• เสนอรัฐบาล 5 มาตรการ เร่งสางปมตึกสตง. ฟื้นความเชื่อมั่น
    .
    จากที่เคยมีท่าทีขึงขังในการหาสาเหตุของการถล่มและความโปร่งใสในการก่อสร้างของอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ปรากฎวาเวลานี้ดูเหมือนว่ารัฐบาลจะมีท่าทีอ่อนลง ด้วยเหตุนี้เองทำให้องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT ได้เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกลงนามโดยนายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรฯ เรื่อง “ขอให้เร่งรัดและชี้แจงความคืบหน้ากรณีอาคารสตง.แห่งใหม่ถล่ม”
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000037120

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    เสนอรัฐบาล 5 มาตรการ เร่งสางปมตึกสตง. ฟื้นความเชื่อมั่น . จากที่เคยมีท่าทีขึงขังในการหาสาเหตุของการถล่มและความโปร่งใสในการก่อสร้างของอาคารสำนักงานแห่งใหม่ของสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน ปรากฎวาเวลานี้ดูเหมือนว่ารัฐบาลจะมีท่าทีอ่อนลง ด้วยเหตุนี้เองทำให้องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน (ประเทศไทย) หรือ ACT ได้เผยแพร่จดหมายเปิดผนึกลงนามโดยนายมานะ นิมิตรมงคล ประธานองค์กรฯ เรื่อง “ขอให้เร่งรัดและชี้แจงความคืบหน้ากรณีอาคารสตง.แห่งใหม่ถล่ม” . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000037120 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฉีกหน้ากาก”โกงซ้อนโกง” ตึก สตง.ถล่ม
    ปลอมลายเซ็นวิศวกร บิดเบือนไม่รับผิดชอบ
    .
    เรื่องตึก สตง.(สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน)ถล่ม อีกสิบปีก็พูดได้ว่ามันเป็นมหากาพย์การโกง ผมว่ามันโคตรจะระยำตำบอนเลย ผม 78 ปี ปีนี้ ผมทำข่าวมาห้าสิบกว่าปี ผมไม่เคยเจอขบวนการคอร์รัปชันที่ยิ่งใหญ่และลึกลับซับซ้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยก็ว่าได้ เรื่องขบวนการทุจริตในการจัดจ้างเพื่อก่อสร้างและตกแต่งอาคาร สตง. แห่งใหม่ ในเขตจตุจักร อย่างที่ผมฟันธงและบอกไปแล้วว่ามันมีเงื่อนงำในทุกกระบวนการ ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ
    .
    จริงๆ เรื่องนี้ต้องทำเป็นกรณีศึกษา Case study สถาบันการศึกษา อาจารย์น่าจะเอาข้อมูลพวกนี้ แล้วมาสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาว่ามันโกงกันอย่างไร ความเป็น สตง. นี่ไงที่ผมบอกว่าผมจะฟ้องท่านผู้ชม ให้จารึกลงในประวัติศาสตร์ ให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานมันพูดถึงคน สตง. เลวๆ ที่มันระยำตำบอนและโกงชาติบ้านเมือง ทำผิดคุณธรรม จริยธรรม ในหน้าที่ที่ตัวเองต้องตรวจสอบการทุจริต แต่กลับทุจริตเสียเอง
    .
    ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความไม่ชอบมาพากลในการจัดจ้างเพื่อก่อสร้างโครงการนี้ยิ่งขึ้นไปอีก คือมันมีการปลอมลายเซ็นสำหรับกรณีวิศวกรทั้งสองคนที่มีชื่อไปเกี่ยวข้องและรับผิดชอบเกี่ยวกับการควบคุมการก่อสร้างและออกแบบอาคาร คือ หนึ่ง คุณสมเกียรติ ชูแสงสุข ที่ถูกอ้างชื่อและปลอมลายเซ็นว่าเป็นผู้ควบคุมงานของกิจการร่วมค้า PWK สอง คือคุณพิมล เจริญยิ่ง วิศวกรอายุ 85 ปี ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้ออกแบบอาคาร 2 สตง. จริงหรือไม่ เจ้าตัวกลับปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องด้วย และไม่ได้ทำงานออกแบบมาหลายปีแล้ว ท่านผู้ชมครับเห็นหรือยังครับ มหากาพย์ของการโกง โกงกันตั้งแต่เริ่มออกแบบแล้ว ตรงนี้มันมีพิรุธไหม ? เพราะกรมโยธาธิการฯได้แจ้งว่า ที่ขอมาขอให้มีการเร่งออกแบบตึก สตง.ที่มีงบสองพันล้านบาทภายใน 180 วันไม่ทัน ก็เป็นสิทธิ์หน่วยงานนี้จะเอาสิทธิ์ตรงนั้นไปแจ้งบริษัทเอกชนออกแบบแทน นี่คือการเจตนาที่จะทุจริตที่เห็นได้ชัดเจน
    .
    มีคนหนึ่งที่ผมอยากให้ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ใจแทบขาด เพราะน่าจะเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง คือ คุณปฏิวัติ ศิริไทย ซีอีโอ และเจ้าของบริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด ซึ่งบริษัทนี้เป็นหนึ่งในสามบริษัทที่ไปรวมตัวกันเป็นกิจการร่วมค้า PKWได้งานควบคุมก่อสร้างตึก สตง. ในวงเงิน 74.65 ล้านบาท
    .
    คุณปฏิวัติครับ คุณอย่านั่งนิ่งเฉย เพราะผมได้ยินว่าคุณเป็นผู้กว้างขวาง รู้จักคุณประจักษ์ บุญยัง อดีตผู้ว่าฯ สตง. รู้จักนายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าฯ สตง. มือไม้ของคุณประจักษ์ รวมทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ อย่างประธาน คตง. คือ พล.อ.ชนะทัพ อินทามระ ประธาน คตง. หรือประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เรื่อยไปจนถึงคนใกล้ชิด ทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน ซึ่งเป็นเครือญาติและคนใกล้ชิด พล.อ.ชนะทัพ ด้วย แม้หน่วยงานโคตรอภิสิทธิ์อย่าง สตง. ยืนยันที่ทำนั้น ล้วนแต่ดำเนินด้วยความถูกต้องบริสุทธิ์ผูดผ่องทั้งสิ้น
    .
    แต่ถ้ามันเน่าข้างในหมดแล้ว จะเอาหนังอะไรมากลบ ใส่เสื้อกี่ตัว กลิ่นมันออก พอกลิ่นมันออก ถอดเสื้อออกก็เหม็นเสื้อเชิ้ตก็เหม็น ถอดเสื้อเชิ้ตออก เสื้อเชิ้ตก็เหม็น ถอดคอกลมออก คอกลมก็เหม็น พอถอดออกหมดแล้ว อ้าว ตายห่า มันเน่าหมดแล้วนี่ มันเน่าก็คือว่า ทำมาหาแดกกันทุกระดับ ตั้งแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ใน สตง. จะเป็นใครก็ตาม ท่านผู้ชมเดาเอาเองก็แล้วกัน
    ฉีกหน้ากาก”โกงซ้อนโกง” ตึก สตง.ถล่ม ปลอมลายเซ็นวิศวกร บิดเบือนไม่รับผิดชอบ . เรื่องตึก สตง.(สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน)ถล่ม อีกสิบปีก็พูดได้ว่ามันเป็นมหากาพย์การโกง ผมว่ามันโคตรจะระยำตำบอนเลย ผม 78 ปี ปีนี้ ผมทำข่าวมาห้าสิบกว่าปี ผมไม่เคยเจอขบวนการคอร์รัปชันที่ยิ่งใหญ่และลึกลับซับซ้อนที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทยก็ว่าได้ เรื่องขบวนการทุจริตในการจัดจ้างเพื่อก่อสร้างและตกแต่งอาคาร สตง. แห่งใหม่ ในเขตจตุจักร อย่างที่ผมฟันธงและบอกไปแล้วว่ามันมีเงื่อนงำในทุกกระบวนการ ตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ . จริงๆ เรื่องนี้ต้องทำเป็นกรณีศึกษา Case study สถาบันการศึกษา อาจารย์น่าจะเอาข้อมูลพวกนี้ แล้วมาสั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาว่ามันโกงกันอย่างไร ความเป็น สตง. นี่ไงที่ผมบอกว่าผมจะฟ้องท่านผู้ชม ให้จารึกลงในประวัติศาสตร์ ให้คนรุ่นลูกรุ่นหลานมันพูดถึงคน สตง. เลวๆ ที่มันระยำตำบอนและโกงชาติบ้านเมือง ทำผิดคุณธรรม จริยธรรม ในหน้าที่ที่ตัวเองต้องตรวจสอบการทุจริต แต่กลับทุจริตเสียเอง . ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา มีความไม่ชอบมาพากลในการจัดจ้างเพื่อก่อสร้างโครงการนี้ยิ่งขึ้นไปอีก คือมันมีการปลอมลายเซ็นสำหรับกรณีวิศวกรทั้งสองคนที่มีชื่อไปเกี่ยวข้องและรับผิดชอบเกี่ยวกับการควบคุมการก่อสร้างและออกแบบอาคาร คือ หนึ่ง คุณสมเกียรติ ชูแสงสุข ที่ถูกอ้างชื่อและปลอมลายเซ็นว่าเป็นผู้ควบคุมงานของกิจการร่วมค้า PWK สอง คือคุณพิมล เจริญยิ่ง วิศวกรอายุ 85 ปี ที่ถูกระบุว่าเป็นผู้ออกแบบอาคาร 2 สตง. จริงหรือไม่ เจ้าตัวกลับปฏิเสธว่าไม่รู้เรื่องด้วย และไม่ได้ทำงานออกแบบมาหลายปีแล้ว ท่านผู้ชมครับเห็นหรือยังครับ มหากาพย์ของการโกง โกงกันตั้งแต่เริ่มออกแบบแล้ว ตรงนี้มันมีพิรุธไหม ? เพราะกรมโยธาธิการฯได้แจ้งว่า ที่ขอมาขอให้มีการเร่งออกแบบตึก สตง.ที่มีงบสองพันล้านบาทภายใน 180 วันไม่ทัน ก็เป็นสิทธิ์หน่วยงานนี้จะเอาสิทธิ์ตรงนั้นไปแจ้งบริษัทเอกชนออกแบบแทน นี่คือการเจตนาที่จะทุจริตที่เห็นได้ชัดเจน . มีคนหนึ่งที่ผมอยากให้ออกมาชี้แจงเรื่องนี้ใจแทบขาด เพราะน่าจะเป็นผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรง คือ คุณปฏิวัติ ศิริไทย ซีอีโอ และเจ้าของบริษัท พี เอ็น ซิงค์โครไนซ์ จำกัด ซึ่งบริษัทนี้เป็นหนึ่งในสามบริษัทที่ไปรวมตัวกันเป็นกิจการร่วมค้า PKWได้งานควบคุมก่อสร้างตึก สตง. ในวงเงิน 74.65 ล้านบาท . คุณปฏิวัติครับ คุณอย่านั่งนิ่งเฉย เพราะผมได้ยินว่าคุณเป็นผู้กว้างขวาง รู้จักคุณประจักษ์ บุญยัง อดีตผู้ว่าฯ สตง. รู้จักนายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าฯ สตง. มือไม้ของคุณประจักษ์ รวมทั้งผู้หลักผู้ใหญ่ อย่างประธาน คตง. คือ พล.อ.ชนะทัพ อินทามระ ประธาน คตง. หรือประธานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เรื่อยไปจนถึงคนใกล้ชิด ทั้งทหาร ตำรวจ พลเรือน ซึ่งเป็นเครือญาติและคนใกล้ชิด พล.อ.ชนะทัพ ด้วย แม้หน่วยงานโคตรอภิสิทธิ์อย่าง สตง. ยืนยันที่ทำนั้น ล้วนแต่ดำเนินด้วยความถูกต้องบริสุทธิ์ผูดผ่องทั้งสิ้น . แต่ถ้ามันเน่าข้างในหมดแล้ว จะเอาหนังอะไรมากลบ ใส่เสื้อกี่ตัว กลิ่นมันออก พอกลิ่นมันออก ถอดเสื้อออกก็เหม็นเสื้อเชิ้ตก็เหม็น ถอดเสื้อเชิ้ตออก เสื้อเชิ้ตก็เหม็น ถอดคอกลมออก คอกลมก็เหม็น พอถอดออกหมดแล้ว อ้าว ตายห่า มันเน่าหมดแล้วนี่ มันเน่าก็คือว่า ทำมาหาแดกกันทุกระดับ ตั้งแต่ผู้หลักผู้ใหญ่ใน สตง. จะเป็นใครก็ตาม ท่านผู้ชมเดาเอาเองก็แล้วกัน
    Like
    Love
    23
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 738 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sondhitalk EP289 : 16ปีที่รอดตาย สังคมไทยยังไม่รอดโกง (Full)
    - ความในใจ “สนธิ” สังคมไทยยังไม่หมดโกง
    - โกงซ้อนโกง ตึก สตง. ถล่ม
    - ยกแรก จีน ชนะขาด สหรัฐฯ
    - จีนปรับกลยุทธ์พึ่งพาตัวเอง
    - “ดอลลาร์” จะเป็น “แบงก์กงเต๊ก”

    #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #ตึกสตง #ปลอมลายเซ็น #คอร์รัปชัน #โกงซ้อนโกง #สงครามการค้า #ภาษีทรัมป์ #ดอลล่าร์ #แบงก์กงเต๊ก #ความในใจสนธิ
    Sondhitalk EP289 : 16ปีที่รอดตาย สังคมไทยยังไม่รอดโกง (Full) - ความในใจ “สนธิ” สังคมไทยยังไม่หมดโกง - โกงซ้อนโกง ตึก สตง. ถล่ม - ยกแรก จีน ชนะขาด สหรัฐฯ - จีนปรับกลยุทธ์พึ่งพาตัวเอง - “ดอลลาร์” จะเป็น “แบงก์กงเต๊ก” #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #thaitimes #ความจริงมีหนึ่งเดียว #ตึกสตง #ปลอมลายเซ็น #คอร์รัปชัน #โกงซ้อนโกง #สงครามการค้า #ภาษีทรัมป์ #ดอลล่าร์ #แบงก์กงเต๊ก #ความในใจสนธิ
    Like
    Love
    Yay
    Sad
    41
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 1447 มุมมอง 243 5 รีวิว
  • Sondhitalk EP288 : ตึกสตง. โคตรคอร์รับชัน 11-04-68 (Full)

    - ตึกกากเต้าหู้ การคอร์รัปชันใหญ่สุด
    - ลูกเนวินลั่น “ไม่เอากาสิโน”
    - อุ๊งอิ๊ง-มิน อ่องหล่าย และ ทักษิณ - โมดี
    - กสทช.ปธ.เถื่อน เกียวร์ว่างแผ่นดินไหว
    - สงครามภาษี ทรัมป์
    Sondhitalk EP288 : ตึกสตง. โคตรคอร์รับชัน 11-04-68 (Full) - ตึกกากเต้าหู้ การคอร์รัปชันใหญ่สุด - ลูกเนวินลั่น “ไม่เอากาสิโน” - อุ๊งอิ๊ง-มิน อ่องหล่าย และ ทักษิณ - โมดี - กสทช.ปธ.เถื่อน เกียวร์ว่างแผ่นดินไหว - สงครามภาษี ทรัมป์
    Like
    Love
    45
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 2494 มุมมอง 267 1 รีวิว
  • 🔴Live SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep288 (live)
    ตึกกากเต้าหู้ อาคารที่ควรเป็นสัญลักษณ์แห่งความโปร่งใสกลายเป็น "อนุสรณ์แห่งการรับประทานงบ” ตึกถล่มเพราะแผ่นดินไหว หรือ คอร์รัปชัน?
    #Live #Liveสด #thaitimes #sondhitalk #ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง
    🔴Live SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep288 (live) ตึกกากเต้าหู้ อาคารที่ควรเป็นสัญลักษณ์แห่งความโปร่งใสกลายเป็น "อนุสรณ์แห่งการรับประทานงบ” ตึกถล่มเพราะแผ่นดินไหว หรือ คอร์รัปชัน? #Live #Liveสด #thaitimes #sondhitalk #ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง
    Like
    Love
    Haha
    Wow
    Yay
    81
    26 ความคิดเห็น 3 การแบ่งปัน 2859 มุมมอง 4 รีวิว
  • พรรคสังคมประชาธิปไตยไทยและสมัชชาเกษตรกรรายย่อย โคราช ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 หยุดหายนะประเทศ ! หยุดกาสิโน ! หยุดพนันออนไลน์!สมัชชาเกษตรกรรายย่อย รวมพลังคัดค้าน พ.ร.บ. บ่อนพนันถูกกฎหมาย

    วันนี้ (9 เมษายน 2568) เวลา 08.30 น. พรรคสังคมประชาธิปไตยไทยและสมัชชาเกษตรกรรายย่อย โคราช ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 หยุดหายนะประเทศ ! หยุดกาสิโน ! หยุดพนันออนไลน์!สมัชชาเกษตรกรรายย่อย รวมพลังคัดค้าน พ.ร.บ. บ่อนพนันถูกกฎหมาย ณ ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา
    .
    สมัชชาเกษตรกรรายย่อย ซึ่งเป็นองค์กรเกษตรกร ที่มีสมาชิกกระจายอยู่ในทุกภูมิภาค ขอแสดงจุดยืนใน การคัดค้านการที่รัฐบาลเสนอร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เข้าสู่การพิจารณาของ สภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากภายในร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว เป็นการเปิดทางให้มีการเปิดบ่อนการพนันหรือ กาสิโนอย่างถูกกฎหมาย โดยอ้างเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ หารายได้ให้ประเทศ

    นายนคร ศรีวิพัฒน์ เลขาธิการ สมัชชาเกษตรกรรายย่อย กล่าวว่า "สิ่งที่รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องกำลังรีบเร่งดำเนินการ ดูเป็นการกระทำแบบลุกลี้ลุกลน ละเลยการ เปิดรับฟังความเห็นของประชาชนอย่างรอบด้านและจริงจัง อีกทั้งไม่มีการศึกษาผลกระทบที่อาจเกิดต่อ สังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นด้านการก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรม การล่มสลายของครอบครัวที่มีผู้ติดการพนัน การละเมิดศีลธรรม ฯลฯ รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะเกิดต่อประชาชนและสังคม ว่าจะเกิดขึ้นจริง อย่างที่รัฐบาลอ้างหรือไม่ เพียงใด"

    สมัชชาเกษตรกรรายย่อย จึงขอประกาศว่า "จะต่อสู้อย่างถึงที่สุดให้รัฐบาลยุติการผลักดันให้เกิด บ่อนพนันถูกกฎหมาย มิใช่เพียงแค่การเลื่อนการนำเสนอร่างนี้ให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา อย่างที่นายกรัฐมนตรีเพิ่งประกาศไปเมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา"

    "สมัชชาเกษตรกรรายย่อย ขอเชิญชวนให้พี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ เข้าร่วมกับมวลมิตรใน สังคมไทย คัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้อย่างถึงที่สุด"

    พร้อมกันนี้ พรรคสังคมประชาธิปไตยไทย ได้แถลงการณ์ว่า "ตามที่พรรคได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 1 เพื่อแสดงจุดยืนคัดค้านร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจ สถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. กฎหมายมีเรื่องบ่อนการพนัน หรือ การให้มีกาสิโนอยู่ด้วย รวมทั้งการคัดค้านแก้กฎเกณฑ์เพื่อให้การพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย ประกอบกับกระแสเสียงของ สังคมทั้งภาควิชาการ สถาบันการศึกษา องค์การของขบวนการสหภาพแรงงาน องค์การนักศึกษา สื่อสาร องค์การศาสนาทุกศาสนาต่างแสดงจุดยืนคัดค้านกันทั่วประเทศ แต่รัฐบาลก็ไม่ใส่ใจต่อเสียง คัดค้านจากภาคส่วนต่าง ๆ อ้างเพียงร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นแล้วประมาณ 80,000 คน แสดงความคิดเห็นและมีคนเห็นด้วยประมาณ 57,000 คน คิดเป็นร้อยละ 80 ของผู้แสดง ความคิดเห็น ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบจากการลงลายมือชื่อของประชาชนผ่านองค์กรต่าง ๆ ของภาคประชาชน ที่มีหลายแสนรายชื่อและเสียงคัดค้านมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างมากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ แม้กระทั่ง แต่รัฐบาลยังยืนกรานเดินหน้าผลักดันร่างกฎหมายอัปยศนี้โดยผ่านมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 และเร่งบรรจุร่างเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 3 เมษายน 2568 แต่เมื่อฝ่ายประชาชนทราบเรื่องต่างก็ ทําแดงพลังด้วยการร่วมกันคัดค้านที่หน้ารัฐสภา จนต้องเลื่อนพิจารณาออกไปเป็นวันที่ 4 เมษายน 2568 ทวนกระแสคัดค้านของสังคมอย่างน่าละอาย ไม่สนใจแม้กระทั่งการเกิดเหตุแผ่นดินไหว ตึกถล่ม (เหตุเกิดวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๘ มีคนจำนวนมากกล่าว ว่าเป็นอาเพศของแผ่นดิน) มีผู้เสียชีวิตบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ถือเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่สุดของประเทศ

    พรรคสังคมประชาธิปไตยไทย (ส.ป.ก.) จึงขอตอกย้ำถึงจุดยืนที่จะคัดค้าน ร่างกฎหมายการ คนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ที่มีเรื่องบ่อนการพนันกาสิโนที่ซุกซ่อนอยู่ในกฎหมายและ คัดค้านการทำพนันออนไลน์ให้ถูกกฎหมาย ซึ่งการออกกฎหมายดังกล่าวรัฐบาลมิได้ดำเนินการให้ประชาชน มีส่วนร่วมตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 และพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลก็ไม่เคยแสดง นโยบายต่อประชาชนช่วงหาเสียงเลือกตั้ง และนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภาแต่อย่างใด การ ดำเนินการอย่างเร่งรีบของกฎหมายฉบับนี้จึงไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และ หลักการที่ถูกต้องในระบอบ ประชาธิปไตย และยังขัดกับจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ.2564 และยังขัดต่อหลักการสำคัญของ ศาสนาพุทธ และทุกศาสนา ที่สำคัญศาสนาพุทธบัญญัติว่า “การพนันคือหนทางการนำมาซึ่งการเสื่อมเสีย ความวิบัติต่อมนุษยชาติ” โดยหลักที่ถูกต้องในสถานการเช่นนี้รัฐบาลควรปราบปราบการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งถือเป็นภัยร้ายแรงของชาติ แก้ปัญหาความเลื่อมล้ำ เร่งศึกษาหาทางแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศที่ เกิดขึ้นจากการขึ้นภาษีของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์เป็นสำคัญ พรรคประจำจังหวัดและสมาชิกพรรค ได้ช่วยกันรณรงค์ต่อต้าน คัดค้าน ร่าง ด้วยเหตุนี้

    จึงขอให้สาขาพรรค ตัวแทน พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ........ เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศแสดงพลังหยุดกาสิโน หยุดการพนันออนไลน์ หยุดหายนะประเทศ ที่เป็นพิษภัยร้ายแรงของชาติ ที่จะกระทบต่อลูกหลานไทย ในอนาคตให้กว้างขวางที่สุด
    พรรคสังคมประชาธิปไตยไทยและสมัชชาเกษตรกรรายย่อย โคราช ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 หยุดหายนะประเทศ ! หยุดกาสิโน ! หยุดพนันออนไลน์!สมัชชาเกษตรกรรายย่อย รวมพลังคัดค้าน พ.ร.บ. บ่อนพนันถูกกฎหมาย วันนี้ (9 เมษายน 2568) เวลา 08.30 น. พรรคสังคมประชาธิปไตยไทยและสมัชชาเกษตรกรรายย่อย โคราช ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 หยุดหายนะประเทศ ! หยุดกาสิโน ! หยุดพนันออนไลน์!สมัชชาเกษตรกรรายย่อย รวมพลังคัดค้าน พ.ร.บ. บ่อนพนันถูกกฎหมาย ณ ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา . สมัชชาเกษตรกรรายย่อย ซึ่งเป็นองค์กรเกษตรกร ที่มีสมาชิกกระจายอยู่ในทุกภูมิภาค ขอแสดงจุดยืนใน การคัดค้านการที่รัฐบาลเสนอร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เข้าสู่การพิจารณาของ สภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากภายในร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว เป็นการเปิดทางให้มีการเปิดบ่อนการพนันหรือ กาสิโนอย่างถูกกฎหมาย โดยอ้างเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ หารายได้ให้ประเทศ นายนคร ศรีวิพัฒน์ เลขาธิการ สมัชชาเกษตรกรรายย่อย กล่าวว่า "สิ่งที่รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องกำลังรีบเร่งดำเนินการ ดูเป็นการกระทำแบบลุกลี้ลุกลน ละเลยการ เปิดรับฟังความเห็นของประชาชนอย่างรอบด้านและจริงจัง อีกทั้งไม่มีการศึกษาผลกระทบที่อาจเกิดต่อ สังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นด้านการก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรม การล่มสลายของครอบครัวที่มีผู้ติดการพนัน การละเมิดศีลธรรม ฯลฯ รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะเกิดต่อประชาชนและสังคม ว่าจะเกิดขึ้นจริง อย่างที่รัฐบาลอ้างหรือไม่ เพียงใด" สมัชชาเกษตรกรรายย่อย จึงขอประกาศว่า "จะต่อสู้อย่างถึงที่สุดให้รัฐบาลยุติการผลักดันให้เกิด บ่อนพนันถูกกฎหมาย มิใช่เพียงแค่การเลื่อนการนำเสนอร่างนี้ให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา อย่างที่นายกรัฐมนตรีเพิ่งประกาศไปเมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา" "สมัชชาเกษตรกรรายย่อย ขอเชิญชวนให้พี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ เข้าร่วมกับมวลมิตรใน สังคมไทย คัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้อย่างถึงที่สุด" พร้อมกันนี้ พรรคสังคมประชาธิปไตยไทย ได้แถลงการณ์ว่า "ตามที่พรรคได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 1 เพื่อแสดงจุดยืนคัดค้านร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจ สถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. กฎหมายมีเรื่องบ่อนการพนัน หรือ การให้มีกาสิโนอยู่ด้วย รวมทั้งการคัดค้านแก้กฎเกณฑ์เพื่อให้การพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย ประกอบกับกระแสเสียงของ สังคมทั้งภาควิชาการ สถาบันการศึกษา องค์การของขบวนการสหภาพแรงงาน องค์การนักศึกษา สื่อสาร องค์การศาสนาทุกศาสนาต่างแสดงจุดยืนคัดค้านกันทั่วประเทศ แต่รัฐบาลก็ไม่ใส่ใจต่อเสียง คัดค้านจากภาคส่วนต่าง ๆ อ้างเพียงร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นแล้วประมาณ 80,000 คน แสดงความคิดเห็นและมีคนเห็นด้วยประมาณ 57,000 คน คิดเป็นร้อยละ 80 ของผู้แสดง ความคิดเห็น ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบจากการลงลายมือชื่อของประชาชนผ่านองค์กรต่าง ๆ ของภาคประชาชน ที่มีหลายแสนรายชื่อและเสียงคัดค้านมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างมากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ แม้กระทั่ง แต่รัฐบาลยังยืนกรานเดินหน้าผลักดันร่างกฎหมายอัปยศนี้โดยผ่านมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 และเร่งบรรจุร่างเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 3 เมษายน 2568 แต่เมื่อฝ่ายประชาชนทราบเรื่องต่างก็ ทําแดงพลังด้วยการร่วมกันคัดค้านที่หน้ารัฐสภา จนต้องเลื่อนพิจารณาออกไปเป็นวันที่ 4 เมษายน 2568 ทวนกระแสคัดค้านของสังคมอย่างน่าละอาย ไม่สนใจแม้กระทั่งการเกิดเหตุแผ่นดินไหว ตึกถล่ม (เหตุเกิดวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๘ มีคนจำนวนมากกล่าว ว่าเป็นอาเพศของแผ่นดิน) มีผู้เสียชีวิตบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ถือเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่สุดของประเทศ พรรคสังคมประชาธิปไตยไทย (ส.ป.ก.) จึงขอตอกย้ำถึงจุดยืนที่จะคัดค้าน ร่างกฎหมายการ คนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ที่มีเรื่องบ่อนการพนันกาสิโนที่ซุกซ่อนอยู่ในกฎหมายและ คัดค้านการทำพนันออนไลน์ให้ถูกกฎหมาย ซึ่งการออกกฎหมายดังกล่าวรัฐบาลมิได้ดำเนินการให้ประชาชน มีส่วนร่วมตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 และพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลก็ไม่เคยแสดง นโยบายต่อประชาชนช่วงหาเสียงเลือกตั้ง และนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภาแต่อย่างใด การ ดำเนินการอย่างเร่งรีบของกฎหมายฉบับนี้จึงไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และ หลักการที่ถูกต้องในระบอบ ประชาธิปไตย และยังขัดกับจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ.2564 และยังขัดต่อหลักการสำคัญของ ศาสนาพุทธ และทุกศาสนา ที่สำคัญศาสนาพุทธบัญญัติว่า “การพนันคือหนทางการนำมาซึ่งการเสื่อมเสีย ความวิบัติต่อมนุษยชาติ” โดยหลักที่ถูกต้องในสถานการเช่นนี้รัฐบาลควรปราบปราบการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งถือเป็นภัยร้ายแรงของชาติ แก้ปัญหาความเลื่อมล้ำ เร่งศึกษาหาทางแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศที่ เกิดขึ้นจากการขึ้นภาษีของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์เป็นสำคัญ พรรคประจำจังหวัดและสมาชิกพรรค ได้ช่วยกันรณรงค์ต่อต้าน คัดค้าน ร่าง ด้วยเหตุนี้ จึงขอให้สาขาพรรค ตัวแทน พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ........ เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศแสดงพลังหยุดกาสิโน หยุดการพนันออนไลน์ หยุดหายนะประเทศ ที่เป็นพิษภัยร้ายแรงของชาติ ที่จะกระทบต่อลูกหลานไทย ในอนาคตให้กว้างขวางที่สุด
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 553 มุมมอง 0 รีวิว
  • Sondhitalk EP287 : คอร์รัปชัน กัดกิน (Full)

    - สรุปอาคาร สตง. ถล่ม
    - น่ากังวล ฐานรากอาคาร ในกรุงเทพ
    - เหล็กจีน โลกไม่ใช้ แต่ไทยใช้
    - ย้อนปม China Railway No.10
    - จุดจบสงครามยูเครน
    - โบอิ้งสะเทือน
    Sondhitalk EP287 : คอร์รัปชัน กัดกิน (Full) - สรุปอาคาร สตง. ถล่ม - น่ากังวล ฐานรากอาคาร ในกรุงเทพ - เหล็กจีน โลกไม่ใช้ แต่ไทยใช้ - ย้อนปม China Railway No.10 - จุดจบสงครามยูเครน - โบอิ้งสะเทือน
    Like
    Love
    Wow
    66
    1 ความคิดเห็น 4 การแบ่งปัน 2498 มุมมอง 374 3 รีวิว
  • ♣ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน แฉ กิจการร่วมค้า ITD-CREC ผู้สร้างตึกสตง. ไม่ได้ยื่นเอกสารร่วมประมูล แต่เสือกเป็นผู้ชนะการประมูล พบกิจการร่วมค้า แค่ซื้อเอกสารประกวดราคา
    #7ดอกจิก
    ♣ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน แฉ กิจการร่วมค้า ITD-CREC ผู้สร้างตึกสตง. ไม่ได้ยื่นเอกสารร่วมประมูล แต่เสือกเป็นผู้ชนะการประมูล พบกิจการร่วมค้า แค่ซื้อเอกสารประกวดราคา #7ดอกจิก
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน แฉ กิจการร่วมค้า ITD-CREC ผู้สร้างตึกสตง. ไม่ได้ยื่นเอกสารร่วมประมูล แต่เสือกเป็นผู้ชนะการประมูล พบกิจการร่วมค้า แค่ซื้อเอกสารประกวดราคา
    #คิงส์โพธิ์แดง
    องค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน แฉ กิจการร่วมค้า ITD-CREC ผู้สร้างตึกสตง. ไม่ได้ยื่นเอกสารร่วมประมูล แต่เสือกเป็นผู้ชนะการประมูล พบกิจการร่วมค้า แค่ซื้อเอกสารประกวดราคา #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนร่วมสอบตึกถล่ม ทูตจีนเผย “ผลสอบอาจกระทบเจ้านายไทย” เนื่องจากมีข้อมูลบางส่วนที่ชี้ว่า ซับคอนแทรคเตอร์รายดังกล่าว มีบทบาทสำคัญในการจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับส่วนราชการ และนักการเมืองไทย


    .
    2 เมษายน 2568 งามหน้ากับความชัดเจนของเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย นายหาน จื้อเฉียง ที่โพสต์แสดงความเสียใจและระบุให้ความร่วมมือในการตรวจสอบ เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม จนกลายเป็นประเด็นระดับนานาชาติ ...มีรายงานว่า #รัฐบาลจีน ได้เร่งดำเนินการสอบสวนอย่างเข้มงวด กับ #บริษัทก่อสร้าง จากจีนที่ทำหน้าที่เป็น #ซับคอนแทรคเตอร์ ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวของจีนครั้งนี้ยังส่งสัญญาณถึงความโปร่งใสที่อาจกระทบต่อบุคคลสำคัญในประเทศไทย
    .
    ข่าวจากรัฐบาลจีนระบุว่า ทางการได้เรียกตัวผู้บริหารระดับสูงของบริษัท #ไชน่าเรลเวย์ บริษัทแม่ ของ #ไชน่าเรลเวย์นัมเบอร์10 ที่รับผิดชอบโครงการนี้ทั้งชุด ร่วมสอบสวนเหตุตึกถล่มอย่างละเอียด และเตรียมดำเนินคดีตามกฎหมายทันที หากพบหลักฐาน "ความผิดพลาดจากการออกแบบ การก่อสร้าง หรือการตรวจสอบโครงสร้าง"
    .
    กระบวนการสอบสวนของจีน ไม่เพียงแต่ตรวจสอบซับคอนแทรคเตอร์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง บริษัทผู้ออกแบบ , วิศวกรที่ตรวจและอนุมัติโครงสร้าง , และบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการทั้งหมด โดยให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบร่วมกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง
    .
    ทูตจีนเผย “ผลสอบอาจกระทบเจ้านายไทย”
    ระหว่างการประชุมลับในเหตุการณ์นี้ ทูตจีน ประจำประเทศไทยได้แสดงความกังวลว่า ผลการสอบสวนอาจส่งผลกระทบต่อ #เจ้านายไทย หรือ #บุคคลสำคัญ ที่อาจเชื่อมโยงกับโครงการนี้ เนื่องจากมีข้อมูลบางส่วนที่ชี้ว่า ซับคอนแทรคเตอร์รายดังกล่าว มีบทบาทสำคัญใน #การจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับ #ส่วนราชการ และ #นักการเมืองไทย
    .
    "การตรวจสอบครั้งนี้จะไม่ใช่แค่การสอบสวนภายในประเทศจีนเท่านั้น แต่ยังขยายผลไปถึงการเชื่อมโยงระหว่างบริษัทจีนกับพันธมิตรในประเทศไทย ซึ่งอาจนำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อนในวงการเมืองและการปกครองของไทย" แหล่งข่าวใกล้ชิดกับทูตจีนกล่าว
    .
    ขณะที่ รัฐบาลไทย ยังไม่มีแถลงการณ์อย่างใด นอกจากความพยายามในการควบคุมสถานการณ์ เพื่อป้องกันผลกระทบในวงกว้างกวานี้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นกับบุคคลสำคัญที่ถูกอ้างอิง หากผลการสอบสวนจากจีนเผยถึง การจ่ายใต้โต๊ะ เป็นการคอร์รัปชันในโครงการนี้ อาจทำให้เกิดแรงกดดันจากสังคมไทยและประชาคมระหว่างประเทศต่อรัฐบาลไทยได้
    .
    "คำถามสำคัญคือ รัฐบาลไทยจะสามารถรับมือกับสถานการณ์นี้หรือไม่และได้อย่างไร หรือจะเลือกใช้วิธีการปิดข่าวเพื่อลดแรงกระเพื่อมทางการเมือง" .
    การที่จีน กล้าพูดชัดเจนถึง "เจ้านายไทย" หมายความว่า มีความชัดเจนเข้าใจและรับรู้ถึงต้นตอของปัญหา เพียงแต่จะเปิดเผยข้อมูล รวมถึงนำคนผิดมาลงโทษได้จริงหรือไม่...
    .
    กับคำถามทิ้งท้าย…
    "ประเทศไทยจะยอมรับความจริงและเผชิญหน้ากับปัญหานี้อย่างตรงไปตรงมา หรือจะเลือกใช้วิธีการเดิมๆ ในการปกปิดความผิดพลาด?" นี่คือคำถามที่สังคมไทยและประชาคมโลกกำลังรอคำตอบ

    .
    https://web.facebook.com/share/p/161BQVb9fA/
    จีนร่วมสอบตึกถล่ม ทูตจีนเผย “ผลสอบอาจกระทบเจ้านายไทย” เนื่องจากมีข้อมูลบางส่วนที่ชี้ว่า ซับคอนแทรคเตอร์รายดังกล่าว มีบทบาทสำคัญในการจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับส่วนราชการ และนักการเมืองไทย . 2 เมษายน 2568 งามหน้ากับความชัดเจนของเอกอัครราชทูตจีน ประจำประเทศไทย นายหาน จื้อเฉียง ที่โพสต์แสดงความเสียใจและระบุให้ความร่วมมือในการตรวจสอบ เหตุการณ์ตึก สตง.ถล่ม จนกลายเป็นประเด็นระดับนานาชาติ ...มีรายงานว่า #รัฐบาลจีน ได้เร่งดำเนินการสอบสวนอย่างเข้มงวด กับ #บริษัทก่อสร้าง จากจีนที่ทำหน้าที่เป็น #ซับคอนแทรคเตอร์ ขณะเดียวกัน ความเคลื่อนไหวของจีนครั้งนี้ยังส่งสัญญาณถึงความโปร่งใสที่อาจกระทบต่อบุคคลสำคัญในประเทศไทย . ข่าวจากรัฐบาลจีนระบุว่า ทางการได้เรียกตัวผู้บริหารระดับสูงของบริษัท #ไชน่าเรลเวย์ บริษัทแม่ ของ #ไชน่าเรลเวย์นัมเบอร์10 ที่รับผิดชอบโครงการนี้ทั้งชุด ร่วมสอบสวนเหตุตึกถล่มอย่างละเอียด และเตรียมดำเนินคดีตามกฎหมายทันที หากพบหลักฐาน "ความผิดพลาดจากการออกแบบ การก่อสร้าง หรือการตรวจสอบโครงสร้าง" . กระบวนการสอบสวนของจีน ไม่เพียงแต่ตรวจสอบซับคอนแทรคเตอร์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึง บริษัทผู้ออกแบบ , วิศวกรที่ตรวจและอนุมัติโครงสร้าง , และบุคคลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในกระบวนการทั้งหมด โดยให้ความสำคัญกับความรับผิดชอบร่วมกันของทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง . ทูตจีนเผย “ผลสอบอาจกระทบเจ้านายไทย” ระหว่างการประชุมลับในเหตุการณ์นี้ ทูตจีน ประจำประเทศไทยได้แสดงความกังวลว่า ผลการสอบสวนอาจส่งผลกระทบต่อ #เจ้านายไทย หรือ #บุคคลสำคัญ ที่อาจเชื่อมโยงกับโครงการนี้ เนื่องจากมีข้อมูลบางส่วนที่ชี้ว่า ซับคอนแทรคเตอร์รายดังกล่าว มีบทบาทสำคัญใน #การจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับ #ส่วนราชการ และ #นักการเมืองไทย . "การตรวจสอบครั้งนี้จะไม่ใช่แค่การสอบสวนภายในประเทศจีนเท่านั้น แต่ยังขยายผลไปถึงการเชื่อมโยงระหว่างบริษัทจีนกับพันธมิตรในประเทศไทย ซึ่งอาจนำไปสู่การเปิดเผยข้อมูลที่ละเอียดอ่อนในวงการเมืองและการปกครองของไทย" แหล่งข่าวใกล้ชิดกับทูตจีนกล่าว . ขณะที่ รัฐบาลไทย ยังไม่มีแถลงการณ์อย่างใด นอกจากความพยายามในการควบคุมสถานการณ์ เพื่อป้องกันผลกระทบในวงกว้างกวานี้ ซึ่งอาจเกิดขึ้นกับบุคคลสำคัญที่ถูกอ้างอิง หากผลการสอบสวนจากจีนเผยถึง การจ่ายใต้โต๊ะ เป็นการคอร์รัปชันในโครงการนี้ อาจทำให้เกิดแรงกดดันจากสังคมไทยและประชาคมระหว่างประเทศต่อรัฐบาลไทยได้ . "คำถามสำคัญคือ รัฐบาลไทยจะสามารถรับมือกับสถานการณ์นี้หรือไม่และได้อย่างไร หรือจะเลือกใช้วิธีการปิดข่าวเพื่อลดแรงกระเพื่อมทางการเมือง" . การที่จีน กล้าพูดชัดเจนถึง "เจ้านายไทย" หมายความว่า มีความชัดเจนเข้าใจและรับรู้ถึงต้นตอของปัญหา เพียงแต่จะเปิดเผยข้อมูล รวมถึงนำคนผิดมาลงโทษได้จริงหรือไม่... . กับคำถามทิ้งท้าย… "ประเทศไทยจะยอมรับความจริงและเผชิญหน้ากับปัญหานี้อย่างตรงไปตรงมา หรือจะเลือกใช้วิธีการเดิมๆ ในการปกปิดความผิดพลาด?" นี่คือคำถามที่สังคมไทยและประชาคมโลกกำลังรอคำตอบ . https://web.facebook.com/share/p/161BQVb9fA/
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 551 มุมมอง 0 รีวิว
  • การเมืองไทยมีความซับซ้อนและมีปัญหาหลายด้านที่ต้องแก้ไขเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ปัญหาหลักๆ และแนวทางการแก้ไขอาจรวมถึง以下几个方面:

    ### 1. **ปัญหาความแตกแยกและความขัดแย้งทางการเมือง**
    - **สาเหตุ**: ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มการเมืองต่าง ๆ เช่น คณะรัฐประหาร ประชาชน และพรรคการเมือง
    - **แนวทางแก้ไข**:
    - ส่งเสริม **การเจรจาและปรองดอง** ระหว่างกลุ่มการเมืองที่ขัดแย้งกัน
    - ลดการใช้อำนาจรัฐเพื่อปราบปรามฝ่ายตรงข้าม
    - สร้างกลไกแก้ไขความขัดแย้งที่เป็นกลาง เช่น คณะกรรมการอิสระ

    ### 2. **ระบบเลือกตั้งที่ไม่สมบูรณ์**
    - **สาเหตุ**: ระบบเลือกตั้งอาจไม่สะท้อนเสียงประชาชนอย่างแท้จริง เช่น การแบ่งเขตเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรม หรือกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ให้พรรคใหญ่
    - **แนวทางแก้ไข**:
    - ปรับปรุง **ระบบเลือกตั้ง** ให้มีความโปร่งใสและเป็นธรรมมากขึ้น เช่น ใช้ระบบสัดส่วนผสม (Mixed-Member Proportional: MMP)
    - เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองขนาดเล็กมีส่วนร่วมในสภา
    - ป้องกันการทุจริตเลือกตั้งด้วยเทคโนโลยีและกลไกตรวจสอบ

    ### 3. **ปัญหาอำนาจนอกระบบ (อำนาจนอกการเมือง)**
    - **สาเหตุ**: การแทรกแซงทางการเมืองโดยสถาบันอื่นที่ไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง
    - **แนวทางแก้ไข**:
    - เสริมสร้าง **หลักนิติธรรม** และลดบทบาทของอำนาจนอกระบบในการเมือง
    - ปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้กองทัพและองค์กรอิสระอยู่ภายใต้การควบคุมของพลเรือน

    ### 4. **การทุจริตและระบบอุปถัมภ์**
    - **สาเหตุ**: การคอร์รัปชันในวงราชการและระบบอุปถัมภ์ที่ทำให้การเมืองไทยไม่โปร่งใส
    - **แนวทางแก้ไข**:
    - เสริมสร้าง **กลไกตรวจสอบ** เช่น ปรับปรุงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.)
    - เปิดเผยข้อมูลสาธารณะ (Open Data) เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้
    - ส่งเสริมวัฒนธรรมการต่อต้านคอร์รัปชันตั้งแต่ระดับการศึกษา

    ### 5. **การกระจายอำนาจที่ไม่ทั่วถึง**
    - **สาเหตุ**: อำนาจยังรวมศูนย์อยู่ที่กรุงเทพฯ และรัฐบาลกลาง ทำให้ท้องถิ่นขาดอิสระ
    - **แนวทางแก้ไข**:
    - **กระจายอำนาจการปกครอง** ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากขึ้น
    - ให้ท้องถิ่นมีอำนาจในการจัดเก็บภาษีและบริหารงบประมาณเอง

    ### 6. **ปัญหาการเซ็นเซอร์และเสรีภาพสื่อ**
    - **สาเหตุ**: การควบคุมสื่อโดยรัฐ และการใช้กฎหมายเช่น พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เพื่อจำกัดเสรีภาพ
    - **แนวทางแก้ไข**:
    - ยกเลิกหรือแก้ไขกฎหมายที่จำกัดเสรีภาพสื่อ
    - ส่งเสริมสื่ออิสระและปลอดจากการแทรกแซงของรัฐ

    ### 7. **การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม**
    - **สาเหตุ**: กระบวนการยุติธรรมอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง
    - **แนวทางแก้ไข**:
    - ปรับปรุงระบบตุลาการให้เป็นอิสระและเป็นกลาง
    - ตรวจสอบการใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม

    ### 8. **การมีส่วนร่วมของประชาชน**
    - **แนวทางแก้ไข**:
    - ส่งเสริม **ประชาธิปไตยทางตรง** เช่น การลงประชามติในประเด็นสำคัญ
    - ใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อรับฟังความเห็นประชาชน (E-Participation)

    ### **สรุป**
    การเมืองไทยต้องการการปฏิรูปหลายด้าน ทั้งระบบเลือกตั้ง การลดอำนาจนอกระบบ การต่อต้านคอร์รัปชัน การกระจายอำนาจ และการส่งเสริมเสรีภาพ หากแก้ไขได้อย่างเป็นระบบ จะช่วยให้การเมืองไทยมีความมั่นคงและเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น

    คุณคิดว่าประเด็นไหนสำคัญที่สุดหรือควรเริ่มแก้ไขก่อน?
    การเมืองไทยมีความซับซ้อนและมีปัญหาหลายด้านที่ต้องแก้ไขเพื่อให้เกิดการพัฒนาที่ยั่งยืนและเป็นประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ปัญหาหลักๆ และแนวทางการแก้ไขอาจรวมถึง以下几个方面: ### 1. **ปัญหาความแตกแยกและความขัดแย้งทางการเมือง** - **สาเหตุ**: ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มการเมืองต่าง ๆ เช่น คณะรัฐประหาร ประชาชน และพรรคการเมือง - **แนวทางแก้ไข**: - ส่งเสริม **การเจรจาและปรองดอง** ระหว่างกลุ่มการเมืองที่ขัดแย้งกัน - ลดการใช้อำนาจรัฐเพื่อปราบปรามฝ่ายตรงข้าม - สร้างกลไกแก้ไขความขัดแย้งที่เป็นกลาง เช่น คณะกรรมการอิสระ ### 2. **ระบบเลือกตั้งที่ไม่สมบูรณ์** - **สาเหตุ**: ระบบเลือกตั้งอาจไม่สะท้อนเสียงประชาชนอย่างแท้จริง เช่น การแบ่งเขตเลือกตั้งที่ไม่เป็นธรรม หรือกฎหมายที่เอื้อประโยชน์ให้พรรคใหญ่ - **แนวทางแก้ไข**: - ปรับปรุง **ระบบเลือกตั้ง** ให้มีความโปร่งใสและเป็นธรรมมากขึ้น เช่น ใช้ระบบสัดส่วนผสม (Mixed-Member Proportional: MMP) - เปิดโอกาสให้พรรคการเมืองขนาดเล็กมีส่วนร่วมในสภา - ป้องกันการทุจริตเลือกตั้งด้วยเทคโนโลยีและกลไกตรวจสอบ ### 3. **ปัญหาอำนาจนอกระบบ (อำนาจนอกการเมือง)** - **สาเหตุ**: การแทรกแซงทางการเมืองโดยสถาบันอื่นที่ไม่ใช่รัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง - **แนวทางแก้ไข**: - เสริมสร้าง **หลักนิติธรรม** และลดบทบาทของอำนาจนอกระบบในการเมือง - ปรับปรุงกฎหมายเพื่อให้กองทัพและองค์กรอิสระอยู่ภายใต้การควบคุมของพลเรือน ### 4. **การทุจริตและระบบอุปถัมภ์** - **สาเหตุ**: การคอร์รัปชันในวงราชการและระบบอุปถัมภ์ที่ทำให้การเมืองไทยไม่โปร่งใส - **แนวทางแก้ไข**: - เสริมสร้าง **กลไกตรวจสอบ** เช่น ปรับปรุงสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริต (ป.ป.ช.) - เปิดเผยข้อมูลสาธารณะ (Open Data) เพื่อให้ประชาชนตรวจสอบได้ - ส่งเสริมวัฒนธรรมการต่อต้านคอร์รัปชันตั้งแต่ระดับการศึกษา ### 5. **การกระจายอำนาจที่ไม่ทั่วถึง** - **สาเหตุ**: อำนาจยังรวมศูนย์อยู่ที่กรุงเทพฯ และรัฐบาลกลาง ทำให้ท้องถิ่นขาดอิสระ - **แนวทางแก้ไข**: - **กระจายอำนาจการปกครอง** ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นมากขึ้น - ให้ท้องถิ่นมีอำนาจในการจัดเก็บภาษีและบริหารงบประมาณเอง ### 6. **ปัญหาการเซ็นเซอร์และเสรีภาพสื่อ** - **สาเหตุ**: การควบคุมสื่อโดยรัฐ และการใช้กฎหมายเช่น พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ เพื่อจำกัดเสรีภาพ - **แนวทางแก้ไข**: - ยกเลิกหรือแก้ไขกฎหมายที่จำกัดเสรีภาพสื่อ - ส่งเสริมสื่ออิสระและปลอดจากการแทรกแซงของรัฐ ### 7. **การปฏิรูปกระบวนการยุติธรรม** - **สาเหตุ**: กระบวนการยุติธรรมอาจถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง - **แนวทางแก้ไข**: - ปรับปรุงระบบตุลาการให้เป็นอิสระและเป็นกลาง - ตรวจสอบการใช้กฎหมายอย่างเท่าเทียม ### 8. **การมีส่วนร่วมของประชาชน** - **แนวทางแก้ไข**: - ส่งเสริม **ประชาธิปไตยทางตรง** เช่น การลงประชามติในประเด็นสำคัญ - ใช้แพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่อรับฟังความเห็นประชาชน (E-Participation) ### **สรุป** การเมืองไทยต้องการการปฏิรูปหลายด้าน ทั้งระบบเลือกตั้ง การลดอำนาจนอกระบบ การต่อต้านคอร์รัปชัน การกระจายอำนาจ และการส่งเสริมเสรีภาพ หากแก้ไขได้อย่างเป็นระบบ จะช่วยให้การเมืองไทยมีความมั่นคงและเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น คุณคิดว่าประเด็นไหนสำคัญที่สุดหรือควรเริ่มแก้ไขก่อน?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 563 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุติค้นหา ตึกใหม่ สตง. ถล่ม! ยืนยันตาย 7 ศพ สูญหาย 47 คน เปิดเบื้องหลังบริษัทยักษ์ใหญ่จีน ชิมลางสร้างตึกสูงในไทย แห่งแรกในต่างแดน ที่จบไม่สวย

    📌 เหตุการณ์สั่นสะเทือนวงการก่อสร้างไทย-จีน ที่สะท้อนความเสี่ยงระดับชาติ

    🏗️ แผ่นดินไหวแรงสะเทือนถึงใจ ตึกใหม่ สตง. ถล่มกลางกรุง! ในช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น... อาคารสำนักงานแห่งใหม่ของ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในย่านจตุจักร กรุงเทพฯ พังถล่มลงมาอย่างรุนแรง หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด ในประเทศเมียนมา ซึ่งแรงสั่นสะเทือนส่งผลมาถึงกรุงเทพฯ

    เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะเทือนชีวิตผู้คน มีผู้เสียชีวิตยืนยันแล้ว 7 ศพ สูญหาย 47 คน และมีผู้ติดอยู่ใต้ซากอาคาร 30 คน แต่ยังเป็น จุดจบของความหวังทางยุทธศาสตร์ ที่จะให้บริษัทจีนเข้ามาชิมลาง สร้างอาคารสูงพิเศษในไทย เป็นครั้งแรกในต่างแดน 🇹🇭🇨🇳

    📌 เมื่อช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ 8.2 แมกนิจูด ในประเทศเมียนมา ซึ่งมีศูนย์กลางลึกใต้ดินกว่า 90 กม. แม้จะห่างจากกรุงเทพฯ หลายร้อยกิโลเมตร แต่แรงสั่นสะเทือน สามารถรับรู้ได้ถึงกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 🌀

    จุดพังถล่มคือ อาคารสำนักงาน สตง. แห่งใหม่ บริเวณถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และเพิ่งสร้างโครงสร้างเสร็จไปได้เพียง 30% ของแผนงาน

    แม้อาคารจะยังไม่เปิดใช้งาน แต่ในขณะนั้นมีวิศวกร ช่างเทคนิค และคนงานกว่า 100 ชีวิต อยู่ภายใน เนื่องจากกำลังเร่งติดตั้งระบบภายใน เช่น ระบบไฟฟ้า น้ำ และระบบอาคารอัจฉริยะต่างๆ

    ⛑️ ทันทีหลังจากเหตุการณ์ถล่ม เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยหลายทีม ได้เข้าพื้นที่อย่างเร่งด่วน พร้อมอุปกรณ์ค้นหา และกู้ภัยทันสมัย เช่น กล้องจับความร้อน, โดรน, เครื่องตรวจจับเสียง ฯลฯ

    📉 ภาพรวมความเสียหาย และภารกิจค้นหาผู้รอดชีวิต
    🚨 สรุปสถานการณ์ ณ วันที่ 29 มีนาคม เวลา 05.00 น.
    - เสียชีวิตแล้ว 7 ศพ นำออกมาได้แล้ว 5 ศพ
    - ผู้รอดชีวิต 9 คน บาดเจ็บหลากหลายระดับ
    - ผู้ติดใต้ซาก 30 คน มีสัญญาณชีพ 15 คน
    - ผู้สูญหาย 47 คน
    - ยืนยันตัวตนแล้ว 85 คน

    การค้นหาแบ่งออกเป็น 4 โซน ได้แก่ A, B, C, D
    📍โซน A พบผู้มีสัญญาณชีพ 10 ราย
    📍โซน B พบผู้มีสัญญาณชีพ 2 ราย
    📍โซน D พบผู้มีสัญญาณชีพ 3 ราย

    การค้นหาต้องหยุดชั่วคราว เพื่อประเมินแผนใหม่ เนื่องจากโครงสร้างบางจุดยังไม่เสถียร เสี่ยงต่อเจ้าหน้าที่ค้นหาเองด้วย

    💬 “เรากำลังแข่งกับเวลา และแข่งกับซากปูนที่อาจถล่มซ้ำอีกทุกวินาที” หนึ่งในทีมกู้ภัยกล่าว

    🏢 โครงการก่อสร้างอาคาร สตง. เป้าหมายสู่อนาคตรัฐ อาคารสำนักงานแห่งใหม่นี้ ถูกวางเป้าหมายให้เป็น ศูนย์กลางการเงิน และการควบคุมงบประมาณของรัฐ โดยมีโครงสร้าง 30 ชั้น ความสูงรวม 137 เมตร รวมพื้นที่ก่อสร้างกว่า 96,000 ตารางเมตร

    👉 อาคารนี้ประกอบด้วย อาคารสำนักงานหลัก อาคารประชุม และอาคารจอดรถอัตโนมัติ

    โครงการเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2563 ด้วยงบประมาณ 2,136 ล้านบาท โดยผู้รับเหมาก่อสร้างหลัก คือ กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี และควบคุมงานโดยกลุ่มวิศวกร PKW โดยมีการลงนาม Integrity Pact กับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เพื่อความโปร่งใสในการจัดจ้าง

    🏗️ "ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10" บริษัทยักษ์จากจีนผู้หวังปักหมุดในไทย “China Railway No.10 Engineering Group” หรือ CRCC เป็นบริษัทลูกของกลุ่มรัฐวิสาหกิจจีน ที่มีชื่อเสียงด้านโครงสร้างพื้นฐาน

    โครงการ สตง. คือ โครงการอาคารสูงพิเศษแห่งแรกในต่างแดน ของบริษัทนี้ นำเทคโนโลยีล้ำสมัยจากจีนเข้ามาใช้เต็มที่ เช่น
    - ระบบ “แกนกลางรับแรง + พื้นไร้คาน”
    - เทคนิคแบบสไลด์คอนกรีต (Slip Form)
    - ระบบนั่งร้านปีนไต่อัตโนมัติ
    - ระบบติดตั้งไฟฟ้า แบบไม่ให้ท่อชนกันแม้แต่นิดเดียว

    👷 ทั้งหมดนี้แสดงถึงความพร้อมด้านวิศวกรรม และความหวังจะก้าวเข้าตลาดอาเซียนอย่างยิ่งใหญ่ แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น กลับกลายเป็นวิกฤตแห่งความเชื่อมั่น...

    🔍 ความเสียหายเชิงยุทธศาสตร์ ไม่ใช่แค่ตึกถล่ม แต่คือภาพลักษณ์ล่มสลาย ผลกระทบหลัก 3 ด้าน
    - ชีวิตคนงาน การสูญเสียชีวิต7 ศพ และผู้ติดอยู่ใต้ซากหลายสิบคน คือความสูญเสียที่ไม่มีเม็ดเงินใดทดแทนได้

    - ความเชื่อมั่นในบริษัทจีน โครงการนี้เคยเป็นความหวังว่าจะเป็น “โชว์เคสระดับอาเซียน” กลายเป็น “บทเรียนราคาแพง”

    - ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-จีน โครงการยุทธศาสตร์ไทย-จีนในอนาคตอาจถูกชะลอ ตรวจสอบมากขึ้น และถูกตั้งคำถามมากขึ้น

    🧑‍💼 การตอบสนองของหน่วยงานรัฐ เดินหน้าแก้ไข เร่งค้นหาความจริง
    – นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่พร้อมทีมวิศวกรกว่า 100 คน เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารทั่วกรุงเทพฯ ที่อาจได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว

    – นายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ในฐานะโฆษกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เร่งตรวจสอบคุณภาพโครงการ และประเมินความเสียหาย พร้อมยืนยัน จะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างโปร่งใส

    – นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กทม. รายงานสถานการณ์ค้นหาอย่างต่อเนื่อง พร้อมแบ่งโซนและใช้เทคโนโลยี ช่วยระบุตำแหน่งผู้ติดใต้ซาก

    ✅ จุดจบที่ไม่ควรเกิด กับความหวังที่ดับไปกลางซากอาคาร โศกนาฏกรรมครั้งนี้ เป็นจุดเตือนที่สะเทือนใจว่า การลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ และความร่วมมือระหว่างประเทศ ไม่อาจวัดด้วยเทคโนโลยี หรือเงินทุนเพียงอย่างเดียว ต้องอาศัย มาตรฐาน ความปลอดภัย และความโปร่งใสระดับสูงสุด

    หากสิ่งเหล่านี้ขาดหายไป... แม้จะเป็นโครงการที่ดูดีแค่ไหน ก็พร้อมจะพังถล่มลงมาในพริบตา 🕯️

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 291100 มี.ค. 2568

    🔖#ตึกสตงถล่ม #CRCCไทย #ไชน่าเรลเวย์10 #ข่าวด่วน #แผ่นดินไหว #อาคารสูงพิเศษ #ก่อสร้างไทยจีน #ข่าวโศกนาฏกรรม #ตึกถล่ม #ไทยจีน
    ยุติค้นหา ตึกใหม่ สตง. ถล่ม! ยืนยันตาย 7 ศพ สูญหาย 47 คน เปิดเบื้องหลังบริษัทยักษ์ใหญ่จีน ชิมลางสร้างตึกสูงในไทย แห่งแรกในต่างแดน ที่จบไม่สวย 📌 เหตุการณ์สั่นสะเทือนวงการก่อสร้างไทย-จีน ที่สะท้อนความเสี่ยงระดับชาติ 🏗️ แผ่นดินไหวแรงสะเทือนถึงใจ ตึกใหม่ สตง. ถล่มกลางกรุง! ในช่วงบ่ายวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เหตุการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิดก็เกิดขึ้น... อาคารสำนักงานแห่งใหม่ของ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ที่กำลังก่อสร้างอยู่ในย่านจตุจักร กรุงเทพฯ พังถล่มลงมาอย่างรุนแรง หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 8.2 แมกนิจูด ในประเทศเมียนมา ซึ่งแรงสั่นสะเทือนส่งผลมาถึงกรุงเทพฯ เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่เพียงแต่สะเทือนชีวิตผู้คน มีผู้เสียชีวิตยืนยันแล้ว 7 ศพ สูญหาย 47 คน และมีผู้ติดอยู่ใต้ซากอาคาร 30 คน แต่ยังเป็น จุดจบของความหวังทางยุทธศาสตร์ ที่จะให้บริษัทจีนเข้ามาชิมลาง สร้างอาคารสูงพิเศษในไทย เป็นครั้งแรกในต่างแดน 🇹🇭🇨🇳 📌 เมื่อช่วงบ่ายของวันศุกร์ที่ 28 มีนาคม พ.ศ. 2568 เกิดแผ่นดินไหวขนาดใหญ่ 8.2 แมกนิจูด ในประเทศเมียนมา ซึ่งมีศูนย์กลางลึกใต้ดินกว่า 90 กม. แม้จะห่างจากกรุงเทพฯ หลายร้อยกิโลเมตร แต่แรงสั่นสะเทือน สามารถรับรู้ได้ถึงกรุงเทพมหานคร และปริมณฑล 🌀 จุดพังถล่มคือ อาคารสำนักงาน สตง. แห่งใหม่ บริเวณถนนกำแพงเพชร 2 เขตจตุจักร ซึ่งอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และเพิ่งสร้างโครงสร้างเสร็จไปได้เพียง 30% ของแผนงาน แม้อาคารจะยังไม่เปิดใช้งาน แต่ในขณะนั้นมีวิศวกร ช่างเทคนิค และคนงานกว่า 100 ชีวิต อยู่ภายใน เนื่องจากกำลังเร่งติดตั้งระบบภายใน เช่น ระบบไฟฟ้า น้ำ และระบบอาคารอัจฉริยะต่างๆ ⛑️ ทันทีหลังจากเหตุการณ์ถล่ม เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยหลายทีม ได้เข้าพื้นที่อย่างเร่งด่วน พร้อมอุปกรณ์ค้นหา และกู้ภัยทันสมัย เช่น กล้องจับความร้อน, โดรน, เครื่องตรวจจับเสียง ฯลฯ 📉 ภาพรวมความเสียหาย และภารกิจค้นหาผู้รอดชีวิต 🚨 สรุปสถานการณ์ ณ วันที่ 29 มีนาคม เวลา 05.00 น. - เสียชีวิตแล้ว 7 ศพ นำออกมาได้แล้ว 5 ศพ - ผู้รอดชีวิต 9 คน บาดเจ็บหลากหลายระดับ - ผู้ติดใต้ซาก 30 คน มีสัญญาณชีพ 15 คน - ผู้สูญหาย 47 คน - ยืนยันตัวตนแล้ว 85 คน การค้นหาแบ่งออกเป็น 4 โซน ได้แก่ A, B, C, D 📍โซน A พบผู้มีสัญญาณชีพ 10 ราย 📍โซน B พบผู้มีสัญญาณชีพ 2 ราย 📍โซน D พบผู้มีสัญญาณชีพ 3 ราย การค้นหาต้องหยุดชั่วคราว เพื่อประเมินแผนใหม่ เนื่องจากโครงสร้างบางจุดยังไม่เสถียร เสี่ยงต่อเจ้าหน้าที่ค้นหาเองด้วย 💬 “เรากำลังแข่งกับเวลา และแข่งกับซากปูนที่อาจถล่มซ้ำอีกทุกวินาที” หนึ่งในทีมกู้ภัยกล่าว 🏢 โครงการก่อสร้างอาคาร สตง. เป้าหมายสู่อนาคตรัฐ อาคารสำนักงานแห่งใหม่นี้ ถูกวางเป้าหมายให้เป็น ศูนย์กลางการเงิน และการควบคุมงบประมาณของรัฐ โดยมีโครงสร้าง 30 ชั้น ความสูงรวม 137 เมตร รวมพื้นที่ก่อสร้างกว่า 96,000 ตารางเมตร 👉 อาคารนี้ประกอบด้วย อาคารสำนักงานหลัก อาคารประชุม และอาคารจอดรถอัตโนมัติ โครงการเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2563 ด้วยงบประมาณ 2,136 ล้านบาท โดยผู้รับเหมาก่อสร้างหลัก คือ กิจการร่วมค้า ไอทีดี-ซีอาร์อีซี และควบคุมงานโดยกลุ่มวิศวกร PKW โดยมีการลงนาม Integrity Pact กับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เพื่อความโปร่งใสในการจัดจ้าง 🏗️ "ไชน่า เรลเวย์ นัมเบอร์ 10" บริษัทยักษ์จากจีนผู้หวังปักหมุดในไทย “China Railway No.10 Engineering Group” หรือ CRCC เป็นบริษัทลูกของกลุ่มรัฐวิสาหกิจจีน ที่มีชื่อเสียงด้านโครงสร้างพื้นฐาน โครงการ สตง. คือ โครงการอาคารสูงพิเศษแห่งแรกในต่างแดน ของบริษัทนี้ นำเทคโนโลยีล้ำสมัยจากจีนเข้ามาใช้เต็มที่ เช่น - ระบบ “แกนกลางรับแรง + พื้นไร้คาน” - เทคนิคแบบสไลด์คอนกรีต (Slip Form) - ระบบนั่งร้านปีนไต่อัตโนมัติ - ระบบติดตั้งไฟฟ้า แบบไม่ให้ท่อชนกันแม้แต่นิดเดียว 👷 ทั้งหมดนี้แสดงถึงความพร้อมด้านวิศวกรรม และความหวังจะก้าวเข้าตลาดอาเซียนอย่างยิ่งใหญ่ แต่ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้น กลับกลายเป็นวิกฤตแห่งความเชื่อมั่น... 🔍 ความเสียหายเชิงยุทธศาสตร์ ไม่ใช่แค่ตึกถล่ม แต่คือภาพลักษณ์ล่มสลาย ผลกระทบหลัก 3 ด้าน - ชีวิตคนงาน การสูญเสียชีวิต7 ศพ และผู้ติดอยู่ใต้ซากหลายสิบคน คือความสูญเสียที่ไม่มีเม็ดเงินใดทดแทนได้ - ความเชื่อมั่นในบริษัทจีน โครงการนี้เคยเป็นความหวังว่าจะเป็น “โชว์เคสระดับอาเซียน” กลายเป็น “บทเรียนราคาแพง” - ผลกระทบต่อความสัมพันธ์ไทย-จีน โครงการยุทธศาสตร์ไทย-จีนในอนาคตอาจถูกชะลอ ตรวจสอบมากขึ้น และถูกตั้งคำถามมากขึ้น 🧑‍💼 การตอบสนองของหน่วยงานรัฐ เดินหน้าแก้ไข เร่งค้นหาความจริง – นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. ลงพื้นที่พร้อมทีมวิศวกรกว่า 100 คน เพื่อตรวจสอบความปลอดภัยของอาคารทั่วกรุงเทพฯ ที่อาจได้รับผลกระทบจากแผ่นดินไหว – นายสุทธิพงษ์ บุญนิธิ รองผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ในฐานะโฆษกสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน เร่งตรวจสอบคุณภาพโครงการ และประเมินความเสียหาย พร้อมยืนยัน จะเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอย่างโปร่งใส – นายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กทม. รายงานสถานการณ์ค้นหาอย่างต่อเนื่อง พร้อมแบ่งโซนและใช้เทคโนโลยี ช่วยระบุตำแหน่งผู้ติดใต้ซาก ✅ จุดจบที่ไม่ควรเกิด กับความหวังที่ดับไปกลางซากอาคาร โศกนาฏกรรมครั้งนี้ เป็นจุดเตือนที่สะเทือนใจว่า การลงทุนเชิงยุทธศาสตร์ และความร่วมมือระหว่างประเทศ ไม่อาจวัดด้วยเทคโนโลยี หรือเงินทุนเพียงอย่างเดียว ต้องอาศัย มาตรฐาน ความปลอดภัย และความโปร่งใสระดับสูงสุด หากสิ่งเหล่านี้ขาดหายไป... แม้จะเป็นโครงการที่ดูดีแค่ไหน ก็พร้อมจะพังถล่มลงมาในพริบตา 🕯️ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 291100 มี.ค. 2568 🔖#ตึกสตงถล่ม #CRCCไทย #ไชน่าเรลเวย์10 #ข่าวด่วน #แผ่นดินไหว #อาคารสูงพิเศษ #ก่อสร้างไทยจีน #ข่าวโศกนาฏกรรม #ตึกถล่ม #ไทยจีน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 860 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพเหตุการณ์การประท้วงในตุรกีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วของประชาชนและนักศึกษามหาวิทยาลัยในเมืองหลวงตุรกี หลังจากรัฐบาลจับกุมนายเอเครม อิมาโมกลู (Ekrem Imamoglu) นายกเทศมนตรีเมืองอิสตันบูล ในข้อหาคอร์รัปชัน และให้ความช่วยเหลือกลุ่มก่อการร้าย

    การจับกุมนายอิมาโมกลู ครั้งนี้ถูกมองว่าเพื่อกำจัดคู่แข่งทางการเมืองที่แข็งแกร่งสุด ของ ปธน.เรเจป ไทยิพ แอร์โดอัน(Recep Tayyip Erdoğan) ซึ่งอีกไม่กี่วันที่จะถึง เขากำลังจะถูกประกาศให้เป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีตุรกีในนามพรรคประชาชนรีพับลิกัน (CHP)

    การจับกุมนายอิมาโมกลูมีขึ้นท่ามกลางการปราบปรามฝ่ายค้านทางการเมืองของตุรกีตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าเป็นความพยายามทางการเมืองที่จะปิดปากผู้เห็นต่างและทำลายโอกาสในการเลือกตั้ง
    ภาพเหตุการณ์การประท้วงในตุรกีที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วของประชาชนและนักศึกษามหาวิทยาลัยในเมืองหลวงตุรกี หลังจากรัฐบาลจับกุมนายเอเครม อิมาโมกลู (Ekrem Imamoglu) นายกเทศมนตรีเมืองอิสตันบูล ในข้อหาคอร์รัปชัน และให้ความช่วยเหลือกลุ่มก่อการร้าย การจับกุมนายอิมาโมกลู ครั้งนี้ถูกมองว่าเพื่อกำจัดคู่แข่งทางการเมืองที่แข็งแกร่งสุด ของ ปธน.เรเจป ไทยิพ แอร์โดอัน(Recep Tayyip Erdoğan) ซึ่งอีกไม่กี่วันที่จะถึง เขากำลังจะถูกประกาศให้เป็นผู้ท้าชิงตำแหน่งประธานาธิบดีตุรกีในนามพรรคประชาชนรีพับลิกัน (CHP) การจับกุมนายอิมาโมกลูมีขึ้นท่ามกลางการปราบปรามฝ่ายค้านทางการเมืองของตุรกีตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา ซึ่งถูกวิจารณ์ว่าเป็นความพยายามทางการเมืองที่จะปิดปากผู้เห็นต่างและทำลายโอกาสในการเลือกตั้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 373 มุมมอง 0 รีวิว
  • 5 มีนาคม “วันนักข่าว” กับบทบาทสื่อมวลชนในยุค AI เผยความจริง สิ่งลวงตา และการถ่วงดุลอำนาจ

    📅 วันที่ 5 มีนาคมของทุกปี ถือเป็น "วันนักข่าว" หรือ "วันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ" ในประเทศไทย ซึ่งเป็นวันสำคัญของวงการสื่อสารมวลชน โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากวันสถาปนา สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2498

    ปัจจุบัน บทบาทของนักข่าวและสื่อมวลชน กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในยุคดิจิทัล และเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) ที่ไร้พรมแดน ข้อมูลข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ทั้งข้อเท็จจริงและข่าวลวง (Fake News) บทบาทของสื่อ จึงไม่ใช่เพียงรายงานข่าวเท่านั้น แต่ต้องทำหน้าที่คัดกรอง ตรวจสอบ และถ่วงดุลอำนาจ เพื่อให้สังคมได้รับข้อมูลที่ถูกต้อ งและเป็นธรรม

    📖 ความเป็นมาของวันนักข่าว จุดกำเนิดของวันนักข่าวในไทย 🎙
    สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย ปัจจุบันคือ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นโดยนักข่าวรุ่นบุกเบิก 15 คน ที่รวมตัวกันที่ศาลานเรศวร ในสวนลุมพินี โดยมี นายชาญ สินศุข จากสยามนิกร เป็นประธานการประชุม

    🔹 ในอดีต หนังสือพิมพ์ไทยยึดถือธรรมเนียมว่า วันที่ 6 มีนาคม ของทุกปี จะเป็นวันหยุดงานของนักข่าว และจะไม่มีหนังสือพิมพ์วางจำหน่าย แต่เมื่อเวลาผ่านไป สังคมมีความต้องการบริโภคข่าวสารมากขึ้น ทำให้ต้องยุติธรรมเนียมนี้ไป

    🔹 ต่อมา ในปี พ.ศ. 2542 สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย ได้รวมตัวกับ สมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และกำหนดให้วันที่ 5 มีนาคม เป็นวันนักข่าว อย่างเป็นทางการจนถึงปัจจุบัน

    🎥 บทบาทสำคัญของนักข่าวในสังคมไทย นักข่าวไม่ได้เป็นเพียงผู้รายงานข่าว แต่ยังมีบทบาทสำคัญในหลายมิติของสังคม ตั้งแต่การเฝ้าระวังอำนาจ การเปิดโปงความจริง ไปจนถึงการสร้างความตระหนักรู้ และขับเคลื่อนสังคม

    🏛 เฝ้าระวังและตรวจสอบอำนาจ (Watchdog Journalism)
    ✅ นักข่าวทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐ ภาคเอกชน และองค์กรต่าง ๆ
    ✅ เปิดโปงการทุจริต คอร์รัปชัน และความไม่ชอบมาพากลในสังคม
    ✅ ปกป้องประชาชน จากการถูกเอารัดเอาเปรียบ

    📰 ให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการตัดสินใจของประชาชน
    ✅ รายงานข่าวสารด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม
    ✅ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาล การเลือกตั้ง และภัยพิบัติ
    ✅ ช่วยให้ประชาชนตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง บนพื้นฐานของข้อมูลที่น่าเชื่อถือ

    🚨 สร้างกระแส และกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงทางสังคม
    ✅ นำเสนอปัญหาสำคัญ เช่น ความเหลื่อมล้ำ สิทธิมนุษยชน และสิ่งแวดล้อม
    ✅ กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางนโยบาย และการแก้ไขปัญหา
    ✅ เป็นช่องทางในการเรียกร้องความเป็นธรรม ให้กับประชาชน

    🎤 เป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชน
    ✅ นำเสนอเรื่องราวของผู้ด้อยโอกาส และกลุ่มที่ถูกกดขี่
    ✅ ให้พื้นที่แก่ประชาชน ในการแสดงความคิดเห็น
    ✅ ช่วยให้เสียงของประชาชน ถูกได้ยินในเวทีสาธารณะ

    🔓 สนับสนุนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น
    ✅ สื่อมวลชนเป็นหัวใจของ ประชาธิปไตย
    ✅ หากปราศจากเสรีภาพทางสื่อ สังคมอาจถูกควบคุมโดยข้อมูลฝ่ายเดียว
    ✅ นักข่าวต้องกล้าหาญ และยืนหยัดในการรายงานความจริง

    🌍 ยุค AI กับความท้าทายของสื่อมวลชน
    🤖 AI และอัลกอริทึมเปลี่ยนโฉมวงการข่าว
    🔹 เทคโนโลยี AI ช่วยให้ ข่าวถูกสร้าง และกระจายได้รวดเร็วขึ้น
    🔹 แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ใช้อัลกอริทึมในการเลือกนำเสนอข่าว ที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้ แต่ อาจทำให้ข่าวสารถูกบิดเบือ นและเกิด Echo Chamber (ห้องเสียงสะท้อน)

    🚨 ข่าวปลอม (Fake News) และ Deepfake
    🔹 ข่าวปลอม และข้อมูลบิดเบือนแพร่กระจาย ในโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว
    🔹 เทคโนโลยี Deepfake ทำให้เกิดวิดีโอปลอม ที่เลียนแบบบุคคลจริงได้อย่างแนบเนียน
    🔹 นักข่าวต้องตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูล อย่างเข้มงวด

    💰 รายได้จากโฆษณาของสื่อดั้งเดิมลดลง
    🔹 หนังสือพิมพ์ และสื่อโทรทัศน์สูญเสียรายได้ ให้กับแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น Facebook, Google
    🔹 นักข่าวต้องปรับตัวไปสู่การสร้างรายได้ ผ่านช่องทางออนไลน์ และการสมัครสมาชิก (Subscription-Based Media)

    🏛 แรงกดดันจากอำนาจรัฐและกลุ่มทุน
    🔹 นักข่าวบางคนอาจถูกคุกคาม หากรายงานข่าวที่กระทบต่อผู้มีอำนาจ
    🔹 สื่อบางสำนัก อาจถูกควบคุมโดยกลุ่มทุน ทำให้เสรีภาพทางข่าวสารถูกจำกัด

    ✅ แนวทางในการพัฒนาวงการสื่อมวลชนไทย
    ✔ สร้างมาตรฐานทางจริยธรรม นักข่าวต้องรักษาความเป็นกลาง และความถูกต้องของข้อมูล
    ✔ ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเข้มงวด ป้องกันการแพร่กระจายของข่าวปลอม
    ✔ ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ เช่น AI ในการช่วยวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสาร
    ✔ พัฒนาทักษะนักข่าวให้ทันสมัย ให้สามารถปรับตัวเข้ากับแพลตฟอร์มดิจิทัล

    🎯 "นักข่าว" อาชีพที่ขับเคลื่อนความจริงและสังคมไทย
    👥 นักข่าวเป็นอาชีพที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสังคม
    📢 พวกเขาทำหน้าที่รายงานข้อเท็จจริง คัดกรองข่าวสาร และตรวจสอบอำนาจ
    🌍 ในยุค AI สื่อมวลชนต้องเผชิญกับ Fake News การคุกคามจากอำนาจรัฐ และความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี
    📌 อย่างไรก็ตาม จริยธรรม ความกล้าหาญ และการยึดมั่นในความจริง จะทำให้สื่อมวลชน ยังคงเป็นเสาหลักของประชาธิปไตย

    💡 "เพราะข่าวที่ดี ไม่ใช่แค่ข่าวที่เร็ว แต่ต้องเป็นข่าวที่ถูกต้อง"

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 051127 มี.ค. 2568

    🔖 #วันนักข่าว #นักข่าวไทย #สื่อมวลชน #FreedomOfPress #AIกับสื่อ #ข่าวปลอม #FakeNews #Deepfake #PressFreedom #MediaEthics
    5 มีนาคม “วันนักข่าว” กับบทบาทสื่อมวลชนในยุค AI เผยความจริง สิ่งลวงตา และการถ่วงดุลอำนาจ 📅 วันที่ 5 มีนาคมของทุกปี ถือเป็น "วันนักข่าว" หรือ "วันสื่อสารมวลชนแห่งชาติ" ในประเทศไทย ซึ่งเป็นวันสำคัญของวงการสื่อสารมวลชน โดยมีจุดเริ่มต้นมาจากวันสถาปนา สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 5 มีนาคม พ.ศ. 2498 ปัจจุบัน บทบาทของนักข่าวและสื่อมวลชน กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งใหญ่ในยุคดิจิทัล และเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence) ที่ไร้พรมแดน ข้อมูลข่าวสารแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ทั้งข้อเท็จจริงและข่าวลวง (Fake News) บทบาทของสื่อ จึงไม่ใช่เพียงรายงานข่าวเท่านั้น แต่ต้องทำหน้าที่คัดกรอง ตรวจสอบ และถ่วงดุลอำนาจ เพื่อให้สังคมได้รับข้อมูลที่ถูกต้อ งและเป็นธรรม 📖 ความเป็นมาของวันนักข่าว จุดกำเนิดของวันนักข่าวในไทย 🎙 สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย ปัจจุบันคือ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นโดยนักข่าวรุ่นบุกเบิก 15 คน ที่รวมตัวกันที่ศาลานเรศวร ในสวนลุมพินี โดยมี นายชาญ สินศุข จากสยามนิกร เป็นประธานการประชุม 🔹 ในอดีต หนังสือพิมพ์ไทยยึดถือธรรมเนียมว่า วันที่ 6 มีนาคม ของทุกปี จะเป็นวันหยุดงานของนักข่าว และจะไม่มีหนังสือพิมพ์วางจำหน่าย แต่เมื่อเวลาผ่านไป สังคมมีความต้องการบริโภคข่าวสารมากขึ้น ทำให้ต้องยุติธรรมเนียมนี้ไป 🔹 ต่อมา ในปี พ.ศ. 2542 สมาคมนักข่าวแห่งประเทศไทย ได้รวมตัวกับ สมาคมนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และกำหนดให้วันที่ 5 มีนาคม เป็นวันนักข่าว อย่างเป็นทางการจนถึงปัจจุบัน 🎥 บทบาทสำคัญของนักข่าวในสังคมไทย นักข่าวไม่ได้เป็นเพียงผู้รายงานข่าว แต่ยังมีบทบาทสำคัญในหลายมิติของสังคม ตั้งแต่การเฝ้าระวังอำนาจ การเปิดโปงความจริง ไปจนถึงการสร้างความตระหนักรู้ และขับเคลื่อนสังคม 🏛 เฝ้าระวังและตรวจสอบอำนาจ (Watchdog Journalism) ✅ นักข่าวทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐ ภาคเอกชน และองค์กรต่าง ๆ ✅ เปิดโปงการทุจริต คอร์รัปชัน และความไม่ชอบมาพากลในสังคม ✅ ปกป้องประชาชน จากการถูกเอารัดเอาเปรียบ 📰 ให้ข้อมูลที่จำเป็นต่อการตัดสินใจของประชาชน ✅ รายงานข่าวสารด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม ✅ ให้ข้อมูลเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาล การเลือกตั้ง และภัยพิบัติ ✅ ช่วยให้ประชาชนตัดสินใจได้อย่างถูกต้อง บนพื้นฐานของข้อมูลที่น่าเชื่อถือ 🚨 สร้างกระแส และกระตุ้นการเปลี่ยนแปลงทางสังคม ✅ นำเสนอปัญหาสำคัญ เช่น ความเหลื่อมล้ำ สิทธิมนุษยชน และสิ่งแวดล้อม ✅ กระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางนโยบาย และการแก้ไขปัญหา ✅ เป็นช่องทางในการเรียกร้องความเป็นธรรม ให้กับประชาชน 🎤 เป็นกระบอกเสียงให้กับประชาชน ✅ นำเสนอเรื่องราวของผู้ด้อยโอกาส และกลุ่มที่ถูกกดขี่ ✅ ให้พื้นที่แก่ประชาชน ในการแสดงความคิดเห็น ✅ ช่วยให้เสียงของประชาชน ถูกได้ยินในเวทีสาธารณะ 🔓 สนับสนุนเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ✅ สื่อมวลชนเป็นหัวใจของ ประชาธิปไตย ✅ หากปราศจากเสรีภาพทางสื่อ สังคมอาจถูกควบคุมโดยข้อมูลฝ่ายเดียว ✅ นักข่าวต้องกล้าหาญ และยืนหยัดในการรายงานความจริง 🌍 ยุค AI กับความท้าทายของสื่อมวลชน 🤖 AI และอัลกอริทึมเปลี่ยนโฉมวงการข่าว 🔹 เทคโนโลยี AI ช่วยให้ ข่าวถูกสร้าง และกระจายได้รวดเร็วขึ้น 🔹 แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ใช้อัลกอริทึมในการเลือกนำเสนอข่าว ที่ตรงกับความสนใจของผู้ใช้ แต่ อาจทำให้ข่าวสารถูกบิดเบือ นและเกิด Echo Chamber (ห้องเสียงสะท้อน) 🚨 ข่าวปลอม (Fake News) และ Deepfake 🔹 ข่าวปลอม และข้อมูลบิดเบือนแพร่กระจาย ในโซเชียลมีเดียอย่างรวดเร็ว 🔹 เทคโนโลยี Deepfake ทำให้เกิดวิดีโอปลอม ที่เลียนแบบบุคคลจริงได้อย่างแนบเนียน 🔹 นักข่าวต้องตรวจสอบแหล่งที่มาของข้อมูล อย่างเข้มงวด 💰 รายได้จากโฆษณาของสื่อดั้งเดิมลดลง 🔹 หนังสือพิมพ์ และสื่อโทรทัศน์สูญเสียรายได้ ให้กับแพลตฟอร์มดิจิทัล เช่น Facebook, Google 🔹 นักข่าวต้องปรับตัวไปสู่การสร้างรายได้ ผ่านช่องทางออนไลน์ และการสมัครสมาชิก (Subscription-Based Media) 🏛 แรงกดดันจากอำนาจรัฐและกลุ่มทุน 🔹 นักข่าวบางคนอาจถูกคุกคาม หากรายงานข่าวที่กระทบต่อผู้มีอำนาจ 🔹 สื่อบางสำนัก อาจถูกควบคุมโดยกลุ่มทุน ทำให้เสรีภาพทางข่าวสารถูกจำกัด ✅ แนวทางในการพัฒนาวงการสื่อมวลชนไทย ✔ สร้างมาตรฐานทางจริยธรรม นักข่าวต้องรักษาความเป็นกลาง และความถูกต้องของข้อมูล ✔ ตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างเข้มงวด ป้องกันการแพร่กระจายของข่าวปลอม ✔ ใช้เทคโนโลยีให้เกิดประโยชน์ เช่น AI ในการช่วยวิเคราะห์ข้อมูลข่าวสาร ✔ พัฒนาทักษะนักข่าวให้ทันสมัย ให้สามารถปรับตัวเข้ากับแพลตฟอร์มดิจิทัล 🎯 "นักข่าว" อาชีพที่ขับเคลื่อนความจริงและสังคมไทย 👥 นักข่าวเป็นอาชีพที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อสังคม 📢 พวกเขาทำหน้าที่รายงานข้อเท็จจริง คัดกรองข่าวสาร และตรวจสอบอำนาจ 🌍 ในยุค AI สื่อมวลชนต้องเผชิญกับ Fake News การคุกคามจากอำนาจรัฐ และความเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยี 📌 อย่างไรก็ตาม จริยธรรม ความกล้าหาญ และการยึดมั่นในความจริง จะทำให้สื่อมวลชน ยังคงเป็นเสาหลักของประชาธิปไตย 💡 "เพราะข่าวที่ดี ไม่ใช่แค่ข่าวที่เร็ว แต่ต้องเป็นข่าวที่ถูกต้อง" ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 051127 มี.ค. 2568 🔖 #วันนักข่าว #นักข่าวไทย #สื่อมวลชน #FreedomOfPress #AIกับสื่อ #ข่าวปลอม #FakeNews #Deepfake #PressFreedom #MediaEthics
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1050 มุมมอง 0 รีวิว
  • พวกคนดังฮอลลีวูดที่เดินทางเยือนยูเครน เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนประเทศแห่งนี้ ระหว่างความขัดแย้งกับรัสเซีย ไม่ได้ออกมาจากควาามรู้สึกเห็นอกเห็นใจ แต่เพราะว่าพวกเขาได้รับค่าจ้างหลายล้านดอลลาร์ จากการออกมาแฉของ วิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี เมื่อช่วงสุดสัปดาห์
    .
    ออร์บาน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ TV2 ของฮังการี เมื่อวันเสาร์ (1 มี.ค.) ว่า การเดินทางเยือนกรุงเคียฟ ของบรรดาดาราดังทั้งหลาย ได้รับค่าจ้างจากสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) กลไกหลักของวอชิงตัน สำหรับให้เงินอุดหนุนโครงการทางการเมืองต่างๆ ในต่างแดน
    .
    "มีคนได้รับเงินจากการแสดงออกของพวกเขา ผมกำลังพูดถึงพวกคนดังและดาราหนังทั้งหลาย พวกเขาได้รับเงินให้เดินทางไปยูเครน ดังนั้นพวกเขาไม่ได้ทำมันจากก้นบึ้งของหัวใจหรือรู้สึกเห็นอกเห็นใจชาวยูเครน จริงๆ แล้วบางทีพวกเขาอาจรู้สึกเช่นนั้น แต่ก็เพราะพวกเขาได้รับเงิน"
    .
    นายกรัฐมนตรีรายนี้กล่าวอ้างว่าเงินค่าจ้างที่มอบแก่เซเลบและดาราดังทั้งหลายนั้น คิดเป็นจำนวนหลายล้านยูโรหรือหลายล้านดอลลาร์ แต่เขาไม่ได้เอ่ยชื่อว่ามีใครบ้าง
    .
    ที่ผ่านมา แอนเจลีนา โจลี ฌอน เพนน์ เบน สติลเลอร์ และออร์ลันโด บลูม เป็นหนึ่งในบรรดาคนดังตะวันตก ที่เดินทางเยือนยูเครน นับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างเคียฟกับมอสโกลุกลามบานปลาย และลากยาวมานานกว่า 3 ปี
    .
    ในเดือนกุมภาพันธ์ มีรายงานปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ อ้างว่า โจลี ได้รับเงิน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับทริปเดินทางไปยังเมืองลวิว ในเดือนเมษายน 2022 ส่วน เพนน์ สติลเลอร์ และบลูม ได้รับเช็ค 5 ล้านดอลลาร์ 4 ล้านดอลลาร์ และ 8 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ จาก USAID
    .
    ย้อนกลับไปในตอนนั้น สติลเลอร์ ปฏิเสธคำกล่าวหา อ้างว่าเป็นคำโกหกจากสื่อมวลชนรัสเซีย นักแสดงรายนี้โพสต์ยืนยันบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ บอกว่าเขาเดินทางไปยังเคียฟด้วยเงินทุนของตนเอง ส่วนทนายความของ เพนน์ ระบะเช่นกันว่ารายงานข่าวที่อ้างว่าลูกความของเขาได้รับค่าจ้างจาก USAID ให้พบปะกับ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน นั้น "ไม่ถูกต้องโดยสิ้นเชิง ชี้นำผิดๆ และขาดการไตร่ตรอง"
    .
    ไม่นานหลังจากเข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ทำการกวาดล้าง USAID กล่าวหาหน่วยงานแห่งนี้ว่ามีการคอร์รัปชันอย่างกว้างขวางและไร้ประสิทธิภาพ เขาสั่งการให้ระงับเงินทุนที่ป้อนแก่ USAID เป็นเวลา 90 วัน และถ่ายโอนการกำกับดูแลโครงการต่างๆ ของหน่วยงานแห่งนี้ ให้ไปอยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงการต่างประเทศโดยตรง
    .
    ระหว่างการให้สัมภาษณ์ ทาง ออร์บาน ระบุว่ากิจกรรมต่างๆ ของ USAID ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา อาจเป็น "การคอร์รัปชันที่อื้อฉาวครั้งมโหฬารที่สุดในประวัติศาสตร์โลกตะวันตก"
    .
    "ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน เงินหลายพันหลายหมื่นล้านดอลลาร์ถูกโอนย้ายจากงบประมาณสหรัฐฯ เข้าสู่กองทุนต่างๆ และรูปแบบการสนับสนุนต่างๆ และจากนั้นก็ถูกจัดสรรไปทั่วโลก มอบให้คนที่มีความคิด จิตวิญญาณ โครงการและผลประโยชน์อย่างเจาะจง ตรงตามความต้องการของอเมริกา และพวกเขาได้รับเงินสำหรับสิ่งนั้น"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020425
    ..............
    Sondhi X
    พวกคนดังฮอลลีวูดที่เดินทางเยือนยูเครน เพื่อแสดงจุดยืนสนับสนุนประเทศแห่งนี้ ระหว่างความขัดแย้งกับรัสเซีย ไม่ได้ออกมาจากควาามรู้สึกเห็นอกเห็นใจ แต่เพราะว่าพวกเขาได้รับค่าจ้างหลายล้านดอลลาร์ จากการออกมาแฉของ วิคเตอร์ ออร์บาน นายกรัฐมนตรีฮังการี เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ . ออร์บาน ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ TV2 ของฮังการี เมื่อวันเสาร์ (1 มี.ค.) ว่า การเดินทางเยือนกรุงเคียฟ ของบรรดาดาราดังทั้งหลาย ได้รับค่าจ้างจากสำนักงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐฯ (USAID) กลไกหลักของวอชิงตัน สำหรับให้เงินอุดหนุนโครงการทางการเมืองต่างๆ ในต่างแดน . "มีคนได้รับเงินจากการแสดงออกของพวกเขา ผมกำลังพูดถึงพวกคนดังและดาราหนังทั้งหลาย พวกเขาได้รับเงินให้เดินทางไปยูเครน ดังนั้นพวกเขาไม่ได้ทำมันจากก้นบึ้งของหัวใจหรือรู้สึกเห็นอกเห็นใจชาวยูเครน จริงๆ แล้วบางทีพวกเขาอาจรู้สึกเช่นนั้น แต่ก็เพราะพวกเขาได้รับเงิน" . นายกรัฐมนตรีรายนี้กล่าวอ้างว่าเงินค่าจ้างที่มอบแก่เซเลบและดาราดังทั้งหลายนั้น คิดเป็นจำนวนหลายล้านยูโรหรือหลายล้านดอลลาร์ แต่เขาไม่ได้เอ่ยชื่อว่ามีใครบ้าง . ที่ผ่านมา แอนเจลีนา โจลี ฌอน เพนน์ เบน สติลเลอร์ และออร์ลันโด บลูม เป็นหนึ่งในบรรดาคนดังตะวันตก ที่เดินทางเยือนยูเครน นับตั้งแต่ความขัดแย้งระหว่างเคียฟกับมอสโกลุกลามบานปลาย และลากยาวมานานกว่า 3 ปี . ในเดือนกุมภาพันธ์ มีรายงานปรากฏบนสื่อสังคมออนไลน์ อ้างว่า โจลี ได้รับเงิน 20 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สำหรับทริปเดินทางไปยังเมืองลวิว ในเดือนเมษายน 2022 ส่วน เพนน์ สติลเลอร์ และบลูม ได้รับเช็ค 5 ล้านดอลลาร์ 4 ล้านดอลลาร์ และ 8 ล้านดอลลาร์ ตามลำดับ จาก USAID . ย้อนกลับไปในตอนนั้น สติลเลอร์ ปฏิเสธคำกล่าวหา อ้างว่าเป็นคำโกหกจากสื่อมวลชนรัสเซีย นักแสดงรายนี้โพสต์ยืนยันบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ บอกว่าเขาเดินทางไปยังเคียฟด้วยเงินทุนของตนเอง ส่วนทนายความของ เพนน์ ระบะเช่นกันว่ารายงานข่าวที่อ้างว่าลูกความของเขาได้รับค่าจ้างจาก USAID ให้พบปะกับ โวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน นั้น "ไม่ถูกต้องโดยสิ้นเชิง ชี้นำผิดๆ และขาดการไตร่ตรอง" . ไม่นานหลังจากเข้ารับตำแหน่ง ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ทำการกวาดล้าง USAID กล่าวหาหน่วยงานแห่งนี้ว่ามีการคอร์รัปชันอย่างกว้างขวางและไร้ประสิทธิภาพ เขาสั่งการให้ระงับเงินทุนที่ป้อนแก่ USAID เป็นเวลา 90 วัน และถ่ายโอนการกำกับดูแลโครงการต่างๆ ของหน่วยงานแห่งนี้ ให้ไปอยู่ภายใต้การควบคุมของกระทรวงการต่างประเทศโดยตรง . ระหว่างการให้สัมภาษณ์ ทาง ออร์บาน ระบุว่ากิจกรรมต่างๆ ของ USAID ในช่วงไม่กี่ทศวรรษที่ผ่านมา อาจเป็น "การคอร์รัปชันที่อื้อฉาวครั้งมโหฬารที่สุดในประวัติศาสตร์โลกตะวันตก" . "ผมไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน เงินหลายพันหลายหมื่นล้านดอลลาร์ถูกโอนย้ายจากงบประมาณสหรัฐฯ เข้าสู่กองทุนต่างๆ และรูปแบบการสนับสนุนต่างๆ และจากนั้นก็ถูกจัดสรรไปทั่วโลก มอบให้คนที่มีความคิด จิตวิญญาณ โครงการและผลประโยชน์อย่างเจาะจง ตรงตามความต้องการของอเมริกา และพวกเขาได้รับเงินสำหรับสิ่งนั้น" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000020425 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1514 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญานัดไต่สวนมูลฟ้อง “สนธิ” ฟ้องหมิ่น “ทนายจุ๊กกรู” ที่ประสงค์จะขอไกล่เกลี่ย แต่ไม่มาศาล อ้างติดภารกิจศาลอื่น จึงเลื่อนนัดไปไต่สวนมูลฟ้อง 16 มิ.ย.นี้ ด้านทนายความ “สนธิ” ยืนยันในชั้นนี้ไม่ไกล่เกลี่ยแน่นอน

    ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (24 ก.พ.) ที่ห้องพิจารณา 812 ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง คดีหมายเลขดำ อ.3618/2567 ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายงานสนธิทอล์ค เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเดชา กิตต์วิทยานันท์ (ทนายจุ๊กกรู) หรือ ทนายคลายทุกข์ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และมาตรา 332

    คดีนี้โจทก์ฟ้อง เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2567 ว่า โจทก์ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนมากว่า 50 ปี ยึดมั่นในหลักวิชาชีพและจรรยาบรรณของสื่อมวลชนมาโดยตลอด ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันมาทุกยุคทุกสมัย รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวมเป็นหลัก เกี่ยวกับคดีนี้ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ (อ้อย) ได้มาพบกับโจทก์และทีมงานข่าวบ้านพระอาทิตย์ เพื่อร้องเรียนพฤติกรรมของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ว่า ฉ้อโกงเงินจำนวน 71 ล้านบาท อีกทั้งเคยเป็นทนายความที่ปรึกษากฎหมายให้กับน.ส.จตุพร ดังกล่าว จนต่อมานายษิทราถูกตำรวจจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000018090

    #MGROnline #สนธิ #ฟ้องหมิ่น #ทนายจุ๊กกรู
    ศาลอาญานัดไต่สวนมูลฟ้อง “สนธิ” ฟ้องหมิ่น “ทนายจุ๊กกรู” ที่ประสงค์จะขอไกล่เกลี่ย แต่ไม่มาศาล อ้างติดภารกิจศาลอื่น จึงเลื่อนนัดไปไต่สวนมูลฟ้อง 16 มิ.ย.นี้ ด้านทนายความ “สนธิ” ยืนยันในชั้นนี้ไม่ไกล่เกลี่ยแน่นอน • ที่ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก วันนี้ (24 ก.พ.) ที่ห้องพิจารณา 812 ศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง คดีหมายเลขดำ อ.3618/2567 ที่นายสนธิ ลิ้มทองกุล ผู้ดำเนินรายงานสนธิทอล์ค เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายเดชา กิตต์วิทยานันท์ (ทนายจุ๊กกรู) หรือ ทนายคลายทุกข์ เป็นจำเลยในความผิดฐานหมิ่นประมาท ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326, 328 และมาตรา 332 • คดีนี้โจทก์ฟ้อง เมื่อวันที่ 12 ธ.ค. 2567 ว่า โจทก์ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชนมากว่า 50 ปี ยึดมั่นในหลักวิชาชีพและจรรยาบรรณของสื่อมวลชนมาโดยตลอด ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันมาทุกยุคทุกสมัย รักษาผลประโยชน์ของประเทศชาติและส่วนรวมเป็นหลัก เกี่ยวกับคดีนี้ น.ส.จตุพร อุบลเลิศ (อ้อย) ได้มาพบกับโจทก์และทีมงานข่าวบ้านพระอาทิตย์ เพื่อร้องเรียนพฤติกรรมของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือทนายตั้ม ว่า ฉ้อโกงเงินจำนวน 71 ล้านบาท อีกทั้งเคยเป็นทนายความที่ปรึกษากฎหมายให้กับน.ส.จตุพร ดังกล่าว จนต่อมานายษิทราถูกตำรวจจับกุมดำเนินคดีตามกฎหมาย • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/crime/detail/9680000018090 • #MGROnline #สนธิ #ฟ้องหมิ่น #ทนายจุ๊กกรู
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 796 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้พิพากษา คาร์ล นิโคลส์ ของรัฐบาลกลางเพิ่งมีคำสั่งเปิดทางให้รัฐบาลทรัมป์สามารถยุบองค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (United States Agency for International Development: USAID) ต่อไปได้


    เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ผู้พิพากษาได้ออกคำสั่งชั่วคราว เพื่อระงับแผนของทรัมป์ที่สั่งให้พนักงานของ USAID ราว 2,200 คน หยุดงานโดยยังได้รับค่าจ้าง จากการยื่นคำร้องคัดค้านฉุกเฉินของ สมาคมบริการต่างประเทศของอเมริกา (AFSA) และสหพันธ์พนักงานรัฐบาลอเมริกัน (AFGE) ซึ่งเป็นสองสหภาพที่เป็นตัวแทนของพนักงาน USAID เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่คำสั่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้

    USAID เป็นหน่วยงานหลักของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มีพนักงานประมาณ 10,000 คน โดย 2 ใน 3 ทำงานในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าสถานะของพนักงานที่เหลือจะเป็นอย่างไร หลังกระบวนการยุบหน่วยงานนี้เสร็จสิ้นลง

    ในปีงบประมาณ 2023 สหรัฐฯ ได้อนุมัติงบประมาณ 72,000 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือต่างประเทศ โดยมีตั้งแต่การส่งเสริมสุขภาพผู้หญิงในพื้นที่ขัดแย้งเรื่อยไปจนถึงการเข้าถึงน้ำสะอาด การรักษา HIV/AIDS ความมั่นคงทางพลังงาน และงานต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน

    ความช่วยเหลือของสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 42% ของความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมทั่วโลก ตามข้อมูลของสหประชาชาติในปี 2024

    ทรัมป์มองว่าการใช้งบประมาณของหน่วยงาน USAID เป็นการใช้เงินภาษีไม่คุ้มค่า โดย USAID เป็นหนึ่งในหน่วยงานรัฐบาลหลายแห่งที่รัฐบาลของเขากำลังพยายาม ลดงบประมาณ ตามแนวทางที่เคยประกาศไว้ในการหาเสียงว่าจะมีนโยบายปฏิรูปภาครัฐ
    ผู้พิพากษา คาร์ล นิโคลส์ ของรัฐบาลกลางเพิ่งมีคำสั่งเปิดทางให้รัฐบาลทรัมป์สามารถยุบองค์กรเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา (United States Agency for International Development: USAID) ต่อไปได้ เมื่อต้นเดือนกุมภาพันธ์ ผู้พิพากษาได้ออกคำสั่งชั่วคราว เพื่อระงับแผนของทรัมป์ที่สั่งให้พนักงานของ USAID ราว 2,200 คน หยุดงานโดยยังได้รับค่าจ้าง จากการยื่นคำร้องคัดค้านฉุกเฉินของ สมาคมบริการต่างประเทศของอเมริกา (AFSA) และสหพันธ์พนักงานรัฐบาลอเมริกัน (AFGE) ซึ่งเป็นสองสหภาพที่เป็นตัวแทนของพนักงาน USAID เพียงไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่คำสั่งจะเริ่มมีผลบังคับใช้ USAID เป็นหน่วยงานหลักของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ให้ความช่วยเหลือด้านการพัฒนาระหว่างประเทศ มีพนักงานประมาณ 10,000 คน โดย 2 ใน 3 ทำงานในต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ยังไม่ชัดเจนว่าสถานะของพนักงานที่เหลือจะเป็นอย่างไร หลังกระบวนการยุบหน่วยงานนี้เสร็จสิ้นลง ในปีงบประมาณ 2023 สหรัฐฯ ได้อนุมัติงบประมาณ 72,000 ล้านดอลลาร์เพื่อช่วยเหลือต่างประเทศ โดยมีตั้งแต่การส่งเสริมสุขภาพผู้หญิงในพื้นที่ขัดแย้งเรื่อยไปจนถึงการเข้าถึงน้ำสะอาด การรักษา HIV/AIDS ความมั่นคงทางพลังงาน และงานต่อต้านทุจริตคอร์รัปชัน ความช่วยเหลือของสหรัฐฯ คิดเป็นสัดส่วน 42% ของความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมทั่วโลก ตามข้อมูลของสหประชาชาติในปี 2024 ทรัมป์มองว่าการใช้งบประมาณของหน่วยงาน USAID เป็นการใช้เงินภาษีไม่คุ้มค่า โดย USAID เป็นหนึ่งในหน่วยงานรัฐบาลหลายแห่งที่รัฐบาลของเขากำลังพยายาม ลดงบประมาณ ตามแนวทางที่เคยประกาศไว้ในการหาเสียงว่าจะมีนโยบายปฏิรูปภาครัฐ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 458 มุมมอง 0 รีวิว
  • นโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นแนวทางสำคัญของรัฐบาลไทยในการลดปัญหาทุจริตและสร้างความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน โดยมีแนวทางหลักดังนี้

    1. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

    รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะยาว ซึ่งล่าสุดคือ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2565) และขยายต่อเนื่องในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพิ่มดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของไทย (Corruption Perceptions Index - CPI)

    2. กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561

    กำหนดอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

    บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน


    สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)

    เน้นการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานของรัฐ


    ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

    พิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง



    3. มาตรการเชิงรุก

    โครงการ "ไทยโปร่งใส" และ E-Government

    ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ

    ส่งเสริมระบบ e-Procurement (การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์)


    การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower Protection)

    มีกฎหมายคุ้มครองบุคคลที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต



    4. การเข้าร่วมองค์กรสากลและมาตรการนานาชาติ

    ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (UNCAC)

    มีความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เช่น Transparency International


    5. บทลงโทษและมาตรการป้องกัน

    โทษจำคุกและปรับสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ

    การริบทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริต

    การแบนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตออกจากโครงการของรัฐ


    ผลลัพธ์และความท้าทาย

    แม้ว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวด แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันในหลายระดับ โดยดัชนี CPI ของไทยในช่วงปีหลังยังคงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ

    หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันในไทย
    นโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นแนวทางสำคัญของรัฐบาลไทยในการลดปัญหาทุจริตและสร้างความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน โดยมีแนวทางหลักดังนี้ 1. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะยาว ซึ่งล่าสุดคือ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2565) และขยายต่อเนื่องในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพิ่มดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของไทย (Corruption Perceptions Index - CPI) 2. กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 กำหนดอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เน้นการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานของรัฐ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง 3. มาตรการเชิงรุก โครงการ "ไทยโปร่งใส" และ E-Government ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ ส่งเสริมระบบ e-Procurement (การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์) การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower Protection) มีกฎหมายคุ้มครองบุคคลที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต 4. การเข้าร่วมองค์กรสากลและมาตรการนานาชาติ ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (UNCAC) มีความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เช่น Transparency International 5. บทลงโทษและมาตรการป้องกัน โทษจำคุกและปรับสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ การริบทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริต การแบนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตออกจากโครงการของรัฐ ผลลัพธ์และความท้าทาย แม้ว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวด แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันในหลายระดับ โดยดัชนี CPI ของไทยในช่วงปีหลังยังคงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันในไทย
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 702 มุมมอง 0 รีวิว
  • นโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นแนวทางสำคัญของรัฐบาลไทยในการลดปัญหาทุจริตและสร้างความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน โดยมีแนวทางหลักดังนี้

    1. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต

    รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะยาว ซึ่งล่าสุดคือ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2565) และขยายต่อเนื่องในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพิ่มดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของไทย (Corruption Perceptions Index - CPI)

    2. กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

    พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561

    กำหนดอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

    บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน


    สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.)

    เน้นการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานของรัฐ


    ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง

    พิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง



    3. มาตรการเชิงรุก

    โครงการ "ไทยโปร่งใส" และ E-Government

    ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ

    ส่งเสริมระบบ e-Procurement (การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์)


    การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower Protection)

    มีกฎหมายคุ้มครองบุคคลที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต



    4. การเข้าร่วมองค์กรสากลและมาตรการนานาชาติ

    ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (UNCAC)

    มีความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เช่น Transparency International


    5. บทลงโทษและมาตรการป้องกัน

    โทษจำคุกและปรับสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ

    การริบทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริต

    การแบนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตออกจากโครงการของรัฐ


    ผลลัพธ์และความท้าทาย

    แม้ว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวด แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันในหลายระดับ โดยดัชนี CPI ของไทยในช่วงปีหลังยังคงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ

    หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันในไทย ผมสามารถค้นหาข้อมูลใหม่ให้ได้นะ

    นโยบายการปราบปรามคอร์รัปชันในประเทศไทยเป็นแนวทางสำคัญของรัฐบาลไทยในการลดปัญหาทุจริตและสร้างความโปร่งใสในภาครัฐและเอกชน โดยมีแนวทางหลักดังนี้ 1. ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต รัฐบาลได้กำหนดยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตระยะยาว ซึ่งล่าสุดคือ ยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต ฉบับที่ 3 (พ.ศ. 2560 - 2565) และขยายต่อเนื่องในแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ โดยมีเป้าหมายเพิ่มดัชนีชี้วัดความโปร่งใสของไทย (Corruption Perceptions Index - CPI) 2. กฎหมายและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 กำหนดอำนาจของ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) บังคับให้เจ้าหน้าที่รัฐต้องยื่นบัญชีทรัพย์สิน สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) เน้นการตรวจสอบและปราบปรามการทุจริตในหน่วยงานของรัฐ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐระดับสูง 3. มาตรการเชิงรุก โครงการ "ไทยโปร่งใส" และ E-Government ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลเพื่อลดการใช้ดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่รัฐ ส่งเสริมระบบ e-Procurement (การจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐแบบอิเล็กทรอนิกส์) การคุ้มครองผู้แจ้งเบาะแส (Whistleblower Protection) มีกฎหมายคุ้มครองบุคคลที่เปิดเผยข้อมูลเกี่ยวกับการทุจริต 4. การเข้าร่วมองค์กรสากลและมาตรการนานาชาติ ประเทศไทยเป็นภาคีของ อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต (UNCAC) มีความร่วมมือกับองค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน เช่น Transparency International 5. บทลงโทษและมาตรการป้องกัน โทษจำคุกและปรับสำหรับเจ้าหน้าที่รัฐที่รับสินบนหรือใช้อำนาจโดยมิชอบ การริบทรัพย์สินที่ได้จากการทุจริต การแบนบริษัทที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตออกจากโครงการของรัฐ ผลลัพธ์และความท้าทาย แม้ว่าจะมีมาตรการที่เข้มงวด แต่ประเทศไทยยังคงเผชิญกับปัญหาคอร์รัปชันในหลายระดับ โดยดัชนี CPI ของไทยในช่วงปีหลังยังคงต่ำเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านบางประเทศ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสถานการณ์ล่าสุดของนโยบายปราบปรามคอร์รัปชันในไทย ผมสามารถค้นหาข้อมูลใหม่ให้ได้นะ
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 714 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกี่ยวกับคะแนนนิยม 57% ที่เซเลนสกีใช้ตอบโต้ทรัมป์ เป็นผลสำรวจที่จัดทำขึ้นโดย สถาบันสังคมวิทยานานาชาติ Kyiv หรือ KIIS ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก USAID และสำหรับการทำโพลครั้งนี้ เป็นดารจัดทำขึ้นโดย อันตอน ฮรูเชตสกี (Anton Hrushetskyi) ซึ่งเป็นชาวยูเครนที่มีแนวคิดคลั่งชาติอย่างมาก จึงเป็นไปได้สูงว่าผลสำรวจดังกล่าวไม่น่าเชื่อถือ


    ทางด้าน อีลอน มัสก์ ได้โพสต์ข้อความว่า :
    "น่าเสียดายที่ CommunityNotes ถูกแทรกแซงโดยรัฐบาลและสื่อกระแสหลักมากขึ้นเรื่อยๆ
    เรากำลังดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ มันควรจะเป็นเรื่องที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า โพลที่ควบคุมโดยเซเลนสกีเกี่ยวกับคะแนนนิยมของตัวเองนั้นไม่น่าเชื่อถืออย่างสิ้นเชิง!!

    ถ้าเซเลนสกีได้รับความรักจากประชาชนยูเครนจริง เขาคงจัดการเลือกตั้งไปแล้ว แต่เขารู้ดีว่าเขาจะแพ้อย่างย่อยยับ แม้จะเข้ายึดการควบคุมสื่อทั้งหมดของยูเครนไปแล้วก็ตาม ดังนั้นเขาจึงยกเลิกการเลือกตั้ง

    ความจริงก็คือ ประชาชนยูเครนรังเกียจเขา และนั่นคือเหตุผลที่เขาปฏิเสธที่จะจัดการเลือกตั้ง ผมท้าให้เซเลนสกีจัดการเลือกตั้งเพื่อพิสูจน์สิ่งนี้ แต่เขาจะไม่ทำ

    ประธานาธิบดีทรัมป์คิดถูกที่ไม่สนใจเขา และหาทางยุติสงครามโดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับระบบคอร์รัปชันขนาดมหึมาที่แสวงหาผลประโยชน์จากศพของทหารยูเครน"


    ข้อกล่าวอ้างว่าเซเลนสกีมีคะแนนนิยม 57% มาจากสถาบันสังคมวิทยานานาชาติ Kyiv (KIIS) ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก USAID สำหรับการทำโพล นอกจากนี้ สถาบันนี้ยังดำเนินการโดย อันตอน ฮรูเชตสกี (Anton Hrushetskyi) ซึ่งเป็นชาวยูเครนที่มีแนวคิดคลั่งชาติอย่างมาก จึงเป็นไปได้สูงว่าผลสำรวจดังกล่าวไม่น่าเชื่อถือ
    เกี่ยวกับคะแนนนิยม 57% ที่เซเลนสกีใช้ตอบโต้ทรัมป์ เป็นผลสำรวจที่จัดทำขึ้นโดย สถาบันสังคมวิทยานานาชาติ Kyiv หรือ KIIS ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก USAID และสำหรับการทำโพลครั้งนี้ เป็นดารจัดทำขึ้นโดย อันตอน ฮรูเชตสกี (Anton Hrushetskyi) ซึ่งเป็นชาวยูเครนที่มีแนวคิดคลั่งชาติอย่างมาก จึงเป็นไปได้สูงว่าผลสำรวจดังกล่าวไม่น่าเชื่อถือ ทางด้าน อีลอน มัสก์ ได้โพสต์ข้อความว่า : "น่าเสียดายที่ CommunityNotes ถูกแทรกแซงโดยรัฐบาลและสื่อกระแสหลักมากขึ้นเรื่อยๆ เรากำลังดำเนินการแก้ไขปัญหานี้ มันควรจะเป็นเรื่องที่ชัดเจนอยู่แล้วว่า โพลที่ควบคุมโดยเซเลนสกีเกี่ยวกับคะแนนนิยมของตัวเองนั้นไม่น่าเชื่อถืออย่างสิ้นเชิง!! ถ้าเซเลนสกีได้รับความรักจากประชาชนยูเครนจริง เขาคงจัดการเลือกตั้งไปแล้ว แต่เขารู้ดีว่าเขาจะแพ้อย่างย่อยยับ แม้จะเข้ายึดการควบคุมสื่อทั้งหมดของยูเครนไปแล้วก็ตาม ดังนั้นเขาจึงยกเลิกการเลือกตั้ง ความจริงก็คือ ประชาชนยูเครนรังเกียจเขา และนั่นคือเหตุผลที่เขาปฏิเสธที่จะจัดการเลือกตั้ง ผมท้าให้เซเลนสกีจัดการเลือกตั้งเพื่อพิสูจน์สิ่งนี้ แต่เขาจะไม่ทำ ประธานาธิบดีทรัมป์คิดถูกที่ไม่สนใจเขา และหาทางยุติสงครามโดยไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับระบบคอร์รัปชันขนาดมหึมาที่แสวงหาผลประโยชน์จากศพของทหารยูเครน" ข้อกล่าวอ้างว่าเซเลนสกีมีคะแนนนิยม 57% มาจากสถาบันสังคมวิทยานานาชาติ Kyiv (KIIS) ซึ่งได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก USAID สำหรับการทำโพล นอกจากนี้ สถาบันนี้ยังดำเนินการโดย อันตอน ฮรูเชตสกี (Anton Hrushetskyi) ซึ่งเป็นชาวยูเครนที่มีแนวคิดคลั่งชาติอย่างมาก จึงเป็นไปได้สูงว่าผลสำรวจดังกล่าวไม่น่าเชื่อถือ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 685 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทยมี ‘เศรษฐกิจนอกระบบ’ ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก คิดเป็นราว 45% ของ GDP ไทย: รู้หรือไม่ว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มี ‘เศรษฐกิจนอกระบบ’ ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก เมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนเศรษฐกิจกับ GDP ประเทศ ข้อมูลจาก KKP Research บอกว่า ‘เศรษฐกิจนอกระบบ’ ของไทยมีขนาดใหญ่ประมาณ 45% ของ GDP ประเทศ ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก

    ‘เศรษฐกิจนอกระบบ’ คือ กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ไม่ได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมไปถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ผิดกฎหมายด้วย ส่วนใหญ่มักไม่ได้มีการเสียภาษี ไม่ต้องมีการบันทึกบัญชี ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน ทำให้แรงงานมักไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายและไม่สามารถเข้าถึงสวัสดิการต่างๆ ได้ด้วย

    จริงๆ แล้ว ‘เศรษฐกิจนอกระบบ’ เป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจ และมีความสำคัญกับประเทศกำลังพัฒนา เพราะสามารถช่วยสร้างงาน-สร้างรายได้ ช่วยให้การเริ่มธุรกิจง่ายและยืดหยุ่นกว่า ถ้าพูดถึงเศรษฐกิจนอกระบบใกล้ตัวก็อย่างเช่นการทำเกษตร หาบเร่ แผงลอย ไปจนถึงการทำธุรกิจขนาดเล็กๆ ในครอบครัวหรือมีจำนวนลูกจ้างไม่กี่คน

    แต่ปัญหาที่เกิดจาก ‘เศรษฐกิจนอกระบบ’ ก็มีมากมาย ทั้งเพิ่มโอกาสให้แรงงานถูกเอารัดเอาเปรียบ ธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ยาก ธุรกิจที่อยู่ในระบบถูกเอาเปรียบ รัฐบาลเก็บภาษีได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย หรือหนักๆ อาจกลายเป็นต้นตอของการทุจริตคอร์รัปชัน และในบางกรณีที่เป็นธุรกิจผิดกฎหมายก็อาจจะนำไปสู่การฟอกเงินหรืออาชญากรรมอื่นๆ ขึ้นมาอีก

    ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับขนาดของ ‘เศรษฐกิจนอกระบบ’ ในแต่ละประเทศด้วยว่าเหมาะสมไหม

    ถ้าดูจากสถิติจะเห็นว่าประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีเศรษฐกิจนอกระบบในสัดส่วนที่ต่ำมาก เพราะสามารถเคลื่อนย้ายเศรษฐกิจนอกระบบเข้ามาไว้ในระบบได้สำเร็จ ส่งผลดีต่อการพัฒนาประเทศและคุณภาพชีวิตของคนในชาติโดยรวม

    แต่อย่างประเทศไทยที่มีเศรษฐกิจนอกระบบมากราวๆ 45% ของ GDP เป็นอันดับ 8 ของโลกนั้น ถือว่ามีเศรษฐกิจนอกระบบใหญ่มาก สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก และสูงกว่าเกือบทุกประเทศในเอเชีย

    โดยเมื่อคำนวณจาก GDP ไทยที่มีมูลค่าราวๆ 18 ล้านล้านบาทแล้ว จะพบว่าเศรษฐกิจนอกระบบไทยน่าจะมีมูลค่ามากถึง 8.1 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว

    ขนาดของเศรษฐกิจนอกระบบที่ใหญ่เกินไป นำมาสู่ปัญหาทางเศรษฐกิจในไทย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เกิดจากแรงงานนอกระบบที่มีมากถึง 50% ของแรงงานทั้งหมดไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนในระบบได้จน นำไปสู่การกู้นอกระบบสร้างวรจรหนี้ไม่รู้จบ ขยายช่องว่างความเหลื่อมล้ำ

    หรือปัญหาหลีกเลี่ยงภาษีของธุรกิจมากกว่า 2.4 ล้านรายในไทย ที่ทำให้รัฐเสียรายได้ภาษีจำนวนมหาศาล ขณะที่ธุรกิจเองก็เข้าถึงแหล่งเงินทุนไม่ได้เช่นกัน ข้อเสนอของภาคธุรกิจในระยะหลังจึงอยากให้รัฐบาลไทยนำเศรษฐกิจนอกระบบเข้ามาในระบบด้วยนโยบายที่เหมาะสมโดยเร็ว

    โดย Sirarom Techasriamornrat

    Source: Brandinside
    https://brandinside.asia/thailand-informal-economy-rank-8-in-the-world/
    ไทยมี ‘เศรษฐกิจนอกระบบ’ ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก คิดเป็นราว 45% ของ GDP ไทย: รู้หรือไม่ว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มี ‘เศรษฐกิจนอกระบบ’ ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก เมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนเศรษฐกิจกับ GDP ประเทศ ข้อมูลจาก KKP Research บอกว่า ‘เศรษฐกิจนอกระบบ’ ของไทยมีขนาดใหญ่ประมาณ 45% ของ GDP ประเทศ ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก ‘เศรษฐกิจนอกระบบ’ คือ กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ไม่ได้รับการจดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย รวมไปถึงกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่ผิดกฎหมายด้วย ส่วนใหญ่มักไม่ได้มีการเสียภาษี ไม่ต้องมีการบันทึกบัญชี ไม่จำเป็นต้องปฏิบัติตามกฎหมายแรงงาน ทำให้แรงงานมักไม่ได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายและไม่สามารถเข้าถึงสวัสดิการต่างๆ ได้ด้วย จริงๆ แล้ว ‘เศรษฐกิจนอกระบบ’ เป็นส่วนหนึ่งของระบบเศรษฐกิจ และมีความสำคัญกับประเทศกำลังพัฒนา เพราะสามารถช่วยสร้างงาน-สร้างรายได้ ช่วยให้การเริ่มธุรกิจง่ายและยืดหยุ่นกว่า ถ้าพูดถึงเศรษฐกิจนอกระบบใกล้ตัวก็อย่างเช่นการทำเกษตร หาบเร่ แผงลอย ไปจนถึงการทำธุรกิจขนาดเล็กๆ ในครอบครัวหรือมีจำนวนลูกจ้างไม่กี่คน แต่ปัญหาที่เกิดจาก ‘เศรษฐกิจนอกระบบ’ ก็มีมากมาย ทั้งเพิ่มโอกาสให้แรงงานถูกเอารัดเอาเปรียบ ธุรกิจเข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ยาก ธุรกิจที่อยู่ในระบบถูกเอาเปรียบ รัฐบาลเก็บภาษีได้ไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย หรือหนักๆ อาจกลายเป็นต้นตอของการทุจริตคอร์รัปชัน และในบางกรณีที่เป็นธุรกิจผิดกฎหมายก็อาจจะนำไปสู่การฟอกเงินหรืออาชญากรรมอื่นๆ ขึ้นมาอีก ดังนั้น จึงขึ้นอยู่กับขนาดของ ‘เศรษฐกิจนอกระบบ’ ในแต่ละประเทศด้วยว่าเหมาะสมไหม ถ้าดูจากสถิติจะเห็นว่าประเทศที่พัฒนาแล้วจะมีเศรษฐกิจนอกระบบในสัดส่วนที่ต่ำมาก เพราะสามารถเคลื่อนย้ายเศรษฐกิจนอกระบบเข้ามาไว้ในระบบได้สำเร็จ ส่งผลดีต่อการพัฒนาประเทศและคุณภาพชีวิตของคนในชาติโดยรวม แต่อย่างประเทศไทยที่มีเศรษฐกิจนอกระบบมากราวๆ 45% ของ GDP เป็นอันดับ 8 ของโลกนั้น ถือว่ามีเศรษฐกิจนอกระบบใหญ่มาก สูงกว่าค่าเฉลี่ยโลก และสูงกว่าเกือบทุกประเทศในเอเชีย โดยเมื่อคำนวณจาก GDP ไทยที่มีมูลค่าราวๆ 18 ล้านล้านบาทแล้ว จะพบว่าเศรษฐกิจนอกระบบไทยน่าจะมีมูลค่ามากถึง 8.1 ล้านล้านบาทเลยทีเดียว ขนาดของเศรษฐกิจนอกระบบที่ใหญ่เกินไป นำมาสู่ปัญหาทางเศรษฐกิจในไทย ไม่ว่าจะเป็นปัญหาหนี้ครัวเรือนที่เกิดจากแรงงานนอกระบบที่มีมากถึง 50% ของแรงงานทั้งหมดไม่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนในระบบได้จน นำไปสู่การกู้นอกระบบสร้างวรจรหนี้ไม่รู้จบ ขยายช่องว่างความเหลื่อมล้ำ หรือปัญหาหลีกเลี่ยงภาษีของธุรกิจมากกว่า 2.4 ล้านรายในไทย ที่ทำให้รัฐเสียรายได้ภาษีจำนวนมหาศาล ขณะที่ธุรกิจเองก็เข้าถึงแหล่งเงินทุนไม่ได้เช่นกัน ข้อเสนอของภาคธุรกิจในระยะหลังจึงอยากให้รัฐบาลไทยนำเศรษฐกิจนอกระบบเข้ามาในระบบด้วยนโยบายที่เหมาะสมโดยเร็ว โดย Sirarom Techasriamornrat Source: Brandinside https://brandinside.asia/thailand-informal-economy-rank-8-in-the-world/
    BRANDINSIDE.ASIA
    ไทยมี 'เศรษฐกิจนอกระบบ' ใหญ่เป็นอันดับ 8 ของโลก
    รู้หรือไม่ว่า ประเทศไทยเป็นหนึ่งในประเทศที่มี 'เศรษฐกิจนอกระบบ' ใหญ่เป็นอันดับต้นๆ ของโลก เมื่อเปรียบเทียบสัดส่วนเศรษฐกิจกับ GDP ประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 501 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ชัชชาติ' ย้ำหัวหน้าหน่วยงาน กทม. ทำงานด้วยความโปร่งใส กวดขันไม่ให้มีการทุจริตคอร์รัปชัน
    https://www.thai-tai.tv/news/17140/
    'ชัชชาติ' ย้ำหัวหน้าหน่วยงาน กทม. ทำงานด้วยความโปร่งใส กวดขันไม่ให้มีการทุจริตคอร์รัปชัน https://www.thai-tai.tv/news/17140/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 159 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุอเมริกาอาจแบกหนี้น้อยกว่าที่คิด และที่เป็นเช่นนั้นก็เพรามีการโกงที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงินของกระทรวงการคลัง ในความคิดเห็นที่บอกกับพวกผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน ระหว่างบินไปร่วมชมเกมซูเปอร์โบว์ล ในนิวออร์ลีนส์
    .
    ปัจจุบันตัวเลขหนี้สาธารณะของอเมริกาอยู่ที่ 36.2 ล้านล้านดอลลาร์ อ้างอิงข้อมูลจากกระทรงการคลังสหรัฐฯ ซึ่งรับบทบางกลางในระบบการเงินโลก
    .
    ทรัมป์ มอบหมายหน้าที่แก่มหาเศรษฐีอีลอน มัสก์ ภายใต้ความทะเยอทะยานยกเครื่องรัฐบาลกลาง ซึ่งโหมกระพือการประท้วงในวอชิงตัน และคำกล่าวหาต่างๆนานาว่ารัฐบาลของทรัมป์ กำลังละเมิดกฎหมาย
    .
    กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลของมัสก์ สร้างความวุ่นวายแก่ปฏิบัติการต่างๆของหน่วยงานรัฐบาลกลางหลายแห่ง และก่อความกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและความมั่นคง เนื่องจากกำลังเข้าถึงบันทึกที่อ่อนไหวเกี่ยวกับการชำระเงินและการใช้จ่ายต่างๆนานา
    .
    "เราทำแม้กระทั่ง กำลังตรวจสอบกระทรวงการคลัง" ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าวบนเที่ยวบินแอร์ฟอร์ซวันในวันอาทิตย์(9ก.พ.) "อาจมีปัญญา คุณได้อ่านข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ในเรื่องของกระทรวงการคลัง อาจมีประเด็นปัญหาที่น่าสนใจ"
    .
    ทรัมป์บอกต่อว่าในด้านกระทรวงการคลัง "อาจมีหลายๆอย่างที่ยังไม่ถูกพิจารณาตรวจสอบ หรือในอีกคำพูดหนึ่งก็คือ บางอย่างในนั้นที่เราค้นพบคือมีการฉ้อโกงกันมากมาย เพราะฉะนั้นเราอาจมีหนี้น้อยกว่าที่เราคิด"
    .
    ความคิดเห็นของทรัมป์ในวันอาทิตย์(9ก.พ.) เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการฉ้อโกงที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ก่อความถามว่าคณะทำงานของมัสก์ จะดำเนินการในรูปแบบใดในด้านการคลัง
    .
    ก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์(8ก.พ.) ผู้พิพากษากลางรายหนึ่งขัดขวางคณะทำงานของมัสก์ จากการเข้าถึงระบบของรัฐบาล ที่ใช้ในกระบวนการชำระหนี้ล้านล้านดอลลาร์ อ้างถึงความเสี่ยงข้อมูลที่อ่อนไหวอาจถูกเปิดเผยอย่างไม่เหมาะสม
    .
    หลังจากมีคำพิพากษา มัสก์เผยว่าทางกระทรวงการคลังและกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล เห็นพ้องกันกำหนดให้การชำระเงินของรัฐบาลที่กำลังดำเนินอยู่ทั้งหมด ต้องชี้แจงเหตุผลในรูปแบบของความเห็นรวมไว้ในนั้่นด้วย และจำเป็นต้องมีการจำแนกประเภท
    .
    "การฉ้อโกงและความสิ้นเปลืองทั้งหลายจะถูกขจัดออกไปแบบเรียลไทม์ รับประกันได้เลยว่าการคอร์รัปชันในปริมาณที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในหน่วยงานของรัฐหลายแห่งจะถูกเปิดโปง" มัสก์โพสต์ก่อนหน้านี้เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ บน X แพลตฟอร์มที่เขาเป็นเจ้าของ
    .
    การควบคุมระบบการชำระเงินของมัสก์ได้รับการอนุมัติจากสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ และผู้ที่ไม่โอนอ่อนผ่อนตามจะถูกกำจัด เช่นเจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งที่ถูกพักงานหลังจากปฏิเสธที่จะมอบสิทธิ์การเข้าถึงระบบให้กับมัสต์ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์
    .
    อย่างไรก็ตาม เบสเซนต์ บอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าคณะทำงานของมัสก์ จะเข้าถึงระบบการชำระเงินเพียงเฉพาะการดูเท่านั้น และการตัดสินใจใดๆเกี่ยวกับการหยุดชำระเงิน จะดำเนินการโดยหน่วยงานอื่นๆ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013149
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุอเมริกาอาจแบกหนี้น้อยกว่าที่คิด และที่เป็นเช่นนั้นก็เพรามีการโกงที่เกี่ยวข้องกับการชำระเงินของกระทรวงการคลัง ในความคิดเห็นที่บอกกับพวกผู้สื่อข่าวบนเครื่องบินแอร์ฟอร์ซวัน ระหว่างบินไปร่วมชมเกมซูเปอร์โบว์ล ในนิวออร์ลีนส์ . ปัจจุบันตัวเลขหนี้สาธารณะของอเมริกาอยู่ที่ 36.2 ล้านล้านดอลลาร์ อ้างอิงข้อมูลจากกระทรงการคลังสหรัฐฯ ซึ่งรับบทบางกลางในระบบการเงินโลก . ทรัมป์ มอบหมายหน้าที่แก่มหาเศรษฐีอีลอน มัสก์ ภายใต้ความทะเยอทะยานยกเครื่องรัฐบาลกลาง ซึ่งโหมกระพือการประท้วงในวอชิงตัน และคำกล่าวหาต่างๆนานาว่ารัฐบาลของทรัมป์ กำลังละเมิดกฎหมาย . กระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาลของมัสก์ สร้างความวุ่นวายแก่ปฏิบัติการต่างๆของหน่วยงานรัฐบาลกลางหลายแห่ง และก่อความกังวลด้านความเป็นส่วนตัวและความมั่นคง เนื่องจากกำลังเข้าถึงบันทึกที่อ่อนไหวเกี่ยวกับการชำระเงินและการใช้จ่ายต่างๆนานา . "เราทำแม้กระทั่ง กำลังตรวจสอบกระทรวงการคลัง" ทรัมป์บอกกับพวกผู้สื่อข่าวบนเที่ยวบินแอร์ฟอร์ซวันในวันอาทิตย์(9ก.พ.) "อาจมีปัญญา คุณได้อ่านข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้ว ในเรื่องของกระทรวงการคลัง อาจมีประเด็นปัญหาที่น่าสนใจ" . ทรัมป์บอกต่อว่าในด้านกระทรวงการคลัง "อาจมีหลายๆอย่างที่ยังไม่ถูกพิจารณาตรวจสอบ หรือในอีกคำพูดหนึ่งก็คือ บางอย่างในนั้นที่เราค้นพบคือมีการฉ้อโกงกันมากมาย เพราะฉะนั้นเราอาจมีหนี้น้อยกว่าที่เราคิด" . ความคิดเห็นของทรัมป์ในวันอาทิตย์(9ก.พ.) เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของการฉ้อโกงที่เกี่ยวข้องกับกระทรวงการคลังสหรัฐฯ ก่อความถามว่าคณะทำงานของมัสก์ จะดำเนินการในรูปแบบใดในด้านการคลัง . ก่อนหน้านี้เมื่อวันเสาร์(8ก.พ.) ผู้พิพากษากลางรายหนึ่งขัดขวางคณะทำงานของมัสก์ จากการเข้าถึงระบบของรัฐบาล ที่ใช้ในกระบวนการชำระหนี้ล้านล้านดอลลาร์ อ้างถึงความเสี่ยงข้อมูลที่อ่อนไหวอาจถูกเปิดเผยอย่างไม่เหมาะสม . หลังจากมีคำพิพากษา มัสก์เผยว่าทางกระทรวงการคลังและกระทรวงประสิทธิภาพรัฐบาล เห็นพ้องกันกำหนดให้การชำระเงินของรัฐบาลที่กำลังดำเนินอยู่ทั้งหมด ต้องชี้แจงเหตุผลในรูปแบบของความเห็นรวมไว้ในนั้่นด้วย และจำเป็นต้องมีการจำแนกประเภท . "การฉ้อโกงและความสิ้นเปลืองทั้งหลายจะถูกขจัดออกไปแบบเรียลไทม์ รับประกันได้เลยว่าการคอร์รัปชันในปริมาณที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในหน่วยงานของรัฐหลายแห่งจะถูกเปิดโปง" มัสก์โพสต์ก่อนหน้านี้เมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 กุมภาพันธ์ บน X แพลตฟอร์มที่เขาเป็นเจ้าของ . การควบคุมระบบการชำระเงินของมัสก์ได้รับการอนุมัติจากสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังคนใหม่ และผู้ที่ไม่โอนอ่อนผ่อนตามจะถูกกำจัด เช่นเจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่งที่ถูกพักงานหลังจากปฏิเสธที่จะมอบสิทธิ์การเข้าถึงระบบให้กับมัสต์ ตามรายงานของหนังสือพิมพ์วอชิงตันโพสต์ . อย่างไรก็ตาม เบสเซนต์ บอกเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ว่าคณะทำงานของมัสก์ จะเข้าถึงระบบการชำระเงินเพียงเฉพาะการดูเท่านั้น และการตัดสินใจใดๆเกี่ยวกับการหยุดชำระเงิน จะดำเนินการโดยหน่วยงานอื่นๆ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000013149 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    8
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1749 มุมมอง 0 รีวิว
  • อัยการเกาหลีใต้ สั่งฟ้อง ยุน ซ็อกยอล ประธานาธิบดีผู้ถูกถอดถอน ในข้อหาเป็นผู้นำในการก่อกบฏ ด้วยการประกาศกฎอัยการศึกที่มีผลบังคับใช้ช่วงสั้นๆ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม จากการเปิดเผยของทนายความของยุนและพรรคฝ่ายค้านหลัก
    .
    ทนายความของยุน วิพากษ์วิจารณ์การสั่งฟ้องครั้งนี้ว่า "เป็นตัวเลือกที่เลวร้าย" ที่ดำเนินการโดยสำนักงานอัยการ แต่ทางพรรคฝ่ายค้านหลักขานรับด้วยความยินดีต่อการตัดสินใจดังกล่าว
    .
    การสั่งฟ้องครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับประธานาธิบดีรายหนึ่งรายใดของเกาหลีใต้ และถ้าถูกตัดสินว่ามีความผิด ยุน อาจต้องเผชิญโทษจำคุกสำหรับการประกาศกฎอัยการศึกที่ก่อความตกตะลึงของเขา ในความพยายามหาทางห้ามกิจกรรมทางการเมืองและรัฐสภา รวมถึงควบคุมสื่อมวลชน
    .
    ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของเขา นำมาซึ่งความอลหม่านทางการเมืองในชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 4 ของเอเชีย และพันธมิตรหลักของสหรัฐฯ ในขณะที่นายกรัฐมนตรีก็ถูกถอดถอนเช่นกันและถูกพักอำนาจ นอกจากนี้แล้วยังเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงจำนวนหนึ่งถูกสั่งฟ้องจากบทบาทของพวกเขาในคำกล่าวหาก่อกบฏ
    .
    "ประกาศอัยการศึกฉุกเฉินของประธานาธิบดี เป็นคำวิงวอนที่สิ้นหวังที่มีถึงประชาชน ว่าวิกฤตระดับชาติหนึ่งๆ ที่ก่อโดยพวกฝ่ายค้าน กำลังหลุดจากการควบคุม" ทนายความของยุนระบุในถ้อยแถลง
    .
    สำนักงานอัยการยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็น แต่ข่าวคราวเกี่ยวกับการสั่งฟ้องถูกรายงานโดยสื่อมวลชนเกาหลีใต้เช่นกัน
    .
    ทีมสืบสวนต่อต้านคอร์รัปชัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เสนอให้ตั้งข้อหายุน ที่อยู่ภายใต้การคุมขัง หลังจากถูกถอดถอนโดยรัฐสภาและพักจากการทำหน้าที่เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม
    .
    ยุน ซึ่งตัวเองเคยเป็นอัยการสูงสุด ถูกคุมขังเดี่ยวอยู่ที่ทัณฑสถาน ชานกรุงโซล มาตั้งแต่กลายเป็นประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่ง คนแรกที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 15 มกราคม การจับกุมที่มีขึ้นตามหลังหลายวันของการขัดขืน และการเผชิญหน้าติดอาวุธระหว่างทีมรักษาความปลอดภัยของเขากับเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่จับกุมตัว
    .
    เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลปฏิเสธอัยการถึง 2 รอบในคำร้องขอขยายเวลาควบคุมตัวเขาระหว่างการสืบสวนเพิ่มเติม แต่ด้วยคำสั่งฟ้อง อัยการจึงร้องขออีกครั้งให้คุมขังเขาต่อไป ตามรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่น
    .
    การก่อกบฏเป็นหนึ่งในข้อกล่าวหาทางอาญาไม่กี่ข้อกล่าวหา ที่ประธานาธิบดีเกาหลีใต้รายหนึ่งๆ ไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง และมันมีบทลงโทษหนักจำคุกตลอดชีวิตหรือถึงขั้นประหาร แม้เกาหลีใต้ไม่ได้ประหารชีวิตใครมานานหลายทศวรรษแล้วก็ตาม
    .
    "อัยการตัดสินใจสั่งฟ้องยุน ซ็อกยอล ผู้ซึ่งเผชิญข้อกล่าวหาเป็นหัวหน้าแก๊งก่อกบฏ" ฮัน มิน-ซู โฆษกพรรคเดโมแครต ปาร์ตี กล่าวระหว่างแถลงข่าว "เวลานี้การลงโทษหัวหน้าแก๊งก่อกบฏเริ่มต้นขึ้นได้เสียที"
    .
    ยุนและทนายความของเขา โต้แย้ง ณ ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระหว่างการพิจารณาการถอดถอน ว่าเขาไม่เคยมีความตั้งใจบังคับใช้อัยการศึกเต็มรูปแบบ แต่มีเจตนาใช้เป็นแค่มาตรการเตือนเพื่อทลายทางตันทางการเมืองเท่านั้น
    .
    ในความเคลื่อนไหวคู่ขนานกับกระบวนการทางอาญา ศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้ตัดสินรับรองการถอดถอนยุนพ้นจากตำแหน่ง หรือคืนอำนาจประธานาธิบดีแก่เขา โดยศาลมีเวลา 180 วัน สำหรับการตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว
    .
    รัฐสภาที่นำโดยฝ่ายค้านของเกาหลีใต้ ลงมติถอดถอน ยุน เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ส่งผลให้เขากลายเป็นประธานาธิบดีสายอนุรักษนิยมรายที่ 2 ของประเทศ ที่ถูกถอดถอนพ้นจากตำแหน่ง
    .
    ยุน ถอนประกาศอัยการศึกหลังจากบังคับใช้ไปราวๆ 6 ชั่วโมง หลังบรรดาสมาชิกรัฐสภา ที่เผชิญหน้ากับทหารในรัฐสภา ลงมติคว่ำประกาศดังกล่าว
    .
    ระหว่างการเผชิญหน้าอันน่าตกอกตกใจ ทหารพร้อมปืนไรเฟิล เสื้อกันกระสุนและยุทโธปกรณ์สำหรับปฏิบัติการตอนกลางคืน กำลังทุบบานกระจก ในความพยายามเข้าไปยังอาคารรัฐสภา
    .
    ทั้งนี้ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญรับรองการถอดถอน ยุน พ้นจากตำแหน่ง ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีจะถูกจัดขึ้นภายใน 60 วัน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008311
    ..............
    Sondhi X
    อัยการเกาหลีใต้ สั่งฟ้อง ยุน ซ็อกยอล ประธานาธิบดีผู้ถูกถอดถอน ในข้อหาเป็นผู้นำในการก่อกบฏ ด้วยการประกาศกฎอัยการศึกที่มีผลบังคับใช้ช่วงสั้นๆ เมื่อวันที่ 3 ธันวาคม จากการเปิดเผยของทนายความของยุนและพรรคฝ่ายค้านหลัก . ทนายความของยุน วิพากษ์วิจารณ์การสั่งฟ้องครั้งนี้ว่า "เป็นตัวเลือกที่เลวร้าย" ที่ดำเนินการโดยสำนักงานอัยการ แต่ทางพรรคฝ่ายค้านหลักขานรับด้วยความยินดีต่อการตัดสินใจดังกล่าว . การสั่งฟ้องครั้งนี้ถือเป็นสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนกับประธานาธิบดีรายหนึ่งรายใดของเกาหลีใต้ และถ้าถูกตัดสินว่ามีความผิด ยุน อาจต้องเผชิญโทษจำคุกสำหรับการประกาศกฎอัยการศึกที่ก่อความตกตะลึงของเขา ในความพยายามหาทางห้ามกิจกรรมทางการเมืองและรัฐสภา รวมถึงควบคุมสื่อมวลชน . ความเคลื่อนไหวดังกล่าวของเขา นำมาซึ่งความอลหม่านทางการเมืองในชาติเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดอันดับ 4 ของเอเชีย และพันธมิตรหลักของสหรัฐฯ ในขณะที่นายกรัฐมนตรีก็ถูกถอดถอนเช่นกันและถูกพักอำนาจ นอกจากนี้แล้วยังเจ้าหน้าที่ทหารระดับสูงจำนวนหนึ่งถูกสั่งฟ้องจากบทบาทของพวกเขาในคำกล่าวหาก่อกบฏ . "ประกาศอัยการศึกฉุกเฉินของประธานาธิบดี เป็นคำวิงวอนที่สิ้นหวังที่มีถึงประชาชน ว่าวิกฤตระดับชาติหนึ่งๆ ที่ก่อโดยพวกฝ่ายค้าน กำลังหลุดจากการควบคุม" ทนายความของยุนระบุในถ้อยแถลง . สำนักงานอัยการยังไม่ออกมาแสดงความคิดเห็น แต่ข่าวคราวเกี่ยวกับการสั่งฟ้องถูกรายงานโดยสื่อมวลชนเกาหลีใต้เช่นกัน . ทีมสืบสวนต่อต้านคอร์รัปชัน เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว เสนอให้ตั้งข้อหายุน ที่อยู่ภายใต้การคุมขัง หลังจากถูกถอดถอนโดยรัฐสภาและพักจากการทำหน้าที่เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม . ยุน ซึ่งตัวเองเคยเป็นอัยการสูงสุด ถูกคุมขังเดี่ยวอยู่ที่ทัณฑสถาน ชานกรุงโซล มาตั้งแต่กลายเป็นประธานาธิบดีที่อยู่ในตำแหน่ง คนแรกที่ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 15 มกราคม การจับกุมที่มีขึ้นตามหลังหลายวันของการขัดขืน และการเผชิญหน้าติดอาวุธระหว่างทีมรักษาความปลอดภัยของเขากับเจ้าหน้าที่ที่มีหน้าที่จับกุมตัว . เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ศาลปฏิเสธอัยการถึง 2 รอบในคำร้องขอขยายเวลาควบคุมตัวเขาระหว่างการสืบสวนเพิ่มเติม แต่ด้วยคำสั่งฟ้อง อัยการจึงร้องขออีกครั้งให้คุมขังเขาต่อไป ตามรายงานของสื่อมวลชนท้องถิ่น . การก่อกบฏเป็นหนึ่งในข้อกล่าวหาทางอาญาไม่กี่ข้อกล่าวหา ที่ประธานาธิบดีเกาหลีใต้รายหนึ่งๆ ไม่มีเอกสิทธิ์คุ้มครอง และมันมีบทลงโทษหนักจำคุกตลอดชีวิตหรือถึงขั้นประหาร แม้เกาหลีใต้ไม่ได้ประหารชีวิตใครมานานหลายทศวรรษแล้วก็ตาม . "อัยการตัดสินใจสั่งฟ้องยุน ซ็อกยอล ผู้ซึ่งเผชิญข้อกล่าวหาเป็นหัวหน้าแก๊งก่อกบฏ" ฮัน มิน-ซู โฆษกพรรคเดโมแครต ปาร์ตี กล่าวระหว่างแถลงข่าว "เวลานี้การลงโทษหัวหน้าแก๊งก่อกบฏเริ่มต้นขึ้นได้เสียที" . ยุนและทนายความของเขา โต้แย้ง ณ ศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ระหว่างการพิจารณาการถอดถอน ว่าเขาไม่เคยมีความตั้งใจบังคับใช้อัยการศึกเต็มรูปแบบ แต่มีเจตนาใช้เป็นแค่มาตรการเตือนเพื่อทลายทางตันทางการเมืองเท่านั้น . ในความเคลื่อนไหวคู่ขนานกับกระบวนการทางอาญา ศาลรัฐธรรมนูญจะเป็นผู้ตัดสินรับรองการถอดถอนยุนพ้นจากตำแหน่ง หรือคืนอำนาจประธานาธิบดีแก่เขา โดยศาลมีเวลา 180 วัน สำหรับการตัดสินใจในเรื่องดังกล่าว . รัฐสภาที่นำโดยฝ่ายค้านของเกาหลีใต้ ลงมติถอดถอน ยุน เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม ส่งผลให้เขากลายเป็นประธานาธิบดีสายอนุรักษนิยมรายที่ 2 ของประเทศ ที่ถูกถอดถอนพ้นจากตำแหน่ง . ยุน ถอนประกาศอัยการศึกหลังจากบังคับใช้ไปราวๆ 6 ชั่วโมง หลังบรรดาสมาชิกรัฐสภา ที่เผชิญหน้ากับทหารในรัฐสภา ลงมติคว่ำประกาศดังกล่าว . ระหว่างการเผชิญหน้าอันน่าตกอกตกใจ ทหารพร้อมปืนไรเฟิล เสื้อกันกระสุนและยุทโธปกรณ์สำหรับปฏิบัติการตอนกลางคืน กำลังทุบบานกระจก ในความพยายามเข้าไปยังอาคารรัฐสภา . ทั้งนี้ ถ้าศาลรัฐธรรมนูญรับรองการถอดถอน ยุน พ้นจากตำแหน่ง ศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีจะถูกจัดขึ้นภายใน 60 วัน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008311 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1560 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่โดนถอดถอน ยุน ซอกยอล ปรากฏตัวต่อหน้าศาลรัฐธรรมนูญโซลเป็นครั้งแรกวันอังคาร (21 ม.ค.) หลังเขาโดนถูกบุกจับเป็นครั้งที่ 2 และต้องถูกถ่ายรูปหน้าตรงขังเดี่ยวในเรือนจำกรุงโซล ขึ้นให้การปฏิเสธไม่ได้สั่งการทหารให้ลากตัวนักการเมืองเกาหลีใต้ออกนอกห้องประชุมกันไม่ให้รวมตัวโหวตยกเลิกกฎอัยการศึกอายุสั้นเมื่อเดือนที่แล้ว
    .
    เอเอฟพีรายงานวันอังคาร (21 ม.ค.) ว่า ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยุน ซอกยอล ขึ้นศาลเป็นครั้งแรกในวันอังคาร (21) เพื่อรอการตัดสินชี้ชะตาว่าเขาจะต้องโดนถอดถอนตามมติรัฐสภาหรือไม่ ท่ามกลางกลุ่มผู้สนับสนุนทั้งฝ่ายต้านและฝ่ายสนับสนุนจำนวนมากเดินทางมาที่ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้กลางกรุงโซล
    .
    ในการปรากฏตัวต่อหน้าศาล ยุนประกาศพร้อมให้ความร่วมมือต่อคณะผู้พิพากษา ทีมกฎหมายของยุนที่ได้เรียกพยาน 24 ปากรวมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องการเลือกตั้งได้เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่โดนถอดถอนต้องการปรากฏตัวต่อหน้าศาลด้วยตัวเองเพื่ออธิบายสถานการณ์วันเกิดเหตุ
    .
    ในศาลเขาได้ปฏิเสธต่อหน้าผู้พิพากษาว่า เขาไม่ได้สั่งการให้กองทัพลากตัวบรรดา ส.ส.เกาหลีใต้ออกไปจากสภาในวันเกิดเหตุเพื่อป้องกันไม่ให้ร่วมตัวเพื่อยกมือโหวตกฎอัยการศึก
    .
    เป็นการซักถามโดยผู้พิพากษาที่ตั้งคำถามประธานาธิบดียุนว่าได้ออกคำสั่ง “ผู้บัญชาการทหารระดับสูง” ให้ลากตัวนักการเมืองเกาหลีใต้ออกไปจากรัฐสภาหรือไม่เพื่อป้องกันการโหวตยกเลิกกฎอัยการศึุก และยุนตอบกลับมาว่า “ไม่” อ้างอิงจากรายงานของกระบวนการทางศาล
    .
    เอเอฟพีชี้ว่า หากว่าศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดรับรองการถอดถอนจะส่งผลทำให้ยุนต้องออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ไปอย่างถาวร และจะมีการจัดเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วันหลังจากนั้น
    .
    นักข่าวรายงานว่า ยุนขึ้นศาลครั้งแรกในชุดสูทไม่ใช่ชุดนักโทษที่เขาโดนสั่งให้ต้องสวมหลังจากเขาถูกจับกุมเป็นทางการวันอาทิตย์ (19)
    .
    และไม่นานหลังการไต่สวน สำนักงานสอบสวนคอร์รัปชันเกาหลีใต้ที่ได้สอบสวนการออกคำสั่งกฎอัยการศึกแถลงว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่สอบสวน 6 คนและอัยการ 1 คนมายังเรือนจำเพื่อสอบปากคำยุนที่ก่อนหน้าปฏิเสธจะตอบคำถามใดๆ
    .
    แต่กลับพบว่ารถตู้ที่นำตัวผู้นำโซลออกจากศาลไม่ได้ตรงกลับไปเรือนจำแต่ทว่าวิ่งไปยังโรงพยาบาลในกรุงโซลแทน
    กระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้แถลงว่า ประธานาธิบดียุนจะเข้ารับการรักษาหลังผลการตรวจร่างกายที่ออกมาวันก่อนหน้า
    .
    เอเอฟพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำเกาหลีใต้แถลงวันจันทร์ (20) ว่า ยุนต้องผ่านการถ่ายภาพหน้าตรง หรือ mug shot และการตรวจร่างกายตามปกติก่อนที่จะใช้เวลาคืนแรกในเรือนจำในฐานะผู้ต้องสงสัยคดีอาญา
    .
    ทั้งนี้ เขาถูกส่งเข้าห้องขังเดี่ยวขนาด 12 ตารางเมตรที่เรือนจำกรุงโซล (Seoul Detention Center) ใน Uiwang เมื่อวันอาทิตย์ (19) อ้างอิงจาก ชิน ยอง-เฮ (Shin Yong-hae) ผู้บัญชาการสำนักงานเรือนจำเกาหลีใต้ (Korea Correctional Service) ซึ่งเป็นขนาดห้องขังสำหรับนักโทษขังรวมราว 5-6 คน สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้รายงานว่า เป็นขนาดไล่เลี่ยกับเมื่อครั้งอดีตผู้นำแดนโสมโดนควบคุมตัว
    .
    เจ้าหน้าที่เรือนจำเปิดเผยว่า ภายในห้องขังมีโต๊ะเล็กๆ สำหรับรับประทานอาหารและอ่านหนังสือ ชั้นขนาดเล็ก อ่างล้างหน้า และห้องน้ำ และยังมีโทรทัศน์อีก 1 เครื่อง แต่ช่วงเวลาดูโทรทัศน์นั้นจำกัดมาก
    .
    ทั้งนี้ นักโทษจะได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกเป็นเวลา 1 ชม.ทุกวันเพื่อออกกำลังกาย และอาบน้ำได้สัปดาห์ละครั้ง แต่สื่อท้องถิ่นเกาหลีใต้รายงานว่า เจ้าหน้าที่พยายามป้องกันไม่ให้ยุนสามารถติดต่อสื่อสารกับนักโทษคนอื่น
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006610
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่โดนถอดถอน ยุน ซอกยอล ปรากฏตัวต่อหน้าศาลรัฐธรรมนูญโซลเป็นครั้งแรกวันอังคาร (21 ม.ค.) หลังเขาโดนถูกบุกจับเป็นครั้งที่ 2 และต้องถูกถ่ายรูปหน้าตรงขังเดี่ยวในเรือนจำกรุงโซล ขึ้นให้การปฏิเสธไม่ได้สั่งการทหารให้ลากตัวนักการเมืองเกาหลีใต้ออกนอกห้องประชุมกันไม่ให้รวมตัวโหวตยกเลิกกฎอัยการศึกอายุสั้นเมื่อเดือนที่แล้ว . เอเอฟพีรายงานวันอังคาร (21 ม.ค.) ว่า ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ยุน ซอกยอล ขึ้นศาลเป็นครั้งแรกในวันอังคาร (21) เพื่อรอการตัดสินชี้ชะตาว่าเขาจะต้องโดนถอดถอนตามมติรัฐสภาหรือไม่ ท่ามกลางกลุ่มผู้สนับสนุนทั้งฝ่ายต้านและฝ่ายสนับสนุนจำนวนมากเดินทางมาที่ศาลรัฐธรรมนูญเกาหลีใต้กลางกรุงโซล . ในการปรากฏตัวต่อหน้าศาล ยุนประกาศพร้อมให้ความร่วมมือต่อคณะผู้พิพากษา ทีมกฎหมายของยุนที่ได้เรียกพยาน 24 ปากรวมเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องการเลือกตั้งได้เปิดเผยว่า ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ที่โดนถอดถอนต้องการปรากฏตัวต่อหน้าศาลด้วยตัวเองเพื่ออธิบายสถานการณ์วันเกิดเหตุ . ในศาลเขาได้ปฏิเสธต่อหน้าผู้พิพากษาว่า เขาไม่ได้สั่งการให้กองทัพลากตัวบรรดา ส.ส.เกาหลีใต้ออกไปจากสภาในวันเกิดเหตุเพื่อป้องกันไม่ให้ร่วมตัวเพื่อยกมือโหวตกฎอัยการศึก . เป็นการซักถามโดยผู้พิพากษาที่ตั้งคำถามประธานาธิบดียุนว่าได้ออกคำสั่ง “ผู้บัญชาการทหารระดับสูง” ให้ลากตัวนักการเมืองเกาหลีใต้ออกไปจากรัฐสภาหรือไม่เพื่อป้องกันการโหวตยกเลิกกฎอัยการศึุก และยุนตอบกลับมาว่า “ไม่” อ้างอิงจากรายงานของกระบวนการทางศาล . เอเอฟพีชี้ว่า หากว่าศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาดรับรองการถอดถอนจะส่งผลทำให้ยุนต้องออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีเกาหลีใต้ไปอย่างถาวร และจะมีการจัดเลือกตั้งใหม่ภายใน 60 วันหลังจากนั้น . นักข่าวรายงานว่า ยุนขึ้นศาลครั้งแรกในชุดสูทไม่ใช่ชุดนักโทษที่เขาโดนสั่งให้ต้องสวมหลังจากเขาถูกจับกุมเป็นทางการวันอาทิตย์ (19) . และไม่นานหลังการไต่สวน สำนักงานสอบสวนคอร์รัปชันเกาหลีใต้ที่ได้สอบสวนการออกคำสั่งกฎอัยการศึกแถลงว่า ได้ส่งเจ้าหน้าที่สอบสวน 6 คนและอัยการ 1 คนมายังเรือนจำเพื่อสอบปากคำยุนที่ก่อนหน้าปฏิเสธจะตอบคำถามใดๆ . แต่กลับพบว่ารถตู้ที่นำตัวผู้นำโซลออกจากศาลไม่ได้ตรงกลับไปเรือนจำแต่ทว่าวิ่งไปยังโรงพยาบาลในกรุงโซลแทน กระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้แถลงว่า ประธานาธิบดียุนจะเข้ารับการรักษาหลังผลการตรวจร่างกายที่ออกมาวันก่อนหน้า . เอเอฟพีรายงานว่า เจ้าหน้าที่เรือนจำเกาหลีใต้แถลงวันจันทร์ (20) ว่า ยุนต้องผ่านการถ่ายภาพหน้าตรง หรือ mug shot และการตรวจร่างกายตามปกติก่อนที่จะใช้เวลาคืนแรกในเรือนจำในฐานะผู้ต้องสงสัยคดีอาญา . ทั้งนี้ เขาถูกส่งเข้าห้องขังเดี่ยวขนาด 12 ตารางเมตรที่เรือนจำกรุงโซล (Seoul Detention Center) ใน Uiwang เมื่อวันอาทิตย์ (19) อ้างอิงจาก ชิน ยอง-เฮ (Shin Yong-hae) ผู้บัญชาการสำนักงานเรือนจำเกาหลีใต้ (Korea Correctional Service) ซึ่งเป็นขนาดห้องขังสำหรับนักโทษขังรวมราว 5-6 คน สำนักข่าวยอนฮับของเกาหลีใต้รายงานว่า เป็นขนาดไล่เลี่ยกับเมื่อครั้งอดีตผู้นำแดนโสมโดนควบคุมตัว . เจ้าหน้าที่เรือนจำเปิดเผยว่า ภายในห้องขังมีโต๊ะเล็กๆ สำหรับรับประทานอาหารและอ่านหนังสือ ชั้นขนาดเล็ก อ่างล้างหน้า และห้องน้ำ และยังมีโทรทัศน์อีก 1 เครื่อง แต่ช่วงเวลาดูโทรทัศน์นั้นจำกัดมาก . ทั้งนี้ นักโทษจะได้รับอนุญาตให้ออกไปข้างนอกเป็นเวลา 1 ชม.ทุกวันเพื่อออกกำลังกาย และอาบน้ำได้สัปดาห์ละครั้ง แต่สื่อท้องถิ่นเกาหลีใต้รายงานว่า เจ้าหน้าที่พยายามป้องกันไม่ให้ยุนสามารถติดต่อสื่อสารกับนักโทษคนอื่น . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006610 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1918 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts