• นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ เผยถึงการฟ้องเอาผิดตามกฎหมายไทย ทั้งทางแพ่งและอาญากับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา รัฐบาลต้องดูรายละเอียด ขณะนี้เป็นแค่หลักการว่าจะพิจารณาดำเนินการ มีข้อกังวลว่าการฟ้องร้องอาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่วนการจะใช้กฎหมายระหว่างประเทศดำเนินคดีกับกัมพูชา ต้องดูรายละเอียดการฟ้องของกฎหมายไทยว่าฟ้องขนาดไหน ต้องดูเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย โดยคำนึงถึงมิติต่างๆ ต้องรักษาอำนาจอธิปไตย รักษาบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย รวมถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศไทยด้วย

    -เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมาย
    -เขมรป่วนผู้สังเกตการณ์
    -ลาออกก็ไม่พ้น(หาก)ผิด
    -ห่วงความปลอดภัยซีเกมส์
    นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รมว.การต่างประเทศ เผยถึงการฟ้องเอาผิดตามกฎหมายไทย ทั้งทางแพ่งและอาญากับนายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา และนายฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา รัฐบาลต้องดูรายละเอียด ขณะนี้เป็นแค่หลักการว่าจะพิจารณาดำเนินการ มีข้อกังวลว่าการฟ้องร้องอาจกระทบความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ ส่วนการจะใช้กฎหมายระหว่างประเทศดำเนินคดีกับกัมพูชา ต้องดูรายละเอียดการฟ้องของกฎหมายไทยว่าฟ้องขนาดไหน ต้องดูเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างประเทศด้วย โดยคำนึงถึงมิติต่างๆ ต้องรักษาอำนาจอธิปไตย รักษาบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศไทย รวมถึงผลประโยชน์ของประชาชนและประเทศไทยด้วย -เป็นเรื่องของฝ่ายกฎหมาย -เขมรป่วนผู้สังเกตการณ์ -ลาออกก็ไม่พ้น(หาก)ผิด -ห่วงความปลอดภัยซีเกมส์
    Haha
    Like
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 301 มุมมอง 0 0 รีวิว
  • กระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกประกาศ อ้างแหล่งข่าวระบุทหารไทยสั่งอพยพประชาชน เตรียมเปิดฉากบุกก่อนประชุม GBC ในพื้นที่ปราสาทตาควาย ตาเมือน ช่องอานม้า โวยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา ด้าน "ฮุนเซน" ยกเลิกเป็นประธานประชุมวุฒิสภา เตรียมบัญชาการกองทัพ 24 ชั่วโมง


    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000073501

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    กระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกประกาศ อ้างแหล่งข่าวระบุทหารไทยสั่งอพยพประชาชน เตรียมเปิดฉากบุกก่อนประชุม GBC ในพื้นที่ปราสาทตาควาย ตาเมือน ช่องอานม้า โวยละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนของกัมพูชา ด้าน "ฮุนเซน" ยกเลิกเป็นประธานประชุมวุฒิสภา เตรียมบัญชาการกองทัพ 24 ชั่วโมง อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000073501 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Love
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 533 มุมมอง 0 รีวิว
  • "มาริษ" เผยส่งหนังสือประท้วงพร้อมหลักฐานกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงถึงอาเซียน-มาเลเซีย-สหรัฐฯ-จีน-ทูต UN รับทราบแล้ว ลั่น! ไทยยังมีสิทธิตอบโต้ตามสัดส่วน มั่นใจการบิดเบือนไม่สามารถเอาชนะได้ ลั่น! ชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยความสุภาพบุรุษ - ไม่ยอมเสียอธิปไตย-บูรณภาพแห่งดินแดน

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000071663

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    "มาริษ" เผยส่งหนังสือประท้วงพร้อมหลักฐานกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิงถึงอาเซียน-มาเลเซีย-สหรัฐฯ-จีน-ทูต UN รับทราบแล้ว ลั่น! ไทยยังมีสิทธิตอบโต้ตามสัดส่วน มั่นใจการบิดเบือนไม่สามารถเอาชนะได้ ลั่น! ชี้แจงข้อเท็จจริงด้วยความสุภาพบุรุษ - ไม่ยอมเสียอธิปไตย-บูรณภาพแห่งดินแดน อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000071663 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 466 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน!
    กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาของไทย กรณีทหารชุดลาดตระเวนของไทยเหยียบกับระเบิด ย้ำ! ไม่ใช่ความรับผิดชอบของกัมพูชา

    พลโท มาลี โสเจียตา (Maly Socheata) ปลัดกระทรวงและโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาของฝ่ายไทยอย่างสิ้นเชิง โดยระบุว่าเป็นการกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริง

    ในแถลงการณ์ดังกล่าว พลโท มาลี โสเจียตา ยืนยันว่า กัมพูชาขอปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลจากฝ่ายไทยทั้งหมด เกี่ยวกับการบาดเจ็บของทหารไทย 5 นายจากเหตุทุ่นระเบิดระเบิดในหมู่บ้านอานเสะ ตำบลจอมกระสานต์ อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหาร (บริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี) เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568
    .
    กระทรวงกลาโหมกัมพูชายังระบุด้วยว่า กัมพูชาได้ย้ำเตือนฝ่ายไทยหลายครั้งแล้วว่าพื้นที่เหล่านั้นยังคงมีทุ่นระเบิดจำนวนมาก ซึ่งเป็นเศษซากจากสงครามในอดีตที่ยังไม่ได้รับการกวาดล้างจนหมด และได้เรียกร้องให้ฝ่ายไทยหลีกเลี่ยงการกระทำที่ขัดต่อข้อตกลงร่วมกันในการใช้เส้นทางลาดตระเวนตามที่ระบุไว้ใน บันทึกความเข้าใจปี 2000 (MOU 2000)
    .
    แถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างยิ่งที่ฝ่ายไทยไม่เพียงแต่ไม่รับผิดชอบต่อการกระทำที่รุกรานของตนเอง แต่ยังกล่าวหากัมพูชาว่าละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งที่กัมพูชาเองเป็นเหยื่อที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการละเมิดกฎหมายของไทย
    .
    ในตอนท้าย กระทรวงกลาโหมและกองทัพกัมพูชายืนยันว่าจะยังคงปฏิบัติตามการตัดสินใจของรัฐบาลกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีตามกฎหมายระหว่างประเทศ และพร้อมที่จะปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความปลอดภัยของประชาชนชาวกัมพูชา โดยจะไม่อนุญาตให้ประเทศใดรุกล้ำเข้ามาในดินแดนของตนเป็นอันขาด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม

    https://www.facebook.com/share/p/15isUPq9mT/
    ด่วน! กัมพูชาปฏิเสธข้อกล่าวหาของไทย กรณีทหารชุดลาดตระเวนของไทยเหยียบกับระเบิด ย้ำ! ไม่ใช่ความรับผิดชอบของกัมพูชา พลโท มาลี โสเจียตา (Maly Socheata) ปลัดกระทรวงและโฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ได้ออกแถลงการณ์ปฏิเสธข้อกล่าวหาของฝ่ายไทยอย่างสิ้นเชิง โดยระบุว่าเป็นการกล่าวหาที่ไม่มีมูลความจริง ในแถลงการณ์ดังกล่าว พลโท มาลี โสเจียตา ยืนยันว่า กัมพูชาขอปฏิเสธข้อกล่าวหาที่ไม่มีมูลจากฝ่ายไทยทั้งหมด เกี่ยวกับการบาดเจ็บของทหารไทย 5 นายจากเหตุทุ่นระเบิดระเบิดในหมู่บ้านอานเสะ ตำบลจอมกระสานต์ อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหาร (บริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี) เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคม 2568 . กระทรวงกลาโหมกัมพูชายังระบุด้วยว่า กัมพูชาได้ย้ำเตือนฝ่ายไทยหลายครั้งแล้วว่าพื้นที่เหล่านั้นยังคงมีทุ่นระเบิดจำนวนมาก ซึ่งเป็นเศษซากจากสงครามในอดีตที่ยังไม่ได้รับการกวาดล้างจนหมด และได้เรียกร้องให้ฝ่ายไทยหลีกเลี่ยงการกระทำที่ขัดต่อข้อตกลงร่วมกันในการใช้เส้นทางลาดตระเวนตามที่ระบุไว้ใน บันทึกความเข้าใจปี 2000 (MOU 2000) . แถลงการณ์แสดงความเสียใจอย่างยิ่งที่ฝ่ายไทยไม่เพียงแต่ไม่รับผิดชอบต่อการกระทำที่รุกรานของตนเอง แต่ยังกล่าวหากัมพูชาว่าละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศ ทั้งที่กัมพูชาเองเป็นเหยื่อที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการละเมิดกฎหมายของไทย . ในตอนท้าย กระทรวงกลาโหมและกองทัพกัมพูชายืนยันว่าจะยังคงปฏิบัติตามการตัดสินใจของรัฐบาลกัมพูชาในการแก้ไขปัญหาด้วยสันติวิธีตามกฎหมายระหว่างประเทศ และพร้อมที่จะปกป้องอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความปลอดภัยของประชาชนชาวกัมพูชา โดยจะไม่อนุญาตให้ประเทศใดรุกล้ำเข้ามาในดินแดนของตนเป็นอันขาด ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม https://www.facebook.com/share/p/15isUPq9mT/
    Angry
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 404 มุมมอง 0 รีวิว
  • รัฐบาลไทยออกแถลงการณ์ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุด กรณีวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลใหม่ที่ช่องบก อุบลราชธานี ยันไม่ใช่ของไทย ละเมิดอธิปไตยและอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิด ขู่ใช้กลไกทวิภาคีและเรียกร้องให้เก็บกู้ทันที

    “ตามที่เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น

    รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่ข้อสรุปได้ว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง

    รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุด ต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและ บูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน

    ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง ๆ ที่มีอยู่ และขอเรียกร้องฝ่ายกัมพูชาให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดนตามที่นายกรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันภายในกรอบทวิภาคี“


    รัฐบาลไทยออกแถลงการณ์ประณามกัมพูชาอย่างรุนแรงที่สุด กรณีวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลใหม่ที่ช่องบก อุบลราชธานี ยันไม่ใช่ของไทย ละเมิดอธิปไตยและอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิด ขู่ใช้กลไกทวิภาคีและเรียกร้องให้เก็บกู้ทันที “ตามที่เมื่อวันที่ 16 ก.ค.2568 กำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 รวม 3 นาย ซึ่งทำการลาดตระเวนตามปกติในดินแดนของไทย บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ประสบเหตุเหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลนั้น รัฐบาลไทยได้รับรายงานจากหน่วยงานความมั่นคงว่า ภายหลังการตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ปรากฏหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า ทุ่นระเบิดที่พบ ไม่มีการใช้ หรือมีอยู่ในคลังอาวุธของไทย และเป็นทุ่นระเบิดที่วางใหม่ เมื่อประกอบกับการประมวลข้อมูล และหลักฐานสภาพแวดล้อมอื่น ๆ ที่หน่วยงานความมั่นคงตรวจพบ นำไปสู่ข้อสรุปได้ว่าเป็นการวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ถือเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง รัฐบาลไทยขอประณามอย่างรุนแรงที่สุด ต่อการใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ซึ่งถือเป็นการละเมิดอธิปไตยและ บูรณภาพแห่งดินแดนของไทย และเป็นการกระทำที่ขัดต่อหลักการพื้นฐานที่สำคัญของกฎหมายระหว่างประเทศที่ระบุไว้ในกฎบัตรสหประชาชาติ อีกทั้งยังเป็นการกระทำที่ละเมิดพันธกรณีภายใต้อนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคลอย่างชัดเจน ไทยในฐานะรัฐภาคีอนุสัญญาฯ จะดำเนินการตามกระบวนการภายใต้อนุสัญญาฯ โดยจะยังคงหาทางแก้ปัญหากับกัมพูชาผ่านกลไกทวิภาคีต่าง ๆ ที่มีอยู่ และขอเรียกร้องฝ่ายกัมพูชาให้ความร่วมมือในการเก็บกู้ทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดนตามที่นายกรัฐมนตรีของทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกันภายในกรอบทวิภาคี“
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 402 มุมมอง 0 รีวิว
  • กมธ.ทหาร สว. เตรียมเชิญ 'นายกฯ' แจงปัญหาชายแดนและประเด็นความมั่นคง หลังมาตรการปิดด่าน พบปัญหา ‘สินค้าหนีภาษี-ลักลอบเข้าเมือง’
    https://www.thai-tai.tv/news/20086/
    .
    #กมธทหารสว #ไชยยงค์มณีรุ่งสกุล #แพทองธารชินวัตร #นายกฯ #รักษาการนายกฯ #ชายแดนไทยกัมพูชา #จังหวัดชายแดนภาคใต้ #ความมั่นคง #อธิปไตย #บูรณภาพแห่งดินแดน #MOU43 #MOU44 #รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม #ความปลอดภัยไซเบอร์ #ฟอกเงิน #สินค้าหนีภาษี #ลักลอบเข้าเมือง #รัฐสภา #การเมืองไทย
    กมธ.ทหาร สว. เตรียมเชิญ 'นายกฯ' แจงปัญหาชายแดนและประเด็นความมั่นคง หลังมาตรการปิดด่าน พบปัญหา ‘สินค้าหนีภาษี-ลักลอบเข้าเมือง’ https://www.thai-tai.tv/news/20086/ . #กมธทหารสว #ไชยยงค์มณีรุ่งสกุล #แพทองธารชินวัตร #นายกฯ #รักษาการนายกฯ #ชายแดนไทยกัมพูชา #จังหวัดชายแดนภาคใต้ #ความมั่นคง #อธิปไตย #บูรณภาพแห่งดินแดน #MOU43 #MOU44 #รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม #ความปลอดภัยไซเบอร์ #ฟอกเงิน #สินค้าหนีภาษี #ลักลอบเข้าเมือง #รัฐสภา #การเมืองไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 490 มุมมอง 0 รีวิว
  • เนื้อหาใน TOR ปี 2546 ที่เป็นหลักฐานว่ารัฐบาลไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200000 ตามความเห็นทนายเขมร
    แม้แต่การเจรจา JBC ครั้งที่ผ่านมา ก็ยังยืนยันจะดำเนินการต่อตาม TOR46

    ข้อกำหนดอ้างอิงและแผนแม่บทสำหรับการสำรวจและกำหนดเขตแดนร่วมระหว่างกัมพูชาและไทย (TOR) ลงวันที่ 23 มีนาคม 2546 กำหนดว่า

    1.1.3 แผนที่ซึ่งเป็นผลงานการกำหนดเขตแดนของคณะกรรมาธิการการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] ซึ่งแยกตามอนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] (ต่อไปนี้จะเรียกว่า " แผนที่1:200,000") และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย]

    วรรคที่ 10 ของข้อกำหนดอ้างอิงเน้นย้ำว่า:

    "TOR นี้ไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าทางกฎหมายของข้อตกลงก่อนหน้านี้ระหว่างฝรั่งเศสและสยามเกี่ยวกับการกำหนดเขตแดน หรือต่อมูลค่าของแผนที่ของคณะกรรมาธิการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน ( กัมพูชา) และสยาม (ประเทศไทย) ที่จัดทำขึ้นภายใต้อนุสัญญาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1904 และสนธิสัญญาเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 1907 ซึ่งสะท้อนถึงเส้นแบ่งเขตแดนของอินโดจีนและสยาม"

    เห็นได้ชัดว่าแผนที่ที่อ้างถึงคือแผนที่ 1:200,000 ซึ่งตามที่ได้กล่าวข้างต้น ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ตัดสินว่าถูกต้องในปี 1962 และถือเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 1904 (และ 1907) ดังนั้น ประเทศไทยจึงไม่อยู่ในสถานะที่จะยืนยัน ว่า แผนที่1:200,000 (ซึ่งแผนที่หนึ่งเรียกว่าแผนที่ ภาคผนวก I หรือ ภาคผนวกI ที่มีปราสาทพระวิหารตั้งอยู่) ไม่ถูกต้อง ไม่มีฐานทางกฎหมายสำหรับข้อกล่าวอ้างดังกล่าว และข้อกล่าวอ้างดังกล่าวก็เท่ากับเป็นการกล่าวว่า ประเทศไทยไม่ยอมรับและจะไม่บังคับใช้คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ

    2. กัมพูชายังยอมรับในคำประกาศดังกล่าวว่าคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 ไม่ได้ตัดสินในประเด็นเส้นแบ่งเขตระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาBora Touch: ตรงกันข้ามกับข้อกล่าวอ้างของประเทศไทย ในปี 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินอย่างชัดเจนว่าแผนที่ 1:200,000 (รวมถึงแผนที่ภาคผนวก I หรือแผนที่แดนเกร็ก) ถูกต้องและเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 2447 และ 2450 เนื่องจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศยอมรับและตัดสินว่าแผนที่ ดังกล่าว ซึ่งเป็นผลจากการกำหนดเขตแดนของ คณะกรรมาธิการร่วมฝรั่งเศส-สยาม

    , มีผลบังคับใช้และเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญา ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินใจว่าไม่จำเป็นต้องตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนเพราะเรื่องนี้ได้รับการตัดสินแล้ว ( แผนที่ได้รับการตัดสินว่ามีผลบังคับใช้) คำถามนี้ไม่จำเป็นต้องได้รับคำตอบเนื่องจากกำหนดโดยแผนที่ดังที่นักวิชาการ Kieth Highet (1987) ชี้ให้เห็นว่า: "ศาลตัดสินว่าเนื่องจากสถานที่ที่ระบุไว้ในแผนที่ได้รับการยอมรับ จึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบตำแหน่งทางกายภาพของเขตแดนที่ได้มาจากเงื่อนไขของสนธิสัญญา" ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนโดยตัดสินว่าแผนที่ นั้น มีผลบังคับใช้

    3.ไทยยืนกรานว่าเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในดินแดนไทย และเรียกร้องให้กัมพูชาถอดทั้งเจดีย์และธงกัมพูชาที่โบกสะบัดอยู่เหนือเจดีย์ เป็นการตอกย้ำการประท้วงหลายครั้งที่ประเทศไทยได้ยื่นต่อกัมพูชาเกี่ยวกับกิจกรรมที่เกิดขึ้นในพระเจดีย์และบริเวณโดยรอบ ซึ่งล้วนแต่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรไทย

    Bora Touch:ตามแผนที่ 1:200,000 (หรือ แผนที่ส่วน Dangkrek หรือภาคผนวกI ) ปราสาทพระวิหารและที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตรอยู่ภายในอาณาเขตของกัมพูชาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ไทยและกัมพูชาเห็นพ้องกันว่าพระเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตร

    กระทรวงต่างประเทศของไทย: 4.กระทรวงฯ ยืนยันคำมั่นสัญญาของไทยในการแก้ไขปัญหาเขตแดนทั้งหมดกับกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศโดยสันติวิธีภายใต้กรอบของคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชาว่าด้วยการกำหนดเขตแดนทางบก (JBC) การกำหนดเส้นแบ่งเขตบริเวณปราสาทพระวิหารยังอยู่ระหว่างการเจรจาภายใต้กรอบของ JBC"

    Bora Touch: การที่ไทยกล่าวว่าใช้กฎหมายระหว่างประเทศในเรื่องนี้ถือเป็นการเข้าใจผิด ประเทศไทยไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 อย่างชัดเจน จึงถือเป็นการละเมิดมาตรา 94(1) ของกฎบัตรสหประชาชาติ/ กัมพูชาร้องเรียนต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อขอใช้มาตรการที่เหมาะสมต่อไทย: มาตรา 94(2)

    Bora Touch ทนายความ

    The Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Cambodia and Thailand (TOR) of 23 March 2003 stipulates:

    1.1.3. Maps which are the results of the Demarcation Works of the Commissions of Delimitation of boundary between Indochina [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam.. sep up under the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam (theferafter referred to as "the maps of 1:200,000") and other documents relating to the application of the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam.

    Paragraph 10 of the Terms of Reference emphasises:

    "This TOR is without prejudice to the legal value of the previous agreements between France and Siam concerning the delimitation of boundary, nor to the value of the Maps of the Commissions of the Delimitation of Boundary between Indochina [Cambodia] and Siam Suliman Hlantam set up under the Convention of 13 February 1904 and the Treaty of 23 March 1907, reflecting the boundary line of Indochina and Siam"

    Clearly the maps referred to are the 1:200,000 map(s) which, as mentioned above, the ICJ in 1962 ruled to be valid and forms part of the 1904 (and 1907) treaties. Thailand is therefore not in a position to assert that the 1:200,000 maps (one of which is known as Dangrek Section or Annex I map in which the PreahVihear Temple is situated) are not valid. There is no legal basis for such an assertion and to make such an assertion would amount to saying that, in contravention of the UN Charter, Thailand does not accept and will not enforce the Judgment of the ICJ.

    Thai FM: 2. Cambodia also admitted in the aforementioned declaration that the decision of the International Court of Justice (ICJ) of 1962 did not rule on the question of the boundary line between Thailand and Cambodia.

    Bora Touch: Contrary to Thailand's assertion, in 1962 the ICJ ruled unambiguously that the 1:200,000 maps (the Dangrek Section or Annex I Map included) is valid and is a part of the 1904 and 1907 treaties. Since the ICJ accepted and ruled that the map(s), which is the result of the boundary demarcation of the French-Siamese Joint Commissions, is valid and a part the treaties, the ICJ decided that it was unnecessary to rule on the question of boundary because the matter was decided (the map was ruled to be valid). The question did not need an answer as it was determined by the map(s). As scholar Kieth Highet (1987) pointed out: "the Court held that since the location indicated in the map had been accepted, it was unncessary to examine the physical location of boundary as derived from the terms of the Treaty". The ICJ did rule on the boundary question by ruling that map was valid.

    Thai FM: 3. Thailand maintains that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated on Thai territory, and demands that Cambodia remove both the pagoda and the Cambodian flag flying over the pagoda. This is a reiteration of the many protests that Thailand has submitted to Cambodia regarding the activities carried out in the pagoda and the surrounding area, all of which constitute violations of sovereignty and territorial integrity of the Kingdom of Thailand.

    Bora Touch: According to the 1:200,000 map (or the Dangkrek Section or Annex I map), the Preah Vihear Temple and the 4.6 sq km parcel of land undisputedly are inside Cambodian territory. Thailand and Cambodia agree that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated in the 4.6 sqkm parcel of land.

    Thai FM: 4. The Ministry reaffirms Thailand's commitment to resolving all boundary issues with Cambodia in accordance with international law through peaceful means under the framework of the Thai-Cambodian Joint Commission on Demarcation for Land Boundary (JBC). The determination of the boundary line in the area of the Temple of Phra Viharn [Preah Vihear Temple] is still subject to ongoing negotiation under the framework of the JBC."

    Bora Touch: It is misleading for Thailand to say it applies international law in this regard. It obviously failed to perform the obligations as stipulated under the ICJ Judgment of 1962. It thus has violated article 94(1) of the UN Charter/. Cambodia complains to the UN Security Council for appropriate measures against Thailand: Art 94(2).
    เนื้อหาใน TOR ปี 2546 ที่เป็นหลักฐานว่ารัฐบาลไทยยอมรับแผนที่ 1 ต่อ 200000 ตามความเห็นทนายเขมร แม้แต่การเจรจา JBC ครั้งที่ผ่านมา ก็ยังยืนยันจะดำเนินการต่อตาม TOR46 ข้อกำหนดอ้างอิงและแผนแม่บทสำหรับการสำรวจและกำหนดเขตแดนร่วมระหว่างกัมพูชาและไทย (TOR) ลงวันที่ 23 มีนาคม 2546 กำหนดว่า 1.1.3 แผนที่ซึ่งเป็นผลงานการกำหนดเขตแดนของคณะกรรมาธิการการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] ซึ่งแยกตามอนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] (ต่อไปนี้จะเรียกว่า " แผนที่1:200,000") และเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการใช้อนุสัญญาปี 1904 และสนธิสัญญาปี 1907 ระหว่างฝรั่งเศส [ กัมพูชา] และสยาม [ไทย] วรรคที่ 10 ของข้อกำหนดอ้างอิงเน้นย้ำว่า: "TOR นี้ไม่มีผลกระทบต่อมูลค่าทางกฎหมายของข้อตกลงก่อนหน้านี้ระหว่างฝรั่งเศสและสยามเกี่ยวกับการกำหนดเขตแดน หรือต่อมูลค่าของแผนที่ของคณะกรรมาธิการกำหนดเขตแดนระหว่างอินโดจีน ( กัมพูชา) และสยาม (ประเทศไทย) ที่จัดทำขึ้นภายใต้อนุสัญญาเมื่อวันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1904 และสนธิสัญญาเมื่อวันที่ 23 มีนาคม 1907 ซึ่งสะท้อนถึงเส้นแบ่งเขตแดนของอินโดจีนและสยาม" เห็นได้ชัดว่าแผนที่ที่อ้างถึงคือแผนที่ 1:200,000 ซึ่งตามที่ได้กล่าวข้างต้น ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศได้ตัดสินว่าถูกต้องในปี 1962 และถือเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 1904 (และ 1907) ดังนั้น ประเทศไทยจึงไม่อยู่ในสถานะที่จะยืนยัน ว่า แผนที่1:200,000 (ซึ่งแผนที่หนึ่งเรียกว่าแผนที่ ภาคผนวก I หรือ ภาคผนวกI ที่มีปราสาทพระวิหารตั้งอยู่) ไม่ถูกต้อง ไม่มีฐานทางกฎหมายสำหรับข้อกล่าวอ้างดังกล่าว และข้อกล่าวอ้างดังกล่าวก็เท่ากับเป็นการกล่าวว่า ประเทศไทยไม่ยอมรับและจะไม่บังคับใช้คำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ ซึ่งขัดต่อกฎบัตรสหประชาชาติ 2. กัมพูชายังยอมรับในคำประกาศดังกล่าวว่าคำตัดสินของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 ไม่ได้ตัดสินในประเด็นเส้นแบ่งเขตระหว่างประเทศไทยและกัมพูชาBora Touch: ตรงกันข้ามกับข้อกล่าวอ้างของประเทศไทย ในปี 2505 ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินอย่างชัดเจนว่าแผนที่ 1:200,000 (รวมถึงแผนที่ภาคผนวก I หรือแผนที่แดนเกร็ก) ถูกต้องและเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญาในปี 2447 และ 2450 เนื่องจากศาลยุติธรรมระหว่างประเทศยอมรับและตัดสินว่าแผนที่ ดังกล่าว ซึ่งเป็นผลจากการกำหนดเขตแดนของ คณะกรรมาธิการร่วมฝรั่งเศส-สยาม , มีผลบังคับใช้และเป็นส่วนหนึ่งของสนธิสัญญา ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินใจว่าไม่จำเป็นต้องตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนเพราะเรื่องนี้ได้รับการตัดสินแล้ว ( แผนที่ได้รับการตัดสินว่ามีผลบังคับใช้) คำถามนี้ไม่จำเป็นต้องได้รับคำตอบเนื่องจากกำหนดโดยแผนที่ดังที่นักวิชาการ Kieth Highet (1987) ชี้ให้เห็นว่า: "ศาลตัดสินว่าเนื่องจากสถานที่ที่ระบุไว้ในแผนที่ได้รับการยอมรับ จึงไม่จำเป็นต้องตรวจสอบตำแหน่งทางกายภาพของเขตแดนที่ได้มาจากเงื่อนไขของสนธิสัญญา" ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศตัดสินในประเด็นเรื่องเขตแดนโดยตัดสินว่าแผนที่ นั้น มีผลบังคับใช้ 3.ไทยยืนกรานว่าเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในดินแดนไทย และเรียกร้องให้กัมพูชาถอดทั้งเจดีย์และธงกัมพูชาที่โบกสะบัดอยู่เหนือเจดีย์ เป็นการตอกย้ำการประท้วงหลายครั้งที่ประเทศไทยได้ยื่นต่อกัมพูชาเกี่ยวกับกิจกรรมที่เกิดขึ้นในพระเจดีย์และบริเวณโดยรอบ ซึ่งล้วนแต่เป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของราชอาณาจักรไทย Bora Touch:ตามแผนที่ 1:200,000 (หรือ แผนที่ส่วน Dangkrek หรือภาคผนวกI ) ปราสาทพระวิหารและที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตรอยู่ภายในอาณาเขตของกัมพูชาอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง ไทยและกัมพูชาเห็นพ้องกันว่าพระเจดีย์ "Keo Sikha Kiri Svara" ตั้งอยู่ในที่ดินแปลงขนาด 4.6 ตารางกิโลเมตร กระทรวงต่างประเทศของไทย: 4.กระทรวงฯ ยืนยันคำมั่นสัญญาของไทยในการแก้ไขปัญหาเขตแดนทั้งหมดกับกัมพูชาตามกฎหมายระหว่างประเทศโดยสันติวิธีภายใต้กรอบของคณะกรรมาธิการร่วมไทย-กัมพูชาว่าด้วยการกำหนดเขตแดนทางบก (JBC) การกำหนดเส้นแบ่งเขตบริเวณปราสาทพระวิหารยังอยู่ระหว่างการเจรจาภายใต้กรอบของ JBC" Bora Touch: การที่ไทยกล่าวว่าใช้กฎหมายระหว่างประเทศในเรื่องนี้ถือเป็นการเข้าใจผิด ประเทศไทยไม่ปฏิบัติตามพันธกรณีตามคำพิพากษาของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศในปี 2505 อย่างชัดเจน จึงถือเป็นการละเมิดมาตรา 94(1) ของกฎบัตรสหประชาชาติ/ กัมพูชาร้องเรียนต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเพื่อขอใช้มาตรการที่เหมาะสมต่อไทย: มาตรา 94(2) Bora Touch ทนายความ The Terms of Reference and Master Plan for the Joint Survey and Demarcation of Land Boundary between Cambodia and Thailand (TOR) of 23 March 2003 stipulates: 1.1.3. Maps which are the results of the Demarcation Works of the Commissions of Delimitation of boundary between Indochina [Cambodia] and Siam [Thailand].. sep up under the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam [Thailand] (theferafter referred to as "the maps of 1:200,000") and other documents relating to the application of the Convention of 1904 and the Treaty of 1907 between France [Cambodia] and Siam [Thailand]. Paragraph 10 of the Terms of Reference emphasises: "This TOR is without prejudice to the legal value of the previous agreements between France and Siam concerning the delimitation of boundary, nor to the value of the Maps of the Commissions of the Delimitation of Boundary between Indochina [Cambodia] and Siam [Thailand] set up under the Convention of 13 February 1904 and the Treaty of 23 March 1907, reflecting the boundary line of Indochina and Siam" Clearly the maps referred to are the 1:200,000 map(s) which, as mentioned above, the ICJ in 1962 ruled to be valid and forms part of the 1904 (and 1907) treaties. Thailand is therefore not in a position to assert that the 1:200,000 maps (one of which is known as Dangrek Section or Annex I map in which the PreahVihear Temple is situated) are not valid. There is no legal basis for such an assertion and to make such an assertion would amount to saying that, in contravention of the UN Charter, Thailand does not accept and will not enforce the Judgment of the ICJ. Thai FM: 2. Cambodia also admitted in the aforementioned declaration that the decision of the International Court of Justice (ICJ) of 1962 did not rule on the question of the boundary line between Thailand and Cambodia. Bora Touch: Contrary to Thailand's assertion, in 1962 the ICJ ruled unambiguously that the 1:200,000 maps (the Dangrek Section or Annex I Map included) is valid and is a part of the 1904 and 1907 treaties. Since the ICJ accepted and ruled that the map(s), which is the result of the boundary demarcation of the French-Siamese Joint Commissions, is valid and a part the treaties, the ICJ decided that it was unnecessary to rule on the question of boundary because the matter was decided (the map was ruled to be valid). The question did not need an answer as it was determined by the map(s). As scholar Kieth Highet (1987) pointed out: "the Court held that since the location indicated in the map had been accepted, it was unncessary to examine the physical location of boundary as derived from the terms of the Treaty". The ICJ did rule on the boundary question by ruling that map was valid. Thai FM: 3. Thailand maintains that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated on Thai territory, and demands that Cambodia remove both the pagoda and the Cambodian flag flying over the pagoda. This is a reiteration of the many protests that Thailand has submitted to Cambodia regarding the activities carried out in the pagoda and the surrounding area, all of which constitute violations of sovereignty and territorial integrity of the Kingdom of Thailand. Bora Touch: According to the 1:200,000 map (or the Dangkrek Section or Annex I map), the Preah Vihear Temple and the 4.6 sq km parcel of land undisputedly are inside Cambodian territory. Thailand and Cambodia agree that the "Keo Sikha Kiri Svara" Pagoda is situated in the 4.6 sqkm parcel of land. Thai FM: 4. The Ministry reaffirms Thailand's commitment to resolving all boundary issues with Cambodia in accordance with international law through peaceful means under the framework of the Thai-Cambodian Joint Commission on Demarcation for Land Boundary (JBC). The determination of the boundary line in the area of the Temple of Phra Viharn [Preah Vihear Temple] is still subject to ongoing negotiation under the framework of the JBC." Bora Touch: It is misleading for Thailand to say it applies international law in this regard. It obviously failed to perform the obligations as stipulated under the ICJ Judgment of 1962. It thus has violated article 94(1) of the UN Charter/. Cambodia complains to the UN Security Council for appropriate measures against Thailand: Art 94(2).
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 794 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ ##
    ..
    ..
    "อำนาจอธิปไตย" ไม่ใช่เพียงสิ่งที่รัฐหยิบยื่นให้ หากแต่คือ จิตสำนึกสาธารณะของประชาชนผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินโดยแท้
    .
    และ
    .
    "บูรณภาพแห่งดินแดน" ก็หาใช่เพียงเส้นพรมแดนบนแผนที่ แต่คือ หัวใจของชาติ ที่ต้องได้รับการหวงแหนจากคนไทยทุกคน"
    ...
    ...
    เสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568
    16:00 - 21:00 น.
    พบกันที่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
    ...
    ...
    #28มิุนามาแน่
    #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
    #สามัคคีคือพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย
    .
    https://www.youtube.com/watch?v=HRfGQ67vUdE
    ## เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ ## .. .. "อำนาจอธิปไตย" ไม่ใช่เพียงสิ่งที่รัฐหยิบยื่นให้ หากแต่คือ จิตสำนึกสาธารณะของประชาชนผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินโดยแท้ . และ . "บูรณภาพแห่งดินแดน" ก็หาใช่เพียงเส้นพรมแดนบนแผนที่ แต่คือ หัวใจของชาติ ที่ต้องได้รับการหวงแหนจากคนไทยทุกคน" ... ... เสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 16:00 - 21:00 น. พบกันที่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ... ... #28มิุนามาแน่ #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ #สามัคคีคือพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย . https://www.youtube.com/watch?v=HRfGQ67vUdE
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 438 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ ##
    ..
    ..
    "อำนาจอธิปไตย" ไม่ใช่เพียงสิ่งที่รัฐหยิบยื่นให้ หากแต่คือ จิตสำนึกสาธารณะของประชาชนผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินโดยแท้
    .
    และ
    .
    "บูรณภาพแห่งดินแดน" ก็หาใช่เพียงเส้นพรมแดนบนแผนที่ แต่คือ หัวใจของชาติ ที่ต้องได้รับการหวงแหนจากคนไทยทุกคน"
    ...
    ...
    เสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568
    16:00 - 21:00 น.
    พบกันที่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
    ...
    ...
    #28มิุนามาแน่
    #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
    #สามัคคีคือพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย
    ## เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ ## .. .. "อำนาจอธิปไตย" ไม่ใช่เพียงสิ่งที่รัฐหยิบยื่นให้ หากแต่คือ จิตสำนึกสาธารณะของประชาชนผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินโดยแท้ . และ . "บูรณภาพแห่งดินแดน" ก็หาใช่เพียงเส้นพรมแดนบนแผนที่ แต่คือ หัวใจของชาติ ที่ต้องได้รับการหวงแหนจากคนไทยทุกคน" ... ... เสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 16:00 - 21:00 น. พบกันที่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ... ... #28มิุนามาแน่ #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ #สามัคคีคือพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 425 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ ##
    ..
    ..
    "อำนาจอธิปไตย" ไม่ใช่เพียงสิ่งที่รัฐหยิบยื่นให้ หากแต่คือ จิตสำนึกสาธารณะของประชาชนผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินโดยแท้
    .
    และ
    .
    "บูรณภาพแห่งดินแดน" ก็หาใช่เพียงเส้นพรมแดนบนแผนที่ แต่คือ หัวใจของชาติ ที่ต้องได้รับการหวงแหนจากคนไทยทุกคน"
    ...
    ...
    เสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568
    16:00 - 21:00 น.
    พบกันที่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
    ...
    ...
    #28มิุนามาแน่
    #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
    #สามัคคีคือพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย
    ## เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ ## .. .. "อำนาจอธิปไตย" ไม่ใช่เพียงสิ่งที่รัฐหยิบยื่นให้ หากแต่คือ จิตสำนึกสาธารณะของประชาชนผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินโดยแท้ . และ . "บูรณภาพแห่งดินแดน" ก็หาใช่เพียงเส้นพรมแดนบนแผนที่ แต่คือ หัวใจของชาติ ที่ต้องได้รับการหวงแหนจากคนไทยทุกคน" ... ... เสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 16:00 - 21:00 น. พบกันที่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ... ... #28มิุนามาแน่ #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ #สามัคคีคือพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 422 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ ##
    ..
    ..
    "อำนาจอธิปไตย" ไม่ใช่เพียงสิ่งที่รัฐหยิบยื่นให้ หากแต่คือ จิตสำนึกสาธารณะของประชาชนผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินโดยแท้
    .
    และ
    .
    "บูรณภาพแห่งดินแดน" ก็หาใช่เพียงเส้นพรมแดนบนแผนที่ แต่คือ หัวใจของชาติ ที่ต้องได้รับการหวงแหนจากคนไทยทุกคน"
    ...
    ...
    เสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568
    16:00 - 21:00 น.
    พบกันที่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
    ...
    ...
    #28มิุนามาแน่
    #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
    #สามัคคีคือพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย
    ## เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ ## .. .. "อำนาจอธิปไตย" ไม่ใช่เพียงสิ่งที่รัฐหยิบยื่นให้ หากแต่คือ จิตสำนึกสาธารณะของประชาชนผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินโดยแท้ . และ . "บูรณภาพแห่งดินแดน" ก็หาใช่เพียงเส้นพรมแดนบนแผนที่ แต่คือ หัวใจของชาติ ที่ต้องได้รับการหวงแหนจากคนไทยทุกคน" ... ... เสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 16:00 - 21:00 น. พบกันที่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ... ... #28มิุนามาแน่ #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ #สามัคคีคือพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 415 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ ##
    ..
    ..
    "อำนาจอธิปไตย" ไม่ใช่เพียงสิ่งที่รัฐหยิบยื่นให้ หากแต่คือ จิตสำนึกสาธารณะของประชาชนผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินโดยแท้
    .
    และ
    .
    "บูรณภาพแห่งดินแดน" ก็หาใช่เพียงเส้นพรมแดนบนแผนที่ แต่คือ หัวใจของชาติ ที่ต้องได้รับการหวงแหนจากคนไทยทุกคน"
    ...
    ...
    เสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568
    16:00 - 21:00 น.
    พบกันที่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
    ...
    ...
    #28มิุนามาแน่
    #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่
    #สามัคคีคือพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย
    ## เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ ## .. .. "อำนาจอธิปไตย" ไม่ใช่เพียงสิ่งที่รัฐหยิบยื่นให้ หากแต่คือ จิตสำนึกสาธารณะของประชาชนผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินโดยแท้ . และ . "บูรณภาพแห่งดินแดน" ก็หาใช่เพียงเส้นพรมแดนบนแผนที่ แต่คือ หัวใจของชาติ ที่ต้องได้รับการหวงแหนจากคนไทยทุกคน" ... ... เสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 16:00 - 21:00 น. พบกันที่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ... ... #28มิุนามาแน่ #เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ #สามัคคีคือพลังค้ำจุนแผ่นดินไทย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 415 มุมมอง 0 รีวิว
  • ## เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ ##
    ..
    ..
    "อำนาจอธิปไตย" ไม่ใช่เพียงสิ่งที่รัฐหยิบยื่นให้ หากแต่คือ จิตสำนึกสาธารณะของประชาชนผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินโดยแท้
    .
    และ
    .
    "บูรณภาพแห่งดินแดน" ก็หาใช่เพียงเส้นพรมแดนบนแผนที่ แต่คือ หัวใจของชาติ ที่ต้องได้รับการหวงแหนจากคนไทยทุกคน"
    ...
    ...
    เสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568
    16:00 - 21:00 น.
    พบกันที่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
    ## เอกราชจะไม่ให้ใครข่มขี่ ## .. .. "อำนาจอธิปไตย" ไม่ใช่เพียงสิ่งที่รัฐหยิบยื่นให้ หากแต่คือ จิตสำนึกสาธารณะของประชาชนผู้เป็นเจ้าของแผ่นดินโดยแท้ . และ . "บูรณภาพแห่งดินแดน" ก็หาใช่เพียงเส้นพรมแดนบนแผนที่ แต่คือ หัวใจของชาติ ที่ต้องได้รับการหวงแหนจากคนไทยทุกคน" ... ... เสาร์ที่ 28 มิถุนายน 2568 16:00 - 21:00 น. พบกันที่ อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 333 มุมมอง 0 รีวิว
  • กระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกแถลงการณ์ยืนยันไม่มีการถอนทหารออกจากพื้นที่อธิปไตยกัมพูชา การปรับกำลังมีจุดประสงค์เพื่อเตรียมพร้อมปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนเท่านั้น ขอเพื่อร่วมชาติและนักข่าวใช้ข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000053922

    #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    กระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกแถลงการณ์ยืนยันไม่มีการถอนทหารออกจากพื้นที่อธิปไตยกัมพูชา การปรับกำลังมีจุดประสงค์เพื่อเตรียมพร้อมปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนเท่านั้น ขอเพื่อร่วมชาติและนักข่าวใช้ข้อมูลจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000053922 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes
    Like
    Haha
    9
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1197 มุมมอง 0 รีวิว
  • “ปานเทพ” เสนอรัฐบาลทำหนังสือประท้วงกัมพูชาให้ชัดเจน ป้องกันกฎหมายปิดปากซ้ำรอยประสาทพระวิหาร สนับสนุนกองทัพปกป้องประเทศถึงที่สุด แสดงจุดยืนหนักแน่นไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก และปิดด่านตอบโต้

    จากกรณีปัญหาความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งยังไม่มีข้อยุติ และทางกัมพูชาเตรียมนำเรื่องไปฟ้องศาลโลก วันนี้(3 มิ.ย.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก

    “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” ว่า เมื่อรัฐบาลกัมพูชาแสดงตัวเป็นภัยคุกคามต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศชาติและประชาชนชาวไทย ฝ่ายรัฐบาลไทยควรจะต้อง

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000051901

    #MGROnline #ปานเทพ
    “ปานเทพ” เสนอรัฐบาลทำหนังสือประท้วงกัมพูชาให้ชัดเจน ป้องกันกฎหมายปิดปากซ้ำรอยประสาทพระวิหาร สนับสนุนกองทัพปกป้องประเทศถึงที่สุด แสดงจุดยืนหนักแน่นไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก และปิดด่านตอบโต้ • จากกรณีปัญหาความขัดแย้งตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งยังไม่มีข้อยุติ และทางกัมพูชาเตรียมนำเรื่องไปฟ้องศาลโลก วันนี้(3 มิ.ย.) นายปานเทพ พัวพงษ์พันธ์ ประธานมูลนิธิยามเฝ้าแผ่นดิน ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก • “ปานเทพ พัวพงษ์พันธ์” ว่า เมื่อรัฐบาลกัมพูชาแสดงตัวเป็นภัยคุกคามต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของประเทศชาติและประชาชนชาวไทย ฝ่ายรัฐบาลไทยควรจะต้อง • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000051901 • #MGROnline #ปานเทพ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 303 มุมมอง 0 รีวิว
  • รมต.กต.ถึงกรุงปารีสก่อนร่วมประชุม OECD พรุ่งนี้ เผยติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาใกล้ชิด สั่งปลัด กต รวบรวมหลักฐาน โดยเฉพาะข้อกฎหมาย เตรียมท่าทีสำหรับเจรจาในกรอบ JBC เร็วๆ นี้ ยันผู้นำกัมพูชาขอมติสภาส่งร้องศาลโลก เป็นสิทธิ์ ไม่กระทบคุย JBC เผยประท้วงกลับกัมพูชาแล้ว ย้ำไทยปฏิบัติตามหลักสากล ยึดหลักอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน

    เมื่อเวลา 11:00 น. วันที่ 2 มิ.ย.ตามเวลาประเทศฝรั่งเศส นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางถึงกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรี OECD ในระดับรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ พร้อมเผยถึง สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าตน และกระทรวงการต่างประเทศ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ต่อเนื่อง และได้สั่งการให้ปลัดกต.เรียกประชุมกรมกองที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาท่าทีในเรื่องนี้ โดยมอบนโยบายว่าเราจะต้องใช้ยุทธศาสตร์ที่เรามีทุกอย่าง ไปในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญที่สุด คืออยากจะเห็นนโยบายที่เราจะต้องเจรจา และหาทางแก้ไขปัญหานี้อย่างสันติ ไม่นำไปสู่การขยายตัวของความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตนไม่อยากเห็นว่าประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันอย่างยาวนาน สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องหาทางแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ไม่ใช้กำลัง จึงเป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงการต่างประเทศ เป็นสิ่งที่นักการทูตจำเป็นจะต้องใช้

    อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้ปลัด กต. ไปคุยกับกรมกองที่เกี่ยวข้องเพื่อไปรวบรวมข้อมูลด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านกฎหมาย รวมภาพถ่ายทั้งหลายเตรียมท่าทีสำหรับไปเจรจาโดยเร็วในกรอบของ JBC ซึ่งตัวนี้จะมีความสำคัญ เพราะเราสามารถเจรจาหาทางออกได้ ซึ่งจะได้หรือไม่ได้นั้นตนไม่สามารถที่จะการันตีได้ แต่ว่าเป็นกลไกสำคัญที่เรามีอยู่กับกัมพูชา ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ทั้งนี้ประเทศไทยได้ผลักดันกับทางกัมพูชา ที่จะขอให้มีการจัดการประชุม JBC โดยเร็วที่สุด ขณะนี้กัมพูชา จะต้องเป็นเจ้าภาพการประชุม แต่ตนก็ยืนยันไปด้วยว่า ถ้ากัมพูชายังไม่มีความพร้อม ประเทศไทยพร้อมจัด เนื่องจากเราเห็นความสำคัญของกลไกนี้ ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาใน 2 ด้าน 1. การลดความตึงเครียด ที่เกิดขึ้น และ 2. การมานั่งพูดคุยว่าเราจะกำหนด หรือหาทางแก้ไขเส้นเขตแดนระหว่างประเทศได้อย่างไร

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000051893

    #MGROnline #ไทย #กัมพูชา
    รมต.กต.ถึงกรุงปารีสก่อนร่วมประชุม OECD พรุ่งนี้ เผยติดตามสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาใกล้ชิด สั่งปลัด กต รวบรวมหลักฐาน โดยเฉพาะข้อกฎหมาย เตรียมท่าทีสำหรับเจรจาในกรอบ JBC เร็วๆ นี้ ยันผู้นำกัมพูชาขอมติสภาส่งร้องศาลโลก เป็นสิทธิ์ ไม่กระทบคุย JBC เผยประท้วงกลับกัมพูชาแล้ว ย้ำไทยปฏิบัติตามหลักสากล ยึดหลักอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดน • เมื่อเวลา 11:00 น. วันที่ 2 มิ.ย.ตามเวลาประเทศฝรั่งเศส นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เดินทางถึงกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อเข้าร่วมการประชุมคณะมนตรี OECD ในระดับรัฐมนตรี ในวันพรุ่งนี้ พร้อมเผยถึง สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่าตน และกระทรวงการต่างประเทศ ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด ต่อเนื่อง และได้สั่งการให้ปลัดกต.เรียกประชุมกรมกองที่เกี่ยวข้อง เพื่อหาท่าทีในเรื่องนี้ โดยมอบนโยบายว่าเราจะต้องใช้ยุทธศาสตร์ที่เรามีทุกอย่าง ไปในทิศทางเดียวกัน ที่สำคัญที่สุด คืออยากจะเห็นนโยบายที่เราจะต้องเจรจา และหาทางแก้ไขปัญหานี้อย่างสันติ ไม่นำไปสู่การขยายตัวของความขัดแย้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ตนไม่อยากเห็นว่าประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันอย่างยาวนาน สมควรอย่างยิ่งที่จะต้องหาทางแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ไม่ใช้กำลัง จึงเป็นนโยบายสำคัญของกระทรวงการต่างประเทศ เป็นสิ่งที่นักการทูตจำเป็นจะต้องใช้ • อย่างไรก็ตาม ตนได้สั่งการให้ปลัด กต. ไปคุยกับกรมกองที่เกี่ยวข้องเพื่อไปรวบรวมข้อมูลด้านต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านกฎหมาย รวมภาพถ่ายทั้งหลายเตรียมท่าทีสำหรับไปเจรจาโดยเร็วในกรอบของ JBC ซึ่งตัวนี้จะมีความสำคัญ เพราะเราสามารถเจรจาหาทางออกได้ ซึ่งจะได้หรือไม่ได้นั้นตนไม่สามารถที่จะการันตีได้ แต่ว่าเป็นกลไกสำคัญที่เรามีอยู่กับกัมพูชา ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาอย่างสันติวิธี ทั้งนี้ประเทศไทยได้ผลักดันกับทางกัมพูชา ที่จะขอให้มีการจัดการประชุม JBC โดยเร็วที่สุด ขณะนี้กัมพูชา จะต้องเป็นเจ้าภาพการประชุม แต่ตนก็ยืนยันไปด้วยว่า ถ้ากัมพูชายังไม่มีความพร้อม ประเทศไทยพร้อมจัด เนื่องจากเราเห็นความสำคัญของกลไกนี้ ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาใน 2 ด้าน 1. การลดความตึงเครียด ที่เกิดขึ้น และ 2. การมานั่งพูดคุยว่าเราจะกำหนด หรือหาทางแก้ไขเส้นเขตแดนระหว่างประเทศได้อย่างไร • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/politics/detail/9680000051893 • #MGROnline #ไทย #กัมพูชา
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 398 มุมมอง 0 รีวิว
  • ด่วน!! ทรัมป์ ประกาศข่าวดี อินเดีย-ปากีสถาน ยอมหยุดยิงอย่างสมบูรณ์โดยมีผลทันที หลังสหรัฐฯเป็นตัวกลาง

    “หลังจากการเจรจายาวนานตลอดทั้งคืนโดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นตัวกลาง ผมยินดีที่จะประกาศว่าอินเดียและปากีสถานได้ตกลงที่จะยุติการยิงกันโดยสมบูรณ์และทันที ขอแสดงความยินดีกับทั้งสองประเทศที่ใช้สามัญสำนึกและข่าวกรองที่ยอดเยี่ยม ขอบคุณที่ให้ความสนใจในเรื่องนี้!”

    นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีปากีสถานออกมายืนยันแล้วว่าอินเดียและปากีสถานได้ตกลงที่จะหยุดยิงทันที เน้นย้ำว่าปากีสถานมุ่งมั่นให้มีสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค โดยไม่ทำลายอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของปากีสถาน
    ด่วน!! ทรัมป์ ประกาศข่าวดี อินเดีย-ปากีสถาน ยอมหยุดยิงอย่างสมบูรณ์โดยมีผลทันที หลังสหรัฐฯเป็นตัวกลาง “หลังจากการเจรจายาวนานตลอดทั้งคืนโดยมีสหรัฐอเมริกาเป็นตัวกลาง ผมยินดีที่จะประกาศว่าอินเดียและปากีสถานได้ตกลงที่จะยุติการยิงกันโดยสมบูรณ์และทันที ขอแสดงความยินดีกับทั้งสองประเทศที่ใช้สามัญสำนึกและข่าวกรองที่ยอดเยี่ยม ขอบคุณที่ให้ความสนใจในเรื่องนี้!” นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีปากีสถานออกมายืนยันแล้วว่าอินเดียและปากีสถานได้ตกลงที่จะหยุดยิงทันที เน้นย้ำว่าปากีสถานมุ่งมั่นให้มีสันติภาพและความมั่นคงในภูมิภาค โดยไม่ทำลายอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของปากีสถาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 369 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทรัมป์ร่ายยาวโจมตีเซเลนสกีอีกครั้ง!!

    โดยกล่าวหาว่าเซเลนสกีคือตัวอันตรายสำหรับการเจรจาสันติภาพ หลังจากเมื่อวันก่อน เซเลนสกีประกาศไม่ยอมรับไครเมียเป็นของรัสเซีย

    "ถ้าเขาต้องการไครเมีย ทำไมพวกเขาไม่ต่อสู้เพื่อมันตั้งแต่เมื่อ 11 ปีก่อน ตอนที่มันถูกส่งให้รัสเซียโดยที่รัสเซียไม่ต้องยิงปืนแม้แต่นัดเดียว"

    ... เขาสามารถทำให้เกิดสันติภาพได้ หรือเขาจะสู้ต่ออีก 3 ปี แล้วสูญเสียประเทศทั้งหมด!!"

    ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า สหรัฐกำลังจะประกาศรับรองไครเมียว่าเป็นดินแดนของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเงื่อนไขการเจรจาสั้นติภาพ

    หลังจากนั้นเซเลนสกี ประกาศไม่ยอมรับไครเมียเป็นของรัสเซีย โดยอ้างว่าไม่สามารถทำได้ เนื่องจากผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ

    ผ่านพ้นไปเพียงวันเดียว คาจา คัลลาส ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปด้านกิจการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคง ออกมาประกาศเข้าข้างเซเลนสกี ว่า "ไครเมียคือยูเครน สหภาพยุโรปจะไม่มีวันยอมรับไครเมียว่าเป็นของรัสเซีย"

    ล่าสุดวันนี้ สำนักงานประธานาธิบดีมาครง แห่งฝรั่งเศส ประกาศชัดเจนถึงสหรัฐว่า: 'บูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครนเป็นข้อเรียกร้องที่ไม่สามารถต่อรองได้สำหรับการเจรจาสันติภาพ'
    ทรัมป์ร่ายยาวโจมตีเซเลนสกีอีกครั้ง!! โดยกล่าวหาว่าเซเลนสกีคือตัวอันตรายสำหรับการเจรจาสันติภาพ หลังจากเมื่อวันก่อน เซเลนสกีประกาศไม่ยอมรับไครเมียเป็นของรัสเซีย "ถ้าเขาต้องการไครเมีย ทำไมพวกเขาไม่ต่อสู้เพื่อมันตั้งแต่เมื่อ 11 ปีก่อน ตอนที่มันถูกส่งให้รัสเซียโดยที่รัสเซียไม่ต้องยิงปืนแม้แต่นัดเดียว" ... เขาสามารถทำให้เกิดสันติภาพได้ หรือเขาจะสู้ต่ออีก 3 ปี แล้วสูญเสียประเทศทั้งหมด!!" 👉ก่อนหน้านี้มีรายงานว่า สหรัฐกำลังจะประกาศรับรองไครเมียว่าเป็นดินแดนของรัสเซีย ซึ่งถือเป็นหนึ่งในเงื่อนไขการเจรจาสั้นติภาพ 👉หลังจากนั้นเซเลนสกี ประกาศไม่ยอมรับไครเมียเป็นของรัสเซีย โดยอ้างว่าไม่สามารถทำได้ เนื่องจากผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ 👉ผ่านพ้นไปเพียงวันเดียว คาจา คัลลาส ผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปด้านกิจการต่างประเทศและนโยบายความมั่นคง ออกมาประกาศเข้าข้างเซเลนสกี ว่า "ไครเมียคือยูเครน สหภาพยุโรปจะไม่มีวันยอมรับไครเมียว่าเป็นของรัสเซีย" 👉ล่าสุดวันนี้ สำนักงานประธานาธิบดีมาครง แห่งฝรั่งเศส ประกาศชัดเจนถึงสหรัฐว่า: 'บูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครนเป็นข้อเรียกร้องที่ไม่สามารถต่อรองได้สำหรับการเจรจาสันติภาพ'
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 466 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยูเครนได้แจ้งต่อสหรัฐว่า การลดกำลังทหารจะถือเป็น “เส้นแดง” ที่เคียฟไม่อาจยอมรับได้ในการเจรจายุติสงครามกับรัสเซีย


    "ไม่มีใคร โดยเฉพาะรัสเซีย ที่จะมากำหนดว่ายูเครนควรมีกำลังทหารแบบไหน"


    "การยอมรับข้อจำกัดด้านกำลังทหารจะเป็น "เส้นแดง" ในการเจรจาเพื่อยุติสงคราม เคียฟยืนกรานในอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนอย่างเต็มที่ โดยปฏิเสธการประนีประนอมใดๆ" พาเวล ปาลีซา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคณะผู้แทนในการเจรจากับซาอุดิอาระเบียกล่าว


    สรุปว่ายูเครนไม่ยอมรับอะไรสักอย่างในเงื่อนไขข้อตกลง:
    ยูเครนไม่ยอมรับดินแดนที่สูญเสียไปให้กับรัสเซีย ว่ากลายเป็นของรัสเซียไปแล้ว
    ยูเครนไม่ยอมรับเงื่อนไขการลดขนาดกองทัพ ตามข้อเรียกร้องรัสเซีย
    ยูเครนยังพยายามเข้าร่วมนาโต้ รวมทั้งสหภาพยุโรป หรือ อียู แม้ว่าสหรัฐและอีกหลายประเทศสมาชิกจะกล่าวว่า เวลานั้นมันผ่านไปแล้ว
    ยูเครนไม่ยอมตกลงเงื่อนไขแร่หายากกับสหรัฐ แม้จะผ่านการเจรจามาหลายครั้ง
    ยูเครนได้แจ้งต่อสหรัฐว่า การลดกำลังทหารจะถือเป็น “เส้นแดง” ที่เคียฟไม่อาจยอมรับได้ในการเจรจายุติสงครามกับรัสเซีย "ไม่มีใคร โดยเฉพาะรัสเซีย ที่จะมากำหนดว่ายูเครนควรมีกำลังทหารแบบไหน" "การยอมรับข้อจำกัดด้านกำลังทหารจะเป็น "เส้นแดง" ในการเจรจาเพื่อยุติสงคราม เคียฟยืนกรานในอำนาจอธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนอย่างเต็มที่ โดยปฏิเสธการประนีประนอมใดๆ" พาเวล ปาลีซา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของคณะผู้แทนในการเจรจากับซาอุดิอาระเบียกล่าว สรุปว่ายูเครนไม่ยอมรับอะไรสักอย่างในเงื่อนไขข้อตกลง: 👉ยูเครนไม่ยอมรับดินแดนที่สูญเสียไปให้กับรัสเซีย ว่ากลายเป็นของรัสเซียไปแล้ว 👉ยูเครนไม่ยอมรับเงื่อนไขการลดขนาดกองทัพ ตามข้อเรียกร้องรัสเซีย 👉ยูเครนยังพยายามเข้าร่วมนาโต้ รวมทั้งสหภาพยุโรป หรือ อียู แม้ว่าสหรัฐและอีกหลายประเทศสมาชิกจะกล่าวว่า เวลานั้นมันผ่านไปแล้ว 👉ยูเครนไม่ยอมตกลงเงื่อนไขแร่หายากกับสหรัฐ แม้จะผ่านการเจรจามาหลายครั้ง
    Like
    Haha
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 450 มุมมอง 0 รีวิว
  • ฝรั่งเศสอยากเป็นพี่ใหญ่ในยุโรป

    ฝรั่งเศสลงนามข้อตกลงความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์กับเดนมาร์ก เพื่อยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการรักษาบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของเดนมาร์กท่ามกลางการอ้างสิทธิ์เหนือกรีนแลนด์ของสหรัฐฯ

    ข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้จะมีลักษณะเดียวกับการรับประกันความปลอดภัยที่เสนอให้กับยูเครน นั่นคือสามารถส่งกองกำลังเข้าช่วยเหลือได้ทันทีกรณีที่มีภัยคุกคาม
    ฝรั่งเศสอยากเป็นพี่ใหญ่ในยุโรป ฝรั่งเศสลงนามข้อตกลงความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์กับเดนมาร์ก เพื่อยืนยันถึงความมุ่งมั่นในการรักษาบูรณภาพแห่งดินแดนและอธิปไตยของเดนมาร์กท่ามกลางการอ้างสิทธิ์เหนือกรีนแลนด์ของสหรัฐฯ ข้อตกลงความร่วมมือฉบับนี้จะมีลักษณะเดียวกับการรับประกันความปลอดภัยที่เสนอให้กับยูเครน นั่นคือสามารถส่งกองกำลังเข้าช่วยเหลือได้ทันทีกรณีที่มีภัยคุกคาม
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 321 มุมมอง 0 รีวิว
  • สหภาพยุโรปประณามอย่างรุนแรงต่อเหตุการณ์ในซีเรีย โดยกล่าวหาว่ากลุ่มที่สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีอัสซาด เป็นฝ่ายกระทำการรุนแรงต่อพลเมืองชีเรีย

    "สหภาพยุโรปประณามการโจมตีล่าสุดที่รายงานว่าเป็นฝีมือของกลุ่มที่สนับสนุนอัสซาดต่อกองกำลังรักษาการของรัฐบาลในพื้นที่ชายฝั่งของซีเรียและความรุนแรงทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับพลเรือน

    พลเรือนต้องได้รับการปกป้องในทุกสถานการณ์โดยเคารพกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเต็มที่

    สหภาพยุโรปยังเรียกร้องให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายนอกทั้งหมดเคารพอำนาจอธิปไตย ความสามัคคี และบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรียอย่างเต็มที่ สหภาพยุโรปประณามความพยายามใดๆ ที่จะบ่อนทำลายเสถียรภาพและโอกาสในการเปลี่ยนผ่านอย่างสันติที่ยั่งยืน ซึ่งรวมและเคารพความหลากหลายของชาวซีเรียทุกคน"
    สหภาพยุโรปประณามอย่างรุนแรงต่อเหตุการณ์ในซีเรีย โดยกล่าวหาว่ากลุ่มที่สนับสนุนอดีตประธานาธิบดีอัสซาด เป็นฝ่ายกระทำการรุนแรงต่อพลเมืองชีเรีย "สหภาพยุโรปประณามการโจมตีล่าสุดที่รายงานว่าเป็นฝีมือของกลุ่มที่สนับสนุนอัสซาดต่อกองกำลังรักษาการของรัฐบาลในพื้นที่ชายฝั่งของซีเรียและความรุนแรงทั้งหมดที่เกิดขึ้นกับพลเรือน พลเรือนต้องได้รับการปกป้องในทุกสถานการณ์โดยเคารพกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ สหภาพยุโรปยังเรียกร้องให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องภายนอกทั้งหมดเคารพอำนาจอธิปไตย ความสามัคคี และบูรณภาพแห่งดินแดนของซีเรียอย่างเต็มที่ สหภาพยุโรปประณามความพยายามใดๆ ที่จะบ่อนทำลายเสถียรภาพและโอกาสในการเปลี่ยนผ่านอย่างสันติที่ยั่งยืน ซึ่งรวมและเคารพความหลากหลายของชาวซีเรียทุกคน"
    Sad
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 474 มุมมอง 0 รีวิว
  • Alexsandr  Duginที่ปรึกษาคนแรกของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย เพิ่งให้สัมภาษณ์ BOMBSHELL โดยนักข่าวฝ่ายค้านชาวอูเครน Diana Panchenko นี่คือประเด็นที่สำคัญ1.ยูเครนพลาดโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ในการแยกตัวเป็นเอกราช"ยูเครนหมดแรงและพลาดโอกาสทางประวัติศาสตร์ในการดำรงอยู่ทางการเมืองระดับชาติที่เป็นอิสระ"2.ยูเครนปฏิเสธโอกาสสร้างอาณาจักรรัสเซีย-ยูเครนที่ยิ่งใหญ่ ดูจินบอกกับชาวอูเครนว่า "แทนที่จะต่อสู้กันเอง เราควรจะร่วมกันต่อสู้กับผู้ที่โจมตีจักรวรรดิแห่งนี้ แต่ทุกอย่างกลับกลายเป็นตรงกันข้าม"3.ชาตินิยมยูเครนทำลายยูเครนเองดูจินกล่าวว่าชาตินิยมที่แท้จริงจะต้องปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดน:"แต่ชาตินิยมยูเครนเป็นผู้ที่ […] ทำให้ [ยูเครน] อ่อนแอลง และลากเข้าสู่ความขัดแย้งที่สิ้นหวัง ซึ่งเป็นหายนะสำหรับยูเครนในฐานะรัฐที่มีอำนาจอธิปไตย"4.ชาติตะวันตกเสรีนิยมพยายามทำลายความร่วมมือของดูจินกับปูติน"การดำเนินการทั้งหมดนี้ Jeeranan Watteerachot ไม่เพียงแต่เป็นการต่อต้านปูตินเท่านั้น แต่ยังเป็นการต่อต้านรัสเซียด้วย เพราะเมื่อผู้รักชาติมารวมตัวกัน […] สิ่งนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มศักยภาพให้กับเขาเท่านั้น แต่ยังเพิ่มทวีคูณอีกด้วย"5.ทรัมป์พลิกเปลี่ยนทัศนคติชนิด 180° ต่ออุดมการณ์สหรัฐฯ"เขายกเลิกนโยบายเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ ขับไล่บุคคลข้ามเพศออกจากกองทัพ […] มันเป็นการตบหน้าการเคลื่อนไหวที่มุ่งสู่เสรีนิยม ลัทธิซาตาน และลัทธิหลังสมัยใหม่ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา"
    Alexsandr  Duginที่ปรึกษาคนแรกของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหพันธรัฐรัสเซีย เพิ่งให้สัมภาษณ์ BOMBSHELL โดยนักข่าวฝ่ายค้านชาวอูเครน Diana Panchenko นี่คือประเด็นที่สำคัญ1.ยูเครนพลาดโอกาสครั้งประวัติศาสตร์ในการแยกตัวเป็นเอกราช"ยูเครนหมดแรงและพลาดโอกาสทางประวัติศาสตร์ในการดำรงอยู่ทางการเมืองระดับชาติที่เป็นอิสระ"2.ยูเครนปฏิเสธโอกาสสร้างอาณาจักรรัสเซีย-ยูเครนที่ยิ่งใหญ่ ดูจินบอกกับชาวอูเครนว่า "แทนที่จะต่อสู้กันเอง เราควรจะร่วมกันต่อสู้กับผู้ที่โจมตีจักรวรรดิแห่งนี้ แต่ทุกอย่างกลับกลายเป็นตรงกันข้าม"3.ชาตินิยมยูเครนทำลายยูเครนเองดูจินกล่าวว่าชาตินิยมที่แท้จริงจะต้องปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดน:"แต่ชาตินิยมยูเครนเป็นผู้ที่ […] ทำให้ [ยูเครน] อ่อนแอลง และลากเข้าสู่ความขัดแย้งที่สิ้นหวัง ซึ่งเป็นหายนะสำหรับยูเครนในฐานะรัฐที่มีอำนาจอธิปไตย"4.ชาติตะวันตกเสรีนิยมพยายามทำลายความร่วมมือของดูจินกับปูติน"การดำเนินการทั้งหมดนี้ [...] ไม่เพียงแต่เป็นการต่อต้านปูตินเท่านั้น แต่ยังเป็นการต่อต้านรัสเซียด้วย เพราะเมื่อผู้รักชาติมารวมตัวกัน […] สิ่งนี้ไม่เพียงแต่เพิ่มศักยภาพให้กับเขาเท่านั้น แต่ยังเพิ่มทวีคูณอีกด้วย"5.ทรัมป์พลิกเปลี่ยนทัศนคติชนิด 180° ต่ออุดมการณ์สหรัฐฯ"เขายกเลิกนโยบายเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ ขับไล่บุคคลข้ามเพศออกจากกองทัพ […] มันเป็นการตบหน้าการเคลื่อนไหวที่มุ่งสู่เสรีนิยม ลัทธิซาตาน และลัทธิหลังสมัยใหม่ในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา"
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 497 มุมมอง 0 รีวิว
  • 1 มี.ค.2568 - กรณี โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ไล่ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ออกจากทำเนียบขาว หลังจากโต้เถียงกัน ส่อแววล้มข้อตกลงสันติภาพ รวมทั้งข้อตกลงการเข้าถึงแร่หายาก

    ล่าสุด รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการบริหาร มูลนิธิอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ถอดบทเรียนยูเครน: เมื่อผู้นำไม่ได้รักษาผลประโยชน์ของประเทศ

    ภาพความอัปยศอดสูที่ผู้นำยูเครน Zelenskyy ถูกเชิญไปรุมกินโต๊ะโดย ประธานาธิบดี Trump และรองประธานาธิบดี Vance รวมทั้งการเจรจาที่ชะงักงันและไม่มีสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต้องประชาชนยูเครนที่สูญเสียทั้งชีวิต ดินแดน ทรัพยากร และที่สำคัญที่สุดคือ อนาคต ทำให้เราต้องมาถอดบทเรียน

    1. ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ประเทศยูเครนมิได้เป็นตัวของตัวเองเนื่องจากถูกแทรกแซงผ่านกระบวนการการสงครามผสมผสาน (Hybrid Warfare) มาอย่างต่อเนื่อง ปั่นหัวให้ประชาชนยูเครนลุกฮือขึ้นมาอย่างน้อย 3 ครั้ง 1) Orange Revolution 2004/2005 2) Euro Maidan 2014 และ 3) การลงประชามติของประชาชนในคาบสมุทร Crimea เพื่อแยกตัวเป็นเอกราชและในที่สุดขอเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ทั้งหมดไม่ได้ทำไปเพื่อประโยชน์ของประเทศ หากแต่ทั้งหมดเป็นเกมส์ของมหาอำนาจไม่ว่าจะเป็นฝ่ายยุโรป+สหรัฐ หรือฝ่ายรัสเซีย

    2. ผู้นำของยูเครน ไม่ว่าจะเป็น Leonid Kuchma (1995-2005 โปรรัสเซีย), Viktor Yushchenko (2005-2010 โปร NATO), Viktor Yanukovych (2010-2014 โปรรัสเซีย), Petro Poroshenko (2014-2019) และ Volodymyr Zelenskyy (2019- ปัจจุบัน) แน่นอนว่า 2 คนสุดท้ายโปร NATO อย่างยิ่งยวด ล้วนทำให้เราเห็นว่าผู้นำที่เลือกข้าง ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจภายนอกไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ล้วนแล้วแต่ทำให้ตลอดมา แทนที่พวกเขาจะรักษาผลประโยชน์ของยูเครนเป็นหลัก พวกเขากลับต้องเอาอกเอาใจมหาอำนาจภายนอก และดึงยูเครนเข้าสู่ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้

    3. ผลประโยชน์ของประเทศ ประกอบด้วย 4 ประเด็น 1) ความมั่นคงทางในมิติอำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความมั่นคงแบบ Non-Traditional Security ที่เน้นความมั่นคงของมนุษย์ 2) ความมั่งคั่งที่หมายถึงเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ มีการเจริญเติบโต และมีการจัดสรรที่เป็นธรรม 3) การขยายพลังอำนาจของชาติในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การทหาร และ สุดท้ายที่อาจจะสำคัญที่สุด นั่นคือ 4) ความภาคภูมิใจของชาติ (บางพื้นที่ บางชนชาติ อาจจะไม่ได้รับรองเป็นประเทศ อาจจะไม่มีแผ่นดิน แต่พวกเขาก็ยังคงมีความภาคภูมิใจในตนเอง ลองนึกถึง ชาวปาเลสไตน์ ชาวไต้หวัน กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ)

    4. แต่เมื่อผลประโยชน์ของชาติไม่ได้รับการรักษาผลประโยชน์ เพราะผู้นำต้องเลือกข้างรับใช้มหาอำนาจที่มีอิทธิพลเหนือกว่า เมื่อประชาชนถูกปลุกปั่นแทรกแซงให้เลือกข้าง ให้แตกแยก ในที่สุด อย่างกรณีของยูเครน ความมั่นคงก็กำลังสูญเสียดินแดน ซึ่งคงไม่สามารถกลับไปมีดินแดนเหมือนก่อนปี 2014 ได้ ในเรื่องความมั่งคั่ง คงไม่ต้องพูดถึง เพราะมหาอำนาจที่เคยสนับสนุนนั่นเองที่ตอนนี้กำลังจะกลับมาของสูบเลือด สูบทรัพยากร มิพักต้องพูดถึงพลังอำนาจในมิติต่างๆ ที่วันนี้ประชาชนยูเครนก็อ่อนแรง หมดกำลังใจ และในที่สุดผู้นำก็ถูกเรียกมาโดนรุมแบบไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้

    5. คำถามคือ สำหรับประเทศไทย เราต้องช่วยกันระวังอย่างยิ่งยวด อย่าให้มีใครมาแทรกแซง ปลุกปั่น ต้องคอยเฝ้าระวังให้ผู้นำรักษาผลประโยชน์ของชาติ อย่าให้เกิดผลประโยชน์ที่ขัดแย้งระหว่าง ผลประโยชน์ของชาติ กับผลประโยชน์ส่วนตัว ผลประโยชน์ของครอบครัว และผลประโยชน์ทางธุรกิจ

    6. นาทีนี้เราต้องการทีมประเทศไทยที่ประกอบขึ้นจาก 6 เสาหลักที่ทำงานสอดประสานกัน อันได้แก่

    1. ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มีความรู้ความสามารถ ไม่สับสนในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศกับผลประโยชน์ของครอบครัวหรือของธุรกิจครอบครัว

    2. ผู้ตัดสินใจทางนโยบายในระดับสูงที่มีความรู้ ความสามารถ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ กล้าตัดสินใจ และรับผิดชอบการตัดสินใจ

    3. เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ซื่อสัตย์ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล

    4. นักวิชาการที่ทำงานหนักแบบสหสาขาวิชา ให้รู้ลึก รู้กว้าง รู้จริง และกล้าเปลืองตัวที่จะชี้นำสังคมผ่านการบริการวิชาการ

    5. ภาคเอกชน (แน่นอนที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของธุรกิจ) และภาคประชาสังคม (ที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของประชาชน) ที่ต้องการมีส่วนร่วม ให้ข้อมูลสนับสนุนช่วยการตัดสินใจ

    6. สื่อสารมวลชนที่เข้มแข็ง กล้าหาญที่จะตรวจสอบ และนำเสนอข้อมูลอย่างถูกต้อง ไม่ถูกบิดเบือนแทรกแซง

    ที่มา ไทยโพสต์
    1 มี.ค.2568 - กรณี โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ไล่ เซเลนสกี ประธานาธิบดียูเครน ออกจากทำเนียบขาว หลังจากโต้เถียงกัน ส่อแววล้มข้อตกลงสันติภาพ รวมทั้งข้อตกลงการเข้าถึงแร่หายาก ล่าสุด รศ.ดร.ปิติ ศรีแสงนาม ผู้อำนวยการบริหาร มูลนิธิอาเซียน ณ กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย และอาจารย์ประจำคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า ถอดบทเรียนยูเครน: เมื่อผู้นำไม่ได้รักษาผลประโยชน์ของประเทศ ภาพความอัปยศอดสูที่ผู้นำยูเครน Zelenskyy ถูกเชิญไปรุมกินโต๊ะโดย ประธานาธิบดี Trump และรองประธานาธิบดี Vance รวมทั้งการเจรจาที่ชะงักงันและไม่มีสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต้องประชาชนยูเครนที่สูญเสียทั้งชีวิต ดินแดน ทรัพยากร และที่สำคัญที่สุดคือ อนาคต ทำให้เราต้องมาถอดบทเรียน 1. ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ประเทศยูเครนมิได้เป็นตัวของตัวเองเนื่องจากถูกแทรกแซงผ่านกระบวนการการสงครามผสมผสาน (Hybrid Warfare) มาอย่างต่อเนื่อง ปั่นหัวให้ประชาชนยูเครนลุกฮือขึ้นมาอย่างน้อย 3 ครั้ง 1) Orange Revolution 2004/2005 2) Euro Maidan 2014 และ 3) การลงประชามติของประชาชนในคาบสมุทร Crimea เพื่อแยกตัวเป็นเอกราชและในที่สุดขอเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ทั้งหมดไม่ได้ทำไปเพื่อประโยชน์ของประเทศ หากแต่ทั้งหมดเป็นเกมส์ของมหาอำนาจไม่ว่าจะเป็นฝ่ายยุโรป+สหรัฐ หรือฝ่ายรัสเซีย 2. ผู้นำของยูเครน ไม่ว่าจะเป็น Leonid Kuchma (1995-2005 โปรรัสเซีย), Viktor Yushchenko (2005-2010 โปร NATO), Viktor Yanukovych (2010-2014 โปรรัสเซีย), Petro Poroshenko (2014-2019) และ Volodymyr Zelenskyy (2019- ปัจจุบัน) แน่นอนว่า 2 คนสุดท้ายโปร NATO อย่างยิ่งยวด ล้วนทำให้เราเห็นว่าผู้นำที่เลือกข้าง ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจภายนอกไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ล้วนแล้วแต่ทำให้ตลอดมา แทนที่พวกเขาจะรักษาผลประโยชน์ของยูเครนเป็นหลัก พวกเขากลับต้องเอาอกเอาใจมหาอำนาจภายนอก และดึงยูเครนเข้าสู่ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ 3. ผลประโยชน์ของประเทศ ประกอบด้วย 4 ประเด็น 1) ความมั่นคงทางในมิติอำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความมั่นคงแบบ Non-Traditional Security ที่เน้นความมั่นคงของมนุษย์ 2) ความมั่งคั่งที่หมายถึงเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ มีการเจริญเติบโต และมีการจัดสรรที่เป็นธรรม 3) การขยายพลังอำนาจของชาติในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การทหาร และ สุดท้ายที่อาจจะสำคัญที่สุด นั่นคือ 4) ความภาคภูมิใจของชาติ (บางพื้นที่ บางชนชาติ อาจจะไม่ได้รับรองเป็นประเทศ อาจจะไม่มีแผ่นดิน แต่พวกเขาก็ยังคงมีความภาคภูมิใจในตนเอง ลองนึกถึง ชาวปาเลสไตน์ ชาวไต้หวัน กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ) 4. แต่เมื่อผลประโยชน์ของชาติไม่ได้รับการรักษาผลประโยชน์ เพราะผู้นำต้องเลือกข้างรับใช้มหาอำนาจที่มีอิทธิพลเหนือกว่า เมื่อประชาชนถูกปลุกปั่นแทรกแซงให้เลือกข้าง ให้แตกแยก ในที่สุด อย่างกรณีของยูเครน ความมั่นคงก็กำลังสูญเสียดินแดน ซึ่งคงไม่สามารถกลับไปมีดินแดนเหมือนก่อนปี 2014 ได้ ในเรื่องความมั่งคั่ง คงไม่ต้องพูดถึง เพราะมหาอำนาจที่เคยสนับสนุนนั่นเองที่ตอนนี้กำลังจะกลับมาของสูบเลือด สูบทรัพยากร มิพักต้องพูดถึงพลังอำนาจในมิติต่างๆ ที่วันนี้ประชาชนยูเครนก็อ่อนแรง หมดกำลังใจ และในที่สุดผู้นำก็ถูกเรียกมาโดนรุมแบบไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้ 5. คำถามคือ สำหรับประเทศไทย เราต้องช่วยกันระวังอย่างยิ่งยวด อย่าให้มีใครมาแทรกแซง ปลุกปั่น ต้องคอยเฝ้าระวังให้ผู้นำรักษาผลประโยชน์ของชาติ อย่าให้เกิดผลประโยชน์ที่ขัดแย้งระหว่าง ผลประโยชน์ของชาติ กับผลประโยชน์ส่วนตัว ผลประโยชน์ของครอบครัว และผลประโยชน์ทางธุรกิจ 6. นาทีนี้เราต้องการทีมประเทศไทยที่ประกอบขึ้นจาก 6 เสาหลักที่ทำงานสอดประสานกัน อันได้แก่ 1. ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มีความรู้ความสามารถ ไม่สับสนในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศกับผลประโยชน์ของครอบครัวหรือของธุรกิจครอบครัว 2. ผู้ตัดสินใจทางนโยบายในระดับสูงที่มีความรู้ ความสามารถ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ กล้าตัดสินใจ และรับผิดชอบการตัดสินใจ 3. เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ซื่อสัตย์ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล 4. นักวิชาการที่ทำงานหนักแบบสหสาขาวิชา ให้รู้ลึก รู้กว้าง รู้จริง และกล้าเปลืองตัวที่จะชี้นำสังคมผ่านการบริการวิชาการ 5. ภาคเอกชน (แน่นอนที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของธุรกิจ) และภาคประชาสังคม (ที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของประชาชน) ที่ต้องการมีส่วนร่วม ให้ข้อมูลสนับสนุนช่วยการตัดสินใจ 6. สื่อสารมวลชนที่เข้มแข็ง กล้าหาญที่จะตรวจสอบ และนำเสนอข้อมูลอย่างถูกต้อง ไม่ถูกบิดเบือนแทรกแซง ที่มา ไทยโพสต์
    Like
    Love
    2
    1 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1226 มุมมอง 0 รีวิว
  • ถอดบทเรียนยูเครน: เมื่อผู้นำไม่ได้รักษาผลประโยชน์ของประเทศ
    .
    ภาพความอัปยศอดสูที่ผู้นำยูเครน Zelenskyy ถูกเชิญไปรุมกินโต๊ะโดย ประธานาธิบดี Trump และรองประธานาธิบดี Vance รวมทั้งการเจรจาที่ชะงักงันและไม่มีสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต้องประชาชนยูเครนที่สูญเสียทั้งชีวิต ดินแดน ทรัพยากร และที่สำคัญที่สุดคือ อนาคต ทำให้เราต้องมาถอดบทเรียน
    .
    1. ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ประเทศยูเครนมิได้เป็นตัวของตัวเองเนื่องจากถูกแทรกแซงผ่านกระบวนการการสงครามผสมผสาน (Hybrid Warfare) มาอย่างต่อเนื่อง ปั่นหัวให้ประชาชนยูเครนลุกฮือขึ้นมาอย่างน้อย 3 ครั้ง 1) Orange Revolution 2004/2005 2) Euro Maidan 2014 และ 3) การลงประชามติของประชาชนในคาบสมุทร Crimea เพื่อแยกตัวเป็นเอกราชและในที่สุดขอเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ทั้งหมดไม่ได้ทำไปเพื่อประโยชน์ของประเทศ หากแต่ทั้งหมดเป็นเกมส์ของมหาอำนาจไม่ว่าจะเป็นฝ่ายยุโรป+สหรัฐ หรือฝ่ายรัสเซีย
    .
    2. ผู้นำของยูเครน ไม่ว่าจะเป็น Leonid Kuchma (1995-2005 โปรรัสเซีย), Viktor Yushchenko (2005-2010 โปร NATO), Viktor Yanukovych (2010-2014 โปรรัสเซีย), Petro Poroshenko (2014-2019) และ Volodymyr Zelenskyy (2019- ปัจจุบัน) แน่นอนว่า 2 คนสุดท้ายโปร NATO อย่างยิ่งยวด ล้วนทำให้เราเห็นว่าผู้นำที่เลือกข้าง ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจภายนอกไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ล้วนแล้วแต่ทำให้ตลอดมา แทนที่พวกเขาจะรักษาผลประโยชน์ของยูเครนเป็นหลัก พวกเขากลับต้องเอาอกเอาใจมหาอำนาจภายนอก และดึงยูเครนเข้าสู่ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
    .
    3. ผลประโยชน์ของประเทศ ประกอบด้วย 4 ประเด็น 1) ความมั่นคงทางในมิติอำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความมั่นคงแบบ Non-Traditional Security ที่เน้นความมั่นคงของมนุษย์ 2) ความมั่งคั่งที่หมายถึงเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ มีการเจริญเติบโต และมีการจัดสรรที่เป็นธรรม 3) การขยายพลังอำนาจของชาติในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การทหาร และ สุดท้ายที่อาจจะสำคัญที่สุด นั่นคือ 4) ความภาคภูมิใจของชาติ (บางพื้นที่ บางชนชาติ อาจจะไม่ได้รับรองเป็นประเทศ อาจจะไม่มีแผ่นดิน แต่พวกเขาก็ยังคงมีความภาคภูมิใจในตนเอง ลองนึกถึง ชาวปาเลสไตน์ ชาวไต้หวัน กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ)
    .
    4. แต่เมื่อผลประโยชน์ของชาติไม่ได้รับการรักษาผลประโยชน์ เพราะผู้นำต้องเลือกข้างรับใช้มหาอำนาจที่มีอิทธิพลเหนือกว่า เมื่อประชาชนถูกปลุกปั่นแทรกแซงให้เลือกข้าง ให้แตกแยก ในที่สุด อย่างกรณีของยูเครน ความมั่นคงก็กำลังสูญเสียดินแดน ซึ่งคงไม่สามารถกลับไปมีดินแดนเหมือนก่อนปี 2014 ได้ ในเรื่องความมั่งคั่ง คงไม่ต้องพูดถึง เพราะมหาอำนาจที่เคยสนับสนุนนั่นเองที่ตอนนี้กำลังจะกลับมาของสูบเลือด สูบทรัพยากร มิพักต้องพูดถึงพลังอำนาจในมิติต่างๆ ที่วันนี้ประชาชนยูเครนก็อ่อนแรง หมดกำลังใจ และในที่สุดผู้นำก็ถูกเรียกมาโดนรุมแบบไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้
    .
    5. คำถามคือ สำหรับประเทศไทย เราต้องช่วยกันระวังอย่างยิ่งยวด อย่าให้มีใครมาแทรกแซง ปลุกปั่น ต้องคอยเฝ้าระวังให้ผู้นำรักษาผลประโยชน์ของชาติ อย่าให้เกิดผลประโยชน์ที่ขัดแย้งระหว่าง ผลประโยชน์ของชาติ กับผลประโยชน์ส่วนตัว ผลประโยชน์ของครอบครัว และผลประโยชน์ทางธุรกิจ
    .
    6. นาทีนี้เราต้องการทีมประเทศไทยที่ประกอบขึ้นจาก 6 เสาหลักที่ทำงานสอดประสานกัน อันได้แก่
    1. ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มีความรู้ความสามารถ ไม่สับสนในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศกับผลประโยชน์ของครอบครัวหรือของธุรกิจครอบครัว
    2. ผู้ตัดสินใจทางนโยบายในระดับสูงที่มีความรู้ ความสามารถ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ กล้าตัดสินใจ และรับผิดชอบการตัดสินใจ
    3. เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ซื่อสัตย์ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล
    4. นักวิชาการที่ทำงานหนักแบบสหสาขาวิชา ให้รู้ลึก รู้กว้าง รู้จริง และกล้าเปลืองตัวที่จะชี้นำสังคมผ่านการบริการวิชาการ
    5. ภาคเอกชน (แน่นอนที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของธุรกิจ) และภาคประชาสังคม (ที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของประชาชน) ที่ต้องการมีส่วนร่วม ให้ข้อมูลสนับสนุนช่วยการตัดสินใจ
    6. สื่อสารมวลชนที่เข้มแข็ง กล้าหาญที่จะตรวจสอบ และนำเสนอข้อมูลอย่างถูกต้อง ไม่ถูกบิดเบือนแทรกแซง
    .
    ผมเขียนเรื่องยูเครนเอาไว้นานแล้วตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2022 at the beginning of the end ขอเอามาแปะอีกครั้งเพื่อเป็นข้อมูลประกอบครับ

    1. จากยูเครนสู่อาเซียน: กรณีศึกษา Hybrid Warfare (สงครามผสมผสาน) ที่ไทยต้องเฝ้าระวัง https://thestandard.co/asean-and-hybrid-warfare/
    2. จากยูเครนสู่ปัตตานี กรณี Gerasimov Doctrine และแผนบันได 7 ขั้น https://www.the101.world/ukraine-to-pattani/
    .
    Cr. รองศาสตราจารย์ ดร. ปิติ ศรีแสงนาม
    คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    ถอดบทเรียนยูเครน: เมื่อผู้นำไม่ได้รักษาผลประโยชน์ของประเทศ . ภาพความอัปยศอดสูที่ผู้นำยูเครน Zelenskyy ถูกเชิญไปรุมกินโต๊ะโดย ประธานาธิบดี Trump และรองประธานาธิบดี Vance รวมทั้งการเจรจาที่ชะงักงันและไม่มีสิ่งใดที่เป็นประโยชน์ต้องประชาชนยูเครนที่สูญเสียทั้งชีวิต ดินแดน ทรัพยากร และที่สำคัญที่สุดคือ อนาคต ทำให้เราต้องมาถอดบทเรียน . 1. ตลอด 20 ปีที่ผ่านมา ประเทศยูเครนมิได้เป็นตัวของตัวเองเนื่องจากถูกแทรกแซงผ่านกระบวนการการสงครามผสมผสาน (Hybrid Warfare) มาอย่างต่อเนื่อง ปั่นหัวให้ประชาชนยูเครนลุกฮือขึ้นมาอย่างน้อย 3 ครั้ง 1) Orange Revolution 2004/2005 2) Euro Maidan 2014 และ 3) การลงประชามติของประชาชนในคาบสมุทร Crimea เพื่อแยกตัวเป็นเอกราชและในที่สุดขอเข้าเป็นส่วนหนึ่งของรัสเซีย ทั้งหมดไม่ได้ทำไปเพื่อประโยชน์ของประเทศ หากแต่ทั้งหมดเป็นเกมส์ของมหาอำนาจไม่ว่าจะเป็นฝ่ายยุโรป+สหรัฐ หรือฝ่ายรัสเซีย . 2. ผู้นำของยูเครน ไม่ว่าจะเป็น Leonid Kuchma (1995-2005 โปรรัสเซีย), Viktor Yushchenko (2005-2010 โปร NATO), Viktor Yanukovych (2010-2014 โปรรัสเซีย), Petro Poroshenko (2014-2019) และ Volodymyr Zelenskyy (2019- ปัจจุบัน) แน่นอนว่า 2 คนสุดท้ายโปร NATO อย่างยิ่งยวด ล้วนทำให้เราเห็นว่าผู้นำที่เลือกข้าง ได้รับการสนับสนุนจากมหาอำนาจภายนอกไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหน ล้วนแล้วแต่ทำให้ตลอดมา แทนที่พวกเขาจะรักษาผลประโยชน์ของยูเครนเป็นหลัก พวกเขากลับต้องเอาอกเอาใจมหาอำนาจภายนอก และดึงยูเครนเข้าสู่ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ . 3. ผลประโยชน์ของประเทศ ประกอบด้วย 4 ประเด็น 1) ความมั่นคงทางในมิติอำนาจอธิปไตย บูรณภาพแห่งดินแดน และความมั่นคงแบบ Non-Traditional Security ที่เน้นความมั่นคงของมนุษย์ 2) ความมั่งคั่งที่หมายถึงเศรษฐกิจที่มีเสถียรภาพ มีการเจริญเติบโต และมีการจัดสรรที่เป็นธรรม 3) การขยายพลังอำนาจของชาติในมิติต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น เศรษฐกิจ สังคม การเมือง สิ่งแวดล้อม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี การทหาร และ สุดท้ายที่อาจจะสำคัญที่สุด นั่นคือ 4) ความภาคภูมิใจของชาติ (บางพื้นที่ บางชนชาติ อาจจะไม่ได้รับรองเป็นประเทศ อาจจะไม่มีแผ่นดิน แต่พวกเขาก็ยังคงมีความภาคภูมิใจในตนเอง ลองนึกถึง ชาวปาเลสไตน์ ชาวไต้หวัน กลุ่มชาติพันธุ์ต่างๆ) . 4. แต่เมื่อผลประโยชน์ของชาติไม่ได้รับการรักษาผลประโยชน์ เพราะผู้นำต้องเลือกข้างรับใช้มหาอำนาจที่มีอิทธิพลเหนือกว่า เมื่อประชาชนถูกปลุกปั่นแทรกแซงให้เลือกข้าง ให้แตกแยก ในที่สุด อย่างกรณีของยูเครน ความมั่นคงก็กำลังสูญเสียดินแดน ซึ่งคงไม่สามารถกลับไปมีดินแดนเหมือนก่อนปี 2014 ได้ ในเรื่องความมั่งคั่ง คงไม่ต้องพูดถึง เพราะมหาอำนาจที่เคยสนับสนุนนั่นเองที่ตอนนี้กำลังจะกลับมาของสูบเลือด สูบทรัพยากร มิพักต้องพูดถึงพลังอำนาจในมิติต่างๆ ที่วันนี้ประชาชนยูเครนก็อ่อนแรง หมดกำลังใจ และในที่สุดผู้นำก็ถูกเรียกมาโดนรุมแบบไร้ศักดิ์ศรีเช่นนี้ . 5. คำถามคือ สำหรับประเทศไทย เราต้องช่วยกันระวังอย่างยิ่งยวด อย่าให้มีใครมาแทรกแซง ปลุกปั่น ต้องคอยเฝ้าระวังให้ผู้นำรักษาผลประโยชน์ของชาติ อย่าให้เกิดผลประโยชน์ที่ขัดแย้งระหว่าง ผลประโยชน์ของชาติ กับผลประโยชน์ส่วนตัว ผลประโยชน์ของครอบครัว และผลประโยชน์ทางธุรกิจ . 6. นาทีนี้เราต้องการทีมประเทศไทยที่ประกอบขึ้นจาก 6 เสาหลักที่ทำงานสอดประสานกัน อันได้แก่ 1. ผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ มีความรู้ความสามารถ ไม่สับสนในการรักษาผลประโยชน์ของประเทศกับผลประโยชน์ของครอบครัวหรือของธุรกิจครอบครัว 2. ผู้ตัดสินใจทางนโยบายในระดับสูงที่มีความรู้ ความสามารถ ซื่อสัตย์ กล้าหาญ กล้าตัดสินใจ และรับผิดชอบการตัดสินใจ 3. เจ้าหน้าที่รัฐ ที่ซื่อสัตย์ ทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล 4. นักวิชาการที่ทำงานหนักแบบสหสาขาวิชา ให้รู้ลึก รู้กว้าง รู้จริง และกล้าเปลืองตัวที่จะชี้นำสังคมผ่านการบริการวิชาการ 5. ภาคเอกชน (แน่นอนที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของธุรกิจ) และภาคประชาสังคม (ที่ต้องรักษาผลประโยชน์ของประชาชน) ที่ต้องการมีส่วนร่วม ให้ข้อมูลสนับสนุนช่วยการตัดสินใจ 6. สื่อสารมวลชนที่เข้มแข็ง กล้าหาญที่จะตรวจสอบ และนำเสนอข้อมูลอย่างถูกต้อง ไม่ถูกบิดเบือนแทรกแซง . ผมเขียนเรื่องยูเครนเอาไว้นานแล้วตั้งแต่กุมภาพันธ์ 2022 at the beginning of the end ขอเอามาแปะอีกครั้งเพื่อเป็นข้อมูลประกอบครับ 1. จากยูเครนสู่อาเซียน: กรณีศึกษา Hybrid Warfare (สงครามผสมผสาน) ที่ไทยต้องเฝ้าระวัง https://thestandard.co/asean-and-hybrid-warfare/ 2. จากยูเครนสู่ปัตตานี กรณี Gerasimov Doctrine และแผนบันได 7 ขั้น https://www.the101.world/ukraine-to-pattani/ . Cr. รองศาสตราจารย์ ดร. ปิติ ศรีแสงนาม คณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
    THESTANDARD.CO
    จากยูเครนสู่อาเซียน: กรณีศึกษา Hybrid Warfare (สงครามผสมผสาน) ที่ไทยต้องเฝ้าระวัง
    การสงครามผสมผสาน การสงครามผสมผสาน หรือ Hybrid Warfare เป็นยุทธศาสตร์ทางทหารซึ่งใช้การสงครามทางการเมือง และผสมรวมการสงครามตามแบบ (Conventional Warfare)
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1203 มุมมอง 0 รีวิว
  • ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยืนยันจะไม่มอบข้อเสนอวอชิงตันให้คำรับประกันด้านความมั่นคงแก่ยูเครนหรือมอบสถานภาพสมาชิกนาโตสำหรับเคียฟ ก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เตรียมเดินทางเยือนอเมริกา เพื่อปิดดีลเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรทางธรรมชาติ
    .
    ทรัมป์ ผู้ซึ่งพลิกกลับนโยบายของสหรัฐฯ ด้วยการเลียบเคียงทาบทามไปยังรัสเซีย และหาทางยุติสงครามที่ยืดเยื้อมา 3 ปีอย่างรวดเร็ว บอกด้วยว่าบรรดาพันธมิตรยุโรปจะต้องแบกรับภาระความรับผิดชอบด้านความมั่นคงของยูเครน
    .
    ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าว ณ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าเซเลนสกี จะเดินทางมาเยือนในวันศุกร์ (28 ก.พ.) และลงนามในข้อตกลง หลังสหรัฐฯ ยกระดับกดดันอย่างหนักหน่วงให้ส่งมอบแร่แรเอิร์ธที่ใช้ในด้านการบินและอวกาศ รวมถึงเทคโนโลยีอื่นๆ
    .
    "มันเป็นข้อตกลงที่ยอดเยี่ยมสำหรับยูเครน ด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขาจะมีเราอยู่ที่นั่น" ทรัมป์ "เราจะไปอยู่ในภาคสนาม และคุณก็รู้ ในแนวทางดังกล่าว มันเป็นรูปแบบของความมั่นคงโดยอัตโนมัติ เพราจะไม่มีใครเข้าไปยุ่งกับคนของเรา เมื่อเราอยู่ที่นั่น" ทรัมป์กล่าว
    .
    อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะมอบคำรับประกันด้านความมั่นคงอย่างเป็นทางการเพิ่มเติม ตามข้อเรียกร้องของเคียฟ "ผมจะไม่รับประกันด้านความมั่นคงที่เลยเถิดมากเกินไป" ประธานาธิบดีอเมริกากล่าว "เราจะมียุโรปทำหน้าที่นั้น ยุโรปคือเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันของพวกเขา แต่เราจะทำให้แน่ใจว่าทุกๆ อย่างจะดำเนินไปด้วยดี"
    .
    เมื่อถูกถามว่าการประนีประนอมใดที่จำเป็นสำหรับยุติสงคราม ทรัมป์ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ยูเครนจะเข้าเป็นสมาชิกนาโต และเน้นย้ำจุดยืนของรัสเซีย ที่เคยบอกว่าประเด็นนี้อยู่เบื้องหลังการรุกรานของพวกเขา "สำหรับนาโต คุณลืมมันไปได้เลย" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าว "ผมคิดว่าบางทีมันอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกสิ่งอย่างเริ่มต้นขึ้น"
    .
    อดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน สนับสนุนยูเครน ว่าในท้ายที่สุดแล้วควรได้เป็นสมาชิกนาโต อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เสนอกรอบเวลาที่เป็นรูปธรรมใดๆ
    .
    สหรัฐฯ ในวันจันทร์ (24 ก.พ.) เปลี่ยนฝั่งเลือกยืนอยู่ข้างรัสเซีย ณ เวทีสหประชาชาติ และอยู่ตรงข้ามกับบรรดาพันธมิตรยุโรปเกือบทั้งหมด ด้วยการสนับสนุนญัตติหนึ่งที่เรียกร้องให้ยุติสงคราม โดยปราศจากการเน้นย้ำบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน
    .
    "เรากำลังทำอย่างดีที่สุด เพื่อให้เราสามารถทำข้อตกลงที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้ สำหรับ 2 ฝ่าย" ทรัมป์บอกในวันพุธ (26 ก.พ.) "แต่สำหรับยูเครน เรากำลังพยายามอย่างหนักเพื่อทำข้อตกลงที่ดี เพื่อที่พวกเขาได้อะไรกลับคืนมามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้"
    .
    ทรัมป์ กล่าวอ้างว่าแนวทางด้านการทูตของเขา ได้กระตุ้นเจตนารมณ์แห่งการประนีประนอมของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ที่ก่อนหน้านี้ตั้งการเอาทุกสิ่งทุกอย่างในยูเครน "เขาเป็นคนฉลาดมาก เขาเป็นคนฉลาดแกมโกงสุดๆ" ทรัมป์พูดถึงปูติน "ผมคิดว่าเรากำลังมีข้อตกลง ถ้าผมไม่ได้รับเลือกตั้ง ผมเชื่อว่าเขาจะยังคงเดินหน้าลุยไปทั่วยูเครน"
    .
    ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ในวันจันทร์ (24 ก.พ.) บอกกับ ทรัมป์ ว่าบรรดาชาติยุโรปกำลังพิจารณาส่งทหารเข้าไปปกป้องข้อตกลงใดๆ แต่การสนับสนุนของสหรัฐฯ เป็นสิ่งสำคัญ ในแนวทางรับประกันความมั่นคง
    .
    คาดหมายว่า เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร จะส่งสารแบบเดียวกันนี้ ครั้งที่เขามีกำหนดพบปะกับ ทรัมป์ ในวันพฤหัสบดี (27 ก.พ.)
    .
    อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000019217
    ..............
    Sondhi X
    ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ ยืนยันจะไม่มอบข้อเสนอวอชิงตันให้คำรับประกันด้านความมั่นคงแก่ยูเครนหรือมอบสถานภาพสมาชิกนาโตสำหรับเคียฟ ก่อนหน้าที่ประธานาธิบดีโวโลดิมีร์ เซเลนสกี แห่งยูเครน เตรียมเดินทางเยือนอเมริกา เพื่อปิดดีลเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากรทางธรรมชาติ . ทรัมป์ ผู้ซึ่งพลิกกลับนโยบายของสหรัฐฯ ด้วยการเลียบเคียงทาบทามไปยังรัสเซีย และหาทางยุติสงครามที่ยืดเยื้อมา 3 ปีอย่างรวดเร็ว บอกด้วยว่าบรรดาพันธมิตรยุโรปจะต้องแบกรับภาระความรับผิดชอบด้านความมั่นคงของยูเครน . ประธานาธิบดีสหรัฐฯ บอกกับพวกผู้สื่อข่าว ณ ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าเซเลนสกี จะเดินทางมาเยือนในวันศุกร์ (28 ก.พ.) และลงนามในข้อตกลง หลังสหรัฐฯ ยกระดับกดดันอย่างหนักหน่วงให้ส่งมอบแร่แรเอิร์ธที่ใช้ในด้านการบินและอวกาศ รวมถึงเทคโนโลยีอื่นๆ . "มันเป็นข้อตกลงที่ยอดเยี่ยมสำหรับยูเครน ด้วยเช่นกัน เพราะพวกเขาจะมีเราอยู่ที่นั่น" ทรัมป์ "เราจะไปอยู่ในภาคสนาม และคุณก็รู้ ในแนวทางดังกล่าว มันเป็นรูปแบบของความมั่นคงโดยอัตโนมัติ เพราจะไม่มีใครเข้าไปยุ่งกับคนของเรา เมื่อเราอยู่ที่นั่น" ทรัมป์กล่าว . อย่างไรก็ตาม ทรัมป์ ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่สหรัฐฯ จะมอบคำรับประกันด้านความมั่นคงอย่างเป็นทางการเพิ่มเติม ตามข้อเรียกร้องของเคียฟ "ผมจะไม่รับประกันด้านความมั่นคงที่เลยเถิดมากเกินไป" ประธานาธิบดีอเมริกากล่าว "เราจะมียุโรปทำหน้าที่นั้น ยุโรปคือเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกันของพวกเขา แต่เราจะทำให้แน่ใจว่าทุกๆ อย่างจะดำเนินไปด้วยดี" . เมื่อถูกถามว่าการประนีประนอมใดที่จำเป็นสำหรับยุติสงคราม ทรัมป์ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่ยูเครนจะเข้าเป็นสมาชิกนาโต และเน้นย้ำจุดยืนของรัสเซีย ที่เคยบอกว่าประเด็นนี้อยู่เบื้องหลังการรุกรานของพวกเขา "สำหรับนาโต คุณลืมมันไปได้เลย" ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าว "ผมคิดว่าบางทีมันอาจเป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกสิ่งอย่างเริ่มต้นขึ้น" . อดีตประธานาธิบดีโจ ไบเดน สนับสนุนยูเครน ว่าในท้ายที่สุดแล้วควรได้เป็นสมาชิกนาโต อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้เสนอกรอบเวลาที่เป็นรูปธรรมใดๆ . สหรัฐฯ ในวันจันทร์ (24 ก.พ.) เปลี่ยนฝั่งเลือกยืนอยู่ข้างรัสเซีย ณ เวทีสหประชาชาติ และอยู่ตรงข้ามกับบรรดาพันธมิตรยุโรปเกือบทั้งหมด ด้วยการสนับสนุนญัตติหนึ่งที่เรียกร้องให้ยุติสงคราม โดยปราศจากการเน้นย้ำบูรณภาพแห่งดินแดนของยูเครน . "เรากำลังทำอย่างดีที่สุด เพื่อให้เราสามารถทำข้อตกลงที่ดีที่สุดที่เราสามารถทำได้ สำหรับ 2 ฝ่าย" ทรัมป์บอกในวันพุธ (26 ก.พ.) "แต่สำหรับยูเครน เรากำลังพยายามอย่างหนักเพื่อทำข้อตกลงที่ดี เพื่อที่พวกเขาได้อะไรกลับคืนมามากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้" . ทรัมป์ กล่าวอ้างว่าแนวทางด้านการทูตของเขา ได้กระตุ้นเจตนารมณ์แห่งการประนีประนอมของประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซีย ที่ก่อนหน้านี้ตั้งการเอาทุกสิ่งทุกอย่างในยูเครน "เขาเป็นคนฉลาดมาก เขาเป็นคนฉลาดแกมโกงสุดๆ" ทรัมป์พูดถึงปูติน "ผมคิดว่าเรากำลังมีข้อตกลง ถ้าผมไม่ได้รับเลือกตั้ง ผมเชื่อว่าเขาจะยังคงเดินหน้าลุยไปทั่วยูเครน" . ประธานาธิบดีเอ็มมานูเอล มาครง แห่งฝรั่งเศส ในวันจันทร์ (24 ก.พ.) บอกกับ ทรัมป์ ว่าบรรดาชาติยุโรปกำลังพิจารณาส่งทหารเข้าไปปกป้องข้อตกลงใดๆ แต่การสนับสนุนของสหรัฐฯ เป็นสิ่งสำคัญ ในแนวทางรับประกันความมั่นคง . คาดหมายว่า เคียร์ สตาร์เมอร์ นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร จะส่งสารแบบเดียวกันนี้ ครั้งที่เขามีกำหนดพบปะกับ ทรัมป์ ในวันพฤหัสบดี (27 ก.พ.) . อ่านเพิ่มเติม..https://sondhitalk.com/detail/9680000019217 .............. Sondhi X
    Like
    Haha
    Wow
    15
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 2452 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts