• **การแต่งงานภายในช่วงเวลาไว้ทุกข์**

    สวัสดีค่ะ Storyฯ เคยเขียนเรื่องระยะเวลาไว้ทุกข์จีนโบราณมาแล้ว โดนอิงรายละเอียดตามสมัยหมิง (ย้อนอ่านได้ในลิ้งค์ข้างล่าง) ซึ่งระยะเวลาที่สามีจะไว้ทุกข์ให้ภรรยาโดยทั่วไปคือหนึ่งปีและในช่วงเวลาไว้ทุกข์นั้น ห้ามจัดงานรื่นเริงหรืองานมงคล

    แต่ความ ‘เอ๊ะ’ จากการดูเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> ก็คือ เมื่อแม่ของนางเอกเสีย แม่เลี้ยงก็ถูกพาเข้าเรือนมาเป็นภรรยาเอกภายในช่วงเวลาไม่กี่วันหลังจากแม่ของนางเอกเสีย สาเหตุหลักมาจากว่านางตั้งครรภ์แล้ว คำถามคือ แต่งงานในช่วงไว้ทุกข์ได้ด้วยหรือ?

    การแต่งงานในช่วงไว้ทุกข์ในหลักการคือต้องทำภายใน 100 วันแรกของการไว้ทุกข์ เรียกว่า ‘ไป่รึฉวี่’ (百日娶) หรือ ‘เฉิงเซี่ยวฉวี่’ (乘孝娶) และจริงๆ แล้วจะจัดทำในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น กล่าวคือมีญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายชายเสียไปในขณะที่เขาได้มีการหมั้นหมายไว้และมีแผนจะเข้าพิธีแต่งงานในอนาคตอันใกล้อยู่แล้ว จึงจัดให้แต่งงานกันเลยแทนที่จะรอให้พ้นระยะเวลาไว้ทุกข์ซึ่งอาจยาวนาน 1-3 ปี (ระยะเวลาไว้ทุกข์ขึ้นอยู่กับลำดับความสนิทของญาติผู้ใหญ่คนนั้นและยุคสมัย) และต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย

    เหตุผลของการแต่งงานภายในระยะเวลาไว้ทุกข์ดังกล่าวก็คือเพื่อไม่ให้เสียโอกาสในชีวิต เช่นสตรีจะได้ไม่เลยวัยแต่งงานอันควร หรือเหตุผลการเกี่ยวดองทางสังคมหรือการเมืองที่ไม่อาจรอช้าได้ นอกจากนี้ ยังเป็นความเชื่อที่ว่า ผู้ใหญ่ที่เสียไปอาจเคยมีความหวังไว้ว่าอยากเห็นลูกหลานเป็นฝั่งเป็นฝา จึงรีบแต่งงานเพื่อเป็นการแสดงออกซึ่งความกตัญญูอย่างหนึ่ง

    พิธีแต่งงานภายในระยะไว้ทุกข์นี้จะไม่ได้จัดทำตามพิธีสมรสทั่วไปเพราะต้องลดความเอิกเกริกลง เป็นต้นว่า ไม่เลือกวันมงคล ไม่แต่งบ้านสีแดง ไม่แจกอั่งเปา ไม่จัดเลี้ยง บ่าวสาวไม่ใส่สีแดงและแต่งกายด้วยสีสุภาพหรือแต่งแดงไว้ข้างในแต่คาดผ้ากระสอบทับ เจ้าสาวไม่ต้องแต่งหน้าแต่งตัวมาก ฝ่ายชายไม่อาจเข้าบ้านฝ่ายหญิงตอนรับตัวเจ้าสาวได้เพราะตนยังไว้ทุกข์อยู่โดยให้แม่สื่อทำหน้าที่ต่างๆ แทน และญาติฝ่ายหญิงไม่สามารถตามมาส่งตัวเจ้าสาวถึงบ้านฝ่ายชายได้ นอกจากนี้ ยังไม่มีการคำนับบรรพบุรุษฝ่ายชายเนื่องจากป้ายบรรพบุรุษจะถูกตกแต่งหรือจัดวางไว้สำหรับงานศพ โดยจะส่งตัวเจ้าสาวเข้าห้องหอเลย และหลังจากนั้นเจ้าสาวสามารถร่วมพิธีต่างๆ ที่เกี่ยวกับงานศพได้ในฐานะสะใภ้ และเจ้าสาวต้องรอพ้นระยะไว้ทุกข์จึงจะกลับไปเยี่ยมบ้านตนเองได้

    การแต่งงานในช่วงไว้ทุกข์ไม่ได้เป็นประเพณีอย่างทางการที่มีการบันทึกไว้สืบทอดมาแต่โบราณ (กล่าวคือไม่เหมือนกับขั้นตอนการแต่งงานหรือไว้ทุกข์ที่มีการบันทึกไว้ในบันทึกโจวหลี่หรือบทกฎหมายใด) หากแต่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติท้องถิ่นทางใต้ของจีน มีต้นตอมาอย่างไรก็ไม่ทราบได้ แต่ปรากฏให้เห็นผ่านงานวรรณกรรมหรืออุปรากรในสมัยหมิง และปัจจุบันยังเป็นธรรมเนียมที่พบเห็นได้ทางใต้ของประเทศจีนและไต้หวัน

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    บทความเก่าว่าด้วยระยะเวลาไว้ทุกข์จีนโบราณ:
    https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/1044627014332257
    https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/1050216903773268

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://cyberrevue.com/2025-blossom/#jp-carousel-115105
    https://news.qq.com/rain/a/20241218A09Z5200
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://news.qq.com/rain/a/20200317A0V53X00#
    https://www.ilifepost.com/20210128/【阴宅解码】顺孝娶-婚礼一切从简
    https://www.facebook.com/permalink.php/?story_fbid=399369496884979&id=167326656755932

    #จิ่วฉงจื่อ #การแต่งงานจีนโบราณ #การไว้ทุกข์จีนโบราณ #ไป่รึฉวี่ #สาระจีน
    **การแต่งงานภายในช่วงเวลาไว้ทุกข์** สวัสดีค่ะ Storyฯ เคยเขียนเรื่องระยะเวลาไว้ทุกข์จีนโบราณมาแล้ว โดนอิงรายละเอียดตามสมัยหมิง (ย้อนอ่านได้ในลิ้งค์ข้างล่าง) ซึ่งระยะเวลาที่สามีจะไว้ทุกข์ให้ภรรยาโดยทั่วไปคือหนึ่งปีและในช่วงเวลาไว้ทุกข์นั้น ห้ามจัดงานรื่นเริงหรืองานมงคล แต่ความ ‘เอ๊ะ’ จากการดูเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> ก็คือ เมื่อแม่ของนางเอกเสีย แม่เลี้ยงก็ถูกพาเข้าเรือนมาเป็นภรรยาเอกภายในช่วงเวลาไม่กี่วันหลังจากแม่ของนางเอกเสีย สาเหตุหลักมาจากว่านางตั้งครรภ์แล้ว คำถามคือ แต่งงานในช่วงไว้ทุกข์ได้ด้วยหรือ? การแต่งงานในช่วงไว้ทุกข์ในหลักการคือต้องทำภายใน 100 วันแรกของการไว้ทุกข์ เรียกว่า ‘ไป่รึฉวี่’ (百日娶) หรือ ‘เฉิงเซี่ยวฉวี่’ (乘孝娶) และจริงๆ แล้วจะจัดทำในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น กล่าวคือมีญาติผู้ใหญ่ของฝ่ายชายเสียไปในขณะที่เขาได้มีการหมั้นหมายไว้และมีแผนจะเข้าพิธีแต่งงานในอนาคตอันใกล้อยู่แล้ว จึงจัดให้แต่งงานกันเลยแทนที่จะรอให้พ้นระยะเวลาไว้ทุกข์ซึ่งอาจยาวนาน 1-3 ปี (ระยะเวลาไว้ทุกข์ขึ้นอยู่กับลำดับความสนิทของญาติผู้ใหญ่คนนั้นและยุคสมัย) และต้องได้รับความเห็นชอบจากผู้ใหญ่ของทั้งสองฝ่าย เหตุผลของการแต่งงานภายในระยะเวลาไว้ทุกข์ดังกล่าวก็คือเพื่อไม่ให้เสียโอกาสในชีวิต เช่นสตรีจะได้ไม่เลยวัยแต่งงานอันควร หรือเหตุผลการเกี่ยวดองทางสังคมหรือการเมืองที่ไม่อาจรอช้าได้ นอกจากนี้ ยังเป็นความเชื่อที่ว่า ผู้ใหญ่ที่เสียไปอาจเคยมีความหวังไว้ว่าอยากเห็นลูกหลานเป็นฝั่งเป็นฝา จึงรีบแต่งงานเพื่อเป็นการแสดงออกซึ่งความกตัญญูอย่างหนึ่ง พิธีแต่งงานภายในระยะไว้ทุกข์นี้จะไม่ได้จัดทำตามพิธีสมรสทั่วไปเพราะต้องลดความเอิกเกริกลง เป็นต้นว่า ไม่เลือกวันมงคล ไม่แต่งบ้านสีแดง ไม่แจกอั่งเปา ไม่จัดเลี้ยง บ่าวสาวไม่ใส่สีแดงและแต่งกายด้วยสีสุภาพหรือแต่งแดงไว้ข้างในแต่คาดผ้ากระสอบทับ เจ้าสาวไม่ต้องแต่งหน้าแต่งตัวมาก ฝ่ายชายไม่อาจเข้าบ้านฝ่ายหญิงตอนรับตัวเจ้าสาวได้เพราะตนยังไว้ทุกข์อยู่โดยให้แม่สื่อทำหน้าที่ต่างๆ แทน และญาติฝ่ายหญิงไม่สามารถตามมาส่งตัวเจ้าสาวถึงบ้านฝ่ายชายได้ นอกจากนี้ ยังไม่มีการคำนับบรรพบุรุษฝ่ายชายเนื่องจากป้ายบรรพบุรุษจะถูกตกแต่งหรือจัดวางไว้สำหรับงานศพ โดยจะส่งตัวเจ้าสาวเข้าห้องหอเลย และหลังจากนั้นเจ้าสาวสามารถร่วมพิธีต่างๆ ที่เกี่ยวกับงานศพได้ในฐานะสะใภ้ และเจ้าสาวต้องรอพ้นระยะไว้ทุกข์จึงจะกลับไปเยี่ยมบ้านตนเองได้ การแต่งงานในช่วงไว้ทุกข์ไม่ได้เป็นประเพณีอย่างทางการที่มีการบันทึกไว้สืบทอดมาแต่โบราณ (กล่าวคือไม่เหมือนกับขั้นตอนการแต่งงานหรือไว้ทุกข์ที่มีการบันทึกไว้ในบันทึกโจวหลี่หรือบทกฎหมายใด) หากแต่เป็นธรรมเนียมปฏิบัติท้องถิ่นทางใต้ของจีน มีต้นตอมาอย่างไรก็ไม่ทราบได้ แต่ปรากฏให้เห็นผ่านงานวรรณกรรมหรืออุปรากรในสมัยหมิง และปัจจุบันยังเป็นธรรมเนียมที่พบเห็นได้ทางใต้ของประเทศจีนและไต้หวัน (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) บทความเก่าว่าด้วยระยะเวลาไว้ทุกข์จีนโบราณ: https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/1044627014332257 https://www.facebook.com/StoryfromStory/posts/1050216903773268 Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://cyberrevue.com/2025-blossom/#jp-carousel-115105 https://news.qq.com/rain/a/20241218A09Z5200 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://news.qq.com/rain/a/20200317A0V53X00# https://www.ilifepost.com/20210128/【阴宅解码】顺孝娶-婚礼一切从简 https://www.facebook.com/permalink.php/?story_fbid=399369496884979&id=167326656755932 #จิ่วฉงจื่อ #การแต่งงานจีนโบราณ #การไว้ทุกข์จีนโบราณ #ไป่รึฉวี่ #สาระจีน
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึง AI Chatbots และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการพึ่งพา AI มากเกินไป โดยนักวิจัยจาก Oxford Internet Institute และ Google DeepMind เตือนว่า AI assistants อาจกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตของผู้คน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและพฤติกรรมทางสังคม

    นอกจากนี้ ยังมีตัวอย่างของแอป Botify AI ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักเนื่องจากมี อวตารของนักแสดงหนุ่มสาวที่แชร์ภาพ "ร้อนแรง" ในแชทที่มีเนื้อหาเชิงชู้สาว รวมถึงแอป Grindr ที่กำลังพัฒนา AI partners ที่สามารถจีบ, ส่งข้อความเชิงชู้สาว และสร้างความสัมพันธ์ดิจิทัลกับผู้ใช้ที่จ่ายเงิน

    ✅ AI assistants อาจกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตของผู้คน
    - นักวิจัยเตือนว่า AI อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพจิตและพฤติกรรมทางสังคม
    - AI ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์อาจทำให้ผู้ใช้ รู้สึกผูกพันมากเกินไป

    ✅ ตัวอย่างของ AI ที่มีเนื้อหาเชิงชู้สาว
    - Botify AI ถูกวิจารณ์เนื่องจากมี อวตารของนักแสดงที่แชร์ภาพ "ร้อนแรง"
    - Grindr กำลังพัฒนา AI partners ที่สามารถจีบและสร้างความสัมพันธ์ดิจิทัล

    ✅ ความท้าทายในการกำกับดูแล AI
    - ปัจจุบัน AI ที่สร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์ ยังไม่มีข้อบังคับที่ชัดเจน
    - นักวิจัยเรียกร้องให้มี มาตรการกำกับดูแลเพื่อป้องกันผลกระทบทางจิตใจ

    ✅ แนวโน้มของการพัฒนา AI ในอนาคต
    - AI อาจถูกนำมาใช้ใน การให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาและการสนับสนุนทางอารมณ์
    - นักพัฒนาอาจต้อง ออกแบบ AI ให้มีความสมดุลระหว่างความเป็นมิตรและความเป็นกลาง

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/03/opinion-ai-chatbots-want-you-hooked---maybe-too-hooked
    บทความนี้กล่าวถึง AI Chatbots และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นจากการพึ่งพา AI มากเกินไป โดยนักวิจัยจาก Oxford Internet Institute และ Google DeepMind เตือนว่า AI assistants อาจกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตของผู้คน ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพจิตและพฤติกรรมทางสังคม นอกจากนี้ ยังมีตัวอย่างของแอป Botify AI ที่ถูกวิจารณ์อย่างหนักเนื่องจากมี อวตารของนักแสดงหนุ่มสาวที่แชร์ภาพ "ร้อนแรง" ในแชทที่มีเนื้อหาเชิงชู้สาว รวมถึงแอป Grindr ที่กำลังพัฒนา AI partners ที่สามารถจีบ, ส่งข้อความเชิงชู้สาว และสร้างความสัมพันธ์ดิจิทัลกับผู้ใช้ที่จ่ายเงิน ✅ AI assistants อาจกลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตของผู้คน - นักวิจัยเตือนว่า AI อาจมีผลกระทบต่อสุขภาพจิตและพฤติกรรมทางสังคม - AI ที่ออกแบบมาเพื่อสร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์อาจทำให้ผู้ใช้ รู้สึกผูกพันมากเกินไป ✅ ตัวอย่างของ AI ที่มีเนื้อหาเชิงชู้สาว - Botify AI ถูกวิจารณ์เนื่องจากมี อวตารของนักแสดงที่แชร์ภาพ "ร้อนแรง" - Grindr กำลังพัฒนา AI partners ที่สามารถจีบและสร้างความสัมพันธ์ดิจิทัล ✅ ความท้าทายในการกำกับดูแล AI - ปัจจุบัน AI ที่สร้างความสัมพันธ์ทางอารมณ์ ยังไม่มีข้อบังคับที่ชัดเจน - นักวิจัยเรียกร้องให้มี มาตรการกำกับดูแลเพื่อป้องกันผลกระทบทางจิตใจ ✅ แนวโน้มของการพัฒนา AI ในอนาคต - AI อาจถูกนำมาใช้ใน การให้คำปรึกษาทางจิตวิทยาและการสนับสนุนทางอารมณ์ - นักพัฒนาอาจต้อง ออกแบบ AI ให้มีความสมดุลระหว่างความเป็นมิตรและความเป็นกลาง https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/03/opinion-ai-chatbots-want-you-hooked---maybe-too-hooked
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Opinion: AI chatbots want you hooked – maybe too hooked
    One 2022 study found that people who were lonely or had poor relationships tended to have the strongest AI attachments.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 58 มุมมอง 0 รีวิว
  • อยาก และ รอ ให้ ลุงสนธิ พูดถึงเรื่องนี้ครับ...
    .
    หลายบทความของ พอล แชมเบอร์ มันชัดเจนมาก ไม่ต่างอะไรจากพวก ผู้นำทางจิตวิญญาณ ของ พวก 3 นิ้ว....
    .
    พอๆกับ ตาหัวเหน่ง ที่อยู่ ขอนแก่น ทำงาน 20 ปี ไม่มีเงินเดือน แต่รับเงินทุนจาก NED องค์กรมหาวายร้ายป่วนโลก...
    .
    แล้ว ใช่แก รึเปล่าที่ ชอบ พูดจา วกไปวนมา เฉี่ยวไปเฉี่ยวมา กับเรื่อง ปกครองตนเอง เอกราช ประชามติ แบ่งแยกดินแดน ทาง 3 จังหวัดชายแดนใต้ เข้าทางผลประโยชน์ กลุ่มกบฎก่อหารร้าย BRN...???
    .
    เคยดู จัดเสวนา ที่ มอ. พรรคการเมืองเอย อาจาร์ยฝรั่งเอย พูด...
    .
    สันติภาพ คือ ต้อง ยกแผ่นดิน ให้พวก กบฎแบ่งแยกดินแดน งั้นเหรอ...???
    .
    โจรกบฎ ฆ่าคน ทหารห้ามใช้อาวุธ ไม่งั้น จะถูกแรงว่าใช้ความรุนแรง...
    .
    กลับขาวเป็นดำ กลับดำเป็นขาวไปหมด...
    .
    ล้างสมองกันจน ประเทศวุ่นวายไปหมด คนรุ่นใหม่ ความรู้ควรจะอัพเกรด แทนที่จะฉลาด กับ มีแนวคิดพังๆป่วยๆ...
    อยาก และ รอ ให้ ลุงสนธิ พูดถึงเรื่องนี้ครับ... . หลายบทความของ พอล แชมเบอร์ มันชัดเจนมาก ไม่ต่างอะไรจากพวก ผู้นำทางจิตวิญญาณ ของ พวก 3 นิ้ว.... . พอๆกับ ตาหัวเหน่ง ที่อยู่ ขอนแก่น ทำงาน 20 ปี ไม่มีเงินเดือน แต่รับเงินทุนจาก NED องค์กรมหาวายร้ายป่วนโลก... . แล้ว ใช่แก รึเปล่าที่ ชอบ พูดจา วกไปวนมา เฉี่ยวไปเฉี่ยวมา กับเรื่อง ปกครองตนเอง เอกราช ประชามติ แบ่งแยกดินแดน ทาง 3 จังหวัดชายแดนใต้ เข้าทางผลประโยชน์ กลุ่มกบฎก่อหารร้าย BRN...??? . เคยดู จัดเสวนา ที่ มอ. พรรคการเมืองเอย อาจาร์ยฝรั่งเอย พูด... . สันติภาพ คือ ต้อง ยกแผ่นดิน ให้พวก กบฎแบ่งแยกดินแดน งั้นเหรอ...??? . โจรกบฎ ฆ่าคน ทหารห้ามใช้อาวุธ ไม่งั้น จะถูกแรงว่าใช้ความรุนแรง... . กลับขาวเป็นดำ กลับดำเป็นขาวไปหมด... . ล้างสมองกันจน ประเทศวุ่นวายไปหมด คนรุ่นใหม่ ความรู้ควรจะอัพเกรด แทนที่จะฉลาด กับ มีแนวคิดพังๆป่วยๆ...
    ม.นเรศวร สั่งเลิกจ้าง “พอล แชมเบอร์ส” เหตุถูกถอนวีซ่า แม้อยู่ระหว่างอุทธรณ์ ทำให้ขาดคุณสมบัติที่จะทำงานในประเทศไทย มีผลตั้งแต่ 9 เม.ย.68 ด้าน ตม.พิษณุโลกยึดพาสปอร์ตตามเงื่อนไขประกันตัวที่ห้ามเดินทางออกนอกประเทศ แม้เพิ่งได้คืนหลังอัยการสั่งไม่ฟ้องคดี ม.112

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000041348

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 74 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึง Microsoft Edge ซึ่งกำลังเผชิญกับความท้าทายในการแข่งขันกับ Google Chrome โดยแม้ว่า Microsoft จะพยายามโปรโมต Edge อย่างหนัก แต่ส่วนแบ่งตลาดของเบราว์เซอร์นี้ยังคงอยู่ที่ประมาณ 13% และไม่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ

    Microsoft ได้พยายามเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ ให้กับ Edge เช่น การรวม Copilot AI และการปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อให้เบราว์เซอร์ทำงานเร็วขึ้น แต่ผู้ใช้จำนวนมากยังคงรู้สึกว่า Edge ถูกบังคับให้ใช้งานใน Windows 11 ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ใช้ไม่พอใจ

    ✅ ส่วนแบ่งตลาดของ Edge
    - อยู่ที่ 13.29% ในเดือนเมษายน 2025
    - ลดลง 0.08% จากเดือนมีนาคม 2025

    ✅ กลยุทธ์ของ Microsoft ในการโปรโมต Edge
    - เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น Copilot AI
    - ปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อลดการใช้ทรัพยากรระบบ

    ✅ ปัญหาที่ผู้ใช้พบกับ Edge
    - Microsoft พยายาม บังคับให้ Edge เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นใน Windows 11
    - ผู้ใช้บางรายรู้สึกว่า การโปรโมต Edge มากเกินไปเป็นเรื่องน่ารำคาญ

    ✅ แนวทางที่ Microsoft ควรพิจารณา
    - ลดการโปรโมต Edge ใน Windows 11

    https://www.techradar.com/computing/edge/edges-doomed-challenge-to-chrome-is-embarrassing-for-microsoft-is-it-time-to-stop-forcing-the-browser-on-us-in-windows-11
    บทความนี้กล่าวถึง Microsoft Edge ซึ่งกำลังเผชิญกับความท้าทายในการแข่งขันกับ Google Chrome โดยแม้ว่า Microsoft จะพยายามโปรโมต Edge อย่างหนัก แต่ส่วนแบ่งตลาดของเบราว์เซอร์นี้ยังคงอยู่ที่ประมาณ 13% และไม่สามารถเติบโตได้อย่างมีนัยสำคัญ Microsoft ได้พยายามเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ ให้กับ Edge เช่น การรวม Copilot AI และการปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อให้เบราว์เซอร์ทำงานเร็วขึ้น แต่ผู้ใช้จำนวนมากยังคงรู้สึกว่า Edge ถูกบังคับให้ใช้งานใน Windows 11 ซึ่งอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผู้ใช้ไม่พอใจ ✅ ส่วนแบ่งตลาดของ Edge - อยู่ที่ 13.29% ในเดือนเมษายน 2025 - ลดลง 0.08% จากเดือนมีนาคม 2025 ✅ กลยุทธ์ของ Microsoft ในการโปรโมต Edge - เพิ่มฟีเจอร์ใหม่ เช่น Copilot AI - ปรับปรุงประสิทธิภาพเพื่อลดการใช้ทรัพยากรระบบ ✅ ปัญหาที่ผู้ใช้พบกับ Edge - Microsoft พยายาม บังคับให้ Edge เป็นเบราว์เซอร์เริ่มต้นใน Windows 11 - ผู้ใช้บางรายรู้สึกว่า การโปรโมต Edge มากเกินไปเป็นเรื่องน่ารำคาญ ✅ แนวทางที่ Microsoft ควรพิจารณา - ลดการโปรโมต Edge ใน Windows 11 https://www.techradar.com/computing/edge/edges-doomed-challenge-to-chrome-is-embarrassing-for-microsoft-is-it-time-to-stop-forcing-the-browser-on-us-in-windows-11
    WWW.TECHRADAR.COM
    Edge’s doomed challenge to Chrome is embarrassing for Microsoft – is it time to stop forcing the browser on us in Windows 11?
    Edge has gone stale, despite Microsoft’s best efforts to promote the browser – or perhaps because of this
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึง ความเครียดในอุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์ และวิธีที่นักวิทยาศาสตร์ด้านสมองแนะนำให้ใช้ "Neurohacks" เพื่อลดผลกระทบของความเครียดและช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์สามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น

    จากการสำรวจของ ISACA ปี 2024 พบว่า 60% ของผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์รู้สึกว่าความเครียดในงานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจาก ภัยคุกคามที่ซับซ้อนขึ้น, งบประมาณที่จำกัด, การขาดแคลนบุคลากร และปัญหาการรักษาพนักงาน

    นักประสาทวิทยา Dr. Lila Landowski อธิบายว่าความเครียดในงานด้านไซเบอร์มีลักษณะคล้ายกับ สถานการณ์ฉุกเฉินทางการแพทย์ ซึ่งอาจส่งผลต่อ โครงสร้างสมอง ทำให้ ความสามารถในการตัดสินใจลดลง, ความจำแย่ลง และมีอารมณ์รุนแรงขึ้น

    ✅ ผลกระทบของความเครียดต่อสมอง
    - ความเครียดเรื้อรังทำให้ ฮิปโปแคมปัสหดตัว ส่งผลต่อความจำและการเรียนรู้
    - อะมิกดาลาโตขึ้น ทำให้มีอารมณ์รุนแรงและตอบสนองต่อความเครียดมากขึ้น
    - คอร์เทกซ์ส่วนหน้า ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการตัดสินใจ อาจทำงานผิดปกติ

    ✅ สาเหตุของความเครียดในงานด้านไซเบอร์
    - 60% ของผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์รู้สึกว่าความเครียดเพิ่มขึ้น
    - สาเหตุหลักมาจาก ภัยคุกคามที่ซับซ้อนขึ้น, งบประมาณที่จำกัด และการขาดแคลนบุคลากร

    ✅ Neurohacks เพื่อลดความเครียด
    - การเข้าสังคมแบบพบหน้ากัน ช่วยลดระดับ คอร์ติซอล และเพิ่ม ออกซิโทซิน
    - การทำสมาธิวันละ 13 นาที เป็นเวลา 8 สัปดาห์ช่วยลดขนาดอะมิกดาลา
    - การออกกำลังกาย ช่วยให้ร่างกายมีความทนทานต่อความเครียดทางจิตใจ

    ✅ แนวทางของนักวิทยาศาสตร์ด้านสมอง
    - Moran Cerf อดีตแฮกเกอร์และนักประสาทวิทยาแนะนำให้ เข้าใจว่าความเครียดมีทั้งข้อดีและข้อเสีย
    - การจัดการทีมโดยใช้ สภาวะที่เหมาะสมกับสมองของแต่ละคน ช่วยลดความเครียดและเพิ่มประสิทธิภาพ

    https://www.csoonline.com/article/3973070/neurohacks-to-outsmart-stress-and-make-better-cybersecurity-decisions.html
    บทความนี้กล่าวถึง ความเครียดในอุตสาหกรรมความปลอดภัยไซเบอร์ และวิธีที่นักวิทยาศาสตร์ด้านสมองแนะนำให้ใช้ "Neurohacks" เพื่อลดผลกระทบของความเครียดและช่วยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์สามารถตัดสินใจได้ดีขึ้น จากการสำรวจของ ISACA ปี 2024 พบว่า 60% ของผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์รู้สึกว่าความเครียดในงานเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับ 5 ปีก่อน โดยมีสาเหตุหลักมาจาก ภัยคุกคามที่ซับซ้อนขึ้น, งบประมาณที่จำกัด, การขาดแคลนบุคลากร และปัญหาการรักษาพนักงาน นักประสาทวิทยา Dr. Lila Landowski อธิบายว่าความเครียดในงานด้านไซเบอร์มีลักษณะคล้ายกับ สถานการณ์ฉุกเฉินทางการแพทย์ ซึ่งอาจส่งผลต่อ โครงสร้างสมอง ทำให้ ความสามารถในการตัดสินใจลดลง, ความจำแย่ลง และมีอารมณ์รุนแรงขึ้น ✅ ผลกระทบของความเครียดต่อสมอง - ความเครียดเรื้อรังทำให้ ฮิปโปแคมปัสหดตัว ส่งผลต่อความจำและการเรียนรู้ - อะมิกดาลาโตขึ้น ทำให้มีอารมณ์รุนแรงและตอบสนองต่อความเครียดมากขึ้น - คอร์เทกซ์ส่วนหน้า ซึ่งเป็นศูนย์กลางของการตัดสินใจ อาจทำงานผิดปกติ ✅ สาเหตุของความเครียดในงานด้านไซเบอร์ - 60% ของผู้เชี่ยวชาญด้านไซเบอร์รู้สึกว่าความเครียดเพิ่มขึ้น - สาเหตุหลักมาจาก ภัยคุกคามที่ซับซ้อนขึ้น, งบประมาณที่จำกัด และการขาดแคลนบุคลากร ✅ Neurohacks เพื่อลดความเครียด - การเข้าสังคมแบบพบหน้ากัน ช่วยลดระดับ คอร์ติซอล และเพิ่ม ออกซิโทซิน - การทำสมาธิวันละ 13 นาที เป็นเวลา 8 สัปดาห์ช่วยลดขนาดอะมิกดาลา - การออกกำลังกาย ช่วยให้ร่างกายมีความทนทานต่อความเครียดทางจิตใจ ✅ แนวทางของนักวิทยาศาสตร์ด้านสมอง - Moran Cerf อดีตแฮกเกอร์และนักประสาทวิทยาแนะนำให้ เข้าใจว่าความเครียดมีทั้งข้อดีและข้อเสีย - การจัดการทีมโดยใช้ สภาวะที่เหมาะสมกับสมองของแต่ละคน ช่วยลดความเครียดและเพิ่มประสิทธิภาพ https://www.csoonline.com/article/3973070/neurohacks-to-outsmart-stress-and-make-better-cybersecurity-decisions.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Neurohacks to outsmart stress and make better cybersecurity decisions
    Understanding how stress rewires the brain could be the key to avoiding burnout and unlocking peak performance among cyber pros.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 54 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตึกถล่ม สร้างใหม่ได้ แต่ศรัทธา…อาจไม่กลับมาอีกแล้วผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินชี้แจงว่า “เก้าอี้ตัวละ 90,000 มีแค่ของประธาน” “เจ้าหน้าที่ทั่วไปนั่งตัวละหมื่น–สองหมื่น” เหมือนจะพยายามลบภาพฟุ่มเฟือย แต่ลบยังไง…ก็ไม่อาจลบคำถามจากสังคมได้ทำไมถึงกล้าใช้เงินภาษีซื้อของแพงขนาดนั้น? ทำไมองค์กรตรวจสอบถึงตั้งมาตรฐานที่ฟุ่มเฟือยได้ขนาดนี้?คำว่า “ทำตามระเบียบ” ไม่ใช่คำตอบ เพราะถ้ามาตรฐานมันแย่ หน้าที่ของคุณคือรื้อ ไม่ใช่ทำตามสังคมไม่ได้ต้องการคำอธิบายรายประเด็น ไม่ได้อยากฟังคำพูดที่เอาไว้ “ฟอกตัวเอง” แต่ต้องการเห็นผู้นำองค์กร กล้ายอมรับ กล้ารื้อระบบ และกล้าปรับวิธีคิดเพราะถ้าคนที่ทำหน้าที่ “ตรวจสอบ” ยังไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดตรงไหน ก็อย่าหวังให้ใครเชื่อมั่นในระบบนี้อีกต่อไปตึกถล่ม…สร้างใหม่อาจได้อาคาร แต่ถ้ายังไม่ยอมรับความผิดพลาด สิ่งที่ไม่มีวันได้กลับมา คือศรัทธาของประชาชนเพราะตึกจะถล่มแค่ครั้งเดียว แต่ถ้าคำชี้แจงยังบิดเบือน ศรัทธาจะถล่มซ้ำ…ทุกครั้งที่คุณพูดอ่านบทความฉบับเต็มคลิก https://thepublisherth.com/16455-2/ #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ตึกถล่ม #ตึกสตงถล่ม #ตึกสตง #ศรัทธาประชาชน #คอร์รัปชัน #ไม่ได้มาตรฐาน - - - - - - - - - - - - - - - - - - ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ https://thepublisherth.com/https://thepublisherth.com/16455-2/?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR7-29B4KrD9FWsRztzOlQROrdsvd1pTW-mPdnhI7C99no7TIuAxRjo70xwQqQ_aem_Oxe2GqhVEHgQgjpokctUuQ
    ตึกถล่ม สร้างใหม่ได้ แต่ศรัทธา…อาจไม่กลับมาอีกแล้วผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดินชี้แจงว่า “เก้าอี้ตัวละ 90,000 มีแค่ของประธาน” “เจ้าหน้าที่ทั่วไปนั่งตัวละหมื่น–สองหมื่น” เหมือนจะพยายามลบภาพฟุ่มเฟือย แต่ลบยังไง…ก็ไม่อาจลบคำถามจากสังคมได้ทำไมถึงกล้าใช้เงินภาษีซื้อของแพงขนาดนั้น? ทำไมองค์กรตรวจสอบถึงตั้งมาตรฐานที่ฟุ่มเฟือยได้ขนาดนี้?คำว่า “ทำตามระเบียบ” ไม่ใช่คำตอบ เพราะถ้ามาตรฐานมันแย่ หน้าที่ของคุณคือรื้อ ไม่ใช่ทำตามสังคมไม่ได้ต้องการคำอธิบายรายประเด็น ไม่ได้อยากฟังคำพูดที่เอาไว้ “ฟอกตัวเอง” แต่ต้องการเห็นผู้นำองค์กร กล้ายอมรับ กล้ารื้อระบบ และกล้าปรับวิธีคิดเพราะถ้าคนที่ทำหน้าที่ “ตรวจสอบ” ยังไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดตรงไหน ก็อย่าหวังให้ใครเชื่อมั่นในระบบนี้อีกต่อไปตึกถล่ม…สร้างใหม่อาจได้อาคาร แต่ถ้ายังไม่ยอมรับความผิดพลาด สิ่งที่ไม่มีวันได้กลับมา คือศรัทธาของประชาชนเพราะตึกจะถล่มแค่ครั้งเดียว แต่ถ้าคำชี้แจงยังบิดเบือน ศรัทธาจะถล่มซ้ำ…ทุกครั้งที่คุณพูดอ่านบทความฉบับเต็มคลิก https://thepublisherth.com/16455-2/ #ThePublisherTH #สำนักข่าวออนไลน์เพื่อสังคม #ตึกถล่ม #ตึกสตงถล่ม #ตึกสตง #ศรัทธาประชาชน #คอร์รัปชัน #ไม่ได้มาตรฐาน - - - - - - - - - - - - - - - - - - ติดตามข้อมูลข่าวสารเพิ่มเติมได้ที่ https://thepublisherth.com/https://thepublisherth.com/16455-2/?fbclid=IwZXh0bgNhZW0CMTEAAR7-29B4KrD9FWsRztzOlQROrdsvd1pTW-mPdnhI7C99no7TIuAxRjo70xwQqQ_aem_Oxe2GqhVEHgQgjpokctUuQ
    THEPUBLISHERTH.COM
    ศรัทธาถล่มแรงกว่าตึก : ชำแหละวิธีคิด ผู้ว่า สตง. ความวิบัติขององค์กรต้นแบบวินัยการคลัง
    “เงินแผ่นดินนั้นคือเงินของประชาชนทั้งชาติ” — คำขวัญนี้ปรากฏอยู่ในตราสัญลักษณ์ของสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.)แต่คำชี้แจงของผู้ว่าสตง. และบรรยากาศภายในองค์กรหลัง “ตึกถล่ม–เฟอร์นิเจอร์ราคาแพง” กลับสะท้อนสิ่งตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง คนทั้งสังคมเริ่มตั้งคำถามดังขึ้นเรื่อย ๆ ว่า “ผู้บริหาร สตง. เข้าใจคำขวัญนี้จริงหรือไม่?”————-คำชี้แจงที่บอกเราว่า “ผู้ตรวจสอบยังไม่เข้าใจปัญหา” เมื่อ มณเฑียร เจริญผล ผู้ว่าสตง. ออกมาชี้แจงกรณีถูกวิจารณ์ว่าใช้งบจัดซื้อครุภัณฑ์แพงเกินความจำเป็น เช่น เก้าอี้ตัวละ 90,000 บาท ด้วยน้ำเสียงที่คล้ายโต้ตอบความเข้าใจผิดทางเทคนิค — แทนที่จะยอมรับว่าปัญหาอยู่ที่ “วิธีคิด” — มันยิ่งตอกย้ำว่าสำนักงานนี้ไม่เข้าใจเลยว่าความเชื่อมั่นของประชาชนกำลังถล่มทลาย คำชี้แจงว่า “เก้าอี้ราคาแพงมีเพียงชุดประธาน” ไม่ได้ช่วยลบข้อสงสัย เพราะคำถามจริง ๆ คือ—ทำไมถึงกล้าใช้เงินภาษีซื้อของหรูขนาดนั้น? ในวันที่คนทั้งประเทศยังยากลำบาก…แต่คนทำหน้าที่ตรวจสอบเงินแผ่นดินกลับใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือย นี่คือประเด็น…ที่น่าแปลกใจว่าจนถึงขณะนี้ผู้บริหารสตง.ยังตีโจทย์ความโกรธของสังคมไม่แตก! คำชี้แจงว่า “เจ้าหน้าที่มีเก้าอี้ราคาแค่ 1-2 หมื่น” ตั้งราคาครุภัณฑ์ตามสถานะ ก็ยิ่งดูแย่ เพราะมันยิ่งเกิดคำถามว่า—-ทำไมถึงกล้าตั้งมาตรฐานที่สิ้นเปลืองตั้งแต่ต้น? ระบบคิดที่สะท้อนว่าคุณไม่เคยตรวจตัวเอง เมื่อสตง.บอกว่าสิ่งที่ทำเป็นไปตามระเบียบราชการแต่เคยย้อนดูสำนึกในฐานะ “ผู้ตรวจเงินแผ่นดิน” ไหม?ว่าใช้จ่ายแบบนี้มัน “คุ้มค่า” กับเงินประชาชนหรือเปล่า? คุณกล้าชี้นิ้วคนอื่นว่าใช้เงินแผ่นดินอย่างไม่เหมาะสมแต่ในวันที่คุณเป็นผู้ใช้งบเอง…กลับใช้ตรรกะเดียวกับที่คุณตำหนิคนอื่นที่สังคมเขาโกรธคือ…ไม่ละอายเลยหรือ? นี่ไม่ใช่เรื่องเก้าอี้แพง แต่คือคำถามต่อคุณธรรมในการใช้อำนาจงบประมาณ และเมื่อองค์กรตรวจสอบกลับไม่สะท้อนสำนึกนี้ออกมาในคำแถลงมันจึงไม่ใช่แค่ความผิดพลาดทางการจัดซื้อ —
    Like
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 193 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อัษฎางค์ ยมนาค” ออกแถลงการณ์ยันวิจารณ์บทความ “ดร.พอล” ในฐานะประชาชนที่ต้องการปกป้องสถาบันด้วยข้อเท็จจริง ปัดกลั่นแกล้ง หรือขัดขวางเสรีภาพทางวิชาการ ส่วน กอ.รมน.ก็แจ้งความตามภารกิจหน้าที่ ชี้ศาลเคยออกหมายจับ แสดงว่ามีหลักฐานตามสมควร อัยการสั่งไม่ฟ้องเป็นคนละขั้นตอน ไม่ได้แปลว่าไม่ผิดโดยสิ้นเชิง เรียกร้องทุกฝ่ายเคารพกระบวนการยุติธรรม หยุดใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000041333

    #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “อัษฎางค์ ยมนาค” ออกแถลงการณ์ยันวิจารณ์บทความ “ดร.พอล” ในฐานะประชาชนที่ต้องการปกป้องสถาบันด้วยข้อเท็จจริง ปัดกลั่นแกล้ง หรือขัดขวางเสรีภาพทางวิชาการ ส่วน กอ.รมน.ก็แจ้งความตามภารกิจหน้าที่ ชี้ศาลเคยออกหมายจับ แสดงว่ามีหลักฐานตามสมควร อัยการสั่งไม่ฟ้องเป็นคนละขั้นตอน ไม่ได้แปลว่าไม่ผิดโดยสิ้นเชิง เรียกร้องทุกฝ่ายเคารพกระบวนการยุติธรรม หยุดใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000041333 #News1Feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 539 มุมมอง 0 รีวิว
  • ความล้มเหลวของประชาธิปไตย และทางออกจากผู้นำด้อยปัญญา

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000041022
    ความล้มเหลวของประชาธิปไตย และทางออกจากผู้นำด้อยปัญญา บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ คลิก>> https://mgronline.com/daily/detail/9680000041022
    MGRONLINE.COM
    ความล้มเหลวของประชาธิปไตย และทางออกจากผู้นำด้อยปัญญา
    คุณสนธิ ลิ้มทองกุล ปุจฉาว่า ประชาธิปไตยไทยมันล้มเหลวหมดแล้ว
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 63 มุมมอง 0 รีวิว
  • จีนกำลังเผชิญกับกระแสความนิยมของ DeepSeek ซึ่งเป็นแชตบอท AI ที่พัฒนาโดยบริษัทจีน และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เตือนว่า การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย

    Qi Xiangdong ประธานบริษัท Qi An Xin (QAX) ซึ่งเป็นบริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ในปักกิ่ง ได้กล่าวในงาน Digital China Summit ว่า AI ขนาดใหญ่มีความท้าทายด้านความปลอดภัย และอาจถูกใช้โดยแฮกเกอร์เพื่อโจมตีระบบ หรือแม้แต่ "วางยาข้อมูล" เพื่อเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของโมเดล AI

    รัฐบาลจีนได้สนับสนุนการใช้ AI อย่างแพร่หลาย โดยมีการนำ DeepSeek ไปใช้ในหลายภาคส่วน เช่น การแปลภาษา, การเขียนบทความ, การให้คำแนะนำด้านการเลี้ยงดูเด็ก และแม้แต่การแพทย์ อย่างไรก็ตาม มณฑลหูหนาน ได้สั่งห้ามโรงพยาบาลใช้ AI ในการออกใบสั่งยา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความแม่นยำของข้อมูล

    นอกจากนี้ สำนักงานบริหารไซเบอร์ของจีน ได้ประกาศ แคมเปญควบคุม AI เป็นเวลา 3 เดือน เพื่อตรวจสอบบริการ AI ที่ให้คำแนะนำทางการแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการเผยแพร่ข้อมูลผิดพลาดเกี่ยวกับการลงทุนและข่าวสารสาธารณะ

    ✅ ความนิยมของ DeepSeek ในจีน
    - DeepSeek เป็นแชตบอท AI ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน
    - ถูกนำไปใช้ในหลายภาคส่วน เช่น การแปลภาษา, การเขียนบทความ และการแพทย์

    ✅ คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์
    - Qi Xiangdong เตือนว่า AI อาจถูกใช้โดยแฮกเกอร์เพื่อโจมตีระบบ
    - มีความเสี่ยงจากการ "วางยาข้อมูล" เพื่อเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของ AI

    ✅ การควบคุมการใช้ AI ในจีน
    - มณฑลหูหนานสั่งห้ามโรงพยาบาลใช้ AI ในการออกใบสั่งยา
    - สำนักงานบริหารไซเบอร์ของจีนประกาศแคมเปญควบคุม AI เป็นเวลา 3 เดือน

    ✅ การใช้ AI ในภาครัฐ
    - รัฐบาลจีนใช้ AI ในการร่างเอกสารและตรวจสอบข้อมูล
    - มีการนำ AI ไปใช้ร่วมกับกล้องวงจรปิดเพื่อช่วยค้นหาผู้สูญหาย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/01/relying-on-ai-carries-risks-cybersecurity-expert-warns-amid-chinas-deepseek-craze
    จีนกำลังเผชิญกับกระแสความนิยมของ DeepSeek ซึ่งเป็นแชตบอท AI ที่พัฒนาโดยบริษัทจีน และได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล อย่างไรก็ตาม ผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์เตือนว่า การพึ่งพา AI มากเกินไปอาจก่อให้เกิดความเสี่ยงด้านความปลอดภัย Qi Xiangdong ประธานบริษัท Qi An Xin (QAX) ซึ่งเป็นบริษัทด้านความปลอดภัยไซเบอร์ในปักกิ่ง ได้กล่าวในงาน Digital China Summit ว่า AI ขนาดใหญ่มีความท้าทายด้านความปลอดภัย และอาจถูกใช้โดยแฮกเกอร์เพื่อโจมตีระบบ หรือแม้แต่ "วางยาข้อมูล" เพื่อเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของโมเดล AI รัฐบาลจีนได้สนับสนุนการใช้ AI อย่างแพร่หลาย โดยมีการนำ DeepSeek ไปใช้ในหลายภาคส่วน เช่น การแปลภาษา, การเขียนบทความ, การให้คำแนะนำด้านการเลี้ยงดูเด็ก และแม้แต่การแพทย์ อย่างไรก็ตาม มณฑลหูหนาน ได้สั่งห้ามโรงพยาบาลใช้ AI ในการออกใบสั่งยา เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับความแม่นยำของข้อมูล นอกจากนี้ สำนักงานบริหารไซเบอร์ของจีน ได้ประกาศ แคมเปญควบคุม AI เป็นเวลา 3 เดือน เพื่อตรวจสอบบริการ AI ที่ให้คำแนะนำทางการแพทย์โดยไม่ได้รับอนุญาต รวมถึงการเผยแพร่ข้อมูลผิดพลาดเกี่ยวกับการลงทุนและข่าวสารสาธารณะ ✅ ความนิยมของ DeepSeek ในจีน - DeepSeek เป็นแชตบอท AI ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน - ถูกนำไปใช้ในหลายภาคส่วน เช่น การแปลภาษา, การเขียนบทความ และการแพทย์ ✅ คำเตือนจากผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ - Qi Xiangdong เตือนว่า AI อาจถูกใช้โดยแฮกเกอร์เพื่อโจมตีระบบ - มีความเสี่ยงจากการ "วางยาข้อมูล" เพื่อเปลี่ยนแปลงการตัดสินใจของ AI ✅ การควบคุมการใช้ AI ในจีน - มณฑลหูหนานสั่งห้ามโรงพยาบาลใช้ AI ในการออกใบสั่งยา - สำนักงานบริหารไซเบอร์ของจีนประกาศแคมเปญควบคุม AI เป็นเวลา 3 เดือน ✅ การใช้ AI ในภาครัฐ - รัฐบาลจีนใช้ AI ในการร่างเอกสารและตรวจสอบข้อมูล - มีการนำ AI ไปใช้ร่วมกับกล้องวงจรปิดเพื่อช่วยค้นหาผู้สูญหาย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/05/01/relying-on-ai-carries-risks-cybersecurity-expert-warns-amid-chinas-deepseek-craze
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Relying on AI carries risks, cybersecurity expert warns amid China’s DeepSeek craze
    Political adviser cautions against dependence on AI for decision-making, calls for security mechanism to monitor and intercept threats.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึง 14 ใบรับรองด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่มีมูลค่าสูงที่สุด ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรม และมีผลต่อโอกาสในการทำงาน รวมถึงระดับเงินเดือนของผู้ถือใบรับรอง

    ใบรับรองเหล่านี้ถูกคัดเลือกโดยพิจารณาจาก การยอมรับในอุตสาหกรรม, เครือข่ายมืออาชีพ, และ ผลตอบแทนทางการเงิน โดยใช้ข้อมูลจาก CyberSeek, Skillsoft, และ Foote Partners เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด

    ใบรับรองที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุด ได้แก่ AWS Certified Security — Specialty, Certified Cloud Security Professional (CCSP), Certified Ethical Hacker (C|EH), Certified Information Security Manager (CISM), และ Certified Information Systems Security Professional (CISSP) ซึ่งแต่ละใบรับรองมีข้อกำหนดและข้อดีที่แตกต่างกัน

    นอกจากนี้ บทความยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีเลือกใบรับรองที่เหมาะสมกับเป้าหมายอาชีพของแต่ละบุคคล โดยเน้นไปที่ ความต้องการของตลาด, โอกาสในการสร้างเครือข่าย, และ ผลตอบแทนทางการเงิน

    ✅ ใบรับรองที่ได้รับการยอมรับสูงสุด
    - AWS Certified Security — Specialty
    - Certified Cloud Security Professional (CCSP)
    - Certified Ethical Hacker (C|EH)
    - Certified Information Privacy Professional (CIPP)
    - Certified Information Security Manager (CISM)
    - Certified Information Systems Auditor (CISA)
    - Certified Information Systems Security Professional (CISSP)
    - Certified in Risk and Information Systems Control (CRISC)
    - Cisco Certified Network Professional (CCNP) Security
    - CompTIA Advanced Security Practitioner (CASP+)
    - CompTIA Security+
    - GIAC Security Essentials Certification (GSEC)
    - Offensive Security Certified Professional (OSCP)
    - Systems Security Certified Practitioner (SSCP)

    ✅ เกณฑ์การคัดเลือกใบรับรอง
    - การยอมรับในอุตสาหกรรม
    - เครือข่ายมืออาชีพและโอกาสในการสร้างเครือข่าย
    - ผลตอบแทนทางการเงินและระดับเงินเดือน

    ✅ แนวโน้มของตลาดใบรับรอง
    - ใบรับรองที่เกี่ยวข้องกับ Cloud Security กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น
    - ใบรับรองที่เกี่ยวข้องกับ Risk Management มีผลต่อโอกาสในการเลื่อนตำแหน่ง

    ✅ คำแนะนำในการเลือกใบรับรอง
    - ควรเลือกใบรับรองที่สอดคล้องกับเป้าหมายอาชีพ
    - พิจารณาค่าใช้จ่ายและระยะเวลาที่ต้องใช้ในการสอบ

    https://www.csoonline.com/article/3970107/the-14-most-valuable-cybersecurity-certifications.html
    บทความนี้กล่าวถึง 14 ใบรับรองด้านความปลอดภัยไซเบอร์ที่มีมูลค่าสูงที่สุด ซึ่งได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางในอุตสาหกรรม และมีผลต่อโอกาสในการทำงาน รวมถึงระดับเงินเดือนของผู้ถือใบรับรอง ใบรับรองเหล่านี้ถูกคัดเลือกโดยพิจารณาจาก การยอมรับในอุตสาหกรรม, เครือข่ายมืออาชีพ, และ ผลตอบแทนทางการเงิน โดยใช้ข้อมูลจาก CyberSeek, Skillsoft, และ Foote Partners เพื่อวิเคราะห์แนวโน้มของตลาด ใบรับรองที่ได้รับการจัดอันดับสูงสุด ได้แก่ AWS Certified Security — Specialty, Certified Cloud Security Professional (CCSP), Certified Ethical Hacker (C|EH), Certified Information Security Manager (CISM), และ Certified Information Systems Security Professional (CISSP) ซึ่งแต่ละใบรับรองมีข้อกำหนดและข้อดีที่แตกต่างกัน นอกจากนี้ บทความยังให้คำแนะนำเกี่ยวกับวิธีเลือกใบรับรองที่เหมาะสมกับเป้าหมายอาชีพของแต่ละบุคคล โดยเน้นไปที่ ความต้องการของตลาด, โอกาสในการสร้างเครือข่าย, และ ผลตอบแทนทางการเงิน ✅ ใบรับรองที่ได้รับการยอมรับสูงสุด - AWS Certified Security — Specialty - Certified Cloud Security Professional (CCSP) - Certified Ethical Hacker (C|EH) - Certified Information Privacy Professional (CIPP) - Certified Information Security Manager (CISM) - Certified Information Systems Auditor (CISA) - Certified Information Systems Security Professional (CISSP) - Certified in Risk and Information Systems Control (CRISC) - Cisco Certified Network Professional (CCNP) Security - CompTIA Advanced Security Practitioner (CASP+) - CompTIA Security+ - GIAC Security Essentials Certification (GSEC) - Offensive Security Certified Professional (OSCP) - Systems Security Certified Practitioner (SSCP) ✅ เกณฑ์การคัดเลือกใบรับรอง - การยอมรับในอุตสาหกรรม - เครือข่ายมืออาชีพและโอกาสในการสร้างเครือข่าย - ผลตอบแทนทางการเงินและระดับเงินเดือน ✅ แนวโน้มของตลาดใบรับรอง - ใบรับรองที่เกี่ยวข้องกับ Cloud Security กำลังได้รับความนิยมมากขึ้น - ใบรับรองที่เกี่ยวข้องกับ Risk Management มีผลต่อโอกาสในการเลื่อนตำแหน่ง ✅ คำแนะนำในการเลือกใบรับรอง - ควรเลือกใบรับรองที่สอดคล้องกับเป้าหมายอาชีพ - พิจารณาค่าใช้จ่ายและระยะเวลาที่ต้องใช้ในการสอบ https://www.csoonline.com/article/3970107/the-14-most-valuable-cybersecurity-certifications.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    The 14 most valuable cybersecurity certifications
    Widely recognized across the industry, these blue-chip certs are highly valued by employers, offer competitive salaries, and are backed by strong professional communities.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 122 มุมมอง 0 รีวิว
  • Elon Musk ได้ออกมาตอบโต้รายงานของ Wall Street Journal (WSJ) ที่อ้างว่า คณะกรรมการของ Tesla กำลังมองหาซีอีโอคนใหม่ โดย Musk ระบุว่าข่าวดังกล่าวเป็น "บทความที่จงใจให้ข้อมูลเท็จ" และเป็น "การละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง"

    WSJ รายงานว่าคณะกรรมการของ Tesla ได้ติดต่อบริษัทจัดหาผู้บริหารเพื่อเริ่มกระบวนการค้นหาซีอีโอคนใหม่ อย่างไรก็ตาม Robyn Denholm ประธานคณะกรรมการของ Tesla ได้ออกมาปฏิเสธข่าวนี้ผ่านบัญชี X ของบริษัท โดยระบุว่า "ข่าวนี้เป็นเท็จโดยสิ้นเชิง และเราได้แจ้งไปยังสื่อก่อนที่รายงานจะถูกเผยแพร่"

    รายงานของ WSJ เกิดขึ้นในช่วงที่ Tesla กำลังเผชิญกับ ยอดขายและกำไรที่ลดลง รวมถึงการสูญเสียตำแหน่ง ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในโลก ให้กับ BYD จากจีน นอกจากนี้ หุ้นของ Tesla ก็ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี

    อีกหนึ่งประเด็นที่ WSJ กล่าวถึงคือ บทบาททางการเมืองของ Musk ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Tesla โดย Musk ได้แสดงการสนับสนุน Donald Trump และมีส่วนร่วมในโครงการ Department of Government Efficiency (DOGE) ซึ่งสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสหรัฐฯ และยุโรป

    นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับ เวลาที่ Musk ใช้กับ Tesla เนื่องจากเขามีบทบาทสำคัญใน SpaceX, Neuralink และ X ทำให้นักลงทุนตั้งคำถามว่าเขายังสามารถให้ความสำคัญกับ Tesla ได้มากพอหรือไม่

    ✅ การตอบโต้ของ Elon Musk และ Tesla
    - Musk ระบุว่ารายงานของ WSJ เป็น "บทความที่จงใจให้ข้อมูลเท็จ"
    - Robyn Denholm ประธานคณะกรรมการของ Tesla ปฏิเสธข่าวนี้ผ่านบัญชี X

    ✅ สถานการณ์ทางธุรกิจของ Tesla
    - Tesla มียอดขายและกำไรลดลงในไตรมาสแรกของปี 2025
    - สูญเสียตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดให้กับ BYD จากจีน

    ✅ บทบาททางการเมืองของ Musk
    - Musk สนับสนุน Donald Trump และมีส่วนร่วมในโครงการ DOGE
    - ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Tesla ในสหรัฐฯ และยุโรป

    ✅ ข้อกังวลเกี่ยวกับเวลาที่ Musk ใช้กับ Tesla
    - นักลงทุนตั้งคำถามว่า Musk ยังสามารถให้ความสำคัญกับ Tesla ได้มากพอหรือไม่
    - Musk ระบุว่าเขาจะ เพิ่มเวลาที่ใช้กับ Tesla ตั้งแต่เดือนหน้า

    https://www.neowin.net/news/elon-musk-accuses-wsj-of-lying-about-tesla-looking-for-a-new-ceo/
    Elon Musk ได้ออกมาตอบโต้รายงานของ Wall Street Journal (WSJ) ที่อ้างว่า คณะกรรมการของ Tesla กำลังมองหาซีอีโอคนใหม่ โดย Musk ระบุว่าข่าวดังกล่าวเป็น "บทความที่จงใจให้ข้อมูลเท็จ" และเป็น "การละเมิดจริยธรรมอย่างร้ายแรง" WSJ รายงานว่าคณะกรรมการของ Tesla ได้ติดต่อบริษัทจัดหาผู้บริหารเพื่อเริ่มกระบวนการค้นหาซีอีโอคนใหม่ อย่างไรก็ตาม Robyn Denholm ประธานคณะกรรมการของ Tesla ได้ออกมาปฏิเสธข่าวนี้ผ่านบัญชี X ของบริษัท โดยระบุว่า "ข่าวนี้เป็นเท็จโดยสิ้นเชิง และเราได้แจ้งไปยังสื่อก่อนที่รายงานจะถูกเผยแพร่" รายงานของ WSJ เกิดขึ้นในช่วงที่ Tesla กำลังเผชิญกับ ยอดขายและกำไรที่ลดลง รวมถึงการสูญเสียตำแหน่ง ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดในโลก ให้กับ BYD จากจีน นอกจากนี้ หุ้นของ Tesla ก็ลดลงอย่างต่อเนื่องตั้งแต่ต้นปี อีกหนึ่งประเด็นที่ WSJ กล่าวถึงคือ บทบาททางการเมืองของ Musk ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Tesla โดย Musk ได้แสดงการสนับสนุน Donald Trump และมีส่วนร่วมในโครงการ Department of Government Efficiency (DOGE) ซึ่งสร้างกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสหรัฐฯ และยุโรป นอกจากนี้ ยังมีข้อกังวลเกี่ยวกับ เวลาที่ Musk ใช้กับ Tesla เนื่องจากเขามีบทบาทสำคัญใน SpaceX, Neuralink และ X ทำให้นักลงทุนตั้งคำถามว่าเขายังสามารถให้ความสำคัญกับ Tesla ได้มากพอหรือไม่ ✅ การตอบโต้ของ Elon Musk และ Tesla - Musk ระบุว่ารายงานของ WSJ เป็น "บทความที่จงใจให้ข้อมูลเท็จ" - Robyn Denholm ประธานคณะกรรมการของ Tesla ปฏิเสธข่าวนี้ผ่านบัญชี X ✅ สถานการณ์ทางธุรกิจของ Tesla - Tesla มียอดขายและกำไรลดลงในไตรมาสแรกของปี 2025 - สูญเสียตำแหน่งผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้ารายใหญ่ที่สุดให้กับ BYD จากจีน ✅ บทบาททางการเมืองของ Musk - Musk สนับสนุน Donald Trump และมีส่วนร่วมในโครงการ DOGE - ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Tesla ในสหรัฐฯ และยุโรป ✅ ข้อกังวลเกี่ยวกับเวลาที่ Musk ใช้กับ Tesla - นักลงทุนตั้งคำถามว่า Musk ยังสามารถให้ความสำคัญกับ Tesla ได้มากพอหรือไม่ - Musk ระบุว่าเขาจะ เพิ่มเวลาที่ใช้กับ Tesla ตั้งแต่เดือนหน้า https://www.neowin.net/news/elon-musk-accuses-wsj-of-lying-about-tesla-looking-for-a-new-ceo/
    WWW.NEOWIN.NET
    Elon Musk accuses WSJ of lying about Tesla looking for a new CEO
    A recent report claimed that the Tesla board was seeking to replace its CEO. Now, Tesla's chair and Elon Musk have called this report false.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 108 มุมมอง 0 รีวิว
  • Wikipedia กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของ AI โดย Wikimedia Foundation ได้ประกาศกลยุทธ์ใหม่ในการใช้ AI เพื่อช่วยเหลืออาสาสมัครในการดูแลและปรับปรุงเนื้อหา แทนที่จะใช้ AI เพื่อแทนที่มนุษย์

    AI จะถูกนำมาใช้เพื่อ ลดภาระงานที่ซ้ำซาก เช่น การตรวจสอบบทความ การแปลภาษา และการช่วยให้ข้อมูลสามารถค้นหาได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ AI ยังจะช่วยในการฝึกอบรมอาสาสมัครใหม่ผ่านระบบ mentorship อัตโนมัติ

    อย่างไรก็ตาม Wikimedia Foundation ยืนยันว่า AI จะไม่แทนที่มนุษย์ เนื่องจากชุมชนอาสาสมัครเป็นหัวใจสำคัญของ Wikipedia และการสร้างเนื้อหาต้องอาศัยการพิจารณาและการตัดสินใจร่วมกัน

    ✅ การใช้ AI เพื่อช่วยเหลืออาสาสมัคร
    - ลดภาระงานที่ซ้ำซาก เช่น การตรวจสอบบทความและการแปลภาษา
    - ปรับปรุงการค้นหาข้อมูลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ✅ การฝึกอบรมอาสาสมัครใหม่
    - ใช้ AI เพื่อช่วยให้การ onboarding ของอาสาสมัครมีประสิทธิภาพมากขึ้น
    - ระบบ mentorship อัตโนมัติช่วยให้ผู้ใช้ใหม่เข้าใจการทำงานของ Wikipedia

    ✅ การรักษาบทบาทของมนุษย์
    - Wikimedia Foundation ยืนยันว่า AI จะไม่แทนที่มนุษย์
    - การสร้างเนื้อหาต้องอาศัยการพิจารณาและการตัดสินใจร่วมกัน

    ✅ แผนการดำเนินงาน
    - กลยุทธ์ AI จะถูกนำมาใช้ในช่วงสามปีข้างหน้า
    - มีการทบทวนแผนงานเป็นรายปีเพื่อปรับปรุงให้เหมาะสม

    https://www.neowin.net/news/wikipedia-announces-new-ai-strategy-but-it-wont-sacrifice-human-editors/
    Wikipedia กำลังเข้าสู่ยุคใหม่ของ AI โดย Wikimedia Foundation ได้ประกาศกลยุทธ์ใหม่ในการใช้ AI เพื่อช่วยเหลืออาสาสมัครในการดูแลและปรับปรุงเนื้อหา แทนที่จะใช้ AI เพื่อแทนที่มนุษย์ AI จะถูกนำมาใช้เพื่อ ลดภาระงานที่ซ้ำซาก เช่น การตรวจสอบบทความ การแปลภาษา และการช่วยให้ข้อมูลสามารถค้นหาได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้ AI ยังจะช่วยในการฝึกอบรมอาสาสมัครใหม่ผ่านระบบ mentorship อัตโนมัติ อย่างไรก็ตาม Wikimedia Foundation ยืนยันว่า AI จะไม่แทนที่มนุษย์ เนื่องจากชุมชนอาสาสมัครเป็นหัวใจสำคัญของ Wikipedia และการสร้างเนื้อหาต้องอาศัยการพิจารณาและการตัดสินใจร่วมกัน ✅ การใช้ AI เพื่อช่วยเหลืออาสาสมัคร - ลดภาระงานที่ซ้ำซาก เช่น การตรวจสอบบทความและการแปลภาษา - ปรับปรุงการค้นหาข้อมูลให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ การฝึกอบรมอาสาสมัครใหม่ - ใช้ AI เพื่อช่วยให้การ onboarding ของอาสาสมัครมีประสิทธิภาพมากขึ้น - ระบบ mentorship อัตโนมัติช่วยให้ผู้ใช้ใหม่เข้าใจการทำงานของ Wikipedia ✅ การรักษาบทบาทของมนุษย์ - Wikimedia Foundation ยืนยันว่า AI จะไม่แทนที่มนุษย์ - การสร้างเนื้อหาต้องอาศัยการพิจารณาและการตัดสินใจร่วมกัน ✅ แผนการดำเนินงาน - กลยุทธ์ AI จะถูกนำมาใช้ในช่วงสามปีข้างหน้า - มีการทบทวนแผนงานเป็นรายปีเพื่อปรับปรุงให้เหมาะสม https://www.neowin.net/news/wikipedia-announces-new-ai-strategy-but-it-wont-sacrifice-human-editors/
    WWW.NEOWIN.NET
    Wikipedia announces new AI strategy but it won't sacrifice human editors
    Wikipedia is working on a new AI strategy, but it won't replace the humans who built the platform for over 25 years.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 71 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของระบบปฏิบัติการและความตื่นเต้นที่ลดลงเกี่ยวกับการอัปเดตระบบปฏิบัติการใหม่ๆ โดยผู้เขียนสะท้อนถึงช่วงเวลาที่ Windows XP, Vista และ Windows 7 มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและน่าตื่นเต้น แต่เมื่อ ChromeOS และ Android เริ่มมีการอัปเดตแบบต่อเนื่องและไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ความตื่นเต้นเกี่ยวกับการอัปเดตระบบปฏิบัติการก็ลดลง

    Google มีบทบาทสำคัญในการทำให้การอัปเดตระบบปฏิบัติการกลายเป็นเรื่องธรรมดา โดย ChromeOS ใช้แนวทางการอัปเดตแบบต่อเนื่องที่ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ขณะที่ Android ก็มีการเปลี่ยนแปลงที่ลดลงหลังจากยุคของ Android 5 เป็นต้นมา

    นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีเว็บ เช่น HTML5 ทำให้เว็บแอปมีความสามารถมากขึ้น ส่งผลให้ระบบปฏิบัติการมีบทบาทลดลงในการใช้งานทั่วไป

    ✅ ChromeOS และการอัปเดตแบบต่อเนื่อง
    - ChromeOS ใช้แนวทางการอัปเดตแบบต่อเนื่อง ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
    - ระบบมีความปลอดภัยสูงและสามารถอัปเดตได้รวดเร็ว

    ✅ Android และการลดลงของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
    - Android มีการเปลี่ยนแปลงที่ลดลงหลังจากยุคของ Android 5
    - การอัปเดตระบบปฏิบัติการกลายเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญสำหรับผู้ใช้

    ✅ บทบาทของเทคโนโลยีเว็บ
    - HTML5 ทำให้เว็บแอปมีความสามารถมากขึ้น
    - ระบบปฏิบัติการมีบทบาทลดลงในการใช้งานทั่วไป

    ✅ แนวโน้มของการอัปเดตระบบปฏิบัติการ
    - การอัปเดตแบบต่อเนื่องช่วยลดความยุ่งยากในการใช้งาน
    - ผู้ใช้สามารถโฟกัสไปที่การทำงานแทนที่จะต้องเรียนรู้ระบบใหม่

    https://www.neowin.net/editorials/how-google-killed-my-excitement-in-operating-system-upgrades/
    บทความนี้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงของระบบปฏิบัติการและความตื่นเต้นที่ลดลงเกี่ยวกับการอัปเดตระบบปฏิบัติการใหม่ๆ โดยผู้เขียนสะท้อนถึงช่วงเวลาที่ Windows XP, Vista และ Windows 7 มีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญและน่าตื่นเต้น แต่เมื่อ ChromeOS และ Android เริ่มมีการอัปเดตแบบต่อเนื่องและไม่มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ความตื่นเต้นเกี่ยวกับการอัปเดตระบบปฏิบัติการก็ลดลง Google มีบทบาทสำคัญในการทำให้การอัปเดตระบบปฏิบัติการกลายเป็นเรื่องธรรมดา โดย ChromeOS ใช้แนวทางการอัปเดตแบบต่อเนื่องที่ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ขณะที่ Android ก็มีการเปลี่ยนแปลงที่ลดลงหลังจากยุคของ Android 5 เป็นต้นมา นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีเว็บ เช่น HTML5 ทำให้เว็บแอปมีความสามารถมากขึ้น ส่งผลให้ระบบปฏิบัติการมีบทบาทลดลงในการใช้งานทั่วไป ✅ ChromeOS และการอัปเดตแบบต่อเนื่อง - ChromeOS ใช้แนวทางการอัปเดตแบบต่อเนื่อง ทำให้ผู้ใช้ไม่ต้องกังวลเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ - ระบบมีความปลอดภัยสูงและสามารถอัปเดตได้รวดเร็ว ✅ Android และการลดลงของการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ - Android มีการเปลี่ยนแปลงที่ลดลงหลังจากยุคของ Android 5 - การอัปเดตระบบปฏิบัติการกลายเป็นเรื่องที่ไม่สำคัญสำหรับผู้ใช้ ✅ บทบาทของเทคโนโลยีเว็บ - HTML5 ทำให้เว็บแอปมีความสามารถมากขึ้น - ระบบปฏิบัติการมีบทบาทลดลงในการใช้งานทั่วไป ✅ แนวโน้มของการอัปเดตระบบปฏิบัติการ - การอัปเดตแบบต่อเนื่องช่วยลดความยุ่งยากในการใช้งาน - ผู้ใช้สามารถโฟกัสไปที่การทำงานแทนที่จะต้องเรียนรู้ระบบใหม่ https://www.neowin.net/editorials/how-google-killed-my-excitement-in-operating-system-upgrades/
    WWW.NEOWIN.NET
    How Google killed my excitement in operating system upgrades
    In this editorial, I explore how Google killed my excitement in operating system upgrades. Despite this, there is a bit of a twist to my opinion on the matter.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 73 มุมมอง 0 รีวิว
  • นักข่าวชาวสวีเดนถูกตัดสินจำคุกในคดี "หมิ่นประมาท" (insulting the president) ผู้นำตุรกี

    โจอาคิม เมดิน (Joakim Medin) นักข่าวชาวสวีเดนถูกตัดสินจำคุก 11 เดือนแต่ได้รับโทษรอลงอาญา ฐานหมิ่นประมาทผู้นำตุรกี ประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน

    โจอาคิม เมดิน ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ขณะเดินทางเข้ามาในตุรกีเพื่อรายงานข่าวการประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่เพิ่งเกิดขึ้นล่าสุด


    ในสำนวนฟ้องเมดิน ทางการตุรกีได้อ้างอิงบทความหลายชิ้นที่เมดินเขียน ซึ่งมีภาพประกอบเป็น "รูปหุ่นแอร์โดอัน" ซึ่งเป็นลักษณะภาพที่ส่อไปทางน่ารังเกียจ เมดินปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยโต้แย้งว่าเขาไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับภาพประกอบบทความดังกล่าว แต่เป็นความรับผิดชอบของบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์เองต่างหากที่ใส่ภาพลงไป

    แม้ว่าเมดินจะถูกศาลสั่งปล่อยตัวจากคดี "หมิ่นประมาท" แต่เขายังคงถูกควบคุมตัวต่อไป เนื่องจากถูกกล่าวหาในคดีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรก่อการร้าย PKK ด้วย
    นักข่าวชาวสวีเดนถูกตัดสินจำคุกในคดี "หมิ่นประมาท" (insulting the president) ผู้นำตุรกี โจอาคิม เมดิน (Joakim Medin) นักข่าวชาวสวีเดนถูกตัดสินจำคุก 11 เดือนแต่ได้รับโทษรอลงอาญา ฐานหมิ่นประมาทผู้นำตุรกี ประธานาธิบดีเรเจป ไตยิป แอร์โดอัน โจอาคิม เมดิน ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 27 มีนาคม ขณะเดินทางเข้ามาในตุรกีเพื่อรายงานข่าวการประท้วงต่อต้านรัฐบาลที่เพิ่งเกิดขึ้นล่าสุด ในสำนวนฟ้องเมดิน ทางการตุรกีได้อ้างอิงบทความหลายชิ้นที่เมดินเขียน ซึ่งมีภาพประกอบเป็น "รูปหุ่นแอร์โดอัน" ซึ่งเป็นลักษณะภาพที่ส่อไปทางน่ารังเกียจ เมดินปฏิเสธข้อกล่าวหา โดยโต้แย้งว่าเขาไม่ได้มีส่วนรู้เห็นกับภาพประกอบบทความดังกล่าว แต่เป็นความรับผิดชอบของบรรณาธิการของหนังสือพิมพ์เองต่างหากที่ใส่ภาพลงไป แม้ว่าเมดินจะถูกศาลสั่งปล่อยตัวจากคดี "หมิ่นประมาท" แต่เขายังคงถูกควบคุมตัวต่อไป เนื่องจากถูกกล่าวหาในคดีที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับองค์กรก่อการร้าย PKK ด้วย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • พรรคประชาธิปัตย์จะไปทางไหน

    บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ

    https://mgronline.com/daily/detail/9680000040743
    พรรคประชาธิปัตย์จะไปทางไหน บทความโดย : สุรวิชช์ วีรวรรณ https://mgronline.com/daily/detail/9680000040743
    MGRONLINE.COM
    พรรคประชาธิปัตย์จะไปทางไหน
    การพ่ายแพ้อย่างย่อยยับได้เพียง 4,000 กว่าคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ในเขต 8 นครศรีธรรมราช ไม่ใช่ลางบอกเหตุการล่มสลายของพรรคประชาธิปัตย์ในภาคใต้ แต่เป็นการตอกย้ำอนาคตที่จะประสบกับชะตากรรมที่หนักหนาจากการเลือกตั้งครั้งที่แล้วที่ ปชป.ได
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 69 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการโจมตีทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนและแพร่หลายต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของอิหร่าน ซึ่งถูกป้องกันได้สำเร็จโดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศ แม้ว่ารายละเอียดของการโจมตีจะยังไม่ถูกเปิดเผย แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลอิหร่านยืนยันว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุดและซับซ้อนที่สุดที่เคยเกิดขึ้น

    การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มสูงขึ้น โดยโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น โทรคมนาคม การขนส่ง พลังงาน และน้ำ ยังคงเป็นเป้าหมายหลักของกลุ่มผู้โจมตีที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐและอาชญากรไซเบอร์

    ✅ การโจมตีที่ซับซ้อนและแพร่หลาย
    - โครงสร้างพื้นฐานสำคัญของอิหร่านถูกโจมตีทางไซเบอร์
    - การโจมตีถูกป้องกันได้สำเร็จโดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์

    ✅ เป้าหมายของการโจมตี
    - โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น โทรคมนาคม การขนส่ง พลังงาน และน้ำ
    - การโจมตีที่ส่งผลกระทบต่อบริการที่สำคัญและอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต

    ✅ การตอบสนองของรัฐบาลอิหร่าน
    - เจ้าหน้าที่ระดับสูงยืนยันความสำเร็จในการป้องกันการโจมตี
    - การโจมตีครั้งนี้เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุดและซับซ้อนที่สุด

    ✅ ความสำคัญของการป้องกันภัยไซเบอร์
    - ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทำให้โครงสร้างพื้นฐานสำคัญเป็นเป้าหมายหลัก

    https://www.techradar.com/pro/security/widespread-cyberattack-against-national-infrastructure-thwarted-iranian-government-claims
    บทความนี้กล่าวถึงการโจมตีทางไซเบอร์ที่ซับซ้อนและแพร่หลายต่อโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของอิหร่าน ซึ่งถูกป้องกันได้สำเร็จโดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ของประเทศ แม้ว่ารายละเอียดของการโจมตีจะยังไม่ถูกเปิดเผย แต่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลอิหร่านยืนยันว่าการโจมตีครั้งนี้เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุดและซับซ้อนที่สุดที่เคยเกิดขึ้น การโจมตีดังกล่าวเกิดขึ้นในช่วงที่ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์เพิ่มสูงขึ้น โดยโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น โทรคมนาคม การขนส่ง พลังงาน และน้ำ ยังคงเป็นเป้าหมายหลักของกลุ่มผู้โจมตีที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐและอาชญากรไซเบอร์ ✅ การโจมตีที่ซับซ้อนและแพร่หลาย - โครงสร้างพื้นฐานสำคัญของอิหร่านถูกโจมตีทางไซเบอร์ - การโจมตีถูกป้องกันได้สำเร็จโดยทีมผู้เชี่ยวชาญด้านความปลอดภัยไซเบอร์ ✅ เป้าหมายของการโจมตี - โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น โทรคมนาคม การขนส่ง พลังงาน และน้ำ - การโจมตีที่ส่งผลกระทบต่อบริการที่สำคัญและอาจเป็นอันตรายต่อชีวิต ✅ การตอบสนองของรัฐบาลอิหร่าน - เจ้าหน้าที่ระดับสูงยืนยันความสำเร็จในการป้องกันการโจมตี - การโจมตีครั้งนี้เป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่ใหญ่ที่สุดและซับซ้อนที่สุด ✅ ความสำคัญของการป้องกันภัยไซเบอร์ - ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ทำให้โครงสร้างพื้นฐานสำคัญเป็นเป้าหมายหลัก https://www.techradar.com/pro/security/widespread-cyberattack-against-national-infrastructure-thwarted-iranian-government-claims
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 118 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงผลกระทบของการนำ AI มาใช้แทนแรงงานมนุษย์ในธุรกิจในสหราชอาณาจักร โดยรายงานจาก Orgvue พบว่า 55% ของธุรกิจที่ปลดพนักงานเพื่อแทนที่ด้วย AI รู้สึกเสียใจ เนื่องจากการตัดสินใจดังกล่าวนำไปสู่ความสับสนภายในองค์กร การลาออกของพนักงาน และประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลง ซึ่งตรงข้ามกับความคาดหวังของธุรกิจที่หวังว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ

    แม้ว่าผู้นำธุรกิจบางส่วนยังคงไม่เข้าใจผลกระทบของ AI ต่อองค์กร แต่หลายบริษัทเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการฝึกอบรมพนักงานให้ใช้งาน AI อย่างเหมาะสม โดย 80% ของธุรกิจมีแผนเพิ่มการลงทุนใน AI ในปี 2025 และ 41% ได้เพิ่มงบประมาณสำหรับการเรียนรู้และพัฒนา

    อย่างไรก็ตาม การใช้ AI โดยไม่มีแผนที่ชัดเจนอาจนำไปสู่ความเสี่ยง เช่น การใช้งาน AI ที่ไม่สามารถควบคุมได้ และการลดความรับผิดชอบของผู้นำในการปกป้องพนักงานจากการถูกปลด

    ✅ ผลกระทบจากการปลดพนักงานเพื่อแทนที่ด้วย AI
    - 55% ของธุรกิจที่ปลดพนักงานรู้สึกเสียใจ
    - การตัดสินใจดังกล่าวนำไปสู่ความสับสนภายในองค์กรและประสิทธิภาพที่ลดลง

    ✅ การลงทุนใน AI
    - 80% ของธุรกิจมีแผนเพิ่มการลงทุนใน AI ในปี 2025
    - 41% ได้เพิ่มงบประมาณสำหรับการเรียนรู้และพัฒนา

    ✅ การฝึกอบรมพนักงาน
    - 4 ใน 5 ธุรกิจมีแผนฝึกอบรมพนักงานให้ใช้งาน AI อย่างเหมาะสม
    - 51% ได้กำหนดนโยบายการใช้งาน AI ภายในองค์กร

    ✅ ความสำคัญของแรงงานมนุษย์
    - ธุรกิจเริ่มตระหนักว่าแรงงานมนุษย์ยังคงมีบทบาทสำคัญ

    https://www.techradar.com/pro/over-half-of-uk-businesses-who-replaced-workers-with-ai-regret-their-decision
    บทความนี้กล่าวถึงผลกระทบของการนำ AI มาใช้แทนแรงงานมนุษย์ในธุรกิจในสหราชอาณาจักร โดยรายงานจาก Orgvue พบว่า 55% ของธุรกิจที่ปลดพนักงานเพื่อแทนที่ด้วย AI รู้สึกเสียใจ เนื่องจากการตัดสินใจดังกล่าวนำไปสู่ความสับสนภายในองค์กร การลาออกของพนักงาน และประสิทธิภาพการทำงานที่ลดลง ซึ่งตรงข้ามกับความคาดหวังของธุรกิจที่หวังว่า AI จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพ แม้ว่าผู้นำธุรกิจบางส่วนยังคงไม่เข้าใจผลกระทบของ AI ต่อองค์กร แต่หลายบริษัทเริ่มตระหนักถึงความสำคัญของการฝึกอบรมพนักงานให้ใช้งาน AI อย่างเหมาะสม โดย 80% ของธุรกิจมีแผนเพิ่มการลงทุนใน AI ในปี 2025 และ 41% ได้เพิ่มงบประมาณสำหรับการเรียนรู้และพัฒนา อย่างไรก็ตาม การใช้ AI โดยไม่มีแผนที่ชัดเจนอาจนำไปสู่ความเสี่ยง เช่น การใช้งาน AI ที่ไม่สามารถควบคุมได้ และการลดความรับผิดชอบของผู้นำในการปกป้องพนักงานจากการถูกปลด ✅ ผลกระทบจากการปลดพนักงานเพื่อแทนที่ด้วย AI - 55% ของธุรกิจที่ปลดพนักงานรู้สึกเสียใจ - การตัดสินใจดังกล่าวนำไปสู่ความสับสนภายในองค์กรและประสิทธิภาพที่ลดลง ✅ การลงทุนใน AI - 80% ของธุรกิจมีแผนเพิ่มการลงทุนใน AI ในปี 2025 - 41% ได้เพิ่มงบประมาณสำหรับการเรียนรู้และพัฒนา ✅ การฝึกอบรมพนักงาน - 4 ใน 5 ธุรกิจมีแผนฝึกอบรมพนักงานให้ใช้งาน AI อย่างเหมาะสม - 51% ได้กำหนดนโยบายการใช้งาน AI ภายในองค์กร ✅ ความสำคัญของแรงงานมนุษย์ - ธุรกิจเริ่มตระหนักว่าแรงงานมนุษย์ยังคงมีบทบาทสำคัญ https://www.techradar.com/pro/over-half-of-uk-businesses-who-replaced-workers-with-ai-regret-their-decision
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 120 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงคำเตือนจาก FBI เกี่ยวกับการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีเป้าหมายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ โดยเฉพาะจากกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน FBI ระบุว่ากลุ่มเหล่านี้ใช้ AI ในทุกขั้นตอนของการโจมตี ตั้งแต่การค้นหาช่องโหว่ไปจนถึงการเคลื่อนย้ายภายในระบบ

    ตัวอย่างที่น่าสนใจคือกลุ่ม Volt Typhoon ที่ใช้เราเตอร์รุ่นเก่าเพื่อสร้างเครือข่ายบอตเน็ตสำหรับการโจมตี และกลุ่ม Salt Typhoon ที่เจาะระบบของบริษัทโทรคมนาคมและรัฐบาลสหรัฐฯ โดยใช้ช่องโหว่ที่ไม่ได้รับการแก้ไข

    นอกจากนี้ FBI ยังเตือนถึงการใช้เทคโนโลยี deepfake ในการหลอกลวง เช่น การปลอมตัวเป็นผู้บริหารเพื่อขอการโอนเงินหรือจัดประชุมออนไลน์

    ✅ การใช้ AI ในการโจมตี
    - กลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนใช้ AI ในทุกขั้นตอนของการโจมตี
    - ตัวอย่างเช่น Volt Typhoon และ Salt Typhoon ที่ใช้ช่องโหว่ในอุปกรณ์เก่า

    ✅ เป้าหมายของการโจมตี
    - โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น โทรคมนาคม พลังงาน และน้ำ
    - การเคลื่อนย้ายภายในระบบเพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญ

    ✅ การใช้ deepfake ในการหลอกลวง
    - การปลอมตัวเป็นผู้บริหารเพื่อขอการโอนเงินหรือจัดประชุมออนไลน์
    - การใช้ deepfake เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในข้อความหลอกลวง

    ✅ คำแนะนำจาก FBI
    - ใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA)
    - ป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตและจำกัดการเคลื่อนย้ายในระบบ

    https://www.techspot.com/news/107730-fbi-warns-china-using-ai-sharpen-cyberattacks-us.html
    บทความนี้กล่าวถึงคำเตือนจาก FBI เกี่ยวกับการใช้ปัญญาประดิษฐ์ (AI) ในการโจมตีทางไซเบอร์ที่มีเป้าหมายเป็นโครงสร้างพื้นฐานสำคัญของสหรัฐฯ โดยเฉพาะจากกลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีน FBI ระบุว่ากลุ่มเหล่านี้ใช้ AI ในทุกขั้นตอนของการโจมตี ตั้งแต่การค้นหาช่องโหว่ไปจนถึงการเคลื่อนย้ายภายในระบบ ตัวอย่างที่น่าสนใจคือกลุ่ม Volt Typhoon ที่ใช้เราเตอร์รุ่นเก่าเพื่อสร้างเครือข่ายบอตเน็ตสำหรับการโจมตี และกลุ่ม Salt Typhoon ที่เจาะระบบของบริษัทโทรคมนาคมและรัฐบาลสหรัฐฯ โดยใช้ช่องโหว่ที่ไม่ได้รับการแก้ไข นอกจากนี้ FBI ยังเตือนถึงการใช้เทคโนโลยี deepfake ในการหลอกลวง เช่น การปลอมตัวเป็นผู้บริหารเพื่อขอการโอนเงินหรือจัดประชุมออนไลน์ ✅ การใช้ AI ในการโจมตี - กลุ่มที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลจีนใช้ AI ในทุกขั้นตอนของการโจมตี - ตัวอย่างเช่น Volt Typhoon และ Salt Typhoon ที่ใช้ช่องโหว่ในอุปกรณ์เก่า ✅ เป้าหมายของการโจมตี - โครงสร้างพื้นฐานสำคัญ เช่น โทรคมนาคม พลังงาน และน้ำ - การเคลื่อนย้ายภายในระบบเพื่อเข้าถึงข้อมูลสำคัญ ✅ การใช้ deepfake ในการหลอกลวง - การปลอมตัวเป็นผู้บริหารเพื่อขอการโอนเงินหรือจัดประชุมออนไลน์ - การใช้ deepfake เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือในข้อความหลอกลวง ✅ คำแนะนำจาก FBI - ใช้การยืนยันตัวตนแบบหลายขั้นตอน (MFA) - ป้องกันการเข้าถึงที่ไม่ได้รับอนุญาตและจำกัดการเคลื่อนย้ายในระบบ https://www.techspot.com/news/107730-fbi-warns-china-using-ai-sharpen-cyberattacks-us.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    FBI warns China is using AI to sharpen cyberattacks on US infrastructure
    In an interview with The Register, FBI Deputy Assistant Director Cynthia Kaiser explained how Chinese state-backed cyber groups use artificial intelligence at every stage of their attack...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ใช่แค่รัฐบาลไทยที่โทษเกมนะครับ ฮา...

    บทความนี้กล่าวถึงการที่รัฐบาลรัสเซียได้กล่าวหาว่าเกม World of Tanks และบริษัทผู้พัฒนา Wargaming มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ถูกมองว่าเป็น "กลุ่มหัวรุนแรง" โดยมีการข่มขู่ที่จะยึดทรัพย์สินของบริษัทในรัสเซีย แม้ว่า Wargaming จะยืนยันว่าได้ถอนตัวจากตลาดรัสเซียและเบลารุสตั้งแต่ปี 2022 หลังจากการรุกรานยูเครน

    Wargaming ซึ่งเป็นบริษัทที่มีต้นกำเนิดในเบลารุสและปัจจุบันตั้งอยู่ในไซปรัส ได้โอนการดำเนินงานในรัสเซียให้กับบริษัท Lesta Games โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และยืนยันว่าไม่มีทรัพย์สินใดในรัสเซียที่สามารถถูกยึดได้

    นอกจากนี้ Wargaming ยังได้แสดงจุดยืนสนับสนุนยูเครนอย่างชัดเจน โดยบริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์ ให้กับกาชาดยูเครนเพื่อช่วยเหลือด้านการแพทย์และการขนส่ง

    ✅ การถอนตัวจากตลาดรัสเซียและเบลารุส
    - Wargaming ถอนตัวจากตลาดรัสเซียและเบลารุสตั้งแต่ปี 2022
    - โอนการดำเนินงานในรัสเซียให้กับ Lesta Games โดยไม่มีค่าใช้จ่าย

    ✅ ข้อกล่าวหาจากรัฐบาลรัสเซีย
    - รัฐบาลรัสเซียกล่าวหาว่า Wargaming มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมหัวรุนแรง
    - มีการข่มขู่ที่จะยึดทรัพย์สินของบริษัทในรัสเซีย

    ✅ การสนับสนุนยูเครน
    - Wargaming บริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์ให้กับกาชาดยูเครน
    - เกม World of Tanks ได้รับความนิยมในหมู่ทหารยูเครน

    ✅ ผลกระทบต่อบริษัท
    - Wargaming สูญเสียรายได้กว่า 30% ของตลาดหลังถอนตัวจากรัสเซีย

    https://www.techspot.com/news/107729-russian-authorities-threaten-world-tanks-developer-alleged-extremist.html
    ไม่ใช่แค่รัฐบาลไทยที่โทษเกมนะครับ ฮา... บทความนี้กล่าวถึงการที่รัฐบาลรัสเซียได้กล่าวหาว่าเกม World of Tanks และบริษัทผู้พัฒนา Wargaming มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมที่ถูกมองว่าเป็น "กลุ่มหัวรุนแรง" โดยมีการข่มขู่ที่จะยึดทรัพย์สินของบริษัทในรัสเซีย แม้ว่า Wargaming จะยืนยันว่าได้ถอนตัวจากตลาดรัสเซียและเบลารุสตั้งแต่ปี 2022 หลังจากการรุกรานยูเครน Wargaming ซึ่งเป็นบริษัทที่มีต้นกำเนิดในเบลารุสและปัจจุบันตั้งอยู่ในไซปรัส ได้โอนการดำเนินงานในรัสเซียให้กับบริษัท Lesta Games โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และยืนยันว่าไม่มีทรัพย์สินใดในรัสเซียที่สามารถถูกยึดได้ นอกจากนี้ Wargaming ยังได้แสดงจุดยืนสนับสนุนยูเครนอย่างชัดเจน โดยบริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์ ให้กับกาชาดยูเครนเพื่อช่วยเหลือด้านการแพทย์และการขนส่ง ✅ การถอนตัวจากตลาดรัสเซียและเบลารุส - Wargaming ถอนตัวจากตลาดรัสเซียและเบลารุสตั้งแต่ปี 2022 - โอนการดำเนินงานในรัสเซียให้กับ Lesta Games โดยไม่มีค่าใช้จ่าย ✅ ข้อกล่าวหาจากรัฐบาลรัสเซีย - รัฐบาลรัสเซียกล่าวหาว่า Wargaming มีส่วนเกี่ยวข้องกับกิจกรรมหัวรุนแรง - มีการข่มขู่ที่จะยึดทรัพย์สินของบริษัทในรัสเซีย ✅ การสนับสนุนยูเครน - Wargaming บริจาคเงิน 1 ล้านดอลลาร์ให้กับกาชาดยูเครน - เกม World of Tanks ได้รับความนิยมในหมู่ทหารยูเครน ✅ ผลกระทบต่อบริษัท - Wargaming สูญเสียรายได้กว่า 30% ของตลาดหลังถอนตัวจากรัสเซีย https://www.techspot.com/news/107729-russian-authorities-threaten-world-tanks-developer-alleged-extremist.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Russian authorities threaten World of Tanks developer for its alleged "extremist activities"
    Russian authorities have branded World of Tanks-related operations "extremist" and are threatening to confiscate property held by Wargaming executives. The case involves Lesta Games, a Moscow-based studio...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้เล่าถึงความสำเร็จของนักพัฒนาที่สามารถนำโมเดล Llama 2 ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) มาทำงานบนระบบปฏิบัติการ DOS ซึ่งเป็นระบบที่เก่าแก่ โดยใช้เวลาเพียงสุดสัปดาห์เดียวในการพัฒนา แม้จะเป็นความท้าทายที่ยากลำบาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเทคโนโลยี AI ในการปรับตัวเข้ากับแพลตฟอร์มที่หลากหลาย

    นักพัฒนาชื่อ Yeo Kheng Meng ได้ใช้โค้ดโอเพ่นซอร์สจากโปรเจกต์ llama2.c เพื่อปรับแต่งให้โมเดล Llama 2 สามารถทำงานบน DOS ได้ โดยเขาต้องปรับปรุงกระบวนการคอมไพล์และเลือก DOS extender ที่เหมาะสมเพื่อเข้าถึงหน่วยความจำที่ใหญ่ขึ้น

    Meng ได้ทดสอบระบบบนคอมพิวเตอร์หลากหลายรุ่น ตั้งแต่เครื่องเก่าอย่าง Toshiba Satellite 315CDT (1996) ไปจนถึงเครื่องใหม่ที่ใช้ซีพียู Ryzen โดยผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าเครื่องใหม่สามารถประมวลผลได้เร็วกว่าอย่างชัดเจน

    ✅ การใช้โค้ดโอเพ่นซอร์ส
    - ใช้โค้ดจากโปรเจกต์ llama2.c เพื่อปรับแต่งให้ทำงานบน DOS
    - ต้องปรับปรุงกระบวนการคอมไพล์และเลือก DOS extender ที่เหมาะสม

    ✅ การทดสอบบนคอมพิวเตอร์หลากหลายรุ่น
    - ทดสอบบนเครื่องเก่า เช่น Toshiba Satellite 315CDT (1996)
    - ทดสอบบนเครื่องใหม่ที่ใช้ซีพียู Ryzen

    ✅ ผลลัพธ์ที่ได้
    - เครื่องใหม่สามารถประมวลผลได้เร็วกว่าเครื่องเก่าอย่างชัดเจน
    - แสดงให้เห็นถึงความสามารถของ AI ในการปรับตัวเข้ากับแพลตฟอร์มที่หลากหลาย

    ✅ การสนับสนุนจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส
    - Meng ขอบคุณ Andrej Karpathy ที่เปิดโค้ด llama2.c ให้ใช้งาน

    https://www.techspot.com/news/107718-programmer-develops-method-run-llama-2-locally-dos.html
    บทความนี้เล่าถึงความสำเร็จของนักพัฒนาที่สามารถนำโมเดล Llama 2 ซึ่งเป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ (LLM) มาทำงานบนระบบปฏิบัติการ DOS ซึ่งเป็นระบบที่เก่าแก่ โดยใช้เวลาเพียงสุดสัปดาห์เดียวในการพัฒนา แม้จะเป็นความท้าทายที่ยากลำบาก แต่ผลลัพธ์ที่ได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของเทคโนโลยี AI ในการปรับตัวเข้ากับแพลตฟอร์มที่หลากหลาย นักพัฒนาชื่อ Yeo Kheng Meng ได้ใช้โค้ดโอเพ่นซอร์สจากโปรเจกต์ llama2.c เพื่อปรับแต่งให้โมเดล Llama 2 สามารถทำงานบน DOS ได้ โดยเขาต้องปรับปรุงกระบวนการคอมไพล์และเลือก DOS extender ที่เหมาะสมเพื่อเข้าถึงหน่วยความจำที่ใหญ่ขึ้น Meng ได้ทดสอบระบบบนคอมพิวเตอร์หลากหลายรุ่น ตั้งแต่เครื่องเก่าอย่าง Toshiba Satellite 315CDT (1996) ไปจนถึงเครื่องใหม่ที่ใช้ซีพียู Ryzen โดยผลการทดสอบแสดงให้เห็นว่าเครื่องใหม่สามารถประมวลผลได้เร็วกว่าอย่างชัดเจน ✅ การใช้โค้ดโอเพ่นซอร์ส - ใช้โค้ดจากโปรเจกต์ llama2.c เพื่อปรับแต่งให้ทำงานบน DOS - ต้องปรับปรุงกระบวนการคอมไพล์และเลือก DOS extender ที่เหมาะสม ✅ การทดสอบบนคอมพิวเตอร์หลากหลายรุ่น - ทดสอบบนเครื่องเก่า เช่น Toshiba Satellite 315CDT (1996) - ทดสอบบนเครื่องใหม่ที่ใช้ซีพียู Ryzen ✅ ผลลัพธ์ที่ได้ - เครื่องใหม่สามารถประมวลผลได้เร็วกว่าเครื่องเก่าอย่างชัดเจน - แสดงให้เห็นถึงความสามารถของ AI ในการปรับตัวเข้ากับแพลตฟอร์มที่หลากหลาย ✅ การสนับสนุนจากชุมชนโอเพ่นซอร์ส - Meng ขอบคุณ Andrej Karpathy ที่เปิดโค้ด llama2.c ให้ใช้งาน https://www.techspot.com/news/107718-programmer-develops-method-run-llama-2-locally-dos.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Developer ports compact Llama 2 LLM to DOS in weekend hackathon
    Yeo Kheng Meng, a programmer previously known for creating a DOS client for ChatGPT, has recently embarked on a new AI-related project focused on the prompt-based computing...
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 111 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการรายงานของ CISO (Chief Information Security Officer) จากการรายงานต่อ CIO (Chief Information Officer) ไปเป็น CFO (Chief Financial Officer) ซึ่งช่วยให้ CISO สามารถเชื่อมโยงความปลอดภัยทางไซเบอร์กับความเสี่ยงทางธุรกิจได้ดีขึ้น และลดความขัดแย้งระหว่างหน้าที่ของ CISO และ CIO

    การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ CISO สามารถสื่อสารความเสี่ยงในเชิงธุรกิจได้ชัดเจนขึ้น และได้รับการสนับสนุนจาก CFO ในการจัดการงบประมาณและทรัพยากร นอกจากนี้ยังช่วยให้ CISO มีบทบาทที่กว้างขึ้นในองค์กร เช่น การจัดการความเสี่ยงองค์กร (Enterprise Risk Management)

    ✅ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการรายงาน
    - CISO รายงานต่อ CFO แทน CIO
    - ช่วยให้การสื่อสารความเสี่ยงในเชิงธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น

    ✅ ผลกระทบต่อบทบาทของ CISO
    - CISO มีบทบาทที่กว้างขึ้น เช่น การจัดการความเสี่ยงองค์กร
    - ลดความขัดแย้งระหว่างหน้าที่ของ CISO และ CIO

    ✅ การสนับสนุนจาก CFO
    - CFO ช่วยให้ CISO เข้าใจการจัดการงบประมาณและทรัพยากร
    - ช่วยให้การลงทุนในความปลอดภัยทางไซเบอร์มีความชัดเจนและมีเป้าหมาย

    ✅ การปรับตัวของ CISO
    - CISO ต้องเรียนรู้คำศัพท์และแนวคิดทางการเงิน เช่น EPS, EBIT และ OPEX/CAPEX

    https://www.csoonline.com/article/3964405/reporting-lines-could-separating-from-it-help-cisos.html
    บทความนี้กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการรายงานของ CISO (Chief Information Security Officer) จากการรายงานต่อ CIO (Chief Information Officer) ไปเป็น CFO (Chief Financial Officer) ซึ่งช่วยให้ CISO สามารถเชื่อมโยงความปลอดภัยทางไซเบอร์กับความเสี่ยงทางธุรกิจได้ดีขึ้น และลดความขัดแย้งระหว่างหน้าที่ของ CISO และ CIO การเปลี่ยนแปลงนี้ช่วยให้ CISO สามารถสื่อสารความเสี่ยงในเชิงธุรกิจได้ชัดเจนขึ้น และได้รับการสนับสนุนจาก CFO ในการจัดการงบประมาณและทรัพยากร นอกจากนี้ยังช่วยให้ CISO มีบทบาทที่กว้างขึ้นในองค์กร เช่น การจัดการความเสี่ยงองค์กร (Enterprise Risk Management) ✅ การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างการรายงาน - CISO รายงานต่อ CFO แทน CIO - ช่วยให้การสื่อสารความเสี่ยงในเชิงธุรกิจมีประสิทธิภาพมากขึ้น ✅ ผลกระทบต่อบทบาทของ CISO - CISO มีบทบาทที่กว้างขึ้น เช่น การจัดการความเสี่ยงองค์กร - ลดความขัดแย้งระหว่างหน้าที่ของ CISO และ CIO ✅ การสนับสนุนจาก CFO - CFO ช่วยให้ CISO เข้าใจการจัดการงบประมาณและทรัพยากร - ช่วยให้การลงทุนในความปลอดภัยทางไซเบอร์มีความชัดเจนและมีเป้าหมาย ✅ การปรับตัวของ CISO - CISO ต้องเรียนรู้คำศัพท์และแนวคิดทางการเงิน เช่น EPS, EBIT และ OPEX/CAPEX https://www.csoonline.com/article/3964405/reporting-lines-could-separating-from-it-help-cisos.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Reporting lines: Could separating from IT help CISOs?
    CISOs who report to the CFO find that the shift away from IT can improve their ability to translate risk into business terms, communicate more effectively with executives, and avoid conflicts of interest with IT.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 104 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงโครงการ Secure by Design ของ CISA (Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) ซึ่งเป็นแนวคิดที่มุ่งเน้นการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีความปลอดภัยตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ แม้ว่าโครงการนี้จะได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ชั้นนำถึง 68 ราย แต่ปัจจุบันโครงการกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในทีมงานและการลดงบประมาณ

    Secure by Design เป็นส่วนหนึ่งของคำสั่งบริหารด้านความมั่นคงไซเบอร์ของประธานาธิบดีไบเดนในปี 2021 โดยมีเป้าหมายเพื่อลดข้อบกพร่องในซอฟต์แวร์ก่อนที่จะเข้าสู่ตลาด อย่างไรก็ตาม การลาออกของผู้บริหารสำคัญในโครงการ เช่น Lauren Zabierek และ Bob Lord ทำให้เกิดคำถามว่าโครงการนี้จะดำเนินต่อไปอย่างไร

    แม้ว่า CISA อาจลดบทบาทในโครงการนี้ แต่แนวคิด Secure by Design ยังคงได้รับการสนับสนุนในภาคเอกชน โดยเฉพาะจากบริษัทที่ต้องการสร้างซอฟต์แวร์ที่ปลอดภัยและตอบสนองความต้องการของลูกค้า

    ✅ เป้าหมายของโครงการ
    - ลดข้อบกพร่องในซอฟต์แวร์ก่อนเข้าสู่ตลาด
    - ส่งเสริมการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ปลอดภัยตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ

    ✅ การสนับสนุนจากภาคเอกชน
    - บริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำ 68 รายลงนามสนับสนุนโครงการ
    - แนวคิด Secure by Design ยังคงมีบทบาทในภาคเอกชน

    ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมซอฟต์แวร์
    - การปรับปรุงความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์
    - การใช้ OWASP Top 10 เป็นมาตรฐานช่วยเพิ่มความโปร่งใสในอุตสาหกรรม

    ✅ ความสำเร็จที่ผ่านมาของโครงการ
    - รายงานจาก Veracode แสดงให้เห็นว่าความปลอดภัยของซอฟต์แวร์มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง

    https://www.csoonline.com/article/3971375/secure-by-design-is-likely-dead-at-cisa-will-the-private-sector-make-good-on-its-pledge.html
    บทความนี้กล่าวถึงโครงการ Secure by Design ของ CISA (Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) ซึ่งเป็นแนวคิดที่มุ่งเน้นการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่มีความปลอดภัยตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ แม้ว่าโครงการนี้จะได้รับการสนับสนุนจากผู้ให้บริการซอฟต์แวร์ชั้นนำถึง 68 ราย แต่ปัจจุบันโครงการกำลังเผชิญกับความไม่แน่นอน เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงในทีมงานและการลดงบประมาณ Secure by Design เป็นส่วนหนึ่งของคำสั่งบริหารด้านความมั่นคงไซเบอร์ของประธานาธิบดีไบเดนในปี 2021 โดยมีเป้าหมายเพื่อลดข้อบกพร่องในซอฟต์แวร์ก่อนที่จะเข้าสู่ตลาด อย่างไรก็ตาม การลาออกของผู้บริหารสำคัญในโครงการ เช่น Lauren Zabierek และ Bob Lord ทำให้เกิดคำถามว่าโครงการนี้จะดำเนินต่อไปอย่างไร แม้ว่า CISA อาจลดบทบาทในโครงการนี้ แต่แนวคิด Secure by Design ยังคงได้รับการสนับสนุนในภาคเอกชน โดยเฉพาะจากบริษัทที่ต้องการสร้างซอฟต์แวร์ที่ปลอดภัยและตอบสนองความต้องการของลูกค้า ✅ เป้าหมายของโครงการ - ลดข้อบกพร่องในซอฟต์แวร์ก่อนเข้าสู่ตลาด - ส่งเสริมการพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ปลอดภัยตั้งแต่ขั้นตอนการออกแบบ ✅ การสนับสนุนจากภาคเอกชน - บริษัทซอฟต์แวร์ชั้นนำ 68 รายลงนามสนับสนุนโครงการ - แนวคิด Secure by Design ยังคงมีบทบาทในภาคเอกชน ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมซอฟต์แวร์ - การปรับปรุงความปลอดภัยของซอฟต์แวร์ช่วยลดความเสี่ยงจากการโจมตีทางไซเบอร์ - การใช้ OWASP Top 10 เป็นมาตรฐานช่วยเพิ่มความโปร่งใสในอุตสาหกรรม ✅ ความสำเร็จที่ผ่านมาของโครงการ - รายงานจาก Veracode แสดงให้เห็นว่าความปลอดภัยของซอฟต์แวร์มีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง https://www.csoonline.com/article/3971375/secure-by-design-is-likely-dead-at-cisa-will-the-private-sector-make-good-on-its-pledge.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Secure by Design is likely dead at CISA. Will the private sector make good on its pledge?
    CISA’s high-profile proselytizing of its Secure by Design program will likely end, but some experts think the idea still has momentum in the private sector, while others have become disillusioned altogether.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงแนวโน้มการโจมตีทางไซเบอร์ที่เปลี่ยนแปลงไปในปี 2024 โดยรายงานจาก Mandiant และ Verizon พบว่า การใช้ข้อมูลประจำตัวที่ถูกขโมย และ การโจมตีผ่านช่องโหว่ของระบบ กลายเป็นวิธีการเข้าถึงระบบที่นิยมมากที่สุด แทนที่การโจมตีแบบ phishing ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

    รายงานระบุว่า 33% ของการโจมตีเริ่มต้นจากช่องโหว่ของระบบ โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่อยู่ในเครือข่าย เช่น VPN และอุปกรณ์ความปลอดภัย ขณะที่ 16% ของการโจมตีมาจากข้อมูลประจำตัวที่ถูกขโมย ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 10% ในปี 2023

    นอกจากนี้ การโจมตีที่เกี่ยวข้องกับ ransomware ยังคงเป็นภัยคุกคามที่สำคัญ โดยคิดเป็น 21% ของการโจมตีทั้งหมด และมีการใช้วิธีการใหม่ เช่น การขายสิทธิ์การเข้าถึงระบบให้กับกลุ่มอื่น

    ✅ การโจมตีผ่านช่องโหว่ของระบบ
    - 33% ของการโจมตีเริ่มต้นจากช่องโหว่ของระบบ
    - อุปกรณ์เครือข่าย เช่น VPN และอุปกรณ์ความปลอดภัย ถูกโจมตีผ่านช่องโหว่ zero-day

    ✅ การใช้ข้อมูลประจำตัวที่ถูกขโมย
    - 16% ของการโจมตีมาจากข้อมูลประจำตัวที่ถูกขโมย
    - ข้อมูลถูกขโมยผ่าน keyloggers, infostealers และการซื้อขายในตลาดมืด

    ✅ การโจมตีแบบ ransomware
    - คิดเป็น 21% ของการโจมตีทั้งหมด
    - ใช้วิธี brute-force, การใช้ข้อมูลประจำตัวที่ถูกขโมย และการโจมตีผ่านช่องโหว่

    ✅ การลดระยะเวลาการตรวจพบการโจมตี
    - ระยะเวลาการตรวจพบการโจมตีลดลงเหลือเฉลี่ย 11 วัน

    https://www.csoonline.com/article/3970097/the-state-of-intrusions-stolen-credentials-and-perimeter-exploits-on-the-rise-as-phishing-wanes.html
    บทความนี้กล่าวถึงแนวโน้มการโจมตีทางไซเบอร์ที่เปลี่ยนแปลงไปในปี 2024 โดยรายงานจาก Mandiant และ Verizon พบว่า การใช้ข้อมูลประจำตัวที่ถูกขโมย และ การโจมตีผ่านช่องโหว่ของระบบ กลายเป็นวิธีการเข้าถึงระบบที่นิยมมากที่สุด แทนที่การโจมตีแบบ phishing ที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง รายงานระบุว่า 33% ของการโจมตีเริ่มต้นจากช่องโหว่ของระบบ โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่อยู่ในเครือข่าย เช่น VPN และอุปกรณ์ความปลอดภัย ขณะที่ 16% ของการโจมตีมาจากข้อมูลประจำตัวที่ถูกขโมย ซึ่งเพิ่มขึ้นจาก 10% ในปี 2023 นอกจากนี้ การโจมตีที่เกี่ยวข้องกับ ransomware ยังคงเป็นภัยคุกคามที่สำคัญ โดยคิดเป็น 21% ของการโจมตีทั้งหมด และมีการใช้วิธีการใหม่ เช่น การขายสิทธิ์การเข้าถึงระบบให้กับกลุ่มอื่น ✅ การโจมตีผ่านช่องโหว่ของระบบ - 33% ของการโจมตีเริ่มต้นจากช่องโหว่ของระบบ - อุปกรณ์เครือข่าย เช่น VPN และอุปกรณ์ความปลอดภัย ถูกโจมตีผ่านช่องโหว่ zero-day ✅ การใช้ข้อมูลประจำตัวที่ถูกขโมย - 16% ของการโจมตีมาจากข้อมูลประจำตัวที่ถูกขโมย - ข้อมูลถูกขโมยผ่าน keyloggers, infostealers และการซื้อขายในตลาดมืด ✅ การโจมตีแบบ ransomware - คิดเป็น 21% ของการโจมตีทั้งหมด - ใช้วิธี brute-force, การใช้ข้อมูลประจำตัวที่ถูกขโมย และการโจมตีผ่านช่องโหว่ ✅ การลดระยะเวลาการตรวจพบการโจมตี - ระยะเวลาการตรวจพบการโจมตีลดลงเหลือเฉลี่ย 11 วัน https://www.csoonline.com/article/3970097/the-state-of-intrusions-stolen-credentials-and-perimeter-exploits-on-the-rise-as-phishing-wanes.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    The state of intrusions: Stolen credentials and perimeter exploits on the rise, as phishing wanes
    Cybercriminals also likely to leverage tools present within the targeted environment rather than to construct new malware or configure post-exploitation tools, according to Mandiant’s incident observations.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 86 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึงความสำคัญของ หมายเลขโทรศัพท์เสมือน (Virtual Phone Number) สำหรับธุรกิจขนาดเล็กในปี 2025 โดยเน้นถึงประโยชน์ที่ช่วยเพิ่มความเป็นมืออาชีพ ความคล่องตัว และประสิทธิภาพในการจัดการการสื่อสาร

    หมายเลขโทรศัพท์เสมือนช่วยให้ธุรกิจสามารถรับสาย ส่งข้อความ และจัดการข้อความเสียงผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บอินเทอร์เฟซ โดยไม่ต้องใช้ระบบโทรศัพท์แบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถแยกหมายเลขส่วนตัวออกจากหมายเลขธุรกิจได้

    ในปี 2025 มีผู้ให้บริการหมายเลขโทรศัพท์เสมือนหลายรายที่เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก เช่น OpenPhone, Google Voice, Grasshopper, RingCentral และ Nextiva โดยแต่ละรายมีจุดเด่นและราคาที่แตกต่างกัน

    ✅ ประโยชน์ของหมายเลขโทรศัพท์เสมือน
    - เพิ่มความเป็นมืออาชีพด้วยการตั้งค่าทักทายและเมนูการโทร
    - รองรับการทำงานจากทุกที่ผ่านสมาร์ทโฟน แล็ปท็อป หรือแท็บเล็ต
    - ขยายธุรกิจได้ง่ายโดยเพิ่มหมายเลขหรือสมาชิกทีม

    ✅ ผู้ให้บริการที่แนะนำในปี 2025
    - OpenPhone: เหมาะสำหรับทีมระยะไกลและการส่งข้อความ ($19/เดือน)
    - Google Voice: เหมาะสำหรับผู้ประกอบการเดี่ยว (ฟรี/$10/เดือน)
    - Grasshopper: เหมาะสำหรับธุรกิจแบบดั้งเดิม ($31/เดือน)
    - RingCentral: รองรับ VoIP และการทำงานร่วมกัน ($30/เดือน)
    - Nextiva: เน้นการบริการลูกค้าและการสนับสนุน ($25.95/เดือน)

    ✅ ฟีเจอร์ที่ควรพิจารณา
    - การส่งข้อความ (SMS/MMS)
    - การสนับสนุนผู้ใช้หลายคน
    - การรวมเข้ากับเครื่องมือ CRM หรือ Slack

    https://computercity.com/internet/best-virtual-phone-number-for-small-business-2025
    บทความนี้กล่าวถึงความสำคัญของ หมายเลขโทรศัพท์เสมือน (Virtual Phone Number) สำหรับธุรกิจขนาดเล็กในปี 2025 โดยเน้นถึงประโยชน์ที่ช่วยเพิ่มความเป็นมืออาชีพ ความคล่องตัว และประสิทธิภาพในการจัดการการสื่อสาร หมายเลขโทรศัพท์เสมือนช่วยให้ธุรกิจสามารถรับสาย ส่งข้อความ และจัดการข้อความเสียงผ่านแอปพลิเคชันหรือเว็บอินเทอร์เฟซ โดยไม่ต้องใช้ระบบโทรศัพท์แบบดั้งเดิม นอกจากนี้ยังช่วยให้เจ้าของธุรกิจสามารถแยกหมายเลขส่วนตัวออกจากหมายเลขธุรกิจได้ ในปี 2025 มีผู้ให้บริการหมายเลขโทรศัพท์เสมือนหลายรายที่เหมาะสำหรับธุรกิจขนาดเล็ก เช่น OpenPhone, Google Voice, Grasshopper, RingCentral และ Nextiva โดยแต่ละรายมีจุดเด่นและราคาที่แตกต่างกัน ✅ ประโยชน์ของหมายเลขโทรศัพท์เสมือน - เพิ่มความเป็นมืออาชีพด้วยการตั้งค่าทักทายและเมนูการโทร - รองรับการทำงานจากทุกที่ผ่านสมาร์ทโฟน แล็ปท็อป หรือแท็บเล็ต - ขยายธุรกิจได้ง่ายโดยเพิ่มหมายเลขหรือสมาชิกทีม ✅ ผู้ให้บริการที่แนะนำในปี 2025 - OpenPhone: เหมาะสำหรับทีมระยะไกลและการส่งข้อความ ($19/เดือน) - Google Voice: เหมาะสำหรับผู้ประกอบการเดี่ยว (ฟรี/$10/เดือน) - Grasshopper: เหมาะสำหรับธุรกิจแบบดั้งเดิม ($31/เดือน) - RingCentral: รองรับ VoIP และการทำงานร่วมกัน ($30/เดือน) - Nextiva: เน้นการบริการลูกค้าและการสนับสนุน ($25.95/เดือน) ✅ ฟีเจอร์ที่ควรพิจารณา - การส่งข้อความ (SMS/MMS) - การสนับสนุนผู้ใช้หลายคน - การรวมเข้ากับเครื่องมือ CRM หรือ Slack https://computercity.com/internet/best-virtual-phone-number-for-small-business-2025
    COMPUTERCITY.COM
    Best Virtual Phone Number for Small Business (2025)
    In today’s competitive market, small businesses need every edge they can get—and communication is one of the most important. A virtual phone number gives your
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 100 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทความนี้กล่าวถึง Take It Down Act ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ที่ผ่านการอนุมัติจากรัฐสภาสหรัฐฯ และกำลังรอการลงนามโดยอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อจัดการกับปัญหาภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสมที่ถูกเผยแพร่โดยไม่ได้รับความยินยอม รวมถึงภาพที่ถูกสร้างหรือแก้ไขโดย AI

    กฎหมายนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการปกป้องสิทธิความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยี deepfake และการล้างแค้นผ่านภาพลักษณ์ (revenge porn) กลายเป็นภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้น

    ✅ การทำให้การเผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสมเป็นอาชญากรรม
    - กฎหมายกำหนดให้การเผยแพร่หรือข่มขู่เผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสมโดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นอาชญากรรม
    - รวมถึงภาพที่ถูกแก้ไขโดย AI ให้ดูเหมือนเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสม

    ✅ ข้อกำหนดการลบภาพภายใน 48 ชั่วโมง
    - แพลตฟอร์มออนไลน์ต้องลบภาพที่ได้รับการร้องเรียนภายใน 48 ชั่วโมง
    - ต้องดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้ภาพเดียวกันปรากฏอีก

    ✅ บทบาทของ FTC ในการบังคับใช้กฎหมาย
    - FTC มีหน้าที่ตรวจสอบและลงโทษแพลตฟอร์มที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด
    - ใช้อำนาจภายใต้กฎหมายการค้าหลอกลวงเพื่อดำเนินการ

    ✅ การสนับสนุนจากหลายฝ่าย
    - กฎหมายได้รับการสนับสนุนจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน
    - มีการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยี เช่น Meta, Snap และ Google

    https://computercity.com/wiki/take-it-down-act
    บทความนี้กล่าวถึง Take It Down Act ซึ่งเป็นกฎหมายใหม่ที่ผ่านการอนุมัติจากรัฐสภาสหรัฐฯ และกำลังรอการลงนามโดยอดีตประธานาธิบดีทรัมป์ กฎหมายนี้มีเป้าหมายเพื่อจัดการกับปัญหาภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสมที่ถูกเผยแพร่โดยไม่ได้รับความยินยอม รวมถึงภาพที่ถูกสร้างหรือแก้ไขโดย AI กฎหมายนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการปกป้องสิทธิความเป็นส่วนตัว โดยเฉพาะในยุคที่เทคโนโลยี deepfake และการล้างแค้นผ่านภาพลักษณ์ (revenge porn) กลายเป็นภัยคุกคามที่เพิ่มขึ้น ✅ การทำให้การเผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสมเป็นอาชญากรรม - กฎหมายกำหนดให้การเผยแพร่หรือข่มขู่เผยแพร่ภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสมโดยไม่ได้รับความยินยอมเป็นอาชญากรรม - รวมถึงภาพที่ถูกแก้ไขโดย AI ให้ดูเหมือนเป็นภาพลักษณ์ที่ไม่เหมาะสม ✅ ข้อกำหนดการลบภาพภายใน 48 ชั่วโมง - แพลตฟอร์มออนไลน์ต้องลบภาพที่ได้รับการร้องเรียนภายใน 48 ชั่วโมง - ต้องดำเนินการเพื่อป้องกันไม่ให้ภาพเดียวกันปรากฏอีก ✅ บทบาทของ FTC ในการบังคับใช้กฎหมาย - FTC มีหน้าที่ตรวจสอบและลงโทษแพลตฟอร์มที่ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด - ใช้อำนาจภายใต้กฎหมายการค้าหลอกลวงเพื่อดำเนินการ ✅ การสนับสนุนจากหลายฝ่าย - กฎหมายได้รับการสนับสนุนจากทั้งพรรคเดโมแครตและรีพับลิกัน - มีการสนับสนุนจากบริษัทเทคโนโลยี เช่น Meta, Snap และ Google https://computercity.com/wiki/take-it-down-act
    COMPUTERCITY.COM
    Take It Down Act: What You Need To Know
    The Take It Down Act (S.4569), recently passed by Congress and awaiting President Trump's signature, is a groundbreaking piece of legislation designed to
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts