• “ไม่มีวิทยาศาสตร์ ก็ไม่มีสตาร์ทอัพ — เมื่อเครื่องยนต์แห่งนวัตกรรมกำลังถูกปิดโดยไม่รู้ตัว”

    Steve Blank ผู้บุกเบิกแนวคิด Lean Startup ได้เขียนบทความสะท้อนถึงวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา — การลดงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์และการวิจัยขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นรากฐานของนวัตกรรมและความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ

    เขาอธิบายว่า “วิทยาศาสตร์” ไม่ใช่แค่การทดลองในห้องแล็บ แต่คือระบบที่เชื่อมโยงกันระหว่างนักวิทยาศาสตร์ (ทั้งทฤษฎีและทดลอง), วิศวกร, ผู้ประกอบการ และนักลงทุน โดยแต่ละบทบาทมีหน้าที่เฉพาะที่เสริมกันอย่างกลมกลืน:

    นักวิทยาศาสตร์สร้างองค์ความรู้ใหม่
    วิศวกรนำความรู้นั้นไปสร้างสิ่งของ
    ผู้ประกอบการนำสิ่งของไปทดสอบตลาด
    นักลงทุนให้ทุนเพื่อขยายผล

    Blank เตือนว่า หากตัดบทบาทใดบทบาทหนึ่งออก โดยเฉพาะ “นักวิทยาศาสตร์” ที่มักถูกมองข้ามเพราะไม่สร้างรายได้ทันที ระบบนวัตกรรมทั้งหมดจะล่มสลาย

    เขายกตัวอย่างว่า เทคโนโลยีอย่าง ChatGPT, SpaceX, หรือแม้แต่วัคซีน ล้วนมีรากฐานจากการวิจัยขั้นพื้นฐานที่เริ่มต้นในมหาวิทยาลัยหรือห้องแล็บของรัฐเมื่อหลายสิบปีก่อน

    นักวิทยาศาสตร์มี 2 ประเภทหลัก: ทฤษฎี (Theorists) และทดลอง (Experimentalists)
    ทฤษฎีสร้างแบบจำลองความจริง ส่วนทดลองทดสอบสมมติฐาน

    วิทยาศาสตร์แบ่งเป็น “พื้นฐาน” และ “ประยุกต์”
    พื้นฐานเพื่อความเข้าใจโลก ประยุกต์เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตจริง

    มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ เป็นแหล่งวิจัยหลักของประเทศ
    มีระบบสนับสนุนจากรัฐ เช่น NIH, NSF, DoD

    นักวิจัยในมหาวิทยาลัยทำงานเหมือนสตาร์ทอัพขนาดเล็ก
    มีการเขียน proposal, บริหารทีม, สร้างนวัตกรรม

    วิศวกรสร้างสิ่งของจากองค์ความรู้ของนักวิทยาศาสตร์
    เช่น ชิป Nvidia, จรวด SpaceX, อัลกอริทึม AI

    ผู้ประกอบการนำสิ่งของไปทดสอบตลาด
    ใช้หลักการทดลองแบบวิทยาศาสตร์เพื่อหาความต้องการจริง

    นักลงทุน (VC) สนับสนุนผู้ประกอบการ ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์โดยตรง
    เพราะต้องการผลตอบแทนในระยะสั้น

    การลดงบวิทยาศาสตร์ในสหรัฐฯ จะทำให้ประเทศอ่อนแอลง
    ทั้งด้านเศรษฐกิจ, เทคโนโลยี และความมั่นคง

    https://steveblank.com/2025/10/13/no-science-no-startups-the-unseen-engine-were-switching-off/
    🧪 “ไม่มีวิทยาศาสตร์ ก็ไม่มีสตาร์ทอัพ — เมื่อเครื่องยนต์แห่งนวัตกรรมกำลังถูกปิดโดยไม่รู้ตัว” Steve Blank ผู้บุกเบิกแนวคิด Lean Startup ได้เขียนบทความสะท้อนถึงวิกฤตที่กำลังเกิดขึ้นในสหรัฐอเมริกา — การลดงบประมาณด้านวิทยาศาสตร์และการวิจัยขั้นพื้นฐาน ซึ่งเป็นรากฐานของนวัตกรรมและความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและความมั่นคงของชาติ เขาอธิบายว่า “วิทยาศาสตร์” ไม่ใช่แค่การทดลองในห้องแล็บ แต่คือระบบที่เชื่อมโยงกันระหว่างนักวิทยาศาสตร์ (ทั้งทฤษฎีและทดลอง), วิศวกร, ผู้ประกอบการ และนักลงทุน โดยแต่ละบทบาทมีหน้าที่เฉพาะที่เสริมกันอย่างกลมกลืน: ⭐ นักวิทยาศาสตร์สร้างองค์ความรู้ใหม่ ⭐ วิศวกรนำความรู้นั้นไปสร้างสิ่งของ ⭐ ผู้ประกอบการนำสิ่งของไปทดสอบตลาด ⭐ นักลงทุนให้ทุนเพื่อขยายผล Blank เตือนว่า หากตัดบทบาทใดบทบาทหนึ่งออก โดยเฉพาะ “นักวิทยาศาสตร์” ที่มักถูกมองข้ามเพราะไม่สร้างรายได้ทันที ระบบนวัตกรรมทั้งหมดจะล่มสลาย เขายกตัวอย่างว่า เทคโนโลยีอย่าง ChatGPT, SpaceX, หรือแม้แต่วัคซีน ล้วนมีรากฐานจากการวิจัยขั้นพื้นฐานที่เริ่มต้นในมหาวิทยาลัยหรือห้องแล็บของรัฐเมื่อหลายสิบปีก่อน ✅ นักวิทยาศาสตร์มี 2 ประเภทหลัก: ทฤษฎี (Theorists) และทดลอง (Experimentalists) ➡️ ทฤษฎีสร้างแบบจำลองความจริง ส่วนทดลองทดสอบสมมติฐาน ✅ วิทยาศาสตร์แบ่งเป็น “พื้นฐาน” และ “ประยุกต์” ➡️ พื้นฐานเพื่อความเข้าใจโลก ประยุกต์เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตจริง ✅ มหาวิทยาลัยในสหรัฐฯ เป็นแหล่งวิจัยหลักของประเทศ ➡️ มีระบบสนับสนุนจากรัฐ เช่น NIH, NSF, DoD ✅ นักวิจัยในมหาวิทยาลัยทำงานเหมือนสตาร์ทอัพขนาดเล็ก ➡️ มีการเขียน proposal, บริหารทีม, สร้างนวัตกรรม ✅ วิศวกรสร้างสิ่งของจากองค์ความรู้ของนักวิทยาศาสตร์ ➡️ เช่น ชิป Nvidia, จรวด SpaceX, อัลกอริทึม AI ✅ ผู้ประกอบการนำสิ่งของไปทดสอบตลาด ➡️ ใช้หลักการทดลองแบบวิทยาศาสตร์เพื่อหาความต้องการจริง ✅ นักลงทุน (VC) สนับสนุนผู้ประกอบการ ไม่ใช่นักวิทยาศาสตร์โดยตรง ➡️ เพราะต้องการผลตอบแทนในระยะสั้น ✅ การลดงบวิทยาศาสตร์ในสหรัฐฯ จะทำให้ประเทศอ่อนแอลง ➡️ ทั้งด้านเศรษฐกิจ, เทคโนโลยี และความมั่นคง https://steveblank.com/2025/10/13/no-science-no-startups-the-unseen-engine-were-switching-off/
    STEVEBLANK.COM
    No Science, No Startups: The Innovation Engine We’re Switching Off
    Tons of words have been written about the Trump Administrations war on Science in Universities. But few people have asked what, exactly, is science? How does it work? Who are the scientists? What d…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 9 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ข่าวที่เราเสพ กับความจริงที่เราตายจาก — เมื่อสื่อพูดถึงสิ่งที่สะเทือนใจ มากกว่าสิ่งที่พรากชีวิตคนส่วนใหญ่”

    บทความจาก Our World in Data วิเคราะห์อย่างลึกซึ้งถึงความไม่สมดุลระหว่าง “สิ่งที่สื่อรายงาน” กับ “สิ่งที่คนเสียชีวิตจากจริง ๆ” โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งพบว่าข่าวส่วนใหญ่มักเน้นไปที่เหตุการณ์รุนแรง เช่น ฆาตกรรมหรือก่อการร้าย ทั้งที่สาเหตุการเสียชีวิตหลักกลับเป็นโรคเรื้อรังอย่างโรคหัวใจและมะเร็ง

    การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจาก CDC และ Media Cloud โดยเปรียบเทียบสัดส่วนของสาเหตุการตายกับจำนวนบทความข่าวจากสื่อใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ New York Times, Washington Post และ Fox News ในปี 2023 ผลลัพธ์ชี้ชัดว่า:

    โรคหัวใจและมะเร็ง คิดเป็น 56% ของการเสียชีวิต แต่ได้รับพื้นที่ข่าวเพียง 7%
    ในทางกลับกัน การฆาตกรรมและก่อการร้าย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการตายเพียงเล็กน้อย กลับได้รับความสนใจจากสื่อมากถึงครึ่งหนึ่งของข่าวทั้งหมด

    บทความยังชี้ให้เห็นว่า ความไม่สมดุลนี้ไม่ได้เกิดจากอคติทางการเมืองของสื่อ แต่เป็นเพราะธรรมชาติของข่าวที่เน้น “สิ่งใหม่และสะเทือนอารมณ์” มากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ทุกวัน เช่น โรคเรื้อรัง

    การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจาก CDC และ Media Cloud
    เปรียบเทียบสาเหตุการตายกับการรายงานข่าวในสหรัฐฯ ปี 2023

    โรคหัวใจและมะเร็งเป็นสาเหตุการตายหลัก (56%)
    แต่ได้รับพื้นที่ข่าวเพียง 7%

    การฆาตกรรมและก่อการร้ายได้รับพื้นที่ข่าวมากเกินจริง
    ฆาตกรรมถูกพูดถึงมากกว่าความเป็นจริงถึง 43 เท่า
    ก่อการร้ายมากกว่าความเป็นจริงถึง 18,000 เท่า

    ความแตกต่างระหว่างสื่อสายซ้าย-ขวาไม่มากนัก
    ทุกสื่อให้ความสำคัญกับเหตุการณ์รุนแรงมากกว่าสาเหตุเรื้อรัง

    สื่อมักเลือกนำเสนอสิ่งที่ “ใหม่และสะเทือนใจ”
    เช่น ฆาตกรรม, อุบัติเหตุ, หรือภัยพิบัติ

    ผู้คนมักเข้าใจผิดว่าข่าวสะท้อนความเป็นจริง
    ส่งผลให้ประเมินความเสี่ยงในชีวิตผิดพลาด

    การเสพข่าวที่ไม่สมดุลอาจทำให้เกิด “ภาพลวงตา” ของความเสี่ยง
    เช่น กลัวการก่อการร้ายมากกว่ามะเร็ง ทั้งที่โอกาสตายน้อยกว่ามาก

    ความเข้าใจผิดนี้ส่งผลต่อการกำหนดนโยบายและการจัดสรรทรัพยากร
    เช่น ทุ่มงบให้กับการรักษาความปลอดภัยมากกว่าสาธารณสุข

    การรายงานข่าวที่เน้นอารมณ์มากกว่าสถิติ
    อาจทำให้ประชาชนวิตกเกินจริงและขาดความเข้าใจในปัญหาสาธารณสุข

    การไม่พูดถึงโรคเรื้อรังในข่าว
    ทำให้ผู้คนไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันและดูแลสุขภาพ

    https://ourworldindata.org/does-the-news-reflect-what-we-die-from
    📰 “ข่าวที่เราเสพ กับความจริงที่เราตายจาก — เมื่อสื่อพูดถึงสิ่งที่สะเทือนใจ มากกว่าสิ่งที่พรากชีวิตคนส่วนใหญ่” บทความจาก Our World in Data วิเคราะห์อย่างลึกซึ้งถึงความไม่สมดุลระหว่าง “สิ่งที่สื่อรายงาน” กับ “สิ่งที่คนเสียชีวิตจากจริง ๆ” โดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา ซึ่งพบว่าข่าวส่วนใหญ่มักเน้นไปที่เหตุการณ์รุนแรง เช่น ฆาตกรรมหรือก่อการร้าย ทั้งที่สาเหตุการเสียชีวิตหลักกลับเป็นโรคเรื้อรังอย่างโรคหัวใจและมะเร็ง การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจาก CDC และ Media Cloud โดยเปรียบเทียบสัดส่วนของสาเหตุการตายกับจำนวนบทความข่าวจากสื่อใหญ่ 3 แห่ง ได้แก่ New York Times, Washington Post และ Fox News ในปี 2023 ผลลัพธ์ชี้ชัดว่า: ✝️ โรคหัวใจและมะเร็ง คิดเป็น 56% ของการเสียชีวิต แต่ได้รับพื้นที่ข่าวเพียง 7% ✝️ ในทางกลับกัน การฆาตกรรมและก่อการร้าย ซึ่งคิดเป็นสัดส่วนการตายเพียงเล็กน้อย กลับได้รับความสนใจจากสื่อมากถึงครึ่งหนึ่งของข่าวทั้งหมด บทความยังชี้ให้เห็นว่า ความไม่สมดุลนี้ไม่ได้เกิดจากอคติทางการเมืองของสื่อ แต่เป็นเพราะธรรมชาติของข่าวที่เน้น “สิ่งใหม่และสะเทือนอารมณ์” มากกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นซ้ำ ๆ ทุกวัน เช่น โรคเรื้อรัง ✅ การศึกษานี้ใช้ข้อมูลจาก CDC และ Media Cloud ➡️ เปรียบเทียบสาเหตุการตายกับการรายงานข่าวในสหรัฐฯ ปี 2023 ✅ โรคหัวใจและมะเร็งเป็นสาเหตุการตายหลัก (56%) ➡️ แต่ได้รับพื้นที่ข่าวเพียง 7% ✅ การฆาตกรรมและก่อการร้ายได้รับพื้นที่ข่าวมากเกินจริง ➡️ ฆาตกรรมถูกพูดถึงมากกว่าความเป็นจริงถึง 43 เท่า ➡️ ก่อการร้ายมากกว่าความเป็นจริงถึง 18,000 เท่า ✅ ความแตกต่างระหว่างสื่อสายซ้าย-ขวาไม่มากนัก ➡️ ทุกสื่อให้ความสำคัญกับเหตุการณ์รุนแรงมากกว่าสาเหตุเรื้อรัง ✅ สื่อมักเลือกนำเสนอสิ่งที่ “ใหม่และสะเทือนใจ” ➡️ เช่น ฆาตกรรม, อุบัติเหตุ, หรือภัยพิบัติ ✅ ผู้คนมักเข้าใจผิดว่าข่าวสะท้อนความเป็นจริง ➡️ ส่งผลให้ประเมินความเสี่ยงในชีวิตผิดพลาด ‼️ การเสพข่าวที่ไม่สมดุลอาจทำให้เกิด “ภาพลวงตา” ของความเสี่ยง ⛔ เช่น กลัวการก่อการร้ายมากกว่ามะเร็ง ทั้งที่โอกาสตายน้อยกว่ามาก ‼️ ความเข้าใจผิดนี้ส่งผลต่อการกำหนดนโยบายและการจัดสรรทรัพยากร ⛔ เช่น ทุ่มงบให้กับการรักษาความปลอดภัยมากกว่าสาธารณสุข ‼️ การรายงานข่าวที่เน้นอารมณ์มากกว่าสถิติ ⛔ อาจทำให้ประชาชนวิตกเกินจริงและขาดความเข้าใจในปัญหาสาธารณสุข ‼️ การไม่พูดถึงโรคเรื้อรังในข่าว ⛔ ทำให้ผู้คนไม่ตระหนักถึงความสำคัญของการป้องกันและดูแลสุขภาพ https://ourworldindata.org/does-the-news-reflect-what-we-die-from
    OURWORLDINDATA.ORG
    Does the news reflect what we die from?
    What do Americans die from, and what do the New York Times, Washington Post, and Fox News report on?
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 10 มุมมอง 0 รีวิว
  • พวกนี้ถ้าฉลาดและรักประเทศไทย จะใช้โอกาสที่เขมรฆ่านักศึกษาเกาหลีใต้เรียกร้องสิทธิมนุษยชนสากลประฌามเขมรร่วมกับเกาหลีใต้ได้เลย แต่ไม่ทำ และเวลาตอนเขมรยิงระเบิดจนทำเด็กๆตายคา7/11ปั้มน้ำมันไทย คนไทยตายจริงเกือบหมดครอบครัวพวกนี้หายหัวไปไหน ไม่ออกมาเรียกร้องประนามเขมรเลย,พวกนี้หนักแผ่นดินไทยมาก ไม่สมควรเป็นคนไทยสัญชาติไทยจริงๆ เป็นภัยต่อบ้านเมืองไทยเสียเอง.,สร้างความแตกแยกในหมู่คนไทย ทำลายความสามัคคีคนไทย เหมือนพวกชี้นำไม่ยกเลิกmou43,44 พยายามทำให้คนไทยสับสนแตกต่างเพื่อแตกแยก ทิ้งคำถามกึ่งรับและไม่รับ โยนหินให้สังคสับสน.คนเหล่านี้คือภัยของชาติชัดเจนต้องถูกกำจัด.,รักชาติอื่น ช่วยชาติอื่น ไม่ปกป้องชาติไทยตน ตลอดเขมรอ้าง1:200,000ไทยเรานี้เสียดินแดนพื้นที่ไปถึง1:150,000ซึ่งสากลปกติจะลาวจะเวียดนามใช้ที่1:50,000 เราเสียอธิปไตยชัดเจนมาก,นายกฯชุดปัจจุบันไม่ยกเลิกผิด ม.157 ม.119ทั้งรัฐบาล สส.รัฐบาล และสส.ฝ่ายค้านไม่ทำหน้าที่ปกป้องดินแดนอธิปไตยตน ผิดทั้งหมด ตลอด สว.ด้วย ประธาน รองประธานรัฐสภาต้องโดยหนักด้วย เห็นความจริงแต่ตนในนามประธานสส.สว.ไม่มีตาดูความจริง ไม่ควบคุมสภาไปทางปกป้องอธิปไตยตน ผิดมหันต์ต่อความมั่นคงของแผ่นดินไทยด้วย.
    ..พวกสิทธิมนุษยชนทั่วประเทศไทยสมควรถูกขับออกจากประเทศไทยทั้งหมด พวกนี้มุ่งเพื่อทำลายประเทศไทยไม่มองค่าความจริงที่ไทยถูกกระทำ UNพวกรับเขมรให้ใช้ไทยช่วยเหลือเขมรต้องเอาคนเขมรออกจากแผ่นดินไทยพื้นที่ประเทศเมื่อสงครามฆ่าล้างเผ่าเขมรจบลง,หรือให้ไทยฆ่าล้างเขมรบนพื้นที่นี้แทนเพื่อเตือนสติ.
    พวกนี้ถ้าฉลาดและรักประเทศไทย จะใช้โอกาสที่เขมรฆ่านักศึกษาเกาหลีใต้เรียกร้องสิทธิมนุษยชนสากลประฌามเขมรร่วมกับเกาหลีใต้ได้เลย แต่ไม่ทำ และเวลาตอนเขมรยิงระเบิดจนทำเด็กๆตายคา7/11ปั้มน้ำมันไทย คนไทยตายจริงเกือบหมดครอบครัวพวกนี้หายหัวไปไหน ไม่ออกมาเรียกร้องประนามเขมรเลย,พวกนี้หนักแผ่นดินไทยมาก ไม่สมควรเป็นคนไทยสัญชาติไทยจริงๆ เป็นภัยต่อบ้านเมืองไทยเสียเอง.,สร้างความแตกแยกในหมู่คนไทย ทำลายความสามัคคีคนไทย เหมือนพวกชี้นำไม่ยกเลิกmou43,44 พยายามทำให้คนไทยสับสนแตกต่างเพื่อแตกแยก ทิ้งคำถามกึ่งรับและไม่รับ โยนหินให้สังคสับสน.คนเหล่านี้คือภัยของชาติชัดเจนต้องถูกกำจัด.,รักชาติอื่น ช่วยชาติอื่น ไม่ปกป้องชาติไทยตน ตลอดเขมรอ้าง1:200,000ไทยเรานี้เสียดินแดนพื้นที่ไปถึง1:150,000ซึ่งสากลปกติจะลาวจะเวียดนามใช้ที่1:50,000 เราเสียอธิปไตยชัดเจนมาก,นายกฯชุดปัจจุบันไม่ยกเลิกผิด ม.157 ม.119ทั้งรัฐบาล สส.รัฐบาล และสส.ฝ่ายค้านไม่ทำหน้าที่ปกป้องดินแดนอธิปไตยตน ผิดทั้งหมด ตลอด สว.ด้วย ประธาน รองประธานรัฐสภาต้องโดยหนักด้วย เห็นความจริงแต่ตนในนามประธานสส.สว.ไม่มีตาดูความจริง ไม่ควบคุมสภาไปทางปกป้องอธิปไตยตน ผิดมหันต์ต่อความมั่นคงของแผ่นดินไทยด้วย. ..พวกสิทธิมนุษยชนทั่วประเทศไทยสมควรถูกขับออกจากประเทศไทยทั้งหมด พวกนี้มุ่งเพื่อทำลายประเทศไทยไม่มองค่าความจริงที่ไทยถูกกระทำ UNพวกรับเขมรให้ใช้ไทยช่วยเหลือเขมรต้องเอาคนเขมรออกจากแผ่นดินไทยพื้นที่ประเทศเมื่อสงครามฆ่าล้างเผ่าเขมรจบลง,หรือให้ไทยฆ่าล้างเขมรบนพื้นที่นี้แทนเพื่อเตือนสติ.
    'เขมร' ได้ทียกคำพูด “อังคณา-สุณัย” แถลงการณ์ชี้ "ซาวด์ผี" กัน จอมพลัง ละเมิดสิทธิฯ รุนแรง นักสิทธิมนุษยชนไทยยอมรับเอง
    https://www.thai-tai.tv/news/21904/
    .
    #ไทยไท #สิทธิมนุษยชน #CHRC #กันจอมพลัง #ซาวด์ผี #อนุสัญญาCAT #สุณัยผาสุข

    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 12
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3”
    ตอนที่ 12

    ปัจจัยสุดท้าย ที่จะตามประเมินกันคือ เรื่องกองกำลัง ซึ่งมีทั้งในระบบและนอกระบบ

    สำหรับกองกำลังในระบบ เป็นเรื่องที่ประเมินยาก เนื่องจากความแตกต่างทางข้อมูลของของแต่ละแหล่งที่มา ซึ่งแน่นอน มีทั้งการซ่อนตัวเลขไม่ให้อีกฝ่ายรู้ความจริง หรือแต่งให้ดูดีกว่าเป็นจริง จึงเป็นเรื่องที่ยากจะยืนยัน ตัวเลขที่จะนำมาแสดงต่อไปนี้ ผมได้มาจากหลายแหล่ง มีทั้งเวบด้านทหาร และข้อมูลที่มีผู้รู้ทางด้านนี้ส่งมาให้ ผมใช้ตัวเลขที่ประเมินจากทุกแหล่งข้อมูลที่ได้ มาเปรียบเทียบ และ ประมาณความเป็นไปได้นะครับ

    ฝ่ายอเมริกา 5 อันดับแรก

    – อเมริกา มีประมาณ 2.2 ล้านนาย
    – เกาหลีใต้ มีประมาณ 1 ล้านนาย
    – อังกฤษ มีประมาณ 4 แสนนาย
    – ฝรั่งเศษ มีประมาณ 4 แสนนาย
    – ออสเตรเลีย มีประมาณ 3.5 แสนนาย
    – ที่เหลือรวมๆกันของพันธมิตร มีประมาณ 2 ล้านนาย
    รวมทั้งหมดประมาณ 7 ล้านนาย

    ส่วนกองกำลังในระบบ ของฝ่ายรัสเซีย 5 อันดับแรก

    – จีน มีประมาณ 4.3 ล้านนาย
    – รัสเซีย มีประมาณ 3.2 ล้านนาย
    – อินเดีย มีประมาณ 3.4 ล้านนาย
    – เกาหลีเหนือ มีประมาณ 2 ล้านนาย
    – อิหร่าน มีประมาณ 3 ล้านนาย
    – ที่เหลือรวมๆกันของพันธมิตร มีประมาณ 2 ล้านนาย
    รวมทั้งหมดประมาณ 18 ล้านนาย

    สรุป กองกำลังในระบบ หรือประจำกองทัพ ระหว่างฝ่ายอเมริกากับฝ่ายรัสเซีย อัตราส่วนประมาณ 1: 2.5 ฝ่ายรัสเซียมีมากกว่าฝ่ายอเมริกากว่าเท่าครึ่ง

    คงพอเห็นแล้วว่า มีจำนวนพันธมิตรมาก ก็เรื่องหนึ่ง แต่เวลาทำสงคราม จำนวนนักรบ อาจสำคัญกว่าเพื่อนที่เป็นภาระรุงรังนะครับ

    เกี่ยวกับเรื่องกองกำลังนั้น อเมริกาเลิกระบบทหารเกณฑ์ไปแล้ว มีแต่ทหารสมัคร ขณะที่รัสเซีย จีน เกาหลีเหนือ และ อิหร่าน ยังมีระบบทหารเกณฑ์ตามกฏหมายอยู่ ซึ่งจะทำให้ทั้ง 4 ประเทศ สามารถเรียกทหารสำรอง และทหารเกณฑ์ได้อีกหลายสิบล้านนาย

    ยังมีตัวแปรที่มีกองกำลังขนาดใหญ่ ที่ผมไม่ได้ใส่ไป 2 ประเทศ คือ บราซิล และตุรกี บราซิล นั้น อยู่ระหว่างจะเป็นกลาง หรือเข้ากับฝ่ายรัสเซีย มีกองกำลังประมาณ 4 แสนคน ส่วนตุรกีนั้น ด้วยความเป็นนก 2 หัว ชอบเล่นเกมเสียว ตุรกียังเล่นเสียวต่อ ไม่ตัดสินใจ มีกองกำลังประมาณ 6 แสนคน

    สำหรับไทยแลนด์ แดนสมันน้อยนั้น ผมไม่ได้เอามาใส่อยู่ฝ่ายใดเลย เพราะไม่สามารถคาดเดาความลึกซึ้งยาวไกลในวิสัยทัศน์ของท่านผู้นำได้ ไม่แตะดีกว่าครับ ได้แต่แอบหวังว่า พระสยามเทวาธิราชท่านคงดลใจให้ไปถูกทาง เพื่อให้สมันน้อยรอดพ้นจากอันตราย

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    5 ธค. 2557
    แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 12 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3” ตอนที่ 12 ปัจจัยสุดท้าย ที่จะตามประเมินกันคือ เรื่องกองกำลัง ซึ่งมีทั้งในระบบและนอกระบบ สำหรับกองกำลังในระบบ เป็นเรื่องที่ประเมินยาก เนื่องจากความแตกต่างทางข้อมูลของของแต่ละแหล่งที่มา ซึ่งแน่นอน มีทั้งการซ่อนตัวเลขไม่ให้อีกฝ่ายรู้ความจริง หรือแต่งให้ดูดีกว่าเป็นจริง จึงเป็นเรื่องที่ยากจะยืนยัน ตัวเลขที่จะนำมาแสดงต่อไปนี้ ผมได้มาจากหลายแหล่ง มีทั้งเวบด้านทหาร และข้อมูลที่มีผู้รู้ทางด้านนี้ส่งมาให้ ผมใช้ตัวเลขที่ประเมินจากทุกแหล่งข้อมูลที่ได้ มาเปรียบเทียบ และ ประมาณความเป็นไปได้นะครับ ฝ่ายอเมริกา 5 อันดับแรก – อเมริกา มีประมาณ 2.2 ล้านนาย – เกาหลีใต้ มีประมาณ 1 ล้านนาย – อังกฤษ มีประมาณ 4 แสนนาย – ฝรั่งเศษ มีประมาณ 4 แสนนาย – ออสเตรเลีย มีประมาณ 3.5 แสนนาย – ที่เหลือรวมๆกันของพันธมิตร มีประมาณ 2 ล้านนาย รวมทั้งหมดประมาณ 7 ล้านนาย ส่วนกองกำลังในระบบ ของฝ่ายรัสเซีย 5 อันดับแรก – จีน มีประมาณ 4.3 ล้านนาย – รัสเซีย มีประมาณ 3.2 ล้านนาย – อินเดีย มีประมาณ 3.4 ล้านนาย – เกาหลีเหนือ มีประมาณ 2 ล้านนาย – อิหร่าน มีประมาณ 3 ล้านนาย – ที่เหลือรวมๆกันของพันธมิตร มีประมาณ 2 ล้านนาย รวมทั้งหมดประมาณ 18 ล้านนาย สรุป กองกำลังในระบบ หรือประจำกองทัพ ระหว่างฝ่ายอเมริกากับฝ่ายรัสเซีย อัตราส่วนประมาณ 1: 2.5 ฝ่ายรัสเซียมีมากกว่าฝ่ายอเมริกากว่าเท่าครึ่ง คงพอเห็นแล้วว่า มีจำนวนพันธมิตรมาก ก็เรื่องหนึ่ง แต่เวลาทำสงคราม จำนวนนักรบ อาจสำคัญกว่าเพื่อนที่เป็นภาระรุงรังนะครับ เกี่ยวกับเรื่องกองกำลังนั้น อเมริกาเลิกระบบทหารเกณฑ์ไปแล้ว มีแต่ทหารสมัคร ขณะที่รัสเซีย จีน เกาหลีเหนือ และ อิหร่าน ยังมีระบบทหารเกณฑ์ตามกฏหมายอยู่ ซึ่งจะทำให้ทั้ง 4 ประเทศ สามารถเรียกทหารสำรอง และทหารเกณฑ์ได้อีกหลายสิบล้านนาย ยังมีตัวแปรที่มีกองกำลังขนาดใหญ่ ที่ผมไม่ได้ใส่ไป 2 ประเทศ คือ บราซิล และตุรกี บราซิล นั้น อยู่ระหว่างจะเป็นกลาง หรือเข้ากับฝ่ายรัสเซีย มีกองกำลังประมาณ 4 แสนคน ส่วนตุรกีนั้น ด้วยความเป็นนก 2 หัว ชอบเล่นเกมเสียว ตุรกียังเล่นเสียวต่อ ไม่ตัดสินใจ มีกองกำลังประมาณ 6 แสนคน สำหรับไทยแลนด์ แดนสมันน้อยนั้น ผมไม่ได้เอามาใส่อยู่ฝ่ายใดเลย เพราะไม่สามารถคาดเดาความลึกซึ้งยาวไกลในวิสัยทัศน์ของท่านผู้นำได้ ไม่แตะดีกว่าครับ ได้แต่แอบหวังว่า พระสยามเทวาธิราชท่านคงดลใจให้ไปถูกทาง เพื่อให้สมันน้อยรอดพ้นจากอันตราย สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 5 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • “บุ๋ม ปนัดดา” ฉะ “อังคณา” ควรเป็นปากเสียงให้คนไทย อยากให้ลงพื้นที่ด้วยกันจะได้เห็นความจริงว่าประเทศไทยเราสูญเสียและเสียหายไปมากแค่ไหน จำนวนประชากร ที่ไม่ใช่ทหาร ของเราเสียชีวิตมากกว่าของเขา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000098203

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    “บุ๋ม ปนัดดา” ฉะ “อังคณา” ควรเป็นปากเสียงให้คนไทย อยากให้ลงพื้นที่ด้วยกันจะได้เห็นความจริงว่าประเทศไทยเราสูญเสียและเสียหายไปมากแค่ไหน จำนวนประชากร ที่ไม่ใช่ทหาร ของเราเสียชีวิตมากกว่าของเขา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000098203 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมินเสียงผีละเมิดสิทธิ ยิงจรวดใส่ไทยหนักกว่า : [NEWS UPDATE]
    นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เผยกรณีกองทัพภาคที่ 1 ใช้เครื่องจักรกลรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ชาวกัมพูชารุกล้ำพื้นที่ไทยบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว กองทัพมีอำนาจตัดสินใจเต็มที่ในพื้นที่ที่เป็นปัญหา ส่วนกรณีโฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชามองว่าการเปิดเสียงรบกวนจากฝั่งไทย ละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นรุนแรง นายกรัฐมนตรีของไทยมองว่า ระเบิดและจรวดที่ยิงเข้ามาในเขตไทยจากฝั่งกัมพูชาก็ทำอันตรายกับประชาชนไทย โดรนที่บินเข้ามาในเขตไทยก็ละเมิดอธิปไตยประเทศไทย ให้กำลังใจแม่ทัพภาคที่ 2 ทหาร เจ้าหน้าที่ และข้าราชการฝ่ายปกครองในพื้นที่พิพาท สนับสนุนทุกอย่างให้สามารถทำงานได้ เพื่อนำชัยชนะ ปกป้องประชาชน และปกป้องอธิปไตยของประเทศ



    ต้องยกเลิก MOU 43-44 ทันที

    มองโลกตามความจริง

    รธน.2560ทำไทยสบวิกฤต

    ยกเลิกกฎหมายขวางทำกิน
    เมินเสียงผีละเมิดสิทธิ ยิงจรวดใส่ไทยหนักกว่า : [NEWS UPDATE] นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย เผยกรณีกองทัพภาคที่ 1 ใช้เครื่องจักรกลรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างที่ชาวกัมพูชารุกล้ำพื้นที่ไทยบริเวณบ้านหนองหญ้าแก้ว กองทัพมีอำนาจตัดสินใจเต็มที่ในพื้นที่ที่เป็นปัญหา ส่วนกรณีโฆษกกระทรวงกลาโหมของกัมพูชามองว่าการเปิดเสียงรบกวนจากฝั่งไทย ละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นรุนแรง นายกรัฐมนตรีของไทยมองว่า ระเบิดและจรวดที่ยิงเข้ามาในเขตไทยจากฝั่งกัมพูชาก็ทำอันตรายกับประชาชนไทย โดรนที่บินเข้ามาในเขตไทยก็ละเมิดอธิปไตยประเทศไทย ให้กำลังใจแม่ทัพภาคที่ 2 ทหาร เจ้าหน้าที่ และข้าราชการฝ่ายปกครองในพื้นที่พิพาท สนับสนุนทุกอย่างให้สามารถทำงานได้ เพื่อนำชัยชนะ ปกป้องประชาชน และปกป้องอธิปไตยของประเทศ ต้องยกเลิก MOU 43-44 ทันที มองโลกตามความจริง รธน.2560ทำไทยสบวิกฤต ยกเลิกกฎหมายขวางทำกิน
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ประเทศที่ลงทุนในเขมรคือประเทศที่ร่วมก่ออาชญากรรมการค้ามนุษย์ด้วยเพราะรัฐบาลเขมรที่นำโดยฮุนเซนฮุนมาเนตคือตัวพ่อในการปกป้องพวกก่ออาชญากรรมนี้,เจ้าสัวไทยเทาที่ไปลงทุนในเขมรเสมือนมุ่งหมายทางด้านเทาด้วย รู้ทั้งรู้ว่ารัฐบาลฮุนเซนฮุนมาเนตคือเจ้าพ่ออิทธิพลใหญ่สุดทั้งประเทศรับรู้ควบคุมพวกนี้หมดนั้นเอง พวกนักลงทุนไทยเทาและชาติอื่นๆโดยเฉพาะจีนที่ลงทุนในเขมรมากสุดก็หมายสิ่งเทาๆให้ทำอะไรเทาๆในเขมรได้ด้วยเช่นกันแน่จึงชอบเทาๆในเขมร บางกิจการส่งออกอะไรออกจากเขมรก็ขนอะไรเทาๆออกไปด้วย อวัยวะมนุษย์จากพวกค้ามนุษย์ก็ต้องมีแน่นอนตลอดคนเป็นๆไปค้ากามทั้งชายและหญิงก็ได้หมดในนามการส่งออกจากเขมรที่มิใช่แค่ยาเสพติดหรืออื่นใด แบบฟอกเงินเป็นต้น มิใช่แค่หลอกลวงผู้คนแบบกรณีเกาหลีใต้แน่นอน.

    ..จีนสนับสนุนเขมรฝึกซ้อมอาวุธ ไทยเทาก็ด้วยส่งเสบียงให้เขมรทำชั่ว การปิดด่านตลอดแนวพรมแดนเมื่อทหารไทยดีๆเราลงมือจัดการนักการเมืองชั่วเจ้าสัวชั่วจึงสมควรมาก,

    ..ต้องร่วมกันทั่วโลกโดยเฉพาะเอเชียคือจีน อาเชียนทุกๆประเทศประกาศคว่ำบาตรเขมรทันที,

    ..ไทยต้องเริ่มปฐมบทประกาศคว่ำบาตรเขมรทันทีก็ด้วยจากเหตุเขมรก่ออาชญากรรมสงครามต่อไทย เขมรคือภัยคุกคามไทย ภัยของเกาหลีใต้ ภัยของทุกๆคนที่เขมรคือสแกมเมอร์ก่ออาชญากรรมไปทั่วโลกด้วยและสาระพัดฮับสิ่งเลวชั่วเต็มเขมรเป็นภัยของอาเชียนด้วย,ยิงระเบิดหมายฆ่าประชาชนคนไทยเราชัดเจนด้วย การคว่ำบาตรเขมรจึงเหมาะสม ตัดเสบียงตัดสายสัมพันธ์เขมร หรือทำลายเขมรจริงร่วมกับคนเอเชียและชาติอาเชียนทั้งหมด ขจัดภัยอันตรายต่อประชาชนอาเชียนประชาชนเอเชียและประชาชนทั่วโลกได้ทันทีจากการกระทำของคนในประเทศเขมรซึ่งเห็นกันชัดเจนจริงทั่วโลก เคสกรณีคนเกาหลีใต้คือสัญญาณเตือนที่เลวร้ายชั่วเลวจริงในบริบทเขมรนำโดยฮุนเซนฮุนมาเนตเจ้าถิ่นสั่งการควบคุมได้,จีนไม่จบจริงในเขมรปล่อยเขมรสร้างความเลวร้ายไปทั่วโลก มุ่งแค่ผลประโยชน์และเห็นแก่ได้มากจนสนับสนุนเขมรแบบไม่ลืมหูลืมตาว่าเขมรเลวชั่วเพียงใด จีนไม่มีมาตราฐานสิ่งดีงามในใจตนเลย,ยิ่งลงทุนให้เขมร เขมรก็ยิ่งมีกำลังก่อเลวชั่วได้ดีขึ้น,ทั่วโลกใครก็รู้ว่าจีนเทียบเท่าปกครองเขมรไปแล้ว สิ่งที่เขมรทำเสมือนจีนสั่งให้ทำด้วย เขมรยิงระเบิดให้เด็กๆคนไทยเราตาย ประชาชนเราตายนอกแนวเขตปะทะตายเกือบหมดครอบครัวก็เสมือนจีนสนับสนุนสิ่งนี้ การก่อเหตุนี้,อาวุธที่เขมรได้ เงินที่เขมรซื้ออาวุธเตรียมการไว้ก็มาจากจีนในนามชื่อว่าจีนเทาก็คือจีนนี้เอง,รัสเชียก็ด้วยสนับสนุนระเบิดใหม่เอี่ยมมาวางระเบิดจนทหารไทยขาขาดก็ด้วย เหตุอะไรเขมรจึงใจถึงขนาดนั้นก็ต้องมีจีนมีรัสเชียหรือฝรั่งเศสหรืออเมริกาสนับสนุนเขมร เพราะเขมรเลวชั่วลิ้นสองแฉ หาชาติไหนมาร่วมแบบไม่ลืมหูลืมตาเพื่อหวังผลประโยชน์ที่เขมรยื่นมอบให้ได้แน่นอน,เช่นถ้ายึดไทยได้ อีสานไทยก็ดี ภาคตะวันออกไทยยิ่งง่ายเพราะไม่ตอบโต้อะไรเลยในขณะที่อีสานสู้กันดุเดือดเอากันตายจริงแต่ภาคตะวันออกไม่สู้เพราะอยู่ข้างเขมร เป็นพวกของเขมรแล้ว สั่งอะไรแม้ให้ไทยเปิดด่านก็พร้อมเปิดด่านตลอดเวลาตามคำสั่งทางเขมร นี้คือความจริงในการเป็นบ๋อยลูกไร่ขี้เบ้เขมรจะมีคลิปชั่วกำไว้จะแฉก็ตามในฝ่ายข้าราชการและนักการเมืองแต่สิ่งที่เห็นชัดทั่วประเทศ มันคือไทยเทารัฐบาลเทาพยายามเปิดด่านให้เขมรนั้นเอง. ,จีนก็อาจเขมรยื่นข้อเสนอว่าถ้ายึดอีสานใต้ได้ จีนจะได้สิทธิ์ทำทรัพยากรเหมืองแร่ทั้งอีสานใต้หรือทั้งอีสานได้หมด ย่อมาตาม1:200,000ก็ให้จีนหมดเลย เขมรเรา3ส่วนก็พอมันว่า จีนได้7ส่วน มูลค่ากว่า1,000ล้านล้านบาทตลอดแนวบนบก,ไม่รวมทะเล,อาจแบ่งรัสเชียด้วยอีก เขมรได้1ส่วนก็คุมเพราะไม่ทำห่าอะไรเลย ตนก็ครองเป็นผู้ทรงอิทธิพลทั้งตระกูลฮุนในเขมรกว่า100ปีก็ได้,ฝั่งทะเลก็ให้ฝรั่งเศสอเมริกาไปมันว่า เชฟรอนและกิจการน้ำมันอื่นของฝรั่งของต่างชาติต่างๆนี้เหี้ยนี้ลงรุมแดกแน่นอนกว่า100ล้านล้าน1,000ล้านล้านใครจะรู้.
    ..มุกเกาหลีใต้ที่เป็นเหยื่อฆ่านักศึกษานั้น มันอาจวางแผนอย่างอำมหิตตามแผนไซออนิสต์เอาคนเกาหลีใต้เป็นเหยื่อ จุดไฟโกรธแค้นเพื่อมารุมแดกโต๊ะกับฝรั่งที่เขมรก็ได้,เกาหลีใต้ยึดอำนาจเขมร ปกครองเขมรชิงตัดหน้าจีนลงมือยึดเขมรเปลี่ยนฮุนเซนเป็นคนของจีนก็จะอยากทันที,นี้น่าจะมโนได้ว่ามันวางแผนเกินเราจริงๆ,เกาหนีใต้คือลูกน้องอเมริกาชัดเจน เหมือนญี่ปุ่น มากชิงออกหน้าก่อนตัดหน้าจีนยึดฐานสงครามอเมริกาไว้, ไทยเมื่อยึดฐานไม่ได้ก็ยึดเขมรสร้างฐานทำสงครามกับจีนเลย,เกาหลีใต้เข้ามาด้วยเหตุการณ์นักศึกษานี้ย่อมไม่น่าเกียจ เปิดแนวรบที่เขมรนั้นเอง,จีนมีลาว มีเวียดนามในนามรัสเชีย จีนมีพม่าในนามรัสเชียออกหน้า,อเมริกามีเขมรโดยเกาหลีใต้ข้ามฟ้าข้ามทะเลมายึดทำฐานทัพให้อเมริกา มันคุ้มค่ามากโดยเสียแพะคนเกาหลีใต้ไปก็ตาม ได้ใจคนเกาหลีใต้ทั้งประเทศอีกให้ยึดเขมร,

    ..มุกเกาหลีใต้นี้ถ้าไทยอ่านพลาดอาจเสียเหลี่ยมให้อาเชียนเป็นเขตสงครามโลกได้หรือเอาทั้งอาเชียนเราลงสนามสงครามโลกที่3แน่นอนในปีหน้านี้เมื่อยิงกันขึ้นที่ใต้หวันและญี่ปุ่นเกาหลีใต้กับเกาหลีเหนือสหายฝั่งจีน,ฟิลิปปินส์อีกอาจคือประธานอาเชียนคนต่อไปบ๋อยอเมริกาอีก,สิงคโปร์จึงยิงมุกตัดเขมรออกจากกลุ่มอาเชียนเพื่อตัดตอนความอุบาทก์นี้ก่อน,ไทยและชาติอาเชียน ตลอดเอเชียจึงต้องร่วมกันคว่ำบาตรเขมรพร้อมกันทันทีและให้เขมรคืนดินแดนที่ฝรั่งเศสคืนผิดไปแก่ไทยด้วย,จะคืนความสงบสุขแก่อาเชียนทันที,เพราะไม่ว่าชาติใดจะยึดเขมร เขมรถูกคว่ำบาตรแล้ว จะเป็นฐานทัพใครร่วมก่อสงครามโลกที่3ไม่ได้ อาเชียนจะเป็นกลางได้ทันที ถ้าฟิลิปปินส์เข้าร่วมสงครามกับอเมริกาก็ถีบฟิลิปปินส์ออกจากอาเชียนเลย,ชาติอาเชียนรวมทั้งไทยหากชาติใดเข้าร่วมอินโดแปซิฟิกก็ให้การประชุมอาเชียนเป็นเวทีแจ้งให้ชาติสมาชิกถอนตัวออกจากความขัดแย้งสู่หายนะให้ภูมิภาคอาเชียนทันทีโดยไทยแสดงเจตนาจำนงประกาศชัดเจนขอถอนตัวออกจากสมาชิกอินโดแปซิฟิกนี้,และไทยพูดในที่ประชุมเลยว่า ขอให้สมาชิกอาเชียนทั้งหมดถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกอินโดแปซิฟิกทันที เพื่อปกป้องประชาชนพลเมืองชาติอาเชียนเรามิให้พบความหายนะแห่งภัยสงครามที่จีนและอเมริการบกันเอง,แต่เสือกมาดึงเราชาติอาเชียนไปยุ่งด้วยในผลประโยชน์ในความขัดแย้งกันเอง.,อเมริกาหรือจีนห้ามใช้ประเทศอาเชียนเป็นฐานทัพสู้รบทำสงครามกันทุกๆกรณีเป็นต้น.,
    ..

    https://youtube.com/watch?v=gXC3rgB6SCE&si=jru8TssS92gzVNja
    ประเทศที่ลงทุนในเขมรคือประเทศที่ร่วมก่ออาชญากรรมการค้ามนุษย์ด้วยเพราะรัฐบาลเขมรที่นำโดยฮุนเซนฮุนมาเนตคือตัวพ่อในการปกป้องพวกก่ออาชญากรรมนี้,เจ้าสัวไทยเทาที่ไปลงทุนในเขมรเสมือนมุ่งหมายทางด้านเทาด้วย รู้ทั้งรู้ว่ารัฐบาลฮุนเซนฮุนมาเนตคือเจ้าพ่ออิทธิพลใหญ่สุดทั้งประเทศรับรู้ควบคุมพวกนี้หมดนั้นเอง พวกนักลงทุนไทยเทาและชาติอื่นๆโดยเฉพาะจีนที่ลงทุนในเขมรมากสุดก็หมายสิ่งเทาๆให้ทำอะไรเทาๆในเขมรได้ด้วยเช่นกันแน่จึงชอบเทาๆในเขมร บางกิจการส่งออกอะไรออกจากเขมรก็ขนอะไรเทาๆออกไปด้วย อวัยวะมนุษย์จากพวกค้ามนุษย์ก็ต้องมีแน่นอนตลอดคนเป็นๆไปค้ากามทั้งชายและหญิงก็ได้หมดในนามการส่งออกจากเขมรที่มิใช่แค่ยาเสพติดหรืออื่นใด แบบฟอกเงินเป็นต้น มิใช่แค่หลอกลวงผู้คนแบบกรณีเกาหลีใต้แน่นอน. ..จีนสนับสนุนเขมรฝึกซ้อมอาวุธ ไทยเทาก็ด้วยส่งเสบียงให้เขมรทำชั่ว การปิดด่านตลอดแนวพรมแดนเมื่อทหารไทยดีๆเราลงมือจัดการนักการเมืองชั่วเจ้าสัวชั่วจึงสมควรมาก, ..ต้องร่วมกันทั่วโลกโดยเฉพาะเอเชียคือจีน อาเชียนทุกๆประเทศประกาศคว่ำบาตรเขมรทันที, ..ไทยต้องเริ่มปฐมบทประกาศคว่ำบาตรเขมรทันทีก็ด้วยจากเหตุเขมรก่ออาชญากรรมสงครามต่อไทย เขมรคือภัยคุกคามไทย ภัยของเกาหลีใต้ ภัยของทุกๆคนที่เขมรคือสแกมเมอร์ก่ออาชญากรรมไปทั่วโลกด้วยและสาระพัดฮับสิ่งเลวชั่วเต็มเขมรเป็นภัยของอาเชียนด้วย,ยิงระเบิดหมายฆ่าประชาชนคนไทยเราชัดเจนด้วย การคว่ำบาตรเขมรจึงเหมาะสม ตัดเสบียงตัดสายสัมพันธ์เขมร หรือทำลายเขมรจริงร่วมกับคนเอเชียและชาติอาเชียนทั้งหมด ขจัดภัยอันตรายต่อประชาชนอาเชียนประชาชนเอเชียและประชาชนทั่วโลกได้ทันทีจากการกระทำของคนในประเทศเขมรซึ่งเห็นกันชัดเจนจริงทั่วโลก เคสกรณีคนเกาหลีใต้คือสัญญาณเตือนที่เลวร้ายชั่วเลวจริงในบริบทเขมรนำโดยฮุนเซนฮุนมาเนตเจ้าถิ่นสั่งการควบคุมได้,จีนไม่จบจริงในเขมรปล่อยเขมรสร้างความเลวร้ายไปทั่วโลก มุ่งแค่ผลประโยชน์และเห็นแก่ได้มากจนสนับสนุนเขมรแบบไม่ลืมหูลืมตาว่าเขมรเลวชั่วเพียงใด จีนไม่มีมาตราฐานสิ่งดีงามในใจตนเลย,ยิ่งลงทุนให้เขมร เขมรก็ยิ่งมีกำลังก่อเลวชั่วได้ดีขึ้น,ทั่วโลกใครก็รู้ว่าจีนเทียบเท่าปกครองเขมรไปแล้ว สิ่งที่เขมรทำเสมือนจีนสั่งให้ทำด้วย เขมรยิงระเบิดให้เด็กๆคนไทยเราตาย ประชาชนเราตายนอกแนวเขตปะทะตายเกือบหมดครอบครัวก็เสมือนจีนสนับสนุนสิ่งนี้ การก่อเหตุนี้,อาวุธที่เขมรได้ เงินที่เขมรซื้ออาวุธเตรียมการไว้ก็มาจากจีนในนามชื่อว่าจีนเทาก็คือจีนนี้เอง,รัสเชียก็ด้วยสนับสนุนระเบิดใหม่เอี่ยมมาวางระเบิดจนทหารไทยขาขาดก็ด้วย เหตุอะไรเขมรจึงใจถึงขนาดนั้นก็ต้องมีจีนมีรัสเชียหรือฝรั่งเศสหรืออเมริกาสนับสนุนเขมร เพราะเขมรเลวชั่วลิ้นสองแฉ หาชาติไหนมาร่วมแบบไม่ลืมหูลืมตาเพื่อหวังผลประโยชน์ที่เขมรยื่นมอบให้ได้แน่นอน,เช่นถ้ายึดไทยได้ อีสานไทยก็ดี ภาคตะวันออกไทยยิ่งง่ายเพราะไม่ตอบโต้อะไรเลยในขณะที่อีสานสู้กันดุเดือดเอากันตายจริงแต่ภาคตะวันออกไม่สู้เพราะอยู่ข้างเขมร เป็นพวกของเขมรแล้ว สั่งอะไรแม้ให้ไทยเปิดด่านก็พร้อมเปิดด่านตลอดเวลาตามคำสั่งทางเขมร นี้คือความจริงในการเป็นบ๋อยลูกไร่ขี้เบ้เขมรจะมีคลิปชั่วกำไว้จะแฉก็ตามในฝ่ายข้าราชการและนักการเมืองแต่สิ่งที่เห็นชัดทั่วประเทศ มันคือไทยเทารัฐบาลเทาพยายามเปิดด่านให้เขมรนั้นเอง. ,จีนก็อาจเขมรยื่นข้อเสนอว่าถ้ายึดอีสานใต้ได้ จีนจะได้สิทธิ์ทำทรัพยากรเหมืองแร่ทั้งอีสานใต้หรือทั้งอีสานได้หมด ย่อมาตาม1:200,000ก็ให้จีนหมดเลย เขมรเรา3ส่วนก็พอมันว่า จีนได้7ส่วน มูลค่ากว่า1,000ล้านล้านบาทตลอดแนวบนบก,ไม่รวมทะเล,อาจแบ่งรัสเชียด้วยอีก เขมรได้1ส่วนก็คุมเพราะไม่ทำห่าอะไรเลย ตนก็ครองเป็นผู้ทรงอิทธิพลทั้งตระกูลฮุนในเขมรกว่า100ปีก็ได้,ฝั่งทะเลก็ให้ฝรั่งเศสอเมริกาไปมันว่า เชฟรอนและกิจการน้ำมันอื่นของฝรั่งของต่างชาติต่างๆนี้เหี้ยนี้ลงรุมแดกแน่นอนกว่า100ล้านล้าน1,000ล้านล้านใครจะรู้. ..มุกเกาหลีใต้ที่เป็นเหยื่อฆ่านักศึกษานั้น มันอาจวางแผนอย่างอำมหิตตามแผนไซออนิสต์เอาคนเกาหลีใต้เป็นเหยื่อ จุดไฟโกรธแค้นเพื่อมารุมแดกโต๊ะกับฝรั่งที่เขมรก็ได้,เกาหลีใต้ยึดอำนาจเขมร ปกครองเขมรชิงตัดหน้าจีนลงมือยึดเขมรเปลี่ยนฮุนเซนเป็นคนของจีนก็จะอยากทันที,นี้น่าจะมโนได้ว่ามันวางแผนเกินเราจริงๆ,เกาหนีใต้คือลูกน้องอเมริกาชัดเจน เหมือนญี่ปุ่น มากชิงออกหน้าก่อนตัดหน้าจีนยึดฐานสงครามอเมริกาไว้, ไทยเมื่อยึดฐานไม่ได้ก็ยึดเขมรสร้างฐานทำสงครามกับจีนเลย,เกาหลีใต้เข้ามาด้วยเหตุการณ์นักศึกษานี้ย่อมไม่น่าเกียจ เปิดแนวรบที่เขมรนั้นเอง,จีนมีลาว มีเวียดนามในนามรัสเชีย จีนมีพม่าในนามรัสเชียออกหน้า,อเมริกามีเขมรโดยเกาหลีใต้ข้ามฟ้าข้ามทะเลมายึดทำฐานทัพให้อเมริกา มันคุ้มค่ามากโดยเสียแพะคนเกาหลีใต้ไปก็ตาม ได้ใจคนเกาหลีใต้ทั้งประเทศอีกให้ยึดเขมร, ..มุกเกาหลีใต้นี้ถ้าไทยอ่านพลาดอาจเสียเหลี่ยมให้อาเชียนเป็นเขตสงครามโลกได้หรือเอาทั้งอาเชียนเราลงสนามสงครามโลกที่3แน่นอนในปีหน้านี้เมื่อยิงกันขึ้นที่ใต้หวันและญี่ปุ่นเกาหลีใต้กับเกาหลีเหนือสหายฝั่งจีน,ฟิลิปปินส์อีกอาจคือประธานอาเชียนคนต่อไปบ๋อยอเมริกาอีก,สิงคโปร์จึงยิงมุกตัดเขมรออกจากกลุ่มอาเชียนเพื่อตัดตอนความอุบาทก์นี้ก่อน,ไทยและชาติอาเชียน ตลอดเอเชียจึงต้องร่วมกันคว่ำบาตรเขมรพร้อมกันทันทีและให้เขมรคืนดินแดนที่ฝรั่งเศสคืนผิดไปแก่ไทยด้วย,จะคืนความสงบสุขแก่อาเชียนทันที,เพราะไม่ว่าชาติใดจะยึดเขมร เขมรถูกคว่ำบาตรแล้ว จะเป็นฐานทัพใครร่วมก่อสงครามโลกที่3ไม่ได้ อาเชียนจะเป็นกลางได้ทันที ถ้าฟิลิปปินส์เข้าร่วมสงครามกับอเมริกาก็ถีบฟิลิปปินส์ออกจากอาเชียนเลย,ชาติอาเชียนรวมทั้งไทยหากชาติใดเข้าร่วมอินโดแปซิฟิกก็ให้การประชุมอาเชียนเป็นเวทีแจ้งให้ชาติสมาชิกถอนตัวออกจากความขัดแย้งสู่หายนะให้ภูมิภาคอาเชียนทันทีโดยไทยแสดงเจตนาจำนงประกาศชัดเจนขอถอนตัวออกจากสมาชิกอินโดแปซิฟิกนี้,และไทยพูดในที่ประชุมเลยว่า ขอให้สมาชิกอาเชียนทั้งหมดถอนตัวออกจากการเป็นสมาชิกอินโดแปซิฟิกทันที เพื่อปกป้องประชาชนพลเมืองชาติอาเชียนเรามิให้พบความหายนะแห่งภัยสงครามที่จีนและอเมริการบกันเอง,แต่เสือกมาดึงเราชาติอาเชียนไปยุ่งด้วยในผลประโยชน์ในความขัดแย้งกันเอง.,อเมริกาหรือจีนห้ามใช้ประเทศอาเชียนเป็นฐานทัพสู้รบทำสงครามกันทุกๆกรณีเป็นต้น., .. https://youtube.com/watch?v=gXC3rgB6SCE&si=jru8TssS92gzVNja
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 79 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เมื่อ AI สร้างพอดแคสต์ได้เป็นพันรายการ – อุตสาหกรรมเสียงกำลังสั่นคลอน”

    ลองจินตนาการว่าโลกของพอดแคสต์ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงจริงจากคนจริง กำลังถูกแทนที่ด้วยเสียงสังเคราะห์จาก AI ที่สามารถผลิตรายการได้เป็นร้อยเป็นพันในเวลาไม่กี่นาที

    นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปี 2025 เมื่อ Google เปิดตัว “Audio Overview” ระบบสร้างพอดแคสต์จากเอกสารและข้อมูลต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้มนุษย์เลยแม้แต่นิดเดียว และตามมาด้วยคลื่นของสตาร์ทอัพอย่าง ElevenLabs และ Wondercraft ที่กระโดดเข้ามาในตลาดนี้อย่างรวดเร็ว

    ผลลัพธ์คือการผลิตพอดแคสต์แบบ “mass-produced” ที่มีโฮสต์เสมือนจริง พูดได้หลายภาษา ปรับอารมณ์เสียงได้ และสามารถสร้างเนื้อหาตามความต้องการของผู้ฟังได้ทันที

    แต่ในขณะที่เทคโนโลยีนี้ดูน่าตื่นเต้น มันกลับสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับอุตสาหกรรมพอดแคสต์อิสระ ที่ยังคงพึ่งพาการสนับสนุนจากผู้ฟังและโฆษณาแบบดั้งเดิม หลายรายการกำลังดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด เพราะไม่สามารถแข่งขันกับความเร็วและต้นทุนต่ำของ AI ได้

    ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า แม้รสนิยมของผู้ฟังอาจไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่การหลั่งไหลของพอดแคสต์จาก AI จะส่งผลกระทบต่อ “ศิลปะของการเล่าเรื่อง” และความสัมพันธ์ระหว่างผู้สร้างกับผู้ฟังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    ในมุมที่กว้างขึ้น นี่คือภาพสะท้อนของการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมสื่อทั่วโลก ที่กำลังเผชิญกับคำถามว่า “อะไรคือความจริง” และ “ใครคือผู้เล่าเรื่องที่แท้จริง”

    การเกิดขึ้นของพอดแคสต์จาก AI
    Google เปิดตัว Audio Overview สร้างพอดแคสต์จากเอกสารโดยไม่ใช้มนุษย์
    สตาร์ทอัพอย่าง ElevenLabs และ Wondercraft เข้าร่วมตลาดอย่างรวดเร็ว
    พอดแคสต์สามารถผลิตได้จำนวนมากในเวลาสั้น ด้วยต้นทุนต่ำ

    ความสามารถของพอดแคสต์ AI
    ใช้โฮสต์เสมือนจริงที่ปรับอารมณ์เสียงได้
    รองรับหลายภาษาและสามารถปรับเนื้อหาให้เหมาะกับผู้ฟัง
    สร้างเนื้อหาแบบออนดีมานด์จากข้อมูลที่มีอยู่

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมพอดแคสต์อิสระ
    รายการอิสระที่พึ่งพาผู้ฟังและโฆษณากำลังถูกแย่งพื้นที่
    ความสัมพันธ์ระหว่างผู้สร้างกับผู้ฟังอาจลดลง
    ความหลากหลายของเนื้อหาอาจถูกแทนที่ด้วยสูตรสำเร็จจาก AI

    มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ
    การผลิตจำนวนมากอาจทำลาย “ศิลปะของการเล่าเรื่อง”
    ความจริงและความเป็นมนุษย์ในเนื้อหาอาจถูกลดทอน
    อุตสาหกรรมสื่อกำลังเผชิญกับคำถามเรื่องความน่าเชื่อถือ

    คำเตือนต่ออนาคตของพอดแคสต์
    พอดแคสต์จาก AI อาจทำให้ผู้ฟังไม่สามารถแยกแยะเนื้อหาที่มีความจริงจากเนื้อหาสังเคราะห์
    ผู้สร้างเนื้อหาจริงอาจถูกลดบทบาทหรือหายไปจากตลาด
    ความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมุมมองอาจถูกกลืนด้วยอัลกอริธึม
    การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้เนื้อหาขาดความลึกและความรู้สึก

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/13/mass-produced-ai-podcasts-disrupt-a-fragile-industry
    🎙️ “เมื่อ AI สร้างพอดแคสต์ได้เป็นพันรายการ – อุตสาหกรรมเสียงกำลังสั่นคลอน” ลองจินตนาการว่าโลกของพอดแคสต์ที่เคยเต็มไปด้วยเสียงจริงจากคนจริง กำลังถูกแทนที่ด้วยเสียงสังเคราะห์จาก AI ที่สามารถผลิตรายการได้เป็นร้อยเป็นพันในเวลาไม่กี่นาที นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในปี 2025 เมื่อ Google เปิดตัว “Audio Overview” ระบบสร้างพอดแคสต์จากเอกสารและข้อมูลต่าง ๆ โดยไม่ต้องใช้มนุษย์เลยแม้แต่นิดเดียว และตามมาด้วยคลื่นของสตาร์ทอัพอย่าง ElevenLabs และ Wondercraft ที่กระโดดเข้ามาในตลาดนี้อย่างรวดเร็ว ผลลัพธ์คือการผลิตพอดแคสต์แบบ “mass-produced” ที่มีโฮสต์เสมือนจริง พูดได้หลายภาษา ปรับอารมณ์เสียงได้ และสามารถสร้างเนื้อหาตามความต้องการของผู้ฟังได้ทันที แต่ในขณะที่เทคโนโลยีนี้ดูน่าตื่นเต้น มันกลับสร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับอุตสาหกรรมพอดแคสต์อิสระ ที่ยังคงพึ่งพาการสนับสนุนจากผู้ฟังและโฆษณาแบบดั้งเดิม หลายรายการกำลังดิ้นรนเพื่อความอยู่รอด เพราะไม่สามารถแข่งขันกับความเร็วและต้นทุนต่ำของ AI ได้ ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า แม้รสนิยมของผู้ฟังอาจไม่เปลี่ยนแปลงมากนัก แต่การหลั่งไหลของพอดแคสต์จาก AI จะส่งผลกระทบต่อ “ศิลปะของการเล่าเรื่อง” และความสัมพันธ์ระหว่างผู้สร้างกับผู้ฟังอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ในมุมที่กว้างขึ้น นี่คือภาพสะท้อนของการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมสื่อทั่วโลก ที่กำลังเผชิญกับคำถามว่า “อะไรคือความจริง” และ “ใครคือผู้เล่าเรื่องที่แท้จริง” ✅ การเกิดขึ้นของพอดแคสต์จาก AI ➡️ Google เปิดตัว Audio Overview สร้างพอดแคสต์จากเอกสารโดยไม่ใช้มนุษย์ ➡️ สตาร์ทอัพอย่าง ElevenLabs และ Wondercraft เข้าร่วมตลาดอย่างรวดเร็ว ➡️ พอดแคสต์สามารถผลิตได้จำนวนมากในเวลาสั้น ด้วยต้นทุนต่ำ ✅ ความสามารถของพอดแคสต์ AI ➡️ ใช้โฮสต์เสมือนจริงที่ปรับอารมณ์เสียงได้ ➡️ รองรับหลายภาษาและสามารถปรับเนื้อหาให้เหมาะกับผู้ฟัง ➡️ สร้างเนื้อหาแบบออนดีมานด์จากข้อมูลที่มีอยู่ ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมพอดแคสต์อิสระ ➡️ รายการอิสระที่พึ่งพาผู้ฟังและโฆษณากำลังถูกแย่งพื้นที่ ➡️ ความสัมพันธ์ระหว่างผู้สร้างกับผู้ฟังอาจลดลง ➡️ ความหลากหลายของเนื้อหาอาจถูกแทนที่ด้วยสูตรสำเร็จจาก AI ✅ มุมมองจากผู้เชี่ยวชาญ ➡️ การผลิตจำนวนมากอาจทำลาย “ศิลปะของการเล่าเรื่อง” ➡️ ความจริงและความเป็นมนุษย์ในเนื้อหาอาจถูกลดทอน ➡️ อุตสาหกรรมสื่อกำลังเผชิญกับคำถามเรื่องความน่าเชื่อถือ ‼️ คำเตือนต่ออนาคตของพอดแคสต์ ⛔ พอดแคสต์จาก AI อาจทำให้ผู้ฟังไม่สามารถแยกแยะเนื้อหาที่มีความจริงจากเนื้อหาสังเคราะห์ ⛔ ผู้สร้างเนื้อหาจริงอาจถูกลดบทบาทหรือหายไปจากตลาด ⛔ ความหลากหลายทางวัฒนธรรมและมุมมองอาจถูกกลืนด้วยอัลกอริธึม ⛔ การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจทำให้เนื้อหาขาดความลึกและความรู้สึก https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/10/13/mass-produced-ai-podcasts-disrupt-a-fragile-industry
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Mass-produced AI podcasts disrupt a fragile industry
    Artificial intelligence now makes it possible to mass-produce podcasts with completely virtual hosts, a development that is disrupting an industry still finding its footing and operating on a fragile business model.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • “วิธีทำความสะอาดหลอดไฟอย่างปลอดภัย — เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญที่คุณอาจมองข้าม”

    แม้หลอดไฟจะดูเหมือนไม่ใช่จุดที่สกปรกนัก แต่ความจริงแล้วมันเป็นหนึ่งในจุดที่ฝุ่นชอบเกาะมากที่สุดในบ้าน เพราะกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านหลอดไฟสามารถดึงดูดฝุ่นได้เหมือนแม่เหล็ก และเนื่องจากเราไม่ค่อยสังเกตหลอดไฟจนกว่ามันจะเสีย จึงทำให้ฝุ่นสะสมโดยไม่รู้ตัว

    การทำความสะอาดหลอดไฟอย่างถูกวิธีไม่เพียงช่วยให้แสงสว่างชัดเจนขึ้น แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานและลดความเสี่ยงจากความร้อนสะสมอีกด้วย

    วิธีทำความสะอาดหลอดไฟ
    เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม
    ผ้าไมโครไฟเบอร์แห้ง, ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ, บันได (ถ้าหลอดอยู่สูง)

    ปิดไฟและถอดปลั๊กก่อนเสมอ
    หากถอดปลั๊กไม่ได้ ให้ปิดเบรกเกอร์

    ถอดหลอดไฟออกจากโคมก่อนทำความสะอาด
    รอให้หลอดเย็นก่อนจับ

    เช็ดด้วยผ้าแห้งก่อน
    หากฝุ่นบาง ๆ จะหลุดออกง่าย

    หากยังสกปรก ให้ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดเบา ๆ
    หลีกเลี่ยงไม่ให้โดนส่วนโลหะของหลอด

    รอให้หลอดแห้งสนิทก่อนใส่กลับ
    เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร

    หากไม่สามารถถอดหลอดได้
    ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดขณะอยู่กับที่ โดยต้องแน่ใจว่าไฟถูกตัดแล้ว

    กรณีหลอดไฟ LED
    ทำความสะอาดภายนอกเหมือนหลอดแก้ว
    ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์แห้งเช็ดเบา ๆ

    หากฝุ่นเข้าไปด้านใน
    ถอดฝาครอบออก (ถ้าเป็นไปได้) แล้วเช็ดภายใน

    หลีกเลี่ยงไม่ให้วงจรภายในเปียก
    หากเปียกอาจทำให้วงจรเสียหายถาวร

    หากฝาครอบปิดถาวรและมีฝุ่นภายใน
    อาจต้องพิจารณาเปลี่ยนหลอดใหม่

    https://www.slashgear.com/1992170/how-to-clean-light-bulb/
    “วิธีทำความสะอาดหลอดไฟอย่างปลอดภัย — เคล็ดลับจากผู้เชี่ยวชาญที่คุณอาจมองข้าม” แม้หลอดไฟจะดูเหมือนไม่ใช่จุดที่สกปรกนัก แต่ความจริงแล้วมันเป็นหนึ่งในจุดที่ฝุ่นชอบเกาะมากที่สุดในบ้าน เพราะกระแสไฟฟ้าที่ไหลผ่านหลอดไฟสามารถดึงดูดฝุ่นได้เหมือนแม่เหล็ก และเนื่องจากเราไม่ค่อยสังเกตหลอดไฟจนกว่ามันจะเสีย จึงทำให้ฝุ่นสะสมโดยไม่รู้ตัว การทำความสะอาดหลอดไฟอย่างถูกวิธีไม่เพียงช่วยให้แสงสว่างชัดเจนขึ้น แต่ยังช่วยยืดอายุการใช้งานและลดความเสี่ยงจากความร้อนสะสมอีกด้วย 💡 วิธีทำความสะอาดหลอดไฟ ✅ เตรียมอุปกรณ์ให้พร้อม ➡️ ผ้าไมโครไฟเบอร์แห้ง, ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ, บันได (ถ้าหลอดอยู่สูง) ✅ ปิดไฟและถอดปลั๊กก่อนเสมอ ➡️ หากถอดปลั๊กไม่ได้ ให้ปิดเบรกเกอร์ ✅ ถอดหลอดไฟออกจากโคมก่อนทำความสะอาด ➡️ รอให้หลอดเย็นก่อนจับ ✅ เช็ดด้วยผ้าแห้งก่อน ➡️ หากฝุ่นบาง ๆ จะหลุดออกง่าย ✅ หากยังสกปรก ให้ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดเบา ๆ ➡️ หลีกเลี่ยงไม่ให้โดนส่วนโลหะของหลอด ✅ รอให้หลอดแห้งสนิทก่อนใส่กลับ ➡️ เพื่อป้องกันไฟฟ้าลัดวงจร ✅ หากไม่สามารถถอดหลอดได้ ➡️ ใช้ผ้าชุบน้ำหมาด ๆ เช็ดขณะอยู่กับที่ โดยต้องแน่ใจว่าไฟถูกตัดแล้ว 💡 กรณีหลอดไฟ LED ✅ ทำความสะอาดภายนอกเหมือนหลอดแก้ว ➡️ ใช้ผ้าไมโครไฟเบอร์แห้งเช็ดเบา ๆ ✅ หากฝุ่นเข้าไปด้านใน ➡️ ถอดฝาครอบออก (ถ้าเป็นไปได้) แล้วเช็ดภายใน ✅ หลีกเลี่ยงไม่ให้วงจรภายในเปียก ➡️ หากเปียกอาจทำให้วงจรเสียหายถาวร ✅ หากฝาครอบปิดถาวรและมีฝุ่นภายใน ➡️ อาจต้องพิจารณาเปลี่ยนหลอดใหม่ https://www.slashgear.com/1992170/how-to-clean-light-bulb/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    How To Clean A Light Bulb, According To The Experts - SlashGear
    Sometimes even lightbulbs need a good cleaning. Here's everything you need to know about cleaning both filament bulbs and LED bulbs around your home.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 60 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ทรานซิสเตอร์ — สิ่งประดิษฐ์ที่ถูกผลิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ”

    เมื่อพูดถึงสิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์ผลิตมากที่สุด หลายคนอาจนึกถึงล้อเกวียน, ตะปู, หรือแม้แต่ถุงเท้า แต่ความจริงแล้ว สิ่งที่ถูกผลิตมากที่สุดในโลกคือ “ทรานซิสเตอร์” — อุปกรณ์ขนาดเล็กที่เป็นหัวใจของอิเล็กทรอนิกส์ยุคใหม่

    ทรานซิสเตอร์ตัวแรกถูกสร้างขึ้นในปี 1947 โดย Bell Labs และมีขนาดใหญ่พอจะวางบนโต๊ะได้ แต่ปัจจุบันทรานซิสเตอร์มีขนาดเล็กกว่าเศษฝุ่น และถูกผลิตไปแล้วมากกว่า 13 เซ็กทิลเลียนตัว (13 ตามด้วยศูนย์อีก 21 ตัว) ระหว่างปี 1947 ถึง 2018 ซึ่งจำนวนนี้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทุกปี

    ทรานซิสเตอร์ทำหน้าที่เป็นสวิตช์สองสถานะ — เปิดหรือปิด — ซึ่งเป็นพื้นฐานของระบบเลขฐานสองที่ใช้ในคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ดิจิทัลทั้งหมด โดยทรานซิสเตอร์สมัยใหม่เป็นแบบ MOS (Metal-Oxide Semiconductor) ที่ใช้ซิลิคอนเป็นวัสดุหลัก และมีขนาดเล็กระดับนาโนเมตร เช่น 3–5 nm หรือแม้แต่ 1 nm ในบางกรณี

    ในคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องอาจมีทรานซิสเตอร์หลายพันล้านตัว เช่น CPU รุ่นใหม่ของ Intel มีมากถึง 40 พันล้านตัว ขณะที่ชิปในปี 1971 มีเพียง 2,300 ตัวเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีการผลิต

    แม้ขนาดของทรานซิสเตอร์จะใกล้เคียงกับอะตอมของซิลิคอน (0.2 nm) ซึ่งเป็นขีดจำกัดทางฟิสิกส์ แต่ยังมีความหวังในการใช้วัสดุใหม่ เช่น ทรานซิสเตอร์แบบ 2D หรือวัสดุเหนือธรรมดาอื่น ๆ เพื่อผลักดันขีดจำกัดนี้ให้ไกลออกไป

    อย่างไรก็ตาม หากโลกเปลี่ยนไปใช้ควอนตัมคอมพิวติ้งอย่างเต็มรูปแบบ ทรานซิสเตอร์อาจถูกแทนที่ด้วย “คิวบิต” ซึ่งเป็นหน่วยข้อมูลที่สามารถอยู่ในหลายสถานะพร้อมกันได้ — และนั่นอาจเป็นจุดสิ้นสุดของยุคทรานซิสเตอร์ที่ครองโลกมายาวนานกว่า 75 ปี

    ทรานซิสเตอร์เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ถูกผลิตมากที่สุดในโลก
    มากกว่า 13 เซ็กทิลเลียนตัวระหว่างปี 1947–2018

    ทรานซิสเตอร์ตัวแรกถูกสร้างโดย Bell Labs ในปี 1947
    เป็นแบบ point-contact transistor ขนาดใหญ่

    ทรานซิสเตอร์สมัยใหม่เป็นแบบ MOS ที่ใช้ซิลิคอน
    มีขนาดเล็กระดับ 3–5 nm หรือแม้แต่ 1 nm

    CPU รุ่นใหม่มีทรานซิสเตอร์มากถึง 40 พันล้านตัว
    เทียบกับชิป Intel ปี 1971 ที่มีเพียง 2,300 ตัว

    ทรานซิสเตอร์ทำหน้าที่เป็นสวิตช์สองสถานะ
    เป็นพื้นฐานของระบบเลขฐานสองในคอมพิวเตอร์

    มีความพยายามพัฒนา 2D transistors และวัสดุใหม่
    เพื่อผลักดันขีดจำกัดของขนาดและประสิทธิภาพ

    คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดใช้ทรานซิสเตอร์
    เช่น CPU, RAM, GPU, SSD

    https://www.slashgear.com/1992406/about-most-produced-invention-in-the-world-transistors/
    🔌 “ทรานซิสเตอร์ — สิ่งประดิษฐ์ที่ถูกผลิตมากที่สุดในประวัติศาสตร์มนุษยชาติ” เมื่อพูดถึงสิ่งประดิษฐ์ที่มนุษย์ผลิตมากที่สุด หลายคนอาจนึกถึงล้อเกวียน, ตะปู, หรือแม้แต่ถุงเท้า แต่ความจริงแล้ว สิ่งที่ถูกผลิตมากที่สุดในโลกคือ “ทรานซิสเตอร์” — อุปกรณ์ขนาดเล็กที่เป็นหัวใจของอิเล็กทรอนิกส์ยุคใหม่ ทรานซิสเตอร์ตัวแรกถูกสร้างขึ้นในปี 1947 โดย Bell Labs และมีขนาดใหญ่พอจะวางบนโต๊ะได้ แต่ปัจจุบันทรานซิสเตอร์มีขนาดเล็กกว่าเศษฝุ่น และถูกผลิตไปแล้วมากกว่า 13 เซ็กทิลเลียนตัว (13 ตามด้วยศูนย์อีก 21 ตัว) ระหว่างปี 1947 ถึง 2018 ซึ่งจำนวนนี้ยังคงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วทุกปี ทรานซิสเตอร์ทำหน้าที่เป็นสวิตช์สองสถานะ — เปิดหรือปิด — ซึ่งเป็นพื้นฐานของระบบเลขฐานสองที่ใช้ในคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ดิจิทัลทั้งหมด โดยทรานซิสเตอร์สมัยใหม่เป็นแบบ MOS (Metal-Oxide Semiconductor) ที่ใช้ซิลิคอนเป็นวัสดุหลัก และมีขนาดเล็กระดับนาโนเมตร เช่น 3–5 nm หรือแม้แต่ 1 nm ในบางกรณี ในคอมพิวเตอร์หนึ่งเครื่องอาจมีทรานซิสเตอร์หลายพันล้านตัว เช่น CPU รุ่นใหม่ของ Intel มีมากถึง 40 พันล้านตัว ขณะที่ชิปในปี 1971 มีเพียง 2,300 ตัวเท่านั้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการพัฒนาอย่างก้าวกระโดดของเทคโนโลยีการผลิต แม้ขนาดของทรานซิสเตอร์จะใกล้เคียงกับอะตอมของซิลิคอน (0.2 nm) ซึ่งเป็นขีดจำกัดทางฟิสิกส์ แต่ยังมีความหวังในการใช้วัสดุใหม่ เช่น ทรานซิสเตอร์แบบ 2D หรือวัสดุเหนือธรรมดาอื่น ๆ เพื่อผลักดันขีดจำกัดนี้ให้ไกลออกไป อย่างไรก็ตาม หากโลกเปลี่ยนไปใช้ควอนตัมคอมพิวติ้งอย่างเต็มรูปแบบ ทรานซิสเตอร์อาจถูกแทนที่ด้วย “คิวบิต” ซึ่งเป็นหน่วยข้อมูลที่สามารถอยู่ในหลายสถานะพร้อมกันได้ — และนั่นอาจเป็นจุดสิ้นสุดของยุคทรานซิสเตอร์ที่ครองโลกมายาวนานกว่า 75 ปี ✅ ทรานซิสเตอร์เป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ถูกผลิตมากที่สุดในโลก ➡️ มากกว่า 13 เซ็กทิลเลียนตัวระหว่างปี 1947–2018 ✅ ทรานซิสเตอร์ตัวแรกถูกสร้างโดย Bell Labs ในปี 1947 ➡️ เป็นแบบ point-contact transistor ขนาดใหญ่ ✅ ทรานซิสเตอร์สมัยใหม่เป็นแบบ MOS ที่ใช้ซิลิคอน ➡️ มีขนาดเล็กระดับ 3–5 nm หรือแม้แต่ 1 nm ✅ CPU รุ่นใหม่มีทรานซิสเตอร์มากถึง 40 พันล้านตัว ➡️ เทียบกับชิป Intel ปี 1971 ที่มีเพียง 2,300 ตัว ✅ ทรานซิสเตอร์ทำหน้าที่เป็นสวิตช์สองสถานะ ➡️ เป็นพื้นฐานของระบบเลขฐานสองในคอมพิวเตอร์ ✅ มีความพยายามพัฒนา 2D transistors และวัสดุใหม่ ➡️ เพื่อผลักดันขีดจำกัดของขนาดและประสิทธิภาพ ✅ คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกชนิดใช้ทรานซิสเตอร์ ➡️ เช่น CPU, RAM, GPU, SSD https://www.slashgear.com/1992406/about-most-produced-invention-in-the-world-transistors/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    The Most Mass-Produced Invention In The World Isn't What You Think - SlashGear
    The humble transistor - smaller than a speck of dust — has been made more than any other invention in history, powering nearly all modern electronics.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทยเดินหน้าไม่ได้ หากไม่มีอธิปไตย : คนเคาะข่าว 13-10-68

    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    เทปบันทึกงานความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 4/2568 วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2568 ณ หอประชุมเล็ก ม.ธรรมศาสตร์

    https://www.youtube.com/watch?v=DfPdeCDvpCo
    ไทยเดินหน้าไม่ได้ หากไม่มีอธิปไตย : คนเคาะข่าว 13-10-68 • : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ เทปบันทึกงานความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 4/2568 วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2568 ณ หอประชุมเล็ก ม.ธรรมศาสตร์ • https://www.youtube.com/watch?v=DfPdeCDvpCo
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 72 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวข้อข่าว: เยอรมนีเดินหน้าสู่อิสรภาพดิจิทัล! รัฐ Schleswig-Holstein เปลี่ยนอีเมลภาครัฐทั้งหมดเป็นโอเพ่นซอร์ส

    ลองจินตนาการว่าระบบอีเมลของหน่วยงานรัฐทั้งหมดในประเทศหนึ่ง ถูกเปลี่ยนจาก Microsoft Exchange และ Outlook มาใช้ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สอย่าง Open-Xchange และ Thunderbird — นี่ไม่ใช่แค่ความฝันของนักพัฒนาโอเพ่นซอร์ส แต่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นแล้วในรัฐ Schleswig-Holstein ของเยอรมนี!

    เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2025 รัฐ Schleswig-Holstein ได้ประกาศความสำเร็จในการย้ายระบบอีเมลของหน่วยงานรัฐกว่า 30,000 คน ไปใช้ระบบโอเพ่นซอร์สอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีการย้ายข้อมูลกว่า 100 ล้านรายการ ทั้งอีเมลและปฏิทิน จากระบบเดิมของ Microsoft ไปยังระบบใหม่ที่ปลอดภัยและเปิดกว้างมากขึ้น

    แม้การเปลี่ยนผ่านจะใช้เวลาถึง 6 เดือน และมีอุปสรรค เช่น การหยุดชะงักของระบบและความล่าช้าในการรับส่งอีเมล แต่รัฐก็สามารถฝ่าฟันและดำเนินการได้สำเร็จ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้าง “อธิปไตยทางดิจิทัล” และลดการพึ่งพาบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติ

    การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์โอเพ่นซอร์สที่รัฐ Schleswig-Holstein วางแผนไว้หลายปีแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ได้เปลี่ยนจาก Microsoft Office มาใช้ LibreOffice เป็นซอฟต์แวร์สำนักงานหลักของรัฐ

    รัฐยังประกาศชัดว่าโครงการนี้ไม่มีแบบอย่างที่ใกล้เคียงในโลก และพวกเขาพร้อมแบ่งปันประสบการณ์ให้กับประเทศอื่น ๆ ที่ต้องการเดินตามเส้นทางเดียวกัน

    นอกเหนือจากข่าวนี้ ยังมีข้อมูลเสริมที่น่าสนใจ:
    Open-Xchange เป็นระบบอีเมลเซิร์ฟเวอร์แบบโอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยมในยุโรป
    Thunderbird เป็นไคลเอนต์อีเมลที่พัฒนาโดย Mozilla ซึ่งมีความปลอดภัยสูงและรองรับหลายแพลตฟอร์ม
    การเปลี่ยนระบบอีเมลในระดับรัฐเป็นเรื่องใหญ่ เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ความเสถียร และการฝึกอบรมบุคลากร

    สรุปเนื้อหาข่าวและข้อมูลเสริม
    รัฐ Schleswig-Holstein เปลี่ยนระบบอีเมลภาครัฐเป็นโอเพ่นซอร์ส
    ย้ายจาก Microsoft Exchange และ Outlook ไปใช้ Open-Xchange และ Thunderbird
    ครอบคลุมหน่วยงานรัฐกว่า 30,000 คน และข้อมูลกว่า 100 ล้านรายการ

    ระยะเวลาและความท้าทายในการเปลี่ยนผ่าน
    ใช้เวลานานถึง 6 เดือนในการดำเนินการ
    พบปัญหาการหยุดชะงักและความล่าช้าในการรับส่งอีเมล

    เป้าหมายของโครงการ
    สร้างอธิปไตยทางดิจิทัล ลดการพึ่งพาบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติ
    เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์โอเพ่นซอร์สที่วางแผนไว้หลายปี

    ความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้
    รัฐได้เปลี่ยนมาใช้ LibreOffice แทน Microsoft Office แล้ว
    มีแนวโน้มจะเปลี่ยนระบบอื่น ๆ ไปสู่โอเพ่นซอร์สในอนาคต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Open-Xchange รองรับการทำงานร่วมกับระบบอื่นและมีความปลอดภัยสูง
    Thunderbird มีระบบป้องกันสแปมและเข้ารหัสอีเมล
    การเปลี่ยนระบบในระดับรัฐต้องมีการวางแผนด้านความปลอดภัยและการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น

    คำเตือนเกี่ยวกับการเปลี่ยนระบบขนาดใหญ่
    อาจเกิดความล่าช้าและหยุดชะงักของบริการในช่วงเปลี่ยนผ่าน
    ต้องเตรียมแผนสำรองและการสื่อสารกับประชาชนอย่างชัดเจน
    บุคลากรต้องได้รับการฝึกอบรมเพื่อใช้งานระบบใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ

    นี่คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญของโลกโอเพ่นซอร์ส ที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลก็สามารถเลือกเส้นทางที่ปลอดภัย โปร่งใส และเป็นอิสระได้เช่นกันครับ

    https://news.itsfoss.com/schleswig-holstein-email-system-migration/
    📰 หัวข้อข่าว: เยอรมนีเดินหน้าสู่อิสรภาพดิจิทัล! รัฐ Schleswig-Holstein เปลี่ยนอีเมลภาครัฐทั้งหมดเป็นโอเพ่นซอร์ส ลองจินตนาการว่าระบบอีเมลของหน่วยงานรัฐทั้งหมดในประเทศหนึ่ง ถูกเปลี่ยนจาก Microsoft Exchange และ Outlook มาใช้ซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สอย่าง Open-Xchange และ Thunderbird — นี่ไม่ใช่แค่ความฝันของนักพัฒนาโอเพ่นซอร์ส แต่เป็นความจริงที่เกิดขึ้นแล้วในรัฐ Schleswig-Holstein ของเยอรมนี! เมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2025 รัฐ Schleswig-Holstein ได้ประกาศความสำเร็จในการย้ายระบบอีเมลของหน่วยงานรัฐกว่า 30,000 คน ไปใช้ระบบโอเพ่นซอร์สอย่างเต็มรูปแบบ โดยมีการย้ายข้อมูลกว่า 100 ล้านรายการ ทั้งอีเมลและปฏิทิน จากระบบเดิมของ Microsoft ไปยังระบบใหม่ที่ปลอดภัยและเปิดกว้างมากขึ้น แม้การเปลี่ยนผ่านจะใช้เวลาถึง 6 เดือน และมีอุปสรรค เช่น การหยุดชะงักของระบบและความล่าช้าในการรับส่งอีเมล แต่รัฐก็สามารถฝ่าฟันและดำเนินการได้สำเร็จ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้าง “อธิปไตยทางดิจิทัล” และลดการพึ่งพาบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติ การเปลี่ยนแปลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์โอเพ่นซอร์สที่รัฐ Schleswig-Holstein วางแผนไว้หลายปีแล้ว ก่อนหน้านี้ก็ได้เปลี่ยนจาก Microsoft Office มาใช้ LibreOffice เป็นซอฟต์แวร์สำนักงานหลักของรัฐ รัฐยังประกาศชัดว่าโครงการนี้ไม่มีแบบอย่างที่ใกล้เคียงในโลก และพวกเขาพร้อมแบ่งปันประสบการณ์ให้กับประเทศอื่น ๆ ที่ต้องการเดินตามเส้นทางเดียวกัน นอกเหนือจากข่าวนี้ ยังมีข้อมูลเสริมที่น่าสนใจ: ⭐ Open-Xchange เป็นระบบอีเมลเซิร์ฟเวอร์แบบโอเพ่นซอร์สที่ได้รับความนิยมในยุโรป ⭐ Thunderbird เป็นไคลเอนต์อีเมลที่พัฒนาโดย Mozilla ซึ่งมีความปลอดภัยสูงและรองรับหลายแพลตฟอร์ม ⭐ การเปลี่ยนระบบอีเมลในระดับรัฐเป็นเรื่องใหญ่ เพราะต้องคำนึงถึงความปลอดภัย ความเสถียร และการฝึกอบรมบุคลากร 📌 สรุปเนื้อหาข่าวและข้อมูลเสริม ✅ รัฐ Schleswig-Holstein เปลี่ยนระบบอีเมลภาครัฐเป็นโอเพ่นซอร์ส ➡️ ย้ายจาก Microsoft Exchange และ Outlook ไปใช้ Open-Xchange และ Thunderbird ➡️ ครอบคลุมหน่วยงานรัฐกว่า 30,000 คน และข้อมูลกว่า 100 ล้านรายการ ✅ ระยะเวลาและความท้าทายในการเปลี่ยนผ่าน ➡️ ใช้เวลานานถึง 6 เดือนในการดำเนินการ ➡️ พบปัญหาการหยุดชะงักและความล่าช้าในการรับส่งอีเมล ✅ เป้าหมายของโครงการ ➡️ สร้างอธิปไตยทางดิจิทัล ลดการพึ่งพาบริษัทเทคโนโลยีข้ามชาติ ➡️ เป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์โอเพ่นซอร์สที่วางแผนไว้หลายปี ✅ ความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ ➡️ รัฐได้เปลี่ยนมาใช้ LibreOffice แทน Microsoft Office แล้ว ➡️ มีแนวโน้มจะเปลี่ยนระบบอื่น ๆ ไปสู่โอเพ่นซอร์สในอนาคต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Open-Xchange รองรับการทำงานร่วมกับระบบอื่นและมีความปลอดภัยสูง ➡️ Thunderbird มีระบบป้องกันสแปมและเข้ารหัสอีเมล ➡️ การเปลี่ยนระบบในระดับรัฐต้องมีการวางแผนด้านความปลอดภัยและการฝึกอบรมอย่างเข้มข้น ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับการเปลี่ยนระบบขนาดใหญ่ ⛔ อาจเกิดความล่าช้าและหยุดชะงักของบริการในช่วงเปลี่ยนผ่าน ⛔ ต้องเตรียมแผนสำรองและการสื่อสารกับประชาชนอย่างชัดเจน ⛔ บุคลากรต้องได้รับการฝึกอบรมเพื่อใช้งานระบบใหม่อย่างมีประสิทธิภาพ นี่คืออีกหนึ่งก้าวสำคัญของโลกโอเพ่นซอร์ส ที่แสดงให้เห็นว่ารัฐบาลก็สามารถเลือกเส้นทางที่ปลอดภัย โปร่งใส และเป็นอิสระได้เช่นกันครับ https://news.itsfoss.com/schleswig-holstein-email-system-migration/
    NEWS.ITSFOSS.COM
    Good News! Germany's Schleswig-Holstein Completes Massive Migration to Open Source Email Systems
    German state achieves digital sovereignty by ditching Microsoft for open source solutions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 4
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3”
    ตอนที่ 4

    สหภาพโซเวียตแม้จะล่มสลาย แต่กองกำลังของโซเวียตที่เคยเกรียงไกรและเข้มแข็งยังอยู่ เลือดนักสู้ไม่ได้จางจากไปหมด แม้จะทรุดโทรมไปบ้าง แต่ที่สำคัญยังมีนิวเคลียร์ เป็นเขี้ยวเล็บที่แอบซ่อน พอให้อเมริกาเห็นลางๆ

    แผนการของอเมริกาในช่วงปี ค.ศ.1990 กว่า จึงเป็นขบวนการหลอกล่อเอาอดีตสมาชิกสหภาพโซเวียตให้เข้ามาอยู่ในคอกของ NATO ซึ่งควบคุมชักใยและถือไม้กำกับโดยอเมริกา เป็นแผนที่เล่นตามสไตล์ที่อเมริกาถนัดจริงๆ เล่นรอบนอก ก่อนเจาะกล่องดวงใจ

    ถึงปี ค.ศ.2004 Poland, Czech Republic, Hungary, Estonia, Latvia, Lithuania, Bulgaria, Romania, Slovakia และSlovenia ก็จูงมือกันเดินเชื่องๆ เข้าเป็นสมาชิกของ NATO ตามใบสั่งของอเมริกา ส่วน Georgia และ Ukraine กำลังขัดสีฉวีวรรณ เพื่อเตรียมตัวเดินตามเข้าคอก ทุกจังหวะก้าวของอเมริกาในช่วง นี้ เป็นไปตามที่กำหนดไว้ใน Project of the New America Century (PNAC) ยุทธศาสตร์ของครู Mac ภายใต้เสื้อคลุมอเมริกา เขียนบทและกำกับการแสดงโดย CFR

    ผู้ที่รับบทหนักในการเดินแผน PNAC นอกเหนือจากกลุ่มเหยี่ยวพันธุ์ หนังหนากระหายเลือด **** Cheney, Donald Rumsfeld, Paul Wolfowitz, Richard Perle, Stephen Hadley และ Robert Kagan (ผัวของนางเหยี่ยว Victoria Nuland เจ้าของคำขวัญ “**** the EU”) ผู้ที่รับบทสำคัญ อีกคนหนึ่งคือ Bruce Jackson นายใหญ่ของบริษัทยักษ์ใหญ่ผลิตอาวุธ Lockheed Martin ซึ่งรับหน้าที่เป็นตัวแทนของอเมริกา ในการกำกับการขยายสมาชิก NATO โดยเฉพาะพวกที่เป็นอดีตสมาชิกสหภาพ โซเวียต ซึ่งนาย Bruce Jackson เรียกกลุ่มพวกนี้ว่า Vilnius Group of NATO (Vilnius เป็นชื่อเมืองหลวงของ Lituania) เนื่องจาก วันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ 2000 ที่เมือง Vilnius 9 ประเทศของกลุ่มประเทศในยุโรปได้ตกลงกันว่า แต่ละประเทศจะเดินหน้าเป็นประชาธิปไตย ปกครองตนเอง ว่าง่าย เชื่องดีจัง สมันน้อยมีเพื่อนแยะนะ

    เมื่อจัดการเรื่องสมาชิก NATO ได้ผลตามเป้าหมาย Bruce Jackson ก็เดินหน้าต่อตามใบสั่งใหม่ คือโครงการ Project on Transitional Democracies เพื่อนำประเทศเกิดใหม่พวกนี้เข้าสู่ขบวนการเป็นประชาธิปไตย โดยผ่านการปฏิบัติการ ที่พวกสื่อย้อมสีเรียกเสียสวยงามว่า การปฏิวัติหลากสี Color Revolutions เพื่อเปลี่ยนแปลงผู้ปกครองประเทศแถบ Russia Eurasia เป็นบุคคลที่วอชิงตันส่งเข้าประกวด หรือเห็นชอบ ผู้ที่เป็นตัวจักรสำคัญ ในการดำเนินการตามโครงการนี้ นอกเหนือจากนาย Jackson แล้ว ยังมีนาย Scheunemann ซึ่งเกี่ยวพันใกล้ชิดกันแน่นหนากับ Boeing บริษัทค้าอาวุธใหญ่อีกบริษัทหนึ่งของอเมริกา
    น่าสนใจการทำงานของอเมริกา ที่เอาพ่อค้าขายอาวุธ มากำกับการปกครองแบบประชาธิปไตย มันเป็นการผสมพันธ์ ที่แสดงถึงความจอมปลอมได้อย่างสุดยอด แต่เรื่องแบบนี้ แม้เกิดขึ้นในแดนสมันน้อย ก็มองไม่เห็นดูไม่ออกกันหรอก

    การเอา NATO ปิดล้อมรัสเซีย การทำปฏิวัติหลากสี Color Revolutions ในแถบ Russia Eurasia และ การบุกขยี้อิรัก ดูเหมือนเป็นคนละเรื่องกัน แต่ความจริง มันคือยุทธศาสตร์ในกระดานเดียวกันของอเมริกา ที่นำไปสู่ปฏิบัติการแยกธาตุสลายรัสเซีย ซึ่งเป็นมหาอำนาจหนึ่งเดียวในสายตาของอเมริกา (ในขณะนั้นและอาจจะในขณะนี้ด้วย) ที่มีศักยภาพพอที่จะเป็นคู่แข่งของอเมริกา ในการชิงความเป็นที่หนึ่งของโลก รัสเซียเท่านั้นคือเป้าหมายที่สำคัญของอเมริกา ในยุทธศาสตร์ของเกมชิงโลก

    การสิ้นสุดของการปกครองสหภาพโซเวียตโดย Yeltsin ทำ ให้แผนการของอเมริกาชะงักไปเล็กน้อยในความคิดของอเมริกา ขณะเดียวกัน ปูตินเริ่มไหวตัวและคิดสร้างรัสเซียใหม่อย่างระมัดระวัง หลังจากที่ถูก IMF และ ธนาคารของพวกฝรั่งตะวันตกกับผู้มีอิทธิพลชาวรัสเซีย ร่วมมือกันต้มและลอกคราบรัสเซียไปจนแทบจะเหลือแต่กระดูก ในสมัยที่ Gorbachev และ Yeltsin เปิดประตูเมืองให้ตะวันตกยกทีมกันเข้ามาเถือรัสเซีย

    การผลิตน้ำมันของรัสเซียค่อยๆเพิ่มขึ้น ในปี ค.ศ.2003 ช่วงที่อเมริกากำลังเพลินกับการยิงเป้าเคลื่อนที่ในอิรัก การผลิตน้ำมันของรัสเซียขยับเป็นที่สองของโลก รองจากซาอุดิอารเบียเท่านั้นเอง ตกใจหรืออเมริกา ?!

    อเมริกา วางแผนสลายสหภาพโซเวียต ต่อด้วยขยี้รัสเซีย แผนการยาวนานต่อเนื่องตั้งแต่ปี ค.ศ.1947 ไม่มีการหยุดพักเหนื่อย พักร้อน หรือทิ้งแผนเลย มีแต่เดินหน้า มีหรือรัสเซียจะไม่รู้ตัว รัสเซียไม่ใช่ประเทศเกิดใหม่ หรือเป็นสมันน้อยในทุ่งใหญ่ของนักล่า เลือดนักสู้ และความเขี้ยวของสหภาพโซเวียตยังอยู่ครบ แต่รัสเซียก็เหมือนคนเพิ่งฟื้นจากอาการป่วยปางตาย จะให้ลุกขึ้นฟิตวิ่งแข่งกีฬาโอลิมปิกคงไม่ไหว แต่รัสเซียภายใต้การนำของปูติน ก็เดินหน้าอย่างช้าๆแต่มั่นคง เต็มไปด้วยเหลี่ยมคม และทนทานต่อการเสียดสี เพื่อจะไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของอเมริกาและพวกซ้ำซาก ความช้ำชอกจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ยังอยู่ครบในใจของชาวรัสเซีย

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    1 ธค. 2557
    แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 4 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3” ตอนที่ 4 สหภาพโซเวียตแม้จะล่มสลาย แต่กองกำลังของโซเวียตที่เคยเกรียงไกรและเข้มแข็งยังอยู่ เลือดนักสู้ไม่ได้จางจากไปหมด แม้จะทรุดโทรมไปบ้าง แต่ที่สำคัญยังมีนิวเคลียร์ เป็นเขี้ยวเล็บที่แอบซ่อน พอให้อเมริกาเห็นลางๆ แผนการของอเมริกาในช่วงปี ค.ศ.1990 กว่า จึงเป็นขบวนการหลอกล่อเอาอดีตสมาชิกสหภาพโซเวียตให้เข้ามาอยู่ในคอกของ NATO ซึ่งควบคุมชักใยและถือไม้กำกับโดยอเมริกา เป็นแผนที่เล่นตามสไตล์ที่อเมริกาถนัดจริงๆ เล่นรอบนอก ก่อนเจาะกล่องดวงใจ ถึงปี ค.ศ.2004 Poland, Czech Republic, Hungary, Estonia, Latvia, Lithuania, Bulgaria, Romania, Slovakia และSlovenia ก็จูงมือกันเดินเชื่องๆ เข้าเป็นสมาชิกของ NATO ตามใบสั่งของอเมริกา ส่วน Georgia และ Ukraine กำลังขัดสีฉวีวรรณ เพื่อเตรียมตัวเดินตามเข้าคอก ทุกจังหวะก้าวของอเมริกาในช่วง นี้ เป็นไปตามที่กำหนดไว้ใน Project of the New America Century (PNAC) ยุทธศาสตร์ของครู Mac ภายใต้เสื้อคลุมอเมริกา เขียนบทและกำกับการแสดงโดย CFR ผู้ที่รับบทหนักในการเดินแผน PNAC นอกเหนือจากกลุ่มเหยี่ยวพันธุ์ หนังหนากระหายเลือด Dick Cheney, Donald Rumsfeld, Paul Wolfowitz, Richard Perle, Stephen Hadley และ Robert Kagan (ผัวของนางเหยี่ยว Victoria Nuland เจ้าของคำขวัญ “Fuck the EU”) ผู้ที่รับบทสำคัญ อีกคนหนึ่งคือ Bruce Jackson นายใหญ่ของบริษัทยักษ์ใหญ่ผลิตอาวุธ Lockheed Martin ซึ่งรับหน้าที่เป็นตัวแทนของอเมริกา ในการกำกับการขยายสมาชิก NATO โดยเฉพาะพวกที่เป็นอดีตสมาชิกสหภาพ โซเวียต ซึ่งนาย Bruce Jackson เรียกกลุ่มพวกนี้ว่า Vilnius Group of NATO (Vilnius เป็นชื่อเมืองหลวงของ Lituania) เนื่องจาก วันที่ 9 พฤษภาคม ค.ศ 2000 ที่เมือง Vilnius 9 ประเทศของกลุ่มประเทศในยุโรปได้ตกลงกันว่า แต่ละประเทศจะเดินหน้าเป็นประชาธิปไตย ปกครองตนเอง ว่าง่าย เชื่องดีจัง สมันน้อยมีเพื่อนแยะนะ เมื่อจัดการเรื่องสมาชิก NATO ได้ผลตามเป้าหมาย Bruce Jackson ก็เดินหน้าต่อตามใบสั่งใหม่ คือโครงการ Project on Transitional Democracies เพื่อนำประเทศเกิดใหม่พวกนี้เข้าสู่ขบวนการเป็นประชาธิปไตย โดยผ่านการปฏิบัติการ ที่พวกสื่อย้อมสีเรียกเสียสวยงามว่า การปฏิวัติหลากสี Color Revolutions เพื่อเปลี่ยนแปลงผู้ปกครองประเทศแถบ Russia Eurasia เป็นบุคคลที่วอชิงตันส่งเข้าประกวด หรือเห็นชอบ ผู้ที่เป็นตัวจักรสำคัญ ในการดำเนินการตามโครงการนี้ นอกเหนือจากนาย Jackson แล้ว ยังมีนาย Scheunemann ซึ่งเกี่ยวพันใกล้ชิดกันแน่นหนากับ Boeing บริษัทค้าอาวุธใหญ่อีกบริษัทหนึ่งของอเมริกา น่าสนใจการทำงานของอเมริกา ที่เอาพ่อค้าขายอาวุธ มากำกับการปกครองแบบประชาธิปไตย มันเป็นการผสมพันธ์ ที่แสดงถึงความจอมปลอมได้อย่างสุดยอด แต่เรื่องแบบนี้ แม้เกิดขึ้นในแดนสมันน้อย ก็มองไม่เห็นดูไม่ออกกันหรอก การเอา NATO ปิดล้อมรัสเซีย การทำปฏิวัติหลากสี Color Revolutions ในแถบ Russia Eurasia และ การบุกขยี้อิรัก ดูเหมือนเป็นคนละเรื่องกัน แต่ความจริง มันคือยุทธศาสตร์ในกระดานเดียวกันของอเมริกา ที่นำไปสู่ปฏิบัติการแยกธาตุสลายรัสเซีย ซึ่งเป็นมหาอำนาจหนึ่งเดียวในสายตาของอเมริกา (ในขณะนั้นและอาจจะในขณะนี้ด้วย) ที่มีศักยภาพพอที่จะเป็นคู่แข่งของอเมริกา ในการชิงความเป็นที่หนึ่งของโลก รัสเซียเท่านั้นคือเป้าหมายที่สำคัญของอเมริกา ในยุทธศาสตร์ของเกมชิงโลก การสิ้นสุดของการปกครองสหภาพโซเวียตโดย Yeltsin ทำ ให้แผนการของอเมริกาชะงักไปเล็กน้อยในความคิดของอเมริกา ขณะเดียวกัน ปูตินเริ่มไหวตัวและคิดสร้างรัสเซียใหม่อย่างระมัดระวัง หลังจากที่ถูก IMF และ ธนาคารของพวกฝรั่งตะวันตกกับผู้มีอิทธิพลชาวรัสเซีย ร่วมมือกันต้มและลอกคราบรัสเซียไปจนแทบจะเหลือแต่กระดูก ในสมัยที่ Gorbachev และ Yeltsin เปิดประตูเมืองให้ตะวันตกยกทีมกันเข้ามาเถือรัสเซีย การผลิตน้ำมันของรัสเซียค่อยๆเพิ่มขึ้น ในปี ค.ศ.2003 ช่วงที่อเมริกากำลังเพลินกับการยิงเป้าเคลื่อนที่ในอิรัก การผลิตน้ำมันของรัสเซียขยับเป็นที่สองของโลก รองจากซาอุดิอารเบียเท่านั้นเอง ตกใจหรืออเมริกา ?! อเมริกา วางแผนสลายสหภาพโซเวียต ต่อด้วยขยี้รัสเซีย แผนการยาวนานต่อเนื่องตั้งแต่ปี ค.ศ.1947 ไม่มีการหยุดพักเหนื่อย พักร้อน หรือทิ้งแผนเลย มีแต่เดินหน้า มีหรือรัสเซียจะไม่รู้ตัว รัสเซียไม่ใช่ประเทศเกิดใหม่ หรือเป็นสมันน้อยในทุ่งใหญ่ของนักล่า เลือดนักสู้ และความเขี้ยวของสหภาพโซเวียตยังอยู่ครบ แต่รัสเซียก็เหมือนคนเพิ่งฟื้นจากอาการป่วยปางตาย จะให้ลุกขึ้นฟิตวิ่งแข่งกีฬาโอลิมปิกคงไม่ไหว แต่รัสเซียภายใต้การนำของปูติน ก็เดินหน้าอย่างช้าๆแต่มั่นคง เต็มไปด้วยเหลี่ยมคม และทนทานต่อการเสียดสี เพื่อจะไม่ให้ตกเป็นเหยื่อของอเมริกาและพวกซ้ำซาก ความช้ำชอกจากการล่มสลายของสหภาพโซเวียต ยังอยู่ครบในใจของชาวรัสเซีย สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 1 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว


  • #พรบการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศหรือคาร์บอนเครติดคือภัยพิบัติคนไทยเรา หรือมุกแอบแฝงควบคุมคาร์บอนให้ต่ำลง เป้าหมายควบคุมประชาชนในประเทศนั้นทั้งหมดให้เป็นทาสขี้ข้าโดยเบ็ดเสร็จของอีลิทไซออนิสต์deep state อะเจนด้า30ที่ต้องการ,

    #รัฐบาลสามารถควบคุมCBDCเชื่อมต่อกับรหัสดิจิทัลไบโอเมตริกซ์เชื่อมต่อกับเครือข่ายกล้องจดจำใบหน้า

    #รัฐบาลสามารถควบคุมปริมาณคาร์บอนของคุณ

    #รัฐบาลสามารถควบคุมวิธีการใช้จ่ายเงิน

    #รัฐบาลสามารถควบคุมระบบเครดิตทางสังคมของ

    #รัฐบาลสามารถควบคุมโปรแกรมCBDCให้หยุดเงินของคุณได้ทั้งหมด


    จีนคือตัวพ่อเผด็จการจะยึดโลกควบคุมมนุษย์ อีลิทไซออนิสต์deep stateโลกมันทิ้งอเมริกาย้ายมาใช้งานจีนแล้ว.,เหมือนทิ้งอังกฤษปอนด์ ไปหาอเมริกาดอลล่าร์เพื่อควบคุมโลก ในโลกยุคใหม่ที่เราเห็นกันชัดๆที่ผ่านๆมา,ตอนนี้กำลังจะเขียนบริบทโลกใหม่อีกแล้ว ยูโรปทางตัน อเมริกาก็ทางตัน ,จีนคือตัวเลือก ,ทิ้งดอลล่าร์ใช้หยวนนั้นเองในโลกทางการเงิน,แต่ความจริงระบบคอมมิวนิสต์ต่างหากที่เหมาะสมกับสไตล์อีลิทมัน,อังกฤษและอเมริกามันลองใช้แล้วล้มเหลว จึงจะใช้ระบบเผด็จการแทนในการทดสอบครั้งนี้ในยุคใหม่นี้ มันจึงถ่ายทอดเทคโนโลยีย้ายโอนมาอัดมาใส่ที่จีน,คนจีนคือห้องทดลองผิวโลกขนาดใหญ่ของมันที่ผ่านๆมา.,ทางเลือกมีแค่คนจีนดีๆจะลุกขึ้นสู้ร่วมต่อต้านระบบเผด็จการปลดปล่อยตนเองทั้งประเทศจีนเท่านั้น.,หรืออเมริกายิงขีปนาวุธถล่มจีนปลดปล่อยชาวจีนเท่านั้น,โดยอเมริกาก็ปลดปล่อยตนเองจากอีลิทเองด้วยซึ่งถูกกดขี่มานานเช่นกัน.
    ..ในสภาฯไทยเรา นายกฯอนุทินประกาศชัดเจนเหมือนมุ่งเน้นเจตนารมณ์ตามคำสั่งอีลิทเด่นมาก,ซึ่งจริงๆไม่ต้องอ่านหรือเขียนอย่างเป็นทางการก็ได้,รวมเอาพรบ.สภาพอากาศมายื่นพื้นช่วยค้ำให้อีลิทด้วย รับไม้ต่อชัดเจนไม่ว่าจะเปลี่ยนใครมาเป็นนายกฯ เหมือนไม่แตะบ่อปิโตรเลี่ยน บ่อน้ำมันไทยเลยนั้นล่ะ ถ้าประกาศว่าจะยกเลิกสัมปทานบ่อปิโตรเลียมทั้งหมดที่ไม่เคยผ่านสภาสส.สว.อันขัดต่อความมั่นคงทางอธิปไตยของชาติด้านพลังงานของรัฐธรรมนูญแม่บทเรา ถ้าประกาศแบบนี้จะดีมาก ยกเลิกเลย,แต่ไม่แตะเลย,วิกฤติเศรษฐกิจไทยแค่ลดราคาน้ำมันลงเหลือ1-2บาทแบบอิหร่าน เราจะผ่านพ้นทันทีทั้งประเทศ เสมือนยึดแดนดินคืนจากเขมรที่เสาหมุด1:1 ทั้ง73-74เสาเขตแดนตั้งเป็นฐานเดิมเรื่องเขตแดนก็จบแล้ว,mouใดๆถือว่าโมฆะหมด,เรามีนายกฯที่ไม่มีฝีมือ ไม่กล้าหาญจริงแต่นั้น,,นายกฯกล้าหาญคือโมฆะสัมปทานบ่อน้ำมันทั้งหมด ยึดดินแดนไทยคืนจากเขมร,สร้างรั้วลวดหนามตลอดแนวพรมแดนไทยกับเขมร,ปิดด่านไทยเขมรไม่มีกำหนดจนกว่าเขมรจะหมดสิ้นสภาพสถานะมาเป็นภัยร้ายแรงคุกคามกับไทยได้อีกพร้อมคว่ำบาตรเขมรทุกๆช่องทางทั้งหมดด้วย,กรณีโจรใต้เราก็สร้างรั้วลวดหนามถาวรตลอดแนวพรมแดนกว่า600กม.ด้วยเช่นกัน.,นี้คือพื้นฐานจริงที่นายกฯประเทศต้องทำทันทีในยุคนี้ ปลดปล่อยประเทศไทย กอบกู้ชาติไทยคืนจากการผูกขาดทรัพยากรชาติไทยจากต่างชาติทั้งหมด,เมื่อนายกฯในอดีตชั่วเลว นายกฯปัจจุบันไม่จำเป็นต้องคงสิ่งชั่วเลวที่มันร่วมกันทำไว้,เพราะอำนาจนายกฯอยู่ในมือตนแล้วในปัจจุบัน,เรามีผู้นำผู้ปกครองทันหมากอีลิทย่อมต่อกรหรือชนะได้แน่เช่นกัน.,ผ่านพ้นภัยอันตรายลักษณะผีบ้าที่คอมมิวนิสต์จีนทำกับประชาชนพลเมืองมันด้วย.

    [...CBDC ของจีนเชื่อมต่อกับรหัสดิจิทัลไบโอเมตริกซ์ที่จำเป็น ซึ่งเชื่อมต่อกับเครือข่ายกล้องจดจำใบหน้าอันกว้างขวาง

    ประชาชนสามารถชำระค่าสิ่งของได้อย่าง "สะดวก" โดยไม่ต้องใช้อะไรเลยนอกจากใบหน้า

    แต่สิ่งนี้ยังทำให้รัฐบาลสามารถควบคุมวิธีการใช้จ่ายเงินของประชาชนได้อย่างสมบูรณ์

    ลองนึกภาพผู้หญิงคนนี้ต้องการซื้อโคล่า แต่ในเดือนนี้เธอได้เกินปริมาณคาร์บอนที่อนุญาตไว้แล้ว สามารถตั้งโปรแกรม CBDC ให้ปฏิเสธธุรกรรมโดยอัลกอริทึมได้

    หรือจินตนาการว่าเธอวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทางโซเชียลมีเดีย และพบว่าตัวเองถูกขึ้นบัญชีดำโดยระบบเครดิตทางสังคมของจีน สามารถตั้งโปรแกรม CBDC ให้หยุดเงินทุนของเธอได้ทั้งหมด

    อย่าพลาด: ฝันร้ายดิสโทเปียนี้กำลังจะเกิดขึ้นในโลกตะวันตก หากเรายอมให้รัฐบาลหลอกให้เรายอมรับ ID ดิจิทัลและ CBDC ]
    #พรบการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศหรือคาร์บอนเครติดคือภัยพิบัติคนไทยเรา หรือมุกแอบแฝงควบคุมคาร์บอนให้ต่ำลง เป้าหมายควบคุมประชาชนในประเทศนั้นทั้งหมดให้เป็นทาสขี้ข้าโดยเบ็ดเสร็จของอีลิทไซออนิสต์deep state อะเจนด้า30ที่ต้องการ, #รัฐบาลสามารถควบคุมCBDCเชื่อมต่อกับรหัสดิจิทัลไบโอเมตริกซ์เชื่อมต่อกับเครือข่ายกล้องจดจำใบหน้า #รัฐบาลสามารถควบคุมปริมาณคาร์บอนของคุณ #รัฐบาลสามารถควบคุมวิธีการใช้จ่ายเงิน #รัฐบาลสามารถควบคุมระบบเครดิตทางสังคมของ #รัฐบาลสามารถควบคุมโปรแกรมCBDCให้หยุดเงินของคุณได้ทั้งหมด จีนคือตัวพ่อเผด็จการจะยึดโลกควบคุมมนุษย์ อีลิทไซออนิสต์deep stateโลกมันทิ้งอเมริกาย้ายมาใช้งานจีนแล้ว.,เหมือนทิ้งอังกฤษปอนด์ ไปหาอเมริกาดอลล่าร์เพื่อควบคุมโลก ในโลกยุคใหม่ที่เราเห็นกันชัดๆที่ผ่านๆมา,ตอนนี้กำลังจะเขียนบริบทโลกใหม่อีกแล้ว ยูโรปทางตัน อเมริกาก็ทางตัน ,จีนคือตัวเลือก ,ทิ้งดอลล่าร์ใช้หยวนนั้นเองในโลกทางการเงิน,แต่ความจริงระบบคอมมิวนิสต์ต่างหากที่เหมาะสมกับสไตล์อีลิทมัน,อังกฤษและอเมริกามันลองใช้แล้วล้มเหลว จึงจะใช้ระบบเผด็จการแทนในการทดสอบครั้งนี้ในยุคใหม่นี้ มันจึงถ่ายทอดเทคโนโลยีย้ายโอนมาอัดมาใส่ที่จีน,คนจีนคือห้องทดลองผิวโลกขนาดใหญ่ของมันที่ผ่านๆมา.,ทางเลือกมีแค่คนจีนดีๆจะลุกขึ้นสู้ร่วมต่อต้านระบบเผด็จการปลดปล่อยตนเองทั้งประเทศจีนเท่านั้น.,หรืออเมริกายิงขีปนาวุธถล่มจีนปลดปล่อยชาวจีนเท่านั้น,โดยอเมริกาก็ปลดปล่อยตนเองจากอีลิทเองด้วยซึ่งถูกกดขี่มานานเช่นกัน. ..ในสภาฯไทยเรา นายกฯอนุทินประกาศชัดเจนเหมือนมุ่งเน้นเจตนารมณ์ตามคำสั่งอีลิทเด่นมาก,ซึ่งจริงๆไม่ต้องอ่านหรือเขียนอย่างเป็นทางการก็ได้,รวมเอาพรบ.สภาพอากาศมายื่นพื้นช่วยค้ำให้อีลิทด้วย รับไม้ต่อชัดเจนไม่ว่าจะเปลี่ยนใครมาเป็นนายกฯ เหมือนไม่แตะบ่อปิโตรเลี่ยน บ่อน้ำมันไทยเลยนั้นล่ะ ถ้าประกาศว่าจะยกเลิกสัมปทานบ่อปิโตรเลียมทั้งหมดที่ไม่เคยผ่านสภาสส.สว.อันขัดต่อความมั่นคงทางอธิปไตยของชาติด้านพลังงานของรัฐธรรมนูญแม่บทเรา ถ้าประกาศแบบนี้จะดีมาก ยกเลิกเลย,แต่ไม่แตะเลย,วิกฤติเศรษฐกิจไทยแค่ลดราคาน้ำมันลงเหลือ1-2บาทแบบอิหร่าน เราจะผ่านพ้นทันทีทั้งประเทศ เสมือนยึดแดนดินคืนจากเขมรที่เสาหมุด1:1 ทั้ง73-74เสาเขตแดนตั้งเป็นฐานเดิมเรื่องเขตแดนก็จบแล้ว,mouใดๆถือว่าโมฆะหมด,เรามีนายกฯที่ไม่มีฝีมือ ไม่กล้าหาญจริงแต่นั้น,,นายกฯกล้าหาญคือโมฆะสัมปทานบ่อน้ำมันทั้งหมด ยึดดินแดนไทยคืนจากเขมร,สร้างรั้วลวดหนามตลอดแนวพรมแดนไทยกับเขมร,ปิดด่านไทยเขมรไม่มีกำหนดจนกว่าเขมรจะหมดสิ้นสภาพสถานะมาเป็นภัยร้ายแรงคุกคามกับไทยได้อีกพร้อมคว่ำบาตรเขมรทุกๆช่องทางทั้งหมดด้วย,กรณีโจรใต้เราก็สร้างรั้วลวดหนามถาวรตลอดแนวพรมแดนกว่า600กม.ด้วยเช่นกัน.,นี้คือพื้นฐานจริงที่นายกฯประเทศต้องทำทันทีในยุคนี้ ปลดปล่อยประเทศไทย กอบกู้ชาติไทยคืนจากการผูกขาดทรัพยากรชาติไทยจากต่างชาติทั้งหมด,เมื่อนายกฯในอดีตชั่วเลว นายกฯปัจจุบันไม่จำเป็นต้องคงสิ่งชั่วเลวที่มันร่วมกันทำไว้,เพราะอำนาจนายกฯอยู่ในมือตนแล้วในปัจจุบัน,เรามีผู้นำผู้ปกครองทันหมากอีลิทย่อมต่อกรหรือชนะได้แน่เช่นกัน.,ผ่านพ้นภัยอันตรายลักษณะผีบ้าที่คอมมิวนิสต์จีนทำกับประชาชนพลเมืองมันด้วย. [...CBDC ของจีนเชื่อมต่อกับรหัสดิจิทัลไบโอเมตริกซ์ที่จำเป็น ซึ่งเชื่อมต่อกับเครือข่ายกล้องจดจำใบหน้าอันกว้างขวาง ประชาชนสามารถชำระค่าสิ่งของได้อย่าง "สะดวก" โดยไม่ต้องใช้อะไรเลยนอกจากใบหน้า แต่สิ่งนี้ยังทำให้รัฐบาลสามารถควบคุมวิธีการใช้จ่ายเงินของประชาชนได้อย่างสมบูรณ์ ลองนึกภาพผู้หญิงคนนี้ต้องการซื้อโคล่า แต่ในเดือนนี้เธอได้เกินปริมาณคาร์บอนที่อนุญาตไว้แล้ว สามารถตั้งโปรแกรม CBDC ให้ปฏิเสธธุรกรรมโดยอัลกอริทึมได้ หรือจินตนาการว่าเธอวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลทางโซเชียลมีเดีย และพบว่าตัวเองถูกขึ้นบัญชีดำโดยระบบเครดิตทางสังคมของจีน สามารถตั้งโปรแกรม CBDC ให้หยุดเงินทุนของเธอได้ทั้งหมด อย่าพลาด: ฝันร้ายดิสโทเปียนี้กำลังจะเกิดขึ้นในโลกตะวันตก หากเรายอมให้รัฐบาลหลอกให้เรายอมรับ ID ดิจิทัลและ CBDC ]
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.142 : เปิดใจ ‘สีหศักดิ์’ รมว.ต่างประเทศ ทำ 4 เดือนเพื่อ 4 ปี
    .
    ในรัฐบาลของนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล มีรัฐมนตรีคนนอกหลายคนที่ถูกพูดถึงกันว่า เป็นมืออาชีพ ที่แสดงความสามารถได้อย่างโดดเด่นตั้งแต่วันแรก ๆ ที่เข้ารับตำแหน่ง หนึ่งในนั้นก็คือ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีต่างประเทศ ที่เรียกเสียงฮือฮา จากการแถลงตอบโต้กัมพูชา ในที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นายสีหศักดิ์ได้ “ฉีกหน้ากาก” กัมพูชา กลางเวทีโลก ทำให้นานาชาติได้รับรู้ว่า ประเทศกัมพูชาไม่มีความจริงใจ หน้าไหว้หลังหลอก แสร้งทำตัวเป็นเหยื่อ เพื่อหวังให้นานาชาติเข้าแทรกแซงความขัดแย้งกับประเทศไทย
    .
    เรามีบทสัมภาษณ์พิเศษของ คุณสีหศักดิ์ ที่จะมีระยะเวลาในตำแหน่งเพียงแค่ประมาณ 4 เดือน ถึง 6 เดือนเท่านั้น .. ในระยะเวลาสั้น ๆ แค่นี้ ท่านจะจัดการปัญหาต่าง ๆ ระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน และจะฟื้นคืนสถานภาพของประเทศไทยในเวทีโลกได้ยังไง
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=PvB8HUvxFkQ
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #สีหศักดิ์ #รัฐมนตรีต่างประเทศ #ไทยกัมพูชา
    บูรพาไม่แพ้ Ep.142 : เปิดใจ ‘สีหศักดิ์’ รมว.ต่างประเทศ ทำ 4 เดือนเพื่อ 4 ปี . ในรัฐบาลของนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล มีรัฐมนตรีคนนอกหลายคนที่ถูกพูดถึงกันว่า เป็นมืออาชีพ ที่แสดงความสามารถได้อย่างโดดเด่นตั้งแต่วันแรก ๆ ที่เข้ารับตำแหน่ง หนึ่งในนั้นก็คือ นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีต่างประเทศ ที่เรียกเสียงฮือฮา จากการแถลงตอบโต้กัมพูชา ในที่ประชุมใหญ่สหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา นายสีหศักดิ์ได้ “ฉีกหน้ากาก” กัมพูชา กลางเวทีโลก ทำให้นานาชาติได้รับรู้ว่า ประเทศกัมพูชาไม่มีความจริงใจ หน้าไหว้หลังหลอก แสร้งทำตัวเป็นเหยื่อ เพื่อหวังให้นานาชาติเข้าแทรกแซงความขัดแย้งกับประเทศไทย . เรามีบทสัมภาษณ์พิเศษของ คุณสีหศักดิ์ ที่จะมีระยะเวลาในตำแหน่งเพียงแค่ประมาณ 4 เดือน ถึง 6 เดือนเท่านั้น .. ในระยะเวลาสั้น ๆ แค่นี้ ท่านจะจัดการปัญหาต่าง ๆ ระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน และจะฟื้นคืนสถานภาพของประเทศไทยในเวทีโลกได้ยังไง . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=PvB8HUvxFkQ . #บูรพาไม่แพ้ #สีหศักดิ์ #รัฐมนตรีต่างประเทศ #ไทยกัมพูชา
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
  • Newsstory : "สนธิ" ซัดหนัก "ทรงฤทธิ์" เลิกป้อนข้อมูลผิดๆให้ปชช. พอทางตันก็ตลกกลบเกลื่อน

    #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ
    #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล
    #ทรงฤทธิ์ #ความจริงก็คือความจริง
    #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
    Newsstory : "สนธิ" ซัดหนัก "ทรงฤทธิ์" เลิกป้อนข้อมูลผิดๆให้ปชช. พอทางตันก็ตลกกลบเกลื่อน #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่ #สนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #ทรงฤทธิ์ #ความจริงก็คือความจริง #ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “Intel 18A พร้อมลุยผลิตจริง! บรรลุสถิติใหม่ด้านความแม่นยำ เตรียมท้าชน TSMC และ Samsung ในสนาม 2nm”

    ในงาน Intel Tech Tour ล่าสุด Intel ได้ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญของกระบวนการผลิตชิปรุ่นใหม่ “18A” (1.8 นาโนเมตร) ซึ่งสามารถลด “defect density” หรือความหนาแน่นของข้อบกพร่องในเวเฟอร์ลงสู่ระดับต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่า Intel พร้อมเข้าสู่การผลิตในระดับปริมาณมาก (volume production) ภายในไตรมาส 4 ปี 2025

    Defect density คือจำนวนข้อบกพร่องต่อพื้นที่ของเวเฟอร์ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อ “yield rate” หรืออัตราการผลิตชิปที่ใช้งานได้จริง หาก defect สูง ยิ่งทำให้ต้นทุนต่อชิปเพิ่มขึ้น และลดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะในยุคที่ชิปมีขนาดใหญ่และซับซ้อนมากขึ้น เช่น ชิปสำหรับ AI และ HPC (High Performance Computing)

    ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า yield ของ 18A ต่ำเพียง 10% แต่ปัจจุบัน Intel ยืนยันว่าตัวเลขดังกล่าวไม่เป็นความจริง และบริษัทได้ปรับปรุงกระบวนการจนสามารถลด defect ได้อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถผลิตชิป 18A ได้ในปริมาณมากภายในสิ้นปีนี้

    แม้ defect density จะเป็นเพียงหนึ่งในหลายปัจจัยที่กำหนดความสำเร็จของกระบวนการผลิต เช่น ความแม่นยำของหน้ากาก (mask error), ความลื่นไหลของกระบวนการ และอัตราความล้มเหลวของพารามิเตอร์ แต่การที่ Intel สามารถลด defect ได้มากขนาดนี้ ทำให้ 18A กลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ TSMC N2 และ Samsung SF2 ซึ่งเป็นกระบวนการระดับ 2nm เช่นกัน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Intel ประกาศว่า 18A มี defect density ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท
    เตรียมเข้าสู่การผลิตระดับปริมาณมากในไตรมาส 4 ปี 2025
    Defect density ต่ำหมายถึง yield rate สูงขึ้น และต้นทุนต่อชิปลดลง
    18A ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับชิปขนาดใหญ่ เช่น สำหรับ HPC และ AI
    Intel ปฏิเสธข่าวลือว่า yield ต่ำเพียง 10% โดยระบุว่าตัวเลขดังกล่าวไม่เป็นจริง
    18A มีเป้าหมายแข่งขันกับ TSMC N2 และ Samsung SF2
    Defect density เป็นตัวชี้วัดสำคัญในการประเมินความพร้อมของกระบวนการผลิต

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    18A ใช้เทคโนโลยี RibbonFET (GAA) และ PowerVia (backside power delivery)
    TSMC N2 มี yield ประมาณ 65% และใช้เทคโนโลยี nanosheet GAA
    Samsung SF2 มี yield ประมาณ 40% และยังไม่พร้อมผลิตจำนวนมากจนถึงปี 2026
    Intel วางแผนใช้ 18A กับชิปรุ่น Panther Lake (Core Ultra 300)
    ตลาดเป้าหมายของ 18A คือ HPC, AI, และลูกค้า Foundry ภายนอก เช่น Qualcomm

    https://wccftech.com/intel-18a-node-achieves-record-low-defect-density/
    🔬 “Intel 18A พร้อมลุยผลิตจริง! บรรลุสถิติใหม่ด้านความแม่นยำ เตรียมท้าชน TSMC และ Samsung ในสนาม 2nm” ในงาน Intel Tech Tour ล่าสุด Intel ได้ประกาศความสำเร็จครั้งสำคัญของกระบวนการผลิตชิปรุ่นใหม่ “18A” (1.8 นาโนเมตร) ซึ่งสามารถลด “defect density” หรือความหนาแน่นของข้อบกพร่องในเวเฟอร์ลงสู่ระดับต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท ถือเป็นสัญญาณชัดเจนว่า Intel พร้อมเข้าสู่การผลิตในระดับปริมาณมาก (volume production) ภายในไตรมาส 4 ปี 2025 Defect density คือจำนวนข้อบกพร่องต่อพื้นที่ของเวเฟอร์ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อ “yield rate” หรืออัตราการผลิตชิปที่ใช้งานได้จริง หาก defect สูง ยิ่งทำให้ต้นทุนต่อชิปเพิ่มขึ้น และลดความสามารถในการแข่งขัน โดยเฉพาะในยุคที่ชิปมีขนาดใหญ่และซับซ้อนมากขึ้น เช่น ชิปสำหรับ AI และ HPC (High Performance Computing) ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่า yield ของ 18A ต่ำเพียง 10% แต่ปัจจุบัน Intel ยืนยันว่าตัวเลขดังกล่าวไม่เป็นความจริง และบริษัทได้ปรับปรุงกระบวนการจนสามารถลด defect ได้อย่างมีนัยสำคัญ ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถผลิตชิป 18A ได้ในปริมาณมากภายในสิ้นปีนี้ แม้ defect density จะเป็นเพียงหนึ่งในหลายปัจจัยที่กำหนดความสำเร็จของกระบวนการผลิต เช่น ความแม่นยำของหน้ากาก (mask error), ความลื่นไหลของกระบวนการ และอัตราความล้มเหลวของพารามิเตอร์ แต่การที่ Intel สามารถลด defect ได้มากขนาดนี้ ทำให้ 18A กลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของ TSMC N2 และ Samsung SF2 ซึ่งเป็นกระบวนการระดับ 2nm เช่นกัน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Intel ประกาศว่า 18A มี defect density ต่ำที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท ➡️ เตรียมเข้าสู่การผลิตระดับปริมาณมากในไตรมาส 4 ปี 2025 ➡️ Defect density ต่ำหมายถึง yield rate สูงขึ้น และต้นทุนต่อชิปลดลง ➡️ 18A ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับชิปขนาดใหญ่ เช่น สำหรับ HPC และ AI ➡️ Intel ปฏิเสธข่าวลือว่า yield ต่ำเพียง 10% โดยระบุว่าตัวเลขดังกล่าวไม่เป็นจริง ➡️ 18A มีเป้าหมายแข่งขันกับ TSMC N2 และ Samsung SF2 ➡️ Defect density เป็นตัวชี้วัดสำคัญในการประเมินความพร้อมของกระบวนการผลิต ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ 18A ใช้เทคโนโลยี RibbonFET (GAA) และ PowerVia (backside power delivery) ➡️ TSMC N2 มี yield ประมาณ 65% และใช้เทคโนโลยี nanosheet GAA ➡️ Samsung SF2 มี yield ประมาณ 40% และยังไม่พร้อมผลิตจำนวนมากจนถึงปี 2026 ➡️ Intel วางแผนใช้ 18A กับชิปรุ่น Panther Lake (Core Ultra 300) ➡️ ตลาดเป้าหมายของ 18A คือ HPC, AI, และลูกค้า Foundry ภายนอก เช่น Qualcomm https://wccftech.com/intel-18a-node-achieves-record-low-defect-density/
    WCCFTECH.COM
    Intel’s 'Highly-Anticipated' 18A Node Achieves Record-Low Defect Density, Signaling Readiness for Internal & External Customers
    Intel has revealed progress around the 18A chip at the Tech Tour, and the process is at an all-time low in defect density.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 160 มุมมอง 0 รีวิว
  • “FCKGW: รหัสลับที่ไม่ลับ — เมื่อ Windows XP ถูกเจาะก่อนวางขายเพราะ ‘ความไว้ใจ’ ที่ผิดพลาด”

    ย้อนกลับไปในปี 2001 โลกไอทีต้องสั่นสะเทือนเมื่อรหัสผลิตภัณฑ์ Windows XP ที่ชื่อว่า “FCKGW-RHQQ2-YXRKT-8TG6W-2B7Q8” ถูกเผยแพร่ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการถึง 5 สัปดาห์ โดยกลุ่ม warez ชื่อดัง “devils0wn” ซึ่งไม่ใช่การแฮก แต่เป็น “การรั่วไหล” ที่เกิดจากการจัดการภายในของ Microsoft เอง

    Dave W. Plummer นักพัฒนาระดับตำนานของ Microsoft ผู้มีบทบาทในการสร้าง Task Manager, ZIP folders และระบบ Windows Product Activation (WPA) ได้ออกมาเปิดเผยความจริงผ่านโพสต์บน X ว่า “มันไม่ใช่การเจาะระบบ แต่มันคือความผิดพลาดที่ร้ายแรง”

    WPA เป็นระบบใหม่ที่เปิดตัวพร้อม Windows XP โดยใช้การจับคู่ระหว่างรหัสผลิตภัณฑ์กับ Hardware ID ที่สร้างจาก CPU, RAM และอุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ แต่รหัส FCKGW นี้เป็น Volume Licensing Key (VLK) ที่ถูก “whitelist” ไว้ในระบบ ทำให้ไม่ต้องผ่านขั้นตอน activation ใด ๆ

    เมื่อรหัสนี้ถูกเผยแพร่พร้อมกับสื่อการติดตั้งแบบพิเศษที่ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ ผู้ใช้ทั่วไปจึงสามารถติดตั้ง Windows XP ได้โดยไม่ต้องโทรกลับไปยัง Microsoft หรือรอการยืนยันใด ๆ ส่งผลให้เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ในวงกว้างอย่างรวดเร็ว

    แม้ Microsoft จะพยายามแก้ไขในภายหลัง โดยการ blacklist รหัสนี้ใน Service Pack 2 และเวอร์ชันถัดไป แต่ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว และกลายเป็นบทเรียนสำคัญที่เปลี่ยนแนวทางการจัดการลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ไปตลอดกาล

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    รหัส FCKGW-RHQQ2-YXRKT-8TG6W-2B7Q8 เป็น Volume Licensing Key ที่ถูก whitelist ในระบบ WPA
    รหัสนี้ถูกเผยแพร่โดยกลุ่ม warez ‘devils0wn’ ก่อน Windows XP เปิดตัว 5 สัปดาห์
    WPA ใช้ Hardware ID จาก CPU, RAM และอุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อยืนยันรหัสผลิตภัณฑ์
    ผู้ใช้สามารถข้ามขั้นตอน activation ได้โดยใช้รหัสนี้กับสื่อการติดตั้งแบบพิเศษ
    Microsoft blacklist รหัสนี้ใน Service Pack 2 และเวอร์ชันถัดไป
    Dave W. Plummer เป็นผู้พัฒนาหลักของ WPA และออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ในปี 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Volume Licensing Key ใช้สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการติดตั้งหลายเครื่องโดยไม่ต้อง activate ทีละเครื่อง
    ในปี 2001 การดาวน์โหลดไฟล์ ISO ขนาด 455MB ใช้เวลานานมาก เนื่องจาก broadband ยังไม่แพร่หลาย
    การรั่วไหลของรหัสนี้ทำให้ Windows XP กลายเป็นระบบปฏิบัติการที่ถูกละเมิดลิขสิทธิ์มากที่สุดในยุคนั้น
    เหตุการณ์นี้เป็นแรงผลักดันให้ Microsoft พัฒนา DRM และระบบ activation ที่ซับซ้อนขึ้นใน Windows รุ่นถัดไป
    รหัส FCKGW กลายเป็นสัญลักษณ์ในวัฒนธรรมอินเทอร์เน็ตของยุค 2000

    https://www.tomshardware.com/software/windows/legendary-microsoft-developer-reveals-the-true-story-behind-the-most-famous-product-activation-key-of-all-time-infamous-windows-xp-fckgw-licensing-key-was-actually-a-disastrous-leak
    🧩 “FCKGW: รหัสลับที่ไม่ลับ — เมื่อ Windows XP ถูกเจาะก่อนวางขายเพราะ ‘ความไว้ใจ’ ที่ผิดพลาด” ย้อนกลับไปในปี 2001 โลกไอทีต้องสั่นสะเทือนเมื่อรหัสผลิตภัณฑ์ Windows XP ที่ชื่อว่า “FCKGW-RHQQ2-YXRKT-8TG6W-2B7Q8” ถูกเผยแพร่ก่อนการเปิดตัวอย่างเป็นทางการถึง 5 สัปดาห์ โดยกลุ่ม warez ชื่อดัง “devils0wn” ซึ่งไม่ใช่การแฮก แต่เป็น “การรั่วไหล” ที่เกิดจากการจัดการภายในของ Microsoft เอง Dave W. Plummer นักพัฒนาระดับตำนานของ Microsoft ผู้มีบทบาทในการสร้าง Task Manager, ZIP folders และระบบ Windows Product Activation (WPA) ได้ออกมาเปิดเผยความจริงผ่านโพสต์บน X ว่า “มันไม่ใช่การเจาะระบบ แต่มันคือความผิดพลาดที่ร้ายแรง” WPA เป็นระบบใหม่ที่เปิดตัวพร้อม Windows XP โดยใช้การจับคู่ระหว่างรหัสผลิตภัณฑ์กับ Hardware ID ที่สร้างจาก CPU, RAM และอุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อป้องกันการละเมิดลิขสิทธิ์ แต่รหัส FCKGW นี้เป็น Volume Licensing Key (VLK) ที่ถูก “whitelist” ไว้ในระบบ ทำให้ไม่ต้องผ่านขั้นตอน activation ใด ๆ เมื่อรหัสนี้ถูกเผยแพร่พร้อมกับสื่อการติดตั้งแบบพิเศษที่ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่ ผู้ใช้ทั่วไปจึงสามารถติดตั้ง Windows XP ได้โดยไม่ต้องโทรกลับไปยัง Microsoft หรือรอการยืนยันใด ๆ ส่งผลให้เกิดการละเมิดลิขสิทธิ์ในวงกว้างอย่างรวดเร็ว แม้ Microsoft จะพยายามแก้ไขในภายหลัง โดยการ blacklist รหัสนี้ใน Service Pack 2 และเวอร์ชันถัดไป แต่ความเสียหายได้เกิดขึ้นแล้ว และกลายเป็นบทเรียนสำคัญที่เปลี่ยนแนวทางการจัดการลิขสิทธิ์ซอฟต์แวร์ไปตลอดกาล ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ รหัส FCKGW-RHQQ2-YXRKT-8TG6W-2B7Q8 เป็น Volume Licensing Key ที่ถูก whitelist ในระบบ WPA ➡️ รหัสนี้ถูกเผยแพร่โดยกลุ่ม warez ‘devils0wn’ ก่อน Windows XP เปิดตัว 5 สัปดาห์ ➡️ WPA ใช้ Hardware ID จาก CPU, RAM และอุปกรณ์อื่น ๆ เพื่อยืนยันรหัสผลิตภัณฑ์ ➡️ ผู้ใช้สามารถข้ามขั้นตอน activation ได้โดยใช้รหัสนี้กับสื่อการติดตั้งแบบพิเศษ ➡️ Microsoft blacklist รหัสนี้ใน Service Pack 2 และเวอร์ชันถัดไป ➡️ Dave W. Plummer เป็นผู้พัฒนาหลักของ WPA และออกมาเปิดเผยเรื่องนี้ในปี 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Volume Licensing Key ใช้สำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่ต้องการติดตั้งหลายเครื่องโดยไม่ต้อง activate ทีละเครื่อง ➡️ ในปี 2001 การดาวน์โหลดไฟล์ ISO ขนาด 455MB ใช้เวลานานมาก เนื่องจาก broadband ยังไม่แพร่หลาย ➡️ การรั่วไหลของรหัสนี้ทำให้ Windows XP กลายเป็นระบบปฏิบัติการที่ถูกละเมิดลิขสิทธิ์มากที่สุดในยุคนั้น ➡️ เหตุการณ์นี้เป็นแรงผลักดันให้ Microsoft พัฒนา DRM และระบบ activation ที่ซับซ้อนขึ้นใน Windows รุ่นถัดไป ➡️ รหัส FCKGW กลายเป็นสัญลักษณ์ในวัฒนธรรมอินเทอร์เน็ตของยุค 2000 https://www.tomshardware.com/software/windows/legendary-microsoft-developer-reveals-the-true-story-behind-the-most-famous-product-activation-key-of-all-time-infamous-windows-xp-fckgw-licensing-key-was-actually-a-disastrous-leak
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 183 มุมมอง 0 รีวิว
  • SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep314 (live)

    ยกเลิก MOU43-44 ใครได้ใครเสียประโยชน์ ชำแหละพวกโลกสวย อวยกัมพูชา ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนว่าจริงๆ ควรยกเลิก MOU 2543 หรือไม่

    https://www.youtube.com/watch?v=x-vfOqIw-co

    สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube
    • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk
    🔴 SONDHITALK : ผู้เฒ่าเล่าเรื่อง Ep314 (live) • ยกเลิก MOU43-44 ใครได้ใครเสียประโยชน์ ชำแหละพวกโลกสวย อวยกัมพูชา ทำให้ประชาชนเกิดความสับสนว่าจริงๆ ควรยกเลิก MOU 2543 หรือไม่ • https://www.youtube.com/watch?v=x-vfOqIw-co • สมัครสมาชิก membership ความจริงมีหนึ่งเดียว ช่อง SONDHITALK บน YouTube • ติดต่อสอบถามได้ที่ Line : @sondhitalk
    Like
    Love
    20
    8 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 549 มุมมอง 0 รีวิว
  • 555,ว่าแล้ว แปลกๆมากพวกนี้ มันเป็นขบวนการจริงๆ,ร่ำรวยผิดปกติด้วย โชว์บ้าน โชว์รถหรูสาระพัด อวดร่ำอวดรวย เหยียดคนอื่นด้วย,มีนายใหญ่คุ้มหัวแน่นอนจึงกล้าหาญ,นอมินีตัวโชว์ให้เป็นตัวเอกออกเดินหน้าโรง,เรียกเหยื่อ.,จิตใจคนเรามิอาจดูผิวเผินได้,สิ่งที่กายวาจาแสดงออกผ่านสื่ออาจอีกเรื่อง,ลับหลังก็อีกเรื่อง สตอรี่อีกไม่เอามารวมด้วยมากมายตรึม,คนเดอะแก๊งพวกนี้.

    ..โรงงานไม่ได้ผลิตรถ ไม่ได้ประกอบรถรุ่นนี้ ไม่มีบันทึกการสร้างรถรุ่นนี้ มันไปผลิตในโรงงานไหนว่ะ ,สิทธิบัตรใบอนุญาตการผลิตการสร้างโรงงานนี้ผูกขาดหลักอย่างเป็นทางการ,แม้มีผลิตจากโรงงานอื่นคือคู่แข่ง ก็ต้องบันทึก ปล.จดหมายเหตุไว้ของเหตุการณ์ที่เกิดรถรุ่นนี้ขึ้น,หรือบันทึกแสดงความเสียใจที่ตนไม่ได้งานการผลิตมาล่ะ ท้ายเล่มของรุ่นนี้ แล้วทางวัดต้องจัดงานปลุกเสกใหญ่โตให้เกียรติชื่อครูบาอาจารย์ที่จัดสร้างเหรียญ เพื่อศิริมงคลต่อเหรียญเองในรุ่นนั้นๆ,ทางวัดเองต้องให้อนุญาตโรงงานรถโรงงานผลิตเหรียญด้วยว่าสั่งสร้างเท่านั้นเท่านี้บันทึกส่งรถส่งเหรียญให้ใครจับจองด้วย,ตามรุ่นพิเศษอีก ราคาแพงที่ผลิตตอบสนองความต้องการพิเศษตามขั้นตอนกระบวนดารผลิตใครได้ก่อนหลังอีก.,ก่อนปี2508ยังมีบันทึกสาระพัดทั้งจากทางวัดเองและโรงปั้มรับมอบใบอนุญาตสร้าง,ถ้าจะสร้างเพิ่มสร้างเสริมผลิตเพิ่มผลิตเสริมต้องขออนุญาตวัดอีก,คณะกรรมการวัดต้องรับรู้ทั่วทั้งวัด เพราะมันคือชื่อเสียงเกียรติยศของครูบาอาจารย์และชื่อเสียงวัดด้วย,มิอาจปล่อยเลอะเทอะได้,อย่าลืมว่า พระวัดนี้อาจมีใครบรรลุธรรม สามารถหยั่งเห็นถึงเหตุที่เกิดขึ้นในอนาคตได้แบบปัจจุบันนี้ คณะท่านจึงมีแผนการรับมือไว้แล้วด้วย,โดยตัวแปลที่เห็นปัจจุบันคือ ตระกูลผู้สร้างรับงานทางวัดมาตลอด ไม่มีบันทึก ไม่มีประวัติสร้างพระรุ่นนี้เลย,จึงเป็นข้อสังเกตุใหญ่ที่สามารถตีตกได้,ทางหุ้น หากมีอะไรผิดปกติ ถูกแขวนถูกหยุดถูกห้ามทำการซื้อขายก่อนทันที,ต้องถูกตรวจสอบก่อนนั้นเอง,นี้อะไรมุ่งพานิชย์อย่างเดียว,คนออกมาปกป้องเขาก็ไม่ผิดหรอก,คนซื้อมาแล้ว ซื้อมาเองด้วยเงินตนเองจะ100ล้านก็เงินตนเองไม่ผิดหรอก,แต่อย่าบิดประเด็นคือร่วมกันตรวจสอบเหรียญ สืบหาว่าความจริงของเหรียญนี้ มันมีค่าจริงแบบใด ค่าเท็จแบบใดร่วมกันสร้างมาตราฐานพระเครื่องไทย,เหรียญพระมันต้องดูองค์ประกอบทั้งหมดร่วมกัน,เพราะปัจจุบันมันปลอมเหรียญกันง่ายๆมากเพราะเทคโนโลยีมันล้ำสมัยมาก,
    ..เอาประเด็นแค่โรงปั้มไม่ได้ผลิต ก็งานงอกงานเข้าแล้ว,มันเสริม มันเพิ่มมาจากไหน.,ยิ่งถ้าหากทางวัดบอกผ่านบันทึกแก่วัดเจ้าของเรื่องว่า..ไม่เคยอนุญาตใป้โรงงานโรงผลิตใดๆมาสร้างพระรุ่นนี้อีก ยิ่งจบเลย,

    ..วงการพระคือวิถีฟอกเงินที่ง่ายที่สุด,ไม่ต่างจากบ่อนคาสิโนจังหวัดตราดหรือตลอดพรมแดนไทยเรา ที่สามารถทำอะไรก็ได้ รวมทั้งฟอกเงินมหาศาลนั้นๆ

    https://youtube.com/watch?v=dn4AfTXrI5I&si=sMZVFYrP0HAYKwWV
    555,ว่าแล้ว แปลกๆมากพวกนี้ มันเป็นขบวนการจริงๆ,ร่ำรวยผิดปกติด้วย โชว์บ้าน โชว์รถหรูสาระพัด อวดร่ำอวดรวย เหยียดคนอื่นด้วย,มีนายใหญ่คุ้มหัวแน่นอนจึงกล้าหาญ,นอมินีตัวโชว์ให้เป็นตัวเอกออกเดินหน้าโรง,เรียกเหยื่อ.,จิตใจคนเรามิอาจดูผิวเผินได้,สิ่งที่กายวาจาแสดงออกผ่านสื่ออาจอีกเรื่อง,ลับหลังก็อีกเรื่อง สตอรี่อีกไม่เอามารวมด้วยมากมายตรึม,คนเดอะแก๊งพวกนี้. ..โรงงานไม่ได้ผลิตรถ ไม่ได้ประกอบรถรุ่นนี้ ไม่มีบันทึกการสร้างรถรุ่นนี้ มันไปผลิตในโรงงานไหนว่ะ ,สิทธิบัตรใบอนุญาตการผลิตการสร้างโรงงานนี้ผูกขาดหลักอย่างเป็นทางการ,แม้มีผลิตจากโรงงานอื่นคือคู่แข่ง ก็ต้องบันทึก ปล.จดหมายเหตุไว้ของเหตุการณ์ที่เกิดรถรุ่นนี้ขึ้น,หรือบันทึกแสดงความเสียใจที่ตนไม่ได้งานการผลิตมาล่ะ ท้ายเล่มของรุ่นนี้ แล้วทางวัดต้องจัดงานปลุกเสกใหญ่โตให้เกียรติชื่อครูบาอาจารย์ที่จัดสร้างเหรียญ เพื่อศิริมงคลต่อเหรียญเองในรุ่นนั้นๆ,ทางวัดเองต้องให้อนุญาตโรงงานรถโรงงานผลิตเหรียญด้วยว่าสั่งสร้างเท่านั้นเท่านี้บันทึกส่งรถส่งเหรียญให้ใครจับจองด้วย,ตามรุ่นพิเศษอีก ราคาแพงที่ผลิตตอบสนองความต้องการพิเศษตามขั้นตอนกระบวนดารผลิตใครได้ก่อนหลังอีก.,ก่อนปี2508ยังมีบันทึกสาระพัดทั้งจากทางวัดเองและโรงปั้มรับมอบใบอนุญาตสร้าง,ถ้าจะสร้างเพิ่มสร้างเสริมผลิตเพิ่มผลิตเสริมต้องขออนุญาตวัดอีก,คณะกรรมการวัดต้องรับรู้ทั่วทั้งวัด เพราะมันคือชื่อเสียงเกียรติยศของครูบาอาจารย์และชื่อเสียงวัดด้วย,มิอาจปล่อยเลอะเทอะได้,อย่าลืมว่า พระวัดนี้อาจมีใครบรรลุธรรม สามารถหยั่งเห็นถึงเหตุที่เกิดขึ้นในอนาคตได้แบบปัจจุบันนี้ คณะท่านจึงมีแผนการรับมือไว้แล้วด้วย,โดยตัวแปลที่เห็นปัจจุบันคือ ตระกูลผู้สร้างรับงานทางวัดมาตลอด ไม่มีบันทึก ไม่มีประวัติสร้างพระรุ่นนี้เลย,จึงเป็นข้อสังเกตุใหญ่ที่สามารถตีตกได้,ทางหุ้น หากมีอะไรผิดปกติ ถูกแขวนถูกหยุดถูกห้ามทำการซื้อขายก่อนทันที,ต้องถูกตรวจสอบก่อนนั้นเอง,นี้อะไรมุ่งพานิชย์อย่างเดียว,คนออกมาปกป้องเขาก็ไม่ผิดหรอก,คนซื้อมาแล้ว ซื้อมาเองด้วยเงินตนเองจะ100ล้านก็เงินตนเองไม่ผิดหรอก,แต่อย่าบิดประเด็นคือร่วมกันตรวจสอบเหรียญ สืบหาว่าความจริงของเหรียญนี้ มันมีค่าจริงแบบใด ค่าเท็จแบบใดร่วมกันสร้างมาตราฐานพระเครื่องไทย,เหรียญพระมันต้องดูองค์ประกอบทั้งหมดร่วมกัน,เพราะปัจจุบันมันปลอมเหรียญกันง่ายๆมากเพราะเทคโนโลยีมันล้ำสมัยมาก, ..เอาประเด็นแค่โรงปั้มไม่ได้ผลิต ก็งานงอกงานเข้าแล้ว,มันเสริม มันเพิ่มมาจากไหน.,ยิ่งถ้าหากทางวัดบอกผ่านบันทึกแก่วัดเจ้าของเรื่องว่า..ไม่เคยอนุญาตใป้โรงงานโรงผลิตใดๆมาสร้างพระรุ่นนี้อีก ยิ่งจบเลย, ..วงการพระคือวิถีฟอกเงินที่ง่ายที่สุด,ไม่ต่างจากบ่อนคาสิโนจังหวัดตราดหรือตลอดพรมแดนไทยเรา ที่สามารถทำอะไรก็ได้ รวมทั้งฟอกเงินมหาศาลนั้นๆ https://youtube.com/watch?v=dn4AfTXrI5I&si=sMZVFYrP0HAYKwWV
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประเทศไทยเราจริงๆแล้วจะเจริญรุ่งเรืองกันนานแล้ว,เกิดจากพรรคภาคใต้นี้ล่ะตัวถ่วงความเจริญของชาติไทยที่แท้จริง,มักใหญ่ใฝ่สูงด้วย,แต่ยังดีที่ประชาชนคนไทยทางภาคใต้เหมือนกัน ตื่นรับรู้ความจริงมากเช่นกันด้วย รักบ้านรักเมืองมากกว่านักการเมืองภาคใต้ด้วย,ปชป.จึงดับอนาถของจริง ,mou43ก็คน ปชป.จากอดีตนายกฯ พรรค.ปชป.นี้จัดทำขึ้น,ประเทศไทยมีนายกฯจากพรรคปชป.นี้เอง ชาติไทยจึงถูกเตะตัดขาทางด้านความร่ำรวยมั่งคั่งสู่ประชาชนไปตลอดเวลา,และพรรคปชป.นี้ดูดีๆไม่ต่างจากพรรคเดโมแคตของอเมริกาเลย,ถูกปกครองโดยตระกูลรอธไชลด์นั้นละและหรือ13ตระกูลก็ว่า,ไทยก็แบบเดียวกัน,และชาติไทยเราจึงถูกปล้นชิงความร่ำรวยมั่งคั่งมาโดยตลอดจากการกำกับงานสร้างโดยไซออนิสต์ossหรือciaประจำภูมิภาคเอเชียอาเชียนเรานี้ด้วย,มันปกครองทั้งระบบปกครองประชาธิปไตยและคอมมิวนิสต์แบบจีน,พวกนี้มันส่งคนของมันไปปะปนควบคุมในอำนาจปกครองประเทศทั้งหมดได้,กฎหมายมากมายจึงออกมาบังคับควบคุมอิสระภาพประชาชนโดยส่วนใหญ่ยิ่งเผด็จการคอมมิวนิสต์ด้วยแล้วมันยิ่งชอบ,
    ..ทางเดียวจะจบตัดตอนมันได้ให้ชาติไทยเรารอดต้องเปลี่ยนระบบปกครองจากฝรั่งส่งให้เราใช้ปกครองเป็นเราสร้างทำขึ้นเองคือระบบปกครองแบบธรรมาธิปไตย อีนมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เราจะทำลายฝ่ายมืดได้แน่นอน.

    https://youtube.com/watch?v=G31LnpOYHQI&si=18RVXHEqTsHcTnLO
    ประเทศไทยเราจริงๆแล้วจะเจริญรุ่งเรืองกันนานแล้ว,เกิดจากพรรคภาคใต้นี้ล่ะตัวถ่วงความเจริญของชาติไทยที่แท้จริง,มักใหญ่ใฝ่สูงด้วย,แต่ยังดีที่ประชาชนคนไทยทางภาคใต้เหมือนกัน ตื่นรับรู้ความจริงมากเช่นกันด้วย รักบ้านรักเมืองมากกว่านักการเมืองภาคใต้ด้วย,ปชป.จึงดับอนาถของจริง ,mou43ก็คน ปชป.จากอดีตนายกฯ พรรค.ปชป.นี้จัดทำขึ้น,ประเทศไทยมีนายกฯจากพรรคปชป.นี้เอง ชาติไทยจึงถูกเตะตัดขาทางด้านความร่ำรวยมั่งคั่งสู่ประชาชนไปตลอดเวลา,และพรรคปชป.นี้ดูดีๆไม่ต่างจากพรรคเดโมแคตของอเมริกาเลย,ถูกปกครองโดยตระกูลรอธไชลด์นั้นละและหรือ13ตระกูลก็ว่า,ไทยก็แบบเดียวกัน,และชาติไทยเราจึงถูกปล้นชิงความร่ำรวยมั่งคั่งมาโดยตลอดจากการกำกับงานสร้างโดยไซออนิสต์ossหรือciaประจำภูมิภาคเอเชียอาเชียนเรานี้ด้วย,มันปกครองทั้งระบบปกครองประชาธิปไตยและคอมมิวนิสต์แบบจีน,พวกนี้มันส่งคนของมันไปปะปนควบคุมในอำนาจปกครองประเทศทั้งหมดได้,กฎหมายมากมายจึงออกมาบังคับควบคุมอิสระภาพประชาชนโดยส่วนใหญ่ยิ่งเผด็จการคอมมิวนิสต์ด้วยแล้วมันยิ่งชอบ, ..ทางเดียวจะจบตัดตอนมันได้ให้ชาติไทยเรารอดต้องเปลี่ยนระบบปกครองจากฝรั่งส่งให้เราใช้ปกครองเป็นเราสร้างทำขึ้นเองคือระบบปกครองแบบธรรมาธิปไตย อีนมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข เราจะทำลายฝ่ายมืดได้แน่นอน. https://youtube.com/watch?v=G31LnpOYHQI&si=18RVXHEqTsHcTnLO
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อไหร่คนที่ตะแบง จะยอมรับความจริง ที่มีหลักฐาน ผู้รู้ ไม่มีใครที่ไม่เคยทำผิด ร่วมมือกันสร้างประวัติศาสตร์ความถูกต้อง ให้ล้างบาปที่ฝรั่งเศสที่ ทำกับคนสองชาติ เปิดช่องหมารอด ให้คนขายชาติ ไม่ก็หาประโยชน์เข้าตระกูล

    https://youtu.be/qIGKE-BJJM0?si=IYrfAS-19IHDlS9Y
    เมื่อไหร่คนที่ตะแบง จะยอมรับความจริง ที่มีหลักฐาน ผู้รู้ ไม่มีใครที่ไม่เคยทำผิด ร่วมมือกันสร้างประวัติศาสตร์ความถูกต้อง ให้ล้างบาปที่ฝรั่งเศสที่ ทำกับคนสองชาติ เปิดช่องหมารอด ให้คนขายชาติ ไม่ก็หาประโยชน์เข้าตระกูล https://youtu.be/qIGKE-BJJM0?si=IYrfAS-19IHDlS9Y
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • “TSMC เปิดราคาชิป 2nm — แพงขึ้นไม่มาก แต่มีเงื่อนไขซ่อนอยู่ที่ลูกค้าต้องรับมือ”

    หลังจากมีข่าวลือว่าชิป 2nm จาก TSMC จะมีราคาสูงกว่ารุ่น 3nm ถึง 50% ล่าสุดมีรายงานใหม่ระบุว่าราคาจริงของแผ่นเวเฟอร์ 2nm จะเพิ่มขึ้นเพียง 10–20% เท่านั้นเมื่อเทียบกับรุ่น 3nm อย่าง N3P และ N3E แต่ความจริงที่ซ่อนอยู่คือ TSMC กำลังปรับราคาของเวเฟอร์ 3nm ให้สูงขึ้นด้วย ทำให้ช่องว่างระหว่างรุ่นดูแคบลง

    ราคาของเวเฟอร์ 2nm ยังคงอยู่ที่ประมาณ $30,000 ต่อแผ่น ซึ่งเป็นราคาที่สูงมากสำหรับการผลิตชิปในระดับผู้บริโภค โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเวเฟอร์ 3nm ที่เคยอยู่ที่ $25,000–$27,000 แต่กำลังถูกปรับขึ้นเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านไปยัง 2nm ดู “สมเหตุสมผล”

    Qualcomm และ MediaTek เป็นสองบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนไปใช้ N3P โดยต้องจ่ายเพิ่มถึง 16–24% สำหรับชิปรุ่นใหม่ เช่น Snapdragon 8 Elite Gen 5 และ Dimensity 9500 ขณะที่ Qualcomm เตรียมย้ายไปใช้ N2P สำหรับ Snapdragon 8 Elite Gen 6 ในปีหน้า

    แม้ราคาจะไม่พุ่งแรงอย่างที่คาด แต่ผลกระทบต่อราคาสินค้า เช่น สมาร์ตโฟนและแท็บเล็ต ยังคงมีอยู่ เพราะต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจะถูกผลักไปยังผู้บริโภค โดยเฉพาะในยุคที่การผลิตชิปต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น Gate-All-Around และ EUV ที่มีต้นทุนสูงมาก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    ราคาของเวเฟอร์ 2nm อยู่ที่ประมาณ $30,000 ต่อแผ่น
    เพิ่มขึ้นจากเวเฟอร์ 3nm เพียง 10–20% ไม่ใช่ 50% ตามข่าวลือ
    TSMC ปรับราคาของเวเฟอร์ 3nm เช่น N3E และ N3P ให้สูงขึ้น
    Qualcomm และ MediaTek ได้รับผลกระทบจากราคาที่เพิ่มขึ้น
    Qualcomm เตรียมใช้ N2P สำหรับ Snapdragon 8 Elite Gen 6
    ราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะเพิ่มขึ้นตามต้นทุนเวเฟอร์
    การผลิตชิป 2nm ใช้เทคโนโลยี Gate-All-Around และ EUV
    TSMC เริ่มผลิต 2nm ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Gate-All-Around เป็นเทคโนโลยีทรานซิสเตอร์ที่ลดการรั่วไหลของกระแสไฟ
    EUV (Extreme Ultraviolet Lithography) เป็นเทคนิคพิมพ์ลวดลายที่ใช้แสงความยาวคลื่นสั้น
    การผลิตเวเฟอร์ในสหรัฐฯ เช่นที่โรงงานใน Arizona มีต้นทุนสูงกว่าที่ไต้หวันถึง 20–30%
    Apple และ AMD เป็นลูกค้าหลักของ TSMC ที่เตรียมใช้ 2nm ในผลิตภัณฑ์ปี 2026
    Chiplet architecture ช่วยลดต้นทุนโดยใช้เวเฟอร์ขั้นสูงเฉพาะในส่วนสำคัญของชิป

    https://wccftech.com/tsmc-2nm-wafers-to-be-10-to-20-percent-more-expensive-than-3nm/
    💰 “TSMC เปิดราคาชิป 2nm — แพงขึ้นไม่มาก แต่มีเงื่อนไขซ่อนอยู่ที่ลูกค้าต้องรับมือ” หลังจากมีข่าวลือว่าชิป 2nm จาก TSMC จะมีราคาสูงกว่ารุ่น 3nm ถึง 50% ล่าสุดมีรายงานใหม่ระบุว่าราคาจริงของแผ่นเวเฟอร์ 2nm จะเพิ่มขึ้นเพียง 10–20% เท่านั้นเมื่อเทียบกับรุ่น 3nm อย่าง N3P และ N3E แต่ความจริงที่ซ่อนอยู่คือ TSMC กำลังปรับราคาของเวเฟอร์ 3nm ให้สูงขึ้นด้วย ทำให้ช่องว่างระหว่างรุ่นดูแคบลง ราคาของเวเฟอร์ 2nm ยังคงอยู่ที่ประมาณ $30,000 ต่อแผ่น ซึ่งเป็นราคาที่สูงมากสำหรับการผลิตชิปในระดับผู้บริโภค โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับเวเฟอร์ 3nm ที่เคยอยู่ที่ $25,000–$27,000 แต่กำลังถูกปรับขึ้นเพื่อให้การเปลี่ยนผ่านไปยัง 2nm ดู “สมเหตุสมผล” Qualcomm และ MediaTek เป็นสองบริษัทที่ได้รับผลกระทบจากการเปลี่ยนไปใช้ N3P โดยต้องจ่ายเพิ่มถึง 16–24% สำหรับชิปรุ่นใหม่ เช่น Snapdragon 8 Elite Gen 5 และ Dimensity 9500 ขณะที่ Qualcomm เตรียมย้ายไปใช้ N2P สำหรับ Snapdragon 8 Elite Gen 6 ในปีหน้า แม้ราคาจะไม่พุ่งแรงอย่างที่คาด แต่ผลกระทบต่อราคาสินค้า เช่น สมาร์ตโฟนและแท็บเล็ต ยังคงมีอยู่ เพราะต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้นจะถูกผลักไปยังผู้บริโภค โดยเฉพาะในยุคที่การผลิตชิปต้องใช้เทคโนโลยีขั้นสูง เช่น Gate-All-Around และ EUV ที่มีต้นทุนสูงมาก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ ราคาของเวเฟอร์ 2nm อยู่ที่ประมาณ $30,000 ต่อแผ่น ➡️ เพิ่มขึ้นจากเวเฟอร์ 3nm เพียง 10–20% ไม่ใช่ 50% ตามข่าวลือ ➡️ TSMC ปรับราคาของเวเฟอร์ 3nm เช่น N3E และ N3P ให้สูงขึ้น ➡️ Qualcomm และ MediaTek ได้รับผลกระทบจากราคาที่เพิ่มขึ้น ➡️ Qualcomm เตรียมใช้ N2P สำหรับ Snapdragon 8 Elite Gen 6 ➡️ ราคาสินค้าอิเล็กทรอนิกส์จะเพิ่มขึ้นตามต้นทุนเวเฟอร์ ➡️ การผลิตชิป 2nm ใช้เทคโนโลยี Gate-All-Around และ EUV ➡️ TSMC เริ่มผลิต 2nm ในไตรมาสสุดท้ายของปี 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Gate-All-Around เป็นเทคโนโลยีทรานซิสเตอร์ที่ลดการรั่วไหลของกระแสไฟ ➡️ EUV (Extreme Ultraviolet Lithography) เป็นเทคนิคพิมพ์ลวดลายที่ใช้แสงความยาวคลื่นสั้น ➡️ การผลิตเวเฟอร์ในสหรัฐฯ เช่นที่โรงงานใน Arizona มีต้นทุนสูงกว่าที่ไต้หวันถึง 20–30% ➡️ Apple และ AMD เป็นลูกค้าหลักของ TSMC ที่เตรียมใช้ 2nm ในผลิตภัณฑ์ปี 2026 ➡️ Chiplet architecture ช่วยลดต้นทุนโดยใช้เวเฟอร์ขั้นสูงเฉพาะในส่วนสำคัญของชิป https://wccftech.com/tsmc-2nm-wafers-to-be-10-to-20-percent-more-expensive-than-3nm/
    WCCFTECH.COM
    TSMC’s 2nm Customers Can Take A Breather; Wafers Reportedly Only 10-20 Percent More Expensive Than 3nm But There Is A Catch
    A new report states that instead of TSMC’s 2nm wafers being 50 percent more expensive than 3nm, they will be between 10-20 percent pricier
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Smart TV ไม่ได้ฉลาดตลอดไป ถ้าไม่อัปเดต — ช่องโหว่ความปลอดภัยที่คุณอาจมองข้าม”

    ในยุคที่โทรทัศน์กลายเป็นมากกว่าแค่จอภาพ Smart TV ได้กลายเป็นอุปกรณ์ที่มีระบบปฏิบัติการ หน่วยประมวลผล หน่วยความจำ และแอปพลิเคชันมากมาย ซึ่งหมายความว่า มันคือ “คอมพิวเตอร์ที่ดูหนังได้” และเช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง มันต้องการการอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ

    หลายคนอาจคิดว่า Smart TV ไม่จำเป็นต้องอัปเดตบ่อย แต่ความจริงคือ การไม่อัปเดตอาจทำให้เกิดปัญหาตั้งแต่การทำงานช้า แอปค้าง ไปจนถึงการถูกโจมตีทางไซเบอร์ โดยเฉพาะเมื่อผู้ผลิตหยุดสนับสนุนซอฟต์แวร์ แม้ฮาร์ดแวร์ยังใช้งานได้ดีอยู่ก็ตาม

    รายงานจาก NETGEAR และ Bitdefender ในปี 2024 พบว่า Smart TV เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ IoT ที่ถูกโจมตีมากที่สุด โดยคิดเป็นเกือบหนึ่งในสามของอุปกรณ์ที่มีช่องโหว่ทั้งหมด สาเหตุหลักคือการใช้งานยาวนานและการหยุดอัปเดตจากผู้ผลิต

    Smart TV ที่ไม่ได้อัปเดตอาจถูกแฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น อีเมล บัตรเครดิต หรือบัญชีสตรีมมิ่ง โดยเฉพาะหากมีการติดตั้งแอปจากแหล่งที่ไม่เป็นทางการ หรือเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ไม่ปลอดภัย

    แม้การอัปเดตจะไม่เกิดขึ้นบ่อยเท่ากับสมาร์ทโฟน แต่ผู้ผลิตมักปล่อยแพตช์เล็ก ๆ ทุกไตรมาส และอัปเดตใหญ่ปีละครั้ง เช่น Android TV 14 ที่เปิดตัวในปี 2024 และเวอร์ชันถัดไปคาดว่าจะมาในปลายปี 2025 หรือต้นปี 2026

    ผู้ใช้สามารถตรวจสอบสถานะการอัปเดตได้จากเมนูตั้งค่าของทีวี และควรเปิดใช้งานการอัปเดตอัตโนมัติไว้เสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ยังปลอดภัยและทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Smart TV มีระบบปฏิบัติการและฟีเจอร์คล้ายคอมพิวเตอร์
    ต้องการการอัปเดตเพื่อแก้บั๊ก เพิ่มฟีเจอร์ และเสริมความปลอดภัย
    Android TV 14 เปิดตัวในปี 2024 และเวอร์ชันถัดไปคาดว่าจะมาในปี 2025–2026
    ผู้ผลิตปล่อยแพตช์เล็ก ๆ ทุกไตรมาส
    Smart TV มีอายุเฉลี่ยประมาณ 10 ปี แต่การสนับสนุนซอฟต์แวร์อาจสิ้นสุดก่อน
    ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดการอัปเดตอัตโนมัติได้จากเมนูตั้งค่า
    การอัปเดตช่วยให้แอปทำงานได้ดีขึ้นและลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Smart TV บางรุ่นมีไมโครโฟนและกล้องในตัว ซึ่งอาจถูกใช้โจมตีได้
    ผู้ผลิตบางรายให้การสนับสนุนซอฟต์แวร์เพียง 2–3 ปีหลังเปิดตัว
    มีกรณีจริงที่แฮกเกอร์สามารถควบคุมทีวีจากระยะไกล เช่น เปลี่ยนช่องหรือเพิ่มเสียง
    FTC เคยปรับบริษัท Vizio ฐานเก็บข้อมูลผู้ใช้โดยไม่แจ้งล่วงหน้า
    การใช้รหัสผ่าน Wi-Fi ที่แข็งแรงและการตั้งค่าความปลอดภัยของเครือข่ายช่วยลดความเสี่ยง

    https://www.slashgear.com/1984686/smart-tvs-need-software-updates-reason-why-how-often/
    📺 “Smart TV ไม่ได้ฉลาดตลอดไป ถ้าไม่อัปเดต — ช่องโหว่ความปลอดภัยที่คุณอาจมองข้าม” ในยุคที่โทรทัศน์กลายเป็นมากกว่าแค่จอภาพ Smart TV ได้กลายเป็นอุปกรณ์ที่มีระบบปฏิบัติการ หน่วยประมวลผล หน่วยความจำ และแอปพลิเคชันมากมาย ซึ่งหมายความว่า มันคือ “คอมพิวเตอร์ที่ดูหนังได้” และเช่นเดียวกับคอมพิวเตอร์ทุกเครื่อง มันต้องการการอัปเดตซอฟต์แวร์อย่างสม่ำเสมอ หลายคนอาจคิดว่า Smart TV ไม่จำเป็นต้องอัปเดตบ่อย แต่ความจริงคือ การไม่อัปเดตอาจทำให้เกิดปัญหาตั้งแต่การทำงานช้า แอปค้าง ไปจนถึงการถูกโจมตีทางไซเบอร์ โดยเฉพาะเมื่อผู้ผลิตหยุดสนับสนุนซอฟต์แวร์ แม้ฮาร์ดแวร์ยังใช้งานได้ดีอยู่ก็ตาม รายงานจาก NETGEAR และ Bitdefender ในปี 2024 พบว่า Smart TV เป็นหนึ่งในอุปกรณ์ IoT ที่ถูกโจมตีมากที่สุด โดยคิดเป็นเกือบหนึ่งในสามของอุปกรณ์ที่มีช่องโหว่ทั้งหมด สาเหตุหลักคือการใช้งานยาวนานและการหยุดอัปเดตจากผู้ผลิต Smart TV ที่ไม่ได้อัปเดตอาจถูกแฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลส่วนตัว เช่น อีเมล บัตรเครดิต หรือบัญชีสตรีมมิ่ง โดยเฉพาะหากมีการติดตั้งแอปจากแหล่งที่ไม่เป็นทางการ หรือเชื่อมต่อกับเครือข่ายที่ไม่ปลอดภัย แม้การอัปเดตจะไม่เกิดขึ้นบ่อยเท่ากับสมาร์ทโฟน แต่ผู้ผลิตมักปล่อยแพตช์เล็ก ๆ ทุกไตรมาส และอัปเดตใหญ่ปีละครั้ง เช่น Android TV 14 ที่เปิดตัวในปี 2024 และเวอร์ชันถัดไปคาดว่าจะมาในปลายปี 2025 หรือต้นปี 2026 ผู้ใช้สามารถตรวจสอบสถานะการอัปเดตได้จากเมนูตั้งค่าของทีวี และควรเปิดใช้งานการอัปเดตอัตโนมัติไว้เสมอ เพื่อให้มั่นใจว่าอุปกรณ์ยังปลอดภัยและทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Smart TV มีระบบปฏิบัติการและฟีเจอร์คล้ายคอมพิวเตอร์ ➡️ ต้องการการอัปเดตเพื่อแก้บั๊ก เพิ่มฟีเจอร์ และเสริมความปลอดภัย ➡️ Android TV 14 เปิดตัวในปี 2024 และเวอร์ชันถัดไปคาดว่าจะมาในปี 2025–2026 ➡️ ผู้ผลิตปล่อยแพตช์เล็ก ๆ ทุกไตรมาส ➡️ Smart TV มีอายุเฉลี่ยประมาณ 10 ปี แต่การสนับสนุนซอฟต์แวร์อาจสิ้นสุดก่อน ➡️ ผู้ใช้สามารถเปิดหรือปิดการอัปเดตอัตโนมัติได้จากเมนูตั้งค่า ➡️ การอัปเดตช่วยให้แอปทำงานได้ดีขึ้นและลดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Smart TV บางรุ่นมีไมโครโฟนและกล้องในตัว ซึ่งอาจถูกใช้โจมตีได้ ➡️ ผู้ผลิตบางรายให้การสนับสนุนซอฟต์แวร์เพียง 2–3 ปีหลังเปิดตัว ➡️ มีกรณีจริงที่แฮกเกอร์สามารถควบคุมทีวีจากระยะไกล เช่น เปลี่ยนช่องหรือเพิ่มเสียง ➡️ FTC เคยปรับบริษัท Vizio ฐานเก็บข้อมูลผู้ใช้โดยไม่แจ้งล่วงหน้า ➡️ การใช้รหัสผ่าน Wi-Fi ที่แข็งแรงและการตั้งค่าความปลอดภัยของเครือข่ายช่วยลดความเสี่ยง https://www.slashgear.com/1984686/smart-tvs-need-software-updates-reason-why-how-often/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    Yes, Smart TVs Need Software Updates - Here's Why & How Often - SlashGear
    Smart TVs require regular software updates to patch security flaws, improve app compatibility, fix bugs, and add new features over time.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 144 มุมมอง 0 รีวิว
  • “CEO ใหญ่ชี้ AI จะนำไปสู่การทำงานแค่ 3 วันต่อสัปดาห์ — แต่คำถามคือ ใครจะได้ประโยชน์จริง?”

    ในยุคที่ AI กำลังเปลี่ยนโฉมโลกการทำงานอย่างรวดเร็ว บรรดาผู้นำเทคโนโลยีระดับโลกต่างออกมาแสดงความเห็นว่า “การทำงาน 3 วันต่อสัปดาห์” อาจกลายเป็นความจริงในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะเมื่อ AI เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดงานซ้ำซ้อน และปลดล็อกเวลาส่วนตัวให้กับมนุษย์

    Eric Yuan ซีอีโอของ Zoom กล่าวกับ New York Times ว่า “ทุกบริษัทจะสนับสนุนการทำงาน 3 หรือ 4 วันต่อสัปดาห์” เพราะ AI จะช่วยให้ทุกคนมีเวลามากขึ้น ขณะที่ Bill Gates ก็เคยพูดในหลายเวทีว่า AI อาจทำให้มนุษย์ไม่ต้องทำงานเต็มสัปดาห์อีกต่อไป แม้จะเตือนว่าอาชีพที่เคยคิดว่า AI ทำแทนไม่ได้ เช่น แพทย์หรือครู ก็อาจถูกแทนที่ได้

    Jensen Huang จาก Nvidia เปรียบ AI กับการปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยเชื่อว่ามันจะเปลี่ยนพฤติกรรมทางสังคม และอาจนำไปสู่การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ ส่วน Jamie Dimon จาก JPMorgan และ Bernie Sanders ก็เคยพูดถึงแนวโน้มนี้เช่นกัน

    แต่ในอีกด้านหนึ่ง หลายงานวิจัยกลับตั้งคำถามว่า AI จะเพิ่มประสิทธิภาพจริงหรือไม่ เช่น รายงานจาก McKinsey พบว่า 80% ของบริษัทที่ใช้ AI ยังไม่สามารถเพิ่มกำไรได้ และ MIT ระบุว่า 95% ของโครงการ AI ในองค์กรล้มเหลว ขณะที่พนักงานจำนวนมากรู้สึกเบื่อหน่ายและหมดแรงจากการต้องแก้ “งานที่ AI ทำผิด” หรือที่เรียกว่า “AI Workslop”

    แม้จะมีความหวังเรื่องการลดวันทำงาน แต่ก็มีคำถามว่า AI จะลดชั่วโมงทำงาน หรือจะลดจำนวนพนักงานกันแน่ เพราะมีบริษัทอย่าง Klarna ที่ปลดพนักงานจำนวนมากเพื่อใช้ AI แทน ก่อนจะพบปัญหาคุณภาพและต้องถอยกลับ ขณะที่ IBM เลิกจ้างฝ่าย HR แต่จ้างเพิ่มในสายงานโปรแกรมเมอร์และฝ่ายขาย

    สุดท้ายแล้ว คำถามสำคัญคือ: AI จะช่วยให้เราทำงานน้อยลง หรือแค่ทำให้เราทำงานหนักขึ้นในเวลาที่สั้นลง?

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Eric Yuan (Zoom) เชื่อว่าทุกบริษัทจะสนับสนุนการทำงาน 3–4 วันต่อสัปดาห์
    Bill Gates เคยพูดว่า AI อาจทำให้มนุษย์ทำงานแค่ 3 วันต่อสัปดาห์
    Jensen Huang (Nvidia) เปรียบ AI กับการปฏิวัติอุตสาหกรรม และเชื่อว่าจะเปลี่ยนพฤติกรรมสังคม
    Jamie Dimon และ Bernie Sanders ก็เคยพูดถึงแนวโน้มการลดวันทำงาน
    รายงานจาก McKinsey พบว่า 80% ของบริษัทที่ใช้ AI ยังไม่เพิ่มกำไร
    MIT ระบุว่า 95% ของโครงการ AI ในองค์กรล้มเหลว
    พนักงานบางส่วนรู้สึกเบื่อและหมดแรงจากการแก้งานที่ AI ทำผิด
    Klarna ปลดพนักงานจำนวนมากเพื่อใช้ AI ก่อนจะพบปัญหาคุณภาพ
    IBM เลิกจ้างฝ่าย HR แต่จ้างเพิ่มในสายงานเทคโนโลยี
    รายงานจาก Tech.co ระบุว่า 93% ของบริษัทที่ใช้ AI เปิดรับแนวคิดการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    การทดลองทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ในหลายประเทศพบว่าพนักงานมีความสุขและประสิทธิภาพดีขึ้น
    AI สามารถช่วยลดงานซ้ำซ้อน เช่น การจัดการเอกสาร การตอบอีเมล หรือการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น
    แนวคิด “digital twin” อาจช่วยให้พนักงานมีตัวแทน AI ทำงานแทนในบางส่วน
    การลดวันทำงานอาจช่วยลดภาวะหมดไฟ (burnout) และเพิ่มคุณภาพชีวิต
    การใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยการฝึกอบรมและการปรับโครงสร้างองค์กร

    https://www.slashgear.com/1984496/eric-yuan-bill-gates-ceo-three-day-work-week-thanks-to-ai/
    🧠 “CEO ใหญ่ชี้ AI จะนำไปสู่การทำงานแค่ 3 วันต่อสัปดาห์ — แต่คำถามคือ ใครจะได้ประโยชน์จริง?” ในยุคที่ AI กำลังเปลี่ยนโฉมโลกการทำงานอย่างรวดเร็ว บรรดาผู้นำเทคโนโลยีระดับโลกต่างออกมาแสดงความเห็นว่า “การทำงาน 3 วันต่อสัปดาห์” อาจกลายเป็นความจริงในอนาคตอันใกล้ โดยเฉพาะเมื่อ AI เข้ามาช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ ลดงานซ้ำซ้อน และปลดล็อกเวลาส่วนตัวให้กับมนุษย์ Eric Yuan ซีอีโอของ Zoom กล่าวกับ New York Times ว่า “ทุกบริษัทจะสนับสนุนการทำงาน 3 หรือ 4 วันต่อสัปดาห์” เพราะ AI จะช่วยให้ทุกคนมีเวลามากขึ้น ขณะที่ Bill Gates ก็เคยพูดในหลายเวทีว่า AI อาจทำให้มนุษย์ไม่ต้องทำงานเต็มสัปดาห์อีกต่อไป แม้จะเตือนว่าอาชีพที่เคยคิดว่า AI ทำแทนไม่ได้ เช่น แพทย์หรือครู ก็อาจถูกแทนที่ได้ Jensen Huang จาก Nvidia เปรียบ AI กับการปฏิวัติอุตสาหกรรม โดยเชื่อว่ามันจะเปลี่ยนพฤติกรรมทางสังคม และอาจนำไปสู่การทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ ส่วน Jamie Dimon จาก JPMorgan และ Bernie Sanders ก็เคยพูดถึงแนวโน้มนี้เช่นกัน แต่ในอีกด้านหนึ่ง หลายงานวิจัยกลับตั้งคำถามว่า AI จะเพิ่มประสิทธิภาพจริงหรือไม่ เช่น รายงานจาก McKinsey พบว่า 80% ของบริษัทที่ใช้ AI ยังไม่สามารถเพิ่มกำไรได้ และ MIT ระบุว่า 95% ของโครงการ AI ในองค์กรล้มเหลว ขณะที่พนักงานจำนวนมากรู้สึกเบื่อหน่ายและหมดแรงจากการต้องแก้ “งานที่ AI ทำผิด” หรือที่เรียกว่า “AI Workslop” แม้จะมีความหวังเรื่องการลดวันทำงาน แต่ก็มีคำถามว่า AI จะลดชั่วโมงทำงาน หรือจะลดจำนวนพนักงานกันแน่ เพราะมีบริษัทอย่าง Klarna ที่ปลดพนักงานจำนวนมากเพื่อใช้ AI แทน ก่อนจะพบปัญหาคุณภาพและต้องถอยกลับ ขณะที่ IBM เลิกจ้างฝ่าย HR แต่จ้างเพิ่มในสายงานโปรแกรมเมอร์และฝ่ายขาย สุดท้ายแล้ว คำถามสำคัญคือ: AI จะช่วยให้เราทำงานน้อยลง หรือแค่ทำให้เราทำงานหนักขึ้นในเวลาที่สั้นลง? ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Eric Yuan (Zoom) เชื่อว่าทุกบริษัทจะสนับสนุนการทำงาน 3–4 วันต่อสัปดาห์ ➡️ Bill Gates เคยพูดว่า AI อาจทำให้มนุษย์ทำงานแค่ 3 วันต่อสัปดาห์ ➡️ Jensen Huang (Nvidia) เปรียบ AI กับการปฏิวัติอุตสาหกรรม และเชื่อว่าจะเปลี่ยนพฤติกรรมสังคม ➡️ Jamie Dimon และ Bernie Sanders ก็เคยพูดถึงแนวโน้มการลดวันทำงาน ➡️ รายงานจาก McKinsey พบว่า 80% ของบริษัทที่ใช้ AI ยังไม่เพิ่มกำไร ➡️ MIT ระบุว่า 95% ของโครงการ AI ในองค์กรล้มเหลว ➡️ พนักงานบางส่วนรู้สึกเบื่อและหมดแรงจากการแก้งานที่ AI ทำผิด ➡️ Klarna ปลดพนักงานจำนวนมากเพื่อใช้ AI ก่อนจะพบปัญหาคุณภาพ ➡️ IBM เลิกจ้างฝ่าย HR แต่จ้างเพิ่มในสายงานเทคโนโลยี ➡️ รายงานจาก Tech.co ระบุว่า 93% ของบริษัทที่ใช้ AI เปิดรับแนวคิดการทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ การทดลองทำงาน 4 วันต่อสัปดาห์ในหลายประเทศพบว่าพนักงานมีความสุขและประสิทธิภาพดีขึ้น ➡️ AI สามารถช่วยลดงานซ้ำซ้อน เช่น การจัดการเอกสาร การตอบอีเมล หรือการวิเคราะห์ข้อมูลเบื้องต้น ➡️ แนวคิด “digital twin” อาจช่วยให้พนักงานมีตัวแทน AI ทำงานแทนในบางส่วน ➡️ การลดวันทำงานอาจช่วยลดภาวะหมดไฟ (burnout) และเพิ่มคุณภาพชีวิต ➡️ การใช้ AI อย่างมีประสิทธิภาพต้องอาศัยการฝึกอบรมและการปรับโครงสร้างองค์กร https://www.slashgear.com/1984496/eric-yuan-bill-gates-ceo-three-day-work-week-thanks-to-ai/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    These Big Tech CEOs Think A 3-Day Work Week Is Coming, Thanks To AI - SlashGear
    AI promises productivity gains, and one way that could manifest is by shortening the work week. These tech CEOs think it'll happen, but others are skeptical.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 168 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts