• ด่วน!
    ตร.ขอตัวนายไชยามพวาน มั่นเพียรตจิตต์ (ปูอัด) ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคไทยก้าวหน้า(อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล) ต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำตัวไปดำเนินคดี หลังศาลเชียงใหม่ออกหมายจับคดีข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวไต้หวัน เหตุเกิดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2568 เวลาประมาณ 02.00 น ที่ผ่านมา โดยล่าสุดเหยื่อสาวได้เดินทางกลับประเทศไปแล้ว

    ที่ผ่านมาส.ส.คนดังกล่าวเคยมีปัญหาเรื่องชู้สาวหลายครั้ง จนถูกขับออกจากพรรคและย้ายสังกัดพรรคไปก่อนหน้านี้
    ด่วน! ตร.ขอตัวนายไชยามพวาน มั่นเพียรตจิตต์ (ปูอัด) ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคไทยก้าวหน้า(อดีต ส.ส.พรรคก้าวไกล) ต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เพื่อนำตัวไปดำเนินคดี หลังศาลเชียงใหม่ออกหมายจับคดีข่มขืนนักท่องเที่ยวสาวไต้หวัน เหตุเกิดที่โรงแรมแห่งหนึ่งในอ.เมือง จ.เชียงใหม่ เมื่อวันที่ 9 ม.ค. 2568 เวลาประมาณ 02.00 น ที่ผ่านมา โดยล่าสุดเหยื่อสาวได้เดินทางกลับประเทศไปแล้ว ที่ผ่านมาส.ส.คนดังกล่าวเคยมีปัญหาเรื่องชู้สาวหลายครั้ง จนถูกขับออกจากพรรคและย้ายสังกัดพรรคไปก่อนหน้านี้
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 96 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักพรางตัวปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยการพัฒนาของโหมดไม่ระบุตัวตน (Incognito mode) ใน Google Chrome ที่ถูกปรับปรุงให้มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นใน Windows 11 ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานร่วมกันระหว่าง Microsoft และ Google

    Microsoft ได้ทำการอัปเดตใน Windows 11 และ Windows 10 เพื่อให้ Google Chrome ไม่เก็บประวัติการคัดลอกข้อมูลในโหมดไม่ระบุตัวตน (Incognito mode) ของ Cloud Clipboard ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ใช้สามารถคัดลอกข้อมูลไปยัง Cloud Clipboard ซึ่งทำให้สามารถวางข้อมูลข้ามอุปกรณ์ที่ใช้บัญชี Google เดียวกันได้ แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้โหมดไม่ระบุตัวตนมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการรักษาความเป็นส่วนตัว

    นอกจากนี้ การอัปเดตนี้ยังป้องกันไม่ให้ Chrome แสดงพรีวิวสื่อ (media preview) เมื่อปรับระดับเสียงจากคีย์บอร์ด ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อปรับระดับเสียงจะมีการแสดงเนื้อหาของสื่อที่กำลังดูพร้อมกับชื่อเรื่อง แต่ตอนนี้จะแสดงเป็นข้อความว่า "a site is playing media" แทน ทำให้การดูสื่อในโหมดไม่ระบุตัวตนมีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น

    https://www.techradar.com/computing/windows/google-chromes-incognito-mode-is-now-more-private-in-windows-11-and-its-all-thanks-to-microsoft
    นักพรางตัวปลอดภัยยิ่งขึ้นด้วยการพัฒนาของโหมดไม่ระบุตัวตน (Incognito mode) ใน Google Chrome ที่ถูกปรับปรุงให้มีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้นใน Windows 11 ซึ่งเป็นผลมาจากการทำงานร่วมกันระหว่าง Microsoft และ Google Microsoft ได้ทำการอัปเดตใน Windows 11 และ Windows 10 เพื่อให้ Google Chrome ไม่เก็บประวัติการคัดลอกข้อมูลในโหมดไม่ระบุตัวตน (Incognito mode) ของ Cloud Clipboard ซึ่งก่อนหน้านี้ผู้ใช้สามารถคัดลอกข้อมูลไปยัง Cloud Clipboard ซึ่งทำให้สามารถวางข้อมูลข้ามอุปกรณ์ที่ใช้บัญชี Google เดียวกันได้ แต่การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้โหมดไม่ระบุตัวตนมีประสิทธิภาพมากขึ้นในการรักษาความเป็นส่วนตัว นอกจากนี้ การอัปเดตนี้ยังป้องกันไม่ให้ Chrome แสดงพรีวิวสื่อ (media preview) เมื่อปรับระดับเสียงจากคีย์บอร์ด ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อปรับระดับเสียงจะมีการแสดงเนื้อหาของสื่อที่กำลังดูพร้อมกับชื่อเรื่อง แต่ตอนนี้จะแสดงเป็นข้อความว่า "a site is playing media" แทน ทำให้การดูสื่อในโหมดไม่ระบุตัวตนมีความเป็นส่วนตัวมากยิ่งขึ้น https://www.techradar.com/computing/windows/google-chromes-incognito-mode-is-now-more-private-in-windows-11-and-its-all-thanks-to-microsoft
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 45 มุมมอง 0 รีวิว
  • คุณ Gabriel Galipolo ซึ่งเป็นหัวหน้านโยบายการเงินของธนาคารกลางบราซิล ได้รายงานว่า การใช้งานคริปโตในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา โดยประมาณ 90% ของการใช้งานคริปโตนี้เกี่ยวข้องกับ Stablecoins ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าคงที่โดยอิงกับสินทรัพย์ในโลกจริง เช่น ดอลลาร์สหรัฐ

    นาย Galipolo กล่าวในงานประชุมของธนาคารเพื่อการชำระเงินระหว่างประเทศที่เม็กซิโก ซิตี้ ว่า การใช้คริปโตเป็นหลักในการชำระเงินกลายเป็นความท้าทายในการควบคุมและการกำกับดูแล เขายังเน้นว่าการใช้งานเหล่านี้มักจะมีปัญหาด้านการเสียภาษีหรือการฟอกเงินด้วย

    สิ่งที่น่าสนใจคือโครงการ Drex ที่ไม่ได้เป็นสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มุ่งเน้นในการปรับปรุงเครดิตด้วยสินทรัพย์ที่มีหลักประกัน Drex ใช้เทคโนโลยีการบันทึกบัญชีแบบกระจายศูนย์เพื่อการชำระเงินระหว่างธนาคารในระดับสถาบัน ขณะที่การเข้าถึงของผู้ใช้งานทั่วไปจะอยู่ในรูปแบบของการฝากเงินที่ถูกแปลงเป็นโทเค็น

    นอกจากนี้ ระบบการชำระเงินทันทีของบราซิลที่เรียกว่า Pix ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก ก็มีศักยภาพในการเชื่อมต่อกับเครือข่ายการชำระเงินทันทีระหว่างประเทศ ทำให้การทำธุรกรรมข้ามพรมแดนสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/07/brazil039s-galipolo-sees-surge-in-crypto-use-says-90-of-flow-tied-to-stablecoins
    คุณ Gabriel Galipolo ซึ่งเป็นหัวหน้านโยบายการเงินของธนาคารกลางบราซิล ได้รายงานว่า การใช้งานคริปโตในประเทศเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงสองถึงสามปีที่ผ่านมา โดยประมาณ 90% ของการใช้งานคริปโตนี้เกี่ยวข้องกับ Stablecoins ซึ่งเป็นสินทรัพย์ที่มีมูลค่าคงที่โดยอิงกับสินทรัพย์ในโลกจริง เช่น ดอลลาร์สหรัฐ นาย Galipolo กล่าวในงานประชุมของธนาคารเพื่อการชำระเงินระหว่างประเทศที่เม็กซิโก ซิตี้ ว่า การใช้คริปโตเป็นหลักในการชำระเงินกลายเป็นความท้าทายในการควบคุมและการกำกับดูแล เขายังเน้นว่าการใช้งานเหล่านี้มักจะมีปัญหาด้านการเสียภาษีหรือการฟอกเงินด้วย สิ่งที่น่าสนใจคือโครงการ Drex ที่ไม่ได้เป็นสกุลเงินดิจิทัลของธนาคารกลาง แต่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่มุ่งเน้นในการปรับปรุงเครดิตด้วยสินทรัพย์ที่มีหลักประกัน Drex ใช้เทคโนโลยีการบันทึกบัญชีแบบกระจายศูนย์เพื่อการชำระเงินระหว่างธนาคารในระดับสถาบัน ขณะที่การเข้าถึงของผู้ใช้งานทั่วไปจะอยู่ในรูปแบบของการฝากเงินที่ถูกแปลงเป็นโทเค็น นอกจากนี้ ระบบการชำระเงินทันทีของบราซิลที่เรียกว่า Pix ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก ก็มีศักยภาพในการเชื่อมต่อกับเครือข่ายการชำระเงินทันทีระหว่างประเทศ ทำให้การทำธุรกรรมข้ามพรมแดนสะดวกและรวดเร็วยิ่งขึ้น https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/02/07/brazil039s-galipolo-sees-surge-in-crypto-use-says-90-of-flow-tied-to-stablecoins
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Brazil's Galipolo sees surge in crypto use, says 90% of flow tied to stablecoins
    (Reuters) - Brazil's central bank chief Gabriel Galipolo said on Thursday that crypto asset usage in the country has surged over the past two to three years, with around 90% of the flow linked to stablecoins.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 62 มุมมอง 0 รีวิว
  • [Exclusive on Sondhi Talk]
    "บังแจ็ค" ไว้ใจ DSI ไขคดี
    แย้มมือถือแตงโมมี 4 หมื่นภาพ
    แถมข้อมูลนักการเมือง-นักธุรกิจดัง
    .
    บังแจ็คเปิดใจส่งมอบมือถือแตงโม นิดา ให้หมอธวัชชัยนำมาให้ดีเอสไอคลี่คลายคดี ระบุกู้ข้อมูลมีภาพกว่า 4 หมื่นภาพ แชตบางส่วนคุยกับนักการเมืองดัง และมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่มีอิทธิพลสูง นักธุรกิจระดับประเทศเกี่ยวข้องด้วย เผยมีคนขอซื้อมือถือจริงแต่ไม่ถึง 15 ล้าน ลั่นยังไงก็ไม่ขาย
    .
    วันนี้ (6 ก.พ.) นายซาคาเนียน ราชา ไฮเดอร์ หรือบังแจ็ค ให้สัมภาษณ์ทางเฟซบุ๊ก และยูทูป "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" (คลิกชมย้อนหลัง >> https://www.youtube.com/watch?v=58nPhAE2uZo) ถึงโทรศัพท์มือถือของ แตงโม นิดา หรือ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาวที่เสียชีวิตจากเรือสปีดโบ้ท เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 ซึ่งได้ส่งมอบให้ นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ และเตรียมนำมาส่งมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำมาใช้เพื่อคลี่คลายการเสียชีวิตของแตงโม ระบุว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนที่รู้จักกับนางพนิดา ศิริยุทธโยธิน มารดาของแตงโม นางพนิดาได้รับโทรศัพท์มือถือของแตงโมจากตำรวจ แต่ไม่พบข้อมูลใดๆ ในเครื่อง ตนจึงแนะนำให้นำไปที่ศูนย์บริการของแอปเปิลช่วยดูว่ายังมีข้อมูลในเครื่องหรือไม่ นางพนิดาไปที่ศูนย์แอปเปิลฯ แต่ไม่ไว้ใจ จึงให้โทรศัพท์มือถือแก่ตน ซึ่งเป็นความครอบครองโดยถูกต้อง
    .
    การตัดสินใจส่งมอบโทรศัพท์มือถือเป็นไปตามที่ตนได้ประกาศไว้ว่าจะมอบให้เฉพาะบุคคล 3 ราย ได้แก่ นพ.ธวัชชัย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เพราะทั้งสามคนไว้วางใจที่สุดแล้ว เพราะมีข้อมูลบางส่วนที่ไม่อยากให้ผู้ที่กระทำความผิด หรือคนที่จะนำไปใช้ในทางที่ไม่ดี โดยข้อมูลในโทรศัพท์มือถือบางอย่างเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนไปแล้ว เช่น มีคนดังโทร.เข้ามาในเวลาผิดปกติ ซึ่งนายคชาภา ตันเจริญ หรือมดดำ เปิดเผยว่าได้โทร.หาจริง ยังเหลืออีก 2-3 คนที่ยังไม่ได้ออกมาพูด รวมทั้ง น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม โทร.มาหาเมื่อเวลา 20.40 น. ของวันเกิดเหตุ ทั้งๆ ที่อยู่บนเรือลำเดียวกัน และอีกหลายข้อมูลทั้งคลิป รูปภาพ การลบข้อความ และการลบบัญชีทั้งบัญชี
    .
    ตนจำได้ว่ามดดำได้โทร.หาแตงโม แต่ได้รับข่าวจากแอนนา วรินทร วัตรสังข์ เพื่อนของแตงโมว่า แตงโมตกน้ำ แอนนาพยายามทักไลน์ โทร.ทั้งไลน์และมือถือแต่ไม่ติด เมื่อ 3 ปีที่แล้วพอเข้าไปดูบัญชีแอนนาไม่มีเลย ลบทิ้ง บัญชีฮิปโป (ผู้จัดการส่วนตัวให้ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนที่แตงโมเสียชีวิต) ก็ลบทิ้ง บัญชีโม อมีนา พินิจ ก็ลบทิ้ง บัญชีพุดเดิล ยุพดี ก็ลบทิ้ง และอีกหลายคน ส่วนข้อความที่กระติกนำมาเปิดเผยในรายการโหนกระแสว่าได้คุยกับแตงโม ตนก็เข้าไปดู ไม่พบข้อความที่กระติกนำมาแสดง มีถึงแค่วันที่ 17-18 ก.พ. 2565 เท่านั้น แสดงว่ามีข้อมูลที่ถูกลบและข้อมูลที่แต่งขึ้นมา
    .
    บังแจ็ค กล่าวว่า ตนกู้ข้อมูลเฉพาะรูปภาพกว่า 40,000 ภาพ ยังดูไม่หมด ดูเฉพาะเกี่ยวข้องกับคดี เช่น บัญชีธนาคารไม่มีเงินสักบาทในบัญชี ทั้งที่อย่างน้อยเป็นดาราต้องมีเงินติดบัญชีสัก 4-5 พันบาท แต่ยอดเงินกลับเป็น 0 บาท บันทึกบางส่วนถูกลบออกไป แชตบางส่วนที่คุยกับนักการเมืองดัง ที่ขู่จะให้ส่งภาพลับที่ไม่เหมาะสมและเรียกให้มาหาก็มี ตนสงสารที่แตงโมต้องเจออะไรแบบนั้น ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายคดีเมื่ออยู่ในมือของดีเอสไอ
    .
    ส่วนเรื่องความน่าเชื่อถือของตนที่ทำให้พยานหลักฐานถูกด้อยค่านั้น ถามว่าใครทำร้ายเครดิตตน คนที่เสียประโยชน์ก็พยายามใช้สื่อที่เข้าข้างมาดิสเครดิตตน หนึ่งในนั้นคือทนายความที่ท้าให้ดื่มปัสสาวะ 70 แก้ว พาทั้งพิธีกรชื่อดังไปแจ้งความว่าตนขู่ฆ่าและใช้สื่อโจมตี ทั้งๆ ที่พิธีกรชื่อดังเข้าใจกันแล้ว และจะร่วมมือจำหน่ายสินค้าที่ต่างประเทศ ส่วนเรื่องที่โพสต์ภาพปืนเป็นเรื่องนานมาแล้ว ไม่เกี่ยวกับคดีแตงโม และได้เคลียร์จบแล้ว ตนมีหลักฐานทั้งหมดส่งให้ นพ.ธวัชชัย เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าได้คุยกัน จับมือขออภัยกันจริง
    .
    ส่วนคดีเบนซ์ เรซซิ่ง หรือนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช ส่วนตัวมาเมืองไทยถูกต้อง เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ซื้อรถจักรยานยนต์จากเบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดี เวลานั้นตนอยู่โคราช ตนถูกหลอกเพราะไม่มีเอกสารและทะเบียน ตนเป็นชาวต่างชาติไม่รู้กฎหมาย เจอด่านก็โดนยึด พอกลับไปหาเจ้าตัวก็ไม่รับผิดชอบเพราะไม่มีหลักฐาน พอเกิดคดีนายไซซะนะ แก้วพิมพา เจ้าพ่อยาเสพติด ตนออกมาวิจารณ์เบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เข้าข้างและไม่ได้เป็นหนึ่งในทีมของเขา ตนซื้อรถด้วยน้ำพักน้ำแรงแล้วทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง แต่ด้วยความที่ตนใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง เวลานั้นไม่รู้จะอธิบายให้ใครฟังเพราะโดนโจมตี น้ำหนักน้อยลง พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อเพราะเป็นคนต่างชาติ ถูกด้อยค่าตลอดเวลา จึงเลือกที่จะไม่ตอบโต้
    .
    ส่วนที่ไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้ถึงปี 2569 เพราะเป็นบุคคลที่เชื่อได้ว่าเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยนั้น บังแจ็ค กล่าวว่า สมมติเป็นบุคคลอันตรายจริงก็ไม่น่าจะมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้ 6-7 ปี ไม่ใช่โรงเรียนเอกชน แต่เป็นโรงเรียนรัฐบาล และออกเอกสารถูกต้อง มีใบอนุญาตทำงาน เมื่อ 2 ปีก่อนมีรายการโทรทัศน์ไปตรวจสอบแล้วไม่พบบัญชีดำในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตอนนี้สามารถเข้าประเทศไทยได้ ส่วนคดีที่เจอระยะหลังๆ คือคดีแตงโม ถูกใส่ไข่เยอะเพราะอีกฝ่ายหรืออีกสื่อหนึ่งมีเอฟซี มีอิทธิพลเยอะ แถมเมื่อตนไปสัมภาษณ์รายการหนึ่ง 5 ครั้ง ภายหลังไลฟ์รายการลบทิ้ง หมายความว่าอย่างไร ตนถามตรงๆ ไปว่าลบทิ้งทำไม เขาไม่มีคำตอบ เปลี่ยนประเด็น
    .
    ตนมองว่าต้องมีคนสั่งให้ลบ เพราะมือถืออยู่ในมือตนเอง จึงต้องดิสเครดิตให้ไม่มีความน่าเชื่อถือ พยายามด้อยค่าหลักฐานจากโทรศัพท์มือถือที่ปล่อยออกมา 1-2 คลิปที่ อ.ปานเทพเปิดเผย ตนเคยลงในเพจมานานมากแล้ว แต่มีคนทักมาถามว่าสถานที่ตรงนี้ตรงนั้นหรือเปล่า ซึ่งตนไม่รู้เพราะไม่ได้อยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว พอไปดูก็มีการแต่งเพิ่มมา อ.ปานเทพถามตนว่าคลิปนี้ได้มาจากตนหรือเปล่า ตนตอบว่าไม่ใช่ คลิปที่ได้จากตนมีแค่นี้ เขาใช้วิธีเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อน คือ เอามาแต่งเติม เอามาตัด และโจมตีว่าไม่ใช่ข้อมูลจริง หิวแสง ตนเพิ่งรู้จัก อ.ปานเทพ และ นพ.ธวัชชัยไม่ถึง 2 เดือน ข้อมูล GPS ที่เคยส่งให้ทีวีช่องหนึ่งเมื่อ 3 ปีก่อนก็ถูกด้อยค่าว่าไปตรวจมาแล้วไม่มีอะไรเลย ด้อยค่าแล้วก็ลบตัดทิ้งเลย
    .
    พอรับฟีดแบ็คกลับมาตนก็มีความรู้สึก แฟนของตนก็ไม่สบายใจ ให้หยุดไม่ต้องทำเพราะไม่มีใครเชื่อ แต่ตนเชื่อว่าเวรกรรมมีจริง คดีนี้ต้องกลับมาแน่ เพราะข้อพิรุธหลายอย่าง ตนเก็บข้อมูลไว้ เบอร์แต่ละคนหาไม่ยาก อยู่บนเรือด้วยกันโทร.หากันทำไม แล้วบรรดาคนดังโทร.หาแตงโมเวลา 21.58 น. 22.04 น. หรือ 22.07 น.ของวันเกิดเหตุ ไม่ใช่แค่คืนนั้นคืนเดียว โทร.มาตอนเช้าด้วย โทร.ในระหว่างนั้นด้วย ทั้งๆ ที่ตำรวจแถลงข่าวแตงโมตกน้ำ 22.37-22.38 น. แสดงว่าคนรู้แล้วว่าแตงโมตกน้ำ แต่ไม่มีการกดรับสายเพราะปิดเครื่อง แต่มีระบบรับฝากข้อความและมีข้อความเข้ามา
    .
    เมื่อถามว่า ขบวนการดิสเครดิตบังแจ็คทำไปเพื่ออะไร เกี่ยวกับการเสียชีวิตของแตงโมอย่างไร บังแจ็ค กล่าวว่า มีคนใหญ่อยู่เบื้องหลัง แต่พอคดีแตงโมเปิดขึ้นมาเขาได้รับความเสียหายมาก จึงไม่ยอมให้ทำแบบนี้ ที่ไปคุยที่ปั๊มน้ำมันนั้น ได้ให้ที่ปรึกษากฎหมายของเขาสอนให้พูดแบบนี้ แล้วมีอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่แนะนำว่าต้องไปในทิศทางนี้ เท่าที่ตนทราบไม่นานมีโทรทัศน์ 3 ช่อง ช่องแรกไม่ดัง อีก 2 ช่องดัง ใช้ทนายความคนบนเรือคนเดียวกันออกโทรทัศน์ บางสื่อต้องกลัวตำรวจหรือเกรงใจตำรวจเพราะจะไม่มีข่าวเล่น ตนรู้พิรุธมานานแล้วว่าตอนสัมภาษณ์เขาก็ตัดออก อย่างทีวีช่องหนึ่งสัมภาษณ์นานมาก แต่ตัดบางส่วนออก เหลือเฉพาะตอนที่เปิดช่องให้ถูกโจมตี ภายหลังพบว่าใช้ทนายความคนเดียวกันออกทีวี
    .
    เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีคนเสนอเงิน 15 ล้านบาทเพื่อยุติเรื่องดังกล่าวจริงหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ไม่ถึง 15 ล้านบาท แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ นพ.ธวัชชัยจะมารับเครื่อง ก็พยายามที่จะถามว่าจะให้โทรศัพท์มือถือจริงหรือเปล่า แล้วเชื่อหรือเปล่าว่าจะนำมาใช้ในทางที่ถูกต้อง แต่ถ้าคิดจะขายจะขายในราคาเท่าไหร่ ตนตอบว่าไม่ขาย ถามว่า 2 ล้านบาทขายไหม ตนตอบว่าไม่ขาย ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านบาท เงินที่เสนอมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในเดือนหนึ่งก็หมดแล้ว เพราะตนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา มีบริษัท จ่ายค่ารถ จ่ายค่าบ้าน ค่าใช้จ่ายต่างๆ หมดแล้ว ตนหาได้เองไม่ต้องเสนอ อีกฝ่ายก็เสนอเป็น 5 ล้านบาท แต่ไม่ต้องให้เครื่องแก่ นพ.ธวัชชัย ตนกล่าวว่าให้เท่าไหร่ก็ไม่ขาย อยากจะยกให้เขา อีกฝ่ายกล่าวว่า ต้องคิดให้ดีๆ ก่อน เพราะ 1 ใน 5 คนบนเรือกล่าวว่า ได้เครื่องนี้ไปก็คือจบเลย เพราะมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลสูง เป็นนักธุรกิจระดับประเทศมาเกี่ยวข้องด้วย ไม่อยากให้มือถือนี้ไปอยู่ที่เมืองไทย
    .
    เมื่อถามว่า ที่โดนดักตีหัวสงสัยว่าจัดฉากหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ตอนที่โดนตีหัว นพ.ธวัชชัยคุยกับตนอยู่ เวลาโดนตีหัวแฟนถามว่าเรียกรถพยาบาลหรือเปล่า เพราะที่สหรัฐฯ มีค่าใช้จ่าย 3,500-4,000 เหรียญสหรัฐฯ แต่พอจับดูเลือดไหล จึงให้ นพ.ธวัชชัยดูแผล ก็แนะนำว่าให้ไปเย็บแผลก่อน แต่เย็บไม่เยอะ 2 เข็ม และให้กลับไปรักษาที่บ้าน ส่วนที่โดนตีหัวคิดว่าวันนั้นเป็นวันหยุดของคนผิวสี ตำรวจไม่ค่อยมี เป็นเหตุบังเอิญที่โจรขโมยของ นพ.ธวัชชัยอยู่ในสาย ก็เลยเป็นห่วงจึงเป็นข่าวขึ้นมา ส่วนขบวนการดิสเครดิตที่เกิดขึ้น นพ.ธวัชชัย อ.ปานเทพ และนายอัจฉริยะต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ บังแจ็ค กล่าวว่า ทั้งสามคนต้องระวังอย่างสูง เพราะเท่าที่เจอข้อมูลในเครื่องมีแต่คนใหญ่คนโต ทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจชื่อดัง มีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง จากที่แถลงข่าวยังมีเยอะกว่านี้
    .
    ถามถึงแนวทางคลี่คลายคดีเพื่อคืนความยุติธรรมให้แตงโม บังแจ็คกล่าวว่า ลองไว้ใจทีมดีเอสไอ และดูว่าจะมีคนเข้ามาสกัดหรือข่มขู่หรือเปล่าก็ต้องคอยดู แต่ถ้าทั้งสามคนสบายใจและมั่นใจในทีมนี้ก็ตามนั้น สิ่งที่ทำได้ก็คือฟิงเกอร์ครอส (ยกนิ้วไขว้เพื่ออวยพรขอให้โชคดี) เมื่อถามว่า ตอนนี้บังแจ็คทำอะไรอยู่ ตนต้องขอบคุณเน็ตไอดอลที่สร้างภาพให้ตนเป็นแบบนั้นว่าเขาทำสำเร็จ ตนมีร้านอาหาร 2 แห่ง มีบริษัทที่มีรถยนต์กันกระสุน 5 คัน รับคุ้มกันดาราระดับโลก นักฟุตบอลชื่อดัง และนักการเมือง ยืนยันว่าเป็นโทรศัพท์มือถือแตงโมจริง ให้ นพ.ธวัชชัชตรวจอีมี่ (IMEI) และตรวจเครื่องให้เรียบร้อย ถ้าสมมติถ้าตนหิวเงินหรือหิวแสงคงไม่เก็บไว้นานถึง 3 ปี ภาพหรือคลิปที่ตนเจอป่านนี้ได้เงินเป็นร้อยล้านแล้ว ตนนับถือศาสนาอิสลาม เป็นเงินบาป ทำแบบนี้ไม่ได้ เราไม่ไปยุ่งและไม่เปิดเผย ไม่ทำให้แตงโมเสียหายเพราะน่าสงสารที่สุดแล้ว
    .
    คลิกอ่านต้นฉบับ >> https://sondhitalk.com/detail/9680000012224
    ......
    Sondhi X
    [Exclusive on Sondhi Talk] "บังแจ็ค" ไว้ใจ DSI ไขคดี แย้มมือถือแตงโมมี 4 หมื่นภาพ แถมข้อมูลนักการเมือง-นักธุรกิจดัง . บังแจ็คเปิดใจส่งมอบมือถือแตงโม นิดา ให้หมอธวัชชัยนำมาให้ดีเอสไอคลี่คลายคดี ระบุกู้ข้อมูลมีภาพกว่า 4 หมื่นภาพ แชตบางส่วนคุยกับนักการเมืองดัง และมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่มีอิทธิพลสูง นักธุรกิจระดับประเทศเกี่ยวข้องด้วย เผยมีคนขอซื้อมือถือจริงแต่ไม่ถึง 15 ล้าน ลั่นยังไงก็ไม่ขาย . วันนี้ (6 ก.พ.) นายซาคาเนียน ราชา ไฮเดอร์ หรือบังแจ็ค ให้สัมภาษณ์ทางเฟซบุ๊ก และยูทูป "คุยทุกเรื่องกับสนธิ" (คลิกชมย้อนหลัง >> https://www.youtube.com/watch?v=58nPhAE2uZo) ถึงโทรศัพท์มือถือของ แตงโม นิดา หรือ น.ส.ภัทรธิดา พัชรวีระพงษ์ นักแสดงสาวที่เสียชีวิตจากเรือสปีดโบ้ท เมื่อวันที่ 24 ก.พ. 2565 ซึ่งได้ส่งมอบให้ นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ และเตรียมนำมาส่งมอบให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) นำมาใช้เพื่อคลี่คลายการเสียชีวิตของแตงโม ระบุว่า เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ตอนที่รู้จักกับนางพนิดา ศิริยุทธโยธิน มารดาของแตงโม นางพนิดาได้รับโทรศัพท์มือถือของแตงโมจากตำรวจ แต่ไม่พบข้อมูลใดๆ ในเครื่อง ตนจึงแนะนำให้นำไปที่ศูนย์บริการของแอปเปิลช่วยดูว่ายังมีข้อมูลในเครื่องหรือไม่ นางพนิดาไปที่ศูนย์แอปเปิลฯ แต่ไม่ไว้ใจ จึงให้โทรศัพท์มือถือแก่ตน ซึ่งเป็นความครอบครองโดยถูกต้อง . การตัดสินใจส่งมอบโทรศัพท์มือถือเป็นไปตามที่ตนได้ประกาศไว้ว่าจะมอบให้เฉพาะบุคคล 3 ราย ได้แก่ นพ.ธวัชชัย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และนายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ เพราะทั้งสามคนไว้วางใจที่สุดแล้ว เพราะมีข้อมูลบางส่วนที่ไม่อยากให้ผู้ที่กระทำความผิด หรือคนที่จะนำไปใช้ในทางที่ไม่ดี โดยข้อมูลในโทรศัพท์มือถือบางอย่างเผยแพร่ผ่านสื่อมวลชนไปแล้ว เช่น มีคนดังโทร.เข้ามาในเวลาผิดปกติ ซึ่งนายคชาภา ตันเจริญ หรือมดดำ เปิดเผยว่าได้โทร.หาจริง ยังเหลืออีก 2-3 คนที่ยังไม่ได้ออกมาพูด รวมทั้ง น.ส.อิจศรินทร์ จุฑาสุขสวัสดิ์ หรือ กระติก ผู้จัดการส่วนตัวของแตงโม โทร.มาหาเมื่อเวลา 20.40 น. ของวันเกิดเหตุ ทั้งๆ ที่อยู่บนเรือลำเดียวกัน และอีกหลายข้อมูลทั้งคลิป รูปภาพ การลบข้อความ และการลบบัญชีทั้งบัญชี . ตนจำได้ว่ามดดำได้โทร.หาแตงโม แต่ได้รับข่าวจากแอนนา วรินทร วัตรสังข์ เพื่อนของแตงโมว่า แตงโมตกน้ำ แอนนาพยายามทักไลน์ โทร.ทั้งไลน์และมือถือแต่ไม่ติด เมื่อ 3 ปีที่แล้วพอเข้าไปดูบัญชีแอนนาไม่มีเลย ลบทิ้ง บัญชีฮิปโป (ผู้จัดการส่วนตัวให้ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายก่อนที่แตงโมเสียชีวิต) ก็ลบทิ้ง บัญชีโม อมีนา พินิจ ก็ลบทิ้ง บัญชีพุดเดิล ยุพดี ก็ลบทิ้ง และอีกหลายคน ส่วนข้อความที่กระติกนำมาเปิดเผยในรายการโหนกระแสว่าได้คุยกับแตงโม ตนก็เข้าไปดู ไม่พบข้อความที่กระติกนำมาแสดง มีถึงแค่วันที่ 17-18 ก.พ. 2565 เท่านั้น แสดงว่ามีข้อมูลที่ถูกลบและข้อมูลที่แต่งขึ้นมา . บังแจ็ค กล่าวว่า ตนกู้ข้อมูลเฉพาะรูปภาพกว่า 40,000 ภาพ ยังดูไม่หมด ดูเฉพาะเกี่ยวข้องกับคดี เช่น บัญชีธนาคารไม่มีเงินสักบาทในบัญชี ทั้งที่อย่างน้อยเป็นดาราต้องมีเงินติดบัญชีสัก 4-5 พันบาท แต่ยอดเงินกลับเป็น 0 บาท บันทึกบางส่วนถูกลบออกไป แชตบางส่วนที่คุยกับนักการเมืองดัง ที่ขู่จะให้ส่งภาพลับที่ไม่เหมาะสมและเรียกให้มาหาก็มี ตนสงสารที่แตงโมต้องเจออะไรแบบนั้น ถือเป็นข้อมูลสำคัญที่จะช่วยคลี่คลายคดีเมื่ออยู่ในมือของดีเอสไอ . ส่วนเรื่องความน่าเชื่อถือของตนที่ทำให้พยานหลักฐานถูกด้อยค่านั้น ถามว่าใครทำร้ายเครดิตตน คนที่เสียประโยชน์ก็พยายามใช้สื่อที่เข้าข้างมาดิสเครดิตตน หนึ่งในนั้นคือทนายความที่ท้าให้ดื่มปัสสาวะ 70 แก้ว พาทั้งพิธีกรชื่อดังไปแจ้งความว่าตนขู่ฆ่าและใช้สื่อโจมตี ทั้งๆ ที่พิธีกรชื่อดังเข้าใจกันแล้ว และจะร่วมมือจำหน่ายสินค้าที่ต่างประเทศ ส่วนเรื่องที่โพสต์ภาพปืนเป็นเรื่องนานมาแล้ว ไม่เกี่ยวกับคดีแตงโม และได้เคลียร์จบแล้ว ตนมีหลักฐานทั้งหมดส่งให้ นพ.ธวัชชัย เพื่อพิสูจน์ตัวเองว่าได้คุยกัน จับมือขออภัยกันจริง . ส่วนคดีเบนซ์ เรซซิ่ง หรือนายอัครกิตติ์ วรโรจน์เจริญเดช ส่วนตัวมาเมืองไทยถูกต้อง เป็นครูสอนภาษาอังกฤษ ซื้อรถจักรยานยนต์จากเบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคดี เวลานั้นตนอยู่โคราช ตนถูกหลอกเพราะไม่มีเอกสารและทะเบียน ตนเป็นชาวต่างชาติไม่รู้กฎหมาย เจอด่านก็โดนยึด พอกลับไปหาเจ้าตัวก็ไม่รับผิดชอบเพราะไม่มีหลักฐาน พอเกิดคดีนายไซซะนะ แก้วพิมพา เจ้าพ่อยาเสพติด ตนออกมาวิจารณ์เบนซ์ เรซซิ่ง ไม่ได้เข้าข้างและไม่ได้เป็นหนึ่งในทีมของเขา ตนซื้อรถด้วยน้ำพักน้ำแรงแล้วทำแบบนี้ไม่ถูกต้อง แต่ด้วยความที่ตนใช้ภาษาไทยไม่ถูกต้อง เวลานั้นไม่รู้จะอธิบายให้ใครฟังเพราะโดนโจมตี น้ำหนักน้อยลง พูดไปก็ไม่มีใครเชื่อเพราะเป็นคนต่างชาติ ถูกด้อยค่าตลอดเวลา จึงเลือกที่จะไม่ตอบโต้ . ส่วนที่ไม่สามารถเข้าประเทศไทยได้ถึงปี 2569 เพราะเป็นบุคคลที่เชื่อได้ว่าเป็นภัยต่อความสงบเรียบร้อยนั้น บังแจ็ค กล่าวว่า สมมติเป็นบุคคลอันตรายจริงก็ไม่น่าจะมาเป็นครูสอนภาษาอังกฤษได้ 6-7 ปี ไม่ใช่โรงเรียนเอกชน แต่เป็นโรงเรียนรัฐบาล และออกเอกสารถูกต้อง มีใบอนุญาตทำงาน เมื่อ 2 ปีก่อนมีรายการโทรทัศน์ไปตรวจสอบแล้วไม่พบบัญชีดำในสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ตอนนี้สามารถเข้าประเทศไทยได้ ส่วนคดีที่เจอระยะหลังๆ คือคดีแตงโม ถูกใส่ไข่เยอะเพราะอีกฝ่ายหรืออีกสื่อหนึ่งมีเอฟซี มีอิทธิพลเยอะ แถมเมื่อตนไปสัมภาษณ์รายการหนึ่ง 5 ครั้ง ภายหลังไลฟ์รายการลบทิ้ง หมายความว่าอย่างไร ตนถามตรงๆ ไปว่าลบทิ้งทำไม เขาไม่มีคำตอบ เปลี่ยนประเด็น . ตนมองว่าต้องมีคนสั่งให้ลบ เพราะมือถืออยู่ในมือตนเอง จึงต้องดิสเครดิตให้ไม่มีความน่าเชื่อถือ พยายามด้อยค่าหลักฐานจากโทรศัพท์มือถือที่ปล่อยออกมา 1-2 คลิปที่ อ.ปานเทพเปิดเผย ตนเคยลงในเพจมานานมากแล้ว แต่มีคนทักมาถามว่าสถานที่ตรงนี้ตรงนั้นหรือเปล่า ซึ่งตนไม่รู้เพราะไม่ได้อยู่ในประเทศไทยมานานแล้ว พอไปดูก็มีการแต่งเพิ่มมา อ.ปานเทพถามตนว่าคลิปนี้ได้มาจากตนหรือเปล่า ตนตอบว่าไม่ใช่ คลิปที่ได้จากตนมีแค่นี้ เขาใช้วิธีเหมือนเมื่อ 3 ปีก่อน คือ เอามาแต่งเติม เอามาตัด และโจมตีว่าไม่ใช่ข้อมูลจริง หิวแสง ตนเพิ่งรู้จัก อ.ปานเทพ และ นพ.ธวัชชัยไม่ถึง 2 เดือน ข้อมูล GPS ที่เคยส่งให้ทีวีช่องหนึ่งเมื่อ 3 ปีก่อนก็ถูกด้อยค่าว่าไปตรวจมาแล้วไม่มีอะไรเลย ด้อยค่าแล้วก็ลบตัดทิ้งเลย . พอรับฟีดแบ็คกลับมาตนก็มีความรู้สึก แฟนของตนก็ไม่สบายใจ ให้หยุดไม่ต้องทำเพราะไม่มีใครเชื่อ แต่ตนเชื่อว่าเวรกรรมมีจริง คดีนี้ต้องกลับมาแน่ เพราะข้อพิรุธหลายอย่าง ตนเก็บข้อมูลไว้ เบอร์แต่ละคนหาไม่ยาก อยู่บนเรือด้วยกันโทร.หากันทำไม แล้วบรรดาคนดังโทร.หาแตงโมเวลา 21.58 น. 22.04 น. หรือ 22.07 น.ของวันเกิดเหตุ ไม่ใช่แค่คืนนั้นคืนเดียว โทร.มาตอนเช้าด้วย โทร.ในระหว่างนั้นด้วย ทั้งๆ ที่ตำรวจแถลงข่าวแตงโมตกน้ำ 22.37-22.38 น. แสดงว่าคนรู้แล้วว่าแตงโมตกน้ำ แต่ไม่มีการกดรับสายเพราะปิดเครื่อง แต่มีระบบรับฝากข้อความและมีข้อความเข้ามา . เมื่อถามว่า ขบวนการดิสเครดิตบังแจ็คทำไปเพื่ออะไร เกี่ยวกับการเสียชีวิตของแตงโมอย่างไร บังแจ็ค กล่าวว่า มีคนใหญ่อยู่เบื้องหลัง แต่พอคดีแตงโมเปิดขึ้นมาเขาได้รับความเสียหายมาก จึงไม่ยอมให้ทำแบบนี้ ที่ไปคุยที่ปั๊มน้ำมันนั้น ได้ให้ที่ปรึกษากฎหมายของเขาสอนให้พูดแบบนี้ แล้วมีอดีตนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่แนะนำว่าต้องไปในทิศทางนี้ เท่าที่ตนทราบไม่นานมีโทรทัศน์ 3 ช่อง ช่องแรกไม่ดัง อีก 2 ช่องดัง ใช้ทนายความคนบนเรือคนเดียวกันออกโทรทัศน์ บางสื่อต้องกลัวตำรวจหรือเกรงใจตำรวจเพราะจะไม่มีข่าวเล่น ตนรู้พิรุธมานานแล้วว่าตอนสัมภาษณ์เขาก็ตัดออก อย่างทีวีช่องหนึ่งสัมภาษณ์นานมาก แต่ตัดบางส่วนออก เหลือเฉพาะตอนที่เปิดช่องให้ถูกโจมตี ภายหลังพบว่าใช้ทนายความคนเดียวกันออกทีวี . เมื่อถามว่า ก่อนหน้านี้มีคนเสนอเงิน 15 ล้านบาทเพื่อยุติเรื่องดังกล่าวจริงหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ไม่ถึง 15 ล้านบาท แต่เมื่อไม่กี่วันก่อนที่ นพ.ธวัชชัยจะมารับเครื่อง ก็พยายามที่จะถามว่าจะให้โทรศัพท์มือถือจริงหรือเปล่า แล้วเชื่อหรือเปล่าว่าจะนำมาใช้ในทางที่ถูกต้อง แต่ถ้าคิดจะขายจะขายในราคาเท่าไหร่ ตนตอบว่าไม่ขาย ถามว่า 2 ล้านบาทขายไหม ตนตอบว่าไม่ขาย ก่อนจะเพิ่มขึ้นเป็น 3 ล้านบาท เงินที่เสนอมาเป็นค่าใช้จ่ายภายในเดือนหนึ่งก็หมดแล้ว เพราะตนอยู่ที่สหรัฐอเมริกา มีบริษัท จ่ายค่ารถ จ่ายค่าบ้าน ค่าใช้จ่ายต่างๆ หมดแล้ว ตนหาได้เองไม่ต้องเสนอ อีกฝ่ายก็เสนอเป็น 5 ล้านบาท แต่ไม่ต้องให้เครื่องแก่ นพ.ธวัชชัย ตนกล่าวว่าให้เท่าไหร่ก็ไม่ขาย อยากจะยกให้เขา อีกฝ่ายกล่าวว่า ต้องคิดให้ดีๆ ก่อน เพราะ 1 ใน 5 คนบนเรือกล่าวว่า ได้เครื่องนี้ไปก็คือจบเลย เพราะมีข้อมูลที่ผู้ใหญ่ที่มีอิทธิพลสูง เป็นนักธุรกิจระดับประเทศมาเกี่ยวข้องด้วย ไม่อยากให้มือถือนี้ไปอยู่ที่เมืองไทย . เมื่อถามว่า ที่โดนดักตีหัวสงสัยว่าจัดฉากหรือไม่ บังแจ็คกล่าวว่า ตอนที่โดนตีหัว นพ.ธวัชชัยคุยกับตนอยู่ เวลาโดนตีหัวแฟนถามว่าเรียกรถพยาบาลหรือเปล่า เพราะที่สหรัฐฯ มีค่าใช้จ่าย 3,500-4,000 เหรียญสหรัฐฯ แต่พอจับดูเลือดไหล จึงให้ นพ.ธวัชชัยดูแผล ก็แนะนำว่าให้ไปเย็บแผลก่อน แต่เย็บไม่เยอะ 2 เข็ม และให้กลับไปรักษาที่บ้าน ส่วนที่โดนตีหัวคิดว่าวันนั้นเป็นวันหยุดของคนผิวสี ตำรวจไม่ค่อยมี เป็นเหตุบังเอิญที่โจรขโมยของ นพ.ธวัชชัยอยู่ในสาย ก็เลยเป็นห่วงจึงเป็นข่าวขึ้นมา ส่วนขบวนการดิสเครดิตที่เกิดขึ้น นพ.ธวัชชัย อ.ปานเทพ และนายอัจฉริยะต้องระวังอะไรเป็นพิเศษ บังแจ็ค กล่าวว่า ทั้งสามคนต้องระวังอย่างสูง เพราะเท่าที่เจอข้อมูลในเครื่องมีแต่คนใหญ่คนโต ทั้งนักการเมืองและนักธุรกิจชื่อดัง มีเรื่องของยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้อง จากที่แถลงข่าวยังมีเยอะกว่านี้ . ถามถึงแนวทางคลี่คลายคดีเพื่อคืนความยุติธรรมให้แตงโม บังแจ็คกล่าวว่า ลองไว้ใจทีมดีเอสไอ และดูว่าจะมีคนเข้ามาสกัดหรือข่มขู่หรือเปล่าก็ต้องคอยดู แต่ถ้าทั้งสามคนสบายใจและมั่นใจในทีมนี้ก็ตามนั้น สิ่งที่ทำได้ก็คือฟิงเกอร์ครอส (ยกนิ้วไขว้เพื่ออวยพรขอให้โชคดี) เมื่อถามว่า ตอนนี้บังแจ็คทำอะไรอยู่ ตนต้องขอบคุณเน็ตไอดอลที่สร้างภาพให้ตนเป็นแบบนั้นว่าเขาทำสำเร็จ ตนมีร้านอาหาร 2 แห่ง มีบริษัทที่มีรถยนต์กันกระสุน 5 คัน รับคุ้มกันดาราระดับโลก นักฟุตบอลชื่อดัง และนักการเมือง ยืนยันว่าเป็นโทรศัพท์มือถือแตงโมจริง ให้ นพ.ธวัชชัชตรวจอีมี่ (IMEI) และตรวจเครื่องให้เรียบร้อย ถ้าสมมติถ้าตนหิวเงินหรือหิวแสงคงไม่เก็บไว้นานถึง 3 ปี ภาพหรือคลิปที่ตนเจอป่านนี้ได้เงินเป็นร้อยล้านแล้ว ตนนับถือศาสนาอิสลาม เป็นเงินบาป ทำแบบนี้ไม่ได้ เราไม่ไปยุ่งและไม่เปิดเผย ไม่ทำให้แตงโมเสียหายเพราะน่าสงสารที่สุดแล้ว . คลิกอ่านต้นฉบับ >> https://sondhitalk.com/detail/9680000012224 ...... Sondhi X
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 171 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษา "พิรงรอง" กรรมการ กสทช. ผิด ม.157 สั่งจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญาฯ คดี "ทรูไอดี" ยื่นฟ้องออกหนังสือเตือนทีวีดิจิทัล มีโฆษณาแทรกในสัญญาณที่นำไปออก ผิดกฎ “Must Carry” ที่มีโฆษณาแทรกไม่ได้ ชี้มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย เพราะไม่มีระเบียบเฉพาะกับ OTT จับตาหากไม่ได้รับการประกันตัว จะหลุดจากตำแหน่งทันที
    .
    วันนี้ (6 ก.พ.) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี น.ส.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกิจการโทรทัศน์ เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีที่ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ฟ้องมาตรา 157 โดยกล่าวหาว่า น.ส.พิรงรอง มีเจตนากลั่นแกล้งทำให้ ทรู ดิจิทัล ไอดี บริษัทในกลุ่มทรู ดิจิทัล กรุ๊ปเสียหาย
    .
    สำหรับคดีดังกล่าว เนื่องจากการมีผู้บริโภคร้องเรียนมาที่สำนักงาน กสทช. เมื่อปี 2566 หลังจากได้พบว่าบนแพลตฟอร์มของแอปพลิเคชันทรู ไอดี (True ID) มีการโฆษณาแทรกในช่องรายการทีวีดิจิทัลของผู้ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. ซึ่งบริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ปฯ ในฐานะผู้ให้บริการแอปฯ ทรูไอดีได้นำสัญญาณมาถ่ายทอดในแพลตฟอร์มของตนเอง
    .
    ต่อมาคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ได้พิจารณาและเสนอความเห็นในเรื่องดังกล่าว และ สำนักงาน กสทช. ได้ออกหนังสือแจ้งไปยังผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ให้ตรวจสอบว่ามีการนำช่องรายการที่ได้รับอนุญาตไปออกอากาศผ่านโครงข่ายใดหรือนำไปแพร่ภาพในแพลตฟอร์มใดและให้ปฏิบัติตามประกาศ กสทช. และเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ซึ่งเป็นไปตามหลัก “มัสแครี่” (Must Carry) ที่มีโฆษณาแทรกไม่ได้ แม้หนังสือดังกล่าวไม่ได้ส่งตรงไปยังบริษัท ทรู ดิจิทัลฯ เนื่องจากบริษัทไม่ได้เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตและไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. แต่บริษัทได้อ้างว่าการออกหนังสือดังกล่าวทำให้ตนเองเสียหาย จึงนำมาซึ่งการฟ้องร้องต่อการทำหน้าที่ของประธานอนุกรรมการชุดนี้ คือ น.ส.พิรงรอง กรรมการ กสทช.
    .
    ในคำร้องของบริษัททรูดิจิทัลฯ อ้างว่าหนังสือดังกล่าวเป็นเหตุที่ทำให้ตนเองได้รับความเสียหายเนื่องจากผู้รับใบอนุญาตประเภทช่องรายการโทรทัศน์ อาจทำการระงับการเผยแพร่รายการต่าง ๆ ผ่านทางแพลตฟอร์มของตน ในคำร้องได้อ้างว่าทางสำนักงาน กสทช. ยังไม่มีระเบียบเฉพาะในการกำกับดูแลกิจการ OTT (Over-The-Top หรือการให้บริการสตรีมเนื้อหาผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต)
    .
    อย่างไรก็ตาม น.ส.พิรงรอง ยืนยันว่า การออกหนังสือของสำนักงาน กสทช. เป็นการทำตามหน้าที่ในการคุ้มครองผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากการแทรกโฆษณาในบนแพลตฟอร์มทรูไอดีในการรับชมเนื้อหาตามประกาศมัสต์ แครี่ และดูแลลิขสิทธิ์เนื้อหาของผู้ให้บริการโทรทัศน์ดิจิทัล เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรม ซึ่งการตรวจสอบของสำนักงาน กสทช. จนนำไปสู่การออกหนังสือดังกล่าวมาจากการร้องเรียนของผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากการแทรกโฆษณาบนกล่องทรูไอดี ทั้งนี้ ไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติต่อผู้ประกอบกิจการรายหนึ่งรายใดเป็นพิเศษ
    .
    เป็นที่สังเกตได้ว่า หนังสือดังกล่าวที่ออกโดยสำนักงาน กสทช. มิใช่คำสั่งทางปกครอง จึงไม่มีผลบังคับใช้ตามกฏหมาย อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ได้รับใบอนุญาตได้รับหนังสือข้างต้นและจะปฏิบัติตามประกาศ กสทช. ในประเด็นมัสแครี่ อย่างเคร่งครัดหรือไม่ ก็ยังไม่มีบทลงโทษตามกฎหมาย และผู้ได้รับใบอนุญาตมีสิทธิที่จะพิจารณาตามความเหมาะสมต่อรายการที่อยู่ภายใต้การประกอบการของตน
    .
    ก่อนหน้านี้ ในเดือน เม.ย. 2567 ศาลมีคำสั่งประทับฟ้องบริษัททรูดิจิทัลฯ ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ น.ส.พิรงรอง ยุติการปฏิบัติหน้าที่กรรมการ กสทช. และประธานอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ไว้ชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาในคดีนี้
    .
    แต่ต่อมาในเดือน พ.ค. 2567 ศาลยกคำร้องดังกล่าว โดยพิจารณาว่าจำเลยไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นปฏิปักษ์ ขัดขวาง หรือกลั่นแกล้งการประกอบธุรกิจของโจทก์ตามที่กล่าวอ้าง อย่างไรก็ตาม หาก น.ส.พิรงรอง ถูกตัดสินว่ามีความผิดและไม่ได้รับสิทธิให้ประกันตัวระหว่างรอการอนุมัติการอุทธรณ์ จะต้องสิ้นสภาพการเป็นกรรมการ กสทช. ทันที
    .
    ทั้งนี้ ผู้ที่กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 มีโทษคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนคุณสมบัติของ กสทช. ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มาตรา 7 (6) และ (7) กำหนดลักษณะต้องห้ามของกรรมการ กสทช. ว่า เป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล หรือ เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000012019
    .........
    Sondhi X
    ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษา "พิรงรอง" กรรมการ กสทช. ผิด ม.157 สั่งจำคุก 2 ปี ไม่รอลงอาญาฯ คดี "ทรูไอดี" ยื่นฟ้องออกหนังสือเตือนทีวีดิจิทัล มีโฆษณาแทรกในสัญญาณที่นำไปออก ผิดกฎ “Must Carry” ที่มีโฆษณาแทรกไม่ได้ ชี้มีเจตนากลั่นแกล้งโจทก์ให้ได้รับความเสียหาย เพราะไม่มีระเบียบเฉพาะกับ OTT จับตาหากไม่ได้รับการประกันตัว จะหลุดจากตำแหน่งทันที . วันนี้ (6 ก.พ.) ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง มีคำพิพากษาจำคุก 2 ปี น.ส.พิรงรอง รามสูต กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ด้านกิจการโทรทัศน์ เป็นเวลา 2 ปี โดยไม่รอลงอาญา ในคดีที่ บริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ป จำกัด ฟ้องมาตรา 157 โดยกล่าวหาว่า น.ส.พิรงรอง มีเจตนากลั่นแกล้งทำให้ ทรู ดิจิทัล ไอดี บริษัทในกลุ่มทรู ดิจิทัล กรุ๊ปเสียหาย . สำหรับคดีดังกล่าว เนื่องจากการมีผู้บริโภคร้องเรียนมาที่สำนักงาน กสทช. เมื่อปี 2566 หลังจากได้พบว่าบนแพลตฟอร์มของแอปพลิเคชันทรู ไอดี (True ID) มีการโฆษณาแทรกในช่องรายการทีวีดิจิทัลของผู้ได้รับใบอนุญาตจาก กสทช. ซึ่งบริษัท ทรู ดิจิทัล กรุ๊ปฯ ในฐานะผู้ให้บริการแอปฯ ทรูไอดีได้นำสัญญาณมาถ่ายทอดในแพลตฟอร์มของตนเอง . ต่อมาคณะอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ได้พิจารณาและเสนอความเห็นในเรื่องดังกล่าว และ สำนักงาน กสทช. ได้ออกหนังสือแจ้งไปยังผู้ประกอบการที่ได้รับใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ให้ตรวจสอบว่ามีการนำช่องรายการที่ได้รับอนุญาตไปออกอากาศผ่านโครงข่ายใดหรือนำไปแพร่ภาพในแพลตฟอร์มใดและให้ปฏิบัติตามประกาศ กสทช. และเงื่อนไขแนบท้ายใบอนุญาตที่เกี่ยวข้องโดยเคร่งครัด ซึ่งเป็นไปตามหลัก “มัสแครี่” (Must Carry) ที่มีโฆษณาแทรกไม่ได้ แม้หนังสือดังกล่าวไม่ได้ส่งตรงไปยังบริษัท ทรู ดิจิทัลฯ เนื่องจากบริษัทไม่ได้เป็นผู้ได้รับใบอนุญาตและไม่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของ กสทช. แต่บริษัทได้อ้างว่าการออกหนังสือดังกล่าวทำให้ตนเองเสียหาย จึงนำมาซึ่งการฟ้องร้องต่อการทำหน้าที่ของประธานอนุกรรมการชุดนี้ คือ น.ส.พิรงรอง กรรมการ กสทช. . ในคำร้องของบริษัททรูดิจิทัลฯ อ้างว่าหนังสือดังกล่าวเป็นเหตุที่ทำให้ตนเองได้รับความเสียหายเนื่องจากผู้รับใบอนุญาตประเภทช่องรายการโทรทัศน์ อาจทำการระงับการเผยแพร่รายการต่าง ๆ ผ่านทางแพลตฟอร์มของตน ในคำร้องได้อ้างว่าทางสำนักงาน กสทช. ยังไม่มีระเบียบเฉพาะในการกำกับดูแลกิจการ OTT (Over-The-Top หรือการให้บริการสตรีมเนื้อหาผ่านโครงข่ายอินเทอร์เน็ต) . อย่างไรก็ตาม น.ส.พิรงรอง ยืนยันว่า การออกหนังสือของสำนักงาน กสทช. เป็นการทำตามหน้าที่ในการคุ้มครองผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากการแทรกโฆษณาในบนแพลตฟอร์มทรูไอดีในการรับชมเนื้อหาตามประกาศมัสต์ แครี่ และดูแลลิขสิทธิ์เนื้อหาของผู้ให้บริการโทรทัศน์ดิจิทัล เพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เสรีและเป็นธรรม ซึ่งการตรวจสอบของสำนักงาน กสทช. จนนำไปสู่การออกหนังสือดังกล่าวมาจากการร้องเรียนของผู้บริโภคที่ได้รับผลกระทบจากการแทรกโฆษณาบนกล่องทรูไอดี ทั้งนี้ ไม่ได้มีการเลือกปฏิบัติต่อผู้ประกอบกิจการรายหนึ่งรายใดเป็นพิเศษ . เป็นที่สังเกตได้ว่า หนังสือดังกล่าวที่ออกโดยสำนักงาน กสทช. มิใช่คำสั่งทางปกครอง จึงไม่มีผลบังคับใช้ตามกฏหมาย อย่างไรก็ตาม เมื่อผู้ได้รับใบอนุญาตได้รับหนังสือข้างต้นและจะปฏิบัติตามประกาศ กสทช. ในประเด็นมัสแครี่ อย่างเคร่งครัดหรือไม่ ก็ยังไม่มีบทลงโทษตามกฎหมาย และผู้ได้รับใบอนุญาตมีสิทธิที่จะพิจารณาตามความเหมาะสมต่อรายการที่อยู่ภายใต้การประกอบการของตน . ก่อนหน้านี้ ในเดือน เม.ย. 2567 ศาลมีคำสั่งประทับฟ้องบริษัททรูดิจิทัลฯ ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลสั่งให้ น.ส.พิรงรอง ยุติการปฏิบัติหน้าที่กรรมการ กสทช. และประธานอนุกรรมการพิจารณาอนุญาตด้านกิจการโทรทัศน์ไว้ชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำพิพากษาในคดีนี้ . แต่ต่อมาในเดือน พ.ค. 2567 ศาลยกคำร้องดังกล่าว โดยพิจารณาว่าจำเลยไม่มีพฤติการณ์ที่แสดงให้เห็นว่าเป็นปฏิปักษ์ ขัดขวาง หรือกลั่นแกล้งการประกอบธุรกิจของโจทก์ตามที่กล่าวอ้าง อย่างไรก็ตาม หาก น.ส.พิรงรอง ถูกตัดสินว่ามีความผิดและไม่ได้รับสิทธิให้ประกันตัวระหว่างรอการอนุมัติการอุทธรณ์ จะต้องสิ้นสภาพการเป็นกรรมการ กสทช. ทันที . ทั้งนี้ ผู้ที่กระทำความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 มีโทษคุกตั้งแต่ 1 – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 2,000 บาทถึง 20,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ส่วนคุณสมบัติของ กสทช. ตามพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ. 2553 มาตรา 7 (6) และ (7) กำหนดลักษณะต้องห้ามของกรรมการ กสทช. ว่า เป็นบุคคลที่ต้องคำพิพากษาให้จำคุกและถูกคุมขังอยู่โดยหมายของศาล หรือ เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่ในความผิดอันได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000012019 ......... Sondhi X
    Like
    Love
    Yay
    19
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1136 มุมมอง 0 รีวิว
  • Google ซึ่งเคยมีหลักการนำ AI ไปใช้งานในแบบที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย ได้ทำการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้โดยการเปิดโอกาสให้พัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธ นโยบายใหม่นี้ถูกสังเกตครั้งแรกโดย Bloomberg ซึ่งได้พบว่า Google ได้ลบข้อความสำคัญในหลักการ AI ของตนที่เคยระบุไว้ว่าจะไม่พัฒนาเทคโนโลยีที่ "อาจก่อให้เกิดความเสียหาย" รวมถึงอาวุธด้วย

    ในคำตอบต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ Google ได้ชี้ไปที่บล็อกโพสต์ที่เผยแพร่โดย James Manyika รองประธานอาวุโสของ Google และ Demis Hassabis ผู้บริหาร Google DeepMind ซึ่งกล่าวว่าประชาธิปไตยควรเป็นผู้นำในการพัฒนา AI โดยมีค่านิยมหลัก เช่น เสรีภาพ ความเท่าเทียมกัน และการเคารพสิทธิมนุษยชน

    การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดความกังวลในหมู่นักวิชาการด้าน AI โดย Margaret Mitchell อดีตหัวหน้าทีม AI ของ Google และปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ที่ Hugging Face ได้กล่าวว่า "การลบข้อความเรื่องความเสียหายออกไปนั้นหมายความว่า Google อาจกำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถฆ่าคนได้โดยตรง"

    แม้ว่า Google จะยืนยันว่า AI ของตนจะไม่ถูกใช้ในการทำลายมนุษย์ แต่การที่บริษัทเริ่มทำงานร่วมกับหน่วยงานทหารมากขึ้น เช่น การให้บริการคลาวด์กับกองทัพสหรัฐและอิสราเอล ก็ทำให้เกิดความกังวลภายในบริษัทเอง

    สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ Google คาดหวังว่าจะได้รับทุนวิจัยและพัฒนาจากแหล่งรัฐบาลมากขึ้น ทำให้การพัฒนา AI ของ Google ก้าวหน้าเร็วขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ Google สามารถแข่งขันกับบริษัทคู่แข่งที่มีส่วนร่วมในโครงการ AI ทหารอยู่แล้วได้มากขึ้น

    สรุปแล้ว Google ได้เปลี่ยนนโยบาย AI ที่เคยยึดหลักไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย โดยการเปิดโอกาสให้พัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดความกังวลและวิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็มีโอกาสที่จะทำให้การพัฒนา AI ก้าวหน้าเร็วขึ้น

    https://www.techspot.com/news/106646-google-abandons-do-no-harm-ai-stance-opens.html
    Google ซึ่งเคยมีหลักการนำ AI ไปใช้งานในแบบที่ไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย ได้ทำการเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้โดยการเปิดโอกาสให้พัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธ นโยบายใหม่นี้ถูกสังเกตครั้งแรกโดย Bloomberg ซึ่งได้พบว่า Google ได้ลบข้อความสำคัญในหลักการ AI ของตนที่เคยระบุไว้ว่าจะไม่พัฒนาเทคโนโลยีที่ "อาจก่อให้เกิดความเสียหาย" รวมถึงอาวุธด้วย ในคำตอบต่อการเปลี่ยนแปลงนี้ Google ได้ชี้ไปที่บล็อกโพสต์ที่เผยแพร่โดย James Manyika รองประธานอาวุโสของ Google และ Demis Hassabis ผู้บริหาร Google DeepMind ซึ่งกล่าวว่าประชาธิปไตยควรเป็นผู้นำในการพัฒนา AI โดยมีค่านิยมหลัก เช่น เสรีภาพ ความเท่าเทียมกัน และการเคารพสิทธิมนุษยชน การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดความกังวลในหมู่นักวิชาการด้าน AI โดย Margaret Mitchell อดีตหัวหน้าทีม AI ของ Google และปัจจุบันดำรงตำแหน่งหัวหน้านักวิทยาศาสตร์ที่ Hugging Face ได้กล่าวว่า "การลบข้อความเรื่องความเสียหายออกไปนั้นหมายความว่า Google อาจกำลังพัฒนาเทคโนโลยีที่สามารถฆ่าคนได้โดยตรง" แม้ว่า Google จะยืนยันว่า AI ของตนจะไม่ถูกใช้ในการทำลายมนุษย์ แต่การที่บริษัทเริ่มทำงานร่วมกับหน่วยงานทหารมากขึ้น เช่น การให้บริการคลาวด์กับกองทัพสหรัฐและอิสราเอล ก็ทำให้เกิดความกังวลภายในบริษัทเอง สิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ Google คาดหวังว่าจะได้รับทุนวิจัยและพัฒนาจากแหล่งรัฐบาลมากขึ้น ทำให้การพัฒนา AI ของ Google ก้าวหน้าเร็วขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ Google สามารถแข่งขันกับบริษัทคู่แข่งที่มีส่วนร่วมในโครงการ AI ทหารอยู่แล้วได้มากขึ้น สรุปแล้ว Google ได้เปลี่ยนนโยบาย AI ที่เคยยึดหลักไม่ก่อให้เกิดความเสียหาย โดยการเปิดโอกาสให้พัฒนาเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธ การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้เกิดความกังวลและวิจารณ์จากผู้เชี่ยวชาญ แต่ก็มีโอกาสที่จะทำให้การพัฒนา AI ก้าวหน้าเร็วขึ้น https://www.techspot.com/news/106646-google-abandons-do-no-harm-ai-stance-opens.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Google abandons 'do no harm' AI stance, opens door to military weapons
    This change, first noticed by Bloomberg, marks a shift from the company's earlier stance on responsible AI development.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงอุตสาหกรรมของเกิาหลีใต้ สั่งห้ามเจ้าหน้าที่เข้าถึงแอปพลิเคชันแชทบอทเอไอสัญชาติจีน 'DeepSeek' สืบเนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ของกระทรวงฯรายหนึ่ง ในขณะที่รัฐบาลเตือนให้ระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้ Generative AI ในการทำงาน
    .
    พวกเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่ารัฐบาลได้ออกประกาศในวันอังคาร(4ก.พ.) เรียกร้องให้กระทรวงต่างๆและหน่วยงานทั้งหลาย ให้ดำเนินการอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้บริการไอเอ ในนั้นรวมถึง DeepSeek และ ChatGPT ในการทำงาน
    .
    โคเรีย ไฮโดร แอนด์ นิวเคลียร์ พาวเวอร์ บริษัทที่บริหารงานโดยภาครัฐ ระบุว่าพวกเขาได้ห้ามใช้บริการ AI ในนั้้นรวมถึง DeepSeek มาตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว ส่วนกระทรวงการต่างประเทศบอกว่าได้จำกัดการเข้าถึง DeepSeek ในคอมพิวเตอร์ต่างๆที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายภายนอก ตามรายงานของสำนักข่าวยอนฮับ อย่างไรก็ตามทางกระทรวงฯแห่งนี้บอกว่าไม่สามารถยืนยันอย่างเจาะจงเกี่ยวกับมาตรการด้านความมั่นคงที่นำมาใช้
    .
    ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ ทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นรัฐบาลล่าสุดที่ส่งเสียงเตือนเกี่ยวกับ DeepSeek ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว ทิม ชาลเมอร์ส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของออสเตรเลีย เรียกร้องให้ชาวออสเตรเลียระมัดระวังยามที่ใช้เอไอของจีน ในขณะที่พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯกำลังตรวจสอบนัยด้านความมั่นคงของ DeepSeek เช่นกัน
    .
    รายงานข่าวระบุว่าหน่วยงานเฝ้าระวังความเป็นส่วนตัวของข้อมูลแห่งเกาหลีใต้ มีแผนสอบถามไปยัง DeepSeek เกี่ยวกับแนวทางบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้
    .
    DeepSeek สตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์สัญชาติจีน เปิดตัวโมเดลเอไอใหม่ล่าสุดของบริษัท เมื่อเดือนที่แล้ว ความเคลื่อนไหวดังกล่าวก่อคลื่นความช็อคไปทั่วโลกเทคโนโลยี เนื่องจากบริษัทแห่งนี้อ้างว่าโมเดลของพวกเขานั้นมีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือดีกว่าโมเดลที่พัฒนาในสหรัฐฯ แต่ใช้ต้นทุนต่ำกว่ามาก
    .
    Kakao Corp กลุ่มบริษัทอินเตอร์เน็ตของเกาหลีใต้ ได้แจ้งกับพนักงานให้ละเว้นไว้ซึ่งการใช้งาน DeepSeek สืบเนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคง จากการเปิดเผยของโฆษกบริษัทในวันพุธ(5ก.พ.) หนึ่งวันหลังจากบริษัทแห่งนี้แถลจับมือกับเป็นพันธมิตรกับยักณ์ใหญ่ด้านปัญญาประดิษฐ์ OpenAI
    .
    เวลานี้บรรดาบริษัทเทคโนโลยีของเกาหลีใต้ ต่างระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้ Generative AI ในนั้นรวมถึง SK Hynix ผู้ผลิตชิปเอไอ ที่จำกัดการเข้าถึงบริการ Generative AI และอนุญาตให้ใช้งานอย่างจำกัดยามที่มีความจำเป็นจริงๆเท่านั้น
    .
    ส่วน Naver ยักษ์ใหญ่อินเตอร์เน็ตอีกราย เผยว่าได้ร้องขอให้พนักงานอย่าใช้บริการ Generative AI ที่จัดเก็บข้อมูลนอกบริษัท
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011935
    ..............
    Sondhi X
    กระทรวงอุตสาหกรรมของเกิาหลีใต้ สั่งห้ามเจ้าหน้าที่เข้าถึงแอปพลิเคชันแชทบอทเอไอสัญชาติจีน 'DeepSeek' สืบเนื่องจากความกังวลด้านความปลอดภัย จากการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่ของกระทรวงฯรายหนึ่ง ในขณะที่รัฐบาลเตือนให้ระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้ Generative AI ในการทำงาน . พวกเจ้าหน้าที่เปิดเผยว่ารัฐบาลได้ออกประกาศในวันอังคาร(4ก.พ.) เรียกร้องให้กระทรวงต่างๆและหน่วยงานทั้งหลาย ให้ดำเนินการอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับการใช้บริการไอเอ ในนั้นรวมถึง DeepSeek และ ChatGPT ในการทำงาน . โคเรีย ไฮโดร แอนด์ นิวเคลียร์ พาวเวอร์ บริษัทที่บริหารงานโดยภาครัฐ ระบุว่าพวกเขาได้ห้ามใช้บริการ AI ในนั้้นรวมถึง DeepSeek มาตั้งแต่ต้นเดือนแล้ว ส่วนกระทรวงการต่างประเทศบอกว่าได้จำกัดการเข้าถึง DeepSeek ในคอมพิวเตอร์ต่างๆที่เชื่อมต่อกับเครือข่ายภายนอก ตามรายงานของสำนักข่าวยอนฮับ อย่างไรก็ตามทางกระทรวงฯแห่งนี้บอกว่าไม่สามารถยืนยันอย่างเจาะจงเกี่ยวกับมาตรการด้านความมั่นคงที่นำมาใช้ . ความเคลื่อนไหวครั้งนี้ ทำให้เกาหลีใต้กลายเป็นรัฐบาลล่าสุดที่ส่งเสียงเตือนเกี่ยวกับ DeepSeek ก่อนหน้านี้เมื่อเดือนที่แล้ว ทิม ชาลเมอร์ส รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของออสเตรเลีย เรียกร้องให้ชาวออสเตรเลียระมัดระวังยามที่ใช้เอไอของจีน ในขณะที่พวกเจ้าหน้าที่สหรัฐฯกำลังตรวจสอบนัยด้านความมั่นคงของ DeepSeek เช่นกัน . รายงานข่าวระบุว่าหน่วยงานเฝ้าระวังความเป็นส่วนตัวของข้อมูลแห่งเกาหลีใต้ มีแผนสอบถามไปยัง DeepSeek เกี่ยวกับแนวทางบริหารจัดการข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้ . DeepSeek สตาร์ทอัพด้านปัญญาประดิษฐ์สัญชาติจีน เปิดตัวโมเดลเอไอใหม่ล่าสุดของบริษัท เมื่อเดือนที่แล้ว ความเคลื่อนไหวดังกล่าวก่อคลื่นความช็อคไปทั่วโลกเทคโนโลยี เนื่องจากบริษัทแห่งนี้อ้างว่าโมเดลของพวกเขานั้นมีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือดีกว่าโมเดลที่พัฒนาในสหรัฐฯ แต่ใช้ต้นทุนต่ำกว่ามาก . Kakao Corp กลุ่มบริษัทอินเตอร์เน็ตของเกาหลีใต้ ได้แจ้งกับพนักงานให้ละเว้นไว้ซึ่งการใช้งาน DeepSeek สืบเนื่องจากความกังวลด้านความมั่นคง จากการเปิดเผยของโฆษกบริษัทในวันพุธ(5ก.พ.) หนึ่งวันหลังจากบริษัทแห่งนี้แถลจับมือกับเป็นพันธมิตรกับยักณ์ใหญ่ด้านปัญญาประดิษฐ์ OpenAI . เวลานี้บรรดาบริษัทเทคโนโลยีของเกาหลีใต้ ต่างระมัดระวังมากขึ้นเกี่ยวกับการใช้ Generative AI ในนั้นรวมถึง SK Hynix ผู้ผลิตชิปเอไอ ที่จำกัดการเข้าถึงบริการ Generative AI และอนุญาตให้ใช้งานอย่างจำกัดยามที่มีความจำเป็นจริงๆเท่านั้น . ส่วน Naver ยักษ์ใหญ่อินเตอร์เน็ตอีกราย เผยว่าได้ร้องขอให้พนักงานอย่าใช้บริการ Generative AI ที่จัดเก็บข้อมูลนอกบริษัท . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011935 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    Sad
    16
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1200 มุมมอง 1 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งบริหารฉบับหนึ่ง หาทางห้ามนักกีฬาคนข้ามเพศจากการเข้าร่วมแข่งขันกีฬาประเภทหญิง ในความเคลื่อนไหวล่าสุดของเขาในการเล็งเป้าเล่นงานกลุ่มคนข้ามเพศ นับตั้งแต่กลับเข้าสู่เก้าอี้ทำเนียบขาว
    .
    "ภายใต้คำสั่งบริหารนี้ สงครามในด้านกีฬาของผู้หญิงสิ้นสุดลงแล้ว" ทรัมป์ กล่าวก่อนหน้าลงนามคำสั่งที่ทำเนียบขาว ล้อมรอบด้วยนักกีฬาเด็กและนักกีฬาหญิงหลายสิบคน ในขณะที่บรรดาสมาชิกระดับสูงของรีพับลิกันหลายคน ในนั้นรวมถึง ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ และส.ส.มาร์โจรี กรีน เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมชมพิธีลงนามครั้งนี้ด้วย
    .
    "เราจะปกป้องความภาคภูมิใจของนักกีฬาหญิงดั้งเดิม และเราจะไม่ปล่อยให้ผู้ชายทำร้าย ก่ออาการบาดเจ็บ โกงคุณผู้หญิงและเด็กผู้หญิงของเรา นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป กีฬาประเภทหญิงจะมีไว้เฉพาะกับผู้หญิง" ทรัมป์ กล่าวท่ามกลางเสียงปรบมือ
    .
    คำสั่งนี้ให้อำนาจหน่วยงานต่างๆของรัฐบาล ปฏิเสธจัดสรรเงินทุนต่างๆของรัฐบาลกลาง มอบแก่โรงเรียนทั้งหลายที่อนุญาตให้พวกกลุ่มคนข้ามเพศเข้าแข่งขันกับนักกีฬาหญิง "มันคือนโยบายของสหรัฐอเมริกา ที่จะยกเลิกเงินทุนทั้งหมดจากโปรแกรมด้านการศึกษาต่างๆนานา ที่กีดกันโอกาสแข่งขันกีฬาอย่างยุติธรรมของพวกผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ซึ่งผลลัพธ์คือก่ออันตราย เป็นการลบหลู่และปิดปากผู้หญิงและเด็ก รวมถึงลิดรอนสิทธิความเป็นส่วนตัวของพวกเขา"
    .
    นอกจากนี้แล้ว ทรัมป์ ยังเผยด้วยว่าเขากำลังกดดันให้คณะกรรมการโอลิมปิกสากล เปลี่ยนแปลงกฎระเบียบเกี่ยวกับนักกีฬาคนข้ามเพศ ก่อนที่กีฬาโอลิมปิกเกมส์ จะหวนคืนสู่แผ่นดินสหรัฐฯ ในลอสแองเจลิส ปี 2028
    .
    ทรัมป์ เผยว่าเขาได้ออกคำสั่งถึง มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนกับคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ว่า "เราต้องการให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงทุกๆอย่างที่ต้องทำเกี่ยวกับโอลิมปิก และดำเนินการกับประเด็นอันไร้สาระนี้"
    .
    ยิ่งไปกว่านั้น ทรัมป์ ระบุเพิ่มเติมว่าเขาสั่งการให้ . คริสตี โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ปฏิเสธวีซ่า "พวกผู้ชายที่พยายามหาทางตลบตะแลงเข้าสู่สหรัฐฯ ด้วยการแอบอ้างตัวเป็นนักกีฬาหญิง เดินทางมาเข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์"
    .
    ทรัมป์ จากรีพับลิกัน เล็งเป้าเล่นงานกลุ่มคนที่แสดงออก ทางเพศไม่ตรงตามบรรทัดฐานของสังคมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในการออกคำสั่งแบบสายฟ้าแลบผลักดันวาระนโยบายขวาจัดสุดขั้วของเขา นับตั้งแต่เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งสมัย 2 เมื่อวันที่ 20 มกราคม
    .
    ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ ได้ลงนามกำจัดสิ่งที่เขาเรียกว่า "อุดมการณ์คนข้ามเพศ" ออกจากกองทัพ ผลก็คือการแบนกำลังพลคนข้ามเพศ นอกจากนี้แล้วเขายังได้ออกคำสั่งห้ามผ่าตัดแปลงเพศสำหรับบุคคลที่อายุต่ำกว่า 19 ปี
    .
    ความเคลื่อนไหวต่างๆนานาเหล่านี้มีขึ้นแม้ในข้อเท็จจริงที่ว่ากลุ่มคนข้ามเพศ ถือเป็นสัดส่วนเล็กน้อยมากๆในประชากรสหรัฐฯ
    .
    คำสั่้งบริหารของทรัมป์ในวันพุธ(5ก.พ.) มีขึ้นหลังจากสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯที่นำโดยรีพับลิกัน เมื่อเดือนมกราคม ลงมติเห็นชอบผ่านร่างกฎหมายฉบับหนึ่ง ที่จำกัดอย่างรุนแรงขวางนักกีฬาข้ามเพศจากการแข่งขันกีฬากับเด็กผู้หญิงและผู้หญิง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011934
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ลงนามในคำสั่งบริหารฉบับหนึ่ง หาทางห้ามนักกีฬาคนข้ามเพศจากการเข้าร่วมแข่งขันกีฬาประเภทหญิง ในความเคลื่อนไหวล่าสุดของเขาในการเล็งเป้าเล่นงานกลุ่มคนข้ามเพศ นับตั้งแต่กลับเข้าสู่เก้าอี้ทำเนียบขาว . "ภายใต้คำสั่งบริหารนี้ สงครามในด้านกีฬาของผู้หญิงสิ้นสุดลงแล้ว" ทรัมป์ กล่าวก่อนหน้าลงนามคำสั่งที่ทำเนียบขาว ล้อมรอบด้วยนักกีฬาเด็กและนักกีฬาหญิงหลายสิบคน ในขณะที่บรรดาสมาชิกระดับสูงของรีพับลิกันหลายคน ในนั้นรวมถึง ไมค์ จอห์นสัน ประธานสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯ และส.ส.มาร์โจรี กรีน เป็นหนึ่งในผู้เข้าร่วมชมพิธีลงนามครั้งนี้ด้วย . "เราจะปกป้องความภาคภูมิใจของนักกีฬาหญิงดั้งเดิม และเราจะไม่ปล่อยให้ผู้ชายทำร้าย ก่ออาการบาดเจ็บ โกงคุณผู้หญิงและเด็กผู้หญิงของเรา นับตั้งแต่นี้เป็นต้นไป กีฬาประเภทหญิงจะมีไว้เฉพาะกับผู้หญิง" ทรัมป์ กล่าวท่ามกลางเสียงปรบมือ . คำสั่งนี้ให้อำนาจหน่วยงานต่างๆของรัฐบาล ปฏิเสธจัดสรรเงินทุนต่างๆของรัฐบาลกลาง มอบแก่โรงเรียนทั้งหลายที่อนุญาตให้พวกกลุ่มคนข้ามเพศเข้าแข่งขันกับนักกีฬาหญิง "มันคือนโยบายของสหรัฐอเมริกา ที่จะยกเลิกเงินทุนทั้งหมดจากโปรแกรมด้านการศึกษาต่างๆนานา ที่กีดกันโอกาสแข่งขันกีฬาอย่างยุติธรรมของพวกผู้หญิงและเด็กผู้หญิง ซึ่งผลลัพธ์คือก่ออันตราย เป็นการลบหลู่และปิดปากผู้หญิงและเด็ก รวมถึงลิดรอนสิทธิความเป็นส่วนตัวของพวกเขา" . นอกจากนี้แล้ว ทรัมป์ ยังเผยด้วยว่าเขากำลังกดดันให้คณะกรรมการโอลิมปิกสากล เปลี่ยนแปลงกฎระเบียบเกี่ยวกับนักกีฬาคนข้ามเพศ ก่อนที่กีฬาโอลิมปิกเกมส์ จะหวนคืนสู่แผ่นดินสหรัฐฯ ในลอสแองเจลิส ปี 2028 . ทรัมป์ เผยว่าเขาได้ออกคำสั่งถึง มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้แสดงจุดยืนอย่างชัดเจนกับคณะกรรมการโอลิมปิกสากล ว่า "เราต้องการให้พวกเขาเปลี่ยนแปลงทุกๆอย่างที่ต้องทำเกี่ยวกับโอลิมปิก และดำเนินการกับประเด็นอันไร้สาระนี้" . ยิ่งไปกว่านั้น ทรัมป์ ระบุเพิ่มเติมว่าเขาสั่งการให้ . คริสตี โนเอม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ ปฏิเสธวีซ่า "พวกผู้ชายที่พยายามหาทางตลบตะแลงเข้าสู่สหรัฐฯ ด้วยการแอบอ้างตัวเป็นนักกีฬาหญิง เดินทางมาเข้าร่วมโอลิมปิกเกมส์" . ทรัมป์ จากรีพับลิกัน เล็งเป้าเล่นงานกลุ่มคนที่แสดงออก ทางเพศไม่ตรงตามบรรทัดฐานของสังคมซ้ำแล้วซ้ำเล่า ในการออกคำสั่งแบบสายฟ้าแลบผลักดันวาระนโยบายขวาจัดสุดขั้วของเขา นับตั้งแต่เข้าพิธีสาบานตนรับตำแหน่งสมัย 2 เมื่อวันที่ 20 มกราคม . ก่อนหน้านี้ ทรัมป์ ได้ลงนามกำจัดสิ่งที่เขาเรียกว่า "อุดมการณ์คนข้ามเพศ" ออกจากกองทัพ ผลก็คือการแบนกำลังพลคนข้ามเพศ นอกจากนี้แล้วเขายังได้ออกคำสั่งห้ามผ่าตัดแปลงเพศสำหรับบุคคลที่อายุต่ำกว่า 19 ปี . ความเคลื่อนไหวต่างๆนานาเหล่านี้มีขึ้นแม้ในข้อเท็จจริงที่ว่ากลุ่มคนข้ามเพศ ถือเป็นสัดส่วนเล็กน้อยมากๆในประชากรสหรัฐฯ . คำสั่้งบริหารของทรัมป์ในวันพุธ(5ก.พ.) มีขึ้นหลังจากสภาผู้แทนราษฏรสหรัฐฯที่นำโดยรีพับลิกัน เมื่อเดือนมกราคม ลงมติเห็นชอบผ่านร่างกฎหมายฉบับหนึ่ง ที่จำกัดอย่างรุนแรงขวางนักกีฬาข้ามเพศจากการแข่งขันกีฬากับเด็กผู้หญิงและผู้หญิง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011934 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Sad
    20
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1166 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนแถลงวันพุธ (5 ก.พ.) ยืนกรานคัดค้านสหรัฐฯ ประกาศมาตรการรีดภาษีศุลกากรจากสินค้าเข้าแดนมังกร พร้อมเรียกร้องเปิดเจรจาเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งทางการค้า ทว่า ทำเนียบขาวระบุทรัมป์ยังไม่รีบร้อนหารือสี จิ้นผิง ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง สำนักงานไปรษณีย์สหรัฐฯ ประกาศระงับการรับพัสดุภัณฑ์จากจีนและฮ่องกง ซึ่งคาดหมายกันว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมของจีนอย่าง “ชีอิน” และ “เทมู” โดยที่ยังมีรายงานข่าวด้วยว่า วอชิงตันกำลังพิจารณาขึ้นบัญชีดำยักษ์ใหญ่แดนมังกรทั้งสองเจ้านี้ว่าเป็นบริษัทที่มีการบังคับใช้แรงงาน
    .
    ในวันพุธ ซึ่งเป็นวันแรกที่หน่วยราชการของจีนเปิดทำการหลังหยุดยาวช่วงเทศกาลตรุษจีน หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศออกมาแถลงว่า จีนไม่พอใจอย่างมากและคัดค้านถึงที่สุดต่อมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของอเมริกา และเรียกร้องให้เปิดการเจรจาอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม ก่อนทิ้งท้ายว่า ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้าหรือสงครามภาษีศุลกากร
    .
    ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้นคือเมื่อวันอังคาร (4) จีนประกาศตอบโต้อเมริกา โดยจะขึ้นภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ซึ่งส่งมาจากสหรัฐฯสูงขึ้น 15% จากน้ำมันดิบ อุปกรณ์เกษตรกรรม รถบรรทุก รถซีดาน 10% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.
    .
    นอกจากนั้น จีนยังประกาศเริ่มการสอบสวนที่มุ่งต่อต้านพฤติการณ์การผูกขาดของกูเกิล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอัลฟาเบต รวมทั้งขึ้นบัญชีพีวีเอช คอร์ป บริษัทโฮลดิ้งเจ้าของแบรนด์แคลวิน ไคลน์ และบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ อิลลูมินา เอาไว้ในรายชื่อบริษัทที่อาจถูกแซงก์ชันในจีน โดยบริษัทเหล่านี้ล้วนเป็นกิจการของอเมริกา
    .
    เวลาเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์และสำนักงานศุลกากรจีนยังสั่งควบคุมการส่งออกโลหะบางรายการที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ทางทหาร และแผงพลังงานแสงอาทิตย์
    .
    การประกาศมาตรการตอบโต้ของจีนเช่นนี้ เกิดขึ้นแทบจะทันที หลังจากการมีผลบังคับใช้ของมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของฝ่ายอเมริกา ซึ่งเป็นการบังคับให้เป็นไปตามคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ให้เพิ่มอัตราภาษีศุลกากรจัดเก็บจากสินค้านำเข้าจีนทุกรายการขึ้นอีก 10% โดยที่ทรัมป์ย้ำข้อกล่าวหาของเขาที่ว่า ปักกิ่งไม่พยายามมากพอในการสกัดการลักลอบขนยาเสพติดแฟนทานิลเข้าสู่อเมริกา
    .
    ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ (3) ทำเนียบขาวส่งสัญญาณว่า ทรัมป์จะมีการหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ภายในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ดี ในตอนบ่ายวันอังคาร (4) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลับบอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า ไม่รีบร้อนที่จะคุยกับผู้นำจีน
    .
    แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงในวันเดียวกันว่า การหารือระหว่างทรัมป์กับสีที่ถูกมองว่า เป็นกุญแจสำคัญที่อาจผ่อนปรนหรือชะลอการบังคับใช้ภาษีศุลกากรนั้น จำเป็นต้องมีการตกลงกันเรื่องตารางเวลา ทว่า ขณะนี้ผู้นำจีนยังไม่ได้ติดต่อมาแต่อย่างใด
    .
    นอกจากไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาแล้ว เมื่อวันอังคาร สำนักงานไปรษณีย์สหรัฐฯ (ยูเอสพีเอส) ได้ประกาศระงับการรับพัสดุภัณฑ์ที่ส่งจากจีนและฮ่องกง หลังจากทรัมป์ออกคำสั่งยกเลิกข้อยกเว้นการเก็บภาษีอากรกับพัสดุที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์ ที่เรียกกันว่า ข้อยกเว้น de minimis
    .
    ยูเอสพีเอสยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่กระทบจดหมายและจดหมายขนาดใหญ่ (ความยาวไม่เกิน 38 ซม. หรือหนาไม่เกิน 1.9 ซม.) จากจีนและฮ่องกง แต่ไม่ได้ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้เกี่ยวข้องกับการยกเลิกข้อยกเว้น de minimis หรือไม่
    .
    ตามรายงานของคณะกรรมาธิการรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อเดือนมิถุนายน 2023 ระบุว่าพัสดุภัณฑ์เกือบครึ่งหนึ่งที่จัดส่งภายใต้ข้อยกเว้น de minimis นั้นส่งมาจากจีน
    .
    รายงานดังกล่าวยังระบุว่า “ชีอิน” แพลตฟอร์มฟาสต์แฟชั่น และ “เทมู” แพลตฟอร์มขายสินค้าราคาถูก ซึ่งต่างก็เป็นของจีนและขายสินค้าทุกอย่างตั้งแต่ของเล่นจนถึงสมาร์ทโฟนนั้น เติบโตเร็วมากในอเมริกา ส่วนหนึ่งเนื่องจากข้อยกเว้น de minimis โดยทั้งสองบริษัทมีแนวโน้มเป็นเจ้าของพัสดุกว่า 30% ที่จัดส่งไปยังอเมริกาในแต่ละวันภายใต้ข้อยกเว้นดังกล่าว
    .
    แม้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนระบุว่า การยกเลิกข้อยกเว้น de minimis อาจทำให้สินค้าบนแพลตฟอร์มชีอินและเทมูแพงขึ้น แต่ไม่มีแนวโน้มว่า จะทำให้ยอดจัดส่งของทั้งสองบริษัทลดลงแต่อย่างใด
    .
    กระนั้น แพลตฟอร์มทั้งสองแห่งอาจหนีไม่พ้นการเล่นงานเพิ่มเติมของคณะบริหารทรัมป์ โดยเมื่อวันอังคาร เว็บไซต์เซมาฟอร์รายงานว่า อเมริกากำลังพิจารณาขึ้นบัญชีเทมูและชีอินในรายชื่อบริษัทที่บังคับใช้แรงงานของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011929
    ..............
    Sondhi X
    จีนแถลงวันพุธ (5 ก.พ.) ยืนกรานคัดค้านสหรัฐฯ ประกาศมาตรการรีดภาษีศุลกากรจากสินค้าเข้าแดนมังกร พร้อมเรียกร้องเปิดเจรจาเพื่อแก้ไขข้อขัดแย้งทางการค้า ทว่า ทำเนียบขาวระบุทรัมป์ยังไม่รีบร้อนหารือสี จิ้นผิง ขณะที่ในอีกด้านหนึ่ง สำนักงานไปรษณีย์สหรัฐฯ ประกาศระงับการรับพัสดุภัณฑ์จากจีนและฮ่องกง ซึ่งคาดหมายกันว่าจะส่งผลกระทบโดยตรงต่อแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซยอดนิยมของจีนอย่าง “ชีอิน” และ “เทมู” โดยที่ยังมีรายงานข่าวด้วยว่า วอชิงตันกำลังพิจารณาขึ้นบัญชีดำยักษ์ใหญ่แดนมังกรทั้งสองเจ้านี้ว่าเป็นบริษัทที่มีการบังคับใช้แรงงาน . ในวันพุธ ซึ่งเป็นวันแรกที่หน่วยราชการของจีนเปิดทำการหลังหยุดยาวช่วงเทศกาลตรุษจีน หลิน เจี้ยน โฆษกกระทรวงการต่างประเทศออกมาแถลงว่า จีนไม่พอใจอย่างมากและคัดค้านถึงที่สุดต่อมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของอเมริกา และเรียกร้องให้เปิดการเจรจาอย่างเป็นธรรมและเท่าเทียม ก่อนทิ้งท้ายว่า ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้าหรือสงครามภาษีศุลกากร . ทั้งนี้ ก่อนหน้านั้นคือเมื่อวันอังคาร (4) จีนประกาศตอบโต้อเมริกา โดยจะขึ้นภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากสินค้าถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ซึ่งส่งมาจากสหรัฐฯสูงขึ้น 15% จากน้ำมันดิบ อุปกรณ์เกษตรกรรม รถบรรทุก รถซีดาน 10% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. . นอกจากนั้น จีนยังประกาศเริ่มการสอบสวนที่มุ่งต่อต้านพฤติการณ์การผูกขาดของกูเกิล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอัลฟาเบต รวมทั้งขึ้นบัญชีพีวีเอช คอร์ป บริษัทโฮลดิ้งเจ้าของแบรนด์แคลวิน ไคลน์ และบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ อิลลูมินา เอาไว้ในรายชื่อบริษัทที่อาจถูกแซงก์ชันในจีน โดยบริษัทเหล่านี้ล้วนเป็นกิจการของอเมริกา . เวลาเดียวกัน กระทรวงพาณิชย์และสำนักงานศุลกากรจีนยังสั่งควบคุมการส่งออกโลหะบางรายการที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ทางทหาร และแผงพลังงานแสงอาทิตย์ . การประกาศมาตรการตอบโต้ของจีนเช่นนี้ เกิดขึ้นแทบจะทันที หลังจากการมีผลบังคับใช้ของมาตรการขึ้นภาษีศุลกากรของฝ่ายอเมริกา ซึ่งเป็นการบังคับให้เป็นไปตามคำสั่งฝ่ายบริหารของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ให้เพิ่มอัตราภาษีศุลกากรจัดเก็บจากสินค้านำเข้าจีนทุกรายการขึ้นอีก 10% โดยที่ทรัมป์ย้ำข้อกล่าวหาของเขาที่ว่า ปักกิ่งไม่พยายามมากพอในการสกัดการลักลอบขนยาเสพติดแฟนทานิลเข้าสู่อเมริกา . ก่อนหน้านี้ในวันจันทร์ (3) ทำเนียบขาวส่งสัญญาณว่า ทรัมป์จะมีการหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ภายในสัปดาห์นี้ อย่างไรก็ดี ในตอนบ่ายวันอังคาร (4) ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กลับบอกกับพวกผู้สื่อข่าวที่ทำเนียบขาวว่า ไม่รีบร้อนที่จะคุยกับผู้นำจีน . แคโรไลน์ เลวิตต์ โฆษกทำเนียบขาว แถลงในวันเดียวกันว่า การหารือระหว่างทรัมป์กับสีที่ถูกมองว่า เป็นกุญแจสำคัญที่อาจผ่อนปรนหรือชะลอการบังคับใช้ภาษีศุลกากรนั้น จำเป็นต้องมีการตกลงกันเรื่องตารางเวลา ทว่า ขณะนี้ผู้นำจีนยังไม่ได้ติดต่อมาแต่อย่างใด . นอกจากไม่มีความคืบหน้าในการเจรจาแล้ว เมื่อวันอังคาร สำนักงานไปรษณีย์สหรัฐฯ (ยูเอสพีเอส) ได้ประกาศระงับการรับพัสดุภัณฑ์ที่ส่งจากจีนและฮ่องกง หลังจากทรัมป์ออกคำสั่งยกเลิกข้อยกเว้นการเก็บภาษีอากรกับพัสดุที่มีมูลค่าไม่เกิน 800 ดอลลาร์ ที่เรียกกันว่า ข้อยกเว้น de minimis . ยูเอสพีเอสยืนยันว่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะไม่กระทบจดหมายและจดหมายขนาดใหญ่ (ความยาวไม่เกิน 38 ซม. หรือหนาไม่เกิน 1.9 ซม.) จากจีนและฮ่องกง แต่ไม่ได้ระบุว่า การเปลี่ยนแปลงนี้เกี่ยวข้องกับการยกเลิกข้อยกเว้น de minimis หรือไม่ . ตามรายงานของคณะกรรมาธิการรัฐสภาสหรัฐฯ เมื่อเดือนมิถุนายน 2023 ระบุว่าพัสดุภัณฑ์เกือบครึ่งหนึ่งที่จัดส่งภายใต้ข้อยกเว้น de minimis นั้นส่งมาจากจีน . รายงานดังกล่าวยังระบุว่า “ชีอิน” แพลตฟอร์มฟาสต์แฟชั่น และ “เทมู” แพลตฟอร์มขายสินค้าราคาถูก ซึ่งต่างก็เป็นของจีนและขายสินค้าทุกอย่างตั้งแต่ของเล่นจนถึงสมาร์ทโฟนนั้น เติบโตเร็วมากในอเมริกา ส่วนหนึ่งเนื่องจากข้อยกเว้น de minimis โดยทั้งสองบริษัทมีแนวโน้มเป็นเจ้าของพัสดุกว่า 30% ที่จัดส่งไปยังอเมริกาในแต่ละวันภายใต้ข้อยกเว้นดังกล่าว . แม้ผู้เชี่ยวชาญหลายคนระบุว่า การยกเลิกข้อยกเว้น de minimis อาจทำให้สินค้าบนแพลตฟอร์มชีอินและเทมูแพงขึ้น แต่ไม่มีแนวโน้มว่า จะทำให้ยอดจัดส่งของทั้งสองบริษัทลดลงแต่อย่างใด . กระนั้น แพลตฟอร์มทั้งสองแห่งอาจหนีไม่พ้นการเล่นงานเพิ่มเติมของคณะบริหารทรัมป์ โดยเมื่อวันอังคาร เว็บไซต์เซมาฟอร์รายงานว่า อเมริกากำลังพิจารณาขึ้นบัญชีเทมูและชีอินในรายชื่อบริษัทที่บังคับใช้แรงงานของกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011929 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1171 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตัดไฟใส่กลอน แล้วเข้ามุ้งนอน คิดถึงเมียนมา

    เถียงกันอยู่ตั้งนาน พอทำจริงก็ไม่เห็นจะยาก สำหรับการงดจำหน่ายไฟฟ้า 5 จุดในประเทศเมียนมา ตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีมติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) งดจำหน่ายไฟฟ้า กระทั่งวันที่ 5 ก.พ. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานคลิกเมาส์กดปุ่มงดจ่ายกระแสไฟฟ้า ที่ศูนย์ปฎิบัติการระบบไฟฟ้าสำนักงานใหญ่ กฟภ. ถนนงามวงศ์วาน กรุงเทพฯ ถูกวิจารณ์ด้วยความตลกขบขัน ราวกับมีพิธีเปิดงานกีฬาสีแล้วต้องเชิญประธานชักธงขึ้นสู่ยอดเสา

    การงดจำหน่ายไฟฟ้าไปยังประเทศเมียนมา เป็นที่ถกเถียงกันระหว่างนายอนุทิน กับรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หลังทางการจีนส่งนายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ มายังพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาด้านจังหวัดตากและเชียงราย เพื่อหารือแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและแก๊งคอลเซนเตอร์ โดยที่หนึ่งในนั้นมีข้อเรียกร้องให้ไทยตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่ถือเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยง

    ทั้งสองฝ่าย ต่างฝ่ายต่างโยนกันไปมา นายภูมิธรรมอ้างว่าเป็นดุลยพินิจของกระทรวงมหาดไทย เพราะถือเป็นหนึ่งในหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง แต่นายอนุทินอ้างว่า กฟภ. รัฐวิสาหกิจในสังกัด มท. ทำสัญญากับบริษัทที่ทางการเมียนมาและรัฐบาลไทยรับรอง ที่ตัดไฟไม่ได้เพราะไม่มีคู่เจรจา เป็นเรื่องของรัฐและสนธิสัญญาต่างๆ ที่ผ่านมา กฟภ. ทำหนังสือไปแล้ว คำตอบอยู่ในสายลม ขณะที่ กฟภ. อ้างว่าเคยส่งหนังสือไปหน่วยงานด้านความมั่นคงหลายหน่วยงานแล้ว แต่กลับไม่ได้คำตอบ

    เมื่อความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายมีทีท่าว่าจะบานปลาย ในที่สุดเมื่อวันที่ 4 ก.พ. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการให้นายภูมิธรรมเรียกประชุม สมช. ด่วน ระบุว่า หากพบความชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซนเตอร์ ก็สามารถตัดไฟได้เลย รวมถึงน้ำมันก็ไม่ต้องส่ง นำมาซึ่งการประชุม สมช. และมีมติออกมาตอนค่ำ ซึ่งวันต่อมานายอนุทินจึงได้ออกมาตัดไฟให้เห็น

    แม้ฝ่ายไทยจะตัดกระแสไฟฟ้าไปแล้ว แต่ฝั่งท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ได้ซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนไฟฟ้าน้ำทา สปป.ลาว ซึ่งเป็นของกลุ่มทุนจีน ข้ามแม่น้ำโขงไปแล้วก่อนหน้านี้ เมื่อไทยตัดไฟฟ้าก็เพิ่มการซื้อไฟฟ้ามากขึ้น โดยกำลังเชื่อมต่อกับผู้ใช้ไฟบริเวณใกล้กับชายแดนไทย-เมียนมาภายใน 1-2 วัน ส่วนฝั่งเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง และฝั่งพญาตองซู รัฐมอญ ยังคงสว่างไสวเพราะใช้เครื่องปั่นไฟผลิตไฟฟ้าใช้ภายในอาคารต่างๆ แม้จะลดการใช้ไฟประดับตกแต่งอาคารก็ตาม

    หมายเหตุ : พาดหัวดัดแปลงมาจากเพลงฉันทนาที่รัก ของรักชาติ ศิริชัย

    #Newskit
    ตัดไฟใส่กลอน แล้วเข้ามุ้งนอน คิดถึงเมียนมา เถียงกันอยู่ตั้งนาน พอทำจริงก็ไม่เห็นจะยาก สำหรับการงดจำหน่ายไฟฟ้า 5 จุดในประเทศเมียนมา ตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) มีมติให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) งดจำหน่ายไฟฟ้า กระทั่งวันที่ 5 ก.พ. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เป็นประธานคลิกเมาส์กดปุ่มงดจ่ายกระแสไฟฟ้า ที่ศูนย์ปฎิบัติการระบบไฟฟ้าสำนักงานใหญ่ กฟภ. ถนนงามวงศ์วาน กรุงเทพฯ ถูกวิจารณ์ด้วยความตลกขบขัน ราวกับมีพิธีเปิดงานกีฬาสีแล้วต้องเชิญประธานชักธงขึ้นสู่ยอดเสา การงดจำหน่ายไฟฟ้าไปยังประเทศเมียนมา เป็นที่ถกเถียงกันระหว่างนายอนุทิน กับรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หลังทางการจีนส่งนายหลิว จงอี้ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงความมั่นคงสาธารณะ มายังพื้นที่ชายแดนไทย-เมียนมาด้านจังหวัดตากและเชียงราย เพื่อหารือแก้ไขปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและแก๊งคอลเซนเตอร์ โดยที่หนึ่งในนั้นมีข้อเรียกร้องให้ไทยตัดไฟฟ้า ตัดสัญญาณอินเทอร์เน็ต ที่ถือเป็นการตัดท่อน้ำเลี้ยง ทั้งสองฝ่าย ต่างฝ่ายต่างโยนกันไปมา นายภูมิธรรมอ้างว่าเป็นดุลยพินิจของกระทรวงมหาดไทย เพราะถือเป็นหนึ่งในหน่วยงานฝ่ายความมั่นคง แต่นายอนุทินอ้างว่า กฟภ. รัฐวิสาหกิจในสังกัด มท. ทำสัญญากับบริษัทที่ทางการเมียนมาและรัฐบาลไทยรับรอง ที่ตัดไฟไม่ได้เพราะไม่มีคู่เจรจา เป็นเรื่องของรัฐและสนธิสัญญาต่างๆ ที่ผ่านมา กฟภ. ทำหนังสือไปแล้ว คำตอบอยู่ในสายลม ขณะที่ กฟภ. อ้างว่าเคยส่งหนังสือไปหน่วยงานด้านความมั่นคงหลายหน่วยงานแล้ว แต่กลับไม่ได้คำตอบ เมื่อความขัดแย้งของทั้งสองฝ่ายมีทีท่าว่าจะบานปลาย ในที่สุดเมื่อวันที่ 4 ก.พ. น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี สั่งการให้นายภูมิธรรมเรียกประชุม สมช. ด่วน ระบุว่า หากพบความชัดเจนว่าเกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซนเตอร์ ก็สามารถตัดไฟได้เลย รวมถึงน้ำมันก็ไม่ต้องส่ง นำมาซึ่งการประชุม สมช. และมีมติออกมาตอนค่ำ ซึ่งวันต่อมานายอนุทินจึงได้ออกมาตัดไฟให้เห็น แม้ฝ่ายไทยจะตัดกระแสไฟฟ้าไปแล้ว แต่ฝั่งท่าขี้เหล็ก รัฐฉาน ได้ซื้อไฟฟ้าจากเขื่อนไฟฟ้าน้ำทา สปป.ลาว ซึ่งเป็นของกลุ่มทุนจีน ข้ามแม่น้ำโขงไปแล้วก่อนหน้านี้ เมื่อไทยตัดไฟฟ้าก็เพิ่มการซื้อไฟฟ้ามากขึ้น โดยกำลังเชื่อมต่อกับผู้ใช้ไฟบริเวณใกล้กับชายแดนไทย-เมียนมาภายใน 1-2 วัน ส่วนฝั่งเมียวดี รัฐกะเหรี่ยง และฝั่งพญาตองซู รัฐมอญ ยังคงสว่างไสวเพราะใช้เครื่องปั่นไฟผลิตไฟฟ้าใช้ภายในอาคารต่างๆ แม้จะลดการใช้ไฟประดับตกแต่งอาคารก็ตาม หมายเหตุ : พาดหัวดัดแปลงมาจากเพลงฉันทนาที่รัก ของรักชาติ ศิริชัย #Newskit
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทำเอาแฟนๆกรี๊ดเก้อกันเลยทีเดียวกับภาพขอแต่งงานหน้าหอไอเฟลของ “แทคยอน” จากวง “2PM” ที่ล่าสุดต้นสังกัดออกมาชี้แจงแล้วว่าไม่เป็นความจริง บอกว่าเป็นแค่การให้ของขวัญแฟนสาวเท่านั้น

    51k ต้นสังกัดของแทคยอน ได้ออกมาเปิดเผยว่า “ข่าวลือเรื่องการแต่งงานไม่เป็นความจริง เขาแค่ถ่ายรูปธรรมดาทั่วไปกับแฟนสาวในวันเกิดของเธอ เนื่องจากเธอไม่ใช่คนในวงการบันเทิง เราเองก็ตกใจกับภาพที่หลุดออกมานี้ด้วย”

    ก่อนหน้านี้ได้มีภาพของ แทคยอน คุกเข่ากน้าหอไอเฟลมอบแหวนให้แหวนให้แฟนสาวจนเข้าใจว่าเป็นการขอแต่งงานถูกปล่อยออกมา พร้อมข่าวลือว่าเขาแอบแต่งงานเงียบๆตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยภาพดังกล่าวเป็นภาพที่ถูกอัปโหลดโดยช่างภาพในปารีส

    ชาวเน็ตได้ชี้ให้เห็นว่าภาพดังกล่าวโพสต์ไว้ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2023 ทำให้ลือกันว่าเขาน่าจะแต่งงานตั้งแต่ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ช่างภาพที่เป็นโพสต์ต้นทางของภาพนี้ก็ได้ลบโพสต์ดังกล่าวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000011788

    #MGROnline #แทคยอน2PM #ของขวัญ #แฟนสาว
    ทำเอาแฟนๆกรี๊ดเก้อกันเลยทีเดียวกับภาพขอแต่งงานหน้าหอไอเฟลของ “แทคยอน” จากวง “2PM” ที่ล่าสุดต้นสังกัดออกมาชี้แจงแล้วว่าไม่เป็นความจริง บอกว่าเป็นแค่การให้ของขวัญแฟนสาวเท่านั้น • 51k ต้นสังกัดของแทคยอน ได้ออกมาเปิดเผยว่า “ข่าวลือเรื่องการแต่งงานไม่เป็นความจริง เขาแค่ถ่ายรูปธรรมดาทั่วไปกับแฟนสาวในวันเกิดของเธอ เนื่องจากเธอไม่ใช่คนในวงการบันเทิง เราเองก็ตกใจกับภาพที่หลุดออกมานี้ด้วย” • ก่อนหน้านี้ได้มีภาพของ แทคยอน คุกเข่ากน้าหอไอเฟลมอบแหวนให้แหวนให้แฟนสาวจนเข้าใจว่าเป็นการขอแต่งงานถูกปล่อยออกมา พร้อมข่าวลือว่าเขาแอบแต่งงานเงียบๆตั้งแต่ปีที่แล้ว โดยภาพดังกล่าวเป็นภาพที่ถูกอัปโหลดโดยช่างภาพในปารีส • ชาวเน็ตได้ชี้ให้เห็นว่าภาพดังกล่าวโพสต์ไว้ตั้งแต่เดือน เม.ย. 2023 ทำให้ลือกันว่าเขาน่าจะแต่งงานตั้งแต่ปีที่แล้ว อย่างไรก็ตาม ช่างภาพที่เป็นโพสต์ต้นทางของภาพนี้ก็ได้ลบโพสต์ดังกล่าวไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000011788 • #MGROnline #แทคยอน2PM #ของขวัญ #แฟนสาว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 126 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟังคลิปละ อิป้าGมโนอัลไซเมอร์แดรก อ้างไม่เค๊ยไม่เคยติดต่อ 4 ป้า แล้วมาหลุดว่าคุยกันมาน๊านๆ อิฉัด!
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    ฟังคลิปละ อิป้าGมโนอัลไซเมอร์แดรก อ้างไม่เค๊ยไม่เคยติดต่อ 4 ป้า แล้วมาหลุดว่าคุยกันมาน๊านๆ อิฉัด! #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 158 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ สร้างความตกตะลึงอีกครั้งด้วยการประกาศว่าต้องการ “เทกโอเวอร์” ดินแดนกาซาเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ หลังจากส่งชาวปาเลสไตน์ “ออกไปอยู่อื่น” ในความเคลื่อนไหวซึ่งจะถือเป็นการทำลายจุดยืนที่สหรัฐฯ มีต่อปัญหายิว-ปาเลสไตน์มานานหลายสิบปี
    .
    ทรัมป์ แถลงแผนการสุดเซอร์ไพรส์นี้ระหว่างเปิดแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวร่วมกับนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล โดยยังไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะดำเนินการอย่างไร
    .
    ก่อนหน้านั้นไม่นาน ทรัมป์ ได้เสนอให้ย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซาไปตั้งถิ่นฐานใหม่แบบถาวรในประเทศข้างเคียง โดยระบุว่าดินแดนกาซาในปัจจุบันมีสภาพไม่ต่างจากพื้นที่ทุบทำลาย (demolition site)
    .
    “สหรัฐฯ จะเทกโอเวอร์ฉนวนกาซา และเราจะทำอะไรบางอย่างกับมันด้วย” ทรัมป์ บอกกับผู้สื่อข่าว “เราจะเป็นเจ้าของมัน และจะรับผิดชอบเรื่องการทำลายระเบิดที่ยังไม่ทำงาน และอาวุธต่างๆ ที่อยู่ในนั้น”
    .
    “หากมีความจำเป็น เราก็จะทำ เราจะเทกโอเวอร์ดินแดนตรงนั้น เราจะเข้าไปพัฒนามัน สร้างงานหลายพันหลายหมื่นตำแหน่ง และมันจะเป็นสิ่งที่ตะวันออกกลางทั้งภูมิภาคและทั่วโลกต้องภูมิใจ” ทรัมป์ กล่าว
    .
    เมื่อถามว่าแล้วใครจะเข้าไปอาศัยอยู่ในดินแดนตรงนั้น ทรัมป์ ตอบแบบกว้างๆ ว่ามันจะเป็น “บ้านสำหรับชาวโลก”
    .
    ด้าน เนทันยาฮู ก็กล่าวรับลูกทันควันว่า ทรัมป์ เป็นคนที่ “กล้าคิดนอกกรอบด้วยไอเดียใหม่ๆ” และ “แสดงความตั้งใจจริงที่จะแทงทะลุกรอบความคิดเดิมๆ”
    .
    อย่างไรก็ดี ทรัมป์ ไม่ได้ชี้แจงข้อซักถามของสื่อมวลชนที่ว่า สหรัฐฯ จะเอาอำนาจอะไรไปเทกโอเวอร์ดินแดนกาซา และยึดครองมันในระยะยาว
    .
    ทรัมป์ ยังย้ำข้อเรียกร้องให้จอร์แดน อียิปต์ และรัฐอาหรับอื่นๆ รับชาวกาซาไปอยู่อาศัย โดยชี้ว่าชาวปาเลสไตน์ "ไม่มีทางเลือกอื่น" นอกจากละทิ้งดินแดนผืนแคบๆ ที่อยู่ติดชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแห่งนี้ไปเสีย เนื่องจากกาซาจำเป็นต้องได้รับการบูรณะฟื้นฟูขนานใหญ่หลังเสียหายย่อยยับจากสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสในช่วง 16 เดือนที่ผ่านมา
    .
    อย่างไรก็ดี ครั้งนี้ ทรัมป์ ประกาศชัดว่าเขาสนับสนุนการย้ายชาวกาซาแบบ "ถาวร" ซึ่งเป็นเรื่องหนักหน่วงเสียยิ่งกว่าข้อเสนอเดิมซึ่งบรรดารัฐอาหรับก็ไม่เอาด้วยอยู่แล้ว
    .
    เพียง 2 สัปดาห์หลังเข้ารับตำแหน่งเทอมสอง ทรัมป์ ได้เปิดทำเนียบขาวต้อนรับผู้นำยิวเพื่อหารือข้อตกลงหยุดยิงที่เปราะบางในกาซา ยุทธศาสตร์ต่อต้านอิหร่าน รวมไปถึงความหวังที่จะรื้อฟื้นแผนผลักดันการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระดับปกติระหว่างอิสราเอลกับซาอุดีอาระเบีย
    .
    "มันเป็นพื้นที่ทุบทำลายชัดๆ" ทรัมป์ เอ่ยถึงกาซาก่อนที่จะพบ เนทันยาฮู ไม่นานนัก
    .
    "ถ้าเราสามารถหาที่ดินสักผืนที่ใช่ หรืออาจจะหลายๆ ผืน และสร้างสถานที่ที่ดีและมีเม็ดเงินมหาศาลให้พวกเขา แน่นอน... ผมคิดว่ามันจะดีกว่าการกลับเข้าไปอยู่ในกาซา" ทรัมป์ กล่าว
    .
    "ผมไม่รู้จริงๆ ว่าทำไม (ชาวปาเลสไตน์) ถึงยังอยากอยู่ที่นั่น" ทรัมป์ให้คำตอบ หลังถูกถามถึงปฏิกิริยาของบรรดาผู้นำชาติอาหรับเกี่ยวกับข้อเสนอของเขา
    .
    ระหว่างพบ เนทันยาฮู ที่ห้องทำงานรูปไข่ ทรัมป์ ได้ย้ำข้อเสนอเดิม โดยคราวนี้บอกว่าชาวปาเลสไตน์ควรย้ายออกจากกาซาไปเลยแบบถาวร "ไปอยู่ในบ้านใหม่ที่ดี ที่ซึ่งพวกเขาจะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ต้องถูกยิง ไม่ต้องถูกสังหาร"
    .
    "พวกเขาจะไม่อยากกลับไปอยู่กาซาอีก"
    .
    ทรัมป์ ไม่ได้ให้รายละเอียดว่ากระบวนการโยกย้ายชาวปาเลสไตน์จะกระทำอย่างไร แต่ข้อเสนอนี้เรียกได้ว่าเติมเต็มความปรารถนาของกลุ่มขวาจัดในอิสราเอล และขัดแย้งสิ้นเชิงกับจุดยืนของอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ที่ให้คำมั่นว่าจะไม่มีการบังคับเคลื่อนย้ายชาวปาเลสไตน์จากกาซา
    .
    นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนบางคนออกมาวิจารณ์ข้อเสนอ ทรัมป์ ว่าไม่ต่างอะไรกับการล้างชาติพันธุ์ (ethnic cleansing) ซึ่งเข้าข่ายละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเผชิญกระแสต่อต้านรุนแรงไม่เพียงแต่ในตะวันออกกลาง แต่รวมถึงจากบรรดาพันธมิตรตะวันตกของสหรัฐฯ เองด้วย
    .
    ซามี อบู ซูห์รี เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮามาส ออกมาประณามแผนของ ทรัมป์ ว่าเป็นการ "ขับไล่ชาวกาซาออกจากดินแดนของพวกเขาเอง"
    .
    "เรามองว่านี่คือสูตรสำเร็จที่จะสร้างความวุ่นวายและความตึงเครียดขึ้นในภูมิภาค เพราะชาวกาซาจะไม่มีวันยอมให้แผนการเช่นนี้เกิดขึ้น" เขากล่าว
    .
    การที่ ทรัมป์ เลือกให้ เนทันยาฮู เป็นผู้นำต่างชาติรายแรกที่ได้มาพบเขาที่ทำเนียบขาวหลังสาบานตนเป็นผู้นำสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ถูกมองว่าเป็นความพยายามโชว์ความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างตนกับผู้นำยิว ตามหลังช่วงเวลาอันระหองระแหงระหว่าง เนทันยาฮู กับ ไบเดน สืบเนื่องจากสงครามในกาซา
    .
    อย่างไรก็ตาม เนทันยาฮู ก็อาจจะเป็นฝ่ายถูก ทรัมป์ กดดันเข้าบ้างในอนาคต เนื่องจากเป้าหมายเชิงนโยบายตะวันออกกลางในภาพรวมของผู้นำอเมริกันที่คาดเดาได้ยากรายนี้บางครั้งก็ไม่ได้ตรงกับผลประโยชน์ภายในประเทศและผลประโยชน์ด้านภูมิรัฐศาสตร์สำหรับ เนทันยาฮู เสมอไป
    .
    ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งสมัยแรก ทรัมป์ เคยหยิบยื่นชัยชนะให้แก่ เนทันยาฮู หลายครั้ง ตั้งแต่การย้ายสถานทูตอเมริกันจากกรุงเทลอาวีฟไปยังนครเยรูซาเลม เรื่อยไปจนถึงการทำข้อตกลงอบราฮัมที่ช่วยให้รัฐอาหรับหลายชาติยอมสถาปนาความสัมพันธ์การทูตกับอิสราเอล
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011557
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ สร้างความตกตะลึงอีกครั้งด้วยการประกาศว่าต้องการ “เทกโอเวอร์” ดินแดนกาซาเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ หลังจากส่งชาวปาเลสไตน์ “ออกไปอยู่อื่น” ในความเคลื่อนไหวซึ่งจะถือเป็นการทำลายจุดยืนที่สหรัฐฯ มีต่อปัญหายิว-ปาเลสไตน์มานานหลายสิบปี . ทรัมป์ แถลงแผนการสุดเซอร์ไพรส์นี้ระหว่างเปิดแถลงข่าวที่ทำเนียบขาวร่วมกับนายกรัฐมนตรี เบนจามิน เนทันยาฮู แห่งอิสราเอล โดยยังไม่ได้ให้รายละเอียดว่าจะดำเนินการอย่างไร . ก่อนหน้านั้นไม่นาน ทรัมป์ ได้เสนอให้ย้ายชาวปาเลสไตน์ออกจากกาซาไปตั้งถิ่นฐานใหม่แบบถาวรในประเทศข้างเคียง โดยระบุว่าดินแดนกาซาในปัจจุบันมีสภาพไม่ต่างจากพื้นที่ทุบทำลาย (demolition site) . “สหรัฐฯ จะเทกโอเวอร์ฉนวนกาซา และเราจะทำอะไรบางอย่างกับมันด้วย” ทรัมป์ บอกกับผู้สื่อข่าว “เราจะเป็นเจ้าของมัน และจะรับผิดชอบเรื่องการทำลายระเบิดที่ยังไม่ทำงาน และอาวุธต่างๆ ที่อยู่ในนั้น” . “หากมีความจำเป็น เราก็จะทำ เราจะเทกโอเวอร์ดินแดนตรงนั้น เราจะเข้าไปพัฒนามัน สร้างงานหลายพันหลายหมื่นตำแหน่ง และมันจะเป็นสิ่งที่ตะวันออกกลางทั้งภูมิภาคและทั่วโลกต้องภูมิใจ” ทรัมป์ กล่าว . เมื่อถามว่าแล้วใครจะเข้าไปอาศัยอยู่ในดินแดนตรงนั้น ทรัมป์ ตอบแบบกว้างๆ ว่ามันจะเป็น “บ้านสำหรับชาวโลก” . ด้าน เนทันยาฮู ก็กล่าวรับลูกทันควันว่า ทรัมป์ เป็นคนที่ “กล้าคิดนอกกรอบด้วยไอเดียใหม่ๆ” และ “แสดงความตั้งใจจริงที่จะแทงทะลุกรอบความคิดเดิมๆ” . อย่างไรก็ดี ทรัมป์ ไม่ได้ชี้แจงข้อซักถามของสื่อมวลชนที่ว่า สหรัฐฯ จะเอาอำนาจอะไรไปเทกโอเวอร์ดินแดนกาซา และยึดครองมันในระยะยาว . ทรัมป์ ยังย้ำข้อเรียกร้องให้จอร์แดน อียิปต์ และรัฐอาหรับอื่นๆ รับชาวกาซาไปอยู่อาศัย โดยชี้ว่าชาวปาเลสไตน์ "ไม่มีทางเลือกอื่น" นอกจากละทิ้งดินแดนผืนแคบๆ ที่อยู่ติดชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียนแห่งนี้ไปเสีย เนื่องจากกาซาจำเป็นต้องได้รับการบูรณะฟื้นฟูขนานใหญ่หลังเสียหายย่อยยับจากสงครามระหว่างอิสราเอลกับฮามาสในช่วง 16 เดือนที่ผ่านมา . อย่างไรก็ดี ครั้งนี้ ทรัมป์ ประกาศชัดว่าเขาสนับสนุนการย้ายชาวกาซาแบบ "ถาวร" ซึ่งเป็นเรื่องหนักหน่วงเสียยิ่งกว่าข้อเสนอเดิมซึ่งบรรดารัฐอาหรับก็ไม่เอาด้วยอยู่แล้ว . เพียง 2 สัปดาห์หลังเข้ารับตำแหน่งเทอมสอง ทรัมป์ ได้เปิดทำเนียบขาวต้อนรับผู้นำยิวเพื่อหารือข้อตกลงหยุดยิงที่เปราะบางในกาซา ยุทธศาสตร์ต่อต้านอิหร่าน รวมไปถึงความหวังที่จะรื้อฟื้นแผนผลักดันการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระดับปกติระหว่างอิสราเอลกับซาอุดีอาระเบีย . "มันเป็นพื้นที่ทุบทำลายชัดๆ" ทรัมป์ เอ่ยถึงกาซาก่อนที่จะพบ เนทันยาฮู ไม่นานนัก . "ถ้าเราสามารถหาที่ดินสักผืนที่ใช่ หรืออาจจะหลายๆ ผืน และสร้างสถานที่ที่ดีและมีเม็ดเงินมหาศาลให้พวกเขา แน่นอน... ผมคิดว่ามันจะดีกว่าการกลับเข้าไปอยู่ในกาซา" ทรัมป์ กล่าว . "ผมไม่รู้จริงๆ ว่าทำไม (ชาวปาเลสไตน์) ถึงยังอยากอยู่ที่นั่น" ทรัมป์ให้คำตอบ หลังถูกถามถึงปฏิกิริยาของบรรดาผู้นำชาติอาหรับเกี่ยวกับข้อเสนอของเขา . ระหว่างพบ เนทันยาฮู ที่ห้องทำงานรูปไข่ ทรัมป์ ได้ย้ำข้อเสนอเดิม โดยคราวนี้บอกว่าชาวปาเลสไตน์ควรย้ายออกจากกาซาไปเลยแบบถาวร "ไปอยู่ในบ้านใหม่ที่ดี ที่ซึ่งพวกเขาจะสามารถใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ไม่ต้องถูกยิง ไม่ต้องถูกสังหาร" . "พวกเขาจะไม่อยากกลับไปอยู่กาซาอีก" . ทรัมป์ ไม่ได้ให้รายละเอียดว่ากระบวนการโยกย้ายชาวปาเลสไตน์จะกระทำอย่างไร แต่ข้อเสนอนี้เรียกได้ว่าเติมเต็มความปรารถนาของกลุ่มขวาจัดในอิสราเอล และขัดแย้งสิ้นเชิงกับจุดยืนของอดีตประธานาธิบดี โจ ไบเดน แห่งสหรัฐฯ ที่ให้คำมั่นว่าจะไม่มีการบังคับเคลื่อนย้ายชาวปาเลสไตน์จากกาซา . นักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิมนุษยชนบางคนออกมาวิจารณ์ข้อเสนอ ทรัมป์ ว่าไม่ต่างอะไรกับการล้างชาติพันธุ์ (ethnic cleansing) ซึ่งเข้าข่ายละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ นอกจากนี้ยังมีแนวโน้มที่จะเผชิญกระแสต่อต้านรุนแรงไม่เพียงแต่ในตะวันออกกลาง แต่รวมถึงจากบรรดาพันธมิตรตะวันตกของสหรัฐฯ เองด้วย . ซามี อบู ซูห์รี เจ้าหน้าที่ระดับสูงของฮามาส ออกมาประณามแผนของ ทรัมป์ ว่าเป็นการ "ขับไล่ชาวกาซาออกจากดินแดนของพวกเขาเอง" . "เรามองว่านี่คือสูตรสำเร็จที่จะสร้างความวุ่นวายและความตึงเครียดขึ้นในภูมิภาค เพราะชาวกาซาจะไม่มีวันยอมให้แผนการเช่นนี้เกิดขึ้น" เขากล่าว . การที่ ทรัมป์ เลือกให้ เนทันยาฮู เป็นผู้นำต่างชาติรายแรกที่ได้มาพบเขาที่ทำเนียบขาวหลังสาบานตนเป็นผู้นำสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 20 ม.ค. ถูกมองว่าเป็นความพยายามโชว์ความสัมพันธ์ที่แนบแน่นระหว่างตนกับผู้นำยิว ตามหลังช่วงเวลาอันระหองระแหงระหว่าง เนทันยาฮู กับ ไบเดน สืบเนื่องจากสงครามในกาซา . อย่างไรก็ตาม เนทันยาฮู ก็อาจจะเป็นฝ่ายถูก ทรัมป์ กดดันเข้าบ้างในอนาคต เนื่องจากเป้าหมายเชิงนโยบายตะวันออกกลางในภาพรวมของผู้นำอเมริกันที่คาดเดาได้ยากรายนี้บางครั้งก็ไม่ได้ตรงกับผลประโยชน์ภายในประเทศและผลประโยชน์ด้านภูมิรัฐศาสตร์สำหรับ เนทันยาฮู เสมอไป . ในช่วงที่ดำรงตำแหน่งสมัยแรก ทรัมป์ เคยหยิบยื่นชัยชนะให้แก่ เนทันยาฮู หลายครั้ง ตั้งแต่การย้ายสถานทูตอเมริกันจากกรุงเทลอาวีฟไปยังนครเยรูซาเลม เรื่อยไปจนถึงการทำข้อตกลงอบราฮัมที่ช่วยให้รัฐอาหรับหลายชาติยอมสถาปนาความสัมพันธ์การทูตกับอิสราเอล . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011557 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    Sad
    11
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1348 มุมมอง 0 รีวิว
  • สงครามการค้าระดับมหาอำนาจระอุ จีนประกาศตอบโต้มาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์ทันควัน สั่งเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าบางรายการจากอเมริกา รวมทั้งเปิดสอบสวนกูเกิลกรณีผูกขาดตลาด และขึ้นบัญชีบริษัทอเมริกันอีก 2 แห่งในรายชื่อบริษัทที่อาจถูกแซงก์ชัน ทั้งนี้หลังจากเมื่อวันจันทร์ (3) ผู้นำสหรัฐฯ ผ่อนผันหยุดพักการเล่นงานแคนาดากับเม็กซิโกเอาไว้ก่อน ทำให้ 3 ชาติที่ถูกวอชิงตันหมายหัวในตอนแรก เหลือเพียงปักกิ่งเท่านั้นซึ่งเกิดการต่อกรกันอย่างจริงจัง
    .
    อเมริกาเริ่มเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากจีนทุกรายการเพิ่มขึ้น 10% รวด ตามคำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ มีผลเมื่อเวลา 00.01 น. วันอังคาร (4 ก.พ.) ตามเวลาในวอชิงตัน หรือ 12.01 น.ตามเวลาเมืองไทย โดยที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ย้ำข้อกล่าวหาของเขาที่ว่า ปักกิ่งไม่พยายามมากพอในการสกัดการลักลอบขนยาเสพติดแฟนทานิล เข้าสู่อเมริกา
    .
    จากนั้นภายในไม่กี่นาทีต่อมา กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศขึ้นภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ซึ่งส่งมาจากอเมริกา สูงขึ้น 15% จาก น้ำมันดิบ อุปกรณ์เกษตรกรรม รถบรรทุก รถซีดาน 10% โดยที่การเรียกเก็บภาษี 10% สำหรับรถกระบะไฟฟ้าที่นำเข้าจากอเมริกานั้น อาจบังคับใช้กับไซเบอร์ทรัค “เทสลา” ของอีลอน มัสก์ในอนาคต
    .
    จีนยังประกาศเริ่มการสอบสวนที่มุ่งต่อต้านพฤติการณ์การผูกขาดของกูเกิล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอัลฟาเบต รวมทั้งขึ้นบัญชีพีวีเอช คอร์ป บริษัทโฮลดิ้งเจ้าของแบรนด์แคลวิน ไคลน์ และบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ อิลลูมินา เอาไว้ในรายชื่อบริษัทที่อาจถูกแซงก์ชันในจีน โดยบริษัทเหล่านี้ล้วนเป็นกิจการของอเมริกา
    .
    นอกจากนั้น กระทรวงพาณิชย์และสำนักงานศุลกากรจีนยังสั่งควบคุมการส่งออกโลหะบางรายการที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ทางทหาร และแผงพลังงานแสงอาทิตย์
    .
    มาตรการภาษีศุลกากรใหม่ของจีนเหล่านี้ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. ซึ่งดูจะเพื่อเปิดโอกาสให้วอชิงตันและปักกิ่งได้ใช้ความพยายามและบรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงสงครามการค้า โดยที่โฆษกทำเนียบขาวก็ระบุเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า ทรัมป์มีแผนหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ปลายสัปดาห์นี้
    .
    ระหว่างดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ทรัมป์ก็ได้เริ่มสงครามการค้าอันโหดร้ายกับจีนในปี 2018 โดยอ้างเหตุจากกรณีที่ปักกิ่งเกินดุลการค้าอเมริกามหาศาล จากนั้นทั้งสองฝ่ายมีการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กันไปมาซึ่งครอบคลุมสินค้ามูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานโลกชะงักงัน และสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลก
    .
    สำหรับคราวนี้ บริษัทวิเคราะห์เศรษฐกิจ ออกซ์ฟอร์ด อิโคโนมิกส์ ได้ลดการคาดการณ์อัตราเติบโตของจีนลง พร้อมกับชี้ว่า สงครามการค้าอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยมีแนวโน้มจะมีการขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้กันอีก
    .
    ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ ทรัมป์ได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหาร 3 ฉบับ เรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้น 25% กับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกทั้งหมด และกับสินค้านำเข้าจากแคนดา ยกเว้นสินค้าบางชนิดอย่างเช่นน้ำมัน เก็บเพิ่ม 10% และเรียกเก็บเพิ่ม 10% กับสินค้านำเข้าจากจีนทั้งหมด โดยที่เขาให้เหตุผลว่า เพื่อบีบบังคับให้ 3 ประเทศนี้ซึ่งต่างเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ต้องเพิ่มมาตรการแก้ไขปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายอาศัยดินแดนของเม็กซิโกและแคนาดา หลบหนีเข้าสหรัฐฯ ตลอดจนให้เม็กซิโก แคนาดา และจีนเร่งความกวดขันไม่ให้มีการแอบจัดส่งสารเสพติดเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ
    .
    อย่างไรก็ดี ในวันจันทร์ ทรัมป์ได้มีการพูดจาทางโทรศัพท์แยกต่างหากกับนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของแคนาดา และประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบามของเม็กซิโก หลังจากนั้น เขาก็สั่งชะลอการเรียกเก็บภาษีศุลกากร 25% กับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาออกไปอีก 30 วันในนาทีสุดท้าย โดยระบุว่าทั้งผู้นำของแคนาดาและเม็กซิโก ตกลงยกระดับการควบคุมชายแดนตามที่เขาเรียกร้อง เพื่อปราบปรามการลักลอบส่งยาเสพติดและการลักลอบจัดส่งผู้อพยพเข้าอเมริกา
    .
    ทั้งนี้ แคนาดาตกลงใช้เทคโนโลยีใหม่และเจ้าหน้าที่ประจำการบริเวณชายแดนติดกับอเมริกา รวมทั้งร่วมมือกับอเมริกาต่อสู้กับแก๊งอาชญากรรม การลักลอบส่งเฟนทานิล และการฟอกเงิน
    .
    ส่วนเม็กซิโกตกลงส่งสมาชิกกองกำลังป้องกันประเทศ 10,000 นายประจำการบริเวณชายแดนด้านเหนือที่ติดต่อกับสหรัฐฯ เพื่อสกัดผู้ลักลอบข้ามแดนและการส่งยาเสพติดเข้าไปในอเมริกา
    .
    สำหรับกรณีของจีนนั้น ผู้นำของ 2 ประเทศไม่ได้มีการติดต่อพูดโทรศัพท์กัน โดยที่ทำเนียบขาวระบุว่า สี กับ ทรัมป์ จะหารือกันในช่วงต่อไปของสัปดาห์นี้ ดังนั้น จึงหมายความว่า เหลือเพียงจีนประเทศเดียว ที่จะถูกสหรัฐฯ เล่นงานขึ้นภาษีตั้งแต่วันอังคาร
    .
    ทรัมป์ยังเตือนว่า อาจขึ้นภาษีศุลกากรจีนรอบใหม่อีก ยกเว้นจีนจะลงมือสกัดการลักลอบส่งเฟนทานิลเข้าสู่อเมริกา
    .
    ทว่า จีนตอบโต้ว่า เฟนทานิลเป็นปัญหาของอเมริกาเอง และเตรียมร้องเรียนต่อองค์การการค้าโลก (WHO) รวมทั้งใช้มาตรการตอบโต้อื่นๆ ถึงแม้ปักกิ่งบอกด้วยว่า พร้อมเจรจากับอเมริกา
    .
    แกรี อึง นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของเนติซิสในฮ่องกง ชี้ว่า การตกลงระหว่างอเมริกากับจีนเกี่ยวกับข้อเรียกร้องทางเศรษฐกิจและการเมืองของทรัมป์จะยากกว่ากรณีแคนาดาและเม็กซิโก และถึงแม้ตกลงกันได้ในบางประเด็น แต่เป็นไปได้ว่า ภาษีศุลกากรจะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือกดดันในประเด็นอื่นๆ อีก และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดการเงินผันผวนในปีนี้
    .
    ก่อนหน้านั้นทรัมป์ยอมรับว่า มาตรการภาษีศุลกากรอาจส่งผลลบระยะสั้นต่อผู้บริโภคอเมริกัน แต่ก็อ้างว่าเป็นเรื่องจำเป็นต้องทำ
    .
    ไม่เพียงพุ่งเป้าไปที่ 3 ประเทศดังกล่าวข้างหน้า ในการแถลงเมื่อวันอาทิตย์ (2) ทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่า สหภาพยุโรป อาจเป็นเป้าหมายต่อไป
    .
    ต่อมาในวันจันทร์ บรรดาผู้นำอียูที่ร่วมประชุมสุดยอดอย่างไม่เป็นทางการในบรัสเซลส์ได้ประกาศว่า ยุโรปพร้อมตอบโต้ หากอเมริกาเรียกเก็บภาษีศุลกากร แต่ขณะเดียวกันก็เรียกร้องขอเจรจากับวอชิงตัน ซึ่งเป็นหุ้นส่วนการค้าและการลงทุนใหญ่ที่สุด
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011540
    ..............
    Sondhi X
    สงครามการค้าระดับมหาอำนาจระอุ จีนประกาศตอบโต้มาตรการภาษีศุลกากรของทรัมป์ทันควัน สั่งเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าบางรายการจากอเมริกา รวมทั้งเปิดสอบสวนกูเกิลกรณีผูกขาดตลาด และขึ้นบัญชีบริษัทอเมริกันอีก 2 แห่งในรายชื่อบริษัทที่อาจถูกแซงก์ชัน ทั้งนี้หลังจากเมื่อวันจันทร์ (3) ผู้นำสหรัฐฯ ผ่อนผันหยุดพักการเล่นงานแคนาดากับเม็กซิโกเอาไว้ก่อน ทำให้ 3 ชาติที่ถูกวอชิงตันหมายหัวในตอนแรก เหลือเพียงปักกิ่งเท่านั้นซึ่งเกิดการต่อกรกันอย่างจริงจัง . อเมริกาเริ่มเก็บภาษีศุลกากรสินค้านำเข้าจากจีนทุกรายการเพิ่มขึ้น 10% รวด ตามคำสั่งฝ่ายบริหารของทรัมป์ มีผลเมื่อเวลา 00.01 น. วันอังคาร (4 ก.พ.) ตามเวลาในวอชิงตัน หรือ 12.01 น.ตามเวลาเมืองไทย โดยที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ย้ำข้อกล่าวหาของเขาที่ว่า ปักกิ่งไม่พยายามมากพอในการสกัดการลักลอบขนยาเสพติดแฟนทานิล เข้าสู่อเมริกา . จากนั้นภายในไม่กี่นาทีต่อมา กระทรวงพาณิชย์จีนประกาศขึ้นภาษีศุลกากรที่เรียกเก็บจากถ่านหินและก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) ซึ่งส่งมาจากอเมริกา สูงขึ้น 15% จาก น้ำมันดิบ อุปกรณ์เกษตรกรรม รถบรรทุก รถซีดาน 10% โดยที่การเรียกเก็บภาษี 10% สำหรับรถกระบะไฟฟ้าที่นำเข้าจากอเมริกานั้น อาจบังคับใช้กับไซเบอร์ทรัค “เทสลา” ของอีลอน มัสก์ในอนาคต . จีนยังประกาศเริ่มการสอบสวนที่มุ่งต่อต้านพฤติการณ์การผูกขาดของกูเกิล ซึ่งเป็นบริษัทในเครือของอัลฟาเบต รวมทั้งขึ้นบัญชีพีวีเอช คอร์ป บริษัทโฮลดิ้งเจ้าของแบรนด์แคลวิน ไคลน์ และบริษัทเทคโนโลยีชีวภาพ อิลลูมินา เอาไว้ในรายชื่อบริษัทที่อาจถูกแซงก์ชันในจีน โดยบริษัทเหล่านี้ล้วนเป็นกิจการของอเมริกา . นอกจากนั้น กระทรวงพาณิชย์และสำนักงานศุลกากรจีนยังสั่งควบคุมการส่งออกโลหะบางรายการที่จำเป็นสำหรับการผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์ทางทหาร และแผงพลังงานแสงอาทิตย์ . มาตรการภาษีศุลกากรใหม่ของจีนเหล่านี้ จะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ. ซึ่งดูจะเพื่อเปิดโอกาสให้วอชิงตันและปักกิ่งได้ใช้ความพยายามและบรรลุข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงสงครามการค้า โดยที่โฆษกทำเนียบขาวก็ระบุเอาไว้ก่อนหน้านี้แล้วว่า ทรัมป์มีแผนหารือกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ปลายสัปดาห์นี้ . ระหว่างดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสมัยแรก ทรัมป์ก็ได้เริ่มสงครามการค้าอันโหดร้ายกับจีนในปี 2018 โดยอ้างเหตุจากกรณีที่ปักกิ่งเกินดุลการค้าอเมริกามหาศาล จากนั้นทั้งสองฝ่ายมีการเรียกเก็บภาษีศุลกากรตอบโต้กันไปมาซึ่งครอบคลุมสินค้ามูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ห่วงโซ่อุปทานโลกชะงักงัน และสร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจโลก . สำหรับคราวนี้ บริษัทวิเคราะห์เศรษฐกิจ ออกซ์ฟอร์ด อิโคโนมิกส์ ได้ลดการคาดการณ์อัตราเติบโตของจีนลง พร้อมกับชี้ว่า สงครามการค้าอยู่ในช่วงเริ่มต้น โดยมีแนวโน้มจะมีการขึ้นภาษีศุลกากรตอบโต้กันอีก . ทั้งนี้ เมื่อวันอาทิตย์ ทรัมป์ได้ออกคำสั่งฝ่ายบริหาร 3 ฉบับ เรียกเก็บภาษีศุลกากรเพิ่มขึ้น 25% กับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกทั้งหมด และกับสินค้านำเข้าจากแคนดา ยกเว้นสินค้าบางชนิดอย่างเช่นน้ำมัน เก็บเพิ่ม 10% และเรียกเก็บเพิ่ม 10% กับสินค้านำเข้าจากจีนทั้งหมด โดยที่เขาให้เหตุผลว่า เพื่อบีบบังคับให้ 3 ประเทศนี้ซึ่งต่างเป็นคู่ค้ารายใหญ่ของสหรัฐฯ ต้องเพิ่มมาตรการแก้ไขปัญหาผู้อพยพผิดกฎหมายอาศัยดินแดนของเม็กซิโกและแคนาดา หลบหนีเข้าสหรัฐฯ ตลอดจนให้เม็กซิโก แคนาดา และจีนเร่งความกวดขันไม่ให้มีการแอบจัดส่งสารเสพติดเฟนทานิลเข้าสู่สหรัฐฯ . อย่างไรก็ดี ในวันจันทร์ ทรัมป์ได้มีการพูดจาทางโทรศัพท์แยกต่างหากกับนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโดของแคนาดา และประธานาธิบดีคลอเดีย เชนบามของเม็กซิโก หลังจากนั้น เขาก็สั่งชะลอการเรียกเก็บภาษีศุลกากร 25% กับสินค้านำเข้าจากเม็กซิโกและแคนาดาออกไปอีก 30 วันในนาทีสุดท้าย โดยระบุว่าทั้งผู้นำของแคนาดาและเม็กซิโก ตกลงยกระดับการควบคุมชายแดนตามที่เขาเรียกร้อง เพื่อปราบปรามการลักลอบส่งยาเสพติดและการลักลอบจัดส่งผู้อพยพเข้าอเมริกา . ทั้งนี้ แคนาดาตกลงใช้เทคโนโลยีใหม่และเจ้าหน้าที่ประจำการบริเวณชายแดนติดกับอเมริกา รวมทั้งร่วมมือกับอเมริกาต่อสู้กับแก๊งอาชญากรรม การลักลอบส่งเฟนทานิล และการฟอกเงิน . ส่วนเม็กซิโกตกลงส่งสมาชิกกองกำลังป้องกันประเทศ 10,000 นายประจำการบริเวณชายแดนด้านเหนือที่ติดต่อกับสหรัฐฯ เพื่อสกัดผู้ลักลอบข้ามแดนและการส่งยาเสพติดเข้าไปในอเมริกา . สำหรับกรณีของจีนนั้น ผู้นำของ 2 ประเทศไม่ได้มีการติดต่อพูดโทรศัพท์กัน โดยที่ทำเนียบขาวระบุว่า สี กับ ทรัมป์ จะหารือกันในช่วงต่อไปของสัปดาห์นี้ ดังนั้น จึงหมายความว่า เหลือเพียงจีนประเทศเดียว ที่จะถูกสหรัฐฯ เล่นงานขึ้นภาษีตั้งแต่วันอังคาร . ทรัมป์ยังเตือนว่า อาจขึ้นภาษีศุลกากรจีนรอบใหม่อีก ยกเว้นจีนจะลงมือสกัดการลักลอบส่งเฟนทานิลเข้าสู่อเมริกา . ทว่า จีนตอบโต้ว่า เฟนทานิลเป็นปัญหาของอเมริกาเอง และเตรียมร้องเรียนต่อองค์การการค้าโลก (WHO) รวมทั้งใช้มาตรการตอบโต้อื่นๆ ถึงแม้ปักกิ่งบอกด้วยว่า พร้อมเจรจากับอเมริกา . แกรี อึง นักเศรษฐศาสตร์อาวุโสของเนติซิสในฮ่องกง ชี้ว่า การตกลงระหว่างอเมริกากับจีนเกี่ยวกับข้อเรียกร้องทางเศรษฐกิจและการเมืองของทรัมป์จะยากกว่ากรณีแคนาดาและเม็กซิโก และถึงแม้ตกลงกันได้ในบางประเด็น แต่เป็นไปได้ว่า ภาษีศุลกากรจะถูกนำมาใช้เป็นเครื่องมือกดดันในประเด็นอื่นๆ อีก และเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ตลาดการเงินผันผวนในปีนี้ . ก่อนหน้านั้นทรัมป์ยอมรับว่า มาตรการภาษีศุลกากรอาจส่งผลลบระยะสั้นต่อผู้บริโภคอเมริกัน แต่ก็อ้างว่าเป็นเรื่องจำเป็นต้องทำ . ไม่เพียงพุ่งเป้าไปที่ 3 ประเทศดังกล่าวข้างหน้า ในการแถลงเมื่อวันอาทิตย์ (2) ทรัมป์ยังส่งสัญญาณว่า สหภาพยุโรป อาจเป็นเป้าหมายต่อไป . ต่อมาในวันจันทร์ บรรดาผู้นำอียูที่ร่วมประชุมสุดยอดอย่างไม่เป็นทางการในบรัสเซลส์ได้ประกาศว่า ยุโรปพร้อมตอบโต้ หากอเมริกาเรียกเก็บภาษีศุลกากร แต่ขณะเดียวกันก็เรียกร้องขอเจรจากับวอชิงตัน ซึ่งเป็นหุ้นส่วนการค้าและการลงทุนใหญ่ที่สุด . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011540 .............. Sondhi X
    Like
    13
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1406 มุมมอง 0 รีวิว
  • เครื่องบินลาดตระเวน RC-135 ของกองทัพอากาศสหรัฐ บินรุกล้ำเข้าสู่น่านฟ้าของเม็กซิโก หลังจากเม็กซิโกตกลงที่จะร่วมมือในการต่อสู้กับกลุ่มค้ายา

    พีท เฮกเซธ (Pete Hegseth) รมว.กลาโหมสหรัฐ ขณะนี้เขาอยู่ชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก ให้คำมั่นว่าจะ “การควบคุมการปฏิบัติการ” นี้อย่างเต็มที่ และส่งคำขู่ถึงกลุ่มค้ายาในเม็กซิโกว่า "มีทางเลือก(กำจัด)ทั้งหมดอยู่บนโต๊ะ"

    ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกร้องให้มีการควบคุมปฏิบัติการบริเวณชายแดน 100% และเฮกเซธก็ลงมือทำทันทีตามคำสั่งด้วยการรุกล้ำน่านฟ้าเม็กซิโก
    เครื่องบินลาดตระเวน RC-135 ของกองทัพอากาศสหรัฐ บินรุกล้ำเข้าสู่น่านฟ้าของเม็กซิโก หลังจากเม็กซิโกตกลงที่จะร่วมมือในการต่อสู้กับกลุ่มค้ายา พีท เฮกเซธ (Pete Hegseth) รมว.กลาโหมสหรัฐ ขณะนี้เขาอยู่ชายแดนสหรัฐ-เม็กซิโก ให้คำมั่นว่าจะ “การควบคุมการปฏิบัติการ” นี้อย่างเต็มที่ และส่งคำขู่ถึงกลุ่มค้ายาในเม็กซิโกว่า "มีทางเลือก(กำจัด)ทั้งหมดอยู่บนโต๊ะ" ก่อนหน้านี้ประธานาธิบดีทรัมป์เรียกร้องให้มีการควบคุมปฏิบัติการบริเวณชายแดน 100% และเฮกเซธก็ลงมือทำทันทีตามคำสั่งด้วยการรุกล้ำน่านฟ้าเม็กซิโก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 135 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทีมงานที่เชี่ยวชาญในการกำจัดระเบิดได้ใช้ยานใต้น้ำที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้าเพื่อค้นหาและกำจัดระเบิดในอ่าวลือเบ็ค (Bay of Lübeck) ทางชายฝั่งตอนเหนือของเยอรมนี

    ในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคม 2024 ทีมงานด้านสิ่งแวดล้อมได้ใช้ยานใต้น้ำที่ติดตั้งกล้อง ไฟสว่าง และเซนเซอร์ต่าง ๆ เพื่อตามหาระเบิดใต้น้ำที่ถูกทิ้งไปเกือบแปดสิบปีที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญได้ประเมินวัตถุแต่ละชิ้นจากแพลตฟอร์มที่ลอยอยู่เหนือสถานที่ทิ้งระเบิด จากนั้นใช้แม่เหล็กไฟฟ้าบนหุ่นยนต์หรือแขนขุดไฮดรอลิกในการบรรจุระเบิดลงในภาชนะที่ปิดผนึกอย่างปลอดภัย

    โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนริเริ่มที่กำลังดำเนินการเพื่อจัดการกับซากอาวุธที่เป็นพิษจากสงครามที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมในทะเลบอลติกและทะเลเหนือ คาดว่ามีการทิ้งอาวุธประมาณ 1.6 ล้านตันในน่านน้ำของเยอรมนีเพียงแห่งเดียว ซึ่งรวมถึงอาวุธทางเคมีที่อยู่ใต้น้ำ

    งานวิจัยพบว่ามีสาร TNT อยู่ในหอยแมลงภู่และปลาที่อยู่ใกล้กับสถานที่ทิ้งระเบิด และปลาที่อาศัยอยู่ใกล้เรือรบที่จมน้ำมีอัตราการเป็นมะเร็งตับและความเสียหายของอวัยวะที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โครงการนี้ใช้งบประมาณจำนวน 100 ล้านยูโรจากรัฐบาลเยอรมนีเพื่อพัฒนาระบบที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดระเบิดจากพื้นทะเล และกำลังดำเนินการทดสอบเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น การใช้ยานใต้น้ำที่ควบคุมจากระยะไกลเพื่อทำแผนที่ สแกน และวิเคราะห์พื้นทะเล

    https://www.techspot.com/news/106628-underwater-robots-clearing-german-coast-dangerous-explosives-wwii.html
    ทีมงานที่เชี่ยวชาญในการกำจัดระเบิดได้ใช้ยานใต้น้ำที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้าเพื่อค้นหาและกำจัดระเบิดในอ่าวลือเบ็ค (Bay of Lübeck) ทางชายฝั่งตอนเหนือของเยอรมนี ในช่วงเดือนกันยายนและตุลาคม 2024 ทีมงานด้านสิ่งแวดล้อมได้ใช้ยานใต้น้ำที่ติดตั้งกล้อง ไฟสว่าง และเซนเซอร์ต่าง ๆ เพื่อตามหาระเบิดใต้น้ำที่ถูกทิ้งไปเกือบแปดสิบปีที่ผ่านมา ผู้เชี่ยวชาญได้ประเมินวัตถุแต่ละชิ้นจากแพลตฟอร์มที่ลอยอยู่เหนือสถานที่ทิ้งระเบิด จากนั้นใช้แม่เหล็กไฟฟ้าบนหุ่นยนต์หรือแขนขุดไฮดรอลิกในการบรรจุระเบิดลงในภาชนะที่ปิดผนึกอย่างปลอดภัย โครงการนี้เป็นส่วนหนึ่งของแผนริเริ่มที่กำลังดำเนินการเพื่อจัดการกับซากอาวุธที่เป็นพิษจากสงครามที่ก่อให้เกิดอันตรายต่อสิ่งแวดล้อมในทะเลบอลติกและทะเลเหนือ คาดว่ามีการทิ้งอาวุธประมาณ 1.6 ล้านตันในน่านน้ำของเยอรมนีเพียงแห่งเดียว ซึ่งรวมถึงอาวุธทางเคมีที่อยู่ใต้น้ำ งานวิจัยพบว่ามีสาร TNT อยู่ในหอยแมลงภู่และปลาที่อยู่ใกล้กับสถานที่ทิ้งระเบิด และปลาที่อาศัยอยู่ใกล้เรือรบที่จมน้ำมีอัตราการเป็นมะเร็งตับและความเสียหายของอวัยวะที่สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โครงการนี้ใช้งบประมาณจำนวน 100 ล้านยูโรจากรัฐบาลเยอรมนีเพื่อพัฒนาระบบที่มีประสิทธิภาพในการกำจัดระเบิดจากพื้นทะเล และกำลังดำเนินการทดสอบเทคโนโลยีใหม่ ๆ เช่น การใช้ยานใต้น้ำที่ควบคุมจากระยะไกลเพื่อทำแผนที่ สแกน และวิเคราะห์พื้นทะเล https://www.techspot.com/news/106628-underwater-robots-clearing-german-coast-dangerous-explosives-wwii.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Underwater robots are clearing the German coast of dangerous explosives from World War II
    Throughout September and October 2024, environmental teams deployed advanced underwater vehicles equipped with cameras, powerful lights, and sensors to hunt for submerged explosives from nearly eight decades...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 117 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐสมาชิกขององค์การอนามัยโลก(WHO) จะหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดงบประมาณลงบางส่วนราว 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคลื่อนไหวพาอเมริกา ในฐานะรัฐบาลผู้สนับสนุนรายใหญ่ ถอนตัวออกจากหน่วยงานสาธารณสุขระหว่างประเทศแห่งนี้ อ้างอิงจากเอกสารที่เผยแพร่ในวันจันทร์(3ก.พ.)
    .
    ระหว่างกล่าวเปิดประชุมประจำปี คณะกรรมการบริหารขององค์การอนามัยโลก ทาง ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ ยังได้กล่าวปกป้องการทำงานขององค์การแห่งนี้และการปฏิรูปเมื่อเร็วๆนี้ พร้อมเน้นย้ำเสียงเรียกร้องให้อเมริกา ทบทวนพิจารณาใหม่เกี่ยวกับการถอนตัว และหันหน้ามาเจรจากับองค์การอนามัยโลก เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆนานาเพิ่มเติม
    .
    "เราจะยินดีอ้าแขนรับคำชี้แนะต่างๆจากสหรัฐฯและรัฐสมาชิกทุกราย สำหรับแนวทางที่เรารับใช้พวกคุณและประชาชนทั่วโลกให้ดีกว่าเดิม" เขากล่าว
    .
    การปรับลดประมาณจะมีการหารือกัน ณ ที่ประชุมในเจนีวา ระหว่างวันที่ 3-11 กุมภาพันธ์ โดยระหว่างนั้นพวกผู้แทนของรัฐสมาชิกจะพูดคุยกันเกี่ยวกับงบประมาณและแผนการทำงานขององค์การอนรามัยโลก สำหรับช่วงเวลาปี 2026-2027
    .
    ในเอกสารที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์(3ก.พ.) คณะกรรมการบริหารเสนอปรับดงบประมาณบนพื้นฐานของหมวดหมู่โครงการต่างๆของงบประมาณ จาก 5,300 ล้านดอลลาร์ เหลือ 4,900 ล้านดอลลาร์ จากเดิมที่เคยมีการเสนอปรับเพิ่มงบประมาณเป็น 7,500 ล้านดอลลาร์ สำหรับปี 2026-2027 ในนั้นรวมถึงเงินทุนสำหรับกำจัดโรคโปลิโอและรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ
    .
    "จากการถอนตัวออกไปของผู้สนับสนุนทางการเงินใหญ่ที่สุด งบประมาณไม่อาจดำเนินไปตามปกติ" เอกสารระบุ ทั้งนี้สหรัฐฯคือผู้บริจาคระดับรัฐรายใหญ่ที่สุดขององค์การอนามัยโลก โดยสนับสนุนเงินทุนคิดเป็นสัดส่วนราวๆ 18 % ของงบประมาณทั้งหมด ทั้งนี้องค์การอนามัยโลกใช้ได้มาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายบางส่วนแยกกันไปแล้วก่อนหน้านี้ ตามหลังความเคลื่อนไหวของอเมริกา
    .
    อย่างไรก็ตามตัวแทนบางส่วนของคณะกรรมการ ต้องการส่งสารให้เห็นว่าทางองค์การอนามัยโลก จะคงไว้ซึ่งทิศทางขององค์กร แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆนานา
    .
    ทั้งนี้งบประมาณที่อาจเหลือเพียง 4,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะเป็นจำนวนเดียวกับงบประมณบนพื้นฐานของโครงการ สำหรับช่วงเวลาปี 2024-2025
    .
    ทรัมป์ เคลื่อนไหวถอนสหรัฐฯออกจากองค์การอนามัยโลก ในวันแรกของการเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน และภายใต้กฎหมายของอเมริกา กระบวนการนี้จะใช้เวลา 1 ปี
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011142
    ..............
    Sondhi X
    รัฐสมาชิกขององค์การอนามัยโลก(WHO) จะหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดงบประมาณลงบางส่วนราว 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคลื่อนไหวพาอเมริกา ในฐานะรัฐบาลผู้สนับสนุนรายใหญ่ ถอนตัวออกจากหน่วยงานสาธารณสุขระหว่างประเทศแห่งนี้ อ้างอิงจากเอกสารที่เผยแพร่ในวันจันทร์(3ก.พ.) . ระหว่างกล่าวเปิดประชุมประจำปี คณะกรรมการบริหารขององค์การอนามัยโลก ทาง ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ ยังได้กล่าวปกป้องการทำงานขององค์การแห่งนี้และการปฏิรูปเมื่อเร็วๆนี้ พร้อมเน้นย้ำเสียงเรียกร้องให้อเมริกา ทบทวนพิจารณาใหม่เกี่ยวกับการถอนตัว และหันหน้ามาเจรจากับองค์การอนามัยโลก เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆนานาเพิ่มเติม . "เราจะยินดีอ้าแขนรับคำชี้แนะต่างๆจากสหรัฐฯและรัฐสมาชิกทุกราย สำหรับแนวทางที่เรารับใช้พวกคุณและประชาชนทั่วโลกให้ดีกว่าเดิม" เขากล่าว . การปรับลดประมาณจะมีการหารือกัน ณ ที่ประชุมในเจนีวา ระหว่างวันที่ 3-11 กุมภาพันธ์ โดยระหว่างนั้นพวกผู้แทนของรัฐสมาชิกจะพูดคุยกันเกี่ยวกับงบประมาณและแผนการทำงานขององค์การอนรามัยโลก สำหรับช่วงเวลาปี 2026-2027 . ในเอกสารที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์(3ก.พ.) คณะกรรมการบริหารเสนอปรับดงบประมาณบนพื้นฐานของหมวดหมู่โครงการต่างๆของงบประมาณ จาก 5,300 ล้านดอลลาร์ เหลือ 4,900 ล้านดอลลาร์ จากเดิมที่เคยมีการเสนอปรับเพิ่มงบประมาณเป็น 7,500 ล้านดอลลาร์ สำหรับปี 2026-2027 ในนั้นรวมถึงเงินทุนสำหรับกำจัดโรคโปลิโอและรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ . "จากการถอนตัวออกไปของผู้สนับสนุนทางการเงินใหญ่ที่สุด งบประมาณไม่อาจดำเนินไปตามปกติ" เอกสารระบุ ทั้งนี้สหรัฐฯคือผู้บริจาคระดับรัฐรายใหญ่ที่สุดขององค์การอนามัยโลก โดยสนับสนุนเงินทุนคิดเป็นสัดส่วนราวๆ 18 % ของงบประมาณทั้งหมด ทั้งนี้องค์การอนามัยโลกใช้ได้มาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายบางส่วนแยกกันไปแล้วก่อนหน้านี้ ตามหลังความเคลื่อนไหวของอเมริกา . อย่างไรก็ตามตัวแทนบางส่วนของคณะกรรมการ ต้องการส่งสารให้เห็นว่าทางองค์การอนามัยโลก จะคงไว้ซึ่งทิศทางขององค์กร แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆนานา . ทั้งนี้งบประมาณที่อาจเหลือเพียง 4,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะเป็นจำนวนเดียวกับงบประมณบนพื้นฐานของโครงการ สำหรับช่วงเวลาปี 2024-2025 . ทรัมป์ เคลื่อนไหวถอนสหรัฐฯออกจากองค์การอนามัยโลก ในวันแรกของการเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน และภายใต้กฎหมายของอเมริกา กระบวนการนี้จะใช้เวลา 1 ปี . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011142 .............. Sondhi X
    SONDHITALK.COM
    จีนช่วยไหวไหม!WHOเผยอาจต้องลดงบประมาณ$400ล้าน หลังทรัมป์พาสหรัฐฯถอนตัว
    รัฐสมาชิกขององค์การอนามัยโลก(WHO) จะหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดงบประมาณลงบางส่วนราว 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคลื่อนไหวพาอเมริกา ในฐานะรัฐบาลผู้สนับสนุนรายใหญ่ ถอนตัวออกจากหน่วยงานสาธารณสุขระหว่างประเ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 137 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาตรการรีดภาษีของสหรัฐฯที่กำนดเล่นงานแคนาดา จะถูกระงับเป็นเวลา 30 วัน จากการเปิดเผยของนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ในวันจันทร์(3ก.พ.) หลังพุดคุยทางโทรศัพท์กับประธานธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งอเมริกา ซึ่งระหว่างนั้น ทรูโด รับปากว่าจะใช้มาตรการชายแดนอย่างเข้มข้น สกัดการข้ามเขตแดนของพวกผู้อพยพและยาเสพติดผิดกฎหมาย
    .
    "ผมเพิ่งมีการพูดคุยทางโทรศัพท์ที่เป็นไปด้วยดีกับประธานาธิบดีทรัมป์" ทรูโดเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ "ข้อเสนอรีดภาษีจะถูกระงับเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน ในระหว่างนี้เราจะทำงานร่วมกัน" เขากล่าว
    .
    ทรูโด เผยว่าแคนาดาจะดำเนินแผนการหนึ่งๆมูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์แคนาดา สำหรับคุ้มกันชายแดน โดยมาตรการนี้จะได้เห็นการตรึงจำนวนบุคลากรตามแนวหน้าไว้ที่ 10,000 นาย หลังจากเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน แคนาดาเผยว่าพวกเขาได้ประจำการเจ้าหน้าที่ 8,500 นาย
    .
    ขณะเดียวกัน ทรูโด เผยว่ามาตการคุ้มกันชายแดนจะถูกเสริมด้วยกองบินเฮลิคอปเตอร์ชุดใหม่และเทคโนโลยีอื่นๆ แต่ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นอะไร
    .
    นอกจากนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีรายนี้บอกด้วยว่า เขาได้ลงนามในคำสั่งข่าวกรองใหม่ ในการต่อสู้กับอาชญากรรมอย่างเป็นระบบ ภายใต้งบประมาณใหม่ 200 ล้านดอลลาร์แคนาดา และจะเปิดตัวหน่วยเฉพาะกิจร่วมระหว่างแคนาดากับสหรัฐฯ ในการสกัดพวกลักลอบขนยาเสพติดข้ามชาติและการฟอกเงิน
    .
    ทรูโด เผยต่อว่าเขายังเห็นพ้องกับข้อเรียกร้องของทรัมป์ สำหรับขึ้นบัญชีแก๊งค้ายาเสพติดในฐานะก่อการร้าย เช่นเดียวกับแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รายหนึ่งให้ทำหน้าที่กำกับดูแลความพยายามต่อสู้กับฝิ่นเฟนทานิล
    .
    ถ้อยแถลงนี้มีขึ้นเพียง 1 วัน ก่อนหน้าที่ ทรัมป์ จะบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดา เพิ่มเติมอีก 25% และ 10% สำหรับน้ำมัน
    .
    ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน สหรัฐฯเพิ่งตกลงเลื่อนเริ่มบังคับใช้มาตรการรีดภาษีกับสินค้าของเม็กซิโก หลัง ทรัมป์ พูดคุยกับเคลาเดีย ไชน์บาว์ม ประธานาธิบดีเม็กซิโก
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011141
    ..............
    Sondhi X
    มาตรการรีดภาษีของสหรัฐฯที่กำนดเล่นงานแคนาดา จะถูกระงับเป็นเวลา 30 วัน จากการเปิดเผยของนายกรัฐมนตรีจัสติน ทรูโด ในวันจันทร์(3ก.พ.) หลังพุดคุยทางโทรศัพท์กับประธานธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งอเมริกา ซึ่งระหว่างนั้น ทรูโด รับปากว่าจะใช้มาตรการชายแดนอย่างเข้มข้น สกัดการข้ามเขตแดนของพวกผู้อพยพและยาเสพติดผิดกฎหมาย . "ผมเพิ่งมีการพูดคุยทางโทรศัพท์ที่เป็นไปด้วยดีกับประธานาธิบดีทรัมป์" ทรูโดเขียนบนแพลตฟอร์มเอ็กซ์ "ข้อเสนอรีดภาษีจะถูกระงับเป็นเวลาอย่างน้อย 30 วัน ในระหว่างนี้เราจะทำงานร่วมกัน" เขากล่าว . ทรูโด เผยว่าแคนาดาจะดำเนินแผนการหนึ่งๆมูลค่า 1,300 ล้านดอลลาร์แคนาดา สำหรับคุ้มกันชายแดน โดยมาตรการนี้จะได้เห็นการตรึงจำนวนบุคลากรตามแนวหน้าไว้ที่ 10,000 นาย หลังจากเมื่อเดือนธันวาคมปีก่อน แคนาดาเผยว่าพวกเขาได้ประจำการเจ้าหน้าที่ 8,500 นาย . ขณะเดียวกัน ทรูโด เผยว่ามาตการคุ้มกันชายแดนจะถูกเสริมด้วยกองบินเฮลิคอปเตอร์ชุดใหม่และเทคโนโลยีอื่นๆ แต่ไม่ได้เจาะจงว่าเป็นอะไร . นอกจากนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีรายนี้บอกด้วยว่า เขาได้ลงนามในคำสั่งข่าวกรองใหม่ ในการต่อสู้กับอาชญากรรมอย่างเป็นระบบ ภายใต้งบประมาณใหม่ 200 ล้านดอลลาร์แคนาดา และจะเปิดตัวหน่วยเฉพาะกิจร่วมระหว่างแคนาดากับสหรัฐฯ ในการสกัดพวกลักลอบขนยาเสพติดข้ามชาติและการฟอกเงิน . ทรูโด เผยต่อว่าเขายังเห็นพ้องกับข้อเรียกร้องของทรัมป์ สำหรับขึ้นบัญชีแก๊งค้ายาเสพติดในฐานะก่อการร้าย เช่นเดียวกับแต่งตั้งเจ้าหน้าที่รายหนึ่งให้ทำหน้าที่กำกับดูแลความพยายามต่อสู้กับฝิ่นเฟนทานิล . ถ้อยแถลงนี้มีขึ้นเพียง 1 วัน ก่อนหน้าที่ ทรัมป์ จะบังคับใช้มาตรการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากแคนาดา เพิ่มเติมอีก 25% และ 10% สำหรับน้ำมัน . ก่อนหน้านี้ในวันเดียวกัน สหรัฐฯเพิ่งตกลงเลื่อนเริ่มบังคับใช้มาตรการรีดภาษีกับสินค้าของเม็กซิโก หลัง ทรัมป์ พูดคุยกับเคลาเดีย ไชน์บาว์ม ประธานาธิบดีเม็กซิโก . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011141 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1384 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐสมาชิกขององค์การอนามัยโลก(WHO) จะหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดงบประมาณลงบางส่วนราว 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคลื่อนไหวพาอเมริกา ในฐานะรัฐบาลผู้สนับสนุนรายใหญ่ ถอนตัวออกจากหน่วยงานสาธารณสุขระหว่างประเทศแห่งนี้ อ้างอิงจากเอกสารที่เผยแพร่ในวันจันทร์(3ก.พ.)
    .
    ระหว่างกล่าวเปิดประชุมประจำปี คณะกรรมการบริหารขององค์การอนามัยโลก ทาง ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ ยังได้กล่าวปกป้องการทำงานขององค์การแห่งนี้และการปฏิรูปเมื่อเร็วๆนี้ พร้อมเน้นย้ำเสียงเรียกร้องให้อเมริกา ทบทวนพิจารณาใหม่เกี่ยวกับการถอนตัว และหันหน้ามาเจรจากับองค์การอนามัยโลก เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆนานาเพิ่มเติม
    .
    "เราจะยินดีอ้าแขนรับคำชี้แนะต่างๆจากสหรัฐฯและรัฐสมาชิกทุกราย สำหรับแนวทางที่เรารับใช้พวกคุณและประชาชนทั่วโลกให้ดีกว่าเดิม" เขากล่าว
    .
    การปรับลดประมาณจะมีการหารือกัน ณ ที่ประชุมในเจนีวา ระหว่างวันที่ 3-11 กุมภาพันธ์ โดยระหว่างนั้นพวกผู้แทนของรัฐสมาชิกจะพูดคุยกันเกี่ยวกับงบประมาณและแผนการทำงานขององค์การอนรามัยโลก สำหรับช่วงเวลาปี 2026-2027
    .
    ในเอกสารที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์(3ก.พ.) คณะกรรมการบริหารเสนอปรับดงบประมาณบนพื้นฐานของหมวดหมู่โครงการต่างๆของงบประมาณ จาก 5,300 ล้านดอลลาร์ เหลือ 4,900 ล้านดอลลาร์ จากเดิมที่เคยมีการเสนอปรับเพิ่มงบประมาณเป็น 7,500 ล้านดอลลาร์ สำหรับปี 2026-2027 ในนั้นรวมถึงเงินทุนสำหรับกำจัดโรคโปลิโอและรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ
    .
    "จากการถอนตัวออกไปของผู้สนับสนุนทางการเงินใหญ่ที่สุด งบประมาณไม่อาจดำเนินไปตามปกติ" เอกสารระบุ ทั้งนี้สหรัฐฯคือผู้บริจาคระดับรัฐรายใหญ่ที่สุดขององค์การอนามัยโลก โดยสนับสนุนเงินทุนคิดเป็นสัดส่วนราวๆ 18 % ของงบประมาณทั้งหมด ทั้งนี้องค์การอนามัยโลกใช้ได้มาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายบางส่วนแยกกันไปแล้วก่อนหน้านี้ ตามหลังความเคลื่อนไหวของอเมริกา
    .
    อย่างไรก็ตามตัวแทนบางส่วนของคณะกรรมการ ต้องการส่งสารให้เห็นว่าทางองค์การอนามัยโลก จะคงไว้ซึ่งทิศทางขององค์กร แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆนานา
    .
    ทั้งนี้งบประมาณที่อาจเหลือเพียง 4,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะเป็นจำนวนเดียวกับงบประมณบนพื้นฐานของโครงการ สำหรับช่วงเวลาปี 2024-2025
    .
    ทรัมป์ เคลื่อนไหวถอนสหรัฐฯออกจากองค์การอนามัยโลก ในวันแรกของการเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน และภายใต้กฎหมายของอเมริกา กระบวนการนี้จะใช้เวลา 1 ปี
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011142
    ..............
    Sondhi X
    รัฐสมาชิกขององค์การอนามัยโลก(WHO) จะหารือกันเกี่ยวกับการปรับลดงบประมาณลงบางส่วนราว 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เคลื่อนไหวพาอเมริกา ในฐานะรัฐบาลผู้สนับสนุนรายใหญ่ ถอนตัวออกจากหน่วยงานสาธารณสุขระหว่างประเทศแห่งนี้ อ้างอิงจากเอกสารที่เผยแพร่ในวันจันทร์(3ก.พ.) . ระหว่างกล่าวเปิดประชุมประจำปี คณะกรรมการบริหารขององค์การอนามัยโลก ทาง ทีโดรส อัดฮานอม กีบรีเยซุส ผู้อำนวยการใหญ่ ยังได้กล่าวปกป้องการทำงานขององค์การแห่งนี้และการปฏิรูปเมื่อเร็วๆนี้ พร้อมเน้นย้ำเสียงเรียกร้องให้อเมริกา ทบทวนพิจารณาใหม่เกี่ยวกับการถอนตัว และหันหน้ามาเจรจากับองค์การอนามัยโลก เกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงต่างๆนานาเพิ่มเติม . "เราจะยินดีอ้าแขนรับคำชี้แนะต่างๆจากสหรัฐฯและรัฐสมาชิกทุกราย สำหรับแนวทางที่เรารับใช้พวกคุณและประชาชนทั่วโลกให้ดีกว่าเดิม" เขากล่าว . การปรับลดประมาณจะมีการหารือกัน ณ ที่ประชุมในเจนีวา ระหว่างวันที่ 3-11 กุมภาพันธ์ โดยระหว่างนั้นพวกผู้แทนของรัฐสมาชิกจะพูดคุยกันเกี่ยวกับงบประมาณและแผนการทำงานขององค์การอนรามัยโลก สำหรับช่วงเวลาปี 2026-2027 . ในเอกสารที่เผยแพร่เมื่อวันจันทร์(3ก.พ.) คณะกรรมการบริหารเสนอปรับดงบประมาณบนพื้นฐานของหมวดหมู่โครงการต่างๆของงบประมาณ จาก 5,300 ล้านดอลลาร์ เหลือ 4,900 ล้านดอลลาร์ จากเดิมที่เคยมีการเสนอปรับเพิ่มงบประมาณเป็น 7,500 ล้านดอลลาร์ สำหรับปี 2026-2027 ในนั้นรวมถึงเงินทุนสำหรับกำจัดโรคโปลิโอและรับมือกับสถานการณ์ฉุกเฉินต่างๆ . "จากการถอนตัวออกไปของผู้สนับสนุนทางการเงินใหญ่ที่สุด งบประมาณไม่อาจดำเนินไปตามปกติ" เอกสารระบุ ทั้งนี้สหรัฐฯคือผู้บริจาคระดับรัฐรายใหญ่ที่สุดขององค์การอนามัยโลก โดยสนับสนุนเงินทุนคิดเป็นสัดส่วนราวๆ 18 % ของงบประมาณทั้งหมด ทั้งนี้องค์การอนามัยโลกใช้ได้มาตรการปรับลดค่าใช้จ่ายบางส่วนแยกกันไปแล้วก่อนหน้านี้ ตามหลังความเคลื่อนไหวของอเมริกา . อย่างไรก็ตามตัวแทนบางส่วนของคณะกรรมการ ต้องการส่งสารให้เห็นว่าทางองค์การอนามัยโลก จะคงไว้ซึ่งทิศทางขององค์กร แม้ต้องเผชิญกับความท้าทายต่างๆนานา . ทั้งนี้งบประมาณที่อาจเหลือเพียง 4,900 ดอลลาร์สหรัฐฯ จะเป็นจำนวนเดียวกับงบประมณบนพื้นฐานของโครงการ สำหรับช่วงเวลาปี 2024-2025 . ทรัมป์ เคลื่อนไหวถอนสหรัฐฯออกจากองค์การอนามัยโลก ในวันแรกของการเข้ารับตำแหน่งเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อน และภายใต้กฎหมายของอเมริกา กระบวนการนี้จะใช้เวลา 1 ปี . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011142 .............. Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1315 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยื่นคำขาด ประกาศอเมริกาจะดำเนินมาตรการที่จำเป็น ถ้าปานามาไม่ลงมือยุติอิทธิพลและการควบคุมของจีนเหนือคลองปานามาทันที ด้านประธานาธิบดีโฮเซ ราอูล มูลิโน ส่งสัญญาณภายหลังพบหารือกับรัฐมนตรีอเมริกันผู้นี้ในกรุงปานามาซิตีเมื่อวันอาทิตย์ (2 ก.พ.) ว่า อาจทบทวนข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับจีนและธุรกิจของจีน ขณะที่ปักกิ่งยืนยันไม่เคยเข้าร่วมดำเนินการหรือแทรกแซงการดำเนินการคลองปานามาตามที่คณะบริหารโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพยายามกล่าวหา
    .
    แทมมี บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า รูบิโอซึ่งเดินทางไปเยือนปานามา ได้นำข้อความจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มาถ่ายทอดให้ผู้นำปานามาทราบ โดยมุ่งเตือนเรื่องที่จีนปรากฏตัวที่คลองปานามา ผ่านทางบริษัทฮ่องกงแห่งหนึ่งที่เข้าบริหารท่าเรือ 2 แห่ง ตรงทางเข้าออกคลองสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้ ทั้งนี้ ทรัมป์บอกว่าเรื่องนี้ถือเป็นภัยคุกคามต่อเส้นทางเดินเรือนี้ อีกทั้งเป็นการละเมิดสนธิสัญญาระหว่างอเมริกากับปานามาว่าด้วยคลองแห่งนี้ด้วย และแสดงออกอย่างชัดเจนว่า อเมริกาไม่ยอมรับให้คงสถานะเดิมเช่นนี้ต่อไป และหากไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงทันที อเมริกาอาจต้องดำเนินการมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนภายใต้สนธิสัญญา
    .
    อย่างไรก็ตาม รูบิโอไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า สหรัฐฯต้องการให้ปานามาทำอย่างไร หรืออเมริกาจะตอบโต้อย่างไร
    .
    ทั้งนี้ หลังผลการเลือกตั้งสหรัฐฯออกมาว่าเขาเป็นผู้ชนะได้กลับเข้าทำเนียบขาวเป็นสมัยที่ 2 ทรัมป์ได้พูดข่มขู่คุกคามหลายครั้งว่า จะเข้ายึดคืนคลองปานามาที่เป็นเส้นทางลัดทำให้สามารถเข้าออกระหว่างฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกกับฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกได้โดยไม่ต้องเดินเรืออ้อมทวีปอเมริกาใต้ อเมริกาคือผู้ขุดคลองนี้สำเร็จเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 และได้ส่งมอบอธิปไตยเหนือคลองแห่งนี้ให้ปานามาในปี 1999
    .
    ทรัมป์กล่าวอ้างลอยๆ ว่า เส้นทางเดินเรือทางยุทธศาสตร์นี้เวลานี้ถูกควบคุมโดยทหารจีน นอกจากนั้นเรือของอเมริกายังถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสูงกว่าเรือของชาติอื่น
    .
    นอกจากนั้น ทรัมป์ยังบอกว่าไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารเข้ายึดคลองปานามากลับมาอยู่ในความควบคุมของสหรัฐฯอีกครั้ง ทำให้ถูกวิจารณ์รุนแรงจากทั้งมิตรและศัตรูในละตินอเมริกา ถึงแม้เมื่อวันอาทิตย์ (1) เขาบอกว่า คิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้กำลัง กระนั้นก็ยังยืนยันว่า ปานามาละเมิดสนธิสัญญาที่ทำไว้กับสหรัฐฯ และอเมริกาจะยึดคลองปานามาคืน
    .
    สำหรับตัวรูบิโอเอง ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องมีแนวคิดเกี่ยวกับจีนแบบสายเหยี่ยวแข็งกร้าวมานาน ยังให้สัมภาษณ์ในรายการเมกิน เคลลี ของวิทยุดาวเทียมซีเรียส เอ็กซ์เอ็ม ในสัปดาห์ที่แล้วว่า จีนอาจใช้ท่าเรือที่บริษัทฮ่องกงเป็นผู้ดำเนินการ ในการปิดคลองปานานากรณีที่เกิดข้อพิพาทระหว่างปักกิ่งกับวอชิงตัน
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีมูลิโน กล่าวถึงการพบหารือกับรูบิโอคราวนี้ว่า เป็นไปด้วยดี และเสริมว่า พร้อมทบทวนธุรกิจบางอย่างของจีนในปานามา ซึ่งรวมถึงการให้สัมปทานบริหารท่าเรือ 2 แห่งจากจำนวนทั้งหมดที่มีอยู่ 5 แห่ง ตรงทางเข้าออกคลองปานามาทั้งสองด้านเป็นเวลานาน 25 ปี โดยคู่สัญญาที่ได้รับสัมปทานคือ บริษัทซีเค ฮัทชิสัน โฮลดิ้งส์ ที่ตั้งอยู่ในฮ่องกง ทั้งนี้เพิ่งมีการต่ออายุสัมปทานเมื่อปี 2021 และอยู่ระหว่างการตรวจสอบ
    .
    พวกสมาชิกรัฐสภาและคณะบริหารสหรัฐฯ ซึ่งเวลานี้มีความโน้มเอียงต่อต้านจีนอย่างแข็งกร้าว กล่าวหาว่า สัญญาดังกล่าวคือตัวอย่างการขยายอิทธิพลของจีนในปานามา ซึ่งขัดต่อสนธิสัญญาความเป็นกลางที่ปานามาและอเมริกาลงนามร่วมกันในปี 1977
    .
    ทว่า รัฐบาลปานามาและผู้เชี่ยวชาญหลายคนคัดค้านการกล่าวอ้างของวอชิงตัน โดยชี้ว่าท่าเรือเหล่านี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารคลองปานามาที่ดำเนินการโดยสำนักงานบริหารจัดการคลองปานามา ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระที่กำกับดูแลโดยรัฐบาลปานามา
    .
    มูลิโนสำทับด้วยว่า เขาจะไม่ต่ออายุข้อตกลงเข้าร่วมในแผนการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (บีอาร์ไอ) ของจีน ที่ลงนามโดยคณะบริการชุดก่อนหน้านี้ และเสริมว่า เขาไม่คิดว่า มีภัยคุกคามที่แท้จริงต่อความเป็นกลางและความถูกต้องของสนธิสัญญาที่ทำกับอเมริกา รวมทั้งไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบังคับใช้สนธิสัญญาด้วยกำลังทหาร อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่า จำเป็นต้องมีการหารือแบบตัวต่อตัวกับทรัมป์
    .
    ทางด้านจีนนั้น เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงในวันจันทร์ (3) ยืนยันว่า ปักกิ่งไม่มีส่วนร่วมกับการดำเนินการ รวมทั้งไม่เคยเข้าแทรกแซงการดำเนินการคลองปานามา อีกทั้งยังยอมรับคลองปานามาในฐานะเป็นเส้นทางเดินเรือสากลที่เป็นกลางโดยถาวร
    .
    เห็นกันว่า รูบิโอที่อยู่ระหว่างการทัวร์อเมริกากลางและแคริบเบียน โดยถือเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกนับจากเข้ารับตำแหน่งนี้ กำลังพยายามปรับโฟกัสแนวทางการทูตของอเมริกาต่อซีกโลกตะวันตก (หมายถึงอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้) ส่วนหนึ่งก็เพื่อระดมให้ชาติละตินอเมริกาเข้าร่วมการสกัดกั้นพวกผู้อพยพที่พยายามลักลอบเข้าสหรัฐฯโดยผ่านชายแดนทางใต้ของอเมริกา
    .
    นอกจากนั้น การเยือนครั้งนี้ยังสะท้อนเป้าหมายของอเมริกาในยุคโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งมั่นต่อต้านการขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมืองของจีนในละตินอเมริกา ซึ่งสหรัฐฯถือเป็นเขตหลังบ้านของตน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011133
    ..............
    Sondhi X
    มาร์โค รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ยื่นคำขาด ประกาศอเมริกาจะดำเนินมาตรการที่จำเป็น ถ้าปานามาไม่ลงมือยุติอิทธิพลและการควบคุมของจีนเหนือคลองปานามาทันที ด้านประธานาธิบดีโฮเซ ราอูล มูลิโน ส่งสัญญาณภายหลังพบหารือกับรัฐมนตรีอเมริกันผู้นี้ในกรุงปานามาซิตีเมื่อวันอาทิตย์ (2 ก.พ.) ว่า อาจทบทวนข้อตกลงที่เกี่ยวข้องกับจีนและธุรกิจของจีน ขณะที่ปักกิ่งยืนยันไม่เคยเข้าร่วมดำเนินการหรือแทรกแซงการดำเนินการคลองปานามาตามที่คณะบริหารโดนัลด์ ทรัมป์ กำลังพยายามกล่าวหา . แทมมี บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ แถลงว่า รูบิโอซึ่งเดินทางไปเยือนปานามา ได้นำข้อความจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มาถ่ายทอดให้ผู้นำปานามาทราบ โดยมุ่งเตือนเรื่องที่จีนปรากฏตัวที่คลองปานามา ผ่านทางบริษัทฮ่องกงแห่งหนึ่งที่เข้าบริหารท่าเรือ 2 แห่ง ตรงทางเข้าออกคลองสำคัญทางยุทธศาสตร์แห่งนี้ ทั้งนี้ ทรัมป์บอกว่าเรื่องนี้ถือเป็นภัยคุกคามต่อเส้นทางเดินเรือนี้ อีกทั้งเป็นการละเมิดสนธิสัญญาระหว่างอเมริกากับปานามาว่าด้วยคลองแห่งนี้ด้วย และแสดงออกอย่างชัดเจนว่า อเมริกาไม่ยอมรับให้คงสถานะเดิมเช่นนี้ต่อไป และหากไม่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลงทันที อเมริกาอาจต้องดำเนินการมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิ์ของตนภายใต้สนธิสัญญา . อย่างไรก็ตาม รูบิโอไม่ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า สหรัฐฯต้องการให้ปานามาทำอย่างไร หรืออเมริกาจะตอบโต้อย่างไร . ทั้งนี้ หลังผลการเลือกตั้งสหรัฐฯออกมาว่าเขาเป็นผู้ชนะได้กลับเข้าทำเนียบขาวเป็นสมัยที่ 2 ทรัมป์ได้พูดข่มขู่คุกคามหลายครั้งว่า จะเข้ายึดคืนคลองปานามาที่เป็นเส้นทางลัดทำให้สามารถเข้าออกระหว่างฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกกับฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกได้โดยไม่ต้องเดินเรืออ้อมทวีปอเมริกาใต้ อเมริกาคือผู้ขุดคลองนี้สำเร็จเมื่อต้นศตวรรษที่ 20 และได้ส่งมอบอธิปไตยเหนือคลองแห่งนี้ให้ปานามาในปี 1999 . ทรัมป์กล่าวอ้างลอยๆ ว่า เส้นทางเดินเรือทางยุทธศาสตร์นี้เวลานี้ถูกควบคุมโดยทหารจีน นอกจากนั้นเรือของอเมริกายังถูกเรียกเก็บค่าธรรมเนียมสูงกว่าเรือของชาติอื่น . นอกจากนั้น ทรัมป์ยังบอกว่าไม่ตัดความเป็นไปได้ในการใช้กำลังทหารเข้ายึดคลองปานามากลับมาอยู่ในความควบคุมของสหรัฐฯอีกครั้ง ทำให้ถูกวิจารณ์รุนแรงจากทั้งมิตรและศัตรูในละตินอเมริกา ถึงแม้เมื่อวันอาทิตย์ (1) เขาบอกว่า คิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้กำลัง กระนั้นก็ยังยืนยันว่า ปานามาละเมิดสนธิสัญญาที่ทำไว้กับสหรัฐฯ และอเมริกาจะยึดคลองปานามาคืน . สำหรับตัวรูบิโอเอง ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องมีแนวคิดเกี่ยวกับจีนแบบสายเหยี่ยวแข็งกร้าวมานาน ยังให้สัมภาษณ์ในรายการเมกิน เคลลี ของวิทยุดาวเทียมซีเรียส เอ็กซ์เอ็ม ในสัปดาห์ที่แล้วว่า จีนอาจใช้ท่าเรือที่บริษัทฮ่องกงเป็นผู้ดำเนินการ ในการปิดคลองปานานากรณีที่เกิดข้อพิพาทระหว่างปักกิ่งกับวอชิงตัน . ในอีกด้านหนึ่ง ประธานาธิบดีมูลิโน กล่าวถึงการพบหารือกับรูบิโอคราวนี้ว่า เป็นไปด้วยดี และเสริมว่า พร้อมทบทวนธุรกิจบางอย่างของจีนในปานามา ซึ่งรวมถึงการให้สัมปทานบริหารท่าเรือ 2 แห่งจากจำนวนทั้งหมดที่มีอยู่ 5 แห่ง ตรงทางเข้าออกคลองปานามาทั้งสองด้านเป็นเวลานาน 25 ปี โดยคู่สัญญาที่ได้รับสัมปทานคือ บริษัทซีเค ฮัทชิสัน โฮลดิ้งส์ ที่ตั้งอยู่ในฮ่องกง ทั้งนี้เพิ่งมีการต่ออายุสัมปทานเมื่อปี 2021 และอยู่ระหว่างการตรวจสอบ . พวกสมาชิกรัฐสภาและคณะบริหารสหรัฐฯ ซึ่งเวลานี้มีความโน้มเอียงต่อต้านจีนอย่างแข็งกร้าว กล่าวหาว่า สัญญาดังกล่าวคือตัวอย่างการขยายอิทธิพลของจีนในปานามา ซึ่งขัดต่อสนธิสัญญาความเป็นกลางที่ปานามาและอเมริกาลงนามร่วมกันในปี 1977 . ทว่า รัฐบาลปานามาและผู้เชี่ยวชาญหลายคนคัดค้านการกล่าวอ้างของวอชิงตัน โดยชี้ว่าท่าเรือเหล่านี้ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของการบริหารคลองปานามาที่ดำเนินการโดยสำนักงานบริหารจัดการคลองปานามา ซึ่งเป็นหน่วยงานอิสระที่กำกับดูแลโดยรัฐบาลปานามา . มูลิโนสำทับด้วยว่า เขาจะไม่ต่ออายุข้อตกลงเข้าร่วมในแผนการริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (บีอาร์ไอ) ของจีน ที่ลงนามโดยคณะบริการชุดก่อนหน้านี้ และเสริมว่า เขาไม่คิดว่า มีภัยคุกคามที่แท้จริงต่อความเป็นกลางและความถูกต้องของสนธิสัญญาที่ทำกับอเมริกา รวมทั้งไม่มีความจำเป็นที่จะต้องบังคับใช้สนธิสัญญาด้วยกำลังทหาร อย่างไรก็ดี เขาย้ำว่า จำเป็นต้องมีการหารือแบบตัวต่อตัวกับทรัมป์ . ทางด้านจีนนั้น เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศแถลงในวันจันทร์ (3) ยืนยันว่า ปักกิ่งไม่มีส่วนร่วมกับการดำเนินการ รวมทั้งไม่เคยเข้าแทรกแซงการดำเนินการคลองปานามา อีกทั้งยังยอมรับคลองปานามาในฐานะเป็นเส้นทางเดินเรือสากลที่เป็นกลางโดยถาวร . เห็นกันว่า รูบิโอที่อยู่ระหว่างการทัวร์อเมริกากลางและแคริบเบียน โดยถือเป็นการเดินทางเยือนต่างประเทศครั้งแรกนับจากเข้ารับตำแหน่งนี้ กำลังพยายามปรับโฟกัสแนวทางการทูตของอเมริกาต่อซีกโลกตะวันตก (หมายถึงอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้) ส่วนหนึ่งก็เพื่อระดมให้ชาติละตินอเมริกาเข้าร่วมการสกัดกั้นพวกผู้อพยพที่พยายามลักลอบเข้าสหรัฐฯโดยผ่านชายแดนทางใต้ของอเมริกา . นอกจากนั้น การเยือนครั้งนี้ยังสะท้อนเป้าหมายของอเมริกาในยุคโดนัลด์ ทรัมป์ ที่มุ่งมั่นต่อต้านการขยายอิทธิพลทางเศรษฐกิจและการเมืองของจีนในละตินอเมริกา ซึ่งสหรัฐฯถือเป็นเขตหลังบ้านของตน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000011133 .............. Sondhi X
    Angry
    Like
    Love
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 930 มุมมอง 0 รีวิว
  • โคราชแชมป์บัตรโหวตโน ตรังเทียบผู้มาใช้สิทธิสูงสุด

    การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) 47 จังหวัด และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่ามีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 16,362,185 คน คิดเป็น 58.45% ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 27,991,587 คน และเป็นที่น่าสังเกตว่ามีบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด หรือโหวตโน 1,158,201 ใบ คิดเป็น 7.08% ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งประเทศ สาเหตุหลักคือ ไม่มีผู้สมัครรายใดโดนใจประชาชน

    จากการรวบรวมข้อมูลผลการเลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด พบว่ามี 4 จังหวัดที่ไม่เปิดเผยคะแนนโหวตโนต่อสาธารณะ ได้แก่ พิจิตร บึงกาฬ นครนายก และกระบี่ ส่วนจังหวัดหนองบัวลำภูมีเฉพาะข้อมูลดิบ ไม่มีการรวมจำนวนมาให้ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้อยู่ในประกาศ กกต.จังหวัด เรื่อง ผลการนับคะแนนเลือกตั้ง หรือแบบฟอร์ม ส.ถ./ผ.ถ. 5/8 ที่ประธานและกรรมการ กกต.จังหวัดลงนามก่อนส่งไปยัง กกต.กลางเพื่อพิจารณารับรองผลการเลือกตั้ง ซึ่งมีหลายจังหวัดเผยแพร่เอกสารนี้

    ส่วน 43 จังหวัดที่เหลือ จากการจัดอันดับพบว่า นครราชสีมา เป็นจังหวัดที่มีบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดสูงสุด 110,934 ใบ หรือคิดเป็น 9.58% ของจำนวนบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดทั้งประเทศ รองลงมาคือ สงขลา 86,855 ใบ คิดเป็น 7.50% อันดับสาม ตรัง 63,333 ใบ คิดเป็น 5.47% อันดับสี่ เชียงใหม่ 57,625 ใบ คิดเป็น 4.98% อันดับห้า บุรีรัมย์ 51,525 ใบ คิดเป็น 4.45% อันดับหก นครปฐม 49,395 ใบ คิดเป็น 4.26% อันดับเจ็ด เชียงราย 43,406 ใบ คิดเป็น 3.75% อันดับแปด สมุทรปราการ 42,142 ใบ คิดเป็น 3.64% อันดับเก้า สระบุรี 39,017 ใบ คิดเป็น 3.37% และอันดับสิบ นนทบุรี 37,562 ใบ คิดเป็น 3.24%

    แต่หากเปรียบเทียบกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง พบว่า ตรัง เป็นจังหวัดที่มีร้อยละของบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดสูงสุด 21.30% รองลงมาคือ ยะลา 13.05% (29,334 ใบ) อันดับสาม นครปฐม 12.90% อันดับสี่ สิงห์บุรี 12.76% (12,741 ใบ) อันดับห้า สงขลา 12.63% อันดับหก สระบุรี 12.31% อันดับเจ็ด ฉะเชิงเทรา 10.20% (34,612 ใบ) อันดับแปด นครราชสีมา 9.60% อันดับเก้า สตูล 9.56% (14,659 ใบ) และอันดับสิบ น่าน 9.12% (22,872 ใบ)

    สำหรับจังหวัดที่มีจำนวนบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดน้อยที่สุด (ไม่รวมจังหวัดที่ไม่เปิดเผยตัวเลข) ได้แก่ ตราด 3,003 ใบ คิดเป็น 2.86% ของจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งจังหวัด ส่วนจังหวัดที่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งจังหวัด ได้แก่ มหาสารคาม 4,526 ใบ คิดเป็น 2.41%

    #Newskit
    โคราชแชมป์บัตรโหวตโน ตรังเทียบผู้มาใช้สิทธิสูงสุด การเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (นายก อบจ.) 47 จังหวัด และสมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) ทั่วประเทศ เมื่อวันที่ 1 ก.พ.ที่ผ่านมา พบว่ามีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 16,362,185 คน คิดเป็น 58.45% ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง 27,991,587 คน และเป็นที่น่าสังเกตว่ามีบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใด หรือโหวตโน 1,158,201 ใบ คิดเป็น 7.08% ของจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งประเทศ สาเหตุหลักคือ ไม่มีผู้สมัครรายใดโดนใจประชาชน จากการรวบรวมข้อมูลผลการเลือกตั้งนายก อบจ. 47 จังหวัด พบว่ามี 4 จังหวัดที่ไม่เปิดเผยคะแนนโหวตโนต่อสาธารณะ ได้แก่ พิจิตร บึงกาฬ นครนายก และกระบี่ ส่วนจังหวัดหนองบัวลำภูมีเฉพาะข้อมูลดิบ ไม่มีการรวมจำนวนมาให้ ซึ่งข้อมูลเหล่านี้อยู่ในประกาศ กกต.จังหวัด เรื่อง ผลการนับคะแนนเลือกตั้ง หรือแบบฟอร์ม ส.ถ./ผ.ถ. 5/8 ที่ประธานและกรรมการ กกต.จังหวัดลงนามก่อนส่งไปยัง กกต.กลางเพื่อพิจารณารับรองผลการเลือกตั้ง ซึ่งมีหลายจังหวัดเผยแพร่เอกสารนี้ ส่วน 43 จังหวัดที่เหลือ จากการจัดอันดับพบว่า นครราชสีมา เป็นจังหวัดที่มีบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดสูงสุด 110,934 ใบ หรือคิดเป็น 9.58% ของจำนวนบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดทั้งประเทศ รองลงมาคือ สงขลา 86,855 ใบ คิดเป็น 7.50% อันดับสาม ตรัง 63,333 ใบ คิดเป็น 5.47% อันดับสี่ เชียงใหม่ 57,625 ใบ คิดเป็น 4.98% อันดับห้า บุรีรัมย์ 51,525 ใบ คิดเป็น 4.45% อันดับหก นครปฐม 49,395 ใบ คิดเป็น 4.26% อันดับเจ็ด เชียงราย 43,406 ใบ คิดเป็น 3.75% อันดับแปด สมุทรปราการ 42,142 ใบ คิดเป็น 3.64% อันดับเก้า สระบุรี 39,017 ใบ คิดเป็น 3.37% และอันดับสิบ นนทบุรี 37,562 ใบ คิดเป็น 3.24% แต่หากเปรียบเทียบกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง พบว่า ตรัง เป็นจังหวัดที่มีร้อยละของบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดสูงสุด 21.30% รองลงมาคือ ยะลา 13.05% (29,334 ใบ) อันดับสาม นครปฐม 12.90% อันดับสี่ สิงห์บุรี 12.76% (12,741 ใบ) อันดับห้า สงขลา 12.63% อันดับหก สระบุรี 12.31% อันดับเจ็ด ฉะเชิงเทรา 10.20% (34,612 ใบ) อันดับแปด นครราชสีมา 9.60% อันดับเก้า สตูล 9.56% (14,659 ใบ) และอันดับสิบ น่าน 9.12% (22,872 ใบ) สำหรับจังหวัดที่มีจำนวนบัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดน้อยที่สุด (ไม่รวมจังหวัดที่ไม่เปิดเผยตัวเลข) ได้แก่ ตราด 3,003 ใบ คิดเป็น 2.86% ของจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งจังหวัด ส่วนจังหวัดที่บัตรไม่เลือกผู้สมัครผู้ใดน้อยที่สุด เมื่อเทียบกับจำนวนผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งจังหวัด ได้แก่ มหาสารคาม 4,526 ใบ คิดเป็น 2.41% #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 181 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ทรัมป์ฟันฉับ! ตัดงบ USAID ทุบเครือข่าย Soros – สื่อฝ่ายค้านฮังการีสะดุ้ง!"

    เนื้อข่าว:
    สื่อต่อต้านรัฐบาลฮังการีกำลังร้อนเป็นไฟ หลังอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศจาก USAID และสถานทูตสหรัฐฯ เป็นเวลา 90 วัน ส่งผลให้เงินทุนที่เคยไหลเข้ากลุ่ม NGO และสื่อฮังการีที่เชื่อมโยงกับมหาเศรษฐี George Soros ต้องหยุดชะงัก สะท้อนให้เห็นว่าความ "อิสระ" ของพวกเขาอาจไม่ได้อยู่ที่อุดมการณ์…แต่อยู่ที่งบหนุนจากต่างชาติ

    "Soros หมดฤทธิ์! เมื่อเงินหนุนฝ่ายค้านฮังการีถูกตัดขาด"

    Balázs Orbán ผู้อำนวยการฝ่ายการเมืองของนายกรัฐมนตรีฮังการี ได้แฉว่าหนึ่งในสื่อฝ่ายค้านรายใหญ่ของประเทศไม่พอใจอย่างหนัก หลังสูญเสียแหล่งทุนสนับสนุนจากสหรัฐฯ พร้อมตั้งคำถามว่า "สื่อที่ต้องพึ่งพาเงินจากรัฐบาลต่างชาติ จะเรียกว่าอิสระได้อย่างไร?"

    ด้าน Elon Musk นักธุรกิจพันล้านและที่ปรึกษาคนสนิทของทรัมป์ รีโพสต์ข้อความของ Orbán พร้อมซัดแรงว่า "ฝ่ายซ้ายสุดโต่งของสหรัฐฯ ใช้เงินภาษีของประชาชนเพื่ออุ้มพรรคการเมืองและสื่อฝ่ายซ้ายทั่วโลก!" ทำให้โพสต์นี้กลายเป็นกระแสร้อนในโลกออนไลน์

    "เครือข่าย Soros สะเทือน! USAID โดนทรัมป์เชือด"

    คำสั่งของทรัมป์ไม่ได้กระทบแค่สื่อฝ่ายค้าน แต่ยังส่งผลไปถึง NGO ฮังการีที่มีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายของ George Soros ซึ่งเป็นผู้ให้ทุนสนับสนุนหลักผ่าน USAID และสถานทูตสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ David Pressman

    ก่อนหน้านี้ ในวันเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ สถานทูตสหรัฐฯ ที่บูดาเปสต์เคยประกาศแจกจ่ายงบกว่า 200 ล้านฟอรินต์ (ประมาณ 400,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ให้กับกลุ่มสื่อและ NGO ผ่านโครงการ Free Media Tender ซึ่งขณะนี้ถูกสั่งระงับ สื่อที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ได้แก่ 444, Jelen, G7, Magyar Hang และ Transparency International
    Mérték Media Monitor ซึ่งเป็นองค์กรที่ดูแลโครงการนี้ยืนยันว่า "ใช่ โครงการนี้ถูกระงับแล้ว ตอนนี้เราได้แต่รอ ไม่มีการทำสัญญาหรือรับเงินเพิ่มเติม"

    "ตัดท่อน้ำเลี้ยง! สื่อและ NGO ในเครือข่าย Soros โดนเท"

    การระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศครั้งนี้ถือเป็นหมัดหนักที่โจมตีเครือข่ายของ Soros ซึ่งถูกวิจารณ์ว่ามีบทบาทสำคัญในการใช้เงินทุนเพื่อผลักดันแนวคิดเสรีนิยมทั่วโลก ทรัมป์เคยเตือนหลายครั้งว่า USAID ไม่ได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเครื่องมือแทรกแซงทางการเมืองของฝ่ายซ้าย

    "ตัดเงินสนับสนุน = เปิดโปงความจริง!" ฝ่ายสนับสนุนทรัมป์มองว่านี่คือการคืนความโปร่งใสให้กับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ และลดการใช้เงินภาษีอุ้มกลุ่มการเมืองต่างชาติ ขณะที่ฝ่ายค้านฮังการีและ NGO ที่เคยได้รับทุนต่างออกมาโวยวายว่าการตัดงบนี้คือการทำลาย "ประชาธิปไตย"

    อย่างไรก็ตาม คำถามที่ชัดเจนขึ้นก็คือ "ถ้าต้องพึ่งเงิน Soros และรัฐบาลสหรัฐฯ มาตลอด... ยังกล้าเรียกตัวเองว่าสื่ออิสระหรือ?"

    .
    https://web.facebook.com/share/p/1WpNbXhfxE/
    "ทรัมป์ฟันฉับ! ตัดงบ USAID ทุบเครือข่าย Soros – สื่อฝ่ายค้านฮังการีสะดุ้ง!" เนื้อข่าว: สื่อต่อต้านรัฐบาลฮังการีกำลังร้อนเป็นไฟ หลังอดีตประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ออกคำสั่งระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศจาก USAID และสถานทูตสหรัฐฯ เป็นเวลา 90 วัน ส่งผลให้เงินทุนที่เคยไหลเข้ากลุ่ม NGO และสื่อฮังการีที่เชื่อมโยงกับมหาเศรษฐี George Soros ต้องหยุดชะงัก สะท้อนให้เห็นว่าความ "อิสระ" ของพวกเขาอาจไม่ได้อยู่ที่อุดมการณ์…แต่อยู่ที่งบหนุนจากต่างชาติ "Soros หมดฤทธิ์! เมื่อเงินหนุนฝ่ายค้านฮังการีถูกตัดขาด" Balázs Orbán ผู้อำนวยการฝ่ายการเมืองของนายกรัฐมนตรีฮังการี ได้แฉว่าหนึ่งในสื่อฝ่ายค้านรายใหญ่ของประเทศไม่พอใจอย่างหนัก หลังสูญเสียแหล่งทุนสนับสนุนจากสหรัฐฯ พร้อมตั้งคำถามว่า "สื่อที่ต้องพึ่งพาเงินจากรัฐบาลต่างชาติ จะเรียกว่าอิสระได้อย่างไร?" ด้าน Elon Musk นักธุรกิจพันล้านและที่ปรึกษาคนสนิทของทรัมป์ รีโพสต์ข้อความของ Orbán พร้อมซัดแรงว่า "ฝ่ายซ้ายสุดโต่งของสหรัฐฯ ใช้เงินภาษีของประชาชนเพื่ออุ้มพรรคการเมืองและสื่อฝ่ายซ้ายทั่วโลก!" ทำให้โพสต์นี้กลายเป็นกระแสร้อนในโลกออนไลน์ "เครือข่าย Soros สะเทือน! USAID โดนทรัมป์เชือด" คำสั่งของทรัมป์ไม่ได้กระทบแค่สื่อฝ่ายค้าน แต่ยังส่งผลไปถึง NGO ฮังการีที่มีความเกี่ยวข้องกับเครือข่ายของ George Soros ซึ่งเป็นผู้ให้ทุนสนับสนุนหลักผ่าน USAID และสถานทูตสหรัฐฯ ภายใต้การนำของ David Pressman ก่อนหน้านี้ ในวันเข้ารับตำแหน่งของทรัมป์ สถานทูตสหรัฐฯ ที่บูดาเปสต์เคยประกาศแจกจ่ายงบกว่า 200 ล้านฟอรินต์ (ประมาณ 400,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ) ให้กับกลุ่มสื่อและ NGO ผ่านโครงการ Free Media Tender ซึ่งขณะนี้ถูกสั่งระงับ สื่อที่ได้รับผลกระทบโดยตรง ได้แก่ 444, Jelen, G7, Magyar Hang และ Transparency International Mérték Media Monitor ซึ่งเป็นองค์กรที่ดูแลโครงการนี้ยืนยันว่า "ใช่ โครงการนี้ถูกระงับแล้ว ตอนนี้เราได้แต่รอ ไม่มีการทำสัญญาหรือรับเงินเพิ่มเติม" "ตัดท่อน้ำเลี้ยง! สื่อและ NGO ในเครือข่าย Soros โดนเท" การระงับเงินช่วยเหลือต่างประเทศครั้งนี้ถือเป็นหมัดหนักที่โจมตีเครือข่ายของ Soros ซึ่งถูกวิจารณ์ว่ามีบทบาทสำคัญในการใช้เงินทุนเพื่อผลักดันแนวคิดเสรีนิยมทั่วโลก ทรัมป์เคยเตือนหลายครั้งว่า USAID ไม่ได้ทำหน้าที่ช่วยเหลือเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเครื่องมือแทรกแซงทางการเมืองของฝ่ายซ้าย "ตัดเงินสนับสนุน = เปิดโปงความจริง!" ฝ่ายสนับสนุนทรัมป์มองว่านี่คือการคืนความโปร่งใสให้กับนโยบายต่างประเทศของสหรัฐฯ และลดการใช้เงินภาษีอุ้มกลุ่มการเมืองต่างชาติ ขณะที่ฝ่ายค้านฮังการีและ NGO ที่เคยได้รับทุนต่างออกมาโวยวายว่าการตัดงบนี้คือการทำลาย "ประชาธิปไตย" อย่างไรก็ตาม คำถามที่ชัดเจนขึ้นก็คือ "ถ้าต้องพึ่งเงิน Soros และรัฐบาลสหรัฐฯ มาตลอด... ยังกล้าเรียกตัวเองว่าสื่ออิสระหรือ?" . https://web.facebook.com/share/p/1WpNbXhfxE/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน (IRGC) เปิดตัวฐานทัพใต้ดินแห่งใหม่ ตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งตามแนวชายฝั่้งทางใต้ของประเทศ ฐานทัพใหม่นี้ได้รับฉายาว่า "เมืองขีปนาวุธ" เป็นแหล่งซ่อนตัวของรถบรรทุกหลายสิบคนที่ใช้เป็นแท่นยิงขีปนาวุธ อ้างอิงภาพจากคลิปวิดีโอที่เผยแพร่โดยกองทัพอิหร่านเมื่อวันเสาร์(1ก.พ.)
    .
    ในวิดีโอความยาว 2 นาที พลตรีฮอสเซน ซาลามี ผู้บัญชาการ IRGC และพลเรือตรีอาลิเรซา ทังซิรี ผู้บัญชาการกองทัพเรือ กำลังตรวจตราเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดิน บริเวณที่แท่นยิงขีปนาวุธเคลื่อนที่ประจำการอยู่
    .
    ทังซีรี ระบุว่าฐานทัพแห่งนี้เป็นที่ตั้งของขีปนาวุธร่อน Qadr-380 ของอิหร่าน ซึ่งสามารถประจำการและยิงโจมตีได้ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที ขีปนาวุธนี้มีพิสัยทำการกว่า 1,000 กิโลเมตรและติดตั้งระบบต่อต้านสัญญาณรบกวน เพื่อตอบโต้การทำสงครามอิเล็กทรอนิก ตามรายงานของสำนักข่าวไออาร์เอ็นเอ
    .
    ฐานทัพแห่งใหม่ที่อวดโฉมในวันเสาร์(1ก.พ.) ถือเป็นฐานทัพใต้ดินแห่งที่ 3 แล้วในอิหร่าน หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางเดือนมกราคม ทางกองทัพเรือแห่ง IRGC เพิ่้งเปิดตัวฐานทัพใต้ดินอีกแห่ง สำหรับขีปนาวุธต่อต้านเรือ ตามแนวชายฝั่งอ่าวเปอร์เซีย ขณะเดียวกันทางกองทัพอากาศของ IRGC ก็เคยเปิดเผยเกี่ยวกับฐานทัพแบบเดียวกันนี้ เมื่อวันที่ 10 มกราคม แต่ไม่ได้บอกตำแหน่งที่ตั้งอย่างชัดเจน
    .
    อิหร่าน บอกว่าโครงการขีปนาวุธของพวกเขามีไว้เพื่อป้องปรามบรรดาอริศัตรูอย่างสหรัฐฯและอิสราเอล และระหว่างการตรวจตราเมื่อวันเสาร์(1ก.พ.) ซาลามี เน้นย้ำว่าการเปิดตัวฐานทัพใต้ดินครั้งนี้ มีเจตนาเพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูของเตหะราน คำนวณผิดพลาดจนนำมาซึ่งผลลัพธ์ร้ายแรง
    .
    ในช่วงต้นเดือนมกราคม อับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน ยกย่องโครงการขีปนาวุธของประเทศ ว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องปรามภัยคุกคามจากต่างชาติ "ผมเคยบอกมาหลายครั้งแล้ว และเชื่อย่างหนักแน่นว่า ถ้าเราไม่มีแสนยานุภาพด้านขีปนาวุธ ก็คงไม่มีใครเจรจากับเรา"
    .
    อารากชี อ้างว่าสหรัฐฯและพันธมิตรมีแต่จะตอบสนองอย่างแข็งกร้าว แต่แสนยานุภาพด้านขีปนาวุธของอิหร่านจะบีบให้พวกเขาหันหน้ามาใช้หนทางด้านการทูต แทนการเลือกใช้กำลัง ความเห็นของเขามีขค้นตามหลังความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีตอบโต้กันไปมาระหว่าง 2 ชาติ เมื่อปีที่แล้ว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010796
    ..................
    Sondhi X
    กองกำลังพิทักษ์การปฏิวัติอิสลามแห่งอิหร่าน (IRGC) เปิดตัวฐานทัพใต้ดินแห่งใหม่ ตั้งอยู่ที่ไหนสักแห่งตามแนวชายฝั่้งทางใต้ของประเทศ ฐานทัพใหม่นี้ได้รับฉายาว่า "เมืองขีปนาวุธ" เป็นแหล่งซ่อนตัวของรถบรรทุกหลายสิบคนที่ใช้เป็นแท่นยิงขีปนาวุธ อ้างอิงภาพจากคลิปวิดีโอที่เผยแพร่โดยกองทัพอิหร่านเมื่อวันเสาร์(1ก.พ.) . ในวิดีโอความยาว 2 นาที พลตรีฮอสเซน ซาลามี ผู้บัญชาการ IRGC และพลเรือตรีอาลิเรซา ทังซิรี ผู้บัญชาการกองทัพเรือ กำลังตรวจตราเครือข่ายอุโมงค์ใต้ดิน บริเวณที่แท่นยิงขีปนาวุธเคลื่อนที่ประจำการอยู่ . ทังซีรี ระบุว่าฐานทัพแห่งนี้เป็นที่ตั้งของขีปนาวุธร่อน Qadr-380 ของอิหร่าน ซึ่งสามารถประจำการและยิงโจมตีได้ภายในเวลาไม่ถึง 5 นาที ขีปนาวุธนี้มีพิสัยทำการกว่า 1,000 กิโลเมตรและติดตั้งระบบต่อต้านสัญญาณรบกวน เพื่อตอบโต้การทำสงครามอิเล็กทรอนิก ตามรายงานของสำนักข่าวไออาร์เอ็นเอ . ฐานทัพแห่งใหม่ที่อวดโฉมในวันเสาร์(1ก.พ.) ถือเป็นฐานทัพใต้ดินแห่งที่ 3 แล้วในอิหร่าน หลังจากก่อนหน้านี้เมื่อช่วงกลางเดือนมกราคม ทางกองทัพเรือแห่ง IRGC เพิ่้งเปิดตัวฐานทัพใต้ดินอีกแห่ง สำหรับขีปนาวุธต่อต้านเรือ ตามแนวชายฝั่งอ่าวเปอร์เซีย ขณะเดียวกันทางกองทัพอากาศของ IRGC ก็เคยเปิดเผยเกี่ยวกับฐานทัพแบบเดียวกันนี้ เมื่อวันที่ 10 มกราคม แต่ไม่ได้บอกตำแหน่งที่ตั้งอย่างชัดเจน . อิหร่าน บอกว่าโครงการขีปนาวุธของพวกเขามีไว้เพื่อป้องปรามบรรดาอริศัตรูอย่างสหรัฐฯและอิสราเอล และระหว่างการตรวจตราเมื่อวันเสาร์(1ก.พ.) ซาลามี เน้นย้ำว่าการเปิดตัวฐานทัพใต้ดินครั้งนี้ มีเจตนาเพื่อป้องกันไม่ให้ศัตรูของเตหะราน คำนวณผิดพลาดจนนำมาซึ่งผลลัพธ์ร้ายแรง . ในช่วงต้นเดือนมกราคม อับบาส อารากชี รัฐมนตรีต่างประเทศของอิหร่าน ยกย่องโครงการขีปนาวุธของประเทศ ว่าเป็นปัจจัยสำคัญในการป้องปรามภัยคุกคามจากต่างชาติ "ผมเคยบอกมาหลายครั้งแล้ว และเชื่อย่างหนักแน่นว่า ถ้าเราไม่มีแสนยานุภาพด้านขีปนาวุธ ก็คงไม่มีใครเจรจากับเรา" . อารากชี อ้างว่าสหรัฐฯและพันธมิตรมีแต่จะตอบสนองอย่างแข็งกร้าว แต่แสนยานุภาพด้านขีปนาวุธของอิหร่านจะบีบให้พวกเขาหันหน้ามาใช้หนทางด้านการทูต แทนการเลือกใช้กำลัง ความเห็นของเขามีขค้นตามหลังความตึงเครียดระหว่างอิสราเอลกับอิหร่าน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการยิงขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีตอบโต้กันไปมาระหว่าง 2 ชาติ เมื่อปีที่แล้ว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010796 .................. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    18
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1037 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนออกมาประณามความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่สั่งรีดภาษีสินค้านำเข้าจากแดนมังกรในอัตรา 10% เมื่อวานนี้ (2 ก.พ.) โดยกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์จีนประกาศจะยื่นฟ้องต่อองค์การการค้าโลก (World Trade Organization - WTO) เกี่ยวกับคำสั่งรีดภาษีของทรัมป์ และจะมี "มาตรการตอบโต้" นโยบายของสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับในวันอังคารที่ 4 ก.พ.นี้
    .
    อย่างไรก็ตาม จีนยังส่งสัญญาณเปิดโอกาสสำหรับการเจรจาพูดคุย เพื่อไม่ให้ 2 มหาอำนาจเกิดการกระทบกระทั่งรุนแรงไปกว่าที่เป็นอยู่
    .
    เมื่อวันเสาร์ (1) ทรัมป์ ได้ออกคำสั่งเก็บภาษีศุลกากรจากสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% และสินค้าจีน 10% โดยชี้ว่าปักกิ่งจำเป็นต้องช่วยสกัดกั้นยาเฟนทานิลซึ่งเป็นสารเสพติดโอปิออยด์ชนิดรุนแรงไม่ให้ไหลเข้าสู่สหรัฐอเมริกา
    .
    กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงว่า คำสั่งของ ทรัมป์ "ถือเป็นการฝ่าฝืนระเบียบการค้าสากลอย่างร้ายแรง" และจีนขอเรียกร้องให้สหรัฐฯ "พูดคุยกันอย่างจริงใจ และยกระดับความร่วมมือกัน"
    .
    ทั้งนี้ การยื่นฟ้องต่อ WTO จะให้ผลเชิงสัญลักษณ์ว่าจีนนั้นยืนหยัดสนับสนุนระบบการค้าที่อิงกฎเกณฑ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันยึดถือเรื่อยมา โดยก่อนหน้านี้จีนก็เคยยื่นฟ้องต่อ WTO มาแล้วตอนที่ถูกสหภาพยุโรปสั่งรีดภาษีรถอีวีนำเข้าจีนในอัตราสูงสุด 45%
    .
    อย่างไรก็ดี การร้องเรียนต่อ WTO ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบหรือเป็นภัยคุกคามใดๆ ต่อสหรัฐฯ เนื่องจากระบบไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของ WTO นั้นแทบจะถูกปิดไปโดยปริยายตั้งแต่ปี 2019 เมื่อ ทรัมป์ ขัดขวางการแต่งตั้งผู้พิพากษาที่จะมาทำหน้าที่พิจารณาคำอุทธรณ์ นอกจากนี้ สหรัฐฯ ตั้งแต่ยุค บารัค โอบามา เป็นต้นมายังกล่าวหาหน่วยงานอุทธรณ์ของ WTO ว่าละเมิดอำนาจของสหรัฐฯ ด้วย
    .
    เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ออกมาเอ่ยย้ำตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า "ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้า"
    .
    ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศจีนก็ออกมาชี้ว่า "เฟนทานิลคือปัญหาของอเมริกา" พร้อมย้ำว่า "ที่ผ่านมาฝ่ายจีนได้มีมาตรการต่อต้านยาเสพติดอย่างจริงจังโดยร่วมมือกับสหรัฐฯ ซึ่งก็ได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ"
    .
    การหารือระหว่าง ทรัมป์ กับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เมื่อเดือนที่แล้วทำให้เจ้าหน้าที่จีนเริ่มมองเห็นสัญญาณที่ดีว่า ทรัมป์ อาจจะมุ่งลดความขัดแย้งกับจีนลงบ้าง ในขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ทั้งสายเดโมแครตและรีพับลิกันยังคงมองจีนเป็นความท้าทายอันดับ 1 ทั้งในด้านนโยบายต่างประเทศและเศรษฐกิจของอเมริกา
    .
    การที่จีนมียอดการค้าเกินดุลเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2024 ถือเป็นจุดอ่อนของปักกิ่ง การส่งออกในอุตสาหกรรมหลักๆ ของจีน เช่น ยานยนต์ เติบโตรวดเร็วในแง่ของปริมาณมากกว่ามูลค่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ผลิตจีนเลือกหันมาใช้วิธีลดราคาสินค้าเพื่อเพิ่มยอดขายในต่างประเทศ ท่ามกลางอุปสงค์ในจีนที่ยังคงซบเซา และด้วยเหตุนี้นักวิเคราะห์จึงเชื่อว่าจีนน่าจะพยายามขอเจรจาเพื่อทำข้อตกลงกับรัฐบาล ทรัมป์ ให้ได้โดยเร็ว เพื่อลดผลกระทบจากมาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ
    .
    ทั้งนี้ จีนยังได้เตรียมความพร้อมรับมือมาตรการรีดภาษีของ ทรัมป์ มานานหลายเดือนด้วยการกระชับความร่วมมือกับประเทศหุ้นส่วน ส่งเสริมการพึ่งพาตนเองในด้านเทคโนโลยีหลักๆ และจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010797
    ..................
    Sondhi X
    จีนออกมาประณามความเคลื่อนไหวของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ที่สั่งรีดภาษีสินค้านำเข้าจากแดนมังกรในอัตรา 10% เมื่อวานนี้ (2 ก.พ.) โดยกระทรวงการคลังและกระทรวงพาณิชย์จีนประกาศจะยื่นฟ้องต่อองค์การการค้าโลก (World Trade Organization - WTO) เกี่ยวกับคำสั่งรีดภาษีของทรัมป์ และจะมี "มาตรการตอบโต้" นโยบายของสหรัฐฯ ซึ่งจะเริ่มมีผลบังคับในวันอังคารที่ 4 ก.พ.นี้ . อย่างไรก็ตาม จีนยังส่งสัญญาณเปิดโอกาสสำหรับการเจรจาพูดคุย เพื่อไม่ให้ 2 มหาอำนาจเกิดการกระทบกระทั่งรุนแรงไปกว่าที่เป็นอยู่ . เมื่อวันเสาร์ (1) ทรัมป์ ได้ออกคำสั่งเก็บภาษีศุลกากรจากสินค้าแคนาดาและเม็กซิโกในอัตรา 25% และสินค้าจีน 10% โดยชี้ว่าปักกิ่งจำเป็นต้องช่วยสกัดกั้นยาเฟนทานิลซึ่งเป็นสารเสพติดโอปิออยด์ชนิดรุนแรงไม่ให้ไหลเข้าสู่สหรัฐอเมริกา . กระทรวงพาณิชย์จีนแถลงว่า คำสั่งของ ทรัมป์ "ถือเป็นการฝ่าฝืนระเบียบการค้าสากลอย่างร้ายแรง" และจีนขอเรียกร้องให้สหรัฐฯ "พูดคุยกันอย่างจริงใจ และยกระดับความร่วมมือกัน" . ทั้งนี้ การยื่นฟ้องต่อ WTO จะให้ผลเชิงสัญลักษณ์ว่าจีนนั้นยืนหยัดสนับสนุนระบบการค้าที่อิงกฎเกณฑ์ ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลสหรัฐฯ ทั้งเดโมแครตและรีพับลิกันยึดถือเรื่อยมา โดยก่อนหน้านี้จีนก็เคยยื่นฟ้องต่อ WTO มาแล้วตอนที่ถูกสหภาพยุโรปสั่งรีดภาษีรถอีวีนำเข้าจีนในอัตราสูงสุด 45% . อย่างไรก็ดี การร้องเรียนต่อ WTO ก็ไม่ได้ส่งผลกระทบหรือเป็นภัยคุกคามใดๆ ต่อสหรัฐฯ เนื่องจากระบบไกล่เกลี่ยข้อพิพาทของ WTO นั้นแทบจะถูกปิดไปโดยปริยายตั้งแต่ปี 2019 เมื่อ ทรัมป์ ขัดขวางการแต่งตั้งผู้พิพากษาที่จะมาทำหน้าที่พิจารณาคำอุทธรณ์ นอกจากนี้ สหรัฐฯ ตั้งแต่ยุค บารัค โอบามา เป็นต้นมายังกล่าวหาหน่วยงานอุทธรณ์ของ WTO ว่าละเมิดอำนาจของสหรัฐฯ ด้วย . เหมา หนิง โฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีน ออกมาเอ่ยย้ำตลอดช่วงหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า "ไม่มีผู้ชนะในสงครามการค้า" . ขณะเดียวกัน กระทรวงการต่างประเทศจีนก็ออกมาชี้ว่า "เฟนทานิลคือปัญหาของอเมริกา" พร้อมย้ำว่า "ที่ผ่านมาฝ่ายจีนได้มีมาตรการต่อต้านยาเสพติดอย่างจริงจังโดยร่วมมือกับสหรัฐฯ ซึ่งก็ได้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจ" . การหารือระหว่าง ทรัมป์ กับประธานาธิบดี สี จิ้นผิง เมื่อเดือนที่แล้วทำให้เจ้าหน้าที่จีนเริ่มมองเห็นสัญญาณที่ดีว่า ทรัมป์ อาจจะมุ่งลดความขัดแย้งกับจีนลงบ้าง ในขณะที่เจ้าหน้าที่สหรัฐฯ ทั้งสายเดโมแครตและรีพับลิกันยังคงมองจีนเป็นความท้าทายอันดับ 1 ทั้งในด้านนโยบายต่างประเทศและเศรษฐกิจของอเมริกา . การที่จีนมียอดการค้าเกินดุลเกือบ 1 ล้านล้านดอลลาร์ในปี 2024 ถือเป็นจุดอ่อนของปักกิ่ง การส่งออกในอุตสาหกรรมหลักๆ ของจีน เช่น ยานยนต์ เติบโตรวดเร็วในแง่ของปริมาณมากกว่ามูลค่า ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าผู้ผลิตจีนเลือกหันมาใช้วิธีลดราคาสินค้าเพื่อเพิ่มยอดขายในต่างประเทศ ท่ามกลางอุปสงค์ในจีนที่ยังคงซบเซา และด้วยเหตุนี้นักวิเคราะห์จึงเชื่อว่าจีนน่าจะพยายามขอเจรจาเพื่อทำข้อตกลงกับรัฐบาล ทรัมป์ ให้ได้โดยเร็ว เพื่อลดผลกระทบจากมาตรการทางภาษีของสหรัฐฯ . ทั้งนี้ จีนยังได้เตรียมความพร้อมรับมือมาตรการรีดภาษีของ ทรัมป์ มานานหลายเดือนด้วยการกระชับความร่วมมือกับประเทศหุ้นส่วน ส่งเสริมการพึ่งพาตนเองในด้านเทคโนโลยีหลักๆ และจัดสรรงบประมาณเพื่อช่วยพยุงเศรษฐกิจที่ยังคงเปราะบาง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010797 .................. Sondhi X
    Like
    Wow
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1081 มุมมอง 0 รีวิว
  • มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในวันอาทิตย์ (2 ก.พ.) ขู่ดำเนินการกับปานามา หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เพื่อลดอิทธิพลของจีนเหนือคลองปานามา อย่างไรก็ตาม ผู้นำของประเทศแห่งนี้ยืนกรานว่าเขาไม่กลัวอเมริกาจะใช้กำลังเข้ายึด และเสนอให้ทั้ง 2 ฝ่ายหันหน้าพูดคุยเจรจากัน
    .
    รูบิโอ ซึ่งเดินทางเยือนต่างแดนเป็นครั้งแรกในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ บอกกับปานามา ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สรุปแล้วว่าประเทศแห่งนี้ละเมิดเงื่อนไขในสนธิสัญญา เกี่ยวกับการส่งมอบน่านน้ำสำคัญนี้คืนแก่ปานามาในปี 1999
    .
    เขาชี้ถึงกรณีที่จีนมีอิทธิพลและควบคุมคลองปานามา ทางน้ำสำคัญที่เชื่อมระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกกับมหาสมุทรแปซิฟิก และเป็นเส้นทางการสัญจรผ่านของตู้สินค้าสหรัฐฯ ราว 40%
    .
    แทมมี บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าระหว่างพบปะกับประธานาธิบดีโฮเซ ราอูล มาลิโน ทางรูบิโอ "พูดอย่างชัดเจนว่าสถานภาพปัจจุบันเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้และถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงในทันทีทันใด มันจะจำเป็นที่สหรัฐฯ ต้องใช้มาตรการต่างๆ ที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิของตนเองภายใต้สนธิสัญญา"
    .
    อย่างไรก็ตาม รูบิโอ ให้ภาพการประชุมเลวร้ายน้อยกว่าทางสหรัฐฯ หลังจากก่อนหน้านี้เขาให้การตอบรับ รูบิโอ เขาสู่ทำเนียบประธานาธิบดี ด้วยทหารกองเกียรติยศ
    .
    "ณ เวลานี้ ผมไม่รู้ถึงภัยคุกคามที่เป็นจริงเป็นจังใดๆ ที่มีต่อสนธิสัญญา มันยังอยู่ดี และรู้สึกกังวลน้อยกว่ามากเกี่ยวกับการใช้กำลังทหารเข้ายึดคลอง" มูลิโน บอกกับผู้สื่อข่าวหลังการพบปะหารือ อ้างถึงสนธิสัญญาส่งมอบคลองในช่วงปลายปี 1999 "อธิปไตยเหนือคลองแห่งนี้ ไม่อยู่ในข้อสงสัยใดๆ" เขากล่าว พร้อมเสนอเจรจาระดับเทคนิคกับสหรัฐฯ เพื่อปัดเป่าความกังวล
    .
    รูบิโอ ไม่ได้บอกว่าสหรัฐฯ จะใช้มาตรการใด แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ทรัมป์ เพิ่งกำหนดมาตรการรีดภาษีสูงลิ่วเล่นงาน 3 คู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของอเมริกา ได้แก่ แคนาดา จีน และเม็กซิโก
    .
    ทั้ง รูบิโอ และ ทรัมป์ ต่างกล่าวหา จีน มีอิทธิพลอย่างมากเหนือโครงสร้างพื้นฐานโดยรอบคลอง ที่อาจดำเนินการปิดมันในกรณีที่เกิดความขัดแย้งใดๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบหายนะสำหรับสหรัฐฯ
    .
    มีการประท้วงกลุ่มเล็กๆ แต่เป็นไปอย่างดุเดือดในปานามา ก่อนหน้าการเดินทางเยือนของรูบิโอ กระตุ้นให้ตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำตา
    .
    พวกผู้ประท้วงเผาหุ่นรูบิโอที่สวมสูทสีแดงขาวน้ำเงิน และชูภาพเขากับทรัมป์ต่อหน้าธงนาซี "รูบิโอ ออกไปจากปานามา" เหล่าผู้ชุมนุมต่างร้องตะโกนตอนที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ พบปะกับมูลิโน "นี่คือการส่งสารถึงพวกจักรวรรดินิยม" ซาอูล เมนเดซ ผู้นำสหภาพแรงงานกล่าวถึงรูบิโอ "เราเน้นย้ำว่า ที่นี่ไม่มีอะไรให้ทรัมป์ ปานามาเป็นประเทศเสรีและมีอำนาจอธิปไตย"
    .
    ระหว่างให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวในวันศุกร์ (31 ม.ค.) ทรัมป์ ระบุว่าการอ้อนข้อเกี่ยวกับคลองยังไม่เพียงพอ และ "มันเป็นเรื่องเหมาะสมที่เราจะเอาคลองคืนมา"
    .
    คลองปานามาถูกสร้างขึ้นโดยสหรัฐฯ ที่ต้องแลกมาด้วยชีวิตของแรงงานหลายพันคน ส่วนใหญ่เป็นชนเชื้อสายแอฟริกา ที่มาจากบาร์บาดอส จาไมกา และที่อื่นๆ ในแถบแคริบเบียน
    .
    สหรัฐฯ คงไว้ซึ่งการควบคุมคลองปานามา ครั้งที่เปิดทำการในปี 1914 แต่เริ่มเจรจาต่อรอง ตามหลังเหตุจลาจลนองเลือดในปี 1964 โดยผู้ประท้วงชาวปานามา ที่โกรธเคืองกรณีที่ปล่อยให้ต่างชาติควบคุมคลองแห่งนี้
    .
    จิมมี คาร์เตอร์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ณ ขณะนั้น ตกลงมอบคลองแห่งนี้แก่ปานามาในช่วงปลายปี 1999 โดยอดีตประธานาธิบดีผู้ล่วงลับรายนี้มองว่าเป็นสิ่งจำเป็นทางศีลธรรมที่อเมริกาต้องเคารพต่อประเทศที่เล็กกว่าแต่มีอธิปไตยแห่งนี้
    .
    แต่สำหรับ ทรัมป์ เขามีมุมมองที่ต่างออกไป และหันมาใช้แนวทาง "Big Stick" (การใช้ความเข้มแข็งหรือการข่มขู่ในการจัดการกับสถานการณ์ทางการเมืองหรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) แบบเดียวกับในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งสหรัฐฯ มักขู่ใช้กำลังในการเปิดทางดำเนินการต่างๆ โดยเฉพาะในละตินอเมริกา
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010779
    ..................
    Sondhi X
    มาร์โก รูบิโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ในวันอาทิตย์ (2 ก.พ.) ขู่ดำเนินการกับปานามา หากไม่มีการเปลี่ยนแปลงต่างๆ เพื่อลดอิทธิพลของจีนเหนือคลองปานามา อย่างไรก็ตาม ผู้นำของประเทศแห่งนี้ยืนกรานว่าเขาไม่กลัวอเมริกาจะใช้กำลังเข้ายึด และเสนอให้ทั้ง 2 ฝ่ายหันหน้าพูดคุยเจรจากัน . รูบิโอ ซึ่งเดินทางเยือนต่างแดนเป็นครั้งแรกในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ บอกกับปานามา ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ สรุปแล้วว่าประเทศแห่งนี้ละเมิดเงื่อนไขในสนธิสัญญา เกี่ยวกับการส่งมอบน่านน้ำสำคัญนี้คืนแก่ปานามาในปี 1999 . เขาชี้ถึงกรณีที่จีนมีอิทธิพลและควบคุมคลองปานามา ทางน้ำสำคัญที่เชื่อมระหว่างมหาสมุทรแอตแลนติกกับมหาสมุทรแปซิฟิก และเป็นเส้นทางการสัญจรผ่านของตู้สินค้าสหรัฐฯ ราว 40% . แทมมี บรูซ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่าระหว่างพบปะกับประธานาธิบดีโฮเซ ราอูล มาลิโน ทางรูบิโอ "พูดอย่างชัดเจนว่าสถานภาพปัจจุบันเป็นสิ่งที่ไม่อาจยอมรับได้และถ้าไม่มีการเปลี่ยนแปลงในทันทีทันใด มันจะจำเป็นที่สหรัฐฯ ต้องใช้มาตรการต่างๆ ที่จำเป็นเพื่อปกป้องสิทธิของตนเองภายใต้สนธิสัญญา" . อย่างไรก็ตาม รูบิโอ ให้ภาพการประชุมเลวร้ายน้อยกว่าทางสหรัฐฯ หลังจากก่อนหน้านี้เขาให้การตอบรับ รูบิโอ เขาสู่ทำเนียบประธานาธิบดี ด้วยทหารกองเกียรติยศ . "ณ เวลานี้ ผมไม่รู้ถึงภัยคุกคามที่เป็นจริงเป็นจังใดๆ ที่มีต่อสนธิสัญญา มันยังอยู่ดี และรู้สึกกังวลน้อยกว่ามากเกี่ยวกับการใช้กำลังทหารเข้ายึดคลอง" มูลิโน บอกกับผู้สื่อข่าวหลังการพบปะหารือ อ้างถึงสนธิสัญญาส่งมอบคลองในช่วงปลายปี 1999 "อธิปไตยเหนือคลองแห่งนี้ ไม่อยู่ในข้อสงสัยใดๆ" เขากล่าว พร้อมเสนอเจรจาระดับเทคนิคกับสหรัฐฯ เพื่อปัดเป่าความกังวล . รูบิโอ ไม่ได้บอกว่าสหรัฐฯ จะใช้มาตรการใด แต่เมื่อเร็วๆ นี้ ทรัมป์ เพิ่งกำหนดมาตรการรีดภาษีสูงลิ่วเล่นงาน 3 คู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของอเมริกา ได้แก่ แคนาดา จีน และเม็กซิโก . ทั้ง รูบิโอ และ ทรัมป์ ต่างกล่าวหา จีน มีอิทธิพลอย่างมากเหนือโครงสร้างพื้นฐานโดยรอบคลอง ที่อาจดำเนินการปิดมันในกรณีที่เกิดความขัดแย้งใดๆ ซึ่งอาจส่งผลกระทบหายนะสำหรับสหรัฐฯ . มีการประท้วงกลุ่มเล็กๆ แต่เป็นไปอย่างดุเดือดในปานามา ก่อนหน้าการเดินทางเยือนของรูบิโอ กระตุ้นให้ตำรวจต้องใช้แก๊สน้ำตา . พวกผู้ประท้วงเผาหุ่นรูบิโอที่สวมสูทสีแดงขาวน้ำเงิน และชูภาพเขากับทรัมป์ต่อหน้าธงนาซี "รูบิโอ ออกไปจากปานามา" เหล่าผู้ชุมนุมต่างร้องตะโกนตอนที่รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ พบปะกับมูลิโน "นี่คือการส่งสารถึงพวกจักรวรรดินิยม" ซาอูล เมนเดซ ผู้นำสหภาพแรงงานกล่าวถึงรูบิโอ "เราเน้นย้ำว่า ที่นี่ไม่มีอะไรให้ทรัมป์ ปานามาเป็นประเทศเสรีและมีอำนาจอธิปไตย" . ระหว่างให้สัมภาษณ์กับพวกผู้สื่อข่าวในวันศุกร์ (31 ม.ค.) ทรัมป์ ระบุว่าการอ้อนข้อเกี่ยวกับคลองยังไม่เพียงพอ และ "มันเป็นเรื่องเหมาะสมที่เราจะเอาคลองคืนมา" . คลองปานามาถูกสร้างขึ้นโดยสหรัฐฯ ที่ต้องแลกมาด้วยชีวิตของแรงงานหลายพันคน ส่วนใหญ่เป็นชนเชื้อสายแอฟริกา ที่มาจากบาร์บาดอส จาไมกา และที่อื่นๆ ในแถบแคริบเบียน . สหรัฐฯ คงไว้ซึ่งการควบคุมคลองปานามา ครั้งที่เปิดทำการในปี 1914 แต่เริ่มเจรจาต่อรอง ตามหลังเหตุจลาจลนองเลือดในปี 1964 โดยผู้ประท้วงชาวปานามา ที่โกรธเคืองกรณีที่ปล่อยให้ต่างชาติควบคุมคลองแห่งนี้ . จิมมี คาร์เตอร์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ณ ขณะนั้น ตกลงมอบคลองแห่งนี้แก่ปานามาในช่วงปลายปี 1999 โดยอดีตประธานาธิบดีผู้ล่วงลับรายนี้มองว่าเป็นสิ่งจำเป็นทางศีลธรรมที่อเมริกาต้องเคารพต่อประเทศที่เล็กกว่าแต่มีอธิปไตยแห่งนี้ . แต่สำหรับ ทรัมป์ เขามีมุมมองที่ต่างออกไป และหันมาใช้แนวทาง "Big Stick" (การใช้ความเข้มแข็งหรือการข่มขู่ในการจัดการกับสถานการณ์ทางการเมืองหรือความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ) แบบเดียวกับในช่วงต้นศตวรรษที่ 20 ซึ่งสหรัฐฯ มักขู่ใช้กำลังในการเปิดทางดำเนินการต่างๆ โดยเฉพาะในละตินอเมริกา . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000010779 .................. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1012 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts