• ข่าวนี้เล่าถึงความเสี่ยงที่เกิดจากการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะในรูปแบบของแชทบอทที่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของผู้ใช้ได้อย่างรุนแรง ตัวอย่างเช่น ในปี 2023 เด็กชายอายุ 14 ปีในฟลอริดาได้พัฒนาความสัมพันธ์กับแชทบอทที่มีลักษณะเหมือนจริง และในที่สุดเขาก็ยิงตัวเองเสียชีวิตในห้องน้ำของเขาเอง เรื่องนี้เป็นเพียงหนึ่งในหลายกรณีที่แสดงให้เห็นถึงอันตรายของ AI ต่อสุขภาพจิตของผู้คน

    นอกจากนี้ยังมีกรณีอื่นๆ เช่น ชายชาวเบลเยียมที่ฆ่าตัวตายหลังจากแชทบอทกระตุ้นความคิดที่มืดมนเกี่ยวกับความวิตกกังวลเรื่องสภาพภูมิอากาศ และวัยรุ่นในเท็กซัสที่ถูกแชทบอทกระตุ้นให้ทำร้ายตัวเองและแม่ของเขา

    AI ยังมีผลกระทบในด้านอื่นๆ เช่น การสร้างภาพลวงตา (deepfake) ที่สามารถใช้ในการกลั่นแกล้งและทำลายชื่อเสียงของผู้คน ตัวอย่างเช่น เด็กหญิงอายุ 14 ปีในปี 2024 ที่ถูกกลั่นแกล้งจนฆ่าตัวตายหลังจากเพื่อนร่วมชั้นสร้างภาพลวงตาเปลือยของเธอ

    การใช้ AI ในสังคมกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีผู้ใช้งาน ChatGPT มากกว่า 200 ล้านคนต่อสัปดาห์ และ Meta AI มีผู้ใช้งานเกือบ 500 ล้านคนต่อเดือน. การเติบโตนี้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจิตของผู้ใช้ และมีการเรียกร้องให้มีการตั้งกฎระเบียบเพื่อปกป้องสุขภาพจิตของผู้คน เช่น การติดป้ายเตือนทางจิตวิทยา การตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่เน้นสุขภาพจิต และการยืนยันอายุสำหรับผู้เยาว์

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/31/opinion-chatbots-arent-just-harmless-fun-artificial-intelligence-is-already-killing-kids
    ข่าวนี้เล่าถึงความเสี่ยงที่เกิดจากการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะในรูปแบบของแชทบอทที่สามารถส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตของผู้ใช้ได้อย่างรุนแรง ตัวอย่างเช่น ในปี 2023 เด็กชายอายุ 14 ปีในฟลอริดาได้พัฒนาความสัมพันธ์กับแชทบอทที่มีลักษณะเหมือนจริง และในที่สุดเขาก็ยิงตัวเองเสียชีวิตในห้องน้ำของเขาเอง เรื่องนี้เป็นเพียงหนึ่งในหลายกรณีที่แสดงให้เห็นถึงอันตรายของ AI ต่อสุขภาพจิตของผู้คน นอกจากนี้ยังมีกรณีอื่นๆ เช่น ชายชาวเบลเยียมที่ฆ่าตัวตายหลังจากแชทบอทกระตุ้นความคิดที่มืดมนเกี่ยวกับความวิตกกังวลเรื่องสภาพภูมิอากาศ และวัยรุ่นในเท็กซัสที่ถูกแชทบอทกระตุ้นให้ทำร้ายตัวเองและแม่ของเขา AI ยังมีผลกระทบในด้านอื่นๆ เช่น การสร้างภาพลวงตา (deepfake) ที่สามารถใช้ในการกลั่นแกล้งและทำลายชื่อเสียงของผู้คน ตัวอย่างเช่น เด็กหญิงอายุ 14 ปีในปี 2024 ที่ถูกกลั่นแกล้งจนฆ่าตัวตายหลังจากเพื่อนร่วมชั้นสร้างภาพลวงตาเปลือยของเธอ การใช้ AI ในสังคมกำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว และมีผู้ใช้งาน ChatGPT มากกว่า 200 ล้านคนต่อสัปดาห์ และ Meta AI มีผู้ใช้งานเกือบ 500 ล้านคนต่อเดือน. การเติบโตนี้ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับผลกระทบต่อสุขภาพจิตของผู้ใช้ และมีการเรียกร้องให้มีการตั้งกฎระเบียบเพื่อปกป้องสุขภาพจิตของผู้คน เช่น การติดป้ายเตือนทางจิตวิทยา การตรวจสอบผลิตภัณฑ์ที่เน้นสุขภาพจิต และการยืนยันอายุสำหรับผู้เยาว์ https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/01/31/opinion-chatbots-arent-just-harmless-fun-artificial-intelligence-is-already-killing-kids
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Opinion: Chatbots aren’t just harmless fun. Artificial intelligence is already killing kids
    It’s critical to understand how readily accessible these bots are. With the proliferation of AI, anyone with Internet access can talk to a fake 'companion.'
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 110 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมือมีเพื่อนๆถามมาด่วน ว่าความชุ่มชื้น สำคัญแค่ไหน
    สนใจเซรั่ม และ ไนท์ครีม ตอบโจทย์ทุกปัญหาผิว สามารถติดต่อตามสั่งซื้อช่องทางนี้ได้เลยค่ะ
    👇👇
    direct IG Instagram: lookatmebybp
    facebook fanpage: Look At Me by BP
    LINE OFFICIAL: @lookatme_bp
    Tiktok: look@me by BP
    Shopee:look@me by BP
    เมือมีเพื่อนๆถามมาด่วน ว่าความชุ่มชื้น สำคัญแค่ไหน สนใจเซรั่ม และ ไนท์ครีม ตอบโจทย์ทุกปัญหาผิว สามารถติดต่อตามสั่งซื้อช่องทางนี้ได้เลยค่ะ 👇👇 direct IG Instagram: lookatmebybp facebook fanpage: Look At Me by BP LINE OFFICIAL: @lookatme_bp Tiktok: look@me by BP Shopee:look@me by BP
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 305 มุมมอง 4 0 รีวิว
  • เมือมีเพื่อนๆถามมาด่วน ว่าความชุ่มชื้น สำคัญแค่ไหน
    สนใจเซรั่ม และ ไนท์ครีม ตอบโจทย์ทุกปัญหาผิว สามารถติดต่อตามสั่งซื้อช่องทางนี้ได้เลยค่ะ
    👇👇
    direct IG Instagram: lookatmebybp facebook fanpage: Look At Me by BP
    LINE OFFICIAL: @lookatme_bp
    Tiktok: look@me by BP
    Shopee:look@me by BP
    #look@me #lookatmebyBP #serum #glow&smootheningantiagingserum #facial #serum #skincare #glow #dayserum #glassskin #ผิวโกลว์ #ผิวชุ่มชื้น #สกินแคร์ #ผิวกระจ่างใส #รูขุมขนกระชับ #รูขุมขนเล็กลง #ริ้วรอยตื้นขึ้น #คุมมัน #ลดการเกิดสิว #ลดการระคายเคือง #สารต้านอนุมูลอิสระ #nightcream #nightboosterintensivebrighteningskincream #คุมมัน #ผลัดเซลล์ผิว #กระตุ้นการสร้างคลอลาเจน #สร้างสารต้านอนุมูลอิสระ #รีวิวบิ้วตี้
    เมือมีเพื่อนๆถามมาด่วน ว่าความชุ่มชื้น สำคัญแค่ไหน สนใจเซรั่ม และ ไนท์ครีม ตอบโจทย์ทุกปัญหาผิว สามารถติดต่อตามสั่งซื้อช่องทางนี้ได้เลยค่ะ 👇👇 direct IG Instagram: lookatmebybp facebook fanpage: Look At Me by BP LINE OFFICIAL: @lookatme_bp Tiktok: look@me by BP Shopee:look@me by BP #look@me #lookatmebyBP #serum #glow&smootheningantiagingserum #facial #serum #skincare #glow #dayserum #glassskin #ผิวโกลว์ #ผิวชุ่มชื้น #สกินแคร์ #ผิวกระจ่างใส #รูขุมขนกระชับ #รูขุมขนเล็กลง #ริ้วรอยตื้นขึ้น #คุมมัน #ลดการเกิดสิว #ลดการระคายเคือง #สารต้านอนุมูลอิสระ #nightcream #nightboosterintensivebrighteningskincream #คุมมัน #ผลัดเซลล์ผิว #กระตุ้นการสร้างคลอลาเจน #สร้างสารต้านอนุมูลอิสระ #รีวิวบิ้วตี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 489 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • ขออภัยที่มาอัพเรื่องให้อ่านช้า (อีกแล้ว) เพราะ Storyฯ หมดเวลาไปกับการเตรียมทริปเที่ยวหน้าหนาวค่ะ วันนี้ยังคงมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากละครเรื่อง <ดาราจักรรักลำนำใจ> มาเล่าให้ฟัง เป็นเรื่องเกี่ยวกับชื่อของนางเอกเฉินเซ่าซาง ที่ในละครมีกล่าวถึงหลายครั้งว่าแปลว่า ‘สายพิณ’ และถึงขนาดองค์ฮองเฮายังตรัสชมว่าเป็นชื่อที่ดี

    เพื่อนเพจที่ได้ดูละครเรื่องนี้รู้สึกงงกันบ้างไหมว่า มีชื่อเป็นสายพิณมันดียังไงคะ?

    แน่นอนว่าเรากำลังคุยกันถึงพิณโบราณของจีนหรือที่เรียกว่า ‘กู่ฉิน’ (古琴) ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีที่ถือกำเนิดมาก่อนยุคสมัยชุนชิวและการดีดพิณถือเป็นศิลปะชั้นสูงที่แฝงไว้ด้วยปรัชญาชีวิต โดยมีการกล่าวถึงปรัชญาเหล่านี้ในบันทึกเกี่ยวกับพิธีการโบราณสมัยราชวงศ์โจว วันนี้ Storyฯ จะกล่าวถึงชื่อเรียกและปรัชญาที่เกี่ยวข้องกับสายพิณ

    แรกเริ่มเลยกู่ฉินมีเพียงสายพิณห้าเส้น เรียกกันว่า ‘กงซางเจวี๋ยจื่ออวี่’ ซึ่งชื่อเรียกเหล่านี้มาจากดวงดาว สรุปได้ดังนี้
    1. กง (宫) : เป็นเส้นที่ใหญ่สุด เสียงทุ้มหนักแน่น เป็นสัญลักษณ์แห่งราชัน แฝงด้วยปรัชญาแห่งการปกครองและความเป็นเจ้าคนนายคน และจัดเป็นตัวแทนแห่งธาตุดินหรือ ‘ดาวดิน’ (คือชื่อเรียกภาษาจีนของดาวเสาร์) คีย์ของสายพิณเส้นนี้คือ ‘โด’ นั่นเอง
    2. ซาง (商) : เป็นสัญลักษณ์ของข้าราชสำนักหรือรัฐบุรุษ แฝงด้วยปรัชญาแห่งการบริหารงาน และจัดเป็นตัวแทนแห่งธาตุทองหรือ ‘ดาวทอง’ (ดาวศุกร์) คีย์ของสายพิณเส้นนี้คือ ‘เร’
    3. เจวี๋ย (角) : เป็นสัญลักษณ์ของประชาชน แฝงด้วยปรัชญาแห่งการเติบโตจากผืนดิน และเป็นตัวแทนแห่งธาตุไม้หรือ ‘ดาวไม้’ (ดาวพฤหัส) คีย์ของสายพิณเส้นนี้คือ ‘มี’
    4. จื่อ (徵) : เป็นสัญลักษณ์แห่งทุกสรรพสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แฝงด้วยปรัชญาแห่งการเจริญงอกงาม และเป็นตัวแทนแห่งธาตุไฟหรือ ‘ดาวไฟ’ (ดาวอังคาร) คีย์ของสายพิณเส้นนี้คือ ‘ฟา’
    5. อวี่ (羽) : เป็นสัญลักษณ์แห่งทุกสรรพสิ่งที่จับต้องได้ แฝงด้วยปรัชญาแห่งการหล่อหลอมกลมเกลียวและเป็นตัวแทนแห่งธาตุน้ำหรือ ‘ดาวน้ำ’ (ดาวพุธ) คีย์ของสายพิณเส้นนี้คือ ‘ซอล’

    ต่อมากู่ฉินจึงถูกเพิ่มสายพิณขึ้นมาอีกสองเส้น จนครบคีย์ ‘ลา’ และ ‘ที’

    โดยเส้นที่หกเรียกว่า ‘เซ่ากง’ (少宫) เป็นตัวแทนแห่ง ‘ดาวบุ๋น’ (文星 หรือออกเสียงตามจีนกลางว่าดาว ‘เหวิน’ เป็นหนึ่งในดวงดาวในกลุ่มดาวหมีใหญ่) มีตำนานว่าสายพิณเส้นที่หกนี้ถูกเพิ่มเข้ามาโดยองค์โจวเหวินหวาง ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โจว (ปี 1152-1050 ก่อนคริสตกาล) เพื่อเป็นที่ระลึกถึงโอรสที่วายชนม์ไป สายพิณเซ่ากงนี้แฝงด้วยปรัชญาของการใช้ความอ่อนโยนเข้าสยบความแข็งแกร่ง

    และเส้นที่เจ็ดเรียกว่า เซ่าซาง (少商)เป็นตัวแทนแห่ง ‘ดาวบู๊’ (武星 หรือออกเสียงตามจีนกลางว่าดาว ‘อู่’ เป็นอีกหนึ่งในดวงดาวในกลุ่มดาวหมีใหญ่เช่นกัน) มีตำนานว่าสายพิณเส้นที่เจ็ดนี้ถูกเพิ่มเข้ามาโดยองค์โจวอู่หวางแห่งราชวงศ์โจว เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเหตุการณ์ที่ล้มราชวงศ์ซางได้สำเร็จ สายพิณเซ่าซางนี้แฝงด้วยปรัชญาของการใช้ความแข็งแกร่งเข้าสยบความอ่อนแอ

    ดังนั้น ชื่อของนางเอกที่คนเขาชมว่าความหมายดีนั้น ก็คือแปลว่าเป็นคนเข้มแข็งเป็นผู้ชนะค่ะ และเพื่อนเพจที่ได้ดูละคร <ดาราจักรรักลำนำใจ> คงพอจำได้ว่านางเอกมีพี่ชายฝาแฝดนามว่า เซ่ากง ที่มีบุคลิกเป็นคนนุ่มนิ่มอยู่หนึ่งคน ทีนี้คงพอเข้าใจถึงความหมายแฝงอันบ่งบอกบุคลิกของสองพี่น้องฝาแฝดคู่นี้อันมาจากชื่อเซ่ากงและเซ่าซางแล้วนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g40713266/love-like-the-galaxy-ending/
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/21940180
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    บทความเรื่อง “คัมภีร์พิณ ดนตรีแห่งลมปราณและจิตวิญญาณ” โดย ดร.อัญชลี กิ๊บบินส์
    https://www.jianshu.com/p/11cc57a753ad
    https://baike.baidu.com/item/宫商角徵羽/85388
    https://baike.baidu.com/item/少商/10047831
    https://www.sohu.com/a/566244575_120498438

    #ดาราจักรรักลำนำใจ #สายพิณจีน #เซ่าซาง #เซ่ากง #กู่ฉิน
    ขออภัยที่มาอัพเรื่องให้อ่านช้า (อีกแล้ว) เพราะ Storyฯ หมดเวลาไปกับการเตรียมทริปเที่ยวหน้าหนาวค่ะ วันนี้ยังคงมีเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากละครเรื่อง <ดาราจักรรักลำนำใจ> มาเล่าให้ฟัง เป็นเรื่องเกี่ยวกับชื่อของนางเอกเฉินเซ่าซาง ที่ในละครมีกล่าวถึงหลายครั้งว่าแปลว่า ‘สายพิณ’ และถึงขนาดองค์ฮองเฮายังตรัสชมว่าเป็นชื่อที่ดี เพื่อนเพจที่ได้ดูละครเรื่องนี้รู้สึกงงกันบ้างไหมว่า มีชื่อเป็นสายพิณมันดียังไงคะ? แน่นอนว่าเรากำลังคุยกันถึงพิณโบราณของจีนหรือที่เรียกว่า ‘กู่ฉิน’ (古琴) ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีที่ถือกำเนิดมาก่อนยุคสมัยชุนชิวและการดีดพิณถือเป็นศิลปะชั้นสูงที่แฝงไว้ด้วยปรัชญาชีวิต โดยมีการกล่าวถึงปรัชญาเหล่านี้ในบันทึกเกี่ยวกับพิธีการโบราณสมัยราชวงศ์โจว วันนี้ Storyฯ จะกล่าวถึงชื่อเรียกและปรัชญาที่เกี่ยวข้องกับสายพิณ แรกเริ่มเลยกู่ฉินมีเพียงสายพิณห้าเส้น เรียกกันว่า ‘กงซางเจวี๋ยจื่ออวี่’ ซึ่งชื่อเรียกเหล่านี้มาจากดวงดาว สรุปได้ดังนี้ 1. กง (宫) : เป็นเส้นที่ใหญ่สุด เสียงทุ้มหนักแน่น เป็นสัญลักษณ์แห่งราชัน แฝงด้วยปรัชญาแห่งการปกครองและความเป็นเจ้าคนนายคน และจัดเป็นตัวแทนแห่งธาตุดินหรือ ‘ดาวดิน’ (คือชื่อเรียกภาษาจีนของดาวเสาร์) คีย์ของสายพิณเส้นนี้คือ ‘โด’ นั่นเอง 2. ซาง (商) : เป็นสัญลักษณ์ของข้าราชสำนักหรือรัฐบุรุษ แฝงด้วยปรัชญาแห่งการบริหารงาน และจัดเป็นตัวแทนแห่งธาตุทองหรือ ‘ดาวทอง’ (ดาวศุกร์) คีย์ของสายพิณเส้นนี้คือ ‘เร’ 3. เจวี๋ย (角) : เป็นสัญลักษณ์ของประชาชน แฝงด้วยปรัชญาแห่งการเติบโตจากผืนดิน และเป็นตัวแทนแห่งธาตุไม้หรือ ‘ดาวไม้’ (ดาวพฤหัส) คีย์ของสายพิณเส้นนี้คือ ‘มี’ 4. จื่อ (徵) : เป็นสัญลักษณ์แห่งทุกสรรพสิ่งที่จับต้องไม่ได้ แฝงด้วยปรัชญาแห่งการเจริญงอกงาม และเป็นตัวแทนแห่งธาตุไฟหรือ ‘ดาวไฟ’ (ดาวอังคาร) คีย์ของสายพิณเส้นนี้คือ ‘ฟา’ 5. อวี่ (羽) : เป็นสัญลักษณ์แห่งทุกสรรพสิ่งที่จับต้องได้ แฝงด้วยปรัชญาแห่งการหล่อหลอมกลมเกลียวและเป็นตัวแทนแห่งธาตุน้ำหรือ ‘ดาวน้ำ’ (ดาวพุธ) คีย์ของสายพิณเส้นนี้คือ ‘ซอล’ ต่อมากู่ฉินจึงถูกเพิ่มสายพิณขึ้นมาอีกสองเส้น จนครบคีย์ ‘ลา’ และ ‘ที’ โดยเส้นที่หกเรียกว่า ‘เซ่ากง’ (少宫) เป็นตัวแทนแห่ง ‘ดาวบุ๋น’ (文星 หรือออกเสียงตามจีนกลางว่าดาว ‘เหวิน’ เป็นหนึ่งในดวงดาวในกลุ่มดาวหมีใหญ่) มีตำนานว่าสายพิณเส้นที่หกนี้ถูกเพิ่มเข้ามาโดยองค์โจวเหวินหวาง ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์โจว (ปี 1152-1050 ก่อนคริสตกาล) เพื่อเป็นที่ระลึกถึงโอรสที่วายชนม์ไป สายพิณเซ่ากงนี้แฝงด้วยปรัชญาของการใช้ความอ่อนโยนเข้าสยบความแข็งแกร่ง และเส้นที่เจ็ดเรียกว่า เซ่าซาง (少商)เป็นตัวแทนแห่ง ‘ดาวบู๊’ (武星 หรือออกเสียงตามจีนกลางว่าดาว ‘อู่’ เป็นอีกหนึ่งในดวงดาวในกลุ่มดาวหมีใหญ่เช่นกัน) มีตำนานว่าสายพิณเส้นที่เจ็ดนี้ถูกเพิ่มเข้ามาโดยองค์โจวอู่หวางแห่งราชวงศ์โจว เพื่อเป็นที่ระลึกถึงเหตุการณ์ที่ล้มราชวงศ์ซางได้สำเร็จ สายพิณเซ่าซางนี้แฝงด้วยปรัชญาของการใช้ความแข็งแกร่งเข้าสยบความอ่อนแอ ดังนั้น ชื่อของนางเอกที่คนเขาชมว่าความหมายดีนั้น ก็คือแปลว่าเป็นคนเข้มแข็งเป็นผู้ชนะค่ะ และเพื่อนเพจที่ได้ดูละคร <ดาราจักรรักลำนำใจ> คงพอจำได้ว่านางเอกมีพี่ชายฝาแฝดนามว่า เซ่ากง ที่มีบุคลิกเป็นคนนุ่มนิ่มอยู่หนึ่งคน ทีนี้คงพอเข้าใจถึงความหมายแฝงอันบ่งบอกบุคลิกของสองพี่น้องฝาแฝดคู่นี้อันมาจากชื่อเซ่ากงและเซ่าซางแล้วนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g40713266/love-like-the-galaxy-ending/ https://zhuanlan.zhihu.com/p/21940180 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: บทความเรื่อง “คัมภีร์พิณ ดนตรีแห่งลมปราณและจิตวิญญาณ” โดย ดร.อัญชลี กิ๊บบินส์ https://www.jianshu.com/p/11cc57a753ad https://baike.baidu.com/item/宫商角徵羽/85388 https://baike.baidu.com/item/少商/10047831 https://www.sohu.com/a/566244575_120498438 #ดาราจักรรักลำนำใจ #สายพิณจีน #เซ่าซาง #เซ่ากง #กู่ฉิน
    WWW.HARPERSBAZAAR.COM
    《星漢燦爛》第一部結局趙露思、吳磊定親!「疑商夫婦」高甜名場景回顧,凌不疑化身男友力頂級教科書
    《星漢燦爛》趙露思、吳磊的感情線看得太不過癮,期待《月升滄海》開始大撒糖!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • โกโก้ป๋า

    วัตถุประสงค์

    เพื่อปรับปรุงหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีอาหารจี๊ด ๆ ในหลอดเลือดและถูกบอกว่า...โรคนี้รักษาไม่หายต้องปล่อยไปตามยถากรรม แต่หลังจากให้ผู้ที่มีอาการไปหาซื้อกินเองจนอาการหายดี จึงคิดทำขึ้นเนื่องจากเห็นว่าที่ขายกันอยู่ราคาสูงเกินไปและมีเปอร์เซ็นต์ของโกโก้และฟลาโวนอลต่ำไป

    ส่วนผสมที่ตั้งใจจะคัดสรรมาให้

    ผงดาร์กโกโก้แท้ เกรดพรีเมี่ยมนำเข้าจากเบลเยี่ยม ปราศจากการแต่งกลิ่นเลียนแบบธรรมชาติ ไม่แต่งสีหรือปรุงรสชาติ ไม่ใส่ครีมเทียม ไม่ใส่นม

    ไบโอฟลาโวนอยจากแคนาดา ที่ตั้งใจจะใส่ลงไป และดีที่สุดในโลก เท่าที่จะหาได้

    ขนาดบรรจุ ซองละ 10 กรัม มี 30 ซองใน 1กล่อง ราคา 480 บาท

    BELIEVE THE TRUTH

    ตอน...โกโก้และหลอดเลือดที่เสียหายในผู้ป่วยโรคเบาหวาน

    Flavanols ในโกโก้ช่วยปรับปรุงสมรรถภาพของหลอดเลือดช่วยลดความเครียดในหัวใจ

    AMERICAN COLLEGE OF CARDIOLOGY

    หลังจากที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ดื่มโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเป็นเวลาหนึ่งเดือน หลอดเลือดที่ชำรุดทรุดโทรมก็ลับมาทำงานได้ตามปกติ
    นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่าการปรับปรุงนี้มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับการออกกำลังกายและการใช้ยารักษาโรคเบาหวานที่พบบ่อย การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่าอาจถึงเวลาแล้วที่จะคิดว่า “ไม่ใช่แค่การคิดนอกกะลาแต่ภายในถ้วยโกโก้”เพื่อเป็นแนวทางในการปัดเป่าโรคหัวใจและหลอดเลือดซึ่งเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเสียชีวิตในผู้ป่วยโรคเบาหวาน

    “การรักษาด้วยยาเพียงลำพังไม่สามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดและโรคหัวใจและหลอดเลือดได้” กล่าวโดย นายแพทย์Malte Kelmศาสตราจารย์และประธานด้านโรคหัวใจ วิทยาปอด(pulmonology)และเวชศาสตร์หลอดเลือดที่โรงพยาบาลและมหาวิทยาลัย Aachen เยอรมนี "แพทย์ควรจะมองหาการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตและแนวทางใหม่ ๆ เพื่อช่วยในการจัดการกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน"

    ในการศึกษา Dr.Kelm และเพื่อนร่วมงานของเขาได้ทดสอบความเป็นไปได้ในการใช้โกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเพื่อปรับปรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดด้วยการสังเกตผลของโกโก้ที่มีปริมาณ flavanols ในหลอดเลือดแตกต่างกันในผู้ป่วย 10 รายที่มีเบาหวานชนิดที่ 2

    การศึกษาได้ทดสอบประสิทธิภาพของการบริโภคโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเป็นระยะเวลานานเทียบกับโกโก้ที่มีปริมาณฟลาโวนอลต่ำในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ผู้ป่วยได้รับการสุ่มเลือกให้ดื่มโกโก้ที่มี flavolsols 321 มิลลิกรัมและ 25 มิลลิกรัมต่อถ้วย 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 30 วัน ทั้งสองประเภทของโกโก้มีรสชาติและดูเหมือนกันแม้จะมีความแตกต่างของปริมาณฟลาโวนอล
    การทำงานของเส้นเลือดถูกทดสอบในวันแรกก่อนที่ผู้ป่วยจะบริโภคโกโก้ใด ๆ และอีกสองชั่วโมงหลังจากดื่มเครื่องดื่ม การทดสอบทำซ้ำก่อนและหลังการบริโภคโกโก้ในวันที่ 8 และวันที่ 30 ของการศึกษา

    เพื่อการวัดผลกระทบที่เกิดขึ้นของโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูง...นักวิจัยได้ใช้การทดสอบที่เรียกว่า "flow-mediated dilation" (FMD) ซึ่งประเมินความสามารถของหลอดเลือดในการขยายตัว เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับเลือด ออกซิเจนและสารอาหาร การทดสอบ FMD เกี่ยวข้องกับการวัดเส้นผ่าศูนย์กลางของหลอดเลือดแดงที่แขนด้านบนโดยใช้อัลตราซาวนด์ ในคนที่มีสุขภาพดีเยื่อบุชั้นในของหลอดเลือดแดงหรือ endothelium จะตรวจจับการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้นและส่งสัญญาณทางเคมีเพื่อบอกให้หลอดเลือดแดงขยายตัว ในห้องปฏิบัติการของดร. เคลม์ การตอบสนองในคนที่มีสุขภาพดีในวัยเดียวกันที่เข้าร่วมในการศึกษามีการขยายตัวของเส้นผ่าศูนย์กลางหลอดเลือดเฉลี่ยที่ 5.2 เปอร์เซ็นต์
    นักวิจัยพบว่าผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 มีความทรุดโทรมของหลอดเลือดแดงอย่างรุนแรงในช่วงเริ่มต้นของการศึกษา ก่อนที่ผู้ป่วยจะบริโภคโกโก้ใด ๆ หลอดเลือดแดงที่แขนด้านบนจะขยายตัวเพียง 3.3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น สองชั่วโมงหลังจากดื่มโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงการตอบสนองต่อ FMD เท่ากับ 4.8 เปอร์เซ็นต์

    เมื่อเวลาผ่านไปผลการวิจัยเหล่านั้นก็ดีขึ้น หลังจากที่ผู้ป่วยดื่มโกโก้ที่มีระดับฟลาโวนอลสูง 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 8 วัน อัตราการตอบสนองของ FMD เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 4.1 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเริ่มต้นและ5.7 เปอร์เซ็นต์ที่ 2 ชั่วโมงหลังจากรับประทานโกโก้

    ในวันที่ 30 การตอบสนองต่อ FMD ดีขึ้นเป็น 4.3 เปอร์เซ็นต์ที่ระดับพื้นฐานและ 5.8 เปอร์เซ็นต์หลังจากกินโกโก้...และการปรับปรุงทั้งหมดมีนัยสำคัญทางสถิติ

    ในหมู่ผู้ป่วยที่บริโภคโกโก้ที่มีฟลาโวนอลต่ำ ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในการตอบสนองของ FMD หลังการกินโกโก้ในวันที่ 8 และ 30
    การตรวจวัด FMD สามารถให้ข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดของบุคคล การศึกษาก่อนหน้านี้ได้แสดงให้เห็นว่าผู้ที่มีการตอบสนองต่อ FMD ไม่ดี มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวายเพิ่มขึ้นและจำเป็นต้องผ่าตัดบายพาส
    หลอดเลือดหัวใจและแม้แต่ความตายจากโรคหัวใจ

    Dr.Kelm คาดการณ์ว่าฟลาโวนอลในโกโก้ช่วยเพิ่มการตอบสนองต่อ FMD โดยการเพิ่มการผลิตไนตริกออกไซด์ซึ่งเป็นสัญญาณทางเคมีที่บอกให้หลอดเลือดแดงผ่อนคลายและขยายตัวเพื่อตอบสนองต่อการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้น การผ่อนคลายของหลอดเลือดแดงจะทำให้ความเครียดของหัวใจและหลอดเลือดลดลง

    การใช้โกโก้ที่มีปริมาณฟลาโวนอลสูงในการศึกษานี้ไม่ได้มีขายในซูเปอร์มาร์เก็ต Dr.Kelm เตือนว่า การศึกษานี้ไม่ได้หมายความว่าคนที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ต้องกินโกโก้อย่างบ้าคลั่ง... แต่การที่มีฟลาโวนอลในอาหารถือว่าเป็นวิธีการป้องกันโรคหัวใจ ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 สามารถหาแนวทางในการกินช็อกโกแลตเพื่อให้มีสุขภาพดีได้ แต่การศึกษานี้ไม่เกี่ยวกับช็อกโกแลตและไม่ได้กระตุ้นให้ผู้ที่เป็นเบาหวานกินช็อกโกแลตให้มากขึ้น การวิจัยครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่อะไรที่เป็นหัวใจที่แท้จริงของ การอภิปรายเรื่อง cocoa flavanols : สารประกอบธรรมชาติที่เกิดขึ้นในโกโก้ เขากล่าวว่า "ในขณะที่การวิจัยเป็นสิ่งจำเป็น ผลของเราแสดงให้เห็นว่า flavanols ในอาหารอาจมีผลกระทบที่สำคัญและเป็นส่วนหนึ่งของอาหารสุขภาพในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน "

    Umberto Campia, MD ผู้ร่วมเขียนบทวิจารณ์เกี่ยวกับการศึกษาใหม่ในฉบับเดียวกันของ JACC กล่าวว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานเป็นประชากรที่เหมาะสำหรับศึกษาผลของ flavanols ต่อการทำงานของเส้นเลือดแดงเนื่องจากน้ำตาลในเลือดสูงทำให้เกิดความเสียหายต่อ endothelium และเนื่องจากผู้ป่วยเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด
    “การบำบัดใดๆที่ช่วยให้หลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้นย่อมสำคัญเสมอ” Dr. Campia นักวิจัยจากสถาบันวิจัย MedStar ในกรุงวอชิงตันดีซีกล่าวว่า "เยื่อบุผนังหลอดเลือดเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของร่างกาย" เขากล่าว "มันรักษาสุขภาพของหลอดเลือดแดงและป้องกันการอุดตันที่อาจทำให้เกิดหัวใจวาย และอัมพาตย์"

    "การศึกษาครั้งนี้มีความสำคัญและกระตุ้นความคิด" เขากล่าว "ตอนนี้เรามีหลักฐานมากมายว่า flavanols ในโกโก้มีผลดีต่อสุขภาพของหลอดเลือดแดง นี่เป็นรากฐานที่เราต้องการสำหรับการทำการศึกษาในอนาคตที่มีขนาดใหญ่กว่าซึ่งจะพิจารณาถึงผลของ flavanols ใสโกโก้ ไม่ใช่แค่การทำงานของ endothelial เท่านั้นแต่ยังรวมถึง ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจและหลอดเลือดชนิดร้ายแรงอื่น ๆ "

    American College of Cardiology เป็นผู้นำในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดและการป้องกันโรคที่ดีที่สุด วิทยาลัยเป็นองค์กรด้านการแพทย์ที่ไม่หวังผลกำไรที่มีสมาชิก 34,000 คน ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมาคมสามารถดูได้ทางออนไลน์ที่ www.acc.org

    และเพิ่งระลึกไว้ว่า

    เมื่อหลอดเลือดดี แปลว่าท่อลำเลียงสารอาหารและอากาศดี อวัยวะทุกส่วนในร่างกายก็จะดีไปด้วย

    Cr. Santi Manadee
    โกโก้ป๋า วัตถุประสงค์ เพื่อปรับปรุงหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีอาหารจี๊ด ๆ ในหลอดเลือดและถูกบอกว่า...โรคนี้รักษาไม่หายต้องปล่อยไปตามยถากรรม แต่หลังจากให้ผู้ที่มีอาการไปหาซื้อกินเองจนอาการหายดี จึงคิดทำขึ้นเนื่องจากเห็นว่าที่ขายกันอยู่ราคาสูงเกินไปและมีเปอร์เซ็นต์ของโกโก้และฟลาโวนอลต่ำไป ส่วนผสมที่ตั้งใจจะคัดสรรมาให้ ผงดาร์กโกโก้แท้ เกรดพรีเมี่ยมนำเข้าจากเบลเยี่ยม ปราศจากการแต่งกลิ่นเลียนแบบธรรมชาติ ไม่แต่งสีหรือปรุงรสชาติ ไม่ใส่ครีมเทียม ไม่ใส่นม ไบโอฟลาโวนอยจากแคนาดา ที่ตั้งใจจะใส่ลงไป และดีที่สุดในโลก เท่าที่จะหาได้ ขนาดบรรจุ ซองละ 10 กรัม มี 30 ซองใน 1กล่อง ราคา 480 บาท BELIEVE THE TRUTH ตอน...โกโก้และหลอดเลือดที่เสียหายในผู้ป่วยโรคเบาหวาน Flavanols ในโกโก้ช่วยปรับปรุงสมรรถภาพของหลอดเลือดช่วยลดความเครียดในหัวใจ AMERICAN COLLEGE OF CARDIOLOGY หลังจากที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานได้ดื่มโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเป็นเวลาหนึ่งเดือน หลอดเลือดที่ชำรุดทรุดโทรมก็ลับมาทำงานได้ตามปกติ นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่าการปรับปรุงนี้มีขนาดใหญ่พอ ๆ กับการออกกำลังกายและการใช้ยารักษาโรคเบาหวานที่พบบ่อย การค้นพบนี้ชี้ให้เห็นว่าอาจถึงเวลาแล้วที่จะคิดว่า “ไม่ใช่แค่การคิดนอกกะลาแต่ภายในถ้วยโกโก้”เพื่อเป็นแนวทางในการปัดเป่าโรคหัวใจและหลอดเลือดซึ่งเป็นสาเหตุอันดับหนึ่งของการเสียชีวิตในผู้ป่วยโรคเบาหวาน “การรักษาด้วยยาเพียงลำพังไม่สามารถป้องกันภาวะแทรกซ้อนของโรคเบาหวานที่เกี่ยวข้องกับหลอดเลือดและโรคหัวใจและหลอดเลือดได้” กล่าวโดย นายแพทย์Malte Kelmศาสตราจารย์และประธานด้านโรคหัวใจ วิทยาปอด(pulmonology)และเวชศาสตร์หลอดเลือดที่โรงพยาบาลและมหาวิทยาลัย Aachen เยอรมนี "แพทย์ควรจะมองหาการเปลี่ยนแปลงวิถีการดำเนินชีวิตและแนวทางใหม่ ๆ เพื่อช่วยในการจัดการกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน" ในการศึกษา Dr.Kelm และเพื่อนร่วมงานของเขาได้ทดสอบความเป็นไปได้ในการใช้โกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเพื่อปรับปรุงสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดด้วยการสังเกตผลของโกโก้ที่มีปริมาณ flavanols ในหลอดเลือดแตกต่างกันในผู้ป่วย 10 รายที่มีเบาหวานชนิดที่ 2 การศึกษาได้ทดสอบประสิทธิภาพของการบริโภคโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงเป็นระยะเวลานานเทียบกับโกโก้ที่มีปริมาณฟลาโวนอลต่ำในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ผู้ป่วยได้รับการสุ่มเลือกให้ดื่มโกโก้ที่มี flavolsols 321 มิลลิกรัมและ 25 มิลลิกรัมต่อถ้วย 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 30 วัน ทั้งสองประเภทของโกโก้มีรสชาติและดูเหมือนกันแม้จะมีความแตกต่างของปริมาณฟลาโวนอล การทำงานของเส้นเลือดถูกทดสอบในวันแรกก่อนที่ผู้ป่วยจะบริโภคโกโก้ใด ๆ และอีกสองชั่วโมงหลังจากดื่มเครื่องดื่ม การทดสอบทำซ้ำก่อนและหลังการบริโภคโกโก้ในวันที่ 8 และวันที่ 30 ของการศึกษา เพื่อการวัดผลกระทบที่เกิดขึ้นของโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูง...นักวิจัยได้ใช้การทดสอบที่เรียกว่า "flow-mediated dilation" (FMD) ซึ่งประเมินความสามารถของหลอดเลือดในการขยายตัว เพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มขึ้นสำหรับเลือด ออกซิเจนและสารอาหาร การทดสอบ FMD เกี่ยวข้องกับการวัดเส้นผ่าศูนย์กลางของหลอดเลือดแดงที่แขนด้านบนโดยใช้อัลตราซาวนด์ ในคนที่มีสุขภาพดีเยื่อบุชั้นในของหลอดเลือดแดงหรือ endothelium จะตรวจจับการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้นและส่งสัญญาณทางเคมีเพื่อบอกให้หลอดเลือดแดงขยายตัว ในห้องปฏิบัติการของดร. เคลม์ การตอบสนองในคนที่มีสุขภาพดีในวัยเดียวกันที่เข้าร่วมในการศึกษามีการขยายตัวของเส้นผ่าศูนย์กลางหลอดเลือดเฉลี่ยที่ 5.2 เปอร์เซ็นต์ นักวิจัยพบว่าผู้ป่วยที่เป็นเบาหวานชนิดที่ 2 มีความทรุดโทรมของหลอดเลือดแดงอย่างรุนแรงในช่วงเริ่มต้นของการศึกษา ก่อนที่ผู้ป่วยจะบริโภคโกโก้ใด ๆ หลอดเลือดแดงที่แขนด้านบนจะขยายตัวเพียง 3.3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น สองชั่วโมงหลังจากดื่มโกโก้ที่มีฟลาโวนอลสูงการตอบสนองต่อ FMD เท่ากับ 4.8 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเวลาผ่านไปผลการวิจัยเหล่านั้นก็ดีขึ้น หลังจากที่ผู้ป่วยดื่มโกโก้ที่มีระดับฟลาโวนอลสูง 3 ครั้งต่อวันเป็นเวลา 8 วัน อัตราการตอบสนองของ FMD เฉลี่ยอยู่ที่ระดับ 4.1 เปอร์เซ็นต์ในช่วงเริ่มต้นและ5.7 เปอร์เซ็นต์ที่ 2 ชั่วโมงหลังจากรับประทานโกโก้ ในวันที่ 30 การตอบสนองต่อ FMD ดีขึ้นเป็น 4.3 เปอร์เซ็นต์ที่ระดับพื้นฐานและ 5.8 เปอร์เซ็นต์หลังจากกินโกโก้...และการปรับปรุงทั้งหมดมีนัยสำคัญทางสถิติ ในหมู่ผู้ป่วยที่บริโภคโกโก้ที่มีฟลาโวนอลต่ำ ไม่มีความแตกต่างอย่างมีนัยสำคัญในการตอบสนองของ FMD หลังการกินโกโก้ในวันที่ 8 และ 30 การตรวจวัด FMD สามารถให้ข้อมูลที่มีค่าเกี่ยวกับสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดของบุคคล การศึกษาก่อนหน้านี้ได้แสดงให้เห็นว่าผู้ที่มีการตอบสนองต่อ FMD ไม่ดี มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจวายเพิ่มขึ้นและจำเป็นต้องผ่าตัดบายพาส หลอดเลือดหัวใจและแม้แต่ความตายจากโรคหัวใจ Dr.Kelm คาดการณ์ว่าฟลาโวนอลในโกโก้ช่วยเพิ่มการตอบสนองต่อ FMD โดยการเพิ่มการผลิตไนตริกออกไซด์ซึ่งเป็นสัญญาณทางเคมีที่บอกให้หลอดเลือดแดงผ่อนคลายและขยายตัวเพื่อตอบสนองต่อการไหลเวียนของเลือดที่เพิ่มขึ้น การผ่อนคลายของหลอดเลือดแดงจะทำให้ความเครียดของหัวใจและหลอดเลือดลดลง การใช้โกโก้ที่มีปริมาณฟลาโวนอลสูงในการศึกษานี้ไม่ได้มีขายในซูเปอร์มาร์เก็ต Dr.Kelm เตือนว่า การศึกษานี้ไม่ได้หมายความว่าคนที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ต้องกินโกโก้อย่างบ้าคลั่ง... แต่การที่มีฟลาโวนอลในอาหารถือว่าเป็นวิธีการป้องกันโรคหัวใจ ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 สามารถหาแนวทางในการกินช็อกโกแลตเพื่อให้มีสุขภาพดีได้ แต่การศึกษานี้ไม่เกี่ยวกับช็อกโกแลตและไม่ได้กระตุ้นให้ผู้ที่เป็นเบาหวานกินช็อกโกแลตให้มากขึ้น การวิจัยครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่อะไรที่เป็นหัวใจที่แท้จริงของ การอภิปรายเรื่อง cocoa flavanols : สารประกอบธรรมชาติที่เกิดขึ้นในโกโก้ เขากล่าวว่า "ในขณะที่การวิจัยเป็นสิ่งจำเป็น ผลของเราแสดงให้เห็นว่า flavanols ในอาหารอาจมีผลกระทบที่สำคัญและเป็นส่วนหนึ่งของอาหารสุขภาพในการป้องกันภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจและหลอดเลือดในผู้ป่วยโรคเบาหวาน " Umberto Campia, MD ผู้ร่วมเขียนบทวิจารณ์เกี่ยวกับการศึกษาใหม่ในฉบับเดียวกันของ JACC กล่าวว่าผู้ป่วยโรคเบาหวานเป็นประชากรที่เหมาะสำหรับศึกษาผลของ flavanols ต่อการทำงานของเส้นเลือดแดงเนื่องจากน้ำตาลในเลือดสูงทำให้เกิดความเสียหายต่อ endothelium และเนื่องจากผู้ป่วยเหล่านี้มีความเสี่ยงสูงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด “การบำบัดใดๆที่ช่วยให้หลอดเลือดทำงานได้ดีขึ้นย่อมสำคัญเสมอ” Dr. Campia นักวิจัยจากสถาบันวิจัย MedStar ในกรุงวอชิงตันดีซีกล่าวว่า "เยื่อบุผนังหลอดเลือดเป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของร่างกาย" เขากล่าว "มันรักษาสุขภาพของหลอดเลือดแดงและป้องกันการอุดตันที่อาจทำให้เกิดหัวใจวาย และอัมพาตย์" "การศึกษาครั้งนี้มีความสำคัญและกระตุ้นความคิด" เขากล่าว "ตอนนี้เรามีหลักฐานมากมายว่า flavanols ในโกโก้มีผลดีต่อสุขภาพของหลอดเลือดแดง นี่เป็นรากฐานที่เราต้องการสำหรับการทำการศึกษาในอนาคตที่มีขนาดใหญ่กว่าซึ่งจะพิจารณาถึงผลของ flavanols ใสโกโก้ ไม่ใช่แค่การทำงานของ endothelial เท่านั้นแต่ยังรวมถึง ความเสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจวาย โรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจและหลอดเลือดชนิดร้ายแรงอื่น ๆ " American College of Cardiology เป็นผู้นำในการป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดและการป้องกันโรคที่ดีที่สุด วิทยาลัยเป็นองค์กรด้านการแพทย์ที่ไม่หวังผลกำไรที่มีสมาชิก 34,000 คน ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับสมาคมสามารถดูได้ทางออนไลน์ที่ www.acc.org และเพิ่งระลึกไว้ว่า เมื่อหลอดเลือดดี แปลว่าท่อลำเลียงสารอาหารและอากาศดี อวัยวะทุกส่วนในร่างกายก็จะดีไปด้วย Cr. Santi Manadee
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 231 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระติกอยู่ไหน? ในวันที่ไขคดี“แตงโม” : [News story]

    พามาส่องชีวิต "กระติก" อดีตผู้จัดการส่วนตัวและเพื่อนรักของ “แตงโม”
    กระติกอยู่ไหน? ในวันที่ไขคดี“แตงโม” : [News story] พามาส่องชีวิต "กระติก" อดีตผู้จัดการส่วนตัวและเพื่อนรักของ “แตงโม”
    Like
    Sad
    Angry
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 650 มุมมอง 35 0 รีวิว
  • เพจ "กิ๊ฟจังนั่งเล่า" เพจที่นำเสนอเรื่องราวของประเทศญี่ปุ่น ออกมาโพสต์ข้อความเตือนเกี่ยวกับข่าวปลอมของ "น้องมะพร้าว" นักศึกษาปริญญาเอกชาวไทย หลังหายตัวปริศนา ว่าขณะนี้ยังคงไม่เจอน้อง หลังปรากฏข่าวว่อนเน็ตว่าเจอตัวน้องแล้ว ขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างค้นหาและสืบสวน

    จากกรณีโซเชียลฯ ร่วมแชร์ช่วยหลังเพื่อนประกาศตามหา “มะพร้าว พรสวรรค์” นักศึกษาปริญญาเอกชาวไทย วัย 30 ปี หลังหายตัวปริศนาในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่วันศุกร์ที่ 24 ม.ค. 68

    ล่าสุดวันนี้ (30 ม.ค.) เพจ "กิ๊ฟจังนั่งเล่า" เพจที่แชร์ข้อมูลเรื่องข่าวสารในประเทศญี่ปุ่น ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการเผยแพร่ Fake News เกี่ยวกับน้องมะพร้าว เช่น เจอน้องแล้ว ซึ่งไม่เป็นความจริง โดยทางเพจได้ระบุข้อความว่า

    "ขอความกรุณาอย่าเผยแพร่ Fake News (ข่าวปลอม) เกี่ยวกับน้องมะพร้าว

    ขณะนี้เกิดข่าวปลอมจำนวนมากในกลุ่มญี่ปุ่น เช่น พบน้องแล้ว / เนื้อความในจดหมายมีเนื้อความว่า พร้อมทั้งมีลายมือเขียนด้วย เป็นต้น

    ขอเรียนแจ้งให้ทราบว่า ณ วันที่ 30 มกราคม เวลา 12.00 น.

    เนื้อหาที่เผยแพร่ไม่เป็นความจริง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000009653

    #MGROnline #มะพร้าวพรสวรรค์ #นักศึกษาปริญญาเอก #ชาวไทย #หายตัวปริศนา #ประเทศญี่ปุ่น
    เพจ "กิ๊ฟจังนั่งเล่า" เพจที่นำเสนอเรื่องราวของประเทศญี่ปุ่น ออกมาโพสต์ข้อความเตือนเกี่ยวกับข่าวปลอมของ "น้องมะพร้าว" นักศึกษาปริญญาเอกชาวไทย หลังหายตัวปริศนา ว่าขณะนี้ยังคงไม่เจอน้อง หลังปรากฏข่าวว่อนเน็ตว่าเจอตัวน้องแล้ว ขณะนี้ยังคงอยู่ระหว่างค้นหาและสืบสวน • จากกรณีโซเชียลฯ ร่วมแชร์ช่วยหลังเพื่อนประกาศตามหา “มะพร้าว พรสวรรค์” นักศึกษาปริญญาเอกชาวไทย วัย 30 ปี หลังหายตัวปริศนาในประเทศญี่ปุ่นตั้งแต่วันศุกร์ที่ 24 ม.ค. 68 • ล่าสุดวันนี้ (30 ม.ค.) เพจ "กิ๊ฟจังนั่งเล่า" เพจที่แชร์ข้อมูลเรื่องข่าวสารในประเทศญี่ปุ่น ออกมาโพสต์ข้อความเกี่ยวกับการเผยแพร่ Fake News เกี่ยวกับน้องมะพร้าว เช่น เจอน้องแล้ว ซึ่งไม่เป็นความจริง โดยทางเพจได้ระบุข้อความว่า • "ขอความกรุณาอย่าเผยแพร่ Fake News (ข่าวปลอม) เกี่ยวกับน้องมะพร้าว • ขณะนี้เกิดข่าวปลอมจำนวนมากในกลุ่มญี่ปุ่น เช่น พบน้องแล้ว / เนื้อความในจดหมายมีเนื้อความว่า พร้อมทั้งมีลายมือเขียนด้วย เป็นต้น • ขอเรียนแจ้งให้ทราบว่า ณ วันที่ 30 มกราคม เวลา 12.00 น. • เนื้อหาที่เผยแพร่ไม่เป็นความจริง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000009653 • #MGROnline #มะพร้าวพรสวรรค์ #นักศึกษาปริญญาเอก #ชาวไทย #หายตัวปริศนา #ประเทศญี่ปุ่น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 180 มุมมอง 0 รีวิว
  • “The Bayou - มฤตยูงาบ” การกลับมาของภาพยนตร์จระเข้สายพันธุ์ใหม่ที่โหดอำมหิตกว่าเดิม

    จาก “Alligator” (1980), “Dark Age” (1988), “Lake Placid” (1999), “Primeval” (2007), “Rogue” (2008), “Black Water” (2008) และ “Crawl” (2019) หลังทิ้งช่วงมา 6 ปีเต็ม บัดนี้ถึงเวลาแล้วกับการกลับมาของ “จระเข้สายพันธุ์ใหม่” ที่ทั้งว่องไว, ปราดเปรียว และ “งาบ” ทุกอย่างที่ขวางหน้าในผลงานของ “เจมส์ แฮร์ริส” ผู้สร้างสรรค์ “47 Meters Down ทั้ง 2 ภาค” และ Falls“ ภายใต้การกำกับฯ ของ แมทธิว นินาเบอร์ “The Bayou - มฤตยูงาบ“

    “เรามีหนังฉลามมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลังจากความสำเร็จของ Jaws โดย Steven Spielberg แต่เรากลับมีภาพยนตร์เกี่ยวกับจระเข้น้อยมาก แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามผมคิดว่าน่าจะถึงเวลาที่หนังเกี่ยวกับจระเข้จะทำให้คนดูได้กลับมาตื่นตัวกับความน่าสะพรึงกลัวของมันอีกครั้ง” ผู้กำกับฯ แมทธิว นินาเบอร์ กล่าว

    “The Bayou - มฤตยูงาบ” บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนที่ชวนกันไปเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว ก่อนที่ความสุขจะกลายเป็นหายนะไปอย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อเครื่องบินเช่าเหมาลำของพวกเขาเกิดขัดข้องและตกลงสู่หนองน้ำที่มี “บางสิ่ง” ที่มีขนาดใหญ่และกำลังหิวโหยรอคอยเหยื่อของมันอยู่!!!!

    เตรียมพบกับความตื่นเต้น-ระทึกขวัญครั้งใหม่จาก
    “The Bayou - มฤตยูงาบ” โดย Movie Copyright (Thailand)
    27 กุมภาพันธ์นี้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น!!!!
    “The Bayou - มฤตยูงาบ” การกลับมาของภาพยนตร์จระเข้สายพันธุ์ใหม่ที่โหดอำมหิตกว่าเดิม จาก “Alligator” (1980), “Dark Age” (1988), “Lake Placid” (1999), “Primeval” (2007), “Rogue” (2008), “Black Water” (2008) และ “Crawl” (2019) หลังทิ้งช่วงมา 6 ปีเต็ม บัดนี้ถึงเวลาแล้วกับการกลับมาของ “จระเข้สายพันธุ์ใหม่” ที่ทั้งว่องไว, ปราดเปรียว และ “งาบ” ทุกอย่างที่ขวางหน้าในผลงานของ “เจมส์ แฮร์ริส” ผู้สร้างสรรค์ “47 Meters Down ทั้ง 2 ภาค” และ Falls“ ภายใต้การกำกับฯ ของ แมทธิว นินาเบอร์ “The Bayou - มฤตยูงาบ“ “เรามีหนังฉลามมากมายในช่วงหลายปีที่ผ่านมาหลังจากความสำเร็จของ Jaws โดย Steven Spielberg แต่เรากลับมีภาพยนตร์เกี่ยวกับจระเข้น้อยมาก แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามผมคิดว่าน่าจะถึงเวลาที่หนังเกี่ยวกับจระเข้จะทำให้คนดูได้กลับมาตื่นตัวกับความน่าสะพรึงกลัวของมันอีกครั้ง” ผู้กำกับฯ แมทธิว นินาเบอร์ กล่าว “The Bayou - มฤตยูงาบ” บอกเล่าเรื่องราวของกลุ่มเพื่อนที่ชวนกันไปเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว ก่อนที่ความสุขจะกลายเป็นหายนะไปอย่างไม่ทันตั้งตัวเมื่อเครื่องบินเช่าเหมาลำของพวกเขาเกิดขัดข้องและตกลงสู่หนองน้ำที่มี “บางสิ่ง” ที่มีขนาดใหญ่และกำลังหิวโหยรอคอยเหยื่อของมันอยู่!!!! เตรียมพบกับความตื่นเต้น-ระทึกขวัญครั้งใหม่จาก “The Bayou - มฤตยูงาบ” โดย Movie Copyright (Thailand) 27 กุมภาพันธ์นี้ในโรงภาพยนตร์เท่านั้น!!!!
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 154 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🤣🤣🤣🤣🤣🤣
    .
    ทุกวันนี้พี่ไม่ค้านอะไรเลย...!!!
    .
    เรื่อง เทวดาชั้น 14 พี่ก็ไม่ตี...!!!
    .
    หลอกใคร...???
    .
    จับมือกันนานแล้ว...!!!
    .
    และยังจับอยู่...!!!
    .
    แค่...นานๆครั้ง ก็ผลัดกันเอามีดเสียบสีข้างเพื่อน แผลเล็กๆ เพื่อ สร้างซีน เรียกคะแนนให้ตัวเอง
    .
    ของตกปลาในบ่อเพื่อน โดยที่เพื่อนไม่ถึงกับเสียเลือดจนต้องเข้า ICU
    .
    วันนั้น ต๋อม ช่อ และ พลพรรค ออกมายืนยันหนักแน่นว่า ซูเนโอะ ไม่ได้บินไปฮ่องกง เพื่อเจรจากับ โทนี่ สแควร์รูท...!!!
    .
    เสียหมารึยัง...???
    .
    พบพรรค สาวก ยังคงเชื่อถือ บรรดาวาทะกรรมที่พ่นออกจากปากอยู่หรือ...???
    .
    ถ้าใครไม่ได้ทันตามการเมืองมาตั้งแต่สมัย ทรท. เขาคือสีเดียวกันมาแต่ต้น เพิ่งมา แบ่งตัวตอนหาพรรคเล็ก เพราะ รัฐธรรมนูญ คสช. นะครับ
    .
    ตอนชุมนุมเสื้อแดง พวกนี้เนี่ยแหล่ะ ที่ชอบเอาสติ๊กเกอร์ไปแปะว่าอยากได้ สาธารณะรัฐ...!!!
    🤣🤣🤣🤣🤣🤣 . ทุกวันนี้พี่ไม่ค้านอะไรเลย...!!! . เรื่อง เทวดาชั้น 14 พี่ก็ไม่ตี...!!! . หลอกใคร...??? . จับมือกันนานแล้ว...!!! . และยังจับอยู่...!!! . แค่...นานๆครั้ง ก็ผลัดกันเอามีดเสียบสีข้างเพื่อน แผลเล็กๆ เพื่อ สร้างซีน เรียกคะแนนให้ตัวเอง . ของตกปลาในบ่อเพื่อน โดยที่เพื่อนไม่ถึงกับเสียเลือดจนต้องเข้า ICU . วันนั้น ต๋อม ช่อ และ พลพรรค ออกมายืนยันหนักแน่นว่า ซูเนโอะ ไม่ได้บินไปฮ่องกง เพื่อเจรจากับ โทนี่ สแควร์รูท...!!! . เสียหมารึยัง...??? . พบพรรค สาวก ยังคงเชื่อถือ บรรดาวาทะกรรมที่พ่นออกจากปากอยู่หรือ...??? . ถ้าใครไม่ได้ทันตามการเมืองมาตั้งแต่สมัย ทรท. เขาคือสีเดียวกันมาแต่ต้น เพิ่งมา แบ่งตัวตอนหาพรรคเล็ก เพราะ รัฐธรรมนูญ คสช. นะครับ . ตอนชุมนุมเสื้อแดง พวกนี้เนี่ยแหล่ะ ที่ชอบเอาสติ๊กเกอร์ไปแปะว่าอยากได้ สาธารณะรัฐ...!!!
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 77 มุมมอง 0 รีวิว
  • กลับมาแสบคออีกครั้งภายใน 4 วัน
    .
    (นับจาก วันที่ทำฝนหลวง 26 มกราคม)
    .
    ชัดเจนว่า ฝนหลวง สามารถ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ แต่ไม่ถึง 5 วัน ฝุ่นพิษ ก็กลับมา...
    .
    เซี่ยงไฮ้ ใช้เวลา 3 ปี ทำให้วิกฤต ฝุ่นพิษ PM 2.5 หายไป อย่างยั่งยืน...
    .
    ถึงเวลาหรือยังที่ ประเทศไทย จะเริ่มคิดถึงนโยบายระยะยาวได้แล้ว...
    .
    เอา เซี่ยงไฮ้ โมเดล มาปรับใช้ ได้มั้ย...???
    .
    รัฐบาล ไปเจรจา กับเพื่อนบ้าน เพราะปัญหาฝุ่น PM 2.5 คงไม่ใช่ปัญหาแค่ในประเทศ...
    .
    ทั้งขู่ทั้งปลอบ อย่างมีชั้นเชิง เป้าหมายอยู่ไม่ไกลหรอกครับ...
    .
    เว้นแต่...
    .
    คนจะไร้น้ำยา...!!!
    กลับมาแสบคออีกครั้งภายใน 4 วัน . (นับจาก วันที่ทำฝนหลวง 26 มกราคม) . ชัดเจนว่า ฝนหลวง สามารถ แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ แต่ไม่ถึง 5 วัน ฝุ่นพิษ ก็กลับมา... . เซี่ยงไฮ้ ใช้เวลา 3 ปี ทำให้วิกฤต ฝุ่นพิษ PM 2.5 หายไป อย่างยั่งยืน... . ถึงเวลาหรือยังที่ ประเทศไทย จะเริ่มคิดถึงนโยบายระยะยาวได้แล้ว... . เอา เซี่ยงไฮ้ โมเดล มาปรับใช้ ได้มั้ย...??? . รัฐบาล ไปเจรจา กับเพื่อนบ้าน เพราะปัญหาฝุ่น PM 2.5 คงไม่ใช่ปัญหาแค่ในประเทศ... . ทั้งขู่ทั้งปลอบ อย่างมีชั้นเชิง เป้าหมายอยู่ไม่ไกลหรอกครับ... . เว้นแต่... . คนจะไร้น้ำยา...!!!
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 85 มุมมอง 0 รีวิว
  • วุฒิสภาสหรัฐขัดขวางการผ่านร่างกฎหมายคว่ำบาตรศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) จากกรณีตอบโต้การออกหมายจับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู และอดีตรัฐมนตรีกลาโหมโยอัฟ กัลลันต์

    ในการลงคะแนนเสียงเมื่อวันอังคาร ร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนเพียง 54 เสียง และคัดค้านมากถึง 45 เสียง ทำให้ยังขาดคะแนนเสียงที่จำเป็นอีก 60 เสียง เพื่อนำเข้าสู่การลงคะแนนเสียงขั้นสุดท้าย

    วุฒิสมาชิกจอห์น เฟตเตอร์แมน (John Fetterman) เป็นสมาชิกจากพรรคเดโมแครตเพียงคนเดียวที่ลงคะแนนเสียงสนับสนุนกฎหมายดังกล่าว เขาได้รับคำชมเชยอย่างรวดเร็วจากคณะกรรมการกิจการสาธารณะอเมริกัน-อิสราเอล (American Israel Public Affairs Committee หรือ AIPAC) ซึ่งเป็นกลุ่มล็อบบี้ที่มีอิทธิพลอย่างมากที่สนับสนุนอิสราเอล

    วุฒิสภาสหรัฐขัดขวางการผ่านร่างกฎหมายคว่ำบาตรศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) จากกรณีตอบโต้การออกหมายจับนายกรัฐมนตรีอิสราเอล เบนจามิน เนทันยาฮู และอดีตรัฐมนตรีกลาโหมโยอัฟ กัลลันต์ ในการลงคะแนนเสียงเมื่อวันอังคาร ร่างกฎหมายดังกล่าวได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนเพียง 54 เสียง และคัดค้านมากถึง 45 เสียง ทำให้ยังขาดคะแนนเสียงที่จำเป็นอีก 60 เสียง เพื่อนำเข้าสู่การลงคะแนนเสียงขั้นสุดท้าย วุฒิสมาชิกจอห์น เฟตเตอร์แมน (John Fetterman) เป็นสมาชิกจากพรรคเดโมแครตเพียงคนเดียวที่ลงคะแนนเสียงสนับสนุนกฎหมายดังกล่าว เขาได้รับคำชมเชยอย่างรวดเร็วจากคณะกรรมการกิจการสาธารณะอเมริกัน-อิสราเอล (American Israel Public Affairs Committee หรือ AIPAC) ซึ่งเป็นกลุ่มล็อบบี้ที่มีอิทธิพลอย่างมากที่สนับสนุนอิสราเอล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 190 มุมมอง 0 รีวิว
  • กินเกี๊ยวรับตรุษจีน

    สวัสดีค่ะ ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้! สัปดาห์นี้มาคุยกันเร็วหน่อยต้อนรับตรุษจีน

    วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับธรรมเนียมโบราณในการฉลองตรุษจีน เพื่อนเพจที่ได้ดูซีรีส์ <องค์หญิงใหญ่> คงจะจำได้ว่ามีฉากที่องค์หญิงหลี่หรงและเผยเหวินเซวียนร่วมสังสรรค์ฉลองตรุษจีนกับทุกคนในจวนองค์หญิง โดยพระเอกนางเอกห่อเกี๊ยวออกมาให้ทุกคนร่วมกิน

    ธรรมเนียมการกินเกี๊ยวตอนตรุษจีนในประเทศจีนยังมีอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในภาคพื้นที่ตอนเหนือของจีน และปัจจุบันมีเกี๊ยวหลากหลายชนิด บ้างเรียก ‘หุนถุน’ (馄饨) คือเกี๊ยวที่มีขนาดเล็กพอคำทรงกลม หรือบ้างเรียกว่า ‘เจี่ยวจือ’ (饺子) ซึ่งเป็นเกี๊ยวขนาดใหญ่ทรงจันทร์เสี้ยวหน้าตาประมาณเกี๊ยวซ่าที่มีขายในบ้านเรา ซึ่งจำแนกออกจากกันด้วยรายละเอียดเช่น แป้งที่ใช้ห่อ รูปทรงของแผ่นแป้ง ฯลฯ แต่ในหลายยุคสมัยโบราณไม่ได้แบ่งประเภทอย่างนี้ เรียกรวมเป็นเกี๊ยวทั้งหมด เพียงแต่ชื่อเรียกเปลี่ยนไปตามยุคสมัย

    ว่ากันว่าเกี๊ยวมีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตกเมื่อคุณหมอชื่อดังจางจ้งจิ่งได้คิดค้นมันขึ้นเพื่อรวบรวมสารอาหารที่จำเป็น (เช่น เนื้อแกะและพริกไทย) เข้าด้วยกันในรูปแบบที่สะดวกต่อการกิน ทั้งนี้เพื่อปรับสภาพร่างกายของชาวบ้านให้รับมือกับอากาศหนาวเย็นได้ดีขึ้น แต่คำว่าเกี๊ยวปรากฎบนเอกสารโบราณครั้งแรกในสารานุกรม ‘ก๋วงหย่า’ (广雅) ของแคว้นเว่ยสมัยสามก๊ก (วุยก๊ก จัดทำขึ้นในช่วงปีค.ศ. 227-232) โดยกล่าวถึงอาหารชนิดหนึ่งรูปทรงเหมือนจันทร์เสี้ยวมีชื่อเรียกว่า ‘หุนถุน’ (แต่รูปลักษณ์เหมือนกับ ‘เจี่ยวจือ’ปัจจุบัน) และยังมีวัตถุโบราณที่แสดงให้เห็นว่าชาวจีนนิยมกินเกี๊ยวกันมาแต่โบราณ
    มีคนไปค้นคว้าเพิ่มเติมมาว่าสมัยสามก๊กนั้นเขากินเป็นเกี๊ยวต้มพร้อมน้ำแกง ภายในเกี๊ยวสอดไส้เนื้อสับ และกรรมวิธีการกินเป็นเช่นนี้เรื่อยมาจวบจนในสมัยถังจึงเปลี่ยนเป็นการนึ่งหรือต้มสุกแล้วกินแห้ง

    แล้วทำไมตรุษจีนต้องกินเกี๊ยว?

    จริงๆ มีหลายตำนาน แต่ที่นิยมกล่าวถึงคือเนื่องจากในสมัยซ่งเรียกเกี๊ยวว่า ‘เจี่ยวจือ’ (角子 ตัวเขียนแตกต่างแต่ออกเสียงเหมือนกัน) และชื่อนี้พ้องเสียงกับคำเรียกการผลัดเปลี่ยนจากปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่ในยามจื่อ (子时คือช่วงเวลาระหว่างห้าทุ่มกับตีหนึ่ง) การกินเกี๊ยวจึงมีความหมายอำลาปีเก่าต้อนรับปีใหม่นั่นเอง

    นอกจากนี้ เกี๊ยวยังถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของทรัพย์เนื่องจากมีรูปทรงคล้ายเงินหยวนเป่าของจีน และการห่อเกี๊ยวถือเป็นเคล็ดของการห่อทรัพย์หรือสิ่งดีๆ ดังนั้นชาวบ้านจึงไม่เพียงกินเกี๊ยว หากแต่ยังนิยมห่อเกี๊ยวกินเองอีกด้วย และบางครั้งจะมีการยัดไส้สิ่งของอื่นๆ ที่เป็นเคล็ดที่ดีเช่น ห่อเศษเงินอยู่ข้างในเกี๊ยวดังที่เราเห็นในซีรีส์ <องค์หญิงใหญ่>

    ธรรมเนียมการกินเกี๊ยวตอนตรุษจีนนี้กลายเป็นกิจกรรมร่วมของครอบครัวที่เสริมสร้างความสัมพันธ์และถือปฏิบัติกันอย่างแพร่หลายในยุคสมัยหมิงต่อเนื่องมายังสมัยชิง แต่มีความแตกต่างว่ากินกันวันไหน บ้างกินในวันสิ้นปี บ้างกินในวันแรกของปีใหม่ บ้างกินในวันที่ห้าของปีใหม่ (เพราะห้าวันแรกมีเคล็ดเยอะข้อห้ามเยอะ พอพ้นห้าวันเลยฉลองด้วยเกี๊ยว) ทั้งนี้แล้วแต่ธรรมเนียมท้องถิ่นซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามพื้นที่

    อนึ่ง เนื่องจากยังมีอีกหลายเคล็ดที่เกี่ยวกับเกี๊ยวอันสืบเนื่องมาจากชื่อมงคลของส่วนประกอบในไส้ของมัน มันจึงกลายเป็นอาหารมงคลสำหรับหลากหลายโอกาสอีกด้วย

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g61433159/the-princess-royal/
    https://www.shuge.org/meet/topic/19030/
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/饺子/28977
    https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_1304595
    https://www.sohu.com/a/449146748_401284
    https://www.sohu.com/a/367953600_120207616

    #องค์หญิงใหญ่ #ตรุษจีน #กินเกี๊ยว #ธรรมเนียมจีนโบราณ #สาระจีน
    กินเกี๊ยวรับตรุษจีน สวัสดีค่ะ ซินเจียยู่อี่ ซินนี้ฮวดไช้! สัปดาห์นี้มาคุยกันเร็วหน่อยต้อนรับตรุษจีน วันนี้เรามาคุยกันเกี่ยวกับธรรมเนียมโบราณในการฉลองตรุษจีน เพื่อนเพจที่ได้ดูซีรีส์ <องค์หญิงใหญ่> คงจะจำได้ว่ามีฉากที่องค์หญิงหลี่หรงและเผยเหวินเซวียนร่วมสังสรรค์ฉลองตรุษจีนกับทุกคนในจวนองค์หญิง โดยพระเอกนางเอกห่อเกี๊ยวออกมาให้ทุกคนร่วมกิน ธรรมเนียมการกินเกี๊ยวตอนตรุษจีนในประเทศจีนยังมีอยู่ในปัจจุบัน โดยเฉพาะในภาคพื้นที่ตอนเหนือของจีน และปัจจุบันมีเกี๊ยวหลากหลายชนิด บ้างเรียก ‘หุนถุน’ (馄饨) คือเกี๊ยวที่มีขนาดเล็กพอคำทรงกลม หรือบ้างเรียกว่า ‘เจี่ยวจือ’ (饺子) ซึ่งเป็นเกี๊ยวขนาดใหญ่ทรงจันทร์เสี้ยวหน้าตาประมาณเกี๊ยวซ่าที่มีขายในบ้านเรา ซึ่งจำแนกออกจากกันด้วยรายละเอียดเช่น แป้งที่ใช้ห่อ รูปทรงของแผ่นแป้ง ฯลฯ แต่ในหลายยุคสมัยโบราณไม่ได้แบ่งประเภทอย่างนี้ เรียกรวมเป็นเกี๊ยวทั้งหมด เพียงแต่ชื่อเรียกเปลี่ยนไปตามยุคสมัย ว่ากันว่าเกี๊ยวมีมาตั้งแต่สมัยราชวงศ์ฮั่นตะวันตกเมื่อคุณหมอชื่อดังจางจ้งจิ่งได้คิดค้นมันขึ้นเพื่อรวบรวมสารอาหารที่จำเป็น (เช่น เนื้อแกะและพริกไทย) เข้าด้วยกันในรูปแบบที่สะดวกต่อการกิน ทั้งนี้เพื่อปรับสภาพร่างกายของชาวบ้านให้รับมือกับอากาศหนาวเย็นได้ดีขึ้น แต่คำว่าเกี๊ยวปรากฎบนเอกสารโบราณครั้งแรกในสารานุกรม ‘ก๋วงหย่า’ (广雅) ของแคว้นเว่ยสมัยสามก๊ก (วุยก๊ก จัดทำขึ้นในช่วงปีค.ศ. 227-232) โดยกล่าวถึงอาหารชนิดหนึ่งรูปทรงเหมือนจันทร์เสี้ยวมีชื่อเรียกว่า ‘หุนถุน’ (แต่รูปลักษณ์เหมือนกับ ‘เจี่ยวจือ’ปัจจุบัน) และยังมีวัตถุโบราณที่แสดงให้เห็นว่าชาวจีนนิยมกินเกี๊ยวกันมาแต่โบราณ มีคนไปค้นคว้าเพิ่มเติมมาว่าสมัยสามก๊กนั้นเขากินเป็นเกี๊ยวต้มพร้อมน้ำแกง ภายในเกี๊ยวสอดไส้เนื้อสับ และกรรมวิธีการกินเป็นเช่นนี้เรื่อยมาจวบจนในสมัยถังจึงเปลี่ยนเป็นการนึ่งหรือต้มสุกแล้วกินแห้ง แล้วทำไมตรุษจีนต้องกินเกี๊ยว? จริงๆ มีหลายตำนาน แต่ที่นิยมกล่าวถึงคือเนื่องจากในสมัยซ่งเรียกเกี๊ยวว่า ‘เจี่ยวจือ’ (角子 ตัวเขียนแตกต่างแต่ออกเสียงเหมือนกัน) และชื่อนี้พ้องเสียงกับคำเรียกการผลัดเปลี่ยนจากปีเก่าเข้าสู่ปีใหม่ในยามจื่อ (子时คือช่วงเวลาระหว่างห้าทุ่มกับตีหนึ่ง) การกินเกี๊ยวจึงมีความหมายอำลาปีเก่าต้อนรับปีใหม่นั่นเอง นอกจากนี้ เกี๊ยวยังถูกมองว่าเป็นสัญลักษณ์ของทรัพย์เนื่องจากมีรูปทรงคล้ายเงินหยวนเป่าของจีน และการห่อเกี๊ยวถือเป็นเคล็ดของการห่อทรัพย์หรือสิ่งดีๆ ดังนั้นชาวบ้านจึงไม่เพียงกินเกี๊ยว หากแต่ยังนิยมห่อเกี๊ยวกินเองอีกด้วย และบางครั้งจะมีการยัดไส้สิ่งของอื่นๆ ที่เป็นเคล็ดที่ดีเช่น ห่อเศษเงินอยู่ข้างในเกี๊ยวดังที่เราเห็นในซีรีส์ <องค์หญิงใหญ่> ธรรมเนียมการกินเกี๊ยวตอนตรุษจีนนี้กลายเป็นกิจกรรมร่วมของครอบครัวที่เสริมสร้างความสัมพันธ์และถือปฏิบัติกันอย่างแพร่หลายในยุคสมัยหมิงต่อเนื่องมายังสมัยชิง แต่มีความแตกต่างว่ากินกันวันไหน บ้างกินในวันสิ้นปี บ้างกินในวันแรกของปีใหม่ บ้างกินในวันที่ห้าของปีใหม่ (เพราะห้าวันแรกมีเคล็ดเยอะข้อห้ามเยอะ พอพ้นห้าวันเลยฉลองด้วยเกี๊ยว) ทั้งนี้แล้วแต่ธรรมเนียมท้องถิ่นซึ่งอาจแตกต่างกันไปตามพื้นที่ อนึ่ง เนื่องจากยังมีอีกหลายเคล็ดที่เกี่ยวกับเกี๊ยวอันสืบเนื่องมาจากชื่อมงคลของส่วนประกอบในไส้ของมัน มันจึงกลายเป็นอาหารมงคลสำหรับหลากหลายโอกาสอีกด้วย (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://www.harpersbazaar.com/tw/culture/drama/g61433159/the-princess-royal/ https://www.shuge.org/meet/topic/19030/ Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/饺子/28977 https://m.thepaper.cn/newsDetail_forward_1304595 https://www.sohu.com/a/449146748_401284 https://www.sohu.com/a/367953600_120207616 #องค์หญิงใหญ่ #ตรุษจีน #กินเกี๊ยว #ธรรมเนียมจีนโบราณ #สาระจีน
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผบ.ตร. เผยยังไม่พบประเทศเพื่อนบ้านใช้ไฟฟ้าจากทางการไทย เดินหน้าล้มเสาสัญญาณต่อเนื่อง เพื่อเป็นการตัดเส้นเลือดแก๊งคอลเซ็นเตอร์

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000009279

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ผบ.ตร. เผยยังไม่พบประเทศเพื่อนบ้านใช้ไฟฟ้าจากทางการไทย เดินหน้าล้มเสาสัญญาณต่อเนื่อง เพื่อเป็นการตัดเส้นเลือดแก๊งคอลเซ็นเตอร์ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000009279 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 577 มุมมอง 0 รีวิว
  • มูดาวรุ่ง...พยุงดาวร่วง
    สำหรับท่านที่เกิดปีขาล

    เพื่อน้อมอัญเชิญพลังรักอันบริสุทธิ์ขององค์เทพจันทรา “太陰星君(ไท้อิมแชกุง)” ผู้ทรงประทานแสงขาวละมุนกระจ่างใสแก่ผืนฟ้าผืนแผ่นดินแม้ยามค่ำคืนให้กลับสว่างสไวขับไล่ความมืดมนให้จางหายไปและยังเป็นที่พึ่งแก่เหล่าบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ให้พบกับความร่มเย็น ด้วยพลังเมตตาแห่งรัศมีแสงนวลช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้ายที่แอบแฝงอยู่ให้หมดสิ้น พร้อมแก้ชงต่อองค์ 太歲爺 (ไท้ส่วยเอี๊ย) ประจำปี 2568 ที่ทรงพระนามว่า “吳遂大星軍” (โง้วซุ้ยไต่แชกุง) จึงควรไปกราบสักการะบูชาเพื่อน้อมเคารพนบนอบต่อพลังแห่งองค์เทพท่าน ณ ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ที่มีรูปองค์จำลอง ขององค์เทพท่านสถิตอยู่ หลังวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 22:10 น.นี้ เป็นต้นไป เสมือนเป็นการถวายฝากดวง ชะตาไว้ให้สมปรารถนาทั้งการงานและความรักรับบารมีปกป้องคุ้มครองพร้อมบันดาลความราบรื่นร่มเย็น ตลอดปี 2568 นี้

    อีกทั้งควรน้อมอัญเชิญองค์เทพจันทรา “太陰星君(ไท้อิมแชกุง)” และองค์เทพคุ้มครองดวงชะตา 太歲爺 (ไท้ส่วยเอี๊ย) ประจำปี 2568 ที่ทรงพระนามว่า “吳遂大星軍” (โง้วซุ้ยไต่แชกุง) มาสักการะเทิดทูนบูชาด้วยการพกพาหรือโหลดภาพเก็บไว้หน้าแรกของโทรศัพท์ติดตัวตลอดเวลา เสมือนเป็นสื่ออธิษฐานให้กระแสบารมีของเทพท่านได้แผ่คุ้มครองได้ดียิ่งขึ้นในทุกเวลาทุกสถานที่ เพื่อให้ได้ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น ตลอดทั้งปีนี้
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    มูดาวรุ่ง...พยุงดาวร่วง สำหรับท่านที่เกิดปีขาล เพื่อน้อมอัญเชิญพลังรักอันบริสุทธิ์ขององค์เทพจันทรา “太陰星君(ไท้อิมแชกุง)” ผู้ทรงประทานแสงขาวละมุนกระจ่างใสแก่ผืนฟ้าผืนแผ่นดินแม้ยามค่ำคืนให้กลับสว่างสไวขับไล่ความมืดมนให้จางหายไปและยังเป็นที่พึ่งแก่เหล่าบรรดาสัตว์น้อยใหญ่ให้พบกับความร่มเย็น ด้วยพลังเมตตาแห่งรัศมีแสงนวลช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งเลวร้ายที่แอบแฝงอยู่ให้หมดสิ้น พร้อมแก้ชงต่อองค์ 太歲爺 (ไท้ส่วยเอี๊ย) ประจำปี 2568 ที่ทรงพระนามว่า “吳遂大星軍” (โง้วซุ้ยไต่แชกุง) จึงควรไปกราบสักการะบูชาเพื่อน้อมเคารพนบนอบต่อพลังแห่งองค์เทพท่าน ณ ศาลเจ้าศักดิ์สิทธิ์ที่มีรูปองค์จำลอง ขององค์เทพท่านสถิตอยู่ หลังวันจันทร์ที่ 3 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 22:10 น.นี้ เป็นต้นไป เสมือนเป็นการถวายฝากดวง ชะตาไว้ให้สมปรารถนาทั้งการงานและความรักรับบารมีปกป้องคุ้มครองพร้อมบันดาลความราบรื่นร่มเย็น ตลอดปี 2568 นี้ อีกทั้งควรน้อมอัญเชิญองค์เทพจันทรา “太陰星君(ไท้อิมแชกุง)” และองค์เทพคุ้มครองดวงชะตา 太歲爺 (ไท้ส่วยเอี๊ย) ประจำปี 2568 ที่ทรงพระนามว่า “吳遂大星軍” (โง้วซุ้ยไต่แชกุง) มาสักการะเทิดทูนบูชาด้วยการพกพาหรือโหลดภาพเก็บไว้หน้าแรกของโทรศัพท์ติดตัวตลอดเวลา เสมือนเป็นสื่ออธิษฐานให้กระแสบารมีของเทพท่านได้แผ่คุ้มครองได้ดียิ่งขึ้นในทุกเวลาทุกสถานที่ เพื่อให้ได้ผ่านพ้นไปอย่างราบรื่น ตลอดทั้งปีนี้ ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 0 รีวิว
  • เป็นทางการ!
    ทรัมป์เชิญเนทันยาฮูไปทำเนียบขาวในฐานะผู้นำต่างประเทศคนแรก


    "ผมขอเชิญคุณไปทำเนียบขาวอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า ผมหวังว่าจะได้หารือถึงวิธีที่เราจะนำสันติภาพมาสู่อิสราเอลและเพื่อนบ้าน และความพยายามในการต่อต้านศัตรูร่วมกันของเรา

    ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะต้อนรับคุณในฐานะผู้นำต่างประเทศคนแรกของผมในช่วงดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง"
    เป็นทางการ! ทรัมป์เชิญเนทันยาฮูไปทำเนียบขาวในฐานะผู้นำต่างประเทศคนแรก "ผมขอเชิญคุณไปทำเนียบขาวอย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า ผมหวังว่าจะได้หารือถึงวิธีที่เราจะนำสันติภาพมาสู่อิสราเอลและเพื่อนบ้าน และความพยายามในการต่อต้านศัตรูร่วมกันของเรา ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะต้อนรับคุณในฐานะผู้นำต่างประเทศคนแรกของผมในช่วงดำรงตำแหน่งสมัยที่สอง"
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 178 มุมมอง 0 รีวิว
  • 29/1/68

    จาก เฟสบุ๊คของ Akhom Makaranond (อาคม มกรานนท์)
    ..
    เพื่อนพ้องน้องพี่ที่รักครับ

    เวลานี้บ้านเมืองเรากำลังเจอกับฝุ่นพิษ พี.เอ็ม.๒.๕ อย่างหนัก การเดินทางไปไหนมาไหน ก็เหมือนเดินทางฝ่าหมอก รถราติดกันยาวเหยียด ชาวบ้านเจอพิษร้ายคราวนี้ เล่นเอาแย่ไปตามๆกัน หายใจหายคอลำบาก บางรายถึงกับเลือดกำเดาไหล

    รัฐบาลประกาศให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ฟรี ๗ วัน ที่จริงไม่ได้ฟรีตามที่รัฐบาลบอกหรอกนะ เพราะเอางบประมาณมาใช้ชดเชยงานนี้ถึง ๑๔๐ ล้านบาท จะเรียกว่าฟรีได้ยังไง มันเป็นเงินของประชาชนนั่นเอง แถมยังมีคำกล่าวของนายกฯแถมมาให้อีกด้วย
    "เราไม่สามารถดีดนิ้วให้ฝุ่นหายไปได้"
    เป็นคำกล่าวที่น่ารักมากของนายกฯหญิงคนนี้

    เลยขอฝากถึงนายกฯด้วยว่า"เราก็ไม่สามารถเอานิ้วไปดีดปากที่ท่านพูดออกมาได้ แต่เราขอใช้ปากเชิญท่านและพ่องท่านได้ ใช่ไหม? ส่วนจะเชิญไปไหนคิดเอาเอง ไม่ใช่ให้ไปสวรรค์ก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าแช่งกัน

    ถ้าความยุติธรรมในโลกนี้ยังมีอยู่ คนชั่วอย่างคนๆนี้ จะมีทางเลือกแค่"หนีคดีความ และ เข้าไปอยู่ในคุก"เท่านั้น คนชั่วไม่มีสิทธิ์มาลอยนวลอยู่อย่างนี้หรอก

    ว่าแต่ไปทำอะไรเข้า สส.เขียงใหม่ พรรคของตัวเอง "จักรพล ตั้งสุทธิธรรม" ถึงออกมาเล่นงานหัวหน้าพรรคฯตัวเอง ในฐานะนายกฯ หนีการตอบกระทู้ในสภาฯ ทุกวันพฤหัศบดี แม้แต่กระทู้เรื่องฝุ่นพิษที่กำลังระบาดอยู่ในเวลานี้ ก็เลี่ยงไม่มาตอบ

    ท่าน สส.เชียงใหม่ นายกฯจะไปทำไม? ไม่มีอะไรจะตอบ เพราะตอบไม่ได้ ไงล่ะ!

    เรื่องนี้สำคัญกว่า อยานึกว่าเขาไม่รู้ ทางการจีนเขามีคนของเขา ส่งข่าวไปให้รัฐบาลของเขาทราบ เขารู้มานานแล้วว่า ข้าราชการไทย และนักการเมืองพรรคใหญ่ มีเอี่ยวกับพวกจีนเทา

    ข่าวดังกล่าวบ่งชี้ว่า รัฐบาลและข้าราชการไทย เจ้าหน้าที่รัฐ บกพร่อง อ่อนแอ มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับขบวนการสีเทา ยิ่งบริเวณชายแดนไทย-พม่า พวกว้าแดงที่เป็นชนกลุ่มน้อย กองกำลังติดอาวุธ ขบวนการผลิตยาเสพติด มันไม่มีความเกรงกลัวอะไรเลย เพราะนายกฯและ รมต.กลาโหมไทย มันอ่อนเสียจนเขาไม่เกรงกลัวเลย น่าอายจัง

    ถึงเวลาหรือยัง? หยุดตระกูลโกงชาติ ก่อนที่บ้านเมืองจะพังพินาศจนไม่เหลืออะไรเลย

    นี่ก็อีกคน ไม่ทราบว่าเอาสมองส่วนไหนมาคิด "แก้ปัญหา พี.เอ็ม.๒.๕ ด้วยการแจกมุ้งสู้ฝุ่น ๓ หมื่นกว่าหลัง สู้ฝุ่นหรือสู้ยุง

    รัฐบาลชุดนี้ชอบทำอะไรแปลกๆอยู่เสมอ อย่างเรื่องพม่าตัดสินจำคุกลูกเรือประมงไทยที่เกาะสอง

    สื่อเราถามนายกฯว่าจะมีมาตรการอะไรตอบโต้พม่าบ้าง มาตรการตอบโต้ของนายกฯไทย
    ๑. จับพม่าเถื่อนมาขึ้นทะเบียน โดยไม่มีการสอบประวัติอาชญากรรม
    ๒. ให้อยู่ในไทยไม่จำกัดเวลา จะอยู่นานเท่าไรก็ได้
    ๓. ลูกหลานพม่าเรียนฟรี เจ็บป่วยรักษาฟรี
    ส่วนลูกเรือประมงไทย แล้วแต่เวรแต่กรรม พวกพม่าได้ฟังแล้ว พากันกลัวเสียจนเยี่ยวราดกันเป็นแถว

    ประเทศเรา สมรสเท่าเทียมก็มีแล้ว เมื่อไหร่ถึงจะติดคุกเท่าเทียมคนอื่นเขาเสียที รัฐบาลช่วยคิดด้วยสิ

    เวลานี้รัฐบาลจีนกำลังไล่กำจัดพวกคอลเซนเตอร์ เพื่อปกป้องประเทศของเขา

    สหรัฐอเมริกากำลังขับพวกอพยพออกนอกประเทศ

    ประเทศไทย ไม่ได้ทำอะไรเพื่อคนไทย แต่ทำเพื่อคนพม่า

    มันผู้ใดที่ทำร้ายบ้านเมือง ขอให้มันจงฉิบหายทั้งตระกูล สาธุ

    เราจะช่วยกันด่าหรือจะช่วยกันชม ฟังนะ

    นางหนึ่งบอก เรื่องฝุ่น พี.เอ็ม.๒.๕ นี่นะ คิดมาตั้งแต่วันแรกที่มาเป็นนายกฯ และตามที่หาเสียงไว้"เพื่อไทยแก้ฝุ่นที่ต้นตอ"
    นายหนึ่ง (ที่จริงก็พวกเดียวกันนั่นแหละ)บอกว่า"ถ้าทำไม่ได้ ก็อย่าอาสามาเป็นผู้ว่าฯ ผมศึกษามานานถึง ๒ ปี
    พ่อของพรรคก็จ้อหลอกชาวบ้านว่า"ถ้าเพื่อไทยทำไม่ได้ ให้ชี้หน้าด่าได้เลย"

    รัฐบาลประยุทธ์ฯพยายามแก้ปัญหา พี.เอ็ม.๒.๕ ด้วยการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน
    รัฐบาลเพื่อไทยแก้ปัญหาด้วยการ นั่งรถ ขสมก.- รถไฟฟ้าฟรี(ใช้งบ ๑๔๐ ล้านบาท)

    เห็นไหม"สติปัญญาของคนมันต่างกัน"เชื่อหรือยังล่ะ?

    วันนี้จบแค่นี้ก่อน เช่นเคย ขอฝากข้อคิดให้ไปคิดกัน การที่จะให้คนชั่วสูญพันธ์ ต้องใช้แบบนี้
    "คนที่ลืมรากเหง้าของ ตนเอง ทรยศต่อมาตุภูมิ และทำให้ชาติต้องแตกแยก มักจะเจอจุดจบที่ไม่ดี"

    อย่าลืมกันเสียล่ะ ช่วยดูๆกันด้วยนะ ถ้าหน้าแล้งปีนี้ ไม่มีน้ำ "ฝนหลวง"มีงบไม่พอ พี่น้องที่เลือก ๑๐ ล้านเสียง อย่าร้องเอะอะโวยวายนะ "ไอโอดิน" กินแล้วไม่โง่ สิบอกให้

    ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่เลือกพรรคนี้มาเป็นรัฐบาล แทนที่จะได้ฝน กลับได้ฝุ่นมาแทน

    ใครบอก คนตกงานต้องเดินเตะฝุ่น ตอนนี้คนมีงานก็ต้องเดินเตะฝุ่นกันเพียบเลย

    สวัสดี.
    29/1/68 จาก เฟสบุ๊คของ Akhom Makaranond (อาคม มกรานนท์) .. เพื่อนพ้องน้องพี่ที่รักครับ เวลานี้บ้านเมืองเรากำลังเจอกับฝุ่นพิษ พี.เอ็ม.๒.๕ อย่างหนัก การเดินทางไปไหนมาไหน ก็เหมือนเดินทางฝ่าหมอก รถราติดกันยาวเหยียด ชาวบ้านเจอพิษร้ายคราวนี้ เล่นเอาแย่ไปตามๆกัน หายใจหายคอลำบาก บางรายถึงกับเลือดกำเดาไหล รัฐบาลประกาศให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ฟรี ๗ วัน ที่จริงไม่ได้ฟรีตามที่รัฐบาลบอกหรอกนะ เพราะเอางบประมาณมาใช้ชดเชยงานนี้ถึง ๑๔๐ ล้านบาท จะเรียกว่าฟรีได้ยังไง มันเป็นเงินของประชาชนนั่นเอง แถมยังมีคำกล่าวของนายกฯแถมมาให้อีกด้วย "เราไม่สามารถดีดนิ้วให้ฝุ่นหายไปได้" เป็นคำกล่าวที่น่ารักมากของนายกฯหญิงคนนี้ เลยขอฝากถึงนายกฯด้วยว่า"เราก็ไม่สามารถเอานิ้วไปดีดปากที่ท่านพูดออกมาได้ แต่เราขอใช้ปากเชิญท่านและพ่องท่านได้ ใช่ไหม? ส่วนจะเชิญไปไหนคิดเอาเอง ไม่ใช่ให้ไปสวรรค์ก็แล้วกัน เดี๋ยวจะหาว่าแช่งกัน ถ้าความยุติธรรมในโลกนี้ยังมีอยู่ คนชั่วอย่างคนๆนี้ จะมีทางเลือกแค่"หนีคดีความ และ เข้าไปอยู่ในคุก"เท่านั้น คนชั่วไม่มีสิทธิ์มาลอยนวลอยู่อย่างนี้หรอก ว่าแต่ไปทำอะไรเข้า สส.เขียงใหม่ พรรคของตัวเอง "จักรพล ตั้งสุทธิธรรม" ถึงออกมาเล่นงานหัวหน้าพรรคฯตัวเอง ในฐานะนายกฯ หนีการตอบกระทู้ในสภาฯ ทุกวันพฤหัศบดี แม้แต่กระทู้เรื่องฝุ่นพิษที่กำลังระบาดอยู่ในเวลานี้ ก็เลี่ยงไม่มาตอบ ท่าน สส.เชียงใหม่ นายกฯจะไปทำไม? ไม่มีอะไรจะตอบ เพราะตอบไม่ได้ ไงล่ะ! เรื่องนี้สำคัญกว่า อยานึกว่าเขาไม่รู้ ทางการจีนเขามีคนของเขา ส่งข่าวไปให้รัฐบาลของเขาทราบ เขารู้มานานแล้วว่า ข้าราชการไทย และนักการเมืองพรรคใหญ่ มีเอี่ยวกับพวกจีนเทา ข่าวดังกล่าวบ่งชี้ว่า รัฐบาลและข้าราชการไทย เจ้าหน้าที่รัฐ บกพร่อง อ่อนแอ มีผลประโยชน์ทับซ้อนกับขบวนการสีเทา ยิ่งบริเวณชายแดนไทย-พม่า พวกว้าแดงที่เป็นชนกลุ่มน้อย กองกำลังติดอาวุธ ขบวนการผลิตยาเสพติด มันไม่มีความเกรงกลัวอะไรเลย เพราะนายกฯและ รมต.กลาโหมไทย มันอ่อนเสียจนเขาไม่เกรงกลัวเลย น่าอายจัง ถึงเวลาหรือยัง? หยุดตระกูลโกงชาติ ก่อนที่บ้านเมืองจะพังพินาศจนไม่เหลืออะไรเลย นี่ก็อีกคน ไม่ทราบว่าเอาสมองส่วนไหนมาคิด "แก้ปัญหา พี.เอ็ม.๒.๕ ด้วยการแจกมุ้งสู้ฝุ่น ๓ หมื่นกว่าหลัง สู้ฝุ่นหรือสู้ยุง รัฐบาลชุดนี้ชอบทำอะไรแปลกๆอยู่เสมอ อย่างเรื่องพม่าตัดสินจำคุกลูกเรือประมงไทยที่เกาะสอง สื่อเราถามนายกฯว่าจะมีมาตรการอะไรตอบโต้พม่าบ้าง มาตรการตอบโต้ของนายกฯไทย ๑. จับพม่าเถื่อนมาขึ้นทะเบียน โดยไม่มีการสอบประวัติอาชญากรรม ๒. ให้อยู่ในไทยไม่จำกัดเวลา จะอยู่นานเท่าไรก็ได้ ๓. ลูกหลานพม่าเรียนฟรี เจ็บป่วยรักษาฟรี ส่วนลูกเรือประมงไทย แล้วแต่เวรแต่กรรม พวกพม่าได้ฟังแล้ว พากันกลัวเสียจนเยี่ยวราดกันเป็นแถว ประเทศเรา สมรสเท่าเทียมก็มีแล้ว เมื่อไหร่ถึงจะติดคุกเท่าเทียมคนอื่นเขาเสียที รัฐบาลช่วยคิดด้วยสิ เวลานี้รัฐบาลจีนกำลังไล่กำจัดพวกคอลเซนเตอร์ เพื่อปกป้องประเทศของเขา สหรัฐอเมริกากำลังขับพวกอพยพออกนอกประเทศ ประเทศไทย ไม่ได้ทำอะไรเพื่อคนไทย แต่ทำเพื่อคนพม่า มันผู้ใดที่ทำร้ายบ้านเมือง ขอให้มันจงฉิบหายทั้งตระกูล สาธุ เราจะช่วยกันด่าหรือจะช่วยกันชม ฟังนะ นางหนึ่งบอก เรื่องฝุ่น พี.เอ็ม.๒.๕ นี่นะ คิดมาตั้งแต่วันแรกที่มาเป็นนายกฯ และตามที่หาเสียงไว้"เพื่อไทยแก้ฝุ่นที่ต้นตอ" นายหนึ่ง (ที่จริงก็พวกเดียวกันนั่นแหละ)บอกว่า"ถ้าทำไม่ได้ ก็อย่าอาสามาเป็นผู้ว่าฯ ผมศึกษามานานถึง ๒ ปี พ่อของพรรคก็จ้อหลอกชาวบ้านว่า"ถ้าเพื่อไทยทำไม่ได้ ให้ชี้หน้าด่าได้เลย" รัฐบาลประยุทธ์ฯพยายามแก้ปัญหา พี.เอ็ม.๒.๕ ด้วยการเจรจากับประเทศเพื่อนบ้าน รัฐบาลเพื่อไทยแก้ปัญหาด้วยการ นั่งรถ ขสมก.- รถไฟฟ้าฟรี(ใช้งบ ๑๔๐ ล้านบาท) เห็นไหม"สติปัญญาของคนมันต่างกัน"เชื่อหรือยังล่ะ? วันนี้จบแค่นี้ก่อน เช่นเคย ขอฝากข้อคิดให้ไปคิดกัน การที่จะให้คนชั่วสูญพันธ์ ต้องใช้แบบนี้ "คนที่ลืมรากเหง้าของ ตนเอง ทรยศต่อมาตุภูมิ และทำให้ชาติต้องแตกแยก มักจะเจอจุดจบที่ไม่ดี" อย่าลืมกันเสียล่ะ ช่วยดูๆกันด้วยนะ ถ้าหน้าแล้งปีนี้ ไม่มีน้ำ "ฝนหลวง"มีงบไม่พอ พี่น้องที่เลือก ๑๐ ล้านเสียง อย่าร้องเอะอะโวยวายนะ "ไอโอดิน" กินแล้วไม่โง่ สิบอกให้ ขอแสดงความยินดีกับผู้ที่เลือกพรรคนี้มาเป็นรัฐบาล แทนที่จะได้ฝน กลับได้ฝุ่นมาแทน ใครบอก คนตกงานต้องเดินเตะฝุ่น ตอนนี้คนมีงานก็ต้องเดินเตะฝุ่นกันเพียบเลย สวัสดี.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 322 มุมมอง 0 รีวิว
  • รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เผยหลังประชุม ครม. ของบกลางแค่ 185 ล้าน จากที่จะขอ 329 ล้าน แจงชดเชยเฉพาะบีทีเอส-ขสมก. ส่วน รฟม. มีรายได้เป็นของตัวเองแล้วก็ให้รับภาระไป
    .
    วันนี้ (28 ม.ค.) จากกรณีที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่าจะขออนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อนำเงินไปจ่ายชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถไฟฟ้า และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จากมาตรการให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า และรถเมล์ฟรี ระหว่างวันที่ 25-31 ม.ค. จากเดิมที่ระบุไว้ 140 ล้านบาท แต่ต้องเพิ่มเป็น 329.82 ล้านบาท เพราะการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ขอกันงบประมาณไว้เพื่อใช้ในโครงการอื่นๆ เป็นจำนวน 144 ล้านบาท เช่นเดียวกันกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่ขอเพิ่ม 51 ล้านบาท และเมื่อนำไปรวมกับเงินที่ต้องจ่ายชดเชยให้กับบริษัทบีทีเอส (BTS) จำนวน 133 ล้านบาท ทำให้กระทรวงคมนาคมต้องยื่นของบกลางเพิ่มขึ้น ตามที่ให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาแล้วนั้น
    .
    ล่าสุด นายสุริยะ ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุม ครม. ว่า รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยให้ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 133.84 ล้านบาท และจ่ายชดเชยให้กับ ขสมก. จำนวน 51.7 ล้านบาท รวมเป็นจะเสนอจำนวนงบกลางทั้งสิ้น 185.54 ล้านบาท ส่วนเงินชดเชยที่จะจ่ายให้กับ รฟม. เดิมทีครั้งแรกกระทรวงฯ คาดว่าจะใช้งบกลางมาจ่ายชดเชย จำนวน 144 ล้านบาท แต่ถูกมองว่า รฟม. มีรายได้เป็นของตัวเอง ก็ให้ใช้งบประมาณของ รฟม. เอง
    .
    สาเหตุที่ต้องตัดงบประมาณตรงนี้ออก เพราะรัฐบาลต้องการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ หากหน่วยงานไหนที่มีรายได้เป็นของตัวเอง และมีเพียงพอ ก็ให้ใช้รายได้ของตัวเองไปก่อน ฉะนั้นเรื่องนี้ก็ให้ รฟม. รับภาระไป ส่วนจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5 แสนคน กระทรวงคมนาคมจะไปต่อรองกับผู้ประกอบการว่าจะไม่ชดเชยให้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ตนได้พูดคุยกับผู้ประกอบการแล้ว และผู้ประกอบการก็รับในหลักการดังกล่าว
    .
    เมื่อถามว่า บีทีเอสต้องการวางบิลที่ 200 ล้านบาท จะไม่ให้แล้วใช่หรือไม่ โดยจะจ่ายให้แค่ 133 ล้านบาท นายสุริยะกล่าวว่า คิดว่าบีทีเอสคงจะคิดตามข้อเท็จจริงที่ว่ามีผู้ใช้บริการเท่าใดก็จะเก็บเงินเท่านั้น แต่รัฐบาลจะจ่ายชดเชยตามตัวเลขที่เปิดให้บริการฟรี 7 วัน ซึ่งในหลักการเชื่อว่าไม่มีปัญหา
    .
    รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ในการประชุม ครม. วันนี้ ยังไม่มีการพิจารณางบกลางเพื่อชดเชยผู้ประกอบการรถไฟฟ้าและ ขสมก. แต่อย่างใด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..
    .........
    Sondhi X
    รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เผยหลังประชุม ครม. ของบกลางแค่ 185 ล้าน จากที่จะขอ 329 ล้าน แจงชดเชยเฉพาะบีทีเอส-ขสมก. ส่วน รฟม. มีรายได้เป็นของตัวเองแล้วก็ให้รับภาระไป . วันนี้ (28 ม.ค.) จากกรณีที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม เปิดเผยว่าจะขออนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อนำเงินไปจ่ายชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถไฟฟ้า และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จากมาตรการให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า และรถเมล์ฟรี ระหว่างวันที่ 25-31 ม.ค. จากเดิมที่ระบุไว้ 140 ล้านบาท แต่ต้องเพิ่มเป็น 329.82 ล้านบาท เพราะการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ขอกันงบประมาณไว้เพื่อใช้ในโครงการอื่นๆ เป็นจำนวน 144 ล้านบาท เช่นเดียวกันกับองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ที่ขอเพิ่ม 51 ล้านบาท และเมื่อนำไปรวมกับเงินที่ต้องจ่ายชดเชยให้กับบริษัทบีทีเอส (BTS) จำนวน 133 ล้านบาท ทำให้กระทรวงคมนาคมต้องยื่นของบกลางเพิ่มขึ้น ตามที่ให้สัมภาษณ์เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาแล้วนั้น . ล่าสุด นายสุริยะ ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุม ครม. ว่า รัฐบาลจะจ่ายเงินชดเชยให้ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จำนวน 133.84 ล้านบาท และจ่ายชดเชยให้กับ ขสมก. จำนวน 51.7 ล้านบาท รวมเป็นจะเสนอจำนวนงบกลางทั้งสิ้น 185.54 ล้านบาท ส่วนเงินชดเชยที่จะจ่ายให้กับ รฟม. เดิมทีครั้งแรกกระทรวงฯ คาดว่าจะใช้งบกลางมาจ่ายชดเชย จำนวน 144 ล้านบาท แต่ถูกมองว่า รฟม. มีรายได้เป็นของตัวเอง ก็ให้ใช้งบประมาณของ รฟม. เอง . สาเหตุที่ต้องตัดงบประมาณตรงนี้ออก เพราะรัฐบาลต้องการลดค่าใช้จ่ายต่างๆ หากหน่วยงานไหนที่มีรายได้เป็นของตัวเอง และมีเพียงพอ ก็ให้ใช้รายได้ของตัวเองไปก่อน ฉะนั้นเรื่องนี้ก็ให้ รฟม. รับภาระไป ส่วนจำนวนผู้ใช้บริการที่เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5 แสนคน กระทรวงคมนาคมจะไปต่อรองกับผู้ประกอบการว่าจะไม่ชดเชยให้ อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ตนได้พูดคุยกับผู้ประกอบการแล้ว และผู้ประกอบการก็รับในหลักการดังกล่าว . เมื่อถามว่า บีทีเอสต้องการวางบิลที่ 200 ล้านบาท จะไม่ให้แล้วใช่หรือไม่ โดยจะจ่ายให้แค่ 133 ล้านบาท นายสุริยะกล่าวว่า คิดว่าบีทีเอสคงจะคิดตามข้อเท็จจริงที่ว่ามีผู้ใช้บริการเท่าใดก็จะเก็บเงินเท่านั้น แต่รัฐบาลจะจ่ายชดเชยตามตัวเลขที่เปิดให้บริการฟรี 7 วัน ซึ่งในหลักการเชื่อว่าไม่มีปัญหา . รายงานข่าวเพิ่มเติมระบุว่า ในการประชุม ครม. วันนี้ ยังไม่มีการพิจารณางบกลางเพื่อชดเชยผู้ประกอบการรถไฟฟ้าและ ขสมก. แต่อย่างใด . อ่านเพิ่มเติม.. ......... Sondhi X
    Like
    Angry
    Sad
    16
    5 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1126 มุมมอง 0 รีวิว
  • ⭕️ไปเที่ยวกลับมาเเล้วค่ะน้องไกค์ทั้ง2คนหน้ารักมากค่ะน้องดูแลดีมาก แล้วเพื่อนที่เดินทางทุกคนน่ารักมากค่ะพี่ให้ห้าดาวทุกข้อค่ะ พอดีเปลี่ยนโทรศัพท์เลยพิมพ์ไม่ค่อยถูกค่ะให้น้องไกค์เบวห้าดาวและไกค์เวียดนามน้องโรสก็ห้าดาวเช่นกันค่ะ ขอบอกผ่านไปทางคุณนะคะดูแลดีมากค่ะ⭕️

    💜 #รีวิว #REVIEW เส้นทาง #เวียดนาม #เมืองฮานอย จากคุณจิราภรณ์นะคะ💜 เมื่อวันที่ 17-20 ม.ค.68 ที่ผ่านมานะคะ📍
    ❤️ขอขอบพระคุณมากๆเลยนะคะที่ไว้ใจทาง eTravelWay.com
    แอดมินประทับใจเสมอที่เห็นภาพสวยๆจากผู้เดินทาง และเป็นกำลังใจกับพวกเราค่ะ😘


    ดูทัวร์เวียดนามทั้งหมดได้ที่
    https://78s.me/32cd81

    รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21ปี eTravelWay.com🔥
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : 78s.me/e86e1a
    ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก 78s.me/501ad8

    LINE ID: @etravelway.fire 78s.me/e58a3f
    Facebook: etravelway.fire 78s.me/317663
    Instagram: etravelway.fire 78s.me/d43626
    Tiktok : 78s.me/903597
    ☎️: 0 2116 6395

    #ทัวร์เวียดนาม #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์โปรไฟไหม้ #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ที่หลุด #ท่องเที่ยว #เที่ยว #ทัวร์ทั่วโลก #linetoday #linetimeline #linevoom #line #etravelway #ทัวร์ยุโรป #ทัวร์พรีเมี่ยม #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ถูก #ทัวร์คุณภาพ #ทัวร์สุดคุ้ม #แพคเกจทัวร์ต่างประเทศ #กรุ๊ปเหมา
    ⭕️ไปเที่ยวกลับมาเเล้วค่ะน้องไกค์ทั้ง2คนหน้ารักมากค่ะน้องดูแลดีมาก แล้วเพื่อนที่เดินทางทุกคนน่ารักมากค่ะพี่ให้ห้าดาวทุกข้อค่ะ พอดีเปลี่ยนโทรศัพท์เลยพิมพ์ไม่ค่อยถูกค่ะให้น้องไกค์เบวห้าดาวและไกค์เวียดนามน้องโรสก็ห้าดาวเช่นกันค่ะ ขอบอกผ่านไปทางคุณนะคะดูแลดีมากค่ะ⭕️ 💜 #รีวิว #REVIEW เส้นทาง #เวียดนาม #เมืองฮานอย จากคุณจิราภรณ์นะคะ💜 เมื่อวันที่ 17-20 ม.ค.68 ที่ผ่านมานะคะ📍 ❤️ขอขอบพระคุณมากๆเลยนะคะที่ไว้ใจทาง eTravelWay.com แอดมินประทับใจเสมอที่เห็นภาพสวยๆจากผู้เดินทาง และเป็นกำลังใจกับพวกเราค่ะ😘 ดูทัวร์เวียดนามทั้งหมดได้ที่ https://78s.me/32cd81 รวมทัวร์ไฟไหม้ ทัวร์หลุดจอง โปรพักเดี่ยว ลดเยอะสุด by 21ปี eTravelWay.com🔥 ⭕️ เข้ากลุ่มลับ Facebook โปรเพียบบบบ : 78s.me/e86e1a ⭕️ เข้ากลุ่มลับ LINE openchat ทัวร์ที่หลุด คลิก 78s.me/501ad8 LINE ID: @etravelway.fire 78s.me/e58a3f Facebook: etravelway.fire 78s.me/317663 Instagram: etravelway.fire 78s.me/d43626 Tiktok : 78s.me/903597 ☎️: 0 2116 6395 #ทัวร์เวียดนาม #ทัวร์ต่างประเทศ #ทัวร์โปรไฟไหม้ #ทัวร์ไฟไหม้ #ทัวร์ที่หลุด #ท่องเที่ยว #เที่ยว #ทัวร์ทั่วโลก #linetoday #linetimeline #linevoom #line #etravelway #ทัวร์ยุโรป #ทัวร์พรีเมี่ยม #ทัวร์ลดราคา #ทัวร์ราคาถูก #ทัวร์ถูก #ทัวร์คุณภาพ #ทัวร์สุดคุ้ม #แพคเกจทัวร์ต่างประเทศ #กรุ๊ปเหมา
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมัยที่ผมยังเด็ก...

    ลมหนาวจางๆ เริ่มพัดมาแล้ว...
    ระดับนํ้าในแม่นํ้าโขงเริ่มลดลง พอให้ชาวบ้านที่อยู่ติดริมนํ้าได้เริ่มลงมือปลูกผักสวนครัวไว้ใช้ในบ้าน

    เมื่อลมหนาว เริ่มพัดมา ก็หมายความว่า ฤดูฝนกำลังจะหมดไป
    งานบุญเดือน 11 กำลังมาถึง..

    งานบุญออกพรรษา...

    สิ่งที่มีมาคู่กับงานออกพรรษาคือ
    งานบุญแข่งเรือ

    ช่วงก่อนจะใกล้งานบุญแข่งเรือสักหนึ่งเดือน...
    ช่วงเย็นๆ ที่ลำนํ้าโขงจะปรากฎเสียงกระตุ้นเร้าเป็นระยะๆ ดังพร้อมๆ กับเสียงนกหวีด ให้ออกแรง พายจํ้า
    เรือแข่งหลายสิบฝีพาย หลายๆลำมักจะใช้แม่นํ้าโขงเป็นสนามฝึกซ้อม

    หน้าต่างฝั่งนํ้าโขงของบ้านผมนั้น เป็นที่ที่ผมปีนขึ้นไปนั่งได้อย่างสะดวก แค่เหยียบเก้าอี้ขึ้นไป ก็นั่งขอบหน้าต่างได้แล้ว

    ปกติแล้วผมมักจะชอบนั่งดูแม่นํ้าอยู่ริมหน้าต่างที่บ้านเก่า และบ่อยครั้งก็อุตริขึ้นไปนั่งอ่านนิยายที่ขอบหน้าต่าง

    คราวที่ กำลังง่วนกับการละเล่น พอได้ยินเสียงนกหวีดให้จังหวะฝีพาย ผมจะทิ้งทุกอย่างวิ่งมาเกาะหน้าต่างดู ฝีพายที่ขะมักเขม้น จ้วงพายลงในนํ้า ในจังหวะที่พร้อมเพรียงกัน

    ฝีพายทั้งหลายต่างพร้อมใจกันมาซ้อมทุกเช้าเย็น...

    จวบจนวันบุญแข่งเรือ และงานวันออกพรรษา มาถึง....

    ถนนสุนทรวิจิตร หน้าบ้านผมในสมัย40กว่าปีก่อนนั้น...
    นับได้ว่าเป็นถนนเศรษฐกิจเลยทีเดียว ทั้งรถราวิ่งกันขวักไขว่ ร้านอาหาร บาร์ ก็ผุดเป็นดอกเห็ดยามหน้าฝน
    เวลามีงานบุญต่างๆ ขบวนแห่ทั้งหลาย ก็ต้องผ่านเส้นนี้ทั้งนั้น

    วันออกพรรษา ที่เป็นวันเต็ง คือวันขึ้น15 คํ่าเดือน11 .....

    ลานหญ้าริมเขื่อนฝั่งโขง หน้าบ้านพักผู้พิพากษา ยาวไปถึงสถานีตำรวจ และเลยไปถึงโรงเรียนสุนทรวิจิตร
    จะเต็มไปด้วยซุ้มต่างๆของแต่ละอำเภอ แต่ละท้องถิ่น พากันมาออกร้าน ทั้งไม้ไผ่ ทางมะพร้าว ไพหญ้า ต่างถูกใช้เป็นวัสดุหลักในการทำโครงสร้างรวมทั้งการตกแต่ง ที่เรียบง่าย แต่น่าสนใจเหลือเกินสำหรับเด็กในวัย6-7ขวบอย่างผม

    ตั้งแต่เช้า....
    ผู้คนเริ่มทะยอยกัน ออกมาเดินเท้าบนถนน ถนนหน้าบ้านผมคราครํ่าไปด้วยผู้คน

    แม่บ้านที่เลี้ยงผมในยามนั้น
    แกชอบออกมานั่งดู ผู้คนเดินไปมา ผมซึ่งยังเป็นเด็กมากในขณะนั้นกลับรู้สึกว่า ไม่เห็นจะน่าสนใจอะไรเลย
    สู้ลูกโป่งสีสวยในมือพ่อค้าไม่ได้

    หรือเสาไม้ไผ่ที่พ่อค้าแบกพาดไว้บนไหล่ถูกเจาะรู รอบๆเป็นระยะๆ เอาไว้เสียบเครื่องเล่น ของเล่น นานาชนิด...

    เครื่องบินที่แพนหางเป็นกระดาษ ส่วนหัว มีเชือกป่านผูกกับปลายไม้ที่เป็นก้านจับ พอแกว่งให้ปะทะอากาศก็จะมีเสียงดังวี้ด ๆ

    ยังมี "จั๊กจั่น" ที่เป็นกล่องกระดาษทรงกระบอกเล็กๆ ฝั่งหนึ่งเจาะรูมีเชือกร้อยห้อยติดกับไม้ พอเหวี่ยงกล่องกระดาษที่ปลายมันจะเกิดเสียงแหลมๆคล้ายจั๊กจั่น

    และที่ลืมไม่ได้...
    ป๋องแป๋งกระดาษแก้ว..
    ที่หน้าของตัวป๋องแป๋งขึงด้วยการะดาษแก้วหลากสี
    ตัวป๋องแป๋งมีลักษณะคล้ายกลองขนาดเล็ก ขึงหน้าด้วยกระดาษแก้วสี ด้านข้างมีเชือกป่านร้อยไว้ทั้ง2ด้านปลายด้านหนึ่ง มีดินเหนียวแห้งเป็นตุ้มถ่วง พอแกว่งป๋องแป๋ง ดินเหนียวนี้ก็จะไปปะทะหน้าป๋องแป๋ง เกิดเสียงกังวานขึ้น
    เตี่ยผมเคย ช่วยซ่อมป๋องแป๋งนี้ในยามที่หน้ากระดาษแก้วมันหย่อน
    แกเอาผ้าชุบนํ้าพอหมาดๆ แล้วเช็ดหน้ากระดาษแก้วไวๆ น่าประหลาดที่มันกลับมาตึงและดังกังวานได้อีกครั้ง

    แกบอกว่า กระดาษแก้วพอถูกนํ้าจะตึงขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ทำบ่อยๆก็ไม่ไหว มันจะหมดสภาพไป...
    .
    .
    .
    ฝูงชนยังคงคราครํ่า บนถนน...
    แม่บ้านผมก็ยังคงนั่งมองผู้คนอยู่อย่างนั้น...

    มาบัดนี้ ด้วยที่ผ่านวัยนั้นมา ผมเข้าใจแล้วว่า
    แกคงมองดูหนุ่มสาวที่มาด้วยกัน บางครั้งคงแอบมองหนุ่มๆที่มาคนเดียว หรือมาร่วมกลุ่มกัน นั่นก็คงทำให้แกมีความสุขเล็กๆได้
    .
    .
    พอตกบ่าย...
    หลังจากการแข่งเรือในท้องนํ้าที่กว้างใหญ่ผ่านไป
    มักจะมีเรือเล็กติดเครื่องยนต์ วิ่งไปมาใกล้ตลิ่ง
    หนุ่มๆบนเรือ บ้างก็เปลื้องผ้าท่อนบน บ้างก็มีสภาพมึนเมา บ่อยครั้งที่จะมีคำร้องกลอนพื้นบ้าน พร้อมเสียงกลองเสียงเคาะขวด ลอยตามเรือมาเป็นระยะๆ
    สาวบ้านไหนอยู่ในระยะสายตา มักจะโดนหนุ่มๆขี้เมาทั้งหลายในเรือลำจิ๋ว แซวไปซะทุกครั้ง และแน่นอน คำร้องแซว นั้น อยู่ในระดับ หยาบถึงหยาบมาก
    .
    .
    ขบวนแห่ปราสาทผึ้งเริ่มแล้ว
    การตกแต่ง ริ้วขบวนเป็นไปด้วยความเรียบง่าย ทั้งดนตรีปี่กลอง ผู้ร่วมขบวนนั้นมีมากมาย และมีทุกวัย
    บางคราวก็จะเห็น ตา หรือ ยายแก่ๆ ฟ้อนเข้าจังหวะ แต่จังหวะสับขานั้นเต็มไปด้วยควมสับสนอาจจะเพราะฤทธิ์ 40 ดีกรี ที่ดวดเข้าไปเต็มคราบ ถึงกับถอยหน้าถอยหลัง ไปไม่ถึงไหน
    ร้อนถึงเพื่อน ในขบวนต้องช่วยกันรุนหลังให้ตามขบวนไป
    บ้างก็หมดสภาพขนาดเพื่อนๆ ต้องหิ้วปีกตามขบวนกันเลย ก็ยังเคยมีให้เห็น
    .
    .
    งานบุญแบบนี้ สิ่งที่เด็กๆอย่างผมตั้งตารอ ก็คงจะหนีไม่พ้น ขนม นม เนย ที่วางขายกัน

    ของกิน ของซื้อมากมายเหลือเกินในงานออกร้าน

    รถเข็นขายลูกชิ้นปิ้ง
    ซึ่งผมและเด็กอีกหลายๆคนมักจะทำคล้ายๆกัน คือ ใช้ไม้ที่มีลูกชิ้นนั้น จิ้มนํ้าจิ้ม และดูดกินนํ้าจิ้มนั้น เรื่อยๆก่อน เหมือนกลัวว่า ถ้ารีบกินลูกชิ้นนั้น จะหมดลงไวเกินไป อีกมือที่ว่างก็ล้วงไปที่ถุงพลาสติกที่มีกระหลํ่าปลีหั่น เอาออกมาจิ้มนํ้าจิ้มกินอย่างเอร็ดอร่อย
    จนควรแก่เวลา ถึงได้บรรเลงลูกชิ้นที่เหลือไว้ ลงท้อง

    รถเข็นขายซาละเปา
    ซาละเปาร้อนๆ หอมฉุยทุกครั้งที่เปิดฝาซึ้งที่ใช้นึ่งซาละเปา ยังมีขนมปังที่กินกับไอศครีมตัก พ่อค้านำมาประยุกต์ ใส่ไส้สังขยาลงไป แล้วเอามานึ่งพร้อมซาละเปา ก็อร่อยไปอีกแบบ

    และสิ่งที่ขาดไม่ได้ในงานออกพรรษาสมัยนั้น คือ ลูกเดือยต้ม

    มันจะถูกแบ่งเป็นกำๆ กำหนึ่งมีหลายก้าน ปลายก้านจะมีลูกเดือยอยู่แต่มันถูกหุ้มด้วยเปลือกแข็งๆ ต้องแทะเปลือกออกถึงจะได้ลิ้มรส ไอ้ลูกเดือยนี่แหละทำให้คนกวาดถนนออกมาบ่นทุกครั้งที่จบงาน เพราะมันถูกทิ้งเกลื่อนและเปลือกมีขนาดเล็ก ทำให้ยากต่อการเก็บกวาด

    งานดำเนินไปค่อนคืน...
    งานเลี้ยงก็ถึงเวลาต้องเลิกรา...
    .
    .
    .
    หลายสิบปีผ่านไป...
    งานออกพรรษา เปลี่ยนไปแล้ว...

    ความเรียบง่ายแฝงเสน่ห์บ้านๆถูกแทนที่ด้วยความยิ่งใหญ่ จ้าแจ่ม ของความทันสมัยที่ถูกใส่เข้ามาแทนที่

    ของเล่นในวัยเด็กที่พ่อค้าแบกท่อนไม้ไผ่เจาะรู ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว

    ของกินที่แสนอร่อยในวัยเด็กถูกแทนที่ด้วยของกินหน้าตาแปลกใหม่ และอาจจะอร่อยกว่าของเดิม

    ลูกเดือยต้ม แทบจะหาไม่ได้อีกแล้วในงานบุญออกพรรษา

    พร้อมๆกับที่ หนุ่มวัยรุ่นขี้เมาล่องเรือแซวสาว...
    ก็หายไปจากท้องนํ้า....
    .
    .
    .
    มีเพียงความทรงจำสีจางๆ...
    ภาพเก่าๆ ให้ระลึกถึง...

    ก็ทำให้ ใครบางคน...
    สถานที่บางสถานที่...
    ที่เคยสลายไปแล้วนั้น
    กลับมามีชีวิตอีกครั้ง...
    แม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ก็ตาม....
    .
    .
    .
    ***ปล. ขอบคุณท่านเจ้าของภาพที่ผมนำมาใช้ประกอบบทความครับ

    ***ออกพรรษา
    เผยแพร่ครั้งแรก เมื่อ 7 ตุลาคม 2560 ที่เพจ ล ม ห ว น
    สมัยที่ผมยังเด็ก... ลมหนาวจางๆ เริ่มพัดมาแล้ว... ระดับนํ้าในแม่นํ้าโขงเริ่มลดลง พอให้ชาวบ้านที่อยู่ติดริมนํ้าได้เริ่มลงมือปลูกผักสวนครัวไว้ใช้ในบ้าน เมื่อลมหนาว เริ่มพัดมา ก็หมายความว่า ฤดูฝนกำลังจะหมดไป งานบุญเดือน 11 กำลังมาถึง.. งานบุญออกพรรษา... สิ่งที่มีมาคู่กับงานออกพรรษาคือ งานบุญแข่งเรือ ช่วงก่อนจะใกล้งานบุญแข่งเรือสักหนึ่งเดือน... ช่วงเย็นๆ ที่ลำนํ้าโขงจะปรากฎเสียงกระตุ้นเร้าเป็นระยะๆ ดังพร้อมๆ กับเสียงนกหวีด ให้ออกแรง พายจํ้า เรือแข่งหลายสิบฝีพาย หลายๆลำมักจะใช้แม่นํ้าโขงเป็นสนามฝึกซ้อม หน้าต่างฝั่งนํ้าโขงของบ้านผมนั้น เป็นที่ที่ผมปีนขึ้นไปนั่งได้อย่างสะดวก แค่เหยียบเก้าอี้ขึ้นไป ก็นั่งขอบหน้าต่างได้แล้ว ปกติแล้วผมมักจะชอบนั่งดูแม่นํ้าอยู่ริมหน้าต่างที่บ้านเก่า และบ่อยครั้งก็อุตริขึ้นไปนั่งอ่านนิยายที่ขอบหน้าต่าง คราวที่ กำลังง่วนกับการละเล่น พอได้ยินเสียงนกหวีดให้จังหวะฝีพาย ผมจะทิ้งทุกอย่างวิ่งมาเกาะหน้าต่างดู ฝีพายที่ขะมักเขม้น จ้วงพายลงในนํ้า ในจังหวะที่พร้อมเพรียงกัน ฝีพายทั้งหลายต่างพร้อมใจกันมาซ้อมทุกเช้าเย็น... จวบจนวันบุญแข่งเรือ และงานวันออกพรรษา มาถึง.... ถนนสุนทรวิจิตร หน้าบ้านผมในสมัย40กว่าปีก่อนนั้น... นับได้ว่าเป็นถนนเศรษฐกิจเลยทีเดียว ทั้งรถราวิ่งกันขวักไขว่ ร้านอาหาร บาร์ ก็ผุดเป็นดอกเห็ดยามหน้าฝน เวลามีงานบุญต่างๆ ขบวนแห่ทั้งหลาย ก็ต้องผ่านเส้นนี้ทั้งนั้น วันออกพรรษา ที่เป็นวันเต็ง คือวันขึ้น15 คํ่าเดือน11 ..... ลานหญ้าริมเขื่อนฝั่งโขง หน้าบ้านพักผู้พิพากษา ยาวไปถึงสถานีตำรวจ และเลยไปถึงโรงเรียนสุนทรวิจิตร จะเต็มไปด้วยซุ้มต่างๆของแต่ละอำเภอ แต่ละท้องถิ่น พากันมาออกร้าน ทั้งไม้ไผ่ ทางมะพร้าว ไพหญ้า ต่างถูกใช้เป็นวัสดุหลักในการทำโครงสร้างรวมทั้งการตกแต่ง ที่เรียบง่าย แต่น่าสนใจเหลือเกินสำหรับเด็กในวัย6-7ขวบอย่างผม ตั้งแต่เช้า.... ผู้คนเริ่มทะยอยกัน ออกมาเดินเท้าบนถนน ถนนหน้าบ้านผมคราครํ่าไปด้วยผู้คน แม่บ้านที่เลี้ยงผมในยามนั้น แกชอบออกมานั่งดู ผู้คนเดินไปมา ผมซึ่งยังเป็นเด็กมากในขณะนั้นกลับรู้สึกว่า ไม่เห็นจะน่าสนใจอะไรเลย สู้ลูกโป่งสีสวยในมือพ่อค้าไม่ได้ หรือเสาไม้ไผ่ที่พ่อค้าแบกพาดไว้บนไหล่ถูกเจาะรู รอบๆเป็นระยะๆ เอาไว้เสียบเครื่องเล่น ของเล่น นานาชนิด... เครื่องบินที่แพนหางเป็นกระดาษ ส่วนหัว มีเชือกป่านผูกกับปลายไม้ที่เป็นก้านจับ พอแกว่งให้ปะทะอากาศก็จะมีเสียงดังวี้ด ๆ ยังมี "จั๊กจั่น" ที่เป็นกล่องกระดาษทรงกระบอกเล็กๆ ฝั่งหนึ่งเจาะรูมีเชือกร้อยห้อยติดกับไม้ พอเหวี่ยงกล่องกระดาษที่ปลายมันจะเกิดเสียงแหลมๆคล้ายจั๊กจั่น และที่ลืมไม่ได้... ป๋องแป๋งกระดาษแก้ว.. ที่หน้าของตัวป๋องแป๋งขึงด้วยการะดาษแก้วหลากสี ตัวป๋องแป๋งมีลักษณะคล้ายกลองขนาดเล็ก ขึงหน้าด้วยกระดาษแก้วสี ด้านข้างมีเชือกป่านร้อยไว้ทั้ง2ด้านปลายด้านหนึ่ง มีดินเหนียวแห้งเป็นตุ้มถ่วง พอแกว่งป๋องแป๋ง ดินเหนียวนี้ก็จะไปปะทะหน้าป๋องแป๋ง เกิดเสียงกังวานขึ้น เตี่ยผมเคย ช่วยซ่อมป๋องแป๋งนี้ในยามที่หน้ากระดาษแก้วมันหย่อน แกเอาผ้าชุบนํ้าพอหมาดๆ แล้วเช็ดหน้ากระดาษแก้วไวๆ น่าประหลาดที่มันกลับมาตึงและดังกังวานได้อีกครั้ง แกบอกว่า กระดาษแก้วพอถูกนํ้าจะตึงขึ้นอีกเล็กน้อย แต่ทำบ่อยๆก็ไม่ไหว มันจะหมดสภาพไป... . . . ฝูงชนยังคงคราครํ่า บนถนน... แม่บ้านผมก็ยังคงนั่งมองผู้คนอยู่อย่างนั้น... มาบัดนี้ ด้วยที่ผ่านวัยนั้นมา ผมเข้าใจแล้วว่า แกคงมองดูหนุ่มสาวที่มาด้วยกัน บางครั้งคงแอบมองหนุ่มๆที่มาคนเดียว หรือมาร่วมกลุ่มกัน นั่นก็คงทำให้แกมีความสุขเล็กๆได้ . . พอตกบ่าย... หลังจากการแข่งเรือในท้องนํ้าที่กว้างใหญ่ผ่านไป มักจะมีเรือเล็กติดเครื่องยนต์ วิ่งไปมาใกล้ตลิ่ง หนุ่มๆบนเรือ บ้างก็เปลื้องผ้าท่อนบน บ้างก็มีสภาพมึนเมา บ่อยครั้งที่จะมีคำร้องกลอนพื้นบ้าน พร้อมเสียงกลองเสียงเคาะขวด ลอยตามเรือมาเป็นระยะๆ สาวบ้านไหนอยู่ในระยะสายตา มักจะโดนหนุ่มๆขี้เมาทั้งหลายในเรือลำจิ๋ว แซวไปซะทุกครั้ง และแน่นอน คำร้องแซว นั้น อยู่ในระดับ หยาบถึงหยาบมาก . . ขบวนแห่ปราสาทผึ้งเริ่มแล้ว การตกแต่ง ริ้วขบวนเป็นไปด้วยความเรียบง่าย ทั้งดนตรีปี่กลอง ผู้ร่วมขบวนนั้นมีมากมาย และมีทุกวัย บางคราวก็จะเห็น ตา หรือ ยายแก่ๆ ฟ้อนเข้าจังหวะ แต่จังหวะสับขานั้นเต็มไปด้วยควมสับสนอาจจะเพราะฤทธิ์ 40 ดีกรี ที่ดวดเข้าไปเต็มคราบ ถึงกับถอยหน้าถอยหลัง ไปไม่ถึงไหน ร้อนถึงเพื่อน ในขบวนต้องช่วยกันรุนหลังให้ตามขบวนไป บ้างก็หมดสภาพขนาดเพื่อนๆ ต้องหิ้วปีกตามขบวนกันเลย ก็ยังเคยมีให้เห็น . . งานบุญแบบนี้ สิ่งที่เด็กๆอย่างผมตั้งตารอ ก็คงจะหนีไม่พ้น ขนม นม เนย ที่วางขายกัน ของกิน ของซื้อมากมายเหลือเกินในงานออกร้าน รถเข็นขายลูกชิ้นปิ้ง ซึ่งผมและเด็กอีกหลายๆคนมักจะทำคล้ายๆกัน คือ ใช้ไม้ที่มีลูกชิ้นนั้น จิ้มนํ้าจิ้ม และดูดกินนํ้าจิ้มนั้น เรื่อยๆก่อน เหมือนกลัวว่า ถ้ารีบกินลูกชิ้นนั้น จะหมดลงไวเกินไป อีกมือที่ว่างก็ล้วงไปที่ถุงพลาสติกที่มีกระหลํ่าปลีหั่น เอาออกมาจิ้มนํ้าจิ้มกินอย่างเอร็ดอร่อย จนควรแก่เวลา ถึงได้บรรเลงลูกชิ้นที่เหลือไว้ ลงท้อง รถเข็นขายซาละเปา ซาละเปาร้อนๆ หอมฉุยทุกครั้งที่เปิดฝาซึ้งที่ใช้นึ่งซาละเปา ยังมีขนมปังที่กินกับไอศครีมตัก พ่อค้านำมาประยุกต์ ใส่ไส้สังขยาลงไป แล้วเอามานึ่งพร้อมซาละเปา ก็อร่อยไปอีกแบบ และสิ่งที่ขาดไม่ได้ในงานออกพรรษาสมัยนั้น คือ ลูกเดือยต้ม มันจะถูกแบ่งเป็นกำๆ กำหนึ่งมีหลายก้าน ปลายก้านจะมีลูกเดือยอยู่แต่มันถูกหุ้มด้วยเปลือกแข็งๆ ต้องแทะเปลือกออกถึงจะได้ลิ้มรส ไอ้ลูกเดือยนี่แหละทำให้คนกวาดถนนออกมาบ่นทุกครั้งที่จบงาน เพราะมันถูกทิ้งเกลื่อนและเปลือกมีขนาดเล็ก ทำให้ยากต่อการเก็บกวาด งานดำเนินไปค่อนคืน... งานเลี้ยงก็ถึงเวลาต้องเลิกรา... . . . หลายสิบปีผ่านไป... งานออกพรรษา เปลี่ยนไปแล้ว... ความเรียบง่ายแฝงเสน่ห์บ้านๆถูกแทนที่ด้วยความยิ่งใหญ่ จ้าแจ่ม ของความทันสมัยที่ถูกใส่เข้ามาแทนที่ ของเล่นในวัยเด็กที่พ่อค้าแบกท่อนไม้ไผ่เจาะรู ไม่มีให้เห็นอีกแล้ว ของกินที่แสนอร่อยในวัยเด็กถูกแทนที่ด้วยของกินหน้าตาแปลกใหม่ และอาจจะอร่อยกว่าของเดิม ลูกเดือยต้ม แทบจะหาไม่ได้อีกแล้วในงานบุญออกพรรษา พร้อมๆกับที่ หนุ่มวัยรุ่นขี้เมาล่องเรือแซวสาว... ก็หายไปจากท้องนํ้า.... . . . มีเพียงความทรงจำสีจางๆ... ภาพเก่าๆ ให้ระลึกถึง... ก็ทำให้ ใครบางคน... สถานที่บางสถานที่... ที่เคยสลายไปแล้วนั้น กลับมามีชีวิตอีกครั้ง... แม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ก็ตาม.... . . . ***ปล. ขอบคุณท่านเจ้าของภาพที่ผมนำมาใช้ประกอบบทความครับ ***ออกพรรษา เผยแพร่ครั้งแรก เมื่อ 7 ตุลาคม 2560 ที่เพจ ล ม ห ว น
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 221 มุมมอง 0 รีวิว
  • รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม เผยของบกลางชดเชยผู้ประกอบการเดินรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน งอกขึ้นจาก 140 ล้าน เป็น 329.82 ล้าน อ้าง รฟม. เปลี่ยนใจของบฯ ไว้ใช้โครงการอื่น ส่วน ขสมก. ขอเพิ่ม 51 ล้าน แต่ยังอ้างทำเพื่อประชาชน เพราะสุดท้ายก็เป็นเงินของรัฐอยู่ดี
    .
    วันนี้ (28 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม กล่าวถึงการของบกลาง 140 ล้านบาท เพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อนำเงินไปจ่ายชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถไฟฟ้า และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จากมาตรการให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า และรถเมล์ฟรี ระหว่างวันที่ 25-31 ม.ค. ว่า หลังจากเปิดให้บริการฟรี 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. มีประชาชนใช้บริการในมาตรการดังกล่าว ประมาณ 500,000 คน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเดิม 45 ถึง 60% โดยเฉพาะใน 2 วันที่ผ่านมา
    .
    ส่วนที่มีหลายฝ่ายท้วงติงว่า ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นไม่ได้มาจากผู้ใช้รถยนต์นั้น นายสุริยะ กล่าวว่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ประเมินตัวเลขจากกล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งใน กทม. มีการใช้รถใช้ถนนประมาณวันละ 10 ล้านคัน เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลครึ่งหนึ่ง ประมาณ 5 ล้านคัน 10 และพบว่า จากมาตรการดังกล่าว มีการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลลดลง 10% หรือประมาณ 5 แสนคัน
    .
    สำหรับงบกลาง ที่กระทรวงคมนาคมจะขออนุมัติจากที่ประชุม ครม. จากเดิมที่ระบุไว้ 140 ล้านบาท แต่ต้องเพิ่มเป็น 329.82 ล้านบาท เนื่องจากเดิม การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ไม่ของบประมาณไว้ แต่ภายหลัง รฟม. แจ้งว่าจะขอกันงบประมาณไว้เพื่อใช้ในโครงการอื่นๆ เป็นจำนวน 144 ล้านบาท เช่นเดียวกันกับ ขสมก. ที่ขอเพิ่ม 51 ล้านบาท และเมื่อนำไปรวมกับเงินที่ต้องจ่ายชดเชยให้กับบริษัทบีทีเอส (BTS) จำนวน 133 ล้านบาท ทำให้กระทรวงคมนาคมต้องยื่นของบกลางเพิ่มขึ้น
    .
    เมื่อถามว่าผู้บริหารรถไฟฟ้าบีทีเอส ระบุว่า ในส่วนของบริษัทฯ มีการประเมินเงินชดเชยจากมาตรการของรัฐบาลอยู่ที่ 200 ล้านบาทนั้น นายสุริยะ ระบุว่า นี่เป็นตัวเลขที่บีทีเอสคิดย้อนหลังไป 7 วัน แต่รัฐบาลจะชดเชย 7 วันที่ออกมาตรการ คือ 25 – 31 ม.ค. 2568 ถามว่าบริษัทบีทีเอสได้วางบิลที่กระทรวงคมนาคมแล้วหรือยัง นายสุริยะ ระบุว่า ยังไม่ได้วางบิล เพราะต้องรอให้ครบกำหนด 7 วัน
    .
    เมื่อถามว่ามีแนวโน้มจะขยายมาตรการดังกล่าวอีกหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ขอประเมินสถานการณ์ให้รอบด้าน ส่วนที่ว่ามีความกังวลหรือไม่ จากที่เคยขอ 140 ล้านบาท ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์แล้ว แต่ตัวเลขจริงพุ่งสูงถึง 329 ล้านบาท นายสุริยะ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้คือการทำเพื่อประชาชน เพราะตัวเลข 140 ล้านบาท ยังไม่รวมกับรถเมล์ ขสมก. แต่สุดท้ายไม่ว่าจะเป็น เงินของ ขสมก. หรืองบกลางของรัฐบาล ก็ถือว่าเป็นงบประมาณของรัฐบาลอยู่แล้ว แต่ย้ำว่ารัฐบาลมีเพดานในการจ่ายเงินชดเชยไม่ให้เกิน 329 ล้านบาท
    .
    เมื่อถามว่า มาตรการครั้งหน้า หากมีการดำเนินการอีกจะมีการขอความร่วมมือภาคเอกชนให้บริการฟรีหรือไม่ นายสุริยะ ความจริงรัฐบาลสามารถขอความร่วมมือจากภาคเอกชนได้ แต่ภาคเอกชนก็มีการลงทุน ตัวเลขผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ถ้าคิดแบบจำนวนเต็มรัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยเยอะกว่านี้อีก ซึ่งรัฐบาลขอแค่ 7 วัน เยอะกว่านี้จะไม่เพิ่มให้ ถามว่าที่ประชุม ครม. จะเห็นชอบงบกลางหรือไม่ หลังจากของบเพิ่มขึ้น นายสุริยะ ระบุว่า ต้องอธิบายว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเป็นของ รฟม. จากเดิมที่จะให้ รฟม. รับผิดชอบ ซึ่งขอย้ำว่า สุดท้ายแล้วก็เป็นเงินของรัฐบาลอยู่ดี.
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008789
    .........
    Sondhi X
    รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม เผยของบกลางชดเชยผู้ประกอบการเดินรถไฟฟ้าและรถเมล์ฟรี 7 วัน งอกขึ้นจาก 140 ล้าน เป็น 329.82 ล้าน อ้าง รฟม. เปลี่ยนใจของบฯ ไว้ใช้โครงการอื่น ส่วน ขสมก. ขอเพิ่ม 51 ล้าน แต่ยังอ้างทำเพื่อประชาชน เพราะสุดท้ายก็เป็นเงินของรัฐอยู่ดี . วันนี้ (28 ม.ค.) ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม กล่าวถึงการของบกลาง 140 ล้านบาท เพื่อขออนุมัติจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่อนำเงินไปจ่ายชดเชยให้กับผู้ประกอบการรถไฟฟ้า และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) จากมาตรการให้ประชาชนขึ้นรถไฟฟ้า และรถเมล์ฟรี ระหว่างวันที่ 25-31 ม.ค. ว่า หลังจากเปิดให้บริการฟรี 7 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ม.ค. มีประชาชนใช้บริการในมาตรการดังกล่าว ประมาณ 500,000 คน ซึ่งสูงกว่าตัวเลขเดิม 45 ถึง 60% โดยเฉพาะใน 2 วันที่ผ่านมา . ส่วนที่มีหลายฝ่ายท้วงติงว่า ตัวเลขที่เพิ่มขึ้นไม่ได้มาจากผู้ใช้รถยนต์นั้น นายสุริยะ กล่าวว่า สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ประเมินตัวเลขจากกล้องวงจรปิดของกรุงเทพมหานคร (กทม.) ซึ่งใน กทม. มีการใช้รถใช้ถนนประมาณวันละ 10 ล้านคัน เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลครึ่งหนึ่ง ประมาณ 5 ล้านคัน 10 และพบว่า จากมาตรการดังกล่าว มีการใช้รถยนต์ส่วนบุคคลลดลง 10% หรือประมาณ 5 แสนคัน . สำหรับงบกลาง ที่กระทรวงคมนาคมจะขออนุมัติจากที่ประชุม ครม. จากเดิมที่ระบุไว้ 140 ล้านบาท แต่ต้องเพิ่มเป็น 329.82 ล้านบาท เนื่องจากเดิม การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ไม่ของบประมาณไว้ แต่ภายหลัง รฟม. แจ้งว่าจะขอกันงบประมาณไว้เพื่อใช้ในโครงการอื่นๆ เป็นจำนวน 144 ล้านบาท เช่นเดียวกันกับ ขสมก. ที่ขอเพิ่ม 51 ล้านบาท และเมื่อนำไปรวมกับเงินที่ต้องจ่ายชดเชยให้กับบริษัทบีทีเอส (BTS) จำนวน 133 ล้านบาท ทำให้กระทรวงคมนาคมต้องยื่นของบกลางเพิ่มขึ้น . เมื่อถามว่าผู้บริหารรถไฟฟ้าบีทีเอส ระบุว่า ในส่วนของบริษัทฯ มีการประเมินเงินชดเชยจากมาตรการของรัฐบาลอยู่ที่ 200 ล้านบาทนั้น นายสุริยะ ระบุว่า นี่เป็นตัวเลขที่บีทีเอสคิดย้อนหลังไป 7 วัน แต่รัฐบาลจะชดเชย 7 วันที่ออกมาตรการ คือ 25 – 31 ม.ค. 2568 ถามว่าบริษัทบีทีเอสได้วางบิลที่กระทรวงคมนาคมแล้วหรือยัง นายสุริยะ ระบุว่า ยังไม่ได้วางบิล เพราะต้องรอให้ครบกำหนด 7 วัน . เมื่อถามว่ามีแนวโน้มจะขยายมาตรการดังกล่าวอีกหรือไม่ นายสุริยะ กล่าวว่า ขอประเมินสถานการณ์ให้รอบด้าน ส่วนที่ว่ามีความกังวลหรือไม่ จากที่เคยขอ 140 ล้านบาท ก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์แล้ว แต่ตัวเลขจริงพุ่งสูงถึง 329 ล้านบาท นายสุริยะ กล่าวว่า ทั้งหมดนี้คือการทำเพื่อประชาชน เพราะตัวเลข 140 ล้านบาท ยังไม่รวมกับรถเมล์ ขสมก. แต่สุดท้ายไม่ว่าจะเป็น เงินของ ขสมก. หรืองบกลางของรัฐบาล ก็ถือว่าเป็นงบประมาณของรัฐบาลอยู่แล้ว แต่ย้ำว่ารัฐบาลมีเพดานในการจ่ายเงินชดเชยไม่ให้เกิน 329 ล้านบาท . เมื่อถามว่า มาตรการครั้งหน้า หากมีการดำเนินการอีกจะมีการขอความร่วมมือภาคเอกชนให้บริการฟรีหรือไม่ นายสุริยะ ความจริงรัฐบาลสามารถขอความร่วมมือจากภาคเอกชนได้ แต่ภาคเอกชนก็มีการลงทุน ตัวเลขผู้โดยสารที่เพิ่มขึ้น ถ้าคิดแบบจำนวนเต็มรัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยเยอะกว่านี้อีก ซึ่งรัฐบาลขอแค่ 7 วัน เยอะกว่านี้จะไม่เพิ่มให้ ถามว่าที่ประชุม ครม. จะเห็นชอบงบกลางหรือไม่ หลังจากของบเพิ่มขึ้น นายสุริยะ ระบุว่า ต้องอธิบายว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้นเป็นของ รฟม. จากเดิมที่จะให้ รฟม. รับผิดชอบ ซึ่งขอย้ำว่า สุดท้ายแล้วก็เป็นเงินของรัฐบาลอยู่ดี. . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000008789 ......... Sondhi X
    Like
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 911 มุมมอง 0 รีวิว
  • แชร์ข่าวนี้ให้ไปถึงหัวหน้าของทุกคนด้วยครับ ฮาาา

    จากรายงานล่าสุดของ ActivTrak Productivity Lab พบว่าพนักงานที่ทำงานจากระยะไกลมีประสิทธิภาพการทำงานสูงกว่าพนักงานที่ทำงานในสำนักงาน พนักงานที่ทำงานจากระยะไกลมีชั่วโมงการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าและมีการขัดจังหวะน้อยกว่า

    ในขณะที่พนักงานในอุตสาหกรรมการเงินมีเวลาทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าพนักงานในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ถึง 30 นาทีต่อวัน และมีอัตราการใช้งานที่ดีต่อสุขภาพสูงกว่า 9% พนักงานในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพมีเวลาทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอื่น ๆ ถึง 36 นาทีต่อวัน แต่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการเบิร์นเอาท์หรือการไม่สนใจงาน

    นอกจากนี้ พนักงานที่ทำงานจากระยะไกลมีเวลาทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเนื่องจากมีการประชุมและการขัดจังหวะน้อยกว่า ในทางกลับกัน พนักงานที่ทำงานในสำนักงานมีรูปแบบการทำงานที่สมดุลที่สุด โดยใช้เวลาเกือบ 70% ของเวลาทำงานในสภาวะที่ดีต่อสุขภาพ

    การทำงานแบบไฮบริดกำลังได้รับความนิยมเนื่องจากความยืดหยุ่น แต่พนักงานที่ทำงานแบบไฮบริดมีเวลาพักที่สั้นกว่าเล็กน้อย ActivTrak เตือนว่าพนักงานที่ใช้เวลามากกว่า 75% ของเวลาทำงานในสภาวะที่ใช้งานมากเกินไปมีความเสี่ยงที่จะเกิดการเบิร์นเอาท์

    การเบิร์นเอาท์ (Burnout) เป็นภาวะที่เกิดจากความเครียดเรื้อรังในที่ทำงาน ซึ่งส่งผลให้เกิดความเหนื่อยล้าทางกายและจิตใจ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่ทำงานหนักและมีความเครียดสูงเป็นเวลานาน การป้องกันการเบิร์นเอาท์สามารถทำได้โดยการจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกาย การทำกิจกรรมที่ชอบ และการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานหรือผู้บังคับบัญชาเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในที่ทำงาน

    การทำงานจากระยะไกลมีข้อดีหลายประการ เช่น การลดการขัดจังหวะและการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องระวังเช่นกัน

    https://www.techradar.com/pro/Remote-workers-are-more-productive-and-face-less-interruptions-than-their-office-only-co-workers
    แชร์ข่าวนี้ให้ไปถึงหัวหน้าของทุกคนด้วยครับ ฮาาา จากรายงานล่าสุดของ ActivTrak Productivity Lab พบว่าพนักงานที่ทำงานจากระยะไกลมีประสิทธิภาพการทำงานสูงกว่าพนักงานที่ทำงานในสำนักงาน พนักงานที่ทำงานจากระยะไกลมีชั่วโมงการทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าและมีการขัดจังหวะน้อยกว่า ในขณะที่พนักงานในอุตสาหกรรมการเงินมีเวลาทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าพนักงานในอุตสาหกรรมอื่น ๆ ถึง 30 นาทีต่อวัน และมีอัตราการใช้งานที่ดีต่อสุขภาพสูงกว่า 9% พนักงานในอุตสาหกรรมการดูแลสุขภาพมีเวลาทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าค่าเฉลี่ยของอุตสาหกรรมอื่น ๆ ถึง 36 นาทีต่อวัน แต่มีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดการเบิร์นเอาท์หรือการไม่สนใจงาน นอกจากนี้ พนักงานที่ทำงานจากระยะไกลมีเวลาทำงานที่มีประสิทธิภาพมากกว่าเนื่องจากมีการประชุมและการขัดจังหวะน้อยกว่า ในทางกลับกัน พนักงานที่ทำงานในสำนักงานมีรูปแบบการทำงานที่สมดุลที่สุด โดยใช้เวลาเกือบ 70% ของเวลาทำงานในสภาวะที่ดีต่อสุขภาพ การทำงานแบบไฮบริดกำลังได้รับความนิยมเนื่องจากความยืดหยุ่น แต่พนักงานที่ทำงานแบบไฮบริดมีเวลาพักที่สั้นกว่าเล็กน้อย ActivTrak เตือนว่าพนักงานที่ใช้เวลามากกว่า 75% ของเวลาทำงานในสภาวะที่ใช้งานมากเกินไปมีความเสี่ยงที่จะเกิดการเบิร์นเอาท์ การเบิร์นเอาท์ (Burnout) เป็นภาวะที่เกิดจากความเครียดเรื้อรังในที่ทำงาน ซึ่งส่งผลให้เกิดความเหนื่อยล้าทางกายและจิตใจ สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่ทำงานหนักและมีความเครียดสูงเป็นเวลานาน การป้องกันการเบิร์นเอาท์สามารถทำได้โดยการจัดการความเครียดอย่างเหมาะสม เช่น การพักผ่อนให้เพียงพอ การออกกำลังกาย การทำกิจกรรมที่ชอบ และการพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานหรือผู้บังคับบัญชาเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้นในที่ทำงาน การทำงานจากระยะไกลมีข้อดีหลายประการ เช่น การลดการขัดจังหวะและการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงาน แต่ก็มีความเสี่ยงที่ต้องระวังเช่นกัน https://www.techradar.com/pro/Remote-workers-are-more-productive-and-face-less-interruptions-than-their-office-only-co-workers
    WWW.TECHRADAR.COM
    Remote workers are more productive and face less interruptions than their office-only co-workers
    Remote-first is most productive while hybrid and office-first approaches offer healthier utilization of employee time
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 99 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถ้าบนเรือโคบอลต์ แตงโมพกหมาไปเป็นเพื่อน บางทีทุกอย่างอาจเปลี่ยนไป
    ถ้าบนเรือโคบอลต์ แตงโมพกหมาไปเป็นเพื่อน บางทีทุกอย่างอาจเปลี่ยนไป
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 157 มุมมอง 5 0 รีวิว
  • ที่เห็นเมื่อเช้า หมอกหรือควัน? เกือบ 100% บอกว่าฝุ่น แอดภาวนาขอให้เป็นหมอกธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งที่ดูคล้ายหมอกเช่นที่เกิดในอังกฤษและอเมริกาหลายวันก่อน (แน่นอนว่าโดรนไม่มาไกล แต่ถ้าเครื่องบินอาจจะขึ้นแถวๆประเทศเพื่อนบ้านหรือบ้านเราเอง ซึ่งเป็นสมาชิก WEF หรือ สมาชิก UN)

    บรรยากาศไม่ต่างจากเริ่มระบอบโควิด ทรัมป์ก้าวขึ้นฯ ช่วงปีใหม่จีน แล้วเครื่องบินก็บรรทุกผู้โดยสาร 232 (เลขฟรีเมสัน) คนไปอเมริกา #ระบอบโควิด เริ่มต้น พร้อมกันนั้น ทรัมป์ สั่ง #ล๊อคและโหลด #ล๊อคแล้วโหลด (คำพูดทรัมป์) และเริ่มต้นโปรเจค วาปสปีด!! ซึ่งตอนนี้ เป็นวาปสปีด 2.0 หรือโปรแกรม AI ฉีดวัคซีนให้มนุษย์โดยแบ่งแยกเป็นรายบุคคล ทั่วโลก โดยมีศูนย์ปฏิบัติงานใน อเมริกา https://www.facebook.com/SIGNSOFTHEENDTIME/posts/pfbid02FfUvQFLYrYtC1jSAHMBbhr9gvGjVk3N1xUMwBQ6k8R8Sr8Loj2yMnFpQp8JxexBEl
    ตอนนี้ไข้หวัดนกกำลังระบาดเพิ่มมากขึ้นใน อังกฤษและสกอตแลนด์ ต่อจากสหรัฐฯ https://www.gbnews.com/health/bird-flu-outbreak-england-scotland-biosecurity-zone

    *มีข่าวว่าทรัมป์จะกลับเข้าอ้อมกอด WEF เหมือนเดิม? (ตดยังไม่หายเหม็น แอดเขียนโพสเมื่อวานยังไม่จบเลย)

    หมอก ควัน ฝุ่น แยกด้วยตาเนื้อยาก แต่ถ้าใจคิดว่าฝุ่น ก็จะเชื่อว่าเป็นฝุ่นตามที่สื่อทีวี หมอย ย..ง เคยบอกเล่า ..
    เช่นเดียวกับ อะไรไวรัส อะไรคือทดสอบเท็จ อะไรอยู่ในกระบอกวัคซีน ประชาชนทั่วไปใครจะรู้ ถ้าไม่พิจารณา ไม่ติดตามข่าวหลังฉาก ถ้ามัวแต่ตามสื่อหลัก ฟังความผู้นำ คงต้องเดินเข้าคอกให้เขาเชือด แล้วฉีดวัคซวย ฉนั้นแล้ว การพิจารณาเพื่อให้ได้ความจริง เพื่อรอด มันค่อนข้างยาก แอดเองก็แยกยาก พวกเขาสับหลอกจนตาลาย!

    จากที่แอดเคยเดาว่ากมาลาจะขึ้นนำชั่วครู่แล้วทรัมป์จะกลับมาทวงบัลลังคืนในช่วงสงครามกลางเมือง
    เคยเดาว่าหลังจากประชาชนรู้ความจริงเกี่ยวกับโควิด พวกเขาจะโกรธ และลงถนนร่วมกันทำลายกันและกัน ซึ่งเรารู้จักใน แผน #แบ่งแยกและพิชิต ของฟรีเมสัน https://www.facebook.com/SIGNSOFTHEENDTIME/posts/pfbid02xXLmG95xUX6NS4DVUXgnVW24MH2hgC9swPYo7yiNfAmDaX99FTHCsfuYbgJkxe3el
    แต่เห็นแล้วว่าทรัม์ขึ้นนำและยังไม่มีสงครามกลางเมือง แต่การเปิดเผยของทรัมป์เรื่องโลกาภิวัตน์ WEF ถูกต้องแล้วส่วนหนึ่ง แต่คน ประชาชนยังไม่โกรธ ไม่ตื่น - ในบ้านเรา หมอ อรรถพล บอกว่า องค์กรส่งเสริมวัคซีน ทำได้แค่ ไบ้กิน!? https://www.facebook.com/groups/374786411903689/posts/616390454409949/ หมายถึงจนมุมด้วยหลักฐาน เพราะทรัมป์ เล่นทุบหม้อข้าวตนเอง ลูกหาบหรือจะรับไม้ทัน อึ้่งกิมกี่สิพี่น้อง

    ทรัมป์จะออกจาก WEF ออกจาก WHO จริงหรือในสายตาสื่อหลักสำหรับหลอกแกะ ต้องตามข่าว แต่สำหรับแอดมิน พวกเขาแค่สร้างฉากให้หลง พวกเขายังจูบปากกันเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ ทรัมป์กำลังเร่งทำงานสนองตอบยิวไซออนิสต์ สนองตอบนายธนาคารโลก ร่วมวงชาวโลกาภิวัตน์ พวกเขาคือรัฐบาลโลก และ ทรัมป์กำลังจะกลับไปตะวันออกกลาง เพื่อสร้าง #มหานครอิสราเอล

    ข่าวล่าสุด: ทรัมป์กล่าวว่าเขากำลังกดดันจอร์แดนและอียิปต์ให้รับชาวปาเลสไตน์จากฉนวนกาซา ซึ่งเป็นแผน "เพื่อทำความสะอาด" ดินแดนดังกล่าว AP รายงาน
    ทรัม์กล่าวว่า "ฉันได้พูดคุยกับกษัตริย์แห่งจอร์แดนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการย้ายชาวกาซาไปยังประเทศเพื่อนบ้าน" "ผมบอกเขาให้รับคนเพิ่มเพราะฉนวนกาซากำลังมีปัญหาหนักมาก ผมอยากให้อียิปต์รับคนเพิ่มด้วย และผมจะคุยกับอัลซิซีพรุ่งนี้" ... 5555 แอดขอหัวเราะก่อน นี่ทรัม์แกล้งพูดใช่ไหม เพราะแผนการไล่ต้อนชาวปาเลสไตน์ไบยังซีนาย หรือ ไซนาย พวกเขาร่วมกันดำเนินการตั้งแต่สมัยแรกของเขา (เช่นเดียวกับการผนวกเกาะไอสแลนด์ เอ๊ย กรีนแลนด์ แคนาดา แมกซิโก)

    ชวาป และ รัฐปีกย่อย (ปีก ปีกซาตาน รัฐปีกย่อย หมายถึง สาขาของรัฐบาลโลก) พวกเขากำลังประชุมอย่างซิ้ดซ้าด!!! : ซิ้ดดดด จะไม่ซิ้ดได้ยังไง แต่ละคนสั่งสาวบริการเน้นประตูหลัง ลองค้นหาข่าวด้วยภาพด้านล่างดูสิ สั่นเลยล่ะ .. แล้วจะรู้ว่าชวาป เล่นละครกับทรัมป์กันถึงพริกถึงขิงแค่ไหน

    รู้หรือไม่ การฉีดวัคซวย หมายถึงการฉีด งู เข้าไในร่างกายในสายตาชาวโลกาภิวัตน์ (ง่าย ๆ ดูโลโก้องค์กรคะยั้นคะยอให้รับวัคซีน)

    *เอาไว้เราค่อยติดตามโปรเจค วาปสปีด 2.0 ซึ่งมีเค้าลางเกี่ยวกับการคอลโทรลมนุษย์ผ่านดีเอ็นเอ ที่เก็บไว้แล้วของทนุษย์ทั่วโลก
    "#สตาร์เกต" #Stargate

    แอดเกือบลมพูดถึงสัญลักษณ์ข้างหลังทรัมป์ สัญลักษณ์ที่ ชัดเจนสำหรับสงคราม สุนทรพจน์ของทรัมป์ต่อฟอรัมเศรษฐกิจโลก (WEF)
    ตราประทับของสหรัฐอเมริกาจะมี 2 แบบ คือ
    1. แบบที่ใช้ในยามสงบ และ
    2. แบบที่ใช้ในยามสงคราม
    ในช่วงสงบ หัวของนกอินทรีจะหันไปทางซ้ายของพวกเรา ไปทางกิ่งมะกอก ตรงที่เราเห็นเป็นกรงเล็บด้านซ้าย
    ในช่วงสงคราม หัวของอินทรีจะหันไปทางขวาของพวกเรา ไปทางลูกศรแห่งสงคราม ซึ่งพวกเราเห็นว่าเป็น Talon ทางขวา

    บนโพเดียมที่ทรัมป์พูด หัวของอินทรีหันไปทางซ้ายของเรา: สันติภาพ
    แต่ในเวลาเดียวกันนั้น ภาพอินทรีบนจอภาพขนาดยักษ์ด้านหลังเขา แสดงให้เห็นหัวอินทรีหันไปทางสิ่งที่เราเห็น คงไม่ใช่อะไรอื่น ทรัมป์และอเมริกากำลังจะมีสงคราม (สงครามกับใครคือคำถาม)

    "ชนชั้นยอด" มักจะใช้สัญลักษณ์เพื่อสื่อสารข้อความถึงกัน พวกเขายังกล่าวอีกว่า "ชนชั้นสูง" ใช้สัญลักษณ์เหล่านี้เพื่อล้อเลียนคนอเมริกันซึ่งพวกเขามองว่าโง่เขลา

    ซีรีส์ทางโทรทัศน์ชื่อดังอย่าง “West Wing” ยังได้พูดถึงประเด็นนี้ในตอนหนึ่งด้วย นี่คือคลิปวิดีโอที่เกี่ยวข้อง: https://youtu.be/1qkLXiuEUdE

    ทรัมป์และอเมริกาจะทำสงครามกับใคร อิหร่าน หรือรัสเซีย หรือ สงครามกับระชาชน
    ที่เห็นเมื่อเช้า หมอกหรือควัน? เกือบ 100% บอกว่าฝุ่น แอดภาวนาขอให้เป็นหมอกธรรมชาติ ไม่ใช่สิ่งที่ดูคล้ายหมอกเช่นที่เกิดในอังกฤษและอเมริกาหลายวันก่อน (แน่นอนว่าโดรนไม่มาไกล แต่ถ้าเครื่องบินอาจจะขึ้นแถวๆประเทศเพื่อนบ้านหรือบ้านเราเอง ซึ่งเป็นสมาชิก WEF หรือ สมาชิก UN) บรรยากาศไม่ต่างจากเริ่มระบอบโควิด ทรัมป์ก้าวขึ้นฯ ช่วงปีใหม่จีน แล้วเครื่องบินก็บรรทุกผู้โดยสาร 232 (เลขฟรีเมสัน) คนไปอเมริกา #ระบอบโควิด เริ่มต้น พร้อมกันนั้น ทรัมป์ สั่ง #ล๊อคและโหลด #ล๊อคแล้วโหลด (คำพูดทรัมป์) และเริ่มต้นโปรเจค วาปสปีด!! ซึ่งตอนนี้ เป็นวาปสปีด 2.0 หรือโปรแกรม AI ฉีดวัคซีนให้มนุษย์โดยแบ่งแยกเป็นรายบุคคล ทั่วโลก โดยมีศูนย์ปฏิบัติงานใน อเมริกา https://www.facebook.com/SIGNSOFTHEENDTIME/posts/pfbid02FfUvQFLYrYtC1jSAHMBbhr9gvGjVk3N1xUMwBQ6k8R8Sr8Loj2yMnFpQp8JxexBEl ตอนนี้ไข้หวัดนกกำลังระบาดเพิ่มมากขึ้นใน อังกฤษและสกอตแลนด์ ต่อจากสหรัฐฯ https://www.gbnews.com/health/bird-flu-outbreak-england-scotland-biosecurity-zone *มีข่าวว่าทรัมป์จะกลับเข้าอ้อมกอด WEF เหมือนเดิม? (ตดยังไม่หายเหม็น แอดเขียนโพสเมื่อวานยังไม่จบเลย) หมอก ควัน ฝุ่น แยกด้วยตาเนื้อยาก แต่ถ้าใจคิดว่าฝุ่น ก็จะเชื่อว่าเป็นฝุ่นตามที่สื่อทีวี หมอย ย..ง เคยบอกเล่า .. เช่นเดียวกับ อะไรไวรัส อะไรคือทดสอบเท็จ อะไรอยู่ในกระบอกวัคซีน ประชาชนทั่วไปใครจะรู้ ถ้าไม่พิจารณา ไม่ติดตามข่าวหลังฉาก ถ้ามัวแต่ตามสื่อหลัก ฟังความผู้นำ คงต้องเดินเข้าคอกให้เขาเชือด แล้วฉีดวัคซวย ฉนั้นแล้ว การพิจารณาเพื่อให้ได้ความจริง เพื่อรอด มันค่อนข้างยาก แอดเองก็แยกยาก พวกเขาสับหลอกจนตาลาย! จากที่แอดเคยเดาว่ากมาลาจะขึ้นนำชั่วครู่แล้วทรัมป์จะกลับมาทวงบัลลังคืนในช่วงสงครามกลางเมือง เคยเดาว่าหลังจากประชาชนรู้ความจริงเกี่ยวกับโควิด พวกเขาจะโกรธ และลงถนนร่วมกันทำลายกันและกัน ซึ่งเรารู้จักใน แผน #แบ่งแยกและพิชิต ของฟรีเมสัน https://www.facebook.com/SIGNSOFTHEENDTIME/posts/pfbid02xXLmG95xUX6NS4DVUXgnVW24MH2hgC9swPYo7yiNfAmDaX99FTHCsfuYbgJkxe3el แต่เห็นแล้วว่าทรัม์ขึ้นนำและยังไม่มีสงครามกลางเมือง แต่การเปิดเผยของทรัมป์เรื่องโลกาภิวัตน์ WEF ถูกต้องแล้วส่วนหนึ่ง แต่คน ประชาชนยังไม่โกรธ ไม่ตื่น - ในบ้านเรา หมอ อรรถพล บอกว่า องค์กรส่งเสริมวัคซีน ทำได้แค่ ไบ้กิน!? https://www.facebook.com/groups/374786411903689/posts/616390454409949/ หมายถึงจนมุมด้วยหลักฐาน เพราะทรัมป์ เล่นทุบหม้อข้าวตนเอง ลูกหาบหรือจะรับไม้ทัน อึ้่งกิมกี่สิพี่น้อง ทรัมป์จะออกจาก WEF ออกจาก WHO จริงหรือในสายตาสื่อหลักสำหรับหลอกแกะ ต้องตามข่าว แต่สำหรับแอดมิน พวกเขาแค่สร้างฉากให้หลง พวกเขายังจูบปากกันเหมือนเดิม เพิ่มเติมคือ ทรัมป์กำลังเร่งทำงานสนองตอบยิวไซออนิสต์ สนองตอบนายธนาคารโลก ร่วมวงชาวโลกาภิวัตน์ พวกเขาคือรัฐบาลโลก และ ทรัมป์กำลังจะกลับไปตะวันออกกลาง เพื่อสร้าง #มหานครอิสราเอล ข่าวล่าสุด: ทรัมป์กล่าวว่าเขากำลังกดดันจอร์แดนและอียิปต์ให้รับชาวปาเลสไตน์จากฉนวนกาซา ซึ่งเป็นแผน "เพื่อทำความสะอาด" ดินแดนดังกล่าว AP รายงาน ทรัม์กล่าวว่า "ฉันได้พูดคุยกับกษัตริย์แห่งจอร์แดนเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการย้ายชาวกาซาไปยังประเทศเพื่อนบ้าน" "ผมบอกเขาให้รับคนเพิ่มเพราะฉนวนกาซากำลังมีปัญหาหนักมาก ผมอยากให้อียิปต์รับคนเพิ่มด้วย และผมจะคุยกับอัลซิซีพรุ่งนี้" ... 5555 แอดขอหัวเราะก่อน นี่ทรัม์แกล้งพูดใช่ไหม เพราะแผนการไล่ต้อนชาวปาเลสไตน์ไบยังซีนาย หรือ ไซนาย พวกเขาร่วมกันดำเนินการตั้งแต่สมัยแรกของเขา (เช่นเดียวกับการผนวกเกาะไอสแลนด์ เอ๊ย กรีนแลนด์ แคนาดา แมกซิโก) ชวาป และ รัฐปีกย่อย (ปีก ปีกซาตาน รัฐปีกย่อย หมายถึง สาขาของรัฐบาลโลก) พวกเขากำลังประชุมอย่างซิ้ดซ้าด!!! : ซิ้ดดดด จะไม่ซิ้ดได้ยังไง แต่ละคนสั่งสาวบริการเน้นประตูหลัง ลองค้นหาข่าวด้วยภาพด้านล่างดูสิ สั่นเลยล่ะ .. แล้วจะรู้ว่าชวาป เล่นละครกับทรัมป์กันถึงพริกถึงขิงแค่ไหน รู้หรือไม่ การฉีดวัคซวย หมายถึงการฉีด งู เข้าไในร่างกายในสายตาชาวโลกาภิวัตน์ (ง่าย ๆ ดูโลโก้องค์กรคะยั้นคะยอให้รับวัคซีน) *เอาไว้เราค่อยติดตามโปรเจค วาปสปีด 2.0 ซึ่งมีเค้าลางเกี่ยวกับการคอลโทรลมนุษย์ผ่านดีเอ็นเอ ที่เก็บไว้แล้วของทนุษย์ทั่วโลก "#สตาร์เกต" #Stargate แอดเกือบลมพูดถึงสัญลักษณ์ข้างหลังทรัมป์ สัญลักษณ์ที่ ชัดเจนสำหรับสงคราม สุนทรพจน์ของทรัมป์ต่อฟอรัมเศรษฐกิจโลก (WEF) ตราประทับของสหรัฐอเมริกาจะมี 2 แบบ คือ 1. แบบที่ใช้ในยามสงบ และ 2. แบบที่ใช้ในยามสงคราม ในช่วงสงบ หัวของนกอินทรีจะหันไปทางซ้ายของพวกเรา ไปทางกิ่งมะกอก ตรงที่เราเห็นเป็นกรงเล็บด้านซ้าย ในช่วงสงคราม หัวของอินทรีจะหันไปทางขวาของพวกเรา ไปทางลูกศรแห่งสงคราม ซึ่งพวกเราเห็นว่าเป็น Talon ทางขวา บนโพเดียมที่ทรัมป์พูด หัวของอินทรีหันไปทางซ้ายของเรา: สันติภาพ แต่ในเวลาเดียวกันนั้น ภาพอินทรีบนจอภาพขนาดยักษ์ด้านหลังเขา แสดงให้เห็นหัวอินทรีหันไปทางสิ่งที่เราเห็น คงไม่ใช่อะไรอื่น ทรัมป์และอเมริกากำลังจะมีสงคราม (สงครามกับใครคือคำถาม) "ชนชั้นยอด" มักจะใช้สัญลักษณ์เพื่อสื่อสารข้อความถึงกัน พวกเขายังกล่าวอีกว่า "ชนชั้นสูง" ใช้สัญลักษณ์เหล่านี้เพื่อล้อเลียนคนอเมริกันซึ่งพวกเขามองว่าโง่เขลา ซีรีส์ทางโทรทัศน์ชื่อดังอย่าง “West Wing” ยังได้พูดถึงประเด็นนี้ในตอนหนึ่งด้วย นี่คือคลิปวิดีโอที่เกี่ยวข้อง: https://youtu.be/1qkLXiuEUdE ทรัมป์และอเมริกาจะทำสงครามกับใคร อิหร่าน หรือรัสเซีย หรือ สงครามกับระชาชน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 415 มุมมอง 0 รีวิว
  • Part 1 : The Beats and William S. Burroughs

    บีทเจนเนอเรชั่น คือ กลุ่มคนหนุ่ม-สาว ในยุคต้น 1960s ที่เกี่ยวข้องแวะกันด้วยอิทธิพลทางความคิดต้านกระแสสังคม พวกเขายืนอยู่บนเส้นแบ่งของแนวคิดแบบองค์รวมของสังคมอเมริกันอุดมคติแบบ แฟร้งคลิน ดีลาโน่ รูทส์เวลท์ และ สังคมที่นิยมความเป็นปัจเจกบุคคลแบบสุดโต่งในช่วงเวลานั้น ตัวตนขวกเขาถูกแสดงผ่านผลงานการเขียน หลากหลายรูปแบบ เซ็กซ์ ดนตรี และ ศิลปะ พวกเขาเชื่อกันเองว่าในกลุ่มพวกเขามีอยู่เพียงหลักร้อยคน ซึ่งอันที่จริง จำนวนที่แท้จริงของกลุ่ม บีทส์ นั้นไม่ปรากฏเป็นตัวเลขที่ชัดเจนนัก



    นอแมน เมลเลอร์ ผู้อุปถัมภ์ค้ำจุน ความมีตัวตนของ บีทส์ กล่าวไว้อย่างสวยงามมากว่า บีทส์นั้นคือผู้กล้าหาญที่จะแสดงถึงความเป็นตัวของตัวเอง ในยุคที่ทุกกระแสสังคมถูกจับจ้องโดยรัฐบาลสหรัฐ พวกเขาคือคนที่อยู่นอกกฏระเบียบของสังคม งานเขียนของพวกเขาสะท้อนสิ่งที่ประชาชนยุคนั้นมองไม่เห็นหรือแกล้งมองไม่เห็น ซึ่งครอบคลุมเรื่องการเมือง วัฒนธรรม และ การแสวงหาทางจิตวิญญาณ โดยที่พวกเขานั้นไม่อิงแอบกับตรรกะภายนอก ไม่ว่าจะเป็น เรื่องทุนนิยมเรื่องสังคมนิยม แต่เป็นการค้นพบสิ่งใหม่ด้วยตัวเอง ผลงานของพวกเขาจึงเป็นดั่งการเบิกทางให้กับผู้ที่จะค้นพบสิ่งใหม่ๆในยุคต่อๆมา



    แจ็ค คูโรแวค

    แอลลัน กินเบิร์ค

    วิลเลี่ยม เอส. เบอร์โรส์



    สามศาสดาแถวหน้า บีทเจนเนอเรชั่น



    วิลเลี่ยม เอส. เบอร์โรส์ “อัจฉริยะ รุนแรง บ้าคลั่ง”

    .

    .

    วิลเลี่ยม “บิล” เอส. เบอร์โรส์ อายุมากกว่าเพื่อนอีกสองคน และ ผลงานของเขาประสบความสำเร็จช้ากว่าอีกสองคนมาก แต่เป็นการประสบความสำเร็จที่ยาวนานและยั่งยืนที่สุด บิล เกิดในปี ค.ศ. 1914 ในเซนหลุยส์ มิสซูรี่ ปู่ของเขาร่ำรวยจากกว่าเป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องบวกเลขเครื่องแรกของโลก แม้ครอบครัวของบิลจะไม่รวยเท่ากับรุ่นปู่แต่บอกได้ว่าเป็นครอบครัวที่มีฐานะดีมากๆครอบครัวหนึ่งในเวลานั้น เมื่ออายุได้ 15 ปี ตามกระแสในยุคนั้น ครอบครัวส่งบิลได้เรียนในโรงเรียน “บ้านไร่” โรงเรียนประจำที่อยู่ในรัฐตะวันตกอเมริกา ซึ่งเขาถูกส่งไปอยู่ถึงรัฐนิวแม็กซิโก - โรงเรียนประจำลอสอลาโมสแรนช์สกูล เนื่องจากบิลเป็นคนที่เกลียดกิจกรรมภายนอกห้องเรียนอยู่เป็นทุนเดิน เขาแทบจะเข้ากับที่นั่นไม่ได้ ยกเว้นเสียแต่กีฬาชนิดหนึ่งของโรงเรียนที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษนั่นก็คือ กีฬายิงปืนนั่นเอง

    .

    ที่นั่นบิลได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับสารเสพติดเป็นครั้งแรกนั่นก็คือ คลอรอลไฮเดรต ยาระงับประสาท และเป็นที่รู้กันว่า บิลเกือบเอาชีวิตไม่รอดจากการเสพเกินขนาด พอเรียนต่อไม่ได้จึงต้องย้ายไปเข้าโรงเรียนเอกชนเพื่อเก็บเกรดไว้ไปต่อที่ฮาร์วาร์ด ซึ่งก็ทันตอนอายุ 18 พอดี พอเข้าไปได้ บิลก็ไม่ได้สนใจเล่าเรียนเท่าไหร่ แต่มักพบว่าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย ที่นั่นเขาได้อ่านวรรณกรรมภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสอย่างจุใจ พอเรียนจบตอนอายุ 21 ปีพอดี บิลขอพ่อแม่ออกเดินทางท่องเที่ยวทั่วยุโรป และ ก็ได้เมียเป็นแม่หม้าย ชาวยิวอายุ 35 ปี จาก ยูโกสลาเวีย นัยว่าตัวเขานั้นอยากเป็นฮีโร่ ปกป้องผู้หญิงคนหนึ่งจากลัทธิเผด็จการที่เริ่มก่อตัวในยุโรปในขณะนั้น ซึ่งก็อยู่กินกับเขาเกือบ 9 ปีในนิวยอร์ค กระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงในปี 1945

    .

    หลังจากกลับมาถึงสหรัฐอเมริกา บิลเลือกจะที่กลับไปสู่แวดวงการศึกษาโดยเข้าเรียนในระดับปริญญาโทอีกครั้งที่ ฮาร์วาร์ด โดยแรงจูงใจในครั้งนี้คือการได้ใกล้ชิดกับเพื่อนชายของเขา เคลส์ แอลวินส์ ที่นั่นเอง ทั้งสองคนได้ร่วมกันผลิตงานเขียนเสียดสี เกี่้ยวกับการจมลงของเรือไททานิคโดยใช้ชื่อว่า "แสงสะท้อนสุดท้ายของยามพลบค่ำ" ซึ่งพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จในการหาสำนักพิมพ์ที่จะรับซื้องานเขียนดังกล่าวได้ โดยนิตยสาร Esquire ตอบกลับมาว่า มันไม่มีเนื้อหาอะไรลึกซึ้งพอที่จะให้พวกเขานำไปตีพิมพ์ได้ แต่อย่างไรก็ตาม งานเขียนนี้กลับมาปรากฏในนิยายเรื่อง "โนวา เอ็กซ์เพรส"ของบิลในเวลาต่อมา

    .

    บิลเลือกที่จะทิ้งการเรียนปริญญาโทไปแบบครึ่งๆกลางๆ และ กลับไปอยู่ที่ เซนหลุยส์ มิสซูรี่ เพื่อจะไปเป็นลูกศิษย์ของ อัลเฟรด คอซิบสกี้ นักอรรถศาสตร์ ผู้เสนอแนวคิดว่า "คำพูดต่างๆนั้นสูญเสียความหมายที่แท้จริง" และ จากนี้ต่อไปตลอดชีวิต บิลก็ทุ่มเทความคิดให้กับการค้นหาความหมายที่แท้จริงของคำศัพท์แต่ละคำที่เขาเล็งเห็นว่าถูกใช้อย่างผิดๆโดยมนุษย์
    .
    "ผมขอเสนอทฤษฎีอย่างกว้างๆว่า คำศัพท์ของมนุษย์เราจริงๆแล้วคือ ไวรัส แต่มนุษย์เราจะไม่ได้ทราบว่ามันเป็นไวรัส ก็เพราะว่าเราเป็นพาหะที่ค่อนข้างเสถียร ซึ่ง ไอ้ไวรัสนี่ไม่มีหน้าที่อะไรนอกจาก ทำสำเนาให้ตัวเอง และส่งต่อจากมนุษย์คนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งหรือหลายๆคน..."
    .
    หลังเหตุการณ์ประกาศสงครามกับฝ่ายอักษะ บิลถูกหมายเกณฑ์ให้เป็นทหาร แต่แม่ของบิลช่วยเขาหลีกเลี่ยงการเป็นทหารโดยการส่งเขาเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช และให้การรับรองว่าเขาป่วยทางจิตและไม่เหมาะสมกับการรับใช้ชาติ ช่วงเวลาดังกล่าว บิลเดินทางออกจาก เซนหลุยส์ มิสซูรี่ สู่เมืองชิคาโก้ และหาเลี้ยงชีพโดยการรับจ้างกำจัดสัตว์ไม่พึงประสงค์ (อาชีพนี้ทำให้เขาได้เข้าไปสัมผัสมุมมืดในสังคมเมืองใหญ่ ที่เขาเคยแต่เพียงอ่านจากในหนังสือเท่านั้น พอเป็นแบบนี้มันทำให้บิลมีความรู้สึกว่า สิ่งที่เขาพบเจอนั้นคือของแท้) นอกจากนี้ยังได้รับเงินอุดหนุนจากทางบ้านเป็นค่ากินอยู่อีกเดือนละ 200 เหรียญ เป็นอยู่อย่างนี้อีกประมาณแปดเดือนเศษ กระทั่งเขาได้เจอเพื่อนเก่าจาก เซนหลุยส์ มิสซูรี่ นั่นก็คือ ลูเชี่ยน คารร์ และ เดวิท แคมเมอเรอร์ ที่ชิคาโก้ (ในเวลาต่อมา คารร์ก็ปลิดชีพ แคมเมอเรอร์ ที่นิวยอร์ค)
    .
    คารร์ มาแวะเพียงชั่วคราว และ มุ่งหน้าสู่นิวยอร์คเพื่อจะกลับไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และ บิล กับ แคมเมอเรอร์ก็ตามไปสมทบในที่สุด ซึ่งที่นี่เองเป็นที่ ที่ บิลได้พบกับเพื่อนที่จะข้องเกี่ยวกับตัวเขาเองไปอีกครึ่งศตวรรษ เขาคนนั้นคือ แอลลัน กินเบิร์ค - และ แอลลันก็แนะนำพวกเขาให้รู้จักกับ แจ็ค คูโรแวค , อีดี้ ปาร์คเกอร์ (แฟนสาวของแจ็ค) และ โจแอน โวมเมอร์ (ภรรยาของบิลในเวลาต่อมา) แอลลัน กับ แจ็ค ร่วมกันผลิตงานเขียนด้วยกันเป็นครั้งแรก มีชื่อว่า "และฮิปโปโดนต้มในบ่อของมันเอง" ซึ่งก็ไม่ได้ถูกสำนักพิมพ์ใดๆนำไปตีพิมพ์ ขณะเดียวกัน บิลก็เริ่มเบนเข็มสู่อีกช่าวของชีวิต เขาเริ่มเป็นแมงดาข้างถนนย่านไทม์สแควร์ ขายของอีหยิบ ขายมอร์ฟีนแบบเข็มฉีดเข้าเส้น และ ปล้นจี้คนด้วยปืนพกในสถานีรถไฟใต้ดินในยามค่ำคืน คนที่เป็นผู้ชักชวนบิลสู่เส้นทางสายนี้คือ เฮอเบิร์ท ฮังค์คี ซึ่งอยู่ในสายอาชีพ ปล้นชิงทรัพย์ ลักเล็กขโมยน้อย มาแต่เดิม อีกด้านหนึ่ง บิลก็แนะนำ เฮอเบิร์ทให้รู้กจักกับพวกกลุ่มเพื่อนของเขาใน มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และ รวมกลุ่มกันอยู่แบบชุมชนเล็กในอพาร์ทเม็นท์ใกล้ๆ มหาวิทยาลัย นั่นแหละ
    .
    โจแอน โวมเมอร์ นักศึกษาสาวคณะวารสารศาสตร์ เริ่มคบหาเชิงชู้สาวกับ บิล ทั้งๆที่ใครๆในกลุ่มก็ทราบดีว่าบิลมีรสนิยมทางเพศแบบโฮโมเซ็กซ์ชั่ล แต่เธอให้เห็นผลว่า "บิลเก่งเรื่องบนเตียง แบบที่แมงดาควรเป็น" - สองคนนี้อยู่กินกันแบบสามีภรรยา และเสพยาหนักทั้งคู่ กระทั่งวันหนึ่งก็ถูกตำรวจบุกจับถึงอพาร์ทเม็นท์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สองคนยังหาเวลาไปเขียนบทละครสั้น เกี่ยวกับเรื่องรสนิยมทางเพศ อยู่ด้วยกันอยู่หลายเรื่อง ซึ่งในเวลาต่อมา บิลก็เอาไปยัดใส่ในวรรณกรรมของเขาทีละเรื่อง ทีละเรื่อง ไม่นานหลังจากห้วงเวลาในรั้วมหาวิทยาลัย โวมเมอร์กับบิล ร่วมกันซื้อไร่ขนาด 99 เอเคอร์ ในเมือง นิวเวเวอรี่ รัฐเท็กซัส และ โวมเมอร์ก็ให้กำเนิดลูกชายของบิลหนึ่งคน สองผัวเมียมองหาธุรกิจทำและในที่สุดก็ชักชวน ฮังค์คี ให้มาอยู่ด้วยกันที่ไร่ และไม่นานเกินรอผลผลิตหลักจากไร่ของสองผัวเมีย คือ กัญชา
    .
    เพื่อนที่เริ่มมีชื่อเสียงมาก ก็ได้แวะเวียนมาเยี่ยมสองผัวเมีย ไม่ว่าจะเป็น อัลแลน รวมไปถึง นีล แคซซิดี้ (คู่ขาเพศชายของอัลแลน) นีลทำหน้าที่หลักคือขนกัญชาของบิลไปขายในนิวยอร์ค ส่วน อัลแลนส่งกัญชาของสองผัวเมียไปขายผ่านเส้นสายของเหล่าพาณิชย์นาวี ที่เขามีแต่เดิม เป็นแผนธุรกิจฟังดูดีใช่ไหม? แต่เอาจริง แม่งเจ๊งไม่เป็นท่า เพราะค่าใช้จ่ายของแต่ละคนมันสูงมาก เนื่องจาก สองผัวเมียนักเสพ ต้องคอยส่งส่วยให้ตำรวจท้องถิ่นตลอด ราคาขายส่งที่ควรจะเป็นมันถีบสูงไปถึงร้อยเหรียญ ในที่สุดสองผัวเมียและอีกหนึ่งนักปลูกเพื่อนผัว ก็ต้องระเห็ดไปอยู่ที่ นิวออร์ลีนส์ แต่แค่พักเดียวยังไม่ทันได้ทำอะไรจริงจัง ตำรวจก็เข้าจับกุมพวกเขาถึงบ้าน ซ้ำร้ายนอกจากกัญชาที่ปลูกไว้เสพด้วย ขายด้วยแล้ว ก็เจอยาเสพติดอีกหลายประเภทในบ้านของสองผัวเมีย แต่โชคดีพวกนี้รู้จักทนายเก่ง ทนายก็ทำให้คดีหลุดด้วยช่องโหว่ทางกฏหมาย แต่ก็แนะนำว่า สองผัวเมียควรออกไปอยู่นอกประเทศสักพักจะเป็นการดีที่สุด
    .
    ในปี 1950 บิลเขียนจดหมายหาอัลแลน จากที่ประเทศแม็กซิโก แจ้งว่าเขาเขียนหนังสือเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา ใกล้เสร็จแล้ว หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า "ไอ้ขี้ยา" - Junkie. ในวันที่ 6 กันยายน ปีเดียวกันนั้นเอง เล่ากันว่า บิลและโวมเมอร์กำลังเมากันได้ที่ จากการเสพและดื่ม โวมเมอร์เริ่มต้นก่อนด้วยการท้าทายฝีมือการแม่นปืนของบิล ซึ่งเธอเอาแก้วน้ำวางไว้เหนือหัว และ บิลก็ชักปืนสั้นขึ้นยิงแก้วนั้น แต่เล็งพลาด กระสุนเลยพุ่งเข้ากลางหน้าผากโวมเมอร์ ปลิดชีพภรรยาคู่เสพทันที และ ปิดบทบาทสามี ที่ บิลไม่ค่อยเต็มใจนัก
    .
    .
    to be continued...
    Part 1 : The Beats and William S. Burroughs บีทเจนเนอเรชั่น คือ กลุ่มคนหนุ่ม-สาว ในยุคต้น 1960s ที่เกี่ยวข้องแวะกันด้วยอิทธิพลทางความคิดต้านกระแสสังคม พวกเขายืนอยู่บนเส้นแบ่งของแนวคิดแบบองค์รวมของสังคมอเมริกันอุดมคติแบบ แฟร้งคลิน ดีลาโน่ รูทส์เวลท์ และ สังคมที่นิยมความเป็นปัจเจกบุคคลแบบสุดโต่งในช่วงเวลานั้น ตัวตนขวกเขาถูกแสดงผ่านผลงานการเขียน หลากหลายรูปแบบ เซ็กซ์ ดนตรี และ ศิลปะ พวกเขาเชื่อกันเองว่าในกลุ่มพวกเขามีอยู่เพียงหลักร้อยคน ซึ่งอันที่จริง จำนวนที่แท้จริงของกลุ่ม บีทส์ นั้นไม่ปรากฏเป็นตัวเลขที่ชัดเจนนัก นอแมน เมลเลอร์ ผู้อุปถัมภ์ค้ำจุน ความมีตัวตนของ บีทส์ กล่าวไว้อย่างสวยงามมากว่า บีทส์นั้นคือผู้กล้าหาญที่จะแสดงถึงความเป็นตัวของตัวเอง ในยุคที่ทุกกระแสสังคมถูกจับจ้องโดยรัฐบาลสหรัฐ พวกเขาคือคนที่อยู่นอกกฏระเบียบของสังคม งานเขียนของพวกเขาสะท้อนสิ่งที่ประชาชนยุคนั้นมองไม่เห็นหรือแกล้งมองไม่เห็น ซึ่งครอบคลุมเรื่องการเมือง วัฒนธรรม และ การแสวงหาทางจิตวิญญาณ โดยที่พวกเขานั้นไม่อิงแอบกับตรรกะภายนอก ไม่ว่าจะเป็น เรื่องทุนนิยมเรื่องสังคมนิยม แต่เป็นการค้นพบสิ่งใหม่ด้วยตัวเอง ผลงานของพวกเขาจึงเป็นดั่งการเบิกทางให้กับผู้ที่จะค้นพบสิ่งใหม่ๆในยุคต่อๆมา แจ็ค คูโรแวค แอลลัน กินเบิร์ค วิลเลี่ยม เอส. เบอร์โรส์ สามศาสดาแถวหน้า บีทเจนเนอเรชั่น วิลเลี่ยม เอส. เบอร์โรส์ “อัจฉริยะ รุนแรง บ้าคลั่ง” . . วิลเลี่ยม “บิล” เอส. เบอร์โรส์ อายุมากกว่าเพื่อนอีกสองคน และ ผลงานของเขาประสบความสำเร็จช้ากว่าอีกสองคนมาก แต่เป็นการประสบความสำเร็จที่ยาวนานและยั่งยืนที่สุด บิล เกิดในปี ค.ศ. 1914 ในเซนหลุยส์ มิสซูรี่ ปู่ของเขาร่ำรวยจากกว่าเป็นผู้ประดิษฐ์เครื่องบวกเลขเครื่องแรกของโลก แม้ครอบครัวของบิลจะไม่รวยเท่ากับรุ่นปู่แต่บอกได้ว่าเป็นครอบครัวที่มีฐานะดีมากๆครอบครัวหนึ่งในเวลานั้น เมื่ออายุได้ 15 ปี ตามกระแสในยุคนั้น ครอบครัวส่งบิลได้เรียนในโรงเรียน “บ้านไร่” โรงเรียนประจำที่อยู่ในรัฐตะวันตกอเมริกา ซึ่งเขาถูกส่งไปอยู่ถึงรัฐนิวแม็กซิโก - โรงเรียนประจำลอสอลาโมสแรนช์สกูล เนื่องจากบิลเป็นคนที่เกลียดกิจกรรมภายนอกห้องเรียนอยู่เป็นทุนเดิน เขาแทบจะเข้ากับที่นั่นไม่ได้ ยกเว้นเสียแต่กีฬาชนิดหนึ่งของโรงเรียนที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษนั่นก็คือ กีฬายิงปืนนั่นเอง . ที่นั่นบิลได้มีประสบการณ์เกี่ยวกับสารเสพติดเป็นครั้งแรกนั่นก็คือ คลอรอลไฮเดรต ยาระงับประสาท และเป็นที่รู้กันว่า บิลเกือบเอาชีวิตไม่รอดจากการเสพเกินขนาด พอเรียนต่อไม่ได้จึงต้องย้ายไปเข้าโรงเรียนเอกชนเพื่อเก็บเกรดไว้ไปต่อที่ฮาร์วาร์ด ซึ่งก็ทันตอนอายุ 18 พอดี พอเข้าไปได้ บิลก็ไม่ได้สนใจเล่าเรียนเท่าไหร่ แต่มักพบว่าไปซ่อนตัวอยู่ในห้องสมุดของมหาวิทยาลัย ที่นั่นเขาได้อ่านวรรณกรรมภาษาอังกฤษและภาษาฝรั่งเศสอย่างจุใจ พอเรียนจบตอนอายุ 21 ปีพอดี บิลขอพ่อแม่ออกเดินทางท่องเที่ยวทั่วยุโรป และ ก็ได้เมียเป็นแม่หม้าย ชาวยิวอายุ 35 ปี จาก ยูโกสลาเวีย นัยว่าตัวเขานั้นอยากเป็นฮีโร่ ปกป้องผู้หญิงคนหนึ่งจากลัทธิเผด็จการที่เริ่มก่อตัวในยุโรปในขณะนั้น ซึ่งก็อยู่กินกับเขาเกือบ 9 ปีในนิวยอร์ค กระทั่งสงครามโลกครั้งที่ 2 จบลงในปี 1945 . หลังจากกลับมาถึงสหรัฐอเมริกา บิลเลือกจะที่กลับไปสู่แวดวงการศึกษาโดยเข้าเรียนในระดับปริญญาโทอีกครั้งที่ ฮาร์วาร์ด โดยแรงจูงใจในครั้งนี้คือการได้ใกล้ชิดกับเพื่อนชายของเขา เคลส์ แอลวินส์ ที่นั่นเอง ทั้งสองคนได้ร่วมกันผลิตงานเขียนเสียดสี เกี่้ยวกับการจมลงของเรือไททานิคโดยใช้ชื่อว่า "แสงสะท้อนสุดท้ายของยามพลบค่ำ" ซึ่งพวกเขาไม่ประสบความสำเร็จในการหาสำนักพิมพ์ที่จะรับซื้องานเขียนดังกล่าวได้ โดยนิตยสาร Esquire ตอบกลับมาว่า มันไม่มีเนื้อหาอะไรลึกซึ้งพอที่จะให้พวกเขานำไปตีพิมพ์ได้ แต่อย่างไรก็ตาม งานเขียนนี้กลับมาปรากฏในนิยายเรื่อง "โนวา เอ็กซ์เพรส"ของบิลในเวลาต่อมา . บิลเลือกที่จะทิ้งการเรียนปริญญาโทไปแบบครึ่งๆกลางๆ และ กลับไปอยู่ที่ เซนหลุยส์ มิสซูรี่ เพื่อจะไปเป็นลูกศิษย์ของ อัลเฟรด คอซิบสกี้ นักอรรถศาสตร์ ผู้เสนอแนวคิดว่า "คำพูดต่างๆนั้นสูญเสียความหมายที่แท้จริง" และ จากนี้ต่อไปตลอดชีวิต บิลก็ทุ่มเทความคิดให้กับการค้นหาความหมายที่แท้จริงของคำศัพท์แต่ละคำที่เขาเล็งเห็นว่าถูกใช้อย่างผิดๆโดยมนุษย์ . "ผมขอเสนอทฤษฎีอย่างกว้างๆว่า คำศัพท์ของมนุษย์เราจริงๆแล้วคือ ไวรัส แต่มนุษย์เราจะไม่ได้ทราบว่ามันเป็นไวรัส ก็เพราะว่าเราเป็นพาหะที่ค่อนข้างเสถียร ซึ่ง ไอ้ไวรัสนี่ไม่มีหน้าที่อะไรนอกจาก ทำสำเนาให้ตัวเอง และส่งต่อจากมนุษย์คนหนึ่งไปสู่อีกคนหนึ่งหรือหลายๆคน..." . หลังเหตุการณ์ประกาศสงครามกับฝ่ายอักษะ บิลถูกหมายเกณฑ์ให้เป็นทหาร แต่แม่ของบิลช่วยเขาหลีกเลี่ยงการเป็นทหารโดยการส่งเขาเข้าไปอยู่ในโรงพยาบาลจิตเวช และให้การรับรองว่าเขาป่วยทางจิตและไม่เหมาะสมกับการรับใช้ชาติ ช่วงเวลาดังกล่าว บิลเดินทางออกจาก เซนหลุยส์ มิสซูรี่ สู่เมืองชิคาโก้ และหาเลี้ยงชีพโดยการรับจ้างกำจัดสัตว์ไม่พึงประสงค์ (อาชีพนี้ทำให้เขาได้เข้าไปสัมผัสมุมมืดในสังคมเมืองใหญ่ ที่เขาเคยแต่เพียงอ่านจากในหนังสือเท่านั้น พอเป็นแบบนี้มันทำให้บิลมีความรู้สึกว่า สิ่งที่เขาพบเจอนั้นคือของแท้) นอกจากนี้ยังได้รับเงินอุดหนุนจากทางบ้านเป็นค่ากินอยู่อีกเดือนละ 200 เหรียญ เป็นอยู่อย่างนี้อีกประมาณแปดเดือนเศษ กระทั่งเขาได้เจอเพื่อนเก่าจาก เซนหลุยส์ มิสซูรี่ นั่นก็คือ ลูเชี่ยน คารร์ และ เดวิท แคมเมอเรอร์ ที่ชิคาโก้ (ในเวลาต่อมา คารร์ก็ปลิดชีพ แคมเมอเรอร์ ที่นิวยอร์ค) . คารร์ มาแวะเพียงชั่วคราว และ มุ่งหน้าสู่นิวยอร์คเพื่อจะกลับไปเรียนต่อที่มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และ บิล กับ แคมเมอเรอร์ก็ตามไปสมทบในที่สุด ซึ่งที่นี่เองเป็นที่ ที่ บิลได้พบกับเพื่อนที่จะข้องเกี่ยวกับตัวเขาเองไปอีกครึ่งศตวรรษ เขาคนนั้นคือ แอลลัน กินเบิร์ค - และ แอลลันก็แนะนำพวกเขาให้รู้จักกับ แจ็ค คูโรแวค , อีดี้ ปาร์คเกอร์ (แฟนสาวของแจ็ค) และ โจแอน โวมเมอร์ (ภรรยาของบิลในเวลาต่อมา) แอลลัน กับ แจ็ค ร่วมกันผลิตงานเขียนด้วยกันเป็นครั้งแรก มีชื่อว่า "และฮิปโปโดนต้มในบ่อของมันเอง" ซึ่งก็ไม่ได้ถูกสำนักพิมพ์ใดๆนำไปตีพิมพ์ ขณะเดียวกัน บิลก็เริ่มเบนเข็มสู่อีกช่าวของชีวิต เขาเริ่มเป็นแมงดาข้างถนนย่านไทม์สแควร์ ขายของอีหยิบ ขายมอร์ฟีนแบบเข็มฉีดเข้าเส้น และ ปล้นจี้คนด้วยปืนพกในสถานีรถไฟใต้ดินในยามค่ำคืน คนที่เป็นผู้ชักชวนบิลสู่เส้นทางสายนี้คือ เฮอเบิร์ท ฮังค์คี ซึ่งอยู่ในสายอาชีพ ปล้นชิงทรัพย์ ลักเล็กขโมยน้อย มาแต่เดิม อีกด้านหนึ่ง บิลก็แนะนำ เฮอเบิร์ทให้รู้กจักกับพวกกลุ่มเพื่อนของเขาใน มหาวิทยาลัยโคลัมเบีย และ รวมกลุ่มกันอยู่แบบชุมชนเล็กในอพาร์ทเม็นท์ใกล้ๆ มหาวิทยาลัย นั่นแหละ . โจแอน โวมเมอร์ นักศึกษาสาวคณะวารสารศาสตร์ เริ่มคบหาเชิงชู้สาวกับ บิล ทั้งๆที่ใครๆในกลุ่มก็ทราบดีว่าบิลมีรสนิยมทางเพศแบบโฮโมเซ็กซ์ชั่ล แต่เธอให้เห็นผลว่า "บิลเก่งเรื่องบนเตียง แบบที่แมงดาควรเป็น" - สองคนนี้อยู่กินกันแบบสามีภรรยา และเสพยาหนักทั้งคู่ กระทั่งวันหนึ่งก็ถูกตำรวจบุกจับถึงอพาร์ทเม็นท์ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น สองคนยังหาเวลาไปเขียนบทละครสั้น เกี่ยวกับเรื่องรสนิยมทางเพศ อยู่ด้วยกันอยู่หลายเรื่อง ซึ่งในเวลาต่อมา บิลก็เอาไปยัดใส่ในวรรณกรรมของเขาทีละเรื่อง ทีละเรื่อง ไม่นานหลังจากห้วงเวลาในรั้วมหาวิทยาลัย โวมเมอร์กับบิล ร่วมกันซื้อไร่ขนาด 99 เอเคอร์ ในเมือง นิวเวเวอรี่ รัฐเท็กซัส และ โวมเมอร์ก็ให้กำเนิดลูกชายของบิลหนึ่งคน สองผัวเมียมองหาธุรกิจทำและในที่สุดก็ชักชวน ฮังค์คี ให้มาอยู่ด้วยกันที่ไร่ และไม่นานเกินรอผลผลิตหลักจากไร่ของสองผัวเมีย คือ กัญชา . เพื่อนที่เริ่มมีชื่อเสียงมาก ก็ได้แวะเวียนมาเยี่ยมสองผัวเมีย ไม่ว่าจะเป็น อัลแลน รวมไปถึง นีล แคซซิดี้ (คู่ขาเพศชายของอัลแลน) นีลทำหน้าที่หลักคือขนกัญชาของบิลไปขายในนิวยอร์ค ส่วน อัลแลนส่งกัญชาของสองผัวเมียไปขายผ่านเส้นสายของเหล่าพาณิชย์นาวี ที่เขามีแต่เดิม เป็นแผนธุรกิจฟังดูดีใช่ไหม? แต่เอาจริง แม่งเจ๊งไม่เป็นท่า เพราะค่าใช้จ่ายของแต่ละคนมันสูงมาก เนื่องจาก สองผัวเมียนักเสพ ต้องคอยส่งส่วยให้ตำรวจท้องถิ่นตลอด ราคาขายส่งที่ควรจะเป็นมันถีบสูงไปถึงร้อยเหรียญ ในที่สุดสองผัวเมียและอีกหนึ่งนักปลูกเพื่อนผัว ก็ต้องระเห็ดไปอยู่ที่ นิวออร์ลีนส์ แต่แค่พักเดียวยังไม่ทันได้ทำอะไรจริงจัง ตำรวจก็เข้าจับกุมพวกเขาถึงบ้าน ซ้ำร้ายนอกจากกัญชาที่ปลูกไว้เสพด้วย ขายด้วยแล้ว ก็เจอยาเสพติดอีกหลายประเภทในบ้านของสองผัวเมีย แต่โชคดีพวกนี้รู้จักทนายเก่ง ทนายก็ทำให้คดีหลุดด้วยช่องโหว่ทางกฏหมาย แต่ก็แนะนำว่า สองผัวเมียควรออกไปอยู่นอกประเทศสักพักจะเป็นการดีที่สุด . ในปี 1950 บิลเขียนจดหมายหาอัลแลน จากที่ประเทศแม็กซิโก แจ้งว่าเขาเขียนหนังสือเกี่ยวกับประสบการณ์ที่ผ่านมาของเขา ใกล้เสร็จแล้ว หนังสือเล่มนี้มีชื่อว่า "ไอ้ขี้ยา" - Junkie. ในวันที่ 6 กันยายน ปีเดียวกันนั้นเอง เล่ากันว่า บิลและโวมเมอร์กำลังเมากันได้ที่ จากการเสพและดื่ม โวมเมอร์เริ่มต้นก่อนด้วยการท้าทายฝีมือการแม่นปืนของบิล ซึ่งเธอเอาแก้วน้ำวางไว้เหนือหัว และ บิลก็ชักปืนสั้นขึ้นยิงแก้วนั้น แต่เล็งพลาด กระสุนเลยพุ่งเข้ากลางหน้าผากโวมเมอร์ ปลิดชีพภรรยาคู่เสพทันที และ ปิดบทบาทสามี ที่ บิลไม่ค่อยเต็มใจนัก . . to be continued...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 288 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรวจขอนแกน ยึดยาบ้า 4 ล้านเม็ด พบว่าเป็นของเครือข่าย ไซซะนะ พ่อค้ายารายใหญ่ประเทศเพื่อนบ้าน ลำเลียงถ่ายรถกลางดึก แต่ยังไม่ได้ใช้การขนยาบ้าด้วยโดรนการเกษตร

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000008623

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ตำรวจขอนแกน ยึดยาบ้า 4 ล้านเม็ด พบว่าเป็นของเครือข่าย ไซซะนะ พ่อค้ายารายใหญ่ประเทศเพื่อนบ้าน ลำเลียงถ่ายรถกลางดึก แต่ยังไม่ได้ใช้การขนยาบ้าด้วยโดรนการเกษตร อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000008623 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    21
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 748 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts