• 7/11/67

    “ปริศนาจากพระพุทธรูป"

    คงไม่มีใครไม่เคยเห็นพระพุทธรูป แต่คงจะมีน้อยคนที่รู้ว่า ลักษณะของพระพุทธรูปที่เราเห็นกันอยู่บ่อยครั้งนั้น แฝงข้อคิดอันประเสริฐสุดในชีวิตเอาไว้ ถึง 5 ประการ
    คือ

    1. พระเศียรแหลม

    มีคำถามว่า ทำไมพระพุทธรูปจึงมีพระเศียรแหลมในเมื่อพระพุทธเจ้าของเราก็เป็นมนุษย์ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเขาสร้างพระพุทธรูปเพื่อให้คิดเป็นปริศนาธรรม

    พระเศียรแหลมนั้นหมายถึง สติปัญญาที่เฉียบแหลมในการดำเนินชีวิต สอนให้เราใช้ชีวิตและรู้จักแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยสติปัญญาไม่ใช่ใช้แต่อารมณ์

    ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ไม่มีอะไรแก้ไขไม่ได้ ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ แก้ ใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อน แล้วความผิดพลาดจะเกิดขึ้นน้อย หรือแม้มันเกิดขึ้น เราก็จะเรียนรู้จากมันได้อย่างรวดเร็ว

    ปัญญาคือ ที่สุดแห่งธรรม หากมีปัญญา ชีวิตจะไม่มีปัญหา เพราะทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาจะกลายเป็นเครื่องมือที่สามารถนำไปใช้พัฒนาจิตใจได้เสมอ

    2. พระกรรณยาน

    หูยานเป็นปริศนาธรรมให้ชาวพุทธเป็นคนหูหนัก คือ มีความหนักแน่นมั่นคง ไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ แต่หมั่นคิดพิจารณาไตร่ตรองด้วยสติปัญญาอันแยบคาย แล้วจึงเชื่อในหลักฐานและข้อพิสูจน์ที่ตัวเองได้นำไปทดสอบแล้ว

    เราต้องเชื่อมั่นในหลักเหตุและผล (Cause & Effect) เชื่อว่าบุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น เชื่อว่าสุดท้าย คน ๆเดียวที่จะสามารถทำให้เราสุขหรือทุกข์ ดีหรือเลวได้คือ ตัวเราเอง และ ชีวิตเราจะเสื่อมทรามหรือเจริญรุ่งเรือง ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอำนาจภายนอกหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ขึ้นอยู่กับความคิด คำพูด และการกระทำของเราเองฉะนั้น ในการใช้ชีวิต ให้มีความสุขุมเยือกเย็น มีสติ และ มีเหตุผลเข้าไว้ อย่าปล่อยใจไปยึดตามสิ่งที่ได้ยิน เชื่อตามคนอื่น หรือตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่นจนเกินไป ลองพิสูจน์สิ่งต่าง ๆด้วยตัวเองเสียก่อนจะเชื่อ ตามหลัก “กาลามสูตร” เพื่อฝึกฝนการเป็นคนที่มีจิตใจหนักแน่นมั่นคง ดั่งองค์พระพุทธฯ

    3. พระเนตรมองต่ำ

    พระพุทธรูปที่สร้างโดยทั่วไปจะมีพระเนตรมองลงที่พระวรกายของพระองค์ ไม่ได้มองดูหน้าต่าง หรือมองดูประตูพระอุโบสถว่าจะมีใครเข้ามาไหว้บ้าง นี่เป็นปริศนาธรรม

    สอนให้มองตนเองและพิจารณาตนเองเสมอ ตักเตือนแก้ไขตนเองก่อนจะไปคอยจับผิดผู้อื่น ตามปกติคนเรามักจะมองเห็นแต่ความผิดพลาดของบุคคลอื่น โดยลืมมองข้อบกพร่องของตนเอง มัวแต่เอาเวลาไปนินทาว่าร้ายและจ้องแต่จะคอยวิจารณ์หรือเปลี่ยนแปลงคนรอบข้างอย่างเดียว ทำให้สูญเสียโอกาสในการปรับปรุงพัฒนาตัวเอง ใครเล่าจะตักเตือนตัวเราได้ดีกว่าตัวเราเอง จึงมีพุทธพจน์ตรัสให้เตือนตนเองว่า

    “อตฺตนา โจทยตฺตาน”

    ซึ่งแปลเป็นกลอนได้ว่า...

    “จงเตือนตนของตนให้พ้นผิด
    ตนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน
    ตนเตือนตนไม่ได้ใครจะเตือน
    ตนแชเชือนรีบเตือนตนให้พ้นภัย”

    นอกจากนั้น พระเนตรที่มองต่ำคือ การสอนให้ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่เหม่อมองฟ้าจนฝันเฟื่องถึงเรื่องที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น หรือ มัวหลงล่องลอยอยู่ในอดีตที่ผ่านพ้นไปแล้วและไม่มีวันหวนกลับมา ตาที่มองลงต่ำจะช่วยย้ำเตือนใจเราว่า “กลับมาก่อนเถิด... กลับบ้านมาอยู่กับลมหายใจที่ปลายจมูก... เพราะนั่นคือ ดินแดนแห่งสวรรค์ที่แท้จริง”

    4. พระพักตร์อันสงบนิ่ง

    ไม่ว่าใครจะด่าว่าพระพุทธรูปอย่างไร ท่านก็ยังสงบนิ่ง ไม่ว่าน้ำจะท่วม แผ่นดินจะไหว หรือใครจะเตะ ต่อย นินทา หรือทำร้ายพระพุทธรูปมากแค่ไหน ท่านก็นิ่งสงบรับแรงกระทบต่าง ๆ เหล่านั้นอย่างมั่นคง เบิกบาน และไม่หวั่นไหวไปกับปัญหาทั้งเล็กและใหญ่

    ให้ความรู้สึกเย็นสบายต่อผู้พบเห็นอยู่เสมอ ในชีวิตของเรา ไม่ใช่ว่าเราจะต้องยอมคนอยู่เสมอ แต่ถ้าเราสามารถฝึกรับแรงกระแทกทุกรูปแบบด้วยความนิ่งสงบได้ เราก็จะสามารถตอบโต้อย่างสร้างสรรค์และทรงพลังยิ่งกว่าเดิม เพราะคนบ้าจะโต้ตอบแบบหน้ามืด และคนโง่จะตอบโต้ตอนที่ตัวเองกำลังโกรธ ส่งผลให้ตัวเองและคนอื่นตกตายไปตามกัน

    หากเรารู้จักนิ่งสงบรับแรงกระแทกต่าง ๆ ในชีวิตได้เหมือนพระพุทธรูป ขั้นตอนต่อไปของการตอบโต้จะเกิดจากสติ เกิดจากปัญญา และเกิดจากพลังอันยิ่งใหญ่ที่มาจากใจที่สงบนิ่ง ซึ่งจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สร้างบาดแผลให้กับคนอื่นหรือตัวเอง

    5. รอยยิ้มของผู้ที่เข้าใจโลก

    สุดท้าย คือปริศนาจากพระโอษฐ์ที่แย้มยิ้มอยู่เสมอ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่รักสรรพสิ่ง รักโลก และเข้าใจความจริงของโลก...

    ความจริงที่ว่า... ทุกสิ่งย่อมเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเป็นธรรมดาความจริงที่ว่า... ไม่มีอะไรแน่นอน
    ความจริงที่ว่า... ไม่มีอะไรคงทนถาวรความจริงที่ว่า... ไม่มีอะไรเป็นของเราอย่างแท้จริง

    ความสุขและความทุกข์ เป็นของคู่กันเสมอ ฉะนั้น

    “ผู้ที่เข้าใจความจริง” จะสามารถสงบนิ่งอยู่ได้ในธรรมชาติของสรรพสิ่ง ไม่วิ่งตามกระแสโลกจนเหนื่อยเกินไป และสามารถใช้ชีวิตอย่างเบิกบานได้ท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำ เพราะมีสัจธรรมเป็นที่พักพิง

    นอกจากนั้นรอยยิ้มของพระพุทธรูป คือ รอยยิ้มของผู้ที่ถ่อมตัว แต่ในขณะเดียวกันก็เข้าใจความยิ่งใหญ่และคุณค่าของความเป็นมนุษย์ รู้ว่าแม้ตัวเองจะเป็นเพียงเศษผงธุลีหนึ่งในจักรวาล แต่ก็เป็นเศษผงธุลีที่สามารถเข้าใจความจริงของจักรวาลได้ จึงทั้งเป็นสิ่งที่พิเศษและไม่พิเศษ ในเวลาเดียวกัน...

    อย่าลืมนะ ว่า ในจิตใจของพวกเราทุกคน มีความเป็นพุทธะ (ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน) ซ่อนอยู่ โดยไม่มีข้อยกเว้น เพราะหลายคนอาจไม่ทราบว่า แท้จริงคำว่า “พระพุทธเจ้า” (ผู้ตื่นรู้) ไม่ใช่ “ชื่อ” แต่เป็น “คำนำหน้าชื่อ”

    และในอดีตก็เคยมีพระพุทธเจ้ามาแล้วหลายพระองค์ โดยองค์ปัจจุบันที่เรารู้จักกันดีมีพระนามว่า

    “โคตมะ” ซึ่งแปลว่า “ผู้ขับไล่ความมืด (อวิชชา) ด้วยแสงสว่างแห่งปัญญา”

    ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า
    ไม่ว่าใครก็สามารถไปถึงจุดของความเป็น “พุทธะ” ได้ทั้งนั้น หากคนคนนั้นหมั่นใช้ชีวิตอย่างมีสติและมีปัญญาอยู่เสมอ

    # ฉะนั้น เมื่อใดที่เราก้มลงกราบพระพุทธรูป นอกจากจะระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็อย่าลืมระลึกถึงปรัชญาที่แฝงไว้ด้วย
    7/11/67 “ปริศนาจากพระพุทธรูป" คงไม่มีใครไม่เคยเห็นพระพุทธรูป แต่คงจะมีน้อยคนที่รู้ว่า ลักษณะของพระพุทธรูปที่เราเห็นกันอยู่บ่อยครั้งนั้น แฝงข้อคิดอันประเสริฐสุดในชีวิตเอาไว้ ถึง 5 ประการ คือ 1. พระเศียรแหลม มีคำถามว่า ทำไมพระพุทธรูปจึงมีพระเศียรแหลมในเมื่อพระพุทธเจ้าของเราก็เป็นมนุษย์ ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะเขาสร้างพระพุทธรูปเพื่อให้คิดเป็นปริศนาธรรม พระเศียรแหลมนั้นหมายถึง สติปัญญาที่เฉียบแหลมในการดำเนินชีวิต สอนให้เราใช้ชีวิตและรู้จักแก้ปัญหาต่าง ๆ ด้วยสติปัญญาไม่ใช่ใช้แต่อารมณ์ ปัญหาต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นในโลกนี้ไม่มีอะไรแก้ไขไม่ได้ ค่อย ๆ คิด ค่อย ๆ แก้ ใช้ปัญญาพิจารณาไตร่ตรองให้รอบคอบเสียก่อน แล้วความผิดพลาดจะเกิดขึ้นน้อย หรือแม้มันเกิดขึ้น เราก็จะเรียนรู้จากมันได้อย่างรวดเร็ว ปัญญาคือ ที่สุดแห่งธรรม หากมีปัญญา ชีวิตจะไม่มีปัญหา เพราะทุกสิ่งที่ผ่านเข้ามาจะกลายเป็นเครื่องมือที่สามารถนำไปใช้พัฒนาจิตใจได้เสมอ 2. พระกรรณยาน หูยานเป็นปริศนาธรรมให้ชาวพุทธเป็นคนหูหนัก คือ มีความหนักแน่นมั่นคง ไม่เชื่ออะไรง่าย ๆ แต่หมั่นคิดพิจารณาไตร่ตรองด้วยสติปัญญาอันแยบคาย แล้วจึงเชื่อในหลักฐานและข้อพิสูจน์ที่ตัวเองได้นำไปทดสอบแล้ว เราต้องเชื่อมั่นในหลักเหตุและผล (Cause & Effect) เชื่อว่าบุคคลหว่านพืชเช่นใด ย่อมได้รับผลเช่นนั้น เชื่อว่าสุดท้าย คน ๆเดียวที่จะสามารถทำให้เราสุขหรือทุกข์ ดีหรือเลวได้คือ ตัวเราเอง และ ชีวิตเราจะเสื่อมทรามหรือเจริญรุ่งเรือง ก็ไม่ได้ขึ้นอยู่กับอำนาจภายนอกหรือสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แต่ขึ้นอยู่กับความคิด คำพูด และการกระทำของเราเองฉะนั้น ในการใช้ชีวิต ให้มีความสุขุมเยือกเย็น มีสติ และ มีเหตุผลเข้าไว้ อย่าปล่อยใจไปยึดตามสิ่งที่ได้ยิน เชื่อตามคนอื่น หรือตัดสินใจอย่างหุนหันพลันแล่นจนเกินไป ลองพิสูจน์สิ่งต่าง ๆด้วยตัวเองเสียก่อนจะเชื่อ ตามหลัก “กาลามสูตร” เพื่อฝึกฝนการเป็นคนที่มีจิตใจหนักแน่นมั่นคง ดั่งองค์พระพุทธฯ 3. พระเนตรมองต่ำ พระพุทธรูปที่สร้างโดยทั่วไปจะมีพระเนตรมองลงที่พระวรกายของพระองค์ ไม่ได้มองดูหน้าต่าง หรือมองดูประตูพระอุโบสถว่าจะมีใครเข้ามาไหว้บ้าง นี่เป็นปริศนาธรรม สอนให้มองตนเองและพิจารณาตนเองเสมอ ตักเตือนแก้ไขตนเองก่อนจะไปคอยจับผิดผู้อื่น ตามปกติคนเรามักจะมองเห็นแต่ความผิดพลาดของบุคคลอื่น โดยลืมมองข้อบกพร่องของตนเอง มัวแต่เอาเวลาไปนินทาว่าร้ายและจ้องแต่จะคอยวิจารณ์หรือเปลี่ยนแปลงคนรอบข้างอย่างเดียว ทำให้สูญเสียโอกาสในการปรับปรุงพัฒนาตัวเอง ใครเล่าจะตักเตือนตัวเราได้ดีกว่าตัวเราเอง จึงมีพุทธพจน์ตรัสให้เตือนตนเองว่า “อตฺตนา โจทยตฺตาน” ซึ่งแปลเป็นกลอนได้ว่า... “จงเตือนตนของตนให้พ้นผิด ตนเตือนจิตตนได้ใครจะเหมือน ตนเตือนตนไม่ได้ใครจะเตือน ตนแชเชือนรีบเตือนตนให้พ้นภัย” นอกจากนั้น พระเนตรที่มองต่ำคือ การสอนให้ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่เหม่อมองฟ้าจนฝันเฟื่องถึงเรื่องที่ยังไม่ได้เกิดขึ้น หรือ มัวหลงล่องลอยอยู่ในอดีตที่ผ่านพ้นไปแล้วและไม่มีวันหวนกลับมา ตาที่มองลงต่ำจะช่วยย้ำเตือนใจเราว่า “กลับมาก่อนเถิด... กลับบ้านมาอยู่กับลมหายใจที่ปลายจมูก... เพราะนั่นคือ ดินแดนแห่งสวรรค์ที่แท้จริง” 4. พระพักตร์อันสงบนิ่ง ไม่ว่าใครจะด่าว่าพระพุทธรูปอย่างไร ท่านก็ยังสงบนิ่ง ไม่ว่าน้ำจะท่วม แผ่นดินจะไหว หรือใครจะเตะ ต่อย นินทา หรือทำร้ายพระพุทธรูปมากแค่ไหน ท่านก็นิ่งสงบรับแรงกระทบต่าง ๆ เหล่านั้นอย่างมั่นคง เบิกบาน และไม่หวั่นไหวไปกับปัญหาทั้งเล็กและใหญ่ ให้ความรู้สึกเย็นสบายต่อผู้พบเห็นอยู่เสมอ ในชีวิตของเรา ไม่ใช่ว่าเราจะต้องยอมคนอยู่เสมอ แต่ถ้าเราสามารถฝึกรับแรงกระแทกทุกรูปแบบด้วยความนิ่งสงบได้ เราก็จะสามารถตอบโต้อย่างสร้างสรรค์และทรงพลังยิ่งกว่าเดิม เพราะคนบ้าจะโต้ตอบแบบหน้ามืด และคนโง่จะตอบโต้ตอนที่ตัวเองกำลังโกรธ ส่งผลให้ตัวเองและคนอื่นตกตายไปตามกัน หากเรารู้จักนิ่งสงบรับแรงกระแทกต่าง ๆ ในชีวิตได้เหมือนพระพุทธรูป ขั้นตอนต่อไปของการตอบโต้จะเกิดจากสติ เกิดจากปัญญา และเกิดจากพลังอันยิ่งใหญ่ที่มาจากใจที่สงบนิ่ง ซึ่งจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงที่ไม่สร้างบาดแผลให้กับคนอื่นหรือตัวเอง 5. รอยยิ้มของผู้ที่เข้าใจโลก สุดท้าย คือปริศนาจากพระโอษฐ์ที่แย้มยิ้มอยู่เสมอ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่รักสรรพสิ่ง รักโลก และเข้าใจความจริงของโลก... ความจริงที่ว่า... ทุกสิ่งย่อมเกิดขึ้น ตั้งอยู่ และดับไปเป็นธรรมดาความจริงที่ว่า... ไม่มีอะไรแน่นอน ความจริงที่ว่า... ไม่มีอะไรคงทนถาวรความจริงที่ว่า... ไม่มีอะไรเป็นของเราอย่างแท้จริง ความสุขและความทุกข์ เป็นของคู่กันเสมอ ฉะนั้น “ผู้ที่เข้าใจความจริง” จะสามารถสงบนิ่งอยู่ได้ในธรรมชาติของสรรพสิ่ง ไม่วิ่งตามกระแสโลกจนเหนื่อยเกินไป และสามารถใช้ชีวิตอย่างเบิกบานได้ท่ามกลางพายุที่โหมกระหน่ำ เพราะมีสัจธรรมเป็นที่พักพิง นอกจากนั้นรอยยิ้มของพระพุทธรูป คือ รอยยิ้มของผู้ที่ถ่อมตัว แต่ในขณะเดียวกันก็เข้าใจความยิ่งใหญ่และคุณค่าของความเป็นมนุษย์ รู้ว่าแม้ตัวเองจะเป็นเพียงเศษผงธุลีหนึ่งในจักรวาล แต่ก็เป็นเศษผงธุลีที่สามารถเข้าใจความจริงของจักรวาลได้ จึงทั้งเป็นสิ่งที่พิเศษและไม่พิเศษ ในเวลาเดียวกัน... อย่าลืมนะ ว่า ในจิตใจของพวกเราทุกคน มีความเป็นพุทธะ (ผู้รู้ ผู้ตื่น ผู้เบิกบาน) ซ่อนอยู่ โดยไม่มีข้อยกเว้น เพราะหลายคนอาจไม่ทราบว่า แท้จริงคำว่า “พระพุทธเจ้า” (ผู้ตื่นรู้) ไม่ใช่ “ชื่อ” แต่เป็น “คำนำหน้าชื่อ” และในอดีตก็เคยมีพระพุทธเจ้ามาแล้วหลายพระองค์ โดยองค์ปัจจุบันที่เรารู้จักกันดีมีพระนามว่า “โคตมะ” ซึ่งแปลว่า “ผู้ขับไล่ความมืด (อวิชชา) ด้วยแสงสว่างแห่งปัญญา” ดังนั้น จึงอาจกล่าวได้ว่า ไม่ว่าใครก็สามารถไปถึงจุดของความเป็น “พุทธะ” ได้ทั้งนั้น หากคนคนนั้นหมั่นใช้ชีวิตอย่างมีสติและมีปัญญาอยู่เสมอ # ฉะนั้น เมื่อใดที่เราก้มลงกราบพระพุทธรูป นอกจากจะระลึกถึงพระคุณของพระพุทธเจ้าแล้ว ก็อย่าลืมระลึกถึงปรัชญาที่แฝงไว้ด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 88 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ศีลธรรมบรรเทากิเลส
    #ศีลธรรมไม่กลับมาโลกาจะวินาศ
    #เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
    #เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
    #ระลึกพุทโธคำเดียว_สะเทือนถึงพรหมโลก
    #คติธรรมสอนใจ
    #คติธรรมเพื่อชีวิต

    น้อมกราบเทิดทูนบูชาธรรมเหนือเศียรเกล้า
    ๘ ตุลาคม พ.ศ ๒๕๖๗
    #ศีลธรรมบรรเทากิเลส #ศีลธรรมไม่กลับมาโลกาจะวินาศ #เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร #เมตตาธรรมค้ำจุนโลก #ระลึกพุทโธคำเดียว_สะเทือนถึงพรหมโลก #คติธรรมสอนใจ #คติธรรมเพื่อชีวิต น้อมกราบเทิดทูนบูชาธรรมเหนือเศียรเกล้า ๘ ตุลาคม พ.ศ ๒๕๖๗
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 16 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ศีลธรรมบรรเทากิเลส
    #ศีลธรรมไม่กลับมาโลกาจะวินาศ
    #เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
    #เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
    #ระลึกพุทโธคำเดียว_สะเทือนถึงพรหมโลก
    #คติธรรมสอนใจ
    #คติธรรมเพื่อชีวิต

    น้อมกราบเทิดทูนบูชาธรรมเหนือเศียรเกล้า
    ๘ ตุลาคม พ.ศ ๒๕๖๗
    #ศีลธรรมบรรเทากิเลส #ศีลธรรมไม่กลับมาโลกาจะวินาศ #เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร #เมตตาธรรมค้ำจุนโลก #ระลึกพุทโธคำเดียว_สะเทือนถึงพรหมโลก #คติธรรมสอนใจ #คติธรรมเพื่อชีวิต น้อมกราบเทิดทูนบูชาธรรมเหนือเศียรเกล้า ๘ ตุลาคม พ.ศ ๒๕๖๗
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 8 มุมมอง 0 รีวิว

  • "จะเป็นผู้แก่ ผู้บวชนาน หรือผู้บวชใหม่ สักเพียงใด
    หากกามวิตก พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก ไม่มีในจิตในใจ
    ยังกัดกินจิตกินใจอยู่ตราบใด อุปมา เหมือนไม้สดที่ชุ่มด้วยยางฯ
    ก็ยังถือว่าเป็นเด็กน้อย เป็นผู้ไม่มีธรรม อยู่ตราบนั้น
    ฉันใด...จะเป็นคนผมหงอก หรือจะเป็นคนผมดำสนิท กามวิตก พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก ขาดไป หมดไปจากจิตจากใจ เรียกว่าผู้แก่ศีล ผู้มีธรรม

    ....ผู้ฉันอาหารบิณฑบาต ไม่พิจารณาอสุภะกรรมฐาน ราคะจะกำเริบ
    หลงรูป หลงหนัง หลงเวทนา ...อิมังปฏิกูลลัง? ความเปื่อยความเน่า
    มีทุกลมหายใจเข้า-ออก สมมุติว่าตายแล้ววันหนึ่ง สองวัน มีหนอนใต่รูตามจมูก ขึ้นอืด คำที่ว่าสวยงาม ไปไหน? ต้องพิจารณาทั้งนั้น
    พระบรมศาสดา สอนให้ไม่ยินดีในโลกทั้งปวง ฟอกจิต ฟอกใจ
    ให้เอือมระอา ในวัฏสงสาร เพราะมีแต่กองทุกข์ ขอเราจงเป็นสุขเถิด
    ละบาป บำเพ็ญบุญ มีศีลวัตร ทานวัตร ภาวนาวัตร รวมเป็นพุทโธที่ดวงใจ ต้องระลึก พิจารณากรรมฐานที่ตั้งมั่นไว้ ทุกลมหายใจเข้า-ออก"


    #ศีลธรรมบรรเทากิเลส
    #ศีลธรรมไม่กลับมาโลกาจะวินาศ
    #เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร
    #เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
    #ระลึกพุทโธคำเดียว_สะเทือนถึงพรหมโลก
    #หลวงปู่บวร_สุชีโว
    #วัดป่าหนองแข้ดง

    น้อมกราบเทิดทูนบูชาธรรมเหนือเศียรเกล้า
    ๖ ตุลาคม พ.ศ ๒๕๖๗

    "จะเป็นผู้แก่ ผู้บวชนาน หรือผู้บวชใหม่ สักเพียงใด หากกามวิตก พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก ไม่มีในจิตในใจ ยังกัดกินจิตกินใจอยู่ตราบใด อุปมา เหมือนไม้สดที่ชุ่มด้วยยางฯ ก็ยังถือว่าเป็นเด็กน้อย เป็นผู้ไม่มีธรรม อยู่ตราบนั้น ฉันใด...จะเป็นคนผมหงอก หรือจะเป็นคนผมดำสนิท กามวิตก พยาบาทวิตก วิหิงสาวิตก ขาดไป หมดไปจากจิตจากใจ เรียกว่าผู้แก่ศีล ผู้มีธรรม ....ผู้ฉันอาหารบิณฑบาต ไม่พิจารณาอสุภะกรรมฐาน ราคะจะกำเริบ หลงรูป หลงหนัง หลงเวทนา ...อิมังปฏิกูลลัง? ความเปื่อยความเน่า มีทุกลมหายใจเข้า-ออก สมมุติว่าตายแล้ววันหนึ่ง สองวัน มีหนอนใต่รูตามจมูก ขึ้นอืด คำที่ว่าสวยงาม ไปไหน? ต้องพิจารณาทั้งนั้น พระบรมศาสดา สอนให้ไม่ยินดีในโลกทั้งปวง ฟอกจิต ฟอกใจ ให้เอือมระอา ในวัฏสงสาร เพราะมีแต่กองทุกข์ ขอเราจงเป็นสุขเถิด ละบาป บำเพ็ญบุญ มีศีลวัตร ทานวัตร ภาวนาวัตร รวมเป็นพุทโธที่ดวงใจ ต้องระลึก พิจารณากรรมฐานที่ตั้งมั่นไว้ ทุกลมหายใจเข้า-ออก" #ศีลธรรมบรรเทากิเลส #ศีลธรรมไม่กลับมาโลกาจะวินาศ #เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร #เมตตาธรรมค้ำจุนโลก #ระลึกพุทโธคำเดียว_สะเทือนถึงพรหมโลก #หลวงปู่บวร_สุชีโว #วัดป่าหนองแข้ดง น้อมกราบเทิดทูนบูชาธรรมเหนือเศียรเกล้า ๖ ตุลาคม พ.ศ ๒๕๖๗
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พุทธศักราช 2567 ซึ่งจะมีการเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในวันที่ 27 ตุลาคม 2567 นี้ สถาบันไทยศึกษา ร่วมกับคณะอักษรศาสตร์ ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ สาขาวิชาการสอนภาษาไทย คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสถาบันสุนทรภู่ ดำริจัดโครงการประชุมวิชาการ “พระเสด็จโดยแดนชล” วัฒนธรรมเห่เรือในวรรณคดีและศิลปกรรมไทย เพื่อร่วมเฉลิมฉลองโอกาสมหามงคล และเพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมเห่เรือที่มีความสำคัญต่อวรรณคดีและศิลปกรรมของไทย

    คณะผู้จัดงานขอเรียนเชิญร่วมการประชุมวิชาการและพิธีมอบรางวัลการประกวดบทร้อยกรองประเภทกาพย์เห่ ระดับมัธยมศึกษา ในวันที่ 18 ตุลาคม 2567 เวลา 8.30 - 12.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 15 อาคารบรมราชกุมารี คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

    ลงทะเบียนทาง https://forms.gle/UKMzgSJzomVUhZCn7

    --------

    กำหนดการ

    08.30 - 09.00
    ลงทะเบียน

    09.00 - 09.15
    พิธีการ

    09.15 - 09.30
    อาเศียรวาทเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    09.30 - 10.10
    กาพย์เห่เฉลิมพระเกียรติ
    ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ชลดา เรืองรักษ์ลิขิต
    - ราชบัณฑิต สาขาวิชาวรรณกรรมร้อยกรอง ประเภทวิชาวรรณศิลป์ สำนักศิลปกรรม

    10.10 - 10.50
    “พระเสด็จโดยแดนชล” วัฒนธรรมเห่เรือในศิลปกรรมไทย
    ดร.ไพโรจน์ ทองคำสุก
    - ราชบัณฑิต สาขาวิชานาฏกรรมไทย ประเภทวิชาวิจิตรศิลป์ สำนักศิลปกรรม

    10.50 - 11.10
    พักการประชุม

    11.10 – 11.30
    การแสดงเห่เรือ ผลงานผู้ชนะเลิศประกวดบทร้อยกรองประเภทกาพย์เห่ ระดับมัธยมศึกษา

    11.30 - 12.00
    พิธีมอบรางวัลการประกวดบทร้อยกรองประเภทกาพย์เห่ ระดับมัธยมศึกษา

    ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/o2aBwLn4SrE69GYz/?mibextid=CTbP7E

    #Thaitimes
    เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พุทธศักราช 2567 ซึ่งจะมีการเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค ในวันที่ 27 ตุลาคม 2567 นี้ สถาบันไทยศึกษา ร่วมกับคณะอักษรศาสตร์ ภาควิชาภาษาไทย คณะอักษรศาสตร์ สาขาวิชาการสอนภาษาไทย คณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสถาบันสุนทรภู่ ดำริจัดโครงการประชุมวิชาการ “พระเสด็จโดยแดนชล” วัฒนธรรมเห่เรือในวรรณคดีและศิลปกรรมไทย เพื่อร่วมเฉลิมฉลองโอกาสมหามงคล และเพื่อเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมเห่เรือที่มีความสำคัญต่อวรรณคดีและศิลปกรรมของไทย คณะผู้จัดงานขอเรียนเชิญร่วมการประชุมวิชาการและพิธีมอบรางวัลการประกวดบทร้อยกรองประเภทกาพย์เห่ ระดับมัธยมศึกษา ในวันที่ 18 ตุลาคม 2567 เวลา 8.30 - 12.00 น. ณ ห้องประชุมชั้น 15 อาคารบรมราชกุมารี คณะอักษรศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ลงทะเบียนทาง https://forms.gle/UKMzgSJzomVUhZCn7 -------- กำหนดการ 08.30 - 09.00 ลงทะเบียน 09.00 - 09.15 พิธีการ 09.15 - 09.30 อาเศียรวาทเฉลิมพระเกียรติ เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 72 พรรษา พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 09.30 - 10.10 กาพย์เห่เฉลิมพระเกียรติ ศาสตราจารย์กิตติคุณ ดร.ชลดา เรืองรักษ์ลิขิต - ราชบัณฑิต สาขาวิชาวรรณกรรมร้อยกรอง ประเภทวิชาวรรณศิลป์ สำนักศิลปกรรม 10.10 - 10.50 “พระเสด็จโดยแดนชล” วัฒนธรรมเห่เรือในศิลปกรรมไทย ดร.ไพโรจน์ ทองคำสุก - ราชบัณฑิต สาขาวิชานาฏกรรมไทย ประเภทวิชาวิจิตรศิลป์ สำนักศิลปกรรม 10.50 - 11.10 พักการประชุม 11.10 – 11.30 การแสดงเห่เรือ ผลงานผู้ชนะเลิศประกวดบทร้อยกรองประเภทกาพย์เห่ ระดับมัธยมศึกษา 11.30 - 12.00 พิธีมอบรางวัลการประกวดบทร้อยกรองประเภทกาพย์เห่ ระดับมัธยมศึกษา ที่มา : https://www.facebook.com/share/p/o2aBwLn4SrE69GYz/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Love
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 682 มุมมอง 0 รีวิว


  • "...แม่น้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง บาง ไหลลงสู่ทะเล มหาสมุทรฉันใด
    คติธรรม คำสอน โวหาร ทุกสำนวน ทุกสำเนียง ทุกภาษา ในไตรโลกธาตุ เป็นเมืองขึ้น หรือไหลลงสู่พระธรรมคำสอนของพุทธศาสนาฉันนั้น ส่วนธรรมคำสอนที่ปีนเกลียวพุทธศาสนา ถือว่าไม่มีบาป ไม่มีบุญ สอนผิดหลักมรรคธรรม ฯ ไปไม่รอด ...ยกคำสอนครูบาอาจารย์ไว้เหนือหัว ...แต่เราต้องรู้จักประมาณตน มรรคภาวนา บริกรรมฯ ให้ติดต่อ ยืน เดิน นั่งนอน พร้อมลมหายใจเข้า หายใจออก"

    “สิ่งที่ได้มีแต่บาปกับบุญ บาป คือ คนไม่ทาน คนไม่ได้เข้าวัดนั่นแหละคนบาป ตายแล้วไม่ต้องถามว่าจะไปไหน พระพุทธเจ้าทรงหยั่งรู้ถึงความจริง ไม่มีใครจะเป็นคู่แข่งได้ อยู่ในสามแดนโลกธาตุ มนุษย์ เทวดา อินทร์พรหม ท่านยอมรับว่าเป็นศาสดาองค์เอก ท่านสอนธรรมเรื่องชีวิตของคนโดยเฉพาะ ฉะนั้นท่านที่รับได้คือบัณฑิต ผู้ที่มีบุญวาสนาถึงจะรับได้ ท่านที่บุญไม่มี ก็รับไม่ได้ไม่มีกำลัง คล้ายๆ กับเด็กอ่อน แบกของหนัก มันแบกไม่ได้นั่นเอง"

    "ตระกลูอันมั่งคั่งจะตั้งอยู่นานไม่ได้ เพราะสถาน ๔
    ไม่แสวงหาพัสดุที่หายแล้ว
    ไม่บูรณะพัสดุที่คร่ำคร่า
    ไม่รู้จักประมาณในการบริโภคสมบัติ
    ตั้งสตรีหรือบุรุษทุศีลให้เป็นแม่เรือนพ่อเรือน
    ผู้หวังจะดำรงตระกูล ควรเว้นสถาน ๔ ประการนี้เสีย"

    #คติธรรมเพื่อชีวิต
    #คติธรรมสอนใจ
    #เมตตาธรรมค้ำจุนโลก
    #ระลึกพุทโธคำเดียว_สะเทือนถึงพรหมโลก

    น้อมกราบเทิดทูนบูชาธรรมด้วยเศียรเกล้า
    ๒๖ กันยายน ๒๕๖๗
    "...แม่น้ำ ห้วย หนอง คลอง บึง บาง ไหลลงสู่ทะเล มหาสมุทรฉันใด คติธรรม คำสอน โวหาร ทุกสำนวน ทุกสำเนียง ทุกภาษา ในไตรโลกธาตุ เป็นเมืองขึ้น หรือไหลลงสู่พระธรรมคำสอนของพุทธศาสนาฉันนั้น ส่วนธรรมคำสอนที่ปีนเกลียวพุทธศาสนา ถือว่าไม่มีบาป ไม่มีบุญ สอนผิดหลักมรรคธรรม ฯ ไปไม่รอด ...ยกคำสอนครูบาอาจารย์ไว้เหนือหัว ...แต่เราต้องรู้จักประมาณตน มรรคภาวนา บริกรรมฯ ให้ติดต่อ ยืน เดิน นั่งนอน พร้อมลมหายใจเข้า หายใจออก" “สิ่งที่ได้มีแต่บาปกับบุญ บาป คือ คนไม่ทาน คนไม่ได้เข้าวัดนั่นแหละคนบาป ตายแล้วไม่ต้องถามว่าจะไปไหน พระพุทธเจ้าทรงหยั่งรู้ถึงความจริง ไม่มีใครจะเป็นคู่แข่งได้ อยู่ในสามแดนโลกธาตุ มนุษย์ เทวดา อินทร์พรหม ท่านยอมรับว่าเป็นศาสดาองค์เอก ท่านสอนธรรมเรื่องชีวิตของคนโดยเฉพาะ ฉะนั้นท่านที่รับได้คือบัณฑิต ผู้ที่มีบุญวาสนาถึงจะรับได้ ท่านที่บุญไม่มี ก็รับไม่ได้ไม่มีกำลัง คล้ายๆ กับเด็กอ่อน แบกของหนัก มันแบกไม่ได้นั่นเอง" "ตระกลูอันมั่งคั่งจะตั้งอยู่นานไม่ได้ เพราะสถาน ๔ ไม่แสวงหาพัสดุที่หายแล้ว ไม่บูรณะพัสดุที่คร่ำคร่า ไม่รู้จักประมาณในการบริโภคสมบัติ ตั้งสตรีหรือบุรุษทุศีลให้เป็นแม่เรือนพ่อเรือน ผู้หวังจะดำรงตระกูล ควรเว้นสถาน ๔ ประการนี้เสีย" #คติธรรมเพื่อชีวิต #คติธรรมสอนใจ #เมตตาธรรมค้ำจุนโลก #ระลึกพุทโธคำเดียว_สะเทือนถึงพรหมโลก น้อมกราบเทิดทูนบูชาธรรมด้วยเศียรเกล้า ๒๖ กันยายน ๒๕๖๗
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว
  • " ขั่นหวังพ้นทุกข์​ในวัฏสงสาร​ ปัญหา​มันสิหลายตายอีหยัง
    ปัญหา​มันหลายอยู่นี่​ กะ​เพราะ​ว่ากิเลสมันหลายฮั่นตี้
    ขั่นกิเลสน้อย​ ปัญหา​มันกะน้อย... สิว่าจังใด๋ซั่น
    กิเลสหลายปัญหา​มันกะหลายซั่นตี้ ...ผู้สร้างบารมีแก่กล้ามาแล้ว
    จึงเป็นผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาหนัก"

    "พึงชนะคนโกรธ ด้วยความใจเย็น
    พึงชนะคนร้ายๆ ด้วยความดี
    พึงชนะคนขี้เหนียว ด้วยการให้
    พึงชนะคนพูดเหลวไหล ด้วยการพูดความจริง"

    "มาตุคามผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ คือ...
    เวลาเช้า มีใจอันมลทิน คือความตระหนี่กลุ้มรุม แล้วอยู่ครองเรือน
    เวลาเที่ยง มีใจอันความริษยากลุ้มรุม แล้วอยู่ครองเรือน
    เวลาเย็น มีใจอันกามราคะกลุ้มรุม แล้วอยู่ครองเรือน
    โดยมากเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาต นรก ฯ"

    #คติธรรมสอนใจ
    #คติธรรมเพื่อชีวิต
    #อย่าลืมพุทโธ

    น้อมกราบเทิดทูนบูชาธรรม​ไว้​เหนือ​เศียร​เกล้า​
    ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗
    " ขั่นหวังพ้นทุกข์​ในวัฏสงสาร​ ปัญหา​มันสิหลายตายอีหยัง ปัญหา​มันหลายอยู่นี่​ กะ​เพราะ​ว่ากิเลสมันหลายฮั่นตี้ ขั่นกิเลสน้อย​ ปัญหา​มันกะน้อย... สิว่าจังใด๋ซั่น กิเลสหลายปัญหา​มันกะหลายซั่นตี้ ...ผู้สร้างบารมีแก่กล้ามาแล้ว จึงเป็นผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาหนัก" "พึงชนะคนโกรธ ด้วยความใจเย็น พึงชนะคนร้ายๆ ด้วยความดี พึงชนะคนขี้เหนียว ด้วยการให้ พึงชนะคนพูดเหลวไหล ด้วยการพูดความจริง" "มาตุคามผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ คือ... เวลาเช้า มีใจอันมลทิน คือความตระหนี่กลุ้มรุม แล้วอยู่ครองเรือน เวลาเที่ยง มีใจอันความริษยากลุ้มรุม แล้วอยู่ครองเรือน เวลาเย็น มีใจอันกามราคะกลุ้มรุม แล้วอยู่ครองเรือน โดยมากเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาต นรก ฯ" #คติธรรมสอนใจ #คติธรรมเพื่อชีวิต #อย่าลืมพุทโธ น้อมกราบเทิดทูนบูชาธรรม​ไว้​เหนือ​เศียร​เกล้า​ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 253 มุมมอง 0 รีวิว
  • " ขั่นหวังพ้นทุกข์​ในวัฏสงสาร​ ปัญหา​มันสิหลายตายอีหยัง
    ปัญหา​มันหลายอยู่นี่​ กะ​เพราะ​ว่ากิเลสมันหลายฮั่นตี้
    ขั่นกิเลสน้อย​ ปัญหา​มันกะน้อย... สิว่าจังใด๋ซั่น
    กิเลสหลายปัญหา​มันกะหลายซั่นตี้ ...ผู้สร้างบารมีแก่กล้ามาแล้ว
    จึงเป็นผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาหนัก"

    "พึงชนะคนโกรธ ด้วยความใจเย็น
    พึงชนะคนร้ายๆ ด้วยความดี
    พึงชนะคนขี้เหนียว ด้วยการให้
    พึงชนะคนพูดเหลวไหล ด้วยการพูดความจริง"

    "มาตุคามผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ คือ...
    เวลาเช้า มีใจอันมลทิน คือความตระหนี่กลุ้มรุม แล้วอยู่ครองเรือน
    เวลาเที่ยง มีใจอันความริษยากลุ้มรุม แล้วอยู่ครองเรือน
    เวลาเย็น มีใจอันกามราคะกลุ้มรุม แล้วอยู่ครองเรือน
    โดยมากเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาต นรก ฯ"

    #คติธรรมสอนใจ
    #คติธรรมเพื่อชีวิต
    #อย่าลืมพุทโธ

    น้อมกราบเทิดทูนบูชาธรรม​ไว้​เหนือ​เศียร​เกล้า​
    ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗
    " ขั่นหวังพ้นทุกข์​ในวัฏสงสาร​ ปัญหา​มันสิหลายตายอีหยัง ปัญหา​มันหลายอยู่นี่​ กะ​เพราะ​ว่ากิเลสมันหลายฮั่นตี้ ขั่นกิเลสน้อย​ ปัญหา​มันกะน้อย... สิว่าจังใด๋ซั่น กิเลสหลายปัญหา​มันกะหลายซั่นตี้ ...ผู้สร้างบารมีแก่กล้ามาแล้ว จึงเป็นผู้เลื่อมใสในพระพุทธศาสนาหนัก" "พึงชนะคนโกรธ ด้วยความใจเย็น พึงชนะคนร้ายๆ ด้วยความดี พึงชนะคนขี้เหนียว ด้วยการให้ พึงชนะคนพูดเหลวไหล ด้วยการพูดความจริง" "มาตุคามผู้ประกอบด้วยธรรม ๓ ประการ คือ... เวลาเช้า มีใจอันมลทิน คือความตระหนี่กลุ้มรุม แล้วอยู่ครองเรือน เวลาเที่ยง มีใจอันความริษยากลุ้มรุม แล้วอยู่ครองเรือน เวลาเย็น มีใจอันกามราคะกลุ้มรุม แล้วอยู่ครองเรือน โดยมากเมื่อแตกกายตายไป ย่อมเข้าถึง อบาย ทุคติ วินิบาต นรก ฯ" #คติธรรมสอนใจ #คติธรรมเพื่อชีวิต #อย่าลืมพุทโธ น้อมกราบเทิดทูนบูชาธรรม​ไว้​เหนือ​เศียร​เกล้า​ ๒๔ กันยายน ๒๕๖๗
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 236 มุมมอง 0 รีวิว
  • ☆เศียรพระพุทธรูปในรากไม้
    》》เศียรพระพุทธรูปหินทรายที่แตกหักจากองค์พระ แล้ว ถูกรากต้นโพธิ์ขึ้นปกคลุม ลักษณะพระพักตร์ค่อนข้างแบน และกว้าง พระขนงูและขอบพระเนตรป้ายเป็นแผ่นใหญ่ พระโอษฐ์กว้างเป็นแนวตรง ขอบพระโอษฐ์ยกเป็นสันขึ้น เล็กน้อย เป็นรูปแบบศิลปกรรมสมัยอยุธยาตอนกลาง กำหนดอายุได้ราวกลางพุทธศตวรรษที่ 21
    》》คาดว่าเศียรพระพุทธรูปนี้จะหล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นไม้ ในสมัยเสียกรุง จนรากไม้ขึ้นปกคลุมทำให้มีความงดงามแปลกตา จนเลื่องลือกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์อีกสิ่งหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งทำให้ชื่อเสียงของวัดมหาธาตุ โด่งดังไปทั่วโลก《《
    ☆ค่าเข้าชม
    ชาวไทย 10 บาท
    ชาวต่างชาติ 50 บาท
    ■■■■■■■■■■■
    #วัดมหาธาตุ#อยุธยา#เศียร พระพุทธรูปในรากไม้​ #มะนาวก้าวเดิน
    #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    ☆เศียรพระพุทธรูปในรากไม้ 》》เศียรพระพุทธรูปหินทรายที่แตกหักจากองค์พระ แล้ว ถูกรากต้นโพธิ์ขึ้นปกคลุม ลักษณะพระพักตร์ค่อนข้างแบน และกว้าง พระขนงูและขอบพระเนตรป้ายเป็นแผ่นใหญ่ พระโอษฐ์กว้างเป็นแนวตรง ขอบพระโอษฐ์ยกเป็นสันขึ้น เล็กน้อย เป็นรูปแบบศิลปกรรมสมัยอยุธยาตอนกลาง กำหนดอายุได้ราวกลางพุทธศตวรรษที่ 21 》》คาดว่าเศียรพระพุทธรูปนี้จะหล่นลงมาอยู่ที่โคนต้นไม้ ในสมัยเสียกรุง จนรากไม้ขึ้นปกคลุมทำให้มีความงดงามแปลกตา จนเลื่องลือกลายเป็นสิ่งมหัศจรรย์อีกสิ่งหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ซึ่งทำให้ชื่อเสียงของวัดมหาธาตุ โด่งดังไปทั่วโลก《《 ☆ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท ■■■■■■■■■■■ #วัดมหาธาตุ​ #อยุธยา​ #เศียร พระพุทธรูปในรากไม้​ #มะนาวก้าวเดิน​ #thaitimes #thaitimesเที่ยวไทย #thaitimesมะนาวก้าวเดิน #thaitimesmanowjourney
    Like
    Love
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1547 มุมมอง 695 0 รีวิว
  • กองทัพเรือเตรียมพร้อมเต็มที่ รับพระราชพิธีเสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐินทางชลมารค

    กองทัพเรือได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ เพื่อรับพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ในวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๗

    #ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคอันยิ่งใหญ่
    ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ จะประกอบด้วยเรือพระราชพิธีทั้งหมด ๕๒ ลำ จัดเป็น ๕ ริ้ว ความยาวรวม ๑,๒๐๐เมตร กว้าง ๙๐ เมตร โดยมีกำลังพลประจำเรือรวม ๒,๒๐๐ นาย ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อให้การจัดพระราชพิธีครั้งนี้เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ

    #กรมศิลปากรบูรณะเรือพระราชพิธี
    กรมศิลปากรได้ดำเนินการอนุรักษ์และบูรณะเรือพระราชพิธีทั้ง ๕๒ ลำ ซึ่งถือเป็นโบราณวัตถุอันทรงคุณค่า โดยมีการลงรักปิดทอง ประดับกระจก ด้วยฝีมือช่างจากสำนักช่างสิบหมู่ เพื่อให้เรือแต่ละลำคงความงดงามและทรงคุณค่าตามแบบศิลปะดั้งเดิม

    #กองทัพเรือฝึกซ้อมฝีพาย
    กองทัพเรือได้ดำเนินการฝึกซ้อมฝีพายเรือพระราชพิธีอย่างเข้มข้น เพื่อให้การพายเรือเป็นไปอย่างพร้อมเพรียงและสง่างาม อีกทั้งยังคงไว้ซึ่งท่วงท่าตามโบราณราชประเพณี โดยมีการนำเทคนิคสมัยใหม่มาปรับใช้เพื่อเพิ่มความสวยงามและความแม่นยำในการพายเรือ

    เรือพระที่นั่งสำคัญ ๔ ลำ
    * เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์: เรือพระที่นั่งชั้นสูงสุด โขนเรือเป็นรูปหงส์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕ ใช้เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และพระบรมราชินี
    * เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์: เรือพระที่นั่งรอง โขนเรือลงรักปิดทองลายรูปงูตัวเล็ก ๆ จำนวนมาก สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕ ใช้เป็นที่ประทับเปลื้องเครื่องหรือเปลื้องพระชฎามหากฐินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว
    * เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช: หัวเรือจำหลักรูปพญานาค ๗ เศียร สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๖ ใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ หรือผ้าพระกฐิน
    * เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ ๙: โขนเรือจำหลักรูปพระวิษณุทรงครุฑ สร้างขึ้นใหม่เพื่อถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ โดยปกติแล้วใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ หรือผ้าพระกฐิน

    เรือพระราชพิธีอื่นๆ
    * เรือรูปสัตว์: มีโขนเรือเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น เรืออสุรวายุภักษ์ (รูปยักษ์), เรือครุฑเหินเห็จ (รูปครุฑ), เรือกระบี่ปราบเมืองมาร (รูปขุนกระบี่), เรือเอกชัยเหินหาว (รูปจระเข้หรือเหรา)
    * เรือดั้ง: เรือที่มีลักษณะเป็นเรือยาว หัวเรือและท้ายเรือโค้งงอนขึ้น ประดับลวดลายสวยงาม
    * เรือแซง: เรือที่มีลักษณะคล้ายเรือดั้ง แต่มีขนาดเล็กกว่า ใช้สำหรับพายนำหน้าขบวนเรือพระที่นั่ง
    สืบสานประเพณีอันทรงคุณค่า

    การจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังเป็นการสืบสานและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติให้คงอยู่สืบไป
    ความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ

    พระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ ที่จะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีอันทรงเกียรติและงดงามตระการตา ซึ่งจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทยสืบไป

    เกร็ดความรู้เพิ่มเติม
    ขบวนพยุหยาตราเพชรพวงทางชลมารค ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชจัดขบวนเป็น ๕ ตอน
    ๑. ขบวนนอกหน้าประกอบด้วย เรือพิฆาต ๓ คู่ เรือแซ ๕ คู่ เรือชัย ๑๐ คู่ เรือรูปสัตว์ ๒ คู่
    และมีเรือรูปสัตว์อีก ๑ คู่ เป็นเรือประตูหน้าชั้นนอก คั่นขบวนนอกหน้ากับขบวนในหน้า
    ๒. ขบวนในหน้า มีเรือรูปสัตว์ ๑๒ คู่ เรือเอกชัย ๒ คู่ เป็นเรือประตูหน้าชั้นในคั่นขบวนในหน้า
    กับขบวนเรือพระราชยาน มีเรือโขมดยา [ขะ-โหฺมด-ยา] ซ้อนสายนอก ๕ คู่
    ๓. ขบวนเรือพระราชยาน มีเรือพระที่นั่ง ๕ ลำ เป็นเรือดั้งนำเรือพระที่นั่งศรีสมรรถชัย
    [สี-สะ-หฺมัด-ถะ-ไช] ลำทรง และเรือพระที่นั่งไกรสรมุข [ไกฺร-สอ-ระ-มุก] ที่ใช้เป็นเรือพระที่นั่งรอง ขบวนเรือ
    พระราชยานเป็นเรือพระที่นั่งกิ่งทั้งหมด
    ๔. ขบวนในหลัง แบ่งเป็น ๓ สาย สายกลางมีเรือพระที่นั่งเอกชัย ๒ ลำ สายในซ้ายและในขวา
    เป็นเรือรูปสัตว์ ๒ คู่ อีก ๑ คู่ เป็นเรือประตูหลังชั้นนอก คั่นขบวนในหลังกับขบวนนอกหลัง
    ๕. ขบวนนอกหลัง ประกอบด้วยเรือแซ ๓ คู่ เรือพิฆาต ๒ คู่ และมีม้าแซงเดินริมตลิ่งอีกด้วย

    ภายใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี ยังเปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมเรือพระราชพิธี ๔ ลำ และเรือรูปสัตว์ ๔ ลำ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือพระราชพิธี และชมการฝึกฝีพาย ณ บ่อเรือแผนกเรือราชพิธี กองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ ในวันราชการ ตั้งแต่วันนี้ ถึง ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ระหว่างเวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ

    อ้างอิง
    ๑. Phralan: https://phralan.in.th/Coronation/vocabdetail.php?id=844
    ๒. Thai PBS: https://www.thaipbs.or.th/news/content/341376
    กองทัพเรือเตรียมพร้อมเต็มที่ รับพระราชพิธีเสด็จฯ ถวายผ้าพระกฐินทางชลมารค กองทัพเรือได้ดำเนินการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ เพื่อรับพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารค เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา ๖ รอบ ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ณ วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร ในวันที่ ๒๗ ตุลาคม ๒๕๖๗ #ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคอันยิ่งใหญ่ ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ จะประกอบด้วยเรือพระราชพิธีทั้งหมด ๕๒ ลำ จัดเป็น ๕ ริ้ว ความยาวรวม ๑,๒๐๐เมตร กว้าง ๙๐ เมตร โดยมีกำลังพลประจำเรือรวม ๒,๒๐๐ นาย ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างร่วมแรงร่วมใจกัน เพื่อให้การจัดพระราชพิธีครั้งนี้เป็นไปอย่างสมพระเกียรติ #กรมศิลปากรบูรณะเรือพระราชพิธี กรมศิลปากรได้ดำเนินการอนุรักษ์และบูรณะเรือพระราชพิธีทั้ง ๕๒ ลำ ซึ่งถือเป็นโบราณวัตถุอันทรงคุณค่า โดยมีการลงรักปิดทอง ประดับกระจก ด้วยฝีมือช่างจากสำนักช่างสิบหมู่ เพื่อให้เรือแต่ละลำคงความงดงามและทรงคุณค่าตามแบบศิลปะดั้งเดิม #กองทัพเรือฝึกซ้อมฝีพาย กองทัพเรือได้ดำเนินการฝึกซ้อมฝีพายเรือพระราชพิธีอย่างเข้มข้น เพื่อให้การพายเรือเป็นไปอย่างพร้อมเพรียงและสง่างาม อีกทั้งยังคงไว้ซึ่งท่วงท่าตามโบราณราชประเพณี โดยมีการนำเทคนิคสมัยใหม่มาปรับใช้เพื่อเพิ่มความสวยงามและความแม่นยำในการพายเรือ เรือพระที่นั่งสำคัญ ๔ ลำ * เรือพระที่นั่งสุพรรณหงส์: เรือพระที่นั่งชั้นสูงสุด โขนเรือเป็นรูปหงส์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕ ใช้เป็นที่ประทับของพระมหากษัตริย์และพระบรมราชินี * เรือพระที่นั่งอเนกชาติภุชงค์: เรือพระที่นั่งรอง โขนเรือลงรักปิดทองลายรูปงูตัวเล็ก ๆ จำนวนมาก สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๕ ใช้เป็นที่ประทับเปลื้องเครื่องหรือเปลื้องพระชฎามหากฐินของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว * เรือพระที่นั่งอนันตนาคราช: หัวเรือจำหลักรูปพญานาค ๗ เศียร สร้างในสมัยรัชกาลที่ ๖ ใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ หรือผ้าพระกฐิน * เรือพระที่นั่งนารายณ์ทรงสุบรรณ รัชกาลที่ ๙: โขนเรือจำหลักรูปพระวิษณุทรงครุฑ สร้างขึ้นใหม่เพื่อถวายในหลวงรัชกาลที่ ๙ โดยปกติแล้วใช้เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ หรือผ้าพระกฐิน เรือพระราชพิธีอื่นๆ * เรือรูปสัตว์: มีโขนเรือเป็นรูปสัตว์ต่างๆ เช่น เรืออสุรวายุภักษ์ (รูปยักษ์), เรือครุฑเหินเห็จ (รูปครุฑ), เรือกระบี่ปราบเมืองมาร (รูปขุนกระบี่), เรือเอกชัยเหินหาว (รูปจระเข้หรือเหรา) * เรือดั้ง: เรือที่มีลักษณะเป็นเรือยาว หัวเรือและท้ายเรือโค้งงอนขึ้น ประดับลวดลายสวยงาม * เรือแซง: เรือที่มีลักษณะคล้ายเรือดั้ง แต่มีขนาดเล็กกว่า ใช้สำหรับพายนำหน้าขบวนเรือพระที่นั่ง สืบสานประเพณีอันทรงคุณค่า การจัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแล้ว ยังเป็นการสืบสานและอนุรักษ์มรดกทางวัฒนธรรมอันล้ำค่าของชาติให้คงอยู่สืบไป ความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ พระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐินโดยขบวนพยุหยาตราทางชลมารคในครั้งนี้ นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยทั้งชาติ ที่จะได้ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของพระราชพิธีอันทรงเกียรติและงดงามตระการตา ซึ่งจะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทยสืบไป เกร็ดความรู้เพิ่มเติม ขบวนพยุหยาตราเพชรพวงทางชลมารค ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราชจัดขบวนเป็น ๕ ตอน ๑. ขบวนนอกหน้าประกอบด้วย เรือพิฆาต ๓ คู่ เรือแซ ๕ คู่ เรือชัย ๑๐ คู่ เรือรูปสัตว์ ๒ คู่ และมีเรือรูปสัตว์อีก ๑ คู่ เป็นเรือประตูหน้าชั้นนอก คั่นขบวนนอกหน้ากับขบวนในหน้า ๒. ขบวนในหน้า มีเรือรูปสัตว์ ๑๒ คู่ เรือเอกชัย ๒ คู่ เป็นเรือประตูหน้าชั้นในคั่นขบวนในหน้า กับขบวนเรือพระราชยาน มีเรือโขมดยา [ขะ-โหฺมด-ยา] ซ้อนสายนอก ๕ คู่ ๓. ขบวนเรือพระราชยาน มีเรือพระที่นั่ง ๕ ลำ เป็นเรือดั้งนำเรือพระที่นั่งศรีสมรรถชัย [สี-สะ-หฺมัด-ถะ-ไช] ลำทรง และเรือพระที่นั่งไกรสรมุข [ไกฺร-สอ-ระ-มุก] ที่ใช้เป็นเรือพระที่นั่งรอง ขบวนเรือ พระราชยานเป็นเรือพระที่นั่งกิ่งทั้งหมด ๔. ขบวนในหลัง แบ่งเป็น ๓ สาย สายกลางมีเรือพระที่นั่งเอกชัย ๒ ลำ สายในซ้ายและในขวา เป็นเรือรูปสัตว์ ๒ คู่ อีก ๑ คู่ เป็นเรือประตูหลังชั้นนอก คั่นขบวนในหลังกับขบวนนอกหลัง ๕. ขบวนนอกหลัง ประกอบด้วยเรือแซ ๓ คู่ เรือพิฆาต ๒ คู่ และมีม้าแซงเดินริมตลิ่งอีกด้วย ภายใน พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เรือพระราชพิธี ยังเปิดให้ผู้ที่สนใจสามารถเข้าชมเรือพระราชพิธี ๔ ลำ และเรือรูปสัตว์ ๔ ลำ ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเรือพระราชพิธี และชมการฝึกฝีพาย ณ บ่อเรือแผนกเรือราชพิธี กองเรือเล็ก กรมการขนส่งทหารเรือ ในวันราชการ ตั้งแต่วันนี้ ถึง ๒ กรกฎาคม ๒๕๖๗ ระหว่างเวลา ๐๙.๐๐ - ๑๖.๐๐ น. โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใด ๆ อ้างอิง ๑. Phralan: https://phralan.in.th/Coronation/vocabdetail.php?id=844 ๒. Thai PBS: https://www.thaipbs.or.th/news/content/341376
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 554 มุมมอง 0 รีวิว
  • อุทยานแห่งชาติเอราวัณ สวยงามดั่งต้องมนต์เมืองสวรรค์

    อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ตั้งอยู่ที่หมู่ 4 ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 12 ของประเทศ มีเนื้อที่ 343,735 ไร่ หรือ 549.976 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมตำบลไทรโยค ตำบลท่าเสา ตำบลลุ่มสุ่ม อำเภอไทรโยค ตำบลหนองเป็ด ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ และตำบลช่องสะเดา อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี

    อุทยานแห่งชาติเอราวัณ มีลักษณะพื้นที่เป็นภูเขาสูงชันอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 165-996 เมตร สลับกับพื้นที่ราบ โดยภูเขาส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาหินปูน ในแถบตะวันออกและตะวันตกของพื้นที่จะยกตัวสูงขึ้นเป็นแนว โดยเฉพาะบริเวณใกล้น้ำตกเอราวัณจะมีลักษณะเป็นหน้าผา ส่วนบริเวณตอนกลางจะเป็นแนวเขาทอดยาวในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วยเทือกเขาที่สำคัญ คือ เขาหนองพุก เขาปลายดินสอ เขาหมอเฒ่า เขาช่องปูน เขาพุรางริน และเขาเกราะแกระ ซึ่งเป็นยอดเขาสูงสุดประมาณ 996 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง

    น้ำตกเอราวัณเดิมเรียกว่าน้ำตกสะด่องม่องล่ายเป็นน้ำตกที่สวยงามและมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัด มีทั้งหมด 7 ชั้น ความยาวประมาณ 1,500 เมตร แต่ละชั้นมีความสวยงามแตกต่างกันไป บริเวณหน้าผาเหนือน้ำตกชั้นที่ 7 เมื่อมีน้ำตกไหลบ่าจะมีลักษณะคล้ายเศียรช้าง 3 เศียร หรือที่เรียกว่า“ช้างเอราวัณ” จึงเป็นที่มาของชื่อ“อุทยานแห่งชาติเอราวัณ”

    น้ำตกเอราวัณ (Erawan Waterfall)
    เป็นน้ำตกหินปูนที่สวยงามและมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของกาญจนบุรี มีระยะทางยาวประมาณ 2,200 เมตร แบ่งออกเป็น 7 ชั้น แต่ละชั้นมีความสวยงามแตกต่างกันไป และมีชื่อของแต่ละชั้น ดังนี้
    ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง
    ชั้นที่ 2 วังมัจฉา
    ชั้นที่ 3 ผาน้ำตก
    ชั้นที่ 4 อกนางผีเสื้อ
    ชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง
    ชั้นที่ 6 ดงพฤกษา
    ชั้นที่ 7 ภูผาเอราวัณ
    ความพิเศษของชั้นนี้คือเมื่อน้ำตกไหลบ่าจะมีลักษณะคล้ายช้างสามเศียร หรือที่เรียกว่า "ช้างเอราวัณ" จึงเป็นที่มาของ "อุทยานแห่งชาติเอราวัณ"

    #อุทยานแห่งชาติเอราวัณ
    #น้ำตกเอราวัณ


    อุทยานแห่งชาติเอราวัณ สวยงามดั่งต้องมนต์เมืองสวรรค์ อุทยานแห่งชาติเอราวัณ ตั้งอยู่ที่หมู่ 4 ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นอุทยานแห่งชาติลำดับที่ 12 ของประเทศ มีเนื้อที่ 343,735 ไร่ หรือ 549.976 ตารางกิโลเมตร ครอบคลุมตำบลไทรโยค ตำบลท่าเสา ตำบลลุ่มสุ่ม อำเภอไทรโยค ตำบลหนองเป็ด ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ และตำบลช่องสะเดา อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี อุทยานแห่งชาติเอราวัณ มีลักษณะพื้นที่เป็นภูเขาสูงชันอยู่สูงจากระดับน้ำทะเลตั้งแต่ 165-996 เมตร สลับกับพื้นที่ราบ โดยภูเขาส่วนใหญ่เป็นเทือกเขาหินปูน ในแถบตะวันออกและตะวันตกของพื้นที่จะยกตัวสูงขึ้นเป็นแนว โดยเฉพาะบริเวณใกล้น้ำตกเอราวัณจะมีลักษณะเป็นหน้าผา ส่วนบริเวณตอนกลางจะเป็นแนวเขาทอดยาวในแนวทิศตะวันตกเฉียงเหนือ-ตะวันออกเฉียงใต้ ประกอบด้วยเทือกเขาที่สำคัญ คือ เขาหนองพุก เขาปลายดินสอ เขาหมอเฒ่า เขาช่องปูน เขาพุรางริน และเขาเกราะแกระ ซึ่งเป็นยอดเขาสูงสุดประมาณ 996 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง น้ำตกเอราวัณเดิมเรียกว่าน้ำตกสะด่องม่องล่ายเป็นน้ำตกที่สวยงามและมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของจังหวัด มีทั้งหมด 7 ชั้น ความยาวประมาณ 1,500 เมตร แต่ละชั้นมีความสวยงามแตกต่างกันไป บริเวณหน้าผาเหนือน้ำตกชั้นที่ 7 เมื่อมีน้ำตกไหลบ่าจะมีลักษณะคล้ายเศียรช้าง 3 เศียร หรือที่เรียกว่า“ช้างเอราวัณ” จึงเป็นที่มาของชื่อ“อุทยานแห่งชาติเอราวัณ” น้ำตกเอราวัณ (Erawan Waterfall) เป็นน้ำตกหินปูนที่สวยงามและมีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของกาญจนบุรี มีระยะทางยาวประมาณ 2,200 เมตร แบ่งออกเป็น 7 ชั้น แต่ละชั้นมีความสวยงามแตกต่างกันไป และมีชื่อของแต่ละชั้น ดังนี้ ชั้นที่ 1 ไหลคืนรัง ชั้นที่ 2 วังมัจฉา ชั้นที่ 3 ผาน้ำตก ชั้นที่ 4 อกนางผีเสื้อ ชั้นที่ 5 เบื่อไม่ลง ชั้นที่ 6 ดงพฤกษา ชั้นที่ 7 ภูผาเอราวัณ ความพิเศษของชั้นนี้คือเมื่อน้ำตกไหลบ่าจะมีลักษณะคล้ายช้างสามเศียร หรือที่เรียกว่า "ช้างเอราวัณ" จึงเป็นที่มาของ "อุทยานแห่งชาติเอราวัณ" #อุทยานแห่งชาติเอราวัณ #น้ำตกเอราวัณ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 242 มุมมอง 0 รีวิว
  • ธาตุรู้

    องค์หลวงพ่อสุชาติเทศน์ไว้อย่างชัดเจนในหลายวาระ "ธาตุรู้คือใจ ไม่มีวันแตกดับหรือเสื่อมสลายและตัวเราที่แท้นี่คือธาตุรู้"

    "ธาตุรู้ ส่งกระแสไปเชื่อมกับธาตุ ๕ คือ ร่างกายของคนและสัตว์ เพื่อจะรับรู้กระแสโลกผ่านทางตาหูจมูกลิ้นและกายสัมผัส”

    "ธาตุรู้” มีอวิชชา จึงกลับเข้าใจผิดว่าตนเองคือร่างกาย จึงเกิดความทุกข์เมื่อร่างกายเกิดความแปรปรวน

    สัจธรรมเกี่ยวกับ "ธาตุรู้" นี้ เป็นสัมมาทิฏฐิ คือความเข้าใจที่ถูกต้องอันสำคัญยิ่งสำหรับผู้ปฏิบัติ จึงนำมาสู่การรวบรวมคำสอนอันเข้มข้นที่เกี่ยวข้องกับ "แก่นแท้" อันสำคัญยิ่งนี้ ตลอดจนข้อถามตอบที่องค์ท่านเมตตาตอบทุกคำถามจนกระจ่างแก่ใจลูกศิษย์ผู้ยังใช้ตรรกะทางวิทยาศาสตร์ว่า

    "ธาตุรู้” ความจริงแห่งธรรมชาติที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ” นี้ เป็นวิทยาการขั้นสูงสุด ที่แม้แต่ความรู้ระดับควอนตัมในปัจจุบันยังไม่มีทางตามทัน

    ขอกราบนอบน้อมด้วยเศียรเกล้าแด่องค์พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์พระอรหันตสาวกทุกๆ พระองค์ และองค์หลวงพ่อสุชาติ อภิชาโต

    ผู้รู้ แจ้งแห่งธรรมชาติทั้งปวง
    ผู้ตื่น จากมายาแห่งคลื่นความคิด
    ผู้เบิกบาน ด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์แห่งธาตุรู้

    <<ศิษยานุศิษย์>>

    (ขอขอบคุณศิษยานุศิษย์ หลวงพ่อสุชาติ อภิชาโต)

    อ่าน E-book หนังสือธาตุรู้ https://online.anyflip.com/kybms/qjpn/mobile/
    ธาตุรู้ องค์หลวงพ่อสุชาติเทศน์ไว้อย่างชัดเจนในหลายวาระ "ธาตุรู้คือใจ ไม่มีวันแตกดับหรือเสื่อมสลายและตัวเราที่แท้นี่คือธาตุรู้" "ธาตุรู้ ส่งกระแสไปเชื่อมกับธาตุ ๕ คือ ร่างกายของคนและสัตว์ เพื่อจะรับรู้กระแสโลกผ่านทางตาหูจมูกลิ้นและกายสัมผัส” "ธาตุรู้” มีอวิชชา จึงกลับเข้าใจผิดว่าตนเองคือร่างกาย จึงเกิดความทุกข์เมื่อร่างกายเกิดความแปรปรวน สัจธรรมเกี่ยวกับ "ธาตุรู้" นี้ เป็นสัมมาทิฏฐิ คือความเข้าใจที่ถูกต้องอันสำคัญยิ่งสำหรับผู้ปฏิบัติ จึงนำมาสู่การรวบรวมคำสอนอันเข้มข้นที่เกี่ยวข้องกับ "แก่นแท้" อันสำคัญยิ่งนี้ ตลอดจนข้อถามตอบที่องค์ท่านเมตตาตอบทุกคำถามจนกระจ่างแก่ใจลูกศิษย์ผู้ยังใช้ตรรกะทางวิทยาศาสตร์ว่า "ธาตุรู้” ความจริงแห่งธรรมชาติที่พระพุทธองค์ทรงค้นพบ” นี้ เป็นวิทยาการขั้นสูงสุด ที่แม้แต่ความรู้ระดับควอนตัมในปัจจุบันยังไม่มีทางตามทัน ขอกราบนอบน้อมด้วยเศียรเกล้าแด่องค์พระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า องค์พระอรหันตสาวกทุกๆ พระองค์ และองค์หลวงพ่อสุชาติ อภิชาโต ผู้รู้ แจ้งแห่งธรรมชาติทั้งปวง ผู้ตื่น จากมายาแห่งคลื่นความคิด ผู้เบิกบาน ด้วยธรรมชาติอันบริสุทธิ์แห่งธาตุรู้ <<ศิษยานุศิษย์>> (ขอขอบคุณศิษยานุศิษย์ หลวงพ่อสุชาติ อภิชาโต) อ่าน E-book หนังสือธาตุรู้ https://online.anyflip.com/kybms/qjpn/mobile/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 256 มุมมอง 0 รีวิว
  • บทอาเศียรวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว

    ๛เฉลิมชนม์พระยิ่งฟ้า มไหศวรรย์
    องค์เอกจอมราชัน ผ่านหล้า
    เฉลิมเผ่าจักรีอัน พิสุทธิ์
    พิสิฐเพริศเจิดจ้า ทั่วรัฏฐ์สตะพรรษ์

    ๛เจ็ดสิบสองชันษาเจ้า นฤบดี
    ขอเดชคู่พระบารมี เกิดเกล้า
    ษัฏวารพรรษาศรี ปีติ ราษฎร์แฮ
    กรานกราบพระผ่านเผ้า แด่ไท้หทัยเกษม

    วสันตดิลกฉันท์

    ๛เฉลิมชนม์พระองค์กิรติการ นฤพาน ธ ยืนยง

    สืบราชย์พิศุทธ์อริยวงศ์ อธิราชไผทผอง

    ๛แซ่ซ้องพระนามวชิรเกล้าฯ สุขะเนาหทัย
    ครอง

    เปรมปรีดิ์รุจีสิริยะยอง ทศธรรมราชา

    ๛ทรงราช ธ พร้อมจตุรวิธ ทศพิธฯพระเมตตา

    ปวงราษฎร์ประสบวัฒนอา ทระการุณาคุณ

    ๛ครบษัฏวารดิฐประภัสสร์ สุมนัส ณ ไวกูณฐ์

    กรานกราบบดีสิริประยูร สุระได้ถวายพร

    ๛นานเนาสถิตสถิรมั่น สุขะสันต์นิรันดร

    รุ่งโรจน์รวีศุกละพร มนหมายหทัยเทอญ

    ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ
    ข้าพระพุทธเจ้า
    นายกฤษณะ สีดานุพนธุ์(ประพันธ์)
    พันตำรวจเอก ภาคภูมิ สุนทรศร
    คณะนักเรียนเก่าโรงเรียนอัสสัมชัญบางรักรุ่นที่ ๘๙
    บทอาเศียรวาท พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ๛เฉลิมชนม์พระยิ่งฟ้า มไหศวรรย์ องค์เอกจอมราชัน ผ่านหล้า เฉลิมเผ่าจักรีอัน พิสุทธิ์ พิสิฐเพริศเจิดจ้า ทั่วรัฏฐ์สตะพรรษ์ ๛เจ็ดสิบสองชันษาเจ้า นฤบดี ขอเดชคู่พระบารมี เกิดเกล้า ษัฏวารพรรษาศรี ปีติ ราษฎร์แฮ กรานกราบพระผ่านเผ้า แด่ไท้หทัยเกษม วสันตดิลกฉันท์ ๛เฉลิมชนม์พระองค์กิรติการ นฤพาน ธ ยืนยง สืบราชย์พิศุทธ์อริยวงศ์ อธิราชไผทผอง ๛แซ่ซ้องพระนามวชิรเกล้าฯ สุขะเนาหทัย ครอง เปรมปรีดิ์รุจีสิริยะยอง ทศธรรมราชา ๛ทรงราช ธ พร้อมจตุรวิธ ทศพิธฯพระเมตตา ปวงราษฎร์ประสบวัฒนอา ทระการุณาคุณ ๛ครบษัฏวารดิฐประภัสสร์ สุมนัส ณ ไวกูณฐ์ กรานกราบบดีสิริประยูร สุระได้ถวายพร ๛นานเนาสถิตสถิรมั่น สุขะสันต์นิรันดร รุ่งโรจน์รวีศุกละพร มนหมายหทัยเทอญ ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ข้าพระพุทธเจ้า นายกฤษณะ สีดานุพนธุ์(ประพันธ์) พันตำรวจเอก ภาคภูมิ สุนทรศร คณะนักเรียนเก่าโรงเรียนอัสสัมชัญบางรักรุ่นที่ ๘๙
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 302 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🧡👑•หายประชวร เถิดองค์ พระทรงศรี
    พระเทวี ทูลกระหม่อม พระจอมขวัญ
    ยอดหทัย ขององค์ พระทรงธรรม์
    องค์ราชัน เหนือเศียรเกล้า ยังเฝ้ารอ
    •ประชาชน ติดตาม ทุกคามเขต
    ทั่วประเทศ จงรัก ภักดีต่อ
    พระองค์ภา แสนประเสริฐ เลิศละออ
    ปวงข้าฯขอ ให้ทรงฟื้น ตื่นบรรทม

    Cr. ผู้แต่ง
    ผศ.ดร.กระสินธุ์ หังสพฤกษ์
    🧡👑•หายประชวร เถิดองค์ พระทรงศรี พระเทวี ทูลกระหม่อม พระจอมขวัญ ยอดหทัย ขององค์ พระทรงธรรม์ องค์ราชัน เหนือเศียรเกล้า ยังเฝ้ารอ •ประชาชน ติดตาม ทุกคามเขต ทั่วประเทศ จงรัก ภักดีต่อ พระองค์ภา แสนประเสริฐ เลิศละออ ปวงข้าฯขอ ให้ทรงฟื้น ตื่นบรรทม Cr. ผู้แต่ง ผศ.ดร.กระสินธุ์ หังสพฤกษ์
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 174 มุมมอง 0 รีวิว