• #วิมานลอย

    วันนี้ขออนุญาตแนะนำหนังสือที่เคยอ่าน เป็นวรรณกรรมคลาสสิกฝั่งอเมริกา และคิดว่าอย่างน้อยผู้ที่สามารถอ่านหนังสือได้ และมีโอกาส ควรหามาอ่านให้ได้สักครั้งในชีวิต แม้ส่วนตัวจะตอบได้ไม่เต็มปากนักว่าชื่นชอบเล่มนี้ แต่ยืนยันได้ว่าคือหนังสือดีมีค่าที่คู่ควรกับการสละเวลาจริง

    เชื่อว่าคุ้นหูทุกคนอยู่แล้ว แต่ไม่ทุกคนที่จะได้อ่าน เพราะด้วยความยาวของแถวอักษรยาวเหยียด ความหนาของจำนวนหน้า พาให้รู้สึกท้อต่อการที่จะหยิบมาอ่านอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเล่มที่ผมอ่านนั้น เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 7 ในไทย ของ สนพ.แพรว ปี พ.ศ. 2550 หนา 1,184 หน้า แปลโดย รอย โรจนานนท์ ซึ่งทำสวยงามเลอค่าน่าสะสมมาก ปกแข็งมีปกนอกหุ้ม เย็บกี่ ซึ่งเรื่องนี้ยืมจากห้องสมุดประชาชนมาอ่าน เพราะต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น จึงจะกระตุ้นตัวเองให้มีความเพียรพอที่จะตั้งใจอ่านจนจบเรื่องได้ ไม่อย่างนั้นคงซื้อมาแล้วก็วางไว้ก่อน แต่ต้องใช้เวลาในการอ่านและยืมต่ออยู่หลายครั้ง ถ้าจำไม่ผิดก็ 3-4 หนต่อเนื่อง

    และขอยืนยันว่าฉบับพิมพ์นี้ไม่เหมาะกับการถืออ่านขณะนอนหงาย เพราะอาจหน้าแหก ดั้งยุบ หรือสลบเหมือดคาที่ได้ ขนาดนั่งอ่านยังต้องวางหนังสือกับโต๊ะ ยกอ่านได้ไม่นานเกิดอาการล้ามาก

    เรื่องที่กล่าวถึงนี้คือ Gone With The Wind หรือชื่อไทย วิมานลอย โดยผู้เขียนนาม มาร์กาเร็ต มิตเชลล์ รู้สึกชอบชื่อเรื่องมากทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่ให้ความหมายชัดเจนดีมาก ยิ่งอ่านจบแล้วยิ่งย้ำยืนยันว่าเป็นชื่อเรื่องที่เหมาะสมที่สุด ความจริงได้ยินเสียงล่ำลือถึงเรื่องนี้มานานมากตั้งแต่เด็ก แต่ได้สัมผัสครั้งแรกจากภาพยนตร์ก่อน เมื่อช่วงเรียนจบใหม่ๆ พอได้ชมแล้วชอบจึงเริ่มอยากอ่านฉบับหนังสือว่าจะแตกต่างอย่างไรบ้าง นั่นคือจุดเริ่มต้น

    เนื้อหาของเรื่องนี้ ถูกวางฉากหลังไว้ในช่วงสงครามกลางเมืองของอเมริกา ในยุคที่มีการใช้แรงงานทาสผิวดำ การทำกสิกรรมปลูกไร่ฝ้าย ไปจนถึงความขัดแย้งของคนชาติเดียวกัน แต่ต่างที่มา ซึ่งแบ่งเป็นฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ ต่อเนื่องยาวไปจนถึงเริ่มสงคราม และสงครามสิ้นสุด รวมถึงพิษภัยจากไฟสงครามที่ลามเลียต่อเนื่อง ผลกระทบทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ของฝ่ายผู้ชนะที่กระทำต่อผู้แพ้ ที่แม้คือชาติเดียวกันอย่างโหดร้าย แล้งน้ำใจ การเลิกทาส ความชุลมุน จราจลทั่วทุกหย่อมหญ้า ผ่านความคิด มุมมองและการเลือกกระทำของตัวเอกที่เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักอย่างนางเอก คือ สการ์เลตต์ โอฮารา และตัวเดินเรื่องเสริมคือพระเอก หรือ เรตต์ บัตเลอร์

    ความจริงผมไม่ชอบสการ์เลตต์ และยิ่งไม่ชอบเรตต์ บัตเลอร์เลยจากใจจริง ออกจะเหม็นเบื่อ หมั่นไส้ และรู้สึกทุเรศทุรังกับอุปนิสัยของตัวละครทั้งสอง โดยเฉพาะช่วงแรกเริ่มได้ทำความรู้จักกันผ่านหน้าหนังสือ ด้วยเหตุที่นางเอกนั้น ช่วงต้นเป็นหญิงที่ใช้ชีวิตอย่างลูกคุณหนู สมองกลวงไปวันๆ ไม่คิดทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คำนึงถึงแต่เรื่องผู้ชาย การได้แต่งงานกับลูกชายบ้านโน้นบ้านนี้ การแวดล้อมไปด้วยเพื่อนสาวที่มีค่านิยม แนวคิด ฝักใฝ่ความหรูหรา ติดสบาย ต้องมีคนคอยรับใช้ เกียรติยศ ความหลงใหลยึดติดกับศักดินา ข้าทาส บริวาร ชื่อเสียงตระกูล ความฟุ่มเฟือย สารพัดที่ผู้หญิงใฝ่สุขนิยมมักเป็นกัน

    ส่วนฝ่ายชายนั้นเล่าก็แบดบอย ยโสโอหัง กวนบาทา พูดจายียวน ชอบยั่วโมโห หน้าเลือด นิสัยพ่อค้าที่ทำอย่างไรตนจึงจะมีเงินไหลเข้ากระเป๋าได้เยอะสุดในภาวะสงคราม ที่คนจำนวนมากเดือดร้อนอดอยาก อายุมากกว่านางเอกหลายปี อยู่ในวัยหนุ่มใหญ่ผู้มีสายตาและประสบการณ์ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน

    เริ่มต้นนางเอกนั้นเกลียดขี้หน้าพระเอก และก็รู้สึกอย่างนั้นในแทบทุกครั้งที่ได้พบเจอ แต่ก็แปลกที่ในยามวิกฤตกลับนึกถึงเขา เพราะใจลึกๆนั้นรู้ดีว่าชายคนนี้เชื่อถือได้ว่าสามารถนำพาเธอให้พ้นจากสถานการณ์ร้ายต่างๆอย่างแน่นอน

    ส่วนใหญ่เวลาเจอหน้ากัน มักจะเป็นการสนทนาวิวาทะ ประคารมอย่างถึงพริกถึงขิง แม้นภายในใจจะรู้สึกต่างชอบกันอยู่บ้าง แต่โชคชะตานำพาให้พลาดกันไปพลาดกันมา กว่าจะได้มาเป็นคู่ชีวิตกัน นางเอกต้องผ่านการแต่งงานมาแล้วถึง 2ครั้ง

    ผู้อ่านจะได้เห็นถึงความเติบโตของสการ์เลตต์ผ่านประสบการณ์ชีวิตซึ่ง การศึกสงครามจากด่านหน้าที่สู้รบกันของฝ่ายสมาพันธรัฐชาวใต้ที่หยิ่งผยองในเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และต้องการความเป็นอิสระในการถือครองทาส กับฝ่ายเหนือที่เป็นสหภาพซี่งยึดรัฐธรรมนูญเหนืออื่นใด ได้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อแนวหลังที่รอคอยด้วยใจกระวนกระวายอยู่กับบ้าน ผลการแพ้ชนะแต่ละครั้ง ได้สร้างรอยแผลไว้ในใจอย่างฝังลึกยากถอดถอน

    จนถึงวันที่รู้ว่าฝ่ายของตน ดินแดนอันเป็นที่รัก เชิดชูและศรัทธา ได้แพ้พ่ายอย่างราบคาบ คนรักและรู้จัก พลเมืองจำนวนมากต่างตายไปในสงคราม ที่เหลือรอดกลับมาก็สภาพน่าอเนจอนาถ รวมถึงผลพวงหลังจากรัฐบาลกลางเข้ามากุมอำนาจ มีบทบาทตั้งกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นการขูดรีด เอาเปรียบ เหยียบย่ำ ฉีกทึ้ง เกียรติยศ ศักดิ์ศรีความเป็นคน การฉ้อฉลคดโกง ใช้อำนาจโดยมิชอบ รีดนาทาเล้น ปล้นฆ่า โกงสมบัติชาติเป็นของตน ของผู้มีอำนาจที่ได้รับเลือกจากรัฐบาลกลางมาปกครองดูแลชาวใต้ สมาพันธรัฐล่มสลาย ประชาชนเดือดร้อน อดอยาก แร้นแค้น เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริม และเปลี่ยนแปลงให้นางเอกต้องกลายสภาพจากคุณหนูผู้ไร้เดียงสา ไปเป็นผู้ทำทุกทางเพื่อจะอยู่รอดให้ได้ในยามวิกฤต เพื่อประคับประคองข้าทาสผิวดำที่ซื่อสัตย์ เพื่อรักษาบ้านและที่ดินของพ่อเอาไว้ เพราะเธอต้องขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนหลังสูญเสียพ่อไป

    ยอมกระทั่งให้คนใต้ด้วยกันหยามเหยียด รังเกียจเดียดฉันท์ เพราะเธอตัดสินใจเลือกคบค้าสมาคม ทำธุรกิจกับพวกพ่อค้า ผู้มีอำนาจ ที่มาปกครองบ้านเมืองของตน ซึ่งครั้งหนึ่งเธอรังเกียจและเจ็บแค้น เพื่อจะดำรงสถานะของครอบครัวให้ไปต่อได้

    การเติบโตทางอารมณ์ และความเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องชั่งใจเลือก ในสิ่งซึ่งขัดแย้งกับอุดมการณ์ ความศรัทธา ภาคภูมิที่ตนเชื่อมั่นมาตลอด กับความจริงตรงหน้าที่บีบคั้นให้กระทำสวนทางก็ตาม

    สการ์เลตต์ โอฮารา รวมถึง เรตต์ บัตเลอร์ จึงเป็นตัวละครที่มีความเรียลริสติก มีบุคลิกที่ใกล้เคียงความเป็นมนุษย์ปุถุชน ที่มีทั้งดีชั่วปะปน และดิ้นรนเพื่อหาทางเอาชีวิตรอดไปตามสถานการณ์ ไม่ใช่ตัวละครที่พาฝัน ภาพลักษณ์สวยงาม เป็นคนดีพร้อม ทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ ที่มักพบได้ในตัวพระนางทั่วไป หากกล่าวอย่างตรงๆแล้ว ทั้งสองออกจะมีด้านที่เป็นสีเทาดำ มากกว่าสีขาวด้วยซ้ำ แต่นี่อาจเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เรื่องนี้ยังคงอยู่ในใจของนักอ่านทั่วโลกมาอย่างยาวนานจนปัจจุบัน ถึงกับได้รับการยกย่องมากมายจากหลายสถาบัน ให้เป็นหนึ่งในวรรณกรรมคลาสสิกชิ้นเยี่ยม

    ทว่าสำหรับส่วนตัวแล้ว ไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นเลย ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่าไม่ชอบนางเอก และพระเอก รวมถึงไม่อาจบอกได้ว่านี่คือเรื่องที่รักชอบหลังอ่านจบ แต่สิ่งหนึ่งที่กล้ายืนยันอย่างมั่นใจอีกครั้งคือ

    นี่คือหนังสือที่ดี มีค่าเพียงพอต่อเวลาที่ต้องสละไปในการอ่าน

    ใครอ่านเรื่องนี้จบเกินกว่า 1 รอบ ขอยอมรับนับถือเลย
    สุดท้ายที่จะบอกคือ นี่เป็นหนังสือที่ดูดพลังอย่างมาก เหนื่อยที่สุดในชีวิตการเป็นนักอ่าน แม้นอ่านนิยายไทยยาวๆอย่างเพชรพระอุมา หรือนิยายจีนกำลังภายในที่ยาว 20-30 เล่ม ก็ยังไม่เคยเหนื่อยเท่า

    ป.ล. เนื่องจากไม่มีหนังสือเป็นของตน จึงขอใช้ภาพจากอินเตอร์เน็ตมาประกอบครับ

    #นิยายแปล
    #วรรณกรรมคลาสสิก
    #วิมานลอย
    #gonewiththewind
    #หนังสือน่าอ่าน
    #สงครามกลางเมือง
    #สหรัฐอเมริกา
    #ชนชั้น
    #แรงงาน
    #บริวาร
    #ทาส
    #คนผิวดำ
    #thaitimes
    #นิยาย
    #หนังสือ
    #วิมานลอย วันนี้ขออนุญาตแนะนำหนังสือที่เคยอ่าน เป็นวรรณกรรมคลาสสิกฝั่งอเมริกา และคิดว่าอย่างน้อยผู้ที่สามารถอ่านหนังสือได้ และมีโอกาส ควรหามาอ่านให้ได้สักครั้งในชีวิต แม้ส่วนตัวจะตอบได้ไม่เต็มปากนักว่าชื่นชอบเล่มนี้ แต่ยืนยันได้ว่าคือหนังสือดีมีค่าที่คู่ควรกับการสละเวลาจริง เชื่อว่าคุ้นหูทุกคนอยู่แล้ว แต่ไม่ทุกคนที่จะได้อ่าน เพราะด้วยความยาวของแถวอักษรยาวเหยียด ความหนาของจำนวนหน้า พาให้รู้สึกท้อต่อการที่จะหยิบมาอ่านอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเล่มที่ผมอ่านนั้น เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 7 ในไทย ของ สนพ.แพรว ปี พ.ศ. 2550 หนา 1,184 หน้า แปลโดย รอย โรจนานนท์ ซึ่งทำสวยงามเลอค่าน่าสะสมมาก ปกแข็งมีปกนอกหุ้ม เย็บกี่ ซึ่งเรื่องนี้ยืมจากห้องสมุดประชาชนมาอ่าน เพราะต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น จึงจะกระตุ้นตัวเองให้มีความเพียรพอที่จะตั้งใจอ่านจนจบเรื่องได้ ไม่อย่างนั้นคงซื้อมาแล้วก็วางไว้ก่อน แต่ต้องใช้เวลาในการอ่านและยืมต่ออยู่หลายครั้ง ถ้าจำไม่ผิดก็ 3-4 หนต่อเนื่อง และขอยืนยันว่าฉบับพิมพ์นี้ไม่เหมาะกับการถืออ่านขณะนอนหงาย เพราะอาจหน้าแหก ดั้งยุบ หรือสลบเหมือดคาที่ได้ ขนาดนั่งอ่านยังต้องวางหนังสือกับโต๊ะ ยกอ่านได้ไม่นานเกิดอาการล้ามาก เรื่องที่กล่าวถึงนี้คือ Gone With The Wind หรือชื่อไทย วิมานลอย โดยผู้เขียนนาม มาร์กาเร็ต มิตเชลล์ รู้สึกชอบชื่อเรื่องมากทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่ให้ความหมายชัดเจนดีมาก ยิ่งอ่านจบแล้วยิ่งย้ำยืนยันว่าเป็นชื่อเรื่องที่เหมาะสมที่สุด ความจริงได้ยินเสียงล่ำลือถึงเรื่องนี้มานานมากตั้งแต่เด็ก แต่ได้สัมผัสครั้งแรกจากภาพยนตร์ก่อน เมื่อช่วงเรียนจบใหม่ๆ พอได้ชมแล้วชอบจึงเริ่มอยากอ่านฉบับหนังสือว่าจะแตกต่างอย่างไรบ้าง นั่นคือจุดเริ่มต้น เนื้อหาของเรื่องนี้ ถูกวางฉากหลังไว้ในช่วงสงครามกลางเมืองของอเมริกา ในยุคที่มีการใช้แรงงานทาสผิวดำ การทำกสิกรรมปลูกไร่ฝ้าย ไปจนถึงความขัดแย้งของคนชาติเดียวกัน แต่ต่างที่มา ซึ่งแบ่งเป็นฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ ต่อเนื่องยาวไปจนถึงเริ่มสงคราม และสงครามสิ้นสุด รวมถึงพิษภัยจากไฟสงครามที่ลามเลียต่อเนื่อง ผลกระทบทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ของฝ่ายผู้ชนะที่กระทำต่อผู้แพ้ ที่แม้คือชาติเดียวกันอย่างโหดร้าย แล้งน้ำใจ การเลิกทาส ความชุลมุน จราจลทั่วทุกหย่อมหญ้า ผ่านความคิด มุมมองและการเลือกกระทำของตัวเอกที่เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักอย่างนางเอก คือ สการ์เลตต์ โอฮารา และตัวเดินเรื่องเสริมคือพระเอก หรือ เรตต์ บัตเลอร์ ความจริงผมไม่ชอบสการ์เลตต์ และยิ่งไม่ชอบเรตต์ บัตเลอร์เลยจากใจจริง ออกจะเหม็นเบื่อ หมั่นไส้ และรู้สึกทุเรศทุรังกับอุปนิสัยของตัวละครทั้งสอง โดยเฉพาะช่วงแรกเริ่มได้ทำความรู้จักกันผ่านหน้าหนังสือ ด้วยเหตุที่นางเอกนั้น ช่วงต้นเป็นหญิงที่ใช้ชีวิตอย่างลูกคุณหนู สมองกลวงไปวันๆ ไม่คิดทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คำนึงถึงแต่เรื่องผู้ชาย การได้แต่งงานกับลูกชายบ้านโน้นบ้านนี้ การแวดล้อมไปด้วยเพื่อนสาวที่มีค่านิยม แนวคิด ฝักใฝ่ความหรูหรา ติดสบาย ต้องมีคนคอยรับใช้ เกียรติยศ ความหลงใหลยึดติดกับศักดินา ข้าทาส บริวาร ชื่อเสียงตระกูล ความฟุ่มเฟือย สารพัดที่ผู้หญิงใฝ่สุขนิยมมักเป็นกัน ส่วนฝ่ายชายนั้นเล่าก็แบดบอย ยโสโอหัง กวนบาทา พูดจายียวน ชอบยั่วโมโห หน้าเลือด นิสัยพ่อค้าที่ทำอย่างไรตนจึงจะมีเงินไหลเข้ากระเป๋าได้เยอะสุดในภาวะสงคราม ที่คนจำนวนมากเดือดร้อนอดอยาก อายุมากกว่านางเอกหลายปี อยู่ในวัยหนุ่มใหญ่ผู้มีสายตาและประสบการณ์ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน เริ่มต้นนางเอกนั้นเกลียดขี้หน้าพระเอก และก็รู้สึกอย่างนั้นในแทบทุกครั้งที่ได้พบเจอ แต่ก็แปลกที่ในยามวิกฤตกลับนึกถึงเขา เพราะใจลึกๆนั้นรู้ดีว่าชายคนนี้เชื่อถือได้ว่าสามารถนำพาเธอให้พ้นจากสถานการณ์ร้ายต่างๆอย่างแน่นอน ส่วนใหญ่เวลาเจอหน้ากัน มักจะเป็นการสนทนาวิวาทะ ประคารมอย่างถึงพริกถึงขิง แม้นภายในใจจะรู้สึกต่างชอบกันอยู่บ้าง แต่โชคชะตานำพาให้พลาดกันไปพลาดกันมา กว่าจะได้มาเป็นคู่ชีวิตกัน นางเอกต้องผ่านการแต่งงานมาแล้วถึง 2ครั้ง ผู้อ่านจะได้เห็นถึงความเติบโตของสการ์เลตต์ผ่านประสบการณ์ชีวิตซึ่ง การศึกสงครามจากด่านหน้าที่สู้รบกันของฝ่ายสมาพันธรัฐชาวใต้ที่หยิ่งผยองในเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และต้องการความเป็นอิสระในการถือครองทาส กับฝ่ายเหนือที่เป็นสหภาพซี่งยึดรัฐธรรมนูญเหนืออื่นใด ได้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อแนวหลังที่รอคอยด้วยใจกระวนกระวายอยู่กับบ้าน ผลการแพ้ชนะแต่ละครั้ง ได้สร้างรอยแผลไว้ในใจอย่างฝังลึกยากถอดถอน จนถึงวันที่รู้ว่าฝ่ายของตน ดินแดนอันเป็นที่รัก เชิดชูและศรัทธา ได้แพ้พ่ายอย่างราบคาบ คนรักและรู้จัก พลเมืองจำนวนมากต่างตายไปในสงคราม ที่เหลือรอดกลับมาก็สภาพน่าอเนจอนาถ รวมถึงผลพวงหลังจากรัฐบาลกลางเข้ามากุมอำนาจ มีบทบาทตั้งกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นการขูดรีด เอาเปรียบ เหยียบย่ำ ฉีกทึ้ง เกียรติยศ ศักดิ์ศรีความเป็นคน การฉ้อฉลคดโกง ใช้อำนาจโดยมิชอบ รีดนาทาเล้น ปล้นฆ่า โกงสมบัติชาติเป็นของตน ของผู้มีอำนาจที่ได้รับเลือกจากรัฐบาลกลางมาปกครองดูแลชาวใต้ สมาพันธรัฐล่มสลาย ประชาชนเดือดร้อน อดอยาก แร้นแค้น เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริม และเปลี่ยนแปลงให้นางเอกต้องกลายสภาพจากคุณหนูผู้ไร้เดียงสา ไปเป็นผู้ทำทุกทางเพื่อจะอยู่รอดให้ได้ในยามวิกฤต เพื่อประคับประคองข้าทาสผิวดำที่ซื่อสัตย์ เพื่อรักษาบ้านและที่ดินของพ่อเอาไว้ เพราะเธอต้องขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนหลังสูญเสียพ่อไป ยอมกระทั่งให้คนใต้ด้วยกันหยามเหยียด รังเกียจเดียดฉันท์ เพราะเธอตัดสินใจเลือกคบค้าสมาคม ทำธุรกิจกับพวกพ่อค้า ผู้มีอำนาจ ที่มาปกครองบ้านเมืองของตน ซึ่งครั้งหนึ่งเธอรังเกียจและเจ็บแค้น เพื่อจะดำรงสถานะของครอบครัวให้ไปต่อได้ การเติบโตทางอารมณ์ และความเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องชั่งใจเลือก ในสิ่งซึ่งขัดแย้งกับอุดมการณ์ ความศรัทธา ภาคภูมิที่ตนเชื่อมั่นมาตลอด กับความจริงตรงหน้าที่บีบคั้นให้กระทำสวนทางก็ตาม สการ์เลตต์ โอฮารา รวมถึง เรตต์ บัตเลอร์ จึงเป็นตัวละครที่มีความเรียลริสติก มีบุคลิกที่ใกล้เคียงความเป็นมนุษย์ปุถุชน ที่มีทั้งดีชั่วปะปน และดิ้นรนเพื่อหาทางเอาชีวิตรอดไปตามสถานการณ์ ไม่ใช่ตัวละครที่พาฝัน ภาพลักษณ์สวยงาม เป็นคนดีพร้อม ทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ ที่มักพบได้ในตัวพระนางทั่วไป หากกล่าวอย่างตรงๆแล้ว ทั้งสองออกจะมีด้านที่เป็นสีเทาดำ มากกว่าสีขาวด้วยซ้ำ แต่นี่อาจเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เรื่องนี้ยังคงอยู่ในใจของนักอ่านทั่วโลกมาอย่างยาวนานจนปัจจุบัน ถึงกับได้รับการยกย่องมากมายจากหลายสถาบัน ให้เป็นหนึ่งในวรรณกรรมคลาสสิกชิ้นเยี่ยม ทว่าสำหรับส่วนตัวแล้ว ไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นเลย ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่าไม่ชอบนางเอก และพระเอก รวมถึงไม่อาจบอกได้ว่านี่คือเรื่องที่รักชอบหลังอ่านจบ แต่สิ่งหนึ่งที่กล้ายืนยันอย่างมั่นใจอีกครั้งคือ นี่คือหนังสือที่ดี มีค่าเพียงพอต่อเวลาที่ต้องสละไปในการอ่าน ใครอ่านเรื่องนี้จบเกินกว่า 1 รอบ ขอยอมรับนับถือเลย สุดท้ายที่จะบอกคือ นี่เป็นหนังสือที่ดูดพลังอย่างมาก เหนื่อยที่สุดในชีวิตการเป็นนักอ่าน แม้นอ่านนิยายไทยยาวๆอย่างเพชรพระอุมา หรือนิยายจีนกำลังภายในที่ยาว 20-30 เล่ม ก็ยังไม่เคยเหนื่อยเท่า ป.ล. เนื่องจากไม่มีหนังสือเป็นของตน จึงขอใช้ภาพจากอินเตอร์เน็ตมาประกอบครับ #นิยายแปล #วรรณกรรมคลาสสิก #วิมานลอย #gonewiththewind #หนังสือน่าอ่าน #สงครามกลางเมือง #สหรัฐอเมริกา #ชนชั้น #แรงงาน #บริวาร #ทาส #คนผิวดำ #thaitimes #นิยาย #หนังสือ
    0 Comments 0 Shares 169 Views 0 Reviews
  • เป็นเรื่องน่าเศร้าเสียใจกับการจากไปของดารานักแสดงจีนรุ่นเก๋า “ฉีเส้าเฉียง” ที่มีแฟนคลับและเป็นที่รู้จักกันถ้วนหน้ากับผลงานหลากหลายที่ได้ฝากไว้ในวงการบันเทิงมาโดยตลอดกว่า 40 ปีที่ผ่านมา

    ทั้งนี้ Fengshui Biz Designer ขออนุญาตร่วมไว้อาลัยด้วยการวิเคราะห์รูปดวงเชิงวิชาการยกไว้เป็นดวงครู เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่สนใจในโหราศาสตร์จีนโบราณ ด้วยหลักวิชา “สี่เสาแห่งโชคชะตา” หรือ 八字四柱 (โป๊ยหยี่ซี๊เถียว)

    ลักษณะโครงสร้าง ”สี่เสาแห่งโชคชะตา” หรือ 八字四柱 (โป๊ยหยี่ซี๊เถียว) เป็นคนธาตุไม้ เพศหยาง เสมือนไม้แข็งลำต้นใหญ่ ที่มีนิสัยกระตือรือร้น รักการพัฒนาตลอดเวลา มีจิตใจที่เข้มแข็ง ดื้อรั้น ซื่อตรง รักศักดิ์ศรี มีคุณธรรม ตัดสินใจเร็ว ชอบช่วยเหลือผู้อ่อนแอ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของผู้น้อย แต่มีข้อเสียที่ไม่รู้จักโอนอ่อนผ่อนตามตลอดจนขี้ระแวง

    ธาตุไม้ เพศหยาง ที่เกิดในปีขาลทอง 庚寅(แกเอี๊ยง) เดือนจอไฟ 丙戌(เปียสุก) วันวอกไม้ 甲申(กะซิม) ที่เสาปีเกิดกับเสาวันเกิดปะทะ沖(ชง)กัน ในขณะที่วัยจรช่วงอายุตั้งแต่ 69 ถึง 78 ปี ถนนชีวิตเดินในตำแหน่งมะเส็งน้ำ癸巳(กุ้ยจี๋) เข้าหลักเกณฑ์三刑(ซาเฮ้ง) เสมือนเป็นคราวเคราะห์ ทั้งปีจรในปีนี้ตรงกับปีมะโรงไม้甲辰(กะซิ้ง)ปะทะ沖(ชง)กับเดือนเกิดจอไฟ 丙戌(เปียสุก) ซ้ำเติมเข้าไปอีก

    ส่วนในปี 2567 นี้ อายุ 75 ปี (นับจีน) เป็นปีจรมะโรงไม้甲辰(กะซิ้ง) ที่มีดาวร้าย喪門(ซึงมึ้ง) 天哭(เทียงเข่า) และ地煞(ตี่สั่วะ) ตอกย้ำซ้ำเติมดาวบาปเคราะห์บังเกิดเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดวิบัติดลให้เลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก
    ___________________________________
    FengshuiBizDesigner
    ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้

    เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG
    ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง)
    .
    .
    #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร
    #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    เป็นเรื่องน่าเศร้าเสียใจกับการจากไปของดารานักแสดงจีนรุ่นเก๋า “ฉีเส้าเฉียง” ที่มีแฟนคลับและเป็นที่รู้จักกันถ้วนหน้ากับผลงานหลากหลายที่ได้ฝากไว้ในวงการบันเทิงมาโดยตลอดกว่า 40 ปีที่ผ่านมา ทั้งนี้ Fengshui Biz Designer ขออนุญาตร่วมไว้อาลัยด้วยการวิเคราะห์รูปดวงเชิงวิชาการยกไว้เป็นดวงครู เพื่อเป็นวิทยาทานแก่ผู้ที่สนใจในโหราศาสตร์จีนโบราณ ด้วยหลักวิชา “สี่เสาแห่งโชคชะตา” หรือ 八字四柱 (โป๊ยหยี่ซี๊เถียว) ลักษณะโครงสร้าง ”สี่เสาแห่งโชคชะตา” หรือ 八字四柱 (โป๊ยหยี่ซี๊เถียว) เป็นคนธาตุไม้ เพศหยาง เสมือนไม้แข็งลำต้นใหญ่ ที่มีนิสัยกระตือรือร้น รักการพัฒนาตลอดเวลา มีจิตใจที่เข้มแข็ง ดื้อรั้น ซื่อตรง รักศักดิ์ศรี มีคุณธรรม ตัดสินใจเร็ว ชอบช่วยเหลือผู้อ่อนแอ เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของผู้น้อย แต่มีข้อเสียที่ไม่รู้จักโอนอ่อนผ่อนตามตลอดจนขี้ระแวง ธาตุไม้ เพศหยาง ที่เกิดในปีขาลทอง 庚寅(แกเอี๊ยง) เดือนจอไฟ 丙戌(เปียสุก) วันวอกไม้ 甲申(กะซิม) ที่เสาปีเกิดกับเสาวันเกิดปะทะ沖(ชง)กัน ในขณะที่วัยจรช่วงอายุตั้งแต่ 69 ถึง 78 ปี ถนนชีวิตเดินในตำแหน่งมะเส็งน้ำ癸巳(กุ้ยจี๋) เข้าหลักเกณฑ์三刑(ซาเฮ้ง) เสมือนเป็นคราวเคราะห์ ทั้งปีจรในปีนี้ตรงกับปีมะโรงไม้甲辰(กะซิ้ง)ปะทะ沖(ชง)กับเดือนเกิดจอไฟ 丙戌(เปียสุก) ซ้ำเติมเข้าไปอีก ส่วนในปี 2567 นี้ อายุ 75 ปี (นับจีน) เป็นปีจรมะโรงไม้甲辰(กะซิ้ง) ที่มีดาวร้าย喪門(ซึงมึ้ง) 天哭(เทียงเข่า) และ地煞(ตี่สั่วะ) ตอกย้ำซ้ำเติมดาวบาปเคราะห์บังเกิดเป็นเคราะห์ซ้ำกรรมซัดวิบัติดลให้เลวร้ายยิ่งขึ้นไปอีก ___________________________________ FengshuiBizDesigner ฮวงจุ้ย...ออกแบบได้ เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ แอดเลย!! คลิก https://lin.ee/nyL0NuG ติดต่อ : 066-095-4524 (จิม) , 081-625-2587(ด็อง) . . #ดูดวงธุรกิจ #โลโก้ดี #ออกแบบโลโก้ #เช็คฮวงจุ้ยให้ธุรกิจ #ฮวงจุ้ย #พี่อ๋า #สมศักดิ์ #ชาคริตฐากูร #FengshuiBiz #FengshuiBizDesigner
    0 Comments 0 Shares 76 Views 0 Reviews

  • ผู้ใช้เลข 1( พระอาทิตย์)จะมีพลังดึงดูด อำนาจ ชื่อเสียง เกียรติยศ มีความเป็นผู้นำ มุ่งมั่นกับบางสิ่ง ฉลาด ว่องไว มีความเที่ยงตรง และมีเสน่ห์
    ข้อเสีย - ใจร้อน หน้าใหญ่ ไม่ยอมเสียหน้า
    ถือศักดิ์ศรี เป็นเรื่องใหญ่

    ผู้ใช้เลข 2 ( พระจันทร์ )
    มีความอ่อนหวาน มีความนุ่มนวล มีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น
    ข้อเสีย- อาจโลเล เชื่องช้าในการตัดสินใจ


    ผู้ใช้เลข3 (ดาวอังคาร)
    เลขของนักรบ มีความกล้าหาญ นักต่อสู้ ขยัน ชอบท้าทาย และชอบแข่งขัน เล่ห์เหลี่ยมมาก
    ข้อเสีย- ใจนักเลง บางครั้งการเสี่ยงอาจผิดพลาด การใช้เหลี่ยมก็ทำให้มีศัตรูมาก

    ผู้ใช้เลข4 (ดาวพุธ) นักเจรจาชั้นยอด
    ฉลาด มีไหวพริบปฏิภาณดีเยี่ยม ปรับตัวเก่ง เข้ากับคนอื่นได้ง่าย พูดแล้วคนเชื่อ
    ข้อเสีย- อาจเป็นคนพูดจากลับไปกลับมา จนกลายเป็นคนกะล่อน ถ้าใช้มากไป

    🪷ผู้ใช้เลข 5 (ดาวพฤหัส)
    เป็นผู้มีความรู้ สติปัญญา เป็นคนใจเย็น และเป็นที่รักใครของผู้ใหญ่ เลขนี้เกื้อหนุน และลดความแรงของเลขอื่นได้
    ข้อเสีย-น้อยมาก

    ผู้ที่ใช้เลข 6 (ดาวศุกร์)
    ความสวยงาม ชอบศิลปะ ความอุดมสมบูรณ์ หรูหรารสนิยมดี มีชื่อเสียง ชอบชีวิตแบบสุขนิยม ชอบความท้าทาย แต่ไม่ค่อยชอบแข่งกับใคร เพราะมองว่า ศัตรูที่คู่ควรคือ ตัวเอง ไม่ชอบความเหน็ดเหนื่อย
    ข้อเสีย- หลงมัวเมาได้ง่าย ถ้าใช้มากไป ฟุ่มเฟือย ตอบสนองความต้องการของตนทุกรูปแบบ จนบางครั้งขาดความยั้งคิด

    ผู้ที่ใช้เลข7 (ดาวเสาร์)
    เข้มแข้ง ต่อสู้ อดทน พากเพียรในสิ่งที่ตนตั้งมั่น เป็นผู้ริเริ่มที่ดี เป็นนักคิด
    ข้อเสีย- ต้องต่อสู้ตลอด ถ้าใช้มากไป ชีวิตอาจขึ้นๆลงๆ เป็นคนคิดมาก จนอาจกลายเป็นความเครียด

    ผู้ที่ใช้เลข8 (ราหู)
    มีอำนาจ อิทธิพล เล่ห์เหลี่ยม ชอบความท้าทาย ชอบความเสี่ยง ในทางจีน เลขนี้คือเลข เงิน ในทางยุโรป คือ infinity ไม่มีที่สิ้นสุด
    ข้อเสีย- อาจโลภมาก จนผิดพลาด หรือถูกโกงได้ง่าย ลุ่มหลงมัวเมาได้ง่าย จนอาจละทิ้งคุณธรรมอันดีไป

    ผู้ที่ใช้เลข9 (พระเกตุ)
    ลางสังหรณ์แม่น มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง มักรอดจากอุปสรรคแบบเฉียดฉิวเสมอๆ ชอบศิลปะของแปลก ในไทย เลขนี้พ้องเสียง ว่า ก้าว คือ ก้าวหน้า
    ข้อเสีย- อาจเป็นคนหลายบุคคลิก เพราะความไม่นิ่ง เปลี่ยนไปมาได้ตลอด
    🌸ผู้ใช้เลข 1( พระอาทิตย์)จะมีพลังดึงดูด อำนาจ ชื่อเสียง เกียรติยศ มีความเป็นผู้นำ มุ่งมั่นกับบางสิ่ง ฉลาด ว่องไว มีความเที่ยงตรง และมีเสน่ห์ ข้อเสีย - ใจร้อน หน้าใหญ่ ไม่ยอมเสียหน้า ถือศักดิ์ศรี เป็นเรื่องใหญ่ 🏵️ ผู้ใช้เลข 2 ( พระจันทร์ ) มีความอ่อนหวาน มีความนุ่มนวล มีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น ข้อเสีย- อาจโลเล เชื่องช้าในการตัดสินใจ 🌸ผู้ใช้เลข3 (ดาวอังคาร) เลขของนักรบ มีความกล้าหาญ นักต่อสู้ ขยัน ชอบท้าทาย และชอบแข่งขัน เล่ห์เหลี่ยมมาก ข้อเสีย- ใจนักเลง บางครั้งการเสี่ยงอาจผิดพลาด การใช้เหลี่ยมก็ทำให้มีศัตรูมาก 🌷 ผู้ใช้เลข4 (ดาวพุธ) นักเจรจาชั้นยอด ฉลาด มีไหวพริบปฏิภาณดีเยี่ยม ปรับตัวเก่ง เข้ากับคนอื่นได้ง่าย พูดแล้วคนเชื่อ ข้อเสีย- อาจเป็นคนพูดจากลับไปกลับมา จนกลายเป็นคนกะล่อน ถ้าใช้มากไป 🪷ผู้ใช้เลข 5 (ดาวพฤหัส) เป็นผู้มีความรู้ สติปัญญา เป็นคนใจเย็น และเป็นที่รักใครของผู้ใหญ่ เลขนี้เกื้อหนุน และลดความแรงของเลขอื่นได้ ข้อเสีย-น้อยมาก 🌺 ผู้ที่ใช้เลข 6 (ดาวศุกร์) ความสวยงาม ชอบศิลปะ ความอุดมสมบูรณ์ หรูหรารสนิยมดี มีชื่อเสียง ชอบชีวิตแบบสุขนิยม ชอบความท้าทาย แต่ไม่ค่อยชอบแข่งกับใคร เพราะมองว่า ศัตรูที่คู่ควรคือ ตัวเอง ไม่ชอบความเหน็ดเหนื่อย ข้อเสีย- หลงมัวเมาได้ง่าย ถ้าใช้มากไป ฟุ่มเฟือย ตอบสนองความต้องการของตนทุกรูปแบบ จนบางครั้งขาดความยั้งคิด ั 🏵️ ผู้ที่ใช้เลข7 (ดาวเสาร์) เข้มแข้ง ต่อสู้ อดทน พากเพียรในสิ่งที่ตนตั้งมั่น เป็นผู้ริเริ่มที่ดี เป็นนักคิด ข้อเสีย- ต้องต่อสู้ตลอด ถ้าใช้มากไป ชีวิตอาจขึ้นๆลงๆ เป็นคนคิดมาก จนอาจกลายเป็นความเครียด 🌳ผู้ที่ใช้เลข8 (ราหู) มีอำนาจ อิทธิพล เล่ห์เหลี่ยม ชอบความท้าทาย ชอบความเสี่ยง ในทางจีน เลขนี้คือเลข เงิน ในทางยุโรป คือ infinity ไม่มีที่สิ้นสุด ข้อเสีย- อาจโลภมาก จนผิดพลาด หรือถูกโกงได้ง่าย ลุ่มหลงมัวเมาได้ง่าย จนอาจละทิ้งคุณธรรมอันดีไป ⭐ผู้ที่ใช้เลข9 (พระเกตุ) ลางสังหรณ์แม่น มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง มักรอดจากอุปสรรคแบบเฉียดฉิวเสมอๆ ชอบศิลปะของแปลก ในไทย เลขนี้พ้องเสียง ว่า ก้าว คือ ก้าวหน้า ข้อเสีย- อาจเป็นคนหลายบุคคลิก เพราะความไม่นิ่ง เปลี่ยนไปมาได้ตลอด
    0 Comments 0 Shares 147 Views 0 Reviews
  • ขอเชิญเหล่า FC ทั้งหลาย มาร่วมในงานมงคลสมรสของพี่ปูค่าาาา……!!!!

    ตอนสาม เริ่มชีวิตครอบครัว เพื่อเดินออกสู่โลกกว้าง ไปตามหาความฝัน………!!!

    เริ่มอารัมภบท คือ……ไม่ต้องกระจองอแงกันนะ เพราะคราวนี้จะต้องเล่าละเอียดในเนื้อหาของการสละโสดหน่อย เพราะทุกบททุกตอนในดีเทล คือ ความเป็นตัวตนของปูตินในวันนี้….

    หลังจากการที่ล้มเลิกการแต่งงานในคราวนั้น ปูตินยังทำตัวเหมือนเดิม ยังอยู่กับพ่อแม่ที่ยังเห็นเขาเป็นลูกแหง่ จนตัวเขาเองก็คิดว่า อาจจะอยู่เป็นโสดไปจนตาย…
    แต่ในเดือน มีนาคม 1980 ที่เขาได้รู้จักสาวอีกนางหนึ่ง นามว่า
    Ludmila Shkrebneva แอร์โฮสเตสสาวของสายการบินแห่งชาติ Aeroflot ที่ต้องประจำอยู่ที่ Kaliningrad (พื้นที่เก่าของของปรัสเซีย ที่โซเวียตยึดไว้หลังจากที่ชนะสงครามกับนาซี
    ลุดมิลา สาวงามวัย 22 ที่เผอิญ Galina เพื่อนสาวของเธอที่เป็นแอร์ด้วยกัน เป็นแฟนของ Andrei เพื่อนของปูติน
    ทีนี้ สองสาว ได้มาที่เลนินกราด เพื่อที่จะเข้าชมละคร Andrei จึงชวนปูตินไปด้วย จะได้ครบคู่ไม่เขิน

    เมื่อพบกันครั้งแรก ลุดมิลาไม่ได้สนใจในตัวของปูตินเลย เพราะเขาเป็นคนเงียบๆ เหมือนไม่ค่อยมีสังคม เธอเคยเล่าว่า
    ผู้ชายแบบนี้ถ้าไปเจอตามถนน…ก็จะมองผ่านทะลุไปเลยเชียว
    ในระหว่างพักครึ่งของการแสดง ลุดมิลาได้ถามเขาถึงการแสดงดนตรีในคืนต่อไป ว่า เขามีทางที่จะหาบัตรชมมาให้ได้หรือไม่?
    ปูตินรับปาก และหามาให้ได้จริงๆ และทั้งสี่คนได้ไปร่วมทีมกันอีกในคืนต่อมา……
    ก่อนจากกัน……ปูตินได้เขียนเบอร์โทรศัพท์ให้กับลุดมิลา
    ท่ามกลางความตะลึงพรึงเพริดของอังเดร

    ส่งสองสาวเสร็จแล้ว ระหว่างทางกลับบ้าน อังเดร ได้ถามขึ้นว่า “นึกยังไงถึงเที่ยวแจกเบอร์โทรศัพท์ล่ะ ปรกตินายไม่เคยให้เบอร์ใครนี่..?”

    แต่ก็ได้ผล เพราะเมื่อลุดมิลาบินกลับไปแล้ว เธอโทรหาเขา……
    และได้บินมาที่เลนินกราดอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม คราวนี้ทั้งคู่เริ่มออกเดทกันเป็นเรื่องเป็นราว
    ลุดมิลาเริ่มคิดที่จะย้ายกลับมาอยู่ในเลนินกราด เพื่ออยู่ใกล้กับคนรัก……
    ปูตินขอข้อแลกเปลี่ยน……นั่นคือ ขอให้เธอกลับไปเรียนหนังสือ
    เนื่องจากเธอได้พักการเรียนไว้ครึ่งๆกลางๆเพื่อที่จะไปทำงานกับสายการบิน เขาต้องการให้เธอกลับไปสานต่อ
    ซึ่งลุดมิลาได้ทำตามความประสงค์ของคนรัก เธอไปลงเรียนในวิชาปรัชญาที่สถาบันเดียวกันกับปูติน Leningrad State University …

    ความสัมพันธ์เป็นไปเหมือนกับคู่รักอื่นๆ มีการทะเลาะกัน
    ที่หนักสุด คือ ลุดมิลาบินกลับไปที่คาลินินกราด
    แต่ปูตินตามไปง้องอน จนกลับมาดังเดิม
    ปูตินทำตัวเป็นผู้นำในทุกเรื่อง เขาขี้หึง เขาสั่ง สั่ง และสั่ง
    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เขาชนะใจลุดมิลาเพราะความที่เขาเป็นคนโรแมนติก ไม่ขี้เหนียว พาเธอไปเที่ยวทุกที่ที่อยากไป เช่นไปเล่นสกี ไปเที่ยวชนบท แต่มีข้อแลกเปลี่ยนเล็กๆน้อยๆ เช่น
    ลุดมิลาต้องไปเรียนพิมพ์ดีด

    เขาพาเธอไปพบกับมาเรีย ผู้มารดา แต่เหมือนเคมีจะไม่ค่อยถูกกัน เนื่องจาก มาเรียยังปักใจชอบลุดมิลาแฟนเก่าของปูติน เพราะเธออ่อนหวาน เรียบร้อย
    มาเรียรีบเล่าให้ลุดมิลาฟังถึงเรื่องปูตินเคยมีแฟนที่มีชื่อลุดมิลาเหมือนกัน แต่คนนั้นน่ะ……เขาเรียบร้อยยยย !!!

    ลุดมิลาไม่เคยรู้ในเรื่องงานที่แท้จริงของปูติน เพราะเท่าที่เธอทราบเหมือนคนอื่นๆ คือ เป็นการทำงานกับหน่วยมั่นคง ป้องกันอาชญากรรม ที่อยู่ในสายงานของกลาโหม (สายลับส่วนใหญ่จะใช้แบบนี้)
    หลายครั้งที่เธอถามเขาเรื่องงาน เขามักตอบติดตลกว่า
    เช้าไปตกปลา……บ่ายกินปลา…
    เมื่อถึงปี 1981 ที่เป็นแฟนกันมาร่วมปีครึ่ง เธอถึงได้ทราบว่า
    เขาคือ KGB ที่ทำให้เธอรู้สึกภูมิใจในตัวเขาขึ้นมาอีกอักโข
    และพลอยเข้าใจในความเป็นเผด็จการของเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง

    ในที่สุด เดือนเมษายน 1983 วันสำคัญที่สุดในชีวิตของลูกผู้หญิงก็ได้มาถึง ที่ปูตินได้เริ่มต้นด้วยประโยคว่า
    “นี่ก็สามปีครึ่งที่เราคบหากัน……คุณตัดสินใจได้หรือยัง…?”
    “ได้แล้วค่ะ คือ ตกลงค่ะ”
    “ดีเลย……ผมรักคุณ เราจะแต่งงานกันนะ”
    พิธีสมรสได้จัดขึ้นในสามเดือนต่อมา ที่ภัตราคารลอยน้ำใกล้ๆกับมหาวิทยาลัย ในวันที่ 28 กรกฎาคม
    มีเพื่อนๆมาร่วมประมาณยี่สิบคน
    คืนต่อมา……ได้จัดขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยงในโรงแรม Moscow

    สามีภรรยาคู่ใหม่ไปดื่มน้ำผึ่งพระจันทร์ที่ยูเครน เริ่มจากขับรถไปที่
    Kyiv, Moldova, Lviv, western Ukraine, Nikolayev และ Crimea ที่เขาทั้งสองใช้เวลาอยู่ที่ Yalta ถึงสิบสองวัน
    ปูตินมีความสุขมาก เพราะ ไครเมียเปรียบเสมือนสวรรค์บนดินสำหรับเขาเสมอมา
    ขากลับ เขาทั้งสองผ่านเข้าทางมอสโคว์ เพราะปูตินจะต้องแวะไปรายงานตัว
    เขาทั้งสอง ชายวัย 30 หญิง 25 ได้เริ่มต้นชีวิตครอบครัวในอพาร์ตเมนต์สองห้องนอน บนถนน Stachek Lane อย่างมีความสุข

    แต่……Igor Antonov (เพื่อนคนหนึ่งของปูติน) ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการแต่งงานในครั้งนี้ว่า เพราะปูตินไม่มีทางเลือกอื่นๆแล้ว นอกจากจะต้องสร้างครอบครัว เพราะหน้าที่การงานกำลังจะถึงทางตัน ถ้าสายลับ KGB ที่จะต้องออกไปรับหน้าที่ในต่างประเทศ หรือเลื่อนตำแหน่ง จะต้องมีวุฒิภาวะตามที่ KGB กำหนด เพราะหลังจากที่ปูตินแต่งงาน เขาได้เลื่อนยศเป็นพันตรี และได้ถูกส่งไปเรียนเพิ่มเติมในหน่วยปฏิบัติงานต่างประเทศที่ The Red Banner Institute, Moscow
    ที่เป็นสถาบันที่จัดว่าสำหรับชนชั้นปกครอง ผู้อบรมต้องเป็นรัสเชี่ยนชั้นธรรมดา (ลูกผู้ดีไม่รับ) เท่านั้น ไม่มียิว ไม่มีตาร์ต้าร์ หรือ เชเชน หรือ มองโกล
    ห้ามพิธีทางศาสนาทุกชนิด และ…ไม่มีการใช้เส้นใดๆ
    ปูตินเป็นคนเดียว จากเลนินกราดที่ได้รับเลือกให้เข้าไปรับการอบรม
    The Red Banner Institute (หรือปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อว่า The Academy of Foreign Intelligence) นี้ ตั้งอยู่ในกลางป่าที่ค่อนข้างลึกลับในชายกรุงมอสโคว์ หลักสูตรมีตั้งแต่ หนึ่งถึงสามปี
    ลุดมิลาได้เริ่มตั้งครรภ์แรก จึงยังอยู่ในเลนินกราด
    ส่วนปูติน ที่ต้องเรียนรู้ทุกอย่างในศาสตร์ของการเป็นสายลับ
    ในชื่อใหม่ว่า “Platov” ที่แม้แต่เพื่อนผู้รับการอบรมด้วยคน
    ไม่มีใครรู้จักชื่อจริงของกันและกัน ทุกคนจะได้รับชื่อเฉพาะกิจ

    ปูติน ก้าวเข้าไปในชั้นเรียนวันแรก ด้วยเครื่องแต่งกายที่เป็นสูทสามชิ้น (คือมีเสื้อกั๊กเพิ่มข้างใน)
    เรียกเสียงฮาได้จากครูผู้ฝึก ที่ถามว่า
    “คอมราดพลานอฟ นายจะมาเดินแบบหรือไง…?”
    ผู้ที่ให้อบรมทั้งหมด ต่างล้วนเป็นชั้นกระทิสุดยอดของสายลับ
    ที่มีผลงานที่น่าประทับใจ
    ทุกคนที่จะเดินออกจากสถาบันนี้ คือพร้อมที่จะไปเป็นสายลับข้ามชาติได้ทุกแห่งหนในโลก………!!!

    ในขณะนั้นลุดมิลาได้คลอดทารกเพศหญิง ที่ปูตินตั้งชื่อให้ว่า มาเรีย (ไว้ล่วงหน้า เพราะให้เหมือนกับชื่อย่า) Sergei Roldugin เพื่อนรัก ได้ช่วยรับเป็นภาระดูแลให้ รวมทั้งเป็นพ่อทูนหัวให้กับมาเรีย
    ปูตินจึงขอลากลับไปเลนินกราดเพื่อเยี่ยมเยียนเมียและลูกในช่วงวันหยุด ครั้งหนึ่งในการเดินทาง เขาได้เกิดการชกต่อยกับแก๊งอันธพาลในสถานีรถใต้ดิน
    คราวนี้เรียกว่าลุยกันเละ เพราะปูตินถึงกับแขนหัก อีกฝ่ายหนึ่งแทบเอาชีวิตไม่รอด
    และนี่คือ “ความเสี่ยง” ต่ออนาคตการงานของเขาโดยตรง เพราะหากว่าเกิดเขาเป็นอะไรขึ้นมา ทุกอย่างคือจบ…

    แต่โชคยังเป็นของเขา เพราะเขาได้รับมอบหมายหน้าที่ทันทีที่เสร็จสิ้นจากการอบรม ให้ไปประจำการอยู่ที่เมือง Dresden,
    East Germany
    และนี่คือการเดินทางทางออกนอกประเทศเป็นครั้งแรก ของ ปูตินในวัย 33 ปี

    ขออธิบายเพิ่มเติมค่ะ ว่า ในหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ถือเอาวันที่ 8 พฤษภาคม 1945 หลังจากนั้นในฐานะของผู้แพ้สงครามให้กับกองทัพสัมพันธมิตร คือ อเมริกา, อังกฤษและ โซเวียต รัสเซีย (ฝรั่งเศส เขาไม่นับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธในการมีส่วนร่วม) ที่ได้ทำการตกลงกันไว้ล่วงหน้าระหว่างผู้นำทั้งสามประเทศ ที่ Yalta ที่ตกลงกันในการแบ่งสันปันส่วนในแผ่นดินของเยอรมันนี

    ขั้นตอนในการแบ่งได้มาย่อยยิบกันอีกในการประชุมที่ Potsdam Conference ว่าจะเฉือนเยอรมันออกเป็นสี่ส่วน
    แบ่งกันคนละส่วน อังกฤษได้ทางตะวันตกเฉียงเหนือ,
    ฝรั่งเศส ได้ทางตะวันตกเฉียงใต้, อเมริกา ได้ตะวันออกเฉียงใต้ และโซเวียตไัด้ทางตะวันออกเฉียงเหนือเป็นส่วนใหญ่

    ส่วนเบอร์ลินเมืองหลวงก็เช่นกัน ตามที่แบ่งกันนั้น เบอร์ลินตกอยู่ในส่วนของโซเวียต และเพื่อความเป็นธรรมจึง แบ่งออกมาเป็นสี่ส่วน แบ่งกันไปคนละส่วน แต่สภาพของเหมือนกับเบอร์ลินเป็นไข่แดง ที่อยู่กลางโซเวียตที่เป็นไข่ขาว
    ส่วนที่เป็นของโซเวียต คือ เบอร์ลินตะวันออกก็จะมีกำแพงกั้นอาณาเขต ที่เราเรียกว่า กำแพงเบอร์ลิน ……

    ดังนั้น โซเวียตจึงมีหน่วยงานด้านความปลอดภัยอยู่ประจำในเขตต่างๆ ที่แม้ว่าจะเป็นคอมมิวนิสต์แต่ก็มีการเตรียมตัวที่ดี
    เพราะเขาได้ทำการปั้นเด็กๆรุ่นที่เกิดหลังสงคราม ให้เติบโตขึ้นมาอย่างพร้อมรับมือ เช่นการให้เรียนภาษาต่างๆ
    ปูตินสามารถพูดภาษาเยอรมันได้เข้าขั้นระดับการทูต เพราะเรียนมาตั้งแต่ชั้นประถม
    เด็กอื่นๆที่มีแวว ก็ต้องเรียนภาษาอื่นๆอย่างเอาจริงเอาจัง
    เรื่องเรียนเป็นเรื่องที่สำคัญมากในครอบครัวของชาวโซเวียต
    เพราะผู้ปกครองเด็กที่แท้จริง คือ รัฐบาล…

    เช่นปูตินได้ผลักดันให้ลุดมิลากลับไปเรียนจนจบ และ เรียนสารพัดเพิ่มเติม เพื่อที่จะได้เตรียมตัวมาเป็น หลังบ้านของข้าราชการ, นักการเมือง หรือ ผู้นำได้อย่างสมศักดิ์ศรี
    เพราะปูติน……ไม่ได้มีความหวังว่าจะหยุดอนาคตไว้ที่การเป็นสายลับเท่านั้น…

    อาจมีอธิบายนอกเรื่องเยอะหน่อยนะคะ เพราะเชื่อว่ายังมีผู้อ่านอีกมากที่ไม่ใช่ baby boomer อย่างผู้เขียน เก็บเอาไว้เป็นความรู้ค่าาาา ……

    Wiwanda W. Vichit
    ขอเชิญเหล่า FC ทั้งหลาย มาร่วมในงานมงคลสมรสของพี่ปูค่าาาา……!!!! ตอนสาม เริ่มชีวิตครอบครัว เพื่อเดินออกสู่โลกกว้าง ไปตามหาความฝัน………!!! เริ่มอารัมภบท คือ……ไม่ต้องกระจองอแงกันนะ เพราะคราวนี้จะต้องเล่าละเอียดในเนื้อหาของการสละโสดหน่อย เพราะทุกบททุกตอนในดีเทล คือ ความเป็นตัวตนของปูตินในวันนี้…. หลังจากการที่ล้มเลิกการแต่งงานในคราวนั้น ปูตินยังทำตัวเหมือนเดิม ยังอยู่กับพ่อแม่ที่ยังเห็นเขาเป็นลูกแหง่ จนตัวเขาเองก็คิดว่า อาจจะอยู่เป็นโสดไปจนตาย… แต่ในเดือน มีนาคม 1980 ที่เขาได้รู้จักสาวอีกนางหนึ่ง นามว่า Ludmila Shkrebneva แอร์โฮสเตสสาวของสายการบินแห่งชาติ Aeroflot ที่ต้องประจำอยู่ที่ Kaliningrad (พื้นที่เก่าของของปรัสเซีย ที่โซเวียตยึดไว้หลังจากที่ชนะสงครามกับนาซี ลุดมิลา สาวงามวัย 22 ที่เผอิญ Galina เพื่อนสาวของเธอที่เป็นแอร์ด้วยกัน เป็นแฟนของ Andrei เพื่อนของปูติน ทีนี้ สองสาว ได้มาที่เลนินกราด เพื่อที่จะเข้าชมละคร Andrei จึงชวนปูตินไปด้วย จะได้ครบคู่ไม่เขิน เมื่อพบกันครั้งแรก ลุดมิลาไม่ได้สนใจในตัวของปูตินเลย เพราะเขาเป็นคนเงียบๆ เหมือนไม่ค่อยมีสังคม เธอเคยเล่าว่า ผู้ชายแบบนี้ถ้าไปเจอตามถนน…ก็จะมองผ่านทะลุไปเลยเชียว ในระหว่างพักครึ่งของการแสดง ลุดมิลาได้ถามเขาถึงการแสดงดนตรีในคืนต่อไป ว่า เขามีทางที่จะหาบัตรชมมาให้ได้หรือไม่? ปูตินรับปาก และหามาให้ได้จริงๆ และทั้งสี่คนได้ไปร่วมทีมกันอีกในคืนต่อมา…… ก่อนจากกัน……ปูตินได้เขียนเบอร์โทรศัพท์ให้กับลุดมิลา ท่ามกลางความตะลึงพรึงเพริดของอังเดร ส่งสองสาวเสร็จแล้ว ระหว่างทางกลับบ้าน อังเดร ได้ถามขึ้นว่า “นึกยังไงถึงเที่ยวแจกเบอร์โทรศัพท์ล่ะ ปรกตินายไม่เคยให้เบอร์ใครนี่..?” แต่ก็ได้ผล เพราะเมื่อลุดมิลาบินกลับไปแล้ว เธอโทรหาเขา…… และได้บินมาที่เลนินกราดอีกครั้งในเดือนกรกฎาคม คราวนี้ทั้งคู่เริ่มออกเดทกันเป็นเรื่องเป็นราว ลุดมิลาเริ่มคิดที่จะย้ายกลับมาอยู่ในเลนินกราด เพื่ออยู่ใกล้กับคนรัก…… ปูตินขอข้อแลกเปลี่ยน……นั่นคือ ขอให้เธอกลับไปเรียนหนังสือ เนื่องจากเธอได้พักการเรียนไว้ครึ่งๆกลางๆเพื่อที่จะไปทำงานกับสายการบิน เขาต้องการให้เธอกลับไปสานต่อ ซึ่งลุดมิลาได้ทำตามความประสงค์ของคนรัก เธอไปลงเรียนในวิชาปรัชญาที่สถาบันเดียวกันกับปูติน Leningrad State University … ความสัมพันธ์เป็นไปเหมือนกับคู่รักอื่นๆ มีการทะเลาะกัน ที่หนักสุด คือ ลุดมิลาบินกลับไปที่คาลินินกราด แต่ปูตินตามไปง้องอน จนกลับมาดังเดิม ปูตินทำตัวเป็นผู้นำในทุกเรื่อง เขาขี้หึง เขาสั่ง สั่ง และสั่ง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น เขาชนะใจลุดมิลาเพราะความที่เขาเป็นคนโรแมนติก ไม่ขี้เหนียว พาเธอไปเที่ยวทุกที่ที่อยากไป เช่นไปเล่นสกี ไปเที่ยวชนบท แต่มีข้อแลกเปลี่ยนเล็กๆน้อยๆ เช่น ลุดมิลาต้องไปเรียนพิมพ์ดีด เขาพาเธอไปพบกับมาเรีย ผู้มารดา แต่เหมือนเคมีจะไม่ค่อยถูกกัน เนื่องจาก มาเรียยังปักใจชอบลุดมิลาแฟนเก่าของปูติน เพราะเธออ่อนหวาน เรียบร้อย มาเรียรีบเล่าให้ลุดมิลาฟังถึงเรื่องปูตินเคยมีแฟนที่มีชื่อลุดมิลาเหมือนกัน แต่คนนั้นน่ะ……เขาเรียบร้อยยยย !!! ลุดมิลาไม่เคยรู้ในเรื่องงานที่แท้จริงของปูติน เพราะเท่าที่เธอทราบเหมือนคนอื่นๆ คือ เป็นการทำงานกับหน่วยมั่นคง ป้องกันอาชญากรรม ที่อยู่ในสายงานของกลาโหม (สายลับส่วนใหญ่จะใช้แบบนี้) หลายครั้งที่เธอถามเขาเรื่องงาน เขามักตอบติดตลกว่า เช้าไปตกปลา……บ่ายกินปลา… เมื่อถึงปี 1981 ที่เป็นแฟนกันมาร่วมปีครึ่ง เธอถึงได้ทราบว่า เขาคือ KGB ที่ทำให้เธอรู้สึกภูมิใจในตัวเขาขึ้นมาอีกอักโข และพลอยเข้าใจในความเป็นเผด็จการของเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง ในที่สุด เดือนเมษายน 1983 วันสำคัญที่สุดในชีวิตของลูกผู้หญิงก็ได้มาถึง ที่ปูตินได้เริ่มต้นด้วยประโยคว่า “นี่ก็สามปีครึ่งที่เราคบหากัน……คุณตัดสินใจได้หรือยัง…?” “ได้แล้วค่ะ คือ ตกลงค่ะ” “ดีเลย……ผมรักคุณ เราจะแต่งงานกันนะ” พิธีสมรสได้จัดขึ้นในสามเดือนต่อมา ที่ภัตราคารลอยน้ำใกล้ๆกับมหาวิทยาลัย ในวันที่ 28 กรกฎาคม มีเพื่อนๆมาร่วมประมาณยี่สิบคน คืนต่อมา……ได้จัดขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยงในโรงแรม Moscow สามีภรรยาคู่ใหม่ไปดื่มน้ำผึ่งพระจันทร์ที่ยูเครน เริ่มจากขับรถไปที่ Kyiv, Moldova, Lviv, western Ukraine, Nikolayev และ Crimea ที่เขาทั้งสองใช้เวลาอยู่ที่ Yalta ถึงสิบสองวัน ปูตินมีความสุขมาก เพราะ ไครเมียเปรียบเสมือนสวรรค์บนดินสำหรับเขาเสมอมา ขากลับ เขาทั้งสองผ่านเข้าทางมอสโคว์ เพราะปูตินจะต้องแวะไปรายงานตัว เขาทั้งสอง ชายวัย 30 หญิง 25 ได้เริ่มต้นชีวิตครอบครัวในอพาร์ตเมนต์สองห้องนอน บนถนน Stachek Lane อย่างมีความสุข แต่……Igor Antonov (เพื่อนคนหนึ่งของปูติน) ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการแต่งงานในครั้งนี้ว่า เพราะปูตินไม่มีทางเลือกอื่นๆแล้ว นอกจากจะต้องสร้างครอบครัว เพราะหน้าที่การงานกำลังจะถึงทางตัน ถ้าสายลับ KGB ที่จะต้องออกไปรับหน้าที่ในต่างประเทศ หรือเลื่อนตำแหน่ง จะต้องมีวุฒิภาวะตามที่ KGB กำหนด เพราะหลังจากที่ปูตินแต่งงาน เขาได้เลื่อนยศเป็นพันตรี และได้ถูกส่งไปเรียนเพิ่มเติมในหน่วยปฏิบัติงานต่างประเทศที่ The Red Banner Institute, Moscow ที่เป็นสถาบันที่จัดว่าสำหรับชนชั้นปกครอง ผู้อบรมต้องเป็นรัสเชี่ยนชั้นธรรมดา (ลูกผู้ดีไม่รับ) เท่านั้น ไม่มียิว ไม่มีตาร์ต้าร์ หรือ เชเชน หรือ มองโกล ห้ามพิธีทางศาสนาทุกชนิด และ…ไม่มีการใช้เส้นใดๆ ปูตินเป็นคนเดียว จากเลนินกราดที่ได้รับเลือกให้เข้าไปรับการอบรม The Red Banner Institute (หรือปัจจุบันได้เปลี่ยนชื่อว่า The Academy of Foreign Intelligence) นี้ ตั้งอยู่ในกลางป่าที่ค่อนข้างลึกลับในชายกรุงมอสโคว์ หลักสูตรมีตั้งแต่ หนึ่งถึงสามปี ลุดมิลาได้เริ่มตั้งครรภ์แรก จึงยังอยู่ในเลนินกราด ส่วนปูติน ที่ต้องเรียนรู้ทุกอย่างในศาสตร์ของการเป็นสายลับ ในชื่อใหม่ว่า “Platov” ที่แม้แต่เพื่อนผู้รับการอบรมด้วยคน ไม่มีใครรู้จักชื่อจริงของกันและกัน ทุกคนจะได้รับชื่อเฉพาะกิจ ปูติน ก้าวเข้าไปในชั้นเรียนวันแรก ด้วยเครื่องแต่งกายที่เป็นสูทสามชิ้น (คือมีเสื้อกั๊กเพิ่มข้างใน) เรียกเสียงฮาได้จากครูผู้ฝึก ที่ถามว่า “คอมราดพลานอฟ นายจะมาเดินแบบหรือไง…?” ผู้ที่ให้อบรมทั้งหมด ต่างล้วนเป็นชั้นกระทิสุดยอดของสายลับ ที่มีผลงานที่น่าประทับใจ ทุกคนที่จะเดินออกจากสถาบันนี้ คือพร้อมที่จะไปเป็นสายลับข้ามชาติได้ทุกแห่งหนในโลก………!!! ในขณะนั้นลุดมิลาได้คลอดทารกเพศหญิง ที่ปูตินตั้งชื่อให้ว่า มาเรีย (ไว้ล่วงหน้า เพราะให้เหมือนกับชื่อย่า) Sergei Roldugin เพื่อนรัก ได้ช่วยรับเป็นภาระดูแลให้ รวมทั้งเป็นพ่อทูนหัวให้กับมาเรีย ปูตินจึงขอลากลับไปเลนินกราดเพื่อเยี่ยมเยียนเมียและลูกในช่วงวันหยุด ครั้งหนึ่งในการเดินทาง เขาได้เกิดการชกต่อยกับแก๊งอันธพาลในสถานีรถใต้ดิน คราวนี้เรียกว่าลุยกันเละ เพราะปูตินถึงกับแขนหัก อีกฝ่ายหนึ่งแทบเอาชีวิตไม่รอด และนี่คือ “ความเสี่ยง” ต่ออนาคตการงานของเขาโดยตรง เพราะหากว่าเกิดเขาเป็นอะไรขึ้นมา ทุกอย่างคือจบ… แต่โชคยังเป็นของเขา เพราะเขาได้รับมอบหมายหน้าที่ทันทีที่เสร็จสิ้นจากการอบรม ให้ไปประจำการอยู่ที่เมือง Dresden, East Germany และนี่คือการเดินทางทางออกนอกประเทศเป็นครั้งแรก ของ ปูตินในวัย 33 ปี ขออธิบายเพิ่มเติมค่ะ ว่า ในหลังสงครามโลกครั้งที่สอง ถือเอาวันที่ 8 พฤษภาคม 1945 หลังจากนั้นในฐานะของผู้แพ้สงครามให้กับกองทัพสัมพันธมิตร คือ อเมริกา, อังกฤษและ โซเวียต รัสเซีย (ฝรั่งเศส เขาไม่นับ แต่ก็ไม่ปฏิเสธในการมีส่วนร่วม) ที่ได้ทำการตกลงกันไว้ล่วงหน้าระหว่างผู้นำทั้งสามประเทศ ที่ Yalta ที่ตกลงกันในการแบ่งสันปันส่วนในแผ่นดินของเยอรมันนี ขั้นตอนในการแบ่งได้มาย่อยยิบกันอีกในการประชุมที่ Potsdam Conference ว่าจะเฉือนเยอรมันออกเป็นสี่ส่วน แบ่งกันคนละส่วน อังกฤษได้ทางตะวันตกเฉียงเหนือ, ฝรั่งเศส ได้ทางตะวันตกเฉียงใต้, อเมริกา ได้ตะวันออกเฉียงใต้ และโซเวียตไัด้ทางตะวันออกเฉียงเหนือเป็นส่วนใหญ่ ส่วนเบอร์ลินเมืองหลวงก็เช่นกัน ตามที่แบ่งกันนั้น เบอร์ลินตกอยู่ในส่วนของโซเวียต และเพื่อความเป็นธรรมจึง แบ่งออกมาเป็นสี่ส่วน แบ่งกันไปคนละส่วน แต่สภาพของเหมือนกับเบอร์ลินเป็นไข่แดง ที่อยู่กลางโซเวียตที่เป็นไข่ขาว ส่วนที่เป็นของโซเวียต คือ เบอร์ลินตะวันออกก็จะมีกำแพงกั้นอาณาเขต ที่เราเรียกว่า กำแพงเบอร์ลิน …… ดังนั้น โซเวียตจึงมีหน่วยงานด้านความปลอดภัยอยู่ประจำในเขตต่างๆ ที่แม้ว่าจะเป็นคอมมิวนิสต์แต่ก็มีการเตรียมตัวที่ดี เพราะเขาได้ทำการปั้นเด็กๆรุ่นที่เกิดหลังสงคราม ให้เติบโตขึ้นมาอย่างพร้อมรับมือ เช่นการให้เรียนภาษาต่างๆ ปูตินสามารถพูดภาษาเยอรมันได้เข้าขั้นระดับการทูต เพราะเรียนมาตั้งแต่ชั้นประถม เด็กอื่นๆที่มีแวว ก็ต้องเรียนภาษาอื่นๆอย่างเอาจริงเอาจัง เรื่องเรียนเป็นเรื่องที่สำคัญมากในครอบครัวของชาวโซเวียต เพราะผู้ปกครองเด็กที่แท้จริง คือ รัฐบาล… เช่นปูตินได้ผลักดันให้ลุดมิลากลับไปเรียนจนจบ และ เรียนสารพัดเพิ่มเติม เพื่อที่จะได้เตรียมตัวมาเป็น หลังบ้านของข้าราชการ, นักการเมือง หรือ ผู้นำได้อย่างสมศักดิ์ศรี เพราะปูติน……ไม่ได้มีความหวังว่าจะหยุดอนาคตไว้ที่การเป็นสายลับเท่านั้น… อาจมีอธิบายนอกเรื่องเยอะหน่อยนะคะ เพราะเชื่อว่ายังมีผู้อ่านอีกมากที่ไม่ใช่ baby boomer อย่างผู้เขียน เก็บเอาไว้เป็นความรู้ค่าาาา …… Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 236 Views 0 Reviews


  • หมายเลข 5

    : หมายถึง สติปัญญา การศึกษา หยิ่งในศักดิ์ศรี มีมานะ ใจเป็นธรรม ลางสังหรณ์ดี ความสำเร็จ ผู้ใหญ่เอ็นดู มีความมั่นคง
    แทน ดาวพฤหัส
    หมายเลข 5 : หมายถึง สติปัญญา การศึกษา หยิ่งในศักดิ์ศรี มีมานะ ใจเป็นธรรม ลางสังหรณ์ดี ความสำเร็จ ผู้ใหญ่เอ็นดู มีความมั่นคง แทน ดาวพฤหัส
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 58 Views 0 Reviews
  • #เห็นทุกอย่างอธิบายทุกอย่าง
    แน๊กแมนๆ เชิญคนที่ใกล้ชิดเข้าไป
    เปิดให้ถามทุกประเด็น ตอบได้ชัดพร้อมข้อมูลอ้างอิง
    จนทุกคนเข้าใจ ยกเว้นอิป้าโจ
    กลับมาพิมพ์เวิ่นต่อ เพราะศักดิ์ศรีพิธีกรเก่า
    ที่ลืมว่าตกยุคไปแล้ว หรือเพราะเป็นแม่ทีม
    กามินเน็ตเวิรค์ที่มีสมาชิกยอมเปย์เพื่อใกล้ชิดอิเหวิง
    สร้างสตอรี่ลาเวนเดอร์ ให้ทีมทุยไทยเคลิ้มตาม
    ขึ้นหลังห-ม-า แล้วลงไม่ได้ไม่แน่ใจ
    พี่คิงส์ มีคลิปที่จะมาปล่อยให้แฟนเพจ
    ที่ติดตามได้ฟังก่อนใคร รับรอง
    มีเหวอ มีสว่างวาบ มีอุ๊ย
    รอนะ กดติดตามไว้จะได้ไม่พลาด
    เมื่ออิเหวิงกามิจ กับอิป้าโจไม่จบ
    คิงส์ฯก็ไม่จบ รุมเพจกรูปลิว
    แล้วคิดเหรอว่าจะหยุดกรรรูได้
    อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เห็นทุกอย่างอธิบายทุกอย่าง แน๊กแมนๆ เชิญคนที่ใกล้ชิดเข้าไป เปิดให้ถามทุกประเด็น ตอบได้ชัดพร้อมข้อมูลอ้างอิง จนทุกคนเข้าใจ ยกเว้นอิป้าโจ กลับมาพิมพ์เวิ่นต่อ เพราะศักดิ์ศรีพิธีกรเก่า ที่ลืมว่าตกยุคไปแล้ว หรือเพราะเป็นแม่ทีม กามินเน็ตเวิรค์ที่มีสมาชิกยอมเปย์เพื่อใกล้ชิดอิเหวิง สร้างสตอรี่ลาเวนเดอร์ ให้ทีมทุยไทยเคลิ้มตาม ขึ้นหลังห-ม-า แล้วลงไม่ได้ไม่แน่ใจ พี่คิงส์ มีคลิปที่จะมาปล่อยให้แฟนเพจ ที่ติดตามได้ฟังก่อนใคร รับรอง มีเหวอ มีสว่างวาบ มีอุ๊ย รอนะ กดติดตามไว้จะได้ไม่พลาด เมื่ออิเหวิงกามิจ กับอิป้าโจไม่จบ คิงส์ฯก็ไม่จบ รุมเพจกรูปลิว แล้วคิดเหรอว่าจะหยุดกรรรูได้ อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Haha
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 510 Views 0 Reviews
  • “เดียร์ ขัตติยา” ป้อง “นายกฯ อิ๊งค์” เขื่อนโยบายรัฐบาลครบถ้วน-เป็นระบบเรียกความเชื่อมั่นจากคนไทยและทั่วโลก ลั่นอย่าล้อเล่นกับคำว่า “คนไทยมีกินมีใช้ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี” เชื่อมั่น “อุ๊งอิ๊ง” ทำได้แน่นอน

    อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000084930

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “เดียร์ ขัตติยา” ป้อง “นายกฯ อิ๊งค์” เขื่อนโยบายรัฐบาลครบถ้วน-เป็นระบบเรียกความเชื่อมั่นจากคนไทยและทั่วโลก ลั่นอย่าล้อเล่นกับคำว่า “คนไทยมีกินมีใช้ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี” เชื่อมั่น “อุ๊งอิ๊ง” ทำได้แน่นอน อ่านต่อ >> https://news1live.com/detail/9670000084930 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Haha
    Like
    Sad
    Love
    Yay
    Wow
    34
    3 Comments 0 Shares 1888 Views 1 Reviews
  • เมื่อวานพี่คิงส์ฯให้เปิดข้อมูลเรื่อง
    วอลเลทถึงทางตันเงินสดไม่ช่วยอะไร
    ใครพลาด เดี๋ยวแปะลิงค์ในคอมเม้นไว้ให้
    แต่เรื่องวอลเลทก็ยังพอมีทางออก
    ไอ่ที่จะแจกเงินสดผ่านบัตรคนจน ยังไงก็ไม่ได้
    เพราะผิดวัตถุประสงค์มาตรา 9
    ส่วนจะเอาเข้าวอลเลทก็ทำไม่ได้
    สุดท้ายแจกเงินสดไม่นำไปสู่การหมุนวนทางเศรษฐกิจ
    แต่เป็นงบด้านสังคมสงเคราะห์มันคนละเรื่องกัน
    ดังนั้น ทางออกจริงๆก็มี คือโครงการคนละครึ่ง
    กับแอพเป๋าตัง ที่มีอยู่แล้ว ระบบก็เสถียร
    คนไทยใช้เป็น ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย
    ก่อนที่งบจะต้องถูกตีคืนคลังถ้าใช้ไม่ทันสิ้นกย.
    ถ้านำงบมาเข้าระบบแอพคนละครึ่ง
    ระบบเศรษฐกิจจะหมนุวนทันที
    แม้กระทั่งช่วงโรคระบาด เรายังผ่านการใช้โครงการนี้
    ทำให้เศรษฐกิจชาติไม่เสียหายหนักอย่างที่ควรจะเป็น
    ชาวประชาชื่นบาน
    แต่ประเด็นคือ รัฐบาลอิ๊ง ยอมลดศักดิ์ศรีลงมั๊ย
    วางอัตตา ว่าคนละครึ่งคือไอเดียลุงตู่
    แต่ยอมนำกลับมาใช้ เพื่อหมุนเวียนเศรษฐกิจจริงๆ
    พี่คิงส์รับรอง ไม่ผิดมาตรา 9 แถมยังทำให้ได้คะแนนนิยม
    จากมวลชน ไม่สุ่มเสี่ยงโดนเล่นย้อนหลังด้วย
    อยากให้นำไปปรับใช้และพิจารณา
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เมื่อวานพี่คิงส์ฯให้เปิดข้อมูลเรื่อง วอลเลทถึงทางตันเงินสดไม่ช่วยอะไร ใครพลาด เดี๋ยวแปะลิงค์ในคอมเม้นไว้ให้ แต่เรื่องวอลเลทก็ยังพอมีทางออก ไอ่ที่จะแจกเงินสดผ่านบัตรคนจน ยังไงก็ไม่ได้ เพราะผิดวัตถุประสงค์มาตรา 9 ส่วนจะเอาเข้าวอลเลทก็ทำไม่ได้ สุดท้ายแจกเงินสดไม่นำไปสู่การหมุนวนทางเศรษฐกิจ แต่เป็นงบด้านสังคมสงเคราะห์มันคนละเรื่องกัน ดังนั้น ทางออกจริงๆก็มี คือโครงการคนละครึ่ง กับแอพเป๋าตัง ที่มีอยู่แล้ว ระบบก็เสถียร คนไทยใช้เป็น ทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย ก่อนที่งบจะต้องถูกตีคืนคลังถ้าใช้ไม่ทันสิ้นกย. ถ้านำงบมาเข้าระบบแอพคนละครึ่ง ระบบเศรษฐกิจจะหมนุวนทันที แม้กระทั่งช่วงโรคระบาด เรายังผ่านการใช้โครงการนี้ ทำให้เศรษฐกิจชาติไม่เสียหายหนักอย่างที่ควรจะเป็น ชาวประชาชื่นบาน แต่ประเด็นคือ รัฐบาลอิ๊ง ยอมลดศักดิ์ศรีลงมั๊ย วางอัตตา ว่าคนละครึ่งคือไอเดียลุงตู่ แต่ยอมนำกลับมาใช้ เพื่อหมุนเวียนเศรษฐกิจจริงๆ พี่คิงส์รับรอง ไม่ผิดมาตรา 9 แถมยังทำให้ได้คะแนนนิยม จากมวลชน ไม่สุ่มเสี่ยงโดนเล่นย้อนหลังด้วย อยากให้นำไปปรับใช้และพิจารณา #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 481 Views 0 Reviews
  • อาชีพใหม่ๆเกิดขึ้นเยอะ
    น่าภูมิใจ การบริหารงานของรัฐบาลเพื่อไทย
    มีกิน มีใช้ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี
    ไปพร้อมๆกันคร้า
    #คิงส์โพธิ์แดง
    อาชีพใหม่ๆเกิดขึ้นเยอะ น่าภูมิใจ การบริหารงานของรัฐบาลเพื่อไทย มีกิน มีใช้ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ไปพร้อมๆกันคร้า #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    Haha
    Wow
    6
    0 Comments 0 Shares 294 Views 0 Reviews
  • คิงส์โพธิ์แดงถือว่าเป็นการหยามมาก
    กับการพูดสิ่งที่ไม่จริงเพียงหวังคะแนนเสียง
    ประวัติก็เขียนอยู่ ว่าเป็นประธานบริษัทรับเหมา
    แต่อ้างว่านี่คือเกษตรกรมาทั้งชีวิต
    อย่าเหยียบย่ำศักดิ์ศรีคนราชบุรีมากไปกว่านี้เลย
    ธนาธรและพรรคส้มเน่า
    ขอให้ชาวราชบุรีตอบแทนพวกนี้อย่างสาสม
    มันเป็นไปไม่ได้ว่าธรจะไม่รู้ เพราะธรคือคนที่จิ้มคนลงเองทุกที่ แต่มันคือความตั้งใจ หวังใช้วาทะกรรม ห-ล-อ-กคนราชบุรี เรียกคะแนน โดยไม่สนใจว่า สิ่งที่พูดออกจากปากจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตาม
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    คิงส์โพธิ์แดงถือว่าเป็นการหยามมาก กับการพูดสิ่งที่ไม่จริงเพียงหวังคะแนนเสียง ประวัติก็เขียนอยู่ ว่าเป็นประธานบริษัทรับเหมา แต่อ้างว่านี่คือเกษตรกรมาทั้งชีวิต อย่าเหยียบย่ำศักดิ์ศรีคนราชบุรีมากไปกว่านี้เลย ธนาธรและพรรคส้มเน่า ขอให้ชาวราชบุรีตอบแทนพวกนี้อย่างสาสม มันเป็นไปไม่ได้ว่าธรจะไม่รู้ เพราะธรคือคนที่จิ้มคนลงเองทุกที่ แต่มันคือความตั้งใจ หวังใช้วาทะกรรม ห-ล-อ-กคนราชบุรี เรียกคะแนน โดยไม่สนใจว่า สิ่งที่พูดออกจากปากจะเป็นความจริงหรือไม่ก็ตาม ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 295 Views 0 Reviews
  • "ศักดิ์ศรีเป็นเรื่องของใจ ไม่ใช่เงินทองมองต่างกัน กินมื้ออดหลายมื้อคือฉัน แต่ไม่มีวันขายความเป็นคน "
    เพลง ศักดิ์ศรี
    ศิลปิน : โนนสะแบง
    ฮักแพง โนนสะแบง รักทุกคน
    "ศักดิ์ศรีเป็นเรื่องของใจ ไม่ใช่เงินทองมองต่างกัน กินมื้ออดหลายมื้อคือฉัน แต่ไม่มีวันขายความเป็นคน " เพลง ศักดิ์ศรี ศิลปิน : โนนสะแบง ฮักแพง โนนสะแบง รักทุกคน
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 62 Views 0 Reviews
  • Newsstory : นักการเมืองไทย ทิ้งศักดิ์ศรี หนีย้ายฝั่ง มั่นใจได้อย่างไรว่าจะได้ตำแหน่ง
    #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่
    #เรื่องของศักดิ์ศรี
    Newsstory : นักการเมืองไทย ทิ้งศักดิ์ศรี หนีย้ายฝั่ง มั่นใจได้อย่างไรว่าจะได้ตำแหน่ง #Newsstory #สนธิทอร์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #นิวส์สตอรี่ #เรื่องของศักดิ์ศรี
    Like
    Sad
    Angry
    9
    2 Comments 0 Shares 931 Views 833 0 Reviews
  • ใบเหลืองชาญ เลือกตั้งใหม่ อบจ.ปทุมฯ

    สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติสั่งให้มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปทุมธานีใหม่ ตามมาตรา 106 วรรคสี่ แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ปี 2562 เมื่อวันที่ 27 ส.ค. หลังพิจารณาเรื่องการประกาศรับรองผล และพยานหลักฐานของสำนวนเรื่องร้องเรียนตามมาตรา 65 (3) แล้วเห็นว่า กรณีกล่าวหาว่านายชาญ พวงเพ็ชร์ ที่ได้รับการเลือกตั้ง จัดเลี้ยงและมหรสพเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนให้ตนนั้น เป็นเหตุอันควรเชื่อได้ว่า การเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม

    อย่างไรก็ตาม มติสั่งเลือกตั้งใหม่ของ กกต. ดังกล่าวเป็นการให้ใบเหลือง ดังนั้นการแข่งขันก็จะเป็นการใช้ผู้สมัครชุดเดิมโดยนายชาญ ซึ่งได้รับเลือกมาด้วยคะแนนสูงสุดในการเลือกตั้งคราวก่อน ยังคงสามารถลงแข่งขันได้ ส่วนวันเลือกตั้งผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยความเห็นชอบของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดจะเป็นผู้ประกาศ

    ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้สมัครเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวขอขอบคุณ กกต.ที่ให้ความเป็นธรรม และพร้อมลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้ง ขอให้ กกต.เร่งจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว ไม่ต้องรอ 45 วัน ใช้เวลา 2 สัปดาห์ก็พอ เพราะเป็นคนเดิมเพิ่งหาเสียงกันมา ถ้าปล่อยให้นานออกไปสถานการณ์จะล่อแหลมเพราะน้ำจะท่วม มั่นใจว่าคนปทุมธานีรู้แล้วว่าใครผู้สมัครรายใดที่มีปัญหา พร้อมเชิญชวนชาวจังหวัดปทุมธานีออกมาใช้สิทธิกันให้มากขึ้น เพื่อศักดิ์ศรีของจังหวัด อย่าให้คนไม่ดีมาซื้อเสียง

    แหล่งข่าวจากผู้ใกล้ชิดการเมืองท้องถิ่นจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยกับ Newskit ว่า เรื่องดังกล่าวทราบว่าเป็นที่ตกใจแก่ข้าราชการ อบจ.ปทุมธานีอยู่บ้าง เพราะรอผลการเลือกตั้งกว่า 2 เดือนก็ไม่มีความชัดเจน เมื่อเทียบกับจังหวัดอื่น ที่ประกาศรับรองผลไปแล้วอย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมา อบจ.ปทุมธานีใช้งบประมาณจัดการเลือกตั้งกว่า 70 ล้านบาท โดยใช้งบกลาง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งต่อไป ขึ้นอยู่กับ กกต.ปทุมธานีจะเป็นผู้กำหนด คาดว่าไม่เกิน 1 เดือนนับจากนี้ แต่เห็นว่าต้องจัดเลือกตั้ง 3 รอบ ยังเหลือการเลือกตั้งสมาชิกสภา อบจ.ปทุมธานี ที่จะหมดวาระในวันที่ 19 ธ.ค. และคาดว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือน ก.พ. 2568

    สำหรับผลใบเหลืองที่ออกมา ต้องดูว่านายชาญจะลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย หรือในนามอิสระ เพราะที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยถูกโจมตีเรื่องการส่งผู้สมัครที่มีปัญหาคุณสมบัติ ซ้ำด้วยนายชาญถูก กกต.ให้ใบเหลือง ทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับความเสียหาย ก่อนหน้านี้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปงานบวชลูกชายนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือนายกเบี้ยว นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี ซึ่งเป็นคนของนายชาญ จากเหตุดังกล่าวทำให้ กกต.ให้ใบเหลือง ด้วยข้อหาจัดเลี้ยงและมหรสพเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนน ไม่นับรวมคดีค้างเก่าใน ป.ป.ช. อาจมีผลต่อการตัดสินใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่าจะเลือกใคร

    ส่วน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ คาดว่าทีมงานอาจมีความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่ผ่านมาจากทั้งหมด 7 อำเภอ ชนะเลือกตั้งในเขตอำเภอเมือง อำเภอที่มีความเจริญเนื่องมาจากเป็นพื้นที่บ้านจัดสรร หรืออำเภอที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ เช่น อ.หนองเสือ ที่คราวนี้ชนะคู่แข่งมาได้ แต่จะเสียเปรียบ 2 อำเภอ ซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรม คือ อ.สามโคก ซึ่งเป็นพื้นที่ฐานเสียงของนายชาญ มีความผูกพันมานาน และ อ.ลาดหลุมแก้ว ที่การเลือกตั้งครั้งนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์แพ้ให้กับคู่แข่ง ประเมินว่าทีมงาน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ อาจกำลังถอดบทเรียนตรงนี้สำหรับการเลือกตั้งรอบสองที่กำลังจะมาถึง

    ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้ จะมีผู้มาใช้สิทธิมากน้อยขนาดไหน เมื่อเทียบกับคราวที่แล้วมีผู้มาใช้สิทธิไม่ถึง 50% แหล่งข่าวมองว่าอาจมีโอกาสเพิ่มขึ้นมาบ้าง เพราะจากการที่ผลเลือกตั้งออกมา ผู้ชนะคราวที่แล้วกลับแพ้ คราวนี้จึงแพ้ไม่ได้ อีกทั้งยังมีเหตุการณ์น้ำท่วมภาคเหนือ ที่เกรงกันว่ามวลน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลลงมายังจังหวัดปทุมธานี จำเป็นต้องมีเจ้าภาพบริหารจัดการและดูแลประชาชน หากเกิดสูญญากาศทางการเมือง ประชาชนจะได้รับความเดือดร้อนมากขึ้น

    สำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 949,421 คน แต่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 472,536 คน คิดเป็น 49.77% โดยนายชาญ ซึ่งเป็นผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ชนะ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ โดยนายชาญได้ 203,032 คะแนน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้ 201,212 คะแนน ห่างกัน 1,820 คะแนน ส่วนอันดับสาม นายนพดล ลัดดาแย้ม ได้ 16,983 คะแนน และอันดับสี่ นายอธิวัฒน์ สอนเนย ได้ 7,122 คะแนน ส่วนบัตรเสียมี 11,302 ใบ คิดเป็น 2.39% และบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 32,885 ใบ คิดเป็น 6.96%

    #Newskit #อบจปทุมธานี #เลือกตั้งซ่อม
    ใบเหลืองชาญ เลือกตั้งใหม่ อบจ.ปทุมฯ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีมติสั่งให้มีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) ปทุมธานีใหม่ ตามมาตรา 106 วรรคสี่ แห่ง พ.ร.บ.การเลือกตั้งสมาชิกสภาท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่น ปี 2562 เมื่อวันที่ 27 ส.ค. หลังพิจารณาเรื่องการประกาศรับรองผล และพยานหลักฐานของสำนวนเรื่องร้องเรียนตามมาตรา 65 (3) แล้วเห็นว่า กรณีกล่าวหาว่านายชาญ พวงเพ็ชร์ ที่ได้รับการเลือกตั้ง จัดเลี้ยงและมหรสพเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนนให้ตนนั้น เป็นเหตุอันควรเชื่อได้ว่า การเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา มิได้เป็นไปโดยสุจริตหรือเที่ยงธรรม อย่างไรก็ตาม มติสั่งเลือกตั้งใหม่ของ กกต. ดังกล่าวเป็นการให้ใบเหลือง ดังนั้นการแข่งขันก็จะเป็นการใช้ผู้สมัครชุดเดิมโดยนายชาญ ซึ่งได้รับเลือกมาด้วยคะแนนสูงสุดในการเลือกตั้งคราวก่อน ยังคงสามารถลงแข่งขันได้ ส่วนวันเลือกตั้งผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยความเห็นชอบของผู้อำนวยการการเลือกตั้งประจำจังหวัดจะเป็นผู้ประกาศ ด้าน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ธูปกระจ่าง ผู้สมัครเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี กล่าวขอขอบคุณ กกต.ที่ให้ความเป็นธรรม และพร้อมลงสมัครรับเลือกตั้งอีกครั้ง ขอให้ กกต.เร่งจัดการเลือกตั้งโดยเร็ว ไม่ต้องรอ 45 วัน ใช้เวลา 2 สัปดาห์ก็พอ เพราะเป็นคนเดิมเพิ่งหาเสียงกันมา ถ้าปล่อยให้นานออกไปสถานการณ์จะล่อแหลมเพราะน้ำจะท่วม มั่นใจว่าคนปทุมธานีรู้แล้วว่าใครผู้สมัครรายใดที่มีปัญหา พร้อมเชิญชวนชาวจังหวัดปทุมธานีออกมาใช้สิทธิกันให้มากขึ้น เพื่อศักดิ์ศรีของจังหวัด อย่าให้คนไม่ดีมาซื้อเสียง แหล่งข่าวจากผู้ใกล้ชิดการเมืองท้องถิ่นจังหวัดปทุมธานี เปิดเผยกับ Newskit ว่า เรื่องดังกล่าวทราบว่าเป็นที่ตกใจแก่ข้าราชการ อบจ.ปทุมธานีอยู่บ้าง เพราะรอผลการเลือกตั้งกว่า 2 เดือนก็ไม่มีความชัดเจน เมื่อเทียบกับจังหวัดอื่น ที่ประกาศรับรองผลไปแล้วอย่างรวดเร็ว ที่ผ่านมา อบจ.ปทุมธานีใช้งบประมาณจัดการเลือกตั้งกว่า 70 ล้านบาท โดยใช้งบกลาง ซึ่งการเลือกตั้งครั้งต่อไป ขึ้นอยู่กับ กกต.ปทุมธานีจะเป็นผู้กำหนด คาดว่าไม่เกิน 1 เดือนนับจากนี้ แต่เห็นว่าต้องจัดเลือกตั้ง 3 รอบ ยังเหลือการเลือกตั้งสมาชิกสภา อบจ.ปทุมธานี ที่จะหมดวาระในวันที่ 19 ธ.ค. และคาดว่าจะมีการเลือกตั้งในเดือน ก.พ. 2568 สำหรับผลใบเหลืองที่ออกมา ต้องดูว่านายชาญจะลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย หรือในนามอิสระ เพราะที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยถูกโจมตีเรื่องการส่งผู้สมัครที่มีปัญหาคุณสมบัติ ซ้ำด้วยนายชาญถูก กกต.ให้ใบเหลือง ทำให้พรรคเพื่อไทยได้รับความเสียหาย ก่อนหน้านี้ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ไปงานบวชลูกชายนายกฤษฎา หลีนวรัตน์ หรือนายกเบี้ยว นายกเทศมนตรีตำบลธัญบุรี ซึ่งเป็นคนของนายชาญ จากเหตุดังกล่าวทำให้ กกต.ให้ใบเหลือง ด้วยข้อหาจัดเลี้ยงและมหรสพเพื่อจูงใจให้ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งลงคะแนน ไม่นับรวมคดีค้างเก่าใน ป.ป.ช. อาจมีผลต่อการตัดสินใจของผู้มีสิทธิเลือกตั้งว่าจะเลือกใคร ส่วน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ คาดว่าทีมงานอาจมีความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่ผ่านมาจากทั้งหมด 7 อำเภอ ชนะเลือกตั้งในเขตอำเภอเมือง อำเภอที่มีความเจริญเนื่องมาจากเป็นพื้นที่บ้านจัดสรร หรืออำเภอที่อยู่ใกล้กรุงเทพฯ เช่น อ.หนองเสือ ที่คราวนี้ชนะคู่แข่งมาได้ แต่จะเสียเปรียบ 2 อำเภอ ซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรม คือ อ.สามโคก ซึ่งเป็นพื้นที่ฐานเสียงของนายชาญ มีความผูกพันมานาน และ อ.ลาดหลุมแก้ว ที่การเลือกตั้งครั้งนี้ พล.ต.ท.คำรณวิทย์แพ้ให้กับคู่แข่ง ประเมินว่าทีมงาน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ อาจกำลังถอดบทเรียนตรงนี้สำหรับการเลือกตั้งรอบสองที่กำลังจะมาถึง ส่วนการเลือกตั้งครั้งนี้ จะมีผู้มาใช้สิทธิมากน้อยขนาดไหน เมื่อเทียบกับคราวที่แล้วมีผู้มาใช้สิทธิไม่ถึง 50% แหล่งข่าวมองว่าอาจมีโอกาสเพิ่มขึ้นมาบ้าง เพราะจากการที่ผลเลือกตั้งออกมา ผู้ชนะคราวที่แล้วกลับแพ้ คราวนี้จึงแพ้ไม่ได้ อีกทั้งยังมีเหตุการณ์น้ำท่วมภาคเหนือ ที่เกรงกันว่ามวลน้ำจากแม่น้ำเจ้าพระยาไหลลงมายังจังหวัดปทุมธานี จำเป็นต้องมีเจ้าภาพบริหารจัดการและดูแลประชาชน หากเกิดสูญญากาศทางการเมือง ประชาชนจะได้รับความเดือดร้อนมากขึ้น สำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.ปทุมธานี เมื่อวันที่ 30 มิ.ย. ที่ผ่านมา มีผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง 949,421 คน แต่มีผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้ง 472,536 คน คิดเป็น 49.77% โดยนายชาญ ซึ่งเป็นผู้สมัครจากพรรคเพื่อไทย ชนะ พล.ต.ท.คำรณวิทย์ โดยนายชาญได้ 203,032 คะแนน พล.ต.ท.คำรณวิทย์ ได้ 201,212 คะแนน ห่างกัน 1,820 คะแนน ส่วนอันดับสาม นายนพดล ลัดดาแย้ม ได้ 16,983 คะแนน และอันดับสี่ นายอธิวัฒน์ สอนเนย ได้ 7,122 คะแนน ส่วนบัตรเสียมี 11,302 ใบ คิดเป็น 2.39% และบัตรไม่ประสงค์ลงคะแนน 32,885 ใบ คิดเป็น 6.96% #Newskit #อบจปทุมธานี #เลือกตั้งซ่อม
    Like
    4
    1 Comments 0 Shares 499 Views 0 Reviews
  • ความทะนงตน ศักดิ์ศรี และการเห็นคุณค่าในตนเอง
    ความทะนงตน ศักดิ์ศรี และการเห็นคุณค่าในตนเอง
    0 Comments 0 Shares 122 Views 8 0 Reviews
  • Sondhitalk EP 256 : ชะตากรรม ประเทศไทย(Full)
    - นายกรัฐมนตรีฟันน้ำนม
    - สมการการเมืองของ ชินวัตร
    - ฤา “สงครามโลกครั้งที่ 3” จะเกิด
    - ถึงครายักษ์ Google ล้ม ?

    #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #นายกรัฐมนตรี #อุ๊งอิ๊ง #ทักษิณ #ลุงป้อม #ธรรมนัส #การเมือง #ศักดิ์ศรี #google #ยูเครน
    Sondhitalk EP 256 : ชะตากรรม ประเทศไทย(Full) - นายกรัฐมนตรีฟันน้ำนม - สมการการเมืองของ ชินวัตร - ฤา “สงครามโลกครั้งที่ 3” จะเกิด - ถึงครายักษ์ Google ล้ม ? #สนธิทอล์ค #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิลิ้มทองกุล #sondhiapp #นายกรัฐมนตรี #อุ๊งอิ๊ง #ทักษิณ #ลุงป้อม #ธรรมนัส #การเมือง #ศักดิ์ศรี #google #ยูเครน
    Like
    Love
    32
    3 Comments 0 Shares 2969 Views 986 1 Reviews
  • ไหนๆก็ไหนๆสำหรับคนที่ยังเข้าใจผิด
    #ไปกล่าวหาว่าคุณหญิงหน่อยไปซูฮกโทนี่
    และเห็นด้วยกับสส.ลูกพรรคที่ไปยกมือสนับสนุน
    และบอกเป็นละครนั้น
    พี่คิงส์ฯไม่อยากให้แฟนเพจหลงทางข่าวสาร
    หญิงหน่อยเป็นคนที่เจ็บตัวมากที่สุด ที่พาพรรค
    ไปสู่พรรคเพื่อไทยห่างจากอนาคตใหม่ไม่กี่คะแนน
    แต่สุดท้าย โทนี่ส่งเมีย ส่งน้องมาป่วนพรรค
    ยึดอำนาจคืน และเขี่ยคนของหญิงหน่อยให้อยู่ไม่ได้
    มันเป็นยิ่งกว่าความโกรธ แต่มันคือความแค้นที่จำจนวันตรุย
    คุณหญิงก็สู้อุตส่าห์มาเริ่มใหม่ เพื่อสานความตั้งใจทางการเมือง
    ฟูมฟักคนที่ไม่เคยได้เป็นสส.เลย สอบตกทุกคน
    เอามาผลักดันจนได้เป็น สส.ถึงหกคน
    แต่สุดท้าย โทนี่แอบติดต่อยัดกล้วยให้หกสส.
    มายกมือสนับสนุนอิ๊งหน้าตาเฉย
    ยิ่งกว่าการถูกข้ามหัว แต่มันคือการหยามศักดิ์ศรี
    ดังนั้น ตอนนี้หญิงหน่อยรู้สึกถึงการถูกคุ-ก-ค-า-ม
    และจากนี้ไป คิงส์บอกเลย หญิงหน่อยนี่แหละ
    ที่จะสั่นคลอนเพื่อไทยให้ระส่ำ ให้โทนี่ต้องไร้ซึ่งความสุข
    และไม่ใช่หญิงหน่อยคนเดียวนะ คนจองกฐินเพียบ
    อยู่บำรุง และอีกหลายๆคน
    ตอนนี้เค้ารอให้อิ๊งถวายสัตย์ก่อนให้เป็นนายกแบบสมบูรณ์ก่อน
    แล้วเตรียมรับแรงพ-า-ยุ-แห่งกรรมได้เลย โทนี่เอ๊ย
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ไหนๆก็ไหนๆสำหรับคนที่ยังเข้าใจผิด #ไปกล่าวหาว่าคุณหญิงหน่อยไปซูฮกโทนี่ และเห็นด้วยกับสส.ลูกพรรคที่ไปยกมือสนับสนุน และบอกเป็นละครนั้น พี่คิงส์ฯไม่อยากให้แฟนเพจหลงทางข่าวสาร หญิงหน่อยเป็นคนที่เจ็บตัวมากที่สุด ที่พาพรรค ไปสู่พรรคเพื่อไทยห่างจากอนาคตใหม่ไม่กี่คะแนน แต่สุดท้าย โทนี่ส่งเมีย ส่งน้องมาป่วนพรรค ยึดอำนาจคืน และเขี่ยคนของหญิงหน่อยให้อยู่ไม่ได้ มันเป็นยิ่งกว่าความโกรธ แต่มันคือความแค้นที่จำจนวันตรุย คุณหญิงก็สู้อุตส่าห์มาเริ่มใหม่ เพื่อสานความตั้งใจทางการเมือง ฟูมฟักคนที่ไม่เคยได้เป็นสส.เลย สอบตกทุกคน เอามาผลักดันจนได้เป็น สส.ถึงหกคน แต่สุดท้าย โทนี่แอบติดต่อยัดกล้วยให้หกสส. มายกมือสนับสนุนอิ๊งหน้าตาเฉย ยิ่งกว่าการถูกข้ามหัว แต่มันคือการหยามศักดิ์ศรี ดังนั้น ตอนนี้หญิงหน่อยรู้สึกถึงการถูกคุ-ก-ค-า-ม และจากนี้ไป คิงส์บอกเลย หญิงหน่อยนี่แหละ ที่จะสั่นคลอนเพื่อไทยให้ระส่ำ ให้โทนี่ต้องไร้ซึ่งความสุข และไม่ใช่หญิงหน่อยคนเดียวนะ คนจองกฐินเพียบ อยู่บำรุง และอีกหลายๆคน ตอนนี้เค้ารอให้อิ๊งถวายสัตย์ก่อนให้เป็นนายกแบบสมบูรณ์ก่อน แล้วเตรียมรับแรงพ-า-ยุ-แห่งกรรมได้เลย โทนี่เอ๊ย #คิงส์โพธิ์แดง
    0 Comments 0 Shares 220 Views 0 Reviews
  • #ที่พิมพ์ไว้ขาดไปอีกข้อ
    คือทั้งสองเฒ่าฝักใฝ่พรรคล้มล้างการปกครอง
    ไม่รู้อยากได้อะไรกันนักกันหนา
    แอ๊ดอะเหรอ พี่คิงส์จะเปิดเผยเอง
    คือ ตอนแรกที่ว่าจะยุบวงอะ แค่เรียกแฟนคลับมาเยอะๆ
    ไม่ได้คิดจะยงจะยุบหรอก แล้วปรากฏว่า ออแกไนซ์อะ
    เค้าก็ต้องดิลพวกเครื่องดื่มอะไรพวกนี้มา เป็นเอ็กคลูซีฟเจ้าเดียว
    ก็เพื่อให้มีตังค์ไปจ่ายวงพวกมันนั่นแหละ
    แต่มันไม่ยอม มันจะเอาเครื่องดื่มมันไปลงด้วย
    นั่นแหละที่มาที่โวยวายว่า กรูจะสู้กับเมิงอะไรนั่นแหละ
    นี่แหละที่มาของคำว่า แก่กะโหลกกะลา
    ส่วนเสรีพิสุทธิ์อะเหรอ คือพวกคดีย์ในอดีตมีเยอะมากนะไอ่เฒ่านี่
    แต่ใช้วิธีการไม่ยอมรับหมายเรียก ดึงเช็งจนคดีย์หมดอายุความ
    ไปดูดิ ที่คุยว่าผมชนะมาทุกคดีย์อะ โน่น ดึงเช็งไม่รับหมายเรียกจนหมดอายุความล้วนๆ มันไม่ได้ชนะใสๆ
    นี่แหละพอมาถึงไอ่โจ๊ก เสรีวางแผนให้ แต่ลืมไป
    ไอ่โจ๊กหลักฐานมันแน่น คนละสน. คนละศาล
    ปั้น ปปช ก็เสรีนี่แหละแนะนำโจ๊กทั้งหมด
    ได้ทั้งกล่องได้ทั้งตังค์สิทีนี้ โดยมีอัยการสาย-เ-ม-า เป็นทะแนะอีกตัว
    ส่วนไอ่ตั้มอะนะ ที่วางท่าเปิดนั่นเปิดนี่ ก็มีเสรี กับปรเมศเป็นคนทำสคริป
    ได้ข้อมูลจากสุรเชษฐ์ แล้วก็มาแสดงละครอย่างที่ปชชเห็นแล้วเอียนนั่นแหละ
    นักข่าวที่ไปตามติด ก็ไม่พ้นพวกที่สรุเชษฐ์เปย์ไว้ เพราะข่าวเยอะแยะ ทำไมสุรเชษฐ์แถลงต้องไปทุกรอบ
    อ่อ ทิ้งท้ายไว้หน่อย อันนี้อย่างฮาเว้ยเฮ้ย
    ดนัยหมาแก่ มันคือหมาหรือกิ้งก่ากันแน่ฟร๊ะ
    ตอนสุรเชษฐ์เลี้ยงดูปูเสื่อ เรียกได้แม้กระทั่ง ท่านเทพโจ๊ก
    ใครจะว่าอะไรตัวเอง ยอมได้หมด ขอเอาข่าวโจ๊กมาเบี่ยงเบนให้โจ๊กไม่ผิดให้ได้ ตอนแรกก็ชงสำเร็จนะ พี่คิงส์ก็ตามรายการดนัยมาก่อน
    แต่พอรู้แน่ว่าตัวเองไม่รอด โจ๊กขาดส่งรายเดือนแค่นั้นแหละ
    เช็ด เขร้ หมาแก่โพสเฟร้ย
    "ถ้าผมเจอบิ๊กโจ๊ก ผมอยากจะถามบิ๊กโจ๊กว่า เพราะอะไรตอนนี้ไม่มีใครอยากคบคุณ"
    พี่คิงส์ถึงกับต้องปล่อยก๊าก ศักดิ์ศรีไม่มี บุญคุณไม่มี
    นี่มัน สายอวยเติมตังค์นี่หว่า ต่อจากนี้ไปหมาแก่จะสงบปากสงบค่ำขึั้นเยอะ
    วันนี้เอาเท่านี้ก่อน เอาไว้มีเวลาจะมาเม้าท์มอยใหม่
    ก็สรุปตามภาพนะ เหมือนกันชิหาย สองควายเฒ่า
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ที่พิมพ์ไว้ขาดไปอีกข้อ คือทั้งสองเฒ่าฝักใฝ่พรรคล้มล้างการปกครอง ไม่รู้อยากได้อะไรกันนักกันหนา แอ๊ดอะเหรอ พี่คิงส์จะเปิดเผยเอง คือ ตอนแรกที่ว่าจะยุบวงอะ แค่เรียกแฟนคลับมาเยอะๆ ไม่ได้คิดจะยงจะยุบหรอก แล้วปรากฏว่า ออแกไนซ์อะ เค้าก็ต้องดิลพวกเครื่องดื่มอะไรพวกนี้มา เป็นเอ็กคลูซีฟเจ้าเดียว ก็เพื่อให้มีตังค์ไปจ่ายวงพวกมันนั่นแหละ แต่มันไม่ยอม มันจะเอาเครื่องดื่มมันไปลงด้วย นั่นแหละที่มาที่โวยวายว่า กรูจะสู้กับเมิงอะไรนั่นแหละ นี่แหละที่มาของคำว่า แก่กะโหลกกะลา ส่วนเสรีพิสุทธิ์อะเหรอ คือพวกคดีย์ในอดีตมีเยอะมากนะไอ่เฒ่านี่ แต่ใช้วิธีการไม่ยอมรับหมายเรียก ดึงเช็งจนคดีย์หมดอายุความ ไปดูดิ ที่คุยว่าผมชนะมาทุกคดีย์อะ โน่น ดึงเช็งไม่รับหมายเรียกจนหมดอายุความล้วนๆ มันไม่ได้ชนะใสๆ นี่แหละพอมาถึงไอ่โจ๊ก เสรีวางแผนให้ แต่ลืมไป ไอ่โจ๊กหลักฐานมันแน่น คนละสน. คนละศาล ปั้น ปปช ก็เสรีนี่แหละแนะนำโจ๊กทั้งหมด ได้ทั้งกล่องได้ทั้งตังค์สิทีนี้ โดยมีอัยการสาย-เ-ม-า เป็นทะแนะอีกตัว ส่วนไอ่ตั้มอะนะ ที่วางท่าเปิดนั่นเปิดนี่ ก็มีเสรี กับปรเมศเป็นคนทำสคริป ได้ข้อมูลจากสุรเชษฐ์ แล้วก็มาแสดงละครอย่างที่ปชชเห็นแล้วเอียนนั่นแหละ นักข่าวที่ไปตามติด ก็ไม่พ้นพวกที่สรุเชษฐ์เปย์ไว้ เพราะข่าวเยอะแยะ ทำไมสุรเชษฐ์แถลงต้องไปทุกรอบ อ่อ ทิ้งท้ายไว้หน่อย อันนี้อย่างฮาเว้ยเฮ้ย ดนัยหมาแก่ มันคือหมาหรือกิ้งก่ากันแน่ฟร๊ะ ตอนสุรเชษฐ์เลี้ยงดูปูเสื่อ เรียกได้แม้กระทั่ง ท่านเทพโจ๊ก ใครจะว่าอะไรตัวเอง ยอมได้หมด ขอเอาข่าวโจ๊กมาเบี่ยงเบนให้โจ๊กไม่ผิดให้ได้ ตอนแรกก็ชงสำเร็จนะ พี่คิงส์ก็ตามรายการดนัยมาก่อน แต่พอรู้แน่ว่าตัวเองไม่รอด โจ๊กขาดส่งรายเดือนแค่นั้นแหละ เช็ด เขร้ หมาแก่โพสเฟร้ย "ถ้าผมเจอบิ๊กโจ๊ก ผมอยากจะถามบิ๊กโจ๊กว่า เพราะอะไรตอนนี้ไม่มีใครอยากคบคุณ" พี่คิงส์ถึงกับต้องปล่อยก๊าก ศักดิ์ศรีไม่มี บุญคุณไม่มี นี่มัน สายอวยเติมตังค์นี่หว่า ต่อจากนี้ไปหมาแก่จะสงบปากสงบค่ำขึั้นเยอะ วันนี้เอาเท่านี้ก่อน เอาไว้มีเวลาจะมาเม้าท์มอยใหม่ ก็สรุปตามภาพนะ เหมือนกันชิหาย สองควายเฒ่า #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 295 Views 0 Reviews
  • ผมไม่ทราบว่าคุณรู้ หรือ ไม่รู้ หรือ แกล้งไม่รู้ว่า
    คุณมาสร้างความปั่นป่วน ความแตกแยกในสังคม
    คุณเป็นนักกฏหมาย ข้อตกลง หรือ สัญญา หรือ อะไรก็แล้วแต่
    ที่เคยทำไว้ ที่เคยสัญญาไว้ ที่เคยให้สัตย์ไว้ ทำไมตระบัดสัตย์

    กลับไปที่ที่คุณควรอยู่ กลับไปอยู่กับคุณแม่
    กับครอบครัวพี่น้องของคุณ กับลูกเมียคุณเถอะครับ

    หากคุณรักชาติบ้านเมืองจริง รักสถาบันจริง
    จงอย่าอยู่ในสยามประเทศ หรือ มาข้องวะครับ

    ด้วยความเคารพในศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย
    ผมไม่ทราบว่าคุณรู้ หรือ ไม่รู้ หรือ แกล้งไม่รู้ว่า คุณมาสร้างความปั่นป่วน ความแตกแยกในสังคม คุณเป็นนักกฏหมาย ข้อตกลง หรือ สัญญา หรือ อะไรก็แล้วแต่ ที่เคยทำไว้ ที่เคยสัญญาไว้ ที่เคยให้สัตย์ไว้ ทำไมตระบัดสัตย์ กลับไปที่ที่คุณควรอยู่ กลับไปอยู่กับคุณแม่ กับครอบครัวพี่น้องของคุณ กับลูกเมียคุณเถอะครับ หากคุณรักชาติบ้านเมืองจริง รักสถาบันจริง จงอย่าอยู่ในสยามประเทศ หรือ มาข้องวะครับ ด้วยความเคารพในศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย
    0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • กระทรวงต่างประเทศแถลงโต้ต่างชาติวิจารณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญยุบก้าวไกล ยืนยันเป็นเอกสิทธิ์และอำนาจศาลฯที่ไม่สามารถแทรกแซงโดยอำนาจอื่นได้ ย้ำไทยยังคงยึดมั่นค่านิยมประชาธิปไตย ยึดกติการะหว่างประเทศ

    8 สิงหาคม 2567-.นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงกรณีที่บางประเทศวิพากษ์วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญของไทยที่มีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคก้าวไกล ว่า คำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลเป็นเอกสิทธิ์และอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งอยู่ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญตามหลักการของการแบ่งแยกเขตอำนาจของรัฐธรรมนูญ การตัดสินวินิจฉัยของศาลฯ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถแทรกแซงได้โดยอำนาจอื่นหรือโดยรัฐบาล ขณะที่คำตัดสินดังกล่าวมีผลผูกพันตามกฎหมาย และต้องได้รับความเคารพโดยปวงชนชาวไทย

    โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยยังคงดำเนินตามค่านิยมประชาธิปไตยและในฐานะรัฐภาคีของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และย้ำความมุ่งมั่นต่อพันธกรณีและเสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพในการสมาคม เสรีภาพในการชุมนุมอย่างสันติ และเสรีภาพในการก่อตั้งพรรคการเมือง ประเทศไทยมีความภาคภูมิใจในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นส่วนสำคัญยิ่งต่อขนบประเพณีของไทย และเป็นเสาหลักของฝ่ายตุลาการ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติที่แยกออกจากกัน 3 ฝ่าย ซึ่งสร้างความเป็นชาติตลอดห้วงประวัติศาสตร์หลายศตวรรษที่ผ่านมา นอกจากนี้ ประเทศไทยจะดำเนินตามขนบประเพณีและระบอบประชาธิปไตยนี้อย่างมั่นคงด้วยความภาคภูมิใจและมีศักดิ์ศรี เราเชื่อมั่นว่าประชาชนคนไทยทุกคนจะเคารพในคำพิพากษา และร่วมกันนำประเทศไปข้างหน้าตามวิถีทางประชาธิปไตยต่อไป

    #Thaitimes
    กระทรวงต่างประเทศแถลงโต้ต่างชาติวิจารณ์กรณีศาลรัฐธรรมนูญยุบก้าวไกล ยืนยันเป็นเอกสิทธิ์และอำนาจศาลฯที่ไม่สามารถแทรกแซงโดยอำนาจอื่นได้ ย้ำไทยยังคงยึดมั่นค่านิยมประชาธิปไตย ยึดกติการะหว่างประเทศ 8 สิงหาคม 2567-.นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงถึงกรณีที่บางประเทศวิพากษ์วิจารณ์ศาลรัฐธรรมนูญของไทยที่มีมติเอกฉันท์ให้ยุบพรรคก้าวไกล ว่า คำวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกลเป็นเอกสิทธิ์และอำนาจของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งอยู่ภายใต้บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญตามหลักการของการแบ่งแยกเขตอำนาจของรัฐธรรมนูญ การตัดสินวินิจฉัยของศาลฯ เป็นสิ่งที่ไม่สามารถแทรกแซงได้โดยอำนาจอื่นหรือโดยรัฐบาล ขณะที่คำตัดสินดังกล่าวมีผลผูกพันตามกฎหมาย และต้องได้รับความเคารพโดยปวงชนชาวไทย โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวอีกว่า ประเทศไทยยังคงดำเนินตามค่านิยมประชาธิปไตยและในฐานะรัฐภาคีของกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการเมือง และย้ำความมุ่งมั่นต่อพันธกรณีและเสรีภาพในการแสดงออก เสรีภาพในการสมาคม เสรีภาพในการชุมนุมอย่างสันติ และเสรีภาพในการก่อตั้งพรรคการเมือง ประเทศไทยมีความภาคภูมิใจในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข ซึ่งสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นส่วนสำคัญยิ่งต่อขนบประเพณีของไทย และเป็นเสาหลักของฝ่ายตุลาการ ฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติที่แยกออกจากกัน 3 ฝ่าย ซึ่งสร้างความเป็นชาติตลอดห้วงประวัติศาสตร์หลายศตวรรษที่ผ่านมา นอกจากนี้ ประเทศไทยจะดำเนินตามขนบประเพณีและระบอบประชาธิปไตยนี้อย่างมั่นคงด้วยความภาคภูมิใจและมีศักดิ์ศรี เราเชื่อมั่นว่าประชาชนคนไทยทุกคนจะเคารพในคำพิพากษา และร่วมกันนำประเทศไปข้างหน้าตามวิถีทางประชาธิปไตยต่อไป #Thaitimes
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 409 Views 0 Reviews
  • #เสรีหางโผล่ผู้อยู่เบื้องหลังวางแผนโจ๊กพ้นคดีย์
    ในที่สุดตัวละครตัวสำคัญก็ออกหน้าชัดเจน
    ในขณะที่การสอบสวนคดีย์โจ๊กที่มีสายโยงเงินเทา
    มีหลักฐานยืนยันชัดเจน ลูกน้องรอบตัวโจ๊กไม่รอด
    แม้โจ๊กจะโยนทุกอย่างให้ลูกน้องตามนิสัย
    แต่การเชื่อมโยงเส้นทางสีเทามันหนีไม่ได้
    จึงเป็นที่มาของการถูกออกจากราชการ
    ก็ดูเหมือนจะมีหมาแก่ และเสรี ที่พยายามบิดข้อเท็จจริง
    ว่าเป็นการทะเลาะ การวางเกมส์ตำแหน่งกันในวงการสีกากี
    สุดท้ายความจริงก็คือความจริง
    เมื่อวันนี้ ที่คณะกรรมการตำรวจได้ลงมติเอกฉันท์
    ว่าคำสั่งให้โจ๊กออกจากราชการนั้นชอบด้วยกฏหมาย
    ที่หลายคนไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะไปต่ออย่างไร
    อย่างที่รู้ๆกันดีว่า สุรเชษฐ์ต้องการกลับมาตำแหน่ง ผบตร.
    ก็เพื่อยังมีอำนาจที่จะเข้ามาขับเคลื่นอคดีย์ของตัวเอง
    ป่วนทั้งพยานหลักฐาน เพื่อให้พ้นผิด
    แต่เมื่อถูกปลด สายบังคับบัญชาขาดตอน
    สั่งใครก็ไม่หัน โจ๊กจึงดิ้นสุดชีวีเพื่อรักษาอำนาจ
    แต่การที่มีมติแบบนี้ ถึงแม้เสรีจะช่วยวางแผน
    ให้สุรเชษฐ์อุทรณ์ต่อแต่กว่าจะเสร็จกระบวนการแม้ชนะ
    ก็ต้องใช้เวลา 3 - 5 ปี ซึ่งเวลานั้น สุรเชษฐ์ก็หมดโอกาส
    ที่จะได้กลับมาอำนาจด้วยอายุราชการ
    โดยเสรีพิสุทธิ์ได้ให้สัมภาษณ์กับเรื่องนี้ วีนแตก
    ทั้งการหมิ่นประมาทคณะกรรมการที่ลงมติ
    ว่าหวังผลประโยชน์ต่างๆนาๆโดยไม่เกรงกลัวจะถูกดำเนินคดีย์
    ซ้ำยังหลุดปากว่า จะให้โจ๊กฟ้องให้รอบองค์กรตำรวจ
    พูดง่ายๆ เมื่อโจ๊กไม่มีความสุขระหว่างนี้ก็อย่าหวังให้ใครมีความสุข
    ทั้ง ดนัยหมาแก่ เสรีพิสุทธิ์ และทนายตั้มทนายสายเทาที่มีเอี่ยวกับผลประโยชน์เว็บออนไลน์ของโจ๊ก รวมถึงสรย้วยที่เป็นสื่อที่เข้าข้างสุรเชษฐ์อย่างออกหน้าออกตา จะมีท่าทีอย่างไรต่อไป
    หรือเมื่อผลออกมาแบบนี้ จะกลายเป็นซากแมวที่ไม่มีใครเหลียวแล
    เหลือแต่เพียงเสรีพิสุทธิ์ที่ไม่แน่ใจว่า โจ๊กแบ่งกล้วยให้ไปมากน้อยแค่ไหน
    เสรีจึงได้ออกตัวแรง เหมือนเป็นพ่อบุญธรรมของสุรเชษฐ์
    ทั้งๆที่ตัวเอง ยึดถือศักดิ์ศรี เรียกตัวเองว่าวีระบุษนาแก
    แต่กลับหัวฟัดหัวเหวี่ยงหาทางช่วยอดีตนายตำรวจที่มีความผิดอาญาที่มีหลักฐานชัดเจนเพียงนี้
    หรือเพราะเมียน้อยใช้ตังค์เก่ง เลยต้องเอากล้วยของโจ๊กมาเปย์
    งั้นเปลี่ยนเถอะ ฉายาวีรบุรุษนาแก เป็น
    "เสรีพิสูทธ์" วีระบุรษ นากีย์"
    #คิงส์โพธิ์แดง
    จะ
    #เสรีหางโผล่ผู้อยู่เบื้องหลังวางแผนโจ๊กพ้นคดีย์ ในที่สุดตัวละครตัวสำคัญก็ออกหน้าชัดเจน ในขณะที่การสอบสวนคดีย์โจ๊กที่มีสายโยงเงินเทา มีหลักฐานยืนยันชัดเจน ลูกน้องรอบตัวโจ๊กไม่รอด แม้โจ๊กจะโยนทุกอย่างให้ลูกน้องตามนิสัย แต่การเชื่อมโยงเส้นทางสีเทามันหนีไม่ได้ จึงเป็นที่มาของการถูกออกจากราชการ ก็ดูเหมือนจะมีหมาแก่ และเสรี ที่พยายามบิดข้อเท็จจริง ว่าเป็นการทะเลาะ การวางเกมส์ตำแหน่งกันในวงการสีกากี สุดท้ายความจริงก็คือความจริง เมื่อวันนี้ ที่คณะกรรมการตำรวจได้ลงมติเอกฉันท์ ว่าคำสั่งให้โจ๊กออกจากราชการนั้นชอบด้วยกฏหมาย ที่หลายคนไม่รู้ว่าเรื่องนี้จะไปต่ออย่างไร อย่างที่รู้ๆกันดีว่า สุรเชษฐ์ต้องการกลับมาตำแหน่ง ผบตร. ก็เพื่อยังมีอำนาจที่จะเข้ามาขับเคลื่นอคดีย์ของตัวเอง ป่วนทั้งพยานหลักฐาน เพื่อให้พ้นผิด แต่เมื่อถูกปลด สายบังคับบัญชาขาดตอน สั่งใครก็ไม่หัน โจ๊กจึงดิ้นสุดชีวีเพื่อรักษาอำนาจ แต่การที่มีมติแบบนี้ ถึงแม้เสรีจะช่วยวางแผน ให้สุรเชษฐ์อุทรณ์ต่อแต่กว่าจะเสร็จกระบวนการแม้ชนะ ก็ต้องใช้เวลา 3 - 5 ปี ซึ่งเวลานั้น สุรเชษฐ์ก็หมดโอกาส ที่จะได้กลับมาอำนาจด้วยอายุราชการ โดยเสรีพิสุทธิ์ได้ให้สัมภาษณ์กับเรื่องนี้ วีนแตก ทั้งการหมิ่นประมาทคณะกรรมการที่ลงมติ ว่าหวังผลประโยชน์ต่างๆนาๆโดยไม่เกรงกลัวจะถูกดำเนินคดีย์ ซ้ำยังหลุดปากว่า จะให้โจ๊กฟ้องให้รอบองค์กรตำรวจ พูดง่ายๆ เมื่อโจ๊กไม่มีความสุขระหว่างนี้ก็อย่าหวังให้ใครมีความสุข ทั้ง ดนัยหมาแก่ เสรีพิสุทธิ์ และทนายตั้มทนายสายเทาที่มีเอี่ยวกับผลประโยชน์เว็บออนไลน์ของโจ๊ก รวมถึงสรย้วยที่เป็นสื่อที่เข้าข้างสุรเชษฐ์อย่างออกหน้าออกตา จะมีท่าทีอย่างไรต่อไป หรือเมื่อผลออกมาแบบนี้ จะกลายเป็นซากแมวที่ไม่มีใครเหลียวแล เหลือแต่เพียงเสรีพิสุทธิ์ที่ไม่แน่ใจว่า โจ๊กแบ่งกล้วยให้ไปมากน้อยแค่ไหน เสรีจึงได้ออกตัวแรง เหมือนเป็นพ่อบุญธรรมของสุรเชษฐ์ ทั้งๆที่ตัวเอง ยึดถือศักดิ์ศรี เรียกตัวเองว่าวีระบุษนาแก แต่กลับหัวฟัดหัวเหวี่ยงหาทางช่วยอดีตนายตำรวจที่มีความผิดอาญาที่มีหลักฐานชัดเจนเพียงนี้ หรือเพราะเมียน้อยใช้ตังค์เก่ง เลยต้องเอากล้วยของโจ๊กมาเปย์ งั้นเปลี่ยนเถอะ ฉายาวีรบุรุษนาแก เป็น "เสรีพิสูทธ์" วีระบุรษ นากีย์" #คิงส์โพธิ์แดง จะ
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 444 Views 0 Reviews
  • ยินดีกับคุณเดวิดฝรั่งผู้ปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีคนไทย
    ให้สัมภาษณ์CNN จนไอโฟนต้องลบคลิปและแถลงขอโทษ
    ไม่วายกีบพาทัวร์ไปลง อ้างว่าเดวิดทำให้ไอโฟนไม่มาถ่ายทำประเทศไทย
    และคิงส์ฯก็ได้อธิบายไปแล้วว่า
    ถ้าถ่ายทำบิดเบือนประเทศไทยว่า สกปก ซกมก อตร. เมิงไม่ต้องมาถ่ายก็ได้
    ซึ่งสามกีบทัวร์ลงเดวิดฉ่ำจนเดวิดรอ้งไห้เพราะงง
    ไม่เข้าใจว่าทำไมช่วยคนไทยแล้วโดนด่า
    จนจะเลิกทำคลิปต่างๆให้คนไทยได้ดู
    แต่คนไทยผู้รักชาติเข้าไปให้กำลังใจหลายแสนคน
    จนวันนี้เดวิดมูฟออนจากกีบ และได้รู้ว่า
    ในประเทศไทยมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ชังชาติ
    ตามนั้นคือจบ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    ยินดีกับคุณเดวิดฝรั่งผู้ปกป้องเกียรติและศักดิ์ศรีคนไทย ให้สัมภาษณ์CNN จนไอโฟนต้องลบคลิปและแถลงขอโทษ ไม่วายกีบพาทัวร์ไปลง อ้างว่าเดวิดทำให้ไอโฟนไม่มาถ่ายทำประเทศไทย และคิงส์ฯก็ได้อธิบายไปแล้วว่า ถ้าถ่ายทำบิดเบือนประเทศไทยว่า สกปก ซกมก อตร. เมิงไม่ต้องมาถ่ายก็ได้ ซึ่งสามกีบทัวร์ลงเดวิดฉ่ำจนเดวิดรอ้งไห้เพราะงง ไม่เข้าใจว่าทำไมช่วยคนไทยแล้วโดนด่า จนจะเลิกทำคลิปต่างๆให้คนไทยได้ดู แต่คนไทยผู้รักชาติเข้าไปให้กำลังใจหลายแสนคน จนวันนี้เดวิดมูฟออนจากกีบ และได้รู้ว่า ในประเทศไทยมีกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งที่ชังชาติ ตามนั้นคือจบ #คิงส์โพธิ์แดง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 238 Views 0 Reviews
  • วิวพลาดเหรียญทอง แต่ชนะใจคนไทย

    การแข่งขันแบดมินตัน ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2024 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มืออันดับ 8 ของโลก พบกับ วิคเตอร์ อเซลเซ่น มืออันดับ 2 ของโลก จากเดนมาร์ก แม้จะไม่สามารถเอาชนะความแข็งแกร่งของหนุ่มโคนมวัย 30 ปี จบการแข่งขันทำได้แค่เหรียญเงิน ตามที่หลายฝ่ายวิเคราะห์ออกมาเมื่อดูจากสถิติการแข่งขันที่ผ่านมา

    แต่สำหรับนักแบดมินตันหนุ่มวัยเพียง 23 ปี มาไกลขนาดนี้ ถือว่าชนะใจคนไทยทั้งประเทศ

    ช่วงค่ำวันที่ 5 ส.ค. ตามเวลาในไทย คนไทยทั้งประเทศต่างส่งแรงใจเชียร์ วิว กุลวุฒิ ทั่วทุกมุมเมือง แม้จะไม่ถึงขั้นถนนในกรุงเทพฯ โล่ง ตามคำบอกเล่าของคนรุ่นก่อนที่เคยดู เขาทราย แกแล็คซี่ ขึ้นชกป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกในปี 2534 บนหน้าจอโทรทัศน์ ในยุคที่ความบันเทิงที่เข้าถึงทุกครัวเรือนมีเพียงวิทยุ และโทรทัศน์แอนะล็อกที่มีเพียงไม่กี่ช่องเท่านั้น

    วันที่วิว กุลวุฒิ ชิงเหรียญทอง ศูนย์การค้าหลายแห่ง ต่างถ่ายทอดสดผ่านหน้าจอโฆษณา ราวกับทีวีจอยักษ์ ให้คนไทยได้ร่วมลุ้นไปพร้อมกัน ขณะที่แพลตฟอร์ม OTT ก็มีผู้คนเข้าถึงจำนวนมาก ทำเอาแอปพลิเคชันชมการถ่ายทอดสดอย่าง AIS Play ล่มอีกครั้งในช่วงเวลาสำคัญ จากที่เคยล่มเมื่อคราวถ่ายทอดสด THE MATCH Bangkok Century Cup 2022 เมื่อปี 2565

    แต่ที่คนไทยยิ้มได้ก็คือ แม้ วิว กุลวุฒิ จะไม่ได้เหรียญทองกลับมา แต่ทุกคนมีความสุขมากกว่าเสียดาย เพราะสิ่งที่วิว กุลวุฒิ ได้แข่งขันนั้นมาไกลเกินกว่าที่คาดหวัง แม้จะอยู่ในยุคที่การบริโภคสื่อมีหลากหลาย ไม่ได้ใจจดใจจ่ออยู่ที่หน้าปัดวิทยุหรือจอตู้เหมือนแต่ก่อน แต่เมื่อถึงคราวชิงเหรียญทองโอลิมปิก เดิมพันศักดิ์ศรีของประเทศ กลายเป็นที่สนใจของคนไทยทั้งประเทศทันที

    วิว กุลวุฒิ ยอมรับว่าทั้งรูปแบบเกม สมาธิ และชั้นเชิงต่างๆ เป็นรองทุกอย่าง ยอมรับว่า วิคเตอร์ ยังคงเป็นสุดยอดนักแบดมินตันอยู่ดี ตนรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าปกติ และวิคเตอร์วางรูปแบบเกมได้อย่างดี อีกทั้งตนมีจังหวะที่เร่งตัวเอง ทำให้ผิดพลาดมากขึ้น และทำให้แต้มไหล แต่โดยรวมสำหรับโอลิมปิกครั้งแรกค่อนข้างโอเค

    "แต่ถ้าเป็นไปได้ อีก 4 ปีข้างหน้าก็อยากจะคว้าเหรียญทอง" วิว กุลวุฒิ กล่าว

    วิว กุลวุฒิ กล่าวว่า มารอบนี้ จริงๆ ก็ไม่ได้หวังเหรียญอยู่แล้ว เพราะถ้าดูจากการแบ่งสาย หลายคนมองว่าจะแพ้ตั้งแต่เจอ ฉี ยู่ฉี นักแบดมินตันทีมชาติจีน มืออันดับ 1 ของโลก ในรอบ 8 คนสุดท้าย เพราะอีกฝ่ายแข็งแกร่งและเป็นมือหนึ่งของโลก พอตนสามารถเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศก็มีความสุขมาก ถึงไม่ได้เหรียญทอง แต่ก็รู้สึกมีความสุข"

    "ขอบคุณแฟนๆ ชาวไทยที่ส่งกำลังใจเชียร์ผม รวมถึงทัพนักกีฬาไทยแบดมินตัน วันนี้ผมก็ทำดีที่สุดแล้ว ถ้าเป็นไปได้ อีก 4 ข้างหน้าเราเจอกัน"

    นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกระแสการเล่นแบดมินตัน หวังว่าจะมีมากขึ้น แบดมินตันก็มีเยาวชนเริ่มเล่นเยอะขึ้น หลังจากนี้ถ้ามีเพิ่มขึ้นอีกก็เป็นเรื่องที่ดี เพื่อให้วงการแบดมินตันมีช้างเผือกขึ้นมาใหม่ คอยต่อยอดจากรุ่นพี่ที่อายุมากขึ้น พร้อมฝากว่าอยากให้มีเป้าหมาย วางเป้าหมายของตัวเองก่อนว่าอยากไปจุดไหน ต้องเหนื่อย ต้องอดทน มุ่งมั่นตั้งใจ ถ้าทำได้ก็จะประสบความสำเร็จ

    วิว กุลวุฒิ คว้าเหรียญโอลิมปิกเหรียญแรก ของกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย เป็นสมาคมกีฬาที่ 4 ต่อจากมวยสากลสมัครเล่น ยกน้ำหนัก และเทควันโด นับตั้งแต่ทีมชาติไทยส่งนักกีฬาแบดมินตัน ไปแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก ตั้งแต่ปี 2535 หรือเมื่อ 32 ปีก่อน โดยมีนักกีฬารับใช้ชาติไปแล้ว 35 คน แม้จะไม่สามารถคว้าเหรียญมาได้ แต่ความหวังก็ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น

    เหนือสิ่งอื่นใด วิว กุลวุฒิ ก็ได้สร้างความสุขให้กับคนไทย และแฟนกีฬาแบดมินตัน รวมทั้งผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ตั้งแต่โรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด ที่มีแม่ปุก กมลา ทองกร ผู้ก่อตั้งและประธานโรงเรียน เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง รวมทั้งโค้ชเป้ ภัทพล เงินศรีสุข และนักแบดมินตันรุ่นพี่อย่าง เมย์ รัชนก อินทนนท์ ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้วิวมีวันนี้

    ขณะที่เฟซบุ๊ก "Kunlavut Vitidsarn - กุลวุฒิ วิทิตศานต์" แอดมินยังคงกล่าววรรคทองเรียกเสียงเชียร์จากคอกีฬาชาวไทย ว่า "คนตีไม่เคยท้อ คนเชียร์อย่าเพิ่งทิ้ง ประวัติศาสตร์เพิ่งเริ่มเขียนครับ"

    #Newskit #ViewKunlavut #Olympic2024
    วิวพลาดเหรียญทอง แต่ชนะใจคนไทย การแข่งขันแบดมินตัน ในมหกรรมกีฬาโอลิมปิก 2024 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่าง วิว กุลวุฒิ วิทิตศานต์ มืออันดับ 8 ของโลก พบกับ วิคเตอร์ อเซลเซ่น มืออันดับ 2 ของโลก จากเดนมาร์ก แม้จะไม่สามารถเอาชนะความแข็งแกร่งของหนุ่มโคนมวัย 30 ปี จบการแข่งขันทำได้แค่เหรียญเงิน ตามที่หลายฝ่ายวิเคราะห์ออกมาเมื่อดูจากสถิติการแข่งขันที่ผ่านมา แต่สำหรับนักแบดมินตันหนุ่มวัยเพียง 23 ปี มาไกลขนาดนี้ ถือว่าชนะใจคนไทยทั้งประเทศ ช่วงค่ำวันที่ 5 ส.ค. ตามเวลาในไทย คนไทยทั้งประเทศต่างส่งแรงใจเชียร์ วิว กุลวุฒิ ทั่วทุกมุมเมือง แม้จะไม่ถึงขั้นถนนในกรุงเทพฯ โล่ง ตามคำบอกเล่าของคนรุ่นก่อนที่เคยดู เขาทราย แกแล็คซี่ ขึ้นชกป้องกันตำแหน่งแชมป์โลกในปี 2534 บนหน้าจอโทรทัศน์ ในยุคที่ความบันเทิงที่เข้าถึงทุกครัวเรือนมีเพียงวิทยุ และโทรทัศน์แอนะล็อกที่มีเพียงไม่กี่ช่องเท่านั้น วันที่วิว กุลวุฒิ ชิงเหรียญทอง ศูนย์การค้าหลายแห่ง ต่างถ่ายทอดสดผ่านหน้าจอโฆษณา ราวกับทีวีจอยักษ์ ให้คนไทยได้ร่วมลุ้นไปพร้อมกัน ขณะที่แพลตฟอร์ม OTT ก็มีผู้คนเข้าถึงจำนวนมาก ทำเอาแอปพลิเคชันชมการถ่ายทอดสดอย่าง AIS Play ล่มอีกครั้งในช่วงเวลาสำคัญ จากที่เคยล่มเมื่อคราวถ่ายทอดสด THE MATCH Bangkok Century Cup 2022 เมื่อปี 2565 แต่ที่คนไทยยิ้มได้ก็คือ แม้ วิว กุลวุฒิ จะไม่ได้เหรียญทองกลับมา แต่ทุกคนมีความสุขมากกว่าเสียดาย เพราะสิ่งที่วิว กุลวุฒิ ได้แข่งขันนั้นมาไกลเกินกว่าที่คาดหวัง แม้จะอยู่ในยุคที่การบริโภคสื่อมีหลากหลาย ไม่ได้ใจจดใจจ่ออยู่ที่หน้าปัดวิทยุหรือจอตู้เหมือนแต่ก่อน แต่เมื่อถึงคราวชิงเหรียญทองโอลิมปิก เดิมพันศักดิ์ศรีของประเทศ กลายเป็นที่สนใจของคนไทยทั้งประเทศทันที วิว กุลวุฒิ ยอมรับว่าทั้งรูปแบบเกม สมาธิ และชั้นเชิงต่างๆ เป็นรองทุกอย่าง ยอมรับว่า วิคเตอร์ ยังคงเป็นสุดยอดนักแบดมินตันอยู่ดี ตนรู้สึกตื่นเต้นมากกว่าปกติ และวิคเตอร์วางรูปแบบเกมได้อย่างดี อีกทั้งตนมีจังหวะที่เร่งตัวเอง ทำให้ผิดพลาดมากขึ้น และทำให้แต้มไหล แต่โดยรวมสำหรับโอลิมปิกครั้งแรกค่อนข้างโอเค "แต่ถ้าเป็นไปได้ อีก 4 ปีข้างหน้าก็อยากจะคว้าเหรียญทอง" วิว กุลวุฒิ กล่าว วิว กุลวุฒิ กล่าวว่า มารอบนี้ จริงๆ ก็ไม่ได้หวังเหรียญอยู่แล้ว เพราะถ้าดูจากการแบ่งสาย หลายคนมองว่าจะแพ้ตั้งแต่เจอ ฉี ยู่ฉี นักแบดมินตันทีมชาติจีน มืออันดับ 1 ของโลก ในรอบ 8 คนสุดท้าย เพราะอีกฝ่ายแข็งแกร่งและเป็นมือหนึ่งของโลก พอตนสามารถเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศก็มีความสุขมาก ถึงไม่ได้เหรียญทอง แต่ก็รู้สึกมีความสุข" "ขอบคุณแฟนๆ ชาวไทยที่ส่งกำลังใจเชียร์ผม รวมถึงทัพนักกีฬาไทยแบดมินตัน วันนี้ผมก็ทำดีที่สุดแล้ว ถ้าเป็นไปได้ อีก 4 ข้างหน้าเราเจอกัน" นอกจากนี้ ยังกล่าวถึงกระแสการเล่นแบดมินตัน หวังว่าจะมีมากขึ้น แบดมินตันก็มีเยาวชนเริ่มเล่นเยอะขึ้น หลังจากนี้ถ้ามีเพิ่มขึ้นอีกก็เป็นเรื่องที่ดี เพื่อให้วงการแบดมินตันมีช้างเผือกขึ้นมาใหม่ คอยต่อยอดจากรุ่นพี่ที่อายุมากขึ้น พร้อมฝากว่าอยากให้มีเป้าหมาย วางเป้าหมายของตัวเองก่อนว่าอยากไปจุดไหน ต้องเหนื่อย ต้องอดทน มุ่งมั่นตั้งใจ ถ้าทำได้ก็จะประสบความสำเร็จ วิว กุลวุฒิ คว้าเหรียญโอลิมปิกเหรียญแรก ของกีฬาแบดมินตันทีมชาติไทย เป็นสมาคมกีฬาที่ 4 ต่อจากมวยสากลสมัครเล่น ยกน้ำหนัก และเทควันโด นับตั้งแต่ทีมชาติไทยส่งนักกีฬาแบดมินตัน ไปแข่งขันในกีฬาโอลิมปิก ตั้งแต่ปี 2535 หรือเมื่อ 32 ปีก่อน โดยมีนักกีฬารับใช้ชาติไปแล้ว 35 คน แม้จะไม่สามารถคว้าเหรียญมาได้ แต่ความหวังก็ถูกส่งต่อจากรุ่นสู่รุ่น เหนือสิ่งอื่นใด วิว กุลวุฒิ ก็ได้สร้างความสุขให้กับคนไทย และแฟนกีฬาแบดมินตัน รวมทั้งผู้ที่อยู่เบื้องหลังความสำเร็จ ตั้งแต่โรงเรียนแบดมินตันบ้านทองหยอด ที่มีแม่ปุก กมลา ทองกร ผู้ก่อตั้งและประธานโรงเรียน เป็นผู้อยู่เบื้องหลัง รวมทั้งโค้ชเป้ ภัทพล เงินศรีสุข และนักแบดมินตันรุ่นพี่อย่าง เมย์ รัชนก อินทนนท์ ผู้เป็นแรงบันดาลใจให้วิวมีวันนี้ ขณะที่เฟซบุ๊ก "Kunlavut Vitidsarn - กุลวุฒิ วิทิตศานต์" แอดมินยังคงกล่าววรรคทองเรียกเสียงเชียร์จากคอกีฬาชาวไทย ว่า "คนตีไม่เคยท้อ คนเชียร์อย่าเพิ่งทิ้ง ประวัติศาสตร์เพิ่งเริ่มเขียนครับ" #Newskit #ViewKunlavut #Olympic2024
    Like
    Love
    5
    0 Comments 1 Shares 742 Views 0 Reviews
  • #จุ๊กกรูฟาดหมอเกศเฉย
    หมอเกศอาการไม่ดี ทนายจุ๊กกรูอ้างว่า ขอพูดในนามอินฟูลผู้ทรงอิทธิพล
    ไม่พูดในฐานะทนายนะ และฟาดหมอเกศไม่ยั้งทำเอาคนดูอึ้ง
    โดยเนื้อหา ได้พาดพิงถึงกุนซือที่ประกบตัวหมอเกศ ชื่อดร.ณัฐ
    ที่ให้หมอเกศเอาแต่หลบนักข่าว และมีเรื่องร้องเรียนทุกวัน
    ถ้าหนีแบบนี้ ศักดิ์ศรี และความน่าเชื่อถือก็หมดสิ้นลงไปทุกวัน
    จึงขอเตือนในฐานะอินฟลูเอนเซอร์ผู้ทรงอิทธิพลว่า
    มีอะไรก็ให้ชี้แจง ถ้าตอบคำถามกับนักข่าวได้ก็จบ
    แต่ถ้าหนีแบบนี้ก็ต้องหนีจนกว่าจะลาออก จะหนีไปได้อีกกี่วัน
    ตนก็มีผู้หลักผู้ใหญ่ ทั้งพี่สนธิ ทั้งบก.ข่าวบอกให้ออกจากเป็นทนาย
    แต่คนอย่างตน ก็จะออกต่อเมื่อเค้าไล่ออกแค่นั้น
    และยังย้ำอีกว่า ถ้าผิด ก็ยอมรับผิดขอโทษซะ สังคมก็พร้อมให้อภัย
    ที่ตนเคยรับคดีครูจุ๋ม คดีแตงโม ตัวเองก็โดนทัวร์ลง สุดท้ายตนเองก็แค่ขอโทษ สังคมก็ให้อภัย"
    คิงส์โพธิ์แดงคิดว่า ที่ทนายจุ๊กกรูจะออก ก็ต่อเมื่อถูกไล่นั้น ประเมินว่าอีกคงไม่นานได้สมดั่งใจแน่นอน
    ก็เป็นเทคนิคของทนายจุ๊กกรู ที่ทนายรุ่นหลังควรศึกษาไว้
    ว่าเมื่อไหร่ที่ต้องการจะเทลูกความ ก็ให้ทำแบบนี้ นับถือ นับถือ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #จุ๊กกรูฟาดหมอเกศเฉย หมอเกศอาการไม่ดี ทนายจุ๊กกรูอ้างว่า ขอพูดในนามอินฟูลผู้ทรงอิทธิพล ไม่พูดในฐานะทนายนะ และฟาดหมอเกศไม่ยั้งทำเอาคนดูอึ้ง โดยเนื้อหา ได้พาดพิงถึงกุนซือที่ประกบตัวหมอเกศ ชื่อดร.ณัฐ ที่ให้หมอเกศเอาแต่หลบนักข่าว และมีเรื่องร้องเรียนทุกวัน ถ้าหนีแบบนี้ ศักดิ์ศรี และความน่าเชื่อถือก็หมดสิ้นลงไปทุกวัน จึงขอเตือนในฐานะอินฟลูเอนเซอร์ผู้ทรงอิทธิพลว่า มีอะไรก็ให้ชี้แจง ถ้าตอบคำถามกับนักข่าวได้ก็จบ แต่ถ้าหนีแบบนี้ก็ต้องหนีจนกว่าจะลาออก จะหนีไปได้อีกกี่วัน ตนก็มีผู้หลักผู้ใหญ่ ทั้งพี่สนธิ ทั้งบก.ข่าวบอกให้ออกจากเป็นทนาย แต่คนอย่างตน ก็จะออกต่อเมื่อเค้าไล่ออกแค่นั้น และยังย้ำอีกว่า ถ้าผิด ก็ยอมรับผิดขอโทษซะ สังคมก็พร้อมให้อภัย ที่ตนเคยรับคดีครูจุ๋ม คดีแตงโม ตัวเองก็โดนทัวร์ลง สุดท้ายตนเองก็แค่ขอโทษ สังคมก็ให้อภัย" คิงส์โพธิ์แดงคิดว่า ที่ทนายจุ๊กกรูจะออก ก็ต่อเมื่อถูกไล่นั้น ประเมินว่าอีกคงไม่นานได้สมดั่งใจแน่นอน ก็เป็นเทคนิคของทนายจุ๊กกรู ที่ทนายรุ่นหลังควรศึกษาไว้ ว่าเมื่อไหร่ที่ต้องการจะเทลูกความ ก็ให้ทำแบบนี้ นับถือ นับถือ #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 299 Views 0 Reviews
  • #ปูฝากขอบคุณทุกกำลังใจ
    ปูยืนยัน ไม่ได้ยืมเงินใคร
    น้ำตาอาบแก้ม
    ชาวเน็ตส่งกำลังใจ ให้อิโมจิ,มีน้ำตา(แบบในภาพ)
    นี่คือที่สุดแล้ว ที่ยังมีคนรักเธออีกมากมาย
    เธอพร้อมสามียืนหยัดสู้ต่อ
    จะเอาความให้ถึงที่สุด
    หลักฐานเจ้าหนี้จะมีมากแค่ไหน
    เจ้าหนี้จะมีซักกี่คน
    "จะคืนได้ไง ยืมใครตอนไหน ไม่มี๊ ไม่มี"
    คิงส์โพธิ์แดงขอส่งกำลังใจให้ปู อย่ายอมแพ้
    เอาให้สุด แล้วไปหยุดที่ศาลเท่านั้น
    ศักดิ์ศรี ลูกหนี้ไอดอล ต้องมี
    มิติใหม่ แห่งวงการลูกหนี้ต้องมา
    (ปล.ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังไม่เก็ท ดูในภาพอีกรอบว่าอิโมจิมันร้องหรือหัวเราะน้ำตาเล็ด คือ กรรูเหน็บ ไอ่ฉัด)
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #ปูมัณฑนา
    #ปูฝากขอบคุณทุกกำลังใจ ปูยืนยัน ไม่ได้ยืมเงินใคร น้ำตาอาบแก้ม ชาวเน็ตส่งกำลังใจ ให้อิโมจิ,มีน้ำตา(แบบในภาพ) นี่คือที่สุดแล้ว ที่ยังมีคนรักเธออีกมากมาย เธอพร้อมสามียืนหยัดสู้ต่อ จะเอาความให้ถึงที่สุด หลักฐานเจ้าหนี้จะมีมากแค่ไหน เจ้าหนี้จะมีซักกี่คน "จะคืนได้ไง ยืมใครตอนไหน ไม่มี๊ ไม่มี" คิงส์โพธิ์แดงขอส่งกำลังใจให้ปู อย่ายอมแพ้ เอาให้สุด แล้วไปหยุดที่ศาลเท่านั้น ศักดิ์ศรี ลูกหนี้ไอดอล ต้องมี มิติใหม่ แห่งวงการลูกหนี้ต้องมา (ปล.ถ้าอ่านมาถึงตรงนี้แล้วยังไม่เก็ท ดูในภาพอีกรอบว่าอิโมจิมันร้องหรือหัวเราะน้ำตาเล็ด คือ กรรูเหน็บ ไอ่ฉัด) #คิงส์โพธิ์แดง #ปูมัณฑนา
    0 Comments 0 Shares 233 Views 0 Reviews
  • ถึงคิวอุ๊งอิ๊ง
    มีกิน มีใช้
    มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี
    ไปพร้อมๆกันคร้า
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #อุ๊งอิ๊ง
    #มีกินมีใช้
    #มีเกียรติมีศักดิ์ศรี
    ถึงคิวอุ๊งอิ๊ง มีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี ไปพร้อมๆกันคร้า #คิงส์โพธิ์แดง #อุ๊งอิ๊ง #มีกินมีใช้ #มีเกียรติมีศักดิ์ศรี
    0 Comments 0 Shares 191 Views 0 Reviews