• พปชร. กระทุ้งรัฐบาล "กล้าๆ กลัวๆ" ปมชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้เสียเปรียบเพราะรับมือช้าและผิดพลาดทางยุทธศาสตร์
    https://www.thai-tai.tv/news/20125/
    .
    #พลังประชารัฐ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข้อพิพาทดินแดน #ยูเอ็น #ปราสาทตาเมือนธม #ปราสาทตาเมือนโต๊ด #ปราสาทตาควาย #อธิปไตยไทย #การเมืองระหว่างประเทศ
    พปชร. กระทุ้งรัฐบาล "กล้าๆ กลัวๆ" ปมชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้เสียเปรียบเพราะรับมือช้าและผิดพลาดทางยุทธศาสตร์ https://www.thai-tai.tv/news/20125/ . #พลังประชารัฐ #ชายแดนไทยกัมพูชา #ข้อพิพาทดินแดน #ยูเอ็น #ปราสาทตาเมือนธม #ปราสาทตาเมือนโต๊ด #ปราสาทตาควาย #อธิปไตยไทย #การเมืองระหว่างประเทศ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 106 มุมมอง 0 รีวิว
  • อดีตรองเลขาธิการ สมช. ฉะรัฐบาลนิ่งจนกัมพูชาร้องยูเอ็นข้อหารุกราน-สังหารทหาร ย้ำความเงียบคือการยอมรับ
    https://www.thai-tai.tv/news/20062/
    .
    #ไทยกัมพูชา #กัมพูชาร้องUN #ข้อพิพาทชายแดน #สมช #การต่างประเทศ #ความมั่นคง #สหประชาชาติ #การทูต #พงศกร_รอดชมภู
    อดีตรองเลขาธิการ สมช. ฉะรัฐบาลนิ่งจนกัมพูชาร้องยูเอ็นข้อหารุกราน-สังหารทหาร ย้ำความเงียบคือการยอมรับ https://www.thai-tai.tv/news/20062/ . #ไทยกัมพูชา #กัมพูชาร้องUN #ข้อพิพาทชายแดน #สมช #การต่างประเทศ #ความมั่นคง #สหประชาชาติ #การทูต #พงศกร_รอดชมภู
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 90 มุมมอง 0 รีวิว
  • เลขาธิการยูเอ็นเตือน “วงจรการทำลายล้าง” และการแก้แค้นหลังอเมริกาโจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน ถือเป็นจุดเปลี่ยนอันตรายในตะวันออกกลาง ด้านอเมริกาหวั่นถูกแก้แค้น ออกแถลงการณ์เตือนพลเมืองอเมริกันทั่วโลกให้ใช้ความระมัดระวังมากขึ้น รวมทั้งอพยพพลเมืองออกจากอิสราเอลและเขตเวสต์แบงก์ และสั่งเจ้าหน้าที่ทูตเดินทางออกจากอิรักและเลบานอน
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000059154

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    เลขาธิการยูเอ็นเตือน “วงจรการทำลายล้าง” และการแก้แค้นหลังอเมริกาโจมตีโรงงานนิวเคลียร์อิหร่าน ถือเป็นจุดเปลี่ยนอันตรายในตะวันออกกลาง ด้านอเมริกาหวั่นถูกแก้แค้น ออกแถลงการณ์เตือนพลเมืองอเมริกันทั่วโลกให้ใช้ความระมัดระวังมากขึ้น รวมทั้งอพยพพลเมืองออกจากอิสราเอลและเขตเวสต์แบงก์ และสั่งเจ้าหน้าที่ทูตเดินทางออกจากอิรักและเลบานอน . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000059154 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1137 มุมมอง 0 รีวิว
  • ระวัง!เล่ห์ "กัมพูชา" ผลัก "ไทย" ขึ้นเขียง "ยูเอ็นเอสซี" (13/06/68) #news1 #ชายแดนไทยกัมพูชา
    ระวัง!เล่ห์ "กัมพูชา" ผลัก "ไทย" ขึ้นเขียง "ยูเอ็นเอสซี" (13/06/68) #news1 #ชายแดนไทยกัมพูชา
    Like
    Love
    Angry
    8
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 541 มุมมอง 23 0 รีวิว
  • เดี๋ยวขายอาวุธไม่ได้??? สหรัฐฯ ขัดขวางมติหยุดยิงฉนวนกาซา ในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น
    https://www.thai-tai.tv/news/19203/
    เดี๋ยวขายอาวุธไม่ได้??? สหรัฐฯ ขัดขวางมติหยุดยิงฉนวนกาซา ในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงยูเอ็น https://www.thai-tai.tv/news/19203/
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 78 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ฮุนเซน” แถลงกลางที่ประชุมวุฒิสภากัมพูชา ขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ เชื่อมั่นใจการเจรจา แต่ยันจุดปะทะเป็นของกัมพูชา ตนเคยไปเยือนปี 52 โวสมัยสงครามปราสาทพระวิหารปี 54 ทหารขอใช้ปืนใหญ่ยิงเข้าไทย 40 กม.แต่ตนไม่ให้ใช้ พร้อมท้ากองทัพไทยบุกนครวัต จะได้ร้องยูเอ็นว่าไทยรุกราน พร้อมทำลายกองทัพไทยให้ย่อยยับ โวเครื่องบินรบของไทยทำอะไรไม่ได้ เขมรมีเครื่องยิงประสิทธิภาพสูง เรียกร้องประชาชนสนับสนุนกองทัพแสดงความสามัคคีเป็นกระดูกสันหลังป้องกันประเทศ

    วันนี้(29 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.34 น. ในเฟซบุ๊ก “Samdech Hun Sen of Cambodia” ของ จอมพล สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา บิดาของนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบัน มีการโพสต์ข้อความเป็นสารพิเศษที่สมเด็จฮุนเซนกล่าวในการประชุมวุฒิสภากัมพูชาในวันนี้ โดยระบุว่า

    ต่อไปนี้คือถ้อยแถลงหลักของสมเด็จฮุนเซนในคำแถลงพิเศษเกี่ยวกับการปะทะด้วยอาวุธระหว่างกองทัพกัมพูชาและไทยที่ชายแดนบริเวณมอมเตย จังหวัดพระวิหาร

    สมเด็จฮุนเซนขอให้เพื่อนร่วมชาติของเขาอยู่ในความสงบและไว้วางใจในความเป็นผู้นำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจาแทนที่จะใช้กำลังทหาร

    นายกรัฐมนตรีขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบในประเด็นชายแดนระหว่างกัมพูชากับไทย และเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาระหว่างรัฐบาลทั้งสอง ระวังข่าวปลอมที่ผลักดันให้เกิดสงครามระหว่างสองประเทศ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000050442

    #MGROnline #ฮุนเซน #กัมพูชา
    “ฮุนเซน” แถลงกลางที่ประชุมวุฒิสภากัมพูชา ขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ เชื่อมั่นใจการเจรจา แต่ยันจุดปะทะเป็นของกัมพูชา ตนเคยไปเยือนปี 52 โวสมัยสงครามปราสาทพระวิหารปี 54 ทหารขอใช้ปืนใหญ่ยิงเข้าไทย 40 กม.แต่ตนไม่ให้ใช้ พร้อมท้ากองทัพไทยบุกนครวัต จะได้ร้องยูเอ็นว่าไทยรุกราน พร้อมทำลายกองทัพไทยให้ย่อยยับ โวเครื่องบินรบของไทยทำอะไรไม่ได้ เขมรมีเครื่องยิงประสิทธิภาพสูง เรียกร้องประชาชนสนับสนุนกองทัพแสดงความสามัคคีเป็นกระดูกสันหลังป้องกันประเทศ • วันนี้(29 พ.ค.) เมื่อเวลา 11.34 น. ในเฟซบุ๊ก “Samdech Hun Sen of Cambodia” ของ จอมพล สมเด็จอัครมหาเสนาบดี เดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา บิดาของนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชาคนปัจจุบัน มีการโพสต์ข้อความเป็นสารพิเศษที่สมเด็จฮุนเซนกล่าวในการประชุมวุฒิสภากัมพูชาในวันนี้ โดยระบุว่า • ต่อไปนี้คือถ้อยแถลงหลักของสมเด็จฮุนเซนในคำแถลงพิเศษเกี่ยวกับการปะทะด้วยอาวุธระหว่างกองทัพกัมพูชาและไทยที่ชายแดนบริเวณมอมเตย จังหวัดพระวิหาร • สมเด็จฮุนเซนขอให้เพื่อนร่วมชาติของเขาอยู่ในความสงบและไว้วางใจในความเป็นผู้นำของรัฐบาลและกองทัพกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาผ่านการเจรจาแทนที่จะใช้กำลังทหาร • นายกรัฐมนตรีขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบในประเด็นชายแดนระหว่างกัมพูชากับไทย และเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาระหว่างรัฐบาลทั้งสอง ระวังข่าวปลอมที่ผลักดันให้เกิดสงครามระหว่างสองประเทศ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/onlinesection/detail/9680000050442 • #MGROnline #ฮุนเซน #กัมพูชา
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 379 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ฮุนเซน” แถลงกลางที่ประชุมวุฒิสภากัมพูชา ขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ เชื่อมั่นใจการเจรจา แต่ยันจุดปะทะเป็นของกัมพูชา ตนเคยไปเยือนปี 52 โวสมัยสงครามปราสาทพระวิหารปี 54 ทหารขอใช้ปืนใหญ่ยิงเข้าไทย 40 กม.แต่ตนไม่ให้ใช้ พร้อมท้ากองทัพไทยบุกนครวัต จะได้ร้องยูเอ็นว่าไทยรุกราน พร้อมทำลายกองทัพไทยให้ย่อยยับ โวเครื่องบินรบของไทยทำอะไรไม่ได้ เขมรมีเครื่องยิงประสิทธิภาพสูง เรียกร้องประชาชนสนับสนุนกองทัพแสดงความสามัคคีเป็นกระดูกสันหลังป้องกันประเทศ

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000050442

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    “ฮุนเซน” แถลงกลางที่ประชุมวุฒิสภากัมพูชา ขอให้ประชาชนอยู่ในความสงบ เชื่อมั่นใจการเจรจา แต่ยันจุดปะทะเป็นของกัมพูชา ตนเคยไปเยือนปี 52 โวสมัยสงครามปราสาทพระวิหารปี 54 ทหารขอใช้ปืนใหญ่ยิงเข้าไทย 40 กม.แต่ตนไม่ให้ใช้ พร้อมท้ากองทัพไทยบุกนครวัต จะได้ร้องยูเอ็นว่าไทยรุกราน พร้อมทำลายกองทัพไทยให้ย่อยยับ โวเครื่องบินรบของไทยทำอะไรไม่ได้ เขมรมีเครื่องยิงประสิทธิภาพสูง เรียกร้องประชาชนสนับสนุนกองทัพแสดงความสามัคคีเป็นกระดูกสันหลังป้องกันประเทศ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000050442 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    Angry
    6
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 648 มุมมอง 0 รีวิว
  • News update : แสงไฟแห่งความหวัง มือยกหินเร่งช่วยชีวิต**ดีเอสไอเก็บซากตรวจเพิ่ม**ถอนสิทธิ SKY ชั่วคราว**ผลงานสภาครบเทอม**หมื่นเหยื่อสงครามรอรักษา

    แสงไฟแห่งความหวัง มือยกหินเร่งช่วยชีวิต
    กู้ภัยมูลนิธิเพชรเกษม เผยนาทีเจอแสงไฟ เสียงโทรศัพท์ ใต้ซากตึก สตง. น้องฟี่ได้ยินเสียงที่ จะดังเวลาเปิดโทรศัพท์ จึงชะโงกหน้าดู เห็นแสงไฟสีขาว เมื่อส่องกล้องงูลงไปเห็นแสงไฟสีขาว จึงพูดถ้าเป็นคนอยู่ข้างล่างให้เปิดปิดไฟมือถือ แสงไฟก็ดับๆ ปิดๆ ตามคำสั่ง เมื่อใช้กล้องเรดาร์ส่อง แสดงภาพลักษณะร่างกายมนุษย์ คนแรกห่างจากพื้นดิน 1 เมตร คนที่สองลึกลงไป 3 เมตร เร่งเติมอากาศให้หายใจ หวังมีคนรอดชีวิต

    ดีเอสไอเก็บซากตรวจเพิ่ม
    โฆษกดีเอสไอ เผย เข้าเก็บตัวอย่างคอนกรีตซากตึก สตง. เพิ่ม 48 ชิ้น ในพื้นที่ 4 โซน ทั้งจากพื้นและเสาปูน เตรียมเอาผิดต้นเหตุทำตึกถล่ม คาดใช้เวลาตรวจสอบไม่นาน

    ถอนสิทธิ SKY ชั่วคราว
    เลขาธิการ บีโอไอ เผย บอร์ดบีโอไอ เพิกถอนสิทธิ ซินเคอหยวน ชั่วคราว ระหว่างสอบสวนข้อเท็จจริง ไม่นิ่งนอนใจ ปีที่ผ่านมา ยกเลิกส่งเสริมกิจการเหล็กหลายประเภท เพื่อปกป้องผู้ประกอบการไทย

    ผลงานสภาครบเทอม
    โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร สรุปผลงานสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง ประชุมสภาฯ 31 ครั้ง ประชุมร่วมรัฐสภา 6 ครั้ง
    พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ
    ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา 9 ฉบับ

    หมื่นเหยื่อสงครามรอรักษา
    สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก เผย หลังสงครามอิสราเอล-ฮามาสกลับมาปะทุหนัก มีผู้ได้รับบาดเจ็บในฉนวนกาซาเกินกว่า 10,000 คน ต้องเร่งส่งตัวรักษาต่างประเทศ ขณะที่ภารกิจของยูเอ็นถูกปฏิเสธ ทำให้ความช่วยเหลือที่กำหนดไว้อย่างน้อย 75% ล้มเหลว
    News update : แสงไฟแห่งความหวัง มือยกหินเร่งช่วยชีวิต**ดีเอสไอเก็บซากตรวจเพิ่ม**ถอนสิทธิ SKY ชั่วคราว**ผลงานสภาครบเทอม**หมื่นเหยื่อสงครามรอรักษา แสงไฟแห่งความหวัง มือยกหินเร่งช่วยชีวิต กู้ภัยมูลนิธิเพชรเกษม เผยนาทีเจอแสงไฟ เสียงโทรศัพท์ ใต้ซากตึก สตง. น้องฟี่ได้ยินเสียงที่ จะดังเวลาเปิดโทรศัพท์ จึงชะโงกหน้าดู เห็นแสงไฟสีขาว เมื่อส่องกล้องงูลงไปเห็นแสงไฟสีขาว จึงพูดถ้าเป็นคนอยู่ข้างล่างให้เปิดปิดไฟมือถือ แสงไฟก็ดับๆ ปิดๆ ตามคำสั่ง เมื่อใช้กล้องเรดาร์ส่อง แสดงภาพลักษณะร่างกายมนุษย์ คนแรกห่างจากพื้นดิน 1 เมตร คนที่สองลึกลงไป 3 เมตร เร่งเติมอากาศให้หายใจ หวังมีคนรอดชีวิต ดีเอสไอเก็บซากตรวจเพิ่ม โฆษกดีเอสไอ เผย เข้าเก็บตัวอย่างคอนกรีตซากตึก สตง. เพิ่ม 48 ชิ้น ในพื้นที่ 4 โซน ทั้งจากพื้นและเสาปูน เตรียมเอาผิดต้นเหตุทำตึกถล่ม คาดใช้เวลาตรวจสอบไม่นาน ถอนสิทธิ SKY ชั่วคราว เลขาธิการ บีโอไอ เผย บอร์ดบีโอไอ เพิกถอนสิทธิ ซินเคอหยวน ชั่วคราว ระหว่างสอบสวนข้อเท็จจริง ไม่นิ่งนอนใจ ปีที่ผ่านมา ยกเลิกส่งเสริมกิจการเหล็กหลายประเภท เพื่อปกป้องผู้ประกอบการไทย ผลงานสภาครบเทอม โฆษกประธานสภาผู้แทนราษฎร สรุปผลงานสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่สอง ประชุมสภาฯ 31 ครั้ง ประชุมร่วมรัฐสภา 6 ครั้ง พิจารณาร่างพระราชบัญญัติ ได้รับความเห็นชอบจากรัฐสภา 9 ฉบับ หมื่นเหยื่อสงครามรอรักษา สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ผู้อำนวยการองค์การอนามัยโลก เผย หลังสงครามอิสราเอล-ฮามาสกลับมาปะทุหนัก มีผู้ได้รับบาดเจ็บในฉนวนกาซาเกินกว่า 10,000 คน ต้องเร่งส่งตัวรักษาต่างประเทศ ขณะที่ภารกิจของยูเอ็นถูกปฏิเสธ ทำให้ความช่วยเหลือที่กำหนดไว้อย่างน้อย 75% ล้มเหลว
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 853 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอลอ้ำอึ้งขอตรวจสอบเพิ่ม หลังมีการเปิดเผยคลิปจากมือถือของ 1 ใน 15 สมาชิกทีมฉุกเฉินของยูเอ็นที่เสียชีวิตเมื่อปลายเดือนที่แล้วซึ่งฟ้องว่า ทหารยิวยิงใส่ขบวนรถของเจ้าหน้าที่เหล่านั้นทั้งที่มีสัญลักษณ์รถฉุกเฉินและเจ้าหน้าที่สวมเครื่องแบบชัดเจน ไม่ได้มีพฤติกรรมน่าสงสัยอย่างที่รายงานเบื้องต้นของอิสราเอลกล่าวอ้าง อย่างไรก็ดี รัฐบาลทรัมป์ยังออกมาให้ท้ายรัฐยิวเหมือนเดิมว่า ฮามาสซึ่งชอบใช้รถพยาบาลและโล่มนุษย์ป้องกันตนเองต้องรับผิดชอบเหตุการณ์ดังกล่าว
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000033236

    #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    อิสราเอลอ้ำอึ้งขอตรวจสอบเพิ่ม หลังมีการเปิดเผยคลิปจากมือถือของ 1 ใน 15 สมาชิกทีมฉุกเฉินของยูเอ็นที่เสียชีวิตเมื่อปลายเดือนที่แล้วซึ่งฟ้องว่า ทหารยิวยิงใส่ขบวนรถของเจ้าหน้าที่เหล่านั้นทั้งที่มีสัญลักษณ์รถฉุกเฉินและเจ้าหน้าที่สวมเครื่องแบบชัดเจน ไม่ได้มีพฤติกรรมน่าสงสัยอย่างที่รายงานเบื้องต้นของอิสราเอลกล่าวอ้าง อย่างไรก็ดี รัฐบาลทรัมป์ยังออกมาให้ท้ายรัฐยิวเหมือนเดิมว่า ฮามาสซึ่งชอบใช้รถพยาบาลและโล่มนุษย์ป้องกันตนเองต้องรับผิดชอบเหตุการณ์ดังกล่าว . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000033236 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Angry
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1346 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอลประกาศ ขยายปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ในกาซา ระบุจะเข้ายึดพื้นที่กว้างขวางในดินแดนนี้เพื่อขยายเขตความมั่นคงของตน รวมทั้งจะสั่งอพยพชาวปาเลสไตน์จำนวนมากออกไป ด้านยูเอ็นประณามกองทัพยิวโจมตีขบวนรถฉุกเฉินและการแพทย์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ทำให้บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชน 15 คนเสียชีวิต
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000031643
    อิสราเอลประกาศ ขยายปฏิบัติการทางทหารครั้งใหญ่ในกาซา ระบุจะเข้ายึดพื้นที่กว้างขวางในดินแดนนี้เพื่อขยายเขตความมั่นคงของตน รวมทั้งจะสั่งอพยพชาวปาเลสไตน์จำนวนมากออกไป ด้านยูเอ็นประณามกองทัพยิวโจมตีขบวนรถฉุกเฉินและการแพทย์เมื่อสัปดาห์ที่แล้วที่ทำให้บุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่สิทธิมนุษยชน 15 คนเสียชีวิต . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000031643
    Like
    Sad
    Angry
    7
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1587 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเอ็นประกาศลดจำนวนเจ้าหน้าที่ในฉนวนกาซา หลังรถถังอิสราเอลโจมตีหน่วยงานแห่งหนึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วส่งผลให้เจ้าหน้าที่จากบัลแกเรียคนหนึ่งเสียชีวิต และบาดเจ็บอีก 5 คน นอกจากนี้ยังมีนักข่าวอัล-จาซีราอีกคนที่ยิวอ้างว่า เป็นพลแม่นปืนของฮามาส ถูกโจมตีเสียชีวิตเมื่อวันจันทร์ (24 มี.ค.) ขณะที่ยิวสั่งชาวปาเลสไตน์อพยพออกจากตอนเหนือของกาซาอีกระลอก
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000028594
    ยูเอ็นประกาศลดจำนวนเจ้าหน้าที่ในฉนวนกาซา หลังรถถังอิสราเอลโจมตีหน่วยงานแห่งหนึ่งเมื่อสัปดาห์ที่แล้วส่งผลให้เจ้าหน้าที่จากบัลแกเรียคนหนึ่งเสียชีวิต และบาดเจ็บอีก 5 คน นอกจากนี้ยังมีนักข่าวอัล-จาซีราอีกคนที่ยิวอ้างว่า เป็นพลแม่นปืนของฮามาส ถูกโจมตีเสียชีวิตเมื่อวันจันทร์ (24 มี.ค.) ขณะที่ยิวสั่งชาวปาเลสไตน์อพยพออกจากตอนเหนือของกาซาอีกระลอก . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000028594
    Like
    Sad
    9
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1871 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก็เอาเลย อานนท์ และ สหภาพยุโรป ยูเอ็น เอาเลย แบนคนที่ไม่ให้ยกเลิก 112 เข้าประเทศได้เลย อังกฤษด้วย เดโมแครตโว้คแลนด์ด้วย กูไม่เข้าประเทศของมึง จบมั้ย แต่กูเข้ารัสเซีย จีน ไปไหนก็ได้ โตแล้ว
    ก็เอาเลย อานนท์ และ สหภาพยุโรป ยูเอ็น เอาเลย แบนคนที่ไม่ให้ยกเลิก 112 เข้าประเทศได้เลย อังกฤษด้วย เดโมแครตโว้คแลนด์ด้วย กูไม่เข้าประเทศของมึง จบมั้ย แต่กูเข้ารัสเซีย จีน ไปไหนก็ได้ โตแล้ว
    ทนายอานนท์ หมดหนทางพ้นผิด ฟ้องยุโรปให้แบนคนไทยที่ปกป้อง 112
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #อานนท์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 21 0 รีวิว
  • นี่ละยิวจอมทรยศและเนรคุณ..#เมื่อยิวถามจีนว่า
    ทำไมไม่ช่วยอิสรา.เอล​รบกับ ฮามา.ส
    ลองฟังคับตอบ ประชาชนจีนที่รู้ประวัติศาสตร์​อ่านแล้วถึงกับอึง ยาวหน่อย แต่เป็นความรู้ระดับ #พันปี

    “เมื่อ Ross อเมริกันเชื้อสายยิวกล่าวโจมตี ทำไม จีน ไม่สนับสนุนอิสราเอลโจมตี ฮามาส“

    นี่คือคำตอบ
    ประวัติศาสตร์อีกมุมหนึ่งของชนชาติยิว...

    สองวันที่ผ่านมา
    Ross อดีตประธานภาคพื้นเอเซียแปซิฟิคของ พรรครีพับริกัน
    ได้สร้างข่าวพาดหัวด้วยการ กล่าวหา ชาวจีน ที่เล่นอินเตอร์เนต ว่า ไม่มีความเห็นอกเห็นใจชาวยิว อันเนื่องจากเหตุการณ์ความขัดแย้งที่กาซ่า..

    ต่อมา มีชาวเนตจีนรายหนึ่ง เข้ามาเห็น จึงเขียนบทความอย่างยืดยาว เพื่อสอนบทเรียนทาง ประวัติศาสตร์ แก่ชาวอเมริกันยิวคนนี้..
    สรุปว่า ต่อมา Ross ได้แอบลบบทวิจารณ์นี้ทิ้งไป...

    ไม่มีใครรู้ว่าผู้เขียนบทความโต้แย้งชายจีนผู้นี้เป็นใคร
    แต่ อย่างไรก็ตาม ข้อเขียนของเขาได้หลุดรอดออกมา และ ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง!

    เป็นข้อเขียนที่ทุกคนต้องอ่าน!

    เพราะเป็นการตอบโต้ที่แข็งกร้าวของชาวเนตจีน..( 11 กค. 2024 )

    สวัสดีครับคุณ Enge...
    ผมรู้สึกช๊อคไปกับคำพูดของคุณที่ว่า
    "หากโลกจะสนใจช่วยชาวยิวในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 (WW II)ืชาวยิวหกล้านคนก็คงไม่ถูกสังหาร"...

    แต่นี่ คงมิใช่ เหตุผล หรือ ทำให้กองทัพยิว มีสิทธิที่จะก่อสงครามล้างเผ่าพันธุ์ต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่าแต่อย่างใด...

    ยิ่งไปกว่า มันไม่เป็นความจริงด้วย..

    ในระหว่าง WW II นั้น ชาวจีนในเซี่ยงไฮ้ และ นานจิง กำลังถูกรุกราน และ ถูกสังหารหมู่ โดยกองทัพญี่ปุ่น
    ในขณะที่ชาวยิวถูกฆ่าโดยนาซี..

    แต่กระนั้นก็ดี แม้ชาวจีนจะประสบเคราะห์กรรมขนาดนั้น ก็ยังยินดีรับเอาชาวยิวกว่า 50,000 คน ที่อพยพไปยังประเทศจีนเพื่อหนีภัยจากนาซี...

    แต่วิธีตอบแทนแบบยิวก็คือ การร่วมมือกับญี่ปุ่น เพื่อสร้างทรัฐชาวยิว ขึ้นในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน!
    แผนงานนี้เป็นที่เลื่องลือในนามของ Pufferfish Plan..
    แต่ก็โชคร้าย ซึ่งในที่สุดแผนการณ์นี้ล้มเหลว..
    ทำให้นิทานเรื่องชาวนาและงูเห่า ไม่อาจเกิดเป็นจริงได้ในแผ่นดินจีน...

    แต่ที่เหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อราวสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
    เจ้าหน้าที่คนของสถานทูตอิสราเอล ได้กล่าวอ้างอย่างเปิดเผยผ่านทางรูปถ่ายว่า ที่ตั้งของสถานทูตที่อยู่บนถนนในเซี่ยงไฮ้ เกิดจากการยินยอมให้ใช้ของฝรั่งเศส!(ทั้งที่เรื่องกฏหมายสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ถูกยกเลิกไปนานแล้ว)

    แต่แน่นอน
    หากพูดถึงสัมพันธภาพระหว่างจีน กับ ชาวยิว ย่อมมีอะไรที่มากไปกว่านั้นมากมาย

    ชาวยิวได้ร่อนเร่มายังประเทศจีนตั้งแต่สมัย ราชวงศ์ซ่ง
    หรือ ราวพันปีที่ผ่านมา และ ได้ตั้งถิ่นฐานในจีนตั้งแต่นั้นมา

    ราชวงศ์ซ่ง ปกครองอาณาจักรจีนโบราณ ที่ถือกันว่าสมบูรณ์พูนสุขิและ ร่ำรวยที่สุดราชวงศ์หนึ่ง

    อย่างไรก็ดี
    ในกาลต่อมา เมื่อราชวงศ์ซ่งล่มสลาย ผู้คนอพยพหนีภัยไปทางทิศใต้
    นักธุรกิจชาวยิว ที่มีชื่อสกุล Pu ได้ใช้กำลังทหารส่วนตัว เข่นฆ่าชาวเมืองจำนวนมากที่เคยเป็นราษฎรภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซ่ง แล้วนำศพไปให้กองทัพของราชวงศ์ หยวน
    เพื่อเป็นสัญญลักษณ์ของการยอมรับในอำนาจของผู้ปกครองชาว มงโกล รายใหม่

    ในหลายสิบปีหลังจากนั้น ราชวงศ์ จูหยวนจาง ได้โค่นราชวงศ์หยวนลง และ จัดตั้งราชวงศ์หมิงขึ้น
    คนจีนที่สืบเชื้อสายจากชาวฮั่น จึงกลับขึ้นมามีอำนาจอีกครั้ง
    แต่ก็มิได้ขับไล่ชุมชนชาวยิวกลุ่มทรยศเหล่านี้ออกไป (ทั้งที่ได้เข่นฆ่าชาวจีนไปมากก่อนหน้านั้น)

    ต่อมา ในสมัยประวัติศาสตร์ช่วงการเกิดสงครามฝิ่น
    มีนักธุรกิจชาวยิว ตระกูล Sassoon ได้นำฝิ่นจำนวนมากมาจำหน่ายเพื่อหวังผลกำไร
    ทำให้ชาวจีนติดฝิ่นกันงอมแงม ประชากรชาวจีน อ่อนแอ และ ล้มตายกันเป็นจำนวนมาก.. คุณ (Mr Ross)เคยใช้ชีวิตอยู่ในเอเซียมาหลายปี น่าจะคุ้นเคยกับเรื่องนี้ดี

    เหตุการณ์ สงครามฉนวนกาซ่าในครั้งนี้
    ชาวจีน มิได้รู้สึกเห็นใจ ชาวยิว เพราะชาวจีน มีการศึกษาเรื่องคุณธรรม ร่วมสามพันปีมาแล้ว

    "Shangshu" วรรณกรรมคลาสิกที่ยังเหลืออยู่ของจีน ที่เขียนขึ้นมาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 10 ก่อนคริสตกาลหรือราว 3,000 ปีพอดี ซึ่งคงเป็นระยะเวลาเดียวกับที่ชาวยิวถูกขับไล่ออกจากดินแดนแห่งพันธสัญญา (Promised Land) และเป็นชนชาติเร่ร่อนตั้งแต่นั้นมา

    ถ้าคุณ( Mr. Ross )คุ้นเคย กับอดีต และ ประวัติศาสตร์ ชาวยิว ของคุณ คุณก็ควรรับรู้และตระหนักถึงมันด้วย

    ชาวอียิปต์ ยอมรับ ชาวยิว เข้าไปในดินแดนของตน
    แต่ ชาวยิว กลับทรยศ ต่อชาวอียิปต์ หลายต่อหลายครั้ง
    จนในที่สุด ชาวยิว ก็ถูกเข่นฆ่าและ ขับไล่ออกไปจากดินแดนอียิปต์โดย กษัตริย์ฟาโรห์

    อาณาจักรโรมัน ยอมรับ ชาวยิว เป็นส่วนหนึ่งของโรมัน ถึงขนาดจัดตั้งชุมชนให้เป็น กลุ่มก้อน โดยเฉพาะ
    แต่ ชาวยิว กลับถือโอกาสก่อการกบฎ ในช่วงเวลาที่กษัตริย์ Trajan มุ่งขยายดินแดนไปทางตะวันออก และ กองกำลังความมั่นคงในโรมันอ่อนแอลง

    หลังจาก ชาวยิว สังหารกองกำลังโรมัน ที่มีอยู่น้อยนิด
    ชาวยิว ก็บุกสังหาร พลเรือนชาวโรมัน อย่างบ้าคลั่ง
    ถึงขนาด เฉือนเอาผิวหนังมาทำเสื้อผ้า กินเนื้อเป็นอาหาร และ โยนซากศพไปเป็นอาหารของสัตว์ดุร้าย..

    ในเมือง Cyprus Salamis และ Libya พลเรือนชาวโรมันราว 220,000 คน ถูกสังหารโดย ชาวยิว

    แม้ต่อหน้าพลเรือนชาวโรมัน
    ชาวยิวดูจะทารุณโหดร้ายมาก
    แต่ในที่สุดกษัตริย์ Trajan ใช้กำลังทหารเพียงสองชุด ก็สามารถทวงคืนอำนาจจากชาวยิวได้อย่างสมบูรณ์

    กองทัพโรมันที่โกรธแค้นได้เคลื่อนทัพจากดินแดนเมโสโปเตเมีย ไปตามฝั่ง ตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน..จนทำให้ชาวยิวที่อาศัยในพื้นที่เหล่านี้ถูกเข่นฆ่าจนเกือบหมด
    ต่อมา ชาวยิว ก็ก่อกบฎอีกครั้ง ครววนี้ มุ่งสังหารผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะ

    แต่ครั้งนี้ โชคไม่เข้าข้างชาวยิว เมื่อต้องพบกับกษัตริย์ Hadrian ผู้ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ที่เฉลียวฉลาดที่สุดคนหนึ่งของกรุงโรม ผู้ที่ได้ระดมกำลังทหาร 120,000 นาย เข้าจัดการสังหาร ชาวยิว ที่ก่อการกบฎได้อย่างเบ็ดเสร็จ

    กษัตริย์ Hadrian ได้ศึกษาบทเรียนจากยุคสมัยของกษัตริย์ Trajan
    จึงได้ยกเลิก ชุมชนชาวยิว เสียทั้งหมด
    ทำให้ชาวยิวต้องอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย และ แตกกระสานซ่านเซ็นไปทั่วโลก

    นอกจากนั้น ยังมีจักรพรรดิ Titus ผู้บุกทำลาย และ สังหาร ชาวยิวในกรุงเยลูซาเล็ม
    ที่เคยเป็น Second Temple จนปัจจุบันเหลือเพียง Western Wall (หรือที่เรียกว่า กำแพงร้องไห้)ที่ชาวยิวใช้เป็นที่สวดมนต์ไปติดต่อพระเจ้าฯ

    เป็นเวลานับพันปี ที่ชาวยิว ต้องถูก เข่นฆ่า และ ขับออกนอกประเทศต่างๆนับครั้งไม่ถ้วน
    แต่ พวกคุณ ชาวยิว ก็ได้ทรยศต่อ ชาติต่างๆ จำนวนไม่น้อย ที่เห็นอกเห็นใจต่อความยากลำบากของพวกคุณ

    กระนั้นก็ดี
    พวกคุณ ก็ยังคงโอหัง เชื่อว่า ชนชาติตน เป็นชนชาติอภิสิทธิ์ ที่เหนือกว่าคนชาติอื่นๆ และ เชื่อว่า เป็น ชนชาติ ที่พระเจ้าเลือกสรรไว้ ให้เป็นใหญ่กว่าชนชาติอื่นใด

    ทำให้ ชาวไซออนนิสยิว ไม่เคยตระหนักถึงอดีตของตน..
    จนเป็นที่สรุปกันแล้วว่า วัฒนธรรมของชนชาติยิว มีลักษณะที่เข้ากับใครยาก และ ไม่ยอมปรับตัวเข้าหาวัฒนธรรมอื่น

    ความเชื่อของชาวยิวเหล่านี้ จะใช้กับคนจีนไม่ได้
    เพราะ คนจีนมีหลักการด้านคุณธรรมของตนเอง และ ไม่เคยคิดว่าชนชาติตนเหนือกว่าคนชนะชาติอื่น
    แต่จะปฏิบัติต่อคนชาติอื่น อย่างเท่าเทียมกัน และ ไม่เกรงกลัวต่อชนชาติอื่น ที่คิดว่าเหนือกว่าชาวจีน

    คนจีน จะมีความ อดทน อดกลั้น มีความละอายใจ มีความกตัญญูรู้คุณ และ รู้จักตอบแทนบุญคุณคน

    John Rabe อดีตนาซี ผู้ที่ครั้งหนึ่ง เคยช่วยชีวิตชาวจีนที่นานจิง คนจีนที่รู้เรื่องนี้ จะนึกถึงบุญคุณของเขาเสมอ

    จากเหตุการณ์ เมื่อสองปีที่แล้ว ที่โรงพยาบาล สถานที่ที่หลานของ John Rabe ทำงานอยู่ เกิดการขาดแคลนยารักษาโรค
    จึงร้องขอความช่วยเหลือไปยังสถานทูตจีนในเยอรมัน
    ปรากฏว่า ชาวจีนต่างช่วยกันบริจาคเงินและสิ่งของให้กันอย่างแข็งขัน ด้วยความสำนึกในพระคุณในอดีต ของ John Rabe

    ในช่วง WW II ประธานของสภากาชาดแห่งสวีเดน เคยช่วยเหลือเชลยถึง 35,000 คน จากค่ายกักกันของนาซี
    โดยในจำนวนนี้เป็นชาวยิวถึง 6,000 คน..

    ต่อมา เมื่อเขาถูกยูเอ็น ส่งไปเป็นผู้แทน เพื่อยืนยันประเด็นที่เกี่ยวกับขอบเขตดินแดนในกรุงเยรูซาเล็ม ที่กำหนดขึ้นใหม่ระหว่างอิสราเอล กับ ปาเลสไตน์

    ปรากฏว่าเขาถูกยิงถึงหกนัดและเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ จากมือสังหารชาวยิว..
    เพียงเพราะ เขาพูดถึง "ความยุติธรรม" เพียงไม่กี่คำ

    ในระหว่าง WW II เช่นเดียวกัน
    ประเทศยูโกสลาเวีย เคยช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงชาวยิวไว้คนหนึ่ง..
    แต่ 50 ปีต่อมา เธอกลับเป็นคนสั่งให้ทิ้งระเบิดยูโกสลาเวียอย่างไม่เลือกหน้า...

    หลายปีต่อมา
    เมื่อเธอ ถูกผู้สื่อข่าวถามในระหว่างการให้สัมภาษณ์ว่า เธอรู้สึกเสียใจบ้างหรือไม่ กับการสั่งทิ้งระเบิดยูโกสลาเวีย..
    เธอตอบว่า.."ไม่เลย"..

    เธอผู้นั้น คือ อดีตสตรีที่เป็น รัฐมนตรีต่างประเทศ คนแรกของสหรัฐ..Madeleine Albright!

    ในการให้สัมภาษณ์ในรายการ 60 Minutes ในปี1996..
    M. Albright กล่าวว่า
    การที่สหรัฐแซงชั่นอิรัค(สมัยซัดดัม) ซึ่งได้สังหารเด็กชาวอิรัคไปกว่าครึ่งล้าน (เพราะขาดแคลนอาหารและยารักษาโรค)นั้น
    เป็นสิ่งที่คุ้มค่า!
    ทั้งๆที่ การบุกเข้ายึดครองอิรัคเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ
    เพราะสหรัฐอ้างว่า อิรัคกำลังผลิตอาวุธทำลายล้าง
    ด้วยการนำเสนอเพียงภาพ “ผงซักฟอก” ในสื่อ ว่าคือ “สารเคมี” ที่ใช้สร้างอาวุธชีวภาพ

    นาง M. Albright กล่าวอย่างโจ่งแจ้งท้าทายว่า..
    การเข่นฆ่าเด็กนับล้าน เป็นสิ่งที่คุ้มค่าแล้ว!

    ในปี 1947 เมื่อชาวยิว อพยพทางเรือมายังดินแดนปาเลสไตน์
    มีการเขียนข้างลำเรือไว้ว่า..
    "คนเยอรมันได้ทำลายบ้านเรือนของเรา โปรดอย่าทำลายความหวังของเราอีก"...

    ด้วยความเมตตา ชาวปาเลสไตน์ยอมรับชาวยิวอพยพเข้าสู่ดินแดนของตน..
    ในที่สุด ชาวยิว อ้างในภายหลังว่า ดินแดน ปาเลสไตน์ นี้ เป็นดินแดนแห่งพันธสัญญา- Promised Land ของพวกเราชนชาติยิว!

    ตลอดเวลากว่า 70 ปี ที่ชาวไซออนนิสต์ยิว ได้สังหารชาวปาเลสไตน์ ผู้ที่เมตตา และ ยินยอมให้ชาวยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐานต่อเนื่องยาวนาน

    แต่ ชาวยิว กลับมาเนรคุณ สร้างอาณาจักรแห่งการเหยียดผิว ที่เปรียบเสมือนเรือนจำกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก..
    และ ยังปฏิบัติ ต่อชาวปาเลสไตน์เยี่ยงสัตว์ (subhumans)

    พวกคุณชาวยิว
    ยังจะต้องการความเห็นอกเห็นใจอีกมากแค่ไหน คุณจึงจะพอใจ

    สำหรับการไม่รู้จักบุญคุณคน และ จากข้อมูลใน ประวัติศาสตร์ที่พวกคุณตอบแทนความเมตตา และ ตอบแทนการยอมรับของคนชาติอื่นด้วยการทรยศ ด้วยการพร้อมที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาติอื่นที่เคยช่วยเหลือพวกคุณ ชาวยิว อีกหรือ!

    ประโยคหนึ่ง ที่เขียนในวรรณกรรมคลาสสิก ของจีน ที่ชื่อว่า..“การเดินหน้าเข้าสู่ตวามตาย” (The Death March)...กล่าวว่า

    "ประเทศเล็ก ที่ไม่ตระหนักในตนเอง ไม่เคารพต่อประเทศอื่นๆ แสดงความหยาบช้า ดูถูกดูแคลน ประเทศเพื่อนบ้านอันมั่นคงที่ตั้งอยู่ก่อน
    พลันแต่มี ความโลภ ไม่อินังขังขอบต่อ มิตรภาพ และ ความเป็นเพื่อน..
    ก็ย่อมจะนำพาตนเอง เดินทางไปสู่ความพินาศย่อยยับอย่างไม่ต้องสงสัย“

    บทความนี้น่าสนใจมาก
    เป็นประวัติศาสตร์ ที่ชาวโลกอีกหลายล้านอาจจะยังไม่เคยได้รับรู้

    ซึ่ง อาจจะมีคนตั้งกระทู้ ตั้งข้อโต้แย้ง ขึ้นมาได้

    อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครทราบความเป็นจริง
    อยู่ที่ คนตั้งกระทู้ จะหาหลักฐานมาโต้แย้งทางประวัติศาสตร์ ได้ หรือ ไม่ได้

    ซึ่งหากมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์มาโต้แย้งได้
    ก็จะยิ่งน่าศึกษา น่าติดตาม
    เพื่อให้ความจริงกระจ่างยิ่งขึ้น
    และ นับเป็นเรื่องดี ที่จะได้ทราบกันจริงๆว่า
    “ ยิว เป็นชนชาติประเภทใด?“
    ดีจริงแท้ หรือ ซาตานลวงโลก กันแน่ ?
    ......
    (แปลโดย : SB-22/07/24)
    ส่งต่อจาก วิชา มหาคุณ
    นี่ละยิวจอมทรยศและเนรคุณ..#เมื่อยิวถามจีนว่า ทำไมไม่ช่วยอิสรา.เอล​รบกับ ฮามา.ส ลองฟังคับตอบ ประชาชนจีนที่รู้ประวัติศาสตร์​อ่านแล้วถึงกับอึง ยาวหน่อย แต่เป็นความรู้ระดับ #พันปี “เมื่อ Ross อเมริกันเชื้อสายยิวกล่าวโจมตี ทำไม จีน ไม่สนับสนุนอิสราเอลโจมตี ฮามาส“ นี่คือคำตอบ ประวัติศาสตร์อีกมุมหนึ่งของชนชาติยิว... สองวันที่ผ่านมา Ross อดีตประธานภาคพื้นเอเซียแปซิฟิคของ พรรครีพับริกัน ได้สร้างข่าวพาดหัวด้วยการ กล่าวหา ชาวจีน ที่เล่นอินเตอร์เนต ว่า ไม่มีความเห็นอกเห็นใจชาวยิว อันเนื่องจากเหตุการณ์ความขัดแย้งที่กาซ่า.. ต่อมา มีชาวเนตจีนรายหนึ่ง เข้ามาเห็น จึงเขียนบทความอย่างยืดยาว เพื่อสอนบทเรียนทาง ประวัติศาสตร์ แก่ชาวอเมริกันยิวคนนี้.. สรุปว่า ต่อมา Ross ได้แอบลบบทวิจารณ์นี้ทิ้งไป... ไม่มีใครรู้ว่าผู้เขียนบทความโต้แย้งชายจีนผู้นี้เป็นใคร แต่ อย่างไรก็ตาม ข้อเขียนของเขาได้หลุดรอดออกมา และ ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง! เป็นข้อเขียนที่ทุกคนต้องอ่าน! เพราะเป็นการตอบโต้ที่แข็งกร้าวของชาวเนตจีน..( 11 กค. 2024 ) สวัสดีครับคุณ Enge... ผมรู้สึกช๊อคไปกับคำพูดของคุณที่ว่า "หากโลกจะสนใจช่วยชาวยิวในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 (WW II)ืชาวยิวหกล้านคนก็คงไม่ถูกสังหาร"... แต่นี่ คงมิใช่ เหตุผล หรือ ทำให้กองทัพยิว มีสิทธิที่จะก่อสงครามล้างเผ่าพันธุ์ต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่าแต่อย่างใด... ยิ่งไปกว่า มันไม่เป็นความจริงด้วย.. ในระหว่าง WW II นั้น ชาวจีนในเซี่ยงไฮ้ และ นานจิง กำลังถูกรุกราน และ ถูกสังหารหมู่ โดยกองทัพญี่ปุ่น ในขณะที่ชาวยิวถูกฆ่าโดยนาซี.. แต่กระนั้นก็ดี แม้ชาวจีนจะประสบเคราะห์กรรมขนาดนั้น ก็ยังยินดีรับเอาชาวยิวกว่า 50,000 คน ที่อพยพไปยังประเทศจีนเพื่อหนีภัยจากนาซี... แต่วิธีตอบแทนแบบยิวก็คือ การร่วมมือกับญี่ปุ่น เพื่อสร้างทรัฐชาวยิว ขึ้นในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน! แผนงานนี้เป็นที่เลื่องลือในนามของ Pufferfish Plan.. แต่ก็โชคร้าย ซึ่งในที่สุดแผนการณ์นี้ล้มเหลว.. ทำให้นิทานเรื่องชาวนาและงูเห่า ไม่อาจเกิดเป็นจริงได้ในแผ่นดินจีน... แต่ที่เหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อราวสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่คนของสถานทูตอิสราเอล ได้กล่าวอ้างอย่างเปิดเผยผ่านทางรูปถ่ายว่า ที่ตั้งของสถานทูตที่อยู่บนถนนในเซี่ยงไฮ้ เกิดจากการยินยอมให้ใช้ของฝรั่งเศส!(ทั้งที่เรื่องกฏหมายสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ถูกยกเลิกไปนานแล้ว) แต่แน่นอน หากพูดถึงสัมพันธภาพระหว่างจีน กับ ชาวยิว ย่อมมีอะไรที่มากไปกว่านั้นมากมาย ชาวยิวได้ร่อนเร่มายังประเทศจีนตั้งแต่สมัย ราชวงศ์ซ่ง หรือ ราวพันปีที่ผ่านมา และ ได้ตั้งถิ่นฐานในจีนตั้งแต่นั้นมา ราชวงศ์ซ่ง ปกครองอาณาจักรจีนโบราณ ที่ถือกันว่าสมบูรณ์พูนสุขิและ ร่ำรวยที่สุดราชวงศ์หนึ่ง อย่างไรก็ดี ในกาลต่อมา เมื่อราชวงศ์ซ่งล่มสลาย ผู้คนอพยพหนีภัยไปทางทิศใต้ นักธุรกิจชาวยิว ที่มีชื่อสกุล Pu ได้ใช้กำลังทหารส่วนตัว เข่นฆ่าชาวเมืองจำนวนมากที่เคยเป็นราษฎรภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซ่ง แล้วนำศพไปให้กองทัพของราชวงศ์ หยวน เพื่อเป็นสัญญลักษณ์ของการยอมรับในอำนาจของผู้ปกครองชาว มงโกล รายใหม่ ในหลายสิบปีหลังจากนั้น ราชวงศ์ จูหยวนจาง ได้โค่นราชวงศ์หยวนลง และ จัดตั้งราชวงศ์หมิงขึ้น คนจีนที่สืบเชื้อสายจากชาวฮั่น จึงกลับขึ้นมามีอำนาจอีกครั้ง แต่ก็มิได้ขับไล่ชุมชนชาวยิวกลุ่มทรยศเหล่านี้ออกไป (ทั้งที่ได้เข่นฆ่าชาวจีนไปมากก่อนหน้านั้น) ต่อมา ในสมัยประวัติศาสตร์ช่วงการเกิดสงครามฝิ่น มีนักธุรกิจชาวยิว ตระกูล Sassoon ได้นำฝิ่นจำนวนมากมาจำหน่ายเพื่อหวังผลกำไร ทำให้ชาวจีนติดฝิ่นกันงอมแงม ประชากรชาวจีน อ่อนแอ และ ล้มตายกันเป็นจำนวนมาก.. คุณ (Mr Ross)เคยใช้ชีวิตอยู่ในเอเซียมาหลายปี น่าจะคุ้นเคยกับเรื่องนี้ดี เหตุการณ์ สงครามฉนวนกาซ่าในครั้งนี้ ชาวจีน มิได้รู้สึกเห็นใจ ชาวยิว เพราะชาวจีน มีการศึกษาเรื่องคุณธรรม ร่วมสามพันปีมาแล้ว "Shangshu" วรรณกรรมคลาสิกที่ยังเหลืออยู่ของจีน ที่เขียนขึ้นมาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 10 ก่อนคริสตกาลหรือราว 3,000 ปีพอดี ซึ่งคงเป็นระยะเวลาเดียวกับที่ชาวยิวถูกขับไล่ออกจากดินแดนแห่งพันธสัญญา (Promised Land) และเป็นชนชาติเร่ร่อนตั้งแต่นั้นมา ถ้าคุณ( Mr. Ross )คุ้นเคย กับอดีต และ ประวัติศาสตร์ ชาวยิว ของคุณ คุณก็ควรรับรู้และตระหนักถึงมันด้วย ชาวอียิปต์ ยอมรับ ชาวยิว เข้าไปในดินแดนของตน แต่ ชาวยิว กลับทรยศ ต่อชาวอียิปต์ หลายต่อหลายครั้ง จนในที่สุด ชาวยิว ก็ถูกเข่นฆ่าและ ขับไล่ออกไปจากดินแดนอียิปต์โดย กษัตริย์ฟาโรห์ อาณาจักรโรมัน ยอมรับ ชาวยิว เป็นส่วนหนึ่งของโรมัน ถึงขนาดจัดตั้งชุมชนให้เป็น กลุ่มก้อน โดยเฉพาะ แต่ ชาวยิว กลับถือโอกาสก่อการกบฎ ในช่วงเวลาที่กษัตริย์ Trajan มุ่งขยายดินแดนไปทางตะวันออก และ กองกำลังความมั่นคงในโรมันอ่อนแอลง หลังจาก ชาวยิว สังหารกองกำลังโรมัน ที่มีอยู่น้อยนิด ชาวยิว ก็บุกสังหาร พลเรือนชาวโรมัน อย่างบ้าคลั่ง ถึงขนาด เฉือนเอาผิวหนังมาทำเสื้อผ้า กินเนื้อเป็นอาหาร และ โยนซากศพไปเป็นอาหารของสัตว์ดุร้าย.. ในเมือง Cyprus Salamis และ Libya พลเรือนชาวโรมันราว 220,000 คน ถูกสังหารโดย ชาวยิว แม้ต่อหน้าพลเรือนชาวโรมัน ชาวยิวดูจะทารุณโหดร้ายมาก แต่ในที่สุดกษัตริย์ Trajan ใช้กำลังทหารเพียงสองชุด ก็สามารถทวงคืนอำนาจจากชาวยิวได้อย่างสมบูรณ์ กองทัพโรมันที่โกรธแค้นได้เคลื่อนทัพจากดินแดนเมโสโปเตเมีย ไปตามฝั่ง ตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน..จนทำให้ชาวยิวที่อาศัยในพื้นที่เหล่านี้ถูกเข่นฆ่าจนเกือบหมด ต่อมา ชาวยิว ก็ก่อกบฎอีกครั้ง ครววนี้ มุ่งสังหารผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะ แต่ครั้งนี้ โชคไม่เข้าข้างชาวยิว เมื่อต้องพบกับกษัตริย์ Hadrian ผู้ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ที่เฉลียวฉลาดที่สุดคนหนึ่งของกรุงโรม ผู้ที่ได้ระดมกำลังทหาร 120,000 นาย เข้าจัดการสังหาร ชาวยิว ที่ก่อการกบฎได้อย่างเบ็ดเสร็จ กษัตริย์ Hadrian ได้ศึกษาบทเรียนจากยุคสมัยของกษัตริย์ Trajan จึงได้ยกเลิก ชุมชนชาวยิว เสียทั้งหมด ทำให้ชาวยิวต้องอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย และ แตกกระสานซ่านเซ็นไปทั่วโลก นอกจากนั้น ยังมีจักรพรรดิ Titus ผู้บุกทำลาย และ สังหาร ชาวยิวในกรุงเยลูซาเล็ม ที่เคยเป็น Second Temple จนปัจจุบันเหลือเพียง Western Wall (หรือที่เรียกว่า กำแพงร้องไห้)ที่ชาวยิวใช้เป็นที่สวดมนต์ไปติดต่อพระเจ้าฯ เป็นเวลานับพันปี ที่ชาวยิว ต้องถูก เข่นฆ่า และ ขับออกนอกประเทศต่างๆนับครั้งไม่ถ้วน แต่ พวกคุณ ชาวยิว ก็ได้ทรยศต่อ ชาติต่างๆ จำนวนไม่น้อย ที่เห็นอกเห็นใจต่อความยากลำบากของพวกคุณ กระนั้นก็ดี พวกคุณ ก็ยังคงโอหัง เชื่อว่า ชนชาติตน เป็นชนชาติอภิสิทธิ์ ที่เหนือกว่าคนชาติอื่นๆ และ เชื่อว่า เป็น ชนชาติ ที่พระเจ้าเลือกสรรไว้ ให้เป็นใหญ่กว่าชนชาติอื่นใด ทำให้ ชาวไซออนนิสยิว ไม่เคยตระหนักถึงอดีตของตน.. จนเป็นที่สรุปกันแล้วว่า วัฒนธรรมของชนชาติยิว มีลักษณะที่เข้ากับใครยาก และ ไม่ยอมปรับตัวเข้าหาวัฒนธรรมอื่น ความเชื่อของชาวยิวเหล่านี้ จะใช้กับคนจีนไม่ได้ เพราะ คนจีนมีหลักการด้านคุณธรรมของตนเอง และ ไม่เคยคิดว่าชนชาติตนเหนือกว่าคนชนะชาติอื่น แต่จะปฏิบัติต่อคนชาติอื่น อย่างเท่าเทียมกัน และ ไม่เกรงกลัวต่อชนชาติอื่น ที่คิดว่าเหนือกว่าชาวจีน คนจีน จะมีความ อดทน อดกลั้น มีความละอายใจ มีความกตัญญูรู้คุณ และ รู้จักตอบแทนบุญคุณคน John Rabe อดีตนาซี ผู้ที่ครั้งหนึ่ง เคยช่วยชีวิตชาวจีนที่นานจิง คนจีนที่รู้เรื่องนี้ จะนึกถึงบุญคุณของเขาเสมอ จากเหตุการณ์ เมื่อสองปีที่แล้ว ที่โรงพยาบาล สถานที่ที่หลานของ John Rabe ทำงานอยู่ เกิดการขาดแคลนยารักษาโรค จึงร้องขอความช่วยเหลือไปยังสถานทูตจีนในเยอรมัน ปรากฏว่า ชาวจีนต่างช่วยกันบริจาคเงินและสิ่งของให้กันอย่างแข็งขัน ด้วยความสำนึกในพระคุณในอดีต ของ John Rabe ในช่วง WW II ประธานของสภากาชาดแห่งสวีเดน เคยช่วยเหลือเชลยถึง 35,000 คน จากค่ายกักกันของนาซี โดยในจำนวนนี้เป็นชาวยิวถึง 6,000 คน.. ต่อมา เมื่อเขาถูกยูเอ็น ส่งไปเป็นผู้แทน เพื่อยืนยันประเด็นที่เกี่ยวกับขอบเขตดินแดนในกรุงเยรูซาเล็ม ที่กำหนดขึ้นใหม่ระหว่างอิสราเอล กับ ปาเลสไตน์ ปรากฏว่าเขาถูกยิงถึงหกนัดและเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ จากมือสังหารชาวยิว.. เพียงเพราะ เขาพูดถึง "ความยุติธรรม" เพียงไม่กี่คำ ในระหว่าง WW II เช่นเดียวกัน ประเทศยูโกสลาเวีย เคยช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงชาวยิวไว้คนหนึ่ง.. แต่ 50 ปีต่อมา เธอกลับเป็นคนสั่งให้ทิ้งระเบิดยูโกสลาเวียอย่างไม่เลือกหน้า... หลายปีต่อมา เมื่อเธอ ถูกผู้สื่อข่าวถามในระหว่างการให้สัมภาษณ์ว่า เธอรู้สึกเสียใจบ้างหรือไม่ กับการสั่งทิ้งระเบิดยูโกสลาเวีย.. เธอตอบว่า.."ไม่เลย".. เธอผู้นั้น คือ อดีตสตรีที่เป็น รัฐมนตรีต่างประเทศ คนแรกของสหรัฐ..Madeleine Albright! ในการให้สัมภาษณ์ในรายการ 60 Minutes ในปี1996.. M. Albright กล่าวว่า การที่สหรัฐแซงชั่นอิรัค(สมัยซัดดัม) ซึ่งได้สังหารเด็กชาวอิรัคไปกว่าครึ่งล้าน (เพราะขาดแคลนอาหารและยารักษาโรค)นั้น เป็นสิ่งที่คุ้มค่า! ทั้งๆที่ การบุกเข้ายึดครองอิรัคเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะสหรัฐอ้างว่า อิรัคกำลังผลิตอาวุธทำลายล้าง ด้วยการนำเสนอเพียงภาพ “ผงซักฟอก” ในสื่อ ว่าคือ “สารเคมี” ที่ใช้สร้างอาวุธชีวภาพ นาง M. Albright กล่าวอย่างโจ่งแจ้งท้าทายว่า.. การเข่นฆ่าเด็กนับล้าน เป็นสิ่งที่คุ้มค่าแล้ว! ในปี 1947 เมื่อชาวยิว อพยพทางเรือมายังดินแดนปาเลสไตน์ มีการเขียนข้างลำเรือไว้ว่า.. "คนเยอรมันได้ทำลายบ้านเรือนของเรา โปรดอย่าทำลายความหวังของเราอีก"... ด้วยความเมตตา ชาวปาเลสไตน์ยอมรับชาวยิวอพยพเข้าสู่ดินแดนของตน.. ในที่สุด ชาวยิว อ้างในภายหลังว่า ดินแดน ปาเลสไตน์ นี้ เป็นดินแดนแห่งพันธสัญญา- Promised Land ของพวกเราชนชาติยิว! ตลอดเวลากว่า 70 ปี ที่ชาวไซออนนิสต์ยิว ได้สังหารชาวปาเลสไตน์ ผู้ที่เมตตา และ ยินยอมให้ชาวยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐานต่อเนื่องยาวนาน แต่ ชาวยิว กลับมาเนรคุณ สร้างอาณาจักรแห่งการเหยียดผิว ที่เปรียบเสมือนเรือนจำกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก.. และ ยังปฏิบัติ ต่อชาวปาเลสไตน์เยี่ยงสัตว์ (subhumans) พวกคุณชาวยิว ยังจะต้องการความเห็นอกเห็นใจอีกมากแค่ไหน คุณจึงจะพอใจ สำหรับการไม่รู้จักบุญคุณคน และ จากข้อมูลใน ประวัติศาสตร์ที่พวกคุณตอบแทนความเมตตา และ ตอบแทนการยอมรับของคนชาติอื่นด้วยการทรยศ ด้วยการพร้อมที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาติอื่นที่เคยช่วยเหลือพวกคุณ ชาวยิว อีกหรือ! ประโยคหนึ่ง ที่เขียนในวรรณกรรมคลาสสิก ของจีน ที่ชื่อว่า..“การเดินหน้าเข้าสู่ตวามตาย” (The Death March)...กล่าวว่า "ประเทศเล็ก ที่ไม่ตระหนักในตนเอง ไม่เคารพต่อประเทศอื่นๆ แสดงความหยาบช้า ดูถูกดูแคลน ประเทศเพื่อนบ้านอันมั่นคงที่ตั้งอยู่ก่อน พลันแต่มี ความโลภ ไม่อินังขังขอบต่อ มิตรภาพ และ ความเป็นเพื่อน.. ก็ย่อมจะนำพาตนเอง เดินทางไปสู่ความพินาศย่อยยับอย่างไม่ต้องสงสัย“ บทความนี้น่าสนใจมาก เป็นประวัติศาสตร์ ที่ชาวโลกอีกหลายล้านอาจจะยังไม่เคยได้รับรู้ ซึ่ง อาจจะมีคนตั้งกระทู้ ตั้งข้อโต้แย้ง ขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครทราบความเป็นจริง อยู่ที่ คนตั้งกระทู้ จะหาหลักฐานมาโต้แย้งทางประวัติศาสตร์ ได้ หรือ ไม่ได้ ซึ่งหากมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์มาโต้แย้งได้ ก็จะยิ่งน่าศึกษา น่าติดตาม เพื่อให้ความจริงกระจ่างยิ่งขึ้น และ นับเป็นเรื่องดี ที่จะได้ทราบกันจริงๆว่า “ ยิว เป็นชนชาติประเภทใด?“ ดีจริงแท้ หรือ ซาตานลวงโลก กันแน่ ? ...... (แปลโดย : SB-22/07/24) ส่งต่อจาก วิชา มหาคุณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1573 มุมมอง 0 รีวิว
  • #เมื่อยิวถามจีนว่า
    ทำไมไม่ช่วยอิสรา.เอล​รบกับ ฮามา.ส
    ลองฟังคับตอบ ประชาชนจีนที่รู้ประวัติศาสตร์​อ่านแล้วถึงกับอึง ยาวหน่อย แต่เป็นความรู้ระดับ #พันปี

    “เมื่อ Ross อเมริกันเชื้อสายยิวกล่าวโจมตี ทำไม จีน ไม่สนับสนุนอิสราเอลโจมตี ฮามาส“

    นี่คือคำตอบ

    (แปลโดย SB-22/07/24)
    ส่งต่อจาก วิชา มหาคุณ

    ประวัติศาสตร์อีกมุมหนึ่งของชนชาติยิว...

    สองวันที่ผ่านมา
    Ross อดีตประธานภาคพื้นเอเซียแปซิฟิคของ พรรครีพับริกัน
    ได้สร้างข่าวพาดหัวด้วยการ กล่าวหา ชาวจีน ที่เล่นอินเตอร์เนต ว่า ไม่มีความเห็นอกเห็นใจชาวยิว อันเนื่องจากเหตุการณ์ความขัดแย้งที่กาซ่า..

    ต่อมา มีชาวเนตจีนรายหนึ่ง เข้ามาเห็น จึงเขียนบทความอย่างยืดยาว เพื่อสอนบทเรียนทาง ประวัติศาสตร์ แก่ชาวอเมริกันยิวคนนี้..
    สรุปว่า ต่อมา Ross ได้แอบลบบทวิจารณ์นี้ทิ้งไป...

    ไม่มีใครรู้ว่าผู้เขียนบทความโต้แย้งชายจีนผู้นี้เป็นใคร
    แต่ อย่างไรก็ตาม ข้อเขียนของเขาได้หลุดรอดออกมา และ ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง!

    เป็นข้อเขียนที่ทุกคนต้องอ่าน!

    เพราะเป็นการตอบโต้ที่แข็งกร้าวของชาวเนตจีน..( 11 กค. 2024 )

    สวัสดีครับคุณ Enge...
    ผมรู้สึกช๊อคไปกับคำพูดของคุณที่ว่า
    "หากโลกจะสนใจช่วยชาวยิวในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 (WW II)ืชาวยิวหกล้านคนก็คงไม่ถูกสังหาร"...

    แต่นี่ คงมิใช่ เหตุผล หรือ ทำให้กองทัพยิว มีสิทธิที่จะก่อสงครามล้างเผ่าพันธุ์ต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่าแต่อย่างใด...

    ยิ่งไปกว่า มันไม่เป็นความจริงด้วย..

    ในระหว่าง WW II นั้น ชาวจีนในเซี่ยงไฮ้ และ นานจิง กำลังถูกรุกราน และ ถูกสังหารหมู่ โดยกองทัพญี่ปุ่น
    ในขณะที่ชาวยิวถูกฆ่าโดยนาซี..

    แต่กระนั้นก็ดี แม้ชาวจีนจะประสบเคราะห์กรรมขนาดนั้น ก็ยังยินดีรับเอาชาวยิวกว่า 50,000 คน ที่อพยพไปยังประเทศจีนเพื่อหนีภัยจากนาซี...

    แต่วิธีตอบแทนแบบยิวก็คือ การร่วมมือกับญี่ปุ่น เพื่อสร้างทรัฐชาวยิว ขึ้นในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน!
    แผนงานนี้เป็นที่เลื่องลือในนามของ Pufferfish Plan..
    แต่ก็โชคร้าย ซึ่งในที่สุดแผนการณ์นี้ล้มเหลว..
    ทำให้นิทานเรื่องชาวนาและงูเห่า ไม่อาจเกิดเป็นจริงได้ในแผ่นดินจีน...

    แต่ที่เหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อราวสองสัปดาห์ที่ผ่านมา
    เจ้าหน้าที่คนของสถานทูตอิสราเอล ได้กล่าวอ้างอย่างเปิดเผยผ่านทางรูปถ่ายว่า ที่ตั้งของสถานทูตที่อยู่บนถนนในเซี่ยงไฮ้ เกิดจากการยินยอมให้ใช้ของฝรั่งเศส!(ทั้งที่เรื่องกฏหมายสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ถูกยกเลิกไปนานแล้ว)

    แต่แน่นอน
    หากพูดถึงสัมพันธภาพระหว่างจีน กับ ชาวยิว ย่อมมีอะไรที่มากไปกว่านั้นมากมาย

    ชาวยิวได้ร่อนเร่มายังประเทศจีนตั้งแต่สมัย ราชวงศ์ซ่ง
    หรือ ราวพันปีที่ผ่านมา และ ได้ตั้งถิ่นฐานในจีนตั้งแต่นั้นมา

    ราชวงศ์ซ่ง ปกครองอาณาจักรจีนโบราณ ที่ถือกันว่าสมบูรณ์พูนสุขิและ ร่ำรวยที่สุดราชวงศ์หนึ่ง

    อย่างไรก็ดี
    ในกาลต่อมา เมื่อราชวงศ์ซ่งล่มสลาย ผู้คนอพยพหนีภัยไปทางทิศใต้
    นักธุรกิจชาวยิว ที่มีชื่อสกุล Pu ได้ใช้กำลังทหารส่วนตัว เข่นฆ่าชาวเมืองจำนวนมากที่เคยเป็นราษฎรภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซ่ง แล้วนำศพไปให้กองทัพของราชวงศ์ หยวน
    เพื่อเป็นสัญญลักษณ์ของการยอมรับในอำนาจของผู้ปกครองชาว มงโกล รายใหม่

    ในหลายสิบปีหลังจากนั้น ราชวงศ์ จูหยวนจาง ได้โค่นราชวงศ์หยวนลง และ จัดตั้งราชวงศ์หมิงขึ้น
    คนจีนที่สืบเชื้อสายจากชาวฮั่น จึงกลับขึ้นมามีอำนาจอีกครั้ง
    แต่ก็มิได้ขับไล่ชุมชนชาวยิวกลุ่มทรยศเหล่านี้ออกไป (ทั้งที่ได้เข่นฆ่าชาวจีนไปมากก่อนหน้านั้น)

    ต่อมา ในสมัยประวัติศาสตร์ช่วงการเกิดสงครามฝิ่น
    มีนักธุรกิจชาวยิว ตระกูล Sassoon ได้นำฝิ่นจำนวนมากมาจำหน่ายเพื่อหวังผลกำไร
    ทำให้ชาวจีนติดฝิ่นกันงอมแงม ประชากรชาวจีน อ่อนแอ และ ล้มตายกันเป็นจำนวนมาก.. คุณ (Mr Ross)เคยใช้ชีวิตอยู่ในเอเซียมาหลายปี น่าจะคุ้นเคยกับเรื่องนี้ดี

    เหตุการณ์ สงครามฉนวนกาซ่าในครั้งนี้
    ชาวจีน มิได้รู้สึกเห็นใจ ชาวยิว เพราะชาวจีน มีการศึกษาเรื่องคุณธรรม ร่วมสามพันปีมาแล้ว

    "Shangshu" วรรณกรรมคลาสิกที่ยังเหลืออยู่ของจีน ที่เขียนขึ้นมาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 10 ก่อนคริสตกาลหรือราว 3,000 ปีพอดี ซึ่งคงเป็นระยะเวลาเดียวกับที่ชาวยิวถูกขับไล่ออกจากดินแดนแห่งพันธสัญญา (Promised Land) และเป็นชนชาติเร่ร่อนตั้งแต่นั้นมา

    ถ้าคุณ( Mr. Ross )คุ้นเคย กับอดีต และ ประวัติศาสตร์ ชาวยิว ของคุณ คุณก็ควรรับรู้และตระหนักถึงมันด้วย

    ชาวอียิปต์ ยอมรับ ชาวยิว เข้าไปในดินแดนของตน
    แต่ ชาวยิว กลับทรยศ ต่อชาวอียิปต์ หลายต่อหลายครั้ง
    จนในที่สุด ชาวยิว ก็ถูกเข่นฆ่าและ ขับไล่ออกไปจากดินแดนอียิปต์โดย กษัตริย์ฟาโรห์

    อาณาจักรโรมัน ยอมรับ ชาวยิว เป็นส่วนหนึ่งของโรมัน ถึงขนาดจัดตั้งชุมชนให้เป็น กลุ่มก้อน โดยเฉพาะ
    แต่ ชาวยิว กลับถือโอกาสก่อการกบฎ ในช่วงเวลาที่กษัตริย์ Trajan มุ่งขยายดินแดนไปทางตะวันออก และ กองกำลังความมั่นคงในโรมันอ่อนแอลง

    หลังจาก ชาวยิว สังหารกองกำลังโรมัน ที่มีอยู่น้อยนิด
    ชาวยิว ก็บุกสังหาร พลเรือนชาวโรมัน อย่างบ้าคลั่ง
    ถึงขนาด เฉือนเอาผิวหนังมาทำเสื้อผ้า กินเนื้อเป็นอาหาร และ โยนซากศพไปเป็นอาหารของสัตว์ดุร้าย..

    ในเมือง Cyprus Salamis และ Libya พลเรือนชาวโรมันราว 220,000 คน ถูกสังหารโดย ชาวยิว

    แม้ต่อหน้าพลเรือนชาวโรมัน
    ชาวยิวดูจะทารุณโหดร้ายมาก
    แต่ในที่สุดกษัตริย์ Trajan ใช้กำลังทหารเพียงสองชุด ก็สามารถทวงคืนอำนาจจากชาวยิวได้อย่างสมบูรณ์

    กองทัพโรมันที่โกรธแค้นได้เคลื่อนทัพจากดินแดนเมโสโปเตเมีย ไปตามฝั่ง ตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน..จนทำให้ชาวยิวที่อาศัยในพื้นที่เหล่านี้ถูกเข่นฆ่าจนเกือบหมด
    ต่อมา ชาวยิว ก็ก่อกบฎอีกครั้ง ครววนี้ มุ่งสังหารผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะ

    แต่ครั้งนี้ โชคไม่เข้าข้างชาวยิว เมื่อต้องพบกับกษัตริย์ Hadrian ผู้ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ที่เฉลียวฉลาดที่สุดคนหนึ่งของกรุงโรม ผู้ที่ได้ระดมกำลังทหาร 120,000 นาย เข้าจัดการสังหาร ชาวยิว ที่ก่อการกบฎได้อย่างเบ็ดเสร็จ

    กษัตริย์ Hadrian ได้ศึกษาบทเรียนจากยุคสมัยของกษัตริย์ Trajan
    จึงได้ยกเลิก ชุมชนชาวยิว เสียทั้งหมด
    ทำให้ชาวยิวต้องอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย และ แตกกระสานซ่านเซ็นไปทั่วโลก

    นอกจากนั้น ยังมีจักรพรรดิ Titus ผู้บุกทำลาย และ สังหาร ชาวยิวในกรุงเยลูซาเล็ม
    ที่เคยเป็น Second Temple จนปัจจุบันเหลือเพียง Western Wall (หรือที่เรียกว่า กำแพงร้องไห้)ที่ชาวยิวใช้เป็นที่สวดมนต์ไปติดต่อพระเจ้าฯ

    เป็นเวลานับพันปี ที่ชาวยิว ต้องถูก เข่นฆ่า และ ขับออกนอกประเทศต่างๆนับครั้งไม่ถ้วน
    แต่ พวกคุณ ชาวยิว ก็ได้ทรยศต่อ ชาติต่างๆ จำนวนไม่น้อย ที่เห็นอกเห็นใจต่อความยากลำบากของพวกคุณ

    กระนั้นก็ดี
    พวกคุณ ก็ยังคงโอหัง เชื่อว่า ชนชาติตน เป็นชนชาติอภิสิทธิ์ ที่เหนือกว่าคนชาติอื่นๆ และ เชื่อว่า เป็น ชนชาติ ที่พระเจ้าเลือกสรรไว้ ให้เป็นใหญ่กว่าชนชาติอื่นใด

    ทำให้ ชาวไซออนนิสยิว ไม่เคยตระหนักถึงอดีตของตน..
    จนเป็นที่สรุปกันแล้วว่า วัฒนธรรมของชนชาติยิว มีลักษณะที่เข้ากับใครยาก และ ไม่ยอมปรับตัวเข้าหาวัฒนธรรมอื่น

    ความเชื่อของชาวยิวเหล่านี้ จะใช้กับคนจีนไม่ได้
    เพราะ คนจีนมีหลักการด้านคุณธรรมของตนเอง และ ไม่เคยคิดว่าชนชาติตนเหนือกว่าคนชนะชาติอื่น
    แต่จะปฏิบัติต่อคนชาติอื่น อย่างเท่าเทียมกัน และ ไม่เกรงกลัวต่อชนชาติอื่น ที่คิดว่าเหนือกว่าชาวจีน

    คนจีน จะมีความ อดทน อดกลั้น มีความละอายใจ มีความกตัญญูรู้คุณ และ รู้จักตอบแทนบุญคุณคน

    John Rabe อดีตนาซี ผู้ที่ครั้งหนึ่ง เคยช่วยชีวิตชาวจีนที่นานจิง คนจีนที่รู้เรื่องนี้ จะนึกถึงบุญคุณของเขาเสมอ

    จากเหตุการณ์ เมื่อสองปีที่แล้ว ที่โรงพยาบาล สถานที่ที่หลานของ John Rabe ทำงานอยู่ เกิดการขาดแคลนยารักษาโรค
    จึงร้องขอความช่วยเหลือไปยังสถานทูตจีนในเยอรมัน
    ปรากฏว่า ชาวจีนต่างช่วยกันบริจาคเงินและสิ่งของให้กันอย่างแข็งขัน ด้วยความสำนึกในพระคุณในอดีต ของ John Rabe

    ในช่วง WW II ประธานของสภากาชาดแห่งสวีเดน เคยช่วยเหลือเชลยถึง 35,000 คน จากค่ายกักกันของนาซี
    โดยในจำนวนนี้เป็นชาวยิวถึง 6,000 คน..

    ต่อมา เมื่อเขาถูกยูเอ็น ส่งไปเป็นผู้แทน เพื่อยืนยันประเด็นที่เกี่ยวกับขอบเขตดินแดนในกรุงเยรูซาเล็ม ที่กำหนดขึ้นใหม่ระหว่างอิสราเอล กับ ปาเลสไตน์

    ปรากฏว่าเขาถูกยิงถึงหกนัดและเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ จากมือสังหารชาวยิว..
    เพียงเพราะ เขาพูดถึง "ความยุติธรรม" เพียงไม่กี่คำ

    ในระหว่าง WW II เช่นเดียวกัน
    ประเทศยูโกสลาเวีย เคยช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงชาวยิวไว้คนหนึ่ง..
    แต่ 50 ปีต่อมา เธอกลับเป็นคนสั่งให้ทิ้งระเบิดยูโกสลาเวียอย่างไม่เลือกหน้า...

    หลายปีต่อมา
    เมื่อเธอ ถูกผู้สื่อข่าวถามในระหว่างการให้สัมภาษณ์ว่า เธอรู้สึกเสียใจบ้างหรือไม่ กับการสั่งทิ้งระเบิดยูโกสลาเวีย..
    เธอตอบว่า.."ไม่เลย"..

    เธอผู้นั้น คือ อดีตสตรีที่เป็น รัฐมนตรีต่างประเทศ คนแรกของสหรัฐ..Madeleine Albright!

    ในการให้สัมภาษณ์ในรายการ 60 Minutes ในปี1996..
    M. Albright กล่าวว่า
    การที่สหรัฐแซงชั่นอิรัค(สมัยซัดดัม) ซึ่งได้สังหารเด็กชาวอิรัคไปกว่าครึ่งล้าน (เพราะขาดแคลนอาหารและยารักษาโรค)นั้น
    เป็นสิ่งที่คุ้มค่า!
    ทั้งๆที่ การบุกเข้ายึดครองอิรัคเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ
    เพราะสหรัฐอ้างว่า อิรัคกำลังผลิตอาวุธทำลายล้าง
    ด้วยการนำเสนอเพียงภาพ “ผงซักฟอก” ในสื่อ ว่าคือ “สารเคมี” ที่ใช้สร้างอาวุธชีวภาพ

    นาง M. Albright กล่าวอย่างโจ่งแจ้งท้าทายว่า..
    การเข่นฆ่าเด็กนับล้าน เป็นสิ่งที่คุ้มค่าแล้ว!

    ในปี 1947 เมื่อชาวยิว อพยพทางเรือมายังดินแดนปาเลสไตน์
    มีการเขียนข้างลำเรือไว้ว่า..
    "คนเยอรมันได้ทำลายบ้านเรือนของเรา โปรดอย่าทำลายความหวังของเราอีก"...

    ด้วยความเมตตา ชาวปาเลสไตน์ยอมรับชาวยิวอพยพเข้าสู่ดินแดนของตน..
    ในที่สุด ชาวยิว อ้างในภายหลังว่า ดินแดน ปาเลสไตน์ นี้ เป็นดินแดนแห่งพันธสัญญา- Promised Land ของพวกเราชนชาติยิว!

    ตลอดเวลากว่า 70 ปี ที่ชาวไซออนนิสต์ยิว ได้สังหารชาวปาเลสไตน์ ผู้ที่เมตตา และ ยินยอมให้ชาวยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐานต่อเนื่องยาวนาน

    แต่ ชาวยิว กลับมาเนรคุณ สร้างอาณาจักรแห่งการเหยียดผิว ที่เปรียบเสมือนเรือนจำกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก..
    และ ยังปฏิบัติ ต่อชาวปาเลสไตน์เยี่ยงสัตว์ (subhumans)

    พวกคุณชาวยิว
    ยังจะต้องการความเห็นอกเห็นใจอีกมากแค่ไหน คุณจึงจะพอใจ

    สำหรับการไม่รู้จักบุญคุณคน และ จากข้อมูลใน ประวัติศาสตร์ที่พวกคุณตอบแทนความเมตตา และ ตอบแทนการยอมรับของคนชาติอื่นด้วยการทรยศ ด้วยการพร้อมที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาติอื่นที่เคยช่วยเหลือพวกคุณ ชาวยิว อีกหรือ!

    ประโยคหนึ่ง ที่เขียนในวรรณกรรมคลาสสิก ของจีน ที่ชื่อว่า..“การเดินหน้าเข้าสู่ตวามตาย” (The Death March)...กล่าวว่า

    "ประเทศเล็ก ที่ไม่ตระหนักในตนเอง ไม่เคารพต่อประเทศอื่นๆ แสดงความหยาบช้า ดูถูกดูแคลน ประเทศเพื่อนบ้านอันมั่นคงที่ตั้งอยู่ก่อน
    พลันแต่มี ความโลภ ไม่อินังขังขอบต่อ มิตรภาพ และ ความเป็นเพื่อน..
    ก็ย่อมจะนำพาตนเอง เดินทางไปสู่ความพินาศย่อยยับอย่างไม่ต้องสงสัย“

    บทความนี้น่าสนใจมาก
    เป็นประวัติศาสตร์ ที่ชาวโลกอีกหลายล้านอาจจะยังไม่เคยได้รับรู้

    ซึ่ง อาจจะมีคนตั้งกระทู้ ตั้งข้อโต้แย้ง ขึ้นมาได้

    อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครทราบความเป็นจริง
    อยู่ที่ คนตั้งกระทู้ จะหาหลักฐานมาโต้แย้งทางประวัติศาสตร์ ได้ หรือ ไม่ได้

    ซึ่งหากมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์มาโต้แย้งได้
    ก็จะยิ่งน่าศึกษา น่าติดตาม
    เพื่อให้ความจริงกระจ่างยิ่งขึ้น
    และ นับเป็นเรื่องดี ที่จะได้ทราบกันจริงๆว่า
    “ ยิว เป็นชนชาติประเภทใด?“
    ดีจริงแท้ หรือ ซาตานลวงโลก กันแน่ ?
    ......
    (แปลโดย : SB-22/07/24)
    ส่งต่อจาก วิชา มหาคุณ
    #เมื่อยิวถามจีนว่า ทำไมไม่ช่วยอิสรา.เอล​รบกับ ฮามา.ส ลองฟังคับตอบ ประชาชนจีนที่รู้ประวัติศาสตร์​อ่านแล้วถึงกับอึง ยาวหน่อย แต่เป็นความรู้ระดับ #พันปี “เมื่อ Ross อเมริกันเชื้อสายยิวกล่าวโจมตี ทำไม จีน ไม่สนับสนุนอิสราเอลโจมตี ฮามาส“ นี่คือคำตอบ (แปลโดย SB-22/07/24) ส่งต่อจาก วิชา มหาคุณ ประวัติศาสตร์อีกมุมหนึ่งของชนชาติยิว... สองวันที่ผ่านมา Ross อดีตประธานภาคพื้นเอเซียแปซิฟิคของ พรรครีพับริกัน ได้สร้างข่าวพาดหัวด้วยการ กล่าวหา ชาวจีน ที่เล่นอินเตอร์เนต ว่า ไม่มีความเห็นอกเห็นใจชาวยิว อันเนื่องจากเหตุการณ์ความขัดแย้งที่กาซ่า.. ต่อมา มีชาวเนตจีนรายหนึ่ง เข้ามาเห็น จึงเขียนบทความอย่างยืดยาว เพื่อสอนบทเรียนทาง ประวัติศาสตร์ แก่ชาวอเมริกันยิวคนนี้.. สรุปว่า ต่อมา Ross ได้แอบลบบทวิจารณ์นี้ทิ้งไป... ไม่มีใครรู้ว่าผู้เขียนบทความโต้แย้งชายจีนผู้นี้เป็นใคร แต่ อย่างไรก็ตาม ข้อเขียนของเขาได้หลุดรอดออกมา และ ถูกเผยแพร่ออกไปอย่างกว้างขวาง! เป็นข้อเขียนที่ทุกคนต้องอ่าน! เพราะเป็นการตอบโต้ที่แข็งกร้าวของชาวเนตจีน..( 11 กค. 2024 ) สวัสดีครับคุณ Enge... ผมรู้สึกช๊อคไปกับคำพูดของคุณที่ว่า "หากโลกจะสนใจช่วยชาวยิวในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 (WW II)ืชาวยิวหกล้านคนก็คงไม่ถูกสังหาร"... แต่นี่ คงมิใช่ เหตุผล หรือ ทำให้กองทัพยิว มีสิทธิที่จะก่อสงครามล้างเผ่าพันธุ์ต่อชาวปาเลสไตน์ในฉนวนกาซ่าแต่อย่างใด... ยิ่งไปกว่า มันไม่เป็นความจริงด้วย.. ในระหว่าง WW II นั้น ชาวจีนในเซี่ยงไฮ้ และ นานจิง กำลังถูกรุกราน และ ถูกสังหารหมู่ โดยกองทัพญี่ปุ่น ในขณะที่ชาวยิวถูกฆ่าโดยนาซี.. แต่กระนั้นก็ดี แม้ชาวจีนจะประสบเคราะห์กรรมขนาดนั้น ก็ยังยินดีรับเอาชาวยิวกว่า 50,000 คน ที่อพยพไปยังประเทศจีนเพื่อหนีภัยจากนาซี... แต่วิธีตอบแทนแบบยิวก็คือ การร่วมมือกับญี่ปุ่น เพื่อสร้างทรัฐชาวยิว ขึ้นในบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน! แผนงานนี้เป็นที่เลื่องลือในนามของ Pufferfish Plan.. แต่ก็โชคร้าย ซึ่งในที่สุดแผนการณ์นี้ล้มเหลว.. ทำให้นิทานเรื่องชาวนาและงูเห่า ไม่อาจเกิดเป็นจริงได้ในแผ่นดินจีน... แต่ที่เหลือเชื่อยิ่งกว่านั้นคือ เมื่อราวสองสัปดาห์ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่คนของสถานทูตอิสราเอล ได้กล่าวอ้างอย่างเปิดเผยผ่านทางรูปถ่ายว่า ที่ตั้งของสถานทูตที่อยู่บนถนนในเซี่ยงไฮ้ เกิดจากการยินยอมให้ใช้ของฝรั่งเศส!(ทั้งที่เรื่องกฏหมายสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ถูกยกเลิกไปนานแล้ว) แต่แน่นอน หากพูดถึงสัมพันธภาพระหว่างจีน กับ ชาวยิว ย่อมมีอะไรที่มากไปกว่านั้นมากมาย ชาวยิวได้ร่อนเร่มายังประเทศจีนตั้งแต่สมัย ราชวงศ์ซ่ง หรือ ราวพันปีที่ผ่านมา และ ได้ตั้งถิ่นฐานในจีนตั้งแต่นั้นมา ราชวงศ์ซ่ง ปกครองอาณาจักรจีนโบราณ ที่ถือกันว่าสมบูรณ์พูนสุขิและ ร่ำรวยที่สุดราชวงศ์หนึ่ง อย่างไรก็ดี ในกาลต่อมา เมื่อราชวงศ์ซ่งล่มสลาย ผู้คนอพยพหนีภัยไปทางทิศใต้ นักธุรกิจชาวยิว ที่มีชื่อสกุล Pu ได้ใช้กำลังทหารส่วนตัว เข่นฆ่าชาวเมืองจำนวนมากที่เคยเป็นราษฎรภายใต้การปกครองของราชวงศ์ซ่ง แล้วนำศพไปให้กองทัพของราชวงศ์ หยวน เพื่อเป็นสัญญลักษณ์ของการยอมรับในอำนาจของผู้ปกครองชาว มงโกล รายใหม่ ในหลายสิบปีหลังจากนั้น ราชวงศ์ จูหยวนจาง ได้โค่นราชวงศ์หยวนลง และ จัดตั้งราชวงศ์หมิงขึ้น คนจีนที่สืบเชื้อสายจากชาวฮั่น จึงกลับขึ้นมามีอำนาจอีกครั้ง แต่ก็มิได้ขับไล่ชุมชนชาวยิวกลุ่มทรยศเหล่านี้ออกไป (ทั้งที่ได้เข่นฆ่าชาวจีนไปมากก่อนหน้านั้น) ต่อมา ในสมัยประวัติศาสตร์ช่วงการเกิดสงครามฝิ่น มีนักธุรกิจชาวยิว ตระกูล Sassoon ได้นำฝิ่นจำนวนมากมาจำหน่ายเพื่อหวังผลกำไร ทำให้ชาวจีนติดฝิ่นกันงอมแงม ประชากรชาวจีน อ่อนแอ และ ล้มตายกันเป็นจำนวนมาก.. คุณ (Mr Ross)เคยใช้ชีวิตอยู่ในเอเซียมาหลายปี น่าจะคุ้นเคยกับเรื่องนี้ดี เหตุการณ์ สงครามฉนวนกาซ่าในครั้งนี้ ชาวจีน มิได้รู้สึกเห็นใจ ชาวยิว เพราะชาวจีน มีการศึกษาเรื่องคุณธรรม ร่วมสามพันปีมาแล้ว "Shangshu" วรรณกรรมคลาสิกที่ยังเหลืออยู่ของจีน ที่เขียนขึ้นมาตั้งแต่ยุคศตวรรษที่ 10 ก่อนคริสตกาลหรือราว 3,000 ปีพอดี ซึ่งคงเป็นระยะเวลาเดียวกับที่ชาวยิวถูกขับไล่ออกจากดินแดนแห่งพันธสัญญา (Promised Land) และเป็นชนชาติเร่ร่อนตั้งแต่นั้นมา ถ้าคุณ( Mr. Ross )คุ้นเคย กับอดีต และ ประวัติศาสตร์ ชาวยิว ของคุณ คุณก็ควรรับรู้และตระหนักถึงมันด้วย ชาวอียิปต์ ยอมรับ ชาวยิว เข้าไปในดินแดนของตน แต่ ชาวยิว กลับทรยศ ต่อชาวอียิปต์ หลายต่อหลายครั้ง จนในที่สุด ชาวยิว ก็ถูกเข่นฆ่าและ ขับไล่ออกไปจากดินแดนอียิปต์โดย กษัตริย์ฟาโรห์ อาณาจักรโรมัน ยอมรับ ชาวยิว เป็นส่วนหนึ่งของโรมัน ถึงขนาดจัดตั้งชุมชนให้เป็น กลุ่มก้อน โดยเฉพาะ แต่ ชาวยิว กลับถือโอกาสก่อการกบฎ ในช่วงเวลาที่กษัตริย์ Trajan มุ่งขยายดินแดนไปทางตะวันออก และ กองกำลังความมั่นคงในโรมันอ่อนแอลง หลังจาก ชาวยิว สังหารกองกำลังโรมัน ที่มีอยู่น้อยนิด ชาวยิว ก็บุกสังหาร พลเรือนชาวโรมัน อย่างบ้าคลั่ง ถึงขนาด เฉือนเอาผิวหนังมาทำเสื้อผ้า กินเนื้อเป็นอาหาร และ โยนซากศพไปเป็นอาหารของสัตว์ดุร้าย.. ในเมือง Cyprus Salamis และ Libya พลเรือนชาวโรมันราว 220,000 คน ถูกสังหารโดย ชาวยิว แม้ต่อหน้าพลเรือนชาวโรมัน ชาวยิวดูจะทารุณโหดร้ายมาก แต่ในที่สุดกษัตริย์ Trajan ใช้กำลังทหารเพียงสองชุด ก็สามารถทวงคืนอำนาจจากชาวยิวได้อย่างสมบูรณ์ กองทัพโรมันที่โกรธแค้นได้เคลื่อนทัพจากดินแดนเมโสโปเตเมีย ไปตามฝั่ง ตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน..จนทำให้ชาวยิวที่อาศัยในพื้นที่เหล่านี้ถูกเข่นฆ่าจนเกือบหมด ต่อมา ชาวยิว ก็ก่อกบฎอีกครั้ง ครววนี้ มุ่งสังหารผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์ โดยเฉพาะ แต่ครั้งนี้ โชคไม่เข้าข้างชาวยิว เมื่อต้องพบกับกษัตริย์ Hadrian ผู้ได้ชื่อว่าเป็นกษัตริย์ที่เฉลียวฉลาดที่สุดคนหนึ่งของกรุงโรม ผู้ที่ได้ระดมกำลังทหาร 120,000 นาย เข้าจัดการสังหาร ชาวยิว ที่ก่อการกบฎได้อย่างเบ็ดเสร็จ กษัตริย์ Hadrian ได้ศึกษาบทเรียนจากยุคสมัยของกษัตริย์ Trajan จึงได้ยกเลิก ชุมชนชาวยิว เสียทั้งหมด ทำให้ชาวยิวต้องอยู่กันอย่างกระจัดกระจาย และ แตกกระสานซ่านเซ็นไปทั่วโลก นอกจากนั้น ยังมีจักรพรรดิ Titus ผู้บุกทำลาย และ สังหาร ชาวยิวในกรุงเยลูซาเล็ม ที่เคยเป็น Second Temple จนปัจจุบันเหลือเพียง Western Wall (หรือที่เรียกว่า กำแพงร้องไห้)ที่ชาวยิวใช้เป็นที่สวดมนต์ไปติดต่อพระเจ้าฯ เป็นเวลานับพันปี ที่ชาวยิว ต้องถูก เข่นฆ่า และ ขับออกนอกประเทศต่างๆนับครั้งไม่ถ้วน แต่ พวกคุณ ชาวยิว ก็ได้ทรยศต่อ ชาติต่างๆ จำนวนไม่น้อย ที่เห็นอกเห็นใจต่อความยากลำบากของพวกคุณ กระนั้นก็ดี พวกคุณ ก็ยังคงโอหัง เชื่อว่า ชนชาติตน เป็นชนชาติอภิสิทธิ์ ที่เหนือกว่าคนชาติอื่นๆ และ เชื่อว่า เป็น ชนชาติ ที่พระเจ้าเลือกสรรไว้ ให้เป็นใหญ่กว่าชนชาติอื่นใด ทำให้ ชาวไซออนนิสยิว ไม่เคยตระหนักถึงอดีตของตน.. จนเป็นที่สรุปกันแล้วว่า วัฒนธรรมของชนชาติยิว มีลักษณะที่เข้ากับใครยาก และ ไม่ยอมปรับตัวเข้าหาวัฒนธรรมอื่น ความเชื่อของชาวยิวเหล่านี้ จะใช้กับคนจีนไม่ได้ เพราะ คนจีนมีหลักการด้านคุณธรรมของตนเอง และ ไม่เคยคิดว่าชนชาติตนเหนือกว่าคนชนะชาติอื่น แต่จะปฏิบัติต่อคนชาติอื่น อย่างเท่าเทียมกัน และ ไม่เกรงกลัวต่อชนชาติอื่น ที่คิดว่าเหนือกว่าชาวจีน คนจีน จะมีความ อดทน อดกลั้น มีความละอายใจ มีความกตัญญูรู้คุณ และ รู้จักตอบแทนบุญคุณคน John Rabe อดีตนาซี ผู้ที่ครั้งหนึ่ง เคยช่วยชีวิตชาวจีนที่นานจิง คนจีนที่รู้เรื่องนี้ จะนึกถึงบุญคุณของเขาเสมอ จากเหตุการณ์ เมื่อสองปีที่แล้ว ที่โรงพยาบาล สถานที่ที่หลานของ John Rabe ทำงานอยู่ เกิดการขาดแคลนยารักษาโรค จึงร้องขอความช่วยเหลือไปยังสถานทูตจีนในเยอรมัน ปรากฏว่า ชาวจีนต่างช่วยกันบริจาคเงินและสิ่งของให้กันอย่างแข็งขัน ด้วยความสำนึกในพระคุณในอดีต ของ John Rabe ในช่วง WW II ประธานของสภากาชาดแห่งสวีเดน เคยช่วยเหลือเชลยถึง 35,000 คน จากค่ายกักกันของนาซี โดยในจำนวนนี้เป็นชาวยิวถึง 6,000 คน.. ต่อมา เมื่อเขาถูกยูเอ็น ส่งไปเป็นผู้แทน เพื่อยืนยันประเด็นที่เกี่ยวกับขอบเขตดินแดนในกรุงเยรูซาเล็ม ที่กำหนดขึ้นใหม่ระหว่างอิสราเอล กับ ปาเลสไตน์ ปรากฏว่าเขาถูกยิงถึงหกนัดและเสียชีวิตทันทีในที่เกิดเหตุ จากมือสังหารชาวยิว.. เพียงเพราะ เขาพูดถึง "ความยุติธรรม" เพียงไม่กี่คำ ในระหว่าง WW II เช่นเดียวกัน ประเทศยูโกสลาเวีย เคยช่วยชีวิตเด็กผู้หญิงชาวยิวไว้คนหนึ่ง.. แต่ 50 ปีต่อมา เธอกลับเป็นคนสั่งให้ทิ้งระเบิดยูโกสลาเวียอย่างไม่เลือกหน้า... หลายปีต่อมา เมื่อเธอ ถูกผู้สื่อข่าวถามในระหว่างการให้สัมภาษณ์ว่า เธอรู้สึกเสียใจบ้างหรือไม่ กับการสั่งทิ้งระเบิดยูโกสลาเวีย.. เธอตอบว่า.."ไม่เลย".. เธอผู้นั้น คือ อดีตสตรีที่เป็น รัฐมนตรีต่างประเทศ คนแรกของสหรัฐ..Madeleine Albright! ในการให้สัมภาษณ์ในรายการ 60 Minutes ในปี1996.. M. Albright กล่าวว่า การที่สหรัฐแซงชั่นอิรัค(สมัยซัดดัม) ซึ่งได้สังหารเด็กชาวอิรัคไปกว่าครึ่งล้าน (เพราะขาดแคลนอาหารและยารักษาโรค)นั้น เป็นสิ่งที่คุ้มค่า! ทั้งๆที่ การบุกเข้ายึดครองอิรัคเป็นสิ่งที่ผิดกฎหมายระหว่างประเทศ เพราะสหรัฐอ้างว่า อิรัคกำลังผลิตอาวุธทำลายล้าง ด้วยการนำเสนอเพียงภาพ “ผงซักฟอก” ในสื่อ ว่าคือ “สารเคมี” ที่ใช้สร้างอาวุธชีวภาพ นาง M. Albright กล่าวอย่างโจ่งแจ้งท้าทายว่า.. การเข่นฆ่าเด็กนับล้าน เป็นสิ่งที่คุ้มค่าแล้ว! ในปี 1947 เมื่อชาวยิว อพยพทางเรือมายังดินแดนปาเลสไตน์ มีการเขียนข้างลำเรือไว้ว่า.. "คนเยอรมันได้ทำลายบ้านเรือนของเรา โปรดอย่าทำลายความหวังของเราอีก"... ด้วยความเมตตา ชาวปาเลสไตน์ยอมรับชาวยิวอพยพเข้าสู่ดินแดนของตน.. ในที่สุด ชาวยิว อ้างในภายหลังว่า ดินแดน ปาเลสไตน์ นี้ เป็นดินแดนแห่งพันธสัญญา- Promised Land ของพวกเราชนชาติยิว! ตลอดเวลากว่า 70 ปี ที่ชาวไซออนนิสต์ยิว ได้สังหารชาวปาเลสไตน์ ผู้ที่เมตตา และ ยินยอมให้ชาวยิวเข้ามาตั้งถิ่นฐานต่อเนื่องยาวนาน แต่ ชาวยิว กลับมาเนรคุณ สร้างอาณาจักรแห่งการเหยียดผิว ที่เปรียบเสมือนเรือนจำกลางแจ้งที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์โลก.. และ ยังปฏิบัติ ต่อชาวปาเลสไตน์เยี่ยงสัตว์ (subhumans) พวกคุณชาวยิว ยังจะต้องการความเห็นอกเห็นใจอีกมากแค่ไหน คุณจึงจะพอใจ สำหรับการไม่รู้จักบุญคุณคน และ จากข้อมูลใน ประวัติศาสตร์ที่พวกคุณตอบแทนความเมตตา และ ตอบแทนการยอมรับของคนชาติอื่นด้วยการทรยศ ด้วยการพร้อมที่จะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาติอื่นที่เคยช่วยเหลือพวกคุณ ชาวยิว อีกหรือ! ประโยคหนึ่ง ที่เขียนในวรรณกรรมคลาสสิก ของจีน ที่ชื่อว่า..“การเดินหน้าเข้าสู่ตวามตาย” (The Death March)...กล่าวว่า "ประเทศเล็ก ที่ไม่ตระหนักในตนเอง ไม่เคารพต่อประเทศอื่นๆ แสดงความหยาบช้า ดูถูกดูแคลน ประเทศเพื่อนบ้านอันมั่นคงที่ตั้งอยู่ก่อน พลันแต่มี ความโลภ ไม่อินังขังขอบต่อ มิตรภาพ และ ความเป็นเพื่อน.. ก็ย่อมจะนำพาตนเอง เดินทางไปสู่ความพินาศย่อยยับอย่างไม่ต้องสงสัย“ บทความนี้น่าสนใจมาก เป็นประวัติศาสตร์ ที่ชาวโลกอีกหลายล้านอาจจะยังไม่เคยได้รับรู้ ซึ่ง อาจจะมีคนตั้งกระทู้ ตั้งข้อโต้แย้ง ขึ้นมาได้ อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครทราบความเป็นจริง อยู่ที่ คนตั้งกระทู้ จะหาหลักฐานมาโต้แย้งทางประวัติศาสตร์ ได้ หรือ ไม่ได้ ซึ่งหากมีข้อมูลทางประวัติศาสตร์มาโต้แย้งได้ ก็จะยิ่งน่าศึกษา น่าติดตาม เพื่อให้ความจริงกระจ่างยิ่งขึ้น และ นับเป็นเรื่องดี ที่จะได้ทราบกันจริงๆว่า “ ยิว เป็นชนชาติประเภทใด?“ ดีจริงแท้ หรือ ซาตานลวงโลก กันแน่ ? ...... (แปลโดย : SB-22/07/24) ส่งต่อจาก วิชา มหาคุณ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1553 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์หวังสงครามในยูเครนใกล้จบลงเร็วๆ นี้ พร้อมคาดว่า เซเลนสกี้อาจเดินทางไปวอชิงตันในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้าเพื่อทำข้อตกลงเกี่ยวกับเหมืองแร่สำคัญในยูเครน ขณะที่มาครงตั้งข้อสังเกตระหว่างเยือนทำเนียบขาวว่า ข้อตกลงยุติสงครามไม่ควรหมายถึงการยอมแพ้สำหรับยูเครน
    .
    การพบกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา และประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสเมื่อวันจันทร์ (24 ก.พ.) ซึ่งเป็นวันครบรอบ 3 ปีที่รัสเซียยกทัพบุกยูเครนนั้น เกิดขึ้นขณะที่ความสัมพันธ์สองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกไร้ความแน่นอนอย่างยิ่งจากการที่ทรัมป์เปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศของอเมริกาครั้งใหญ่ และตัดยุโรปออกจากการเจรจายุติสงครามในยูเครน
    .
    แม้การพบกันระหว่างทรัมป์กับมาครงที่ทำเนียบขาวเป็นไปด้วยดี แต่อเมริกากับฝรั่งเศสกลับขัดแย้งกันเกี่ยวกับญัตติในสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ระบุว่า รัสเซียเป็นผู้รุกรานในสงครามยูเครน
    .
    ระหว่างการหารือภาพรวมเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน ทรัมป์แสดงความเชื่อมั่นว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย จะยอมให้ยุโรปมีส่วนร่วมในกองกำลังสันติภาพในยูเครน เขายังหวังว่า สงครามจะจบลงภายในไม่กี่สัปดาห์ และประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ของยูเครน อาจเดินทางไปวอชิงตันในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้าเพื่อเซ็นข้อตกลงเปิดทางให้อเมริกาเข้าถึงแร่ธาตุสำคัญที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ การแพทย์ และเทคโนโลยีของอเมริกา
    .
    ทรัมป์กำลังผลักดันข้อตกลงทางเศรษฐกิจเพื่อให้ยูเครนชดใช้เงินบางส่วนที่อเมริกาให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มต้นสงครามรวม 180,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่เคียฟต้องการให้ข้อตกลงดังกล่าวครอบคลุมการรับประกันความมั่นคงในอนาคต ทว่า ทรัมป์ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ข้อตกลงที่จะเกิดขึ้นจะรวมข้อเรียกร้องดังกล่าวหรือไม่
    .
    ทางด้านมาครงยอมรับระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับทรัมป์ว่า ประเทศยุโรปต้องยกระดับการปกป้องภูมิภาค แต่เตือนว่า ข้อตกลงสันติภาพต้องไม่ได้หมายถึงการยอมจำนน แต่ต้องเคารพอธิปไตย รวมทั้งต้องมีการรับประกันความมั่นคงของยูเครน
    .
    ผู้นำฝรั่งเศสตัดขาดการสื่อสารโดยตรงกับปูตินนับจากรัสเซียโจมตีเมืองบูชาอย่างโหดร้ายในช่วงต้นสงคราม กระนั้น เขายอมรับว่า ขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากคณะบริหารชุดใหม่ของอเมริกา ซึ่งหมายถึงบริบทใหม่จึงมีเหตุผลอันควรที่ทรัมป์จะฟื้นการติดต่อกับปูติน
    .
    ทางฝ่ายปูตินนั้นกล่าวในวันจันทร์ว่า ยังไม่ได้หารือเรื่องการแก้ไขความขัดแย้งกับยูเครนอย่างละเอียดกับทรัมป์ รวมทั้งยังไม่มีการหารือในคณะเจรจารัสเซีย-อเมริกาที่ซาอุดีอาระเบียสัปดาห์ที่แล้ว ผู้นำรัสเซียยังเสริมว่า รัสเซียไม่ได้ตัดชาติยุโรปออกจากการเจรจาสันติภาพ
    .
    การหารือที่ทำเนียบขาวครั้งนี้เกิดขึ้นขณะที่ยุโรปกำลังกังวลหนักเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศครั้งใหญ่ของอเมริกาภายใต้การนำของทรัมป์
    .
    นับจากเข้ารับตำแหน่งสมัยที่สอง ทรัมป์ต้องการครอบครองกรีนแลนด์ แคนาดา กาซา และคลองปานามา นอกจากนั้นประธานาธิบดีที่ชูนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ผู้นี้ยังครอบงำจุดยืนของอเมริกาที่เคยเป็นมิตรท่ามกลางสถานการณ์โลกที่มีเสถียรภาพและต่อเนื่อง
    .
    เอียน เคลลี อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำจอร์เจียในคณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา และทรัมป์สมัยแรก ชี้ว่า นโยบายต่อต้านผู้รุกรานของอเมริกาที่ดำเนินมา 80 ปีถูกทำลายย่อยยับโดยปราศจากการหารือหรือไตร่ตรองใดๆ
    .
    นอกจากมาครงแล้ว ทรัมป์ยังมีกำหนดต้อนรับนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษในวันพฤหัสบดี (27 ก.พ.) ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์ทำผู้นำยุโรปช็อกไปตามๆ กันด้วยการวิจารณ์เซเลนสกี้ว่า ล้มเหลวในการเจรจายุติสงคราม ซ้ำยังไม่ยอมเซ็นข้อตกลงให้อเมริกาเข้าถึงแร่ธาตุสำคัญของยูเครน
    .
    แรกทีเดียวนั้นเซเลนสกี้โวยว่า ข้อตกลงดังกล่าวไม่ครอบคลุมการรับประกันความมั่นคง แต่ต่อมาเมื่อวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) เขาโพสต์บนเอ็กซ์ว่า มีความคืบหน้าอย่างมาก แต่ยูเครนยังต้องการข้อตกลงทางเศรษฐกิจที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบรับประกันความปลอดภัยสำหรับประเทศอย่างแท้จริง
    .
    ก่อนหน้านี้เซเลนสกี้ทำให้ทรัมป์หัวเสียมากจากการโจมตีผู้นำสหรัฐฯ ว่า ติดอยู่กับข้อมูลผิดๆ ของรัสเซีย และประมุขทำเนียบขาวตอกกลับโดยเรียกเซเลนสกี้ว่า “ผู้นำเผด็จการ” รวมทั้งกล่าวหาเคียฟเป็นผู้เริ่มสงคราม ทั้งที่ความจริงรัสเซียเป็นฝ่ายเปิดฉากรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022
    .
    นอกจากนั้นเมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามเมื่อวันจันทร์ว่า คิดว่าปูตินเป็นผู้นำเผด็จการด้วยหรือไม่นั้น ทรัมป์ตอบว่า ตนไม่ใช้คำนั้นพล่อยๆ
    .
    อเมริกายังงัดข้อกับพันธมิตรยุโรปในการประชุมยูเอ็น ด้วยการปฏิเสธที่จะกล่าวหาว่า รัสเซียรุกรานยูเครน ซึ่งอเมริกางดออกเสียงในการลงมติข้อเสนอของตนเอง หลังจากยุโรปที่นำโดยฝรั่งเศส สามารถผลักดันให้มีการระบุชัดเจนว่า รัสเซียเป็นผู้รุกราน
    .
    ก่อนพบกับทรัมป์ มาครงบอกว่า เขาตั้งใจแจ้งกับผู้นำสหรัฐฯ ว่า ไม่ควรยอมอ่อนข้อให้ปูติน ทั้งนี้ เพื่อผลประโยชน์ของคนอเมริกันและยุโรป
    .
    เมื่อไม่นานมานี้ ทรัมป์ประกาศชัดเจนว่า ต้องการให้รัสเซียกลับเข้าร่วมจี7 หลังจากถูกระงับสมาชิกภาพในจี8 นับจากเข้าผนวกแคว้นไครเมียของยูเครนในปี 2014
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000018788
    ..............
    Sondhi X
    ทรัมป์หวังสงครามในยูเครนใกล้จบลงเร็วๆ นี้ พร้อมคาดว่า เซเลนสกี้อาจเดินทางไปวอชิงตันในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้าเพื่อทำข้อตกลงเกี่ยวกับเหมืองแร่สำคัญในยูเครน ขณะที่มาครงตั้งข้อสังเกตระหว่างเยือนทำเนียบขาวว่า ข้อตกลงยุติสงครามไม่ควรหมายถึงการยอมแพ้สำหรับยูเครน . การพบกันระหว่างประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของอเมริกา และประธานาธิบดีเอมมานูเอล มาครงของฝรั่งเศสเมื่อวันจันทร์ (24 ก.พ.) ซึ่งเป็นวันครบรอบ 3 ปีที่รัสเซียยกทัพบุกยูเครนนั้น เกิดขึ้นขณะที่ความสัมพันธ์สองฝั่งมหาสมุทรแอตแลนติกไร้ความแน่นอนอย่างยิ่งจากการที่ทรัมป์เปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศของอเมริกาครั้งใหญ่ และตัดยุโรปออกจากการเจรจายุติสงครามในยูเครน . แม้การพบกันระหว่างทรัมป์กับมาครงที่ทำเนียบขาวเป็นไปด้วยดี แต่อเมริกากับฝรั่งเศสกลับขัดแย้งกันเกี่ยวกับญัตติในสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ที่ระบุว่า รัสเซียเป็นผู้รุกรานในสงครามยูเครน . ระหว่างการหารือภาพรวมเกี่ยวกับความขัดแย้งในยูเครน ทรัมป์แสดงความเชื่อมั่นว่า ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูตินของรัสเซีย จะยอมให้ยุโรปมีส่วนร่วมในกองกำลังสันติภาพในยูเครน เขายังหวังว่า สงครามจะจบลงภายในไม่กี่สัปดาห์ และประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี้ของยูเครน อาจเดินทางไปวอชิงตันในสัปดาห์นี้หรือสัปดาห์หน้าเพื่อเซ็นข้อตกลงเปิดทางให้อเมริกาเข้าถึงแร่ธาตุสำคัญที่ใช้ในอุตสาหกรรมการบินและอวกาศ การแพทย์ และเทคโนโลยีของอเมริกา . ทรัมป์กำลังผลักดันข้อตกลงทางเศรษฐกิจเพื่อให้ยูเครนชดใช้เงินบางส่วนที่อเมริกาให้ความช่วยเหลือตั้งแต่เริ่มต้นสงครามรวม 180,000 ล้านดอลลาร์ ขณะที่เคียฟต้องการให้ข้อตกลงดังกล่าวครอบคลุมการรับประกันความมั่นคงในอนาคต ทว่า ทรัมป์ไม่ได้ระบุชัดเจนว่า ข้อตกลงที่จะเกิดขึ้นจะรวมข้อเรียกร้องดังกล่าวหรือไม่ . ทางด้านมาครงยอมรับระหว่างการแถลงข่าวร่วมกับทรัมป์ว่า ประเทศยุโรปต้องยกระดับการปกป้องภูมิภาค แต่เตือนว่า ข้อตกลงสันติภาพต้องไม่ได้หมายถึงการยอมจำนน แต่ต้องเคารพอธิปไตย รวมทั้งต้องมีการรับประกันความมั่นคงของยูเครน . ผู้นำฝรั่งเศสตัดขาดการสื่อสารโดยตรงกับปูตินนับจากรัสเซียโจมตีเมืองบูชาอย่างโหดร้ายในช่วงต้นสงคราม กระนั้น เขายอมรับว่า ขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่จากคณะบริหารชุดใหม่ของอเมริกา ซึ่งหมายถึงบริบทใหม่จึงมีเหตุผลอันควรที่ทรัมป์จะฟื้นการติดต่อกับปูติน . ทางฝ่ายปูตินนั้นกล่าวในวันจันทร์ว่า ยังไม่ได้หารือเรื่องการแก้ไขความขัดแย้งกับยูเครนอย่างละเอียดกับทรัมป์ รวมทั้งยังไม่มีการหารือในคณะเจรจารัสเซีย-อเมริกาที่ซาอุดีอาระเบียสัปดาห์ที่แล้ว ผู้นำรัสเซียยังเสริมว่า รัสเซียไม่ได้ตัดชาติยุโรปออกจากการเจรจาสันติภาพ . การหารือที่ทำเนียบขาวครั้งนี้เกิดขึ้นขณะที่ยุโรปกำลังกังวลหนักเกี่ยวกับการเปลี่ยนแปลงนโยบายต่างประเทศครั้งใหญ่ของอเมริกาภายใต้การนำของทรัมป์ . นับจากเข้ารับตำแหน่งสมัยที่สอง ทรัมป์ต้องการครอบครองกรีนแลนด์ แคนาดา กาซา และคลองปานามา นอกจากนั้นประธานาธิบดีที่ชูนโยบาย “อเมริกาต้องมาก่อน” ผู้นี้ยังครอบงำจุดยืนของอเมริกาที่เคยเป็นมิตรท่ามกลางสถานการณ์โลกที่มีเสถียรภาพและต่อเนื่อง . เอียน เคลลี อดีตเอกอัครราชทูตสหรัฐฯ ประจำจอร์เจียในคณะบริหารของอดีตประธานาธิบดีบารัค โอบามา และทรัมป์สมัยแรก ชี้ว่า นโยบายต่อต้านผู้รุกรานของอเมริกาที่ดำเนินมา 80 ปีถูกทำลายย่อยยับโดยปราศจากการหารือหรือไตร่ตรองใดๆ . นอกจากมาครงแล้ว ทรัมป์ยังมีกำหนดต้อนรับนายกรัฐมนตรีเคียร์ สตาร์เมอร์ของอังกฤษในวันพฤหัสบดี (27 ก.พ.) ซึ่งก่อนหน้านี้ทรัมป์ทำผู้นำยุโรปช็อกไปตามๆ กันด้วยการวิจารณ์เซเลนสกี้ว่า ล้มเหลวในการเจรจายุติสงคราม ซ้ำยังไม่ยอมเซ็นข้อตกลงให้อเมริกาเข้าถึงแร่ธาตุสำคัญของยูเครน . แรกทีเดียวนั้นเซเลนสกี้โวยว่า ข้อตกลงดังกล่าวไม่ครอบคลุมการรับประกันความมั่นคง แต่ต่อมาเมื่อวันอาทิตย์ (23 ก.พ.) เขาโพสต์บนเอ็กซ์ว่า มีความคืบหน้าอย่างมาก แต่ยูเครนยังต้องการข้อตกลงทางเศรษฐกิจที่เป็นส่วนหนึ่งของระบบรับประกันความปลอดภัยสำหรับประเทศอย่างแท้จริง . ก่อนหน้านี้เซเลนสกี้ทำให้ทรัมป์หัวเสียมากจากการโจมตีผู้นำสหรัฐฯ ว่า ติดอยู่กับข้อมูลผิดๆ ของรัสเซีย และประมุขทำเนียบขาวตอกกลับโดยเรียกเซเลนสกี้ว่า “ผู้นำเผด็จการ” รวมทั้งกล่าวหาเคียฟเป็นผู้เริ่มสงคราม ทั้งที่ความจริงรัสเซียเป็นฝ่ายเปิดฉากรุกรานยูเครนในเดือนกุมภาพันธ์ 2022 . นอกจากนั้นเมื่อถูกผู้สื่อข่าวถามเมื่อวันจันทร์ว่า คิดว่าปูตินเป็นผู้นำเผด็จการด้วยหรือไม่นั้น ทรัมป์ตอบว่า ตนไม่ใช้คำนั้นพล่อยๆ . อเมริกายังงัดข้อกับพันธมิตรยุโรปในการประชุมยูเอ็น ด้วยการปฏิเสธที่จะกล่าวหาว่า รัสเซียรุกรานยูเครน ซึ่งอเมริกางดออกเสียงในการลงมติข้อเสนอของตนเอง หลังจากยุโรปที่นำโดยฝรั่งเศส สามารถผลักดันให้มีการระบุชัดเจนว่า รัสเซียเป็นผู้รุกราน . ก่อนพบกับทรัมป์ มาครงบอกว่า เขาตั้งใจแจ้งกับผู้นำสหรัฐฯ ว่า ไม่ควรยอมอ่อนข้อให้ปูติน ทั้งนี้ เพื่อผลประโยชน์ของคนอเมริกันและยุโรป . เมื่อไม่นานมานี้ ทรัมป์ประกาศชัดเจนว่า ต้องการให้รัสเซียกลับเข้าร่วมจี7 หลังจากถูกระงับสมาชิกภาพในจี8 นับจากเข้าผนวกแคว้นไครเมียของยูเครนในปี 2014 . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000018788 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    10
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2765 มุมมอง 0 รีวิว
  • #ข่าวรอบดึก (29 มกรา) รัฐบาลญี่ปุ่นโต้กลับยูเอ็น หลังวิจารณ์เรื่องกฎการสืบราชบัลลังก์ญี่ปุ่นว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ

    นาน ๆ ทีจะเห็นรัฐบาลญี่ปุ่นเกรี้ยวกราดในระดับนานาชาตินะคะ
    สาเหตุ

    - ตุลาปีที่แล้วคณะกรรมการสหประชาชาติซึ่งมุ่งเป้าขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี (CEDAW) ได้ออกคำแนะนำให้รัฐบาลญี่ปุ่นแก้ไขกฎมณเฑียรบาลที่กำหนดให้การสืบราชสมบัติเป็นของฝ่ายชาย

    รัฐบาลญี่ปุ่นโต้กลับอย่างร้อนแรง

    “คุณสมบัติในการขึ้นครองราชย์ไม่ได้รวมอยู่ในสิทธิมนุษย์ชนขั้นพื้นฐาน ดังนั้นการจำกัดคุณสมบัติการสืบราชสมบัติให้เฉพาะฝ่ายชาย จึงไม่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติต่อสตรี รูปแบบการสืบราชสมบัติเป็นเรื่องพื้นฐานของประเทศ จึงไม่เหมาะสมที่ CEDAW จะหยิบยกเรื่องกฎมณเฑียรบาลขึ้นมา”

    - นอกจากนี้ยังเรียกร้องต่อสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ซึ่งดูแลกิจกรรมของ CEDAW

    “ไม่ให้นำเงินที่ญี่ปุ่นบริจาคไปใช้ในกิจกรรมของ CEDAW และยกเลิกกำหนดการเยือนญี่ปุ่นของคณะกรรมการในปีนี้
    ◾️ตามข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น: รัฐบาลญี่ปุ่นบริจาคเงินให้ OHCHR ประมาณปีละ 20-30 ล้านเยน
    ◾️เท่าที่ตรวจสอบตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา เงินส่วนนี้ไม่เคยถูกนำไปใช้ในกิจกรรมของคณะกรรมการ CEDAW มาก่อน
    ◾️การที่รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศเจตนารมณ์ “ไม่ให้” นำเงินบริจาคไปใช้ในกิจกรรมเฉพาะด้านของสหประชาชาตินั้น ถือเป็นเรื่องผิดวิสัยปรกติของญี่ปุ่น (ปรกติบริจาคอย่างเดียว ไม่รีเควสอะไรเป็นพิเศษ)
    เดือดของแท้เลยค่ะ


    เครดิตเนื้อหา #กิ๊ฟจังนั่งเล่า
    https://web.facebook.com/share/p/14htHYR6ei/
    .
    รายละเอียดข่าวต้นทาง
    https://www3.nhk.or.jp/.../20250129/k10014707141000.html
    #ข่าวรอบดึก (29 มกรา) รัฐบาลญี่ปุ่น🇯🇵โต้กลับยูเอ็น หลังวิจารณ์เรื่องกฎการสืบราชบัลลังก์ญี่ปุ่นว่าเป็นการเลือกปฏิบัติ ✒️นาน ๆ ทีจะเห็นรัฐบาลญี่ปุ่นเกรี้ยวกราดในระดับนานาชาตินะคะ 😅 📌สาเหตุ - ตุลาปีที่แล้วคณะกรรมการสหประชาชาติซึ่งมุ่งเป้าขจัดการเลือกปฏิบัติต่อสตรี (CEDAW) ได้ออกคำแนะนำให้รัฐบาลญี่ปุ่นแก้ไขกฎมณเฑียรบาลที่กำหนดให้การสืบราชสมบัติเป็นของฝ่ายชาย 📌 รัฐบาลญี่ปุ่น🇯🇵โต้กลับอย่างร้อนแรง 🗣️ “คุณสมบัติในการขึ้นครองราชย์ไม่ได้รวมอยู่ในสิทธิมนุษย์ชนขั้นพื้นฐาน ดังนั้นการจำกัดคุณสมบัติการสืบราชสมบัติให้เฉพาะฝ่ายชาย จึงไม่ถือเป็นการเลือกปฏิบัติต่อสตรี รูปแบบการสืบราชสมบัติเป็นเรื่องพื้นฐานของประเทศ จึงไม่เหมาะสมที่ CEDAW จะหยิบยกเรื่องกฎมณเฑียรบาลขึ้นมา” - นอกจากนี้ยังเรียกร้องต่อสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ซึ่งดูแลกิจกรรมของ CEDAW 🗣️ “ไม่ให้นำเงินที่ญี่ปุ่นบริจาคไปใช้ในกิจกรรมของ CEDAW และยกเลิกกำหนดการเยือนญี่ปุ่นของคณะกรรมการในปีนี้ ◾️ตามข้อมูลจากกระทรวงการต่างประเทศญี่ปุ่น: รัฐบาลญี่ปุ่นบริจาคเงินให้ OHCHR ประมาณปีละ 20-30 ล้านเยน ◾️เท่าที่ตรวจสอบตั้งแต่ปี 2005 เป็นต้นมา เงินส่วนนี้ไม่เคยถูกนำไปใช้ในกิจกรรมของคณะกรรมการ CEDAW มาก่อน ◾️การที่รัฐบาลญี่ปุ่นประกาศเจตนารมณ์ “ไม่ให้” นำเงินบริจาคไปใช้ในกิจกรรมเฉพาะด้านของสหประชาชาตินั้น ถือเป็นเรื่องผิดวิสัยปรกติของญี่ปุ่น (✒️ปรกติบริจาคอย่างเดียว ไม่รีเควสอะไรเป็นพิเศษ) ✒️เดือดของแท้เลยค่ะ 😤💢 เครดิตเนื้อหา #กิ๊ฟจังนั่งเล่า https://web.facebook.com/share/p/14htHYR6ei/ . รายละเอียดข่าวต้นทาง https://www3.nhk.or.jp/.../20250129/k10014707141000.html
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 603 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ลงนามคำสั่งนับสิบครอบคลุมประเด็นโลกร้อนไปจนถึงคนเข้าเมือง ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งตามที่ลั่นวาจาไว้
    .
    คำสั่งฝ่ายบริหารบางส่วนที่โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามหลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (20 ม.ค.) เป็นคำสัญญาที่ให้ไว้ระหว่างหาเสียงเมื่อปีที่แล้ว เช่น การอภัยโทษผู้ประท้วงจำนวนมากที่บุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2021 เพื่อขัดขวางการรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต แต่ยังมีคำสั่งอีกจำนวนหนึ่งที่ถือว่าเกินคาด เช่น การนำอเมริกาถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก (WHO)
    .
    ต่อไปนี้คือสรุปคำสั่งที่ทรัมป์ลงนามในสนามกีฬาที่วอชิงตันท่ามกลางผู้สนับสนุนจำนวนมาก และที่ทำเนียบขาวในเวลาต่อมาภายหลังสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง
    .
    คนเข้าเมือง
    .
    ทรัมป์เซ็นคำสั่งหลายฉบับเพื่อปรับเปลี่ยนวิธีที่อเมริกาจัดการปัญหาคนเข้าเมืองและความเป็นพลเมือง ซึ่งรวมถึงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินบริเวณชายแดนทางใต้
    ประมุขทำเนียบขาวคนใหม่ยังสัญญาว่า จะจัดการเนรเทศครั้งใหญ่ซึ่งจะมีกองทัพร่วมปฏิบัติการด้วย โดยเป้าหมายอยู่ที่ “อาชญากรต่างด้าว”
    .
    ที่ห้องทำงานรูปไข่ ทรัมป์ลงนามคำสั่งยกเลิกการให้สัญชาติจากการเกิดในประเทศ อย่างไรก็ดี ทรัมป์อาจเผชิญการท้าทายทางกฎหมายเนื่องจากการให้สัญชาติอเมริกันโดยอัตโนมัตินี้กำหนดอยู่ในรัฐธรรมนูญ
    .
    ม็อบบุกสภา 6 มกราคม
    .
    ทรัมป์ลงนามอภัยโทษผู้สนับสนุนตนเองบางส่วนจากทั้งหมด 1,500 คนที่บุกโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 เพื่อล้มล้างผลการเลือกตั้งปี 2020 โดยเรียกคนเหล่านั้นที่ถูกตัดสินความผิดหรือยอมรับผิดในการก่อจลาจลว่าเป็น “ตัวประกัน”
    .
    ความหลากหลาย ความเท่าเทียม การยอมรับความแตกต่าง
    .
    ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของอเมริกายกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารหลายฉบับที่ส่งเสริมโครงการความหลากหลายและความเท่าเทียมของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) ในหน่วยงานรัฐบาล ภาคธุรกิจ และบริการสาธารณสุข รวมถึงสิทธิของคนอเมริกันกลุ่ม LGBTQ ตามที่สัญญาไว้ว่าจะจัดการวัฒนธรรม “การตื่นรู้”
    .
    ทรัมป์ยังประกาศว่า ต่อไปรัฐบาลสหรัฐฯ จะยอมรับคนเพียงสองเพศคือชายกับหญิงเท่านั้น
    .
    ข้อตกลงโลกร้อนปารีส
    .
    ผู้นำใหม่ของสหรัฐฯ นำอเมริกาถอนตัวจากข้อตกลงโลกร้อนปารีสเหมือนที่เคยทำมาตอนรับตำแหน่งสมัยแรก ตอกย้ำการปฏิเสธความพยายามของทั่วโลกในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน ขณะที่ภัยพิบติธรรมชาติรุนแรงขึ้นทั่วโลก
    .
    อย่างไรก็ดี ต้องใช้เวลา 1 ปีหลังจากยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการต่อกรอบข้อตกลงของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ฉบับนี้ อเมริกาจึงจะสามารถถอนตัวได้
    .
    การขุดเจาะน้ำมัน
    .
    ทรัมป์ลงนามคำสั่งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อขยายการขุดเจาะในอเมริกาซึ่งเป็นผู้นำการผลิตก๊าซและน้ำมันของโลก
    .
    เวิร์ก ฟอร์ม โฮม
    .
    นอกจากนั้น ทรัมป์ยังลงนามคำสั่งกำหนดให้ลูกจ้างรัฐบาลกลางกลับไปทำงานในสำนักงานเต็มเวลา เพื่อยุติการอนุญาตการทำงานจากที่บ้านส่วนใหญ่ที่ริเริ่มขึ้นในช่วงที่โควิด-19 ระบาด
    .
    ถอนตัวจาก WHO
    .
    ทรัมป์เซ็นคำสั่งให้อเมริกาถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก โดยยืนยันว่า ไม่เป็นธรรมที่สหรัฐฯ จ่ายเงินสมทบองค์กรนี้มากกว่าที่จีนจ่าย
    .
    ติ๊กต็อก Tiktok
    .
    ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้สั่งระงับการบังคับใช้กฎหมายแบนติ๊กต็อกออกไป 75 วัน ซึ่งเท่ากับเป็นการชะลอการดำเนินการห้ามการเผยแพร่และอัปเดตแพลตฟอร์มติ๊กต็อกในอเมริกาที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (19 ม.ค.)
    .
    ทรัมป์ระบุว่า ต้องการให้ ไบต์แดนซ์ บริษัทแม่ของติ๊กต็อกที่อยู่ในจีน ตกลงขายหุ้นติ๊กต็อก 50% ให้นักลงทุนในอเมริกา
    .
    ผู้ตั้งถิ่นฐานในเวสต์แบงก์
    .
    ทรัมป์ยกเลิกมาตรการแซงก์ชันของคณะบริหารของไบเดนต่อผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวที่ใช้ความรุนแรงกับชาวปาเลสไตน์ในเขตยึดครองเวสต์แบงก์
    .
    คิวบา
    .
    ทรัมป์ล้มล้างอีกหนึ่งคำสั่งของไบเดนที่เพิ่งประกาศเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ในการถอดคิวบาออกจากบัญชีดำประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้าย เพื่อแลกเปลี่ยนกับการปล่อยนักโทษ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006613
    ..............
    Sondhi X
    ทรัมป์ลงนามคำสั่งนับสิบครอบคลุมประเด็นโลกร้อนไปจนถึงคนเข้าเมือง ตั้งแต่วันแรกที่เข้ารับตำแหน่งตามที่ลั่นวาจาไว้ . คำสั่งฝ่ายบริหารบางส่วนที่โดนัลด์ ทรัมป์ ลงนามหลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ เมื่อวันจันทร์ (20 ม.ค.) เป็นคำสัญญาที่ให้ไว้ระหว่างหาเสียงเมื่อปีที่แล้ว เช่น การอภัยโทษผู้ประท้วงจำนวนมากที่บุกอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 ม.ค.2021 เพื่อขัดขวางการรับรองชัยชนะในการเลือกตั้งของโจ ไบเดน จากพรรคเดโมแครต แต่ยังมีคำสั่งอีกจำนวนหนึ่งที่ถือว่าเกินคาด เช่น การนำอเมริกาถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก (WHO) . ต่อไปนี้คือสรุปคำสั่งที่ทรัมป์ลงนามในสนามกีฬาที่วอชิงตันท่ามกลางผู้สนับสนุนจำนวนมาก และที่ทำเนียบขาวในเวลาต่อมาภายหลังสาบานตนเข้ารับตำแหน่ง . คนเข้าเมือง . ทรัมป์เซ็นคำสั่งหลายฉบับเพื่อปรับเปลี่ยนวิธีที่อเมริกาจัดการปัญหาคนเข้าเมืองและความเป็นพลเมือง ซึ่งรวมถึงการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินบริเวณชายแดนทางใต้ ประมุขทำเนียบขาวคนใหม่ยังสัญญาว่า จะจัดการเนรเทศครั้งใหญ่ซึ่งจะมีกองทัพร่วมปฏิบัติการด้วย โดยเป้าหมายอยู่ที่ “อาชญากรต่างด้าว” . ที่ห้องทำงานรูปไข่ ทรัมป์ลงนามคำสั่งยกเลิกการให้สัญชาติจากการเกิดในประเทศ อย่างไรก็ดี ทรัมป์อาจเผชิญการท้าทายทางกฎหมายเนื่องจากการให้สัญชาติอเมริกันโดยอัตโนมัตินี้กำหนดอยู่ในรัฐธรรมนูญ . ม็อบบุกสภา 6 มกราคม . ทรัมป์ลงนามอภัยโทษผู้สนับสนุนตนเองบางส่วนจากทั้งหมด 1,500 คนที่บุกโจมตีอาคารรัฐสภาเมื่อวันที่ 6 มกราคม 2021 เพื่อล้มล้างผลการเลือกตั้งปี 2020 โดยเรียกคนเหล่านั้นที่ถูกตัดสินความผิดหรือยอมรับผิดในการก่อจลาจลว่าเป็น “ตัวประกัน” . ความหลากหลาย ความเท่าเทียม การยอมรับความแตกต่าง . ประธานาธิบดีคนที่ 47 ของอเมริกายกเลิกคำสั่งฝ่ายบริหารหลายฉบับที่ส่งเสริมโครงการความหลากหลายและความเท่าเทียมของกลุ่มผู้มีความหลากหลายทางเพศ (LGBTQ) ในหน่วยงานรัฐบาล ภาคธุรกิจ และบริการสาธารณสุข รวมถึงสิทธิของคนอเมริกันกลุ่ม LGBTQ ตามที่สัญญาไว้ว่าจะจัดการวัฒนธรรม “การตื่นรู้” . ทรัมป์ยังประกาศว่า ต่อไปรัฐบาลสหรัฐฯ จะยอมรับคนเพียงสองเพศคือชายกับหญิงเท่านั้น . ข้อตกลงโลกร้อนปารีส . ผู้นำใหม่ของสหรัฐฯ นำอเมริกาถอนตัวจากข้อตกลงโลกร้อนปารีสเหมือนที่เคยทำมาตอนรับตำแหน่งสมัยแรก ตอกย้ำการปฏิเสธความพยายามของทั่วโลกในการต่อสู้กับภาวะโลกร้อน ขณะที่ภัยพิบติธรรมชาติรุนแรงขึ้นทั่วโลก . อย่างไรก็ดี ต้องใช้เวลา 1 ปีหลังจากยื่นคำร้องอย่างเป็นทางการต่อกรอบข้อตกลงของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ฉบับนี้ อเมริกาจึงจะสามารถถอนตัวได้ . การขุดเจาะน้ำมัน . ทรัมป์ลงนามคำสั่งประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อขยายการขุดเจาะในอเมริกาซึ่งเป็นผู้นำการผลิตก๊าซและน้ำมันของโลก . เวิร์ก ฟอร์ม โฮม . นอกจากนั้น ทรัมป์ยังลงนามคำสั่งกำหนดให้ลูกจ้างรัฐบาลกลางกลับไปทำงานในสำนักงานเต็มเวลา เพื่อยุติการอนุญาตการทำงานจากที่บ้านส่วนใหญ่ที่ริเริ่มขึ้นในช่วงที่โควิด-19 ระบาด . ถอนตัวจาก WHO . ทรัมป์เซ็นคำสั่งให้อเมริกาถอนตัวจากองค์การอนามัยโลก โดยยืนยันว่า ไม่เป็นธรรมที่สหรัฐฯ จ่ายเงินสมทบองค์กรนี้มากกว่าที่จีนจ่าย . ติ๊กต็อก Tiktok . ประธานาธิบดีจากพรรครีพับลิกันผู้นี้สั่งระงับการบังคับใช้กฎหมายแบนติ๊กต็อกออกไป 75 วัน ซึ่งเท่ากับเป็นการชะลอการดำเนินการห้ามการเผยแพร่และอัปเดตแพลตฟอร์มติ๊กต็อกในอเมริกาที่มีผลบังคับใช้เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (19 ม.ค.) . ทรัมป์ระบุว่า ต้องการให้ ไบต์แดนซ์ บริษัทแม่ของติ๊กต็อกที่อยู่ในจีน ตกลงขายหุ้นติ๊กต็อก 50% ให้นักลงทุนในอเมริกา . ผู้ตั้งถิ่นฐานในเวสต์แบงก์ . ทรัมป์ยกเลิกมาตรการแซงก์ชันของคณะบริหารของไบเดนต่อผู้ตั้งถิ่นฐานชาวยิวที่ใช้ความรุนแรงกับชาวปาเลสไตน์ในเขตยึดครองเวสต์แบงก์ . คิวบา . ทรัมป์ล้มล้างอีกหนึ่งคำสั่งของไบเดนที่เพิ่งประกาศเมื่อไม่กี่วันก่อนหน้านี้ ในการถอดคิวบาออกจากบัญชีดำประเทศที่สนับสนุนการก่อการร้าย เพื่อแลกเปลี่ยนกับการปล่อยนักโทษ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000006613 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Love
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2092 มุมมอง 0 รีวิว
  • มหาดไทยลั่นฆ้อง! เตรียมจัดงานใหญ่ที่ศูนย์ประชุมยูเอ็น กรุงเทพฯ ประกาศให้โลกรับรู้ไทยพร้อมทุกด้านสมรสเท่าเทียม
    https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1237693617828500
    มหาดไทยลั่นฆ้อง! เตรียมจัดงานใหญ่ที่ศูนย์ประชุมยูเอ็น กรุงเทพฯ ประกาศให้โลกรับรู้ไทยพร้อมทุกด้านสมรสเท่าเทียม https://www.facebook.com/pradenrath/posts/1237693617828500
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 341 มุมมอง 0 รีวิว
  • ♣ ที่แท้ก็เป็นไอ่ศูนย์ทนายสามกีบ ส่งเรื่องอานนท์ถูกคุมขังไปร้องเรียน คณะทำงานฯ เค้าจึงแสดงความเห็นตอบกลับมา แต่ไอ้ศูนย์ทนายสามกีบ เอามาปั่นว่ายูเอ็นเรียกร้อง ถถถถ
    #7ดอกจิก
    ♣ ที่แท้ก็เป็นไอ่ศูนย์ทนายสามกีบ ส่งเรื่องอานนท์ถูกคุมขังไปร้องเรียน คณะทำงานฯ เค้าจึงแสดงความเห็นตอบกลับมา แต่ไอ้ศูนย์ทนายสามกีบ เอามาปั่นว่ายูเอ็นเรียกร้อง ถถถถ #7ดอกจิก
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 261 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้แทนยูเอ็นเตือนความขัดแย้งในซีเรีย “ยังไม่จบ” แม้ระบอบอัสซาดล่มสลาย พร้อมเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการตั้งถิ่นฐานในที่ราบสูงโกลัน รวมทั้งยุติการโจมตีอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรียและสำทับว่า การยกเลิกมาตรการแซงก์ชันคือกุญแจสำคัญในการช่วยเหลือซีเรีย
    .
    เกียร์ เพเดอร์เซน ผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประจำซีเรีย แถลงในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นเมื่อวันอังคาร (17 ธ.ค.) เกี่ยวกับกลุ่มนักรบที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกีและกลุ่มนักรบเคิร์ด โดยเตือนว่า มีการสู้รบกันอย่างหนักในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนที่จะบรรลุข้อตกลงหยุดยิง และขณะนี้มีการต่ออายุข้อตกลงออกไปอีก 5 วัน แต่เขายังกังวลเกี่ยวกับรายงานการสู้รบที่รุนแรงขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นหายนะ
    .
    หลังการแถลงของเพเดอร์เซนไม่นาน อเมริกาประกาศว่า ได้ผลักดันให้มีการขยายข้อตกลงหยุดยิงระหว่างนักรบที่สนับสนุนตุรกีกับนักรบเคิร์ดในซีเรียที่เมืองแมนบิจไปจนถึงสิ้นสัปดาห์นี้
    .
    เพเดอร์เซนตั้งข้อสังเกตว่า อิสราเอลโจมตีซีเรียกว่า 350 ระลอกภายหลังรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดล่ม ซึ่งทำให้พลเรือนเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น และบ่อนทำลายแนวโน้มการผ่องถ่ายอำนาจทางการเมืองอย่างราบรื่น
    .
    เขายังเรียกร้องให้อิสราเอลยุติกิจกรรมการตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ยึดครองในที่ราบสูงโกลันในซีเรียตามที่คณะรัฐมนตรีอิสราเอลประกาศก่อนหน้านี้ซึ่งผิดกฎหมาย รวมทั้งขอให้ยุติการโจมตีอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรีย
    .
    เพเดอร์เซนเสริมว่า เขาได้พบผู้นำใหม่ของซีเรีย รวมทั้งเดินทางไปตรวจสอบคุกใต้ดินและสถานที่ทรมานและประหารชีวิตในเรือนจำเซดนายาภายใต้ระบอบอัสซาด
    .
    ผู้แทนพิเศษของยูเอ็นผู้นี้เรียกร้องการสนับสนุนอย่างกว้างขวางสำหรับซีเรีย และยุติมาตรการแซงก์ชันเพื่อเปิดทางสำหรับการฟื้นฟูบูรณะประเทศที่ย่อยยับจากสงคราม
    .
    ขณะเดียวกัน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นเรียกร้องให้มีการดำเนินการกระบวนการทางการเมืองที่รวมคนทุกกลุ่มและนำโดยชาวซีเรีย หลังจากกลุ่มกบฏโค่นล้มรัฐบาลอัสซาด
    .
    ขณะนี้ ชาติตะวันตกหลายแห่งรีบรุดติดต่อกับกลุ่มฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) ที่เป็นแกนนำเข้ายึดกรุงดามัสกัส แม้กลุ่มกบฏนี้มีรากเหง้ามาจากเครือข่ายอัล-กออิดะห์สาขาซีเรีย รวมทั้งยังถูกชาติตะวันตกส่วนใหญ่ขึ้นบัญชีเป็นกลุ่มก่อการร้ายก็ตาม
    .
    ทอม เฟลตเชอร์ ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนคนใหม่ของยูเอ็น แถลงต่อคณะมนตรีความมั่นคงว่า การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในสนามรบในซีเรียไม่ได้ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ความยากลำบากของประชาชนเกือบ 13 ล้านคนที่เผชิญความไม่มั่นคงด้านอาหารเฉียบพลัน นอกจากนั้นชาวซีเรียกว่า 1 ล้านคนยังต้องทิ้งถิ่นฐานในช่วงเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์
    .
    เฟลตเชอร์เสริมว่า ได้พบผู้ปกครองใหม่ของซีเรียที่แสดงความมุ่งมั่นในการขยายโครงการสนับสนุนด้านมนุษยธรรมที่สำคัญ อย่างไรก็ดี เขาเตือนว่า สถานการณ์ทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียมีความรุนแรงมากขึ้นซึ่งอาจส่งผลกระทบด้านมนุษยธรรม และจำเป็นต้องหาทางคลี่คลายสถานการณ์ดังกล่าว
    .
    ทางด้านลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตอเมริกาประจำยูเอ็น แสดงความยินดีกับการล่มสลายของระบอบอัสซาด แต่เตือนว่า ซีเรียอาจกลายเป็นที่มั่นของกลุ่มก่อการร้ายอย่างกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอซิส)
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121639
    ..............
    Sondhi X
    ผู้แทนยูเอ็นเตือนความขัดแย้งในซีเรีย “ยังไม่จบ” แม้ระบอบอัสซาดล่มสลาย พร้อมเรียกร้องให้อิสราเอลยุติการตั้งถิ่นฐานในที่ราบสูงโกลัน รวมทั้งยุติการโจมตีอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรียและสำทับว่า การยกเลิกมาตรการแซงก์ชันคือกุญแจสำคัญในการช่วยเหลือซีเรีย . เกียร์ เพเดอร์เซน ผู้แทนพิเศษของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ประจำซีเรีย แถลงในที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นเมื่อวันอังคาร (17 ธ.ค.) เกี่ยวกับกลุ่มนักรบที่ได้รับการสนับสนุนจากตุรกีและกลุ่มนักรบเคิร์ด โดยเตือนว่า มีการสู้รบกันอย่างหนักในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาก่อนที่จะบรรลุข้อตกลงหยุดยิง และขณะนี้มีการต่ออายุข้อตกลงออกไปอีก 5 วัน แต่เขายังกังวลเกี่ยวกับรายงานการสู้รบที่รุนแรงขึ้น ซึ่งอาจกลายเป็นหายนะ . หลังการแถลงของเพเดอร์เซนไม่นาน อเมริกาประกาศว่า ได้ผลักดันให้มีการขยายข้อตกลงหยุดยิงระหว่างนักรบที่สนับสนุนตุรกีกับนักรบเคิร์ดในซีเรียที่เมืองแมนบิจไปจนถึงสิ้นสัปดาห์นี้ . เพเดอร์เซนตั้งข้อสังเกตว่า อิสราเอลโจมตีซีเรียกว่า 350 ระลอกภายหลังรัฐบาลของอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดล่ม ซึ่งทำให้พลเรือนเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น และบ่อนทำลายแนวโน้มการผ่องถ่ายอำนาจทางการเมืองอย่างราบรื่น . เขายังเรียกร้องให้อิสราเอลยุติกิจกรรมการตั้งถิ่นฐานในพื้นที่ยึดครองในที่ราบสูงโกลันในซีเรียตามที่คณะรัฐมนตรีอิสราเอลประกาศก่อนหน้านี้ซึ่งผิดกฎหมาย รวมทั้งขอให้ยุติการโจมตีอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรีย . เพเดอร์เซนเสริมว่า เขาได้พบผู้นำใหม่ของซีเรีย รวมทั้งเดินทางไปตรวจสอบคุกใต้ดินและสถานที่ทรมานและประหารชีวิตในเรือนจำเซดนายาภายใต้ระบอบอัสซาด . ผู้แทนพิเศษของยูเอ็นผู้นี้เรียกร้องการสนับสนุนอย่างกว้างขวางสำหรับซีเรีย และยุติมาตรการแซงก์ชันเพื่อเปิดทางสำหรับการฟื้นฟูบูรณะประเทศที่ย่อยยับจากสงคราม . ขณะเดียวกัน คณะมนตรีความมั่นคงแห่งยูเอ็นเรียกร้องให้มีการดำเนินการกระบวนการทางการเมืองที่รวมคนทุกกลุ่มและนำโดยชาวซีเรีย หลังจากกลุ่มกบฏโค่นล้มรัฐบาลอัสซาด . ขณะนี้ ชาติตะวันตกหลายแห่งรีบรุดติดต่อกับกลุ่มฮายัต ตาห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) ที่เป็นแกนนำเข้ายึดกรุงดามัสกัส แม้กลุ่มกบฏนี้มีรากเหง้ามาจากเครือข่ายอัล-กออิดะห์สาขาซีเรีย รวมทั้งยังถูกชาติตะวันตกส่วนใหญ่ขึ้นบัญชีเป็นกลุ่มก่อการร้ายก็ตาม . ทอม เฟลตเชอร์ ข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนคนใหม่ของยูเอ็น แถลงต่อคณะมนตรีความมั่นคงว่า การเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ในสนามรบในซีเรียไม่ได้ช่วยคลี่คลายสถานการณ์ความยากลำบากของประชาชนเกือบ 13 ล้านคนที่เผชิญความไม่มั่นคงด้านอาหารเฉียบพลัน นอกจากนั้นชาวซีเรียกว่า 1 ล้านคนยังต้องทิ้งถิ่นฐานในช่วงเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ . เฟลตเชอร์เสริมว่า ได้พบผู้ปกครองใหม่ของซีเรียที่แสดงความมุ่งมั่นในการขยายโครงการสนับสนุนด้านมนุษยธรรมที่สำคัญ อย่างไรก็ดี เขาเตือนว่า สถานการณ์ทางตะวันออกเฉียงเหนือของซีเรียมีความรุนแรงมากขึ้นซึ่งอาจส่งผลกระทบด้านมนุษยธรรม และจำเป็นต้องหาทางคลี่คลายสถานการณ์ดังกล่าว . ทางด้านลินดา โทมัส-กรีนฟิลด์ เอกอัครราชทูตอเมริกาประจำยูเอ็น แสดงความยินดีกับการล่มสลายของระบอบอัสซาด แต่เตือนว่า ซีเรียอาจกลายเป็นที่มั่นของกลุ่มก่อการร้ายอย่างกลุ่มรัฐอิสลาม (ไอซิส) . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000121639 .............. Sondhi X
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1037 มุมมอง 0 รีวิว
  • อาหมัด อัล-ชารา ผู้นำตัวจริงของซีเรีย ชี้อิสราเอลแค่อ้างความมั่นคงของตัวเองเพื่อโจมตีซีเรีย กระนั้น เขาไม่คิดสร้างความขัดแย้งเพิ่มแต่จะมุ่งฟื้นฟูประเทศที่บอบช้ำหนักจากระบอบอัสซาด ด้านอเมริกาเผยได้ติดต่อโดยตรงกับกลุ่มกบฏซีเรียที่ถูกขึ้นบัญชีเป็นกลุ่มก่อการร้ายแล้ว
    .
    ชารา หรือที่รู้จักกันในชื่ออบู โมฮัมเหม็ด อัล-โกลานี ผู้นำกลุ่มฮายัต ตอห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) ที่เป็นแกนนำการยึดอำนาจอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ให้สัมภาษณ์ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของซีเรีย ทีวี สถานีที่สนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอัสซาด เมื่อวันเสาร์ (14 ธ.ค.) ว่า ข้ออ้างของอิสราเอลในการบุกโจมตีซีเรียฟังไม่ขึ้นมากขึ้นทุกที
    .
    ผู้นำกลุ่มกบฏผู้นี้สำทับว่า อิสราเอลละเมิดข้อตกลงถอนทหารในซีเรียอย่างชัดเจน ซึ่งเสี่ยงปลุกเร้าให้เกิดสถานการณ์รุนแรงอย่างไม่มีเหตุผลครั้งใหม่
    .
    อย่างไรก็ดี เขาสำทับว่า ความอ่อนล้าจากสงครามและความขัดแย้งมานานหลายปีไม่เอื้ออำนวยให้ซีเรียเข้าสู่ความขัดแย้งอีก แต่ภารกิจสำคัญที่สุดคือการฟื้นฟูบูรณะประเทศและเสถียรภาพ และยังบอกว่า แนวทางทางการทูตเป็นวิธีเดียวในการรับประกันความมั่นคงและเสถียรภาพ รวมถึงสถานการณ์อันตรายทางทหารที่ไม่สามารถคำนวณได้
    .
    ทั้งนี้ กองทัพอิสราเอลบุกเข้าสู่เขตกันชนที่แบ่งแยกกองกำลังอิสราเอลกับซีเรียในบริเวณที่ราบสูงโกลันเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสหประชาชาติ ระบุว่า เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงปี 1974
    .
    อิสราเอลซึ่งยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในที่ราบสูงโกลันมาตั้งแต่ปีดังกล่าว รวมทั้งประกาศผนวนดินแดนนี้เป็นส่วนหนึ่งของตนแม้นานาชาติไม่รับรอง อ้างว่า สำหรับการยกทัพเข้าเขตกันชนเป็นการปฏิบัติการชั่วคราวและจำกัด ภายใต้เป้าหมายในการป้องกันตัวเองขณะที่สถานการณ์ในซีเรียไร้ความแน่นอน
    .
    ทั้งนี้ ภายหลังจากระบอบอัสซาดถูกโค่นล้มเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว (8) อิสราเอลก็ได้เร่งระดมโจมตีทางอากาศต่อโครงสร้างพื้นฐานทางทหารทั่วซีเรียหลายร้อยระลอก รวมทั้งส่งกำลังทหารรุกเข้าหลายพื้นที่ในซีเรีย รวมถึงภูเขาเฮอร์มอนด้านที่มองเห็นกรุงดามัสกัส
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันเสาร์ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เผยว่า อเมริกาได้ติดต่อโดยตรงกับกลุ่มกบฏเอชทีเอส รวมถึงฝ่ายต่างๆ ในซีเรีย แต่ไม่ได้ระบุว่า การติดต่อดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างไร นอกจากนั้นยังเป็นที่น่าสังเกตว่า อเมริกาและประเทศตะวันตกหลายแห่งยังคงขึ้นบัญชีเอชทีเอสเป็นกลุ่มก่อการร้ายมาตั้งแต่ปี 2018
    .
    เมื่อวันเสาร์เช่นกัน นักการทูตจากอเมริกา ตุรกี สหภาพยุโรป (อียู) และประเทศอาหรับได้ร่วมหารือกันที่จอร์แดนเกี่ยวกับสถานการณ์ซีเรีย และออกคำแถลงย้ำให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อชาวซีเรียในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญนี้เพื่อสร้างอนาคตที่เต็มไปด้วยความหวัง มั่นคงปลอดภัย และมีสันติภาพ
    .
    คำแถลงยังเรียกร้องให้มีกระบวนการเปลี่ยนผ่านอำนาจที่นำโดยชาวซีเรียเพื่อสร้างรัฐบาลที่ยอมรับคนทุกกลุ่มและทุกนิกายศาสนาผ่านกระบวนการที่โปร่งใส และย้ำว่า ซีเรียได้รับโอกาสในการยุติช่วงเวลาหลายทศวรรษของการถูกโดดเดี่ยว
    .
    บลิงเคนสำทับว่า ยินดีกับท่าทีที่เป็นบวกบางอย่างที่กลุ่มกบฏซีเรียประกาศในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่สิ่งสำคัญคือการกระทำที่ยั่งยืน และหากการเปลี่ยนผ่านอำนาจเป็นไปด้วยดี อเมริกาจะทบทวนมาตรการแซงก์ชันและมาตรการอื่นๆ ที่บังคับใช้กับซีเรีย
    .
    เกียร์ ปีเดอร์เซน ผู้แทนพิเศษของยูเอ็น เรียกร้องให้ผู้เข้าร่วมประชุมที่จอร์แดนหารือเพื่อจัดหาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและรับประกันว่า สถาบันรัฐของซีเรียจะไม่ล่มสลาย
    .
    ทางด้านตุรกีนั้นได้เปิดสถานเอกอัครราชทูตในดามัสกัสอีกครั้ง โดยรายงานระบุว่า อังการามีบทบาทสำคัญในความขัดแย้งในซีเรียในอดีตที่ผ่านมา และมีการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจนทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศนี้ ตลอดจนถึงให้การสนับสนุนทางการเงินแก่กลุ่มติดอาวุธหลายแห่ง และร่วมมือกับเอชทีเอสอย่างต่อเนื่อง
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120417
    ..............
    Sondhi X
    อาหมัด อัล-ชารา ผู้นำตัวจริงของซีเรีย ชี้อิสราเอลแค่อ้างความมั่นคงของตัวเองเพื่อโจมตีซีเรีย กระนั้น เขาไม่คิดสร้างความขัดแย้งเพิ่มแต่จะมุ่งฟื้นฟูประเทศที่บอบช้ำหนักจากระบอบอัสซาด ด้านอเมริกาเผยได้ติดต่อโดยตรงกับกลุ่มกบฏซีเรียที่ถูกขึ้นบัญชีเป็นกลุ่มก่อการร้ายแล้ว . ชารา หรือที่รู้จักกันในชื่ออบู โมฮัมเหม็ด อัล-โกลานี ผู้นำกลุ่มฮายัต ตอห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) ที่เป็นแกนนำการยึดอำนาจอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาดเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ให้สัมภาษณ์ที่เผยแพร่บนเว็บไซต์ของซีเรีย ทีวี สถานีที่สนับสนุนฝ่ายต่อต้านรัฐบาลอัสซาด เมื่อวันเสาร์ (14 ธ.ค.) ว่า ข้ออ้างของอิสราเอลในการบุกโจมตีซีเรียฟังไม่ขึ้นมากขึ้นทุกที . ผู้นำกลุ่มกบฏผู้นี้สำทับว่า อิสราเอลละเมิดข้อตกลงถอนทหารในซีเรียอย่างชัดเจน ซึ่งเสี่ยงปลุกเร้าให้เกิดสถานการณ์รุนแรงอย่างไม่มีเหตุผลครั้งใหม่ . อย่างไรก็ดี เขาสำทับว่า ความอ่อนล้าจากสงครามและความขัดแย้งมานานหลายปีไม่เอื้ออำนวยให้ซีเรียเข้าสู่ความขัดแย้งอีก แต่ภารกิจสำคัญที่สุดคือการฟื้นฟูบูรณะประเทศและเสถียรภาพ และยังบอกว่า แนวทางทางการทูตเป็นวิธีเดียวในการรับประกันความมั่นคงและเสถียรภาพ รวมถึงสถานการณ์อันตรายทางทหารที่ไม่สามารถคำนวณได้ . ทั้งนี้ กองทัพอิสราเอลบุกเข้าสู่เขตกันชนที่แบ่งแยกกองกำลังอิสราเอลกับซีเรียในบริเวณที่ราบสูงโกลันเมื่อสุดสัปดาห์ที่แล้ว ซึ่งสหประชาชาติ ระบุว่า เป็นการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงปี 1974 . อิสราเอลซึ่งยึดครองพื้นที่ส่วนใหญ่ในที่ราบสูงโกลันมาตั้งแต่ปีดังกล่าว รวมทั้งประกาศผนวนดินแดนนี้เป็นส่วนหนึ่งของตนแม้นานาชาติไม่รับรอง อ้างว่า สำหรับการยกทัพเข้าเขตกันชนเป็นการปฏิบัติการชั่วคราวและจำกัด ภายใต้เป้าหมายในการป้องกันตัวเองขณะที่สถานการณ์ในซีเรียไร้ความแน่นอน . ทั้งนี้ ภายหลังจากระบอบอัสซาดถูกโค่นล้มเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว (8) อิสราเอลก็ได้เร่งระดมโจมตีทางอากาศต่อโครงสร้างพื้นฐานทางทหารทั่วซีเรียหลายร้อยระลอก รวมทั้งส่งกำลังทหารรุกเข้าหลายพื้นที่ในซีเรีย รวมถึงภูเขาเฮอร์มอนด้านที่มองเห็นกรุงดามัสกัส . ในอีกด้านหนึ่ง เมื่อวันเสาร์ แอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ เผยว่า อเมริกาได้ติดต่อโดยตรงกับกลุ่มกบฏเอชทีเอส รวมถึงฝ่ายต่างๆ ในซีเรีย แต่ไม่ได้ระบุว่า การติดต่อดังกล่าวเกิดขึ้นอย่างไร นอกจากนั้นยังเป็นที่น่าสังเกตว่า อเมริกาและประเทศตะวันตกหลายแห่งยังคงขึ้นบัญชีเอชทีเอสเป็นกลุ่มก่อการร้ายมาตั้งแต่ปี 2018 . เมื่อวันเสาร์เช่นกัน นักการทูตจากอเมริกา ตุรกี สหภาพยุโรป (อียู) และประเทศอาหรับได้ร่วมหารือกันที่จอร์แดนเกี่ยวกับสถานการณ์ซีเรีย และออกคำแถลงย้ำให้การสนับสนุนอย่างเต็มที่ต่อชาวซีเรียในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อสำคัญนี้เพื่อสร้างอนาคตที่เต็มไปด้วยความหวัง มั่นคงปลอดภัย และมีสันติภาพ . คำแถลงยังเรียกร้องให้มีกระบวนการเปลี่ยนผ่านอำนาจที่นำโดยชาวซีเรียเพื่อสร้างรัฐบาลที่ยอมรับคนทุกกลุ่มและทุกนิกายศาสนาผ่านกระบวนการที่โปร่งใส และย้ำว่า ซีเรียได้รับโอกาสในการยุติช่วงเวลาหลายทศวรรษของการถูกโดดเดี่ยว . บลิงเคนสำทับว่า ยินดีกับท่าทีที่เป็นบวกบางอย่างที่กลุ่มกบฏซีเรียประกาศในช่วงหลายวันที่ผ่านมา แต่สิ่งสำคัญคือการกระทำที่ยั่งยืน และหากการเปลี่ยนผ่านอำนาจเป็นไปด้วยดี อเมริกาจะทบทวนมาตรการแซงก์ชันและมาตรการอื่นๆ ที่บังคับใช้กับซีเรีย . เกียร์ ปีเดอร์เซน ผู้แทนพิเศษของยูเอ็น เรียกร้องให้ผู้เข้าร่วมประชุมที่จอร์แดนหารือเพื่อจัดหาความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมและรับประกันว่า สถาบันรัฐของซีเรียจะไม่ล่มสลาย . ทางด้านตุรกีนั้นได้เปิดสถานเอกอัครราชทูตในดามัสกัสอีกครั้ง โดยรายงานระบุว่า อังการามีบทบาทสำคัญในความขัดแย้งในซีเรียในอดีตที่ผ่านมา และมีการเคลื่อนไหวอย่างชัดเจนทางด้านตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศนี้ ตลอดจนถึงให้การสนับสนุนทางการเงินแก่กลุ่มติดอาวุธหลายแห่ง และร่วมมือกับเอชทีเอสอย่างต่อเนื่อง . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000120417 .............. Sondhi X
    Like
    Sad
    Angry
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1039 มุมมอง 0 รีวิว
  • อิสราเอลประกาศโจมตีทางอากาศเล่นงานคลังอาวุธหนักในซีเรียต่อ รวมทั้งคงกำลังทหารภาคพื้นดินใน “จำนวนจำกัด” เข้าเขตปลอดทหารในซีเรีย โดยอ้างว่าเพื่อสกัดกั้นภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นในช่วงสุญญากาศหลังรัฐบาลอัสซาดถูกโค่นล้ม ขณะที่ในอีกด้านหนึ่งทำเนียบเครมลินยืนยันว่า ปูตินไฟเขียวอดีตผู้นำซีเรียลี้ภัยทางการเมืองในรัสเซีย
    .
    สำหรับบรรยากาศในกรุงดามัสกัสของซีเรียตอนเช้าวันจันทร์ (9 ธ.ค.) พวกผู้สื่อข่าวรายงานว่าค่อนข้างเงียบสงบ หลังกลุ่มกบฏประกาศเคอร์ฟิวห้ามออกนอกบ้านยามวิกาลในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา โดยที่ร้านรวงส่วนใหญ่ปิดและถนนว่างเปล่า มีเพียงสมาชิกกลุ่มกบฏและรถที่ติดป้ายทะเบียนเมืองอิดลิบ ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือและเป็นที่มั่นสำคัญของพวกกบฏที่นำโดยกลุ่ม ฮายัต ตอห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) ซึ่งเปิดฉากบุกสายฟ้าแลบเมื่อ 12 วันก่อน จากเมืองอะเลปโป ที่อยู่ทางตอนเหนือของซีเรีย จนสามารถบุกเข้าสู่ดามัสกัส ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ และโค่นล้มอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด เมื่อวันอาทิตย์ (8)
    .
    ชัยชนะดังกล่าวนับเป็นการปิดฉากการปกครองแบบเผด็จการรวบอำนาจของตระกูลอัสซาดที่ดำเนินต่อเนื่องมากว่าครึ่งศตวรรษ รวมทั้งสงครามกลางเมืองที่ปะทุขึ้นตั้งแต่เมื่อ 13 ปีก่อนซึ่งสร้างความเสียหายไปทั่วประเทศ คร่าชีวิตผู้คนนับแสน และนำไปสู่หนึ่งในวิกฤตผู้ลี้ภัยครั้งใหญ่ที่สุดในยุคสมัยใหม่
    .
    อบู โมฮัมเหม็ด อัล-กอลานี ผู้นำของเอชทีเอส ประกาศต่อหน้าฝูงชนที่ออกมาร่วมเฉลิมฉลองการโค่นล้มระบอบปกครองอัสซาด ที่มัสยิดอุมัยยัด ในดามัสกัสเมื่อวันอาทิตย์ว่า จะฟื้นฟูและสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้แก่ซีเรีย และทำให้ซีเรียเป็นแรงบันดาลใจสำหรับประเทศอิสลาม
    .
    อย่างไรก็ดี เอชทีเอสซึ่งเป็นแกนนำของแนวร่วมกลุ่มกบฏบุกเข้าตึดามัสกัสสำเร็จคราวนี้ เดิมทีมีชื่อว่าอัล นุสรา ฟรอนต์ ที่เป็นเครือข่ายของอัลกออิดะห์ และถึงแม้ กอลานีได้ประกาศสะบั้นสัมพันธ์กับกลุ่มก่อการร้ายชื่อดังกลุ่มนี้ตั้งแต่เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ทว่าจนถึงเวลานี้ยังคงถูกยูเอ็นตลอดจนประเทศส่วนใหญ่ประทับตราว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย ดังนั้นอนาคตของซีเรียจะเป็นอย่างไรต่อไป ยังเป็นที่จับตามองกันด้วยความระแวดระวังทั้งจากชาติเพื่อนบ้านในตะวันออกกลาง และจากโลกตะวันตก
    .
    ขณะเดียวกัน อิสราเอลซึ่งมีชายแดนติดต่อกับซีเรีย รวมทั้งได้เข้ายึดครองที่ราบสูงโกลาน และต่อมาก็ประกาศผนวกดินแดนแห่งนี้เป็นของตน ถึงแม้ไม่เป็นที่รับรองของนานาชาติ ก็เฝ้ามองวิกฤตการณ์ในซีเรียด้วยความหวังระคนความกังวล สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างพลิกผันรวดเร็วครั้งนี้ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญที่สุดในตะวันออกกลางในรอบหลายปีที่ผ่านมา
    .
    ถึงแม้การที่ซีเรียหลุดจากอำนาจของอัสซาด ได้ช่วยทำลายป้อมปราการสำคัญแห่งหนึ่งที่อิหร่าน ศัตรูตัวกลั่นของอิสราเอล ใช้ในการขยายอิทธิพลในตะวันออกกลาง ทว่า ชัยชนะของกลุ่มกบฏที่แกนนำมีรากเหง้ามาจากกลุ่มก่อการร้ายอิสลามิสต์ ซึ่งถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของอิสราเอล ก็นำมาซึ่งความเสี่ยงสำคัญ
    .
    รัฐมนตรีกลาโหม อิสราเอล แคตซ์ ของรัฐยิว เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ ว่า กองทัพอิสราเอลจะเข้าทำลายอาวุธหนักเชิงยุทธศาสตร์ในตลอดทั่วซีเรีย โดยรวมถึงพวกขีปนาวุธยิงจากภาคพื้นสู่อากาศ ระบบป้องกันภัยทางอากาศ ขีปนาวุธยิงจากภาคพื้นสู่ภาคพื้น ขีปนาวุธร่อน จรวดยุทธวิธีพิสัยไกล ขีปนาวุธที่ติดตั้งตามแนวชายฝั่ง และอาวุธเคมี
    .
    เจ้าหน้าที่อาวุโสอิสราเอลคนหนึ่งระบุว่า จะมีการโจมตีทางอากาศต่อเนื่องอีกหลายวัน ขณะที่ กีเดียน ซาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศบอกว่า อิสราเอลไม่ต้องการแทรกแซงการเมืองภายในของซีเรีย แต่ต้องการเพียงปกป้องประชาชนของตน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องทำลายอาวุธเชิงยุทธศาสตร์ในซีเรียเพื่อไม่ให้ไปตกอยู่ในมือของกลุ่มลัทธิสุดโต่ง แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียดว่า อิสราเอลโจมตีที่ไหนและเมื่อใด
    .
    นอกจากนั้น มีรายงานว่าเมื่อวันอาทิตย์ (8) กองทัพอิสราเอลยังส่งกำลังภาคพื้นดินเข้าสู่เขตปลอดทหารในซีเรีย ซึ่งเป็นพื้นที่กันชนขนาด 400 ตารางกิโลเมตรที่ตั้งขึ้นตามข้อตกลงแบ่งแยกกองกำลังปี 1974 ที่มุ่งแบ่งแยกกำลังของอิสราเอลและซีเรียให้ห่างจากกัน แล้วให้กองกำลังสังเกตการณ์การยุติการสู้รบขัดแย้งของสหประชาชาติเป็นผู้เข้าไปควบคุมดูแล
    .
    ในอีกด้านหนึ่ง ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวเมื่อวันจันทร์ว่า ยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่า อนาคตของฐานทัพรัสเซียที่ตั้งอยู่ในซีเรียจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่แน่นอนว่า สิ่งที่ต้องทำคือติดต่อกับผู้มีอำนาจด้านความมั่นคงในซีเรีย นอกจากนั้น กองทัพรัสเซียยังกำลังดำเนินมาตรการป้องกันไว้ก่อนที่จำเป็นทั้งหมด
    .
    รัสเซียซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรสำคัญของอัสซาด มีฐานทัพอากาศฮไมมิม ตั้งอยู่ในจังหวัดลาตาเกีย รวมทั้งมีฐานทัพเรือที่จังหวัดทาร์ตัสของซีเรีย และมีโรงงานในทาร์ตัส ซึ่งเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงและเติมเสบียงเพียงแห่งเดียวของรัสเซียในทะลเมดิเตอร์เรเนียน นอกจากนั้นที่ผ่านมารัสเซียยังใช้ซีเรียเป็นจุดแวะพัก ในการขนส่งพวกผู้รับเหมาด้านกลาโหมเดินทางเข้าและออกจากแอฟริกา
    .
    เปสคอฟยังยืนยันว่า อัสซาดได้รับอนุญาตจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ให้ลี้ภัยในรัสเซีย ทว่าไม่ยอมตอบว่าตอนนี้อัสซาดอยู่ที่ไหน บอกเพียงว่า ยังไม่มีกำหนดการการพบกันระหว่างปูตินกับอัสซาดในขณะนี้
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118429
    ..............
    Sondhi X
    อิสราเอลประกาศโจมตีทางอากาศเล่นงานคลังอาวุธหนักในซีเรียต่อ รวมทั้งคงกำลังทหารภาคพื้นดินใน “จำนวนจำกัด” เข้าเขตปลอดทหารในซีเรีย โดยอ้างว่าเพื่อสกัดกั้นภัยคุกคามที่อาจเกิดขึ้นในช่วงสุญญากาศหลังรัฐบาลอัสซาดถูกโค่นล้ม ขณะที่ในอีกด้านหนึ่งทำเนียบเครมลินยืนยันว่า ปูตินไฟเขียวอดีตผู้นำซีเรียลี้ภัยทางการเมืองในรัสเซีย . สำหรับบรรยากาศในกรุงดามัสกัสของซีเรียตอนเช้าวันจันทร์ (9 ธ.ค.) พวกผู้สื่อข่าวรายงานว่าค่อนข้างเงียบสงบ หลังกลุ่มกบฏประกาศเคอร์ฟิวห้ามออกนอกบ้านยามวิกาลในช่วงค่ำคืนที่ผ่านมา โดยที่ร้านรวงส่วนใหญ่ปิดและถนนว่างเปล่า มีเพียงสมาชิกกลุ่มกบฏและรถที่ติดป้ายทะเบียนเมืองอิดลิบ ที่อยู่ทางตะวันตกเฉียงเหนือและเป็นที่มั่นสำคัญของพวกกบฏที่นำโดยกลุ่ม ฮายัต ตอห์รีร์ อัล-ชาม (เอชทีเอส) ซึ่งเปิดฉากบุกสายฟ้าแลบเมื่อ 12 วันก่อน จากเมืองอะเลปโป ที่อยู่ทางตอนเหนือของซีเรีย จนสามารถบุกเข้าสู่ดามัสกัส ซึ่งอยู่ทางภาคใต้ และโค่นล้มอดีตประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด เมื่อวันอาทิตย์ (8) . ชัยชนะดังกล่าวนับเป็นการปิดฉากการปกครองแบบเผด็จการรวบอำนาจของตระกูลอัสซาดที่ดำเนินต่อเนื่องมากว่าครึ่งศตวรรษ รวมทั้งสงครามกลางเมืองที่ปะทุขึ้นตั้งแต่เมื่อ 13 ปีก่อนซึ่งสร้างความเสียหายไปทั่วประเทศ คร่าชีวิตผู้คนนับแสน และนำไปสู่หนึ่งในวิกฤตผู้ลี้ภัยครั้งใหญ่ที่สุดในยุคสมัยใหม่ . อบู โมฮัมเหม็ด อัล-กอลานี ผู้นำของเอชทีเอส ประกาศต่อหน้าฝูงชนที่ออกมาร่วมเฉลิมฉลองการโค่นล้มระบอบปกครองอัสซาด ที่มัสยิดอุมัยยัด ในดามัสกัสเมื่อวันอาทิตย์ว่า จะฟื้นฟูและสร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้แก่ซีเรีย และทำให้ซีเรียเป็นแรงบันดาลใจสำหรับประเทศอิสลาม . อย่างไรก็ดี เอชทีเอสซึ่งเป็นแกนนำของแนวร่วมกลุ่มกบฏบุกเข้าตึดามัสกัสสำเร็จคราวนี้ เดิมทีมีชื่อว่าอัล นุสรา ฟรอนต์ ที่เป็นเครือข่ายของอัลกออิดะห์ และถึงแม้ กอลานีได้ประกาศสะบั้นสัมพันธ์กับกลุ่มก่อการร้ายชื่อดังกลุ่มนี้ตั้งแต่เมื่อ 10 กว่าปีก่อน ทว่าจนถึงเวลานี้ยังคงถูกยูเอ็นตลอดจนประเทศส่วนใหญ่ประทับตราว่าเป็นกลุ่มก่อการร้าย ดังนั้นอนาคตของซีเรียจะเป็นอย่างไรต่อไป ยังเป็นที่จับตามองกันด้วยความระแวดระวังทั้งจากชาติเพื่อนบ้านในตะวันออกกลาง และจากโลกตะวันตก . ขณะเดียวกัน อิสราเอลซึ่งมีชายแดนติดต่อกับซีเรีย รวมทั้งได้เข้ายึดครองที่ราบสูงโกลาน และต่อมาก็ประกาศผนวกดินแดนแห่งนี้เป็นของตน ถึงแม้ไม่เป็นที่รับรองของนานาชาติ ก็เฝ้ามองวิกฤตการณ์ในซีเรียด้วยความหวังระคนความกังวล สืบเนื่องจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างพลิกผันรวดเร็วครั้งนี้ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงเชิงยุทธศาสตร์ครั้งสำคัญที่สุดในตะวันออกกลางในรอบหลายปีที่ผ่านมา . ถึงแม้การที่ซีเรียหลุดจากอำนาจของอัสซาด ได้ช่วยทำลายป้อมปราการสำคัญแห่งหนึ่งที่อิหร่าน ศัตรูตัวกลั่นของอิสราเอล ใช้ในการขยายอิทธิพลในตะวันออกกลาง ทว่า ชัยชนะของกลุ่มกบฏที่แกนนำมีรากเหง้ามาจากกลุ่มก่อการร้ายอิสลามิสต์ ซึ่งถือเป็นศัตรูตัวฉกาจของอิสราเอล ก็นำมาซึ่งความเสี่ยงสำคัญ . รัฐมนตรีกลาโหม อิสราเอล แคตซ์ ของรัฐยิว เปิดเผยเมื่อวันจันทร์ ว่า กองทัพอิสราเอลจะเข้าทำลายอาวุธหนักเชิงยุทธศาสตร์ในตลอดทั่วซีเรีย โดยรวมถึงพวกขีปนาวุธยิงจากภาคพื้นสู่อากาศ ระบบป้องกันภัยทางอากาศ ขีปนาวุธยิงจากภาคพื้นสู่ภาคพื้น ขีปนาวุธร่อน จรวดยุทธวิธีพิสัยไกล ขีปนาวุธที่ติดตั้งตามแนวชายฝั่ง และอาวุธเคมี . เจ้าหน้าที่อาวุโสอิสราเอลคนหนึ่งระบุว่า จะมีการโจมตีทางอากาศต่อเนื่องอีกหลายวัน ขณะที่ กีเดียน ซาร์ รัฐมนตรีต่างประเทศบอกว่า อิสราเอลไม่ต้องการแทรกแซงการเมืองภายในของซีเรีย แต่ต้องการเพียงปกป้องประชาชนของตน ดังนั้น จึงจำเป็นต้องทำลายอาวุธเชิงยุทธศาสตร์ในซีเรียเพื่อไม่ให้ไปตกอยู่ในมือของกลุ่มลัทธิสุดโต่ง แต่เขาไม่ได้ให้รายละเอียดว่า อิสราเอลโจมตีที่ไหนและเมื่อใด . นอกจากนั้น มีรายงานว่าเมื่อวันอาทิตย์ (8) กองทัพอิสราเอลยังส่งกำลังภาคพื้นดินเข้าสู่เขตปลอดทหารในซีเรีย ซึ่งเป็นพื้นที่กันชนขนาด 400 ตารางกิโลเมตรที่ตั้งขึ้นตามข้อตกลงแบ่งแยกกองกำลังปี 1974 ที่มุ่งแบ่งแยกกำลังของอิสราเอลและซีเรียให้ห่างจากกัน แล้วให้กองกำลังสังเกตการณ์การยุติการสู้รบขัดแย้งของสหประชาชาติเป็นผู้เข้าไปควบคุมดูแล . ในอีกด้านหนึ่ง ดมิตริ เปสคอฟ โฆษกทำเนียบเครมลิน กล่าวกับพวกผู้สื่อข่าวเมื่อวันจันทร์ว่า ยังเร็วเกินไปที่จะระบุว่า อนาคตของฐานทัพรัสเซียที่ตั้งอยู่ในซีเรียจะเป็นอย่างไรต่อไป แต่แน่นอนว่า สิ่งที่ต้องทำคือติดต่อกับผู้มีอำนาจด้านความมั่นคงในซีเรีย นอกจากนั้น กองทัพรัสเซียยังกำลังดำเนินมาตรการป้องกันไว้ก่อนที่จำเป็นทั้งหมด . รัสเซียซึ่งเป็นหนึ่งในพันธมิตรสำคัญของอัสซาด มีฐานทัพอากาศฮไมมิม ตั้งอยู่ในจังหวัดลาตาเกีย รวมทั้งมีฐานทัพเรือที่จังหวัดทาร์ตัสของซีเรีย และมีโรงงานในทาร์ตัส ซึ่งเป็นศูนย์ซ่อมบำรุงและเติมเสบียงเพียงแห่งเดียวของรัสเซียในทะลเมดิเตอร์เรเนียน นอกจากนั้นที่ผ่านมารัสเซียยังใช้ซีเรียเป็นจุดแวะพัก ในการขนส่งพวกผู้รับเหมาด้านกลาโหมเดินทางเข้าและออกจากแอฟริกา . เปสคอฟยังยืนยันว่า อัสซาดได้รับอนุญาตจากประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ให้ลี้ภัยในรัสเซีย ทว่าไม่ยอมตอบว่าตอนนี้อัสซาดอยู่ที่ไหน บอกเพียงว่า ยังไม่มีกำหนดการการพบกันระหว่างปูตินกับอัสซาดในขณะนี้ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9670000118429 .............. Sondhi X
    Like
    Angry
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1259 มุมมอง 0 รีวิว
  • “สนธิ” ย้ำเอ็มโอยู44 คือเอ็มโอยูขายชาติ “ทักษิณ” จับมือ “ฮุนเซน” แบ่งปันผลประโยชน์โดยใช้ “สุรเกียรติ์” ที่อยากเป็นเลขาฯ ยูเอ็นเป็นคนลงนาม ลั่นสู้กับรัฐบาลโจรต้องรอบคอบ เป็นขั้นเป็นตอน อีก 15 วันจะทวงถามความคืบหน้า พร้อมยื่นประธานสภาฯ ให้เอาผิด สส.-สว.หากไม่ยอมยกเลิก จี้ กต.ยึดมั่นพระบรมราชโองการ หากทำสุดซอยแล้วยังไม่รู้เรื่องจึงจะลงถนน และสู้ครั้งนี้ต้องชนะลูกเดียว

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000118257

    #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    “สนธิ” ย้ำเอ็มโอยู44 คือเอ็มโอยูขายชาติ “ทักษิณ” จับมือ “ฮุนเซน” แบ่งปันผลประโยชน์โดยใช้ “สุรเกียรติ์” ที่อยากเป็นเลขาฯ ยูเอ็นเป็นคนลงนาม ลั่นสู้กับรัฐบาลโจรต้องรอบคอบ เป็นขั้นเป็นตอน อีก 15 วันจะทวงถามความคืบหน้า พร้อมยื่นประธานสภาฯ ให้เอาผิด สส.-สว.หากไม่ยอมยกเลิก จี้ กต.ยึดมั่นพระบรมราชโองการ หากทำสุดซอยแล้วยังไม่รู้เรื่องจึงจะลงถนน และสู้ครั้งนี้ต้องชนะลูกเดียว อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9670000118257 #News1feed #News1 #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #Thaitimes
    Like
    Love
    21
    1 ความคิดเห็น 3 การแบ่งปัน 1356 มุมมอง 1 รีวิว
  • “สนธิ” ย้ำเอ็มโอยู44 คือเอ็มโอยูขายชาติ “ทักษิณ” จับมือ “ฮุนเซน” แบ่งปันผลประโยชน์โดยใช้ “สุรเกียรติ์” ที่อยากเป็นเลขาฯ ยูเอ็นเป็นคนลงนาม ลั่นสู้กับรัฐบาลโจรต้องรอบคอบ เป็นขั้นเป็นตอน อีก 15 วันจะทวงถามความคืบหน้า พร้อมยื่นประธานสภาฯ ให้เอาผิด สส.-สว.หากไม่ยอมยกเลิก จี้ กต.ยึดมั่นพระบรมราชโองการ หากทำสุดซอยแล้วยังไม่รู้เรื่องจึงจะลงถนน และสู้ครั้งนี้ต้องชนะลูกเดียว

    วันนี้(9 ธ.ค.) ภายหลังจากนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และมวลชนจำนวนหนึ่ง ได้ยื่นหนังสือการยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล
    โดยผ่านนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการเพื่อยกเลิกบันทึกความเข้าใจว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์เส้นไหล่ทวีปราชาณาอาณาจักรไทยกับกัมพูชา (MOU2544) และแถลงการณ์ร่วมระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยกับ นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา (JC2544) นายสนธิ ได้ให้สัมภาษณเกี่ยวกับแนวทางการเคลื่อนไหวต่อเนื่องหลังจากยื่นหนังสือแล้ว โดยมีรายละเอียดดังนี้

    “พี่น้องครับผมจะตอบคําถามว่า เราจะลงถนนเมื่อไหร่ พี่น้องครับ เวลาเราสู้กับรัฐบาลโจร เราต้องทํางานด้วยความรอบคอบ รอบคอบแปลว่าอะไร

    ทําไมเราต้องมาร้องเรียนเรื่องนี้ เพราะเราร้องเรียนแล้วเราก็วางเอาไว้ด้วยว่าถ้าคุณไม่ทําวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ถ้าคุณไม่ทําอันนี้จะเกิดอะไรขึ้น

    แล้วเราก็จะร้องเรียนต่อไปที่สภาผู้แทนราษฎร ท่านวันมูหะมัดนอร์ มะทา และ สส.ทุกคน รวมทั้ง สว.ด้วย ชี้แจงให้ฟังว่า ถ้าท่านไม่ยกเลิกเอ็มโอยู 2544 ท่านก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการขายชาติ

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>
    https://mgronline.com/politics/detail/9670000118257

    #MGROnline #MOU44 #JC2544 #เกาะกูด #กัมพูชา #ไหล่ทวีป #พื้นที่ทับซ้อน #สนธิลิ้มทองกุล
    “สนธิ” ย้ำเอ็มโอยู44 คือเอ็มโอยูขายชาติ “ทักษิณ” จับมือ “ฮุนเซน” แบ่งปันผลประโยชน์โดยใช้ “สุรเกียรติ์” ที่อยากเป็นเลขาฯ ยูเอ็นเป็นคนลงนาม ลั่นสู้กับรัฐบาลโจรต้องรอบคอบ เป็นขั้นเป็นตอน อีก 15 วันจะทวงถามความคืบหน้า พร้อมยื่นประธานสภาฯ ให้เอาผิด สส.-สว.หากไม่ยอมยกเลิก จี้ กต.ยึดมั่นพระบรมราชโองการ หากทำสุดซอยแล้วยังไม่รู้เรื่องจึงจะลงถนน และสู้ครั้งนี้ต้องชนะลูกเดียว • วันนี้(9 ธ.ค.) ภายหลังจากนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พร้อมนายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ และมวลชนจำนวนหนึ่ง ได้ยื่นหนังสือการยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ ทำเนียบรัฐบาล โดยผ่านนายสมคิด เชื้อคง รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลดำเนินการเพื่อยกเลิกบันทึกความเข้าใจว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิ์เส้นไหล่ทวีปราชาณาอาณาจักรไทยกับกัมพูชา (MOU2544) และแถลงการณ์ร่วมระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีไทยกับ นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา (JC2544) นายสนธิ ได้ให้สัมภาษณเกี่ยวกับแนวทางการเคลื่อนไหวต่อเนื่องหลังจากยื่นหนังสือแล้ว โดยมีรายละเอียดดังนี้ • “พี่น้องครับผมจะตอบคําถามว่า เราจะลงถนนเมื่อไหร่ พี่น้องครับ เวลาเราสู้กับรัฐบาลโจร เราต้องทํางานด้วยความรอบคอบ รอบคอบแปลว่าอะไร • ทําไมเราต้องมาร้องเรียนเรื่องนี้ เพราะเราร้องเรียนแล้วเราก็วางเอาไว้ด้วยว่าถ้าคุณไม่ทําวันนี้จะเกิดอะไรขึ้นกับคุณ ถ้าคุณไม่ทําอันนี้จะเกิดอะไรขึ้น • แล้วเราก็จะร้องเรียนต่อไปที่สภาผู้แทนราษฎร ท่านวันมูหะมัดนอร์ มะทา และ สส.ทุกคน รวมทั้ง สว.ด้วย ชี้แจงให้ฟังว่า ถ้าท่านไม่ยกเลิกเอ็มโอยู 2544 ท่านก็เป็นส่วนหนึ่งของกระบวนการขายชาติ • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >> https://mgronline.com/politics/detail/9670000118257 • #MGROnline #MOU44 #JC2544 #เกาะกูด #กัมพูชา #ไหล่ทวีป #พื้นที่ทับซ้อน #สนธิลิ้มทองกุล
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1107 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พ่อดุเรา… บอกให้เราไปถ่ายที่อื่น ให้เราสำรวมและให้ไปบอกคนข้างหลังให้เงียบๆ ด้วย”.…. สมเด็จพระเทพฯ เคยมีรับสั่งเกี่ยวกับภาพนี้อย่างมีความสุขกับนักข่าวว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงตำหนิที่พระองค์ทำตัวเหมือนเด็ก .-Behind the scenes- ....ย้อนกลับไปในวันมหามงคล วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2549 เวลา 11.29 นาฬิกา ณ สีหบัญชร ระเบียงหน้า พระที่นั่งอนันตสมาคม พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จฯ ออกมหาสมาคม ทรงรับการถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในวโรกาสพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี....เช้ามืดตี 4 วันนั้นผมทำหน้าที่ถ่ายภาพให้กับสำนักข่าว AP ผมเข้าจุดบนสแตนถ่ายภาพบริเวณโค้งด้านขวาประตูพระที่นั่งอนันตสมาคมฝั่งเขาดิน อยู่กับช่างภาพรุ่นพี่คนหนึ่ง ในเช้ามืดวันนั้นมีประชาชนใส่เสื้อเหลืองเดินทางมาถวายพระพรกันมากมายเรียกว่ามืดฟ้ามัวดิน แบบที่ว่าจนบัดนี้ยังไม่เคยเห็นการรวมตัวกันของประชาชนไม่ว่าที่ใดในโลกที่มีผู้คนมารวมตัวกันได้มากมายเพียงนี้....รุ่นพี่ผมจึงให้ผมออกไปถ่ายภาพ เก็บบรรยากาศผู้คน ประชาชนผู้จงรักภักดีที่กำลังเดินทางมาและหาจุดถ่ายภาพที่แตกต่างออกไปจากมุมบนสแตนนี้เมื่อพระราชพิธีเริ่มต้นขึ้น เพราะบนสแตนหนึ่งจะอนุญาติให้มีช่างภาพประจำอยู่สำนักละหนึ่งคนเท่านั้น....ผมจึงเดินเก็บภาพไปเรื่อยๆ จากบริเวณหน้าประตูพระที่นั่งฯ เดินสวนเบียดกับประชาชนที่กำลังรีบเข้ามาจับจองพื้นที่ ที่ตอนนี้บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าเต็มจนเกือบแน่นแล้วทั้งที่ฟ้ายังไม่สว่างเลย ซึ่งส่วนใหญ่มานอนจองกันไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นวาน.....ผมเดินสวนออกไป ถ่ายภาพไปเรื่อยๆ จนมาถึงเวทีมวยราชดำเนิน ในใจคิดได้ว่า ไปถ่ายภาพเรือโดยสารบริเวณท่าเรือตรงภูเขาทองรูปคงจะสวยเพราะมีประชาชนใส่เสื้อสีเหลืองทุกคนโดยสารกันมาเต็มลำเรือ.....ผมใช้เวลาเดินเบียดเสียดผู้คนและเดินถ่ายภาพไปด้วยกว่าชั่วโมงจนถึงที่หมาย ตอนนี้เวลาเจ็ดโมงแล้ว ฟ้าสว่างประชาชนใส่เสื้อสีเหลืองอยู่ทั่วไปหมด ทุกคนมุ่งสู่ลานพระบรมรูปทรงม้า.....เสียงโทรศัพท์ดังและสั่นเตือนมา ปลายสายคือรุ่นพี่ช่างภาพจากสำนักข่าว AP ที่อยู่บนสแตน ถามผมว่า "ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน" ผมตอบว่า "ผมอยู่ที่สะพานผ่านฟ้าฯ" ปลายสายอุทานคำไทยแท้ออกมาคำนึงอย่างดัง "..." "คุณรีบกลับมาที่สแตนเลย เขาอนุญาตให้ช่างภาพขึ้นสแตนได้ทุกคน ผมจองที่ไว้ให้คุณแล้ว แต่คุณต้องรีบมาเพราะมีช่างภาพมากันเยอะมากๆ" .....ตอนนี้เวลา 7.00 น. พระราชพิธีจะเริ่มเวลา 10.19 น. แต่เราต้องเข้าจุดก่อนพระราชพิธีเริ่มอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง ในใจคิดว่างานลำบากรออยู่ข้างหน้าแน่นอน ที่จะต้องเดินเบียดเสียดกับผู้คนที่อัดตัวกันอยู่ที่ด้านหน้า ที่แม้แต่เวลาเดินสวนออกมาตอนเช้ามืดยังเดินยากและใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะมาถึงตรงที่ยืนนี้.....ผมเริ่มเดินกลับตั้งแต่ตอนรับสายแล้ว ทั้งเดินทั้งวิ่งในช่วงแรกที่พอมีพื้นที่ จนถึงสะพานมัฆวานฯ หน้ายูเอ็นคนเริ่มแน่น มีทั้งนั่ง ทั้งยืน ตรงนี้วิ่งไม่ได้แล้ว เดินยังลำบาก ผมไม่ถ่ายภาพอะไรแล้วตั้งแต่ออกตัวเดินกลับ ถ้าภาพนั้นไม่ดีจริงๆ ....8.30 น. ผมจำได้ว่าผมมาถึงหน้าลานพระรูปทรงม้า มันเป็นภาพจำที่จดจำได้มาจนทุกวันนี้ เบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยผู้คนใส่เสื้อสีเหลืองนั่งโบกธงอยู่กันแน่นจนเต็มพื้นที่ มองหาที่ว่างที่เดินไม่มีเลย.....ผมเอาป้ายนักข่าวขึ้นมาแขวนคอ เผื่ออาจช่วยได้บ้างเมื่อเวลาเดินแหวกผู้คนที่นั่งเบียดกันแน่น จนคิดว่าแม้แต่มดตัวเล็กๆ ก็ไม่มีทางรอดออกไปจากจุดนี้ ผมเริ่มยกมือไหว้ ของทางแค่วางเท้าเดินไปได้ ปากก็บอกไม่ได้หยุดว่า "ขออนุญาตเข้าพื้นที่ถ่ายภาพหน่อยครับ" มือนึงก็ชูกล้อง มือนึงก็ไหว้ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ บางคนก็มีน้ำใจ เห็นใจก็ขยับเบียดหลบให้เดิน บางคนก็ด่าว่าสารพัด ว่าทำไมไม่มาเช้าๆ มาเดินจะเหยียบมือเหยีบดเท้าคนอื่นเค้าแบบนี้ทำไม ผมก็ก้มหน้าก้มตา ปากก็ขอโทษ มือก็ยกไหว้ ไม่แก้ตัวหรืออธิบายอะไรทั้งนั้น เพราะจะเสียเวลา กว่าจะขยับได้ทีละเมตร ทีละศอกมันช่างลำบากเสียเหลือเกิน .....9.00 น. แล้วผมมาถึงแค่หางม้า ยังเหลืออีกครึ่งทางผมจึงจะถึงสแตน แต่ยิ่งใกล้ประชาชนที่นั่งอยู่นั้นยิ่งแน่นเท่าทวีคูณ ผมยกมือไหว้ขอทาง ปากร้องขอไม่ได้หยุด เสียงบ่นด่ามีให้ได้ยินตลอดเป็นระยะ แต่ผมเข้าใจว่าเขามา ณ จุดนี้ยากลำบากแค่ไหน ผมได้แต่ยิ้มรับ และไหว้ขอโทษ บางจุดเดินหรือขยับไม่ได้เลย ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นหลายนาทีจนเขาเห็นใจ หลายครั้งผมเกือบถอดใจและหยุดอยู่ตรงนั้น เพราะเกรงใจคนที่นั่งอยู่..... เสียงโทรศัพท์จากช่างภาพรุ่นพี่ดังมาถามไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่แล้วว่าอยู่ตรงไหน ผมก็ยังไปไม่ถึงสแตนสักที เวลาเสด็จก็งวดใกล้เข้ามาทุกที จะเก้าโมงแล้วผมยังอยู่หัวม้าด้านขวามือ อีก 50 เมตรผมจะถึงสแตนแล้ว .....คิดว่าเป็นวันหนึ่งที่ผมโดนด่ามากที่สุด ที่ต้องเดินขอทางเบียดประชาชนที่นั่งเข้ามายังจุดถ่ายภาพ แต่เพราะโดยไม่ได้คาดคิดว่าการเดินกลับมาจะมีความยากลำบากขนาดนี้ เพราะเวลาเดินออกไปจะมีรั้วกั้นให้ไว้สำหรับเป็นทางเดินเข้าออก แต่ด้วยการที่ทุกคนต้องการเข้ามาใกล้ๆ พื้นที่จึงเต็มแน่นไปด้วยประชาชน ไม่มีที่ว่างแม้แต่ทางเดินเล็กๆ .....ผมจำได้ว่าผมเดินมาถึงสแตนในสภาพที่เหงื่อชุ่มในเวลาประมาณ 9.30 น. ผมใช้เวลาเดินจากสะพานผ่านฟ้ามาถึงโค้งด้านขวาพระที่นั่งฯ รวมเวลาสองชั่วโมงครึ่ง เป็นสองชั่วโมงครึ่งที่ยากลำบากใจเป็นที่สุด ท้อหลายครั้ง แต่โอกาสถ่ายงานนี้และร่วมอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ไม่ได้มีง่ายๆ ผมต้องอดทนไปให้ถึงสแตนให้ได้ ในเมื่อมีการอนุญาตให้ขึ้นถ่ายได้แล้ว.....ผมมาถึงไม่มีเวลาให้พูดอะไรกันมาก เพราะใกล้เสด็จฯ และทุกคนตกใจ ผมมาได้ยังไงเพราะมองเห็นว่าประชาชนแน่นมากแค่ไหน ผมเช็กชื่อเข้าจุดขึ้นสแตนที่พี่เขาจองไว้ให้ ซึ่งเหลือพื้นที่ให้ยืนแค่สองขา ที่นั่งไม่มี..... จำได้ว่าต้องหยุดคิดทุกสิ่งอย่างที่ผ่านมาไว้ก่อน ต้องมีสติ สมาธิกับงานสำคัญตรงหน้า เพราะอีกไม่นานขบวนเสด็จของทุกพระองค์จะผ่านมาตรงนี้.....เสียงร้องทรงพระเจริญและเสียงชัตเตอร์จากกล้องหลายร้อยตัวดังสนั่นบนสแตนช่างภาพที่เบียดกันแบบไหล่ชนไหล่ เมื่อขบวนเสด็จผ่านมาหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมเพื่อผ่านเข้าประตูพระที่นั่งฯไป.....เวลา 11.29 นาฬิกา ณ สีหบัญชร ระเบียงหน้า ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จฯ ออกมหาสมาคมพระที่นั่งอนันตสมาคม ประชาชนนับแสนที่เดินทางมาถวายพระพร ณ ลานพระบรมรูปทรงม้าและพื้นที่โดยรอบ เสียงเปร่งร้องตะโกนทรงพระเจริญดังกึกก้องทั่วบริเวณ เป็นเสียงเปร่งร้องทรงพระเจริญที่ดังที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา.....ในหลวงรัชกาลที่ ๙ แย้มพระสรวล ทรงโบกพระหัตถ์ ทักทายประชาชน เสียงเปร่งร้องและเสียงชัตเตอร์ยังดังไม่หยุด....พระราชพิธีก็เริ่มดำเนินไป ผมก็ถ่ายภาพพระองค์ท่านบ้าง ประชาชนที่ร้องไห้ดีใจบ้าง สลับกันไป อากาศเริ่มร้อน แต่ก็ไม่มีใครหลบถอยออกจากตรงนั้น บางคนเริ่มเป็นลม มีการอุ้มยกออกจากพื้นที่ไปหลายคน.....พระราชพิธีก็ดำเนินไปเรื่อยๆ เสียงร้องตะโกนและเสียงชัตเตอร์เริ่มเบาลงในช่วงรอยต่อของพระราชพิธี ช่างภาพหลายคนเริ่มขยับไปห้องน้ำ หลายคนเริ่มหาอะไรทาน หลายคนเริ่มวางกล้องลงเพราะเป็นช่วงรอยต่อ.....แต่ผมยังคงไม่ยอมทิ้งตาจากวิวไฟน์เดอร์กล้องที่ติดเลนส์ 600 มม.จับกับขาตั้งเดี่ยวในมือที่จับถืออยู่อย่างนิ่งแน่น สายตาที่ยังคงเฝ้ามองพ่อของแผ่นดินที่ทรงประทับนั่งอยู่ ณ สีหบัญชร ระเบียงหน้าพระที่นั่งฯ พระองค์กำลังทอดพระเนตรประชาชนของพระองค์ที่พร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองมาร่วมกันถวายพระพรกันอย่างมากมายกว้างไกลจนสุดลูกหูลูกตา..... ณ วินาทีนั้น ที่เป็นช่วงรอยต่อของพระราชพิธี หลายคนเริ่มผ่อนคลาย หลายคนเริ่มขยับทำกิจกรรมอย่างอื่น แต่มีช่างภาพ 3 คนที่ดวงตายังคงไม่ทิ้งช่องมองภาพ ซึ่งผมเป็น 1 ใน 3 คนนั้น .....เสี้ยววินาทีนั้น สมเด็จพระเทพฯ ท่านทรงเสด็จออกมาถ่ายรูป ผมกดชัตเตอร์ด้วยสัญชาติญาน เพราะไม่คิดว่าจะมีภาพนี้ให้เราได้เห็น ผมกดชัตเตอร์ได้สามภาพ ภาพนี้เป็นภาพที่ผมชอบที่สุด เพราะทั้งสองพระองค์ทรงสบพระเนตรกันพอดี.....ณ​ ช่วงเวลานั้น ในใจคิดว่าภาพแนวนี้อาจไม่บังควรในการที่จะเผยแพร่ออกสื่อไป ถ้าต้องเลือกภาพเองก็คงไม่กล้าเลือกภาพนี้ไปเผยแพร่ แต่โชคดีเป็นของทุกคน ที่เวลานั้น ผมไม่มีเวลามานั่งเลือกภาพ ทำภาพเพื่อส่งเข้าไปยังระบบในต่างประเทศ ทางหัวหน้าช่างภาพซึ่งเป็นคนอเมริกัน ส่งคนมารับการ์ดเก็บภาพไปเลือกภาพ ทำภาพให้ .....หัวหน้าจึงเลือกภาพนี้เป็นหนึ่งในภาพชุดวันนั้น เพื่อส่งเข้าระบบภาพของสำนักข่าว AP เพื่อเผยแพร่พระราชพิธีอันยิ่งใหญ่ งดงามของประเทศไทยนี้ไปทั่วโลก เราจึงได้เห็นภาพๆ นี้กันจากหลายๆ สื่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ.....ผมถ่ายภาพมาหลายสิบปี ภาพนี้เป็นภาพแรกที่ได้รับคำขอบคุณจากผู้ที่ได้เห็นภาพ ได้ชมภาพ และส่งข้อความ เขียนคอมเมนต์ขอบคุณช่างภาพผู้ถ่ายภาพนี้.....ผู้ใหญ่หลายคนเมื่อพูดถึงผมหรือจะแนะนำผมให้กับคนอื่น เขาก็จะบอกว่า "ภาพสมเด็จพระเทพฯที่ออกมาถ่ายรูปไง คนนี้เป็นคนถ่าย" .....จริงๆ ภาพใบนี้จะไม่มีทางได้มาเลย ถ้าผมทิ้งตาจากวิวไฟน์เดอร์ และที่ผมไม่ทิ้งช่องมองภาพก็เพราะว่า ผมมีเลนส์เทเลระยะไกลถึง 600 มม. อยู่ในมือ ผมจึงอยากมองในหลวงใกล้ๆ ให้นานที่สุดแค่นั้น ผมจึงให้เวลาทุกนาทีกับการจ้องมองพระองค์ท่านผ่านช่องมองภาพที่ติดเลนส์ขนาดใหญ่ตัวนี้.....ภาพๆ นี้ยังมีช่างภาพอีกสองท่านที่บันทึกไว้ได้ คนหนึ่งเป็นคุณน้าที่ผมเคารพมาก อีกคนเป็นน้องรักร่วมสำนักพิมพ์ มุมภาพ จังหวะอาจต่างกันแต่ทุกคนที่ได้เห็นภาพจะต้องอมยิ้มเหมือนกันแน่นอน.....ความเครียด ความยากลำบากในการเข้าพื้นที่ในตอนเช้า ความอ่อนล้าทุกๆ อย่าง มันมลายหายไปหมดสิ้น เมื่อเห็นและบันทึกรูปๆ นี้ไว้ได้ ."รูปที่มีทุกบ้าน"เครดิต:สุข กะ ภาพ(วสันต์ วณิชชากร)
    “พ่อดุเรา… บอกให้เราไปถ่ายที่อื่น ให้เราสำรวมและให้ไปบอกคนข้างหลังให้เงียบๆ ด้วย”.…. สมเด็จพระเทพฯ เคยมีรับสั่งเกี่ยวกับภาพนี้อย่างมีความสุขกับนักข่าวว่า ในหลวงรัชกาลที่ 9 ทรงตำหนิที่พระองค์ทำตัวเหมือนเด็ก .-Behind the scenes- ....ย้อนกลับไปในวันมหามงคล วันศุกร์ที่ 9 มิถุนายน พุทธศักราช 2549 เวลา 11.29 นาฬิกา ณ สีหบัญชร ระเบียงหน้า พระที่นั่งอนันตสมาคม พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร เสด็จฯ ออกมหาสมาคม ทรงรับการถวายพระพรชัยมงคลเนื่องในวโรกาสพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปี....เช้ามืดตี 4 วันนั้นผมทำหน้าที่ถ่ายภาพให้กับสำนักข่าว AP ผมเข้าจุดบนสแตนถ่ายภาพบริเวณโค้งด้านขวาประตูพระที่นั่งอนันตสมาคมฝั่งเขาดิน อยู่กับช่างภาพรุ่นพี่คนหนึ่ง ในเช้ามืดวันนั้นมีประชาชนใส่เสื้อเหลืองเดินทางมาถวายพระพรกันมากมายเรียกว่ามืดฟ้ามัวดิน แบบที่ว่าจนบัดนี้ยังไม่เคยเห็นการรวมตัวกันของประชาชนไม่ว่าที่ใดในโลกที่มีผู้คนมารวมตัวกันได้มากมายเพียงนี้....รุ่นพี่ผมจึงให้ผมออกไปถ่ายภาพ เก็บบรรยากาศผู้คน ประชาชนผู้จงรักภักดีที่กำลังเดินทางมาและหาจุดถ่ายภาพที่แตกต่างออกไปจากมุมบนสแตนนี้เมื่อพระราชพิธีเริ่มต้นขึ้น เพราะบนสแตนหนึ่งจะอนุญาติให้มีช่างภาพประจำอยู่สำนักละหนึ่งคนเท่านั้น....ผมจึงเดินเก็บภาพไปเรื่อยๆ จากบริเวณหน้าประตูพระที่นั่งฯ เดินสวนเบียดกับประชาชนที่กำลังรีบเข้ามาจับจองพื้นที่ ที่ตอนนี้บริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าเต็มจนเกือบแน่นแล้วทั้งที่ฟ้ายังไม่สว่างเลย ซึ่งส่วนใหญ่มานอนจองกันไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นวาน.....ผมเดินสวนออกไป ถ่ายภาพไปเรื่อยๆ จนมาถึงเวทีมวยราชดำเนิน ในใจคิดได้ว่า ไปถ่ายภาพเรือโดยสารบริเวณท่าเรือตรงภูเขาทองรูปคงจะสวยเพราะมีประชาชนใส่เสื้อสีเหลืองทุกคนโดยสารกันมาเต็มลำเรือ.....ผมใช้เวลาเดินเบียดเสียดผู้คนและเดินถ่ายภาพไปด้วยกว่าชั่วโมงจนถึงที่หมาย ตอนนี้เวลาเจ็ดโมงแล้ว ฟ้าสว่างประชาชนใส่เสื้อสีเหลืองอยู่ทั่วไปหมด ทุกคนมุ่งสู่ลานพระบรมรูปทรงม้า.....เสียงโทรศัพท์ดังและสั่นเตือนมา ปลายสายคือรุ่นพี่ช่างภาพจากสำนักข่าว AP ที่อยู่บนสแตน ถามผมว่า "ตอนนี้คุณอยู่ที่ไหน" ผมตอบว่า "ผมอยู่ที่สะพานผ่านฟ้าฯ" ปลายสายอุทานคำไทยแท้ออกมาคำนึงอย่างดัง "..." "คุณรีบกลับมาที่สแตนเลย เขาอนุญาตให้ช่างภาพขึ้นสแตนได้ทุกคน ผมจองที่ไว้ให้คุณแล้ว แต่คุณต้องรีบมาเพราะมีช่างภาพมากันเยอะมากๆ" .....ตอนนี้เวลา 7.00 น. พระราชพิธีจะเริ่มเวลา 10.19 น. แต่เราต้องเข้าจุดก่อนพระราชพิธีเริ่มอย่างน้อยหนึ่งชั่วโมง ในใจคิดว่างานลำบากรออยู่ข้างหน้าแน่นอน ที่จะต้องเดินเบียดเสียดกับผู้คนที่อัดตัวกันอยู่ที่ด้านหน้า ที่แม้แต่เวลาเดินสวนออกมาตอนเช้ามืดยังเดินยากและใช้เวลาเป็นชั่วโมงกว่าจะมาถึงตรงที่ยืนนี้.....ผมเริ่มเดินกลับตั้งแต่ตอนรับสายแล้ว ทั้งเดินทั้งวิ่งในช่วงแรกที่พอมีพื้นที่ จนถึงสะพานมัฆวานฯ หน้ายูเอ็นคนเริ่มแน่น มีทั้งนั่ง ทั้งยืน ตรงนี้วิ่งไม่ได้แล้ว เดินยังลำบาก ผมไม่ถ่ายภาพอะไรแล้วตั้งแต่ออกตัวเดินกลับ ถ้าภาพนั้นไม่ดีจริงๆ ....8.30 น. ผมจำได้ว่าผมมาถึงหน้าลานพระรูปทรงม้า มันเป็นภาพจำที่จดจำได้มาจนทุกวันนี้ เบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยผู้คนใส่เสื้อสีเหลืองนั่งโบกธงอยู่กันแน่นจนเต็มพื้นที่ มองหาที่ว่างที่เดินไม่มีเลย.....ผมเอาป้ายนักข่าวขึ้นมาแขวนคอ เผื่ออาจช่วยได้บ้างเมื่อเวลาเดินแหวกผู้คนที่นั่งเบียดกันแน่น จนคิดว่าแม้แต่มดตัวเล็กๆ ก็ไม่มีทางรอดออกไปจากจุดนี้ ผมเริ่มยกมือไหว้ ของทางแค่วางเท้าเดินไปได้ ปากก็บอกไม่ได้หยุดว่า "ขออนุญาตเข้าพื้นที่ถ่ายภาพหน่อยครับ" มือนึงก็ชูกล้อง มือนึงก็ไหว้ ทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ บางคนก็มีน้ำใจ เห็นใจก็ขยับเบียดหลบให้เดิน บางคนก็ด่าว่าสารพัด ว่าทำไมไม่มาเช้าๆ มาเดินจะเหยียบมือเหยีบดเท้าคนอื่นเค้าแบบนี้ทำไม ผมก็ก้มหน้าก้มตา ปากก็ขอโทษ มือก็ยกไหว้ ไม่แก้ตัวหรืออธิบายอะไรทั้งนั้น เพราะจะเสียเวลา กว่าจะขยับได้ทีละเมตร ทีละศอกมันช่างลำบากเสียเหลือเกิน .....9.00 น. แล้วผมมาถึงแค่หางม้า ยังเหลืออีกครึ่งทางผมจึงจะถึงสแตน แต่ยิ่งใกล้ประชาชนที่นั่งอยู่นั้นยิ่งแน่นเท่าทวีคูณ ผมยกมือไหว้ขอทาง ปากร้องขอไม่ได้หยุด เสียงบ่นด่ามีให้ได้ยินตลอดเป็นระยะ แต่ผมเข้าใจว่าเขามา ณ จุดนี้ยากลำบากแค่ไหน ผมได้แต่ยิ้มรับ และไหว้ขอโทษ บางจุดเดินหรือขยับไม่ได้เลย ยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นหลายนาทีจนเขาเห็นใจ หลายครั้งผมเกือบถอดใจและหยุดอยู่ตรงนั้น เพราะเกรงใจคนที่นั่งอยู่..... เสียงโทรศัพท์จากช่างภาพรุ่นพี่ดังมาถามไม่รู้ครั้งที่เท่าไหร่แล้วว่าอยู่ตรงไหน ผมก็ยังไปไม่ถึงสแตนสักที เวลาเสด็จก็งวดใกล้เข้ามาทุกที จะเก้าโมงแล้วผมยังอยู่หัวม้าด้านขวามือ อีก 50 เมตรผมจะถึงสแตนแล้ว .....คิดว่าเป็นวันหนึ่งที่ผมโดนด่ามากที่สุด ที่ต้องเดินขอทางเบียดประชาชนที่นั่งเข้ามายังจุดถ่ายภาพ แต่เพราะโดยไม่ได้คาดคิดว่าการเดินกลับมาจะมีความยากลำบากขนาดนี้ เพราะเวลาเดินออกไปจะมีรั้วกั้นให้ไว้สำหรับเป็นทางเดินเข้าออก แต่ด้วยการที่ทุกคนต้องการเข้ามาใกล้ๆ พื้นที่จึงเต็มแน่นไปด้วยประชาชน ไม่มีที่ว่างแม้แต่ทางเดินเล็กๆ .....ผมจำได้ว่าผมเดินมาถึงสแตนในสภาพที่เหงื่อชุ่มในเวลาประมาณ 9.30 น. ผมใช้เวลาเดินจากสะพานผ่านฟ้ามาถึงโค้งด้านขวาพระที่นั่งฯ รวมเวลาสองชั่วโมงครึ่ง เป็นสองชั่วโมงครึ่งที่ยากลำบากใจเป็นที่สุด ท้อหลายครั้ง แต่โอกาสถ่ายงานนี้และร่วมอยู่ในบรรยากาศแบบนี้ไม่ได้มีง่ายๆ ผมต้องอดทนไปให้ถึงสแตนให้ได้ ในเมื่อมีการอนุญาตให้ขึ้นถ่ายได้แล้ว.....ผมมาถึงไม่มีเวลาให้พูดอะไรกันมาก เพราะใกล้เสด็จฯ และทุกคนตกใจ ผมมาได้ยังไงเพราะมองเห็นว่าประชาชนแน่นมากแค่ไหน ผมเช็กชื่อเข้าจุดขึ้นสแตนที่พี่เขาจองไว้ให้ ซึ่งเหลือพื้นที่ให้ยืนแค่สองขา ที่นั่งไม่มี..... จำได้ว่าต้องหยุดคิดทุกสิ่งอย่างที่ผ่านมาไว้ก่อน ต้องมีสติ สมาธิกับงานสำคัญตรงหน้า เพราะอีกไม่นานขบวนเสด็จของทุกพระองค์จะผ่านมาตรงนี้.....เสียงร้องทรงพระเจริญและเสียงชัตเตอร์จากกล้องหลายร้อยตัวดังสนั่นบนสแตนช่างภาพที่เบียดกันแบบไหล่ชนไหล่ เมื่อขบวนเสด็จผ่านมาหน้าพระที่นั่งอนันตสมาคมเพื่อผ่านเข้าประตูพระที่นั่งฯไป.....เวลา 11.29 นาฬิกา ณ สีหบัญชร ระเบียงหน้า ในหลวงรัชกาลที่ ๙ เสด็จฯ ออกมหาสมาคมพระที่นั่งอนันตสมาคม ประชาชนนับแสนที่เดินทางมาถวายพระพร ณ ลานพระบรมรูปทรงม้าและพื้นที่โดยรอบ เสียงเปร่งร้องตะโกนทรงพระเจริญดังกึกก้องทั่วบริเวณ เป็นเสียงเปร่งร้องทรงพระเจริญที่ดังที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมา.....ในหลวงรัชกาลที่ ๙ แย้มพระสรวล ทรงโบกพระหัตถ์ ทักทายประชาชน เสียงเปร่งร้องและเสียงชัตเตอร์ยังดังไม่หยุด....พระราชพิธีก็เริ่มดำเนินไป ผมก็ถ่ายภาพพระองค์ท่านบ้าง ประชาชนที่ร้องไห้ดีใจบ้าง สลับกันไป อากาศเริ่มร้อน แต่ก็ไม่มีใครหลบถอยออกจากตรงนั้น บางคนเริ่มเป็นลม มีการอุ้มยกออกจากพื้นที่ไปหลายคน.....พระราชพิธีก็ดำเนินไปเรื่อยๆ เสียงร้องตะโกนและเสียงชัตเตอร์เริ่มเบาลงในช่วงรอยต่อของพระราชพิธี ช่างภาพหลายคนเริ่มขยับไปห้องน้ำ หลายคนเริ่มหาอะไรทาน หลายคนเริ่มวางกล้องลงเพราะเป็นช่วงรอยต่อ.....แต่ผมยังคงไม่ยอมทิ้งตาจากวิวไฟน์เดอร์กล้องที่ติดเลนส์ 600 มม.จับกับขาตั้งเดี่ยวในมือที่จับถืออยู่อย่างนิ่งแน่น สายตาที่ยังคงเฝ้ามองพ่อของแผ่นดินที่ทรงประทับนั่งอยู่ ณ สีหบัญชร ระเบียงหน้าพระที่นั่งฯ พระองค์กำลังทอดพระเนตรประชาชนของพระองค์ที่พร้อมใจกันใส่เสื้อสีเหลืองมาร่วมกันถวายพระพรกันอย่างมากมายกว้างไกลจนสุดลูกหูลูกตา..... ณ วินาทีนั้น ที่เป็นช่วงรอยต่อของพระราชพิธี หลายคนเริ่มผ่อนคลาย หลายคนเริ่มขยับทำกิจกรรมอย่างอื่น แต่มีช่างภาพ 3 คนที่ดวงตายังคงไม่ทิ้งช่องมองภาพ ซึ่งผมเป็น 1 ใน 3 คนนั้น .....เสี้ยววินาทีนั้น สมเด็จพระเทพฯ ท่านทรงเสด็จออกมาถ่ายรูป ผมกดชัตเตอร์ด้วยสัญชาติญาน เพราะไม่คิดว่าจะมีภาพนี้ให้เราได้เห็น ผมกดชัตเตอร์ได้สามภาพ ภาพนี้เป็นภาพที่ผมชอบที่สุด เพราะทั้งสองพระองค์ทรงสบพระเนตรกันพอดี.....ณ​ ช่วงเวลานั้น ในใจคิดว่าภาพแนวนี้อาจไม่บังควรในการที่จะเผยแพร่ออกสื่อไป ถ้าต้องเลือกภาพเองก็คงไม่กล้าเลือกภาพนี้ไปเผยแพร่ แต่โชคดีเป็นของทุกคน ที่เวลานั้น ผมไม่มีเวลามานั่งเลือกภาพ ทำภาพเพื่อส่งเข้าไปยังระบบในต่างประเทศ ทางหัวหน้าช่างภาพซึ่งเป็นคนอเมริกัน ส่งคนมารับการ์ดเก็บภาพไปเลือกภาพ ทำภาพให้ .....หัวหน้าจึงเลือกภาพนี้เป็นหนึ่งในภาพชุดวันนั้น เพื่อส่งเข้าระบบภาพของสำนักข่าว AP เพื่อเผยแพร่พระราชพิธีอันยิ่งใหญ่ งดงามของประเทศไทยนี้ไปทั่วโลก เราจึงได้เห็นภาพๆ นี้กันจากหลายๆ สื่อทั้งในประเทศและต่างประเทศ.....ผมถ่ายภาพมาหลายสิบปี ภาพนี้เป็นภาพแรกที่ได้รับคำขอบคุณจากผู้ที่ได้เห็นภาพ ได้ชมภาพ และส่งข้อความ เขียนคอมเมนต์ขอบคุณช่างภาพผู้ถ่ายภาพนี้.....ผู้ใหญ่หลายคนเมื่อพูดถึงผมหรือจะแนะนำผมให้กับคนอื่น เขาก็จะบอกว่า "ภาพสมเด็จพระเทพฯที่ออกมาถ่ายรูปไง คนนี้เป็นคนถ่าย" .....จริงๆ ภาพใบนี้จะไม่มีทางได้มาเลย ถ้าผมทิ้งตาจากวิวไฟน์เดอร์ และที่ผมไม่ทิ้งช่องมองภาพก็เพราะว่า ผมมีเลนส์เทเลระยะไกลถึง 600 มม. อยู่ในมือ ผมจึงอยากมองในหลวงใกล้ๆ ให้นานที่สุดแค่นั้น ผมจึงให้เวลาทุกนาทีกับการจ้องมองพระองค์ท่านผ่านช่องมองภาพที่ติดเลนส์ขนาดใหญ่ตัวนี้.....ภาพๆ นี้ยังมีช่างภาพอีกสองท่านที่บันทึกไว้ได้ คนหนึ่งเป็นคุณน้าที่ผมเคารพมาก อีกคนเป็นน้องรักร่วมสำนักพิมพ์ มุมภาพ จังหวะอาจต่างกันแต่ทุกคนที่ได้เห็นภาพจะต้องอมยิ้มเหมือนกันแน่นอน.....ความเครียด ความยากลำบากในการเข้าพื้นที่ในตอนเช้า ความอ่อนล้าทุกๆ อย่าง มันมลายหายไปหมดสิ้น เมื่อเห็นและบันทึกรูปๆ นี้ไว้ได้ ."รูปที่มีทุกบ้าน"เครดิต:สุข กะ ภาพ(วสันต์ วณิชชากร)
    Love
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 746 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts