• ทีมบริหารชุดใหญ่! เพื่อไทยแต่งตั้งรองหัวหน้าพรรค 13 คน จัดสรร สส. คุมพื้นที่ กทม. ภาคกลาง ภาคใต้ และอีสาน
    https://www.thai-tai.tv/news/22137/
    .
    #ไทยไท #จุลพันธ์อมรวิวัฒน์ #พรรคเพื่อไทย #กรรมการบริหารพรรค #ประเสริฐจันทรรวงทอง #กกบหชุดใหม่

    ทีมบริหารชุดใหญ่! เพื่อไทยแต่งตั้งรองหัวหน้าพรรค 13 คน จัดสรร สส. คุมพื้นที่ กทม. ภาคกลาง ภาคใต้ และอีสาน https://www.thai-tai.tv/news/22137/ . #ไทยไท #จุลพันธ์อมรวิวัฒน์ #พรรคเพื่อไทย #กรรมการบริหารพรรค #ประเสริฐจันทรรวงทอง #กกบหชุดใหม่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 26 มุมมอง 0 รีวิว
  • "โจรปราบโจร" วาทะเดือด "รังสิมันต์" อัด "ธรรมนัส" ปม ช. กรรมการบริหารพรรค มั่นใจ "ธรรมนัส-ชาดา" รู้ดีว่า "ชนนพัฒฐ์" คือใคร
    https://www.thai-tai.tv/news/22113/
    .
    #ไทยไท #รังสิมันต์โรม #ธรรมนัส #ชนนพัฒฐ์ #เว็บพนัน #สแกมเมอร์ #โจรจะอุ้มโจร
    "โจรปราบโจร" วาทะเดือด "รังสิมันต์" อัด "ธรรมนัส" ปม ช. กรรมการบริหารพรรค มั่นใจ "ธรรมนัส-ชาดา" รู้ดีว่า "ชนนพัฒฐ์" คือใคร https://www.thai-tai.tv/news/22113/ . #ไทยไท #รังสิมันต์โรม #ธรรมนัส #ชนนพัฒฐ์ #เว็บพนัน #สแกมเมอร์ #โจรจะอุ้มโจร
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 48 มุมมอง 0 รีวิว
  • “อภิสิทธิ์“ เผย ส.ส.บางส่วนแจ้งเตรียมไม่ร่วมทีมต่อ ยันเป็นสุภาพบุรุษพอ เข้าใจดี ไม่ถือเป็นอุปสรรคมั่นใจเดินหน้าฟื้นพรรค พร้อมสรรหาผู้สมัครลงสนามแข่งกับเวลาชูนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจโตยั่งยืน ยกเครื่องเกษตรลดเหลื่อมล้ำ สู่เศรษฐกิจสีเขียวและดิจิทัล ลั่นจะทำให้การเมืองกลับมาแก้ปัญหาประชาชนจริง ไม่ใช่เวทีต่อรองผลประโยชน์

    เมื่อวันที่ 20 ต.ค. เวลา 10.40 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดใหม่ ว่า วันนี้เป็นการประชุมครั้งแรกของคณะกรรมการบริหารพรรคฯ ที่ได้รับเลือกเมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้เราต้องรอการรับรองของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อนทํางานอย่างเป็นทางการ แต่ได้มีการปรึกษาหารือกันแล้ว ว่าเรามีเวลามันน้อยมาก สําหรับเรื่องหลักที่ได้พูดคุยกันในวันนี้ คือ 1.นโยบาย เพราะสิ่งสําคัญที่สุดในการทํางานของคณะกรรมการบริหารพรรคชุดนี้ คือ 1.ต้องสร้างความหวังให้ประชาชนให้ได้ หัวใจหลักของนโยบายของพรรคนั้น เรายืนยันว่ามีสิ่งดีๆ และความคิดดีๆ มากมาย แต่วันนี้ประเทศไทยจะยังทําไม่ได้ ถ้าเศรษฐกิจไม่โต เพราะเศรษฐกิจไทยติดหล่มมานานแล้ว เพราะฉะนั้น แนวคิดที่เราจะผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตซึ่งจะเกี่ยวพันไปถึงการยกเครื่องภาคการเกษตร การทําให้เศรษฐกิจไทยไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว และเศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงลดความเหลื่อมล้ํา ลดการผูกขาด จะเป็นเรื่องที่เราต้องเร่งผลักดัน โดยได้มีการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิที่จะมาให้ความคิดเห็นกับเรา ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ ซึ่งเรามีการตั้งโจทย์ให้กับผู้ทรงคุณวุฒิเหล่านี้ว่าประเทศไทยต้องการอะไรจากการเมือง ซึ่งกระบวนการดังกล่าว นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค นี้จะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนโยบายของพรรค

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000100055

    #MGROnline #พรรคประชาธิปัตย์
    “อภิสิทธิ์“ เผย ส.ส.บางส่วนแจ้งเตรียมไม่ร่วมทีมต่อ ยันเป็นสุภาพบุรุษพอ เข้าใจดี ไม่ถือเป็นอุปสรรคมั่นใจเดินหน้าฟื้นพรรค พร้อมสรรหาผู้สมัครลงสนามแข่งกับเวลาชูนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจโตยั่งยืน ยกเครื่องเกษตรลดเหลื่อมล้ำ สู่เศรษฐกิจสีเขียวและดิจิทัล ลั่นจะทำให้การเมืองกลับมาแก้ปัญหาประชาชนจริง ไม่ใช่เวทีต่อรองผลประโยชน์ • เมื่อวันที่ 20 ต.ค. เวลา 10.40 น. ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ ภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ชุดใหม่ ว่า วันนี้เป็นการประชุมครั้งแรกของคณะกรรมการบริหารพรรคฯ ที่ได้รับเลือกเมื่อวันที่ 18 ต.ค.ที่ผ่านมา ทั้งนี้เราต้องรอการรับรองของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อนทํางานอย่างเป็นทางการ แต่ได้มีการปรึกษาหารือกันแล้ว ว่าเรามีเวลามันน้อยมาก สําหรับเรื่องหลักที่ได้พูดคุยกันในวันนี้ คือ 1.นโยบาย เพราะสิ่งสําคัญที่สุดในการทํางานของคณะกรรมการบริหารพรรคชุดนี้ คือ 1.ต้องสร้างความหวังให้ประชาชนให้ได้ หัวใจหลักของนโยบายของพรรคนั้น เรายืนยันว่ามีสิ่งดีๆ และความคิดดีๆ มากมาย แต่วันนี้ประเทศไทยจะยังทําไม่ได้ ถ้าเศรษฐกิจไม่โต เพราะเศรษฐกิจไทยติดหล่มมานานแล้ว เพราะฉะนั้น แนวคิดที่เราจะผลักดันให้เศรษฐกิจเติบโตซึ่งจะเกี่ยวพันไปถึงการยกเครื่องภาคการเกษตร การทําให้เศรษฐกิจไทยไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว และเศรษฐกิจดิจิทัล รวมถึงลดความเหลื่อมล้ํา ลดการผูกขาด จะเป็นเรื่องที่เราต้องเร่งผลักดัน โดยได้มีการเชิญผู้ทรงคุณวุฒิที่จะมาให้ความคิดเห็นกับเรา ในวันที่ 28 ต.ค.นี้ ซึ่งเรามีการตั้งโจทย์ให้กับผู้ทรงคุณวุฒิเหล่านี้ว่าประเทศไทยต้องการอะไรจากการเมือง ซึ่งกระบวนการดังกล่าว นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรค นี้จะเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนโยบายของพรรค • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000100055 • #MGROnline #พรรคประชาธิปัตย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 197 มุมมอง 0 รีวิว
  • 'พีระพันธุ์' ลั่นไม่ร่วมรัฐบาลเบี้ยล่างพรรคส้ม พร้อมนำทัพ รทสช. สู้ศึกเลือกตั้ง

    //////////////////


    รวมไทยสร้างชาติไปต่อ! "พีระพันธุ์" พร้อมเดินหน้านำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง ย้ำทำเต็มที่ เชื่อมั่นพรรคสามารถผ่านทุกอุปสรรคไปได้ เชิญชวนชาวไทยหัวใจรักชาติร่วมทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน

    18 กันยายน 2568 - เวลา 19.00 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงทิศทางการทำงานของพรรคท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองว่า ในลำดับแรกตนขอยืนยันว่าพร้อมเดินหน้าในการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเป็นแม่ทัพของพรรครวมไทยสร้างชาติในการทำงานทางการเมืองต่อไป

    สำหรับกระแสข่าวเลือดไหลออกจากพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ในวันนี้ยังไม่มีเลือดไหลออกจากพรรค เพราะทุกคนยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ และยังมีผู้สนใจมาสมัครสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน
    นายพีระพันธุ์ยังได้เปิดเผยถึงจุดยืนของตนเกี่ยวกับการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาว่า หลังจากที่มีการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ การเมืองของไทยก็มีพัฒนาการทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ประเด็นสำคัญก็คือ มีการพยายามนำพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติได้ประกาศตั้งแต่ต้นว่าพรรครวมไทยสร้างชาติไม่สามารถร่วมมือด้วยได้ เนื่องจากมีอุดมการณ์ทางการเมืองและแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก และมีการใช้วิธีการให้พรรคการเมืองนั้นมาลงมติสนับสนุนผู้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ได้เป็นการร่วมรัฐบาล แต่เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน ซึ่งสำหรับตนเห็นว่าแนวทางเช่นนี้ไม่ถูกต้องทางการเมือง เพราะจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างทางการเมืองของพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล
    นอกจากนี้ตนยังเห็นว่า วิธีการดังกล่าวอาจเป็นการผิดกฎหมายพรรคการเมืองในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ซึ่งจาก 2 เหตุผลข้างต้น ทำให้ตนมีความเห็นว่าไม่สามารถลงคะแนนเสียงสนับสนุนท่านอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีได้ในขณะนั้น ทั้งที่โดยส่วนตัวตนเคารพและรักท่านอนุทินมาก และคิดว่าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ แต่วิธีการในการจัดตั้งรัฐบาลในรูปแบบนี้ ไม่ใช่วิธีทางที่ถูกต้อง

    ต่อมาทางพรรคเพื่อไทยก็ได้มีการติดต่อในการเพิ่มเสียงสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ด้วยแนวทางแลกเปลี่ยนผลประโยชน์แต่ไม่ร่วมรัฐบาลนั้น ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ ดังนั้นตนจึงมีความเห็นว่าถ้าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลด้วยการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ก็ไม่สามารถสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เลย

    “สำหรับผมคิดว่า นี่เป็นวิธีการทางการเมืองที่ไม่ถูกต้อง และจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างของพรรคการเมืองอื่นซึ่งไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งในทางการเมืองเป็นสิ่งที่เกิดไม่น่าจะเกิดขึ้น และผมรับไม่ได้ ” นายพีระพันธุ์กล่าว

    อย่างไรก็ดี ในส่วนการบริหารจัดการพรรคจะต้องมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเบื้องต้นนายพีระพันธุ์ได้มีการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของพรรคว่า หากแนวทางเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องทางการเมืองเช่นนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติก็ไม่สามารถร่วมรัฐบาลได้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม โดยก่อนการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ สส. พรรค นายพีระพันธุ์มองว่าเมื่อการเมืองเดินมาถึงสถานการณ์เช่นนี้น่าจะจบลงด้วยการยุบสภา จึงยังไม่มีมติของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเพียงการหารือแลกเปลี่ยนความเห็นกันเท่านั้น
    ต่อมาปรากฏว่าการยุบสภาไม่สามารถทำได้ ประกอบกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรคหลายคนได้สอบถามและแสดงความคิดเห็นว่า กรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติควรมีมติที่ชัดเจนเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงมีการเชิญประชุมกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างเร่งด่วน ในวันพุธก่อนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี
    นายพีระพันธุ์เปิดเผยว่า ในการประชุมกรรมการบริหารพรรคครั้งนั้น กรรมการบริหารพรรค 3 ท่าน เห็นด้วยกับแนวทางของตน มีกรรมการบริหารพรรค 1 ท่าน เห็นว่าหากท่านอนุทินยืนยันว่าจะไม่มีการแตะต้องมาตรา 112 และยืนยันว่าจะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1 และหมวด 2 ควรจะต้องสนับสนุนท่านอนุทิน ส่วนกรรมการบริหารพรรค 2 ท่านเห็นว่าควรให้เป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วหากมีมติทางใดทางหนึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในพรรคได้ จึงไม่มีการพูดถึงมติของกรรมการบริหารพรรค แต่แจ้งผลความเห็นของกรรมการบริหารพรรคว่ามีความเห็นกี่แนวทาง อย่างไรบ้าง และให้เป็นเอกสิทธิ์ดุลพินิจของ สส. โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติได้ลงมติเลือกท่านอนุทิน 33 เสียง
    ไม่ประสงค์ลงคะแนน 3 เสียง ซึ่งตนยืนยันว่าในพรรคไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น และทุกอย่างก็เดินหน้าตามกระบวนการต่อไป

    นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกระแสข่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติถูกซื้อ ตนขอยืนยันในส่วนของตนว่าตนไม่มีทางโดนซื้อเด็ดขาด ส่วนกรณีที่มีการโจมตีว่าตนหวังตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่มีการหารือในการเสนอชื่อของตนในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะหากคิดในทางการเมืองแล้วเมื่อพรรคมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่แล้วแต่ไปดึงแคนดิเดตทางการเมืองจากพรรคอื่นมาแทน แบบนี้ในทางการเมืองจะเสียหายเป็นอย่างมาก ตนจึงยืนยันได้ว่าเรื่องที่ว่ามานี้ไม่เป็นความจริง และสำหรับตนถ้าจะได้รับเลือกนายกรัฐมนตรีจะต้องมีศักดิ์ศรี ซึ่งแนวทางนี้ไม่ใช่แนวทางที่มีศักดิ์ศรี
    “พรรคการเมืองก็เหมือนกับชีวิตมนุษย์ ทุกคนเกิดมาก็ต้องมีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้น ไม่มีใครที่ชีวิตราบรื่นมีแต่ความสำเร็จมีแต่ความสุข เพียงแต่ว่าแต่ละคนเมื่อเจอปัญหาแล้วท้อไหม พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่เป็นพรรคแรกที่เพิ่งเกิดและเจอปัญหา แต่พรรครวมไทยสร้างชาติจะผ่านปัญหาทุกอย่างไปได้ ส่วนตัวผมไม่เคยท้อ เพราะว่าความจริงในชีวิตก็เจอปัญหามาเยอะอยู่แล้ว นี่ก็เป็นอีกแค่เสี้ยวหนึ่งของชีวิต แนวทางการทำงานของผมคือทำทุกอย่างให้ดีที่สุดทำให้เต็มที่ที่เราทำได้ ทำไม่สำเร็จก็ต้องยอมรับว่ามันทำไม่สำเร็จ แต่ว่าทำให้ดีที่สุด ทำให้มากที่สุด ทำให้เต็มที่ ได้เท่านี้ ก็เท่านี้ ผมจะไม่ติดยึดกับคำพูดคนอื่น
    เพราะว่าคนอื่นไม่รู้ดีเท่าตัวเรา ผมติดยึดกับตัวเราเองว่าเราทำดีหรือยัง เราทำถูกต้องไหม เราไม่มีทางทำให้คนทุกคนถูกใจ ไม่มีวันทำให้ทุกคนพอใจ แต่เราทำในสิ่งที่ต้องทำหรือเปล่า ทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองกับส่วนรวมหรือเปล่า ผมคิดว่าแนวทางการทำงานของผมแบบนี้ที่ทำให้ผมเดินหน้ามาจนถึงวันนี้ได้” นายพีระพันธุ์กล่าว
    นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปในเรื่องของการแก้ไขเรื่องของพลังงานว่า เรื่องการจัดการกับปัญหาพลังงานของตนนั้นสะท้อนถึงแนวทางการทำงานของตนเป็นอย่างดี ยกตัวอย่าง เช่น ค่าไฟที่เมื่อตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ค่าไฟอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย แต่ในวันนี้ค่าไฟเหลือเพียง 3.94 บาทต่อหน่วยเท่านั้น และไม่มีการปรับขึ้นค่าไฟ และค่าแก๊สแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากวิธีการทำงานของตน คือทำให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ สุดท้ายแล้วได้เท่าไร ได้เท่านั้น และหากเดินหน้าต่อไปจนครบวาระ ตนยืนยันว่าราคาน้ำมันจะ
    สามารถควบคุมได้ และประเทศไทยจะมีคลังน้ำมันสำรองของประเทศ ที่เป็นของรัฐเพื่อความมั่นคงไม่ใช่ของเอกชน

    สำหรับความคืบหน้าของกฎหมายต่าง ๆ นั้น กฎหมายฉบับแรกคือกฎหมายส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์เซลล์นั้น ตนหวังว่ารัฐบาลชุดต่อไปจะเดินหน้าต่อ ในส่วนของกฎหมายควบคุมราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และกฎหมายคลังน้ำมันนั้น กฎหมายฉบับแรกคือการควบคุมราคาน้ำมันเสร็จเรียบร้อย และกฎหมายคลังน้ำมันนั้นใกล้แล้วเสร็จ ซึ่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้จะต้องเสนอคู่กัน เพื่อปรับโครงสร้างราคาน้ำมันได้ทั้งกระบวนการ โดยนายพีระพันธุ์ยืนยันว่าจะต้องมีการเดินหน้ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ต่อโดยผ่านกลไกของสภาผู้แทนราษฎร แต่ด้วยเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่จะต้องยุบสภาใน 4 เดือนนี้ คาดว่าไม่น่าจะสำเร็จได้ด้วยสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้
    นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งหลังการยุบสภาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 4 เดือนนี้ว่า เมื่อเป็นพรรคการเมืองจะต้องมีความพร้อมในการลงรับเลือกตั้งตลอดเวลาอยู่แล้ว เมื่อมีความชัดเจนเช่นนี้เกิดขึ้น จะต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ทุกด้าน โดยเฉพาะผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยทางพรรคพร้อมที่จะหาตัวแทนที่พร้อมจะเดินหน้า สู้ให้ทุกปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเรื่องของพลังงาน และเรื่องของความไม่เป็นธรรมในสังคม ซึ่งในระยะเวลาของการทำงานที่ผ่านมาตนเชื่อว่า ทางพรรครวมไทยสร้างชาติได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราพูดแล้วเราทำ และเราเดินหน้าทำงานตลอดเวลา
    “ทุกคนที่สนใจร่วมอุดมการณ์และเดินหน้าทำงานตามแนวทางของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือพรรคที่มาทำงานการเมืองเพื่อประโยชน์ของชาติ ไม่ได้มาเพื่อเล่นการเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพื่อยศถาบรรดาศักดิ์ เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติคือพรรคของคนทำงาน หากใครมีแนวทางเดียวกันขอเชิญชวนให้มาร่วมทำงานด้วยกันครับ” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กล่าวในตอนท้าย
    อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการตั้งคำถามถึงข้อเท็จจริงกรณีปัญหาความขัดแย้งกับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ที่ได้ลาออกจากเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งนายพีระพันธุ์ไม่ได้ชี้แจงหรือพูดถึงในประเด็นดังกล่าว
    'พีระพันธุ์' ลั่นไม่ร่วมรัฐบาลเบี้ยล่างพรรคส้ม พร้อมนำทัพ รทสช. สู้ศึกเลือกตั้ง ////////////////// รวมไทยสร้างชาติไปต่อ! "พีระพันธุ์" พร้อมเดินหน้านำทัพสู้ศึกเลือกตั้ง ย้ำทำเต็มที่ เชื่อมั่นพรรคสามารถผ่านทุกอุปสรรคไปได้ เชิญชวนชาวไทยหัวใจรักชาติร่วมทำงานเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน 18 กันยายน 2568 - เวลา 19.00 น. นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดเผยถึงทิศทางการทำงานของพรรคท่ามกลางกระแสการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองว่า ในลำดับแรกตนขอยืนยันว่าพร้อมเดินหน้าในการดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรค เพื่อเป็นแม่ทัพของพรรครวมไทยสร้างชาติในการทำงานทางการเมืองต่อไป สำหรับกระแสข่าวเลือดไหลออกจากพรรครวมไทยสร้างชาตินั้น ในวันนี้ยังไม่มีเลือดไหลออกจากพรรค เพราะทุกคนยังเป็นสมาชิกพรรคอยู่ และยังมีผู้สนใจมาสมัครสมาชิกพรรคเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุกวัน นายพีระพันธุ์ยังได้เปิดเผยถึงจุดยืนของตนเกี่ยวกับการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีที่ผ่านมาว่า หลังจากที่มีการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญ การเมืองของไทยก็มีพัฒนาการทางการเมืองอย่างต่อเนื่อง ประเด็นสำคัญก็คือ มีการพยายามนำพรรคการเมืองบางพรรค ซึ่งพรรครวมไทยสร้างชาติได้ประกาศตั้งแต่ต้นว่าพรรครวมไทยสร้างชาติไม่สามารถร่วมมือด้วยได้ เนื่องจากมีอุดมการณ์ทางการเมืองและแนวคิดทางการเมืองที่แตกต่างกันเป็นอย่างมาก และมีการใช้วิธีการให้พรรคการเมืองนั้นมาลงมติสนับสนุนผู้รับเลือกเป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่ได้เป็นการร่วมรัฐบาล แต่เป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ระหว่างกัน ซึ่งสำหรับตนเห็นว่าแนวทางเช่นนี้ไม่ถูกต้องทางการเมือง เพราะจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างทางการเมืองของพรรคการเมืองอื่นที่ไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล นอกจากนี้ตนยังเห็นว่า วิธีการดังกล่าวอาจเป็นการผิดกฎหมายพรรคการเมืองในการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ซึ่งจาก 2 เหตุผลข้างต้น ทำให้ตนมีความเห็นว่าไม่สามารถลงคะแนนเสียงสนับสนุนท่านอนุทินเป็นนายกรัฐมนตรีได้ในขณะนั้น ทั้งที่โดยส่วนตัวตนเคารพและรักท่านอนุทินมาก และคิดว่าเป็นคนที่มีความรู้ความสามารถ แต่วิธีการในการจัดตั้งรัฐบาลในรูปแบบนี้ ไม่ใช่วิธีทางที่ถูกต้อง ต่อมาทางพรรคเพื่อไทยก็ได้มีการติดต่อในการเพิ่มเสียงสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ด้วยแนวทางแลกเปลี่ยนผลประโยชน์แต่ไม่ร่วมรัฐบาลนั้น ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เห็นด้วยกับแนวทางนี้ ดังนั้นตนจึงมีความเห็นว่าถ้าจะมีการจัดตั้งรัฐบาลด้วยการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ ก็ไม่สามารถสนับสนุนฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดได้เลย “สำหรับผมคิดว่า นี่เป็นวิธีการทางการเมืองที่ไม่ถูกต้อง และจะทำให้รัฐบาลกลายเป็นเบี้ยล่างของพรรคการเมืองอื่นซึ่งไม่ได้เป็นพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งในทางการเมืองเป็นสิ่งที่เกิดไม่น่าจะเกิดขึ้น และผมรับไม่ได้ ” นายพีระพันธุ์กล่าว อย่างไรก็ดี ในส่วนการบริหารจัดการพรรคจะต้องมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค ซึ่งเบื้องต้นนายพีระพันธุ์ได้มีการหารือกับผู้บริหารระดับสูงของพรรคว่า หากแนวทางเป็นการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ด้วยวิธีการที่ไม่ถูกต้องทางการเมืองเช่นนี้ พรรครวมไทยสร้างชาติก็ไม่สามารถร่วมรัฐบาลได้ ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายใดก็ตาม โดยก่อนการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ สส. พรรค นายพีระพันธุ์มองว่าเมื่อการเมืองเดินมาถึงสถานการณ์เช่นนี้น่าจะจบลงด้วยการยุบสภา จึงยังไม่มีมติของพรรครวมไทยสร้างชาติ เป็นเพียงการหารือแลกเปลี่ยนความเห็นกันเท่านั้น ต่อมาปรากฏว่าการยุบสภาไม่สามารถทำได้ ประกอบกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรคหลายคนได้สอบถามและแสดงความคิดเห็นว่า กรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติควรมีมติที่ชัดเจนเพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินการของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรครวมไทยสร้างชาติ จึงมีการเชิญประชุมกรรมการบริหารพรรครวมไทยสร้างชาติอย่างเร่งด่วน ในวันพุธก่อนการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี นายพีระพันธุ์เปิดเผยว่า ในการประชุมกรรมการบริหารพรรคครั้งนั้น กรรมการบริหารพรรค 3 ท่าน เห็นด้วยกับแนวทางของตน มีกรรมการบริหารพรรค 1 ท่าน เห็นว่าหากท่านอนุทินยืนยันว่าจะไม่มีการแตะต้องมาตรา 112 และยืนยันว่าจะไม่มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1 และหมวด 2 ควรจะต้องสนับสนุนท่านอนุทิน ส่วนกรรมการบริหารพรรค 2 ท่านเห็นว่าควรให้เป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้วหากมีมติทางใดทางหนึ่งจะทำให้เกิดปัญหาในพรรคได้ จึงไม่มีการพูดถึงมติของกรรมการบริหารพรรค แต่แจ้งผลความเห็นของกรรมการบริหารพรรคว่ามีความเห็นกี่แนวทาง อย่างไรบ้าง และให้เป็นเอกสิทธิ์ดุลพินิจของ สส. โดยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในส่วนของพรรครวมไทยสร้างชาติได้ลงมติเลือกท่านอนุทิน 33 เสียง ไม่ประสงค์ลงคะแนน 3 เสียง ซึ่งตนยืนยันว่าในพรรคไม่มีปัญหาอะไรเกิดขึ้น และทุกอย่างก็เดินหน้าตามกระบวนการต่อไป นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับกระแสข่าวว่าพรรครวมไทยสร้างชาติถูกซื้อ ตนขอยืนยันในส่วนของตนว่าตนไม่มีทางโดนซื้อเด็ดขาด ส่วนกรณีที่มีการโจมตีว่าตนหวังตำแหน่งนายกรัฐมนตรีนั้น ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่มีการหารือในการเสนอชื่อของตนในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เพราะหากคิดในทางการเมืองแล้วเมื่อพรรคมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอยู่แล้วแต่ไปดึงแคนดิเดตทางการเมืองจากพรรคอื่นมาแทน แบบนี้ในทางการเมืองจะเสียหายเป็นอย่างมาก ตนจึงยืนยันได้ว่าเรื่องที่ว่ามานี้ไม่เป็นความจริง และสำหรับตนถ้าจะได้รับเลือกนายกรัฐมนตรีจะต้องมีศักดิ์ศรี ซึ่งแนวทางนี้ไม่ใช่แนวทางที่มีศักดิ์ศรี “พรรคการเมืองก็เหมือนกับชีวิตมนุษย์ ทุกคนเกิดมาก็ต้องมีปัญหาอุปสรรคเกิดขึ้น ไม่มีใครที่ชีวิตราบรื่นมีแต่ความสำเร็จมีแต่ความสุข เพียงแต่ว่าแต่ละคนเมื่อเจอปัญหาแล้วท้อไหม พรรครวมไทยสร้างชาติไม่ใช่เป็นพรรคแรกที่เพิ่งเกิดและเจอปัญหา แต่พรรครวมไทยสร้างชาติจะผ่านปัญหาทุกอย่างไปได้ ส่วนตัวผมไม่เคยท้อ เพราะว่าความจริงในชีวิตก็เจอปัญหามาเยอะอยู่แล้ว นี่ก็เป็นอีกแค่เสี้ยวหนึ่งของชีวิต แนวทางการทำงานของผมคือทำทุกอย่างให้ดีที่สุดทำให้เต็มที่ที่เราทำได้ ทำไม่สำเร็จก็ต้องยอมรับว่ามันทำไม่สำเร็จ แต่ว่าทำให้ดีที่สุด ทำให้มากที่สุด ทำให้เต็มที่ ได้เท่านี้ ก็เท่านี้ ผมจะไม่ติดยึดกับคำพูดคนอื่น เพราะว่าคนอื่นไม่รู้ดีเท่าตัวเรา ผมติดยึดกับตัวเราเองว่าเราทำดีหรือยัง เราทำถูกต้องไหม เราไม่มีทางทำให้คนทุกคนถูกใจ ไม่มีวันทำให้ทุกคนพอใจ แต่เราทำในสิ่งที่ต้องทำหรือเปล่า ทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับบ้านเมืองกับส่วนรวมหรือเปล่า ผมคิดว่าแนวทางการทำงานของผมแบบนี้ที่ทำให้ผมเดินหน้ามาจนถึงวันนี้ได้” นายพีระพันธุ์กล่าว นายพีระพันธุ์ กล่าวต่อไปในเรื่องของการแก้ไขเรื่องของพลังงานว่า เรื่องการจัดการกับปัญหาพลังงานของตนนั้นสะท้อนถึงแนวทางการทำงานของตนเป็นอย่างดี ยกตัวอย่าง เช่น ค่าไฟที่เมื่อตนเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ค่าไฟอยู่ที่ 4.70 บาทต่อหน่วย แต่ในวันนี้ค่าไฟเหลือเพียง 3.94 บาทต่อหน่วยเท่านั้น และไม่มีการปรับขึ้นค่าไฟ และค่าแก๊สแม้แต่ครั้งเดียว สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นจากวิธีการทำงานของตน คือทำให้ดีที่สุด ทำให้เต็มที่ สุดท้ายแล้วได้เท่าไร ได้เท่านั้น และหากเดินหน้าต่อไปจนครบวาระ ตนยืนยันว่าราคาน้ำมันจะ สามารถควบคุมได้ และประเทศไทยจะมีคลังน้ำมันสำรองของประเทศ ที่เป็นของรัฐเพื่อความมั่นคงไม่ใช่ของเอกชน สำหรับความคืบหน้าของกฎหมายต่าง ๆ นั้น กฎหมายฉบับแรกคือกฎหมายส่งเสริมการติดตั้งโซลาร์เซลล์นั้น ตนหวังว่ารัฐบาลชุดต่อไปจะเดินหน้าต่อ ในส่วนของกฎหมายควบคุมราคาน้ำมันเชื้อเพลิง และกฎหมายคลังน้ำมันนั้น กฎหมายฉบับแรกคือการควบคุมราคาน้ำมันเสร็จเรียบร้อย และกฎหมายคลังน้ำมันนั้นใกล้แล้วเสร็จ ซึ่งกฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้จะต้องเสนอคู่กัน เพื่อปรับโครงสร้างราคาน้ำมันได้ทั้งกระบวนการ โดยนายพีระพันธุ์ยืนยันว่าจะต้องมีการเดินหน้ากฎหมายทั้ง 2 ฉบับนี้ต่อโดยผ่านกลไกของสภาผู้แทนราษฎร แต่ด้วยเงื่อนไขการแลกเปลี่ยนผลประโยชน์ที่จะต้องยุบสภาใน 4 เดือนนี้ คาดว่าไม่น่าจะสำเร็จได้ด้วยสภาผู้แทนราษฎรชุดนี้ นายพีระพันธุ์ ยังกล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งหลังการยุบสภาที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วง 4 เดือนนี้ว่า เมื่อเป็นพรรคการเมืองจะต้องมีความพร้อมในการลงรับเลือกตั้งตลอดเวลาอยู่แล้ว เมื่อมีความชัดเจนเช่นนี้เกิดขึ้น จะต้องมีการเตรียมความพร้อมอย่างเต็มที่ทุกด้าน โดยเฉพาะผู้สมัครลงรับเลือกตั้งในนามพรรครวมไทยสร้างชาติ โดยทางพรรคพร้อมที่จะหาตัวแทนที่พร้อมจะเดินหน้า สู้ให้ทุกปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนโดยเฉพาะเรื่องของพลังงาน และเรื่องของความไม่เป็นธรรมในสังคม ซึ่งในระยะเวลาของการทำงานที่ผ่านมาตนเชื่อว่า ทางพรรครวมไทยสร้างชาติได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า เราพูดแล้วเราทำ และเราเดินหน้าทำงานตลอดเวลา “ทุกคนที่สนใจร่วมอุดมการณ์และเดินหน้าทำงานตามแนวทางของพรรครวมไทยสร้างชาติ คือพรรคที่มาทำงานการเมืองเพื่อประโยชน์ของชาติ ไม่ได้มาเพื่อเล่นการเมืองเพื่อประโยชน์ส่วนตัว เพื่อยศถาบรรดาศักดิ์ เพราะพรรครวมไทยสร้างชาติคือพรรคของคนทำงาน หากใครมีแนวทางเดียวกันขอเชิญชวนให้มาร่วมทำงานด้วยกันครับ” นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค กล่าวในตอนท้าย อย่างไรก็ตาม ไม่ได้มีการตั้งคำถามถึงข้อเท็จจริงกรณีปัญหาความขัดแย้งกับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ ที่ได้ลาออกจากเลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งนายพีระพันธุ์ไม่ได้ชี้แจงหรือพูดถึงในประเด็นดังกล่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 579 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • ..คดี44 คน รวมสส.พรรคก้าวไกล ที่ย้ายมาพรรคประชาชน เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องผิด ม.157บ้างมั้ยนะ ลงหน้างานทำงานช้าเกินไปมั้ยนะ

    ..ตลอด หลายคนมากที่ออกสื่อทั้งเชียร์ทั้งเห็นด้วยในการแก้ไข ม.112 พยามหลักฐานชัดเต็มคลิปโซเชียลต่างๆที่เรา..ประชาชนทั่วประเทศพากันนำเสนอช่วยให้อีกในแต่ละช่องกูรูต่างๆท่านที่กล้าหาญนั้น,พวกร่วมขบวนการแก้ ม.112นี้ทางรัฐฯทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการเด็ดขาดจบหรือยัง.

    อาทิคนเหล่านี้ด้วยก็ว่าที่สื่อลงชี้ชัดให้แล้ว.

    กลุ่มที่หนึ่ง บุคคลที่ยังเป็นสส.ในสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน (พฤษภาคม 2568) จำนวน 25 คน
    1. ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (หัวหน้าพรรคประชาชน ในช่วงเกิดเหตุเป็น สส. กทม.)
    2. ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ (รองหัวหน้าพรรคประชาชน)
    3. ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ (รองหัวหน้าพรรคประชาชน)
    4. วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ (รองหัวหน้าพรรคประชาชน)
    5. ณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ (นายทะเบียนสมาชิกพรรคประชาชน)
    6. วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ (รองหัวหน้าพรรคประชาชน)
    7. รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ (รองหัวหน้าพรรคประชาชน)
    8. วุฒินันท์ บุญชู สส.สมุทรปราการ
    9. ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม.
    10. เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม.
    11. นิติพล ผิวเหมาะ สส.บัญชีรายชื่อ
    12. นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม. (ในช่วงเกิดเหตุเป็น สส. บัญชีรายชื่อ)
    13. ประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.บัญชีรายชื่อ
    14. ญาณธิชา บัวเผื่อน สส.จันทบุรี
    15. วรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ
    16. คำพอง เทพาคำ สส.บัญชีรายชื่อ
    17. ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ
    18. องค์การ ชัยบุตร สส.บัญชีรายชื่อ
    19. มานพ คีรีภูวดล สส.บัญชีรายชื่อ
    20. จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา
    21. วรรณวิภา ไม้สน สส.บัญชีรายชื่อ
    22. จรัส คุ้มไข่น้ำ สส.ชลบุรี
    23. สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ
    24. ศักดินัย นุ่มหนู สส.ตราด
    25. สุรวาท ทองบุ สส.บัญชีรายชื่อ

    กลุ่มที่สอง บุคคลที่ไม่ได้เป็นสส.ในสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน (พฤษภาคม 2568) จำนวน 11 คน
    1. พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์
    2. กัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี
    3. สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา
    4. สมเกียรติ ถนอมสินธุ์
    5. ทองแดง เบ็ญจะปัก
    6. พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์
    7. ปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์
    8. พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ
    9. ณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์
    10. ทวีศักดิ์ ทักษิณ
    11. สมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล

    กลุ่มที่สาม บุคคลที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปีจากการยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งทั้งหมดเป็นคณะกรรมการบริหารพรรค จำนวน 8 คน
    1. พิธา ลิ้มเจริญรัตน์
    2. เบญจา แสงจันทร์
    3. อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล
    4. ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์
    5. สุเทพ อู่อ้น
    6. อภิชาติ ศิริสุนทร
    7. ปดิพัทธ์ สันติภาดา
    8. สมชาย ฝั่งชลจิตร


    https://www.ilaw.or.th/articles/52795
    ..คดี44 คน รวมสส.พรรคก้าวไกล ที่ย้ายมาพรรคประชาชน เจ้าหน้าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องผิด ม.157บ้างมั้ยนะ ลงหน้างานทำงานช้าเกินไปมั้ยนะ ..ตลอด หลายคนมากที่ออกสื่อทั้งเชียร์ทั้งเห็นด้วยในการแก้ไข ม.112 พยามหลักฐานชัดเต็มคลิปโซเชียลต่างๆที่เรา..ประชาชนทั่วประเทศพากันนำเสนอช่วยให้อีกในแต่ละช่องกูรูต่างๆท่านที่กล้าหาญนั้น,พวกร่วมขบวนการแก้ ม.112นี้ทางรัฐฯทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการเด็ดขาดจบหรือยัง. อาทิคนเหล่านี้ด้วยก็ว่าที่สื่อลงชี้ชัดให้แล้ว. กลุ่มที่หนึ่ง บุคคลที่ยังเป็นสส.ในสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน (พฤษภาคม 2568) จำนวน 25 คน 1. ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ (หัวหน้าพรรคประชาชน ในช่วงเกิดเหตุเป็น สส. กทม.) 2. ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ (รองหัวหน้าพรรคประชาชน) 3. ปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สส.บัญชีรายชื่อ (รองหัวหน้าพรรคประชาชน) 4. วาโย อัศวรุ่งเรือง สส.บัญชีรายชื่อ (รองหัวหน้าพรรคประชาชน) 5. ณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ (นายทะเบียนสมาชิกพรรคประชาชน) 6. วิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อ (รองหัวหน้าพรรคประชาชน) 7. รังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ (รองหัวหน้าพรรคประชาชน) 8. วุฒินันท์ บุญชู สส.สมุทรปราการ 9. ณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สส.กทม. 10. เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สส.กทม. 11. นิติพล ผิวเหมาะ สส.บัญชีรายชื่อ 12. นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม. (ในช่วงเกิดเหตุเป็น สส. บัญชีรายชื่อ) 13. ประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ สส.บัญชีรายชื่อ 14. ญาณธิชา บัวเผื่อน สส.จันทบุรี 15. วรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ 16. คำพอง เทพาคำ สส.บัญชีรายชื่อ 17. ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์ สส.บัญชีรายชื่อ 18. องค์การ ชัยบุตร สส.บัญชีรายชื่อ 19. มานพ คีรีภูวดล สส.บัญชีรายชื่อ 20. จิรัฏฐ์ ทองสุวรรณ์ สส.ฉะเชิงเทรา 21. วรรณวิภา ไม้สน สส.บัญชีรายชื่อ 22. จรัส คุ้มไข่น้ำ สส.ชลบุรี 23. สุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ 24. ศักดินัย นุ่มหนู สส.ตราด 25. สุรวาท ทองบุ สส.บัญชีรายชื่อ กลุ่มที่สอง บุคคลที่ไม่ได้เป็นสส.ในสภาผู้แทนราษฎรชุดปัจจุบัน (พฤษภาคม 2568) จำนวน 11 คน 1. พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ 2. กัญจน์พงศ์ จงสุทธนามณี 3. สุทธวรรณ สุบรรณ ณ อยุธยา 4. สมเกียรติ ถนอมสินธุ์ 5. ทองแดง เบ็ญจะปัก 6. พ.ต.ต.ชวลิต เลาหอุดมพันธ์ 7. ปริญญา ช่วยเกตุ คีรีรัตน์ 8. พล.ต.ต.สุพิศาล ภักดีนฤนาถ 9. ณัฐพล สืบศักดิ์วงศ์ 10. ทวีศักดิ์ ทักษิณ 11. สมเกียรติ ไชยวิสุทธิกุล กลุ่มที่สาม บุคคลที่ถูกศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตัดสิทธิทางการเมือง 10 ปีจากการยุบพรรคก้าวไกล ซึ่งทั้งหมดเป็นคณะกรรมการบริหารพรรค จำนวน 8 คน 1. พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ 2. เบญจา แสงจันทร์ 3. อมรัตน์ โชคปมิตต์กุล 4. ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ 5. สุเทพ อู่อ้น 6. อภิชาติ ศิริสุนทร 7. ปดิพัทธ์ สันติภาดา 8. สมชาย ฝั่งชลจิตร https://www.ilaw.or.th/articles/52795
    WWW.ILAW.OR.TH
    สรุปข้อเท็จจริงคดี 44 สส.ก้าวไกล เสนอแก้ 112 ถูกสอบ 'มาตรฐานจริยธรรม' - iLaw
    ชวนทำความเข้าใจว่า ทำไม 44 สส. ถึงต้องโดนป.ป.ช. สอบสวนดูกรอบระยะเวลาอาจจะนำไปสู่วันตัดสินคดี และผลลัพธ์ที่ตามมาหากสส. จากอดีตพรรคก้าวไกลถูกตัดสินว่า "ผิด"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 557 มุมมอง 0 รีวิว
  • กู้ศรัทธาประชาธิปัตย์ เหล้าเก่าในขวดเก่า

    เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว สู่รัฐบาลพรรคภูมิใจไทย จึงไม่แปลกที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะยื่นใบลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 ก.ย.) แม้อ้างว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพ แต่ที่ผ่านมา ปชป. ยุคนายเฉลิมชัยถูกวิจารณ์ว่า จุดยืนทางการเมืองเปลี่ยนไป นับตั้งแต่นายเฉลิมชัยนำ สส. 21 คนเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ทั้งที่สองพรรคนี้ไม่ถูกกันยาวนานกว่า 20 ปี โดยมีข่าวว่านายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา ไปดีลกับนายทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกงเอาไว้ นับจากนั้นเป็นต้นมาเกิดวิกฤตศรัทธาอย่างหนัก บรรดาสมาชิกพรรคเก่าแก่หลายคนลาออก

    เมื่อนายเฉลิมชัยลาออกแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ปชป. ชุดใหม่ รายงานข่าวแจ้งว่ามีความพยายามในการดึงแกนนำพรรค ที่เว้นวรรคทางการเมือง หรือลาออกจากพรรคไปแล้ว มาร่วมกลับบ้านเก่า ฟื้นฟูพรรคกันใหม่ เพื่อกู้วิกฤตศรัทธา และเตรียมความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าที่กำลังจะมาถึง เพราะที่ผ่านมาฐานเสียง ปชป. ในภาคใต้ ถูกเจาะยางจากพรรคคู่แข่งในหลายพื้นที่ เช่น นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรค และ สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ภาพคู่กับนายกรณ์ จาติกวณิช ที่โรงแรมอนันตรา พร้อมระบุว่า "คิดถึงเลยเจอกันครับ #ฟ้าวันใหม่สดใสเสมอ"

    หรือจะเป็นการจุดกระแสชูนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมานำพรรคอีกครั้ง หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ตัดสินใจเว้นวรรคทางการเมือง มาตั้งแต่หลังการเลือกตั้งปี 2562 เพราะได้ สส.ต่ำกว่า 100 ที่นั่ง อีกทั้งมติพรรค ปชป.ขณะนั้นสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ผันตัวไปเป็นผู้บริหารบริษัทเอกชน อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์เคยกล่าวบนเวทีผ่าทางตันประเทศไทย จัดโดยสื่อเครือเนชั่น เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า “คุณไม่ต้องมาชวนผมกลับไปพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าคุณเอาอุดมการณ์กลับมาได้ ผมกลับไปแน่นอน”

    เมื่อวันก่อน ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล จัดรายการหัวข้อ "คืน ปชป. ให้นายกฯ อภิสิทธิ์เถอะ" คนดูส่วนใหญ่เห็นด้วยว่า ปชป. ควรให้นายอภิสิทธิ์กลับมาบริหารพรรค อดีตสมาชิกพรรคบางคน เริ่มคิดอยากฟื้นฟูอุดมการณ์ประชาธิปัตย์กลับคืนมา บางคนตั้งคำถามว่า ที่พรรคอยู่ในจุดตกต่ำเป็นเพราะคน ผู้นำพรรค หรือเป็นเพราะโครงสร้างและอุดมการณ์ของพรรคกันแน่ ถึงกระนั้น ก็มีอีกส่วนหนึ่งก็เห็นว่า หากพรรคยังคงชูแกนนำพรรคชุดเก่าซึ่งมีชนักติดหลัง พรรคก็คงไม่ไปถึงไหน จึงเสนอให้คนรุ่นใหม่ออกมานำพรรค แล้วให้นายอภิสิทธิ์ และแกนนำคนอื่น เป็นที่ปรึกษาก็พอ

    #Newskit

    (ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะตีพิมพ์ใน Facebook และ Instagram วันจันทร์ที่ 15 ก.ย.2568)
    กู้ศรัทธาประชาธิปัตย์ เหล้าเก่าในขวดเก่า เมื่อการเมืองเปลี่ยนขั้ว สู่รัฐบาลพรรคภูมิใจไทย จึงไม่แปลกที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีต รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จะยื่นใบลาออกจากหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (12 ก.ย.) แม้อ้างว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพ แต่ที่ผ่านมา ปชป. ยุคนายเฉลิมชัยถูกวิจารณ์ว่า จุดยืนทางการเมืองเปลี่ยนไป นับตั้งแต่นายเฉลิมชัยนำ สส. 21 คนเข้าร่วมรัฐบาลพรรคเพื่อไทย ทั้งที่สองพรรคนี้ไม่ถูกกันยาวนานกว่า 20 ปี โดยมีข่าวว่านายเดชอิศม์ ขาวทอง สส.สงขลา ไปดีลกับนายทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกงเอาไว้ นับจากนั้นเป็นต้นมาเกิดวิกฤตศรัทธาอย่างหนัก บรรดาสมาชิกพรรคเก่าแก่หลายคนลาออก เมื่อนายเฉลิมชัยลาออกแล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการประชุมเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ปชป. ชุดใหม่ รายงานข่าวแจ้งว่ามีความพยายามในการดึงแกนนำพรรค ที่เว้นวรรคทางการเมือง หรือลาออกจากพรรคไปแล้ว มาร่วมกลับบ้านเก่า ฟื้นฟูพรรคกันใหม่ เพื่อกู้วิกฤตศรัทธา และเตรียมความพร้อมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้าที่กำลังจะมาถึง เพราะที่ผ่านมาฐานเสียง ปชป. ในภาคใต้ ถูกเจาะยางจากพรรคคู่แข่งในหลายพื้นที่ เช่น นายชัยชนะ เดชเดโช รองหัวหน้าพรรค และ สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ภาพคู่กับนายกรณ์ จาติกวณิช ที่โรงแรมอนันตรา พร้อมระบุว่า "คิดถึงเลยเจอกันครับ #ฟ้าวันใหม่สดใสเสมอ" หรือจะเป็นการจุดกระแสชูนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี กลับมานำพรรคอีกครั้ง หลังจากที่นายอภิสิทธิ์ตัดสินใจเว้นวรรคทางการเมือง มาตั้งแต่หลังการเลือกตั้งปี 2562 เพราะได้ สส.ต่ำกว่า 100 ที่นั่ง อีกทั้งมติพรรค ปชป.ขณะนั้นสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ผันตัวไปเป็นผู้บริหารบริษัทเอกชน อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์เคยกล่าวบนเวทีผ่าทางตันประเทศไทย จัดโดยสื่อเครือเนชั่น เมื่อวันที่ 23 ก.ค. ที่ผ่านมา ระบุว่า “คุณไม่ต้องมาชวนผมกลับไปพรรคประชาธิปัตย์ ถ้าคุณเอาอุดมการณ์กลับมาได้ ผมกลับไปแน่นอน” เมื่อวันก่อน ม.ล.ณัฏฐกรณ์ เทวกุล จัดรายการหัวข้อ "คืน ปชป. ให้นายกฯ อภิสิทธิ์เถอะ" คนดูส่วนใหญ่เห็นด้วยว่า ปชป. ควรให้นายอภิสิทธิ์กลับมาบริหารพรรค อดีตสมาชิกพรรคบางคน เริ่มคิดอยากฟื้นฟูอุดมการณ์ประชาธิปัตย์กลับคืนมา บางคนตั้งคำถามว่า ที่พรรคอยู่ในจุดตกต่ำเป็นเพราะคน ผู้นำพรรค หรือเป็นเพราะโครงสร้างและอุดมการณ์ของพรรคกันแน่ ถึงกระนั้น ก็มีอีกส่วนหนึ่งก็เห็นว่า หากพรรคยังคงชูแกนนำพรรคชุดเก่าซึ่งมีชนักติดหลัง พรรคก็คงไม่ไปถึงไหน จึงเสนอให้คนรุ่นใหม่ออกมานำพรรค แล้วให้นายอภิสิทธิ์ และแกนนำคนอื่น เป็นที่ปรึกษาก็พอ #Newskit (ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะตีพิมพ์ใน Facebook และ Instagram วันจันทร์ที่ 15 ก.ย.2568)
    Like
    1
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 643 มุมมอง 0 รีวิว
  • พปชร.ได้โควตา 4 รมต. ใครๆ ก็อยากมีพลัง : [THE MESSAGE]
    นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เผยถึงการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคหารือโควตารัฐมนตรี พรรคพลังประชารัฐได้ 4 ตำแหน่ง คือ รัฐมนตรีว่าการ 2 ตำแหน่ง และรัฐมนตรีช่วยว่าการ 2 ตำแหน่ง
    ส่วนที่มีชื่อตนเองนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นางสาวตรีนุช เทียนทอง นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน คณะกรรมการบริหารพรรคได้ให้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้ตัดสินใจหาผู้ที่เหมาะสมเข้าดำรงตำแหน่ง ขณะที่กระทรวงกลาโหมยังเป็นสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่นั้น ไม่อยากพูดถึง เนื่องจากเป็นกระทรวงความมั่นคง ขณะนี้บ้านเมืองต้องการศักยภาพสูงสุดเต็มที่ พรรครัฐบาลคงพิจารณา ใครๆ ก็อยากทำให้พรรคตัวเองมีพลัง ผู้สื่อข่าว ถามว่า เป็นพลัง 4 เดือน เพื่อจะไปต่ออีก 4 ปีข้างหน้าใช่หรือไม่ นายสันติ หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
    พปชร.ได้โควตา 4 รมต. ใครๆ ก็อยากมีพลัง : [THE MESSAGE] นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ เผยถึงการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคหารือโควตารัฐมนตรี พรรคพลังประชารัฐได้ 4 ตำแหน่ง คือ รัฐมนตรีว่าการ 2 ตำแหน่ง และรัฐมนตรีช่วยว่าการ 2 ตำแหน่ง ส่วนที่มีชื่อตนเองนั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และ นางสาวตรีนุช เทียนทอง นั่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน คณะกรรมการบริหารพรรคได้ให้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้ตัดสินใจหาผู้ที่เหมาะสมเข้าดำรงตำแหน่ง ขณะที่กระทรวงกลาโหมยังเป็นสัดส่วนของพรรคพลังประชารัฐหรือไม่นั้น ไม่อยากพูดถึง เนื่องจากเป็นกระทรวงความมั่นคง ขณะนี้บ้านเมืองต้องการศักยภาพสูงสุดเต็มที่ พรรครัฐบาลคงพิจารณา ใครๆ ก็อยากทำให้พรรคตัวเองมีพลัง ผู้สื่อข่าว ถามว่า เป็นพลัง 4 เดือน เพื่อจะไปต่ออีก 4 ปีข้างหน้าใช่หรือไม่ นายสันติ หัวเราะอย่างอารมณ์ดี
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 599 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • รองหัวหน้าพรรค พร้อมกับโฆษกพรรคประชาชน เผยมติที่ประชุมพรรคไม่มีมติใดๆ ออกมา รอการตัดสินใจกรรมการบริหารพรรคพรุ่งนี้ (3 ก.ย.) ย้ำจุดยืนยุบสภา ถ้าพรรคเพื่อไทยจะทำยุบได้เลย แต่ถ้าไม่ทำก็จะเดินหน้าโหวตเลือกนายกฯ เพื่อยุบสภาต่อ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000083977

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    รองหัวหน้าพรรค พร้อมกับโฆษกพรรคประชาชน เผยมติที่ประชุมพรรคไม่มีมติใดๆ ออกมา รอการตัดสินใจกรรมการบริหารพรรคพรุ่งนี้ (3 ก.ย.) ย้ำจุดยืนยุบสภา ถ้าพรรคเพื่อไทยจะทำยุบได้เลย แต่ถ้าไม่ทำก็จะเดินหน้าโหวตเลือกนายกฯ เพื่อยุบสภาต่อ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000083977 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 658 มุมมอง 0 รีวิว
  • “เฉลิมชัย” นัดถกพรรค! ปัดตอบข่าว 4 ส.ส. ย้ายขั้ว แต่เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคด่วน หวั่นกระทบสถานะพรรค
    https://www.thai-tai.tv/news/21212/
    .
    #ไทยไท #พรรคประชาธิปัตย์ #การเมืองไทย #จัดตั้งรัฐบาล #เฉลิมชัยศรีอ่อน #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้ #อนาคตประชาธิปัตย์

    “เฉลิมชัย” นัดถกพรรค! ปัดตอบข่าว 4 ส.ส. ย้ายขั้ว แต่เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรคด่วน หวั่นกระทบสถานะพรรค https://www.thai-tai.tv/news/21212/ . #ไทยไท #พรรคประชาธิปัตย์ #การเมืองไทย #จัดตั้งรัฐบาล #เฉลิมชัยศรีอ่อน #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้ #อนาคตประชาธิปัตย์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • ”อิ๊งค์" เตรียมหนาว “บิ๊กป้อม” นับวันรออภิปรายนำทีมถล่มเอง "ไพบูลย์" เผยพร้อมงัด 4 ประเด็นฉาว สนามอัลไพน์ -กาสิโน-MOU44 -นักโทษเทวดาชั้น 14 มั่นใจสะเทือนเก้าอี้นายกฯ เชื่อถึงขั้นยุบสภาในเวลาอันใกล้

    วันนี้ (4มี.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส. พรรคพลังประชารัฐ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ภายกลังการประชุม ก่อนเดินทางกลับ ผู้สื่อข่าว ได้พยายามสอบถามถึงการไปออกรายการโทรทัศน์ ช่องหนึ่ง โดยมีการพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ซึ่ง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ”ก็ให้สัมภาษณ์ซิ เพราะเขาเชิญไป ก็ไปตอบคำถามของเขา”

    ผู้สื่อข่าวถามถึง การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร จะเป็นผู้นำอภิปรายด้วยตัวเองหรือไม่ ซึ่งพล.อ.ประวิตร ปฎิเสธตอบคำถามดังกล่าวว่า จะเป็นผู้นำอภิปรายหรือไม่ และจะอภิปรายในประเด็นอะไร

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000021051

    #MGROnline #อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี #บิ๊กป้อม
    ”อิ๊งค์" เตรียมหนาว “บิ๊กป้อม” นับวันรออภิปรายนำทีมถล่มเอง "ไพบูลย์" เผยพร้อมงัด 4 ประเด็นฉาว สนามอัลไพน์ -กาสิโน-MOU44 -นักโทษเทวดาชั้น 14 มั่นใจสะเทือนเก้าอี้นายกฯ เชื่อถึงขั้นยุบสภาในเวลาอันใกล้ • วันนี้ (4มี.ค.) เมื่อเวลา 13.00 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส. พรรคพลังประชารัฐ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ภายกลังการประชุม ก่อนเดินทางกลับ ผู้สื่อข่าว ได้พยายามสอบถามถึงการไปออกรายการโทรทัศน์ ช่องหนึ่ง โดยมีการพูดคุยอย่างเป็นกันเอง ซึ่ง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ”ก็ให้สัมภาษณ์ซิ เพราะเขาเชิญไป ก็ไปตอบคำถามของเขา” • ผู้สื่อข่าวถามถึง การอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร จะเป็นผู้นำอภิปรายด้วยตัวเองหรือไม่ ซึ่งพล.อ.ประวิตร ปฎิเสธตอบคำถามดังกล่าวว่า จะเป็นผู้นำอภิปรายหรือไม่ และจะอภิปรายในประเด็นอะไร • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000021051 • #MGROnline #อภิปรายไม่ไว้วางใจนายกรัฐมนตรี #บิ๊กป้อม
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1120 มุมมอง 0 รีวิว
  • 27/2/68

    ประวัติอ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์

    https://youtu.be/ptET6EOeFwo?si=F24iH5N_QJ1sO4-O

    ประวัติ

    เกิด 12 สิงหาคม พ.ศ. 2513 (54ปี) กรุงเทพมหานคร ถิ่นพำนัก กรุงเทพมหานคร สัญชาติไทย

    ประวัติการศึกษา

    โรงเรียนอัสสัมชัญ รุ่น 103
    พ.ศ. 2536 : ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี
    พ.ศ. 2539 : ปริญญาโท บริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
    อาชีพ
    นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และ ผู้จัดรายการ

    ปีปฏิบัติงาน

    พ.ศ. 2519 - 2550 : เป็นที่รู้จักจากแกนนำกลุ่ม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2
    โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร

    พ.ศ. 2549 : การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551
    ศาสนา : ศาสนาพุทธ

    บิดามารดา
    นายเจริญ และ นางสุจิตรา พัวพงษ์พันธ์

    ญาติ
    พรรคความหวังใหม่
    โฆษกและแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2
    สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี และ เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน
    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิตChoawalit Chotwattanaphong [2]อดีตผู้จัดรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" และคอลัมนิสต์ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เกิดวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2513 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของ นายเจริญ และนางสุจิตรา พัวพงษ์พันธ์ บิดาเป็นคนไทยเชื้อสายจีนไหหลำ และมารดาเป็นคนไทยเชื้อสายจีนแต้จิ๋ว นามสกุล "พัวพงษ์พันธ์" ตั้งให้สอดคล้องกับแซ่ "พัว" ของตระกูลนั่นเอง

    ประวัติชีวิต

    นายปานเทพเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนอัสสัมชัญ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และระดับปริญญาโทบริหารธุรกิจ สาขา การเงินการจัดการ จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นสมาชิกเครือข่ายสันติอโศกโดยมีถูกวางบทบาทในด้านสุขภาพ การเมือง และอื่นๆ

    เมื่อกลับมาเมืองไทยได้เข้าทำงานกับองค์กรภาคเอกชน โดยเข้าไปเป็นผู้บริหารดูด้านการเงิน และการก่อสร้างอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่ประเทศไทยจะประสบกับวิกฤติเศรษฐกิจ เมื่อปี พ.ศ. 2540

    ประวัติทางการเมือง

    ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เข้าสู่วงการเมือง โดยมีผู้แนะนำให้รู้จักกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในปี พ.ศ. 2541 โดยเข้าไปช่วยงานในพรรคความหวังใหม่ ขณะที่มีอายุ 28 ปี กระทั่งได้เป็นกรรมการบริหารพรรค เคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคความหวังใหม่[3] และมีตำแหน่งสุดท้ายเป็นรองโฆษกพรรคความหวังใหม่ ในปี พ.ศ. 2544 ก่อนที่จะไปดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการองค์การฟอกหนัง ด้วยวัย 31 ปี ซึ่งถือว่าเป็นผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ ที่อายุน้อยที่สุดในประเทศไทย

    เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้ยุบพรรคความหวังใหม่ รวมกับพรรคไทยรักไทย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้เป็นทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจในช่วง รัฐบาลทักษิณ 1 โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจภาคใต้ ก่อนที่จะถอนตัวในเวลาต่อมาด้วยความเห็นที่ไม่ตรงกัน และหลังจากนั้นยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลทักษิณมาโดยตลอด โดยชื่อของ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โด่งดังอีกครั้ง เมื่อออกหนังสือชื่อ "บันทึกลับ ๒๕๔o" โดยมีเนื้อหาชี้แจงถึงปัญหาเศรษฐกิจในช่วงที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ถูกโจมตีว่าเป็นผู้ก่อให้เกิดวิกฤต

    ปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรัฐบาลมาโดยตลอด เช่น การเขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐชื่อ "วิสัยทัศน์เศรษฐกิจ" รวมไปถึงเคยจัดรายการโทรทัศน์ทาง UBC ช่อง 7 ร่วมกับดุสิต ศิริวรรณ ด้วยอยู่ช่วงหนึ่ง ในชื่อรายการ "โต๊ะข่าวเช้านี้"

    ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2548 ปานเทพ ได้เข้าไปทำงานในเครือผู้จัดการ ของสนธิ ลิ้มทองกุล และได้ทำรายการในเอเอสทีวี (ASTV) คือรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" ในช่วงเวลา 20:30น.- 21:30น. ทุกวันจันทร์ ถึง ศุกร์ และเขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการอีกด้วย ซึ่งยังทำมาจนถึงปัจจุบัน

    ในการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2549 ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ทำหน้าที่เป็นโฆษกบนเวที และในการขับไล่ รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ.ศ. 2551 ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ยังคงทำหน้าที่เป็นโฆษกบนเวทีอย่างต่อเนื่อง

    นอกเหนือจากรายการที่ เอเอสทีวี แล้ว ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ยังมีรายการ "เวทีเสรี" ที่อออกอากาศ ช่วง 21.00 - 22.00 น. ทาง ทีทีวี ช่อง เอ็มวี1 ด้วย โดยเป็นวิทยากรประจำวันอังคาร ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ออกอากาศแล้ว

    ได้รับแต่งตั้งให้เป็นโฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเป็นนักวิชาการบนเวทีที่พูดในประเด็นกรณีเขาพระวิหาร เมื่อการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ชื่อการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน พ.ศ. 2554 คู่กับเทพมนตรี ลิมปพยอม

    ในวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ปานเทพได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2 พร้อมกับ ประพันธ์ คูณมี

    และเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2555 ปานเทพได้ ให้ข้อมูลกับสำนักข่าว เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ ว่าอเมริกามีโครงการ H.A.A.R.P. เป็นการยิงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปที่ชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ แล้วสะท้อนกลับมายังผิวโลก ทำให้เกิดภัยธรรมชาติต่างๆ ในพื้นที่ตามที่ต้องการได้ เพื่อใช้เป็นอาวุธกำจัดศัตรูแบบใหม่

    ผลงานหนังสือ

    บันทึกลับ 2540
    ประเทศไทยได้รับบทเรียนอะไรจากการปิด 56 สถาบันการเงินเป็นการถาวร
    ผ่าทางตันแปรรูปรัฐวิสาหกิจ กฟผ.
    บทเรียนขายหุ้นชินคอร์ป ระเบียบ ก.ล.ต. -ภาษี-จริยธรรม
    สงครามจิตวิทยาราคาน้ำมัน
    มหกรรมผลประโยชน์ทับซ้อน
    33 ประเด็นถาม-ตอบ ราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน
    คำเตือนสุดท้าย ราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน
    cr: http://www.cannhealth.in.th
    : บ้านคนดัง Celebrity Homes 4
    27/2/68 ประวัติอ.ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ https://youtu.be/ptET6EOeFwo?si=F24iH5N_QJ1sO4-O ประวัติ เกิด 12 สิงหาคม พ.ศ. 2513 (54ปี) กรุงเทพมหานคร ถิ่นพำนัก กรุงเทพมหานคร สัญชาติไทย ประวัติการศึกษา โรงเรียนอัสสัมชัญ รุ่น 103 พ.ศ. 2536 : ปริญญาตรี วิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี พ.ศ. 2539 : ปริญญาโท บริหารธุรกิจ มหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา อาชีพ นักเคลื่อนไหวทางการเมือง และ ผู้จัดรายการ ปีปฏิบัติงาน พ.ศ. 2519 - 2550 : เป็นที่รู้จักจากแกนนำกลุ่ม พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2 โฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พ.ศ. 2549 : การชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พ.ศ. 2551 ศาสนา : ศาสนาพุทธ บิดามารดา นายเจริญ และ นางสุจิตรา พัวพงษ์พันธ์ ญาติ พรรคความหวังใหม่ โฆษกและแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2 สถานีโทรทัศน์ผ่านดาวเทียมเอเอสทีวี และ เอเอสทีวีผู้จัดการรายวัน ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ คณบดีสถาบันแพทย์แผนบูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย มหาวิทยาลัยรังสิต[1][2]อดีตผู้จัดรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" และคอลัมนิสต์ หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ เกิดวันที่ 12 สิงหาคม พ.ศ. 2513 ที่กรุงเทพมหานคร เป็นบุตรของ นายเจริญ และนางสุจิตรา พัวพงษ์พันธ์ บิดาเป็นคนไทยเชื้อสายจีนไหหลำ และมารดาเป็นคนไทยเชื้อสายจีนแต้จิ๋ว นามสกุล "พัวพงษ์พันธ์" ตั้งให้สอดคล้องกับแซ่ "พัว" ของตระกูลนั่นเอง ประวัติชีวิต นายปานเทพเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนอัสสัมชัญ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีจาก คณะวิศวกรรมศาสตร์ สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี และระดับปริญญาโทบริหารธุรกิจ สาขา การเงินการจัดการ จากมหาวิทยาลัยแห่งรัฐนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา และเป็นสมาชิกเครือข่ายสันติอโศกโดยมีถูกวางบทบาทในด้านสุขภาพ การเมือง และอื่นๆ เมื่อกลับมาเมืองไทยได้เข้าทำงานกับองค์กรภาคเอกชน โดยเข้าไปเป็นผู้บริหารดูด้านการเงิน และการก่อสร้างอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนที่ประเทศไทยจะประสบกับวิกฤติเศรษฐกิจ เมื่อปี พ.ศ. 2540 ประวัติทางการเมือง ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ เข้าสู่วงการเมือง โดยมีผู้แนะนำให้รู้จักกับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ในปี พ.ศ. 2541 โดยเข้าไปช่วยงานในพรรคความหวังใหม่ ขณะที่มีอายุ 28 ปี กระทั่งได้เป็นกรรมการบริหารพรรค เคยลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อของพรรคความหวังใหม่[3] และมีตำแหน่งสุดท้ายเป็นรองโฆษกพรรคความหวังใหม่ ในปี พ.ศ. 2544 ก่อนที่จะไปดำรงตำแหน่ง ผู้อำนวยการองค์การฟอกหนัง ด้วยวัย 31 ปี ซึ่งถือว่าเป็นผู้บริหารสูงสุดของรัฐวิสาหกิจ ที่อายุน้อยที่สุดในประเทศไทย เมื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ได้ยุบพรรคความหวังใหม่ รวมกับพรรคไทยรักไทย นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ได้เป็นทีมที่ปรึกษาเศรษฐกิจในช่วง รัฐบาลทักษิณ 1 โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจภาคใต้ ก่อนที่จะถอนตัวในเวลาต่อมาด้วยความเห็นที่ไม่ตรงกัน และหลังจากนั้นยืนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับรัฐบาลทักษิณมาโดยตลอด โดยชื่อของ ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ โด่งดังอีกครั้ง เมื่อออกหนังสือชื่อ "บันทึกลับ ๒๕๔o" โดยมีเนื้อหาชี้แจงถึงปัญหาเศรษฐกิจในช่วงที่ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ เป็นนายกรัฐมนตรี ที่ถูกโจมตีว่าเป็นผู้ก่อให้เกิดวิกฤต ปานเทพ พัวพงษ์พันธุ์ ได้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับรัฐบาลมาโดยตลอด เช่น การเขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์สยามรัฐชื่อ "วิสัยทัศน์เศรษฐกิจ" รวมไปถึงเคยจัดรายการโทรทัศน์ทาง UBC ช่อง 7 ร่วมกับดุสิต ศิริวรรณ ด้วยอยู่ช่วงหนึ่ง ในชื่อรายการ "โต๊ะข่าวเช้านี้" ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2548 ปานเทพ ได้เข้าไปทำงานในเครือผู้จัดการ ของสนธิ ลิ้มทองกุล และได้ทำรายการในเอเอสทีวี (ASTV) คือรายการ "ยามเฝ้าแผ่นดิน" ในช่วงเวลา 20:30น.- 21:30น. ทุกวันจันทร์ ถึง ศุกร์ และเขียนคอลัมน์ในหนังสือพิมพ์ผู้จัดการอีกด้วย ซึ่งยังทำมาจนถึงปัจจุบัน ในการขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในปี พ.ศ. 2549 ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ทำหน้าที่เป็นโฆษกบนเวที และในการขับไล่ รัฐบาลสมชาย วงศ์สวัสดิ์ พ.ศ. 2551 ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ยังคงทำหน้าที่เป็นโฆษกบนเวทีอย่างต่อเนื่อง นอกเหนือจากรายการที่ เอเอสทีวี แล้ว ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ยังมีรายการ "เวทีเสรี" ที่อออกอากาศ ช่วง 21.00 - 22.00 น. ทาง ทีทีวี ช่อง เอ็มวี1 ด้วย โดยเป็นวิทยากรประจำวันอังคาร ซึ่งปัจจุบันไม่ได้ออกอากาศแล้ว ได้รับแต่งตั้งให้เป็นโฆษกกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเป็นนักวิชาการบนเวทีที่พูดในประเด็นกรณีเขาพระวิหาร เมื่อการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ ชื่อการชุมนุมรวมพลังปกป้องแผ่นดิน พ.ศ. 2554 คู่กับเทพมนตรี ลิมปพยอม ในวันที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ปานเทพได้รับการแต่งตั้งให้เป็นแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รุ่นที่ 2 พร้อมกับ ประพันธ์ คูณมี และเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 2555 ปานเทพได้ ให้ข้อมูลกับสำนักข่าว เอเอสทีวีผู้จัดการออนไลน์ ว่าอเมริกามีโครงการ H.A.A.R.P. เป็นการยิงคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าไปที่ชั้นบรรยากาศไอโอโนสเฟียร์ แล้วสะท้อนกลับมายังผิวโลก ทำให้เกิดภัยธรรมชาติต่างๆ ในพื้นที่ตามที่ต้องการได้ เพื่อใช้เป็นอาวุธกำจัดศัตรูแบบใหม่ ผลงานหนังสือ บันทึกลับ 2540 ประเทศไทยได้รับบทเรียนอะไรจากการปิด 56 สถาบันการเงินเป็นการถาวร ผ่าทางตันแปรรูปรัฐวิสาหกิจ กฟผ. บทเรียนขายหุ้นชินคอร์ป ระเบียบ ก.ล.ต. -ภาษี-จริยธรรม สงครามจิตวิทยาราคาน้ำมัน มหกรรมผลประโยชน์ทับซ้อน 33 ประเด็นถาม-ตอบ ราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน คำเตือนสุดท้าย ราชอาณาจักรไทยกำลังจะเสียดินแดน cr: http://www.cannhealth.in.th : บ้านคนดัง Celebrity Homes 4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1931 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปธ.สโมสรบุรีรัมย์ เข้า "รร. พูลแมน” แล้ว พร้อมบรรดาสมาชิก ภท. หลังสะพัด นัดเคลียร์ “ทักษิณ” เย็นนี้ ก่อนดีเอสไอประชุมพิจารณารับกรณีฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษหรือไม่ พรุ่งนี้

    วันนี้ (24ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ครูใหญ่แห่งพรรคภูมิใจไทย ได้ปรากฏตัวที่โรงแรมพูลแมน คิงพาวเวอร์ รางน้ำ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีกระแสข่าวว่า นายเนวิน จะพบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อเคลียร์ปัญหาก่อนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะนัดประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 2/2567 ซึ่งมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานบอร์ด โดยจะมีขึ้นในวันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 13.30 น. ซึ่งมีวาระการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ซึ่งมีพฤติการณ์อันอาจเป็นความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 และประมวลกฎหมายอาญา เป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) หรือการเป็นคดีความผิดทางอาญาอื่น

    ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา มีกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกของพรรคภูมิใจไทย ทยอยเดินทางกลับออกจากโรงแรมพลูแมน อาทิ นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค นายภราดร ปริศนานันท์กุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี วรศิษฎ์ เลียงประสิทธิ์ ส.ส.สตูล

    #MGROnline #ประธานสโมสรบุรีรัมย์ #ครูใหญ่แห่งพรรคภูมิใจไทย #พรรคภูมิใจไทย #โรงแรมพูลแมน
    ปธ.สโมสรบุรีรัมย์ เข้า "รร. พูลแมน” แล้ว พร้อมบรรดาสมาชิก ภท. หลังสะพัด นัดเคลียร์ “ทักษิณ” เย็นนี้ ก่อนดีเอสไอประชุมพิจารณารับกรณีฮั้วเลือก สว.เป็นคดีพิเศษหรือไม่ พรุ่งนี้ • วันนี้ (24ก.พ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายเนวิน ชิดชอบ ประธานสโมสรบุรีรัมย์ ครูใหญ่แห่งพรรคภูมิใจไทย ได้ปรากฏตัวที่โรงแรมพูลแมน คิงพาวเวอร์ รางน้ำ ซึ่งเป็นสถานที่ที่มีกระแสข่าวว่า นายเนวิน จะพบกับนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อเคลียร์ปัญหาก่อนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ จะนัดประชุมคณะกรรมการคดีพิเศษ (กคพ.) ครั้งที่ 2/2567 ซึ่งมี นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานบอร์ด โดยจะมีขึ้นในวันอังคารที่ 25 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 13.30 น. ซึ่งมีวาระการคัดเลือกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ที่มีกระบวนการหรือพฤติการณ์ที่มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม ซึ่งมีพฤติการณ์อันอาจเป็นความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 และประมวลกฎหมายอาญา เป็นคดีพิเศษตามมาตรา 21 วรรคหนึ่ง (2) หรือการเป็นคดีความผิดทางอาญาอื่น • ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตั้งแต่ช่วงบ่ายที่ผ่านมา มีกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกของพรรคภูมิใจไทย ทยอยเดินทางกลับออกจากโรงแรมพลูแมน อาทิ นายไชยชนก ชิดชอบ เลขาธิการพรรค นายภราดร ปริศนานันท์กุล รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่สอง นายกรวีร์ ปริศนานันทกุล นายเจเศรษฐ์ ไทยเศรษฐ์ ส.ส.อุทัยธานี วรศิษฎ์ เลียงประสิทธิ์ ส.ส.สตูล • #MGROnline #ประธานสโมสรบุรีรัมย์ #ครูใหญ่แห่งพรรคภูมิใจไทย #พรรคภูมิใจไทย #โรงแรมพูลแมน
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1220 มุมมอง 0 รีวิว
  • พปชร.เลือดไหลไม่หยุด คนตีจาก 'บิ๊กป้อม' กล้าธรรมดูด สส.ต่อเนื่อง

    การประชุมร่วมกันของรัฐสภาเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา แม้หลักใหญ่ใจความจะอยู่ที่การประชุมที่ล่มไม่เป็นท่า แต่มีซีนหนึ่งในทางการเมืองที่น่าสนใจ คือ การปรากฏภาพของ น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ เขต 4 และ รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มานั่งอยู่กับกลุ่ม สส.พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม, นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา เหรัญญิกพรรค และ นางรัชนี พลซื่อ รองหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น

    ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า การประชุมพรรค พปชร.เมื่อวันอังคารที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานในที่ประชุม ปรากฏว่า มี สส.ของพรรคเข้าร่วมอย่างบางตามาก โดย น.ส.กาญจนา ก็ไม่ได้มาร่วมประชุม ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ คือ กลุ่มยุทธศาสตร์พรรค ที่ไม่ได้เป็น สส. อาทิ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี รวมถึงบรรดาอดีตผู้สมัคร สส.ของพรรคที่สอบตกในการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 เท่านั้น

    ขณะเดียวกัน ที่พรรคกล้าธรรมยังมีรายงานอีกว่า นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นจำเลยในฐานความผิดร่วมกันยักยอกทรัพย์ ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอม ในขณะดำรงตำแหน่งผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น และเกิดการทุจริตเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น รวม 431 ล้านบาท มาร่วมการประชุมด้วย โดยนั่งติดกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ นายเอกราช เพิ่งได้ทำหนังสือแจ้งศาลขอเลื่อนฟังคำสั่งพิพากษาในคดียักยอกทรัพย์เงินสหกรณ์ครูขอนแก่น เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยแนบเอกสารใบรับรองแพทย์รพ. ที่ลงความเห็นว่านายเอกราช ป่วยหนักหลายโรคต้องนอนพักรักษาตัวที่รพ.อย่างไม่มีกำหนดออกจากรพ. ทำให้ศาลอนุญาตเลื่อนฟังคำสั่งคดีออกไปเป็นวันที่ 17 เม.ย.
    ..............
    Sondhi X
    พปชร.เลือดไหลไม่หยุด คนตีจาก 'บิ๊กป้อม' กล้าธรรมดูด สส.ต่อเนื่อง การประชุมร่วมกันของรัฐสภาเมื่อวันที่ 13 ก.พ. ที่ผ่านมา แม้หลักใหญ่ใจความจะอยู่ที่การประชุมที่ล่มไม่เป็นท่า แต่มีซีนหนึ่งในทางการเมืองที่น่าสนใจ คือ การปรากฏภาพของ น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ เขต 4 และ รองเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มานั่งอยู่กับกลุ่ม สส.พรรคกล้าธรรม นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม, นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา เหรัญญิกพรรค และ นางรัชนี พลซื่อ รองหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรค ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น ทั้งนี้ มีรายงานเพิ่มเติมด้วยว่า การประชุมพรรค พปชร.เมื่อวันอังคารที่ 4 ก.พ.ที่ผ่านมา ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานในที่ประชุม ปรากฏว่า มี สส.ของพรรคเข้าร่วมอย่างบางตามาก โดย น.ส.กาญจนา ก็ไม่ได้มาร่วมประชุม ผู้เข้าร่วมประชุมส่วนใหญ่ คือ กลุ่มยุทธศาสตร์พรรค ที่ไม่ได้เป็น สส. อาทิ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล, นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์, หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี รวมถึงบรรดาอดีตผู้สมัคร สส.ของพรรคที่สอบตกในการเลือกตั้งเมื่อปี 2566 เท่านั้น ขณะเดียวกัน ที่พรรคกล้าธรรมยังมีรายงานอีกว่า นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ขอนแก่น พรรคภูมิใจไทย ซึ่งเป็นจำเลยในฐานความผิดร่วมกันยักยอกทรัพย์ ร่วมกันปลอมเอกสารสิทธิและร่วมกันใช้เอกสารสิทธิปลอม ในขณะดำรงตำแหน่งผู้จัดการสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น และเกิดการทุจริตเงินสหกรณ์ออมทรัพย์ครูขอนแก่น รวม 431 ล้านบาท มาร่วมการประชุมด้วย โดยนั่งติดกับ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ นายเอกราช เพิ่งได้ทำหนังสือแจ้งศาลขอเลื่อนฟังคำสั่งพิพากษาในคดียักยอกทรัพย์เงินสหกรณ์ครูขอนแก่น เมื่อวันที่ 11 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมา โดยแนบเอกสารใบรับรองแพทย์รพ. ที่ลงความเห็นว่านายเอกราช ป่วยหนักหลายโรคต้องนอนพักรักษาตัวที่รพ.อย่างไม่มีกำหนดออกจากรพ. ทำให้ศาลอนุญาตเลื่อนฟังคำสั่งคดีออกไปเป็นวันที่ 17 เม.ย. .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 3250 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทุบค่าไฟเหลือ 3.70 ต้องกล้าชนนายทุน : คนเคาะข่าว 13-01-68
    : ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์
    #คนเคาะข่าว
    ทุบค่าไฟเหลือ 3.70 ต้องกล้าชนนายทุน : คนเคาะข่าว 13-01-68 : ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ผู้เชี่ยวชาญด้านพลังงาน ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ #คนเคาะข่าว
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 667 มุมมอง 7 0 รีวิว
  • ตบเท้าเข้า 'กล้าธรรม' 'ธรรมนัส' ขอทำงาน ไม่ทำใครก่อน แต่พร้อมเอาคืน
    .
    ทุกอย่างเป็นไปตามวิถีทางทางการเมือง ภายหลังส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จำนวน 20 คน ถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ตบเท้าเข้าพรรคกล้าธรรมของนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าพรรค อย่างเป็นทางการ
    .
    ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา เปิดเผยว่า "ตั้งแต่การรวมตัวกันตั้งรัฐบาล ได้นายกรัฐมนตรีท่านใหม่บริหารบ้านเมือง พวกเราประกาศชัดเจนว่าจะสนับสนุนรัฐบาล ซึ่งในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ในเรื่องของฝ่ายกฎหมาย การเข้าเป็นสมาชิกพรรคใหม่ สังกัดใหม่ยังไม่สามารถทำได้จนกระทั่งมีมติชัดเจนให้ขับผมออกจากพรรคพลังประชารัฐ กระบวนการทางกฎหมายเป็นที่ยุติว่าคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ พร้อม สส. มีมติชัดเจน 3 ใน 4 ขับพวกผมออกจากพรรคพลังประชารัฐ จากนั้นทั้ง 20 คน พร้อมกันสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคกล้าธรรม” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
    .
    ร.อ.ธรรมนัส กล่าวอีกว่า เบื้องต้นได้แจ้งประธานสภาเรียบร้อยแล้ว ว่าออกจากพรรคพลังประชารัฐ และขั้นตอนต่อไปในขณะนี้เรามีสมาชิก 24 ชีวิต ทั้งที่ย้ายมาเก่าและใหม่ในพรรคกล้าธรรม พร้อมย้ำว่าเรายังมีอีกหลายชีวิต แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องนำเสนอหรือชี้แจงตอนนี้ ดังนั้น วันนี้อยากจะฝากว่าเราทั้ง 24 ชีวิตที่ยืนอยู่บนเวที ณ เวลานี้ เราคือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคกล้าธรรม
    .
    เมื่อถามว่า ตกลงว่า สส.ย้ายเข้าพรรคกล้าธรรมกี่คน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า "ตัวเลขคร่าวๆ ที่คุยกันไว้มากกว่า 30 คน ถ้ารวม 24 คนที่ยืนอยู่บนเวที แต่ขอเก็บความลับก่อน" คำตอบของร.อ.ธรรมนัส ภายหลังถูกผู้สื่อข่าวถามว่าตกลงว่า สส.ย้ายเข้าพรรคกล้าธรรม กี่คน
    .
    “ที่ถามว่า อยากเป็นนู่นเป็นนี่หรือไม่ ถ้าได้เป็นก็เป็น ถ้าไม่ได้เป็นก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ฉะนั้น พวกเราทั้ง 24 ชีวิตของการเป็น สส. เราจะทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติให้ดีที่สุด” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
    .
    เมื่อถามว่า มีการมองว่า พรรคกล้าธรรมเป็นอะไหล่ของพรรคเพื่อไทย ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ณ เวลานี้เราคือพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกัน หากพรรคใหญ่พรรคแกนนำ มีนโยบายอย่างไรที่เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนเราเห็นด้วย
    .
    “ไม่ได้คัดค้าน ไม่ใช่มีอะไรก็คัดค้านตลอด ไม่เอา ผมไม่ชอบหลอกคนอื่น พรรคร่วมรัฐบาลควรจะมีการคุยกันก่อน ทุกครั้งที่มีวาระสำคัญที่เข้า ครม.หรือสภา พรรคไหนไม่เห็นด้วยบ่อยๆ ก็ควรจะแยกออกไป เราเห็นความเจริญของบ้านเมืองเป็นหลัก เราไม่คัดค้าน และเอาไปแอบอ้างอะไรเด็ดขาด เรามีหัวหน้าพรรคเป็นสุภาพสตรี พร้อมคุยกับทุกฝ่าย” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว
    .
    เมื่อถามว่า กลัวการเอาคืนของ พล.อ.ประวิตรหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า “เราเป็นนักการเมือง ต้องทำงานสร้างสรรค์ สไตล์ผมไม่ทำใครก่อน ใครทำผม ผมเอาคืน”
    .
    ร.อ.ธรรมนัส ย้ำว่า เรื่องการบริหารพรรค ตนได้มอบหมายให้นางนฤมลเป็นผู้ดูแล ส่วนจะตั้งตนเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรค
    .
    ด้าน นางนฤมล กล่าวว่า พวกเราเป็นกลุ่มการเมืองที่ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่เริ่มต้น มีอุดมการณ์เดียวกัน ทางพรรคได้รับมอบหมายให้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เราก็จะเดินหน้าทำงานเพื่อสนองนโยบายของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะใช้การตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ให้พี่น้องเกษตรกร ทุกจังหวัด ทุกเขตไม่ใช่เฉพาะแค่เขตที่พรรคกล้าธรรมมี สส.
    .........
    Sondhi X
    ตบเท้าเข้า 'กล้าธรรม' 'ธรรมนัส' ขอทำงาน ไม่ทำใครก่อน แต่พร้อมเอาคืน . ทุกอย่างเป็นไปตามวิถีทางทางการเมือง ภายหลังส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จำนวน 20 คน ถูกขับออกจากพรรคพลังประชารัฐ ในที่สุดก็ได้ฤกษ์ตบเท้าเข้าพรรคกล้าธรรมของนางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ หัวหน้าพรรค อย่างเป็นทางการ . ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา เปิดเผยว่า "ตั้งแต่การรวมตัวกันตั้งรัฐบาล ได้นายกรัฐมนตรีท่านใหม่บริหารบ้านเมือง พวกเราประกาศชัดเจนว่าจะสนับสนุนรัฐบาล ซึ่งในช่วงระยะเวลาที่ผ่านมา ในเรื่องของฝ่ายกฎหมาย การเข้าเป็นสมาชิกพรรคใหม่ สังกัดใหม่ยังไม่สามารถทำได้จนกระทั่งมีมติชัดเจนให้ขับผมออกจากพรรคพลังประชารัฐ กระบวนการทางกฎหมายเป็นที่ยุติว่าคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ พร้อม สส. มีมติชัดเจน 3 ใน 4 ขับพวกผมออกจากพรรคพลังประชารัฐ จากนั้นทั้ง 20 คน พร้อมกันสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคกล้าธรรม” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว . ร.อ.ธรรมนัส กล่าวอีกว่า เบื้องต้นได้แจ้งประธานสภาเรียบร้อยแล้ว ว่าออกจากพรรคพลังประชารัฐ และขั้นตอนต่อไปในขณะนี้เรามีสมาชิก 24 ชีวิต ทั้งที่ย้ายมาเก่าและใหม่ในพรรคกล้าธรรม พร้อมย้ำว่าเรายังมีอีกหลายชีวิต แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะต้องนำเสนอหรือชี้แจงตอนนี้ ดังนั้น วันนี้อยากจะฝากว่าเราทั้ง 24 ชีวิตที่ยืนอยู่บนเวที ณ เวลานี้ เราคือสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสังกัดพรรคกล้าธรรม . เมื่อถามว่า ตกลงว่า สส.ย้ายเข้าพรรคกล้าธรรมกี่คน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า "ตัวเลขคร่าวๆ ที่คุยกันไว้มากกว่า 30 คน ถ้ารวม 24 คนที่ยืนอยู่บนเวที แต่ขอเก็บความลับก่อน" คำตอบของร.อ.ธรรมนัส ภายหลังถูกผู้สื่อข่าวถามว่าตกลงว่า สส.ย้ายเข้าพรรคกล้าธรรม กี่คน . “ที่ถามว่า อยากเป็นนู่นเป็นนี่หรือไม่ ถ้าได้เป็นก็เป็น ถ้าไม่ได้เป็นก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร ฉะนั้น พวกเราทั้ง 24 ชีวิตของการเป็น สส. เราจะทำหน้าที่ในฝ่ายนิติบัญญัติให้ดีที่สุด” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว . เมื่อถามว่า มีการมองว่า พรรคกล้าธรรมเป็นอะไหล่ของพรรคเพื่อไทย ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า ณ เวลานี้เราคือพรรคร่วมรัฐบาลเดียวกัน หากพรรคใหญ่พรรคแกนนำ มีนโยบายอย่างไรที่เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชนเราเห็นด้วย . “ไม่ได้คัดค้าน ไม่ใช่มีอะไรก็คัดค้านตลอด ไม่เอา ผมไม่ชอบหลอกคนอื่น พรรคร่วมรัฐบาลควรจะมีการคุยกันก่อน ทุกครั้งที่มีวาระสำคัญที่เข้า ครม.หรือสภา พรรคไหนไม่เห็นด้วยบ่อยๆ ก็ควรจะแยกออกไป เราเห็นความเจริญของบ้านเมืองเป็นหลัก เราไม่คัดค้าน และเอาไปแอบอ้างอะไรเด็ดขาด เรามีหัวหน้าพรรคเป็นสุภาพสตรี พร้อมคุยกับทุกฝ่าย” ร.อ.ธรรมนัสกล่าว . เมื่อถามว่า กลัวการเอาคืนของ พล.อ.ประวิตรหรือไม่ ร.อ.ธรรมนัสกล่าวว่า “เราเป็นนักการเมือง ต้องทำงานสร้างสรรค์ สไตล์ผมไม่ทำใครก่อน ใครทำผม ผมเอาคืน” . ร.อ.ธรรมนัส ย้ำว่า เรื่องการบริหารพรรค ตนได้มอบหมายให้นางนฤมลเป็นผู้ดูแล ส่วนจะตั้งตนเป็นประธานที่ปรึกษาพรรคหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับหัวหน้าพรรค . ด้าน นางนฤมล กล่าวว่า พวกเราเป็นกลุ่มการเมืองที่ทำงานร่วมกันมาตั้งแต่เริ่มต้น มีอุดมการณ์เดียวกัน ทางพรรคได้รับมอบหมายให้ดูแลกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เราก็จะเดินหน้าทำงานเพื่อสนองนโยบายของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะใช้การตลาดนำ นวัตกรรมเสริม เพิ่มรายได้ ให้พี่น้องเกษตรกร ทุกจังหวัด ทุกเขตไม่ใช่เฉพาะแค่เขตที่พรรคกล้าธรรมมี สส. ......... Sondhi X
    Like
    Love
    Haha
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1665 มุมมอง 0 รีวิว
  • สภากาแฟเวทีชาวบ้าน 12-12-67MOU44!! ทำไม? ต้องยกเลิก! เขาเฉือนแผ่นดินเพื่อใคร? พูดคุยกับ ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐhttps://www.youtube.com/live/-nCd_Qnfo48?si=cBO1Ve2domC3GRIl
    สภากาแฟเวทีชาวบ้าน 12-12-67MOU44!! ทำไม? ต้องยกเลิก! เขาเฉือนแผ่นดินเพื่อใคร? พูดคุยกับ ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐhttps://www.youtube.com/live/-nCd_Qnfo48?si=cBO1Ve2domC3GRIl
    Like
    Love
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 423 มุมมอง 0 รีวิว
  • มติพลังประชารัฐ ขับ 20 สส.กลุ่มธรรมนัสพ้นพรรค ปัดแลกเปลี่ยนคดีภูนับดาว
    .
    ที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐ มีมติขับ 20 สส. ก๊วน "ร.อ.​ธรรมนัส" พ้นพรรค ​อ้าง​อุดมการณ์ไม่ตรงกัน​ ยันไม่มีข้อแลกเปลี่ยนกับคดี "ภูนับดาว" โยงคนใกล้ชิด "​บิ๊กป้อม" ​เตรียมเสนอที่ประชุมร่วม​ กก.บห. และ สส. ลงมติพรุ่งนี้
    .
    วันนี้ (20 ธ.ค.) นายไพบูลย์​ นิติตะวัน​ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ แถลงภายหลังประชุมพรรคว่า​ ที่ประชุมมีมติเห็นด้วยตามที่ตนในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบ กรณี สส. พรรค​พลังประชารัฐ 20 คน มีการกระทำอาจฝ่าฝืนข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ และเสนอว่าการกระทำของสมาชิกพรรคทั้ง 20 คน มีเหตุจากแนวคิดและอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างอย่างสิ้นเชิง กับแนวคิดและอุดมการณ์ทางการเมืองของคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐคนอื่น​ เกินกว่าจะแก้ไขทำความเข้าใจให้เป็นไปแนวทางเดียวกันได้
    .
    เหตุดังกล่าวเห็นว่า สส. ทั้ง 20 คนนั้น มีการกระทำลักษณะที่มีเหตุร้ายแรงอย่างอื่นตามข้อบังคับ 54 (4) ตนในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบและเลขาธิการพรรค จึงเสนอให้ที่ประชุมมีมติให้สมาชิกภาพของทั้ง 20 คนสิ้นสุดลง ตามข้อบังคับ 54 (5) และววรค 2 และขอให้ที่ประชุมมีมติให้มีการประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารของพรรคและ สส. ​พรรคพลังประชารัฐเพื่อพิจารณาลงมติ ตามข้อบังคับที่ 54 (5) และวรรค 2 ในวันพฤหัสบดีที่ 12 ธ.ค. เวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา​ ซึ่งที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐวันนี้ เป็นการเห็นชอบชั้นที่ 1 แต่ในวันพรุ่งนี้จะต้องมีการลงมติโดยใช้เสียง 3 ใน 4 ของที่ประชุมร่วมกัน ระหว่างคณะกรรมการบริหารและ สส. ​พรรคพลังประชารัฐ
    .
    เมื่อถามว่าเป็นการจากกันด้วยดีใช่หรือไม่ หรือมีการแลกเปลี่ยนเงื่อนไขกับคดีของคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้องกับที่ดิน ส.ป.ก. ไร่ภูนับดาว จ.สระบุรี นายไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรทั้งนั้น เป็นไปตามที่ตนแถลง โดยยืนยันว่าเป็นการจากกันด้วยดี เพราะแนวคิดอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เราพยายามที่จะพูดคุยประสาน เพื่อที่จะให้มาในแนวทางเดียวกัน แต่คิดว่าเมื่อเป็นไปไม่ได้ก็ถือว่าเป็นเหตุที่ร้ายแรงอื่น ซึ่งเป็นไปตามข้อกฎหมายควรจะมีมติให้ สส. ทั้ง 20 คนพ้นจากการเป็นสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐ เมื่อถามย้ำว่าเป็นการจากกันด้วยดีใช่หรือไม่ นายไพบูลย์ ย้ำว่า ขอให้ผู้สื่อข่าวฟังเอาเอง แต่ความรู้สึกตนนั้นทุกอย่างดำเนินการไปตามกระบวนการ เราพยายามพูดคุยกันแล้ว หากไม่มีอุดมการณ์ร่วมกัน ก็ไม่เป็นไร เมื่อไม่มี ก็ต่างฝ่ายต่างรักษาอุดมการณ์ของตัวเองไป ไม่มีปัญหาอะไร
    .
    นายไพบูลย์ เปิดเผยว่า ในการประชุมกรรมการบริหารพรรควันนี้ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย เนื่องจากไม่สบาย แต่ก็เห็นด้วย เพราะเรื่องนี้เป็นดำริที่ท่านเห็นชอบอยู่แล้ว ดังนั้นถือว่าเป็นมติของกรรมการบริหารพรรคไปแล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ สส. ของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งขณะนี้มีอยู่ 40 คน โดยต้องขอเสียงมติในที่ประชุม 3 ใน 4 ทั้งนี้จะเชิญ สส. ทั้ง 20 คน ที่ยังเป็นสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐเข้าร่วมด้วย เพื่อขอมติในที่ประชุมเพื่อขอมติให้ได้เสียง 3 ใน 4 โดยเราได้มีการแจ้งคนกลุ่มนี้ไปแล้ว และเขาเองก็จะมาร่วมประชุมด้วย
    .
    สำหรับ สส. พรรคพลังประชารัฐที่จะขับออกจากพรรค ประกอบด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา เขต 1 นายจตุพร กมลพันธ์ทิพย์ สส.ราชบุรี เขต 3 นายจำลอง ภูนวนทา สส.กาฬสินธุ์ เขต 3 นายจีรเดช ศรีวิราช สส.พะเยา เขต 3 นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา เขต 4 นายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ สส.ราชบุรี เขต 5 นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ เขต 9 นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สส.ราชบุรี เขต 2 นายปกรณ์ จีนาคำ สส.แม่ฮ่องสอน เขต 1 นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เขต 1
    .
    นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ สส.กำแพงเพชร เขต 2 นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข สส.ตาก เขต 3 นางรัชนี พลซื่อ สส.ร้อยเอ็ด เขต 3 นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ สส.ชลบุรี เขต 10 นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 3 นายองอาจ วงษ์ประยูร สส.สระบุรี เขต 4 นายอนุรัตน์ ตันบรรจง สส.พะเยา เขต 2 นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา เขต 2 นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7 และนายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 2 เป็นต้น
    .............
    Sondhi X
    มติพลังประชารัฐ ขับ 20 สส.กลุ่มธรรมนัสพ้นพรรค ปัดแลกเปลี่ยนคดีภูนับดาว . ที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐ มีมติขับ 20 สส. ก๊วน "ร.อ.​ธรรมนัส" พ้นพรรค ​อ้าง​อุดมการณ์ไม่ตรงกัน​ ยันไม่มีข้อแลกเปลี่ยนกับคดี "ภูนับดาว" โยงคนใกล้ชิด "​บิ๊กป้อม" ​เตรียมเสนอที่ประชุมร่วม​ กก.บห. และ สส. ลงมติพรุ่งนี้ . วันนี้ (20 ธ.ค.) นายไพบูลย์​ นิติตะวัน​ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ แถลงภายหลังประชุมพรรคว่า​ ที่ประชุมมีมติเห็นด้วยตามที่ตนในฐานะประธานคณะกรรมการตรวจสอบ กรณี สส. พรรค​พลังประชารัฐ 20 คน มีการกระทำอาจฝ่าฝืนข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ และเสนอว่าการกระทำของสมาชิกพรรคทั้ง 20 คน มีเหตุจากแนวคิดและอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างอย่างสิ้นเชิง กับแนวคิดและอุดมการณ์ทางการเมืองของคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐคนอื่น​ เกินกว่าจะแก้ไขทำความเข้าใจให้เป็นไปแนวทางเดียวกันได้ . เหตุดังกล่าวเห็นว่า สส. ทั้ง 20 คนนั้น มีการกระทำลักษณะที่มีเหตุร้ายแรงอย่างอื่นตามข้อบังคับ 54 (4) ตนในฐานะคณะกรรมการตรวจสอบและเลขาธิการพรรค จึงเสนอให้ที่ประชุมมีมติให้สมาชิกภาพของทั้ง 20 คนสิ้นสุดลง ตามข้อบังคับ 54 (5) และววรค 2 และขอให้ที่ประชุมมีมติให้มีการประชุมร่วมของคณะกรรมการบริหารของพรรคและ สส. ​พรรคพลังประชารัฐเพื่อพิจารณาลงมติ ตามข้อบังคับที่ 54 (5) และวรรค 2 ในวันพฤหัสบดีที่ 12 ธ.ค. เวลา 10.30 น. ที่รัฐสภา​ ซึ่งที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐวันนี้ เป็นการเห็นชอบชั้นที่ 1 แต่ในวันพรุ่งนี้จะต้องมีการลงมติโดยใช้เสียง 3 ใน 4 ของที่ประชุมร่วมกัน ระหว่างคณะกรรมการบริหารและ สส. ​พรรคพลังประชารัฐ . เมื่อถามว่าเป็นการจากกันด้วยดีใช่หรือไม่ หรือมีการแลกเปลี่ยนเงื่อนไขกับคดีของคนใกล้ชิด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ถูกกล่าวหามีส่วนเกี่ยวข้องกับที่ดิน ส.ป.ก. ไร่ภูนับดาว จ.สระบุรี นายไพบูลย์ กล่าวว่า ไม่มีอะไรทั้งนั้น เป็นไปตามที่ตนแถลง โดยยืนยันว่าเป็นการจากกันด้วยดี เพราะแนวคิดอุดมการณ์ทางการเมืองแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง เราพยายามที่จะพูดคุยประสาน เพื่อที่จะให้มาในแนวทางเดียวกัน แต่คิดว่าเมื่อเป็นไปไม่ได้ก็ถือว่าเป็นเหตุที่ร้ายแรงอื่น ซึ่งเป็นไปตามข้อกฎหมายควรจะมีมติให้ สส. ทั้ง 20 คนพ้นจากการเป็นสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐ เมื่อถามย้ำว่าเป็นการจากกันด้วยดีใช่หรือไม่ นายไพบูลย์ ย้ำว่า ขอให้ผู้สื่อข่าวฟังเอาเอง แต่ความรู้สึกตนนั้นทุกอย่างดำเนินการไปตามกระบวนการ เราพยายามพูดคุยกันแล้ว หากไม่มีอุดมการณ์ร่วมกัน ก็ไม่เป็นไร เมื่อไม่มี ก็ต่างฝ่ายต่างรักษาอุดมการณ์ของตัวเองไป ไม่มีปัญหาอะไร . นายไพบูลย์ เปิดเผยว่า ในการประชุมกรรมการบริหารพรรควันนี้ พล.อ.ประวิตร ไม่ได้เข้าร่วมประชุมด้วย เนื่องจากไม่สบาย แต่ก็เห็นด้วย เพราะเรื่องนี้เป็นดำริที่ท่านเห็นชอบอยู่แล้ว ดังนั้นถือว่าเป็นมติของกรรมการบริหารพรรคไปแล้ว แต่ยังไม่สมบูรณ์ ต้องนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคร่วมกับ สส. ของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งขณะนี้มีอยู่ 40 คน โดยต้องขอเสียงมติในที่ประชุม 3 ใน 4 ทั้งนี้จะเชิญ สส. ทั้ง 20 คน ที่ยังเป็นสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐเข้าร่วมด้วย เพื่อขอมติในที่ประชุมเพื่อขอมติให้ได้เสียง 3 ใน 4 โดยเราได้มีการแจ้งคนกลุ่มนี้ไปแล้ว และเขาเองก็จะมาร่วมประชุมด้วย . สำหรับ สส. พรรคพลังประชารัฐที่จะขับออกจากพรรค ประกอบด้วย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา เขต 1 นายจตุพร กมลพันธ์ทิพย์ สส.ราชบุรี เขต 3 นายจำลอง ภูนวนทา สส.กาฬสินธุ์ เขต 3 นายจีรเดช ศรีวิราช สส.พะเยา เขต 3 นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สส.สงขลา เขต 4 นายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ สส.ราชบุรี เขต 5 นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ เขต 9 นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา สส.ราชบุรี เขต 2 นายปกรณ์ จีนาคำ สส.แม่ฮ่องสอน เขต 1 นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เขต 1 . นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ สส.กำแพงเพชร เขต 2 นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข สส.ตาก เขต 3 นางรัชนี พลซื่อ สส.ร้อยเอ็ด เขต 3 นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ สส.ชลบุรี เขต 10 นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 3 นายองอาจ วงษ์ประยูร สส.สระบุรี เขต 4 นายอนุรัตน์ ตันบรรจง สส.พะเยา เขต 2 นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา เขต 2 นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7 และนายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 2 เป็นต้น ............. Sondhi X
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2149 มุมมอง 0 รีวิว
  • คืบหน้าเปลี่ยนมาตรฐานความปลอดภัยรถ NGV : คนเคาะข่าว 05-12-67
    : ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ
    : กิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ดำเนินรายการ
    #คนเคาะข่าว
    คืบหน้าเปลี่ยนมาตรฐานความปลอดภัยรถ NGV : คนเคาะข่าว 05-12-67 : ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ : กิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ดำเนินรายการ #คนเคาะข่าว
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 822 มุมมอง 16 0 รีวิว
  • MOU44 กับความจริงที่รบ.ไม่กล้าพูด - คืบหน้าเปลี่ยนมาตรฐานความปลอดภัยรถ NGV : คนเคาะข่าว 14-11-67
    : ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ
    : กิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ดำเนินรายการ
    #คนเคาะข่าว
    MOU44 กับความจริงที่รบ.ไม่กล้าพูด - คืบหน้าเปลี่ยนมาตรฐานความปลอดภัยรถ NGV : คนเคาะข่าว 14-11-67 : ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ : กิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ดำเนินรายการ #คนเคาะข่าว
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1344 มุมมอง 21 0 รีวิว
  • MOU44 กับความจริงที่รบ.ไม่กล้าพูด - คืบหน้าเปลี่ยนมาตรฐานความปลอดภัยรถ NGV : คนเคาะข่าว 14-11-67
    : ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ
    : กิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ดำเนินรายการ
    https://youtu.be/R7XvMxtw9S4?si=Hrx5hhX0LSHORfyn

    #Thaitimes
    MOU44 กับความจริงที่รบ.ไม่กล้าพูด - คืบหน้าเปลี่ยนมาตรฐานความปลอดภัยรถ NGV : คนเคาะข่าว 14-11-67 : ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ : กิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ดำเนินรายการ https://youtu.be/R7XvMxtw9S4?si=Hrx5hhX0LSHORfyn #Thaitimes
    Like
    Yay
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 583 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สามารถ” ชิงลาออกพ้นพรรค​ พปชร.​ เซ่นปมคลิปฉาว เรียกรับทรัพย์ดิไอคอน​ “ไพบูลย์” บอกยื่นตั้งแต่ 25 ต.ค.แต่ไม่ได้แจ้งพรรค

    วันนี้ (29 ต.ค.) ที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐรัฐ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ถึงกรณี นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช​ อดีตรองโฆษกพรรค พปชร.ถูกพาดพิงเรื่องคลิปเสียงคดีดิไอคอน ว่า นายสามารถ ได้ลาออกจากสมาชิกพรรค พปชร.แล้ว เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กกต. ได้ส่งหนังสือลาออกมาแล้ว ยืนยันว่า นายสามารถ ลาออกเอง

    ด้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร.เปิดเผยว่า นายสามารถ​ ได้ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคต่​อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว​ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 ต.ค. โดยที่ไม่ได้แจ้งพรรค ขณะที่หนังสือลาออกได้มาถึงพรรคในวันนี้

    ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยในที่ประชุมพรรคได้มีการพูดคุยถึงนายสามารถ แต่เนื่องจากมีหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคของนายสามารถส่งมา พรรคจึงมีมติรับทราบ ทำให้พรรคไม่ต้องใช้มติพรรคในการขับนายสามารถ

    #MGROnline #พรรคพลังประชารัฐ
    “สามารถ” ชิงลาออกพ้นพรรค​ พปชร.​ เซ่นปมคลิปฉาว เรียกรับทรัพย์ดิไอคอน​ “ไพบูลย์” บอกยื่นตั้งแต่ 25 ต.ค.แต่ไม่ได้แจ้งพรรค • วันนี้ (29 ต.ค.) ที่พรรคพลังประชารัฐ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐรัฐ เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค ถึงกรณี นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช​ อดีตรองโฆษกพรรค พปชร.ถูกพาดพิงเรื่องคลิปเสียงคดีดิไอคอน ว่า นายสามารถ ได้ลาออกจากสมาชิกพรรค พปชร.แล้ว เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา กกต. ได้ส่งหนังสือลาออกมาแล้ว ยืนยันว่า นายสามารถ ลาออกเอง • ด้าน นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร.เปิดเผยว่า นายสามารถ​ ได้ยื่นใบลาออกจากสมาชิกพรรคต่​อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) แล้ว​ ตั้งแต่เมื่อวันที่ 25 ต.ค. โดยที่ไม่ได้แจ้งพรรค ขณะที่หนังสือลาออกได้มาถึงพรรคในวันนี้ • ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า โดยในที่ประชุมพรรคได้มีการพูดคุยถึงนายสามารถ แต่เนื่องจากมีหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคของนายสามารถส่งมา พรรคจึงมีมติรับทราบ ทำให้พรรคไม่ต้องใช้มติพรรคในการขับนายสามารถ • #MGROnline #พรรคพลังประชารัฐ
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 855 มุมมอง 0 รีวิว
  • ข้ออ้างความมั่นคงทางพลังงาน เปิดทางทำไทยเสียดินแดน? : คนเคาะข่าว 24-10-67
    : ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ
    : กิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ดำเนินรายการ
    #คนเคาะข่าว
    ข้ออ้างความมั่นคงทางพลังงาน เปิดทางทำไทยเสียดินแดน? : คนเคาะข่าว 24-10-67 : ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ : กิตติชัย ไพโรจน์ไชยกุล ดำเนินรายการ #คนเคาะข่าว
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 534 มุมมอง 276 0 รีวิว
  • ♣ แว่วมาว่า บรรดาสมาชิกอาวุโส สส.รุ่นใหญ่ ในพรรคพลังประชารัฐ ใช้จังหวะที่นายสามารถพลาดพลั้ง และทำให้พรรคเสื่อมเสียไปด้วย ได้เสนอให้ลุงป้อมพิจารณามอบหมายกรรมการบริหารพรรค ให้มีมติขับนายสามารถออกจากพรรค งานนี้อาจต้องวัดใจลุงป้อม ว่าจะตัดเนื้อร้าย หรือจะเลี้ยงไว้ใช้งาน
    #7ดอกจิก
    ♣ แว่วมาว่า บรรดาสมาชิกอาวุโส สส.รุ่นใหญ่ ในพรรคพลังประชารัฐ ใช้จังหวะที่นายสามารถพลาดพลั้ง และทำให้พรรคเสื่อมเสียไปด้วย ได้เสนอให้ลุงป้อมพิจารณามอบหมายกรรมการบริหารพรรค ให้มีมติขับนายสามารถออกจากพรรค งานนี้อาจต้องวัดใจลุงป้อม ว่าจะตัดเนื้อร้าย หรือจะเลี้ยงไว้ใช้งาน #7ดอกจิก
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 458 มุมมอง 0 รีวิว
  • ปัญหาไฟไหม้รถบัส ต้นตอจากนโยบายรัฐ เอื้อประโยชน์ทุนพลังงาน
    .
    หากจะมีประเด็นให้พูดถึงอยู่บ้างสำหรับกรณีรถบัสเพลิงไหม้ที่คร่าครูและเด็กนักเรียนไปมากกว่า 20 ชีวิต นอกเหนือไปจากเรื่องคดีความแล้วนั้นน่าจะเป็นมาตรกระบวนการล้อมคอกของหน่วยงานภาครัฐ ที่เวลาดูเหมือนว่ากำลังจะใกล้เป็นปรากฎการณ์ไฟไหม้ฟางมากขึ้นไปทุกที
    .
    โดยจากที่เคยขึงขังประกาศโรดแมปจัดระเบียบรถโดยสารขับเคลื่อนพลังก๊าซของ 'สุริยะจึงรุ่งเรืองกิจ' รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ปรากฎว่าความขึงขังที่เคยมีนั้นกำลังมีแนวโน้มไปสู่การหย่อนยานมากขึ้นตามลำดับ
    .
    อย่างไรก็ตาม แก่นแท้ของปัญหานี้ไม่ได้อยู่ที่ความประมาทของเจ้าของรถบัสต้นเหตุแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่ด้านหนึ่งต้องยอมรับว่านโยบายของภาครัฐในภาพใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนให้รถโดยสารใช้ก๊าซ ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของปัญหาไม่ต่างกัน โดยในเรื่องนี้มีการแสดงความคิดเห็นและให้แง่มุมมาจาก หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการและกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ
    .
    โดยนักวิชาการด้านพลังงานรายนี้ เป็นคนแรกๆที่ออกมาฉายภาพของปัญหาผ่านเฟซบุ๊กตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า เนื่องจากรัฐมุ่งโปรโมตขายก๊าซ NGV ใช้ในรถขนส่งผู้โดยสาร จนชะล่าใจ วางมาตรฐานความปลอดภัยต่ำ โดยเฉพาะมาตรฐานวาล์วที่หัวถังอันตรายมาก ดังนั้นการโยนความผิดให้เอกชนฝ่ายเดียวจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ก่อนอื่นเลยเราต้องเข้าใจว่า หลายประเทศในทวีปยุโรป นั้นใช้ก๊าซในยานยนต์มานานก่อนประเทศไทย ได้มีบทเรียนและสร้างมาตรฐานยุโรป ที่เรียกว่า ECE R110 ซึ่งกำหนดว่า ยานพาหนะที่ติดก๊าซ NGV ทุกชนิด จะต้องใช้วาล์วที่ต้องปิดเปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า โซลินอยด์ วาล์ว และเมื่อเกิดเหตุก๊าซรั่ว หรือปิดเครื่องยนต์ หรือใช้น้ำมัน จะต้องปิดวาล์ทันทีแบบอัตโนมัติ ซึ่งช้าสุดต้องไม่เกิน 2 วินาที
    .
    มาตรฐานการติดตั้งก๊าซ LPG ในยานยนต์ของประเทศไทยนั้น ได้ปรากฏเป็นประกาศกรมขนส่งทางบก ลงประกาศราชกิจจานุเบกษามีมาตั้งแต่ วันที่ 17 ธันวาคม 2551 กำหนดให้รถที่ติดก๊าซ LPG ใช้ “ลิ้นปิดเปิดอัตโนมัติ” ที่หัวถัง หากก๊าซรั่วแม้แต่เพียงเล็กน้อย หากสลับใช้น้ำมัน และหากดับเครื่องยนต์ วาล์วโซลินอยด์จะปิดอัตโนมัติทันที แต่การติดก๊าซ NGV ในยานยนต์ของประเทศไทยนั้น กลับเป็นเรื่องแปลกประหลาด
    .
    เพราะได้มีการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยต่ำกว่ายุโรป และต่ำกว่าก๊าซ LPG ด้วย คือ กำหนดให้ผู้ติดตั้งก๊าซ NGV ในยานยนต์เลือกได้ ว่าจะใช้วาล์วแบบไหนก็คือ จะเป็น “วาล์วแบบอัตโนมัติ” ก็ได้ หรือจะเป็น “วาล์วแบบใช้มือปิดเปิด” ก็ได้
    .
    "เมื่อกำหนดให้เลือกได้ว่าจะให้มีมาตรฐานความปลอดภัยปิดเปิดแก๊สอัตโนมัติตามแบบยุโรปก็ได้ หรือจะเป็นวาล์วที่ใช้มือปิดเปิดก็ได้ ผู้ติดตั้งก๊าซ NGV ในเมืองไทย ส่วนใหญ่จึงเลือก “วาล์วอัตโนมือ - ที่ใช้มือปิดเปิด” เกือบทั้งหมด เพราะ ถูกกว่า-ประหยัดกว่า และภาครัฐอนุญาตให้ทำอย่างนั้น" ประเด็นสำคัญที่หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ ชี้ให้เห็น
    .
    ไม่เพียงเท่านี้ นโยบายดังกล่าวยังได้มาซึ่งความอู้ฟู่อของปตท.อีกด้วยภายใต้แผนการขยายการใช้ NGV เพื่อเป็นทางเลือกเชื้อเพลิงในภาคขนส่งในปี 2548 ซึ่งเป็นช่วงเวลาของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ขณะนั้น โดยเป็นสารตั้งต้นที่นำมาซึ่งการส่งเสริมการใช้ก๊าซNGVครั้งใหญ่
    .
    โดยหม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ อธิบายในประเด็นนี้ว่า สามารถทำให้รัฐบาลมีมาตรการสั่งไปได้หลายกระทรวง รวมถึงมาตรการบังคับ ให้ยานยนต์ขนส่งมวลชน ให้มาติดก๊าซ NGV ให้หมด คือ แท็กซี่ในกรุงเทพ, รถให้บริการในสนามบินสุวรรณภูมิ, รถเมล์, รถบขส., รถตู้โดยสาร, รถบัส, รถเก็บขยะใน กทม., รถของหน่วยราชการ, รถของรัฐวิสากิจ ปตท. และรัฐบาลถึงขนาดประชาสัมพันธ์ว่า ก๊าซ NGV ทนความร้อนได้สูงกว่า ก๊าซลอยตัวขึ้นสูงจึงปลอดภัยกว่า ทำให้คนหลงเชื่อผิด ๆ และอยากติดก๊าซ NGV มากขึ้น
    .
    ไม่รู้เหมือนกันว่าข้อคิดเห็นของหม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ ซึ่งมีความน่าสนใจและชี้ให้เห็นถึงประเด็นปัญหานั้นจะไปถึงผู้มีอำนาจในรัฐบาลหรือไม่ในยามที่เรื่องนี้กำลังจะเลือนหายไปจากสังคม หรือบางทีอาจจะไปถึงโต๊ะของรัฐมนตรี แต่ก็ถูกโยนทิ้งเพราะมองว่าเป็นข้อเสนอจากคนของพรรคพลังประชารัฐที่เป็นคู่แข่งในทางการเมืองเท่านั้น
    ..............
    Sondhi X
    ปัญหาไฟไหม้รถบัส ต้นตอจากนโยบายรัฐ เอื้อประโยชน์ทุนพลังงาน . หากจะมีประเด็นให้พูดถึงอยู่บ้างสำหรับกรณีรถบัสเพลิงไหม้ที่คร่าครูและเด็กนักเรียนไปมากกว่า 20 ชีวิต นอกเหนือไปจากเรื่องคดีความแล้วนั้นน่าจะเป็นมาตรกระบวนการล้อมคอกของหน่วยงานภาครัฐ ที่เวลาดูเหมือนว่ากำลังจะใกล้เป็นปรากฎการณ์ไฟไหม้ฟางมากขึ้นไปทุกที . โดยจากที่เคยขึงขังประกาศโรดแมปจัดระเบียบรถโดยสารขับเคลื่อนพลังก๊าซของ 'สุริยะจึงรุ่งเรืองกิจ' รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ปรากฎว่าความขึงขังที่เคยมีนั้นกำลังมีแนวโน้มไปสู่การหย่อนยานมากขึ้นตามลำดับ . อย่างไรก็ตาม แก่นแท้ของปัญหานี้ไม่ได้อยู่ที่ความประมาทของเจ้าของรถบัสต้นเหตุแต่เพียงฝ่ายเดียว แต่ด้านหนึ่งต้องยอมรับว่านโยบายของภาครัฐในภาพใหญ่ที่เกี่ยวข้องกับการสนับสนุนให้รถโดยสารใช้ก๊าซ ก็เป็นหนึ่งในสาเหตุของปัญหาไม่ต่างกัน โดยในเรื่องนี้มีการแสดงความคิดเห็นและให้แง่มุมมาจาก หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการและกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ . โดยนักวิชาการด้านพลังงานรายนี้ เป็นคนแรกๆที่ออกมาฉายภาพของปัญหาผ่านเฟซบุ๊กตั้งแต่ต้นเดือนตุลาคมที่ผ่านมาว่า เนื่องจากรัฐมุ่งโปรโมตขายก๊าซ NGV ใช้ในรถขนส่งผู้โดยสาร จนชะล่าใจ วางมาตรฐานความปลอดภัยต่ำ โดยเฉพาะมาตรฐานวาล์วที่หัวถังอันตรายมาก ดังนั้นการโยนความผิดให้เอกชนฝ่ายเดียวจะไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ ก่อนอื่นเลยเราต้องเข้าใจว่า หลายประเทศในทวีปยุโรป นั้นใช้ก๊าซในยานยนต์มานานก่อนประเทศไทย ได้มีบทเรียนและสร้างมาตรฐานยุโรป ที่เรียกว่า ECE R110 ซึ่งกำหนดว่า ยานพาหนะที่ติดก๊าซ NGV ทุกชนิด จะต้องใช้วาล์วที่ต้องปิดเปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า หรือที่เรียกว่า โซลินอยด์ วาล์ว และเมื่อเกิดเหตุก๊าซรั่ว หรือปิดเครื่องยนต์ หรือใช้น้ำมัน จะต้องปิดวาล์ทันทีแบบอัตโนมัติ ซึ่งช้าสุดต้องไม่เกิน 2 วินาที . มาตรฐานการติดตั้งก๊าซ LPG ในยานยนต์ของประเทศไทยนั้น ได้ปรากฏเป็นประกาศกรมขนส่งทางบก ลงประกาศราชกิจจานุเบกษามีมาตั้งแต่ วันที่ 17 ธันวาคม 2551 กำหนดให้รถที่ติดก๊าซ LPG ใช้ “ลิ้นปิดเปิดอัตโนมัติ” ที่หัวถัง หากก๊าซรั่วแม้แต่เพียงเล็กน้อย หากสลับใช้น้ำมัน และหากดับเครื่องยนต์ วาล์วโซลินอยด์จะปิดอัตโนมัติทันที แต่การติดก๊าซ NGV ในยานยนต์ของประเทศไทยนั้น กลับเป็นเรื่องแปลกประหลาด . เพราะได้มีการกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยต่ำกว่ายุโรป และต่ำกว่าก๊าซ LPG ด้วย คือ กำหนดให้ผู้ติดตั้งก๊าซ NGV ในยานยนต์เลือกได้ ว่าจะใช้วาล์วแบบไหนก็คือ จะเป็น “วาล์วแบบอัตโนมัติ” ก็ได้ หรือจะเป็น “วาล์วแบบใช้มือปิดเปิด” ก็ได้ . "เมื่อกำหนดให้เลือกได้ว่าจะให้มีมาตรฐานความปลอดภัยปิดเปิดแก๊สอัตโนมัติตามแบบยุโรปก็ได้ หรือจะเป็นวาล์วที่ใช้มือปิดเปิดก็ได้ ผู้ติดตั้งก๊าซ NGV ในเมืองไทย ส่วนใหญ่จึงเลือก “วาล์วอัตโนมือ - ที่ใช้มือปิดเปิด” เกือบทั้งหมด เพราะ ถูกกว่า-ประหยัดกว่า และภาครัฐอนุญาตให้ทำอย่างนั้น" ประเด็นสำคัญที่หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ ชี้ให้เห็น . ไม่เพียงเท่านี้ นโยบายดังกล่าวยังได้มาซึ่งความอู้ฟู่อของปตท.อีกด้วยภายใต้แผนการขยายการใช้ NGV เพื่อเป็นทางเลือกเชื้อเพลิงในภาคขนส่งในปี 2548 ซึ่งเป็นช่วงเวลาของรัฐบาลทักษิณ ชินวัตร ขณะนั้น โดยเป็นสารตั้งต้นที่นำมาซึ่งการส่งเสริมการใช้ก๊าซNGVครั้งใหญ่ . โดยหม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ อธิบายในประเด็นนี้ว่า สามารถทำให้รัฐบาลมีมาตรการสั่งไปได้หลายกระทรวง รวมถึงมาตรการบังคับ ให้ยานยนต์ขนส่งมวลชน ให้มาติดก๊าซ NGV ให้หมด คือ แท็กซี่ในกรุงเทพ, รถให้บริการในสนามบินสุวรรณภูมิ, รถเมล์, รถบขส., รถตู้โดยสาร, รถบัส, รถเก็บขยะใน กทม., รถของหน่วยราชการ, รถของรัฐวิสากิจ ปตท. และรัฐบาลถึงขนาดประชาสัมพันธ์ว่า ก๊าซ NGV ทนความร้อนได้สูงกว่า ก๊าซลอยตัวขึ้นสูงจึงปลอดภัยกว่า ทำให้คนหลงเชื่อผิด ๆ และอยากติดก๊าซ NGV มากขึ้น . ไม่รู้เหมือนกันว่าข้อคิดเห็นของหม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ ซึ่งมีความน่าสนใจและชี้ให้เห็นถึงประเด็นปัญหานั้นจะไปถึงผู้มีอำนาจในรัฐบาลหรือไม่ในยามที่เรื่องนี้กำลังจะเลือนหายไปจากสังคม หรือบางทีอาจจะไปถึงโต๊ะของรัฐมนตรี แต่ก็ถูกโยนทิ้งเพราะมองว่าเป็นข้อเสนอจากคนของพรรคพลังประชารัฐที่เป็นคู่แข่งในทางการเมืองเท่านั้น .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1821 มุมมอง 0 รีวิว
  • จุดต้นตอรถบัสมรณะ คมนาคม-ขนส่งแก้ไม่ถูกจุด
    .
    ที่นี่จะเป็นที่แรกที่อธิบายเบื้องหน้าเบื้องหลังจริงๆว่าต้นเหตุจริงๆ มาจากไหน ? หลังจากรถบัสคันเกิดเหตุ เจ้าของชื่อ ชินบุตรทัวร์ จังหวัดสิงห์บุรี เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบ พบว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้เพลิงลุกไหม้ เพราะว่าแก๊ส NGV รั่วไหลบริเวณส่วนหน้าของรถคันนี้ ที่ติดถังแก๊สถึง 11 ถัง เกินไปจากใบอนุญาตจากกรมการขนส่งฯ กะว่าวิ่งยาวโดยไม่ต้องเติมแก๊ส และตรงประตูฉุกเฉินท้ายรถด้านซ้ายเปิดไม่ได้ นี่คือความหละหลวมฉ้อฉลของกรมการขนส่งทางบก ที่ไม่ตรวจสอบอย่างละเอียด
    .
    เมื่อ 4 ตุลาคม ที่ผ่านมา คุณจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบกที่ได้รับต่ออายุราชการอีก 1 ปี ออกประกาศลงราชกิจจานุเบกษาว่า ให้รถขนส่งผู้โดยสารที่ติดก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ LPG และก๊าซธรรมชาติอัดหรือ NGV เข้ารับการตรวจสภาพใหม่ให้เสร็จสิ้นภายใน 30 พฤศจิกายน 2567
    .
    ประกาศฉบับนี้ไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหา มันเป็นมาตรการเฉพาะหน้า เพราะต่อให้ทำตามมาตรฐานของกรมการขนส่งทางบก อุบัติเหตุก็ยังเกิดขึ้นอยู่ เพราะว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกจุด หัวขบวนอย่างคุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และอธิบดีกรมการขนส่งทางบก จะไม่รับผิดชอบอะไรเลยหรือ หรือมัวแต่หมกมุ่นกับโครงการแสนล้านอยู่ ไม่มีเวลามาดูแลเรื่องที่มันส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชน
    .
    ทำไมประเทศไทยถึงมีความถี่การเกิดไฟไหม้รถ ยานยนต์ บ่อยครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอด 16 ปีที่ผ่านมา แตกต่างจากประเทศที่รถเขาติดแก๊สกันทั่วโลกเลย ปัญหานี้คือปัญหาเส้นผมบังภูเขา ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้มันเกิดขึ้นจากภาครัฐ ระยำตำบอนมาก
    .
    หม่อมกรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการ และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เป็นคนออกมาโพสต์ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2567 สรุปสาระสำคัญได้ว่า ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพราะว่ารัฐมุ่งโปรโมตขายแก๊ส NGV ใช้ในรถขนส่งผู้โดยสารจนชะล่าใจ ลดมาตรฐานความปลอดภัยต่ำ โดยเฉพาะมาตรฐานวาล์วที่หัวถัง อันตรายมาก เพราะฉะนั้นแล้ว การโยนความผิดให้เอกชนฝ่ายเดียวนั้น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้
    .
    19 ปีที่แล้ว ในปีนั้น เป็นยุครัฐบาลชุดทักษิณ ชินวัตรที่สนับสนุนบังคับยานยนต์ขนส่งมวลชนใช้ NGV ในมาตรการการลงทุนท่อแก๊ส สถานี NGV มาตรการลดภาษีอุปกรณ์ มาตรการเงินกู้ มาตรการขายราคาต่ำช่วงแรก แต่ค่าถัง อุปกรณ์ แพงกว่า LPG มากก็เลยทำให้มีการลดมาตรฐานความปลอดภัยตามประกาศกรมขนส่ง29มกราคม2551 แล้วก็มาระเบิดในยุคทักษิณ ชินวัตร อีกเช่นกัน มันช่างบังเอิญเสียเช่นนี้

    การตัดสินใจของ มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) คือตัวการ และกรมการขนส่งทางบก กับ ปตท. เท่ากับเป็นการถอยออกจากมาตรฐานยุโรปECE R110ที่กำหนดไว้ว่า ยานพาหนะที่ติดแก๊ส NGV ทุกชนิด จะต้องใช้วาล์วที่ปิดและเปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า เขาเรียกวาล์วนี้ว่า โซลินอยด์วาล์ว (Solenoid Valve) หรือ มาตรฐาน มอก. 2333 มาเป็นการลดต้นทุนในการติดตั้งแก๊ส NGV บนมาตรฐานความไม่ปลอดภัยต่อผู้โดยสารจะเลือกวาล์วลิ้นเปิด-ปิดด้วยมือ หรือแบบอัตโนมัติก็ได้ เป็นการโปรโมตการใช้แก๊ส NGV โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของชีวิตประชาชน
    .
    หวังเพียงแต่ว่าภาคการขนส่งไม่ต้องมาแย่งแก๊ส LPG แล้วให้ไปใช้แก๊ส NGV มากขึ้น เพื่ออะไร ? เพื่อให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมิคัลใน ปตท. จะได้รวยขึ้น ทำให้ผู้ถือหุ้นใน ปตท. ซึ่งยุคนั้นเป็นคนของทักษิณทั้งสิ้น ร่ำรวยมากขึ้น
    .
    ถ้าเรามีวาล์วปิด-เปิดอัตโนมัติ เด็กที่เสียชีวิตไปและครูคงไม่เสียชีวิตแบบนี้ พ่อแม่พี่น้อง ญาติพี่น้องของคนที่ตาย ให้รับทราบว่าลูกๆ คุณเสียชีวิตไปเพราะกรมการขนส่งทางบก มอก. และ ปตท. ยุคนั้น เห็นแก่เงิน แค่พวงหรีดไม่กี่พวงหรืออย่างไร แล้วแค่ตั้งกรรมการสอบหรืออย่างไร หรือว่าคุณสุริยะมัวแต่หมกมุ่นกับโครงการแสนล้านอยู่ ไม่มีเวลามาดูแลเรื่องที่มันส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชน แต่หลักการของการแก้ที่ถูกต้องมันไม่ทำอะไรเลย ท่านผู้ชมครับ นี่ล่ะคือ "ความจริงที่มีหนึ่งเดียว" หาได้เฉพาะที่นี่
    จุดต้นตอรถบัสมรณะ คมนาคม-ขนส่งแก้ไม่ถูกจุด . ที่นี่จะเป็นที่แรกที่อธิบายเบื้องหน้าเบื้องหลังจริงๆว่าต้นเหตุจริงๆ มาจากไหน ? หลังจากรถบัสคันเกิดเหตุ เจ้าของชื่อ ชินบุตรทัวร์ จังหวัดสิงห์บุรี เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานไปตรวจสอบ พบว่าสาเหตุสำคัญที่ทำให้เพลิงลุกไหม้ เพราะว่าแก๊ส NGV รั่วไหลบริเวณส่วนหน้าของรถคันนี้ ที่ติดถังแก๊สถึง 11 ถัง เกินไปจากใบอนุญาตจากกรมการขนส่งฯ กะว่าวิ่งยาวโดยไม่ต้องเติมแก๊ส และตรงประตูฉุกเฉินท้ายรถด้านซ้ายเปิดไม่ได้ นี่คือความหละหลวมฉ้อฉลของกรมการขนส่งทางบก ที่ไม่ตรวจสอบอย่างละเอียด . เมื่อ 4 ตุลาคม ที่ผ่านมา คุณจิรุตม์ วิศาลจิตร อธิบดีกรมการขนส่งทางบกที่ได้รับต่ออายุราชการอีก 1 ปี ออกประกาศลงราชกิจจานุเบกษาว่า ให้รถขนส่งผู้โดยสารที่ติดก๊าซปิโตรเลียมเหลว หรือ LPG และก๊าซธรรมชาติอัดหรือ NGV เข้ารับการตรวจสภาพใหม่ให้เสร็จสิ้นภายใน 30 พฤศจิกายน 2567 . ประกาศฉบับนี้ไม่เพียงพอต่อการแก้ปัญหา มันเป็นมาตรการเฉพาะหน้า เพราะต่อให้ทำตามมาตรฐานของกรมการขนส่งทางบก อุบัติเหตุก็ยังเกิดขึ้นอยู่ เพราะว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกจุด หัวขบวนอย่างคุณสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ และอธิบดีกรมการขนส่งทางบก จะไม่รับผิดชอบอะไรเลยหรือ หรือมัวแต่หมกมุ่นกับโครงการแสนล้านอยู่ ไม่มีเวลามาดูแลเรื่องที่มันส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชน . ทำไมประเทศไทยถึงมีความถี่การเกิดไฟไหม้รถ ยานยนต์ บ่อยครั้งซ้ำแล้วซ้ำเล่าตลอด 16 ปีที่ผ่านมา แตกต่างจากประเทศที่รถเขาติดแก๊สกันทั่วโลกเลย ปัญหานี้คือปัญหาเส้นผมบังภูเขา ปัญหาที่เกิดขึ้นทุกวันนี้มันเกิดขึ้นจากภาครัฐ ระยำตำบอนมาก . หม่อมกรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการ และกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เป็นคนออกมาโพสต์ตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคม 2567 สรุปสาระสำคัญได้ว่า ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเพราะว่ารัฐมุ่งโปรโมตขายแก๊ส NGV ใช้ในรถขนส่งผู้โดยสารจนชะล่าใจ ลดมาตรฐานความปลอดภัยต่ำ โดยเฉพาะมาตรฐานวาล์วที่หัวถัง อันตรายมาก เพราะฉะนั้นแล้ว การโยนความผิดให้เอกชนฝ่ายเดียวนั้น ไม่สามารถแก้ไขปัญหาได้ . 19 ปีที่แล้ว ในปีนั้น เป็นยุครัฐบาลชุดทักษิณ ชินวัตรที่สนับสนุนบังคับยานยนต์ขนส่งมวลชนใช้ NGV ในมาตรการการลงทุนท่อแก๊ส สถานี NGV มาตรการลดภาษีอุปกรณ์ มาตรการเงินกู้ มาตรการขายราคาต่ำช่วงแรก แต่ค่าถัง อุปกรณ์ แพงกว่า LPG มากก็เลยทำให้มีการลดมาตรฐานความปลอดภัยตามประกาศกรมขนส่ง29มกราคม2551 แล้วก็มาระเบิดในยุคทักษิณ ชินวัตร อีกเช่นกัน มันช่างบังเอิญเสียเช่นนี้ การตัดสินใจของ มาตรฐานอุตสาหกรรม (มอก.) คือตัวการ และกรมการขนส่งทางบก กับ ปตท. เท่ากับเป็นการถอยออกจากมาตรฐานยุโรปECE R110ที่กำหนดไว้ว่า ยานพาหนะที่ติดแก๊ส NGV ทุกชนิด จะต้องใช้วาล์วที่ปิดและเปิดอัตโนมัติด้วยระบบไฟฟ้า เขาเรียกวาล์วนี้ว่า โซลินอยด์วาล์ว (Solenoid Valve) หรือ มาตรฐาน มอก. 2333 มาเป็นการลดต้นทุนในการติดตั้งแก๊ส NGV บนมาตรฐานความไม่ปลอดภัยต่อผู้โดยสารจะเลือกวาล์วลิ้นเปิด-ปิดด้วยมือ หรือแบบอัตโนมัติก็ได้ เป็นการโปรโมตการใช้แก๊ส NGV โดยไม่คำนึงถึงความปลอดภัยของชีวิตประชาชน . หวังเพียงแต่ว่าภาคการขนส่งไม่ต้องมาแย่งแก๊ส LPG แล้วให้ไปใช้แก๊ส NGV มากขึ้น เพื่ออะไร ? เพื่อให้อุตสาหกรรมปิโตรเคมิคัลใน ปตท. จะได้รวยขึ้น ทำให้ผู้ถือหุ้นใน ปตท. ซึ่งยุคนั้นเป็นคนของทักษิณทั้งสิ้น ร่ำรวยมากขึ้น . ถ้าเรามีวาล์วปิด-เปิดอัตโนมัติ เด็กที่เสียชีวิตไปและครูคงไม่เสียชีวิตแบบนี้ พ่อแม่พี่น้อง ญาติพี่น้องของคนที่ตาย ให้รับทราบว่าลูกๆ คุณเสียชีวิตไปเพราะกรมการขนส่งทางบก มอก. และ ปตท. ยุคนั้น เห็นแก่เงิน แค่พวงหรีดไม่กี่พวงหรืออย่างไร แล้วแค่ตั้งกรรมการสอบหรืออย่างไร หรือว่าคุณสุริยะมัวแต่หมกมุ่นกับโครงการแสนล้านอยู่ ไม่มีเวลามาดูแลเรื่องที่มันส่งผลกระทบต่อชีวิตของประชาชน แต่หลักการของการแก้ที่ถูกต้องมันไม่ทำอะไรเลย ท่านผู้ชมครับ นี่ล่ะคือ "ความจริงที่มีหนึ่งเดียว" หาได้เฉพาะที่นี่
    Like
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1874 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts