• 'แพทองธาร' ปัดตอบปม 'ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ' ของ 'ฮุน เซน' ชี้สื่อไทยอย่าเป็นกระบอกเสียงให้กัมพูชา!
    https://www.thai-tai.tv/news/20431/
    .
    #แพทองธาร #ฮุนเซน #ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ #ข่าวการเมือง #สื่อไทย #กัมพูชา #การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
    'แพทองธาร' ปัดตอบปม 'ทักษิณคิด เพื่อไทยทำ' ของ 'ฮุน เซน' ชี้สื่อไทยอย่าเป็นกระบอกเสียงให้กัมพูชา! https://www.thai-tai.tv/news/20431/ . #แพทองธาร #ฮุนเซน #ทักษิณคิดเพื่อไทยทำ #ข่าวการเมือง #สื่อไทย #กัมพูชา #การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • ททท.จัดกิจกรรมเวิร์กช็อป ดันโคราช เตรียมความพร้อมไปสู่ระดับนานาชาติ เข้าใจท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน 3 มรดกโลก สู่ตลาดการท่องเที่ยว

    วันที่ 16 มิถุนายน 2568 ที่เคนซิงตัน อิงลิซ การ์เด้น รีสอร์ท เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา

    นายอรรถพล วรรณกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ททท. เป็นประธาน เปิดกิจกรรมพัฒนาสินค้าและเส้นทางท่องเที่ยวยั่งยืน จังหวัดนครราชสีมา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย

    ร่วมกับ นางสาวศรัญญา ศรีคิรินทร์ รองผู้อำนวยการฝ่ายสินค้าการท่องเที่ยว นางศาลินา จูนฑะพุทธิ ผอ.กองวางแผนสินค้าการท่องเที่ยว นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผอ.ททท. สำนักงานนครราชสีมา และนางสาวพันชนะ วัฒนเสถียร นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่

    สำหรับกิจกรรมพัฒนาสินค้าและเส้นทางท่องเที่ยวยั่งยืน จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ประกอบการท่องเที่ยวกว่า 60 ราย ในจังหวัดนครราชสีมา เข้าร่วมกิจกรรมเวิร์กช็อปพัฒนาการสร้างสรรค์เส้นทาง ท่องเที่ยวยั่งยืน 3 มรดกโลก ในหัวข้อ การสร้างสรรค์เส้นทางท่องเที่ยวยั่งยืน 3 มรดกโลก สู่ตลาดการท่องเที่ยว
    ททท.จัดกิจกรรมเวิร์กช็อป ดันโคราช เตรียมความพร้อมไปสู่ระดับนานาชาติ เข้าใจท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน 3 มรดกโลก สู่ตลาดการท่องเที่ยว วันที่ 16 มิถุนายน 2568 ที่เคนซิงตัน อิงลิซ การ์เด้น รีสอร์ท เขาใหญ่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา นายอรรถพล วรรณกิจ ผู้อำนวยการภูมิภาคภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ททท. เป็นประธาน เปิดกิจกรรมพัฒนาสินค้าและเส้นทางท่องเที่ยวยั่งยืน จังหวัดนครราชสีมา โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ร่วมกับ นางสาวศรัญญา ศรีคิรินทร์ รองผู้อำนวยการฝ่ายสินค้าการท่องเที่ยว นางศาลินา จูนฑะพุทธิ ผอ.กองวางแผนสินค้าการท่องเที่ยว นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผอ.ททท. สำนักงานนครราชสีมา และนางสาวพันชนะ วัฒนเสถียร นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ สำหรับกิจกรรมพัฒนาสินค้าและเส้นทางท่องเที่ยวยั่งยืน จังหวัดนครราชสีมา มีผู้ประกอบการท่องเที่ยวกว่า 60 ราย ในจังหวัดนครราชสีมา เข้าร่วมกิจกรรมเวิร์กช็อปพัฒนาการสร้างสรรค์เส้นทาง ท่องเที่ยวยั่งยืน 3 มรดกโลก ในหัวข้อ การสร้างสรรค์เส้นทางท่องเที่ยวยั่งยืน 3 มรดกโลก สู่ตลาดการท่องเที่ยว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • โคราชจัดแถลงข่าวความพร้อมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์”
    .
    นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานแถลงข่าวเตรียมความพร้อมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” ร่วมกับ นายมงคล วิมลรัตน์ อธิบดีกรมพลศึกษา, นายวีระชาติ ทุ่งไผ่แหลม รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, นายแพทย์ชยพล สุขโต รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา, พ.ต.อ. อดิศร สุวรรณรักษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา,
    นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สาขาจังหวัดนครราชสีมา, ผู้บริหารห้างทั้ง 3 ห้าง แขกผู้มีเกียรติ, และบรรดานักกีฬาจังหวัดทั่วประเทศ
    .
    นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "ตามที่จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเกียรติจากกรมพลศึกษาให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาและ นันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 ซึ่งได้กำหนดจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 17 - 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ต้องขอขอบคุณท่านอธิบดีกรมพลศึกษาที่ได้ไว้วางในให้จังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ครับ ทราบว่านักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้มากที่สุดที่เคยทำการแข่งขันมาในทุกๆ ปี จำนวนกว่า 6,500 คน ยังไม่รวมผู้ติดตาม คณะกรรมการดำเนินการ และ คณะกรรมการตัดสินจากต่างจังหวัด กระผมคิดว่าจะมีผู้มาเยือนในจังหวัดไม่ต่ำกว่าหมื่นคน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้คิดหารือประชุมร่วมกันเพื่อเตรียมการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ ครับ คําขวัญ ของจังหวัดนครราชสีมา “เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน” จังหวัดนครราชสีมา เมืองประตูสู่อีสานดินแดนอารยธรรมขอมโบราณแห่งอีสานใต้ และจังหวัด นครราชสีมา ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นเมือง 3 มงกุฎของยูเนสโก ประกอบด้วย
    1. มรดกโลกป่าดงพญาเย็น เขาใหญ่
    2. พื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช
    3. โคราชจีโอพาร์ค พื้นที่ลุ่มน้ำลำตาคลอง ซึ่งมีภูมิประเทศเขาเควสตา (เขารูปอีโต้) และฟอสซิล 3 ยุค
    และล่าสุด จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลก “มหกรรมพืชสวนโลก” หรือ KORAT Expo 2029”
    .
    "จังหวัดนครราชสีมา ยังมีความโดดเด่นในด้านกีฬา ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาในหลาย รายการหลายรูปแบบตามบริบทของชนิดกีฬา ซึ่งการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ทราบว่า เป็นครั้งที่ 2 ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นเจ้าภาพ (เป็นเจ้าภาพครั้งที่ 7 เมื่อปี 2557) จากประสบการณ์ที่ผ่านมา คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้เล็งเห็นถึงการที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงอายุในครั้งนี้ ที่เข้ามาทำการแข่งขัน ซึ่งเป็นกลุ่มอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จึงได้คิดดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาที่แข่งขันฯ ในร่ม ให้จัดการแข่งขันขึ้นบนห้างชั้นนํา 3 ห้าง นั้นก็คือ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช / ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช และศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช ซึ่ง 3 ห้างนี้ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์จัดการแข่งขันกีฬาในระดับใหญ่ๆมาแล้วทั้งสิ้น อีกทั้งให้ความ อนุเคราะห์ร่วมมือกับงานของจังหวัดนครราชสีมา ด้วยดีเสมอมาตลอด จึงอยากให้ทุกท่านได้สัมผัสกับบรรยาการการ แข่งขันในห้าง และในฮอลล์ ของห้างทั้ง 3 ห้าง ที่มีความพร้อมทั้งห้องน้ำ อาหารการกิน ของฝากของที่ระลึก มีสินค้า มากมายให้ท่านได้เลือกซื้อเลือกชม สำหรับสนามที่ทำการแข่งขันกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นสนามกีฬา 80 พรรษาฯ สนามกีฬากอล์ฟเสือปาคร์ ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ สนามกีฬาไดร์กอล์ฟ บชร.๒ ค่ายสุรนารี และสนามกีฬากลาง ค่ายสุรนารี ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันได้ประชุมหารือเตรียมพร้อมการแข่งขันฯ ในครั้งนี้เป็นอย่างดี ซึ่งท่านท่องเที่ยวและกีฬาจะชี้แจงในรายละเอียดต่อไป และช่วงภาคบ่ายที่จะประชุมผู้ประสานงานทุกจังหวัด นอกจากนี้ การจัดการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้ ทางจังหวัดนครราชสีมา ยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณส่วนนึงจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ในพิธีเปิดปิด และการแข่งขันฯ รวมถึงความพร้อมด้านการแพทย์และพยาบาล ความปลอดภัยและการจราจร และแผนการท่องเที่ยว ซึ่งจังหวัดนครราชสีมา ได้รับความร่วมมือการมีส่วนร่วมทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมกับทางจังหวัดนครราชสีมา ในการจัดการแข่งขันฯ ครั้งนี้"
    .
    "จังหวัดนครราชสีมา พร้อมแล้วที่จะจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” ระหว่างวันที่ 17 – 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ขอเชิญ ชวนทุกท่านที่จะเดินทางมาจากต่างจังหวัด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา มาร่วมชม รวมเชียร์ และให้กำลังใจนักกีฬาผู้สูงอายุจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ แล้วพบกันครับ"
    .
    นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "ตามที่จังหวัดนครราชสีมา ได้มอบหมายให้สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา เป็นฝ่ายเลขานุการดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 17 - 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นรายการแข่งขันในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยจะทำการแข่งขันฯ ทั้งสิ้น 11 ชนิดกีฬา ได้แก่ 1) กรีฑา 2) กีฬากอล์ฟ 3) กีฬาเปตอง 4) กีฬาวู้ดบอล 5) กีฬาหมากรุกไทย 6) กีฬาตะกร้อวงเตะทน/กีฬาเซปักตะกร้อ 7) กีฬาแบดมินตัน 8) กีฬาลีลาศ 9) กีฬาเกทบอล 10) การประกวดแอโรบิกมวยไทย และ 11) การประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ โดยได้กำหนดสนามแข่งขันฯ 7 แห่ง ดังนี้
    1. ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช แข่งขันกีฬาตะกร้อวงเตะทน/กีฬาเซปักตะกร้อ
    2. ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช แข่งขันกีฬาแบดมินตัน กีฬาหมากรุกไทย และกีฬาลีลาศ
    3. ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช แข่งขันฯ ประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ และประกวดแอโรบิกมวยไทย
    4. สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา แข่งขันกีฬากรีฑา และกีฬาเปตอง
    5. สนามกีฬากอล์ฟเสือปาร์ค (ค่ายสุรธรรมพิทักษ์) แข่งขันกีฬากอล์ฟ
    6. สนามกีฬากลางค่ายสุรนารี แข่งขันกีฬาเกทบอล
    7. สนามกีฬาไดร์กอล์ฟ บชร.๒ (ค่ายสุรนารี) แข่งขันกีฬาวู้ดบอล"
    .
    "ซึ่งสํานักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกับกรมพลศึกษา และเจ้าของสถานที่ และบุคลากรฝ่ายเทคนิคการแข่งขันฯ ไม่ว่าจะเป็นสมาคม ชมรมกีฬา คณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัย ผู้ทรงคุณวุฒิ ต่างๆ และเจ้าหน้าที่พลศึกษา ได้ประชุมหารือและตรวจความพร้อมสถานที่ในการจัดทำสนามแข่งขันฯเพื่อรองรับทัพ นักกีฬาที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันฯ เพื่อให้เกิดความพร้อมและมาตรฐานทั้งสนามและการจัดการแข่งขันฯ"
    .
    "สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้ตั้งกองประสานงานส่วนกลางอยู่ที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัลโคราช ชั้น 1 เพื่อประสานงานข้อมูลข่าวสารต่างๆ ในการแข่งขันฯ รวมไปถึงให้บริการข้อมูลในการจัดการ แข่งขันฯ สถานที่ท่องเที่ยว และตั้งศูนย์ประสานงานนักท่องเที่ยว ไว้บริการ รวมไปถึงประสานงานกับหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการแข่งขันฯ ในครั้งนี้"
    โคราชจัดแถลงข่าวความพร้อมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” . นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานแถลงข่าวเตรียมความพร้อมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” ร่วมกับ นายมงคล วิมลรัตน์ อธิบดีกรมพลศึกษา, นายวีระชาติ ทุ่งไผ่แหลม รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, นายแพทย์ชยพล สุขโต รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา, พ.ต.อ. อดิศร สุวรรณรักษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สาขาจังหวัดนครราชสีมา, ผู้บริหารห้างทั้ง 3 ห้าง แขกผู้มีเกียรติ, และบรรดานักกีฬาจังหวัดทั่วประเทศ . นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "ตามที่จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเกียรติจากกรมพลศึกษาให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาและ นันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 ซึ่งได้กำหนดจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 17 - 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ต้องขอขอบคุณท่านอธิบดีกรมพลศึกษาที่ได้ไว้วางในให้จังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ครับ ทราบว่านักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้มากที่สุดที่เคยทำการแข่งขันมาในทุกๆ ปี จำนวนกว่า 6,500 คน ยังไม่รวมผู้ติดตาม คณะกรรมการดำเนินการ และ คณะกรรมการตัดสินจากต่างจังหวัด กระผมคิดว่าจะมีผู้มาเยือนในจังหวัดไม่ต่ำกว่าหมื่นคน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้คิดหารือประชุมร่วมกันเพื่อเตรียมการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ ครับ คําขวัญ ของจังหวัดนครราชสีมา “เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน” จังหวัดนครราชสีมา เมืองประตูสู่อีสานดินแดนอารยธรรมขอมโบราณแห่งอีสานใต้ และจังหวัด นครราชสีมา ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นเมือง 3 มงกุฎของยูเนสโก ประกอบด้วย 1. มรดกโลกป่าดงพญาเย็น เขาใหญ่ 2. พื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช 3. โคราชจีโอพาร์ค พื้นที่ลุ่มน้ำลำตาคลอง ซึ่งมีภูมิประเทศเขาเควสตา (เขารูปอีโต้) และฟอสซิล 3 ยุค และล่าสุด จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลก “มหกรรมพืชสวนโลก” หรือ KORAT Expo 2029” . "จังหวัดนครราชสีมา ยังมีความโดดเด่นในด้านกีฬา ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาในหลาย รายการหลายรูปแบบตามบริบทของชนิดกีฬา ซึ่งการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ทราบว่า เป็นครั้งที่ 2 ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นเจ้าภาพ (เป็นเจ้าภาพครั้งที่ 7 เมื่อปี 2557) จากประสบการณ์ที่ผ่านมา คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้เล็งเห็นถึงการที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงอายุในครั้งนี้ ที่เข้ามาทำการแข่งขัน ซึ่งเป็นกลุ่มอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จึงได้คิดดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาที่แข่งขันฯ ในร่ม ให้จัดการแข่งขันขึ้นบนห้างชั้นนํา 3 ห้าง นั้นก็คือ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช / ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช และศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช ซึ่ง 3 ห้างนี้ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์จัดการแข่งขันกีฬาในระดับใหญ่ๆมาแล้วทั้งสิ้น อีกทั้งให้ความ อนุเคราะห์ร่วมมือกับงานของจังหวัดนครราชสีมา ด้วยดีเสมอมาตลอด จึงอยากให้ทุกท่านได้สัมผัสกับบรรยาการการ แข่งขันในห้าง และในฮอลล์ ของห้างทั้ง 3 ห้าง ที่มีความพร้อมทั้งห้องน้ำ อาหารการกิน ของฝากของที่ระลึก มีสินค้า มากมายให้ท่านได้เลือกซื้อเลือกชม สำหรับสนามที่ทำการแข่งขันกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นสนามกีฬา 80 พรรษาฯ สนามกีฬากอล์ฟเสือปาคร์ ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ สนามกีฬาไดร์กอล์ฟ บชร.๒ ค่ายสุรนารี และสนามกีฬากลาง ค่ายสุรนารี ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันได้ประชุมหารือเตรียมพร้อมการแข่งขันฯ ในครั้งนี้เป็นอย่างดี ซึ่งท่านท่องเที่ยวและกีฬาจะชี้แจงในรายละเอียดต่อไป และช่วงภาคบ่ายที่จะประชุมผู้ประสานงานทุกจังหวัด นอกจากนี้ การจัดการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้ ทางจังหวัดนครราชสีมา ยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณส่วนนึงจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ในพิธีเปิดปิด และการแข่งขันฯ รวมถึงความพร้อมด้านการแพทย์และพยาบาล ความปลอดภัยและการจราจร และแผนการท่องเที่ยว ซึ่งจังหวัดนครราชสีมา ได้รับความร่วมมือการมีส่วนร่วมทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมกับทางจังหวัดนครราชสีมา ในการจัดการแข่งขันฯ ครั้งนี้" . "จังหวัดนครราชสีมา พร้อมแล้วที่จะจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” ระหว่างวันที่ 17 – 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ขอเชิญ ชวนทุกท่านที่จะเดินทางมาจากต่างจังหวัด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา มาร่วมชม รวมเชียร์ และให้กำลังใจนักกีฬาผู้สูงอายุจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ แล้วพบกันครับ" . นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "ตามที่จังหวัดนครราชสีมา ได้มอบหมายให้สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา เป็นฝ่ายเลขานุการดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 17 - 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นรายการแข่งขันในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยจะทำการแข่งขันฯ ทั้งสิ้น 11 ชนิดกีฬา ได้แก่ 1) กรีฑา 2) กีฬากอล์ฟ 3) กีฬาเปตอง 4) กีฬาวู้ดบอล 5) กีฬาหมากรุกไทย 6) กีฬาตะกร้อวงเตะทน/กีฬาเซปักตะกร้อ 7) กีฬาแบดมินตัน 8) กีฬาลีลาศ 9) กีฬาเกทบอล 10) การประกวดแอโรบิกมวยไทย และ 11) การประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ โดยได้กำหนดสนามแข่งขันฯ 7 แห่ง ดังนี้ 1. ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช แข่งขันกีฬาตะกร้อวงเตะทน/กีฬาเซปักตะกร้อ 2. ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช แข่งขันกีฬาแบดมินตัน กีฬาหมากรุกไทย และกีฬาลีลาศ 3. ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช แข่งขันฯ ประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ และประกวดแอโรบิกมวยไทย 4. สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา แข่งขันกีฬากรีฑา และกีฬาเปตอง 5. สนามกีฬากอล์ฟเสือปาร์ค (ค่ายสุรธรรมพิทักษ์) แข่งขันกีฬากอล์ฟ 6. สนามกีฬากลางค่ายสุรนารี แข่งขันกีฬาเกทบอล 7. สนามกีฬาไดร์กอล์ฟ บชร.๒ (ค่ายสุรนารี) แข่งขันกีฬาวู้ดบอล" . "ซึ่งสํานักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกับกรมพลศึกษา และเจ้าของสถานที่ และบุคลากรฝ่ายเทคนิคการแข่งขันฯ ไม่ว่าจะเป็นสมาคม ชมรมกีฬา คณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัย ผู้ทรงคุณวุฒิ ต่างๆ และเจ้าหน้าที่พลศึกษา ได้ประชุมหารือและตรวจความพร้อมสถานที่ในการจัดทำสนามแข่งขันฯเพื่อรองรับทัพ นักกีฬาที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันฯ เพื่อให้เกิดความพร้อมและมาตรฐานทั้งสนามและการจัดการแข่งขันฯ" . "สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้ตั้งกองประสานงานส่วนกลางอยู่ที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัลโคราช ชั้น 1 เพื่อประสานงานข้อมูลข่าวสารต่างๆ ในการแข่งขันฯ รวมไปถึงให้บริการข้อมูลในการจัดการ แข่งขันฯ สถานที่ท่องเที่ยว และตั้งศูนย์ประสานงานนักท่องเที่ยว ไว้บริการ รวมไปถึงประสานงานกับหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการแข่งขันฯ ในครั้งนี้"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 775 มุมมอง 0 รีวิว
  • โคราชจัดแถลงข่าวความพร้อมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๑๗ ประจำปี ๒๕๖๘ “โคราชเกมส์”

    นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานแถลงข่าวเตรียมความพร้อมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” ร่วมกับ นายมงคล วิมลรัตน์ อธิบดีกรมพลศึกษา, นายวีระชาติ ทุ่งไผ่แหลม รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, นายแพทย์ชยพล สุขโต รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา, พ.ต.อ. อดิศร สุวรรณรักษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา,
    นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สาขาจังหวัดนครราชสีมา, นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา, ผู้บริหารห้างทั้ง 3 ห้าง แขกผู้มีเกียรติ, และบรรดานักกีฬาจังหวัดทั่วประเทศ
    .
    นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "ตามที่จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเกียรติจากกรมพลศึกษาให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาและ นันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 ซึ่งได้กำหนดจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 17 - 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ต้องขอขอบคุณท่านอธิบดีกรมพลศึกษาที่ได้ไว้วางในให้จังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ครับ ทราบว่านักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้มากที่สุดที่เคยทำการแข่งขันมาในทุกๆ ปี จำนวนกว่า 6,500 คน ยังไม่รวมผู้ติดตาม คณะกรรมการดำเนินการ และ คณะกรรมการตัดสินจากต่างจังหวัด กระผมคิดว่าจะมีผู้มาเยือนในจังหวัดไม่ต่ำกว่าหมื่นคน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้คิดหารือประชุมร่วมกันเพื่อเตรียมการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ ครับ คําขวัญ ของจังหวัดนครราชสีมา “เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน” จังหวัดนครราชสีมา เมืองประตูสู่อีสานดินแดนอารยธรรมขอมโบราณแห่งอีสานใต้ และจังหวัด นครราชสีมา ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นเมือง 3 มงกุฎของยูเนสโก ประกอบด้วย
    1. มรดกโลกป่าดงพญาเย็น เขาใหญ่
    2. พื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช
    3. โคราชจีโอพาร์ค พื้นที่ลุ่มน้ำลำตาคลอง ซึ่งมีภูมิประเทศเขาเควสตา (เขารูปอีโต้) และฟอสซิล 3 ยุค
    และล่าสุด จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลก “มหกรรมพืชสวนโลก” หรือ KORAT Expo 2029”
    .
    "จังหวัดนครราชสีมา ยังมีความโดดเด่นในด้านกีฬา ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาในหลาย รายการหลายรูปแบบตามบริบทของชนิดกีฬา ซึ่งการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ทราบว่า เป็นครั้งที่ 2 ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นเจ้าภาพ (เป็นเจ้าภาพครั้งที่ 7 เมื่อปี 2557) จากประสบการณ์ที่ผ่านมา คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้เล็งเห็นถึงการที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงอายุในครั้งนี้ ที่เข้ามาทำการแข่งขัน ซึ่งเป็นกลุ่มอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จึงได้คิดดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาที่แข่งขันฯ ในร่ม ให้จัดการแข่งขันขึ้นบนห้างชั้นนํา 3 ห้าง นั้นก็คือ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช / ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช และศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช ซึ่ง 3 ห้างนี้ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์จัดการแข่งขันกีฬาในระดับใหญ่ๆมาแล้วทั้งสิ้น อีกทั้งให้ความ อนุเคราะห์ร่วมมือกับงานของจังหวัดนครราชสีมา ด้วยดีเสมอมาตลอด จึงอยากให้ทุกท่านได้สัมผัสกับบรรยาการการ แข่งขันในห้าง และในฮอลล์ ของห้างทั้ง 3 ห้าง ที่มีความพร้อมทั้งห้องน้ำ อาหารการกิน ของฝากของที่ระลึก มีสินค้า มากมายให้ท่านได้เลือกซื้อเลือกชม สำหรับสนามที่ทำการแข่งขันกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นสนามกีฬา 80 พรรษาฯ สนามกีฬากอล์ฟเสือปาคร์ ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ สนามกีฬาไดร์กอล์ฟ บชร.๒ ค่ายสุรนารี และสนามกีฬากลาง ค่ายสุรนารี ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันได้ประชุมหารือเตรียมพร้อมการแข่งขันฯ ในครั้งนี้เป็นอย่างดี ซึ่งท่านท่องเที่ยวและกีฬาจะชี้แจงในรายละเอียดต่อไป และช่วงภาคบ่ายที่จะประชุมผู้ประสานงานทุกจังหวัด นอกจากนี้ การจัดการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้ ทางจังหวัดนครราชสีมา ยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณส่วนนึงจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ในพิธีเปิดปิด และการแข่งขันฯ รวมถึงความพร้อมด้านการแพทย์และพยาบาล ความปลอดภัยและการจราจร และแผนการท่องเที่ยว ซึ่งจังหวัดนครราชสีมา ได้รับความร่วมมือการมีส่วนร่วมทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมกับทางจังหวัดนครราชสีมา ในการจัดการแข่งขันฯ ครั้งนี้"
    .
    "จังหวัดนครราชสีมา พร้อมแล้วที่จะจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” ระหว่างวันที่ 17 – 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ขอเชิญ ชวนทุกท่านที่จะเดินทางมาจากต่างจังหวัด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา มาร่วมชม รวมเชียร์ และให้กำลังใจนักกีฬาผู้สูงอายุจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ แล้วพบกันครับ"
    .
    นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "ตามที่จังหวัดนครราชสีมา ได้มอบหมายให้สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา เป็นฝ่ายเลขานุการดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 17 - 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นรายการแข่งขันในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยจะทำการแข่งขันฯ ทั้งสิ้น 11 ชนิดกีฬา ได้แก่ 1) กรีฑา 2) กีฬากอล์ฟ 3) กีฬาเปตอง 4) กีฬาวู้ดบอล 5) กีฬาหมากรุกไทย 6) กีฬาตะกร้อวงเตะทน/กีฬาเซปักตะกร้อ 7) กีฬาแบดมินตัน 8) กีฬาลีลาศ 9) กีฬาเกทบอล 10) การประกวดแอโรบิกมวยไทย และ 11) การประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ โดยได้กำหนดสนามแข่งขันฯ 7 แห่ง ดังนี้
    1. ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช แข่งขันกีฬาตะกร้อวงเตะทน/กีฬาเซปักตะกร้อ
    2. ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช แข่งขันกีฬาแบดมินตัน กีฬาหมากรุกไทย และกีฬาลีลาศ
    3. ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช แข่งขันฯ ประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ และประกวดแอโรบิกมวยไทย
    4. สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา แข่งขันกีฬากรีฑา และกีฬาเปตอง
    5. สนามกีฬากอล์ฟเสือปาร์ค (ค่ายสุรธรรมพิทักษ์) แข่งขันกีฬากอล์ฟ
    6. สนามกีฬากลางค่ายสุรนารี แข่งขันกีฬาเกทบอล
    7. สนามกีฬาไดร์กอล์ฟ บชร.๒ (ค่ายสุรนารี) แข่งขันกีฬาวู้ดบอล"
    .
    "ซึ่งสํานักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกับกรมพลศึกษา และเจ้าของสถานที่ และบุคลากรฝ่ายเทคนิคการแข่งขันฯ ไม่ว่าจะเป็นสมาคม ชมรมกีฬา คณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัย ผู้ทรงคุณวุฒิ ต่างๆ และเจ้าหน้าที่พลศึกษา ได้ประชุมหารือและตรวจความพร้อมสถานที่ในการจัดทำสนามแข่งขันฯเพื่อรองรับทัพ นักกีฬาที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันฯ เพื่อให้เกิดความพร้อมและมาตรฐานทั้งสนามและการจัดการแข่งขันฯ"
    .
    "สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้ตั้งกองประสานงานส่วนกลางอยู่ที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัลโคราช ชั้น 1 เพื่อประสานงานข้อมูลข่าวสารต่างๆ ในการแข่งขันฯ รวมไปถึงให้บริการข้อมูลในการจัดการ แข่งขันฯ สถานที่ท่องเที่ยว และตั้งศูนย์ประสานงานนักท่องเที่ยว ไว้บริการ รวมไปถึงประสานงานกับหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการแข่งขันฯ ในครั้งนี้"
    โคราชจัดแถลงข่าวความพร้อมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ ๑๗ ประจำปี ๒๕๖๘ “โคราชเกมส์” นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานแถลงข่าวเตรียมความพร้อมการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” ร่วมกับ นายมงคล วิมลรัตน์ อธิบดีกรมพลศึกษา, นายวีระชาติ ทุ่งไผ่แหลม รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, นายแพทย์ชยพล สุขโต รองนายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดนครราชสีมา, พ.ต.อ. อดิศร สุวรรณรักษ์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา, นางรุ่งทิพย์ บุกขุนทด ผู้อำนวยการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สาขาจังหวัดนครราชสีมา, นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา, ผู้บริหารห้างทั้ง 3 ห้าง แขกผู้มีเกียรติ, และบรรดานักกีฬาจังหวัดทั่วประเทศ . นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "ตามที่จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเกียรติจากกรมพลศึกษาให้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาและ นันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 ซึ่งได้กำหนดจัดการแข่งขันระหว่างวันที่ 17 - 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ต้องขอขอบคุณท่านอธิบดีกรมพลศึกษาที่ได้ไว้วางในให้จังหวัดนครราชสีมา ได้เป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ครับ ทราบว่านักกีฬาและเจ้าหน้าที่ที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันในครั้งนี้มากที่สุดที่เคยทำการแข่งขันมาในทุกๆ ปี จำนวนกว่า 6,500 คน ยังไม่รวมผู้ติดตาม คณะกรรมการดำเนินการ และ คณะกรรมการตัดสินจากต่างจังหวัด กระผมคิดว่าจะมีผู้มาเยือนในจังหวัดไม่ต่ำกว่าหมื่นคน ซึ่งเป็นเรื่องใหญ่ที่ คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้คิดหารือประชุมร่วมกันเพื่อเตรียมการแข่งขันฯ ในครั้งนี้ ครับ คําขวัญ ของจังหวัดนครราชสีมา “เมืองหญิงกล้า ผ้าไหมดี หมี่โคราช ปราสาทหิน ดินด่านเกวียน” จังหวัดนครราชสีมา เมืองประตูสู่อีสานดินแดนอารยธรรมขอมโบราณแห่งอีสานใต้ และจังหวัด นครราชสีมา ได้รับการรับรองจากองค์การยูเนสโก ให้เป็นเมือง 3 มงกุฎของยูเนสโก ประกอบด้วย 1. มรดกโลกป่าดงพญาเย็น เขาใหญ่ 2. พื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช 3. โคราชจีโอพาร์ค พื้นที่ลุ่มน้ำลำตาคลอง ซึ่งมีภูมิประเทศเขาเควสตา (เขารูปอีโต้) และฟอสซิล 3 ยุค และล่าสุด จังหวัดนครราชสีมา ได้รับเลือกให้เป็นเจ้าภาพจัดงานพืชสวนโลก “มหกรรมพืชสวนโลก” หรือ KORAT Expo 2029” . "จังหวัดนครราชสีมา ยังมีความโดดเด่นในด้านกีฬา ซึ่งเป็นเจ้าภาพในการจัดการแข่งขันกีฬาในหลาย รายการหลายรูปแบบตามบริบทของชนิดกีฬา ซึ่งการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ทราบว่า เป็นครั้งที่ 2 ที่จังหวัดนครราชสีมา เป็นเจ้าภาพ (เป็นเจ้าภาพครั้งที่ 7 เมื่อปี 2557) จากประสบการณ์ที่ผ่านมา คณะกรรมการจัดการแข่งขันฯ ได้เล็งเห็นถึงการที่จะอำนวยความสะดวกให้กับผู้สูงอายุในครั้งนี้ ที่เข้ามาทำการแข่งขัน ซึ่งเป็นกลุ่มอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป จึงได้คิดดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาที่แข่งขันฯ ในร่ม ให้จัดการแข่งขันขึ้นบนห้างชั้นนํา 3 ห้าง นั้นก็คือ ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช / ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช และศูนย์การค้าเซ็นทรัล โคราช ซึ่ง 3 ห้างนี้ล้วนแล้วแต่มีประสบการณ์จัดการแข่งขันกีฬาในระดับใหญ่ๆมาแล้วทั้งสิ้น อีกทั้งให้ความ อนุเคราะห์ร่วมมือกับงานของจังหวัดนครราชสีมา ด้วยดีเสมอมาตลอด จึงอยากให้ทุกท่านได้สัมผัสกับบรรยาการการ แข่งขันในห้าง และในฮอลล์ ของห้างทั้ง 3 ห้าง ที่มีความพร้อมทั้งห้องน้ำ อาหารการกิน ของฝากของที่ระลึก มีสินค้า มากมายให้ท่านได้เลือกซื้อเลือกชม สำหรับสนามที่ทำการแข่งขันกลางแจ้ง ไม่ว่าจะเป็นสนามกีฬา 80 พรรษาฯ สนามกีฬากอล์ฟเสือปาคร์ ค่ายสุรธรรมพิทักษ์ สนามกีฬาไดร์กอล์ฟ บชร.๒ ค่ายสุรนารี และสนามกีฬากลาง ค่ายสุรนารี ทางคณะกรรมการจัดการแข่งขันได้ประชุมหารือเตรียมพร้อมการแข่งขันฯ ในครั้งนี้เป็นอย่างดี ซึ่งท่านท่องเที่ยวและกีฬาจะชี้แจงในรายละเอียดต่อไป และช่วงภาคบ่ายที่จะประชุมผู้ประสานงานทุกจังหวัด นอกจากนี้ การจัดการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้ ทางจังหวัดนครราชสีมา ยังได้รับการสนับสนุนงบประมาณส่วนนึงจาก องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ในพิธีเปิดปิด และการแข่งขันฯ รวมถึงความพร้อมด้านการแพทย์และพยาบาล ความปลอดภัยและการจราจร และแผนการท่องเที่ยว ซึ่งจังหวัดนครราชสีมา ได้รับความร่วมมือการมีส่วนร่วมทั้ง ภาครัฐ ภาคเอกชน ร่วมกับทางจังหวัดนครราชสีมา ในการจัดการแข่งขันฯ ครั้งนี้" . "จังหวัดนครราชสีมา พร้อมแล้วที่จะจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17ประจำปี 2568 “โคราชเกมส์” ระหว่างวันที่ 17 – 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ขอเชิญ ชวนทุกท่านที่จะเดินทางมาจากต่างจังหวัด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งพี่น้องชาวจังหวัดนครราชสีมา มาร่วมชม รวมเชียร์ และให้กำลังใจนักกีฬาผู้สูงอายุจากทุกจังหวัดทั่วประเทศ แล้วพบกันครับ" . นายชนม์บันลือ วรรธนพันธุ์ ท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา กล่าวว่า "ตามที่จังหวัดนครราชสีมา ได้มอบหมายให้สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา เป็นฝ่ายเลขานุการดำเนินการจัดการแข่งขันกีฬาและนันทนาการผู้สูงอายุแห่งประเทศไทย ครั้งที่ 17 ประจำปี 2568 ระหว่างวันที่ 17 - 21 มิถุนายน 2568 ณ จังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเป็นรายการแข่งขันในกลุ่มอายุ 60 ปีขึ้นไป โดยจะทำการแข่งขันฯ ทั้งสิ้น 11 ชนิดกีฬา ได้แก่ 1) กรีฑา 2) กีฬากอล์ฟ 3) กีฬาเปตอง 4) กีฬาวู้ดบอล 5) กีฬาหมากรุกไทย 6) กีฬาตะกร้อวงเตะทน/กีฬาเซปักตะกร้อ 7) กีฬาแบดมินตัน 8) กีฬาลีลาศ 9) กีฬาเกทบอล 10) การประกวดแอโรบิกมวยไทย และ 11) การประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ โดยได้กำหนดสนามแข่งขันฯ 7 แห่ง ดังนี้ 1. ศูนย์การค้าเทอร์มินอล 21 โคราช แข่งขันกีฬาตะกร้อวงเตะทน/กีฬาเซปักตะกร้อ 2. ห้างสรรพสินค้าเดอะมอลล์โคราช แข่งขันกีฬาแบดมินตัน กีฬาหมากรุกไทย และกีฬาลีลาศ 3. ศูนย์การค้าเซ็นทรัลโคราช แข่งขันฯ ประกวดร้องเพลงคาราโอเกะ และประกวดแอโรบิกมวยไทย 4. สนามกีฬาเฉลิมพระเกียรติ ๘๐ พรรษา แข่งขันกีฬากรีฑา และกีฬาเปตอง 5. สนามกีฬากอล์ฟเสือปาร์ค (ค่ายสุรธรรมพิทักษ์) แข่งขันกีฬากอล์ฟ 6. สนามกีฬากลางค่ายสุรนารี แข่งขันกีฬาเกทบอล 7. สนามกีฬาไดร์กอล์ฟ บชร.๒ (ค่ายสุรนารี) แข่งขันกีฬาวู้ดบอล" . "ซึ่งสํานักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้ร่วมกับกรมพลศึกษา และเจ้าของสถานที่ และบุคลากรฝ่ายเทคนิคการแข่งขันฯ ไม่ว่าจะเป็นสมาคม ชมรมกีฬา คณะอาจารย์จากมหาวิทยาลัย ผู้ทรงคุณวุฒิ ต่างๆ และเจ้าหน้าที่พลศึกษา ได้ประชุมหารือและตรวจความพร้อมสถานที่ในการจัดทำสนามแข่งขันฯเพื่อรองรับทัพ นักกีฬาที่จะเดินทางมาเข้าร่วมการแข่งขันฯ เพื่อให้เกิดความพร้อมและมาตรฐานทั้งสนามและการจัดการแข่งขันฯ" . "สำนักงานการท่องเที่ยวและกีฬาจังหวัดนครราชสีมา ได้ตั้งกองประสานงานส่วนกลางอยู่ที่ศูนย์การค้า เซ็นทรัลโคราช ชั้น 1 เพื่อประสานงานข้อมูลข่าวสารต่างๆ ในการแข่งขันฯ รวมไปถึงให้บริการข้อมูลในการจัดการ แข่งขันฯ สถานที่ท่องเที่ยว และตั้งศูนย์ประสานงานนักท่องเที่ยว ไว้บริการ รวมไปถึงประสานงานกับหน่วยงานทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับการจัดการแข่งขันฯ ในครั้งนี้"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 770 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.119 : สัญญาณอันตราย “ท่องเที่ยวไทย” กำลังแพ้ “เวียดนาม” ?
    .
    การท่องเที่ยวของประเทศไทยเรา กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเมืองไทยลดลงถึง 17% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จนทำให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ต้องปรับลดเป้าหมาย รายได้รวมจากการท่องเที่ยวในปีนี้เหลือ 3 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2 ล้านล้านบาท นักท่องเที่ยวคนไทย 1 ล้านล้านบาท ลดลงจากเป้าหมายเดิมที่เคยตั้งไว้ที่ 3.5 ล้านล้านบาท
    .
    หลายคนอาจจะมองว่า สาเหตุที่ “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” ลดลง เป็นเพราะบรรยากาศทางเศรษฐกิจ ที่มีแนวโน้มไม่ดีนักจาก “สงครามการค้า” ทำให้ผู้คนระมัดระวังในการใช้จ่าย ซึ่งก็เป็นความจริงแค่เพียงส่วนจึงเท่านั้นครับ เพราะว่าขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาบ้านเราลดน้อยอย่างมากนั้น แต่ประเทศอื่น ๆ กลับมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยประเทศที่กำลังเป็นดาวรุ่งก็คือ เพื่อนบ้านอาเซียนของเราอย่าง “ประเทศเวียดนาม” ...
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=ELYWSJ8Qegs
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #การท่องเที่ยวไทย #การท่องเที่ยวเวียดนาม #เวียดนาม
    บูรพาไม่แพ้ Ep.119 : สัญญาณอันตราย “ท่องเที่ยวไทย” กำลังแพ้ “เวียดนาม” ? . การท่องเที่ยวของประเทศไทยเรา กำลังเผชิญกับความท้าทายครั้งสำคัญ จากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ไม่เป็นไปตามเป้าหมาย โดยนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาเมืองไทยลดลงถึง 17% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว จนทำให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ต้องปรับลดเป้าหมาย รายได้รวมจากการท่องเที่ยวในปีนี้เหลือ 3 ล้านล้านบาท แบ่งเป็นรายได้จากนักท่องเที่ยวต่างชาติ 2 ล้านล้านบาท นักท่องเที่ยวคนไทย 1 ล้านล้านบาท ลดลงจากเป้าหมายเดิมที่เคยตั้งไว้ที่ 3.5 ล้านล้านบาท . หลายคนอาจจะมองว่า สาเหตุที่ “นักท่องเที่ยวต่างชาติ” ลดลง เป็นเพราะบรรยากาศทางเศรษฐกิจ ที่มีแนวโน้มไม่ดีนักจาก “สงครามการค้า” ทำให้ผู้คนระมัดระวังในการใช้จ่าย ซึ่งก็เป็นความจริงแค่เพียงส่วนจึงเท่านั้นครับ เพราะว่าขณะที่นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาบ้านเราลดน้อยอย่างมากนั้น แต่ประเทศอื่น ๆ กลับมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยประเทศที่กำลังเป็นดาวรุ่งก็คือ เพื่อนบ้านอาเซียนของเราอย่าง “ประเทศเวียดนาม” ... . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=ELYWSJ8Qegs . #บูรพาไม่แพ้ #การท่องเที่ยวไทย #การท่องเที่ยวเวียดนาม #เวียดนาม
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 633 มุมมอง 0 รีวิว
  • เป็นข่าวที่ค่อนข้างเงียบฉี่ในไทยนะครับ

    มีความร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TAT) และ Baidu ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากจีน เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนในการเยี่ยมชมประเทศไทย ความร่วมมือนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดข่าวการลักพาตัวนักแสดงชาวจีนที่แพร่กระจายไวรัล

    การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงกับ Beijing Baidu Netcom Science Technology Co. โดยจะใช้การตลาดดิจิทัล ข้อมูลการท่องเที่ยวที่ขับเคลื่อนด้วย AI และเนื้อหาที่ปรับแต่งมาเฉพาะเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้เป็นจุดหมายการท่องเที่ยวที่ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน

    เรื่องที่น่าสนใจคือ เทคโนโลยี AI ที่ Baidu ใช้จะช่วยปรับปรุงประสบการณ์การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวจีนในประเทศไทยได้อย่างไร การใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลการท่องเที่ยวจะช่วยให้สามารถให้คำแนะนำและบริการที่เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวแต่ละคนได้

    การที่ประเทศไทยมุ่งเน้นการสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจสูง การสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและส่งเสริมเศรษฐกิจไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/28/thailand-taps-baidu-to-ease-chinese-tourists-safety-worries
    เป็นข่าวที่ค่อนข้างเงียบฉี่ในไทยนะครับ มีความร่วมมือระหว่างการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (TAT) และ Baidu ซึ่งเป็นบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่จากจีน เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับนักท่องเที่ยวชาวจีนในการเยี่ยมชมประเทศไทย ความร่วมมือนี้เกิดขึ้นหลังจากเกิดข่าวการลักพาตัวนักแสดงชาวจีนที่แพร่กระจายไวรัล การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยได้ลงนามหนังสือแสดงเจตจำนงกับ Beijing Baidu Netcom Science Technology Co. โดยจะใช้การตลาดดิจิทัล ข้อมูลการท่องเที่ยวที่ขับเคลื่อนด้วย AI และเนื้อหาที่ปรับแต่งมาเฉพาะเพื่อเสริมสร้างภาพลักษณ์ของประเทศไทยให้เป็นจุดหมายการท่องเที่ยวที่ปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน เรื่องที่น่าสนใจคือ เทคโนโลยี AI ที่ Baidu ใช้จะช่วยปรับปรุงประสบการณ์การท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวจีนในประเทศไทยได้อย่างไร การใช้ AI ในการวิเคราะห์ข้อมูลการท่องเที่ยวจะช่วยให้สามารถให้คำแนะนำและบริการที่เหมาะสมกับนักท่องเที่ยวแต่ละคนได้ การที่ประเทศไทยมุ่งเน้นการสร้างความมั่นใจในความปลอดภัยสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นสิ่งที่สำคัญ เนื่องจากนักท่องเที่ยวชาวจีนเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีอิทธิพลทางเศรษฐกิจสูง การสร้างความเชื่อมั่นในความปลอดภัยจะช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยวและส่งเสริมเศรษฐกิจไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/28/thailand-taps-baidu-to-ease-chinese-tourists-safety-worries
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Thailand taps Baidu to ease Chinese tourists' safety worries
    Thailand's tourism authority is partnering with a unit of China's search engine giant Baidu Inc to enhance the nation's image as a safe travel destination and calm tourists unnerved over viral news about an alleged kidnapping of a Chinese actor.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 486 มุมมอง 0 รีวิว
  • รื้อฟื้น ตม.6 ออนไลน์ ต่างชาติเข้าไทยต้องกรอก

    ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2568 เป็นต้นไป ชาวต่างชาติทุกคนที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย จะต้องกรอกแบบฟอร์มที่เรียกว่า TM6 หรือ ตม.6 ผ่านช่องทางออนไลน์ก่อนเข้าประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมประชาสัมพันธ์ขั้นตอนดังกล่าว หลังการขยายเวลายกเว้นการยื่นแบบ ตม. 6 ที่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นการชั่วคราวทั้งด่านทางบกและทางน้ำ รวม 16 ด่าน จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เม.ย. 2568 ที่จะถึงนี้

    แบบฟอร์ม ตม.6 (TM6) คือแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบและติดตามคนต่างด้าว และรักษาความมั่นคงของประเทศ ที่ผ่านมาคนไทยได้รับการยกเว้นไม่ต้องกรอกบัตรขาออกและบัตรขาเข้า มาตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2560 ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อแก้ปัญหาคอขวด ลดความล่าช้าในการเข้าออกเมือง เพราะข้อมูลคนไทยตรวจสอบได้จากทะเบียนราษฎรอยู่แล้ว

    กระทั่งกระทรวงมหาดไทยได้ยกเว้นการยื่นแบบ ตม.6 สำหรับชาวต่างชาติมาตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. 2565 โดยเริ่มจากทางอากาศก่อน ต่อมาวันที่ 1 พ.ย. 2566 ได้ยกเว้นที่ด่านพรมแดนสะเดา จ.สงขลา ซึ่งตรงกับช่วงฤดูการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย กระทั่งวันที่ 15 เม.ย. 2567 ขยายเพิ่มอีก 12 จุดทั้งทางบกและทางน้ำ เฉพาะที่เดินทางมากับเรือสำราญและกีฬา (เรือยอร์ช) และปัจจุบันขยายเวลาถึงวันที่ 30 เม.ย. 2568 ได้แก่ ด่านทางบก 8 ด่าน และด่านทางน้ำ 8 ด่าน

    น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ว่า แบบฟอร์ม ตม.6 ออนไลน์ จะช่วยติดตามนักท่องเที่ยวขณะอยู่ในประเทศไทย เพิ่มความมั่นใจต่อความปลอดภัย ซึ่งในวันที่ 31 ม.ค. จะประชุมร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สายการบิน โรงแรม และบริษัทนำเที่ยว เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมและช่วยประชาสัมพันธ์ขั้นตอนดังกล่าวให้ชาวต่างชาติทราบอีกด้วย

    อนึ่ง บางประเทศในภูมิภาคอาเซียน มีมาตรการให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่กรอกแบบฟอร์มขาเข้าดิจิทัลก่อนเข้าประเทศ เช่น SG Arrival Card (SGAC) ของสิงคโปร์, eTravel ของฟิลิปปินส์, E-Arrival Card ของบรูไน, Malaysia Digital Arrival Card (MDAC) ของมาเลเซีย และ Cambodia e-Arrival ของกัมพูชา (เฉพาะสนามบินพนมเปญและเสียมราฐ) ส่วนอินโดนีเซียกรอกแบบฟอร์มสำแดงต่อศุลกากร Indonesian Customs Declaration (e-CD) และใบอนุญาตสุขภาพ SATUSEHAT (SSHP) ขณะที่เวียดนาม ลาว และเมียนมา ยังคงใช้แบบฟอร์มบัตรขาเข้าเมืองกระดาษ

    #Newskit
    -----
    ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    รื้อฟื้น ตม.6 ออนไลน์ ต่างชาติเข้าไทยต้องกรอก ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. 2568 เป็นต้นไป ชาวต่างชาติทุกคนที่เดินทางเข้ามายังประเทศไทย จะต้องกรอกแบบฟอร์มที่เรียกว่า TM6 หรือ ตม.6 ผ่านช่องทางออนไลน์ก่อนเข้าประเทศไทย ซึ่งกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเตรียมประชาสัมพันธ์ขั้นตอนดังกล่าว หลังการขยายเวลายกเว้นการยื่นแบบ ตม. 6 ที่บริเวณด่านตรวจคนเข้าเมืองเป็นการชั่วคราวทั้งด่านทางบกและทางน้ำ รวม 16 ด่าน จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 เม.ย. 2568 ที่จะถึงนี้ แบบฟอร์ม ตม.6 (TM6) คือแบบรายการของคนต่างด้าวซึ่งเดินทางเข้ามาในหรือออกไปนอกราชอาณาจักร โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบและติดตามคนต่างด้าว และรักษาความมั่นคงของประเทศ ที่ผ่านมาคนไทยได้รับการยกเว้นไม่ต้องกรอกบัตรขาออกและบัตรขาเข้า มาตั้งแต่วันที่ 16 ก.ย. 2560 ตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เพื่อแก้ปัญหาคอขวด ลดความล่าช้าในการเข้าออกเมือง เพราะข้อมูลคนไทยตรวจสอบได้จากทะเบียนราษฎรอยู่แล้ว กระทั่งกระทรวงมหาดไทยได้ยกเว้นการยื่นแบบ ตม.6 สำหรับชาวต่างชาติมาตั้งแต่วันที่ 2 ก.ค. 2565 โดยเริ่มจากทางอากาศก่อน ต่อมาวันที่ 1 พ.ย. 2566 ได้ยกเว้นที่ด่านพรมแดนสะเดา จ.สงขลา ซึ่งตรงกับช่วงฤดูการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย กระทั่งวันที่ 15 เม.ย. 2567 ขยายเพิ่มอีก 12 จุดทั้งทางบกและทางน้ำ เฉพาะที่เดินทางมากับเรือสำราญและกีฬา (เรือยอร์ช) และปัจจุบันขยายเวลาถึงวันที่ 30 เม.ย. 2568 ได้แก่ ด่านทางบก 8 ด่าน และด่านทางน้ำ 8 ด่าน น.ส.นัทรียา ทวีวงศ์ ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เปิดเผยกับหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ว่า แบบฟอร์ม ตม.6 ออนไลน์ จะช่วยติดตามนักท่องเที่ยวขณะอยู่ในประเทศไทย เพิ่มความมั่นใจต่อความปลอดภัย ซึ่งในวันที่ 31 ม.ค. จะประชุมร่วมกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงการต่างประเทศ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สายการบิน โรงแรม และบริษัทนำเที่ยว เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมและช่วยประชาสัมพันธ์ขั้นตอนดังกล่าวให้ชาวต่างชาติทราบอีกด้วย อนึ่ง บางประเทศในภูมิภาคอาเซียน มีมาตรการให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่กรอกแบบฟอร์มขาเข้าดิจิทัลก่อนเข้าประเทศ เช่น SG Arrival Card (SGAC) ของสิงคโปร์, eTravel ของฟิลิปปินส์, E-Arrival Card ของบรูไน, Malaysia Digital Arrival Card (MDAC) ของมาเลเซีย และ Cambodia e-Arrival ของกัมพูชา (เฉพาะสนามบินพนมเปญและเสียมราฐ) ส่วนอินโดนีเซียกรอกแบบฟอร์มสำแดงต่อศุลกากร Indonesian Customs Declaration (e-CD) และใบอนุญาตสุขภาพ SATUSEHAT (SSHP) ขณะที่เวียดนาม ลาว และเมียนมา ยังคงใช้แบบฟอร์มบัตรขาเข้าเมืองกระดาษ #Newskit ----- ลุ้นรับฟรี บัตร Touch 'n Go มาเลเซีย สำหรับผู้อ่าน Newskit บน Thaitimes ร่วมสนุกได้ถึงวันที่ 31 ม.ค. 2568 คลิก >>> https://forms.gle/sCSp9i1Ub9KDjYZg9
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1141 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่องเที่ยวไทยป่นปี้พินาศ จีนหวั่นไม่ปลอดภัย จนท.รัฐเอื้อจีนเทา+อุ๊งอิ๊งค์ปัดสวะข่าวปลอม
    .
    จากกรณีของ นายหวัง ซิง หรือที่เรียกว่า ซิงซิง ดาราจีนที่ถูกหลอกลวง กักขัง โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพม่า ต่อมาได้รับการช่วยเหลือจากฝ่ายไทยเมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา ท่านผู้ชมรู้ไหม แทนที่ประเทศไทยจะเป็นฮีโร่ที่ช่วยเหลือเหยื่อได้อย่างรวดเร็ว กลับกลายเป็นกระแสคนจีนหวาดกลัวประเทศไทยไปแล้ว คนจีนยกเลิกทัวร์ช่วงตรุษจีนอย่างมากมาย คนจีนจำนวนมากเชื่อแล้วว่าเจ้าหน้าที่ไทยหลับตาข้างนึงสมคบกับจีนเทา
    .
    นักท่องเที่ยวจีนพากันยกเลิกตั๋วเครื่องบินและแผนการมาเที่ยวไทยคิดเป็นสัดส่วนอย่างน้อยเกือบๆ 30% ของยอดจอง ประเมินว่าประเทศไทยจะสูญเสียรายได้ถึง 5,000 ล้านบาท ยอดการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวไทยในแพลตฟอร์มของจีนลดลงมากกว่า 40%
    .
    แม้ว่านางฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะพยายามแก้ไขสถานการณ์ด้วยการออกจดหมายภาษาจีนเผยแพร่ไปในสื่อสังคมออนไลน์จีนเมื่อวันเสาร์11ม.ค. โดยใช้วาทะยอดนิยม ไม่เคยเบื่อที่จะใช้ ว่า "จีน-ไทย ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน" แต่ว่าคนจีนเห็นว่า ในแต่ละปีชาวจีนหลายหมื่นคนถูกล่อลวงโดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีต้นทาง โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน
    .
    ขณะที่อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร ก็ยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับชาวบ้านเขา ไม่เข้าใจปัญหาเชิงระบบ มิหนำซ้ำยังทะลึ่งออกมาบอกว่าเป็นความเข้าใจผิด ข่าวปลอม คือไม่รู้เลยว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ปัดสวะบอกว่าเป็นข่าวปลอม
    .
    คุณอุ๊งอิ๊งค์ครับ เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเรื่องความเข้าใจผิดหรือข่าวปลอมแต่อย่างใด เพราะเป็นปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทุนจีนสีเทาที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน และเป็นฐานในการหลอกลวงพวกเดียวกันเอง รวมทั้งคนไทย ชาติไทย ชาติอื่น ประเทศไทยถูกมองว่าเป็นเส้นทางการค้ามนุษย์ของขบวนการหลอกลวง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง คุณอุ๊งอิ๊งค์ นี่เป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างจริงจัง เป็นระบบ ผมเห็นใจท่าน สงสารท่าน และสมนำหน้าท่านด้วย พูดอะไรไม่คิดเลย ถ้าท่านบอกว่าท่านจะลงไปแก้ไขที่ระบบพวกนี้ ยังน่าฟังหน่อย ท่านพูดลอยๆ อีก 6 เดือน จบแน่นอน คอลเซ็นเตอร์
    .
    แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านล้วนใช้อินเทอร์เน็ต ไฟฟ้า เส้นทางการเงินจากประเทศไทย การปัดสวะให้พ้นตัว อ้างว่าจีนหลอกจีน เหมือนเหตุเรือล่มที่ภูเก็ตเมื่อปี 2561ที่พล.อ.ประวิตร ต้องออกมาขอโทษในที่สุด
    .
    ประชาชนชาวจีนยังโยงข่าวที่ประชุม ครม. อนุมัติร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจบันเทิงครบวงจร หรือที่เรียกว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ รวมทั้งนายกฯ ตัวจริง ทักษิณ ชินวัตร คุยโวโอ้อวดว่าจะทำให้การท่องเที่ยวเจริญเติบโตมาก และ GDP จะสูงมาก แต่ชาวจีนกลับวิจารณ์ว่า มีบ่อนการพนันถูกกฎหมายจะยิ่งทำให้ประเทศไทยน่ากลัวมากขึ้น
    .
    คุณอุ๊งอิ๊งค์ครับ คุณภูมิธรรมครับ และท่านนายกฯ ตัวจริงครับ ทักษิณ ชินวัตร ท่านหยุดบ้าบอคอแตกเรื่องเกี่ยวกับเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์สักพักได้มั้ย ท่านมาสัมผัสความเป็นจริงหน่อย รัฐบาลไทยต้องคุยกับจีน พม่า กองกำลังกะเหรี่ยงที่คุมแถวเมียวดี แม่สอด ฉ่วยก๊กโก ว่าจะปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินต่อไปอย่างนี้ไม่ได้ เพราะประเทศไทยได้รับความเสียหาย เสียชื่อ
    .
    สรุป ประเทศไทยไม่สามารถจะปัดความรับผิดชอบได้ว่าขบวนการอาชญากรรมอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ได้อยู่ในบ้านเรา เพราะว่าประเทศไทยและคนไทยก็รับเคราะห์เช่นเดียวกัน การตัดรากถอนโคนปัญหา ถึงจะเป็นการกอบกู้ชื่อเสียงให้คนไทยได้ดีที่สุด และปกป้องคนไทยเองด้วย
    .
    เวลาคนจีนนั่งเครื่องมาไทยต้องได้รับการแจกใบปลิว 2-3 หน้า ให้ความรู้เรื่องขบวนการจีนเทาหลอกว่าจะได้เงิน อย่าไปเชื่อ เพราะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนไม่ค่อยดีเหมือนแต่ก่อน ทำให้คนมีความหวัง มาขุดทองในภูมิภาคนี้มาก แต่หลายคนกลับเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์
    .
    ตำรวจ และ ตม. ต้องจัดการจีนเทาเด็ดขาด จีนเทาอยู่ได้ในประเทศไทยเพราะตำรวจ พวกที่ซื้อบ้านแถวนั้นรอรับแขกแถวชายแดน พวกตำรวจภูธรภาค 6 กับพวกผู้กำกับแม่สอด นั่นล่ะตัวดี
    ท่องเที่ยวไทยป่นปี้พินาศ จีนหวั่นไม่ปลอดภัย จนท.รัฐเอื้อจีนเทา+อุ๊งอิ๊งค์ปัดสวะข่าวปลอม . จากกรณีของ นายหวัง ซิง หรือที่เรียกว่า ซิงซิง ดาราจีนที่ถูกหลอกลวง กักขัง โดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในพม่า ต่อมาได้รับการช่วยเหลือจากฝ่ายไทยเมื่อวันที่ 5 มกราคมที่ผ่านมา ท่านผู้ชมรู้ไหม แทนที่ประเทศไทยจะเป็นฮีโร่ที่ช่วยเหลือเหยื่อได้อย่างรวดเร็ว กลับกลายเป็นกระแสคนจีนหวาดกลัวประเทศไทยไปแล้ว คนจีนยกเลิกทัวร์ช่วงตรุษจีนอย่างมากมาย คนจีนจำนวนมากเชื่อแล้วว่าเจ้าหน้าที่ไทยหลับตาข้างนึงสมคบกับจีนเทา . นักท่องเที่ยวจีนพากันยกเลิกตั๋วเครื่องบินและแผนการมาเที่ยวไทยคิดเป็นสัดส่วนอย่างน้อยเกือบๆ 30% ของยอดจอง ประเมินว่าประเทศไทยจะสูญเสียรายได้ถึง 5,000 ล้านบาท ยอดการค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับการท่องเที่ยวไทยในแพลตฟอร์มของจีนลดลงมากกว่า 40% . แม้ว่านางฐาปนีย์ เกียรติไพบูลย์ ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย จะพยายามแก้ไขสถานการณ์ด้วยการออกจดหมายภาษาจีนเผยแพร่ไปในสื่อสังคมออนไลน์จีนเมื่อวันเสาร์11ม.ค. โดยใช้วาทะยอดนิยม ไม่เคยเบื่อที่จะใช้ ว่า "จีน-ไทย ใช่อื่นไกล พี่น้องกัน" แต่ว่าคนจีนเห็นว่า ในแต่ละปีชาวจีนหลายหมื่นคนถูกล่อลวงโดยแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีต้นทาง โดยใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน . ขณะที่อุ๊งอิ๊งค์ แพทองธาร ชินวัตร ก็ยังคงไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรกับชาวบ้านเขา ไม่เข้าใจปัญหาเชิงระบบ มิหนำซ้ำยังทะลึ่งออกมาบอกว่าเป็นความเข้าใจผิด ข่าวปลอม คือไม่รู้เลยว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ปัดสวะบอกว่าเป็นข่าวปลอม . คุณอุ๊งอิ๊งค์ครับ เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาเรื่องความเข้าใจผิดหรือข่าวปลอมแต่อย่างใด เพราะเป็นปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ทุนจีนสีเทาที่ใช้ประเทศไทยเป็นทางผ่าน และเป็นฐานในการหลอกลวงพวกเดียวกันเอง รวมทั้งคนไทย ชาติไทย ชาติอื่น ประเทศไทยถูกมองว่าเป็นเส้นทางการค้ามนุษย์ของขบวนการหลอกลวง เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นจริง คุณอุ๊งอิ๊งค์ นี่เป็นปัญหาที่ต้องแก้ไขอย่างจริงจัง เป็นระบบ ผมเห็นใจท่าน สงสารท่าน และสมนำหน้าท่านด้วย พูดอะไรไม่คิดเลย ถ้าท่านบอกว่าท่านจะลงไปแก้ไขที่ระบบพวกนี้ ยังน่าฟังหน่อย ท่านพูดลอยๆ อีก 6 เดือน จบแน่นอน คอลเซ็นเตอร์ . แก๊งคอลเซ็นเตอร์ในประเทศเพื่อนบ้านล้วนใช้อินเทอร์เน็ต ไฟฟ้า เส้นทางการเงินจากประเทศไทย การปัดสวะให้พ้นตัว อ้างว่าจีนหลอกจีน เหมือนเหตุเรือล่มที่ภูเก็ตเมื่อปี 2561ที่พล.อ.ประวิตร ต้องออกมาขอโทษในที่สุด . ประชาชนชาวจีนยังโยงข่าวที่ประชุม ครม. อนุมัติร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจบันเทิงครบวงจร หรือที่เรียกว่า เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ โดยนายกฯ อุ๊งอิ๊งค์ รวมทั้งนายกฯ ตัวจริง ทักษิณ ชินวัตร คุยโวโอ้อวดว่าจะทำให้การท่องเที่ยวเจริญเติบโตมาก และ GDP จะสูงมาก แต่ชาวจีนกลับวิจารณ์ว่า มีบ่อนการพนันถูกกฎหมายจะยิ่งทำให้ประเทศไทยน่ากลัวมากขึ้น . คุณอุ๊งอิ๊งค์ครับ คุณภูมิธรรมครับ และท่านนายกฯ ตัวจริงครับ ทักษิณ ชินวัตร ท่านหยุดบ้าบอคอแตกเรื่องเกี่ยวกับเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์สักพักได้มั้ย ท่านมาสัมผัสความเป็นจริงหน่อย รัฐบาลไทยต้องคุยกับจีน พม่า กองกำลังกะเหรี่ยงที่คุมแถวเมียวดี แม่สอด ฉ่วยก๊กโก ว่าจะปล่อยให้เหตุการณ์ดำเนินต่อไปอย่างนี้ไม่ได้ เพราะประเทศไทยได้รับความเสียหาย เสียชื่อ . สรุป ประเทศไทยไม่สามารถจะปัดความรับผิดชอบได้ว่าขบวนการอาชญากรรมอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ไม่ได้อยู่ในบ้านเรา เพราะว่าประเทศไทยและคนไทยก็รับเคราะห์เช่นเดียวกัน การตัดรากถอนโคนปัญหา ถึงจะเป็นการกอบกู้ชื่อเสียงให้คนไทยได้ดีที่สุด และปกป้องคนไทยเองด้วย . เวลาคนจีนนั่งเครื่องมาไทยต้องได้รับการแจกใบปลิว 2-3 หน้า ให้ความรู้เรื่องขบวนการจีนเทาหลอกว่าจะได้เงิน อย่าไปเชื่อ เพราะในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจจีนไม่ค่อยดีเหมือนแต่ก่อน ทำให้คนมีความหวัง มาขุดทองในภูมิภาคนี้มาก แต่หลายคนกลับเป็นเหยื่อของแก๊งคอลเซ็นเตอร์ . ตำรวจ และ ตม. ต้องจัดการจีนเทาเด็ดขาด จีนเทาอยู่ได้ในประเทศไทยเพราะตำรวจ พวกที่ซื้อบ้านแถวนั้นรอรับแขกแถวชายแดน พวกตำรวจภูธรภาค 6 กับพวกผู้กำกับแม่สอด นั่นล่ะตัวดี
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1560 มุมมอง 0 รีวิว
  • มอเตอร์เวย์กาญจนบุรี ทำติดท็อปไฟว์เคานต์ดาวน์

    ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 น่าสนใจกับชุดข้อมูลการเคลื่อนที่ของประชากรจากโทรศัพท์มือถือ (Mobility Data) ของสองค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ เอไอเอส และทรู-ดีแทค เปิดเผยจังหวัดที่นักท่องเที่ยวเดินทางช่วงปีใหม่ และใช้งานข้อมูลมือถือ (Data) สูงสุด หากไม่นับกรุงเทพฯ พบว่ามี 3 จังหวัดที่มีการใช้งานมากที่สุด ได้แก่ นครราชสีมา กาญจนบุรี และเชียงใหม่

    โดยเอไอเอสเปิดเผยจังหวัดที่มีการใช้งานข้อมูลมือถือสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1. กรุงเทพมหานคร 2. นครราชสีมา 3. เชียงใหม่ 4. กาญจนบุรี และ 5. ชลบุรี โดยโซเชียลมีเดียที่นิยมใช้งานมากที่สุด ได้แก่ 1. เฟซบุ๊ก 2. ติ๊กต็อก 3. ยูทูบ 4. อินสตาแกรม 5. ไลน์ ด้านทรู-ดีแทค เปิดเผยนักท่องเที่ยวเดินทางและกลับภูมิลำเนาช่วงปีใหม่มากสุด 10 อันดับ คือ 1. นครราชสีมา 2. เพชรบูรณ์ 3. อุบลราชธานี 4. ศรีสะเกษ 5. กาญจนบุรี 6. ขอนแก่น 7. เชียงใหม่ 8. บุรีรัมย์ 9. นครสวรรค์ 10. สุรินทร์

    กล่าวถึงจังหวัดกาญจนบุรี แม้จะไม่ได้จัดงานเคานต์ดาวน์อย่างยิ่งใหญ่ แบบชนิดที่ว่าประชันกันระดับประเทศ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวมาเยือนอย่างมหาศาล ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร จากปกติเปิดเฉพาะด่านนครปฐมฝั่งตะวันตก (ถนนมาลัยแมน) ถึงด่านกาญจนบุรีเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ และปริมณฑลอย่างนนทบุรีและปทุมธานีสนใจทดลองใช้เส้นทางเป็นจำนวนมาก

    นับตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 2567 ถึง 2 ม.ค. 2568 พบว่าช่วงบางใหญ่-นครปฐม มีปริมาณการจราจรรวม 276,316 คัน ส่วนช่วงนครปฐม-กาญจนบุรี มีปริมาณการจราจรรวม 219,181 คัน แบ่งเบาปริมาณจราจรบนถนนเพชรเกษม ช่วง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้ถึง 23% และถนนแสงชูโต ช่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ได้ถึง 43% ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกาญจนบุรี คาดการณ์ว่าเทศกาลปีใหม่ 2568 จะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการเปิดใช้มอเตอร์เวย์ที่ช่วยลดเวลาการเดินทาง รวมทั้งอากาศเย็น 16-18 องศาเซลเซียส

    อย่างไรก็ตาม ในการเปิดใช้มอเตอร์เวย์ระยะแรก เกิดการจราจรติดขัดบริเวณแยกวังสารภี ซึ่งรับรถมาจากด่านกาญจนบุรี รวมทั้งยังมีการก่อสร้างสะพานข้ามแยกวังสารภีและแยกแก่งเสี้ยน คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2570 ส่วนกรมทางหลวงเปิดใช้มอเตอร์เวย์หมายเลข 81 ชั่วคราว ระหว่างด่านนครปฐมฝั่งตะวันตก ถึงด่านกาญจนบุรี ระยะทาง 51 กิโลเมตร ทุกวันศุกร์ เวลา 15.00 น. ถึงวันจันทร์ เวลา 12.00 น. จนกว่างานระบบ O&M จะแล้วเสร็จ

    #Newskit
    มอเตอร์เวย์กาญจนบุรี ทำติดท็อปไฟว์เคานต์ดาวน์ ในช่วงเทศกาลปีใหม่ 2568 น่าสนใจกับชุดข้อมูลการเคลื่อนที่ของประชากรจากโทรศัพท์มือถือ (Mobility Data) ของสองค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ เอไอเอส และทรู-ดีแทค เปิดเผยจังหวัดที่นักท่องเที่ยวเดินทางช่วงปีใหม่ และใช้งานข้อมูลมือถือ (Data) สูงสุด หากไม่นับกรุงเทพฯ พบว่ามี 3 จังหวัดที่มีการใช้งานมากที่สุด ได้แก่ นครราชสีมา กาญจนบุรี และเชียงใหม่ โดยเอไอเอสเปิดเผยจังหวัดที่มีการใช้งานข้อมูลมือถือสูงสุด 5 อันดับ ได้แก่ 1. กรุงเทพมหานคร 2. นครราชสีมา 3. เชียงใหม่ 4. กาญจนบุรี และ 5. ชลบุรี โดยโซเชียลมีเดียที่นิยมใช้งานมากที่สุด ได้แก่ 1. เฟซบุ๊ก 2. ติ๊กต็อก 3. ยูทูบ 4. อินสตาแกรม 5. ไลน์ ด้านทรู-ดีแทค เปิดเผยนักท่องเที่ยวเดินทางและกลับภูมิลำเนาช่วงปีใหม่มากสุด 10 อันดับ คือ 1. นครราชสีมา 2. เพชรบูรณ์ 3. อุบลราชธานี 4. ศรีสะเกษ 5. กาญจนบุรี 6. ขอนแก่น 7. เชียงใหม่ 8. บุรีรัมย์ 9. นครสวรรค์ 10. สุรินทร์ กล่าวถึงจังหวัดกาญจนบุรี แม้จะไม่ได้จัดงานเคานต์ดาวน์อย่างยิ่งใหญ่ แบบชนิดที่ว่าประชันกันระดับประเทศ แต่ก็มีนักท่องเที่ยวมาเยือนอย่างมหาศาล ซึ่งเป็นผลมาจากการเปิดใช้ทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 81 สายบางใหญ่-กาญจนบุรี ระยะทาง 96 กิโลเมตร จากปกติเปิดเฉพาะด่านนครปฐมฝั่งตะวันตก (ถนนมาลัยแมน) ถึงด่านกาญจนบุรีเฉพาะวันหยุดสุดสัปดาห์เท่านั้น ทำให้มีนักท่องเที่ยวจากกรุงเทพฯ และปริมณฑลอย่างนนทบุรีและปทุมธานีสนใจทดลองใช้เส้นทางเป็นจำนวนมาก นับตั้งแต่วันที่ 26 ธ.ค. 2567 ถึง 2 ม.ค. 2568 พบว่าช่วงบางใหญ่-นครปฐม มีปริมาณการจราจรรวม 276,316 คัน ส่วนช่วงนครปฐม-กาญจนบุรี มีปริมาณการจราจรรวม 219,181 คัน แบ่งเบาปริมาณจราจรบนถนนเพชรเกษม ช่วง อ.นครชัยศรี จ.นครปฐม ได้ถึง 23% และถนนแสงชูโต ช่วง อ.ท่าม่วง จ.กาญจนบุรี ได้ถึง 43% ขณะที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สำนักงานกาญจนบุรี คาดการณ์ว่าเทศกาลปีใหม่ 2568 จะมีเงินสะพัดไม่ต่ำกว่า 1,000 ล้านบาท โดยเป็นผลมาจากการเปิดใช้มอเตอร์เวย์ที่ช่วยลดเวลาการเดินทาง รวมทั้งอากาศเย็น 16-18 องศาเซลเซียส อย่างไรก็ตาม ในการเปิดใช้มอเตอร์เวย์ระยะแรก เกิดการจราจรติดขัดบริเวณแยกวังสารภี ซึ่งรับรถมาจากด่านกาญจนบุรี รวมทั้งยังมีการก่อสร้างสะพานข้ามแยกวังสารภีและแยกแก่งเสี้ยน คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2570 ส่วนกรมทางหลวงเปิดใช้มอเตอร์เวย์หมายเลข 81 ชั่วคราว ระหว่างด่านนครปฐมฝั่งตะวันตก ถึงด่านกาญจนบุรี ระยะทาง 51 กิโลเมตร ทุกวันศุกร์ เวลา 15.00 น. ถึงวันจันทร์ เวลา 12.00 น. จนกว่างานระบบ O&M จะแล้วเสร็จ #Newskit
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1554 มุมมอง 0 รีวิว
  • เชียงราย – 2 เดือนเต็มไม่มีเยียวยา..แฟนสาว-ครอบครัว “ป๊อป-แชมป์กาแฟไทยปี 66” เหยื่อฟอร์จูนเนอร์ “ผอ.โรงเรียน พื้นที่เชียงแสน” พุ่งชนขณะปั่นจักรยานออกกำลัง ทุกข์สาหัส-ร้องต้นสังกัดคู่กรณี

    กรณีเกิดเหตุรถโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ พุ่งชนท้ายกลุ่มคนที่ปั่นรถจักรยานออกกำลังกายกันระหว่างสี่แยกหนองบัวแดง-ถนนพหลโยธิน ต.ท่าสุด อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 9 ต.ค.2567 ที่ผ่านมา จนทำให้นายยศธพล ไชยเบ้า อายุ 33 ปี หรือ "ป๊อป" หนุ่มเจ้าของร้าน “ก๋างโต่งคาเฟ่ Kang tong Cafe - Coffee & roaster Chiang Rai” ตั้งอยู่หมู่ 10 ต.ท่าสุด ซึ่งเป็นแชมป์ Mighty Mix Bartender and Barista Thailand 2023 ประเภท NAN DRIP BATTLE x HARIO และแชมป์ดริปกาแฟของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปี 2564 ได้เสียชีวิตลงขณะนำส่งโรงพยาบาล

    ส่วนคนขับหลบหนีไปขณะเกิดเหตุ ก่อนเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย ในวันถัดมา ซึ่งต่อมาพบว่าเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ด้วยนั้น

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/local/detail/9670000118771

    #MGROnline #เชียงราย #แชมป์กาแฟไทย
    เชียงราย – 2 เดือนเต็มไม่มีเยียวยา..แฟนสาว-ครอบครัว “ป๊อป-แชมป์กาแฟไทยปี 66” เหยื่อฟอร์จูนเนอร์ “ผอ.โรงเรียน พื้นที่เชียงแสน” พุ่งชนขณะปั่นจักรยานออกกำลัง ทุกข์สาหัส-ร้องต้นสังกัดคู่กรณี • กรณีเกิดเหตุรถโตโยต้า รุ่นฟอร์จูนเนอร์ สีดำ พุ่งชนท้ายกลุ่มคนที่ปั่นรถจักรยานออกกำลังกายกันระหว่างสี่แยกหนองบัวแดง-ถนนพหลโยธิน ต.ท่าสุด อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย เมื่อวันที่ 9 ต.ค.2567 ที่ผ่านมา จนทำให้นายยศธพล ไชยเบ้า อายุ 33 ปี หรือ "ป๊อป" หนุ่มเจ้าของร้าน “ก๋างโต่งคาเฟ่ Kang tong Cafe - Coffee & roaster Chiang Rai” ตั้งอยู่หมู่ 10 ต.ท่าสุด ซึ่งเป็นแชมป์ Mighty Mix Bartender and Barista Thailand 2023 ประเภท NAN DRIP BATTLE x HARIO และแชมป์ดริปกาแฟของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ปี 2564 ได้เสียชีวิตลงขณะนำส่งโรงพยาบาล • ส่วนคนขับหลบหนีไปขณะเกิดเหตุ ก่อนเข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.บ้านดู่ อ.เมืองเชียงราย ในวันถัดมา ซึ่งต่อมาพบว่าเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.เชียงแสน จ.เชียงราย ด้วยนั้น • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9670000118771 • #MGROnline #เชียงราย #แชมป์กาแฟไทย
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 974 มุมมอง 0 รีวิว
  • ATMBKK2024 งานวิ่งมาตรฐานโลก

    วันที่ 1 ธ.ค. 2567 เวลา 05.47 น. สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทรงร่วมกิจกรรมวิ่ง Amazing Thailand Marathon Bangkok 2024 หรือ ATMBKK 2024 ณ ท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ เป็นการส่วนพระองค์ จัดขึ้นโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับสหพันธ์กรีฑาโลก (World Athletics) และหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยใช้การวิ่ง (กีฬาวิ่ง) ดึงดูดนักกีฬาและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย อีกทั้งเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนหันมาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์

    โดยมีนายเอลีอุด คิปโชกี (Eliud Kipchoge) นักวิ่งทางไกลชาวเคนยา และทูตสันถวไมตรีด้านจรรยาบรรณและค่านิยมด้านกีฬาประจำองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ เจ้าของสถิติการวิ่งมาราธอนในระยะเวลาต่ำกว่า 2 ชั่วโมง คนแรกของโลก และได้รับเหรียญทองวิ่งทางไกลในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศบราซิล เมื่อปี 2559 และกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2563 เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย

    งานอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก เป็นรายการวิ่งของไทยที่ได้รับการรับรองจากสมาคมกรีฑาโลก ให้เป็นรายการมาราธอนที่จัดขึ้นในเมืองหลวงอย่างเป็นทางการของประเทศไทย (The official Thailand's capital city marathon) ที่ปรากฎอยู่ในปฏิทินการแข่งขันมาราธอนของสมาคมกรีฑาโลกในปัจจุบัน

    ปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 7 มีการปรับเปลี่ยนเส้นทางแข่งขันทุกระยะ โดยสหพันธ์กรีฑาโลก ส่งเจ้าหน้าที่อาวุโสมาวัดเส้นทางแข่งขันใหม่ทั้งหมด มีการออกแบบให้วิ่งง่ายขึ้น หลีกเลี่ยงเนินชันแทบทั้งหมด ผ่านแลนด์มาร์คของกรุงเทพมหานครตลอดเส้นทาง และเปลี่ยนจุดปล่อยตัว ระยะมาราธอนและฮาล์ฟมาราธอน จากสนามราชมังคลากีฬาสถาน เป็นหน้า MBK Center ถนนพญาไท และระยะ 10 กม. กับ 4.5 กม. เปลี่ยนจากป้อมพระกาฬ โลหะปราสาท เป็นสนามหลวงฝั่งศาลฎีกาแทน ส่วนจุดเส้นชัยของทุกระยะ เปลี่ยนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ไปที่สนามหลวงแทน

    โดยในปีนี้ มีจำนวนนักวิ่งทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าร่วมแข่งขันเป็นจำนวนทั้งสิ้น 33,712 คน จาก 77 ประเทศ แบ่งเป็น 42 กม. 5,806 คน 21 กม. 12,432 คน 10 กม. 11,896 คน และ 4.5 กม. (ไม่มีการแข่งขัน) 3,578 คน นักวิ่งสามารถติดตามผลการแข่งขันได้ที่ https://my.raceresult.com/319524/ และติดตามรูปถ่ายได้ที่ https://photo.thai.run/atmbkk2024

    #Newskit #ATMBKK2024
    ATMBKK2024 งานวิ่งมาตรฐานโลก วันที่ 1 ธ.ค. 2567 เวลา 05.47 น. สมเด็จพระนางเจ้า ฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทรงร่วมกิจกรรมวิ่ง Amazing Thailand Marathon Bangkok 2024 หรือ ATMBKK 2024 ณ ท้องสนามหลวง กรุงเทพฯ เป็นการส่วนพระองค์ จัดขึ้นโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ร่วมกับสหพันธ์กรีฑาโลก (World Athletics) และหน่วยงานต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวโดยใช้การวิ่ง (กีฬาวิ่ง) ดึงดูดนักกีฬาและนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกให้เดินทางมาท่องเที่ยวในประเทศไทย อีกทั้งเพื่อส่งเสริมให้ประชาชนหันมาออกกำลังกายเพื่อสุขภาพและใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ โดยมีนายเอลีอุด คิปโชกี (Eliud Kipchoge) นักวิ่งทางไกลชาวเคนยา และทูตสันถวไมตรีด้านจรรยาบรรณและค่านิยมด้านกีฬาประจำองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ เจ้าของสถิติการวิ่งมาราธอนในระยะเวลาต่ำกว่า 2 ชั่วโมง คนแรกของโลก และได้รับเหรียญทองวิ่งทางไกลในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศบราซิล เมื่อปี 2559 และกีฬาโอลิมปิกที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี 2563 เข้าร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ด้วย งานอะเมซิ่ง ไทยแลนด์ มาราธอน แบงค็อก เป็นรายการวิ่งของไทยที่ได้รับการรับรองจากสมาคมกรีฑาโลก ให้เป็นรายการมาราธอนที่จัดขึ้นในเมืองหลวงอย่างเป็นทางการของประเทศไทย (The official Thailand's capital city marathon) ที่ปรากฎอยู่ในปฏิทินการแข่งขันมาราธอนของสมาคมกรีฑาโลกในปัจจุบัน ปีนี้จัดขึ้นเป็นปีที่ 7 มีการปรับเปลี่ยนเส้นทางแข่งขันทุกระยะ โดยสหพันธ์กรีฑาโลก ส่งเจ้าหน้าที่อาวุโสมาวัดเส้นทางแข่งขันใหม่ทั้งหมด มีการออกแบบให้วิ่งง่ายขึ้น หลีกเลี่ยงเนินชันแทบทั้งหมด ผ่านแลนด์มาร์คของกรุงเทพมหานครตลอดเส้นทาง และเปลี่ยนจุดปล่อยตัว ระยะมาราธอนและฮาล์ฟมาราธอน จากสนามราชมังคลากีฬาสถาน เป็นหน้า MBK Center ถนนพญาไท และระยะ 10 กม. กับ 4.5 กม. เปลี่ยนจากป้อมพระกาฬ โลหะปราสาท เป็นสนามหลวงฝั่งศาลฎีกาแทน ส่วนจุดเส้นชัยของทุกระยะ เปลี่ยนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย และลานคนเมือง ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ไปที่สนามหลวงแทน โดยในปีนี้ มีจำนวนนักวิ่งทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าร่วมแข่งขันเป็นจำนวนทั้งสิ้น 33,712 คน จาก 77 ประเทศ แบ่งเป็น 42 กม. 5,806 คน 21 กม. 12,432 คน 10 กม. 11,896 คน และ 4.5 กม. (ไม่มีการแข่งขัน) 3,578 คน นักวิ่งสามารถติดตามผลการแข่งขันได้ที่ https://my.raceresult.com/319524/ และติดตามรูปถ่ายได้ที่ https://photo.thai.run/atmbkk2024 #Newskit #ATMBKK2024
    Like
    Love
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1331 มุมมอง 0 รีวิว
  • จบดราม่าวัดถ้ำเสือ เลิกเก็บค่าเข้าวัด ใช้วิธีบอกบุญแทน
    .
    ทุกวันนี้เกิดประเด็นในวงการพุทธศาสนาไม่เว้นแต่ละวัน อย่างเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งเกิดประเด็นที่วัดถ้ำเสือ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นวัดชื่อดังที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปชมความงามเป็นจำนวนมาก ถึงขนาดที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยต้องนำภาพอันสวยงามของวัดไปใช้โปรโมทการท่องเที่ยวของจังหวัด โดยต้นดราม่ามาจากการที่ทางวัดประกาศเก็บค่าเข้าวัดคนละ 20 บาท
    .
    แม้จะเป็นจำนวนเงินที่ไม่มากนักแต่ในมุมหนึ่งก็มากที่จะกระทบเทือนจิตใจชาวพุทธที่ได้พบเห็น ซึ่งสาเหตุที่จำเป็นต้องเก็บค่าเข้าวัดนั้นผู้บริหารวัดอ้างว่าวัดมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ทั้งค่าแรงคนดูแลสถานที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายการซ่อมแซมรถกระเช้าไฟฟ้าที่ใช้รับส่งนักท่องเที่ยวขึ้นไปด้านบนของวัด ใช้เงินมากกว่า 10 ล้านบาท เป็นภาระที่วัดแบกรับมานานโดยหน่วยงานภาครัฐจังหวัดกาญจนบุรีไม่เคยให้ความช่วยเหลือ
    .
    จากดราม่าที่เกิดขึ้นส่งผลให้ปริมาณนักท่องเที่ยวลดลงพอสมควร ต่อมาปรากฎว่าทางวัดได้ปลดป้ายขอเก็บค่าเข้าวัดออกไป โดยเจ้าหน้าที่ของวัดที่ให้ข้อมูลว่า เจ้าอาวาสสั่งให้พนักงานของวัด ดำเนินการถอดป้ายออก
    .
    ด้าน พระครูกาญจนสุตาคม เจ้าคณะอำเภอท่าม่วง ชี้แจงว่า เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ได้ ให้เข้าไปพูดคุยเจรจากับทางเจ้าอาวาสวัดถ้ำเสือ ก่อนยินยอมที่จะถอดป้ายเรียกเก็บเงินค่าบำรุงวัดทั้งหมดจำนวน 5 ป้าย ออกเรียบร้อย ส่วนกรณีที่ทางวัดมีความประสงค์ต้องการที่จะหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายในวัดนั้น ได้มีข้อเสนอแนะว่าควรใช้ข้อความบนป้ายในลักษณะขอความร่วมมือ หรือบอกบุญให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ที่เดินทางมาทำบุญที่วัดจะดีกว่าแทน
    ..............
    Sondhi X
    จบดราม่าวัดถ้ำเสือ เลิกเก็บค่าเข้าวัด ใช้วิธีบอกบุญแทน . ทุกวันนี้เกิดประเด็นในวงการพุทธศาสนาไม่เว้นแต่ละวัน อย่างเมื่อไม่นานมานี้เพิ่งเกิดประเด็นที่วัดถ้ำเสือ จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นวัดชื่อดังที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปชมความงามเป็นจำนวนมาก ถึงขนาดที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยต้องนำภาพอันสวยงามของวัดไปใช้โปรโมทการท่องเที่ยวของจังหวัด โดยต้นดราม่ามาจากการที่ทางวัดประกาศเก็บค่าเข้าวัดคนละ 20 บาท . แม้จะเป็นจำนวนเงินที่ไม่มากนักแต่ในมุมหนึ่งก็มากที่จะกระทบเทือนจิตใจชาวพุทธที่ได้พบเห็น ซึ่งสาเหตุที่จำเป็นต้องเก็บค่าเข้าวัดนั้นผู้บริหารวัดอ้างว่าวัดมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ทั้งค่าแรงคนดูแลสถานที่ ค่าน้ำ ค่าไฟ โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายการซ่อมแซมรถกระเช้าไฟฟ้าที่ใช้รับส่งนักท่องเที่ยวขึ้นไปด้านบนของวัด ใช้เงินมากกว่า 10 ล้านบาท เป็นภาระที่วัดแบกรับมานานโดยหน่วยงานภาครัฐจังหวัดกาญจนบุรีไม่เคยให้ความช่วยเหลือ . จากดราม่าที่เกิดขึ้นส่งผลให้ปริมาณนักท่องเที่ยวลดลงพอสมควร ต่อมาปรากฎว่าทางวัดได้ปลดป้ายขอเก็บค่าเข้าวัดออกไป โดยเจ้าหน้าที่ของวัดที่ให้ข้อมูลว่า เจ้าอาวาสสั่งให้พนักงานของวัด ดำเนินการถอดป้ายออก . ด้าน พระครูกาญจนสุตาคม เจ้าคณะอำเภอท่าม่วง ชี้แจงว่า เจ้าคณะจังหวัดกาญจนบุรี ได้ ให้เข้าไปพูดคุยเจรจากับทางเจ้าอาวาสวัดถ้ำเสือ ก่อนยินยอมที่จะถอดป้ายเรียกเก็บเงินค่าบำรุงวัดทั้งหมดจำนวน 5 ป้าย ออกเรียบร้อย ส่วนกรณีที่ทางวัดมีความประสงค์ต้องการที่จะหาเงินมาเป็นค่าใช้จ่ายต่างๆ ภายในวัดนั้น ได้มีข้อเสนอแนะว่าควรใช้ข้อความบนป้ายในลักษณะขอความร่วมมือ หรือบอกบุญให้กับนักท่องเที่ยวและผู้ที่เดินทางมาทำบุญที่วัดจะดีกว่าแทน .............. Sondhi X
    Like
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1278 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอ่วเหนือ 400 คนภาคอื่นไม่คุ้ม

    ไม่ปังอย่างที่คิด สำหรับโครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง ที่รัฐบาลโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดแคมเปญเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวภาคเหนือหลังสถานการณ์อุทกภัย โดยใช้งบประมาณ 4 ล้านบาท มอบส่วนลด 50% รวมไม่เกิน 400 บาท จำนวน 10,000 สิทธิ์แก่นักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนผ่าน QR Code จากโรงแรมที่พักที่เข้าร่วมโครงการในภาคเหนือ 17 จังหวัด ก่อนใช้สิทธิ์กับสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สปา ภายใน 3 วัน (72 ชั่วโมง) มีเสียงวิจารณ์ว่า นอกจากไปพ้องกับโครงการคนละครึ่ง สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาแล้ว ยังทำได้แย่กว่า

    จากเดิมที่นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท.คาดว่า 10,000 สิทธิ์จะหมดทันทีในวันแรก ปรากฎว่าผ่านไป 2 วัน มีผู้มาใช้สิทธิ์ส่วนลดแค่ 1,814 สิทธิ์ คงเหลือ 8,186 สิทธิ์ แต่ด้วยระยะเวลาใช้จ่ายโครงการถึง 31 ธ.ค. 2567 คาดว่าสิทธิ์จะค่อยลดลงอย่างช้าๆ ในวันธรรมดา และเพิ่มขึ้นในวันหยุดราชการ ถึงกระนั้น ในมุมมองนักท่องเที่ยวถือว่าไม่คุ้ม เพราะให้ส่วนลด 50% เพียงแค่ 400 บาท และยังต้องใช้สิทธิ์เมื่อถึงปลายทาง ลงทะเบียนก่อนได้รับสิทธิ์ก่อน (First Come First Served) ไม่สามารถจองสิทธิ์ล่วงหน้าได้ ไม่จูงใจมากพอที่คนภาคอื่นจะมาเที่ยว

    ยิ่งเดือน พ.ย. เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวภาคเหนือช่วงฤดูหนาว ราคาที่พักสูงกว่าช่วงอื่น นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งจองห้องพักล่วงหน้าไปแล้วไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ อีกส่วนหนึ่งใช้สิทธิ์ส่วนลดค่าที่พักหมดแล้ว ก็ไม่ถึงมือร้านอาหาร สปา และผู้ประกอบการอื่น แถมมีโรงแรมบางแห่งจำกัดวันละ 5 สิทธิ์ต่อวัน คนมาที่หลังต้องจ่ายราคาเต็ม ซึ่งมุมมองของผู้ประกอบการ ต้องแบกรับภาระต้นทุนลูกค้าห้องละ 400 บาท หากมีลูกค้าใช้สิทธิ์ 100 ห้อง ต้องแบกภาระสูงถึง 40,000 บาท จนกว่ารัฐบาลจะจ่ายเงินภายในวันที่ 15 ม.ค. 2568 ซึ่งไม่แน่นอนหากพบการทุจริต

    ย้อนกลับมาที่โครงการเราเที่ยวด้วยกัน 5 เฟส ตั้งแต่ปี 2563-2566 มอบส่วนลด 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือต่อคืน ทำให้จองห้องพักหรูได้ในราคาที่ถูกลง ใช้สิทธิ์ได้ 10-15 ห้องหรือคืน และจองล่วงหน้าได้ เมื่อเช็กอินแล้วยังมีคูปอง e-voucher ค่าอาหาร ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว 600-900 บาทต่อวัน และสามารถเบิกค่าตั๋วเครื่องบิน 40% ของราคาตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 3,000 บาทสำหรับจังหวัดท่องเที่ยว และ 2,000 บาทสำหรับจังหวัดอื่นๆ โครงการนี้ใช้งบประมาณ 24,016 ล้านบาท แต่เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 58,621 ล้านบาท

    #Newskit #แอ่วเหนือคนละครึ่ง #เราเที่ยวด้วยกัน
    แอ่วเหนือ 400 คนภาคอื่นไม่คุ้ม ไม่ปังอย่างที่คิด สำหรับโครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง ที่รัฐบาลโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดแคมเปญเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวภาคเหนือหลังสถานการณ์อุทกภัย โดยใช้งบประมาณ 4 ล้านบาท มอบส่วนลด 50% รวมไม่เกิน 400 บาท จำนวน 10,000 สิทธิ์แก่นักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนผ่าน QR Code จากโรงแรมที่พักที่เข้าร่วมโครงการในภาคเหนือ 17 จังหวัด ก่อนใช้สิทธิ์กับสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สปา ภายใน 3 วัน (72 ชั่วโมง) มีเสียงวิจารณ์ว่า นอกจากไปพ้องกับโครงการคนละครึ่ง สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาแล้ว ยังทำได้แย่กว่า จากเดิมที่นายอภิชัย ฉัตรเฉลิมกิจ รองผู้ว่าการด้านตลาดในประเทศ ททท.คาดว่า 10,000 สิทธิ์จะหมดทันทีในวันแรก ปรากฎว่าผ่านไป 2 วัน มีผู้มาใช้สิทธิ์ส่วนลดแค่ 1,814 สิทธิ์ คงเหลือ 8,186 สิทธิ์ แต่ด้วยระยะเวลาใช้จ่ายโครงการถึง 31 ธ.ค. 2567 คาดว่าสิทธิ์จะค่อยลดลงอย่างช้าๆ ในวันธรรมดา และเพิ่มขึ้นในวันหยุดราชการ ถึงกระนั้น ในมุมมองนักท่องเที่ยวถือว่าไม่คุ้ม เพราะให้ส่วนลด 50% เพียงแค่ 400 บาท และยังต้องใช้สิทธิ์เมื่อถึงปลายทาง ลงทะเบียนก่อนได้รับสิทธิ์ก่อน (First Come First Served) ไม่สามารถจองสิทธิ์ล่วงหน้าได้ ไม่จูงใจมากพอที่คนภาคอื่นจะมาเที่ยว ยิ่งเดือน พ.ย. เป็นฤดูกาลท่องเที่ยวภาคเหนือช่วงฤดูหนาว ราคาที่พักสูงกว่าช่วงอื่น นักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งจองห้องพักล่วงหน้าไปแล้วไม่สามารถใช้สิทธิ์ได้ อีกส่วนหนึ่งใช้สิทธิ์ส่วนลดค่าที่พักหมดแล้ว ก็ไม่ถึงมือร้านอาหาร สปา และผู้ประกอบการอื่น แถมมีโรงแรมบางแห่งจำกัดวันละ 5 สิทธิ์ต่อวัน คนมาที่หลังต้องจ่ายราคาเต็ม ซึ่งมุมมองของผู้ประกอบการ ต้องแบกรับภาระต้นทุนลูกค้าห้องละ 400 บาท หากมีลูกค้าใช้สิทธิ์ 100 ห้อง ต้องแบกภาระสูงถึง 40,000 บาท จนกว่ารัฐบาลจะจ่ายเงินภายในวันที่ 15 ม.ค. 2568 ซึ่งไม่แน่นอนหากพบการทุจริต ย้อนกลับมาที่โครงการเราเที่ยวด้วยกัน 5 เฟส ตั้งแต่ปี 2563-2566 มอบส่วนลด 40% สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้องหรือต่อคืน ทำให้จองห้องพักหรูได้ในราคาที่ถูกลง ใช้สิทธิ์ได้ 10-15 ห้องหรือคืน และจองล่วงหน้าได้ เมื่อเช็กอินแล้วยังมีคูปอง e-voucher ค่าอาหาร ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว 600-900 บาทต่อวัน และสามารถเบิกค่าตั๋วเครื่องบิน 40% ของราคาตั๋วเครื่องบิน แต่ไม่เกิน 3,000 บาทสำหรับจังหวัดท่องเที่ยว และ 2,000 บาทสำหรับจังหวัดอื่นๆ โครงการนี้ใช้งบประมาณ 24,016 ล้านบาท แต่เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจกว่า 58,621 ล้านบาท #Newskit #แอ่วเหนือคนละครึ่ง #เราเที่ยวด้วยกัน
    Like
    Haha
    7
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1296 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอ่วเหนือคนละครึ่ง อย่าให้มีนักท่องเที่ยวผี

    โครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดแคมเปญเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวภาคเหนือ หลังสถานการณ์อุทกภัย โดยใช้งบประมาณ 4 ล้านบาท มอบส่วนลด 50% รวมไม่เกิน 400 บาท จำนวน 10,000 สิทธิ์แก่นักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนผ่าน QR Code จากโรงแรมที่พักที่เข้าร่วมโครงการในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ก่อนใช้สิทธิ์กับสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สปา ภายใน 3 วัน (72 ชั่วโมง)

    สถานประกอบการที่เข้าร่วมแคมเปญมีทั้งหมด 554 แห่ง แบ่งเป็นโรงแรมที่พัก 326 แห่ง ร้านอาหาร คาเฟ่ 160 แห่ง ร้านของฝากของที่ระลึก 38 แห่ง และอื่นๆ เช่น แหล่งท่องเที่ยวชุมชน สปา 30 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2567 เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป จนกว่าจะครบจำนวนสิทธิ์ หรือไม่เกินวันที่ 31 ธ.ค. 2567 ลงทะเบียนก่อนได้รับสิทธิ์ก่อน (First Come First Served) ไม่สามารถจองสิทธิ์ล่วงหน้าได้

    แม้รัฐบาลและ ททท.คาดการณ์ว่าจะสร้างรายได้หมุนเวียนทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 44.34 ล้านบาท แต่พบว่าจำนวนสิทธิมีเพียงแค่ 10,000 สิทธิเท่านั้น ในขณะที่ช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป เป็นฤดูการท่องเที่ยวหรือไฮซีซันของภาคเหนือ ส่วนมากที่พักจะเต็ม คนที่จองห้องพักไปแล้วไม่สามารถใช้สิทธิ์เพื่อเป็นส่วนลดค่าที่พักได้ แต่สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ในโรงแรมที่ร่วมโครงการก่อน เพื่อให้นำสิทธิ์ไปใช้ในสถานประกอบการอื่นๆ ได้

    นอกจากเสียงวิจารณ์ว่าชื่อโครงการไปพ้องกับ "โครงการคนละครึ่ง" สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาแล้ว สิ่งที่ต้องระมัดระวังก็คือ การทุจริต เพราะมีเพียงให้ผู้ประกอบการถ่ายภาพใบเสร็จหรือบิลเงินสด แล้วอัปโหลดลงในระบบทุกครั้งเพื่อใช้เป็นหลักฐานเท่านั้น ไม่มีการตรวจสอบว่านักท่องเที่ยวมาสแกนใช้สิทธิส่วนลด เป็นนักท่องเที่ยวตัวจริงหรือนักท่องเที่ยวผี อีกทั้งส่วนลดเพียงแค่ 400 บาท หากใช้กับโรงแรมที่พักราคาเกิน 800 บาทขึ้นไป ก็ไม่เหลือใช้กับร้านอาหาร ร้านของฝากแล้ว

    ที่ผ่านมาเคยมีการทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยใช้วิธีชักชวนให้จองห้องพักราคาสูง เพื่อรับเงินส่วนต่างที่รัฐบาลสนับสนุน โดยไม่ได้เข้าพักจริง หรือการนำคูปองสำหรับใช้จ่ายร้านค้า ร้านอาหารไปสแกนใช้จ่าย แต่ไม่มีการซื้อสินค้าและบริการจริง มีการจับกุมผู้ร่วมขบวนการทุจริตไปหลายราย ทำให้ภายหลังต้องออกมาตรการที่เข้มงวด เช่น ให้โรงแรมสแกนใบหน้าผู้เข้าพัก หากไม่สามารถป้องกันปัญหาทุจริตที่จะเกิดขึ้นได้ ก็จะกระทบความเชื่อมั่นกับโครงการอื่นๆ เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทในอนาคต

    #Newskit #แอ่วเหนือคนละครึ่ง #ททท
    แอ่วเหนือคนละครึ่ง อย่าให้มีนักท่องเที่ยวผี โครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง ที่การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จัดแคมเปญเพื่อฟื้นฟูการท่องเที่ยวภาคเหนือ หลังสถานการณ์อุทกภัย โดยใช้งบประมาณ 4 ล้านบาท มอบส่วนลด 50% รวมไม่เกิน 400 บาท จำนวน 10,000 สิทธิ์แก่นักท่องเที่ยวที่ลงทะเบียนผ่าน QR Code จากโรงแรมที่พักที่เข้าร่วมโครงการในพื้นที่ภาคเหนือ 17 จังหวัด ก่อนใช้สิทธิ์กับสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ อาทิ โรงแรมที่พัก ร้านอาหาร สปา ภายใน 3 วัน (72 ชั่วโมง) สถานประกอบการที่เข้าร่วมแคมเปญมีทั้งหมด 554 แห่ง แบ่งเป็นโรงแรมที่พัก 326 แห่ง ร้านอาหาร คาเฟ่ 160 แห่ง ร้านของฝากของที่ระลึก 38 แห่ง และอื่นๆ เช่น แหล่งท่องเที่ยวชุมชน สปา 30 แห่ง ตั้งแต่วันที่ 1 พ.ย. 2567 เวลา 17.00 น. เป็นต้นไป จนกว่าจะครบจำนวนสิทธิ์ หรือไม่เกินวันที่ 31 ธ.ค. 2567 ลงทะเบียนก่อนได้รับสิทธิ์ก่อน (First Come First Served) ไม่สามารถจองสิทธิ์ล่วงหน้าได้ แม้รัฐบาลและ ททท.คาดการณ์ว่าจะสร้างรายได้หมุนเวียนทางเศรษฐกิจไม่น้อยกว่า 44.34 ล้านบาท แต่พบว่าจำนวนสิทธิมีเพียงแค่ 10,000 สิทธิเท่านั้น ในขณะที่ช่วงเดือนพฤศจิกายนเป็นต้นไป เป็นฤดูการท่องเที่ยวหรือไฮซีซันของภาคเหนือ ส่วนมากที่พักจะเต็ม คนที่จองห้องพักไปแล้วไม่สามารถใช้สิทธิ์เพื่อเป็นส่วนลดค่าที่พักได้ แต่สามารถลงทะเบียนรับสิทธิ์ในโรงแรมที่ร่วมโครงการก่อน เพื่อให้นำสิทธิ์ไปใช้ในสถานประกอบการอื่นๆ ได้ นอกจากเสียงวิจารณ์ว่าชื่อโครงการไปพ้องกับ "โครงการคนละครึ่ง" สมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาแล้ว สิ่งที่ต้องระมัดระวังก็คือ การทุจริต เพราะมีเพียงให้ผู้ประกอบการถ่ายภาพใบเสร็จหรือบิลเงินสด แล้วอัปโหลดลงในระบบทุกครั้งเพื่อใช้เป็นหลักฐานเท่านั้น ไม่มีการตรวจสอบว่านักท่องเที่ยวมาสแกนใช้สิทธิส่วนลด เป็นนักท่องเที่ยวตัวจริงหรือนักท่องเที่ยวผี อีกทั้งส่วนลดเพียงแค่ 400 บาท หากใช้กับโรงแรมที่พักราคาเกิน 800 บาทขึ้นไป ก็ไม่เหลือใช้กับร้านอาหาร ร้านของฝากแล้ว ที่ผ่านมาเคยมีการทุจริตโครงการเราเที่ยวด้วยกัน โดยใช้วิธีชักชวนให้จองห้องพักราคาสูง เพื่อรับเงินส่วนต่างที่รัฐบาลสนับสนุน โดยไม่ได้เข้าพักจริง หรือการนำคูปองสำหรับใช้จ่ายร้านค้า ร้านอาหารไปสแกนใช้จ่าย แต่ไม่มีการซื้อสินค้าและบริการจริง มีการจับกุมผู้ร่วมขบวนการทุจริตไปหลายราย ทำให้ภายหลังต้องออกมาตรการที่เข้มงวด เช่น ให้โรงแรมสแกนใบหน้าผู้เข้าพัก หากไม่สามารถป้องกันปัญหาทุจริตที่จะเกิดขึ้นได้ ก็จะกระทบความเชื่อมั่นกับโครงการอื่นๆ เช่น ดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาทในอนาคต #Newskit #แอ่วเหนือคนละครึ่ง #ททท
    Like
    Haha
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1545 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทย-มาเลย์เจาะกลุ่ม Self Drive Tourism

    นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 23 ต.ค. 2567 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวมาเลเซียมาเยือนกว่า 4 ล้านคน โดยพบว่า 49% เลือกเดินทางเข้าประเทศไทยผ่านด่านสะเดา จ.สงขลา ทำให้รัฐบาลไทยขยายเวลายกเว้นแบบฟอร์ม ตม.6 ผ่าน 4 ด่านชายแดนทางบกระหว่างไทย-มาเลเซีย ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 2567 ถึง 30 เม.ย. 2568 แต่สำหรับคนไทยมาเยือนประเทศมาเลเซีย ข้อมูลจากการท่องเที่ยวมาเลเซีย เดือน ส.ค. 2567 อยู่ที่ 1.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน

    ทำให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับการท่องเที่ยวมาเลเซีย ร่วมกันจัดโครงการ Malaysia & Thailand Self Drive Tourism เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบขับรถข้ามชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยเปิดตัวคู่มือแผนที่เส้นทางท่องเที่ยว Self-Drive เชื่อมโยงชายแดนไทยและมาเลเซีย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในเส้นทาง

    ททท. คาดว่าในปี 2567 จะมีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียมาเยือนไทยไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน ส่วนคนไทยเดินทางไปเยือนมาเลเซียไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน รวมแล้วไม่น้อยกว่า 7 ล้านคน ส่วนการท่องเที่ยวมาเลเซีย ตั้งเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวจากไทยไม่น้อยกว่า 2.3 ล้านคนในปี 2568 และกำลังจะมีแคมเปญ Visit Malaysia 2026 ในปี 2569 โดยมีเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก 35.6 ล้านคน

    สำหรับคู่มือ Malaysia & Thailand Self-Drive ของการท่องเที่ยวมาเลเซีย นำเสนอแผนที่เส้นทางท่องเที่ยวใน 4 รัฐของมาเลเซีย ได้แก่ รัฐเปอร์ลิส (Perlis) รัฐเคดะห์ (Kedah) รัฐปีนัง (Penang) และรัฐเปรัก (Perak) ทั้งหมด 28 แห่ง พร้อมกับคิวอาร์โค้ดเพื่อค้นหาโรงแรมที่พักจาก The Malaysia Budget & Business Hotel Association (MyBHA) ข้อมูลจุดพักรถ R&R (Rest & Relaxation) ปั๊มน้ำมันและสถานที่ชาร์จรถยนต์ EV บนทางพิเศษเหนือ-ใต้หมายเลข 1 (E1) และข้อมูลที่จำเป็นอื่นๆ

    นักท่องเที่ยวสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ https://www.malaysia.travel/explore/malaysia-thailand-self-drive

    อนึ่ง สำหรับรถยนต์จากไทยไปมาเลเซีย ผู้ใช้รถจะต้องเป็นเจ้าของรถโดยตรง หากเป็นรถติดไฟแนนซ์ส่วนใหญ่มักจะไม่อนุญาต โดยความเข้มของฟิล์มกรองแสงต้องไม่เกิน 40% ที่หน้าด่านสะเดาจะมีเอเจนซี่ ให้บริการรับทำเอกสารและประกันรถยนต์ ซึ่งจะได้แผ่นป้ายวงกลม (ICP) หรือสำเนาใบอนุญาตนำเข้ายานพาหนะของมาเลเซีย ประกันภัยรถยนต์มาเลเซีย และสติกเกอร์ทะเบียนรถยนต์ภาษาอังกฤษ ส่วนใบขับขี่ใช้ของประเทศไทยได้ ไม่ต้องทำใบขับขี่สากล

    #Newskit #SelfDriveTourism #ThaiMalaysia
    ไทย-มาเลย์เจาะกลุ่ม Self Drive Tourism นับตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. ถึง 23 ต.ค. 2567 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวมาเลเซียมาเยือนกว่า 4 ล้านคน โดยพบว่า 49% เลือกเดินทางเข้าประเทศไทยผ่านด่านสะเดา จ.สงขลา ทำให้รัฐบาลไทยขยายเวลายกเว้นแบบฟอร์ม ตม.6 ผ่าน 4 ด่านชายแดนทางบกระหว่างไทย-มาเลเซีย ตั้งแต่วันที่ 16 ต.ค. 2567 ถึง 30 เม.ย. 2568 แต่สำหรับคนไทยมาเยือนประเทศมาเลเซีย ข้อมูลจากการท่องเที่ยวมาเลเซีย เดือน ส.ค. 2567 อยู่ที่ 1.1 ล้านคน เพิ่มขึ้น 19.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ทำให้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับการท่องเที่ยวมาเลเซีย ร่วมกันจัดโครงการ Malaysia & Thailand Self Drive Tourism เพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวในรูปแบบขับรถข้ามชายแดนไทย-มาเลเซีย โดยเปิดตัวคู่มือแผนที่เส้นทางท่องเที่ยว Self-Drive เชื่อมโยงชายแดนไทยและมาเลเซีย ให้ข้อมูลเกี่ยวกับสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ ในเส้นทาง ททท. คาดว่าในปี 2567 จะมีนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียมาเยือนไทยไม่น้อยกว่า 5 ล้านคน ส่วนคนไทยเดินทางไปเยือนมาเลเซียไม่น้อยกว่า 2 ล้านคน รวมแล้วไม่น้อยกว่า 7 ล้านคน ส่วนการท่องเที่ยวมาเลเซีย ตั้งเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวจากไทยไม่น้อยกว่า 2.3 ล้านคนในปี 2568 และกำลังจะมีแคมเปญ Visit Malaysia 2026 ในปี 2569 โดยมีเป้าหมายดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก 35.6 ล้านคน สำหรับคู่มือ Malaysia & Thailand Self-Drive ของการท่องเที่ยวมาเลเซีย นำเสนอแผนที่เส้นทางท่องเที่ยวใน 4 รัฐของมาเลเซีย ได้แก่ รัฐเปอร์ลิส (Perlis) รัฐเคดะห์ (Kedah) รัฐปีนัง (Penang) และรัฐเปรัก (Perak) ทั้งหมด 28 แห่ง พร้อมกับคิวอาร์โค้ดเพื่อค้นหาโรงแรมที่พักจาก The Malaysia Budget & Business Hotel Association (MyBHA) ข้อมูลจุดพักรถ R&R (Rest & Relaxation) ปั๊มน้ำมันและสถานที่ชาร์จรถยนต์ EV บนทางพิเศษเหนือ-ใต้หมายเลข 1 (E1) และข้อมูลที่จำเป็นอื่นๆ นักท่องเที่ยวสามารถดาวน์โหลดได้ที่เว็บไซต์ https://www.malaysia.travel/explore/malaysia-thailand-self-drive อนึ่ง สำหรับรถยนต์จากไทยไปมาเลเซีย ผู้ใช้รถจะต้องเป็นเจ้าของรถโดยตรง หากเป็นรถติดไฟแนนซ์ส่วนใหญ่มักจะไม่อนุญาต โดยความเข้มของฟิล์มกรองแสงต้องไม่เกิน 40% ที่หน้าด่านสะเดาจะมีเอเจนซี่ ให้บริการรับทำเอกสารและประกันรถยนต์ ซึ่งจะได้แผ่นป้ายวงกลม (ICP) หรือสำเนาใบอนุญาตนำเข้ายานพาหนะของมาเลเซีย ประกันภัยรถยนต์มาเลเซีย และสติกเกอร์ทะเบียนรถยนต์ภาษาอังกฤษ ส่วนใบขับขี่ใช้ของประเทศไทยได้ ไม่ต้องทำใบขับขี่สากล #Newskit #SelfDriveTourism #ThaiMalaysia
    Like
    8
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1607 มุมมอง 0 รีวิว
  • แอ่วเหนือคนละครึ่ง' เปิดลงทะเบียน 1 พ.ย.นี้ ให้ประชาชน 10,000 สิทธิ์ ท่องเที่ยวใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ติดตามวิธีการลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ www.แอ่วเหนือคนละครึ่ง .com

    30 ตุลาคม 2567-รายงานข่าวระบุว่า รัฐบาลขอเชิญชวนประชาชน ร่วมลงทะเบียนแคมเปญ “แอ่วเหนือคนละครึ่ง“ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวการท่องเที่ยวในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยจะเปิดลงทะเบียน 1 พฤศจิกายนนี้ เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป สามารถลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ www.แอ่วเหนือคนละครึ่ง.com แบ่งเป็น 3 ขั้นตอนคือ 1.จองที่พักที่เข้าร่วมโครงการ 2.ลงทะเบียนรับสิทธิ์ โดยสแกนคิวอาร์โค้ดที่ที่พักที่เข้าร่วมโครงการ 3.ใช้สิทธิ์ส่วนลด โดยสแกนคิวอาร์โค้ดกับสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ

    -สำหรับการ ลงทะเบียนรับสิทธิ์ส่วนลด คือใช้กับที่พัก-โรงแรมที่ร่วมโครงการ รับส่วนลด 400 บาท หลังจากสแกนลงทะเบียนรับสิทธิ์แล้ว จะได้รับ SMS ยืนยันการลงทะเบียนสำเร็จ และใช้ส่วนลดภายใน 3 วัน

    -สำหรับการ ลงทะเบียนใช้สิทธิ์ส่วนลด คือใช้กับร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือร้านที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อรับส่วนลด 50% สูงสุด 400 บาท ไม่จำกัดจำนวนครั้ง

    โครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง สามารถใช้ในพื้นที่ภาคเหนือทั้งหมด 17 จังหวัด ดังนี้ 1.เชียงราย 2.น่าน 3.พะเยา 4.เชียงใหม่ 5.แม่ฮ่องสอน 6.แพร่
    7.ลำปาง8.ลำพูน 9.ตาก 10.อุตรดิตถ์ 11.พิษณุโลก 12.สุโขทัย 13.เพชรบูรณ์ 14.พิจิตร15.กำแพงเพชร
    16.นครสวรรค์ 17.อุทัยธานี

    #Thaitimes
    แอ่วเหนือคนละครึ่ง' เปิดลงทะเบียน 1 พ.ย.นี้ ให้ประชาชน 10,000 สิทธิ์ ท่องเที่ยวใน 17 จังหวัดภาคเหนือ ติดตามวิธีการลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ www.แอ่วเหนือคนละครึ่ง .com 30 ตุลาคม 2567-รายงานข่าวระบุว่า รัฐบาลขอเชิญชวนประชาชน ร่วมลงทะเบียนแคมเปญ “แอ่วเหนือคนละครึ่ง“ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ร่วมกับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวการท่องเที่ยวในพื้นที่ 17 จังหวัดภาคเหนือ โดยจะเปิดลงทะเบียน 1 พฤศจิกายนนี้ เวลา 17.00 น.เป็นต้นไป สามารถลงทะเบียนได้ที่เว็บไซต์ www.แอ่วเหนือคนละครึ่ง.com แบ่งเป็น 3 ขั้นตอนคือ 1.จองที่พักที่เข้าร่วมโครงการ 2.ลงทะเบียนรับสิทธิ์ โดยสแกนคิวอาร์โค้ดที่ที่พักที่เข้าร่วมโครงการ 3.ใช้สิทธิ์ส่วนลด โดยสแกนคิวอาร์โค้ดกับสถานประกอบการที่เข้าร่วมโครงการ -สำหรับการ ลงทะเบียนรับสิทธิ์ส่วนลด คือใช้กับที่พัก-โรงแรมที่ร่วมโครงการ รับส่วนลด 400 บาท หลังจากสแกนลงทะเบียนรับสิทธิ์แล้ว จะได้รับ SMS ยืนยันการลงทะเบียนสำเร็จ และใช้ส่วนลดภายใน 3 วัน -สำหรับการ ลงทะเบียนใช้สิทธิ์ส่วนลด คือใช้กับร้านอาหาร ร้านกาแฟ หรือร้านที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อรับส่วนลด 50% สูงสุด 400 บาท ไม่จำกัดจำนวนครั้ง โครงการแอ่วเหนือคนละครึ่ง สามารถใช้ในพื้นที่ภาคเหนือทั้งหมด 17 จังหวัด ดังนี้ 1.เชียงราย 2.น่าน 3.พะเยา 4.เชียงใหม่ 5.แม่ฮ่องสอน 6.แพร่ 7.ลำปาง8.ลำพูน 9.ตาก 10.อุตรดิตถ์ 11.พิษณุโลก 12.สุโขทัย 13.เพชรบูรณ์ 14.พิจิตร15.กำแพงเพชร 16.นครสวรรค์ 17.อุทัยธานี #Thaitimes
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1294 มุมมอง 0 รีวิว
  • Michelin Key ลูกเล่นใหม่มิชลินไกด์

    นับเป็นครั้งแรกที่มิชลินไกด์ (Michelin Guide) คู่มือแนะนำร้านอาหารที่มีชื่อเสียงระดับโลก เปิดตัวรางวัลมิชลินคีย์ (Michelin Key) ตราสัญลักษณ์ที่มอบให้กับโรงแรมที่พักในประเทศไทย เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา หลังจากแนะนำที่พักมากกว่า 6,000 แห่งใน 120 ประเทศ โดยวัดจาก 1. ราคาเหมาะสมกับคุณภาพและประสบการณ์ที่ได้รับ 2. มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สะท้อนถึงคุณลักษณะดั้งเดิมของโรงแรมที่พัก 3. คุณภาพและความสม่ำเสมอในการให้บริการ รวมถึงความสะดวกสบายและการบำรุงรักษา 4. สถาปัตยกรรมและการออกแบบตกแต่งภายใน และ 5. เป็นจุดหมายปลายทางในตัวเอง มีส่วนนำเสนอความเป็นท้องถิ่น

    ปรากฎว่าในปี 2567 มีโรงแรมในประเทศไทยได้รางวัล 58 แห่ง โดยรางวัลกุญแจ 3 ดอก มี 8 แห่ง ได้แก่ แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ, เดอะ สยาม กรุงเทพฯ, กีมาลา จ.ภูเก็ต, อมันปุรี จ.ภูเก็ต, โฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ต จ.เชียงใหม่, โซเนวา คีรี รีสอร์ท เกาะกูด จ.ตราด, ซามูจาน่า วิลล่า เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และ ภูเล เบย์ อะ ริทซ์-คาร์ลตัน รีเซิร์ฟ จ.กระบี่ ส่วนรางวัลกุญแจ 2 ดอก มี 19 แห่ง และรางวัลกุญแจ 1 ดอก มี 31 แห่ง

    แม้โรงแรมที่ได้รับรางวัลมิชลินคีย์ เป็นคนละรางวัลกับโรงแรมที่มีร้านอาหารรางวัลดาวมิชลิน แต่ก็มีโรงแรมได้ทั้งมิชลินคีย์และมิชลินไกด์ปี 2566 อาทิ แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ (3 ดอก) มีร้านเลอ นอร์ม็องดี บาย อลัง รูซ์ (2 ดาว), ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ (2 ดอก) มีร้านเอเลเมนท์ อินสไปร์ บาย เซล เบลอ (1 ดาว), โคโม เมโทรโพลิแทน กรุงเทพฯ (1 ดอก) มีห้องอาหารน้ำ (1 ดาว), ตรีสรา จ.ภูเก็ต (1 ดอก) มีร้านพรู (1 ดาว) เป็นต้น

    สำหรับคู่มือมิชลินไกด์ ฉบับประจำปีครั้งที่ 8 (2025) มีกำหนดเปิดตัวในช่วงปลายปี 2567 โดยได้เพิ่มร้านอาหารจังหวัดชลบุรี ต่อจากกรุงเทพฯ, ภูเก็ต-พังงา, เชียงใหม่, พระนครศรีอยุธยา, ภาคอีสาน 4 จังหวัด (นครราชสีมา อุบลราชธานี อุดรธานี ขอนแก่น) และเกาะสมุย-สุราษฎร์ธานี

    โครงการ The Michelin Guide Thailand มีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นเจ้าของโครงการ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2560 ทำข้อตกลงสัญญา 5 ปีกับบริษัท Michelin Travel Partner France วงเงิน 4.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อมาวันที่ 5 ต.ค. 2564 คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ ททท. ก่อหนี้ผูกพันสนับสนุนการจัดโครงการฯ ประจำปี 2565-2569 วงเงิน 4.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 135.3 ล้านบาท) โดยแบ่งจ่ายเป็นรายปี ปีละ 820,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 27.06 ล้านบาท)

    #Newskit #MichelinKey #MichelinGuideThailand
    Michelin Key ลูกเล่นใหม่มิชลินไกด์ นับเป็นครั้งแรกที่มิชลินไกด์ (Michelin Guide) คู่มือแนะนำร้านอาหารที่มีชื่อเสียงระดับโลก เปิดตัวรางวัลมิชลินคีย์ (Michelin Key) ตราสัญลักษณ์ที่มอบให้กับโรงแรมที่พักในประเทศไทย เมื่อวันที่ 25 ก.ย. ที่ผ่านมา หลังจากแนะนำที่พักมากกว่า 6,000 แห่งใน 120 ประเทศ โดยวัดจาก 1. ราคาเหมาะสมกับคุณภาพและประสบการณ์ที่ได้รับ 2. มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สะท้อนถึงคุณลักษณะดั้งเดิมของโรงแรมที่พัก 3. คุณภาพและความสม่ำเสมอในการให้บริการ รวมถึงความสะดวกสบายและการบำรุงรักษา 4. สถาปัตยกรรมและการออกแบบตกแต่งภายใน และ 5. เป็นจุดหมายปลายทางในตัวเอง มีส่วนนำเสนอความเป็นท้องถิ่น ปรากฎว่าในปี 2567 มีโรงแรมในประเทศไทยได้รางวัล 58 แห่ง โดยรางวัลกุญแจ 3 ดอก มี 8 แห่ง ได้แก่ แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ, เดอะ สยาม กรุงเทพฯ, กีมาลา จ.ภูเก็ต, อมันปุรี จ.ภูเก็ต, โฟร์ซีซั่นส์ รีสอร์ต จ.เชียงใหม่, โซเนวา คีรี รีสอร์ท เกาะกูด จ.ตราด, ซามูจาน่า วิลล่า เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี และ ภูเล เบย์ อะ ริทซ์-คาร์ลตัน รีเซิร์ฟ จ.กระบี่ ส่วนรางวัลกุญแจ 2 ดอก มี 19 แห่ง และรางวัลกุญแจ 1 ดอก มี 31 แห่ง แม้โรงแรมที่ได้รับรางวัลมิชลินคีย์ เป็นคนละรางวัลกับโรงแรมที่มีร้านอาหารรางวัลดาวมิชลิน แต่ก็มีโรงแรมได้ทั้งมิชลินคีย์และมิชลินไกด์ปี 2566 อาทิ แมนดาริน โอเรียนเต็ล กรุงเทพฯ (3 ดอก) มีร้านเลอ นอร์ม็องดี บาย อลัง รูซ์ (2 ดาว), ดิ โอกุระ เพรสทีจ กรุงเทพฯ (2 ดอก) มีร้านเอเลเมนท์ อินสไปร์ บาย เซล เบลอ (1 ดาว), โคโม เมโทรโพลิแทน กรุงเทพฯ (1 ดอก) มีห้องอาหารน้ำ (1 ดาว), ตรีสรา จ.ภูเก็ต (1 ดอก) มีร้านพรู (1 ดาว) เป็นต้น สำหรับคู่มือมิชลินไกด์ ฉบับประจำปีครั้งที่ 8 (2025) มีกำหนดเปิดตัวในช่วงปลายปี 2567 โดยได้เพิ่มร้านอาหารจังหวัดชลบุรี ต่อจากกรุงเทพฯ, ภูเก็ต-พังงา, เชียงใหม่, พระนครศรีอยุธยา, ภาคอีสาน 4 จังหวัด (นครราชสีมา อุบลราชธานี อุดรธานี ขอนแก่น) และเกาะสมุย-สุราษฎร์ธานี โครงการ The Michelin Guide Thailand มีการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เป็นเจ้าของโครงการ เปิดตัวครั้งแรกเมื่อปี 2560 ทำข้อตกลงสัญญา 5 ปีกับบริษัท Michelin Travel Partner France วงเงิน 4.1 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อมาวันที่ 5 ต.ค. 2564 คณะรัฐมนตรีอนุมัติให้ ททท. ก่อหนี้ผูกพันสนับสนุนการจัดโครงการฯ ประจำปี 2565-2569 วงเงิน 4.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 135.3 ล้านบาท) โดยแบ่งจ่ายเป็นรายปี ปีละ 820,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 27.06 ล้านบาท) #Newskit #MichelinKey #MichelinGuideThailand
    Like
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1134 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุทยานฯภูหินร่องกล้า อดีตพื้นที่ "สีแดง" ปัจุบันมีแต่ความงามสีเขียว

    ในช่วงปี พ.ศ. 2511-2525 “ภูหินร่องกล้า” หรือ “ภูร่องกล้า” นอกจากจะเป็นป่าเขารกชัฏแล้ว ยังถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ "สีแดง" ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายระหว่างการสู้รบของคน 2 กลุ่ม คือ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.) กับ ฝ่ายความมั่นคง

    บทสรุปของการสู้รบไม่ปรากฏผลแพ้-ชนะ เพราะสุดท้ายฝ่ายความมั่นคงประกาศนโยบาย 66/2523 และ 65/2525 ที่ใช้การเมืองนำการทหาร เปิดโอกาสให้เหล่านักศึกษาประชาชนที่หนีเข้าป่า กลับคืนสู่เมืองมาช่วยกันพัฒนาชาติไทย
    หลังจากนั้นมาดินแดนภูหินร่องกล้าก็ได้รับการประกาศจัดตั้งเป็น “อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า” อุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 48 ของประเทศไทย ในวันที่ 26 ก.ค. 2527 มีพื้นที่ประมาณ 191,875 ไร่ ครอบคลุม 3 จังหวัดคือ เลย(อ.ด่านซ้าย) เพชรบูรณ์(อ.หล่มสัก) และ พิษณุโลก(อ.นครไทย)

    นับแต่นั้นมาอีกไม่นานจากดินแดนที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งการต่อสู้ ก็กลับกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามไปด้วยธรรมชาติที่หลากหลาย ทั้ง ป่าไม้ น้ำตก ภูผา หินรูปร่างแปลกตา และรอยอดีตแห่งประวัติศาสตร์ในยุคสมรภูมิเดือด ซึ่งในหน้าฝนอย่างนี้ภูหินร่องกล้าได้แสดงศักยภาพแห่งป่าไพรออกมาอย่างเต็มเปี่ยม ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางโรแมนติกฉ่ำฝนที่นอกจากจะเต็มไปด้วยทิวทัศน์อันงดงามแล้ว บางวันยังมีสายหมอกฝนขาวโพลนให้เราได้ สัมผัสกันอย่างจุใจ

    ในพื้นที่ภูหินร่องกล้ายังมี “โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า” เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวน่าสนใจ ที่นี่มีแปลงปลูกไม้ดอก ไม้เมืองหนาว หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ สตรอเบอร์รี่ พันธุ์ 80 รสสุดหวานฉ่ำ มีต้นนางพญาเสือโคร่งที่จะออกดอกชมพูสะพรั่งในช่วงราวเดือน ธ.ค.-ม.ค.ของทุกฤดูกาล ส่วนในช่วงเดือน ต.ค.-ก.พ.จะมีทุ่งดอกกระดาษออกดอกสวยงามไปทั่วบริเวณริมผา(ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดคือ พ.ย.-ม.ค.)
    ส่วนอีกหนึ่งจุดที่เป็นไฮไลท์ของสถานที่แห่งนี้ก็คือบรรดาหน้าผาชมวิวชื่อสุดกิ๊บเก๋ มีทั้ง “ผาไททานิค”, “ผาพบรัก,“ผาบอกรัก”, “ผาคู่รัก”, “ผารักยืนยง” และ“ผาสลัดรัก” ที่เป็นหน้าผาตั้งไล่เรียงไป มีโขดหินให้เดินไปยืนชมทัศนียภาพอันงดงามของขุนเขาผืนป่าใหญ่ ซึ่งเราสามารถมาเที่ยวชมความงามได้ทั้งปีในบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป

    ลานหินปุ่ม-ผาชูธง-ซันแครก

    นอกจากแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แล้ว ภูหินร่องกล้ายังโดดเด่นไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันสวยงามหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น “ลานหินแตก” กับลักษณะของธรรมชาติอันแปลกตาของลานหินกว้างมีรอยแตกคล้ายแผ่นดินแยก, “น้ำตกหมันแดง” น้ำตกงาม 13 ชั้น ที่ในช่วงกลางฤดูฝนราวเดือนสิงหาคมจะสวยงามไปด้วย “ดอกลิ้นมังกร” ที่ออกดอกบานสีชมพูสะพรั่งขึ้นกระจายอยู่ตามโขดหินบริเวณธารน้ำตก โดยเฉพาะที่บริเวณโขดหินด้านหน้าของน้ำตกชั้นที่ 5 จะเป็นจุดที่พบดอกลิ้นมังกรบานหนาแน่นมากที่สุด

    “ลานหินปุ่ม” จุดไฮไลท์สำคัญที่เป็นดังสัญลักษณ์ของภูหินร่องกล้า กับลานหินขนาดย่อมริมหน้าผาที่มีรูปร่างลักษณะอันแปลกประหลาด เป็นลานกว้างแล้วมีหินเป็นลูกกลมมนผุดขึ้นมาเป็นลูกๆปุ่มๆละลานเต็มไปหมด สันนิษฐานว่าลานหินปุ่มเกิดจากการโก่งตัวของเปลือกโลก แล้วเกิดการสึกกร่อนพร้อมถูกลมฝนกระทำขัดเกลา จนเกิดเป็นลานหินปุ่มขึ้นมา
    นอกจากนี้ลานหินปุ่มยังเป็นจุดชมวิวชั้นดี กับทิวทัศน์เบื้องล่างอันสวยงามกว้างไกล นับเป็นอีกจุดถ่ายรูปอันโดดเด่นกับเอกลักษณะเฉพาะตัวของปุ่มหินประหลาดที่ไมเหมือนใครและไม่มีใครเหมือน

    “ผาชูธง” หน้าผาสูงที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างสวยงามกว้างไกล โดยเฉพาะจุดชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นที่สวยงามไม่เป็นรองใคร ผาชูธงในอดีตเคยเป็นจุดที่ พคท. เมื่อรบชนะทหารไทยจะขึ้นไปชูธงแดงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ ส่วนปัจจุบันบนผามีธงชาติไทยปักอยู่

    ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า 0 5535 6607,081-5965977 และสามารถสอบถามข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในจังหวัด พิษณุโลก-เพชรบูรณ์ เพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานพิษณุโลก(พื้นที่รับผิดชอบ พิษณุโลก,เพชรบูรณ์) โทร.0-5525-2742-3, 0-5525-9907

    #ภูหินร่องกล้า
    #พิษณุโลก
    #ท่องเที่ยว

    ขอขอบคุณข้อมูลจาก
    https://mgronline.com/travel/detail/9600000072287
    อุทยานฯภูหินร่องกล้า อดีตพื้นที่ "สีแดง" ปัจุบันมีแต่ความงามสีเขียว ในช่วงปี พ.ศ. 2511-2525 “ภูหินร่องกล้า” หรือ “ภูร่องกล้า” นอกจากจะเป็นป่าเขารกชัฏแล้ว ยังถือเป็นหนึ่งในพื้นที่ "สีแดง" ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายแห่งความตายระหว่างการสู้รบของคน 2 กลุ่ม คือ พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย(พคท.) กับ ฝ่ายความมั่นคง บทสรุปของการสู้รบไม่ปรากฏผลแพ้-ชนะ เพราะสุดท้ายฝ่ายความมั่นคงประกาศนโยบาย 66/2523 และ 65/2525 ที่ใช้การเมืองนำการทหาร เปิดโอกาสให้เหล่านักศึกษาประชาชนที่หนีเข้าป่า กลับคืนสู่เมืองมาช่วยกันพัฒนาชาติไทย หลังจากนั้นมาดินแดนภูหินร่องกล้าก็ได้รับการประกาศจัดตั้งเป็น “อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า” อุทยานแห่งชาติ ลำดับที่ 48 ของประเทศไทย ในวันที่ 26 ก.ค. 2527 มีพื้นที่ประมาณ 191,875 ไร่ ครอบคลุม 3 จังหวัดคือ เลย(อ.ด่านซ้าย) เพชรบูรณ์(อ.หล่มสัก) และ พิษณุโลก(อ.นครไทย) นับแต่นั้นมาอีกไม่นานจากดินแดนที่อบอวลไปด้วยกลิ่นอายแห่งการต่อสู้ ก็กลับกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่งดงามไปด้วยธรรมชาติที่หลากหลาย ทั้ง ป่าไม้ น้ำตก ภูผา หินรูปร่างแปลกตา และรอยอดีตแห่งประวัติศาสตร์ในยุคสมรภูมิเดือด ซึ่งในหน้าฝนอย่างนี้ภูหินร่องกล้าได้แสดงศักยภาพแห่งป่าไพรออกมาอย่างเต็มเปี่ยม ถือเป็นอีกหนึ่งเส้นทางโรแมนติกฉ่ำฝนที่นอกจากจะเต็มไปด้วยทิวทัศน์อันงดงามแล้ว บางวันยังมีสายหมอกฝนขาวโพลนให้เราได้ สัมผัสกันอย่างจุใจ ในพื้นที่ภูหินร่องกล้ายังมี “โครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริภูหินร่องกล้า” เป็นอีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวน่าสนใจ ที่นี่มีแปลงปลูกไม้ดอก ไม้เมืองหนาว หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นกาแฟ สตรอเบอร์รี่ พันธุ์ 80 รสสุดหวานฉ่ำ มีต้นนางพญาเสือโคร่งที่จะออกดอกชมพูสะพรั่งในช่วงราวเดือน ธ.ค.-ม.ค.ของทุกฤดูกาล ส่วนในช่วงเดือน ต.ค.-ก.พ.จะมีทุ่งดอกกระดาษออกดอกสวยงามไปทั่วบริเวณริมผา(ช่วงเวลาที่สวยงามที่สุดคือ พ.ย.-ม.ค.) ส่วนอีกหนึ่งจุดที่เป็นไฮไลท์ของสถานที่แห่งนี้ก็คือบรรดาหน้าผาชมวิวชื่อสุดกิ๊บเก๋ มีทั้ง “ผาไททานิค”, “ผาพบรัก,“ผาบอกรัก”, “ผาคู่รัก”, “ผารักยืนยง” และ“ผาสลัดรัก” ที่เป็นหน้าผาตั้งไล่เรียงไป มีโขดหินให้เดินไปยืนชมทัศนียภาพอันงดงามของขุนเขาผืนป่าใหญ่ ซึ่งเราสามารถมาเที่ยวชมความงามได้ทั้งปีในบรรยากาศที่แตกต่างกันออกไป ลานหินปุ่ม-ผาชูธง-ซันแครก นอกจากแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์แล้ว ภูหินร่องกล้ายังโดดเด่นไปด้วยแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติอันสวยงามหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น “ลานหินแตก” กับลักษณะของธรรมชาติอันแปลกตาของลานหินกว้างมีรอยแตกคล้ายแผ่นดินแยก, “น้ำตกหมันแดง” น้ำตกงาม 13 ชั้น ที่ในช่วงกลางฤดูฝนราวเดือนสิงหาคมจะสวยงามไปด้วย “ดอกลิ้นมังกร” ที่ออกดอกบานสีชมพูสะพรั่งขึ้นกระจายอยู่ตามโขดหินบริเวณธารน้ำตก โดยเฉพาะที่บริเวณโขดหินด้านหน้าของน้ำตกชั้นที่ 5 จะเป็นจุดที่พบดอกลิ้นมังกรบานหนาแน่นมากที่สุด “ลานหินปุ่ม” จุดไฮไลท์สำคัญที่เป็นดังสัญลักษณ์ของภูหินร่องกล้า กับลานหินขนาดย่อมริมหน้าผาที่มีรูปร่างลักษณะอันแปลกประหลาด เป็นลานกว้างแล้วมีหินเป็นลูกกลมมนผุดขึ้นมาเป็นลูกๆปุ่มๆละลานเต็มไปหมด สันนิษฐานว่าลานหินปุ่มเกิดจากการโก่งตัวของเปลือกโลก แล้วเกิดการสึกกร่อนพร้อมถูกลมฝนกระทำขัดเกลา จนเกิดเป็นลานหินปุ่มขึ้นมา นอกจากนี้ลานหินปุ่มยังเป็นจุดชมวิวชั้นดี กับทิวทัศน์เบื้องล่างอันสวยงามกว้างไกล นับเป็นอีกจุดถ่ายรูปอันโดดเด่นกับเอกลักษณะเฉพาะตัวของปุ่มหินประหลาดที่ไมเหมือนใครและไม่มีใครเหมือน “ผาชูธง” หน้าผาสูงที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้อย่างสวยงามกว้างไกล โดยเฉพาะจุดชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นที่สวยงามไม่เป็นรองใคร ผาชูธงในอดีตเคยเป็นจุดที่ พคท. เมื่อรบชนะทหารไทยจะขึ้นไปชูธงแดงเพื่อเป็นสัญลักษณ์ ส่วนปัจจุบันบนผามีธงชาติไทยปักอยู่ ผู้สนใจสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า 0 5535 6607,081-5965977 และสามารถสอบถามข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร และการเดินทางในจังหวัด พิษณุโลก-เพชรบูรณ์ เพิ่มเติมได้ที่ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) สำนักงานพิษณุโลก(พื้นที่รับผิดชอบ พิษณุโลก,เพชรบูรณ์) โทร.0-5525-2742-3, 0-5525-9907 #ภูหินร่องกล้า #พิษณุโลก #ท่องเที่ยว ขอขอบคุณข้อมูลจาก https://mgronline.com/travel/detail/9600000072287
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1125 มุมมอง 0 รีวิว