• ข่าวใหญ่: จีนออกใบอนุญาตส่งออกแร่หายากแบบใหม่

    รัฐบาลจีนได้ออกใบอนุญาตส่งออก “ทั่วไป” ให้กับผู้ผลิตแม่เหล็กถาวรรายใหญ่ เช่น JL Mag Rare Earth, Ningbo Yunsheng และ Beijing Zhong Ke San Huan High-Tech การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจากการประชุมระหว่างผู้นำจีนและสหรัฐฯ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อบรรเทาความตึงเครียดทางการค้า

    รายละเอียดของใบอนุญาต
    ใบอนุญาตใหม่นี้มีอายุ 1 ปี และผูกกับลูกค้ารายบุคคล ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ทำให้ผู้ผลิตสามารถส่งออกได้รวดเร็วขึ้นโดยไม่ต้องรอการอนุมัติแบบกรณีต่อกรณีเหมือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม กรอบการควบคุมยังคงอยู่ เพียงแต่มีช่องทางที่สะดวกขึ้นสำหรับลูกค้าที่ได้รับอนุมัติ

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม
    มาตรการนี้ช่วยลดระยะเวลาการอนุมัติและเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อในต่างประเทศ แต่ผลกระทบจะไม่เท่ากันในทุกภาคส่วน เนื่องจากใบอนุญาตผูกกับลูกค้าเฉพาะราย บางบริษัทอาจได้ประโยชน์ทันที ขณะที่บางรายยังต้องรอการอนุมัติในอนาคต

    มุมมองในอนาคต
    แม้จะมีการผ่อนคลาย แต่จีนยังคงควบคุมอุตสาหกรรมแร่หายากอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในส่วนแม่เหล็กถาวรที่ใช้ใน มอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีสมัยใหม่ การเปลี่ยนแปลงนี้จึงเป็นเพียงการเปิดช่องทางใหม่ ไม่ใช่การยกเลิกข้อจำกัดทั้งหมด

    สรุปสาระสำคัญ
    จีนออกใบอนุญาตส่งออก “ทั่วไป” สำหรับผู้ผลิตแม่เหล็กถาวร
    ครอบคลุม JL Mag, Ningbo Yunsheng และ Zhong Ke San Huan

    ใบอนุญาตมีอายุ 1 ปี และผูกกับลูกค้ารายบุคคล
    ลดขั้นตอนการอนุมัติแบบกรณีต่อกรณี

    ช่วยให้การส่งออกเร็วขึ้นและเพิ่มความมั่นใจแก่ลูกค้า
    แต่ผลกระทบไม่เท่ากันในทุกภาคส่วน

    กรอบการควบคุมยังคงอยู่ ไม่ใช่การยกเลิกข้อจำกัด
    ผู้ผลิตที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อยังต้องรอการอนุมัติ

    อุตสาหกรรมแม่เหล็กถาวรยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ของจีน
    มีผลต่อเทคโนโลยีสำคัญ เช่น มอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-issues-first-batch-of-general-rare-earth-export-licenses-to-magnet-makers
    🌏 ข่าวใหญ่: จีนออกใบอนุญาตส่งออกแร่หายากแบบใหม่ รัฐบาลจีนได้ออกใบอนุญาตส่งออก “ทั่วไป” ให้กับผู้ผลิตแม่เหล็กถาวรรายใหญ่ เช่น JL Mag Rare Earth, Ningbo Yunsheng และ Beijing Zhong Ke San Huan High-Tech การเปลี่ยนแปลงนี้เกิดขึ้นหลังจากการประชุมระหว่างผู้นำจีนและสหรัฐฯ เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา เพื่อบรรเทาความตึงเครียดทางการค้า 🔧 รายละเอียดของใบอนุญาต ใบอนุญาตใหม่นี้มีอายุ 1 ปี และผูกกับลูกค้ารายบุคคล ไม่ใช่ผลิตภัณฑ์ทั้งหมด ทำให้ผู้ผลิตสามารถส่งออกได้รวดเร็วขึ้นโดยไม่ต้องรอการอนุมัติแบบกรณีต่อกรณีเหมือนที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม กรอบการควบคุมยังคงอยู่ เพียงแต่มีช่องทางที่สะดวกขึ้นสำหรับลูกค้าที่ได้รับอนุมัติ 📉 ผลกระทบต่ออุตสาหกรรม มาตรการนี้ช่วยลดระยะเวลาการอนุมัติและเพิ่มความมั่นใจให้กับผู้ซื้อในต่างประเทศ แต่ผลกระทบจะไม่เท่ากันในทุกภาคส่วน เนื่องจากใบอนุญาตผูกกับลูกค้าเฉพาะราย บางบริษัทอาจได้ประโยชน์ทันที ขณะที่บางรายยังต้องรอการอนุมัติในอนาคต 📊 มุมมองในอนาคต แม้จะมีการผ่อนคลาย แต่จีนยังคงควบคุมอุตสาหกรรมแร่หายากอย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในส่วนแม่เหล็กถาวรที่ใช้ใน มอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีสมัยใหม่ การเปลี่ยนแปลงนี้จึงเป็นเพียงการเปิดช่องทางใหม่ ไม่ใช่การยกเลิกข้อจำกัดทั้งหมด 📌 สรุปสาระสำคัญ ✅ จีนออกใบอนุญาตส่งออก “ทั่วไป” สำหรับผู้ผลิตแม่เหล็กถาวร ➡️ ครอบคลุม JL Mag, Ningbo Yunsheng และ Zhong Ke San Huan ✅ ใบอนุญาตมีอายุ 1 ปี และผูกกับลูกค้ารายบุคคล ➡️ ลดขั้นตอนการอนุมัติแบบกรณีต่อกรณี ✅ ช่วยให้การส่งออกเร็วขึ้นและเพิ่มความมั่นใจแก่ลูกค้า ➡️ แต่ผลกระทบไม่เท่ากันในทุกภาคส่วน ‼️ กรอบการควบคุมยังคงอยู่ ไม่ใช่การยกเลิกข้อจำกัด ⛔ ผู้ผลิตที่ไม่ได้อยู่ในรายชื่อยังต้องรอการอนุมัติ ‼️ อุตสาหกรรมแม่เหล็กถาวรยังเป็นจุดยุทธศาสตร์ของจีน ⛔ มีผลต่อเทคโนโลยีสำคัญ เช่น มอเตอร์และเครื่องกำเนิดไฟฟ้า https://www.tomshardware.com/tech-industry/china-issues-first-batch-of-general-rare-earth-export-licenses-to-magnet-makers
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 121 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เฟิร์นสร้างผลึกแร่หายากได้เอง – เปิดทางสู่การทำเหมืองสีเขียว”

    นักวิทยาศาสตร์จาก Chinese Academy of Sciences ค้นพบปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเฟิร์น Blechnum orientale ซึ่งสามารถสะสมและสร้างผลึกแร่หายาก (Rare Earth Elements – REEs) ภายในเนื้อเยื่อของมันเอง โดยผลึกที่พบคือ monazite ซึ่งปกติแล้วต้องใช้ความร้อนและแรงดันสูงใต้พื้นโลกในการก่อตัว แต่เฟิร์นกลับสามารถสร้างได้ในสภาพธรรมชาติที่อ่อนโยน

    สิ่งนี้ถือเป็นการยืนยันว่าเฟิร์นชนิดนี้ไม่เพียงแต่เป็น hyperaccumulator plant ที่ดูดซับโลหะจากดินได้ แต่ยังสามารถเปลี่ยนโลหะเหล่านั้นให้กลายเป็นผลึกแร่ที่มีมูลค่าสูง เช่น neodymium, lanthanum และ cerium ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในเทคโนโลยีสะอาด ตั้งแต่กังหันลมไปจนถึงอุปกรณ์การแพทย์

    การค้นพบนี้เปิดมิติใหม่ของแนวคิด phytomining หรือการทำเหมืองโดยใช้พืช ซึ่งอาจช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการขุดเหมืองแบบดั้งเดิม นักวิจัยเชื่อว่าหากสามารถพัฒนาเทคนิคในการสกัดผลึก monazite จากพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นการปฏิวัติการจัดหาทรัพยากรโลหะหายากที่โลกกำลังต้องการอย่างเร่งด่วน

    อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายในการนำไปใช้จริง เช่น การสกัดผลึกโดยไม่สูญเสียทรัพยากร และการตรวจสอบว่าพืชชนิดอื่นสามารถทำเช่นเดียวกันได้หรือไม่ นักวิทยาศาสตร์กำลังทดลองกับเฟิร์นอีกชนิดหนึ่งคือ Dicranopteris linearis แต่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามันสามารถสร้างผลึกได้เช่นเดียวกัน

    สรุปประเด็นสำคัญ
    การค้นพบใหม่ในเฟิร์น Blechnum orientale
    สร้างผลึก monazite ภายในเนื้อเยื่อ
    ใช้ REEs เช่น neodymium, lanthanum, cerium

    ความสำคัญต่อเทคโนโลยี
    REEs เป็นหัวใจของกังหันลม คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์การแพทย์
    การสร้างผลึกในพืชอาจลดการพึ่งพาการทำเหมืองแบบดั้งเดิม

    แนวคิด phytomining
    ใช้พืชเป็นเครื่องมือดึงโลหะจากดิน
    อาจเป็นวิธีการจัดหาทรัพยากรที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

    ความท้าทายและการวิจัยต่อเนื่อง
    ต้องหาวิธีสกัดผลึกโดยไม่สูญเสียทรัพยากร
    กำลังตรวจสอบว่าพืชชนิดอื่นสามารถทำได้เช่นกัน

    คำเตือนด้านการนำไปใช้จริง
    การสกัดผลึกจากพืชยังไม่สมบูรณ์ อาจสูญเสีย REEs จำนวนมาก
    ต้องระวังผลกระทบต่อระบบนิเวศหากมีการปลูกพืช hyperaccumulator ในวงกว้าง
    ยังไม่แน่ชัดว่าพืชทุกชนิดสามารถสร้างผลึกได้เหมือน Blechnum orientale

    https://www.sciencealert.com/rare-earth-element-crystals-found-forming-in-a-plant-for-the-first-time
    🌱 “เฟิร์นสร้างผลึกแร่หายากได้เอง – เปิดทางสู่การทำเหมืองสีเขียว” นักวิทยาศาสตร์จาก Chinese Academy of Sciences ค้นพบปรากฏการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในเฟิร์น Blechnum orientale ซึ่งสามารถสะสมและสร้างผลึกแร่หายาก (Rare Earth Elements – REEs) ภายในเนื้อเยื่อของมันเอง โดยผลึกที่พบคือ monazite ซึ่งปกติแล้วต้องใช้ความร้อนและแรงดันสูงใต้พื้นโลกในการก่อตัว แต่เฟิร์นกลับสามารถสร้างได้ในสภาพธรรมชาติที่อ่อนโยน สิ่งนี้ถือเป็นการยืนยันว่าเฟิร์นชนิดนี้ไม่เพียงแต่เป็น hyperaccumulator plant ที่ดูดซับโลหะจากดินได้ แต่ยังสามารถเปลี่ยนโลหะเหล่านั้นให้กลายเป็นผลึกแร่ที่มีมูลค่าสูง เช่น neodymium, lanthanum และ cerium ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในเทคโนโลยีสะอาด ตั้งแต่กังหันลมไปจนถึงอุปกรณ์การแพทย์ การค้นพบนี้เปิดมิติใหม่ของแนวคิด phytomining หรือการทำเหมืองโดยใช้พืช ซึ่งอาจช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการขุดเหมืองแบบดั้งเดิม นักวิจัยเชื่อว่าหากสามารถพัฒนาเทคนิคในการสกัดผลึก monazite จากพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะเป็นการปฏิวัติการจัดหาทรัพยากรโลหะหายากที่โลกกำลังต้องการอย่างเร่งด่วน อย่างไรก็ตาม ยังมีความท้าทายในการนำไปใช้จริง เช่น การสกัดผลึกโดยไม่สูญเสียทรัพยากร และการตรวจสอบว่าพืชชนิดอื่นสามารถทำเช่นเดียวกันได้หรือไม่ นักวิทยาศาสตร์กำลังทดลองกับเฟิร์นอีกชนิดหนึ่งคือ Dicranopteris linearis แต่ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่ามันสามารถสร้างผลึกได้เช่นเดียวกัน 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ การค้นพบใหม่ในเฟิร์น Blechnum orientale ➡️ สร้างผลึก monazite ภายในเนื้อเยื่อ ➡️ ใช้ REEs เช่น neodymium, lanthanum, cerium ✅ ความสำคัญต่อเทคโนโลยี ➡️ REEs เป็นหัวใจของกังหันลม คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์การแพทย์ ➡️ การสร้างผลึกในพืชอาจลดการพึ่งพาการทำเหมืองแบบดั้งเดิม ✅ แนวคิด phytomining ➡️ ใช้พืชเป็นเครื่องมือดึงโลหะจากดิน ➡️ อาจเป็นวิธีการจัดหาทรัพยากรที่ยั่งยืนและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ✅ ความท้าทายและการวิจัยต่อเนื่อง ➡️ ต้องหาวิธีสกัดผลึกโดยไม่สูญเสียทรัพยากร ➡️ กำลังตรวจสอบว่าพืชชนิดอื่นสามารถทำได้เช่นกัน ‼️ คำเตือนด้านการนำไปใช้จริง ⛔ การสกัดผลึกจากพืชยังไม่สมบูรณ์ อาจสูญเสีย REEs จำนวนมาก ⛔ ต้องระวังผลกระทบต่อระบบนิเวศหากมีการปลูกพืช hyperaccumulator ในวงกว้าง ⛔ ยังไม่แน่ชัดว่าพืชทุกชนิดสามารถสร้างผลึกได้เหมือน Blechnum orientale https://www.sciencealert.com/rare-earth-element-crystals-found-forming-in-a-plant-for-the-first-time
    WWW.SCIENCEALERT.COM
    Rare Earth Element Crystals Found Forming in a Plant For The First Time
    Scientists have just discovered an incredible superpower hidden away in the tissues of the fern Blechnum orientale, a plant that can collect and store rare earth elements.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 212 มุมมอง 0 รีวิว
  • “Yttrium พุ่ง 1,500% เขย่าโลกชิปเซ็ต”

    ราคาของแร่หายาก Yttrium พุ่งขึ้นกว่า 1,500% ภายใน 12 เดือน จาก $8 เป็น $126 ต่อกิโลกรัม เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก

    ราคาพุ่งทะยาน
    Bloomberg รายงานว่า Yttrium ซึ่งเป็นแร่หายากที่ใช้ในกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ เช่น thin-film deposition และ wafer polishing มีราคาพุ่งขึ้นจาก $8 เป็น $126 ต่อกิโลกรัมในเวลาไม่ถึงปี ถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์

    สงครามการค้าสหรัฐฯ–จีน
    ความตึงเครียดเริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสูงถึง 145% และจีนตอบโต้ด้วยการจำกัดการส่งออกแร่หายาก รวมถึง Yttrium แม้จะมีการเจรจาและพักรบทางภาษี แต่จีนยังคงคุมเข้มการส่งออกบางรายการ ทำให้ซัพพลายยังคงตึงตัว

    ผลกระทบต่อซัพพลายเชนโลก
    มากกว่า 90% ของแร่หายากที่สหรัฐฯ ต้องใช้มาจากจีน ทำให้การควบคุมการส่งออกส่งผลกระทบอย่างหนักต่อผู้ผลิตชิปทั่วโลก ขณะนี้สหรัฐฯ กำลังพยายามหาทางออก เช่น โครงการ Mountain Pass ในแคลิฟอร์เนีย รวมถึงการลงทุน $2 พันล้านดอลลาร์จาก CHIPS Act เพื่อสร้างซัพพลายเชนที่ยั่งยืน ขณะที่ออสเตรเลียและแคนาดาก็เร่งหาทางผลิตแร่หายากจากเหมืองและของเสีย

    แนวโน้มในอนาคต
    แม้จะมีการหาทางออก แต่ราคาของ Yttrium ยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง และอาจสร้างแรงกดดันต่อการผลิตชิปในระยะยาว หากประเทศตะวันตกไม่สามารถสร้างซัพพลายเชนใหม่ได้ทันเวลา อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อาจเผชิญความเสี่ยงด้านต้นทุนและการผลิตที่ไม่เสถียร

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ราคาพุ่ง
    Yttrium เพิ่มจาก $8 เป็น $126 ต่อกิโลกรัมใน 12 เดือน

    สงครามการค้าสหรัฐฯ–จีน
    สหรัฐฯ เก็บภาษี 145%
    จีนจำกัดการส่งออกแร่หายาก

    ผลกระทบต่อซัพพลายเชน
    สหรัฐฯ พึ่งพาจีนกว่า 90%
    โครงการ Mountain Pass และ CHIPS Act ลงทุน $2 พันล้าน
    ออสเตรเลีย–แคนาดาเร่งผลิตแร่หายาก

    คำเตือนสำหรับอนาคต
    ราคายังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง
    ความเสี่ยงต่อการผลิตชิปหากซัพพลายเชนใหม่ไม่ทันเวลา

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/manufacturing/1-500-percent-price-increase-on-some-rare-earth-elements-squeezes-chipmaking-business-yttrium-surge-caused-by-trade-war-between-u-s-and-china
    💸 “Yttrium พุ่ง 1,500% เขย่าโลกชิปเซ็ต” ราคาของแร่หายาก Yttrium พุ่งขึ้นกว่า 1,500% ภายใน 12 เดือน จาก $8 เป็น $126 ต่อกิโลกรัม เนื่องจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน ส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก 📈 ราคาพุ่งทะยาน Bloomberg รายงานว่า Yttrium ซึ่งเป็นแร่หายากที่ใช้ในกระบวนการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ เช่น thin-film deposition และ wafer polishing มีราคาพุ่งขึ้นจาก $8 เป็น $126 ต่อกิโลกรัมในเวลาไม่ถึงปี ถือเป็นระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์ ⚖️ สงครามการค้าสหรัฐฯ–จีน ความตึงเครียดเริ่มรุนแรงขึ้นเมื่อสหรัฐฯ ประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนสูงถึง 145% และจีนตอบโต้ด้วยการจำกัดการส่งออกแร่หายาก รวมถึง Yttrium แม้จะมีการเจรจาและพักรบทางภาษี แต่จีนยังคงคุมเข้มการส่งออกบางรายการ ทำให้ซัพพลายยังคงตึงตัว 🌍 ผลกระทบต่อซัพพลายเชนโลก มากกว่า 90% ของแร่หายากที่สหรัฐฯ ต้องใช้มาจากจีน ทำให้การควบคุมการส่งออกส่งผลกระทบอย่างหนักต่อผู้ผลิตชิปทั่วโลก ขณะนี้สหรัฐฯ กำลังพยายามหาทางออก เช่น โครงการ Mountain Pass ในแคลิฟอร์เนีย รวมถึงการลงทุน $2 พันล้านดอลลาร์จาก CHIPS Act เพื่อสร้างซัพพลายเชนที่ยั่งยืน ขณะที่ออสเตรเลียและแคนาดาก็เร่งหาทางผลิตแร่หายากจากเหมืองและของเสีย 🔮 แนวโน้มในอนาคต แม้จะมีการหาทางออก แต่ราคาของ Yttrium ยังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง และอาจสร้างแรงกดดันต่อการผลิตชิปในระยะยาว หากประเทศตะวันตกไม่สามารถสร้างซัพพลายเชนใหม่ได้ทันเวลา อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์อาจเผชิญความเสี่ยงด้านต้นทุนและการผลิตที่ไม่เสถียร 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ราคาพุ่ง ➡️ Yttrium เพิ่มจาก $8 เป็น $126 ต่อกิโลกรัมใน 12 เดือน ✅ สงครามการค้าสหรัฐฯ–จีน ➡️ สหรัฐฯ เก็บภาษี 145% ➡️ จีนจำกัดการส่งออกแร่หายาก ✅ ผลกระทบต่อซัพพลายเชน ➡️ สหรัฐฯ พึ่งพาจีนกว่า 90% ➡️ โครงการ Mountain Pass และ CHIPS Act ลงทุน $2 พันล้าน ➡️ ออสเตรเลีย–แคนาดาเร่งผลิตแร่หายาก ‼️ คำเตือนสำหรับอนาคต ⛔ ราคายังคงสูงขึ้นต่อเนื่อง ⛔ ความเสี่ยงต่อการผลิตชิปหากซัพพลายเชนใหม่ไม่ทันเวลา https://www.tomshardware.com/tech-industry/manufacturing/1-500-percent-price-increase-on-some-rare-earth-elements-squeezes-chipmaking-business-yttrium-surge-caused-by-trade-war-between-u-s-and-china
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 328 มุมมอง 0 รีวิว
  • บิตคอยน์ร่วงหนัก สูญมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์

    บิตคอยน์เพิ่งทำสถิติสูงสุดที่กว่า 125,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2025 แต่เพียงไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ราคากลับร่วงลงเหลือประมาณ 90,000 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดของปีนี้ การร่วงลงครั้งนี้ทำให้มูลค่าตลาดหายไปกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ และสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อวงการคริปโตทั่วโลก

    ปัจจัยการเมืองและเศรษฐกิจ
    การร่วงลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นหลังจาก ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จะเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เพื่อตอบโต้การควบคุมการส่งออกแร่หายากของจีน เหตุการณ์นี้ทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกผันผวน นักลงทุนจำนวนมากเลือกที่จะขายสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงคริปโต ขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยที่สูงจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ก็ทำให้การลงทุนในพันธบัตรและบัญชีออมทรัพย์ดูน่าสนใจกว่าการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล

    ผลกระทบจากการใช้เลเวอเรจ
    นักวิเคราะห์ชี้ว่า การลงทุนที่ใช้เลเวอเรจสูงเป็นตัวเร่งให้ราคาบิตคอยน์ร่วงแรงขึ้น เมื่อราคาตกต่ำ นักลงทุนที่กู้เงินมาเก็งกำไรต้องถูกบังคับขาย (forced liquidation) ส่งผลให้มีการล้างพอร์ตทั้งฝั่ง long และ short รวมมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว

    มุมมองระยะยาว
    แม้ราคาจะร่วงแรง แต่ผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่า นี่ไม่ใช่การล่มสลายของตลาดคริปโต หากแต่เป็น “aftershock” จากการล้างพอร์ตครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคม พวกเขาเชื่อว่าผู้ถือครองระยะยาว (HODLers) ยังมีความมั่นใจในพื้นฐานของบิตคอยน์ และตลาดอาจฟื้นตัวได้เมื่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจคลี่คลาย

    สรุปประเด็นสำคัญ
    ราคาบิตคอยน์ร่วงลงเหลือ ~90,000 ดอลลาร์
    สูญมูลค่าตลาดกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์

    ปัจจัยการเมืองและเศรษฐกิจ
    การขู่เพิ่มภาษีสินค้าจีน และอัตราดอกเบี้ยสูงจาก Fed

    แรงกดดันจากการใช้เลเวอเรจ
    การล้างพอร์ตกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว

    ความเสี่ยงจากการลงทุนคริปโต
    การใช้เลเวอเรจสูงอาจทำให้ขาดทุนหนักเมื่อราคาผันผวน

    ผลกระทบต่อเศรษฐกิจดิจิทัล
    ความผันผวนอาจทำให้นักลงทุนรายใหม่ลังเลที่จะเข้ามาในตลาด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/bitcoin-price-plunges-wipes-usd1-trillion-from-value-weeks-after-it-hit-all-time-high-prices-now-near-lowest-level-for-the-year-erasing-2025-gains
    💰 บิตคอยน์ร่วงหนัก สูญมูลค่า 1 ล้านล้านดอลลาร์ บิตคอยน์เพิ่งทำสถิติสูงสุดที่กว่า 125,000 ดอลลาร์ เมื่อวันที่ 5 ตุลาคม 2025 แต่เพียงไม่กี่สัปดาห์ต่อมา ราคากลับร่วงลงเหลือประมาณ 90,000 ดอลลาร์ ซึ่งถือเป็นระดับต่ำสุดของปีนี้ การร่วงลงครั้งนี้ทำให้มูลค่าตลาดหายไปกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ และสร้างแรงสั่นสะเทือนต่อวงการคริปโตทั่วโลก 🌍 ปัจจัยการเมืองและเศรษฐกิจ การร่วงลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นหลังจาก ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ขู่จะเพิ่มภาษีสินค้านำเข้าจากจีน เพื่อตอบโต้การควบคุมการส่งออกแร่หายากของจีน เหตุการณ์นี้ทำให้ตลาดการเงินทั่วโลกผันผวน นักลงทุนจำนวนมากเลือกที่จะขายสินทรัพย์เสี่ยง รวมถึงคริปโต ขณะเดียวกัน อัตราดอกเบี้ยที่สูงจากธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ก็ทำให้การลงทุนในพันธบัตรและบัญชีออมทรัพย์ดูน่าสนใจกว่าการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัล ⚠️ ผลกระทบจากการใช้เลเวอเรจ นักวิเคราะห์ชี้ว่า การลงทุนที่ใช้เลเวอเรจสูงเป็นตัวเร่งให้ราคาบิตคอยน์ร่วงแรงขึ้น เมื่อราคาตกต่ำ นักลงทุนที่กู้เงินมาเก็งกำไรต้องถูกบังคับขาย (forced liquidation) ส่งผลให้มีการล้างพอร์ตทั้งฝั่ง long และ short รวมมูลค่ากว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว 🔮 มุมมองระยะยาว แม้ราคาจะร่วงแรง แต่ผู้เชี่ยวชาญบางรายมองว่า นี่ไม่ใช่การล่มสลายของตลาดคริปโต หากแต่เป็น “aftershock” จากการล้างพอร์ตครั้งใหญ่ในเดือนตุลาคม พวกเขาเชื่อว่าผู้ถือครองระยะยาว (HODLers) ยังมีความมั่นใจในพื้นฐานของบิตคอยน์ และตลาดอาจฟื้นตัวได้เมื่อแรงกดดันทางเศรษฐกิจคลี่คลาย 📌 สรุปประเด็นสำคัญ ✅ ราคาบิตคอยน์ร่วงลงเหลือ ~90,000 ดอลลาร์ ➡️ สูญมูลค่าตลาดกว่า 1.2 ล้านล้านดอลลาร์ ✅ ปัจจัยการเมืองและเศรษฐกิจ ➡️ การขู่เพิ่มภาษีสินค้าจีน และอัตราดอกเบี้ยสูงจาก Fed ✅ แรงกดดันจากการใช้เลเวอเรจ ➡️ การล้างพอร์ตกว่า 1 พันล้านดอลลาร์ในวันเดียว ‼️ ความเสี่ยงจากการลงทุนคริปโต ⛔ การใช้เลเวอเรจสูงอาจทำให้ขาดทุนหนักเมื่อราคาผันผวน ‼️ ผลกระทบต่อเศรษฐกิจดิจิทัล ⛔ ความผันผวนอาจทำให้นักลงทุนรายใหม่ลังเลที่จะเข้ามาในตลาด https://www.tomshardware.com/tech-industry/cryptocurrency/bitcoin-price-plunges-wipes-usd1-trillion-from-value-weeks-after-it-hit-all-time-high-prices-now-near-lowest-level-for-the-year-erasing-2025-gains
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 351 มุมมอง 0 รีวิว
  • “จีนระงับมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก 1 ปี – เปิดทางเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ”

    รัฐบาลจีนประกาศระงับการบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากที่เคยประกาศไว้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยให้เวลาผ่อนผัน 1 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้การเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น

    มาตรการเดิมครอบคลุมทั้งแร่หายากที่ผลิตในจีน และเทคโนโลยีที่มีส่วนประกอบของแร่เหล่านี้เกิน 0.1% ของมูลค่ารวม ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่พึ่งพาแร่หายากจากจีนในหลายกระบวนการผลิต

    เบื้องหลังการตัดสินใจ
    การระงับมาตรการนี้เกิดขึ้นหลังจากการประชุมลับระหว่างประธานาธิบดี Donald Trump และประธานาธิบดี Xi Jinping ที่เมืองปูซาน ระหว่างการประชุม APEC 2025 ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงกันในเรื่องการพักรบทางภาษี และเปิดทางให้การเจรจาเชิงเทคนิคดำเนินต่อไปโดยไม่ถูกกดดันจากระดับผู้นำ

    ความสำคัญของแร่หายากในอุตสาหกรรมชิป
    ใช้ในการผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าและฮาร์ดดิสก์
    เป็นส่วนประกอบสำคัญในเลเซอร์และอุปกรณ์ออปติก
    จำเป็นต่อการผลิตชิป AI และอุปกรณ์สื่อสารขั้นสูง

    จีนระงับมาตรการควบคุมแร่หายาก
    ระงับการบังคับใช้เป็นเวลา 1 ปี
    ครอบคลุมแร่หายากและเทคโนโลยีที่มีส่วนประกอบเกิน 0.1%
    ช่วยให้บริษัทต่างๆ มีเวลาสำรองวัตถุดิบและหาทางเลือกใหม่

    การเจรจาการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ
    เกิดขึ้นหลังการประชุม APEC 2025 ที่ปูซาน
    Trump ขู่ขึ้นภาษีนำเข้า 100% และแบนซอฟต์แวร์สำคัญ
    การระงับช่วยลดแรงกดดันในการเจรจา

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    Nvidia ยังไม่สามารถส่งชิป Blackwell ไปจีนได้
    จีนแบนบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ไม่ให้ซื้อ GPU จาก Nvidia
    ตลาดจีนของ Nvidia ลดลงจาก 95% เหลือเกือบ 0%

    คำเตือนด้านความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน
    การพึ่งพาแร่หายากจากจีนเป็นจุดอ่อนของสหรัฐฯ
    หากจีนกลับมาใช้มาตรการควบคุมอีกครั้ง อุตสาหกรรมชิปทั่วโลกจะได้รับผลกระทบ
    การแบนซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อาจนำไปสู่การแบ่งขั้วเทคโนโลยีระหว่างประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/china-suspends-rare-earth-export-control-measures-easing-key-flashpoint-in-us-china-trade-war-one-year-reprieve-allows-for-trade-talks-with-the-u-s-to-continue
    🌏🧲 “จีนระงับมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก 1 ปี – เปิดทางเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ” รัฐบาลจีนประกาศระงับการบังคับใช้มาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายากที่เคยประกาศไว้เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา โดยให้เวลาผ่อนผัน 1 ปี เพื่อเปิดโอกาสให้การเจรจาการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐฯ ดำเนินต่อไปอย่างราบรื่น มาตรการเดิมครอบคลุมทั้งแร่หายากที่ผลิตในจีน และเทคโนโลยีที่มีส่วนประกอบของแร่เหล่านี้เกิน 0.1% ของมูลค่ารวม ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก โดยเฉพาะสหรัฐฯ ที่พึ่งพาแร่หายากจากจีนในหลายกระบวนการผลิต 🤝 เบื้องหลังการตัดสินใจ การระงับมาตรการนี้เกิดขึ้นหลังจากการประชุมลับระหว่างประธานาธิบดี Donald Trump และประธานาธิบดี Xi Jinping ที่เมืองปูซาน ระหว่างการประชุม APEC 2025 ซึ่งทั้งสองฝ่ายตกลงกันในเรื่องการพักรบทางภาษี และเปิดทางให้การเจรจาเชิงเทคนิคดำเนินต่อไปโดยไม่ถูกกดดันจากระดับผู้นำ 🧠 ความสำคัญของแร่หายากในอุตสาหกรรมชิป 🔖 ใช้ในการผลิตแม่เหล็กถาวรสำหรับมอเตอร์ไฟฟ้าและฮาร์ดดิสก์ 🔖 เป็นส่วนประกอบสำคัญในเลเซอร์และอุปกรณ์ออปติก 🔖 จำเป็นต่อการผลิตชิป AI และอุปกรณ์สื่อสารขั้นสูง ✅ จีนระงับมาตรการควบคุมแร่หายาก ➡️ ระงับการบังคับใช้เป็นเวลา 1 ปี ➡️ ครอบคลุมแร่หายากและเทคโนโลยีที่มีส่วนประกอบเกิน 0.1% ➡️ ช่วยให้บริษัทต่างๆ มีเวลาสำรองวัตถุดิบและหาทางเลือกใหม่ ✅ การเจรจาการค้าระหว่างจีน-สหรัฐฯ ➡️ เกิดขึ้นหลังการประชุม APEC 2025 ที่ปูซาน ➡️ Trump ขู่ขึ้นภาษีนำเข้า 100% และแบนซอฟต์แวร์สำคัญ ➡️ การระงับช่วยลดแรงกดดันในการเจรจา ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยี ➡️ Nvidia ยังไม่สามารถส่งชิป Blackwell ไปจีนได้ ➡️ จีนแบนบริษัทเทคโนโลยีใหญ่ไม่ให้ซื้อ GPU จาก Nvidia ➡️ ตลาดจีนของ Nvidia ลดลงจาก 95% เหลือเกือบ 0% ‼️ คำเตือนด้านความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน ⛔ การพึ่งพาแร่หายากจากจีนเป็นจุดอ่อนของสหรัฐฯ ⛔ หากจีนกลับมาใช้มาตรการควบคุมอีกครั้ง อุตสาหกรรมชิปทั่วโลกจะได้รับผลกระทบ ⛔ การแบนซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์อาจนำไปสู่การแบ่งขั้วเทคโนโลยีระหว่างประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/china-suspends-rare-earth-export-control-measures-easing-key-flashpoint-in-us-china-trade-war-one-year-reprieve-allows-for-trade-talks-with-the-u-s-to-continue
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 404 มุมมอง 0 รีวิว
  • บูรพาไม่แพ้ Ep.145 : ทำไมจีนตกเวที ‘สันติภาพไทย-กัมพูชา’
    .
    การร่วมลงนาม “ปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา” เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568 ที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล และ นายฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา ร่วมลงนาม โดยมีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย ร่วมเป็นสักขีพยาน น่าสังเกตว่า ประเทศจีน มหาอำนาจของเอเชีย ถูกกีดกันออกจากเวทีนี้ โดยไม่มีผู้แทนของจีนปรากฏตัวในงาน และประเทศจีนก็แทบจะไม่มีส่วนร่วมใน “ดีลสันติภาพ” ครั้งนี้เลย แถมยังถูกสหรัฐฯ ช่วงชิงความได้เปรียบ ทั้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ และห่วงโซ่อุปทานของแร่หายาก อีกด้วย ... เป็นเพราะอะไร?
    .
    คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=b9diEgpy3TE
    .
    #บูรพาไม่แพ้ #ปฏิญญาสันติภาพไทยกัมพูชา #โดนัลด์ทรัมป์ #การทูตจีน
    บูรพาไม่แพ้ Ep.145 : ทำไมจีนตกเวที ‘สันติภาพไทย-กัมพูชา’ . การร่วมลงนาม “ปฏิญญาสันติภาพไทย-กัมพูชา” เมื่อวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568 ที่ประเทศมาเลเซีย โดยมีนายกฯ อนุทิน ชาญวีรกูล และ นายฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา ร่วมลงนาม โดยมีนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ และนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกฯ มาเลเซีย ร่วมเป็นสักขีพยาน น่าสังเกตว่า ประเทศจีน มหาอำนาจของเอเชีย ถูกกีดกันออกจากเวทีนี้ โดยไม่มีผู้แทนของจีนปรากฏตัวในงาน และประเทศจีนก็แทบจะไม่มีส่วนร่วมใน “ดีลสันติภาพ” ครั้งนี้เลย แถมยังถูกสหรัฐฯ ช่วงชิงความได้เปรียบ ทั้งทางด้านภูมิรัฐศาสตร์ และห่วงโซ่อุปทานของแร่หายาก อีกด้วย ... เป็นเพราะอะไร? . คลิกฟัง >> https://www.youtube.com/watch?v=b9diEgpy3TE . #บูรพาไม่แพ้ #ปฏิญญาสันติภาพไทยกัมพูชา #โดนัลด์ทรัมป์ #การทูตจีน
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 467 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ–จีนตกลงพักศึกภาษี 1 ปี พร้อมคลี่คลายปมแร่หายากและชิป AI แต่อนาคต Nvidia ยังไม่ชัดเจน

    ประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงตกลงหยุดการขึ้นภาษีระหว่างกันเป็นเวลา 1 ปี พร้อมข้อตกลงด้านแร่หายากที่ใช้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ แต่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการขายชิป AI ของ Nvidia ให้จีน

    การพบกันของผู้นำสหรัฐฯ และจีนที่เมืองปูซาน เกาหลีใต้ นำไปสู่ข้อตกลงหยุดการขึ้นภาษีระหว่างกันเป็นเวลา 1 ปี โดยทรัมป์ประกาศลดภาษีนำเข้าจากจีนลงครึ่งหนึ่งจากเดิม 20% และจีนตกลงระงับมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตฮาร์ดไดรฟ์และเซมิคอนดักเตอร์

    แม้จะเป็นข่าวดีสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี แต่ประเด็นเรื่องชิป AI ยังเต็มไปด้วยความคลุมเครือ โดยเฉพาะชิป Blackwell ของ Nvidia ที่ทรัมป์ยืนยันว่า “ไม่ได้พูดถึง” ในการเจรจา แม้ก่อนหน้านี้จะเคยกล่าวว่าจะหารือเรื่องนี้

    สหรัฐฯ ยังคงจำกัดการขายชิป AI ประสิทธิภาพสูงให้จีน ทำให้บริษัทอย่าง AMD และ Nvidia ต้องผลิตรุ่นลดสเปกเพื่อให้ผ่านข้อกำหนดการส่งออก ขณะที่ฝั่งจีนไม่ได้กล่าวถึงข้อตกลงด้านเซมิคอนดักเตอร์เลยในการสรุปผลการประชุม

    นักลงทุนอาจพอใจในระยะสั้นจากการคลี่คลายปัญหาแร่หายาก แต่ความไม่แน่นอนเรื่องชิป AI และการควบคุมเทคโนโลยียังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตา

    สหรัฐฯ–จีนตกลงหยุดการขึ้นภาษีระหว่างกันเป็นเวลา 1 ปี
    ทรัมป์ลดภาษีนำเข้าจากจีนลงครึ่งหนึ่งจาก 20%
    จีนระงับมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก

    ความสำคัญของแร่หายาก
    ใช้ในการผลิตฮาร์ดไดรฟ์และเซมิคอนดักเตอร์
    การควบคุมส่งออกส่งผลต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลก

    ประเด็นชิป AI ยังไม่ชัดเจน
    สหรัฐฯ จำกัดการขายชิป AI ประสิทธิภาพสูงให้จีน
    Nvidia และ AMD ต้องผลิตรุ่นลดสเปกเพื่อให้ผ่านข้อกำหนด
    ทรัมป์ยืนยันว่า “ไม่ได้พูดถึง Blackwell” ในการเจรจา

    ปฏิกิริยาจากจีน
    รายงานสรุปของจีนไม่กล่าวถึงข้อตกลงด้านเซมิคอนดักเตอร์
    ท่าทีของจีนยังคงระมัดระวังและไม่เปิดเผยรายละเอียด

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/u-s-and-china-agree-on-one-year-tariff-truce-including-semiconductor-and-rare-earth-breakthroughs-the-future-of-nvidia-ai-chip-sales-to-the-nation-remains-murky
    🌏🤝 สหรัฐฯ–จีนตกลงพักศึกภาษี 1 ปี พร้อมคลี่คลายปมแร่หายากและชิป AI แต่อนาคต Nvidia ยังไม่ชัดเจน ประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิงตกลงหยุดการขึ้นภาษีระหว่างกันเป็นเวลา 1 ปี พร้อมข้อตกลงด้านแร่หายากที่ใช้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ แต่ยังไม่มีความชัดเจนเรื่องการขายชิป AI ของ Nvidia ให้จีน การพบกันของผู้นำสหรัฐฯ และจีนที่เมืองปูซาน เกาหลีใต้ นำไปสู่ข้อตกลงหยุดการขึ้นภาษีระหว่างกันเป็นเวลา 1 ปี โดยทรัมป์ประกาศลดภาษีนำเข้าจากจีนลงครึ่งหนึ่งจากเดิม 20% และจีนตกลงระงับมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในการผลิตฮาร์ดไดรฟ์และเซมิคอนดักเตอร์ แม้จะเป็นข่าวดีสำหรับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี แต่ประเด็นเรื่องชิป AI ยังเต็มไปด้วยความคลุมเครือ โดยเฉพาะชิป Blackwell ของ Nvidia ที่ทรัมป์ยืนยันว่า “ไม่ได้พูดถึง” ในการเจรจา แม้ก่อนหน้านี้จะเคยกล่าวว่าจะหารือเรื่องนี้ สหรัฐฯ ยังคงจำกัดการขายชิป AI ประสิทธิภาพสูงให้จีน ทำให้บริษัทอย่าง AMD และ Nvidia ต้องผลิตรุ่นลดสเปกเพื่อให้ผ่านข้อกำหนดการส่งออก ขณะที่ฝั่งจีนไม่ได้กล่าวถึงข้อตกลงด้านเซมิคอนดักเตอร์เลยในการสรุปผลการประชุม นักลงทุนอาจพอใจในระยะสั้นจากการคลี่คลายปัญหาแร่หายาก แต่ความไม่แน่นอนเรื่องชิป AI และการควบคุมเทคโนโลยียังคงเป็นประเด็นที่ต้องจับตา ✅ สหรัฐฯ–จีนตกลงหยุดการขึ้นภาษีระหว่างกันเป็นเวลา 1 ปี ➡️ ทรัมป์ลดภาษีนำเข้าจากจีนลงครึ่งหนึ่งจาก 20% ➡️ จีนระงับมาตรการควบคุมการส่งออกแร่หายาก ✅ ความสำคัญของแร่หายาก ➡️ ใช้ในการผลิตฮาร์ดไดรฟ์และเซมิคอนดักเตอร์ ➡️ การควบคุมส่งออกส่งผลต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีทั่วโลก ✅ ประเด็นชิป AI ยังไม่ชัดเจน ➡️ สหรัฐฯ จำกัดการขายชิป AI ประสิทธิภาพสูงให้จีน ➡️ Nvidia และ AMD ต้องผลิตรุ่นลดสเปกเพื่อให้ผ่านข้อกำหนด ➡️ ทรัมป์ยืนยันว่า “ไม่ได้พูดถึง Blackwell” ในการเจรจา ✅ ปฏิกิริยาจากจีน ➡️ รายงานสรุปของจีนไม่กล่าวถึงข้อตกลงด้านเซมิคอนดักเตอร์ ➡️ ท่าทีของจีนยังคงระมัดระวังและไม่เปิดเผยรายละเอียด https://www.tomshardware.com/tech-industry/u-s-and-china-agree-on-one-year-tariff-truce-including-semiconductor-and-rare-earth-breakthroughs-the-future-of-nvidia-ai-chip-sales-to-the-nation-remains-murky
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 363 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์-สี จิ้นผิง บรรลุข้อตกลง ลดภาษีนำเข้าจีน จาก 57% เหลือ 47% แลกจีนปราบ "เฟนทานิล"-ซื้อถั่วเหลืองสหรัฐฯ
    https://www.thai-tai.tv/news/22120/
    .
    #ไทยไท #ทรัมป์ #สีจิ้นผิง #เอเปค #ลดภาษี #เฟนทานิล #แร่หายาก

    ทรัมป์-สี จิ้นผิง บรรลุข้อตกลง ลดภาษีนำเข้าจีน จาก 57% เหลือ 47% แลกจีนปราบ "เฟนทานิล"-ซื้อถั่วเหลืองสหรัฐฯ https://www.thai-tai.tv/news/22120/ . #ไทยไท #ทรัมป์ #สีจิ้นผิง #เอเปค #ลดภาษี #เฟนทานิล #แร่หายาก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 209 มุมมอง 0 รีวิว
  • MOU แร่หายาก ไทย–สหรัฐ เปิดดีลเสี่ยงติดหล่ม : ข่าวลึกปมลับ 29/10/68
    MOU แร่หายาก ไทย–สหรัฐ เปิดดีลเสี่ยงติดหล่ม : ข่าวลึกปมลับ 29/10/68
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 407 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • “แรร์เอิร์ธ” แร่หายากพบได้ในไทย : [News story]

    ทำความรู้จัก แร่แรร์เอิร์ธ แร่หายากที่พบได้ในหลายจังหวัดของไทย
    “แรร์เอิร์ธ” แร่หายากพบได้ในไทย : [News story] ทำความรู้จัก แร่แรร์เอิร์ธ แร่หายากที่พบได้ในหลายจังหวัดของไทย
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 327 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • รีบฟัง แรร์เอิร์ธ "เรื่องใหญ่กว่าที่อนุทินคิด" (29/10/68)
    .
    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #แรร์เอิร์ธ #แร่หายาก #อนุทิน #ทรัพยากรไทย #เศรษฐกิจไทย #saveแหล่งท่องเที่ยวไทย #เรื่องใหญ่ #newsupdate #ข่าวtiktok
    รีบฟัง แรร์เอิร์ธ "เรื่องใหญ่กว่าที่อนุทินคิด" (29/10/68) . #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #แรร์เอิร์ธ #แร่หายาก #อนุทิน #ทรัพยากรไทย #เศรษฐกิจไทย #saveแหล่งท่องเที่ยวไทย #เรื่องใหญ่ #newsupdate #ข่าวtiktok
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 362 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • รองหัวหน้า พปชร. หวั่น MOU แรร์เอิร์ธ เปิดช่องสหรัฐฯ แทรกแซงข้อมูลทรัพยากร ส่อ "เลือกข้าง" มหาอำนาจ
    https://www.thai-tai.tv/news/22101/
    .
    #ไทยไท #ธีระชัยภูวนาถนรานุบาล #MOUแร่หายาก #ปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ #เลือกข้าง #ภูมิรัฐศาสตร์ #สแกมเมอร์

    รองหัวหน้า พปชร. หวั่น MOU แรร์เอิร์ธ เปิดช่องสหรัฐฯ แทรกแซงข้อมูลทรัพยากร ส่อ "เลือกข้าง" มหาอำนาจ https://www.thai-tai.tv/news/22101/ . #ไทยไท #ธีระชัยภูวนาถนรานุบาล #MOUแร่หายาก #ปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ #เลือกข้าง #ภูมิรัฐศาสตร์ #สแกมเมอร์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 354 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สหรัฐ–ญี่ปุ่นจับมือสลายอิทธิพลจีนในตลาดแร่หายาก พร้อมเร่งพลังงานนิวเคลียร์รับยุค AI”

    ในวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือด้านแร่หายากและพลังงานนิวเคลียร์ ณ กรุงโตเกียว โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการลดการพึ่งพาจีน ซึ่งครองตลาดการกลั่นและผลิตแม่เหล็กจากแร่หายากกว่า 85% ของโลก แม้จีนจะมีเพียงครึ่งหนึ่งของปริมาณแร่หายากดิบทั่วโลก แต่กลับควบคุมกระบวนการผลิตที่สำคัญเกือบทั้งหมด

    ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นก่อนการพบกันระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งสะท้อนถึงการเคลื่อนไหวเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐในการสร้างเส้นทางใหม่ด้านทรัพยากรและพลังงาน โดยเฉพาะแร่ neodymium และ praseodymium ที่จำเป็นต่อการผลิตแม่เหล็กถาวรในมอเตอร์ EV และฮาร์ดไดรฟ์

    นอกจากแร่หายากแล้ว ข้อตกลงยังรวมถึงความร่วมมือในการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) โดยเฉพาะแบบ BWRX-300 ที่พัฒนาโดย GE Vernova และ Hitachi ซึ่งได้รับอนุมัติให้สร้างในอเมริกาเหนือแล้ว และกำลังเป็นที่สนใจของบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Google, Amazon และ Microsoft ที่ต้องการพลังงานมหาศาลเพื่อรองรับการประมวลผล AI

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    สหรัฐและญี่ปุ่นลงนามข้อตกลงด้านแร่หายากและพลังงานนิวเคลียร์
    เป้าหมายคือลดการพึ่งพาจีนที่ครองตลาดการกลั่นแร่หายากกว่า 85%
    เน้นแร่ neodymium และ praseodymium สำหรับแม่เหล็กถาวร
    ข้อตกลงเกิดก่อนการประชุมระหว่างทรัมป์และสี จิ้นผิง

    ความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์
    เน้นการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR)
    แบบ BWRX-300 ได้รับอนุมัติแล้วในอเมริกาเหนือ
    บริษัทเทคโนโลยีใหญ่กำลังลงทุนในพลังงานนิวเคลียร์เพื่อรองรับ AI

    ความเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    OpenAI, xAI และ TSMC Arizona ต้องการพลังงานเฉพาะสำหรับศูนย์ข้อมูล
    พลังงานนิวเคลียร์กลายเป็น “ปัจจัยด้านฮาร์ดแวร์” สำหรับการสร้าง GPU และเซิร์ฟเวอร์ AI

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/us-and-japan-move-to-pry-rare-earths-from-chinas-grip
    🌏 “สหรัฐ–ญี่ปุ่นจับมือสลายอิทธิพลจีนในตลาดแร่หายาก พร้อมเร่งพลังงานนิวเคลียร์รับยุค AI” ในวันที่ 28 ตุลาคมที่ผ่านมา สหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นได้ลงนามในข้อตกลงความร่วมมือด้านแร่หายากและพลังงานนิวเคลียร์ ณ กรุงโตเกียว โดยมีเป้าหมายชัดเจนในการลดการพึ่งพาจีน ซึ่งครองตลาดการกลั่นและผลิตแม่เหล็กจากแร่หายากกว่า 85% ของโลก แม้จีนจะมีเพียงครึ่งหนึ่งของปริมาณแร่หายากดิบทั่วโลก แต่กลับควบคุมกระบวนการผลิตที่สำคัญเกือบทั้งหมด ข้อตกลงนี้เกิดขึ้นก่อนการพบกันระหว่างประธานาธิบดีทรัมป์และประธานาธิบดีสี จิ้นผิง ซึ่งสะท้อนถึงการเคลื่อนไหวเชิงยุทธศาสตร์ของสหรัฐในการสร้างเส้นทางใหม่ด้านทรัพยากรและพลังงาน โดยเฉพาะแร่ neodymium และ praseodymium ที่จำเป็นต่อการผลิตแม่เหล็กถาวรในมอเตอร์ EV และฮาร์ดไดรฟ์ นอกจากแร่หายากแล้ว ข้อตกลงยังรวมถึงความร่วมมือในการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) โดยเฉพาะแบบ BWRX-300 ที่พัฒนาโดย GE Vernova และ Hitachi ซึ่งได้รับอนุมัติให้สร้างในอเมริกาเหนือแล้ว และกำลังเป็นที่สนใจของบริษัทเทคโนโลยีอย่าง Google, Amazon และ Microsoft ที่ต้องการพลังงานมหาศาลเพื่อรองรับการประมวลผล AI ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ สหรัฐและญี่ปุ่นลงนามข้อตกลงด้านแร่หายากและพลังงานนิวเคลียร์ ➡️ เป้าหมายคือลดการพึ่งพาจีนที่ครองตลาดการกลั่นแร่หายากกว่า 85% ➡️ เน้นแร่ neodymium และ praseodymium สำหรับแม่เหล็กถาวร ➡️ ข้อตกลงเกิดก่อนการประชุมระหว่างทรัมป์และสี จิ้นผิง ✅ ความร่วมมือด้านพลังงานนิวเคลียร์ ➡️ เน้นการสร้างโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็ก (SMR) ➡️ แบบ BWRX-300 ได้รับอนุมัติแล้วในอเมริกาเหนือ ➡️ บริษัทเทคโนโลยีใหญ่กำลังลงทุนในพลังงานนิวเคลียร์เพื่อรองรับ AI ✅ ความเชื่อมโยงกับอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ➡️ OpenAI, xAI และ TSMC Arizona ต้องการพลังงานเฉพาะสำหรับศูนย์ข้อมูล ➡️ พลังงานนิวเคลียร์กลายเป็น “ปัจจัยด้านฮาร์ดแวร์” สำหรับการสร้าง GPU และเซิร์ฟเวอร์ AI https://www.tomshardware.com/tech-industry/us-and-japan-move-to-pry-rare-earths-from-chinas-grip
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    US and Japan move to loosen China’s rare earths grip — nations partner to build alternative pathways to power, resource independence
    Tokyo pact pairs magnet supply chain resilience with new nuclear cooperation, days before Trump meets Xi.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 420 มุมมอง 0 รีวิว
  • หัวข้อข่าว: “OpenAI เรียกร้องให้สหรัฐสร้างไฟฟ้าเพิ่ม 100 GW ต่อปี – ชี้พลังงานคืออาวุธลับในสงคราม AI กับจีน”

    OpenAI ได้ออกแถลงการณ์ล่าสุดผ่านบล็อก “Seizing the AI Opportunity” พร้อมยื่นข้อเสนอถึงทำเนียบขาว เรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาเร่งสร้างกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 100 กิกะวัตต์ต่อปี เพื่อรับมือกับการแข่งขันด้าน AI กับจีน โดยระบุว่า “ไฟฟ้าไม่ใช่แค่สาธารณูปโภค แต่คือทรัพย์สินเชิงยุทธศาสตร์” ที่จะกำหนดผู้นำเทคโนโลยีแห่งอนาคต

    OpenAI เตือนว่า “ช่องว่างพลังงาน” หรือ “electron gap” กำลังขยายตัวอย่างน่ากังวล โดยในปี 2024 จีนเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ถึง 429 GW ขณะที่สหรัฐเพิ่มเพียง 51 GW ซึ่งอาจทำให้สหรัฐเสียเปรียบในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ต้องใช้พลังงานมหาศาล

    นอกจากการเรียกร้องให้สร้างโรงไฟฟ้าใหม่ OpenAI ยังเสนอให้เร่งกระบวนการอนุมัติโครงการพลังงานโดยใช้ AI ช่วยตรวจสอบเอกสารและลดขั้นตอนราชการ พร้อมเสนอให้ใช้ “อำนาจฉุกเฉิน” เพื่อเร่งการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะโครงการที่ตั้งอยู่บนที่ดินของรัฐบาลกลาง

    OpenAI ยังเสนอให้จัดตั้ง “คลังสำรองวัตถุดิบ” สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI เช่น ทองแดง อะลูมิเนียม และแร่หายาก เพื่อป้องกันการพึ่งพาจีนในด้านวัตถุดิบที่สำคัญ

    ข้อเสนอหลักจาก OpenAI
    สร้างกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่ม 100 GW ต่อปี
    ใช้ AI ช่วยเร่งกระบวนการอนุมัติโครงการพลังงาน
    ปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อ “ปลดล็อก” การลงทุนด้านพลังงาน
    ใช้อำนาจฉุกเฉินเพื่อเร่งการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม

    เหตุผลที่ต้องเร่งสร้างพลังงาน
    จีนเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้า 429 GW ในปีเดียว
    สหรัฐเพิ่มเพียง 51 GW – เกิด “ช่องว่างพลังงาน” ที่อาจทำให้เสียเปรียบ
    โครงสร้างพื้นฐาน AI เช่นศูนย์ข้อมูล ต้องใช้ไฟฟ้าปริมาณมหาศาล

    ข้อเสนอเสริมเพื่อความมั่นคงด้าน AI
    จัดตั้งคลังสำรองวัตถุดิบ เช่น ทองแดง แร่หายาก
    ลดการพึ่งพาจีนในด้านวัตถุดิบสำคัญ
    สร้างโอกาสงานใหม่ในสายอาชีพช่าง เช่น ช่างไฟ ช่างกล ช่างเชื่อม

    สั้นๆ สำหรับลุง คุณแซมคนนี้ไม่ใช่คนดีแน่ๆ ..

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openai-calls-on-u-s-to-build-100-gigawatts-of-additional-power-generating-capacity-per-year-says-electricity-is-a-strategic-asset-in-ai-race-against-china
    ⚡ หัวข้อข่าว: “OpenAI เรียกร้องให้สหรัฐสร้างไฟฟ้าเพิ่ม 100 GW ต่อปี – ชี้พลังงานคืออาวุธลับในสงคราม AI กับจีน” OpenAI ได้ออกแถลงการณ์ล่าสุดผ่านบล็อก “Seizing the AI Opportunity” พร้อมยื่นข้อเสนอถึงทำเนียบขาว เรียกร้องให้สหรัฐอเมริกาเร่งสร้างกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่มขึ้นถึง 100 กิกะวัตต์ต่อปี เพื่อรับมือกับการแข่งขันด้าน AI กับจีน โดยระบุว่า “ไฟฟ้าไม่ใช่แค่สาธารณูปโภค แต่คือทรัพย์สินเชิงยุทธศาสตร์” ที่จะกำหนดผู้นำเทคโนโลยีแห่งอนาคต OpenAI เตือนว่า “ช่องว่างพลังงาน” หรือ “electron gap” กำลังขยายตัวอย่างน่ากังวล โดยในปี 2024 จีนเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้าใหม่ถึง 429 GW ขณะที่สหรัฐเพิ่มเพียง 51 GW ซึ่งอาจทำให้สหรัฐเสียเปรียบในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน AI ที่ต้องใช้พลังงานมหาศาล นอกจากการเรียกร้องให้สร้างโรงไฟฟ้าใหม่ OpenAI ยังเสนอให้เร่งกระบวนการอนุมัติโครงการพลังงานโดยใช้ AI ช่วยตรวจสอบเอกสารและลดขั้นตอนราชการ พร้อมเสนอให้ใช้ “อำนาจฉุกเฉิน” เพื่อเร่งการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะโครงการที่ตั้งอยู่บนที่ดินของรัฐบาลกลาง OpenAI ยังเสนอให้จัดตั้ง “คลังสำรองวัตถุดิบ” สำหรับโครงสร้างพื้นฐาน AI เช่น ทองแดง อะลูมิเนียม และแร่หายาก เพื่อป้องกันการพึ่งพาจีนในด้านวัตถุดิบที่สำคัญ ✅ ข้อเสนอหลักจาก OpenAI ➡️ สร้างกำลังผลิตไฟฟ้าเพิ่ม 100 GW ต่อปี ➡️ ใช้ AI ช่วยเร่งกระบวนการอนุมัติโครงการพลังงาน ➡️ ปรับปรุงกฎระเบียบเพื่อ “ปลดล็อก” การลงทุนด้านพลังงาน ➡️ ใช้อำนาจฉุกเฉินเพื่อเร่งการพิจารณาด้านสิ่งแวดล้อม ✅ เหตุผลที่ต้องเร่งสร้างพลังงาน ➡️ จีนเพิ่มกำลังผลิตไฟฟ้า 429 GW ในปีเดียว ➡️ สหรัฐเพิ่มเพียง 51 GW – เกิด “ช่องว่างพลังงาน” ที่อาจทำให้เสียเปรียบ ➡️ โครงสร้างพื้นฐาน AI เช่นศูนย์ข้อมูล ต้องใช้ไฟฟ้าปริมาณมหาศาล ✅ ข้อเสนอเสริมเพื่อความมั่นคงด้าน AI ➡️ จัดตั้งคลังสำรองวัตถุดิบ เช่น ทองแดง แร่หายาก ➡️ ลดการพึ่งพาจีนในด้านวัตถุดิบสำคัญ ➡️ สร้างโอกาสงานใหม่ในสายอาชีพช่าง เช่น ช่างไฟ ช่างกล ช่างเชื่อม สั้นๆ สำหรับลุง คุณแซมคนนี้ไม่ใช่คนดีแน่ๆ .. https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/openai-calls-on-u-s-to-build-100-gigawatts-of-additional-power-generating-capacity-per-year-says-electricity-is-a-strategic-asset-in-ai-race-against-china
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 471 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯเปิดช่องลดภาษี แลก MOU แรร์เอิร์ธ : [NEWS UPDATE]
    นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เผยถึงการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแร่หายากของโลก หรือ แร่แรร์เอิร์ธ(Rare Earth) กับสหรัฐอเมริกา เรื่องนี้เป็นยุทธศาสตร์การเจรจาที่ดำเนินการร่วมกัน โดยกระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชน ซึ่งต้องลงรายละเอียดอีกเยอะ แต่เป็นบวกสำหรับประเทศไทย ไม่ใช่เฉพาะเรื่อง MOU ที่จะให้ร่วมลงทุนและศึกษา แต่เปิดโอกาสให้ไทยเจรจาต่อรองเรื่องการค้าต่างตอบแทน ซึ่งสหรัฐฯ เปิดช่องในเอกสารแนบท้าย สามารถให้ประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ดีเจรจาต่อรอง เพื่อให้สินค้าหรือบริการบางประเภทได้รับสิทธิพิเศษยกเว้นภาษี 19 % กรอบใหญ่ หรือลดภาษีบางส่วนของสินค้าบางรายการ ซึ่งต้องเจรจาต่อไป


    ตั้ง 3 อนุกก.ปราบสแกมเมอร์

    คำตัดสินศาลโลกปิดปากไทย

    แก๊งคอลสะเทือน

    เริ่มใช้คนละครึ่ง พลัส
    สหรัฐฯเปิดช่องลดภาษี แลก MOU แรร์เอิร์ธ : [NEWS UPDATE] นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เผยถึงการลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือแร่หายากของโลก หรือ แร่แรร์เอิร์ธ(Rare Earth) กับสหรัฐอเมริกา เรื่องนี้เป็นยุทธศาสตร์การเจรจาที่ดำเนินการร่วมกัน โดยกระทรวงพาณิชย์ และภาคเอกชน ซึ่งต้องลงรายละเอียดอีกเยอะ แต่เป็นบวกสำหรับประเทศไทย ไม่ใช่เฉพาะเรื่อง MOU ที่จะให้ร่วมลงทุนและศึกษา แต่เปิดโอกาสให้ไทยเจรจาต่อรองเรื่องการค้าต่างตอบแทน ซึ่งสหรัฐฯ เปิดช่องในเอกสารแนบท้าย สามารถให้ประเทศที่มีความสัมพันธ์ที่ดีเจรจาต่อรอง เพื่อให้สินค้าหรือบริการบางประเภทได้รับสิทธิพิเศษยกเว้นภาษี 19 % กรอบใหญ่ หรือลดภาษีบางส่วนของสินค้าบางรายการ ซึ่งต้องเจรจาต่อไป ตั้ง 3 อนุกก.ปราบสแกมเมอร์ คำตัดสินศาลโลกปิดปากไทย แก๊งคอลสะเทือน เริ่มใช้คนละครึ่ง พลัส
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 542 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ไทยลงนามสัญญาเมืองขึ้นสหรัฐ? แร่หายาก-การค้า-สันติภาพ : คนเคาะข่าว 28-10-68
    : ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองระหว่างประเทศ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์

    https://www.youtube.com/watch?v=qL1DR3mtydY
    ไทยลงนามสัญญาเมืองขึ้นสหรัฐ? แร่หายาก-การค้า-สันติภาพ : คนเคาะข่าว 28-10-68 : ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี ผู้เชี่ยวชาญด้านการเมืองระหว่างประเทศ ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ https://www.youtube.com/watch?v=qL1DR3mtydY
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 282 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ แร่หายาก หรือจะสู้นายกฯ หายาก
    ประเคนชาติบ้านเมือง และสัมปทานให้กลุ่มทุน
    #7ดอกจิก
    #แร่หายาก
    ♣ แร่หายาก หรือจะสู้นายกฯ หายาก ประเคนชาติบ้านเมือง และสัมปทานให้กลุ่มทุน #7ดอกจิก #แร่หายาก
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 194 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • เบื้องหลังทรัมป์แทรกแซงไทย มิใช่เพื่อแร่หายาก แต่เพื่อซื้อตัวนายกฯหายาก ที่พร้อมประเคนผลประโยชน์ให้ แถมยังมี ครม.หายาก ช่วยสนับสนุน
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เบื้องหลังทรัมป์แทรกแซงไทย มิใช่เพื่อแร่หายาก แต่เพื่อซื้อตัวนายกฯหายาก ที่พร้อมประเคนผลประโยชน์ให้ แถมยังมี ครม.หายาก ช่วยสนับสนุน #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 179 มุมมอง 0 รีวิว
  • คอมพิวเตอร์พลังเห็ด! นักวิจัยใช้ “ชิตาเกะ” สร้างชิปแทนแร่หายาก

    ลองจินตนาการว่าคอมพิวเตอร์ของคุณไม่ได้ใช้ซิลิคอนหรือโลหะหายาก แต่ใช้ “เห็ด” เป็นส่วนประกอบหลัก! นักวิจัยจากโอไฮโอได้ทดลองใช้เส้นใยเห็ดชิตาเกะ (mycelium) มาทำเป็นเมมริสเตอร์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สามารถจำสถานะไฟฟ้าได้เหมือนสมองมนุษย์

    เมมริสเตอร์เป็นหัวใจของ “neuromorphic computing” หรือการประมวลผลแบบเลียนแบบสมอง ซึ่งมีข้อดีคือใช้พลังงานต่ำและเรียนรู้ได้เองในระบบ เช่น หุ่นยนต์หรือรถยนต์อัตโนมัติ

    ทีมนักวิจัยพบว่าเส้นใยเห็ดมีคุณสมบัติคล้ายเซลล์ประสาท เช่น การส่งสัญญาณไฟฟ้าแบบ “spiking” และสามารถปรับตัวได้ตามแรงดันไฟฟ้า พวกเขาทำการทดลองโดยการอบแห้งและเติมน้ำให้เส้นใยเห็ดเพื่อควบคุมความชื้นและความนำไฟฟ้า

    ผลการทดลองพบว่าเมมริสเตอร์จากเห็ดสามารถทำงานเป็น RAM ได้ที่ความถี่สูงถึง 5,850 Hz ด้วยความแม่นยำถึง 90% และยังทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น ความแห้งและรังสี

    การพัฒนาเมมริสเตอร์จากเห็ดชิตาเกะ
    ใช้เส้นใยเห็ด (mycelium) แทนแร่หายาก
    มีคุณสมบัติคล้ายเซลล์ประสาท เช่น การส่งสัญญาณแบบ spiking
    ทนต่อการแห้งและรังสีได้ดี

    ความสามารถในการทำงาน
    ทำงานเป็น RAM ได้ที่ความถี่ 5,850 Hz
    ความแม่นยำในการประมวลผลอยู่ที่ 90 ± 1%
    ใช้พลังงานต่ำและรวมความจำกับการประมวลผลในตัวเดียว

    ข้อดีของการใช้วัสดุชีวภาพ
    ลดการใช้แร่หายากที่มีต้นทุนสูง
    เป็นวัสดุย่อยสลายได้และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
    เปิดทางสู่การสร้างอุปกรณ์ neuromorphic ที่ยั่งยืน

    ความท้าทายในการนำไปใช้จริง
    ต้องควบคุมความชื้นและโครงสร้างของเส้นใยอย่างแม่นยำ
    ยังอยู่ในขั้นทดลอง ไม่พร้อมใช้งานเชิงพาณิชย์
    ต้องพิสูจน์ความเสถียรในระบบขนาดใหญ่

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/shiitake-powered-computer-demonstrated-by-researchers-mushroom-infused-chips-a-surprising-alternative-to-using-rare-earths-in-memristors
    🍄 คอมพิวเตอร์พลังเห็ด! นักวิจัยใช้ “ชิตาเกะ” สร้างชิปแทนแร่หายาก ลองจินตนาการว่าคอมพิวเตอร์ของคุณไม่ได้ใช้ซิลิคอนหรือโลหะหายาก แต่ใช้ “เห็ด” เป็นส่วนประกอบหลัก! นักวิจัยจากโอไฮโอได้ทดลองใช้เส้นใยเห็ดชิตาเกะ (mycelium) มาทำเป็นเมมริสเตอร์ ซึ่งเป็นอุปกรณ์ที่สามารถจำสถานะไฟฟ้าได้เหมือนสมองมนุษย์ เมมริสเตอร์เป็นหัวใจของ “neuromorphic computing” หรือการประมวลผลแบบเลียนแบบสมอง ซึ่งมีข้อดีคือใช้พลังงานต่ำและเรียนรู้ได้เองในระบบ เช่น หุ่นยนต์หรือรถยนต์อัตโนมัติ ทีมนักวิจัยพบว่าเส้นใยเห็ดมีคุณสมบัติคล้ายเซลล์ประสาท เช่น การส่งสัญญาณไฟฟ้าแบบ “spiking” และสามารถปรับตัวได้ตามแรงดันไฟฟ้า พวกเขาทำการทดลองโดยการอบแห้งและเติมน้ำให้เส้นใยเห็ดเพื่อควบคุมความชื้นและความนำไฟฟ้า ผลการทดลองพบว่าเมมริสเตอร์จากเห็ดสามารถทำงานเป็น RAM ได้ที่ความถี่สูงถึง 5,850 Hz ด้วยความแม่นยำถึง 90% และยังทนต่อสภาพแวดล้อมที่รุนแรง เช่น ความแห้งและรังสี ✅ การพัฒนาเมมริสเตอร์จากเห็ดชิตาเกะ ➡️ ใช้เส้นใยเห็ด (mycelium) แทนแร่หายาก ➡️ มีคุณสมบัติคล้ายเซลล์ประสาท เช่น การส่งสัญญาณแบบ spiking ➡️ ทนต่อการแห้งและรังสีได้ดี ✅ ความสามารถในการทำงาน ➡️ ทำงานเป็น RAM ได้ที่ความถี่ 5,850 Hz ➡️ ความแม่นยำในการประมวลผลอยู่ที่ 90 ± 1% ➡️ ใช้พลังงานต่ำและรวมความจำกับการประมวลผลในตัวเดียว ✅ ข้อดีของการใช้วัสดุชีวภาพ ➡️ ลดการใช้แร่หายากที่มีต้นทุนสูง ➡️ เป็นวัสดุย่อยสลายได้และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ➡️ เปิดทางสู่การสร้างอุปกรณ์ neuromorphic ที่ยั่งยืน ‼️ ความท้าทายในการนำไปใช้จริง ⛔ ต้องควบคุมความชื้นและโครงสร้างของเส้นใยอย่างแม่นยำ ⛔ ยังอยู่ในขั้นทดลอง ไม่พร้อมใช้งานเชิงพาณิชย์ ⛔ ต้องพิสูจน์ความเสถียรในระบบขนาดใหญ่ https://www.tomshardware.com/tech-industry/shiitake-powered-computer-demonstrated-by-researchers-mushroom-infused-chips-a-surprising-alternative-to-using-rare-earths-in-memristors
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 270 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ–จีนบรรลุกรอบข้อตกลงการค้า – อาจหลีกเลี่ยงภาษี 100% และควบคุมแร่หายาก

    ลองนึกภาพว่าคุณกำลังจะซื้อพัดลม CPU หรือเมนบอร์ดจากจีน แล้วจู่ๆ ราคาพุ่งขึ้น 100% เพราะภาษีนำเข้า – นั่นคือสิ่งที่อาจเกิดขึ้นถ้าสหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นภาษีตามแผนเดิม แต่ตอนนี้มีข่าวดีว่าอาจไม่ต้องเจอเหตุการณ์นั้นแล้ว

    สหรัฐฯ และจีนกำลังเจรจาข้อตกลงการค้าใหม่ ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษี 100% สำหรับสินค้าจากจีน เช่น เคส, คูลเลอร์, จอภาพ และเมนบอร์ดระดับเริ่มต้น ที่ยังผลิตโดยจีนเป็นหลัก แม้ว่า GPU และ CPU จะเริ่มกระจายการผลิตไปยังประเทศอื่นแล้ว

    อีกประเด็นสำคัญคือ “แร่หายาก” เช่น นีโอไดเมียม, เซอเรียม, แลนทานัม และดิสโพรเซียม ที่ใช้ในพัดลม, ฮาร์ดดิสก์, มอเตอร์ และวัสดุขัดเงา ซึ่งจีนควบคุมการส่งออกอย่างเข้มงวดตั้งแต่เดือนตุลาคม โดยขยายข้อกำหนดการขอใบอนุญาตไปถึงสารประกอบและแม่เหล็ก ไม่ใช่แค่แร่ดิบ

    ข้อตกลงใหม่นี้อาจช่วยให้จีน “ผ่อนปรน” การควบคุมแร่หายากชั่วคราว และลดแรงกดดันต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดกำลังเตรียมเปิดตัวฮาร์ดแวร์ใหม่ปลายปี

    อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ต้องรอการอนุมัติจากประธานาธิบดีทรัมป์และผู้นำจีน สี จิ้นผิง ในการประชุมระดับสูงที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้

    ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีน
    อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายก่อนการอนุมัติ
    อาจช่วยหลีกเลี่ยงภาษี 100% สำหรับสินค้าจีน
    รวมถึงเคส, คูลเลอร์, จอภาพ และเมนบอร์ดระดับเริ่มต้น

    การควบคุมแร่หายากของจีน
    ขยายข้อกำหนดการขอใบอนุญาตไปถึงสารประกอบและแม่เหล็ก
    ส่งผลต่อพัดลม, ฮาร์ดดิสก์, มอเตอร์ และวัสดุขัดเงา
    จีนอาจผ่อนปรนการควบคุมชั่วคราวตามข้อตกลง

    ความสำคัญของแร่หายาก
    ใช้ในอุปกรณ์เทคโนโลยี เช่น พัดลม CPU, HDD, PSU
    จีนครองตลาดการแปรรูปแร่หายากกว่า 80%
    ไม่มีทางเลือกอื่นในระยะสั้นสำหรับผู้ผลิตทั่วโลก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/us-china-trade-framework-could-avoid-tariffs-and-rare-earth-curbs
    🌐 สหรัฐฯ–จีนบรรลุกรอบข้อตกลงการค้า – อาจหลีกเลี่ยงภาษี 100% และควบคุมแร่หายาก ลองนึกภาพว่าคุณกำลังจะซื้อพัดลม CPU หรือเมนบอร์ดจากจีน แล้วจู่ๆ ราคาพุ่งขึ้น 100% เพราะภาษีนำเข้า – นั่นคือสิ่งที่อาจเกิดขึ้นถ้าสหรัฐฯ เดินหน้าขึ้นภาษีตามแผนเดิม แต่ตอนนี้มีข่าวดีว่าอาจไม่ต้องเจอเหตุการณ์นั้นแล้ว สหรัฐฯ และจีนกำลังเจรจาข้อตกลงการค้าใหม่ ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงการขึ้นภาษี 100% สำหรับสินค้าจากจีน เช่น เคส, คูลเลอร์, จอภาพ และเมนบอร์ดระดับเริ่มต้น ที่ยังผลิตโดยจีนเป็นหลัก แม้ว่า GPU และ CPU จะเริ่มกระจายการผลิตไปยังประเทศอื่นแล้ว อีกประเด็นสำคัญคือ “แร่หายาก” เช่น นีโอไดเมียม, เซอเรียม, แลนทานัม และดิสโพรเซียม ที่ใช้ในพัดลม, ฮาร์ดดิสก์, มอเตอร์ และวัสดุขัดเงา ซึ่งจีนควบคุมการส่งออกอย่างเข้มงวดตั้งแต่เดือนตุลาคม โดยขยายข้อกำหนดการขอใบอนุญาตไปถึงสารประกอบและแม่เหล็ก ไม่ใช่แค่แร่ดิบ ข้อตกลงใหม่นี้อาจช่วยให้จีน “ผ่อนปรน” การควบคุมแร่หายากชั่วคราว และลดแรงกดดันต่อผู้ผลิตชิ้นส่วนคอมพิวเตอร์ทั่วโลก โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดกำลังเตรียมเปิดตัวฮาร์ดแวร์ใหม่ปลายปี อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ต้องรอการอนุมัติจากประธานาธิบดีทรัมป์และผู้นำจีน สี จิ้นผิง ในการประชุมระดับสูงที่จะเกิดขึ้นเร็วๆ นี้ ✅ ข้อตกลงการค้าระหว่างสหรัฐฯ–จีน ➡️ อยู่ในขั้นตอนสุดท้ายก่อนการอนุมัติ ➡️ อาจช่วยหลีกเลี่ยงภาษี 100% สำหรับสินค้าจีน ➡️ รวมถึงเคส, คูลเลอร์, จอภาพ และเมนบอร์ดระดับเริ่มต้น ✅ การควบคุมแร่หายากของจีน ➡️ ขยายข้อกำหนดการขอใบอนุญาตไปถึงสารประกอบและแม่เหล็ก ➡️ ส่งผลต่อพัดลม, ฮาร์ดดิสก์, มอเตอร์ และวัสดุขัดเงา ➡️ จีนอาจผ่อนปรนการควบคุมชั่วคราวตามข้อตกลง ✅ ความสำคัญของแร่หายาก ➡️ ใช้ในอุปกรณ์เทคโนโลยี เช่น พัดลม CPU, HDD, PSU ➡️ จีนครองตลาดการแปรรูปแร่หายากกว่า 80% ➡️ ไม่มีทางเลือกอื่นในระยะสั้นสำหรับผู้ผลิตทั่วโลก https://www.tomshardware.com/tech-industry/us-china-trade-framework-could-avoid-tariffs-and-rare-earth-curbs
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    US–China reach trade framework that could avert 100% tariffs and pause rare-earth curbs — development comes as Trump and Xi prepare to meet this week
    US and Chinese trade negotiators say they’ve reached a framework agreement that, if approved by both governments this week, would roll back proposed 100% tariffs on Chinese imports and pause Beijing’s escalating export restrictions on rare-earth materials.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 312 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลงุบงิบเจรจา ไทยเสี่ยงเสียดินแดน : [THE MESSAGE]
    นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน พร้อมด้วยนายวีระ สมความคิด นักเคลื่อนไหวภาคประชาชน เผยถึงการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา(JBC) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) รวมถึงการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย–สหรัฐอเมริกา ว่าด้วยความร่วมมือด้านแร่หายาก ห่วงทิศทางการดำเนินนโยบายด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นที่อาจกระทบต่ออธิปไตยและผลประโยชน์ของประเทศ ทั้งการเจรจาระหว่างไทย–กัมพูชา และการทำบันทึกความเข้าใจกับสหรัฐอเมริกาในประเด็นแร่หายาก ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญเชิงยุทธศาสตร์ระดับโลก แต่กลับปกปิดข้อมูล อ้างเป็นเรื่องความลับทางการเจรจา เสี่ยงต่อการชักศึกเข้าบ้าน รัฐบาลไทยไม่เรียกร้องความรับผิดชอบจากกัมพูชา กรณีละเมิด MOU 2543 ส่วนพื้นที่ที่ยังไม่สามารถนำคืนมาได้ อาจกลายเป็นพื้นที่ที่ไทยไม่สามารถอ้างสิทธิ์ได้อีก หากไม่ดำเนินการเชิงรุก เรียกร้องรัฐบาลเปิดเผยรายละเอียดการเจรจา
    รัฐบาลงุบงิบเจรจา ไทยเสี่ยงเสียดินแดน : [THE MESSAGE] นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน พร้อมด้วยนายวีระ สมความคิด นักเคลื่อนไหวภาคประชาชน เผยถึงการประชุมคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย–กัมพูชา(JBC) และคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) รวมถึงการลงนามบันทึกความเข้าใจระหว่างไทย–สหรัฐอเมริกา ว่าด้วยความร่วมมือด้านแร่หายาก ห่วงทิศทางการดำเนินนโยบายด้านความมั่นคงและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของรัฐบาล โดยเฉพาะประเด็นที่อาจกระทบต่ออธิปไตยและผลประโยชน์ของประเทศ ทั้งการเจรจาระหว่างไทย–กัมพูชา และการทำบันทึกความเข้าใจกับสหรัฐอเมริกาในประเด็นแร่หายาก ซึ่งเป็นทรัพยากรที่สำคัญเชิงยุทธศาสตร์ระดับโลก แต่กลับปกปิดข้อมูล อ้างเป็นเรื่องความลับทางการเจรจา เสี่ยงต่อการชักศึกเข้าบ้าน รัฐบาลไทยไม่เรียกร้องความรับผิดชอบจากกัมพูชา กรณีละเมิด MOU 2543 ส่วนพื้นที่ที่ยังไม่สามารถนำคืนมาได้ อาจกลายเป็นพื้นที่ที่ไทยไม่สามารถอ้างสิทธิ์ได้อีก หากไม่ดำเนินการเชิงรุก เรียกร้องรัฐบาลเปิดเผยรายละเอียดการเจรจา
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 595 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • สหรัฐฯลงนามเป็นชุดๆในข้อตกลงการค้าและแร่หายากกับ 4 ชาติพันธมิตรอาเซียน ในนั้นรวมถึงไทย เมื่อวันอาทิตย์(26ต.ค.) ในความพยายามจัดการกับภาวะไม่สมดุลทางการค้าและกระจายห่วงโซ่อุปทาน ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของจีนที่คุมเข้มการส่งออกแร่แรร์เอิร์ธ ล่าสุดสำนักข่าวรอยเตอร์เผยแพร่ข้อมูลอย่างคร่าวๆในรายละเอียดของข้อตกลงเหล่านั้น
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000102316

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    สหรัฐฯลงนามเป็นชุดๆในข้อตกลงการค้าและแร่หายากกับ 4 ชาติพันธมิตรอาเซียน ในนั้นรวมถึงไทย เมื่อวันอาทิตย์(26ต.ค.) ในความพยายามจัดการกับภาวะไม่สมดุลทางการค้าและกระจายห่วงโซ่อุปทาน ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของจีนที่คุมเข้มการส่งออกแร่แรร์เอิร์ธ ล่าสุดสำนักข่าวรอยเตอร์เผยแพร่ข้อมูลอย่างคร่าวๆในรายละเอียดของข้อตกลงเหล่านั้น . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000102316 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 457 มุมมอง 0 รีวิว
  • TSMC เผยผลกระทบจากการจำกัดส่งออกแร่หายากของจีนยังไม่รุนแรงในระยะสั้น – แต่การเปลี่ยนแหล่งผลิตในระยะยาวคือความท้าทาย

    TSMC บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลกจากไต้หวัน ระบุว่าการจำกัดการส่งออกแร่หายากของจีนจะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตในระยะสั้น เพราะบริษัทมีสต็อกเพียงพอสำหรับ 1–2 ปี อย่างไรก็ตาม ความกังวลหลักอยู่ที่การเปลี่ยนแหล่งวัตถุดิบจากจีนไปยังประเทศอื่น เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา หรือสหรัฐฯ ซึ่งต้องใช้เวลาและการลงทุนสูง

    จีนถือครองกำลังการผลิตแร่หายากกว่า 85% ของโลก และได้ประกาศให้ทรัพยากรเหล่านี้เป็นของรัฐตั้งแต่ปี 2024 พร้อมทั้งออกมาตรการควบคุมการส่งออกหลายครั้งในปี 2025 ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก โดยเฉพาะชิปที่มีขนาดเล็กกว่า 14nm หรือมีมากกว่า 256 เลเยอร์

    แม้จะมีแหล่งแร่หายากในประเทศอื่น แต่ยังขาดโครงสร้างพื้นฐานในการสกัดและแปรรูป เช่นเดียวกับโรงงานในมาเลเซียที่แม้จะเป็นโรงงานนอกจีนที่ใหญ่ที่สุด ก็ยังต้องพึ่งพาความร่วมมือกับจีนในการพัฒนา

    สถานการณ์ของ TSMC
    มีสต็อกแร่หายากเพียงพอสำหรับ 1–2 ปี
    ไม่กังวลผลกระทบระยะสั้นจากการจำกัดส่งออกของจีน
    ความท้าทายหลักคือการเปลี่ยนแหล่งวัตถุดิบในระยะยาว

    บทบาทของจีนในตลาดแร่หายาก
    ครองกำลังการผลิตกว่า 85% ของโลก
    ประกาศให้แร่หายากเป็นทรัพย์สินของรัฐในปี 2024
    ออกมาตรการควบคุมการส่งออกหลายครั้งในปี 2025
    ส่งผลกระทบต่อการผลิตชิปขั้นสูงทั่วโลก

    ทางเลือกจากประเทศอื่น
    ออสเตรเลียพยายามสกัดแร่จากของเสียในเหมือง
    แคนาดาและสหรัฐฯ เตรียมลงทุนเพื่อขยายกำลังผลิต
    มาเลเซียมีโรงงานแปรรูปใหญ่ที่สุดนอกจีน แต่ยังต้องพึ่งพาความร่วมมือกับจีน

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/manufacturing/tsmc-says-chinas-rare-earth-export-restrictions-will-have-limited-short-term-impact-on-company-concern-lies-in-transitioning-away-from-china-supply
    🌏 TSMC เผยผลกระทบจากการจำกัดส่งออกแร่หายากของจีนยังไม่รุนแรงในระยะสั้น – แต่การเปลี่ยนแหล่งผลิตในระยะยาวคือความท้าทาย TSMC บริษัทผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลกจากไต้หวัน ระบุว่าการจำกัดการส่งออกแร่หายากของจีนจะไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตในระยะสั้น เพราะบริษัทมีสต็อกเพียงพอสำหรับ 1–2 ปี อย่างไรก็ตาม ความกังวลหลักอยู่ที่การเปลี่ยนแหล่งวัตถุดิบจากจีนไปยังประเทศอื่น เช่น ออสเตรเลีย แคนาดา หรือสหรัฐฯ ซึ่งต้องใช้เวลาและการลงทุนสูง จีนถือครองกำลังการผลิตแร่หายากกว่า 85% ของโลก และได้ประกาศให้ทรัพยากรเหล่านี้เป็นของรัฐตั้งแต่ปี 2024 พร้อมทั้งออกมาตรการควบคุมการส่งออกหลายครั้งในปี 2025 ซึ่งส่งผลกระทบต่ออุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลก โดยเฉพาะชิปที่มีขนาดเล็กกว่า 14nm หรือมีมากกว่า 256 เลเยอร์ แม้จะมีแหล่งแร่หายากในประเทศอื่น แต่ยังขาดโครงสร้างพื้นฐานในการสกัดและแปรรูป เช่นเดียวกับโรงงานในมาเลเซียที่แม้จะเป็นโรงงานนอกจีนที่ใหญ่ที่สุด ก็ยังต้องพึ่งพาความร่วมมือกับจีนในการพัฒนา ✅ สถานการณ์ของ TSMC ➡️ มีสต็อกแร่หายากเพียงพอสำหรับ 1–2 ปี ➡️ ไม่กังวลผลกระทบระยะสั้นจากการจำกัดส่งออกของจีน ➡️ ความท้าทายหลักคือการเปลี่ยนแหล่งวัตถุดิบในระยะยาว ✅ บทบาทของจีนในตลาดแร่หายาก ➡️ ครองกำลังการผลิตกว่า 85% ของโลก ➡️ ประกาศให้แร่หายากเป็นทรัพย์สินของรัฐในปี 2024 ➡️ ออกมาตรการควบคุมการส่งออกหลายครั้งในปี 2025 ➡️ ส่งผลกระทบต่อการผลิตชิปขั้นสูงทั่วโลก ✅ ทางเลือกจากประเทศอื่น ➡️ ออสเตรเลียพยายามสกัดแร่จากของเสียในเหมือง ➡️ แคนาดาและสหรัฐฯ เตรียมลงทุนเพื่อขยายกำลังผลิต ➡️ มาเลเซียมีโรงงานแปรรูปใหญ่ที่สุดนอกจีน แต่ยังต้องพึ่งพาความร่วมมือกับจีน https://www.tomshardware.com/tech-industry/manufacturing/tsmc-says-chinas-rare-earth-export-restrictions-will-have-limited-short-term-impact-on-company-concern-lies-in-transitioning-away-from-china-supply
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 334 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหรัฐฯ เตรียมแบนการส่งออกสินค้าที่มีซอฟต์แวร์อเมริกันไปจีน – ตอบโต้การควบคุมแร่หายากของปักกิ่ง

    รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพิจารณามาตรการตอบโต้จีนอย่างรุนแรง ด้วยการแบนการส่งออกสินค้าที่ผลิตด้วยหรือมีซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ไปยังจีน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ซอฟต์แวร์เฉพาะทางไปจนถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยมอย่าง Windows, Android, iOS และ macOS

    มาตรการนี้เป็นการตอบโต้ที่สหรัฐฯ มองว่าเหมาะสม หลังจากจีนประกาศควบคุมการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ยืนยันว่า “ทุกทางเลือกยังอยู่บนโต๊ะ” และหากมีการดำเนินการจริง จะร่วมมือกับประเทศพันธมิตรในกลุ่ม G7

    แม้ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย แต่มาตรการนี้อาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการค้าระหว่างสองประเทศ เพราะแทบทุกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในจีนล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ การแบนครั้งนี้อาจทำให้จีนต้องเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เช่น HarmonyOS, openKylin และมาตรฐานใหม่อย่าง UBIOS ที่เพิ่งเปิดตัว

    อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการดำเนินการเช่นนี้อาจส่งผลย้อนกลับต่ออุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เอง และอาจเร่งให้จีนพัฒนาระบบของตัวเองจนสามารถแข่งขันได้ในอนาคต

    แผนการแบนสินค้าจากสหรัฐฯ ไปจีน
    ครอบคลุมสินค้าที่ผลิตด้วยหรือมีซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ
    รวมถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยม เช่น Windows, Android, iOS, macOS
    เป็นมาตรการตอบโต้การควบคุมแร่หายากของจีน
    อาจดำเนินการร่วมกับพันธมิตรในกลุ่ม G7

    ผลกระทบต่อจีน
    อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ในจีนใช้ซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ
    จีนต้องเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เช่น HarmonyOS, openKylin, UBIOS
    อาจทำให้จีนอยู่ในสถานะเสียเปรียบในระยะสั้น แต่เร่งการพึ่งพาตนเองในระยะยาว

    ความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้
    สหรัฐฯ เคยแบนซอฟต์แวร์ออกแบบชิป (EDA) ไปยังจีน
    ส่งผลให้บริษัทจีนอย่าง Xiaomi และ Lenovo ไม่สามารถออกแบบชิปกับ TSMC ได้
    มาตรการถูกยกเลิกหลังจีนยอมผ่อนปรนการส่งออกแร่หายาก

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    การแบนอาจกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่มีตลาดใหญ่ในจีน
    อาจเร่งให้จีนพัฒนาระบบที่ไม่พึ่งพาสหรัฐฯ และกลายเป็นคู่แข่งในอนาคต
    การดำเนินการอาจซับซ้อนและมีผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก
    อาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศ

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/trump-considering-china-export-ban-on-items-made-with-or-containing-u-s-software-sweeping-restriction-to-hit-hard-in-response-to-beijings-rare-earth-embargo-in-major-trade-war-escalation
    🇺🇸 สหรัฐฯ เตรียมแบนการส่งออกสินค้าที่มีซอฟต์แวร์อเมริกันไปจีน – ตอบโต้การควบคุมแร่หายากของปักกิ่ง รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังพิจารณามาตรการตอบโต้จีนอย่างรุนแรง ด้วยการแบนการส่งออกสินค้าที่ผลิตด้วยหรือมีซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ไปยังจีน ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่ซอฟต์แวร์เฉพาะทางไปจนถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยมอย่าง Windows, Android, iOS และ macOS มาตรการนี้เป็นการตอบโต้ที่สหรัฐฯ มองว่าเหมาะสม หลังจากจีนประกาศควบคุมการส่งออกแร่หายาก ซึ่งเป็นวัตถุดิบสำคัญในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี โดยรัฐมนตรีคลังของสหรัฐฯ ยืนยันว่า “ทุกทางเลือกยังอยู่บนโต๊ะ” และหากมีการดำเนินการจริง จะร่วมมือกับประเทศพันธมิตรในกลุ่ม G7 แม้ยังไม่มีการตัดสินใจขั้นสุดท้าย แต่มาตรการนี้อาจส่งผลกระทบอย่างหนักต่อการค้าระหว่างสองประเทศ เพราะแทบทุกอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ในจีนล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องกับซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ การแบนครั้งนี้อาจทำให้จีนต้องเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เช่น HarmonyOS, openKylin และมาตรฐานใหม่อย่าง UBIOS ที่เพิ่งเปิดตัว อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าการดำเนินการเช่นนี้อาจส่งผลย้อนกลับต่ออุตสาหกรรมของสหรัฐฯ เอง และอาจเร่งให้จีนพัฒนาระบบของตัวเองจนสามารถแข่งขันได้ในอนาคต ✅ แผนการแบนสินค้าจากสหรัฐฯ ไปจีน ➡️ ครอบคลุมสินค้าที่ผลิตด้วยหรือมีซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ➡️ รวมถึงระบบปฏิบัติการยอดนิยม เช่น Windows, Android, iOS, macOS ➡️ เป็นมาตรการตอบโต้การควบคุมแร่หายากของจีน ➡️ อาจดำเนินการร่วมกับพันธมิตรในกลุ่ม G7 ✅ ผลกระทบต่อจีน ➡️ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ส่วนใหญ่ในจีนใช้ซอฟต์แวร์จากสหรัฐฯ ➡️ จีนต้องเร่งพัฒนาซอฟต์แวร์ของตัวเอง เช่น HarmonyOS, openKylin, UBIOS ➡️ อาจทำให้จีนอยู่ในสถานะเสียเปรียบในระยะสั้น แต่เร่งการพึ่งพาตนเองในระยะยาว ✅ ความเคลื่อนไหวก่อนหน้านี้ ➡️ สหรัฐฯ เคยแบนซอฟต์แวร์ออกแบบชิป (EDA) ไปยังจีน ➡️ ส่งผลให้บริษัทจีนอย่าง Xiaomi และ Lenovo ไม่สามารถออกแบบชิปกับ TSMC ได้ ➡️ มาตรการถูกยกเลิกหลังจีนยอมผ่อนปรนการส่งออกแร่หายาก ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ การแบนอาจกระทบต่อบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่มีตลาดใหญ่ในจีน ⛔ อาจเร่งให้จีนพัฒนาระบบที่ไม่พึ่งพาสหรัฐฯ และกลายเป็นคู่แข่งในอนาคต ⛔ การดำเนินการอาจซับซ้อนและมีผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานทั่วโลก ⛔ อาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางเศรษฐกิจและเทคโนโลยีระหว่างสองประเทศ https://www.tomshardware.com/tech-industry/trump-considering-china-export-ban-on-items-made-with-or-containing-u-s-software-sweeping-restriction-to-hit-hard-in-response-to-beijings-rare-earth-embargo-in-major-trade-war-escalation
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 448 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลทรัมป์เตรียมลงทุนในบริษัทควอนตัมคอมพิวติ้ง – แลกเงินสนับสนุนกับหุ้นบริษัทเอกชน

    รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังเจรจากับบริษัทควอนตัมคอมพิวติ้งชั้นนำเพื่อแลกเปลี่ยนเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act กับหุ้นในบริษัทเหล่านั้น โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีควอนตัมที่อาจเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมในอนาคต และเพิ่มบทบาทของรัฐบาลในฐานะนักลงทุนโดยตรงในภาคเอกชน

    บริษัทที่อยู่ระหว่างการเจรจา ได้แก่ Atom Computing, D-Wave Quantum, IonQ, Rigetti Computing และ Quantum Computing โดยแต่ละแห่งต้องการเงินสนับสนุนอย่างน้อย 10 ล้านดอลลาร์จากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ซึ่งจะได้รับหุ้นหรือเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ ตอบแทน การลงทุนนี้จะมาจากสำนักงาน Chips Research and Development ซึ่งดูแลงบประมาณจาก CHIPS Act

    การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลได้เปลี่ยนเงินสนับสนุนมูลค่า 9 พันล้านดอลลาร์ให้กลายเป็นหุ้น 9.9% ใน Intel และ 15% ใน MP Materials ซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่หายากในสหรัฐฯ ถือเป็นการเปลี่ยนแนวทางจากการให้เงินเปล่าเป็นการลงทุนที่มีผลตอบแทน

    ควอนตัมคอมพิวติ้งมีศักยภาพในการคำนวณที่เหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั่วไป โดยเฉพาะในด้านการค้นคว้ายาและวัสดุใหม่ๆ ซึ่งทำให้เทคโนโลยีนี้กลายเป็นสนามแข่งขันระดับโลก รัฐบาลสหรัฐฯ จึงต้องการเร่งผลักดันให้บริษัทในประเทศเติบโตและแข่งขันได้

    แผนการลงทุนของรัฐบาลสหรัฐฯ
    เจรจากับบริษัทควอนตัมคอมพิวติ้งเพื่อแลกเงินสนับสนุนกับหุ้น
    บริษัทที่เข้าร่วม ได้แก่ Atom Computing, D-Wave Quantum, IonQ, Rigetti Computing และ Quantum Computing
    เงินสนับสนุนมาจาก CHIPS Act ผ่านสำนักงาน Chips R&D
    เปลี่ยนบทบาทรัฐบาลจากผู้ให้เงินสนับสนุนเป็นนักลงทุนโดยตรง

    ตัวอย่างการลงทุนที่ผ่านมา
    รัฐบาลถือหุ้น 9.9% ใน Intel จากเงินสนับสนุน 9 พันล้านดอลลาร์
    Pentagon ถือหุ้น 15% ใน MP Materials ผู้ผลิตแร่หายาก

    ความสำคัญของควอนตัมคอมพิวติ้ง
    มีศักยภาพในการคำนวณที่เหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์
    ส่งผลต่อการค้นคว้ายา วัสดุ และอุตสาหกรรมอื่นๆ
    เป็นสนามแข่งขันระดับโลกด้านเทคโนโลยี

    ข้อควรระวังและความท้าทาย
    การลงทุนในเทคโนโลยีที่ยังไม่พิสูจน์อาจมีความเสี่ยงสูง
    หากบริษัทไม่ประสบความสำเร็จ รัฐบาลอาจสูญเสียเงินลงทุน
    การแทรกแซงของรัฐบาลในภาคเอกชนอาจกระทบต่อกลไกตลาด
    การแข่งขันกับประเทศอื่นในด้านควอนตัมอาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางเทคโนโลยี

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/quantum-computing/trump-administration-to-follow-up-intel-stake-with-investment-in-quantum-computing-report-claims-tens-of-millions-of-chips-act-dollars-could-be-paid-out-to-leading-companies-in-exchange-for-equity
    🇺🇸 รัฐบาลทรัมป์เตรียมลงทุนในบริษัทควอนตัมคอมพิวติ้ง – แลกเงินสนับสนุนกับหุ้นบริษัทเอกชน รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีทรัมป์กำลังเจรจากับบริษัทควอนตัมคอมพิวติ้งชั้นนำเพื่อแลกเปลี่ยนเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act กับหุ้นในบริษัทเหล่านั้น โดยมีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมเทคโนโลยีควอนตัมที่อาจเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมในอนาคต และเพิ่มบทบาทของรัฐบาลในฐานะนักลงทุนโดยตรงในภาคเอกชน บริษัทที่อยู่ระหว่างการเจรจา ได้แก่ Atom Computing, D-Wave Quantum, IonQ, Rigetti Computing และ Quantum Computing โดยแต่ละแห่งต้องการเงินสนับสนุนอย่างน้อย 10 ล้านดอลลาร์จากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ซึ่งจะได้รับหุ้นหรือเครื่องมือทางการเงินอื่นๆ ตอบแทน การลงทุนนี้จะมาจากสำนักงาน Chips Research and Development ซึ่งดูแลงบประมาณจาก CHIPS Act การเคลื่อนไหวครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากรัฐบาลได้เปลี่ยนเงินสนับสนุนมูลค่า 9 พันล้านดอลลาร์ให้กลายเป็นหุ้น 9.9% ใน Intel และ 15% ใน MP Materials ซึ่งเป็นผู้ผลิตแร่หายากในสหรัฐฯ ถือเป็นการเปลี่ยนแนวทางจากการให้เงินเปล่าเป็นการลงทุนที่มีผลตอบแทน ควอนตัมคอมพิวติ้งมีศักยภาพในการคำนวณที่เหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ทั่วไป โดยเฉพาะในด้านการค้นคว้ายาและวัสดุใหม่ๆ ซึ่งทำให้เทคโนโลยีนี้กลายเป็นสนามแข่งขันระดับโลก รัฐบาลสหรัฐฯ จึงต้องการเร่งผลักดันให้บริษัทในประเทศเติบโตและแข่งขันได้ ✅ แผนการลงทุนของรัฐบาลสหรัฐฯ ➡️ เจรจากับบริษัทควอนตัมคอมพิวติ้งเพื่อแลกเงินสนับสนุนกับหุ้น ➡️ บริษัทที่เข้าร่วม ได้แก่ Atom Computing, D-Wave Quantum, IonQ, Rigetti Computing และ Quantum Computing ➡️ เงินสนับสนุนมาจาก CHIPS Act ผ่านสำนักงาน Chips R&D ➡️ เปลี่ยนบทบาทรัฐบาลจากผู้ให้เงินสนับสนุนเป็นนักลงทุนโดยตรง ✅ ตัวอย่างการลงทุนที่ผ่านมา ➡️ รัฐบาลถือหุ้น 9.9% ใน Intel จากเงินสนับสนุน 9 พันล้านดอลลาร์ ➡️ Pentagon ถือหุ้น 15% ใน MP Materials ผู้ผลิตแร่หายาก ✅ ความสำคัญของควอนตัมคอมพิวติ้ง ➡️ มีศักยภาพในการคำนวณที่เหนือกว่าซูเปอร์คอมพิวเตอร์ ➡️ ส่งผลต่อการค้นคว้ายา วัสดุ และอุตสาหกรรมอื่นๆ ➡️ เป็นสนามแข่งขันระดับโลกด้านเทคโนโลยี ‼️ ข้อควรระวังและความท้าทาย ⛔ การลงทุนในเทคโนโลยีที่ยังไม่พิสูจน์อาจมีความเสี่ยงสูง ⛔ หากบริษัทไม่ประสบความสำเร็จ รัฐบาลอาจสูญเสียเงินลงทุน ⛔ การแทรกแซงของรัฐบาลในภาคเอกชนอาจกระทบต่อกลไกตลาด ⛔ การแข่งขันกับประเทศอื่นในด้านควอนตัมอาจนำไปสู่ความตึงเครียดทางเทคโนโลยี https://www.tomshardware.com/tech-industry/quantum-computing/trump-administration-to-follow-up-intel-stake-with-investment-in-quantum-computing-report-claims-tens-of-millions-of-chips-act-dollars-could-be-paid-out-to-leading-companies-in-exchange-for-equity
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 374 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts