• พลโท บุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก และอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้แทน ผบ.ทบ. ลงพื้นที่ตรวจสภาพพื้นที่บริเวณปราสาทตาควาย และเนิน 350 อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ หลังทหารไทยสามารถควบคุมพื้นที่ได้ตามเป้าหมาย
    .
    การลงพื้นที่ครั้งนี้มีขึ้นเพื่อประเมินสภาพพื้นที่จริง หลังถูกใช้เป็นฐานที่มั่นในการสู้รบ พร้อมตรวจสอบความเรียบร้อยด้านความมั่นคง และติดตามผลการปฏิบัติการของกำลังพลในแนวหน้า
    .
    ในโอกาสนี้ พลโท บุญสิน ได้เชิดชูเกียรติและให้กำลังใจทหารกล้าที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง จนสามารถผลักดันฝ่ายตรงข้ามและยึดคืนพื้นที่ได้สำเร็จ พร้อมย้ำว่าความเสียสละของกำลังพลทุกนายจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การปกป้องอธิปไตยของชาติ
    .
    พลโท บุญสิน ยืนยันว่ากองทัพไทยจะดูแลและยืนเคียงข้างกำลังพลทุกคนอย่างเต็มที่ เพื่อรักษาความมั่นคงและอธิปไตยของประเทศอย่างต่อเนื่อง
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122735
    .
    #News1live #News1 #กองทัพบก #ปราสาทตาควาย #เนิน350 #อธิปไตยไทย
    พลโท บุญสิน พาดกลาง ที่ปรึกษาผู้บัญชาการทหารบก และอดีตแม่ทัพภาคที่ 2 ในฐานะผู้แทน ผบ.ทบ. ลงพื้นที่ตรวจสภาพพื้นที่บริเวณปราสาทตาควาย และเนิน 350 อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ หลังทหารไทยสามารถควบคุมพื้นที่ได้ตามเป้าหมาย . การลงพื้นที่ครั้งนี้มีขึ้นเพื่อประเมินสภาพพื้นที่จริง หลังถูกใช้เป็นฐานที่มั่นในการสู้รบ พร้อมตรวจสอบความเรียบร้อยด้านความมั่นคง และติดตามผลการปฏิบัติการของกำลังพลในแนวหน้า . ในโอกาสนี้ พลโท บุญสิน ได้เชิดชูเกียรติและให้กำลังใจทหารกล้าที่ปฏิบัติหน้าที่อย่างเข้มแข็ง จนสามารถผลักดันฝ่ายตรงข้ามและยึดคืนพื้นที่ได้สำเร็จ พร้อมย้ำว่าความเสียสละของกำลังพลทุกนายจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์การปกป้องอธิปไตยของชาติ . พลโท บุญสิน ยืนยันว่ากองทัพไทยจะดูแลและยืนเคียงข้างกำลังพลทุกคนอย่างเต็มที่ เพื่อรักษาความมั่นคงและอธิปไตยของประเทศอย่างต่อเนื่อง . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122735 . #News1live #News1 #กองทัพบก #ปราสาทตาควาย #เนิน350 #อธิปไตยไทย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพเรือเผยแพร่วิดีโอปฏิบัติการเครื่องบิน F-16 ของกองทัพอากาศไทย ยิงถล่มเป้าหมาย ก่อนกำลังนาวิกโยธินเข้าควบคุมและยึดคืนพื้นที่กาสิโนทมอดา และบ้านท่าเส้น ตำบลชำราก อำเภอเมือง จังหวัดตราด ได้สำเร็จ
    .
    พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวถูกฝ่ายกัมพูชาใช้เป็นฐานที่มั่นทางทหาร มีการเสริมกำลัง พลซุ่มยิง จุดควบคุมพื้นที่ และส่วนปฏิบัติการต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและอธิปไตยของประเทศไทย
    .
    การปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการบูรณาการกำลังร่วมระหว่างกองทัพเรือ โดยกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด กับกองทัพอากาศ ภายใต้แผนที่รัดกุมและคำนึงถึงความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชนเป็นสำคัญ
    .
    ผลการปฏิบัติการ ฝ่ายไทยสามารถยึดพื้นที่เป้าหมายได้โดยสมบูรณ์ ไม่มีการสูญเสียกำลังพลหรือผู้ได้รับบาดเจ็บ และสามารถตรวจยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ของฝ่ายตรงข้ามได้จำนวนหนึ่ง อยู่ระหว่างการตรวจสอบตามขั้นตอน
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122733
    .
    #News1live #News1 #กองทัพเรือ #นาวิกโยธิน #F16 #ตราด #สถานการณ์ชายแดน
    กองทัพเรือเผยแพร่วิดีโอปฏิบัติการเครื่องบิน F-16 ของกองทัพอากาศไทย ยิงถล่มเป้าหมาย ก่อนกำลังนาวิกโยธินเข้าควบคุมและยึดคืนพื้นที่กาสิโนทมอดา และบ้านท่าเส้น ตำบลชำราก อำเภอเมือง จังหวัดตราด ได้สำเร็จ . พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ ระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวถูกฝ่ายกัมพูชาใช้เป็นฐานที่มั่นทางทหาร มีการเสริมกำลัง พลซุ่มยิง จุดควบคุมพื้นที่ และส่วนปฏิบัติการต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ ส่งผลกระทบต่อความมั่นคงและอธิปไตยของประเทศไทย . การปฏิบัติการครั้งนี้เป็นการบูรณาการกำลังร่วมระหว่างกองทัพเรือ โดยกองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด กับกองทัพอากาศ ภายใต้แผนที่รัดกุมและคำนึงถึงความปลอดภัยของกำลังพลและประชาชนเป็นสำคัญ . ผลการปฏิบัติการ ฝ่ายไทยสามารถยึดพื้นที่เป้าหมายได้โดยสมบูรณ์ ไม่มีการสูญเสียกำลังพลหรือผู้ได้รับบาดเจ็บ และสามารถตรวจยึดอาวุธยุทโธปกรณ์ของฝ่ายตรงข้ามได้จำนวนหนึ่ง อยู่ระหว่างการตรวจสอบตามขั้นตอน . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122733 . #News1live #News1 #กองทัพเรือ #นาวิกโยธิน #F16 #ตราด #สถานการณ์ชายแดน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพไทยส่งสัญญาณไปยังชนชั้นนำของกัมพูชา ยืนยันจะเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารอย่างต่อเนื่อง และจะไม่ยุติการโจมตีจนกว่าฝ่ายกัมพูชาจะยอมรับเงื่อนไขทั้ง 3 ประการที่รัฐบาลไทยเสนอ เพื่อเปิดทางสู่การหยุดยิงและการเจรจาสันติภาพ
    .
    พลอากาศโท จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ แถลงที่ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ไทย–กัมพูชา ระบุว่า การปฏิบัติการทางทหารของไทยตั้งแต่เริ่มต้น มุ่งเป้าเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น โดยกรณีที่กัมพูชาอ้างว่าเป็นการโจมตีพื้นที่พลเรือนหรือสถานศึกษา เป็นข้อมูลบิดเบือนที่ไม่เป็นความจริง
    .
    โฆษกกองทัพอากาศยืนยันว่า เป้าหมายบางแห่ง เช่น กาสิโนร้าง ถูกใช้เป็นศูนย์บัญชาการทางทหารของฝ่ายกัมพูชา จึงจำเป็นต้องเข้าทำลายซ้ำ ขณะเดียวกันยังได้โจมตีสะพานโอจิก จังหวัดอุดรมีชัย ซึ่งเป็นเส้นทางลำเลียงกำลังพลและยุทโธปกรณ์ไปยังพื้นที่ปราสาทตาควายและเนิน 350 เพื่อริดรอนขีดความสามารถทางทหารของฝ่ายตรงข้าม
    .
    การโจมตีดังกล่าวใช้อาวุธที่มีความแม่นยำสูง มุ่งตัดเส้นทางสำหรับยานพาหนะทางทหาร โดยยังคงเปิดให้ประชาชนสามารถเดินเท้าหรือใช้รถจักรยานยนต์ข้ามได้ และหากตรวจพบว่ากัมพูชายังพยายามใช้เส้นทางดังกล่าวในการส่งกำลังบำรุง กองทัพไทยจะดำเนินการโจมตีซ้ำทันที
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122728
    .
    #News1live #News1 #กองทัพไทย #สถานการณ์ชายแดน #เนิน350 #ปราสาทตาควาย #ความมั่นคง
    กองทัพไทยส่งสัญญาณไปยังชนชั้นนำของกัมพูชา ยืนยันจะเดินหน้าปฏิบัติการทางทหารอย่างต่อเนื่อง และจะไม่ยุติการโจมตีจนกว่าฝ่ายกัมพูชาจะยอมรับเงื่อนไขทั้ง 3 ประการที่รัฐบาลไทยเสนอ เพื่อเปิดทางสู่การหยุดยิงและการเจรจาสันติภาพ . พลอากาศโท จักรกฤษณ์ ธรรมวิชัย โฆษกกองทัพอากาศ แถลงที่ศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ไทย–กัมพูชา ระบุว่า การปฏิบัติการทางทหารของไทยตั้งแต่เริ่มต้น มุ่งเป้าเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น โดยกรณีที่กัมพูชาอ้างว่าเป็นการโจมตีพื้นที่พลเรือนหรือสถานศึกษา เป็นข้อมูลบิดเบือนที่ไม่เป็นความจริง . โฆษกกองทัพอากาศยืนยันว่า เป้าหมายบางแห่ง เช่น กาสิโนร้าง ถูกใช้เป็นศูนย์บัญชาการทางทหารของฝ่ายกัมพูชา จึงจำเป็นต้องเข้าทำลายซ้ำ ขณะเดียวกันยังได้โจมตีสะพานโอจิก จังหวัดอุดรมีชัย ซึ่งเป็นเส้นทางลำเลียงกำลังพลและยุทโธปกรณ์ไปยังพื้นที่ปราสาทตาควายและเนิน 350 เพื่อริดรอนขีดความสามารถทางทหารของฝ่ายตรงข้าม . การโจมตีดังกล่าวใช้อาวุธที่มีความแม่นยำสูง มุ่งตัดเส้นทางสำหรับยานพาหนะทางทหาร โดยยังคงเปิดให้ประชาชนสามารถเดินเท้าหรือใช้รถจักรยานยนต์ข้ามได้ และหากตรวจพบว่ากัมพูชายังพยายามใช้เส้นทางดังกล่าวในการส่งกำลังบำรุง กองทัพไทยจะดำเนินการโจมตีซ้ำทันที . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122728 . #News1live #News1 #กองทัพไทย #สถานการณ์ชายแดน #เนิน350 #ปราสาทตาควาย #ความมั่นคง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 59 มุมมอง 0 รีวิว
  • มีรายงานเหตุปะทะในฝั่งกัมพูชา หลังเพจ Army Military Force เผยแพร่ภาพและวิดีโอ ระบุว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศไทย ปฏิบัติการโจมตีฐานที่มั่นและสนามเพลาะของทหารกัมพูชา ในพื้นที่สตึงกัด ตำบลทมอดา อำเภอเวียงเวล จังหวัดโพธิสัตว์
    .
    รายงานระบุว่า ปฏิบัติการเกิดขึ้นเมื่อเวลา 10.50 น. ของวันที่ 20 ธันวาคม โดยเป็นการโจมตีอย่างแม่นยำ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตทันที 18 นาย ตามข้อมูลที่อ้างจากมูลนิธิกู้ภัยสตึงกัดของกัมพูชา
    .
    เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนความตึงเครียดของสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งยังคงอยู่ระหว่างการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122614
    .
    #News1live #News1 #F16 #สถานการณ์ชายแดน #ไทยกัมพูชา #ความมั่นคง #ข่าวด่วน
    มีรายงานเหตุปะทะในฝั่งกัมพูชา หลังเพจ Army Military Force เผยแพร่ภาพและวิดีโอ ระบุว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศไทย ปฏิบัติการโจมตีฐานที่มั่นและสนามเพลาะของทหารกัมพูชา ในพื้นที่สตึงกัด ตำบลทมอดา อำเภอเวียงเวล จังหวัดโพธิสัตว์ . รายงานระบุว่า ปฏิบัติการเกิดขึ้นเมื่อเวลา 10.50 น. ของวันที่ 20 ธันวาคม โดยเป็นการโจมตีอย่างแม่นยำ ส่งผลให้มีทหารกัมพูชาเสียชีวิตทันที 18 นาย ตามข้อมูลที่อ้างจากมูลนิธิกู้ภัยสตึงกัดของกัมพูชา . เหตุการณ์ดังกล่าวสะท้อนความตึงเครียดของสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งยังคงอยู่ระหว่างการติดตามและประเมินสถานการณ์อย่างใกล้ชิด . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122614 . #News1live #News1 #F16 #สถานการณ์ชายแดน #ไทยกัมพูชา #ความมั่นคง #ข่าวด่วน
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 52 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองกำลังป้องกันชายแดนจังหวัดจันทบุรีและตราด เปิดปฏิบัติการ “ตราดปราบปรปักษ์” ประสานกองทัพอากาศ ใช้เครื่องบิน F-16 ปฏิบัติการโจมตีบ่อนกาสิโนในพื้นที่ตำบลทมอดา อำเภอเวียลเวง จังหวัดโพธิสัตว์ ประเทศกัมพูชา ส่งผลให้สิ่งปลูกสร้างได้รับความเสียหายอย่างหนัก
    .
    รายงานระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวถูกตรวจพบว่าเป็นที่ตั้งของฐานปืนใหญ่ขนาด 122 มิลลิเมตร ซึ่งเข้าข่ายเป็นเป้าหมายทางทหารตามสถานการณ์ความมั่นคงชายแดน
    .
    ภายหลังการปฏิบัติการ พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มสแกมเมอร์ที่อยู่ในพื้นที่ เร่งอพยพอุปกรณ์และหลบหนีออกจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122629
    .
    #News1live #News1 #F16 #โพธิสัตว์ #บ่อนกาสิโน #สแกมเมอร์ #สถานการณ์ชายแดน
    กองกำลังป้องกันชายแดนจังหวัดจันทบุรีและตราด เปิดปฏิบัติการ “ตราดปราบปรปักษ์” ประสานกองทัพอากาศ ใช้เครื่องบิน F-16 ปฏิบัติการโจมตีบ่อนกาสิโนในพื้นที่ตำบลทมอดา อำเภอเวียลเวง จังหวัดโพธิสัตว์ ประเทศกัมพูชา ส่งผลให้สิ่งปลูกสร้างได้รับความเสียหายอย่างหนัก . รายงานระบุว่า พื้นที่ดังกล่าวถูกตรวจพบว่าเป็นที่ตั้งของฐานปืนใหญ่ขนาด 122 มิลลิเมตร ซึ่งเข้าข่ายเป็นเป้าหมายทางทหารตามสถานการณ์ความมั่นคงชายแดน . ภายหลังการปฏิบัติการ พบความเคลื่อนไหวของกลุ่มสแกมเมอร์ที่อยู่ในพื้นที่ เร่งอพยพอุปกรณ์และหลบหนีออกจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122629 . #News1live #News1 #F16 #โพธิสัตว์ #บ่อนกาสิโน #สแกมเมอร์ #สถานการณ์ชายแดน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 50 มุมมอง 0 รีวิว
  • โฆษกกองทัพบกยืนยันความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ระบุว่า กองทัพภาคที่ 2 สามารถควบคุมพื้นที่บริเวณเนิน 350 และปราสาทตาควายได้แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการสถาปนาความมั่นคงในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง
    .
    รายงานดังกล่าวมีขึ้นเมื่อเวลา 13.00 น. ของวันที่ 20 ธันวาคม โดยฝ่ายไทยสามารถควบคุมพื้นที่ในเบื้องต้นได้สำเร็จ หลังการปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ดังกล่าว
    .
    พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้พบร่างกำลังพลที่เสียชีวิต 2 นาย ได้แก่ จ่าสิบเอก สำเริง คลังประโคน และ พลทหาร ภานุพัฒน์ เสาร์สา ขณะนี้อยู่ระหว่างการเคลื่อนย้ายร่างกลับยังพื้นที่ส่วนหลัง เพื่อนำกลับสู่ภูมิลำเนา
    .
    กองทัพบกระบุว่า จะมีการรายงานรายละเอียดเพิ่มเติมให้ทราบต่อไป
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122619
    .
    #News1live #News1 #เนิน350 #ปราสาทตาควาย #กองทัพบก #ทหารกล้า #สถานการณ์ชายแดน
    โฆษกกองทัพบกยืนยันความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา ระบุว่า กองทัพภาคที่ 2 สามารถควบคุมพื้นที่บริเวณเนิน 350 และปราสาทตาควายได้แล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างการสถาปนาความมั่นคงในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง . รายงานดังกล่าวมีขึ้นเมื่อเวลา 13.00 น. ของวันที่ 20 ธันวาคม โดยฝ่ายไทยสามารถควบคุมพื้นที่ในเบื้องต้นได้สำเร็จ หลังการปฏิบัติการทางทหารในพื้นที่ดังกล่าว . พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้พบร่างกำลังพลที่เสียชีวิต 2 นาย ได้แก่ จ่าสิบเอก สำเริง คลังประโคน และ พลทหาร ภานุพัฒน์ เสาร์สา ขณะนี้อยู่ระหว่างการเคลื่อนย้ายร่างกลับยังพื้นที่ส่วนหลัง เพื่อนำกลับสู่ภูมิลำเนา . กองทัพบกระบุว่า จะมีการรายงานรายละเอียดเพิ่มเติมให้ทราบต่อไป . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122619 . #News1live #News1 #เนิน350 #ปราสาทตาควาย #กองทัพบก #ทหารกล้า #สถานการณ์ชายแดน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 56 มุมมอง 0 รีวิว
  • กฎเดินทางใหม่สหรัฐฯ อาจบังคับนักท่องเที่ยวโชว์ประวัติโซเชียล 5 ปี — ความมั่นคงยุคดิจิทัลกำลังเปลี่ยนเกม

    ข้อเสนอใหม่ของ U.S. Customs and Border Protection (CBP) อาจทำให้ผู้เดินทางจาก 42 ประเทศที่ใช้ระบบ Visa Waiver ต้องส่งมอบ ประวัติการใช้งานโซเชียลมีเดียย้อนหลัง 5 ปี ก่อนเดินทางเข้าสหรัฐฯ การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกผนวกเข้าในระบบ ESTA ซึ่งเดิมถูกออกแบบมาเพื่อให้การเดินทางระยะสั้นเป็นเรื่องง่าย แต่ข้อกำหนดใหม่กำลังทำให้กระบวนการนี้ซับซ้อนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

    นอกจากโซเชียลมีเดียแล้ว ผู้เดินทางยังต้องให้ข้อมูลส่วนตัวเพิ่มเติม เช่น อีเมล เบอร์โทรศัพท์ที่เคยใช้หลายปี รวมถึงข้อมูลของสมาชิกครอบครัวอย่างละเอียด สิ่งนี้สะท้อนแนวโน้มการตรวจสอบเชิงลึกที่เพิ่มขึ้นภายใต้รัฐบาลสหรัฐฯ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการใช้ข้อมูลออนไลน์เพื่อประเมิน “ความเสี่ยง” และ “ความประพฤติดี” ของผู้เดินทาง

    มาตรการนี้ยังสอดคล้องกับการขยายการตรวจสอบโซเชียลมีเดียในกลุ่มผู้ขอวีซ่า นักเรียน ผู้ลี้ภัย และผู้ยื่นขอสัญชาติ ซึ่งเริ่มเข้มงวดตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงมองว่าการตรวจสอบโซเชียลเป็นส่วนหนึ่งของ “digital border” ที่หลายประเทศเริ่มนำมาใช้ เช่น สหราชอาณาจักร แคนาดา และออสเตรเลีย ที่ต่างทดลองใช้ระบบคัดกรองผู้เดินทางด้วยข้อมูลออนไลน์

    อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์เตือนว่ากฎใหม่นี้อาจทำลายความสะดวกของ ESTA และทำให้การท่องเที่ยวลดลง โดยเฉพาะในช่วงที่สหรัฐฯ เตรียมเป็นเจ้าภาพ FIFA World Cup 2026 และ Olympics 2028 ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางเข้าประเทศ ความกังวลสำคัญคือความไม่ชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่จะประเมิน “เนื้อหาโซเชียล” อย่างไร และเสี่ยงต่อการตีความผิดหรือเลือกปฏิบัติ

    สรุปประเด็นสำคัญ
    สหรัฐฯ เสนอให้ผู้เดินทางโชว์ประวัติโซเชียลย้อนหลัง 5 ปี
    ใช้กับ 42 ประเทศในระบบ Visa Waiver
    รวมถึงข้อมูลอีเมล เบอร์โทร และข้อมูลครอบครัวย้อนหลังหลายปี

    มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสอบเข้มงวดที่เพิ่มขึ้น
    สอดคล้องกับการตรวจสอบโซเชียลของผู้ขอวีซ่าและผู้อพยพตั้งแต่ปี 2017
    เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด “digital border security” ที่หลายประเทศเริ่มใช้

    ความเสี่ยงต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว
    อาจทำให้ ESTA ไม่ใช่ระบบที่ “ง่ายและรวดเร็ว” อีกต่อไป
    อาจกระทบการเดินทางช่วง World Cup 2026 และ Olympics 2028

    คำเตือน / ประเด็นที่ควรระวัง
    ความไม่ชัดเจนในการประเมินเนื้อหาโซเชียล
    ไม่มีเกณฑ์ชัดเจนว่าโพสต์แบบไหนจะถูกมองว่า “เสี่ยง”

    ความเป็นส่วนตัวอาจถูกกระทบอย่างรุนแรง
    การเก็บข้อมูลย้อนหลังหลายปีเพิ่มโอกาสการรั่วไหลหรือถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์

    ความเสี่ยงต่อการเลือกปฏิบัติ
    การตีความข้อมูลโซเชียลอาจขึ้นกับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่

    https://www.slashgear.com/2054910/us-proposed-travel-rules-social-media/
    🌐 กฎเดินทางใหม่สหรัฐฯ อาจบังคับนักท่องเที่ยวโชว์ประวัติโซเชียล 5 ปี — ความมั่นคงยุคดิจิทัลกำลังเปลี่ยนเกม ข้อเสนอใหม่ของ U.S. Customs and Border Protection (CBP) อาจทำให้ผู้เดินทางจาก 42 ประเทศที่ใช้ระบบ Visa Waiver ต้องส่งมอบ ประวัติการใช้งานโซเชียลมีเดียย้อนหลัง 5 ปี ก่อนเดินทางเข้าสหรัฐฯ การเปลี่ยนแปลงนี้ถูกผนวกเข้าในระบบ ESTA ซึ่งเดิมถูกออกแบบมาเพื่อให้การเดินทางระยะสั้นเป็นเรื่องง่าย แต่ข้อกำหนดใหม่กำลังทำให้กระบวนการนี้ซับซ้อนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด นอกจากโซเชียลมีเดียแล้ว ผู้เดินทางยังต้องให้ข้อมูลส่วนตัวเพิ่มเติม เช่น อีเมล เบอร์โทรศัพท์ที่เคยใช้หลายปี รวมถึงข้อมูลของสมาชิกครอบครัวอย่างละเอียด สิ่งนี้สะท้อนแนวโน้มการตรวจสอบเชิงลึกที่เพิ่มขึ้นภายใต้รัฐบาลสหรัฐฯ ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะการใช้ข้อมูลออนไลน์เพื่อประเมิน “ความเสี่ยง” และ “ความประพฤติดี” ของผู้เดินทาง มาตรการนี้ยังสอดคล้องกับการขยายการตรวจสอบโซเชียลมีเดียในกลุ่มผู้ขอวีซ่า นักเรียน ผู้ลี้ภัย และผู้ยื่นขอสัญชาติ ซึ่งเริ่มเข้มงวดตั้งแต่ปี 2017 เป็นต้นมา นักวิเคราะห์ด้านความมั่นคงมองว่าการตรวจสอบโซเชียลเป็นส่วนหนึ่งของ “digital border” ที่หลายประเทศเริ่มนำมาใช้ เช่น สหราชอาณาจักร แคนาดา และออสเตรเลีย ที่ต่างทดลองใช้ระบบคัดกรองผู้เดินทางด้วยข้อมูลออนไลน์ อย่างไรก็ตาม นักวิจารณ์เตือนว่ากฎใหม่นี้อาจทำลายความสะดวกของ ESTA และทำให้การท่องเที่ยวลดลง โดยเฉพาะในช่วงที่สหรัฐฯ เตรียมเป็นเจ้าภาพ FIFA World Cup 2026 และ Olympics 2028 ซึ่งคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจำนวนมากเดินทางเข้าประเทศ ความกังวลสำคัญคือความไม่ชัดเจนว่าเจ้าหน้าที่จะประเมิน “เนื้อหาโซเชียล” อย่างไร และเสี่ยงต่อการตีความผิดหรือเลือกปฏิบัติ 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ สหรัฐฯ เสนอให้ผู้เดินทางโชว์ประวัติโซเชียลย้อนหลัง 5 ปี ➡️ ใช้กับ 42 ประเทศในระบบ Visa Waiver ➡️ รวมถึงข้อมูลอีเมล เบอร์โทร และข้อมูลครอบครัวย้อนหลังหลายปี ✅ มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของการตรวจสอบเข้มงวดที่เพิ่มขึ้น ➡️ สอดคล้องกับการตรวจสอบโซเชียลของผู้ขอวีซ่าและผู้อพยพตั้งแต่ปี 2017 ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของแนวคิด “digital border security” ที่หลายประเทศเริ่มใช้ ✅ ความเสี่ยงต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว ➡️ อาจทำให้ ESTA ไม่ใช่ระบบที่ “ง่ายและรวดเร็ว” อีกต่อไป ➡️ อาจกระทบการเดินทางช่วง World Cup 2026 และ Olympics 2028 ⚠️ คำเตือน / ประเด็นที่ควรระวัง ‼️ ความไม่ชัดเจนในการประเมินเนื้อหาโซเชียล ⛔ ไม่มีเกณฑ์ชัดเจนว่าโพสต์แบบไหนจะถูกมองว่า “เสี่ยง” ‼️ ความเป็นส่วนตัวอาจถูกกระทบอย่างรุนแรง ⛔ การเก็บข้อมูลย้อนหลังหลายปีเพิ่มโอกาสการรั่วไหลหรือถูกนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ ‼️ ความเสี่ยงต่อการเลือกปฏิบัติ ⛔ การตีความข้อมูลโซเชียลอาจขึ้นกับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่ https://www.slashgear.com/2054910/us-proposed-travel-rules-social-media/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Travelers Coming To The US Could Be Forced To Show Years Of Social Media - SlashGear
    According to the U.S. Customs and Border Protection, visitors from certain countries would have to show five years of social media history to get in.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ว่าฯ มุกดาหาร นำคณะลงพื้นที่ตรวจเข้มการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง ด่านศุลกากรสะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 2 หลังมีมาตรการตัดการส่งน้ำมันไปยังกัมพูชา
    .
    ย้ำกำชับทุกหน่วยงานเพิ่มการตรวจสอบเชิงลึก ป้องกันลักลอบขนส่งน้ำมันอ้อมผ่าน สปป.ลาว ไปยังชายแดนลาว–กัมพูชา
    .
    ด่านศุลกากรระบุ ปริมาณการส่งออกน้ำมันผ่านด่านมุกดาหารเพิ่มขึ้นจากการย้ายเส้นทาง แต่ภาพรวมยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ และเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย
    .
    ผู้ว่าฯ ยืนยันเดินหน้าตรวจเข้มต่อเนื่อง เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศ
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122307
    .
    #News1live #News1 #มุกดาหาร #ด่านชายแดน #ความมั่นคง
    ผู้ว่าฯ มุกดาหาร นำคณะลงพื้นที่ตรวจเข้มการขนส่งน้ำมันเชื้อเพลิง ด่านศุลกากรสะพานมิตรภาพไทย–ลาว แห่งที่ 2 หลังมีมาตรการตัดการส่งน้ำมันไปยังกัมพูชา . ย้ำกำชับทุกหน่วยงานเพิ่มการตรวจสอบเชิงลึก ป้องกันลักลอบขนส่งน้ำมันอ้อมผ่าน สปป.ลาว ไปยังชายแดนลาว–กัมพูชา . ด่านศุลกากรระบุ ปริมาณการส่งออกน้ำมันผ่านด่านมุกดาหารเพิ่มขึ้นจากการย้ายเส้นทาง แต่ภาพรวมยังอยู่ในเกณฑ์ปกติ และเป็นไปตามขั้นตอนกฎหมาย . ผู้ว่าฯ ยืนยันเดินหน้าตรวจเข้มต่อเนื่อง เพื่อรักษาความมั่นคงของประเทศ . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122307 . #News1live #News1 #มุกดาหาร #ด่านชายแดน #ความมั่นคง
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไต้หวันพิจารณากฎ N-2 สำหรับการส่งออก

    รัฐบาลไต้หวันกังวลว่าการขยายโรงงานของ TSMC ในสหรัฐฯ อาจทำให้ความเป็นผู้นำด้านเซมิคอนดักเตอร์ของประเทศลดลง จึงเสนอ N-2 rule ที่อนุญาตให้ส่งออกเฉพาะเทคโนโลยีที่ล้าหลังจากระดับสูงสุดในประเทศอย่างน้อยสองเจเนอเรชัน เดิมทีใช้กฎ N-1 ที่อนุญาตให้ส่งออกเทคโนโลยีที่ล้าหลังเพียงหนึ่งเจเนอเรชัน

    ผลกระทบต่อการขยายโรงงานในสหรัฐฯ
    หากกฎใหม่ถูกบังคับใช้ โรงงาน Fab 21 ของ TSMC ในรัฐแอริโซนา ซึ่งปัจจุบันผลิตชิปที่ระดับ N4/N5 จะยังสอดคล้องกับกฎ แต่เมื่อโรงงานเฟส 2 เริ่มผลิตที่ระดับ N3 ในปี 2027 อาจไม่เป็นไปตามข้อกำหนด เพราะ N3 ถือว่าล้าหลังเพียงหนึ่งเจเนอเรชันจาก N2 ที่จะผลิตในไต้หวัน

    มิติด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ
    การจำกัดการส่งออกนี้สะท้อนถึงความพยายามของไต้หวันในการรักษาความได้เปรียบเชิงเทคโนโลยีและป้องกันการสูญเสียทรัพยากรบุคคลด้าน R&D ไปต่างประเทศ รัฐบาลยังเน้นว่าบุคลากรด้านวิจัยและพัฒนาจะถูกควบคุมอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการรั่วไหลของทรัพย์สินทางปัญญา

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    แม้กฎนี้จะช่วยรักษาความเป็นผู้นำของไต้หวัน แต่ก็อาจทำให้การลงทุนในสหรัฐฯ ชะลอตัว และกระทบต่อความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระหว่างประเทศ อีกทั้งยังสร้างความไม่แน่นอนให้กับลูกค้าและพันธมิตรที่ต้องการใช้เทคโนโลยีล่าสุดในตลาดโลก

    สรุปเป็นหัวข้อ
    กฎ N-2 ที่เสนอโดยไต้หวัน
    อนุญาตให้ส่งออกเทคโนโลยีที่ล้าหลังอย่างน้อย 2 เจเนอเรชัน
    เดิมใช้กฎ N-1 ที่ล้าหลังเพียง 1 เจเนอเรชัน

    ผลกระทบต่อโรงงานในสหรัฐฯ
    Fab 21 เฟส 1 (N4/N5) ยังสอดคล้องกับกฎ
    Fab 21 เฟส 2 (N3) ในปี 2027 อาจไม่สอดคล้อง

    มิติด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ
    รักษาความได้เปรียบเชิงเทคโนโลยีของไต้หวัน
    ควบคุมบุคลากร R&D และป้องกันการรั่วไหลของ IP

    คำเตือนและความท้าทาย
    อาจทำให้การลงทุนในสหรัฐฯ ชะลอตัว
    กระทบต่อความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระหว่างประเทศ
    สร้างความไม่แน่นอนให้กับลูกค้าและพันธมิตร

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/taiwan-considers-tsmc-export-ban-that-would-prevent-manufacturing-its-newest-chip-nodes-in-u-s-limit-exports-to-two-generations-behind-leading-edge-nodes-could-slow-down-u-s-expansion
    🏭 ไต้หวันพิจารณากฎ N-2 สำหรับการส่งออก รัฐบาลไต้หวันกังวลว่าการขยายโรงงานของ TSMC ในสหรัฐฯ อาจทำให้ความเป็นผู้นำด้านเซมิคอนดักเตอร์ของประเทศลดลง จึงเสนอ N-2 rule ที่อนุญาตให้ส่งออกเฉพาะเทคโนโลยีที่ล้าหลังจากระดับสูงสุดในประเทศอย่างน้อยสองเจเนอเรชัน เดิมทีใช้กฎ N-1 ที่อนุญาตให้ส่งออกเทคโนโลยีที่ล้าหลังเพียงหนึ่งเจเนอเรชัน ⚡ ผลกระทบต่อการขยายโรงงานในสหรัฐฯ หากกฎใหม่ถูกบังคับใช้ โรงงาน Fab 21 ของ TSMC ในรัฐแอริโซนา ซึ่งปัจจุบันผลิตชิปที่ระดับ N4/N5 จะยังสอดคล้องกับกฎ แต่เมื่อโรงงานเฟส 2 เริ่มผลิตที่ระดับ N3 ในปี 2027 อาจไม่เป็นไปตามข้อกำหนด เพราะ N3 ถือว่าล้าหลังเพียงหนึ่งเจเนอเรชันจาก N2 ที่จะผลิตในไต้หวัน 🌐 มิติด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ การจำกัดการส่งออกนี้สะท้อนถึงความพยายามของไต้หวันในการรักษาความได้เปรียบเชิงเทคโนโลยีและป้องกันการสูญเสียทรัพยากรบุคคลด้าน R&D ไปต่างประเทศ รัฐบาลยังเน้นว่าบุคลากรด้านวิจัยและพัฒนาจะถูกควบคุมอย่างเข้มงวด เพื่อป้องกันการรั่วไหลของทรัพย์สินทางปัญญา ⚠️ ข้อควรระวังและความท้าทาย แม้กฎนี้จะช่วยรักษาความเป็นผู้นำของไต้หวัน แต่ก็อาจทำให้การลงทุนในสหรัฐฯ ชะลอตัว และกระทบต่อความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระหว่างประเทศ อีกทั้งยังสร้างความไม่แน่นอนให้กับลูกค้าและพันธมิตรที่ต้องการใช้เทคโนโลยีล่าสุดในตลาดโลก 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ กฎ N-2 ที่เสนอโดยไต้หวัน ➡️ อนุญาตให้ส่งออกเทคโนโลยีที่ล้าหลังอย่างน้อย 2 เจเนอเรชัน ➡️ เดิมใช้กฎ N-1 ที่ล้าหลังเพียง 1 เจเนอเรชัน ✅ ผลกระทบต่อโรงงานในสหรัฐฯ ➡️ Fab 21 เฟส 1 (N4/N5) ยังสอดคล้องกับกฎ ➡️ Fab 21 เฟส 2 (N3) ในปี 2027 อาจไม่สอดคล้อง ✅ มิติด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจ ➡️ รักษาความได้เปรียบเชิงเทคโนโลยีของไต้หวัน ➡️ ควบคุมบุคลากร R&D และป้องกันการรั่วไหลของ IP ‼️ คำเตือนและความท้าทาย ⛔ อาจทำให้การลงทุนในสหรัฐฯ ชะลอตัว ⛔ กระทบต่อความร่วมมือด้านเทคโนโลยีระหว่างประเทศ ⛔ สร้างความไม่แน่นอนให้กับลูกค้าและพันธมิตร https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/taiwan-considers-tsmc-export-ban-that-would-prevent-manufacturing-its-newest-chip-nodes-in-u-s-limit-exports-to-two-generations-behind-leading-edge-nodes-could-slow-down-u-s-expansion
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 127 มุมมอง 0 รีวิว
  • การตัดสินคดีลักลอบส่งออกแอนติโมนี

    ศาลกลางเมืองเซินเจิ้นได้ตัดสินลงโทษผู้ต้องหาทั้งหมด 27 คนในคดีลักลอบส่งออกแอนติโมนี โดยผู้ต้องหาหลัก หวัง อู่ปิน (Wang Wubin) ถูกตัดสินจำคุก 12 ปี และปรับเป็นเงิน 1 ล้านหยวน ขณะที่ผู้ต้องหาคนอื่น ๆ ได้รับโทษจำคุกตั้งแต่ 4 เดือนถึง 5 ปี พร้อมค่าปรับตามระดับการมีส่วนร่วมและปริมาณที่ลักลอบส่งออก

    ความสำคัญของแอนติโมนี
    แอนติโมนีถือเป็น แร่เชิงกลยุทธ์ ที่ใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น เซมิคอนดักเตอร์, ชิปอิเล็กทรอนิกส์, แบตเตอรี่, วัสดุทนไฟ และการใช้งานด้านกลาโหม โดยเฉพาะการผสมกับซิลิคอนเพื่อผลิตไดโอดและทรานซิสเตอร์ หรือการผสมกับอินเดียมและแกลเลียมเพื่อสร้างเซ็นเซอร์อินฟราเรดและเซลล์แสงอาทิตย์ ทำให้การควบคุมการส่งออกมีความสำคัญต่อความมั่นคงทางเทคโนโลยี

    บริบททางการค้าและการเมือง
    จีนเพิ่งมีการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯ และยกเลิกการห้ามส่งออกแร่บางชนิด เช่น แกลเลียม, เจอร์เมเนียม และแอนติโมนี แต่ยังคงต้องมีใบอนุญาตการส่งออกอย่างเข้มงวด การลักลอบครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นการท้าทายต่อระบบควบคุมของรัฐ และเชื่อมโยงกับการลักลอบนำเข้าที่ฮ่องกงและเส้นทางผ่านไทยและเม็กซิโก

    ผลกระทบและคำเตือน
    เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงด้าน ห่วงโซ่อุปทานแร่เชิงกลยุทธ์ ที่อาจถูกลักลอบเพื่อเลี่ยงข้อจำกัดทางการค้า หากไม่มีการควบคุมเข้มงวด อาจกระทบต่อทั้งอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และความมั่นคงระดับโลก

    สรุปเป็นหัวข้อ
    การตัดสินคดีในจีน
    ผู้ต้องหาหลักถูกจำคุก 12 ปี และปรับ 1 ล้านหยวน
    ผู้ต้องหาอีก 26 คนถูกลงโทษจำคุก 4 เดือนถึง 5 ปี

    ความสำคัญของแอนติโมนี
    ใช้ในเซมิคอนดักเตอร์, แบตเตอรี่, วัสดุทนไฟ และกลาโหม
    เป็นแร่เชิงกลยุทธ์ที่มีผลต่อความมั่นคงทางเทคโนโลยี

    บริบททางการค้าโลก
    จีนยกเลิกการห้ามส่งออกบางแร่ แต่ยังต้องมีใบอนุญาต
    มีการลักลอบผ่านฮ่องกง ไทย และเม็กซิโก

    คำเตือนและผลกระทบ
    การลักลอบส่งออกบั่นทอนระบบควบคุมของรัฐ
    เสี่ยงต่อห่วงโซ่อุปทานแร่เชิงกลยุทธ์
    อาจกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และความมั่นคงโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-convicts-27-people-for-smuggling-antimony-166-tons-of-mineral-used-for-semiconductor-manufacturing-exported-without-licenses-court-decides
    ⚖️ การตัดสินคดีลักลอบส่งออกแอนติโมนี ศาลกลางเมืองเซินเจิ้นได้ตัดสินลงโทษผู้ต้องหาทั้งหมด 27 คนในคดีลักลอบส่งออกแอนติโมนี โดยผู้ต้องหาหลัก หวัง อู่ปิน (Wang Wubin) ถูกตัดสินจำคุก 12 ปี และปรับเป็นเงิน 1 ล้านหยวน ขณะที่ผู้ต้องหาคนอื่น ๆ ได้รับโทษจำคุกตั้งแต่ 4 เดือนถึง 5 ปี พร้อมค่าปรับตามระดับการมีส่วนร่วมและปริมาณที่ลักลอบส่งออก 🧪 ความสำคัญของแอนติโมนี แอนติโมนีถือเป็น แร่เชิงกลยุทธ์ ที่ใช้ในหลายอุตสาหกรรม เช่น เซมิคอนดักเตอร์, ชิปอิเล็กทรอนิกส์, แบตเตอรี่, วัสดุทนไฟ และการใช้งานด้านกลาโหม โดยเฉพาะการผสมกับซิลิคอนเพื่อผลิตไดโอดและทรานซิสเตอร์ หรือการผสมกับอินเดียมและแกลเลียมเพื่อสร้างเซ็นเซอร์อินฟราเรดและเซลล์แสงอาทิตย์ ทำให้การควบคุมการส่งออกมีความสำคัญต่อความมั่นคงทางเทคโนโลยี 🌍 บริบททางการค้าและการเมือง จีนเพิ่งมีการเจรจาทางการค้ากับสหรัฐฯ และยกเลิกการห้ามส่งออกแร่บางชนิด เช่น แกลเลียม, เจอร์เมเนียม และแอนติโมนี แต่ยังคงต้องมีใบอนุญาตการส่งออกอย่างเข้มงวด การลักลอบครั้งนี้จึงถูกมองว่าเป็นการท้าทายต่อระบบควบคุมของรัฐ และเชื่อมโยงกับการลักลอบนำเข้าที่ฮ่องกงและเส้นทางผ่านไทยและเม็กซิโก ⚠️ ผลกระทบและคำเตือน เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงความเสี่ยงด้าน ห่วงโซ่อุปทานแร่เชิงกลยุทธ์ ที่อาจถูกลักลอบเพื่อเลี่ยงข้อจำกัดทางการค้า หากไม่มีการควบคุมเข้มงวด อาจกระทบต่อทั้งอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และความมั่นคงระดับโลก 📌 สรุปเป็นหัวข้อ ✅ การตัดสินคดีในจีน ➡️ ผู้ต้องหาหลักถูกจำคุก 12 ปี และปรับ 1 ล้านหยวน ➡️ ผู้ต้องหาอีก 26 คนถูกลงโทษจำคุก 4 เดือนถึง 5 ปี ✅ ความสำคัญของแอนติโมนี ➡️ ใช้ในเซมิคอนดักเตอร์, แบตเตอรี่, วัสดุทนไฟ และกลาโหม ➡️ เป็นแร่เชิงกลยุทธ์ที่มีผลต่อความมั่นคงทางเทคโนโลยี ✅ บริบททางการค้าโลก ➡️ จีนยกเลิกการห้ามส่งออกบางแร่ แต่ยังต้องมีใบอนุญาต ➡️ มีการลักลอบผ่านฮ่องกง ไทย และเม็กซิโก ‼️ คำเตือนและผลกระทบ ⛔ การลักลอบส่งออกบั่นทอนระบบควบคุมของรัฐ ⛔ เสี่ยงต่อห่วงโซ่อุปทานแร่เชิงกลยุทธ์ ⛔ อาจกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และความมั่นคงโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-convicts-27-people-for-smuggling-antimony-166-tons-of-mineral-used-for-semiconductor-manufacturing-exported-without-licenses-court-decides
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • Fwupd 2.0.19: อัปเดตใหม่เพื่อความปลอดภัยและการรองรับฮาร์ดแวร์

    Fwupd 2.0.19 ซึ่งพัฒนาโดย Richard Hughes ถูกปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2025 ถือเป็น การอัปเดตครั้งที่ 19 ของซีรีส์ 2.0 จุดเด่นคือการเพิ่มการรองรับการอัปเดตเฟิร์มแวร์สำหรับ Lenovo Sapphire Folio Keyboard ซึ่งเป็นอุปกรณ์ใหม่ที่ต้องการการดูแลด้านเฟิร์มแวร์โดยตรงจากระบบ Linux

    ฟีเจอร์ใหม่และการปรับปรุงคำสั่ง
    เวอร์ชันนี้เพิ่มคำสั่งใหม่ใน fwupdtool สำหรับการ คำนวณและค้นหา CRCs รวมถึงการปรับปรุงคำสั่ง fwupdmgr get-history ให้แสดงเวอร์ชันเฟิร์มแวร์ใหม่ได้ถูกต้องเสมอ อีกทั้งยังมีการปรับปรุงการอัปเดต Intel GPU FWDATA section และการเคารพคำสั่ง --force เมื่อผู้ใช้ติดตั้งเฟิร์มแวร์

    การแก้ไขบั๊กและความปลอดภัย
    Fwupd 2.0.19 ยังแก้ไขบั๊กหลายรายการ เช่น integer underflow ที่เกิดขึ้นเมื่อ parsing ไฟล์ PE ที่เป็นอันตราย, regression ในการตรวจสอบสถานะของ Dell dock และการ timeout ของ fuzzer เมื่อ parsing Synaptics-RMI SBL container การแก้ไขเหล่านี้ช่วยเพิ่มความมั่นคงและลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของระบบ

    ความสำคัญต่อผู้ใช้ Linux
    แม้จะเป็นการอัปเดตเล็ก แต่ Fwupd 2.0.19 แสดงให้เห็นถึงความต่อเนื่องในการพัฒนาเครื่องมืออัปเดตเฟิร์มแวร์ที่เป็นหัวใจสำคัญของระบบ Linux สมัยใหม่ โดยเฉพาะในยุคที่อุปกรณ์ใหม่ ๆ เช่นคีย์บอร์ดหรือ GPU ต้องการการอัปเดตเฟิร์มแวร์อย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    รองรับ Lenovo Sapphire Folio Keyboard
    เพิ่มการอัปเดตเฟิร์มแวร์สำหรับอุปกรณ์ใหม่โดยตรงใน Linux

    เพิ่มคำสั่งใหม่ใน fwupdtool
    ใช้สำหรับคำนวณและค้นหา CRCs

    ปรับปรุงคำสั่ง fwupdmgr
    แสดงเวอร์ชันเฟิร์มแวร์ใหม่ได้ถูกต้อง และเคารพ --force

    แก้ไขบั๊กด้านความปลอดภัย
    Integer underflow, regression Dell dock, และ fuzzer timeout

    คำเตือนต่อผู้ใช้ทั่วไป
    ควรติดตั้ง fwupd จาก repository ที่เสถียรของดิสทริบิวชัน ไม่ควรใช้ source tarball หากไม่มั่นใจ

    ความเสี่ยงจากไฟล์ PE ที่เป็นอันตราย
    หากไม่อัปเดต อาจเสี่ยงต่อการโจมตีที่ใช้ช่องโหว่ในการ parsing

    https://9to5linux.com/fwupd-2-0-19-linux-firmware-updater-supports-lenovo-sapphire-folio-keyboard
    🔧 Fwupd 2.0.19: อัปเดตใหม่เพื่อความปลอดภัยและการรองรับฮาร์ดแวร์ Fwupd 2.0.19 ซึ่งพัฒนาโดย Richard Hughes ถูกปล่อยออกมาเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2025 ถือเป็น การอัปเดตครั้งที่ 19 ของซีรีส์ 2.0 จุดเด่นคือการเพิ่มการรองรับการอัปเดตเฟิร์มแวร์สำหรับ Lenovo Sapphire Folio Keyboard ซึ่งเป็นอุปกรณ์ใหม่ที่ต้องการการดูแลด้านเฟิร์มแวร์โดยตรงจากระบบ Linux 🖥️ ฟีเจอร์ใหม่และการปรับปรุงคำสั่ง เวอร์ชันนี้เพิ่มคำสั่งใหม่ใน fwupdtool สำหรับการ คำนวณและค้นหา CRCs รวมถึงการปรับปรุงคำสั่ง fwupdmgr get-history ให้แสดงเวอร์ชันเฟิร์มแวร์ใหม่ได้ถูกต้องเสมอ อีกทั้งยังมีการปรับปรุงการอัปเดต Intel GPU FWDATA section และการเคารพคำสั่ง --force เมื่อผู้ใช้ติดตั้งเฟิร์มแวร์ 🛡️ การแก้ไขบั๊กและความปลอดภัย Fwupd 2.0.19 ยังแก้ไขบั๊กหลายรายการ เช่น integer underflow ที่เกิดขึ้นเมื่อ parsing ไฟล์ PE ที่เป็นอันตราย, regression ในการตรวจสอบสถานะของ Dell dock และการ timeout ของ fuzzer เมื่อ parsing Synaptics-RMI SBL container การแก้ไขเหล่านี้ช่วยเพิ่มความมั่นคงและลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัยของระบบ 🌐 ความสำคัญต่อผู้ใช้ Linux แม้จะเป็นการอัปเดตเล็ก แต่ Fwupd 2.0.19 แสดงให้เห็นถึงความต่อเนื่องในการพัฒนาเครื่องมืออัปเดตเฟิร์มแวร์ที่เป็นหัวใจสำคัญของระบบ Linux สมัยใหม่ โดยเฉพาะในยุคที่อุปกรณ์ใหม่ ๆ เช่นคีย์บอร์ดหรือ GPU ต้องการการอัปเดตเฟิร์มแวร์อย่างสม่ำเสมอเพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพ 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ รองรับ Lenovo Sapphire Folio Keyboard ➡️ เพิ่มการอัปเดตเฟิร์มแวร์สำหรับอุปกรณ์ใหม่โดยตรงใน Linux ✅ เพิ่มคำสั่งใหม่ใน fwupdtool ➡️ ใช้สำหรับคำนวณและค้นหา CRCs ✅ ปรับปรุงคำสั่ง fwupdmgr ➡️ แสดงเวอร์ชันเฟิร์มแวร์ใหม่ได้ถูกต้อง และเคารพ --force ✅ แก้ไขบั๊กด้านความปลอดภัย ➡️ Integer underflow, regression Dell dock, และ fuzzer timeout ‼️ คำเตือนต่อผู้ใช้ทั่วไป ⛔ ควรติดตั้ง fwupd จาก repository ที่เสถียรของดิสทริบิวชัน ไม่ควรใช้ source tarball หากไม่มั่นใจ ‼️ ความเสี่ยงจากไฟล์ PE ที่เป็นอันตราย ⛔ หากไม่อัปเดต อาจเสี่ยงต่อการโจมตีที่ใช้ช่องโหว่ในการ parsing https://9to5linux.com/fwupd-2-0-19-linux-firmware-updater-supports-lenovo-sapphire-folio-keyboard
    9TO5LINUX.COM
    Fwupd 2.0.19 Linux Firmware Updater Supports Lenovo Sapphire Folio Keyboard - 9to5Linux
    Fwupd 2.0.19 Linux firmware updater is now available for download with support for the Lenovo Sapphire Folio keyboard.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 76 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 1

    “ข่าวลือ ข่าวลวง’
    ตอนสุดท้าย ( มี 5 ตอน)
    ตอนสุดท้าย 1
    ตกลงข่าวเรื่องกษัตริย์ซาลมานป่วยหนัก รวมทั้งข่าวปฏิวัติในซาอุดิอารเบีย ที่ออกมาเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ มันเป็นข่าวลือ ข่าวลวง โดยใคร และ หวังผลอะไร
    ข่าวที่ว่ากษัตริย์ป่วยหนัก ถึงขนาดไม่รู้ตัว ความจำเสื่อม ทำร้ายตัวเอง จนต้องเอาเข้าไปรักษาตัวในโรง พยาบาล น่าจะเป็นข่าวลือแบบโคมลอย จากผู้ที่ไม่ประสงค์ดี ต่อทั้งตัวกษัตริย์เอง ราชวงศ์ และประเทศซาอุดิอารเบีย เพราะจริงๆแล้ว เมื่อ 2 วันนี้เอง มีข่าวว่ากษัตริย์ซาลมานเพิ่งพูดโทรศัพท์กับคุณพี่ปูตินของรัสเซีย เกี่ยวกับเรื่องซีเรีย และอื่นๆ
    ใครล่ะ ที่จะได้ประโยชน์จากข่าวลือทำนองนี้ ก็เป็นได้ทั้งจากภายในซาอุเอง จากฝ่ายที่เสียประโยชน์เสียอำนาจ ที่มีตั้งแต่พวกราชวงศ์ด้วยกัน และ ไม่ใช่พวกราชวงศ์ แต่เคยมีอำนาจและเสียอำนาจ จากคำสั่งของกษัตริย์ซาลมาน ที่เปลี่ยนแปลงผู้มีหน้าที่สำคัญหลายคน ทั้งในเดือนมกราคม และเดือนเมษายน
    ส่วนจากภายนอกประเทศ อเมริกาคงไม่แคล้วตกเป็นจำเลย ตัวการให้ปล่อยข่าว เพราะสื่อที่ลงข่าวลือ รายแรกคืออิสราเอล ตามมาด้วยสื่อในตะวันออกกลางและสื่ออังกฤษ ก็เป็นพรรคพวกของของอเมริการะดับชั้นต่างๆ ทั้งนั้น
    ถ้าอเมริกาให้ปล่อยข่าวลือ หรือข่าวลวงนี้ แปลว่า อเมริกาต้องมีความไม่พอใจหรือ ต้องการกดดัน ซาอุดิอารเบีย ถ้าพิจารณาจาก บทความของคุณซีไอเอเขี้ยวยาวแล้ว คงพอเห็นอาการเฟืองขัดเกลียวบิ่น ระหว่างซาอุดิ อารเบียกับอเมริกา ค่อนข้างชัดเจน แม้คำชม หรือคำบอกเล่า ก็ยังมีการแฝงหลายนัย เกินกว่าที่จะแปลว่า เขารักกันจริง คงเป็นแค่ ยังทิ้งกันไม่ได้มากกว่า
    และถ้ามีความไม่พอใจ อเมริกาไม่พอใจซาอุดิอารเบีย เกี่ยวกับการเรื่องราชวงศ์ หรือไม่พอใจ ที่ซาอุดิอารเบีย ไปถล่มเยเมน หรืออเมริกาไม่พอใจ ทั้ง 2 เรื่อง
    คงต้องทำความเข้าใจ กับวิธีการคิดของอเมริกาเสียก่อน อเมริกาไม่ได้สนใจการเปลี่ยนแปลงในซาอุดิอารเบียว่า จะดีหรือไม่ดีกับซาอุดิอารเบียอย่างไร อเมริกามองกลับทางว่า การเปลี่ยนแปลงนั้น กระทบกับผลประโยชน์ตัวเองหรือไม่ อย่างไร มากกว่า และด้วยความคิดอย่างนี้ อเมริกาจึงให้ความ “สนใจ” กับความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับราชวงศ์ ซาอุดิอารเบียในระดับสูงมาก เพราะราชวงศ์ซาอูด คือ “อำนาจ” ของซาอุดิอารเบีย และอเมริกา กับซาอุดิอารเบีย ก็มีเรื่องเกี่ยวพันกันมากมาย การเปลี่ยนแปลงของ “อำนาจ” ในซาอุดิอารเบีย จึงอาจจะกระทบกับอเมริกามาก มันไม่ใช่เรื่องอเมริกา ชอบ ไม่ชอบใคร
    จะว่าไป อเมริกาก็สนใจมองความเปลี่ยนแปลง ในทุกเรื่อง โดยเฉพาะเกี่ยวกับ “อำนาจ” ของทุกประเทศ ในวิธีคิดอย่างนี้แหละ สนใจมากน้อย ก็แล้วแต่ “ประโยชน์” ที่อเมริกาจะได้จะเสียในประเทศนั้น มีมากน้อยแค่ไหน และถ้าเราไม่ทำความเข้าใจในความคิดนี้ หรือ “สันดาน” ที่แท้จริงของอเมริกาว่าเป็นอย่างนี้ เราก็คงจะสับสน ไม่เข้าใจพฤติกรรมของอเมริกา และเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญ ถ้าเรื่องนั้นมาเกี่ยวกับบ้านเรา และเราสับสนในพฤติกรรมและสันดานของอเมริกาแล้ว เราก็ไม่แคล้ว ที่จะตกเป็นเหยื่อ หรือ ถูกใช้เป็นพรมเช็ดเท้าของอเมริกา อย่างที่เป็นๆกัน
    เริ่มที่ผู้ปกครองคนใหม่ของซาอุดิอารเบีย ไม่ว่าบทความจะเขียนโดยใคร จากถังขยะความคิด หรือหน่วยงานใดของรัฐบาลอเมริกัน สิ่งที่สรุปได้ คือ อเมริกาอยากรู้ว่า จะพูดกับคนที่มาใหม่รู้เรื่องไหม คนมาใหม่ เชื่อฟังอเมริกาแค่ไหน นโยบายใหม่ของคนใหม่ สอดคล้องกับความต้องการของอเมริกาไหม หรือเอาให้ชัดๆ อเมริกา จะ “สั่ง” หรือ “กำกับ” คนปกครองใหม่ ได้มากน้อยแค่ไหน
    เมื่อขึ้นครองราชย์ในเดือนมกราคม ต้นปี ค.ศ.2015 กษัตริย์ซาลมานอายุ 79 ปีแล้ว อเมริกาจึงมองไปที่มงกุฏราชกุมาร อันดับ 1 และอันดับ 2 กับตำแหน่งสำคัญๆ เช่น รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างประเทศ ผู้ที่คุมความมั่นคง และผู้ที่คุมนโยบายน้ำมันของซาอุดิอารเบีย เพราะตำแหน่งเหล่านี้ มีผลกระทบกับผลประโยชน์ของอเมริกา ทั้งในซาอุดิอารเบีย และในอเมริกาเองด้วย (หมายเหตุ: ตามธรรมเนียม กษัตริย์ซาอุดิอารเบียจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอง)
    สำหรับเจ้าชายมุคริน อายุ 70 ปี มงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 1 อเมริกาคุ้นเคยดี และเห็นว่า “คุย” กันได้ น่าจะมีแนวคิดปฏิรูป ตามที่อเมริกาต้องการ
    มงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 2 เจ้าชาย บิน นาเยฟ อายุ 55 ปี อเมริกาก็คุ้นเคยอีก แม้จะไม่ชอบพ่อ แต่คิดว่า คุยกับลูกได้
    รัฐมนตรีส่วนใหญ่ไม่มีเปลี่ยนแปลง มีเพียงด้านความมั่นคง ที่กษัตริย์ซาลมาน แต่งตั้งให้ลูกชาย คือ เจ้าชาย บิน ซาลมาน คุมด้านความมั่นคง อเมริกาบอก เป็นไก่อ่อน ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่อเมริกาก็ยังไม่ขยับอะไร เพราะอาจสั่งไก่อ่อนซ้ายหัน ขวาหันง่ายดี
    กษัตริย์ใหม่ครองราชย์ยังไม่ถึง 3 เดือนดี ปลายเดือนมีนาคม ค.ศ.2015 ซาอุดิอารเบีย ก็สั่งรวมพล พรรคพวก มีอียิปต์ มอรอคโค จอร์แดน อามิเรต คูเวต การ์ตา บาห์เรน รวมไปถึงซูดาน เพื่อโจมตีพวกฮูตติ ที่ยึดครองเยเมนได้ จากสงครามกลางเมืองในเยเมนที่ยืดเยื้อมาปีกว่า และไล่รัฐบาลเยเมน ที่ซาอุสนับสนุนกระเจิงออกไป
    ซาอุดิอารเบีย ยอมให้พวกฮูตติครอบครองเยเมนไม่ได้ เพราะพวกฮูตตินี้ ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน คู่แข่งสำคัญของซาอุดิ และเยเมนก็อยู่ติดกับซาอุดิอารเบีย ขนาดมองเห็นขนจมูกกัน วันที่ 26 มีนาคม ซาอุอารเบีย จึงสั่งยิงจรวดใส่ฐานทัพอากาศของฮูตติ ที่เมือง Taiz และเมือง Sa’dah
    การยิงจรวดถล่มเยเมน รายการดังกล่าว อเมริการู้เรื่องดี เพราะเป็นคนให้ข้อมูลข่าวกรอง และบอกสภาพพื้นที่แก่ซาอุดิอารเบีย อย่างนี้น่าจะไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนเรื่องเป็นประชาธิปไตย ไม่ต้องพูด เพราะพวกราชวงศ์ซาอูดบอกแล้วว่า ยังไม่อยากเป็นเหมือนควีนเอลิ ซาเบธของอังกฤษ รัฐธรรมนูญก็ยังไม่รู้จัก แต่ก็ไม่เป็นไร มีน้ำมันแยะแบบนี้ จะทำอะไรก็ได้ อเมริกาไม่สั่งคว่ำบาตร ไม่ตัดสัมพันธ์ ไม่เดินสายให้นานาชาติช่วยกันด่า แน่นอน รักกันฉิบหายเลย
    คุณทหารช่วยจำไว้นะครับ เคลื่อนทัพคราวหน้า อย่าทำแค่ปฏิวัติ ปิดช่องแคบมะละกามันด้วยเลย หมดเรื่อง
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    25 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนสุดท้าย 1 “ข่าวลือ ข่าวลวง’ ตอนสุดท้าย ( มี 5 ตอน) ตอนสุดท้าย 1 ตกลงข่าวเรื่องกษัตริย์ซาลมานป่วยหนัก รวมทั้งข่าวปฏิวัติในซาอุดิอารเบีย ที่ออกมาเมื่อช่วงต้นเดือนตุลาคมนี้ มันเป็นข่าวลือ ข่าวลวง โดยใคร และ หวังผลอะไร ข่าวที่ว่ากษัตริย์ป่วยหนัก ถึงขนาดไม่รู้ตัว ความจำเสื่อม ทำร้ายตัวเอง จนต้องเอาเข้าไปรักษาตัวในโรง พยาบาล น่าจะเป็นข่าวลือแบบโคมลอย จากผู้ที่ไม่ประสงค์ดี ต่อทั้งตัวกษัตริย์เอง ราชวงศ์ และประเทศซาอุดิอารเบีย เพราะจริงๆแล้ว เมื่อ 2 วันนี้เอง มีข่าวว่ากษัตริย์ซาลมานเพิ่งพูดโทรศัพท์กับคุณพี่ปูตินของรัสเซีย เกี่ยวกับเรื่องซีเรีย และอื่นๆ ใครล่ะ ที่จะได้ประโยชน์จากข่าวลือทำนองนี้ ก็เป็นได้ทั้งจากภายในซาอุเอง จากฝ่ายที่เสียประโยชน์เสียอำนาจ ที่มีตั้งแต่พวกราชวงศ์ด้วยกัน และ ไม่ใช่พวกราชวงศ์ แต่เคยมีอำนาจและเสียอำนาจ จากคำสั่งของกษัตริย์ซาลมาน ที่เปลี่ยนแปลงผู้มีหน้าที่สำคัญหลายคน ทั้งในเดือนมกราคม และเดือนเมษายน ส่วนจากภายนอกประเทศ อเมริกาคงไม่แคล้วตกเป็นจำเลย ตัวการให้ปล่อยข่าว เพราะสื่อที่ลงข่าวลือ รายแรกคืออิสราเอล ตามมาด้วยสื่อในตะวันออกกลางและสื่ออังกฤษ ก็เป็นพรรคพวกของของอเมริการะดับชั้นต่างๆ ทั้งนั้น ถ้าอเมริกาให้ปล่อยข่าวลือ หรือข่าวลวงนี้ แปลว่า อเมริกาต้องมีความไม่พอใจหรือ ต้องการกดดัน ซาอุดิอารเบีย ถ้าพิจารณาจาก บทความของคุณซีไอเอเขี้ยวยาวแล้ว คงพอเห็นอาการเฟืองขัดเกลียวบิ่น ระหว่างซาอุดิ อารเบียกับอเมริกา ค่อนข้างชัดเจน แม้คำชม หรือคำบอกเล่า ก็ยังมีการแฝงหลายนัย เกินกว่าที่จะแปลว่า เขารักกันจริง คงเป็นแค่ ยังทิ้งกันไม่ได้มากกว่า และถ้ามีความไม่พอใจ อเมริกาไม่พอใจซาอุดิอารเบีย เกี่ยวกับการเรื่องราชวงศ์ หรือไม่พอใจ ที่ซาอุดิอารเบีย ไปถล่มเยเมน หรืออเมริกาไม่พอใจ ทั้ง 2 เรื่อง คงต้องทำความเข้าใจ กับวิธีการคิดของอเมริกาเสียก่อน อเมริกาไม่ได้สนใจการเปลี่ยนแปลงในซาอุดิอารเบียว่า จะดีหรือไม่ดีกับซาอุดิอารเบียอย่างไร อเมริกามองกลับทางว่า การเปลี่ยนแปลงนั้น กระทบกับผลประโยชน์ตัวเองหรือไม่ อย่างไร มากกว่า และด้วยความคิดอย่างนี้ อเมริกาจึงให้ความ “สนใจ” กับความเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับราชวงศ์ ซาอุดิอารเบียในระดับสูงมาก เพราะราชวงศ์ซาอูด คือ “อำนาจ” ของซาอุดิอารเบีย และอเมริกา กับซาอุดิอารเบีย ก็มีเรื่องเกี่ยวพันกันมากมาย การเปลี่ยนแปลงของ “อำนาจ” ในซาอุดิอารเบีย จึงอาจจะกระทบกับอเมริกามาก มันไม่ใช่เรื่องอเมริกา ชอบ ไม่ชอบใคร จะว่าไป อเมริกาก็สนใจมองความเปลี่ยนแปลง ในทุกเรื่อง โดยเฉพาะเกี่ยวกับ “อำนาจ” ของทุกประเทศ ในวิธีคิดอย่างนี้แหละ สนใจมากน้อย ก็แล้วแต่ “ประโยชน์” ที่อเมริกาจะได้จะเสียในประเทศนั้น มีมากน้อยแค่ไหน และถ้าเราไม่ทำความเข้าใจในความคิดนี้ หรือ “สันดาน” ที่แท้จริงของอเมริกาว่าเป็นอย่างนี้ เราก็คงจะสับสน ไม่เข้าใจพฤติกรรมของอเมริกา และเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญ ถ้าเรื่องนั้นมาเกี่ยวกับบ้านเรา และเราสับสนในพฤติกรรมและสันดานของอเมริกาแล้ว เราก็ไม่แคล้ว ที่จะตกเป็นเหยื่อ หรือ ถูกใช้เป็นพรมเช็ดเท้าของอเมริกา อย่างที่เป็นๆกัน เริ่มที่ผู้ปกครองคนใหม่ของซาอุดิอารเบีย ไม่ว่าบทความจะเขียนโดยใคร จากถังขยะความคิด หรือหน่วยงานใดของรัฐบาลอเมริกัน สิ่งที่สรุปได้ คือ อเมริกาอยากรู้ว่า จะพูดกับคนที่มาใหม่รู้เรื่องไหม คนมาใหม่ เชื่อฟังอเมริกาแค่ไหน นโยบายใหม่ของคนใหม่ สอดคล้องกับความต้องการของอเมริกาไหม หรือเอาให้ชัดๆ อเมริกา จะ “สั่ง” หรือ “กำกับ” คนปกครองใหม่ ได้มากน้อยแค่ไหน เมื่อขึ้นครองราชย์ในเดือนมกราคม ต้นปี ค.ศ.2015 กษัตริย์ซาลมานอายุ 79 ปีแล้ว อเมริกาจึงมองไปที่มงกุฏราชกุมาร อันดับ 1 และอันดับ 2 กับตำแหน่งสำคัญๆ เช่น รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต่างประเทศ ผู้ที่คุมความมั่นคง และผู้ที่คุมนโยบายน้ำมันของซาอุดิอารเบีย เพราะตำแหน่งเหล่านี้ มีผลกระทบกับผลประโยชน์ของอเมริกา ทั้งในซาอุดิอารเบีย และในอเมริกาเองด้วย (หมายเหตุ: ตามธรรมเนียม กษัตริย์ซาอุดิอารเบียจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีเอง) สำหรับเจ้าชายมุคริน อายุ 70 ปี มงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 1 อเมริกาคุ้นเคยดี และเห็นว่า “คุย” กันได้ น่าจะมีแนวคิดปฏิรูป ตามที่อเมริกาต้องการ มงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 2 เจ้าชาย บิน นาเยฟ อายุ 55 ปี อเมริกาก็คุ้นเคยอีก แม้จะไม่ชอบพ่อ แต่คิดว่า คุยกับลูกได้ รัฐมนตรีส่วนใหญ่ไม่มีเปลี่ยนแปลง มีเพียงด้านความมั่นคง ที่กษัตริย์ซาลมาน แต่งตั้งให้ลูกชาย คือ เจ้าชาย บิน ซาลมาน คุมด้านความมั่นคง อเมริกาบอก เป็นไก่อ่อน ไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่อเมริกาก็ยังไม่ขยับอะไร เพราะอาจสั่งไก่อ่อนซ้ายหัน ขวาหันง่ายดี กษัตริย์ใหม่ครองราชย์ยังไม่ถึง 3 เดือนดี ปลายเดือนมีนาคม ค.ศ.2015 ซาอุดิอารเบีย ก็สั่งรวมพล พรรคพวก มีอียิปต์ มอรอคโค จอร์แดน อามิเรต คูเวต การ์ตา บาห์เรน รวมไปถึงซูดาน เพื่อโจมตีพวกฮูตติ ที่ยึดครองเยเมนได้ จากสงครามกลางเมืองในเยเมนที่ยืดเยื้อมาปีกว่า และไล่รัฐบาลเยเมน ที่ซาอุสนับสนุนกระเจิงออกไป ซาอุดิอารเบีย ยอมให้พวกฮูตติครอบครองเยเมนไม่ได้ เพราะพวกฮูตตินี้ ได้รับการสนับสนุนจากอิหร่าน คู่แข่งสำคัญของซาอุดิ และเยเมนก็อยู่ติดกับซาอุดิอารเบีย ขนาดมองเห็นขนจมูกกัน วันที่ 26 มีนาคม ซาอุอารเบีย จึงสั่งยิงจรวดใส่ฐานทัพอากาศของฮูตติ ที่เมือง Taiz และเมือง Sa’dah การยิงจรวดถล่มเยเมน รายการดังกล่าว อเมริการู้เรื่องดี เพราะเป็นคนให้ข้อมูลข่าวกรอง และบอกสภาพพื้นที่แก่ซาอุดิอารเบีย อย่างนี้น่าจะไม่เป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ส่วนเรื่องเป็นประชาธิปไตย ไม่ต้องพูด เพราะพวกราชวงศ์ซาอูดบอกแล้วว่า ยังไม่อยากเป็นเหมือนควีนเอลิ ซาเบธของอังกฤษ รัฐธรรมนูญก็ยังไม่รู้จัก แต่ก็ไม่เป็นไร มีน้ำมันแยะแบบนี้ จะทำอะไรก็ได้ อเมริกาไม่สั่งคว่ำบาตร ไม่ตัดสัมพันธ์ ไม่เดินสายให้นานาชาติช่วยกันด่า แน่นอน รักกันฉิบหายเลย คุณทหารช่วยจำไว้นะครับ เคลื่อนทัพคราวหน้า อย่าทำแค่ปฏิวัติ ปิดช่องแคบมะละกามันด้วยเลย หมดเรื่อง สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 25 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 147 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความกฎหมาย EP.47

    คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติถือเป็นองค์กรที่มีสถานะทางกฎหมายระหว่างประเทศที่โดดเด่นและมีอำนาจหน้าที่สูงสุดในเชิงการบังคับใช้กฎหมายเพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงมวลมนุษยชาติภายใต้อาณัติของกฎบัตรสหประชาชาติซึ่งเปรียบเสมือนธรรมนูญสูงสุดของประชาคมโลก ความแตกต่างที่สำคัญประการหนึ่งซึ่งทำให้องค์กรนี้มีความพิเศษกว่าองค์กรอื่นในระบบสหประชาชาติคืออำนาจในการออกข้อมติที่มีผลผูกพันทางกฎหมายต่อรัฐสมาชิกทั้งหมดตามมาตรายี่สิบห้าแห่งกฎบัตรสหประชาชาติซึ่งระบุให้รัฐสมาชิกตกลงยอมรับและปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะมนตรีความมั่นคง อันเป็นการโอนอ่อนอำนาจอธิปไตยบางส่วนในเชิงความมั่นคงมาไว้ที่การตัดสินใจร่วมกันในระดับพหุภาคีเพื่อป้องกันมิให้เกิดความขัดแย้งลุกลามจนกลายเป็นสงครามวงกว้าง โดยโครงสร้างทางกฎหมายนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างอำนาจของรัฐมหาอำนาจที่มีสถานะเป็นสมาชิกถาวรห้าประเทศกับสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งอีกสิบประเทศ แม้ว่าในเชิงนิติศาสตร์มักมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เท่าเทียมจากสิทธิยับยั้งหรือวีโต้ที่สมาชิกถาวรครอบครองอยู่แต่ในอีกมุมหนึ่งโครงสร้างนี้คือกลไกเชิงประจักษ์ที่รักษาเสถียรภาพระหว่างมหาอำนาจเพื่อไม่ให้ระบบกฎหมายโลกพังทลายลงเหมือนเช่นในอดีต

    กระบวนการบังคับใช้กฎหมายของคณะมนตรีความมั่นคงนั้นดำเนินไปตามลำดับขั้นตอนที่ระบุไว้ในหมวดที่หกและหมวดที่เจ็ดของกฎบัตรสหประชาชาติโดยเริ่มต้นจากการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีผ่านการสืบสวนและการประนีประนอมแต่หากสถานการณ์บานปลายจนกลายเป็นการคุกคามต่อสันติภาพหรือการกระทำอันเป็นการรุกรานคณะมนตรีความมั่นคงมีอำนาจตามหมวดที่เจ็ดในการใช้มาตรการบังคับซึ่งรวมถึงมาตรการที่มิใช่การใช้กำลังทางทหารเช่นการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการจำกัดการคมนาคมขนส่งไปจนถึงมาตรการขั้นสูงสุดคือการอนุญาตให้ใช้กำลังทางทหารเพื่อรักษาสันติภาพกลับคืนมาการตัดสินใจเหล่านี้ต้องผ่านกระบวนการตีความกฎหมายและการประเมินข้อเท็จจริงอย่างถี่ถ้วนเนื่องจากมีผลกระทบต่อสิทธิและหน้าที่ของรัฐอธิปไตยอย่างรุนแรงอำนาจหน้าที่เชิงนิติบัญญัติและนิติบริหารของคณะมนตรีความมั่นคงจึงถือเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญในการกำหนดทิศทางของกฎหมายระหว่างประเทศสมัยใหม่ซึ่งรวมไปถึงการกำหนดนิยามของการก่อการร้ายและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในระดับร้ายแรงที่ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงสากล

    บทสรุปของบทบาทคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในมิติทางกฎหมายจึงมิได้เป็นเพียงแค่เวทีสำหรับการเจรจาต่อรองทางการเมืองเท่านั้นแต่คือเสาหลักของการบังคับใช้ระเบียบโลกที่อาศัยหลักนิติธรรมเป็นเครื่องนำทางท่ามกลางความผันผวนของภูมิรัฐศาสตร์โลกในปัจจุบันแม้ว่าความท้าทายใหม่ๆเช่นอาชญากรรมทางไซเบอร์หรือความขัดแย้งในรูปแบบพันทางจะขยายขอบเขตออกไปเกินกว่าที่ผู้ร่างกฎบัตรเมื่อแปดสิบปีก่อนจะคาดคิดแต่คณะมนตรีความมั่นคงยังคงต้องปรับตัวและตีความกฎหมายที่มีอยู่ให้สอดรับกับพลวัตของโลกเพื่อให้มั่นใจว่าเจตนารมณ์สูงสุดในการพิทักษ์สันติภาพจะยังคงศักดิ์สิทธิ์และมีผลในทางปฏิบัติอย่างยั่งยืนสืบไปความสำเร็จขององค์กรนี้จึงขึ้นอยู่กับความร่วมมือของรัฐสมาชิกในการปฏิบัติตามพันธกรณีทางกฎหมายและการเคารพในมติที่ออกมาเพื่อประโยชน์สุขส่วนรวมของมวลมนุษยชาติมากกว่าผลประโยชน์เฉพาะหน้าของรัฐใดรัฐหนึ่งเพียงลำพังอันจะเป็นรากฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขในเวทีโลกอย่างแท้จริง
    บทความกฎหมาย EP.47 คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติถือเป็นองค์กรที่มีสถานะทางกฎหมายระหว่างประเทศที่โดดเด่นและมีอำนาจหน้าที่สูงสุดในเชิงการบังคับใช้กฎหมายเพื่อธำรงไว้ซึ่งสันติภาพและความมั่นคงมวลมนุษยชาติภายใต้อาณัติของกฎบัตรสหประชาชาติซึ่งเปรียบเสมือนธรรมนูญสูงสุดของประชาคมโลก ความแตกต่างที่สำคัญประการหนึ่งซึ่งทำให้องค์กรนี้มีความพิเศษกว่าองค์กรอื่นในระบบสหประชาชาติคืออำนาจในการออกข้อมติที่มีผลผูกพันทางกฎหมายต่อรัฐสมาชิกทั้งหมดตามมาตรายี่สิบห้าแห่งกฎบัตรสหประชาชาติซึ่งระบุให้รัฐสมาชิกตกลงยอมรับและปฏิบัติตามคำวินิจฉัยของคณะมนตรีความมั่นคง อันเป็นการโอนอ่อนอำนาจอธิปไตยบางส่วนในเชิงความมั่นคงมาไว้ที่การตัดสินใจร่วมกันในระดับพหุภาคีเพื่อป้องกันมิให้เกิดความขัดแย้งลุกลามจนกลายเป็นสงครามวงกว้าง โดยโครงสร้างทางกฎหมายนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความสมดุลระหว่างอำนาจของรัฐมหาอำนาจที่มีสถานะเป็นสมาชิกถาวรห้าประเทศกับสมาชิกที่มาจากการเลือกตั้งอีกสิบประเทศ แม้ว่าในเชิงนิติศาสตร์มักมีการวิพากษ์วิจารณ์ถึงความไม่เท่าเทียมจากสิทธิยับยั้งหรือวีโต้ที่สมาชิกถาวรครอบครองอยู่แต่ในอีกมุมหนึ่งโครงสร้างนี้คือกลไกเชิงประจักษ์ที่รักษาเสถียรภาพระหว่างมหาอำนาจเพื่อไม่ให้ระบบกฎหมายโลกพังทลายลงเหมือนเช่นในอดีต กระบวนการบังคับใช้กฎหมายของคณะมนตรีความมั่นคงนั้นดำเนินไปตามลำดับขั้นตอนที่ระบุไว้ในหมวดที่หกและหมวดที่เจ็ดของกฎบัตรสหประชาชาติโดยเริ่มต้นจากการระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีผ่านการสืบสวนและการประนีประนอมแต่หากสถานการณ์บานปลายจนกลายเป็นการคุกคามต่อสันติภาพหรือการกระทำอันเป็นการรุกรานคณะมนตรีความมั่นคงมีอำนาจตามหมวดที่เจ็ดในการใช้มาตรการบังคับซึ่งรวมถึงมาตรการที่มิใช่การใช้กำลังทางทหารเช่นการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและการจำกัดการคมนาคมขนส่งไปจนถึงมาตรการขั้นสูงสุดคือการอนุญาตให้ใช้กำลังทางทหารเพื่อรักษาสันติภาพกลับคืนมาการตัดสินใจเหล่านี้ต้องผ่านกระบวนการตีความกฎหมายและการประเมินข้อเท็จจริงอย่างถี่ถ้วนเนื่องจากมีผลกระทบต่อสิทธิและหน้าที่ของรัฐอธิปไตยอย่างรุนแรงอำนาจหน้าที่เชิงนิติบัญญัติและนิติบริหารของคณะมนตรีความมั่นคงจึงถือเป็นเครื่องมือชิ้นสำคัญในการกำหนดทิศทางของกฎหมายระหว่างประเทศสมัยใหม่ซึ่งรวมไปถึงการกำหนดนิยามของการก่อการร้ายและการละเมิดสิทธิมนุษยชนในระดับร้ายแรงที่ถือเป็นภัยต่อความมั่นคงสากล บทสรุปของบทบาทคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในมิติทางกฎหมายจึงมิได้เป็นเพียงแค่เวทีสำหรับการเจรจาต่อรองทางการเมืองเท่านั้นแต่คือเสาหลักของการบังคับใช้ระเบียบโลกที่อาศัยหลักนิติธรรมเป็นเครื่องนำทางท่ามกลางความผันผวนของภูมิรัฐศาสตร์โลกในปัจจุบันแม้ว่าความท้าทายใหม่ๆเช่นอาชญากรรมทางไซเบอร์หรือความขัดแย้งในรูปแบบพันทางจะขยายขอบเขตออกไปเกินกว่าที่ผู้ร่างกฎบัตรเมื่อแปดสิบปีก่อนจะคาดคิดแต่คณะมนตรีความมั่นคงยังคงต้องปรับตัวและตีความกฎหมายที่มีอยู่ให้สอดรับกับพลวัตของโลกเพื่อให้มั่นใจว่าเจตนารมณ์สูงสุดในการพิทักษ์สันติภาพจะยังคงศักดิ์สิทธิ์และมีผลในทางปฏิบัติอย่างยั่งยืนสืบไปความสำเร็จขององค์กรนี้จึงขึ้นอยู่กับความร่วมมือของรัฐสมาชิกในการปฏิบัติตามพันธกรณีทางกฎหมายและการเคารพในมติที่ออกมาเพื่อประโยชน์สุขส่วนรวมของมวลมนุษยชาติมากกว่าผลประโยชน์เฉพาะหน้าของรัฐใดรัฐหนึ่งเพียงลำพังอันจะเป็นรากฐานสำคัญของการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุขในเวทีโลกอย่างแท้จริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • Intel จับมือ Samsung ผลิตชิปเซ็ต 8nm สำหรับ Nova Lake

    รายงานจากสื่อเกาหลีเผยว่า Samsung Foundry ได้รับคำสั่งผลิตชิปเซ็ตจาก Intel โดยใช้กระบวนการ 8nm สำหรับแพลตฟอร์มใหม่ Nova Lake ที่จะเปิดตัวในปี 2026–2027 โดยชิปเซ็ต Z990 จะเป็นรุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยีนี้ ถือเป็นการกลับมาร่วมมือกันอีกครั้งหลังจากที่ Samsung เคยผลิตชิปให้ Intel ในอดีต

    การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Intel ที่ต้องการ ลดการพึ่งพา TSMC ซึ่งกำลังเผชิญปัญหาความต้องการล้นเกินและการขาดแคลนกำลังผลิต การเลือก Samsung จึงเป็นกลยุทธ์เพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทาน โดย Samsung เองก็มีประสบการณ์ผลิตชิปให้ Nvidia และ Nintendo มาก่อน ทำให้มีความน่าเชื่อถือในตลาด

    แม้ว่า 8nm จะไม่ใช่เทคโนโลยีล่าสุด แต่ก็เพียงพอสำหรับการผลิตชิปเซ็ตที่ไม่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดเหมือน CPU หรือ GPU การย้ายจาก 14nm ไปสู่ 8nm ยังช่วยให้ Intel สามารถแข่งขันกับ AMD ได้ในเชิงการตลาด เนื่องจาก AMD ยังคงใช้กระบวนการ 14nm สำหรับชิปเซ็ตในปัจจุบัน

    การผลิตจะเกิดขึ้นที่โรงงานของ Samsung ในเกาหลีใต้ โดยคาดว่าจะเริ่มเต็มกำลังในปี 2026 ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดตัวแพลตฟอร์ม Nova Lake ที่มาพร้อมกับ CPU Core Ultra 400S การร่วมมือครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการเสริมกำลังผลิต แต่ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ Intel ในการกลับมาท้าทายคู่แข่งในตลาด

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    Intel เลือก Samsung ผลิตชิปเซ็ต Z990
    ใช้กระบวนการ 8nm สำหรับแพลตฟอร์ม Nova Lake

    กลยุทธ์ลดการพึ่งพา TSMC
    กระจายความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทาน และเสริมความมั่นคง

    การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี
    จาก 14nm ไปสู่ 8nm แม้ไม่ใช่ล่าสุด แต่เพียงพอสำหรับชิปเซ็ต

    การผลิตในเกาหลีใต้
    โรงงาน Samsung จะเริ่มผลิตเต็มกำลังในปี 2026

    คำเตือนด้านการแข่งขัน
    แม้จะใช้ 8nm แต่ยังตามหลังเทคโนโลยีขั้นสูงของ TSMC และ AMD ในบางส่วน
    หากการผลิตไม่เป็นไปตามแผน อาจกระทบต่อการเปิดตัว Nova Lake และภาพลักษณ์ของ Intel

    https://www.tomshardware.com/pc-components/chipsets/samsung-eyed-up-for-huge-8nm-chip-order-from-intel-the-z990-chipset-for-nova-lake-cpus-could-be-intels-8nm-debut
    🤝 Intel จับมือ Samsung ผลิตชิปเซ็ต 8nm สำหรับ Nova Lake รายงานจากสื่อเกาหลีเผยว่า Samsung Foundry ได้รับคำสั่งผลิตชิปเซ็ตจาก Intel โดยใช้กระบวนการ 8nm สำหรับแพลตฟอร์มใหม่ Nova Lake ที่จะเปิดตัวในปี 2026–2027 โดยชิปเซ็ต Z990 จะเป็นรุ่นแรกที่ใช้เทคโนโลยีนี้ ถือเป็นการกลับมาร่วมมือกันอีกครั้งหลังจากที่ Samsung เคยผลิตชิปให้ Intel ในอดีต การตัดสินใจครั้งนี้สะท้อนถึงความพยายามของ Intel ที่ต้องการ ลดการพึ่งพา TSMC ซึ่งกำลังเผชิญปัญหาความต้องการล้นเกินและการขาดแคลนกำลังผลิต การเลือก Samsung จึงเป็นกลยุทธ์เพื่อกระจายความเสี่ยงและสร้างความมั่นคงในห่วงโซ่อุปทาน โดย Samsung เองก็มีประสบการณ์ผลิตชิปให้ Nvidia และ Nintendo มาก่อน ทำให้มีความน่าเชื่อถือในตลาด แม้ว่า 8nm จะไม่ใช่เทคโนโลยีล่าสุด แต่ก็เพียงพอสำหรับการผลิตชิปเซ็ตที่ไม่ต้องการประสิทธิภาพสูงสุดเหมือน CPU หรือ GPU การย้ายจาก 14nm ไปสู่ 8nm ยังช่วยให้ Intel สามารถแข่งขันกับ AMD ได้ในเชิงการตลาด เนื่องจาก AMD ยังคงใช้กระบวนการ 14nm สำหรับชิปเซ็ตในปัจจุบัน การผลิตจะเกิดขึ้นที่โรงงานของ Samsung ในเกาหลีใต้ โดยคาดว่าจะเริ่มเต็มกำลังในปี 2026 ซึ่งจะเป็นจุดเริ่มต้นของการเปิดตัวแพลตฟอร์ม Nova Lake ที่มาพร้อมกับ CPU Core Ultra 400S การร่วมมือครั้งนี้จึงไม่เพียงแต่เป็นการเสริมกำลังผลิต แต่ยังเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ให้ Intel ในการกลับมาท้าทายคู่แข่งในตลาด 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ Intel เลือก Samsung ผลิตชิปเซ็ต Z990 ➡️ ใช้กระบวนการ 8nm สำหรับแพลตฟอร์ม Nova Lake ✅ กลยุทธ์ลดการพึ่งพา TSMC ➡️ กระจายความเสี่ยงด้านห่วงโซ่อุปทาน และเสริมความมั่นคง ✅ การเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี ➡️ จาก 14nm ไปสู่ 8nm แม้ไม่ใช่ล่าสุด แต่เพียงพอสำหรับชิปเซ็ต ✅ การผลิตในเกาหลีใต้ ➡️ โรงงาน Samsung จะเริ่มผลิตเต็มกำลังในปี 2026 ‼️ คำเตือนด้านการแข่งขัน ⛔ แม้จะใช้ 8nm แต่ยังตามหลังเทคโนโลยีขั้นสูงของ TSMC และ AMD ในบางส่วน ⛔ หากการผลิตไม่เป็นไปตามแผน อาจกระทบต่อการเปิดตัว Nova Lake และภาพลักษณ์ของ Intel https://www.tomshardware.com/pc-components/chipsets/samsung-eyed-up-for-huge-8nm-chip-order-from-intel-the-z990-chipset-for-nova-lake-cpus-could-be-intels-8nm-debut
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 162 มุมมอง 0 รีวิว
  • Texas Instruments เปิดโรงงานใหม่ ผลิตชิปวันละหลายสิบล้าน

    Texas Instruments (TI) ประกาศเปิดโรงงานผลิตเวเฟอร์ 300 มิลลิเมตร แห่งใหม่ที่เมือง Sherman รัฐเท็กซัส หลังจากลงทุนกว่า 60 พันล้านดอลลาร์ โดยโรงงานนี้ถือเป็นหนึ่งในสี่แห่งที่ TI วางแผนสร้างเพื่อเสริมกำลังการผลิตในสหรัฐฯ โรงงานแรก (SM1) เริ่มเดินเครื่องแล้ว และพร้อมส่งมอบชิปให้ลูกค้าในตลาดทันที

    โรงงาน SM1 จะเน้นผลิตชิปสำหรับระบบพลังงาน เช่น แบตเตอรี่รถยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ระบบไฟส่องสว่างในรถยนต์ และระบบพลังงานในศูนย์ข้อมูล ไม่ได้มุ่งผลิตชิปประสิทธิภาพสูงสำหรับคอมพิวเตอร์ขั้นสูงเหมือน Intel หรือ TSMC แต่จะเน้นตลาดที่ต้องการความเสถียรและการผลิตในปริมาณมหาศาล ซึ่ง TI มองว่าเป็นจุดแข็งของบริษัท

    การลงทุนครั้งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ “Made in USA” เพื่อเสริมความมั่นคงด้านห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ TI คาดว่าโรงงานทั้งสี่แห่งใน Sherman จะสร้างงานโดยตรงกว่า 3,000 ตำแหน่ง และช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ ขณะเดียวกัน TI ก็ทยอยปิดโรงงานเก่าที่ผลิตเวเฟอร์ 150 มิลลิเมตร เพื่อปรับสมดุลกำลังการผลิตไปสู่มาตรฐานใหม่

    นอกจากการเพิ่มกำลังผลิตแล้ว TI ยังเน้นพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน เช่น การลดการใช้พลังงานขณะสแตนด์บาย การเพิ่มความหนาแน่นของพลังงาน และการลดสัญญาณรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMI) เพื่อให้ชิปที่ผลิตออกมามีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และศูนย์ข้อมูลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว

    สรุปสาระสำคัญและคำเตือน
    การลงทุนครั้งใหญ่ของ TI
    มูลค่า 60 พันล้านดอลลาร์ สร้างโรงงาน 4 แห่งที่ Sherman, Texas

    โรงงาน SM1 เริ่มผลิตแล้ว
    เน้นชิปสำหรับระบบพลังงาน เช่น รถยนต์และศูนย์ข้อมูล

    ผลกระทบต่อการจ้างงาน
    คาดว่าจะสร้างงานกว่า 3,000 ตำแหน่งในพื้นที่

    การปรับสมดุลกำลังการผลิต
    ปิดโรงงานเก่าที่ผลิตเวเฟอร์ 150 มม. เพื่อย้ายไปสู่มาตรฐาน 300 มม.

    การพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน
    ลดการใช้พลังงานสแตนด์บาย เพิ่มความหนาแน่น และลด EMI

    คำเตือนด้านการแข่งขันและห่วงโซ่อุปทาน
    TI ไม่ได้ผลิตชิปขั้นสูงสำหรับ AI หรือ HPC อาจเสียเปรียบในตลาดประสิทธิภาพสูง
    แม้จะช่วยเสริมความมั่นคง แต่การลงทุนมหาศาลยังเสี่ยงต่อความผันผวนของตลาดเซมิคอนดักเตอร์

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/new-texas-instruments-fab-will-pump-out-tens-of-millions-of-chips-per-day-first-300mm-fab-starts-production-after-usd60-billion-investment
    🏭 Texas Instruments เปิดโรงงานใหม่ ผลิตชิปวันละหลายสิบล้าน Texas Instruments (TI) ประกาศเปิดโรงงานผลิตเวเฟอร์ 300 มิลลิเมตร แห่งใหม่ที่เมือง Sherman รัฐเท็กซัส หลังจากลงทุนกว่า 60 พันล้านดอลลาร์ โดยโรงงานนี้ถือเป็นหนึ่งในสี่แห่งที่ TI วางแผนสร้างเพื่อเสริมกำลังการผลิตในสหรัฐฯ โรงงานแรก (SM1) เริ่มเดินเครื่องแล้ว และพร้อมส่งมอบชิปให้ลูกค้าในตลาดทันที โรงงาน SM1 จะเน้นผลิตชิปสำหรับระบบพลังงาน เช่น แบตเตอรี่รถยนต์ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ระบบไฟส่องสว่างในรถยนต์ และระบบพลังงานในศูนย์ข้อมูล ไม่ได้มุ่งผลิตชิปประสิทธิภาพสูงสำหรับคอมพิวเตอร์ขั้นสูงเหมือน Intel หรือ TSMC แต่จะเน้นตลาดที่ต้องการความเสถียรและการผลิตในปริมาณมหาศาล ซึ่ง TI มองว่าเป็นจุดแข็งของบริษัท การลงทุนครั้งนี้ยังเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์ “Made in USA” เพื่อเสริมความมั่นคงด้านห่วงโซ่อุปทานเซมิคอนดักเตอร์ TI คาดว่าโรงงานทั้งสี่แห่งใน Sherman จะสร้างงานโดยตรงกว่า 3,000 ตำแหน่ง และช่วยลดการพึ่งพาการนำเข้าจากต่างประเทศ ขณะเดียวกัน TI ก็ทยอยปิดโรงงานเก่าที่ผลิตเวเฟอร์ 150 มิลลิเมตร เพื่อปรับสมดุลกำลังการผลิตไปสู่มาตรฐานใหม่ นอกจากการเพิ่มกำลังผลิตแล้ว TI ยังเน้นพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน เช่น การลดการใช้พลังงานขณะสแตนด์บาย การเพิ่มความหนาแน่นของพลังงาน และการลดสัญญาณรบกวนทางแม่เหล็กไฟฟ้า (EMI) เพื่อให้ชิปที่ผลิตออกมามีความปลอดภัยและมีประสิทธิภาพสูงขึ้น ซึ่งจะส่งผลโดยตรงต่ออุตสาหกรรมยานยนต์และศูนย์ข้อมูลที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว 📌 สรุปสาระสำคัญและคำเตือน ✅ การลงทุนครั้งใหญ่ของ TI ➡️ มูลค่า 60 พันล้านดอลลาร์ สร้างโรงงาน 4 แห่งที่ Sherman, Texas ✅ โรงงาน SM1 เริ่มผลิตแล้ว ➡️ เน้นชิปสำหรับระบบพลังงาน เช่น รถยนต์และศูนย์ข้อมูล ✅ ผลกระทบต่อการจ้างงาน ➡️ คาดว่าจะสร้างงานกว่า 3,000 ตำแหน่งในพื้นที่ ✅ การปรับสมดุลกำลังการผลิต ➡️ ปิดโรงงานเก่าที่ผลิตเวเฟอร์ 150 มม. เพื่อย้ายไปสู่มาตรฐาน 300 มม. ✅ การพัฒนาเทคโนโลยีด้านพลังงาน ➡️ ลดการใช้พลังงานสแตนด์บาย เพิ่มความหนาแน่น และลด EMI ‼️ คำเตือนด้านการแข่งขันและห่วงโซ่อุปทาน ⛔ TI ไม่ได้ผลิตชิปขั้นสูงสำหรับ AI หรือ HPC อาจเสียเปรียบในตลาดประสิทธิภาพสูง ⛔ แม้จะช่วยเสริมความมั่นคง แต่การลงทุนมหาศาลยังเสี่ยงต่อความผันผวนของตลาดเซมิคอนดักเตอร์ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/new-texas-instruments-fab-will-pump-out-tens-of-millions-of-chips-per-day-first-300mm-fab-starts-production-after-usd60-billion-investment
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • Kernel 6.17 ถึงจุดสิ้นสุดการสนับสนุน – อัปเกรดสู่ 6.18 LTS
    Linux Kernel เวอร์ชัน 6.17 ได้ถูกประกาศให้เป็น End of Life (EOL) แล้วโดย Greg Kroah-Hartman ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัยหรือบั๊กอีกต่อไป ผู้ใช้ที่ยังคงใช้ Kernel รุ่นนี้จึงควรรีบอัปเกรดไปยัง Linux Kernel 6.18 LTS ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับการสนับสนุนระยะยาวและมีการแก้ไขบั๊กจำนวนมาก.

    Kernel 6.18 LTS มาพร้อมกับการปรับปรุงหลายด้าน เช่น การรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ, การปรับปรุงประสิทธิภาพ และการแก้ไขบั๊กที่สะสมจากรุ่นก่อนหน้า โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความปลอดภัยที่สำคัญ ทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าระบบจะมีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้นเมื่อใช้งานในระยะยาว.

    การประกาศ EOL ของ Kernel 6.17 สะท้อนถึงธรรมชาติของการพัฒนา Linux ที่มีการออกเวอร์ชันใหม่อย่างต่อเนื่อง รุ่นที่ไม่ใช่ LTS มักจะมีวงจรชีวิตสั้นเพียงไม่กี่เดือน และถูกแทนที่ด้วยรุ่นใหม่ที่มีการสนับสนุนยาวกว่า การเลือกใช้ LTS จึงเป็นแนวทางที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรที่ต้องการความมั่นคง.

    ผู้ใช้สามารถอัปเดตไปยัง Kernel 6.18.1 หรือทดสอบ 6.19 RC1 ได้แล้ว โดยการอัปเดตนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ระบบปลอดภัยขึ้น แต่ยังทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ใหม่ ๆ และการรองรับฮาร์ดแวร์ล่าสุดได้เต็มที่.

    สรุปสาระสำคัญ
    Linux Kernel 6.17 EOL แล้ว
    ไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัยหรือบั๊กอีกต่อไป
    ผู้ใช้ควรอัปเกรดทันที

    Kernel 6.18 LTS คือรุ่นที่แนะนำ
    ได้รับการสนับสนุนระยะยาว
    มีการแก้ไขบั๊กและปรับปรุงประสิทธิภาพ

    วงจรชีวิต Kernel รุ่นสั้น
    รุ่น non-LTS มักอยู่ได้เพียงไม่กี่เดือน
    LTS เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปและองค์กร

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    หากยังใช้ Kernel 6.17 จะเสี่ยงต่อช่องโหว่และบั๊กที่ไม่ได้รับการแก้ไข
    ควรอัปเดตเป็น 6.18.1 หรือทดสอบ 6.19 RC1 เพื่อความปลอดภัยและเสถียรภาพ

    https://9to5linux.com/linux-kernel-6-17-reaches-end-of-life-its-time-to-upgrade-to-linux-kernel-6-18-lts
    🐧 Kernel 6.17 ถึงจุดสิ้นสุดการสนับสนุน – อัปเกรดสู่ 6.18 LTS Linux Kernel เวอร์ชัน 6.17 ได้ถูกประกาศให้เป็น End of Life (EOL) แล้วโดย Greg Kroah-Hartman ซึ่งหมายความว่าจะไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัยหรือบั๊กอีกต่อไป ผู้ใช้ที่ยังคงใช้ Kernel รุ่นนี้จึงควรรีบอัปเกรดไปยัง Linux Kernel 6.18 LTS ซึ่งเป็นรุ่นที่ได้รับการสนับสนุนระยะยาวและมีการแก้ไขบั๊กจำนวนมาก. Kernel 6.18 LTS มาพร้อมกับการปรับปรุงหลายด้าน เช่น การรองรับฮาร์ดแวร์ใหม่ ๆ, การปรับปรุงประสิทธิภาพ และการแก้ไขบั๊กที่สะสมจากรุ่นก่อนหน้า โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาความปลอดภัยที่สำคัญ ทำให้ผู้ใช้มั่นใจได้ว่าระบบจะมีความเสถียรและปลอดภัยมากขึ้นเมื่อใช้งานในระยะยาว. การประกาศ EOL ของ Kernel 6.17 สะท้อนถึงธรรมชาติของการพัฒนา Linux ที่มีการออกเวอร์ชันใหม่อย่างต่อเนื่อง รุ่นที่ไม่ใช่ LTS มักจะมีวงจรชีวิตสั้นเพียงไม่กี่เดือน และถูกแทนที่ด้วยรุ่นใหม่ที่มีการสนับสนุนยาวกว่า การเลือกใช้ LTS จึงเป็นแนวทางที่เหมาะสมสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและองค์กรที่ต้องการความมั่นคง. ผู้ใช้สามารถอัปเดตไปยัง Kernel 6.18.1 หรือทดสอบ 6.19 RC1 ได้แล้ว โดยการอัปเดตนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ระบบปลอดภัยขึ้น แต่ยังทำให้สามารถใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ใหม่ ๆ และการรองรับฮาร์ดแวร์ล่าสุดได้เต็มที่. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ Linux Kernel 6.17 EOL แล้ว ➡️ ไม่มีการอัปเดตด้านความปลอดภัยหรือบั๊กอีกต่อไป ➡️ ผู้ใช้ควรอัปเกรดทันที ✅ Kernel 6.18 LTS คือรุ่นที่แนะนำ ➡️ ได้รับการสนับสนุนระยะยาว ➡️ มีการแก้ไขบั๊กและปรับปรุงประสิทธิภาพ ✅ วงจรชีวิต Kernel รุ่นสั้น ➡️ รุ่น non-LTS มักอยู่ได้เพียงไม่กี่เดือน ➡️ LTS เหมาะกับผู้ใช้ทั่วไปและองค์กร ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ หากยังใช้ Kernel 6.17 จะเสี่ยงต่อช่องโหว่และบั๊กที่ไม่ได้รับการแก้ไข ⛔ ควรอัปเดตเป็น 6.18.1 หรือทดสอบ 6.19 RC1 เพื่อความปลอดภัยและเสถียรภาพ https://9to5linux.com/linux-kernel-6-17-reaches-end-of-life-its-time-to-upgrade-to-linux-kernel-6-18-lts
    9TO5LINUX.COM
    Linux Kernel 6.17 Reaches End of Life, It’s Time to Upgrade to Linux Kernel 6.18 LTS - 9to5Linux
    Linux kernel 6.17 reached end of life and all users are now recommended to upgrade their systems to the latest Linux 6.18 kernel series.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • LibreOffice 25.8.4 – รุ่นบำรุงรักษาพร้อมแก้บั๊กกว่า 70 จุด

    The Document Foundation (TDF) ประกาศเปิดตัว LibreOffice 25.8.4 ซึ่งเป็นรุ่นบำรุงรักษาล่าสุดในซีรีส์ 25.8 โดยเน้นการแก้ไขบั๊กและปรับปรุงเสถียรภาพมากกว่าการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ รุ่นนี้แก้ไขปัญหามากกว่า 70 รายการ ที่ถูกรายงานจากผู้ใช้และนักพัฒนาในชุมชน ทำให้การใช้งานทั้ง Writer, Calc, Impress และ Draw มีความเสถียรมากขึ้น.

    การอัปเดตนี้ถือเป็นรุ่นที่สี่ในซีรีส์ 25.8 และยังคงยืนยันว่า LibreOffice เป็นหนึ่งในชุดโปรแกรมสำนักงานโอเพนซอร์สที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดย TDF แนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดตทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงบั๊กที่อาจกระทบต่อการทำงาน โดยเฉพาะผู้ใช้ในองค์กรที่ต้องการความมั่นคงของระบบ.

    นอกจากนี้ LibreOffice 25.8.4 ยังเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้ผู้ใช้ทั่วไปหันมาใช้ LibreOffice Community Edition ขณะที่องค์กรที่ต้องการการสนับสนุนระยะยาวและบริการเชิงพาณิชย์สามารถเลือกใช้ LibreOffice Enterprise จากพันธมิตรที่ได้รับการรับรอง ซึ่งเป็นโมเดลที่ช่วยให้โครงการมีความยั่งยืนและสามารถพัฒนาต่อไปได้.

    ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด LibreOffice 25.8.4 ได้จากเว็บไซต์ทางการของ TDF ทั้งในรูปแบบ binary สำหรับ Windows, macOS และ Linux รวมถึง source code สำหรับนักพัฒนาที่ต้องการปรับแต่งเพิ่มเติม.

    สรุปสาระสำคัญ
    LibreOffice 25.8.4 เปิดตัวแล้ว
    เป็นรุ่นบำรุงรักษาในซีรีส์ 25.8
    แก้ไขบั๊กกว่า 70 รายการ

    การปรับปรุงหลัก
    เพิ่มเสถียรภาพใน Writer, Calc, Impress และ Draw
    เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและองค์กร

    โมเดลการใช้งาน
    LibreOffice Community Edition สำหรับผู้ใช้ทั่วไป
    LibreOffice Enterprise สำหรับองค์กรที่ต้องการการสนับสนุน

    คำเตือนสำหรับผู้ใช้
    หากยังใช้เวอร์ชันเก่า อาจเจอบั๊กที่กระทบต่อการทำงาน
    ควรอัปเดตเป็น 25.8.4 ทันทีเพื่อความปลอดภัยและเสถียรภาพ

    https://9to5linux.com/libreoffice-25-8-4-is-now-available-for-download-with-more-than-70-bug-fixes
    📝 LibreOffice 25.8.4 – รุ่นบำรุงรักษาพร้อมแก้บั๊กกว่า 70 จุด The Document Foundation (TDF) ประกาศเปิดตัว LibreOffice 25.8.4 ซึ่งเป็นรุ่นบำรุงรักษาล่าสุดในซีรีส์ 25.8 โดยเน้นการแก้ไขบั๊กและปรับปรุงเสถียรภาพมากกว่าการเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ รุ่นนี้แก้ไขปัญหามากกว่า 70 รายการ ที่ถูกรายงานจากผู้ใช้และนักพัฒนาในชุมชน ทำให้การใช้งานทั้ง Writer, Calc, Impress และ Draw มีความเสถียรมากขึ้น. การอัปเดตนี้ถือเป็นรุ่นที่สี่ในซีรีส์ 25.8 และยังคงยืนยันว่า LibreOffice เป็นหนึ่งในชุดโปรแกรมสำนักงานโอเพนซอร์สที่มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดย TDF แนะนำให้ผู้ใช้ทุกคนอัปเดตทันทีเพื่อหลีกเลี่ยงบั๊กที่อาจกระทบต่อการทำงาน โดยเฉพาะผู้ใช้ในองค์กรที่ต้องการความมั่นคงของระบบ. นอกจากนี้ LibreOffice 25.8.4 ยังเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันให้ผู้ใช้ทั่วไปหันมาใช้ LibreOffice Community Edition ขณะที่องค์กรที่ต้องการการสนับสนุนระยะยาวและบริการเชิงพาณิชย์สามารถเลือกใช้ LibreOffice Enterprise จากพันธมิตรที่ได้รับการรับรอง ซึ่งเป็นโมเดลที่ช่วยให้โครงการมีความยั่งยืนและสามารถพัฒนาต่อไปได้. ผู้ใช้สามารถดาวน์โหลด LibreOffice 25.8.4 ได้จากเว็บไซต์ทางการของ TDF ทั้งในรูปแบบ binary สำหรับ Windows, macOS และ Linux รวมถึง source code สำหรับนักพัฒนาที่ต้องการปรับแต่งเพิ่มเติม. 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ LibreOffice 25.8.4 เปิดตัวแล้ว ➡️ เป็นรุ่นบำรุงรักษาในซีรีส์ 25.8 ➡️ แก้ไขบั๊กกว่า 70 รายการ ✅ การปรับปรุงหลัก ➡️ เพิ่มเสถียรภาพใน Writer, Calc, Impress และ Draw ➡️ เหมาะสำหรับผู้ใช้ทั่วไปและองค์กร ✅ โมเดลการใช้งาน ➡️ LibreOffice Community Edition สำหรับผู้ใช้ทั่วไป ➡️ LibreOffice Enterprise สำหรับองค์กรที่ต้องการการสนับสนุน ‼️ คำเตือนสำหรับผู้ใช้ ⛔ หากยังใช้เวอร์ชันเก่า อาจเจอบั๊กที่กระทบต่อการทำงาน ⛔ ควรอัปเดตเป็น 25.8.4 ทันทีเพื่อความปลอดภัยและเสถียรภาพ https://9to5linux.com/libreoffice-25-8-4-is-now-available-for-download-with-more-than-70-bug-fixes
    9TO5LINUX.COM
    LibreOffice 25.8.4 Is Now Available for Download with More Than 70 Bug Fixes - 9to5Linux
    LibreOffice 25.8.4 is now available for download as the fourth maintenance update to the latest LibreOffice 25.8 office suite series with more than 70 bug fixes.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • สภากลาโหมมีมติเพิ่มการดูแลกำลังพลแนวหน้า เร่งจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ให้ถูกต้องและทันท่วงที ควบคู่กับการยกระดับมาตรการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา
    .
    โฆษกกระทรวงกลาโหมระบุว่า ที่ประชุมเห็นชอบการเสริมกำลังบำรุงให้หน่วยปฏิบัติการในพื้นที่ พร้อมให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตและการศึกษา โดยมีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะและโอกาสในระยะยาวแก่กำลังพลและครอบครัว
    .
    ในด้านสถานการณ์ชายแดน ได้สั่งการบูรณาการหน่วยงานด้านความมั่นคง เพิ่มการดูแลความปลอดภัยประชาชน โดยย้ำให้การปฏิบัติการของกองทัพไทยเป็นไปอย่างรอบคอบ ได้สัดส่วน และอยู่ภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรม
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122086
    .
    #News1live #News1 #สภากลาโหม #ความมั่นคง #ชายแดนไทยกัมพูชา #กำลังพล
    สภากลาโหมมีมติเพิ่มการดูแลกำลังพลแนวหน้า เร่งจัดสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ให้ถูกต้องและทันท่วงที ควบคู่กับการยกระดับมาตรการรักษาความมั่นคงตามแนวชายแดนไทย–กัมพูชา . โฆษกกระทรวงกลาโหมระบุว่า ที่ประชุมเห็นชอบการเสริมกำลังบำรุงให้หน่วยปฏิบัติการในพื้นที่ พร้อมให้ความสำคัญกับคุณภาพชีวิตและการศึกษา โดยมีความร่วมมือกับสถาบันการศึกษาเพื่อพัฒนาทักษะและโอกาสในระยะยาวแก่กำลังพลและครอบครัว . ในด้านสถานการณ์ชายแดน ได้สั่งการบูรณาการหน่วยงานด้านความมั่นคง เพิ่มการดูแลความปลอดภัยประชาชน โดยย้ำให้การปฏิบัติการของกองทัพไทยเป็นไปอย่างรอบคอบ ได้สัดส่วน และอยู่ภายใต้หลักกฎหมายระหว่างประเทศและหลักมนุษยธรรม . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122086 . #News1live #News1 #สภากลาโหม #ความมั่นคง #ชายแดนไทยกัมพูชา #กำลังพล
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 294 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพอากาศชี้แจงกรณีการปฏิบัติการทางอากาศต่อเป้าหมายใกล้เมืองปอยเปต ภายหลังมีกระแสข่าวการโจมตีในพื้นที่ดังกล่าว ยืนยันว่าเป็นการโจมตีเป้าหมายทางทหารที่ผ่านการพิสูจน์ทราบด้านการข่าวอย่างรอบคอบ
    .
    โฆษกกองทัพอากาศระบุว่า เป้าหมายดังกล่าวเป็นคลังเก็บอาวุธ กระสุน วัตถุระเบิด และจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ซึ่งถูกใช้เป็นศูนย์โลจิสติกส์ในการโจมตีพื้นที่ฝั่งไทย โดยจากการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ ไม่พบพลเรือนอาศัยอยู่ในบริเวณเป้าหมาย
    .
    กองทัพอากาศย้ำว่า การปฏิบัติการครั้งนี้ดำเนินการภายใต้หลักมนุษยธรรม ความจำเป็น และความได้สัดส่วน มุ่งโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหาร เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประเทศ
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122084
    .
    #News1live #News1 #กองทัพอากาศ #สถานการณ์ชายแดน #ปอยเปต #ความมั่นคง
    กองทัพอากาศชี้แจงกรณีการปฏิบัติการทางอากาศต่อเป้าหมายใกล้เมืองปอยเปต ภายหลังมีกระแสข่าวการโจมตีในพื้นที่ดังกล่าว ยืนยันว่าเป็นการโจมตีเป้าหมายทางทหารที่ผ่านการพิสูจน์ทราบด้านการข่าวอย่างรอบคอบ . โฆษกกองทัพอากาศระบุว่า เป้าหมายดังกล่าวเป็นคลังเก็บอาวุธ กระสุน วัตถุระเบิด และจรวดหลายลำกล้อง BM-21 ซึ่งถูกใช้เป็นศูนย์โลจิสติกส์ในการโจมตีพื้นที่ฝั่งไทย โดยจากการตรวจสอบพื้นที่โดยรอบ ไม่พบพลเรือนอาศัยอยู่ในบริเวณเป้าหมาย . กองทัพอากาศย้ำว่า การปฏิบัติการครั้งนี้ดำเนินการภายใต้หลักมนุษยธรรม ความจำเป็น และความได้สัดส่วน มุ่งโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหาร เพื่อปกป้องอธิปไตยและความปลอดภัยของประเทศ . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122084 . #News1live #News1 #กองทัพอากาศ #สถานการณ์ชายแดน #ปอยเปต #ความมั่นคง
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 299 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพบกชี้แจงกรณีฝ่ายกัมพูชาเผยแพร่ข้อมูลกล่าวหาว่าฝ่ายไทยดำเนินการทางทหารกระทบโครงสร้างพื้นฐานและโบราณสถาน ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง
    .
    โฆษกกองทัพบกระบุว่า การปฏิบัติการของฝ่ายไทยมุ่งโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น ดำเนินการอย่างจำกัดวงตามความจำเป็น อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายและหลักมนุษยธรรมสากล และยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้อง
    .
    สำหรับสถานการณ์ล่าสุด ระบุว่าภาพรวมการปฏิบัติการเป็นไปตามแผน โดยเป้าหมายสำคัญทางทหารส่วนใหญ่บรรลุผลตามที่กำหนดไว้ ขณะที่ผู้บัญชาการทหารบกได้กำหนดเป้าหมายการสถาปนาแนวชายแดนตามแนวเส้นปฏิบัติการของไทย และเร่งลดขีดความสามารถทางทหารที่เป็นภัยคุกคามต่อฝ่ายไทย
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122025
    .
    #News1live #News1 #กองทัพบก #สถานการณ์ชายแดน #ความมั่นคง
    กองทัพบกชี้แจงกรณีฝ่ายกัมพูชาเผยแพร่ข้อมูลกล่าวหาว่าฝ่ายไทยดำเนินการทางทหารกระทบโครงสร้างพื้นฐานและโบราณสถาน ยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และเป็นการบิดเบือนข้อเท็จจริง . โฆษกกองทัพบกระบุว่า การปฏิบัติการของฝ่ายไทยมุ่งโจมตีเฉพาะเป้าหมายทางทหารเท่านั้น ดำเนินการอย่างจำกัดวงตามความจำเป็น อยู่ภายใต้กรอบกฎหมายและหลักมนุษยธรรมสากล และยืนยันว่าไม่มีผลกระทบต่อพลเรือนที่ไม่เกี่ยวข้อง . สำหรับสถานการณ์ล่าสุด ระบุว่าภาพรวมการปฏิบัติการเป็นไปตามแผน โดยเป้าหมายสำคัญทางทหารส่วนใหญ่บรรลุผลตามที่กำหนดไว้ ขณะที่ผู้บัญชาการทหารบกได้กำหนดเป้าหมายการสถาปนาแนวชายแดนตามแนวเส้นปฏิบัติการของไทย และเร่งลดขีดความสามารถทางทหารที่เป็นภัยคุกคามต่อฝ่ายไทย . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122025 . #News1live #News1 #กองทัพบก #สถานการณ์ชายแดน #ความมั่นคง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 261 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพเรือเผยได้รับรายงานการพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน เข้าไปก่อกวนบริเวณแท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทยหลายจุด โดยได้ส่งเรือรบและอากาศยานลาดตระเวนตรวจสอบพื้นที่และเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง
    .
    ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้รับแจ้งตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย และมีแท่นขุดเจาะน้ำมันหลายแห่งรายงานเหตุในลักษณะเดียวกัน ยืนยันว่ากองทัพเรือยังคงรักษามาตรการความปลอดภัย และคุ้มครองโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของประเทศอย่างเข้มงวด
    .
    ด้านกองทัพอากาศระบุว่า ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้เป็นหน่วยงานหลักด้านการต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ พร้อมทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการเชิงรุกและเชิงรับ เพื่อป้องกันภัยคุกคามต่อพื้นที่และสถานที่สำคัญของประเทศ
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122015
    .
    #News1live #News1 #กองทัพเรือ #กองทัพอากาศ #โดรน #อ่าวไทย #ความมั่นคง
    กองทัพเรือเผยได้รับรายงานการพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน เข้าไปก่อกวนบริเวณแท่นขุดเจาะน้ำมันในอ่าวไทยหลายจุด โดยได้ส่งเรือรบและอากาศยานลาดตระเวนตรวจสอบพื้นที่และเฝ้าระวังอย่างต่อเนื่อง . ผู้ช่วยโฆษกกองทัพเรือระบุว่า เหตุการณ์ดังกล่าวได้รับแจ้งตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย และมีแท่นขุดเจาะน้ำมันหลายแห่งรายงานเหตุในลักษณะเดียวกัน ยืนยันว่ากองทัพเรือยังคงรักษามาตรการความปลอดภัย และคุ้มครองโครงสร้างพื้นฐานด้านพลังงานของประเทศอย่างเข้มงวด . ด้านกองทัพอากาศระบุว่า ได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้เป็นหน่วยงานหลักด้านการต่อต้านอากาศยานไร้คนขับ พร้อมทำงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง กำหนดมาตรการเชิงรุกและเชิงรับ เพื่อป้องกันภัยคุกคามต่อพื้นที่และสถานที่สำคัญของประเทศ . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000122015 . #News1live #News1 #กองทัพเรือ #กองทัพอากาศ #โดรน #อ่าวไทย #ความมั่นคง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 8
    “ข่าวลือ ข่าวลวง”

    ตอน 8

    เยเมน เป็นเหมือนหนามตำตีน ซาอุดิอารเบียมาตลอดเวลากว่า 70 ปีมาแล้ว

    อิบน์ ซาอูด เคยยกพลไปทำสงครามกับเยเมน เมื่อปี ค.ศ.1934 กองทัพซาอุ ยึดพื้นที่ริมทะเลแดงได้ แต่ไม่สามารถยึดพื้นที่ตามแนวภูเขาและตัวเมืองชั้นในได้สัญญาสงบศึกระหว่าง 2 ประเทศ ที่ทำขึ้น ทำให้เยเมนต้องเสียหลายเมืองตามแนวเขตแดนให้แก่ซาอุดิอารเบีย และทำให้ขบวนการทวงดินแดนของเยเมนไม่เคยหมดไป

    เมื่อตอนปี ค.ศ.1960 ซาอุ สนับสนุนราชวงศ์เซดี ที่ปกครองเยเมน ในการต่อสู้กับฝ่ายอียิปต์ ที่ให้การสนับสนุนขบวนการเป็นสาธารณรัฐของเยเมน ที่ประกาศว่า จะโค่นล้มระบบกษัตริย์ทั้งคาบสมุทรอารเบีย

    แต่พอถึงเดือนมีนาคมปีนี้ (2015) ฝ่ายซาอุ ดันยิงจรวดเข้าถล่มกลุ่มฮูตติ ที่เป็นพวกกับกบฏเซดี ซึ่งกำลังรุกเข้าไปครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในเยเมนได้ และขับไล่รัฐบาลเยเมนที่พวกซาอุดิอารเบียสนับสนุน พ่ายแพ้หนีออกไปจากเมืองซานะ เข้าไปพึ่งใบบุญของซาอุดิอารเบีย ตั้งแต่ปีที่แล้ว

    โอ้ย วุ่นกันฉิบหาย…. อย่าเพิ่งงงนะครับ อ่านช้าๆ หลายหนก็ได้ เพราะนี่เรากำลังจะเข้าไปสู่จุดชี้ชะตา ของซาอุดิอารเบีย และก็อาจจะเป็นจุดชี้ชะตา ของอเมริกาด้วยก็ได้….

    เขาว่า ซาอุ ตัดสินใจส่งจรวดให้เยเมน เพียงเพราะฝ่ายซาอุไปได้ข่าวมาว่า พวกเซดีตกลงใจที่จะให้เส้นทางบินแก่อิหร่าน ที่จะบินตรงจากเตหะรานมาเยเมน และเยเมนยังตกลงใจที่จะให้อิหร่านใช้ท่าเรือฮูเดดาห์ Hudaydah ของเยเมน แถมกำลังมีการเจรจาจะซื้อน้ำมันราคาถูกระหว่างเยเมนกับอิหร่านอีกด้วย

    สรุปว่า เยเมนได้รับจรวด เพราะซาอุดิอารเบียประสาทกินเรื่องอิหร่าน

    เรื่องนี้ทำให้ซาอุ ออกแขกจริงๆ และไปรวบรวมเพื่อนขี่อูฐด้วยกัน ให้มาไล่ถล่มเยเมน นอกจากพรรคพวกแถวอ่าวแล้ว ยังมี จอร์แดน โมรอคโค และอิยิปต์บอกเอาด้วย แต่ที่น่าสนใจ โอมานและปากีสถาน เพื่อนเก่าบอก ไม่เอากับซาอุด้วย เออ น่าคิด

    สำหรับโอมาน เข้าใจว่าพยายามจะวางตัวเป็นกลาง เพราะยืนอยู่ใกล้ปากอิหร่านเหลือเกิน และยิ่งเป็นอิหร่านที่กำลังมาแรงเสียด้วย ก็ไม่แปลกเท่าไหร่ ที่โอมานจะทิ้งระยะห่างจากซาอุ

    แต่สำหรับปากีสถาน ซึ่งเคยว่าไงว่ากันกับอเมริกา และ อยู่ในบัญชี ประเภทสามารถรูดบัตรเติมเงินกับซาอุดิอารเบียได้มาตลอดนี่ … ยิ่งกว่าน่าสนใจ

    อเมริกาอ้างว่า ตัวเองให้การสนับสนุนซาอุในเรื่องยิงจรวดใส่เยเมนเฉพาะ ด้านงานข่าวกรอง และด้านสภาพพื้นที่ในเยเมน แม้ว่าทางริยาร์ดจะแจ้งทางอเมริกาล่วงหน้า ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะยิงจรวดลูกแรกใส่เยเมน

    การบุกเยเมนในครั้งนี้ของซาอุดิอารเบีย ถือเป็นนโยบายต่างประเทศเชิงรุก มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของซาอุดิอารเบีย ที่ผ่านๆมา ซาอุ จะทำอย่างไม่เปิดเผย แถมซ่อนไปซ้อนมาเสียอีกด้วยซ้ำ

    ในความเห็นของอเมริกา การที่ซาอุดิอารเบียยิงจรวดใส่เยเมนในครั้งนี้ นับว่าเป็นเรื่องอันตรายกับซาอุเองอย่างยิ่ง

    …อ้าว แล้วทำไมไม่เตือนเพื่อนรักกันเลย จริงๆ ต้องด่าด้วยซ้ำ อยู่ๆจะไปยิงจรวดใส่บ้านคนอื่นเขาง่ายๆ อย่างนี้ได้ไงวะ ที่แค่ยังไม่มีการเลือกตั้ง มึงยังเสือกปากเข้ามาไม่เลิก…
    และจนถึงทุกวันนี้ การสู้รบที่เยเมน ก็ไม่ได้เกิดผลดีกับซาอุแต่อย่างใด ต่างฝ่ายต่างยังยันกันอยู่ ฝ่ายซาอุกับพวกอ้างว่าคุมได้แล้วทางอากาศ ชายฝั่งและท่าเรือทางใต้ของเอเดน ขณะที่ฝ่ายซาดีฮูตติและพวก ก็อ้างว่าควบคุมทางเหนือของเยเมนได้เกือบหมดแล้ว

    และระหว่างที่ซาอุและพวกฟาดฟันยุ่งอยู่กับพวกฮูตติ จึงเป็นโอกาสให้อัลไดดาขยายฐานเข้าไปยึดได้เมืองใหญ่ ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นถิ่นเดิม ที่พ่อของบิน ลาเดน เคยอยู่มาก่อนที่จะอพยพไปอยู่ในซาอุดิอารเบีย

    สงครามเยเมน จึงเสมือนเป็นบททดสอบ บทแรกของกษัตริย์ซัลมาน เกี่ยวกับกิจการต่างประเทศ ที่อาจจะมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความมั่นคงของซาอุดิอารเบีย คาบสมุทรอารเบีย และรวมไปถึงภูมิภาคด้วย

    การรบเยเมน มีทั้งมิติเรื่องระหว่างนิกาย และเรื่องชิงความเป็นใหญ่ในภูมิภาค ระหว่างซาอุกับอิหร่าน แต่ที่สำคัญ ในความคิดของอเมริกา สงครามเยเมนยังเป็นสงครามที่แสดงให้เห็นว่า เทศกาลอาหรับสปริง ที่ซาอุดิอารเบียต่อต้านมาตลอดนั้น ยังไม่จบลง…

    อเมริกาเชื่อว่า การต่อสู้ที่เยเมน จะดึงฝ่ายอื่นๆเข้ามาร่วมรายการเพิ่มขึ้นอีก จะยืดเยื้อ และขยายวงออกไปนอกเยเมนถึงประเทศอื่นๆอีกด้วย …เป็นการวิจารณ์ ที่ทำให้มองเห็น เยเมน กำลังเป็นไฟลามทุ่ง….

    นอกจากนี้ อเมริกายังคาดการณ์ เหมือนเป็นลางร้ายอีกว่า เยเมนอาจจบลง อย่างเป็นจุดด่างของการครองราชย์ของกษัตริย์ซาลมาน และเป็นการจบสิ้นของความทะเยอทะยานของทั้ง บิน นาเยฟ และ บิน ซาลมาน ไม่ว่าทั้ง 2 คน จะได้มีส่วนร่วมกับสงครามนี้อย่างไร ชัดเจนว่า บิน ซาลมานที่เป็นรัฐมนตรีกลาโหม คงเป็นคนที่สูญเสียมากที่สุด ที่ผ่านมา เขาเป็นคนที่พ่อเชื่อใจมาก เป็นตัวแทนพ่อ ไปเยี่ยมรัสเซียและฝรั่งเศส และเมื่อกษัตริย์ซาลมาน ยกเลิกแผนที่จะไปพบโอบามา ที่แคมป์เดวิด เพื่อที่จะไปบอกกับโอบามา ว่าตนเองขุ่นเคืองขนาดไหน เกี่ยวกับเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน กษัตริย์ซัลมาน ก็ส่งเจ้าชายทั้ง 2 คน ทั้ง MBN และ MBS ไปพบโอบามาแทนตน ซึ่งโอบามา กลับพูดเร่งรัดเรื่องการปฏิรูปประเทศ แต่ก็สนับสนุนเรื่องสงครามกับเยเมน

    และในที่สุด เมื่อถึงเวลาที่กษัตริย์ซัลมานเดินทางไปวอชิงตันเข้าจริงๆ การสนทนากลับสั้น และฝ่ายซาอุกลับเป็นฝ่าย (ต้อง)ฟัง และการสนทนากลับเน้นไปที่ลูกมากกว่าพ่อ

    …แต่ โปรดสังเกตดูรูปภาพการสนทนา ระหว่างนายโอบามา กับ กษัตริย์ซาลมาน ที่ผมเอามาลงประกอบนิทานตอนนี้ ผมกลับเห็นสวนทาง กับไอ้เขี้ยวซีไอเอ ผมดูว่า ใบตองแห้งน่าจะเป็นฝ่าย ใกล้จะลงไปนั่งกับพื้น พนมมือพูดกับกษัตริย์ซาลมานร่อมร่อแล้ว เหมือนกับเป็นตัวปลอม คนละคน กับที่พูด กับคุณพี่ปูติน หรือ อาเฮียสี ช่วงวันประชุมสหประชาชาติ อย่างไม่น่าเชื่อ น่าสนใจนะครับ

    ไอ้เขี้ยวยาวซีไอเอ ยังบอกว่า บิน นาเยฟ อาจจะเป็นคนที่เข้ากับอเมริกันได้มากที่สุด ในจำนวนผู้ที่อยู่ในเส้นทางที่จะครองบัลลังค์ซาอูด และเขาอาจจะเป็นคนที่เก่งเรื่องข่าวกรองมากที่สุดในโลกตะวันออกกลาง ที่อเมริกาชื่นชม ถึงขนาดบอกว่า ฉลาดที่สุดในรุ่นเดียวกัน และต่างกับพ่อของเขา the Black Price และ บิน นาเยฟ ดูเหมือนจะพอทำงานร่วมกับอเมริกันได้ และเข้ากับโอบามาได้ดี ที่แคมป์เดวิด แต่ บิน นาเยฟ มีเรื่องต้องรับผิดชอบมากกว่าทุกคนในรุ่นเดียวกัน และมันจะมากขึ้น หลังเทศกาลอาหรับสปริงจบจริงๆ ในตะวันออกกลาง อเมริกาบอกว่า บิน นาเยฟ น่าจะรู้ดีว่า เขาต้องมีเพื่อนในยามนั้น…

    ที่เล่ามาทั้ง 8 ตอนนี้ สรุปได้ว่า เป็นรายการ ทั้งขู่เข็ญ ทั้งเปิดโปง ทั้งปิดปาก ของอเมริกา ต่อเพื่อนรัก ที่คบกันมากว่า 70 ปี อย่างน่าชื่นชมในฝีมือการเขียน
    ซีไอเอเก๋า เขี้ยวยาวเจ้าของบทความขู่สท้านโลก ตบท้ายว่า…. แต่วอชิงตัน จะทำใจยอมรับ อย่างไม่หลอกตัวเอง ไม่มีภาพลวงตา หรือเหมาเอาเอง ได้หรือไม่ว่า ซาอุดิอารเบียที่เป็นประเทศ ที่ยังปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชที่ใหญ่ที่สุด ที่ยังเหลืออยู่ในโลก กับราชวงศ์ซาอูด จะไม่มีวันยอมเปลี่ยนแปลง การปกครองประเทศของตน ไปจากแบบที่เป็นอยู่ปัจจุบันอย่างง่ายๆ และราชวงศ์ซาอูด ก็จะไม่มีวันตัดขาดกับกลุ่มวะฮาบีและเปลี่ยนแปลงความเชื่อของเขา และไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ซัลมาน เจ้าชายบิน นาเยฟ หรือเจ้าชายบิน ซาลมาน รวมทั้งราชวงศ์ที่เหลือทุกคน ต่างมีความเชื่อว่า พวกเขาอยู่รอดมาได้เช่นนี้กว่า 250 ปีแล้ว ท่ามกลางการเมืองที่ร้อนระอุ และรุนแรง และพวกเขาก็คิดว่า จะอยู่รอดแบบนี้ ต่อไป…

    ซาอุดิอารเบียและอเมริกา จะจับมือกันต่อไปไหม จะจับมือแบบอยู่รอดด้วยกัน หรือจับมือฉิบหายไปด้วยกัน หรือพวกเขาจะแยกทางกันเดิน และแยกทางกันเละ … รออ่านตอนสุดท้ายของนิทานเรื่องนี้ อย่าพลาดนะครับ!

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    24 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 8 “ข่าวลือ ข่าวลวง” ตอน 8 เยเมน เป็นเหมือนหนามตำตีน ซาอุดิอารเบียมาตลอดเวลากว่า 70 ปีมาแล้ว อิบน์ ซาอูด เคยยกพลไปทำสงครามกับเยเมน เมื่อปี ค.ศ.1934 กองทัพซาอุ ยึดพื้นที่ริมทะเลแดงได้ แต่ไม่สามารถยึดพื้นที่ตามแนวภูเขาและตัวเมืองชั้นในได้สัญญาสงบศึกระหว่าง 2 ประเทศ ที่ทำขึ้น ทำให้เยเมนต้องเสียหลายเมืองตามแนวเขตแดนให้แก่ซาอุดิอารเบีย และทำให้ขบวนการทวงดินแดนของเยเมนไม่เคยหมดไป เมื่อตอนปี ค.ศ.1960 ซาอุ สนับสนุนราชวงศ์เซดี ที่ปกครองเยเมน ในการต่อสู้กับฝ่ายอียิปต์ ที่ให้การสนับสนุนขบวนการเป็นสาธารณรัฐของเยเมน ที่ประกาศว่า จะโค่นล้มระบบกษัตริย์ทั้งคาบสมุทรอารเบีย แต่พอถึงเดือนมีนาคมปีนี้ (2015) ฝ่ายซาอุ ดันยิงจรวดเข้าถล่มกลุ่มฮูตติ ที่เป็นพวกกับกบฏเซดี ซึ่งกำลังรุกเข้าไปครอบครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในเยเมนได้ และขับไล่รัฐบาลเยเมนที่พวกซาอุดิอารเบียสนับสนุน พ่ายแพ้หนีออกไปจากเมืองซานะ เข้าไปพึ่งใบบุญของซาอุดิอารเบีย ตั้งแต่ปีที่แล้ว โอ้ย วุ่นกันฉิบหาย…. อย่าเพิ่งงงนะครับ อ่านช้าๆ หลายหนก็ได้ เพราะนี่เรากำลังจะเข้าไปสู่จุดชี้ชะตา ของซาอุดิอารเบีย และก็อาจจะเป็นจุดชี้ชะตา ของอเมริกาด้วยก็ได้…. เขาว่า ซาอุ ตัดสินใจส่งจรวดให้เยเมน เพียงเพราะฝ่ายซาอุไปได้ข่าวมาว่า พวกเซดีตกลงใจที่จะให้เส้นทางบินแก่อิหร่าน ที่จะบินตรงจากเตหะรานมาเยเมน และเยเมนยังตกลงใจที่จะให้อิหร่านใช้ท่าเรือฮูเดดาห์ Hudaydah ของเยเมน แถมกำลังมีการเจรจาจะซื้อน้ำมันราคาถูกระหว่างเยเมนกับอิหร่านอีกด้วย สรุปว่า เยเมนได้รับจรวด เพราะซาอุดิอารเบียประสาทกินเรื่องอิหร่าน เรื่องนี้ทำให้ซาอุ ออกแขกจริงๆ และไปรวบรวมเพื่อนขี่อูฐด้วยกัน ให้มาไล่ถล่มเยเมน นอกจากพรรคพวกแถวอ่าวแล้ว ยังมี จอร์แดน โมรอคโค และอิยิปต์บอกเอาด้วย แต่ที่น่าสนใจ โอมานและปากีสถาน เพื่อนเก่าบอก ไม่เอากับซาอุด้วย เออ น่าคิด สำหรับโอมาน เข้าใจว่าพยายามจะวางตัวเป็นกลาง เพราะยืนอยู่ใกล้ปากอิหร่านเหลือเกิน และยิ่งเป็นอิหร่านที่กำลังมาแรงเสียด้วย ก็ไม่แปลกเท่าไหร่ ที่โอมานจะทิ้งระยะห่างจากซาอุ แต่สำหรับปากีสถาน ซึ่งเคยว่าไงว่ากันกับอเมริกา และ อยู่ในบัญชี ประเภทสามารถรูดบัตรเติมเงินกับซาอุดิอารเบียได้มาตลอดนี่ … ยิ่งกว่าน่าสนใจ อเมริกาอ้างว่า ตัวเองให้การสนับสนุนซาอุในเรื่องยิงจรวดใส่เยเมนเฉพาะ ด้านงานข่าวกรอง และด้านสภาพพื้นที่ในเยเมน แม้ว่าทางริยาร์ดจะแจ้งทางอเมริกาล่วงหน้า ไม่กี่ชั่วโมงก่อนที่จะยิงจรวดลูกแรกใส่เยเมน การบุกเยเมนในครั้งนี้ของซาอุดิอารเบีย ถือเป็นนโยบายต่างประเทศเชิงรุก มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของซาอุดิอารเบีย ที่ผ่านๆมา ซาอุ จะทำอย่างไม่เปิดเผย แถมซ่อนไปซ้อนมาเสียอีกด้วยซ้ำ ในความเห็นของอเมริกา การที่ซาอุดิอารเบียยิงจรวดใส่เยเมนในครั้งนี้ นับว่าเป็นเรื่องอันตรายกับซาอุเองอย่างยิ่ง …อ้าว แล้วทำไมไม่เตือนเพื่อนรักกันเลย จริงๆ ต้องด่าด้วยซ้ำ อยู่ๆจะไปยิงจรวดใส่บ้านคนอื่นเขาง่ายๆ อย่างนี้ได้ไงวะ ที่แค่ยังไม่มีการเลือกตั้ง มึงยังเสือกปากเข้ามาไม่เลิก… และจนถึงทุกวันนี้ การสู้รบที่เยเมน ก็ไม่ได้เกิดผลดีกับซาอุแต่อย่างใด ต่างฝ่ายต่างยังยันกันอยู่ ฝ่ายซาอุกับพวกอ้างว่าคุมได้แล้วทางอากาศ ชายฝั่งและท่าเรือทางใต้ของเอเดน ขณะที่ฝ่ายซาดีฮูตติและพวก ก็อ้างว่าควบคุมทางเหนือของเยเมนได้เกือบหมดแล้ว และระหว่างที่ซาอุและพวกฟาดฟันยุ่งอยู่กับพวกฮูตติ จึงเป็นโอกาสให้อัลไดดาขยายฐานเข้าไปยึดได้เมืองใหญ่ ที่อยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นถิ่นเดิม ที่พ่อของบิน ลาเดน เคยอยู่มาก่อนที่จะอพยพไปอยู่ในซาอุดิอารเบีย สงครามเยเมน จึงเสมือนเป็นบททดสอบ บทแรกของกษัตริย์ซัลมาน เกี่ยวกับกิจการต่างประเทศ ที่อาจจะมีผลกระทบอย่างรุนแรงต่อความมั่นคงของซาอุดิอารเบีย คาบสมุทรอารเบีย และรวมไปถึงภูมิภาคด้วย การรบเยเมน มีทั้งมิติเรื่องระหว่างนิกาย และเรื่องชิงความเป็นใหญ่ในภูมิภาค ระหว่างซาอุกับอิหร่าน แต่ที่สำคัญ ในความคิดของอเมริกา สงครามเยเมนยังเป็นสงครามที่แสดงให้เห็นว่า เทศกาลอาหรับสปริง ที่ซาอุดิอารเบียต่อต้านมาตลอดนั้น ยังไม่จบลง… อเมริกาเชื่อว่า การต่อสู้ที่เยเมน จะดึงฝ่ายอื่นๆเข้ามาร่วมรายการเพิ่มขึ้นอีก จะยืดเยื้อ และขยายวงออกไปนอกเยเมนถึงประเทศอื่นๆอีกด้วย …เป็นการวิจารณ์ ที่ทำให้มองเห็น เยเมน กำลังเป็นไฟลามทุ่ง…. นอกจากนี้ อเมริกายังคาดการณ์ เหมือนเป็นลางร้ายอีกว่า เยเมนอาจจบลง อย่างเป็นจุดด่างของการครองราชย์ของกษัตริย์ซาลมาน และเป็นการจบสิ้นของความทะเยอทะยานของทั้ง บิน นาเยฟ และ บิน ซาลมาน ไม่ว่าทั้ง 2 คน จะได้มีส่วนร่วมกับสงครามนี้อย่างไร ชัดเจนว่า บิน ซาลมานที่เป็นรัฐมนตรีกลาโหม คงเป็นคนที่สูญเสียมากที่สุด ที่ผ่านมา เขาเป็นคนที่พ่อเชื่อใจมาก เป็นตัวแทนพ่อ ไปเยี่ยมรัสเซียและฝรั่งเศส และเมื่อกษัตริย์ซาลมาน ยกเลิกแผนที่จะไปพบโอบามา ที่แคมป์เดวิด เพื่อที่จะไปบอกกับโอบามา ว่าตนเองขุ่นเคืองขนาดไหน เกี่ยวกับเรื่องนิวเคลียร์ของอิหร่าน กษัตริย์ซัลมาน ก็ส่งเจ้าชายทั้ง 2 คน ทั้ง MBN และ MBS ไปพบโอบามาแทนตน ซึ่งโอบามา กลับพูดเร่งรัดเรื่องการปฏิรูปประเทศ แต่ก็สนับสนุนเรื่องสงครามกับเยเมน และในที่สุด เมื่อถึงเวลาที่กษัตริย์ซัลมานเดินทางไปวอชิงตันเข้าจริงๆ การสนทนากลับสั้น และฝ่ายซาอุกลับเป็นฝ่าย (ต้อง)ฟัง และการสนทนากลับเน้นไปที่ลูกมากกว่าพ่อ …แต่ โปรดสังเกตดูรูปภาพการสนทนา ระหว่างนายโอบามา กับ กษัตริย์ซาลมาน ที่ผมเอามาลงประกอบนิทานตอนนี้ ผมกลับเห็นสวนทาง กับไอ้เขี้ยวซีไอเอ ผมดูว่า ใบตองแห้งน่าจะเป็นฝ่าย ใกล้จะลงไปนั่งกับพื้น พนมมือพูดกับกษัตริย์ซาลมานร่อมร่อแล้ว เหมือนกับเป็นตัวปลอม คนละคน กับที่พูด กับคุณพี่ปูติน หรือ อาเฮียสี ช่วงวันประชุมสหประชาชาติ อย่างไม่น่าเชื่อ น่าสนใจนะครับ ไอ้เขี้ยวยาวซีไอเอ ยังบอกว่า บิน นาเยฟ อาจจะเป็นคนที่เข้ากับอเมริกันได้มากที่สุด ในจำนวนผู้ที่อยู่ในเส้นทางที่จะครองบัลลังค์ซาอูด และเขาอาจจะเป็นคนที่เก่งเรื่องข่าวกรองมากที่สุดในโลกตะวันออกกลาง ที่อเมริกาชื่นชม ถึงขนาดบอกว่า ฉลาดที่สุดในรุ่นเดียวกัน และต่างกับพ่อของเขา the Black Price และ บิน นาเยฟ ดูเหมือนจะพอทำงานร่วมกับอเมริกันได้ และเข้ากับโอบามาได้ดี ที่แคมป์เดวิด แต่ บิน นาเยฟ มีเรื่องต้องรับผิดชอบมากกว่าทุกคนในรุ่นเดียวกัน และมันจะมากขึ้น หลังเทศกาลอาหรับสปริงจบจริงๆ ในตะวันออกกลาง อเมริกาบอกว่า บิน นาเยฟ น่าจะรู้ดีว่า เขาต้องมีเพื่อนในยามนั้น… ที่เล่ามาทั้ง 8 ตอนนี้ สรุปได้ว่า เป็นรายการ ทั้งขู่เข็ญ ทั้งเปิดโปง ทั้งปิดปาก ของอเมริกา ต่อเพื่อนรัก ที่คบกันมากว่า 70 ปี อย่างน่าชื่นชมในฝีมือการเขียน ซีไอเอเก๋า เขี้ยวยาวเจ้าของบทความขู่สท้านโลก ตบท้ายว่า…. แต่วอชิงตัน จะทำใจยอมรับ อย่างไม่หลอกตัวเอง ไม่มีภาพลวงตา หรือเหมาเอาเอง ได้หรือไม่ว่า ซาอุดิอารเบียที่เป็นประเทศ ที่ยังปกครองแบบสมบูรณาญาสิทธิราชที่ใหญ่ที่สุด ที่ยังเหลืออยู่ในโลก กับราชวงศ์ซาอูด จะไม่มีวันยอมเปลี่ยนแปลง การปกครองประเทศของตน ไปจากแบบที่เป็นอยู่ปัจจุบันอย่างง่ายๆ และราชวงศ์ซาอูด ก็จะไม่มีวันตัดขาดกับกลุ่มวะฮาบีและเปลี่ยนแปลงความเชื่อของเขา และไม่ว่าจะเป็นกษัตริย์ซัลมาน เจ้าชายบิน นาเยฟ หรือเจ้าชายบิน ซาลมาน รวมทั้งราชวงศ์ที่เหลือทุกคน ต่างมีความเชื่อว่า พวกเขาอยู่รอดมาได้เช่นนี้กว่า 250 ปีแล้ว ท่ามกลางการเมืองที่ร้อนระอุ และรุนแรง และพวกเขาก็คิดว่า จะอยู่รอดแบบนี้ ต่อไป… ซาอุดิอารเบียและอเมริกา จะจับมือกันต่อไปไหม จะจับมือแบบอยู่รอดด้วยกัน หรือจับมือฉิบหายไปด้วยกัน หรือพวกเขาจะแยกทางกันเดิน และแยกทางกันเละ … รออ่านตอนสุดท้ายของนิทานเรื่องนี้ อย่าพลาดนะครับ! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 24 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 218 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 7

    “ข่าวลือ ข่าวลวง”
    ตอน 7
    อเมริกาบอกว่า อิสลามกลุ่มวะฮาบีของซาอุดิอารเบีย เป็นอิสลามนิกายสุนนี ที่เคร่งครัดที่สุดในภูมิภาค แต่บัดนี้ กลับมีพวกเคร่งศาสนาอย่างสุดขั้ว ที่ไม่ยอมรับและเกลียดชาวต่างชาติ รุนแรงกว่าพวกวะฮาบี โผล่ขึ้นมาอีก คือ พวกรัฐอิสลาม Islamic State หรือที่เรารู้จักพวกเขาในชื่อ IS พวกนี้ก่อตัวขึ้นในอิรัค และซีเรียในช่วงปี ค.ศ.2014 เป็นกลุ่มใหม่ที่ออกมาท้าทายโลก และอเมริกาเหน็บว่า ดูเหมือนจะท้าทายโครงการฟื้นฟูผู้ก่อการร้ายของ เจ้าชาย บิน นาเยฟ เสียด้วยซ้ำ
    กลุ่ม IS นี้ มีรากมาจากพวกอัลไคดาในเมโสโปเตเมีย (อาณาจักรออโตมานเดิม) และดำดินแอบอยู่เมื่อตอนที่อเมริกาบุกอิรัค ในช่วงปี ค.ศ.2007 จนเมื่ออเมริกาถอยกองกำลังต่างชาติออกไป พวก IS จึงโผล่ขึ้นมาและมีประโคมข่าวการปรากฏตัวของพวกเขาน่าดู
    ในช่วงปี ค.ศ.2012- 2013 พวก IS บุกเข้าไปทลายคุกในอิรัก ที่พวกผู้ก่อการร้ายอัลไคดาถูกคุมขังอยู่ หลังจากคุกแตก ก็มีการรวมตัวมาสร้างฐานใหม่ ขยายออกมาทางซีเรีย
    ในช่วงหน้าร้อนของปี ค.ศ.2014 กลุ่ม IS บุกอย่างรวดเร็ว แบบสายฟ้าแลบ เข้าไปยึดเมืองโมซุล Mosul เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอิรัคได้ และตั้งเป็นรัฐที่มีผู้นำทางศาสนาเป็นผู้ปกครอง caliphate เพื่อปกครองอิสลามทั้งปวง (และเมืองนี้ ก็เป็นเมืองที่มีน้ำมันมากที่สุดเมืองหนึ่งของอิรัค อันนี้ผมเพิ่มเติมให้ เพราะเห็นใบตองแห้งทำเป็นลืมใส่ เรื่องสำคัญ)
    ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 กลุ่ม IS ประกาศว่าพวกเขาจะยึดมัสยิดต่างๆ ในนครเมกกะและเมดินา และจะขับไล่พวกราชวงศ์ซาอูด ออกไปให้หมด
    หลังจากนั้น สื่อตะวันตกลงภาพวิหารกะบะห์ Kaaba ในนครเมกกะ ที่มีธงสีดำของกลุ่ม IS ที่โบกไสวอยู่ด้านบน กองกำลังของกลุ่ม IS ยังโจมตีด่านป้องกันของซาอุดิอารเบียมาตลอดแนวเขตแดนอิรัค และยังส่งนักรบพลีชีพเข้าไปโจมตีมัสยิดของพวกชีอะ ที่อยู่ในซาอุอิอารเบียอีกด้วย เพื่อให้ทั้ง 2 นิกายตีกันเองอีกต่อหนึ่ง
    บิน นาเยฟ ในฐานะรัฐมนตรีมหาดไทย ได้จับกุมกลุ่ม IS ได้หลายร้อยคน และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้กลุ่ม IS บุกเข้ามาในซาอุดิอารเบีย บิน นาเยฟ ให้สร้างรั้วยาว 600 ไมล์ ตลอดแนวเขตแดน ระหว่างซาอุดิอารเบียกับอิรัค เช่นเดียวกับที่สร้างรั้วกั้นแนวเขต ระหว่างซาอุดิอารเบียกับเยเมน ยาว 1 พันไมล์ เพื่อกันให้อัลไคดาออกไปจากคาบสมุทรอารเบีย
    …อ่านเผินๆ เหมือน อเมริกาจะชมวิธีวิธีการปราบ IS ของซาอุดิอารเบีย แต่ อ่านอีกที น่าจะตรงข้ามกันมากกว่า….
    ระหว่างที่ยังครองราชย์ กษัตริย์อับดุลลาห์ (ที่สิ้นพระชนม์เมื่อเดือนมกราคม ต้นปี ค.ศ.2015) ได้ตั้งน้องต่างมารดา เป็นมงกุฎราชกุมารไป แล้ว 2 คน คือ เจ้าชายสุลต่าน และเจ้าชายนาเยฟ the Black Prince แต่ปรากฏว่า ทั้ง 2 คน กลับสิ้นพระชนม์ก่อนกษัตริย์อับดุลลาห์เสียอีก กษัตริย์ิอับดุลลาห์ จึงตั้งเจ้าชายมุคริน น้องต่าง มารดาอีกคน ขึ้นเป็นมงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 2 ในปี ค.ศ.2012 ต่อจากมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 คือ เจ้าชายซาลมาน
    ในความเข้าใจของอเมริกา เจ้าชายมุคริน ค่อนข้างใกล้ชิดกับกษัตริยอับดุลลาห์ และเป็นแนวร่วมในการคิดปฏิรูปประเทศเช่นเดียวกัน
    เมื่อเจ้าชายซาลมาน ขึ้นครองราชย์เมื่อเดือนมกราคม ต้นปีนี้ (2015) ก็ตั้ง เจ้าชามุคริน เป็นมงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 1 และแต่งตั้งเจ้าชาย บิน นาเยฟ เป็นมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 2 และมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยนายกรัฐมนตรี เป็นที่คาดหมายกันว่า เจ้าชายมุคริน ลูกชายคนที่ 35 ของ อิบน์ ซาอูด จะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อไป และนำประเทศสู่ยุคใหม่ จากรุ่นลูก สู่รุ่นหลาน
    แต่แล้วก็มีข่าวเกี่ยวกับราชวงศ์ซาอูดเกิดขึ้น ที่ทำให้ทั้งในตะวันออกกลางและในตะวันตก โดยเฉพาะที่วอชิงตัน สั่นเสทือนอย่างไม่เคยมีมาก่อน
    เช้ามืดของวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.2015 กษัตริย์ซาลมานประกาศปลดเจ้าชายมุคริน ออกจากตำแหน่งมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 และแต่งตั้งให้เจ้าชาย บิน นาเยฟ ขึ้นเป็นมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 แทน และแต่งตั้งลูกชายตนเอง เจ้าชาย มูฮะหมัด บิน ซาลมาน เป็นมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 2
    นี่เป็นครั้งแรก ที่มีการปลดมงกุฏราชกุมาร และโดยไม่มีการบอกเหตุผล
    อเมริกาให้ความสนใจรายการแต่งตั้งนี้มาก เพราะ บิน นาเยฟ มงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 ไม่มีลูกชาย มีแต่ลูกสาว 2 คน และ บิน ซาลมาน ก็อายุยังไม่ถึง 30 บิน ซาลมาน จึง มีโอกาสสูงมาก ที่จะเป็นกษัตริย์คนต่อไป และมีคนคาดการเอาไว้แล้วด้วยซ้ำว่า ไม่แน่หรอกว่า บิน นาเยฟ จะได้ขึ้นครองราชย์ แม้จะเป็นลำดับ 1 วันใดวันหนึ่งเขาก็อาจถูกปลดได้ เพื่อให้แน่ใจ บิน ซาลมาน จะได้ขึ้นมาครองราชย์แน่นอน … เสี้ยมล่วงหน้าเลยนะพี่..
    เจ้าชาย บิน ซาลมาน หรือที่อเมริกาเรียกว่า MBS ละอ่อนวัยไม่ถึง 30 ไม่เป็นที่ปลื้มของญาติพี่น้องด้วยกัน เพราะเขาว่ากันว่า มีนิสัยโหด ยะโส โอหัง นอกจากนี้ บินซาลมาน ยังได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลนโยบายน้ำมัน ที่เขาไม่มีประสพการณ์เลย แค่นั้นก็ทำให้ญาติๆ และอเมริกา หรี่ตามองแล้ว กษัตริย์ซาลมานยังให้ บิน ซาลมาน คุมความมั่นคง คือดูแลกิจการพระราชวัง และเป็นรัฐมนตรีกลาโหมอีกด้วย
    แล้วรัฐมนตรีกลาโหมใหม่ ก็ฉลองตำแหน่งด้วยการสั่งถล่มเยเมน อย่างที่ซาอุดิ อารเบีย ไม่เคยทำมานานกว่า 70 ปีแล้ว ละอ่อนหนุ่มเลือดพลุ่งแรงจริง
    และสุ้มเสียงของอเมริกา ก็ดูเหมือนจะไม่ปลื้มละอ่อนหนุ่มเอาเสียเลย
    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    23 ต.ค. 2558
    ข่าวลือ ข่าวลวง ตอนที่ 7 “ข่าวลือ ข่าวลวง” ตอน 7 อเมริกาบอกว่า อิสลามกลุ่มวะฮาบีของซาอุดิอารเบีย เป็นอิสลามนิกายสุนนี ที่เคร่งครัดที่สุดในภูมิภาค แต่บัดนี้ กลับมีพวกเคร่งศาสนาอย่างสุดขั้ว ที่ไม่ยอมรับและเกลียดชาวต่างชาติ รุนแรงกว่าพวกวะฮาบี โผล่ขึ้นมาอีก คือ พวกรัฐอิสลาม Islamic State หรือที่เรารู้จักพวกเขาในชื่อ IS พวกนี้ก่อตัวขึ้นในอิรัค และซีเรียในช่วงปี ค.ศ.2014 เป็นกลุ่มใหม่ที่ออกมาท้าทายโลก และอเมริกาเหน็บว่า ดูเหมือนจะท้าทายโครงการฟื้นฟูผู้ก่อการร้ายของ เจ้าชาย บิน นาเยฟ เสียด้วยซ้ำ กลุ่ม IS นี้ มีรากมาจากพวกอัลไคดาในเมโสโปเตเมีย (อาณาจักรออโตมานเดิม) และดำดินแอบอยู่เมื่อตอนที่อเมริกาบุกอิรัค ในช่วงปี ค.ศ.2007 จนเมื่ออเมริกาถอยกองกำลังต่างชาติออกไป พวก IS จึงโผล่ขึ้นมาและมีประโคมข่าวการปรากฏตัวของพวกเขาน่าดู ในช่วงปี ค.ศ.2012- 2013 พวก IS บุกเข้าไปทลายคุกในอิรัก ที่พวกผู้ก่อการร้ายอัลไคดาถูกคุมขังอยู่ หลังจากคุกแตก ก็มีการรวมตัวมาสร้างฐานใหม่ ขยายออกมาทางซีเรีย ในช่วงหน้าร้อนของปี ค.ศ.2014 กลุ่ม IS บุกอย่างรวดเร็ว แบบสายฟ้าแลบ เข้าไปยึดเมืองโมซุล Mosul เมืองใหญ่อันดับ 2 ของอิรัคได้ และตั้งเป็นรัฐที่มีผู้นำทางศาสนาเป็นผู้ปกครอง caliphate เพื่อปกครองอิสลามทั้งปวง (และเมืองนี้ ก็เป็นเมืองที่มีน้ำมันมากที่สุดเมืองหนึ่งของอิรัค อันนี้ผมเพิ่มเติมให้ เพราะเห็นใบตองแห้งทำเป็นลืมใส่ เรื่องสำคัญ) ในเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 กลุ่ม IS ประกาศว่าพวกเขาจะยึดมัสยิดต่างๆ ในนครเมกกะและเมดินา และจะขับไล่พวกราชวงศ์ซาอูด ออกไปให้หมด หลังจากนั้น สื่อตะวันตกลงภาพวิหารกะบะห์ Kaaba ในนครเมกกะ ที่มีธงสีดำของกลุ่ม IS ที่โบกไสวอยู่ด้านบน กองกำลังของกลุ่ม IS ยังโจมตีด่านป้องกันของซาอุดิอารเบียมาตลอดแนวเขตแดนอิรัค และยังส่งนักรบพลีชีพเข้าไปโจมตีมัสยิดของพวกชีอะ ที่อยู่ในซาอุอิอารเบียอีกด้วย เพื่อให้ทั้ง 2 นิกายตีกันเองอีกต่อหนึ่ง บิน นาเยฟ ในฐานะรัฐมนตรีมหาดไทย ได้จับกุมกลุ่ม IS ได้หลายร้อยคน และเพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้กลุ่ม IS บุกเข้ามาในซาอุดิอารเบีย บิน นาเยฟ ให้สร้างรั้วยาว 600 ไมล์ ตลอดแนวเขตแดน ระหว่างซาอุดิอารเบียกับอิรัค เช่นเดียวกับที่สร้างรั้วกั้นแนวเขต ระหว่างซาอุดิอารเบียกับเยเมน ยาว 1 พันไมล์ เพื่อกันให้อัลไคดาออกไปจากคาบสมุทรอารเบีย …อ่านเผินๆ เหมือน อเมริกาจะชมวิธีวิธีการปราบ IS ของซาอุดิอารเบีย แต่ อ่านอีกที น่าจะตรงข้ามกันมากกว่า…. ระหว่างที่ยังครองราชย์ กษัตริย์อับดุลลาห์ (ที่สิ้นพระชนม์เมื่อเดือนมกราคม ต้นปี ค.ศ.2015) ได้ตั้งน้องต่างมารดา เป็นมงกุฎราชกุมารไป แล้ว 2 คน คือ เจ้าชายสุลต่าน และเจ้าชายนาเยฟ the Black Prince แต่ปรากฏว่า ทั้ง 2 คน กลับสิ้นพระชนม์ก่อนกษัตริย์อับดุลลาห์เสียอีก กษัตริย์ิอับดุลลาห์ จึงตั้งเจ้าชายมุคริน น้องต่าง มารดาอีกคน ขึ้นเป็นมงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 2 ในปี ค.ศ.2012 ต่อจากมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 คือ เจ้าชายซาลมาน ในความเข้าใจของอเมริกา เจ้าชายมุคริน ค่อนข้างใกล้ชิดกับกษัตริยอับดุลลาห์ และเป็นแนวร่วมในการคิดปฏิรูปประเทศเช่นเดียวกัน เมื่อเจ้าชายซาลมาน ขึ้นครองราชย์เมื่อเดือนมกราคม ต้นปีนี้ (2015) ก็ตั้ง เจ้าชามุคริน เป็นมงกุฏราชกุมาร ลำดับที่ 1 และแต่งตั้งเจ้าชาย บิน นาเยฟ เป็นมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 2 และมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยนายกรัฐมนตรี เป็นที่คาดหมายกันว่า เจ้าชายมุคริน ลูกชายคนที่ 35 ของ อิบน์ ซาอูด จะได้ขึ้นเป็นกษัตริย์ต่อไป และนำประเทศสู่ยุคใหม่ จากรุ่นลูก สู่รุ่นหลาน แต่แล้วก็มีข่าวเกี่ยวกับราชวงศ์ซาอูดเกิดขึ้น ที่ทำให้ทั้งในตะวันออกกลางและในตะวันตก โดยเฉพาะที่วอชิงตัน สั่นเสทือนอย่างไม่เคยมีมาก่อน เช้ามืดของวันที่ 29 เมษายน ค.ศ.2015 กษัตริย์ซาลมานประกาศปลดเจ้าชายมุคริน ออกจากตำแหน่งมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 และแต่งตั้งให้เจ้าชาย บิน นาเยฟ ขึ้นเป็นมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 แทน และแต่งตั้งลูกชายตนเอง เจ้าชาย มูฮะหมัด บิน ซาลมาน เป็นมงกุฏราชกุมารลำดับที่ 2 นี่เป็นครั้งแรก ที่มีการปลดมงกุฏราชกุมาร และโดยไม่มีการบอกเหตุผล อเมริกาให้ความสนใจรายการแต่งตั้งนี้มาก เพราะ บิน นาเยฟ มงกุฏราชกุมารลำดับที่ 1 ไม่มีลูกชาย มีแต่ลูกสาว 2 คน และ บิน ซาลมาน ก็อายุยังไม่ถึง 30 บิน ซาลมาน จึง มีโอกาสสูงมาก ที่จะเป็นกษัตริย์คนต่อไป และมีคนคาดการเอาไว้แล้วด้วยซ้ำว่า ไม่แน่หรอกว่า บิน นาเยฟ จะได้ขึ้นครองราชย์ แม้จะเป็นลำดับ 1 วันใดวันหนึ่งเขาก็อาจถูกปลดได้ เพื่อให้แน่ใจ บิน ซาลมาน จะได้ขึ้นมาครองราชย์แน่นอน … เสี้ยมล่วงหน้าเลยนะพี่.. เจ้าชาย บิน ซาลมาน หรือที่อเมริกาเรียกว่า MBS ละอ่อนวัยไม่ถึง 30 ไม่เป็นที่ปลื้มของญาติพี่น้องด้วยกัน เพราะเขาว่ากันว่า มีนิสัยโหด ยะโส โอหัง นอกจากนี้ บินซาลมาน ยังได้รับมอบหมายให้เป็นผู้ดูแลนโยบายน้ำมัน ที่เขาไม่มีประสพการณ์เลย แค่นั้นก็ทำให้ญาติๆ และอเมริกา หรี่ตามองแล้ว กษัตริย์ซาลมานยังให้ บิน ซาลมาน คุมความมั่นคง คือดูแลกิจการพระราชวัง และเป็นรัฐมนตรีกลาโหมอีกด้วย แล้วรัฐมนตรีกลาโหมใหม่ ก็ฉลองตำแหน่งด้วยการสั่งถล่มเยเมน อย่างที่ซาอุดิ อารเบีย ไม่เคยทำมานานกว่า 70 ปีแล้ว ละอ่อนหนุ่มเลือดพลุ่งแรงจริง และสุ้มเสียงของอเมริกา ก็ดูเหมือนจะไม่ปลื้มละอ่อนหนุ่มเอาเสียเลย สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 23 ต.ค. 2558
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์แนวชายแดนไทย–กัมพูชา ประจำวันที่ 18 ธันวาคม 2568 ระบุว่าการปะทะยังคงเกิดขึ้นหลายพื้นที่ โดยฝ่ายไทยเดินหน้าปฏิบัติการเชิงรุกตามแผน และสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในหลายจุดสำคัญ
    .
    ในพื้นที่ช่องอานม้า ฝ่ายกัมพูชาละทิ้งพื้นที่แล้ว ขณะที่ฝ่ายไทยอยู่ระหว่างเสริมความมั่นคงและจัดระเบียบพื้นที่ใหม่ ส่วนแนวรบช่องกร่าง–ตาเมือน–ตาควาย และบริเวณเนิน 350 มีการระดมยิงอย่างหนัก ส่งผลให้กำลังพลฝ่ายกัมพูชาที่เข้ามาเสริมกว่า 160 นายไม่สามารถเข้าสู่พื้นที่ได้
    .
    รายงานระบุว่า กำลังพลฝ่ายกัมพูชาที่ประจำการอยู่เดิมมีความอ่อนล้า ขาดน้ำ และบางจุดเริ่มต้านไม่ไหว มีสัญญาณขอถอนกำลัง ทำให้การต่อต้านฝ่ายไทยเบาบางลง ขณะที่ฝ่ายไทยสามารถยึดพื้นที่เพิ่มได้ที่ช่องคลาคะมุม และอยู่ระหว่างจัดระเบียบพื้นที่ตามแผน
    .
    นอกจากนี้ หน่วยเฉพาะกิจร่วมกับตำรวจได้เข้าตรวจค้นพื้นที่ตลาดเมืองใหม่ช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ พบเงินสดกว่า 11 ล้านบาท และทองรูปพรรณจำนวนหนึ่งในโกดังสินค้า ซึ่งอยู่ระหว่างการอายัดตรวจสอบที่มาของทรัพย์สิน
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000121896
    .
    #News1live #News1 #ทภ2 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ตาควาย #เนิน350 #ช่องคลาคะมุม
    กองทัพภาคที่ 2 สรุปสถานการณ์แนวชายแดนไทย–กัมพูชา ประจำวันที่ 18 ธันวาคม 2568 ระบุว่าการปะทะยังคงเกิดขึ้นหลายพื้นที่ โดยฝ่ายไทยเดินหน้าปฏิบัติการเชิงรุกตามแผน และสามารถควบคุมสถานการณ์ได้ในหลายจุดสำคัญ . ในพื้นที่ช่องอานม้า ฝ่ายกัมพูชาละทิ้งพื้นที่แล้ว ขณะที่ฝ่ายไทยอยู่ระหว่างเสริมความมั่นคงและจัดระเบียบพื้นที่ใหม่ ส่วนแนวรบช่องกร่าง–ตาเมือน–ตาควาย และบริเวณเนิน 350 มีการระดมยิงอย่างหนัก ส่งผลให้กำลังพลฝ่ายกัมพูชาที่เข้ามาเสริมกว่า 160 นายไม่สามารถเข้าสู่พื้นที่ได้ . รายงานระบุว่า กำลังพลฝ่ายกัมพูชาที่ประจำการอยู่เดิมมีความอ่อนล้า ขาดน้ำ และบางจุดเริ่มต้านไม่ไหว มีสัญญาณขอถอนกำลัง ทำให้การต่อต้านฝ่ายไทยเบาบางลง ขณะที่ฝ่ายไทยสามารถยึดพื้นที่เพิ่มได้ที่ช่องคลาคะมุม และอยู่ระหว่างจัดระเบียบพื้นที่ตามแผน . นอกจากนี้ หน่วยเฉพาะกิจร่วมกับตำรวจได้เข้าตรวจค้นพื้นที่ตลาดเมืองใหม่ช่องสะงำ จังหวัดศรีสะเกษ พบเงินสดกว่า 11 ล้านบาท และทองรูปพรรณจำนวนหนึ่งในโกดังสินค้า ซึ่งอยู่ระหว่างการอายัดตรวจสอบที่มาของทรัพย์สิน . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000121896 . #News1live #News1 #ทภ2 #ชายแดนไทยกัมพูชา #ตาควาย #เนิน350 #ช่องคลาคะมุม
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 263 มุมมอง 0 รีวิว
  • เกิดปฏิบัติการทางอากาศครั้งที่ 2 ในวันเดียวกัน หลังมีรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศไทย เปิดฉากโจมตีเป้าหมายทางทหารในพื้นที่เมืองปอยเปต จังหวัดบันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา ตรงข้ามอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
    .
    รายงานระบุว่า การโจมตีเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. โดยเป็นการทิ้งระเบิดใส่ฐานปฏิบัติการทางทหารกัมพูชาเขตที่ 5 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตรวจพบการซ่องสุมกำลังพลและอาวุธในลักษณะคุกคามต่อความมั่นคงและอธิปไตยของไทย
    .
    เป้าหมายดังกล่าวยังถูกระบุว่าเป็นอาคารที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายสแกมเมอร์ และใช้เป็นคลังอาวุธของฝ่ายกัมพูชา โดยการปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็นการโจมตีรอบที่สองของวัน หลังมีรายงานการใช้กำลังทางอากาศในพื้นที่เดียวกันก่อนหน้านี้
    .
    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000121878
    .
    #News1live #News1 #F16 #ปอยเปต #ชายแดนไทยกัมพูชา #กองทัพอากาศ #สแกมเมอร์
    เกิดปฏิบัติการทางอากาศครั้งที่ 2 ในวันเดียวกัน หลังมีรายงานว่า เครื่องบินขับไล่ F-16 ของกองทัพอากาศไทย เปิดฉากโจมตีเป้าหมายทางทหารในพื้นที่เมืองปอยเปต จังหวัดบันทายมีชัย ประเทศกัมพูชา ตรงข้ามอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว . รายงานระบุว่า การโจมตีเกิดขึ้นเมื่อเวลาประมาณ 13.00 น. โดยเป็นการทิ้งระเบิดใส่ฐานปฏิบัติการทางทหารกัมพูชาเขตที่ 5 ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ตรวจพบการซ่องสุมกำลังพลและอาวุธในลักษณะคุกคามต่อความมั่นคงและอธิปไตยของไทย . เป้าหมายดังกล่าวยังถูกระบุว่าเป็นอาคารที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายสแกมเมอร์ และใช้เป็นคลังอาวุธของฝ่ายกัมพูชา โดยการปฏิบัติการครั้งนี้ถือเป็นการโจมตีรอบที่สองของวัน หลังมีรายงานการใช้กำลังทางอากาศในพื้นที่เดียวกันก่อนหน้านี้ . อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9680000121878 . #News1live #News1 #F16 #ปอยเปต #ชายแดนไทยกัมพูชา #กองทัพอากาศ #สแกมเมอร์
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 271 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts