• ชีวิต...ไม่ใช่เครื่องมือ
    Cr.Wiwan Boonya
    ชีวิต...ไม่ใช่เครื่องมือ Cr.Wiwan Boonya
    0 Comments 0 Shares 33 Views 0 Reviews
  • สำหรับคนที่ชอบ ส้ม ดูโหงวเฮ้ง และประวัติการศึกษา ดูแววตา ให้ใจเป็นธรรม และความประพฤติที่ผ่านมา คุณคิดว่า คนเหล่านั้นจริงใจ หรือ อย่าเห็นแก่เหยื่อที่เขาล่อ ทำบุญให้ตนเอง และประเทศบ้าง กินเหยื่อแล้วไง เห็นหรือยัง
    สำหรับคนที่ชอบ ส้ม ดูโหงวเฮ้ง และประวัติการศึกษา ดูแววตา ให้ใจเป็นธรรม และความประพฤติที่ผ่านมา คุณคิดว่า คนเหล่านั้นจริงใจ หรือ อย่าเห็นแก่เหยื่อที่เขาล่อ ทำบุญให้ตนเอง และประเทศบ้าง กินเหยื่อแล้วไง เห็นหรือยัง
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 19 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • 0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • สนิมในจิตใจคน/ ก็กิเลสดีๆนี้เอง ต้องขัดออกเอาออก อย่าให้กัดกินใจเราตัวกิเลสมีฤทธิ์มาก มากขนาดเผาบ้านเมืองได้
    สนิมในจิตใจคน/ ก็กิเลสดีๆนี้เอง ต้องขัดออกเอาออก อย่าให้กัดกินใจเราตัวกิเลสมีฤทธิ์มาก มากขนาดเผาบ้านเมืองได้
    0 Comments 0 Shares 66 Views 0 Reviews
  • ถ้าคุณอยากเปลี่ยนชะตาชีวิตจริงๆ...

    อย่าเริ่มจากการไปหาหมอดู
    อย่าเริ่มจากการทำพิธีใหญ่
    อย่าเริ่มจากการบ่นว่าอยากเปลี่ยนตัวเอง

    แต่ให้เริ่มจากการเปลี่ยนวิธี “โต้ตอบ” กับชะตาร้าย!

    ใครเคยมีชีวิตที่ถูกรังแกซ้ำๆ
    ใครเคยรู้สึกว่า "ทำไมชีวิตเหมือนโดนชะตากรรมตามหลอกหลอน"
    รู้ไว้เถอะ... ไม่ใช่เพราะโชคร้าย
    แต่เป็นผลของกรรมเดิมที่เคยทำมา “ทั้งชีวิต” ในอดีต

    การจะเปลี่ยนชะตา
    ไม่ได้อยู่ที่ว่าเรา "อยากดี" แค่ไหน
    แต่อยู่ที่ว่าเรา "ดีให้เห็น" ได้แค่ไหนในทุกวัน

    ถ้าเคยโมโหตอบ… เปลี่ยนเป็นรู้ทันอารมณ์
    ถ้าเคยอาฆาต… เปลี่ยนเป็นอภัย
    ถ้าเคยน้อยใจ… เปลี่ยนเป็นลุกขึ้นทำดีให้คนอื่นเห็น
    ถ้าเคยซัดกลับ… เปลี่ยนเป็นสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้ใครเจ็บเหมือนเรา

    เมื่อคุณเปลี่ยน “ตัวที่โต้ตอบกับกรรม”
    ชะตาร้ายก็จะ "ตามตัวไม่เจอ"
    หรือแม้เจอ… ก็ทำอะไรคุณไม่ได้เต็มที่

    อย่าหวังเปลี่ยนชีวิต ด้วยของขลังหรือเคล็ดลับ
    แต่ให้สะสม “วิธีคิดแบบใหม่”
    สร้าง “พฤติกรรมแบบใหม่”
    ด้วยใจแบบใหม่… ที่ต่อเนื่องจนกลายเป็นตัวตนจริงๆ

    คนที่เปลี่ยนชะตาได้
    ไม่ใช่คนที่ใช้แรงเชียร์ตัวเองว่าต้องเปลี่ยนให้ได้วันนี้
    แต่คือคนที่ "เปลี่ยนวันละนิด" ด้วยใจแน่วแน่วันละหน

    ไม่ต้องสำเร็จทันที
    แต่ต้องซื่อตรงกับความตั้งใจทุกวัน

    เพราะสุดท้ายแล้ว…

    ชะตาไม่ได้เปลี่ยนจากการขอ
    แต่เปลี่ยนจาก “การกระทำ” ทุกครั้งที่คุณมีโอกาส

    #โพสต์ธรรมะเปลี่ยนใจ
    #ชะตาเปลี่ยนได้เมื่อใจเปลี่ยนจริง
    #กรรมใหม่ที่เปลี่ยนกรรมเก่า
    #ไม่ต้องรอปาฏิหาริย์ให้ทำดี
    🌀 ถ้าคุณอยากเปลี่ยนชะตาชีวิตจริงๆ... อย่าเริ่มจากการไปหาหมอดู อย่าเริ่มจากการทำพิธีใหญ่ อย่าเริ่มจากการบ่นว่าอยากเปลี่ยนตัวเอง แต่ให้เริ่มจากการเปลี่ยนวิธี “โต้ตอบ” กับชะตาร้าย! ใครเคยมีชีวิตที่ถูกรังแกซ้ำๆ ใครเคยรู้สึกว่า "ทำไมชีวิตเหมือนโดนชะตากรรมตามหลอกหลอน" รู้ไว้เถอะ... ไม่ใช่เพราะโชคร้าย แต่เป็นผลของกรรมเดิมที่เคยทำมา “ทั้งชีวิต” ในอดีต การจะเปลี่ยนชะตา ไม่ได้อยู่ที่ว่าเรา "อยากดี" แค่ไหน แต่อยู่ที่ว่าเรา "ดีให้เห็น" ได้แค่ไหนในทุกวัน 💡 ถ้าเคยโมโหตอบ… เปลี่ยนเป็นรู้ทันอารมณ์ 💡 ถ้าเคยอาฆาต… เปลี่ยนเป็นอภัย 💡 ถ้าเคยน้อยใจ… เปลี่ยนเป็นลุกขึ้นทำดีให้คนอื่นเห็น 💡 ถ้าเคยซัดกลับ… เปลี่ยนเป็นสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ทำให้ใครเจ็บเหมือนเรา เมื่อคุณเปลี่ยน “ตัวที่โต้ตอบกับกรรม” ชะตาร้ายก็จะ "ตามตัวไม่เจอ" หรือแม้เจอ… ก็ทำอะไรคุณไม่ได้เต็มที่ 🚫 อย่าหวังเปลี่ยนชีวิต ด้วยของขลังหรือเคล็ดลับ ✅ แต่ให้สะสม “วิธีคิดแบบใหม่” ✅ สร้าง “พฤติกรรมแบบใหม่” ✅ ด้วยใจแบบใหม่… ที่ต่อเนื่องจนกลายเป็นตัวตนจริงๆ 🔥 คนที่เปลี่ยนชะตาได้ ไม่ใช่คนที่ใช้แรงเชียร์ตัวเองว่าต้องเปลี่ยนให้ได้วันนี้ แต่คือคนที่ "เปลี่ยนวันละนิด" ด้วยใจแน่วแน่วันละหน ไม่ต้องสำเร็จทันที แต่ต้องซื่อตรงกับความตั้งใจทุกวัน เพราะสุดท้ายแล้ว… ชะตาไม่ได้เปลี่ยนจากการขอ แต่เปลี่ยนจาก “การกระทำ” ทุกครั้งที่คุณมีโอกาส #โพสต์ธรรมะเปลี่ยนใจ #ชะตาเปลี่ยนได้เมื่อใจเปลี่ยนจริง #กรรมใหม่ที่เปลี่ยนกรรมเก่า #ไม่ต้องรอปาฏิหาริย์ให้ทำดี
    0 Comments 0 Shares 77 Views 0 Reviews
  • FENGSHUI DAILY
    อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว
    สีเสริมดวง เสริมความเฮง
    ทิศมงคล เวลามงคล
    อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่
    วันจันทร์ที่ 7 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2568
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    FENGSHUI DAILY อัพเดตทุกวัน ที่นี่ที่เดียว สีเสริมดวง เสริมความเฮง ทิศมงคล เวลามงคล อย่าลืมดูกัน เมื่อเริ่มวันใหม่ วันจันทร์ที่ 7 เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2568 ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • ภาพรวมของเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดเขตแดนไทย-กัมพูชา รวมถึง จุดเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การเสียดินแดน และ ความเชื่อมโยงของเอกสารแต่ละฉบับ


    ---

    1. TOR 2003 (Terms of Reference 2003)

    ความหมาย:
    กรอบข้อตกลงในการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างไทย-กัมพูชา ภายใต้คณะกรรมการ JBC เพื่อ “สำรวจ” และ “ปักปันเขตแดนทางบก”
    ประเด็นสำคัญ:

    อ้างอิง MOU 2000

    ข้อ 1.1.3 ระบุใช้ แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ซึ่งอาจรวม แผนที่แนบท้ายคำพิพากษาศาลโลกปี 1962 (Annex I Map)


    ความเสี่ยง:
    การยอมรับแผนที่ 1:200,000 ซึ่งไม่ได้จัดทำโดยไทย อาจเป็นการยอมรับ “ข้อเท็จจริงบนแผนที่” ที่เอื้อให้ไทยเสียดินแดนโดยเฉพาะรอบปราสาทพระวิหาร


    ---

    2. JBC (Joint Boundary Commission)

    ความหมาย:
    คณะกรรมาธิการร่วม ไทย-กัมพูชา ทำหน้าที่ระดับ "นโยบาย" เพื่อกำหนดแนวทางการปักปันเขตแดน

    ความเชื่อมโยง:

    อ้างอิง TOR2003 เป็นกรอบการดำเนินการ

    รับความเห็นจาก JWG และ JTSC

    จัดทำแผนงานเสนอรัฐบาลอนุมัติ


    ความเสี่ยง:
    หาก JBC ยึดแนวที่เสนอโดย JWG/JTSC ซึ่งอิงแผนที่ 1:200,000 ก็อาจถือเป็นการรับรองแนวเขตที่เสียดินแดน


    ---

    3. JWG (Joint Working Group)

    ความหมาย:
    คณะทำงานระดับเทคนิค-ปฏิบัติการ ภายใต้ JBC มีหน้าที่ดำเนินงานภาคสนาม เช่น การสำรวจร่วม ตรวจสอบพิกัด ร่างแผนที่

    ความเสี่ยง:
    หาก JWG ใช้แผนที่ 1:200,000 เป็นฐานข้อมูล (เช่น ในการใช้ LIDAR) แล้ว JBC รับรองแนวเหล่านั้น ไทยจะเสียเปรียบโดยปริยาย


    ---

    4. JTSC (Joint Technical Sub-Commission)

    ความหมาย:
    คณะกรรมาธิการย่อยฝ่ายเทคนิค มีบทบาทใกล้เคียงกับ JWG แต่เน้นงานเทคนิค-วิชาการ-กฎหมายมากขึ้น เช่น ตีความแผนที่, วางหลักวิชาการการกำหนดเขตแดน

    ความเสี่ยง:
    การตีความแผนที่โดยไม่คำนึงถึงหลักนิติรัฐ หรือผลประโยชน์ของไทย อาจกลายเป็น “หลักฐานทางเทคนิค” ที่ยืนยันการยอมรับเขตแดนฝั่งกัมพูชา


    ---

    5. MOU 2000 (Memorandum of Understanding 2000)

    ความหมาย:
    ข้อตกลงเบื้องต้นว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมกัน “สำรวจ” และ “กำหนดเขตแดน” ตาม “หลักกฎหมายระหว่างประเทศ” และ “สถานะที่มีอยู่ในปัจจุบัน” (existing situation)

    ความเชื่อมโยง:

    เป็นรากฐานให้เกิด TOR2003

    ใช้ในพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารด้วย


    ความเสี่ยง:
    คำว่า “existing situation” อาจตีความว่าพื้นที่ที่กัมพูชายึดครองอยู่ = สถานะที่ไทยยอมรับ (ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียสิทธิเหนือดินแดน)


    ---

    6. MOU 2001

    ความหมาย:
    ข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการสำรวจและจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto) โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา

    ความเสี่ยง:
    การจัดทำแผนที่ Orthophoto หรือ LIDAR ถ้าอิงพื้นฐานจากแผนที่ 1:200,000 หรือ Annex I Map โดยไม่ได้คัดค้าน อาจถือเป็นการ “ยอมรับโดยพฤตินัย” ต่อแนวเขตที่ฝั่งกัมพูชาอ้าง
    ภาพรวมของเอกสารสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการกำหนดเขตแดนไทย-กัมพูชา รวมถึง จุดเสี่ยงที่อาจนำไปสู่การเสียดินแดน และ ความเชื่อมโยงของเอกสารแต่ละฉบับ --- 🔹 1. TOR 2003 (Terms of Reference 2003) ความหมาย: กรอบข้อตกลงในการปฏิบัติงานร่วมกันระหว่างไทย-กัมพูชา ภายใต้คณะกรรมการ JBC เพื่อ “สำรวจ” และ “ปักปันเขตแดนทางบก” ประเด็นสำคัญ: อ้างอิง MOU 2000 ข้อ 1.1.3 ระบุใช้ แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ซึ่งอาจรวม แผนที่แนบท้ายคำพิพากษาศาลโลกปี 1962 (Annex I Map) ความเสี่ยง: ✅ การยอมรับแผนที่ 1:200,000 ซึ่งไม่ได้จัดทำโดยไทย อาจเป็นการยอมรับ “ข้อเท็จจริงบนแผนที่” ที่เอื้อให้ไทยเสียดินแดนโดยเฉพาะรอบปราสาทพระวิหาร --- 🔹 2. JBC (Joint Boundary Commission) ความหมาย: คณะกรรมาธิการร่วม ไทย-กัมพูชา ทำหน้าที่ระดับ "นโยบาย" เพื่อกำหนดแนวทางการปักปันเขตแดน ความเชื่อมโยง: อ้างอิง TOR2003 เป็นกรอบการดำเนินการ รับความเห็นจาก JWG และ JTSC จัดทำแผนงานเสนอรัฐบาลอนุมัติ ความเสี่ยง: ✅ หาก JBC ยึดแนวที่เสนอโดย JWG/JTSC ซึ่งอิงแผนที่ 1:200,000 ก็อาจถือเป็นการรับรองแนวเขตที่เสียดินแดน --- 🔹 3. JWG (Joint Working Group) ความหมาย: คณะทำงานระดับเทคนิค-ปฏิบัติการ ภายใต้ JBC มีหน้าที่ดำเนินงานภาคสนาม เช่น การสำรวจร่วม ตรวจสอบพิกัด ร่างแผนที่ ความเสี่ยง: ✅ หาก JWG ใช้แผนที่ 1:200,000 เป็นฐานข้อมูล (เช่น ในการใช้ LIDAR) แล้ว JBC รับรองแนวเหล่านั้น ไทยจะเสียเปรียบโดยปริยาย --- 🔹 4. JTSC (Joint Technical Sub-Commission) ความหมาย: คณะกรรมาธิการย่อยฝ่ายเทคนิค มีบทบาทใกล้เคียงกับ JWG แต่เน้นงานเทคนิค-วิชาการ-กฎหมายมากขึ้น เช่น ตีความแผนที่, วางหลักวิชาการการกำหนดเขตแดน ความเสี่ยง: ✅ การตีความแผนที่โดยไม่คำนึงถึงหลักนิติรัฐ หรือผลประโยชน์ของไทย อาจกลายเป็น “หลักฐานทางเทคนิค” ที่ยืนยันการยอมรับเขตแดนฝั่งกัมพูชา --- 🔹 5. MOU 2000 (Memorandum of Understanding 2000) ความหมาย: ข้อตกลงเบื้องต้นว่าทั้งสองฝ่ายจะร่วมกัน “สำรวจ” และ “กำหนดเขตแดน” ตาม “หลักกฎหมายระหว่างประเทศ” และ “สถานะที่มีอยู่ในปัจจุบัน” (existing situation) ความเชื่อมโยง: เป็นรากฐานให้เกิด TOR2003 ใช้ในพื้นที่รอบปราสาทพระวิหารด้วย ความเสี่ยง: ✅ คำว่า “existing situation” อาจตีความว่าพื้นที่ที่กัมพูชายึดครองอยู่ = สถานะที่ไทยยอมรับ (ซึ่งเสี่ยงต่อการเสียสิทธิเหนือดินแดน) --- 🔹 6. MOU 2001 ความหมาย: ข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือในการสำรวจและจัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto) โดยเฉพาะพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ความเสี่ยง: ✅ การจัดทำแผนที่ Orthophoto หรือ LIDAR ถ้าอิงพื้นฐานจากแผนที่ 1:200,000 หรือ Annex I Map โดยไม่ได้คัดค้าน อาจถือเป็นการ “ยอมรับโดยพฤตินัย” ต่อแนวเขตที่ฝั่งกัมพูชาอ้าง
    0 Comments 0 Shares 164 Views 0 Reviews
  • "บันทึกการประชุม JBC ไทย–กัมพูชา (พฤศจิกายน 2551)"

    > ใน หน้า 10 ของบันทึกการประชุม JBC ครั้งที่ 3 (เสียมราฐ, พ.ย. 2551)
    ได้มีการระบุว่า:

    > “...ให้ดำเนินการปักปันเขตแดนตามแผนแม่บท (Master Plan) และ TOR 2003”
    ซึ่ง TOR ข้อ 1.1.3 ระบุว่า แผนที่ของคณะกรรมการปักปันเขตแดนฝรั่งเศส–สยาม ซึ่งเป็นแผนที่ 1:200,000 จะใช้เป็นแผนที่อ้างอิง






    ---

    ดังนั้นข้อสรุปคือ:

    รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ผ่านคณะผู้แทนไทย)

    ได้ ร่วมเจรจา และ ยืนยันในรายงาน JBC ว่าไทยจะใช้ TOR 2003 เป็นกรอบการปฏิบัติ

    ซึ่ง TOR 2003 มาตรา 1.1.3 ระบุให้ใช้แผนที่ 1:200,000 (แผนที่ฝรั่งเศส) เป็น “เอกสารอ้างอิงหลัก”



    ---

    ข้อพิจารณาเชิงนิติศาสตร์ (Legal Implications)

    ประเด็น ความเสี่ยงต่อไทย

    ไทยร่วมลงนาม JBC โดยระบุ TOR 2003 → เท่ากับ “ยืนยันในทางการทูต” ว่าจะใช้ TOR ที่อ้างแผนที่ 1:200,000
    แม้ยังไม่ให้รัฐสภารับรอง → ในกฎหมายระหว่างประเทศ หากไม่มีการคัดค้านอย่างเป็นทางการ หรือถอนเอกสาร → อาจกลายเป็น การยอมรับโดยพฤติกรรม
    หากกัมพูชานำบันทึก JBC ไปประกอบในศาลโลก → อาจอ้างว่า “ฝ่ายไทยเคยรับหลักการ TOR และแผนที่นี้ไว้”



    ---

    บทสรุปแบบราชการ:

    > แม้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะยังไม่ได้นำบันทึก JBC เข้ารัฐสภาเพื่อให้สัตยาบัน แต่การที่ผู้แทนฝ่ายไทยยืนยันการดำเนินงานตาม TOR 2003 ที่อ้างถึงแผนที่ 1:200,000 ในรายงาน JBC พฤศจิกายน 2551 ก็ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่มีน้ำหนักในทางนิติศาสตร์ ซึ่งอาจนำไปสู่การตีความว่าไทย “ยอมรับกรอบแผนที่ฝรั่งเศสโดยพฤติกรรม” หากไม่มีข้อสงวนหรือคำชี้แจงเพิ่มเติมแนบไว้ในรายงานนั้น
    "บันทึกการประชุม JBC ไทย–กัมพูชา (พฤศจิกายน 2551)" > ใน หน้า 10 ของบันทึกการประชุม JBC ครั้งที่ 3 (เสียมราฐ, พ.ย. 2551) ได้มีการระบุว่า: > “...ให้ดำเนินการปักปันเขตแดนตามแผนแม่บท (Master Plan) และ TOR 2003” ซึ่ง TOR ข้อ 1.1.3 ระบุว่า แผนที่ของคณะกรรมการปักปันเขตแดนฝรั่งเศส–สยาม ซึ่งเป็นแผนที่ 1:200,000 จะใช้เป็นแผนที่อ้างอิง --- 📌 ดังนั้นข้อสรุปคือ: ✅ รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ (ผ่านคณะผู้แทนไทย) ได้ ร่วมเจรจา และ ยืนยันในรายงาน JBC ว่าไทยจะใช้ TOR 2003 เป็นกรอบการปฏิบัติ ซึ่ง TOR 2003 มาตรา 1.1.3 ระบุให้ใช้แผนที่ 1:200,000 (แผนที่ฝรั่งเศส) เป็น “เอกสารอ้างอิงหลัก” --- ⚠️ ข้อพิจารณาเชิงนิติศาสตร์ (Legal Implications) ประเด็น ความเสี่ยงต่อไทย ✅ ไทยร่วมลงนาม JBC โดยระบุ TOR 2003 → เท่ากับ “ยืนยันในทางการทูต” ว่าจะใช้ TOR ที่อ้างแผนที่ 1:200,000 ❗ แม้ยังไม่ให้รัฐสภารับรอง → ในกฎหมายระหว่างประเทศ หากไม่มีการคัดค้านอย่างเป็นทางการ หรือถอนเอกสาร → อาจกลายเป็น การยอมรับโดยพฤติกรรม 🔥 หากกัมพูชานำบันทึก JBC ไปประกอบในศาลโลก → อาจอ้างว่า “ฝ่ายไทยเคยรับหลักการ TOR และแผนที่นี้ไว้” --- 🎯 บทสรุปแบบราชการ: > แม้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะยังไม่ได้นำบันทึก JBC เข้ารัฐสภาเพื่อให้สัตยาบัน แต่การที่ผู้แทนฝ่ายไทยยืนยันการดำเนินงานตาม TOR 2003 ที่อ้างถึงแผนที่ 1:200,000 ในรายงาน JBC พฤศจิกายน 2551 ก็ถือว่าเป็นพฤติกรรมที่มีน้ำหนักในทางนิติศาสตร์ ซึ่งอาจนำไปสู่การตีความว่าไทย “ยอมรับกรอบแผนที่ฝรั่งเศสโดยพฤติกรรม” หากไม่มีข้อสงวนหรือคำชี้แจงเพิ่มเติมแนบไว้ในรายงานนั้น
    0 Comments 0 Shares 134 Views 0 Reviews
  • Good morning,
    God bless you
    Good morning, God bless you 😇🙏
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
  • การที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ (ผ่านบันทึก JBC พ.ย. 2551)
    มอบให้ JTSC จัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto)
    และ “overlay บนแผนที่ 1 : 200,000”
    มีนัยสำคัญว่า → ไทยยอมให้การผลิตแผนที่ใหม่ "อิงตามกรอบและแนวเส้น" ของแผนที่ 1 : 200,000 ที่ฝรั่งเศสเคยจัดทำในยุคอาณานิคม




    ---

    วิเคราะห์เชิงเทคนิค – แผนที่ Overlay หมายถึงอะไร?

    คำ ความหมายทางเทคนิค

    Orthophoto แผนที่จากภาพถ่ายทางอากาศที่ปรับแก้ความคลาดเคลื่อนเชิงเรขาคณิต (orthorectified) ใช้ GPS เป็นฐาน
    Overlay การนำแผนที่ใหม่ (เช่น orthophoto) มาซ้อนทับ (register) บนแผนที่เก่า เพื่อเปรียบเทียบหรือจัดแนวพิกัดให้ตรง
    Overlay บน 1:200,000 นำภาพถ่ายจาก GPS/ดาวเทียม มาทำให้ “สอดคล้องหรือใกล้เคียงกับเส้นเขต” ที่อยู่ในแผนที่ฝรั่งเศส 1:200,000



    ---

    ผลทางยุทธศาสตร์และนิติศาสตร์

    ประเด็น ความเสี่ยง

    การยอมรับ Overlay เป็นการ “ปรับข้อมูลใหม่ให้เข้ากับแผนที่เก่า” → ทำให้แนวเขตที่ถูกลากผิดเดิม (ล้ำเข้าฝั่งไทย) ดูเหมือนถูกต้องในแผนที่ใหม่
    หากไม่มีข้อสงวนว่าเป็น “เทคนิคชั่วคราว” ฝ่ายตรงข้ามอาจตีความว่าไทย “รับรองแนวเส้นของฝรั่งเศสโดยเต็มใจ”
    ขัดกับหลักภูมิศาสตร์ปัจจุบัน GPS/Orthophoto ใช้ WGS 84 ซึ่งแสดงแนว “สันปันน้ำ” ได้แม่นยำ → Overlay บนแผนที่ 1:200,000 จะ บิดเบือนภูมิประเทศจริง



    ---

    สรุปชัดเจน:

    > การที่ฝ่ายไทยในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ มอบหมายให้ JTSC จัดทำ Orthophoto และ Overlay ลงบนแผนที่ 1:200,000
    เท่ากับยอมให้แผนที่ใหม่ถูกกำหนด “ให้ตรงกับแผนที่ฝรั่งเศส” ซึ่งเป็นต้นเหตุของการพิพาทเขตแดน
    หากไม่มี “ข้อสงวน” หรือ “ข้อจำกัด” แนบไว้ในรายงาน → ไทยเสี่ยงถูกตีความว่า ยอมรับเส้นเขตที่ล้ำเข้าฝั่งไทย
    การที่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ (ผ่านบันทึก JBC พ.ย. 2551) มอบให้ JTSC จัดทำแผนที่ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto) และ “overlay บนแผนที่ 1 : 200,000” มีนัยสำคัญว่า → ไทยยอมให้การผลิตแผนที่ใหม่ "อิงตามกรอบและแนวเส้น" ของแผนที่ 1 : 200,000 ที่ฝรั่งเศสเคยจัดทำในยุคอาณานิคม --- 📌 วิเคราะห์เชิงเทคนิค – แผนที่ Overlay หมายถึงอะไร? คำ ความหมายทางเทคนิค Orthophoto แผนที่จากภาพถ่ายทางอากาศที่ปรับแก้ความคลาดเคลื่อนเชิงเรขาคณิต (orthorectified) ใช้ GPS เป็นฐาน Overlay การนำแผนที่ใหม่ (เช่น orthophoto) มาซ้อนทับ (register) บนแผนที่เก่า เพื่อเปรียบเทียบหรือจัดแนวพิกัดให้ตรง Overlay บน 1:200,000 นำภาพถ่ายจาก GPS/ดาวเทียม มาทำให้ “สอดคล้องหรือใกล้เคียงกับเส้นเขต” ที่อยู่ในแผนที่ฝรั่งเศส 1:200,000 --- ⚠️ ผลทางยุทธศาสตร์และนิติศาสตร์ ประเด็น ความเสี่ยง 🎯 การยอมรับ Overlay เป็นการ “ปรับข้อมูลใหม่ให้เข้ากับแผนที่เก่า” → ทำให้แนวเขตที่ถูกลากผิดเดิม (ล้ำเข้าฝั่งไทย) ดูเหมือนถูกต้องในแผนที่ใหม่ ⚖️ หากไม่มีข้อสงวนว่าเป็น “เทคนิคชั่วคราว” ฝ่ายตรงข้ามอาจตีความว่าไทย “รับรองแนวเส้นของฝรั่งเศสโดยเต็มใจ” 🧭 ขัดกับหลักภูมิศาสตร์ปัจจุบัน GPS/Orthophoto ใช้ WGS 84 ซึ่งแสดงแนว “สันปันน้ำ” ได้แม่นยำ → Overlay บนแผนที่ 1:200,000 จะ บิดเบือนภูมิประเทศจริง --- ✅ สรุปชัดเจน: > การที่ฝ่ายไทยในยุครัฐบาลนายอภิสิทธิ์ มอบหมายให้ JTSC จัดทำ Orthophoto และ Overlay ลงบนแผนที่ 1:200,000 เท่ากับยอมให้แผนที่ใหม่ถูกกำหนด “ให้ตรงกับแผนที่ฝรั่งเศส” ซึ่งเป็นต้นเหตุของการพิพาทเขตแดน หากไม่มี “ข้อสงวน” หรือ “ข้อจำกัด” แนบไว้ในรายงาน → ไทยเสี่ยงถูกตีความว่า ยอมรับเส้นเขตที่ล้ำเข้าฝั่งไทย
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • สำคัญของ JBC ครั้งที่ 6 (14 มิ.ย. 2568) ที่เกี่ยวข้องกับ JTSC:


    ---

    1. อนุมัติผลจาก JTSC ครั้งที่ 4 (14 ก.ค. 2567)

    สถานะ: เสร็จสมบูรณ์

    JBC ครั้งที่ 6 ได้อนุมัติผลสำรวจภาคสนามจาก JTSC ครั้งที่ 4 ซึ่งมีพิกัดของ 74 พิกัดเสาเขต (BPs) และ 45 แห่ง ที่ตกลงร่วมกัน

    0-3มีมติให้ใช้งาน LiDAR สำหรับผลิต Orthophoto Maps เพื่อเร่งกระบวนการ demarcation 



    ---

    2. แก้ TOR 2003 ให้รวม LiDAR / Orthophoto

    สถานะ: ดำเนินการแล้ว

    455-1JBC ครั้งที่ 6 ได้อนุมัติการแก้ไข TOR เพื่อรวมเทคโนโลยี LiDAR และภาพถ่ายดาวเทียมในการผลิต Orthophoto Maps เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางเทคนิค 



    ---

    3. มอบหมายให้ JTSC ร่าง Technical Instructions (TI) และสำรวจภาคสนามใน Sector 6

    สถานะ: อยู่ในระหว่างดำเนินการ

    JBC ครั้งที่ 6 ได้ สั่งให้ JTSC ร่าง TI เพื่อใช้เป็นแนวทางใน Sector 6 (เขาสัตตะโสมถึง BP 1, ช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ) พร้อมทำ Orthophoto

    จนถึงปัจจุบันยัง ไม่มีประกาศยันเวลาจริงหรือเอกสาร TI แบบเป็นทางการ จากกระทรวงการต่างประเทศ

    713-3คาดว่า JTSC ครั้งที่ 5 หรือการประชุมเอกสาร TI จะเกิดขึ้น ก่อน หรือ ควบคู่กับ JBC ครั้งถัดไป ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพใน กันยายน 2568 



    ---

    สรุปความคืบหน้ารายการงาน สถานะ

    1 อนุมัติพิกัดจาก JTSC ครั้ง 4 เสร็จแล้ว
    2 แก้ TOR 2003 รวม LiDAR/Orthophoto เสร็จแล้ว
    3 ร่าง TI + สำรวจภาคสนาม Sector 6 กำลังดำเนินการ และคาดจะเสร็จก่อน JBC กันยายน 2568 หากดำเนินการเสร็จ ไทยจะเสียดินแดนตลอดไป จากแผนที่ทางอากาศที่ปรับรูปแนวเขตตาม Tor2003 หรือ แผนที่ 1 :200000

    สำคัญของ JBC ครั้งที่ 6 (14 มิ.ย. 2568) ที่เกี่ยวข้องกับ JTSC: --- 1. อนุมัติผลจาก JTSC ครั้งที่ 4 (14 ก.ค. 2567) ✅ สถานะ: เสร็จสมบูรณ์ JBC ครั้งที่ 6 ได้อนุมัติผลสำรวจภาคสนามจาก JTSC ครั้งที่ 4 ซึ่งมีพิกัดของ 74 พิกัดเสาเขต (BPs) และ 45 แห่ง ที่ตกลงร่วมกัน 0-3มีมติให้ใช้งาน LiDAR สำหรับผลิต Orthophoto Maps เพื่อเร่งกระบวนการ demarcation  --- 2. แก้ TOR 2003 ให้รวม LiDAR / Orthophoto ✅ สถานะ: ดำเนินการแล้ว 455-1JBC ครั้งที่ 6 ได้อนุมัติการแก้ไข TOR เพื่อรวมเทคโนโลยี LiDAR และภาพถ่ายดาวเทียมในการผลิต Orthophoto Maps เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการทางเทคนิค  --- 3. มอบหมายให้ JTSC ร่าง Technical Instructions (TI) และสำรวจภาคสนามใน Sector 6 ⚠️ สถานะ: อยู่ในระหว่างดำเนินการ JBC ครั้งที่ 6 ได้ สั่งให้ JTSC ร่าง TI เพื่อใช้เป็นแนวทางใน Sector 6 (เขาสัตตะโสมถึง BP 1, ช่องสะงำ จ.ศรีสะเกษ) พร้อมทำ Orthophoto จนถึงปัจจุบันยัง ไม่มีประกาศยันเวลาจริงหรือเอกสาร TI แบบเป็นทางการ จากกระทรวงการต่างประเทศ 713-3คาดว่า JTSC ครั้งที่ 5 หรือการประชุมเอกสาร TI จะเกิดขึ้น ก่อน หรือ ควบคู่กับ JBC ครั้งถัดไป ที่ไทยจะเป็นเจ้าภาพใน กันยายน 2568  --- 📌 สรุปความคืบหน้ารายการงาน สถานะ 1 อนุมัติพิกัดจาก JTSC ครั้ง 4 ✅ เสร็จแล้ว 2 แก้ TOR 2003 รวม LiDAR/Orthophoto ✅ เสร็จแล้ว 3 ร่าง TI + สำรวจภาคสนาม Sector 6 ⚠️ กำลังดำเนินการ และคาดจะเสร็จก่อน JBC กันยายน 2568 หากดำเนินการเสร็จ ไทยจะเสียดินแดนตลอดไป จากแผนที่ทางอากาศที่ปรับรูปแนวเขตตาม Tor2003 หรือ แผนที่ 1 :200000
    0 Comments 0 Shares 127 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุยูเครนมีความจำเป็นต้องมีขีปนาวุธแพทริออตเพื่อป้องกันตนเอง ความคิดเห็นซึ่งมีขึ้นหลังจากพูดคุยกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี พร้อมกับส่งเสียงแสดงความผิดหวังต่อประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ที่ล้มเหลวในการยุติสงคราม
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000063485

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ระบุยูเครนมีความจำเป็นต้องมีขีปนาวุธแพทริออตเพื่อป้องกันตนเอง ความคิดเห็นซึ่งมีขึ้นหลังจากพูดคุยกับประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี พร้อมกับส่งเสียงแสดงความผิดหวังต่อประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ที่ล้มเหลวในการยุติสงคราม . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000063485 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    5
    1 Comments 0 Shares 925 Views 0 Reviews
  • TOR46 หรือ TOR 2003 ฉบับเต็มมีทั้งหมด 31 แผ่น แต่เนื้อหาในหน้าแรกก็ระบุจัดเจนในการยอมรับแผนที่ 1 : 200000 เป็นกรอบการจัดทำเขตแดน

    TOR 2003 หรือชื่อเต็มว่า

    > “Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Thailand and Cambodia”
    คือ ข้อตกลงกรอบความร่วมมือ ที่ลงนามระหว่าง รัฐบาลไทย กับ รัฐบาลกัมพูชา เมื่อปี พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) เพื่อใช้เป็น แนวทางในการดำเนินการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบก ร่วมกัน




    ---

    สาระสำคัญของ TOR 2003

    1. เป้าหมายหลัก

    กำหนดกรอบการทำงานร่วมกันระหว่าง คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ของทั้งสองประเทศ

    ให้คณะทำงานย่อย (เช่น JWG, JTSC) สำรวจ ตรวจสอบ และจัดทำแผนที่เพื่อการปักปันแนวเขตแดน

    สนับสนุนให้ใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น LIDAR, GPS, Orthophoto ในการสำรวจ



    ---

    2. ข้อ 1.1.3 (ข้อที่เป็นประเด็นสำคัญ)

    > ระบุว่า การสำรวจและจัดทำแผนที่เพื่อปักปันแนวเขตแดน จะต้องใช้แผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 เป็นฐานข้อมูลประกอบ



    ความหมายโดยตรง:
    ให้ยึดแผนที่ขนาด 1:200,000 ซึ่งเป็นขนาดเดียวกับ แผนที่แนบท้ายคำพิพากษาศาลโลกปี 1962 (Annex I Map)

    ความเสี่ยง:
    การอ้างแผนที่นี้ อาจถูกตีความว่า “ยอมรับแนวเขตที่ฝั่งกัมพูชาอ้าง” ซึ่งอาจครอบคลุมพื้นที่ที่ไทยยังคัดค้าน หรือยังไม่ยอมรับ เช่น บริเวณรอบปราสาทพระวิหาร


    ---

    3. ลำดับกระบวนการ

    1. สำรวจพื้นที่ (โดย JWG / เจ้าหน้าที่เทคนิค)


    2. จัดทำแผนที่ใหม่โดยอ้างอิงแผนที่ 1:200,000


    3. เสนอเข้าสู่ JBC เพื่อรับรองแนวเขต


    4. หากตกลงกันได้ จะเสนอให้รัฐบาลอนุมัติ (อาจถึงขั้นต้องผ่านรัฐสภา)




    ---

    TOR 2003 เชื่อมโยงกับเอกสารอื่นอย่างไร

    เอกสาร ความสัมพันธ์กับ TOR 2003

    MOU 2000 TOR 2003 อ้างอิง MOU 2000 เป็นรากฐานในการดำเนินงาน
    JBC ใช้ TOR 2003 เป็นกรอบในการดำเนินนโยบาย
    JWG / JTSC ทำงานภายใต้ TOR 2003 ในระดับเทคนิคและปฏิบัติ
    แผนที่ Annex I Map แม้ไม่ได้ระบุชื่อโดยตรง แต่การใช้แผนที่ 1:200,000 เปิดช่องให้อ้างแผนที่ฉบับนี้



    ---

    สรุปประเด็นที่ควรจับตาใน TOR 2003

    ประเด็น ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น

    แผนที่ 1:200,000 อาจเป็นการยอมรับแผนที่ที่ฝั่งกัมพูชาจัดทำฝ่ายเดียว
    ขาดกลไกคัดค้านใน TOR หากไม่มีการแสดงข้อสงวน อาจถือว่ายอมรับโดยปริยาย
    การรับรองของ JBC หาก JBC รับรองโดยไม่ระวัง อาจมีผลผูกพันระดับระหว่างประเทศ


    TOR46 หรือ TOR 2003 ฉบับเต็มมีทั้งหมด 31 แผ่น แต่เนื้อหาในหน้าแรกก็ระบุจัดเจนในการยอมรับแผนที่ 1 : 200000 เป็นกรอบการจัดทำเขตแดน TOR 2003 หรือชื่อเต็มว่า > “Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Thailand and Cambodia” คือ ข้อตกลงกรอบความร่วมมือ ที่ลงนามระหว่าง รัฐบาลไทย กับ รัฐบาลกัมพูชา เมื่อปี พ.ศ. 2546 (ค.ศ. 2003) เพื่อใช้เป็น แนวทางในการดำเนินการสำรวจและปักปันเขตแดนทางบก ร่วมกัน --- 🔍 สาระสำคัญของ TOR 2003 1. เป้าหมายหลัก กำหนดกรอบการทำงานร่วมกันระหว่าง คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม (JBC) ของทั้งสองประเทศ ให้คณะทำงานย่อย (เช่น JWG, JTSC) สำรวจ ตรวจสอบ และจัดทำแผนที่เพื่อการปักปันแนวเขตแดน สนับสนุนให้ใช้เทคโนโลยีใหม่ เช่น LIDAR, GPS, Orthophoto ในการสำรวจ --- 2. ข้อ 1.1.3 (ข้อที่เป็นประเด็นสำคัญ) > ระบุว่า การสำรวจและจัดทำแผนที่เพื่อปักปันแนวเขตแดน จะต้องใช้แผนที่มาตราส่วน 1 : 200,000 เป็นฐานข้อมูลประกอบ ✅ ความหมายโดยตรง: ให้ยึดแผนที่ขนาด 1:200,000 ซึ่งเป็นขนาดเดียวกับ แผนที่แนบท้ายคำพิพากษาศาลโลกปี 1962 (Annex I Map) ⚠️ ความเสี่ยง: การอ้างแผนที่นี้ อาจถูกตีความว่า “ยอมรับแนวเขตที่ฝั่งกัมพูชาอ้าง” ซึ่งอาจครอบคลุมพื้นที่ที่ไทยยังคัดค้าน หรือยังไม่ยอมรับ เช่น บริเวณรอบปราสาทพระวิหาร --- 3. ลำดับกระบวนการ 1. สำรวจพื้นที่ (โดย JWG / เจ้าหน้าที่เทคนิค) 2. จัดทำแผนที่ใหม่โดยอ้างอิงแผนที่ 1:200,000 3. เสนอเข้าสู่ JBC เพื่อรับรองแนวเขต 4. หากตกลงกันได้ จะเสนอให้รัฐบาลอนุมัติ (อาจถึงขั้นต้องผ่านรัฐสภา) --- 📌 TOR 2003 เชื่อมโยงกับเอกสารอื่นอย่างไร เอกสาร ความสัมพันธ์กับ TOR 2003 MOU 2000 TOR 2003 อ้างอิง MOU 2000 เป็นรากฐานในการดำเนินงาน JBC ใช้ TOR 2003 เป็นกรอบในการดำเนินนโยบาย JWG / JTSC ทำงานภายใต้ TOR 2003 ในระดับเทคนิคและปฏิบัติ แผนที่ Annex I Map แม้ไม่ได้ระบุชื่อโดยตรง แต่การใช้แผนที่ 1:200,000 เปิดช่องให้อ้างแผนที่ฉบับนี้ --- 📍 สรุปประเด็นที่ควรจับตาใน TOR 2003 ประเด็น ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้น แผนที่ 1:200,000 อาจเป็นการยอมรับแผนที่ที่ฝั่งกัมพูชาจัดทำฝ่ายเดียว ขาดกลไกคัดค้านใน TOR หากไม่มีการแสดงข้อสงวน อาจถือว่ายอมรับโดยปริยาย การรับรองของ JBC หาก JBC รับรองโดยไม่ระวัง อาจมีผลผูกพันระดับระหว่างประเทศ
    0 Comments 0 Shares 172 Views 0 Reviews
  • อิสราเอลปิดข่าวกรณีขีปนาวุธของอิหร่านยิงโดนที่ตั้งทางทหารสำคัญๆหลายแห่งทั่วประเทศ ระหว่างที่ทั้ง 2 ชาติทำศึกสงครามกันเป็นเวลา 12 วัน เมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เทเลกราฟ สื่อมวลชนอังกฤษ อ้างอิงข้อมูลจากเรดาร์
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000063489

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    อิสราเอลปิดข่าวกรณีขีปนาวุธของอิหร่านยิงโดนที่ตั้งทางทหารสำคัญๆหลายแห่งทั่วประเทศ ระหว่างที่ทั้ง 2 ชาติทำศึกสงครามกันเป็นเวลา 12 วัน เมื่อช่วงกลางเดือนมิถุนายน ตามรายงานของหนังสือพิมพ์เทเลกราฟ สื่อมวลชนอังกฤษ อ้างอิงข้อมูลจากเรดาร์ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000063489 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Love
    Haha
    4
    0 Comments 0 Shares 967 Views 0 Reviews
  • วิเคราะห์เชิงลึก: จุดเริ่มต้นของ TI ภายใต้ TOR 2003

    1. TOR 2003 ข้อ 1.1.3 ระบุให้ใช้ “แผนที่มาตราส่วน 1:200,000” เป็นฐาน

    แม้รัฐบาลอภิสิทธิ์จะไม่ยอมรับ Annex I Map แต่ไม่ได้เสนอแก้ TOR ดังนั้น

    > ทุก TI ที่จัดทำภายใต้ TOR นี้ ต้องตีความให้ “สอดคล้องกับ” แผนที่ 1:200,000




    ---

    2. เอกสารประชุม JBC ชุดที่คุณแนบ (ปี 2552)

    แสดงให้เห็นว่า:

    ฝ่ายไทยยินยอมให้มีการจัดทำ "แผนที่ร่วม" (Joint Map) โดยใช้ ข้อมูล GPS, ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto)

    จุดประสงค์คือเพื่อให้สามารถ “อ้างอิงได้” กับ TOR เดิม โดยเฉพาะในเรื่องเส้นแบ่งเขตแดน


    > ตรงนี้เองที่แม้ ไทยจะไม่ยอมรับแผนที่เดิมของฝรั่งเศส (Annex I Map) โดยเปิดเผย
    แต่กลับ ยอมเข้าสู่กระบวนการจัดทำแผนที่ที่อ้าง TOR เดิมเป็นกรอบอ้างอิงทางกฎหมาย




    ---

    3. นี่คือที่มาของ "ร่าง TI" หรือ “Technical Instruction”

    ในภายหลัง TI ถูกพัฒนาโดยคณะทำงานร่วมไทย–กัมพูชา (JWG) และต่อมาใช้ในการหารือภายใต้ JBC
    โดยยังอยู่ภายใต้ TOR 2003
    ซึ่งทำให้ไทยต้องเข้าสู่ระบบที่อ้างอิงแผนที่ 1:200,000 โดยปริยาย


    ---

    สรุปทางการ

    > ❝แม้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะแสดงความเห็นแย้งทางการเมืองต่อการใช้แผนที่ 1:200,000 ภายใต้ TOR 2003 แต่การดำเนินการทางเทคนิค เช่น การจัดทำ
    ร่าง TI และแผนที่ร่วมในยุคนั้น ยังอยู่ภายใต้กรอบ TOR เดิม และต้องตีความให้สอดคล้องกับ TOR 2003 โดยเฉพาะข้อ 1.1.3 ที่ระบุชัดเจนถึงการใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000❞

    สาระสำคัญของร่าง TI ปี 2552–2553 (ภายใต้ JWG)

    1. จุดประสงค์ของ TI

    เป็นคู่มือเทคนิค (Technical Instruction) สำหรับ:

    การจัดทำแผนที่ร่วม (Joint Map Production)

    การใช้ ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto) และ ระบบพิกัด GPS

    เพื่อกำหนด “เส้นแบ่งเขตแดน” ตามกรอบ TOR 2003



    ---

    2. กรอบอ้างอิงหลักของ TI

    TI ฉบับนี้ ผูกพันโดยตรงกับ TOR 2003 โดยเฉพาะ ข้อ 1.1.3

    ซึ่งระบุให้ใช้ แผนที่ 1:200,000 เป็นมาตรฐานอ้างอิง

    แม้จะนำเทคโนโลยีใหม่ เช่น Orthophoto / GPS เข้ามาใช้ แต่ “ผลลัพธ์สุดท้าย” ต้อง อิงเส้นและจุดจากแผนที่ 1:200,000



    ---

    3. โครงสร้าง TI (ตามรายงานการประชุม)

    TI ประกอบด้วยขั้นตอนหลัก ได้แก่:

    การเก็บข้อมูลภาคสนามด้วย GPS และสถานีอ้างอิง

    การตีความภาพถ่ายทางอากาศและเทียบกับแผนที่เดิม

    การประเมินและอนุมัติเส้นเขตแดนโดยคณะกรรมาธิการ (JBC) หลังผ่าน JWG



    ---

    4. ข้อสังเกตจากฝ่ายไทยในที่ประชุม

    ฝ่ายไทย มีความกังวล ว่า TI อาจทำให้ไทย “ผูกพันโดยปริยาย” กับแผนที่ 1:200,000

    มีการเสนอให้ “เพิ่มถ้อยคำสงวนสิทธิ์” (reservation) ในการใช้ข้อมูล

    ไม่มีการลงนามใน TI อย่างสมบูรณ์ ณ ช่วงปี 2552–2553 แต่มีความพยายามผลักดันต่อเนื่องโดยฝ่ายเทคนิค



    ---

    สรุปสาระสำคัญ (เชิงราชการ)

    > ❝ร่าง Technical Instruction (TI) ที่จัดทำในช่วงปี 2552–2553 โดยคณะทำงานร่วม (JWG) มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดทำแผนที่ร่วมบนพื้นฐานของภาพถ่ายทางอากาศและระบบ GPS โดยยังคงอ้างอิงข้อกำหนดของ TOR 2003 โดยเฉพาะแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ทั้งนี้แม้ฝ่ายไทยมิได้ให้สัตยาบัน TI อย่างเป็นทางการ แต่การเข้าร่วมในกระบวนการดังกล่าวสะท้อนถึงการยอมรับกรอบทางเทคนิคภายใต้ TOR ที่มีผลผูกพันอยู่❞




    --- วิเคราะห์ความเสี่ยงทางกฎหมายจาก TI + TOR 2003

    1. TOR 2003 เป็นพันธกรณีระหว่างประเทศ

    TOR (Terms of Reference) ปี 2003 เป็นเอกสารที่ลงนามโดยรัฐบาลไทยและกัมพูชา

    มีผลผูกพันตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ (Vienna Convention on the Law of Treaties 1969)

    ข้อ 1.1.3 ของ TOR กำหนดให้ใช้ “แผนที่มาตราส่วน 1:200,000” เป็นกรอบอ้างอิงหลักในการปักปัน

    การที่ไทยไม่เคย “ยกเลิก” หรือ “ถอนตัว” ออกจาก TOR = ยังคงมีพันธะตามกฎหมาย


    ความเสี่ยง: การตีความโดยอนุญาโตตุลาการหรือศาลระหว่างประเทศ อาจถือว่าไทย ยอมรับแผนที่ 1:200,000 หากยังคงปฏิบัติตาม TOR โดยไม่คัดค้านอย่างเป็นทางการ


    ---

    2. TI (Technical Instruction) ทำหน้าที่ “แปลงเจตนาทางการเมืองให้เป็นข้อเท็จจริงทางเทคนิค”

    แม้รัฐบาลไทย (เช่น ยุคอภิสิทธิ์) จะคัดค้าน “แผนที่ฝรั่งเศส” แต่ TI เป็นเครื่องมือที่ทำให้ฝ่ายเทคนิคต้องดำเนินงานให้ตรงกับ TOR

    TI นำภาพถ่าย Orthophoto + GPS มาปรับเส้นให้ “อิงตำแหน่งเดิม” ที่อยู่บนแผนที่ 1:200,000


    ความเสี่ยง: แม้ไม่ลงนามใน TI แต่การ “ร่วมจัดทำ” และ “ยอมให้ JWG ทำงาน” = ยินยอมโดยพฤตินัย
    หากเกิดข้อพิพาทในอนาคต ไทยจะลำบากในการปฏิเสธผลของ TI


    ---

    3. การไม่มีข้อสงวน (reservation) หรือการตีความ TOR ใหม่

    ในช่วงการประชุม JBC–JWG ไทยไม่ได้เสนอ ตีความ TOR ใหม่ หรือเสนอแผนที่มาตรฐานอื่น

    การไม่สงวนสิทธิอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร = ความเสี่ยงในทางกฎหมาย ว่าไทย “นิ่งเฉย” ต่อสิ่งที่อาจเสียเปรียบ


    ความเสี่ยง: หลัก “estoppel” ในกฎหมายระหว่างประเทศอาจถูกใช้หักล้างไทย เช่น

    > “ถ้าคุณนิ่งและเข้าร่วม ก็ถือว่าคุณยอมรับ”




    ---

    4. การจัดทำ TI อาจกลายเป็น “พฤติการณ์ประกอบยินยอม”

    ศาลโลก (ICJ) เคยใช้ พฤติการณ์ เช่น “การเจรจา”, “การเข้าร่วมคณะทำงาน”, “การไม่คัดค้าน”
    เป็นหลักฐานว่า “รัฐยินยอมแล้ว”


    ความเสี่ยง: แม้ไทยจะไม่เคยลงนามใน TI อย่างเป็นทางการ
    แต่การส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วม, การเสนอข้อมูล, การเดินแนวพิกัด อาจกลายเป็นพฤติการณ์ที่ศาลใช้ตีความว่า “ประเทศไทยยอมรับเส้นแบ่งที่สอดคล้องกับ TOR”


    ---

    บทสรุปความเสี่ยงทางกฎหมาย (แบบราชการ)

    > ❝การดำเนินการตาม TOR 2003 ร่วมกับการจัดทำร่าง Technical Instruction (TI) โดย JWG ในช่วงปี 2552–2553 ก่อให้เกิดความเสี่ยงทางกฎหมายอย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากแม้ไม่มีการลงนามอย่างเป็นทางการ แต่การที่ไทยมิได้ถอนตัวจาก TOR และยังคงเข้าร่วมกระบวนการเทคนิคโดยมิได้สงวนสิทธิอย่างชัดแจ้ง อาจทำให้ผลของแผนที่ร่วมที่จัดทำขึ้นภายใต้กรอบดังกล่าว มีผลผูกพันในทางกฎหมายระหว่างประเทศในอนาคต❞

    🔍 วิเคราะห์เชิงลึก: จุดเริ่มต้นของ TI ภายใต้ TOR 2003 ✅ 1. TOR 2003 ข้อ 1.1.3 ระบุให้ใช้ “แผนที่มาตราส่วน 1:200,000” เป็นฐาน แม้รัฐบาลอภิสิทธิ์จะไม่ยอมรับ Annex I Map แต่ไม่ได้เสนอแก้ TOR ดังนั้น > ทุก TI ที่จัดทำภายใต้ TOR นี้ ต้องตีความให้ “สอดคล้องกับ” แผนที่ 1:200,000 --- ✅ 2. เอกสารประชุม JBC ชุดที่คุณแนบ (ปี 2552) แสดงให้เห็นว่า: ฝ่ายไทยยินยอมให้มีการจัดทำ "แผนที่ร่วม" (Joint Map) โดยใช้ ข้อมูล GPS, ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto) จุดประสงค์คือเพื่อให้สามารถ “อ้างอิงได้” กับ TOR เดิม โดยเฉพาะในเรื่องเส้นแบ่งเขตแดน > ✳️ ตรงนี้เองที่แม้ ไทยจะไม่ยอมรับแผนที่เดิมของฝรั่งเศส (Annex I Map) โดยเปิดเผย แต่กลับ ยอมเข้าสู่กระบวนการจัดทำแผนที่ที่อ้าง TOR เดิมเป็นกรอบอ้างอิงทางกฎหมาย --- ✅ 3. นี่คือที่มาของ "ร่าง TI" หรือ “Technical Instruction” ในภายหลัง TI ถูกพัฒนาโดยคณะทำงานร่วมไทย–กัมพูชา (JWG) และต่อมาใช้ในการหารือภายใต้ JBC โดยยังอยู่ภายใต้ TOR 2003 ซึ่งทำให้ไทยต้องเข้าสู่ระบบที่อ้างอิงแผนที่ 1:200,000 โดยปริยาย --- 🎯 สรุปทางการ > ❝แม้รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะจะแสดงความเห็นแย้งทางการเมืองต่อการใช้แผนที่ 1:200,000 ภายใต้ TOR 2003 แต่การดำเนินการทางเทคนิค เช่น การจัดทำ ร่าง TI และแผนที่ร่วมในยุคนั้น ยังอยู่ภายใต้กรอบ TOR เดิม และต้องตีความให้สอดคล้องกับ TOR 2003 โดยเฉพาะข้อ 1.1.3 ที่ระบุชัดเจนถึงการใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000❞ 📘 สาระสำคัญของร่าง TI ปี 2552–2553 (ภายใต้ JWG) 1. จุดประสงค์ของ TI เป็นคู่มือเทคนิค (Technical Instruction) สำหรับ: การจัดทำแผนที่ร่วม (Joint Map Production) การใช้ ภาพถ่ายทางอากาศ (Orthophoto) และ ระบบพิกัด GPS เพื่อกำหนด “เส้นแบ่งเขตแดน” ตามกรอบ TOR 2003 --- 2. กรอบอ้างอิงหลักของ TI TI ฉบับนี้ ผูกพันโดยตรงกับ TOR 2003 โดยเฉพาะ ข้อ 1.1.3 ซึ่งระบุให้ใช้ แผนที่ 1:200,000 เป็นมาตรฐานอ้างอิง แม้จะนำเทคโนโลยีใหม่ เช่น Orthophoto / GPS เข้ามาใช้ แต่ “ผลลัพธ์สุดท้าย” ต้อง อิงเส้นและจุดจากแผนที่ 1:200,000 --- 3. โครงสร้าง TI (ตามรายงานการประชุม) TI ประกอบด้วยขั้นตอนหลัก ได้แก่: การเก็บข้อมูลภาคสนามด้วย GPS และสถานีอ้างอิง การตีความภาพถ่ายทางอากาศและเทียบกับแผนที่เดิม การประเมินและอนุมัติเส้นเขตแดนโดยคณะกรรมาธิการ (JBC) หลังผ่าน JWG --- 4. ข้อสังเกตจากฝ่ายไทยในที่ประชุม ฝ่ายไทย มีความกังวล ว่า TI อาจทำให้ไทย “ผูกพันโดยปริยาย” กับแผนที่ 1:200,000 มีการเสนอให้ “เพิ่มถ้อยคำสงวนสิทธิ์” (reservation) ในการใช้ข้อมูล ไม่มีการลงนามใน TI อย่างสมบูรณ์ ณ ช่วงปี 2552–2553 แต่มีความพยายามผลักดันต่อเนื่องโดยฝ่ายเทคนิค --- 📌 สรุปสาระสำคัญ (เชิงราชการ) > ❝ร่าง Technical Instruction (TI) ที่จัดทำในช่วงปี 2552–2553 โดยคณะทำงานร่วม (JWG) มีวัตถุประสงค์เพื่อจัดทำแผนที่ร่วมบนพื้นฐานของภาพถ่ายทางอากาศและระบบ GPS โดยยังคงอ้างอิงข้อกำหนดของ TOR 2003 โดยเฉพาะแผนที่มาตราส่วน 1:200,000 ทั้งนี้แม้ฝ่ายไทยมิได้ให้สัตยาบัน TI อย่างเป็นทางการ แต่การเข้าร่วมในกระบวนการดังกล่าวสะท้อนถึงการยอมรับกรอบทางเทคนิคภายใต้ TOR ที่มีผลผูกพันอยู่❞ ---⚖️ วิเคราะห์ความเสี่ยงทางกฎหมายจาก TI + TOR 2003 🔹 1. TOR 2003 เป็นพันธกรณีระหว่างประเทศ TOR (Terms of Reference) ปี 2003 เป็นเอกสารที่ลงนามโดยรัฐบาลไทยและกัมพูชา มีผลผูกพันตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ (Vienna Convention on the Law of Treaties 1969) ข้อ 1.1.3 ของ TOR กำหนดให้ใช้ “แผนที่มาตราส่วน 1:200,000” เป็นกรอบอ้างอิงหลักในการปักปัน การที่ไทยไม่เคย “ยกเลิก” หรือ “ถอนตัว” ออกจาก TOR = ยังคงมีพันธะตามกฎหมาย 📌 ความเสี่ยง: การตีความโดยอนุญาโตตุลาการหรือศาลระหว่างประเทศ อาจถือว่าไทย ยอมรับแผนที่ 1:200,000 หากยังคงปฏิบัติตาม TOR โดยไม่คัดค้านอย่างเป็นทางการ --- 🔹 2. TI (Technical Instruction) ทำหน้าที่ “แปลงเจตนาทางการเมืองให้เป็นข้อเท็จจริงทางเทคนิค” แม้รัฐบาลไทย (เช่น ยุคอภิสิทธิ์) จะคัดค้าน “แผนที่ฝรั่งเศส” แต่ TI เป็นเครื่องมือที่ทำให้ฝ่ายเทคนิคต้องดำเนินงานให้ตรงกับ TOR TI นำภาพถ่าย Orthophoto + GPS มาปรับเส้นให้ “อิงตำแหน่งเดิม” ที่อยู่บนแผนที่ 1:200,000 📌 ความเสี่ยง: แม้ไม่ลงนามใน TI แต่การ “ร่วมจัดทำ” และ “ยอมให้ JWG ทำงาน” = ยินยอมโดยพฤตินัย หากเกิดข้อพิพาทในอนาคต ไทยจะลำบากในการปฏิเสธผลของ TI --- 🔹 3. การไม่มีข้อสงวน (reservation) หรือการตีความ TOR ใหม่ ในช่วงการประชุม JBC–JWG ไทยไม่ได้เสนอ ตีความ TOR ใหม่ หรือเสนอแผนที่มาตรฐานอื่น การไม่สงวนสิทธิอย่างเป็นลายลักษณ์อักษร = ความเสี่ยงในทางกฎหมาย ว่าไทย “นิ่งเฉย” ต่อสิ่งที่อาจเสียเปรียบ 📌 ความเสี่ยง: หลัก “estoppel” ในกฎหมายระหว่างประเทศอาจถูกใช้หักล้างไทย เช่น > “ถ้าคุณนิ่งและเข้าร่วม ก็ถือว่าคุณยอมรับ” --- 🔹 4. การจัดทำ TI อาจกลายเป็น “พฤติการณ์ประกอบยินยอม” ศาลโลก (ICJ) เคยใช้ พฤติการณ์ เช่น “การเจรจา”, “การเข้าร่วมคณะทำงาน”, “การไม่คัดค้าน” เป็นหลักฐานว่า “รัฐยินยอมแล้ว” 📌 ความเสี่ยง: แม้ไทยจะไม่เคยลงนามใน TI อย่างเป็นทางการ แต่การส่งเจ้าหน้าที่เข้าร่วม, การเสนอข้อมูล, การเดินแนวพิกัด อาจกลายเป็นพฤติการณ์ที่ศาลใช้ตีความว่า “ประเทศไทยยอมรับเส้นแบ่งที่สอดคล้องกับ TOR” --- 🟥 บทสรุปความเสี่ยงทางกฎหมาย (แบบราชการ) > ❝การดำเนินการตาม TOR 2003 ร่วมกับการจัดทำร่าง Technical Instruction (TI) โดย JWG ในช่วงปี 2552–2553 ก่อให้เกิดความเสี่ยงทางกฎหมายอย่างมีนัยยะสำคัญ เนื่องจากแม้ไม่มีการลงนามอย่างเป็นทางการ แต่การที่ไทยมิได้ถอนตัวจาก TOR และยังคงเข้าร่วมกระบวนการเทคนิคโดยมิได้สงวนสิทธิอย่างชัดแจ้ง อาจทำให้ผลของแผนที่ร่วมที่จัดทำขึ้นภายใต้กรอบดังกล่าว มีผลผูกพันในทางกฎหมายระหว่างประเทศในอนาคต❞
    0 Comments 0 Shares 189 Views 0 Reviews
  • ประตูเปิดทางทิศตะวันออกเฉียงใต้

    เดือนนี้ ระวังผู้สูงอายุจะล้มป่วย อีกทั้งหญิงตั้งครรภ์ควรหาวิธีป้องกันการลื่นล้ม เพราะมีโอกาสจะแท้งบุตรได้ เดินทางจะเกิดอุบัติเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ เสียเลือดเสียเนื้อ จนเลือดตกยางออกต้องรับการรักษาพยาบาล รวมทั้งควรระมัดระวังการรับประทานอาหารการกิน เพราะมีโอกาสที่อาหารจะเป็นพิษผิดสำแดงได้ อีกทั้งต้องระวังภัยจากพวกมิจฉาชีพที่คอยจ้องจะลวงหลอก แสวงหาโอกาสเพื่อเบียดเบียนผลประโยชน์ ถึงแม้การติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ ธุรกิจนำเข้า-ส่งออก ธุรกิจท่องเที่ยว จะพบกับปัญหาอุปสรรคไม่ราบรื่น ก็ควรจะประกอบกิจการงานด้วยความซื่อสัตย์ อยู่บนพื้นฐานความสุจริตซื่อตรง ไม่ทุจริตคอรัปชั่น รับเงินใต้โต๊ะ หรือแสวงหาผลประโยชน์ส่วนรวมมาเป็นของส่วนตัว จะได้ไม่ต้องถูกฟ้องร้องฟ้องศาลจนเป็นคดีความติดตัว

    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    ประตูเปิดทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ เดือนนี้ ระวังผู้สูงอายุจะล้มป่วย อีกทั้งหญิงตั้งครรภ์ควรหาวิธีป้องกันการลื่นล้ม เพราะมีโอกาสจะแท้งบุตรได้ เดินทางจะเกิดอุบัติเหตุให้ได้รับบาดเจ็บ เสียเลือดเสียเนื้อ จนเลือดตกยางออกต้องรับการรักษาพยาบาล รวมทั้งควรระมัดระวังการรับประทานอาหารการกิน เพราะมีโอกาสที่อาหารจะเป็นพิษผิดสำแดงได้ อีกทั้งต้องระวังภัยจากพวกมิจฉาชีพที่คอยจ้องจะลวงหลอก แสวงหาโอกาสเพื่อเบียดเบียนผลประโยชน์ ถึงแม้การติดต่อค้าขายกับต่างประเทศ ธุรกิจนำเข้า-ส่งออก ธุรกิจท่องเที่ยว จะพบกับปัญหาอุปสรรคไม่ราบรื่น ก็ควรจะประกอบกิจการงานด้วยความซื่อสัตย์ อยู่บนพื้นฐานความสุจริตซื่อตรง ไม่ทุจริตคอรัปชั่น รับเงินใต้โต๊ะ หรือแสวงหาผลประโยชน์ส่วนรวมมาเป็นของส่วนตัว จะได้ไม่ต้องถูกฟ้องร้องฟ้องศาลจนเป็นคดีความติดตัว ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้
    0 Comments 0 Shares 117 Views 0 Reviews
  • เริ่มยุค พ่อ สำเร็จ ยุคลูก

    “ความเชื่อมโยงระหว่าง TOR การปักปันเขตแดน – การใช้แผนที่ – และความเสี่ยงเรื่องอธิปไตยของชาติ”

    สรุปพื้นฐานก่อน: TOR2003 กับการใช้แผนที่ 1:200,000

    1. TOR2003 (Terms of Reference ปี 2546)
    เป็นข้อตกลงที่ไทยใช้ในการเจรจาเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมา
    โดยกำหนดว่า:

    “ให้ใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 เป็นแผนที่หลักสำหรับอ้างอิงการปักปันเขตแดน”

    หลักการนี้ถูกใช้เพื่ออ้างอิงเส้นเขตแดนตามสนธิสัญญาเดิมและแนวปฏิบัติเดิม (เช่น สนธิสัญญาสมัยฝรั่งเศส)



    2. “แผนที่ทางอากาศ”
    มีความละเอียดสูง ใช้ในยุคปัจจุบันเพื่อการสำรวจภาพถ่ายดาวเทียม ระบบ GIS และแผนที่ 3D

    > แต่ยัง ไม่ถือว่าเป็นหลักฐานทางกฎหมายหลัก ในการเจรจา หาก TOR ยังคงยึด 1:200,000






    ---

    การ “แก้ไข TOR เพื่อยึดแผนที่ทางอากาศ” มีความเสี่ยงหรือไม่?

    ใช่ เสี่ยงมาก ถ้าไม่มีกรอบป้องกันทางกฎหมาย

    ปัจจัย ความเสี่ยงที่เกิดขึ้น

    1. แผนที่ทางอากาศมีความแม่นยำสูง อาจทำให้ “เส้นเขตแดนจริง” เลื่อนไป ตามภาพถ่าย โดยไม่สอดคล้องกับแนวเขตดั้งเดิมที่ปรากฏในแผนที่ 1:200,000

    2. ประเทศเพื่อนบ้านอาจใช้โอกาสนี้ผลักดันเส้นเขตแดนใหม่ เช่น อ้างว่า “หมุดหลักเขตที่เห็นจากแผนที่อากาศ” อยู่ในจุดที่ไทยไม่เคยรับรองมาก่อน

    3. ลดน้ำหนักทางกฎหมายของหลักฐานประวัติศาสตร์ เพราะแผนที่ 1:200,000 มักแนบมากับสนธิสัญญาเก่า เช่น ปี 1904, 1907 (ฝรั่งเศส-สยาม)

    4. เสี่ยงต่อการเสีย “พื้นที่ที่ครอบครองโดยพฤตินัย” หากแผนที่ใหม่แสดงว่าไทยอยู่ “นอกเขต” ที่ควรจะเป็นตามแผนที่อากาศ – อาจถูกนำไปใช้ในศาลระหว่างประเทศ



    เปรียบเทียบสถานการณ์:

    “กรณีเขาพระวิหาร” เป็นตัวอย่างคลาสสิก

    กัมพูชาอ้างแผนที่ 1:200,000 ซึ่งทำโดยฝรั่งเศส (แต่ไทยไม่เคยรับรองอย่างเป็นทางการ)

    ศาลโลกปี 1962 ตัดสินยึดตามแผนที่นั้น แม้ไทยจะอ้าง “เส้นแบ่งสันปันน้ำ” ตามภูมิประเทศจริง

    บทเรียนคือ: ใครควบคุมกรอบ TOR และแหล่งข้อมูลอ้างอิง = ควบคุมผลลัพธ์เขตแดน



    ---

    สรุปทางวิชาการและยุทธศาสตร์

    > “การแก้ไข TOR เพื่อใช้แผนที่ทางอากาศ หากไม่มีข้อตกลงระหว่างประเทศหรือกฎหมายรองรับ อาจเป็นช่องทางทำให้ไทยเสียเปรียบดินแดนโดยไม่ตั้งใจ”



    ควรใช้ “แผนที่ทางอากาศ” เพื่อ ยืนยันความถูกต้องของแผนที่ 1:200,000 เดิม
    ไม่ใช่เพื่อ แทนที่หรือสร้างกรอบใหม่โดยลำพัง

    หากจะแก้ TOR จริง ต้องมี คณะกรรมการร่วมระหว่างประเทศ + ฝ่ายความมั่นคง + นักภูมิศาสตร์ + นักประวัติศาสตร์ + ฝ่ายกฎหมายระหว่างประเทศ เข้าร่วม


    กัมพูชาในการปักปันเขตแดนไทย–กัมพูชา

    ขั้นตอน รายละเอียด เป้าหมาย

    1. ยืนยัน TOR 2003 - ย้ำว่าไทยลงนาม TOR 2003 เมื่อปี 2546
    - ใช้เป็น “กรอบแม่บท” ที่ผูกพันสองฝ่ายโดยสมัครใจ ทำให้ไทยติดอยู่ในกลไก โดยไม่สามารถถอนตัวได้ง่าย

    2. ผลักดันการฟื้น JTSC / JBC - เรียกร้องให้ไทยกลับมาประชุม
    - กำหนดให้ TOR 2003 เป็นกรอบหลักในการเดินหน้า ใช้ช่องทางรัฐต่อรัฐ เพื่อป้องกันไม่ให้ไทยตีความฝ่ายเดียว

    3. ร่าง Technical Instructions (TI) - เสนอให้ใช้เทคโนโลยีใหม่ (LiDAR, GPS, Orthophoto)
    - แต่บังคับให้ “Overlay” กับแผนที่ 1:200,000 ตาม TOR 2003 บังคับให้พิกัดที่ไทยวัด ต้องสอดคล้องกับแผนที่อาณานิคม

    4. เห็นพ้อง 45 จุดร่วมกัน (JTSC #4) - ตกลงตำแหน่งพิกัดหลักเขต 45 จุด
    - เตรียมเสนอ TI ให้ JBC รับรอง ปักหมุดระยะทาง “ได้เปรียบ” ก่อนเข้าสู่กระบวนการปักเสาจริง

    5. รอให้ไทยร่วมลงนาม TI โดยไม่มีข้อสงวน - ผลักดันให้ไทยรับรอง TI เร็วที่สุด
    - หลีกเลี่ยงการเปิดเวทีอภิปรายสาธารณะในไทย ให้เส้นเขตที่จัดทำร่วมกัน “กลายเป็นแนวเขตถาวร” โดยไม่ต้องพิสูจน์ศาลโลกอีก

    6. ใช้ TI และผล JBC เป็นหลักฐานระหว่างประเทศ - หากเกิดข้อพิพาท → ใช้ TI / JBC / TOR 2003 เป็นหลักฐาน
    - อ้างว่าไทยยินยอมแล้วตามกระบวนการรัฐต่อรัฐ สร้างความได้เปรียบเชิงกฎหมายต่อศาลโลก หรือ UN




    แกนสำคัญของกลยุทธ์กัมพูชา:

    ใช้เอกสารที่ไทยลงนามเองเป็นเครื่องมือย้อนกลับมาเจรจา

    กดดันให้ไทย “นิ่ง” หรือ “ยอมรับโดยพฤติกรรม”

    ผูกข้อมูลปัจจุบัน (GPS, LiDAR) กับอดีต (แผนที่ 1:200,000) เพื่อสร้างกรอบใหม่แต่ได้ผลเก่าที่ฝรั่งเศสวางไว้


    หากไทยไม่ตอบโต้ทันเวลา

    เส้นเขตจากแผนที่ 1:200,000 จะ “สวมทับ” พิกัด GPS ของเรา

    ความได้เปรียบในหลักฐาน effectivités จะหมดประโยชน์

    แนวเขตเสี่ยง เช่น “ตาเมือนธม, ช่องสะงำ, ภูมะเขือ, เขาพระวิหาร” จะตกอยู่ในกระบวนการที่เรา ลงนามเอง


    เหลือขั้นตอนเดียวไทยก็จะเสียดินแดนอย่างไม่มีวันได้อะไรคืนมา
    เริ่มยุค พ่อ สำเร็จ ยุคลูก “ความเชื่อมโยงระหว่าง TOR การปักปันเขตแดน – การใช้แผนที่ – และความเสี่ยงเรื่องอธิปไตยของชาติ” 🔍 สรุปพื้นฐานก่อน: TOR2003 กับการใช้แผนที่ 1:200,000 1. TOR2003 (Terms of Reference ปี 2546) เป็นข้อตกลงที่ไทยใช้ในการเจรจาเขตแดนกับประเทศเพื่อนบ้าน เช่น กัมพูชา ลาว เมียนมา โดยกำหนดว่า: “ให้ใช้แผนที่มาตราส่วน 1:200,000 เป็นแผนที่หลักสำหรับอ้างอิงการปักปันเขตแดน” หลักการนี้ถูกใช้เพื่ออ้างอิงเส้นเขตแดนตามสนธิสัญญาเดิมและแนวปฏิบัติเดิม (เช่น สนธิสัญญาสมัยฝรั่งเศส) 2. “แผนที่ทางอากาศ” มีความละเอียดสูง ใช้ในยุคปัจจุบันเพื่อการสำรวจภาพถ่ายดาวเทียม ระบบ GIS และแผนที่ 3D > แต่ยัง ไม่ถือว่าเป็นหลักฐานทางกฎหมายหลัก ในการเจรจา หาก TOR ยังคงยึด 1:200,000 --- ⚠️ การ “แก้ไข TOR เพื่อยึดแผนที่ทางอากาศ” มีความเสี่ยงหรือไม่? 🔺 ใช่ เสี่ยงมาก ถ้าไม่มีกรอบป้องกันทางกฎหมาย ปัจจัย ความเสี่ยงที่เกิดขึ้น 1. แผนที่ทางอากาศมีความแม่นยำสูง อาจทำให้ “เส้นเขตแดนจริง” เลื่อนไป ตามภาพถ่าย โดยไม่สอดคล้องกับแนวเขตดั้งเดิมที่ปรากฏในแผนที่ 1:200,000 2. ประเทศเพื่อนบ้านอาจใช้โอกาสนี้ผลักดันเส้นเขตแดนใหม่ เช่น อ้างว่า “หมุดหลักเขตที่เห็นจากแผนที่อากาศ” อยู่ในจุดที่ไทยไม่เคยรับรองมาก่อน 3. ลดน้ำหนักทางกฎหมายของหลักฐานประวัติศาสตร์ เพราะแผนที่ 1:200,000 มักแนบมากับสนธิสัญญาเก่า เช่น ปี 1904, 1907 (ฝรั่งเศส-สยาม) 4. เสี่ยงต่อการเสีย “พื้นที่ที่ครอบครองโดยพฤตินัย” หากแผนที่ใหม่แสดงว่าไทยอยู่ “นอกเขต” ที่ควรจะเป็นตามแผนที่อากาศ – อาจถูกนำไปใช้ในศาลระหว่างประเทศ 🧭 เปรียบเทียบสถานการณ์: “กรณีเขาพระวิหาร” เป็นตัวอย่างคลาสสิก กัมพูชาอ้างแผนที่ 1:200,000 ซึ่งทำโดยฝรั่งเศส (แต่ไทยไม่เคยรับรองอย่างเป็นทางการ) ศาลโลกปี 1962 ตัดสินยึดตามแผนที่นั้น แม้ไทยจะอ้าง “เส้นแบ่งสันปันน้ำ” ตามภูมิประเทศจริง บทเรียนคือ: ใครควบคุมกรอบ TOR และแหล่งข้อมูลอ้างอิง = ควบคุมผลลัพธ์เขตแดน --- ✅ สรุปทางวิชาการและยุทธศาสตร์ > “การแก้ไข TOR เพื่อใช้แผนที่ทางอากาศ หากไม่มีข้อตกลงระหว่างประเทศหรือกฎหมายรองรับ อาจเป็นช่องทางทำให้ไทยเสียเปรียบดินแดนโดยไม่ตั้งใจ” ควรใช้ “แผนที่ทางอากาศ” เพื่อ ยืนยันความถูกต้องของแผนที่ 1:200,000 เดิม ไม่ใช่เพื่อ แทนที่หรือสร้างกรอบใหม่โดยลำพัง หากจะแก้ TOR จริง ต้องมี คณะกรรมการร่วมระหว่างประเทศ + ฝ่ายความมั่นคง + นักภูมิศาสตร์ + นักประวัติศาสตร์ + ฝ่ายกฎหมายระหว่างประเทศ เข้าร่วม กัมพูชาในการปักปันเขตแดนไทย–กัมพูชา ขั้นตอน รายละเอียด เป้าหมาย 1. ยืนยัน TOR 2003 - ย้ำว่าไทยลงนาม TOR 2003 เมื่อปี 2546 - ใช้เป็น “กรอบแม่บท” ที่ผูกพันสองฝ่ายโดยสมัครใจ ✅ ทำให้ไทยติดอยู่ในกลไก โดยไม่สามารถถอนตัวได้ง่าย 2. ผลักดันการฟื้น JTSC / JBC - เรียกร้องให้ไทยกลับมาประชุม - กำหนดให้ TOR 2003 เป็นกรอบหลักในการเดินหน้า ✅ ใช้ช่องทางรัฐต่อรัฐ เพื่อป้องกันไม่ให้ไทยตีความฝ่ายเดียว 3. ร่าง Technical Instructions (TI) - เสนอให้ใช้เทคโนโลยีใหม่ (LiDAR, GPS, Orthophoto) - แต่บังคับให้ “Overlay” กับแผนที่ 1:200,000 ตาม TOR 2003 ✅ บังคับให้พิกัดที่ไทยวัด ต้องสอดคล้องกับแผนที่อาณานิคม 4. เห็นพ้อง 45 จุดร่วมกัน (JTSC #4) - ตกลงตำแหน่งพิกัดหลักเขต 45 จุด - เตรียมเสนอ TI ให้ JBC รับรอง ✅ ปักหมุดระยะทาง “ได้เปรียบ” ก่อนเข้าสู่กระบวนการปักเสาจริง 5. รอให้ไทยร่วมลงนาม TI โดยไม่มีข้อสงวน - ผลักดันให้ไทยรับรอง TI เร็วที่สุด - หลีกเลี่ยงการเปิดเวทีอภิปรายสาธารณะในไทย ✅ ให้เส้นเขตที่จัดทำร่วมกัน “กลายเป็นแนวเขตถาวร” โดยไม่ต้องพิสูจน์ศาลโลกอีก 6. ใช้ TI และผล JBC เป็นหลักฐานระหว่างประเทศ - หากเกิดข้อพิพาท → ใช้ TI / JBC / TOR 2003 เป็นหลักฐาน - อ้างว่าไทยยินยอมแล้วตามกระบวนการรัฐต่อรัฐ ✅ สร้างความได้เปรียบเชิงกฎหมายต่อศาลโลก หรือ UN 🔍 แกนสำคัญของกลยุทธ์กัมพูชา: ใช้เอกสารที่ไทยลงนามเองเป็นเครื่องมือย้อนกลับมาเจรจา กดดันให้ไทย “นิ่ง” หรือ “ยอมรับโดยพฤติกรรม” ผูกข้อมูลปัจจุบัน (GPS, LiDAR) กับอดีต (แผนที่ 1:200,000) เพื่อสร้างกรอบใหม่แต่ได้ผลเก่าที่ฝรั่งเศสวางไว้ 🛡️ หากไทยไม่ตอบโต้ทันเวลา เส้นเขตจากแผนที่ 1:200,000 จะ “สวมทับ” พิกัด GPS ของเรา ความได้เปรียบในหลักฐาน effectivités จะหมดประโยชน์ แนวเขตเสี่ยง เช่น “ตาเมือนธม, ช่องสะงำ, ภูมะเขือ, เขาพระวิหาร” จะตกอยู่ในกระบวนการที่เรา ลงนามเอง เหลือขั้นตอนเดียวไทยก็จะเสียดินแดนอย่างไม่มีวันได้อะไรคืนมา
    0 Comments 0 Shares 195 Views 0 Reviews

  • Chaehom Green Gelephu
    https://youtu.be/b-sTEf_XMgY?si=nOEFQ0w6BacOatbo
    🇹🇭Chaehom Green 🌍🤝🌎Gelephu 🇧🇹 https://youtu.be/b-sTEf_XMgY?si=nOEFQ0w6BacOatbo
    0 Comments 0 Shares 38 Views 0 Reviews
  • รัฐบาลไทย “ปฏิเสธวาจา” แต่ “ยอมรับโดยการกระทำ”

    (พูดไม่เอาแผนที่ 1:200,000 แต่ดันใช้ TOR 2003 ที่อิงแผนที่นั้นโดยตรง)


    ---

    สรุปความย้อนแย้งแบบชัด ๆ:

    สิ่งที่รัฐบาลพูด สิ่งที่รัฐบาลทำจริง

    “ไม่ยอมรับแผนที่ 1:200,000 ของฝรั่งเศส (Annex I Map)” แต่ยังคงใช้ TOR 2003 ข้อ 1.1.3 ที่ระบุชัดว่าแผนที่พื้นฐานคือ 1:200,000
    “ไทยยึดหลักสันปันน้ำ ไม่ใช่เส้นแผนที่” แต่ไม่มีการแนบ ข้อสงวนสิทธิ (reservation) ใด ๆ ต่อ TOR
    “จะไม่ยอมให้ฝ่ายตรงข้ามใช้แผนที่ฝรั่งเศสมากำหนดเขตแดน” แต่ในการประชุม JBC/JWG/JTSC ทุกครั้ง ไม่มีการคัดค้านการใช้แนวแผนที่ 1:200,000



    ---

    ทำไมจึงอันตราย?

    1. TOR 2003 กลายเป็น “ข้อตกลงหลักฐาน” ที่รัฐบาลไทยหลายชุดใช้ต่อเนื่อง
    → เสมือนการ “ยอมรับแนว Annex I Map โดยพฤตินัย”


    2. หากเกิดข้อพิพาทในอนาคต ฝ่ายกัมพูชาจะสามารถใช้ TOR นี้ + แผนที่ LiDAR ใหม่
    → ยืนยันว่า “ไทยได้ลงนามไว้เองแล้วตั้งแต่ปี 2003”


    3. ศาลโลกหรือเวทีระหว่างประเทศอาจมองว่าไทย “ตีสองหน้า”
    → กล่าวไม่ยอมรับ แต่ในทางเทคนิคกลับทำเองทุกอย่าง (แผนที่ ร่วมวาด ร่วมวัด)




    ---

    คำแนะนำเชิงยุทธศาสตร์

    ต้องจัดทำ “คำชี้แจงตีความข้อ 1.1.3” หรือ “แนบข้อสงวนสิทธิ” ต่อ TOR 2003 โดยเร็วที่สุด

    ควรกำหนดแนวทางว่าการใช้ TOR นี้ ใช้เพื่อการสำรวจ แต่ไม่ใช่เพื่อยอมรับแนวแผนที่ Annex I

    รัฐสภา/ประชาชนต้องร่วมเรียกร้องให้รัฐบาล “เลิกนิ่ง” และ “ปกป้องอธิปไตยอย่างโปร่งใส”
    🎯 รัฐบาลไทย “ปฏิเสธวาจา” แต่ “ยอมรับโดยการกระทำ” (พูดไม่เอาแผนที่ 1:200,000 แต่ดันใช้ TOR 2003 ที่อิงแผนที่นั้นโดยตรง) --- 📌 สรุปความย้อนแย้งแบบชัด ๆ: สิ่งที่รัฐบาลพูด สิ่งที่รัฐบาลทำจริง “ไม่ยอมรับแผนที่ 1:200,000 ของฝรั่งเศส (Annex I Map)” แต่ยังคงใช้ TOR 2003 ข้อ 1.1.3 ที่ระบุชัดว่าแผนที่พื้นฐานคือ 1:200,000 “ไทยยึดหลักสันปันน้ำ ไม่ใช่เส้นแผนที่” แต่ไม่มีการแนบ ข้อสงวนสิทธิ (reservation) ใด ๆ ต่อ TOR “จะไม่ยอมให้ฝ่ายตรงข้ามใช้แผนที่ฝรั่งเศสมากำหนดเขตแดน” แต่ในการประชุม JBC/JWG/JTSC ทุกครั้ง ไม่มีการคัดค้านการใช้แนวแผนที่ 1:200,000 --- ⚠️ ทำไมจึงอันตราย? 1. TOR 2003 กลายเป็น “ข้อตกลงหลักฐาน” ที่รัฐบาลไทยหลายชุดใช้ต่อเนื่อง → เสมือนการ “ยอมรับแนว Annex I Map โดยพฤตินัย” 2. หากเกิดข้อพิพาทในอนาคต ฝ่ายกัมพูชาจะสามารถใช้ TOR นี้ + แผนที่ LiDAR ใหม่ → ยืนยันว่า “ไทยได้ลงนามไว้เองแล้วตั้งแต่ปี 2003” 3. ศาลโลกหรือเวทีระหว่างประเทศอาจมองว่าไทย “ตีสองหน้า” → กล่าวไม่ยอมรับ แต่ในทางเทคนิคกลับทำเองทุกอย่าง (แผนที่ ร่วมวาด ร่วมวัด) --- 🛡️ คำแนะนำเชิงยุทธศาสตร์ ต้องจัดทำ “คำชี้แจงตีความข้อ 1.1.3” หรือ “แนบข้อสงวนสิทธิ” ต่อ TOR 2003 โดยเร็วที่สุด ควรกำหนดแนวทางว่าการใช้ TOR นี้ ใช้เพื่อการสำรวจ แต่ไม่ใช่เพื่อยอมรับแนวแผนที่ Annex I รัฐสภา/ประชาชนต้องร่วมเรียกร้องให้รัฐบาล “เลิกนิ่ง” และ “ปกป้องอธิปไตยอย่างโปร่งใส”
    0 Comments 0 Shares 93 Views 0 Reviews
  • MOU43
    MOU43
    0 Comments 0 Shares 31 Views 0 Reviews
  • JC46
    JC46
    0 Comments 0 Shares 22 Views 0 Reviews
  • กฎหมาย One Big Beautiful Bill คืออะไร ? มีผลอย่างไร?
    กฎหมาย One Big Beautiful Bill คืออะไร ? มีผลอย่างไร?
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 0 Reviews