• อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่ารายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับกาม
    สัทธรรมลำดับที่ : 269
    ชื่อบทธรรม :- รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับกาม
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=269
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับกาม
    --ภิกษุ ท. ! ที่เรากล่าวว่า
    “กาม นิทานสัมภวะแห่งกาม เวมัตตตา แห่งกาม
    วิบากแห่งกาม นิโรธแห่งกาม ปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งกาม เป็นสิ่งที่ควรรู้แจ้ง”
    นั้น เรากล่าวหมายถึงกามไหนกันเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! กามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้ คือ
    รูป ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยจักษุ(ตา)
    ....
    เสียง ทั้งหลาย อันจะถึงรู้แจ้งได้ด้วยโสตะ(หู)
    ....
    กลิ่น ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยฆานะ(จมูก)
    ....
    รส ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยชิวหา(ลิ้น)
    ....
    โผฏฐัพพะ ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้ง ได้ด้วยกาย (ผิวกาย)
    อันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ มีลักษณะอันน่ารัก
    เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยแห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด มีอยู่,
    --ภิกษุ ท. ! อารมณ์ ๕ อย่างเหล่านี้ หาใช่กามไม่ ;
    ห้าอย่างเหล่านี้ เรียกกันในอริยวินัย ว่า กามคุณ.(คาถาจำกัดความตอนนี้)
    ความกำหนัดไปตามอำนาจความตริตรึก (สงฺกปฺปราโค) นั่นแหละคือกามของคนเรา ;
    http://etipitaka.com/read/pali/22/460/?keywords=สงฺกปฺปราโค
    อารมณ์อันวิจิตรทั้งหลายในโลกนั้น หาใช่กามไม่ ;
    ความกำหนัดไปตามอำนาจความตริตรึกนั่นแหละคือ กาม ของคนเรา ;
    อารมณ์อันวิจิตร ก็มีอยู่ในโลกตามประสาของมันเท่านั้น ;
    ดังนั้น ผู้มีปัญญาจึงนำออกเสียซึ่งฉันทะ ในอารมณ์อันวิจิตรเหล่านั้น
    ดังนี้.
    --ภิกษุ ท. ! นิทานสัมภวะ (เหตุเป็นแดนเกิด) แห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ?
    นิทานสัมภวะแห่งกาม คือ #ผัสสะ.

    --ภิกษุ ท. ! เวมัตตา (ประมาณต่าง ๆ) แห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ?
    ภิกษุ ท. ! เวมัตตตาแห่งกาม คือ
    ความใคร่ (กาม) ในรูปารมณ์ก็อย่างหนึ่ง ๆ,
    ความใคร่ในสัททารมณ์ ก็อย่างหนึ่งๆ,
    ความใคร่ในคันธารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ,
    ความใคร่ในรสารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ,
    ความใคร่ในโผฏฐัพพารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ ;
    --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า เวมัตตาแห่งกาม.

    --ภิกษุ ท. ! วิบากแห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! บุคคลใคร่อยู่ซึ่งอารมณ์ (แห่งกาม) ใด
    เขากระทำอัตตภาพอันเกิดจากกามนั้น ๆ ให้เกิดขึ้น *--๑
    เป็นอัตตภาพ มีส่วนแห่งบุญ ก็ดี มีส่วนแห่งอบุญ ก็ดี ;
    --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า วิบากแห่งกาม.
    --ภิกษุ ท. ! นิโรธ (ความดับ) แห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ?
    --ภิกษุ ท. ! นิโรธแห่งกามย่อมมี เพราะนิโรธแห่งผัสสะ. อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้นั่นแล เป็นปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งกาม ;
    ปฏิปทานั้นได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ
    สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ
    สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ.

    --ภิกษุ ท. ! ในกาลใดแล อริยสาวกย่อม
    รู้ชัดซึ่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งนิทานสัมภวะแห่งกาม อย่างนี้,
    รู้ชัดซึ่งเวมัตตตาแห่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งวิบากแห่งกาม อย่างนี้,
    รู้ชัดซึ่งนิโรธแห่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งกาม อย่างนี้ ;
    ในกาลนั้น อริยสาวกนั้น
    ย่อมรู้ชัดซึ่งพรหมจรรย์นี้อันเป็นเครื่องเจาะแทงกิเลส ว่าเป็นนิโรธแห่งกาม.-

    *--๑. ข้อความนี้ใช้ได้ทั้งภาษาคนและภาษาธรรม
    : ภาษาคนก็คือเกิดใหม่หลังจากตายแล้ว ดังที่ทราบกันอยู่ ;
    ถ้าเป็นภาษาธรรมก็คือ จิตที่ครองอัตตภาพปัจจุบันของเขานั้นเกิดเปลี่ยนเป็นบุญหรือบาป
    ตามสมควรแก่อุปาทานที่เกิดขึ้นจากความใคร่นั้น ๆ
    โดยที่ยังไม่ต้องตาย ;
    ทั้งนี้แล้วแต่ผู้ศึกษาจะถือเอาความหมายไหน.

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อ. 22/365-368/334.
    http://etipitaka.com/read/thai/22/365/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%94
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อ. ๒๒/๔๕๘-๔๖๐/๓๓๔.
    http://etipitaka.com/read/pali/22/458/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%94
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=269
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18&id=269
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18
    ลำดับสาธยายธรรม : 18 ฟังเสียง...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_18.mp3
    อริยสาวกพึงฝึกหัดศึกษาว่ารายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับกาม สัทธรรมลำดับที่ : 269 ชื่อบทธรรม :- รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับกาม https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=269 เนื้อความทั้งหมด :- --รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับกาม --ภิกษุ ท. ! ที่เรากล่าวว่า “กาม นิทานสัมภวะแห่งกาม เวมัตตตา แห่งกาม วิบากแห่งกาม นิโรธแห่งกาม ปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งกาม เป็นสิ่งที่ควรรู้แจ้ง” นั้น เรากล่าวหมายถึงกามไหนกันเล่า ? --ภิกษุ ท. ! กามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้ คือ รูป ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยจักษุ(ตา) .... เสียง ทั้งหลาย อันจะถึงรู้แจ้งได้ด้วยโสตะ(หู) .... กลิ่น ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยฆานะ(จมูก) .... รส ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยชิวหา(ลิ้น) .... โผฏฐัพพะ ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้ง ได้ด้วยกาย (ผิวกาย) อันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ มีลักษณะอันน่ารัก เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยแห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด มีอยู่, --ภิกษุ ท. ! อารมณ์ ๕ อย่างเหล่านี้ หาใช่กามไม่ ; ห้าอย่างเหล่านี้ เรียกกันในอริยวินัย ว่า กามคุณ.(คาถาจำกัดความตอนนี้) ความกำหนัดไปตามอำนาจความตริตรึก (สงฺกปฺปราโค) นั่นแหละคือกามของคนเรา ; http://etipitaka.com/read/pali/22/460/?keywords=สงฺกปฺปราโค อารมณ์อันวิจิตรทั้งหลายในโลกนั้น หาใช่กามไม่ ; ความกำหนัดไปตามอำนาจความตริตรึกนั่นแหละคือ กาม ของคนเรา ; อารมณ์อันวิจิตร ก็มีอยู่ในโลกตามประสาของมันเท่านั้น ; ดังนั้น ผู้มีปัญญาจึงนำออกเสียซึ่งฉันทะ ในอารมณ์อันวิจิตรเหล่านั้น ดังนี้. --ภิกษุ ท. ! นิทานสัมภวะ (เหตุเป็นแดนเกิด) แห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ? นิทานสัมภวะแห่งกาม คือ #ผัสสะ. --ภิกษุ ท. ! เวมัตตา (ประมาณต่าง ๆ) แห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! เวมัตตตาแห่งกาม คือ ความใคร่ (กาม) ในรูปารมณ์ก็อย่างหนึ่ง ๆ, ความใคร่ในสัททารมณ์ ก็อย่างหนึ่งๆ, ความใคร่ในคันธารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ, ความใคร่ในรสารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ, ความใคร่ในโผฏฐัพพารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ ; --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า เวมัตตาแห่งกาม. --ภิกษุ ท. ! วิบากแห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! บุคคลใคร่อยู่ซึ่งอารมณ์ (แห่งกาม) ใด เขากระทำอัตตภาพอันเกิดจากกามนั้น ๆ ให้เกิดขึ้น *--๑ เป็นอัตตภาพ มีส่วนแห่งบุญ ก็ดี มีส่วนแห่งอบุญ ก็ดี ; --ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า วิบากแห่งกาม. --ภิกษุ ท. ! นิโรธ (ความดับ) แห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ? --ภิกษุ ท. ! นิโรธแห่งกามย่อมมี เพราะนิโรธแห่งผัสสะ. อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้นั่นแล เป็นปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งกาม ; ปฏิปทานั้นได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. --ภิกษุ ท. ! ในกาลใดแล อริยสาวกย่อม รู้ชัดซึ่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งนิทานสัมภวะแห่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งเวมัตตตาแห่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งวิบากแห่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งนิโรธแห่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งกาม อย่างนี้ ; ในกาลนั้น อริยสาวกนั้น ย่อมรู้ชัดซึ่งพรหมจรรย์นี้อันเป็นเครื่องเจาะแทงกิเลส ว่าเป็นนิโรธแห่งกาม.- *--๑. ข้อความนี้ใช้ได้ทั้งภาษาคนและภาษาธรรม : ภาษาคนก็คือเกิดใหม่หลังจากตายแล้ว ดังที่ทราบกันอยู่ ; ถ้าเป็นภาษาธรรมก็คือ จิตที่ครองอัตตภาพปัจจุบันของเขานั้นเกิดเปลี่ยนเป็นบุญหรือบาป ตามสมควรแก่อุปาทานที่เกิดขึ้นจากความใคร่นั้น ๆ โดยที่ยังไม่ต้องตาย ; ทั้งนี้แล้วแต่ผู้ศึกษาจะถือเอาความหมายไหน. #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก #พุทธธัมมเจดีย์ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อ. 22/365-368/334. http://etipitaka.com/read/thai/22/365/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%94 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - ฉกฺก. อ. ๒๒/๔๕๘-๔๖๐/๓๓๔. http://etipitaka.com/read/pali/22/458/?keywords=%E0%B9%93%E0%B9%93%E0%B9%94 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=269 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18&id=269 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=18 ลำดับสาธยายธรรม : 18 ฟังเสียง... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_18.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับกาม
    -รายละเอียดที่ควรศึกษาเกี่ยวกับกาม ภิกษุ ท. ! ที่เรากล่าวว่า “กาม นิทานสัมภวะแห่งกาม เวมัตตตา แห่งกาม วิบากแห่งกาม นิโรธแห่งกาม ปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งกาม เป็นสิ่งที่ควรรู้แจ้ง” นั้น เรากล่าวหมายถึงกามไหนกันเล่า ? ภิกษุ ท. ! กามคุณ ๕ อย่างเหล่านี้ คือ รูป ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยจักษุ.... เสียง ทั้งหลาย อันจะถึงรู้แจ้งได้ด้วยโสตะ.... กลิ่น ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยฆานะ.... รส ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้งได้ด้วยชิวหา.... โผฏฐัพพะ ทั้งหลาย อันจะพึงรู้แจ้ง ได้ด้วยกาย อันเป็นสิ่งที่น่าปรารถนา น่ารักใคร่ น่าพอใจ มีลักษณะอันน่ารัก เป็นที่เข้าไปตั้งอาศัยแห่งความใคร่ เป็นที่ตั้งแห่งความกำหนัด มีอยู่, ภิกษุ ท. ! อารมณ์ ๕ อย่างเหล่านี้ หาใช่กามไม่ ; ห้าอย่างเหล่านี้ เรียกกันในอริยวินัย ว่า กามคุณ. (คาถาจำกัดความตอนนี้) ความกำหนัดไปตามอำนาจความตริตรึก (สงฺกปฺปราค) นั่นแหละคือกามของคนเรา ; อารมณ์อันวิจิตรทั้งหลายในโลก นั้น หาใช่กามไม่ ; ความกำหนัดไปตามอำนาจความตริตรึก นั่นแหละคือกามของคนเรา ; อารมณ์อันวิจิตร ก็มีอยู่ในโลก ตามประสาของมันเท่านั้น ; ดังนั้น ผู้มีปัญญาจึงนำออกเสียซึ่งฉันทะ ในอารมณ์อันวิจิตรเหล่านั้น ดังนี้. ภิกษุ ท. ! นิทานสัมภวะ (เหตุเป็นแดนเกิด) แห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ? นิทานสัมภวะแห่งกาม คือ ผัสสะ. ภิกษุ ท. ! เวมัตตา (ประมาณต่าง ๆ) แห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! เวมัตตตาแห่งกาม คือ ความใคร่ (กาม) ในรูปารมณ์ก็อย่างหนึ่ง ๆ, ความใคร่ในสัททารมณ์ ก็อย่างหนึ่งๆ, ความใคร่ในคันธารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ, ความใคร่ในรสารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ, ความใคร่ในโผฏฐัพพารมณ์ ก็อย่างหนึ่ง ๆ ; ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า เวมัตตาแห่งกาม. ภิกษุ ท. ! วิบากแห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! บุคคลใคร่อยู่ซึ่งอารมณ์ (แห่งกาม) ใด เขากระทำอัตตภาพอันเกิดจากกามนั้น ๆ ให้เกิดขึ้น๑ เป็นอัตตภาพมีส่วนแห่งบุญ ก็ดี มีส่วนแห่งอบุญ ก็ดี ; ภิกษุ ท. ! นี้เราเรียกว่า วิบากแห่งกาม. ภิกษุ ท. ! นิโรธ (ความดับ) แห่งกาม เป็นอย่างไรเล่า ? ภิกษุ ท. ! นิโรธแห่งกามย่อมมี เพราะนิโรธแห่งผัสสะ. อริยอัฏฐังคิกมรรคนี้นั่นแล เป็น ๑. ข้อความนี้ใช้ได้ทั้งภาษาคนและภาษาธรรม : ภาษาคนก็คือเกิดใหม่หลังจากตายแล้ว ดังที่ทราบกันอยู่ ; ถ้าเป็นภาษาธรรมก็คือ จิตที่ครองอัตตภาพปัจจุบันของเขานั้นเกิดเปลี่ยนเป็นบุญหรือบาป ตามสมควรแก่อุปาทานที่เกิดขึ้นจากความใคร่นั้น ๆ โดยที่ยังไม่ต้องตาย ; ทั้งนี้แล้วแต่ผู้ศึกษาจะถือเอาความหมายไหน. ปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งกาม ; ปฏิปทานั้นได้แก่ สัมมาทิฏฐิ สัมมาสังกัปปะ สัมมาวาจา สัมมากัมมันตะ สัมมาอาชีวะ สัมมาวายามะ สัมมาสติ สัมมาสมาธิ. ภิกษุ ท. ! ในกาลใดแล อริยสาวกย่อมรู้ชัดซึ่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งนิทานสัมภวะแห่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งเวมัตตตาแห่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งวิบากแห่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งนิโรธแห่งกาม อย่างนี้, รู้ชัดซึ่งปฏิปทาให้ถึงซึ่งนิโรธแห่งกาม อย่างนี้ ; ในกาลนั้น อริยสาวกนั้น ย่อมรู้ชัดซึ่งพรหมจรรย์นี้อันเป็นเครื่องเจาะแทงกิเลส ว่าเป็นนิโรธแห่งกาม.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • ขอบคุณอ.นบพ์ คณะ ครับร่วมบุญกองบุญจักรพรรดิรอบ2 สาธุ
    ขอบคุณอ.นบพ์ คณะ ครับร่วมบุญกองบุญจักรพรรดิรอบ2 สาธุ
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 13 มุมมอง 0 รีวิว
  • **ภาพวาด 24 กตัญญู**

    สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันถึงฉากที่พระนางในเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> สวมหน้ากากร่วมทายปริศนากันในเทศกาลโคมไฟ วันนี้มาคุยกันต่ออีกนิดเกี่ยวกับฉากนี้ ในเนื้อเรื่องนางเอกชนะได้โคมไฟหนึ่งใบซึ่งนางมอบให้พระเอกและพระเอกให้คนส่งต่อไปให้พ่อของเขา โดยโคมไฟใบนี้เป็นลายภาพที่นางเอกเรียกว่า ‘ภาพวาด 24 กตัญญู’

    ‘24 กตัญญู’ (二十四孝/เอ้อร์สือซื่อเซี่ยว) เป็นเรื่องราวความกตัญญูยี่สิบสี่เรื่องที่ถูกเรียบเรียงขึ้นในสมัยหยวนโดยกัวจวีจิ้ง บัณฑิตชนบทธรรดาจากหมู่บ้านเล็กแห่งหนึ่งในมณฑลฝูเจี้ยน โดยเป็นการรวบรวมเรื่องเล่าความกตัญญูในประวัติศาสตร์จากหลายแหล่งมาเรียบเรียงเป็นประโยคกลอนสั้นประมาณสี่วรรค ทำให้ง่ายต่อการเล่าต่อและจดจำ จึงกลายเป็นหนึ่งในนิทานสอนเด็กที่ชาวบ้านนิยมอย่างแพร่หลาย ต่อมาถูกหยิบยกมาเป็นเนื้อหาของภาพวาดหรืองานแกะสลักโดยหลากหลายศิลปินหลายยุคสมัย

    เนื้อหาส่วนใหญ่ของบทกวี 24 กตัญญูมีที่มาจาก ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ (孝子传/เซี่ยวจื่อจ้วน) ซึ่งถูกประพันธ์ขึ้นโดยหลิวเซี่ยง ราชนิกุลและนักประวัติศาสตร์อักษรศาสตร์สมัยฮั่นตะวันตก เป็นหนึ่งในบทประพันธ์ที่สะท้อนแนวคำสอนและปรัชญาของขงจื๊อ และต่อมา ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ ถูกนำไปรวมอยู่ในอีกหลากหลายบทประพันธ์ในอีกหลายยุคสมัย หนึ่งในนั้นคือบันทึกเรื่องเล่าความกตัญญูยาวกว่าห้าม้วนที่ถูกค้นพบในห้องศิลาที่ตุนหวง

    24 กตัญญูกล่าวถึงอะไรบ้าง บทความยาวหน่อยนะคะ สรุปโดยสั้นได้ดังนี้ (ดูรูปประกอบ):

    1. กตัญญูสะเทือนสวรรค์: เป็นเรื่องราวของจักรพรรดิซุ่นกว่าสี่พันปีที่แล้ว (เป็นหนึ่งในสามราชันห้าจักรพรรดิในตำนาน) เมื่อครั้งเขายังเป็นชาวบ้านธรรมดาก็ถูกพ่อ แม่เลี้ยงและน้องต่างมารดาให้ร้ายสารพัดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เขาไม่คิดแค้นเคืองและยังคงดูแลพวกเขาอย่างดี จนสวรรค์เห็นใจจึงบันดาลให้มีช้างมาช่วยปรับผิวดินและมีนกมาช่วยหว่านเมล็ดพืชจนทำมาหาเลี้ยงชีพได้ ต่อมาจักรพรรดิ์เหยาได้ยินกิตติศัพท์ความกตัญญูของเขาก็รับเป็นราชบุตรเขยและสุดท้ายให้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป

    2. แบกข้าวให้บุพการี: กล่าวถึงจงโหยว (นามรองจื่อลู่) หนึ่งในศิษย์เอกของขงจื๊อ ขุนนางชื่อดังแห่งแคว้นเว่ยในยุคสมัยชุนชิว เขามีพื้นเพยากจน ทุกวันจะกินแต่ผักผลไม้ป่าเพื่อประหยัดเงิน แต่ยอมเดินทางไกลกว่าร้อยหลี่เพื่อไปหาซื้อข้าวแบกกลับมาให้พ่อแม่กิน ต่อมาเมื่อชีวิตความเป็นอยู่ดีมีอันจะกินก็มักจะพร่ำเสียดายที่พ่อแม่ไม่มีชีวิตอยู่ดีกินดีกับเขา

    3. ฮ่องเต้ชิมยา: เป็นเรื่องราวของฮั่นเหวินตี้หลิวเหิง บุตรของป๋อไทเฮา ที่คอยดูแลป๋อไทเฮาในยามป่วยตลอดสามปีด้วยตนเองแม้จะเป็นถึงฮ่องเต้มีข้าราชบริพารมากมาย โดยจะชิมยาของแม่ก่อนป้อนให้แม่ทุกครั้งเพื่อทดสอบว่ายานั้นอุ่นกำลังดีไม่ร้อนเกินไป

    4. ขายตัวฝังศพพ่อ: เป็นเรื่องราวของบุรุษนามว่าตงหย่งในสมัยฮั่นที่กำพร้าแม่แต่เด็ก ต่อมาเมื่อพ่อเสียชีวิตก็ไม่มีเงินทำศพพ่อจึงยอมขายตัวเองไปเป็นทาส วันหนึ่งพบเข้ากับสตรีกำพร้าไร้ที่ไป นางขอให้เขาช่วยแต่งงานอยู่กินกันโดยนางยินดีเข้าไปช่วยทำงานที่เรือนเศรษฐีด้วย เศรษฐีตกลงว่าเมื่อนางทอผ้าได้ครบสามร้อยพับก็จะอนุญาตให้ทั้งคู่ไถ่ตัวได้ นางใช้เวลาเพียงเดือนเดียวก็ทำสำเร็จ ต่อมานางบอกความจริงว่านางเป็นเทพธิดาและสวรรค์ซาบซึ้งกับความกตัญญูของเขาจึงมอบหมายให้มาช่วยเขา จากนั้นก็อำลาจากไป

    5. สีสันบันเทิงเพื่อบุพการี: กล่าวถึงเหล่าช่ายจื่อ หนึ่งในบัณฑิตมากความรู้ที่เร้นกายอยู่ในป่าในสมัยชุนชิว เขารักพ่อแม่มากอยากให้พ่อแม่เบิกบานใจทุกวัน ถึงขนาดว่าตัวเองอยู่ในวัย 70 ปีแล้วแต่ก็ยังแต่งตัวสีสันฉูดฉาดเล่นเป็นเด็ก หกล้มลงก็แกล้งทำเป็นกลิ้งเล่นอยู่บนพื้นเพื่อให้พ่อแม่วัยเฒ่าหัวเราะแทนที่จะตกใจเสียใจ

    6. นิ้วแม่เชื่อมใจลูก: เป็นเรื่องราวของเจิงจื่อ นักปรัชญาแห่งราชสำนักโจวและลูกศิษย์ของขงจื๊อ ที่วันหนึ่งออกไปเก็บฟืน แต่มีแขกมาเยือน แม่ของเขาอยู่บ้านคนเดียวก็กระวนกระวายไม่รู้ว่าจะต้อนรับขับสู้อย่างไรดี จนถึงขนาดกัดนิ้วตนเองด้วยความเครียด เจิงจื่อที่อยู่ในป่ากลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บนั้น จึงรีบรุดกลับบ้านมาดูแม่และรับรองแขกด้วยตนเอง บ่งบอกถึงสายใยเหนียวแน่นของแม่ลูก

    7. คัดผลไม้ให้แม่กิน: เป็นเรื่องราวของไช่ซุ่นในสมัยฮั่น เขาอาศัยเก็บผลหม่อนกินประทังชีวิตเพราะยากจนมากและข้าวของราคาแพงเพราะสงคราม อยู่มาวันหนึ่งมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่นำขบวนทหารผ่านมาเห็นเขาแยกผลหม่อน ถามได้ความว่าเขาแยกผลสุกสีเข้มให้แม่กิน ส่วนตัวเองกินที่สีแดงที่ยังเปรี้ยวเฝื่อน นายทหารเห็นแก่ความกตัญญูของเขาจึงแบ่งปันเสบียงทหารให้ชายหนุ่ม

    8. กราบไหว้รูปสลักบุพการี: กล่าวถึงบุรุษสมัยฮั่นตะวันออกนามว่าหลันติงที่กำพร้าพ่อแม่แต่เด็ก เขาแกะสลักรูปปั้นพ่อแม่ตั้งไว้ในบ้านกราบไหว้ทุกวันเพราะละอายใจที่ไม่มีโอกาสได้ทดแทนบุญคุณ ไม่เพียงกราบไหว้สามมื้อก่อนจะกินข้าว แต่มีเรื่องอะไรก็จะไปนั่งคุยให้รูปปั้นฟัง หนักเข้าภรรยาก็รำคาญ เลยลองเอาเข็มไปจิ้มรูปปั้น เมื่อเขากลับมาบ้านพบว่ารูปปั้นน้ำตาไหล เมื่อสืบสาวราวเรื่องได้แล้วเขาก็เลิกกับภรรยา

    9. น้ำนมกวางเพื่อบุพการี: กล่าวถึงถานจื่อ ประมุขแคว้นถานซึ่งเป็นแคว้นเล็กในสมัยราชวงศ์โจว ในสมัยเด็กเขายากจนและต้องดูแลพ่อแม่ที่แก่ชราแล้วและตาไม่ดี ต้องกินนมกวางช่วยบำรุงรักษา เขามักจะใช้หนังกวางคลุมตัวแล้วย่องเข้าไปปะปนอยู่ในฝูงกวางเพื่อเอานมกวางมาให้พ่อแม่กิน มีอยู่ครั้งหนึ่งเกือบโดนนายพรานยิง แต่เมื่อนายพรานได้ยินเรื่องราวความจำเป็นของเขาก็ยกนมกวางให้และยังส่งเขากลับบ้านด้วยตนเอง

    10. สวมเสื้อไส้ใยกก: เป็นเรื่องของหมินสุ่น (นามรองจื่อเชียน) หนึ่งในลูกศิษย์ของขงจื๊อ เขากำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก พ่อแต่งภรรยาใหม่มีลูกชายอีกสองคน เขาถูกแม่เลี้ยงกลั่นแกล้งบ่อยครั้ง ต้องสวมเสื้อใยกกในขณะที่น้องๆ ได้สวมเสื้อบุฝ้ายในยามหนาว วันหนึ่งเขาช่วยจูงรถให้พ่อแต่หนาวจนทำให้เชือกหลุดมือ พ่อบันดาลโทสะเฆี่ยนจนเสื้อขาดจึงพบว่าลูกชายคนนี้ใส่เสื้อผ้าที่ไม่ช่วยกันหนาว พ่อโกรธแม่เลี้ยงมากถึงกับเอ่ยปากบอกเลิกทันทีที่กลับถึงบ้าน แต่หมินสุ่นอ้อนวอนขออภัยแทนแม่เลี้ยง โดยให้เหตุผลว่า ตอนนี้มีลูกเพียงคนเดียวที่ลำบาก แต่ถ้าแม่เลี้ยงไม่อยู่จะมีลูกถึงสามคนที่ลำบาก สุดท้ายแม่เลี้ยงได้รับการให้อภัย นางจึงกลับตัวกลับใจดูแลหมินสุ่นอย่างดีนับแต่นั้นมา

    11. ฝังลูกเพื่อแม่: กล่าวถึงบุรุษนามว่ากัวจวี้ในสมัยฮั่น เขามีฐานะยากจน เมื่อพ่อเสียก็แลแม่เป็นอย่างดี ต่อมาเมื่อภรรยาคลอดบุตร เขาก็รู้สึกว่าเลี้ยงดูไม่ไหวและไม่อยากให้แม่ต้องมาอดมื้อกินมื้อไปกับเขา จึงตัดสินใจจะฝังลูกเพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ฟังคำทัดทานของภรรยา แต่เมื่อขุดดินลงไปกลับพบทองคำหนึ่งไห เรื่องราวจบลงด้วยดีโดยเขาไม่ต้องฆ่าลูกตัวเองและมีฐานะดีขึ้น

    12. ปลากระโดดจากบ่อน้ำ: กล่าวถึงบุรุษนามว่าเจียงซือในสมัยฮั่น เขามีภรรยาแซ่ผางที่กตัญญูกับแม่สามีมาก แม่สามีชอบกินปลาก็ออกไปจับปลามาให้กิน อยู่มาวันหนึ่งอากาศไม่ดีกว่านางแซ่ผางจะกลับถึงบ้านก็ดึกจึงถูกเจียงซือไล่ออกจากบ้านเพราะเข้าใจผิดว่านางตั้งใจละเลยแม่ของเขา เมื่อแม่ของเจียงซือรู้เรื่องให้เจียงซือไปรับนางกลับมา และตั้งแต่วันที่นางกลับเข้าบ้านมาก็ปรากฏปลาหลีฮื้อสองตัวกระโดดออกมาจากบ่อน้ำกลางบ้านทุกวัน ทำให้นางไม่ต้องไปจับปลาในแม่น้ำอีกต่อไป

    13. ซุกส้มให้แม่: เป็นเรื่องราวของลู่จี้ ขุนนางในสมัยราชวงศ์ฮั่นตอนปลาย กล่าวถึงเมื่อตอนเขาอายุหกขวบ ได้มีโอกาสติดตามพ่อไปพบแม่ทัพท่านหนึ่งที่จวน ครั้นพอเขาคารวะอำลากลับ ส้มสองลูกที่เขาซุกไว้อยู่ในแขนเสื้อกลิ้งหล่นออกมา สอบถามได้ใจความว่าเขาเห็นแม่ชอบกินส้มจึงตั้งใจเก็บเอาไปให้แม่กิน ทำให้แม่ทัพรู้สึกประหลาดใจและชมชอบในความกตัญญูของเด็กคนนี้

    14. ยินเสียงฟ้าร้องปลอบแม่ที่หลุมศพ: กล่าวถึงบัณฑิตหนุ่มจากแคว้นเว่ยนามว่าหวางโผว แม่ของเขาเป็นคนกลัวเสียงฟ้าร้องมาก แม้ว่าจะตายไปแล้วแต่ทุกครั้งที่ฝนตกหนักฟ้าร้อง หวางโผวจะไปกราบหลุมศพนางพร้อมกับปลอบให้นางไม่ต้องกลัว

    15. กอดเสือช่วยพ่อ: กล่าวถึงสตรีนางหนึ่งในสมัยราชวงศ์จิ้นนามว่าหยางเซียง เมื่อครั้งนางมีอายุสิบสี่ปีได้ออกไปทำนากับพ่อ แต่พลันปรากฏเสือตัวหนึ่งกระโจนใส่พ่อจนล้มไป นางไม่มีอาวุธใดแต่ก็กระโดดกอดคอเสือแน่นเพื่อไม่ให้เสือกัดพ่อ สุดท้ายเสือยอมแพ้ปล่อยพ่อของนางแล้วหนีไป

    16. ให้นมย่าทวด: เป็นเรื่องราวความกตัญญูของย่าของเจี๋ยตู้สื่อชุยซานหนานในสมัยถัง เล่าถึงเมื่อครั้งที่ย่าทวดของชุยซานหนานทั้งแก่ทั้งไม่สบายจนเคี้ยวอาหารหยาบไม่ได้เลย ย่าของเขาคอยดูแลโดยใช้น้ำนมของตนป้อนจนย่าทวดอิ่ม ต่อมาทั้งครอบครัวอยู่กันอย่างสงบสุขและรุ่นลูกรุ่นหลานล้วนแสดงความกตัญญูต่อย่าของเขาเช่นกัน

    17. พัดหมอนอุ่นผ้าห่ม: เป็นเรื่องราวของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในสมัยฮั่นนามว่าหวงเซียง เขากำพร้าแม่แต่เด็กและคอยดูแลพ่อ แม้ด้วยวัยเพียงเก้าขวบก็รู้จักพัดหมอนของพ่อให้คลายร้อนในหน้าร้อนและนอนอุ่นผ้าห่มของพ่อในหน้าหนาวเพื่อว่าพ่อของเขาจะได้นอนหลับสบาย

    18. ร่ำไห้จนเกิดหน่อไม้: กล่าวถึงขุนนางสมัยสามก๊กนามว่าเมิ่งจง เขากำพร้าพ่อแต่เด็ก เมื่อครั้งยังหนุ่มต้องดูแลแม่ที่ชราและป่วยหนัก หมอบอกว่าต้องให้แม่กินหน่อไม้สด แต่จนใจเป็นฤดูหนาว เขาหาจนทั่วก็ไม่มีจึงเสียใจคุกเข่าร้องไห้กลางป่า ปรากฏว่าอยู่ดีๆ พื้นดินก็แยกออกแล้วมีหน่อไม้ผุดขึ้นมาให้เขาเก็บกลับบ้านให้แม่กินจนหายป่วย

    19. ล่อยุงแทนพ่อ: กล่าวถึงอู๋เหมิ่ง นักพรตในสมัยสามก๊ก ที่ในสมัยเด็กครอบครัวยากจนไม่มีแม้แต่มุ้งจะกางนอน เขามักจะถอดเสื้อนอนล่อให้ยุงมากัด เพื่อว่าพ่อแม่จะได้นอนหลับสบาย

    20. ล้างกระโถนให้แม่: เป็นเรื่องราวของกวีและนักเขียนอักษรชื่อดังสมัยซ่งเหนือนามว่าหวงถิงเจียน เขาดูแลแม่อย่างเสมอต้นเสมอปลายแม้ว่าจะมีฐานะดี และจะเอากระโถนของแม่ไปเทล้างด้วยตนเองทุกวันไม่เคยขาด

    21. แบกแม่หลบภัย: กล่าวถึงเจียงเก๋อ ขุนนางตงฉินชื่อดังผู้ถูกยกย่องเป็นขุนนางยอดกตัญญูในรัชสมัยของกษัตริย์อู่ตี้แห่งราชวงศ์เหลียงในยุคราชวงศ์เหนือใต้ เจียงเก๋อกำพร้าพ่อแต่เด็กและกตัญญูต่อแม่มาก ครั้งหนึ่งเคยแบกแม่เดินทางหนีสงคราม พบเข้ากับโจรภูเขา เขาอ้อนวอนว่าถ้าเขาตายไป แม่ผู้ชราก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ สุดท้ายโจรภูเขาเลยย้อมไว้ชีวิตปล่อยตัวไปทั้งเขาและแม่

    22. ขอปลาบนน้ำแข็ง: เป็นเรื่องของหวางเสียง หนึ่งในขุนนางระดับสูงของราชวงศ์จิ้นตะวันตก เขากำพร้าแม่แต่เด็ก มีแม่เลี้ยงก็ถูกแม่เลี้ยงใส่ไฟจนพ่อไม่รัก อยู่มาวันหนึ่งแม่เลี้ยงไม่สบายมากเขาก็ดูแลนางอย่างใกล้ชิด ครั้นเห็นนางอยากกินปลาจึงออกไปจับปลา แต่จนใจอากาศหนาวจัดจนผิวน้ำเป็นน้ำแข็ง ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงถอดเสื้อลงนอนทาบน้ำแข็งโดยหวังว่ามันจะทำให้น้ำแข็งละลาย แล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น น้ำแข็งละลายจริงและมีปลาโดดออกมาให้เขาจับกลับบ้าน เมื่อแม่เลี้ยงได้กินปลาก็หายป่วย

    23. ชิมอุจจาระดูอาการป่วยพ่อ: เป็นเรื่องของขุนนางสมัยฉีใต้นามว่าอวี่เฉียนโหลว อยู่มาวันหนึ่งเขารู้สึกใจคอว้าวุ่นคิดถึงพ่อที่อยู่บ้านนอก จึงตัดสินใจลาเกษียณกลับไปดูแลพ่อที่ชรามากแล้ว เมื่อถึงบ้านก็พบว่าพ่อของเขาไม่สบายมาก หมอบอกว่าอาการของพ่อเขาสาหัสมาก หากอุจจาระมีรสขมก็จะดีมีโอกาสหาย เขาจึงแอบชิมอุจจาระพ่อ พบว่ามันมีรสหวานก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ กราบไหว้ฟ้าขอให้พ่อให้และยอมแลกด้วยชีวิตตัวเองแทน แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันพ่อของเขาก็สิ้นใจ

    24. ออกจากราชการเพื่อตามหาแม่: กล่าวถึงขุนนางสมัยซ่งนามว่าจูโซ่วชาง เมื่อครั้งเขาอายุเพียงเจ็ดขวบ แม่ของเขาที่มีสถานะเป็นอนุภรรยาได้ถูกภรรยาเอกของพ่อบีบให้ต้องแต่งงานไปกับคนอื่นจนเขาต้องพลัดพรากจากแม่โดยไม่มีข่าวคราว แต่เขาไม่เคยหยุดที่จะสืบหาแม่ของเขา ต่อมาห้าสิบปีให้หลังเขาได้รับเบาะแสเกี่ยวกับแม่ จึงขอลาออกจากตำแหน่งขุนนางระดับสูงเพื่อออกตามหาแม่พร้อมประกาศกร้าวว่าถ้าไม่พบแม่จะไม่กลับเมืองหลวงอีก และเขาก็ทำสำเร็จพบแม่ที่มีอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้วและพานางกลับเมืองหลวงด้วยกัน

    อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เรื่องราว 24 กตัญญูถูกเรียบเรียงเป็นกลอนสั้น แต่ละเรื่องยาวเพียงสี่วรรค ง่ายต่อการจดจำ เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายท่านคงรู้สึกไม่อินกับบางเรื่อง และที่ประเทศจีนเองก็มีการถกกันในวงกว้างว่า การกระทำต่างๆ ที่ถูกกล่าวถึงในเรื่องราวเหล่านี้ยังเหมาะสมต่อบริบทสังคมปัจจุบันหรือไม่ แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเพื่อนเพจอ่านแล้วคงพอเห็นภาพว่า เหตุใดเรื่องราวเหล่านี้จึงถูกยกเป็นตัวอย่างเพื่อสะท้อนความดีงามของความกตัญญูต่อพ่อแม่และเป็นตัวอย่างของการทำดีแล้วได้ดี

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพจากในละครและจาก:
    https://news.qq.com/rain/a/20241216A05PWX00
    http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1
    Credit ข้อมูลรวบรวมจาก:
    https://www.chinakongzi.org/zt/3419/tp/201705/t20170510_135104.htm
    http://www.chinaknowledge.de/Literature/Historiography/xiaozizhuan.html
    http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1
    https://www.8bei8.com/book/24xiao_1.html

    #จิ่วฉงจื่อ #24กตัญญู #เรื่องเล่าจีนโบราณ #สาระจีน
    **ภาพวาด 24 กตัญญู** สวัสดีค่ะ สัปดาห์ที่แล้วคุยกันถึงฉากที่พระนางในเรื่อง <จิ่วฉงจื่อ บุปผาเหนือลิขิต> สวมหน้ากากร่วมทายปริศนากันในเทศกาลโคมไฟ วันนี้มาคุยกันต่ออีกนิดเกี่ยวกับฉากนี้ ในเนื้อเรื่องนางเอกชนะได้โคมไฟหนึ่งใบซึ่งนางมอบให้พระเอกและพระเอกให้คนส่งต่อไปให้พ่อของเขา โดยโคมไฟใบนี้เป็นลายภาพที่นางเอกเรียกว่า ‘ภาพวาด 24 กตัญญู’ ‘24 กตัญญู’ (二十四孝/เอ้อร์สือซื่อเซี่ยว) เป็นเรื่องราวความกตัญญูยี่สิบสี่เรื่องที่ถูกเรียบเรียงขึ้นในสมัยหยวนโดยกัวจวีจิ้ง บัณฑิตชนบทธรรดาจากหมู่บ้านเล็กแห่งหนึ่งในมณฑลฝูเจี้ยน โดยเป็นการรวบรวมเรื่องเล่าความกตัญญูในประวัติศาสตร์จากหลายแหล่งมาเรียบเรียงเป็นประโยคกลอนสั้นประมาณสี่วรรค ทำให้ง่ายต่อการเล่าต่อและจดจำ จึงกลายเป็นหนึ่งในนิทานสอนเด็กที่ชาวบ้านนิยมอย่างแพร่หลาย ต่อมาถูกหยิบยกมาเป็นเนื้อหาของภาพวาดหรืองานแกะสลักโดยหลากหลายศิลปินหลายยุคสมัย เนื้อหาส่วนใหญ่ของบทกวี 24 กตัญญูมีที่มาจาก ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ (孝子传/เซี่ยวจื่อจ้วน) ซึ่งถูกประพันธ์ขึ้นโดยหลิวเซี่ยง ราชนิกุลและนักประวัติศาสตร์อักษรศาสตร์สมัยฮั่นตะวันตก เป็นหนึ่งในบทประพันธ์ที่สะท้อนแนวคำสอนและปรัชญาของขงจื๊อ และต่อมา ‘ตำนานบุตรกตัญญู’ ถูกนำไปรวมอยู่ในอีกหลากหลายบทประพันธ์ในอีกหลายยุคสมัย หนึ่งในนั้นคือบันทึกเรื่องเล่าความกตัญญูยาวกว่าห้าม้วนที่ถูกค้นพบในห้องศิลาที่ตุนหวง 24 กตัญญูกล่าวถึงอะไรบ้าง บทความยาวหน่อยนะคะ สรุปโดยสั้นได้ดังนี้ (ดูรูปประกอบ): 1. กตัญญูสะเทือนสวรรค์: เป็นเรื่องราวของจักรพรรดิซุ่นกว่าสี่พันปีที่แล้ว (เป็นหนึ่งในสามราชันห้าจักรพรรดิในตำนาน) เมื่อครั้งเขายังเป็นชาวบ้านธรรมดาก็ถูกพ่อ แม่เลี้ยงและน้องต่างมารดาให้ร้ายสารพัดจนเกือบเอาชีวิตไม่รอด แต่เขาไม่คิดแค้นเคืองและยังคงดูแลพวกเขาอย่างดี จนสวรรค์เห็นใจจึงบันดาลให้มีช้างมาช่วยปรับผิวดินและมีนกมาช่วยหว่านเมล็ดพืชจนทำมาหาเลี้ยงชีพได้ ต่อมาจักรพรรดิ์เหยาได้ยินกิตติศัพท์ความกตัญญูของเขาก็รับเป็นราชบุตรเขยและสุดท้ายให้สืบทอดราชบัลลังก์ต่อไป 2. แบกข้าวให้บุพการี: กล่าวถึงจงโหยว (นามรองจื่อลู่) หนึ่งในศิษย์เอกของขงจื๊อ ขุนนางชื่อดังแห่งแคว้นเว่ยในยุคสมัยชุนชิว เขามีพื้นเพยากจน ทุกวันจะกินแต่ผักผลไม้ป่าเพื่อประหยัดเงิน แต่ยอมเดินทางไกลกว่าร้อยหลี่เพื่อไปหาซื้อข้าวแบกกลับมาให้พ่อแม่กิน ต่อมาเมื่อชีวิตความเป็นอยู่ดีมีอันจะกินก็มักจะพร่ำเสียดายที่พ่อแม่ไม่มีชีวิตอยู่ดีกินดีกับเขา 3. ฮ่องเต้ชิมยา: เป็นเรื่องราวของฮั่นเหวินตี้หลิวเหิง บุตรของป๋อไทเฮา ที่คอยดูแลป๋อไทเฮาในยามป่วยตลอดสามปีด้วยตนเองแม้จะเป็นถึงฮ่องเต้มีข้าราชบริพารมากมาย โดยจะชิมยาของแม่ก่อนป้อนให้แม่ทุกครั้งเพื่อทดสอบว่ายานั้นอุ่นกำลังดีไม่ร้อนเกินไป 4. ขายตัวฝังศพพ่อ: เป็นเรื่องราวของบุรุษนามว่าตงหย่งในสมัยฮั่นที่กำพร้าแม่แต่เด็ก ต่อมาเมื่อพ่อเสียชีวิตก็ไม่มีเงินทำศพพ่อจึงยอมขายตัวเองไปเป็นทาส วันหนึ่งพบเข้ากับสตรีกำพร้าไร้ที่ไป นางขอให้เขาช่วยแต่งงานอยู่กินกันโดยนางยินดีเข้าไปช่วยทำงานที่เรือนเศรษฐีด้วย เศรษฐีตกลงว่าเมื่อนางทอผ้าได้ครบสามร้อยพับก็จะอนุญาตให้ทั้งคู่ไถ่ตัวได้ นางใช้เวลาเพียงเดือนเดียวก็ทำสำเร็จ ต่อมานางบอกความจริงว่านางเป็นเทพธิดาและสวรรค์ซาบซึ้งกับความกตัญญูของเขาจึงมอบหมายให้มาช่วยเขา จากนั้นก็อำลาจากไป 5. สีสันบันเทิงเพื่อบุพการี: กล่าวถึงเหล่าช่ายจื่อ หนึ่งในบัณฑิตมากความรู้ที่เร้นกายอยู่ในป่าในสมัยชุนชิว เขารักพ่อแม่มากอยากให้พ่อแม่เบิกบานใจทุกวัน ถึงขนาดว่าตัวเองอยู่ในวัย 70 ปีแล้วแต่ก็ยังแต่งตัวสีสันฉูดฉาดเล่นเป็นเด็ก หกล้มลงก็แกล้งทำเป็นกลิ้งเล่นอยู่บนพื้นเพื่อให้พ่อแม่วัยเฒ่าหัวเราะแทนที่จะตกใจเสียใจ 6. นิ้วแม่เชื่อมใจลูก: เป็นเรื่องราวของเจิงจื่อ นักปรัชญาแห่งราชสำนักโจวและลูกศิษย์ของขงจื๊อ ที่วันหนึ่งออกไปเก็บฟืน แต่มีแขกมาเยือน แม่ของเขาอยู่บ้านคนเดียวก็กระวนกระวายไม่รู้ว่าจะต้อนรับขับสู้อย่างไรดี จนถึงขนาดกัดนิ้วตนเองด้วยความเครียด เจิงจื่อที่อยู่ในป่ากลับรู้สึกได้ถึงความเจ็บนั้น จึงรีบรุดกลับบ้านมาดูแม่และรับรองแขกด้วยตนเอง บ่งบอกถึงสายใยเหนียวแน่นของแม่ลูก 7. คัดผลไม้ให้แม่กิน: เป็นเรื่องราวของไช่ซุ่นในสมัยฮั่น เขาอาศัยเก็บผลหม่อนกินประทังชีวิตเพราะยากจนมากและข้าวของราคาแพงเพราะสงคราม อยู่มาวันหนึ่งมีนายทหารชั้นผู้ใหญ่นำขบวนทหารผ่านมาเห็นเขาแยกผลหม่อน ถามได้ความว่าเขาแยกผลสุกสีเข้มให้แม่กิน ส่วนตัวเองกินที่สีแดงที่ยังเปรี้ยวเฝื่อน นายทหารเห็นแก่ความกตัญญูของเขาจึงแบ่งปันเสบียงทหารให้ชายหนุ่ม 8. กราบไหว้รูปสลักบุพการี: กล่าวถึงบุรุษสมัยฮั่นตะวันออกนามว่าหลันติงที่กำพร้าพ่อแม่แต่เด็ก เขาแกะสลักรูปปั้นพ่อแม่ตั้งไว้ในบ้านกราบไหว้ทุกวันเพราะละอายใจที่ไม่มีโอกาสได้ทดแทนบุญคุณ ไม่เพียงกราบไหว้สามมื้อก่อนจะกินข้าว แต่มีเรื่องอะไรก็จะไปนั่งคุยให้รูปปั้นฟัง หนักเข้าภรรยาก็รำคาญ เลยลองเอาเข็มไปจิ้มรูปปั้น เมื่อเขากลับมาบ้านพบว่ารูปปั้นน้ำตาไหล เมื่อสืบสาวราวเรื่องได้แล้วเขาก็เลิกกับภรรยา 9. น้ำนมกวางเพื่อบุพการี: กล่าวถึงถานจื่อ ประมุขแคว้นถานซึ่งเป็นแคว้นเล็กในสมัยราชวงศ์โจว ในสมัยเด็กเขายากจนและต้องดูแลพ่อแม่ที่แก่ชราแล้วและตาไม่ดี ต้องกินนมกวางช่วยบำรุงรักษา เขามักจะใช้หนังกวางคลุมตัวแล้วย่องเข้าไปปะปนอยู่ในฝูงกวางเพื่อเอานมกวางมาให้พ่อแม่กิน มีอยู่ครั้งหนึ่งเกือบโดนนายพรานยิง แต่เมื่อนายพรานได้ยินเรื่องราวความจำเป็นของเขาก็ยกนมกวางให้และยังส่งเขากลับบ้านด้วยตนเอง 10. สวมเสื้อไส้ใยกก: เป็นเรื่องของหมินสุ่น (นามรองจื่อเชียน) หนึ่งในลูกศิษย์ของขงจื๊อ เขากำพร้าแม่ตั้งแต่เด็ก พ่อแต่งภรรยาใหม่มีลูกชายอีกสองคน เขาถูกแม่เลี้ยงกลั่นแกล้งบ่อยครั้ง ต้องสวมเสื้อใยกกในขณะที่น้องๆ ได้สวมเสื้อบุฝ้ายในยามหนาว วันหนึ่งเขาช่วยจูงรถให้พ่อแต่หนาวจนทำให้เชือกหลุดมือ พ่อบันดาลโทสะเฆี่ยนจนเสื้อขาดจึงพบว่าลูกชายคนนี้ใส่เสื้อผ้าที่ไม่ช่วยกันหนาว พ่อโกรธแม่เลี้ยงมากถึงกับเอ่ยปากบอกเลิกทันทีที่กลับถึงบ้าน แต่หมินสุ่นอ้อนวอนขออภัยแทนแม่เลี้ยง โดยให้เหตุผลว่า ตอนนี้มีลูกเพียงคนเดียวที่ลำบาก แต่ถ้าแม่เลี้ยงไม่อยู่จะมีลูกถึงสามคนที่ลำบาก สุดท้ายแม่เลี้ยงได้รับการให้อภัย นางจึงกลับตัวกลับใจดูแลหมินสุ่นอย่างดีนับแต่นั้นมา 11. ฝังลูกเพื่อแม่: กล่าวถึงบุรุษนามว่ากัวจวี้ในสมัยฮั่น เขามีฐานะยากจน เมื่อพ่อเสียก็แลแม่เป็นอย่างดี ต่อมาเมื่อภรรยาคลอดบุตร เขาก็รู้สึกว่าเลี้ยงดูไม่ไหวและไม่อยากให้แม่ต้องมาอดมื้อกินมื้อไปกับเขา จึงตัดสินใจจะฝังลูกเพื่อจะได้ลดค่าใช้จ่ายโดยไม่ฟังคำทัดทานของภรรยา แต่เมื่อขุดดินลงไปกลับพบทองคำหนึ่งไห เรื่องราวจบลงด้วยดีโดยเขาไม่ต้องฆ่าลูกตัวเองและมีฐานะดีขึ้น 12. ปลากระโดดจากบ่อน้ำ: กล่าวถึงบุรุษนามว่าเจียงซือในสมัยฮั่น เขามีภรรยาแซ่ผางที่กตัญญูกับแม่สามีมาก แม่สามีชอบกินปลาก็ออกไปจับปลามาให้กิน อยู่มาวันหนึ่งอากาศไม่ดีกว่านางแซ่ผางจะกลับถึงบ้านก็ดึกจึงถูกเจียงซือไล่ออกจากบ้านเพราะเข้าใจผิดว่านางตั้งใจละเลยแม่ของเขา เมื่อแม่ของเจียงซือรู้เรื่องให้เจียงซือไปรับนางกลับมา และตั้งแต่วันที่นางกลับเข้าบ้านมาก็ปรากฏปลาหลีฮื้อสองตัวกระโดดออกมาจากบ่อน้ำกลางบ้านทุกวัน ทำให้นางไม่ต้องไปจับปลาในแม่น้ำอีกต่อไป 13. ซุกส้มให้แม่: เป็นเรื่องราวของลู่จี้ ขุนนางในสมัยราชวงศ์ฮั่นตอนปลาย กล่าวถึงเมื่อตอนเขาอายุหกขวบ ได้มีโอกาสติดตามพ่อไปพบแม่ทัพท่านหนึ่งที่จวน ครั้นพอเขาคารวะอำลากลับ ส้มสองลูกที่เขาซุกไว้อยู่ในแขนเสื้อกลิ้งหล่นออกมา สอบถามได้ใจความว่าเขาเห็นแม่ชอบกินส้มจึงตั้งใจเก็บเอาไปให้แม่กิน ทำให้แม่ทัพรู้สึกประหลาดใจและชมชอบในความกตัญญูของเด็กคนนี้ 14. ยินเสียงฟ้าร้องปลอบแม่ที่หลุมศพ: กล่าวถึงบัณฑิตหนุ่มจากแคว้นเว่ยนามว่าหวางโผว แม่ของเขาเป็นคนกลัวเสียงฟ้าร้องมาก แม้ว่าจะตายไปแล้วแต่ทุกครั้งที่ฝนตกหนักฟ้าร้อง หวางโผวจะไปกราบหลุมศพนางพร้อมกับปลอบให้นางไม่ต้องกลัว 15. กอดเสือช่วยพ่อ: กล่าวถึงสตรีนางหนึ่งในสมัยราชวงศ์จิ้นนามว่าหยางเซียง เมื่อครั้งนางมีอายุสิบสี่ปีได้ออกไปทำนากับพ่อ แต่พลันปรากฏเสือตัวหนึ่งกระโจนใส่พ่อจนล้มไป นางไม่มีอาวุธใดแต่ก็กระโดดกอดคอเสือแน่นเพื่อไม่ให้เสือกัดพ่อ สุดท้ายเสือยอมแพ้ปล่อยพ่อของนางแล้วหนีไป 16. ให้นมย่าทวด: เป็นเรื่องราวความกตัญญูของย่าของเจี๋ยตู้สื่อชุยซานหนานในสมัยถัง เล่าถึงเมื่อครั้งที่ย่าทวดของชุยซานหนานทั้งแก่ทั้งไม่สบายจนเคี้ยวอาหารหยาบไม่ได้เลย ย่าของเขาคอยดูแลโดยใช้น้ำนมของตนป้อนจนย่าทวดอิ่ม ต่อมาทั้งครอบครัวอยู่กันอย่างสงบสุขและรุ่นลูกรุ่นหลานล้วนแสดงความกตัญญูต่อย่าของเขาเช่นกัน 17. พัดหมอนอุ่นผ้าห่ม: เป็นเรื่องราวของขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในสมัยฮั่นนามว่าหวงเซียง เขากำพร้าแม่แต่เด็กและคอยดูแลพ่อ แม้ด้วยวัยเพียงเก้าขวบก็รู้จักพัดหมอนของพ่อให้คลายร้อนในหน้าร้อนและนอนอุ่นผ้าห่มของพ่อในหน้าหนาวเพื่อว่าพ่อของเขาจะได้นอนหลับสบาย 18. ร่ำไห้จนเกิดหน่อไม้: กล่าวถึงขุนนางสมัยสามก๊กนามว่าเมิ่งจง เขากำพร้าพ่อแต่เด็ก เมื่อครั้งยังหนุ่มต้องดูแลแม่ที่ชราและป่วยหนัก หมอบอกว่าต้องให้แม่กินหน่อไม้สด แต่จนใจเป็นฤดูหนาว เขาหาจนทั่วก็ไม่มีจึงเสียใจคุกเข่าร้องไห้กลางป่า ปรากฏว่าอยู่ดีๆ พื้นดินก็แยกออกแล้วมีหน่อไม้ผุดขึ้นมาให้เขาเก็บกลับบ้านให้แม่กินจนหายป่วย 19. ล่อยุงแทนพ่อ: กล่าวถึงอู๋เหมิ่ง นักพรตในสมัยสามก๊ก ที่ในสมัยเด็กครอบครัวยากจนไม่มีแม้แต่มุ้งจะกางนอน เขามักจะถอดเสื้อนอนล่อให้ยุงมากัด เพื่อว่าพ่อแม่จะได้นอนหลับสบาย 20. ล้างกระโถนให้แม่: เป็นเรื่องราวของกวีและนักเขียนอักษรชื่อดังสมัยซ่งเหนือนามว่าหวงถิงเจียน เขาดูแลแม่อย่างเสมอต้นเสมอปลายแม้ว่าจะมีฐานะดี และจะเอากระโถนของแม่ไปเทล้างด้วยตนเองทุกวันไม่เคยขาด 21. แบกแม่หลบภัย: กล่าวถึงเจียงเก๋อ ขุนนางตงฉินชื่อดังผู้ถูกยกย่องเป็นขุนนางยอดกตัญญูในรัชสมัยของกษัตริย์อู่ตี้แห่งราชวงศ์เหลียงในยุคราชวงศ์เหนือใต้ เจียงเก๋อกำพร้าพ่อแต่เด็กและกตัญญูต่อแม่มาก ครั้งหนึ่งเคยแบกแม่เดินทางหนีสงคราม พบเข้ากับโจรภูเขา เขาอ้อนวอนว่าถ้าเขาตายไป แม่ผู้ชราก็ไม่สามารถมีชีวิตอยู่ได้ สุดท้ายโจรภูเขาเลยย้อมไว้ชีวิตปล่อยตัวไปทั้งเขาและแม่ 22. ขอปลาบนน้ำแข็ง: เป็นเรื่องของหวางเสียง หนึ่งในขุนนางระดับสูงของราชวงศ์จิ้นตะวันตก เขากำพร้าแม่แต่เด็ก มีแม่เลี้ยงก็ถูกแม่เลี้ยงใส่ไฟจนพ่อไม่รัก อยู่มาวันหนึ่งแม่เลี้ยงไม่สบายมากเขาก็ดูแลนางอย่างใกล้ชิด ครั้นเห็นนางอยากกินปลาจึงออกไปจับปลา แต่จนใจอากาศหนาวจัดจนผิวน้ำเป็นน้ำแข็ง ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงถอดเสื้อลงนอนทาบน้ำแข็งโดยหวังว่ามันจะทำให้น้ำแข็งละลาย แล้วปาฏิหารย์ก็เกิดขึ้น น้ำแข็งละลายจริงและมีปลาโดดออกมาให้เขาจับกลับบ้าน เมื่อแม่เลี้ยงได้กินปลาก็หายป่วย 23. ชิมอุจจาระดูอาการป่วยพ่อ: เป็นเรื่องของขุนนางสมัยฉีใต้นามว่าอวี่เฉียนโหลว อยู่มาวันหนึ่งเขารู้สึกใจคอว้าวุ่นคิดถึงพ่อที่อยู่บ้านนอก จึงตัดสินใจลาเกษียณกลับไปดูแลพ่อที่ชรามากแล้ว เมื่อถึงบ้านก็พบว่าพ่อของเขาไม่สบายมาก หมอบอกว่าอาการของพ่อเขาสาหัสมาก หากอุจจาระมีรสขมก็จะดีมีโอกาสหาย เขาจึงแอบชิมอุจจาระพ่อ พบว่ามันมีรสหวานก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ กราบไหว้ฟ้าขอให้พ่อให้และยอมแลกด้วยชีวิตตัวเองแทน แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันพ่อของเขาก็สิ้นใจ 24. ออกจากราชการเพื่อตามหาแม่: กล่าวถึงขุนนางสมัยซ่งนามว่าจูโซ่วชาง เมื่อครั้งเขาอายุเพียงเจ็ดขวบ แม่ของเขาที่มีสถานะเป็นอนุภรรยาได้ถูกภรรยาเอกของพ่อบีบให้ต้องแต่งงานไปกับคนอื่นจนเขาต้องพลัดพรากจากแม่โดยไม่มีข่าวคราว แต่เขาไม่เคยหยุดที่จะสืบหาแม่ของเขา ต่อมาห้าสิบปีให้หลังเขาได้รับเบาะแสเกี่ยวกับแม่ จึงขอลาออกจากตำแหน่งขุนนางระดับสูงเพื่อออกตามหาแม่พร้อมประกาศกร้าวว่าถ้าไม่พบแม่จะไม่กลับเมืองหลวงอีก และเขาก็ทำสำเร็จพบแม่ที่มีอายุเจ็ดสิบกว่าปีแล้วและพานางกลับเมืองหลวงด้วยกัน อย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น เรื่องราว 24 กตัญญูถูกเรียบเรียงเป็นกลอนสั้น แต่ละเรื่องยาวเพียงสี่วรรค ง่ายต่อการจดจำ เชื่อว่าเพื่อนเพจหลายท่านคงรู้สึกไม่อินกับบางเรื่อง และที่ประเทศจีนเองก็มีการถกกันในวงกว้างว่า การกระทำต่างๆ ที่ถูกกล่าวถึงในเรื่องราวเหล่านี้ยังเหมาะสมต่อบริบทสังคมปัจจุบันหรือไม่ แต่อย่างไรก็ดีเชื่อว่าเพื่อนเพจอ่านแล้วคงพอเห็นภาพว่า เหตุใดเรื่องราวเหล่านี้จึงถูกยกเป็นตัวอย่างเพื่อสะท้อนความดีงามของความกตัญญูต่อพ่อแม่และเป็นตัวอย่างของการทำดีแล้วได้ดี (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ อย่าลืมกดติดตามเพจนี้เพื่อป้องกันการกีดกันของเฟซบุ๊คด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพจากในละครและจาก: https://news.qq.com/rain/a/20241216A05PWX00 http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1 Credit ข้อมูลรวบรวมจาก: https://www.chinakongzi.org/zt/3419/tp/201705/t20170510_135104.htm http://www.chinaknowledge.de/Literature/Historiography/xiaozizhuan.html http://www.n12345.com/wenji/24xiao.html?id=1 https://www.8bei8.com/book/24xiao_1.html #จิ่วฉงจื่อ #24กตัญญู #เรื่องเล่าจีนโบราณ #สาระจีน
    NEWS.QQ.COM
    《九重紫》暴露了他好身材,长相人畜无害,却脱衣有肉穿衣显瘦_腾讯新闻
    由孟子义、李昀锐主演的电视剧《九重紫》,自开播以来,热度迅速攀升,播到15集,站内热度破了29000,有望展望30000了。 这个成绩在今年古装剧中是相当牛了,要知道,腾讯今年的古装剧热度....
    3 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 133 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญพ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ หลวงปู่ไข่ วัดลำนาว จ.นครศรีธรรมราช
    เหรียญพ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ หลวงปู่ไข่ วัดลำนาว จ.นครศรีธรรมราช //พระดีพิธีใหญ๋ //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย ทำมาค้าขึ้น โรคภัยไม่เบียดเบียน มีความเจริญก้าวหน้า ใครได้บูชาวัตถุมงคลของท่าน จะบังเกิดบุญญา บารมี ความเจริญรุ่งเรือง ความก้าวหน้า ความร่ำรวย นานับประการจะบังเกิดแก่ผู้ครอบครองและครอบครัว >>

    ** พ่อท่านไข่มักจะสวดท่องพระคาถาชินบัญชรเป็นประจำ ทำให้ชื่อเสียงของท่านเป็นที่เลื่องลือในเรื่องพระคาถา เมื่อมีการจัดพิธีพุทธาภิเษกต่างๆ ท่านก็มักจะได้รับการเชิญให้ไปร่วมพิธีนั่งปรกด้วย อุปนิสัยของพ่อท่านไข่ค่อนข้างดุ แต่จริงๆ แล้วท่านใจดี จะดุกับคนที่ไม่อยู่ในกฏระเบียบเท่านั้น ท่านไม่ชอบการใบ้หวย แต่ชอบที่ได้ให้ศีล ให้พร ให้ลาภมากกว่า ถ้าใครได้รับพรจากท่านไปก็จะประสบแต่ความสำเร็จ โชคดี ดังคำอวยพรที่เอ่ยจากปากของท่าน จึงเป็นที่มาของ "พ่อท่านไข่ วาจาสิทธิ์" >>

    ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายาก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญพ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ หลวงปู่ไข่ วัดลำนาว จ.นครศรีธรรมราช เหรียญพ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ หลวงปู่ไข่ วัดลำนาว จ.นครศรีธรรมราช //พระดีพิธีใหญ๋ //พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย ทำมาค้าขึ้น โรคภัยไม่เบียดเบียน มีความเจริญก้าวหน้า ใครได้บูชาวัตถุมงคลของท่าน จะบังเกิดบุญญา บารมี ความเจริญรุ่งเรือง ความก้าวหน้า ความร่ำรวย นานับประการจะบังเกิดแก่ผู้ครอบครองและครอบครัว >> ** พ่อท่านไข่มักจะสวดท่องพระคาถาชินบัญชรเป็นประจำ ทำให้ชื่อเสียงของท่านเป็นที่เลื่องลือในเรื่องพระคาถา เมื่อมีการจัดพิธีพุทธาภิเษกต่างๆ ท่านก็มักจะได้รับการเชิญให้ไปร่วมพิธีนั่งปรกด้วย อุปนิสัยของพ่อท่านไข่ค่อนข้างดุ แต่จริงๆ แล้วท่านใจดี จะดุกับคนที่ไม่อยู่ในกฏระเบียบเท่านั้น ท่านไม่ชอบการใบ้หวย แต่ชอบที่ได้ให้ศีล ให้พร ให้ลาภมากกว่า ถ้าใครได้รับพรจากท่านไปก็จะประสบแต่ความสำเร็จ โชคดี ดังคำอวยพรที่เอ่ยจากปากของท่าน จึงเป็นที่มาของ "พ่อท่านไข่ วาจาสิทธิ์" >> ** พระสถาพสวยมาก พระสถาพสมบูรณ์ หายาก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 55 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ปฏิบัติในศิลธรรม ท่านมองเรื่องบุญ การปฏิบัติเป็นสิ่งสำคัญ ถึงในปัจจุบันจะทุกข์ลำบากอะไรท่านอดทนกัน..มุ่งหน้าสู่แดนสวรรค์แดนพระนิพพาน
    ผู้ปฏิบัติในศิลธรรม ท่านมองเรื่องบุญ การปฏิบัติเป็นสิ่งสำคัญ ถึงในปัจจุบันจะทุกข์ลำบากอะไรท่านอดทนกัน..มุ่งหน้าสู่แดนสวรรค์แดนพระนิพพาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 28 มุมมอง 0 รีวิว
  • "ผู้มีบุญญาธิการ" หมายถึง ผู้ที่ได้กระทำบุญไว้มาก. บุญญาธิการ หมายถึง บุญที่ได้สั่งสมไว้มาก.
    คำอธิบายเพิ่มเติม:
    "บุญญาธิการ" เป็นคำนามที่ใช้เพื่ออธิบายบุคคลที่มีบุญมาก.
    คำว่า "บุญ" ในที่นี้หมายถึง การกระทำความดี, การบำเพ็ญบุญ, การสั่งสมบุญ.
    "ผู้มีบุญญาธิการ" อาจหมายถึงบุคคลที่มีบุญมากและอาจมีผลดีต่อชีวิตในปัจจุบันและอนาคต.
    การที่ใครสักคนหนึ่งมีบุญญาธิการสูง อาจส่งผลให้เขาได้รับความสุข ความเจริญรุ่งเรือง, และความสำเร็จในชีวิต.
    "ผู้มีบุญญาธิการ" หมายถึง ผู้ที่ได้กระทำบุญไว้มาก. บุญญาธิการ หมายถึง บุญที่ได้สั่งสมไว้มาก. คำอธิบายเพิ่มเติม: "บุญญาธิการ" เป็นคำนามที่ใช้เพื่ออธิบายบุคคลที่มีบุญมาก. คำว่า "บุญ" ในที่นี้หมายถึง การกระทำความดี, การบำเพ็ญบุญ, การสั่งสมบุญ. "ผู้มีบุญญาธิการ" อาจหมายถึงบุคคลที่มีบุญมากและอาจมีผลดีต่อชีวิตในปัจจุบันและอนาคต. การที่ใครสักคนหนึ่งมีบุญญาธิการสูง อาจส่งผลให้เขาได้รับความสุข ความเจริญรุ่งเรือง, และความสำเร็จในชีวิต.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 24 มุมมอง 0 รีวิว
  • บิ๊กคลีนนิ่งวัดไร่ขิง แค่ล้างวัดอาจไม่พอ

    การปรับภูมิทัศน์จัดระเบียบวัตไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ของพระราชวชิรสุตาภรณ์ (หลวงพ่อแก้ว) เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม และเจ้าอาวาสวัดบางช้างเหนือ รักษาการเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง เมื่อวันที่ 30 พ.ค. มองผิวเผินอาจถูกมองว่าสร้างภาพ หลังอดีตพระธรรมวชิรานุวัตร หรือนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า เจ้าอาวาสคนก่อนหน้าถูกดำเนินคดีกรณียักยอกเงินวัดไปเล่นพนันออนไลน์มากกว่า 300 ล้านบาท ทำเอาพุทธศาสนิกชนเสื่อมศรัทธา คนเข้ามาไหว้หลวงพ่อวัดไร่ขิงน้อยลง แต่แท้ที่จริงแล้วอาจเป็นการรื้อโครงสร้างผลประโยชน์ของวัดครั้งใหญ่

    อาทิ ตู้รับบริจาคภายในวัดที่มีถึง 185 ตู้ ถูกยกออกไปเก็บ เหลือเฉพาะตู้รับบริจาคที่จำเป็น จุดจำหน่ายธูปเทียนดอกไม้ก็จัดให้อยู่ในที่เดียวกันด้านหน้าพระอุโบสถ ส่วนร้านจำหน่ายวัตถุมงคลด้านหลังให้ย้ายไปอยู่ด้านหน้า และรื้อโคมไฟที่แขวนบริเวณหลังคาหน้าพระอุโบสถถึงแม่น้ำนครชัยศรีออกทั้งหมด ส่วนร้านกาแฟของนางพชรพร สีเลี้ยง หรือหมอเตย และ พ.จ.อ.ฉัตรชัย สีเลี้ยง คนสนิทนายแย้มปิดกิจการแล้ว เหลือเพียงร้านเครื่องดื่มและของฝากที่เป็นสวัสดิการของวัด

    พระราชวชิรสุตาภรณ์เปิดเผยว่า การทำความสะอาดวัดครั้งนี้เพื่อให้ดูสะอาดโปร่งใส รองรับคนที่มากราบไหว้หลวงพ่อวัดไร่ขิง เป็นการบูรณาการครั้งใหญ่ สิ่งที่รกหูรกตาก็ให้นำออกไป เพื่อให้เกิดความศรัทธามากราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นที่ตัวบุคคล ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด ซึ่งจะทำให้โปร่งใสที่สุด สิ่งไหนที่ไม่ดีต้องแก้ไข สาธุชนจะได้เชื่อมั่น

    อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าวัดไร่ขิงโปร่งใสจริงหรือไม่ คือการประมูลร้านค้าในงานฉลองเจดีย์วัดไร่ขิง 15 ส.ค.2568 และการประมูลร้านค้าในงานประจำปีวัดไร่ขิง 17 ก.พ.2569 ที่ผ่านมานอกจากจะแข่งกันประมูลสูงถึง 2.5 ล้านบาท ทำราคาสินค้าภายในงานแพงขึ้น ยอดขายไม่ดีแต่ก็คิดว่าทำบุญให้วัดแล้ว ผู้ค้าต้องจ่ายเงินสดเข้ากรรมการวัดภายในวันประมูล ไม่รับเงินโอน แล้วเอาไปให้นายแย้ม คิดเป็นเงิน 17-18 ล้านบาทจะทำอย่างไร นอกจากนี้ สิ่งที่เป็นพุทธพาณิชย์ไม่ใช่กิจของสงฆ์ อย่างการนำศิลปินแห่งชาติมาเป็นธุระเพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่วัดจะแก้ไขอย่างไร

    ก่อนหน้านี้นายวิเชียร วรจีน โฆษกวัดไร่ขิงให้สัมภาษณ์ช่อง 9 ระบุว่าสมัยพระอุบาลีฯ เป็นเจ้าอาวาสมีเงิน 200-300 ล้านบาท แต่เมื่อนายแย้มเป็นเจ้าอาวาส เจ้าหน้าที่วัดคนเก่าไม่ให้อยู่สักคนเดียว ลดขั้นตอนการเบิกเงินทั้งหมดเป็นการใช้ตามอำเภอใจ และเก็บตู้บริจาคเงินส่วนใหญ่เข้ากุฎิ นอกจากการเงินของวัดจะร่อยหรอแล้วยังมีหนี้สินอีกด้วย

    #Newskit

    หมายเหตุ : ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ทาง Facebook และ Instagram วันที่ 4 มิ.ย. 2568
    บิ๊กคลีนนิ่งวัดไร่ขิง แค่ล้างวัดอาจไม่พอ การปรับภูมิทัศน์จัดระเบียบวัตไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ของพระราชวชิรสุตาภรณ์ (หลวงพ่อแก้ว) เจ้าคณะจังหวัดนครปฐม และเจ้าอาวาสวัดบางช้างเหนือ รักษาการเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง เมื่อวันที่ 30 พ.ค. มองผิวเผินอาจถูกมองว่าสร้างภาพ หลังอดีตพระธรรมวชิรานุวัตร หรือนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า เจ้าอาวาสคนก่อนหน้าถูกดำเนินคดีกรณียักยอกเงินวัดไปเล่นพนันออนไลน์มากกว่า 300 ล้านบาท ทำเอาพุทธศาสนิกชนเสื่อมศรัทธา คนเข้ามาไหว้หลวงพ่อวัดไร่ขิงน้อยลง แต่แท้ที่จริงแล้วอาจเป็นการรื้อโครงสร้างผลประโยชน์ของวัดครั้งใหญ่ อาทิ ตู้รับบริจาคภายในวัดที่มีถึง 185 ตู้ ถูกยกออกไปเก็บ เหลือเฉพาะตู้รับบริจาคที่จำเป็น จุดจำหน่ายธูปเทียนดอกไม้ก็จัดให้อยู่ในที่เดียวกันด้านหน้าพระอุโบสถ ส่วนร้านจำหน่ายวัตถุมงคลด้านหลังให้ย้ายไปอยู่ด้านหน้า และรื้อโคมไฟที่แขวนบริเวณหลังคาหน้าพระอุโบสถถึงแม่น้ำนครชัยศรีออกทั้งหมด ส่วนร้านกาแฟของนางพชรพร สีเลี้ยง หรือหมอเตย และ พ.จ.อ.ฉัตรชัย สีเลี้ยง คนสนิทนายแย้มปิดกิจการแล้ว เหลือเพียงร้านเครื่องดื่มและของฝากที่เป็นสวัสดิการของวัด พระราชวชิรสุตาภรณ์เปิดเผยว่า การทำความสะอาดวัดครั้งนี้เพื่อให้ดูสะอาดโปร่งใส รองรับคนที่มากราบไหว้หลวงพ่อวัดไร่ขิง เป็นการบูรณาการครั้งใหญ่ สิ่งที่รกหูรกตาก็ให้นำออกไป เพื่อให้เกิดความศรัทธามากราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นที่ตัวบุคคล ไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ภายในวัด ซึ่งจะทำให้โปร่งใสที่สุด สิ่งไหนที่ไม่ดีต้องแก้ไข สาธุชนจะได้เชื่อมั่น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่จะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าวัดไร่ขิงโปร่งใสจริงหรือไม่ คือการประมูลร้านค้าในงานฉลองเจดีย์วัดไร่ขิง 15 ส.ค.2568 และการประมูลร้านค้าในงานประจำปีวัดไร่ขิง 17 ก.พ.2569 ที่ผ่านมานอกจากจะแข่งกันประมูลสูงถึง 2.5 ล้านบาท ทำราคาสินค้าภายในงานแพงขึ้น ยอดขายไม่ดีแต่ก็คิดว่าทำบุญให้วัดแล้ว ผู้ค้าต้องจ่ายเงินสดเข้ากรรมการวัดภายในวันประมูล ไม่รับเงินโอน แล้วเอาไปให้นายแย้ม คิดเป็นเงิน 17-18 ล้านบาทจะทำอย่างไร นอกจากนี้ สิ่งที่เป็นพุทธพาณิชย์ไม่ใช่กิจของสงฆ์ อย่างการนำศิลปินแห่งชาติมาเป็นธุระเพื่อสร้างชื่อเสียงให้แก่วัดจะแก้ไขอย่างไร ก่อนหน้านี้นายวิเชียร วรจีน โฆษกวัดไร่ขิงให้สัมภาษณ์ช่อง 9 ระบุว่าสมัยพระอุบาลีฯ เป็นเจ้าอาวาสมีเงิน 200-300 ล้านบาท แต่เมื่อนายแย้มเป็นเจ้าอาวาส เจ้าหน้าที่วัดคนเก่าไม่ให้อยู่สักคนเดียว ลดขั้นตอนการเบิกเงินทั้งหมดเป็นการใช้ตามอำเภอใจ และเก็บตู้บริจาคเงินส่วนใหญ่เข้ากุฎิ นอกจากการเงินของวัดจะร่อยหรอแล้วยังมีหนี้สินอีกด้วย #Newskit หมายเหตุ : ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ทาง Facebook และ Instagram วันที่ 4 มิ.ย. 2568
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 140 มุมมอง 0 รีวิว
  • 🕯️ อธิษฐานแบบพุทธ...ไม่ได้ขอให้ “ได้” แต่ขอให้ “เป็น”

    เราโตมากับการสอนว่า
    “ทำบุญแล้วก็ขอให้ถูกหวย ขอให้รวย ขอให้เจอคนดี ขอให้สมหวังในรัก...”
    ฟังดูดี...แต่จริงๆ แล้วอันตรายไม่น้อย
    เพราะมันปลูกนิสัย “รอรับ” มากกว่า “ลุกขึ้นทำ”

    💬 อธิษฐานแบบขอทำ ไม่ใช่ขอรับ

    การอธิษฐานตามแนวพุทธ
    ไม่ใช่ขอให้ได้สิ่งนั้นสิ่งนี้จากฟ้า
    แต่คือการเปล่งเจตนาอย่างรู้ตัว
    ในจิตที่สว่าง สดชื่นหลังทำความดี
    เพื่อ หนุนใจให้ลงมือทำในสิ่งที่ถูกต้อง

    “ขอให้บุญนี้ ช่วยให้ใจไม่ย่อท้อ
    ขอให้ความดีที่ทำ เป็นแรงค้ำให้ก้าวเดินด้วยตัวเอง”

    🌱 ขอให้เกิดผลทางใจ ไม่ใช่ผลทางกาย

    ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของการอธิษฐาน
    ไม่ใช่บ้าน รถ เงินทอง
    แต่คือ ใจที่มั่นคงขึ้น สว่างขึ้น แข็งแกร่งขึ้น
    เมื่ออธิษฐานในจังหวะที่จิตละเอียด
    จะเป็นแรงสั่นสะเทือนที่มีพลังที่สุด

    “ขอให้ข้าพเจ้า…เลิกฟุ้งซ่านได้
    เพราะรู้สึกถึงใจอ่อนโยนที่เกิดจากการกราบพระ”

    🪷 อธิษฐานให้ปล่อย ไม่ใช่ผูก

    การอธิษฐานที่ลึกที่สุด
    ไม่ใช่ “ขอให้ได้ชาติหน้าดีๆ”
    แต่คือ “ขอให้ปล่อยวางได้ก่อนหมดลมหายใจ”
    เพราะนั่นแหละ…คือ การไม่ผูกกรรมเพิ่ม

    “ขอให้บุญที่ทำทั้งหมด เป็นเหตุให้ใจนี้
    ยอมคืนขันธ์ทั้งหลายได้ด้วยความสงบ”

    ✨ ธรรมแท้ไม่สอนให้ขอพร
    แต่สอนให้ ใช้พรในใจเราเองให้เต็มกำลัง

    จะอธิษฐานอะไรก็ตาม
    ขอให้ลงท้ายด้วย...การเป็นคนที่กล้าทำ กล้าปล่อย
    และกล้ารับผิดชอบชีวิตตนเองอย่างแท้จริง
    🕯️ อธิษฐานแบบพุทธ...ไม่ได้ขอให้ “ได้” แต่ขอให้ “เป็น” เราโตมากับการสอนว่า “ทำบุญแล้วก็ขอให้ถูกหวย ขอให้รวย ขอให้เจอคนดี ขอให้สมหวังในรัก...” ฟังดูดี...แต่จริงๆ แล้วอันตรายไม่น้อย เพราะมันปลูกนิสัย “รอรับ” มากกว่า “ลุกขึ้นทำ” 💬 อธิษฐานแบบขอทำ ไม่ใช่ขอรับ การอธิษฐานตามแนวพุทธ ไม่ใช่ขอให้ได้สิ่งนั้นสิ่งนี้จากฟ้า แต่คือการเปล่งเจตนาอย่างรู้ตัว ในจิตที่สว่าง สดชื่นหลังทำความดี เพื่อ หนุนใจให้ลงมือทำในสิ่งที่ถูกต้อง “ขอให้บุญนี้ ช่วยให้ใจไม่ย่อท้อ ขอให้ความดีที่ทำ เป็นแรงค้ำให้ก้าวเดินด้วยตัวเอง” 🌱 ขอให้เกิดผลทางใจ ไม่ใช่ผลทางกาย ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดของการอธิษฐาน ไม่ใช่บ้าน รถ เงินทอง แต่คือ ใจที่มั่นคงขึ้น สว่างขึ้น แข็งแกร่งขึ้น เมื่ออธิษฐานในจังหวะที่จิตละเอียด จะเป็นแรงสั่นสะเทือนที่มีพลังที่สุด “ขอให้ข้าพเจ้า…เลิกฟุ้งซ่านได้ เพราะรู้สึกถึงใจอ่อนโยนที่เกิดจากการกราบพระ” 🪷 อธิษฐานให้ปล่อย ไม่ใช่ผูก การอธิษฐานที่ลึกที่สุด ไม่ใช่ “ขอให้ได้ชาติหน้าดีๆ” แต่คือ “ขอให้ปล่อยวางได้ก่อนหมดลมหายใจ” เพราะนั่นแหละ…คือ การไม่ผูกกรรมเพิ่ม “ขอให้บุญที่ทำทั้งหมด เป็นเหตุให้ใจนี้ ยอมคืนขันธ์ทั้งหลายได้ด้วยความสงบ” ✨ ธรรมแท้ไม่สอนให้ขอพร แต่สอนให้ ใช้พรในใจเราเองให้เต็มกำลัง จะอธิษฐานอะไรก็ตาม ขอให้ลงท้ายด้วย...การเป็นคนที่กล้าทำ กล้าปล่อย และกล้ารับผิดชอบชีวิตตนเองอย่างแท้จริง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 66 มุมมอง 0 รีวิว
  • ก่อนไปขอให้เทวดาช่วย ช่วยตัวเองก่อน เช่น สวดมนต์ ภาวนา ทำบุญถือศิล 5 ก่อน ให้มีจิตดีงามก่อน
    ก่อนไปขอให้เทวดาช่วย ช่วยตัวเองก่อน เช่น สวดมนต์ ภาวนา ทำบุญถือศิล 5 ก่อน ให้มีจิตดีงามก่อน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • วันนี้คุยต่อเรื่องราวสมัยราชวงศ์ซ่งอีกสักหน่อย สมัยนั้นมีการเผยแพร่วัฒนธรรมการดื่มชาไปในวงกว้าง ทำให้การดื่มชาเป็นที่นิยมทั่วไป แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า การชงชาในสมัยราชวงศ์ซ่งเป็นอย่างไร

    ความมีอยู่ว่า
    ... “ตำราจากราชวงศ์ก่อนน่ะรึ เป็นการต้มชา แต่ตอนนี้การชงชาต้องตีผสม ตำราจากราชวงศ์ก่อนย่อมบรรยายไม่ได้ชัด” นางสกุลหลินกล่าวต่อม่อหลันผู้เป็นลูกสาว...
    - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า)

    จากบทสนทนาข้างต้นก็พอจะรู้แล้วว่าการชงชาในสมัยราชวงศ์ซ่งแตกต่างจากราชวงศ์ถัง

    ไม่ทราบว่าเพื่อนเพจที่ได้ดูละครเรื่องนี้จะสะดุดตาบ้างไหมกับการชงชาของตัวละครที่มีให้เห็นตลอดทั้งเรื่อง เป็นการใช้ช้อนไม้เล็กด้ามยาวตักผงชาลงในชามเล็ก เติมน้ำร้อนเล็กน้อย ใช้แปรงตีจนละลายเข้าเป็นน้ำชาข้น เติมน้ำอีก ตีอีกจนเป็นฟอง เติมน้ำอีก ตีอีก ทำอย่างนี้จนชาเปลี่ยนสีแล้วเทใส่ถ้วยที่มีจานรองแบบมีขาตั้งสูง (ดูจากรูปกรรมวิธี) หน้าตาของชาจะคล้ายกับชาญี่ปุ่นมัทฉะที่ตีเป็นฟองที่เรายังเห็นได้ในปัจจุบัน วิธีการชงชาแบบนี้เรียกว่า ‘เตี่ยนฉา’ (点茶)

    ศิลปะการชงชาแบบเตี่ยนฉาไม่ใช่เพียงชงเพื่อดื่ม หากแต่เป็นการฝึกความใจเย็น และในยุคนั้นหนึ่งในกิจกรรมสังสรรค์ยอดนิยมคือการแข่งชงชากัน (เรียกว่า ‘โต้วฉา’ / 斗茶) โดยจะเริ่มตั้งแต่การเอาชาอัดก้อนมาอังไฟให้หอม แล้วเอาก้อนชามาทุบละเอียด ชาที่ทุบแล้วก็ต้องนำมาโม่บดจนละเอียดมากขึ้นอีก เวลาจะกินก็ตักออกมาสักช้อนสองช้อนแล้วก็ชงตามกรรมวิธี

    ชงชาแบบเตี่ยนฉาอย่างไรจึงเรียกว่าดี? เขาว่าชาที่ดีนั้น เนื้อชาจะกระจายไปในน้ำอย่างสม่ำเสมอและเข้มข้นกำลังดี สีของน้ำชาที่ดีที่สุดคือขาวนวล รองลงมาคือขาวอมเขียว ขาวอมเทา หรือขาวอมเหลือง ถ้วยชาที่ใช้จึงมักเป็นสีดำเพื่อให้เห็นน้ำชาได้ชัดเจน

    ว่ากันว่าญี่ปุ่นได้วิธีชงชาแบบนี้จากพระและนักแสวงบุญที่เข้ามายังประเทศจีนในสมัยซ่งแล้วนำกลับไปทำที่ญี่ปุ่น แต่ Storyฯ ไม่ได้ไปศึกษาข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เพิ่มในประเด็นนี้

    แล้วยุคสมัยอื่นล่ะ? การดื่มชาในยุคสมัยก่อนราชวงศ์ถังนั้นเป็นการนำชามาต้มกับเครื่องอย่างอื่น เช่นขิง ดอกหอมหมื่นลี้ พริกไทยเป็นต้น ดื่มกินเหมือนน้ำแกง ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์สุยและถังจึงใช้เป็นการ ‘แช่’ ชาในน้ำร้อน (เหมือนที่เราเห็นในปัจจุบัน) สมัยนั้นจึงเรียกเป็นการต้มชาหรือว่า ‘จู่ฉา’ (煎茶)

    กรรมวิธีชงชาแบบเตี่ยนฉาสิ้นสุดลงเมื่อเข้าสู่ราชวงศ์หมิง ด้วยความที่มันยุ่งยากใช้คนมากในการหมักเก็บชามาอัดเป็นก้อน ไหนจะต้องทุบและบดก่อนกิน องค์จูหยวนจางทรงเห็นว่าการต้มชาใบร่วงง่ายและเหมาะกับชีวิตประจำวันของชาวบ้านธรรมดามากกว่า ในยุคสมัยนั้นการจัดจำหน่ายชาจึงเน้นเป็นรูปแบบใบชา ดังนั้นก้อนชาและวิธีชงแบบเตี่ยนฉาจึงค่อยๆ หายไป

    Storyฯ เล่าแบบง่ายๆ แต่จริงๆ แล้ว การชงชาในแต่ละยุคสมัยนั้นไม่ง่ายเลย มันมีขั้นตอนที่ละเมียดละไมและมีอุปกรณ์เฉพาะหลายชิ้น ใครที่เป็นคอชาจะทราบดี Storyฯ ไม่ได้เป็นคอชา รอเพื่อนเพจท่านใดที่ใช่ มาเล่าสู่กันฟังหน่อยนะคะ

    (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory)

    Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจากในละครและจาก:
    https://itw01.com/YNKQ3E4.html
    https://wantubizhi.com/image350909350928.html
    https://kknews.cc/zh-sg/culture/rr3kjxo.html
    http://www.tuanjiewang.cn/2019-11/04/content_8853866.htm
    http://www.guanfujianzhan.com/8119.html
    http://food.china.com.cn/2020-07/09/content_76253576.htm
    ดูกรรมวิธีการชงได้ที่ https://m.puercn.com/zhishi/97265/

    #หมิงหลัน #พิธีชงชาจีนโบราณ #เตี่ยนฉา #ราชวงศ์ซ่ง
    วันนี้คุยต่อเรื่องราวสมัยราชวงศ์ซ่งอีกสักหน่อย สมัยนั้นมีการเผยแพร่วัฒนธรรมการดื่มชาไปในวงกว้าง ทำให้การดื่มชาเป็นที่นิยมทั่วไป แต่เพื่อนเพจทราบหรือไม่ว่า การชงชาในสมัยราชวงศ์ซ่งเป็นอย่างไร ความมีอยู่ว่า ... “ตำราจากราชวงศ์ก่อนน่ะรึ เป็นการต้มชา แต่ตอนนี้การชงชาต้องตีผสม ตำราจากราชวงศ์ก่อนย่อมบรรยายไม่ได้ชัด” นางสกุลหลินกล่าวต่อม่อหลันผู้เป็นลูกสาว... - ถอดบทสนทนาจากละครเรื่อง <ตำนานหมิงหลัน> (แต่ Storyฯ แปลเองจ้า) จากบทสนทนาข้างต้นก็พอจะรู้แล้วว่าการชงชาในสมัยราชวงศ์ซ่งแตกต่างจากราชวงศ์ถัง ไม่ทราบว่าเพื่อนเพจที่ได้ดูละครเรื่องนี้จะสะดุดตาบ้างไหมกับการชงชาของตัวละครที่มีให้เห็นตลอดทั้งเรื่อง เป็นการใช้ช้อนไม้เล็กด้ามยาวตักผงชาลงในชามเล็ก เติมน้ำร้อนเล็กน้อย ใช้แปรงตีจนละลายเข้าเป็นน้ำชาข้น เติมน้ำอีก ตีอีกจนเป็นฟอง เติมน้ำอีก ตีอีก ทำอย่างนี้จนชาเปลี่ยนสีแล้วเทใส่ถ้วยที่มีจานรองแบบมีขาตั้งสูง (ดูจากรูปกรรมวิธี) หน้าตาของชาจะคล้ายกับชาญี่ปุ่นมัทฉะที่ตีเป็นฟองที่เรายังเห็นได้ในปัจจุบัน วิธีการชงชาแบบนี้เรียกว่า ‘เตี่ยนฉา’ (点茶) ศิลปะการชงชาแบบเตี่ยนฉาไม่ใช่เพียงชงเพื่อดื่ม หากแต่เป็นการฝึกความใจเย็น และในยุคนั้นหนึ่งในกิจกรรมสังสรรค์ยอดนิยมคือการแข่งชงชากัน (เรียกว่า ‘โต้วฉา’ / 斗茶) โดยจะเริ่มตั้งแต่การเอาชาอัดก้อนมาอังไฟให้หอม แล้วเอาก้อนชามาทุบละเอียด ชาที่ทุบแล้วก็ต้องนำมาโม่บดจนละเอียดมากขึ้นอีก เวลาจะกินก็ตักออกมาสักช้อนสองช้อนแล้วก็ชงตามกรรมวิธี ชงชาแบบเตี่ยนฉาอย่างไรจึงเรียกว่าดี? เขาว่าชาที่ดีนั้น เนื้อชาจะกระจายไปในน้ำอย่างสม่ำเสมอและเข้มข้นกำลังดี สีของน้ำชาที่ดีที่สุดคือขาวนวล รองลงมาคือขาวอมเขียว ขาวอมเทา หรือขาวอมเหลือง ถ้วยชาที่ใช้จึงมักเป็นสีดำเพื่อให้เห็นน้ำชาได้ชัดเจน ว่ากันว่าญี่ปุ่นได้วิธีชงชาแบบนี้จากพระและนักแสวงบุญที่เข้ามายังประเทศจีนในสมัยซ่งแล้วนำกลับไปทำที่ญี่ปุ่น แต่ Storyฯ ไม่ได้ไปศึกษาข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์เพิ่มในประเด็นนี้ แล้วยุคสมัยอื่นล่ะ? การดื่มชาในยุคสมัยก่อนราชวงศ์ถังนั้นเป็นการนำชามาต้มกับเครื่องอย่างอื่น เช่นขิง ดอกหอมหมื่นลี้ พริกไทยเป็นต้น ดื่มกินเหมือนน้ำแกง ต่อมาในยุคสมัยราชวงศ์สุยและถังจึงใช้เป็นการ ‘แช่’ ชาในน้ำร้อน (เหมือนที่เราเห็นในปัจจุบัน) สมัยนั้นจึงเรียกเป็นการต้มชาหรือว่า ‘จู่ฉา’ (煎茶) กรรมวิธีชงชาแบบเตี่ยนฉาสิ้นสุดลงเมื่อเข้าสู่ราชวงศ์หมิง ด้วยความที่มันยุ่งยากใช้คนมากในการหมักเก็บชามาอัดเป็นก้อน ไหนจะต้องทุบและบดก่อนกิน องค์จูหยวนจางทรงเห็นว่าการต้มชาใบร่วงง่ายและเหมาะกับชีวิตประจำวันของชาวบ้านธรรมดามากกว่า ในยุคสมัยนั้นการจัดจำหน่ายชาจึงเน้นเป็นรูปแบบใบชา ดังนั้นก้อนชาและวิธีชงแบบเตี่ยนฉาจึงค่อยๆ หายไป Storyฯ เล่าแบบง่ายๆ แต่จริงๆ แล้ว การชงชาในแต่ละยุคสมัยนั้นไม่ง่ายเลย มันมีขั้นตอนที่ละเมียดละไมและมีอุปกรณ์เฉพาะหลายชิ้น ใครที่เป็นคอชาจะทราบดี Storyฯ ไม่ได้เป็นคอชา รอเพื่อนเพจท่านใดที่ใช่ มาเล่าสู่กันฟังหน่อยนะคะ (ป.ล. หากอ่านแล้วชอบใจ ช่วยกดไลค์กดแชร์กันด้วยนะคะ #StoryfromStory) Credit รูปภาพและข้อมูลรวบรวมจากในละครและจาก: https://itw01.com/YNKQ3E4.html https://wantubizhi.com/image350909350928.html https://kknews.cc/zh-sg/culture/rr3kjxo.html http://www.tuanjiewang.cn/2019-11/04/content_8853866.htm http://www.guanfujianzhan.com/8119.html http://food.china.com.cn/2020-07/09/content_76253576.htm ดูกรรมวิธีการชงได้ที่ https://m.puercn.com/zhishi/97265/ #หมิงหลัน #พิธีชงชาจีนโบราณ #เตี่ยนฉา #ราชวงศ์ซ่ง
    ITW01.COM
    IT Tools - Handy online tools for developers
    Collection of handy online tools for developers, with great UX. IT Tools is a free and open-source collection of handy online tools for developers & people working in IT.
    2 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 163 มุมมอง 0 รีวิว
  • มทร.อีสาน จัดประชุมปรึกษาหารือความร่วมมือทางวิชาการและการส่งมอบป้ายการจัดตั้งสถาบันความร่วมมือ ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง RMUTI–CRRC–NIRT–CHELOVE
    .
    วันที่ 29 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุมแคนา 1 ชั้น 3 อาคารสำนักงานอธิการบดี (อาคาร 19) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จังหวัดนครราชสีมา มทร.อีสาน จัดการประชุมปรึกษาหารือความร่วมมือทางวิชาการและการส่งมอบป้ายการจัดตั้งสถาบันความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง ระหว่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน บริษัท Nanjing Puzhen Co., Ltd. (CRRC) สถาบันอาชีวศึกษาเทคโนโลยีรถไฟหนานจิง (NIRT) บริษัท CHELOVE International Education Group จำกัด โดยมี รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน กล่าวต้อนรับ นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานการประชุมฯ, นายเฮ้อไจ้เฉียน กรรมการผู้จัดการ บริษัท Nanjing Puzhen Co., Ltd. (CRRC) พร้อมคณะ, นายฉ๋าว กั๋วฮ๋ง รองอธิการบดีสถาบันอาชีวศึกษาเทคโนโลยีรถไฟหนานจิง (NIRT) ประเทศจีน พร้อมคณะ, นายฮว๋าง หย๋ง เจี๋ย ประธานบริษัท CHELOVE International Education Group จำกัด พร้อมคณะ, คุณธนากร ประพฤทธิพงษ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, นายบุญส่ง สุทธิโตคร ผู้อำนวยการสำนักช่าง สำนักงานเทศบาลนครนครราชสีมา, ดร.ธีรพงศ์ คณาศักดิ์ รองประธานฝ่ายบริหารและสื่อสารองค์กร หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา, คุณไพสิทธิ์ ปิติทรงสวัสดิ์ ประธานกิตติมศักดิ์ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา, คุณอาทิตย์ ชามขุนทด ผู้อำนวยการกลุ่มงานยุทธศาสตร์และข้อมูลเพื่อการพัฒนาจังหวัด, นายจำนงค์ แสงเงิน หัวหน้ากองจัดการเดินรถเขต 2, คุณบัญชา กันหาสินธุ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา, คุณขจร ศิวรังสรรค์ รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าหน่วยธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรมระบบราง, คุณวัฒนา สมานจิตร อุปนายกสมาคมวิศวกรรมระบบขนส่งทางรางไทย, ดร.สุรวุฒิ เชิดชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชิดชัยคอร์ปอเรชั่น จำกัด
    .
    โดยในการประชุมครั้งนี้ รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.อภิชิต คำภาหล้า คณบดีคณะระบบรางและการขนส่ง ได้ร่วมกัน นำเสนอจุดประสงค์ของความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยฯ และนำเสนอศูนย์ความร่วมมือทางวิชาการด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง RMUTI–CRRC–NIRT–CHELOVE และทางด้าน บริษัท Nanjing Puzhen Co., Ltd. (CRRC) โดย นายเฮ้อไจ้เฉียน กรรมการผู้จัดการ บริษัท Nanjing Puzhen Co., Ltd. (CRRC) ได้นำเสนอจุดเด่นทางเทคนิคของผลิตภัณฑ์ระบบขนส่ง DRT และรถไฟฟ้ารางเบา รวมถึงแนวคิดความร่วมมือด้านการบริหารจัดการตลอดวงจรชีวิตของขบวนรถไฟ จากนั้น สถาบันอาชีวศึกษาเทคโนโลยีรถไฟหนานจิง (NIRT) ได้กล่าวถึง ภาพรวมของสถาบัน NIRT จุดแข็งของหลักสูตร และแนวทางการจัดตั้งวิทยาลัยระบบรางจีน–ไทย (NIRT สาขาต่างประเทศ) โดย นายฉ๋าว กั๋วฮ๋ง รองอธิการบดีสถาบันอาชีวศึกษาเทคโนโลยีรถไฟหนานจิง (NIRT) ประเทศจีน ทั้งนี้ นอกจากจะร่วมประชุมหารือด้านความร่วมมือระหว่างกันแล้วยังได้มี การการหารือการเตรียมความพร้อมรองรับการเป็นเจ้าภาพการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก (International Horticultural Expo) และ แผนรถไฟฟ้ารางเบาในประเทศไทย ซึ่ง บริษัท CHELOVE International Education Group จำกัด โดย นายฮว๋าง หย๋ง เจี๋ย ประธานบริษัท CHELOVE International Education Group จำกัด ยังได้นำเสนอ เรื่อง การวางแผนผลักดันจังหวัดนครราชสีมาให้เป็นจังหวัดหลักด้านอุตสาหกรรมระบบราง โดยอาศัยโอกาสความร่วมมือจากทั้ง 4 ฝ่าย และการดำเนินโครงการระบบ DRT สำหรับมหกรรมพืชสวนโลกอีกด้วย
    .
    นอกจากนี้ นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ยังได้ให้เกียรติเป็นประธานมอบป้ายสถาบันความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง RMUTI–CRRC–NIRT–CHELOVE แก่ทั้ง 4 หน่วยงาน ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน, บริษัท Nanjing Puzhen Co., Ltd. (CRRC), สถาบันอาชีวศึกษาเทคโนโลยีรถไฟหนานจิง (NIRT), บริษัท CHELOVE International Education Group จำกัด
    .
    ภายหลังการประชุม นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า “ในนามของจังหวัดนครราชสีมา รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ภายใต้การนำของ รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ได้จัดการประชุมปรึกษาหารือในวันนี้ ซึ่งเป็นเวทีแห่งการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ที่มีคุณค่า ก่อให้เกิดแนวทางความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม และนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดในระดับประเทศและนานาชาติ ทั้งยังได้ริเริ่มสานสัมพันธ์อันดีระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา พันธมิตรทุกภาคส่วน ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีการประกาศเจตจำนงมุ่งมั่นในการร่วมพัฒนาด้านเทคโนโลยีและระบบขนส่งทางราง เพื่อเป็นศูนย์กลางด้านการวิจัย พัฒนาองค์ความรู้ สร้างนวัตกรรม และพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรมระบบราง ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างแท้จริง จนได้ร่วมมือกันในการจัดตั้งสถาบันความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง RMUTI–CRRC–NIRT–CHELOVE ขึ้น ทั้งนี้ จังหวัดนครราชสีมา ในฐานะศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยเฉพาะในด้านระบบคมนาคมขนส่ง การมีสถาบันความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบรางในพื้นที่ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการยกระดับขีดความสามารถของจังหวัดและภูมิภาค ให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน”
    .
    ด้าน รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ได้เปิดเผยว่า "สำหรับการประชุมปรึกษาหารือความร่วมมือทางวิชาการ และพิธีส่งมอบป้ายการจัดตั้ง สถาบันความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง RMUTI–CRRC–NIRT–CHELOVE ในวันนี้ เกิดขึ้นจากการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ต้องขอขอบคุณจังหวัดนครราชสีมาที่ได้ให้ความสำคัญกับ มทร.อีสาน เสมอมา ในความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษา ภาคอุตสาหกรรม และภาควิจัย ทั้งในและต่างประเทศในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านระบบรางให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ความร่วมมือดังกล่าวไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานเท่านั้น หากแต่ยังมีบทบาทสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมระบบรางของประเทศไทยให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับสากล"
    .
    "ทั้งนี้ การที่ มทร.อีสาน ได้พันธมิตรในการร่วมพัฒนาประเทศ ทั้งด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า EV เช่น บริษัท CHELOVE International Education Group จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกอบรมเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า และเป็นผู้นำในการให้บริการโซลูชันเทคโนโลยีขั้นสูงแบบครบวงจร ด้านการขนส่งทางราง เช่น บริษัท Nanjing Puzhen Co., Ltd. หรือ CRRC เป็นบริษัทชั้นนำของประเทศจีนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและการผลิตอุปกรณ์ขนส่งทางราง และเป็นหนึ่งในบริษัทขนาดใหญ่ระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์รถไฟของจีน และสถาบันที่ผลิตกำลังคนที่มีคุณภาพด้านเทคโนโลยีและการจัดการระบบราง เช่น สถาบันอาชีวศึกษาเทคโนโลยีรถไฟหนานจิง (NIRT) ซึ่งเป็นวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ตอนในของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีเศรษฐกิจเจริญรุ่งเรืองและมีระดับการพัฒนาระบบรถไฟสูงที่สุดในประเทศจีน ดังนั้น การจัดตั้ง “สถาบันความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง RMUTI–CRRC–NIRT–CHELOVE” แห่งนี้ จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนงานวิจัย การพัฒนาบุคลากร การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการสร้างนวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนส่งเสริมให้นักศึกษาได้มีโอกาสเรียนรู้และฝึกประสบการณ์จากการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติต่อไป" รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน กล่าวเพิ่มเติม
    มทร.อีสาน จัดประชุมปรึกษาหารือความร่วมมือทางวิชาการและการส่งมอบป้ายการจัดตั้งสถาบันความร่วมมือ ด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง RMUTI–CRRC–NIRT–CHELOVE . วันที่ 29 พฤษภาคม 2568 เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุมแคนา 1 ชั้น 3 อาคารสำนักงานอธิการบดี (อาคาร 19) มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน จังหวัดนครราชสีมา มทร.อีสาน จัดการประชุมปรึกษาหารือความร่วมมือทางวิชาการและการส่งมอบป้ายการจัดตั้งสถาบันความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง ระหว่าง มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน บริษัท Nanjing Puzhen Co., Ltd. (CRRC) สถาบันอาชีวศึกษาเทคโนโลยีรถไฟหนานจิง (NIRT) บริษัท CHELOVE International Education Group จำกัด โดยมี รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน กล่าวต้อนรับ นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ประธานการประชุมฯ, นายเฮ้อไจ้เฉียน กรรมการผู้จัดการ บริษัท Nanjing Puzhen Co., Ltd. (CRRC) พร้อมคณะ, นายฉ๋าว กั๋วฮ๋ง รองอธิการบดีสถาบันอาชีวศึกษาเทคโนโลยีรถไฟหนานจิง (NIRT) ประเทศจีน พร้อมคณะ, นายฮว๋าง หย๋ง เจี๋ย ประธานบริษัท CHELOVE International Education Group จำกัด พร้อมคณะ, คุณธนากร ประพฤทธิพงษ์ รองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา, นายบุญส่ง สุทธิโตคร ผู้อำนวยการสำนักช่าง สำนักงานเทศบาลนครนครราชสีมา, ดร.ธีรพงศ์ คณาศักดิ์ รองประธานฝ่ายบริหารและสื่อสารองค์กร หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา, คุณไพสิทธิ์ ปิติทรงสวัสดิ์ ประธานกิตติมศักดิ์ สภาอุตสาหกรรมจังหวัดนครราชสีมา, คุณอาทิตย์ ชามขุนทด ผู้อำนวยการกลุ่มงานยุทธศาสตร์และข้อมูลเพื่อการพัฒนาจังหวัด, นายจำนงค์ แสงเงิน หัวหน้ากองจัดการเดินรถเขต 2, คุณบัญชา กันหาสินธุ์ ประชาสัมพันธ์จังหวัดนครราชสีมา, คุณขจร ศิวรังสรรค์ รองกรรมการผู้จัดการ หัวหน้าหน่วยธุรกิจเทคโนโลยีและวิศวกรรมระบบราง, คุณวัฒนา สมานจิตร อุปนายกสมาคมวิศวกรรมระบบขนส่งทางรางไทย, ดร.สุรวุฒิ เชิดชัย กรรมการผู้จัดการ บริษัท เชิดชัยคอร์ปอเรชั่น จำกัด . โดยในการประชุมครั้งนี้ รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน พร้อมด้วย รองศาสตราจารย์ ดร.อภิชิต คำภาหล้า คณบดีคณะระบบรางและการขนส่ง ได้ร่วมกัน นำเสนอจุดประสงค์ของความร่วมมือระหว่างมหาวิทยาลัยฯ และนำเสนอศูนย์ความร่วมมือทางวิชาการด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง RMUTI–CRRC–NIRT–CHELOVE และทางด้าน บริษัท Nanjing Puzhen Co., Ltd. (CRRC) โดย นายเฮ้อไจ้เฉียน กรรมการผู้จัดการ บริษัท Nanjing Puzhen Co., Ltd. (CRRC) ได้นำเสนอจุดเด่นทางเทคนิคของผลิตภัณฑ์ระบบขนส่ง DRT และรถไฟฟ้ารางเบา รวมถึงแนวคิดความร่วมมือด้านการบริหารจัดการตลอดวงจรชีวิตของขบวนรถไฟ จากนั้น สถาบันอาชีวศึกษาเทคโนโลยีรถไฟหนานจิง (NIRT) ได้กล่าวถึง ภาพรวมของสถาบัน NIRT จุดแข็งของหลักสูตร และแนวทางการจัดตั้งวิทยาลัยระบบรางจีน–ไทย (NIRT สาขาต่างประเทศ) โดย นายฉ๋าว กั๋วฮ๋ง รองอธิการบดีสถาบันอาชีวศึกษาเทคโนโลยีรถไฟหนานจิง (NIRT) ประเทศจีน ทั้งนี้ นอกจากจะร่วมประชุมหารือด้านความร่วมมือระหว่างกันแล้วยังได้มี การการหารือการเตรียมความพร้อมรองรับการเป็นเจ้าภาพการจัดงานมหกรรมพืชสวนโลก (International Horticultural Expo) และ แผนรถไฟฟ้ารางเบาในประเทศไทย ซึ่ง บริษัท CHELOVE International Education Group จำกัด โดย นายฮว๋าง หย๋ง เจี๋ย ประธานบริษัท CHELOVE International Education Group จำกัด ยังได้นำเสนอ เรื่อง การวางแผนผลักดันจังหวัดนครราชสีมาให้เป็นจังหวัดหลักด้านอุตสาหกรรมระบบราง โดยอาศัยโอกาสความร่วมมือจากทั้ง 4 ฝ่าย และการดำเนินโครงการระบบ DRT สำหรับมหกรรมพืชสวนโลกอีกด้วย . นอกจากนี้ นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา ยังได้ให้เกียรติเป็นประธานมอบป้ายสถาบันความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง RMUTI–CRRC–NIRT–CHELOVE แก่ทั้ง 4 หน่วยงาน ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน, บริษัท Nanjing Puzhen Co., Ltd. (CRRC), สถาบันอาชีวศึกษาเทคโนโลยีรถไฟหนานจิง (NIRT), บริษัท CHELOVE International Education Group จำกัด . ภายหลังการประชุม นายวิจิตร กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า “ในนามของจังหวัดนครราชสีมา รู้สึกยินดีอย่างยิ่งที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ภายใต้การนำของ รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ได้จัดการประชุมปรึกษาหารือในวันนี้ ซึ่งเป็นเวทีแห่งการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และประสบการณ์ที่มีคุณค่า ก่อให้เกิดแนวทางความร่วมมือที่เป็นรูปธรรม และนำไปสู่การพัฒนาต่อยอดในระดับประเทศและนานาชาติ ทั้งยังได้ริเริ่มสานสัมพันธ์อันดีระหว่าง ภาครัฐ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา พันธมิตรทุกภาคส่วน ทั้งในและต่างประเทศ โดยมีการประกาศเจตจำนงมุ่งมั่นในการร่วมพัฒนาด้านเทคโนโลยีและระบบขนส่งทางราง เพื่อเป็นศูนย์กลางด้านการวิจัย พัฒนาองค์ความรู้ สร้างนวัตกรรม และพัฒนากำลังคนในอุตสาหกรรมระบบราง ซึ่งสอดคล้องกับยุทธศาสตร์ชาติและเป้าหมายการพัฒนาประเทศอย่างแท้จริง จนได้ร่วมมือกันในการจัดตั้งสถาบันความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง RMUTI–CRRC–NIRT–CHELOVE ขึ้น ทั้งนี้ จังหวัดนครราชสีมา ในฐานะศูนย์กลางของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มีบทบาทสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจและโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ โดยเฉพาะในด้านระบบคมนาคมขนส่ง การมีสถาบันความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบรางในพื้นที่ ถือเป็นจุดเริ่มต้นที่สำคัญในการยกระดับขีดความสามารถของจังหวัดและภูมิภาค ให้สามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีในศตวรรษที่ 21 ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน” . ด้าน รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน ได้เปิดเผยว่า "สำหรับการประชุมปรึกษาหารือความร่วมมือทางวิชาการ และพิธีส่งมอบป้ายการจัดตั้ง สถาบันความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง RMUTI–CRRC–NIRT–CHELOVE ในวันนี้ เกิดขึ้นจากการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน ต้องขอขอบคุณจังหวัดนครราชสีมาที่ได้ให้ความสำคัญกับ มทร.อีสาน เสมอมา ในความร่วมมือระหว่างภาคการศึกษา ภาคอุตสาหกรรม และภาควิจัย ทั้งในและต่างประเทศในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมด้านระบบรางให้ก้าวทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกยุคใหม่ ความร่วมมือดังกล่าวไม่เพียงแต่จะเป็นประโยชน์ต่อมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสานเท่านั้น หากแต่ยังมีบทบาทสำคัญในการยกระดับอุตสาหกรรมระบบรางของประเทศไทยให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันในระดับสากล" . "ทั้งนี้ การที่ มทร.อีสาน ได้พันธมิตรในการร่วมพัฒนาประเทศ ทั้งด้านเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า EV เช่น บริษัท CHELOVE International Education Group จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการฝึกอบรมเทคโนโลยียานยนต์ไฟฟ้า และเป็นผู้นำในการให้บริการโซลูชันเทคโนโลยีขั้นสูงแบบครบวงจร ด้านการขนส่งทางราง เช่น บริษัท Nanjing Puzhen Co., Ltd. หรือ CRRC เป็นบริษัทชั้นนำของประเทศจีนที่มีความเชี่ยวชาญด้านการวิจัยและการผลิตอุปกรณ์ขนส่งทางราง และเป็นหนึ่งในบริษัทขนาดใหญ่ระดับแนวหน้าของอุตสาหกรรมการผลิตอุปกรณ์รถไฟของจีน และสถาบันที่ผลิตกำลังคนที่มีคุณภาพด้านเทคโนโลยีและการจัดการระบบราง เช่น สถาบันอาชีวศึกษาเทคโนโลยีรถไฟหนานจิง (NIRT) ซึ่งเป็นวิทยาลัยที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ตอนในของสามเหลี่ยมปากแม่น้ำแยงซี ซึ่งเป็นภูมิภาคที่มีเศรษฐกิจเจริญรุ่งเรืองและมีระดับการพัฒนาระบบรถไฟสูงที่สุดในประเทศจีน ดังนั้น การจัดตั้ง “สถาบันความร่วมมือด้านนวัตกรรมและเทคโนโลยีระบบราง RMUTI–CRRC–NIRT–CHELOVE” แห่งนี้ จะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนงานวิจัย การพัฒนาบุคลากร การถ่ายทอดเทคโนโลยี และการสร้างนวัตกรรมที่สามารถนำไปใช้ได้จริงในภาคอุตสาหกรรม ตลอดจนส่งเสริมให้นักศึกษาได้มีโอกาสเรียนรู้และฝึกประสบการณ์จากการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญระดับนานาชาติต่อไป" รศ.ดร.โฆษิต ศรีภูธร อธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน กล่าวเพิ่มเติม
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 285 มุมมอง 0 รีวิว
  • เคราะห์กรรม หมายถึง โชคชะตา, พรหมลิขิต, หรือชะตากรรมที่เกิดขึ้นกับบุคคลนั้นๆ เป็นผลจากกรรมที่ทำมาแล้วในอดีตชาติ หรือเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับบุคคลนั้นๆ
    หมั่นไหว้พระสวดมนต์ ภาวนาและทำบุญไว้ ..
    เคราะห์กรรม หมายถึง โชคชะตา, พรหมลิขิต, หรือชะตากรรมที่เกิดขึ้นกับบุคคลนั้นๆ เป็นผลจากกรรมที่ทำมาแล้วในอดีตชาติ หรือเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นกับบุคคลนั้นๆ หมั่นไหว้พระสวดมนต์ ภาวนาและทำบุญไว้ ..
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 33 มุมมอง 0 รีวิว
  • ม.ราชภัฏโคราช จัดอบรม “Korat Production Training 2025” สร้างนักผลิตสื่อรุ่นใหม่ สู่อุตสาหกรรมบันเทิง
    .
    เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา หลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ดิจิทัล คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมสื่อสร้างสรรค์โคราช (Korat Creative Content Agency : KCCA) และเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ได้จัด โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการการสร้างสรรค์นักผลิตสื่ออุตสาหกรรมบันเทิงยุคดิจิทัล หรือ Korat Production Training 2025 ณ ห้องประชุม 22.14 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยมี รองศาสตราจารย์เนตรชนก บัวนาค รองคณบดีฝ่ายวิจัยและเครือข่ายสัมพันธ์ คณะวิทยาการจัดการ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ และได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สวียา ปรารถนาดี ชาติวิวัฒนาการ รองอธิการบดีฝ่ายทรัพยากรบุคคลและกิจการทั่วไป เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม
    .
    โครงการอบรม “Korat Production Training 2025” ซึ่งจัดขึ้นเป็นที่ 2 มีกำหนดการอบรมระหว่างวันที่ 27 – 28 พฤษภาคม 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพเยาวชนและนักศึกษาให้มีทักษะด้านการผลิตสื่อดิจิทัล โดยเน้นกระบวนการทำงานจริงในอุตสาหกรรมบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการกำกับภาพ การจัดแสง การจัดองค์ประกอบภาพ ไปจนถึงกระบวนการควบคุมการผลิตสื่อแบบมืออาชีพ สำหรับการอบรมในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากวิทยากรมืออาชีพ ได้แก่ คุณคีตะวัฒน์ ชินโคตร ตำแหน่ง CEO & Producer คุณสิริกร โสดา ตำแหน่ง Production Equipment คุณพชรดนัย ปัญญาภู ตำแหน่ง Director & Director of Photography จากบริษัท VelCurve Studio ผู้ผลิตภาพยนตร์ยูเรนัส 2324 และวิทยากรจากบริษัท แอดวานซ์ โฟโต้ซีสเทมส์ จำกัด ได้แก่ คุณรัฐนันท์ เฮ้าเฮง ตำแหน่ง Products Specialist & Marketing คุณจรัญ บุญสุข ตำแหน่ง Sale Manager คุณกนกศักดิ์ โพธิ์ขำ ตำแหน่ง Sale Executives และวิทยากรจากหลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ดิจิทัล คณะวิทยาการจัดการ ประกอบด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พีรวิชญ์ คำเจริญ อาจารย์ ดร.รุ่งกานต์ มูสโกภาส และผู้ช่วยศาสตราจารย์อิสรชัย ลาวรรณา สำหรับการอบรมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมอบรมจำนวนทั้งสิ้น 55 คน จากหลากหลายสถาบันทั้งในระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษาของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้รับโอกาสในการเรียนรู้ผ่านการฝึกปฏิบัติจริงจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ทั้งนี้หลังจบกิจกรรมการอบรมทั้ง 2 วัน ผู้เข้าร่วมอบรมจะได้รับใบประกาศนียบัตรจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ด้านการผลิตสื่อสร้างสรรค์ของเยาวชนในจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงสร้างเครือข่ายวิชาการและอุตสาหกรรมสื่อเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานในภาคอุตสาหกรรมบันเทิงต่อไป
    ม.ราชภัฏโคราช จัดอบรม “Korat Production Training 2025” สร้างนักผลิตสื่อรุ่นใหม่ สู่อุตสาหกรรมบันเทิง . เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา หลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ดิจิทัล คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมอุตสาหกรรมสื่อสร้างสรรค์โคราช (Korat Creative Content Agency : KCCA) และเครือข่ายความร่วมมือทางวิชาการ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และมหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล ได้จัด โครงการอบรมเชิงปฏิบัติการการสร้างสรรค์นักผลิตสื่ออุตสาหกรรมบันเทิงยุคดิจิทัล หรือ Korat Production Training 2025 ณ ห้องประชุม 22.14 คณะวิทยาการจัดการ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยมี รองศาสตราจารย์เนตรชนก บัวนาค รองคณบดีฝ่ายวิจัยและเครือข่ายสัมพันธ์ คณะวิทยาการจัดการ กล่าวรายงานวัตถุประสงค์ของการจัดโครงการ และได้รับเกียรติจาก ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.สวียา ปรารถนาดี ชาติวิวัฒนาการ รองอธิการบดีฝ่ายทรัพยากรบุคคลและกิจการทั่วไป เป็นประธานในพิธีเปิดการอบรม . โครงการอบรม “Korat Production Training 2025” ซึ่งจัดขึ้นเป็นที่ 2 มีกำหนดการอบรมระหว่างวันที่ 27 – 28 พฤษภาคม 2568 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อพัฒนาศักยภาพเยาวชนและนักศึกษาให้มีทักษะด้านการผลิตสื่อดิจิทัล โดยเน้นกระบวนการทำงานจริงในอุตสาหกรรมบันเทิง ไม่ว่าจะเป็นการกำกับภาพ การจัดแสง การจัดองค์ประกอบภาพ ไปจนถึงกระบวนการควบคุมการผลิตสื่อแบบมืออาชีพ สำหรับการอบรมในครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากวิทยากรมืออาชีพ ได้แก่ คุณคีตะวัฒน์ ชินโคตร ตำแหน่ง CEO & Producer คุณสิริกร โสดา ตำแหน่ง Production Equipment คุณพชรดนัย ปัญญาภู ตำแหน่ง Director & Director of Photography จากบริษัท VelCurve Studio ผู้ผลิตภาพยนตร์ยูเรนัส 2324 และวิทยากรจากบริษัท แอดวานซ์ โฟโต้ซีสเทมส์ จำกัด ได้แก่ คุณรัฐนันท์ เฮ้าเฮง ตำแหน่ง Products Specialist & Marketing คุณจรัญ บุญสุข ตำแหน่ง Sale Manager คุณกนกศักดิ์ โพธิ์ขำ ตำแหน่ง Sale Executives และวิทยากรจากหลักสูตรนิเทศศาสตรบัณฑิต สาขาวิชานิเทศศาสตร์ดิจิทัล คณะวิทยาการจัดการ ประกอบด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.พีรวิชญ์ คำเจริญ อาจารย์ ดร.รุ่งกานต์ มูสโกภาส และผู้ช่วยศาสตราจารย์อิสรชัย ลาวรรณา สำหรับการอบรมครั้งนี้มีผู้เข้าร่วมอบรมจำนวนทั้งสิ้น 55 คน จากหลากหลายสถาบันทั้งในระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษาของจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งได้รับโอกาสในการเรียนรู้ผ่านการฝึกปฏิบัติจริงจากผู้เชี่ยวชาญโดยตรง ทั้งนี้หลังจบกิจกรรมการอบรมทั้ง 2 วัน ผู้เข้าร่วมอบรมจะได้รับใบประกาศนียบัตรจากมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา โดยการจัดกิจกรรมครั้งนี้นับเป็นก้าวสำคัญในการยกระดับคุณภาพการเรียนรู้ด้านการผลิตสื่อสร้างสรรค์ของเยาวชนในจังหวัดนครราชสีมา รวมถึงสร้างเครือข่ายวิชาการและอุตสาหกรรมสื่อเพื่อเตรียมความพร้อมเข้าสู่ตลาดแรงงานในภาคอุตสาหกรรมบันเทิงต่อไป
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 153 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม่ทัพภาคที่2 ห่วงใยน้องทหารใหม่ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจน้องคนเล็กแห่งกองทัพบก
    .
    พล.ท.บุญสิน พาดกลาง มทภ.2 พร้อมคณะ ตรวจเยี่ยมพบปะให้กำลังใจน้องทหารใหม่ มทบ.210 และ ร.3 พัน.3 ผลัดที่ 1/68 ณ หน่วยฝึกทหารใหม่ มทบ.210 ต.กุรุคุ อ.เมือง จ.นครพนม โดยมี พล.ต.ฉัฐชัย มีชั้นช่วง ผบ.มทบ.210 พร้อมคณะผู้บังคับบัญชา และกำลังพลร่วมให้การต้อนรับ พร้อมทั้งได้มอบนโยบายการฝึกให้มีประสิทธิภาพ เน้นย้ำมาตรการความปลอดภัย ตามนโยบายของกองทัพบก การดูแลด้านคุณภาพชีวิตทหารใหม่ สวัสดิการสิทธิต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทหารใหม่ และญาติ พร้อมได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับผู้ฝึก และน้องทหารใหม่ เพื่อเป็นกำลังใจในการฝึกต่อไป
    .
    #น้องคนเล็ก
    #Bootcamp168
    แม่ทัพภาคที่2 ห่วงใยน้องทหารใหม่ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและให้กำลังใจน้องคนเล็กแห่งกองทัพบก . พล.ท.บุญสิน พาดกลาง มทภ.2 พร้อมคณะ ตรวจเยี่ยมพบปะให้กำลังใจน้องทหารใหม่ มทบ.210 และ ร.3 พัน.3 ผลัดที่ 1/68 ณ หน่วยฝึกทหารใหม่ มทบ.210 ต.กุรุคุ อ.เมือง จ.นครพนม โดยมี พล.ต.ฉัฐชัย มีชั้นช่วง ผบ.มทบ.210 พร้อมคณะผู้บังคับบัญชา และกำลังพลร่วมให้การต้อนรับ พร้อมทั้งได้มอบนโยบายการฝึกให้มีประสิทธิภาพ เน้นย้ำมาตรการความปลอดภัย ตามนโยบายของกองทัพบก การดูแลด้านคุณภาพชีวิตทหารใหม่ สวัสดิการสิทธิต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทหารใหม่ และญาติ พร้อมได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับผู้ฝึก และน้องทหารใหม่ เพื่อเป็นกำลังใจในการฝึกต่อไป . #น้องคนเล็ก #Bootcamp168
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • “คณะมูลนิธิชัยพัฒนา ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการทหารพันธุ์ดี ในพื้นที่ กองกำลังสุรนารี”
    .
    พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ ที่ปรึกษามูลนิธิชัยพัฒนา และ หม่อมราชวงศ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักกิจการพิเศษ มูลนิธิชัยพัฒนา ในการเดินทางตรวจเยี่ยมโครงการทหารพันธุ์ดี ของ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 และ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 พร้อมทั้งเดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการทหารพันธุ์ดี "ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย" ณ โรงเรียนบ้านราษฎร์รักแดน อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์, โรงเรียนบ้านประทาย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และ โรงเรียนบ้านดงแถบ อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี
    .
    เพื่อติดตามความคืบหน้าของการดำเนินโครงการฯ และแนะนำแนวทางการปลูกพืชให้เหมาะสมกับพื้นที่ การส่งขายเข้าตลาด การดูแลสัตว์เลี้ยงภายในโครงการฯ ให้มีสุขภาพแข็งแรง สามารถขยายพันธุ์ได้ดี การรู้จักใช้ระบบชีวภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช การขยายพันธุ์พืชสู่ชุมชนรอบค่ายทหาร และชุมชนรอบโรงเรียน อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป โดยมี ผู้บังคับหน่วยในพื้นที่, คณะครูนักเรียน และกรรมการสถานศึกษา ร่วมให้การต้อนรับ
    .
    #โครงการทหารพันธุ์ดี
    #กองกำลังสุรนารี
    #กองทัพภาคที่2
    #กองทัพบก
    #ArmyPRCenter
    “คณะมูลนิธิชัยพัฒนา ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงานโครงการทหารพันธุ์ดี ในพื้นที่ กองกำลังสุรนารี” . พลโท อดุลย์ บุญธรรมเจริญ ที่ปรึกษามูลนิธิชัยพัฒนา และ หม่อมราชวงศ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ ผู้อำนวยการสำนักกิจการพิเศษ มูลนิธิชัยพัฒนา ในการเดินทางตรวจเยี่ยมโครงการทหารพันธุ์ดี ของ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 26 และ หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 พร้อมทั้งเดินทางไปตรวจเยี่ยมโครงการทหารพันธุ์ดี "ชุมชนเบิกบาน อาหารปลอดภัย" ณ โรงเรียนบ้านราษฎร์รักแดน อำเภอละหานทราย จังหวัดบุรีรัมย์, โรงเรียนบ้านประทาย อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ และ โรงเรียนบ้านดงแถบ อำเภอโขงเจียม จังหวัดอุบลราชธานี . เพื่อติดตามความคืบหน้าของการดำเนินโครงการฯ และแนะนำแนวทางการปลูกพืชให้เหมาะสมกับพื้นที่ การส่งขายเข้าตลาด การดูแลสัตว์เลี้ยงภายในโครงการฯ ให้มีสุขภาพแข็งแรง สามารถขยายพันธุ์ได้ดี การรู้จักใช้ระบบชีวภัณฑ์กำจัดศัตรูพืช การขยายพันธุ์พืชสู่ชุมชนรอบค่ายทหาร และชุมชนรอบโรงเรียน อย่างเป็นรูปธรรมต่อไป โดยมี ผู้บังคับหน่วยในพื้นที่, คณะครูนักเรียน และกรรมการสถานศึกษา ร่วมให้การต้อนรับ . #โครงการทหารพันธุ์ดี #กองกำลังสุรนารี #กองทัพภาคที่2 #กองทัพบก #ArmyPRCenter
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว
  • ทบ.แจงเหตุการณ์ปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก อุบลราชธานี ปัจจุบัน สถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างรอการเจรจา
    .
    เช้าวันนี้ (28 พฤศภาคม 2568) ณ กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น.
    .
    โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชาได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที
    .
    ต่อมาเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ
    .
    ปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่
    .
    กองทัพบกขอยืนยันว่า กำลังพลฝ่ายไทยปลอดภัย ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต และจะรายงานความคืบหน้าเพิ่มเติมให้ทราบต่อไป
    .
    Cr.ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก โดยทีมโฆษกกองทัพบก
    #RTA #กองทัพบก #กองทัพภาคที่2
    ทบ.แจงเหตุการณ์ปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก อุบลราชธานี ปัจจุบัน สถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างรอการเจรจา . เช้าวันนี้ (28 พฤศภาคม 2568) ณ กองบัญชาการกองทัพบก พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น. . โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชาได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที . ต่อมาเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ . ปัจจุบัน ทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่ . กองทัพบกขอยืนยันว่า กำลังพลฝ่ายไทยปลอดภัย ไม่มีผู้บาดเจ็บหรือเสียชีวิต และจะรายงานความคืบหน้าเพิ่มเติมให้ทราบต่อไป . Cr.ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพบก โดยทีมโฆษกกองทัพบก #RTA #กองทัพบก #กองทัพภาคที่2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 134 มุมมอง 0 รีวิว
  • "แม่ทัพภาคที่ 2 ตรวจเยี่ยมหน่วยฝึกทหารใหม่ มณฑลทหารบกที่ 29 พร้อมมอบนโยบาย สร้างขวัญและกำลังใจให้กับน้องๆ ทหารใหม่ ในห้วงการฝึก"
    .
    พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางตรวจเยี่ยมหน่วยฝึกทหารใหม่ มณฑลทหารบกที่ 29 อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร โดยมี พลตรี ยงยุทธ ขันทวี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 29 ฝ่ายเสนาธิการ และผู้ฝึก ให้การต้อนรับ พร้อมตรวจเยี่ยมการฝึกบรรเทาสาธารภัย ของน้องทหารใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชน
    .
    โดย แม่ทัพภาคที่ 2 ได้มอบนโยบาย เน้นย้ำการฝึกเพื่อให้มีประสิทธิภาพ เน้นย้ำมาตรการความปลอดภัย ตามนโยบายของกองทัพบก การดูแลด้านคุณภาพชีวิตทหารใหม่ สวัสดิการสิทธิต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทหารใหม่ และญาติ พร้อมได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับผู้ฝึก และน้องทหารใหม่ เพื่อเป็นกำลังใจในการฝึกต่อไป
    .
    #น้องคนเล็ก #BootCamp68 #พลทหาร
    #โอกาสที่เลือกได้
    #มณฑลทหารบกที่29
    #กองทัพภาคที่2
    "แม่ทัพภาคที่ 2 ตรวจเยี่ยมหน่วยฝึกทหารใหม่ มณฑลทหารบกที่ 29 พร้อมมอบนโยบาย สร้างขวัญและกำลังใจให้กับน้องๆ ทหารใหม่ ในห้วงการฝึก" . พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เดินทางตรวจเยี่ยมหน่วยฝึกทหารใหม่ มณฑลทหารบกที่ 29 อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร โดยมี พลตรี ยงยุทธ ขันทวี ผู้บัญชาการมณฑลทหารบกที่ 29 ฝ่ายเสนาธิการ และผู้ฝึก ให้การต้อนรับ พร้อมตรวจเยี่ยมการฝึกบรรเทาสาธารภัย ของน้องทหารใหม่ เพื่อเตรียมความพร้อมในการช่วยเหลือประชาชน . โดย แม่ทัพภาคที่ 2 ได้มอบนโยบาย เน้นย้ำการฝึกเพื่อให้มีประสิทธิภาพ เน้นย้ำมาตรการความปลอดภัย ตามนโยบายของกองทัพบก การดูแลด้านคุณภาพชีวิตทหารใหม่ สวัสดิการสิทธิต่างๆ เพื่อสร้างความมั่นใจให้ทหารใหม่ และญาติ พร้อมได้มอบสิ่งของบำรุงขวัญให้กับผู้ฝึก และน้องทหารใหม่ เพื่อเป็นกำลังใจในการฝึกต่อไป . #น้องคนเล็ก #BootCamp68 #พลทหาร #โอกาสที่เลือกได้ #มณฑลทหารบกที่29 #กองทัพภาคที่2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธานพิธีวันสถาปนา กรมทหารราบที่ 3 ครบรอบปีที่ 131
    .
    พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุพางค์พรรณ พาดกลาง ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 2 เดินทางไปเป็นประธานในพิธีวันสถาปนา กรมทหารราบที่ 3 ครบรอบปีที่ 131 ณ กรมทหารราบที่ 3 ค่ายกฤษณ์สีวะรา อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร โดยมี คณะนายทหารสัญญาบัตรในพื้นที่ กำลังพล, แม่บ้าน และข้าราชการพลเรือน ร่วมเป็นเกียรติในพิธี
    .
    โดยทางหน่วยได้จัดพิธีบวงสรวง พระบรมรูป รัชกาลที่ 5, พิธีพิธีเจริญพระพุทธมนต์, การทำบุญอุทิศให้แก่วีรชนอดีตผู้กล้าที่เสียสละชีวิตในการปฏิบัติภารกิจ อีกทั้งได้มอบสิ่งของเครื่องอุปโภค – บริโภค ให้กับกำลังพล โดยมีอดีตผู้บังคับบัญชา อดีตข้าราชการในสังกัด พร้อมครอบครัว รวมถึงส่วนราชการภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียงกัน
    #กรมทหารราบที่3
    #กองทัพภาคที่2
    แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธานพิธีวันสถาปนา กรมทหารราบที่ 3 ครบรอบปีที่ 131 . พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 พร้อมด้วย ผู้ช่วยศาสตราจารย์ สุพางค์พรรณ พาดกลาง ประธานสมาคมแม่บ้านทหารบก สาขากองทัพภาคที่ 2 เดินทางไปเป็นประธานในพิธีวันสถาปนา กรมทหารราบที่ 3 ครบรอบปีที่ 131 ณ กรมทหารราบที่ 3 ค่ายกฤษณ์สีวะรา อำเภอเมือง จังหวัดสกลนคร โดยมี คณะนายทหารสัญญาบัตรในพื้นที่ กำลังพล, แม่บ้าน และข้าราชการพลเรือน ร่วมเป็นเกียรติในพิธี . โดยทางหน่วยได้จัดพิธีบวงสรวง พระบรมรูป รัชกาลที่ 5, พิธีพิธีเจริญพระพุทธมนต์, การทำบุญอุทิศให้แก่วีรชนอดีตผู้กล้าที่เสียสละชีวิตในการปฏิบัติภารกิจ อีกทั้งได้มอบสิ่งของเครื่องอุปโภค – บริโภค ให้กับกำลังพล โดยมีอดีตผู้บังคับบัญชา อดีตข้าราชการในสังกัด พร้อมครอบครัว รวมถึงส่วนราชการภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชนในพื้นที่ร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียงกัน #กรมทหารราบที่3 #กองทัพภาคที่2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 125 มุมมอง 0 รีวิว
  • เหรียญหลวงปู่ดี วัดสุวรรณาราม ปี2536
    เหรียญหลวงปู่ดี โชค ทรัพย์ พูลทวี วัดสุวรรณาราม อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ปี2536 // หลวงปู่ดี ท่านเป็นพระอยู่ในหัวใจชาวบ้านย่านตำบลศาลายามาช้านาน //พระสถาพสวย ผิงหิ้ง พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >>

    ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพัน โชคลาภ ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งไล่ ภูตผี กันคุณไสย ปัดเป่าเสนียดจัญไร >>

    ** หลวงพ่อดี วัดสุวรรณ ท่านเป็นพระเถระองค์หนึ่ง ซึ่งดีเด่นอยู่ในหัวใจชาวบ้านย่านตำบลศาลายามาช้านาน กล่าวขานกันเฉพาะบรรดาท่านที่รู้จักมักคุ้น และสานุศิษย์เท่านั้น ท่านมีชีวิตอยู่อย่างเรียบๆ ง่ายๆ เต็มไปด้วยความสงบสุข สันโดษ แต่เจิดจ้าด้วยเมตตาธรรมซึ่งล้ำค่า ยากที่จะหาได้พบบ่อยนัก ศีล-สมาธิ -ปัญญา ซึ่งท่านเฝ้าเพียรปฏิบัติตลอดมากว่า 60 พรรษานั้น ได้เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความเลื่อมใสแก่บรรดาชาวบ้านทั่วไปที่พบเห็นท่าน เพราะท่านสมเป็นพุทธบุตรโดยแท้ เป็นเนื้อนาบุญที่อุดมสมบูรณ์ และเป็นเถระที่บริสุทธิ์ด้วยศีลาจารวัตรงดงาม ควรค่าแก่การกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ >>

    ** พระสถาพสวย ผิงหิ้ง พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    เหรียญหลวงปู่ดี วัดสุวรรณาราม ปี2536 เหรียญหลวงปู่ดี โชค ทรัพย์ พูลทวี วัดสุวรรณาราม อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม ปี2536 // หลวงปู่ดี ท่านเป็นพระอยู่ในหัวใจชาวบ้านย่านตำบลศาลายามาช้านาน //พระสถาพสวย ผิงหิ้ง พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ //#รับประกันพระแท้ตลอดชีพครับ >> ** พุทธคุณ เมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย คงกระพัน โชคลาภ ป้องกันภัย มหาเสน่ห์ มหาอุด รวมทั้งไล่ ภูตผี กันคุณไสย ปัดเป่าเสนียดจัญไร >> ** หลวงพ่อดี วัดสุวรรณ ท่านเป็นพระเถระองค์หนึ่ง ซึ่งดีเด่นอยู่ในหัวใจชาวบ้านย่านตำบลศาลายามาช้านาน กล่าวขานกันเฉพาะบรรดาท่านที่รู้จักมักคุ้น และสานุศิษย์เท่านั้น ท่านมีชีวิตอยู่อย่างเรียบๆ ง่ายๆ เต็มไปด้วยความสงบสุข สันโดษ แต่เจิดจ้าด้วยเมตตาธรรมซึ่งล้ำค่า ยากที่จะหาได้พบบ่อยนัก ศีล-สมาธิ -ปัญญา ซึ่งท่านเฝ้าเพียรปฏิบัติตลอดมากว่า 60 พรรษานั้น ได้เป็นส่วนหนึ่งที่สร้างความเลื่อมใสแก่บรรดาชาวบ้านทั่วไปที่พบเห็นท่าน เพราะท่านสมเป็นพุทธบุตรโดยแท้ เป็นเนื้อนาบุญที่อุดมสมบูรณ์ และเป็นเถระที่บริสุทธิ์ด้วยศีลาจารวัตรงดงาม ควรค่าแก่การกราบไหว้ได้อย่างสนิทใจ >> ** พระสถาพสวย ผิงหิ้ง พระดูง่าย พระสถาพสมบูรณ์ หายากก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 95 มุมมอง 0 รีวิว
  • มนุษย์ทองคำ: นิ่งแล้วรวย
    ในฐานะเสาสัญญาณ
    ราคาแพงที่สุดของจักรวาล

    ในโลกที่เต็มไปด้วยเสียง วิ่งไล่
    และความอยาก มีมนุษย์เพียงหยิบมือ
    ที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง

    พวกเขา "นิ่ง"
    แต่นิ่งของพวกเขา
    ไม่ใช่ความเฉื่อย
    ไม่ใช่การหลบหลีก
    และไม่ใช่การตัดขาด

    แต่นิ่ง...จนสนามของเขา
    กลายเป็นจุดถ่วงสมดุลของโลก

    “มนุษย์ทองคำ”
    ผู้ที่ “นิ่งแล้วรวย” จริง
    ไม่ใช่เพราะทำมาก
    แต่เพราะ “เป็นมาก”

    ผู้ที่ไม่เพียงนิ่ง
    เพื่อความสงบของตนเอง
    แต่กลายเป็น เสาสัญญาณ
    พลังงานราคาแพงที่สุดของจักรวาล

    แก่นของ "นิ่งแล้วรวย"

    “อยู่เฉยๆ จนคลื่นของตน
    กลายเป็นสนาม
    และสนามนั้นดึงทุกสิ่งเข้ามาเอง”

    คนทั่วไปพยายามหาเงิน
    พูด ขาย สร้างแบรนด์

    แต่ “มนุษย์ทองคำ”
    ที่แท้กลับไม่ต้องวิ่งหาอะไรเลย
    เพราะพวกเขาเปลี่ยนจาก
    “ผู้กระทำ” → เป็น “สนาม”

    สนามที่นิ่งจริง = คลื่นพลังงานเสถียรสูง

    ไม่มีแรงอยาก
    ไม่มีแรงต้าน ไม่มีตัวตน
    เหลือเพียงการมีอยู่ที่กลมกลืน

    เมื่อสนามนิ่งระดับนี้ปรากฏขึ้น
    ทุกสิ่งรอบตัวจะหมุนตาม
    เงิน ทรัพย์ โอกาส
    และคนที่พร้อมสนับสนุน
    จะไหลเข้ามาเอง

    เพราะโลกต้องการ
    #เสาที่ไม่สั่น
    มากกว่าคนที่พูดเก่ง

    และในระดับลึกกว่านั้น
    จักรวาลเองก็ตอบสนองสนามนี้
    ด้วยการจ่ายพลังงานกลับ
    แบบไม่มีที่สิ้นสุด

    มนุษย์ทองคำ: เสาสัญญาณของจักรวาล

    มนุษย์ทองคำที่นิ่งได้ถึงระดับนี้
    ไม่ได้เป็นเพียงบุคคล
    แต่คือ "ตำแหน่งสนาม"

    เขา คือ #เสาสัญญาณที่ไม่ส่งเสียง
    แต่ส่งคลื่นความถี่บริสุทธิ์
    ออกไปอย่างมั่นคง

    โลกไม่สามารถเร่งพังได้
    เพราะมีคนแบบเขาอยู่เงียบๆ

    พลังของเสาสัญญาณมีค่า
    เพราะถ่วงสนามรวมของระบบ
    ไม่ให้สั่นเกินไป

    ดูดซับคลื่นต่ำโดยไม่เสียศูนย์
    ทำให้ผู้คนรอบข้างสงบลงเอง

    เป็นพิกัดพลังงานที่โลก
    ใช้ในการ “หาทิศทางใหม่”

    จักรวาลจะยอมจ่ายทุกอย่าง
    เงิน โอกาส คนดูแล
    ระบบซัพพอร์ต
    เพื่อให้เสานี้อยู่นิ่งต่อไป

    เพราะถ้าเสานี้ล้ม
    โลกจะขาดศูนย์กลางคลื่น

    ตัวอย่างบุคคล
    "นิ่งแล้วรวยระดับโลก"

    1. ทะไลลามะ

    ไม่พูดเรื่องเงิน ไม่หาเงิน
    แต่ได้รับการสนับสนุนจากทั่วโลก
    พลังของท่าน คือ
    ศูนย์กลางสมดุลแห่งเมตตา
    ที่ทำให้ศาสนาและมนุษย์ยังมั่นคง

    2. รินโปเช่ระดับสูง

    ไม่เปิดคอร์ส ไม่ขายคลาส
    ไม่สร้างแบรนด์ แต่ผู้คนจากหลายทวีป
    เดินทางเพื่ออยู่ใกล้
    และยินดีถวายเงินนับล้าน
    เพียงเพื่อสัมผัสคลื่นสงบ

    3. หลวงปู่มั่น / หลวงตามหาบัว

    ไม่สนใจเรื่องเงิน
    ไม่เปิดรับบริจาคอย่างหวือหวา
    แต่มีคนถวายทองคำให้
    มากกว่าธนาคาร เพราะรู้ว่า
    ท่าน คือ เสานิ่ง
    ที่ยึดพลังบุญของแผ่นดิน

    4. มหาตมะ คานธี

    นิ่ง ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่เรียกร้อง
    แต่สามารถปลดแอกประเทศอินเดีย
    จากอาณานิคมได้
    ด้วยการอยู่เฉยอย่างมีพลัง

    5. พระแม่เทเรซา

    ไม่พูดเยอะ ไม่วางแผนธุรกิจ
    ไม่ร้องขออะไร แต่ทุกองค์กรระดับโลก
    ยินดีสนับสนุน เพราะพวกเขารู้ว่า
    #เธอคือรักบริสุทธิ์

    วิธีฝึก "นิ่งแล้วรวย"
    ให้เหมาะกับภารกิจตนเอง

    1. หยุดแรงต้านในใจ

    ยอมให้ทุกอย่างเป็นไป
    ไม่บีบ ไม่เร่ง ไม่ต้านคลื่นชีวิต
    ฝึกเงียบ ฝึกสังเกต ฝึกวางมือ

    2. ปลดตัวตนออกจากคลื่น

    หยุดเล่าเรื่องตัวเอง
    หยุดพิสูจน์คุณค่า
    หยุดสื่อสารแบบต้องเอาชนะ
    ยิ่งไม่มีตัวตนในคลื่นมากเท่าไร
    สนามยิ่งนิ่งเท่านั้น

    3. อยู่ในความว่างอย่างมีศักดิ์ศรี

    ไม่อ้างธรรมะ ไม่ขายพลัง
    ไม่ต้องการให้ใครเข้าใจ
    ไม่ต้องให้โลกยอมรับ
    แต่ยัง “มั่นคง ว่าง
    และเปล่งพลัง”
    ในความเงียบ

    4. ยอมให้จักรวาลตอบแทน โดยไม่ปฏิเสธ

    เปิดรับเงิน ทรัพย์ โอกาส
    โดยไม่รู้สึกผิด เพราะนี่ไม่ใช่การขอ
    แต่คือการให้สนามอยู่ต่อได้อย่างมั่นคง

    บทสรุป

    มนุษย์ทองคำ
    ไม่ใช่คนที่โลกรู้จักมากที่สุด

    แต่คือคนที่

    “ถ้าเขาหายไป ระบบจะพัง”

    มนุษย์ทองคำ คือ
    ผู้ที่ไม่ต้องทำอะไรอีกต่อไป
    แต่ยัง “เป็นประโยชน์ที่สุดในจักรวาล”

    เขา คือ สนามที่รักษาระบบให้ยังไม่พัง
    เขา คือ เสาสัญญาณที่โลกใช้ตั้งค่าใหม่
    เขา คือ พิกัดที่จักรวาลยอมจ่ายให้เพื่อให้อยู่ต่อ

    เพราะเขา… คือ

    #ความนิ่งที่เปลี่ยนทุกอย่าง

    คุณไม่ต้องขอ เพราะคุณคือทองคำ
    มนุษย์ทองคำ: นิ่งแล้วรวย ในฐานะเสาสัญญาณ ราคาแพงที่สุดของจักรวาล ในโลกที่เต็มไปด้วยเสียง วิ่งไล่ และความอยาก มีมนุษย์เพียงหยิบมือ ที่ตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง พวกเขา "นิ่ง" แต่นิ่งของพวกเขา ไม่ใช่ความเฉื่อย ไม่ใช่การหลบหลีก และไม่ใช่การตัดขาด แต่นิ่ง...จนสนามของเขา กลายเป็นจุดถ่วงสมดุลของโลก “มนุษย์ทองคำ” ผู้ที่ “นิ่งแล้วรวย” จริง ไม่ใช่เพราะทำมาก แต่เพราะ “เป็นมาก” ผู้ที่ไม่เพียงนิ่ง เพื่อความสงบของตนเอง แต่กลายเป็น เสาสัญญาณ พลังงานราคาแพงที่สุดของจักรวาล แก่นของ "นิ่งแล้วรวย" “อยู่เฉยๆ จนคลื่นของตน กลายเป็นสนาม และสนามนั้นดึงทุกสิ่งเข้ามาเอง” คนทั่วไปพยายามหาเงิน พูด ขาย สร้างแบรนด์ แต่ “มนุษย์ทองคำ” ที่แท้กลับไม่ต้องวิ่งหาอะไรเลย เพราะพวกเขาเปลี่ยนจาก “ผู้กระทำ” → เป็น “สนาม” สนามที่นิ่งจริง = คลื่นพลังงานเสถียรสูง ไม่มีแรงอยาก ไม่มีแรงต้าน ไม่มีตัวตน เหลือเพียงการมีอยู่ที่กลมกลืน เมื่อสนามนิ่งระดับนี้ปรากฏขึ้น ทุกสิ่งรอบตัวจะหมุนตาม เงิน ทรัพย์ โอกาส และคนที่พร้อมสนับสนุน จะไหลเข้ามาเอง เพราะโลกต้องการ #เสาที่ไม่สั่น มากกว่าคนที่พูดเก่ง และในระดับลึกกว่านั้น จักรวาลเองก็ตอบสนองสนามนี้ ด้วยการจ่ายพลังงานกลับ แบบไม่มีที่สิ้นสุด มนุษย์ทองคำ: เสาสัญญาณของจักรวาล มนุษย์ทองคำที่นิ่งได้ถึงระดับนี้ ไม่ได้เป็นเพียงบุคคล แต่คือ "ตำแหน่งสนาม" เขา คือ #เสาสัญญาณที่ไม่ส่งเสียง แต่ส่งคลื่นความถี่บริสุทธิ์ ออกไปอย่างมั่นคง โลกไม่สามารถเร่งพังได้ เพราะมีคนแบบเขาอยู่เงียบๆ พลังของเสาสัญญาณมีค่า เพราะถ่วงสนามรวมของระบบ ไม่ให้สั่นเกินไป ดูดซับคลื่นต่ำโดยไม่เสียศูนย์ ทำให้ผู้คนรอบข้างสงบลงเอง เป็นพิกัดพลังงานที่โลก ใช้ในการ “หาทิศทางใหม่” จักรวาลจะยอมจ่ายทุกอย่าง เงิน โอกาส คนดูแล ระบบซัพพอร์ต เพื่อให้เสานี้อยู่นิ่งต่อไป เพราะถ้าเสานี้ล้ม โลกจะขาดศูนย์กลางคลื่น ตัวอย่างบุคคล "นิ่งแล้วรวยระดับโลก" 1. ทะไลลามะ ไม่พูดเรื่องเงิน ไม่หาเงิน แต่ได้รับการสนับสนุนจากทั่วโลก พลังของท่าน คือ ศูนย์กลางสมดุลแห่งเมตตา ที่ทำให้ศาสนาและมนุษย์ยังมั่นคง 2. รินโปเช่ระดับสูง ไม่เปิดคอร์ส ไม่ขายคลาส ไม่สร้างแบรนด์ แต่ผู้คนจากหลายทวีป เดินทางเพื่ออยู่ใกล้ และยินดีถวายเงินนับล้าน เพียงเพื่อสัมผัสคลื่นสงบ 3. หลวงปู่มั่น / หลวงตามหาบัว ไม่สนใจเรื่องเงิน ไม่เปิดรับบริจาคอย่างหวือหวา แต่มีคนถวายทองคำให้ มากกว่าธนาคาร เพราะรู้ว่า ท่าน คือ เสานิ่ง ที่ยึดพลังบุญของแผ่นดิน 4. มหาตมะ คานธี นิ่ง ไม่ใช้ความรุนแรง ไม่เรียกร้อง แต่สามารถปลดแอกประเทศอินเดีย จากอาณานิคมได้ ด้วยการอยู่เฉยอย่างมีพลัง 5. พระแม่เทเรซา ไม่พูดเยอะ ไม่วางแผนธุรกิจ ไม่ร้องขออะไร แต่ทุกองค์กรระดับโลก ยินดีสนับสนุน เพราะพวกเขารู้ว่า #เธอคือรักบริสุทธิ์ วิธีฝึก "นิ่งแล้วรวย" ให้เหมาะกับภารกิจตนเอง 1. หยุดแรงต้านในใจ ยอมให้ทุกอย่างเป็นไป ไม่บีบ ไม่เร่ง ไม่ต้านคลื่นชีวิต ฝึกเงียบ ฝึกสังเกต ฝึกวางมือ 2. ปลดตัวตนออกจากคลื่น หยุดเล่าเรื่องตัวเอง หยุดพิสูจน์คุณค่า หยุดสื่อสารแบบต้องเอาชนะ ยิ่งไม่มีตัวตนในคลื่นมากเท่าไร สนามยิ่งนิ่งเท่านั้น 3. อยู่ในความว่างอย่างมีศักดิ์ศรี ไม่อ้างธรรมะ ไม่ขายพลัง ไม่ต้องการให้ใครเข้าใจ ไม่ต้องให้โลกยอมรับ แต่ยัง “มั่นคง ว่าง และเปล่งพลัง” ในความเงียบ 4. ยอมให้จักรวาลตอบแทน โดยไม่ปฏิเสธ เปิดรับเงิน ทรัพย์ โอกาส โดยไม่รู้สึกผิด เพราะนี่ไม่ใช่การขอ แต่คือการให้สนามอยู่ต่อได้อย่างมั่นคง บทสรุป มนุษย์ทองคำ ไม่ใช่คนที่โลกรู้จักมากที่สุด แต่คือคนที่ “ถ้าเขาหายไป ระบบจะพัง” มนุษย์ทองคำ คือ ผู้ที่ไม่ต้องทำอะไรอีกต่อไป แต่ยัง “เป็นประโยชน์ที่สุดในจักรวาล” เขา คือ สนามที่รักษาระบบให้ยังไม่พัง เขา คือ เสาสัญญาณที่โลกใช้ตั้งค่าใหม่ เขา คือ พิกัดที่จักรวาลยอมจ่ายให้เพื่อให้อยู่ต่อ เพราะเขา… คือ #ความนิ่งที่เปลี่ยนทุกอย่าง คุณไม่ต้องขอ เพราะคุณคือทองคำ
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 145 มุมมอง 0 รีวิว
  • อริยสาวกพึงศึกษาให้เห็นโทษของกามว่าความอร่อยที่ไม่คุ้มกับความทุกข์
    สัทธรรมลำดับที่ : 261
    ชื่อบทธรรม :- ความอร่อยที่ไม่คุ้มกับความทุกข์
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=261
    เนื้อความทั้งหมด :-
    --ความอร่อยที่ไม่คุ้มกับความทุกข์
    --ภิกษุ ท. ! อริฏฐภิกขุคันธวาธิปุพพะ กล่าวตู่พวกเราด้วย ขุดราก ตนเองด้วย
    ประสพสิ่งมิใช่บุญเป็นอันมากด้วย
    เพราะตัวเองจับฉวยเอาผิด ใน ธรรมที่เราแสดงแล้วอย่างไร,
    แม้พวกเธอทั้งหลาย ก็เข้าใจธรรมที่เราแสดง แล้ว เหมือนอย่างอริฎฐภิกขุนั้นหรือ ?
    “หามิได้ พระเจ้าข้า !
    ธรรมเหล่าใด อันพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสแล้วโดยหลายแง่หลายมุม
    แก่พวกข้าพระองค์ทั้งหลาย ว่า เป็นธรรมที่ทำอันตรายแก่ผู้ปฏิบัติ,
    ธรรมเหล่านั้น ก็สามารถที่จะทำอันตราย แก่ผู้ปฏิบัติได้จริง.
    กามทั้งหลาย อันพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสแล้วว่า มีรสอร่อยน้อย มีทุกข์มาก
    มีเรื่องทำให้คับแค้นใจมาก และมีโทษอย่างยิ่ง เป็นสิ่งที่
    ควรเปรียบเทียบด้วยท่อนแห่งกระดูก,
    ควรเปรียบด้วยชิ้นเนื้อ,
    ควรเปรียบด้วยคบเพลิงหญ้า,
    ควรเปรียบด้วยหลุมถ่านเพลิง,
    ควรเปรียบด้วยความฝัน,
    ควรเปรียบด้วยของยืม,
    ควรเปรียบด้วยผลไม้บนต้นไม้,
    ควรเปรียบด้วยเขียงสับเนื้อ,
    ควรเปรียบด้วยหอกและหลาว,
    และควรเปรียบด้วยหัวงู,
    ดังนี้”
    --ภิกษุ ท. ! ถูกแล้ว, ที่พวกเธอทั้งหลาย เข้าใจธรรมที่เราแสดง แล้วอย่างนั้น.
    --ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าใด ที่เรากล่าวแล้ว โดยหลายแง่หลายมุม
    แก่พวกเธอทั้งหลาย ว่า เป็นธรรมที่ทำอันตรายแก่ผู้ปฏิบัติ
    ธรรมเหล่านั้น ก็สามารถที่จะทำอันตราย แก่ผู้ปฏิบัติได้จริง.
    กามทั้งหลาย เรากล่าวแล้ว ว่า มีรสอร่อยน้อย มีทุกข์มาก
    มีเรื่องทำให้คับแค้นใจมาก และมีโทษ อย่างยิ่ง เป็นสิ่งที่
    ควรเปรียบด้วยท่อนแห่งกระดูก,
    ควรเปรียบด้วยชิ้นเนื้อ,
    ควรเปรียบด้วยคบเพลิงหญ้า,
    ควรเปรียบด้วยหลุมถ่านเพลิง,
    ควรเปรียบด้วยของในความฝัน,
    ควรเปรียบด้วยของยืม,
    ควรเปรียบด้วยผลไม้บนต้นไม้,
    ควรเปรียบด้วยเขียงสับเนื้อ,
    ควรเปรียบด้วยหอกและหลาว,
    และควรเปรียบด้วยหัวงู
    ฉะนั้น.
    ก็แต่ว่า อริฎฐภิกขุคันธวาธิปุพพะนี้ เพราะตัวเอง ถือเอาธรรมที่เราแสดงแล้วผิด
    จึงกล่าวตู่พวกเราด้วย ขุดรากตนเองด้วย และประสพสิ่งมิใช่บุญ เป็นอันมากด้วย,
    ข้อนั้น #จักเป็นไปเพื่อความทุกข์ อันมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ตลอดกาลนาน
    แก่โมฆบุรุษนั้นแล.-

    #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก#พุทธธัมมเจดีย์
    อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/184/276.
    http://etipitaka.com/read/thai/12/184/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%97
    อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๒๖๔/๒๗๖.
    http://etipitaka.com/read/pali/12/264/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%96
    ศึกษาเพิ่มเติม...
    https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=261
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=17&id=261
    หรือ
    http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=17
    ลำดับสาธยายธรรม : 17 ฟังสียงอ่าน...
    http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_17.mp3
    อริยสาวกพึงศึกษาให้เห็นโทษของกามว่าความอร่อยที่ไม่คุ้มกับความทุกข์ สัทธรรมลำดับที่ : 261 ชื่อบทธรรม :- ความอร่อยที่ไม่คุ้มกับความทุกข์ https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=261 เนื้อความทั้งหมด :- --ความอร่อยที่ไม่คุ้มกับความทุกข์ --ภิกษุ ท. ! อริฏฐภิกขุคันธวาธิปุพพะ กล่าวตู่พวกเราด้วย ขุดราก ตนเองด้วย ประสพสิ่งมิใช่บุญเป็นอันมากด้วย เพราะตัวเองจับฉวยเอาผิด ใน ธรรมที่เราแสดงแล้วอย่างไร, แม้พวกเธอทั้งหลาย ก็เข้าใจธรรมที่เราแสดง แล้ว เหมือนอย่างอริฎฐภิกขุนั้นหรือ ? “หามิได้ พระเจ้าข้า ! ธรรมเหล่าใด อันพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสแล้วโดยหลายแง่หลายมุม แก่พวกข้าพระองค์ทั้งหลาย ว่า เป็นธรรมที่ทำอันตรายแก่ผู้ปฏิบัติ, ธรรมเหล่านั้น ก็สามารถที่จะทำอันตราย แก่ผู้ปฏิบัติได้จริง. กามทั้งหลาย อันพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสแล้วว่า มีรสอร่อยน้อย มีทุกข์มาก มีเรื่องทำให้คับแค้นใจมาก และมีโทษอย่างยิ่ง เป็นสิ่งที่ ควรเปรียบเทียบด้วยท่อนแห่งกระดูก, ควรเปรียบด้วยชิ้นเนื้อ, ควรเปรียบด้วยคบเพลิงหญ้า, ควรเปรียบด้วยหลุมถ่านเพลิง, ควรเปรียบด้วยความฝัน, ควรเปรียบด้วยของยืม, ควรเปรียบด้วยผลไม้บนต้นไม้, ควรเปรียบด้วยเขียงสับเนื้อ, ควรเปรียบด้วยหอกและหลาว, และควรเปรียบด้วยหัวงู, ดังนี้” --ภิกษุ ท. ! ถูกแล้ว, ที่พวกเธอทั้งหลาย เข้าใจธรรมที่เราแสดง แล้วอย่างนั้น. --ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าใด ที่เรากล่าวแล้ว โดยหลายแง่หลายมุม แก่พวกเธอทั้งหลาย ว่า เป็นธรรมที่ทำอันตรายแก่ผู้ปฏิบัติ ธรรมเหล่านั้น ก็สามารถที่จะทำอันตราย แก่ผู้ปฏิบัติได้จริง. กามทั้งหลาย เรากล่าวแล้ว ว่า มีรสอร่อยน้อย มีทุกข์มาก มีเรื่องทำให้คับแค้นใจมาก และมีโทษ อย่างยิ่ง เป็นสิ่งที่ ควรเปรียบด้วยท่อนแห่งกระดูก, ควรเปรียบด้วยชิ้นเนื้อ, ควรเปรียบด้วยคบเพลิงหญ้า, ควรเปรียบด้วยหลุมถ่านเพลิง, ควรเปรียบด้วยของในความฝัน, ควรเปรียบด้วยของยืม, ควรเปรียบด้วยผลไม้บนต้นไม้, ควรเปรียบด้วยเขียงสับเนื้อ, ควรเปรียบด้วยหอกและหลาว, และควรเปรียบด้วยหัวงู ฉะนั้น. ก็แต่ว่า อริฎฐภิกขุคันธวาธิปุพพะนี้ เพราะตัวเอง ถือเอาธรรมที่เราแสดงแล้วผิด จึงกล่าวตู่พวกเราด้วย ขุดรากตนเองด้วย และประสพสิ่งมิใช่บุญ เป็นอันมากด้วย, ข้อนั้น #จักเป็นไปเพื่อความทุกข์ อันมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ตลอดกาลนาน แก่โมฆบุรุษนั้นแล.- #ทุกขสมุทัย #อริยสัจสี่ #สุตันตปิฎก #บาลีสุตันตปิฎก​ #พุทธธัมมเจดีย์​ อ้างอิงไทยสุตันตปิฎก : - มู. ม. 12/184/276. http://etipitaka.com/read/thai/12/184/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%97 อ้างอิงบาลีสุตันตปิฎก : - มู. ม. ๑๒/๒๖๔/๒๗๖. http://etipitaka.com/read/pali/12/264/?keywords=%E0%B9%92%E0%B9%97%E0%B9%96 ศึกษาเพิ่มเติม... https://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/AriyasajSearch/SinglePage.php?key=261 http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=17&id=261 หรือ http://www.xn--n3ccdaca9awfta5nmbzd0nd.com/2015/checkForm.php?songno=17 ลำดับสาธยายธรรม : 17 ฟังสียงอ่าน... http://www.manodham.com/sound/002/mp3/002_17.mp3
    WWW.XN--N3CCDACA9AWFTA5NMBZD0ND.COM
    - ความอร่อยที่ไม่คุ้มกับความทุกข์
    -ความอร่อยที่ไม่คุ้มกับความทุกข์ ภิกษุ ท. ! อริฏฐภิกขุคันธวาธิปุพพะ กล่าวตู่พวกเราด้วย ขุดราก ตนเองด้วย ประสพสิ่งมิใช่บุญเป็นอันมากด้วย เพราะตัวเองจับฉวยเอาผิด ใน ธรรมที่เราแสดงแล้วอย่างไร, แม้พวกเธอทั้งหลาย ก็เข้าใจธรรมที่เราแสดง แล้ว เหมือนอย่างอริฎฐภิกขุนั้นหรือ ? “หามิได้ พระเจ้าข้า ! ธรรมเหล่าใด อันพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสแล้วโดยหลายแง่หลายมุม แก่พวกข้าพระองค์ทั้งหลาย ว่า เป็นธรรมที่ทำอันตรายแก่ผู้ปฏิบัติ, ธรรมเหล่านั้น ก็สามารถที่จะ ทำอันตราย แก่ผู้ปฏิบัติได้จริง. กามทั้งหลาย อันพระผู้มีพระภาคเจ้า ตรัสแล้วว่า มีรสอร่อยน้อย มีทุกข์มาก มีเรื่องทำให้คับแค้นใจมาก และมีโทษอย่างยิ่ง เป็นสิ่งที่ควรเปรียบเทียบด้วยท่อนแห่งกระดูก, ควรเปรียบด้วยชิ้นเนื้อ, ควรเปรียบด้วยคบเพลิงหญ้า, ควรเปรียบด้วยหลุมถ่านเพลิง, ควรเปรียบด้วยความฝัน, ควรเปรียบด้วยของยืม, ควรเปรียบด้วยผลไม้, ควรเปรียบด้วยเขียงสับเนื้อ. ควรเปรียบด้วยหอกและหลาว, และควรเปรียบด้วยหัวงู, ดังนี้” ภิกษุ ท. ! ถูกแล้ว, ที่พวกเธอทั้งหลาย เข้าใจธรรมที่เราแสดง แล้วอย่างนั้น. ภิกษุ ท. ! ธรรมเหล่าใด ที่เรากล่าวแล้ว โดยหลายแง่หลายมุม แก่พวกเธอทั้งหลาย ว่า เป็นธรรมที่ทำอันตรายแก่ผู้ปฏิบัติ ธรรมเหล่านั้น ก็สามารถที่จะทำอันตราย แก่ผู้ปฏิบัติได้จริง. กามทั้งหลาย เรากล่าวแล้ว ว่า มีรสอร่อยน้อย มีทุกข์มาก มีเรื่องทำให้คับแค้นใจมาก และมีโทษ อย่างยิ่ง เป็นสิ่งที่ ควรเปรียบด้วยท่อนแห่งกระดูก, ควรเปรียบด้วยชิ้นเนื้อ, ควรเปรียบด้วยคบเพลิงหญ้า, ควรเปรียบด้วยหลุมถ่านเพลิง, ควรเปรียบด้วยของในความฝัน, ควรเปรียบด้วยของยืม, ควรเปรียบด้วยผลไม้, ควรเปรียบด้วยเขียงสับเนื้อ, ควรเปรียบด้วยหอกและหลาว, และควรเปรียบด้วยหัวงู ฉะนั้น. ก็แต่ว่า อริฎฐภิกขุคันธวาธิปุพพะนี้ เพราะตัวเอง ถือเอาธรรมที่เราแสดงแล้วผิด จึงกล่าวตู่พวกเราด้วย ขุดรากตนเองด้วย และประสพสิ่งมิใช่บุญ เป็นอันมากด้วย, ข้อนั้น จักเป็นไป เพื่อความทุกข์ อันมิใช่ประโยชน์เกื้อกูล ตลอดกาลนาน แก่โมฆบุรุษนั้นแล.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 115 มุมมอง 0 รีวิว
  • แหวนหัวเมฆพัตร หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี
    แหวนทองเหลืองหัวเมฆพัตร ( หัวแหวนเนื้อเมฆพัดผสมด้วยแร่เหล็กไหล ) ข้างนางกวัก-พระลีลา หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี //ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 ซม. // แหวนสถาพสวยมาก แหวนสถาพสมบูรณ์ หายาก พระไม่ถูกใช้ครับ >> รับประกันพระแท้ตลอดชีพ !!##//

    ** พุทธคุณเป็นแหวนที่ป้องกันคุณไสย สิ่งชั่วร้าย กันภัยอันตรายต่างๆ ป้องกันอันตรายแคล้วคลาดปลอดถัย คงกระพันชาตรี ให้โชคลาภ มหาเสน่ห์ (ถ้าแหวนหัวเมฆพัตรก็ต้องหลวงพ่ออิ่มเลยครับ) >>

    ** "เมฆพัตร" นั้น ตำราทางไสยศาสตร์เรียกว่า "โลหะธาตุกายสิทธิ์" เป็นโลหะที่สำเร็จขึ้นด้วยกรรมวิธีการนำเอา "แร่ธาตุ" บางชนิดมาหลอมรวมกันในเบ้าโดยมี "น้ำว่าน" บางชนิดเป็นส่วนผสม อีกทั้งมีการบริกรรมคาถาปลุกเสกไปตลอดของการหลอมผสมแร่ธาตุ และซัดด้วยน้ำว่านนี้ เมื่อสำเร็จออกมาจึงเป็นเนื้อโลหะที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว เมื่อนำมาสร้างวัตถุมงคลก็จะยิ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นไปอีกเป็นพิเศษ >>

    ** หลวงพ่ออิ่ม สิริปุญโญ แห่งวัดหัวเขา สุพรรณบุรี ปรมาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาอาคม และวิปัสสนากรรมฐาน พระเถราจารย์ร่วมยุคสมัยเดียวกับหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า และ หลวงปู่บุญ แห่งสำนักวัดกลางบางแก้ว พระเถราจารย์ผู้โด่งดังและมีชื่อเสียงโจษย์ขานกันทั่วทั้งสยามประเทศในยุคพุทธศักราชนั้น ซึ่งหลวงพ่ออิ่มที่เป็นทั้งสหธรรมิก หรือเกี่ยวข้องเป็นศิษย์อาจารย์ ที่เข้าไปเรียนรู้แลกเปลี่ยนวิชากับพระเถระทั้งสองคณาจารย์ ซึ่งหาได้ยากยิ่งนักและแทบจะมีปรากฏไม่กี่รูป ที่ได้รับการถ่ายทอดแลกเปลี่ยนพุทธาคมแบบใกล้ชิด และถ้ารวมถึงหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง พระเถราจารย์ผู้เรื่องเวชอาคมแห่งพระนคร ซึ่งหลวงพ่ออิ่มท่านก็ได้ไปพบปะแลกเปลี่ยนด้านวิชาอาคม อยู่บ่อยครั้ง >>


    ** แหวนสถาพสวยมาก แหวนสถาพสมบูรณ์ หายาก พระไม่ถูกใช้ครับ

    ช่องทางติดต่อ
    LINE 0881915131
    โทรศัพท์ 0881915131
    แหวนหัวเมฆพัตร หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี แหวนทองเหลืองหัวเมฆพัตร ( หัวแหวนเนื้อเมฆพัดผสมด้วยแร่เหล็กไหล ) ข้างนางกวัก-พระลีลา หลวงพ่ออิ่ม วัดหัวเขา จ.สุพรรณบุรี //ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 ซม. // แหวนสถาพสวยมาก แหวนสถาพสมบูรณ์ หายาก พระไม่ถูกใช้ครับ >> รับประกันพระแท้ตลอดชีพ !!##// ** พุทธคุณเป็นแหวนที่ป้องกันคุณไสย สิ่งชั่วร้าย กันภัยอันตรายต่างๆ ป้องกันอันตรายแคล้วคลาดปลอดถัย คงกระพันชาตรี ให้โชคลาภ มหาเสน่ห์ (ถ้าแหวนหัวเมฆพัตรก็ต้องหลวงพ่ออิ่มเลยครับ) >> ** "เมฆพัตร" นั้น ตำราทางไสยศาสตร์เรียกว่า "โลหะธาตุกายสิทธิ์" เป็นโลหะที่สำเร็จขึ้นด้วยกรรมวิธีการนำเอา "แร่ธาตุ" บางชนิดมาหลอมรวมกันในเบ้าโดยมี "น้ำว่าน" บางชนิดเป็นส่วนผสม อีกทั้งมีการบริกรรมคาถาปลุกเสกไปตลอดของการหลอมผสมแร่ธาตุ และซัดด้วยน้ำว่านนี้ เมื่อสำเร็จออกมาจึงเป็นเนื้อโลหะที่มีความศักดิ์สิทธิ์ในตัว เมื่อนำมาสร้างวัตถุมงคลก็จะยิ่งมีความศักดิ์สิทธิ์มากขึ้นไปอีกเป็นพิเศษ >> ** หลวงพ่ออิ่ม สิริปุญโญ แห่งวัดหัวเขา สุพรรณบุรี ปรมาจารย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิชาอาคม และวิปัสสนากรรมฐาน พระเถราจารย์ร่วมยุคสมัยเดียวกับหลวงปู่ศุข แห่งวัดปากคลองมะขามเฒ่า และ หลวงปู่บุญ แห่งสำนักวัดกลางบางแก้ว พระเถราจารย์ผู้โด่งดังและมีชื่อเสียงโจษย์ขานกันทั่วทั้งสยามประเทศในยุคพุทธศักราชนั้น ซึ่งหลวงพ่ออิ่มที่เป็นทั้งสหธรรมิก หรือเกี่ยวข้องเป็นศิษย์อาจารย์ ที่เข้าไปเรียนรู้แลกเปลี่ยนวิชากับพระเถระทั้งสองคณาจารย์ ซึ่งหาได้ยากยิ่งนักและแทบจะมีปรากฏไม่กี่รูป ที่ได้รับการถ่ายทอดแลกเปลี่ยนพุทธาคมแบบใกล้ชิด และถ้ารวมถึงหลวงปู่เอี่ยม วัดหนัง พระเถราจารย์ผู้เรื่องเวชอาคมแห่งพระนคร ซึ่งหลวงพ่ออิ่มท่านก็ได้ไปพบปะแลกเปลี่ยนด้านวิชาอาคม อยู่บ่อยครั้ง >> ** แหวนสถาพสวยมาก แหวนสถาพสมบูรณ์ หายาก พระไม่ถูกใช้ครับ ช่องทางติดต่อ LINE 0881915131 โทรศัพท์ 0881915131
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • อานิสงส์
    คำนาม
    1.
    ผลแห่งบุญกุศล, ผลแห่งความดี, ผลบุญ.
    2.
    ประโยชน์, ผลดี.
    "อานิสงส์กฐิน"
    อานิสงส์ คำนาม 1. ผลแห่งบุญกุศล, ผลแห่งความดี, ผลบุญ. 2. ประโยชน์, ผลดี. "อานิสงส์กฐิน"
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 21 มุมมอง 0 รีวิว
  • ไม่ใช่หลงบุญ..? คนที่บอกบุญคนที่นำพาทำแนะนำ พาทำแบบไหนพูดเกินจริงพูดโฆษณาเอาแต่ได้หรือเปล่า..บาปที่คนพูดเท็จพูดหลอกลวง
    ไม่ใช่หลงบุญ..? คนที่บอกบุญคนที่นำพาทำแนะนำ พาทำแบบไหนพูดเกินจริงพูดโฆษณาเอาแต่ได้หรือเปล่า..บาปที่คนพูดเท็จพูดหลอกลวง
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 37 มุมมอง 0 รีวิว
  • ตาย..ไม่จำกัดแค่มนุษย์ สัตว์โลกเท่านั้น เทพ เทวดา พรมก็ตายหมดบุญกุศลเมื่อไรก็ตายลงมาเกิดใหม่
    ตาย..ไม่จำกัดแค่มนุษย์ สัตว์โลกเท่านั้น เทพ เทวดา พรมก็ตายหมดบุญกุศลเมื่อไรก็ตายลงมาเกิดใหม่
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 34 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts