• 03-11-67/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.7

    ฟ้าดินลงโทษ! ทั่วยุโรปร้องอย่างหมา! สึนามิก็มา พายุฝนก็มี เพิ่งเข้าหนาว ยังไม่ทันจะโดนรัสเซียถล่มคาตรีน สวรรค์ชิงลงมือก่อนซะงั้น ยุโรปใต้อ่วมอรทัย กระทบเป็นพื้นที่ยาว โดยเฉพาะในสเปน บาเลนเซียกลายเป็นเมืองร้าง รถยนต์ไปกองอยู่รวมกันเพราะคลื่นสึนามิ อีกังหันลม ฉลาดเป็นกรด เตรียมการป้องกันระดับน้ำมาโดยตลอด ความเป็นหนึ่งเดียวของยุโรปหายไปแล้ว ตัวใครตัวมัน ชาติใครรอด ก็ดิ้นกันเอง? ความแตกต่างของปชต.เหี้ยตอแหลจัญไร กับพ่อปกครองลูก มรึงเห็นยัง? ทางการสเปนไม่ยอมส่งกองทัพเข้าพื้นที่ไปช่วยเหลือชาวบ้านในเมืองบาเลนเซีย กล่าวว่าไม่ใช่หน้าที่ ต้องให้เพื่อนบ้านใกล้เคียง ต่างเมืองเข้ามาช่วยกันเองอย่างทุลักทุเล ผิดกับสยามประเทศ อุทกภัยมาปุ๊บ กองทัพถึงทันที ไม่ต้องร้องขอ ใครสั่งล่ะ? อย่าหวังนักการเมืองเลยดีออก? พ่ออยู่ ลูกหมดห่วง เหี้ยอยู่ มรึงไม่รอด อีโง่ยุโรป ยังคงโง่ดักดานเสมอต้นเสมอปลาย สมควรสิ้นชาติพันธุ์มั้ยล่ะ? เศรษฐกิจพัง หนี้บานตะไท แรงงานย้ายออก โรงงานปิดเพี๊ยบ คนตกงาน ไร้บ้าน ปล้นสะดมภ์กันทั่วแผ่นดิน นี่ไง ยุโรปที่ไอ้อีหัวคลั่งปชต.ใฝ่ฝันจะไปอยากอยู่เป็นประชากรชั้น 8 อีขี้ข้า? ต่ำตมสุดบรรยาย เป็นคนดีดีไม่ชอบอยากจะเป็นเดรัจฉานซะงั้น? แม้แต่อียุ่นปี่ ก็ไม่รอดเช่นกัน ฝนกระหน่ำห่าใหญ่ ท่วมเกาะจมบาดาล ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ และตอนกลาง จมน้ำทั่วเมืองชีวิตดี๊ดี หลังคบเหี้ยมานาน ถึงเวลาชดใช้โลกคืนแล้วสิน่ะ! ข้ามมาโลกอาหรับ มันส์ไม่แพ้กัน หลังคาเมเนอี เล่นแร่แปรวิญญาน จะถล่มอียิวตายคาตรีนหลังเลือกตั้งอเมริกา พูดแบบนี้ คือมรึงโดนก่อนชัวร์? หลายคนไม่รู้ อิหร่าน และพันธมิตรโลกอาหรับ โจมตีแต่ละครั้ง มีเป้าหมาย และอยู่ในแผนการรวมภาพใหญ่ทั้งสิ้น ไม่ได้โจมตีสะเปะสะปะแบบอียิว บั่นทอนแสนยานุภาพยิวจนหมดสิ้น จนไม่สามารถโต้ตอบกลับแรงได้อีก เท่ากับมรึงแพ้แล้วไงล่ะ? 3 ฮอ ซีเรีย อิรัก อิหร่าน เลบานอน เยเมน ทำลายคลังแสง ระบบป้องกันภัยทางอากาศยิวจนเกลี้ยงแล้ว จากนี้ ยิงเหี้ยอะไรก็เข้าเป้าหมด เพราะไม่เหลือเหี้ยอะไรมาสกัดได้อีก อีเหี้ยมะกันแถ ยื้อเวลาส่งมอบระบบป้องกันภัย เพราะหากส่งให้หมด มรึงเนี่ยแหละ จะกลายเป็นเป้าโจมตีหลักแทน หลังบ้านรั่ว จะเหลือเหี้ยอะไรไปสกัดไฮเปอร์โซนิคฝั่งตรงกันข้ามได้อีก? อีนกรู้ นี่ต่างหากคือเป้าหมายจริงของขั้วใหม่ ทั้งอีวอชิงตัน อีลอนดอน ไม่รอดส้นตรีนแน่นอน! อียิวแค่เหยื่อล่อขี้ข้ามาตายห่าเป็นหมู่คณะ ดูดกองกำลัง ทรัพย์สิน อาวุธ จนหมดตูด รัสเซียก็ชนะโดยไม่ต้องเปลืองกำลังพล จีนก็ไม่ต้องเหนื่อย เดินพาเหรดทหารเข้าปูพรมแดงยึดไต้หวันสบายตรีน ข้ามวิกแป๊บ ตบหน้า DSI คดีใหญ่ เม็ดเงินพันล้านเมื่อไหร่ กูขอเอี่ยวทันที จะแดร๊กเหรอจ๊ะ อยากแดร๊กมากขนาดนั้นเชียว? ระวังจะถูกสวนตูดเสียหมา ตายห่าทั้งองค์กรน่ะจ๊ะ? เค้าวางกับดักมรึงอยู่ ใครวางล่ะ? อีกรมตำหนวดไงล่ะ? ยังเปิดรับคำฟ้องทุกสถานี ที่เกี่ยวกับดิ ไอ(คอน)สัส เพราะ DSI ไม่มีคน ไม่มีสาขาทั่วประเทศแบบอีกรมกากีไงล่ะ โชคยังดี ผบ.ตร.คนล่าสุด ทหารเลือกเข้ามาคุมเอง ถึงได้กล้าเปิดหน้าชนนายทุนเหี้ยสามาย์ ตระกูลดังทั้งหลาย DSI เตรียมอุ้ม จ่าย 1000 ล้าน คือจบ กล้ามั้ย? รอดทุกไอ้อี แต่ช้าก่อน หากคุณโทรมาภายใน 30 นาทีนี้ เรามีโปรดี โปรไฟไหม้ หาแพะมารับตีเนียนทันที เงินถึงก็รอด เงินหนักก็ลอยตัว มีเหรอ? เบื้องบนจะไม่รู้ว่ามรึงจะทำอะไรต่อ กลียุค คือปล่อยให้เหี้ยไอ้อีทุกตัวออกลายให้หมด รื้อแม่งทั้งองค์กร อุ้มเลย อย่าช้า แบกเลย อย่างว่อง อย่างไว เดี๋ยวได้รู้ ใครคือเสนียดในองค์กร? คดีใหญ่ระดับชาติ DSI ก็ไม่ใหญ่พอจะคุ้มกะลาหัวใครได้ แค่ยื้อเวลา นี่คือเกมส์ เกมส์จริงมันเป็นยังไง? คืนหนี้สินให้หมด คืนทรัพย์สินทั้งหมด แล้วไสหัวไป พ่วงคดีความตลอดชีวิต ไม่ต้องกลับมาแผ่นดินทองอีกตลอดกาล กลับเมื่อไหร่ นอนคุกทันที! ทุกชะตากรรมเหี้ยจะเดินไปทิศทางเดียวกันหมด นี่คือทางรอด ที่ทหารเค้าเปิดไว้ให้ ต้องจ่ายให้ครบ ไปได้แต่ตัว แล้วอย่ากลับมาอีก นีคือวิธีเดียว ที่เหี้ยฝังรากลึกทั้งหลาย จะหายไปจากแผ่นดินโดยสมบูรณ์ รอเปลี่ยนรัฐธรรมนูญใหม่ก่อน ฉบับ "ฆ่าล้างโคตรเหี้ยหนักแผ่นดินทั้งหลาย" รับรองไม่ได้ผุดได้เกิด เลือกตั้งจะหาแดร๊กต่อไปอีกไม่ได้ ต้นตอคือซื้อเสียง กำจัดจุดนี้ ปชต.ก็หมดประโยชน์ ใครยังจะอยากมาเล่นการเมืองอีกล่ะ มีแต่ผู้เสียสละเท่านั้นถึงจะเข้ามาได้ ทั้งหมดใช้เวลา บ่มเพาะ เร่งรีบไม่ได้ เพราะความเสียหายจะน้อยที่สุด "กฎแห่งกรรม ยุติธรรมเสมอ" กฎเหล็กของจักรวาลมาร์เวล ภาพมายามรึงได้เห็นกันหมดแล้ว อะไรจริง อะไรปลอม จงเรียนรู้สั่งสอนลูกหลานให้ยึดตามรอยเท้าพ่อ แล้วจะเจริญ! หมูเด้ง ดาราฮอลีวู๊ดตัวจริง หลังขึ้นรับรางวัลแรกแห่งปี VIDEO OF THE YEAR ในงาน TIKTOK AWARDS 2024 เอาที่มรึงสบายใจ ยังขายได้อีกหลายปี อีเว้นต์ต่อเนื่อง ไม่มีตก เมื่อคนมันเหี้ย ก็ชูเอาสัดเดรัจฉานที่ยังทำประโยชน์ต่อชาติ แผ่นดิน ขึ้นแท่นดีกว่ามุย? กลียุคคือ คนกลายร่างเป็นสัด แล้วสัดกลายร่างเป็นคน ต่างกันที่ผลงาน และทำประโยชน์ คุณค่าต่อแผ่นดินเกิด อายหมูเด้งกันมั้ยล่ะ? โกงเข้าไป ขายแผ่นดินเข้าไป คอรัปชั่นเข้าไป สุดท้ายไม่พ้นคุกกับตายข้างถนน? คุณค่าที่มรึงทุกไอ้อีคู่ควร ธรรมไม่มี จะเอาเหี้ยอะไรไปต้านกรรมได้ล่ะ? ข้ามมาสู่โลกความเป็นจริงต่อ : อเมริกันโกลาหล อีทรัมปป์จะล่อผู้อพยพทันที กูไม่ต้องรีบ หัวขาวพันธุ์แท้เฮ แต่ต่างด้าวเตรียมเผ่น ใช่ อีทรัมปป์ มันเตรียมแผนแตกแผ่นดิน และแผ่นดินใหม่กู ต้องไม่มีเชื้อชั่วชั้นต่ำ แผ่นดินใหม่ต้องเลือดบริสุทธิ์ เอาให้เต็มที่ อเมริกามันขายไม่ออกแล้ว แรงงานต่างด้าวในอเมริกา เตรียมกลับบ้าน เพราะชาติบ้านเกิดกำลังจะเข้า BRICS นั่นคือสัญญานความเจริญที่จะตามมา ส่วนอเมริกาจะกลายเป็นขุมนรก หากสังเกตุ แผนดึงเอาแรงงาน ผู้อพยพเข้าแผ่นดินนับล้าน มาจากสูตรเหี้ย CIA ทั้งสิ้น เอามาเป็นหัวคะแนน เป็นกลุ่มก่อการร้าย เหมือนที่อีอุ้งอุ้ง จะทำตามใบสั่งวอชิงตันนั่นเอง ดอกนี้ ไม่ได้แดร๊กทหารไทยดอก เค้าล่อให้มรึงติดกับอยู่? ใครยังนึกไม่ออกว่าติดกับดักยังไง? ให้ไปดูกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตราคุณสมบัติพลเมืองชาวไทยซะ มันเข้าข่ายมุยล่ะ? ดอกนี้ ยกเลิกแสนง่าย โยงตัวการผู้อยู่เบื้องหลังง่ายดาย? หลักฐานมัดตราสังข์ ขายชาติ ขายแผ่นดิน ชักศึกเข้าบ้าน คนชงมีรอ คนตบพร้อม ศาลรอเชือด? ไม่มีอะไรง่ายดายอย่างที่มรึงคิดดอกน่ะ กะอีแค่นายกฯ คณะรมต. มันใหญ่กว่าตรีนทหารมั้ยล่ะ? ทหารไม่ต้องลงมือ แค่รอศาลฟัน ทุกอย่างเป็นไปตามกฎบ้าน กฎเมือง ทันที ใครก็แถไม่ออก? เดินสายเดียวกับปูติน สีจิ้นผิง ใช้วิธีการล้างเชื้อชั่วแบบเดียวกันเป๊ะเด๊ะ ไม่รู้ ใคร COPY ใคร?

    ปล.จองเวรไม่เลิก ปอท. ส่งฟ้องอีเหลี่ยมเหี้ยซ้ำ มอ112 พ่วง 116 ต่างกรรม ต่างวาระ ปากพาซวยเหมือนเดิม เพราะกมลสันดาน กร่าง ไม่ยอมใครอยู่แล้ว มัดตราสังข์ หลักฐานชัด ทูลเท็จ ออกงานสำราญตามบท หน้าชื่นอกตรม เพราะเกมส์ไม่ได้อยู่ในมือตัวเองแล้ว พลาดส่งอีลูกสาวร่านขึ้นแท่นเชือด หมากต่อรองไบ้แดร๊ก เซ็นต์ไปแล้ว ย้อนกลับไม่ได้ ตรายางประทับคือโดนลากไส้แฉกลางสภา และสื่อ นโยบายไม่มีจริง แค่ใบสั่งอีเหี้ยวอชิงตัน ยังจะเล่นต่อ ถึงขั้นสูญพันธุ์ทั้งตระกูล ล่าสุด คนไทยลงชื่อต้านพท. ครอบงำแบงค์ชาติ ดอกนี้ นกรู้ อ่านขาด ชงศาลรอใบเสร็จ นโยบายพรรคขัดรัฐธรรมนูญไทย มีผู้ชักใยนอกแผ่นดินควบคุมพรรค นโยบายทำลายเศรษฐกิจชาติชัดเจน ไม่ว่าดอกไหน ไปหมดทั้งพรรคและคน รอแค่ศาลชี้เป้า ทหารออกเดินทันที? ส่วนอีทนายหลอกแดร๊ก 18 มงกุฎ จะซวยหนัก คดีพลิก ไม่ใช่แค่ฉ้อโกง แต่เอี่ยวทุนสีเทา ยิ่งดิ้น ยิ่งโดน บ่อนทำลายเศรษฐกิจชาติ อาญาหนักแผ่นดินมาเต็มตรีน! ด้านปปช. จ่อแจ้งจับผู้บริหารรพ.ตำรวจ ปมคดีชั้น 14 โดนกันเป็นโดมิโน่ ยิ่งดิ้น หลักฐานเพิ่มยิ่งโผล่ ด้านปปง.ก็ใช่ย่อย ตามสืบ ตามยึด ทรัพย์สินโกงแผ่นดินเพี๊ยบ แสงทำงานขยันเกิน? ข้ามมาโลกอาหรับ : ด้านกลุ่มปลดปล่อยอิรัก เอาคืนสาสม ส่งโดรนโจมตีตอนใต้อิสราเอล และตอนกลาง รวมทั้งที่ราบสูงโกลาน ดอกเดียวล่อยิวเหี้ยตายคาที่ 15 ตัว สะสมแต้มต่อไป ผลัดกันถล่ม NON STOP ฮามาสยังเดินหน้าล่อเป้าอียิว ฐานทัพ กองสื่อสาร ไม่มีเหลือ เป้าโจมตีท่าเรือไฮฟา จุดสะสมกำลังเหี้ย ดึงเชงเอาไว้ อย่าเพิ่งรีบตายห่าหมด เดี๋ยวอีเหี้ยขี้ข้ามะกันไม่กล้ามาพอดี จะเสียแผนใหญ่? ล่อเหี้ยออกจากถ้ำไงล่ะ? หลังเพ่ไทยซัดทูตยิว ใครใช้ให้เอาแรงงานไทยไปล่อเป้า แผนเสี้ยม ดึงอาเซียนเข้าสงครามแห้วแดร๊ก อ่อนไปป่ะ? เค้าให้กลับ มรึงไม่กลับ ก็คือยอมตาย แต่อียิว เลือกให้ไปตายเป็นเหยื่อล่อเป้าฮามาส ปาหี่มา ปาหี่กลับ ไม่มีโกง? เรื่องนี้ เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์บ่ได้ดอก? อาเซียนไม่เอายิวเหี้ย ชัดซะยิ่งกว่าชัด! อาเซียนมีชาติมุสลิมเท่าไหร่ล่ะ? ไม่ต้องถามว่าเผาผีอียิวมั้ย? ปมใหม่! สาวไทยใจฝรั่ง วัย 20 ถูกศาลอีสวิงกิ้งสั่งจำคุกตลอดชีวิตในชั้นอุทธรณ์ เพราะเสือกเข้าไปมีส่วน มีเอี่ยว ในความขัดแย้ง 2 แก๊งค์อันธพาล ข้อหายิงแสกหน้าวัยรุ่นวัย 17 เบื้องหลังไม่มีใครรู้ คนดีดี จะพกปืนไปยิงทำไม หากไม่ตั้งใจจะฆ่า? กลียุคตอนปลาย คือกวักมือเรียกขี้ข้าซาตานกลับขุมนรกให้หมด เพราะแสงกำลังจะมาแล้ว! มรึงไม่ต้องอินอะไรเยอะ แค่ปล่อยแสงทำงาน แค่ใจนิ่งพอ แค่รู้ผิด รู้ชอบ และมีสติ ที่เหลือเจ้าหน้าที่บ้านเมืองตัวจริง สรวงสวรรค์ เค้าจะชำระล้างบางเหี้ยให้เอง มรึงแค่ตั้งจิตให้มั่นก็พอ!

    ปล.2 ขอขอบพระคุณ น้ำผึ้งเลม่อนที่มิตรรักแฟนเพลงทำมาให้และได้มอบให้แอดมินนิดหน่อย แล้วได้ส่งมอบต่อให้หมีมา หมีไอมีเสมหะมาตลอด 2-3 วันนี้ เพราะติดกินน้ำแข็งมากเกินไป สันดานเดิม COKE+ICE เย็นเฉียบเท่านั้น คอหมีดีขึ้นเยอะ เสมหะลดลงไปมาก ฝากทุกคนดูแลสุขภาพด้วย อะไรน่ะ เลิกกินน้ำแข็งเหรอ? ไม่ได้ หมีขั้วโลก ไม่ให้กินน้ำแข็ง ได้กลายร่างเป็นหมีทะเลทรายแน่ รู้จักกูดี ความอร่อยไม่เคยปราณีใคร? 555+

    หมี CNN(ต้องตายห่าให้หมดโลก อียิวถึงจะพอใจ แต่ที่มันไม่ปลื้ม เพราะอียิวเสือกชิงตายห่าก่อนชาวโลกไงล่ะ ถูกไล่ล่าทุกวัน ถูกสาปแช่งทุกคืน ไซเรนดัง 24 ชั่วโมง จะเอาเวลาที่ไหนไปหลับ กลัวไม่ได้ตื่น ละครปาหี่การเมืองเหี้ยมะกันมาแน่ อีทรัมมป์จะถูกสกัดทุกวิถีทาง เพื่อล่อเป้านำไปสู่การรัฐประหาร ตามแผนเหี้ยอีตาเพน CIVIL WAR ฆ่ากันเพื่ออะไร? แผ่นดินของมรึงเหรอ มรึงไปปล้น ไปขโมยเค้ามาทั้งนั้น ยังหน้าด้านบอกแผ่นดินมาตุภูมิ เหมือนใครหว่า แถวเยรูซาเล็ม?)
    03 พฤศจิกายน 67
    15.55 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn

    หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT
    https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    03-11-67/01 : หมี CNN / "3 แยกปากหมา" EP.7 ฟ้าดินลงโทษ! ทั่วยุโรปร้องอย่างหมา! สึนามิก็มา พายุฝนก็มี เพิ่งเข้าหนาว ยังไม่ทันจะโดนรัสเซียถล่มคาตรีน สวรรค์ชิงลงมือก่อนซะงั้น ยุโรปใต้อ่วมอรทัย กระทบเป็นพื้นที่ยาว โดยเฉพาะในสเปน บาเลนเซียกลายเป็นเมืองร้าง รถยนต์ไปกองอยู่รวมกันเพราะคลื่นสึนามิ อีกังหันลม ฉลาดเป็นกรด เตรียมการป้องกันระดับน้ำมาโดยตลอด ความเป็นหนึ่งเดียวของยุโรปหายไปแล้ว ตัวใครตัวมัน ชาติใครรอด ก็ดิ้นกันเอง? ความแตกต่างของปชต.เหี้ยตอแหลจัญไร กับพ่อปกครองลูก มรึงเห็นยัง? ทางการสเปนไม่ยอมส่งกองทัพเข้าพื้นที่ไปช่วยเหลือชาวบ้านในเมืองบาเลนเซีย กล่าวว่าไม่ใช่หน้าที่ ต้องให้เพื่อนบ้านใกล้เคียง ต่างเมืองเข้ามาช่วยกันเองอย่างทุลักทุเล ผิดกับสยามประเทศ อุทกภัยมาปุ๊บ กองทัพถึงทันที ไม่ต้องร้องขอ ใครสั่งล่ะ? อย่าหวังนักการเมืองเลยดีออก? พ่ออยู่ ลูกหมดห่วง เหี้ยอยู่ มรึงไม่รอด อีโง่ยุโรป ยังคงโง่ดักดานเสมอต้นเสมอปลาย สมควรสิ้นชาติพันธุ์มั้ยล่ะ? เศรษฐกิจพัง หนี้บานตะไท แรงงานย้ายออก โรงงานปิดเพี๊ยบ คนตกงาน ไร้บ้าน ปล้นสะดมภ์กันทั่วแผ่นดิน นี่ไง ยุโรปที่ไอ้อีหัวคลั่งปชต.ใฝ่ฝันจะไปอยากอยู่เป็นประชากรชั้น 8 อีขี้ข้า? ต่ำตมสุดบรรยาย เป็นคนดีดีไม่ชอบอยากจะเป็นเดรัจฉานซะงั้น? แม้แต่อียุ่นปี่ ก็ไม่รอดเช่นกัน ฝนกระหน่ำห่าใหญ่ ท่วมเกาะจมบาดาล ฝั่งตะวันตกเฉียงใต้ และตอนกลาง จมน้ำทั่วเมืองชีวิตดี๊ดี หลังคบเหี้ยมานาน ถึงเวลาชดใช้โลกคืนแล้วสิน่ะ! ข้ามมาโลกอาหรับ มันส์ไม่แพ้กัน หลังคาเมเนอี เล่นแร่แปรวิญญาน จะถล่มอียิวตายคาตรีนหลังเลือกตั้งอเมริกา พูดแบบนี้ คือมรึงโดนก่อนชัวร์? หลายคนไม่รู้ อิหร่าน และพันธมิตรโลกอาหรับ โจมตีแต่ละครั้ง มีเป้าหมาย และอยู่ในแผนการรวมภาพใหญ่ทั้งสิ้น ไม่ได้โจมตีสะเปะสะปะแบบอียิว บั่นทอนแสนยานุภาพยิวจนหมดสิ้น จนไม่สามารถโต้ตอบกลับแรงได้อีก เท่ากับมรึงแพ้แล้วไงล่ะ? 3 ฮอ ซีเรีย อิรัก อิหร่าน เลบานอน เยเมน ทำลายคลังแสง ระบบป้องกันภัยทางอากาศยิวจนเกลี้ยงแล้ว จากนี้ ยิงเหี้ยอะไรก็เข้าเป้าหมด เพราะไม่เหลือเหี้ยอะไรมาสกัดได้อีก อีเหี้ยมะกันแถ ยื้อเวลาส่งมอบระบบป้องกันภัย เพราะหากส่งให้หมด มรึงเนี่ยแหละ จะกลายเป็นเป้าโจมตีหลักแทน หลังบ้านรั่ว จะเหลือเหี้ยอะไรไปสกัดไฮเปอร์โซนิคฝั่งตรงกันข้ามได้อีก? อีนกรู้ นี่ต่างหากคือเป้าหมายจริงของขั้วใหม่ ทั้งอีวอชิงตัน อีลอนดอน ไม่รอดส้นตรีนแน่นอน! อียิวแค่เหยื่อล่อขี้ข้ามาตายห่าเป็นหมู่คณะ ดูดกองกำลัง ทรัพย์สิน อาวุธ จนหมดตูด รัสเซียก็ชนะโดยไม่ต้องเปลืองกำลังพล จีนก็ไม่ต้องเหนื่อย เดินพาเหรดทหารเข้าปูพรมแดงยึดไต้หวันสบายตรีน ข้ามวิกแป๊บ ตบหน้า DSI คดีใหญ่ เม็ดเงินพันล้านเมื่อไหร่ กูขอเอี่ยวทันที จะแดร๊กเหรอจ๊ะ อยากแดร๊กมากขนาดนั้นเชียว? ระวังจะถูกสวนตูดเสียหมา ตายห่าทั้งองค์กรน่ะจ๊ะ? เค้าวางกับดักมรึงอยู่ ใครวางล่ะ? อีกรมตำหนวดไงล่ะ? ยังเปิดรับคำฟ้องทุกสถานี ที่เกี่ยวกับดิ ไอ(คอน)สัส เพราะ DSI ไม่มีคน ไม่มีสาขาทั่วประเทศแบบอีกรมกากีไงล่ะ โชคยังดี ผบ.ตร.คนล่าสุด ทหารเลือกเข้ามาคุมเอง ถึงได้กล้าเปิดหน้าชนนายทุนเหี้ยสามาย์ ตระกูลดังทั้งหลาย DSI เตรียมอุ้ม จ่าย 1000 ล้าน คือจบ กล้ามั้ย? รอดทุกไอ้อี แต่ช้าก่อน หากคุณโทรมาภายใน 30 นาทีนี้ เรามีโปรดี โปรไฟไหม้ หาแพะมารับตีเนียนทันที เงินถึงก็รอด เงินหนักก็ลอยตัว มีเหรอ? เบื้องบนจะไม่รู้ว่ามรึงจะทำอะไรต่อ กลียุค คือปล่อยให้เหี้ยไอ้อีทุกตัวออกลายให้หมด รื้อแม่งทั้งองค์กร อุ้มเลย อย่าช้า แบกเลย อย่างว่อง อย่างไว เดี๋ยวได้รู้ ใครคือเสนียดในองค์กร? คดีใหญ่ระดับชาติ DSI ก็ไม่ใหญ่พอจะคุ้มกะลาหัวใครได้ แค่ยื้อเวลา นี่คือเกมส์ เกมส์จริงมันเป็นยังไง? คืนหนี้สินให้หมด คืนทรัพย์สินทั้งหมด แล้วไสหัวไป พ่วงคดีความตลอดชีวิต ไม่ต้องกลับมาแผ่นดินทองอีกตลอดกาล กลับเมื่อไหร่ นอนคุกทันที! ทุกชะตากรรมเหี้ยจะเดินไปทิศทางเดียวกันหมด นี่คือทางรอด ที่ทหารเค้าเปิดไว้ให้ ต้องจ่ายให้ครบ ไปได้แต่ตัว แล้วอย่ากลับมาอีก นีคือวิธีเดียว ที่เหี้ยฝังรากลึกทั้งหลาย จะหายไปจากแผ่นดินโดยสมบูรณ์ รอเปลี่ยนรัฐธรรมนูญใหม่ก่อน ฉบับ "ฆ่าล้างโคตรเหี้ยหนักแผ่นดินทั้งหลาย" รับรองไม่ได้ผุดได้เกิด เลือกตั้งจะหาแดร๊กต่อไปอีกไม่ได้ ต้นตอคือซื้อเสียง กำจัดจุดนี้ ปชต.ก็หมดประโยชน์ ใครยังจะอยากมาเล่นการเมืองอีกล่ะ มีแต่ผู้เสียสละเท่านั้นถึงจะเข้ามาได้ ทั้งหมดใช้เวลา บ่มเพาะ เร่งรีบไม่ได้ เพราะความเสียหายจะน้อยที่สุด "กฎแห่งกรรม ยุติธรรมเสมอ" กฎเหล็กของจักรวาลมาร์เวล ภาพมายามรึงได้เห็นกันหมดแล้ว อะไรจริง อะไรปลอม จงเรียนรู้สั่งสอนลูกหลานให้ยึดตามรอยเท้าพ่อ แล้วจะเจริญ! หมูเด้ง ดาราฮอลีวู๊ดตัวจริง หลังขึ้นรับรางวัลแรกแห่งปี VIDEO OF THE YEAR ในงาน TIKTOK AWARDS 2024 เอาที่มรึงสบายใจ ยังขายได้อีกหลายปี อีเว้นต์ต่อเนื่อง ไม่มีตก เมื่อคนมันเหี้ย ก็ชูเอาสัดเดรัจฉานที่ยังทำประโยชน์ต่อชาติ แผ่นดิน ขึ้นแท่นดีกว่ามุย? กลียุคคือ คนกลายร่างเป็นสัด แล้วสัดกลายร่างเป็นคน ต่างกันที่ผลงาน และทำประโยชน์ คุณค่าต่อแผ่นดินเกิด อายหมูเด้งกันมั้ยล่ะ? โกงเข้าไป ขายแผ่นดินเข้าไป คอรัปชั่นเข้าไป สุดท้ายไม่พ้นคุกกับตายข้างถนน? คุณค่าที่มรึงทุกไอ้อีคู่ควร ธรรมไม่มี จะเอาเหี้ยอะไรไปต้านกรรมได้ล่ะ? ข้ามมาสู่โลกความเป็นจริงต่อ : อเมริกันโกลาหล อีทรัมปป์จะล่อผู้อพยพทันที กูไม่ต้องรีบ หัวขาวพันธุ์แท้เฮ แต่ต่างด้าวเตรียมเผ่น ใช่ อีทรัมปป์ มันเตรียมแผนแตกแผ่นดิน และแผ่นดินใหม่กู ต้องไม่มีเชื้อชั่วชั้นต่ำ แผ่นดินใหม่ต้องเลือดบริสุทธิ์ เอาให้เต็มที่ อเมริกามันขายไม่ออกแล้ว แรงงานต่างด้าวในอเมริกา เตรียมกลับบ้าน เพราะชาติบ้านเกิดกำลังจะเข้า BRICS นั่นคือสัญญานความเจริญที่จะตามมา ส่วนอเมริกาจะกลายเป็นขุมนรก หากสังเกตุ แผนดึงเอาแรงงาน ผู้อพยพเข้าแผ่นดินนับล้าน มาจากสูตรเหี้ย CIA ทั้งสิ้น เอามาเป็นหัวคะแนน เป็นกลุ่มก่อการร้าย เหมือนที่อีอุ้งอุ้ง จะทำตามใบสั่งวอชิงตันนั่นเอง ดอกนี้ ไม่ได้แดร๊กทหารไทยดอก เค้าล่อให้มรึงติดกับอยู่? ใครยังนึกไม่ออกว่าติดกับดักยังไง? ให้ไปดูกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตราคุณสมบัติพลเมืองชาวไทยซะ มันเข้าข่ายมุยล่ะ? ดอกนี้ ยกเลิกแสนง่าย โยงตัวการผู้อยู่เบื้องหลังง่ายดาย? หลักฐานมัดตราสังข์ ขายชาติ ขายแผ่นดิน ชักศึกเข้าบ้าน คนชงมีรอ คนตบพร้อม ศาลรอเชือด? ไม่มีอะไรง่ายดายอย่างที่มรึงคิดดอกน่ะ กะอีแค่นายกฯ คณะรมต. มันใหญ่กว่าตรีนทหารมั้ยล่ะ? ทหารไม่ต้องลงมือ แค่รอศาลฟัน ทุกอย่างเป็นไปตามกฎบ้าน กฎเมือง ทันที ใครก็แถไม่ออก? เดินสายเดียวกับปูติน สีจิ้นผิง ใช้วิธีการล้างเชื้อชั่วแบบเดียวกันเป๊ะเด๊ะ ไม่รู้ ใคร COPY ใคร? ปล.จองเวรไม่เลิก ปอท. ส่งฟ้องอีเหลี่ยมเหี้ยซ้ำ มอ112 พ่วง 116 ต่างกรรม ต่างวาระ ปากพาซวยเหมือนเดิม เพราะกมลสันดาน กร่าง ไม่ยอมใครอยู่แล้ว มัดตราสังข์ หลักฐานชัด ทูลเท็จ ออกงานสำราญตามบท หน้าชื่นอกตรม เพราะเกมส์ไม่ได้อยู่ในมือตัวเองแล้ว พลาดส่งอีลูกสาวร่านขึ้นแท่นเชือด หมากต่อรองไบ้แดร๊ก เซ็นต์ไปแล้ว ย้อนกลับไม่ได้ ตรายางประทับคือโดนลากไส้แฉกลางสภา และสื่อ นโยบายไม่มีจริง แค่ใบสั่งอีเหี้ยวอชิงตัน ยังจะเล่นต่อ ถึงขั้นสูญพันธุ์ทั้งตระกูล ล่าสุด คนไทยลงชื่อต้านพท. ครอบงำแบงค์ชาติ ดอกนี้ นกรู้ อ่านขาด ชงศาลรอใบเสร็จ นโยบายพรรคขัดรัฐธรรมนูญไทย มีผู้ชักใยนอกแผ่นดินควบคุมพรรค นโยบายทำลายเศรษฐกิจชาติชัดเจน ไม่ว่าดอกไหน ไปหมดทั้งพรรคและคน รอแค่ศาลชี้เป้า ทหารออกเดินทันที? ส่วนอีทนายหลอกแดร๊ก 18 มงกุฎ จะซวยหนัก คดีพลิก ไม่ใช่แค่ฉ้อโกง แต่เอี่ยวทุนสีเทา ยิ่งดิ้น ยิ่งโดน บ่อนทำลายเศรษฐกิจชาติ อาญาหนักแผ่นดินมาเต็มตรีน! ด้านปปช. จ่อแจ้งจับผู้บริหารรพ.ตำรวจ ปมคดีชั้น 14 โดนกันเป็นโดมิโน่ ยิ่งดิ้น หลักฐานเพิ่มยิ่งโผล่ ด้านปปง.ก็ใช่ย่อย ตามสืบ ตามยึด ทรัพย์สินโกงแผ่นดินเพี๊ยบ แสงทำงานขยันเกิน? ข้ามมาโลกอาหรับ : ด้านกลุ่มปลดปล่อยอิรัก เอาคืนสาสม ส่งโดรนโจมตีตอนใต้อิสราเอล และตอนกลาง รวมทั้งที่ราบสูงโกลาน ดอกเดียวล่อยิวเหี้ยตายคาที่ 15 ตัว สะสมแต้มต่อไป ผลัดกันถล่ม NON STOP ฮามาสยังเดินหน้าล่อเป้าอียิว ฐานทัพ กองสื่อสาร ไม่มีเหลือ เป้าโจมตีท่าเรือไฮฟา จุดสะสมกำลังเหี้ย ดึงเชงเอาไว้ อย่าเพิ่งรีบตายห่าหมด เดี๋ยวอีเหี้ยขี้ข้ามะกันไม่กล้ามาพอดี จะเสียแผนใหญ่? ล่อเหี้ยออกจากถ้ำไงล่ะ? หลังเพ่ไทยซัดทูตยิว ใครใช้ให้เอาแรงงานไทยไปล่อเป้า แผนเสี้ยม ดึงอาเซียนเข้าสงครามแห้วแดร๊ก อ่อนไปป่ะ? เค้าให้กลับ มรึงไม่กลับ ก็คือยอมตาย แต่อียิว เลือกให้ไปตายเป็นเหยื่อล่อเป้าฮามาส ปาหี่มา ปาหี่กลับ ไม่มีโกง? เรื่องนี้ เปลี่ยนแปลงผลลัพธ์บ่ได้ดอก? อาเซียนไม่เอายิวเหี้ย ชัดซะยิ่งกว่าชัด! อาเซียนมีชาติมุสลิมเท่าไหร่ล่ะ? ไม่ต้องถามว่าเผาผีอียิวมั้ย? ปมใหม่! สาวไทยใจฝรั่ง วัย 20 ถูกศาลอีสวิงกิ้งสั่งจำคุกตลอดชีวิตในชั้นอุทธรณ์ เพราะเสือกเข้าไปมีส่วน มีเอี่ยว ในความขัดแย้ง 2 แก๊งค์อันธพาล ข้อหายิงแสกหน้าวัยรุ่นวัย 17 เบื้องหลังไม่มีใครรู้ คนดีดี จะพกปืนไปยิงทำไม หากไม่ตั้งใจจะฆ่า? กลียุคตอนปลาย คือกวักมือเรียกขี้ข้าซาตานกลับขุมนรกให้หมด เพราะแสงกำลังจะมาแล้ว! มรึงไม่ต้องอินอะไรเยอะ แค่ปล่อยแสงทำงาน แค่ใจนิ่งพอ แค่รู้ผิด รู้ชอบ และมีสติ ที่เหลือเจ้าหน้าที่บ้านเมืองตัวจริง สรวงสวรรค์ เค้าจะชำระล้างบางเหี้ยให้เอง มรึงแค่ตั้งจิตให้มั่นก็พอ! ปล.2 ขอขอบพระคุณ น้ำผึ้งเลม่อนที่มิตรรักแฟนเพลงทำมาให้และได้มอบให้แอดมินนิดหน่อย แล้วได้ส่งมอบต่อให้หมีมา หมีไอมีเสมหะมาตลอด 2-3 วันนี้ เพราะติดกินน้ำแข็งมากเกินไป สันดานเดิม COKE+ICE เย็นเฉียบเท่านั้น คอหมีดีขึ้นเยอะ เสมหะลดลงไปมาก ฝากทุกคนดูแลสุขภาพด้วย อะไรน่ะ เลิกกินน้ำแข็งเหรอ? ไม่ได้ หมีขั้วโลก ไม่ให้กินน้ำแข็ง ได้กลายร่างเป็นหมีทะเลทรายแน่ รู้จักกูดี ความอร่อยไม่เคยปราณีใคร? 555+ หมี CNN(ต้องตายห่าให้หมดโลก อียิวถึงจะพอใจ แต่ที่มันไม่ปลื้ม เพราะอียิวเสือกชิงตายห่าก่อนชาวโลกไงล่ะ ถูกไล่ล่าทุกวัน ถูกสาปแช่งทุกคืน ไซเรนดัง 24 ชั่วโมง จะเอาเวลาที่ไหนไปหลับ กลัวไม่ได้ตื่น ละครปาหี่การเมืองเหี้ยมะกันมาแน่ อีทรัมมป์จะถูกสกัดทุกวิถีทาง เพื่อล่อเป้านำไปสู่การรัฐประหาร ตามแผนเหี้ยอีตาเพน CIVIL WAR ฆ่ากันเพื่ออะไร? แผ่นดินของมรึงเหรอ มรึงไปปล้น ไปขโมยเค้ามาทั้งนั้น ยังหน้าด้านบอกแผ่นดินมาตุภูมิ เหมือนใครหว่า แถวเยรูซาเล็ม?) 03 พฤศจิกายน 67 15.55 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://line.me/R/ti/p/@mheecnn หรือเข้า LINE OFFICIAL ACCOUNT https://voom-studio.line.biz/account/@hfs0310u/voom หรือเสิร์หหาใน LINE ได้ที่ @hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 22 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไอ มีเสมหะ เจ็บคอ หายได้ด้วย ของในครัว
    ไอ มีเสมหะ เจ็บคอ หายได้ด้วย ของในครัว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 89 มุมมอง 30 0 รีวิว
  • #ไอเรื้อรัง #เสมหะ #ยาขาว #ปานเทพพัวพงษ์พันธ์ #พอดีช็อป #สมุนไพรบ้านพระอาทิตย์ #สุขภาพ #หมอที่ดีที่สุดคือตัวเราเอง
    #ไอเรื้อรัง #เสมหะ #ยาขาว #ปานเทพพัวพงษ์พันธ์ #พอดีช็อป #สมุนไพรบ้านพระอาทิตย์ #สุขภาพ #หมอที่ดีที่สุดคือตัวเราเอง
    Like
    Love
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 587 มุมมอง 277 0 รีวิว
  • คำแนะนำที่มีประโยชน์มาก ต่อการถนอมอวัยวะของร่างกายเราให้มีอายุการใช้งานยืนนาน จากภรรยาคุณหมอ พรชัย มาตังคสมบัติ รุ่นพี่ที่เคารพรักและนับถือ

    วิธียืดอายุ 10 อวัยวะให้อยู่ยาวนานจนกว่าท่านจะหมดอายุขัย (ไม่เสื่อมพังก่อนวันตาย เพราะเสื่อมพังไปก่อนตาย…ท่านต้องอยู่อย่างทรมาน…ไร้คุณภาพชีวิตที่ดี)

    ~ เราเคยชินกับความรู้ที่ว่า …อวัยวะจะเสื่อม…ไปตามเวลา …วิธีการยืดอายุอวัยวะ…มีร้อยแปดพันประการ …แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ ดร.โรแนน แฟคโทรา แห่งสถาบันการแพทย์ Cleveland Clinic ประเทศสหรัฐอเมริกา …เสนอ…สุดยอดวิธียืดอายุอวัยวะต่างๆ …ไว้ในนิตยสาร Times ดังนี้

    1. สมอง : หลังอายุ 70 ปี จะเริ่มพบความผิดปกติ…ที่เกิดจากความเสื่อมของสมอง …ซึ่งมักเกิดขึ้นอย่างช้าๆ …ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในคราวเดียว
    ~ จะยืดอายุสมอง…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร :
    (1) นิวโรบิกส์ เอ็กเซอร์ไซส์ (Neurobics Exercise) หรือ…การทำกิจกรรมที่ต้องใช้มือทั้ง 2 ข้าง …ทำงานประสานกัน เช่น ทำสวน เย็บผ้า ทำกับข้าว ช่วยให้สมองทั้งซีกซ้าย…และขวาได้รับการกระตุ้นและทำงานไปพร้อมกัน
    (2) กิน ปลาทะเล ถั่วเปลือกแข็ง และธัญพืช แหล่งสุดยอดสารอาหารบำรุงเป็นประจำ
    (3) ฝึกเจริญสติก่อนนอน …ใช้วิธีกำหนดรู้ลมหายใจเข้าและออก… จนกว่าจะหลับ …ช่วยลดความเครียดและทำให้สมองปลอดโปร่งในวันรุ่งขึ้น

    2. ดวงตา : หลังอายุ 40 ปี ต่อจากนั้น ทุกๆ ปี ดวงตา จอประสาตา เลนส์ตาจะเสื่อมลง ในอัตราที่ไม่สม่ำเสมอ ขึ้นอยู่กับรูปแบบกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
    ~ จะยืดอายุดวงตา…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร :
    (1) สวมแว่นกันแดด ก่อนทำกิจกรรมกลางแจ้งทุกครั้ง (2) ผู้ที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์ ควรพักสายทุกๆ 45 นาที อย่างน้อย 5-10 นาที
    (3)งดใช้โทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตก่อนนอน

    3. หู : หลังอายุ 60 ปี การได้ยินจะค่อยๆ ลดลงทุกปี …และทุกๆ 1 ใน 3 คนมีปัญหาเรื่องการได้ยินเมื่อเข้าสู่วัยนี้
    ~ จะยืดอายุหู… ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร :
    (1) หลีกเลี่ยงการทำงาน…หรืออาศัยอยู่ในที่ๆ มีเสียงดัง …หากจำเป็นต้องใส่เครื่องป้องกัน
    (2) งดสั่งน้ำมูกแรงๆ …หรือ กลั้นจาม …เพราะอาจทำให้เยื่อแก้วหูมีปัญหา
    (3) งดแคะหูเอง …เพราะขี้หู…เป็นขี้ผึ้งรักษาความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ …การแคะหู…ทำให้เกิดการอักเสบและเยื่อแก้วหูฉีกขาดได้

    4. ปอด : หลังอายุ 30 ปี ต่อจากนั้น ทุกๆ ปี ประสิทธิภาพการทำงานของปอดจะลดลงราวร้อยละ 1
    ~ จะยืดอายุปอด…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร :
    (1) ว่ายน้ำ หรือ วิ่ง อย่างน้อยวันละ 45 นาที – 1 ชั่วโมง
    (2) ใช้สมุนไพรไทยปรับธาตุ …จิบยาตรีผลา …ก่อนอาหารเช้า-เย็น ครั้งละ 1 แก้ว มีสรรพคุณช่วยปรับธาตุ …บำรุงปอด แก้ไอ ลดเสมหะได้
    (3) หลีกเลี่ยง ควันธูป …ควันจากการประกอบอาหาร ฝุ่นขนาดเล็ก และสารเคมีที่มีไอระเหยต่างๆ

    5. หัวใจ : หลังอายุ 65 ปี จะเริ่มมีโอกาสเป็นโรคหัวใจ …เนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจที่ลดลง…สวนทางกับอัตราการหนาตัวของผนังหัวใจที่เพิ่มขึ้น…เมื่ออายุเฉลี่ยเพิ่มขึ้นทุกๆ 10 ปี อัตราการสูบฉีดโลหิตสูงสุด…จะลดลงราวร้อยละ 10
    ~ จะยืดอายุหัวใจ…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร :
    (1) งดอาหารหวาน มัน เค็ม …รักษาความดันโลหิต…และน้ำหนักตัว…ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ
    (2) ว่ายน้ำ …เดิน …วิ่ง …โยคะ …ร่วมถึงการยกน้ำหนัก …ช่วยให้หัวใจทำงานต่อเนื่อง กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง
    (3) ปลูกต้นไม้ …ไปทำกิจกรรมในสวนสาธารณะ …หรือหากิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายทำ …ผู้ที่มีงานอดิเรกเหล่านี้ …มีความเสี่ยงโรคหัวใจน้อยกว่าคนทั่วไป

    6. ไต : หลังอายุ 50 ปี ไตจะเริ่มเสื่อมลงทีละน้อยๆ …จนกระทั่งไตวาย
    ~ จะยืดอายุไต…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร :
    (1) ดื่มน้ำให้เพียงพอ …สถาบันการแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา (Institute of Medicine : IOM) ระบุว่า …ผู้ชายอายุ 19 ปีขึ้นไป …ต้องดื่มน้ำถึง 13 แก้วต่อวัน ขณะที่ผู้หญิงวัยเดียวกัน…ต้องการน้ำวันละ 9 แก้ว
    (2) งดปรุงแต่งรสอาหารโดยไม่จำเป็น …ไม่ว่าจะเป็น น้ำตาล เกลือ หรือซอสต่างๆ
    (3) ควบคุมน้ำหนักตัว และ…ความดันโลหิตไม่ให้เกินเกณฑ์มาตรฐาน

    7. สำไส้ : หลังอายุ 60 ปี …ปุ่มเล็กๆ ที่ทำหน้าที่ดูดซึมสารอาหารในลำไส้เล็ก…จะบางลง …ร่างกายจึงดูดซึมสารอาหารได้น้อยลงตามไปด้วย
    ~ จะยืดอายุลำไส้…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร :
    (1) กินอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ปลา ถั่ว เห็ด รวมถึงผักผลไม้ให้มากขึ้น… หลีกเลี่ยงอาหารทอด ปิ้ง ย่าง
    (2) กินโยเกิร์ต 1 ถ้วยทุกวัน… เสริมโปรไบโอติก… เพิ่มปริมาณแบคทีเรียดีในลำไส้
    (3) ฝึกโยคะ 4 ท่า …ช่วยระบบย่อยทุกเช้าหลังตื่นนอน …ดังนี้ ท่าแมว ท่าสุนัข ท่าสามเหลี่ยม ท่าสะพาน …และปิดท้ายด้วยท่าศพ …ครั้งละ 3-5 ลมหายใจ …แต่ละท่าทำ 5 ครั้ง นับเป็น 1 เซ็ต

    8. ผิวหนัง : หลังอายุ 18 ปี ต่อจากนั้น ทุกๆ ปี คอลลาเจน…และอิลาสติน…ในผิวหนังจะลดลงประมาณร้อยละ 1
    ~ จะยืดอายุผิวหนัง…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร :
    (1) ทาครีมกันแดด…ที่มีส่วนผสมของไทเทเนียม…หรือสังกะสีเป็นประจำ
    (2) กินถั่วเปลือกแข็ง …ผลไม้ตระกูลส้ม…และเบอร์รี่ เป็นประจำ
    (3) มาร์คหน้าด้วยโยเกิร์ตผสมข้าวโอ๊ต …หรือ ใช้วุ้นจากว่านหางจระเข้ เพื่อฟื้นฟูผิวหลังออกแดดเสมอ

    9. กระดูก : หลังอายุ 35 ปี ต่อจากนั้นทุกๆ ปี…ความหนาแน่นของมวลกระดูกจะลดลงราวร้อยละ 1 และ…จะมีอัตราลดลงเร็วขึ้น…เมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน (ในเพศหญิง)…หรือ…เข้าสู่วัยทองในเพศชาย
    ~ จะยืดอายุกระดูก…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร
    (1) ยกน้ำหนัก หรือ กระโดดขึ้น-ลง 20 ครั้ง วันละ 2 เซ็ต (ถ้ากระดูกเข่าดี)
    (2) เพิ่มเมนูไทยๆ เปี่ยมแคลเซียม เช่น …น้ำพริกกะปิ…ปลาทูทอดกับ…ผักสด อย่างน้อย 3-4 มื้อต่อสัปดาห์
    (3) ระวังการใช้ยาสเตียรอยด์…และยาลูกกลอน…ที่มีผลทำให้กระดูกพรุน…กระดูกแตกหักง่าย

    10. กล้ามเนื้อ : หลังอายุ 40 ปี ต่อจากนั้นทุกๆ ปี มวลกล้ามเนื้อจะลดลง…และเปลี่ยนเป็นไขมัน …อัตรานั้นไม่สม่ำเสมอ…ขึ้นอยู่กับรูปแบบกิจกรรมในชีวิตประจำวัน
    ~ จะยืดอายุกล้ามเนื้อ…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร :
    (1) วิดพื้น สวอท ทำ 15 -20 ครั้ง นับเป็น 1 เซ็ต ทำทุกวันอย่างน้อยครั้งละ 2 เซ็ต
    (2) ยกน้ำหนัก ทำ 15 -20 ครั้ง นับเป็น 1 เซ็ต ทำทุกวันอย่างน้อยครั้งละ 2 เซ็ต

    # สุดท้าย การกินอาหาร…ควรกินอาหาร…ที่มีสารแอนติออกซิแดนท์สูง …เช่น ผักหลากสี …ผลไม้รสเปรี้ยว …รสฝาดขม …ช่วยชะลอกระบวนการเสื่อมของเซลล์ตามปกติได้ …อย่าลืมเสริมด้วย …การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ …การทำสมาธิ …และหาโอกาสออกไปพักผ่อน…ท่ามกลางธรรมชาติ …เพื่อลดความเครียด (ความเครียด…เป็นตัวการเร่งให้เกิดกระบวนการเสื่อมของเซลล์) เท่านี้…ก็ช่วยยืดอายุให้อวัยวะต่างๆ ให้มีอายุใช้งานยาวนาน…ไปถึงวันตายได้เช่นกัน

    Cr. รศ. ดร. ภญ. อรพรรณ มาตังคสมบัติ อดีต คณบดี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
    คำแนะนำที่มีประโยชน์มาก ต่อการถนอมอวัยวะของร่างกายเราให้มีอายุการใช้งานยืนนาน จากภรรยาคุณหมอ พรชัย มาตังคสมบัติ รุ่นพี่ที่เคารพรักและนับถือ วิธียืดอายุ 10 อวัยวะให้อยู่ยาวนานจนกว่าท่านจะหมดอายุขัย (ไม่เสื่อมพังก่อนวันตาย เพราะเสื่อมพังไปก่อนตาย…ท่านต้องอยู่อย่างทรมาน…ไร้คุณภาพชีวิตที่ดี) ~ เราเคยชินกับความรู้ที่ว่า …อวัยวะจะเสื่อม…ไปตามเวลา …วิธีการยืดอายุอวัยวะ…มีร้อยแปดพันประการ …แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ผู้สูงอายุ ดร.โรแนน แฟคโทรา แห่งสถาบันการแพทย์ Cleveland Clinic ประเทศสหรัฐอเมริกา …เสนอ…สุดยอดวิธียืดอายุอวัยวะต่างๆ …ไว้ในนิตยสาร Times ดังนี้ 1. สมอง : หลังอายุ 70 ปี จะเริ่มพบความผิดปกติ…ที่เกิดจากความเสื่อมของสมอง …ซึ่งมักเกิดขึ้นอย่างช้าๆ …ไม่ได้เกิดขึ้นอย่างฉับพลันในคราวเดียว ~ จะยืดอายุสมอง…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร : (1) นิวโรบิกส์ เอ็กเซอร์ไซส์ (Neurobics Exercise) หรือ…การทำกิจกรรมที่ต้องใช้มือทั้ง 2 ข้าง …ทำงานประสานกัน เช่น ทำสวน เย็บผ้า ทำกับข้าว ช่วยให้สมองทั้งซีกซ้าย…และขวาได้รับการกระตุ้นและทำงานไปพร้อมกัน (2) กิน ปลาทะเล ถั่วเปลือกแข็ง และธัญพืช แหล่งสุดยอดสารอาหารบำรุงเป็นประจำ (3) ฝึกเจริญสติก่อนนอน …ใช้วิธีกำหนดรู้ลมหายใจเข้าและออก… จนกว่าจะหลับ …ช่วยลดความเครียดและทำให้สมองปลอดโปร่งในวันรุ่งขึ้น 2. ดวงตา : หลังอายุ 40 ปี ต่อจากนั้น ทุกๆ ปี ดวงตา จอประสาตา เลนส์ตาจะเสื่อมลง ในอัตราที่ไม่สม่ำเสมอ ขึ้นอยู่กับรูปแบบกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ~ จะยืดอายุดวงตา…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร : (1) สวมแว่นกันแดด ก่อนทำกิจกรรมกลางแจ้งทุกครั้ง (2) ผู้ที่ทำงานกับคอมพิวเตอร์ ควรพักสายทุกๆ 45 นาที อย่างน้อย 5-10 นาที (3)งดใช้โทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตก่อนนอน 3. หู : หลังอายุ 60 ปี การได้ยินจะค่อยๆ ลดลงทุกปี …และทุกๆ 1 ใน 3 คนมีปัญหาเรื่องการได้ยินเมื่อเข้าสู่วัยนี้ ~ จะยืดอายุหู… ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร : (1) หลีกเลี่ยงการทำงาน…หรืออาศัยอยู่ในที่ๆ มีเสียงดัง …หากจำเป็นต้องใส่เครื่องป้องกัน (2) งดสั่งน้ำมูกแรงๆ …หรือ กลั้นจาม …เพราะอาจทำให้เยื่อแก้วหูมีปัญหา (3) งดแคะหูเอง …เพราะขี้หู…เป็นขี้ผึ้งรักษาความชุ่มชื้นตามธรรมชาติ …การแคะหู…ทำให้เกิดการอักเสบและเยื่อแก้วหูฉีกขาดได้ 4. ปอด : หลังอายุ 30 ปี ต่อจากนั้น ทุกๆ ปี ประสิทธิภาพการทำงานของปอดจะลดลงราวร้อยละ 1 ~ จะยืดอายุปอด…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร : (1) ว่ายน้ำ หรือ วิ่ง อย่างน้อยวันละ 45 นาที – 1 ชั่วโมง (2) ใช้สมุนไพรไทยปรับธาตุ …จิบยาตรีผลา …ก่อนอาหารเช้า-เย็น ครั้งละ 1 แก้ว มีสรรพคุณช่วยปรับธาตุ …บำรุงปอด แก้ไอ ลดเสมหะได้ (3) หลีกเลี่ยง ควันธูป …ควันจากการประกอบอาหาร ฝุ่นขนาดเล็ก และสารเคมีที่มีไอระเหยต่างๆ 5. หัวใจ : หลังอายุ 65 ปี จะเริ่มมีโอกาสเป็นโรคหัวใจ …เนื่องจากกล้ามเนื้อหัวใจที่ลดลง…สวนทางกับอัตราการหนาตัวของผนังหัวใจที่เพิ่มขึ้น…เมื่ออายุเฉลี่ยเพิ่มขึ้นทุกๆ 10 ปี อัตราการสูบฉีดโลหิตสูงสุด…จะลดลงราวร้อยละ 10 ~ จะยืดอายุหัวใจ…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร : (1) งดอาหารหวาน มัน เค็ม …รักษาความดันโลหิต…และน้ำหนักตัว…ให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ (2) ว่ายน้ำ …เดิน …วิ่ง …โยคะ …ร่วมถึงการยกน้ำหนัก …ช่วยให้หัวใจทำงานต่อเนื่อง กล้ามเนื้อหัวใจแข็งแรง (3) ปลูกต้นไม้ …ไปทำกิจกรรมในสวนสาธารณะ …หรือหากิจกรรมที่ต้องเคลื่อนไหวร่างกายทำ …ผู้ที่มีงานอดิเรกเหล่านี้ …มีความเสี่ยงโรคหัวใจน้อยกว่าคนทั่วไป 6. ไต : หลังอายุ 50 ปี ไตจะเริ่มเสื่อมลงทีละน้อยๆ …จนกระทั่งไตวาย ~ จะยืดอายุไต…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร : (1) ดื่มน้ำให้เพียงพอ …สถาบันการแพทย์แห่งสหรัฐอเมริกา (Institute of Medicine : IOM) ระบุว่า …ผู้ชายอายุ 19 ปีขึ้นไป …ต้องดื่มน้ำถึง 13 แก้วต่อวัน ขณะที่ผู้หญิงวัยเดียวกัน…ต้องการน้ำวันละ 9 แก้ว (2) งดปรุงแต่งรสอาหารโดยไม่จำเป็น …ไม่ว่าจะเป็น น้ำตาล เกลือ หรือซอสต่างๆ (3) ควบคุมน้ำหนักตัว และ…ความดันโลหิตไม่ให้เกินเกณฑ์มาตรฐาน 7. สำไส้ : หลังอายุ 60 ปี …ปุ่มเล็กๆ ที่ทำหน้าที่ดูดซึมสารอาหารในลำไส้เล็ก…จะบางลง …ร่างกายจึงดูดซึมสารอาหารได้น้อยลงตามไปด้วย ~ จะยืดอายุลำไส้…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร : (1) กินอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ปลา ถั่ว เห็ด รวมถึงผักผลไม้ให้มากขึ้น… หลีกเลี่ยงอาหารทอด ปิ้ง ย่าง (2) กินโยเกิร์ต 1 ถ้วยทุกวัน… เสริมโปรไบโอติก… เพิ่มปริมาณแบคทีเรียดีในลำไส้ (3) ฝึกโยคะ 4 ท่า …ช่วยระบบย่อยทุกเช้าหลังตื่นนอน …ดังนี้ ท่าแมว ท่าสุนัข ท่าสามเหลี่ยม ท่าสะพาน …และปิดท้ายด้วยท่าศพ …ครั้งละ 3-5 ลมหายใจ …แต่ละท่าทำ 5 ครั้ง นับเป็น 1 เซ็ต 8. ผิวหนัง : หลังอายุ 18 ปี ต่อจากนั้น ทุกๆ ปี คอลลาเจน…และอิลาสติน…ในผิวหนังจะลดลงประมาณร้อยละ 1 ~ จะยืดอายุผิวหนัง…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร : (1) ทาครีมกันแดด…ที่มีส่วนผสมของไทเทเนียม…หรือสังกะสีเป็นประจำ (2) กินถั่วเปลือกแข็ง …ผลไม้ตระกูลส้ม…และเบอร์รี่ เป็นประจำ (3) มาร์คหน้าด้วยโยเกิร์ตผสมข้าวโอ๊ต …หรือ ใช้วุ้นจากว่านหางจระเข้ เพื่อฟื้นฟูผิวหลังออกแดดเสมอ 9. กระดูก : หลังอายุ 35 ปี ต่อจากนั้นทุกๆ ปี…ความหนาแน่นของมวลกระดูกจะลดลงราวร้อยละ 1 และ…จะมีอัตราลดลงเร็วขึ้น…เมื่อเข้าสู่วัยหมดประจำเดือน (ในเพศหญิง)…หรือ…เข้าสู่วัยทองในเพศชาย ~ จะยืดอายุกระดูก…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร (1) ยกน้ำหนัก หรือ กระโดดขึ้น-ลง 20 ครั้ง วันละ 2 เซ็ต (ถ้ากระดูกเข่าดี) (2) เพิ่มเมนูไทยๆ เปี่ยมแคลเซียม เช่น …น้ำพริกกะปิ…ปลาทูทอดกับ…ผักสด อย่างน้อย 3-4 มื้อต่อสัปดาห์ (3) ระวังการใช้ยาสเตียรอยด์…และยาลูกกลอน…ที่มีผลทำให้กระดูกพรุน…กระดูกแตกหักง่าย 10. กล้ามเนื้อ : หลังอายุ 40 ปี ต่อจากนั้นทุกๆ ปี มวลกล้ามเนื้อจะลดลง…และเปลี่ยนเป็นไขมัน …อัตรานั้นไม่สม่ำเสมอ…ขึ้นอยู่กับรูปแบบกิจกรรมในชีวิตประจำวัน ~ จะยืดอายุกล้ามเนื้อ…ให้อยู่ยาวนานได้อย่างไร : (1) วิดพื้น สวอท ทำ 15 -20 ครั้ง นับเป็น 1 เซ็ต ทำทุกวันอย่างน้อยครั้งละ 2 เซ็ต (2) ยกน้ำหนัก ทำ 15 -20 ครั้ง นับเป็น 1 เซ็ต ทำทุกวันอย่างน้อยครั้งละ 2 เซ็ต # สุดท้าย การกินอาหาร…ควรกินอาหาร…ที่มีสารแอนติออกซิแดนท์สูง …เช่น ผักหลากสี …ผลไม้รสเปรี้ยว …รสฝาดขม …ช่วยชะลอกระบวนการเสื่อมของเซลล์ตามปกติได้ …อย่าลืมเสริมด้วย …การนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ …การทำสมาธิ …และหาโอกาสออกไปพักผ่อน…ท่ามกลางธรรมชาติ …เพื่อลดความเครียด (ความเครียด…เป็นตัวการเร่งให้เกิดกระบวนการเสื่อมของเซลล์) เท่านี้…ก็ช่วยยืดอายุให้อวัยวะต่างๆ ให้มีอายุใช้งานยาวนาน…ไปถึงวันตายได้เช่นกัน Cr. รศ. ดร. ภญ. อรพรรณ มาตังคสมบัติ อดีต คณบดี คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 57 มุมมอง 0 รีวิว
  • สมุนไพรสยามไภษัชย์ โดยคุณ วิลิต เตชะไพบูลย์
    เรามุ้งเน้นส่งมอบเพื่อดูเเลสุขภาพด้วยสมุนไพรไทยแบบองค์รวม

    มีผลิตภัณฑ์ภายใต้ สยามไภษัชย์
    🍃 VILITA : ยาอม , ยาน้ำบรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ ผสมมะขามป้อม , ยาระบายมะขามแขก : ชนิดแคปซูล
    🍃 HERBATIKA ชาสมุนไพร : ปรับสมดุลธาตุเจ้าเรือน , สบู่สมุนไพรธาตุเจ้าเรือน , กระเป๋าผ้า HERBATIKA กระเป๋านวัตกรรมผ้าพิมพ์สี จากธรรมชาติ (Eco Print Natural Bag)
    .
    สนใจผลิตภัณฑ์และขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่…
    Line OA : https://lin.ee/MOFhjQs
    Facebook : https://www.facebook.com/qr?id=100090076934583
    #โปรโมชั่นสุดคุ้ม #ผลิตภัณฑ์สมุนไพร #ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม #สยามไภษัชย์ #วิลิตา #เฮอร์บาติก้า #Siamphaisat #Vilita #Herbatika #thaitimes
    สมุนไพรสยามไภษัชย์ โดยคุณ วิลิต เตชะไพบูลย์ เรามุ้งเน้นส่งมอบเพื่อดูเเลสุขภาพด้วยสมุนไพรไทยแบบองค์รวม มีผลิตภัณฑ์ภายใต้ สยามไภษัชย์ 🍃 VILITA : ยาอม , ยาน้ำบรรเทาอาการไอ ขับเสมหะ ผสมมะขามป้อม , ยาระบายมะขามแขก : ชนิดแคปซูล 🍃 HERBATIKA ชาสมุนไพร : ปรับสมดุลธาตุเจ้าเรือน , สบู่สมุนไพรธาตุเจ้าเรือน , กระเป๋าผ้า HERBATIKA กระเป๋านวัตกรรมผ้าพิมพ์สี จากธรรมชาติ (Eco Print Natural Bag) . สนใจผลิตภัณฑ์และขอข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่… Line OA : https://lin.ee/MOFhjQs Facebook : https://www.facebook.com/qr?id=100090076934583 #โปรโมชั่นสุดคุ้ม #ผลิตภัณฑ์สมุนไพร #ผลิตภัณฑ์อาหารเสริม #สยามไภษัชย์ #วิลิตา #เฮอร์บาติก้า #Siamphaisat #Vilita #Herbatika #thaitimes
    Like
    Yay
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 654 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตำรับยารักษา “โรคฝีดาษ” จากศิลาจารึก/ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    สำหรับตำรับยาโรคระบาดในประเทศไทยนั้น ได้ยึดถึอเอาพระคัมภีร์ตักกะศิลาเป็นกระบวนการรักษาโรค โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนด้วยยา 7 ขนาน กล่าวคือ

    ขั้นตอนแรก ตำรับยาสำหรับกระทุ้งพิษไข้ โดยใช้ตำรับยาห้าราก

    ขั้นตอนที่สอง ตำรับยาสำหรับแปรไข้ภายในและรักษาผิวภายนอก มีตำรับยา 5 ขนาน คือ ตำรับยาประสระผิว ตำรับยาพ่นผิวภายนอก ตำรับยาพ่นและยากิน และตำรับยาแปรไข้จากร้ายให้เป็นดี และตำรับยาพ่นแปรผิวภายนอก

    ขั้นตอนสุดท้าย ตำรับยาครอบไข้[1]

    ขั้นตอนดังกล่าวข้างต้นอยู่ในตำรายาหลวง ชื่อตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ สมัยรัชกาลที่ 5 โดยในตำราดังกล่าวได้กล่าวถึงพระคัมภีร์ฉันทศาสตร์ ซึ่งประพันธ์โดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ตั้งแต่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยา และยังเป็นตำราสำหรับการเรียนการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนไทยประยุกต์มาจนถึงปัจจุบัน

    ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้ทรงมีพระบรมราโชบายให้มีตำรายาจารึกเอาไว้ในแผ่นศิลาประดับอยู่ตามผนังและเสาของวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) พระราชทานเป็นมรดกให้กับประชาชนชาวสยามสืบไปตราบนานเท่านาน รวมถึงวิวัฒนาการที่ลดทอนยา 7 ขนาน 3 ขั้นตอน มาเหลือ “ตำรับยาเดียว” ในการรับมือโรคระบาดหลายชนิดด้วย ซึ่งปัจจุบันคนในวงการแพทย์แผนไทยเรียกว่า “ยาขาว”

    ตำรับยาขาวของวัดโพธิ์นี้ได้ระบุเอาไว้ในตำราว่าแผ่นศิลาแผ่นนี้ได้ถูกรื้อออกมาจากศาลาต่างๆ แต่โชคดีได้บันทึกตำรับยาสำคัญนี้เอาไว้ในตำรายาของวัดโพธิ์ จึงทำให้สามารถตกทอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ โดยตำรายาวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ฉบับเก่า 51 ปีที่แล้ว คือ พ.ศ. 2516 ได้บันทึกตำรับยานี้เอาไว้อยู่ที่หน้า 62-64[2]

    ตำรับยาขนานนี้ได้บรรยายสรรพคุณว่า เพียงตำรับยาเดียวสามารถ “แก้สรรพไข้จากโรคระบาด” โดยตำรายาศิลาจารึกบันทึกว่าตำรับยานี้ใช้สมุนไพร 15 ตัวและมีสรรพคุณแก้สรรพไข้จากโรคระบาดหลายชนิด โดยระบุในบันทึกของแผ่นศิลาความตอนนี้ว่า

    “ขนาน 1 เอา กระเช้าผีมด หัวคล้า รากทองพันชั่ง รากชา รากง้วนหมู รากส้มเส็ด รากข้าวไหม้ รากจิงจ้อ รากสวาด รากสะแก รากมะนาว รากหญ้านาง รากฟักข้าว รากผักสาบ รากผักหวานบ้าน เอาเสมอภาคทำเปนจุณ บดทำแท่ง ไว้ละลายน้ำซาวข้าวกินแก้ไข้รากสาด ออกดำ แดง ขาว และแก้ไข้ประกายดาษ ไข้หงษ์ระทด และแก้ไข้ไฟเดือนห้า ไข้ละอองไฟฟ้า และแก้ไข้มหาเมฆ มหานิล ซึ่งกล่าวมาแล้วนั้น และยาขนานนี้แก้ได้ทุกประการ ตามอาจารย์กล่าวไว้ ให้แพทย์ทั้งหลายรู้ว่าเปน มหาวิเศษนัก“[2]

    แม้ในความจริงแล้วจะมีขั้นตอนและวิวัฒนาการในการรักษาโรคระบาดหลายชนิดในภาพรวม แต่ภายใต้พระคัมภีร์ตักกะศิลา ได้วางหลักถึง “รสยา” สำหรับรับมือโรคระบาดว่ามีข้อห้ามและสิ่งที่ควรจะลองดูในเวลาติดเชื้ออันจากเกิดโรคระบาดเอาไว้ความว่า

    ห้ามใช้ยาหรือการกระทำที่มีรสกระตุ้นธาตุไฟหรือระบบความร้อน (ปิตตะ) แต่ให้ยาที่มีลดธาตุไฟหรือระบบความร้อน หากไม่ฟังตามนี้อาจจะถึงแก่ความตายได้ ความว่า

    “ไข้จำพวกนี้ย่อมห้ามมิให้วางยาร้อนเผ็ดเปรี้ยว อย่าให้ประคบนวด อย่าปล่อยปลิง อย่าให้กอกเอาโลหิตออก อย่าให้ถูกน้ำมัน เหล้าก็อย่าให้ถูก น้ำร้อนก็อย่าให้อาบ อย่าให้กิน ส้มมีควันมีผิวกะทิน้ำมันห้ามิให้กิน ถ้าใครไม่รู้ทำผิดดังกล่าวมานี้ ก็ถึงความตายดังนี้แล”[3]

    ต่อมาเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ได้เรียบเรียงเอาไว้ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในเรื่อง “ว่าด้วยคัมภีร์ตักกะศิลา” ว่าช่วงเวลาที่มีกำเดาหรือเปลวแห่งความร้อนนี้ ไม่ว่าจะวัดว่ามีไข้จากภายนอก หรือรู้สึกครั่นเนื้อตัวอยู่ภายใน ปวดเมื่อยเนื้อตัว หรือมีผื่นขึ้น จะไม่ใช้ยารสร้อน ห้ามเหล้า น้ำมัน กอกเลือด นวด หรือปล่อยปลิงเพื่อเอาเลือดออก หากไม่ฟังให้ยาหรือการดำเนินการเช่นดังกล่าวนี้ อาจแก้กันไม่ทัน ความว่า

    “ถ้าแรกล้มไข้ ท่านมากล่าวไว้ ให้พิจารณา ภายนอกภายใน ให้ร้อนหนักหนา เมื่อยขบกายา ตาแดงเป็นสาย บ้างเย็นบ้างร้อน เปนบั้นเป็นท่อน ไปทั่วทั้งกาย ขึ้นมาให้เห็น เปนวงเปนสาย เปนริ้วยาวรี ลางบางไม่ขึ้น เปนวงฟกลื่น กายหมดดิบดี หมอมักว่าเปนสันนิบาติก็มี ให้ยาผิดที แก้กันไม่ทัน อย่าเพ่อกินยา ร้อนแรงแขงกล้า ส้มเหล้าน้ำมัน เอาโลหิตออก กอกเลือดนวดฟั้น ปล่อยปลิงมิทัน แก้กันเลยนา” [4]

    ด้วยประสบการณ์ของเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่เกิดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ จึงได้รวบยอดสรุปถ่ายทอดมาเป็นความรู้ว่า ในยามที่ยังต้องถกเถียงกันว่าโรคระบาดที่ทำให้เกิดคนตายมากเป็นโรคประเภทใดกันแน่ ในยามที่ยังไม่แน่ใจหรือไม่รู้จึงให้ใช้รสยาแรกไปในทางรสขม เย็นอย่างยิ่ง หรือฝาดจืด ซึ่งเป็นรสยาที่ไม่มีธาตุไฟมาปน ดังความว่า

    “ถ้ายังไม่รู้ให้แก้กันดู แต่พรรณฝูงยา เย็นเปนอย่างยิ่ง ขมจริงโอชา ฝาดจืดพืชน์ยา ตามอาจารย์สอน”[4]

    แต่ถึงแม้จะมีหลักการและขั้นตอนต่างๆในการวางรสยาเพื่อรับมือกับโรคระบาด แต่เนื่องจากโรคฝีดาษและไข้ทรพิษนั้น อาจมีลักษณะจำเพาะที่มีการระบาดมาตั้งแต่สมัยอยุธยาจนกว่าจะได้หมดสิ้นจากประเทศไทยได้นั้นต้องใช้เวลาหลายร้อยปีจนมาถึงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ปี พ.ศ. 2523

    การเอาชนะโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ นอกจากการรับมือกับโรคระบาดในเรื่องตำรับยาต่างๆแล้ว ความรู้เรื่องการปลูกฝีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่ง เพราะได้เป็นรากฐานที่ทำให้ประเทศไทยสามารถเอาชนะโรคฝีดาษได้ด้วย

    โดยในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้มีการตราพระราชบัญญัติจัดการปลูกฝีไข้ทรพิษ และพระราชบัญญัติระงับโรคระบาทว์ พ.ศ.​2456 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บังคับใช้กฎหมายควบคุมโรคแก่ประชาชน

    ต่อมาในปี 2504 กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกำจัดไข้ทรพิษครั้งแรกในประเทศไทย โดยตั้งเป้า 3 ปี (พ.ศ.2504-2506) คือคนไทยอย่างน้อย 80% ต้องได้รับการปลูกฝี ภายหลังขยายเวลาเป็น 5 ปี (พ.ศ.2504-2508) ซึ่งเป็นช่วงเวลาระดมการปลูกฝีทั่วประเทศไทย

    โดยประเทศไทยได้พบผู้ป่วยโรคฝีดาษรายสุดท้ายในปี พ.ศ. 2505 เป็นแขกชื่อ ยาริดาเนา ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร

    เมื่อสิ้นสุดโครงการการระดมปลูกฝี ถึงปี พ.ศ. 2508 ก็เป็นผลทำให้ฝีดาษหรือไข้ทรพิษหายไปจากประเทศไทยติดต่อกันถึง 3 ปีติดต่อกันแล้ว จนกระทั่งวันที่ 8 พฤษภาคม 2523 องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศรับรองว่าฝีดาษหรือไข้ทรพิษได้สูญพันธุ์ไปจากโลกแล้ว[5]

    นี่คือเหตุผลว่าผู้ที่เกิดก่อนปี 2523 หรืออายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่น่าจะได้รับการปลูกฝีแล้ว(โดยดูได้จากแผลเป็นบนหัวไหล่) แต่ถึงกระนั้นก็ยังพบผู้ที่มีอายุมากกว่า 44 ปีติดโรคฝีดาษลิงได้ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง เช่นผู้ป่วยโรคเอดส์เป็นต้น

    อย่างไรก็ตามเนื่องจากฝีดาษที่ได้สูญพันธุ์ไปตั้งแต่ปี 2523 หรือเป็นเวลา 44 ปี ทำให้ภูมิปัญญาที่เคยรับมือในการรักษาโรคฝีดาษขาดความต่อเนื่อง โดยเฉพาะขั้นตอนการรับมือด้วยสมุนไพร ตำรับยาไทย และกรรมวิธีต่างๆในการรักษา

    ดังนั้นความรู้ที่ว่าคนไทยควรจะรับมือในการรักษาโรคฝีดาษลิงอย่างไร ส่วนใหญ่ก็จะอ้างอิงไปตามพระคัมภีร์ตักกะศิลาในการใช้ยา 3 ขั้นตอนด้วยยา 7 ขนาน หรือยาขาวตามตำรับยาของวัดศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) บ้าง แต่ก็ไม่ใช่กล่าวถึงโรคฝีดาษ หรือฝีดาษลิงเป็นการเฉพาะ

    ทำให้หลายคนสงสัยว่าในเมื่อโรคฝีดาษ เป็นโรคที่ประเทศไทยเคยมีประสบการณ์ในการเกิดโรคระบาดมาหลายร้อยปี ควรจะต้องมี “ตำรับยา“ สำหรับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะหรือไม่

    เมื่อทบทวนข้อมูลตามตำราและคัมภีร์ทั้งหมดพบ ”การรักษาโรคฝีดาษ“ เป็นการเฉพาะจารึกเป็นตำรายาที่ปรากฏในแผ่นศิลาของวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร

    โดย ศิลาจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร เป็นมรดกที่แสดงถึงภูมิปัญญาของแพทย์แผนโบราณในสมัยรัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 3 ที่จารึกยาขนานต่างๆ ลักษณะของแผ่นศิลาจารึกเป็นหินอ่อนสีเทา สี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างด้านละ 33 เซนติเมตร จัดเรียงบรรทัดในมุมแหลม จำนวน 17 บรรทัด เหมือนกันทุกแผ่น ติดตามผนังด้านนอกของระเบียงพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ 42 แผ่น และผนังศาลารายหน้าพระอุโบสถวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร 8 แผ่น เชื่อว่าในอดีตมีแผ่นศิลาจารึก 92 แผ่น แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 50 แผ่น

    และนับว่าเป็นความโชคดีของคนไทย เพราะแผ่นศิลาที่กล่าวถึงการรักษาโรคฝีดาษ ยังไม่สูญหายและข้อความที่ปรากฏก็ยังไม่เลือนหายไปด้วย จึงนับว่าเป็นบุญของประเทศที่มีภูมิปัญญาและมีคุณค่ายิ่งในสถานการณ์ที่โรคฝีดาษลิงกลับมาเริ่มระบาดในบางประเทศ และเริ่มเข้ามาในประเทศไทย

    โดยแผ่นศิลาที่กล่าวถึงฝีดาษนั้น เป็นแผนที่ 18 ของศิลาจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร ปรากฏข้อความดังนี้

    “๏ สิทธิการิยะ จะกล่าวฝีดาษเกิดในเดือน 11 เดือน 12 เดือน 1 ทั้ง 3 เดือนนี้ เกิดเพื่ออาโปธาตุ มักให้เย็นในอกแลมักตกมูกตกเลือด ให้เสียแม่แสลงพ่อแสลง นุ่งขาวห่มขาว แล้วทำบัตรไปส่งทิศอุดรแลอีสาร จึ่งจะดี๚

    ถ้าจะแก้ให้เอาใบมะอึก ใบผักบุ้งร้วม ใบผักบุ้งขัน ใบก้างปลาทั้งสอง ใบพุงดา ใบผักขวง ใบหมาก ใบทองพันชั่ง เอาเสมอภาคตำเอาน้ำพ่น ดับฝี เพื่อเสมหะหาย ๚

    ขนานหนึ่ง เอากะทิมะพร้าว น้ำคาวปลาไหล ไข่เป็ดลูกหนึ่ง มูลโคดำ แก่นประดู่ เอาเสมอภาคบด พ่นฝีเพื่อเสมหะที่ด้านอยู่นั้นขึ้นแลแปรฝีร้ายให้เป็นดี ๚

    ขนานหนึ่ง เอาน้ำลูกตำลึง น้ำมันงา น้ำมันหัวกุ้ง น้ำรากถั่วพู เอาเสมอภาค พ่นฝีเพื่อเสมหะให้ยอดขึ้น หนองงามดีนัก๚

    ขนานหนึ่ง เอาเห็ดมูลโค ว่านกีบแรด ว่านร่อนทอง สังกรณี ชะเอม ลูกประคำดีควาย หวายตะค้า เขากวางเผา กระดูกเสือเผา มะกล่ำเครือ ขันฑสกร มะขามเปียก เอาเสมอภาคบดทคำเป็นจุณ บดด้วยน้ำมะนาวทำแท่งไว้ละลายสุรา ดีงูเหลือม รำหัด กินแก้คอแหบแห้ง แก้คอเครือ หายดีนัก๚

    ขนานหนึ่ง เอาใบหิ่งหาย ใบโหระพา ใบผักคราด ใบมะนาว พันงูแดง เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษฝี เพื่อเสมหะให้คลั่งให้สลบไปก็ดี หายวิเศษแล๚[6]

    ในตำรับยาขนานต่างๆข้างต้นนั้น เป็นยาพ่นภายนอกเสียส่วนใหญ่ ตำรับยาเพื่อการรับประทานที่พอาจะหาได้โดยไม่ต้องอาศัยสัตว์วัตถุคือตำรับยาขนานสุดท้ายที่น่าจะนำไปวิจัยต่อที่ว่า

    ”ขนานหนึ่ง เอาใบหิ่งหาย ใบโหระพา ใบผักคราด ใบมะนาว พันงูแดง เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษฝี เพื่อเสมหะให้คลั่งให้สลบไปก็ดี หายวิเศษแล๚“ [6]

    นอกจากนั้นจากจารึกวัดราชโอรสราชวรมหาวิหารยังปรากฏในแผ่นที่ 46 ทำให้เห็นว่ายังมีตำรับยาอีกขนานหนึ่งสำหรับโรคฝีดาษที่เป็นไข้หนักเข้าขั้นไข้สันนิบาตแล้วโดยใช้ ”ยาผายเลือด“ ความว่า

    “๏ สิทธิการิยะ ยาผายเลือดเอารากขี้กาแดง 1 เบญจาขี้เหล็ก ใบมะกา ใบมะขาม ใบส้มป่อย หญ้าไซ ลูกคัดเค้า ต้มให้งวดแล้วกรอง เอาน้ำขยำใส่ลงอีกเคี่ยวให้ข้น ปรุงยาดำ 1 สลึง 1 เฟื้อง ดีเกลือ 1 บาท กินประจุเลือดร้ายทั้งปวง แก้ไขสันนิบาตฝีดาษด้วย๚“[7]

    แต่สำหรับศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ก็ได้กล่าวถึงโรคฝีดาษที่มีรายละเอียดในบางอาการเพิ่มเติมอีก เช่น อาการฝีดาษขึ้นตา ปรากฏในศิลาจารึกว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวงแผ่นที่ 22 ความว่า

    “ยาชื่อ สังขรัศมี เอาชะมดสด พิมเสน สิ่งละส่วน ลิ้นทะเลแช่น้ำมะนาวไว้ยังรุ่งแล้วล้างเสีย จึงเอามาแช่น้ำท่าไว้แต่เช้าถึงเที่ยง แล้วเอาตากให้แห้ง 3 ส่วน รากช้าแป้น ดินถนำสุทธิ สังข์สุทธิ สิ่งละ 4 ส่วน ทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ ฝนป้ายจักษุแก้สรรพต้อให้ปวดเคืองต่างๆ แก้ฝีดาษขึ้นจักษุก็ได้หายวิเศษนักฯ”[8]

    อย่างไรก็ตามการบันทึกในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ยังให้เบาะแสเกี่ยวกับ “สมุนไพรเดี่ยว” ที่เป็นเบาะแสว่าอาจจะมีสรรพคุณในการลดฝีดาษได้ ได้แก่ ข่าลิง บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี ฯลฯ[8]

    ดังปรากฏตัวอย่างในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศและสมุนไพรแผ่นที่ 7 ที่กล่าวถึง “ต้นข่าลิง”แก้พิษฝีดาษ ความว่า

    “อันว่าคุณแห่งข่าลิงนั้น ต้นรู้แก้พิษฝีดาษ และรู้แก้ไข้เหนืออันบังเกิดเพื่อโลหิต รู้แก้ฝีกาฬ อันบังเกิดเพื่อฝีดาษ รู้แก้ไข้ตรีโทษ รู้กระทำให้เกิดกำลัง รู้กระทำเพลิงธาตุให้บริบูรณ์ รู้แก้กระหายน้ำ อันเป็นเพื่อโลหิตและลม รู้แก้สะอึก แก้สมุฏฐานกำเริบ ใบรู้ฆ่าพยาธิ์คือมะเร็ง ดอกรู้ฆ่าพยาธิ์ในอุทรและฟันในหูให้ตก ผลรู้แก้เสมหะอันเป็นพิษ รากรู้แก้โลหิตอันเป็นพิษไข้เหนือสันนิบาตฯ”[9]

    นอกจากนั้นยังปรากฏในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 ซึ่งกล่าวถึง “บอระเพ็ด” และ “ชิงช้าชาลี” ความว่า

    “อันว่าคุณแห่งบอระเพ็ดและชิงช้าชาลีนั้นคุณดุจกัน ต้นรู้แก้ฝีดาษ และรู้แก้ไข้เหนืออันบังเกิดโลหิต รู้แก้ฝีกาฬอันบังเกิดฝีดาษ รู้แก้ไข้ตรีโทษ รู้กระทำให้เกิดกำลัง รู้กระทำเพลิงธาตุให้บริบูรณ์ รู้แก้กระหายน้ำ อันเป็นเพื่อโลหิตและลม รู้แก้สะอึก แก้สมุฏฐานกำเริบ ใบรู้ฆ่าพยาธิ์คือมะเร็ง ดอกรู้ฆ่าพยาธิ์ในอุทรและในฟันในหูให้ตก ผลรู้แก้เสมหะอันเป็นพิษ รากรู้แก้โลหิตอันเป็นพิษเพื่อไข้สันนิบาตฯ”[10]

    นอกจากนั้นสมุนไพรที่มีการวิจัยที่ออกฤทธิ์ต้านไวรัสหลายชนิดในยุคปัจจุบัน ก็ควรจะนำมาสู่การวิจัยกับฝีดาษลิงต่อไป เช่น ขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร ใบสะเดา กัญชา กัญชง ฝีหมอบ เสลดพังพอนตัวเมีย ฯลฯ

    ดังนั้นการกลับมาของโรคฝีดาษลิง จึงควรให้ความสำคัญกับภูมิปัญญาในการรักษาที่มีมาแต่ในอดีตรวมถึงความรู้จากการวิจัยในสมุนไพรต่างๆที่มีมากขึ้น ซึ่งควรจะนำมาวิจัยกับไวรัสฝีดาษลิงเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อเตรียมประยุกต์ให้เหมาะสมใช้ในสถานการณ์ปัจจุบันและต่อไปในกาลข้างหน้าด้วยความไม่ประมาท

    ด้วยความปรารถนาดี
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์
    คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต
    5 กันยายน 2567
    https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1045825823577784/?

    อ้างอิง
    [1] พิชชานันท์ เธียรทองอินทร์ และ รัชฎาพร พิสัยพันธุ์, การวิเคราะห์องค์ความรู้ไข้ตามคัมภีร์ตักศิลา: คัมภีร์ว่าด้วยโรคระบาด, วารสารหมอยาไทยวิจัย, ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มิถุนายน 2566), หน้า 131-152
    https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ttm/article/view/258845/180094

    [2] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔

    [3] สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, หนังสือชุดวรรณกรรมหายาก แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ :ภูมิปัญญาการแพทย์และมรดกทางวรรณกรรมของชาติ, องค์การการค้าของ สกสค. จัดพิมพ์จำหน่าย พิมพ์ครั้งที่ 4, พ.ศ. 2554 จำนวน 3,000 เล่ม ISBN 978-947-01-9742-3 หน้า 694

    [4] เรื่องเดียวกัน, หน้า 37

    [5] เว็บไซต์กองนวัตกรรมและวิจัย กรมควบคุมโรค, การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ จุดเริ่มงานควบคุมโรคติดต่อในประเทศไทย
    https://ddc.moph.go.th/uploads/ckeditor2//files/การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ.pdf

    [6] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567)
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/14798

    [7] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/16335

    [8] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560
    https://db.sac.or.th/inscriptions/uploads/file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf

    [9] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564
    https://db.sac.or.th/inscriptions/uploads/file/7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf

    [10] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567
    https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723
    ตำรับยารักษา “โรคฝีดาษ” จากศิลาจารึก/ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ สำหรับตำรับยาโรคระบาดในประเทศไทยนั้น ได้ยึดถึอเอาพระคัมภีร์ตักกะศิลาเป็นกระบวนการรักษาโรค โดยแบ่งเป็น 3 ขั้นตอนด้วยยา 7 ขนาน กล่าวคือ ขั้นตอนแรก ตำรับยาสำหรับกระทุ้งพิษไข้ โดยใช้ตำรับยาห้าราก ขั้นตอนที่สอง ตำรับยาสำหรับแปรไข้ภายในและรักษาผิวภายนอก มีตำรับยา 5 ขนาน คือ ตำรับยาประสระผิว ตำรับยาพ่นผิวภายนอก ตำรับยาพ่นและยากิน และตำรับยาแปรไข้จากร้ายให้เป็นดี และตำรับยาพ่นแปรผิวภายนอก ขั้นตอนสุดท้าย ตำรับยาครอบไข้[1] ขั้นตอนดังกล่าวข้างต้นอยู่ในตำรายาหลวง ชื่อตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ สมัยรัชกาลที่ 5 โดยในตำราดังกล่าวได้กล่าวถึงพระคัมภีร์ฉันทศาสตร์ ซึ่งประพันธ์โดยเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ตั้งแต่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช รัชกาลที่ 1 ซึ่งเป็นภูมิปัญญาที่ตกทอดมาตั้งแต่สมัยอยุธยา และยังเป็นตำราสำหรับการเรียนการแพทย์แผนไทยและการแพทย์แผนไทยประยุกต์มาจนถึงปัจจุบัน ต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 ได้ทรงมีพระบรมราโชบายให้มีตำรายาจารึกเอาไว้ในแผ่นศิลาประดับอยู่ตามผนังและเสาของวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) พระราชทานเป็นมรดกให้กับประชาชนชาวสยามสืบไปตราบนานเท่านาน รวมถึงวิวัฒนาการที่ลดทอนยา 7 ขนาน 3 ขั้นตอน มาเหลือ “ตำรับยาเดียว” ในการรับมือโรคระบาดหลายชนิดด้วย ซึ่งปัจจุบันคนในวงการแพทย์แผนไทยเรียกว่า “ยาขาว” ตำรับยาขาวของวัดโพธิ์นี้ได้ระบุเอาไว้ในตำราว่าแผ่นศิลาแผ่นนี้ได้ถูกรื้อออกมาจากศาลาต่างๆ แต่โชคดีได้บันทึกตำรับยาสำคัญนี้เอาไว้ในตำรายาของวัดโพธิ์ จึงทำให้สามารถตกทอดมาได้จนถึงทุกวันนี้ โดยตำรายาวัดเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์) ฉบับเก่า 51 ปีที่แล้ว คือ พ.ศ. 2516 ได้บันทึกตำรับยานี้เอาไว้อยู่ที่หน้า 62-64[2] ตำรับยาขนานนี้ได้บรรยายสรรพคุณว่า เพียงตำรับยาเดียวสามารถ “แก้สรรพไข้จากโรคระบาด” โดยตำรายาศิลาจารึกบันทึกว่าตำรับยานี้ใช้สมุนไพร 15 ตัวและมีสรรพคุณแก้สรรพไข้จากโรคระบาดหลายชนิด โดยระบุในบันทึกของแผ่นศิลาความตอนนี้ว่า “ขนาน 1 เอา กระเช้าผีมด หัวคล้า รากทองพันชั่ง รากชา รากง้วนหมู รากส้มเส็ด รากข้าวไหม้ รากจิงจ้อ รากสวาด รากสะแก รากมะนาว รากหญ้านาง รากฟักข้าว รากผักสาบ รากผักหวานบ้าน เอาเสมอภาคทำเปนจุณ บดทำแท่ง ไว้ละลายน้ำซาวข้าวกินแก้ไข้รากสาด ออกดำ แดง ขาว และแก้ไข้ประกายดาษ ไข้หงษ์ระทด และแก้ไข้ไฟเดือนห้า ไข้ละอองไฟฟ้า และแก้ไข้มหาเมฆ มหานิล ซึ่งกล่าวมาแล้วนั้น และยาขนานนี้แก้ได้ทุกประการ ตามอาจารย์กล่าวไว้ ให้แพทย์ทั้งหลายรู้ว่าเปน มหาวิเศษนัก“[2] แม้ในความจริงแล้วจะมีขั้นตอนและวิวัฒนาการในการรักษาโรคระบาดหลายชนิดในภาพรวม แต่ภายใต้พระคัมภีร์ตักกะศิลา ได้วางหลักถึง “รสยา” สำหรับรับมือโรคระบาดว่ามีข้อห้ามและสิ่งที่ควรจะลองดูในเวลาติดเชื้ออันจากเกิดโรคระบาดเอาไว้ความว่า ห้ามใช้ยาหรือการกระทำที่มีรสกระตุ้นธาตุไฟหรือระบบความร้อน (ปิตตะ) แต่ให้ยาที่มีลดธาตุไฟหรือระบบความร้อน หากไม่ฟังตามนี้อาจจะถึงแก่ความตายได้ ความว่า “ไข้จำพวกนี้ย่อมห้ามมิให้วางยาร้อนเผ็ดเปรี้ยว อย่าให้ประคบนวด อย่าปล่อยปลิง อย่าให้กอกเอาโลหิตออก อย่าให้ถูกน้ำมัน เหล้าก็อย่าให้ถูก น้ำร้อนก็อย่าให้อาบ อย่าให้กิน ส้มมีควันมีผิวกะทิน้ำมันห้ามิให้กิน ถ้าใครไม่รู้ทำผิดดังกล่าวมานี้ ก็ถึงความตายดังนี้แล”[3] ต่อมาเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ได้เรียบเรียงเอาไว้ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ในเรื่อง “ว่าด้วยคัมภีร์ตักกะศิลา” ว่าช่วงเวลาที่มีกำเดาหรือเปลวแห่งความร้อนนี้ ไม่ว่าจะวัดว่ามีไข้จากภายนอก หรือรู้สึกครั่นเนื้อตัวอยู่ภายใน ปวดเมื่อยเนื้อตัว หรือมีผื่นขึ้น จะไม่ใช้ยารสร้อน ห้ามเหล้า น้ำมัน กอกเลือด นวด หรือปล่อยปลิงเพื่อเอาเลือดออก หากไม่ฟังให้ยาหรือการดำเนินการเช่นดังกล่าวนี้ อาจแก้กันไม่ทัน ความว่า “ถ้าแรกล้มไข้ ท่านมากล่าวไว้ ให้พิจารณา ภายนอกภายใน ให้ร้อนหนักหนา เมื่อยขบกายา ตาแดงเป็นสาย บ้างเย็นบ้างร้อน เปนบั้นเป็นท่อน ไปทั่วทั้งกาย ขึ้นมาให้เห็น เปนวงเปนสาย เปนริ้วยาวรี ลางบางไม่ขึ้น เปนวงฟกลื่น กายหมดดิบดี หมอมักว่าเปนสันนิบาติก็มี ให้ยาผิดที แก้กันไม่ทัน อย่าเพ่อกินยา ร้อนแรงแขงกล้า ส้มเหล้าน้ำมัน เอาโลหิตออก กอกเลือดนวดฟั้น ปล่อยปลิงมิทัน แก้กันเลยนา” [4] ด้วยประสบการณ์ของเจ้าพระยาวิชยาธิบดี (กล่อม) เจ้าเมืองจันทบูร ที่เกิดมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี และกรุงรัตนโกสินทร์ จึงได้รวบยอดสรุปถ่ายทอดมาเป็นความรู้ว่า ในยามที่ยังต้องถกเถียงกันว่าโรคระบาดที่ทำให้เกิดคนตายมากเป็นโรคประเภทใดกันแน่ ในยามที่ยังไม่แน่ใจหรือไม่รู้จึงให้ใช้รสยาแรกไปในทางรสขม เย็นอย่างยิ่ง หรือฝาดจืด ซึ่งเป็นรสยาที่ไม่มีธาตุไฟมาปน ดังความว่า “ถ้ายังไม่รู้ให้แก้กันดู แต่พรรณฝูงยา เย็นเปนอย่างยิ่ง ขมจริงโอชา ฝาดจืดพืชน์ยา ตามอาจารย์สอน”[4] แต่ถึงแม้จะมีหลักการและขั้นตอนต่างๆในการวางรสยาเพื่อรับมือกับโรคระบาด แต่เนื่องจากโรคฝีดาษและไข้ทรพิษนั้น อาจมีลักษณะจำเพาะที่มีการระบาดมาตั้งแต่สมัยอยุธยาจนกว่าจะได้หมดสิ้นจากประเทศไทยได้นั้นต้องใช้เวลาหลายร้อยปีจนมาถึงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ปี พ.ศ. 2523 การเอาชนะโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ นอกจากการรับมือกับโรคระบาดในเรื่องตำรับยาต่างๆแล้ว ความรู้เรื่องการปลูกฝีตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 3 ก็เป็นปัจจัยที่สำคัญยิ่ง เพราะได้เป็นรากฐานที่ทำให้ประเทศไทยสามารถเอาชนะโรคฝีดาษได้ด้วย โดยในสมัยรัชกาลที่ 6 ได้มีการตราพระราชบัญญัติจัดการปลูกฝีไข้ทรพิษ และพระราชบัญญัติระงับโรคระบาทว์ พ.ศ.​2456 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่บังคับใช้กฎหมายควบคุมโรคแก่ประชาชน ต่อมาในปี 2504 กระทรวงสาธารณสุขเริ่มโครงการกำจัดไข้ทรพิษครั้งแรกในประเทศไทย โดยตั้งเป้า 3 ปี (พ.ศ.2504-2506) คือคนไทยอย่างน้อย 80% ต้องได้รับการปลูกฝี ภายหลังขยายเวลาเป็น 5 ปี (พ.ศ.2504-2508) ซึ่งเป็นช่วงเวลาระดมการปลูกฝีทั่วประเทศไทย โดยประเทศไทยได้พบผู้ป่วยโรคฝีดาษรายสุดท้ายในปี พ.ศ. 2505 เป็นแขกชื่อ ยาริดาเนา ได้เสียชีวิตที่โรงพยาบาลบำราศนราดูร เมื่อสิ้นสุดโครงการการระดมปลูกฝี ถึงปี พ.ศ. 2508 ก็เป็นผลทำให้ฝีดาษหรือไข้ทรพิษหายไปจากประเทศไทยติดต่อกันถึง 3 ปีติดต่อกันแล้ว จนกระทั่งวันที่ 8 พฤษภาคม 2523 องค์การอนามัยโลก ได้ประกาศรับรองว่าฝีดาษหรือไข้ทรพิษได้สูญพันธุ์ไปจากโลกแล้ว[5] นี่คือเหตุผลว่าผู้ที่เกิดก่อนปี 2523 หรืออายุมากกว่า 44 ปีขึ้นไปส่วนใหญ่น่าจะได้รับการปลูกฝีแล้ว(โดยดูได้จากแผลเป็นบนหัวไหล่) แต่ถึงกระนั้นก็ยังพบผู้ที่มีอายุมากกว่า 44 ปีติดโรคฝีดาษลิงได้ โดยเฉพาะกลุ่มคนที่มีภูมิคุ้มกันในร่างกายบกพร่อง เช่นผู้ป่วยโรคเอดส์เป็นต้น อย่างไรก็ตามเนื่องจากฝีดาษที่ได้สูญพันธุ์ไปตั้งแต่ปี 2523 หรือเป็นเวลา 44 ปี ทำให้ภูมิปัญญาที่เคยรับมือในการรักษาโรคฝีดาษขาดความต่อเนื่อง โดยเฉพาะขั้นตอนการรับมือด้วยสมุนไพร ตำรับยาไทย และกรรมวิธีต่างๆในการรักษา ดังนั้นความรู้ที่ว่าคนไทยควรจะรับมือในการรักษาโรคฝีดาษลิงอย่างไร ส่วนใหญ่ก็จะอ้างอิงไปตามพระคัมภีร์ตักกะศิลาในการใช้ยา 3 ขั้นตอนด้วยยา 7 ขนาน หรือยาขาวตามตำรับยาของวัดศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) บ้าง แต่ก็ไม่ใช่กล่าวถึงโรคฝีดาษ หรือฝีดาษลิงเป็นการเฉพาะ ทำให้หลายคนสงสัยว่าในเมื่อโรคฝีดาษ เป็นโรคที่ประเทศไทยเคยมีประสบการณ์ในการเกิดโรคระบาดมาหลายร้อยปี ควรจะต้องมี “ตำรับยา“ สำหรับโรคฝีดาษเป็นการเฉพาะหรือไม่ เมื่อทบทวนข้อมูลตามตำราและคัมภีร์ทั้งหมดพบ ”การรักษาโรคฝีดาษ“ เป็นการเฉพาะจารึกเป็นตำรายาที่ปรากฏในแผ่นศิลาของวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร โดย ศิลาจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร เป็นมรดกที่แสดงถึงภูมิปัญญาของแพทย์แผนโบราณในสมัยรัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 3 ที่จารึกยาขนานต่างๆ ลักษณะของแผ่นศิลาจารึกเป็นหินอ่อนสีเทา สี่เหลี่ยมจัตุรัส ขนาดกว้างด้านละ 33 เซนติเมตร จัดเรียงบรรทัดในมุมแหลม จำนวน 17 บรรทัด เหมือนกันทุกแผ่น ติดตามผนังด้านนอกของระเบียงพระวิหารพระพุทธไสยาสน์ 42 แผ่น และผนังศาลารายหน้าพระอุโบสถวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร 8 แผ่น เชื่อว่าในอดีตมีแผ่นศิลาจารึก 92 แผ่น แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 50 แผ่น และนับว่าเป็นความโชคดีของคนไทย เพราะแผ่นศิลาที่กล่าวถึงการรักษาโรคฝีดาษ ยังไม่สูญหายและข้อความที่ปรากฏก็ยังไม่เลือนหายไปด้วย จึงนับว่าเป็นบุญของประเทศที่มีภูมิปัญญาและมีคุณค่ายิ่งในสถานการณ์ที่โรคฝีดาษลิงกลับมาเริ่มระบาดในบางประเทศ และเริ่มเข้ามาในประเทศไทย โดยแผ่นศิลาที่กล่าวถึงฝีดาษนั้น เป็นแผนที่ 18 ของศิลาจารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร ปรากฏข้อความดังนี้ “๏ สิทธิการิยะ จะกล่าวฝีดาษเกิดในเดือน 11 เดือน 12 เดือน 1 ทั้ง 3 เดือนนี้ เกิดเพื่ออาโปธาตุ มักให้เย็นในอกแลมักตกมูกตกเลือด ให้เสียแม่แสลงพ่อแสลง นุ่งขาวห่มขาว แล้วทำบัตรไปส่งทิศอุดรแลอีสาร จึ่งจะดี๚ ถ้าจะแก้ให้เอาใบมะอึก ใบผักบุ้งร้วม ใบผักบุ้งขัน ใบก้างปลาทั้งสอง ใบพุงดา ใบผักขวง ใบหมาก ใบทองพันชั่ง เอาเสมอภาคตำเอาน้ำพ่น ดับฝี เพื่อเสมหะหาย ๚ ขนานหนึ่ง เอากะทิมะพร้าว น้ำคาวปลาไหล ไข่เป็ดลูกหนึ่ง มูลโคดำ แก่นประดู่ เอาเสมอภาคบด พ่นฝีเพื่อเสมหะที่ด้านอยู่นั้นขึ้นแลแปรฝีร้ายให้เป็นดี ๚ ขนานหนึ่ง เอาน้ำลูกตำลึง น้ำมันงา น้ำมันหัวกุ้ง น้ำรากถั่วพู เอาเสมอภาค พ่นฝีเพื่อเสมหะให้ยอดขึ้น หนองงามดีนัก๚ ขนานหนึ่ง เอาเห็ดมูลโค ว่านกีบแรด ว่านร่อนทอง สังกรณี ชะเอม ลูกประคำดีควาย หวายตะค้า เขากวางเผา กระดูกเสือเผา มะกล่ำเครือ ขันฑสกร มะขามเปียก เอาเสมอภาคบดทคำเป็นจุณ บดด้วยน้ำมะนาวทำแท่งไว้ละลายสุรา ดีงูเหลือม รำหัด กินแก้คอแหบแห้ง แก้คอเครือ หายดีนัก๚ ขนานหนึ่ง เอาใบหิ่งหาย ใบโหระพา ใบผักคราด ใบมะนาว พันงูแดง เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษฝี เพื่อเสมหะให้คลั่งให้สลบไปก็ดี หายวิเศษแล๚[6] ในตำรับยาขนานต่างๆข้างต้นนั้น เป็นยาพ่นภายนอกเสียส่วนใหญ่ ตำรับยาเพื่อการรับประทานที่พอาจะหาได้โดยไม่ต้องอาศัยสัตว์วัตถุคือตำรับยาขนานสุดท้ายที่น่าจะนำไปวิจัยต่อที่ว่า ”ขนานหนึ่ง เอาใบหิ่งหาย ใบโหระพา ใบผักคราด ใบมะนาว พันงูแดง เอาเสมอภาค บดทำแท่งไว้ละลายสุรากิน แก้พิษฝี เพื่อเสมหะให้คลั่งให้สลบไปก็ดี หายวิเศษแล๚“ [6] นอกจากนั้นจากจารึกวัดราชโอรสราชวรมหาวิหารยังปรากฏในแผ่นที่ 46 ทำให้เห็นว่ายังมีตำรับยาอีกขนานหนึ่งสำหรับโรคฝีดาษที่เป็นไข้หนักเข้าขั้นไข้สันนิบาตแล้วโดยใช้ ”ยาผายเลือด“ ความว่า “๏ สิทธิการิยะ ยาผายเลือดเอารากขี้กาแดง 1 เบญจาขี้เหล็ก ใบมะกา ใบมะขาม ใบส้มป่อย หญ้าไซ ลูกคัดเค้า ต้มให้งวดแล้วกรอง เอาน้ำขยำใส่ลงอีกเคี่ยวให้ข้น ปรุงยาดำ 1 สลึง 1 เฟื้อง ดีเกลือ 1 บาท กินประจุเลือดร้ายทั้งปวง แก้ไขสันนิบาตฝีดาษด้วย๚“[7] แต่สำหรับศิลาจารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ก็ได้กล่าวถึงโรคฝีดาษที่มีรายละเอียดในบางอาการเพิ่มเติมอีก เช่น อาการฝีดาษขึ้นตา ปรากฏในศิลาจารึกว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวงแผ่นที่ 22 ความว่า “ยาชื่อ สังขรัศมี เอาชะมดสด พิมเสน สิ่งละส่วน ลิ้นทะเลแช่น้ำมะนาวไว้ยังรุ่งแล้วล้างเสีย จึงเอามาแช่น้ำท่าไว้แต่เช้าถึงเที่ยง แล้วเอาตากให้แห้ง 3 ส่วน รากช้าแป้น ดินถนำสุทธิ สังข์สุทธิ สิ่งละ 4 ส่วน ทำเป็นจุณบดทำแท่งไว้ ฝนป้ายจักษุแก้สรรพต้อให้ปวดเคืองต่างๆ แก้ฝีดาษขึ้นจักษุก็ได้หายวิเศษนักฯ”[8] อย่างไรก็ตามการบันทึกในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) ในสมัยรัชกาลที่ 3 ยังให้เบาะแสเกี่ยวกับ “สมุนไพรเดี่ยว” ที่เป็นเบาะแสว่าอาจจะมีสรรพคุณในการลดฝีดาษได้ ได้แก่ ข่าลิง บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี ฯลฯ[8] ดังปรากฏตัวอย่างในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศและสมุนไพรแผ่นที่ 7 ที่กล่าวถึง “ต้นข่าลิง”แก้พิษฝีดาษ ความว่า “อันว่าคุณแห่งข่าลิงนั้น ต้นรู้แก้พิษฝีดาษ และรู้แก้ไข้เหนืออันบังเกิดเพื่อโลหิต รู้แก้ฝีกาฬ อันบังเกิดเพื่อฝีดาษ รู้แก้ไข้ตรีโทษ รู้กระทำให้เกิดกำลัง รู้กระทำเพลิงธาตุให้บริบูรณ์ รู้แก้กระหายน้ำ อันเป็นเพื่อโลหิตและลม รู้แก้สะอึก แก้สมุฏฐานกำเริบ ใบรู้ฆ่าพยาธิ์คือมะเร็ง ดอกรู้ฆ่าพยาธิ์ในอุทรและฟันในหูให้ตก ผลรู้แก้เสมหะอันเป็นพิษ รากรู้แก้โลหิตอันเป็นพิษไข้เหนือสันนิบาตฯ”[9] นอกจากนั้นยังปรากฏในศิลาจารึกวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์)ในสมัยรัชกาลที่ 3 ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 ซึ่งกล่าวถึง “บอระเพ็ด” และ “ชิงช้าชาลี” ความว่า “อันว่าคุณแห่งบอระเพ็ดและชิงช้าชาลีนั้นคุณดุจกัน ต้นรู้แก้ฝีดาษ และรู้แก้ไข้เหนืออันบังเกิดโลหิต รู้แก้ฝีกาฬอันบังเกิดฝีดาษ รู้แก้ไข้ตรีโทษ รู้กระทำให้เกิดกำลัง รู้กระทำเพลิงธาตุให้บริบูรณ์ รู้แก้กระหายน้ำ อันเป็นเพื่อโลหิตและลม รู้แก้สะอึก แก้สมุฏฐานกำเริบ ใบรู้ฆ่าพยาธิ์คือมะเร็ง ดอกรู้ฆ่าพยาธิ์ในอุทรและในฟันในหูให้ตก ผลรู้แก้เสมหะอันเป็นพิษ รากรู้แก้โลหิตอันเป็นพิษเพื่อไข้สันนิบาตฯ”[10] นอกจากนั้นสมุนไพรที่มีการวิจัยที่ออกฤทธิ์ต้านไวรัสหลายชนิดในยุคปัจจุบัน ก็ควรจะนำมาสู่การวิจัยกับฝีดาษลิงต่อไป เช่น ขมิ้นชัน ฟ้าทะลายโจร ใบสะเดา กัญชา กัญชง ฝีหมอบ เสลดพังพอนตัวเมีย ฯลฯ ดังนั้นการกลับมาของโรคฝีดาษลิง จึงควรให้ความสำคัญกับภูมิปัญญาในการรักษาที่มีมาแต่ในอดีตรวมถึงความรู้จากการวิจัยในสมุนไพรต่างๆที่มีมากขึ้น ซึ่งควรจะนำมาวิจัยกับไวรัสฝีดาษลิงเอาไว้ล่วงหน้าเพื่อเตรียมประยุกต์ให้เหมาะสมใช้ในสถานการณ์ปัจจุบันและต่อไปในกาลข้างหน้าด้วยความไม่ประมาท ด้วยความปรารถนาดี ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีวิทยาลัยการแพทย์แผนตะวันออก มหาวิทยาลัยรังสิต 5 กันยายน 2567 https://www.facebook.com/100044511276276/posts/1045825823577784/? อ้างอิง [1] พิชชานันท์ เธียรทองอินทร์ และ รัชฎาพร พิสัยพันธุ์, การวิเคราะห์องค์ความรู้ไข้ตามคัมภีร์ตักศิลา: คัมภีร์ว่าด้วยโรคระบาด, วารสารหมอยาไทยวิจัย, ปีที่ 9 ฉบับที่ 1 (มกราคม - มิถุนายน 2566), หน้า 131-152 https://he02.tci-thaijo.org/index.php/ttm/article/view/258845/180094 [2] โรงเรียนแพทย์แผนโบราณ วัดพระเชตุพนฯ (วัดโพธิ์), ตำรายา ศิลาจารึกในวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) พระนคร พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้จารึกไว้เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๕ ฉบับสมบูรณ์ ฉบับ พ.ศ.​๒๕๑๖ หน้า ๖๒ - ๖๔ [3] สำนักวิชาการและมาตรฐานการศึกษา สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน กระทรวงศึกษาธิการ, หนังสือชุดวรรณกรรมหายาก แพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ :ภูมิปัญญาการแพทย์และมรดกทางวรรณกรรมของชาติ, องค์การการค้าของ สกสค. จัดพิมพ์จำหน่าย พิมพ์ครั้งที่ 4, พ.ศ. 2554 จำนวน 3,000 เล่ม ISBN 978-947-01-9742-3 หน้า 694 [4] เรื่องเดียวกัน, หน้า 37 [5] เว็บไซต์กองนวัตกรรมและวิจัย กรมควบคุมโรค, การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ จุดเริ่มงานควบคุมโรคติดต่อในประเทศไทย https://ddc.moph.go.th/uploads/ckeditor2//files/การปลูกฝีป้องกันไข้ทรพิษ.pdf [6] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 18 ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 2557( อัพเดทเมื่อวันที่ 26 เม.ย. 2567) https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/14798 [7] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน,จารึกตำรายาวัดราชโอรสารามราชวรวิหาร แผ่นที่ 46 (ยาผายเลือด) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อ โพสต์เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม 2558 https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/image_detail/16335 [8] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม(ว่าด้วยตำรายาวิเศษสรรพคุณสำเร็จแก้สรรพโรคทั้งปวง แผ่นที่ 22 ยาแก้จักษุโรคคือต้อ(5), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 20 ม.ค. 2560 https://db.sac.or.th/inscriptions/uploads/file/22-chaksurok-to5-tr2.pdf [9] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 7 ท้าวยายม่อม ข่าใหญ่ ข่าลิง กระทือ ไพล กระชาย หอม และกระเทียม) ด้านที่ 1, จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 https://db.sac.or.th/inscriptions/uploads/file/7-thaoyaimom-khayai-khaling-tr1.pdf [10] เว็บไซต์ศูนย์มานุษยวิทยาสิรินธร(องค์การมหาชน), จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม, จารึกตำรายาวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (ว่าด้วยสรรพคุณยา เครื่องเทศ และสมุนไพร แผ่นที่ 14 แตงหนู ชิงชี่ บอระเพ็ด ชิงช้าชาลี บอระเพ็ดพุงช้าง ผักปอดตัวเมีย ผักปอดตัวผู้ และพลูแก), จารึกในประเทศไทย, โพสต์เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2567 https://db.sac.or.th/inscriptions/inscribe/detail/17723
    Like
    Love
    Yay
    56
    0 ความคิดเห็น 2 การแบ่งปัน 2915 มุมมอง 0 รีวิว
  • น้ำกระสายยา มหาพิกัด-ตรีผลา โฮมบรูว์ HomeBrew สูตรเข้มข้น แก้ตรีธาตุกำเริบ ตำรับปรับสมดุลเสริมภูมิคุ้มกัน 500 ml.

    น้ำกระสายยา มหาพิกัด-ตรีผลา โฮมบรูว์ ( HomeBrew )
    สูตรเข้มข้น แก้ตรีธาตุกำเริบ ( วาตะ,ปิตตะ,เสมหะ ) + ตำรับปรับสมดุลเสริมภูมิคุ้มกัน ดื่มได้ทุกเพศทุกวัย ขนาด 500 ml.

    ตรีผลา คือ ตำรับยาแผนโบราณ ที่มีการใช้ทั้งทางการแพทย์อายุรเวทของอินเดียและการแพทย์แผนไทย มาเป็นเวลานานนับพันปี

    ตรีผลา มาจากคำว่า “ตรี” ซึ่งแปลว่า สาม (3) และคำว่า “ผลา” แปลว่า ผลไม้
    ดังนั้นตรีผลาจึงเป็นตำรับยาที่ประกอบด้วย ผลไม้ 3 ชนิด คือ

    1 มะขามป้อม (Phyllanthus emblica Linn.)
    2 สมอไทย (Terminalia chebula Retz.)
    3 สมอพิเภก (Terminalia belerica (Gaertn.) Roxb.)

    ใช้เครื่องดื่มมหาพิกัดตรีผลา โฮมบรูว์ ( HomeBrew ) เป็นยาปรับสมดุลของธาตุทั้ง ๔ ในร่างกาย ช่วยไม่ให้ร่างกายร้อนเกินไป เช่น ในผู้ที่เป็นไข้ มีการอักเสบ เช่น โรคกระเพาะ,โรคริดสีดวงทวาร ,โรคที่เกิดจากความผิดปกติ ของตับ ,โรคความดันโลหิตสูง หรือในผู้ที่มีความเครียด พักผ่อนน้อย ช่วยล้างพิษโดยเฉพาะระบบทางเดินอาหาร, ระบบเลือด และน้ำเหลือง มีฤทธิ์ระบายอ่อนๆ กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน มีความปลอดภัยสูง สามารถใช้ได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย

    #สุขภาพ
    #ตรีผลา

    https://s.shopee.co.th/9pKEWrMOIj
    น้ำกระสายยา มหาพิกัด-ตรีผลา โฮมบรูว์ HomeBrew สูตรเข้มข้น แก้ตรีธาตุกำเริบ ตำรับปรับสมดุลเสริมภูมิคุ้มกัน 500 ml. น้ำกระสายยา มหาพิกัด-ตรีผลา โฮมบรูว์ ( HomeBrew ) สูตรเข้มข้น แก้ตรีธาตุกำเริบ ( วาตะ,ปิตตะ,เสมหะ ) + ตำรับปรับสมดุลเสริมภูมิคุ้มกัน ดื่มได้ทุกเพศทุกวัย ขนาด 500 ml. ตรีผลา คือ ตำรับยาแผนโบราณ ที่มีการใช้ทั้งทางการแพทย์อายุรเวทของอินเดียและการแพทย์แผนไทย มาเป็นเวลานานนับพันปี ตรีผลา มาจากคำว่า “ตรี” ซึ่งแปลว่า สาม (3) และคำว่า “ผลา” แปลว่า ผลไม้ ดังนั้นตรีผลาจึงเป็นตำรับยาที่ประกอบด้วย ผลไม้ 3 ชนิด คือ 1 มะขามป้อม (Phyllanthus emblica Linn.) 2 สมอไทย (Terminalia chebula Retz.) 3 สมอพิเภก (Terminalia belerica (Gaertn.) Roxb.) ใช้เครื่องดื่มมหาพิกัดตรีผลา โฮมบรูว์ ( HomeBrew ) เป็นยาปรับสมดุลของธาตุทั้ง ๔ ในร่างกาย ช่วยไม่ให้ร่างกายร้อนเกินไป เช่น ในผู้ที่เป็นไข้ มีการอักเสบ เช่น โรคกระเพาะ,โรคริดสีดวงทวาร ,โรคที่เกิดจากความผิดปกติ ของตับ ,โรคความดันโลหิตสูง หรือในผู้ที่มีความเครียด พักผ่อนน้อย ช่วยล้างพิษโดยเฉพาะระบบทางเดินอาหาร, ระบบเลือด และน้ำเหลือง มีฤทธิ์ระบายอ่อนๆ กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน มีความปลอดภัยสูง สามารถใช้ได้กับคนทุกเพศ ทุกวัย #สุขภาพ #ตรีผลา https://s.shopee.co.th/9pKEWrMOIj
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 374 มุมมอง 0 รีวิว