• เพลง "ปลงซะ" ของวงพลอย: จุดเริ่มต้นของติ๊ก ชิโร่ อัจฉริยะแห่งวงการเพลงไทยยุค 90

    ในยุคที่เพลงไทยกำลังเบ่งบานด้วยสไตล์ป็อปร็อกผสมผสานกลิ่นอายแดนซ์และคันทรี่ เพลง "ปลงซะ" จากอัลบั้มชุดแรกของวงพลอย ได้กลายเป็นหนึ่งในเพลงฮิตที่จุดประกายให้วงการเพลงไทยคึกคักขึ้นมาในช่วงปลายทศวรรษ 1980s และต้น 1990s เพลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นผลงานที่ทำให้วงพลอยเป็นที่รู้จัก แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในอาชีพนักร้องนำและมือกลองอย่างติ๊ก ชิโร่ (ชื่อจริง: มนัสวิน นันทเสน หรือชื่อเดิม ศิริศักดิ์ นันทเสน) ผู้ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งของวงการเพลงไทยในยุค 90 ด้วยพรสวรรค์ในการแต่งเพลง ร้อง และเล่นดนตรีที่หลากหลาย บทความนี้จะพาไปสำรวจรายละเอียดของวงพลอย ประวัติของติ๊ก ชิโร่ ความดังของเพลง "ปลงซะ" รวมถึงเส้นทางเดี่ยวที่ทำให้เขากลายเป็นศิลปินระดับตำนาน

    ประวัติและการก่อตั้งวงพลอย: จากวงแบ็คอัพสู่ตำนานป็อปร็อก
    วงพลอยเกิดขึ้นจากแนวคิดของ "แจ้" ดนุพล แก้วกาญจน์ อดีตสมาชิกวงแกรนด์เอ็กซ์ นักร้องและนักแต่งเพลงชื่อดังที่ต้องการมีวงดนตรีแบ็คอัพสำหรับอัลบั้มเดี่ยวของตนเองภายใต้สังกัดนิธิทัศน์ โปรโมชั่น การก่อตั้งวงเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2529 โดยเดิมใช้ชื่อ "แจ้และพลอย" สมาชิกหลักในช่วงแรกประกอบด้วยนักดนตรีมากพรสวรรค์ที่มาจากหลากหลายพื้นเพ วงพลอยมีแนวเพลงหลักเป็นป็อปร็อก ผสมผสานกับแดนซ์ คันทรี่ กอสเปล และบลูส์ ซึ่งทำให้เพลงของพวกเขามีเอกลักษณ์โดดเด่น ท่ามกลางกระแสเพลงไทยที่กำลังเปลี่ยนจากยุคดิสโก้สู่ร็อกยุคใหม่

    สมาชิกหลักของวงพลอยมีการเปลี่ยนแปลงตลอดช่วงกิจกรรม แต่บุคคลสำคัญที่ทำให้วงโด่งดัง ได้แก่:
    ติ๊ก ชิโร่ (ศิริศักดิ์ นันทเสน): นักร้องนำและมือกลอง เกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2504 เข้าร่วมวงตั้งแต่ปี 2529 จนถึง 2533 ถือเป็นหัวใจหลักในการผลิตเพลงและการแสดงสด
    วสุ แสงสิงแก้ว: นักร้องนำ คีย์บอร์ด และกีตาร์ เกิดวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2510 เข้าร่วมตั้งแต่เริ่มต้นแต่ลาออกในปี 2531 เพื่อไปศึกษาต่อต่างประเทศ
    อิศรพงศ์ ชุมสาย ณ อยุธยา: หัวหน้าวงและคีย์บอร์ด
    มืด ไข่มุก: เพอร์คัสชั่น กลองชุด และร้องนำ (เสียชีวิตเมื่อปี 2565)
    รักษ์ สวัสซิตัง: กีตาร์และร้องนำ
    อนุสาร คุณะดิลก: เบสและร้องนำ (เสียชีวิตปี 2557)
    ชาตรี คงสุวรรณ: กีตาร์และแซ็กโซโฟน (ช่วงแรก)
    สมาชิกอื่น ๆ เช่น ปิติ ปิติวงศ์ (คีย์บอร์ด), เดวิด เอง (กีตาร์) และวรดิษฐ์ เมืองทอง (ร้องนำแทนวสุในอัลบั้มสุดท้าย)

    วงพลอยออกอัลบั้มแรกในนาม "แจ้และพลอย" ชื่อ "ฝันสีทอง" ในเดือนกุมภาพันธ์และพฤษภาคม 2529 ตามด้วย "ของขวัญ" ในปลายปีเดียวกัน ปี 2530 เปลี่ยนชื่อเป็น "วงพลอย" อย่างเป็นทางการและออกอัลบั้มเต็มชุดแรก "สุภาพบุรุษนักฝัน" ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้วงเป็นที่รู้จักในวงกว้าง อัลบั้มนี้ขายดีและมีเพลงฮิตหลายเพลง ตามด้วย "สมาคมคนเจ็บ ๆ" (2531) และ "พลอย 3" (2532) หลังจากนั้นวงประกาศยุบในปี 2533 เนื่องจากสมาชิกหลายคนแยกย้ายไปทำผลงานเดี่ยว แต่ยังมีอัลบั้มรวมฮิตออกตามมา เช่น "รวมฮิต พลอย" (2535) และ "BEST OF พลอย" (2544) รวมถึงคอนเสิร์ตใหญ่เช่น "โลกดนตรี พลอย" (2531-2533)

    วงพลอยถูกยกย่องว่าเป็น "สมาคมสุภาพบุรุษนักดนตรีแห่งทศวรรษ 1980s" ด้วยการผสมผสานดนตรีที่สนุกสนานและเนื้อเพลงที่เข้าถึงอารมณ์คนฟัง ทำให้พวกเขากลายเป็นขวัญใจวัยรุ่นในยุคนั้น

    ประวัติติ๊ก ชิโร่: จากเด็กโคราชสู่มือกลองและนักร้องอัจฉริยะ
    ติ๊ก ชิโร่ เกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2504 ที่อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรของนายชวลิตและนางสุดใจ นันทเสน เขาเติบโตในครอบครัวธรรมดาแต่มีความหลงใหลในดนตรีตั้งแต่เด็ก โดยเริ่มเล่นดนตรีตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมที่โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย ติ๊กตั้งวงกับเพื่อนชื่อ "แฟมิลี่" และเล่นประจำที่เอส.พี.ไนท์คลับในโคราช ต่อมาเปลี่ยนชื่อวงเป็น "เดอะ ดิสค์" เล่นที่โรงแรมโฆษะ ขอนแก่น แล้วเป็น "ดิสโก้คิสส์" กลับมาโคราช ระหว่างเรียนที่วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน) เขาเล่นที่ซิลเวอร์สตาร์ ขอนแก่น จากนั้นย้ายไปพัทยา เปลี่ยนชื่อวงเป็น "ริทึ่มมิ๊กซ์" และ "เซเลเบรชั่น" ซึ่งออกอัลบั้มชุดเดียว "คนชุดขาว" ในปี 2527 โดยสมาชิกแต่งกายชุดขาวและสวมหน้ากาก

    ติ๊กเข้าร่วมวงพลอยในปี 2529 ในตำแหน่งมือกลองและนักร้องนำ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแจ้งเกิดในวงการเพลงไทยอย่างเต็มตัว เขาไม่เพียงเล่นกลองและร้องนำ แต่ยังแต่งเพลงและเรียบเรียงดนตรีให้วงด้วย พรสวรรค์ของติ๊กในด้านนี้ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็น "อัจฉริยะ" เพราะสามารถเล่นเครื่องดนตรีหลายชนิด เช่น กลอง เปียโน และกีตาร์ รวมถึงแต่งเพลงที่ผสมผสานแนวเพลงหลากหลาย ตั้งแต่ป็อป แดนซ์ ร็อก ไปจนถึงลูกทุ่งและคันทรี่
    ด้านชีวิตส่วนตัว ติ๊กสมรสกับพรรทิรา นันทเสน มีบุตรสาวสองคน ชื่อชาเม-ชามันดา และยาหยี-เลอทีญา เขาจบปริญญาตรีสาขารัฐประศาสนศาสตร์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ปริญญาโทจากธรรมศาสตร์และมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ และปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี นอกจากดนตรี เขายังเป็นนักแสดง พิธีกร และผู้ก่อตั้งค่ายเพลง LOMABin Entertainment ในปี 2564

    ความดังของเพลง "ปลงซะ": เพลงฮิตที่จุดประกายวงพลอย
    เพลง "ปลงซะ" เป็นหนึ่งในเพลงเด่นจากอัลบั้ม "สุภาพบุรุษนักฝัน" (2530) ซึ่งเป็นอัลบั้มเต็มชุดแรกของวงพลอย เพลงนี้แต่งคำร้อง ทำนอง และเรียบเรียงโดยติ๊ก ชิโร่เอง ร้องนำโดยติ๊ก เนื้อเพลงพูดถึงการ "ปลงตก" กับความผิดหวังในชีวิตและความรัก ด้วยจังหวะสนุกสนานผสมร็อกและแดนซ์ ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตอย่างรวดเร็ว คำว่า "ปลงซะ" กลายเป็นวลีฮิตที่คนรุ่นนั้นใช้พูดกันติดปาก

    อัลบั้มนี้มีเพลงดังอื่น ๆ เช่น "จดหมายลาครู" (ร้องโดยวสุ), "สูตรรักนักเรียน" (วสุ), และ "ไม่ได้เจตนา" (มืด) ซึ่งช่วยผลักดันให้อัลบั้มขายดีและทำให้วงพลอยได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงนั้น เพลง "ปลงซะ" ไม่เพียงทำให้ติ๊กเป็นที่รู้จักในฐานะนักร้องนำ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแต่งเพลงที่เข้าถึงอารมณ์คนฟัง ทำให้เพลงนี้ถูกนำไปรวมในอัลบั้มฮิตหลายชุด เช่น "ดีที่สุดแห่งปี 2530" (2549) และ "เพลงฮิตเมื่อวันวาน" (2555) ความดังของเพลงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ติ๊กก้าวสู่การเป็นศิลปินเดี่ยวในเวลาต่อมา

    การแยกตัวและความดังส่วนตัวของติ๊ก ชิโร่: ยุคทองของศิลปินเดี่ยว
    หลังจากวงพลอยยุบในปี 2533 ติ๊ก ชิโร่ ตัดสินใจแยกตัวออกมาทำผลงานเดี่ยวภายใต้สังกัดนิธิทัศน์ โปรโมชั่น ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเพราะทำให้เขากลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในยุค 90 อัลบั้มเดี่ยวชุดแรก "โชะ ไชโย" (ธันวาคม 2533) ขายได้มากกว่าล้านตลับ ด้วยเพลงฮิตอย่าง "โชะ ไชโย" ที่ผสมผสานป็อปแดนซ์ร็อก ตามด้วย "เต็มเหนี่ยว" (2535) ซึ่งได้รับรางวัลโปรดิวเซอร์ยอดเยี่ยมจากสีสันอวอร์ด และขายล้านตลับเช่นกัน

    ตลอดทศวรรษ 1990s ติ๊กออกอัลบั้มอีกหลายชุด เช่น "ยินดีต้อนรับ" (2536) ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลนักร้องชายยอดเยี่ยมสีสันอวอร์ด, "ซ.ต.พ. (Q.E.D.)" (2537), "ติ๊กเบอร์ 5 (มหาชน)" (2539), "ย้อนยุคใหม่" (2540), "ทำปุ๋ย" (2541) และ "โช๊ะ ลูกทุ่ง 1 2 3" (2541) เพลงดังส่วนตัวของเขา ได้แก่ "รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง", "มนุษย์ค้างคาว", "เต็มเหนี่ยว", "โชะ ไชโย" และเพลงรณรงค์อย่าง "แค่ขยับ" (2550) นอกจากนี้ เขายังแต่งเพลงให้ศิลปินอื่น เช่น "จูนหัวใจ" ให้กัญญาณี มุจจลินทร์กุล และ "ก็ดี" ให้ธงไชย แมคอินไตย์

    ความดังของติ๊กในยุค 90 มาจากการผสมผสานแนวเพลงที่หลากหลาย ทำให้เขาเป็นศิลปินที่เข้าถึงผู้ฟังทุกวัย เขาได้รับฉายา "โบราณแมน" จากอัลบั้มในปี 2548 และยังคงผลิตผลงานจนถึงปัจจุบัน รวมถึงอัลบั้มรวมเพลงอย่าง "25 ปี ติ๊ก ชิโร่" (2558) และ "The Legend Of ติ๊ก ชิโร่" (2560) การแยกตัวทำให้ติ๊กประสบความสำเร็จสูงสุด โดยขายอัลบั้มรวมหลายล้านชุดและมีคอนเสิร์ตใหญ่หลายครั้ง

    สรุป: มรดกของติ๊ก ชิโร่และวงพลอยในวงการเพลงไทย
    เพลง "ปลงซะ" ไม่ใช่แค่เพลงฮิต แต่เป็นสัญลักษณ์ของจุดเริ่มต้นที่ทำให้ติ๊ก ชิโร่ ก้าวจากมือกลองในวงพลอยสู่ศิลปินเดี่ยวระดับตำนาน วงพลอยเองก็เป็นส่วนสำคัญที่ปูทางให้ดนตรีไทยในยุค 90 มีความหลากหลายมากขึ้น ติ๊กถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะเพราะความสามารถรอบด้าน ทั้งแต่ง ร้อง และผลิตเพลงที่ยังคงเป็นที่จดจำจนถึงทุกวันนี้ แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยน แต่เพลงของเขาและวงพลอยยังคงถูกเปิดฟังและนำไปรีเมค สะท้อนถึงอิทธิพลที่ยั่งยืนในวงการเพลงไทย

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://www.youtube.com/watch?v=Yg1kHho4J-o
    🎵 เพลง "ปลงซะ" ของวงพลอย: จุดเริ่มต้นของติ๊ก ชิโร่ อัจฉริยะแห่งวงการเพลงไทยยุค 90 🕺 🗺️ ในยุคที่เพลงไทยกำลังเบ่งบานด้วยสไตล์ป็อปร็อกผสมผสานกลิ่นอายแดนซ์และคันทรี่ เพลง "ปลงซะ" จากอัลบั้มชุดแรกของวงพลอย ได้กลายเป็นหนึ่งในเพลงฮิตที่จุดประกายให้วงการเพลงไทยคึกคักขึ้นมาในช่วงปลายทศวรรษ 1980s และต้น 1990s เพลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นผลงานที่ทำให้วงพลอยเป็นที่รู้จัก แต่ยังเป็นจุดเริ่มต้นสำคัญในอาชีพนักร้องนำและมือกลองอย่างติ๊ก ชิโร่ (ชื่อจริง: มนัสวิน นันทเสน หรือชื่อเดิม ศิริศักดิ์ นันทเสน) ผู้ซึ่งถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะคนหนึ่งของวงการเพลงไทยในยุค 90 ด้วยพรสวรรค์ในการแต่งเพลง ร้อง และเล่นดนตรีที่หลากหลาย บทความนี้จะพาไปสำรวจรายละเอียดของวงพลอย ประวัติของติ๊ก ชิโร่ ความดังของเพลง "ปลงซะ" รวมถึงเส้นทางเดี่ยวที่ทำให้เขากลายเป็นศิลปินระดับตำนาน 🌠 ✡️ ประวัติและการก่อตั้งวงพลอย: จากวงแบ็คอัพสู่ตำนานป็อปร็อก วงพลอยเกิดขึ้นจากแนวคิดของ "แจ้" ดนุพล แก้วกาญจน์ อดีตสมาชิกวงแกรนด์เอ็กซ์ นักร้องและนักแต่งเพลงชื่อดังที่ต้องการมีวงดนตรีแบ็คอัพสำหรับอัลบั้มเดี่ยวของตนเองภายใต้สังกัดนิธิทัศน์ โปรโมชั่น การก่อตั้งวงเริ่มต้นในปี พ.ศ. 2529 โดยเดิมใช้ชื่อ "แจ้และพลอย" สมาชิกหลักในช่วงแรกประกอบด้วยนักดนตรีมากพรสวรรค์ที่มาจากหลากหลายพื้นเพ วงพลอยมีแนวเพลงหลักเป็นป็อปร็อก ผสมผสานกับแดนซ์ คันทรี่ กอสเปล และบลูส์ ซึ่งทำให้เพลงของพวกเขามีเอกลักษณ์โดดเด่น ท่ามกลางกระแสเพลงไทยที่กำลังเปลี่ยนจากยุคดิสโก้สู่ร็อกยุคใหม่ 💎 สมาชิกหลักของวงพลอยมีการเปลี่ยนแปลงตลอดช่วงกิจกรรม แต่บุคคลสำคัญที่ทำให้วงโด่งดัง ได้แก่: 🙎‍♂️ ติ๊ก ชิโร่ (ศิริศักดิ์ นันทเสน): นักร้องนำและมือกลอง เกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2504 เข้าร่วมวงตั้งแต่ปี 2529 จนถึง 2533 ถือเป็นหัวใจหลักในการผลิตเพลงและการแสดงสด 🙎‍♂️ วสุ แสงสิงแก้ว: นักร้องนำ คีย์บอร์ด และกีตาร์ เกิดวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2510 เข้าร่วมตั้งแต่เริ่มต้นแต่ลาออกในปี 2531 เพื่อไปศึกษาต่อต่างประเทศ 🙎‍♂️ อิศรพงศ์ ชุมสาย ณ อยุธยา: หัวหน้าวงและคีย์บอร์ด 🙎‍♂️ มืด ไข่มุก: เพอร์คัสชั่น กลองชุด และร้องนำ (เสียชีวิตเมื่อปี 2565) 🙎‍♂️ รักษ์ สวัสซิตัง: กีตาร์และร้องนำ 🙎‍♂️ อนุสาร คุณะดิลก: เบสและร้องนำ (เสียชีวิตปี 2557) 🙎‍♂️ ชาตรี คงสุวรรณ: กีตาร์และแซ็กโซโฟน (ช่วงแรก) 🙎‍♂️ สมาชิกอื่น ๆ เช่น ปิติ ปิติวงศ์ (คีย์บอร์ด), เดวิด เอง (กีตาร์) และวรดิษฐ์ เมืองทอง (ร้องนำแทนวสุในอัลบั้มสุดท้าย) 💿 วงพลอยออกอัลบั้มแรกในนาม "แจ้และพลอย" ชื่อ "ฝันสีทอง" ในเดือนกุมภาพันธ์และพฤษภาคม 2529 ตามด้วย "ของขวัญ" ในปลายปีเดียวกัน ปี 2530 เปลี่ยนชื่อเป็น "วงพลอย" อย่างเป็นทางการและออกอัลบั้มเต็มชุดแรก "สุภาพบุรุษนักฝัน" ซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้วงเป็นที่รู้จักในวงกว้าง อัลบั้มนี้ขายดีและมีเพลงฮิตหลายเพลง ตามด้วย "สมาคมคนเจ็บ ๆ" (2531) และ "พลอย 3" (2532) หลังจากนั้นวงประกาศยุบในปี 2533 เนื่องจากสมาชิกหลายคนแยกย้ายไปทำผลงานเดี่ยว แต่ยังมีอัลบั้มรวมฮิตออกตามมา เช่น "รวมฮิต พลอย" (2535) และ "BEST OF พลอย" (2544) รวมถึงคอนเสิร์ตใหญ่เช่น "โลกดนตรี พลอย" (2531-2533) 💎 วงพลอยถูกยกย่องว่าเป็น "สมาคมสุภาพบุรุษนักดนตรีแห่งทศวรรษ 1980s" ด้วยการผสมผสานดนตรีที่สนุกสนานและเนื้อเพลงที่เข้าถึงอารมณ์คนฟัง ทำให้พวกเขากลายเป็นขวัญใจวัยรุ่นในยุคนั้น 🕺 ประวัติติ๊ก ชิโร่: จากเด็กโคราชสู่มือกลองและนักร้องอัจฉริยะ ติ๊ก ชิโร่ เกิดเมื่อวันที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2504 ที่อำเภอสีคิ้ว จังหวัดนครราชสีมา เป็นบุตรของนายชวลิตและนางสุดใจ นันทเสน เขาเติบโตในครอบครัวธรรมดาแต่มีความหลงใหลในดนตรีตั้งแต่เด็ก โดยเริ่มเล่นดนตรีตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมที่โรงเรียนราชสีมาวิทยาลัย ติ๊กตั้งวงกับเพื่อนชื่อ "แฟมิลี่" และเล่นประจำที่เอส.พี.ไนท์คลับในโคราช ต่อมาเปลี่ยนชื่อวงเป็น "เดอะ ดิสค์" เล่นที่โรงแรมโฆษะ ขอนแก่น แล้วเป็น "ดิสโก้คิสส์" กลับมาโคราช ระหว่างเรียนที่วิทยาลัยเทคโนโลยีและอาชีวศึกษา (ปัจจุบันคือมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน) เขาเล่นที่ซิลเวอร์สตาร์ ขอนแก่น จากนั้นย้ายไปพัทยา เปลี่ยนชื่อวงเป็น "ริทึ่มมิ๊กซ์" และ "เซเลเบรชั่น" ซึ่งออกอัลบั้มชุดเดียว "คนชุดขาว" ในปี 2527 โดยสมาชิกแต่งกายชุดขาวและสวมหน้ากาก 🙎‍♂️ ติ๊กเข้าร่วมวงพลอยในปี 2529 ในตำแหน่งมือกลองและนักร้องนำ ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาแจ้งเกิดในวงการเพลงไทยอย่างเต็มตัว เขาไม่เพียงเล่นกลองและร้องนำ แต่ยังแต่งเพลงและเรียบเรียงดนตรีให้วงด้วย พรสวรรค์ของติ๊กในด้านนี้ทำให้เขาได้รับการยกย่องว่าเป็น "อัจฉริยะ" เพราะสามารถเล่นเครื่องดนตรีหลายชนิด เช่น กลอง เปียโน และกีตาร์ รวมถึงแต่งเพลงที่ผสมผสานแนวเพลงหลากหลาย ตั้งแต่ป็อป แดนซ์ ร็อก ไปจนถึงลูกทุ่งและคันทรี่ ด้านชีวิตส่วนตัว ติ๊กสมรสกับพรรทิรา นันทเสน มีบุตรสาวสองคน ชื่อชาเม-ชามันดา และยาหยี-เลอทีญา เขาจบปริญญาตรีสาขารัฐประศาสนศาสตร์จากมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ปริญญาโทจากธรรมศาสตร์และมหาวิทยาลัยนอร์ทกรุงเทพ และปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยกรุงเทพธนบุรี นอกจากดนตรี เขายังเป็นนักแสดง พิธีกร และผู้ก่อตั้งค่ายเพลง LOMABin Entertainment ในปี 2564 🎖️ ความดังของเพลง "ปลงซะ": เพลงฮิตที่จุดประกายวงพลอย เพลง "ปลงซะ" เป็นหนึ่งในเพลงเด่นจากอัลบั้ม "สุภาพบุรุษนักฝัน" (2530) ซึ่งเป็นอัลบั้มเต็มชุดแรกของวงพลอย เพลงนี้แต่งคำร้อง ทำนอง และเรียบเรียงโดยติ๊ก ชิโร่เอง ร้องนำโดยติ๊ก เนื้อเพลงพูดถึงการ "ปลงตก" กับความผิดหวังในชีวิตและความรัก ด้วยจังหวะสนุกสนานผสมร็อกและแดนซ์ ทำให้เพลงนี้กลายเป็นเพลงฮิตติดชาร์ตอย่างรวดเร็ว คำว่า "ปลงซะ" กลายเป็นวลีฮิตที่คนรุ่นนั้นใช้พูดกันติดปาก 🏆 อัลบั้มนี้มีเพลงดังอื่น ๆ เช่น "จดหมายลาครู" (ร้องโดยวสุ), "สูตรรักนักเรียน" (วสุ), และ "ไม่ได้เจตนา" (มืด) ซึ่งช่วยผลักดันให้อัลบั้มขายดีและทำให้วงพลอยได้รับความนิยมสูงสุดในช่วงนั้น เพลง "ปลงซะ" ไม่เพียงทำให้ติ๊กเป็นที่รู้จักในฐานะนักร้องนำ แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการแต่งเพลงที่เข้าถึงอารมณ์คนฟัง ทำให้เพลงนี้ถูกนำไปรวมในอัลบั้มฮิตหลายชุด เช่น "ดีที่สุดแห่งปี 2530" (2549) และ "เพลงฮิตเมื่อวันวาน" (2555) ความดังของเพลงนี้เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้ติ๊กก้าวสู่การเป็นศิลปินเดี่ยวในเวลาต่อมา ☢️ การแยกตัวและความดังส่วนตัวของติ๊ก ชิโร่: ยุคทองของศิลปินเดี่ยว หลังจากวงพลอยยุบในปี 2533 ติ๊ก ชิโร่ ตัดสินใจแยกตัวออกมาทำผลงานเดี่ยวภายใต้สังกัดนิธิทัศน์ โปรโมชั่น ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องเพราะทำให้เขากลายเป็นซูเปอร์สตาร์ในยุค 90 อัลบั้มเดี่ยวชุดแรก "โชะ ไชโย" (ธันวาคม 2533) ขายได้มากกว่าล้านตลับ ด้วยเพลงฮิตอย่าง "โชะ ไชโย" ที่ผสมผสานป็อปแดนซ์ร็อก ตามด้วย "เต็มเหนี่ยว" (2535) ซึ่งได้รับรางวัลโปรดิวเซอร์ยอดเยี่ยมจากสีสันอวอร์ด และขายล้านตลับเช่นกัน ตลอดทศวรรษ 1990s ติ๊กออกอัลบั้มอีกหลายชุด เช่น "ยินดีต้อนรับ" (2536) ที่ทำให้เขาได้รับรางวัลนักร้องชายยอดเยี่ยมสีสันอวอร์ด, "ซ.ต.พ. (Q.E.D.)" (2537), "ติ๊กเบอร์ 5 (มหาชน)" (2539), "ย้อนยุคใหม่" (2540), "ทำปุ๋ย" (2541) และ "โช๊ะ ลูกทุ่ง 1 2 3" (2541) เพลงดังส่วนตัวของเขา ได้แก่ "รักไม่ยอมเปลี่ยนแปลง", "มนุษย์ค้างคาว", "เต็มเหนี่ยว", "โชะ ไชโย" และเพลงรณรงค์อย่าง "แค่ขยับ" (2550) นอกจากนี้ เขายังแต่งเพลงให้ศิลปินอื่น เช่น "จูนหัวใจ" ให้กัญญาณี มุจจลินทร์กุล และ "ก็ดี" ให้ธงไชย แมคอินไตย์ 📝 🤍 ความดังของติ๊กในยุค 90 มาจากการผสมผสานแนวเพลงที่หลากหลาย ทำให้เขาเป็นศิลปินที่เข้าถึงผู้ฟังทุกวัย เขาได้รับฉายา "โบราณแมน" จากอัลบั้มในปี 2548 และยังคงผลิตผลงานจนถึงปัจจุบัน รวมถึงอัลบั้มรวมเพลงอย่าง "25 ปี ติ๊ก ชิโร่" (2558) และ "The Legend Of ติ๊ก ชิโร่" (2560) การแยกตัวทำให้ติ๊กประสบความสำเร็จสูงสุด โดยขายอัลบั้มรวมหลายล้านชุดและมีคอนเสิร์ตใหญ่หลายครั้ง ℹ️ℹ️ สรุป: มรดกของติ๊ก ชิโร่และวงพลอยในวงการเพลงไทย🏁 เพลง "ปลงซะ" ไม่ใช่แค่เพลงฮิต แต่เป็นสัญลักษณ์ของจุดเริ่มต้นที่ทำให้ติ๊ก ชิโร่ ก้าวจากมือกลองในวงพลอยสู่ศิลปินเดี่ยวระดับตำนาน วงพลอยเองก็เป็นส่วนสำคัญที่ปูทางให้ดนตรีไทยในยุค 90 มีความหลากหลายมากขึ้น ติ๊กถูกยกย่องว่าเป็นอัจฉริยะเพราะความสามารถรอบด้าน ทั้งแต่ง ร้อง และผลิตเพลงที่ยังคงเป็นที่จดจำจนถึงทุกวันนี้ แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยน แต่เพลงของเขาและวงพลอยยังคงถูกเปิดฟังและนำไปรีเมค สะท้อนถึงอิทธิพลที่ยั่งยืนในวงการเพลงไทย ✨💫 #ลุงเล่าหลานฟัง https://www.youtube.com/watch?v=Yg1kHho4J-o
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 488 มุมมอง 0 รีวิว
  • Live !!!! ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 5
    วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2568
    ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

    คลิกชม https://www.youtube.com/live/9iBdJiMZABw?si=LB04DhXCk-Rrm6v5
    🔴 Live !!!! ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 5 วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2568 ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ • คลิกชม https://www.youtube.com/live/9iBdJiMZABw?si=LB04DhXCk-Rrm6v5
    Love
    Like
    6
    1 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 429 มุมมอง 0 รีวิว
  • Live !!!! ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 5
    วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2568
    ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

    คลิกชม https://www.youtube.com/live/9iBdJiMZABw?si=LB04DhXCk-Rrm6v5
    🔴 Live !!!! ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 5 วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2568 ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ • คลิกชม https://www.youtube.com/live/9iBdJiMZABw?si=LB04DhXCk-Rrm6v5
    Love
    Like
    Yay
    9
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 661 มุมมอง 0 รีวิว
  • Live !!!! ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 5
    วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2568
    ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

    คลิกชม https://www.youtube.com/live/9iBdJiMZABw?si=LB04DhXCk-Rrm6v5
    🔴 Live !!!! ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 5 วันอาทิตย์ที่ 23 พฤศจิกายน 2568 ณ หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ • คลิกชม https://www.youtube.com/live/9iBdJiMZABw?si=LB04DhXCk-Rrm6v5
    Love
    Like
    11
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 918 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวทีความจริงมีหนึ่งเดียวครึ้งที่ 5 /2568 พร้อมเเล้ว
    .
    วันนี้ (23-11-68) เเฟนๆที่มีบัตรพบกัน 9.30 น.
    ที่ หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
    เวทีความจริงมีหนึ่งเดียวครึ้งที่ 5 /2568 พร้อมเเล้ว . วันนี้ (23-11-68) เเฟนๆที่มีบัตรพบกัน 9.30 น. ที่ หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
    Like
    Love
    Wow
    8
    1 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวทีความจริงมีหนึ่งเดียวครึ้งที่ 5 /2568 พร้อมเเล้ว
    .
    (23-11-68) เเฟนๆที่มีบัตรพบกัน 9.30 น.
    ที่ หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
    เวทีความจริงมีหนึ่งเดียวครึ้งที่ 5 /2568 พร้อมเเล้ว . (23-11-68) เเฟนๆที่มีบัตรพบกัน 9.30 น. ที่ หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 169 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวทีความจริงมีหนึ่งเดียวครึ้งที่ 5 /2568 พร้อมเเล้ว
    .
    วันนี้ (23-11-68) เเฟนๆที่มีบัตรพบกัน 9.30 น.
    ที่ หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
    เวทีความจริงมีหนึ่งเดียวครึ้งที่ 5 /2568 พร้อมเเล้ว . วันนี้ (23-11-68) เเฟนๆที่มีบัตรพบกัน 9.30 น. ที่ หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 576 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวทีความจริงมีหนึ่งเดียวครึ้งที่ 5 /2568 พร้อมเเล้ว
    .
    วันนี้ (23-11-68) เเฟนๆที่มีบัตรพบกัน 9.30 น.
    ที่ หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
    เวทีความจริงมีหนึ่งเดียวครึ้งที่ 5 /2568 พร้อมเเล้ว . วันนี้ (23-11-68) เเฟนๆที่มีบัตรพบกัน 9.30 น. ที่ หอประชุมใหญ่ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
    Love
    Like
    5
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 842 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทยเดินหน้าไม่ได้ หากไม่มีอธิปไตย : คนเคาะข่าว 13-10-68

    : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ
    เทปบันทึกงานความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 4/2568 วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2568 ณ หอประชุมเล็ก ม.ธรรมศาสตร์

    https://www.youtube.com/watch?v=DfPdeCDvpCo
    ไทยเดินหน้าไม่ได้ หากไม่มีอธิปไตย : คนเคาะข่าว 13-10-68 • : ทนง ขันทอง ผู้เชี่ยวชาญข่าวต่างประเทศ เทปบันทึกงานความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 4/2568 วันอาทิตย์ที่ 28 กันยายน 2568 ณ หอประชุมเล็ก ม.ธรรมศาสตร์ • https://www.youtube.com/watch?v=DfPdeCDvpCo
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 361 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไทยเปลี่ยนรัฐบาล-แม่ทัพ กัมพูชาจะยังกร้าวหรือไม่? : คนเคาะข่าว 30-09-68
    : รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช นายกสมาคมภูมิภาคศึกษา อาจารย์สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ม.ธรรมศาสตร์
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์

    https://www.youtube.com/watch?v=GNWSHqPOLdY
    ไทยเปลี่ยนรัฐบาล-แม่ทัพ กัมพูชาจะยังกร้าวหรือไม่? : คนเคาะข่าว 30-09-68 : รศ.ดร.ดุลยภาค ปรีชารัชช นายกสมาคมภูมิภาคศึกษา อาจารย์สาขาเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ศึกษา ม.ธรรมศาสตร์ ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ https://www.youtube.com/watch?v=GNWSHqPOLdY
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 326 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้ (28 ก.ย.) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ขึ้นเวที “ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 4” ชี้ว่าพรรคส้มแม้ได้เสียง 14 ล้าน แต่กลับถูกน้ำเงินถีบไปเป็นฝ่ายค้าน และเตือนว่าการเมืองไทยวนเวียนในวัฏจักร “ฉกฉวย แย่งชิง ผูกขาด ตัดตอน ลิดรอนสิทธิ์เพื่อน แทงหน้าแทงหลัง หน้าด้านหน้าทน มือยาวสาวได้สาวเอา ได้เอาไปฝากเมีย เสียยกให้เพื่อน เงื่อนเวลา อ้างฟ้าดิน สิ้นศรัทธา”

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092756

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    วันนี้ (28 ก.ย.) ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง ขึ้นเวที “ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 4” ชี้ว่าพรรคส้มแม้ได้เสียง 14 ล้าน แต่กลับถูกน้ำเงินถีบไปเป็นฝ่ายค้าน และเตือนว่าการเมืองไทยวนเวียนในวัฏจักร “ฉกฉวย แย่งชิง ผูกขาด ตัดตอน ลิดรอนสิทธิ์เพื่อน แทงหน้าแทงหลัง หน้าด้านหน้าทน มือยาวสาวได้สาวเอา ได้เอาไปฝากเมีย เสียยกให้เพื่อน เงื่อนเวลา อ้างฟ้าดิน สิ้นศรัทธา” อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092756 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 580 มุมมอง 0 รีวิว
  • Live : ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 4 / 2568 ณ หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
    .
    คลิก https://www.youtube.com/watch?v=rfMwfy2RRrU
    .
    ติดต่อสอบถาม Line @sondhitalk
    🔴 Live : ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 4 / 2568 ณ หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ . คลิก https://www.youtube.com/watch?v=rfMwfy2RRrU . ติดต่อสอบถาม Line @sondhitalk
    Like
    Love
    Yay
    21
    0 ความคิดเห็น 4 การแบ่งปัน 974 มุมมอง 1 รีวิว
  • Live : ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 4 / 2568 ณ หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์
    .
    คลิก https://www.youtube.com/watch?v=rfMwfy2RRrU
    .
    ติดต่อสอบถาม Line @sondhitalk
    🔴 Live : ความจริงมีหนึ่งเดียว ครั้งที่ 4 / 2568 ณ หอประชุมเล็ก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ . คลิก https://www.youtube.com/watch?v=rfMwfy2RRrU . ติดต่อสอบถาม Line @sondhitalk
    Like
    Love
    Wow
    Haha
    20
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 1296 มุมมอง 0 รีวิว
  • ณัฐพงษ์ VS ณัฐพงศ์ ประชาธิปไตยคนหล่อ

    หลังจากพรรคเพื่อไทยเสียรังวัด กรณีที่ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และนายทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้กลับมารับโทษจำคุก 1 ปี ปรากฎว่าคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยานายทักษิณ ปรากฎตัวที่พรรคเพื่อไทย สร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกพรรค พร้อมกับกระแสข่าวว่าจะทาบทาม นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท สามีของ เอม-พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ปะทะกับ เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน

    ปฎิเสธไม่ได้ว่ากระแสความนิยมของพรรคส้ม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหน้าตา ที่จุดประกายความหวังของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ตั้งแต่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ก่อนการเลือกตั้งปี 2562 เกิดกระแส "ฟ้ารักพ่อ" ที่ชาว LGBTQ รายหนึ่ง ตะโกนคำนี้อยู่หลายครั้ง ระหว่างปรากฎตัวในงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 73 หรือจะเป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ดีกรีหนุ่มนักเรียนนอก อดีตนายแบบขึ้นปกนิตยสารชื่อดัง ความหล่อของเขาช่วยเอาชนะการเลือกตั้งมาได้ถึง 14 ล้านเสียง ถึงกระนั้น แม้นายณัฐพงษ์จะดูมีแคริสมา หรือเสน่ห์น้อยกว่า แต่ประวัติการศึกษาก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน

    นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เกิดเมื่อปี 2530 จบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกอบธุรกิจผู้ผลิตซอฟต์แวร์ เป็นลูกชายของ นายสุชาติ เรืองปัญญาวุฒิ เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ชนันธร ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป

    ส่วนนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ เกิดเมื่อปี 2523 จบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทบริหารธุรกิจจาก DePaul University ชิคาโก สหรัฐอเมริกา ครอบครัวทำธุรกิจการ์เมนต์ส่งออกย่านประตูน้ำ เคยได้รับการโหวตให้เป็นขวัญใจไฮโซ ของนิตยสารคลีโอในปี 2007 เคยผ่านการทำงานหลายบริษัท ก่อนร่วมกับครอบครัวเปิดบริษัทด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงลงทุนโครงการโรงแรมย่านประตูน้ำ พบรักกับเอม-พินทองทา ก่อนแต่งงานเมื่อปี 2554 มีบุตรด้วยกัน 3 คน ก่อนเข้ามาเป็นผู้บริหารใน เอสซี แอสเสท บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลชินวัตร

    แม้ในวันที่ไปเยี่ยมนายทักษิณที่เรือนจำ นายณัฐพงศ์ปฎิเสธว่าจะเล่นการเมือง โดยกล่าวสั้นๆ ว่า "ยังไม่คิดเรื่องนี้เลย" แต่นายภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุว่า นายณัฐพงศ์เป็นคนสมาร์ท หล่ออยู่แล้ว ก็ต้องถามเจ้าตัวก่อน แต่หากกระแสสังคมเชียร์นายณัฐพงศ์เสียงดังมากๆ อาจจะไปเจรจาคุณหญิงพจมาน และเอม-พินทองทา ภรรยาของนายณัฐพงศ์

    #Newskit
    ณัฐพงษ์ VS ณัฐพงศ์ ประชาธิปไตยคนหล่อ หลังจากพรรคเพื่อไทยเสียรังวัด กรณีที่ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และนายทักษิณ ชินวัตร ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง มีคำสั่งให้กลับมารับโทษจำคุก 1 ปี ปรากฎว่าคุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร อดีตภรรยานายทักษิณ ปรากฎตัวที่พรรคเพื่อไทย สร้างความมั่นใจให้กับสมาชิกพรรค พร้อมกับกระแสข่าวว่าจะทาบทาม นายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.เอสซี แอสเสท สามีของ เอม-พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ปะทะกับ เท้ง-ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ปฎิเสธไม่ได้ว่ากระแสความนิยมของพรรคส้ม ส่วนหนึ่งเป็นเพราะหน้าตา ที่จุดประกายความหวังของกลุ่มคนรุ่นใหม่ ตั้งแต่นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ที่ก่อนการเลือกตั้งปี 2562 เกิดกระแส "ฟ้ารักพ่อ" ที่ชาว LGBTQ รายหนึ่ง ตะโกนคำนี้อยู่หลายครั้ง ระหว่างปรากฎตัวในงานฟุตบอลประเพณีธรรมศาสตร์-จุฬาฯ ครั้งที่ 73 หรือจะเป็นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ดีกรีหนุ่มนักเรียนนอก อดีตนายแบบขึ้นปกนิตยสารชื่อดัง ความหล่อของเขาช่วยเอาชนะการเลือกตั้งมาได้ถึง 14 ล้านเสียง ถึงกระนั้น แม้นายณัฐพงษ์จะดูมีแคริสมา หรือเสน่ห์น้อยกว่า แต่ประวัติการศึกษาก็ไม่ด้อยไปกว่ากัน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ เกิดเมื่อปี 2530 จบคณะวิศวกรรมศาสตร์ สาขาคอมพิวเตอร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ประกอบธุรกิจผู้ผลิตซอฟต์แวร์ เป็นลูกชายของ นายสุชาติ เรืองปัญญาวุฒิ เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ชนันธร ดีเวลลอปเม้นท์ กรุ๊ป ส่วนนายณัฐพงศ์ คุณากรวงศ์ เกิดเมื่อปี 2523 จบคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ปริญญาโทบริหารธุรกิจจาก DePaul University ชิคาโก สหรัฐอเมริกา ครอบครัวทำธุรกิจการ์เมนต์ส่งออกย่านประตูน้ำ เคยได้รับการโหวตให้เป็นขวัญใจไฮโซ ของนิตยสารคลีโอในปี 2007 เคยผ่านการทำงานหลายบริษัท ก่อนร่วมกับครอบครัวเปิดบริษัทด้านพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงลงทุนโครงการโรงแรมย่านประตูน้ำ พบรักกับเอม-พินทองทา ก่อนแต่งงานเมื่อปี 2554 มีบุตรด้วยกัน 3 คน ก่อนเข้ามาเป็นผู้บริหารใน เอสซี แอสเสท บริษัทอสังหาริมทรัพย์ของตระกูลชินวัตร แม้ในวันที่ไปเยี่ยมนายทักษิณที่เรือนจำ นายณัฐพงศ์ปฎิเสธว่าจะเล่นการเมือง โดยกล่าวสั้นๆ ว่า "ยังไม่คิดเรื่องนี้เลย" แต่นายภูมิธรรม เวชยชัย แกนนำพรรคเพื่อไทย ระบุว่า นายณัฐพงศ์เป็นคนสมาร์ท หล่ออยู่แล้ว ก็ต้องถามเจ้าตัวก่อน แต่หากกระแสสังคมเชียร์นายณัฐพงศ์เสียงดังมากๆ อาจจะไปเจรจาคุณหญิงพจมาน และเอม-พินทองทา ภรรยาของนายณัฐพงศ์ #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1174 มุมมอง 0 รีวิว
  • แหกคอก ตอนที่ 10 – ล้อมเข้าคอก
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 10 : ล้อมเข้าคอก
    อีกงานหนึ่งที่มูลนิธิ Rockefeller ทำไปพร้อมๆ กัน คือการคิดหลักสูตรใหม่ในมหาวิทยาลัย ชั้นนำของอเมริกา คือหลักสูตร International Relations ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเขามอบให้ มหาวิทยาลัย Yale เริ่มศึกษาคิดหลักสูตรนี้ ตั้งแต่ ค.ศ.1930 โดยมูลนิธิควักกระเป๋าเช่นเคย ในที่สุดในปี ค.ศ.1935 Yale Institute of International Studies ก็เกิดขึ้น และต่อมา Yale Institute นี้ ได้ร่วมทำงานกับรัฐบาล ผ่านหน่วยงาน State Department, War Department และ Board of Economic Warfare รับหน้าที่อบรมให้กองทัพอเมริกาโดยเฉพาะ ซึ่ง Yale Institute ก็ตั้ง School of Asiatic Studies ในปี ค.ศ.1945 เพื่อเตรียมตัวกองทัพในการรับมือกับภาระกิจที่จะเกิดขึ้น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้ไปในทิศทางเดียวกับรัฐบาล หรือพูดให้ชัดเป็นไปตามที่ CFR วางแผนไว้
    ทั้งหมดนี้ มูลนิธิ Rockefeller วางยุทธศาสตร์การดำเนินการ เพื่อให้แน่ใจว่า สถาบันองค์กรต่างๆ มหาวิทยาลัย หรือผู้นำทางสังคม มีความเข้าใจ มองโลก และมองบทบาทของอเมริกา ตามที่พี่เลี้ยง CFR กำหนดไว้ และสถาบันเหล่านี้จะสามารถทำให้ประชาชนเชื่อถือและ มีความเห็นคล้อยตาม เขาเรียกโครงการนี้ว่า Scientific Management of Society มันเป็นการสร้างพื้นฐานความคิดให้แก่สังคม หรือการสร้างคอกล้อมความคิดของสังคมเพื่อให้คิดอย่างที่นายทุนนักล่า ต้องการให้สังคมเห็นด้วยคล้อยตาม มันคือการฟอกย้อมความคิด สร้างทั้งคอก มีเชือกผูกคอ ไว้ลากจูงเสร็จ มันเป็นงานใหญ่ที่เอาไว้ใช้ครอบคลุมคนทั้งโลก ทุกชนชั้น และเกือบทุกอาชีพ เขาเริ่มโครงการสร้างคอกในบ้านก่อน จึงไม่น่าแปลกใจว่าแม้คนอเมริกันเองก็ไม่รู้แน่ว่าใครเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลของตนเอง
    เมื่อจัดการวางแผนสร้างคอกในบ้านแล้ว ก็เริ่มโครงการสร้างคอกนอกบ้านทางอ้อม ตั้งแต่ ค.ศ.1934 เป็นต้นมา ทั้งมูลนิธิ Rockefeller, มูลนิธิ Ford และ Caregie ต่างช่วยกันสนับสนุนเงินทุนในการศึกษาโครงการ Area Studies ในวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของประเทศที่เป็น non-western วิชานี้ เดิมเริ่มมาจากหลักสูตรที่คิดขึ้นโดยสถาบันการศึกษาของอังกฤษ ซึ่งแสดงการแบ่งแยกชัดเจนว่า เป็นเรา (ตะวันตก) เป็นเขา (ตะวันออก) และมีการแสดงออกถึงความเป็นผู้อยู่ในสถานะสูงกว่า (นายเหนือและขี้ข้า) อย่างชัดเจน พี่เลี้ยงบอกว่าวิธีการสอนแบบนี้ มันคงไม่ได้ผล เราจะหลอกต้มเขา เราต้องทำให้เนียน บอกแล้วเราต้องพรางตัว เราคิดหลักสูตรใหม่แล้วกัน สอนแบบอื่น ให้ได้ผลเหมือนกันน่ะ ให้เราก็ยังคุมเขา เป็นนายเขา เหมือนเดิมโดยเขาไม่รู้ตัว เราต้องทำให้เขาคิดว่า ถ้าเขาคิดแบบเรา มีความรู้แบบเรา แล้วจะทำให้เขาเหมือนเรา เป็นที่ยอมรับของเราน่ะ ทำได้ไหม แค่ใส่ความคิดให้เขาน่ะ แต่ความจริงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
    ในที่สุดโดยเงินทุนสนับสนุนจากมูลนิธิใจกว้างทั้ง 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา ตั้งแต่ University of Chicago, Columbia, North Carolina, Harvard, Yale, Virginia, Texas, Stanford etc. ต่างก็นำนโยบายของพี่เลี้ยง CFR ไปตั้งหลักสูตรทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไปปรับความคิด จัดการฟอกย้อมสังคมโดยการศึกษาจากมหาวิทยาลัยของอเมริกาสำเร็จ
    อันที่จริงหลักสูตรการสร้างคอกนี้ ไม่ใช่ทำอยู่แต่ในอเมริกาเท่านั้น ช่วงระหว่าง ค.ศ.1919 – 1940 หลักสูตรการสร้างคอกนี้ ขยายไปถึงอังกฤษผ่านการสนับสนุน ทางการเงินแก่ London School of Economics, the Graduate Institute of International Studies ในสวิส, the Centre dEtudies Politiqnes Etrangeres ในฝรั่งเศส รวมทั้งใน Norway, Sweden, Denmark, Germany และ Holland เขาสร้างหลักสูตรวิชารัฐศาสตร์ สัมพันธ์ระหว่างประเทศ, สังคมวิทยา ฯลฯ ตามทฤษฎีของอเมริกา ไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไรก็ตาม มันเป็นการฝั่งรากความคิดเกี่ยวกับสังคม/การเมือง เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดระเบียบโลกใหม่ ต้องถือว่าการสร้างคอกความคิด ทำได้สำเร็จ คอกยาวล้อมไปทั่วโลก ไม่ว่าจะไปเรียนที่ไหนไม่สำคัญ เพราะอัดสำเนา ถ่ายก็อปบี้มาเหมือนกันหมด
    ทั้งหมดนี้เป็นการให้ทุนสนับสนุนแก่สถาบัน และให้โดยตรงกับนักศึกษา ส่วนผู้สนับสนุนเงินทุน ไม่ต้องเสียเวลาเดา มีอยู่ไม่กี่เจ้าแต่เอาจริงกระเป๋าหนัก เพื่อการครองโลกของเขา Rockefeller Foundation, Carnegie Foundation, Ford Foundation etc.
    ในบ้านเราหลักสูตรการล้อมคอกนี้ มีสอนอยู่ในหลายมหาวิทยาลัย ที่โดดเด่นมาก น่าจะเป็นคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะอาจารย์ที่สอนส่วนใหญ่ได้ทุนจากสถาบันต่างๆ ของอเมริกา ตามแนวทางสร้างคอก แต่ถึงจะจบจากประเทศไหนก็คงไม่ต่างกันมาก เพราะอย่างว่าใช้ก็อปบี้สำเนาเดียวกัน ส่วนของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็มีและไม่ต่างกันมาก เพียงแต่ช่วงหลังๆ ใส่ผงชูรสจัดเข้าไปตามใบสั่งบวกกับใบเสร็จ และในมหาวิทยาลัยเอกชนที่ตั้งขึ้นมาใหม่ในระยะ 10 – 20 ปี หลังนี้ ก็มีหลักสูตรเช่นนี้ด้วย
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 10 – ล้อมเข้าคอก นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 10 : ล้อมเข้าคอก อีกงานหนึ่งที่มูลนิธิ Rockefeller ทำไปพร้อมๆ กัน คือการคิดหลักสูตรใหม่ในมหาวิทยาลัย ชั้นนำของอเมริกา คือหลักสูตร International Relations ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ โดยเขามอบให้ มหาวิทยาลัย Yale เริ่มศึกษาคิดหลักสูตรนี้ ตั้งแต่ ค.ศ.1930 โดยมูลนิธิควักกระเป๋าเช่นเคย ในที่สุดในปี ค.ศ.1935 Yale Institute of International Studies ก็เกิดขึ้น และต่อมา Yale Institute นี้ ได้ร่วมทำงานกับรัฐบาล ผ่านหน่วยงาน State Department, War Department และ Board of Economic Warfare รับหน้าที่อบรมให้กองทัพอเมริกาโดยเฉพาะ ซึ่ง Yale Institute ก็ตั้ง School of Asiatic Studies ในปี ค.ศ.1945 เพื่อเตรียมตัวกองทัพในการรับมือกับภาระกิจที่จะเกิดขึ้น หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ให้ไปในทิศทางเดียวกับรัฐบาล หรือพูดให้ชัดเป็นไปตามที่ CFR วางแผนไว้ ทั้งหมดนี้ มูลนิธิ Rockefeller วางยุทธศาสตร์การดำเนินการ เพื่อให้แน่ใจว่า สถาบันองค์กรต่างๆ มหาวิทยาลัย หรือผู้นำทางสังคม มีความเข้าใจ มองโลก และมองบทบาทของอเมริกา ตามที่พี่เลี้ยง CFR กำหนดไว้ และสถาบันเหล่านี้จะสามารถทำให้ประชาชนเชื่อถือและ มีความเห็นคล้อยตาม เขาเรียกโครงการนี้ว่า Scientific Management of Society มันเป็นการสร้างพื้นฐานความคิดให้แก่สังคม หรือการสร้างคอกล้อมความคิดของสังคมเพื่อให้คิดอย่างที่นายทุนนักล่า ต้องการให้สังคมเห็นด้วยคล้อยตาม มันคือการฟอกย้อมความคิด สร้างทั้งคอก มีเชือกผูกคอ ไว้ลากจูงเสร็จ มันเป็นงานใหญ่ที่เอาไว้ใช้ครอบคลุมคนทั้งโลก ทุกชนชั้น และเกือบทุกอาชีพ เขาเริ่มโครงการสร้างคอกในบ้านก่อน จึงไม่น่าแปลกใจว่าแม้คนอเมริกันเองก็ไม่รู้แน่ว่าใครเป็นผู้มีอิทธิพลเหนือรัฐบาลของตนเอง เมื่อจัดการวางแผนสร้างคอกในบ้านแล้ว ก็เริ่มโครงการสร้างคอกนอกบ้านทางอ้อม ตั้งแต่ ค.ศ.1934 เป็นต้นมา ทั้งมูลนิธิ Rockefeller, มูลนิธิ Ford และ Caregie ต่างช่วยกันสนับสนุนเงินทุนในการศึกษาโครงการ Area Studies ในวิชาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ของประเทศที่เป็น non-western วิชานี้ เดิมเริ่มมาจากหลักสูตรที่คิดขึ้นโดยสถาบันการศึกษาของอังกฤษ ซึ่งแสดงการแบ่งแยกชัดเจนว่า เป็นเรา (ตะวันตก) เป็นเขา (ตะวันออก) และมีการแสดงออกถึงความเป็นผู้อยู่ในสถานะสูงกว่า (นายเหนือและขี้ข้า) อย่างชัดเจน พี่เลี้ยงบอกว่าวิธีการสอนแบบนี้ มันคงไม่ได้ผล เราจะหลอกต้มเขา เราต้องทำให้เนียน บอกแล้วเราต้องพรางตัว เราคิดหลักสูตรใหม่แล้วกัน สอนแบบอื่น ให้ได้ผลเหมือนกันน่ะ ให้เราก็ยังคุมเขา เป็นนายเขา เหมือนเดิมโดยเขาไม่รู้ตัว เราต้องทำให้เขาคิดว่า ถ้าเขาคิดแบบเรา มีความรู้แบบเรา แล้วจะทำให้เขาเหมือนเรา เป็นที่ยอมรับของเราน่ะ ทำได้ไหม แค่ใส่ความคิดให้เขาน่ะ แต่ความจริงเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ในที่สุดโดยเงินทุนสนับสนุนจากมูลนิธิใจกว้างทั้ง 3 มหาวิทยาลัยชั้นนำของอเมริกา ตั้งแต่ University of Chicago, Columbia, North Carolina, Harvard, Yale, Virginia, Texas, Stanford etc. ต่างก็นำนโยบายของพี่เลี้ยง CFR ไปตั้งหลักสูตรทางความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ไปปรับความคิด จัดการฟอกย้อมสังคมโดยการศึกษาจากมหาวิทยาลัยของอเมริกาสำเร็จ อันที่จริงหลักสูตรการสร้างคอกนี้ ไม่ใช่ทำอยู่แต่ในอเมริกาเท่านั้น ช่วงระหว่าง ค.ศ.1919 – 1940 หลักสูตรการสร้างคอกนี้ ขยายไปถึงอังกฤษผ่านการสนับสนุน ทางการเงินแก่ London School of Economics, the Graduate Institute of International Studies ในสวิส, the Centre dEtudies Politiqnes Etrangeres ในฝรั่งเศส รวมทั้งใน Norway, Sweden, Denmark, Germany และ Holland เขาสร้างหลักสูตรวิชารัฐศาสตร์ สัมพันธ์ระหว่างประเทศ, สังคมวิทยา ฯลฯ ตามทฤษฎีของอเมริกา ไม่ว่าจะเรียกชื่ออย่างไรก็ตาม มันเป็นการฝั่งรากความคิดเกี่ยวกับสังคม/การเมือง เพื่อให้สอดคล้องกับการจัดระเบียบโลกใหม่ ต้องถือว่าการสร้างคอกความคิด ทำได้สำเร็จ คอกยาวล้อมไปทั่วโลก ไม่ว่าจะไปเรียนที่ไหนไม่สำคัญ เพราะอัดสำเนา ถ่ายก็อปบี้มาเหมือนกันหมด ทั้งหมดนี้เป็นการให้ทุนสนับสนุนแก่สถาบัน และให้โดยตรงกับนักศึกษา ส่วนผู้สนับสนุนเงินทุน ไม่ต้องเสียเวลาเดา มีอยู่ไม่กี่เจ้าแต่เอาจริงกระเป๋าหนัก เพื่อการครองโลกของเขา Rockefeller Foundation, Carnegie Foundation, Ford Foundation etc. ในบ้านเราหลักสูตรการล้อมคอกนี้ มีสอนอยู่ในหลายมหาวิทยาลัย ที่โดดเด่นมาก น่าจะเป็นคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพราะอาจารย์ที่สอนส่วนใหญ่ได้ทุนจากสถาบันต่างๆ ของอเมริกา ตามแนวทางสร้างคอก แต่ถึงจะจบจากประเทศไหนก็คงไม่ต่างกันมาก เพราะอย่างว่าใช้ก็อปบี้สำเนาเดียวกัน ส่วนของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ก็มีและไม่ต่างกันมาก เพียงแต่ช่วงหลังๆ ใส่ผงชูรสจัดเข้าไปตามใบสั่งบวกกับใบเสร็จ และในมหาวิทยาลัยเอกชนที่ตั้งขึ้นมาใหม่ในระยะ 10 – 20 ปี หลังนี้ ก็มีหลักสูตรเช่นนี้ด้วย คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 527 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ภาควิชาสรีรวิทยา #คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล #มหาวิทยาลัยมหิดล
    ขอแสดงความยินดีกับ รศ. ดร. พญ.สุวัฒณี คุปติวุฒิ ในโอกาสได้รับ “รางวัล Best Poster Presentation” จากการประชุมวิชาการร่วมคณะแพทยศาสตร์ 4 สถาบัน พ.ศ. 2568: จุฬาฯ-รามาฯ-ศิริราช-ธรรมศาสตร์ ระหว่างวันที่ 23 -25 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
    #ภาควิชาสรีรวิทยา #คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล #มหาวิทยาลัยมหิดล ขอแสดงความยินดีกับ รศ. ดร. พญ.สุวัฒณี คุปติวุฒิ ในโอกาสได้รับ “รางวัล Best Poster Presentation” จากการประชุมวิชาการร่วมคณะแพทยศาสตร์ 4 สถาบัน พ.ศ. 2568: จุฬาฯ-รามาฯ-ศิริราช-ธรรมศาสตร์ ระหว่างวันที่ 23 -25 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 570 มุมมอง 0 รีวิว
  • เดินรถไฟ Kiha ธันวาฯ นี้ ประเดิมดอนเมือง-อยุธยา

    ความคืบหน้าการปรับปรุงรถดีเซลรางรุ่น Kiha 40 และ Kiha 48 จากประเทศญี่ปุ่น หลังการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รับมอบจากบริษัท JR EAST ประเทศญี่ปุ่น และขนส่งทางเรือมาถึงประเทศไทยเมื่อกลางปี 2567 ล่าสุดพบว่ารถต้นแบบคันแรกยังคงต้องปรับปรุงเพิ่มเติม หลังปรับขนาดเพลาล้อจาก 1.067 เมตร เป็น 1 เมตร เพื่อให้เข้ากับมาตรฐานรางรถไฟของประเทศไทย และทดลองเดินรถเส้นทางมักกะสัน-หัวหมาก เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา

    ปัจจุบันยังคงต้องปรับปรุงครอบคลุมทั้งด้านวิศวกรรมและระบบการทำงานของรถ โดยเฉพาะระบบปรับอากาศที่ต้องดัดแปลงใหม่ เนื่องจากรถรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อวิ่งในสภาพอากาศหนาวของภูมิภาคอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น การรถไฟฯ จึงได้ปรับปรุงช่องจ่ายลมเย็นให้เหมาะสมกับสภาพอากาศในประเทศไทย รวมถึงปรับปรุงคอมเพรสเซอร์ ชุดคอยล์ระบายความร้อน และคอยล์เย็น อีกทั้งยังได้ทดสอบด้านสมรรถนะของรถ อาทิ การทดสอบระยะห้ามล้อ อัตราเร่ง และการสั่นสะเทือนเชิงกล

    คาดว่ารถต้นแบบคันแรกจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. 2568 และจะมีอีกหนึ่งคันแล้วเสร็จตามมาในเดือน ต.ค. 2568 ก่อนทยอยปรับปรุงเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะสามารถนำรถที่ปรับปรุงเสร็จแล้วจำนวน 4 คัน ออกให้บริการได้ภายในเดือน ธ.ค.2568 เบื้องต้นวางแผนจะนำมาให้บริการในเส้นทาง ดอนเมือง-อยุธยา เพื่อรองรับความต้องการเดินทางของประชาชนและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา

    สำหรับเส้นทางดอนเมือง-อยุธยา มีระยะทางประมาณ 49 กิโลเมตร รถรุ่นดังกล่าวเดินรถด้วยความเร็วสูงสุด 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นรถเชื่อมต่อ (Feeder) กับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง (ช่วงบางซื่อ-รังสิต) และท่าอากาศยานดอนเมือง แนวเส้นทางผ่านสถานีรังสิต คลองหนึ่ง เชียงราก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) นวนคร เชียงรากน้อย คลองพุทรา บางปะอิน บ้านโพ และสถานีปลายทางอยุธยา

    โดยปกติถ้าเป็นรถไฟธรรมดา ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ปัจจุบันรถไฟธรรมดาและรถไฟชานเมือง (ไม่มีเครื่องปรับอากาศ) ค่าโดยสาร 11 บาท, รถนั่งชั้นโทปรับอากาศ - JRWEST (เบาะแดง) ขบวน 133 ราคา 104 บาท, รถดีเซลรางนั่งปรับอากาศ ขบวน 75 ราคา 234 บาท, ขบวน 7 และขบวน 21 ราคา 254 บาท

    อนึ่ง ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ อาคาร Service Hall ติดกับอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ (Terminal 1) มีรถประจำทาง ขสมก. ปลายทางหมอชิต อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สวนลุมพินี และสนามหลวง รวมทั้งรถเชื่อมต่อของ บขส. ปลายทางเมืองพัทยา จ.ชลบุรี และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์

    #Newskit
    เดินรถไฟ Kiha ธันวาฯ นี้ ประเดิมดอนเมือง-อยุธยา ความคืบหน้าการปรับปรุงรถดีเซลรางรุ่น Kiha 40 และ Kiha 48 จากประเทศญี่ปุ่น หลังการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ได้รับมอบจากบริษัท JR EAST ประเทศญี่ปุ่น และขนส่งทางเรือมาถึงประเทศไทยเมื่อกลางปี 2567 ล่าสุดพบว่ารถต้นแบบคันแรกยังคงต้องปรับปรุงเพิ่มเติม หลังปรับขนาดเพลาล้อจาก 1.067 เมตร เป็น 1 เมตร เพื่อให้เข้ากับมาตรฐานรางรถไฟของประเทศไทย และทดลองเดินรถเส้นทางมักกะสัน-หัวหมาก เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. ที่ผ่านมา ปัจจุบันยังคงต้องปรับปรุงครอบคลุมทั้งด้านวิศวกรรมและระบบการทำงานของรถ โดยเฉพาะระบบปรับอากาศที่ต้องดัดแปลงใหม่ เนื่องจากรถรุ่นนี้ถูกออกแบบมาเพื่อวิ่งในสภาพอากาศหนาวของภูมิภาคอาคิตะ ประเทศญี่ปุ่น การรถไฟฯ จึงได้ปรับปรุงช่องจ่ายลมเย็นให้เหมาะสมกับสภาพอากาศในประเทศไทย รวมถึงปรับปรุงคอมเพรสเซอร์ ชุดคอยล์ระบายความร้อน และคอยล์เย็น อีกทั้งยังได้ทดสอบด้านสมรรถนะของรถ อาทิ การทดสอบระยะห้ามล้อ อัตราเร่ง และการสั่นสะเทือนเชิงกล คาดว่ารถต้นแบบคันแรกจะแล้วเสร็จภายในเดือน ก.ย. 2568 และจะมีอีกหนึ่งคันแล้วเสร็จตามมาในเดือน ต.ค. 2568 ก่อนทยอยปรับปรุงเพิ่มเติมอย่างต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะสามารถนำรถที่ปรับปรุงเสร็จแล้วจำนวน 4 คัน ออกให้บริการได้ภายในเดือน ธ.ค.2568 เบื้องต้นวางแผนจะนำมาให้บริการในเส้นทาง ดอนเมือง-อยุธยา เพื่อรองรับความต้องการเดินทางของประชาชนและส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สำหรับเส้นทางดอนเมือง-อยุธยา มีระยะทางประมาณ 49 กิโลเมตร รถรุ่นดังกล่าวเดินรถด้วยความเร็วสูงสุด 95 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นรถเชื่อมต่อ (Feeder) กับรถไฟฟ้าชานเมืองสายสีแดง (ช่วงบางซื่อ-รังสิต) และท่าอากาศยานดอนเมือง แนวเส้นทางผ่านสถานีรังสิต คลองหนึ่ง เชียงราก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ศูนย์รังสิต) นวนคร เชียงรากน้อย คลองพุทรา บางปะอิน บ้านโพ และสถานีปลายทางอยุธยา โดยปกติถ้าเป็นรถไฟธรรมดา ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ปัจจุบันรถไฟธรรมดาและรถไฟชานเมือง (ไม่มีเครื่องปรับอากาศ) ค่าโดยสาร 11 บาท, รถนั่งชั้นโทปรับอากาศ - JRWEST (เบาะแดง) ขบวน 133 ราคา 104 บาท, รถดีเซลรางนั่งปรับอากาศ ขบวน 75 ราคา 234 บาท, ขบวน 7 และขบวน 21 ราคา 254 บาท อนึ่ง ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง กรุงเทพฯ อาคาร Service Hall ติดกับอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ (Terminal 1) มีรถประจำทาง ขสมก. ปลายทางหมอชิต อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ สวนลุมพินี และสนามหลวง รวมทั้งรถเชื่อมต่อของ บขส. ปลายทางเมืองพัทยา จ.ชลบุรี และ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ #Newskit
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 903 มุมมอง 0 รีวิว
  • ต้นส้มพิษ สู่ ตะวันทะลุวัง การ "ระราน" บิ๊กกุ้ง ถึงธรรมศาสตร์ 06/09/68 #ต้นส้มพิษ #ด้อมส้ม #ตะวันทะลุวัง #บิ๊กกุ้ง
    ต้นส้มพิษ สู่ ตะวันทะลุวัง การ "ระราน" บิ๊กกุ้ง ถึงธรรมศาสตร์ 06/09/68 #ต้นส้มพิษ #ด้อมส้ม #ตะวันทะลุวัง #บิ๊กกุ้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 297 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ข่าวดีเพื่อชาวกรุง! กทม. ลงนาม MOU จับมือ ม.นวมินทราธิราช และ ม.ธรรมศาสตร์ พัฒนานวัตกรรมเพื่อเมืองและสังคม
    https://www.thai-tai.tv/news/21289/
    .
    #ไทยไท #ชัชชาติสิทธิพันธุ์ #กรุงเทพมหานคร #มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช #มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ #MOU #ข่าววันนี้ #ข่าวองค์กร
    ข่าวดีเพื่อชาวกรุง! กทม. ลงนาม MOU จับมือ ม.นวมินทราธิราช และ ม.ธรรมศาสตร์ พัฒนานวัตกรรมเพื่อเมืองและสังคม https://www.thai-tai.tv/news/21289/ . #ไทยไท #ชัชชาติสิทธิพันธุ์ #กรุงเทพมหานคร #มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช #มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ #MOU #ข่าววันนี้ #ข่าวองค์กร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 399 มุมมอง 0 รีวิว
  • ท่านแม่ทัพภาคที่ 2 ไปบรรยายที่ ม.ธรรมศาสตร์ "ผมต้องการแผ่นดินคืน"

    https://www.youtube.com/live/c7NzHZq1ZPc?si=Z0C18tkxjG0ewlh0
    ท่านแม่ทัพภาคที่ 2 ไปบรรยายที่ ม.ธรรมศาสตร์ "ผมต้องการแผ่นดินคืน" https://www.youtube.com/live/c7NzHZq1ZPc?si=Z0C18tkxjG0ewlh0
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • วัฒนธรรมในภูมิภาคไม่ใช่ของใครคนเดียว นักวิชาการ มธ. แนะ ‘ไทย’ ยื่นหลักฐาน แสดงบทบาทร่วมขึ้นทะเบียนกับ ‘ยูเนสโก’
    https://www.thai-tai.tv/news/20319/
    .
    #ละครรำ #กัมพูชา #ยูเนสโก #มรดกวัฒนธรรม #ธรรมศาสตร์ #วัฒนธรรมไทย #รากวัฒนธรรมร่วม #FTA #โขน
    วัฒนธรรมในภูมิภาคไม่ใช่ของใครคนเดียว นักวิชาการ มธ. แนะ ‘ไทย’ ยื่นหลักฐาน แสดงบทบาทร่วมขึ้นทะเบียนกับ ‘ยูเนสโก’ https://www.thai-tai.tv/news/20319/ . #ละครรำ #กัมพูชา #ยูเนสโก #มรดกวัฒนธรรม #ธรรมศาสตร์ #วัฒนธรรมไทย #รากวัฒนธรรมร่วม #FTA #โขน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 442 มุมมอง 0 รีวิว
  • Live "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ครั้งที่ 3 ประจำปี 2568 ณ หอประชุมเล็ก ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

    คลิกชม https://m.youtube.com/watch?v=jeJPjdQo0KUt
    🔴 Live "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ครั้งที่ 3 ประจำปี 2568 ณ หอประชุมเล็ก ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ • คลิกชม https://m.youtube.com/watch?v=jeJPjdQo0KUt
    Love
    Like
    Haha
    Wow
    39
    1 ความคิดเห็น 5 การแบ่งปัน 2197 มุมมอง 2 รีวิว
  • Live "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ครั้งที่ 3 ประจำปี 2568 ณ หอประชุมเล็ก ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

    คลิกชม https://m.youtube.com/watch?v=jeJPjdQo0KU
    🔴 Live "ความจริงมีหนึ่งเดียว" ครั้งที่ 3 ประจำปี 2568 ณ หอประชุมเล็ก ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ • คลิกชม https://m.youtube.com/watch?v=jeJPjdQo0KU
    Love
    Like
    28
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1989 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'อ.พนัส'ข้องใจ'อิ๊งค์'ผิดจริยธรรมข้อไหน บอกทหารไทยอยู่ตรงข้ามฝ่ายปชต.อยู่แล้ว
    https://www.thai-tai.tv/news/20081/
    .
    #แพทองธารชินวัตร #นายกฯรักษาการ #คลิปเสียง #ซื่อสัตย์สุจริต #จริยธรรม #ทหาร #ประชาธิปไตย #พนัสทัศนียานนท์ #ศาลรัฐธรรมนูญ #อดีตคณบดีนิติศาสตร์ธรรมศาสตร์
    'อ.พนัส'ข้องใจ'อิ๊งค์'ผิดจริยธรรมข้อไหน บอกทหารไทยอยู่ตรงข้ามฝ่ายปชต.อยู่แล้ว https://www.thai-tai.tv/news/20081/ . #แพทองธารชินวัตร #นายกฯรักษาการ #คลิปเสียง #ซื่อสัตย์สุจริต #จริยธรรม #ทหาร #ประชาธิปไตย #พนัสทัศนียานนท์ #ศาลรัฐธรรมนูญ #อดีตคณบดีนิติศาสตร์ธรรมศาสตร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 457 มุมมอง 0 รีวิว
  • “แก้วสรร” ดีใจ ศาล รธน.รับคำร้องปมคลิปเสียง “อุ๊งอิ๊งค์” พร้อมสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ชี้เป็นการทำงานตามข้อกฎหมาย ไม่ใช่การสร้างสถานการณ์หรือแก้ไขสถานการณ์ทางการเมืองให้ใคร การยื่นถอดถอนนักการเมืองเป็นหลักการที่ต่างประเทศใช้กัน

    วันนี้(1 ก.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ที่ รร.รัตนโกสินทร์ มีการแถลงข่าวของคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย สืบเนื่องจากการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยนายแก้วสรร อติโพธิ อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แถลงว่า ตนได้รับมอบหมายเรื่องของคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พวกเราดีใจมาก ดีใจที่กฎหมายได้ทําหน้าที่ให้บ้านให้เมือง

    “คณบดีคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์เนี่ย ผมขอออกชื่อเลยผมก็อยู่คณะนี้มาก่อน ไปออกโซเชียลฯ ดังทั่วประเทศว่า จะใช้กฎหมาย จะใช้ศาลสร้างสถานการณ์ ศาลไม่ใช่เครื่องมือที่จะมาแก้สถานการณ์ สร้างสถานการณ์ ท่านพูดถูกฮะ ขณะเดียวกันท่านพูดอย่างนี้ท่านกล่าวหาพวกเรา ว่าเรากําลังใช้ศาล ใช้กฏหมายด้วยมูลเหตุทางการเมือง จูงใจทางการเมือง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000061983

    #Thaitimes #MGROnline #แก้วสรร
    “แก้วสรร” ดีใจ ศาล รธน.รับคำร้องปมคลิปเสียง “อุ๊งอิ๊งค์” พร้อมสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ ชี้เป็นการทำงานตามข้อกฎหมาย ไม่ใช่การสร้างสถานการณ์หรือแก้ไขสถานการณ์ทางการเมืองให้ใคร การยื่นถอดถอนนักการเมืองเป็นหลักการที่ต่างประเทศใช้กัน • วันนี้(1 ก.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ที่ รร.รัตนโกสินทร์ มีการแถลงข่าวของคณะรวมพลังแผ่นดินปกป้องอธิปไตย สืบเนื่องจากการชุมนุมที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ที่ผ่านมา โดยนายแก้วสรร อติโพธิ อดีตรองอธิการบดี มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ แถลงว่า ตนได้รับมอบหมายเรื่องของคําวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ พวกเราดีใจมาก ดีใจที่กฎหมายได้ทําหน้าที่ให้บ้านให้เมือง • “คณบดีคณะนิติศาสตร์ ธรรมศาสตร์เนี่ย ผมขอออกชื่อเลยผมก็อยู่คณะนี้มาก่อน ไปออกโซเชียลฯ ดังทั่วประเทศว่า จะใช้กฎหมาย จะใช้ศาลสร้างสถานการณ์ ศาลไม่ใช่เครื่องมือที่จะมาแก้สถานการณ์ สร้างสถานการณ์ ท่านพูดถูกฮะ ขณะเดียวกันท่านพูดอย่างนี้ท่านกล่าวหาพวกเรา ว่าเรากําลังใช้ศาล ใช้กฏหมายด้วยมูลเหตุทางการเมือง จูงใจทางการเมือง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000061983 • #Thaitimes #MGROnline #แก้วสรร
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 777 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts