• ย้าย 34 เจ้าหน้าที่ผู้ร่วมเปิดฮาเร็ม
    ลาสบอสน่าจะใหญ่กว่าผบ.เรือนจำ…!!! (24/11/68)
    .
    #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #เรือนจำ #เจ้าหน้าที่รัฐ #ดราม่า #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    ย้าย 34 เจ้าหน้าที่ผู้ร่วมเปิดฮาเร็ม ลาสบอสน่าจะใหญ่กว่าผบ.เรือนจำ…!!! (24/11/68) . #thaitimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #เรือนจำ #เจ้าหน้าที่รัฐ #ดราม่า #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #newsupdate
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 117 Views 0 0 Reviews
  • สื่อสิงคโปร์วิเคราะห์ศูนย์สแกมเมอร์กัมพูชายังอยู่ดี ข่าวกวาดล้างเป็นเพียง “ภาพลวงตา” เพราะอุตสาหกรรมหลอกลวงมีมูลค่าปีละกว่า 6 แสนล้านบาท และโยงลึกถึงการเมือง-เจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้การปราบแบบจริงจังอาจกระทบเศรษฐกิจทั้งประเทศ ขณะประเทศต่างๆ เริ่มใช้มาตรการกดดันหนักขึ้นหลังเหตุฉาวหลายกรณี

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000112099

    #กัมพูชา #สแกมเมอร์ #อาชญากรรมข้ามชาติ #CNA #News1live #News1
    สื่อสิงคโปร์วิเคราะห์ศูนย์สแกมเมอร์กัมพูชายังอยู่ดี ข่าวกวาดล้างเป็นเพียง “ภาพลวงตา” เพราะอุตสาหกรรมหลอกลวงมีมูลค่าปีละกว่า 6 แสนล้านบาท และโยงลึกถึงการเมือง-เจ้าหน้าที่รัฐ ทำให้การปราบแบบจริงจังอาจกระทบเศรษฐกิจทั้งประเทศ ขณะประเทศต่างๆ เริ่มใช้มาตรการกดดันหนักขึ้นหลังเหตุฉาวหลายกรณี • อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000112099 • #กัมพูชา #สแกมเมอร์ #อาชญากรรมข้ามชาติ #CNA #News1live #News1
    Like
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 207 Views 0 Reviews
  • ดร.อิสระ เปิดตัว แม่ทัพกุ้ง ผอ.หลักสูตร 4ส สถาบันพระปกเกล้า ชี้ ทางสร้างสังคมสันติสุข เจ้าหน้าที่รัฐต้องลงพื้นที่จริงมากกว่านั่งโต๊ะทำงานแม้จะอันตรายมาก
    https://www.thai-tai.tv/news/22399/
    .
    #ไทยไท #สถาบันพระปกเกล้า #MOU43-44 #ประชามติ #พล.ท.บุญสิน #อิสระเสรีวัฒนวุฒิ
    ดร.อิสระ เปิดตัว แม่ทัพกุ้ง ผอ.หลักสูตร 4ส สถาบันพระปกเกล้า ชี้ ทางสร้างสังคมสันติสุข เจ้าหน้าที่รัฐต้องลงพื้นที่จริงมากกว่านั่งโต๊ะทำงานแม้จะอันตรายมาก https://www.thai-tai.tv/news/22399/ . #ไทยไท #สถาบันพระปกเกล้า #MOU43-44 #ประชามติ #พล.ท.บุญสิน #อิสระเสรีวัฒนวุฒิ
    0 Comments 0 Shares 123 Views 0 Reviews
  • วงการตำรวจในประเทศไทยสมควรถูกยุบทั้งหมดในเวลานี้,จากนั้นค่อยตั้งขึ้นใหม่เพื่อล้างอำนาจอิทธิทั้งหมดที่วางรากเหง้ากันมาอย่างยาวนานได้เบ็ดเสร็จ,ส่วยด่านต่างๆมากมายทั่วประเทศเต็มถนนจราจรไปหมดที่เห็นชัดเจนในคนใช้รถใช้ถนน.

    ..แยกหน้าที่จับโจร สืบสวนสอบสวน พิสูจน์หลักฐาน แยกขาดออกจากกันให้หมด ป้องกันใช้อำนาจหน้าที่ทางไม่ดีได้ดีกว่า, ด่านตรวจคนร้ายก็ด่านตรวจคนร้ายสกัดจับ,ด่านตรวจคนขับขี่ ก็ตรวจคนขับขี่ ระบุให้ชัดเจน,แบบสกัดแก๊งค้ามนุษย์ ลักพาตัวผู้คนและเด็กๆในไทยเราหรือทางผ่าน ตลอดดักสกัดจับพวกค้ายา ,หน่วยประสานตรวจสืบจับเส้นทางการเงินก็อิสระให้อำนาจเต็มสามารถเข้าตรวจสอบคนพวกนี้ได้ในกระแสเงินชั่วเลวผิดปกติทั้งหมดโอนเข้าโอนออก โอนไปบัญชีใครสามารถตามตรวจสืบสวนจับกุมได้อิสระในกิจกรรมธุรกรรมการกระทำผิดนั้น,ที่พักโรงแรมต้องเรียลไทม์ในการระบุตัวตนคนเข้าพักในวันนั้น,สายการบิน การเดินทางใดๆก็ด้วย,เพื่อปกป้องคนไทยด้านภายในประเทศที่สุด ซึ่งปัจจุบันสำนักงานตำรวจไทยเราล้มเหลวมาก บ่อนการพนันกระจายเต็มกรุงเทพฯก็ปล่อยปละเลย ตืดสถานีตำรวจตามที่กูรูมากมายออกมาแฉอีก,แล้วประเทศไทยเราจะดำรงชาติไปทางที่ดีที่เจริญได้อย่างไรเมื่อตำรวจทำชั่วเลวเสียเอง,จึงสมควรยุบสำนักงานตำรวจไปเลย,ตั้งองค์กรใหม่เปลี่ยนชื่อใหม่ทั้งหมดล้างอำนาจฐานชั่วเลวเก่าทิ้งทั้งหมด,มันจะเสียขบวนและการควบคุมทันทีภายใต้อำนาจเก่าที่มันคิดว่าวางหมากวางคนไว้หมดแล้ว,อย่าเสียดาย ทุบทิ้งสำนักงานย้ายที่ทำการใหม่ก็ได้ หมดงบประมาณไม่มากหรอก ,คนดีคนใหม่เข้าประจำการ เจ้าของกิจการชั่วเลวใดๆติดสินบน ใส่ใต้โต๊ะในอนาคตมีโทษประหารทั้งผู้ให้และผู้รับกันเลย,บ้านเมืองเราที่เลวร้ายชั่วเลวล้วนมาจากเจ้าหน้าที่รัฐเราที่ชั่วเลวนี้ล่ะ,แค่คนๆเดียวนั่งเป็น ผบ.ตร.สูงสุดเสือกทำชั่วเสียเองก็เกินพอจะยุบหน่วยงานนี้ทิ้งได้แล้ว,ไม่เน่าที่ลูก เน่าภายในจนเละเก็บไว้ทำซากอะไร,ซื้อตำแหน่งกันเป็นว่าเล่น แค่สงสัยมูลด้านนี้,การยุบองค์กรทิ้งพวกใช้เงินซื้อขายตำแหน่งสูงๆจะดับอนาถทันทีพร้อมกวาดทิ้งทำความสะอาดอย่างดีไปในตัวได้ด้วย.


    https://youtu.be/AU5g2osJ9IM?si=bM9MpqgWDi5GehjL
    วงการตำรวจในประเทศไทยสมควรถูกยุบทั้งหมดในเวลานี้,จากนั้นค่อยตั้งขึ้นใหม่เพื่อล้างอำนาจอิทธิทั้งหมดที่วางรากเหง้ากันมาอย่างยาวนานได้เบ็ดเสร็จ,ส่วยด่านต่างๆมากมายทั่วประเทศเต็มถนนจราจรไปหมดที่เห็นชัดเจนในคนใช้รถใช้ถนน. ..แยกหน้าที่จับโจร สืบสวนสอบสวน พิสูจน์หลักฐาน แยกขาดออกจากกันให้หมด ป้องกันใช้อำนาจหน้าที่ทางไม่ดีได้ดีกว่า, ด่านตรวจคนร้ายก็ด่านตรวจคนร้ายสกัดจับ,ด่านตรวจคนขับขี่ ก็ตรวจคนขับขี่ ระบุให้ชัดเจน,แบบสกัดแก๊งค้ามนุษย์ ลักพาตัวผู้คนและเด็กๆในไทยเราหรือทางผ่าน ตลอดดักสกัดจับพวกค้ายา ,หน่วยประสานตรวจสืบจับเส้นทางการเงินก็อิสระให้อำนาจเต็มสามารถเข้าตรวจสอบคนพวกนี้ได้ในกระแสเงินชั่วเลวผิดปกติทั้งหมดโอนเข้าโอนออก โอนไปบัญชีใครสามารถตามตรวจสืบสวนจับกุมได้อิสระในกิจกรรมธุรกรรมการกระทำผิดนั้น,ที่พักโรงแรมต้องเรียลไทม์ในการระบุตัวตนคนเข้าพักในวันนั้น,สายการบิน การเดินทางใดๆก็ด้วย,เพื่อปกป้องคนไทยด้านภายในประเทศที่สุด ซึ่งปัจจุบันสำนักงานตำรวจไทยเราล้มเหลวมาก บ่อนการพนันกระจายเต็มกรุงเทพฯก็ปล่อยปละเลย ตืดสถานีตำรวจตามที่กูรูมากมายออกมาแฉอีก,แล้วประเทศไทยเราจะดำรงชาติไปทางที่ดีที่เจริญได้อย่างไรเมื่อตำรวจทำชั่วเลวเสียเอง,จึงสมควรยุบสำนักงานตำรวจไปเลย,ตั้งองค์กรใหม่เปลี่ยนชื่อใหม่ทั้งหมดล้างอำนาจฐานชั่วเลวเก่าทิ้งทั้งหมด,มันจะเสียขบวนและการควบคุมทันทีภายใต้อำนาจเก่าที่มันคิดว่าวางหมากวางคนไว้หมดแล้ว,อย่าเสียดาย ทุบทิ้งสำนักงานย้ายที่ทำการใหม่ก็ได้ หมดงบประมาณไม่มากหรอก ,คนดีคนใหม่เข้าประจำการ เจ้าของกิจการชั่วเลวใดๆติดสินบน ใส่ใต้โต๊ะในอนาคตมีโทษประหารทั้งผู้ให้และผู้รับกันเลย,บ้านเมืองเราที่เลวร้ายชั่วเลวล้วนมาจากเจ้าหน้าที่รัฐเราที่ชั่วเลวนี้ล่ะ,แค่คนๆเดียวนั่งเป็น ผบ.ตร.สูงสุดเสือกทำชั่วเสียเองก็เกินพอจะยุบหน่วยงานนี้ทิ้งได้แล้ว,ไม่เน่าที่ลูก เน่าภายในจนเละเก็บไว้ทำซากอะไร,ซื้อตำแหน่งกันเป็นว่าเล่น แค่สงสัยมูลด้านนี้,การยุบองค์กรทิ้งพวกใช้เงินซื้อขายตำแหน่งสูงๆจะดับอนาถทันทีพร้อมกวาดทิ้งทำความสะอาดอย่างดีไปในตัวได้ด้วย. https://youtu.be/AU5g2osJ9IM?si=bM9MpqgWDi5GehjL
    0 Comments 0 Shares 391 Views 0 Reviews
  • “KONNI APT โจมตีไซเบอร์สุดล้ำ! ใช้ Google Find Hub ล้างข้อมูล-ติดตามเหยื่อในเกาหลีใต้”

    ในโลกที่เทคโนโลยีเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกัน กลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐอย่าง KONNI APT จากเกาหลีเหนือ ได้ยกระดับการโจมตีไซเบอร์ไปอีกขั้น ด้วยการใช้ฟีเจอร์ของ Google เอง — Find Hub — เพื่อควบคุมอุปกรณ์ Android ของเหยื่อในเกาหลีใต้แบบระยะไกล

    แคมเปญนี้ถูกเปิดโปงโดย Genians Security Center ซึ่งพบว่าผู้โจมตีสามารถรีเซ็ตอุปกรณ์ Android ของเหยื่อ ลบข้อมูลส่วนตัว และติดตามตำแหน่งได้ โดยทั้งหมดเกิดขึ้นผ่านบัญชี Google ที่ถูกแฮก

    วิธีการโจมตีของ KONNI APT
    เริ่มจากการหลอกล่อผ่าน KakaoTalk โดยปลอมตัวเป็นนักจิตวิทยาหรือเจ้าหน้าที่รัฐ
    ส่งไฟล์ชื่อ “Stress Clear.msi” ที่ดูเหมือนโปรแกรมคลายเครียด แต่แฝงมัลแวร์
    เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ มัลแวร์จะติดตั้งสคริปต์ AutoIt เพื่อควบคุมระบบ

    การใช้ Google Find Hub เป็นอาวุธ
    หลังแฮกบัญชี Google ของเหยื่อ ผู้โจมตีใช้ Find Hub เพื่อติดตามตำแหน่ง
    เมื่อเหยื่อไม่อยู่ใกล้อุปกรณ์ จะสั่งรีเซ็ตโรงงาน (factory reset) เพื่อลบข้อมูล
    ส่งคำสั่งรีเซ็ตซ้ำหลายครั้งเพื่อขัดขวางการกู้คืน

    ความสามารถของมัลแวร์
    ใช้ AutoIt script ที่ปลอมเป็นงานระบบ Windows
    เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมในเยอรมนีผ่าน WordPress C2
    ฝัง RAT หลายตัว เช่น RemcosRAT, QuasarRAT, RftRAT เพื่อควบคุมจากระยะไกล

    เทคนิคการหลบเลี่ยงการตรวจจับ
    ใช้ไฟล์ MSI ที่มีลายเซ็นดิจิทัลจากบริษัทในจีนเพื่อหลอกระบบความปลอดภัย
    ลบการแจ้งเตือนจาก Gmail และเคลียร์ log เพื่อไม่ให้เหยื่อรู้ตัว
    ใช้ KakaoTalk ของเหยื่อส่งมัลแวร์ต่อไปยังคนรู้จัก

    คำเตือนด้านความปลอดภัย
    บัญชี Google ที่ไม่มีการป้องกันแบบหลายขั้น (MFA) เสี่ยงต่อการถูกแฮก
    การใช้บริการที่ดูปลอดภัยอย่าง Find Hub อาจถูกนำไปใช้ในทางร้าย
    การส่งไฟล์ผ่านแอปแชทจากคนรู้จักอาจเป็นช่องทางโจมตีที่แนบเนียน

    https://securityonline.info/north-koreas-konni-apt-hijacks-google-find-hub-to-remotely-wipe-and-track-south-korean-android-devices/
    📱 “KONNI APT โจมตีไซเบอร์สุดล้ำ! ใช้ Google Find Hub ล้างข้อมูล-ติดตามเหยื่อในเกาหลีใต้” ในโลกที่เทคโนโลยีเชื่อมโยงทุกอย่างเข้าด้วยกัน กลุ่มแฮกเกอร์ที่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐอย่าง KONNI APT จากเกาหลีเหนือ ได้ยกระดับการโจมตีไซเบอร์ไปอีกขั้น ด้วยการใช้ฟีเจอร์ของ Google เอง — Find Hub — เพื่อควบคุมอุปกรณ์ Android ของเหยื่อในเกาหลีใต้แบบระยะไกล แคมเปญนี้ถูกเปิดโปงโดย Genians Security Center ซึ่งพบว่าผู้โจมตีสามารถรีเซ็ตอุปกรณ์ Android ของเหยื่อ ลบข้อมูลส่วนตัว และติดตามตำแหน่งได้ โดยทั้งหมดเกิดขึ้นผ่านบัญชี Google ที่ถูกแฮก ✅ วิธีการโจมตีของ KONNI APT ➡️ เริ่มจากการหลอกล่อผ่าน KakaoTalk โดยปลอมตัวเป็นนักจิตวิทยาหรือเจ้าหน้าที่รัฐ ➡️ ส่งไฟล์ชื่อ “Stress Clear.msi” ที่ดูเหมือนโปรแกรมคลายเครียด แต่แฝงมัลแวร์ ➡️ เมื่อเหยื่อเปิดไฟล์ มัลแวร์จะติดตั้งสคริปต์ AutoIt เพื่อควบคุมระบบ ✅ การใช้ Google Find Hub เป็นอาวุธ ➡️ หลังแฮกบัญชี Google ของเหยื่อ ผู้โจมตีใช้ Find Hub เพื่อติดตามตำแหน่ง ➡️ เมื่อเหยื่อไม่อยู่ใกล้อุปกรณ์ จะสั่งรีเซ็ตโรงงาน (factory reset) เพื่อลบข้อมูล ➡️ ส่งคำสั่งรีเซ็ตซ้ำหลายครั้งเพื่อขัดขวางการกู้คืน ✅ ความสามารถของมัลแวร์ ➡️ ใช้ AutoIt script ที่ปลอมเป็นงานระบบ Windows ➡️ เชื่อมต่อกับเซิร์ฟเวอร์ควบคุมในเยอรมนีผ่าน WordPress C2 ➡️ ฝัง RAT หลายตัว เช่น RemcosRAT, QuasarRAT, RftRAT เพื่อควบคุมจากระยะไกล ✅ เทคนิคการหลบเลี่ยงการตรวจจับ ➡️ ใช้ไฟล์ MSI ที่มีลายเซ็นดิจิทัลจากบริษัทในจีนเพื่อหลอกระบบความปลอดภัย ➡️ ลบการแจ้งเตือนจาก Gmail และเคลียร์ log เพื่อไม่ให้เหยื่อรู้ตัว ➡️ ใช้ KakaoTalk ของเหยื่อส่งมัลแวร์ต่อไปยังคนรู้จัก ‼️ คำเตือนด้านความปลอดภัย ⛔ บัญชี Google ที่ไม่มีการป้องกันแบบหลายขั้น (MFA) เสี่ยงต่อการถูกแฮก ⛔ การใช้บริการที่ดูปลอดภัยอย่าง Find Hub อาจถูกนำไปใช้ในทางร้าย ⛔ การส่งไฟล์ผ่านแอปแชทจากคนรู้จักอาจเป็นช่องทางโจมตีที่แนบเนียน https://securityonline.info/north-koreas-konni-apt-hijacks-google-find-hub-to-remotely-wipe-and-track-south-korean-android-devices/
    SECURITYONLINE.INFO
    North Korea's KONNI APT Hijacks Google Find Hub to Remotely Wipe and Track South Korean Android Devices
    North Korea's KONNI APT is exploiting stolen Google accounts and the Find Hub service to remotely wipe South Korean Android devices for data destruction and surveillance, then spreading malware via KakaoTalk.
    0 Comments 0 Shares 282 Views 0 Reviews
  • ต้องตั้งคำถาม เจ้าหน้าที่ของไทยมีปัญญาปราบสีเทาได้แค่นี้หรือ? (7/11/68)
    .
    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #สีเทา #อาชญากรรมข้ามชาติ #เจ้าหน้าที่รัฐ #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #การเมืองไทย #newsupdate #ข่าวtiktok
    ต้องตั้งคำถาม เจ้าหน้าที่ของไทยมีปัญญาปราบสีเทาได้แค่นี้หรือ? (7/11/68) . #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #สีเทา #อาชญากรรมข้ามชาติ #เจ้าหน้าที่รัฐ #ข่าวร้อน #ข่าววันนี้ #การเมืองไทย #newsupdate #ข่าวtiktok
    0 Comments 0 Shares 186 Views 0 0 Reviews
  • กลุ่มแฮกเกอร์ Cavalry Werewolf โจมตีรัฐบาลรัสเซียด้วยมัลแวร์ ShellNET – ใช้ Telegram ควบคุมระบบจากระยะไกล

    กลุ่มแฮกเกอร์ชื่อว่า Cavalry Werewolf ได้เปิดปฏิบัติการโจมตีแบบเจาะจงต่อหน่วยงานรัฐบาลรัสเซีย โดยใช้มัลแวร์ตัวใหม่ชื่อ BackDoor.ShellNET.1 ที่สามารถควบคุมเครื่องเป้าหมายผ่าน Telegram และเปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลลับและโครงสร้างเครือข่ายภายใน

    การโจมตีเริ่มต้นในเดือนกรกฎาคม 2025 เมื่อองค์กรเป้าหมายพบว่าอีเมลสแปมถูกส่งออกจากระบบของตนเอง ซึ่งนำไปสู่การสืบสวนภายในและพบว่าเป็นการโจมตีแบบฟิชชิ่ง โดยใช้ไฟล์เอกสารปลอมที่ถูกเข้ารหัสด้วยรหัสผ่านเพื่อหลอกให้เปิดใช้งานมัลแวร์

    มัลแวร์ ShellNET ใช้โค้ดจากโปรเจกต์โอเพ่นซอร์ส Reverse-Shell-CS เมื่อถูกเปิดใช้งานจะสร้าง reverse shell เพื่อให้แฮกเกอร์สามารถสั่งงานจากระยะไกล และดาวน์โหลดเครื่องมือเพิ่มเติม เช่น Trojan.FileSpyNET.5 สำหรับขโมยไฟล์ และ BackDoor.Tunnel.41 สำหรับสร้าง SOCKS5 tunnel เพื่อสื่อสารแบบลับ

    กลุ่มนี้ยังใช้ Telegram bots เป็นเครื่องมือควบคุมมัลแวร์ ซึ่งช่วยซ่อนโครงสร้างพื้นฐานของผู้โจมตีได้อย่างแนบเนียน นอกจากนี้ยังมีการใช้โปรแกรมยอดนิยมที่ถูกดัดแปลง เช่น WinRAR, 7-Zip และ Visual Studio Code เพื่อเปิดช่องให้มัลแวร์ตัวอื่นทำงานเมื่อผู้ใช้เปิดโปรแกรมเหล่านี้

    ลักษณะการโจมตี
    เริ่มจากอีเมลฟิชชิ่งที่แนบไฟล์ปลอม
    ใช้มัลแวร์ ShellNET สร้าง reverse shell
    ดาวน์โหลดเครื่องมือขโมยข้อมูลและควบคุมระบบเพิ่มเติม

    เครื่องมือที่ใช้ในการโจมตี
    Trojan.FileSpyNET.5 สำหรับขโมยไฟล์
    BackDoor.Tunnel.41 สำหรับสร้างช่องทางสื่อสารลับ
    Telegram bots สำหรับควบคุมมัลแวร์จากระยะไกล

    การใช้โปรแกรมปลอม
    ดัดแปลงโปรแกรมยอดนิยมให้เปิดมัลแวร์
    เช่น WinRAR, 7-Zip, Visual Studio Code

    เป้าหมายของการโจมตี
    ข้อมูลลับขององค์กรรัฐบาล
    โครงสร้างเครือข่ายภายใน
    ข้อมูลผู้ใช้และระบบที่เชื่อมต่อ

    ประวัติของกลุ่ม Cavalry Werewolf
    เคยโจมตีหน่วยงานรัฐและอุตสาหกรรมในรัสเซีย
    ใช้ชื่อปลอมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลคีร์กีซ
    มีความเชื่อมโยงกับกลุ่ม Silent Lynx และ YoroTrooper

    https://hackread.com/cavalry-werewolf-russia-government-shellnet-backdoor/
    🎯 กลุ่มแฮกเกอร์ Cavalry Werewolf โจมตีรัฐบาลรัสเซียด้วยมัลแวร์ ShellNET – ใช้ Telegram ควบคุมระบบจากระยะไกล กลุ่มแฮกเกอร์ชื่อว่า Cavalry Werewolf ได้เปิดปฏิบัติการโจมตีแบบเจาะจงต่อหน่วยงานรัฐบาลรัสเซีย โดยใช้มัลแวร์ตัวใหม่ชื่อ BackDoor.ShellNET.1 ที่สามารถควบคุมเครื่องเป้าหมายผ่าน Telegram และเปิดช่องให้แฮกเกอร์เข้าถึงข้อมูลลับและโครงสร้างเครือข่ายภายใน การโจมตีเริ่มต้นในเดือนกรกฎาคม 2025 เมื่อองค์กรเป้าหมายพบว่าอีเมลสแปมถูกส่งออกจากระบบของตนเอง ซึ่งนำไปสู่การสืบสวนภายในและพบว่าเป็นการโจมตีแบบฟิชชิ่ง โดยใช้ไฟล์เอกสารปลอมที่ถูกเข้ารหัสด้วยรหัสผ่านเพื่อหลอกให้เปิดใช้งานมัลแวร์ มัลแวร์ ShellNET ใช้โค้ดจากโปรเจกต์โอเพ่นซอร์ส Reverse-Shell-CS เมื่อถูกเปิดใช้งานจะสร้าง reverse shell เพื่อให้แฮกเกอร์สามารถสั่งงานจากระยะไกล และดาวน์โหลดเครื่องมือเพิ่มเติม เช่น Trojan.FileSpyNET.5 สำหรับขโมยไฟล์ และ BackDoor.Tunnel.41 สำหรับสร้าง SOCKS5 tunnel เพื่อสื่อสารแบบลับ กลุ่มนี้ยังใช้ Telegram bots เป็นเครื่องมือควบคุมมัลแวร์ ซึ่งช่วยซ่อนโครงสร้างพื้นฐานของผู้โจมตีได้อย่างแนบเนียน นอกจากนี้ยังมีการใช้โปรแกรมยอดนิยมที่ถูกดัดแปลง เช่น WinRAR, 7-Zip และ Visual Studio Code เพื่อเปิดช่องให้มัลแวร์ตัวอื่นทำงานเมื่อผู้ใช้เปิดโปรแกรมเหล่านี้ ✅ ลักษณะการโจมตี ➡️ เริ่มจากอีเมลฟิชชิ่งที่แนบไฟล์ปลอม ➡️ ใช้มัลแวร์ ShellNET สร้าง reverse shell ➡️ ดาวน์โหลดเครื่องมือขโมยข้อมูลและควบคุมระบบเพิ่มเติม ✅ เครื่องมือที่ใช้ในการโจมตี ➡️ Trojan.FileSpyNET.5 สำหรับขโมยไฟล์ ➡️ BackDoor.Tunnel.41 สำหรับสร้างช่องทางสื่อสารลับ ➡️ Telegram bots สำหรับควบคุมมัลแวร์จากระยะไกล ✅ การใช้โปรแกรมปลอม ➡️ ดัดแปลงโปรแกรมยอดนิยมให้เปิดมัลแวร์ ➡️ เช่น WinRAR, 7-Zip, Visual Studio Code ✅ เป้าหมายของการโจมตี ➡️ ข้อมูลลับขององค์กรรัฐบาล ➡️ โครงสร้างเครือข่ายภายใน ➡️ ข้อมูลผู้ใช้และระบบที่เชื่อมต่อ ✅ ประวัติของกลุ่ม Cavalry Werewolf ➡️ เคยโจมตีหน่วยงานรัฐและอุตสาหกรรมในรัสเซีย ➡️ ใช้ชื่อปลอมเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลคีร์กีซ ➡️ มีความเชื่อมโยงกับกลุ่ม Silent Lynx และ YoroTrooper https://hackread.com/cavalry-werewolf-russia-government-shellnet-backdoor/
    HACKREAD.COM
    Cavalry Werewolf Hit Russian Government with New ShellNET Backdoor
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 232 Views 0 Reviews
  • เจอแล้วนะ เจ้าหน้าที่รัฐ “ทำลาย” หลักฐานคดีแตงโม!!? (3/11/68)
    .
    #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #คดีแตงโม #เจ้าหน้าที่รัฐ #คดีอาญา #ข่าวอาชญากรรม #ข่าวด่วน #newsupdate #ข่าวtiktok
    เจอแล้วนะ เจ้าหน้าที่รัฐ “ทำลาย” หลักฐานคดีแตงโม!!? (3/11/68) . #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #คดีแตงโม #เจ้าหน้าที่รัฐ #คดีอาญา #ข่าวอาชญากรรม #ข่าวด่วน #newsupdate #ข่าวtiktok
    0 Comments 0 Shares 228 Views 0 0 Reviews
  • Denmark ถอนข้อเสนอ “Chat Control” หลังเจอกระแสต้านหนักจาก EU และองค์กรสิทธิ

    รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของเดนมาร์กประกาศถอนข้อเสนอร่างกฎหมาย “Chat Control” ที่จะบังคับให้แพลตฟอร์มสื่อสารต้องสแกนข้อความผู้ใช้ แม้เป็นแบบเข้ารหัส (end-to-end) หลังเผชิญเสียงคัดค้านจากเยอรมนีและองค์กรด้านความเป็นส่วนตัว

    สาระสำคัญจากข่าว
    Chat Control คืออะไร? เป็นข้อเสนอของ EU ที่ต้องการให้แพลตฟอร์มสื่อสาร เช่น WhatsApp, Signal, Messenger ตรวจสอบข้อความผู้ใช้เพื่อป้องกันการเผยแพร่เนื้อหาเกี่ยวกับการล่วงละเมิดเด็ก (CSAM) แม้ข้อความจะถูกเข้ารหัสแบบ end-to-end

    เดนมาร์กนำกลับมาเสนออีกครั้งในช่วงดำรงตำแหน่งประธานสภายุโรป แต่หลังจากเยอรมนีประกาศไม่สนับสนุนเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2025 ข้อเสนอของเดนมาร์กก็ถูกถอนออกในวันที่ 30 ตุลาคม

    รัฐมนตรี Peter Hummelgaard ระบุว่าเดนมาร์กจะสนับสนุนการตรวจจับ CSAM แบบสมัครใจแทน โดยกล่าวว่า “หมายค้นจะไม่อยู่ในข้อเสนอใหม่ของ EU และจะยังคงเป็นเรื่องสมัครใจสำหรับบริษัทเทคโนโลยีในการตรวจหาเนื้อหาล่วงละเมิดเด็ก”

    Meredith Whittaker ประธาน Signal Foundation คัดค้านอย่างหนัก เธอระบุว่า “สิ่งที่เสนอคือการสอดแนมแบบมวลชนที่เปิดเผยข้อความส่วนตัวของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ นักข่าว หรือผู้เคลื่อนไหว” และขู่ว่า Signal จะถอนตัวจากตลาดยุโรปหากกฎหมายนี้ผ่าน

    การถอนข้อเสนอครั้งนี้สะท้อนถึงความตึงเครียดระหว่างการปกป้องเด็กกับการรักษาสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ และอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในทิศทางนโยบายดิจิทัลของสหภาพยุโรปในอนาคต

    https://therecord.media/demark-reportedly-withdraws-chat-control-proposal
    🇩🇰 Denmark ถอนข้อเสนอ “Chat Control” หลังเจอกระแสต้านหนักจาก EU และองค์กรสิทธิ รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมของเดนมาร์กประกาศถอนข้อเสนอร่างกฎหมาย “Chat Control” ที่จะบังคับให้แพลตฟอร์มสื่อสารต้องสแกนข้อความผู้ใช้ แม้เป็นแบบเข้ารหัส (end-to-end) หลังเผชิญเสียงคัดค้านจากเยอรมนีและองค์กรด้านความเป็นส่วนตัว 🔍 สาระสำคัญจากข่าว 💠 Chat Control คืออะไร? เป็นข้อเสนอของ EU ที่ต้องการให้แพลตฟอร์มสื่อสาร เช่น WhatsApp, Signal, Messenger ตรวจสอบข้อความผู้ใช้เพื่อป้องกันการเผยแพร่เนื้อหาเกี่ยวกับการล่วงละเมิดเด็ก (CSAM) แม้ข้อความจะถูกเข้ารหัสแบบ end-to-end 💠 เดนมาร์กนำกลับมาเสนออีกครั้งในช่วงดำรงตำแหน่งประธานสภายุโรป แต่หลังจากเยอรมนีประกาศไม่สนับสนุนเมื่อวันที่ 8 ตุลาคม 2025 ข้อเสนอของเดนมาร์กก็ถูกถอนออกในวันที่ 30 ตุลาคม 💠 รัฐมนตรี Peter Hummelgaard ระบุว่าเดนมาร์กจะสนับสนุนการตรวจจับ CSAM แบบสมัครใจแทน โดยกล่าวว่า “หมายค้นจะไม่อยู่ในข้อเสนอใหม่ของ EU และจะยังคงเป็นเรื่องสมัครใจสำหรับบริษัทเทคโนโลยีในการตรวจหาเนื้อหาล่วงละเมิดเด็ก” 💠 Meredith Whittaker ประธาน Signal Foundation คัดค้านอย่างหนัก เธอระบุว่า “สิ่งที่เสนอคือการสอดแนมแบบมวลชนที่เปิดเผยข้อความส่วนตัวของทุกคน ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ นักข่าว หรือผู้เคลื่อนไหว” และขู่ว่า Signal จะถอนตัวจากตลาดยุโรปหากกฎหมายนี้ผ่าน การถอนข้อเสนอครั้งนี้สะท้อนถึงความตึงเครียดระหว่างการปกป้องเด็กกับการรักษาสิทธิความเป็นส่วนตัวของผู้ใช้ และอาจเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในทิศทางนโยบายดิจิทัลของสหภาพยุโรปในอนาคต https://therecord.media/demark-reportedly-withdraws-chat-control-proposal
    THERECORD.MEDIA
    Denmark reportedly withdraws Chat Control proposal following controversy
    Earlier in its European Council presidency, Denmark had brought back a draft law which would have required scanning of electronic messages, sparking an intense backlash.
    0 Comments 0 Shares 285 Views 0 Reviews
  • รวมแล้วมีชาวสิงคโปร์ 27 รายและชาวมาเลเซีย 7 ราย ซึ่งเป็นที่ต้องการตัวของตำรวจสิงคโปร์ ตามคำกล่าวหาเป็นส่วนหนึ่งแก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติที่มีฐานปฏิบัติการในกัมพูชา ซึ่งเล่นงานเหยื่อชาวสิงคโปร์ ผ่านกลลวงแอบอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาล

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000103891

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    รวมแล้วมีชาวสิงคโปร์ 27 รายและชาวมาเลเซีย 7 ราย ซึ่งเป็นที่ต้องการตัวของตำรวจสิงคโปร์ ตามคำกล่าวหาเป็นส่วนหนึ่งแก๊งสแกมเมอร์ข้ามชาติที่มีฐานปฏิบัติการในกัมพูชา ซึ่งเล่นงานเหยื่อชาวสิงคโปร์ ผ่านกลลวงแอบอ้างตัวว่าเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาล อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000103891 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire #เขมรลักลอบวางระเบิด
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 477 Views 0 Reviews
  • อิสราเอลมาตั้งเป็นประเทศใหม่ได้เลย,พื้นที่ขนาดนี้ก็เพียงพอตั้งเป็นประเทศสาขาใหม่ได้,ภาษาไทยจริงๆต้องอยู่เหนือตัวอักษรภาษาของภาษาต่างประเทศทั้งหมด และบังคับใช้จริงทั่วราชอาณาจักรไทยด้วย,เจ้าหน้าที่รัฐประเทศไทยและข้าราชการไทยในพื้นที่ปล่อยปละละเลยมาก,ต่างชาติต่างประเทศจึงได้ใจ.

    https://x.com/OxlSQeZKrew3Nb6/status/1979981801834848360?t=WkE1lXATpgKXb5O9TRegsg&s=09
    อิสราเอลมาตั้งเป็นประเทศใหม่ได้เลย,พื้นที่ขนาดนี้ก็เพียงพอตั้งเป็นประเทศสาขาใหม่ได้,ภาษาไทยจริงๆต้องอยู่เหนือตัวอักษรภาษาของภาษาต่างประเทศทั้งหมด และบังคับใช้จริงทั่วราชอาณาจักรไทยด้วย,เจ้าหน้าที่รัฐประเทศไทยและข้าราชการไทยในพื้นที่ปล่อยปละละเลยมาก,ต่างชาติต่างประเทศจึงได้ใจ. https://x.com/OxlSQeZKrew3Nb6/status/1979981801834848360?t=WkE1lXATpgKXb5O9TRegsg&s=09
    0 Comments 0 Shares 283 Views 0 Reviews
  • มติ ครม. เจ้าหน้าที่รัฐไว้ทุกข์ 1 ปี งดหรือลดกิจกรรมบันเทิง 30 วัน

    ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. มีมติเห็นชอบตามประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต ดังนี้

    1. ให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐและสถานศึกษาทุกแห่ง ลดธงครึ่งเสา เป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป

    2. ให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐไว้ทุกข์ มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป สำหรับประชาชนทั่วไปขอให้พิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม

    ทั้งนี้ ขอความร่วมมือสถานบันเทิงและสถานบริการต่าง ๆ งดหรือลดกิจกรรม เพื่อความบันเทิง ตามความเหมาะสม เป็นระยะเวลา 30 วัน

    เพื่อให้การดำเนินการจัดพระราชพิธีพระศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง เป็นไปอย่างสมพระเกียรติตามโบราณขัตติยราชประเพณี จึงให้มีการดำเนินการ ดังนี้

    (1) เปิดให้ประชาชนเข้าถวายน้ำสรงพระศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ในวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568 เวลา 08.00 น. ถึง เวลา 12.00 น. ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง

    (2) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง คณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีฯ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการและกราบบังคมทูลเชิญพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นองค์ที่ปรึกษา และแจ้งส่วนราชการให้จัดข้าราชการไปร่วมเฝ้า ฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม เป็นเวลา 100 วัน เป็นประจำทุกวัน

    (3) กระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร) ดูแลรับผิดชอบในเรื่องรูปแบบ พิธีการและการจัดสร้างพระเมรุมาศ โดยขอรับพระราชวินิจฉัยจากองค์ที่ปรึกษาตามข้อ (2)

    (4) สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จัดผลัดเวรเฝ้า ฯ ของคณะรัฐมนตรี ไปเฝ้า ฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมทุกวันตลอดระยะเวลาของพระราชพิธี

    (5) กระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานครจัดกิจกรรม ถวายเป็นพระราชกุศลเพื่อให้ประชาชนร่วมในการถวายสักการะแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง

    (6) กรมประชาสัมพันธ์รับไปดำเนินการเผยแพร่พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง อย่างต่อเนื่อง และประสานความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศในการจัดทำคำแปลภาษาอังกฤษด้วย

    #Newskit
    มติ ครม. เจ้าหน้าที่รัฐไว้ทุกข์ 1 ปี งดหรือลดกิจกรรมบันเทิง 30 วัน ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ เมื่อวันที่ 25 ต.ค. มีมติเห็นชอบตามประกาศสํานักนายกรัฐมนตรี เรื่อง สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง สวรรคต ดังนี้ 1. ให้สถานที่ราชการ รัฐวิสาหกิจ หน่วยงานของรัฐและสถานศึกษาทุกแห่ง ลดธงครึ่งเสา เป็นเวลา 30 วัน ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป 2. ให้ข้าราชการ พนักงานรัฐวิสาหกิจ และเจ้าหน้าที่ของรัฐไว้ทุกข์ มีกำหนด 1 ปี ตั้งแต่วันที่ 25 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป สำหรับประชาชนทั่วไปขอให้พิจารณาดำเนินการตามความเหมาะสม ทั้งนี้ ขอความร่วมมือสถานบันเทิงและสถานบริการต่าง ๆ งดหรือลดกิจกรรม เพื่อความบันเทิง ตามความเหมาะสม เป็นระยะเวลา 30 วัน เพื่อให้การดำเนินการจัดพระราชพิธีพระศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง เป็นไปอย่างสมพระเกียรติตามโบราณขัตติยราชประเพณี จึงให้มีการดำเนินการ ดังนี้ (1) เปิดให้ประชาชนเข้าถวายน้ำสรงพระศพสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง เพื่อน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย เบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ในวันอาทิตย์ที่ 26 ตุลาคม 2568 เวลา 08.00 น. ถึง เวลา 12.00 น. ณ ศาลาสหทัยสมาคม พระบรมมหาราชวัง (2) สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี แต่งตั้ง คณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีฯ โดยมีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นกรรมการและเลขานุการและกราบบังคมทูลเชิญพระบรมวงศานุวงศ์ เป็นองค์ที่ปรึกษา และแจ้งส่วนราชการให้จัดข้าราชการไปร่วมเฝ้า ฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม เป็นเวลา 100 วัน เป็นประจำทุกวัน (3) กระทรวงวัฒนธรรม (กรมศิลปากร) ดูแลรับผิดชอบในเรื่องรูปแบบ พิธีการและการจัดสร้างพระเมรุมาศ โดยขอรับพระราชวินิจฉัยจากองค์ที่ปรึกษาตามข้อ (2) (4) สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี จัดผลัดเวรเฝ้า ฯ ของคณะรัฐมนตรี ไปเฝ้า ฯ ในพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมทุกวันตลอดระยะเวลาของพระราชพิธี (5) กระทรวงมหาดไทยและกรุงเทพมหานครจัดกิจกรรม ถวายเป็นพระราชกุศลเพื่อให้ประชาชนร่วมในการถวายสักการะแด่สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง (6) กรมประชาสัมพันธ์รับไปดำเนินการเผยแพร่พระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระราชชนนีพันปีหลวง อย่างต่อเนื่อง และประสานความร่วมมือกับกระทรวงการต่างประเทศในการจัดทำคำแปลภาษาอังกฤษด้วย #Newskit
    1 Comments 1 Shares 676 Views 0 Reviews
  • “Microsoft ปฏิเสธข้อกล่าวหา — ศูนย์ข้อมูลในเม็กซิโกไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหาน้ำ, ไฟ และโรคระบาด” — เมื่อการขยายโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาด 1.5 กิกะวัตต์กลายเป็นประเด็นร้อนในชุมชนท้องถิ่น

    เล่าเรื่องให้ฟัง: Microsoft ถูกกล่าวหาว่าศูนย์ข้อมูลในเมืองเกเรตาโร ประเทศเม็กซิโก ซึ่งเปิดใช้งานเมื่อปี 2024 เป็นสาเหตุของปัญหาน้ำขาดแคลน, ไฟดับบ่อย และโรคระบาดในชุมชนใกล้เคียง เช่น โรคตับอักเสบและอาการป่วยในระบบทางเดินอาหาร

    รายงานจาก New York Times ระบุว่า:

    โรงเรียนในเมือง Las Cenizas ต้องปิดชั่วคราวเพราะไม่มีน้ำใช้
    คลินิกท้องถิ่นไม่สามารถรักษาผู้ป่วยได้เพราะไฟดับ
    ชาวบ้านต้องจ่ายเงินเพื่อใช้น้ำจากรถบรรทุก
    อุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหายจากไฟกระชาก

    Microsoft ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดย Bowen Wallace รองประธานฝ่ายศูนย์ข้อมูลในอเมริกา ระบุว่า “ไม่มีหลักฐานว่าศูนย์ข้อมูลของเราทำให้เกิดไฟดับหรือน้ำขาดแคลน” และยืนยันว่าจะยังคงให้ความสำคัญกับความต้องการพื้นฐานของชุมชน

    บริษัทไฟฟ้าแห่งชาติของเม็กซิโกชี้ว่าไฟดับเกิดจากฟ้าผ่าและสัตว์หลงเข้าไปในระบบไฟฟ้า ไม่เกี่ยวกับการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล

    Alejandro Sterling ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาอุตสาหกรรมของรัฐเกเรตาโรกล่าวว่า “นี่คือปัญหาที่ดี” เพราะสะท้อนถึงการเติบโตของพื้นที่ และยืนยันว่าแผนขยายศูนย์ข้อมูลในเม็กซิโกจะเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1.5 กิกะวัตต์ใน 5 ปีข้างหน้า

    Microsoft ถูกกล่าวหาว่าศูนย์ข้อมูลในเม็กซิโกเป็นต้นเหตุของปัญหาท้องถิ่น
    เช่น น้ำขาดแคลน, ไฟดับ, และโรคตับอักเสบ

    ชาวบ้านในเมืองใกล้เคียงต้องจ่ายเงินใช้น้ำจากรถบรรทุก
    เพราะน้ำประปาไม่เพียงพอ

    Microsoft ปฏิเสธข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการ
    ระบุว่าไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงกับปัญหาที่เกิดขึ้น

    บริษัทไฟฟ้าแห่งชาติชี้ว่าไฟดับเกิดจากฟ้าผ่าและสัตว์
    ไม่เกี่ยวกับการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล

    เจ้าหน้าที่รัฐมองว่าปัญหาเหล่านี้สะท้อนการเติบโตของพื้นที่
    และสนับสนุนแผนขยายศูนย์ข้อมูลอีก 1.5 กิกะวัตต์ใน 5 ปี

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/microsoft-denies-mexico-data-center-linked-to-water-shortages-local-illnesses-and-power-outages-stomach-bugs-and-even-hepatitis-reported-in-region-as-1-5-gigawatt-ai-data-center-buildout-looms
    🏗️ “Microsoft ปฏิเสธข้อกล่าวหา — ศูนย์ข้อมูลในเม็กซิโกไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหาน้ำ, ไฟ และโรคระบาด” — เมื่อการขยายโครงสร้างพื้นฐาน AI ขนาด 1.5 กิกะวัตต์กลายเป็นประเด็นร้อนในชุมชนท้องถิ่น เล่าเรื่องให้ฟัง: Microsoft ถูกกล่าวหาว่าศูนย์ข้อมูลในเมืองเกเรตาโร ประเทศเม็กซิโก ซึ่งเปิดใช้งานเมื่อปี 2024 เป็นสาเหตุของปัญหาน้ำขาดแคลน, ไฟดับบ่อย และโรคระบาดในชุมชนใกล้เคียง เช่น โรคตับอักเสบและอาการป่วยในระบบทางเดินอาหาร รายงานจาก New York Times ระบุว่า: 🎗️ โรงเรียนในเมือง Las Cenizas ต้องปิดชั่วคราวเพราะไม่มีน้ำใช้ 🎗️ คลินิกท้องถิ่นไม่สามารถรักษาผู้ป่วยได้เพราะไฟดับ 🎗️ ชาวบ้านต้องจ่ายเงินเพื่อใช้น้ำจากรถบรรทุก 🎗️ อุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหายจากไฟกระชาก Microsoft ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหา โดย Bowen Wallace รองประธานฝ่ายศูนย์ข้อมูลในอเมริกา ระบุว่า “ไม่มีหลักฐานว่าศูนย์ข้อมูลของเราทำให้เกิดไฟดับหรือน้ำขาดแคลน” และยืนยันว่าจะยังคงให้ความสำคัญกับความต้องการพื้นฐานของชุมชน บริษัทไฟฟ้าแห่งชาติของเม็กซิโกชี้ว่าไฟดับเกิดจากฟ้าผ่าและสัตว์หลงเข้าไปในระบบไฟฟ้า ไม่เกี่ยวกับการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล Alejandro Sterling ผู้อำนวยการฝ่ายพัฒนาอุตสาหกรรมของรัฐเกเรตาโรกล่าวว่า “นี่คือปัญหาที่ดี” เพราะสะท้อนถึงการเติบโตของพื้นที่ และยืนยันว่าแผนขยายศูนย์ข้อมูลในเม็กซิโกจะเพิ่มขึ้นอีกกว่า 1.5 กิกะวัตต์ใน 5 ปีข้างหน้า ✅ Microsoft ถูกกล่าวหาว่าศูนย์ข้อมูลในเม็กซิโกเป็นต้นเหตุของปัญหาท้องถิ่น ➡️ เช่น น้ำขาดแคลน, ไฟดับ, และโรคตับอักเสบ ✅ ชาวบ้านในเมืองใกล้เคียงต้องจ่ายเงินใช้น้ำจากรถบรรทุก ➡️ เพราะน้ำประปาไม่เพียงพอ ✅ Microsoft ปฏิเสธข้อกล่าวหาอย่างเป็นทางการ ➡️ ระบุว่าไม่มีหลักฐานเชื่อมโยงกับปัญหาที่เกิดขึ้น ✅ บริษัทไฟฟ้าแห่งชาติชี้ว่าไฟดับเกิดจากฟ้าผ่าและสัตว์ ➡️ ไม่เกี่ยวกับการใช้พลังงานของศูนย์ข้อมูล ✅ เจ้าหน้าที่รัฐมองว่าปัญหาเหล่านี้สะท้อนการเติบโตของพื้นที่ ➡️ และสนับสนุนแผนขยายศูนย์ข้อมูลอีก 1.5 กิกะวัตต์ใน 5 ปี https://www.tomshardware.com/tech-industry/microsoft-denies-mexico-data-center-linked-to-water-shortages-local-illnesses-and-power-outages-stomach-bugs-and-even-hepatitis-reported-in-region-as-1-5-gigawatt-ai-data-center-buildout-looms
    0 Comments 0 Shares 328 Views 0 Reviews
  • สมาชิกสภาคองเกรส 3 รายจากรีพับลิกัน เสนอญัตติร่างกฎหมาย H.R. 5490 เรียกร้องให้ขึ้นบัญชีดำ "กัมพูชา" ตามคำกล่าวหาอาชญากรรมข้ามชาติข้อเสนอนี้หาทางคว่ำบาตรเล่นงานอย่างเจาะจงพวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลและพวกผู้นำทางธุรกิจ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางอาญาทั้งหลาย ในนั้นหลายคนเป็นแวดวงคนใกล้ชิดของ "ฮุนเซน" ซึ่งรวมถึง" เบน สมิธ" ที่มีข่าวเชื่อมโยงกับ "ทักษิณ ชินวัตร"
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000098714

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    สมาชิกสภาคองเกรส 3 รายจากรีพับลิกัน เสนอญัตติร่างกฎหมาย H.R. 5490 เรียกร้องให้ขึ้นบัญชีดำ "กัมพูชา" ตามคำกล่าวหาอาชญากรรมข้ามชาติข้อเสนอนี้หาทางคว่ำบาตรเล่นงานอย่างเจาะจงพวกเจ้าหน้าที่รัฐบาลและพวกผู้นำทางธุรกิจ ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมทางอาญาทั้งหลาย ในนั้นหลายคนเป็นแวดวงคนใกล้ชิดของ "ฮุนเซน" ซึ่งรวมถึง" เบน สมิธ" ที่มีข่าวเชื่อมโยงกับ "ทักษิณ ชินวัตร" . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000098714 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 513 Views 0 Reviews
  • “ไฟไหม้ศูนย์ข้อมูลรัฐบาลเกาหลีใต้ — สูญข้อมูล 858TB เพราะไม่มีระบบสำรอง”

    เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2025 เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ศูนย์ข้อมูล National Information Resources Service ในเมืองแทจอน ประเทศเกาหลีใต้ โดยต้นเหตุคือแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ระเบิดระหว่างการบำรุงรักษา ส่งผลให้ระบบ G-Drive ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจัดเก็บเอกสารของรัฐบาลถูกทำลายทั้งหมด พร้อมข้อมูลกว่า 858 เทราไบต์ที่ไม่มีการสำรองไว้เลย

    G-Drive ถูกใช้โดยเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 125,000 คนจาก 74 หน่วยงาน และเป็นศูนย์กลางของบริการสาธารณะกว่า 160 รายการ เช่น ระบบภาษี การติดตามฉุกเฉิน 119 ระบบร้องเรียน และอีเมลราชการ การสูญเสียข้อมูลครั้งนี้ทำให้ระบบหลายส่วนหยุดชะงักทันที และการกู้คืนยังคงดำเนินไปอย่างล่าช้า โดย ณ วันที่ 4 ตุลาคม มีเพียง 17.8% ของระบบที่กลับมาออนไลน์

    เจ้าหน้าที่อ้างว่า G-Drive ไม่สามารถสำรองข้อมูลได้เพราะมีขนาดใหญ่เกินไป แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ปริมาณ 858TB นั้นสามารถสำรองบนคลาวด์ได้ในราคาประมาณ $20,000 ต่อเดือน ซึ่งถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น

    เหตุการณ์นี้ยังนำไปสู่โศกนาฏกรรม เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐที่ดูแลการกู้คืนข้อมูลเสียชีวิตจากการกระโดดตึกในวันที่ 3 ตุลาคม โดยอยู่ระหว่างการสอบสวนว่าเกิดจากความเครียดหรือแรงกดดันจากงานหรือไม่

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    เกิดไฟไหม้ศูนย์ข้อมูลรัฐบาลเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2025
    ระบบ G-Drive ถูกทำลายพร้อมข้อมูล 858TB โดยไม่มีการสำรอง
    G-Drive ใช้โดยเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 125,000 คนจาก 74 หน่วยงาน
    บริการสาธารณะกว่า 160 รายการได้รับผลกระทบ เช่น ภาษี อีเมล และระบบฉุกเฉิน
    ณ วันที่ 4 ตุลาคม มีเพียง 17.8% ของระบบที่กลับมาออนไลน์
    เจ้าหน้าที่อ้างว่าไม่สามารถสำรองข้อมูลได้เพราะขนาดใหญ่เกินไป
    ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าการสำรองข้อมูล 858TB บนคลาวด์มีค่าใช้จ่ายเพียง $20,000 ต่อเดือน
    เจ้าหน้าที่รัฐที่ดูแลการกู้คืนข้อมูลเสียชีวิตจากการกระโดดตึก

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมีความหนาแน่นพลังงานสูงแต่เสี่ยงต่อการระเบิด
    เหตุการณ์คล้ายกันเคยเกิดที่ OVHcloud ในฝรั่งเศสปี 2021 แต่มีระบบสำรองจากผู้ให้บริการภายนอก
    การไม่มีระบบสำรองแบบ geographic redundancy ทำให้ไฟไหม้กลายเป็นวิกฤตระดับชาติ
    ระบบ G-Drive มี quota 30GB ต่อเจ้าหน้าที่ และเป็นศูนย์กลางเอกสารราชการ
    การกู้คืนข้อมูลบางส่วนต้องใช้วิธี manual recreation ซึ่งใช้เวลานานและไม่สมบูรณ์

    คำเตือนและข้อจำกัด
    การไม่มีระบบสำรองข้อมูลทำให้เกิดการสูญเสียระดับชาติ
    การพึ่งพาศูนย์ข้อมูลเดียวโดยไม่มี geographic redundancy เป็นความเสี่ยงสูง
    การอ้างว่ข้อมูลใหญ่เกินกว่าจะสำรองได้ไม่สอดคล้องกับเทคโนโลยีปัจจุบัน
    การกู้คืนข้อมูลล่าช้าอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน
    ความเครียดจากการกู้คืนข้อมูลอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตของเจ้าหน้าที่

    https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/south-korean-government-learns-the-importance-of-backups-the-hard-way-after-catastrophic-fire-858-terabytes-of-data-goes-up-in-magic-smoke
    🔥 “ไฟไหม้ศูนย์ข้อมูลรัฐบาลเกาหลีใต้ — สูญข้อมูล 858TB เพราะไม่มีระบบสำรอง” เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2025 เกิดเหตุไฟไหม้ครั้งใหญ่ที่ศูนย์ข้อมูล National Information Resources Service ในเมืองแทจอน ประเทศเกาหลีใต้ โดยต้นเหตุคือแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนที่ระเบิดระหว่างการบำรุงรักษา ส่งผลให้ระบบ G-Drive ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มจัดเก็บเอกสารของรัฐบาลถูกทำลายทั้งหมด พร้อมข้อมูลกว่า 858 เทราไบต์ที่ไม่มีการสำรองไว้เลย G-Drive ถูกใช้โดยเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 125,000 คนจาก 74 หน่วยงาน และเป็นศูนย์กลางของบริการสาธารณะกว่า 160 รายการ เช่น ระบบภาษี การติดตามฉุกเฉิน 119 ระบบร้องเรียน และอีเมลราชการ การสูญเสียข้อมูลครั้งนี้ทำให้ระบบหลายส่วนหยุดชะงักทันที และการกู้คืนยังคงดำเนินไปอย่างล่าช้า โดย ณ วันที่ 4 ตุลาคม มีเพียง 17.8% ของระบบที่กลับมาออนไลน์ เจ้าหน้าที่อ้างว่า G-Drive ไม่สามารถสำรองข้อมูลได้เพราะมีขนาดใหญ่เกินไป แต่ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า ปริมาณ 858TB นั้นสามารถสำรองบนคลาวด์ได้ในราคาประมาณ $20,000 ต่อเดือน ซึ่งถือว่าถูกมากเมื่อเทียบกับความเสียหายที่เกิดขึ้น เหตุการณ์นี้ยังนำไปสู่โศกนาฏกรรม เมื่อเจ้าหน้าที่รัฐที่ดูแลการกู้คืนข้อมูลเสียชีวิตจากการกระโดดตึกในวันที่ 3 ตุลาคม โดยอยู่ระหว่างการสอบสวนว่าเกิดจากความเครียดหรือแรงกดดันจากงานหรือไม่ ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ เกิดไฟไหม้ศูนย์ข้อมูลรัฐบาลเกาหลีใต้เมื่อวันที่ 26 กันยายน 2025 ➡️ ระบบ G-Drive ถูกทำลายพร้อมข้อมูล 858TB โดยไม่มีการสำรอง ➡️ G-Drive ใช้โดยเจ้าหน้าที่รัฐกว่า 125,000 คนจาก 74 หน่วยงาน ➡️ บริการสาธารณะกว่า 160 รายการได้รับผลกระทบ เช่น ภาษี อีเมล และระบบฉุกเฉิน ➡️ ณ วันที่ 4 ตุลาคม มีเพียง 17.8% ของระบบที่กลับมาออนไลน์ ➡️ เจ้าหน้าที่อ้างว่าไม่สามารถสำรองข้อมูลได้เพราะขนาดใหญ่เกินไป ➡️ ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่าการสำรองข้อมูล 858TB บนคลาวด์มีค่าใช้จ่ายเพียง $20,000 ต่อเดือน ➡️ เจ้าหน้าที่รัฐที่ดูแลการกู้คืนข้อมูลเสียชีวิตจากการกระโดดตึก ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ แบตเตอรี่ลิเธียมไอออนมีความหนาแน่นพลังงานสูงแต่เสี่ยงต่อการระเบิด ➡️ เหตุการณ์คล้ายกันเคยเกิดที่ OVHcloud ในฝรั่งเศสปี 2021 แต่มีระบบสำรองจากผู้ให้บริการภายนอก ➡️ การไม่มีระบบสำรองแบบ geographic redundancy ทำให้ไฟไหม้กลายเป็นวิกฤตระดับชาติ ➡️ ระบบ G-Drive มี quota 30GB ต่อเจ้าหน้าที่ และเป็นศูนย์กลางเอกสารราชการ ➡️ การกู้คืนข้อมูลบางส่วนต้องใช้วิธี manual recreation ซึ่งใช้เวลานานและไม่สมบูรณ์ ‼️ คำเตือนและข้อจำกัด ⛔ การไม่มีระบบสำรองข้อมูลทำให้เกิดการสูญเสียระดับชาติ ⛔ การพึ่งพาศูนย์ข้อมูลเดียวโดยไม่มี geographic redundancy เป็นความเสี่ยงสูง ⛔ การอ้างว่ข้อมูลใหญ่เกินกว่าจะสำรองได้ไม่สอดคล้องกับเทคโนโลยีปัจจุบัน ⛔ การกู้คืนข้อมูลล่าช้าอาจกระทบต่อความเชื่อมั่นของประชาชน ⛔ ความเครียดจากการกู้คืนข้อมูลอาจส่งผลต่อสุขภาพจิตของเจ้าหน้าที่ https://www.tomshardware.com/pc-components/storage/south-korean-government-learns-the-importance-of-backups-the-hard-way-after-catastrophic-fire-858-terabytes-of-data-goes-up-in-magic-smoke
    0 Comments 0 Shares 427 Views 0 Reviews
  • ส่วนตัวถ้าเป็นนายกฯจะสั่งให้ออกจากราชการให้หมด ตั้งแต่ราชการในพื้นที่นั้น,แล้วตรวจสอบข้อเท็จจริงตั้งแต่เริ่มต้น ใครผิดจริงโดนหมดที่เกี่ยวข้อง ใครไม่ผิดคืนอำนาจและชดเชยให้ทันที,คนดีต้องคุ้มครองคุ้มกันปกป้อง,ทหารภาค.1ทั้งหมดปลดออกจากราชการไว้ก่อนทั้งหมดเช่นกัน รวมถึงตำรวจในพื้นที่ดังกล่าวทั้งหมดด้วย.,มีคนดีๆคนเก่งๆพร้อมอาสาเข้าลงพื้นที่ไปจัดการแน่นอน.
    ..บ้านหนองจานหรือสระแก้วทั้งหมดถือว่าเจ้าหน้าที่ทั้งหมดไปสุจริตในหน้าที่ของตน,ตั้งแต่ผู้ว่า นายอำเภอ อบต.อบจ.ต้องโดนหมด,เช่นกัน อธิปไตยแผ่นดินไทยตนเอง มาทำเล่นๆถ่วงเวลา ยืดเวลา ใช้ไม่ได้.,ผิดตั้งแต่ปะทะ24-28ก.ค.68แล้ว ละเว้นปฏิบัติการชัดเจน รวมถึงจันทบุรี ตราดด้วย,ทั้งภาคตะวันออก คือภัยทรยศต่อความมั่นคงด้านอธิปไตยไทยตนชัดเจน.,ตนหากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐแล้วถูกบีบบังคับจริง สามารถลาออกจากราชการเพื่อมิให้ใช้อำนาจหน้าที่ตนให้เสื่อมเสียต่อแผ่นดินอธิปไตยไทยได้,เมื่อคนดีเห็นคุณค่า จะเรียกมาบรรจุราชการชดเชยอำนาจตำแหน่งทางราชการที่สูญเสียไปได้เพื่อปกป้องอธิปไตยไทยตนและเกียรติแห่งหน้าที่ราชการแผ่นดินไทยตน.

    https://youtube.com/shorts/hbyjcLXS-0Q?si=ffgW3avE_V6BmuuZ
    ส่วนตัวถ้าเป็นนายกฯจะสั่งให้ออกจากราชการให้หมด ตั้งแต่ราชการในพื้นที่นั้น,แล้วตรวจสอบข้อเท็จจริงตั้งแต่เริ่มต้น ใครผิดจริงโดนหมดที่เกี่ยวข้อง ใครไม่ผิดคืนอำนาจและชดเชยให้ทันที,คนดีต้องคุ้มครองคุ้มกันปกป้อง,ทหารภาค.1ทั้งหมดปลดออกจากราชการไว้ก่อนทั้งหมดเช่นกัน รวมถึงตำรวจในพื้นที่ดังกล่าวทั้งหมดด้วย.,มีคนดีๆคนเก่งๆพร้อมอาสาเข้าลงพื้นที่ไปจัดการแน่นอน. ..บ้านหนองจานหรือสระแก้วทั้งหมดถือว่าเจ้าหน้าที่ทั้งหมดไปสุจริตในหน้าที่ของตน,ตั้งแต่ผู้ว่า นายอำเภอ อบต.อบจ.ต้องโดนหมด,เช่นกัน อธิปไตยแผ่นดินไทยตนเอง มาทำเล่นๆถ่วงเวลา ยืดเวลา ใช้ไม่ได้.,ผิดตั้งแต่ปะทะ24-28ก.ค.68แล้ว ละเว้นปฏิบัติการชัดเจน รวมถึงจันทบุรี ตราดด้วย,ทั้งภาคตะวันออก คือภัยทรยศต่อความมั่นคงด้านอธิปไตยไทยตนชัดเจน.,ตนหากเป็นเจ้าหน้าที่รัฐแล้วถูกบีบบังคับจริง สามารถลาออกจากราชการเพื่อมิให้ใช้อำนาจหน้าที่ตนให้เสื่อมเสียต่อแผ่นดินอธิปไตยไทยได้,เมื่อคนดีเห็นคุณค่า จะเรียกมาบรรจุราชการชดเชยอำนาจตำแหน่งทางราชการที่สูญเสียไปได้เพื่อปกป้องอธิปไตยไทยตนและเกียรติแห่งหน้าที่ราชการแผ่นดินไทยตน. https://youtube.com/shorts/hbyjcLXS-0Q?si=ffgW3avE_V6BmuuZ
    0 Comments 0 Shares 409 Views 0 Reviews
  • ชาวบ้านหนองจานผู้ถือโฉนดที่ดิน ถูกจนท.รัฐไล่ไปปักหมุดเอง (29/9/68)

    #ThaiTimes
    #News1
    #News1short
    #TruthFromThailand
    #shorts
    #หนองจาน
    #ที่ดิน
    #เจ้าหน้าที่รัฐ
    ชาวบ้านหนองจานผู้ถือโฉนดที่ดิน ถูกจนท.รัฐไล่ไปปักหมุดเอง (29/9/68) #ThaiTimes #News1 #News1short #TruthFromThailand #shorts #หนองจาน #ที่ดิน #เจ้าหน้าที่รัฐ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 316 Views 0 0 Reviews
  • ถึง #นักการเมือง #นักธุรกิจ #นายทุน #ข้าราชการ #ทหาร #ตำรวจ #เจ้าหน้าที่รัฐ
    https://youtube.com/shorts/9A4WPkepvds
    ถึง #นักการเมือง #นักธุรกิจ #นายทุน #ข้าราชการ #ทหาร #ตำรวจ #เจ้าหน้าที่รัฐ https://youtube.com/shorts/9A4WPkepvds
    0 Comments 0 Shares 305 Views 0 Reviews
  • “Grok AI ของ Elon Musk ได้รับไฟเขียวจากรัฐบาลสหรัฐฯ — ใช้งานได้ทุกหน่วยงานในราคาแค่ 42 เซนต์ พร้อมทีมวิศวกรช่วยติดตั้ง”

    ในความเคลื่อนไหวที่พลิกเกมวงการ AI ภาครัฐของสหรัฐฯ รัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามข้อตกลงกับบริษัท xAI ของ Elon Musk เพื่อใช้งาน Grok AI ในหน่วยงานรัฐบาลกลางทุกแห่ง โดยมีค่าใช้จ่ายเพียง 42 เซนต์ต่อหน่วยงานต่อระยะเวลา 18 เดือน ซึ่งถือเป็นสัญญา AI ที่ยาวที่สุดภายใต้โครงการ OneGov ของ GSA (General Services Administration)

    Grok เวอร์ชันที่ใช้ในภาครัฐมีชื่อว่า “Grok for Government” โดยใช้โมเดล Grok 4 และ Grok 4 Fast ซึ่งเน้นการให้เหตุผลเชิงลึกและประสิทธิภาพสูง พร้อมมีทีมวิศวกรจาก xAI คอยช่วยเหลือในการติดตั้งและฝึกอบรมการใช้งานให้กับเจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับ

    แม้ Elon Musk จะเคยมีความขัดแย้งกับประธานาธิบดีทรัมป์ในช่วงกลางปี 2025 แต่การลงนามข้อตกลงนี้อาจเป็นสัญญาณของการคืนดี โดยทั้งสองถูกพบเห็นร่วมงานกันในที่สาธารณะ และ Musk เริ่มกล่าวชื่นชมผู้นำสหรัฐฯ อีกครั้งในแถลงการณ์ของบริษัท

    Grok เข้าร่วมกับบริษัท AI รายใหญ่อื่น ๆ ที่ได้รับเลือกให้ใช้งานในภาครัฐ เช่น Meta, OpenAI, Google และ Anthropic โดยแต่ละรายเสนอราคาที่ต่ำมาก เช่น Meta เสนอใช้งานฟรี ส่วน OpenAI และ Anthropic เสนอในราคา $1 ต่อปี

    อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงนี้ไม่พ้นเสียงวิจารณ์ โดยกลุ่มสิทธิมนุษยชนและนักการเมืองบางฝ่ายแสดงความกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมของ Grok ในอดีต เช่น การโพสต์เนื้อหาต่อต้านชาวยิวและการเรียกตัวเองว่า “MechaHitler” บนแพลตฟอร์ม X ซึ่ง xAI ได้ออกมาขอโทษและให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงระบบความปลอดภัยและการกรองเนื้อหาให้ดีขึ้น

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    รัฐบาลสหรัฐฯ ลงนามข้อตกลงใช้งาน Grok AI จาก xAI ในราคา 42 เซนต์ต่อหน่วยงาน
    ข้อตกลงมีระยะเวลา 18 เดือน สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2027
    ใช้โมเดล Grok 4 และ Grok 4 Fast ที่เน้นการให้เหตุผลและประสิทธิภาพสูง
    xAI ให้ทีมวิศวกรช่วยติดตั้งและฝึกอบรมการใช้งานในหน่วยงาน
    Grok for Government เป็นชุดผลิตภัณฑ์ที่ปรับแต่งสำหรับภาครัฐ
    เข้าร่วมกับบริษัท AI อื่น ๆ เช่น Meta, OpenAI, Google และ Anthropic ภายใต้โครงการ OneGov
    Meta เสนอใช้งานฟรี ส่วน OpenAI และ Anthropic เสนอในราคา $1 ต่อปี
    GSA ยืนยันว่า Grok ผ่านการทดสอบความปลอดภัยและไม่มีอคติเชิงระบบ
    มีการจัดตั้งทีม AI Safety ภายใน GSA เพื่อประเมินและตรวจสอบโมเดลอย่างต่อเนื่อง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ราคาที่ 42 เซนต์เป็นการอ้างอิงถึงนิยาย “Hitchhiker’s Guide to the Galaxy” ที่ระบุว่า 42 คือคำตอบของจักรวาล Grok 4 Fast เป็นโมเดล reasoning ที่มีต้นทุนต่ำและประสิทธิภาพสูง
    xAI ยังได้รับสัญญาเพิ่มเติมจากกระทรวงกลาโหมมูลค่าสูงถึง $200 ล้าน
    การใช้งาน Grok ในภาครัฐครอบคลุมทั้งงานด้านความมั่นคง วิทยาศาสตร์ และสาธารณสุข
    GSA มีแผนขยายการใช้งาน AI ให้ครอบคลุมทุกหน่วยงานภายใต้แนวคิด “OneGov”

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/elon-musks-grok-ai-to-be-used-by-us-government-at-a-price-of-42-cents-per-agency-trump-admin-joining-meta-openai-in-recent-trend-of-ai-govt-contracts
    🧠 “Grok AI ของ Elon Musk ได้รับไฟเขียวจากรัฐบาลสหรัฐฯ — ใช้งานได้ทุกหน่วยงานในราคาแค่ 42 เซนต์ พร้อมทีมวิศวกรช่วยติดตั้ง” ในความเคลื่อนไหวที่พลิกเกมวงการ AI ภาครัฐของสหรัฐฯ รัฐบาลภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามข้อตกลงกับบริษัท xAI ของ Elon Musk เพื่อใช้งาน Grok AI ในหน่วยงานรัฐบาลกลางทุกแห่ง โดยมีค่าใช้จ่ายเพียง 42 เซนต์ต่อหน่วยงานต่อระยะเวลา 18 เดือน ซึ่งถือเป็นสัญญา AI ที่ยาวที่สุดภายใต้โครงการ OneGov ของ GSA (General Services Administration) Grok เวอร์ชันที่ใช้ในภาครัฐมีชื่อว่า “Grok for Government” โดยใช้โมเดล Grok 4 และ Grok 4 Fast ซึ่งเน้นการให้เหตุผลเชิงลึกและประสิทธิภาพสูง พร้อมมีทีมวิศวกรจาก xAI คอยช่วยเหลือในการติดตั้งและฝึกอบรมการใช้งานให้กับเจ้าหน้าที่รัฐทุกระดับ แม้ Elon Musk จะเคยมีความขัดแย้งกับประธานาธิบดีทรัมป์ในช่วงกลางปี 2025 แต่การลงนามข้อตกลงนี้อาจเป็นสัญญาณของการคืนดี โดยทั้งสองถูกพบเห็นร่วมงานกันในที่สาธารณะ และ Musk เริ่มกล่าวชื่นชมผู้นำสหรัฐฯ อีกครั้งในแถลงการณ์ของบริษัท Grok เข้าร่วมกับบริษัท AI รายใหญ่อื่น ๆ ที่ได้รับเลือกให้ใช้งานในภาครัฐ เช่น Meta, OpenAI, Google และ Anthropic โดยแต่ละรายเสนอราคาที่ต่ำมาก เช่น Meta เสนอใช้งานฟรี ส่วน OpenAI และ Anthropic เสนอในราคา $1 ต่อปี อย่างไรก็ตาม ข้อตกลงนี้ไม่พ้นเสียงวิจารณ์ โดยกลุ่มสิทธิมนุษยชนและนักการเมืองบางฝ่ายแสดงความกังวลเกี่ยวกับพฤติกรรมของ Grok ในอดีต เช่น การโพสต์เนื้อหาต่อต้านชาวยิวและการเรียกตัวเองว่า “MechaHitler” บนแพลตฟอร์ม X ซึ่ง xAI ได้ออกมาขอโทษและให้คำมั่นว่าจะปรับปรุงระบบความปลอดภัยและการกรองเนื้อหาให้ดีขึ้น ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ ลงนามข้อตกลงใช้งาน Grok AI จาก xAI ในราคา 42 เซนต์ต่อหน่วยงาน ➡️ ข้อตกลงมีระยะเวลา 18 เดือน สิ้นสุดเดือนมีนาคม 2027 ➡️ ใช้โมเดล Grok 4 และ Grok 4 Fast ที่เน้นการให้เหตุผลและประสิทธิภาพสูง ➡️ xAI ให้ทีมวิศวกรช่วยติดตั้งและฝึกอบรมการใช้งานในหน่วยงาน ➡️ Grok for Government เป็นชุดผลิตภัณฑ์ที่ปรับแต่งสำหรับภาครัฐ ➡️ เข้าร่วมกับบริษัท AI อื่น ๆ เช่น Meta, OpenAI, Google และ Anthropic ภายใต้โครงการ OneGov ➡️ Meta เสนอใช้งานฟรี ส่วน OpenAI และ Anthropic เสนอในราคา $1 ต่อปี ➡️ GSA ยืนยันว่า Grok ผ่านการทดสอบความปลอดภัยและไม่มีอคติเชิงระบบ ➡️ มีการจัดตั้งทีม AI Safety ภายใน GSA เพื่อประเมินและตรวจสอบโมเดลอย่างต่อเนื่อง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ราคาที่ 42 เซนต์เป็นการอ้างอิงถึงนิยาย “Hitchhiker’s Guide to the Galaxy” ที่ระบุว่า 42 คือคำตอบของจักรวาล ➡️ Grok 4 Fast เป็นโมเดล reasoning ที่มีต้นทุนต่ำและประสิทธิภาพสูง ➡️ xAI ยังได้รับสัญญาเพิ่มเติมจากกระทรวงกลาโหมมูลค่าสูงถึง $200 ล้าน ➡️ การใช้งาน Grok ในภาครัฐครอบคลุมทั้งงานด้านความมั่นคง วิทยาศาสตร์ และสาธารณสุข ➡️ GSA มีแผนขยายการใช้งาน AI ให้ครอบคลุมทุกหน่วยงานภายใต้แนวคิด “OneGov” https://www.tomshardware.com/tech-industry/artificial-intelligence/elon-musks-grok-ai-to-be-used-by-us-government-at-a-price-of-42-cents-per-agency-trump-admin-joining-meta-openai-in-recent-trend-of-ai-govt-contracts
    0 Comments 0 Shares 428 Views 0 Reviews
  • บทความกฎหมาย EP.5

    อาวุธคือสิ่งที่กฎหมายกำหนดให้เป็นวัตถุอันตรายและควบคุมอย่างเคร่งครัด เพราะอาจถูกใช้ในการก่ออาชญากรรมหรือทำร้ายผู้อื่นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาวุธปืน นั้นมีกฎหมายเฉพาะควบคุมอย่างเข้มงวด ทั้งการครอบครอง การพกพา และการโอนเปลี่ยนมือ ซึ่งผู้ที่จะมีไว้ในครอบครองได้ต้องได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 หากฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำคุกและปรับที่หนักมาก นอกจากนี้ยังรวมถึงวัตถุอื่นที่แม้ไม่ใช่ปืนแต่ถูกใช้เป็นอาวุธเพื่อทำร้ายผู้อื่นก็อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายได้เช่นกัน เช่น มีด ดาบ หรือวัตถุระเบิดต่างๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับเจตนาและพฤติการณ์ในการนำไปใช้เป็นสำคัญ

    นอกจากอาวุธปืนแล้ว ยังมีอาวุธอื่นที่กฎหมายให้ความสำคัญไม่แพ้กัน เช่น อาวุธสงคราม ซึ่งการมีไว้ในครอบครองเป็นความผิดร้ายแรงที่อาจมีโทษถึงประหารชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 246 และยังมีอาวุธโดยสภาพ เช่น มีด หรือไม้เบสบอล ที่ปกติไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมาย แต่หากนำไปพกพาในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรและเจตนาที่จะทำร้ายผู้อื่น อาจเข้าข่ายความผิดฐานพกพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ซึ่งมีโทษปรับและจำคุกเล็กน้อย แต่หากก่อเหตุทำร้ายผู้อื่นขึ้นมา โทษก็จะหนักขึ้นไปอีก นอกจากนี้อาวุธที่สร้างขึ้นเองโดยผิดกฎหมาย เช่น ปืนปากกา ก็ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายเช่นกัน

    ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า อาวุธทุกชนิดอยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมาย การมีไว้ในครอบครองหรือพกพาโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจนำมาซึ่งโทษที่ร้ายแรงได้ ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับอาวุธใดๆ ควรหลีกเลี่ยงการนำไปพกพาหรือนำไปใช้ในการกระทำความผิด และสำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้อาวุธ เช่น เจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้ที่ได้รับอนุญาต ควรปฏิบัติให้ถูกต้องตามขั้นตอนและกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของตนเองและสังคมโดยรวม
    บทความกฎหมาย EP.5 อาวุธคือสิ่งที่กฎหมายกำหนดให้เป็นวัตถุอันตรายและควบคุมอย่างเคร่งครัด เพราะอาจถูกใช้ในการก่ออาชญากรรมหรือทำร้ายผู้อื่นได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง อาวุธปืน นั้นมีกฎหมายเฉพาะควบคุมอย่างเข้มงวด ทั้งการครอบครอง การพกพา และการโอนเปลี่ยนมือ ซึ่งผู้ที่จะมีไว้ในครอบครองได้ต้องได้รับใบอนุญาตจากนายทะเบียนตามพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 หากฝ่าฝืนมีโทษทั้งจำคุกและปรับที่หนักมาก นอกจากนี้ยังรวมถึงวัตถุอื่นที่แม้ไม่ใช่ปืนแต่ถูกใช้เป็นอาวุธเพื่อทำร้ายผู้อื่นก็อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายได้เช่นกัน เช่น มีด ดาบ หรือวัตถุระเบิดต่างๆ ซึ่งขึ้นอยู่กับเจตนาและพฤติการณ์ในการนำไปใช้เป็นสำคัญ นอกจากอาวุธปืนแล้ว ยังมีอาวุธอื่นที่กฎหมายให้ความสำคัญไม่แพ้กัน เช่น อาวุธสงคราม ซึ่งการมีไว้ในครอบครองเป็นความผิดร้ายแรงที่อาจมีโทษถึงประหารชีวิตตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 246 และยังมีอาวุธโดยสภาพ เช่น มีด หรือไม้เบสบอล ที่ปกติไม่ใช่สิ่งผิดกฎหมาย แต่หากนำไปพกพาในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันสมควรและเจตนาที่จะทำร้ายผู้อื่น อาจเข้าข่ายความผิดฐานพกพาอาวุธไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควรได้ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 371 ซึ่งมีโทษปรับและจำคุกเล็กน้อย แต่หากก่อเหตุทำร้ายผู้อื่นขึ้นมา โทษก็จะหนักขึ้นไปอีก นอกจากนี้อาวุธที่สร้างขึ้นเองโดยผิดกฎหมาย เช่น ปืนปากกา ก็ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมายเช่นกัน ดังนั้นจึงสรุปได้ว่า อาวุธทุกชนิดอยู่ภายใต้การควบคุมของกฎหมาย การมีไว้ในครอบครองหรือพกพาโดยไม่ได้รับอนุญาตอาจนำมาซึ่งโทษที่ร้ายแรงได้ ผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องกับอาวุธใดๆ ควรหลีกเลี่ยงการนำไปพกพาหรือนำไปใช้ในการกระทำความผิด และสำหรับผู้ที่มีความจำเป็นต้องใช้อาวุธ เช่น เจ้าหน้าที่รัฐหรือผู้ที่ได้รับอนุญาต ควรปฏิบัติให้ถูกต้องตามขั้นตอนและกฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของตนเองและสังคมโดยรวม
    0 Comments 0 Shares 537 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 15 ช๊อกโกแลตมีประกัน (ตอนจบ)

    ฝูงชนออกมาตามถนนมากขึ้นทุกวัน ความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกวัน มือปืนซุ่มยิงเริ่มทำงานอย่างขยันขันแข็งขึ้นทุกวัน แล้ววันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 ที่ Maiden Square ก็เหมือนเป็นสนามรบ ตำรวจปราบจราจลไม่สามารถทำอะไรได้มาก หัวหน้าฝ่ายค้าน Vitali Klitschko ซึ่งมาร่วมประชุมวันก่อนกับสหภาพยุโรป บอกขอยกเลิกข้อตกลงที่คุยกันไว้ โดยไม่ให้เหตุผล ส่วนนาย Yanukovich หายตัวไปจากเมือง Kiev !

    ใครเป็นคนเริ่มการซุ่มยิง ข่าววงในหลุดมาจากมือเก๋า ของหน่วยงานความมั่นคงของอเมริกา ว่า พวกซุ่มยิงหรือพวกแม่นปืน (sniper) มาจากองค์กรพวกขวาจัดของ Ukraine National Assembly – Ukanian People’s Self-Defense (UNA-UNSO)

    หัวหน้าของ UNA-UNSO คือนาย Andriy Shkil ซึ่งเป็นที่ปรึกษา ให้แก่คุณนายหางเปีย Tymoshenko มากว่า 10 ปี ! ตลอดเวลาที่อเมริกาเล่นละเลงสี ส้ม ในช่วงปี ค.ศ. 2003-2004 เพื่อหนุน Ukraine ให้เข้า NATO และชักใย นาย Viktor Yuskchenko สู้กับฝ่ายหนุนรัสเซียนั้น ข่าวบอกว่า UNA-UNSO ทำหน้าที่เป็นการ์ดคุ้มครองความปลอดภัย ให้คุณนายหางเปียและคุณหุ่น Yushchenko

    ข่าวว่า UNA_UNSO มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพวก the German National Democratic Party (NDP) ของเยอรมัน
    ตั้งแต่สหภาพโซเวียต ล่มสลายในปี ค.ศ. 1991 สมาชิกที่มารวมตัวเป็นกลุ่ม UNA-UNSO มักอยู่เบื้องหลังการต่อต้านรัสเซียเกือบทุกรายการ แหล่งข่าวจากหน่วยความมั่นคงของอเมริการะบุว่า พวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม “GLADIO” ซึ่งเป็นองค์กรลับภายใต้การดูแลของ NATO และไม่ใช่พวก Ukraine รักชาติ อย่างที่พวกสื่อตะวันตกเอาไปลงกัน

    แหล่งข่าวเดียวกันนี้ ยืนยันว่า UNA-UNSO มีส่วนเกี่ยวข้อง (โดยมีการยืนยันอย่างเป็นทางการ) ตั้งแต่เหตุการณ์ใน Lithunia เมื่อปี ค.ศ. 1991, Pridnister Republic 1992, anti Moscow Abkhazia War 1993, Chechen War, the US-organized Kosovo Campaign Against the Serbs และ Aug 8 2008 war in Georgia รายงานบอกว่า UNA-UNSO เกี่ยวข้องกับงานสกปรกของ NATO ทุกรายการตั้งแต่เลิกสงครามเย็นเป็นต้นมา โดยเป็นการทำงานในนามของ NATO และโยนให้รัสเซียเป็นแพะ โดยกลุ่มพวกนี้อ้างตัวว่า เป็นหน่วยงานพิเศษของรัสเซีย Russian special Forces

    ถ้าเป็นเรื่องจริงว่า UNA-UNSO ไม่ใช่ชาว Ukraine แต่เป็นหน่วยงานลับสูงสุดของ NATO โดยใช้ Ukraine เป็นฐาน ก็น่าคิดว่าการพยายาม เจรจาประนีประนอมของสหภาพยุโรป เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ Kiev โดยไม่เชิญตัวเล่นสำคัญไปร่วมด้วย เหตุการรุนแรงที่กำลังดำเนินอยู่ ก็น่าจะถูกวางยาให้การแอบเจรจา ล่มเละเรียบร้อย เป็นการสั่งสอน

    แต่อย่างว่า สหภาพยุโรปไม่มี NATO ก็เหมือนเต่าไม่มีกระดอง NATO ไม่มีอเมริกา ก็เหมือนเต่าตาบอด แถมไม่มีผักบุ้งให้กิน มันจะแตกกันจริงหรือ ร้าวอาจจะมี แต่เพื่อเป้าหมายเดียวกัน มันก็รวมตัวกันเล่นละครต่อไปได้น่า

    ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า หลังจากได้รับเลือกเป็นประธานาธิ บดี เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2014 นี้เอง ประธานาธิบดี Petro Poroshenko เจ้าพ่อช๊อกโกแลต ก็แอบมีนัดกับคณะผู้แทน ที่นำโดยผู้อำนวยการของ National Service of Covert Operations (หรือ CIA National Clandestine Service) ชื่อนาย Frank Archibald รวมทั้ง นาย Jeffery Egan อดีตหัวหน้า CIA ประจำ Ukraine และนาย Raymond Mark Davidson หัวหน้า CIA ประจำ Ukraine คนปัจจุบัน, นาย Mark Buggy (CIA Istanbul) Andrzei Derlatka (CIA Polish intelligence Agency) และนาย Kevin Duffin เจ้าหน้าที่ CIA ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองประธานอาวุโสของบริษัทประกันภัย ชื่อ Brower
    แล้วประธานาธิบดี Poroshenko และนาย Archibald ก็ได้ลงนามในสัญญา ชื่อ “Agreement on Military Cooperation between U.S and Ukraine”

    เห็นรายชื่อและตำแหน่งของคณะผู้แทนของอเมริกา ที่เข้าพบประธานาธิบดีครั้งนี้ น่าสงสัย ว่าจะลับ ลวงหลอก หรือไง แต่เซียนแบบเรา ๆ (ฮา) ก็พอจะเดากันได้ ตอนนี้ไม่ง่ายเหมือนปลอกกล้วยหรอก ที่สภาสูงจะอนุมัติ ให้อเมริกาให้ความร่วมมือทางทหาร โดยตรงกับ Ukraine ด้วยการส่งทหารไปทำการฝึกและเข้าร่วมการรบใน Ukraine มันก็เลยต้องเล่นกลกันหน่อย ใช้ให้บริษัทประกันภัย Brower ซึ่งเป็นของ CIA ออกหน้าแทน เรื่องแบบนี้ มันงานถนัดอยู่แล้ว ก็จัดการไม่ยาก และไม่เป็นข่าวมากนัก ขืนทำตรงไปตรงมา โป๊ตายชัก โลกรู้หมดว่า กำลังอะไร เอาน่าถึงโลกจะรู้แล้ว แต่อย่าให้ถึงกับเป็นข่าวว่อนเน็ตเลย

    นอกจากลงนาม เกี่ยวกับความร่วมมือทางการทหาร กับบริษัทประกัน Brower แล้ว (จัดฉากได้ห่วยแตกจริง ๆ ) รัฐบาลใหม่ของ Ukraine ยังลงนามในสัญญา เพื่อรื้อฟื้นความร่วมมือของ LITPOLUKRBRIG (the Lithuanian – Polish – Brigade) ซึ่งเป็นการรวมมือหน่วยรบของกองกำลัง 3 ประเทศ อีกด้วย

    นาย Sergei Lavrov รมต. กระทรวงต่างประเทศรัสเซียบอกว่า มันง่ายมากสำหรับอเมริกา ที่จะกล่าวหาประเทศเขา เมื่อมีเหตุการณ์ไม่ปรกติใดเกิดขึ้นใน Ukraine และบอกว่ารัสเซียต้องเป็นฝ่ายแก้ไข เขาบอกว่าขณะที่ ฝั่งตะวันออกและทางใต้ของ Ukraine ต่อต้านรัฐบาลที่อยู่ที่ Kiev ไม่ได้เป็นหุ่นเชิดของ Kremlin มันน่าจะอธิบายให้เห็นสัมพันธ์ของรัฐบาลใน Kiev กับอเมริกาแล้วนะ

    ขณะเดี่ยวกับนายพล Rasmussen เลขาธิการ NATO บอกว่าแผนของ NATO ที่จะขยายไปทางตะวันออก ยังเดินหน้าต่อไป

    “NATO กำลังใช้วิกฤติการณ์ใน Ukraine เป็นเครื่องมือในการวางแผนการทำสงคราม และอเมริกาได้ตกลงแล้ว ที่จะตั้งฐานทัพที่ยุโรปตะวันออก” ศจ. Francis Boyle จาก Harvard ซึ่งเป็นผู้ชำนาญ ด้านรัสเซียกล่าว

    เขาบอกต่อไปว่า วิกฤติการณ์ใน Ukraine ได้ถูกวางแผนให้เป็นสงคราม นี่มันเป็นแผนการรบ มันเป็นบทเริ่มสำหรับให้ NATO ใช้กำลังทหาร ทั้งทางอากาศ ทางทะเล และทางบก เพื่อให้เข้าไปถึงรัสเซีย มันชัดเจนว่า NATO กำลังเดินเส้นทางนั้น
    ในวันกล่าวสุนทรพจน์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของนาย Poroshenko เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 2014 นี้เอง เขาได้กล่าว โดยสรุปว่า เขาพยายามจะใช้นโยบายการฑูต เพื่อให้เกิดสันติภาพและความมั่นคง และใช้กองทัพในกรณีที่ประเทศของเขา (Ukraine) ถูกข่มขู่ด้านอธิปไตยทางเขตแดน และผู้ใดที่รุกรานเขตแดนของ Ukraine โปรดจำไว้ด้วยว่า ใครมาด้วยดาบ ก็จะต้องแพ้ไปด้วยคมดาบ เช่นเดียวกัน ช็อกโกแลตชักไม่หวานเสียแล้ว

    ขณะเดียวกัน NATO ก็กำลังใช้กรณีของ Ukraine เป็นใบเบิกเงิน เงินค่าสมาชิก NATO เช่นเดียวกัน เรื่องนี้นาย Obama รีบทำหน้าใหญ่ บอกอเมริกาพร้อมที่จะควักกระเป๋า 1 พันล้านเหรียญ เพื่อเพิ่มกองกำลังสำหรับยุโรปตะวันออกโดยเฉพาะ แหม รวยจัง เงินเดือนเจ้าหน้าที่รัฐบาลบ้านตัวเองจ่ายเขาครบหรือยัง

    อันที่จริง นาย Obama ต้องการจะขอให้สภาสูงให้ blank cheque แก่เขาจำนวน 5 พันล้านเหรียญ เพื่อเอาเงินจำนวนนี้ ไปใช้สำหรับการรบในต่างประเทศ และโดยไม่นับรวมอยู่ในงบประมาณกลาโหม ยังไม่มีข่าวว่าสภาสูง อนุมัติหรือยัง

    เรื่องสภาสูงเป็นเรื่องนึง แต่เรื่องออกข่าวเกทับเป็นอีกเรื่องนึง

    ในการกล่าวสุนทรพจน์กับนักเรียน นายร้อย West Point ในวันจบหลักสูตร ประธานาธิบดี Obama ทำหน้าเข้ม (จริง ๆ ก็เข้มอยู่แล้ว ฮา) บอกว่าอเมริกายังจะเป็นผู้นำของโลกไปอีกหลายร้อยปี กองทัพของเรายังไม่มี
    ใครหน้าไหน ในโลกนี้มาทาบรัศมีได้ ใครที่บอกเป็นอย่างอื่น หรือบอกว่า อเมริกากำลังตกต่ำ เตี้ยลง เตี้ยลง หรือความเป็นผู้นำของ เรากำลังจะจางหายไป คิดใหม่นะ โอกาสที่ใครจะมาเทียบเรา แทบไม่มีเลย ไม่มีทางเฉียดเลยด้วยซ้ำ … อเมริกากำลังพูดกับใครกันแน่

    ในการประชุมขององค์กร Bilderberg องค์กรลับสุดยอดของโลก ครั้งที่ 62 เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ถึง 1 มิถุนายน คศ 2014 ที่กรุง Copenhagen, Denmark มีข่าวรั่วออกมาว่าประเด็นเรื่อง Ukraine เป็นวาระสำคัญและลับสุด ที่ประชุมหารือ ถึงการดำเนินการร่วมกัน ของอเมริกากับสหภาพยุโรป ในกรณีที่กองทัพของรัสเซียจะบุกเข้า Ukraine และความพร้อมของฝ่ายตะวันตกในการเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 3

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    1 กค. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 15 ช๊อกโกแลตมีประกัน (ตอนจบ) ฝูงชนออกมาตามถนนมากขึ้นทุกวัน ความรุนแรงเพิ่มขึ้นทุกวัน มือปืนซุ่มยิงเริ่มทำงานอย่างขยันขันแข็งขึ้นทุกวัน แล้ววันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ. 2014 ที่ Maiden Square ก็เหมือนเป็นสนามรบ ตำรวจปราบจราจลไม่สามารถทำอะไรได้มาก หัวหน้าฝ่ายค้าน Vitali Klitschko ซึ่งมาร่วมประชุมวันก่อนกับสหภาพยุโรป บอกขอยกเลิกข้อตกลงที่คุยกันไว้ โดยไม่ให้เหตุผล ส่วนนาย Yanukovich หายตัวไปจากเมือง Kiev ! ใครเป็นคนเริ่มการซุ่มยิง ข่าววงในหลุดมาจากมือเก๋า ของหน่วยงานความมั่นคงของอเมริกา ว่า พวกซุ่มยิงหรือพวกแม่นปืน (sniper) มาจากองค์กรพวกขวาจัดของ Ukraine National Assembly – Ukanian People’s Self-Defense (UNA-UNSO) หัวหน้าของ UNA-UNSO คือนาย Andriy Shkil ซึ่งเป็นที่ปรึกษา ให้แก่คุณนายหางเปีย Tymoshenko มากว่า 10 ปี ! ตลอดเวลาที่อเมริกาเล่นละเลงสี ส้ม ในช่วงปี ค.ศ. 2003-2004 เพื่อหนุน Ukraine ให้เข้า NATO และชักใย นาย Viktor Yuskchenko สู้กับฝ่ายหนุนรัสเซียนั้น ข่าวบอกว่า UNA-UNSO ทำหน้าที่เป็นการ์ดคุ้มครองความปลอดภัย ให้คุณนายหางเปียและคุณหุ่น Yushchenko ข่าวว่า UNA_UNSO มีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับพวก the German National Democratic Party (NDP) ของเยอรมัน ตั้งแต่สหภาพโซเวียต ล่มสลายในปี ค.ศ. 1991 สมาชิกที่มารวมตัวเป็นกลุ่ม UNA-UNSO มักอยู่เบื้องหลังการต่อต้านรัสเซียเกือบทุกรายการ แหล่งข่าวจากหน่วยความมั่นคงของอเมริการะบุว่า พวกนี้เป็นส่วนหนึ่งของกลุ่ม “GLADIO” ซึ่งเป็นองค์กรลับภายใต้การดูแลของ NATO และไม่ใช่พวก Ukraine รักชาติ อย่างที่พวกสื่อตะวันตกเอาไปลงกัน แหล่งข่าวเดียวกันนี้ ยืนยันว่า UNA-UNSO มีส่วนเกี่ยวข้อง (โดยมีการยืนยันอย่างเป็นทางการ) ตั้งแต่เหตุการณ์ใน Lithunia เมื่อปี ค.ศ. 1991, Pridnister Republic 1992, anti Moscow Abkhazia War 1993, Chechen War, the US-organized Kosovo Campaign Against the Serbs และ Aug 8 2008 war in Georgia รายงานบอกว่า UNA-UNSO เกี่ยวข้องกับงานสกปรกของ NATO ทุกรายการตั้งแต่เลิกสงครามเย็นเป็นต้นมา โดยเป็นการทำงานในนามของ NATO และโยนให้รัสเซียเป็นแพะ โดยกลุ่มพวกนี้อ้างตัวว่า เป็นหน่วยงานพิเศษของรัสเซีย Russian special Forces ถ้าเป็นเรื่องจริงว่า UNA-UNSO ไม่ใช่ชาว Ukraine แต่เป็นหน่วยงานลับสูงสุดของ NATO โดยใช้ Ukraine เป็นฐาน ก็น่าคิดว่าการพยายาม เจรจาประนีประนอมของสหภาพยุโรป เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ ที่ Kiev โดยไม่เชิญตัวเล่นสำคัญไปร่วมด้วย เหตุการรุนแรงที่กำลังดำเนินอยู่ ก็น่าจะถูกวางยาให้การแอบเจรจา ล่มเละเรียบร้อย เป็นการสั่งสอน แต่อย่างว่า สหภาพยุโรปไม่มี NATO ก็เหมือนเต่าไม่มีกระดอง NATO ไม่มีอเมริกา ก็เหมือนเต่าตาบอด แถมไม่มีผักบุ้งให้กิน มันจะแตกกันจริงหรือ ร้าวอาจจะมี แต่เพื่อเป้าหมายเดียวกัน มันก็รวมตัวกันเล่นละครต่อไปได้น่า ล่าสุด มีรายงานข่าวว่า หลังจากได้รับเลือกเป็นประธานาธิ บดี เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม 2014 นี้เอง ประธานาธิบดี Petro Poroshenko เจ้าพ่อช๊อกโกแลต ก็แอบมีนัดกับคณะผู้แทน ที่นำโดยผู้อำนวยการของ National Service of Covert Operations (หรือ CIA National Clandestine Service) ชื่อนาย Frank Archibald รวมทั้ง นาย Jeffery Egan อดีตหัวหน้า CIA ประจำ Ukraine และนาย Raymond Mark Davidson หัวหน้า CIA ประจำ Ukraine คนปัจจุบัน, นาย Mark Buggy (CIA Istanbul) Andrzei Derlatka (CIA Polish intelligence Agency) และนาย Kevin Duffin เจ้าหน้าที่ CIA ซึ่งมีตำแหน่งเป็นรองประธานอาวุโสของบริษัทประกันภัย ชื่อ Brower แล้วประธานาธิบดี Poroshenko และนาย Archibald ก็ได้ลงนามในสัญญา ชื่อ “Agreement on Military Cooperation between U.S and Ukraine” เห็นรายชื่อและตำแหน่งของคณะผู้แทนของอเมริกา ที่เข้าพบประธานาธิบดีครั้งนี้ น่าสงสัย ว่าจะลับ ลวงหลอก หรือไง แต่เซียนแบบเรา ๆ (ฮา) ก็พอจะเดากันได้ ตอนนี้ไม่ง่ายเหมือนปลอกกล้วยหรอก ที่สภาสูงจะอนุมัติ ให้อเมริกาให้ความร่วมมือทางทหาร โดยตรงกับ Ukraine ด้วยการส่งทหารไปทำการฝึกและเข้าร่วมการรบใน Ukraine มันก็เลยต้องเล่นกลกันหน่อย ใช้ให้บริษัทประกันภัย Brower ซึ่งเป็นของ CIA ออกหน้าแทน เรื่องแบบนี้ มันงานถนัดอยู่แล้ว ก็จัดการไม่ยาก และไม่เป็นข่าวมากนัก ขืนทำตรงไปตรงมา โป๊ตายชัก โลกรู้หมดว่า กำลังอะไร เอาน่าถึงโลกจะรู้แล้ว แต่อย่าให้ถึงกับเป็นข่าวว่อนเน็ตเลย นอกจากลงนาม เกี่ยวกับความร่วมมือทางการทหาร กับบริษัทประกัน Brower แล้ว (จัดฉากได้ห่วยแตกจริง ๆ ) รัฐบาลใหม่ของ Ukraine ยังลงนามในสัญญา เพื่อรื้อฟื้นความร่วมมือของ LITPOLUKRBRIG (the Lithuanian – Polish – Brigade) ซึ่งเป็นการรวมมือหน่วยรบของกองกำลัง 3 ประเทศ อีกด้วย นาย Sergei Lavrov รมต. กระทรวงต่างประเทศรัสเซียบอกว่า มันง่ายมากสำหรับอเมริกา ที่จะกล่าวหาประเทศเขา เมื่อมีเหตุการณ์ไม่ปรกติใดเกิดขึ้นใน Ukraine และบอกว่ารัสเซียต้องเป็นฝ่ายแก้ไข เขาบอกว่าขณะที่ ฝั่งตะวันออกและทางใต้ของ Ukraine ต่อต้านรัฐบาลที่อยู่ที่ Kiev ไม่ได้เป็นหุ่นเชิดของ Kremlin มันน่าจะอธิบายให้เห็นสัมพันธ์ของรัฐบาลใน Kiev กับอเมริกาแล้วนะ ขณะเดี่ยวกับนายพล Rasmussen เลขาธิการ NATO บอกว่าแผนของ NATO ที่จะขยายไปทางตะวันออก ยังเดินหน้าต่อไป “NATO กำลังใช้วิกฤติการณ์ใน Ukraine เป็นเครื่องมือในการวางแผนการทำสงคราม และอเมริกาได้ตกลงแล้ว ที่จะตั้งฐานทัพที่ยุโรปตะวันออก” ศจ. Francis Boyle จาก Harvard ซึ่งเป็นผู้ชำนาญ ด้านรัสเซียกล่าว เขาบอกต่อไปว่า วิกฤติการณ์ใน Ukraine ได้ถูกวางแผนให้เป็นสงคราม นี่มันเป็นแผนการรบ มันเป็นบทเริ่มสำหรับให้ NATO ใช้กำลังทหาร ทั้งทางอากาศ ทางทะเล และทางบก เพื่อให้เข้าไปถึงรัสเซีย มันชัดเจนว่า NATO กำลังเดินเส้นทางนั้น ในวันกล่าวสุนทรพจน์ เข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีของนาย Poroshenko เมื่อวันที่ 7 มิถุนายน ค.ศ. 2014 นี้เอง เขาได้กล่าว โดยสรุปว่า เขาพยายามจะใช้นโยบายการฑูต เพื่อให้เกิดสันติภาพและความมั่นคง และใช้กองทัพในกรณีที่ประเทศของเขา (Ukraine) ถูกข่มขู่ด้านอธิปไตยทางเขตแดน และผู้ใดที่รุกรานเขตแดนของ Ukraine โปรดจำไว้ด้วยว่า ใครมาด้วยดาบ ก็จะต้องแพ้ไปด้วยคมดาบ เช่นเดียวกัน ช็อกโกแลตชักไม่หวานเสียแล้ว ขณะเดียวกัน NATO ก็กำลังใช้กรณีของ Ukraine เป็นใบเบิกเงิน เงินค่าสมาชิก NATO เช่นเดียวกัน เรื่องนี้นาย Obama รีบทำหน้าใหญ่ บอกอเมริกาพร้อมที่จะควักกระเป๋า 1 พันล้านเหรียญ เพื่อเพิ่มกองกำลังสำหรับยุโรปตะวันออกโดยเฉพาะ แหม รวยจัง เงินเดือนเจ้าหน้าที่รัฐบาลบ้านตัวเองจ่ายเขาครบหรือยัง อันที่จริง นาย Obama ต้องการจะขอให้สภาสูงให้ blank cheque แก่เขาจำนวน 5 พันล้านเหรียญ เพื่อเอาเงินจำนวนนี้ ไปใช้สำหรับการรบในต่างประเทศ และโดยไม่นับรวมอยู่ในงบประมาณกลาโหม ยังไม่มีข่าวว่าสภาสูง อนุมัติหรือยัง เรื่องสภาสูงเป็นเรื่องนึง แต่เรื่องออกข่าวเกทับเป็นอีกเรื่องนึง ในการกล่าวสุนทรพจน์กับนักเรียน นายร้อย West Point ในวันจบหลักสูตร ประธานาธิบดี Obama ทำหน้าเข้ม (จริง ๆ ก็เข้มอยู่แล้ว ฮา) บอกว่าอเมริกายังจะเป็นผู้นำของโลกไปอีกหลายร้อยปี กองทัพของเรายังไม่มี ใครหน้าไหน ในโลกนี้มาทาบรัศมีได้ ใครที่บอกเป็นอย่างอื่น หรือบอกว่า อเมริกากำลังตกต่ำ เตี้ยลง เตี้ยลง หรือความเป็นผู้นำของ เรากำลังจะจางหายไป คิดใหม่นะ โอกาสที่ใครจะมาเทียบเรา แทบไม่มีเลย ไม่มีทางเฉียดเลยด้วยซ้ำ … อเมริกากำลังพูดกับใครกันแน่ ในการประชุมขององค์กร Bilderberg องค์กรลับสุดยอดของโลก ครั้งที่ 62 เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม ถึง 1 มิถุนายน คศ 2014 ที่กรุง Copenhagen, Denmark มีข่าวรั่วออกมาว่าประเด็นเรื่อง Ukraine เป็นวาระสำคัญและลับสุด ที่ประชุมหารือ ถึงการดำเนินการร่วมกัน ของอเมริกากับสหภาพยุโรป ในกรณีที่กองทัพของรัสเซียจะบุกเข้า Ukraine และความพร้อมของฝ่ายตะวันตกในการเข้าสู่สงครามโลกครั้งที่ 3 สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 1 กค. 2557
    0 Comments 0 Shares 755 Views 0 Reviews
  • คนค้าขายฉิบหาย เพราะระบบ CFR ของ ITMX

    มาตรการอายัดบัญชีของธนาคารพาณิชย์ ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ กำลังทำให้บรรดาผู้ประกอบอาชีพค้าขายจำนวนมากเดือดร้อน เพราะจู่ๆ ถูกอายัดบัญชี ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ ธนาคารอ้างว่าบัญชีและช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ถูกระงับการทำธุรกรรมตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (CFR) ทำให้มีผู้ค้าส่วนหนึ่งงดรับเงินโอนหรือสแกน QR Code รับเฉพาะเงินสดไปก่อน ขณะเดียวกัน ลูกค้าธนาคารส่วนหนึ่งต่างถอนเงินออกจากบัญชี เพราะไม่ไว้วางใจระบบธนาคาร

    สาเหตุหลักเป็นเพราะกลุ่มมิจฉาชีพเปลี่ยนวิธีการหลอกลวงประชาชน จากเดิมล่อลวงให้โอนเงินเข้าบัญชีม้า เป็นการโอนเงินไปยังบัญชีร้านค้าเพื่อแลกสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นลักษณะของการฟอกเงินวิธีหนึ่ง หรือการหลอกให้โอนเงินครั้งแรกจำนวนน้อย เพื่อให้เหยื่อเชื่อใจว่ามีตัวตนจริง ก่อนให้โอนไปยังบัญชีม้า ซึ่งการอายัดบัญชีจะมีอยู่ 2 ลักษณะ ได้แก่ 1. ผู้เสียหายโทร.แจ้งสายด่วน 1441 หรือแจ้งความกับตำรวจ แล้วทำเรื่องแจ้งธนาคารอายัด ซึ่งจะมีเลขอ้างอิง 2. ธนาคารอายัดเองเมื่อสังเกตการทำธุรกรรมแล้วเชื่อว่าผิดปกติ กรณีนี้จะไม่มีเลขอ้างอิง โดยพิจารณาให้เป็นบัญชีม้าแต่ละสีตามความรุนแรงของพฤติกรรม

    เบื้องหลังที่ทำให้บรรดาผู้ค้าต่างพากันวุ่นวาย คือ ระบบ Central Fraud Registry (CFR) เป็นศูนย์กลางรวมรวมข้อมูลรายการธุรกรรมต้องสงสัย และนำข้อมูลไปใช้ในการสอบสวนขยายผลเพื่ออายัดเงินจากบัญชีม้าต่างๆ และเพื่อประโยชน์ในการติดตามเงินคืนแก่ผู้เสียหายเมื่อมีการร้องขอข้อมูลจากเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงการนำข้อมูลไปใช้ในกระบวนการยุติธรรม โดยให้ธนาคารส่งข้อมูลธุรกรรมต้องสงสัย ที่ผู้เสียหายเป็นผู้แจ้ง หรือธนาคารตรวจพบรายการต้องสงสัยนั้นเอง หากเส้นทางการเงินโยงไปยังบัญชีใดก็จะอายัดบัญชี และรายงานไปยังธนาคารสมาชิก เพื่ออายัดบัญชีภายใต้เลขประจำตัวประชาชนเดียวกัน ผลก็คือแม้ธนาคารต้นทางจะปลดอายัดแล้ว แต่ผู้ค้าที่มีบัญชีหลายธนาคาร ต้องไปไล่เบี้ยกับธนาคารอื่นๆ ที่ยังคงอายัดบัญชี

    นอกจากนี้ กรณีตำรวจไซเบอร์ใช้สายด่วน 1441 รับเรื่อง แล้วโยนไปให้ร้อยเวรตามโรงพักต่างๆ ต้องรับภาระทำคดี โดยที่ตำรวจไซเบอร์และธนาคารพาณิชย์ต่างโยนภาระพิสูจน์ความจริงกันไปมา แสดงให้เห็นว่า แม้กระบวนการล็อกบัญชีจะง่ายดายโดยอ้างว่าเพื่อยับยั้งความเสียหาย แต่การปลดล็อกบัญชีหากพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่บัญชีม้ายุ่งยากกว่า จึงเป็นมาตรการที่วุ่นวาย ทำให้ประชาชนไม่มั่นใจในระบบธนาคาร ทำลายเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

    #Newskit
    คนค้าขายฉิบหาย เพราะระบบ CFR ของ ITMX มาตรการอายัดบัญชีของธนาคารพาณิชย์ ร่วมกับกองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือตำรวจไซเบอร์ กำลังทำให้บรรดาผู้ประกอบอาชีพค้าขายจำนวนมากเดือดร้อน เพราะจู่ๆ ถูกอายัดบัญชี ไม่สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้ ธนาคารอ้างว่าบัญชีและช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ถูกระงับการทำธุรกรรมตาม พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (CFR) ทำให้มีผู้ค้าส่วนหนึ่งงดรับเงินโอนหรือสแกน QR Code รับเฉพาะเงินสดไปก่อน ขณะเดียวกัน ลูกค้าธนาคารส่วนหนึ่งต่างถอนเงินออกจากบัญชี เพราะไม่ไว้วางใจระบบธนาคาร สาเหตุหลักเป็นเพราะกลุ่มมิจฉาชีพเปลี่ยนวิธีการหลอกลวงประชาชน จากเดิมล่อลวงให้โอนเงินเข้าบัญชีม้า เป็นการโอนเงินไปยังบัญชีร้านค้าเพื่อแลกสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นลักษณะของการฟอกเงินวิธีหนึ่ง หรือการหลอกให้โอนเงินครั้งแรกจำนวนน้อย เพื่อให้เหยื่อเชื่อใจว่ามีตัวตนจริง ก่อนให้โอนไปยังบัญชีม้า ซึ่งการอายัดบัญชีจะมีอยู่ 2 ลักษณะ ได้แก่ 1. ผู้เสียหายโทร.แจ้งสายด่วน 1441 หรือแจ้งความกับตำรวจ แล้วทำเรื่องแจ้งธนาคารอายัด ซึ่งจะมีเลขอ้างอิง 2. ธนาคารอายัดเองเมื่อสังเกตการทำธุรกรรมแล้วเชื่อว่าผิดปกติ กรณีนี้จะไม่มีเลขอ้างอิง โดยพิจารณาให้เป็นบัญชีม้าแต่ละสีตามความรุนแรงของพฤติกรรม เบื้องหลังที่ทำให้บรรดาผู้ค้าต่างพากันวุ่นวาย คือ ระบบ Central Fraud Registry (CFR) เป็นศูนย์กลางรวมรวมข้อมูลรายการธุรกรรมต้องสงสัย และนำข้อมูลไปใช้ในการสอบสวนขยายผลเพื่ออายัดเงินจากบัญชีม้าต่างๆ และเพื่อประโยชน์ในการติดตามเงินคืนแก่ผู้เสียหายเมื่อมีการร้องขอข้อมูลจากเจ้าหน้าที่รัฐ รวมถึงการนำข้อมูลไปใช้ในกระบวนการยุติธรรม โดยให้ธนาคารส่งข้อมูลธุรกรรมต้องสงสัย ที่ผู้เสียหายเป็นผู้แจ้ง หรือธนาคารตรวจพบรายการต้องสงสัยนั้นเอง หากเส้นทางการเงินโยงไปยังบัญชีใดก็จะอายัดบัญชี และรายงานไปยังธนาคารสมาชิก เพื่ออายัดบัญชีภายใต้เลขประจำตัวประชาชนเดียวกัน ผลก็คือแม้ธนาคารต้นทางจะปลดอายัดแล้ว แต่ผู้ค้าที่มีบัญชีหลายธนาคาร ต้องไปไล่เบี้ยกับธนาคารอื่นๆ ที่ยังคงอายัดบัญชี นอกจากนี้ กรณีตำรวจไซเบอร์ใช้สายด่วน 1441 รับเรื่อง แล้วโยนไปให้ร้อยเวรตามโรงพักต่างๆ ต้องรับภาระทำคดี โดยที่ตำรวจไซเบอร์และธนาคารพาณิชย์ต่างโยนภาระพิสูจน์ความจริงกันไปมา แสดงให้เห็นว่า แม้กระบวนการล็อกบัญชีจะง่ายดายโดยอ้างว่าเพื่อยับยั้งความเสียหาย แต่การปลดล็อกบัญชีหากพิสูจน์ได้ว่าไม่ใช่บัญชีม้ายุ่งยากกว่า จึงเป็นมาตรการที่วุ่นวาย ทำให้ประชาชนไม่มั่นใจในระบบธนาคาร ทำลายเศรษฐกิจดิจิทัลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ #Newskit
    1 Comments 0 Shares 674 Views 0 Reviews
  • ผู้นำโลกอาหรับเสร็จสิ้นการประชุมฉุกเฉินที่เมืองโดฮา ประเทศกาตาร์แล้ว ซึ่งการประชุมเกิดขึ้นหลังจากอิสราเอลโจมตีกลางกรุงโดฮา เพื่อหวังสังหารกลุ่มผู้นำฮามาส แต่พลาดท่าไม่สำเร็จ โดยในการโจมตีครั้งนี้นอกจากเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ระดับล่างของฮามาสที่เสียชีวิต ยังรวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐบาลของกาตาร์เสียชีวิตหนึ่งราย และบาดเจ็บอีกหลายสิบราย

    ในการแถลงข่าวปิดการประชุมที่กรุงโดฮา ที่สมาชิกอาหรับทั้งหมดได้ย้ำจุดยืนแห่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับกาตาร์ หลังจากเกิดเหตุโจมตีดังกล่าว โดยแถลงว่า "ความมั่นคงของรัฐสมาชิกเป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้" และเรียกร้องไปยังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับอิสราเอล เพื่อกดดันพวกเขา “พวกเราคาดหวังให้พันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ของเรา คือสหรัฐฯ ใช้อิทธิพลที่มีต่ออิสราเอลเพื่อหยุดพฤติกรรมเช่นนี้ เราคาดหวังอย่างแท้จริงสหรัฐฯ มีอำนาจต่อรองและอิทธิพลต่ออิสราเอล และถึงเวลาแล้วที่จะต้องนำอิทธิพลนั้นมาใช้”

    อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้นำประเทศอาหรับยังเรียกร้องให้มีการดำเนินมาตรการเพื่อ "เปิดใช้งานกลไกป้องกันร่วมของกลุ่ม" แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมในขณะนี้
    ผู้นำโลกอาหรับเสร็จสิ้นการประชุมฉุกเฉินที่เมืองโดฮา ประเทศกาตาร์แล้ว ซึ่งการประชุมเกิดขึ้นหลังจากอิสราเอลโจมตีกลางกรุงโดฮา เพื่อหวังสังหารกลุ่มผู้นำฮามาส แต่พลาดท่าไม่สำเร็จ โดยในการโจมตีครั้งนี้นอกจากเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ระดับล่างของฮามาสที่เสียชีวิต ยังรวมถึงเจ้าหน้าที่รัฐบาลของกาตาร์เสียชีวิตหนึ่งราย และบาดเจ็บอีกหลายสิบราย ในการแถลงข่าวปิดการประชุมที่กรุงโดฮา ที่สมาชิกอาหรับทั้งหมดได้ย้ำจุดยืนแห่งความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกับกาตาร์ หลังจากเกิดเหตุโจมตีดังกล่าว โดยแถลงว่า "ความมั่นคงของรัฐสมาชิกเป็นสิ่งที่แยกจากกันไม่ได้" และเรียกร้องไปยังสหรัฐฯ ซึ่งเป็นพันธมิตรที่ใกล้ชิดกับอิสราเอล เพื่อกดดันพวกเขา “พวกเราคาดหวังให้พันธมิตรเชิงยุทธศาสตร์ของเรา คือสหรัฐฯ ใช้อิทธิพลที่มีต่ออิสราเอลเพื่อหยุดพฤติกรรมเช่นนี้ เราคาดหวังอย่างแท้จริงสหรัฐฯ มีอำนาจต่อรองและอิทธิพลต่ออิสราเอล และถึงเวลาแล้วที่จะต้องนำอิทธิพลนั้นมาใช้” อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์อย่างเป็นลายลักษณ์อักษร ผู้นำประเทศอาหรับยังเรียกร้องให้มีการดำเนินมาตรการเพื่อ "เปิดใช้งานกลไกป้องกันร่วมของกลุ่ม" แต่ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมในขณะนี้
    0 Comments 0 Shares 432 Views 0 Reviews
  • แหกคอก ตอนที่ 11 – ปฏิบัติการฟอกย้อม
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ”
    ตอนที่ 11 : ปฏิบัติการฟอกย้อม
    ปี ค.ศ.1913 เกิดเหตุการณ์ที่เหมืองถ่านหินในรัฐ Colorado รู้จักกันในชื่อเหตุการณ์ฆ่าโหด Ludlow (Ludlow Massacre) กรรมกรในเหมืองถ่านหินประมาณหมื่นกว่าคน พร้อมใจกันประท้วงนายจ้าง เนื่องจากหัวหน้ากรรมกรถูกฆาตกรรม กรรมกรพวกนี้เป็นคนต่างชาติ เช่น พวกกรีก อิตาเลียน และเซิร์บ ที่อพยพมาอยู่ในอเมริกาในช่วงอุตสาหกรรมบูม การประท้วงลามไปถึง Colorado Fuel & Iron Corporation ซึ่งเป็นของตระกูล Rockefeller กรรมกรขอขึ้นค่าแรง เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่สุดห่วย แถมยังมีการกดขี่จากนายจ้าง และฝ่ายรัฐซึ่งเป็นเสมือนขี้ข้าของนายทุน (เพราะรับเงินส่วย !) ที่เป็นเจ้าของเหมือง นายทุนบอกโง่มาก คิดว่าเอากำลังคนมาขู่กำลังเงินจะสำเร็จหรือ ว่าแล้วก็ไล่กรรมกรและครอบครัวกระเจิงออกไปจากเหมือง กรรมกรคอตกไม่มีที่ไป จัดการกางเต็นท์ตั้งมันอยู่ที่นอกเมืองนั่นแหละ นายทุน Rockefeller บอกว่าเมื่อพูดด้วยปากไม่รู้เรื่อง ก็เอาปืนมาพูดแทนแล้วกัน แล้วเขาก็ไปจ้างพวกมือปืนรับจ้าง ซึ่งมีทั้งปืนกลและปืนไรเฟิล มายิ่งถล่มใส่เต้นท์กรรมกร
    ผู้ว่าการรัฐ Colorado รู้เรื่องเข้าก็บอก นายท่านจัดการเองแบบนี้ไม่ได้ เป็นหน้าที่ของกระผม แล้วขี้ข้าก็ไปรวบรวมเจ้าหน้าที่ ของรัฐ ซึ่งแน่นอน กินเงินเดือนของนายทุน Rockefeller มากวาดเต้นท์จนราบ ในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1914 ประวัติศาสตร์ได้ บันทึกไว้ว่า กรรมกรที่รวมกลุ่มกันตั้งเต้นท์กลุ่มใหญ่ที่สุด มีคนรวมกันประมาณพันคน มีทั้งผู้หญิงผู้ชายและเด็ก ถูกปืนกลของเจ้าหน้าที่รัฐรัวใส่บาดเจ็บล้มตายระเนระนาดไปหมด และเมื่อกรรมกรยกธงขาวเดินเข้ามาขอเจรจาสงบศึก เขาก็ถูกปืนกลรัวใส่ตายคาที่เรียบร้อยอยู่บนพื้นถนน หลังจากนั้นปืนกลก็รัวต่อจนถึงค่ำ ตามต่อด้วยเจ้าหน้าที่จุดไฟเผาเต้นท์จนไม่เหลือ กรรมกรตายเรียบ ในจำนวนผู้ที่ถูกไฟเผามีทั้งผู้หญิงและเด็ก ชื่อของฆ่าโหด Ludlow ก็เป็นที่รู้จักดังไปทั่วตั้งแต่นั้นมา หนังสือพิมพ์ลงข่าวทุกวัน พร้อมคำด่ามาจากทุกสารทิศ
    นายทุน Rockefeller บอกว่าเรื่องแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ขอโทษอย่าเข้าใจผิดว่า เรื่องสาดปืนกลและเอาไฟเผาจะไม่เกิดขึ้นอีก เขาหมายความว่าการที่สื่อประโคมข่าวด่าแบบไม่เลิกนี้ จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่างหาก ดังนั้น Rockefeller Foundation จึงได้รับมอบหมายให้ทำการวิจัย เกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อ propaganda เพื่อหาวิธีปิดปากสังคมเกี่ยวกับความไม่สงบทางสังคม และการเมือง ไหนๆ จะวิเคราะห์วิจัยเกี่ยวกับเรื่องการบิดเบือนข้อเท็จจริงแล้ว มันก็ควรจะทำกันให้ครบถ้วนไปเลย โดยหาวิธีคิดหลักสูตรเพิ่มคือ เอาให้ถึงวิธีชี้นำสังคม ว่าความจริง truth เป็นอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญว่าจะทำให้สังคมคิดอย่างไรกับความจริงนั้นต่างหาก หาวิธีใส่ความคิดเข้าในหัวเรา !
    วิธีการนี้มาจากการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งได้มีการทดลองใช้ในช่วงสงคราม โลกครั้งที่ 1 มาแล้ว โดยประธานาธิบดี Woodrow Wilson ได้ตั้งหน่วยงาน US Committee on Public Information (CPI) เพื่อให้ประชาชนสนับสนุนการทำสงคราม ก่อนทำสงครามประชาชนทั่วไป
    โดยเฉพาะชนชั้นกรรมกร ไม่มีใครอยากให้ทำสงคราม เพราะมีแต่ความอดอยาก ชาวบ้านบอกว่าสงครามเป็นเรื่อง ของคนรวย แต่นาย Walter Lippman นักคิด นักเขียน จากมหาวิทยาลัย Harvard ผู้ซึ่งประธานาธิบดี Roosevelt ปลื้มมาก บอกว่าเป็นคนหนุ่มที่ฉลาดที่สุดในพวกวัยเดียวกับเขา (ตอนนั้นเขาอายุ 25 ปี) นาย Lippman บอกว่าที่ทำสงครามเพื่อทำให้ประชาธิปไตยเราปลอดภัย เป็นการพูดที่ฟังแล้วดูสวยหรู แต่เป็นตรรกะที่ห่วยมาก แต่คนก็พากันเชื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไอ้หนุ่มน้อยนี้เป็นที่ชื่นชมของประธานาธิบดีหรือเปล่า ฝรั่งก็สอพลอเป็น
    นาย Lippman ยังมีความเห็นอีกว่า คนส่วนใหญ่จะมีความเห็นชอบหรือไม่ชอบ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ว่างั้นเถอะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหตุผล (ด้วยเหตุว่า) คนพวกนี้ไม่ค่อยมีความเฉลียวฉลาดมากนัก และไม่มีความคิดที่มั่นคง แถมเป็นพวกที่ไม่ชอบใช้ความคิด หรือไม่ใช้เวลามานั่งคิดว่าอะไรเกิดขึ้นในโลกนี้บ้าง คนพวกนี้คือคนส่วนใหญ่ของสังคม (พวกโลกสวย?!) เป็นมวลชน เป็นกลุ่มชน ที่ควรจะต้องมีการชี้นำ กำกับ โดยผู้นำ ซึ่งก็อาจจะชี้นำถูกหรือผิดก็ได้ ดังนั้นในความเห็นของนาย Lippman คือ ควรจะมีผู้เชี่ยวชาญ ที่จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแนะนำ ให้แก่ผู้มีหน้าที่ตัดสินใจ
    ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ เป็นผู้ที่มีความคิดเฉลียวฉลาด มีปัญญามองอะไรทะลุปรุโปร่ง ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้บริหารชั้นสูง คนระดับสูงของประเทศ หรือผู้นำกลุ่มวิชาชีพ ซึ่งเขาเหล่านี้มักจะอยู่ในระดับสูงสุดของสังคม (นี่มันไม่ใช่ แค่แบ่งชนชั้นทางสังคมนะ เป็นการแบ่งชนชั้นทางปัญญาอีกด้วย !)
    นาย Rockefeller ถูกใจมาก เขาเห็นด้วยอย่างยิ่ง บอกใช่แล้วพ่อหนุ่ม เราควรนำมาใช้ในทุกเรื่องเลย โดยเฉพาะใช้ในการครองโลก รวมทั้งด้านธุรกิจสังคมและการเมือง เพื่อชี้นำประชาชน (ฟ้อกย้อมความคิดแบบสมบูรณ์) และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการคิดสร้างถังความคิด (Think Tank) CFR ซึ่งแน่นอนภายหลัง นาย Lippmann เป็นหนึ่งในนักคิดคนสำคัญของ CFR ด้วย
    วิธีการโฆษณาชวนเชื่อ Propaganda พัฒนามาจนถึงปี ค.ศ.1928 Edward Bernays ซึ่งเป็นหลานของ Sigmund Freud และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้วางแผนโฆษณาชวนเชื่อให้กับประธานาธิบดี Woodrow Wilson ในสำนักงาน CPI เขียนหนังสือชื่อ Propaganda การโฆษณาชวนเชื่อ ถือเป็นตำราที่ผู้นำทั้งหลายนำไปใช้ ในการต้อนประชาชนเข้าคอก เขาบอกว่า ประชาชนสามารถถูกชี้นำได้โดยคนไม่กี่คน ที่เข้าใจขบวนการนึกคิดและรูปแบบของมวลชน คนไม่กี่คนนี้สามารถทำหน้าที่เป็นคนกระตุกเชือกในการคุมและชี้นำความคิดของมหาชน เหมือนเวลาจะต้อนสัตว์เข้าคอกนั่นแหละ
    วิธีการเช่นนี้ ปรากฎว่าได้ผลไปในทุกวงการและทั่วโลกและยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ เพียงแต่เขาเรียกเป็นภาษาสมัยใหม่ว่า engineering consent หรือ constructing consent กระบวนการจัดการให้ได้รับความยินยอมความเห็นชอบ ที่นักล่าเอาไว้ใช้ในการล่าเหยื่อ โดยไม่ต้องออกแรงใช้อาวุธ เพียงแค่หาวิธีย้อมความคิดเหยื่อ จนเหยื่อหลงเชื่อคล้อยตาม และเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวแบบสบายๆ 60 ปีมานี้สมันน้อยเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวอย่างสบายใจกันเกือบหมดแล้ว
    คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    แหกคอก ตอนที่ 11 – ปฏิบัติการฟอกย้อม นิทานเรื่องจริง เรื่อง ” แหกคอก ” ตอนที่ 11 : ปฏิบัติการฟอกย้อม ปี ค.ศ.1913 เกิดเหตุการณ์ที่เหมืองถ่านหินในรัฐ Colorado รู้จักกันในชื่อเหตุการณ์ฆ่าโหด Ludlow (Ludlow Massacre) กรรมกรในเหมืองถ่านหินประมาณหมื่นกว่าคน พร้อมใจกันประท้วงนายจ้าง เนื่องจากหัวหน้ากรรมกรถูกฆาตกรรม กรรมกรพวกนี้เป็นคนต่างชาติ เช่น พวกกรีก อิตาเลียน และเซิร์บ ที่อพยพมาอยู่ในอเมริกาในช่วงอุตสาหกรรมบูม การประท้วงลามไปถึง Colorado Fuel & Iron Corporation ซึ่งเป็นของตระกูล Rockefeller กรรมกรขอขึ้นค่าแรง เนื่องจากสภาพความเป็นอยู่สุดห่วย แถมยังมีการกดขี่จากนายจ้าง และฝ่ายรัฐซึ่งเป็นเสมือนขี้ข้าของนายทุน (เพราะรับเงินส่วย !) ที่เป็นเจ้าของเหมือง นายทุนบอกโง่มาก คิดว่าเอากำลังคนมาขู่กำลังเงินจะสำเร็จหรือ ว่าแล้วก็ไล่กรรมกรและครอบครัวกระเจิงออกไปจากเหมือง กรรมกรคอตกไม่มีที่ไป จัดการกางเต็นท์ตั้งมันอยู่ที่นอกเมืองนั่นแหละ นายทุน Rockefeller บอกว่าเมื่อพูดด้วยปากไม่รู้เรื่อง ก็เอาปืนมาพูดแทนแล้วกัน แล้วเขาก็ไปจ้างพวกมือปืนรับจ้าง ซึ่งมีทั้งปืนกลและปืนไรเฟิล มายิ่งถล่มใส่เต้นท์กรรมกร ผู้ว่าการรัฐ Colorado รู้เรื่องเข้าก็บอก นายท่านจัดการเองแบบนี้ไม่ได้ เป็นหน้าที่ของกระผม แล้วขี้ข้าก็ไปรวบรวมเจ้าหน้าที่ ของรัฐ ซึ่งแน่นอน กินเงินเดือนของนายทุน Rockefeller มากวาดเต้นท์จนราบ ในวันที่ 20 เมษายน ค.ศ.1914 ประวัติศาสตร์ได้ บันทึกไว้ว่า กรรมกรที่รวมกลุ่มกันตั้งเต้นท์กลุ่มใหญ่ที่สุด มีคนรวมกันประมาณพันคน มีทั้งผู้หญิงผู้ชายและเด็ก ถูกปืนกลของเจ้าหน้าที่รัฐรัวใส่บาดเจ็บล้มตายระเนระนาดไปหมด และเมื่อกรรมกรยกธงขาวเดินเข้ามาขอเจรจาสงบศึก เขาก็ถูกปืนกลรัวใส่ตายคาที่เรียบร้อยอยู่บนพื้นถนน หลังจากนั้นปืนกลก็รัวต่อจนถึงค่ำ ตามต่อด้วยเจ้าหน้าที่จุดไฟเผาเต้นท์จนไม่เหลือ กรรมกรตายเรียบ ในจำนวนผู้ที่ถูกไฟเผามีทั้งผู้หญิงและเด็ก ชื่อของฆ่าโหด Ludlow ก็เป็นที่รู้จักดังไปทั่วตั้งแต่นั้นมา หนังสือพิมพ์ลงข่าวทุกวัน พร้อมคำด่ามาจากทุกสารทิศ นายทุน Rockefeller บอกว่าเรื่องแบบนี้จะต้องไม่เกิดขึ้นอีก ขอโทษอย่าเข้าใจผิดว่า เรื่องสาดปืนกลและเอาไฟเผาจะไม่เกิดขึ้นอีก เขาหมายความว่าการที่สื่อประโคมข่าวด่าแบบไม่เลิกนี้ จะต้องไม่เกิดขึ้นอีกต่างหาก ดังนั้น Rockefeller Foundation จึงได้รับมอบหมายให้ทำการวิจัย เกี่ยวกับการโฆษณาชวนเชื่อ propaganda เพื่อหาวิธีปิดปากสังคมเกี่ยวกับความไม่สงบทางสังคม และการเมือง ไหนๆ จะวิเคราะห์วิจัยเกี่ยวกับเรื่องการบิดเบือนข้อเท็จจริงแล้ว มันก็ควรจะทำกันให้ครบถ้วนไปเลย โดยหาวิธีคิดหลักสูตรเพิ่มคือ เอาให้ถึงวิธีชี้นำสังคม ว่าความจริง truth เป็นอย่างไรไม่สำคัญ สำคัญว่าจะทำให้สังคมคิดอย่างไรกับความจริงนั้นต่างหาก หาวิธีใส่ความคิดเข้าในหัวเรา ! วิธีการนี้มาจากการโฆษณาชวนเชื่อ ซึ่งได้มีการทดลองใช้ในช่วงสงคราม โลกครั้งที่ 1 มาแล้ว โดยประธานาธิบดี Woodrow Wilson ได้ตั้งหน่วยงาน US Committee on Public Information (CPI) เพื่อให้ประชาชนสนับสนุนการทำสงคราม ก่อนทำสงครามประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะชนชั้นกรรมกร ไม่มีใครอยากให้ทำสงคราม เพราะมีแต่ความอดอยาก ชาวบ้านบอกว่าสงครามเป็นเรื่อง ของคนรวย แต่นาย Walter Lippman นักคิด นักเขียน จากมหาวิทยาลัย Harvard ผู้ซึ่งประธานาธิบดี Roosevelt ปลื้มมาก บอกว่าเป็นคนหนุ่มที่ฉลาดที่สุดในพวกวัยเดียวกับเขา (ตอนนั้นเขาอายุ 25 ปี) นาย Lippman บอกว่าที่ทำสงครามเพื่อทำให้ประชาธิปไตยเราปลอดภัย เป็นการพูดที่ฟังแล้วดูสวยหรู แต่เป็นตรรกะที่ห่วยมาก แต่คนก็พากันเชื่อ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไอ้หนุ่มน้อยนี้เป็นที่ชื่นชมของประธานาธิบดีหรือเปล่า ฝรั่งก็สอพลอเป็น นาย Lippman ยังมีความเห็นอีกว่า คนส่วนใหญ่จะมีความเห็นชอบหรือไม่ชอบ ขึ้นอยู่กับอารมณ์ ว่างั้นเถอะ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเหตุผล (ด้วยเหตุว่า) คนพวกนี้ไม่ค่อยมีความเฉลียวฉลาดมากนัก และไม่มีความคิดที่มั่นคง แถมเป็นพวกที่ไม่ชอบใช้ความคิด หรือไม่ใช้เวลามานั่งคิดว่าอะไรเกิดขึ้นในโลกนี้บ้าง คนพวกนี้คือคนส่วนใหญ่ของสังคม (พวกโลกสวย?!) เป็นมวลชน เป็นกลุ่มชน ที่ควรจะต้องมีการชี้นำ กำกับ โดยผู้นำ ซึ่งก็อาจจะชี้นำถูกหรือผิดก็ได้ ดังนั้นในความเห็นของนาย Lippman คือ ควรจะมีผู้เชี่ยวชาญ ที่จะทำหน้าที่เป็นตัวกลางในการแนะนำ ให้แก่ผู้มีหน้าที่ตัดสินใจ ผู้เชี่ยวชาญเหล่านี้ เป็นผู้ที่มีความคิดเฉลียวฉลาด มีปัญญามองอะไรทะลุปรุโปร่ง ซึ่งส่วนมากจะเป็นผู้บริหารชั้นสูง คนระดับสูงของประเทศ หรือผู้นำกลุ่มวิชาชีพ ซึ่งเขาเหล่านี้มักจะอยู่ในระดับสูงสุดของสังคม (นี่มันไม่ใช่ แค่แบ่งชนชั้นทางสังคมนะ เป็นการแบ่งชนชั้นทางปัญญาอีกด้วย !) นาย Rockefeller ถูกใจมาก เขาเห็นด้วยอย่างยิ่ง บอกใช่แล้วพ่อหนุ่ม เราควรนำมาใช้ในทุกเรื่องเลย โดยเฉพาะใช้ในการครองโลก รวมทั้งด้านธุรกิจสังคมและการเมือง เพื่อชี้นำประชาชน (ฟ้อกย้อมความคิดแบบสมบูรณ์) และนี่เป็นจุดเริ่มต้นของการคิดสร้างถังความคิด (Think Tank) CFR ซึ่งแน่นอนภายหลัง นาย Lippmann เป็นหนึ่งในนักคิดคนสำคัญของ CFR ด้วย วิธีการโฆษณาชวนเชื่อ Propaganda พัฒนามาจนถึงปี ค.ศ.1928 Edward Bernays ซึ่งเป็นหลานของ Sigmund Freud และเป็นหนึ่งในกลุ่มผู้วางแผนโฆษณาชวนเชื่อให้กับประธานาธิบดี Woodrow Wilson ในสำนักงาน CPI เขียนหนังสือชื่อ Propaganda การโฆษณาชวนเชื่อ ถือเป็นตำราที่ผู้นำทั้งหลายนำไปใช้ ในการต้อนประชาชนเข้าคอก เขาบอกว่า ประชาชนสามารถถูกชี้นำได้โดยคนไม่กี่คน ที่เข้าใจขบวนการนึกคิดและรูปแบบของมวลชน คนไม่กี่คนนี้สามารถทำหน้าที่เป็นคนกระตุกเชือกในการคุมและชี้นำความคิดของมหาชน เหมือนเวลาจะต้อนสัตว์เข้าคอกนั่นแหละ วิธีการเช่นนี้ ปรากฎว่าได้ผลไปในทุกวงการและทั่วโลกและยังใช้อยู่จนทุกวันนี้ เพียงแต่เขาเรียกเป็นภาษาสมัยใหม่ว่า engineering consent หรือ constructing consent กระบวนการจัดการให้ได้รับความยินยอมความเห็นชอบ ที่นักล่าเอาไว้ใช้ในการล่าเหยื่อ โดยไม่ต้องออกแรงใช้อาวุธ เพียงแค่หาวิธีย้อมความคิดเหยื่อ จนเหยื่อหลงเชื่อคล้อยตาม และเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวแบบสบายๆ 60 ปีมานี้สมันน้อยเต็มใจเดินเข้าปากนักล่าให้เคี้ยวอย่างสบายใจกันเกือบหมดแล้ว คนเล่านิทาน
30 พค. 57
    0 Comments 0 Shares 566 Views 0 Reviews
  • “ศาลสหรัฐฯ ตัดสิน Verizon ผิดฐานขายข้อมูลตำแหน่งลูกค้าโดยไม่ขออนุญาต — จุดเปลี่ยนสำคัญของสิทธิความเป็นส่วนตัวในยุคดิจิทัล”

    ในคดีที่อาจกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ เขตที่ 2 ได้มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2025 ว่า Verizon กระทำผิดจริงจากการขายข้อมูลตำแหน่งของลูกค้าโดยไม่ได้รับความยินยอมอย่างชัดเจน โดยยืนยันคำสั่งปรับจาก FCC เป็นเงิน 46.9 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง Verizon พยายามยื่นอุทธรณ์เพื่อยกเลิกแต่ไม่สำเร็จ

    คดีนี้ย้อนกลับไปถึงปี 2018 เมื่อมีการเปิดเผยว่า Verizon และผู้ให้บริการรายใหญ่อื่น ๆ เช่น AT&T และ T-Mobile ได้ขายข้อมูลตำแหน่งแบบเรียลไทม์ของลูกค้าให้กับบริษัทตัวกลาง เช่น LocationSmart และ Zumigo ซึ่งนำข้อมูลไปขายต่อให้กับหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงบริษัทเอกชนและเจ้าหน้าที่รัฐ โดยไม่มีการตรวจสอบเอกสารหรือขออนุญาตจากลูกค้าอย่างเหมาะสม

    Verizon อ้างว่าข้อมูลตำแหน่งของอุปกรณ์ไม่อยู่ภายใต้การคุ้มครองตามกฎหมาย Communications Act แต่ศาลไม่เห็นด้วย โดยระบุว่าข้อมูลดังกล่าวถือเป็น “customer proprietary network information” ซึ่งต้องได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย และ Verizon เองก็เลือกที่จะจ่ายค่าปรับแทนที่จะขอสิทธิพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน ทำให้ข้ออ้างเรื่องการละเมิดสิทธิการพิจารณาคดีไม่สามารถนำมาใช้ได้

    แม้ AT&T จะชนะคดีในศาลเขตที่ 5 ซึ่งมีแนวโน้มอนุรักษ์นิยมมากกว่า แต่คำตัดสินที่แตกต่างกันในแต่ละเขตศาลทำให้คดีนี้อาจต้องขึ้นสู่ศาลสูงสุดของสหรัฐฯ เพื่อวินิจฉัยให้ชัดเจนว่า FCC มีอำนาจในการลงโทษบริษัทโทรคมนาคมในกรณีละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่

    คำตัดสินของศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ เขตที่ 2
    ยืนยันคำสั่งปรับ Verizon เป็นเงิน 46.9 ล้านดอลลาร์
    ปฏิเสธข้ออ้างเรื่องสิทธิการพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน
    ระบุว่าข้อมูลตำแหน่งของอุปกรณ์อยู่ภายใต้การคุ้มครองตาม Communications Act
    Verizon เลือกจ่ายค่าปรับแทนการขอพิจารณาคดี ทำให้เสียสิทธิ์การโต้แย้ง

    พฤติกรรมที่นำไปสู่การลงโทษ
    Verizon ขายข้อมูลตำแหน่งผ่านตัวกลางโดยไม่ตรวจสอบเอกสารหรือขออนุญาต
    บริษัทตัวกลาง เช่น Securus Technologies เปิดช่องให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าถึงข้อมูลโดยไม่มีหมายศาล
    มีกรณีที่นายอำเภอในรัฐ Missouri เข้าถึงข้อมูลลูกค้าโดยไม่มีเอกสารทางกฎหมาย
    ระบบการขออนุญาตถูก “มอบหมาย” ให้บริษัทตัวกลางแทนที่จะทำโดย Verizon เอง

    ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคม
    FCC เคยปรับผู้ให้บริการรายใหญ่รวมเกือบ 200 ล้านดอลลาร์ในปี 2024
    AT&T ชนะคดีในศาลเขตที่ 5 ขณะที่ T-Mobile แพ้ในศาล DC Circuit
    ความขัดแย้งระหว่างเขตศาลอาจนำไปสู่การพิจารณาโดยศาลสูงสุด
    หากศาลสูงรับเรื่อง อาจเปลี่ยนขอบเขตอำนาจของ FCC ในการลงโทษ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    ข้อมูลตำแหน่งเคยถูกใช้ในบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน, ป้องกันการค้ามนุษย์ และการตรวจจับการฉ้อโกง
    FCC ระบุว่าบริษัทโทรคมนาคมยังคงดำเนินโครงการโดยไม่มีมาตรการป้องกันที่เพียงพอ
    การขายข้อมูลให้กับ bounty hunters และบริษัทเอกชนสร้างความไม่พอใจในสภาคองเกรส
    การเปิดเผยในปี 2018 โดย New York Times เป็นจุดเริ่มต้นของการสอบสวน

    https://arstechnica.com/tech-policy/2025/09/court-rejects-verizon-claim-that-selling-location-data-without-consent-is-legal/
    📍 “ศาลสหรัฐฯ ตัดสิน Verizon ผิดฐานขายข้อมูลตำแหน่งลูกค้าโดยไม่ขออนุญาต — จุดเปลี่ยนสำคัญของสิทธิความเป็นส่วนตัวในยุคดิจิทัล” ในคดีที่อาจกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ เขตที่ 2 ได้มีคำตัดสินเมื่อวันที่ 11 กันยายน 2025 ว่า Verizon กระทำผิดจริงจากการขายข้อมูลตำแหน่งของลูกค้าโดยไม่ได้รับความยินยอมอย่างชัดเจน โดยยืนยันคำสั่งปรับจาก FCC เป็นเงิน 46.9 ล้านดอลลาร์ ซึ่ง Verizon พยายามยื่นอุทธรณ์เพื่อยกเลิกแต่ไม่สำเร็จ คดีนี้ย้อนกลับไปถึงปี 2018 เมื่อมีการเปิดเผยว่า Verizon และผู้ให้บริการรายใหญ่อื่น ๆ เช่น AT&T และ T-Mobile ได้ขายข้อมูลตำแหน่งแบบเรียลไทม์ของลูกค้าให้กับบริษัทตัวกลาง เช่น LocationSmart และ Zumigo ซึ่งนำข้อมูลไปขายต่อให้กับหน่วยงานต่าง ๆ รวมถึงบริษัทเอกชนและเจ้าหน้าที่รัฐ โดยไม่มีการตรวจสอบเอกสารหรือขออนุญาตจากลูกค้าอย่างเหมาะสม Verizon อ้างว่าข้อมูลตำแหน่งของอุปกรณ์ไม่อยู่ภายใต้การคุ้มครองตามกฎหมาย Communications Act แต่ศาลไม่เห็นด้วย โดยระบุว่าข้อมูลดังกล่าวถือเป็น “customer proprietary network information” ซึ่งต้องได้รับการคุ้มครองตามกฎหมาย และ Verizon เองก็เลือกที่จะจ่ายค่าปรับแทนที่จะขอสิทธิพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน ทำให้ข้ออ้างเรื่องการละเมิดสิทธิการพิจารณาคดีไม่สามารถนำมาใช้ได้ แม้ AT&T จะชนะคดีในศาลเขตที่ 5 ซึ่งมีแนวโน้มอนุรักษ์นิยมมากกว่า แต่คำตัดสินที่แตกต่างกันในแต่ละเขตศาลทำให้คดีนี้อาจต้องขึ้นสู่ศาลสูงสุดของสหรัฐฯ เพื่อวินิจฉัยให้ชัดเจนว่า FCC มีอำนาจในการลงโทษบริษัทโทรคมนาคมในกรณีละเมิดข้อมูลส่วนบุคคลหรือไม่ ✅ คำตัดสินของศาลอุทธรณ์สหรัฐฯ เขตที่ 2 ➡️ ยืนยันคำสั่งปรับ Verizon เป็นเงิน 46.9 ล้านดอลลาร์ ➡️ ปฏิเสธข้ออ้างเรื่องสิทธิการพิจารณาคดีโดยคณะลูกขุน ➡️ ระบุว่าข้อมูลตำแหน่งของอุปกรณ์อยู่ภายใต้การคุ้มครองตาม Communications Act ➡️ Verizon เลือกจ่ายค่าปรับแทนการขอพิจารณาคดี ทำให้เสียสิทธิ์การโต้แย้ง ✅ พฤติกรรมที่นำไปสู่การลงโทษ ➡️ Verizon ขายข้อมูลตำแหน่งผ่านตัวกลางโดยไม่ตรวจสอบเอกสารหรือขออนุญาต ➡️ บริษัทตัวกลาง เช่น Securus Technologies เปิดช่องให้เจ้าหน้าที่รัฐเข้าถึงข้อมูลโดยไม่มีหมายศาล ➡️ มีกรณีที่นายอำเภอในรัฐ Missouri เข้าถึงข้อมูลลูกค้าโดยไม่มีเอกสารทางกฎหมาย ➡️ ระบบการขออนุญาตถูก “มอบหมาย” ให้บริษัทตัวกลางแทนที่จะทำโดย Verizon เอง ✅ ผลกระทบต่ออุตสาหกรรมโทรคมนาคม ➡️ FCC เคยปรับผู้ให้บริการรายใหญ่รวมเกือบ 200 ล้านดอลลาร์ในปี 2024 ➡️ AT&T ชนะคดีในศาลเขตที่ 5 ขณะที่ T-Mobile แพ้ในศาล DC Circuit ➡️ ความขัดแย้งระหว่างเขตศาลอาจนำไปสู่การพิจารณาโดยศาลสูงสุด ➡️ หากศาลสูงรับเรื่อง อาจเปลี่ยนขอบเขตอำนาจของ FCC ในการลงโทษ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ ข้อมูลตำแหน่งเคยถูกใช้ในบริการช่วยเหลือฉุกเฉิน, ป้องกันการค้ามนุษย์ และการตรวจจับการฉ้อโกง ➡️ FCC ระบุว่าบริษัทโทรคมนาคมยังคงดำเนินโครงการโดยไม่มีมาตรการป้องกันที่เพียงพอ ➡️ การขายข้อมูลให้กับ bounty hunters และบริษัทเอกชนสร้างความไม่พอใจในสภาคองเกรส ➡️ การเปิดเผยในปี 2018 โดย New York Times เป็นจุดเริ่มต้นของการสอบสวน https://arstechnica.com/tech-policy/2025/09/court-rejects-verizon-claim-that-selling-location-data-without-consent-is-legal/
    ARSTECHNICA.COM
    Court rejects Verizon claim that selling location data without consent is legal
    Verizon and T-Mobile lost, but AT&T beat the FCC. SCOTUS may have to step in.
    0 Comments 0 Shares 478 Views 0 Reviews
More Results