• สุริยะมัดรวมรถทัวร์ ไปกรุงเทพอภิวัฒน์

    ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ก็เป็นที่วิจารณ์ สำหรับความพยายามของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม กล่าวถึงการย้ายสถานีขนส่ง 3 แห่ง ได้แก่ หมอชิต 2, เอกมัย และสายใต้ใหม่ มารวมกันที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เพื่อให้ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟ ร.ฟ.ท. รถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีน้ำเงิน สอดรับกับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่นายสุริยะอ้างว่าจะครอบคลุมทุกสี ทุกสาย ภายในเดือน ก.ย. 2568

    นายสุริยะอ้างว่าจะใช้โมเดลจากประเทศญี่ปุ่น รูปแบบที่สถานีฮากาตะ จังหวัดฟูกูโอกะ เป็นสถานีโดยสารแบบอาคารสูง ภายในอาคารจะมีศูนย์อาหารและแหล่งอำนวยความสะดวก แต่ละชั้นจะแบ่งรถโดยสารแต่ละสายเส้นทาง แบ่งตามภูมิภาค และแบ่งจังหวัดอย่างชัดเจน โดยการก่อสร้างจะไม่ใช้งบประมาณแผ่นดิน แต่จะให้บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. นำที่ดินสถานีขนส่งผู้โดยสารเอกมัย ที่มีมูลค่าสูงถึง 7,000 ล้านบาทให้เช่าหรือขาย เพื่อนำเงินมาลงทุนพัฒนาอาคารสถานีแห่งใหม่

    แนวคิดของนายสุริยะเรียกเสียงวิจารณ์จากประชาชน เพราะปกติถนนพหลโยธิน และถนนกำแพงเพชร 2 รถติดเป็นประจำในช่วงเช้าและเย็นอยู่แล้ว โดยเฉพาะหน้าสถานีขนส่งหมอชิต 2 มีบรรดาสารพัดรถสาธารณะจอดเต็มไปหมด อีกทั้งที่ผ่านมาการแยกสถานีขนส่งตั้งแต่หมอชิต 2 สำหรับรถสายเหนือ สายอีสาน สถานีขนส่งเอกมัย สำหรับรถสายตะวันออก และสายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน สำหรับรถสายใต้ ประชาชนคุ้นเคยไม่สับสนอยู่แล้ว กังขาว่าทำไมนายสุริยะถึงผลักดันย้ายสถานีขนส่งแบบสุดลิ่มทิ่มประตู

    ความจริงก็คือ ปัจจุบันสถานีขนส่งของ บขส. มีเพียงสถานีขนส่งเอกมัยแห่งเดียว ตั้งอยู่บนที่ดินตัวเอง เนื้อที่ 7 ไร่ เปิดให้บริการเมื่อ 1 ม.ค. 2503 หรือ 65 ปีก่อน นอกนั้น สถานีขนส่งหมอชิต 2 เช่าพื้นที่การรถไฟแห่งประเทศไทย 58 ไร่ แต่ บขส. มีกรณีพิพาทกับการรถไฟฯ มาตั้งแต่ปี 2548 เพราะตกลงค่าเช่าไม่ได้ บขส.ต้องการจ่ายปีละ 21 ล้านบาท แต่การรถไฟฯ ปรับเพิ่มค่าเช่า 5% ทุกปี ขณะที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน เนื้อที่ 37 ไร่ สัญญาจ่ายส่วนแบ่งรายได้กับเอกชนใกล้จะหมดลง

    ถึงกระนั้น บขส.ยังมีที่ดินแยกไฟฉาย เนื้อที่ 3 ไร่ 3 งาน 94 ตารางวา เคยประกาศให้เช่าเมื่อปี 2566 แต่ไม่มีเอกชนรายไหนสนใจ ส่วนที่ดินปิ่นเกล้า เนื้อที่ 15 ไร่ ปัจจุบันด้านหน้าเป็นจุดจอดรถตู้โดยสารและรถมินิบัสต่างจังหวัด ให้บริการเส้นทางภาคตะวันตกเป็นหลัก น่าสนใจว่า การพัฒนาสถานีขนส่งแห่งใหม่ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จะแล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้ตามที่นายสุริยะกล่าวไว้จริงหรือไม่

    #Newskit
    สุริยะมัดรวมรถทัวร์ ไปกรุงเทพอภิวัฒน์ ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ก็เป็นที่วิจารณ์ สำหรับความพยายามของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คมนาคม กล่าวถึงการย้ายสถานีขนส่ง 3 แห่ง ได้แก่ หมอชิต 2, เอกมัย และสายใต้ใหม่ มารวมกันที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ ตั้งแต่รัฐบาลเศรษฐา ทวีสิน เพื่อให้ผู้โดยสารและนักท่องเที่ยวสามารถเชื่อมต่อกับรถไฟ ร.ฟ.ท. รถไฟฟ้าสายสีแดงและสายสีน้ำเงิน สอดรับกับนโยบายรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย ที่นายสุริยะอ้างว่าจะครอบคลุมทุกสี ทุกสาย ภายในเดือน ก.ย. 2568 นายสุริยะอ้างว่าจะใช้โมเดลจากประเทศญี่ปุ่น รูปแบบที่สถานีฮากาตะ จังหวัดฟูกูโอกะ เป็นสถานีโดยสารแบบอาคารสูง ภายในอาคารจะมีศูนย์อาหารและแหล่งอำนวยความสะดวก แต่ละชั้นจะแบ่งรถโดยสารแต่ละสายเส้นทาง แบ่งตามภูมิภาค และแบ่งจังหวัดอย่างชัดเจน โดยการก่อสร้างจะไม่ใช้งบประมาณแผ่นดิน แต่จะให้บริษัท ขนส่ง จำกัด หรือ บขส. นำที่ดินสถานีขนส่งผู้โดยสารเอกมัย ที่มีมูลค่าสูงถึง 7,000 ล้านบาทให้เช่าหรือขาย เพื่อนำเงินมาลงทุนพัฒนาอาคารสถานีแห่งใหม่ แนวคิดของนายสุริยะเรียกเสียงวิจารณ์จากประชาชน เพราะปกติถนนพหลโยธิน และถนนกำแพงเพชร 2 รถติดเป็นประจำในช่วงเช้าและเย็นอยู่แล้ว โดยเฉพาะหน้าสถานีขนส่งหมอชิต 2 มีบรรดาสารพัดรถสาธารณะจอดเต็มไปหมด อีกทั้งที่ผ่านมาการแยกสถานีขนส่งตั้งแต่หมอชิต 2 สำหรับรถสายเหนือ สายอีสาน สถานีขนส่งเอกมัย สำหรับรถสายตะวันออก และสายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน สำหรับรถสายใต้ ประชาชนคุ้นเคยไม่สับสนอยู่แล้ว กังขาว่าทำไมนายสุริยะถึงผลักดันย้ายสถานีขนส่งแบบสุดลิ่มทิ่มประตู ความจริงก็คือ ปัจจุบันสถานีขนส่งของ บขส. มีเพียงสถานีขนส่งเอกมัยแห่งเดียว ตั้งอยู่บนที่ดินตัวเอง เนื้อที่ 7 ไร่ เปิดให้บริการเมื่อ 1 ม.ค. 2503 หรือ 65 ปีก่อน นอกนั้น สถานีขนส่งหมอชิต 2 เช่าพื้นที่การรถไฟแห่งประเทศไทย 58 ไร่ แต่ บขส. มีกรณีพิพาทกับการรถไฟฯ มาตั้งแต่ปี 2548 เพราะตกลงค่าเช่าไม่ได้ บขส.ต้องการจ่ายปีละ 21 ล้านบาท แต่การรถไฟฯ ปรับเพิ่มค่าเช่า 5% ทุกปี ขณะที่สถานีขนส่งสายใต้ใหม่ ตลิ่งชัน เนื้อที่ 37 ไร่ สัญญาจ่ายส่วนแบ่งรายได้กับเอกชนใกล้จะหมดลง ถึงกระนั้น บขส.ยังมีที่ดินแยกไฟฉาย เนื้อที่ 3 ไร่ 3 งาน 94 ตารางวา เคยประกาศให้เช่าเมื่อปี 2566 แต่ไม่มีเอกชนรายไหนสนใจ ส่วนที่ดินปิ่นเกล้า เนื้อที่ 15 ไร่ ปัจจุบันด้านหน้าเป็นจุดจอดรถตู้โดยสารและรถมินิบัสต่างจังหวัด ให้บริการเส้นทางภาคตะวันตกเป็นหลัก น่าสนใจว่า การพัฒนาสถานีขนส่งแห่งใหม่ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ จะแล้วเสร็จภายในรัฐบาลชุดนี้ตามที่นายสุริยะกล่าวไว้จริงหรือไม่ #Newskit
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 241 มุมมอง 0 รีวิว
  • ✨พระปิดตาตะพาบมหายันต์ พ่อท่านจรูญ วัดเขาเมืองเก่า พัทลุง มวลสารเป็นตะกั่วผสมเงินยวงและปรอท จัดสร้างในปีพ.ศ.2563 มีอยู่ด้วยกันสองพิมพ์ คือ มหาอุตม์ และ มหาลาภ

    ว่ากันว่า ขณะทำพิธีปลุกเสกอยู่นั้นได้เกิดกระเบื้องโบสถ์ตกลงมาแตกสามแผ่นและเกิดเสียงฟ้าร้องทางทิศอีสานถือเป็นนิมิตหมายอันดีในการทำพิธีครั้งนี้จึงตั้งชื่อรุ่นพระปิดตานี้ว่า ปิดตาโบสถ์ลั่น.
    ✨พระปิดตาตะพาบมหายันต์ พ่อท่านจรูญ วัดเขาเมืองเก่า พัทลุง มวลสารเป็นตะกั่วผสมเงินยวงและปรอท จัดสร้างในปีพ.ศ.2563 มีอยู่ด้วยกันสองพิมพ์ คือ มหาอุตม์ และ มหาลาภ ว่ากันว่า ขณะทำพิธีปลุกเสกอยู่นั้นได้เกิดกระเบื้องโบสถ์ตกลงมาแตกสามแผ่นและเกิดเสียงฟ้าร้องทางทิศอีสานถือเป็นนิมิตหมายอันดีในการทำพิธีครั้งนี้จึงตั้งชื่อรุ่นพระปิดตานี้ว่า ปิดตาโบสถ์ลั่น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 220 มุมมอง 2 0 รีวิว
  • "สามพันโบก" อัศจรรย์แกรนด์แคนยอน แห่งลำน้ำโขง เที่ยวอุบลราชธานี สัมผัสธรรมชาติสุดอลังการ ที่ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต 🌿🏞

    ✨ "สามพันโบก" คือปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่เกิดจากการกัดเซาะ ของกระแสน้ำในแม่น้ำโขง จนเกิดเป็นแอ่งหินน้อยใหญ่จำนวนมาก ซึ่งมีมากถึง 3,000 แอ่ง 🌊 จึงเป็นที่มาของชื่อ "สามพันโบก" โดยคำว่า "โบก" ในภาษาลาว หมายถึง "แอ่ง" หรือ "บ่อน้ำลึก"

    📍 ที่ตั้ง บ้านสองคอน ตำบลสองคอน อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี
    📏 พื้นที่ ครอบคลุมหลายกิโลเมตร ใต้แม่น้ำโขง
    🏜 ฉายา "แกรนด์แคนยอนแห่งลำน้ำโขง"

    ความสวยงามของสามพันโบ กจะปรากฏให้เห็นในช่วงฤดูแล้ง เดือนธันวาคม-พฤษภาคม เมื่อระดับน้ำลดลง เผยให้เห็นหินรูปร่างแปลกตา คล้ายกับ "หาดชมดาว" ที่อำเภอนาตาล 🌄

    ตำนานและเรื่องเล่าของสามพันโบก
    💠 ตำนานหินหัวสุนัข
    ณ ทางเข้าไปสู่สามพันโบก มีหินขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายหัวสุนัข 🐶 ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องเล่าที่ว่า...

    "ในอดีต มีเจ้าเมืองผู้หนึ่งที่เรืองอำนาจ ได้ส่งเสนาเข้ามาสำรวจสามพันโบก และพบขุมทรัพย์ล้ำค่าในบริเวณนี้ เจ้าเมืองจึงสั่งให้สุนัขตัวหนึ่ง เฝ้าทางเข้าไว้ รอจนกว่าเขาจะออกมา แต่ด้วยความโลภ เจ้าเมืองกลับออกไปอีกทาง ปล่อยให้สุนัขเฝ้ารอจนตาย และกลายเป็นหินในที่สุด"

    💧 ตำนานพญานาคขุดลำน้ำ
    อีกเรื่องเล่าหนึ่งเกี่ยวกับ พญานาค 🐉 ที่ต้องการสร้างเส้นทางน้ำใหม่ จึงขุดลำน้ำขึ้นมา และให้สุนัขตัวหนึ่งเฝ้าทางเข้า จนในที่สุดสุนัขก็ตายลง กลายเป็นก้อนหิน ที่เราเห็นกันในปัจจุบัน

    ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเที่ยวสามพันโบก
    🗓 ช่วงเวลาที่ดีที่สุด ธันวาคม - พฤษภาคม
    ⛅ สภาพอากาศ อากาศเย็นสบาย ไม่มีฝน ทำให้สามารถเดินสำรวจแก่งหิน ได้เต็มที่

    📸 ช่วงเวลาถ่ายรูปสวย
    เช้า 6.00 - 8.00 น. แสงอ่อน ๆ สาดกระทบหิน
    เย็น 16.00 - 18.00 น. พระอาทิตย์ตกสวยงาม

    จุดเด่น และไฮไลท์ของสามพันโบก
    🌊 "แอ่งน้ำมหัศจรรย์"
    หินที่นี่ถูกน้ำกัดเซาะ เป็นโพรงรูปร่างแปลกตา เช่น รูปหัวใจ 🧡 รูปเต่า 🐢 หรือแม้แต่รูปร่างคล้ายสัตว์ในจินตนาการ

    🦴 "หินหัวสุนัข"
    แลนด์มาร์คทางเข้าของสามพันโบก ที่ไม่ควรพลาด

    🚤 "ล่องเรือชมโบก"
    นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือของชาวบ้าน เพื่อล่องไปชมวิวแม่น้ำโขงสุดอลังการ

    🌄 "พระอาทิตย์ขึ้น-ตกที่แม่น้ำโขง"
    จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตก ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในภาคอีสาน

    สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง
    🏖 หาดสลึง
    หาดทรายขาวละเอียด ยาวกว่า 860 เมตร จุดพักผ่อนหย่อนใจ และเป็นจุดขึ้นเรือไปสามพันโบก

    ⛵ ปากบ้อง
    จุดที่แม่น้ำโขง แคบที่สุดในประเทศไทย กว้างเพียง 56 เมตร

    🗿 หินหัวพะเนียง
    หินรูปทรงแปลกตา เกิดจากกระแสน้ำพัดผ่านหินทราย

    🏜 หาดหงส์
    "มินิซาฮาร่า" ของอุบลราชธานี ทะเลทรายกลางลำน้ำโขง

    🎨 หาดหินสี
    หินสีสวยงาม มันวาวเป็นเอกลักษณ์

    การเดินทางไปสามพันโบก
    🚗 โดยรถยนต์
    จากอุบลราชธานี → ใช้ทางหลวงหมายเลข 2050 → ผ่านอำเภอตระการพืชผล → อำเภอโพธิ์ไทร → ใช้ทางหลวงชนบท อบ. 4090 → ถึงสามพันโบก ระยะทาง 118 กม.

    🚕 รถสองแถวท้องถิ่น
    บริเวณทางเข้า มีรถสองแถวให้บริการ พาลงไปชมสามพันโบก ราคา 200 บาท

    🚶‍♂️ เดินเท้า
    ระยะทางจากจุดจอดรถ ไปยังสามพันโบก ประมาณ 250 เมตร

    ข้อแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยว
    ✅ ควรเตรียมตัวให้พร้อม หมวก, ครีมกันแดด, น้ำดื่ม
    ✅ ใส่รองเท้าผ้าใบ เดินง่าย ปลอดภัย
    ✅ รักษาธรรมชาติ ไม่ขีดเขียนหิน ไม่ทิ้งขยะ
    ✅ ใช้บริการไกด์ท้องถิ่น ช่วยสนับสนุนชุมชน

    FAQs คำถามที่พบบ่อย
    1. ไปสามพันโบกต้องเสียค่าเข้าไหม?
    💰 ไม่มีค่าเข้าชม แต่มีค่ารถสองแถว 200 บาท

    2. สามพันโบกเปิดให้เข้าชมช่วงไหน?
    📅 เปิดตลอดทั้งปี แต่แนะนำให้ไปช่วง ธันวาคม - พฤษภาคม

    3. ควรไปเที่ยวกี่โมง?
    🌄 เช้าและเย็น จะดีที่สุด อากาศเย็นสบาย แสงสวย

    4. สามพันโบกเหมาะกับใคร?
    👨‍👩‍👧‍👦 เหมาะสำหรับทุกคนที่รักธรรมชาติ และการผจญภัย

    สามพันโบก เป็นสถานที่มหัศจรรย์ ที่เกิดจากธรรมชาติ ที่ควรไปเยือนสักครั้งในชีวิต 🌍 หากกำลังมองหาที่เที่ยวสุด Unseen ที่ให้ทั้งความสนุก ประสบการณ์ และความตื่นตาตื่นใจ สามพันโบกคือคำตอบ!

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 10212 ก.พ. 2568

    📌 #สามพันโบก #เที่ยวอุบล #UnseenThailand #ลำน้ำโขง 🌊✨
    "สามพันโบก" อัศจรรย์แกรนด์แคนยอน แห่งลำน้ำโขง เที่ยวอุบลราชธานี สัมผัสธรรมชาติสุดอลังการ ที่ต้องไปเยือนสักครั้งในชีวิต 🌿🏞 ✨ "สามพันโบก" คือปรากฏการณ์ธรรมชาติ ที่เกิดจากการกัดเซาะ ของกระแสน้ำในแม่น้ำโขง จนเกิดเป็นแอ่งหินน้อยใหญ่จำนวนมาก ซึ่งมีมากถึง 3,000 แอ่ง 🌊 จึงเป็นที่มาของชื่อ "สามพันโบก" โดยคำว่า "โบก" ในภาษาลาว หมายถึง "แอ่ง" หรือ "บ่อน้ำลึก" 📍 ที่ตั้ง บ้านสองคอน ตำบลสองคอน อำเภอโพธิ์ไทร จังหวัดอุบลราชธานี 📏 พื้นที่ ครอบคลุมหลายกิโลเมตร ใต้แม่น้ำโขง 🏜 ฉายา "แกรนด์แคนยอนแห่งลำน้ำโขง" ความสวยงามของสามพันโบ กจะปรากฏให้เห็นในช่วงฤดูแล้ง เดือนธันวาคม-พฤษภาคม เมื่อระดับน้ำลดลง เผยให้เห็นหินรูปร่างแปลกตา คล้ายกับ "หาดชมดาว" ที่อำเภอนาตาล 🌄 ตำนานและเรื่องเล่าของสามพันโบก 💠 ตำนานหินหัวสุนัข ณ ทางเข้าไปสู่สามพันโบก มีหินขนาดใหญ่รูปร่างคล้ายหัวสุนัข 🐶 ซึ่งเกี่ยวข้องกับเรื่องเล่าที่ว่า... "ในอดีต มีเจ้าเมืองผู้หนึ่งที่เรืองอำนาจ ได้ส่งเสนาเข้ามาสำรวจสามพันโบก และพบขุมทรัพย์ล้ำค่าในบริเวณนี้ เจ้าเมืองจึงสั่งให้สุนัขตัวหนึ่ง เฝ้าทางเข้าไว้ รอจนกว่าเขาจะออกมา แต่ด้วยความโลภ เจ้าเมืองกลับออกไปอีกทาง ปล่อยให้สุนัขเฝ้ารอจนตาย และกลายเป็นหินในที่สุด" 💧 ตำนานพญานาคขุดลำน้ำ อีกเรื่องเล่าหนึ่งเกี่ยวกับ พญานาค 🐉 ที่ต้องการสร้างเส้นทางน้ำใหม่ จึงขุดลำน้ำขึ้นมา และให้สุนัขตัวหนึ่งเฝ้าทางเข้า จนในที่สุดสุนัขก็ตายลง กลายเป็นก้อนหิน ที่เราเห็นกันในปัจจุบัน ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการเที่ยวสามพันโบก 🗓 ช่วงเวลาที่ดีที่สุด ธันวาคม - พฤษภาคม ⛅ สภาพอากาศ อากาศเย็นสบาย ไม่มีฝน ทำให้สามารถเดินสำรวจแก่งหิน ได้เต็มที่ 📸 ช่วงเวลาถ่ายรูปสวย เช้า 6.00 - 8.00 น. แสงอ่อน ๆ สาดกระทบหิน เย็น 16.00 - 18.00 น. พระอาทิตย์ตกสวยงาม จุดเด่น และไฮไลท์ของสามพันโบก 🌊 "แอ่งน้ำมหัศจรรย์" หินที่นี่ถูกน้ำกัดเซาะ เป็นโพรงรูปร่างแปลกตา เช่น รูปหัวใจ 🧡 รูปเต่า 🐢 หรือแม้แต่รูปร่างคล้ายสัตว์ในจินตนาการ 🦴 "หินหัวสุนัข" แลนด์มาร์คทางเข้าของสามพันโบก ที่ไม่ควรพลาด 🚤 "ล่องเรือชมโบก" นักท่องเที่ยวสามารถเช่าเรือของชาวบ้าน เพื่อล่องไปชมวิวแม่น้ำโขงสุดอลังการ 🌄 "พระอาทิตย์ขึ้น-ตกที่แม่น้ำโขง" จุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นและตก ที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในภาคอีสาน สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง 🏖 หาดสลึง หาดทรายขาวละเอียด ยาวกว่า 860 เมตร จุดพักผ่อนหย่อนใจ และเป็นจุดขึ้นเรือไปสามพันโบก ⛵ ปากบ้อง จุดที่แม่น้ำโขง แคบที่สุดในประเทศไทย กว้างเพียง 56 เมตร 🗿 หินหัวพะเนียง หินรูปทรงแปลกตา เกิดจากกระแสน้ำพัดผ่านหินทราย 🏜 หาดหงส์ "มินิซาฮาร่า" ของอุบลราชธานี ทะเลทรายกลางลำน้ำโขง 🎨 หาดหินสี หินสีสวยงาม มันวาวเป็นเอกลักษณ์ การเดินทางไปสามพันโบก 🚗 โดยรถยนต์ จากอุบลราชธานี → ใช้ทางหลวงหมายเลข 2050 → ผ่านอำเภอตระการพืชผล → อำเภอโพธิ์ไทร → ใช้ทางหลวงชนบท อบ. 4090 → ถึงสามพันโบก ระยะทาง 118 กม. 🚕 รถสองแถวท้องถิ่น บริเวณทางเข้า มีรถสองแถวให้บริการ พาลงไปชมสามพันโบก ราคา 200 บาท 🚶‍♂️ เดินเท้า ระยะทางจากจุดจอดรถ ไปยังสามพันโบก ประมาณ 250 เมตร ข้อแนะนำสำหรับนักท่องเที่ยว ✅ ควรเตรียมตัวให้พร้อม หมวก, ครีมกันแดด, น้ำดื่ม ✅ ใส่รองเท้าผ้าใบ เดินง่าย ปลอดภัย ✅ รักษาธรรมชาติ ไม่ขีดเขียนหิน ไม่ทิ้งขยะ ✅ ใช้บริการไกด์ท้องถิ่น ช่วยสนับสนุนชุมชน FAQs คำถามที่พบบ่อย 1. ไปสามพันโบกต้องเสียค่าเข้าไหม? 💰 ไม่มีค่าเข้าชม แต่มีค่ารถสองแถว 200 บาท 2. สามพันโบกเปิดให้เข้าชมช่วงไหน? 📅 เปิดตลอดทั้งปี แต่แนะนำให้ไปช่วง ธันวาคม - พฤษภาคม 3. ควรไปเที่ยวกี่โมง? 🌄 เช้าและเย็น จะดีที่สุด อากาศเย็นสบาย แสงสวย 4. สามพันโบกเหมาะกับใคร? 👨‍👩‍👧‍👦 เหมาะสำหรับทุกคนที่รักธรรมชาติ และการผจญภัย สามพันโบก เป็นสถานที่มหัศจรรย์ ที่เกิดจากธรรมชาติ ที่ควรไปเยือนสักครั้งในชีวิต 🌍 หากกำลังมองหาที่เที่ยวสุด Unseen ที่ให้ทั้งความสนุก ประสบการณ์ และความตื่นตาตื่นใจ สามพันโบกคือคำตอบ! ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 10212 ก.พ. 2568 📌 #สามพันโบก #เที่ยวอุบล #UnseenThailand #ลำน้ำโขง 🌊✨
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 342 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระขุนแผนเจ็ดนารีพันหลัก รุ่นแรก พระอาจารย์ประสูติ วัดในเตา จ.ตรัง
    พระขุนแผนเจ็ดนารีพันหลัก รุ่นแรก เนื้อผงชมพู่มหาเสน่ห์ (มีโค๊ดรันนับเบอร์ เลข ๘๑ ) พระอาจารย์ประสูติ วัดในเตา จ.ตรัง //แจกในงานปิดทองฝังลูกนิมิต สร้าง 2000 องค์ //พระสภาพสวยมาก พระสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** ของแรงๆ มหาเสน่ห์ ตอนนี้มาแรงสุดๆ สุดยอดวัตถุมงคลรุ่นแรกพุทธคุณ ด้านมหาโชค - มหาลาภ -มหาโภคทรัพย์ - มหาเสน่ห์ -มหาเมตตา-อาลัยอาวรณ์ เป็นที่ดึงดูดแก่เพศตรงข้ามใช้ในทางพบปะผู้ใหญ่ เจรจา ค้าขายก็ ดีนักแล ......รวมสุดยอดแห่งมวลสารมหาสเน่ห์จากทั่วประเทศ

    ** มวลสารที่ผสม.........
    1) น้ำมันพรายชาย7คนทั้ง7วัน หญิง7คนทั้ง7วัน(พลีถูกต้องตามตำราโบรานเมืองเหนือ)
    2) น้ำมันพรายหนวกบ้าไบ้ พลีถูกต้องตามตำราล้านนา
    3) น้ำมันโยนีคชส่าร
    4) น้ำมันลึงคชสาร
    5) สีผึ้งสาวพรหมจรรย์
    6) สีผึ้งแม่หม้าย
    7) สึผึ้งผยองเศรษฐะ(เศรษฐี7ศพของพม่า)
    ดิน7โป่ง7ทุ่ง7ท่า7นา7ตลาด7ป่าช้า7นคร
    9) ผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม โดย อ.ชินพร สุขสถิตย์ ประธานมูลนิธิ หลวงปู่ทิม อิสริโก มอบให้
    10) ผงดาวเเม่เนื้อหอม(มวลสารดาวหลวงปู่ผินะ)
    11) ผงหลวงปู่ชื่น วัดตาอี
    12)ผงเถ้าอัดถิผีตายวันเสาเผาวันอังคาร(ปัดสะเนียดอาถรรเรียบร้อว)
    13) ผงลบยันต์เสน่สายล้านนา
    14) น้ำมันว่าน ไก่ฟ้าพยาลอ กาหลง ชงโค โยทกา สาวหลง ดอกทองอุดม ดอกทองกระเจา สวาท รักซ้อน พยอม มยม ขนุน มะรุม นางเเย้ม มะหาโช คมหาลาภ กุมารทอง ขุนแผน เถาวัลหลง นางครวญ ดินรังนกเงือก ดินขุยปู ไม้ไก่กุ๊ก ไม้แหย่แย้ กาฝากกาหลง กาฝากรักซ้อน ว่านกระเเจะ ว่านเปราะหอม ว่านห้าร้อยนาง ยาปิยะของพม่า ยาสุรสตีพม่า ยาไก่แดงพม่า ว่านไก่แดง หญ้าเจ้าชู้ ยาสักปิยะเมตตาทางพม่า น้ำมันมะพร้าวลูกแรกทิศตะวันออก น้ำมันกะลาตาเดียว ว่านเสน่หา ว่านมหาเสน่ ว่านเทพรำลึก ไม้มะเด้า ว่านช้างผสมโขลง ดอกไม้เข้าพรรษา108วัดหาในวันเดียว ดอกพญาหงทอง เครือถาหลง น้ำมันเก่าครูเสน่สายเหนือ อีสาน ใต้
    หนึ่งเดียวในโลกที่สร้างแบบนี้ แปลกแต่จริง และมีประสบการณ์มานักต่อนักไม่อย่างนั้นคนต่างประเทศจะบินข้ามน้ำข้ามทะเล มาเช่ากลับไปได้อย่างไร กับสุดยอดของแรงๆ สุดยอดพุทธคุณ ด้านมหาโชค-โภคทรัพย์ มหาเสน่ห์-เมตตา-อาลัยอาวรณ์ แค่ขุนแผนอย่างเดียวก็ดีด้ายเสน่ห์-เมตตาสุดๆปลเวครับ รุ่นนี้เพิ่ม 7นารีพันหลักเข้ามาอีก ความนี้ละครับ เสน่ห์-เมตตา ดีทวีคูณเลยครับ เก็บก่อนที่จะหายากและราคาแรงนะครับ ตอนนี้กำลังมาแรงครับ >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    พระขุนแผนเจ็ดนารีพันหลัก รุ่นแรก พระอาจารย์ประสูติ วัดในเตา จ.ตรัง พระขุนแผนเจ็ดนารีพันหลัก รุ่นแรก เนื้อผงชมพู่มหาเสน่ห์ (มีโค๊ดรันนับเบอร์ เลข ๘๑ ) พระอาจารย์ประสูติ วัดในเตา จ.ตรัง //แจกในงานปิดทองฝังลูกนิมิต สร้าง 2000 องค์ //พระสภาพสวยมาก พระสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** ของแรงๆ มหาเสน่ห์ ตอนนี้มาแรงสุดๆ สุดยอดวัตถุมงคลรุ่นแรกพุทธคุณ ด้านมหาโชค - มหาลาภ -มหาโภคทรัพย์ - มหาเสน่ห์ -มหาเมตตา-อาลัยอาวรณ์ เป็นที่ดึงดูดแก่เพศตรงข้ามใช้ในทางพบปะผู้ใหญ่ เจรจา ค้าขายก็ ดีนักแล ......รวมสุดยอดแห่งมวลสารมหาสเน่ห์จากทั่วประเทศ ** มวลสารที่ผสม......... 1) น้ำมันพรายชาย7คนทั้ง7วัน หญิง7คนทั้ง7วัน(พลีถูกต้องตามตำราโบรานเมืองเหนือ) 2) น้ำมันพรายหนวกบ้าไบ้ พลีถูกต้องตามตำราล้านนา 3) น้ำมันโยนีคชส่าร 4) น้ำมันลึงคชสาร 5) สีผึ้งสาวพรหมจรรย์ 6) สีผึ้งแม่หม้าย 7) สึผึ้งผยองเศรษฐะ(เศรษฐี7ศพของพม่า) ดิน7โป่ง7ทุ่ง7ท่า7นา7ตลาด7ป่าช้า7นคร 9) ผงพรายกุมารหลวงปู่ทิม โดย อ.ชินพร สุขสถิตย์ ประธานมูลนิธิ หลวงปู่ทิม อิสริโก มอบให้ 10) ผงดาวเเม่เนื้อหอม(มวลสารดาวหลวงปู่ผินะ) 11) ผงหลวงปู่ชื่น วัดตาอี 12)ผงเถ้าอัดถิผีตายวันเสาเผาวันอังคาร(ปัดสะเนียดอาถรรเรียบร้อว) 13) ผงลบยันต์เสน่สายล้านนา 14) น้ำมันว่าน ไก่ฟ้าพยาลอ กาหลง ชงโค โยทกา สาวหลง ดอกทองอุดม ดอกทองกระเจา สวาท รักซ้อน พยอม มยม ขนุน มะรุม นางเเย้ม มะหาโช คมหาลาภ กุมารทอง ขุนแผน เถาวัลหลง นางครวญ ดินรังนกเงือก ดินขุยปู ไม้ไก่กุ๊ก ไม้แหย่แย้ กาฝากกาหลง กาฝากรักซ้อน ว่านกระเเจะ ว่านเปราะหอม ว่านห้าร้อยนาง ยาปิยะของพม่า ยาสุรสตีพม่า ยาไก่แดงพม่า ว่านไก่แดง หญ้าเจ้าชู้ ยาสักปิยะเมตตาทางพม่า น้ำมันมะพร้าวลูกแรกทิศตะวันออก น้ำมันกะลาตาเดียว ว่านเสน่หา ว่านมหาเสน่ ว่านเทพรำลึก ไม้มะเด้า ว่านช้างผสมโขลง ดอกไม้เข้าพรรษา108วัดหาในวันเดียว ดอกพญาหงทอง เครือถาหลง น้ำมันเก่าครูเสน่สายเหนือ อีสาน ใต้ หนึ่งเดียวในโลกที่สร้างแบบนี้ แปลกแต่จริง และมีประสบการณ์มานักต่อนักไม่อย่างนั้นคนต่างประเทศจะบินข้ามน้ำข้ามทะเล มาเช่ากลับไปได้อย่างไร กับสุดยอดของแรงๆ สุดยอดพุทธคุณ ด้านมหาโชค-โภคทรัพย์ มหาเสน่ห์-เมตตา-อาลัยอาวรณ์ แค่ขุนแผนอย่างเดียวก็ดีด้ายเสน่ห์-เมตตาสุดๆปลเวครับ รุ่นนี้เพิ่ม 7นารีพันหลักเข้ามาอีก ความนี้ละครับ เสน่ห์-เมตตา ดีทวีคูณเลยครับ เก็บก่อนที่จะหายากและราคาแรงนะครับ ตอนนี้กำลังมาแรงครับ >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 215 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฟังข่าวเมื่อวาน จากจุดเดียวกันกับที่เคยมีตำรวจขี่รถมอเตอร์ไซค์ชนหมอกระต่ายที่กำลังเดินข้ามทางม้าลายจนลอยกระเด็นไปไกลและเสียชีวิต

    ไรเดอร์หนุ่มซิ่งมอเตอร์ไซค์ชนนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีขณะกำลังข้ามถนน เคราะห์ดียังไม่ถึงตาย

    ฟังคำอ้างของไรเดอร์แล้วได้แต่อนาถใจ เพราะเขาให้เหตุผลว่ามองไม่เห็นสัญญาณไฟคนข้าม

    หากให้พูดสำนวนนักเลงหน่อยคงต้องใช้ประโยคประมาณว่า

    "อะไรของมึง ตอบมาได้อย่างไร ใบขับขี่ซื้อมาเหรอ กฎหมายจราจรชัดเจนมีมานานตั้งแต่ไรเดอร์ยังไม่เกิดเลย"

    ข้อหนึ่งใจความประมาณว่าเมื่อผู้ขับขี่ขับมาถึงบริเวณที่มีทางข้ามอย่างทางม้าลาย ให้ระมัดระวัง เตรียมชะลอ หากมีคนรอข้าม ให้จอดรถสนิทห่างจากทางม้าลายอย่างน้อย 3 เมตร แต่ถ้าดูดีแล้วว่าไม่มีคนจึงค่อยออกรถวิ่งต่อได้ ฝ่าฝืนคือผิดกฎหมาย

    ด้วยเหตุนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าไรเดอร์ทำผิดกฎแล้ว 100% มันน่าอับอายคนทั่วโลกเหลือเกิน ที่คนขับขี่รถในประเทศนี้ คุณภาพโดยรวมต่ำย่ำแย่ติดลบสุด ๆ

    ใน 100 คน หาสักคนที่จะชะลอจอดยังหาไม่ได้เลยมั้ง คนเหล่านี้ไม่สำนึก ผ่านวันนี้ไปก็คงลืมแล้ว วันต่อไปก็เป็นเช่นเดิม การบังคับใช้กฎหมายของ จนท.ก็ย่ำแย่พอกับคุณภาพคนขับขี่ ไม่ควรให้ออกมาขี่รถตลอดชีวิตด้วยซ้ำ มีโอกาสสูงมากที่สักวันต้องทำคนตายบนถนนแน่

    คิดถึงที่ข้าพเจ้าเคยเขียนไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ขอรีโพสต์อีกครั้งแล้วกัน ดังมีเนื้อหาต่อไปนี้

    ...........

    #ทางม้าลายหรือทางตายแน่

    ทางม้าลายในไทยนี้มีก็ไม่แตกต่างจากไม่มีจริงนะ เคยพูดเรื่องนี้หลายหน ข้าพเจ้าเดินข้ามถนนมาตั้งแต่เด็กที่ต้องกลับบ้านเอง และการข้ามถนนในกรุงเทพสำหรับเด็กแล้ว มันคือการเสี่ยงดวงทุกครั้ง

    ถ้ามีสะพานลอย นั่นคือทางเลือกแรก แต่ในหลายที่ไม่มี ก็ต้องมองหาทางม้าลายแทน แต่แม้นจะหาเจอ บอกได้เลยว่าเจ้าลายขาวดำบนพื้นนั้น ไม่ได้ช่วยให้คนข้ามรู้สึกถึงความปลอดภัยเพิ่มขึ้นกว่าพื้นถนนที่ไม่มีลายแม้แต่นิดเดียว สำหรับในเมืองไทยนี้

    หลายครั้งก็หวุดหวิดเกือบโดนเฉี่ยวชน แต่ยังบุญรักษาที่รอดมาได้ถึงปัจจุบัน

    ข้ามมาไม่รู้กี่พันครั้งในชีวิตนี้ เชื่อไหมว่าที่มีคนขับมีน้ำใจ มีมารยาทตามกฎจราจร หยุดจอดให้โดยดีก่อนถึงเส้นขาวดำนั้นมีไม่น่าจะถึง 10 ครั้ง

    เกือบทั้งหมดคือไม่สนเลยว่าใครจะข้าม จะมีคนแก่ คนท้อง เด็ก ผู้หญิง คนพิการ หรือแค่คนปกติธรรมดาที่เขายืนรอจังหวะหวังว่าจะพอมีช่วงที่รถชะลอให้พอข้ามได้

    ล้วนแล้วแต่อยากจะรีบไปของตัวเองกันแทบทั้งนั้น อย่าว่าแต่หยุดรถให้เลย แค่ลดความเร็วยังหายากมากถึงมากที่สุด จะข้ามได้คือต้องช่วงที่รถอยู่ห่างจากตัวหลายสิบเมตร แล้วกะจังหวะเวลาให้ดี ใหม่ๆก็วิ่งหน้าตั้ง หลังๆประสบการณ์พอตัว ก็ไม่วิ่ง ก้าวเร็วๆเอา

    แต่บางถนนที่มีการจราจรแน่นหนาคับคั่ง การข้ามทางม้าลายนี่ยังกับปีนไต่ต้นถั่วขึ้นไปบนฟ้า โอกาสร่วงลงมาตายสูง เผลอๆมีสิ่งคาดไม่ถึงเกิดขึ้นด้วย

    อาทิเรากะว่าน่าจะวิ่งข้ามทัน แต่รถดันมาไวมาก ถึงจวนตัวกระชั้นชิด ก็จะโดนบีบแตรไล่ยาว พอเราตกใจหยุดกะทันหันคนขับจะหัวเสียที่ต้องเบรกเอี๊ยด ทำหน้ายักษ์ใส่ แล้วยกมือขึ้นมาทำท่าโบกเหมือนไล่ให้รีบไปเร็วๆ อย่ามาเกะกะกู ครั้นพอเราได้สติ จะรีบข้ามต่อ แต่รถคันที่มาเลนกลางดันไม่สนใจว่าคันทางซ้ายนั้นจำใจจอดแล้ว ตัวเองควรต้องจอดด้วยเพื่อให้คนข้าม

    เขากลับทำตรงข้ามกับสิ่งที่ควรทำ คือยิ่งเร่งความเร็วจะผ่านตรงม้าลายนี้ไป ดังนั้นถ้าหากเราไม่ตาไวและระวังเพียงพอ ก็มีสิทธิถูกเสยกระเด็นไปเหมือนว่าวขาดลอย

    นี่คือจุดตายของคนข้ามทางม้าลายมานักต่อนัก อย่าชะล่าใจเป็นอันขาดที่คิดว่าคันแรกจอดให้เราข้าม แล้วคันอื่นๆที่วิ่งตามมาเลนอื่นจะจอดให้เราไปง่ายๆ

    น้ำใจบนท้องถนนของคนขับรถในบ้านเมืองนี้ ต้องบอกว่าแห้งแล้งยิ่งกว่าแผ่นดินอีสานเมื่อหลายสิบปีก่อน เป็นเช่นนั้นจริงๆ และนับวันจะเป็นมากขึ้น

    ที่จอดให้นั้น จำใจจอดซะเป็นส่วนใหญ่ ที่จะตั้งใจจอดให้เองอย่างยินดีตั้งแต่รถยังไม่ทันทับเส้นขาวดำนี่น่าจะเหมือนฝัน หากใครพบเจอในไทยนะ ขอแนะนำให้หันไปยิ้มให้และไหว้ขอบคุณคนขับอย่างงามๆเป็นการให้กำลังใจในสิ่งที่เขาทำสักหน่อยเถิด

    คนมีรถยนต์ส่วนตัวนั้น ที่จะขับขี่โดยไม่เห็นแก่ตัว และมองเห็นหัวคนเดินถนนบ้างนั้น หาได้น้อยแสนน้อยยิ่งนัก

    เอาง่ายๆ ใครมีรถ ลองถามใจตัวเอง ทุกครั้งที่วิ่งผ่านทางม้าลาย ต่อให้ไม่มีคนรอข้ามเลย เคยไหมที่จะชะลอลดความเร็วลง หรือว่าห้อตะบึงไปอย่างไม่ไยดี

    หรือหากมีคน แล้วกี่ครั้งกันที่คุณหยุดรถให้เขาเหล่านั้นได้เดินข้ามอย่างไม่ต้องวิ่งตาลีตาเหลือก

    หรือมีแต่บีบแตรกันไม่ให้เขาข้ามมา ทั้งที่ตัวเองก็ยังอยู่ห่างจากทางม้าลายพอสมควร แต่ไม่คิดจะหยุด จึงต้องบีบแตรไว้ก่อน เป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าฉันจะไปยาวนะ ไม่จอด อย่าสะเออะข้ามมา

    ชนตายไม่รู้นะมึง

    ใช่เป็นแบบนั้นหรือไม่?

    น่าเศร้าใจนะไทยแลนด์

    ทำไมคนขับรถถึงใจดำได้เพียงนี้

    ช่วงหน้าฝนชัดเจนที่สุด คนยืนรอข้ามถนน รอขึ้นรถเมล์ หรือกำลังเดินริมถนน รถแต่ละคันวิ่งฝ่าน้ำบนพื้น กระฉูดใส่คนบนทางเท้าราวกับคลื่นทะเลที่มาเป็นอุโมงค์น้ำ

    คนเหล่านั้นเขาน่าสงสาร น่าเห็นใจขนาดไหน เด็กเล็กๆกับพ่อแม่ผู้ปกครองที่ไปรับกลับบ้าน หรือมาโรงเรียน คนทำงานที่เหน็ดเหนื่อยรอที่จะกลับบ้านหรือกำลังจะไปที่ทำงาน ฝนตกยืนกางร่มก็ลำบากไม่น้อยแล้ว ยังต้องมาถูกซัดโครมเดียวด้วยน้ำสกปรกสีขุ่นและตะกอนฝุ่นผงดินโคลนทั้งหลายก็กระเด็น กระจัดกระจาย สร้างลวดลายไปบนชุดและร่างกายของเขาทั่วหัวยันตีน เข้าตา เข้าจมูก เข้าหู เข้าปากด้วยก็ไม่แน่

    เขาต้องทนไปจนกว่าจะกลับถึงบ้านจึงได้อาบน้ำ ถ้ากำลังไปเรียน ไปทำงาน ไปสอบ จะทำอย่างไร แต่คนขับที่ทำอุโมงค์น้ำซัดใส่นั้น หายไปไหนแล้วไม่รู้

    แล้วรู้อะไรไหม คนขับพวกนี้ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำร้ายใครไปแล้วบ้างกี่คน กว่าที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางของตัวเอง

    จากประสบการณ์จริงที่เคยเจอมาทั้งกับตัวเอง และเห็นคนที่โดนกระทำในขณะที่เราเป็นผู้โดยสารอยู่บนรถคันที่ก่อเหตุ

    เพราะเราเป็นคนเดินดินริมถนน เหมือนกันกับเขา จึงเข้าใจ แต่หลายคนที่เคยเป็นคนเดินถนน พอเริ่มมีรถเป็นของตนเองแล้วเมื่อไร ก็เหมือนโดนคำสาปสิงสู่ใจ ทำให้ลืมไปหมดในเรื่องที่ตนเคยประสบพบเจอมา แล้วก็กลายร่างเป็นคนชนิดเดียวกันกับคนที่เคยเบียดเบียนตนเองมาก่อนเช่นกัน

    อย่าลืมว่าเขาที่เดินเท้าบนถนนก็คือคนที่มีศักดิ์ มีศรี ควรต่อการให้ความใส่ใจ และปฏิบัติต่อกันเฉกเช่นคนในครอบครัวของเรา หาใช่ก้อนอิฐ หิน ดิน ทราย ที่ไร้ชีวิต

    ขอบคุณภาพฟรีจาก pixabay.com

    #บทความ
    #thaitimes
    #แง่คิด
    #รถชนนักท่องเที่ยว
    #ข้ามทางม้าลาย
    ฟังข่าวเมื่อวาน จากจุดเดียวกันกับที่เคยมีตำรวจขี่รถมอเตอร์ไซค์ชนหมอกระต่ายที่กำลังเดินข้ามทางม้าลายจนลอยกระเด็นไปไกลและเสียชีวิต ไรเดอร์หนุ่มซิ่งมอเตอร์ไซค์ชนนักท่องเที่ยวชาวเกาหลีขณะกำลังข้ามถนน เคราะห์ดียังไม่ถึงตาย ฟังคำอ้างของไรเดอร์แล้วได้แต่อนาถใจ เพราะเขาให้เหตุผลว่ามองไม่เห็นสัญญาณไฟคนข้าม หากให้พูดสำนวนนักเลงหน่อยคงต้องใช้ประโยคประมาณว่า "อะไรของมึง ตอบมาได้อย่างไร ใบขับขี่ซื้อมาเหรอ กฎหมายจราจรชัดเจนมีมานานตั้งแต่ไรเดอร์ยังไม่เกิดเลย" ข้อหนึ่งใจความประมาณว่าเมื่อผู้ขับขี่ขับมาถึงบริเวณที่มีทางข้ามอย่างทางม้าลาย ให้ระมัดระวัง เตรียมชะลอ หากมีคนรอข้าม ให้จอดรถสนิทห่างจากทางม้าลายอย่างน้อย 3 เมตร แต่ถ้าดูดีแล้วว่าไม่มีคนจึงค่อยออกรถวิ่งต่อได้ ฝ่าฝืนคือผิดกฎหมาย ด้วยเหตุนี้ เหตุการณ์ดังกล่าวถือว่าไรเดอร์ทำผิดกฎแล้ว 100% มันน่าอับอายคนทั่วโลกเหลือเกิน ที่คนขับขี่รถในประเทศนี้ คุณภาพโดยรวมต่ำย่ำแย่ติดลบสุด ๆ ใน 100 คน หาสักคนที่จะชะลอจอดยังหาไม่ได้เลยมั้ง คนเหล่านี้ไม่สำนึก ผ่านวันนี้ไปก็คงลืมแล้ว วันต่อไปก็เป็นเช่นเดิม การบังคับใช้กฎหมายของ จนท.ก็ย่ำแย่พอกับคุณภาพคนขับขี่ ไม่ควรให้ออกมาขี่รถตลอดชีวิตด้วยซ้ำ มีโอกาสสูงมากที่สักวันต้องทำคนตายบนถนนแน่ คิดถึงที่ข้าพเจ้าเคยเขียนไว้เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ขอรีโพสต์อีกครั้งแล้วกัน ดังมีเนื้อหาต่อไปนี้ ........... #ทางม้าลายหรือทางตายแน่ ทางม้าลายในไทยนี้มีก็ไม่แตกต่างจากไม่มีจริงนะ เคยพูดเรื่องนี้หลายหน ข้าพเจ้าเดินข้ามถนนมาตั้งแต่เด็กที่ต้องกลับบ้านเอง และการข้ามถนนในกรุงเทพสำหรับเด็กแล้ว มันคือการเสี่ยงดวงทุกครั้ง ถ้ามีสะพานลอย นั่นคือทางเลือกแรก แต่ในหลายที่ไม่มี ก็ต้องมองหาทางม้าลายแทน แต่แม้นจะหาเจอ บอกได้เลยว่าเจ้าลายขาวดำบนพื้นนั้น ไม่ได้ช่วยให้คนข้ามรู้สึกถึงความปลอดภัยเพิ่มขึ้นกว่าพื้นถนนที่ไม่มีลายแม้แต่นิดเดียว สำหรับในเมืองไทยนี้ หลายครั้งก็หวุดหวิดเกือบโดนเฉี่ยวชน แต่ยังบุญรักษาที่รอดมาได้ถึงปัจจุบัน ข้ามมาไม่รู้กี่พันครั้งในชีวิตนี้ เชื่อไหมว่าที่มีคนขับมีน้ำใจ มีมารยาทตามกฎจราจร หยุดจอดให้โดยดีก่อนถึงเส้นขาวดำนั้นมีไม่น่าจะถึง 10 ครั้ง เกือบทั้งหมดคือไม่สนเลยว่าใครจะข้าม จะมีคนแก่ คนท้อง เด็ก ผู้หญิง คนพิการ หรือแค่คนปกติธรรมดาที่เขายืนรอจังหวะหวังว่าจะพอมีช่วงที่รถชะลอให้พอข้ามได้ ล้วนแล้วแต่อยากจะรีบไปของตัวเองกันแทบทั้งนั้น อย่าว่าแต่หยุดรถให้เลย แค่ลดความเร็วยังหายากมากถึงมากที่สุด จะข้ามได้คือต้องช่วงที่รถอยู่ห่างจากตัวหลายสิบเมตร แล้วกะจังหวะเวลาให้ดี ใหม่ๆก็วิ่งหน้าตั้ง หลังๆประสบการณ์พอตัว ก็ไม่วิ่ง ก้าวเร็วๆเอา แต่บางถนนที่มีการจราจรแน่นหนาคับคั่ง การข้ามทางม้าลายนี่ยังกับปีนไต่ต้นถั่วขึ้นไปบนฟ้า โอกาสร่วงลงมาตายสูง เผลอๆมีสิ่งคาดไม่ถึงเกิดขึ้นด้วย อาทิเรากะว่าน่าจะวิ่งข้ามทัน แต่รถดันมาไวมาก ถึงจวนตัวกระชั้นชิด ก็จะโดนบีบแตรไล่ยาว พอเราตกใจหยุดกะทันหันคนขับจะหัวเสียที่ต้องเบรกเอี๊ยด ทำหน้ายักษ์ใส่ แล้วยกมือขึ้นมาทำท่าโบกเหมือนไล่ให้รีบไปเร็วๆ อย่ามาเกะกะกู ครั้นพอเราได้สติ จะรีบข้ามต่อ แต่รถคันที่มาเลนกลางดันไม่สนใจว่าคันทางซ้ายนั้นจำใจจอดแล้ว ตัวเองควรต้องจอดด้วยเพื่อให้คนข้าม เขากลับทำตรงข้ามกับสิ่งที่ควรทำ คือยิ่งเร่งความเร็วจะผ่านตรงม้าลายนี้ไป ดังนั้นถ้าหากเราไม่ตาไวและระวังเพียงพอ ก็มีสิทธิถูกเสยกระเด็นไปเหมือนว่าวขาดลอย นี่คือจุดตายของคนข้ามทางม้าลายมานักต่อนัก อย่าชะล่าใจเป็นอันขาดที่คิดว่าคันแรกจอดให้เราข้าม แล้วคันอื่นๆที่วิ่งตามมาเลนอื่นจะจอดให้เราไปง่ายๆ น้ำใจบนท้องถนนของคนขับรถในบ้านเมืองนี้ ต้องบอกว่าแห้งแล้งยิ่งกว่าแผ่นดินอีสานเมื่อหลายสิบปีก่อน เป็นเช่นนั้นจริงๆ และนับวันจะเป็นมากขึ้น ที่จอดให้นั้น จำใจจอดซะเป็นส่วนใหญ่ ที่จะตั้งใจจอดให้เองอย่างยินดีตั้งแต่รถยังไม่ทันทับเส้นขาวดำนี่น่าจะเหมือนฝัน หากใครพบเจอในไทยนะ ขอแนะนำให้หันไปยิ้มให้และไหว้ขอบคุณคนขับอย่างงามๆเป็นการให้กำลังใจในสิ่งที่เขาทำสักหน่อยเถิด คนมีรถยนต์ส่วนตัวนั้น ที่จะขับขี่โดยไม่เห็นแก่ตัว และมองเห็นหัวคนเดินถนนบ้างนั้น หาได้น้อยแสนน้อยยิ่งนัก เอาง่ายๆ ใครมีรถ ลองถามใจตัวเอง ทุกครั้งที่วิ่งผ่านทางม้าลาย ต่อให้ไม่มีคนรอข้ามเลย เคยไหมที่จะชะลอลดความเร็วลง หรือว่าห้อตะบึงไปอย่างไม่ไยดี หรือหากมีคน แล้วกี่ครั้งกันที่คุณหยุดรถให้เขาเหล่านั้นได้เดินข้ามอย่างไม่ต้องวิ่งตาลีตาเหลือก หรือมีแต่บีบแตรกันไม่ให้เขาข้ามมา ทั้งที่ตัวเองก็ยังอยู่ห่างจากทางม้าลายพอสมควร แต่ไม่คิดจะหยุด จึงต้องบีบแตรไว้ก่อน เป็นสัญญาณเตือนให้รู้ว่าฉันจะไปยาวนะ ไม่จอด อย่าสะเออะข้ามมา ชนตายไม่รู้นะมึง ใช่เป็นแบบนั้นหรือไม่? น่าเศร้าใจนะไทยแลนด์ ทำไมคนขับรถถึงใจดำได้เพียงนี้ ช่วงหน้าฝนชัดเจนที่สุด คนยืนรอข้ามถนน รอขึ้นรถเมล์ หรือกำลังเดินริมถนน รถแต่ละคันวิ่งฝ่าน้ำบนพื้น กระฉูดใส่คนบนทางเท้าราวกับคลื่นทะเลที่มาเป็นอุโมงค์น้ำ คนเหล่านั้นเขาน่าสงสาร น่าเห็นใจขนาดไหน เด็กเล็กๆกับพ่อแม่ผู้ปกครองที่ไปรับกลับบ้าน หรือมาโรงเรียน คนทำงานที่เหน็ดเหนื่อยรอที่จะกลับบ้านหรือกำลังจะไปที่ทำงาน ฝนตกยืนกางร่มก็ลำบากไม่น้อยแล้ว ยังต้องมาถูกซัดโครมเดียวด้วยน้ำสกปรกสีขุ่นและตะกอนฝุ่นผงดินโคลนทั้งหลายก็กระเด็น กระจัดกระจาย สร้างลวดลายไปบนชุดและร่างกายของเขาทั่วหัวยันตีน เข้าตา เข้าจมูก เข้าหู เข้าปากด้วยก็ไม่แน่ เขาต้องทนไปจนกว่าจะกลับถึงบ้านจึงได้อาบน้ำ ถ้ากำลังไปเรียน ไปทำงาน ไปสอบ จะทำอย่างไร แต่คนขับที่ทำอุโมงค์น้ำซัดใส่นั้น หายไปไหนแล้วไม่รู้ แล้วรู้อะไรไหม คนขับพวกนี้ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าทำร้ายใครไปแล้วบ้างกี่คน กว่าที่จะไปถึงจุดหมายปลายทางของตัวเอง จากประสบการณ์จริงที่เคยเจอมาทั้งกับตัวเอง และเห็นคนที่โดนกระทำในขณะที่เราเป็นผู้โดยสารอยู่บนรถคันที่ก่อเหตุ เพราะเราเป็นคนเดินดินริมถนน เหมือนกันกับเขา จึงเข้าใจ แต่หลายคนที่เคยเป็นคนเดินถนน พอเริ่มมีรถเป็นของตนเองแล้วเมื่อไร ก็เหมือนโดนคำสาปสิงสู่ใจ ทำให้ลืมไปหมดในเรื่องที่ตนเคยประสบพบเจอมา แล้วก็กลายร่างเป็นคนชนิดเดียวกันกับคนที่เคยเบียดเบียนตนเองมาก่อนเช่นกัน อย่าลืมว่าเขาที่เดินเท้าบนถนนก็คือคนที่มีศักดิ์ มีศรี ควรต่อการให้ความใส่ใจ และปฏิบัติต่อกันเฉกเช่นคนในครอบครัวของเรา หาใช่ก้อนอิฐ หิน ดิน ทราย ที่ไร้ชีวิต ขอบคุณภาพฟรีจาก pixabay.com #บทความ #thaitimes #แง่คิด #รถชนนักท่องเที่ยว #ข้ามทางม้าลาย
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 590 มุมมอง 0 รีวิว
  • 23/1/68

    PM 2.5 หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน เช็ก 4 อาการเสี่ยงระดับรุนแรง

    ฝุ่น PM2.5 ทำให้ค่าอายุเฉลี่ยของคนไทยลดลง 1.78 ปี โดยกรมอนามัย ระบุ ผลกระทบต่อสุขภาพ ในระยะสั้น ไอ จาม ระคายเคืองผิวหนัง ผื่น คัน ระคายเคืองตา แสบตา ตาแดง ส่วนผลกระทบระยะยาว ระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ เสี่ยงต่อภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน หัวใจวาย ภาวะหลอดเลือดสมองตีบ ความดันโลหิตสูง ,ระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ,เบาหวาน, มะเร็งปอด ,เสี่ยงแท้ง/คลอดก่อนกำหนด ,กระทบต่อพัฒนาการ/ระบบสมองของทารกและทารกแรกคลอดผิดปกติ/น้ำหนักน้อย

    4 อาการ เสี่ยงระดับรุนแรง
    การประเมินตนเองผ่านคลินิกมลพิษออนไลน์ หากมีอาการ 1 ใน 4 รายการนี้เพียง 1 ข้อ ถือว่าอยู่ในระดับรุนแรงควรรีบปรึกษาแพทย์ ได้แก่

    แน่นหน้าอก หายใจลำบาก

    หอบ หายใจเสียงดังวี๊ด

    เจ็บหน้าอก

    เหนื่อยมากจนต้องนั่งพักหรือทำงานไม่ได้

    ฝุ่น PM 2.5 ทำร้ายเซลล์หลอดเลือด

    พญ.ฉันทนา ผดุงทศ ผอ.กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงผลกระทบฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ว่า ข้อมูลสะสมตั้งแต่ ต.ค.2567-ม.ค.2568 มีรายงานผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคที่เฝ้าระวังประมาณ 1 ล้านราย มากที่สุดคือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นราว 2 แสนราย เป็นต้น

    การได้รับฝุ่น PM 2.5 ต่อเนื่อง กรณีที่ป่วยอยู่แล้ว ในระยะยาวจะทำให้ป่วยรุนแรง เช่น ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือหอบหืดอยู่แล้ว แทนที่จะหายใจได้บ้างก็กลายเป็นหายใจลำบาก เพราะฝุ่นทำให้โรคไม่หายเสียที นอกจากนี้ ยังมีโอกาสได้รับสารเคมีตัวอื่นที่เกาะกับฝุ่น PM 2.5 เข้าสู่ร่างกายได้ด้วย ฝุ่น PM 2.5 เข้าไปได้ลึกถึงถุงลม สารเคมีที่มาจับกับฝุ่นก็ลงไปได้ลึกเท่านั้น ที่กังวลคือการก่อมะเร็งปอดในอนาคต
    “ผลกระทบจริงๆ ของฝุ่น PM 2.5 เข้าไปทำร้ายเซลล์หลอดเลือด เช่น เส้นเลือดหัวใจตีบ เนื่องจากฝุ่น PM2.5 เข้าไปทำให้ผนังเส้นเลือดไม่แข็งแรง หรือกรณีที่เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคเกี่ยวกับสมองเพราะฝุ่น PM2.5 เข้าไปทำให้เส้นเลือดสมองไม่แข็งแรง ทำให้เกิดการอุดตันได้ง่าย”พญ.ฉันทนากล่าว

    หากเป็นกรณีการอักเสบ เหมือนเป็นแผล ถ้าไม่มีฝุ่น PM2.5 เข้ามาทำให้เกิดการระคายเคืองอีก ก็สามารถหายได้ แต่กรณีโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืดก็จะเข้าสู่ภาวะโรคปกติ เช่น ยังต้องพ่นยาอยู่ แต่ก็ไม่ต้องพ่นเยอะเหมือนช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 แต่ในส่วนของมะเร็งอาจจะต้องดูระยะยาว ต้องติดตาม

    พญ.ฉันทนา กล่าวอีกว่า มะเร็งปอดที่มาจากฝุ่น PM2.5 ยังต้องเก็บข้อมูลในระยะยาว แต่ก็เห็นตัวอย่างในหลายๆ ประเทศแล้ว แม้แต่ในไทยก็พบมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด ทั้งที่มีประวัติคลีนมาก ก็อาจเป็นเรื่องของฝุ่นเป็นหลัก ปัจจุบันคาดการณ์จากประเทศอื่นๆ ที่ทำวิจัย ส่วนในประเทศไทย กำลังมีการศึกษาวิจัยไปข้างหน้าว่ามันจะเกิดขึ้นไหม ยังไม่นานพอที่จะทำให้เห็นว่าเกี่ยวกับฝุ่น แต่ก็พอเห็นกรณีที่มีความเป็นไปได้ว่ามาจากฝุ่น

    ปัญหาฝุ่น PM2.5 มาจาก 3 ปัจจัยหลักๆ คือ การเผาในที่โล่ง ซึ่งพบมากที่สุดในตอนนี้ ต่อมาเป็นโรงงานอุตสาหกรรม และการคมนาคมขนส่ง นอกจากฝุ่น PM 2.5 ยังมีสารพิษที่น่ากลัว และน่ากังวลที่สามารถเกาะมากับ PM2.5 คือ สารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (Polycyclic Aromatic Hydrocarbon : PAHs) โดยเฉพาะการเผาไหม้ที่เกิดจากการเผายาง หรือการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ทำให้เกิดสาร PAHs เช่นกัน

    เสี่ยง โรคหัวใจ-สมองขาดเลือดเฉียบพลัน
    ขณะที่ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ให้ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ค่า PM2.5 ที่บ้านริมน้ำวัดได้สูงสุดตอนเจ็ดโมงเช้าที่ 102.9 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร(มคก./ลบ.ม.) ค่ารายชั่วโมงที่ 75 มคก./ลบ.ม. สำหรับคนทั่วไปอาจจะถึงขั้น เจ็บได้ คือ แสบจมูกและคอ ระคายเคืองตาและผิวหนัง

    แต่ถ้าขึ้นไปถึง 150 มคก./ลบ.ม. อาจตายได้ จากโรคหัวใจขาดเลือดและสมองขาดเลือดเฉียบพลัน สำหรับกลุ่มคนเปราะบาง ค่าเจ็บได้จะอยู่ที่ 37.5 มคก./ลบ.ม. จากโรคหืดและโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้กำเริบ โรคถุงลมโป่งพองกำเริบ โรคหัวใจและสมองกำเริบ ส่วนค่าที่อาจตายได้จะอยู่ที่ 75 มคก./ลบ.ม. หรือเอาง่าย ๆ คือ ครึ่งหนึ่งของคนปกติ

    มะเร็งปอดภาคเหนือสูง
    ดังที่ทราบว่าภาคเหนือมีปัญหาฝุ่น PM 2.5 มานานนับ 10 ปี การศึกษาวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่(มช.) ในการเปรียบเทียบอัตราการตายของผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด ตั้งแต่ปี 2553-2564 ระหว่าง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ พบว่าภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ และลำปาง มีอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดสูงที่สุด นอกจากนี้ ยังพบสัดส่วนของผู้ป่วยมะเร็งปอดในคนหนุ่มสาวของประชากรภาคเหนือสูงกว่าภาคอื่นๆ

    นอกจากนี้ งานวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ มช. ยังบ่งบอกหลักฐานสนับสนุนความสัมพันธ์ของฝุ่น PM2.5 กับมะเร็ง โดยการศึกษาผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองในพื้นที่ อ.เชียงดาว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีค่า PM2.5 สูงอันดับต้นๆของจ.เชียงใหม่ โดยการขูดเซลล์บริเวณกระพุ้งแก้มของผู้ป่วยถุงลมโป่งพองไปตรวจ เปรียบเทียบกันระหว่างช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 สูงและช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 ต่ำ ผลปรากฏว่าในช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 สูง เซลล์กระพุ้งแก้มของผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลง บ่งบอกว่ายีนมีความผิดปกติ ซึ่งจะส่งผลในระยะยาว จนกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ ในอนาคต
    23/1/68 PM 2.5 หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน เช็ก 4 อาการเสี่ยงระดับรุนแรง ฝุ่น PM2.5 ทำให้ค่าอายุเฉลี่ยของคนไทยลดลง 1.78 ปี โดยกรมอนามัย ระบุ ผลกระทบต่อสุขภาพ ในระยะสั้น ไอ จาม ระคายเคืองผิวหนัง ผื่น คัน ระคายเคืองตา แสบตา ตาแดง ส่วนผลกระทบระยะยาว ระบบหัวใจและหลอดเลือด เช่น หัวใจเต้นผิดจังหวะ เสี่ยงต่อภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน หัวใจวาย ภาวะหลอดเลือดสมองตีบ ความดันโลหิตสูง ,ระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคหอบหืด โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง ,เบาหวาน, มะเร็งปอด ,เสี่ยงแท้ง/คลอดก่อนกำหนด ,กระทบต่อพัฒนาการ/ระบบสมองของทารกและทารกแรกคลอดผิดปกติ/น้ำหนักน้อย 4 อาการ เสี่ยงระดับรุนแรง การประเมินตนเองผ่านคลินิกมลพิษออนไลน์ หากมีอาการ 1 ใน 4 รายการนี้เพียง 1 ข้อ ถือว่าอยู่ในระดับรุนแรงควรรีบปรึกษาแพทย์ ได้แก่ แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หอบ หายใจเสียงดังวี๊ด เจ็บหน้าอก เหนื่อยมากจนต้องนั่งพักหรือทำงานไม่ได้ ฝุ่น PM 2.5 ทำร้ายเซลล์หลอดเลือด พญ.ฉันทนา ผดุงทศ ผอ.กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข กล่าวถึงผลกระทบฝุ่นละอองขนาดเล็ก (PM2.5) ว่า ข้อมูลสะสมตั้งแต่ ต.ค.2567-ม.ค.2568 มีรายงานผู้ป่วย 4 กลุ่มโรคที่เฝ้าระวังประมาณ 1 ล้านราย มากที่สุดคือโรคปอดอุดกั้นเรื้อรังที่ได้รับผลกระทบจากฝุ่นราว 2 แสนราย เป็นต้น การได้รับฝุ่น PM 2.5 ต่อเนื่อง กรณีที่ป่วยอยู่แล้ว ในระยะยาวจะทำให้ป่วยรุนแรง เช่น ปอดอุดกั้นเรื้อรัง หรือหอบหืดอยู่แล้ว แทนที่จะหายใจได้บ้างก็กลายเป็นหายใจลำบาก เพราะฝุ่นทำให้โรคไม่หายเสียที นอกจากนี้ ยังมีโอกาสได้รับสารเคมีตัวอื่นที่เกาะกับฝุ่น PM 2.5 เข้าสู่ร่างกายได้ด้วย ฝุ่น PM 2.5 เข้าไปได้ลึกถึงถุงลม สารเคมีที่มาจับกับฝุ่นก็ลงไปได้ลึกเท่านั้น ที่กังวลคือการก่อมะเร็งปอดในอนาคต “ผลกระทบจริงๆ ของฝุ่น PM 2.5 เข้าไปทำร้ายเซลล์หลอดเลือด เช่น เส้นเลือดหัวใจตีบ เนื่องจากฝุ่น PM2.5 เข้าไปทำให้ผนังเส้นเลือดไม่แข็งแรง หรือกรณีที่เกิดอัมพฤกษ์ อัมพาต โรคเกี่ยวกับสมองเพราะฝุ่น PM2.5 เข้าไปทำให้เส้นเลือดสมองไม่แข็งแรง ทำให้เกิดการอุดตันได้ง่าย”พญ.ฉันทนากล่าว หากเป็นกรณีการอักเสบ เหมือนเป็นแผล ถ้าไม่มีฝุ่น PM2.5 เข้ามาทำให้เกิดการระคายเคืองอีก ก็สามารถหายได้ แต่กรณีโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืดก็จะเข้าสู่ภาวะโรคปกติ เช่น ยังต้องพ่นยาอยู่ แต่ก็ไม่ต้องพ่นเยอะเหมือนช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 แต่ในส่วนของมะเร็งอาจจะต้องดูระยะยาว ต้องติดตาม พญ.ฉันทนา กล่าวอีกว่า มะเร็งปอดที่มาจากฝุ่น PM2.5 ยังต้องเก็บข้อมูลในระยะยาว แต่ก็เห็นตัวอย่างในหลายๆ ประเทศแล้ว แม้แต่ในไทยก็พบมีผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด ทั้งที่มีประวัติคลีนมาก ก็อาจเป็นเรื่องของฝุ่นเป็นหลัก ปัจจุบันคาดการณ์จากประเทศอื่นๆ ที่ทำวิจัย ส่วนในประเทศไทย กำลังมีการศึกษาวิจัยไปข้างหน้าว่ามันจะเกิดขึ้นไหม ยังไม่นานพอที่จะทำให้เห็นว่าเกี่ยวกับฝุ่น แต่ก็พอเห็นกรณีที่มีความเป็นไปได้ว่ามาจากฝุ่น ปัญหาฝุ่น PM2.5 มาจาก 3 ปัจจัยหลักๆ คือ การเผาในที่โล่ง ซึ่งพบมากที่สุดในตอนนี้ ต่อมาเป็นโรงงานอุตสาหกรรม และการคมนาคมขนส่ง นอกจากฝุ่น PM 2.5 ยังมีสารพิษที่น่ากลัว และน่ากังวลที่สามารถเกาะมากับ PM2.5 คือ สารโพลีไซคลิกอะโรมาติกไฮโดรคาร์บอน (Polycyclic Aromatic Hydrocarbon : PAHs) โดยเฉพาะการเผาไหม้ที่เกิดจากการเผายาง หรือการเผาไหม้ไม่สมบูรณ์ทำให้เกิดสาร PAHs เช่นกัน เสี่ยง โรคหัวใจ-สมองขาดเลือดเฉียบพลัน ขณะที่ รศ.นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล ให้ข้อมูลผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า ค่า PM2.5 ที่บ้านริมน้ำวัดได้สูงสุดตอนเจ็ดโมงเช้าที่ 102.9 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร(มคก./ลบ.ม.) ค่ารายชั่วโมงที่ 75 มคก./ลบ.ม. สำหรับคนทั่วไปอาจจะถึงขั้น เจ็บได้ คือ แสบจมูกและคอ ระคายเคืองตาและผิวหนัง แต่ถ้าขึ้นไปถึง 150 มคก./ลบ.ม. อาจตายได้ จากโรคหัวใจขาดเลือดและสมองขาดเลือดเฉียบพลัน สำหรับกลุ่มคนเปราะบาง ค่าเจ็บได้จะอยู่ที่ 37.5 มคก./ลบ.ม. จากโรคหืดและโรคจมูกอักเสบภูมิแพ้กำเริบ โรคถุงลมโป่งพองกำเริบ โรคหัวใจและสมองกำเริบ ส่วนค่าที่อาจตายได้จะอยู่ที่ 75 มคก./ลบ.ม. หรือเอาง่าย ๆ คือ ครึ่งหนึ่งของคนปกติ มะเร็งปอดภาคเหนือสูง ดังที่ทราบว่าภาคเหนือมีปัญหาฝุ่น PM 2.5 มานานนับ 10 ปี การศึกษาวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่(มช.) ในการเปรียบเทียบอัตราการตายของผู้ป่วยโรคมะเร็งปอด ตั้งแต่ปี 2553-2564 ระหว่าง ภาคเหนือ ภาคอีสาน และภาคใต้ พบว่าภาคเหนือ โดยเฉพาะจังหวัดเชียงใหม่ และลำปาง มีอัตราการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดสูงที่สุด นอกจากนี้ ยังพบสัดส่วนของผู้ป่วยมะเร็งปอดในคนหนุ่มสาวของประชากรภาคเหนือสูงกว่าภาคอื่นๆ นอกจากนี้ งานวิจัยของคณะแพทยศาสตร์ มช. ยังบ่งบอกหลักฐานสนับสนุนความสัมพันธ์ของฝุ่น PM2.5 กับมะเร็ง โดยการศึกษาผู้ป่วยโรคถุงลมโป่งพองในพื้นที่ อ.เชียงดาว ซึ่งเป็นพื้นที่ที่มีค่า PM2.5 สูงอันดับต้นๆของจ.เชียงใหม่ โดยการขูดเซลล์บริเวณกระพุ้งแก้มของผู้ป่วยถุงลมโป่งพองไปตรวจ เปรียบเทียบกันระหว่างช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 สูงและช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 ต่ำ ผลปรากฏว่าในช่วงที่มีฝุ่น PM2.5 สูง เซลล์กระพุ้งแก้มของผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลง บ่งบอกว่ายีนมีความผิดปกติ ซึ่งจะส่งผลในระยะยาว จนกลายเป็นเซลล์มะเร็งได้ ในอนาคต
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 624 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สนธิญา" ร้อง กกต.สอบปม “ทักษิณ” จ้อหาเสียงเลือก อบจ.แดนอีสาน อ้างสถาบัน - สัญญาให้ 20 ล้าน ส่งเด็กไทยโกอินเตอร์ ขัดกฎหมาย ย้ำ ข้อมูลมัดแน่น หากเอาผิดไม่ได้ ควรฉีกทิ้งกฎระเบียบ ยุบกกต. พร้อมจี้สอบ นายกอบจ.นครศรีธรรมราชไขก๊อกก่อนหมดวาระ ทำสูญงบกว่า 140 ล้านบาท จัดเลือกตั้ง 2 รอบสร้างความเสียหายหน่วยงานรัฐขาดงบ กระทบบริการประชาชน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006414

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    "สนธิญา" ร้อง กกต.สอบปม “ทักษิณ” จ้อหาเสียงเลือก อบจ.แดนอีสาน อ้างสถาบัน - สัญญาให้ 20 ล้าน ส่งเด็กไทยโกอินเตอร์ ขัดกฎหมาย ย้ำ ข้อมูลมัดแน่น หากเอาผิดไม่ได้ ควรฉีกทิ้งกฎระเบียบ ยุบกกต. พร้อมจี้สอบ นายกอบจ.นครศรีธรรมราชไขก๊อกก่อนหมดวาระ ทำสูญงบกว่า 140 ล้านบาท จัดเลือกตั้ง 2 รอบสร้างความเสียหายหน่วยงานรัฐขาดงบ กระทบบริการประชาชน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000006414 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 845 มุมมอง 0 รีวิว
  • "สนธิญา" ร้อง กกต.สอบปม “ทักษิณ” จ้อหาเสียงเลือก อบจ.แดนอีสาน อ้างสถาบัน - สัญญาให้ 20 ล้าน ส่งเด็กไทยโกอินเตอร์ ขัดกฎหมาย ย้ำ ข้อมูลมัดแน่น หากเอาผิดไม่ได้ ควรฉีกทิ้งกฎระเบียบ ยุบกกต. พร้อมจี้สอบ นายกอบจ.นครศรีธรรมราชไขก๊อกก่อนหมดวาระ ทำสูญงบกว่า 140 ล้านบาท จัดเลือกตั้ง 2 รอบสร้างความเสียหายหน่วยงานรัฐขาดงบ กระทบบริการประชาชน

    วันนี้(21 ม.ค. ) นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เข้ายื่นคำร้องต่อกกต.ขอให้ตรวจสอบและวินิจฉัยเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกองค์ และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) 2 กรณี กรณีแรกเป็นการลาออกก่อนครบวาระของนายกอบจ.นครศรีธรรมราช และกรณีที่สองเป็นการปราศรัยหาเสียงของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง มีการอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ และสัญญาว่าจะให้เงิน 20 ล้านบาท ต่อนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี เพื่อใช้สำหรับนำเด็กไทยไปเป็นนางแบบโลก

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000006414

    #MGROnline #สนธิญา #ทักษิณ
    "สนธิญา" ร้อง กกต.สอบปม “ทักษิณ” จ้อหาเสียงเลือก อบจ.แดนอีสาน อ้างสถาบัน - สัญญาให้ 20 ล้าน ส่งเด็กไทยโกอินเตอร์ ขัดกฎหมาย ย้ำ ข้อมูลมัดแน่น หากเอาผิดไม่ได้ ควรฉีกทิ้งกฎระเบียบ ยุบกกต. พร้อมจี้สอบ นายกอบจ.นครศรีธรรมราชไขก๊อกก่อนหมดวาระ ทำสูญงบกว่า 140 ล้านบาท จัดเลือกตั้ง 2 รอบสร้างความเสียหายหน่วยงานรัฐขาดงบ กระทบบริการประชาชน • วันนี้(21 ม.ค. ) นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหวทางการเมือง เข้ายื่นคำร้องต่อกกต.ขอให้ตรวจสอบและวินิจฉัยเกี่ยวกับการเลือกสมาชิกองค์ และนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) 2 กรณี กรณีแรกเป็นการลาออกก่อนครบวาระของนายกอบจ.นครศรีธรรมราช และกรณีที่สองเป็นการปราศรัยหาเสียงของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้ช่วยหาเสียง มีการอ้างสถาบันพระมหากษัตริย์ และสัญญาว่าจะให้เงิน 20 ล้านบาท ต่อนพ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี ที่ปรึกษาด้านนโยบายของนายกรัฐมนตรี เพื่อใช้สำหรับนำเด็กไทยไปเป็นนางแบบโลก • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000006414 • #MGROnline #สนธิญา #ทักษิณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 390 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'วุฒิสภา' เริ่มออกลาย โดดประชุมจนห้องโล่ง ไม่สนใจรายงานหนี้สาธารณะ
    .
    แม้ในยุคที่วุฒิสภากลายเป็นสีน้ำเงิน และถูกชี้นิ้วสั่งจากนายใหญ่แดนอีสานใต้ แต่ส.ว.หลายคนก็พยายามออกมาสื่อสารกับประชาชนว่าขอโอกาสทำงานเพื่อชาติ ทว่าล่าสุดส.ว.ชุดนี้เริ่มออกลายกันแล้ว ถึงขนาดที่คนที่เป็นระดับรองประธานวุฒิสภาต้องออกมาตำหนิการทำงานหน้าที่ของส.ว.ด้วยกันเองกลางที่ประชุมวุฒิสภา
    .
    เรื่องนี้เริ่มมาจากการที่การประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 20 มกราคม มีวาระพิจารณารายงานผลการดำเนินงาน ตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 และแก้ไขเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2567 โดยมี นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ที่ปรึกษาด้านหนี้สาธารณะ และข้าราชการของกระทรวงการคลัง ชี้แจง
    .
    ทั้งนี้ จากภาพการประชุมวุฒิสภาที่ออกมานั้นปรากฎว่ามีส.ว.เข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวน้อย โดยพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พูดกลางที่ประชุมว่า ระหว่างที่หน่วยงานมาชี้แจง ส่วนตัวนั่งนับ ส.ว.ในห้องประชุมมีเพียง 25 คน และมีผู้อภิปรายขั้นต้น 3 คน แต่เวลาผ่านพ้นไป 1 ชั่วโมง พอการอภิปรายจบ พบว่ามี ส.ว.นั่งในห้องเหลือ 16 คน ซึ่งเข้าใจว่าเป็นเวลาก้ำกึ่งที่ต้องผลัดกันออกไปรับประทานอาหาร แต่บางคนออกไปรับประทานอาหารแล้วยังไม่กลับ
    .
    “หน่วยงานที่เราเชิญมาชี้แจงในเรื่องที่เกี่ยวข้อง แต่พอเขาขอเลื่อนท่านบอกว่าหน่วยงานไม่ค่อยให้เกียรติเรา แต่หน่วยงานมาชี้แจงบนข้อจำกัด และขณะที่หน่วยงานชี้แจง ผมนั่งนับอยู่ตลอด มีผู้รับฟังเพียง 25 ท่าน หากอยากได้รอยยิ้มจากคนอื่น เราน่าจะยิ้มให้คนอื่นก่อน หากอยากได้รับเกียรติจากหน่วยงานที่มาชี้แจง ไม่ต้องเลื่อนไปเลื่อนมา ก็เช่นเดียวกัน"
    .
    "เรา 25 คน ผมนั่งอยู่ตรงนี้รู้สึกมันโหวงเหวงเหลือเกิน คนชี้แจงแทบจะไม่ค่อยอยากชี้แจง แต่ก็เข้าใจเวลามันก้ำกึ่ง ทุกคนเป็นผู้ทรงเกียรติ ออกไปแล้วพยายามกลับเข้ามาเพื่อให้คนชี้แจงได้ชื่นใจ ทราบว่ามีการถ่ายทอด แต่ไม่ได้อภิปรายหรือไม่สนใจ หากไปว่าเขาไม่ให้เกียรติเรา เราจะให้เกียรติเขาอย่างไร ในฐานะที่ผมนั่งทำหน้าที่ประธาน ก็อยากสะท้อนย้อนกลับไปให้สมาชิกผู้ทรงเกียรติได้รับทราบ แม้มองว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญ แต่หน่วยงานทำตามหน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญกำหนด ส.ว.ก็น่าจะเป็นผู้ที่ต้องคอยรับฟังข้อมูลต่างๆ” พล.อ.เกรียงไกรกล่าว
    ..............
    Sondhi X
    'วุฒิสภา' เริ่มออกลาย โดดประชุมจนห้องโล่ง ไม่สนใจรายงานหนี้สาธารณะ . แม้ในยุคที่วุฒิสภากลายเป็นสีน้ำเงิน และถูกชี้นิ้วสั่งจากนายใหญ่แดนอีสานใต้ แต่ส.ว.หลายคนก็พยายามออกมาสื่อสารกับประชาชนว่าขอโอกาสทำงานเพื่อชาติ ทว่าล่าสุดส.ว.ชุดนี้เริ่มออกลายกันแล้ว ถึงขนาดที่คนที่เป็นระดับรองประธานวุฒิสภาต้องออกมาตำหนิการทำงานหน้าที่ของส.ว.ด้วยกันเองกลางที่ประชุมวุฒิสภา . เรื่องนี้เริ่มมาจากการที่การประชุมวุฒิสภาเมื่อวันที่ 20 มกราคม มีวาระพิจารณารายงานผลการดำเนินงาน ตามมาตรา 17 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การบริหารหนี้สาธารณะ พ.ศ.2548 และแก้ไขเพิ่มเติม ประจำปีงบประมาณ 2567 โดยมี นางจินดารัตน์ วิริยะทวีกุล ที่ปรึกษาด้านหนี้สาธารณะ และข้าราชการของกระทรวงการคลัง ชี้แจง . ทั้งนี้ จากภาพการประชุมวุฒิสภาที่ออกมานั้นปรากฎว่ามีส.ว.เข้าร่วมประชุมเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวน้อย โดยพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุม พูดกลางที่ประชุมว่า ระหว่างที่หน่วยงานมาชี้แจง ส่วนตัวนั่งนับ ส.ว.ในห้องประชุมมีเพียง 25 คน และมีผู้อภิปรายขั้นต้น 3 คน แต่เวลาผ่านพ้นไป 1 ชั่วโมง พอการอภิปรายจบ พบว่ามี ส.ว.นั่งในห้องเหลือ 16 คน ซึ่งเข้าใจว่าเป็นเวลาก้ำกึ่งที่ต้องผลัดกันออกไปรับประทานอาหาร แต่บางคนออกไปรับประทานอาหารแล้วยังไม่กลับ . “หน่วยงานที่เราเชิญมาชี้แจงในเรื่องที่เกี่ยวข้อง แต่พอเขาขอเลื่อนท่านบอกว่าหน่วยงานไม่ค่อยให้เกียรติเรา แต่หน่วยงานมาชี้แจงบนข้อจำกัด และขณะที่หน่วยงานชี้แจง ผมนั่งนับอยู่ตลอด มีผู้รับฟังเพียง 25 ท่าน หากอยากได้รอยยิ้มจากคนอื่น เราน่าจะยิ้มให้คนอื่นก่อน หากอยากได้รับเกียรติจากหน่วยงานที่มาชี้แจง ไม่ต้องเลื่อนไปเลื่อนมา ก็เช่นเดียวกัน" . "เรา 25 คน ผมนั่งอยู่ตรงนี้รู้สึกมันโหวงเหวงเหลือเกิน คนชี้แจงแทบจะไม่ค่อยอยากชี้แจง แต่ก็เข้าใจเวลามันก้ำกึ่ง ทุกคนเป็นผู้ทรงเกียรติ ออกไปแล้วพยายามกลับเข้ามาเพื่อให้คนชี้แจงได้ชื่นใจ ทราบว่ามีการถ่ายทอด แต่ไม่ได้อภิปรายหรือไม่สนใจ หากไปว่าเขาไม่ให้เกียรติเรา เราจะให้เกียรติเขาอย่างไร ในฐานะที่ผมนั่งทำหน้าที่ประธาน ก็อยากสะท้อนย้อนกลับไปให้สมาชิกผู้ทรงเกียรติได้รับทราบ แม้มองว่าเรื่องนี้ไม่สำคัญ แต่หน่วยงานทำตามหน้าที่ ตามรัฐธรรมนูญกำหนด ส.ว.ก็น่าจะเป็นผู้ที่ต้องคอยรับฟังข้อมูลต่างๆ” พล.อ.เกรียงไกรกล่าว .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Angry
    14
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1085 มุมมอง 0 รีวิว
  • ที่มา : เว็บไซต์ isaninsight.kku.ac.th
    มาสคอตประจำจังหวัด 6 จังหวัด ในอีสาน
    .
    กาฬสินธุ์ แพรงามและภูพาน ได้รับแรงบันดาลใจจากไดโนเสาร์สายพันธุ์ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่ สีของลำตัวสีเหลืงจากสีของหนอนไหม/รังไหม , มีเครื่องแต่งกายจากชาวภูไท ข้างเอวมีกระติบข้าวเหนียวและถือพิณภูพานอีกด้วย
    .
    ขอนแก่น น้องไดโน่ DINO ไดโนเสาร์ใจดี เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการขับเคลื่อนวาระจังหวัด ตามแนวทางของรัฐบาลที่ต้องการให้ส่วนราชการ ภาคเอกชน ร่วมกันขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ในระดับฐานราก ไปจนถึงธุรกิจระหว่างประเทศ
    .
    มุกดาหาร " LEOPARD CAT’S IDENTITY OF MUKDAHAN " แมวดาวอัตลักษณ์แห่งมุกดาหาร เป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำจังหวัดมุกดาหาร
    .
    ร้อยเอ็ด “GOMU (โกมุ)” ซึ่งเป็นการเล่นคำกับคำว่า “Gold” (โกลด์) หรือทองคำ สามารถสร้างจุดขายให้ร้านได้ แถมยังมีความหมายเป็นมงคล เพราะทองคำเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง ร่ำรวย
    .
    หนองบัวลำภู น้องลุ่มภู ปลาฉลามน้ำจืดสีชมพู ตามซากฟอสซิลที่พบ ถือดาบผูกผ้าคาดเอวและมีดอกบัว ดอกไม้ประจำจังหวัดอีกด้วย
    .
    อุดรธานี นำฟอสซิล “คุณทองโบราณ” มาแปลงเป็นมาสคอต ประจำจังหวัด เพื่อการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของจังหวัด กระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้หมุนเวียน
    .
    อ้างอิงจาก:
    กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์
    ที่มา : เว็บไซต์ isaninsight.kku.ac.th มาสคอตประจำจังหวัด 6 จังหวัด ในอีสาน . กาฬสินธุ์ แพรงามและภูพาน ได้รับแรงบันดาลใจจากไดโนเสาร์สายพันธุ์ภูเวียงโกซอรัส สิรินธรเน่ สีของลำตัวสีเหลืงจากสีของหนอนไหม/รังไหม , มีเครื่องแต่งกายจากชาวภูไท ข้างเอวมีกระติบข้าวเหนียวและถือพิณภูพานอีกด้วย . ขอนแก่น น้องไดโน่ DINO ไดโนเสาร์ใจดี เพื่อเป็นสัญลักษณ์ในการขับเคลื่อนวาระจังหวัด ตามแนวทางของรัฐบาลที่ต้องการให้ส่วนราชการ ภาคเอกชน ร่วมกันขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจตั้งแต่ในระดับฐานราก ไปจนถึงธุรกิจระหว่างประเทศ . มุกดาหาร " LEOPARD CAT’S IDENTITY OF MUKDAHAN " แมวดาวอัตลักษณ์แห่งมุกดาหาร เป็นสัตว์สัญลักษณ์ประจำจังหวัดมุกดาหาร . ร้อยเอ็ด “GOMU (โกมุ)” ซึ่งเป็นการเล่นคำกับคำว่า “Gold” (โกลด์) หรือทองคำ สามารถสร้างจุดขายให้ร้านได้ แถมยังมีความหมายเป็นมงคล เพราะทองคำเป็นสัญลักษณ์ของความมั่งคั่ง ร่ำรวย . หนองบัวลำภู น้องลุ่มภู ปลาฉลามน้ำจืดสีชมพู ตามซากฟอสซิลที่พบ ถือดาบผูกผ้าคาดเอวและมีดอกบัว ดอกไม้ประจำจังหวัดอีกด้วย . อุดรธานี นำฟอสซิล “คุณทองโบราณ” มาแปลงเป็นมาสคอต ประจำจังหวัด เพื่อการท่องเที่ยวและภาพลักษณ์ของจังหวัด กระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มรายได้หมุนเวียน . อ้างอิงจาก: กรมทรัพย์สินทางปัญญา กระทรวงพาณิชย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 488 มุมมอง 0 รีวิว
  • ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ประชาชนเดินทางกลับบ้านปีใหม่ต่อเนื่อง ภาพมุมสูงสภาพการจราจรถนน 304 จากภาคตะวันออกมุ่งหน้าสู่ภาคอีสาน ผ่านโคราชปริมาณรถหนาแน่น ชะลอตัวเป็นช่วงๆ ขณะถนนมิตรภาพมีปริมาณรถเยอะต่อเนื่อง แต่รถยังเคลื่อนตัวได้ดี คาดช่วงเย็นและคืนนี้ติดหนัก

    วันนี้ ( 28 ธ.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานสภาพการจราจรผ่านพื้นที่ จ.นครราชสีมา มีประชาชนจำนวนมาก ทยอยเดินทางกลับไปฉลองช่วงหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2568 กันอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เส้นทางถนนทางหลวงหมายเลข 304 เดินทางจากจังหวัดทางภาคตะวันออก ผ่าน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี มา อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เพื่อมุ่งหน้าไปจังหวัดทางภาคอีสาน ซึ่งมีปริมาณรถค่อนข้างมาก แต่ยังเคลื่อนตัวได้ดี มีชะลอตัวเป็นช่วงๆ เพราะสภาพทางลาดชัน ขึ้น-ลงเขา โดยเฉพาะช่วงทางโค้งฉลาดปรุ รอยต่อเขต ต.วังน้ำเขียว กับ ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ปริมาณรถหนาแน่น เคลื่อนตัวได้ช้า เนื่องจากเป็นช่วงทางโค้งที่มีความลาดชันสูง ทำให้ต้องชะลอความเร็วและเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่

    ส่วนบรรยากาศบริเวณถนนมิตรภาพ ช่วงผ่าน อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา มุ่งหน้าไป จ.ขอนแก่นและ จังหวัดอื่นๆ ในภาคอีสาน พบว่า ตั้งแต่เช้าที่ผ่านมา ประชาชนที่เดินทางมาจากกรุงเทพมหานครและ จังหวัดทางภาคตะวันออก แห่เดินทางกลับไปฉลองปีใหม่ในจังหวัดทางภาคอีสานกันเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ปริมาณรถหนาแน่นต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่หน่วยบริการตำรวจทางหลวงบ้านส้ม อ.โนนสูง ต้องมาช่วยอำนวยการจราจรเร่งระบายรถไม่ให้ติดสะสม โดยเฉพาะในช่วงที่มีทางร่วม-ทางแยก และช่วงที่มีปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งมีประชาชนบางส่วนได้แวะพักรถ-พักคนภายในปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางตลอดทั้งคืน

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/local/detail/9670000124692

    #MGROnline #ถนน304 #ตะวันออก #อีสาน
    ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- ประชาชนเดินทางกลับบ้านปีใหม่ต่อเนื่อง ภาพมุมสูงสภาพการจราจรถนน 304 จากภาคตะวันออกมุ่งหน้าสู่ภาคอีสาน ผ่านโคราชปริมาณรถหนาแน่น ชะลอตัวเป็นช่วงๆ ขณะถนนมิตรภาพมีปริมาณรถเยอะต่อเนื่อง แต่รถยังเคลื่อนตัวได้ดี คาดช่วงเย็นและคืนนี้ติดหนัก • วันนี้ ( 28 ธ.ค.67) ผู้สื่อข่าวรายงานสภาพการจราจรผ่านพื้นที่ จ.นครราชสีมา มีประชาชนจำนวนมาก ทยอยเดินทางกลับไปฉลองช่วงหยุดยาวเทศกาลปีใหม่ 2568 กันอย่างต่อเนื่อง โดยใช้เส้นทางถนนทางหลวงหมายเลข 304 เดินทางจากจังหวัดทางภาคตะวันออก ผ่าน อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี มา อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เพื่อมุ่งหน้าไปจังหวัดทางภาคอีสาน ซึ่งมีปริมาณรถค่อนข้างมาก แต่ยังเคลื่อนตัวได้ดี มีชะลอตัวเป็นช่วงๆ เพราะสภาพทางลาดชัน ขึ้น-ลงเขา โดยเฉพาะช่วงทางโค้งฉลาดปรุ รอยต่อเขต ต.วังน้ำเขียว กับ ต.อุดมทรัพย์ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา ปริมาณรถหนาแน่น เคลื่อนตัวได้ช้า เนื่องจากเป็นช่วงทางโค้งที่มีความลาดชันสูง ทำให้ต้องชะลอความเร็วและเพิ่มความระมัดระวังในการขับขี่ • ส่วนบรรยากาศบริเวณถนนมิตรภาพ ช่วงผ่าน อ.โนนสูง จ.นครราชสีมา มุ่งหน้าไป จ.ขอนแก่นและ จังหวัดอื่นๆ ในภาคอีสาน พบว่า ตั้งแต่เช้าที่ผ่านมา ประชาชนที่เดินทางมาจากกรุงเทพมหานครและ จังหวัดทางภาคตะวันออก แห่เดินทางกลับไปฉลองปีใหม่ในจังหวัดทางภาคอีสานกันเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ปริมาณรถหนาแน่นต่อเนื่อง เจ้าหน้าที่หน่วยบริการตำรวจทางหลวงบ้านส้ม อ.โนนสูง ต้องมาช่วยอำนวยการจราจรเร่งระบายรถไม่ให้ติดสะสม โดยเฉพาะในช่วงที่มีทางร่วม-ทางแยก และช่วงที่มีปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง ซึ่งมีประชาชนบางส่วนได้แวะพักรถ-พักคนภายในปั๊มน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อคลายความเมื่อยล้าจากการเดินทางตลอดทั้งคืน • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/local/detail/9670000124692 • #MGROnline #ถนน304 #ตะวันออก #อีสาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 427 มุมมอง 0 รีวิว
  • กรมทางหลวงชนบท ชวนนักท่องเที่ยวเยือนสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย แวะกางเต็นท์รับลมชมดาว ริมอ่างเก็บน้ำบ้านสันกำแพง บนถนนสาย นม.3052 อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา

    นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า กรมทางหลวงชนบท โดยหมวดบำรุงทางหลวงชนบทวังน้ำเขียว สังกัดแขวงทางหลวงชนบทนครราชสีมา ชวนนักท่องเที่ยวเยือนอีสาน สัมผัสอากาศหนาวเย็น พร้อมจัดบริการพื้นที่กางเต็นท์ฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศริมอ่างเก็บน้ำบ้านสันกำแพง บนถนนทางหลวงชนบทสาย นม.3052 อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา

    อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ถือเป็นดั่งสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย ด้วยความสวยงามทางธรรมชาติของอ่างเก็บน้ำบ้านสันกำแพงหรืออ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง 1 ที่ใสสะอาดสะท้อนกับฉากหลังสีเขียวจากหุบเขาน้อยใหญ่สลับกับพื้นที่ลาดชันที่รายล้อมโดยรอบ จึงเกิดเป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม โดยเฉพาะในช่วงเช้าจะมีหมอกบาง ๆ ลอยอยู่เหนืออ่างเก็บน้ำและปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่ ซึ่งเหมาะแก่การแวะพักเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศเป็นอย่างมาก ดังนั้นเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ หมวดบำรุงทางหลวงชนบทวังน้ำเขียว จึงได้จัดเตรียมพื้นที่ริมอ่างเก็บน้ำ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/business/detail/9670000124209

    #MGROnline #กรมทางหลวงชนบท #อ่างเก็บน้ำบ้านสันกำแพง
    กรมทางหลวงชนบท ชวนนักท่องเที่ยวเยือนสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย แวะกางเต็นท์รับลมชมดาว ริมอ่างเก็บน้ำบ้านสันกำแพง บนถนนสาย นม.3052 อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา • นายมนตรี เดชาสกุลสม อธิบดีกรมทางหลวงชนบท (ทช.) เปิดเผยว่า กรมทางหลวงชนบท โดยหมวดบำรุงทางหลวงชนบทวังน้ำเขียว สังกัดแขวงทางหลวงชนบทนครราชสีมา ชวนนักท่องเที่ยวเยือนอีสาน สัมผัสอากาศหนาวเย็น พร้อมจัดบริการพื้นที่กางเต็นท์ฟรีสำหรับนักท่องเที่ยวเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศริมอ่างเก็บน้ำบ้านสันกำแพง บนถนนทางหลวงชนบทสาย นม.3052 อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา • อำเภอวังน้ำเขียว จังหวัดนครราชสีมา ถือเป็นดั่งสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทย ด้วยความสวยงามทางธรรมชาติของอ่างเก็บน้ำบ้านสันกำแพงหรืออ่างเก็บน้ำลำพระเพลิง 1 ที่ใสสะอาดสะท้อนกับฉากหลังสีเขียวจากหุบเขาน้อยใหญ่สลับกับพื้นที่ลาดชันที่รายล้อมโดยรอบ จึงเกิดเป็นทิวทัศน์ที่สวยงาม โดยเฉพาะในช่วงเช้าจะมีหมอกบาง ๆ ลอยอยู่เหนืออ่างเก็บน้ำและปกคลุมไปทั่วทั้งพื้นที่ ซึ่งเหมาะแก่การแวะพักเพื่อดื่มด่ำบรรยากาศเป็นอย่างมาก ดังนั้นเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจและสนับสนุนการท่องเที่ยวภายในประเทศ หมวดบำรุงทางหลวงชนบทวังน้ำเขียว จึงได้จัดเตรียมพื้นที่ริมอ่างเก็บน้ำ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/business/detail/9670000124209 • #MGROnline #กรมทางหลวงชนบท #อ่างเก็บน้ำบ้านสันกำแพง
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 402 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อนุสรณ์” รับลูกไอเดีย “ทักษิณ” ส่ง “สาวอีสาน ไร้ศัลยกรรม” ลุยตลาดนางแบบโลก 21/12/67 #อนุสรณ์ #ทักษิณ #สาวอีสาน #ตลาดนางแบบโลก
    “อนุสรณ์” รับลูกไอเดีย “ทักษิณ” ส่ง “สาวอีสาน ไร้ศัลยกรรม” ลุยตลาดนางแบบโลก 21/12/67 #อนุสรณ์ #ทักษิณ #สาวอีสาน #ตลาดนางแบบโลก
    Haha
    Like
    Angry
    Wow
    15
    6 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1360 มุมมอง 69 0 รีวิว
  • ร้านส้มตำวัดปริวาศ พลาดก็ไม่เป็นไร กระแสแผ่วแล้วย่องมาชิม #อวยเว่อร์ #อาหารอีสาน #ครัวไทย #อาหารไทย #พาชิม #พิกัดของอร่อย #ร้านดีบอกต่อ #thaifood #food #เทรนด์วันนี้ #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    ร้านส้มตำวัดปริวาศ พลาดก็ไม่เป็นไร กระแสแผ่วแล้วย่องมาชิม #อวยเว่อร์ #อาหารอีสาน #ครัวไทย #อาหารไทย #พาชิม #พิกัดของอร่อย #ร้านดีบอกต่อ #thaifood #food #เทรนด์วันนี้ #กินง่ายริมทาง #thaitimes #kaiaminute
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 763 มุมมอง 21 1 รีวิว
  • อุโมงค์ผาเสด็จ เปิดแบบไม่ได้ตั้งใจ

    แม้การเปิดใช้อุโมงค์ผาเสด็จและอุโมงค์หินลับ อ.แก่งคอย และ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี จะต้องเลื่อนออกไป จากเดิมเปิดใช้เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2567 ก่อนที่จะยกเลิกเพราะปัญหาฝุ่นฟุ้งกระจาย แล้วให้รถไฟทุกขบวนใช้ทางรถไฟเดิมทั้งหมด แต่เมื่อคืนวันที่ 15 ธ.ค. 2567 เวลา 21.25 น. เกิดอุบัติเหตุขบวนรถสินค้าที่ 512 หินลับ-เชียงรากน้อย ตกรางที่สถานีผาเสด็จ กีดขวางการเดินรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ปลายทางนครราชสีมา หนองคาย และอุบลราชธานีทั้งหมด เดิมการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้อ้อมไปใช้ทางรถไฟชุมทางแก่งคอย-ชุมทางบัวใหญ่-นครราชสีมา ทำให้ขบวนรถถึงปลายทางล่าช้าประมาณ 3 ชั่วโมง

    แต่ปรากฎว่าเมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 16 ธ.ค. 2567 การรถไฟฯ ประกาศเปลี่ยนเส้นทางขบวนรถใช้อุโมงค์ผาเสด็จเป็นการชั่วคราว เหตุขบวนรถสินค้าตกรางขวางเส้นทางเดินรถ จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ผลก็คือขบวนรถโดยสารและขบวนรถสินค้าสายอีสานทุกขบวน ได้มีโอกาสใช้อุโมงค์ผาเสด็จ และอุโมงค์หินลับอย่างไม่ได้ตั้งใจ เสียงสะท้อนจากผู้ใช้บริการรถไฟหลายคนระบุว่าไม่เห็นฝุ่น หากเปิดใช้งานเป็นประจำทุกวันฝุ่นก็จะจางลง ดีกว่าปิดอุโมงค์แล้วมีฝุ่นสะสม อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันทั้งสองอุโมงค์อยู่ระหว่างปรับปรุงระบบและทดสอบการแก้ปัญหาฝุ่นภายในอุโมงค์

    ก่อนหน้านี้การรถไฟฯ มีแผนจะเปิดใช้ทั้งสองอุโมงค์อีกครั้งในวันที่ 12 ส.ค. 2567 แต่ปรากฎว่ายังคงมีกลิ่นควันที่เกิดจากไอเสียของเครื่องยนต์ ทำให้ต้องเลื่อนการเปิดใช้อุโมงค์ออกไปเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว แม้จะมีแผนเปิดใช้ในวันที่ 3 ธ.ค. 2567 แต่ก็เลื่อนออกไปอีก อย่างไรก็ตาม การเปิดใช้อุโมงค์ผาเสด็จ และอุโมงค์หินลับเป็นการชั่วคราว หากเดินทางด้วยตู้โดยสารพัดลม ชั้น 2 และชั้น 3 แนะนำให้สวมใส่หน้ากากอนามัยที่กันฝุ่น PM 2.5 และปิดหน้าต่างเมื่อรถขาออกกรุงเทพฯ ผ่านสถานีมาบกะเบา หรือรถขาเข้ากรุงเทพฯ ผ่านสถานีมวกเหล็ก เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ

    สำหรับอุโมงค์ผาเสด็จ เป็นอุโมงค์รถไฟยาวที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ระหว่างสถานีมาบกะเบากับสถานีหินลับ มีระยะทาง 5.41 กิโลเมตร ลักษณะเป็นอุโมงค์คู่ทางเดี่ยว กว้าง 7.50 เมตร สูง 7 เมตร ส่วนอุโมงค์หินลับ ตั้งอยู่ระหว่างสถานีหินลับกับสถานีมวกเหล็ก เป็นอุโมงค์เดี่ยวทางคู่ ระยะทาง 265 เมตร กว้าง 11 เมตร สูง 7.30 เมตร อยู่ในโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา-คลองขนานจิตร เริ่มต้นก่อสร้างเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2561 ปัจจุบันโครงการยังไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากรอการเวนคืนที่ดิน บริเวณทางลงทางรถไฟยกระดับของสถานีมวกเหล็กใหม่

    #Newskit
    อุโมงค์ผาเสด็จ เปิดแบบไม่ได้ตั้งใจ แม้การเปิดใช้อุโมงค์ผาเสด็จและอุโมงค์หินลับ อ.แก่งคอย และ อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี จะต้องเลื่อนออกไป จากเดิมเปิดใช้เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2567 ก่อนที่จะยกเลิกเพราะปัญหาฝุ่นฟุ้งกระจาย แล้วให้รถไฟทุกขบวนใช้ทางรถไฟเดิมทั้งหมด แต่เมื่อคืนวันที่ 15 ธ.ค. 2567 เวลา 21.25 น. เกิดอุบัติเหตุขบวนรถสินค้าที่ 512 หินลับ-เชียงรากน้อย ตกรางที่สถานีผาเสด็จ กีดขวางการเดินรถไฟสายตะวันออกเฉียงเหนือ ปลายทางนครราชสีมา หนองคาย และอุบลราชธานีทั้งหมด เดิมการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้อ้อมไปใช้ทางรถไฟชุมทางแก่งคอย-ชุมทางบัวใหญ่-นครราชสีมา ทำให้ขบวนรถถึงปลายทางล่าช้าประมาณ 3 ชั่วโมง แต่ปรากฎว่าเมื่อเวลา 07.30 น. วันที่ 16 ธ.ค. 2567 การรถไฟฯ ประกาศเปลี่ยนเส้นทางขบวนรถใช้อุโมงค์ผาเสด็จเป็นการชั่วคราว เหตุขบวนรถสินค้าตกรางขวางเส้นทางเดินรถ จนกว่าจะมีประกาศเปลี่ยนแปลง ผลก็คือขบวนรถโดยสารและขบวนรถสินค้าสายอีสานทุกขบวน ได้มีโอกาสใช้อุโมงค์ผาเสด็จ และอุโมงค์หินลับอย่างไม่ได้ตั้งใจ เสียงสะท้อนจากผู้ใช้บริการรถไฟหลายคนระบุว่าไม่เห็นฝุ่น หากเปิดใช้งานเป็นประจำทุกวันฝุ่นก็จะจางลง ดีกว่าปิดอุโมงค์แล้วมีฝุ่นสะสม อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันทั้งสองอุโมงค์อยู่ระหว่างปรับปรุงระบบและทดสอบการแก้ปัญหาฝุ่นภายในอุโมงค์ ก่อนหน้านี้การรถไฟฯ มีแผนจะเปิดใช้ทั้งสองอุโมงค์อีกครั้งในวันที่ 12 ส.ค. 2567 แต่ปรากฎว่ายังคงมีกลิ่นควันที่เกิดจากไอเสียของเครื่องยนต์ ทำให้ต้องเลื่อนการเปิดใช้อุโมงค์ออกไปเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว แม้จะมีแผนเปิดใช้ในวันที่ 3 ธ.ค. 2567 แต่ก็เลื่อนออกไปอีก อย่างไรก็ตาม การเปิดใช้อุโมงค์ผาเสด็จ และอุโมงค์หินลับเป็นการชั่วคราว หากเดินทางด้วยตู้โดยสารพัดลม ชั้น 2 และชั้น 3 แนะนำให้สวมใส่หน้ากากอนามัยที่กันฝุ่น PM 2.5 และปิดหน้าต่างเมื่อรถขาออกกรุงเทพฯ ผ่านสถานีมาบกะเบา หรือรถขาเข้ากรุงเทพฯ ผ่านสถานีมวกเหล็ก เพื่อป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพ สำหรับอุโมงค์ผาเสด็จ เป็นอุโมงค์รถไฟยาวที่สุดในประเทศไทย ตั้งอยู่ระหว่างสถานีมาบกะเบากับสถานีหินลับ มีระยะทาง 5.41 กิโลเมตร ลักษณะเป็นอุโมงค์คู่ทางเดี่ยว กว้าง 7.50 เมตร สูง 7 เมตร ส่วนอุโมงค์หินลับ ตั้งอยู่ระหว่างสถานีหินลับกับสถานีมวกเหล็ก เป็นอุโมงค์เดี่ยวทางคู่ ระยะทาง 265 เมตร กว้าง 11 เมตร สูง 7.30 เมตร อยู่ในโครงการรถไฟทางคู่ ช่วงมาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ สัญญาที่ 1 ช่วงมาบกะเบา-คลองขนานจิตร เริ่มต้นก่อสร้างเมื่อวันที่ 1 ก.พ. 2561 ปัจจุบันโครงการยังไม่แล้วเสร็จ เนื่องจากรอการเวนคืนที่ดิน บริเวณทางลงทางรถไฟยกระดับของสถานีมวกเหล็กใหม่ #Newskit
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 755 มุมมอง 0 รีวิว
  • Maji Maji มาจิ มาจิ ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ผสมผสานความเป็นตะวันออก ตะวันตก และความเป็นไทยอีสานที่มีเสน่ห์ไว้อย่างลงตัว ทางร้านได้คัดสรรวัตถุดิบมาอย่างดี ใช้ปลาดิบคุณภาพนำเข้าเกรดพรีเมี่ยมที่สดใหม่ พร้อมกับการตกแต่งจานได้อย่างสวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว

    บรรยากาศของร้านสบายๆ ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น มีที่นั่ง 2 ชั้น โดยชั้นล่างจะเป็นครัวเปิด สามารถมองเห็นเชฟกำลังปรุงอาหารได้ และชั้น 2 จะตกแต่งด้วยหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น และมีลวดลายของคลื่นยักษ์ญี่ปุ่นบนกำแพง สายถ่ายรูปต้องถูกใจแชะภาพลงโซเชียล

    เมนูอาหารมีให้เลือกหลากหลาย ประกอบไปด้วย มากิ แปลว่า โรล (Roll) หรือ ข้าวปั้น ซึ่งเป็นรูปแบบอาหารญี่ปุ่น
    อิซากาย่าแนวอีสาน ที่ผสมวัตถุดิบต่างๆ ของอาหารญี่ปุ่น Sushi & Sashimi & Don ข้าวหน้าต่างๆ
    Entrée อาหารจานหลัก ทั้งเป็นเซต และ a la carte อาทิ ปลาแซลมอนย่าง ปลาซาบะย่าง ปลาหมึกย่าง
    Appetizer ต่างๆ ทั้งสลัด และอาหารทานเล่นมากมาย

    ที่อยู่ : 982/22 อาคารศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย ห้องเลขที่ เอ็ม 103 ชั้นที่ เอ็ม ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ
    ร้านเปิดบริการ : 10.00 - 23.00 น.
    #กินสาระนัวร์ #Thaitimes #ข่าว
    Maji Maji มาจิ มาจิ ร้านอาหารญี่ปุ่นที่ผสมผสานความเป็นตะวันออก ตะวันตก และความเป็นไทยอีสานที่มีเสน่ห์ไว้อย่างลงตัว ทางร้านได้คัดสรรวัตถุดิบมาอย่างดี ใช้ปลาดิบคุณภาพนำเข้าเกรดพรีเมี่ยมที่สดใหม่ พร้อมกับการตกแต่งจานได้อย่างสวยงาม มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว บรรยากาศของร้านสบายๆ ตกแต่งสไตล์ญี่ปุ่น มีที่นั่ง 2 ชั้น โดยชั้นล่างจะเป็นครัวเปิด สามารถมองเห็นเชฟกำลังปรุงอาหารได้ และชั้น 2 จะตกแต่งด้วยหนังสือการ์ตูนญี่ปุ่น และมีลวดลายของคลื่นยักษ์ญี่ปุ่นบนกำแพง สายถ่ายรูปต้องถูกใจแชะภาพลงโซเชียล เมนูอาหารมีให้เลือกหลากหลาย ประกอบไปด้วย มากิ แปลว่า โรล (Roll) หรือ ข้าวปั้น ซึ่งเป็นรูปแบบอาหารญี่ปุ่น อิซากาย่าแนวอีสาน ที่ผสมวัตถุดิบต่างๆ ของอาหารญี่ปุ่น Sushi & Sashimi & Don ข้าวหน้าต่างๆ Entrée อาหารจานหลัก ทั้งเป็นเซต และ a la carte อาทิ ปลาแซลมอนย่าง ปลาซาบะย่าง ปลาหมึกย่าง Appetizer ต่างๆ ทั้งสลัด และอาหารทานเล่นมากมาย ที่อยู่ : 982/22 อาคารศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย ห้องเลขที่ เอ็ม 103 ชั้นที่ เอ็ม ถนนสุขุมวิท แขวงพระโขนง เขตคลองเตย กรุงเทพฯ ร้านเปิดบริการ : 10.00 - 23.00 น. #กินสาระนัวร์ #Thaitimes #ข่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 580 มุมมอง 0 รีวิว
  • จับกระแสคอนเสิร์ต เคานต์ดาวน์ 2025

    คืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 หลายสถานที่ได้เปิดเผยศิลปินที่จะมาสร้างความสุขก่อนเข้าสู่ศักราชใหม่ ปีนี้ยังคงประชันกันระหว่างไอคอนสยาม ที่คว้าศิลปินระดับโลก ลิซ่า ลลิสา มโนบาล มาโชว์พิเศษริมแม่น้ำเจ้าพระยา กับเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ประกาศเป็นไทม์สแควร์ออฟเอเชีย

    เมื่อดูรายชื่อศิลปินคืนวันที่ 31 ธ.ค. 2567 พบว่ามีศิลปินปรากฎทั้งเวทีไอคอนสยามและเซ็นทรัลเวิลด์ ได้แก่ นนท์ ธนนท์ จำเริญ, Jeff Satur หรือวรกมล ชาเตอร์, เกิร์ลกรุ๊ปสาว 4EVE, พีพี-บิวกิ้น แต่บางคนเลือกแสดงเวทีเดียว เช่น เป๊ก ผลิตโชค อายนบุตร เวทีไอคอนสยาม หรือเซ็นทรัลเวิลด์ก็มี ซี-นุนิว, ไอซ์ พาริส อินทรโกมาลย์สุต

    สำหรับศิลปินที่รับงานคืนส่งท้ายปีเก่ามากที่สุด 3 งาน ได้แก่ ยัวร์บอยทีเจ (URBOYTJ) จิรายุทธ ผโลประการ มีทั้งเซ็นทรัลเวิลด์ เมกาบางนา และร้าน ROUTE 66 RCA, อิ๊งค์ วรันธร เปานิล มีทั้งวันแบงค็อก เมกาบางนา และเอ็มควอเทียร์ หรือวงโนวันเอลส์ (No One Else) มีทั้งเดอะมอลล์ท่าพระ เอ็มควอเทียร์ และร้านมอนติคาโล เลียบด่วนฯ

    นอกนั้นยังคงรับ 1-2 งาน เช่น ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ป PIXXIE เริ่มต้นที่เซ็นทรัลเวิลด์ ต่อด้วย 23.00 น. ที่ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต หรือจะเป็น ปาล์มมี่ อีฟ ปานเจริญ เริ่มต้น 19.00 น. ที่สยามพารากอน ต่อด้วย 23.00 น. ที่ซีคอนสแควร์ และวงทรีแมนดาวน์ เริ่มต้น 20.20 น. ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ต่อด้วย 23.00 น. ที่เมกาบางนา เป็นต้น

    แต่ก็มีศิลปินบางคนเลือกแสดงเฉพาะสถานบันเทิง เช่น แว่นใหญ่ หรือโอฬาร ชูใจ ที่ย่านสุขุมวิท และวง ZEAL ระบุว่าผับบาร์แห่งหนึ่งใน กทม.

    ต่างจังหวัด เช่น งานเคานต์ดาวน์ จ.พะเยา มีทั้ง หญิงลี ศรีจุมพล, วงวัชราวลี และวง Jetseter หรือจะเป็น กบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี และบอย อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี ไปที่เซ็นทรัล เชียงใหม่, เจ เจตริน วรรธนะสิน และเจ้านาย-เจ้าขุน ไปห้างบลูพอร์ต หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์, โจอี้บอย อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต ไปเมืองพัทยา จ.ชลบุรี

    ส่วนศิลปินลูกทุ่ง จ๊ะ นงผณี มหาดไทย ปีนี้รับสองงาน ได้แก่ 19.00 น. ตลาดต้นไทร แบริ่ง กทม. ต่อด้วยเซ็นทรัล อยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ด้าน ลำไย ไหทองคำ หรือสุพรรณษา เวชกามา ปีนี้มีเฉพาะที่หอโหวดร้อยเอ็ด และศิลปินหนุ่ม เบิ้ล ปทุมราช หรืออาทิตย์ สมน้อย ขอกลับไปเคานต์ดาวน์ที่บ้านเกิด อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ

    ส่วนวงหมอลำอีสานนครศิลป์ นกน้อย อุไรพร จัดแสดงที่วัดทักษิณชลธาน อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด และหมอลำประถมบันเทิงศิลป์ จัดแสดงที่บ้านหนองบัว อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ

    #Newskit
    จับกระแสคอนเสิร์ต เคานต์ดาวน์ 2025 คืนส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2568 หลายสถานที่ได้เปิดเผยศิลปินที่จะมาสร้างความสุขก่อนเข้าสู่ศักราชใหม่ ปีนี้ยังคงประชันกันระหว่างไอคอนสยาม ที่คว้าศิลปินระดับโลก ลิซ่า ลลิสา มโนบาล มาโชว์พิเศษริมแม่น้ำเจ้าพระยา กับเซ็นทรัลเวิลด์ ที่ประกาศเป็นไทม์สแควร์ออฟเอเชีย เมื่อดูรายชื่อศิลปินคืนวันที่ 31 ธ.ค. 2567 พบว่ามีศิลปินปรากฎทั้งเวทีไอคอนสยามและเซ็นทรัลเวิลด์ ได้แก่ นนท์ ธนนท์ จำเริญ, Jeff Satur หรือวรกมล ชาเตอร์, เกิร์ลกรุ๊ปสาว 4EVE, พีพี-บิวกิ้น แต่บางคนเลือกแสดงเวทีเดียว เช่น เป๊ก ผลิตโชค อายนบุตร เวทีไอคอนสยาม หรือเซ็นทรัลเวิลด์ก็มี ซี-นุนิว, ไอซ์ พาริส อินทรโกมาลย์สุต สำหรับศิลปินที่รับงานคืนส่งท้ายปีเก่ามากที่สุด 3 งาน ได้แก่ ยัวร์บอยทีเจ (URBOYTJ) จิรายุทธ ผโลประการ มีทั้งเซ็นทรัลเวิลด์ เมกาบางนา และร้าน ROUTE 66 RCA, อิ๊งค์ วรันธร เปานิล มีทั้งวันแบงค็อก เมกาบางนา และเอ็มควอเทียร์ หรือวงโนวันเอลส์ (No One Else) มีทั้งเดอะมอลล์ท่าพระ เอ็มควอเทียร์ และร้านมอนติคาโล เลียบด่วนฯ นอกนั้นยังคงรับ 1-2 งาน เช่น ศิลปินเกิร์ลกรุ๊ป PIXXIE เริ่มต้นที่เซ็นทรัลเวิลด์ ต่อด้วย 23.00 น. ที่ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต หรือจะเป็น ปาล์มมี่ อีฟ ปานเจริญ เริ่มต้น 19.00 น. ที่สยามพารากอน ต่อด้วย 23.00 น. ที่ซีคอนสแควร์ และวงทรีแมนดาวน์ เริ่มต้น 20.20 น. ที่เซ็นทรัลเวิลด์ ต่อด้วย 23.00 น. ที่เมกาบางนา เป็นต้น แต่ก็มีศิลปินบางคนเลือกแสดงเฉพาะสถานบันเทิง เช่น แว่นใหญ่ หรือโอฬาร ชูใจ ที่ย่านสุขุมวิท และวง ZEAL ระบุว่าผับบาร์แห่งหนึ่งใน กทม. ต่างจังหวัด เช่น งานเคานต์ดาวน์ จ.พะเยา มีทั้ง หญิงลี ศรีจุมพล, วงวัชราวลี และวง Jetseter หรือจะเป็น กบ ทรงสิทธิ์ รุ่งนพคุณศรี และบอย อนุวัฒน์ สงวนศักดิ์ภักดี ไปที่เซ็นทรัล เชียงใหม่, เจ เจตริน วรรธนะสิน และเจ้านาย-เจ้าขุน ไปห้างบลูพอร์ต หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์, โจอี้บอย อภิสิทธิ์ โอภาสเอี่ยมลิขิต ไปเมืองพัทยา จ.ชลบุรี ส่วนศิลปินลูกทุ่ง จ๊ะ นงผณี มหาดไทย ปีนี้รับสองงาน ได้แก่ 19.00 น. ตลาดต้นไทร แบริ่ง กทม. ต่อด้วยเซ็นทรัล อยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ด้าน ลำไย ไหทองคำ หรือสุพรรณษา เวชกามา ปีนี้มีเฉพาะที่หอโหวดร้อยเอ็ด และศิลปินหนุ่ม เบิ้ล ปทุมราช หรืออาทิตย์ สมน้อย ขอกลับไปเคานต์ดาวน์ที่บ้านเกิด อ.ปทุมราชวงศา จ.อำนาจเจริญ ส่วนวงหมอลำอีสานนครศิลป์ นกน้อย อุไรพร จัดแสดงที่วัดทักษิณชลธาน อ.สุวรรณภูมิ จ.ร้อยเอ็ด และหมอลำประถมบันเทิงศิลป์ จัดแสดงที่บ้านหนองบัว อ.บ้านแท่น จ.ชัยภูมิ #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1094 มุมมอง 0 รีวิว
  • ค้าน กม.อากาศสะอาด ทำลายอาชีพไร่ยาสูบ วอนทบทวนเร่งด่วน
    .
    การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรจังหวัดเชียงใหม่ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นอกจากจะประกาศลงทุนพัฒนาพื้นที่ภาคเหนือราว 2 หมื่นล้านบาทแล้ว อีกด้านหนึ่งยังมีปัญหาที่ชาวบ้านกำลังรอให้รัฐบาลแก้ไข คือ ปัญหาการเพาะปลูกพืชยาสูบ
    .
    โดยตัวแทนภาคียาสูบแห่งประเทศไทยและเครือข่ายชาวไร่ยาสูบบ่มเองจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ร่วม 100 คน เข้ายื่นหนังสือกับ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เพื่อคัดค้านร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาด ที่จะเก็บค่าธรรมเนียมบำรุงกองทุนอากาศสะอาดจากสินค้ายาสูบในอัตราร้อยละ 10 ซึ่งจะส่งผลให้ชาวไร่ยาสูบ 22,000 ครอบครัวทั้งภาคเหนือและภาคอีสานต้องหมดอาชีพ
    .
    นายอรุณ โปธิตา ตัวแทนชาวไร่ยาสูบบ่มเองจังหวัดเชียงใหม่ ชี้แจงว่า แม้เห็นด้วยกับการสร้างอากาศสะอาด แต่การเก็บเงินเพิ่มจากสินค้ายาสูบ เป็นการซ้ำเติมปัญหารายได้ตกต่ำของชาวไร่ยาสูบ เพราะการเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มจะทำให้ราคาบุหรี่เพิ่มขึ้นเป็น 115 บาทอย่างต่ำ ราคาบุหรี่ที่สูงขนาดนี้ทำให้คนสูบบุหรี่หันไปซื้อบุหรี่เถื่อนซึ่งขายกันที่ราคา 20-30 บาทเท่านั้น บุหรี่ของการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ก็คงจะขายสู้ไม่ได้ การรับซื้อใบยาจากชาวไร่ยาสูบจะหายไปทันที 93% ส่งผลให้รายได้ของชาวไร่และอาชีพยาสูบแทบจะหายไปจากประเทศไทยทันที
    .
    ด้านนายขจรศักดิ์ เมฆขจร ตัวแทนเครือข่ายชาวไร่บ่มเองอีกราย เสริมว่า “พวกเราผิดหวังมากที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดดึงดันจะเก็บเงินเพิ่มจากสินค้าบุหรี่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีข้อสังเกตว่าการเก็บภาษีเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะในลักษณะนี้อาจผิดวินัยการเงินการคลัง แต่ก็ยังพยายามเลี่ยงบาลีว่าเป็นการเก็บค่าธรรมเนียม โดยไม่สนใจถึงผลกระทบต่อชาวไร่ยาสูบ รายได้ภาษี และการดำเนินงานของ ยสท. และขาดความรู้ความเข้าใจโครงสร้างภาษีของสินค้าที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้ คิดแต่เพียงจะเก็บเงินเพิ่มอย่างเดียว
    ..............
    Sondhi X
    ค้าน กม.อากาศสะอาด ทำลายอาชีพไร่ยาสูบ วอนทบทวนเร่งด่วน . การประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจรจังหวัดเชียงใหม่ของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นอกจากจะประกาศลงทุนพัฒนาพื้นที่ภาคเหนือราว 2 หมื่นล้านบาทแล้ว อีกด้านหนึ่งยังมีปัญหาที่ชาวบ้านกำลังรอให้รัฐบาลแก้ไข คือ ปัญหาการเพาะปลูกพืชยาสูบ . โดยตัวแทนภาคียาสูบแห่งประเทศไทยและเครือข่ายชาวไร่ยาสูบบ่มเองจังหวัดเชียงใหม่ ลำพูน ร่วม 100 คน เข้ายื่นหนังสือกับ นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เพื่อคัดค้านร่าง พ.ร.บ. อากาศสะอาด ที่จะเก็บค่าธรรมเนียมบำรุงกองทุนอากาศสะอาดจากสินค้ายาสูบในอัตราร้อยละ 10 ซึ่งจะส่งผลให้ชาวไร่ยาสูบ 22,000 ครอบครัวทั้งภาคเหนือและภาคอีสานต้องหมดอาชีพ . นายอรุณ โปธิตา ตัวแทนชาวไร่ยาสูบบ่มเองจังหวัดเชียงใหม่ ชี้แจงว่า แม้เห็นด้วยกับการสร้างอากาศสะอาด แต่การเก็บเงินเพิ่มจากสินค้ายาสูบ เป็นการซ้ำเติมปัญหารายได้ตกต่ำของชาวไร่ยาสูบ เพราะการเก็บค่าธรรมเนียมเพิ่มจะทำให้ราคาบุหรี่เพิ่มขึ้นเป็น 115 บาทอย่างต่ำ ราคาบุหรี่ที่สูงขนาดนี้ทำให้คนสูบบุหรี่หันไปซื้อบุหรี่เถื่อนซึ่งขายกันที่ราคา 20-30 บาทเท่านั้น บุหรี่ของการยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ก็คงจะขายสู้ไม่ได้ การรับซื้อใบยาจากชาวไร่ยาสูบจะหายไปทันที 93% ส่งผลให้รายได้ของชาวไร่และอาชีพยาสูบแทบจะหายไปจากประเทศไทยทันที . ด้านนายขจรศักดิ์ เมฆขจร ตัวแทนเครือข่ายชาวไร่บ่มเองอีกราย เสริมว่า “พวกเราผิดหวังมากที่คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ. บริหารจัดการเพื่ออากาศสะอาดดึงดันจะเก็บเงินเพิ่มจากสินค้าบุหรี่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้มีข้อสังเกตว่าการเก็บภาษีเพื่อวัตถุประสงค์เฉพาะในลักษณะนี้อาจผิดวินัยการเงินการคลัง แต่ก็ยังพยายามเลี่ยงบาลีว่าเป็นการเก็บค่าธรรมเนียม โดยไม่สนใจถึงผลกระทบต่อชาวไร่ยาสูบ รายได้ภาษี และการดำเนินงานของ ยสท. และขาดความรู้ความเข้าใจโครงสร้างภาษีของสินค้าที่เกี่ยวข้องอย่างถ่องแท้ คิดแต่เพียงจะเก็บเงินเพิ่มอย่างเดียว .............. Sondhi X
    Like
    3
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 984 มุมมอง 0 รีวิว
  • ว่านจำปาศักดิ์ ของดีจาก สปป.ลาว ประวัติผู้สร้าง ไม่แน่ชัด และมีการสร้างหลายวาระ พบเจอตามถ้ำ ใน แขวงจำปาศักดิ์ และทางภาคเหนือ และอีสาน ของไทย..บางคนว่า ฤาษีสร้าง บางคนว่า พระธุดงค์ผู้แก่กล้าสร้าง..และมีการสร้างหลายยุค ตอนพระธาตุพนมล้ม ก็มีพระว่านรวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง..ผิว มีหลายวรรณณะ ดำ แดง น้ำตาล เข้มอ่อน ศิลปะเป็นแบบล้านช้าง อายุหลายร้อยปี..ใครดูศิลปะพระบูชาออก แยกง่ายเลย..ในยุคสงครามอินโดจีน มีพระจำนวนนึงไหลเข้ามาในไทย และเหล่าทหารเอาติดตัวไปจำนวนมาก ประสบการณ์มากมาย หรือที่เรียก ทหารผีนั่นละ..นักเลงพระยุคเก่า ล้วนเอามาติดตัว แต่ด้วยความที่พระมีขนาดใหญ่ บางคนก็ไม่ค่อยใช้.เกจิดังหลุงยุค ปี 2485 ล้วนเอาพระซ่านจำปาศักดิ์ตำใส่ลงในวัตถุมงคลของท่านเอง..ก็มาก...วิธีดู ว่า ยุคไหน ก็ดูศิลปะ แบบล้านช้าง ดูความแห้ง แบบในภาพ กลายเป็นไม้ไปแล้ว..เก๊ทำไม่ได้ มันต้องผ่านกาลเวลาหลายร้อยปี..และส่วนใหญ่ บิดซ้าย แหว่งขวา คือ หาฟอร์มพระสวย แบบในภาพ ยากหน่อย.ท่านที่ยังไม่มี..และแบบพุทธคุณเชื่อขนมกันได้...ก็ควร..มี
    ว่านจำปาศักดิ์ ของดีจาก สปป.ลาว ประวัติผู้สร้าง ไม่แน่ชัด และมีการสร้างหลายวาระ พบเจอตามถ้ำ ใน แขวงจำปาศักดิ์ และทางภาคเหนือ และอีสาน ของไทย..บางคนว่า ฤาษีสร้าง บางคนว่า พระธุดงค์ผู้แก่กล้าสร้าง..และมีการสร้างหลายยุค ตอนพระธาตุพนมล้ม ก็มีพระว่านรวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง..ผิว มีหลายวรรณณะ ดำ แดง น้ำตาล เข้มอ่อน ศิลปะเป็นแบบล้านช้าง อายุหลายร้อยปี..ใครดูศิลปะพระบูชาออก แยกง่ายเลย..ในยุคสงครามอินโดจีน มีพระจำนวนนึงไหลเข้ามาในไทย และเหล่าทหารเอาติดตัวไปจำนวนมาก ประสบการณ์มากมาย หรือที่เรียก ทหารผีนั่นละ..นักเลงพระยุคเก่า ล้วนเอามาติดตัว แต่ด้วยความที่พระมีขนาดใหญ่ บางคนก็ไม่ค่อยใช้.เกจิดังหลุงยุค ปี 2485 ล้วนเอาพระซ่านจำปาศักดิ์ตำใส่ลงในวัตถุมงคลของท่านเอง..ก็มาก...วิธีดู ว่า ยุคไหน ก็ดูศิลปะ แบบล้านช้าง ดูความแห้ง แบบในภาพ กลายเป็นไม้ไปแล้ว..เก๊ทำไม่ได้ มันต้องผ่านกาลเวลาหลายร้อยปี..และส่วนใหญ่ บิดซ้าย แหว่งขวา คือ หาฟอร์มพระสวย แบบในภาพ ยากหน่อย.ท่านที่ยังไม่มี..และแบบพุทธคุณเชื่อขนมกันได้...ก็ควร..มี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 264 มุมมอง 0 รีวิว
  • ว่านจำปาศักดิ์ ของดีจาก สปป.ลาว ประวัติผู้สร้าง ไม่แน่ชัด และมีการสร้างหลายวาระ พบเจอตามถ้ำ ใน แขวงจำปาศักดิ์ และทางภาคเหนือ และอีสาน ของไทย..บางคนว่า ฤาษีสร้าง บางคนว่า พระธุดงค์ผู้แก่กล้าสร้าง..และมีการสร้างหลายยุค ตอนพระธาตุพนมล้ม ก็มีพระว่านรวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง..ผิว มีหลายวรรณณะ ดำ แดง น้ำตาล เข้มอ่อน ศิลปะเป็นแบบล้านช้าง อายุหลายร้อยปี..ใครดูศิลปะพระบูชาออก แยกง่ายเลย..ในยุคสงครามอินโดจีน มีพระจำนวนนึงไหลเข้ามาในไทย และเหล่าทหารเอาติดตัวไปจำนวนมาก ประสบการณ์มากมาย หรือที่เรียก ทหารผีนั่นละ..นักเลงพระยุคเก่า ล้วนเอามาติดตัว แต่ด้วยความที่พระมีขนาดใหญ่ บางคนก็ไม่ค่อยใช้.เกจิดังหลุงยุค ปี 2485 ล้วนเอาพระซ่านจำปาศักดิ์ตำใส่ลงในวัตถุมงคลของท่านเอง..ก็มาก...วิธีดู ว่า ยุคไหน ก็ดูศิลปะ แบบล้านช้าง ดูความแห้ง แบบในภาพ กลายเป็นไม้ไปแล้ว..เก๊ทำไม่ได้ มันต้องผ่านกาลเวลาหลายร้อยปี..และส่วนใหญ่ บิดซ้าย แหว่งขวา คือ หาฟอร์มพระสวย แบบในภาพ ยากหน่อย.ท่านที่ยังไม่มี..และแบบพุทธคุณเชื่อขนมกันได้...ก็ควร..มี
    ว่านจำปาศักดิ์ ของดีจาก สปป.ลาว ประวัติผู้สร้าง ไม่แน่ชัด และมีการสร้างหลายวาระ พบเจอตามถ้ำ ใน แขวงจำปาศักดิ์ และทางภาคเหนือ และอีสาน ของไทย..บางคนว่า ฤาษีสร้าง บางคนว่า พระธุดงค์ผู้แก่กล้าสร้าง..และมีการสร้างหลายยุค ตอนพระธาตุพนมล้ม ก็มีพระว่านรวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง..ผิว มีหลายวรรณณะ ดำ แดง น้ำตาล เข้มอ่อน ศิลปะเป็นแบบล้านช้าง อายุหลายร้อยปี..ใครดูศิลปะพระบูชาออก แยกง่ายเลย..ในยุคสงครามอินโดจีน มีพระจำนวนนึงไหลเข้ามาในไทย และเหล่าทหารเอาติดตัวไปจำนวนมาก ประสบการณ์มากมาย หรือที่เรียก ทหารผีนั่นละ..นักเลงพระยุคเก่า ล้วนเอามาติดตัว แต่ด้วยความที่พระมีขนาดใหญ่ บางคนก็ไม่ค่อยใช้.เกจิดังหลุงยุค ปี 2485 ล้วนเอาพระซ่านจำปาศักดิ์ตำใส่ลงในวัตถุมงคลของท่านเอง..ก็มาก...วิธีดู ว่า ยุคไหน ก็ดูศิลปะ แบบล้านช้าง ดูความแห้ง แบบในภาพ กลายเป็นไม้ไปแล้ว..เก๊ทำไม่ได้ มันต้องผ่านกาลเวลาหลายร้อยปี..และส่วนใหญ่ บิดซ้าย แหว่งขวา คือ หาฟอร์มพระสวย แบบในภาพ ยากหน่อย.ท่านที่ยังไม่มี..และแบบพุทธคุณเชื่อขนมกันได้...ก็ควร..มี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 257 มุมมอง 0 รีวิว
  • ว่านจำปาศักดิ์ ของดีจาก สปป.ลาว ประวัติผู้สร้าง ไม่แน่ชัด และมีการสร้างหลายวาระ พบเจอตามถ้ำ ใน แขวงจำปาศักดิ์ และทางภาคเหนือ และอีสาน ของไทย..บางคนว่า ฤาษีสร้าง บางคนว่า พระธุดงค์ผู้แก่กล้าสร้าง..และมีการสร้างหลายยุค ตอนพระธาตุพนมล้ม ก็มีพระว่านรวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง..ผิว มีหลายวรรณณะ ดำ แดง น้ำตาล เข้มอ่อน ศิลปะเป็นแบบล้านช้าง อายุหลายร้อยปี..ใครดูศิลปะพระบูชาออก แยกง่ายเลย..ในยุคสงครามอินโดจีน มีพระจำนวนนึงไหลเข้ามาในไทย และเหล่าทหารเอาติดตัวไปจำนวนมาก ประสบการณ์มากมาย หรือที่เรียก ทหารผีนั่นละ..นักเลงพระยุคเก่า ล้วนเอามาติดตัว แต่ด้วยความที่พระมีขนาดใหญ่ บางคนก็ไม่ค่อยใช้.เกจิดังหลุงยุค ปี 2485 ล้วนเอาพระซ่านจำปาศักดิ์ตำใส่ลงในวัตถุมงคลของท่านเอง..ก็มาก...วิธีดู ว่า ยุคไหน ก็ดูศิลปะ แบบล้านช้าง ดูความแห้ง แบบในภาพ กลายเป็นไม้ไปแล้ว..เก๊ทำไม่ได้ มันต้องผ่านกาลเวลาหลายร้อยปี..และส่วนใหญ่ บิดซ้าย แหว่งขวา คือ หาฟอร์มพระสวย แบบในภาพ ยากหน่อย.ท่านที่ยังไม่มี..และแบบพุทธคุณเชื่อขนมกันได้...ก็ควร..มี
    ว่านจำปาศักดิ์ ของดีจาก สปป.ลาว ประวัติผู้สร้าง ไม่แน่ชัด และมีการสร้างหลายวาระ พบเจอตามถ้ำ ใน แขวงจำปาศักดิ์ และทางภาคเหนือ และอีสาน ของไทย..บางคนว่า ฤาษีสร้าง บางคนว่า พระธุดงค์ผู้แก่กล้าสร้าง..และมีการสร้างหลายยุค ตอนพระธาตุพนมล้ม ก็มีพระว่านรวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง..ผิว มีหลายวรรณณะ ดำ แดง น้ำตาล เข้มอ่อน ศิลปะเป็นแบบล้านช้าง อายุหลายร้อยปี..ใครดูศิลปะพระบูชาออก แยกง่ายเลย..ในยุคสงครามอินโดจีน มีพระจำนวนนึงไหลเข้ามาในไทย และเหล่าทหารเอาติดตัวไปจำนวนมาก ประสบการณ์มากมาย หรือที่เรียก ทหารผีนั่นละ..นักเลงพระยุคเก่า ล้วนเอามาติดตัว แต่ด้วยความที่พระมีขนาดใหญ่ บางคนก็ไม่ค่อยใช้.เกจิดังหลุงยุค ปี 2485 ล้วนเอาพระซ่านจำปาศักดิ์ตำใส่ลงในวัตถุมงคลของท่านเอง..ก็มาก...วิธีดู ว่า ยุคไหน ก็ดูศิลปะ แบบล้านช้าง ดูความแห้ง แบบในภาพ กลายเป็นไม้ไปแล้ว..เก๊ทำไม่ได้ มันต้องผ่านกาลเวลาหลายร้อยปี..และส่วนใหญ่ บิดซ้าย แหว่งขวา คือ หาฟอร์มพระสวย แบบในภาพ ยากหน่อย.ท่านที่ยังไม่มี..และแบบพุทธคุณเชื่อขนมกันได้...ก็ควร..มี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 249 มุมมอง 0 รีวิว
  • ว่านจำปาศักดิ์ ของดีจาก สปป.ลาว ประวัติผู้สร้าง ไม่แน่ชัด และมีการสร้างหลายวาระ พบเจอตามถ้ำ ใน แขวงจำปาศักดิ์ และทางภาคเหนือ และอีสาน ของไทย..บางคนว่า ฤาษีสร้าง บางคนว่า พระธุดงค์ผู้แก่กล้าสร้าง..และมีการสร้างหลายยุค ตอนพระธาตุพนมล้ม ก็มีพระว่านรวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง..ผิว มีหลายวรรณณะ ดำ แดง น้ำตาล เข้มอ่อน ศิลปะเป็นแบบล้านช้าง อายุหลายร้อยปี..ใครดูศิลปะพระบูชาออก แยกง่ายเลย..ในยุคสงครามอินโดจีน มีพระจำนวนนึงไหลเข้ามาในไทย และเหล่าทหารเอาติดตัวไปจำนวนมาก ประสบการณ์มากมาย หรือที่เรียก ทหารผีนั่นละ..นักเลงพระยุคเก่า ล้วนเอามาติดตัว แต่ด้วยความที่พระมีขนาดใหญ่ บางคนก็ไม่ค่อยใช้.เกจิดังหลุงยุค ปี 2485 ล้วนเอาพระซ่านจำปาศักดิ์ตำใส่ลงในวัตถุมงคลของท่านเอง..ก็มาก...วิธีดู ว่า ยุคไหน ก็ดูศิลปะ แบบล้านช้าง ดูความแห้ง แบบในภาพ กลายเป็นไม้ไปแล้ว..เก๊ทำไม่ได้ มันต้องผ่านกาลเวลาหลายร้อยปี..และส่วนใหญ่ บิดซ้าย แหว่งขวา คือ หาฟอร์มพระสวย แบบในภาพ ยากหน่อย.ท่านที่ยังไม่มี..และแบบพุทธคุณเชื่อขนมกันได้...ก็ควร..มี
    ว่านจำปาศักดิ์ ของดีจาก สปป.ลาว ประวัติผู้สร้าง ไม่แน่ชัด และมีการสร้างหลายวาระ พบเจอตามถ้ำ ใน แขวงจำปาศักดิ์ และทางภาคเหนือ และอีสาน ของไทย..บางคนว่า ฤาษีสร้าง บางคนว่า พระธุดงค์ผู้แก่กล้าสร้าง..และมีการสร้างหลายยุค ตอนพระธาตุพนมล้ม ก็มีพระว่านรวมอยู่ด้วยจำนวนหนึ่ง..ผิว มีหลายวรรณณะ ดำ แดง น้ำตาล เข้มอ่อน ศิลปะเป็นแบบล้านช้าง อายุหลายร้อยปี..ใครดูศิลปะพระบูชาออก แยกง่ายเลย..ในยุคสงครามอินโดจีน มีพระจำนวนนึงไหลเข้ามาในไทย และเหล่าทหารเอาติดตัวไปจำนวนมาก ประสบการณ์มากมาย หรือที่เรียก ทหารผีนั่นละ..นักเลงพระยุคเก่า ล้วนเอามาติดตัว แต่ด้วยความที่พระมีขนาดใหญ่ บางคนก็ไม่ค่อยใช้.เกจิดังหลุงยุค ปี 2485 ล้วนเอาพระซ่านจำปาศักดิ์ตำใส่ลงในวัตถุมงคลของท่านเอง..ก็มาก...วิธีดู ว่า ยุคไหน ก็ดูศิลปะ แบบล้านช้าง ดูความแห้ง แบบในภาพ กลายเป็นไม้ไปแล้ว..เก๊ทำไม่ได้ มันต้องผ่านกาลเวลาหลายร้อยปี..และส่วนใหญ่ บิดซ้าย แหว่งขวา คือ หาฟอร์มพระสวย แบบในภาพ ยากหน่อย.ท่านที่ยังไม่มี..และแบบพุทธคุณเชื่อขนมกันได้...ก็ควร..มี
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 247 มุมมอง 0 รีวิว
  • ((( รู้มั้ย? กูเบื่อคนไทยตรงไหน? )))ไม่เรียนรู้ ไม่จดจำ นิ่งไม่เป็น ความจำสั้นกูรู้ หลังศาลท่านไม่รับฟ้องอีเหลี่ยม กูก็เดาทางไว้ก่อนแล้ว ว่า "หาก"ก่อนจะเข้าประเด็นหลัก ที่มรึงอยากรู้ กูขอเตือนความจำมรึงหน่อยน่ะเพิ่งผ่านมาหมาดๆ ..อีเหลี่ยมได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ พวกมรึงก็ดิ้นยิ่งกว่านักโทษซะอีกแล้วเป็นไง? เงื่อนไขอภัยลดโทษ ว่ายังไง? ทูลเกล้าเท็จ ตามมา เพราะเค้าอ่านขาดตั้งแต่เริ่มแล้วว่า มันจะจบตรงไหน อีเหลี่ยม ไม่ได้อภัยโทษไม่พอ ยังจะลากไส้เน่า ทั้งกรมคุก สภาแพทย์ อัยกวย กรมกากี ตายห่ายกชั้น 14 ไปด้วย มรึงเข้าใจยัง? ว่าอภัยลดโทษ มันคือ "กับดัก" หมาที่ไหนก็รู้ ว่ามันป่วยซะที่ไหน? โซเชี่ยลฆ่ามันเองทุกดอก หลักฐานคาจอ เค้าวางหมากไว้รอแล้ว โทษที่มันต้องเจอคือ มอ.112 คดีอื่นอีกเพี๊ยบไม่นับ แต่ดอกนี้ ถึงตายคาคุก และมีจารึกในประวัติศาสตร์ ใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ อะไรระบุในพระราชกิจจานุเบกษา มันคือหน้าประวัติศาสตร์ไงล่ะ? เดี๋ยวยังจะมีอีก อีเหลี่ยมรอด อีเหลี่ยมไม่โดนฟ้อง อีเหลี่ยมพ้นโทษอื่น แล้วมรึงก็จะดิ้นไปมาไม่เลิก แค้นมันมากสิน่ะ อยากฆ่ามันเองกับมือสิน่ะ อย่าให้เปลืองแรง เดี๋ยวเสนียดจะติดมือมรึงไปด้วย โทษของตระกูลไอ้อีเหี้ยส่องหล้านั้น ถูกกำหนดไว้นานแล้ว จัดการไม่ยาก แต่จะขุดรากถอนโคน และปลุกไอ้ควายไทยบัดซบให้ตื่นเนี่ย มรึงว่าง่ายเหรอ? หากไม่เห็นด้วยตาตัวเอง หากไม่ฉิบหายคาตา ระบบพ่อปกครองลูกจะได้กลับมามุย? อย่าดูแค่เปลือก ให้ไปดูแก่นของเรื่องนี้เข้าประเด็นกันเลย1.อีเหลี่ยมถูกฟ้องกี่คดีรู้มั้ย? มากกว่า 40 คดี ทั้งในอดีตและปัจจุบัน มรึงรู้มั้ยว่า บางคดีไม่มีอายุความ บางคดีรื้อใหม่ได้ หากมีหลักฐานเพิ่ม รวมทั้งคดีตากใบ ที่ยื่นคนละประเด็นฟ้องเบื้องต้น ทุกอย่างเค้าสะสมไว้หมดแล้ว ดังนั้น ไอ้คดีเป็นภัยต่อความมั่นคง และเป็นภัยต่อระบบการปกครองเนี่ย โจทย์มันกว้างเป็นแม่น้ำ กว่าจะไล่เรียง สอบพยาน สอบหลักฐาน มรึงรู้มั้ยว่า ใช้เวลากี่ปี? เข้าใจยัง? มันตายห่าไปแล้วคดียังไม่เสร็จเลย มรึงเชื่อมั้ย? แล้วจะรับฟ้องไปเพื่อ?2.จะฆ่าเหี้ยเนี่ย มรึงต้องเอาให้คาหนังคาเขา สิ่งที่มันพลาดเพราะความกร่าง นั่นคือ "วาจา" การให้สัมภาษณ์ และพยานสิ่งแวดล้อม พยานหลักฐานในโซเชี่ยล ภาพนิ่ง VDO และเอกสารยืนยันปลอมทั้งหลาย พวกนี้ต่างหาก ที่พิสูจน์ได้ชัดเจน ใช้เวลาไม่นาน และมัดตาสังข์ชัดเจนกว่า โดยเฉพาะเรื่อง มอ.112 เรื่องที่ดิน เรื่องออกคำสั่งผิดกฎหมาย(ตอนอยู่ในอำนาจ เอื้อประโยชน์ชาติอื่น โดยเอาความมั่นคงไปเสี่ยง และอีกมากมาย ที่มีหลักฐานใหม่เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด ผลของการกระทำเกิดขึ้นจริงแล้ว) สรุปคือล่อมันตายคาคุก ต้องล่อคดีแห่งวาระตนเองทำ ไม่ต้องมีบุคคลที่สามเอี่ยว ถึงจะเร็วและเด็ดหัวได้จริง อย่าว่าโทษ 10 ปี 20 ปี เลย แค่วันเดียวมันก็ไม่ยอมจะอยู่ เผ่นชัวร์ นั่นแหละที่เค้ารอให้มันทำ ไปเอง แล้วคืนสินทรัพย์ทั้งหมดที่มี ที่เอาไปฝากญาติคืนแผ่นดินมาให้หมด เค้าเช็ครู้หมด มรึงเอาไปฝากใครบ้าง?3.ไอ้ที่รอเนี่ย ไม่ได้กลัวอีเหลี่ยมกระจอกดอกน่ะ ไอ้ตัวที่อยู่เบื้องหลังมันต่างหากล่ะ ที่กำลังจะถูกลากไส้เข้ามาโผล่ให้เห็น ว่าอเมริกา อังกฤษ อิสราเอล มีส่วนในการแทรกแซงการปกครองไทย แค่อีเหลี่ยม กระสุนนัดเดียวจบไปนานแล้ว แต่นั่นคือสิ่งที่เหี้ย CIA รออยู่เช่นกัน มรึงคิดว่ามีขี้ข้าหมารับใช้อีวอชิงตันอยู่ในเมืองไทยเท่าไหร่ เฉพาะสายลับ หน่วยสืบราชการลับเหี้ย ก็หลายแสนแล้ว ชาวบ้านที่ถูกล้างสมองอีกเป็นล้าน หมู่บ้านชาวตะวันตกในอีสานมีไปทำไม? นั่นแหละดง CIA เลยมรึง! ไอ้พวกนี้ รอแค่ไฟเขียวก่อจราจล ที่มาว่าทำไม เราต้องเอารัสเซีย จีน เข้ามาปัดกวาดสิ่งสกปรกพวกนี้ โดยเราจัดการคนในเรากันเองพอ ส่วนไอ้อีต่างชาติ ปล่อยรัสเซีย จีน เค้าเก็บกวาดให้เอง ทำไมมันซับซ้อนเยอะจัง? มรึงรู้มั้ยว่า กว่าวังจะรอดมาถึงวันนี้ได้ ต้องแลกกับอะไรบ้าง? หากพ่อท่านร.9 ไม่สร้างฐาน ฉีดวัคซีนให้คนไทยไว้พึ่งพิงตัวเองก่อนนี้ ป่านนี้ ถูกมันซื้อตัวไปหมดประเทศแล้ว เพราะมีเหี้ยอะไรก็แบมือขอรัฐท่าเดียว ไม่ต้องทำมาหาแดร๊กกันแล้ว อานิสงค์พ่อท่าน ถึงรอด?สรุปคือ คดีกว้างไป โจทย์กว้างไป ตัดได้ เก็บคดีหนัก คดีใหญ่ ที่มีมัดตราสังข์รออยู่ อย่าเพิ่งรีบลงดาบ ในขณะที่คนไทยทั้งหมด ยังไม่เห็นธาตุแท้เหี้ยเด่นชัด จนกว่าคนไทยจะเข้าใจว่า ปชต.ไม่มีอยู่จริงในโลก แค่สมบัติผลัดกันชม เหี้ยไป จัญไรมา ที่สำคัญคือ ไทยเราจะกลายเป็นโมเดล "พ่อปกครองลูก" ที่ทั่วโลกจะนำไปใช้ในอนาคต อย่าโฟกัสแค่อีเหลี่ยมมากจนเกินไป จนลืมไปว่า ประเทศไทย ยังมีอะไรที่ต้องดิ้นรน และฟันฝ่าอีกเยอะ อีเหลี่ยมตายวันนี้ มรึงสะใจ มรึงคิดว่าชนะแล้วเหรอ? หัวหน้ามันยังอยู่ทั้งตัว หมดอีเหลี่ยมไป คนต่อไป อีกลมก็เข้ามาแทน มรึงอ่านเกมส์กันเป็นมั้ย? อีเหลี่ยมแค่หุ่นเชิด วังสู้อยู่กับ DEEP STATE/ ZIONIST/ FREEMASON ระดับโลก เค้ามีอะไรซ่อนอีกเยอะ อย่าเพิ่งรีบเปิดไพ่ตายโชว์ หากมรึงยังไม่ชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด กูรำคาญ ถึงต้องมาโพส เพื่อให้สติ อีเหลี่ยมตัวเดียว มันไม่มีค่าพอจะเปลี่ยนประเทศนี้ได้ดอก โน้น ศัตรูตัวจริงมรึงคือ "เยรูซาเล็ม" กูถึงได้บอกไงล่ะว่า เกมส์โลก เกมส์ไทย คือเรื่องเดียวกันทั้งหมดไทยไป อาเซียนก็ไปด้วย แล้วอย่างงี้ มรึงพร้อมจะทุ่มสุดตัวกับปูติน สีจิ้นผิงให้เปลี่ยนโลกได้รึยังล่ะ? เย็นไม่เป็นก็เหนื่อย แค่นิ่ง สงบ เฝ้าดู พอแล้ว เพราะจุดจบของทุกไอ้อี ถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว มรึงไม่ต้องห่วงดอก ก็แค่ "ไม่ทันใจมรึง ไม่ได้ดั่งใจมรึง" เหมือนเด็กร้องจะเอาของเล่น โตได้แล้ว จิตวิญญานมรึงต้องพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น เพื่อไปสู่โลกอีกภพภูมิที่สูงกว่า อย่าหลงทาง อย่ายึดติด กับอดีตมากจนเกินไป เดินหน้าประเทศไทย อย่ามาเสียเวลากับเสนียดจัญไรเพียงไม่กี่ตัว? กูโปรดสัดให้แล้วน่ะ ใครไม่เข้าใจ มรึงกลับไปอ่านใหม่อีก 3 รอบ ช้าๆ แล้วใช้สติ คิดตาม มรึงจะดวงตาเห็นธรรมเองหมี CNN(จะอะไรกันนักหนา ยังไง อีเหลี่ยมต้องตายคาที่ ตายโหง ตายแบบน่าสังเวชที่สุดในโลกชัวร์ มรึงอยากจะดูภาพนั้นชิมิ? งั้นมรึงคงตามมันไปดูเองถึง นรกอเวจี ชั้นที่ 99 ทำชั่วไม่ได้เท่ามัน มรึงคงลงไปไม่ถึงแน่ มรึงจะสนอะไร ประเทศรอด แผ่นดินสูงขึ้น ไทยชนะ ไม่ใช่สิ่งที่มรึงต้องการเหรอ วังเค้าทำอยู่ ทหารทำอยู่ เกจิ ครูบา อาจารย์ท่าน ทำอยู่ ขอพูดแทนผู้อยู่เบื้องหลังทุกท่านที่ปิดทองหลังพระว่า "หัดนิ่งซะบ้างน่ะ พวกมรึง ไอ้สัส" รู้ตัวกันบ้างมั้ยว่า "มรึงอยู่ในกลียุค" น่ะเฟ้ยเห้ย กลียุคคือผิดปกติ)22 พฤศจิกายน 6721.20 น.
    ((( รู้มั้ย? กูเบื่อคนไทยตรงไหน? )))ไม่เรียนรู้ ไม่จดจำ นิ่งไม่เป็น ความจำสั้นกูรู้ หลังศาลท่านไม่รับฟ้องอีเหลี่ยม กูก็เดาทางไว้ก่อนแล้ว ว่า "หาก"ก่อนจะเข้าประเด็นหลัก ที่มรึงอยากรู้ กูขอเตือนความจำมรึงหน่อยน่ะเพิ่งผ่านมาหมาดๆ ..อีเหลี่ยมได้รับพระราชทานอภัยลดโทษ พวกมรึงก็ดิ้นยิ่งกว่านักโทษซะอีกแล้วเป็นไง? เงื่อนไขอภัยลดโทษ ว่ายังไง? ทูลเกล้าเท็จ ตามมา เพราะเค้าอ่านขาดตั้งแต่เริ่มแล้วว่า มันจะจบตรงไหน อีเหลี่ยม ไม่ได้อภัยโทษไม่พอ ยังจะลากไส้เน่า ทั้งกรมคุก สภาแพทย์ อัยกวย กรมกากี ตายห่ายกชั้น 14 ไปด้วย มรึงเข้าใจยัง? ว่าอภัยลดโทษ มันคือ "กับดัก" หมาที่ไหนก็รู้ ว่ามันป่วยซะที่ไหน? โซเชี่ยลฆ่ามันเองทุกดอก หลักฐานคาจอ เค้าวางหมากไว้รอแล้ว โทษที่มันต้องเจอคือ มอ.112 คดีอื่นอีกเพี๊ยบไม่นับ แต่ดอกนี้ ถึงตายคาคุก และมีจารึกในประวัติศาสตร์ ใครก็เปลี่ยนแปลงไม่ได้ อะไรระบุในพระราชกิจจานุเบกษา มันคือหน้าประวัติศาสตร์ไงล่ะ? เดี๋ยวยังจะมีอีก อีเหลี่ยมรอด อีเหลี่ยมไม่โดนฟ้อง อีเหลี่ยมพ้นโทษอื่น แล้วมรึงก็จะดิ้นไปมาไม่เลิก แค้นมันมากสิน่ะ อยากฆ่ามันเองกับมือสิน่ะ อย่าให้เปลืองแรง เดี๋ยวเสนียดจะติดมือมรึงไปด้วย โทษของตระกูลไอ้อีเหี้ยส่องหล้านั้น ถูกกำหนดไว้นานแล้ว จัดการไม่ยาก แต่จะขุดรากถอนโคน และปลุกไอ้ควายไทยบัดซบให้ตื่นเนี่ย มรึงว่าง่ายเหรอ? หากไม่เห็นด้วยตาตัวเอง หากไม่ฉิบหายคาตา ระบบพ่อปกครองลูกจะได้กลับมามุย? อย่าดูแค่เปลือก ให้ไปดูแก่นของเรื่องนี้เข้าประเด็นกันเลย1.อีเหลี่ยมถูกฟ้องกี่คดีรู้มั้ย? มากกว่า 40 คดี ทั้งในอดีตและปัจจุบัน มรึงรู้มั้ยว่า บางคดีไม่มีอายุความ บางคดีรื้อใหม่ได้ หากมีหลักฐานเพิ่ม รวมทั้งคดีตากใบ ที่ยื่นคนละประเด็นฟ้องเบื้องต้น ทุกอย่างเค้าสะสมไว้หมดแล้ว ดังนั้น ไอ้คดีเป็นภัยต่อความมั่นคง และเป็นภัยต่อระบบการปกครองเนี่ย โจทย์มันกว้างเป็นแม่น้ำ กว่าจะไล่เรียง สอบพยาน สอบหลักฐาน มรึงรู้มั้ยว่า ใช้เวลากี่ปี? เข้าใจยัง? มันตายห่าไปแล้วคดียังไม่เสร็จเลย มรึงเชื่อมั้ย? แล้วจะรับฟ้องไปเพื่อ?2.จะฆ่าเหี้ยเนี่ย มรึงต้องเอาให้คาหนังคาเขา สิ่งที่มันพลาดเพราะความกร่าง นั่นคือ "วาจา" การให้สัมภาษณ์ และพยานสิ่งแวดล้อม พยานหลักฐานในโซเชี่ยล ภาพนิ่ง VDO และเอกสารยืนยันปลอมทั้งหลาย พวกนี้ต่างหาก ที่พิสูจน์ได้ชัดเจน ใช้เวลาไม่นาน และมัดตาสังข์ชัดเจนกว่า โดยเฉพาะเรื่อง มอ.112 เรื่องที่ดิน เรื่องออกคำสั่งผิดกฎหมาย(ตอนอยู่ในอำนาจ เอื้อประโยชน์ชาติอื่น โดยเอาความมั่นคงไปเสี่ยง และอีกมากมาย ที่มีหลักฐานใหม่เกิดขึ้นเป็นดอกเห็ด ผลของการกระทำเกิดขึ้นจริงแล้ว) สรุปคือล่อมันตายคาคุก ต้องล่อคดีแห่งวาระตนเองทำ ไม่ต้องมีบุคคลที่สามเอี่ยว ถึงจะเร็วและเด็ดหัวได้จริง อย่าว่าโทษ 10 ปี 20 ปี เลย แค่วันเดียวมันก็ไม่ยอมจะอยู่ เผ่นชัวร์ นั่นแหละที่เค้ารอให้มันทำ ไปเอง แล้วคืนสินทรัพย์ทั้งหมดที่มี ที่เอาไปฝากญาติคืนแผ่นดินมาให้หมด เค้าเช็ครู้หมด มรึงเอาไปฝากใครบ้าง?3.ไอ้ที่รอเนี่ย ไม่ได้กลัวอีเหลี่ยมกระจอกดอกน่ะ ไอ้ตัวที่อยู่เบื้องหลังมันต่างหากล่ะ ที่กำลังจะถูกลากไส้เข้ามาโผล่ให้เห็น ว่าอเมริกา อังกฤษ อิสราเอล มีส่วนในการแทรกแซงการปกครองไทย แค่อีเหลี่ยม กระสุนนัดเดียวจบไปนานแล้ว แต่นั่นคือสิ่งที่เหี้ย CIA รออยู่เช่นกัน มรึงคิดว่ามีขี้ข้าหมารับใช้อีวอชิงตันอยู่ในเมืองไทยเท่าไหร่ เฉพาะสายลับ หน่วยสืบราชการลับเหี้ย ก็หลายแสนแล้ว ชาวบ้านที่ถูกล้างสมองอีกเป็นล้าน หมู่บ้านชาวตะวันตกในอีสานมีไปทำไม? นั่นแหละดง CIA เลยมรึง! ไอ้พวกนี้ รอแค่ไฟเขียวก่อจราจล ที่มาว่าทำไม เราต้องเอารัสเซีย จีน เข้ามาปัดกวาดสิ่งสกปรกพวกนี้ โดยเราจัดการคนในเรากันเองพอ ส่วนไอ้อีต่างชาติ ปล่อยรัสเซีย จีน เค้าเก็บกวาดให้เอง ทำไมมันซับซ้อนเยอะจัง? มรึงรู้มั้ยว่า กว่าวังจะรอดมาถึงวันนี้ได้ ต้องแลกกับอะไรบ้าง? หากพ่อท่านร.9 ไม่สร้างฐาน ฉีดวัคซีนให้คนไทยไว้พึ่งพิงตัวเองก่อนนี้ ป่านนี้ ถูกมันซื้อตัวไปหมดประเทศแล้ว เพราะมีเหี้ยอะไรก็แบมือขอรัฐท่าเดียว ไม่ต้องทำมาหาแดร๊กกันแล้ว อานิสงค์พ่อท่าน ถึงรอด?สรุปคือ คดีกว้างไป โจทย์กว้างไป ตัดได้ เก็บคดีหนัก คดีใหญ่ ที่มีมัดตราสังข์รออยู่ อย่าเพิ่งรีบลงดาบ ในขณะที่คนไทยทั้งหมด ยังไม่เห็นธาตุแท้เหี้ยเด่นชัด จนกว่าคนไทยจะเข้าใจว่า ปชต.ไม่มีอยู่จริงในโลก แค่สมบัติผลัดกันชม เหี้ยไป จัญไรมา ที่สำคัญคือ ไทยเราจะกลายเป็นโมเดล "พ่อปกครองลูก" ที่ทั่วโลกจะนำไปใช้ในอนาคต อย่าโฟกัสแค่อีเหลี่ยมมากจนเกินไป จนลืมไปว่า ประเทศไทย ยังมีอะไรที่ต้องดิ้นรน และฟันฝ่าอีกเยอะ อีเหลี่ยมตายวันนี้ มรึงสะใจ มรึงคิดว่าชนะแล้วเหรอ? หัวหน้ามันยังอยู่ทั้งตัว หมดอีเหลี่ยมไป คนต่อไป อีกลมก็เข้ามาแทน มรึงอ่านเกมส์กันเป็นมั้ย? อีเหลี่ยมแค่หุ่นเชิด วังสู้อยู่กับ DEEP STATE/ ZIONIST/ FREEMASON ระดับโลก เค้ามีอะไรซ่อนอีกเยอะ อย่าเพิ่งรีบเปิดไพ่ตายโชว์ หากมรึงยังไม่ชนะเบ็ดเสร็จเด็ดขาด กูรำคาญ ถึงต้องมาโพส เพื่อให้สติ อีเหลี่ยมตัวเดียว มันไม่มีค่าพอจะเปลี่ยนประเทศนี้ได้ดอก โน้น ศัตรูตัวจริงมรึงคือ "เยรูซาเล็ม" กูถึงได้บอกไงล่ะว่า เกมส์โลก เกมส์ไทย คือเรื่องเดียวกันทั้งหมดไทยไป อาเซียนก็ไปด้วย แล้วอย่างงี้ มรึงพร้อมจะทุ่มสุดตัวกับปูติน สีจิ้นผิงให้เปลี่ยนโลกได้รึยังล่ะ? เย็นไม่เป็นก็เหนื่อย แค่นิ่ง สงบ เฝ้าดู พอแล้ว เพราะจุดจบของทุกไอ้อี ถูกกำหนดไว้เรียบร้อยแล้ว มรึงไม่ต้องห่วงดอก ก็แค่ "ไม่ทันใจมรึง ไม่ได้ดั่งใจมรึง" เหมือนเด็กร้องจะเอาของเล่น โตได้แล้ว จิตวิญญานมรึงต้องพัฒนาขึ้นไปอีกขั้น เพื่อไปสู่โลกอีกภพภูมิที่สูงกว่า อย่าหลงทาง อย่ายึดติด กับอดีตมากจนเกินไป เดินหน้าประเทศไทย อย่ามาเสียเวลากับเสนียดจัญไรเพียงไม่กี่ตัว? กูโปรดสัดให้แล้วน่ะ ใครไม่เข้าใจ มรึงกลับไปอ่านใหม่อีก 3 รอบ ช้าๆ แล้วใช้สติ คิดตาม มรึงจะดวงตาเห็นธรรมเองหมี CNN(จะอะไรกันนักหนา ยังไง อีเหลี่ยมต้องตายคาที่ ตายโหง ตายแบบน่าสังเวชที่สุดในโลกชัวร์ มรึงอยากจะดูภาพนั้นชิมิ? งั้นมรึงคงตามมันไปดูเองถึง นรกอเวจี ชั้นที่ 99 ทำชั่วไม่ได้เท่ามัน มรึงคงลงไปไม่ถึงแน่ มรึงจะสนอะไร ประเทศรอด แผ่นดินสูงขึ้น ไทยชนะ ไม่ใช่สิ่งที่มรึงต้องการเหรอ วังเค้าทำอยู่ ทหารทำอยู่ เกจิ ครูบา อาจารย์ท่าน ทำอยู่ ขอพูดแทนผู้อยู่เบื้องหลังทุกท่านที่ปิดทองหลังพระว่า "หัดนิ่งซะบ้างน่ะ พวกมรึง ไอ้สัส" รู้ตัวกันบ้างมั้ยว่า "มรึงอยู่ในกลียุค" น่ะเฟ้ยเห้ย กลียุคคือผิดปกติ)22 พฤศจิกายน 6721.20 น.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 882 มุมมอง 0 รีวิว
  • 📽 #วันนี้ในอดีต.... 13 พฤศจิกายน 2498 📽
    กำเนิด "ภาพดอกไม้แห่งหัวใจ" คุณยายตุ้ม จันทนิตย์
    (ภาพสแกนจากต้นฉบับภาพถ่ายขนาด 10x12 นิ้ว)

    หญิงชราวัย 102 ปี (เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2396) บ้านธาตุน้อย ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม ห่างจากจุดที่ทางราชการกำหนดให้เป็นจุดรับเสด็จ ประมาณ 700 เมตร ก็ไม่ต่างจากครอบครัวอื่นๆ ที่ลูกหลานได้นำ "คุณยายตุ้ม จันทนิตย์" ไปรอรับเสด็จด้วย โดยตามคำบอกเล่าของ นางเพ็ง จันทนิตย์ (ลูกสะใภ้) และนางหอม แสงพระธาตุ (น้องสาวของนางเพ็ง) ได้ความว่า ลูกหลานได้นำคุณยายตุ้มไปรอบรับเสด็จตั้งแต่เช้าโดยนางหอมฯ เป็นผู้จัด "ดอกบัวสีชมพู" ให้แก่คุณยายจำนวน 3 ดอก เพื่อนำขึ้นจบบูชาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพาออกไปรอเฝ้ารับเสด็จที่แถวหน้าสุดเพื่อให้ได้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เป็นที่ชาวไทยคุ้นตา ประทับใจในหัวใจเป็นที่สุด

    และตามที่ท่านเจ้าคุณพระราชธีราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครพนม/เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ให้ความรู้ “ ดอกบัวในใจยังคงบานไม่มีโรยรา ” บนเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินทางสามแยกชยางกูร- เรณูนคร ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนมเมื่อบ่ายวันที่ 13 พฤศจิกายน 2498 เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรภาคอีสานเป็นครั้งแรก คุณยายไปรอรับเสด็จพร้อมดอกบัวสายสีชมพู จำนวนสามดอก ตั้งแต่เช้าจนบ่าย แสงแดดแผดเผาจนดอกบัวสายในมือเหี่ยวโรย แต่หัวใจความจงรักภักดีของหญิงชรา ยังคงเบิกบาน

    เมื่อในหลวงเสด็จมาถึง ตรงมาที่คุณยายได้ยกดอกบัวสายโรยราสามดอกนั้นขึ้นจนเหนือศีรษะ แสดงความจงรักภักดีอย่างสุดซึ้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงโน้มพระองค์ลงมาจนพระพักตร์ เกือบชิดกับศีรษะของคุณยาย ทรงแย้มพระสรวลอย่างอ่อนโยน พระหัตถ์แตะมือกร้านคล้ำของเกษตรกรชาวภาคอีสานอย่างนุ่มนวล ไม่มีใครรู้ว่าทรงกระซิบคำใดกับคุณยาย แต่แน่นอนว่า คุณยายไม่มีวันลืมเช่นเดียวกับที่ในหลวงไม่ทรงลืมราษฎรคนสำคัญที่ทรงพบริมถนนวันนั้น

    หลังจากที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯ แล้วทางสำนักพระราชวัง ได้ส่งภาพรับเสด็จของคุณยายตุ้ม พร้อมพระบรมรูปหล่อด้วยปูนพาสเตอร์ ผ่านมาทางอำเภอธาตุพนม ให้คุณยายตุ้มไว้เป็นที่ระลึกพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้ อาจมีส่วนชุบชูชีวิตให้คุณยายอายุยืนยาวขึ้นอีกด้วย ความสุขต่อมาอีก 3 ปี เต็ม ๆ โดยคุณยายตุ้ม จันทนิตย์ ถังแก่กรรมเมื่อปี พ.ศ. 2501 หลังจากนั้นลูกหลานได้สร้างธาตุเจดีย์บรรจุอัฐิคุณยายตุ้ม จันทนิตย์ ไว้ ณ หน้าบ้านเลขที่ 22 หมู่ที่ 11 ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ในบริเวณพื้นที่ 2 งาน โดยยกผืนดินดังกล่าวให้เป็นที่สาธารณประโยชน์ สมบัติของแผ่นดิน ภาพที่คุณยายตุ้ม จันทนิตย์ ทูลเกล้าฯถวายดอกบัวสามดอก ถ่ายโดยหัวหน้าช่างภาพส่วนพระองค์ อาณัติ บุนนาค ได้บันทึกภาพวินาทีสำคัญที่ถูกเรียกว่า "ภาพดอกไม้แห่งหัวใจ" ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ภาพหนึ่งของประเทศไทย และเป็นภาพที่ใช้แทนคำพูดได้มากกว่าหนึ่งล้านคำ

    ขอบคุณข้อมูลจาก www.nakhonphanom.go.th

    https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1204518543071397&id=929668850556369
    📽 #วันนี้ในอดีต.... 13 พฤศจิกายน 2498 📽 กำเนิด "ภาพดอกไม้แห่งหัวใจ" คุณยายตุ้ม จันทนิตย์ (ภาพสแกนจากต้นฉบับภาพถ่ายขนาด 10x12 นิ้ว) หญิงชราวัย 102 ปี (เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2396) บ้านธาตุน้อย ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม ห่างจากจุดที่ทางราชการกำหนดให้เป็นจุดรับเสด็จ ประมาณ 700 เมตร ก็ไม่ต่างจากครอบครัวอื่นๆ ที่ลูกหลานได้นำ "คุณยายตุ้ม จันทนิตย์" ไปรอรับเสด็จด้วย โดยตามคำบอกเล่าของ นางเพ็ง จันทนิตย์ (ลูกสะใภ้) และนางหอม แสงพระธาตุ (น้องสาวของนางเพ็ง) ได้ความว่า ลูกหลานได้นำคุณยายตุ้มไปรอบรับเสด็จตั้งแต่เช้าโดยนางหอมฯ เป็นผู้จัด "ดอกบัวสีชมพู" ให้แก่คุณยายจำนวน 3 ดอก เพื่อนำขึ้นจบบูชาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และพาออกไปรอเฝ้ารับเสด็จที่แถวหน้าสุดเพื่อให้ได้ใกล้ชิดเบื้องพระยุคลบาทมากที่สุดเท่าที่จะมากได้ เป็นที่ชาวไทยคุ้นตา ประทับใจในหัวใจเป็นที่สุด และตามที่ท่านเจ้าคุณพระราชธีราจารย์ เจ้าคณะจังหวัดนครพนม/เจ้าอาวาสวัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ให้ความรู้ “ ดอกบัวในใจยังคงบานไม่มีโรยรา ” บนเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินทางสามแยกชยางกูร- เรณูนคร ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนมเมื่อบ่ายวันที่ 13 พฤศจิกายน 2498 เนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรภาคอีสานเป็นครั้งแรก คุณยายไปรอรับเสด็จพร้อมดอกบัวสายสีชมพู จำนวนสามดอก ตั้งแต่เช้าจนบ่าย แสงแดดแผดเผาจนดอกบัวสายในมือเหี่ยวโรย แต่หัวใจความจงรักภักดีของหญิงชรา ยังคงเบิกบาน เมื่อในหลวงเสด็จมาถึง ตรงมาที่คุณยายได้ยกดอกบัวสายโรยราสามดอกนั้นขึ้นจนเหนือศีรษะ แสดงความจงรักภักดีอย่างสุดซึ้ง พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช ทรงโน้มพระองค์ลงมาจนพระพักตร์ เกือบชิดกับศีรษะของคุณยาย ทรงแย้มพระสรวลอย่างอ่อนโยน พระหัตถ์แตะมือกร้านคล้ำของเกษตรกรชาวภาคอีสานอย่างนุ่มนวล ไม่มีใครรู้ว่าทรงกระซิบคำใดกับคุณยาย แต่แน่นอนว่า คุณยายไม่มีวันลืมเช่นเดียวกับที่ในหลวงไม่ทรงลืมราษฎรคนสำคัญที่ทรงพบริมถนนวันนั้น หลังจากที่พระองค์เสด็จพระราชดำเนินกลับกรุงเทพฯ แล้วทางสำนักพระราชวัง ได้ส่งภาพรับเสด็จของคุณยายตุ้ม พร้อมพระบรมรูปหล่อด้วยปูนพาสเตอร์ ผ่านมาทางอำเภอธาตุพนม ให้คุณยายตุ้มไว้เป็นที่ระลึกพระมหากรุณาธิคุณอันหาที่สุดมิได้นี้ อาจมีส่วนชุบชูชีวิตให้คุณยายอายุยืนยาวขึ้นอีกด้วย ความสุขต่อมาอีก 3 ปี เต็ม ๆ โดยคุณยายตุ้ม จันทนิตย์ ถังแก่กรรมเมื่อปี พ.ศ. 2501 หลังจากนั้นลูกหลานได้สร้างธาตุเจดีย์บรรจุอัฐิคุณยายตุ้ม จันทนิตย์ ไว้ ณ หน้าบ้านเลขที่ 22 หมู่ที่ 11 ตำบลพระกลางทุ่ง อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม ในบริเวณพื้นที่ 2 งาน โดยยกผืนดินดังกล่าวให้เป็นที่สาธารณประโยชน์ สมบัติของแผ่นดิน ภาพที่คุณยายตุ้ม จันทนิตย์ ทูลเกล้าฯถวายดอกบัวสามดอก ถ่ายโดยหัวหน้าช่างภาพส่วนพระองค์ อาณัติ บุนนาค ได้บันทึกภาพวินาทีสำคัญที่ถูกเรียกว่า "ภาพดอกไม้แห่งหัวใจ" ซึ่งต่อมาได้กลายเป็นภาพประวัติศาสตร์ภาพหนึ่งของประเทศไทย และเป็นภาพที่ใช้แทนคำพูดได้มากกว่าหนึ่งล้านคำ ขอบคุณข้อมูลจาก www.nakhonphanom.go.th https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=1204518543071397&id=929668850556369
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 728 มุมมอง 0 รีวิว