• ในยุคที่การโจมตีไซเบอร์เป็นภัยคุกคามระดับโลกและพัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็ว ความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการรวมกลุ่ม (DEI) ได้ถูกยกระดับเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งของทีมไซเบอร์ ปรากฏการณ์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดช่องว่างความสามารถด้านความปลอดภัย แต่ยังสร้างทีมงานที่สามารถป้องกันและตอบสนองภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    == ความสำคัญของ DEI ในความปลอดภัยไซเบอร์ ==
    ✅ การรวมความหลากหลายทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้น:
    - ทีมงานที่มีความหลากหลายไม่เพียงแต่ช่วยให้มีมุมมองที่แตกต่าง แต่ยังช่วยลดจุดบอดที่ทีมงานทั่วไปอาจมองไม่เห็น
    - เช่น ความหลากหลายด้านวัฒนธรรมและพฤติกรรมช่วยให้เข้าใจวิธีการใช้เทคโนโลยีในแบบต่าง ๆ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญต่อการสร้างกลยุทธ์ป้องกัน

    ✅ สร้างโอกาสให้กลุ่มคนที่ถูกมองข้าม:
    - การให้ความสำคัญกับ DEI ช่วยเปิดทางให้บุคคลที่เคยขาดโอกาสได้เข้าสู่สายงานไซเบอร์ เช่น ผู้หญิงที่ยังเป็นเพียง 15% ในวงการนี้ และชาวแอฟริกันอเมริกันที่มีเพียง 8% ในสายงานเทคโนโลยี

    ✅ ช่วยลดปัญหาขาดแคลนบุคลากร:
    - ปัจจุบัน มีตำแหน่งงานด้านไซเบอร์กว่า 450,000 ตำแหน่ง ในสหรัฐฯ ที่ยังขาดแคลนบุคลากร และ DEI จะช่วยสร้างเส้นทางสู่การพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ

    == โครงการและมาตรการที่ช่วยผลักดัน DEI ==
    #ShareTheMicInCyber (#STMIC):
    - แคมเปญที่ช่วยสร้างพื้นที่และยกระดับความสำคัญของผู้เชี่ยวชาญไซเบอร์ที่เป็นคนผิวดำ พร้อมกับจัดตั้งทุนการศึกษาที่ช่วยสร้างโอกาสในสายงานนี้

    ✅ การสร้างแนวทางที่มีมิติทางสังคมและเทคโนโลยี:
    - DEI ช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมการใช้งานเทคโนโลยีที่แตกต่างตามวัฒนธรรม ช่วยเสริมสร้างระบบป้องกันความเสี่ยงที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

    https://www.csoonline.com/article/3953961/why-dei-is-key-for-a-cyber-safe-future.html
    ในยุคที่การโจมตีไซเบอร์เป็นภัยคุกคามระดับโลกและพัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็ว ความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการรวมกลุ่ม (DEI) ได้ถูกยกระดับเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งของทีมไซเบอร์ ปรากฏการณ์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดช่องว่างความสามารถด้านความปลอดภัย แต่ยังสร้างทีมงานที่สามารถป้องกันและตอบสนองภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ == ความสำคัญของ DEI ในความปลอดภัยไซเบอร์ == ✅ การรวมความหลากหลายทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้น: - ทีมงานที่มีความหลากหลายไม่เพียงแต่ช่วยให้มีมุมมองที่แตกต่าง แต่ยังช่วยลดจุดบอดที่ทีมงานทั่วไปอาจมองไม่เห็น - เช่น ความหลากหลายด้านวัฒนธรรมและพฤติกรรมช่วยให้เข้าใจวิธีการใช้เทคโนโลยีในแบบต่าง ๆ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญต่อการสร้างกลยุทธ์ป้องกัน ✅ สร้างโอกาสให้กลุ่มคนที่ถูกมองข้าม: - การให้ความสำคัญกับ DEI ช่วยเปิดทางให้บุคคลที่เคยขาดโอกาสได้เข้าสู่สายงานไซเบอร์ เช่น ผู้หญิงที่ยังเป็นเพียง 15% ในวงการนี้ และชาวแอฟริกันอเมริกันที่มีเพียง 8% ในสายงานเทคโนโลยี ✅ ช่วยลดปัญหาขาดแคลนบุคลากร: - ปัจจุบัน มีตำแหน่งงานด้านไซเบอร์กว่า 450,000 ตำแหน่ง ในสหรัฐฯ ที่ยังขาดแคลนบุคลากร และ DEI จะช่วยสร้างเส้นทางสู่การพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ == โครงการและมาตรการที่ช่วยผลักดัน DEI == ✅ #ShareTheMicInCyber (#STMIC): - แคมเปญที่ช่วยสร้างพื้นที่และยกระดับความสำคัญของผู้เชี่ยวชาญไซเบอร์ที่เป็นคนผิวดำ พร้อมกับจัดตั้งทุนการศึกษาที่ช่วยสร้างโอกาสในสายงานนี้ ✅ การสร้างแนวทางที่มีมิติทางสังคมและเทคโนโลยี: - DEI ช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมการใช้งานเทคโนโลยีที่แตกต่างตามวัฒนธรรม ช่วยเสริมสร้างระบบป้องกันความเสี่ยงที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น https://www.csoonline.com/article/3953961/why-dei-is-key-for-a-cyber-safe-future.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Why DEI is key for a cyber safe future
    Diversity, equity, and inclusion (DEI) can be a cyber superpower — not just for reducing security skills gaps but for ensuring cybersecurity teams make defenses stronger and more adaptive.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • Amazon ได้เปิดตัว Nova Sonic ซึ่งเป็นโมเดล AI ด้านเสียงที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบัน โดยออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการพัฒนาแอปพลิเคชันที่สามารถสนทนาเสียงแบบเรียลไทม์ในลักษณะเหมือนมนุษย์ Amazon เคลมว่าโมเดลนี้มีประสิทธิภาพที่เหนือชั้น ทั้งในด้าน ราคา และ ความเร็วในการตอบสนอง

    ✅ ระบบที่รวมทุกอย่างในโมเดลเดียว:
    - แตกต่างจากระบบเดิมที่ต้องใช้งานหลายโมเดล เช่น การแปลงเสียงเป็นข้อความ (Speech-to-Text), การประมวลผลภาษา (Large Language Models), และการแปลงข้อความกลับเป็นเสียง (Text-to-Speech) Nova Sonic รวบรวมความสามารถทั้งหมดไว้ในหนึ่งเดียว ช่วยลดความซับซ้อนและเพิ่มความแม่นยำ

    ✅ ความเข้าใจในน้ำเสียงและสไตล์การพูด:
    - Nova Sonic สามารถวิเคราะห์และเข้าใจ น้ำเสียง, จังหวะการพูด, และ บริบททางเสียง ทำให้การสนทนามีลักษณะธรรมชาติมากขึ้น พร้อมทั้งรองรับการตอบสนองที่เหมาะสมและการจัดการกับการขัดจังหวะ (barge-ins) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ✅ การรองรับสำเนียงภาษาอังกฤษหลากหลาย:
    - รองรับสำเนียงภาษาอังกฤษแบบอเมริกันและแบบบริติช รวมถึงทั้งเสียงแบบผู้ชายและผู้หญิง

    https://www.neowin.net/news/amazon-announces-nova-sonic-audio-model-claiming-to-outperform-openai-and-google/
    Amazon ได้เปิดตัว Nova Sonic ซึ่งเป็นโมเดล AI ด้านเสียงที่ล้ำสมัยที่สุดในปัจจุบัน โดยออกแบบมาเพื่อสนับสนุนการพัฒนาแอปพลิเคชันที่สามารถสนทนาเสียงแบบเรียลไทม์ในลักษณะเหมือนมนุษย์ Amazon เคลมว่าโมเดลนี้มีประสิทธิภาพที่เหนือชั้น ทั้งในด้าน ราคา และ ความเร็วในการตอบสนอง ✅ ระบบที่รวมทุกอย่างในโมเดลเดียว: - แตกต่างจากระบบเดิมที่ต้องใช้งานหลายโมเดล เช่น การแปลงเสียงเป็นข้อความ (Speech-to-Text), การประมวลผลภาษา (Large Language Models), และการแปลงข้อความกลับเป็นเสียง (Text-to-Speech) Nova Sonic รวบรวมความสามารถทั้งหมดไว้ในหนึ่งเดียว ช่วยลดความซับซ้อนและเพิ่มความแม่นยำ ✅ ความเข้าใจในน้ำเสียงและสไตล์การพูด: - Nova Sonic สามารถวิเคราะห์และเข้าใจ น้ำเสียง, จังหวะการพูด, และ บริบททางเสียง ทำให้การสนทนามีลักษณะธรรมชาติมากขึ้น พร้อมทั้งรองรับการตอบสนองที่เหมาะสมและการจัดการกับการขัดจังหวะ (barge-ins) ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ การรองรับสำเนียงภาษาอังกฤษหลากหลาย: - รองรับสำเนียงภาษาอังกฤษแบบอเมริกันและแบบบริติช รวมถึงทั้งเสียงแบบผู้ชายและผู้หญิง https://www.neowin.net/news/amazon-announces-nova-sonic-audio-model-claiming-to-outperform-openai-and-google/
    WWW.NEOWIN.NET
    Amazon announces Nova Sonic audio model, claiming to outperform OpenAI and Google
    Amazon has introduced Nova Sonic, a new speech-to-speech AI model designed for creating applications with natural, real-time voice interactions.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • 4/

    สื่อเริ่มไม่นำเสนอรายงานการโจมตีของสหรัฐในเยเมน เพื่อปกปิดความชั่วร้ายของสหรัฐ

    กองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดใส่เมืองที่อยู่อาศัย (Ameen Maqbel) ในเขต Al-Hawk ของเขตผู้ว่าการ Al-Hudaydah ทำให้เด็กๆ ได้รับบาดเจ็บและมีผู้พลีชีพจำนวนมาก


    การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ในเยเมนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น โดยมีรายงานการโจมตีเกือบ 50 ครั้งในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เหตุระเบิดในโฮเดดาห์คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 6 ราย รวมทั้งเด็ก 2 คนและผู้หญิง 1 คน และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 16 ราย ขณะเดียวกันยังทำให้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่
    ในเมืองอัมราน ทางตอนเหนือของซานา เมืองหลวงเยเมน มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมในการโจมตีอีกครั้ง การโจมตีทางอากาศอีกสามครั้งโจมตีเมืองดามาร์ทางใต้ของเมืองหลวง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้รับบาดเจ็บ 3 นาย
    ซานา เมืองหลวงของเยเมน ถูกโจมตีถึง 8 ครั้ง นับเป็นการทวีความรุนแรงอย่างมากในกิจกรรมทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้
    4/ สื่อเริ่มไม่นำเสนอรายงานการโจมตีของสหรัฐในเยเมน เพื่อปกปิดความชั่วร้ายของสหรัฐ กองทัพอากาศสหรัฐอเมริกาทิ้งระเบิดใส่เมืองที่อยู่อาศัย (Ameen Maqbel) ในเขต Al-Hawk ของเขตผู้ว่าการ Al-Hudaydah ทำให้เด็กๆ ได้รับบาดเจ็บและมีผู้พลีชีพจำนวนมาก การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ในเยเมนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น โดยมีรายงานการโจมตีเกือบ 50 ครั้งในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เหตุระเบิดในโฮเดดาห์คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 6 ราย รวมทั้งเด็ก 2 คนและผู้หญิง 1 คน และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 16 ราย ขณะเดียวกันยังทำให้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ ในเมืองอัมราน ทางตอนเหนือของซานา เมืองหลวงเยเมน มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมในการโจมตีอีกครั้ง การโจมตีทางอากาศอีกสามครั้งโจมตีเมืองดามาร์ทางใต้ของเมืองหลวง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซานา เมืองหลวงของเยเมน ถูกโจมตีถึง 8 ครั้ง นับเป็นการทวีความรุนแรงอย่างมากในกิจกรรมทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 233 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • 3/
    สื่อเริ่มไม่นำเสนอรายงานการโจมตีของสหรัฐในเยเมน เพื่อปกปิดความชั่วร้ายของสหรัฐ

    การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ในเยเมนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น โดยมีรายงานการโจมตีเกือบ 50 ครั้งในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เหตุระเบิดในโฮเดดาห์คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 6 ราย รวมทั้งเด็ก 2 คนและผู้หญิง 1 คน และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 16 ราย ขณะเดียวกันยังทำให้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่

    ในเมืองอัมราน ทางตอนเหนือของซานา เมืองหลวงเยเมน มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมในการโจมตีอีกครั้ง การโจมตีทางอากาศอีกสามครั้งโจมตีเมืองดามาร์ทางใต้ของเมืองหลวง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้รับบาดเจ็บ 3 นาย

    ซานา เมืองหลวงของเยเมน ถูกโจมตีถึง 8 ครั้ง นับเป็นการทวีความรุนแรงอย่างมากในกิจกรรมทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้
    3/ สื่อเริ่มไม่นำเสนอรายงานการโจมตีของสหรัฐในเยเมน เพื่อปกปิดความชั่วร้ายของสหรัฐ การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ในเยเมนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น โดยมีรายงานการโจมตีเกือบ 50 ครั้งในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เหตุระเบิดในโฮเดดาห์คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 6 ราย รวมทั้งเด็ก 2 คนและผู้หญิง 1 คน และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 16 ราย ขณะเดียวกันยังทำให้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ ในเมืองอัมราน ทางตอนเหนือของซานา เมืองหลวงเยเมน มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมในการโจมตีอีกครั้ง การโจมตีทางอากาศอีกสามครั้งโจมตีเมืองดามาร์ทางใต้ของเมืองหลวง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซานา เมืองหลวงของเยเมน ถูกโจมตีถึง 8 ครั้ง นับเป็นการทวีความรุนแรงอย่างมากในกิจกรรมทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • 2/
    สื่อเริ่มไม่นำเสนอรายงานการโจมตีของสหรัฐในเยเมน เพื่อปกปิดความชั่วร้ายของสหรัฐ

    การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ในเยเมนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น โดยมีรายงานการโจมตีเกือบ 50 ครั้งในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เหตุระเบิดในโฮเดดาห์คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 6 ราย รวมทั้งเด็ก 2 คนและผู้หญิง 1 คน และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 16 ราย ขณะเดียวกันยังทำให้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่

    ในเมืองอัมราน ทางตอนเหนือของซานา เมืองหลวงเยเมน มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมในการโจมตีอีกครั้ง การโจมตีทางอากาศอีกสามครั้งโจมตีเมืองดามาร์ทางใต้ของเมืองหลวง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้รับบาดเจ็บ 3 นาย

    ซานา เมืองหลวงของเยเมน ถูกโจมตีถึง 8 ครั้ง นับเป็นการทวีความรุนแรงอย่างมากในกิจกรรมทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้
    2/ สื่อเริ่มไม่นำเสนอรายงานการโจมตีของสหรัฐในเยเมน เพื่อปกปิดความชั่วร้ายของสหรัฐ การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ในเยเมนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น โดยมีรายงานการโจมตีเกือบ 50 ครั้งในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เหตุระเบิดในโฮเดดาห์คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 6 ราย รวมทั้งเด็ก 2 คนและผู้หญิง 1 คน และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 16 ราย ขณะเดียวกันยังทำให้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ ในเมืองอัมราน ทางตอนเหนือของซานา เมืองหลวงเยเมน มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมในการโจมตีอีกครั้ง การโจมตีทางอากาศอีกสามครั้งโจมตีเมืองดามาร์ทางใต้ของเมืองหลวง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซานา เมืองหลวงของเยเมน ถูกโจมตีถึง 8 ครั้ง นับเป็นการทวีความรุนแรงอย่างมากในกิจกรรมทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 176 มุมมอง 24 0 รีวิว
  • 1/
    สื่อเริ่มไม่นำเสนอรายงานการโจมตีของสหรัฐในเยเมน เพื่อปกปิดความชั่วร้ายของสหรัฐ

    การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ในเยเมนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น โดยมีรายงานการโจมตีเกือบ 50 ครั้งในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เหตุระเบิดในโฮเดดาห์คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 6 ราย รวมทั้งเด็ก 2 คนและผู้หญิง 1 คน และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 16 ราย ขณะเดียวกันยังทำให้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่

    ในเมืองอัมราน ทางตอนเหนือของซานา เมืองหลวงเยเมน มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมในการโจมตีอีกครั้ง การโจมตีทางอากาศอีกสามครั้งโจมตีเมืองดามาร์ทางใต้ของเมืองหลวง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้รับบาดเจ็บ 3 นาย

    ซานา เมืองหลวงของเยเมน ถูกโจมตีถึง 8 ครั้ง นับเป็นการทวีความรุนแรงอย่างมากในกิจกรรมทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้
    1/ สื่อเริ่มไม่นำเสนอรายงานการโจมตีของสหรัฐในเยเมน เพื่อปกปิดความชั่วร้ายของสหรัฐ การโจมตีทางอากาศของสหรัฐฯ ในเยเมนเริ่มทวีความรุนแรงขึ้น โดยมีรายงานการโจมตีเกือบ 50 ครั้งในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา เหตุระเบิดในโฮเดดาห์คร่าชีวิตผู้คนไปอย่างน้อย 6 ราย รวมทั้งเด็ก 2 คนและผู้หญิง 1 คน และทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 16 ราย ขณะเดียวกันยังทำให้เกิดไฟไหม้ครั้งใหญ่ ในเมืองอัมราน ทางตอนเหนือของซานา เมืองหลวงเยเมน มีรายงานผู้เสียชีวิตเพิ่มเติมในการโจมตีอีกครั้ง การโจมตีทางอากาศอีกสามครั้งโจมตีเมืองดามาร์ทางใต้ของเมืองหลวง ส่งผลให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ซานา เมืองหลวงของเยเมน ถูกโจมตีถึง 8 ครั้ง นับเป็นการทวีความรุนแรงอย่างมากในกิจกรรมทางทหารของสหรัฐฯ ในภูมิภาคนี้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 25 0 รีวิว
  • ชุดเดรสเซ็กซี่ ชุดเดรสสีแดง ชุดเดรสสีดํา ชุดเดรสสีชมพู ชุดเดรสขาว ชุดเดรสงานแต่ง ชุดเดรสสั้น ชุดเดรส ชุดเดรสผู้หญิง ชุดเดรสไปงานแต่ง
    พิกัด: https://s.lazada.co.th/s.vB25j?cc
    ชุดเดรสเซ็กซี่ ชุดเดรสสีแดง ชุดเดรสสีดํา ชุดเดรสสีชมพู ชุดเดรสขาว ชุดเดรสงานแต่ง ชุดเดรสสั้น ชุดเดรส ชุดเดรสผู้หญิง ชุดเดรสไปงานแต่ง พิกัด: https://s.lazada.co.th/s.vB25j?cc
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 23 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♥️To Gen-Y and Gen -X♥️
    👉“เหวี่ยงง่าย หงุดหงิดหนัก อารมณ์แปรปรวน…ผู้หญิงหลายคนไม่รู้ว่าฮอร์โมนกำลังจะพัง!”

    😡คุณเคยไหมครับ…
    ตื่นเช้ามาแบบยังไม่ทันมีใครทำอะไร ก็รู้สึกหงุดหงิด
    ขับรถอยู่ก็รู้สึกอยากตะโกนใส่ทุกคันที่แทรกหน้า
    หรือบางวันอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล

    บางครั้งก็รู้สึกผิดที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
    ทั้งที่ใจลึกๆ ก็รู้ว่า “เราไม่ได้อยากเหวี่ยงใคร”
    แต่มันก็ยั้งไม่อยู่จริงๆ

    👉และเมื่ออาการแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ
    หลายคนกลับคิดว่า…
    “เป็นเพราะฉันเครียดมั้ง”
    “แค่เหนื่อยเฉยๆ เดี๋ยวก็หาย”
    แต่ความจริงคือ มันไม่หายครับ ถ้าต้นเหตุมันยังอยู่

    🟢 ผู้หญิงวัย 40+ กับคลื่นอารมณ์ที่ไม่ได้เกิดจากใจ แต่เกิดจาก “ฮอร์โมน”

    🟢 เมื่อร่างกายเริ่มก้าวเข้าสู่ช่วงก่อนวัยหมดประจำเดือน (Perimenopause)
    ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเริ่มลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
    แต่ที่สำคัญคือ ฮอร์โมนจะ “แปรปรวน” มากกว่า “ลดลงเฉยๆ”
    ซึ่งทำให้สมองและระบบประสาทรับผลกระทบโดยตรง

    ✨️งานวิจัยจาก Harvard Medical School ระบุว่า
    “ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลโดยตรงต่อสมองส่วนควบคุมอารมณ์ ความทรงจำ และสมาธิ”
    เมื่อฮอร์โมนนี้ไม่สมดุล จะทำให้เกิดอาการอารมณ์แปรปรวนแบบฉับพลัน เหวี่ยงง่าย และรู้สึกไม่มั่นคงทางใจได้โดยไม่รู้ตัว

    ❓️ทำไมผู้หญิงวัย 40+ ถึงอารมณ์แกว่งได้ง่ายกว่าที่คิด?
    1. ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงเร็ว → สมองไวต่อความเครียด
    2. การหลับไม่ลึก → ฮอร์โมนความสุขหลั่งไม่พอ
    3. ระบบเผาผลาญช้าลง → ร่างกายรู้สึกหนัก เหนื่อยง่าย → หงุดหงิด
    4. โภชนาการที่ไม่สมดุล → ขาดกรดไขมันดีและแมกนีเซียมที่ช่วยปรับสมดุลอารมณ์

    🟢ไม่ใช่ป่วยทางจิต ไม่ใช่เป็นอะไรผิดปกติ แค่ร่างกายส่งสัญญาณว่า “ฉันกำลังต้องการความเข้าใจ”

    การเข้าใจอาการอารมณ์แปรปรวน ไม่ใช่การ “ปล่อยผ่าน”
    แต่คือการ “ฟังร่างกายอย่างเข้าใจ”
    และเลือกดูแลตัวเองแบบไม่ต้องรู้สึกผิด

    🎯 5 เทคนิคง่ายๆ ปรับสมดุลอารมณ์ในวัย 40+

    1. งดน้ำตาล & คาเฟอีนช่วงบ่ายถึงค่ำ

    น้ำตาลและกาแฟทำให้ฮอร์โมน Cortisol พุ่งสูงในช่วงที่ควรจะลดลง ส่งผลให้สมองตึง อารมณ์พุ่ง

    2. กินอาหารไขมันดี & แมกนีเซียมสูง

    อะโวคาโด, เมล็ดแฟลกซ์, ปลาแซลมอน, ผักใบเขียว ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และลดอาการซึมเศร้า

    3. เดินกลางแดดเช้าอย่างน้อย 10 นาที/วัน

    แสงแดดกระตุ้นเซโรโทนิน ฮอร์โมนแห่งความสุข และช่วยให้นอนหลับลึกขึ้นตอนกลางคืน

    4. ฝึกหายใจลึก (Deep Breathing)

    ใช้เวลา 5 นาที/วัน หายใจเข้า 4 วินาที กลั้น 4 วินาที และออก 6 วินาที
    ช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลาย ลดความเหวี่ยงได้จริง

    5. ฝึกขอบคุณเล็กๆ ก่อนนอน

    เขียน 3 สิ่งที่รู้สึกขอบคุณในแต่ละวัน
    จะช่วยปรับคลื่นสมองให้สงบและทำให้ตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ที่สดใสขึ้น

    ♥️สรุป
    ถ้าท่านรู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองไม่มั่นคงในช่วงวัย 40+
    อย่าเพิ่งโทษตัวเองว่าใจไม่แข็ง หรือว่าเป็นคนไม่ดี
    เพราะความจริง…ท่านแค่ต้องการ “การดูแลจากภายใน”

    ฮอร์โมนที่แปรปรวน คือธรรมชาติของร่างกาย
    แต่เราสามารถอยู่ร่วมกับมันได้ ด้วยความเข้าใจและความรักตัวเองอย่างถูกวิธี

    ดูแลหัวใจให้ดี แล้วใจจะดูแลเราตอบแทนกลับมาเสมอครับ
    ♥️To Gen-Y and Gen -X♥️ 👉“เหวี่ยงง่าย หงุดหงิดหนัก อารมณ์แปรปรวน…ผู้หญิงหลายคนไม่รู้ว่าฮอร์โมนกำลังจะพัง!” 😡คุณเคยไหมครับ… ตื่นเช้ามาแบบยังไม่ทันมีใครทำอะไร ก็รู้สึกหงุดหงิด ขับรถอยู่ก็รู้สึกอยากตะโกนใส่ทุกคันที่แทรกหน้า หรือบางวันอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล บางครั้งก็รู้สึกผิดที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ทั้งที่ใจลึกๆ ก็รู้ว่า “เราไม่ได้อยากเหวี่ยงใคร” แต่มันก็ยั้งไม่อยู่จริงๆ 👉และเมื่ออาการแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ หลายคนกลับคิดว่า… “เป็นเพราะฉันเครียดมั้ง” “แค่เหนื่อยเฉยๆ เดี๋ยวก็หาย” แต่ความจริงคือ มันไม่หายครับ ถ้าต้นเหตุมันยังอยู่ 🟢 ผู้หญิงวัย 40+ กับคลื่นอารมณ์ที่ไม่ได้เกิดจากใจ แต่เกิดจาก “ฮอร์โมน” 🟢 เมื่อร่างกายเริ่มก้าวเข้าสู่ช่วงก่อนวัยหมดประจำเดือน (Perimenopause) ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเริ่มลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ที่สำคัญคือ ฮอร์โมนจะ “แปรปรวน” มากกว่า “ลดลงเฉยๆ” ซึ่งทำให้สมองและระบบประสาทรับผลกระทบโดยตรง ✨️งานวิจัยจาก Harvard Medical School ระบุว่า “ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลโดยตรงต่อสมองส่วนควบคุมอารมณ์ ความทรงจำ และสมาธิ” เมื่อฮอร์โมนนี้ไม่สมดุล จะทำให้เกิดอาการอารมณ์แปรปรวนแบบฉับพลัน เหวี่ยงง่าย และรู้สึกไม่มั่นคงทางใจได้โดยไม่รู้ตัว ❓️ทำไมผู้หญิงวัย 40+ ถึงอารมณ์แกว่งได้ง่ายกว่าที่คิด? 1. ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงเร็ว → สมองไวต่อความเครียด 2. การหลับไม่ลึก → ฮอร์โมนความสุขหลั่งไม่พอ 3. ระบบเผาผลาญช้าลง → ร่างกายรู้สึกหนัก เหนื่อยง่าย → หงุดหงิด 4. โภชนาการที่ไม่สมดุล → ขาดกรดไขมันดีและแมกนีเซียมที่ช่วยปรับสมดุลอารมณ์ 🟢ไม่ใช่ป่วยทางจิต ไม่ใช่เป็นอะไรผิดปกติ แค่ร่างกายส่งสัญญาณว่า “ฉันกำลังต้องการความเข้าใจ” การเข้าใจอาการอารมณ์แปรปรวน ไม่ใช่การ “ปล่อยผ่าน” แต่คือการ “ฟังร่างกายอย่างเข้าใจ” และเลือกดูแลตัวเองแบบไม่ต้องรู้สึกผิด 🎯 5 เทคนิคง่ายๆ ปรับสมดุลอารมณ์ในวัย 40+ 1. งดน้ำตาล & คาเฟอีนช่วงบ่ายถึงค่ำ น้ำตาลและกาแฟทำให้ฮอร์โมน Cortisol พุ่งสูงในช่วงที่ควรจะลดลง ส่งผลให้สมองตึง อารมณ์พุ่ง 2. กินอาหารไขมันดี & แมกนีเซียมสูง อะโวคาโด, เมล็ดแฟลกซ์, ปลาแซลมอน, ผักใบเขียว ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และลดอาการซึมเศร้า 3. เดินกลางแดดเช้าอย่างน้อย 10 นาที/วัน แสงแดดกระตุ้นเซโรโทนิน ฮอร์โมนแห่งความสุข และช่วยให้นอนหลับลึกขึ้นตอนกลางคืน 4. ฝึกหายใจลึก (Deep Breathing) ใช้เวลา 5 นาที/วัน หายใจเข้า 4 วินาที กลั้น 4 วินาที และออก 6 วินาที ช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลาย ลดความเหวี่ยงได้จริง 5. ฝึกขอบคุณเล็กๆ ก่อนนอน เขียน 3 สิ่งที่รู้สึกขอบคุณในแต่ละวัน จะช่วยปรับคลื่นสมองให้สงบและทำให้ตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ที่สดใสขึ้น ♥️สรุป ถ้าท่านรู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองไม่มั่นคงในช่วงวัย 40+ อย่าเพิ่งโทษตัวเองว่าใจไม่แข็ง หรือว่าเป็นคนไม่ดี เพราะความจริง…ท่านแค่ต้องการ “การดูแลจากภายใน” ฮอร์โมนที่แปรปรวน คือธรรมชาติของร่างกาย แต่เราสามารถอยู่ร่วมกับมันได้ ด้วยความเข้าใจและความรักตัวเองอย่างถูกวิธี ดูแลหัวใจให้ดี แล้วใจจะดูแลเราตอบแทนกลับมาเสมอครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 82 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♥️To Gen-Xสิ่งที่ควรรู้♥️
    👉“ร้อนวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออกตอนกลางคืน ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่มันคือสัญญาณร่างกายกำลัง SOS”
    👇คุณเคยมีอาการแบบนี้บ้างไหม?
    • อยู่ดีๆ ก็ร้อนวูบวาบ เหงื่อแตกเฉยๆ
    • กลางดึกตื่นมาทั้งที่เปิดแอร์ แต่เสื้อเปียกเหงื่อ
    • ใจสั่นแบบไม่มีเหตุผล ทั้งที่ไม่ได้ดื่มกาแฟ
    • หรือรู้สึกเหมือนจะวูบ ทั้งที่นั่งเฉยๆ

    ถ้าเคย นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญครับ
    แต่มันคือ “เสียงเตือนจากฮอร์โมน” ที่กำลังแปรปรวน

    👉อะไร❓️ทำให้เกิดอาการวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออก

    👉ผู้หญิงวัย 40+ จะเริ่มมีการลดลงของ “เอสโตรเจน” และ “โปรเจสเตอโรน”
    ซึ่งเป็นฮอร์โมนหลักที่ควบคุมระบบประสาท อุณหภูมิ และอารมณ์

    เมื่อฮอร์โมน 2 ตัวนี้ไม่สมดุลกัน จะทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า…

    Vasomotor Symptoms
    = ความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ ส่งผลให้หลอดเลือดขยายผิดปกติ จึงเกิด “ร้อนวูบวาบ เหงื่อออก ใจสั่น” โดยไม่รู้ตัว

    ฮอร์โมนที่ลดลงยังส่งผลให้ร่างกาย
    • เสียสมดุลการควบคุมอุณหภูมิ
    • ระบบเผาผลาญรวน
    • ความดันผันผวน → ใจสั่น หวิว

    👉และถ้าคุณมีภาวะเครียดสะสม❌️ นอนไม่พอ หรือกินน้ำตาลเยอะ
    อาการพวกนี้จะชัดเจนและถี่ขึ้นเรื่อยๆ นี่คือ👉สัญญาณที่ร่างกายบอกว่า ฉันกำลังเสียสมดุล
    👉อาการร้อนวูบวาบเจอสั่น
    👉 เหงื่อออกตอนกลางคืน อาจไม่ได้แสดง อันตรายทันที แต่ถ้าปล่อยไว้มันจะเป็น😡"ภาวะเรื้อรัง" ที่ทำให้ชีวิตไม่มีความสุข และในระยะยาว มันเกี่ยวข้องกับหัวใจความดันมะเร็ง ✴️และความเสื่อมของระบบประสาทแบบที่หลายคนไม่เคยรู้

    ✴️5 วิธีลดอาการวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออกแบบธรรมชาติ

    1. งดแอลกอฮอล์ น้ำตาล และคาเฟอีนช่วงเย็น
    • เพราะทั้งหมดนี้กระตุ้นหลอดเลือดให้ขยายเร็วขึ้น
    • ทำให้เกิดอาการร้อนวูบวาบง่ายและหลับไม่ลึก

    2. ทำ IF (Intermittent Fasting) แบบค่อยเป็นค่อยไป
    • ลดการอักเสบภายใน
    • ปรับสมดุลน้ำตาล → ลดภาวะใจสั่น
    • ช่วยให้ร่างกายไม่หลั่งอินซูลินเกินจำเป็นตอนกลางคืน

    3. ฝึกหายใจช้าๆ วันละ 5-10 นาที
    • ช่วยปรับระบบประสาทอัตโนมัติให้สมดุล
    • ลดความตื่นตัวของร่างกาย → ลดโอกาสวูบวาบใจสั่น

    4. กินไขมันดีเสริมฮอร์โมน
    • เช่น อะโวคาโด น้ำมันมะกอก เมล็ดแฟลกซ์
    • ไขมันดี = วัตถุดิบในการสร้างฮอร์โมน
    • ช่วยให้ฮอร์โมนไม่แปรปรวนเร็วเกินไป

    5. แช่เท้าในน้ำอุ่นก่อนนอน
    • เป็นการกระจายความร้อนจากส่วนบนของร่างกาย
    • ลดอาการเหงื่อออกตอนกลางคืนได้ดีมาก
    ♥️To Gen-Xสิ่งที่ควรรู้♥️ 👉“ร้อนวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออกตอนกลางคืน ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่มันคือสัญญาณร่างกายกำลัง SOS” 👇คุณเคยมีอาการแบบนี้บ้างไหม? • อยู่ดีๆ ก็ร้อนวูบวาบ เหงื่อแตกเฉยๆ • กลางดึกตื่นมาทั้งที่เปิดแอร์ แต่เสื้อเปียกเหงื่อ • ใจสั่นแบบไม่มีเหตุผล ทั้งที่ไม่ได้ดื่มกาแฟ • หรือรู้สึกเหมือนจะวูบ ทั้งที่นั่งเฉยๆ ถ้าเคย นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญครับ แต่มันคือ “เสียงเตือนจากฮอร์โมน” ที่กำลังแปรปรวน 👉อะไร❓️ทำให้เกิดอาการวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออก 👉ผู้หญิงวัย 40+ จะเริ่มมีการลดลงของ “เอสโตรเจน” และ “โปรเจสเตอโรน” ซึ่งเป็นฮอร์โมนหลักที่ควบคุมระบบประสาท อุณหภูมิ และอารมณ์ เมื่อฮอร์โมน 2 ตัวนี้ไม่สมดุลกัน จะทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า… Vasomotor Symptoms = ความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ ส่งผลให้หลอดเลือดขยายผิดปกติ จึงเกิด “ร้อนวูบวาบ เหงื่อออก ใจสั่น” โดยไม่รู้ตัว ฮอร์โมนที่ลดลงยังส่งผลให้ร่างกาย • เสียสมดุลการควบคุมอุณหภูมิ • ระบบเผาผลาญรวน • ความดันผันผวน → ใจสั่น หวิว 👉และถ้าคุณมีภาวะเครียดสะสม❌️ นอนไม่พอ หรือกินน้ำตาลเยอะ อาการพวกนี้จะชัดเจนและถี่ขึ้นเรื่อยๆ นี่คือ👉สัญญาณที่ร่างกายบอกว่า ฉันกำลังเสียสมดุล 👉อาการร้อนวูบวาบเจอสั่น 👉 เหงื่อออกตอนกลางคืน อาจไม่ได้แสดง อันตรายทันที แต่ถ้าปล่อยไว้มันจะเป็น😡"ภาวะเรื้อรัง" ที่ทำให้ชีวิตไม่มีความสุข และในระยะยาว มันเกี่ยวข้องกับหัวใจความดันมะเร็ง ✴️และความเสื่อมของระบบประสาทแบบที่หลายคนไม่เคยรู้ ✴️5 วิธีลดอาการวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออกแบบธรรมชาติ 1. งดแอลกอฮอล์ น้ำตาล และคาเฟอีนช่วงเย็น • เพราะทั้งหมดนี้กระตุ้นหลอดเลือดให้ขยายเร็วขึ้น • ทำให้เกิดอาการร้อนวูบวาบง่ายและหลับไม่ลึก 2. ทำ IF (Intermittent Fasting) แบบค่อยเป็นค่อยไป • ลดการอักเสบภายใน • ปรับสมดุลน้ำตาล → ลดภาวะใจสั่น • ช่วยให้ร่างกายไม่หลั่งอินซูลินเกินจำเป็นตอนกลางคืน 3. ฝึกหายใจช้าๆ วันละ 5-10 นาที • ช่วยปรับระบบประสาทอัตโนมัติให้สมดุล • ลดความตื่นตัวของร่างกาย → ลดโอกาสวูบวาบใจสั่น 4. กินไขมันดีเสริมฮอร์โมน • เช่น อะโวคาโด น้ำมันมะกอก เมล็ดแฟลกซ์ • ไขมันดี = วัตถุดิบในการสร้างฮอร์โมน • ช่วยให้ฮอร์โมนไม่แปรปรวนเร็วเกินไป 5. แช่เท้าในน้ำอุ่นก่อนนอน • เป็นการกระจายความร้อนจากส่วนบนของร่างกาย • ลดอาการเหงื่อออกตอนกลางคืนได้ดีมาก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 64 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🙄“ร้อนวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออกตอนกลางคืน ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่มันคือสัญญาณร่างกายกำลัง SOS”
    👉คุณเคยมีอาการแบบนี้บ้างไหม❓️
    • อยู่ดีๆ ก็ร้อนวูบวาบ เหงื่อแตกเฉยๆ
    • กลางดึกตื่นมาทั้งที่เปิดแอร์ แต่เสื้อเปียกเหงื่อ
    • ใจสั่นแบบไม่มีเหตุผล ทั้งที่ไม่ได้ดื่มกาแฟ
    • หรือรู้สึกเหมือนจะวูบ ทั้งที่นั่งเฉยๆ

    ถ้าเคย นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญครับ
    แต่มันคือ “เสียงเตือนจากฮอร์โมน” ที่กำลังแปรปรวน


    📌อะไร❓️ทำให้เกิดอาการวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออก?

    ผู้หญิงวัย 40+ จะเริ่มมีการลดลงของ “เอสโตรเจน” และ “โปรเจสเตอโรน”
    ซึ่งเป็นฮอร์โมนหลักที่ควบคุมระบบประสาท อุณหภูมิ และอารมณ์

    เมื่อฮอร์โมน 2 ตัวนี้ไม่สมดุลกัน จะทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า…

    Vasomotor Symptoms
    = ความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ ส่งผลให้หลอดเลือดขยายผิดปกติ จึงเกิด “ร้อนวูบวาบ เหงื่อออก ใจสั่น” โดยไม่รู้ตัว

    ฮอร์โมนที่ลดลงยังส่งผลให้ร่างกาย
    • เสียสมดุลการควบคุมอุณหภูมิ
    • ระบบเผาผลาญรวน
    • ความดันผันผวน → ใจสั่น หวิว

    และถ้าคุณมีภาวะเครียดสะสม นอนไม่พอ หรือกินน้ำตาลเยอะ
    อาการพวกนี้จะชัดเจนและถี่ขึ้นเรื่อยๆ
    ✴️ 5 วิธีลดอาการวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออกแบบธรรมชาติ

    1. งดแอลกอฮอล์ น้ำตาล และคาเฟอีนช่วงเย็น
    • เพราะทั้งหมดนี้กระตุ้นหลอดเลือดให้ขยายเร็วขึ้น
    • ทำให้เกิดอาการร้อนวูบวาบง่ายและหลับไม่ลึก

    2. ทำ IF (Intermittent Fasting) แบบค่อยเป็นค่อยไป
    • ลดการอักเสบภายใน
    • ปรับสมดุลน้ำตาล → ลดภาวะใจสั่น
    • ช่วยให้ร่างกายไม่หลั่งอินซูลินเกินจำเป็นตอนกลางคืน

    3. ฝึกหายใจช้าๆ วันละ 5-10 นาที
    • ช่วยปรับระบบประสาทอัตโนมัติให้สมดุล
    • ลดความตื่นตัวของร่างกาย → ลดโอกาสวูบวาบใจสั่น

    4. กินไขมันดีเสริมฮอร์โมน
    • เช่น อะโวคาโด น้ำมันมะกอก เมล็ดแฟลกซ์
    • ไขมันดี = วัตถุดิบในการสร้างฮอร์โมน
    • ช่วยให้ฮอร์โมนไม่แปรปรวนเร็วเกินไป

    5. แช่เท้าในน้ำอุ่นก่อนนอน
    • เป็นการกระจายความร้อนจากส่วนบนของร่างกาย
    • ลดอาการเหงื่อออกตอนกลางคืนได้ดีมาก
    👉นี่คือสัญญาณที่ร่างกายบอกว่า “ฉันกำลังเสียสมดุล”

    อาการร้อนวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออกตอนกลางคืน
    อาจไม่ได้แสดงอันตรายทันที
    แต่ถ้าปล่อยไว้ มันจะเป็น “ภาวะเรื้อรัง” ที่ทำให้ชีวิตไม่มีความสุข

    และในระยะยาว…
    มันเกี่ยวข้องกับ “หัวใจ ความดัน มะเร็ง และความเสื่อมของระบบประสาท” แบบที่หลายคนไม่เคยรู้


    🙄“ร้อนวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออกตอนกลางคืน ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ แต่มันคือสัญญาณร่างกายกำลัง SOS” 👉คุณเคยมีอาการแบบนี้บ้างไหม❓️ • อยู่ดีๆ ก็ร้อนวูบวาบ เหงื่อแตกเฉยๆ • กลางดึกตื่นมาทั้งที่เปิดแอร์ แต่เสื้อเปียกเหงื่อ • ใจสั่นแบบไม่มีเหตุผล ทั้งที่ไม่ได้ดื่มกาแฟ • หรือรู้สึกเหมือนจะวูบ ทั้งที่นั่งเฉยๆ ถ้าเคย นั่นไม่ใช่เรื่องบังเอิญครับ แต่มันคือ “เสียงเตือนจากฮอร์โมน” ที่กำลังแปรปรวน 📌อะไร❓️ทำให้เกิดอาการวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออก? ผู้หญิงวัย 40+ จะเริ่มมีการลดลงของ “เอสโตรเจน” และ “โปรเจสเตอโรน” ซึ่งเป็นฮอร์โมนหลักที่ควบคุมระบบประสาท อุณหภูมิ และอารมณ์ เมื่อฮอร์โมน 2 ตัวนี้ไม่สมดุลกัน จะทำให้เกิดภาวะที่เรียกว่า… Vasomotor Symptoms = ความผิดปกติของระบบประสาทอัตโนมัติ ส่งผลให้หลอดเลือดขยายผิดปกติ จึงเกิด “ร้อนวูบวาบ เหงื่อออก ใจสั่น” โดยไม่รู้ตัว ฮอร์โมนที่ลดลงยังส่งผลให้ร่างกาย • เสียสมดุลการควบคุมอุณหภูมิ • ระบบเผาผลาญรวน • ความดันผันผวน → ใจสั่น หวิว และถ้าคุณมีภาวะเครียดสะสม นอนไม่พอ หรือกินน้ำตาลเยอะ อาการพวกนี้จะชัดเจนและถี่ขึ้นเรื่อยๆ ✴️ 5 วิธีลดอาการวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออกแบบธรรมชาติ 1. งดแอลกอฮอล์ น้ำตาล และคาเฟอีนช่วงเย็น • เพราะทั้งหมดนี้กระตุ้นหลอดเลือดให้ขยายเร็วขึ้น • ทำให้เกิดอาการร้อนวูบวาบง่ายและหลับไม่ลึก 2. ทำ IF (Intermittent Fasting) แบบค่อยเป็นค่อยไป • ลดการอักเสบภายใน • ปรับสมดุลน้ำตาล → ลดภาวะใจสั่น • ช่วยให้ร่างกายไม่หลั่งอินซูลินเกินจำเป็นตอนกลางคืน 3. ฝึกหายใจช้าๆ วันละ 5-10 นาที • ช่วยปรับระบบประสาทอัตโนมัติให้สมดุล • ลดความตื่นตัวของร่างกาย → ลดโอกาสวูบวาบใจสั่น 4. กินไขมันดีเสริมฮอร์โมน • เช่น อะโวคาโด น้ำมันมะกอก เมล็ดแฟลกซ์ • ไขมันดี = วัตถุดิบในการสร้างฮอร์โมน • ช่วยให้ฮอร์โมนไม่แปรปรวนเร็วเกินไป 5. แช่เท้าในน้ำอุ่นก่อนนอน • เป็นการกระจายความร้อนจากส่วนบนของร่างกาย • ลดอาการเหงื่อออกตอนกลางคืนได้ดีมาก 👉นี่คือสัญญาณที่ร่างกายบอกว่า “ฉันกำลังเสียสมดุล” อาการร้อนวูบวาบ ใจสั่น เหงื่อออกตอนกลางคืน อาจไม่ได้แสดงอันตรายทันที แต่ถ้าปล่อยไว้ มันจะเป็น “ภาวะเรื้อรัง” ที่ทำให้ชีวิตไม่มีความสุข และในระยะยาว… มันเกี่ยวข้องกับ “หัวใจ ความดัน มะเร็ง และความเสื่อมของระบบประสาท” แบบที่หลายคนไม่เคยรู้
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 75 มุมมอง 0 รีวิว
  • 😡❓️ “เหวี่ยงง่าย หงุดหงิดหนัก อารมณ์แปรปรวน…ผู้หญิงหลายคนไม่รู้ว่าฮอร์โมนกำลังจะพัง!”

    😡คุณเคยไหมครับ…
    ตื่นเช้ามาแบบยังไม่ทันมีใครทำอะไร ก็รู้สึกหงุดหงิด
    ขับรถอยู่ก็รู้สึกอยากตะโกนใส่ทุกคันที่แทรกหน้า
    หรือบางวันอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล

    👉บางครั้งก็รู้สึกผิดที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
    ทั้งที่ใจลึกๆ ก็รู้ว่า “เราไม่ได้อยากเหวี่ยงใคร”
    แต่มันก็ยั้งไม่อยู่จริงๆ

    และเมื่ออาการแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ
    หลายคนกลับคิดว่า…
    “เป็นเพราะฉันเครียดมั้ง”
    “แค่เหนื่อยเฉยๆ เดี๋ยวก็หาย”
    แต่ความจริงคือ มันไม่หายครับ ถ้าต้นเหตุมันยังอยู่

    ✴️ผู้หญิงวัย 40+ กับคลื่นอารมณ์ที่ไม่ได้เกิดจากใจ แต่เกิดจาก “ฮอร์โมน”

    เมื่อร่างกายเริ่มก้าวเข้าสู่ช่วงก่อนวัยหมดประจำเดือน (Perimenopause)
    ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเริ่มลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป
    แต่ที่สำคัญคือ ฮอร์โมนจะ “แปรปรวน” มากกว่า “ลดลงเฉยๆ”
    ซึ่งทำให้สมองและระบบประสาทรับผลกระทบโดยตรง

    👉งานวิจัยจาก Harvard Medical School ระบุว่า
    “ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลโดยตรงต่อสมองส่วนควบคุมอารมณ์ ความทรงจำ และสมาธิ”
    เมื่อฮอร์โมนนี้ไม่สมดุล จะทำให้เกิดอาการอารมณ์แปรปรวนแบบฉับพลัน เหวี่ยงง่าย และรู้สึกไม่มั่นคงทางใจได้โดยไม่รู้ตัว

    ❓️ทำไมผู้หญิงวัย 40+ ถึงอารมณ์แกว่งได้ง่ายกว่าที่คิด?
    1. ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงเร็ว → สมองไวต่อความเครียด
    2. การหลับไม่ลึก → ฮอร์โมนความสุขหลั่งไม่พอ
    3. ระบบเผาผลาญช้าลง → ร่างกายรู้สึกหนัก เหนื่อยง่าย → หงุดหงิด
    4. โภชนาการที่ไม่สมดุล → ขาดกรดไขมันดีและแมกนีเซียมที่ช่วยปรับสมดุลอารมณ์


    ไม่ใช่ป่วยทางจิต ไม่ใช่เป็นอะไรผิดปกติ แค่ร่างกายส่งสัญญาณว่า “ฉันกำลังต้องการความเข้าใจ”

    การเข้าใจอาการอารมณ์แปรปรวน ไม่ใช่การ “ปล่อยผ่าน”
    แต่คือการ “ฟังร่างกายอย่างเข้าใจ”
    และเลือกดูแลตัวเองแบบไม่ต้องรู้สึกผิด


    ✴️✴️5 เทคนิคง่ายๆ ปรับสมดุลอารมณ์ในวัย 40+

    1. งดน้ำตาล & คาเฟอีนช่วงบ่ายถึงค่ำ

    น้ำตาลและกาแฟทำให้ฮอร์โมน Cortisol พุ่งสูงในช่วงที่ควรจะลดลง ส่งผลให้สมองตึง อารมณ์พุ่ง

    2. กินอาหารไขมันดี & แมกนีเซียมสูง

    อะโวคาโด, เมล็ดแฟลกซ์, ปลาแซลมอน, ผักใบเขียว ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และลดอาการซึมเศร้า

    3. เดินกลางแดดเช้าอย่างน้อย 10 นาที/วัน

    แสงแดดกระตุ้นเซโรโทนิน ฮอร์โมนแห่งความสุข และช่วยให้นอนหลับลึกขึ้นตอนกลางคืน

    4. ฝึกหายใจลึก (Deep Breathing)

    ใช้เวลา 5 นาที/วัน หายใจเข้า 4 วินาที กลั้น 4 วินาที และออก 6 วินาที
    ช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลาย ลดความเหวี่ยงได้จริง

    5. ฝึกขอบคุณเล็กๆ ก่อนนอน

    👉เขียน 3 สิ่งที่รู้สึกขอบคุณในแต่ละวัน
    จะช่วยปรับคลื่นสมองให้สงบและทำให้ตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ที่สดใสขึ้น
    ✴️สรุป

    ถ้าท่านรู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองไม่มั่นคงในช่วงวัย 40+
    อย่าเพิ่งโทษตัวเองว่าใจไม่แข็ง หรือว่าเป็นคนไม่ดี
    เพราะความจริง…ท่านแค่ต้องการ “การดูแลจากภายใน”

    👉ฮอร์โมนที่แปรปรวน คือธรรมชาติของร่างกาย
    แต่เราสามารถอยู่ร่วมกับมันได้ ด้วยความเข้าใจและความรักตัวเองอย่างถูกวิธี

    ❤️ดูแลหัวใจให้ดี แล้วใจจะดูแลเราตอบแทนกลับมาเสมอครับ

    😡❓️ “เหวี่ยงง่าย หงุดหงิดหนัก อารมณ์แปรปรวน…ผู้หญิงหลายคนไม่รู้ว่าฮอร์โมนกำลังจะพัง!” 😡คุณเคยไหมครับ… ตื่นเช้ามาแบบยังไม่ทันมีใครทำอะไร ก็รู้สึกหงุดหงิด ขับรถอยู่ก็รู้สึกอยากตะโกนใส่ทุกคันที่แทรกหน้า หรือบางวันอยู่ดีๆ ก็ร้องไห้โดยไม่มีเหตุผล 👉บางครั้งก็รู้สึกผิดที่ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้ ทั้งที่ใจลึกๆ ก็รู้ว่า “เราไม่ได้อยากเหวี่ยงใคร” แต่มันก็ยั้งไม่อยู่จริงๆ และเมื่ออาการแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ หลายคนกลับคิดว่า… “เป็นเพราะฉันเครียดมั้ง” “แค่เหนื่อยเฉยๆ เดี๋ยวก็หาย” แต่ความจริงคือ มันไม่หายครับ ถ้าต้นเหตุมันยังอยู่ ✴️ผู้หญิงวัย 40+ กับคลื่นอารมณ์ที่ไม่ได้เกิดจากใจ แต่เกิดจาก “ฮอร์โมน” เมื่อร่างกายเริ่มก้าวเข้าสู่ช่วงก่อนวัยหมดประจำเดือน (Perimenopause) ระดับฮอร์โมนเอสโตรเจนจะเริ่มลดลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป แต่ที่สำคัญคือ ฮอร์โมนจะ “แปรปรวน” มากกว่า “ลดลงเฉยๆ” ซึ่งทำให้สมองและระบบประสาทรับผลกระทบโดยตรง 👉งานวิจัยจาก Harvard Medical School ระบุว่า “ฮอร์โมนเอสโตรเจนมีผลโดยตรงต่อสมองส่วนควบคุมอารมณ์ ความทรงจำ และสมาธิ” เมื่อฮอร์โมนนี้ไม่สมดุล จะทำให้เกิดอาการอารมณ์แปรปรวนแบบฉับพลัน เหวี่ยงง่าย และรู้สึกไม่มั่นคงทางใจได้โดยไม่รู้ตัว ❓️ทำไมผู้หญิงวัย 40+ ถึงอารมณ์แกว่งได้ง่ายกว่าที่คิด? 1. ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงเร็ว → สมองไวต่อความเครียด 2. การหลับไม่ลึก → ฮอร์โมนความสุขหลั่งไม่พอ 3. ระบบเผาผลาญช้าลง → ร่างกายรู้สึกหนัก เหนื่อยง่าย → หงุดหงิด 4. โภชนาการที่ไม่สมดุล → ขาดกรดไขมันดีและแมกนีเซียมที่ช่วยปรับสมดุลอารมณ์ ไม่ใช่ป่วยทางจิต ไม่ใช่เป็นอะไรผิดปกติ แค่ร่างกายส่งสัญญาณว่า “ฉันกำลังต้องการความเข้าใจ” การเข้าใจอาการอารมณ์แปรปรวน ไม่ใช่การ “ปล่อยผ่าน” แต่คือการ “ฟังร่างกายอย่างเข้าใจ” และเลือกดูแลตัวเองแบบไม่ต้องรู้สึกผิด ✴️✴️5 เทคนิคง่ายๆ ปรับสมดุลอารมณ์ในวัย 40+ 1. งดน้ำตาล & คาเฟอีนช่วงบ่ายถึงค่ำ น้ำตาลและกาแฟทำให้ฮอร์โมน Cortisol พุ่งสูงในช่วงที่ควรจะลดลง ส่งผลให้สมองตึง อารมณ์พุ่ง 2. กินอาหารไขมันดี & แมกนีเซียมสูง อะโวคาโด, เมล็ดแฟลกซ์, ปลาแซลมอน, ผักใบเขียว ช่วยให้สมองปลอดโปร่ง และลดอาการซึมเศร้า 3. เดินกลางแดดเช้าอย่างน้อย 10 นาที/วัน แสงแดดกระตุ้นเซโรโทนิน ฮอร์โมนแห่งความสุข และช่วยให้นอนหลับลึกขึ้นตอนกลางคืน 4. ฝึกหายใจลึก (Deep Breathing) ใช้เวลา 5 นาที/วัน หายใจเข้า 4 วินาที กลั้น 4 วินาที และออก 6 วินาที ช่วยให้ระบบประสาทผ่อนคลาย ลดความเหวี่ยงได้จริง 5. ฝึกขอบคุณเล็กๆ ก่อนนอน 👉เขียน 3 สิ่งที่รู้สึกขอบคุณในแต่ละวัน จะช่วยปรับคลื่นสมองให้สงบและทำให้ตื่นเช้ามาด้วยอารมณ์ที่สดใสขึ้น ✴️สรุป ถ้าท่านรู้สึกว่าอารมณ์ตัวเองไม่มั่นคงในช่วงวัย 40+ อย่าเพิ่งโทษตัวเองว่าใจไม่แข็ง หรือว่าเป็นคนไม่ดี เพราะความจริง…ท่านแค่ต้องการ “การดูแลจากภายใน” 👉ฮอร์โมนที่แปรปรวน คือธรรมชาติของร่างกาย แต่เราสามารถอยู่ร่วมกับมันได้ ด้วยความเข้าใจและความรักตัวเองอย่างถูกวิธี ❤️ดูแลหัวใจให้ดี แล้วใจจะดูแลเราตอบแทนกลับมาเสมอครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • 💔 นอนไม่หลับอาจไม่ใช่แค่ปัญหาเล็กๆ…แต่มันคือ “ไฟกะพริบ” ที่ร่างกายส่งสัญญาณให้เราฟัง

    👉มีผู้หญิงวัย 40+ จำนวนไม่น้อยที่นอนไม่หลับ
    “ช่วงนี้นอนไม่หลับเลยค่ะ ผมเริ่มบาง ใจสั่น รู้สึกอ่อนเพลียทั้งวัน”
    บางคนก็แค่คิดว่า “อาจเครียด อาจเหนื่อย เดี๋ยวก็คงหาย”
    แต่ความจริง…มันลึกกว่านั้นครับ

    เมื่ออายุเข้าสู่ช่วงวัย 40+ ระบบ “ฮอร์โมนเพศหญิง” อย่างเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะเริ่มลดลงอย่างช้าๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว
    ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้มีบทบาทสำคัญกับระบบนอนหลับ สมอง หัวใจ ผิวพรรณ และแม้แต่ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย

    และนี่คือเหตุผลที่ “นอนไม่หลับ” กลายเป็น “จุดเริ่มต้น” ของหลายโรคร้าย



    งานวิจัยระดับโลกพูดตรงกันว่า…

    ผู้หญิงวัยกลางคนที่นอนไม่เพียงพอหรือหลับไม่ลึก มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ และโรคหัวใจสูงขึ้นถึง 50-70%【Harvard Medical School, 2021】

    เพราะขณะนอนหลับ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน “เมลาโทนิน” และ “โกรทฮอร์โมน” ซึ่งช่วย
    • ฟื้นฟูเซลล์ที่เสียหาย
    • กำจัดสารพิษจากระบบประสาท
    • และ “ควบคุมการแบ่งเซลล์ผิดปกติ” ซึ่งเป็นต้นทางของเซลล์มะเร็ง

    หากคุณนอนไม่หลับนานๆ ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะ “อักเสบเรื้อรัง”
    อาการเหล่านี้มักจะตามมาเรื่อยๆ โดยที่คุณไม่ทันสังเกต
    • เพลียทั้งวัน
    • น้ำหนักเพิ่มง่าย
    • ขี้หงุดหงิด
    • สมองเบลอ
    • และ “ภูมิต้านทานลดลง”



    แล้วจะเริ่มฟื้นฟูอย่างไรดี? โดยไม่ต้องพึ่งยา

    ผมขอแบ่งเป็น 3 ด้านง่ายๆ ที่คุณทำได้เองที่บ้านเลยครับ

    1. เปลี่ยน “กิจวัตรก่อนนอน” ให้ร่างกายรู้ว่า…ถึงเวลาพักแล้ว
    • ปิดหน้าจอมือถืออย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนนอน
    • อาบน้ำอุ่นก่อนนอน ช่วยลดคอร์ติซอล (ฮอร์โมนเครียด)
    • ใช้กลิ่นลาเวนเดอร์ หรือเปิดเสียง white noise ผ่อนคลายสมอง
    • หายใจลึกๆ แบบ 4-7-8 (4 วินาที-กลั้น 7-หายใจออก 😎

    2. ดูแลฮอร์โมนด้วยอาหารที่ใช่
    • ลดน้ำตาล แป้งขัดขาว เพราะมันทำให้ “อินซูลิน” แปรปรวน → รบกวนสมดุลฮอร์โมน
    • เสริมผักใบเขียว ไขมันดี (น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ถั่วเปลือกแข็ง) และโปรตีนพอดีๆ
    • ลองทำ IF แบบนุ่มๆ เช่น 12/12 หรือ 14/10 → ให้ระบบย่อยได้พัก และช่วยฟื้นฮอร์โมนได้จริง

    3. ตื่นให้ตรงเวลา และรับแดดเช้า
    • การรับแสงแดดตอนเช้า 10-15 นาที จะกระตุ้นการหลั่งเซโรโทนิน และช่วยให้คุณหลับลึกในตอนกลางคืน
    • แสงเช้า = นาฬิกาชีวิต → ปรับวงจรการหลับ-ตื่นของร่างกายอย่างธรรมชาติ



    อย่าปล่อยให้ “นอนไม่หลับ” เป็นเรื่องเล็ก

    เพราะบางครั้ง…การปล่อยผ่าน อาจทำให้เราพลาดโอกาสในการดูแลตัวเอง
    แค่คุณเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ เหล่านี้ ชีวิตก็จะเริ่มเปลี่ยนครับ
    คุณจะรู้สึกได้ว่า “สมองโล่งขึ้น” “ร่างกายสดชื่นขึ้น” และ “จิตใจเบาสบายขึ้น” อย่างเป็นธรรมชาติ

    และผมเชื่อเสมอว่า
    คุณไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตแบบอดทนกับอาการเหล่านี้อีกต่อไป

    ขอแค่คุณเห็นคุณค่าในตัวเอง แล้วเริ่มดูแลตัวเองจากคืนนี้เลยครับ
    💔 นอนไม่หลับอาจไม่ใช่แค่ปัญหาเล็กๆ…แต่มันคือ “ไฟกะพริบ” ที่ร่างกายส่งสัญญาณให้เราฟัง 👉มีผู้หญิงวัย 40+ จำนวนไม่น้อยที่นอนไม่หลับ “ช่วงนี้นอนไม่หลับเลยค่ะ ผมเริ่มบาง ใจสั่น รู้สึกอ่อนเพลียทั้งวัน” บางคนก็แค่คิดว่า “อาจเครียด อาจเหนื่อย เดี๋ยวก็คงหาย” แต่ความจริง…มันลึกกว่านั้นครับ เมื่ออายุเข้าสู่ช่วงวัย 40+ ระบบ “ฮอร์โมนเพศหญิง” อย่างเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรนจะเริ่มลดลงอย่างช้าๆ โดยที่เราไม่รู้ตัว ซึ่งฮอร์โมนเหล่านี้มีบทบาทสำคัญกับระบบนอนหลับ สมอง หัวใจ ผิวพรรณ และแม้แต่ ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย และนี่คือเหตุผลที่ “นอนไม่หลับ” กลายเป็น “จุดเริ่มต้น” ของหลายโรคร้าย ⸻ งานวิจัยระดับโลกพูดตรงกันว่า… ผู้หญิงวัยกลางคนที่นอนไม่เพียงพอหรือหลับไม่ลึก มีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านม มะเร็งลำไส้ และโรคหัวใจสูงขึ้นถึง 50-70%【Harvard Medical School, 2021】 เพราะขณะนอนหลับ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมน “เมลาโทนิน” และ “โกรทฮอร์โมน” ซึ่งช่วย • ฟื้นฟูเซลล์ที่เสียหาย • กำจัดสารพิษจากระบบประสาท • และ “ควบคุมการแบ่งเซลล์ผิดปกติ” ซึ่งเป็นต้นทางของเซลล์มะเร็ง หากคุณนอนไม่หลับนานๆ ร่างกายจะเข้าสู่ภาวะ “อักเสบเรื้อรัง” อาการเหล่านี้มักจะตามมาเรื่อยๆ โดยที่คุณไม่ทันสังเกต • เพลียทั้งวัน • น้ำหนักเพิ่มง่าย • ขี้หงุดหงิด • สมองเบลอ • และ “ภูมิต้านทานลดลง” ⸻ แล้วจะเริ่มฟื้นฟูอย่างไรดี? โดยไม่ต้องพึ่งยา ผมขอแบ่งเป็น 3 ด้านง่ายๆ ที่คุณทำได้เองที่บ้านเลยครับ 1. เปลี่ยน “กิจวัตรก่อนนอน” ให้ร่างกายรู้ว่า…ถึงเวลาพักแล้ว • ปิดหน้าจอมือถืออย่างน้อย 1 ชั่วโมงก่อนนอน • อาบน้ำอุ่นก่อนนอน ช่วยลดคอร์ติซอล (ฮอร์โมนเครียด) • ใช้กลิ่นลาเวนเดอร์ หรือเปิดเสียง white noise ผ่อนคลายสมอง • หายใจลึกๆ แบบ 4-7-8 (4 วินาที-กลั้น 7-หายใจออก 😎 2. ดูแลฮอร์โมนด้วยอาหารที่ใช่ • ลดน้ำตาล แป้งขัดขาว เพราะมันทำให้ “อินซูลิน” แปรปรวน → รบกวนสมดุลฮอร์โมน • เสริมผักใบเขียว ไขมันดี (น้ำมันมะกอก อะโวคาโด ถั่วเปลือกแข็ง) และโปรตีนพอดีๆ • ลองทำ IF แบบนุ่มๆ เช่น 12/12 หรือ 14/10 → ให้ระบบย่อยได้พัก และช่วยฟื้นฮอร์โมนได้จริง 3. ตื่นให้ตรงเวลา และรับแดดเช้า • การรับแสงแดดตอนเช้า 10-15 นาที จะกระตุ้นการหลั่งเซโรโทนิน และช่วยให้คุณหลับลึกในตอนกลางคืน • แสงเช้า = นาฬิกาชีวิต → ปรับวงจรการหลับ-ตื่นของร่างกายอย่างธรรมชาติ ⸻ อย่าปล่อยให้ “นอนไม่หลับ” เป็นเรื่องเล็ก เพราะบางครั้ง…การปล่อยผ่าน อาจทำให้เราพลาดโอกาสในการดูแลตัวเอง แค่คุณเริ่มเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆ เหล่านี้ ชีวิตก็จะเริ่มเปลี่ยนครับ คุณจะรู้สึกได้ว่า “สมองโล่งขึ้น” “ร่างกายสดชื่นขึ้น” และ “จิตใจเบาสบายขึ้น” อย่างเป็นธรรมชาติ และผมเชื่อเสมอว่า คุณไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตแบบอดทนกับอาการเหล่านี้อีกต่อไป ขอแค่คุณเห็นคุณค่าในตัวเอง แล้วเริ่มดูแลตัวเองจากคืนนี้เลยครับ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 207 มุมมอง 0 รีวิว
  • "การเมืองมันก็แค่เรื่องผลประโยชน์"

    นาง "บ." แบกคนหนึ่ง จะเป็นจะตาย เมื่อ "มิน อ่อง หล่าย" ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา เดินทางมาเยือนไทย

    ก่อนหน้านี้นาง "บ." แบกรายนี้ จะเป็นจะตายร้อนรุ่มเรื่องรัฐบาลไทยส่งกลับชาวอุยกูร์ไปครั้งหนึ่งแล้ว

    อยากรู้จริงๆว่ากรณี มิน อ่อง หล่าย แตกต่างจาก อิสเราเอลกับซีเรีย หรือเปล่า นาง "บ." แบกรายนี้เคยจะเป็นจะตายมั่งมั้ย

    หรือเธอคนนี้ "แกล้งไม่รู้" ว่า การเมืองระหว่างประเทศมันอยู่บน "ผลประโยชน์" ทั้งนั้น ก็แค่เล่นไปตามบทของตัวเอง "กลัวไม่มีแสงในโซเชียล"



    อิสราเอล
    👉ทำข้อตกลงหยุดยิงกับ ฮิซบอลเลาะห์ ฮามาส แต่ยังละเมิดและสังหารพลเรือนอยู่เรื่อยๆ - นาง "บ." แบกคนนี้เคยวิจารณ์มั่งมั้ย
    👉เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอลโดนหข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซาจากศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) - นาง "บ." แบกคนนี้เคยวิจารณ์มั่งมั้ย
    👉มีผู้สังเวยชีวิตไปแล้วมากกว่าห้าหมื่นรายเฉพาะในกาซา ส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง - นาง "บ." แบกคนนี้เคยวิจารณ์มั่งมั้ย
    👉พยายามขับไล่พลเรือนออกจากดินแดนของพวกเขา - นาง "บ." แบกคนนี้เคยวิจารณ์มั่งมั้ย
    👉ตัดขาดความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมทุกช่องทาง - นาง "บ." แบกคนนี้เคยวิจารณ์มั่งมั้ย
    👉ทีมสื่อมวลชน เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือจากองค์กรนานาชาติต่างๆเสียชีวิตรวมกันเกือบร้อยรายตั้งแต่เริ่มสงครามเมื่อตุลาคม 2023 - นาง "บ." แบกคนนี้เคยวิจารณ์มั่งมั้ย
    👉ล่าสุด เนทันยาฮู เดินทางเยือาฮังการี โดยไม่สนหมายจับจาก ICC ด้วยซ้ำ!! - นาง "บ." แบกคนนี้เคยวิจารณ์มั่งมั้ย

    ซีเรีย
    👉ผู้นำกลุ่มก่อการร้ายที่มีค่านำจับสิบล้านดอลลาร์สหรัฐ โค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และแต่งตั้งตนเองปกครอง👉ประเทศ - นาง "บ." แบกคนนี้เคยวิจารณ์มั่งมั้ย
    👉หลังจากชนั้นถูกถอดรายชื่อออกจากสถานะ "ผู้ก่อการร้าย" - นาง "บ." แบกคนนี้เคยวิจารณ์มั่งมั้ย
    👉ตกลงว่ากลุ่มก่อการร้าย หรือตัวผู้ก่อการร้าย เกิดจากนโยบายการเมือง หรือการกระทำของกลุ่มหรือของบุคคล - นาง "บ." แบกคนนี้เคยวิจารณ์มั่งมั้ย
    👉ผู้นำยุโรปและอเมริกาต่างเดินทางเข้าพบร่วมยินดีกับอดีตผู้นำกลุ่มก่อการร้ายไม่ขาดสาย - นาง "บ." แบกคนนี้เคยวิจารณ์มั่งมั้ย
    "การเมืองมันก็แค่เรื่องผลประโยชน์" นาง "บ." แบกคนหนึ่ง จะเป็นจะตาย เมื่อ "มิน อ่อง หล่าย" ผู้นำรัฐบาลทหารเมียนมา เดินทางมาเยือนไทย ก่อนหน้านี้นาง "บ." แบกรายนี้ จะเป็นจะตายร้อนรุ่มเรื่องรัฐบาลไทยส่งกลับชาวอุยกูร์ไปครั้งหนึ่งแล้ว อยากรู้จริงๆว่ากรณี มิน อ่อง หล่าย แตกต่างจาก อิสเราเอลกับซีเรีย หรือเปล่า นาง "บ." แบกรายนี้เคยจะเป็นจะตายมั่งมั้ย หรือเธอคนนี้ "แกล้งไม่รู้" ว่า การเมืองระหว่างประเทศมันอยู่บน "ผลประโยชน์" ทั้งนั้น ก็แค่เล่นไปตามบทของตัวเอง "กลัวไม่มีแสงในโซเชียล" อิสราเอล 👉ทำข้อตกลงหยุดยิงกับ ฮิซบอลเลาะห์ ฮามาส แต่ยังละเมิดและสังหารพลเรือนอยู่เรื่อยๆ - นาง "บ." แบกคนนี้เคยวิจารณ์มั่งมั้ย 👉เนทันยาฮู ผู้นำอิสราเอลโดนหข้อกล่าวหาฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในฉนวนกาซาจากศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) - นาง "บ." แบกคนนี้เคยวิจารณ์มั่งมั้ย 👉มีผู้สังเวยชีวิตไปแล้วมากกว่าห้าหมื่นรายเฉพาะในกาซา ส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง - นาง "บ." แบกคนนี้เคยวิจารณ์มั่งมั้ย 👉พยายามขับไล่พลเรือนออกจากดินแดนของพวกเขา - นาง "บ." แบกคนนี้เคยวิจารณ์มั่งมั้ย 👉ตัดขาดความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมทุกช่องทาง - นาง "บ." แบกคนนี้เคยวิจารณ์มั่งมั้ย 👉ทีมสื่อมวลชน เจ้าหน้าที่ช่วยเหลือจากองค์กรนานาชาติต่างๆเสียชีวิตรวมกันเกือบร้อยรายตั้งแต่เริ่มสงครามเมื่อตุลาคม 2023 - นาง "บ." แบกคนนี้เคยวิจารณ์มั่งมั้ย 👉ล่าสุด เนทันยาฮู เดินทางเยือาฮังการี โดยไม่สนหมายจับจาก ICC ด้วยซ้ำ!! - นาง "บ." แบกคนนี้เคยวิจารณ์มั่งมั้ย ซีเรีย 👉ผู้นำกลุ่มก่อการร้ายที่มีค่านำจับสิบล้านดอลลาร์สหรัฐ โค่นล้มรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้ง และแต่งตั้งตนเองปกครอง👉ประเทศ - นาง "บ." แบกคนนี้เคยวิจารณ์มั่งมั้ย 👉หลังจากชนั้นถูกถอดรายชื่อออกจากสถานะ "ผู้ก่อการร้าย" - นาง "บ." แบกคนนี้เคยวิจารณ์มั่งมั้ย 👉ตกลงว่ากลุ่มก่อการร้าย หรือตัวผู้ก่อการร้าย เกิดจากนโยบายการเมือง หรือการกระทำของกลุ่มหรือของบุคคล - นาง "บ." แบกคนนี้เคยวิจารณ์มั่งมั้ย 👉ผู้นำยุโรปและอเมริกาต่างเดินทางเข้าพบร่วมยินดีกับอดีตผู้นำกลุ่มก่อการร้ายไม่ขาดสาย - นาง "บ." แบกคนนี้เคยวิจารณ์มั่งมั้ย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 306 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทักษะด้าน AI และ Cloud ทำให้เงินเดือนในสายไอทีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2024 โดยเฉพาะผู้ที่เชี่ยวชาญ Natural Language Processing, AWS และ Blockchain คาดว่า แนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไปในปี 2025 นอกจากนี้ คนที่ทำงานด้าน AI มีระดับความพึงพอใจสูงกว่าค่าเฉลี่ย เนื่องจากเป็นงานที่ท้าทายและเปิดโอกาสให้เรียนรู้มากขึ้น Dice ยังแนะนำว่า การเปลี่ยนงาน 6-9 ครั้งในชีวิตการทำงานเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการเติบโตของเงินเดือน

    ✅ ทักษะที่ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปี 2024
    - Natural Language Processing (NLP): $131,621 (+21%)
    - AWS CodeWhisperer: $117,821 (+16%)
    - Amazon Redshift: $134,103 (+15%)
    - BigQuery: $120,434 (+15%)
    - COBOL: $130,243 (+15%)
    - Ruby: $136,920 (+13%)
    - AI ทั่วไป: $130,277 (+12%)
    - Blockchain: $113,143 (+12%)
    - Oracle eBusiness: $121,227 (+12%)
    - Application Delivery: $123,336 (+11%)

    ✅ AI ช่วยให้พนักงานมีความพึงพอใจในการทำงานมากขึ้น
    - ผู้ที่ทำงานในโครงการด้าน AI มีระดับความพึงพอใจสูงกว่าผู้ที่ทำงานในสายอื่น แม้จะได้รับเงินเดือนเท่ากัน
    - Dice ระบุว่า AI มอบผลประโยชน์ที่มากกว่าการเงิน เช่น ความท้าทายและโอกาสในการเรียนรู้

    ✅ แนวคิด "Goldilocks Zone" ของการเปลี่ยนงานในสายไอที
    - การเปลี่ยนงาน 6-9 ครั้งในชีวิตการทำงาน ส่งผลให้เงินเดือนเฉลี่ยสูงถึง $142,000
    - อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนงานมากกว่า 10 ครั้งอาจส่งผลเสียต่อรายได้
    - Dice แนะนำให้เลือกเปลี่ยนงาน อย่างมีกลยุทธ์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโต

    ✅ แนวโน้มของสภาพแวดล้อมการทำงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    - ผู้หญิงที่ทำงานในวงการเทคโนโลยีมาเกิน 20 ปี มีโอกาสมากกว่า 1.5 เท่า ที่จะระบุว่า วัฒนธรรมองค์กรดีขึ้นกว่าชายในอุตสาหกรรมเดียวกัน

    https://www.zdnet.com/home-and-office/work-life/these-tech-skills-drove-the-biggest-salary-increases-over-the-past-year/
    ทักษะด้าน AI และ Cloud ทำให้เงินเดือนในสายไอทีเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในปี 2024 โดยเฉพาะผู้ที่เชี่ยวชาญ Natural Language Processing, AWS และ Blockchain คาดว่า แนวโน้มนี้จะดำเนินต่อไปในปี 2025 นอกจากนี้ คนที่ทำงานด้าน AI มีระดับความพึงพอใจสูงกว่าค่าเฉลี่ย เนื่องจากเป็นงานที่ท้าทายและเปิดโอกาสให้เรียนรู้มากขึ้น Dice ยังแนะนำว่า การเปลี่ยนงาน 6-9 ครั้งในชีวิตการทำงานเป็นจุดที่เหมาะสมสำหรับการเติบโตของเงินเดือน ✅ ทักษะที่ได้รับเงินเดือนเพิ่มขึ้นมากที่สุดในปี 2024 - Natural Language Processing (NLP): $131,621 (+21%) - AWS CodeWhisperer: $117,821 (+16%) - Amazon Redshift: $134,103 (+15%) - BigQuery: $120,434 (+15%) - COBOL: $130,243 (+15%) - Ruby: $136,920 (+13%) - AI ทั่วไป: $130,277 (+12%) - Blockchain: $113,143 (+12%) - Oracle eBusiness: $121,227 (+12%) - Application Delivery: $123,336 (+11%) ✅ AI ช่วยให้พนักงานมีความพึงพอใจในการทำงานมากขึ้น - ผู้ที่ทำงานในโครงการด้าน AI มีระดับความพึงพอใจสูงกว่าผู้ที่ทำงานในสายอื่น แม้จะได้รับเงินเดือนเท่ากัน - Dice ระบุว่า AI มอบผลประโยชน์ที่มากกว่าการเงิน เช่น ความท้าทายและโอกาสในการเรียนรู้ ✅ แนวคิด "Goldilocks Zone" ของการเปลี่ยนงานในสายไอที - การเปลี่ยนงาน 6-9 ครั้งในชีวิตการทำงาน ส่งผลให้เงินเดือนเฉลี่ยสูงถึง $142,000 - อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนงานมากกว่า 10 ครั้งอาจส่งผลเสียต่อรายได้ - Dice แนะนำให้เลือกเปลี่ยนงาน อย่างมีกลยุทธ์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการเติบโต ✅ แนวโน้มของสภาพแวดล้อมการทำงานในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี - ผู้หญิงที่ทำงานในวงการเทคโนโลยีมาเกิน 20 ปี มีโอกาสมากกว่า 1.5 เท่า ที่จะระบุว่า วัฒนธรรมองค์กรดีขึ้นกว่าชายในอุตสาหกรรมเดียวกัน https://www.zdnet.com/home-and-office/work-life/these-tech-skills-drove-the-biggest-salary-increases-over-the-past-year/
    WWW.ZDNET.COM
    These tech skills drove the biggest salary increases over the past year
    A new tech salaries report suggests that working with AI boosts both pay and satisfaction - but it also cautions that excessive job hopping can work against you.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 287 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประตูเปิดทางทิศเหนือ

    เดือนนี้ คำมั่นคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับใคร จะถูกทวงถามให้เป็นที่น่ารำคาญใจ ไปยุ่งเรื่องคนอื่นจะเดือดร้อน เสียหายจนถูกฟ้องร้องกลับกลายเป็นคดีความ หรือเป็นเพราะปากพาจนเป็นผลให้การเจรจานำไปสู่การแตกหัก ครอบครัวมีเกณฑ์แตกแยกเพราะนอกใจ ชื่อเสียงที่สั่งสมจึงถูกดิสเครดิตรให้เสียหาย แม้แต่การตกลงเอกสาร สัญญาใดๆต้องรัดกุมให้มากๆ มีโอกาสตัดสินใจผิดพลาดเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงจะโชคร้าย จะได้รับ บาดเจ็บเพราะโลหะ มีด ของมีคม หรืออุบัติเหตุทางรถยนต์ อีกทั้งควรป้องกันอัคคีภัย แม้แต่คนงานในบ้านอาจ เป็นสาย รู้เห็นเป็นใจให้แก่โจรมาปล้นขโมย ระวังอาหารจะเป็นพิษ หรือดื่มน้ำเย็นจัดจะเป็นผลร้ายให้เจ็บป่วย หนักจนเป็นโรคร้ายที่ปอด คอ ปาก ฟัน ลิ้น รังไข่ มดลูก ลำไส้ใหญ่ โรคเพศสัมพันธ์ุ ควรใส่ใจดูแลครอบครัว และตัวเองก่อนจะบานปลาย

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    ประตูเปิดทางทิศเหนือ เดือนนี้ คำมั่นคำสัญญาที่เคยให้ไว้กับใคร จะถูกทวงถามให้เป็นที่น่ารำคาญใจ ไปยุ่งเรื่องคนอื่นจะเดือดร้อน เสียหายจนถูกฟ้องร้องกลับกลายเป็นคดีความ หรือเป็นเพราะปากพาจนเป็นผลให้การเจรจานำไปสู่การแตกหัก ครอบครัวมีเกณฑ์แตกแยกเพราะนอกใจ ชื่อเสียงที่สั่งสมจึงถูกดิสเครดิตรให้เสียหาย แม้แต่การตกลงเอกสาร สัญญาใดๆต้องรัดกุมให้มากๆ มีโอกาสตัดสินใจผิดพลาดเกิดขึ้นได้ โดยเฉพาะเด็กผู้หญิงจะโชคร้าย จะได้รับ บาดเจ็บเพราะโลหะ มีด ของมีคม หรืออุบัติเหตุทางรถยนต์ อีกทั้งควรป้องกันอัคคีภัย แม้แต่คนงานในบ้านอาจ เป็นสาย รู้เห็นเป็นใจให้แก่โจรมาปล้นขโมย ระวังอาหารจะเป็นพิษ หรือดื่มน้ำเย็นจัดจะเป็นผลร้ายให้เจ็บป่วย หนักจนเป็นโรคร้ายที่ปอด คอ ปาก ฟัน ลิ้น รังไข่ มดลูก ลำไส้ใหญ่ โรคเพศสัมพันธ์ุ ควรใส่ใจดูแลครอบครัว และตัวเองก่อนจะบานปลาย ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ 🔮 เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก👉 https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ

    ........กรมสมเด็จพระเทพรัตน์...วรขัตติยนารี
    พระกนิษฐภคนี..................... วรเลิศพระวิริยา
    ........บำเพ็ญพระกรณียกิจ......สัมฤทธิ์ด้วยพระปรีชา
    ทั้งทรงพระเมตตา................. ปวงประชาสราญรมย์
    ........องค์วิศิษฏศิลปิน............. อำรุงศิลป์ให้งามสม
    ทั่วหล้านิยมชม....................พระเกียรติก้องทั่วฟ้าไกล
    ........ทรงเป็นพระมิ่งขวัญ .......สถิตมั่นกลางหทัย
    ดุจทิพรัตน์อันอำไพ...................ส่องชีพชื่นให้ปวงชน
    ........พระราชทานกำลังใจ..........แนวทางให้พ้นทุกข์ทน
    “รู้หน้าที่”จักนำตน..................และชาติให้พ้นภัยผอง
    ........เฉลิมพระชนม์พระมิ่งฉัตร...เชิญไตรรัตน์โปรดคุ้มครอง
    ประสาทพรอันเรืองรอง............ประสิทธิ์พร้อมดังพระประสงค์

    .....................................ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
    ...........................ข้าพระพุทธเจ้า นายจตุรงค์ ไพบูลย์สุรการ

    เจ้าหญิง คือ ลูกของพระราชา
    แต่แปลกดีที่เด็กผู้หญิงทั้งโลกอยากเป็นเจ้าหญิงเพราะแค่อยากใส่กระโปรงบานและมีมงกุฎ จะให้ดีต้องถือไม้คทาเล็กๆที่มีดาวอยู่ที่ปลายไม้ด้วย
    ....
    ในโลกนี้ มีเจ้าหญิงพระองค์หนึ่ง พระองค์มิได้ทรงภูษาผ้าจีบกระโปรงบาน หรือสวมถุงมือสีขาวยาวถึงแขนและมีมงกุฎเล็กๆอย่างในจินตนาการของเด็กผู้หญิง
    ตลอดเวลา เราจะเห็นเจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงฉลองพระองค์ง่ายๆ บางทีพระองค์ก็ทรงกางเกงขายาว ถือสมุดเล่มหนึ่งกับดินสอ บางทีพระองค์ก็ทรงสะพายกล้องเช่นเดียวกับเสด็จพ่อของพระองค์ พระองค์ทรงศึกษาภาษาต่างประเทศหลายภาษาอย่างแคล่วคล่อง พระองค์ทรงนิพนธ์หนังสือมากมาย ทรงดนตรีหลากหลาย และทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนของพระองค์อยู่เนืองๆ พระองค์ทรงงานทุกวันโดยมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย

    พอจะนึกออกไหมครับ ว่าเจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงมีพระนามว่าอะไร
    และพสกนิกรในอาณาจักรของพระองค์ก็รักเจ้าหญิงพระองค์นี้มาก
    .................................
    วันนี้เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์
    เสียงถวายพระพร ทรงพระเจริญ จะดังกึกก้องทั้งในใจประชาชนและในอาณาจักรแห่งนี้
    ..................................

    มีผู้เคยถามข้าพเจ้า สิ่งที่ประทับใจข้าพเจ้ามากที่สุดเกี่ยวกับทูลกระหม่อมตลอด ๔ ปี ที่ทรงศึกษาอยู่ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคืออะไร

    และผู้ถามก็คาดว่า ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของพระองค์ท่านคงจะต้องตอบว่า สิ่งที่ประทับใจข้าพเจ้ามากที่สุด คือ พระปรีชาสามารถ

    แต่นั่นมิใช่คำตอบของข้าพเจ้า

    จริงอยู่ข้าพเจ้าตระหนักในคุณค่าของปรีชาสามารถในด้านการศึกษาเป็นที่แน่นอน แต่ข้าพเจ้าก็ยังเห็นว่า สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดเกี่ยวกับทูลกระหม่อมก็คือ

    "น้ำพระทัยของพระองค์" ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยาก

    ทูลกระหม่อมมีน้ำพระทัยงาม มีความจริงใจและความเมตตา

    แม้จะทรงมีพระราชกิจล้นหลามก็ยังทรงห่วงใยเอาพระทัยใส่ในทุก ๆ ด้านไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นอาจารย์ พระสหายร่วมชั้นเรียน นิสิตร่วมคณะ คนงานในคณะ หรือแม้แต่เด็กขายขนมในคณะ

    เมื่อผู้ใดเจ็บป่วยหรือประสบความลำบาก ก็จะทรงเป็นธุระประทานความช่วยเหลือ และทรงมีความห่วงใยอย่างแท้จริง

    น้ำพระทัยของทูลกระหม่อมเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้ที่มีโอกาสได้ใกล้ชิด และเป็นธรรมดาอยู่เองที่จะทรงเป็นมิ่งขวัญของทุกคน

    (จากหนังสือ "มหาวิทยาลัย ๒๓ ตุลา ๒๐". จากความทรงจำ. บุษกร กาญจนจารี.)
    .
    .
    จากบทวิทยุของท่านผู้หญิง ดร.ทัศนีย์ บุณยคุปต์ อดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนจิตรลดา ได้กล่าวถึงพระอัจฉริยภาพทางการศึกษาของสมเด็จพระเทพรัตนฯ ว่า “...ในด้านการศึกษานั้น ทรงนำหน้าพระสหายรุ่นราวคราวเดียวกัน บางครั้งทรงเข้าพระทัยในสิ่งที่นักเรียนอื่นยังไม่เข้าใจ สมัยทรงพระเยาว์เคยทรงอึดอัดพระทัย แต่เมื่อทรงเจริญวัยก็ทรงได้รับคำสั่งสอนจากสมเด็จพระบิดาว่า ให้ทรงเห็นใจคนอื่นและช่วยเหลือเพื่อนในทางที่เหมาะที่ควร ไม่ควรรำคาญเพื่อนที่เรียนอ่อนกว่า จากนั้นมาทรงเข้าพระทัยให้ความช่วยเหลือโดยไม่เคยทรงหวงวิชากับพระสหายที่เรียนด้อยเลย”

    ภาพและข้อมูล. นิตยสารแพรวฉบับที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๘
    ขอพระองค์จงทรงพระเจริญ ........กรมสมเด็จพระเทพรัตน์...วรขัตติยนารี พระกนิษฐภคนี..................... วรเลิศพระวิริยา ........บำเพ็ญพระกรณียกิจ......สัมฤทธิ์ด้วยพระปรีชา ทั้งทรงพระเมตตา................. ปวงประชาสราญรมย์ ........องค์วิศิษฏศิลปิน............. อำรุงศิลป์ให้งามสม ทั่วหล้านิยมชม....................พระเกียรติก้องทั่วฟ้าไกล ........ทรงเป็นพระมิ่งขวัญ .......สถิตมั่นกลางหทัย ดุจทิพรัตน์อันอำไพ...................ส่องชีพชื่นให้ปวงชน ........พระราชทานกำลังใจ..........แนวทางให้พ้นทุกข์ทน “รู้หน้าที่”จักนำตน..................และชาติให้พ้นภัยผอง ........เฉลิมพระชนม์พระมิ่งฉัตร...เชิญไตรรัตน์โปรดคุ้มครอง ประสาทพรอันเรืองรอง............ประสิทธิ์พร้อมดังพระประสงค์ .....................................ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ...........................ข้าพระพุทธเจ้า นายจตุรงค์ ไพบูลย์สุรการ เจ้าหญิง คือ ลูกของพระราชา แต่แปลกดีที่เด็กผู้หญิงทั้งโลกอยากเป็นเจ้าหญิงเพราะแค่อยากใส่กระโปรงบานและมีมงกุฎ จะให้ดีต้องถือไม้คทาเล็กๆที่มีดาวอยู่ที่ปลายไม้ด้วย .... ในโลกนี้ มีเจ้าหญิงพระองค์หนึ่ง พระองค์มิได้ทรงภูษาผ้าจีบกระโปรงบาน หรือสวมถุงมือสีขาวยาวถึงแขนและมีมงกุฎเล็กๆอย่างในจินตนาการของเด็กผู้หญิง ตลอดเวลา เราจะเห็นเจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงฉลองพระองค์ง่ายๆ บางทีพระองค์ก็ทรงกางเกงขายาว ถือสมุดเล่มหนึ่งกับดินสอ บางทีพระองค์ก็ทรงสะพายกล้องเช่นเดียวกับเสด็จพ่อของพระองค์ พระองค์ทรงศึกษาภาษาต่างประเทศหลายภาษาอย่างแคล่วคล่อง พระองค์ทรงนิพนธ์หนังสือมากมาย ทรงดนตรีหลากหลาย และทรงเสด็จไปเยี่ยมประชาชนของพระองค์อยู่เนืองๆ พระองค์ทรงงานทุกวันโดยมิรู้จักเหน็ดเหนื่อย พอจะนึกออกไหมครับ ว่าเจ้าหญิงพระองค์นี้ทรงมีพระนามว่าอะไร และพสกนิกรในอาณาจักรของพระองค์ก็รักเจ้าหญิงพระองค์นี้มาก ................................. วันนี้เป็นวันคล้ายวันพระราชสมภพของพระองค์ เสียงถวายพระพร ทรงพระเจริญ จะดังกึกก้องทั้งในใจประชาชนและในอาณาจักรแห่งนี้ .................................. มีผู้เคยถามข้าพเจ้า สิ่งที่ประทับใจข้าพเจ้ามากที่สุดเกี่ยวกับทูลกระหม่อมตลอด ๔ ปี ที่ทรงศึกษาอยู่ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคืออะไร และผู้ถามก็คาดว่า ในฐานะที่ข้าพเจ้าเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของพระองค์ท่านคงจะต้องตอบว่า สิ่งที่ประทับใจข้าพเจ้ามากที่สุด คือ พระปรีชาสามารถ แต่นั่นมิใช่คำตอบของข้าพเจ้า จริงอยู่ข้าพเจ้าตระหนักในคุณค่าของปรีชาสามารถในด้านการศึกษาเป็นที่แน่นอน แต่ข้าพเจ้าก็ยังเห็นว่า สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดเกี่ยวกับทูลกระหม่อมก็คือ "น้ำพระทัยของพระองค์" ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่หาได้ยาก ทูลกระหม่อมมีน้ำพระทัยงาม มีความจริงใจและความเมตตา แม้จะทรงมีพระราชกิจล้นหลามก็ยังทรงห่วงใยเอาพระทัยใส่ในทุก ๆ ด้านไม่ว่าผู้นั้นจะเป็นอาจารย์ พระสหายร่วมชั้นเรียน นิสิตร่วมคณะ คนงานในคณะ หรือแม้แต่เด็กขายขนมในคณะ เมื่อผู้ใดเจ็บป่วยหรือประสบความลำบาก ก็จะทรงเป็นธุระประทานความช่วยเหลือ และทรงมีความห่วงใยอย่างแท้จริง น้ำพระทัยของทูลกระหม่อมเป็นที่ประจักษ์แก่ผู้ที่มีโอกาสได้ใกล้ชิด และเป็นธรรมดาอยู่เองที่จะทรงเป็นมิ่งขวัญของทุกคน (จากหนังสือ "มหาวิทยาลัย ๒๓ ตุลา ๒๐". จากความทรงจำ. บุษกร กาญจนจารี.) . . จากบทวิทยุของท่านผู้หญิง ดร.ทัศนีย์ บุณยคุปต์ อดีตอาจารย์ใหญ่โรงเรียนจิตรลดา ได้กล่าวถึงพระอัจฉริยภาพทางการศึกษาของสมเด็จพระเทพรัตนฯ ว่า “...ในด้านการศึกษานั้น ทรงนำหน้าพระสหายรุ่นราวคราวเดียวกัน บางครั้งทรงเข้าพระทัยในสิ่งที่นักเรียนอื่นยังไม่เข้าใจ สมัยทรงพระเยาว์เคยทรงอึดอัดพระทัย แต่เมื่อทรงเจริญวัยก็ทรงได้รับคำสั่งสอนจากสมเด็จพระบิดาว่า ให้ทรงเห็นใจคนอื่นและช่วยเหลือเพื่อนในทางที่เหมาะที่ควร ไม่ควรรำคาญเพื่อนที่เรียนอ่อนกว่า จากนั้นมาทรงเข้าพระทัยให้ความช่วยเหลือโดยไม่เคยทรงหวงวิชากับพระสหายที่เรียนด้อยเลย” ภาพและข้อมูล. นิตยสารแพรวฉบับที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๕๘
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองทัพยูเครนส่งผู้หญิงเข้าร่วมการโจมตีด้วยเนื้อสัตว์ใน DPR

    เดนิส พุชิลิน ผู้ว่าการภูมิภาคโดเน็ตสก์ (DPR) รายงานว่า "ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังทำการบันทึกศพทหารหญิงยูเครนในสนามรบทิศทางโดเน็ตสก์ กองทัพยูเครนได้ส่งทหารหญิงเข้าร่วมปฏิบัติการรบอย่างเต็มตัว พวกเขาไม่ได้มีส่วนร่วมแค่ในฐานะเจ้าหน้าที่ควบคุมโดรนที่อยู่แนวหลังอีกต่อไป ตอนนี้ทหารหญิงได้กลายมาเป็นนักรบในแนวหน้าแล้ว"

    พุชิลินกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้พบทหารหญิงยูเครนมากขึ้นในทิศทาง Krasnoarmeysky และ Dzerzhinsky
    กองทัพยูเครนส่งผู้หญิงเข้าร่วมการโจมตีด้วยเนื้อสัตว์ใน DPR เดนิส พุชิลิน ผู้ว่าการภูมิภาคโดเน็ตสก์ (DPR) รายงานว่า "ขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่กำลังทำการบันทึกศพทหารหญิงยูเครนในสนามรบทิศทางโดเน็ตสก์ กองทัพยูเครนได้ส่งทหารหญิงเข้าร่วมปฏิบัติการรบอย่างเต็มตัว พวกเขาไม่ได้มีส่วนร่วมแค่ในฐานะเจ้าหน้าที่ควบคุมโดรนที่อยู่แนวหลังอีกต่อไป ตอนนี้ทหารหญิงได้กลายมาเป็นนักรบในแนวหน้าแล้ว" พุชิลินกล่าวเพิ่มเติมว่า ขณะนี้พบทหารหญิงยูเครนมากขึ้นในทิศทาง Krasnoarmeysky และ Dzerzhinsky
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 224 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้หญิงวัย 68 ปี แต่ยังพาลูกๆโบยบินออกหากิน
    รักที่สุด ❤️
    ผู้หญิงวัย 68 ปี แต่ยังพาลูกๆโบยบินออกหากิน รักที่สุด ❤️
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • AI ถูกมองว่าจะเปลี่ยนโฉมหน้าการทำงานของมนุษย์ในอนาคต ด้วยความสามารถที่จะลดชั่วโมงการทำงานลงเหลือเพียง 2-3 วันต่อสัปดาห์ Bill Gates และ Elon Musk ชี้ว่า AI อาจแทนที่งานหลายประเภท แต่ก็ช่วยให้มนุษย์มีเวลาใช้ชีวิตมากขึ้น ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเริ่มทดลองระบบสัปดาห์ทำงานสั้นเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต และอุตสาหกรรม AI ได้เน้นถึงความจำเป็นในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้

    มุมมองของ Bill Gates:
    - Gates มองว่า AI สามารถช่วยให้คำแนะนำทางการแพทย์และการสอนมีคุณภาพดีขึ้น โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งแม้จะมีข้อดี แต่ก็อาจกระทบต่ออาชีพแพทย์และครูในอนาคต.

    ความคิดเห็นจาก Jamie Dimon:
    - CEO ของ JPMorgan กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่คนรุ่นถัดไปจะทำงานเพียง 3.5 วันต่อสัปดาห์และมีอายุยืนถึง 100 ปีด้วยความช่วยเหลือจาก AI.

    ผลกระทบในระดับนานาชาติ:
    - ในญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องชั่วโมงการทำงานที่หนักเกินไป รัฐบาลโตเกียวเริ่มทดลองใช้งานระบบสัปดาห์ทำงาน 4 วันเพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับประชากรที่ลดลง และเพิ่มโอกาสให้ผู้หญิงสามารถมีอาชีพได้หลังจากมีครอบครัว.

    เสียงสะท้อนจากอุตสาหกรรม AI:
    - ผู้บริหาร OpenAI และ Microsoft AI ได้เตือนว่าความสามารถของ AI อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในแรงงานโลก เช่นการแทนที่งานบางประเภท ซึ่งอาจต้องการนโยบายใหม่ ๆ เช่น Universal Basic Income เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้.

    https://www.techspot.com/news/107328-bill-gates-ai-could-lead-two-day-workweek.html
    AI ถูกมองว่าจะเปลี่ยนโฉมหน้าการทำงานของมนุษย์ในอนาคต ด้วยความสามารถที่จะลดชั่วโมงการทำงานลงเหลือเพียง 2-3 วันต่อสัปดาห์ Bill Gates และ Elon Musk ชี้ว่า AI อาจแทนที่งานหลายประเภท แต่ก็ช่วยให้มนุษย์มีเวลาใช้ชีวิตมากขึ้น ทั้งนี้ ญี่ปุ่นเริ่มทดลองระบบสัปดาห์ทำงานสั้นเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต และอุตสาหกรรม AI ได้เน้นถึงความจำเป็นในการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ มุมมองของ Bill Gates: - Gates มองว่า AI สามารถช่วยให้คำแนะนำทางการแพทย์และการสอนมีคุณภาพดีขึ้น โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ซึ่งแม้จะมีข้อดี แต่ก็อาจกระทบต่ออาชีพแพทย์และครูในอนาคต. ความคิดเห็นจาก Jamie Dimon: - CEO ของ JPMorgan กล่าวถึงความเป็นไปได้ที่คนรุ่นถัดไปจะทำงานเพียง 3.5 วันต่อสัปดาห์และมีอายุยืนถึง 100 ปีด้วยความช่วยเหลือจาก AI. ผลกระทบในระดับนานาชาติ: - ในญี่ปุ่นที่ขึ้นชื่อเรื่องชั่วโมงการทำงานที่หนักเกินไป รัฐบาลโตเกียวเริ่มทดลองใช้งานระบบสัปดาห์ทำงาน 4 วันเพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับประชากรที่ลดลง และเพิ่มโอกาสให้ผู้หญิงสามารถมีอาชีพได้หลังจากมีครอบครัว. เสียงสะท้อนจากอุตสาหกรรม AI: - ผู้บริหาร OpenAI และ Microsoft AI ได้เตือนว่าความสามารถของ AI อาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในแรงงานโลก เช่นการแทนที่งานบางประเภท ซึ่งอาจต้องการนโยบายใหม่ ๆ เช่น Universal Basic Income เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลงนี้. https://www.techspot.com/news/107328-bill-gates-ai-could-lead-two-day-workweek.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Will AI lead to shorter workweeks? Bill Gates, Elon Musk, and others say yes
    Speaking to Jimmy Fallon on The Tonight Show recently, Gates predicted a future in which humans will no longer be necessary "for most things" because of advanced...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 228 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดนมาร์กเริ่มบังคับใช้มาตรการเกณฑ์ทหารสำหรับผู้หญิง โดยประกาศให้ผู้หญิงต้องเข้ารับราชการทหารภาคบังคับ ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการป้องกันประเทศ

    ทรอยลส์ ลุนด์ พอลเซน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเดนมาร์ก กล่าวว่า เพื่อความเท่าเทียมกันผู้หญิงควรเข้ารับราชการทหารภาคบังคับภายใต้เงื่อนไขเดียวกับผู้ชาย

    มาตรการนี้ส่งผลให้ผู้ญิงที่มีอายุครบ 18 ปี หลังวันที่ 1 กรกฎาคมของปีนี้เป็นต้นไป จะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารในปี 2026 ซึ่งในปัจจุบัน การเข้ารับราชการทหารภาคบังคับมีผลใช้บังคับเฉพาะผู้ชายที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น

    “ความเท่าเทียมกันเป็นสิ่งที่ดีและเพิ่มโอกาสในการสร้างกำลังรบให้กับกองทัพในการป้องกันประเทศของเดนมาร์ก”
    “การรับราชการทหารควรเป็นความเท่าเทียมทางเพศด้วย มันจะช่วยให้เราเอาชนะความท้าทายในนโยบายความมั่นคงได้”
    พอลเซน รัฐมนตรีกลาโหมกล่าว
    เดนมาร์กเริ่มบังคับใช้มาตรการเกณฑ์ทหารสำหรับผู้หญิง โดยประกาศให้ผู้หญิงต้องเข้ารับราชการทหารภาคบังคับ ตั้งแต่ปี 2026 เป็นต้นไป มาตรการดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการป้องกันประเทศ ทรอยลส์ ลุนด์ พอลเซน รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมเดนมาร์ก กล่าวว่า เพื่อความเท่าเทียมกันผู้หญิงควรเข้ารับราชการทหารภาคบังคับภายใต้เงื่อนไขเดียวกับผู้ชาย มาตรการนี้ส่งผลให้ผู้ญิงที่มีอายุครบ 18 ปี หลังวันที่ 1 กรกฎาคมของปีนี้เป็นต้นไป จะต้องเข้ารับการเกณฑ์ทหารในปี 2026 ซึ่งในปัจจุบัน การเข้ารับราชการทหารภาคบังคับมีผลใช้บังคับเฉพาะผู้ชายที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น “ความเท่าเทียมกันเป็นสิ่งที่ดีและเพิ่มโอกาสในการสร้างกำลังรบให้กับกองทัพในการป้องกันประเทศของเดนมาร์ก” “การรับราชการทหารควรเป็นความเท่าเทียมทางเพศด้วย มันจะช่วยให้เราเอาชนะความท้าทายในนโยบายความมั่นคงได้” พอลเซน รัฐมนตรีกลาโหมกล่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • Enough!, stop the genocide!

    เด็กๆชาวปาเลสไตน์ทนไม่ไหวออกมทาเรียกร้องให้หยุดโจมตีพวกเขา เพราะส่วนใหญ่ที่ตกเป็นเหยื่อคือเด็กและผู้หญิง

    Enough!, stop the genocide! เด็กๆชาวปาเลสไตน์ทนไม่ไหวออกมทาเรียกร้องให้หยุดโจมตีพวกเขา เพราะส่วนใหญ่ที่ตกเป็นเหยื่อคือเด็กและผู้หญิง
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 10 0 รีวิว
  • หลังการทำลายแนวป้องกันของยูเครนแห่งหนึ่งในทิศทาง Pokrovsk

    ทหารรัสเซียเข้าทำการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว และพบว่ามีผู้หญิงประจำการอยู่ด้วย

    หลังการทำลายแนวป้องกันของยูเครนแห่งหนึ่งในทิศทาง Pokrovsk ทหารรัสเซียเข้าทำการตรวจสอบพื้นที่ดังกล่าว และพบว่ามีผู้หญิงประจำการอยู่ด้วย
    Like
    Sad
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 186 มุมมอง 0 รีวิว
  • 58 ปี "คดีตุ๊กตา" ขืนใจสาวรับใช้ บันทึกแห่งประวัติศาสตร์ “หญิงข่มขืนหญิง” ได้หรือไม่? 📚⚖️

    ✨ย้อนรอย “คดีตุ๊กตา” ในประวัติศาสตร์กฎหมายไทย กับคำพิพากษาศาลฎีกา ที่เปิดประเด็นการข่มขืนโดย “ผู้หญิงต่อผู้หญิง” ครั้งแรกของไทย ศึกษาเหตุการณ์รายละเอียดคดี บทสรุปทางกฎหมาย ที่ยังสะเทือนวงการกฎหมายถึงปัจจุบัน ✨

    เมื่อ “หญิงข่มขืนหญิง” ไม่ใช่แค่จินตนาการอีกต่อไป หากเอ่ยถึงคดีข่มขืน หลายคนอาจนึกถึงภาพของชายกระทำต่อหญิง แต่ในประวัติศาสตร์กฎหมายไทย กลับมีคำพิพากษาหนึ่ง ที่เปิดโลกความเข้าใจในมุมมองใหม่ ⚖️

    โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2510 กับ “คดีตุ๊กตา” ที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาอันลือลั่นว่า “หญิงก็เป็นตัวการร่วม ในการข่มขืนหญิงได้” คำวินิจฉัยครั้งนั้น ไม่เพียงเขย่าระบบยุติธรรมไทย แต่ยังเปิดมุมมองใหม่ ให้สังคมไทยในเวลานั้น

    “คดีตุ๊กตา” เป็นชื่อที่สื่อมวลชนในยุคนั้นตั้งขึ้น เนื่องจากจำเลยที่ 1 คือ "พิมล กาฬสีห์" นักเขียนการ์ตูนชื่อดังในนามปากกา “ตุ๊กตา” ถูกอัยการยื่นฟ้อง ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราร่วมกับภรรยา "นภาพันธ์ กาฬสีห์" ต่อ "เพ็ชร ทัวิพัฒน์" หญิงสาวคนรับใช้ในบ้าน ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 ที่บ้านพักในตำบลปากคลอง อำเภอภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี ปัจจุบันคือ กรุงเทพมหานคร

    แม้จะผ่านมาแล้วกว่า 58 ปี แต่คำพิพากษาในคดีนี้ยั งคงได้รับการกล่าวขานในวงการกฎหมาย และสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นกรณีแรกที่ “ศาลฎีกา” ของไทยยืนยันว่า หญิงสามารถร่วมเป็นตัวการข่มขืนหญิงได้

    📌 ทำไมคดีนี้จึงสำคัญ? ประเด็นที่สั่นคลอนสังคม คดีนี้แสดงให้เห็นถึงอำนาจและอิทธิพล ที่บุคคลมีชื่อเสียงอาจมีต่อผู้ด้อยโอกาส เปิดประเด็นว่า “ข่มขืน” ไม่จำเป็นต้องเกิดจากเพศชายเท่านั้น

    ศาลยืนยันว่า ผู้หญิงสามารถมีส่วนร่วม ในการกระทำผิดฐานข่มขืนได้ แม้จะไม่ได้ลงมือข่มขืนเองก็ตาม

    📌 จุดเปลี่ยนด้านกฎหมาย คำพิพากษานี้ทำให้เกิดการตีความ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 ว่า “ผู้ใด” หมายรวมถึงบุคคลทุกเพศ ไม่ใช่จำกัดแค่เพศชาย

    ลำดับเหตุการณ์สำคัญในคดีตุ๊กตา
    🗓️ คืนวันอาทิตย์ที่่28 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 "เพ็ชร์ ทิวาพัฒน์" หญิงสาวผู้เสียหายวัย 23 ปี ซึ่งทำงานเป็นสาวรับใช้ ในคืนนั้น เพ็ชรถูกนภาพันธ์เรียกขึ้นไปนวดให้พิมล บนชั้นสองของบ้าน

    นภาพันธ์ช่วยจับมือของเพ็ชร ไปจับอวัยวะเพศของพิมล และร่วมกดร่างเพ็ชรไว้ให้สามีข่มขืน เหตุการณ์ล่วงละเมิดทางเพศ เกิดขึ้นซ้ำถึง 5 ครั้ง ในคืนนั้น

    🗓️ เช้ามืดวันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 เพ็ชรหนีออกจากบ้าน และไปแจ้งความที่โรงพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมสองสามีภรรยา และส่งเพ็ชรตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ผลตรวจพิสูจน์พบร่องรอยการข่มขืนอย่างชัดเจน อัยการจึงเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสอง

    ศาลชั้นต้นเห็นว่า คำให้การของผู้เสียหายมีน้ำหนักเพียงพอ ประกอบกับพยานหลักฐาน และผลตรวจทางการแพทย์ จำเลยที่ 1 ถูกตัดสินจำคุก 5 ปี 1 เดือน จำเลยที่ 2 ถูกตัดสินจำคุก 3 ปี

    ➡️ แต่... จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์

    ศาลอุทธรณ์:ยกฟ้องเพราะเชื่อว่า “ยินยอม” กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ด้วยเหตุผลว่า เชื่อว่าผู้เสียหาย สมัครใจร่วมประเวณีเอง เห็นว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้หญิง ไม่ควรถูกลงโทษในฐานะตัวการร่วมข่มขืน

    ➡️ อัยการในฐานะโจทก์ ฎีกาต่อ...

    ศาลฎีกา:พลิกคำพิพากษา ตอกย้ำ “หญิงก็เป็นตัวการข่มขืนได้” ในการพิจารณาครั้งสำคัญ ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา
    ✅ พิพากษาว่า ผู้เสียหายไม่ได้สมัครใจ
    ✅ การมีส่วนร่วมของจำเลยที่ 2 ในการจับผู้เสียหาย และบังคับให้สามีข่มขืน ถือเป็นการ “ร่วมกันข่มขืน”
    ✅ ศาลฎีกายืนยันว่า ตามกฎหมายไทย หญิงก็เป็นตัวการข่มขืนหญิงได้

    ➡️ จำเลยที่ 1 ถูกลงโทษจำคุก 3 ปี 1 เดือน
    ➡️ จำเลยที่ 2 ถูกลงโทษจำคุก 2 ปี

    การตีความทางกฎหมายที่สำคัญ มาตรา 276 แห่งประมวลกฎหมายอาญา “ผู้ใด” ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น...
    🔹 คำว่า “ผู้ใด” ไม่ได้ระบุเพศ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง หากมีพฤติการณ์ร่วมกันในการข่มขืน ก็ถือว่ามีความผิดฐาน “ตัวการ” ได้
    🔹 แม้ไม่ได้เป็นผู้ลงมือข่มขืนเอง แต่หากช่วยเหลือ อำนวยความสะดวก หรือบังคับเหยื่อ ก็ถือว่า “ร่วมกันกระทำผิด”

    ทำไมศาลฎีกาจึงพิพากษาเช่นนั้น?
    ✅ พฤติกรรมของจำเลยที่ 2 แสดงชัดว่า ร่วมกดขาและจับผู้เสียหาย เพื่อให้จำเลยที่ 1 ข่มขืน
    ✅ ข่มขู่ผู้เสียหายไม่ให้ร้อง หรือบอกว่าจะ “เพิ่มเงินเดือน” หากไม่ต่อต้าน
    ✅ บังคับผู้เสียหายให้อมอวัยวะเพศ และสั่งให้กลืนน้ำอสุจิของสามี

    ✨ ผลกระทบต่อสังคม และวงการกฎหมาย เปลี่ยนแปลงความเข้าใจ ก่อนหน้านั้น สังคมมองว่า “ข่มขืน” เป็นอาชญากรรมที่มีแต่เพศชาย เป็นผู้กระทำ

    ✨ คดีตุ๊กตาสร้างการตระหนักใหม่ว่า อาชญากรรมทางเพศ เกิดจากผู้กระทำได้ทุกเพศ อิทธิพลต่อการตีความกฎหมาย ศาลไทยขยายขอบเขตความผิดของมาตรา 276 ให้ครอบคลุมบุคคลทุกเพศ สร้างบรรทัดฐานใหม่ ในคดีอาญาเกี่ยวกับเพศที่ซับซ้อนมากขึ้น

    “คดีตุ๊กตา” กับมรดกทางกฎหมายที่ยั่งยืน ผ่านมา 58 ปี คดีตุ๊กตายังเป็นกรณีศึกษา ในวงการกฎหมายและสังคม ที่สอนให้เข้าใจถึง ความซับซ้อนของความรุนแรงทางเพศ และบทบาทของกฎหมาย ในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน คดีนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องราวในอดีต แต่เป็นบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย ในสังคมไทยอีกต่อไป

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221140 มี.ค. 2568

    🏷️ #คดีตุ๊กตา #ข่มขืนในไทย #หญิงข่มขืนหญิงได้ #พิมลกาฬสีห์ #ศาลฎีกาไทย #กฎหมายอาญา #สิทธิมนุษยชน #ข่มขืนกระทำชำเรา #ข่าวดังในอดีต #คดีอาชญากรรมไทย
    58 ปี "คดีตุ๊กตา" ขืนใจสาวรับใช้ บันทึกแห่งประวัติศาสตร์ “หญิงข่มขืนหญิง” ได้หรือไม่? 📚⚖️ ✨ย้อนรอย “คดีตุ๊กตา” ในประวัติศาสตร์กฎหมายไทย กับคำพิพากษาศาลฎีกา ที่เปิดประเด็นการข่มขืนโดย “ผู้หญิงต่อผู้หญิง” ครั้งแรกของไทย ศึกษาเหตุการณ์รายละเอียดคดี บทสรุปทางกฎหมาย ที่ยังสะเทือนวงการกฎหมายถึงปัจจุบัน ✨ เมื่อ “หญิงข่มขืนหญิง” ไม่ใช่แค่จินตนาการอีกต่อไป หากเอ่ยถึงคดีข่มขืน หลายคนอาจนึกถึงภาพของชายกระทำต่อหญิง แต่ในประวัติศาสตร์กฎหมายไทย กลับมีคำพิพากษาหนึ่ง ที่เปิดโลกความเข้าใจในมุมมองใหม่ ⚖️ โดยเฉพาะในปี พ.ศ. 2510 กับ “คดีตุ๊กตา” ที่ศาลฎีกามีคำพิพากษาอันลือลั่นว่า “หญิงก็เป็นตัวการร่วม ในการข่มขืนหญิงได้” คำวินิจฉัยครั้งนั้น ไม่เพียงเขย่าระบบยุติธรรมไทย แต่ยังเปิดมุมมองใหม่ ให้สังคมไทยในเวลานั้น “คดีตุ๊กตา” เป็นชื่อที่สื่อมวลชนในยุคนั้นตั้งขึ้น เนื่องจากจำเลยที่ 1 คือ "พิมล กาฬสีห์" นักเขียนการ์ตูนชื่อดังในนามปากกา “ตุ๊กตา” ถูกอัยการยื่นฟ้อง ในข้อหาข่มขืนกระทำชำเราร่วมกับภรรยา "นภาพันธ์ กาฬสีห์" ต่อ "เพ็ชร ทัวิพัฒน์" หญิงสาวคนรับใช้ในบ้าน ซึ่งเรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 ที่บ้านพักในตำบลปากคลอง อำเภอภาษีเจริญ จังหวัดธนบุรี ปัจจุบันคือ กรุงเทพมหานคร แม้จะผ่านมาแล้วกว่า 58 ปี แต่คำพิพากษาในคดีนี้ยั งคงได้รับการกล่าวขานในวงการกฎหมาย และสังคมไทยอย่างต่อเนื่อง เพราะเป็นกรณีแรกที่ “ศาลฎีกา” ของไทยยืนยันว่า หญิงสามารถร่วมเป็นตัวการข่มขืนหญิงได้ 📌 ทำไมคดีนี้จึงสำคัญ? ประเด็นที่สั่นคลอนสังคม คดีนี้แสดงให้เห็นถึงอำนาจและอิทธิพล ที่บุคคลมีชื่อเสียงอาจมีต่อผู้ด้อยโอกาส เปิดประเด็นว่า “ข่มขืน” ไม่จำเป็นต้องเกิดจากเพศชายเท่านั้น ศาลยืนยันว่า ผู้หญิงสามารถมีส่วนร่วม ในการกระทำผิดฐานข่มขืนได้ แม้จะไม่ได้ลงมือข่มขืนเองก็ตาม 📌 จุดเปลี่ยนด้านกฎหมาย คำพิพากษานี้ทำให้เกิดการตีความ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 276 ว่า “ผู้ใด” หมายรวมถึงบุคคลทุกเพศ ไม่ใช่จำกัดแค่เพศชาย ลำดับเหตุการณ์สำคัญในคดีตุ๊กตา 🗓️ คืนวันอาทิตย์ที่่28 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 "เพ็ชร์ ทิวาพัฒน์" หญิงสาวผู้เสียหายวัย 23 ปี ซึ่งทำงานเป็นสาวรับใช้ ในคืนนั้น เพ็ชรถูกนภาพันธ์เรียกขึ้นไปนวดให้พิมล บนชั้นสองของบ้าน นภาพันธ์ช่วยจับมือของเพ็ชร ไปจับอวัยวะเพศของพิมล และร่วมกดร่างเพ็ชรไว้ให้สามีข่มขืน เหตุการณ์ล่วงละเมิดทางเพศ เกิดขึ้นซ้ำถึง 5 ครั้ง ในคืนนั้น 🗓️ เช้ามืดวันจันทร์ที่ 29 กรกฎาคม พ.ศ. 2506 เพ็ชรหนีออกจากบ้าน และไปแจ้งความที่โรงพัก เจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุมสองสามีภรรยา และส่งเพ็ชรตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล ผลตรวจพิสูจน์พบร่องรอยการข่มขืนอย่างชัดเจน อัยการจึงเป็นโจทก์ยื่นฟ้องจำเลยทั้งสอง ศาลชั้นต้นเห็นว่า คำให้การของผู้เสียหายมีน้ำหนักเพียงพอ ประกอบกับพยานหลักฐาน และผลตรวจทางการแพทย์ จำเลยที่ 1 ถูกตัดสินจำคุก 5 ปี 1 เดือน จำเลยที่ 2 ถูกตัดสินจำคุก 3 ปี ➡️ แต่... จำเลยทั้งสองยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์:ยกฟ้องเพราะเชื่อว่า “ยินยอม” กลับคำพิพากษาศาลชั้นต้น ด้วยเหตุผลว่า เชื่อว่าผู้เสียหาย สมัครใจร่วมประเวณีเอง เห็นว่า จำเลยที่ 2 เป็นผู้หญิง ไม่ควรถูกลงโทษในฐานะตัวการร่วมข่มขืน ➡️ อัยการในฐานะโจทก์ ฎีกาต่อ... ศาลฎีกา:พลิกคำพิพากษา ตอกย้ำ “หญิงก็เป็นตัวการข่มขืนได้” ในการพิจารณาครั้งสำคัญ ของที่ประชุมใหญ่ศาลฎีกา ✅ พิพากษาว่า ผู้เสียหายไม่ได้สมัครใจ ✅ การมีส่วนร่วมของจำเลยที่ 2 ในการจับผู้เสียหาย และบังคับให้สามีข่มขืน ถือเป็นการ “ร่วมกันข่มขืน” ✅ ศาลฎีกายืนยันว่า ตามกฎหมายไทย หญิงก็เป็นตัวการข่มขืนหญิงได้ ➡️ จำเลยที่ 1 ถูกลงโทษจำคุก 3 ปี 1 เดือน ➡️ จำเลยที่ 2 ถูกลงโทษจำคุก 2 ปี การตีความทางกฎหมายที่สำคัญ มาตรา 276 แห่งประมวลกฎหมายอาญา “ผู้ใด” ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่น... 🔹 คำว่า “ผู้ใด” ไม่ได้ระบุเพศ ดังนั้น ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง หากมีพฤติการณ์ร่วมกันในการข่มขืน ก็ถือว่ามีความผิดฐาน “ตัวการ” ได้ 🔹 แม้ไม่ได้เป็นผู้ลงมือข่มขืนเอง แต่หากช่วยเหลือ อำนวยความสะดวก หรือบังคับเหยื่อ ก็ถือว่า “ร่วมกันกระทำผิด” ทำไมศาลฎีกาจึงพิพากษาเช่นนั้น? ✅ พฤติกรรมของจำเลยที่ 2 แสดงชัดว่า ร่วมกดขาและจับผู้เสียหาย เพื่อให้จำเลยที่ 1 ข่มขืน ✅ ข่มขู่ผู้เสียหายไม่ให้ร้อง หรือบอกว่าจะ “เพิ่มเงินเดือน” หากไม่ต่อต้าน ✅ บังคับผู้เสียหายให้อมอวัยวะเพศ และสั่งให้กลืนน้ำอสุจิของสามี ✨ ผลกระทบต่อสังคม และวงการกฎหมาย เปลี่ยนแปลงความเข้าใจ ก่อนหน้านั้น สังคมมองว่า “ข่มขืน” เป็นอาชญากรรมที่มีแต่เพศชาย เป็นผู้กระทำ ✨ คดีตุ๊กตาสร้างการตระหนักใหม่ว่า อาชญากรรมทางเพศ เกิดจากผู้กระทำได้ทุกเพศ อิทธิพลต่อการตีความกฎหมาย ศาลไทยขยายขอบเขตความผิดของมาตรา 276 ให้ครอบคลุมบุคคลทุกเพศ สร้างบรรทัดฐานใหม่ ในคดีอาญาเกี่ยวกับเพศที่ซับซ้อนมากขึ้น “คดีตุ๊กตา” กับมรดกทางกฎหมายที่ยั่งยืน ผ่านมา 58 ปี คดีตุ๊กตายังเป็นกรณีศึกษา ในวงการกฎหมายและสังคม ที่สอนให้เข้าใจถึง ความซับซ้อนของความรุนแรงทางเพศ และบทบาทของกฎหมาย ในการคุ้มครองสิทธิมนุษยชน คดีนี้จึงไม่ใช่แค่เรื่องราวในอดีต แต่เป็นบทเรียนเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอย ในสังคมไทยอีกต่อไป ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221140 มี.ค. 2568 🏷️ #คดีตุ๊กตา #ข่มขืนในไทย #หญิงข่มขืนหญิงได้ #พิมลกาฬสีห์ #ศาลฎีกาไทย #กฎหมายอาญา #สิทธิมนุษยชน #ข่มขืนกระทำชำเรา #ข่าวดังในอดีต #คดีอาชญากรรมไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 747 มุมมอง 0 รีวิว
  • ภาพเหตุการณ์อิสราเอลทิ้งระเบิดเพื่อทำลายโรงพยาบาลมิตรภาพตุรกี (Turkish Friendship Hospita) ในฉนวนกาซา ซึ่งตั้งอยู่ในเขตทางเดินเน็ตซาริม (Netzarim)

    การทิ้งระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากอิสราเอลล้มข้อตกลงหยุดยิงอย่างเป็นทางการ โดยไม่มีสื่อพาดหัวข่าว หรือประเทศตะวันตกโผล่หัวออกมาประณามอิสราเอลแม้แต่รายเดียว

    ข้อมูลล่าสุด หลังจากอิสราเอลเปิดฉากถล่มกาซาอย่างไร้มนุษยธรรมเป็นวันที่ 3 ทั้งทางอากาศและภาคพื้นดิน มียอดผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 700 ราย บาดเจ็บอีกนับพันราย

    แค่เฉพาะวันนี้มีรายงานพลเรือนปาเลสไตน์เสียชีวิตไปแล้ว 90 ราย แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง

    การบุกภาคพื้นดินของกองกำลังอิสราเอลแบบเจาะจงเป้าหมายทางตอนกลางและใต้ของกาซา มีจุดประสงค์เพื่อให้กาซาแยกขาดจากกัน ออกเป็นสามส่วน เพื่อกักขังพวกเขาให้อยู่ในวงล้อมของอิสราเอล ซึ่งเปรียบได้กับค่ายกักกันยิว อย่างเช่นที่อิสราเอลเคยเผชิญมาก่อน แต่พวกเขากลับถ่ายทอดความเจ็บปวดนั้นให้กับชาวปาเลสไตน์ต่อไป
    ภาพเหตุการณ์อิสราเอลทิ้งระเบิดเพื่อทำลายโรงพยาบาลมิตรภาพตุรกี (Turkish Friendship Hospita) ในฉนวนกาซา ซึ่งตั้งอยู่ในเขตทางเดินเน็ตซาริม (Netzarim) การทิ้งระเบิดครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากอิสราเอลล้มข้อตกลงหยุดยิงอย่างเป็นทางการ โดยไม่มีสื่อพาดหัวข่าว หรือประเทศตะวันตกโผล่หัวออกมาประณามอิสราเอลแม้แต่รายเดียว ข้อมูลล่าสุด หลังจากอิสราเอลเปิดฉากถล่มกาซาอย่างไร้มนุษยธรรมเป็นวันที่ 3 ทั้งทางอากาศและภาคพื้นดิน มียอดผู้เสียชีวิตแล้วกว่า 700 ราย บาดเจ็บอีกนับพันราย แค่เฉพาะวันนี้มีรายงานพลเรือนปาเลสไตน์เสียชีวิตไปแล้ว 90 ราย แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นเด็กและผู้หญิง การบุกภาคพื้นดินของกองกำลังอิสราเอลแบบเจาะจงเป้าหมายทางตอนกลางและใต้ของกาซา มีจุดประสงค์เพื่อให้กาซาแยกขาดจากกัน ออกเป็นสามส่วน เพื่อกักขังพวกเขาให้อยู่ในวงล้อมของอิสราเอล ซึ่งเปรียบได้กับค่ายกักกันยิว อย่างเช่นที่อิสราเอลเคยเผชิญมาก่อน แต่พวกเขากลับถ่ายทอดความเจ็บปวดนั้นให้กับชาวปาเลสไตน์ต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 371 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม้วันเวลาจะผ่านไปกว่า 32 ปีแล้วก็ตาม แต่คดี เพชรซาอุฯ ก็ยังถูกกลับเอามาเล่าขานกันอีกครั้ง
    .
    ตำนานเครื่องเพชรที่ถูกพูดถึงมากเรื่องหนึ่งในสังคมไทยโดย คดี เพชรซาอุฯ นั้นเกิดขึ้นครั้งแรกเกิดปี พ.ศ. 2532 นายเกรียงไกร เตชะโม่ง คนงานทำความสะอาดในพระราชวังของเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาฮัด ได้โจรกรรมเพชร ทอง และอัญมณี ที่ถูกวางไว้อย่างไม่เป็นที่เป็นทาง จากพระราชวัง โดยอาศัยช่วงเวลาที่เจ้าชายแปรพระราชฐานไปต่างประเทศ แอบนำถุงกระสอบขนาดใหญ่เข้าไปในพระราชวัง ซ่อนตัวอยู่ภายในพระราชวังจนถึงเวลากลางคืน แล้วจึงทำการขโมยเครื่องเพชรใส่ถุงกระสอบแล้วโยนถุงกระสอบลงมาออกนอกกำแพงพระราชวัง จากนั้นนำส่งประเทศไทยโดยการส่งปะปนมากับเสื้อผ้าเครื่องใช้ส่วนตัว ทำให้ ยากจะตรวจสอบได้
    .
    แต่สุดท้าย นายเกรียงไกร เตชะโม่ง ได้ถูก ตำรวจจับกุมได้ในเวลาต่อมา โดย ชุดจับกุมของ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ และยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา พร้อมช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการตามเพชรทั้งหมดกลับคืนอีกด้วย
    .
    ---------------
    ไม่เคยมี "เพชรสีน้ำเงินมาแต่แรก"
    ---------------
    .
    อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เริ่มมี "คดีเพชรซาอุ" มีการพูดถึง เครื่องเพชร ชุดหนึ่ง คือ "เพชรสีน้ำเงิน"( เครื่องเพชรบลูไดมอนด์) ซึ่งแท้จริงแล้วมีปรากฎแต่ในการนำเสนอข่าวภายในประเทศไทยเท่านั้น ที่แม้แต่ พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรัตน์ ผช.อตร. เจ้าของคดี ยังถามถามสื่อมวลชนเองว่า "ไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน ตนไม่เคยได้ยิน หรือเห็นมาก่อนเลย" จากนั้นก็มีการไปเอารูปภริยาอธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น พล.ต.อ. แสวง ธีระสวัสดิ์ ภาพใน น.ส.พ. ฉบับหนึ่ง ผู้หญิงสวมสร้อยคอที่มีจี้เป็นอัญมณีสีน้ำเงินล้อมเพชรและทอง ปรากฏตัวในงานเลี้ยงงานหนึ่ง ใช้ชื่อ "งานเลี้ยงบลูไดมอนด์" แล้วก็ลือกันตามมาว่าเป็นเพชรบลูไดมอนด์ของเจ้าฟ้าชายไฟซาล เรื่องราวนี้ดังไปถึงหู ทางการของประเทศซาอุฯ เลยส่งสายสืบลับของซาอุฯมาตรวจสอบเพิ่มเติม จนพบว่า ในความเป็นจริงแล้วเพชรบลูไดมอนด์ ในข่าวเป็นเพียง วัตถุที่ทำด้วยผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มที่นำมาประดิษฐ์เข้าคู่กับเพชรและทอง เท่านั้น คดีเพชรบลูไดมอนด์จึงจบไป...
    .
    ส่วน นายเกรียงไกร เตชะโม่ง จำเลยได้สารภาพว่า ได้แบ่งเครื่องเพชรให้กับเพื่อนที่มีส่วนรู้เห็นโดยไม่ได้แยกแยะ ชนิดสี ประเภทใดๆก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศไทย โดยแยกทองและหินออกจากกัน เนื่องจาก นาย เกรียงไกร ทราบมูลค่าของทองดีแต่ไม่ทราบมูลของเพชรพลอยที่ประดับ หินบางส่วนถูกทุบให้แตกเพื่อแยกประเภทคร่าวๆตามความเข้าใจว่าเพชรเป็นของแข็ง หากไม่แตกก็จะเก็บเอาไว้ขายนั้นเอง จากนั้นจึงนำไปขายให้พ่อค้าเพชรและทองตามลำดับ
    .
    ในช่วงเวลาระหว่างการดำเนินคดี นายเกรียงไกร เตชะโม่ง จำเลยในคดีลักเพชรของเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาฮัด อธิบดีกรมตำรวจ พลตำรวจเอกประทิน สันติประภพ มอบหมายให้ผู้รับผิดชอบคือ (สิงเหนือ ) พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ออกติดตามเครื่องเพชรคืนให้แก่รัฐบาลซาอุดิอาระเบีย โดยตามหาและส่งคืนกลับไปทั้งหมด ผลงานของ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศในครั้งนั้นสร้างชื่อเสียงมากจนได้รับการยกย่องจากประเทศซาอุดิอาระเบีย ให้เป็นแขกพิเศษ
    .
    อย่างไรก็ตามมีประเด็นต่อมา คือการส่งคืนเครื่องเพชรจำนวนมากในครั้งนั้นกลับไม่ครบ-และบางส่วนปลอม เลยมีการรื้อคดีกลับมาตรวจสอบอีกครั้ง จากคำให้การของนายเกรียงไกร ที่บอกว่า ได้โจรกรรมเครื่องเพชรของเจ้าชายไฟซาล แล้วนำเข้ามาขายในประเทศไทย โดยขายให้ นายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ จึงพุ่งเป้าไปที่ นายสันติ เพื่อตามทวงคืน เครื่องเพชรส่วนที่เหลือ แต่นายสันติ ได้ปฎิเสธ พล.ต.ท.ชลอจึงจับลูกและภารยาของนายสันติ เป็นตัวประกันเพื่อบีบบังคับให้ นายสันติบอกที่ซ่อนของเพชรที่เหลือ แต่ก็ไม่เป็นผล ...ประจวบกับเหตุการณ์เวลานั้นมีการคุกคามตัวประกัน จึงมีการสังหารตัวประกันแล้วจัดฉากให้เป็นอุบัติเหตุ แต่ในภายหลัง พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศถูกจับกุมในคดี สังหาร ครอบครัว ศรีธนะขัณฑ์ เลยได้รับโทษประหารชีวิต ...(ซึ่งปัจจุบัน ได้รับการปล่อยตัวหลังจากที่จำคุกมาได้ 19ปี)
    .
    เมื่อมีการพยายามพูดถึง เพชรบลูไดมอนด์และเพชรที่เหลือจากซาอุฯ อีกครั้ง มีการตรวจสอบ ย้อนกลับซ้ำอีกครั้ง จึงพบว่า ทางซาอุฯไม่สามารถระบุรูปลักษณ์ของ เพชรบลูไดมอนด์ และไม่มีใครทั้ง นายเกรียงไกร เตชะโม่ง ,นายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ทางการไทย ต่างไม่เคยพบเห็นเพชรบลูไดมอนด์ เลยจึงได้ข้อสรุปว่าเพชรบลูไดมอนด์ ไม่เคยอยู่ในประเทศไทย
    .
    เรื่องราว เพชรซาอุฯ มีข้อเท็จจริงแต่เพียงเท่านี้...
    .
    ------------------------
    กำเนิดข่าวลือเพชรซาอุรอบที่สอง
    ------------------------
    .
    อย่างไรก็ตาม ในปี2551 ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดง มีการยกเรื่อง เพชรสีน้ำเงิน เอาขึ้นมาอีกครั้ง บนเวทีสนามหลวง เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2551
    .
    ทั้งบนเวที และ ในลักษณะข่าวลือ โดยบนเวทีชุมนุมนั้นจะปรากฎ ภาพ แหวนเพชรสีน้ำเงินถูกสวมอยู่ในอุ้งเท้าไดโนเสาร์ ซึ่งในการชุมนุมครั้งนั้น มี หนึ่งในผู้ปราศรัย คือ(เสือใต้) พล.ต.อ สล้าง บุนนาค นายตำรวจยุคเดียวกับ (สิงเหนือ)พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ
    .
    ส่วนข่าวลือและภาพที่ถูกแชร์กันใส่สังคมออนไลน์ในช่วงปี 2553 คือภาพ เพชรสีน้ำเงิน หน้าต่างๆกันออกไปทั้งแบบที่เป็นแหวนเพชร และ สร้อยคอ โดยมีการระบุในข่าวลือว่าเป็น เพชรบลูไดมอนด์จากคดีเพชรซาอุฯ โดยมีการนำเอาภาพของสมเด็จพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่9 ทรงพระศอประดับอัญมณีสีฟ้าในการแชร์พร้อมเรื่องราวข่าวเท็จเกี่ยวกับการขโมยเพชรสีน้ำเงินจากราชวงศ์ซาอุฯ จนกลายเป็นข่าวลือให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแยบยล
    .
    ในความเป็นจริงแล้วไม่เคยมีใครเคยเห็น เพชรบลูไดมอนด์ ว่าอยู่ในสภาพแหวนหรือสอยคอ และมีจำนวนกี่เม็ดกันแน่
    .
    หากพิจารณาภาพเพชรสีน้ำเงินที่เผยแพร่ในช่วงนี้ก็จะพบว่าเป็นเพียงการนำภาพ เครื่องเพชรที่มีลักษณะใกล้เคียงมาตัดต่อพร้อมประกอบกับเรื่องราวข่าวลือเท่านั้น โดยภาพที่ปรากฏประจำคือ Hope Diamond ของฝรั่งเศส ทั้งนี้ Hope Diamond มีประวัติน่าสนใจมาก เพราะ เป็นเพชรสีน้ำเงินที่ถูกตัดออกมาจาก เพชรเม็ดยักของ ราชวงศ์ฝรั่งเศส ที่ชื่อว่า French Blue (Le bleu de France) ตั้งแต่สมัยปฎิวัติฝรั่งเศส โดยแหล่งกำเนิดของ French Blue (Le bleu de France) นั้นมาจากเหมืองในเมืองกอลคอนดา (Golconda) ในประเทศอินเดีย ตั้งแต่ ปี 1664
    .
    แต่ด้วยประวัติของผู้ครอบครองเพชรสีน้ำเงิน ที่ล้วนเป็นคนใหญ่คนโต และเสียชีวิตฉับพลันจึงทำให้กลายเป็นตำนานเพชรต้องสาป ซึ่งปัจจุบัน เพชรเม็ดนี้ อยู่ในพิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียน
    .
    ส่วนอีกภาพที่นิยมแชร์พร้อมกับข่าวลือคำสาปเพชรซาอุฯ คือภาพของ "Heart of the Ocean" หรือในภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า "Le Cœur de la Mer" เพชรสีน้ำเงินรูปทรงหัวใจ เป็นเครืองประดับที่สวยงามมาก แต่น่าเสียดายว่า แท้จริงแล้ว"Heart of the Ocean"เป็นเพชรที่เกิดมาจาก การจินตนาการของผู้กำกับภาพยนต์ ไททานิค โดย "Heart of the Ocean" นั้นถูกจินตนาการขึ้นโดยอ้างอิง ประวัติ Hope Diamond ของฝรั่งเศส และถูกจินตนาการไปถึงการเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุการจมเรือในภาพยนตร์ไททานิค
    .
    ส่วนภาพสำคัญและมักถูกตกเป็นเป้าโจมตีของข่าวเท็จก็คือภาพของ สมเด็จพระราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ทรง พระศอไพลินสีน้ำเงิน(ไม่ใช่เพชร) เป็นภาพตั้งแต่ ปี 2500 ขณะทรงเยือนสหรัฐอเมริกา ซึ่งพระศอไพลินสีน้ำเงินนั้นเป็นมรดกตกทอดมาจากสมเด็จพระพันปีหลวง
    .
    และ แน่นอนว่า ภาพของ สมเด็จพระราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ทรง พระศอไพลินสีน้ำเงิน เป็นภาพที่เกิดขึ้นก่อน คดีเพชรซาอุฯ ถึง 32 ปี
    .
    ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ ที่ เพชรบลูไดมอนด์ จากคดีเพชรซาอุฯปี 2532 จะย้อน เวลาไปปรากฎในปี 2500 ได้โดยเด็ดขาด
    ---------------------------------
    แหล่งข้อมูล
    - https://www.git.or.th/g20130410.html
    - http://www.tpa.or.th/writer/read_this_book_topic.php?bookID=3585&read=true&count=true
    - https://www.facebook.com/siamgreatwarriors/posts/1591058431203175?
    - https://www.facebook.com/boraannaanma/photos/a.1721168658137287/2367376280183185/?type=3&theater
    - https://th.wikipedia.org/wiki/เพชรโฮป
    - https://www.facebook.com/726502237386172/posts/3507440415958993/
    -------------------------------
    ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่
    Website : http://www.thailandvision.co
    Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion
    Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision
    Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
    แม้วันเวลาจะผ่านไปกว่า 32 ปีแล้วก็ตาม แต่คดี เพชรซาอุฯ ก็ยังถูกกลับเอามาเล่าขานกันอีกครั้ง . ตำนานเครื่องเพชรที่ถูกพูดถึงมากเรื่องหนึ่งในสังคมไทยโดย คดี เพชรซาอุฯ นั้นเกิดขึ้นครั้งแรกเกิดปี พ.ศ. 2532 นายเกรียงไกร เตชะโม่ง คนงานทำความสะอาดในพระราชวังของเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาฮัด ได้โจรกรรมเพชร ทอง และอัญมณี ที่ถูกวางไว้อย่างไม่เป็นที่เป็นทาง จากพระราชวัง โดยอาศัยช่วงเวลาที่เจ้าชายแปรพระราชฐานไปต่างประเทศ แอบนำถุงกระสอบขนาดใหญ่เข้าไปในพระราชวัง ซ่อนตัวอยู่ภายในพระราชวังจนถึงเวลากลางคืน แล้วจึงทำการขโมยเครื่องเพชรใส่ถุงกระสอบแล้วโยนถุงกระสอบลงมาออกนอกกำแพงพระราชวัง จากนั้นนำส่งประเทศไทยโดยการส่งปะปนมากับเสื้อผ้าเครื่องใช้ส่วนตัว ทำให้ ยากจะตรวจสอบได้ . แต่สุดท้าย นายเกรียงไกร เตชะโม่ง ได้ถูก ตำรวจจับกุมได้ในเวลาต่อมา โดย ชุดจับกุมของ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ และยอมรับสารภาพทุกข้อกล่าวหา พร้อมช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ในการตามเพชรทั้งหมดกลับคืนอีกด้วย . --------------- ไม่เคยมี "เพชรสีน้ำเงินมาแต่แรก" --------------- . อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เริ่มมี "คดีเพชรซาอุ" มีการพูดถึง เครื่องเพชร ชุดหนึ่ง คือ "เพชรสีน้ำเงิน"( เครื่องเพชรบลูไดมอนด์) ซึ่งแท้จริงแล้วมีปรากฎแต่ในการนำเสนอข่าวภายในประเทศไทยเท่านั้น ที่แม้แต่ พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรัตน์ ผช.อตร. เจ้าของคดี ยังถามถามสื่อมวลชนเองว่า "ไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน ตนไม่เคยได้ยิน หรือเห็นมาก่อนเลย" จากนั้นก็มีการไปเอารูปภริยาอธิบดีกรมตำรวจในขณะนั้น พล.ต.อ. แสวง ธีระสวัสดิ์ ภาพใน น.ส.พ. ฉบับหนึ่ง ผู้หญิงสวมสร้อยคอที่มีจี้เป็นอัญมณีสีน้ำเงินล้อมเพชรและทอง ปรากฏตัวในงานเลี้ยงงานหนึ่ง ใช้ชื่อ "งานเลี้ยงบลูไดมอนด์" แล้วก็ลือกันตามมาว่าเป็นเพชรบลูไดมอนด์ของเจ้าฟ้าชายไฟซาล เรื่องราวนี้ดังไปถึงหู ทางการของประเทศซาอุฯ เลยส่งสายสืบลับของซาอุฯมาตรวจสอบเพิ่มเติม จนพบว่า ในความเป็นจริงแล้วเพชรบลูไดมอนด์ ในข่าวเป็นเพียง วัตถุที่ทำด้วยผ้ากำมะหยี่สีน้ำเงินเข้มที่นำมาประดิษฐ์เข้าคู่กับเพชรและทอง เท่านั้น คดีเพชรบลูไดมอนด์จึงจบไป... . ส่วน นายเกรียงไกร เตชะโม่ง จำเลยได้สารภาพว่า ได้แบ่งเครื่องเพชรให้กับเพื่อนที่มีส่วนรู้เห็นโดยไม่ได้แยกแยะ ชนิดสี ประเภทใดๆก่อนที่จะเดินทางกลับประเทศไทย โดยแยกทองและหินออกจากกัน เนื่องจาก นาย เกรียงไกร ทราบมูลค่าของทองดีแต่ไม่ทราบมูลของเพชรพลอยที่ประดับ หินบางส่วนถูกทุบให้แตกเพื่อแยกประเภทคร่าวๆตามความเข้าใจว่าเพชรเป็นของแข็ง หากไม่แตกก็จะเก็บเอาไว้ขายนั้นเอง จากนั้นจึงนำไปขายให้พ่อค้าเพชรและทองตามลำดับ . ในช่วงเวลาระหว่างการดำเนินคดี นายเกรียงไกร เตชะโม่ง จำเลยในคดีลักเพชรของเจ้าชายไฟซาล บิน ฟาฮัด อธิบดีกรมตำรวจ พลตำรวจเอกประทิน สันติประภพ มอบหมายให้ผู้รับผิดชอบคือ (สิงเหนือ ) พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ ออกติดตามเครื่องเพชรคืนให้แก่รัฐบาลซาอุดิอาระเบีย โดยตามหาและส่งคืนกลับไปทั้งหมด ผลงานของ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศในครั้งนั้นสร้างชื่อเสียงมากจนได้รับการยกย่องจากประเทศซาอุดิอาระเบีย ให้เป็นแขกพิเศษ . อย่างไรก็ตามมีประเด็นต่อมา คือการส่งคืนเครื่องเพชรจำนวนมากในครั้งนั้นกลับไม่ครบ-และบางส่วนปลอม เลยมีการรื้อคดีกลับมาตรวจสอบอีกครั้ง จากคำให้การของนายเกรียงไกร ที่บอกว่า ได้โจรกรรมเครื่องเพชรของเจ้าชายไฟซาล แล้วนำเข้ามาขายในประเทศไทย โดยขายให้ นายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ จึงพุ่งเป้าไปที่ นายสันติ เพื่อตามทวงคืน เครื่องเพชรส่วนที่เหลือ แต่นายสันติ ได้ปฎิเสธ พล.ต.ท.ชลอจึงจับลูกและภารยาของนายสันติ เป็นตัวประกันเพื่อบีบบังคับให้ นายสันติบอกที่ซ่อนของเพชรที่เหลือ แต่ก็ไม่เป็นผล ...ประจวบกับเหตุการณ์เวลานั้นมีการคุกคามตัวประกัน จึงมีการสังหารตัวประกันแล้วจัดฉากให้เป็นอุบัติเหตุ แต่ในภายหลัง พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศถูกจับกุมในคดี สังหาร ครอบครัว ศรีธนะขัณฑ์ เลยได้รับโทษประหารชีวิต ...(ซึ่งปัจจุบัน ได้รับการปล่อยตัวหลังจากที่จำคุกมาได้ 19ปี) . เมื่อมีการพยายามพูดถึง เพชรบลูไดมอนด์และเพชรที่เหลือจากซาอุฯ อีกครั้ง มีการตรวจสอบ ย้อนกลับซ้ำอีกครั้ง จึงพบว่า ทางซาอุฯไม่สามารถระบุรูปลักษณ์ของ เพชรบลูไดมอนด์ และไม่มีใครทั้ง นายเกรียงไกร เตชะโม่ง ,นายสันติ ศรีธนะขัณฑ์ และเจ้าหน้าที่ทางการไทย ต่างไม่เคยพบเห็นเพชรบลูไดมอนด์ เลยจึงได้ข้อสรุปว่าเพชรบลูไดมอนด์ ไม่เคยอยู่ในประเทศไทย . เรื่องราว เพชรซาอุฯ มีข้อเท็จจริงแต่เพียงเท่านี้... . ------------------------ กำเนิดข่าวลือเพชรซาอุรอบที่สอง ------------------------ . อย่างไรก็ตาม ในปี2551 ในการเคลื่อนไหวทางการเมืองของกลุ่มคนเสื้อแดง มีการยกเรื่อง เพชรสีน้ำเงิน เอาขึ้นมาอีกครั้ง บนเวทีสนามหลวง เมื่อวันที่ 12 ตุลาคม 2551 . ทั้งบนเวที และ ในลักษณะข่าวลือ โดยบนเวทีชุมนุมนั้นจะปรากฎ ภาพ แหวนเพชรสีน้ำเงินถูกสวมอยู่ในอุ้งเท้าไดโนเสาร์ ซึ่งในการชุมนุมครั้งนั้น มี หนึ่งในผู้ปราศรัย คือ(เสือใต้) พล.ต.อ สล้าง บุนนาค นายตำรวจยุคเดียวกับ (สิงเหนือ)พล.ต.ท.ชลอ เกิดเทศ . ส่วนข่าวลือและภาพที่ถูกแชร์กันใส่สังคมออนไลน์ในช่วงปี 2553 คือภาพ เพชรสีน้ำเงิน หน้าต่างๆกันออกไปทั้งแบบที่เป็นแหวนเพชร และ สร้อยคอ โดยมีการระบุในข่าวลือว่าเป็น เพชรบลูไดมอนด์จากคดีเพชรซาอุฯ โดยมีการนำเอาภาพของสมเด็จพระบรมราชินีนาถในรัชกาลที่9 ทรงพระศอประดับอัญมณีสีฟ้าในการแชร์พร้อมเรื่องราวข่าวเท็จเกี่ยวกับการขโมยเพชรสีน้ำเงินจากราชวงศ์ซาอุฯ จนกลายเป็นข่าวลือให้ร้ายสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างแยบยล . ในความเป็นจริงแล้วไม่เคยมีใครเคยเห็น เพชรบลูไดมอนด์ ว่าอยู่ในสภาพแหวนหรือสอยคอ และมีจำนวนกี่เม็ดกันแน่ . หากพิจารณาภาพเพชรสีน้ำเงินที่เผยแพร่ในช่วงนี้ก็จะพบว่าเป็นเพียงการนำภาพ เครื่องเพชรที่มีลักษณะใกล้เคียงมาตัดต่อพร้อมประกอบกับเรื่องราวข่าวลือเท่านั้น โดยภาพที่ปรากฏประจำคือ Hope Diamond ของฝรั่งเศส ทั้งนี้ Hope Diamond มีประวัติน่าสนใจมาก เพราะ เป็นเพชรสีน้ำเงินที่ถูกตัดออกมาจาก เพชรเม็ดยักของ ราชวงศ์ฝรั่งเศส ที่ชื่อว่า French Blue (Le bleu de France) ตั้งแต่สมัยปฎิวัติฝรั่งเศส โดยแหล่งกำเนิดของ French Blue (Le bleu de France) นั้นมาจากเหมืองในเมืองกอลคอนดา (Golconda) ในประเทศอินเดีย ตั้งแต่ ปี 1664 . แต่ด้วยประวัติของผู้ครอบครองเพชรสีน้ำเงิน ที่ล้วนเป็นคนใหญ่คนโต และเสียชีวิตฉับพลันจึงทำให้กลายเป็นตำนานเพชรต้องสาป ซึ่งปัจจุบัน เพชรเม็ดนี้ อยู่ในพิพิธภัณฑ์สมิธโซเนียน . ส่วนอีกภาพที่นิยมแชร์พร้อมกับข่าวลือคำสาปเพชรซาอุฯ คือภาพของ "Heart of the Ocean" หรือในภาษาฝรั่งเศสเรียกว่า "Le Cœur de la Mer" เพชรสีน้ำเงินรูปทรงหัวใจ เป็นเครืองประดับที่สวยงามมาก แต่น่าเสียดายว่า แท้จริงแล้ว"Heart of the Ocean"เป็นเพชรที่เกิดมาจาก การจินตนาการของผู้กำกับภาพยนต์ ไททานิค โดย "Heart of the Ocean" นั้นถูกจินตนาการขึ้นโดยอ้างอิง ประวัติ Hope Diamond ของฝรั่งเศส และถูกจินตนาการไปถึงการเป็นส่วนหนึ่งของสาเหตุการจมเรือในภาพยนตร์ไททานิค . ส่วนภาพสำคัญและมักถูกตกเป็นเป้าโจมตีของข่าวเท็จก็คือภาพของ สมเด็จพระราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ทรง พระศอไพลินสีน้ำเงิน(ไม่ใช่เพชร) เป็นภาพตั้งแต่ ปี 2500 ขณะทรงเยือนสหรัฐอเมริกา ซึ่งพระศอไพลินสีน้ำเงินนั้นเป็นมรดกตกทอดมาจากสมเด็จพระพันปีหลวง . และ แน่นอนว่า ภาพของ สมเด็จพระราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 ทรง พระศอไพลินสีน้ำเงิน เป็นภาพที่เกิดขึ้นก่อน คดีเพชรซาอุฯ ถึง 32 ปี . ดังนั้น จึงเป็นไปไม่ได้ ที่ เพชรบลูไดมอนด์ จากคดีเพชรซาอุฯปี 2532 จะย้อน เวลาไปปรากฎในปี 2500 ได้โดยเด็ดขาด --------------------------------- แหล่งข้อมูล - https://www.git.or.th/g20130410.html - http://www.tpa.or.th/writer/read_this_book_topic.php?bookID=3585&read=true&count=true - https://www.facebook.com/siamgreatwarriors/posts/1591058431203175? - https://www.facebook.com/boraannaanma/photos/a.1721168658137287/2367376280183185/?type=3&theater - https://th.wikipedia.org/wiki/เพชรโฮป - https://www.facebook.com/726502237386172/posts/3507440415958993/ ------------------------------- ติดตามข้อมูลข่าวสาร รู้ไทย รู้โลก กับ Thailand Vision ได้ที่ Website : http://www.thailandvision.co Facebook : https://www.facebook.com/thvi5ion Twitter : https://twitter.com/Thailand_vision Youtube : https://www.youtube.com/c/Thailandvision
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 891 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts