• Google Slides ได้เปิดตัวเทมเพลตใหม่ที่มีการออกแบบอย่างมืออาชีพ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างงานนำเสนอได้ง่ายขึ้น โดยเทมเพลตเหล่านี้ครอบคลุมการใช้งานหลากหลาย เช่น การนำเสนอแผนธุรกิจ การเสนอขายผลิตภัณฑ์ การวางแผนการตลาด การทบทวนรายไตรมาส การแนะนำทีมงาน หรือการเฉลิมฉลองความสำเร็จ เทมเพลตใหม่เหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเริ่มต้นการสร้างงานนำเสนอได้อย่างรวดเร็วและมีความสอดคล้องในรูปแบบการออกแบบ

    ✅ เทมเพลตใหม่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการสร้างงานนำเสนอ
    - ผู้ใช้งานสามารถเลือกเทมเพลตที่เหมาะสมกับสไตล์และวัตถุประสงค์
    - เทมเพลตช่วยลดเวลาในการออกแบบและเพิ่มความเป็นมืออาชีพ

    ✅ การใช้งานเทมเพลตใน Google Workspace
    - เทมเพลตใหม่สามารถใช้งานได้ใน Google Workspace ทั้งบัญชีธุรกิจและบัญชีส่วนตัว
    - ผู้ใช้งานต้องตั้งค่าภาษาเป็น "English (United States)" เพื่อเข้าถึงเทมเพลต

    ✅ การเปิดตัวเทมเพลตใหม่ในเดือนเมษายน 2025
    - เริ่มต้นใน Rapid Release domains และจะขยายไปยัง Scheduled Release domains ตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม

    ✅ การออกแบบที่ครอบคลุมการใช้งานหลากหลาย
    - เทมเพลตครอบคลุมการใช้งาน เช่น การนำเสนอแผนธุรกิจ การเสนอขายผลิตภัณฑ์ และการเฉลิมฉลองความสำเร็จ

    https://www.neowin.net/news/google-slides-gets-more-high-quality-templates-to-elevate-your-presentations/
    Google Slides ได้เปิดตัวเทมเพลตใหม่ที่มีการออกแบบอย่างมืออาชีพ เพื่อช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถสร้างงานนำเสนอได้ง่ายขึ้น โดยเทมเพลตเหล่านี้ครอบคลุมการใช้งานหลากหลาย เช่น การนำเสนอแผนธุรกิจ การเสนอขายผลิตภัณฑ์ การวางแผนการตลาด การทบทวนรายไตรมาส การแนะนำทีมงาน หรือการเฉลิมฉลองความสำเร็จ เทมเพลตใหม่เหล่านี้ช่วยให้ผู้ใช้งานสามารถเริ่มต้นการสร้างงานนำเสนอได้อย่างรวดเร็วและมีความสอดคล้องในรูปแบบการออกแบบ ✅ เทมเพลตใหม่ช่วยเพิ่มความสะดวกในการสร้างงานนำเสนอ - ผู้ใช้งานสามารถเลือกเทมเพลตที่เหมาะสมกับสไตล์และวัตถุประสงค์ - เทมเพลตช่วยลดเวลาในการออกแบบและเพิ่มความเป็นมืออาชีพ ✅ การใช้งานเทมเพลตใน Google Workspace - เทมเพลตใหม่สามารถใช้งานได้ใน Google Workspace ทั้งบัญชีธุรกิจและบัญชีส่วนตัว - ผู้ใช้งานต้องตั้งค่าภาษาเป็น "English (United States)" เพื่อเข้าถึงเทมเพลต ✅ การเปิดตัวเทมเพลตใหม่ในเดือนเมษายน 2025 - เริ่มต้นใน Rapid Release domains และจะขยายไปยัง Scheduled Release domains ตั้งแต่วันที่ 6 พฤษภาคม ✅ การออกแบบที่ครอบคลุมการใช้งานหลากหลาย - เทมเพลตครอบคลุมการใช้งาน เช่น การนำเสนอแผนธุรกิจ การเสนอขายผลิตภัณฑ์ และการเฉลิมฉลองความสำเร็จ https://www.neowin.net/news/google-slides-gets-more-high-quality-templates-to-elevate-your-presentations/
    WWW.NEOWIN.NET
    Google Slides gets more 'high-quality' templates to 'elevate your presentations'
    Google has started rolling out a new set of "high-quality" templates available for Google Slides users.
    0 Comments 0 Shares 1 Views 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ มาห์มู๊ด อับบาส ออกมากดดันให้กลุ่มติดอาวุธฮามาสปล่อยตัวประกันทั้งหมด วางอาวุธ และยอมส่งมอบการควบคุมกาซาเพื่อยุติสงครามปาเลสไตน์ที่ยืดเยื้อ ขณะที่สื่อซาอุฯเผย ฮามาสได้รับสมัครกลุ่มนักรบเป็นวัยรุ่นปาเลสไตน์ร่วม 30,000 คนเข้ากลุ่มเพื่อไปรบ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000038271

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    ประธานาธิบดีปาเลสไตน์ มาห์มู๊ด อับบาส ออกมากดดันให้กลุ่มติดอาวุธฮามาสปล่อยตัวประกันทั้งหมด วางอาวุธ และยอมส่งมอบการควบคุมกาซาเพื่อยุติสงครามปาเลสไตน์ที่ยืดเยื้อ ขณะที่สื่อซาอุฯเผย ฮามาสได้รับสมัครกลุ่มนักรบเป็นวัยรุ่นปาเลสไตน์ร่วม 30,000 คนเข้ากลุ่มเพื่อไปรบ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000038271 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • นักท่องเที่ยวนับล้าน เยือนหลวงพระบาง

    สถานีวิทยุแห่งชาติลาว (Lao National Radio) รายงานเมื่อวันที่ 23 เม.ย. ว่า แขวงหลวงพระบาง ทางตอนเหนือของประเทศลาว ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยว 1,167,581 คน ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้น 722,679 คน หรือเพิ่มขึ้นถึง 162% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 แบ่งออกเป็นนักท่องเที่ยวในประเทศ 459,091 คน เพิ่มขึ้น 297,081 คน หรือ 183% จากปีก่อน และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 708,490 คน เพิ่มขึ้น 425,661 คน คิดเป็น 232% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สร้างรายได้กว่า 584,665,369 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (19,589.79 ล้านบาท)

    นางสุดาพอน คันทะวง หัวหน้าแผนกแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยว แขวงหลวงพระบาง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาในปี 2567 แขวงหลวงพระบาง ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยว 2,326,758 ล้านคน เกินเป้าหมายประจำปี 30.8% สร้างรายได้ 1,209,189,549 เหรียญสหรัฐฯ (40,532.02 ล้านบาท) ด้านสำนักข่าวซินหัว รายงานว่า แขวงหลวงพระบางคาดการณ์ว่าในปีนี้จะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างน้อย 2.3 ล้านคน โดยตั้งเป้าสร้างรายได้มากกว่า 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (40,213 ล้านบาท)

    แขวงหลวงพระบาง ห่างจากนครหลวงเวียงจันทน์ประมาณ 220 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในแขวงที่มีชื่อเสียงที่สุดของลาว และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เนื่องจากมีวัดเก่าแก่ สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม และทิวทัศน์ชนบท โดยรัฐบาลลาวถือว่าการท่องเที่ยวเป็นภาคเศรษฐกิจหลัก ซึ่งเน้นย้ำถึงบทบาทในการสร้างงาน สร้างรายได้ และการไหลเข้าของเงินตราต่างประเทศ ซึ่งมีส่วนสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ

    สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงได้แก่ วัดเชียงทอง หอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง พระธาตุพูสี วัดใหม่สุวรรณภูมาราม น้ำตกตาดกวางสี ตลาดเช้าและตลาดมืด รวมทั้งกิจกรรมล่องเรือแม่น้ำโขง

    สำหรับนักท่องเที่ยวจากประเทศไทย การเดินทางสะดวกกว่าเมื่อก่อน เพราะมีรถไฟลาว-จีนให้บริการระหว่างสถานีนครหลวงเวียงจันทน์ ถึงสถานีหลวงพระบางวันละ 6 ขบวน เที่ยวแรก 07.20 น. เที่ยวสุดท้าย 16.05 น. รถไฟธรรมดาราคาเริ่มต้นที่ 234,000 กีบ (363 บาท) รถไฟ EMU ราคาเริ่มต้นที่ 330,000 กีบ (512 บาท) ซื้อตั๋วล่วงหน้า 3 วันก่อนเดินทางได้ที่แอปพลิเคชัน LCR Ticket สามารถใช้เบอร์มือถือไทยลงทะเบียน และชำระค่าตั๋วรถไฟผ่านบัตร VISA ได้

    นอกจากนี้ ยังมีเที่ยวบินไปยังหลวงพระบาง จากสนามบินสุวรรณภูมิ บางกอกแอร์เวย์บินทุกวัน ลาวแอร์ไลน์สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน จากสนามบินดอนเมือง ไทยแอร์เอเชียบินทุกวัน และสนามบินเชียงใหม่ ลาวแอร์ไลน์สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน

    #Newskit
    นักท่องเที่ยวนับล้าน เยือนหลวงพระบาง สถานีวิทยุแห่งชาติลาว (Lao National Radio) รายงานเมื่อวันที่ 23 เม.ย. ว่า แขวงหลวงพระบาง ทางตอนเหนือของประเทศลาว ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยว 1,167,581 คน ในช่วงไตรมาสแรกของปี 2568 เพิ่มขึ้น 722,679 คน หรือเพิ่มขึ้นถึง 162% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปี 2567 แบ่งออกเป็นนักท่องเที่ยวในประเทศ 459,091 คน เพิ่มขึ้น 297,081 คน หรือ 183% จากปีก่อน และนักท่องเที่ยวต่างชาติ 708,490 คน เพิ่มขึ้น 425,661 คน คิดเป็น 232% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน สร้างรายได้กว่า 584,665,369 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (19,589.79 ล้านบาท) นางสุดาพอน คันทะวง หัวหน้าแผนกแถลงข่าว วัฒนธรรม และท่องเที่ยว แขวงหลวงพระบาง เปิดเผยว่า ที่ผ่านมาในปี 2567 แขวงหลวงพระบาง ได้ต้อนรับนักท่องเที่ยว 2,326,758 ล้านคน เกินเป้าหมายประจำปี 30.8% สร้างรายได้ 1,209,189,549 เหรียญสหรัฐฯ (40,532.02 ล้านบาท) ด้านสำนักข่าวซินหัว รายงานว่า แขวงหลวงพระบางคาดการณ์ว่าในปีนี้จะดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างน้อย 2.3 ล้านคน โดยตั้งเป้าสร้างรายได้มากกว่า 1,200 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (40,213 ล้านบาท) แขวงหลวงพระบาง ห่างจากนครหลวงเวียงจันทน์ประมาณ 220 กิโลเมตร เป็นหนึ่งในแขวงที่มีชื่อเสียงที่สุดของลาว และเป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมของนักท่องเที่ยว เนื่องจากมีวัดเก่าแก่ สถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม และทิวทัศน์ชนบท โดยรัฐบาลลาวถือว่าการท่องเที่ยวเป็นภาคเศรษฐกิจหลัก ซึ่งเน้นย้ำถึงบทบาทในการสร้างงาน สร้างรายได้ และการไหลเข้าของเงินตราต่างประเทศ ซึ่งมีส่วนสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศอย่างมีนัยสำคัญ สถานที่ท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงได้แก่ วัดเชียงทอง หอพิพิธภัณฑ์แห่งชาติหลวงพระบาง พระธาตุพูสี วัดใหม่สุวรรณภูมาราม น้ำตกตาดกวางสี ตลาดเช้าและตลาดมืด รวมทั้งกิจกรรมล่องเรือแม่น้ำโขง สำหรับนักท่องเที่ยวจากประเทศไทย การเดินทางสะดวกกว่าเมื่อก่อน เพราะมีรถไฟลาว-จีนให้บริการระหว่างสถานีนครหลวงเวียงจันทน์ ถึงสถานีหลวงพระบางวันละ 6 ขบวน เที่ยวแรก 07.20 น. เที่ยวสุดท้าย 16.05 น. รถไฟธรรมดาราคาเริ่มต้นที่ 234,000 กีบ (363 บาท) รถไฟ EMU ราคาเริ่มต้นที่ 330,000 กีบ (512 บาท) ซื้อตั๋วล่วงหน้า 3 วันก่อนเดินทางได้ที่แอปพลิเคชัน LCR Ticket สามารถใช้เบอร์มือถือไทยลงทะเบียน และชำระค่าตั๋วรถไฟผ่านบัตร VISA ได้ นอกจากนี้ ยังมีเที่ยวบินไปยังหลวงพระบาง จากสนามบินสุวรรณภูมิ บางกอกแอร์เวย์บินทุกวัน ลาวแอร์ไลน์สัปดาห์ละ 3 เที่ยวบิน จากสนามบินดอนเมือง ไทยแอร์เอเชียบินทุกวัน และสนามบินเชียงใหม่ ลาวแอร์ไลน์สัปดาห์ละ 4 เที่ยวบิน #Newskit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • Nvidia และ AMD กำลังแข่งขันกันในตลาด GPU โดย Nvidia มีโอกาสครองตลาดด้วย RTX 5060 Ti เนื่องจาก AMD อาจเลื่อนการเปิดตัว RX 9060 XT และ RX 9070 GRE ไปจนถึงไตรมาสที่ 4 ปี 2025 การเลื่อนนี้อาจทำให้ Nvidia ไม่มีคู่แข่งโดยตรงในตลาด GPU ระดับกลางในช่วงหลายเดือนข้างหน้า

    ✅ Nvidia RTX 5060 Ti อาจไม่มีคู่แข่งโดยตรงในตลาด
    - AMD อาจเลื่อนการเปิดตัว RX 9060 XT และ RX 9070 GRE ไปจนถึงไตรมาสที่ 4 ปี 2025
    - RX 9070 GRE อาจเปิดตัวในจีนก่อน และเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ในปี 2026

    ✅ RX 9060 XT และ RX 9070 GRE มีประสิทธิภาพที่น่าสนใจ
    - RX 9060 XT อาจไม่สามารถแข่งขันกับ RTX 5060 Ti ได้โดยตรง
    - RX 9070 GRE มีสเปคที่น่าสนใจและอาจทำให้ RTX 5060 Ti ต้องเผชิญกับความท้าทาย

    ✅ AMD ใช้กลยุทธ์การเลื่อนการเปิดตัวเพื่อปรับปรุงราคาและประสิทธิภาพ
    - การเลื่อนนี้ช่วยให้ AMD มีเวลาในการปรับปรุงราคาและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์

    ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภคในตลาด GPU
    - ผู้บริโภคอาจต้องรอผลิตภัณฑ์ใหม่จาก AMD ในช่วงปลายปี 2025

    https://www.neowin.net/news/nvidia-could-again-have-a-free-5060-ti-reign-before-amd-has-an-answer-with-rx-9060-9070-gre/
    Nvidia และ AMD กำลังแข่งขันกันในตลาด GPU โดย Nvidia มีโอกาสครองตลาดด้วย RTX 5060 Ti เนื่องจาก AMD อาจเลื่อนการเปิดตัว RX 9060 XT และ RX 9070 GRE ไปจนถึงไตรมาสที่ 4 ปี 2025 การเลื่อนนี้อาจทำให้ Nvidia ไม่มีคู่แข่งโดยตรงในตลาด GPU ระดับกลางในช่วงหลายเดือนข้างหน้า ✅ Nvidia RTX 5060 Ti อาจไม่มีคู่แข่งโดยตรงในตลาด - AMD อาจเลื่อนการเปิดตัว RX 9060 XT และ RX 9070 GRE ไปจนถึงไตรมาสที่ 4 ปี 2025 - RX 9070 GRE อาจเปิดตัวในจีนก่อน และเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ในปี 2026 ✅ RX 9060 XT และ RX 9070 GRE มีประสิทธิภาพที่น่าสนใจ - RX 9060 XT อาจไม่สามารถแข่งขันกับ RTX 5060 Ti ได้โดยตรง - RX 9070 GRE มีสเปคที่น่าสนใจและอาจทำให้ RTX 5060 Ti ต้องเผชิญกับความท้าทาย ✅ AMD ใช้กลยุทธ์การเลื่อนการเปิดตัวเพื่อปรับปรุงราคาและประสิทธิภาพ - การเลื่อนนี้ช่วยให้ AMD มีเวลาในการปรับปรุงราคาและประสิทธิภาพของผลิตภัณฑ์ ✅ ผลกระทบต่อผู้บริโภคในตลาด GPU - ผู้บริโภคอาจต้องรอผลิตภัณฑ์ใหม่จาก AMD ในช่วงปลายปี 2025 https://www.neowin.net/news/nvidia-could-again-have-a-free-5060-ti-reign-before-amd-has-an-answer-with-rx-9060-9070-gre/
    WWW.NEOWIN.NET
    Nvidia could again have a free 5060 Ti reign before AMD has an answer with RX 9060, 9070 GRE
    There are reports that the alleged AMD RX 9070 GRE is delayed, which means Team Red may have no answer to Nvidia's 5060 Ti for a long time.
    0 Comments 0 Shares 34 Views 0 Reviews


  • ● รอบนี้เดือนเมษายน 2025 กระทรวงสาธารณสุข อาจจะมีแนวโน้มทำตามองค์การอนามัยโลกทุกอย่าง
    นั่นหมายความว่า องค์การอนามัยโลกสามารถบงการได้ทุกสิ่งอย่าง

    #แบนกฎอนามัยระหว่างประเทศInternationalHealthRegulationsหรือIHR

    ทำให้คนไทยต้องมองดูรอบตัว และถ้ายังคงเป็นเช่นนี้อยู่คนไทยมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องให้เปิดเผยความเป็นจริงทุกอย่างและได้รับการเยียวยาที่ถูกต้องใช่หรือไม่

    องค์การอนามัยโลก (WHO) สามารถจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉิน และสามารถกำหนดให้ประเทศภาคี “ต้อง” ปฏิบัติตามทั้ง ในด้านยา ผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้ ก็ด้วยข้อตกลงระหว่างประเทศกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulations หรือ IHR)
    ยิ่งกว่านั้น “ภาวะฉุกเฉิน” นอกจากหมายถึงโรคระบาด WHO ยังสามารถประกาศภาวะอะไรตามแต่ ผอ.WHO จะตัดสินตามใจชอบ เช่น มีการโหมโรงจาก บิลล์ เกตส์ องค์การโลกอื่นๆ รวมถึง World Economic Forum (WEF) ว่า public health emergency (PHE) จะกลายเป็นผู้กำหนดและบริหารระเบียบโลก (New World Order, NWO)

    ทั้งร่าง IHR และ PHE ใหม่กำลังจะประชุมตัวแทนประเทศสมาชิกลงนามรับในเดือน พฤษภาคม 2567 ที่จะมาถึง รัฐบาลไทยจะต้องปฏิเสธทั้ง สอง ฉบับเด็ดขาด หากแม้นรับเพียงอันหนึ่งอันใดก็ตาม ตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนไว้ จะหมายถึงการเสียอธิปไตยของประเทศให้แก่ WHO ที่ไม่อาจบิดพริ้วได้

    ฟังคลิปสั้นที่แนบโดยทนายสวิส Phillip Kruse บรรยายถึงอันตราย WHO ถอดความจากงานสัมมนา International COVID Summit ครั้งที่ 5 ด้านล่าง
    https://rumble.com/v4finab-excerpts-from-the-international-covid-summit-5.html?utm_source=substack&utm_medium=email

    สิ่งที่เห็นด้วยตาของทุกคนเป็นความจริงหนึ่งเดียว

    https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/
    https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/

    โลกใช้เชื้อโรคเป็นอาวุธ..แผ่นดินเรามีโอสถภูมิปัญญา WHO..อย่ายุ่งมาก! | สภากาแฟเวทีชาวบ้าน ช่อง News1 เข้าใจ สนธิสัญญาโรคระบาดและการแก้ไข IHR ( International Health Regulation หรือ กฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ) ของ WHO (องค์การอนามัยโลก) https://youtu.be/Cvml6w6c5WI?si=UL81i3lAOVL9872W https://www.rookon.com/?p=1176





    ● รอบนี้เดือนเมษายน 2025 กระทรวงสาธารณสุข อาจจะมีแนวโน้มทำตามองค์การอนามัยโลกทุกอย่าง นั่นหมายความว่า องค์การอนามัยโลกสามารถบงการได้ทุกสิ่งอย่าง #แบนกฎอนามัยระหว่างประเทศInternationalHealthRegulationsหรือIHR ทำให้คนไทยต้องมองดูรอบตัว และถ้ายังคงเป็นเช่นนี้อยู่คนไทยมีสิทธิ์ที่จะเรียกร้องให้เปิดเผยความเป็นจริงทุกอย่างและได้รับการเยียวยาที่ถูกต้องใช่หรือไม่ องค์การอนามัยโลก (WHO) สามารถจะทำการควบคุมทุกอย่าง ในการตัดสินภาวะฉุกเฉิน และสามารถกำหนดให้ประเทศภาคี “ต้อง” ปฏิบัติตามทั้ง ในด้านยา ผลิตภัณฑ์ ชนิดของวัคซีน และทั้งหลายทั้งปวงโดยเคร่งครัด บิดพริ้ว ไม่ได้ ก็ด้วยข้อตกลงระหว่างประเทศกฎอนามัยระหว่างประเทศ (International Health Regulations หรือ IHR) ยิ่งกว่านั้น “ภาวะฉุกเฉิน” นอกจากหมายถึงโรคระบาด WHO ยังสามารถประกาศภาวะอะไรตามแต่ ผอ.WHO จะตัดสินตามใจชอบ เช่น มีการโหมโรงจาก บิลล์ เกตส์ องค์การโลกอื่นๆ รวมถึง World Economic Forum (WEF) ว่า public health emergency (PHE) จะกลายเป็นผู้กำหนดและบริหารระเบียบโลก (New World Order, NWO) ทั้งร่าง IHR และ PHE ใหม่กำลังจะประชุมตัวแทนประเทศสมาชิกลงนามรับในเดือน พฤษภาคม 2567 ที่จะมาถึง รัฐบาลไทยจะต้องปฏิเสธทั้ง สอง ฉบับเด็ดขาด หากแม้นรับเพียงอันหนึ่งอันใดก็ตาม ตามที่ผู้เชี่ยวชาญได้เตือนไว้ จะหมายถึงการเสียอธิปไตยของประเทศให้แก่ WHO ที่ไม่อาจบิดพริ้วได้ ฟังคลิปสั้นที่แนบโดยทนายสวิส Phillip Kruse บรรยายถึงอันตราย WHO ถอดความจากงานสัมมนา International COVID Summit ครั้งที่ 5 ด้านล่าง https://rumble.com/v4finab-excerpts-from-the-international-covid-summit-5.html?utm_source=substack&utm_medium=email สิ่งที่เห็นด้วยตาของทุกคนเป็นความจริงหนึ่งเดียว https://www.facebook.com/share/1C1p7pDaYb/ https://www.facebook.com/share/p/156oKE5AFU/ โลกใช้เชื้อโรคเป็นอาวุธ..แผ่นดินเรามีโอสถภูมิปัญญา WHO..อย่ายุ่งมาก! | สภากาแฟเวทีชาวบ้าน ช่อง News1 เข้าใจ สนธิสัญญาโรคระบาดและการแก้ไข IHR ( International Health Regulation หรือ กฎระเบียบด้านสุขภาพระหว่างประเทศ) ของ WHO (องค์การอนามัยโลก) https://youtu.be/Cvml6w6c5WI?si=UL81i3lAOVL9872W https://www.rookon.com/?p=1176
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • ..บ่อน้ำมันไทยที่ข้าราชการประจำระดับนั่งตำแหน่งสูงๆมากมายทั่วประเทศไม่มีความกล้าหาญนำพาคืนความมั่งคั่งแก่ประชาชนคนไทยได้,ผู้ว่าฯและนายอำเภอแต่ละจังหวัดแต่ละท้องที่ตนที่รู้เห็นความจริงทุกๆอย่างยังปิดตาลงได้&ไม่เคยลงประกาศประชุมพูดคุยบอกเล่าความจริงแก่ประชาชนอย่างจริงใจแบบจัดประชุมคืน&มอบโฉนดที่ดินคืนสิทธิ์แก่ประชาชนเลย,บ่อน้ำมันเป็นอะไรยิ่งกว่าที่ดินประชาชนเช่นกันมันคือการพ้นยากจนคนไทยได้ มีสิทธิในการทำกินสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยแก่ทุกๆคนในประเทศไทยได้เหมือนมีที่ดินทำกินสร้างสุขปากท้องคนนั้นเอง,ไม่รวมบ่อทองคำแหล่งทรัพยากรผูกขาดต่างๆที่เสียสิทธิไปเช่นบ่อน้ำมัน.,และแม้ทหารยึดอำนาจเองก็ไม่เคยคิดอ่านประกาศความจริง&จริงใจจริงต่อคนไทยทั้งประเทศ,ขาติเราเจริญวัตถุเพื่อตอบสนองโคตรเหง้าไม่กี่ตระกูลให้มั่งคั่งร่ำรวยอย่างบ้าคลั่งชนิดเห็นแก่ตัวโคตรๆมาอย่างยาวนานจริงๆและพร้อมทำลายขายชาติขายแผ่นดินไทยสมคบคิดต่างชาติก่อชั่วใส่แผ่นดินและประชาชนอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง.,คือวิถีปกครองที่ชั่วเลวยิ่งนักในคราบเผด็จการประชาธิปไตยส่งออกของฝรั่งร่วมกับคณะกบฎ2475.

    ....ทวนราคาน้ำมันในอดีตยุค2565ที่เบนซิน95แบบไม่ผสมเอทานอลลิตรละ52-53กว่าบาทต่อลิตร ถือว่าแพงมากเช่นกัน.

    ราคาน้ำมันวันนี้ 6 มิถุนายน 2565 เช็กราคาทุกชนิด ล่าสุดลิตรละกี่บาทแล้ว

    Date Time: 6 มิ.ย. 2565 10:00 น.

    "ราคาน้ำมันวันนี้" 6 มิ.ย. 65 เช็กราคาน้ำมันทุกชนิด กลุ่มเบนซิน, โซฮอล์, ดีเซล ล่าสุดราคาลิตรละเท่าไร เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง 4 ปั๊มน้ำมัน
    "ราคาน้ำมันวันนี้" 6 มิ.ย. 65 เช็กราคาน้ำมันทุกชนิด กลุ่มเบนซิน, โซฮอล์, ดีเซล ล่าสุดราคาลิตรละเท่าไร เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง 4 ปั๊มน้ำมัน
    วันที่ 6 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานการอัปเดตราคาน้ำมัน กลุ่มเบนซิน, แก๊สโซฮอล์ และดีเซล ล่าสุด จากเว็บไซต์ บมจ.บางจากปิโตรเลียม, เว็บไซต์ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน), เว็บไซต์ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด และ Esso Thailand โดยมีราคาดังนี้

    ราคาน้ำมันปั๊ม "เชลล์"
    เชลล์ ฟิวเซฟ แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 44.54 บาท/ลิตร
    เชลล์ ฟิวเซฟ แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 45.38 บาท/ลิตร
    เชลล์ ฟิวเซฟ แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 45.65 บาท/ลิตร

    เชลล์ วี-เพาเวอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 53.14 บาท/ลิตร

    เชลล์ ดีเซล B20 อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร
    เชลล์ ฟิวเซฟ ดีเซล อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร
    เชลล์ ฟิวเซฟ ดีเซล B7 อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร
    เชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซล อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร
    เชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซล B7 อยู่ที่ 49.39 บาท/ลิตร



    ราคาน้ำมันปั๊ม "เอสโซ่"
    เอ็กซ์ตร้า แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 44.34 บาท/ลิตร
    เอ็กซ์ตร้า แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 45.18 บาท/ลิตร
    ซูเปอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 45.45 บาท/ลิตร
    ดีเซล อยู่ที่ 33.34 บาท/ลิตร
    ดีเซล B7 อยู่ที่ 33.34 บาท/ลิตร

    ซูพรีมพลัส แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 52.94 บาท/ลิตร

    ซูพรีมพลัส ดีเซล B7 อยู่ที่ 47.66 บาท/ลิตร



    ราคาน้ำมันปั๊ม "ปตท."
    ดีเซลพรีเมียม B7 อยู่ที่ 44.36 บาท/ลิตร
    ดีเซล S B7 อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร
    ดีเซล อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร
    ดีเซล B20 อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร

    เบนซิน อยู่ที่ 52.06 บาท/ลิตร

    แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 44.65 บาท/ลิตร
    แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 44.38 บาท/ลิตร
    แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 43.54 บาท/ลิตร
    แก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 37.24 บาท/ลิตร


    ราคาน้ำมันปั๊ม "บางจาก"
    แก๊สโซฮอล์ 95S EVO อยู่ที่ 44.65 บาท/ลิตร
    แก๊สโซฮอล์ 91S EV อยู่ที่ 44.38 บาท/ลิตร
    แก๊สโซฮอล์ E20S EVO อยู่ที่ 43.54 บาท/ลิตร
    แก๊สโซฮอล์ E85S EVO อยู่ที่ 37.24 บาท/ลิตร
    ไฮดีเซล B20S อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร
    ไฮดีเซล S อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร
    ไฮดีเซล S B7 อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร
    ไฮพรีเมียมดีเซล S B7 อยู่ที่ 44.36 บาท/ลิตร


    อย่างไรก็ตาม ราคาข้างต้นเป็นราคากลางที่ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งอาจมีความแตกต่างในแต่ละพื้นที่.



    ..บ่อน้ำมันไทยที่ข้าราชการประจำระดับนั่งตำแหน่งสูงๆมากมายทั่วประเทศไม่มีความกล้าหาญนำพาคืนความมั่งคั่งแก่ประชาชนคนไทยได้,ผู้ว่าฯและนายอำเภอแต่ละจังหวัดแต่ละท้องที่ตนที่รู้เห็นความจริงทุกๆอย่างยังปิดตาลงได้&ไม่เคยลงประกาศประชุมพูดคุยบอกเล่าความจริงแก่ประชาชนอย่างจริงใจแบบจัดประชุมคืน&มอบโฉนดที่ดินคืนสิทธิ์แก่ประชาชนเลย,บ่อน้ำมันเป็นอะไรยิ่งกว่าที่ดินประชาชนเช่นกันมันคือการพ้นยากจนคนไทยได้ มีสิทธิในการทำกินสร้างความมั่งคั่งร่ำรวยแก่ทุกๆคนในประเทศไทยได้เหมือนมีที่ดินทำกินสร้างสุขปากท้องคนนั้นเอง,ไม่รวมบ่อทองคำแหล่งทรัพยากรผูกขาดต่างๆที่เสียสิทธิไปเช่นบ่อน้ำมัน.,และแม้ทหารยึดอำนาจเองก็ไม่เคยคิดอ่านประกาศความจริง&จริงใจจริงต่อคนไทยทั้งประเทศ,ขาติเราเจริญวัตถุเพื่อตอบสนองโคตรเหง้าไม่กี่ตระกูลให้มั่งคั่งร่ำรวยอย่างบ้าคลั่งชนิดเห็นแก่ตัวโคตรๆมาอย่างยาวนานจริงๆและพร้อมทำลายขายชาติขายแผ่นดินไทยสมคบคิดต่างชาติก่อชั่วใส่แผ่นดินและประชาชนอย่างไม่มีทีท่าว่าจะหยุดลง.,คือวิถีปกครองที่ชั่วเลวยิ่งนักในคราบเผด็จการประชาธิปไตยส่งออกของฝรั่งร่วมกับคณะกบฎ2475. ....ทวนราคาน้ำมันในอดีตยุค2565ที่เบนซิน95แบบไม่ผสมเอทานอลลิตรละ52-53กว่าบาทต่อลิตร ถือว่าแพงมากเช่นกัน. ราคาน้ำมันวันนี้ 6 มิถุนายน 2565 เช็กราคาทุกชนิด ล่าสุดลิตรละกี่บาทแล้ว Date Time: 6 มิ.ย. 2565 10:00 น. "ราคาน้ำมันวันนี้" 6 มิ.ย. 65 เช็กราคาน้ำมันทุกชนิด กลุ่มเบนซิน, โซฮอล์, ดีเซล ล่าสุดราคาลิตรละเท่าไร เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง 4 ปั๊มน้ำมัน "ราคาน้ำมันวันนี้" 6 มิ.ย. 65 เช็กราคาน้ำมันทุกชนิด กลุ่มเบนซิน, โซฮอล์, ดีเซล ล่าสุดราคาลิตรละเท่าไร เมื่อเปรียบเทียบระหว่าง 4 ปั๊มน้ำมัน วันที่ 6 มิถุนายน 2565 ผู้สื่อข่าวรายงานการอัปเดตราคาน้ำมัน กลุ่มเบนซิน, แก๊สโซฮอล์ และดีเซล ล่าสุด จากเว็บไซต์ บมจ.บางจากปิโตรเลียม, เว็บไซต์ บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน), เว็บไซต์ บริษัท เชลล์แห่งประเทศไทย จำกัด และ Esso Thailand โดยมีราคาดังนี้ ราคาน้ำมันปั๊ม "เชลล์" เชลล์ ฟิวเซฟ แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 44.54 บาท/ลิตร เชลล์ ฟิวเซฟ แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 45.38 บาท/ลิตร เชลล์ ฟิวเซฟ แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 45.65 บาท/ลิตร เชลล์ วี-เพาเวอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 53.14 บาท/ลิตร เชลล์ ดีเซล B20 อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร เชลล์ ฟิวเซฟ ดีเซล อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร เชลล์ ฟิวเซฟ ดีเซล B7 อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร เชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซล อยู่ที่ 33.94 บาท/ลิตร เชลล์ วี-เพาเวอร์ ดีเซล B7 อยู่ที่ 49.39 บาท/ลิตร ราคาน้ำมันปั๊ม "เอสโซ่" เอ็กซ์ตร้า แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 44.34 บาท/ลิตร เอ็กซ์ตร้า แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 45.18 บาท/ลิตร ซูเปอร์ แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 45.45 บาท/ลิตร ดีเซล อยู่ที่ 33.34 บาท/ลิตร ดีเซล B7 อยู่ที่ 33.34 บาท/ลิตร ซูพรีมพลัส แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 52.94 บาท/ลิตร ซูพรีมพลัส ดีเซล B7 อยู่ที่ 47.66 บาท/ลิตร ราคาน้ำมันปั๊ม "ปตท." ดีเซลพรีเมียม B7 อยู่ที่ 44.36 บาท/ลิตร ดีเซล S B7 อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร ดีเซล อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร ดีเซล B20 อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร เบนซิน อยู่ที่ 52.06 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 95 อยู่ที่ 44.65 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 91 อยู่ที่ 44.38 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ E20 อยู่ที่ 43.54 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ E85 อยู่ที่ 37.24 บาท/ลิตร ราคาน้ำมันปั๊ม "บางจาก" แก๊สโซฮอล์ 95S EVO อยู่ที่ 44.65 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ 91S EV อยู่ที่ 44.38 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ E20S EVO อยู่ที่ 43.54 บาท/ลิตร แก๊สโซฮอล์ E85S EVO อยู่ที่ 37.24 บาท/ลิตร ไฮดีเซล B20S อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร ไฮดีเซล S อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร ไฮดีเซล S B7 อยู่ที่ 32.94 บาท/ลิตร ไฮพรีเมียมดีเซล S B7 อยู่ที่ 44.36 บาท/ลิตร อย่างไรก็ตาม ราคาข้างต้นเป็นราคากลางที่ยังไม่รวมภาษีบำรุงท้องที่ ซึ่งอาจมีความแตกต่างในแต่ละพื้นที่.
    0 Comments 0 Shares 70 Views 0 Reviews
  • มีหรือแค่...โอ้อวด? 🤔 สำรวจพฤติกรรม "อวดเก่ง อวดรวย อวดสุข" ที่อาจทำให้เสียโอกาส พลาดการเติบโต

    จิตวิทยาความอยากอวดในยุคโซเชียล ทั้งอวดเก่ง อวดรวย อวดสุข มันคือความภูมิใจ หรือแค่สร้างภาพ? แล้วจะเติบโตโดยไม่ต้องโชว์ยังไง?

    จะพาสำรวจพฤติกรรมการโอ้อวด ในสังคมยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการอวดเก่ง อวดรวย หรืออวดความสุข พร้อมแนะแนวทางการเติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องใช้การโชว์เป็นเครื่องมือ

    🌐 โลกยุคแชร์ได้ในพริบตา ในโลกที่โซเชียลมีเดีย กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เราทุกคนต่างก็มี “เวที” เป็นของตัวเอง ✨ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือ TikTok ใครๆ ก็สามารถโพสต์ แชร์ และบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง ได้แบบเรียลไทม์

    แต่เคยสงสัยไหมว่า...
    ทำไมบางโพสต์ถึงรู้สึกเหมือนเป็น "การโชว์"?
    ทำไมบางคนดูเหมือนต้อง “ยืนยัน” ตัวเองตลอดเวลา?

    อวดว่าเก่ง
    อวดว่าได้เงิน
    อวดว่าแฮปปี้สุดๆ 🏆💰😊

    แล้วสิ่งเหล่านี้สะท้อน "ตัวตนจริง" หรือเป็นแค่ "ภาพที่สร้างขึ้น"? จะพาเจาะลึกเรื่องราวเหล่านี้ พร้อมเสนอแนวทางใหม่ ในการเติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องโชว์ให้ใครเห็น 💡

    🌱 ความแตกต่างระหว่าง "ความภูมิใจที่แท้จริง" กับ "การโอ้อวด" 🌟 ก่อนที่เราจะลงลึก สำคัญมากที่เราจะต้องแยกให้ออกก่อนว่า...

    ความภูมิใจที่แท้จริง = ความรู้สึกดีในสิ่งที่เราสร้างขึ้น ด้วยความพยายาม

    การโอ้อวด = การแสดงออกเพื่อให้คนอื่นเห็นและยอมรับ แม้บางครั้งจะไม่ได้มาจากความจริงภายใน

    ความภูมิใจคือ การ "รู้ว่าเราทำได้"

    การอวดคือ การ "อยากให้คนอื่นรู้ว่าเราทำได้" 😌✨

    ลองถามตัวเอง...

    🔍 ฉันโพสต์สิ่งนี้ เพราะภูมิใจในตัวเอง หรือเพราะอยากให้คนอื่นชื่นชม? คำตอบนั้น จะบอกได้เลยว่า เรากำลัง “เติบโต” หรือแค่ “แสดงตัวตน”

    พฤติกรรม “อวดเก่ง” 😎 ที่ต้องบอกว่าเราเก่ง? เพราะ...

    ความต้องการการยอมรับ มนุษย์ทุกคนล้วนมีความต้องการพื้นฐานคือ “การได้รับการยอมรับ” จากสังคม 🧠 ในยุคที่ใครๆ ก็แชร์ได้ การโพสต์ความสำเร็จ กลายเป็นเครื่องมือเรียกร้องความสนใจ ได้ง่ายที่สุด

    แต่คำถามคือ... ❓ ถ้าเราเก่งจริง เราต้องบอกทุกคนตลอดเวลาหรือเปล่า?

    อวดเก่ง = หยุดพัฒนา คนที่มัวแต่ “อวดว่าเก่ง” มักจะลืมไปว่า “การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด” เพราะพอได้รับคำชมแล้ว อาจทำให้รู้สึกว่า "เราดีอยู่แล้ว ไม่ต้องพัฒนาอีก" 😵‍💫

    สัญญาณที่ควรเช็กตัวเอง โพสต์ความสำเร็จ บ่อยกว่าความพยายามหรือเปล่า? เวลาคุยกับคนอื่น มักจะเน้นว่า “เราทำอะไรได้ดี” มากกว่าการ “เรียนรู้จากคนอื่น” หรือไม่?

    💬 หากคำตอบคือ "ใช่"... บางทีเรากำลังหลงอยู่กับภาพของตัวเอง

    พฤติกรรม “อวดรวย” 💸 ความมั่งคั่งที่แท้จริง ต้องโชว์หรือไม่?

    ความรวยที่แท้จริง "เงียบ" เสมอ จากงานวิจัยของ "มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด" พบว่า คนที่มีความมั่นคงทางการเงิน มักไม่รู้สึกต้องโชว์ เพราะพวกเขา “ไม่ได้ต้องการพิสูจน์อะไรให้ใครเห็น” 💼

    ✅ รวยจริง = มั่นใจ
    ❌ อวดรวย = แสวงหาการยอมรับ

    การอวดมักมาจาก “ความขาด” หลายครั้งที่การอวดเรื่องเงินทอง มาจาก "ความรู้สึกไม่เพียงพอ" ภายในใจ 🥺 คนที่เคยลำบาก อาจรู้สึกต้องโชว์ว่าตัวเอง "มีแล้ว" คนที่ยังกลัวความจน มักจะแสดงออกเพื่อปกปิดความกลัว

    พฤติกรรมที่เห็นได้ชัดคือ อวดของแบรนด์เนม แต่มีหนี้บัตรเครดิต 😬 โชว์ไลฟ์สไตล์หรู แต่ไม่มีการลงทุนในความรู้ หรือสุขภาพของตัวเอง

    พฤติกรรม “อวดสุข” 😊🌈 มีความสุขจริง หรือแค่ต้องการให้คนอื่นอิจฉา?

    ความสุขที่แท้จริง ไม่ต้องโชว์ คนที่มีความสุขจริง มักอยู่กับตัวเองหรือคนที่รัก ไม่รู้สึกจำเป็นต้องแชร์ทุกโมเมนต์ เพราะเขาไม่ต้องการการยืนยันจากคนอื่น 💖

    เมื่อ “อวดสุข” = “ฉันเหนือกว่า” โพสต์อาหารดี วิวสวย หรือชีวิตคู่สุดโรแมนติกตลอดเวลา... บางครั้งอาจกลายเป็นการแข่งขันทางอารมณ์ ที่หลอกตัวเองว่า “ฉันชนะแล้ว”

    🚨 นั่นคือกับดักของการเปรียบเทียบ!

    🚪 การ “อวด” ทำให้เสียโอกาส ❌ ไม่มีเวลาเรียนรู้ การมัวแต่สร้างภาพ ทำให้ไม่มีเวลา “เรียนรู้จริง” เพราะใช้พลังไปกับ การทำให้คนอื่นเชื่อว่าเราเก่ง เรารวย เรามีความสุข 😓

    ติดกับดักคำชม เมื่อเราต้องการคำชมมากเกินไป เราจะเริ่ม “ทำทุกอย่างเพื่อให้คนชอบ” แทนที่จะ “ทำในสิ่งที่เรารัก”

    เครียดจากการเปรียบเทียบ เมื่อเราอยากชนะจากการเปรียบเทียบ มันสร้างความกดดันให้เราต้อง “ดูดีกว่า” อยู่เสมอ ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตอย่างมาก 😵‍💫

    จะเติบโตได้ยังไง โดยไม่ต้องโชว์? 🌿🚀

    ✅ ฟกัสที่ “การเติบโต” ไม่ใช่ “ภาพลักษณ์” ถามตัวเองบ่อยๆ ว่า... สิ่งที่ฉันทำวันนี้ มันช่วยให้ฉันดีขึ้นจริงไหม? หรือแค่ทำเพื่อให้คนอื่นเห็น?

    ✅ สื่อสารแบบ “ภูมิใจ” ไม่ใช่ “โอ้อวด” ความภูมิใจคือ การแบ่งปันประสบการณ์ เพื่อ “สร้างแรงบันดาลใจ” ไม่ใช่เพื่อ “ข่มคนอื่น” 🗣️

    ✅ มีความสุขแบบไม่ต้องโชว์ ลองอยู่กับตัวเอง ใช้เวลากับสิ่งเล็กๆ เช่น อ่านหนังสือ ทำอาหาร หรือเดินเล่น โดยไม่ต้องถ่ายรูปแชร์ทุกครั้ง 🍃📚

    ✅ เปลี่ยนคำถามในใจ จาก “คนอื่นจะคิดยังไง?” 👉 เป็น “สิ่งนี้ทำให้ฉันเติบโตไหม?” หรือ “สิ่งนี้สะท้อนตัวตนของฉันจริงหรือเปล่า?”

    🧘‍♂️ ในยุคที่ใครๆ ก็สามารถสร้างภาพได้ คนที่ “เงียบแต่ลึก” กลับน่าสนใจกว่า

    จงเป็นคนที่ มี มากกว่าคนที่ต้อง โชว์ว่ามี เพราะสุดท้าย... ความสุขจริง ไม่ได้อยู่ที่สายตาคนอื่น แต่มันอยู่ที่ใจของเราเอง 💖

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231249 เม.ย. 2568

    📲 #อวดเก่ง #อวดรวย #อวดสุข #ภูมิใจไม่อวด #เติบโตจากภายใน #ไม่ต้องโชว์ก็สุขได้ #สุขแบบเงียบๆ #ชีวิตเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง #แค่มีไม่ต้องโชว์ #จิตวิทยาโซเชียล
    มีหรือแค่...โอ้อวด? 🤔 สำรวจพฤติกรรม "อวดเก่ง อวดรวย อวดสุข" ที่อาจทำให้เสียโอกาส พลาดการเติบโต จิตวิทยาความอยากอวดในยุคโซเชียล ทั้งอวดเก่ง อวดรวย อวดสุข มันคือความภูมิใจ หรือแค่สร้างภาพ? แล้วจะเติบโตโดยไม่ต้องโชว์ยังไง? จะพาสำรวจพฤติกรรมการโอ้อวด ในสังคมยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการอวดเก่ง อวดรวย หรืออวดความสุข พร้อมแนะแนวทางการเติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องใช้การโชว์เป็นเครื่องมือ 🌐 โลกยุคแชร์ได้ในพริบตา ในโลกที่โซเชียลมีเดีย กลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวัน เราทุกคนต่างก็มี “เวที” เป็นของตัวเอง ✨ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram หรือ TikTok ใครๆ ก็สามารถโพสต์ แชร์ และบอกเล่าเรื่องราวของตัวเอง ได้แบบเรียลไทม์ แต่เคยสงสัยไหมว่า... ทำไมบางโพสต์ถึงรู้สึกเหมือนเป็น "การโชว์"? ทำไมบางคนดูเหมือนต้อง “ยืนยัน” ตัวเองตลอดเวลา? อวดว่าเก่ง อวดว่าได้เงิน อวดว่าแฮปปี้สุดๆ 🏆💰😊 แล้วสิ่งเหล่านี้สะท้อน "ตัวตนจริง" หรือเป็นแค่ "ภาพที่สร้างขึ้น"? จะพาเจาะลึกเรื่องราวเหล่านี้ พร้อมเสนอแนวทางใหม่ ในการเติบโตอย่างมั่นคง โดยไม่ต้องโชว์ให้ใครเห็น 💡 🌱 ความแตกต่างระหว่าง "ความภูมิใจที่แท้จริง" กับ "การโอ้อวด" 🌟 ก่อนที่เราจะลงลึก สำคัญมากที่เราจะต้องแยกให้ออกก่อนว่า... ความภูมิใจที่แท้จริง = ความรู้สึกดีในสิ่งที่เราสร้างขึ้น ด้วยความพยายาม การโอ้อวด = การแสดงออกเพื่อให้คนอื่นเห็นและยอมรับ แม้บางครั้งจะไม่ได้มาจากความจริงภายใน ความภูมิใจคือ การ "รู้ว่าเราทำได้" การอวดคือ การ "อยากให้คนอื่นรู้ว่าเราทำได้" 😌✨ ลองถามตัวเอง... 🔍 ฉันโพสต์สิ่งนี้ เพราะภูมิใจในตัวเอง หรือเพราะอยากให้คนอื่นชื่นชม? คำตอบนั้น จะบอกได้เลยว่า เรากำลัง “เติบโต” หรือแค่ “แสดงตัวตน” พฤติกรรม “อวดเก่ง” 😎 ที่ต้องบอกว่าเราเก่ง? เพราะ... ความต้องการการยอมรับ มนุษย์ทุกคนล้วนมีความต้องการพื้นฐานคือ “การได้รับการยอมรับ” จากสังคม 🧠 ในยุคที่ใครๆ ก็แชร์ได้ การโพสต์ความสำเร็จ กลายเป็นเครื่องมือเรียกร้องความสนใจ ได้ง่ายที่สุด แต่คำถามคือ... ❓ ถ้าเราเก่งจริง เราต้องบอกทุกคนตลอดเวลาหรือเปล่า? อวดเก่ง = หยุดพัฒนา คนที่มัวแต่ “อวดว่าเก่ง” มักจะลืมไปว่า “การเรียนรู้ไม่มีที่สิ้นสุด” เพราะพอได้รับคำชมแล้ว อาจทำให้รู้สึกว่า "เราดีอยู่แล้ว ไม่ต้องพัฒนาอีก" 😵‍💫 สัญญาณที่ควรเช็กตัวเอง โพสต์ความสำเร็จ บ่อยกว่าความพยายามหรือเปล่า? เวลาคุยกับคนอื่น มักจะเน้นว่า “เราทำอะไรได้ดี” มากกว่าการ “เรียนรู้จากคนอื่น” หรือไม่? 💬 หากคำตอบคือ "ใช่"... บางทีเรากำลังหลงอยู่กับภาพของตัวเอง พฤติกรรม “อวดรวย” 💸 ความมั่งคั่งที่แท้จริง ต้องโชว์หรือไม่? ความรวยที่แท้จริง "เงียบ" เสมอ จากงานวิจัยของ "มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด" พบว่า คนที่มีความมั่นคงทางการเงิน มักไม่รู้สึกต้องโชว์ เพราะพวกเขา “ไม่ได้ต้องการพิสูจน์อะไรให้ใครเห็น” 💼 ✅ รวยจริง = มั่นใจ ❌ อวดรวย = แสวงหาการยอมรับ การอวดมักมาจาก “ความขาด” หลายครั้งที่การอวดเรื่องเงินทอง มาจาก "ความรู้สึกไม่เพียงพอ" ภายในใจ 🥺 คนที่เคยลำบาก อาจรู้สึกต้องโชว์ว่าตัวเอง "มีแล้ว" คนที่ยังกลัวความจน มักจะแสดงออกเพื่อปกปิดความกลัว พฤติกรรมที่เห็นได้ชัดคือ อวดของแบรนด์เนม แต่มีหนี้บัตรเครดิต 😬 โชว์ไลฟ์สไตล์หรู แต่ไม่มีการลงทุนในความรู้ หรือสุขภาพของตัวเอง พฤติกรรม “อวดสุข” 😊🌈 มีความสุขจริง หรือแค่ต้องการให้คนอื่นอิจฉา? ความสุขที่แท้จริง ไม่ต้องโชว์ คนที่มีความสุขจริง มักอยู่กับตัวเองหรือคนที่รัก ไม่รู้สึกจำเป็นต้องแชร์ทุกโมเมนต์ เพราะเขาไม่ต้องการการยืนยันจากคนอื่น 💖 เมื่อ “อวดสุข” = “ฉันเหนือกว่า” โพสต์อาหารดี วิวสวย หรือชีวิตคู่สุดโรแมนติกตลอดเวลา... บางครั้งอาจกลายเป็นการแข่งขันทางอารมณ์ ที่หลอกตัวเองว่า “ฉันชนะแล้ว” 🚨 นั่นคือกับดักของการเปรียบเทียบ! 🚪 การ “อวด” ทำให้เสียโอกาส ❌ ไม่มีเวลาเรียนรู้ การมัวแต่สร้างภาพ ทำให้ไม่มีเวลา “เรียนรู้จริง” เพราะใช้พลังไปกับ การทำให้คนอื่นเชื่อว่าเราเก่ง เรารวย เรามีความสุข 😓 ติดกับดักคำชม เมื่อเราต้องการคำชมมากเกินไป เราจะเริ่ม “ทำทุกอย่างเพื่อให้คนชอบ” แทนที่จะ “ทำในสิ่งที่เรารัก” เครียดจากการเปรียบเทียบ เมื่อเราอยากชนะจากการเปรียบเทียบ มันสร้างความกดดันให้เราต้อง “ดูดีกว่า” อยู่เสมอ ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพจิตอย่างมาก 😵‍💫 จะเติบโตได้ยังไง โดยไม่ต้องโชว์? 🌿🚀 ✅ ฟกัสที่ “การเติบโต” ไม่ใช่ “ภาพลักษณ์” ถามตัวเองบ่อยๆ ว่า... สิ่งที่ฉันทำวันนี้ มันช่วยให้ฉันดีขึ้นจริงไหม? หรือแค่ทำเพื่อให้คนอื่นเห็น? ✅ สื่อสารแบบ “ภูมิใจ” ไม่ใช่ “โอ้อวด” ความภูมิใจคือ การแบ่งปันประสบการณ์ เพื่อ “สร้างแรงบันดาลใจ” ไม่ใช่เพื่อ “ข่มคนอื่น” 🗣️ ✅ มีความสุขแบบไม่ต้องโชว์ ลองอยู่กับตัวเอง ใช้เวลากับสิ่งเล็กๆ เช่น อ่านหนังสือ ทำอาหาร หรือเดินเล่น โดยไม่ต้องถ่ายรูปแชร์ทุกครั้ง 🍃📚 ✅ เปลี่ยนคำถามในใจ จาก “คนอื่นจะคิดยังไง?” 👉 เป็น “สิ่งนี้ทำให้ฉันเติบโตไหม?” หรือ “สิ่งนี้สะท้อนตัวตนของฉันจริงหรือเปล่า?” 🧘‍♂️ ในยุคที่ใครๆ ก็สามารถสร้างภาพได้ คนที่ “เงียบแต่ลึก” กลับน่าสนใจกว่า จงเป็นคนที่ มี มากกว่าคนที่ต้อง โชว์ว่ามี เพราะสุดท้าย... ความสุขจริง ไม่ได้อยู่ที่สายตาคนอื่น แต่มันอยู่ที่ใจของเราเอง 💖 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231249 เม.ย. 2568 📲 #อวดเก่ง #อวดรวย #อวดสุข #ภูมิใจไม่อวด #เติบโตจากภายใน #ไม่ต้องโชว์ก็สุขได้ #สุขแบบเงียบๆ #ชีวิตเรียบง่ายแต่ลึกซึ้ง #แค่มีไม่ต้องโชว์ #จิตวิทยาโซเชียล
    0 Comments 0 Shares 82 Views 0 Reviews
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลุยเดินสายซับน้ำตา บรรเทาทุกข์ - เยียวยาผู้ประสบภัยอัคคีภัย ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และ มอบเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวต่อเนื่อง
    .
    วันนี้ (วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ.2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีม แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่ซอยโรงธูป อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี รวมจำนวน 49 คน โดยมอบเงินสดคนละ 3,500 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภค รวมจำนวน 17 ชุด รวมงบประมาณการช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยทั้งสิ้น 214,000 บาท โดยมี นายนรสิงห์ อรุณบรรเจิดกุล ปลัดเทศบาลเมืองบ้านโป่ง ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีเมืองบ้านโป่ง พร้อมด้วย คณะมูลนิธิรวมใจการกุศลราชบุรี และ คณะอาสาสมัครเฉพาะกิจ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี ณ เทศบาลบ้านโป่ง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี หลังจากนั้น นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยัง สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อมอบเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว จำนวน 7 รายๆ ละ 20,000 บาท รวมเป็นเงิน 140,000 บาท
    .
    รวมงบประมาณการช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยทั้งสองเหตุเป็นเงินทั้งสิ้น 354,000 บาท (สามแสนห้าหมื่นสี่พันบาทถ้วน) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอแสดงความเสียใจและอาลัยอย่างสุดซึ้ง และขอส่งกำลังใจไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวทุกท่านมา ณ ที่นี้
    .
    เมื่อเกิดเหตุสาธารณภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ดำเนินการเชิงรุกอย่างบูรณาการร่วมกันทั้งด้านงานบรรเทาสาธารณภัย และงานสังคมสงเคราะห์ ดังเช่น เหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ได้จัดส่งทีมสาธารณภัย ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการมอบสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นให้แก่โรงพยาบาลที่ทำการอพยพและเปิดรับบริจาคสิ่งของ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเยียวยาครอบครัวผู้สูญเสียและผู้บาดเจ็บ ทั้งชาวไทยและเมียนมา รวมมูลค่าการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและมอบเงินค่าฌาปนกิจศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวจนถึงปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท โดยปัจจุบันมูลนิธิฯ ยังคงติดตามและเข้ามอบเงินช่วยเหลือแก่ญาติผู้ประสบเหตุดังกล่าวต่อไป
    .
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคทรัพย์ เครื่องอุปโภคบริโภค สมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยต่าง ๆ ขอบุญบารมีหลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ส่งผลให้ท่านและครอบครัว มีความสุขความเจริญตลอดไป ท่านสามารถติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    กว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ลุยเดินสายซับน้ำตา บรรเทาทุกข์ - เยียวยาผู้ประสบภัยอัคคีภัย ในพื้นที่จังหวัดราชบุรี และ มอบเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวต่อเนื่อง . วันนี้ (วันอังคารที่ 22 เมษายน พ.ศ.2568) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ พร้อมด้วย นายรัชพร ประสงค์ทรัพย์ หัวหน้าแผนกสาธารณภัย นำทีม แผนกสาธารณภัย ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยในพื้นที่ซอยโรงธูป อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี รวมจำนวน 49 คน โดยมอบเงินสดคนละ 3,500 บาท พร้อมมอบเครื่องอุปโภคบริโภค รวมจำนวน 17 ชุด รวมงบประมาณการช่วยเหลือผู้ประสบอัคคีภัยทั้งสิ้น 214,000 บาท โดยมี นายนรสิงห์ อรุณบรรเจิดกุล ปลัดเทศบาลเมืองบ้านโป่ง ปฏิบัติหน้าที่นายกเทศมนตรีเมืองบ้านโป่ง พร้อมด้วย คณะมูลนิธิรวมใจการกุศลราชบุรี และ คณะอาสาสมัครเฉพาะกิจ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ร่วมในพิธี ณ เทศบาลบ้านโป่ง อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี หลังจากนั้น นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พร้อมคณะ ได้เดินทางไปยัง สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เพื่อมอบเงินช่วยเหลือค่าฌาปนกิจแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหว จำนวน 7 รายๆ ละ 20,000 บาท รวมเป็นเงิน 140,000 บาท . รวมงบประมาณการช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยทั้งสองเหตุเป็นเงินทั้งสิ้น 354,000 บาท (สามแสนห้าหมื่นสี่พันบาทถ้วน) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอแสดงความเสียใจและอาลัยอย่างสุดซึ้ง และขอส่งกำลังใจไปยังครอบครัวผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ และผู้ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าวทุกท่านมา ณ ที่นี้ . เมื่อเกิดเหตุสาธารณภัย มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ดำเนินการเชิงรุกอย่างบูรณาการร่วมกันทั้งด้านงานบรรเทาสาธารณภัย และงานสังคมสงเคราะห์ ดังเช่น เหตุแผ่นดินไหวครั้งใหญ่เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา ฝ่ายสังคมสงเคราะห์ ได้จัดส่งทีมสาธารณภัย ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการมอบสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นให้แก่โรงพยาบาลที่ทำการอพยพและเปิดรับบริจาคสิ่งของ พร้อมประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อเยียวยาครอบครัวผู้สูญเสียและผู้บาดเจ็บ ทั้งชาวไทยและเมียนมา รวมมูลค่าการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บและมอบเงินค่าฌาปนกิจศพแก่ญาติผู้เสียชีวิตจากเหตุแผ่นดินไหวจนถึงปัจจุบันไม่ต่ำกว่า 5 แสนบาท โดยปัจจุบันมูลนิธิฯ ยังคงติดตามและเข้ามอบเงินช่วยเหลือแก่ญาติผู้ประสบเหตุดังกล่าวต่อไป . มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ขอขอบพระคุณผู้มีจิตศรัทธาที่ร่วมบริจาคทรัพย์ เครื่องอุปโภคบริโภค สมทบทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัยต่าง ๆ ขอบุญบารมีหลวงปู่ไต้ฮง (ไต้ฮงกง) ส่งผลให้ท่านและครอบครัว มีความสุขความเจริญตลอดไป ท่านสามารถติดตามข่าวสาร และกิจกรรมงานสาธารณกุศลมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้ที่ เว็บไซต์ www.pohtecktung.org และ เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . กว่า 115 ปี ที่มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลายทาง เพื่อเป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ดังปณิธาน “มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    0 Comments 0 Shares 87 Views 0 Reviews
  • 9 ปี สิ้น “บรรหาร ศิลปอาชา” 🐉 มังกรสุพรรณ นายกฯ ผู้สร้างเมืองด้วยมือปลาไหลใส่สเก็ต รวยอันดับสอง รองจากทักษิณ ชายผู้พลิกเมือง “สุพรรณบุรี” จนกลายเป็น “บรรหารบุรี”

    📅 เช้าตรู่วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559 แวดวงการเมืองไทย ต้องพบกับความสูญเสียครั้งสำคัญ เมื่อ “นายบรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 ถึงแก่อนิจกรรมด้วยภาวะภูมิแพ้ และหอบหืดกำเริบ ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ รวมอายุได้ 83 ปี 247 วัน

    แม้เวลาจะผ่านมา 9 ปี แต่ชื่อของบรรหารก็ยังคงดังก้อง ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ทั้งในฐานะนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล นายกฯ ที่สู้จนได้เป็นผู้นำประเทศ และ “เจ้าพ่อเมืองสุพรรณ” ผู้ปั้นเมืองทั้งเมืองด้วยความตั้งใจ และสายสัมพันธ์ทางการเมืองอันแน่นหนา

    🧠 จะพาคุณย้อนรอยชีวิต และผลงานของชายผู้ได้ฉายาว่า “ปลาไหลใส่สเก็ต” อย่างบรรหาร พร้อมเจาะลึกทุกมิติที่ควรรู้ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และมรดกที่ทิ้งไว้ให้เมืองสุพรรณบุรี 🇹🇭

    👦 ชีวิตวัยเด็กของ "เต็กเซียง แซ่เบ๊" เด็กชายแห่งท่าพี่เลี้ยง บรรหารเกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ที่ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีชื่อเดิมว่า “เต็กเซียง แซ่เบ๊” (馬德祥)

    👨‍👩‍👧‍👦 เป็นบุตรคนที่ 4 จากทั้งหมด 6 คน ของครอบครัวชาวจีนแต้จิ๋ว ที่ทำธุรกิจร้านขายสิ่งทอชื่อ “ย่งหยูฮง” พ่อแม่คือ "เซ่งกิม" และ "สายเอ็ง แซ่เบ๊" ซึ่งปลูกฝังความขยันขันแข็ง และแนวคิดแบบพ่อค้า ให้แก่บรรหารตั้งแต่วัยเยาว์

    แม้จะเรียนถึงแค่ระดับมัธยมต้น ที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัยในกรุงเทพฯ แต่ต้องหยุดเรียนเพราะสงครามโลก ครั้งที่สอง จึงเลือกเดินทางสายนักธุรกิจ สร้างฐานะด้วยตนเองจากงานรับเหมาก่อสร้าง จนในที่สุดกลายเป็นนักธุรกิจใหญ่ ผู้ก่อตั้งบริษัทมากมาย เช่น

    🏗️ บริษัทสหศรีชัยก่อสร้าง จำกัด
    ⚗️ บริษัทบี.เอส.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด
    🧪 บริษัทคอสติกไทย จำกัด จำหน่ายเคมีภัณฑ์

    จากเด็กชายในเมืองเล็ก ๆ สู่เจ้าของอาณาจักรธุรกิจ และผู้นำประเทศ บรรหารถือเป็นตัวอย่าง ของคนที่สร้างทุกอย่างจากศูนย์ 💪

    🏛️ ก้าวแรกสู่การเมือง จากเทศบาลเมือง สู่สภาผู้แทนราษฎร เส้นทางการเมืองของบรรหาร เริ่มต้นในฐานะ “สมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี” จากการแต่งตั้งในปี พ.ศ. 2516 ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในปี พ.ศ. 2518 และลงเลือกตั้งเป็น ส.ส. สุพรรณบุรีในปี พ.ศ. 2519 ซึ่งเขาชนะทุกครั้งที่ลงสมัคร รวมทั้งสิ้น 11 สมัย! 🗳️

    🏆 จากพลังแห่งความนิยมในพื้นที่สุพรรณบุรี บรรหารก้าวขึ้นสู่เวทีใหญ่ เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง อาทิ

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 🚆

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🏢

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 🌾

    รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 💰

    บรรหารได้รับสมญานามว่า “มังกรสุพรรณ” ด้วยพลังในการควบคุมพื้นที่อย่างแน่นหนา และ “ปลาไหลใส่สเก็ต” ด้วยสไตล์ทางการเมือง ที่ลื่นไหลยืดหยุ่น

    👑 สู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 📌 ปี พ.ศ. 2538 บรรหาร ศิลปอาชา ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ของประเทศไทย พร้อมควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย

    🎯 ผลงานสำคัญที่เกิดขึ้นในรัฐบาลบรรหาร ได้แก่ ริเริ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540, เป็นเจ้าภาพ ASEM และ ASEAN Summitm การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่เชียงใหม่, การจัดงานเกษตรอุตสาหกรรมโลก WORLDTECH’95 และการตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ

    แม้การบริหารของบรรหาร ถูกฝ่ายค้านวิจารณ์อย่างหนัก จนต้องยุบสภาในปี พ.ศ. 2539 แต่ผลงานจำนวนมาก ก็ยังถูกพูดถึงจนถึงปัจจุบัน

    💸 รวยจริง ไม่ต้องโชว์ บรรหารกับทรัพย์สินมหาศาล 📈 จากรายงานของสำนักข่าวอิศรา “บรรหาร” ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “นายกรัฐมนตรีที่ร่ำรวยที่สุด เป็นอันดับ 2” รองจาก “ทักษิณ ชินวัตร” โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจาก

    ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 🏗️

    ธุรกิจเคมีภัณฑ์ 📦

    อสังหาริมทรัพย์ทั้งในเมือง และต่างจังหวัด 🏢

    ของสะสม เช่น พระเครื่อง นาฬิกาหรู รถยนต์หรู ⌚🚗

    แต่สิ่งที่ทำให้บรรหาร ได้รับความเคารพคือ “การใช้เงินเป็น” ไม่ใช่ “โชว์หรู” ใช้ทรัพย์สินเพื่อพัฒนา ไม่ใช่เพื่อสร้างภาพลักษณ์

    🌸 มรดกที่ทิ้งไว้ "บรรหารบุรี" เมืองต้นแบบของจังหวัดนิยม เมืองสุพรรณบุรีในวันนี้ กลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบ “จังหวัดนิยม” (Provincial Identity) ซึ่งนักวิชาการญี่ปุ่น "Yoshinori Nishizaki" อธิบายไว้ชัดเจนว่า

    “บรรหารสามารถสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้เมือง ผ่านโครงการต่างๆ ที่จับต้องได้จริง จนกลายเป็นแรงศรัทธาทางการเมือง”

    🧱 ตัวอย่างผลงานในสุพรรณบุรี เช่น หอคอยเมืองสุพรรณ, ถนนคุณภาพระดับประเทศ, โรงเรียนบรรหารแจ่มใส, โรงพยาบาล, ศูนย์ราชการรวมศูนย์, พิพิธภัณฑ์, หอเกียรติยศ และศาลหลักเมือง

    สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนมองเห็นว่า “นักการเมืองที่ดี” คือคนที่ “พัฒนาชุมชน” ไม่ใช่แค่พูดสวยหรูบนเวที

    📌 บทเรียนจากชีวิตบรรหาร สัจจะ และกตัญญู หากถามถึงคุณธรรมสำคัญในชีวิตของบรรหาร มีอยู่ 2 คำ ที่บรรหารยึดมั่นเสมอ คือ

    “สัจจะ” คำพูดต้องรักษาให้ได้

    “กตัญญู” ต่อบ้านเกิด และผู้มีพระคุณ

    นี่คือสิ่งที่ทำให้ชื่อของบรรหาร ยังถูกพูดถึงแม้เวลาผ่านไปหลายปี และยังเป็นแบบอย่างให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ ได้ศึกษาเรียนรู้

    📜 มังกรสุพรรณ ผู้ล่องด้วยสัจจะ "บรรหาร ศิลปอาชา" ไม่ใช่แค่ “อดีตนายกรัฐมนตรี” แต่คือชายที่หล่อหลอมเมืองสุพรรณบุรี ให้กลายเป็นพื้นที่พิเศษ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย 🐉

    จากชายที่เกิดในครอบครัวพ่อค้า สู่ผู้พัฒนาจังหวัดด้วยวิสัยทัศน์

    จากนักธุรกิจที่สร้างตัวเอง สู่ผู้นำที่เปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองไทย 🇹🇭

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231016 เม.ย. 2568

    🔖 #บรรหารศิลปอาชา #นายกรัฐมนตรีไทย #มังกรสุพรรณ #บรรหารบุรี #ปลาไหลใส่สเก็ต #สุพรรณบุรี #การเมืองไทย #พัฒนาท้องถิ่น #จังหวัดนิยม #บุคคลสำคัญ
    9 ปี สิ้น “บรรหาร ศิลปอาชา” 🐉 มังกรสุพรรณ นายกฯ ผู้สร้างเมืองด้วยมือปลาไหลใส่สเก็ต รวยอันดับสอง รองจากทักษิณ ชายผู้พลิกเมือง “สุพรรณบุรี” จนกลายเป็น “บรรหารบุรี” 📅 เช้าตรู่วันเสาร์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2559 แวดวงการเมืองไทย ต้องพบกับความสูญเสียครั้งสำคัญ เมื่อ “นายบรรหาร ศิลปอาชา” อดีตนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 ถึงแก่อนิจกรรมด้วยภาวะภูมิแพ้ และหอบหืดกำเริบ ที่โรงพยาบาลศิริราช ปิยมหาราชการุณย์ รวมอายุได้ 83 ปี 247 วัน แม้เวลาจะผ่านมา 9 ปี แต่ชื่อของบรรหารก็ยังคงดังก้อง ในหน้าประวัติศาสตร์การเมืองไทย ทั้งในฐานะนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพล นายกฯ ที่สู้จนได้เป็นผู้นำประเทศ และ “เจ้าพ่อเมืองสุพรรณ” ผู้ปั้นเมืองทั้งเมืองด้วยความตั้งใจ และสายสัมพันธ์ทางการเมืองอันแน่นหนา 🧠 จะพาคุณย้อนรอยชีวิต และผลงานของชายผู้ได้ฉายาว่า “ปลาไหลใส่สเก็ต” อย่างบรรหาร พร้อมเจาะลึกทุกมิติที่ควรรู้ ทั้งด้านการเมือง เศรษฐกิจ และมรดกที่ทิ้งไว้ให้เมืองสุพรรณบุรี 🇹🇭 👦 ชีวิตวัยเด็กของ "เต็กเซียง แซ่เบ๊" เด็กชายแห่งท่าพี่เลี้ยง บรรหารเกิดเมื่อวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2475 ที่ตำบลท่าพี่เลี้ยง อำเภอเมือง จังหวัดสุพรรณบุรี โดยมีชื่อเดิมว่า “เต็กเซียง แซ่เบ๊” (馬德祥) 👨‍👩‍👧‍👦 เป็นบุตรคนที่ 4 จากทั้งหมด 6 คน ของครอบครัวชาวจีนแต้จิ๋ว ที่ทำธุรกิจร้านขายสิ่งทอชื่อ “ย่งหยูฮง” พ่อแม่คือ "เซ่งกิม" และ "สายเอ็ง แซ่เบ๊" ซึ่งปลูกฝังความขยันขันแข็ง และแนวคิดแบบพ่อค้า ให้แก่บรรหารตั้งแต่วัยเยาว์ แม้จะเรียนถึงแค่ระดับมัธยมต้น ที่โรงเรียนวัฒนศิลป์วิทยาลัยในกรุงเทพฯ แต่ต้องหยุดเรียนเพราะสงครามโลก ครั้งที่สอง จึงเลือกเดินทางสายนักธุรกิจ สร้างฐานะด้วยตนเองจากงานรับเหมาก่อสร้าง จนในที่สุดกลายเป็นนักธุรกิจใหญ่ ผู้ก่อตั้งบริษัทมากมาย เช่น 🏗️ บริษัทสหศรีชัยก่อสร้าง จำกัด ⚗️ บริษัทบี.เอส.อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด 🧪 บริษัทคอสติกไทย จำกัด จำหน่ายเคมีภัณฑ์ จากเด็กชายในเมืองเล็ก ๆ สู่เจ้าของอาณาจักรธุรกิจ และผู้นำประเทศ บรรหารถือเป็นตัวอย่าง ของคนที่สร้างทุกอย่างจากศูนย์ 💪 🏛️ ก้าวแรกสู่การเมือง จากเทศบาลเมือง สู่สภาผู้แทนราษฎร เส้นทางการเมืองของบรรหาร เริ่มต้นในฐานะ “สมาชิกสภาเทศบาลเมืองสุพรรณบุรี” จากการแต่งตั้งในปี พ.ศ. 2516 ก่อนที่จะได้รับเลือกเป็นสมาชิกวุฒิสภา ในปี พ.ศ. 2518 และลงเลือกตั้งเป็น ส.ส. สุพรรณบุรีในปี พ.ศ. 2519 ซึ่งเขาชนะทุกครั้งที่ลงสมัคร รวมทั้งสิ้น 11 สมัย! 🗳️ 🏆 จากพลังแห่งความนิยมในพื้นที่สุพรรณบุรี บรรหารก้าวขึ้นสู่เวทีใหญ่ เป็นรัฐมนตรีหลายกระทรวง อาทิ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม 🚆 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🏢 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ 🌾 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง 💰 บรรหารได้รับสมญานามว่า “มังกรสุพรรณ” ด้วยพลังในการควบคุมพื้นที่อย่างแน่นหนา และ “ปลาไหลใส่สเก็ต” ด้วยสไตล์ทางการเมือง ที่ลื่นไหลยืดหยุ่น 👑 สู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีไทย คนที่ 21 📌 ปี พ.ศ. 2538 บรรหาร ศิลปอาชา ได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ของประเทศไทย พร้อมควบตำแหน่ง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย 🎯 ผลงานสำคัญที่เกิดขึ้นในรัฐบาลบรรหาร ได้แก่ ริเริ่มร่างรัฐธรรมนูญฉบับปี 2540, เป็นเจ้าภาพ ASEM และ ASEAN Summitm การแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 18 ที่เชียงใหม่, การจัดงานเกษตรอุตสาหกรรมโลก WORLDTECH’95 และการตั้งกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ แม้การบริหารของบรรหาร ถูกฝ่ายค้านวิจารณ์อย่างหนัก จนต้องยุบสภาในปี พ.ศ. 2539 แต่ผลงานจำนวนมาก ก็ยังถูกพูดถึงจนถึงปัจจุบัน 💸 รวยจริง ไม่ต้องโชว์ บรรหารกับทรัพย์สินมหาศาล 📈 จากรายงานของสำนักข่าวอิศรา “บรรหาร” ได้รับการจัดอันดับให้เป็น “นายกรัฐมนตรีที่ร่ำรวยที่สุด เป็นอันดับ 2” รองจาก “ทักษิณ ชินวัตร” โดยทรัพย์สินส่วนใหญ่มาจาก ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง 🏗️ ธุรกิจเคมีภัณฑ์ 📦 อสังหาริมทรัพย์ทั้งในเมือง และต่างจังหวัด 🏢 ของสะสม เช่น พระเครื่อง นาฬิกาหรู รถยนต์หรู ⌚🚗 แต่สิ่งที่ทำให้บรรหาร ได้รับความเคารพคือ “การใช้เงินเป็น” ไม่ใช่ “โชว์หรู” ใช้ทรัพย์สินเพื่อพัฒนา ไม่ใช่เพื่อสร้างภาพลักษณ์ 🌸 มรดกที่ทิ้งไว้ "บรรหารบุรี" เมืองต้นแบบของจังหวัดนิยม เมืองสุพรรณบุรีในวันนี้ กลายเป็นต้นแบบของการพัฒนาเชิงพื้นที่แบบ “จังหวัดนิยม” (Provincial Identity) ซึ่งนักวิชาการญี่ปุ่น "Yoshinori Nishizaki" อธิบายไว้ชัดเจนว่า “บรรหารสามารถสร้างอัตลักษณ์ใหม่ให้เมือง ผ่านโครงการต่างๆ ที่จับต้องได้จริง จนกลายเป็นแรงศรัทธาทางการเมือง” 🧱 ตัวอย่างผลงานในสุพรรณบุรี เช่น หอคอยเมืองสุพรรณ, ถนนคุณภาพระดับประเทศ, โรงเรียนบรรหารแจ่มใส, โรงพยาบาล, ศูนย์ราชการรวมศูนย์, พิพิธภัณฑ์, หอเกียรติยศ และศาลหลักเมือง สิ่งเหล่านี้ช่วยให้ผู้คนมองเห็นว่า “นักการเมืองที่ดี” คือคนที่ “พัฒนาชุมชน” ไม่ใช่แค่พูดสวยหรูบนเวที 📌 บทเรียนจากชีวิตบรรหาร สัจจะ และกตัญญู หากถามถึงคุณธรรมสำคัญในชีวิตของบรรหาร มีอยู่ 2 คำ ที่บรรหารยึดมั่นเสมอ คือ “สัจจะ” คำพูดต้องรักษาให้ได้ “กตัญญู” ต่อบ้านเกิด และผู้มีพระคุณ นี่คือสิ่งที่ทำให้ชื่อของบรรหาร ยังถูกพูดถึงแม้เวลาผ่านไปหลายปี และยังเป็นแบบอย่างให้กับนักการเมืองรุ่นใหม่ ได้ศึกษาเรียนรู้ 📜 มังกรสุพรรณ ผู้ล่องด้วยสัจจะ "บรรหาร ศิลปอาชา" ไม่ใช่แค่ “อดีตนายกรัฐมนตรี” แต่คือชายที่หล่อหลอมเมืองสุพรรณบุรี ให้กลายเป็นพื้นที่พิเศษ ในประวัติศาสตร์การเมืองไทย 🐉 จากชายที่เกิดในครอบครัวพ่อค้า สู่ผู้พัฒนาจังหวัดด้วยวิสัยทัศน์ จากนักธุรกิจที่สร้างตัวเอง สู่ผู้นำที่เปลี่ยนภูมิทัศน์การเมืองไทย 🇹🇭 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231016 เม.ย. 2568 🔖 #บรรหารศิลปอาชา #นายกรัฐมนตรีไทย #มังกรสุพรรณ #บรรหารบุรี #ปลาไหลใส่สเก็ต #สุพรรณบุรี #การเมืองไทย #พัฒนาท้องถิ่น #จังหวัดนิยม #บุคคลสำคัญ
    0 Comments 0 Shares 125 Views 0 Reviews
  • Samsung ได้ประกาศว่าจะยุติการผลิตชิปหน่วยความจำ DDR4 ในปลายปี 2025 เพื่อมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีใหม่ เช่น DDR5, LPDDR5 และ HBMs โดยการตัดสินใจนี้เกิดขึ้นจากความต้องการเพิ่มพื้นที่การผลิตสำหรับเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูงกว่า รวมถึงการแข่งขันจากผู้ผลิตชิปในจีนที่เสนอราคาถูกกว่า

    ✅ Samsung จะยุติการผลิต DDR4 ในปลายปี 2025
    - คำสั่งซื้อชิป DDR4 จะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน และการส่งมอบจะเสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคม 2025
    - Samsung จะมุ่งเน้นไปที่ DDR5, LPDDR5 และ HBMs สำหรับระบบใหม่

    ✅ การแข่งขันจากผู้ผลิตชิปในจีน
    - ผู้ผลิตชิปในจีน เช่น CXMT และ Fujian Jinhua เสนอราคาชิป DDR4 ที่ถูกกว่าถึง 50%
    - CXMT มีความสามารถในการผลิตถึง 200,000 แผ่นเวเฟอร์ต่อเดือน และตั้งเป้าหมายเพิ่มเป็น 300,000

    ✅ ผลกระทบต่อผู้ผลิตโมดูลหน่วยความจำ
    - ผู้ผลิตโมดูลหน่วยความจำบางรายเริ่มสะสมชิป DDR4 มากกว่าปกติ
    - ราคาชิป DDR4 เพิ่มขึ้น 10% เนื่องจากความไม่แน่นอนในตลาด

    ✅ การเปลี่ยนแปลงในตลาดหน่วยความจำ
    - บริษัทในไต้หวัน เช่น Winbond Electronics และ Nanya Technology อาจได้รับโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงนี้

    https://www.tomshardware.com/pc-components/ddr4/samsung-discontinuing-ddr4-production-in-late-2025-company-to-focus-on-ddr5-lpddr5-and-hbms
    Samsung ได้ประกาศว่าจะยุติการผลิตชิปหน่วยความจำ DDR4 ในปลายปี 2025 เพื่อมุ่งเน้นไปที่เทคโนโลยีใหม่ เช่น DDR5, LPDDR5 และ HBMs โดยการตัดสินใจนี้เกิดขึ้นจากความต้องการเพิ่มพื้นที่การผลิตสำหรับเทคโนโลยีที่มีมูลค่าสูงกว่า รวมถึงการแข่งขันจากผู้ผลิตชิปในจีนที่เสนอราคาถูกกว่า ✅ Samsung จะยุติการผลิต DDR4 ในปลายปี 2025 - คำสั่งซื้อชิป DDR4 จะสิ้นสุดในเดือนมิถุนายน และการส่งมอบจะเสร็จสิ้นภายในเดือนธันวาคม 2025 - Samsung จะมุ่งเน้นไปที่ DDR5, LPDDR5 และ HBMs สำหรับระบบใหม่ ✅ การแข่งขันจากผู้ผลิตชิปในจีน - ผู้ผลิตชิปในจีน เช่น CXMT และ Fujian Jinhua เสนอราคาชิป DDR4 ที่ถูกกว่าถึง 50% - CXMT มีความสามารถในการผลิตถึง 200,000 แผ่นเวเฟอร์ต่อเดือน และตั้งเป้าหมายเพิ่มเป็น 300,000 ✅ ผลกระทบต่อผู้ผลิตโมดูลหน่วยความจำ - ผู้ผลิตโมดูลหน่วยความจำบางรายเริ่มสะสมชิป DDR4 มากกว่าปกติ - ราคาชิป DDR4 เพิ่มขึ้น 10% เนื่องจากความไม่แน่นอนในตลาด ✅ การเปลี่ยนแปลงในตลาดหน่วยความจำ - บริษัทในไต้หวัน เช่น Winbond Electronics และ Nanya Technology อาจได้รับโอกาสจากการเปลี่ยนแปลงนี้ https://www.tomshardware.com/pc-components/ddr4/samsung-discontinuing-ddr4-production-in-late-2025-company-to-focus-on-ddr5-lpddr5-and-hbms
    0 Comments 0 Shares 30 Views 0 Reviews
  • Fujitsu และ RIKEN ได้เปิดตัว คอมพิวเตอร์ควอนตัมแบบตัวนำยิ่งยวดขนาด 256 คิวบิต ซึ่งเป็นการพัฒนาที่สำคัญในด้านเทคโนโลยีควอนตัม โดยเครื่องนี้ตั้งอยู่ที่ RIKEN RQC-FUJITSU Collaboration Center และมีการใช้เทคนิคการออกแบบที่มีความหนาแน่นสูงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ

    ✅ คอมพิวเตอร์ควอนตัมนี้มีจำนวนคิวบิตเพิ่มขึ้น 4 เท่าจากรุ่นก่อนหน้า
    - รุ่นก่อนหน้ามีเพียง 64 คิวบิต แต่รุ่นใหม่นี้มีถึง 256 คิวบิต
    - สามารถวิเคราะห์โมเลกุลที่ซับซ้อนและทดสอบอัลกอริธึมการแก้ไขข้อผิดพลาดขั้นสูงได้

    ✅ การพัฒนาระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง
    - ใช้ dilution refrigerator และการออกแบบความร้อนที่ล้ำสมัย
    - ช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างเสถียรแม้ในสภาวะที่ต้องการความเย็นสูง

    ✅ เปิดโอกาสให้บริษัทและสถาบันวิจัยทั่วโลกเข้าถึงเครื่องนี้
    - การเข้าถึงจะเริ่มในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2025
    - ช่วยส่งเสริมการพัฒนาโครงการวิจัยในระดับสากล

    ✅ Fujitsu และ RIKEN กำลังพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาด 1,000 คิวบิต
    - คาดว่าจะติดตั้งในปีหน้า และมีแผนความร่วมมือจนถึงปี 2029

    https://www.neowin.net/news/fujitsu-and-riken-unveil-256-qubit-superconducting-quantum-computer-will-soon-open-access/
    Fujitsu และ RIKEN ได้เปิดตัว คอมพิวเตอร์ควอนตัมแบบตัวนำยิ่งยวดขนาด 256 คิวบิต ซึ่งเป็นการพัฒนาที่สำคัญในด้านเทคโนโลยีควอนตัม โดยเครื่องนี้ตั้งอยู่ที่ RIKEN RQC-FUJITSU Collaboration Center และมีการใช้เทคนิคการออกแบบที่มีความหนาแน่นสูงเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ ✅ คอมพิวเตอร์ควอนตัมนี้มีจำนวนคิวบิตเพิ่มขึ้น 4 เท่าจากรุ่นก่อนหน้า - รุ่นก่อนหน้ามีเพียง 64 คิวบิต แต่รุ่นใหม่นี้มีถึง 256 คิวบิต - สามารถวิเคราะห์โมเลกุลที่ซับซ้อนและทดสอบอัลกอริธึมการแก้ไขข้อผิดพลาดขั้นสูงได้ ✅ การพัฒนาระบบระบายความร้อนที่มีประสิทธิภาพสูง - ใช้ dilution refrigerator และการออกแบบความร้อนที่ล้ำสมัย - ช่วยให้ระบบทำงานได้อย่างเสถียรแม้ในสภาวะที่ต้องการความเย็นสูง ✅ เปิดโอกาสให้บริษัทและสถาบันวิจัยทั่วโลกเข้าถึงเครื่องนี้ - การเข้าถึงจะเริ่มในไตรมาสแรกของปีงบประมาณ 2025 - ช่วยส่งเสริมการพัฒนาโครงการวิจัยในระดับสากล ✅ Fujitsu และ RIKEN กำลังพัฒนาคอมพิวเตอร์ควอนตัมขนาด 1,000 คิวบิต - คาดว่าจะติดตั้งในปีหน้า และมีแผนความร่วมมือจนถึงปี 2029 https://www.neowin.net/news/fujitsu-and-riken-unveil-256-qubit-superconducting-quantum-computer-will-soon-open-access/
    WWW.NEOWIN.NET
    Fujitsu and RIKEN unveil 256-qubit superconducting quantum computer, will soon open access
    Fujitsu and RIKEN have unveiled a new superconducting 256-qubit quantum computer. The pair plans to install an even more powerful machine in 2026.
    0 Comments 0 Shares 20 Views 0 Reviews
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 14 เคล็ดลับของความ “ร่ำรวย” อย่างยั่งยืน
    .
    เคล็ดลับของความร่ำรวยมีเงินทองมากมายเป็นสิ่งที่ผู้คนพยายามค้นหากันมาช้านาน มีผู้เขียนไว้ในหนังสือต่างๆ หลากหลายเนื้อหา แต่ไม่มีฉันทามติว่าทำอย่างไรจึงจะร่ำรวยเช่นนั้นได้ ซึ่งสูตรสำเร็จนี้แตกต่างไปจากเคล็ดลับของความ “ร่ำรวย” อีกลักษณะหนึ่งซึ่งผู้เขียนจำนวนหนึ่งดูจะเห็นพ้องต้องกัน
    .
    ความร่ำรวยที่กล่าวถึงนี้คือ การมีคุณภาพชีวิตที่ดี สม่ำเสมอตลอดชีวิต ทั้งในวัยทำงานและวัยพ้นทำงาน ซึ่งมิได้หมายถึงการมีเงินทองเหลือกินเหลือใช้ หากหมายถึงการมีอิสระทางการเงิน มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีความมั่นคงในด้านการเงิน มีชีวิตที่มีความสุขตามอัตภาพไปหตลอดชีวิต และเหนืออื่นใด มีความสุขและความสงบทางใจอันเกิดจากมีความมั่นคงทางการเงิน
    .
    เคล้ดลับดังกล่าวมีดังต่อไปนี้
    - จงทำงานหาเงินอย่างสุจริต ขยันหมั่นเพียร
    - จงอยู่กินต่ำกว่าฐานะเสมอ กล่าวคือ มีความมัธยัสถ์ ไม่ใช้จ่ายเงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายไร้เหตุผล และกินอยู่อย่างพอเหมาะพอควรจนมีรายจ่าย ต่ำกว่ารายได้ ซึ่งหมายถึง การมีเงินเหลือจ่ายในครอบครัวหรือมีเงินออม
    - จงออมเงินโดยกันส่วนหนึ่งของรายได้ออกมาก่อนใช้จ่ายเสมอ ในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 ของรายได้ โดยถือว่าเป็นรางวัลสำหรับตนเอง และเริ่มกระทำตั้งแต่บัดนี้อย่างสม่ำเสมอ อย่างมีความมุ่งมั่นในเป้าหมายของการนำเงินเหลือเก็บเหล่านี้ไปลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงของชีวิตในอนาคต
    .
    ในความพยายามที่จะออม อย่ามุ่งสนใจด้านรายได้แต่เพียงอย่างเดียว แต่ควรใส่ใจเรื่องการใช้จ่ายด้วย สมดังคำกล่าวที่ว่า “รายได้สำคัญ แต่การใช้จ่ายนั้นสำคัญกว่า”
    .
    - ทำให้เงินออมอยู่ในสภาพ “เงินทำงานรับใช้” นั่นคือนำเงินออมไปลงทุนเพื่อให้เกิดรายได้เสริมเพิ่มเติมนอกเหนือจากรายได้จากการทำงานปกติ โดยมุ่งให้ได้รับผลตอบแทนเพิ่มเติมจากการลงทุนนี้อย่างเพียงพอต่อการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพทั้งตอนอยู่ในวัยทำงานและเมื่อพ้นวัยทำงานไปแล้ว
    ในการนำเงินออมไปลงทุน จงไตร่ตรองและศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ และปรึกษาหารือผู้รู้ในเรื่องการลงทุน เพื่ออุดช่องโหว่ของความรู้เพื่อไม่ให้ตัดสินใจผิดพลาด
    .
    สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้เกิดความ “ร่ำรวย” ขึ้นมาได้ในเบื้องแรกก็คือการออม และสิ่งที่จะทำให้เกิดการออมขึ้นได้ ไม่ว่าจะมีรายได้เท่าใดก็คือความสามารถในการข่มใจตนเองที่ต้องการจ่ายเงินเพื่อการบริโภค หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าต้องมี “อำนาจเหนือเงิน”
    .
    ดำรงชีวิตตามหลัก “เศรษฐกิจพอเพียง” กล่าวคือ ดำเนินชีวิตด้วยความพอดีอย่างอยู่บนพื้นฐานของความพอเหมาะพอควร ไม่เสี่ยงหรือประมาทอย่างขาดสติ
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 14 เคล็ดลับของความ “ร่ำรวย” อย่างยั่งยืน . เคล็ดลับของความร่ำรวยมีเงินทองมากมายเป็นสิ่งที่ผู้คนพยายามค้นหากันมาช้านาน มีผู้เขียนไว้ในหนังสือต่างๆ หลากหลายเนื้อหา แต่ไม่มีฉันทามติว่าทำอย่างไรจึงจะร่ำรวยเช่นนั้นได้ ซึ่งสูตรสำเร็จนี้แตกต่างไปจากเคล็ดลับของความ “ร่ำรวย” อีกลักษณะหนึ่งซึ่งผู้เขียนจำนวนหนึ่งดูจะเห็นพ้องต้องกัน . ความร่ำรวยที่กล่าวถึงนี้คือ การมีคุณภาพชีวิตที่ดี สม่ำเสมอตลอดชีวิต ทั้งในวัยทำงานและวัยพ้นทำงาน ซึ่งมิได้หมายถึงการมีเงินทองเหลือกินเหลือใช้ หากหมายถึงการมีอิสระทางการเงิน มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีความมั่นคงในด้านการเงิน มีชีวิตที่มีความสุขตามอัตภาพไปหตลอดชีวิต และเหนืออื่นใด มีความสุขและความสงบทางใจอันเกิดจากมีความมั่นคงทางการเงิน . เคล้ดลับดังกล่าวมีดังต่อไปนี้ - จงทำงานหาเงินอย่างสุจริต ขยันหมั่นเพียร - จงอยู่กินต่ำกว่าฐานะเสมอ กล่าวคือ มีความมัธยัสถ์ ไม่ใช้จ่ายเงินอย่างสุรุ่ยสุร่ายไร้เหตุผล และกินอยู่อย่างพอเหมาะพอควรจนมีรายจ่าย ต่ำกว่ารายได้ ซึ่งหมายถึง การมีเงินเหลือจ่ายในครอบครัวหรือมีเงินออม - จงออมเงินโดยกันส่วนหนึ่งของรายได้ออกมาก่อนใช้จ่ายเสมอ ในอัตราไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 ของรายได้ โดยถือว่าเป็นรางวัลสำหรับตนเอง และเริ่มกระทำตั้งแต่บัดนี้อย่างสม่ำเสมอ อย่างมีความมุ่งมั่นในเป้าหมายของการนำเงินเหลือเก็บเหล่านี้ไปลงทุนเพื่อสร้างความมั่นคงของชีวิตในอนาคต . ในความพยายามที่จะออม อย่ามุ่งสนใจด้านรายได้แต่เพียงอย่างเดียว แต่ควรใส่ใจเรื่องการใช้จ่ายด้วย สมดังคำกล่าวที่ว่า “รายได้สำคัญ แต่การใช้จ่ายนั้นสำคัญกว่า” . - ทำให้เงินออมอยู่ในสภาพ “เงินทำงานรับใช้” นั่นคือนำเงินออมไปลงทุนเพื่อให้เกิดรายได้เสริมเพิ่มเติมนอกเหนือจากรายได้จากการทำงานปกติ โดยมุ่งให้ได้รับผลตอบแทนเพิ่มเติมจากการลงทุนนี้อย่างเพียงพอต่อการดำรงชีวิตอย่างมีคุณภาพทั้งตอนอยู่ในวัยทำงานและเมื่อพ้นวัยทำงานไปแล้ว ในการนำเงินออมไปลงทุน จงไตร่ตรองและศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ และปรึกษาหารือผู้รู้ในเรื่องการลงทุน เพื่ออุดช่องโหว่ของความรู้เพื่อไม่ให้ตัดสินใจผิดพลาด . สิ่งสำคัญที่สุดที่จะทำให้เกิดความ “ร่ำรวย” ขึ้นมาได้ในเบื้องแรกก็คือการออม และสิ่งที่จะทำให้เกิดการออมขึ้นได้ ไม่ว่าจะมีรายได้เท่าใดก็คือความสามารถในการข่มใจตนเองที่ต้องการจ่ายเงินเพื่อการบริโภค หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าต้องมี “อำนาจเหนือเงิน” . ดำรงชีวิตตามหลัก “เศรษฐกิจพอเพียง” กล่าวคือ ดำเนินชีวิตด้วยความพอดีอย่างอยู่บนพื้นฐานของความพอเหมาะพอควร ไม่เสี่ยงหรือประมาทอย่างขาดสติ
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • ..อเมริกาว่ามหาอำนาจโลก ยังควบคุมได้กว่า40ปี ต่อจากปอนด์อังกฤษ พะสาประเทศไทย ทำไมจะควบคุมไม่ได้ ยึดครองแหลกเช่นบ่อน้ำมัน บ่อทองคำไทยเราก็ว่า,
    ..คนไทยต้องตื่นรับรู้และตั้งรับเชิงรุกร่วมกันสามัคคีกันในแนวนี้ทั่วไทยอย่างรวดเร็วจริงๆในปัจจุบันยิ่งชัดเจนมาก มันแทรกแซงหนักมาก ทั้งมาในร่างประชาธิปไตยบังหน้าหรือเผด็จการคอมมิวนิสต์ซึ่งสุดท้ายอีลิทแรปทีเลียนนี้ออกแบบหมากปกครองเองทั้งหมดในการสร้างความต่างให้แตกแยก&โกลาหลในสิ่งที่ไม่เหมือนกันหรือจะเหมือนกันก็ง่าย เพราะมันควบคุมมันเล่นทั้งสองฝ่าย.

    ..😔 สัมภาษณ์ครั้งสุดท้าย ของอดีตสมาชิกสภา แลรี่ แมคโดนัลด์ (Larry McDonald) ซึ่งแฉ New World Order ก่อนเสียชีวิตจากเครื่องบินตก ☠😱 (โดนยิง) โดยบอกว่ามีกลุ่มชนชั้นสูงสุดในอเมริกาที่ให้เงินสนับสนุนระบบคอมมิวนิสต์แบบลับๆ เพราะพวกเขาต้องการทำลายอำนาจอธิปไตยอย่างช้าๆ เพื่อต้องการจัดตั้งรัฐบาลโลก รัฐบาลเดียวคุมทั้งโลก 🌎😈 หรือที่รู้จักกันในชื่อ New World Order (การจัดระเบียบโลกใหม่) กลุ่มพวกนี้คือ Council of Foreign Relations (CFR) หรือสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ, กลุ่มรอคเคเฟลเลอร์

    โดยมีผู้ขับเคลื่อนหลักๆ เช่น ผู้อำนวยการของซีไอเอ (CIA) รมต.กระทรวงการต่างประเทศอเมริกา อีกทั้งหน่วยงานไอเอ็มเอฟ (ซึ่งเคยปล่อยกู้ให้ประเทศไทย) ก็ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อการทำลายอธิปไตย และเพื่อการโยกย้ายถ่ายเททรัพย์สิน/ความร่ำรวย (เช่น ทำให้เศรษฐกิจประเทศไทยล่มสลาย แล้วมาปล่อยกู้ หรือเข้ามาฮุบทรัพย์สินต่างๆ เมื่อธุรกิจในประเทศเจ๊ง)
    ..อเมริกาว่ามหาอำนาจโลก ยังควบคุมได้กว่า40ปี ต่อจากปอนด์อังกฤษ พะสาประเทศไทย ทำไมจะควบคุมไม่ได้ ยึดครองแหลกเช่นบ่อน้ำมัน บ่อทองคำไทยเราก็ว่า, ..คนไทยต้องตื่นรับรู้และตั้งรับเชิงรุกร่วมกันสามัคคีกันในแนวนี้ทั่วไทยอย่างรวดเร็วจริงๆในปัจจุบันยิ่งชัดเจนมาก มันแทรกแซงหนักมาก ทั้งมาในร่างประชาธิปไตยบังหน้าหรือเผด็จการคอมมิวนิสต์ซึ่งสุดท้ายอีลิทแรปทีเลียนนี้ออกแบบหมากปกครองเองทั้งหมดในการสร้างความต่างให้แตกแยก&โกลาหลในสิ่งที่ไม่เหมือนกันหรือจะเหมือนกันก็ง่าย เพราะมันควบคุมมันเล่นทั้งสองฝ่าย. ..😔 สัมภาษณ์ครั้งสุดท้าย ของอดีตสมาชิกสภา แลรี่ แมคโดนัลด์ (Larry McDonald) ซึ่งแฉ New World Order ก่อนเสียชีวิตจากเครื่องบินตก ☠😱 (โดนยิง) โดยบอกว่ามีกลุ่มชนชั้นสูงสุดในอเมริกาที่ให้เงินสนับสนุนระบบคอมมิวนิสต์แบบลับๆ เพราะพวกเขาต้องการทำลายอำนาจอธิปไตยอย่างช้าๆ เพื่อต้องการจัดตั้งรัฐบาลโลก รัฐบาลเดียวคุมทั้งโลก 🌎😈 หรือที่รู้จักกันในชื่อ New World Order (การจัดระเบียบโลกใหม่) กลุ่มพวกนี้คือ Council of Foreign Relations (CFR) หรือสภาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ, กลุ่มรอคเคเฟลเลอร์ โดยมีผู้ขับเคลื่อนหลักๆ เช่น ผู้อำนวยการของซีไอเอ (CIA) รมต.กระทรวงการต่างประเทศอเมริกา อีกทั้งหน่วยงานไอเอ็มเอฟ (ซึ่งเคยปล่อยกู้ให้ประเทศไทย) ก็ถูกตั้งขึ้นมาเพื่อการทำลายอธิปไตย และเพื่อการโยกย้ายถ่ายเททรัพย์สิน/ความร่ำรวย (เช่น ทำให้เศรษฐกิจประเทศไทยล่มสลาย แล้วมาปล่อยกู้ หรือเข้ามาฮุบทรัพย์สินต่างๆ เมื่อธุรกิจในประเทศเจ๊ง)
    1 Comments 0 Shares 123 Views 1 0 Reviews
  • เจ้าหนี้รายใหญ่มารายงานตัวแล้วววว!!.10 อันดับประเทศเจ้าหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ(จากการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ).1 ญี่ปุ่น – 1,125.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ2 จีน– 784.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ3 สหราชอาณาจักร – 750.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ4 หมู่เกาะเคย์แมน – 417.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ5 ลักเซมเบิร์ก – 412.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ.6 แคนาดา – 406.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ7 ไอร์แลนด์ – 394.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ8 เบลเยียม – 354.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ9 สวิตเซอร์แลนด์ – 339.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ10 ไต้หวัน – 294.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ .ข้อมูลนี้อ้างอิงจากรายงานของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ในเดือนเดียวกันนั้น การถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยต่างประเทศเพิ่มขึ้น 3.4% จากเดือนก่อนหน้า รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 8.817 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ.#10ประเทศเจ้าหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ #พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ #เศรษฐกิจโลก #กระทรวงการคลังสหรัฐฯ #ธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มา : ผู้จัดการสุดสัปดาห์
    เจ้าหนี้รายใหญ่มารายงานตัวแล้วววว!!.10 อันดับประเทศเจ้าหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ(จากการถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ).1 ญี่ปุ่น – 1,125.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ2 จีน– 784.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ3 สหราชอาณาจักร – 750.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ4 หมู่เกาะเคย์แมน – 417.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ5 ลักเซมเบิร์ก – 412.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ.6 แคนาดา – 406.1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ7 ไอร์แลนด์ – 394.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ8 เบลเยียม – 354.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ9 สวิตเซอร์แลนด์ – 339.0 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ10 ไต้หวัน – 294.8 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ .ข้อมูลนี้อ้างอิงจากรายงานของกระทรวงการคลังสหรัฐฯ และธนาคารกลางสหรัฐฯ (Federal Reserve) เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2025 ในเดือนเดียวกันนั้น การถือครองพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ โดยต่างประเทศเพิ่มขึ้น 3.4% จากเดือนก่อนหน้า รวมเป็นมูลค่าทั้งสิ้น 8.817 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ.#10ประเทศเจ้าหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ #พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ #เศรษฐกิจโลก #กระทรวงการคลังสหรัฐฯ #ธนาคารกลางสหรัฐฯ ที่มา : ผู้จัดการสุดสัปดาห์
    0 Comments 0 Shares 80 Views 0 Reviews
  • วันนี้มีเกร็ดเล็กๆ จากละคร <สามบุปผาลิขิตฝัน> มาคุยให้ฟัง (ก่อนที่ Storyฯ จะมูฟออนไปดูละครเรื่องอื่น)

    เพื่อนเพจที่ได้เคยดูละครเรื่องนี้จะคุ้นตากับหลายฉากที่หนึ่งในตัวละครเอก ซ่งอิ่นจาง บรรเลงผีผาจนผู้คนเคลิบเคลิ้ม และจะมีอยู่เพลงหนึ่งที่ทุกคนพูดถึงราวกับว่ามันเป็นเพลงที่ทุกคนรู้จักดีและบรรเลงยากยิ่งนัก ในละครเรียกว่า ‘เพลงหมิงเฟย’ หรือ ‘หมิงเฟยฉวี่’ (明妃曲)

    ในละครมีลูกค้าของโรงน้ำชาคนหนึ่งบรรยายไว้เกี่ยวกับสไตล์การบรรเลงเพลงนี้ไว้ดังนี้
    “ในทีแรกหมิงเฟยถูกส่งตัวไปชายแดน นั่นก็เพื่อประเทศชาติ จะสื่อถึงจิตใจของผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเดียวได้อย่างไร ชั้นที่หนึ่งเสียงสูงต่ำต่อเนื่องกัน ชั้นที่สองเป็นความทุกข์ที่ประสบในชีวิต ชั้นที่สามเป็นความคิดถึงบ้านเกิด ส่วนชั้นที่สี่กลับมีความเป็นดนตรีชั้นสูง ตื่นเต้นฮึกเหิมไพเราะโดดเด่น เล่าถึงปณิธานอันยิ่งใหญ่ของหมิงเฟยในการต่อสู่เพื่อราชวงศ์ฮั่นที่ชายแดน” (หมายเหตุ ถอดความจากซับไทยของละคร)

    หมิงเฟยฉวี่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ แต่... ชื่อเรียกว่า ‘เพลง’ ทว่าจริงแล้วหมิงเฟยฉวี่เป็นบทกวีค่ะ

    บทกวีหมิงเฟยฉวี่มีทั้งหมดสองบท (ดูรูปสอง) รวม 32 วรรค ‘หมิงเฟย’ ที่กล่าวถึงก็คือหวางเจาจวินนั่นเอง บทแรกบรรยายถึงช่วงเวลาที่หวางเจาจวินต้องจากลาราชสำนักฮั่นเพื่อแต่งงานไปเผ่าซงหนูทางเหนือ จากบทกวีนี้เองที่เราทราบถึงตำนานที่ว่าช่างวาดภาพหลวงรับสินบนจากนางในแต่ไม่เคยได้จากหวางเจาจวิน จึงวาดภาพของนางออกมาขี้เหร่ องค์หยวนตี้ (ราชวงศ์ฮั่น) ทรงเห็นโฉมหน้านางครั้งแรกก็วันที่นางมาทูลลาเพื่อออกเดินทาง ทรงรู้สึกเสียดายนางมากและสั่งประหารช่างวาดภาพนี้ด้วยความโกรธ บทกวียังบรรยายถึงความโศกเศร้าที่นางต้องจากบ้านเกิดเมืองนอน ต้องทนอยู่กับความเหงาความคิดถึงบ้านเกิดด้วยการบรรเลงผีผา ทำทุกอย่างเพื่อความสงบของสองเมือง สุดท้ายต้องตายอยู่ต่างแดน เป็นบทกวีที่ยกย่องว่าเพราะนาง ฮั่น-ซงหนู จึงไม่ทำสงครามต่อกันยาวนานเป็นร้อยปี

    หมิงเฟยฉวี่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นบทกวีที่ยกย่องหวางเจาจวินที่ดีที่สุด เป็นบทประพันธ์ของ ‘หวางอานสือ’ (ค.ศ. 1021-1086 รูปวาดเหมือนขวาสุดของภาพแรก)

    หวางอานสือเป็นขุนนางในรัชสมัยขององค์ซ่งเหรินจงแห่งราชวงศ์ซ่งเหนือ ผ่านมาหลายตำแหน่งและสูงสุดเป็นถึงอัครเสนาบดี ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในแปดกวีเอกของสมัยถัง-ซ่ง เขาผู้นี้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ในการพยายามผลักดันให้เกิดการปฏิรูประบอบการปกครองและเศรษฐกิจผ่านบทกฏหมายหลายฉบับ เช่น ด้านการเงินการคลัง การให้สวัสดิการรัฐ การยกเลิกการผูกขาดทางการค้า ระบบราชการแบบเครือญาติ การจัดการที่ดินและภาษี เป็นต้น แต่สุดท้ายต้านทานแรงต้านจะขุนนางอื่นที่คัดค้านแนวคิดใหม่เหล่านี้ไม่ไหว ต้องลาออกจากราชการไปในปีค.ศ. 1076

    บทเพลงที่เกี่ยวกับหวางเจาจวินมีหลายเพลงที่โด่งดัง Storyฯ ลองหาดูว่ามีบทเพลงที่มีชื่อว่าหมิงเฟยฉวี่ด้วยหรือไม่ แต่หาไม่พบ ได้ยินมาว่าเวอร์ชั่นที่บรรเลงในละครเรื่องสามบุปผาฯ ดัดแปลงจากทำนองเพลงตอนท้ายเรื่อง แต่ Storyฯ ก็ไม่ได้ไปฟังเปรียบเทียบเพิ่มเติม เพื่อนเพจท่านใดลองเปรียบเทียบดูแล้วมาเล่าสู่กันฟังได้ก็ดีนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจาก:
    https://ent.ifeng.com/c/8H7x6pkC0rk#p=1
    https://adlovejyxg.exblog.jp/18806203/
    https://zhuanlan.zhihu.com/p/234876433
    https://www.baike.com/wiki/%E7%8E%8B%E5%AE%89%E7%9F%B3?view_id=2rfylzysqee000
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://baike.baidu.com/item/王安石/127359
    https://baike.baidu.com/item/明妃曲二首/2941120
    https://m.thepaper.cn/rss_newsDetail_14968634?from=
    https://www.163.com/dy/article/E8B57R4D05372TL1.html

    #สามบุปผา #เพลงหมิงเฟย #หมิงเฟยฉวี่ #หวางเจาจวิน #หมิงเฟย #หวางอานสือ
    วันนี้มีเกร็ดเล็กๆ จากละคร <สามบุปผาลิขิตฝัน> มาคุยให้ฟัง (ก่อนที่ Storyฯ จะมูฟออนไปดูละครเรื่องอื่น) เพื่อนเพจที่ได้เคยดูละครเรื่องนี้จะคุ้นตากับหลายฉากที่หนึ่งในตัวละครเอก ซ่งอิ่นจาง บรรเลงผีผาจนผู้คนเคลิบเคลิ้ม และจะมีอยู่เพลงหนึ่งที่ทุกคนพูดถึงราวกับว่ามันเป็นเพลงที่ทุกคนรู้จักดีและบรรเลงยากยิ่งนัก ในละครเรียกว่า ‘เพลงหมิงเฟย’ หรือ ‘หมิงเฟยฉวี่’ (明妃曲) ในละครมีลูกค้าของโรงน้ำชาคนหนึ่งบรรยายไว้เกี่ยวกับสไตล์การบรรเลงเพลงนี้ไว้ดังนี้ “ในทีแรกหมิงเฟยถูกส่งตัวไปชายแดน นั่นก็เพื่อประเทศชาติ จะสื่อถึงจิตใจของผู้หญิงตัวเล็กๆ อย่างเดียวได้อย่างไร ชั้นที่หนึ่งเสียงสูงต่ำต่อเนื่องกัน ชั้นที่สองเป็นความทุกข์ที่ประสบในชีวิต ชั้นที่สามเป็นความคิดถึงบ้านเกิด ส่วนชั้นที่สี่กลับมีความเป็นดนตรีชั้นสูง ตื่นเต้นฮึกเหิมไพเราะโดดเด่น เล่าถึงปณิธานอันยิ่งใหญ่ของหมิงเฟยในการต่อสู่เพื่อราชวงศ์ฮั่นที่ชายแดน” (หมายเหตุ ถอดความจากซับไทยของละคร) หมิงเฟยฉวี่มีอยู่จริงในประวัติศาสตร์ แต่... ชื่อเรียกว่า ‘เพลง’ ทว่าจริงแล้วหมิงเฟยฉวี่เป็นบทกวีค่ะ บทกวีหมิงเฟยฉวี่มีทั้งหมดสองบท (ดูรูปสอง) รวม 32 วรรค ‘หมิงเฟย’ ที่กล่าวถึงก็คือหวางเจาจวินนั่นเอง บทแรกบรรยายถึงช่วงเวลาที่หวางเจาจวินต้องจากลาราชสำนักฮั่นเพื่อแต่งงานไปเผ่าซงหนูทางเหนือ จากบทกวีนี้เองที่เราทราบถึงตำนานที่ว่าช่างวาดภาพหลวงรับสินบนจากนางในแต่ไม่เคยได้จากหวางเจาจวิน จึงวาดภาพของนางออกมาขี้เหร่ องค์หยวนตี้ (ราชวงศ์ฮั่น) ทรงเห็นโฉมหน้านางครั้งแรกก็วันที่นางมาทูลลาเพื่อออกเดินทาง ทรงรู้สึกเสียดายนางมากและสั่งประหารช่างวาดภาพนี้ด้วยความโกรธ บทกวียังบรรยายถึงความโศกเศร้าที่นางต้องจากบ้านเกิดเมืองนอน ต้องทนอยู่กับความเหงาความคิดถึงบ้านเกิดด้วยการบรรเลงผีผา ทำทุกอย่างเพื่อความสงบของสองเมือง สุดท้ายต้องตายอยู่ต่างแดน เป็นบทกวีที่ยกย่องว่าเพราะนาง ฮั่น-ซงหนู จึงไม่ทำสงครามต่อกันยาวนานเป็นร้อยปี หมิงเฟยฉวี่ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นบทกวีที่ยกย่องหวางเจาจวินที่ดีที่สุด เป็นบทประพันธ์ของ ‘หวางอานสือ’ (ค.ศ. 1021-1086 รูปวาดเหมือนขวาสุดของภาพแรก) หวางอานสือเป็นขุนนางในรัชสมัยขององค์ซ่งเหรินจงแห่งราชวงศ์ซ่งเหนือ ผ่านมาหลายตำแหน่งและสูงสุดเป็นถึงอัครเสนาบดี ถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในแปดกวีเอกของสมัยถัง-ซ่ง เขาผู้นี้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ในการพยายามผลักดันให้เกิดการปฏิรูประบอบการปกครองและเศรษฐกิจผ่านบทกฏหมายหลายฉบับ เช่น ด้านการเงินการคลัง การให้สวัสดิการรัฐ การยกเลิกการผูกขาดทางการค้า ระบบราชการแบบเครือญาติ การจัดการที่ดินและภาษี เป็นต้น แต่สุดท้ายต้านทานแรงต้านจะขุนนางอื่นที่คัดค้านแนวคิดใหม่เหล่านี้ไม่ไหว ต้องลาออกจากราชการไปในปีค.ศ. 1076 บทเพลงที่เกี่ยวกับหวางเจาจวินมีหลายเพลงที่โด่งดัง Storyฯ ลองหาดูว่ามีบทเพลงที่มีชื่อว่าหมิงเฟยฉวี่ด้วยหรือไม่ แต่หาไม่พบ ได้ยินมาว่าเวอร์ชั่นที่บรรเลงในละครเรื่องสามบุปผาฯ ดัดแปลงจากทำนองเพลงตอนท้ายเรื่อง แต่ Storyฯ ก็ไม่ได้ไปฟังเปรียบเทียบเพิ่มเติม เพื่อนเพจท่านใดลองเปรียบเทียบดูแล้วมาเล่าสู่กันฟังได้ก็ดีนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจาก: https://ent.ifeng.com/c/8H7x6pkC0rk#p=1 https://adlovejyxg.exblog.jp/18806203/ https://zhuanlan.zhihu.com/p/234876433 https://www.baike.com/wiki/%E7%8E%8B%E5%AE%89%E7%9F%B3?view_id=2rfylzysqee000 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://baike.baidu.com/item/王安石/127359 https://baike.baidu.com/item/明妃曲二首/2941120 https://m.thepaper.cn/rss_newsDetail_14968634?from= https://www.163.com/dy/article/E8B57R4D05372TL1.html #สามบุปผา #เพลงหมิงเฟย #หมิงเฟยฉวี่ #หวางเจาจวิน #หมิงเฟย #หวางอานสือ
    ENT.IFENG.COM
    林允晒《梦华录》宋引章造型 低头抚琴温婉可人
    林允晒《梦华录》宋引章造型 低头抚琴温婉可人
    2 Comments 0 Shares 143 Views 0 Reviews
  • ตามที่ เกิดเหตุคนร้ายประทุษร้ายสามเณร ณ อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา เมื่อวันอังคาร ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๘ ทำให้มีสามเณรถึงมรณภาพ ๑ รูป และอาพาธ ๑ รูป ความทราบตามข่าวสารที่ปรากฏแล้ว นั้นเจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงปลงธรรมสังเวชและโปรดประทานผ้าไตร ๑ ไตร พร้อมไม้จันทน์ ๑ ช่อ สำหรับการฌาปนกิจ พร้อมทั้งมีพระบัญชาโปรดให้ไวยาวัจกรจัดกัปปิยภัณฑ์เท่าจำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) ประทานแก่เจ้าภาพศพสามเณรพงษ์กร ชูมาปาน เพื่อช่วยการบำเพ็ญกุศล อนึ่ง โปรดประทานเหรียญพระรูปแก่สามเณรโภคนิษฐ์ โมราศิลป์ เพื่อเป็นกำลังใจ พร้อมทั้งมีพระบัญชาโปรดให้ไวยาวัจกรจัดกัปปิยภัณฑ์เท่าจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ประทานแก่เป็นคิลานปัจจัยทั้งนี้ มีพระบัญชาโปรดให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นผู้เชิญสิ่งของและกัปปิยภัณฑ์ประทานไปถวายแด่เจ้าคณะจังหวัดสงขลา เพื่อมอบแก่เจ้าภาพศพและสามเณรผู้อาพาธอนึ่ง มีรับสั่งประทานกำลังใจแก่ครอบครัว ญาติมิตรของผู้ถึงมรณภาพ ให้ทุเลาความโศก และความหม่นหมอง อีกทั้งโปรดประทานพรให้เจ้าหน้าที่ ผู้ประสบเหตุ และผู้ตระหนกเสียขวัญจงถึงพร้อมด้วยขันติ สติ และปัญญาอันเข้มแข็ง เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ความสงบร่มเย็นของชาติ และความสถาพรของพระพุทธศาสนาในราชอาณาจักรไทยให้ดำรงมั่นคงอยู่สืบไป
    ตามที่ เกิดเหตุคนร้ายประทุษร้ายสามเณร ณ อำเภอสะบ้าย้อย จังหวัดสงขลา เมื่อวันอังคาร ที่ ๒๒ เมษายน ๒๕๖๘ ทำให้มีสามเณรถึงมรณภาพ ๑ รูป และอาพาธ ๑ รูป ความทราบตามข่าวสารที่ปรากฏแล้ว นั้นเจ้าพระคุณ สมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก ทรงปลงธรรมสังเวชและโปรดประทานผ้าไตร ๑ ไตร พร้อมไม้จันทน์ ๑ ช่อ สำหรับการฌาปนกิจ พร้อมทั้งมีพระบัญชาโปรดให้ไวยาวัจกรจัดกัปปิยภัณฑ์เท่าจำนวน ๒๐,๐๐๐ บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) ประทานแก่เจ้าภาพศพสามเณรพงษ์กร ชูมาปาน เพื่อช่วยการบำเพ็ญกุศล อนึ่ง โปรดประทานเหรียญพระรูปแก่สามเณรโภคนิษฐ์ โมราศิลป์ เพื่อเป็นกำลังใจ พร้อมทั้งมีพระบัญชาโปรดให้ไวยาวัจกรจัดกัปปิยภัณฑ์เท่าจำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน) ประทานแก่เป็นคิลานปัจจัยทั้งนี้ มีพระบัญชาโปรดให้ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เป็นผู้เชิญสิ่งของและกัปปิยภัณฑ์ประทานไปถวายแด่เจ้าคณะจังหวัดสงขลา เพื่อมอบแก่เจ้าภาพศพและสามเณรผู้อาพาธอนึ่ง มีรับสั่งประทานกำลังใจแก่ครอบครัว ญาติมิตรของผู้ถึงมรณภาพ ให้ทุเลาความโศก และความหม่นหมอง อีกทั้งโปรดประทานพรให้เจ้าหน้าที่ ผู้ประสบเหตุ และผู้ตระหนกเสียขวัญจงถึงพร้อมด้วยขันติ สติ และปัญญาอันเข้มแข็ง เพื่อร่วมกันสร้างสรรค์ความสงบร่มเย็นของชาติ และความสถาพรของพระพุทธศาสนาในราชอาณาจักรไทยให้ดำรงมั่นคงอยู่สืบไป
    0 Comments 0 Shares 77 Views 0 Reviews
  • 48 ปี ประหาร “เสธ.หลาด” พลเอกฉลาด หิรัญศิริ นักโทษกบฏคนสุดท้าย ที่ตายด้วยการยิงเป้า 🇹🇭⚖️ เสียงปืนสุดท้าย ของการปฏิวัติ ที่ไม่สำเร็จ

    ย้อนรอยคดีประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า ที่สะท้อนทั้งความหวัง ความกล้า และการถูกลืม

    🧭 บทเรียนจากอดีต ที่ไม่อาจมองข้าม บ่ายวันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2520 เวลา 15.24 น. ณ เรือนจำกลางบางขวาง เสียงปืนชุดหนึ่ง ดังก้องสะท้อนในความเงียบสงบ เป็นการสิ้นสุดชีวิตของ “เสธ. หลาด” หรือ "พลเอกฉลาด หิรัญศิริ" นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งถูกตัดสินประหารชีวิต ในข้อหากบฏ

    เสธ.หลาดเป็นคนสุดท้ายในประวัติศาสตร์ไทย ที่ถูกประหารด้วยการยิงเป้า โดยคำสั่งตามมาตรา 21 แห่งรัฐธรรมนูญไทย ซึ่งเปิดช่องให้รัฐบาลในเวลานั้น สามารถออกคำสั่งให้ประหารชีวิตได้ โดยไม่ต้องผ่านศาล 👁️‍🗨️

    จะพาเจาะลึกตั้งแต่ชีวประวัติของ "พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ" เหตุการณ์รัฐประหารที่ล้มเหลว การตัดสินโทษ และคำถามที่ยังไร้คำตอบว่า... “ทำไมเสธ.หลาดต้องถูกประหาร?” 🤔

    👤 จากทหารกล้า สู่ผู้นำกบฏ "พล.อ. ฉลาด หิรัญศิริ" ถือกำเนิดในยุคสงครามโลก ครั้งที่สอง เริ่มรับราชการในปี พ.ศ. 2483 ที่อุดรธานี มีชีวิตในวงการทหารมายาวนาน ผ่านสงครามเกาหลี และสงครามเวียดนาม เป็นหนึ่งในผู้ได้รับการยอมรับว่าเป็น “ทหารนักรบของจริง” 🪖

    เคยดำรงตำแหน่ง รองผู้บังคับกองร้อย เสนาธิการกรมยุทธศึกษาทหารบก ผู้บัญชาการกองกำลังทหารไทย ในเวียดนามใต้ (ผลัด 2) และผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก

    ชื่อเสียงของเสธ.หลาดในสนามรบ เป็นที่เลื่องลือ ถึงขนาดได้รับประกาศเกียรติคุณ จากประธานาธิบดีเวียดนามใต้ 🎖️

    อย่างไรก็ตาม เส้นทางในกองทัพ กลับไม่เป็นไปตามฝัน เมื่อการเมืองเข้ามาแทรกแซง ส่งผลให้ความทะเยอทะยานของเสธ.หลาด ในการก้าวสู่ตำแหน่ง "ผู้บัญชาการทหารบก" ต้องพังทลายลง

    ⚔️ ปฏิบัติการยึดอำนาจ 26 มีนาคม 2520 ความพยายามที่สิ้นสุดด้วยการล้อม เมื่อการเมืองไม่เอื้อ เสธ.หลาดเลือกเส้นทาง ของการก่อรัฐประหาร โดยในวันที่ 26 มีนาคม 2520 พล.อ. ฉลาด พร้อมพวก เข้ายึดศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก “สวนรื่นฤดี” โดยมีลูกชายของเขา "พ.ต. อัศวิน หิรัญศิริ" เป็นผู้บัญชาการกองกำลัง

    แผนการดูเหมือนจะประสบความสำเร็จในช่วงแรก แต่กลับถูกฝ่ายรัฐบาล ควบคุมสถานการณ์ได้ ในเวลาไม่นาน โดยมี "พ.ต. สุรยุทธ์ จุลานนท์" เป็นตัวกลางในการเจรจาให้ยอมแพ้ และเสนอให้ลี้ภัยไปไต้หวัน

    แต่ข้อตกลงนี้ กลับไม่สำเร็จ เมื่อการเดินทางไปไต้หวันล้มเหลว และผู้นำรัฐประหารทั้งหมด ถูกจับกุมทันที

    🔥 ทำไมต้องประหาร? คำถามที่ยังไร้คำตอบ การใช้ มาตรา 21 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2519 คือประเด็นที่ถกเถียงมากที่สุดในกรณีนี้ เนื่องจากไม่ผ่านกระบวนการศาลปกติ แต่เป็นอำนาจตรงจากรัฐบาลในเวลานั้น

    นายกรัฐมนตรี "ธานินทร์ กรัยวิเชียร" กล่าวภายหลังว่า “ไม่เห็นควรใช้มาตรา 21 อย่างพร่ำเพรื่อ”

    แต่เสียงของนายกฯ แพ้เสียงทหาร ในที่ประชุมร่วมรัฐบาล-คณะปฏิรูป เพราะคะแนนเสียงห่างกัน 16 ต่อ 26 ทำให้คดีนี้ถูกนำไปสู่การตัดสินโทษประหารทันที

    ✨ ข้อสังเกตจาก "สุธรรม แสงประทุม" นักโทษการเมือง ฝ่ายทหารหวาดกลัวว่า เสธ.หลาด จะหลบหนี ดพราะเชื่อว่ายังมีอิทธิพลภายใน รวมถึงกังวลว่า จะถูกเปิดโปงภายในกองทัพ

    นี่คือการ "กำจัด" มากกว่าการ "ยุติธรรม"?

    🕊️ ช่วงสุดท้ายของชีวิต “เสธ. หลาด”
    เวลา 14.00 น. เสธ.หลาดถูกเบิกตัวจากแดนพิเศษ ไปยังห้องควบคุม เขาถามเจ้าหน้าที่พี่เลี้ยงว่า “ญาติมาเยี่ยมหรือ เขาอนุญาตให้เยี่ยมแล้วใช่ไหม?”

    ไม่มีคำตอบ เขารู้ในใจว่าชะตากำลังจะมาถึง

    เวลา 14.20 น. เสธ.หลาดฟังคำสั่งประหารอย่างสงบ พร้อมเซ็นชื่อรับทราบ แล้วเขียนพินัยกรรม 4 แผ่น ✍️ ปฏิเสธอาหารมื้อสุดท้าย และขอดื่มเพียง น้ำส้ม 1 ขวด

    เวลา 14.50 น. พระมหาเจียมเทศนาเรื่องกรรม เสธ.หลาดกล่าว "สาธุ" และก้มกราบ 3 ครั้ง พร้อมประเคนเงินจำนวน 100 บาท และนาฬิกาโอเมกา🙏

    เวลา 15.24 น. เสียงปืนจบชีวิต "เสธ.หลาด" ตรงศาลาแปดเหลี่ยม ในเรือนจำบางขวาง

    คำพูดสุดท้าย "ถ้าพร้อมแล้ว จะบอกนะ"

    จากนั้น...มือของเสธ.หลาดสั่นเบา ๆ เพื่อ "เขย่าดอกไม้ในมือ" เป็นสัญญาณให้เพชฌฆาตเหนี่ยวไก

    🪦 เสธ. หลาดในความทรงจำ ของนักโทษการเมือง "สุธรรม แสงประทุม" เล่าว่า เสธ.หลาด หรือ “ลุงหลาด” อยู่ตึกเดียวกันในบางขวาง โดย “ลุงหลาด” มักชอบพูดเสมอว่า

    “ลุงถูกหักหลัง” ใครคือผู้หักหลัง? ยังไม่มีใครรู้แน่ชัด... หรืออาจรู้ แต่ไม่มีใครกล้าพูด

    เสธ.หลาดยังถามสุธรรมซ้ำ ๆ ว่า "การต่อสู้ของลุง สมควรแก่เหตุหรือเปล่า?"

    สุธรรมตอบว่า "ก็พอสมควรแก่เหตุครับ"

    🧩 เสธ. หลาดในหน้าประวัติศาสตร์: วีรบุรุษ? กบฏ? หรือเหยื่อการเมือง? สิ่งที่ควรถามในวันนี้ไม่ใช่แค่ว่า “เขาผิดหรือไม่?”

    แต่คือ “เขาได้รับความยุติธรรมหรือเปล่า?”

    การประหารชีวิต ที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการศาล

    การเจรจาที่หลอกให้เขายอมแพ้

    การกล่าวหาว่า เขามีอิทธิพลเกินไป

    ทั้งหมดนี้คือคำถาม ที่ยังไม่มีคำตอบ และอาจไม่เคยมีวันหนึ่ง ที่คำตอบเหล่านั้นจะถูกเปิดเผย...

    🔚 เสียงสะท้อนจากกระสุนในวันนั้น เรื่องราวของ “เสธ.หลาด” พลเอกฉลาด หิรัญศิริ ไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์ของคน คนหนึ่ง แต่มันสะท้อนถึง โครงสร้างอำนาจของไทยในอดีต สะท้อนถึงความเปราะบางของ “ความยุติธรรม” เมื่อ “อำนาจ” มาแทนที่ 📜⚖️

    48 ปี ผ่านไป คำถามยังคงอยู่...

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221706 เม.ย. 2568

    📱 #เสธหลาด #ฉลาดหิรัญศิริ #กบฏ2520 #ประหารชีวิต #ประวัติศาสตร์ไทย #คดีดังไทย #รัฐประหาร #การเมืองไทย #บางขวาง #มาตรา21
    48 ปี ประหาร “เสธ.หลาด” พลเอกฉลาด หิรัญศิริ นักโทษกบฏคนสุดท้าย ที่ตายด้วยการยิงเป้า 🇹🇭⚖️ เสียงปืนสุดท้าย ของการปฏิวัติ ที่ไม่สำเร็จ ย้อนรอยคดีประหารชีวิตด้วยการยิงเป้า ที่สะท้อนทั้งความหวัง ความกล้า และการถูกลืม 🧭 บทเรียนจากอดีต ที่ไม่อาจมองข้าม บ่ายวันพฤหัสบดีที่ 21 เมษายน พ.ศ. 2520 เวลา 15.24 น. ณ เรือนจำกลางบางขวาง เสียงปืนชุดหนึ่ง ดังก้องสะท้อนในความเงียบสงบ เป็นการสิ้นสุดชีวิตของ “เสธ. หลาด” หรือ "พลเอกฉลาด หิรัญศิริ" นายทหารชั้นผู้ใหญ่ ซึ่งถูกตัดสินประหารชีวิต ในข้อหากบฏ เสธ.หลาดเป็นคนสุดท้ายในประวัติศาสตร์ไทย ที่ถูกประหารด้วยการยิงเป้า โดยคำสั่งตามมาตรา 21 แห่งรัฐธรรมนูญไทย ซึ่งเปิดช่องให้รัฐบาลในเวลานั้น สามารถออกคำสั่งให้ประหารชีวิตได้ โดยไม่ต้องผ่านศาล 👁️‍🗨️ จะพาเจาะลึกตั้งแต่ชีวประวัติของ "พล.อ.ฉลาด หิรัญศิริ" เหตุการณ์รัฐประหารที่ล้มเหลว การตัดสินโทษ และคำถามที่ยังไร้คำตอบว่า... “ทำไมเสธ.หลาดต้องถูกประหาร?” 🤔 👤 จากทหารกล้า สู่ผู้นำกบฏ "พล.อ. ฉลาด หิรัญศิริ" ถือกำเนิดในยุคสงครามโลก ครั้งที่สอง เริ่มรับราชการในปี พ.ศ. 2483 ที่อุดรธานี มีชีวิตในวงการทหารมายาวนาน ผ่านสงครามเกาหลี และสงครามเวียดนาม เป็นหนึ่งในผู้ได้รับการยอมรับว่าเป็น “ทหารนักรบของจริง” 🪖 เคยดำรงตำแหน่ง รองผู้บังคับกองร้อย เสนาธิการกรมยุทธศึกษาทหารบก ผู้บัญชาการกองกำลังทหารไทย ในเวียดนามใต้ (ผลัด 2) และผู้ช่วยผู้บัญชาการทหารบก ชื่อเสียงของเสธ.หลาดในสนามรบ เป็นที่เลื่องลือ ถึงขนาดได้รับประกาศเกียรติคุณ จากประธานาธิบดีเวียดนามใต้ 🎖️ อย่างไรก็ตาม เส้นทางในกองทัพ กลับไม่เป็นไปตามฝัน เมื่อการเมืองเข้ามาแทรกแซง ส่งผลให้ความทะเยอทะยานของเสธ.หลาด ในการก้าวสู่ตำแหน่ง "ผู้บัญชาการทหารบก" ต้องพังทลายลง ⚔️ ปฏิบัติการยึดอำนาจ 26 มีนาคม 2520 ความพยายามที่สิ้นสุดด้วยการล้อม เมื่อการเมืองไม่เอื้อ เสธ.หลาดเลือกเส้นทาง ของการก่อรัฐประหาร โดยในวันที่ 26 มีนาคม 2520 พล.อ. ฉลาด พร้อมพวก เข้ายึดศูนย์ปฏิบัติการกองทัพบก “สวนรื่นฤดี” โดยมีลูกชายของเขา "พ.ต. อัศวิน หิรัญศิริ" เป็นผู้บัญชาการกองกำลัง แผนการดูเหมือนจะประสบความสำเร็จในช่วงแรก แต่กลับถูกฝ่ายรัฐบาล ควบคุมสถานการณ์ได้ ในเวลาไม่นาน โดยมี "พ.ต. สุรยุทธ์ จุลานนท์" เป็นตัวกลางในการเจรจาให้ยอมแพ้ และเสนอให้ลี้ภัยไปไต้หวัน แต่ข้อตกลงนี้ กลับไม่สำเร็จ เมื่อการเดินทางไปไต้หวันล้มเหลว และผู้นำรัฐประหารทั้งหมด ถูกจับกุมทันที 🔥 ทำไมต้องประหาร? คำถามที่ยังไร้คำตอบ การใช้ มาตรา 21 ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2519 คือประเด็นที่ถกเถียงมากที่สุดในกรณีนี้ เนื่องจากไม่ผ่านกระบวนการศาลปกติ แต่เป็นอำนาจตรงจากรัฐบาลในเวลานั้น นายกรัฐมนตรี "ธานินทร์ กรัยวิเชียร" กล่าวภายหลังว่า “ไม่เห็นควรใช้มาตรา 21 อย่างพร่ำเพรื่อ” แต่เสียงของนายกฯ แพ้เสียงทหาร ในที่ประชุมร่วมรัฐบาล-คณะปฏิรูป เพราะคะแนนเสียงห่างกัน 16 ต่อ 26 ทำให้คดีนี้ถูกนำไปสู่การตัดสินโทษประหารทันที ✨ ข้อสังเกตจาก "สุธรรม แสงประทุม" นักโทษการเมือง ฝ่ายทหารหวาดกลัวว่า เสธ.หลาด จะหลบหนี ดพราะเชื่อว่ายังมีอิทธิพลภายใน รวมถึงกังวลว่า จะถูกเปิดโปงภายในกองทัพ นี่คือการ "กำจัด" มากกว่าการ "ยุติธรรม"? 🕊️ ช่วงสุดท้ายของชีวิต “เสธ. หลาด” เวลา 14.00 น. เสธ.หลาดถูกเบิกตัวจากแดนพิเศษ ไปยังห้องควบคุม เขาถามเจ้าหน้าที่พี่เลี้ยงว่า “ญาติมาเยี่ยมหรือ เขาอนุญาตให้เยี่ยมแล้วใช่ไหม?” ไม่มีคำตอบ เขารู้ในใจว่าชะตากำลังจะมาถึง เวลา 14.20 น. เสธ.หลาดฟังคำสั่งประหารอย่างสงบ พร้อมเซ็นชื่อรับทราบ แล้วเขียนพินัยกรรม 4 แผ่น ✍️ ปฏิเสธอาหารมื้อสุดท้าย และขอดื่มเพียง น้ำส้ม 1 ขวด เวลา 14.50 น. พระมหาเจียมเทศนาเรื่องกรรม เสธ.หลาดกล่าว "สาธุ" และก้มกราบ 3 ครั้ง พร้อมประเคนเงินจำนวน 100 บาท และนาฬิกาโอเมกา🙏 เวลา 15.24 น. เสียงปืนจบชีวิต "เสธ.หลาด" ตรงศาลาแปดเหลี่ยม ในเรือนจำบางขวาง คำพูดสุดท้าย "ถ้าพร้อมแล้ว จะบอกนะ" จากนั้น...มือของเสธ.หลาดสั่นเบา ๆ เพื่อ "เขย่าดอกไม้ในมือ" เป็นสัญญาณให้เพชฌฆาตเหนี่ยวไก 🪦 เสธ. หลาดในความทรงจำ ของนักโทษการเมือง "สุธรรม แสงประทุม" เล่าว่า เสธ.หลาด หรือ “ลุงหลาด” อยู่ตึกเดียวกันในบางขวาง โดย “ลุงหลาด” มักชอบพูดเสมอว่า “ลุงถูกหักหลัง” ใครคือผู้หักหลัง? ยังไม่มีใครรู้แน่ชัด... หรืออาจรู้ แต่ไม่มีใครกล้าพูด เสธ.หลาดยังถามสุธรรมซ้ำ ๆ ว่า "การต่อสู้ของลุง สมควรแก่เหตุหรือเปล่า?" สุธรรมตอบว่า "ก็พอสมควรแก่เหตุครับ" 🧩 เสธ. หลาดในหน้าประวัติศาสตร์: วีรบุรุษ? กบฏ? หรือเหยื่อการเมือง? สิ่งที่ควรถามในวันนี้ไม่ใช่แค่ว่า “เขาผิดหรือไม่?” แต่คือ “เขาได้รับความยุติธรรมหรือเปล่า?” การประหารชีวิต ที่ไม่ได้ผ่านกระบวนการศาล การเจรจาที่หลอกให้เขายอมแพ้ การกล่าวหาว่า เขามีอิทธิพลเกินไป ทั้งหมดนี้คือคำถาม ที่ยังไม่มีคำตอบ และอาจไม่เคยมีวันหนึ่ง ที่คำตอบเหล่านั้นจะถูกเปิดเผย... 🔚 เสียงสะท้อนจากกระสุนในวันนั้น เรื่องราวของ “เสธ.หลาด” พลเอกฉลาด หิรัญศิริ ไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์ของคน คนหนึ่ง แต่มันสะท้อนถึง โครงสร้างอำนาจของไทยในอดีต สะท้อนถึงความเปราะบางของ “ความยุติธรรม” เมื่อ “อำนาจ” มาแทนที่ 📜⚖️ 48 ปี ผ่านไป คำถามยังคงอยู่... ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221706 เม.ย. 2568 📱 #เสธหลาด #ฉลาดหิรัญศิริ #กบฏ2520 #ประหารชีวิต #ประวัติศาสตร์ไทย #คดีดังไทย #รัฐประหาร #การเมืองไทย #บางขวาง #มาตรา21
    0 Comments 0 Shares 149 Views 0 Reviews
  • นักวิจัยจีนประสบความสำเร็จในการสร้างระเบิดไฮโดรเจนที่นอกจากจะทำให้เกิดช็อกเวฟแล้วยังสามารถทำให้เกิดอุณหภูมิสูงเกิน 1,000 องศาเซลเซียสได้นานกว่า 2 วินาทีและเกิดระเบิดนานกว่าระเบิด TNT ทั่วไปถึง 15 เท่ากลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมส์ทางการทหารปักกิ่งใช้จัดการโดรน ทำลายรถถัง ในยุทธวิธีรบในเมืองสงครามบุกไต้หวันในอนาคต
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000037474

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    นักวิจัยจีนประสบความสำเร็จในการสร้างระเบิดไฮโดรเจนที่นอกจากจะทำให้เกิดช็อกเวฟแล้วยังสามารถทำให้เกิดอุณหภูมิสูงเกิน 1,000 องศาเซลเซียสได้นานกว่า 2 วินาทีและเกิดระเบิดนานกว่าระเบิด TNT ทั่วไปถึง 15 เท่ากลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมส์ทางการทหารปักกิ่งใช้จัดการโดรน ทำลายรถถัง ในยุทธวิธีรบในเมืองสงครามบุกไต้หวันในอนาคต . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000037474 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    7
    0 Comments 0 Shares 574 Views 0 Reviews
  • การสร้างสมดุลของจักรวาลมนุษย์ชาติ (Human Universe) เป็นแนวคิดที่ซับซ้อน ครอบคลุมทั้งมิติทางสังคม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และจิตวิญญาณ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและความปรองดองร่วมกัน ต่อไปนี้คือแนวทางหลักที่อาจนำไปสู่การสร้างสมดุลดังกล่าว:

    ### 1. **สมดุลทางสิ่งแวดล้อม**
    - **เปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด**: ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล หันไปใช้พลังงานหมุนเวียน (เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม) และส่งเสริมเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ
    - **ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)**: ลดการผลิตของเสียโดยออกแบบระบบการใช้วัสดุใหม่ (Reuse-Recycle) และส่งเสริมการบริโภคอย่างรับผิดชอบ
    - **ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ**: ฟื้นฟูระบบนิเวศ สร้างพื้นที่อนุรักษ์ และควบคุมการตัดไม้ทำลายป่า

    ### 2. **สมดุลทางสังคม**
    - **ลดความเหลื่อมล้ำ**: สร้างระบบสวัสดิการที่ทั่วถึง สนับสนุนการศึกษาและสุขภาพฟรีหรือราคาเข้าถึงได้ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ห่างไกล
    - **ส่งเสริมความเท่าเทียม**: ขจัดการเลือกปฏิบัติทางเพศ เชื้อชาติ ศาสนา และสถานะทางสังคม
    - **สร้างชุมชนเข้มแข็ง**: สนับสนุนการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นในการตัดสินใจ และส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน

    ### 3. **สมดุลทางเศรษฐกิจ**
    - **เศรษฐกิจแบบกระจายศูนย์**: ลดการผูกขาดโดยบริษัทขนาดใหญ่ สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นและสตาร์ทอัพ
    - **วัดความเจริญด้วยดัชนีใหม่**: ไม่ใช้เพียง GDP แต่รวมถึงความสุขมวลรวม (Gross National Happiness) หรือดัชนีความยั่งยืน
    - **ภาษีโปรเกรสซีฟ**: เก็บภาษีจากกลุ่มรายได้สูงและบริษัทข้ามชาติเพื่อกระจายความมั่งคั่ง

    ### 4. **สมดุลทางเทคโนโลยี**
    - **จริยธรรมเทคโนโลยี**: ควบคุมการใช้ AI และข้อมูลส่วนตัวเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิ
    - **เทคโนโลยีเพื่อสังคม**: พัฒนานวัตกรรมที่แก้ปัญหาสังคม เช่น เทคโนโลยีช่วยเกษตรกรหรือระบบสุขภาพดิจิทัล
    - **ลดช่องว่างดิจิทัล**: ให้ทุกคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและความรู้ดิจิทัล

    ### 5. **สมดุลทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ**
    - **เคารพความหลากหลาย**: ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น
    - **สร้างจิตสำนึกใหม่**: ปลูกฝังค่านิยมเช่นความพอเพียง (ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง) และความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ
    - **ส่งเสริมสติและสุขภาพจิต**: บูรณาการ mindfulness ในการศึกษาและการทำงาน

    ### 6. **สมดุลทางการเมืองและการปกครอง**
    - **ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม**: เปิดช่องทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมนโยบายผ่าน Digital Platform
    - **ความร่วมมือระดับโลก**: เสริมสร้างองค์กรระหว่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาร่วม เช่น ภาวะโลกร้อนหรือการค้ามนุษย์
    - **ต่อต้านการทุจริต**: สร้างระบบตรวจสอบที่โปร่งใส และส่งเสริมหลักนิติธรรม

    ### 7. **การศึกษาเพื่อการเปลี่ยนแปลง**
    - **เรียนรู้นอกกรอบ**: สอนทักษะศตวรรษที่ 21 เช่น การคิดวิเคราะห์ ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) และทักษะการอยู่ร่วมกัน
    - **การศึกษาเชิงบูรณาการ**: ผสมผสานความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับศิลปะและมนุษยศาสตร์

    ### บทสรุป
    สมดุลของจักรวาลมนุษย์ชาติไม่ใช่สถานะที่ตายตัว แต่เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้องอาศัยการปรับตัว ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และการมองมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ ไม่ใช่ผู้ครอบครอง การสร้างสมดุลนี้ต้องเริ่มจาก "การเปลี่ยนแปลงภายใน" ของแต่ละคน สู่การขับเคลื่อนนโยบายระดับโลก พร้อมกันนั้น ต้องไม่ลืมว่าความหลากหลายทางความคิดและวัฒนธรรมคือพลังขับเคลื่อน ไม่ใช่สิ่งต้องกำจัด!
    การสร้างสมดุลของจักรวาลมนุษย์ชาติ (Human Universe) เป็นแนวคิดที่ซับซ้อน ครอบคลุมทั้งมิติทางสังคม สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และจิตวิญญาณ เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและความปรองดองร่วมกัน ต่อไปนี้คือแนวทางหลักที่อาจนำไปสู่การสร้างสมดุลดังกล่าว: ### 1. **สมดุลทางสิ่งแวดล้อม** - **เปลี่ยนผ่านพลังงานสะอาด**: ลดการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล หันไปใช้พลังงานหมุนเวียน (เช่น พลังงานแสงอาทิตย์ ลม) และส่งเสริมเทคโนโลยีคาร์บอนต่ำ - **ระบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)**: ลดการผลิตของเสียโดยออกแบบระบบการใช้วัสดุใหม่ (Reuse-Recycle) และส่งเสริมการบริโภคอย่างรับผิดชอบ - **ปกป้องความหลากหลายทางชีวภาพ**: ฟื้นฟูระบบนิเวศ สร้างพื้นที่อนุรักษ์ และควบคุมการตัดไม้ทำลายป่า ### 2. **สมดุลทางสังคม** - **ลดความเหลื่อมล้ำ**: สร้างระบบสวัสดิการที่ทั่วถึง สนับสนุนการศึกษาและสุขภาพฟรีหรือราคาเข้าถึงได้ พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานในพื้นที่ห่างไกล - **ส่งเสริมความเท่าเทียม**: ขจัดการเลือกปฏิบัติทางเพศ เชื้อชาติ ศาสนา และสถานะทางสังคม - **สร้างชุมชนเข้มแข็ง**: สนับสนุนการมีส่วนร่วมของท้องถิ่นในการตัดสินใจ และส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชน ### 3. **สมดุลทางเศรษฐกิจ** - **เศรษฐกิจแบบกระจายศูนย์**: ลดการผูกขาดโดยบริษัทขนาดใหญ่ สนับสนุนธุรกิจท้องถิ่นและสตาร์ทอัพ - **วัดความเจริญด้วยดัชนีใหม่**: ไม่ใช้เพียง GDP แต่รวมถึงความสุขมวลรวม (Gross National Happiness) หรือดัชนีความยั่งยืน - **ภาษีโปรเกรสซีฟ**: เก็บภาษีจากกลุ่มรายได้สูงและบริษัทข้ามชาติเพื่อกระจายความมั่งคั่ง ### 4. **สมดุลทางเทคโนโลยี** - **จริยธรรมเทคโนโลยี**: ควบคุมการใช้ AI และข้อมูลส่วนตัวเพื่อป้องกันการละเมิดสิทธิ - **เทคโนโลยีเพื่อสังคม**: พัฒนานวัตกรรมที่แก้ปัญหาสังคม เช่น เทคโนโลยีช่วยเกษตรกรหรือระบบสุขภาพดิจิทัล - **ลดช่องว่างดิจิทัล**: ให้ทุกคนเข้าถึงอินเทอร์เน็ตและความรู้ดิจิทัล ### 5. **สมดุลทางวัฒนธรรมและจิตวิญญาณ** - **เคารพความหลากหลาย**: ส่งเสริมการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและภูมิปัญญาท้องถิ่น - **สร้างจิตสำนึกใหม่**: ปลูกฝังค่านิยมเช่นความพอเพียง (ตามหลักเศรษฐกิจพอเพียง) และความเชื่อมโยงกับธรรมชาติ - **ส่งเสริมสติและสุขภาพจิต**: บูรณาการ mindfulness ในการศึกษาและการทำงาน ### 6. **สมดุลทางการเมืองและการปกครอง** - **ประชาธิปไตยแบบมีส่วนร่วม**: เปิดช่องทางให้ประชาชนมีส่วนร่วมนโยบายผ่าน Digital Platform - **ความร่วมมือระดับโลก**: เสริมสร้างองค์กรระหว่างประเทศเพื่อแก้ปัญหาร่วม เช่น ภาวะโลกร้อนหรือการค้ามนุษย์ - **ต่อต้านการทุจริต**: สร้างระบบตรวจสอบที่โปร่งใส และส่งเสริมหลักนิติธรรม ### 7. **การศึกษาเพื่อการเปลี่ยนแปลง** - **เรียนรู้นอกกรอบ**: สอนทักษะศตวรรษที่ 21 เช่น การคิดวิเคราะห์ ความเห็นอกเห็นใจ (Empathy) และทักษะการอยู่ร่วมกัน - **การศึกษาเชิงบูรณาการ**: ผสมผสานความรู้ทางวิทยาศาสตร์กับศิลปะและมนุษยศาสตร์ ### บทสรุป สมดุลของจักรวาลมนุษย์ชาติไม่ใช่สถานะที่ตายตัว แต่เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่ต้องอาศัยการปรับตัว ความร่วมมือจากทุกภาคส่วน และการมองมนุษย์เป็นส่วนหนึ่งของระบบนิเวศ ไม่ใช่ผู้ครอบครอง การสร้างสมดุลนี้ต้องเริ่มจาก "การเปลี่ยนแปลงภายใน" ของแต่ละคน สู่การขับเคลื่อนนโยบายระดับโลก พร้อมกันนั้น ต้องไม่ลืมว่าความหลากหลายทางความคิดและวัฒนธรรมคือพลังขับเคลื่อน ไม่ใช่สิ่งต้องกำจัด!
    0 Comments 0 Shares 180 Views 0 Reviews
  • สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเผยส่งออกข้าว 3 เดือน ปี 68 ทำได้แค่ 2.1 ล้านตัน ลดลง 30% ได้รับผลกระทบอินเดียกลับมาส่งออกข้าวขาว อินโดนีเซียหยุดนำเข้า ส่วนทรัมป์ 2.0 ทำให้สหรัฐฯ มีการเร่งซื้อข้าวไทยไปเก็บสต๊อก แต่ระยะยาว หากภาษีขึ้น ส่งออกกระทบแน่ ยังยืนเป้าปีนี้ 7.5 ล้านตัน รอดูครึ่งปีจะทบทวนหรือไม่

    นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวไทยในช่วง 3 เดือน ปี 2568 (ม.ค.-มี.ค.) มีปริมาณ 2.1 ล้านตัน ลดลง 30% เนื่องจากอินเดียกลับมาส่งออกข้าวขาวอีกครั้ง หลังระงับส่งออกในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และยังได้รับผลกระทบจากอินโดนีเซีย ซึ่งผู้นำเข้ารายสำคัญในปีที่ผ่านมา ที่นำเข้าสูงถึง 4 ล้านตัน แต่ช่วงนี้หยุดการนำเข้าข้าวจากไทย เพราะมีผลผลิตในประเทศเพิ่มขึ้น โดยปีนี้ทั้งปีอินโดนีเซียอาจนำเข้าข้าวไม่ถึง 1 ล้านตัน และคาดว่าจะกลับมานำเข้าในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้ปริมาณส่งออกข้าวขาวลดลงถึง 53% แต่ยังดีที่มียอดส่งออกข้าวหอมมะลิไทย และข้าวนึ่งเพิ่มขึ้น

    สำหรับนโยบายทรัมป์ 2.0 ยังเป็นประเด็นที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะขณะนี้มีการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากไทยแล้ว 10% จากเดิมภาษีอยู่ที่ 0% โดยการชะลอการเก็บภาษีนำเข้าจากไทยในอัตรา 36% ออกไป 90 วัน ทำให้มีคำสั่งซื้อข้าวไทยเพิ่มมากขึ้น เพื่อเก็บในสต็อก โดยในช่วงไตรมาสแรก มีการส่งออกข้าวหอมมะลิไทยไปแล้วกว่า 2 แสนตัน ส่วนปีที่ผ่านมา ส่งออกข้าวไปตลาดสหรัฐฯ ปริมาณ 830,000 ตัน เป็นข้าวหอมมะลิไทย 630,000 ตัน และข้าวหอมไทย 120,000 ตัน โดยแต่ละปี มีการส่งออกข้าวหอมมะลิไทย รวม 1.3-1.4 ล้านตัน

    ทั้งนี้ ในระยะต่อไป หากไทยถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 25% ราคาส่งออกข้าวหอมมะลิไทยปัจจุบันอยู่ที่ 1,000 เหรียญสหรัฐต่อตัน ราคาจะเพิ่มเป็น 1,250 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งไม่แน่ใจว่าผู้บริโภคสหรัฐฯ จะรับราคาที่เพิ่มได้หรือไม่ ซึ่งต้องรอดูผลตอบรับต่อไป

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9680000037319

    #MGROnline #สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย #ข้าวไทย #ส่งออกข้าวขาว
    สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทยเผยส่งออกข้าว 3 เดือน ปี 68 ทำได้แค่ 2.1 ล้านตัน ลดลง 30% ได้รับผลกระทบอินเดียกลับมาส่งออกข้าวขาว อินโดนีเซียหยุดนำเข้า ส่วนทรัมป์ 2.0 ทำให้สหรัฐฯ มีการเร่งซื้อข้าวไทยไปเก็บสต๊อก แต่ระยะยาว หากภาษีขึ้น ส่งออกกระทบแน่ ยังยืนเป้าปีนี้ 7.5 ล้านตัน รอดูครึ่งปีจะทบทวนหรือไม่ • นายชูเกียรติ โอภาสวงศ์ นายกกิตติมศักดิ์สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย เปิดเผยว่า การส่งออกข้าวไทยในช่วง 3 เดือน ปี 2568 (ม.ค.-มี.ค.) มีปริมาณ 2.1 ล้านตัน ลดลง 30% เนื่องจากอินเดียกลับมาส่งออกข้าวขาวอีกครั้ง หลังระงับส่งออกในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา และยังได้รับผลกระทบจากอินโดนีเซีย ซึ่งผู้นำเข้ารายสำคัญในปีที่ผ่านมา ที่นำเข้าสูงถึง 4 ล้านตัน แต่ช่วงนี้หยุดการนำเข้าข้าวจากไทย เพราะมีผลผลิตในประเทศเพิ่มขึ้น โดยปีนี้ทั้งปีอินโดนีเซียอาจนำเข้าข้าวไม่ถึง 1 ล้านตัน และคาดว่าจะกลับมานำเข้าในช่วงครึ่งปีหลัง ทำให้ปริมาณส่งออกข้าวขาวลดลงถึง 53% แต่ยังดีที่มียอดส่งออกข้าวหอมมะลิไทย และข้าวนึ่งเพิ่มขึ้น • สำหรับนโยบายทรัมป์ 2.0 ยังเป็นประเด็นที่ยังต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะขณะนี้มีการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากไทยแล้ว 10% จากเดิมภาษีอยู่ที่ 0% โดยการชะลอการเก็บภาษีนำเข้าจากไทยในอัตรา 36% ออกไป 90 วัน ทำให้มีคำสั่งซื้อข้าวไทยเพิ่มมากขึ้น เพื่อเก็บในสต็อก โดยในช่วงไตรมาสแรก มีการส่งออกข้าวหอมมะลิไทยไปแล้วกว่า 2 แสนตัน ส่วนปีที่ผ่านมา ส่งออกข้าวไปตลาดสหรัฐฯ ปริมาณ 830,000 ตัน เป็นข้าวหอมมะลิไทย 630,000 ตัน และข้าวหอมไทย 120,000 ตัน โดยแต่ละปี มีการส่งออกข้าวหอมมะลิไทย รวม 1.3-1.4 ล้านตัน • ทั้งนี้ ในระยะต่อไป หากไทยถูกสหรัฐฯ เก็บภาษีเพิ่มขึ้นเป็น 25% ราคาส่งออกข้าวหอมมะลิไทยปัจจุบันอยู่ที่ 1,000 เหรียญสหรัฐต่อตัน ราคาจะเพิ่มเป็น 1,250 เหรียญสหรัฐต่อตัน ซึ่งไม่แน่ใจว่าผู้บริโภคสหรัฐฯ จะรับราคาที่เพิ่มได้หรือไม่ ซึ่งต้องรอดูผลตอบรับต่อไป • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9680000037319 • #MGROnline #สมาคมผู้ส่งออกข้าวไทย #ข้าวไทย #ส่งออกข้าวขาว
    0 Comments 0 Shares 145 Views 0 Reviews
  • ..บทความจากข่าว,เท็จจริงมิทราบ,แต่ไม่สมควรให้ชาวโลกรอนานไปแล้ว,ควรจบตั้งแต่หลังยุคโควิดแล้วโน้น.2019,2020&จบ2021,ไม่ควรปล่อยวุ่นวายถึง2025เลย.
    ..
    ..

    การตื่นขึ้นไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็น โซ่ตรวนแห่งมายาภาพกำลังขาดออก และโลกที่เรารู้จักกำลังเลือนหายไปจากประวัติศาสตร์

    • รัฐบาลกำลังถูกเปิดโปงว่าเป็นหุ่นเชิดของวาระที่ยิ่งใหญ่กว่า
    • ระบบต่างๆ ที่เราพึ่งพา (การแพทย์ การศึกษา ระบบยุติธรรม) กำลังเปิดเผยแก่นแท้อันทุจริตของพวกเขา
    • เสียงกระซิบของเรื่องราวที่ถูกปิดบังกำลังกลายเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้

    ถึงเวลาแล้วที่ต้องเอาชนะความกลัวและโอบรับพลังแห่งจิตสำนึก
    • กำลังเกิดชุมชนที่ปฏิเสธคำโกหกและสร้างเครือข่ายที่สามารถพึ่งพาตนเองได้
    • ความรู้ที่ถูกฝังไว้มานานกำลังถูกขุดค้นขึ้นมา ช่วยให้มวลชนสามารถทวงอำนาจอธิปไตยของตนกลับคืนมาได้
    • ผู้พิทักษ์คนเก่าเกาะติดการควบคุมอย่างสิ้นหวัง แต่การยึดเกาะของพวกเขาก็อ่อนลงทุก ๆ ช่วงเวลาที่ผ่านไป

    สังเกตสัญญาณต่างๆ รอบตัวคุณ:
    • การลาออกจำนวนมากของผู้ที่ไม่อาจทำหน้าที่ตามวาระได้อีกต่อไป
    • คลื่นแห่งการเปิดเผยที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนซึ่งสั่นคลอนรากฐานของสังคม
    • ความเข้าใจร่วมกันว่าความสามัคคี ไม่ใช่ความแตกแยก ถือเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อแผนการของพวกเขา

    นี่คือช่วงเวลาที่มนุษยชาติกำลังรอคอย: การล่มสลายของโลกเก่าและการถือกำเนิดของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า ยืนหยัด เชื่อมั่นในกระบวนการ และจงรู้ว่าเมื่อความจริงถูกเปิดเผยแล้ว จะไม่สามารถแก้ไขได้

    รุ่งอรุณกำลังส่องแสง และไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้

    cr.นายพูล
    ..บทความจากข่าว,เท็จจริงมิทราบ,แต่ไม่สมควรให้ชาวโลกรอนานไปแล้ว,ควรจบตั้งแต่หลังยุคโควิดแล้วโน้น.2019,2020&จบ2021,ไม่ควรปล่อยวุ่นวายถึง2025เลย. .. .. การตื่นขึ้นไม่ใช่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นสิ่งจำเป็น โซ่ตรวนแห่งมายาภาพกำลังขาดออก และโลกที่เรารู้จักกำลังเลือนหายไปจากประวัติศาสตร์ • รัฐบาลกำลังถูกเปิดโปงว่าเป็นหุ่นเชิดของวาระที่ยิ่งใหญ่กว่า • ระบบต่างๆ ที่เราพึ่งพา (การแพทย์ การศึกษา ระบบยุติธรรม) กำลังเปิดเผยแก่นแท้อันทุจริตของพวกเขา • เสียงกระซิบของเรื่องราวที่ถูกปิดบังกำลังกลายเป็นความจริงที่ไม่อาจปฏิเสธได้ ถึงเวลาแล้วที่ต้องเอาชนะความกลัวและโอบรับพลังแห่งจิตสำนึก • กำลังเกิดชุมชนที่ปฏิเสธคำโกหกและสร้างเครือข่ายที่สามารถพึ่งพาตนเองได้ • ความรู้ที่ถูกฝังไว้มานานกำลังถูกขุดค้นขึ้นมา ช่วยให้มวลชนสามารถทวงอำนาจอธิปไตยของตนกลับคืนมาได้ • ผู้พิทักษ์คนเก่าเกาะติดการควบคุมอย่างสิ้นหวัง แต่การยึดเกาะของพวกเขาก็อ่อนลงทุก ๆ ช่วงเวลาที่ผ่านไป สังเกตสัญญาณต่างๆ รอบตัวคุณ: • การลาออกจำนวนมากของผู้ที่ไม่อาจทำหน้าที่ตามวาระได้อีกต่อไป • คลื่นแห่งการเปิดเผยที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนซึ่งสั่นคลอนรากฐานของสังคม • ความเข้าใจร่วมกันว่าความสามัคคี ไม่ใช่ความแตกแยก ถือเป็นภัยคุกคามที่ยิ่งใหญ่ที่สุดต่อแผนการของพวกเขา นี่คือช่วงเวลาที่มนุษยชาติกำลังรอคอย: การล่มสลายของโลกเก่าและการถือกำเนิดของสิ่งที่ยิ่งใหญ่กว่า ยืนหยัด เชื่อมั่นในกระบวนการ และจงรู้ว่าเมื่อความจริงถูกเปิดเผยแล้ว จะไม่สามารถแก้ไขได้ รุ่งอรุณกำลังส่องแสง และไม่มีอะไรสามารถหยุดยั้งสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้ cr.นายพูล
    0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • "อมพระมาพูด" ดรามาอันวาร์ อิบราฮิม

    การมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อการเจรจาทำงาน (Working Visit) และหารือติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับความร่วมมือไทย-มาเลเซีย ระหว่างวันที่ 17-18 เม.ย. ที่ผ่านมา กลายเป็นดรามาสนั่นโซเชียลฯ เมื่อกองสื่อสารมวลชนและกลยุทธ์ สำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้เผยแพร่วีดีโอคลิป "LAWATAN KERJA KE THAILAND" (เยี่ยมชมและทำงานที่ประเทศไทย) เผยแพร่ภารกิจของนายอันวาร์และคณะในไทย แล้วปรากฎว่ามีการใช้เพลง "อมพระมาพูด" ของเบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ และ เสกสรรค์ สุขพิมาย หรือ เสก โลโซ ซึ่งเป็นเพลงฮิตเมื่อปี 2547

    ด้วยเนื้อหาเพลงที่ออกแนวตอบโต้คนรักที่ไม่เชื่อใจกัน โดยเฉพาะท่อนฮุคที่ร้องว่า "อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ หน้าเนื้อใจเสืออย่างเธอ ใครเตือนไม่ฟังว่าอย่าเผลอ มีใจให้ อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ หน้าใสใจเสือเชื่อไม่ได้ ประวัติโชกโชนเชือดใจ มากี่คน เคยนับบ้างไหม" กลายเป็นที่วิจารณ์แก่ชาวเน็ตไทยว่าสื่อถึงอะไร มีนัยยะทางการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใดๆ หรือไม่ โดยเฉพาะกับ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาประธานอาเซียน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลูกสาวนายทักษิณ ภายหลังจึงได้ลบคลิปแล้วเปลี่ยนเพลงใหม่ไปใช้เพลงพระราชนิพนธ์ "ยามเย็น" ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ แทน

    ที่ผ่านมามักจะพบเห็นเพลงไทยนำมาใช้กับสื่อประชาสัมพันธ์ของมาเลเซียนานๆ ครั้ง เช่น การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) นำเพลง "ผมรักเมืองไทย" ของ Mocca Garden มาโปรโมตขบวนรถไฟ My Sawasdee บัตเตอร์เวิร์ธ-หาดใหญ่ เมื่อวันที่ 1 ม.ค. หรือย้อนกลับไปเมื่อเดือน ต.ค. 2565 เผยแพร่วิดีโอคลิป VLOG ที่ชื่อว่า "Syoknya Naik Keretapi ke Hatyai, Thailand" แนะนำการขึ้นรถไฟท่องเที่ยวที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในช่วงเทศกาลวันมาเลเซีย ก็ใช้เพลง "ชอบเธออะ" ของ แมน ภัทรพล ซึ่งเป็นเพลงฮิตในติ๊กต็อก ส่วนผู้ใช้ทั่วไปพบว่าบัญชี @khairulnikahthailand ที่รับจ้างชาวมุสลิมมาเลเซียมาแต่งงานที่สงขลา ประเทศไทย ก็เคยใช้เพลง "คุณไสย" (อะนันตะปัตชะเย) ซึ่งมีเนื้อหาโจ๊ะๆ สนุกสนาน

    แม้ Newskit จะสอบถามแหล่งข่าวจากสื่อมวลชนชาวมาเลเซีย ที่ทำงานในประเทศไทย แต่ไม่ได้รับคำตอบใดๆ กลับมาก็ตาม ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่า อาจเป็นความผิดพลาดของทางการมาเลเซียเลือกเพลงตามทำนอง (Melody) โดยมองข้ามเนื้อร้อง หรือเนื้อหาเพลง ที่คนท้องถิ่นซึ่งก็คือคนไทยอาจเข้าใจไปอีกทาง มองโลกในแง่ดีอาจเป็นเพียงแค่เรื่องตลกขบขัน ไม่ถึงขั้นกลายเป็นการเล่นการเมืองแบบสองหน้า จากปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งไม่มีทีท่าว่าสงบลง

    #Newskit
    "อมพระมาพูด" ดรามาอันวาร์ อิบราฮิม การมาเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของนายอันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เพื่อการเจรจาทำงาน (Working Visit) และหารือติดตามความคืบหน้าเกี่ยวกับความร่วมมือไทย-มาเลเซีย ระหว่างวันที่ 17-18 เม.ย. ที่ผ่านมา กลายเป็นดรามาสนั่นโซเชียลฯ เมื่อกองสื่อสารมวลชนและกลยุทธ์ สำนักนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้เผยแพร่วีดีโอคลิป "LAWATAN KERJA KE THAILAND" (เยี่ยมชมและทำงานที่ประเทศไทย) เผยแพร่ภารกิจของนายอันวาร์และคณะในไทย แล้วปรากฎว่ามีการใช้เพลง "อมพระมาพูด" ของเบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ และ เสกสรรค์ สุขพิมาย หรือ เสก โลโซ ซึ่งเป็นเพลงฮิตเมื่อปี 2547 ด้วยเนื้อหาเพลงที่ออกแนวตอบโต้คนรักที่ไม่เชื่อใจกัน โดยเฉพาะท่อนฮุคที่ร้องว่า "อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ หน้าเนื้อใจเสืออย่างเธอ ใครเตือนไม่ฟังว่าอย่าเผลอ มีใจให้ อมพระมาพูดก็ไม่เชื่อ หน้าใสใจเสือเชื่อไม่ได้ ประวัติโชกโชนเชือดใจ มากี่คน เคยนับบ้างไหม" กลายเป็นที่วิจารณ์แก่ชาวเน็ตไทยว่าสื่อถึงอะไร มีนัยยะทางการเมืองและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศใดๆ หรือไม่ โดยเฉพาะกับ นายทักษิณ ชินวัตร ที่ปรึกษาประธานอาเซียน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลูกสาวนายทักษิณ ภายหลังจึงได้ลบคลิปแล้วเปลี่ยนเพลงใหม่ไปใช้เพลงพระราชนิพนธ์ "ยามเย็น" ของในหลวงรัชกาลที่ ๙ แทน ที่ผ่านมามักจะพบเห็นเพลงไทยนำมาใช้กับสื่อประชาสัมพันธ์ของมาเลเซียนานๆ ครั้ง เช่น การรถไฟมาลายา (KTM Berhad) นำเพลง "ผมรักเมืองไทย" ของ Mocca Garden มาโปรโมตขบวนรถไฟ My Sawasdee บัตเตอร์เวิร์ธ-หาดใหญ่ เมื่อวันที่ 1 ม.ค. หรือย้อนกลับไปเมื่อเดือน ต.ค. 2565 เผยแพร่วิดีโอคลิป VLOG ที่ชื่อว่า "Syoknya Naik Keretapi ke Hatyai, Thailand" แนะนำการขึ้นรถไฟท่องเที่ยวที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ในช่วงเทศกาลวันมาเลเซีย ก็ใช้เพลง "ชอบเธออะ" ของ แมน ภัทรพล ซึ่งเป็นเพลงฮิตในติ๊กต็อก ส่วนผู้ใช้ทั่วไปพบว่าบัญชี @khairulnikahthailand ที่รับจ้างชาวมุสลิมมาเลเซียมาแต่งงานที่สงขลา ประเทศไทย ก็เคยใช้เพลง "คุณไสย" (อะนันตะปัตชะเย) ซึ่งมีเนื้อหาโจ๊ะๆ สนุกสนาน แม้ Newskit จะสอบถามแหล่งข่าวจากสื่อมวลชนชาวมาเลเซีย ที่ทำงานในประเทศไทย แต่ไม่ได้รับคำตอบใดๆ กลับมาก็ตาม ก็เป็นที่เข้าใจได้ว่า อาจเป็นความผิดพลาดของทางการมาเลเซียเลือกเพลงตามทำนอง (Melody) โดยมองข้ามเนื้อร้อง หรือเนื้อหาเพลง ที่คนท้องถิ่นซึ่งก็คือคนไทยอาจเข้าใจไปอีกทาง มองโลกในแง่ดีอาจเป็นเพียงแค่เรื่องตลกขบขัน ไม่ถึงขั้นกลายเป็นการเล่นการเมืองแบบสองหน้า จากปัญหาความไม่สงบในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ซึ่งไม่มีทีท่าว่าสงบลง #Newskit
    Like
    1
    1 Comments 0 Shares 210 Views 0 Reviews
  • ..ต่างด้าวเต็มประเทศไทยมาจากฝ่ายเจ้าสัวนายทุนต่างๆสมคบคิดกันอ้างเงื่อนเพื่อจะนำเข้ามาเยอะๆมากๆกับฝ่ายสายนักการเมืองระดับชาติพวกคณะบริหารสั่งการ&amp;ฝ่ายข้าราชการเลวทรยศระบบด้วยที่มาทั้งจากเป็นของทั้งสองฝ่ายนั้น,และต่างชาติอื่นๆพร้อมแทรกแซงตลอดด้วย...ปัญหาทั้งหมดจะตัดตอนสิ้นสุดทันทีคือทหารพระราชายึดอำนาจแล้วพระราชทานนายกฯภาคประชาชนที่รักประเทศจริงพร้อมคณะทีมงานลงมาบริหารชาติ,พักงานภาคนักการเมืองจนกว่าจะกวาดล้างคนที่ไม่ใช่คนไทยสัญชาติไทยผลักดันออกจากประเทศทั้งหมดสิ้น,ง่ายๆบุตรต่างด้าวทั้งหมดที่เกิดบนแผ่นดินไทยหรือคนต่างชาติทั้งหมดไม่ว่ากรณีใดๆที่เกิดบนแผ่นดินไทยย้อนหลังถึงปี2559,หรือใครเกิดตั้งแต่ปี2560ที่เป็นบุตรต่างชาติต่าวด้าวเกิดบนแผ่นดินไทยเกิดในราชอาณาจักรไทยถือเป็นโมฆะทั้งหมด,และจะย้อนหลังตรวจสอบซ้ำต่างชาติต่างด้าวทุกๆคนเป็นรายบุคคลที่ได้สัญชาติไทยทั้งหมดระหว่างปี2540-2559ปี,นี้จะพอสามารถปกป้อง&amp;ป้องกันอธิปไตยความมั่นคงของชาติไทยได้ระดับหนึ่ง,และบัตรประชาชนทุกๆคนไทยและทะเบียนบ้านต้องระบุสัญชาติเดิมตนที่เกินถือบัตรด้วย,ตลอดบิดามารดาผู้ถือบัตรก็ด้วย,ว่ามารดาบิดาสัญชาติอะไร,ยุคนี้สำคัญมาก ไม่เหมือนยุคอดีตจริงๆ,เพราะเป็นการรุกรานผ่านสัญชาติที่ตนจะพร้อมเข้ากลืนกินแทนสถานะภาวะก่อสงครามแบบในอดีตแล้ว,#มันคือความมั่นคงมิใช่สิทธิมนุษยชนแล้ว.https://youtube.com/watch?v=bIMXfWuAh-E&amp;si=jRz0-tSvTcJEOxc5
    ..ต่างด้าวเต็มประเทศไทยมาจากฝ่ายเจ้าสัวนายทุนต่างๆสมคบคิดกันอ้างเงื่อนเพื่อจะนำเข้ามาเยอะๆมากๆกับฝ่ายสายนักการเมืองระดับชาติพวกคณะบริหารสั่งการ&amp;ฝ่ายข้าราชการเลวทรยศระบบด้วยที่มาทั้งจากเป็นของทั้งสองฝ่ายนั้น,และต่างชาติอื่นๆพร้อมแทรกแซงตลอดด้วย...ปัญหาทั้งหมดจะตัดตอนสิ้นสุดทันทีคือทหารพระราชายึดอำนาจแล้วพระราชทานนายกฯภาคประชาชนที่รักประเทศจริงพร้อมคณะทีมงานลงมาบริหารชาติ,พักงานภาคนักการเมืองจนกว่าจะกวาดล้างคนที่ไม่ใช่คนไทยสัญชาติไทยผลักดันออกจากประเทศทั้งหมดสิ้น,ง่ายๆบุตรต่างด้าวทั้งหมดที่เกิดบนแผ่นดินไทยหรือคนต่างชาติทั้งหมดไม่ว่ากรณีใดๆที่เกิดบนแผ่นดินไทยย้อนหลังถึงปี2559,หรือใครเกิดตั้งแต่ปี2560ที่เป็นบุตรต่างชาติต่าวด้าวเกิดบนแผ่นดินไทยเกิดในราชอาณาจักรไทยถือเป็นโมฆะทั้งหมด,และจะย้อนหลังตรวจสอบซ้ำต่างชาติต่างด้าวทุกๆคนเป็นรายบุคคลที่ได้สัญชาติไทยทั้งหมดระหว่างปี2540-2559ปี,นี้จะพอสามารถปกป้อง&amp;ป้องกันอธิปไตยความมั่นคงของชาติไทยได้ระดับหนึ่ง,และบัตรประชาชนทุกๆคนไทยและทะเบียนบ้านต้องระบุสัญชาติเดิมตนที่เกินถือบัตรด้วย,ตลอดบิดามารดาผู้ถือบัตรก็ด้วย,ว่ามารดาบิดาสัญชาติอะไร,ยุคนี้สำคัญมาก ไม่เหมือนยุคอดีตจริงๆ,เพราะเป็นการรุกรานผ่านสัญชาติที่ตนจะพร้อมเข้ากลืนกินแทนสถานะภาวะก่อสงครามแบบในอดีตแล้ว,#มันคือความมั่นคงมิใช่สิทธิมนุษยชนแล้ว.https://youtube.com/watch?v=bIMXfWuAh-E&amp;si=jRz0-tSvTcJEOxc5
    0 Comments 0 Shares 128 Views 0 Reviews
  • ♣ อาจารย์วิตถารชาญวิทย์ ประวัติศาสตร์เลอะเลือน ฟั่นเฟือนประชาธิปไตย ให้ร้ายสถาบันฯ ยังไม่พอ เอาเปรียบได้แม้กระทั่งพวกเดียวกัน โกงค่าจ้างทำบัญชีแม่เพนกวิน เงินไม่กี่พันบาท ยังโกงเขาได้ ร้อนถึงไอ้กวิ้นต้องโวยข้ามทวีปทวงแทนแม่
    #7ดอกจิก
    ♣ อาจารย์วิตถารชาญวิทย์ ประวัติศาสตร์เลอะเลือน ฟั่นเฟือนประชาธิปไตย ให้ร้ายสถาบันฯ ยังไม่พอ เอาเปรียบได้แม้กระทั่งพวกเดียวกัน โกงค่าจ้างทำบัญชีแม่เพนกวิน เงินไม่กี่พันบาท ยังโกงเขาได้ ร้อนถึงไอ้กวิ้นต้องโวยข้ามทวีปทวงแทนแม่ #7ดอกจิก
    0 Comments 0 Shares 111 Views 0 Reviews
  • ไร้คนประณาม!

    หลังจากผ่านไปร่วมหนึ่งเดือน ในที่สุดอิสราเอลเพิ่งออกมายอมรับข้อผิดพลาดเหตุยิงถล่มขบวนรถหน่วยฉุกเฉินและกาชาดของปาเลสไตน์ แต่ยังยืนยันไม่เคยคิดปกปิดเหตุการณ์ในครั้งนั้น

    อิสราเอล ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 20 เมษายน ว่า ผลจากการตรวจสอบข้อมูลของกรณีการสังหารเจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉิน 15 คน ในฉนวนกาซ่า เมื่อเดือนที่แล้ว พบว่าเป็นความผิดพลาดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่อิสราเอล โดยมีการละเมิดคำสั่ง

    เหตุการณ์เกิดขึ้นคืนเมื่อวันที่ 23 มีนาคม กลุ่มขบวนรถของเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ของปาเลสไตน์ ถูกยิงเสียชีวิตรวม 15 คน ใกล้เมืองราฟาห์ ทางใต้ของฉนวนกาซ่า ก่อนจะถูกฝังกลบแบบเร่งรีบหลุมตื้นๆ โดยร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดถูกค้นพบในอีก1สัปดาห์ต่อมา

    👉 ขณะที่ภาพคลิปเหตุการณ์ที่กู้มาจากมือถือของหนึ่งในกลุ่มเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ทรี่เสียชีวิต เผยให้เห็นว่าบรรดาเจ้าหน้าที่สวมเครื่องแบบทางการแพทย์และมีป้ายบอกชัดเจนติดที่รถพยาบาลและรถบรรทุก พร้อมเปิดไฟหน้ารถชัดเจน ซึ่งขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงจากข้อแก้ตัวของอิสราเอลก่อนหน้าคลิปจะถูกเปิดเผย ที่ระบุว่าขบวนรถหน่วยฉุกเฉินและกาชาดของปาเลสไตน์ วิ่งเข้ามาใกล้อย่างน่าสงสัย "รวมทั้งไม่เปิดไฟหน้ารถ" จึงยิงสกัดออกไปและยังอ้างด้วยว่าในขบวนรถของเจ้าหน้าที่แพทย์ มีสมาชิกกลุ่มฮามาสอยู่ในขบวนรถด้วย
    ไร้คนประณาม! หลังจากผ่านไปร่วมหนึ่งเดือน ในที่สุดอิสราเอลเพิ่งออกมายอมรับข้อผิดพลาดเหตุยิงถล่มขบวนรถหน่วยฉุกเฉินและกาชาดของปาเลสไตน์ แต่ยังยืนยันไม่เคยคิดปกปิดเหตุการณ์ในครั้งนั้น อิสราเอล ออกแถลงการณ์เมื่อวันที่ 20 เมษายน ว่า ผลจากการตรวจสอบข้อมูลของกรณีการสังหารเจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉิน 15 คน ในฉนวนกาซ่า เมื่อเดือนที่แล้ว พบว่าเป็นความผิดพลาดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่อิสราเอล โดยมีการละเมิดคำสั่ง เหตุการณ์เกิดขึ้นคืนเมื่อวันที่ 23 มีนาคม กลุ่มขบวนรถของเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ของปาเลสไตน์ ถูกยิงเสียชีวิตรวม 15 คน ใกล้เมืองราฟาห์ ทางใต้ของฉนวนกาซ่า ก่อนจะถูกฝังกลบแบบเร่งรีบหลุมตื้นๆ โดยร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดถูกค้นพบในอีก1สัปดาห์ต่อมา 👉 ขณะที่ภาพคลิปเหตุการณ์ที่กู้มาจากมือถือของหนึ่งในกลุ่มเจ้าหน้าที่ด้านการแพทย์ทรี่เสียชีวิต เผยให้เห็นว่าบรรดาเจ้าหน้าที่สวมเครื่องแบบทางการแพทย์และมีป้ายบอกชัดเจนติดที่รถพยาบาลและรถบรรทุก พร้อมเปิดไฟหน้ารถชัดเจน ซึ่งขัดแย้งอย่างสิ้นเชิงจากข้อแก้ตัวของอิสราเอลก่อนหน้าคลิปจะถูกเปิดเผย ที่ระบุว่าขบวนรถหน่วยฉุกเฉินและกาชาดของปาเลสไตน์ วิ่งเข้ามาใกล้อย่างน่าสงสัย "รวมทั้งไม่เปิดไฟหน้ารถ" จึงยิงสกัดออกไปและยังอ้างด้วยว่าในขบวนรถของเจ้าหน้าที่แพทย์ มีสมาชิกกลุ่มฮามาสอยู่ในขบวนรถด้วย
    0 Comments 0 Shares 217 Views 28 0 Reviews
More Results