัย ➡️ รวมถึงบริษัทญี่ปุ่น Tokyo Electron ที่อาจเกี่ยวข้อง ✅ TSMC ยืนยันจะดำเนินคดีอย่างเต็มที่และเสริมระบบตรวจสอบภายใน ➡️ เพื่อรักษาความได้เปรียบทางการแข่งขันและเสถียรภาพองค์กร ✅ เทคโนโลยี 2nm เป็นขั้นสูงสุดของการผลิตชิปในปัจจุบัน ➡️ มีประสิทธิภาพสูงและใช้ในอุปกรณ์ระดับพรีเมียม เช่น iPhone 18 ✅ ราคาการผลิตชิป 2nm สูงถึง $30,000 ต่อเวเฟอร์ ➡️ แพงกว่าชิป 3nm ถึง 66% ✅ TSMC มีส่วนแบ่งตลาดมากกว่า Samsung ถึง 3 เท่า ➡️ เป็นผู้ผลิตชิปให้บริษัทเทคโนโลยีชั้นนำทั่วโลก ✅ การแข่งขันด้าน AI และเซิร์ฟเวอร์ทำให้เทคโนโลยีชิปเป็นเป้าหมายสำคัญ ➡️ โดยเฉพาะในยุคหลัง ChatGPT ที่ต้องใช้พลังประมวลผลมหาศาล https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/two-former-tsmc-employees-arrested
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 262 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อ AI กลายเป็นเครื่องมือของสายลับเกาหลีเหนือ

    ลองจินตนาการว่าคุณกำลังสัมภาษณ์พนักงานไอทีผ่านวิดีโอคอล—เขาดูมืออาชีพ พูดภาษาอังกฤษคล่อง และมีโปรไฟล์ LinkedIn สมบูรณ์แบบ แต่เบื้องหลังนั้นคือปฏิบัติการระดับชาติของเกาหลีเหนือที่ใช้ AI ปลอมตัวคน สร้างเอกสารปลอม และแทรกซึมเข้าไปในบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก เพื่อหาเงินสนับสนุนโครงการอาวุธนิวเคลียร์

    รายงานล่าสุดจาก CrowdStrike เผยว่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา มีกรณีที่สายลับไซเบอร์ของเกาหลีเหนือได้งานเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์แบบรีโมตกว่า 320 ครั้ง โดยใช้เครื่องมือ AI สร้างเรซูเม่ ปลอมภาพโปรไฟล์ และแม้แต่ใช้ deepfake เปลี่ยนใบหน้าในวิดีโอคอลให้ดูเหมือนคนอื่น

    เมื่อได้งานแล้ว พวกเขาใช้ AI ช่วยเขียนโค้ด แปลภาษา และตอบอีเมลจากหัวหน้าอย่างมืออาชีพ ทั้งที่บางคนทำงานพร้อมกันถึง 3–4 บริษัท และไม่พูดอังกฤษได้จริง

    เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือ “ฟาร์มแล็ปท็อป” ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ โดยมีผู้ร่วมขบวนการชาวอเมริกันช่วยรับเครื่องจากบริษัท แล้วติดตั้งซอฟต์แวร์ให้สายลับเกาหลีเหนือเข้าถึงระบบจากต่างประเทศได้อย่างแนบเนียน

    รายได้จากแผนนี้สูงถึง 600 ล้านดอลลาร์ต่อปี และบางกรณีมีการขโมยข้อมูลภายในบริษัทเพื่อใช้ในการแบล็กเมล์หรือขายต่อให้แฮกเกอร์อื่น

    แม้จะมีการจับกุมและลงโทษผู้ร่วมขบวนการในสหรัฐฯ แต่ CrowdStrike เตือนว่าการตรวจสอบตัวตนแบบเดิมไม่เพียงพออีกต่อไป และแนะนำให้ใช้เทคนิคใหม่ เช่น การทดสอบ deepfake แบบเรียลไทม์ในระหว่างสัมภาษณ์

    CrowdStrike พบการแทรกซึมของสายลับเกาหลีเหนือในบริษัทไอทีแบบรีโมตกว่า 320 กรณีใน 12 เดือน
    ใช้ AI สร้างเรซูเม่ ปลอมโปรไฟล์ และ deepfake ในวิดีโอคอล

    สายลับใช้ AI ช่วยทำงานจริง เช่น เขียนโค้ด แปลภาษา และตอบอีเมล
    บางคนทำงานพร้อมกันหลายบริษัทโดยไม่ถูกจับได้

    มีการตั้ง “ฟาร์มแล็ปท็อป” ในสหรัฐฯ เพื่อให้สายลับเข้าถึงระบบจากต่างประเทศ
    ผู้ร่วมขบวนการในสหรัฐฯ ถูกจับและจำคุกหลายปี

    รายได้จากแผนนี้ถูกนำไปสนับสนุนโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือ
    สร้างรายได้สูงถึง 600 ล้านดอลลาร์ต่อปี

    Microsoft พบว่าเกาหลีเหนือใช้ AI เปลี่ยนภาพในเอกสารและใช้ซอฟต์แวร์เปลี่ยนเสียง
    เพื่อให้ดูเหมือนเป็นผู้สมัครงานจริงจากประเทศตะวันตก

    ทีมสายลับถูกฝึกจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในเปียงยาง
    มีเป้าหมายหาเงินเดือนขั้นต่ำ $10,000 ต่อคนต่อเดือน

    ฟาร์มแล็ปท็อปในสหรัฐฯ มีการควบคุมอุปกรณ์หลายสิบเครื่องพร้อมกัน
    ใช้ซอฟต์แวร์รีโมตเพื่อให้สายลับทำงานจากต่างประเทศได้

    บริษัทที่จ้างพนักงานรีโมตโดยไม่ตรวจสอบตัวตนอาจตกเป็นเหยื่อ
    เสี่ยงต่อการถูกขโมยข้อมูลหรือถูกแบล็กเมล์

    การใช้ deepfake ทำให้การสัมภาษณ์ผ่านวิดีโอไม่ปลอดภัยอีกต่อไป
    ผู้สมัครสามารถเปลี่ยนใบหน้าและเสียงแบบเรียลไทม์

    การจ้างงานแบบรีโมตเปิดช่องให้สายลับแทรกซึมได้ง่ายขึ้น
    โดยเฉพาะในบริษัทที่ไม่มีระบบตรวจสอบดิจิทัลอย่างเข้มงวด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/crowdstrike-report-details-scale-of-north-koreas-use-of-ai-in-remote-work-schemes-320-known-cases-in-the-last-year-funding-nations-weapons-programs
    🕵️‍♂️ เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อ AI กลายเป็นเครื่องมือของสายลับเกาหลีเหนือ ลองจินตนาการว่าคุณกำลังสัมภาษณ์พนักงานไอทีผ่านวิดีโอคอล—เขาดูมืออาชีพ พูดภาษาอังกฤษคล่อง และมีโปรไฟล์ LinkedIn สมบูรณ์แบบ แต่เบื้องหลังนั้นคือปฏิบัติการระดับชาติของเกาหลีเหนือที่ใช้ AI ปลอมตัวคน สร้างเอกสารปลอม และแทรกซึมเข้าไปในบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลก เพื่อหาเงินสนับสนุนโครงการอาวุธนิวเคลียร์ รายงานล่าสุดจาก CrowdStrike เผยว่าในช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา มีกรณีที่สายลับไซเบอร์ของเกาหลีเหนือได้งานเป็นนักพัฒนาซอฟต์แวร์แบบรีโมตกว่า 320 ครั้ง โดยใช้เครื่องมือ AI สร้างเรซูเม่ ปลอมภาพโปรไฟล์ และแม้แต่ใช้ deepfake เปลี่ยนใบหน้าในวิดีโอคอลให้ดูเหมือนคนอื่น เมื่อได้งานแล้ว พวกเขาใช้ AI ช่วยเขียนโค้ด แปลภาษา และตอบอีเมลจากหัวหน้าอย่างมืออาชีพ ทั้งที่บางคนทำงานพร้อมกันถึง 3–4 บริษัท และไม่พูดอังกฤษได้จริง เบื้องหลังความสำเร็จนี้คือ “ฟาร์มแล็ปท็อป” ที่ตั้งอยู่ในสหรัฐฯ โดยมีผู้ร่วมขบวนการชาวอเมริกันช่วยรับเครื่องจากบริษัท แล้วติดตั้งซอฟต์แวร์ให้สายลับเกาหลีเหนือเข้าถึงระบบจากต่างประเทศได้อย่างแนบเนียน รายได้จากแผนนี้สูงถึง 600 ล้านดอลลาร์ต่อปี และบางกรณีมีการขโมยข้อมูลภายในบริษัทเพื่อใช้ในการแบล็กเมล์หรือขายต่อให้แฮกเกอร์อื่น แม้จะมีการจับกุมและลงโทษผู้ร่วมขบวนการในสหรัฐฯ แต่ CrowdStrike เตือนว่าการตรวจสอบตัวตนแบบเดิมไม่เพียงพออีกต่อไป และแนะนำให้ใช้เทคนิคใหม่ เช่น การทดสอบ deepfake แบบเรียลไทม์ในระหว่างสัมภาษณ์ ✅ CrowdStrike พบการแทรกซึมของสายลับเกาหลีเหนือในบริษัทไอทีแบบรีโมตกว่า 320 กรณีใน 12 เดือน ➡️ ใช้ AI สร้างเรซูเม่ ปลอมโปรไฟล์ และ deepfake ในวิดีโอคอล ✅ สายลับใช้ AI ช่วยทำงานจริง เช่น เขียนโค้ด แปลภาษา และตอบอีเมล ➡️ บางคนทำงานพร้อมกันหลายบริษัทโดยไม่ถูกจับได้ ✅ มีการตั้ง “ฟาร์มแล็ปท็อป” ในสหรัฐฯ เพื่อให้สายลับเข้าถึงระบบจากต่างประเทศ ➡️ ผู้ร่วมขบวนการในสหรัฐฯ ถูกจับและจำคุกหลายปี ✅ รายได้จากแผนนี้ถูกนำไปสนับสนุนโครงการอาวุธของเกาหลีเหนือ ➡️ สร้างรายได้สูงถึง 600 ล้านดอลลาร์ต่อปี ✅ Microsoft พบว่าเกาหลีเหนือใช้ AI เปลี่ยนภาพในเอกสารและใช้ซอฟต์แวร์เปลี่ยนเสียง ➡️ เพื่อให้ดูเหมือนเป็นผู้สมัครงานจริงจากประเทศตะวันตก ✅ ทีมสายลับถูกฝึกจากมหาวิทยาลัยชั้นนำในเปียงยาง ➡️ มีเป้าหมายหาเงินเดือนขั้นต่ำ $10,000 ต่อคนต่อเดือน ✅ ฟาร์มแล็ปท็อปในสหรัฐฯ มีการควบคุมอุปกรณ์หลายสิบเครื่องพร้อมกัน ➡️ ใช้ซอฟต์แวร์รีโมตเพื่อให้สายลับทำงานจากต่างประเทศได้ ‼️ บริษัทที่จ้างพนักงานรีโมตโดยไม่ตรวจสอบตัวตนอาจตกเป็นเหยื่อ ⛔ เสี่ยงต่อการถูกขโมยข้อมูลหรือถูกแบล็กเมล์ ‼️ การใช้ deepfake ทำให้การสัมภาษณ์ผ่านวิดีโอไม่ปลอดภัยอีกต่อไป ⛔ ผู้สมัครสามารถเปลี่ยนใบหน้าและเสียงแบบเรียลไทม์ ‼️ การจ้างงานแบบรีโมตเปิดช่องให้สายลับแทรกซึมได้ง่ายขึ้น ⛔ โดยเฉพาะในบริษัทที่ไม่มีระบบตรวจสอบดิจิทัลอย่างเข้มงวด https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/crowdstrike-report-details-scale-of-north-koreas-use-of-ai-in-remote-work-schemes-320-known-cases-in-the-last-year-funding-nations-weapons-programs
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    CrowdStrike report details scale of North Korea's use of AI in remote work schemes — 320 known cases in the last year, funding nation's weapons programs
    The Democratic People's Republic of Korea is using generative AI tools to land agents jobs at tech companies to fund its weapons programs.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 286 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากข่าว: ช่องโหว่ Google ที่ถูกใช้ลบข่าวไม่พึงประสงค์แบบแนบเนียน

    นักข่าวอิสระ Jack Poulson พบว่าบทความของเขาเกี่ยวกับการจับกุม CEO ชื่อ Delwin Maurice Blackman ในปี 2021 ได้หายไปจากผลการค้นหาของ Google แม้จะค้นหาด้วยชื่อบทความแบบตรงเป๊ะก็ไม่เจอ

    หลังจากตรวจสอบร่วมกับ Freedom of the Press Foundation (FPF) พบว่า มีผู้ไม่ประสงค์ดีใช้เครื่องมือ “Refresh Outdated Content” ของ Google เพื่อส่งคำขอให้ลบ URL ที่ดูเหมือนจะล้าสมัย โดยใช้เทคนิคเปลี่ยนตัวอักษรใน URL ให้เป็นตัวพิมพ์ใหญ่บางตัว เช่น “anatomy” เป็น “AnAtomy” ทำให้ Google เข้าใจผิดว่า URL นั้นเสีย (404) และลบ URL จริงที่ยังใช้งานได้ออกจากดัชนีการค้นหาไปด้วย

    Google ยืนยันว่ามีช่องโหว่นี้จริง และได้แก้ไขแล้ว แต่ไม่เปิดเผยว่ามีเว็บไซต์ใดได้รับผลกระทบบ้าง และไม่มีระบบติดตามว่าใครเป็นผู้ส่งคำขอเหล่านั้น

    นักข่าว Jack Poulson พบว่าบทความของเขาหายไปจาก Google Search โดยไม่ทราบสาเหตุ
    แม้จะค้นหาด้วยชื่อบทความแบบตรงก็ไม่พบในผลการค้นหา
    บทความเกี่ยวข้องกับการจับกุม CEO Premise Data ในคดีความรุนแรงในครอบครัว

    Freedom of the Press Foundation ตรวจสอบและพบช่องโหว่ในเครื่องมือ Refresh Outdated Content ของ Google
    ผู้ใช้สามารถส่งคำขอให้ลบ URL ที่ดูเหมือนล้าสมัยได้ แม้จะไม่ใช่เจ้าของเว็บไซต์
    การเปลี่ยนตัวอักษรใน URL ทำให้ Google เข้าใจผิดว่าเป็นลิงก์เสีย

    Google ยืนยันว่ามีช่องโหว่นี้จริง และได้แก้ไขแล้วในเดือนมิถุนายน 2025
    ระบุว่า “มีผลกระทบต่อเว็บไซต์เพียงส่วนน้อย”
    ไม่เปิดเผยจำนวนคำขอที่ถูกใช้ในทางมิชอบ

    บทความของ FPF ที่รายงานเรื่องนี้ก็ถูกลบจาก Google Search ด้วยวิธีเดียวกัน
    มีการส่งคำขอซ้ำหลายครั้งโดยเปลี่ยนตัวอักษรใน URL ทีละตัว
    กลายเป็น “เกมตีตัวตุ่น” ที่ต้องคอยส่งบทความกลับเข้าไปใหม่ตลอด

    ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้โดยบริษัทจัดการชื่อเสียงหรือบุคคลมีอิทธิพลเพื่อเซ็นเซอร์ข้อมูล
    ไม่มีระบบติดตามว่าใครเป็นผู้ส่งคำขอ
    เป็นการเซ็นเซอร์แบบเงียบที่ไม่ต้องลบเนื้อหาจริงจากเว็บไซต์

    https://www.techspot.com/news/108880-google-search-flaw-allows-articles-vanish-through-clever.html
    🎙️ เรื่องเล่าจากข่าว: ช่องโหว่ Google ที่ถูกใช้ลบข่าวไม่พึงประสงค์แบบแนบเนียน นักข่าวอิสระ Jack Poulson พบว่าบทความของเขาเกี่ยวกับการจับกุม CEO ชื่อ Delwin Maurice Blackman ในปี 2021 ได้หายไปจากผลการค้นหาของ Google แม้จะค้นหาด้วยชื่อบทความแบบตรงเป๊ะก็ไม่เจอ หลังจากตรวจสอบร่วมกับ Freedom of the Press Foundation (FPF) พบว่า มีผู้ไม่ประสงค์ดีใช้เครื่องมือ “Refresh Outdated Content” ของ Google เพื่อส่งคำขอให้ลบ URL ที่ดูเหมือนจะล้าสมัย โดยใช้เทคนิคเปลี่ยนตัวอักษรใน URL ให้เป็นตัวพิมพ์ใหญ่บางตัว เช่น “anatomy” เป็น “AnAtomy” ทำให้ Google เข้าใจผิดว่า URL นั้นเสีย (404) และลบ URL จริงที่ยังใช้งานได้ออกจากดัชนีการค้นหาไปด้วย Google ยืนยันว่ามีช่องโหว่นี้จริง และได้แก้ไขแล้ว แต่ไม่เปิดเผยว่ามีเว็บไซต์ใดได้รับผลกระทบบ้าง และไม่มีระบบติดตามว่าใครเป็นผู้ส่งคำขอเหล่านั้น ✅ นักข่าว Jack Poulson พบว่าบทความของเขาหายไปจาก Google Search โดยไม่ทราบสาเหตุ ➡️ แม้จะค้นหาด้วยชื่อบทความแบบตรงก็ไม่พบในผลการค้นหา ➡️ บทความเกี่ยวข้องกับการจับกุม CEO Premise Data ในคดีความรุนแรงในครอบครัว ✅ Freedom of the Press Foundation ตรวจสอบและพบช่องโหว่ในเครื่องมือ Refresh Outdated Content ของ Google ➡️ ผู้ใช้สามารถส่งคำขอให้ลบ URL ที่ดูเหมือนล้าสมัยได้ แม้จะไม่ใช่เจ้าของเว็บไซต์ ➡️ การเปลี่ยนตัวอักษรใน URL ทำให้ Google เข้าใจผิดว่าเป็นลิงก์เสีย ✅ Google ยืนยันว่ามีช่องโหว่นี้จริง และได้แก้ไขแล้วในเดือนมิถุนายน 2025 ➡️ ระบุว่า “มีผลกระทบต่อเว็บไซต์เพียงส่วนน้อย” ➡️ ไม่เปิดเผยจำนวนคำขอที่ถูกใช้ในทางมิชอบ ✅ บทความของ FPF ที่รายงานเรื่องนี้ก็ถูกลบจาก Google Search ด้วยวิธีเดียวกัน ➡️ มีการส่งคำขอซ้ำหลายครั้งโดยเปลี่ยนตัวอักษรใน URL ทีละตัว ➡️ กลายเป็น “เกมตีตัวตุ่น” ที่ต้องคอยส่งบทความกลับเข้าไปใหม่ตลอด ✅ ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ช่องโหว่นี้อาจถูกใช้โดยบริษัทจัดการชื่อเสียงหรือบุคคลมีอิทธิพลเพื่อเซ็นเซอร์ข้อมูล ➡️ ไม่มีระบบติดตามว่าใครเป็นผู้ส่งคำขอ ➡️ เป็นการเซ็นเซอร์แบบเงียบที่ไม่ต้องลบเนื้อหาจริงจากเว็บไซต์ https://www.techspot.com/news/108880-google-search-flaw-allows-articles-vanish-through-clever.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google search flaw allows articles to vanish through "clever" censorship tactics
    Someone successfully censored a pair of uncomfortable articles that were previously accessible through Google Search. The unknown party exploited a clever trick along with a bug in...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 277 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากศูนย์หลอกลวง: เมื่อคนถูกล่อลวงให้กลายเป็นอาชญากรโดยไม่รู้ตัว

    ในวันต่อต้านการค้ามนุษย์โลก (30 ก.ค.) องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ของ UN ได้ออกมาเตือนว่า ขณะนี้มีผู้คนหลายแสนคนถูกกักขังอยู่ในศูนย์หลอกลวงออนไลน์ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนของเมียนมา กัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย

    เหยื่อส่วนใหญ่เป็นแรงงานอพยพ คนหนุ่มสาว เด็ก และผู้พิการ ที่ถูกล่อลวงด้วยคำสัญญาเรื่องงานดีรายได้สูง แต่กลับถูกยึดหนังสือเดินทาง กักขัง และบังคับให้ทำอาชญากรรมออนไลน์ เช่น หลอกลงทุน หลอกรัก หรือหลอกให้โอนเงินผ่านคริปโต

    ที่น่าตกใจคือ เหยื่อเหล่านี้มักถูกจับกุมและลงโทษแทนที่จะได้รับความช่วยเหลือ ทั้งที่พวกเขาเป็นผู้ถูกบังคับ ไม่ใช่อาชญากร

    UN เตือนว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นศูนย์กลางการค้ามนุษย์เพื่ออาชญากรรมออนไลน์
    มีผู้คนหลายแสนคนถูกกักขังในศูนย์หลอกลวง
    สร้างรายได้กว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีให้กับองค์กรอาชญากรรม

    เหยื่อถูกล่อลวงด้วยงานดี แต่กลับถูกบังคับให้ทำอาชญากรรม
    หลอกให้ทำ scam ผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น romance scam, crypto fraud
    ถูกยึดหนังสือเดินทาง กักขัง และใช้ความรุนแรง

    เหยื่อมักถูกจับกุมแทนที่จะได้รับความช่วยเหลือ
    หลายคนถูกดำเนินคดีในข้อหาที่ถูกบังคับให้ทำ
    UN เรียกร้องให้เปลี่ยนกฎหมายเพื่อปกป้องเหยื่อ

    IOM ช่วยเหลือเหยื่อกว่า 3,000 คนตั้งแต่ปี 2022
    ส่งกลับประเทศจากฟิลิปปินส์และเวียดนาม
    สนับสนุนเหยื่อในไทย เมียนมา และประเทศอื่น ๆ

    UN เรียกร้องให้รัฐบาลและภาคประชาสังคมร่วมกันแก้ปัญหา
    ต้องเปลี่ยนกฎหมายให้เหยื่อได้รับการคุ้มครอง
    ต้องไล่ล่าผู้ค้ามนุษย์ ไม่ใช่ลงโทษเหยื่อ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/31/un-sounds-alarm-on-se-asia-scam-centre-surge
    🧠 เรื่องเล่าจากศูนย์หลอกลวง: เมื่อคนถูกล่อลวงให้กลายเป็นอาชญากรโดยไม่รู้ตัว ในวันต่อต้านการค้ามนุษย์โลก (30 ก.ค.) องค์การระหว่างประเทศเพื่อการโยกย้ายถิ่นฐาน (IOM) ของ UN ได้ออกมาเตือนว่า ขณะนี้มีผู้คนหลายแสนคนถูกกักขังอยู่ในศูนย์หลอกลวงออนไลน์ทั่วเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเฉพาะในพื้นที่ชายแดนของเมียนมา กัมพูชา ลาว ฟิลิปปินส์ และมาเลเซีย เหยื่อส่วนใหญ่เป็นแรงงานอพยพ คนหนุ่มสาว เด็ก และผู้พิการ ที่ถูกล่อลวงด้วยคำสัญญาเรื่องงานดีรายได้สูง แต่กลับถูกยึดหนังสือเดินทาง กักขัง และบังคับให้ทำอาชญากรรมออนไลน์ เช่น หลอกลงทุน หลอกรัก หรือหลอกให้โอนเงินผ่านคริปโต ที่น่าตกใจคือ เหยื่อเหล่านี้มักถูกจับกุมและลงโทษแทนที่จะได้รับความช่วยเหลือ ทั้งที่พวกเขาเป็นผู้ถูกบังคับ ไม่ใช่อาชญากร ✅ UN เตือนว่าเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กลายเป็นศูนย์กลางการค้ามนุษย์เพื่ออาชญากรรมออนไลน์ ➡️ มีผู้คนหลายแสนคนถูกกักขังในศูนย์หลอกลวง ➡️ สร้างรายได้กว่า 40,000 ล้านดอลลาร์ต่อปีให้กับองค์กรอาชญากรรม ✅ เหยื่อถูกล่อลวงด้วยงานดี แต่กลับถูกบังคับให้ทำอาชญากรรม ➡️ หลอกให้ทำ scam ผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น romance scam, crypto fraud ➡️ ถูกยึดหนังสือเดินทาง กักขัง และใช้ความรุนแรง ✅ เหยื่อมักถูกจับกุมแทนที่จะได้รับความช่วยเหลือ ➡️ หลายคนถูกดำเนินคดีในข้อหาที่ถูกบังคับให้ทำ ➡️ UN เรียกร้องให้เปลี่ยนกฎหมายเพื่อปกป้องเหยื่อ ✅ IOM ช่วยเหลือเหยื่อกว่า 3,000 คนตั้งแต่ปี 2022 ➡️ ส่งกลับประเทศจากฟิลิปปินส์และเวียดนาม ➡️ สนับสนุนเหยื่อในไทย เมียนมา และประเทศอื่น ๆ ✅ UN เรียกร้องให้รัฐบาลและภาคประชาสังคมร่วมกันแก้ปัญหา ➡️ ต้องเปลี่ยนกฎหมายให้เหยื่อได้รับการคุ้มครอง ➡️ ต้องไล่ล่าผู้ค้ามนุษย์ ไม่ใช่ลงโทษเหยื่อ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/07/31/un-sounds-alarm-on-se-asia-scam-centre-surge
    WWW.THESTAR.COM.MY
    UN sounds alarm on SE Asia scam centre surge
    Too often, instead of getting help, victims are arrested for crimes they were forced to commit, the head of the UN's migration agency said on World Day Against Trafficking in Persons.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 293 มุมมอง 0 รีวิว
  • นายพลกัมพูชาบอกกับผู้ช่วยทูตทหาร 13 ประเทศ ขณะลงพื้นที่ช่องอานม้าเช้าวันนี้ อ้างทหารไทยจับกุมทหารกัมพูชา 18 นายหลังจับมือหลังหยุดยิง และสงสัยว่าจะถูกสังหารเสียชีวิต 2 นาย

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000072160

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    นายพลกัมพูชาบอกกับผู้ช่วยทูตทหาร 13 ประเทศ ขณะลงพื้นที่ช่องอานม้าเช้าวันนี้ อ้างทหารไทยจับกุมทหารกัมพูชา 18 นายหลังจับมือหลังหยุดยิง และสงสัยว่าจะถูกสังหารเสียชีวิต 2 นาย อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000072160 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 328 มุมมอง 0 รีวิว
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อ FBI ปิดบัญชี Chaos ด้วย Bitcoin

    ในเดือนเมษายน 2025 FBI Dallas ได้ยึด Bitcoin จำนวน 20.2891382 BTC จากกระเป๋าเงินดิจิทัลของสมาชิกกลุ่ม Chaos ransomware ที่ใช้ชื่อว่า “Hors” ซึ่งเชื่อมโยงกับการโจมตีไซเบอร์และเรียกค่าไถ่จากเหยื่อในรัฐเท็กซัสและพื้นที่อื่น ๆ

    Chaos เป็นกลุ่มแรนซัมแวร์แบบ RaaS (Ransomware-as-a-Service) ที่เพิ่งเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 โดยเชื่อว่าเป็นการรวมตัวของอดีตสมาชิกกลุ่ม BlackSuit ซึ่งถูกปราบปรามโดยปฏิบัติการระหว่างประเทศชื่อ “Operation Checkmate”

    กลุ่ม Chaos ใช้เทคนิคการโจมตีแบบ double extortion คือการเข้ารหัสไฟล์ของเหยื่อและขโมยข้อมูลเพื่อข่มขู่เปิดเผยหากไม่จ่ายค่าไถ่ โดยเรียกเงินสูงถึง $300,000 ต่อราย และใช้วิธีหลอกลวงผ่านโทรศัพท์ให้เหยื่อเปิด Microsoft Quick Assist เพื่อให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ

    FBI Dallas ยึด Bitcoin มูลค่ากว่า $2.4 ล้านจากสมาชิกกลุ่ม Chaos
    ยึดจากกระเป๋าเงินดิจิทัลของ “Hors” ผู้ต้องสงสัยโจมตีไซเบอร์ในเท็กซัส
    ยื่นคำร้องขอยึดทรัพย์แบบพลเรือนเพื่อโอนเข้ารัฐบาลสหรัฐฯ

    Chaos ransomware เป็นกลุ่มใหม่ที่เกิดขึ้นหลัง BlackSuit ถูกปราบปราม
    มีลักษณะการโจมตีคล้าย BlackSuit เช่น การเข้ารหัสไฟล์และข่มขู่เปิดเผยข้อมูล
    ใช้ชื่อ “.chaos” เป็นนามสกุลไฟล์ที่ถูกเข้ารหัส และ “readme.chaos.txt” เป็นโน้ตเรียกค่าไถ่

    ใช้เทคนิคหลอกลวงผ่านโทรศัพท์และซอฟต์แวร์ช่วยเหลือระยะไกล
    หลอกเหยื่อให้เปิด Microsoft Quick Assist เพื่อให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ
    ใช้เครื่องมือ RMM เช่น AnyDesk และ ScreenConnect เพื่อคงการเข้าถึง

    หากเหยื่อจ่ายเงิน จะได้รับ decryptor และรายงานช่องโหว่ของระบบ
    สัญญาว่าจะลบข้อมูลที่ขโมยไปและไม่โจมตีซ้ำ
    หากไม่จ่าย จะถูกข่มขู่ด้วยการเปิดเผยข้อมูลและโจมตี DDoS

    Chaos สามารถโจมตีระบบ Windows, Linux, ESXi และ NAS ได้
    ใช้การเข้ารหัสแบบ selective encryption เพื่อเพิ่มความเร็ว
    มีระบบป้องกันการวิเคราะห์และหลบเลี่ยง sandbox/debugger

    การใช้เครื่องมือช่วยเหลือระยะไกลอาจเปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ
    Microsoft Quick Assist ถูกใช้เป็นช่องทางหลักในการหลอกเหยื่อ
    ผู้ใช้ควรตรวจสอบตัวตนผู้ขอความช่วยเหลือก่อนให้สิทธิ์เข้าถึง

    การไม่จ่ายค่าไถ่อาจนำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลและโจมตีเพิ่มเติม
    Chaos ข่มขู่จะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะและโจมตี DDoS
    ส่งผลต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นขององค์กร

    การใช้สกุลเงินดิจิทัลไม่สามารถปกปิดตัวตนได้เสมอไป
    FBI สามารถติดตามและยึด Bitcoin ผ่านการวิเคราะห์บล็อกเชน
    การใช้ crypto ไม่ได้หมายถึงความปลอดภัยจากการถูกจับกุม

    กลุ่มแรนซัมแวร์มีแนวโน้มเปลี่ยนชื่อและกลับมาใหม่หลังถูกปราบปราม
    Chaos อาจเป็นการรีแบรนด์จาก BlackSuit ซึ่งเดิมคือ Royal และ Conti
    การปราบปรามต้องต่อเนื่องและครอบคลุมทั้งโครงสร้างพื้นฐานและการเงิน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/fbi-seizes-usd2-4-million-in-bitcoin-from-member-of-recently-ascendant-chaos-ransomware-group
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อ FBI ปิดบัญชี Chaos ด้วย Bitcoin ในเดือนเมษายน 2025 FBI Dallas ได้ยึด Bitcoin จำนวน 20.2891382 BTC จากกระเป๋าเงินดิจิทัลของสมาชิกกลุ่ม Chaos ransomware ที่ใช้ชื่อว่า “Hors” ซึ่งเชื่อมโยงกับการโจมตีไซเบอร์และเรียกค่าไถ่จากเหยื่อในรัฐเท็กซัสและพื้นที่อื่น ๆ Chaos เป็นกลุ่มแรนซัมแวร์แบบ RaaS (Ransomware-as-a-Service) ที่เพิ่งเกิดขึ้นในเดือนกุมภาพันธ์ 2025 โดยเชื่อว่าเป็นการรวมตัวของอดีตสมาชิกกลุ่ม BlackSuit ซึ่งถูกปราบปรามโดยปฏิบัติการระหว่างประเทศชื่อ “Operation Checkmate” กลุ่ม Chaos ใช้เทคนิคการโจมตีแบบ double extortion คือการเข้ารหัสไฟล์ของเหยื่อและขโมยข้อมูลเพื่อข่มขู่เปิดเผยหากไม่จ่ายค่าไถ่ โดยเรียกเงินสูงถึง $300,000 ต่อราย และใช้วิธีหลอกลวงผ่านโทรศัพท์ให้เหยื่อเปิด Microsoft Quick Assist เพื่อให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ ✅ FBI Dallas ยึด Bitcoin มูลค่ากว่า $2.4 ล้านจากสมาชิกกลุ่ม Chaos ➡️ ยึดจากกระเป๋าเงินดิจิทัลของ “Hors” ผู้ต้องสงสัยโจมตีไซเบอร์ในเท็กซัส ➡️ ยื่นคำร้องขอยึดทรัพย์แบบพลเรือนเพื่อโอนเข้ารัฐบาลสหรัฐฯ ✅ Chaos ransomware เป็นกลุ่มใหม่ที่เกิดขึ้นหลัง BlackSuit ถูกปราบปราม ➡️ มีลักษณะการโจมตีคล้าย BlackSuit เช่น การเข้ารหัสไฟล์และข่มขู่เปิดเผยข้อมูล ➡️ ใช้ชื่อ “.chaos” เป็นนามสกุลไฟล์ที่ถูกเข้ารหัส และ “readme.chaos.txt” เป็นโน้ตเรียกค่าไถ่ ✅ ใช้เทคนิคหลอกลวงผ่านโทรศัพท์และซอฟต์แวร์ช่วยเหลือระยะไกล ➡️ หลอกเหยื่อให้เปิด Microsoft Quick Assist เพื่อให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ ➡️ ใช้เครื่องมือ RMM เช่น AnyDesk และ ScreenConnect เพื่อคงการเข้าถึง ✅ หากเหยื่อจ่ายเงิน จะได้รับ decryptor และรายงานช่องโหว่ของระบบ ➡️ สัญญาว่าจะลบข้อมูลที่ขโมยไปและไม่โจมตีซ้ำ ➡️ หากไม่จ่าย จะถูกข่มขู่ด้วยการเปิดเผยข้อมูลและโจมตี DDoS ✅ Chaos สามารถโจมตีระบบ Windows, Linux, ESXi และ NAS ได้ ➡️ ใช้การเข้ารหัสแบบ selective encryption เพื่อเพิ่มความเร็ว ➡️ มีระบบป้องกันการวิเคราะห์และหลบเลี่ยง sandbox/debugger ‼️ การใช้เครื่องมือช่วยเหลือระยะไกลอาจเปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึงระบบ ⛔ Microsoft Quick Assist ถูกใช้เป็นช่องทางหลักในการหลอกเหยื่อ ⛔ ผู้ใช้ควรตรวจสอบตัวตนผู้ขอความช่วยเหลือก่อนให้สิทธิ์เข้าถึง ‼️ การไม่จ่ายค่าไถ่อาจนำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลและโจมตีเพิ่มเติม ⛔ Chaos ข่มขู่จะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะและโจมตี DDoS ⛔ ส่งผลต่อชื่อเสียงและความเชื่อมั่นขององค์กร ‼️ การใช้สกุลเงินดิจิทัลไม่สามารถปกปิดตัวตนได้เสมอไป ⛔ FBI สามารถติดตามและยึด Bitcoin ผ่านการวิเคราะห์บล็อกเชน ⛔ การใช้ crypto ไม่ได้หมายถึงความปลอดภัยจากการถูกจับกุม ‼️ กลุ่มแรนซัมแวร์มีแนวโน้มเปลี่ยนชื่อและกลับมาใหม่หลังถูกปราบปราม ⛔ Chaos อาจเป็นการรีแบรนด์จาก BlackSuit ซึ่งเดิมคือ Royal และ Conti ⛔ การปราบปรามต้องต่อเนื่องและครอบคลุมทั้งโครงสร้างพื้นฐานและการเงิน https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/fbi-seizes-usd2-4-million-in-bitcoin-from-member-of-recently-ascendant-chaos-ransomware-group
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 330 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts