• แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 11
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3”
    ตอนที่ 11

    เรื่องต่อมา คือเรื่องกำลังอาวุธของทั้ง 2 ฝ่าย

    อเมริกา ทำการบ้านมากมาย เพื่อให้รู้แน่ถึงศักยภาพของฝั่งรัสเซีย ไอ้พวกถังความคิดต่างๆ ทำงานเสียหน้ามืด แต่ขอทีเถิดนะ ที่หลังอย่าลอกการบ้านกัน หลอกเอาเงินสปอนเซอร์แบบนี้ คนอ่านแก่ๆ อย่างผม อ่านแล้วเสียอารมณ์ เห็นหน้าปกเป็นถังใหม่ ข้างในลอกกันเพียบ อย่างนี้มันน่าจะเป็นถังขยะ มากกว่าถังความคิด

    ต่อครับ อเมริกาคิดว่าตัวต่อตัว ระหว่างอเมริกากับรัสเซีย อเมริกาล้มรัสเซียได้ แต่พรรคพวกของรัสเซียนะซิ โดยเฉพาะจีนและอิหร่าน มีของจริงมากน้อยน่ากลัวแค่ไหน อเมริกาประเมินเรื่องกำลังอาวุธของจีนต่ำตลอด ถึงขนาดในการประชุมที่ Shangrila Dialogue ที่ เน้นเรื่องความมั่นคงของประเทศ ที่จัดเป็นประจำทุกปีที่สิงคโปร์ อเมริกาเคยปรามาสจีนอย่างไร้มรรยาท จนจีนไม่เข้าร่วมอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้ก็ไม่แน่ว่าอเมริการู้จริงถึงศักยภาพอาวุธของจีน เพราะจีนปิดเงียบ ไม่มีการโม้ ไม่มีการโชว์

    แต่ที่อเมริกาให้เวลาในการวิเคราะห์มากมายอีกประเทศหนึ่ง คือ อิหร่าน เพราะอเมริกาคิดว่า อาวุธที่ทรงอานุภาพที่สุด และเป็นตัวตัดสินคือ อาวุธนิวเคลียร์ และอเมริกาคิดว่า อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์มานานแล้ว อเมริกาถึงกับชักใย ให้สหประชาชาติใช้มาตรการคว่ำบาตรกับอิหร่าน

    อิหร่านพัฒนานิวเคลียร์จริงหรือไม่ อิหร่านบอกว่าไม่ได้ทำ แต่ถ้าเรื่องนี้กลับตาลปัตร พูดได้คำเดียวว่า “แหลก” ฝ่ายไหนแหลก ก็ลองประเมินกันเองบ้างครับ

    กรณีอิหร่าน ทำให้พอมองเห็นแนวคิดของอเมริกาเกี่ยวกับเรื่องอาวุธ เมื่ออเมริกาคิดว่านิวเคลียร์คืออาวุธที่ทรงอานุภาพที่สุด และเป็นตัวตัดสิน อเมริกาจึงเน้นการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และบรรดาที่เป็น hardware เป็น ส่วนมาก เช่น เรือรบ เรือบรรทุกเครื่องบิน รถถัง เครื่องบิน ฯลฯ เพื่อสร้างความคล่องตัวในการเคลื่อนไหว เคลื่อนที่ ล๊อกเป้า เป็นต้น

    สิ่งที่น่าสนใจ และอเมริกาอาจจะไม่ให้ความสนใจพอในตอนแรก คือจีน เป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าในเรื่องการพัฒนาระบบไอทีอย่าง มาก อาวุธที่จีนพัฒนามาใช้ อาจไม่ใช่ในรูปแบบ hardware ทั้งหมด แต่เป็นรูปแบบไอที software ถ้าจีนพัฒนา software ที่สามารถสยบอาวุธหลากหลายของอเมริกาได้ สงครามครั้งนี้คงมีการสู้รบ รูปแบบต่างกับสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างแน่นอน และ มีความเป็นไปได้สูงมาก อย่าลืมว่าทางฝั่งของรัสเซีย นอกจากจีนแล้ว ยังมีอินเดียที่เป็นกูรูอีกรายในด้านไอที และถ้าฝั่งนี้เขาแชร์เทคโนโลยี่กัน คงเป็นเรื่องน่าสนใจมาก และน่าคิดและน่ากังวลมากสำหรับอเมริกา
    ตัวอย่างที่ทำให้น่าคิดว่า เรื่องความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี software ทางฝั่งรัสเซียและจีน ไม่ใช่เรื่องเกินจินตนาการคือ ข่าวเกี่ยวกับระบบ Sukhoi 24 หรือ Su-24 ของรัสเซียที่สยบเรือรบสัญชาติอเมริกาขื่อ USS Donald Cook เมื่อกลางปีนี้ ที่มีข่าวจาก Veterans Today เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2014 ว่า

    เรือรบสัญชาติอเมริกันชื่อ “USS Donald Cook” ซึ่งติดตั้งระบบ“Aegis” ที่ เป็นระบบที่ไฮเทคที่สุดของอเมริกา ที่สามารถใช้ทำการโจมตีและต่อสู้จรวดทางอากาศ ได้ไปลอยลำโชว์ตัวพร้อมจรวดโทมาฮอค เย้ยรัสเซียที่แถบทะเลดำเมื่อวันที่ 10 เมษายน ค.ศ.2014 ที่ผ่านมา การเข้าไปในน่านน้ำของ Donald Cook เป็นการฝ่าฝืน Montreux Convention ด้านประเภทและระยะเวลา

    รัสเซียไม่ได้ใช้อาวุธขับไล่ Donald Cook เพียงแต่ส่งเครื่องบินรบที่ติดตั้งระบบเรียกว่า Sukhoi 24 หรือ Su-24 ไปบินวนรอบเรือรบDonald Cook ซึ่งจับสัญญาณเครื่องบินรบรัสเซียได้ เครื่องเตือนภัยของเรือรบทำการ แจ้ง แต่หลังจากนั้นแป๊บเดียว ระบบอิเลคทรอนิคทั้งปวงของ Donald Cook ก็ล่ม จอดับมืด ว่างสะอาดเกลี้ยงเกลา และไม่สามารถทำการกู้ระบบได้อีกเลย

    ระหว่างนั้นเครื่องบินรบที่ติดระบบ Su-24 ของรัสเซีย ก็บินวนเหนือดาดฟ้า Donald Cook 12 รอบ ก่อนบินจากไป

    เมื่อรู้ตัวว่าถูกลูบคมจนไม่เหลือ Donald Cook ก็รีบแล่นเข้าไปจอดเทียบท่าที่โรมาเนีย รายงานข่าวบอกว่า หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ประจำการ 27 คนของ Donald Cook ก็ ยื่นใบลาออก และไม่มีการแถลงข่าวใดๆจากฝั่งอเมริกา ส่วนทางรัสเซียออกข่าวเพียงว่า เรายังไม่ได้ใช้อาวุธอะไรเลยนะ เพียงแค่ใช้ระบบคลื่นวิทยุทำลายการทำงานของระบบอเมริกันที่ว่าเยี่ยมสุดแค่ นั้นเอง….. และระบบที่ว่านี้ของอเมริกา เขาว่ากองเรือทั้งหมดของ NATO จะติดตั้ง เพื่อใช้ในการต่อสู้กับรัสเซีย หากรัสเซียบุกยูเครน…

    สรุปว่า ด้านอาวุธยุทธโธปกรณ์นั้น ยังตัดสินไม่ขาดว่า ฝ่ายใดจะนำหน้าใคร เพราะมีทั้งเรื่องนิวเคลียร์ hardware และ software ที่ต่างก็ซุ่มพัฒนา แต่ถ้าจีนสามารถสร้างระบบ software ที่สยบระบบที่ใช้กับอาวุธของอเมริกาได้หมด หรือเกือบหมด หนทางชนะสงครามชิงโลกของอเมริกา คงแทบไม่มีได้เห็นเลย !

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    5 ธค. 2557
    แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 11 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3” ตอนที่ 11 เรื่องต่อมา คือเรื่องกำลังอาวุธของทั้ง 2 ฝ่าย อเมริกา ทำการบ้านมากมาย เพื่อให้รู้แน่ถึงศักยภาพของฝั่งรัสเซีย ไอ้พวกถังความคิดต่างๆ ทำงานเสียหน้ามืด แต่ขอทีเถิดนะ ที่หลังอย่าลอกการบ้านกัน หลอกเอาเงินสปอนเซอร์แบบนี้ คนอ่านแก่ๆ อย่างผม อ่านแล้วเสียอารมณ์ เห็นหน้าปกเป็นถังใหม่ ข้างในลอกกันเพียบ อย่างนี้มันน่าจะเป็นถังขยะ มากกว่าถังความคิด ต่อครับ อเมริกาคิดว่าตัวต่อตัว ระหว่างอเมริกากับรัสเซีย อเมริกาล้มรัสเซียได้ แต่พรรคพวกของรัสเซียนะซิ โดยเฉพาะจีนและอิหร่าน มีของจริงมากน้อยน่ากลัวแค่ไหน อเมริกาประเมินเรื่องกำลังอาวุธของจีนต่ำตลอด ถึงขนาดในการประชุมที่ Shangrila Dialogue ที่ เน้นเรื่องความมั่นคงของประเทศ ที่จัดเป็นประจำทุกปีที่สิงคโปร์ อเมริกาเคยปรามาสจีนอย่างไร้มรรยาท จนจีนไม่เข้าร่วมอยู่พักหนึ่ง ตอนนี้ก็ไม่แน่ว่าอเมริการู้จริงถึงศักยภาพอาวุธของจีน เพราะจีนปิดเงียบ ไม่มีการโม้ ไม่มีการโชว์ แต่ที่อเมริกาให้เวลาในการวิเคราะห์มากมายอีกประเทศหนึ่ง คือ อิหร่าน เพราะอเมริกาคิดว่า อาวุธที่ทรงอานุภาพที่สุด และเป็นตัวตัดสินคือ อาวุธนิวเคลียร์ และอเมริกาคิดว่า อิหร่านพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์มานานแล้ว อเมริกาถึงกับชักใย ให้สหประชาชาติใช้มาตรการคว่ำบาตรกับอิหร่าน อิหร่านพัฒนานิวเคลียร์จริงหรือไม่ อิหร่านบอกว่าไม่ได้ทำ แต่ถ้าเรื่องนี้กลับตาลปัตร พูดได้คำเดียวว่า “แหลก” ฝ่ายไหนแหลก ก็ลองประเมินกันเองบ้างครับ กรณีอิหร่าน ทำให้พอมองเห็นแนวคิดของอเมริกาเกี่ยวกับเรื่องอาวุธ เมื่ออเมริกาคิดว่านิวเคลียร์คืออาวุธที่ทรงอานุภาพที่สุด และเป็นตัวตัดสิน อเมริกาจึงเน้นการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และบรรดาที่เป็น hardware เป็น ส่วนมาก เช่น เรือรบ เรือบรรทุกเครื่องบิน รถถัง เครื่องบิน ฯลฯ เพื่อสร้างความคล่องตัวในการเคลื่อนไหว เคลื่อนที่ ล๊อกเป้า เป็นต้น สิ่งที่น่าสนใจ และอเมริกาอาจจะไม่ให้ความสนใจพอในตอนแรก คือจีน เป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าในเรื่องการพัฒนาระบบไอทีอย่าง มาก อาวุธที่จีนพัฒนามาใช้ อาจไม่ใช่ในรูปแบบ hardware ทั้งหมด แต่เป็นรูปแบบไอที software ถ้าจีนพัฒนา software ที่สามารถสยบอาวุธหลากหลายของอเมริกาได้ สงครามครั้งนี้คงมีการสู้รบ รูปแบบต่างกับสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 อย่างแน่นอน และ มีความเป็นไปได้สูงมาก อย่าลืมว่าทางฝั่งของรัสเซีย นอกจากจีนแล้ว ยังมีอินเดียที่เป็นกูรูอีกรายในด้านไอที และถ้าฝั่งนี้เขาแชร์เทคโนโลยี่กัน คงเป็นเรื่องน่าสนใจมาก และน่าคิดและน่ากังวลมากสำหรับอเมริกา ตัวอย่างที่ทำให้น่าคิดว่า เรื่องความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี software ทางฝั่งรัสเซียและจีน ไม่ใช่เรื่องเกินจินตนาการคือ ข่าวเกี่ยวกับระบบ Sukhoi 24 หรือ Su-24 ของรัสเซียที่สยบเรือรบสัญชาติอเมริกาขื่อ USS Donald Cook เมื่อกลางปีนี้ ที่มีข่าวจาก Veterans Today เมื่อวันที่ 13 พฤศจิกายน 2014 ว่า เรือรบสัญชาติอเมริกันชื่อ “USS Donald Cook” ซึ่งติดตั้งระบบ“Aegis” ที่ เป็นระบบที่ไฮเทคที่สุดของอเมริกา ที่สามารถใช้ทำการโจมตีและต่อสู้จรวดทางอากาศ ได้ไปลอยลำโชว์ตัวพร้อมจรวดโทมาฮอค เย้ยรัสเซียที่แถบทะเลดำเมื่อวันที่ 10 เมษายน ค.ศ.2014 ที่ผ่านมา การเข้าไปในน่านน้ำของ Donald Cook เป็นการฝ่าฝืน Montreux Convention ด้านประเภทและระยะเวลา รัสเซียไม่ได้ใช้อาวุธขับไล่ Donald Cook เพียงแต่ส่งเครื่องบินรบที่ติดตั้งระบบเรียกว่า Sukhoi 24 หรือ Su-24 ไปบินวนรอบเรือรบDonald Cook ซึ่งจับสัญญาณเครื่องบินรบรัสเซียได้ เครื่องเตือนภัยของเรือรบทำการ แจ้ง แต่หลังจากนั้นแป๊บเดียว ระบบอิเลคทรอนิคทั้งปวงของ Donald Cook ก็ล่ม จอดับมืด ว่างสะอาดเกลี้ยงเกลา และไม่สามารถทำการกู้ระบบได้อีกเลย ระหว่างนั้นเครื่องบินรบที่ติดระบบ Su-24 ของรัสเซีย ก็บินวนเหนือดาดฟ้า Donald Cook 12 รอบ ก่อนบินจากไป เมื่อรู้ตัวว่าถูกลูบคมจนไม่เหลือ Donald Cook ก็รีบแล่นเข้าไปจอดเทียบท่าที่โรมาเนีย รายงานข่าวบอกว่า หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่ประจำการ 27 คนของ Donald Cook ก็ ยื่นใบลาออก และไม่มีการแถลงข่าวใดๆจากฝั่งอเมริกา ส่วนทางรัสเซียออกข่าวเพียงว่า เรายังไม่ได้ใช้อาวุธอะไรเลยนะ เพียงแค่ใช้ระบบคลื่นวิทยุทำลายการทำงานของระบบอเมริกันที่ว่าเยี่ยมสุดแค่ นั้นเอง….. และระบบที่ว่านี้ของอเมริกา เขาว่ากองเรือทั้งหมดของ NATO จะติดตั้ง เพื่อใช้ในการต่อสู้กับรัสเซีย หากรัสเซียบุกยูเครน… สรุปว่า ด้านอาวุธยุทธโธปกรณ์นั้น ยังตัดสินไม่ขาดว่า ฝ่ายใดจะนำหน้าใคร เพราะมีทั้งเรื่องนิวเคลียร์ hardware และ software ที่ต่างก็ซุ่มพัฒนา แต่ถ้าจีนสามารถสร้างระบบ software ที่สยบระบบที่ใช้กับอาวุธของอเมริกาได้หมด หรือเกือบหมด หนทางชนะสงครามชิงโลกของอเมริกา คงแทบไม่มีได้เห็นเลย ! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 5 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • มิ่งขวัญ แจงเหตุลาออก พปชร. ยันไร้ขัดแย้ง แต่ขอแสดงเจตนารมณ์ทำงานเพื่อชาติและประชาชน
    https://www.thai-tai.tv/news/21891/
    .
    #ไทยไท #มิ่งขวัญแสงสุวรรณ์ #ลาออกพปชร #ปัญหาเศรษฐกิจ #ทำงานเพื่อชาติ #การเมือง

    มิ่งขวัญ แจงเหตุลาออก พปชร. ยันไร้ขัดแย้ง แต่ขอแสดงเจตนารมณ์ทำงานเพื่อชาติและประชาชน https://www.thai-tai.tv/news/21891/ . #ไทยไท #มิ่งขวัญแสงสุวรรณ์ #ลาออกพปชร #ปัญหาเศรษฐกิจ #ทำงานเพื่อชาติ #การเมือง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 35 มุมมอง 0 รีวิว
  • แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 8
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3”
    ตอนที่ 8

    ในการทำสงคราม สิ่งสำคัญที่จะตัดสินแพ้ชนะกันคือ ยุทธศาสตร์ของแต่ละฝ่าย ซึ่งเราคงไม่สามารถจะไปรู้ได้ แต่ในการวางยุทธศาสตร์ มันก็คล้ายกับการเขียนบทละครและกำกับการแสดง ซึ่งจะต้องคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ ยวข้อง เช่น ความสามารถของตัวละคร ฉากประกอบ งบประมาณ และองค์ประกอบอื่นๆ ที่จะเอามาใช้ในการแสดงว่า ปัจจัยที่มีอยู่เหมาะสมกับการวางยุทธศาสตร์นั้นๆแค่ไหน ยุทธศาสตร์จะดีเลิศอย่างไร แต่ถ้าปัจจัยมันไม่เอื้อ มันก็ไม่แน่ว่าจะชนะใส หรืออาจจะชนะ แต่แบบหืดขึ้นคอก็เป็นได้

    สำหรับคู่ชิงสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่เปิดหน้าเปิดตัวกันชัดเจนแล้วคือ อเมริกากับพวกฝ่ายหนึ่งและ รัสเซียกับพวก อีกฝ่ายหนึ่ง

    แม้เราจะไม่รู้ยุทธศาสตร์ หรือรู้ว่าบทละครชิงโลกของแต่ละฝ่าย ว่าจะเดินกันอย่างไร แต่มันก็พอมีหลายปัจจัยของแต่ละฝ่าย ที่เป็นส่วนสำคัญที่ฝ่ายวางยุทธศาสตร์เขาก็ต้องนำมาพิจารณา และเราก็น่าจะพอตามดูและประเมินได้ระดับหนึ่ง คือ

    – พันธมิตร
    – สภาพเศรษฐกิจ
    – กำลังอาวุธยุโธปกรณ์ ทั้งด้าน hardware และ software
    – กำลังพล ทั้งในระบบ และนอกระบบ

    สำหรับปัจจัยเกี่ยวกับพันธมิตร ตั้งแต่กลางปีเป็นต้นมา การแบ่งค่าย แบ่งข้าง โดยความสมัครใจ หรือโดยการหักแขนล๊อกคอก็ตาม ต่างทำกันอย่างชัดเจน แทบไม่เหลือให้เดามาก แต่ละฝายคงคาดการณ์รู้กันเองแล้วว่า เวลาออกโรงแสดงฉากใหญ่ น่าจะใกล้เข้ามาทุกที ถึงมีการแจกบทให้แสดงกันอย่างเปิดเผย

    ดูตัวอย่างเล็กๆน้อยๆจากการ ประชุม APEC เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 ที่แดนมังกร และการประชุม G20 ที่แดนจิงโจ้ ในกลางเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 นี่ก็แล้วกันเป็นการแสดงที่เห็นชัด ถึงการแบ่งพวกของ คู่ชิงศึกสงครามโลกชัดเจนดี
    ที่แดนมังกร ตัวละครเอก ผู้นำของแต่ละฝ่าย นายโอบามาและนายปูติน มีการเผชิญหน้ากันจังๆ แต่สื่อรายงานว่า นายโอบามา พยายามเลี่ยงนายปูตินอย่างเห็นชัด เลี่ยงทำไม ทำให้มองไม่เห็นความองอาจผ่าเผยของผู้นำฝ่ายอเมริกา แถมหน้าตาท่าทางของท่านผู้นำอเมริกา ก็เหมือนคนไปกินยาผิดมา ทั้งหมอง ทั้งหม่น ราศรีพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก ไม่รู้หล่นไปไหนหมด

    ส่วนนายปูตินเดินอาดๆมาเข้าฉาก หลังจากแสดงบทสุภาพบุรุษคลุมไหล่คุณนายสีแล้ว ก็โดดมาเล่นบทตบไหล่ฝ่ายตรงข้าม เหมือนเป็นการทักทาย หรือท้าทาย ไม่แน่ใจ แต่นายโอบามาดันเอียงหลบ ยกแรกแสดงแบบนี้ นายปูตินก็น่าจะได้คะแนนนำ ส่วนนายโอบามา ถ้าพวกพันธมิตรลูกหาบ เห็นทั้ง โหงวเฮ้งและการแสดงเปิดตัวของลูกพี่แล้ว อาจเหนื่อยใจ แทน แทบไม่อยากไปเข้าฉากรบด้วย

    ส่วนมังกรเจ้าถิ่น ทำตัวเป็นเจ้าภาพที่ดูเหมือนกำลังดี แต่ตอนท้ายก็เปิดไต๋ แสดงตัวว่าเป็นคนรักเพื่อนแบบไม่กลัวถูกนินทา เวลาถ่ายรูปหมู่ จัดให้นายโอบามาไปยืนเสียไกลเกือบตกเฟรม ส่วนนายปูตินเอามายืนทำหน้าหล่ออยู่ติดกับเจ้าภาพ ให้มันรู้กันว่า คู่นี้เขารักจริง ไม่ทิ้งกันยามยาก

    ส่วนที่แดนจิงโจ้ ก็ตรงกันข้าม ทีใครทีมัน กลุ่มเจ้าภาพไม่เล่นบทลำเอียงเหมือนที่แดนมังกร มันไม่ถึงใจ แต่หยิบเอาบทผู้ดีรุมตีแขก (แถวบ้านผมเขาเรียกหมาหมู่ครับ) มา รับรองนายปูติน ไล่มาตั้งแต่เจ้าภาพ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แต่เยี่ยมสุดน่าจะได้รางวัลจากอเมริกา คือนายกรัฐมนตรีแคนาดาที่บอกว่า ผมคงต้องจับมือกับคุณกระมัง ปูติน แต่จะให้ดีรัสเซียควรจะออกไปจากไปUkraine ได้แล้ว กลุ่ม Anglo Saxon ช่วยกันแจกคำด่ารัสเซียเป็นของชำร่วย เป็นการต้อน มากกว่ารับนายปูติน

    ขนาดสื่อเรียกการประชุมนี้ว่า G20-1 เหมือนไม่เห็นหัวรัสเซียว่าเป็นสมาชิกด้วย

    นายปูตินก็ใช่เล่นที่ไหน ไม่ไปเข้าประชุมตัวเปล่า หอบเอาเรือรบบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ไปด้วย 4 ลำ อ้างว่า มีข่าวกรองมา ว่าจะมีการต้อนรับจัดเต็มแบบพิเศษจากใครก็ไม่รู้ จริงไม่จริงไม่รู้ แต่เรื่องแบบนี้ประมาทไม่ได้ เอาชื่อไปทิ้งแถวแดนจิงโจ้คงไม่เท่ห์นัก ยังไม่ได้เริ่มเล่นบทพระเอกในสงครามชิงโลกกันเลย

    แต่ดูๆไปแล้ว เหมือนนายปูตินตั้งใจยียวน ก๊วน อเมริกากับพวกมากกว่า นายปูตินน่าจะกำลังส่งสัญญาณว่า ไม่ใช่แค่พร้อมสู้กับการรุมกินโต๊ะของอเมริกาและพวกเท่านั้นนะ เข้าใจไหม…!? มันเป็นการยกระดับการส่งสัญญาณของรัสเซีย !

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    3 ธค. 2557
    แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3 ตอนที่ 8 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “แกะรอยสงครามโลกครั้งที่ 3” ตอนที่ 8 ในการทำสงคราม สิ่งสำคัญที่จะตัดสินแพ้ชนะกันคือ ยุทธศาสตร์ของแต่ละฝ่าย ซึ่งเราคงไม่สามารถจะไปรู้ได้ แต่ในการวางยุทธศาสตร์ มันก็คล้ายกับการเขียนบทละครและกำกับการแสดง ซึ่งจะต้องคำนึงถึงปัจจัยที่เกี่ ยวข้อง เช่น ความสามารถของตัวละคร ฉากประกอบ งบประมาณ และองค์ประกอบอื่นๆ ที่จะเอามาใช้ในการแสดงว่า ปัจจัยที่มีอยู่เหมาะสมกับการวางยุทธศาสตร์นั้นๆแค่ไหน ยุทธศาสตร์จะดีเลิศอย่างไร แต่ถ้าปัจจัยมันไม่เอื้อ มันก็ไม่แน่ว่าจะชนะใส หรืออาจจะชนะ แต่แบบหืดขึ้นคอก็เป็นได้ สำหรับคู่ชิงสงครามโลกครั้งที่ 3 ที่เปิดหน้าเปิดตัวกันชัดเจนแล้วคือ อเมริกากับพวกฝ่ายหนึ่งและ รัสเซียกับพวก อีกฝ่ายหนึ่ง แม้เราจะไม่รู้ยุทธศาสตร์ หรือรู้ว่าบทละครชิงโลกของแต่ละฝ่าย ว่าจะเดินกันอย่างไร แต่มันก็พอมีหลายปัจจัยของแต่ละฝ่าย ที่เป็นส่วนสำคัญที่ฝ่ายวางยุทธศาสตร์เขาก็ต้องนำมาพิจารณา และเราก็น่าจะพอตามดูและประเมินได้ระดับหนึ่ง คือ – พันธมิตร – สภาพเศรษฐกิจ – กำลังอาวุธยุโธปกรณ์ ทั้งด้าน hardware และ software – กำลังพล ทั้งในระบบ และนอกระบบ สำหรับปัจจัยเกี่ยวกับพันธมิตร ตั้งแต่กลางปีเป็นต้นมา การแบ่งค่าย แบ่งข้าง โดยความสมัครใจ หรือโดยการหักแขนล๊อกคอก็ตาม ต่างทำกันอย่างชัดเจน แทบไม่เหลือให้เดามาก แต่ละฝายคงคาดการณ์รู้กันเองแล้วว่า เวลาออกโรงแสดงฉากใหญ่ น่าจะใกล้เข้ามาทุกที ถึงมีการแจกบทให้แสดงกันอย่างเปิดเผย ดูตัวอย่างเล็กๆน้อยๆจากการ ประชุม APEC เมื่อต้นเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 ที่แดนมังกร และการประชุม G20 ที่แดนจิงโจ้ ในกลางเดือนพฤศจิกายน ค.ศ.2014 นี่ก็แล้วกันเป็นการแสดงที่เห็นชัด ถึงการแบ่งพวกของ คู่ชิงศึกสงครามโลกชัดเจนดี ที่แดนมังกร ตัวละครเอก ผู้นำของแต่ละฝ่าย นายโอบามาและนายปูติน มีการเผชิญหน้ากันจังๆ แต่สื่อรายงานว่า นายโอบามา พยายามเลี่ยงนายปูตินอย่างเห็นชัด เลี่ยงทำไม ทำให้มองไม่เห็นความองอาจผ่าเผยของผู้นำฝ่ายอเมริกา แถมหน้าตาท่าทางของท่านผู้นำอเมริกา ก็เหมือนคนไปกินยาผิดมา ทั้งหมอง ทั้งหม่น ราศรีพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก ไม่รู้หล่นไปไหนหมด ส่วนนายปูตินเดินอาดๆมาเข้าฉาก หลังจากแสดงบทสุภาพบุรุษคลุมไหล่คุณนายสีแล้ว ก็โดดมาเล่นบทตบไหล่ฝ่ายตรงข้าม เหมือนเป็นการทักทาย หรือท้าทาย ไม่แน่ใจ แต่นายโอบามาดันเอียงหลบ ยกแรกแสดงแบบนี้ นายปูตินก็น่าจะได้คะแนนนำ ส่วนนายโอบามา ถ้าพวกพันธมิตรลูกหาบ เห็นทั้ง โหงวเฮ้งและการแสดงเปิดตัวของลูกพี่แล้ว อาจเหนื่อยใจ แทน แทบไม่อยากไปเข้าฉากรบด้วย ส่วนมังกรเจ้าถิ่น ทำตัวเป็นเจ้าภาพที่ดูเหมือนกำลังดี แต่ตอนท้ายก็เปิดไต๋ แสดงตัวว่าเป็นคนรักเพื่อนแบบไม่กลัวถูกนินทา เวลาถ่ายรูปหมู่ จัดให้นายโอบามาไปยืนเสียไกลเกือบตกเฟรม ส่วนนายปูตินเอามายืนทำหน้าหล่ออยู่ติดกับเจ้าภาพ ให้มันรู้กันว่า คู่นี้เขารักจริง ไม่ทิ้งกันยามยาก ส่วนที่แดนจิงโจ้ ก็ตรงกันข้าม ทีใครทีมัน กลุ่มเจ้าภาพไม่เล่นบทลำเอียงเหมือนที่แดนมังกร มันไม่ถึงใจ แต่หยิบเอาบทผู้ดีรุมตีแขก (แถวบ้านผมเขาเรียกหมาหมู่ครับ) มา รับรองนายปูติน ไล่มาตั้งแต่เจ้าภาพ นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย นายกรัฐมนตรีอังกฤษ แต่เยี่ยมสุดน่าจะได้รางวัลจากอเมริกา คือนายกรัฐมนตรีแคนาดาที่บอกว่า ผมคงต้องจับมือกับคุณกระมัง ปูติน แต่จะให้ดีรัสเซียควรจะออกไปจากไปUkraine ได้แล้ว กลุ่ม Anglo Saxon ช่วยกันแจกคำด่ารัสเซียเป็นของชำร่วย เป็นการต้อน มากกว่ารับนายปูติน ขนาดสื่อเรียกการประชุมนี้ว่า G20-1 เหมือนไม่เห็นหัวรัสเซียว่าเป็นสมาชิกด้วย นายปูตินก็ใช่เล่นที่ไหน ไม่ไปเข้าประชุมตัวเปล่า หอบเอาเรือรบบรรทุกอาวุธนิวเคลียร์ไปด้วย 4 ลำ อ้างว่า มีข่าวกรองมา ว่าจะมีการต้อนรับจัดเต็มแบบพิเศษจากใครก็ไม่รู้ จริงไม่จริงไม่รู้ แต่เรื่องแบบนี้ประมาทไม่ได้ เอาชื่อไปทิ้งแถวแดนจิงโจ้คงไม่เท่ห์นัก ยังไม่ได้เริ่มเล่นบทพระเอกในสงครามชิงโลกกันเลย แต่ดูๆไปแล้ว เหมือนนายปูตินตั้งใจยียวน ก๊วน อเมริกากับพวกมากกว่า นายปูตินน่าจะกำลังส่งสัญญาณว่า ไม่ใช่แค่พร้อมสู้กับการรุมกินโต๊ะของอเมริกาและพวกเท่านั้นนะ เข้าใจไหม…!? มันเป็นการยกระดับการส่งสัญญาณของรัสเซีย ! สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 3 ธค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว

  • จัดการเขมรง่ายนิดเดียว,คว่ำบาตรทันทีเลย,เขมรยิงไทยก่อน1,เขมรคืออาชญากรรมสงครามเจตนาสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์เราชัดเจนคือปั้มน้ำมัน7/11ที่มิใช้แนวรบแนวปะทะ1,อาศัยสิ่งนี้นายกฯไทยมีสิทธิชอบธรรมบุกทำลายศัตรูแบบฮุนเซนฮุนมาเนตจับมาลงโทษทันทีที่สั่งการก่ออาชญากรรมสงครามกับไทย,ฮุนเซนและฮุนมาเนตต้องถูกทหารไทยเข้าจับกุมมาลงโทษทันทีไม่มีการเจรจาต่อรองใดๆได้อีก จนเขมรนำโดยฮุนเซยฮุนมาเนตจะสิ้นศักยภาพสิ้นสภาพเป็นภัยรุกรานประเทศไทย มิสามารถเป็นอื่นใดๆได้ กองทัพไทยต้องบุกยึดกรุงพนมเปญทันทีเพื่อจับกุมฮุนเซนและฮุนมาเนตมาลงโทษให้ได้ที่มากระทำการก่อสงครามสร้างอาชญากรรมสงครามทำร้ายทำลายประชาชนผู้บริสุทธิ์เราถือว่ามิสมควรเป็นผู้นำที่ดีต่อประเทศติดชิดกันหมายทำลายทำร้ายประเทศชิดติดกันชัดเจน,นายกฯปัจจุบันของไทยเราต้องสายฝีมือตนด้านนี้ทันทีเพื่อจบวิกฤติภัยอธิปไตยของชาติไทยมิให้ส่งต่อภัยชั่วร้ายนี้ไปถึงรุ่นๆต่อไปของประชาชนคนไทยเรา,หากทำไม่ได้ก็ออกๆไปสะให้ นายกฯคนที่ชูนโยบายกำจัดฮุนเซนฮุนมาเนตที่ก่ออาชญากรรมสงครามหมายสังหารประชาชนคนไทยเรามาทำหน้าที่กำจัดฮุนเซนฮุนมาเนตให้ชัดเจนจะดีกว่ามาก.

    ..นายกฯไทยถ้ากาก กระจอก ต้องถอยและถอนตัว ลาออกและยุบสภาออกมาเถอะ อย่าถ่วงความปลอดภัยประชาชนคนไทย อย่าถ่วงการกำจัดภัยร้ายแรงของชาติไทย อย่าถ่วงยุทธการยุทธวิถีกำจัดภัยศัตรูของชาติไทยตนเองอีกเลย,ประเทศไทยต้องเด็ดขาดในสิ่งที่เด็ดขาดเสียที,เลอะเทอะมากพอในหมู่ราชการไทยที่คตโกงและทุจริตมากพอแล้วกับนักการเมืองนี้ตลอดเรื่อยมาจนเห็นเด่นชัดเจนแล้วในปัจจุบัน,ผู้นำผู้ปกครองหรือนายกฯปัจจุบันไม่ยกเลิกmou43,44,tor46,ไม่ประกาศอย่างเป็นทางการให้ชัดเจนว่าประเทศไทยยอมรับแค่เสาปักหมุดที่ตกลงกันจบแล้วตั้งแต่สมัยร.5กับฝรั่งเศสเท่านั้นในทั้ง73เสาหลักและ1เสาย่อย รวมกับเขตสันปันน้ำด้วย,ให้mou43ที่อ้างเอา1:200,000เขตแดนนี้เพื่อลากเข้ามายึดกินพื้นที่ไทยดินแดนไทยเราเพิ่มมากขึ้นนั้น ให้mou43,44นี้ตกไปโมฆะไปทั้งหมดทันทีมิให้มีผลบังคับไทยได้ต่อไปอีก, ยกเลิกและโมฆะอัตโนมัติทั้งหมดทันทีในmou43,44,และtor46นั้นเองย้ำ,นี้นายกฯมาใหม่ต้องเจตนาชัดเจนแสดงจุดยืนแบบนี้.,นักการเมืองไทยต้องการจะมาทำงานเพื่อชาติเพื่อบ้านเพื่อเมืองเพื่อประชาชนต้องแบบนี้,นักการเมืองปัจจุบันไม่มีอุดมการณ์แบบนี้จริงแล้ว,สมควรยุบตัว เว้นวรรค พักงานทัังระบบจริงๆในเวลานี้ ล้างกระดานใหม่ทั้งหมดก่อน,นายกฯพระราชทานต้องมาก่อน และมาทำเพื่อชาติไทยเพื่อประชาชนไทยจริง มาเพื่อกำจัดศัตรูภัยคุกคามรุกรานมาก่ออาชญากรรมทางสงครามใส่ไทยเราด้วยคือสิ่งแรกที่ต้องทำ,เขมรและประชาชนเขมรตอนนี้มิอาจไว้ใจได้,เขมรในไทยทั้งหมดต้องถูกส่งไปประเทศอื่นที่มิใช่ประเทศไทยก่อน,ใครชาติใดที่เข้าข้างเขมร เห็นใจเขมร เราจะส่งคนเขมรในไทยไปให้ชาตินัันๆให้ดูแลมันคนเขมรกันเองก่อน ไทยของบาย,คนเขมรที่แอบลักลอบเข้าไทยทั้งหมดจะถูกจับกุมและติดคุกทันทีหรือถูกส่งไปอยู่เกาะใดเกาะหนึ่งคุกเกาะทันทีจนกว่าชาติที่สนับสนุนเขมรเข้าข้างเขมรจะมารับไปเลี้ยงดูจ้างเป็นแรงงานต่อไป,ไทยไม่รับหรือส่งกลับไปตายกันเองที่ประเทศเขมรมัน.,เขมร คนเขมรไว้ใจไม่ได้คือหลักพิจารณาตั้งธงไว้ก่อน,คนไทยต้องปลอดภัยก่อน.เราถูกยิงระเบิด เราตายบนแผ่นดินไทยที่เขมรยิงเราก่อนโดยอยู่นอกแนวปะทะการรบชัดเจน,เขมรมีเจตนาสังหารฆ่าคนไทยชัดเจน ฮุนเซนฮุนมาเนตต้องถูกกำจัด,แต่นายกฯไทยในปัจจุบันไม่มีท่าทีกำจัดฮุนเซนฮุนมาเนตจริงเลย,น่าผิดหวังมาก,สมควรลาออกไปหรือยุบสภาเสีย, พรรคไหนชูนโยบายไล่ล่ากำจัดอาชญากรสงครามและอาชญากรรมสงครามกับประเทศไทยคือฮุนเซนฮุนมาเนต จะเลือกทันที,รวมทั้งยกเลิกmou43,44,tor46ด้วยจะเลือกมาเป็นนายกใหม่ทันที,
    ..
    ..นายกฯปัจจุบันหรือใครเข้ามาเป็น ต้องจำใส่สมองตลอดเวลาว่า เขมรนำโดยฮุนเซนฮุนมาเนตต้องถูกจัดอย่างเดียว,ไม่สามารถมานั่งเจรจาต่อรองใดๆได้อีก,มันคือตัวภัยความมั่นคงไทย จะทำลายไทยชัดเจน.,มันสั่งยิงจรวดสั่งยิงระเบิดใส่คนไทยให้ตายจริงชัดเจน ,ประชาชนเราคือผู้บริสุทธิ์แท้ที่ใช้ชีวิตประจำวันปกตินอกแนวปะทะแนวรบ,ฮุนเซนฮุนมาเนตมิอาจหนีความผิดครั้งนี้ได้ ต้องตายสถานเดียว,รัฐบาลปัจจุบันทำไม่ได้ก็ออกไปสะ อย่าถ่วงคนทำได้ มากำจัดฮุนเซนฮุนมาเนตได้จริง อย่ามาถ่วงเวลาถ่วงสาระพัดเรื่อง,ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. นี้คือการถ่วงเวลาชัดเจน,บ้านหนองจานเอย ตราดเอย จันทบุรีเอย สระแก้วเอย ถ่วงเวลาชัดเจนที่นำโดยรัฐบาล4เดือนนี้,จะมารักษาการอีก บัดสบมาก,พอกันทีกับนักการเมืองลักษณะนี้ ชาติไทยบรรลัยนี้กับสถานการณ์ยุคอนาคตหากสมองปัญญาและความคิดตนยังปลดแอกจากอำนาจมืดฝ่ายเลวที่สั่งการตนอยู่ไม่ได้,การบริหารชาติ บริหารบ้านเมืองจะถูกครอบงำไปทางไม่ดีต่อไปอีกบนยุคสมัยใหม่ที่ไม่ทันเกมส์หมากมัน คนไทยเราเองจะซวยทั้งประเทศ ปกติสุขจะสิ้นพบเห็น,เพียงสถานการณ์แค่เขมรยังไม่มีปัญญาจัดการได้ เรามีผู้ปกครองที่กาก กระจอก ไร้ฝีมือ มือไม่ถือ ห่วยแตกมากและระยำจัญไรมานาน โดยเฉพาะไอ้สาระเลวหน้าหล่อไปทำmouเป็นสนธิสัญากับUN นี้บ่งบอกชัดเจนว่านายกฯในอดีตๆเราชั่วเลวทั้งโดยสันดานและถูกควบคุมครอบงำจากอำนาจมืดโลกสากลปกครองเราทางลับผ่านนายกฯคนไทยเรา ให้ทำสิ่งที่เลวชั่วแบบยกสัมปทานบ่อน้ำมันให้ต่างชาติให้ถูกกฎหมายไทยตนเองเพื่อหลบตาประชาชนให้ชอบธรรม ไม่ปล้นชิงอย่างเปิดเผยเหมือนในอดีต,สาระพัดกฎหมายมากมายในไทยล้วนพวกเดอะแก๊งสาระเลวนี้เขียนผ่านออกมาเพื่อกดขี่ประชาชนคนไทย,ใช้บังคับปนะชาชนคนไทยให้ต้องปฏิบัติตามที่มันออกกฎออกกติกาเงื่อนไข,ทำง่ายมาก เขียนกฎหมายง่ายมากในหมู่พวกมันไม่กี่คน,แต่พอตอนจะยกเลิก สาระพัดให้มีความยุ่งยาก,แบบmou43,44มุกเดียวกัน มันเวลาทำการเสือกไม่เอาเข้าสภา ทำกันในหมู่คณะมันเอง คณะครม.ก็ทำเอง คณะกระทรวงทบวงกรมข้าราชการต่างๆก็เขียนเองทำเองออกกฎกติกาเองไม่มีมติจะประชาชนลงมติรับรู้เห็นด้วยห่าอะไร กูเขียนกูออกกฎหมายมามรึงประชาชนต้องทำตามอย่างเดียว,นี้คือระบบเผด็จการคอมมิวนิสต์ผ่านระบบกฎหมายในระบอบอ้างว่าประชาธิปไตยบังหน้าของระบอบฝรั่งส่งออกให้เรามาใช้ระบอบห่าเหวฝรั่งนี้ปกครอง.

    ..ฝรั่งเศสแท้ๆพยายามมาตลอดทุกๆยุคสมัยเพื่อยึดประเทศไทยเรา ยึดไม่ได้ มันก็ยึดด้วยให้ไทยใช้ระบอบปกครองแบบมัน มันฝรั่งเศสที่ใช้จริง เสมือนมรึงไทยจะตกเป็นเมืองขึ้นทางอ้อมนั้นเอง,จากนั้นก็ยึดเนียนๆแบบส่งฝรั่งอื่นๆแบบฝรั่งอเมริกา ฝรั่งชาติอื่นๆมายึดปล้นชิงสมบัติทรัพยากรมีค่ามากมายของไทยไว้ รวบรวมเก็บแดกเองใส่มันพวกฝรั่งให้มากผูกขาดให้มาก แบบผูกขาดน้ำมันในไทย มันยึดผ่านกฎหมายปิโตรเลียมมันที่พาคนไทยหน้าโง่ทรยศหักหลังคนไทยด้วยกันเองพากันเขียนเองเออเอง จนยึดบ่อน้ำมันผูกขาดสัมปทานจนสิ้นทุกๆหลุดน้ำมัน,ซวยคือคนไทยซื้อน้ำมันแบบราคาอิหร่านลิตรละ1-2บาทไม่ได้จะเบนซินหรือดีเชลในอิหร่านก็ไม่เกินลิตระละ1-2บาทที่ไม่มีการผสมเอทานอลใดๆเลย,แต่ไทย ที่เอกชนไทยสารเลวบวกต่างชาติชั่วระยำบัดสบที่ปล้นชิงยึดบ่อน้ำมันไทยผ่านกฎหมายไทยที่ฝรั่งมันเองพาเขียน ทำการขายน้ำมันให้คนไทยหนักสุด 2ลิตร100บาทแบบไม่ผสมเติมเอทานอลเลย,ปัจจุบันก็ยังแดกที่ลิตรละ30บาทต่ำสุดในปัจจุบันสูงสุดเกือบ40บาทหรือ45บาทตามอารมณ์คนท้องถิ่นรับไปขายในที่ห่างไกล,
    ..วิกฤตอะไรจะเกิดขึ้น ราคาน้ำมันไทยทแดกเงียบ,ไม่ยอมลดราคาด้วย,มันพยายามขึ้นราคามาตลอด ชัดเจนเริ่มก่อนยุค40 หลังยุค40ตัวพ่อ มันพยายามขึ้นราคาน้ำมันตลอด เพื่อทำให้ราคาขนส่งขึ้นไปด้วย มุกเพื่อให้ราคาสินค้านายทุนบริษัทกิจการทุนสามานย์ปรับราคาสินค้าอ้างต้นทุนราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ค่าขนส่งโลจิสติกสูงขึ้นมันว่า ราคาข้าวของกูขอขึ้นเลยนะมันว่า ,จากนั้นล่ะ มันเริ่มรับลูกรับบทกันมาตลอด มรึงน้ำมันขึ้นสักพักนะ กูราคาข้าวของเรียกร้องขึ้รเลย แมร่งขึ้นมาตลอดจากยุค40 จนราคาค่าครองชีพค่าสินค้่บรรลัยบัดสบแพงขึ้นสูงขึ้นในปัจจุบัน,นี้คือวิธีทำลายชาติไทยจากวิถีชีวิตคนไทยในความเป็นอยู่ปัจจุบันชัดเจน บวกวิกฤติโลกยุโรปล้มอีก ชาติตะวันตกและยุโรปล่มสลายทางการเงินมากระทบเอเชียอาเชียนด้วยนั้นเองจึงเหี้ยให้เห็นจริงชัดในปัจจุบัน,และราคาน้ำมันเสือกไม่ลดราคาน้ำมันลงช่วยคนไทยภายในประเทศด้วยเพราะฝรั่งมันยึดบ่อน้ำมันไทย ,ฝรั่งในที่นี้ เหมารวมได้เลยว่าคือฝรั่งที่ปล้นแดนดินไทยในอดีตทั้งหมดล่ะ มันคือพวกเดียวกันหมดคือแยกบ้านกันเท่านั้นแต่มันเครือญาติกันหมด.,บ้านหลักไม่ปล้นชิงแย่งชิงไทยตรงๆก็อาศัยบ้านรองแบบอเมริกาหรือชาติอื่นมาปล้นแทน แต่แมร่งไปดูไส้ใน โคตรพ่อโคตรแมร่งเดอะแก็งเดียวกันหมด ปล้นชิงไทยเสร็จมันก็แอบแบ่งส่วนผลประโยชน์กำไรๆให้ๆกันไปเหมือนเดิมนั้นเอง.

    ..เขมรที่ปะทะยิงไทยให้เราตายก็ฝรั่งและชาติควายเลวระยำอยู่ร่วมในเบื้องหลังเขมรเนรคุณนี้ล่ะก็จะอยากได้ทรัพยากรมากมายบนเขตแดนที่1:200,000ที่เราเสียดินแดนถึง1:150,000นี้ล่ะ มันได้ทั้งบนบกและอ่าวไทยชัดเจน 10ล้านล้านบาทจริงๆอาจไม่ใช่ตัวเลขนี้ เขมรจึงร่วมกับฝรั่งและชาติอื่นๆสารเลวทางใต้ดินจะยึดครองแดนดินแผ่นดินไทยให้ได้ อาจมีกว่า1,000ล้านล้านบาทเลย 100ล้านล้านบาทอาจเล็กน้อยเท่านั้น.,ฝรั่งมันมีดาวเทียมสำรวจแร่ธาตุโดยเฉพาะ มันรู้หมดล่ะ แบบอเมริกาสำรวจบ่อน้ำมันเราและแร่ธาตุทั้งหมดในประเทศไทยเราสมันสงครามอินโดจีน อีสานมันสำรวจมากเป็นพิเศษเลยล่ะแต่ด้วยเทคโนโลยียังไปไม่ถึงมันจึงเว้นไว้ก่อน,แต่บ่อน้ำมันและแร่ธาตุอื่นๆมันเห็นหมดจึงรีบมายึดไทย จีนโรงงานแถวอีสานก็ผุดอย่างมากมาย,จีนนี้ก็เอาเปรียบไทยนะ,ลาวคือตย.,เวียดนามรู้ไส้รู้พุงจีนอย่างดี,ติดจีนขนาดนั้น,อดีตเราจีนแม้ผลประโยชน์มีจริงแต่สายสัมพันธ์ทางใจดีกว่ามากเมื่อเทียบปัจจุบัน ผลประโยชน์อาจมาก่อนสายสัมพันธ์ที่ดีๆกันไปแล้ว,คนจีนรุ่นปัจจุบันมันมองผลประโยชน์ต้องมาก่อน ลงทุนต้องเอากำไรคืนอย่างเดียว.,นักลงทุนจีนที่สันดานนิสัยเลวแย่ๆที่ออกมานอกประเทศจีนส่วนใหญ่จะมากและเป็นคนพวกนี้,คนดีๆจีนนิสัยดีๆออกมาลงทุนจริงนอกประเทศนั้นมาน้อย.,พวกโลภๆจีนโลภๆทั้งนั้นที่ออกมาลงทุนในประเทศไทยเรา ตย.ชัดเจน คือทัวร์ศูนย์เหรียญ โรงงานศูนย์เหรียญในไทยก็เป็นข่าวชัดเจนแล้ว,คนจีนสันดานจริงๆก็ชอบเอาเปรียบคนอื่นและเห็นแก่ตัวนี้ล่ะของจริง,ต่างจังหวัดคนในชนบทจะเห็นสันดานดิบคนจีนชัดเจนในอดีต,เพราะคนชนบทไทยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เมตตากัน แบ่งกันกินกันใช้ ไม่ติดนิสัยโลภนัก มีธรรมะค้ำชูจิตใจคนในชุมชนสังคม คนจีนที่แสดงนิสัยสันดานดิบออกมาจึงเป็นที่ผิดปกติง่ายดาย.,แต่คนจีนดีๆก็มีจริงแต่ส่วนน้อย,
    ..คนไทยเรา ผู้นำไทยเรา ถ้าเราได้คนดีมาปกครองจริงๆตั้งแต่ต้น เราจะไม่มีสถานะแบบปัจจุบันนี้,เราจะร่ำรวยทั้งทางวัตถุธาตุนิยมคู่ขนานร่ำรวยทางจิตใจดีงามด้วยพร้อมๆกันไม่ยาก,ไม่เสื่อมเช่นในปัจจุบัน ยากจนดักดานมั่นคงด้วย บวกคนได้บัตรคนจนเพิ่มมากมายนั้นเองหากลงทะเบียนเพิ่มกันจริงๆ.
    ..
    #หยุดผู้นำกากมานำพาประเทศไทย
    #หยุดผู้นำขี้ขลาดมานำพาประเทศไทย
    #หยุดผู้นำไทยใจเขมรมานำประเทศไทย
    #หยุดนายกไทยใจหมามานำประเทศไทย


    https://youtu.be/BV3HAhljI3k?si=0sIBsws9xTVKWOXv

    จัดการเขมรง่ายนิดเดียว,คว่ำบาตรทันทีเลย,เขมรยิงไทยก่อน1,เขมรคืออาชญากรรมสงครามเจตนาสังหารประชาชนผู้บริสุทธิ์เราชัดเจนคือปั้มน้ำมัน7/11ที่มิใช้แนวรบแนวปะทะ1,อาศัยสิ่งนี้นายกฯไทยมีสิทธิชอบธรรมบุกทำลายศัตรูแบบฮุนเซนฮุนมาเนตจับมาลงโทษทันทีที่สั่งการก่ออาชญากรรมสงครามกับไทย,ฮุนเซนและฮุนมาเนตต้องถูกทหารไทยเข้าจับกุมมาลงโทษทันทีไม่มีการเจรจาต่อรองใดๆได้อีก จนเขมรนำโดยฮุนเซยฮุนมาเนตจะสิ้นศักยภาพสิ้นสภาพเป็นภัยรุกรานประเทศไทย มิสามารถเป็นอื่นใดๆได้ กองทัพไทยต้องบุกยึดกรุงพนมเปญทันทีเพื่อจับกุมฮุนเซนและฮุนมาเนตมาลงโทษให้ได้ที่มากระทำการก่อสงครามสร้างอาชญากรรมสงครามทำร้ายทำลายประชาชนผู้บริสุทธิ์เราถือว่ามิสมควรเป็นผู้นำที่ดีต่อประเทศติดชิดกันหมายทำลายทำร้ายประเทศชิดติดกันชัดเจน,นายกฯปัจจุบันของไทยเราต้องสายฝีมือตนด้านนี้ทันทีเพื่อจบวิกฤติภัยอธิปไตยของชาติไทยมิให้ส่งต่อภัยชั่วร้ายนี้ไปถึงรุ่นๆต่อไปของประชาชนคนไทยเรา,หากทำไม่ได้ก็ออกๆไปสะให้ นายกฯคนที่ชูนโยบายกำจัดฮุนเซนฮุนมาเนตที่ก่ออาชญากรรมสงครามหมายสังหารประชาชนคนไทยเรามาทำหน้าที่กำจัดฮุนเซนฮุนมาเนตให้ชัดเจนจะดีกว่ามาก. ..นายกฯไทยถ้ากาก กระจอก ต้องถอยและถอนตัว ลาออกและยุบสภาออกมาเถอะ อย่าถ่วงความปลอดภัยประชาชนคนไทย อย่าถ่วงการกำจัดภัยร้ายแรงของชาติไทย อย่าถ่วงยุทธการยุทธวิถีกำจัดภัยศัตรูของชาติไทยตนเองอีกเลย,ประเทศไทยต้องเด็ดขาดในสิ่งที่เด็ดขาดเสียที,เลอะเทอะมากพอในหมู่ราชการไทยที่คตโกงและทุจริตมากพอแล้วกับนักการเมืองนี้ตลอดเรื่อยมาจนเห็นเด่นชัดเจนแล้วในปัจจุบัน,ผู้นำผู้ปกครองหรือนายกฯปัจจุบันไม่ยกเลิกmou43,44,tor46,ไม่ประกาศอย่างเป็นทางการให้ชัดเจนว่าประเทศไทยยอมรับแค่เสาปักหมุดที่ตกลงกันจบแล้วตั้งแต่สมัยร.5กับฝรั่งเศสเท่านั้นในทั้ง73เสาหลักและ1เสาย่อย รวมกับเขตสันปันน้ำด้วย,ให้mou43ที่อ้างเอา1:200,000เขตแดนนี้เพื่อลากเข้ามายึดกินพื้นที่ไทยดินแดนไทยเราเพิ่มมากขึ้นนั้น ให้mou43,44นี้ตกไปโมฆะไปทั้งหมดทันทีมิให้มีผลบังคับไทยได้ต่อไปอีก, ยกเลิกและโมฆะอัตโนมัติทั้งหมดทันทีในmou43,44,และtor46นั้นเองย้ำ,นี้นายกฯมาใหม่ต้องเจตนาชัดเจนแสดงจุดยืนแบบนี้.,นักการเมืองไทยต้องการจะมาทำงานเพื่อชาติเพื่อบ้านเพื่อเมืองเพื่อประชาชนต้องแบบนี้,นักการเมืองปัจจุบันไม่มีอุดมการณ์แบบนี้จริงแล้ว,สมควรยุบตัว เว้นวรรค พักงานทัังระบบจริงๆในเวลานี้ ล้างกระดานใหม่ทั้งหมดก่อน,นายกฯพระราชทานต้องมาก่อน และมาทำเพื่อชาติไทยเพื่อประชาชนไทยจริง มาเพื่อกำจัดศัตรูภัยคุกคามรุกรานมาก่ออาชญากรรมทางสงครามใส่ไทยเราด้วยคือสิ่งแรกที่ต้องทำ,เขมรและประชาชนเขมรตอนนี้มิอาจไว้ใจได้,เขมรในไทยทั้งหมดต้องถูกส่งไปประเทศอื่นที่มิใช่ประเทศไทยก่อน,ใครชาติใดที่เข้าข้างเขมร เห็นใจเขมร เราจะส่งคนเขมรในไทยไปให้ชาตินัันๆให้ดูแลมันคนเขมรกันเองก่อน ไทยของบาย,คนเขมรที่แอบลักลอบเข้าไทยทั้งหมดจะถูกจับกุมและติดคุกทันทีหรือถูกส่งไปอยู่เกาะใดเกาะหนึ่งคุกเกาะทันทีจนกว่าชาติที่สนับสนุนเขมรเข้าข้างเขมรจะมารับไปเลี้ยงดูจ้างเป็นแรงงานต่อไป,ไทยไม่รับหรือส่งกลับไปตายกันเองที่ประเทศเขมรมัน.,เขมร คนเขมรไว้ใจไม่ได้คือหลักพิจารณาตั้งธงไว้ก่อน,คนไทยต้องปลอดภัยก่อน.เราถูกยิงระเบิด เราตายบนแผ่นดินไทยที่เขมรยิงเราก่อนโดยอยู่นอกแนวปะทะการรบชัดเจน,เขมรมีเจตนาสังหารฆ่าคนไทยชัดเจน ฮุนเซนฮุนมาเนตต้องถูกกำจัด,แต่นายกฯไทยในปัจจุบันไม่มีท่าทีกำจัดฮุนเซนฮุนมาเนตจริงเลย,น่าผิดหวังมาก,สมควรลาออกไปหรือยุบสภาเสีย, พรรคไหนชูนโยบายไล่ล่ากำจัดอาชญากรสงครามและอาชญากรรมสงครามกับประเทศไทยคือฮุนเซนฮุนมาเนต จะเลือกทันที,รวมทั้งยกเลิกmou43,44,tor46ด้วยจะเลือกมาเป็นนายกใหม่ทันที, .. ..นายกฯปัจจุบันหรือใครเข้ามาเป็น ต้องจำใส่สมองตลอดเวลาว่า เขมรนำโดยฮุนเซนฮุนมาเนตต้องถูกจัดอย่างเดียว,ไม่สามารถมานั่งเจรจาต่อรองใดๆได้อีก,มันคือตัวภัยความมั่นคงไทย จะทำลายไทยชัดเจน.,มันสั่งยิงจรวดสั่งยิงระเบิดใส่คนไทยให้ตายจริงชัดเจน ,ประชาชนเราคือผู้บริสุทธิ์แท้ที่ใช้ชีวิตประจำวันปกตินอกแนวปะทะแนวรบ,ฮุนเซนฮุนมาเนตมิอาจหนีความผิดครั้งนี้ได้ ต้องตายสถานเดียว,รัฐบาลปัจจุบันทำไม่ได้ก็ออกไปสะ อย่าถ่วงคนทำได้ มากำจัดฮุนเซนฮุนมาเนตได้จริง อย่ามาถ่วงเวลาถ่วงสาระพัดเรื่อง,ก.ค. ส.ค. ก.ย. ต.ค. นี้คือการถ่วงเวลาชัดเจน,บ้านหนองจานเอย ตราดเอย จันทบุรีเอย สระแก้วเอย ถ่วงเวลาชัดเจนที่นำโดยรัฐบาล4เดือนนี้,จะมารักษาการอีก บัดสบมาก,พอกันทีกับนักการเมืองลักษณะนี้ ชาติไทยบรรลัยนี้กับสถานการณ์ยุคอนาคตหากสมองปัญญาและความคิดตนยังปลดแอกจากอำนาจมืดฝ่ายเลวที่สั่งการตนอยู่ไม่ได้,การบริหารชาติ บริหารบ้านเมืองจะถูกครอบงำไปทางไม่ดีต่อไปอีกบนยุคสมัยใหม่ที่ไม่ทันเกมส์หมากมัน คนไทยเราเองจะซวยทั้งประเทศ ปกติสุขจะสิ้นพบเห็น,เพียงสถานการณ์แค่เขมรยังไม่มีปัญญาจัดการได้ เรามีผู้ปกครองที่กาก กระจอก ไร้ฝีมือ มือไม่ถือ ห่วยแตกมากและระยำจัญไรมานาน โดยเฉพาะไอ้สาระเลวหน้าหล่อไปทำmouเป็นสนธิสัญากับUN นี้บ่งบอกชัดเจนว่านายกฯในอดีตๆเราชั่วเลวทั้งโดยสันดานและถูกควบคุมครอบงำจากอำนาจมืดโลกสากลปกครองเราทางลับผ่านนายกฯคนไทยเรา ให้ทำสิ่งที่เลวชั่วแบบยกสัมปทานบ่อน้ำมันให้ต่างชาติให้ถูกกฎหมายไทยตนเองเพื่อหลบตาประชาชนให้ชอบธรรม ไม่ปล้นชิงอย่างเปิดเผยเหมือนในอดีต,สาระพัดกฎหมายมากมายในไทยล้วนพวกเดอะแก๊งสาระเลวนี้เขียนผ่านออกมาเพื่อกดขี่ประชาชนคนไทย,ใช้บังคับปนะชาชนคนไทยให้ต้องปฏิบัติตามที่มันออกกฎออกกติกาเงื่อนไข,ทำง่ายมาก เขียนกฎหมายง่ายมากในหมู่พวกมันไม่กี่คน,แต่พอตอนจะยกเลิก สาระพัดให้มีความยุ่งยาก,แบบmou43,44มุกเดียวกัน มันเวลาทำการเสือกไม่เอาเข้าสภา ทำกันในหมู่คณะมันเอง คณะครม.ก็ทำเอง คณะกระทรวงทบวงกรมข้าราชการต่างๆก็เขียนเองทำเองออกกฎกติกาเองไม่มีมติจะประชาชนลงมติรับรู้เห็นด้วยห่าอะไร กูเขียนกูออกกฎหมายมามรึงประชาชนต้องทำตามอย่างเดียว,นี้คือระบบเผด็จการคอมมิวนิสต์ผ่านระบบกฎหมายในระบอบอ้างว่าประชาธิปไตยบังหน้าของระบอบฝรั่งส่งออกให้เรามาใช้ระบอบห่าเหวฝรั่งนี้ปกครอง. ..ฝรั่งเศสแท้ๆพยายามมาตลอดทุกๆยุคสมัยเพื่อยึดประเทศไทยเรา ยึดไม่ได้ มันก็ยึดด้วยให้ไทยใช้ระบอบปกครองแบบมัน มันฝรั่งเศสที่ใช้จริง เสมือนมรึงไทยจะตกเป็นเมืองขึ้นทางอ้อมนั้นเอง,จากนั้นก็ยึดเนียนๆแบบส่งฝรั่งอื่นๆแบบฝรั่งอเมริกา ฝรั่งชาติอื่นๆมายึดปล้นชิงสมบัติทรัพยากรมีค่ามากมายของไทยไว้ รวบรวมเก็บแดกเองใส่มันพวกฝรั่งให้มากผูกขาดให้มาก แบบผูกขาดน้ำมันในไทย มันยึดผ่านกฎหมายปิโตรเลียมมันที่พาคนไทยหน้าโง่ทรยศหักหลังคนไทยด้วยกันเองพากันเขียนเองเออเอง จนยึดบ่อน้ำมันผูกขาดสัมปทานจนสิ้นทุกๆหลุดน้ำมัน,ซวยคือคนไทยซื้อน้ำมันแบบราคาอิหร่านลิตรละ1-2บาทไม่ได้จะเบนซินหรือดีเชลในอิหร่านก็ไม่เกินลิตระละ1-2บาทที่ไม่มีการผสมเอทานอลใดๆเลย,แต่ไทย ที่เอกชนไทยสารเลวบวกต่างชาติชั่วระยำบัดสบที่ปล้นชิงยึดบ่อน้ำมันไทยผ่านกฎหมายไทยที่ฝรั่งมันเองพาเขียน ทำการขายน้ำมันให้คนไทยหนักสุด 2ลิตร100บาทแบบไม่ผสมเติมเอทานอลเลย,ปัจจุบันก็ยังแดกที่ลิตรละ30บาทต่ำสุดในปัจจุบันสูงสุดเกือบ40บาทหรือ45บาทตามอารมณ์คนท้องถิ่นรับไปขายในที่ห่างไกล, ..วิกฤตอะไรจะเกิดขึ้น ราคาน้ำมันไทยทแดกเงียบ,ไม่ยอมลดราคาด้วย,มันพยายามขึ้นราคามาตลอด ชัดเจนเริ่มก่อนยุค40 หลังยุค40ตัวพ่อ มันพยายามขึ้นราคาน้ำมันตลอด เพื่อทำให้ราคาขนส่งขึ้นไปด้วย มุกเพื่อให้ราคาสินค้านายทุนบริษัทกิจการทุนสามานย์ปรับราคาสินค้าอ้างต้นทุนราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ค่าขนส่งโลจิสติกสูงขึ้นมันว่า ราคาข้าวของกูขอขึ้นเลยนะมันว่า ,จากนั้นล่ะ มันเริ่มรับลูกรับบทกันมาตลอด มรึงน้ำมันขึ้นสักพักนะ กูราคาข้าวของเรียกร้องขึ้รเลย แมร่งขึ้นมาตลอดจากยุค40 จนราคาค่าครองชีพค่าสินค้่บรรลัยบัดสบแพงขึ้นสูงขึ้นในปัจจุบัน,นี้คือวิธีทำลายชาติไทยจากวิถีชีวิตคนไทยในความเป็นอยู่ปัจจุบันชัดเจน บวกวิกฤติโลกยุโรปล้มอีก ชาติตะวันตกและยุโรปล่มสลายทางการเงินมากระทบเอเชียอาเชียนด้วยนั้นเองจึงเหี้ยให้เห็นจริงชัดในปัจจุบัน,และราคาน้ำมันเสือกไม่ลดราคาน้ำมันลงช่วยคนไทยภายในประเทศด้วยเพราะฝรั่งมันยึดบ่อน้ำมันไทย ,ฝรั่งในที่นี้ เหมารวมได้เลยว่าคือฝรั่งที่ปล้นแดนดินไทยในอดีตทั้งหมดล่ะ มันคือพวกเดียวกันหมดคือแยกบ้านกันเท่านั้นแต่มันเครือญาติกันหมด.,บ้านหลักไม่ปล้นชิงแย่งชิงไทยตรงๆก็อาศัยบ้านรองแบบอเมริกาหรือชาติอื่นมาปล้นแทน แต่แมร่งไปดูไส้ใน โคตรพ่อโคตรแมร่งเดอะแก็งเดียวกันหมด ปล้นชิงไทยเสร็จมันก็แอบแบ่งส่วนผลประโยชน์กำไรๆให้ๆกันไปเหมือนเดิมนั้นเอง. ..เขมรที่ปะทะยิงไทยให้เราตายก็ฝรั่งและชาติควายเลวระยำอยู่ร่วมในเบื้องหลังเขมรเนรคุณนี้ล่ะก็จะอยากได้ทรัพยากรมากมายบนเขตแดนที่1:200,000ที่เราเสียดินแดนถึง1:150,000นี้ล่ะ มันได้ทั้งบนบกและอ่าวไทยชัดเจน 10ล้านล้านบาทจริงๆอาจไม่ใช่ตัวเลขนี้ เขมรจึงร่วมกับฝรั่งและชาติอื่นๆสารเลวทางใต้ดินจะยึดครองแดนดินแผ่นดินไทยให้ได้ อาจมีกว่า1,000ล้านล้านบาทเลย 100ล้านล้านบาทอาจเล็กน้อยเท่านั้น.,ฝรั่งมันมีดาวเทียมสำรวจแร่ธาตุโดยเฉพาะ มันรู้หมดล่ะ แบบอเมริกาสำรวจบ่อน้ำมันเราและแร่ธาตุทั้งหมดในประเทศไทยเราสมันสงครามอินโดจีน อีสานมันสำรวจมากเป็นพิเศษเลยล่ะแต่ด้วยเทคโนโลยียังไปไม่ถึงมันจึงเว้นไว้ก่อน,แต่บ่อน้ำมันและแร่ธาตุอื่นๆมันเห็นหมดจึงรีบมายึดไทย จีนโรงงานแถวอีสานก็ผุดอย่างมากมาย,จีนนี้ก็เอาเปรียบไทยนะ,ลาวคือตย.,เวียดนามรู้ไส้รู้พุงจีนอย่างดี,ติดจีนขนาดนั้น,อดีตเราจีนแม้ผลประโยชน์มีจริงแต่สายสัมพันธ์ทางใจดีกว่ามากเมื่อเทียบปัจจุบัน ผลประโยชน์อาจมาก่อนสายสัมพันธ์ที่ดีๆกันไปแล้ว,คนจีนรุ่นปัจจุบันมันมองผลประโยชน์ต้องมาก่อน ลงทุนต้องเอากำไรคืนอย่างเดียว.,นักลงทุนจีนที่สันดานนิสัยเลวแย่ๆที่ออกมานอกประเทศจีนส่วนใหญ่จะมากและเป็นคนพวกนี้,คนดีๆจีนนิสัยดีๆออกมาลงทุนจริงนอกประเทศนั้นมาน้อย.,พวกโลภๆจีนโลภๆทั้งนั้นที่ออกมาลงทุนในประเทศไทยเรา ตย.ชัดเจน คือทัวร์ศูนย์เหรียญ โรงงานศูนย์เหรียญในไทยก็เป็นข่าวชัดเจนแล้ว,คนจีนสันดานจริงๆก็ชอบเอาเปรียบคนอื่นและเห็นแก่ตัวนี้ล่ะของจริง,ต่างจังหวัดคนในชนบทจะเห็นสันดานดิบคนจีนชัดเจนในอดีต,เพราะคนชนบทไทยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เมตตากัน แบ่งกันกินกันใช้ ไม่ติดนิสัยโลภนัก มีธรรมะค้ำชูจิตใจคนในชุมชนสังคม คนจีนที่แสดงนิสัยสันดานดิบออกมาจึงเป็นที่ผิดปกติง่ายดาย.,แต่คนจีนดีๆก็มีจริงแต่ส่วนน้อย, ..คนไทยเรา ผู้นำไทยเรา ถ้าเราได้คนดีมาปกครองจริงๆตั้งแต่ต้น เราจะไม่มีสถานะแบบปัจจุบันนี้,เราจะร่ำรวยทั้งทางวัตถุธาตุนิยมคู่ขนานร่ำรวยทางจิตใจดีงามด้วยพร้อมๆกันไม่ยาก,ไม่เสื่อมเช่นในปัจจุบัน ยากจนดักดานมั่นคงด้วย บวกคนได้บัตรคนจนเพิ่มมากมายนั้นเองหากลงทะเบียนเพิ่มกันจริงๆ. .. #หยุดผู้นำกากมานำพาประเทศไทย #หยุดผู้นำขี้ขลาดมานำพาประเทศไทย #หยุดผู้นำไทยใจเขมรมานำประเทศไทย #หยุดนายกไทยใจหมามานำประเทศไทย https://youtu.be/BV3HAhljI3k?si=0sIBsws9xTVKWOXv
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 187 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สงครามใต้ดินในวงการบูตแคมป์: เมื่อ Reddit กลายเป็นอาวุธทำลายชื่อเสียง Codesmith ด้วยมือของคู่แข่ง”

    เรื่องราวสุดดาร์กของ Codesmith บูตแคมป์สายซอฟต์แวร์ที่เคยรุ่งเรืองด้วยรายได้กว่า $23.5 ล้าน กลับถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องผ่าน Reddit โดยผู้ก่อเหตุคือ Michael Novati — ผู้ร่วมก่อตั้ง Formation ซึ่งเป็นบูตแคมป์คู่แข่ง และยังเป็นผู้ดูแลหลักของ subreddit r/codingbootcamp

    Michael ใช้ตำแหน่ง moderator เป็นเครื่องมือในการบิดเบือนข้อมูล ลบโพสต์เชิงบวกของ Codesmith และปล่อยคอมเมนต์เชิงลบทุกวันตลอด 487 วัน รวมกว่า 425 โพสต์ โดยใช้เทคนิคการเปรียบเทียบกับลัทธิ NXIVM, กล่าวหาว่ามีการโกงข้อมูล CIRR, และแม้กระทั่งตามรอยลูกของพนักงานบน LinkedIn เพื่อกล่าวหาว่ามีการเล่นเส้น

    ผลกระทบไม่ใช่แค่ชื่อเสียง แต่รวมถึงรายได้ที่ลดลงกว่า 40% จากการโจมตีบน Reddit และอีก 40% จากภาวะตลาด ทำให้ Codesmithต้องปลดพนักงานหลายรอบ เหลือเพียง 15 คน และผู้ก่อตั้งต้องลาออกเพราะความเครียด

    แม้จะมีการตรวจสอบจากหลายฝ่าย รวมถึงผู้ร่วมก่อตั้งบูตแคมป์อื่น ๆ ที่ยืนยันว่า Codesmith เป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ดีที่สุดในวงการ แต่การควบคุม narrative บน Reddit ทำให้ผู้สนใจเรียนรู้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นกลางได้

    การโจมตีนี้ยังลามไปถึง Google และ LLM อย่าง ChatGPT ซึ่งดึงข้อมูลจาก Reddit ทำให้คำค้นหา “Codesmith ดีไหม” กลายเป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยข้อกล่าวหาและความสงสัย


    ธุรกิจของ “coding bootcamp” คือการให้บริการฝึกอบรมเข้มข้นด้านการเขียนโปรแกรมและทักษะเทคโนโลยี เพื่อเตรียมผู้เรียนเข้าสู่สายงานไอที โดยเฉพาะตำแหน่งอย่าง software engineer, full-stack developer, data analyst ฯลฯ ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน

    โมเดลธุรกิจของ bootcamp
    หลักสูตรแบบเร่งรัด (Intensive Program) Bootcamp มักจัดหลักสูตร 8–16 สัปดาห์ ที่เน้นการเรียนรู้แบบลงมือทำจริง เช่น สร้างโปรเจกต์, pair programming, mock interview
    คัดเลือกผู้เรียนอย่างเข้มงวด หลายแห่ง เช่น Codesmith หรือ AppAcademy จะคัดเลือกผู้เรียนที่มีพื้นฐานหรือความมุ่งมั่นสูง เพื่อให้ผลลัพธ์หลังเรียนดีขึ้น
    รายได้หลักมาจากค่าเรียน ค่าเรียนมักอยู่ระหว่าง $10,000–$20,000 ต่อคน โดยบางแห่งมีระบบ “Income Share Agreement” (ISA) ที่ให้เรียนฟรีก่อน แล้วจ่ายเมื่อได้งาน
    บริการเสริมหลังเรียน เช่น การช่วยเขียน resume, mock interview, career coaching ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสได้งานและสร้างชื่อเสียงให้ bootcamp
    ความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยี บาง bootcamp มีดีลกับบริษัทเพื่อส่งนักเรียนไปฝึกงานหรือสมัครงานโดยตรง ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและผลลัพธ์

    จุดที่สร้างกำไร
    ค่าเรียนต่อหัวสูง เมื่อ bootcamp มีชื่อเสียงและผลลัพธ์ดี ก็สามารถตั้งราคาสูงได้ เช่น Codesmith เคยมีรายได้ $23.5M จากนักเรียนไม่กี่พันคน
    ต้นทุนคงที่ต่ำ แม้จะมีค่าใช้จ่ายด้านครูและระบบ แต่เมื่อหลักสูตรถูกออกแบบแล้ว สามารถใช้ซ้ำได้หลายรุ่นโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มมาก
    การขยายแบบออนไลน์ หลาย bootcamp เปลี่ยนจาก onsite เป็น remote ทำให้ลดค่าเช่าสถานที่ และขยายตลาดได้ทั่วโลก
    การใช้ alumni เป็น brand ambassador ผู้เรียนที่ได้งานดีจะช่วยสร้างชื่อเสียงให้ bootcamp โดยไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาโดยตรง


    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Reddit เป็นแหล่งข้อมูลหลักของ LLM และปรากฏในผลการค้นหาของ Google
    CIRR เป็นองค์กรกลางที่เก็บข้อมูลผลลัพธ์ของบูตแคมป์อย่างเป็นกลาง
    การควบคุม subreddit ทำให้สามารถลบโพสต์, ปักหมุด, และแบนผู้ใช้ได้ตามใจ
    Formation เคยระดมทุน $4M จาก Andreessen Horowitz
    ผู้ร่วมก่อตั้งบูตแคมป์อื่น เช่น Tech Elevator และ AppAcademy ยืนยันว่า Codesmith มีคุณภาพสูง

    คำเตือนและข้อจำกัด
    การควบคุม subreddit โดยคู่แข่งสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อธุรกิจ
    ผู้ใช้ทั่วไปไม่รู้ว่า moderator มีผลประโยชน์ทับซ้อน
    LLM และ Google ดึงข้อมูลจาก Reddit โดยไม่ตรวจสอบความเป็นกลาง
    การโจมตีแบบนี้สามารถเกิดขึ้นกับธุรกิจใดก็ได้ที่มี subreddit อุตสาหกรรม
    ไม่มีระบบตรวจสอบหรือถ่วงดุลอำนาจของ moderator บน Reddit

    https://larslofgren.com/codesmith-reddit-reputation-attack/
    🔥 “สงครามใต้ดินในวงการบูตแคมป์: เมื่อ Reddit กลายเป็นอาวุธทำลายชื่อเสียง Codesmith ด้วยมือของคู่แข่ง” เรื่องราวสุดดาร์กของ Codesmith บูตแคมป์สายซอฟต์แวร์ที่เคยรุ่งเรืองด้วยรายได้กว่า $23.5 ล้าน กลับถูกโจมตีอย่างต่อเนื่องผ่าน Reddit โดยผู้ก่อเหตุคือ Michael Novati — ผู้ร่วมก่อตั้ง Formation ซึ่งเป็นบูตแคมป์คู่แข่ง และยังเป็นผู้ดูแลหลักของ subreddit r/codingbootcamp Michael ใช้ตำแหน่ง moderator เป็นเครื่องมือในการบิดเบือนข้อมูล ลบโพสต์เชิงบวกของ Codesmith และปล่อยคอมเมนต์เชิงลบทุกวันตลอด 487 วัน รวมกว่า 425 โพสต์ โดยใช้เทคนิคการเปรียบเทียบกับลัทธิ NXIVM, กล่าวหาว่ามีการโกงข้อมูล CIRR, และแม้กระทั่งตามรอยลูกของพนักงานบน LinkedIn เพื่อกล่าวหาว่ามีการเล่นเส้น ผลกระทบไม่ใช่แค่ชื่อเสียง แต่รวมถึงรายได้ที่ลดลงกว่า 40% จากการโจมตีบน Reddit และอีก 40% จากภาวะตลาด ทำให้ Codesmithต้องปลดพนักงานหลายรอบ เหลือเพียง 15 คน และผู้ก่อตั้งต้องลาออกเพราะความเครียด แม้จะมีการตรวจสอบจากหลายฝ่าย รวมถึงผู้ร่วมก่อตั้งบูตแคมป์อื่น ๆ ที่ยืนยันว่า Codesmith เป็นหนึ่งในโปรแกรมที่ดีที่สุดในวงการ แต่การควบคุม narrative บน Reddit ทำให้ผู้สนใจเรียนรู้ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลที่เป็นกลางได้ การโจมตีนี้ยังลามไปถึง Google และ LLM อย่าง ChatGPT ซึ่งดึงข้อมูลจาก Reddit ทำให้คำค้นหา “Codesmith ดีไหม” กลายเป็นคำตอบที่เต็มไปด้วยข้อกล่าวหาและความสงสัย 🔖🔖 ธุรกิจของ “coding bootcamp” คือการให้บริการฝึกอบรมเข้มข้นด้านการเขียนโปรแกรมและทักษะเทคโนโลยี เพื่อเตรียมผู้เรียนเข้าสู่สายงานไอที โดยเฉพาะตำแหน่งอย่าง software engineer, full-stack developer, data analyst ฯลฯ ภายในระยะเวลาไม่กี่เดือน ✅ โมเดลธุรกิจของ bootcamp ➡️ หลักสูตรแบบเร่งรัด (Intensive Program) Bootcamp มักจัดหลักสูตร 8–16 สัปดาห์ ที่เน้นการเรียนรู้แบบลงมือทำจริง เช่น สร้างโปรเจกต์, pair programming, mock interview ➡️ คัดเลือกผู้เรียนอย่างเข้มงวด หลายแห่ง เช่น Codesmith หรือ AppAcademy จะคัดเลือกผู้เรียนที่มีพื้นฐานหรือความมุ่งมั่นสูง เพื่อให้ผลลัพธ์หลังเรียนดีขึ้น ➡️ รายได้หลักมาจากค่าเรียน ค่าเรียนมักอยู่ระหว่าง $10,000–$20,000 ต่อคน โดยบางแห่งมีระบบ “Income Share Agreement” (ISA) ที่ให้เรียนฟรีก่อน แล้วจ่ายเมื่อได้งาน ➡️ บริการเสริมหลังเรียน เช่น การช่วยเขียน resume, mock interview, career coaching ซึ่งช่วยเพิ่มโอกาสได้งานและสร้างชื่อเสียงให้ bootcamp ➡️ ความร่วมมือกับบริษัทเทคโนโลยี บาง bootcamp มีดีลกับบริษัทเพื่อส่งนักเรียนไปฝึกงานหรือสมัครงานโดยตรง ซึ่งช่วยเพิ่มความน่าเชื่อถือและผลลัพธ์ ✅ จุดที่สร้างกำไร ➡️ ค่าเรียนต่อหัวสูง เมื่อ bootcamp มีชื่อเสียงและผลลัพธ์ดี ก็สามารถตั้งราคาสูงได้ เช่น Codesmith เคยมีรายได้ $23.5M จากนักเรียนไม่กี่พันคน ➡️ ต้นทุนคงที่ต่ำ แม้จะมีค่าใช้จ่ายด้านครูและระบบ แต่เมื่อหลักสูตรถูกออกแบบแล้ว สามารถใช้ซ้ำได้หลายรุ่นโดยไม่ต้องลงทุนเพิ่มมาก ➡️ การขยายแบบออนไลน์ หลาย bootcamp เปลี่ยนจาก onsite เป็น remote ทำให้ลดค่าเช่าสถานที่ และขยายตลาดได้ทั่วโลก ➡️ การใช้ alumni เป็น brand ambassador ผู้เรียนที่ได้งานดีจะช่วยสร้างชื่อเสียงให้ bootcamp โดยไม่ต้องจ่ายค่าโฆษณาโดยตรง 🔖🔖🔖 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Reddit เป็นแหล่งข้อมูลหลักของ LLM และปรากฏในผลการค้นหาของ Google ➡️ CIRR เป็นองค์กรกลางที่เก็บข้อมูลผลลัพธ์ของบูตแคมป์อย่างเป็นกลาง ➡️ การควบคุม subreddit ทำให้สามารถลบโพสต์, ปักหมุด, และแบนผู้ใช้ได้ตามใจ ➡️ Formation เคยระดมทุน $4M จาก Andreessen Horowitz ➡️ ผู้ร่วมก่อตั้งบูตแคมป์อื่น เช่น Tech Elevator และ AppAcademy ยืนยันว่า Codesmith มีคุณภาพสูง ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ การควบคุม subreddit โดยคู่แข่งสร้างความเสียหายร้ายแรงต่อธุรกิจ ⛔ ผู้ใช้ทั่วไปไม่รู้ว่า moderator มีผลประโยชน์ทับซ้อน ⛔ LLM และ Google ดึงข้อมูลจาก Reddit โดยไม่ตรวจสอบความเป็นกลาง ⛔ การโจมตีแบบนี้สามารถเกิดขึ้นกับธุรกิจใดก็ได้ที่มี subreddit อุตสาหกรรม ⛔ ไม่มีระบบตรวจสอบหรือถ่วงดุลอำนาจของ moderator บน Reddit https://larslofgren.com/codesmith-reddit-reputation-attack/
    LARSLOFGREN.COM
    The Story of Codesmith: How a Competitor Crippled a $23.5M Bootcamp By Becoming a Reddit Moderator
    Let’s say you decide to start a coding bootcamp. Your background is in pedagogy and you love teaching. Your parents were teachers. You find a co-founder, raise a bit of money, and pour your soul into your company. The first couple of years, students love your program. Positive feedback, extraordinary student outcomes, employees love the mission. You are quite literally […]
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 213 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหยื่อติดคอ ตอนที่ 5
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ”
    ตอนที่ 5

    ในขณะนั้นการกีดกั้นสหภาพโซเวียต เป็นสุดยอดนโยบายของอเมริกา นักยุทธศาสตร์ชั้นเซียนของอเมริกา ต่างเชื่อกันว่าขบวนการ Khomeini จะเป็นกำลังสำคัญในการต่อต้านระบอบคอมมิวนิตส์ ไม่ให้เข้ามาในอิหร่าน และคิดไกลไปถึงว่า เนื่องจากเป็นพวกกลุ่มศาสนา อาจจะไม่สนใจหรือไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจดีพอ ก็อาจจะยอมให้พวกอิหร่านที่นิยมอเมริกาและชำนาญด้านเศรษฐกิจเป็นผู้ชี้นำประเทศในภายหลัง แต่จริงๆแล้วในรัฐบาล Carter ไม่มีใครรู้จัก Khomeini จริง และไม่รู้ว่าเป้าหมายแท้จริงของขบวนการ Khomeini มุ่งหน้าไปถึงไหน พวก CIA ที่อเมริกายกโขยงมาอยู่ที่อิหร่าน กลุ่มใหญ่มัวแต่จับตาดูไปที่สห ภาพโซเวียต เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของ CIA ได้บันทึกไว้ตอนหลังว่า “….จริงๆแล้วรัฐบาล Carter ไม่รู้เลยว่า Khomeini เป็นใคร กว่าจะรู้ก็สายไปเสียแล้ว…..”

    วันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ.1979 อเมริกันก็ถูกปลุกอีกครั้งหนึ่ง จากข่าวด่วนว่านักศึกษาที่เป็นอิสลามบุกยึดสถานฑูตอเมริกาที่กรุงเตหะราน โดยมีไฟเขียวของ Khomeini นำหน้า และยึดเจ้าหน้าที่สถานฑูตเป็นตัวประกัน เรียกร้องให้อเมริกาส่ง Shah กลับมาขึ้นศาลในอิหร่าน

    ชนวนการบุกสถานฑูต มาจากการที่อเมริกาตกลงให้ Shah ซึ่งป่วยหนักในขณะนั้น ไปรักษาตัวที่อเมริกา และจากการที่มีข่าวว่า ได้มีการนัดพบกันที่อัลจีเรีย ระหว่างที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ของประธานาธิบดี Carter คือนาย Zbigniew Brzezinski กับนายกรัฐมนตรีอิหร่าน รัฐมนตรีกลาโหม และรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งทั้งหมดเป็นพวกเดียวกับ Khomeini แต่สนับสนุนอเมริกา ถึงพวกเดียวกันแต่อุดมการณ์ต่างกันไกล อเมริกาคงยังนึกไม่ถึง

    ไม่นานหลังจากที่สถานฑูตอเมริกาโดนยึดในเดือนธันวาคม ค.ศ.1979 สหภาพโซเวียก็ฉวยโอกาสลองของ บุกเข้าไปในอาฟกานิสถาน

    อาฟกานิสถาน ถือว่าเป็นกันชนสำคัญ กั้นเส้นทางเดินของสหภาพโซเวียต ที่จะเดินผ่านปากีสถานเข้ามายังอิหร่านและอ่าวเปอร์เซีย การลองของครั้งนี้ของสหภาพโซเวียต ทำให้อเมริกาสะดุ้งเหมือนถูกไฟซ๊อต สหภาพโซเวียตคงไม่ได้คิดแค่เข้ามานั่งเล่นที่อาฟกานิสถานแน่ แผนของโซเวียตน่าจะลึกกว่านั้น มันเหมือนเป็นการท้าทายในการแข่งขันช่วงชิงอำนาจในบริเวณทั้งหมดของตะวันออกกลาง มหาสมุทรอินเดีย อาฟริกา คาบสมุทรอารเบียน ถึงบริเวณเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ อเมริกาคิดเช่นนั้น และอเมริกายอมไม่ได้

    23 มกราคม ค.ศ.1980 อเมริการวบรวมลูกหาบเจ้าของบ่อน้ำมันแถวทะเลทราย บุกเข้าไปยึดอาฟกานิสถานคืน สหภาพโซเวียตรู้แล้วว่ากล่องดวงใจของอเมริกาอยู่ที่ไหน ถอยทัพกลับไปหน้าตาเฉย
    นาย Zbigniew Brzezinski ที่ปรึกษาใหญ่รีบประกาศว่า เราต้องปรับยุทธศาสตร์การครองโลกของอเมริกาเสียใหม่ การควบคุมอ่าวเปอร์เซีย ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญอันดับแรก ที่อเมริกาต้องรีบดำเนินการ พร้อมกับการประกาศ ที่ปรึกษาใหญ่ทำบันทึกถึงประธานาธิบดี Carter (สั่ง) ประธานาธิบดีว่า “เราจะต้องรีบดำเนินการ ขวางการแทรกเข้ามาในบริเวณนี้ของสหภาพโซเวียต เราน่าจะต้องให้ของขวัญแบบ “สงครามเวียตนาม” ให้แก่สหภาพโซเวียตบ้าง” ขิงแก่ของจริง รสเผ็ดจัด

    ตลอดเวลากว่า 10 ปี รัฐบาลอเมริกัน ส่งอาวุธและความช่วยเหลือเป็นเงินกว่า 3 พันล้านเหรียญ ให้แก่กลุ่มอิสลาม Mujahadeen เพื่อให้สร้างเครือข่ายนักรบอิสลาม และพวกนี้ก็ได้เป็นต้นกำเนิดขวัญใจคาวบอย Bush กลุ่มอัลกออิดะห์ของ Osama Bin Laden เพื่อเอาไว้แหย่ให้สหภาพโซเวียตวุ่นวายอยู่ที่อาฟกานิสถาน จะได้ไม่มีเวลาข้ามมาเดินเล่นแถวทะเลทรายในตะวันออกกลาง บ่อน้ำมันมีเยอะ ตกลงไปจะลำบาก

    หมากล่อให้สหภาพโซเวียตวุ่นวายแถวอาฟกานิสถานหมากเดียว คงกลัวเอาไม่อยู่ ต้องแถมให้อิหร่านอีกสักหน่อย เป็นการทำโทษที่บังอาจมายึดสถานฑูตที่เตหะราน นี่มันเป็นการหยามน้ำหน้ากันมากนะ ใหญ่ขนาดนี้ โดนลูบคมซะทื่อไปหมด พี่เบิ้มสมควรจะลาออกจากตำแหน่ง แต่พี่เบิ้มหน้าด้านอยู่แล้ว เก็บความอายไว้ก่อน ยังต้องใช้อิหร่าน จึงยังไม่ทลาย ขอแค่บี้ซ้ายขยี้ขวา ให้อยู่สุขไม่ได้แล้วกัน

    ในขณะนั้น อเมริกามีกองกำลังจำนวนจำกัดอยู่ในแถบทะเลทราย ดังนั้นหมากที่ใช้คือเสี้ยมให้มันรบกันเอง เราอย่าขนคนของเราไปให้เสียเวลาเลยนะ อิรักมีประชากรเป็นชีอ่ะ 60% ซึ่ง Saddam ไม่พอใจและกดขี่อยู่เสมอ แล้วนี่ถ้าอิหร่านซึ่งเป็นชีอ่ะบุกเข้ามาที่อิรัก พากันเปลี่ยนประเทศอิรักป็นรัฐอิสลามที่เคร่งครัดทั้งหมดจะเป็นยังไงนะ แค่เปรยเท่านี้ Saddam ก็เต้น เพราะไม่ชอบชีอ่ะ และไม่อยากเปลี่ยนเป็นอิสลามเคร่งครัด อเมริกาบอก งั้นก็ต้องกันก่อนแก้ซิ Saddam เอ๋ย

    ในปี ค.ศ.1980 ดอกไม้กำลังบานไสวไนฤดูใบไม้ผลิต่อฤดูร้อน อิรักก็บุกอิหร่านตามคำยุของอเมริกา แหม! ทำไมยุขึ้นง่ายอย่างนี้นะ อ้อ! พี่เบิ้มเขาส่งอาวุธให้แบบไม่อั้น กันยายน ค.ศ.1980 อิรักเคลื่อนพลขยับไปจนเกือบเหยียบจมูกอิหร่าน เข้าไปถึงชานเมืองตะวันตกเฉียง ใต้ แล้วกัน Saddam กำลังจัดการงานนอกสั่ง เราสั่งแค่ให้แหย่ ไม่ใช่ให้ยึด ฟังภาษาไม่รู้เรื่องหรือไง Saddam ฟังออก แต่โอกาสมันมาถึงจะให้ถอยก็คงยาก

    ในที่สุดไอ้คนยุก็เลยต้องรีบปรับแผน “แลกกันเอาไหม ยูปล่อยตัวประกันอเมริกันให้หมด ไอส่งอาวุธให้ยู 300-500 ล้านเหรียญ เอาไปถล่ม Saddam กลับ” มันเป็นการแอบเจรจากันระหว่างกลุ่มหนุนหลังของ Reagan (ซึ่งกำลังท้าชิงตำแหน่งกับ Carter ) และทีมงานของ Khomeini แต่ยูปล่อยตัวประกันเมื่อ Reagan ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีนะ
    มันเป็นกลุ่มหนุน Reagan ที่มีแผนลึกซ่อนอยู่ Ayatollah ตกลงกับข้อเสนอ เพราะก็มีแผนลึกซ่อนอยู่เช่นกัน

    มกราคม 21 ค.ศ.1981 Reagan ชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ในวันที่เขาเข้ามารับตำแหน่ง อิหร่านก็ปล่อยตัวเจ้าหน้าที่สถานฑูตที่ถูกจับกุมเป็นตัวประกันอาบน้ำแต่งตัวกลับบ้านไป

    อเมริกาคิดว่าแผนรุกของตนได้ผล สงครามอิรักอิหร่านดำเนินอยู่ถึง 8 ปี ไม่มีฝ่ายใดชนะหรือแพ้ (เพราะกรรมการเชียร์ทั้ง 2 ฝ่าย) ส่วนที่อาฟกานิสถาน ในที่สุดสหภาพโซเวียตก็แตกพ่าย ถอยทัพหน้าตกกลับประเทศในปี ค.ศ.1989 เป็นการพ่ายแพ้ที่ยับเยินของสหภาพโซเวียต และเป็นส่วนสำคัญอันหนึ่งที่ทำให้สหภาพโซเวียตล่มสลาย อเมริกาผงาดเป็นผู้ชนะ ขึ้นแท่นเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก และเป็นการเริ่มต้นของ “สงครามเย็น”

    เรื่องราวของอเมริกากับอิหร่านและตะวันออกกลางกับสหภสาพโซเวียตดูเหมือนจะจบ แต่แค่ดูเหมือน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    24 กันยายน 2557
    เหยื่อติดคอ ตอนที่ 5 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อติดคอ” ตอนที่ 5 ในขณะนั้นการกีดกั้นสหภาพโซเวียต เป็นสุดยอดนโยบายของอเมริกา นักยุทธศาสตร์ชั้นเซียนของอเมริกา ต่างเชื่อกันว่าขบวนการ Khomeini จะเป็นกำลังสำคัญในการต่อต้านระบอบคอมมิวนิตส์ ไม่ให้เข้ามาในอิหร่าน และคิดไกลไปถึงว่า เนื่องจากเป็นพวกกลุ่มศาสนา อาจจะไม่สนใจหรือไม่รู้เรื่องเศรษฐกิจดีพอ ก็อาจจะยอมให้พวกอิหร่านที่นิยมอเมริกาและชำนาญด้านเศรษฐกิจเป็นผู้ชี้นำประเทศในภายหลัง แต่จริงๆแล้วในรัฐบาล Carter ไม่มีใครรู้จัก Khomeini จริง และไม่รู้ว่าเป้าหมายแท้จริงของขบวนการ Khomeini มุ่งหน้าไปถึงไหน พวก CIA ที่อเมริกายกโขยงมาอยู่ที่อิหร่าน กลุ่มใหญ่มัวแต่จับตาดูไปที่สห ภาพโซเวียต เจ้าหน้าที่คนหนึ่งของ CIA ได้บันทึกไว้ตอนหลังว่า “….จริงๆแล้วรัฐบาล Carter ไม่รู้เลยว่า Khomeini เป็นใคร กว่าจะรู้ก็สายไปเสียแล้ว…..” วันที่ 2 พฤศจิกายน ค.ศ.1979 อเมริกันก็ถูกปลุกอีกครั้งหนึ่ง จากข่าวด่วนว่านักศึกษาที่เป็นอิสลามบุกยึดสถานฑูตอเมริกาที่กรุงเตหะราน โดยมีไฟเขียวของ Khomeini นำหน้า และยึดเจ้าหน้าที่สถานฑูตเป็นตัวประกัน เรียกร้องให้อเมริกาส่ง Shah กลับมาขึ้นศาลในอิหร่าน ชนวนการบุกสถานฑูต มาจากการที่อเมริกาตกลงให้ Shah ซึ่งป่วยหนักในขณะนั้น ไปรักษาตัวที่อเมริกา และจากการที่มีข่าวว่า ได้มีการนัดพบกันที่อัลจีเรีย ระหว่างที่ปรึกษาด้านความมั่นคง ของประธานาธิบดี Carter คือนาย Zbigniew Brzezinski กับนายกรัฐมนตรีอิหร่าน รัฐมนตรีกลาโหม และรัฐมนตรีต่างประเทศ ซึ่งทั้งหมดเป็นพวกเดียวกับ Khomeini แต่สนับสนุนอเมริกา ถึงพวกเดียวกันแต่อุดมการณ์ต่างกันไกล อเมริกาคงยังนึกไม่ถึง ไม่นานหลังจากที่สถานฑูตอเมริกาโดนยึดในเดือนธันวาคม ค.ศ.1979 สหภาพโซเวียก็ฉวยโอกาสลองของ บุกเข้าไปในอาฟกานิสถาน อาฟกานิสถาน ถือว่าเป็นกันชนสำคัญ กั้นเส้นทางเดินของสหภาพโซเวียต ที่จะเดินผ่านปากีสถานเข้ามายังอิหร่านและอ่าวเปอร์เซีย การลองของครั้งนี้ของสหภาพโซเวียต ทำให้อเมริกาสะดุ้งเหมือนถูกไฟซ๊อต สหภาพโซเวียตคงไม่ได้คิดแค่เข้ามานั่งเล่นที่อาฟกานิสถานแน่ แผนของโซเวียตน่าจะลึกกว่านั้น มันเหมือนเป็นการท้าทายในการแข่งขันช่วงชิงอำนาจในบริเวณทั้งหมดของตะวันออกกลาง มหาสมุทรอินเดีย อาฟริกา คาบสมุทรอารเบียน ถึงบริเวณเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ อเมริกาคิดเช่นนั้น และอเมริกายอมไม่ได้ 23 มกราคม ค.ศ.1980 อเมริการวบรวมลูกหาบเจ้าของบ่อน้ำมันแถวทะเลทราย บุกเข้าไปยึดอาฟกานิสถานคืน สหภาพโซเวียตรู้แล้วว่ากล่องดวงใจของอเมริกาอยู่ที่ไหน ถอยทัพกลับไปหน้าตาเฉย นาย Zbigniew Brzezinski ที่ปรึกษาใหญ่รีบประกาศว่า เราต้องปรับยุทธศาสตร์การครองโลกของอเมริกาเสียใหม่ การควบคุมอ่าวเปอร์เซีย ถือเป็นยุทธศาสตร์สำคัญอันดับแรก ที่อเมริกาต้องรีบดำเนินการ พร้อมกับการประกาศ ที่ปรึกษาใหญ่ทำบันทึกถึงประธานาธิบดี Carter (สั่ง) ประธานาธิบดีว่า “เราจะต้องรีบดำเนินการ ขวางการแทรกเข้ามาในบริเวณนี้ของสหภาพโซเวียต เราน่าจะต้องให้ของขวัญแบบ “สงครามเวียตนาม” ให้แก่สหภาพโซเวียตบ้าง” ขิงแก่ของจริง รสเผ็ดจัด ตลอดเวลากว่า 10 ปี รัฐบาลอเมริกัน ส่งอาวุธและความช่วยเหลือเป็นเงินกว่า 3 พันล้านเหรียญ ให้แก่กลุ่มอิสลาม Mujahadeen เพื่อให้สร้างเครือข่ายนักรบอิสลาม และพวกนี้ก็ได้เป็นต้นกำเนิดขวัญใจคาวบอย Bush กลุ่มอัลกออิดะห์ของ Osama Bin Laden เพื่อเอาไว้แหย่ให้สหภาพโซเวียตวุ่นวายอยู่ที่อาฟกานิสถาน จะได้ไม่มีเวลาข้ามมาเดินเล่นแถวทะเลทรายในตะวันออกกลาง บ่อน้ำมันมีเยอะ ตกลงไปจะลำบาก หมากล่อให้สหภาพโซเวียตวุ่นวายแถวอาฟกานิสถานหมากเดียว คงกลัวเอาไม่อยู่ ต้องแถมให้อิหร่านอีกสักหน่อย เป็นการทำโทษที่บังอาจมายึดสถานฑูตที่เตหะราน นี่มันเป็นการหยามน้ำหน้ากันมากนะ ใหญ่ขนาดนี้ โดนลูบคมซะทื่อไปหมด พี่เบิ้มสมควรจะลาออกจากตำแหน่ง แต่พี่เบิ้มหน้าด้านอยู่แล้ว เก็บความอายไว้ก่อน ยังต้องใช้อิหร่าน จึงยังไม่ทลาย ขอแค่บี้ซ้ายขยี้ขวา ให้อยู่สุขไม่ได้แล้วกัน ในขณะนั้น อเมริกามีกองกำลังจำนวนจำกัดอยู่ในแถบทะเลทราย ดังนั้นหมากที่ใช้คือเสี้ยมให้มันรบกันเอง เราอย่าขนคนของเราไปให้เสียเวลาเลยนะ อิรักมีประชากรเป็นชีอ่ะ 60% ซึ่ง Saddam ไม่พอใจและกดขี่อยู่เสมอ แล้วนี่ถ้าอิหร่านซึ่งเป็นชีอ่ะบุกเข้ามาที่อิรัก พากันเปลี่ยนประเทศอิรักป็นรัฐอิสลามที่เคร่งครัดทั้งหมดจะเป็นยังไงนะ แค่เปรยเท่านี้ Saddam ก็เต้น เพราะไม่ชอบชีอ่ะ และไม่อยากเปลี่ยนเป็นอิสลามเคร่งครัด อเมริกาบอก งั้นก็ต้องกันก่อนแก้ซิ Saddam เอ๋ย ในปี ค.ศ.1980 ดอกไม้กำลังบานไสวไนฤดูใบไม้ผลิต่อฤดูร้อน อิรักก็บุกอิหร่านตามคำยุของอเมริกา แหม! ทำไมยุขึ้นง่ายอย่างนี้นะ อ้อ! พี่เบิ้มเขาส่งอาวุธให้แบบไม่อั้น กันยายน ค.ศ.1980 อิรักเคลื่อนพลขยับไปจนเกือบเหยียบจมูกอิหร่าน เข้าไปถึงชานเมืองตะวันตกเฉียง ใต้ แล้วกัน Saddam กำลังจัดการงานนอกสั่ง เราสั่งแค่ให้แหย่ ไม่ใช่ให้ยึด ฟังภาษาไม่รู้เรื่องหรือไง Saddam ฟังออก แต่โอกาสมันมาถึงจะให้ถอยก็คงยาก ในที่สุดไอ้คนยุก็เลยต้องรีบปรับแผน “แลกกันเอาไหม ยูปล่อยตัวประกันอเมริกันให้หมด ไอส่งอาวุธให้ยู 300-500 ล้านเหรียญ เอาไปถล่ม Saddam กลับ” มันเป็นการแอบเจรจากันระหว่างกลุ่มหนุนหลังของ Reagan (ซึ่งกำลังท้าชิงตำแหน่งกับ Carter ) และทีมงานของ Khomeini แต่ยูปล่อยตัวประกันเมื่อ Reagan ได้รับตำแหน่งประธานาธิบดีนะ มันเป็นกลุ่มหนุน Reagan ที่มีแผนลึกซ่อนอยู่ Ayatollah ตกลงกับข้อเสนอ เพราะก็มีแผนลึกซ่อนอยู่เช่นกัน มกราคม 21 ค.ศ.1981 Reagan ชนะเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ในวันที่เขาเข้ามารับตำแหน่ง อิหร่านก็ปล่อยตัวเจ้าหน้าที่สถานฑูตที่ถูกจับกุมเป็นตัวประกันอาบน้ำแต่งตัวกลับบ้านไป อเมริกาคิดว่าแผนรุกของตนได้ผล สงครามอิรักอิหร่านดำเนินอยู่ถึง 8 ปี ไม่มีฝ่ายใดชนะหรือแพ้ (เพราะกรรมการเชียร์ทั้ง 2 ฝ่าย) ส่วนที่อาฟกานิสถาน ในที่สุดสหภาพโซเวียตก็แตกพ่าย ถอยทัพหน้าตกกลับประเทศในปี ค.ศ.1989 เป็นการพ่ายแพ้ที่ยับเยินของสหภาพโซเวียต และเป็นส่วนสำคัญอันหนึ่งที่ทำให้สหภาพโซเวียตล่มสลาย อเมริกาผงาดเป็นผู้ชนะ ขึ้นแท่นเป็นพี่เบิ้มหมายเลขหนึ่งของโลก และเป็นการเริ่มต้นของ “สงครามเย็น” เรื่องราวของอเมริกากับอิหร่านและตะวันออกกลางกับสหภสาพโซเวียตดูเหมือนจะจบ แต่แค่ดูเหมือน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 24 กันยายน 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 254 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พิพัฒน์” เผยไม่ทราบสาเหตุ “วีริศ อัมระปาล” ยื่นลาออกผู้ว่าฯ รฟท. เตรียมเชิญพูดคุยสอบเหตุผลก่อน บอร์ดประชุม 22 ต.ค. ตั้งรักษาการผู้ว่าฯ รฟท. รักษาความต่อเนื่องบริหารงาน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000096668

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    “พิพัฒน์” เผยไม่ทราบสาเหตุ “วีริศ อัมระปาล” ยื่นลาออกผู้ว่าฯ รฟท. เตรียมเชิญพูดคุยสอบเหตุผลก่อน บอร์ดประชุม 22 ต.ค. ตั้งรักษาการผู้ว่าฯ รฟท. รักษาความต่อเนื่องบริหารงาน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000096668 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 297 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไหนนายกฯหนูผีบอกไม่ใช้อำนาจแก้ปมเขากระโดงไง ทำไมไปบีบผู้ว่าการรถไฟให้ลาออก หลังเค้าสั่งฟ้องผู้บุกรุกเขากระโดง 2 แปลงของซ้อต่าย กรุณา ชิดชอบ และบริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ไหนนายกฯหนูผีบอกไม่ใช้อำนาจแก้ปมเขากระโดงไง ทำไมไปบีบผู้ว่าการรถไฟให้ลาออก หลังเค้าสั่งฟ้องผู้บุกรุกเขากระโดง 2 แปลงของซ้อต่าย กรุณา ชิดชอบ และบริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ #คิงส์โพธิ์แดง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'ตรีนุช' ยัน 'พล.อ.ประวิตร' ยังคงเป็นหัวหน้าพรรคในปัจจุบัน เตรียมปรับโครงสร้าง กก.บห.ใหม่ หลัง 'สันติ' ลาออก
    https://www.thai-tai.tv/news/21797/
    .
    #ตรีนุชเทียนทอง #พลังประชารัฐ #กก.บห.ใหม่ #พล.อ.ประวิตร #สันติพร้อมพัฒน์ #การเมืองไทย #อุดมการณ์ #เลือกตั้ง

    'ตรีนุช' ยัน 'พล.อ.ประวิตร' ยังคงเป็นหัวหน้าพรรคในปัจจุบัน เตรียมปรับโครงสร้าง กก.บห.ใหม่ หลัง 'สันติ' ลาออก https://www.thai-tai.tv/news/21797/ . #ตรีนุชเทียนทอง #พลังประชารัฐ #กก.บห.ใหม่ #พล.อ.ประวิตร #สันติพร้อมพัฒน์ #การเมืองไทย #อุดมการณ์ #เลือกตั้ง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 143 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ตำรวจอังกฤษถูกจับได้ว่า ‘แกล้งทำงาน’ ด้วยการกดคีย์ซ้ำ — 26 รายถูกสอบสวน หลังระบบตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติ”

    ในยุคที่การทำงานจากบ้านกลายเป็นเรื่องปกติ หน่วยงานต่าง ๆ ก็ต้องหาวิธีตรวจสอบประสิทธิภาพของพนักงาน ล่าสุดตำรวจอังกฤษ โดยเฉพาะในเขต Greater Manchester Police (GMP) และ Durham Constabulary ได้เผชิญกับเหตุการณ์อื้อฉาว เมื่อพบว่ามีเจ้าหน้าที่รวม 26 คนใช้วิธี “key jamming” หรือการวางสิ่งของบนแป้นพิมพ์เพื่อให้ดูเหมือนว่ากำลังทำงาน

    การตรวจสอบเริ่มต้นจากการติดตั้งซอฟต์แวร์ keylogger บนอุปกรณ์ที่ออกให้เจ้าหน้าที่ใช้ทำงานจากบ้าน ซึ่งพบพฤติกรรมการกดคีย์ซ้ำอย่างผิดปกติ เช่น การกดปุ่ม “I” มากกว่า 16,000 ครั้งในช่วงเวลาเดียว หรือการกดปุ่ม “H” ซ้ำกว่า 30 ครั้งโดยไม่มีการใช้งานอื่น ๆ

    หนึ่งในกรณีที่โดดเด่นคือ Detective Constable Niall Thubron จาก Durham ซึ่งถูกพบว่าใช้วิธีนี้ถึง 38 ครั้งในช่วง 12 วัน โดยมีช่วงเวลาทำงานที่แท้จริงเพียงครึ่งเดียวของเวลาที่ล็อกอินไว้ เขาลาออกก่อนถูกไล่ออก และถูกขึ้นบัญชีดำห้ามกลับเข้ารับราชการอีก

    เหตุการณ์นี้ทำให้ GMP ตัดสินใจยกเลิกสิทธิ์การทำงานจากบ้านของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด และประกาศว่าจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่มีพฤติกรรมจงใจหลอกลวง โดยระบุว่า “ประชาชนสมควรได้รับการบริการที่คุ้มค่า และเราจะไม่ยอมให้พฤติกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นอีก”

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เจ้าหน้าที่ตำรวจอังกฤษ 26 รายถูกสอบสวนจากพฤติกรรม key jamming ขณะทำงานจากบ้าน
    key jamming คือการวางสิ่งของบนแป้นพิมพ์เพื่อให้ดูเหมือนมีการทำงาน
    GMP ติดตั้ง keylogger เพื่อตรวจสอบการใช้งานอุปกรณ์ราชการ
    พบการกดปุ่ม “I” มากกว่า 16,000 ครั้ง และ “H” มากกว่า 30 ครั้งในช่วงเวลาสั้น
    Detective Constable Niall Thubron ใช้วิธีนี้ 38 ครั้งใน 12 วัน และทำงานจริงเพียงครึ่งเวลา
    Thubron ลาออกก่อนถูกไล่ออก และถูกขึ้นบัญชีดำจาก College of Policing
    GMP ยกเลิกสิทธิ์การทำงานจากบ้านของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด
    ผู้บริหารระบุว่าจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่จงใจหลอกลวง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    keylogger เป็นเครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบการกดแป้นพิมพ์ เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการทำงาน
    การทำงานจากบ้านมีข้อดีด้านประสิทธิภาพ แต่ก็เปิดช่องให้เกิดการละเมิดวินัย
    บริษัทเอกชน เช่น Wells Fargo เคยไล่ออกพนักงานที่ใช้ mouse jigger เพื่อหลอกระบบตรวจสอบ
    การกดคีย์ซ้ำโดยไม่มีการใช้งานจริงสามารถตรวจจับได้จากรูปแบบการพิมพ์ที่ไม่เป็นธรรมชาติ
    การขึ้นบัญชีดำในระบบราชการอังกฤษหมายถึงห้ามรับราชการในทุกหน่วยงานทั่วประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/uk-cops-busted-for-faking-productivity-while-working-from-home-by-holding-down-keys-on-keyboard-26-officers-and-staff-reportedly-caught-trying-to-trick-keylogging-software
    🕵️‍♂️ “ตำรวจอังกฤษถูกจับได้ว่า ‘แกล้งทำงาน’ ด้วยการกดคีย์ซ้ำ — 26 รายถูกสอบสวน หลังระบบตรวจจับพฤติกรรมผิดปกติ” ในยุคที่การทำงานจากบ้านกลายเป็นเรื่องปกติ หน่วยงานต่าง ๆ ก็ต้องหาวิธีตรวจสอบประสิทธิภาพของพนักงาน ล่าสุดตำรวจอังกฤษ โดยเฉพาะในเขต Greater Manchester Police (GMP) และ Durham Constabulary ได้เผชิญกับเหตุการณ์อื้อฉาว เมื่อพบว่ามีเจ้าหน้าที่รวม 26 คนใช้วิธี “key jamming” หรือการวางสิ่งของบนแป้นพิมพ์เพื่อให้ดูเหมือนว่ากำลังทำงาน การตรวจสอบเริ่มต้นจากการติดตั้งซอฟต์แวร์ keylogger บนอุปกรณ์ที่ออกให้เจ้าหน้าที่ใช้ทำงานจากบ้าน ซึ่งพบพฤติกรรมการกดคีย์ซ้ำอย่างผิดปกติ เช่น การกดปุ่ม “I” มากกว่า 16,000 ครั้งในช่วงเวลาเดียว หรือการกดปุ่ม “H” ซ้ำกว่า 30 ครั้งโดยไม่มีการใช้งานอื่น ๆ หนึ่งในกรณีที่โดดเด่นคือ Detective Constable Niall Thubron จาก Durham ซึ่งถูกพบว่าใช้วิธีนี้ถึง 38 ครั้งในช่วง 12 วัน โดยมีช่วงเวลาทำงานที่แท้จริงเพียงครึ่งเดียวของเวลาที่ล็อกอินไว้ เขาลาออกก่อนถูกไล่ออก และถูกขึ้นบัญชีดำห้ามกลับเข้ารับราชการอีก เหตุการณ์นี้ทำให้ GMP ตัดสินใจยกเลิกสิทธิ์การทำงานจากบ้านของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด และประกาศว่าจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่มีพฤติกรรมจงใจหลอกลวง โดยระบุว่า “ประชาชนสมควรได้รับการบริการที่คุ้มค่า และเราจะไม่ยอมให้พฤติกรรมเช่นนี้เกิดขึ้นอีก” ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เจ้าหน้าที่ตำรวจอังกฤษ 26 รายถูกสอบสวนจากพฤติกรรม key jamming ขณะทำงานจากบ้าน ➡️ key jamming คือการวางสิ่งของบนแป้นพิมพ์เพื่อให้ดูเหมือนมีการทำงาน ➡️ GMP ติดตั้ง keylogger เพื่อตรวจสอบการใช้งานอุปกรณ์ราชการ ➡️ พบการกดปุ่ม “I” มากกว่า 16,000 ครั้ง และ “H” มากกว่า 30 ครั้งในช่วงเวลาสั้น ➡️ Detective Constable Niall Thubron ใช้วิธีนี้ 38 ครั้งใน 12 วัน และทำงานจริงเพียงครึ่งเวลา ➡️ Thubron ลาออกก่อนถูกไล่ออก และถูกขึ้นบัญชีดำจาก College of Policing ➡️ GMP ยกเลิกสิทธิ์การทำงานจากบ้านของเจ้าหน้าที่ทั้งหมด ➡️ ผู้บริหารระบุว่าจะดำเนินการอย่างเด็ดขาดกับผู้ที่จงใจหลอกลวง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ keylogger เป็นเครื่องมือที่ใช้ตรวจสอบการกดแป้นพิมพ์ เพื่อวิเคราะห์พฤติกรรมการทำงาน ➡️ การทำงานจากบ้านมีข้อดีด้านประสิทธิภาพ แต่ก็เปิดช่องให้เกิดการละเมิดวินัย ➡️ บริษัทเอกชน เช่น Wells Fargo เคยไล่ออกพนักงานที่ใช้ mouse jigger เพื่อหลอกระบบตรวจสอบ ➡️ การกดคีย์ซ้ำโดยไม่มีการใช้งานจริงสามารถตรวจจับได้จากรูปแบบการพิมพ์ที่ไม่เป็นธรรมชาติ ➡️ การขึ้นบัญชีดำในระบบราชการอังกฤษหมายถึงห้ามรับราชการในทุกหน่วยงานทั่วประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/cyber-security/uk-cops-busted-for-faking-productivity-while-working-from-home-by-holding-down-keys-on-keyboard-26-officers-and-staff-reportedly-caught-trying-to-trick-keylogging-software
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 232 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เมื่อวิศวกรซอฟต์แวร์ถูกขอให้ทำสิ่งผิดกฎหมาย — บทเรียนจาก FTX, Frank และ Pollen ที่อาจช่วยคุณไม่ต้องใส่ชุดนักโทษ”

    ในโลกของเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยโค้ดและข้อมูล วิศวกรซอฟต์แวร์มักถูกมองว่าเป็นผู้สร้าง ไม่ใช่ผู้ตัดสินใจ แต่เมื่อคำสั่งจากผู้บริหารกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย พวกเขากลับกลายเป็น “ผู้ร่วมกระทำผิด” ได้โดยไม่ตั้งใจ บทความจาก The Pragmatic Engineer ได้รวบรวมกรณีจริง 3 เรื่อง ที่วิศวกรถูกขอให้ทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย — และผลลัพธ์ของการตัดสินใจนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

    กรณีแรกคือ Nishad Singh จาก FTX ซึ่งในปี 2022 ได้รับรู้ว่า Alameda Research กำลังใช้เงินลูกค้าจาก FTX ไปกว่า 13 พันล้านดอลลาร์ เขารู้สึกตกใจและจัดประชุมทันที แต่กลับเลือกที่จะ “อยู่ต่อเพื่อช่วยแก้ไข” แทนที่จะลาออกหรือแจ้งความ สุดท้ายเขาได้รับเงินกู้ 3.7 ล้านดอลลาร์จากบริษัท และต้องรับโทษทางกฎหมาย แม้จะได้รับการลดโทษเหลือเพียงการควบคุมตัว 3 ปี แต่ก็เป็นบทเรียนที่ชัดเจนว่า “การอยู่ต่อหลังรู้ว่ามีการโกง ไม่ใช่ทางออก”

    กรณีที่สองคือวิศวกรจาก Frank ซึ่งถูก CEO ขอให้สร้างข้อมูลลูกค้าเทียมกว่า 4.2 ล้านรายเพื่อให้บริษัทดูมีมูลค่ามากขึ้นก่อนขายให้ JPMorgan วิศวกรคนนั้นปฏิเสธทันที และส่งเฉพาะข้อมูลจริงที่มีอยู่ประมาณ 293,000 ราย สุดท้าย CEO ถูกจับและถูกตัดสินจำคุก 7 ปี ส่วนวิศวกรรอดพ้นจากทุกข้อกล่าวหา

    กรณีสุดท้ายคือบริษัท Pollen ที่มีการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าซ้ำโดยเจตนาเพื่อให้บริษัทมีเงินจ่ายเงินเดือน วิศวกรคนหนึ่งยอมทำตามคำสั่ง CEO โดยเขียนสคริปต์เพื่อเรียกเก็บเงินซ้ำ และยอมรับในภายหลังว่า “เป็นการตัดสินใจที่แย่มาก” แม้จะยังไม่มีการตั้งข้อหา แต่ก็เป็นความเสี่ยงที่อาจกลายเป็นคดีฉ้อโกงในอนาคต

    บทเรียนจากทั้งสามกรณีคือ — วิศวกรมีสิทธิ์ปฏิเสธ และควรใช้สิทธินั้นเมื่อพบว่าคำสั่งอาจผิดกฎหมาย เพราะการ “ทำตามคำสั่ง” ไม่ได้ปกป้องคุณจากผลทางกฎหมาย หากสิ่งที่คุณทำกลายเป็นหลักฐานในศาล

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Nishad Singh จาก FTX รู้ว่ามีการใช้เงินลูกค้าโดยมิชอบ แต่เลือกอยู่ต่อ
    เขาได้รับเงินกู้ 3.7 ล้านดอลลาร์หลังรู้เรื่อง และถูกดำเนินคดี
    ศาลลดโทษให้เหลือการควบคุมตัว 3 ปี เพราะเขาให้ความร่วมมือในการสอบสวน
    วิศวกรจาก Frank ถูกขอให้สร้างข้อมูลลูกค้าเทียม แต่ปฏิเสธทันที
    CEO ของ Frank ถูกตัดสินจำคุก 7 ปี ฐานฉ้อโกง JPMorgan
    ที่ Pollen มีการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าซ้ำโดยเจตนาเพื่อจ่ายเงินเดือน
    วิศวกรยอมทำตามคำสั่ง CEO และยอมรับภายหลังว่าเป็นการตัดสินใจผิด
    ยังไม่มีการตั้งข้อหาทางอาญาในกรณีของ Pollen ณ ตุลาคม 2025

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    กฎหมายสหรัฐฯ ให้รางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแส (whistleblower) สูงถึง 30% ของเงินที่รัฐเรียกคืน
    การลาออกทันทีหลังพบการกระทำผิดอาจช่วยลดความเสี่ยงทางกฎหมาย
    การรับเงินหรือผลประโยชน์หลังรู้ว่ามีการโกง อาจถูกตีความว่า “ร่วมมือ”
    การบันทึกคำสั่งที่อาจผิดกฎหมาย เช่น อีเมลหรือแชท เป็นหลักฐานสำคัญ
    การปรึกษาทนายก่อนตัดสินใจเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด

    https://blog.pragmaticengineer.com/asked-to-do-something-illegal-at-work/
    ⚖️ “เมื่อวิศวกรซอฟต์แวร์ถูกขอให้ทำสิ่งผิดกฎหมาย — บทเรียนจาก FTX, Frank และ Pollen ที่อาจช่วยคุณไม่ต้องใส่ชุดนักโทษ” ในโลกของเทคโนโลยีที่ขับเคลื่อนด้วยโค้ดและข้อมูล วิศวกรซอฟต์แวร์มักถูกมองว่าเป็นผู้สร้าง ไม่ใช่ผู้ตัดสินใจ แต่เมื่อคำสั่งจากผู้บริหารกลายเป็นสิ่งผิดกฎหมาย พวกเขากลับกลายเป็น “ผู้ร่วมกระทำผิด” ได้โดยไม่ตั้งใจ บทความจาก The Pragmatic Engineer ได้รวบรวมกรณีจริง 3 เรื่อง ที่วิศวกรถูกขอให้ทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย — และผลลัพธ์ของการตัดสินใจนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง กรณีแรกคือ Nishad Singh จาก FTX ซึ่งในปี 2022 ได้รับรู้ว่า Alameda Research กำลังใช้เงินลูกค้าจาก FTX ไปกว่า 13 พันล้านดอลลาร์ เขารู้สึกตกใจและจัดประชุมทันที แต่กลับเลือกที่จะ “อยู่ต่อเพื่อช่วยแก้ไข” แทนที่จะลาออกหรือแจ้งความ สุดท้ายเขาได้รับเงินกู้ 3.7 ล้านดอลลาร์จากบริษัท และต้องรับโทษทางกฎหมาย แม้จะได้รับการลดโทษเหลือเพียงการควบคุมตัว 3 ปี แต่ก็เป็นบทเรียนที่ชัดเจนว่า “การอยู่ต่อหลังรู้ว่ามีการโกง ไม่ใช่ทางออก” กรณีที่สองคือวิศวกรจาก Frank ซึ่งถูก CEO ขอให้สร้างข้อมูลลูกค้าเทียมกว่า 4.2 ล้านรายเพื่อให้บริษัทดูมีมูลค่ามากขึ้นก่อนขายให้ JPMorgan วิศวกรคนนั้นปฏิเสธทันที และส่งเฉพาะข้อมูลจริงที่มีอยู่ประมาณ 293,000 ราย สุดท้าย CEO ถูกจับและถูกตัดสินจำคุก 7 ปี ส่วนวิศวกรรอดพ้นจากทุกข้อกล่าวหา กรณีสุดท้ายคือบริษัท Pollen ที่มีการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าซ้ำโดยเจตนาเพื่อให้บริษัทมีเงินจ่ายเงินเดือน วิศวกรคนหนึ่งยอมทำตามคำสั่ง CEO โดยเขียนสคริปต์เพื่อเรียกเก็บเงินซ้ำ และยอมรับในภายหลังว่า “เป็นการตัดสินใจที่แย่มาก” แม้จะยังไม่มีการตั้งข้อหา แต่ก็เป็นความเสี่ยงที่อาจกลายเป็นคดีฉ้อโกงในอนาคต บทเรียนจากทั้งสามกรณีคือ — วิศวกรมีสิทธิ์ปฏิเสธ และควรใช้สิทธินั้นเมื่อพบว่าคำสั่งอาจผิดกฎหมาย เพราะการ “ทำตามคำสั่ง” ไม่ได้ปกป้องคุณจากผลทางกฎหมาย หากสิ่งที่คุณทำกลายเป็นหลักฐานในศาล ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Nishad Singh จาก FTX รู้ว่ามีการใช้เงินลูกค้าโดยมิชอบ แต่เลือกอยู่ต่อ ➡️ เขาได้รับเงินกู้ 3.7 ล้านดอลลาร์หลังรู้เรื่อง และถูกดำเนินคดี ➡️ ศาลลดโทษให้เหลือการควบคุมตัว 3 ปี เพราะเขาให้ความร่วมมือในการสอบสวน ➡️ วิศวกรจาก Frank ถูกขอให้สร้างข้อมูลลูกค้าเทียม แต่ปฏิเสธทันที ➡️ CEO ของ Frank ถูกตัดสินจำคุก 7 ปี ฐานฉ้อโกง JPMorgan ➡️ ที่ Pollen มีการเรียกเก็บเงินจากลูกค้าซ้ำโดยเจตนาเพื่อจ่ายเงินเดือน ➡️ วิศวกรยอมทำตามคำสั่ง CEO และยอมรับภายหลังว่าเป็นการตัดสินใจผิด ➡️ ยังไม่มีการตั้งข้อหาทางอาญาในกรณีของ Pollen ณ ตุลาคม 2025 ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ กฎหมายสหรัฐฯ ให้รางวัลแก่ผู้แจ้งเบาะแส (whistleblower) สูงถึง 30% ของเงินที่รัฐเรียกคืน ➡️ การลาออกทันทีหลังพบการกระทำผิดอาจช่วยลดความเสี่ยงทางกฎหมาย ➡️ การรับเงินหรือผลประโยชน์หลังรู้ว่ามีการโกง อาจถูกตีความว่า “ร่วมมือ” ➡️ การบันทึกคำสั่งที่อาจผิดกฎหมาย เช่น อีเมลหรือแชท เป็นหลักฐานสำคัญ ➡️ การปรึกษาทนายก่อนตัดสินใจเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยที่สุด https://blog.pragmaticengineer.com/asked-to-do-something-illegal-at-work/
    BLOG.PRAGMATICENGINEER.COM
    Asked to do something illegal at work? Here’s what these software engineers did
    At FTX, Frank, and Pollen, software engineers were asked to do something potentially illegal, or to go along with what looked like fraud. They obliged in two out of three cases, landed in hot water, and now face jail time. A reminder why it’s never a good idea to go along with such requests.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • โครงสร้างสังคมยุคใหม่ 2-10-68 …ภายใต้ระบอบพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข
    2/10/68
     ภาระหน้าที่ของรัฐ : หนุนช่วยภาคประชาชนและสร้างอาชีพให้กับประชาชน หมดปัญหาความเหลื่อมล้ำ - หมดปัญหาคนยากไร้
     ทั้งนี้เพื่อไม่เกิดปัญหาสังคมที่ครอบครัวแย่งชิงทรัพย์สมบัติกันเมื่อลูกหลานเติบโตขึ้น สายใยความรักแห่งครอบครัวและเครือญาติก็จะมั่นคงยั่งยืนและสุขใจ
     ปัญหาความขัดแย้งลูกจ้าง-นายจ้างก็จะหมดไป
     ปัญหาความโลภความเห็นแก่ตัวของนักการเมืองและส.ส.ก็จะสลายไป
     การเรียน เรียนที่ใจชอบ ที่ไม่ชอบไม่ต้องเสียเวลาเรียน จบแล้วให้อาชีพทำเลย (มีระบบทดสอบความชอบตั้งแต่เตรียมอนุบาล รู้ชัดแล้วแววชอบและทักษะไปทางใหนก็เสริมวิชาไปทางนั้น จัดให้เลย)
     การค้ายาเสบติด และ คอร์รัปชั่น โทษติดคุกและถึงขั้นประหารชีวิต ต้องเฉียบขาด

    1. ก่อนอื่น ลดค่าครองชีพประชาชน สร้างกำลังซื้อ สร้างภาวะหมุนเวียน
    - บ้านพักฟรี สถานที่ประกอบอาชีพฟรี การศึกษาฟรี
    - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เป็นรายบุคคล
    - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เครื่องมือพัฒนาจัดให้เลย เป็นคณะ นำโดยผู้นำ กรณีเกษตร ควรเป็นคณะ-ควรเป็นชุมชน ที่ดินจะได้ผืนใหญ่ ง่ายต่อเครื่องจักรใหญ่ การเป็นชุมชนการแปรพืชผลเกตรได้หลากหลาย (อาจต้องเสริมผู้จบหลักสูตรทำอาหารและชนม) ซึ่งนำโดยผู้นำและผู้บริหาร
    -สนองเครื่องเทคโนโลยี-ไฮเทค หุ้นส่วน+ภาครัฐ นำโดยผู้นำและผู้บริหาร

     ภาคประชาชน หนุนช่วยรัฐ :
    1.เมื่อปัจจัยพื้นฐานต่างๆในการประกอบอาชีพ ภาครัฐนั้นสนองให้ทั้งหมดแล้ว
    ส่วนภาคประชาชน การหนุนช่วยต่อภาครัฐ นั้น คือ ภาระหน้าที่ เสียภาษีแก่รัฐ (เพื่อรัฐจะได้ช่วยด้านต่างๆได้มากขึ้น) กิจการเล็ก-ใหญ่ล้วนต้องเสียภาษีตามรายได้-ตามยอดขาย โดยผ่านระบบคิวอาร์โค้ต เพื่อให้เงินภาษีไหลเวียนสู่การคลังได้ทันที เพื่อให้ภาครัฐมีกำลังเงินคล่องตัวหมุนเวียน
    # อุทิศเพื่อสังคม : หนุนช่วยภาครัฐในด้านต่างๆ
    # สนับสนุนหนุนช่วยต่อชนรุ่นใหม่ อาชีพเกิดใหม่
    *คำขวัญ คือ ช่วยชาติ ช่วยรัฐ ช่วยคนรุ่นใหม่- สิ่งเกิดใหม่!

    2.ธุรกิจประเภท “เก็งกำไร” จะต้องไม่ให้มี ในประเทศไทย (อย่าเหมือนจีนที่ประสพปัญหาเช่น วิกฤติอสังหาฯ และการศึกษาเอกชน(การเรียนแข่งกันสูงและแพง) เป็นภาระค่าใช้จ่ายสูงมาก ทำให้คนหนุ่มสาวไม่ยอมแต่งงาน ถ้าจะแต่งก็ไม่ยอมมีลูก เป็นผลให้ประชากรประเทศลดลง (ไม่สน ที่รัฐบาลมี นโยบายให้มีลูกสามคน – จากหนึ่งคน)

    *ประเทศไทย ต้องไม่มี ธุรกิจประเภท “เก็งกำไร” เช่น
    - ธุรกิจอสังหาฯ
    - ธุรกิจซื้อขายที่ดิน
    -ธุรกิจตลาดหลักทรัพย์
    -ธุรกิจปล่อยกู้
    -ธุรกิจการธนาคารเอกชน (ยกเว้นภาครัฐ่)
    -ธุรกิจการศึกษาเอกชนทั้งปวง
    • นับตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมหาวิทยาลัยเอกชน อีกทั้ง มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ: รวมทั้งสอนพิเศษ (เป็นหน้าที่โดยรัฐ่เท่านั้น)
    2.1 ธุรกิจอสังหา ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจปล่อยกู้
    พักหนี้ทั้งหมด 3 ปี ภาครัฐจะชดเชยให้แทน

    หมายเหตุ โครงสร้างสังคมยุคใหม่ ที่เขียนมานี้ เป็นเพียง ”รูปแบบโครงสร้างสังคมตัวอย่าง” จึงต้อง ช่วยกันคิด ช่วยกันเขียนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อเป็นเข็มทิศรูปธรรมแก่สังคม เป็นเป้าหมายให้มุ่งไป
    - ซึ่งการเคลื่อนไหวนั้น
    - ต้องมีเข็มทิศรูปธรรมเพื่อเป็นเป้าหมายนำพา และเป็นเป้าหมายของการตั้งพรรคของเราด้วย
    - คือต้อง “มีสามสิ่งนี้พร้อม!” ประเทศไทยเปลี่ยน!
    - 1.พลังของประชาชน (หมอเขียว คปท. คณะรวมพลังแผ่นดิน พันธมิตร=ต่างมีความพร้อม) สิ่งที่1นี้พร้อม
    - 2.เข็มทิศเป้าหมายรูปธรรม (รูปแบบโครงสร้างสังคมยุคใหม่ที่ตกผลึกกันแล้ว) สิ่งที่2นี้พร้อม
    - 3. โฉมหน้า “พรรคการเมืองใหม่หรือยุคใหม่นี้” ตั้งพรรคสำเร็จ คือ สิ่งที่3นี้พร้อม
    -
    อาวุธวิเศษสามสิ่งนี้ จะขาด จะหย่อนสิ่งใดไม่ได้

    การเลือกตั้งปี70ครั้งนี้(ช่วง28มิย.2570}
    ต้องตั้ง “พรรคการเมืองใหม่หรือยุคใหม่”เกิดขึ้นและ ชนะเลือกตั้ง ให้มีทุกจังหวัด ทุกอำเภอ

    A---------------------------------------------
    (คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ : ที่สำคัญ “การเลือกตั้ง”เป็นกระบวนการสำคัญในการปกครองระบอบประชาธิปไตยทางผู้แทน เพื่อกำหนดว่าใครจะเป็นผู้เข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อใช้อำนาจอธิปไตยแทนประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตย อาจกล่าวได้ว่าหากการปกครองใดไม่มีการเลือกตั้งย่อมไม่ใช่การปกครองระบอบประชาธิปไตย
    ประเทศไทยจึงเกิดภาวการณ์ ส.ส.และ นักการเมืองใช้หลากกลวิธีสกปรกแย่งชิงกันเพื่อเอาชนะเลือกตั้ง เพื่อมีสิทธิ์เข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อยึดอำนาจอธิปไตยที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตยของบ้านเมือง
    เพื่อยึดอำนาจ เพื่อเข้ากอบโกย

    จึงเป็นกติกาประเทศ ผู้ใดพรรคใดชนะเลือกตั้งก็มีสิทธ์มีอำนาจปกครองประเทศแทนประชาชน
    เจ้าของประเทศ

    a--------------------------------------
    พอดีช่วง28มิย.2570 จะมีการเลือกตั้ง
    จึงเป็นช่วงจังหวะที่ดีที่กระแสเหล่าพรรคการเมืองตกต่ำ
    จึงเป็นโอกาสตั้งพรรคการเมืองของเรา ซึ่งไม่ใช่ความต้องการส่วนตัว “อยากดัง” เลิกมองแบบนี้ได้เลย คำๆนี้ เป็นคำ”บอนไซ อนาคตประเทศ”
    เราต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ ต้องมีพรรค “เป็นกองหน้า” พรรคหนึ่งชื่อว่า พรรคการเมืองใหม่หรือพรรคการเมืองยุคใหม่ โดยมีนโยบายรูปธรรมเป็นเป้าหมาย
    การลงสมัครพรรคการเมือง (จึงมีสิทธิ์ลงเลือกตั้ง)
    การลงเลือกตั้ง(จีงจะมีสิทธิคว้าอำนาจทางการเมืองมันเป็นกติกาของบ้านเมือง) ความคิดจึงจะเป็นจริง

    การเคลื่อนไหว “ (หมอเขียว คปท. คณะรวมพลังแผ่นดิน พันธมิตร )สร้างความตื่นตัวของประชาชน
    คือ รูปการที่1 ส่วน (การตั้งพรรคการเมือง) เพื่อมุ่งสู่ยึดอำนาจรัฐ ด้วยรูปแบบตามกติกา “เลือกตั้ง”คือรูปการที่2 ทั้งสองรูปการต้องเดินคู่ขนานกันไป



    a------------------------------------

    ประเทศเนปาล ปัญหาเปราะบางของเขา คือ มีความเหลื่อมล้ำสูง จากการคอรัปชั่นของนักการเมือง คือการลงถนน 20 กว่าปี ของเขาต้องการเปลี่ยนแปลง อันดับแรกก็คือ “กษัตริย์” ที่ปกครองอยู่ ลงถนนกดดันขับไล่ จนกษัตริย์ลาออก ฝูงชนดีใจร้องรำทำเพลงกันเต็มท้องถนนที่จะได้ “ระบอบประชาธิปไตย”กันแล้ว จึงได้ “นักการเมือง -ส.ส.” มา ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าครองอำนาจ ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย ก็แก้ความเหลื่อมล้ำไม่ได้ ด้วยเนปาลพื้นที่ทำเกษตรเป็นป่าเขาเยอะจึงดึงพรรคคอมมิวนิสต์เข้ามา ทั้งเหมาอีดส์ และมาร์กซ์ ทำสงครามรบ ร่วม10ปี มีตายและบาดเจ็บ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นลงจับมือกับหัวหน้าพรรคฯออกกฎหมาย “พรรคคอมมิวต์ถูกต้องตามกฎหมาย สมัครเป็นพรรคการเมืองได้ จึงทำให้ประชาชนพากันผิดหวังกันไป ซึ่งปัญหาความเหลื่อมล้ำก็ไม่ได้รับการแก้ไข ขณะเดียวกันก็อัญเชิญกษัตรย์องค์เดิมมาปกครองต่อ อีกทั้งเห็นลูกหลานนักการเมืองใช้ชีวิตหรูหราใส่ชุดแบนด์หรู ออกสื่อโชว์ความสุขสำราญของพวกเขา ประจวบกับเหล่านักการเมืองในสภาผ่านเพิ่มเงินเดือนให้กันเอง ออกภาพสื่อร้องรำเต้นด้วยความดีใจกัน มีการคุมวัยเจนชีไม่ให้เข้าถึง แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เท่านั้นแหละ การเคลื่อนไหวลงถนนลุกลามไปใหญ่ ถึงแม้ ประกดาศยกเลิกการห้ามดูเน็ตก็เอาไม่อยู่ มีการเผาสภา เผาสถานที่ราชการ เผาบ้านนายกรัฐมนตรี ต่างๆ ไล่ทำร้ายรัฐมนตรีคลัง หนีลงน้ำยังถูกตามไล่ทำร้าย จนทหารออกมาระงับสถานการณ์ แต่เอาไม่อยู่ จนนายพลทับบกต้องออกมาเอง ขอคุยกับผู้นำกลุ่มเจนซี
    ตกลงจะมอบให้“สุศิลา คาร์กี”อดีตประธานศาลฎีกาเนปาล เป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการของเนปาล
    จัดให้การเลือกตั้งภายใน 6 เดือน (หลังเลือกตั้งเนปาลก็ยังคงเหมือนเดิม) พรรคการเมืองใหญ่8พรรคยังคงอยู่ : พรรคการเมืองหลัก 8 พรรคของเนปาล รวมถึง พรรคคองเกรสเนปาล (Nepali Congress) พรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (รวมลัทธิมาร์กซ์-เลนินิสต์) (CPN-UML) และพรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (ลัทธิเหมา) เนปาลจะไม่มีทางเปลี่ยนโฉมได้เลย
    สาเหตุเพราะ ขาดพรรคนำ ขาดเข็มทิศโครงสร้างสังคมเป็นเป้าหมาย ขาดพลังมวลชนที่ตื่นตัวทางทฤษฎี










    โครงสร้างสังคมยุคใหม่ 2-10-68 …ภายใต้ระบอบพระมหากษัตริย์ ทรงเป็นประมุข 2/10/68  ภาระหน้าที่ของรัฐ : หนุนช่วยภาคประชาชนและสร้างอาชีพให้กับประชาชน หมดปัญหาความเหลื่อมล้ำ - หมดปัญหาคนยากไร้  ทั้งนี้เพื่อไม่เกิดปัญหาสังคมที่ครอบครัวแย่งชิงทรัพย์สมบัติกันเมื่อลูกหลานเติบโตขึ้น สายใยความรักแห่งครอบครัวและเครือญาติก็จะมั่นคงยั่งยืนและสุขใจ  ปัญหาความขัดแย้งลูกจ้าง-นายจ้างก็จะหมดไป  ปัญหาความโลภความเห็นแก่ตัวของนักการเมืองและส.ส.ก็จะสลายไป  การเรียน เรียนที่ใจชอบ ที่ไม่ชอบไม่ต้องเสียเวลาเรียน จบแล้วให้อาชีพทำเลย (มีระบบทดสอบความชอบตั้งแต่เตรียมอนุบาล รู้ชัดแล้วแววชอบและทักษะไปทางใหนก็เสริมวิชาไปทางนั้น จัดให้เลย)  การค้ายาเสบติด และ คอร์รัปชั่น โทษติดคุกและถึงขั้นประหารชีวิต ต้องเฉียบขาด 1. ก่อนอื่น ลดค่าครองชีพประชาชน สร้างกำลังซื้อ สร้างภาวะหมุนเวียน - บ้านพักฟรี สถานที่ประกอบอาชีพฟรี การศึกษาฟรี - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เป็นรายบุคคล - สนองเครื่องประกอบอาชีพฟรี เครื่องมือพัฒนาจัดให้เลย เป็นคณะ นำโดยผู้นำ กรณีเกษตร ควรเป็นคณะ-ควรเป็นชุมชน ที่ดินจะได้ผืนใหญ่ ง่ายต่อเครื่องจักรใหญ่ การเป็นชุมชนการแปรพืชผลเกตรได้หลากหลาย (อาจต้องเสริมผู้จบหลักสูตรทำอาหารและชนม) ซึ่งนำโดยผู้นำและผู้บริหาร -สนองเครื่องเทคโนโลยี-ไฮเทค หุ้นส่วน+ภาครัฐ นำโดยผู้นำและผู้บริหาร  ภาคประชาชน หนุนช่วยรัฐ : 1.เมื่อปัจจัยพื้นฐานต่างๆในการประกอบอาชีพ ภาครัฐนั้นสนองให้ทั้งหมดแล้ว ส่วนภาคประชาชน การหนุนช่วยต่อภาครัฐ นั้น คือ ภาระหน้าที่ เสียภาษีแก่รัฐ (เพื่อรัฐจะได้ช่วยด้านต่างๆได้มากขึ้น) กิจการเล็ก-ใหญ่ล้วนต้องเสียภาษีตามรายได้-ตามยอดขาย โดยผ่านระบบคิวอาร์โค้ต เพื่อให้เงินภาษีไหลเวียนสู่การคลังได้ทันที เพื่อให้ภาครัฐมีกำลังเงินคล่องตัวหมุนเวียน # อุทิศเพื่อสังคม : หนุนช่วยภาครัฐในด้านต่างๆ # สนับสนุนหนุนช่วยต่อชนรุ่นใหม่ อาชีพเกิดใหม่ *คำขวัญ คือ ช่วยชาติ ช่วยรัฐ ช่วยคนรุ่นใหม่- สิ่งเกิดใหม่! 2.ธุรกิจประเภท “เก็งกำไร” จะต้องไม่ให้มี ในประเทศไทย (อย่าเหมือนจีนที่ประสพปัญหาเช่น วิกฤติอสังหาฯ และการศึกษาเอกชน(การเรียนแข่งกันสูงและแพง) เป็นภาระค่าใช้จ่ายสูงมาก ทำให้คนหนุ่มสาวไม่ยอมแต่งงาน ถ้าจะแต่งก็ไม่ยอมมีลูก เป็นผลให้ประชากรประเทศลดลง (ไม่สน ที่รัฐบาลมี นโยบายให้มีลูกสามคน – จากหนึ่งคน) *ประเทศไทย ต้องไม่มี ธุรกิจประเภท “เก็งกำไร” เช่น - ธุรกิจอสังหาฯ - ธุรกิจซื้อขายที่ดิน -ธุรกิจตลาดหลักทรัพย์ -ธุรกิจปล่อยกู้ -ธุรกิจการธนาคารเอกชน (ยกเว้นภาครัฐ่) -ธุรกิจการศึกษาเอกชนทั้งปวง • นับตั้งแต่ชั้นอนุบาลถึงมหาวิทยาลัยเอกชน อีกทั้ง มหาวิทยาลัยในกำกับของรัฐ: รวมทั้งสอนพิเศษ (เป็นหน้าที่โดยรัฐ่เท่านั้น) 2.1 ธุรกิจอสังหา ธุรกิจธนาคารเอกชน ธุรกิจปล่อยกู้ พักหนี้ทั้งหมด 3 ปี ภาครัฐจะชดเชยให้แทน หมายเหตุ โครงสร้างสังคมยุคใหม่ ที่เขียนมานี้ เป็นเพียง ”รูปแบบโครงสร้างสังคมตัวอย่าง” จึงต้อง ช่วยกันคิด ช่วยกันเขียนให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้น เพื่อเป็นเข็มทิศรูปธรรมแก่สังคม เป็นเป้าหมายให้มุ่งไป - ซึ่งการเคลื่อนไหวนั้น - ต้องมีเข็มทิศรูปธรรมเพื่อเป็นเป้าหมายนำพา และเป็นเป้าหมายของการตั้งพรรคของเราด้วย - คือต้อง “มีสามสิ่งนี้พร้อม!” ประเทศไทยเปลี่ยน! - 1.พลังของประชาชน (หมอเขียว คปท. คณะรวมพลังแผ่นดิน พันธมิตร=ต่างมีความพร้อม) สิ่งที่1นี้พร้อม - 2.เข็มทิศเป้าหมายรูปธรรม (รูปแบบโครงสร้างสังคมยุคใหม่ที่ตกผลึกกันแล้ว) สิ่งที่2นี้พร้อม - 3. โฉมหน้า “พรรคการเมืองใหม่หรือยุคใหม่นี้” ตั้งพรรคสำเร็จ คือ สิ่งที่3นี้พร้อม - อาวุธวิเศษสามสิ่งนี้ จะขาด จะหย่อนสิ่งใดไม่ได้ – การเลือกตั้งปี70ครั้งนี้(ช่วง28มิย.2570} ต้องตั้ง “พรรคการเมืองใหม่หรือยุคใหม่”เกิดขึ้นและ ชนะเลือกตั้ง ให้มีทุกจังหวัด ทุกอำเภอ A--------------------------------------------- (คำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ : ที่สำคัญ “การเลือกตั้ง”เป็นกระบวนการสำคัญในการปกครองระบอบประชาธิปไตยทางผู้แทน เพื่อกำหนดว่าใครจะเป็นผู้เข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อใช้อำนาจอธิปไตยแทนประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตย อาจกล่าวได้ว่าหากการปกครองใดไม่มีการเลือกตั้งย่อมไม่ใช่การปกครองระบอบประชาธิปไตย ประเทศไทยจึงเกิดภาวการณ์ ส.ส.และ นักการเมืองใช้หลากกลวิธีสกปรกแย่งชิงกันเพื่อเอาชนะเลือกตั้ง เพื่อมีสิทธิ์เข้าไปดำรงตำแหน่งทางการเมืองเพื่อยึดอำนาจอธิปไตยที่ประชาชนเป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตยของบ้านเมือง เพื่อยึดอำนาจ เพื่อเข้ากอบโกย จึงเป็นกติกาประเทศ ผู้ใดพรรคใดชนะเลือกตั้งก็มีสิทธ์มีอำนาจปกครองประเทศแทนประชาชน เจ้าของประเทศ a-------------------------------------- พอดีช่วง28มิย.2570 จะมีการเลือกตั้ง จึงเป็นช่วงจังหวะที่ดีที่กระแสเหล่าพรรคการเมืองตกต่ำ จึงเป็นโอกาสตั้งพรรคการเมืองของเรา ซึ่งไม่ใช่ความต้องการส่วนตัว “อยากดัง” เลิกมองแบบนี้ได้เลย คำๆนี้ เป็นคำ”บอนไซ อนาคตประเทศ” เราต้องการเปลี่ยนแปลงประเทศ ต้องมีพรรค “เป็นกองหน้า” พรรคหนึ่งชื่อว่า พรรคการเมืองใหม่หรือพรรคการเมืองยุคใหม่ โดยมีนโยบายรูปธรรมเป็นเป้าหมาย การลงสมัครพรรคการเมือง (จึงมีสิทธิ์ลงเลือกตั้ง) การลงเลือกตั้ง(จีงจะมีสิทธิคว้าอำนาจทางการเมืองมันเป็นกติกาของบ้านเมือง) ความคิดจึงจะเป็นจริง การเคลื่อนไหว “ (หมอเขียว คปท. คณะรวมพลังแผ่นดิน พันธมิตร )สร้างความตื่นตัวของประชาชน คือ รูปการที่1 ส่วน (การตั้งพรรคการเมือง) เพื่อมุ่งสู่ยึดอำนาจรัฐ ด้วยรูปแบบตามกติกา “เลือกตั้ง”คือรูปการที่2 ทั้งสองรูปการต้องเดินคู่ขนานกันไป a------------------------------------ ประเทศเนปาล ปัญหาเปราะบางของเขา คือ มีความเหลื่อมล้ำสูง จากการคอรัปชั่นของนักการเมือง คือการลงถนน 20 กว่าปี ของเขาต้องการเปลี่ยนแปลง อันดับแรกก็คือ “กษัตริย์” ที่ปกครองอยู่ ลงถนนกดดันขับไล่ จนกษัตริย์ลาออก ฝูงชนดีใจร้องรำทำเพลงกันเต็มท้องถนนที่จะได้ “ระบอบประชาธิปไตย”กันแล้ว จึงได้ “นักการเมือง -ส.ส.” มา ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันเข้าครองอำนาจ ใช้ชีวิตอย่างฟุ่มเฟือย ก็แก้ความเหลื่อมล้ำไม่ได้ ด้วยเนปาลพื้นที่ทำเกษตรเป็นป่าเขาเยอะจึงดึงพรรคคอมมิวนิสต์เข้ามา ทั้งเหมาอีดส์ และมาร์กซ์ ทำสงครามรบ ร่วม10ปี มีตายและบาดเจ็บ นายกรัฐมนตรีขณะนั้นลงจับมือกับหัวหน้าพรรคฯออกกฎหมาย “พรรคคอมมิวต์ถูกต้องตามกฎหมาย สมัครเป็นพรรคการเมืองได้ จึงทำให้ประชาชนพากันผิดหวังกันไป ซึ่งปัญหาความเหลื่อมล้ำก็ไม่ได้รับการแก้ไข ขณะเดียวกันก็อัญเชิญกษัตรย์องค์เดิมมาปกครองต่อ อีกทั้งเห็นลูกหลานนักการเมืองใช้ชีวิตหรูหราใส่ชุดแบนด์หรู ออกสื่อโชว์ความสุขสำราญของพวกเขา ประจวบกับเหล่านักการเมืองในสภาผ่านเพิ่มเงินเดือนให้กันเอง ออกภาพสื่อร้องรำเต้นด้วยความดีใจกัน มีการคุมวัยเจนชีไม่ให้เข้าถึง แพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ เท่านั้นแหละ การเคลื่อนไหวลงถนนลุกลามไปใหญ่ ถึงแม้ ประกดาศยกเลิกการห้ามดูเน็ตก็เอาไม่อยู่ มีการเผาสภา เผาสถานที่ราชการ เผาบ้านนายกรัฐมนตรี ต่างๆ ไล่ทำร้ายรัฐมนตรีคลัง หนีลงน้ำยังถูกตามไล่ทำร้าย จนทหารออกมาระงับสถานการณ์ แต่เอาไม่อยู่ จนนายพลทับบกต้องออกมาเอง ขอคุยกับผู้นำกลุ่มเจนซี ตกลงจะมอบให้“สุศิลา คาร์กี”อดีตประธานศาลฎีกาเนปาล เป็นนายกรัฐมนตรีรักษาการของเนปาล จัดให้การเลือกตั้งภายใน 6 เดือน (หลังเลือกตั้งเนปาลก็ยังคงเหมือนเดิม) พรรคการเมืองใหญ่8พรรคยังคงอยู่ : พรรคการเมืองหลัก 8 พรรคของเนปาล รวมถึง พรรคคองเกรสเนปาล (Nepali Congress) พรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (รวมลัทธิมาร์กซ์-เลนินิสต์) (CPN-UML) และพรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (ลัทธิเหมา) เนปาลจะไม่มีทางเปลี่ยนโฉมได้เลย สาเหตุเพราะ ขาดพรรคนำ ขาดเข็มทิศโครงสร้างสังคมเป็นเป้าหมาย ขาดพลังมวลชนที่ตื่นตัวทางทฤษฎี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 389 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ผู้กองแคท”ร.ต.อ.หญิงอาทิติยา เบ็ญจะปัก รายงานตัวต่อผู้ว่าฯศรีสะเกษ หลังยื่นลาออกจากราชการ เปิดใจสั้น ๆ พร้อมปฏิบัติหน้าที่ ด้านผู้ว่าฯ แนะ เมืองดอกลำดวนเป็นเมืองน่าอยู่ ให้ลองเปิดใจส่วนหนังสือยื่นลาออกจากราชการขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้บังคับบัญชา

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000094193

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    “ผู้กองแคท”ร.ต.อ.หญิงอาทิติยา เบ็ญจะปัก รายงานตัวต่อผู้ว่าฯศรีสะเกษ หลังยื่นลาออกจากราชการ เปิดใจสั้น ๆ พร้อมปฏิบัติหน้าที่ ด้านผู้ว่าฯ แนะ เมืองดอกลำดวนเป็นเมืองน่าอยู่ ให้ลองเปิดใจส่วนหนังสือยื่นลาออกจากราชการขึ้นอยู่กับการพิจารณาของผู้บังคับบัญชา อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000094193 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 379 มุมมอง 0 รีวิว
  • พบผู้กองแคทโผล่ศรีสะเกษ รายงานตัวรับตำแหน่งปลัดอำเภอ แม้จะยื่นใบลาออกไปแล้วก่อนหน้านี้ ด้านปลัด มท. ยอมรับเจ้าตัวลาออกจริง แต่ยังไม่รู้ว่าผู้บังคับบัญชาเซ็นอนุมัติแล้วหรือไม่
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000094181

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    พบผู้กองแคทโผล่ศรีสะเกษ รายงานตัวรับตำแหน่งปลัดอำเภอ แม้จะยื่นใบลาออกไปแล้วก่อนหน้านี้ ด้านปลัด มท. ยอมรับเจ้าตัวลาออกจริง แต่ยังไม่รู้ว่าผู้บังคับบัญชาเซ็นอนุมัติแล้วหรือไม่ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000094181 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 531 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'สันติ พร้อมพัฒน์' ลาออกจาก พปชร. แล้ว หอบลูกชายสมัครเป็นสมาชิก พรรคภูมิใจไทยตลอดชีพทันที
    https://www.thai-tai.tv/news/21701/
    .
    #สันติพร้อมพัฒน์ #ภูมิใจไทย #อนุทินชาญวีรกูล #ลาออกพปชร #การเมืองไทย #ย้ายพรรค #สมาชิกตลอดชีพ
    'สันติ พร้อมพัฒน์' ลาออกจาก พปชร. แล้ว หอบลูกชายสมัครเป็นสมาชิก พรรคภูมิใจไทยตลอดชีพทันที https://www.thai-tai.tv/news/21701/ . #สันติพร้อมพัฒน์ #ภูมิใจไทย #อนุทินชาญวีรกูล #ลาออกพปชร #การเมืองไทย #ย้ายพรรค #สมาชิกตลอดชีพ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 124 มุมมอง 0 รีวิว
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ”
    ตอนที่ 1 : “เสี้ยม 2”
    Istanbul ฤดูร้อน ปี ค.ศ. 1914 เมืองหลวงของจักรวรรดิออตโตมาน เหมือนอยู่ไกลไปครึ่งโลกห่างวัง ฤดูร้อนใน Ischi ที่ Emperor Franz Joseph ที่ 1 ลงนามในแถลงการณ์ “To My People” เมื่อวันที่ 28 ก.ค 1914 แจ้งให้ชาวออสเตรียรู้ว่า ออสเตรียได้ประกาศสงครามกับ Serbia อย่างเป็นทางการแล้ว !
    เป็นเวลาหลายศตวรรษมาแล้ว ที่อาณาจักรออตโตมานควบคุมทางใต้และตะวันออกของเมดิเตอเรเนียน ตั้งแต่เมือง Alexandretta ถึง Arish และจาก Maghreb ไปถึง Suez ส่วน Algeria และ Tunesia ตกอยู่ในการดูแลของฝรั่งเศส ในขณะที่อังกฤษงาบ อียิปต์ไปเรียบร้อยแล้ว
    ในปี ค.ศ. 1911 อิตาลีได้ยึดหัวหาดอยู่ที่ลิเบีย ก่อนที่จะเกิดสงครามโลก อาณาจักรออตโตมานถูกรุมทึ้งจนเหลือเพียงตุรกี (เท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน) ตะวันออกกลางและอิรัค (เท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน) และดินแดนยาวเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่แถบคาบสมุทรอารเบียยาวไปถึงเยเมน
    ตรงบริเวณนี้แหละ ตรงที่เป็นภาคใต้ของตุรกีปัจจุบัน ที่เป็นศูนย์กลางของสงครามในตะวันออกกลางในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ดินแดนส่วนนี้ได้พยุงตัวด้วยความยากลำบาก เป็นเวลากว่า 400 ปี ที่จะให้อยู่รอดพ้นจากการเหลือแต่ชื่อ แต่แล้วพอถึงต้นศตวรรษที่ 20 ดินแดนส่วนนี้ก็ยิ่งอาการสาหัส กลายเป็นแดนวิกฤติ อย่างที่เรารู้อยู่ในปัจจุบัน บริเวณที่เมืองต่าง ๆ ในแถบนั้นต้องประสบกับความทุกข์ทรมานยาวหลายชั่วคน เช่น Basra, Bagdad, Aleppo, Damascus, Beirut, Gaza และ Suez ฯลฯ เมืองที่เราเห็นชื่อตามสื่อและ breaking news ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนแทบจะเลิกสนใจเพราะนึกว่าเอาเทปของเก่ามาเล่นซ้ำ
    โชคดีที่พวกชักใยหรือตัวละครเอกที่แสดงอยู่ในฉากสงครามโลกครั้งที่ 1 ขณะนั้นยังไม่รู้ว่า ที่สนามหลังบ้านของอาณาจักรออตโตมาน มีแหล่งพลังงานน้ำมันใหญ่ที่สุด ซ่อนตัวอยู่ ถ้าไอ้พวกนั้นได้รู้ การต่อสู้ที่ตะวันออกกลางช่วงนั้นคงจะยิ่งดุเดือดและทารุณโหดร้าย ป่าเถื่อนกว่าที่ได้เกิดขึ้นอีกมากมาย ในขณะนั้น คู่สงครามต่างแสดงบทที่ดูเหมือนจะต้องการเพียงแค่ กำจัดอีกฝ่ายหนึ่งให้หมดไปจากทางเดินของตน ไม่ให้อีกฝ่ายหนึ่งมีอิทธิพล มีอำนาจมากกว่า ยิ่งใหญ่กว่า ต่างฝ่ายต่างไม่ต้องการให้อีกฝ่ายทำสำเร็จ และพยายามทุกอย่างที่จะขัดขวางกันและกันเท่านั้น
    อังกฤษ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าข้างซ้าย สบโอกาสที่จะสลายอาณาจักรออตโตมาน ของนักไต่ลวดชาวตุรกี และยึดเอามาเป็นของตน เพื่อขยายอิทธิพลของตนไปทางตะวันออกกลางมากขึ้น ขณะนั้นอังกฤษมีอิทธิพลเหนืออียิปต์ อยู่แล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1888 และเหนืออินเดีย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1857 ยังเหลืออาณาจักรออตโตมาน ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง ระหว่าง 2 อาณานิคมสำคัญ นี่ถ้าได้อาณาจักรออตโตมานอีกรายการ อาการฟันห่างระหว่างอียิปต์กับอินเดียก็จะแคบเข้ามา อังกฤษจะนั่งรอให้โอกาสวิ่งผ่านไป โดยไม่ฉวยได้อย่างไร ความคิดที่จะใช้สงครามโลกเป็นเครื่องมือถอนราก ถอนโคน อาณาจักรของนักไต่ลวด พร้อมกับการสกัดและทำลายเยอรมันที่คิดทาบรัศมีด้วยการสร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ไปพร้อมกันจึงเกิดขึ้น
    อาณาจักรออตโตมาน ตัดสินใจว่าจะวางตัวเป็นกลาง ก็เป็นคนป่วยนี่ ไม่แข็งแรงพอที่จะไปต่อสู้กับใครได้ อยู่เฉย ๆ น่าจะดีและเหมาะกับสภาพของออตโตมานตอนนั้นมากกว่า สุลต่านผู้ครองจักรวรรดิออตโตมาน เป็นเสมือนหุ่นไม่มีอำนาจจริง หลังจากสุลต่าน Abdulhamid II ซึ่งเป็นสุลต่านที่มีอำนาจคนสุด ท้าย ถูกโค่นลงเมื่อปี 1908 แล้ว สุลต่านคนต่อ ๆ มา ก็หมกตัวอยู่แต่ในฮาเร็ม ให้รัฐบาลทหาร ซึ่งนำโดย Three Pasha เป็นผู้บริหารแทน ปาชาไม่ใช่พวกเคร่งศาสนาและออกจะเป็นพวกนิยมตะวันตกด้วยซ้ำ
    เป็นทหารจะไปรู้เรื่องการค้ามากมายอะไร (ผมหมายถึงปาชานะครับ อย่าเข้าใจผิดว่าเขียนถึงทหารอื่น ซึ่งเก่งทั้งการทหาร การค้า การปกครอง และอื่น ๆ อีกมากมาย) แล้วอาณาจักรออตโตมานก็ถึงเวลากระเป๋าแห้ง และฉีกขาดต่อมา เป็นหนี้ฝรั่งตะวันตกบานตะเกียง ชนิดไม่มีทางจะใช้คืน นอกจากเบี้ยวเขา หรือเป็นทาสเขาไปเท่านั้น แล้วไงล่ะ ขอไปร่วมอยู่ฝั่งเดียวกับเขา เขาก็ถีบทิ้ง นักไต่ลวดจึงถลาลงพื้น หัวฟาดอย่างเดียวไม่พอ กระเป๋าฉีกขาดอีกด้วย ทั้งเจ็บ ทั้งจนขนาดนี้ จะมีทางเลือกอะไร จึงจำใจไปเข้ากับอีกฝ่ายหนึ่ง
    ตุลาคม ค.ศ. 1914 ตุรกี (หรืออาณาจักรออตโตมานขณะนั้น) จึงประกาศตัวอยู่ฝ่ายเยอรมันกับพวก ที่น่าจะกระเป๋าตุงเพราะทำซ่า ว่าจะสร้างทางรถไฟข้ามทวีป เบอร์ลิน แบกแดด ท้าทายชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย แต่ก่อนประกาศตัวอยู่กับฝ่ายเยอรมันเป็นทางการ คนป่วยตุรกีแอบทำสัญญาลับกับ คุณหมอเยอรมัน เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม หลังจากนั้นไม่นาน เรือรบสัญชาติเยอรมัน 2 ลำ SMS Goeben และ SMS Breslau ก็วิ่งมาเงียบ ๆ จากฝั่งตะวันตกของเมดิเตอริเรเนียน ถึงกรุงคอนสแตนติโนเบิล เมื่อเทียบท่าเรียบร้อย ก็ทำพิธีส่งมอบให้ออตโตมาน ซึ่งขณะนั้นบอกว่ายังเป็นกลางอยู่ ออตโตมานตั้งชื่อเรือเสียใหม่ว่า Yavuz และ Midilli ให้มีกลิ่นแกะตุรกีติดเรือ แทนกลิ่นไส้กรอกกับผักดองเปรี้ยวของเยอรมัน พลประจำเรือชาวเยอรมันยังไม่ได้หายตัวไปไหน แค่เปลี่ยนชุดและใส่หมวกตุรกีแทนเท่านั้น เป็นคนป่วยที่ดูเหมือน ยังมีเหลี่ยมติดตัวอยู่ไม่น้อย
    หลังจากนั่นเรือรบ 2 ลำ เดินทางต่อไปถึง Golden Horn และต่อไปที่เมือง Dardanelles ปฏิบัติการยั่วยวนก็เกิดขึ้นทันที ออตโตมานและเยอรมัน ได้ปิดทางเชื่อมระหว่างรัสเซียออกจากพวก คือ ฝรั่งเศส และอังกฤษ หลังจากนั้น เครื่องบินรบติดธงออตโตมาน ก็บินขึ้นจากเรือรบ Goeben ถล่มท่าเรือรัสเซียที่ทะเลดำ การยั่วยวนได้ผล ต้นเดือนพฤศจิกายน รัสเซีย อังกฤษ และฝรั่งเศส ก็ประกาศสงครามกับจักรวรรดิออตโตมาน
    อังกฤษพยายามที่จะทลายการปิดกั้นเส้นทางที่ Dardanelles และยึดเมืองคอนสแตนติโนเบิล ยกโขยงกองทัพเรือมาพร้อมกับของฝรั่งเศสมาทางแหลม Gallipoli การสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือด ทั้งทางเรือและทางบก ผลสุดท้ายคนป่วย ออตโตมานที่มีหมอดียาดี ยี่ห้อเยอรมัน ลุกขึ้นกวาดกองทัพอังกฤษแตกกลับ ลงทะเล ผลของคนป่วยได้ยาดี ทำให้ท่านหลอด Winston Churchill แม่ทัพเรือ ยื่นใบลาออกเพราะแพ้คนป่วย จะแก้ตัวยังไงดี ลาออกง่ายกว่า ผลการประเมินคนป่วยผิดคาดนี้ ทำให้เกิดบาดแผลมากมาย ทหารของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ลูกกระเป๋งของอังกฤษตายเป็นเบือ จนเดี๋ยวนี้ทั้ง 2 ชาติ ก็ไม่มีวันลืมสงครามคนป่วย
    ความพ่ายแพ้ที่ Gallipoli ทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรโดยเฉพาะอังกฤษ เปลี่ยนยุทธศาสตร์การรบใหม่ หลังจากแผนการตีกล่องดวงใจ ของออตโตมานล้มเหลว อังกฤษเปลี่ยนแผนเป็น ไล่เซิ้งเมืองรอบนอกให้ยับเยินแทน เป้าหมายมุ่งไปที่เมืองที่มีชาวอาหรับอ่อนแอดูแลอยู่
    กลยุทธที่อังกฤษถนัดใช้และพกติดตัวไว้เสมอ คือไม้เสี้ยม ไม่ต้องลงทุนมาก ใช้ความคิดชั่ว ๆ กับปากก็พอ อังกฤษตั้งใจจะใช้ชาวอาหรับ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออตโตมาน เป็นเครื่องมือในการช่วยทลายออตโตมานเอง ในที่สุดก็หาเครื่องมือนี้เจอที่เมือง Hejaz ที่บริเวณตะวันตกของคาบสมุทรอารเบีย
    สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
17 ส.ค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “เหยื่อ” ตอนที่ 1 : “เสี้ยม 2” Istanbul ฤดูร้อน ปี ค.ศ. 1914 เมืองหลวงของจักรวรรดิออตโตมาน เหมือนอยู่ไกลไปครึ่งโลกห่างวัง ฤดูร้อนใน Ischi ที่ Emperor Franz Joseph ที่ 1 ลงนามในแถลงการณ์ “To My People” เมื่อวันที่ 28 ก.ค 1914 แจ้งให้ชาวออสเตรียรู้ว่า ออสเตรียได้ประกาศสงครามกับ Serbia อย่างเป็นทางการแล้ว ! เป็นเวลาหลายศตวรรษมาแล้ว ที่อาณาจักรออตโตมานควบคุมทางใต้และตะวันออกของเมดิเตอเรเนียน ตั้งแต่เมือง Alexandretta ถึง Arish และจาก Maghreb ไปถึง Suez ส่วน Algeria และ Tunesia ตกอยู่ในการดูแลของฝรั่งเศส ในขณะที่อังกฤษงาบ อียิปต์ไปเรียบร้อยแล้ว ในปี ค.ศ. 1911 อิตาลีได้ยึดหัวหาดอยู่ที่ลิเบีย ก่อนที่จะเกิดสงครามโลก อาณาจักรออตโตมานถูกรุมทึ้งจนเหลือเพียงตุรกี (เท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน) ตะวันออกกลางและอิรัค (เท่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน) และดินแดนยาวเป็นเส้นก๋วยเตี๋ยวอยู่แถบคาบสมุทรอารเบียยาวไปถึงเยเมน ตรงบริเวณนี้แหละ ตรงที่เป็นภาคใต้ของตุรกีปัจจุบัน ที่เป็นศูนย์กลางของสงครามในตะวันออกกลางในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 1 ดินแดนส่วนนี้ได้พยุงตัวด้วยความยากลำบาก เป็นเวลากว่า 400 ปี ที่จะให้อยู่รอดพ้นจากการเหลือแต่ชื่อ แต่แล้วพอถึงต้นศตวรรษที่ 20 ดินแดนส่วนนี้ก็ยิ่งอาการสาหัส กลายเป็นแดนวิกฤติ อย่างที่เรารู้อยู่ในปัจจุบัน บริเวณที่เมืองต่าง ๆ ในแถบนั้นต้องประสบกับความทุกข์ทรมานยาวหลายชั่วคน เช่น Basra, Bagdad, Aleppo, Damascus, Beirut, Gaza และ Suez ฯลฯ เมืองที่เราเห็นชื่อตามสื่อและ breaking news ซ้ำแล้วซ้ำอีก จนแทบจะเลิกสนใจเพราะนึกว่าเอาเทปของเก่ามาเล่นซ้ำ โชคดีที่พวกชักใยหรือตัวละครเอกที่แสดงอยู่ในฉากสงครามโลกครั้งที่ 1 ขณะนั้นยังไม่รู้ว่า ที่สนามหลังบ้านของอาณาจักรออตโตมาน มีแหล่งพลังงานน้ำมันใหญ่ที่สุด ซ่อนตัวอยู่ ถ้าไอ้พวกนั้นได้รู้ การต่อสู้ที่ตะวันออกกลางช่วงนั้นคงจะยิ่งดุเดือดและทารุณโหดร้าย ป่าเถื่อนกว่าที่ได้เกิดขึ้นอีกมากมาย ในขณะนั้น คู่สงครามต่างแสดงบทที่ดูเหมือนจะต้องการเพียงแค่ กำจัดอีกฝ่ายหนึ่งให้หมดไปจากทางเดินของตน ไม่ให้อีกฝ่ายหนึ่งมีอิทธิพล มีอำนาจมากกว่า ยิ่งใหญ่กว่า ต่างฝ่ายต่างไม่ต้องการให้อีกฝ่ายทำสำเร็จ และพยายามทุกอย่างที่จะขัดขวางกันและกันเท่านั้น อังกฤษ ชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าข้างซ้าย สบโอกาสที่จะสลายอาณาจักรออตโตมาน ของนักไต่ลวดชาวตุรกี และยึดเอามาเป็นของตน เพื่อขยายอิทธิพลของตนไปทางตะวันออกกลางมากขึ้น ขณะนั้นอังกฤษมีอิทธิพลเหนืออียิปต์ อยู่แล้ว ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1888 และเหนืออินเดีย ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1857 ยังเหลืออาณาจักรออตโตมาน ซึ่งตั้งอยู่ตรงกลาง ระหว่าง 2 อาณานิคมสำคัญ นี่ถ้าได้อาณาจักรออตโตมานอีกรายการ อาการฟันห่างระหว่างอียิปต์กับอินเดียก็จะแคบเข้ามา อังกฤษจะนั่งรอให้โอกาสวิ่งผ่านไป โดยไม่ฉวยได้อย่างไร ความคิดที่จะใช้สงครามโลกเป็นเครื่องมือถอนราก ถอนโคน อาณาจักรของนักไต่ลวด พร้อมกับการสกัดและทำลายเยอรมันที่คิดทาบรัศมีด้วยการสร้างทางรถไฟสาย Berlin Bagdad ไปพร้อมกันจึงเกิดขึ้น อาณาจักรออตโตมาน ตัดสินใจว่าจะวางตัวเป็นกลาง ก็เป็นคนป่วยนี่ ไม่แข็งแรงพอที่จะไปต่อสู้กับใครได้ อยู่เฉย ๆ น่าจะดีและเหมาะกับสภาพของออตโตมานตอนนั้นมากกว่า สุลต่านผู้ครองจักรวรรดิออตโตมาน เป็นเสมือนหุ่นไม่มีอำนาจจริง หลังจากสุลต่าน Abdulhamid II ซึ่งเป็นสุลต่านที่มีอำนาจคนสุด ท้าย ถูกโค่นลงเมื่อปี 1908 แล้ว สุลต่านคนต่อ ๆ มา ก็หมกตัวอยู่แต่ในฮาเร็ม ให้รัฐบาลทหาร ซึ่งนำโดย Three Pasha เป็นผู้บริหารแทน ปาชาไม่ใช่พวกเคร่งศาสนาและออกจะเป็นพวกนิยมตะวันตกด้วยซ้ำ เป็นทหารจะไปรู้เรื่องการค้ามากมายอะไร (ผมหมายถึงปาชานะครับ อย่าเข้าใจผิดว่าเขียนถึงทหารอื่น ซึ่งเก่งทั้งการทหาร การค้า การปกครอง และอื่น ๆ อีกมากมาย) แล้วอาณาจักรออตโตมานก็ถึงเวลากระเป๋าแห้ง และฉีกขาดต่อมา เป็นหนี้ฝรั่งตะวันตกบานตะเกียง ชนิดไม่มีทางจะใช้คืน นอกจากเบี้ยวเขา หรือเป็นทาสเขาไปเท่านั้น แล้วไงล่ะ ขอไปร่วมอยู่ฝั่งเดียวกับเขา เขาก็ถีบทิ้ง นักไต่ลวดจึงถลาลงพื้น หัวฟาดอย่างเดียวไม่พอ กระเป๋าฉีกขาดอีกด้วย ทั้งเจ็บ ทั้งจนขนาดนี้ จะมีทางเลือกอะไร จึงจำใจไปเข้ากับอีกฝ่ายหนึ่ง ตุลาคม ค.ศ. 1914 ตุรกี (หรืออาณาจักรออตโตมานขณะนั้น) จึงประกาศตัวอยู่ฝ่ายเยอรมันกับพวก ที่น่าจะกระเป๋าตุงเพราะทำซ่า ว่าจะสร้างทางรถไฟข้ามทวีป เบอร์ลิน แบกแดด ท้าทายชาวเกาะใหญ่เท่าปลายนิ้วก้อยของเท้าซ้าย แต่ก่อนประกาศตัวอยู่กับฝ่ายเยอรมันเป็นทางการ คนป่วยตุรกีแอบทำสัญญาลับกับ คุณหมอเยอรมัน เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม หลังจากนั้นไม่นาน เรือรบสัญชาติเยอรมัน 2 ลำ SMS Goeben และ SMS Breslau ก็วิ่งมาเงียบ ๆ จากฝั่งตะวันตกของเมดิเตอริเรเนียน ถึงกรุงคอนสแตนติโนเบิล เมื่อเทียบท่าเรียบร้อย ก็ทำพิธีส่งมอบให้ออตโตมาน ซึ่งขณะนั้นบอกว่ายังเป็นกลางอยู่ ออตโตมานตั้งชื่อเรือเสียใหม่ว่า Yavuz และ Midilli ให้มีกลิ่นแกะตุรกีติดเรือ แทนกลิ่นไส้กรอกกับผักดองเปรี้ยวของเยอรมัน พลประจำเรือชาวเยอรมันยังไม่ได้หายตัวไปไหน แค่เปลี่ยนชุดและใส่หมวกตุรกีแทนเท่านั้น เป็นคนป่วยที่ดูเหมือน ยังมีเหลี่ยมติดตัวอยู่ไม่น้อย หลังจากนั่นเรือรบ 2 ลำ เดินทางต่อไปถึง Golden Horn และต่อไปที่เมือง Dardanelles ปฏิบัติการยั่วยวนก็เกิดขึ้นทันที ออตโตมานและเยอรมัน ได้ปิดทางเชื่อมระหว่างรัสเซียออกจากพวก คือ ฝรั่งเศส และอังกฤษ หลังจากนั้น เครื่องบินรบติดธงออตโตมาน ก็บินขึ้นจากเรือรบ Goeben ถล่มท่าเรือรัสเซียที่ทะเลดำ การยั่วยวนได้ผล ต้นเดือนพฤศจิกายน รัสเซีย อังกฤษ และฝรั่งเศส ก็ประกาศสงครามกับจักรวรรดิออตโตมาน อังกฤษพยายามที่จะทลายการปิดกั้นเส้นทางที่ Dardanelles และยึดเมืองคอนสแตนติโนเบิล ยกโขยงกองทัพเรือมาพร้อมกับของฝรั่งเศสมาทางแหลม Gallipoli การสู้รบเป็นไปอย่างดุเดือด ทั้งทางเรือและทางบก ผลสุดท้ายคนป่วย ออตโตมานที่มีหมอดียาดี ยี่ห้อเยอรมัน ลุกขึ้นกวาดกองทัพอังกฤษแตกกลับ ลงทะเล ผลของคนป่วยได้ยาดี ทำให้ท่านหลอด Winston Churchill แม่ทัพเรือ ยื่นใบลาออกเพราะแพ้คนป่วย จะแก้ตัวยังไงดี ลาออกง่ายกว่า ผลการประเมินคนป่วยผิดคาดนี้ ทำให้เกิดบาดแผลมากมาย ทหารของออสเตรเลียและนิวซีแลนด์ ลูกกระเป๋งของอังกฤษตายเป็นเบือ จนเดี๋ยวนี้ทั้ง 2 ชาติ ก็ไม่มีวันลืมสงครามคนป่วย ความพ่ายแพ้ที่ Gallipoli ทำให้ฝ่ายสัมพันธมิตรโดยเฉพาะอังกฤษ เปลี่ยนยุทธศาสตร์การรบใหม่ หลังจากแผนการตีกล่องดวงใจ ของออตโตมานล้มเหลว อังกฤษเปลี่ยนแผนเป็น ไล่เซิ้งเมืองรอบนอกให้ยับเยินแทน เป้าหมายมุ่งไปที่เมืองที่มีชาวอาหรับอ่อนแอดูแลอยู่ กลยุทธที่อังกฤษถนัดใช้และพกติดตัวไว้เสมอ คือไม้เสี้ยม ไม่ต้องลงทุนมาก ใช้ความคิดชั่ว ๆ กับปากก็พอ อังกฤษตั้งใจจะใช้ชาวอาหรับ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรออตโตมาน เป็นเครื่องมือในการช่วยทลายออตโตมานเอง ในที่สุดก็หาเครื่องมือนี้เจอที่เมือง Hejaz ที่บริเวณตะวันตกของคาบสมุทรอารเบีย สวัสดีครับ
คนเล่านิทาน
17 ส.ค. 2557
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 343 มุมมอง 0 รีวิว
  • ส่วนตัวถ้าเป็นนายกฯจะสั่งให้ออกจากราชการให้หมด ตั้งแต่ราชการในพื้นที่นั้น,แล้วตรวจสอบข้อเท็จจริงตั้งแต่เริ่มต้น ใครผิดจริงโดนหมดที่เกี่ยวข้อง ใครไม่ผิดคืนอำนาจและชดเชยให้ทันที,คนดีต้องคุ้มครองคุ้มกันปกป้อง,ทหารภาค.1ทั้งหมดปลดออกจากราชการไว้ก่อนทั้งหมดเช่นกัน รวมถึงตำรวจในพื้นที่ดังกล่าวทั้งหมดด้วย.,มีคนดีๆคนเก่งๆพร้อมอาสาเข้าลงพื้นที่ไปจัดการแน่นอน.
    ..บ้านหนองจานหรือสระแก้วทั้งหมดถือว่าเจ้าหน้าที่ทั้งหมดไปสุจริตในหน้าที่ของตน,ตั้งแต่ผู้ว่า นายอำเภอ อบต.อบจ.ต้องโดนหมด,เช่นกัน อธิปไตยแผ่นดินไทยตนเอง มาทำเล่นๆถ่วงเวลา ยืดเวลา ใช้ไม่ได้.,ผิดตั้งแต่ปะทะ24-28ก.ค.68แล้ว ละเว้นปฏิบัติการชัดเจน รวมถึงจันทบุรี ตราดด้วย,ทั้งภาคตะวันออก คือภัยทรยศต่อความมั่นคงด้านอธิปไตยไทยตนชัดเจน.,ตนหากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐแล้วถูกบีบบังคับจริง สามารถลาออกจากราชการเพื่อมิให้ใช้อำนาจหน้าที่ตนให้เสื่อมเสียต่อแผ่นดินอธิปไตยไทยได้,เมื่อคนดีเห็นคุณค่า จะเรียกมาบรรจุราชการชดเชยอำนาจตำแหน่งทางราชการที่สูญเสียไปได้เพื่อปกป้องอธิปไตยไทยตนและเกียรติแห่งหน้าที่ราชการแผ่นดินไทยตน.

    https://youtube.com/shorts/hbyjcLXS-0Q?si=ffgW3avE_V6BmuuZ
    ส่วนตัวถ้าเป็นนายกฯจะสั่งให้ออกจากราชการให้หมด ตั้งแต่ราชการในพื้นที่นั้น,แล้วตรวจสอบข้อเท็จจริงตั้งแต่เริ่มต้น ใครผิดจริงโดนหมดที่เกี่ยวข้อง ใครไม่ผิดคืนอำนาจและชดเชยให้ทันที,คนดีต้องคุ้มครองคุ้มกันปกป้อง,ทหารภาค.1ทั้งหมดปลดออกจากราชการไว้ก่อนทั้งหมดเช่นกัน รวมถึงตำรวจในพื้นที่ดังกล่าวทั้งหมดด้วย.,มีคนดีๆคนเก่งๆพร้อมอาสาเข้าลงพื้นที่ไปจัดการแน่นอน. ..บ้านหนองจานหรือสระแก้วทั้งหมดถือว่าเจ้าหน้าที่ทั้งหมดไปสุจริตในหน้าที่ของตน,ตั้งแต่ผู้ว่า นายอำเภอ อบต.อบจ.ต้องโดนหมด,เช่นกัน อธิปไตยแผ่นดินไทยตนเอง มาทำเล่นๆถ่วงเวลา ยืดเวลา ใช้ไม่ได้.,ผิดตั้งแต่ปะทะ24-28ก.ค.68แล้ว ละเว้นปฏิบัติการชัดเจน รวมถึงจันทบุรี ตราดด้วย,ทั้งภาคตะวันออก คือภัยทรยศต่อความมั่นคงด้านอธิปไตยไทยตนชัดเจน.,ตนหากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐแล้วถูกบีบบังคับจริง สามารถลาออกจากราชการเพื่อมิให้ใช้อำนาจหน้าที่ตนให้เสื่อมเสียต่อแผ่นดินอธิปไตยไทยได้,เมื่อคนดีเห็นคุณค่า จะเรียกมาบรรจุราชการชดเชยอำนาจตำแหน่งทางราชการที่สูญเสียไปได้เพื่อปกป้องอธิปไตยไทยตนและเกียรติแห่งหน้าที่ราชการแผ่นดินไทยตน. https://youtube.com/shorts/hbyjcLXS-0Q?si=ffgW3avE_V6BmuuZ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 281 มุมมอง 0 รีวิว
  • “AI Coding Trap: เมื่อโค้ดเร็วไม่ใช่คำตอบ — นักพัฒนาต้องกลายเป็นหัวหน้าทีมให้กับ LLM ที่ไม่รู้จักโต”

    บทความโดย Chris Loy ได้สะท้อนปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นจริงในวงการพัฒนาซอฟต์แวร์ยุค AI โดยเฉพาะเมื่อเครื่องมืออย่าง LLM (Large Language Models) เช่น Claude Code หรือ Copilot สามารถเขียนโค้ดได้เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ แต่กลับสร้างภาระให้กับนักพัฒนาในระยะยาว เพราะโค้ดที่ถูกสร้างขึ้นนั้นขาดบริบท ขาดความเข้าใจระบบ และมักต้องใช้เวลามากในการแก้ไขภายหลัง

    Chris เปรียบเทียบการเขียนโค้ดกับการเล่นปริศนา crossword — การพิมพ์โค้ดเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของกระบวนการคิดที่ซับซ้อน ซึ่ง AI มักข้ามขั้นตอนเหล่านี้ไป ทำให้เกิดสิ่งที่เขาเรียกว่า “AI Coding Trap” หรือกับดักแห่งความเร็ว ที่ทำให้ทีมต้องเสียเวลาไปกับการแก้โค้ดที่ไม่เข้าใจ มากกว่าการสร้างสิ่งใหม่

    เขายังชี้ให้เห็นว่า LLM เปรียบเสมือน “นักพัฒนารุ่นใหม่ที่เร็วแต่ไม่เรียนรู้” ซึ่งต่างจากมนุษย์ที่พัฒนาทักษะทั้งด้านคุณภาพและความเร็วไปพร้อมกัน ในขณะที่ LLM พัฒนาได้แค่ผ่านการปรับ context หรือเปลี่ยนโมเดลเท่านั้น

    บทความยังเชื่อมโยงกับปัญหาเก่าในวงการ คือ “Tech Lead’s Dilemma” ที่หัวหน้าทีมต้องเลือกระหว่างการกระจายงานเพื่อให้ทีมเติบโต กับการรับงานยากไว้เองเพื่อเร่งการส่งมอบ ซึ่งหากเลือกทางหลังมากเกินไปจะนำไปสู่การพึ่งพาคนเดียวและเสี่ยงต่อการล่มของทีมเมื่อคนนั้นลาออก

    ทางออกที่ Chris เสนอคือการสร้าง “playbook ใหม่” สำหรับการทำงานร่วมกับ AI โดยนำแนวทางคลาสสิกของการพัฒนาซอฟต์แวร์มาใช้ เช่น modular design, test-driven development, code review และการวางโครงสร้างที่ชัดเจน เพื่อให้ AI กลายเป็นผู้ช่วยที่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ภาระที่ต้องตามแก้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    AI coding agents เขียนโค้ดได้เร็วแต่ขาดบริบท ทำให้ต้องใช้เวลามากในการแก้ไขภายหลัง
    ความเร็วของ LLM ทำให้เกิด “AI Coding Trap” ที่ลดประสิทธิภาพโดยรวมของทีม
    นักพัฒนาต้องกลายเป็น “Tech Lead” ให้กับ AI โดยกำหนดโครงสร้างและมาตรฐาน
    LLM ไม่สามารถเรียนรู้ได้เอง ต้องพึ่ง context engineering หรือการเปลี่ยนโมเดล
    การเปรียบเทียบกับ Tech Lead’s Dilemma ชี้ให้เห็นว่าการเร่งส่งมอบโดยไม่กระจายงานทำให้ทีมเปราะบาง
    ทางออกคือการสร้าง playbook ใหม่ที่รวมแนวทางคลาสสิก เช่น modular design และ TDD
    การใช้ AI อย่างมีโครงสร้างสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้มากกว่าการใช้แบบ “vibe coding”
    AI เหมาะกับงาน prototype หรือโค้ดง่าย ๆ แต่ไม่สามารถจัดการกับความซับซ้อนได้ดี

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    LLM เช่น GPT, Claude, หรือ Copilot สามารถเขียนโค้ดได้เร็วแต่ยังมีปัญหาเรื่อง hallucination
    Test-driven development (TDD) ช่วยลดการแก้โค้ดภายหลังและเพิ่มความมั่นใจในการ deploy
    Modular design ทำให้โค้ดเข้าใจง่ายและสามารถใช้ AI เขียนแต่ละส่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    การใช้ AI ใน software lifecycle ต้องครอบคลุมตั้งแต่การวางสเปกไปจนถึงการ deploy
    การทำงานร่วมกับ AI ต้องมี “guardrails” เพื่อป้องกันการสร้างโค้ดที่ไม่ maintainable

    https://chrisloy.dev/post/2025/09/28/the-ai-coding-trap
    🧠 “AI Coding Trap: เมื่อโค้ดเร็วไม่ใช่คำตอบ — นักพัฒนาต้องกลายเป็นหัวหน้าทีมให้กับ LLM ที่ไม่รู้จักโต” บทความโดย Chris Loy ได้สะท้อนปัญหาที่กำลังเกิดขึ้นจริงในวงการพัฒนาซอฟต์แวร์ยุค AI โดยเฉพาะเมื่อเครื่องมืออย่าง LLM (Large Language Models) เช่น Claude Code หรือ Copilot สามารถเขียนโค้ดได้เร็วอย่างไม่น่าเชื่อ แต่กลับสร้างภาระให้กับนักพัฒนาในระยะยาว เพราะโค้ดที่ถูกสร้างขึ้นนั้นขาดบริบท ขาดความเข้าใจระบบ และมักต้องใช้เวลามากในการแก้ไขภายหลัง Chris เปรียบเทียบการเขียนโค้ดกับการเล่นปริศนา crossword — การพิมพ์โค้ดเป็นเพียงส่วนเล็ก ๆ ของกระบวนการคิดที่ซับซ้อน ซึ่ง AI มักข้ามขั้นตอนเหล่านี้ไป ทำให้เกิดสิ่งที่เขาเรียกว่า “AI Coding Trap” หรือกับดักแห่งความเร็ว ที่ทำให้ทีมต้องเสียเวลาไปกับการแก้โค้ดที่ไม่เข้าใจ มากกว่าการสร้างสิ่งใหม่ เขายังชี้ให้เห็นว่า LLM เปรียบเสมือน “นักพัฒนารุ่นใหม่ที่เร็วแต่ไม่เรียนรู้” ซึ่งต่างจากมนุษย์ที่พัฒนาทักษะทั้งด้านคุณภาพและความเร็วไปพร้อมกัน ในขณะที่ LLM พัฒนาได้แค่ผ่านการปรับ context หรือเปลี่ยนโมเดลเท่านั้น บทความยังเชื่อมโยงกับปัญหาเก่าในวงการ คือ “Tech Lead’s Dilemma” ที่หัวหน้าทีมต้องเลือกระหว่างการกระจายงานเพื่อให้ทีมเติบโต กับการรับงานยากไว้เองเพื่อเร่งการส่งมอบ ซึ่งหากเลือกทางหลังมากเกินไปจะนำไปสู่การพึ่งพาคนเดียวและเสี่ยงต่อการล่มของทีมเมื่อคนนั้นลาออก ทางออกที่ Chris เสนอคือการสร้าง “playbook ใหม่” สำหรับการทำงานร่วมกับ AI โดยนำแนวทางคลาสสิกของการพัฒนาซอฟต์แวร์มาใช้ เช่น modular design, test-driven development, code review และการวางโครงสร้างที่ชัดเจน เพื่อให้ AI กลายเป็นผู้ช่วยที่มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ภาระที่ต้องตามแก้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ AI coding agents เขียนโค้ดได้เร็วแต่ขาดบริบท ทำให้ต้องใช้เวลามากในการแก้ไขภายหลัง ➡️ ความเร็วของ LLM ทำให้เกิด “AI Coding Trap” ที่ลดประสิทธิภาพโดยรวมของทีม ➡️ นักพัฒนาต้องกลายเป็น “Tech Lead” ให้กับ AI โดยกำหนดโครงสร้างและมาตรฐาน ➡️ LLM ไม่สามารถเรียนรู้ได้เอง ต้องพึ่ง context engineering หรือการเปลี่ยนโมเดล ➡️ การเปรียบเทียบกับ Tech Lead’s Dilemma ชี้ให้เห็นว่าการเร่งส่งมอบโดยไม่กระจายงานทำให้ทีมเปราะบาง ➡️ ทางออกคือการสร้าง playbook ใหม่ที่รวมแนวทางคลาสสิก เช่น modular design และ TDD ➡️ การใช้ AI อย่างมีโครงสร้างสามารถเพิ่มประสิทธิภาพได้มากกว่าการใช้แบบ “vibe coding” ➡️ AI เหมาะกับงาน prototype หรือโค้ดง่าย ๆ แต่ไม่สามารถจัดการกับความซับซ้อนได้ดี ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ LLM เช่น GPT, Claude, หรือ Copilot สามารถเขียนโค้ดได้เร็วแต่ยังมีปัญหาเรื่อง hallucination ➡️ Test-driven development (TDD) ช่วยลดการแก้โค้ดภายหลังและเพิ่มความมั่นใจในการ deploy ➡️ Modular design ทำให้โค้ดเข้าใจง่ายและสามารถใช้ AI เขียนแต่ละส่วนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ➡️ การใช้ AI ใน software lifecycle ต้องครอบคลุมตั้งแต่การวางสเปกไปจนถึงการ deploy ➡️ การทำงานร่วมกับ AI ต้องมี “guardrails” เพื่อป้องกันการสร้างโค้ดที่ไม่ maintainable https://chrisloy.dev/post/2025/09/28/the-ai-coding-trap
    CHRISLOY.DEV
    The AI coding trap | Chris Loy
    If you ever watch someone “coding”, you might see them spending far more time staring into space than typing on their keyboard.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 198 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทเพลงแห่งความขัดแย้งที่กลายเป็นอมตะ: เรื่องราวเบื้องหลังเพลง 'I Can't Tell You Why' โดย Eagles

    ในช่วงปลายยุค 70 วงดนตรีร็อกชื่อดังอย่าง Eagles ได้ก้าวสู่จุดสูงสุดของความสำเร็จระดับโลกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนจากอัลบั้มยอดเยี่ยม Hotel California (1976) อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้กลับนำมาซึ่งแรงกดดันมหาศาลและความขัดแย้งที่ร้าวลึกภายในวง โดยเฉพาะระหว่างแกนนำอย่าง Don Henley และ Glenn Frey

    ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดนี้ การบันทึกเสียงอัลบั้มถัดมา The Long Run (1979) จึงเป็นกระบวนการที่ยาวนานและยากลำบาก ทีมงานของค่ายเพลงถึงกับเรียกมันว่า “The Long One” หรือ “สิ่งที่ยาวนาน” ซึ่ง Don Henley เองก็ยอมรับในภายหลังว่าอัลบั้มนี้โดยรวมแล้ว “ไม่ใช่แผ่นเสียงที่ดีนัก” เพราะสมาชิกวงต่าง “หมดไฟ” และ “ตึงเครียด” จนเกินไป

    แต่ท่ามกลางความวุ่นวายดังกล่าว บทเพลงบัลลาดสุดคลาสสิกอย่าง “I Can't Tell You Why” ได้ถือกำเนิดขึ้นและกลายเป็นข้อยกเว้นที่โดดเด่น เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่วงสามารถบันทึกเสร็จสมบูรณ์สำหรับอัลบั้มนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาอันสั้นที่ Eagles สามารถกลับมาร่วมงานกันได้อย่างสร้างสรรค์ ก่อนที่ความขัดแย้งภายในจะกลับมาอีกครั้งและนำไปสู่การยุบวงในที่สุด เพลงนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงเพลงฮิต แต่เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความสามารถอันน่าทึ่งของวงในการสร้างสรรค์งานศิลปะที่สวยงามและลงตัวจากสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะพังทลาย

    เรื่องราวเริ่มขึ้นพร้อมกับการเข้ามาของ Timothy B. Schmit มือเบสคนใหม่ที่แทน Randy Meisner ในปี 1977 Schmit ได้นำไอเดียเพลงจากประสบการณ์ส่วนตัวมาเสนอ และร่วมแต่งกับ Frey และ Henley ภายในไม่กี่คืนที่ทำงานกันยันเช้า

    เรื่องราวของเพลงนี้เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับการเข้ามาของ Timothy B. Schmit มือเบสคนใหม่ผู้มากประสบการณ์จากวง Poco ที่เข้ามาแทน Randy Meisner ซึ่งลาออกไปในปี 1977 Schmit เข้ามาในฐานะคนวงนอก ผู้ที่ตั้งใจ “ทำทุกอย่างเพื่อรักษาสันติภาพ” และช่วยให้สถานการณ์ภายในวงดีขึ้น เขาได้นำไอเดียตั้งต้นของเพลงที่เขาบอกว่า “อิงจากประสบการณ์ส่วนตัว” มาเสนอต่อ Frey และ Henley เพื่อเป็นเพลงเดี่ยวเพลงแรกของเขาใน Eagles ทั้งสามคนได้ร่วมกันแต่งเพลงนี้อย่างรวดเร็วในช่วง “ไม่กี่คืนที่ทำงานกันยันเช้า” จนได้ผลงานที่สมบูรณ์ Don Henley และ Glenn Frey ต้องการนำเสนอ Timothy B. Schmit ด้วยเสียงที่แตกต่างจากดนตรีคันทรี่ร็อกที่เขาเคยทำ โดย Frey ที่มี “รากฐานลึกซึ้งในดนตรีโซล” ได้แนะนำ Schmit อย่างชัดเจนว่า “คุณสามารถร้องเพลงแบบ Smokey Robinson ได้” และให้เปลี่ยนมาทำ “เพลงแนว R&B” แทน ขณะที่ Henley ก็กล่าวเสริมว่าเพลงนี้มีสไตล์แบบ “Al Green ชัดๆ”

    ในด้านองค์ประกอบทางดนตรี Frey ยังมีบทบาทสำคัญในการเรียบเรียง โดย Timothy B. Schmit ถึงกับเรียกเขาว่า "The Lone Arranger" (ผู้เรียบเรียงเพียงหนึ่งเดียว) เนื่องจากความสามารถในการจัดการพาร์ทดนตรีต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะท่อนโซโล่กีตาร์ที่ไพเราะและโดดเด่นในเพลงนี้ที่ Frey เป็นผู้บรรเลงเอง นอกจากนี้ Joe Walsh ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างบรรยากาศของเพลงด้วยการเล่นคีย์บอร์ดทั้งหมด ทั้ง Hammond organ, Fender Rhodes electric piano และ ARP String Synthesizer ทั้งหมดนี้ได้หลอมรวมกันเป็นงานบัลลาดที่แตกต่างจากเพลงร็อกและคันทรี่-ร็อกที่แข็งกร้าวของวง 7 และได้รับการยกย่องว่าเป็นเพลงที่ “มีจิตวิญญาณมากที่สุด” ของ Eagles

    เนื้อเพลงของ “I Can't Tell You Why” สะท้อนถึงความรู้สึกที่สับสนและเจ็บปวดในความสัมพันธ์ได้อย่างลึกซึ้ง มันเล่าเรื่องราวของคนที่ต้องการจะเดินจากไปแต่กลับถูกดึงดูดให้กลับมาเสมอ และไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น แม้จะอิงจากประสบการณ์ส่วนตัวของ Schmit แต่เขาก็ยืนยันว่ามันถ่ายทอด “แก่นสากลของความรัก, ความไม่แน่นอน และการสื่อสารที่ล้มเหลว” ได้อย่างครอบคลุม ด้านเสียงร้องนำโดย Timothy B. Schmit ซึ่งถูกบรรยายว่าเป็นเสียง “ใสกังวาน” และ “เสียงสูงแบบเจ็บปวด” ได้เพิ่มมิติที่ลึกซึ้งและคุณภาพที่น่าจดจำให้กับเพลง เพลงนี้ถือเป็นเพลงแรกที่ Eagles ให้ Schmit ร้องนำอย่างเต็มตัว ซึ่งทำให้เขาได้สร้างเอกลักษณ์ทางเสียงของตนเองได้อย่างชัดเจนและเป็นที่จดจำในฐานะนักร้องนำอีกคนหนึ่งของวง

    หลังจากที่ถูกปล่อยออกมาในฐานะซิงเกิลที่สามในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1980 เพลง “I Can't Tell You Why” ก็ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โดยขึ้นไปถึงอันดับ 8 บนชาร์ต Billboard Hot 100 ในเดือนเมษายน 1980 และขึ้นไปถึงอันดับ 3 บนชาร์ต Adult Contemporary ความสำเร็จนี้ทำให้เป็นเพลงท็อป 10 เพลงที่สามติดต่อกันจากอัลบั้ม The Long Run และที่สำคัญที่สุด มันยังกลายเป็นเพลงท็อป 10 เพลงสุดท้ายของ Eagles บนชาร์ต Billboard Hot 100 ก่อนที่พวกเขาจะประกาศยุบวงในเวลาต่อมา แม้จะไม่ได้เป็นเพลงที่ทำยอดขายสูงสุดเท่ากับเพลงยอดนิยมอื่นๆ แต่ “I Can't Tell You Why” ได้กลายเป็นเพลงโปรดของแฟนๆ และเป็น “ช่วงเวลาไฮไลต์” สำหรับ Timothy B. Schmit ในการแสดงสด เพลงนี้อยู่ในอันดับที่ 9 ของเพลงที่ถูกเล่นมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของวง นอกจากนี้ เพลงยังได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ โดย

    Billboard จัดให้เพลงนี้อยู่ในอันดับ 6 ของผลงาน Eagles ที่ดีที่สุด (2017) และ Rolling Stone ให้อันดับ 11 (2019)

    ความสำคัญของเพลงนี้ยังคงดำเนินต่อไปผ่านเพลงคัฟเวอร์จำนวนมากที่สะท้อนถึงความหลากหลายทางดนตรี ตัวอย่างที่โดดเด่น ได้แก่

    วง R&B อย่าง Brownstone ที่นำเพลงนี้มาทำใหม่ในรูปแบบอาร์แอนด์บีร่วมสมัยในปี 1995 ซึ่งเวอร์ชันของพวกเขาขึ้นถึงอันดับ 54 บน Billboard Hot 100 และอันดับ 22 บนชาร์ต Hot R&B ศิลปินเพลงคันทรี่

    ศิลปินเพลงคันทรี่ Vince Gill ก็เคยนำเพลงนี้ไปคัฟเวอร์ในปี 1993 โดยมี Timothy B. Schmit มาร่วมร้องประสานให้ด้วย ซึ่งเวอร์ชันนี้สามารถไต่ขึ้นไปถึงอันดับ 42 บนชาร์ต Hot Country Songs

    นอกจากนี้ ศิลปินแจ๊สอย่าง Diana Krall ก็ได้นำเพลงนี้ไปตีความใหม่ในแนวแจ๊สอันนุ่มนวลสำหรับอัลบั้ม Wallflower ของเธอในปี 2015 ซึ่งเวอร์ชันนี้ขึ้นไปถึงอันดับ 10 บนชาร์ต Billboard Smooth Jazz การที่เพลงสามารถถูกนำไปคัฟเวอร์ในหลากหลายแนวเพลง แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเนื้อหาและโครงสร้างทางดนตรีของเพลงต้นฉบับ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “I Can't Tell You Why” ยังคงเป็นเพลงที่โดดเด่นและมีอิทธิพลเหนือกาลเวลา

    “I Can't Tell You Why” จึงเป็นตัวอย่างที่หาได้ยากของบทเพลงที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งอย่างรุนแรงแต่กลับกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสมานฉันท์และการสร้างสรรค์อันยอดเยี่ยม เพลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นเพลงฮิตที่ประสบความสำเร็จทางพาณิชย์เท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นเพลงที่เชื่อมโยง Eagles เข้ากับยุคใหม่ ด้วยการแนะนำสมาชิกใหม่และสำรวจแนวเพลงที่ไม่เคยทำมาก่อน และในขณะเดียวกัน ก็เป็นเพลงท็อป 10 เพลงสุดท้ายของวงในยุคนั้น ท้ายที่สุด “I Can't Tell You Why” ยังคงเป็นหนึ่งในบัลลาดที่สำคัญและได้รับความนิยมสูงสุดของ Eagles เพราะเรื่องราวที่ซับซ้อนและย้อนแย้งที่อยู่เบื้องหลังการกำเนิดของมัน เพลงนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า แม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด Eagles ก็ยังสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ไร้กาลเวลาซึ่งยังคงดึงดูดและสะท้อนความรู้สึกของผู้ฟังมาจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์

    #ลุงเล่าหลานฟัง

    https://youtu.be/Odcn6qk94bs
    🎶 บทเพลงแห่งความขัดแย้งที่กลายเป็นอมตะ: เรื่องราวเบื้องหลังเพลง 'I Can't Tell You Why' โดย Eagles ✨ ในช่วงปลายยุค 70 วงดนตรีร็อกชื่อดังอย่าง Eagles ได้ก้าวสู่จุดสูงสุดของความสำเร็จระดับโลกอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนจากอัลบั้มยอดเยี่ยม Hotel California (1976) อย่างไรก็ตาม ความสำเร็จอันยิ่งใหญ่นี้กลับนำมาซึ่งแรงกดดันมหาศาลและความขัดแย้งที่ร้าวลึกภายในวง โดยเฉพาะระหว่างแกนนำอย่าง Don Henley และ Glenn Frey 💿 ท่ามกลางบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความตึงเครียดนี้ การบันทึกเสียงอัลบั้มถัดมา The Long Run (1979) จึงเป็นกระบวนการที่ยาวนานและยากลำบาก ทีมงานของค่ายเพลงถึงกับเรียกมันว่า “The Long One” หรือ “สิ่งที่ยาวนาน” ซึ่ง Don Henley เองก็ยอมรับในภายหลังว่าอัลบั้มนี้โดยรวมแล้ว “ไม่ใช่แผ่นเสียงที่ดีนัก” เพราะสมาชิกวงต่าง “หมดไฟ” และ “ตึงเครียด” จนเกินไป ❤️ แต่ท่ามกลางความวุ่นวายดังกล่าว บทเพลงบัลลาดสุดคลาสสิกอย่าง “I Can't Tell You Why” ได้ถือกำเนิดขึ้นและกลายเป็นข้อยกเว้นที่โดดเด่น เพลงนี้เป็นเพลงแรกที่วงสามารถบันทึกเสร็จสมบูรณ์สำหรับอัลบั้มนี้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาอันสั้นที่ Eagles สามารถกลับมาร่วมงานกันได้อย่างสร้างสรรค์ ก่อนที่ความขัดแย้งภายในจะกลับมาอีกครั้งและนำไปสู่การยุบวงในที่สุด เพลงนี้จึงไม่ได้เป็นเพียงเพลงฮิต แต่เป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความสามารถอันน่าทึ่งของวงในการสร้างสรรค์งานศิลปะที่สวยงามและลงตัวจากสถานการณ์ที่ดูเหมือนจะพังทลาย 👤 เรื่องราวเริ่มขึ้นพร้อมกับการเข้ามาของ Timothy B. Schmit มือเบสคนใหม่ที่แทน Randy Meisner ในปี 1977 Schmit ได้นำไอเดียเพลงจากประสบการณ์ส่วนตัวมาเสนอ และร่วมแต่งกับ Frey และ Henley ภายในไม่กี่คืนที่ทำงานกันยันเช้า 🎤 เรื่องราวของเพลงนี้เริ่มต้นขึ้นพร้อมกับการเข้ามาของ Timothy B. Schmit มือเบสคนใหม่ผู้มากประสบการณ์จากวง Poco ที่เข้ามาแทน Randy Meisner ซึ่งลาออกไปในปี 1977 Schmit เข้ามาในฐานะคนวงนอก ผู้ที่ตั้งใจ “ทำทุกอย่างเพื่อรักษาสันติภาพ” และช่วยให้สถานการณ์ภายในวงดีขึ้น เขาได้นำไอเดียตั้งต้นของเพลงที่เขาบอกว่า “อิงจากประสบการณ์ส่วนตัว” มาเสนอต่อ Frey และ Henley เพื่อเป็นเพลงเดี่ยวเพลงแรกของเขาใน Eagles ทั้งสามคนได้ร่วมกันแต่งเพลงนี้อย่างรวดเร็วในช่วง “ไม่กี่คืนที่ทำงานกันยันเช้า” จนได้ผลงานที่สมบูรณ์ Don Henley และ Glenn Frey ต้องการนำเสนอ Timothy B. Schmit ด้วยเสียงที่แตกต่างจากดนตรีคันทรี่ร็อกที่เขาเคยทำ โดย Frey ที่มี “รากฐานลึกซึ้งในดนตรีโซล” ได้แนะนำ Schmit อย่างชัดเจนว่า “คุณสามารถร้องเพลงแบบ Smokey Robinson ได้” และให้เปลี่ยนมาทำ “เพลงแนว R&B” แทน ขณะที่ Henley ก็กล่าวเสริมว่าเพลงนี้มีสไตล์แบบ “Al Green ชัดๆ” 🎸 ในด้านองค์ประกอบทางดนตรี Frey ยังมีบทบาทสำคัญในการเรียบเรียง โดย Timothy B. Schmit ถึงกับเรียกเขาว่า "The Lone Arranger" (ผู้เรียบเรียงเพียงหนึ่งเดียว) เนื่องจากความสามารถในการจัดการพาร์ทดนตรีต่างๆ ได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะท่อนโซโล่กีตาร์ที่ไพเราะและโดดเด่นในเพลงนี้ที่ Frey เป็นผู้บรรเลงเอง นอกจากนี้ Joe Walsh ยังมีบทบาทสำคัญในการสร้างบรรยากาศของเพลงด้วยการเล่นคีย์บอร์ดทั้งหมด ทั้ง Hammond organ, Fender Rhodes electric piano และ ARP String Synthesizer ทั้งหมดนี้ได้หลอมรวมกันเป็นงานบัลลาดที่แตกต่างจากเพลงร็อกและคันทรี่-ร็อกที่แข็งกร้าวของวง 7 และได้รับการยกย่องว่าเป็นเพลงที่ “มีจิตวิญญาณมากที่สุด” ของ Eagles 💔 เนื้อเพลงของ “I Can't Tell You Why” สะท้อนถึงความรู้สึกที่สับสนและเจ็บปวดในความสัมพันธ์ได้อย่างลึกซึ้ง มันเล่าเรื่องราวของคนที่ต้องการจะเดินจากไปแต่กลับถูกดึงดูดให้กลับมาเสมอ และไม่สามารถอธิบายได้ว่าทำไมถึงเป็นเช่นนั้น แม้จะอิงจากประสบการณ์ส่วนตัวของ Schmit แต่เขาก็ยืนยันว่ามันถ่ายทอด “แก่นสากลของความรัก, ความไม่แน่นอน และการสื่อสารที่ล้มเหลว” ได้อย่างครอบคลุม ด้านเสียงร้องนำโดย Timothy B. Schmit ซึ่งถูกบรรยายว่าเป็นเสียง “ใสกังวาน” และ “เสียงสูงแบบเจ็บปวด” ได้เพิ่มมิติที่ลึกซึ้งและคุณภาพที่น่าจดจำให้กับเพลง เพลงนี้ถือเป็นเพลงแรกที่ Eagles ให้ Schmit ร้องนำอย่างเต็มตัว ซึ่งทำให้เขาได้สร้างเอกลักษณ์ทางเสียงของตนเองได้อย่างชัดเจนและเป็นที่จดจำในฐานะนักร้องนำอีกคนหนึ่งของวง 📀 หลังจากที่ถูกปล่อยออกมาในฐานะซิงเกิลที่สามในวันที่ 8 กุมภาพันธ์ 1980 เพลง “I Can't Tell You Why” ก็ประสบความสำเร็จอย่างรวดเร็ว โดยขึ้นไปถึงอันดับ 8 บนชาร์ต Billboard Hot 100 ในเดือนเมษายน 1980 และขึ้นไปถึงอันดับ 3 บนชาร์ต Adult Contemporary ความสำเร็จนี้ทำให้เป็นเพลงท็อป 10 เพลงที่สามติดต่อกันจากอัลบั้ม The Long Run และที่สำคัญที่สุด มันยังกลายเป็นเพลงท็อป 10 เพลงสุดท้ายของ Eagles บนชาร์ต Billboard Hot 100 ก่อนที่พวกเขาจะประกาศยุบวงในเวลาต่อมา แม้จะไม่ได้เป็นเพลงที่ทำยอดขายสูงสุดเท่ากับเพลงยอดนิยมอื่นๆ แต่ “I Can't Tell You Why” ได้กลายเป็นเพลงโปรดของแฟนๆ และเป็น “ช่วงเวลาไฮไลต์” สำหรับ Timothy B. Schmit ในการแสดงสด เพลงนี้อยู่ในอันดับที่ 9 ของเพลงที่ถูกเล่นมากที่สุดในประวัติศาสตร์ของวง นอกจากนี้ เพลงยังได้รับคำชื่นชมจากนักวิจารณ์ โดย 🏆 Billboard จัดให้เพลงนี้อยู่ในอันดับ 6 ของผลงาน Eagles ที่ดีที่สุด (2017) และ Rolling Stone ให้อันดับ 11 (2019) 🎵 ความสำคัญของเพลงนี้ยังคงดำเนินต่อไปผ่านเพลงคัฟเวอร์จำนวนมากที่สะท้อนถึงความหลากหลายทางดนตรี ตัวอย่างที่โดดเด่น ได้แก่ 🎤 วง R&B อย่าง Brownstone ที่นำเพลงนี้มาทำใหม่ในรูปแบบอาร์แอนด์บีร่วมสมัยในปี 1995 ซึ่งเวอร์ชันของพวกเขาขึ้นถึงอันดับ 54 บน Billboard Hot 100 และอันดับ 22 บนชาร์ต Hot R&B ศิลปินเพลงคันทรี่ 🎧 🎤 ศิลปินเพลงคันทรี่ Vince Gill ก็เคยนำเพลงนี้ไปคัฟเวอร์ในปี 1993 โดยมี Timothy B. Schmit มาร่วมร้องประสานให้ด้วย ซึ่งเวอร์ชันนี้สามารถไต่ขึ้นไปถึงอันดับ 42 บนชาร์ต Hot Country Songs 🤠 🎤 นอกจากนี้ ศิลปินแจ๊สอย่าง Diana Krall ก็ได้นำเพลงนี้ไปตีความใหม่ในแนวแจ๊สอันนุ่มนวลสำหรับอัลบั้ม Wallflower ของเธอในปี 2015 ซึ่งเวอร์ชันนี้ขึ้นไปถึงอันดับ 10 บนชาร์ต Billboard Smooth Jazz การที่เพลงสามารถถูกนำไปคัฟเวอร์ในหลากหลายแนวเพลง แสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเนื้อหาและโครงสร้างทางดนตรีของเพลงต้นฉบับ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้ “I Can't Tell You Why” ยังคงเป็นเพลงที่โดดเด่นและมีอิทธิพลเหนือกาลเวลา 🎹 ⌛ 🌟 “I Can't Tell You Why” จึงเป็นตัวอย่างที่หาได้ยากของบทเพลงที่เกิดขึ้นจากความขัดแย้งอย่างรุนแรงแต่กลับกลายเป็นสัญลักษณ์ของความสมานฉันท์และการสร้างสรรค์อันยอดเยี่ยม เพลงนี้ไม่เพียงแต่เป็นเพลงฮิตที่ประสบความสำเร็จทางพาณิชย์เท่านั้น แต่ยังทำหน้าที่เป็นเพลงที่เชื่อมโยง Eagles เข้ากับยุคใหม่ ด้วยการแนะนำสมาชิกใหม่และสำรวจแนวเพลงที่ไม่เคยทำมาก่อน และในขณะเดียวกัน ก็เป็นเพลงท็อป 10 เพลงสุดท้ายของวงในยุคนั้น ท้ายที่สุด “I Can't Tell You Why” ยังคงเป็นหนึ่งในบัลลาดที่สำคัญและได้รับความนิยมสูงสุดของ Eagles เพราะเรื่องราวที่ซับซ้อนและย้อนแย้งที่อยู่เบื้องหลังการกำเนิดของมัน เพลงนี้พิสูจน์ให้เห็นว่า แม้จะอยู่ในช่วงเวลาที่ยากลำบากที่สุด Eagles ก็ยังสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่ไร้กาลเวลาซึ่งยังคงดึงดูดและสะท้อนความรู้สึกของผู้ฟังมาจนถึงทุกวันนี้ได้อย่างน่าอัศจรรย์ 🌈 #ลุงเล่าหลานฟัง https://youtu.be/Odcn6qk94bs
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 326 มุมมอง 0 รีวิว
  • "กากัน มาลิค" นักแสดงอินเดียผู้เคยรับบท “สิทธัตถะ” ในซีรีส์ “พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลกถือธงไทย พร้อมประกาศลาออกจากตำแหน่งทูตสันถวไมตรีด้านการท่องเที่ยวกัมพูชา เพื่อแสดงความเคารพต่อประเทศไทย หลังเกิดสถานการณ์ความขัดแย้ง พร้อมกล่าวขอโทษแฟน ๆ ชาวไทย ย้ำไทยคือบ้านหลังที่สองและจะระมัดระวังมากขึ้นในอนาคต

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092760

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    "กากัน มาลิค" นักแสดงอินเดียผู้เคยรับบท “สิทธัตถะ” ในซีรีส์ “พระพุทธเจ้ามหาศาสดาโลกถือธงไทย พร้อมประกาศลาออกจากตำแหน่งทูตสันถวไมตรีด้านการท่องเที่ยวกัมพูชา เพื่อแสดงความเคารพต่อประเทศไทย หลังเกิดสถานการณ์ความขัดแย้ง พร้อมกล่าวขอโทษแฟน ๆ ชาวไทย ย้ำไทยคือบ้านหลังที่สองและจะระมัดระวังมากขึ้นในอนาคต อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000092760 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #CambodiaOpenedFire #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 355 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Veritas: อาวุธลับของ Apple ที่จะเปลี่ยน Siri ให้กลายเป็นผู้ช่วย AI ตัวจริงในปี 2026”

    Apple กำลังซุ่มพัฒนาเครื่องมือภายในชื่อว่า “Veritas” ซึ่งเป็นแอปที่มีลักษณะคล้าย ChatGPT แต่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ภายในองค์กรเท่านั้น จุดประสงค์หลักคือใช้ทดสอบและปรับปรุง Siri รุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในปี 2026 โดยไม่ใช่แค่การตอบคำสั่งแบบเดิม แต่เป็นการเปลี่ยน Siri ให้กลายเป็นผู้ช่วยที่เข้าใจบริบท ทำงานข้ามแอป และตอบสนองได้อย่างชาญฉลาด

    Veritas ทำหน้าที่เป็นสนามทดลองของ Apple โดยให้วิศวกรสามารถจำลองการสนทนาแบบหลายรอบ (multi-turn) ทดสอบการค้นหาข้อมูลส่วนตัว เช่น อีเมล เพลง หรือรูปภาพ และทดลองคำสั่งที่ซับซ้อน เช่น การตัดภาพ หรือการจัดการ playlist—all ผ่านการพูดคุยธรรมดา

    เบื้องหลังของ Veritas คือระบบใหม่ชื่อ “Linwood” ซึ่งใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่พัฒนาโดยทีม Foundation Models ของ Apple ร่วมกับโมเดลจากภายนอก เช่น Gemini ของ Google โดย Apple ใช้ Veritas เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่างโมเดลภายในและภายนอก ก่อนตัดสินใจว่าจะใช้เทคโนโลยีใดในการเปิดตัว Siri รุ่นใหม่

    แม้จะมีแผนเปิดตัว Siri รุ่นใหม่ในปี 2024 แต่เกิดปัญหาทางวิศวกรรมที่ทำให้ฟีเจอร์ล้มเหลวถึง 1 ใน 3 ของการใช้งาน ส่งผลให้ Apple ต้องเลื่อนเปิดตัวเป็นเดือนมีนาคม 2026 และมีการเปลี่ยนแปลงทีมผู้นำด้าน AI หลายตำแหน่ง รวมถึงการลาออกของ Robby Walker ผู้ดูแล Siri เดิม

    Apple ยืนยันว่าเป้าหมายของ Siri รุ่นใหม่คือการเป็นผู้ช่วยที่สามารถเข้าใจสิ่งที่อยู่บนหน้าจอ ทำงานข้ามแอป และให้คำตอบที่อิงจากข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ โดยยังคงเน้นเรื่องความเป็นส่วนตัวและการประมวลผลบนอุปกรณ์เป็นหลัก

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Apple พัฒนาเครื่องมือภายในชื่อ “Veritas” เพื่อทดสอบ Siri รุ่นใหม่
    Veritas มีลักษณะคล้าย ChatGPT แต่ใช้เฉพาะภายในองค์กร
    ใช้ทดสอบการสนทนาแบบหลายรอบ และการค้นหาข้อมูลส่วนตัว เช่น อีเมล เพลง รูปภาพ
    ระบบเบื้องหลังชื่อ “Linwood” ใช้ LLM จาก Apple และโมเดลภายนอก
    Apple กำลังเปรียบเทียบโมเดลภายในกับ Gemini ของ Google
    Siri รุ่นใหม่จะสามารถเข้าใจบริบท ทำงานข้ามแอป และให้คำตอบแบบเฉพาะบุคคล
    การเปิดตัว Siri รุ่นใหม่ถูกเลื่อนจากปี 2024 เป็นมีนาคม 2026
    มีการเปลี่ยนแปลงทีมผู้นำด้าน AI เช่น การลาออกของ Robby Walker
    Apple ยังคงเน้นเรื่องความเป็นส่วนตัวและการประมวลผลบนอุปกรณ์

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Siri รุ่นใหม่จะสามารถจัดการงานในแอป เช่น ตัดภาพหรือจัด playlist ผ่านคำสั่งเสียง
    Apple ใช้แนวทาง “dual-path” คือเปรียบเทียบโมเดล Linwood กับ Glenwood ที่ใช้โมเดลภายนอก
    การใช้ Veritas ช่วยให้ Apple ตรวจสอบฟีเจอร์ก่อนเปิดตัวจริง ลดความเสี่ยงจากบั๊กหรือปัญหาความปลอดภัย
    Apple Intelligence ที่เปิดตัวใน WWDC 2024 ยังไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้เท่าที่คาดหวัง
    การแข่งขันด้าน AI ระหว่าง Apple, Google และ OpenAI จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของผู้ช่วยดิจิทัลในอนาคต

    https://securityonline.info/apples-secret-weapon-the-chatgpt-like-veritas-tool-thats-helping-build-a-next-gen-siri/
    🧠 “Veritas: อาวุธลับของ Apple ที่จะเปลี่ยน Siri ให้กลายเป็นผู้ช่วย AI ตัวจริงในปี 2026” Apple กำลังซุ่มพัฒนาเครื่องมือภายในชื่อว่า “Veritas” ซึ่งเป็นแอปที่มีลักษณะคล้าย ChatGPT แต่ถูกออกแบบมาเพื่อใช้ภายในองค์กรเท่านั้น จุดประสงค์หลักคือใช้ทดสอบและปรับปรุง Siri รุ่นใหม่ที่กำลังจะเปิดตัวในปี 2026 โดยไม่ใช่แค่การตอบคำสั่งแบบเดิม แต่เป็นการเปลี่ยน Siri ให้กลายเป็นผู้ช่วยที่เข้าใจบริบท ทำงานข้ามแอป และตอบสนองได้อย่างชาญฉลาด Veritas ทำหน้าที่เป็นสนามทดลองของ Apple โดยให้วิศวกรสามารถจำลองการสนทนาแบบหลายรอบ (multi-turn) ทดสอบการค้นหาข้อมูลส่วนตัว เช่น อีเมล เพลง หรือรูปภาพ และทดลองคำสั่งที่ซับซ้อน เช่น การตัดภาพ หรือการจัดการ playlist—all ผ่านการพูดคุยธรรมดา เบื้องหลังของ Veritas คือระบบใหม่ชื่อ “Linwood” ซึ่งใช้โมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) ที่พัฒนาโดยทีม Foundation Models ของ Apple ร่วมกับโมเดลจากภายนอก เช่น Gemini ของ Google โดย Apple ใช้ Veritas เพื่อเปรียบเทียบประสิทธิภาพระหว่างโมเดลภายในและภายนอก ก่อนตัดสินใจว่าจะใช้เทคโนโลยีใดในการเปิดตัว Siri รุ่นใหม่ แม้จะมีแผนเปิดตัว Siri รุ่นใหม่ในปี 2024 แต่เกิดปัญหาทางวิศวกรรมที่ทำให้ฟีเจอร์ล้มเหลวถึง 1 ใน 3 ของการใช้งาน ส่งผลให้ Apple ต้องเลื่อนเปิดตัวเป็นเดือนมีนาคม 2026 และมีการเปลี่ยนแปลงทีมผู้นำด้าน AI หลายตำแหน่ง รวมถึงการลาออกของ Robby Walker ผู้ดูแล Siri เดิม Apple ยืนยันว่าเป้าหมายของ Siri รุ่นใหม่คือการเป็นผู้ช่วยที่สามารถเข้าใจสิ่งที่อยู่บนหน้าจอ ทำงานข้ามแอป และให้คำตอบที่อิงจากข้อมูลส่วนตัวของผู้ใช้ โดยยังคงเน้นเรื่องความเป็นส่วนตัวและการประมวลผลบนอุปกรณ์เป็นหลัก ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Apple พัฒนาเครื่องมือภายในชื่อ “Veritas” เพื่อทดสอบ Siri รุ่นใหม่ ➡️ Veritas มีลักษณะคล้าย ChatGPT แต่ใช้เฉพาะภายในองค์กร ➡️ ใช้ทดสอบการสนทนาแบบหลายรอบ และการค้นหาข้อมูลส่วนตัว เช่น อีเมล เพลง รูปภาพ ➡️ ระบบเบื้องหลังชื่อ “Linwood” ใช้ LLM จาก Apple และโมเดลภายนอก ➡️ Apple กำลังเปรียบเทียบโมเดลภายในกับ Gemini ของ Google ➡️ Siri รุ่นใหม่จะสามารถเข้าใจบริบท ทำงานข้ามแอป และให้คำตอบแบบเฉพาะบุคคล ➡️ การเปิดตัว Siri รุ่นใหม่ถูกเลื่อนจากปี 2024 เป็นมีนาคม 2026 ➡️ มีการเปลี่ยนแปลงทีมผู้นำด้าน AI เช่น การลาออกของ Robby Walker ➡️ Apple ยังคงเน้นเรื่องความเป็นส่วนตัวและการประมวลผลบนอุปกรณ์ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Siri รุ่นใหม่จะสามารถจัดการงานในแอป เช่น ตัดภาพหรือจัด playlist ผ่านคำสั่งเสียง ➡️ Apple ใช้แนวทาง “dual-path” คือเปรียบเทียบโมเดล Linwood กับ Glenwood ที่ใช้โมเดลภายนอก ➡️ การใช้ Veritas ช่วยให้ Apple ตรวจสอบฟีเจอร์ก่อนเปิดตัวจริง ลดความเสี่ยงจากบั๊กหรือปัญหาความปลอดภัย ➡️ Apple Intelligence ที่เปิดตัวใน WWDC 2024 ยังไม่ตอบโจทย์ผู้ใช้เท่าที่คาดหวัง ➡️ การแข่งขันด้าน AI ระหว่าง Apple, Google และ OpenAI จะเป็นตัวกำหนดทิศทางของผู้ช่วยดิจิทัลในอนาคต https://securityonline.info/apples-secret-weapon-the-chatgpt-like-veritas-tool-thats-helping-build-a-next-gen-siri/
    SECURITYONLINE.INFO
    Apple’s Secret Weapon: The ChatGPT-Like "Veritas" Tool That's Helping Build a Next-Gen Siri
    Apple is internally testing a ChatGPT-like tool, codenamed "Veritas," to accelerate the development of a more capable, AI-driven Siri with personalized features.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 225 มุมมอง 0 รีวิว
  • “DOGE ปฏิบัติการล้างระบบราชการสหรัฐฯ — เมื่อ Elon Musk นำทีมปลดพนักงานรัฐกว่า 300,000 คนในปีเดียว”

    ในปี 2025 หน่วยงานใหม่ชื่อว่า Department of Government Efficiency หรือ DOGE ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบราชการสหรัฐฯ โดยมี Elon Musk เป็นผู้นำภายใต้การแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี Donald Trump เป้าหมายของ DOGE คือการลดขนาดรัฐบาลกลางให้ “เล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” โดยใช้กลยุทธ์ที่รวดเร็วและรุนแรง

    ผลลัพธ์คือการลาออกและปลดพนักงานกว่า 300,000 คนภายในปีเดียว คิดเป็นหนึ่งในแปดของแรงงานภาครัฐทั้งหมด โดยส่วนใหญ่เกิดจากแรงจูงใจให้ลาออก เช่น โปรแกรม “Fork in the Road” ที่เสนอเงินชดเชยและการพักงานแบบมีเงินเดือนชั่วคราว

    หน่วยงานที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ GSA (General Services Administration) ซึ่งดูแลพื้นที่สำนักงานของรัฐบาลกลาง ถูกลดพนักงานลงครึ่งหนึ่ง และมีการยกเลิกสัญญาเช่าอาคารกว่า 7,500 แห่ง ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล

    นอกจากนี้ ยังมีการลาออกของทีมเทคโนโลยีจาก US Digital Service (USDS) ซึ่งถูกเปลี่ยนชื่อเป็น DOGE โดยพนักงานกว่า 21 คนประกาศลาออกพร้อมกัน โดยให้เหตุผลว่า “ไม่สามารถใช้ทักษะเพื่อทำลายบริการสาธารณะได้” และวิจารณ์ว่า DOGE ถูกขับเคลื่อนโดยกลุ่มคนที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ แต่มีอุดมการณ์ทางการเมือง

    หลังจาก Elon Musk ลาออกจากตำแหน่งในกลางปี 2025 รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มพยายามเรียกพนักงานที่ถูกปลดกลับเข้าทำงาน โดยเฉพาะในหน่วยงานสำคัญ เช่น IRS, กรมแรงงาน และอุทยานแห่งชาติ ซึ่งหลายแห่งประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรจนไม่สามารถให้บริการประชาชนได้ตามปกติ

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    DOGE เป็นหน่วยงานใหม่ที่มีเป้าหมายลดขนาดรัฐบาลกลางสหรัฐฯ
    Elon Musk เป็นผู้นำ DOGE โดยได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดี Donald Trump
    มีการปลดและลาออกของพนักงานภาครัฐกว่า 300,000 คนในปี 2025
    GSA ถูกลดพนักงานลงครึ่งหนึ่งและยกเลิกสัญญาเช่าอาคารกว่า 7,500 แห่ง
    โปรแกรม “Fork in the Road” เสนอเงินชดเชยและการพักงานแบบมีเงินเดือน
    ทีมเทคโนโลยีจาก USDS ลาออกพร้อมกัน 21 คนโดยให้เหตุผลด้านจริยธรรม
    หลัง Musk ลาออก รัฐบาลเริ่มเรียกพนักงานกลับเข้าทำงานในหลายหน่วยงาน
    IRS, กรมแรงงาน และอุทยานแห่งชาติได้รับผลกระทบจนต้องเรียกคนกลับ
    CISA ระบุว่าการปลดพนักงานจำนวนมากส่งผลต่อความมั่นคงของระบบราชการ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    GSA เป็นหน่วยงานสำคัญที่ดูแลพื้นที่สำนักงานและการจัดซื้อของรัฐบาลกลาง
    USDS ก่อตั้งในปี 2014 เพื่อปรับปรุงบริการดิจิทัลของรัฐบาล
    การลดขนาดรัฐบาลเป็นแนวคิดที่มีทั้งผู้สนับสนุนและผู้คัดค้านในสหรัฐฯ
    Elon Musk มีสัญญากับรัฐบาลหลายฉบับ เช่น SpaceX และ Starlink
    การปลดพนักงานจำนวนมากอาจส่งผลต่อการดำเนินงานของโครงการระดับชาติ

    https://www.wired.com/story/oral-history-doge-federal-workers/
    🏛️ “DOGE ปฏิบัติการล้างระบบราชการสหรัฐฯ — เมื่อ Elon Musk นำทีมปลดพนักงานรัฐกว่า 300,000 คนในปีเดียว” ในปี 2025 หน่วยงานใหม่ชื่อว่า Department of Government Efficiency หรือ DOGE ได้กลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบราชการสหรัฐฯ โดยมี Elon Musk เป็นผู้นำภายใต้การแต่งตั้งโดยประธานาธิบดี Donald Trump เป้าหมายของ DOGE คือการลดขนาดรัฐบาลกลางให้ “เล็กที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้” โดยใช้กลยุทธ์ที่รวดเร็วและรุนแรง ผลลัพธ์คือการลาออกและปลดพนักงานกว่า 300,000 คนภายในปีเดียว คิดเป็นหนึ่งในแปดของแรงงานภาครัฐทั้งหมด โดยส่วนใหญ่เกิดจากแรงจูงใจให้ลาออก เช่น โปรแกรม “Fork in the Road” ที่เสนอเงินชดเชยและการพักงานแบบมีเงินเดือนชั่วคราว หน่วยงานที่ได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ GSA (General Services Administration) ซึ่งดูแลพื้นที่สำนักงานของรัฐบาลกลาง ถูกลดพนักงานลงครึ่งหนึ่ง และมีการยกเลิกสัญญาเช่าอาคารกว่า 7,500 แห่ง ส่งผลให้เกิดความล่าช้าในการดำเนินงานและค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล นอกจากนี้ ยังมีการลาออกของทีมเทคโนโลยีจาก US Digital Service (USDS) ซึ่งถูกเปลี่ยนชื่อเป็น DOGE โดยพนักงานกว่า 21 คนประกาศลาออกพร้อมกัน โดยให้เหตุผลว่า “ไม่สามารถใช้ทักษะเพื่อทำลายบริการสาธารณะได้” และวิจารณ์ว่า DOGE ถูกขับเคลื่อนโดยกลุ่มคนที่ไม่มีความเชี่ยวชาญ แต่มีอุดมการณ์ทางการเมือง หลังจาก Elon Musk ลาออกจากตำแหน่งในกลางปี 2025 รัฐบาลสหรัฐฯ เริ่มพยายามเรียกพนักงานที่ถูกปลดกลับเข้าทำงาน โดยเฉพาะในหน่วยงานสำคัญ เช่น IRS, กรมแรงงาน และอุทยานแห่งชาติ ซึ่งหลายแห่งประสบปัญหาขาดแคลนบุคลากรจนไม่สามารถให้บริการประชาชนได้ตามปกติ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ DOGE เป็นหน่วยงานใหม่ที่มีเป้าหมายลดขนาดรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ➡️ Elon Musk เป็นผู้นำ DOGE โดยได้รับการแต่งตั้งจากประธานาธิบดี Donald Trump ➡️ มีการปลดและลาออกของพนักงานภาครัฐกว่า 300,000 คนในปี 2025 ➡️ GSA ถูกลดพนักงานลงครึ่งหนึ่งและยกเลิกสัญญาเช่าอาคารกว่า 7,500 แห่ง ➡️ โปรแกรม “Fork in the Road” เสนอเงินชดเชยและการพักงานแบบมีเงินเดือน ➡️ ทีมเทคโนโลยีจาก USDS ลาออกพร้อมกัน 21 คนโดยให้เหตุผลด้านจริยธรรม ➡️ หลัง Musk ลาออก รัฐบาลเริ่มเรียกพนักงานกลับเข้าทำงานในหลายหน่วยงาน ➡️ IRS, กรมแรงงาน และอุทยานแห่งชาติได้รับผลกระทบจนต้องเรียกคนกลับ ➡️ CISA ระบุว่าการปลดพนักงานจำนวนมากส่งผลต่อความมั่นคงของระบบราชการ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ GSA เป็นหน่วยงานสำคัญที่ดูแลพื้นที่สำนักงานและการจัดซื้อของรัฐบาลกลาง ➡️ USDS ก่อตั้งในปี 2014 เพื่อปรับปรุงบริการดิจิทัลของรัฐบาล ➡️ การลดขนาดรัฐบาลเป็นแนวคิดที่มีทั้งผู้สนับสนุนและผู้คัดค้านในสหรัฐฯ ➡️ Elon Musk มีสัญญากับรัฐบาลหลายฉบับ เช่น SpaceX และ Starlink ➡️ การปลดพนักงานจำนวนมากอาจส่งผลต่อการดำเนินงานของโครงการระดับชาติ https://www.wired.com/story/oral-history-doge-federal-workers/
    WWW.WIRED.COM
    The Story of DOGE, as Told by Federal Workers
    WIRED spoke with more than 200 federal workers in dozens of agencies to learn what happened as the Department of Government Efficiency tore through their offices.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 273 มุมมอง 0 รีวิว
  • ..อันนีัถือว่าดี ก็ว่าดี เพราะคนจนคือกลุ่มเปราะบางต้องได้รับความช่วยเหลือก่อนถ้าทำจริงนะ,13-14ล้านคนเอง,ไม่เสียหายมากหรอก,ช่วยเขาได้เยอะ, ส่วนคนละครึ่งก็ช่วยได้อีกหลายคนในภาวะแบบนี้,ส่วนผลการหาเสียงก็อีกประเด็น.,วิกฤติฉุกเฉินนี้ช่วยลดภาระค่าครองชีพคนไทยไม่น้อย.
    ..แต่อย่าลืมยกเลิกmou43,44ด้วย,วันจันทร์ประกาศยกเลิกmou43,44ออกสื่อหลักหรือถ่ายทอดรายการพิเศษอย่างเป็นทางการนะ,นายกฯคนต่อไป ได้เป็นอีกแน่นอน,ลูกเนวินอย่าเสียสัตย์ ไม่ซื่อตรงด้วย,เคยพูดผ่านสื่อแบบใดๆก็ทำด้วยในการยกเลิกmou43,44ในวันจันทร์ถือว่าอย่างเป็นทางการแล้วด้วย,ร่วมกันแถลงในสภาฯก็ได้,อันตรายมากหากทรยศประชาชนอีก,เป็นนายกฯวันเดียวก็ชัดเจนในจุดยืนได้ ประกาศยกเลิกmou43,44เลย.
    ..ปิดท้าย อ.ปานเทพ จริงๆสมควรเป็นประธานกรรมาธิการยกเลิกmou43,44เลย,ไม่สมควรถูกเชิญไปเสียเหลี่ยมแบบนั้นด้วย,ลาออกมาเถอะ มาจัดชุมนุมประท้วงให้ยกเลิกmou43,44ให้ชัดเจนร่วมกับคปท.ดีกว่า.,กับอ.ทนายนกเขายังดีกว่าพวกนี้อีก.,จุดยืนพวกนี้ ไปนั่งเพื่อกอดmou43,44มากกว่า.
    ..ดีๆเราก็ชม,เหี้ยๆเราก็ด่าได้เหมือนกัน.,ค่าจริงมีหนึ่งเดียว.


    https://youtube.com/watch?v=Wy7BU9b2VWE&si=t70PvWWdeMlRup7N
    ..อันนีัถือว่าดี ก็ว่าดี เพราะคนจนคือกลุ่มเปราะบางต้องได้รับความช่วยเหลือก่อนถ้าทำจริงนะ,13-14ล้านคนเอง,ไม่เสียหายมากหรอก,ช่วยเขาได้เยอะ, ส่วนคนละครึ่งก็ช่วยได้อีกหลายคนในภาวะแบบนี้,ส่วนผลการหาเสียงก็อีกประเด็น.,วิกฤติฉุกเฉินนี้ช่วยลดภาระค่าครองชีพคนไทยไม่น้อย. ..แต่อย่าลืมยกเลิกmou43,44ด้วย,วันจันทร์ประกาศยกเลิกmou43,44ออกสื่อหลักหรือถ่ายทอดรายการพิเศษอย่างเป็นทางการนะ,นายกฯคนต่อไป ได้เป็นอีกแน่นอน,ลูกเนวินอย่าเสียสัตย์ ไม่ซื่อตรงด้วย,เคยพูดผ่านสื่อแบบใดๆก็ทำด้วยในการยกเลิกmou43,44ในวันจันทร์ถือว่าอย่างเป็นทางการแล้วด้วย,ร่วมกันแถลงในสภาฯก็ได้,อันตรายมากหากทรยศประชาชนอีก,เป็นนายกฯวันเดียวก็ชัดเจนในจุดยืนได้ ประกาศยกเลิกmou43,44เลย. ..ปิดท้าย อ.ปานเทพ จริงๆสมควรเป็นประธานกรรมาธิการยกเลิกmou43,44เลย,ไม่สมควรถูกเชิญไปเสียเหลี่ยมแบบนั้นด้วย,ลาออกมาเถอะ มาจัดชุมนุมประท้วงให้ยกเลิกmou43,44ให้ชัดเจนร่วมกับคปท.ดีกว่า.,กับอ.ทนายนกเขายังดีกว่าพวกนี้อีก.,จุดยืนพวกนี้ ไปนั่งเพื่อกอดmou43,44มากกว่า. ..ดีๆเราก็ชม,เหี้ยๆเราก็ด่าได้เหมือนกัน.,ค่าจริงมีหนึ่งเดียว. https://youtube.com/watch?v=Wy7BU9b2VWE&si=t70PvWWdeMlRup7N
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 238 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศ.ดร.ไชยันต์ เสนอทางออกจริยธรรมนักการเมือง แนะ สส. ลาออกเอง และฝ่ายค้านทำงานจริงจัง ไม่จำเป็นต้องพึ่งศาล รธน.
    https://www.thai-tai.tv/news/21638/
    .
    #ไทยไท #จริยธรรมนักการเมือง #ศาลรัฐธรรมนูญ #ไชยันต์ไชยพร #รัฐศาสตร์จุฬาฯ #ฝ่ายค้าน #การเมืองไทย #ลาออก
    ศ.ดร.ไชยันต์ เสนอทางออกจริยธรรมนักการเมือง แนะ สส. ลาออกเอง และฝ่ายค้านทำงานจริงจัง ไม่จำเป็นต้องพึ่งศาล รธน. https://www.thai-tai.tv/news/21638/ . #ไทยไท #จริยธรรมนักการเมือง #ศาลรัฐธรรมนูญ #ไชยันต์ไชยพร #รัฐศาสตร์จุฬาฯ #ฝ่ายค้าน #การเมืองไทย #ลาออก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 155 มุมมอง 0 รีวิว
  • “OpenSSF เตือนหนัก: โครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สไม่ใช่ของฟรี — ถึงเวลาที่องค์กรต้องจ่ายคืนให้ระบบที่พวกเขาพึ่งพา”

    Open Source Security Foundation (OpenSSF) พร้อมด้วยมูลนิธิซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สชั้นนำ เช่น Eclipse, Python, Rust, OpenJS และ Sonatype ได้ออกแถลงการณ์ร่วมในเดือนกันยายน 2025 เพื่อประกาศจุดยืนว่า “โอเพ่นซอร์สไม่ใช่บริการฟรี” และเตือนว่าโครงสร้างพื้นฐานที่ขับเคลื่อนซอฟต์แวร์ทั่วโลกกำลังเข้าสู่ภาวะไม่ยั่งยืน

    องค์กรเหล่านี้ต้องรับภาระการดาวน์โหลดแพ็กเกจระดับ “หลายล้านล้านครั้งต่อเดือน” โดยไม่มีรายได้ที่สอดคล้องกับการใช้งานจริง ส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาการบริจาค, เงินทุนจากผู้สนับสนุนไม่กี่ราย และแรงงานอาสาสมัคร ซึ่งไม่สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะจากระบบ CI/CD, container builds และ AI agents ที่สแกน repository แบบอัตโนมัติ

    OpenSSF ชี้ว่าโครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สไม่ใช่แค่ package registry แต่ยังรวมถึงระบบ build, test, deploy, CDN, cloud storage และระบบความปลอดภัยที่ต้องทำงานตลอดเวลา — ทั้งหมดนี้มีต้นทุนที่องค์กรผู้ใช้งานจำนวนมากไม่ได้แบกรับ

    เพื่อแก้ปัญหา OpenSSF เสนอแนวทางใหม่ เช่น การสร้างโมเดล “tiered access” ที่ให้บริการฟรีสำหรับผู้ใช้ทั่วไป แต่คิดค่าบริการสำหรับองค์กรขนาดใหญ่, การจับมือกับภาคธุรกิจเพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานตามสัดส่วนการใช้งาน, และการเพิ่มบริการเสริมเชิงพาณิชย์ เช่น analytics หรือ SLA ที่มีความน่าเชื่อถือสูง

    แม้สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ OpenSSF เตือนว่า หากไม่มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ระบบที่เป็นรากฐานของซอฟต์แวร์ทั่วโลกอาจล่มสลายได้ในอนาคตอันใกล้

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    OpenSSF และมูลนิธิซอฟต์แวร์หลายแห่งออกแถลงการณ์ร่วมเตือนเรื่องความยั่งยืนของโอเพ่นซอร์ส
    โครงสร้างพื้นฐานรองรับการดาวน์โหลดหลายล้านล้านครั้งต่อเดือน แต่ยังพึ่งพาการบริจาค
    ระบบที่เกี่ยวข้องรวมถึง build, test, deploy, CDN, cloud และระบบความปลอดภัย
    ปริมาณการใช้งานจากระบบอัตโนมัติ เช่น CI/CD และ AI agents เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
    OpenSSF เสนอโมเดล tiered access และความร่วมมือเชิงพาณิชย์เพื่อสร้างรายได้
    มีการเสนอให้เพิ่มบริการเสริม เช่น analytics และ SLA สำหรับองค์กร
    แถลงการณ์ร่วมลงนามโดย Eclipse, Python, Rust, OpenJS, Sonatype และอื่น ๆ
    สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบโอเพ่นซอร์ส

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    GitHub เคยเสนอให้รัฐบาลมองโอเพ่นซอร์สเป็น “โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล” และสนับสนุนงบประมาณ
    EU เสนอ Sovereign Tech Fund มูลค่า €350 ล้านเพื่อสนับสนุนโอเพ่นซอร์ส
    โครงการ Asahi Linux เคยประสบปัญหาบุคลากรลาออกเพราะความเหนื่อยล้าและขาดทุนสนับสนุน
    Bruce Perens เสนอ “Post-Open Zero Cost License” เพื่อบังคับให้บริษัทที่ใช้โอเพ่นซอร์สต้องจ่าย
    โครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สมีบทบาทสำคัญในระบบความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ทั่วโลก

    https://securityonline.info/openssf-warns-open-source-software-is-not-a-free-service/
    🌍 “OpenSSF เตือนหนัก: โครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สไม่ใช่ของฟรี — ถึงเวลาที่องค์กรต้องจ่ายคืนให้ระบบที่พวกเขาพึ่งพา” Open Source Security Foundation (OpenSSF) พร้อมด้วยมูลนิธิซอฟต์แวร์โอเพ่นซอร์สชั้นนำ เช่น Eclipse, Python, Rust, OpenJS และ Sonatype ได้ออกแถลงการณ์ร่วมในเดือนกันยายน 2025 เพื่อประกาศจุดยืนว่า “โอเพ่นซอร์สไม่ใช่บริการฟรี” และเตือนว่าโครงสร้างพื้นฐานที่ขับเคลื่อนซอฟต์แวร์ทั่วโลกกำลังเข้าสู่ภาวะไม่ยั่งยืน องค์กรเหล่านี้ต้องรับภาระการดาวน์โหลดแพ็กเกจระดับ “หลายล้านล้านครั้งต่อเดือน” โดยไม่มีรายได้ที่สอดคล้องกับการใช้งานจริง ส่วนใหญ่ยังคงพึ่งพาการบริจาค, เงินทุนจากผู้สนับสนุนไม่กี่ราย และแรงงานอาสาสมัคร ซึ่งไม่สามารถรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะจากระบบ CI/CD, container builds และ AI agents ที่สแกน repository แบบอัตโนมัติ OpenSSF ชี้ว่าโครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สไม่ใช่แค่ package registry แต่ยังรวมถึงระบบ build, test, deploy, CDN, cloud storage และระบบความปลอดภัยที่ต้องทำงานตลอดเวลา — ทั้งหมดนี้มีต้นทุนที่องค์กรผู้ใช้งานจำนวนมากไม่ได้แบกรับ เพื่อแก้ปัญหา OpenSSF เสนอแนวทางใหม่ เช่น การสร้างโมเดล “tiered access” ที่ให้บริการฟรีสำหรับผู้ใช้ทั่วไป แต่คิดค่าบริการสำหรับองค์กรขนาดใหญ่, การจับมือกับภาคธุรกิจเพื่อสนับสนุนโครงสร้างพื้นฐานตามสัดส่วนการใช้งาน, และการเพิ่มบริการเสริมเชิงพาณิชย์ เช่น analytics หรือ SLA ที่มีความน่าเชื่อถือสูง แม้สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ OpenSSF เตือนว่า หากไม่มีการลงทุนอย่างต่อเนื่อง ระบบที่เป็นรากฐานของซอฟต์แวร์ทั่วโลกอาจล่มสลายได้ในอนาคตอันใกล้ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ OpenSSF และมูลนิธิซอฟต์แวร์หลายแห่งออกแถลงการณ์ร่วมเตือนเรื่องความยั่งยืนของโอเพ่นซอร์ส ➡️ โครงสร้างพื้นฐานรองรับการดาวน์โหลดหลายล้านล้านครั้งต่อเดือน แต่ยังพึ่งพาการบริจาค ➡️ ระบบที่เกี่ยวข้องรวมถึง build, test, deploy, CDN, cloud และระบบความปลอดภัย ➡️ ปริมาณการใช้งานจากระบบอัตโนมัติ เช่น CI/CD และ AI agents เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว ➡️ OpenSSF เสนอโมเดล tiered access และความร่วมมือเชิงพาณิชย์เพื่อสร้างรายได้ ➡️ มีการเสนอให้เพิ่มบริการเสริม เช่น analytics และ SLA สำหรับองค์กร ➡️ แถลงการณ์ร่วมลงนามโดย Eclipse, Python, Rust, OpenJS, Sonatype และอื่น ๆ ➡️ สถานการณ์ยังไม่ถึงขั้นวิกฤต แต่ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของระบบโอเพ่นซอร์ส ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ GitHub เคยเสนอให้รัฐบาลมองโอเพ่นซอร์สเป็น “โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล” และสนับสนุนงบประมาณ ➡️ EU เสนอ Sovereign Tech Fund มูลค่า €350 ล้านเพื่อสนับสนุนโอเพ่นซอร์ส ➡️ โครงการ Asahi Linux เคยประสบปัญหาบุคลากรลาออกเพราะความเหนื่อยล้าและขาดทุนสนับสนุน ➡️ Bruce Perens เสนอ “Post-Open Zero Cost License” เพื่อบังคับให้บริษัทที่ใช้โอเพ่นซอร์สต้องจ่าย ➡️ โครงสร้างพื้นฐานโอเพ่นซอร์สมีบทบาทสำคัญในระบบความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ทั่วโลก https://securityonline.info/openssf-warns-open-source-software-is-not-a-free-service/
    SECURITYONLINE.INFO
    OpenSSF Warns: Open Source Software Is Not a Free Service
    OpenSSF and other foundations warn that they can no longer be the unpaid gatekeepers of the software supply chain and that enterprises must contribute financially.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 252 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts