• ..ประเทศโยนหินถามทางด้วยภาษีปี70 จะใช้บังคับกับประชาชนที่ต้องยื่นแบบภาษีทุกๆคน มีเชื่อมโยงสุขภาพด้วยคือใช้ NIT บังหน้านั้นเอง กลัวประชาชนต่อต้านอย่างหนักเหมือน14ตุลาบ้าคลั่งได้ซึ่งต่างจากเม็กซิโกสิ้นเชิง ,ใจคนไทยเด็ดขาดกว่ามาก เช่นนั้นจะไม่ปรากฎการมีอยู่แบบทหารผีแห่งสยามเรา.,deep stateโลกกำลังบีบชาวโลกในแต่ละประเทศให้ทำตามระเบียบมัน รัฐสอดแนมสอดรู้สอดเห็นทุกๆคนในประเทศมัน,ส่องหมดหรือทั้งหมดต้องถูกมันส่องและส่องตลอดเวลาด้วย,อาจหนักกว่าสไตล์เกาหลีเหนือแคปหน้าจอมือถือประชาชนทุกๆ3-5นาทีโน้น,ไอ้นี้ควอนตัมอาจบันทึกทุกๆกิจกรรมธุรกรรมซึ่งสามารถตรวจสอบเรียลไทม์และตรวจสอบย้อนหลังทั้งหมดตั้งแต่ต้นก็ยังได้จนถึงปัจจุบัน.,มันจะกำจัดมนุษย์ลงเพื่อให้เหลือน้อยที่สุดนั้นเอง.,ยุคแห่งAIปกครองมนุษย์แทนคนก็ได้,มันจึงพยายามให้ขี้ข้าสมุนลูกน้องมันเอาaiเข้าไปใช้แทนคน ทดแทนคนจริงในบริษัทแล้ว ธนาคารบางเนมจ้างพนักงานออกแล้ว ถีบออกก่อนกำหนด เพื่อเอาAIมาใช้แทนคนจริงจังแล้วนั้นเองในการตอบสนองนายใหญ่deep stateมัน.,ผู้นำจึงสำคัญมากในยุคเปลี่ยนแปลงนี้ เลือกเล่นๆแบบนายกฯคลิปหลุดอีกไม่ได้ สงครามโลก สงครามใช้AIมาควบคุมทดแทนคนจริงอีก.

    ............................................................................

    เม็กซิโกออกคําสั่งให้ Bill Gates’ Biometric Digital ID พร้อมข้อมูล Iris และลายนิ้วมือสําหรับประชากรทั้งหมด

    5 สิงหาคม 2568

    เม็กซิโกได้บังคับใช้บัตรประจําตัวดิจิทัลไบโอเมตริกซ์อย่างเป็นทางการสําหรับพลเมืองทุกคน ซึ่งจะทําให้ระบบที่ Bill Gates และ World Economic Forum (WEF) ผลักดันมายาวนาน สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นข้อเสนอเพิ่มเติมโดยชนชั้นสูงระดับโลกในปัจจุบันคือกฎหมายของรัฐบาลกลาง ขณะนี้ชาวเม็กซิกันทุกคนจําเป็นต้องส่งข้อมูลใบหน้า ลายนิ้วมือ และม่านตาของตนไปยังแพลตฟอร์มข้อมูลประจําตัวดิจิทัลแบบรวมศูนย์ ไม่ว่าพวกเขาจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม

    การเปลี่ยนแปลง ลงนามในกฎหมาย ตามพระราชกฤษฎีกาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ให้เปลี่ยน CURP ที่เป็นทางเลือกก่อนหน้านี้ (Clave Única de Registro de Población) ให้เป็นเอกสารไบโอเมตริกซ์ภาคบังคับที่เชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มข้อมูลประจําตัวดิจิทัลแบบรวมศูนย์

    CURP ใหม่จะรวมภาพถ่ายใบหน้า ลายนิ้วมือ และข้อมูลม่านตาที่ฝังอยู่ในรหัส QR และจําเป็นสําหรับการเข้าถึงทุกสิ่งตั้งแต่บริการสาธารณะและการศึกษา ไปจนถึงการธนาคารและการจ้างงาน กฎหมายกําหนดให้มีการบูรณาการทั่วทั้งระบบภาครัฐและเอกชนภายในปี 2569 และการเปิดตัวจะเริ่มต้นด้วยการรวบรวมข้อมูลไบโอเมตริกซ์จํานวนมาก—รวมถึง Children—เริ่มปีนี้

    การยกเครื่องใหม่สะท้อนให้เห็นถึงพิมพ์เขียวของ WEF สําหรับโครงสร้างพื้นฐาน ID ดิจิทัลทั่วโลก เป็นเวลาหลายปีที่ฟอรัมได้ส่งเสริมระบบข้อมูลประจําตัวดิจิทัลให้เป็นเครื่องมือสําคัญ สําหรับผู้ที่มีความประสงค์ที่จะมีส่วนร่วมในสังคมต่อไป, โต้แย้งพวกเขามีความจําเป็นสําหรับการเข้าถึงบริการทางการเงิน, การดูแลสุขภาพ, การเดินทาง, และสิทธิพลเมือง

    ในเอกสารและแผง WEF รหัสดิจิทัลมักถูกวางกรอบว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาการรวมทางสังคม แต่ผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัวเตือนว่าระบบเหล่านี้ปูทางสําหรับการเฝ้าระวังประชากรและการควบคุมแบบรวมศูนย์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

    ประธานาธิบดีคลอเดีย ชีนบัม แห่งเม็กซิโกได้แสดงการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในเวทีระหว่างประเทศก่อนหน้านี้ และเจ้าหน้าที่หลายคนที่เกี่ยวข้องกับภาคเทคโนโลยีและการกํากับดูแลของเม็กซิโกก็มีความเชื่อมโยงกับโครงการริเริ่มของ WEF Digital Transformation Agency—ตอนนี้ดูแลการดําเนินการยกเครื่อง CURP—ได้นําภาษาและลําดับความสําคัญที่คล้ายกันมาใช้กับโปรแกรมการกํากับดูแลดิจิทัลของ WEF

    บิล เกตส์เป็นผู้เสนอกฎหมายเม็กซิโกคนสําคัญ ผู้ให้ทุนหลักและผู้สนับสนุนระบบอัตลักษณ์ไบโอเมตริกซ์ ในประเทศกําลังพัฒนาผ่านทางมูลนิธิ Bill & Melinda Gates และ Gavi, Vaccine Alliance— ซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ของ WEF มูลนิธิของเขายังสนับสนุน Modular Open Source Identity Platform (MOSIP) ซึ่งเป็นกรอบการทํางานโอเพ่นซอร์สสําหรับรหัสไบโอเมตริกซ์ที่กําลังถูกนํามาใช้ในบางส่วนของแอฟริกาและเอเชีย


    องค์กรความเป็นส่วนตัวในเม็กซิโกส่งเสียงเตือน กฎหมายใหม่ไม่ได้กําหนดให้เจ้าหน้าที่ต้องแจ้งให้ประชาชนทราบเมื่อมีการเข้าถึงข้อมูลไบโอเมตริกซ์ของตน และไม่ได้รวมบทลงโทษที่ชัดเจนสําหรับการใช้ในทางที่ผิดหรือการละเมิด กลุ่มสิทธิพลเมืองเตือนว่าระบบอาจถูกนําไปใช้ประโยชน์โดยหน่วยข่าวกรอง เจ้าหน้าที่ทุจริต หรือแม้แต่รัฐบาลต่างประเทศ เนื่องจากกฎหมายอนุญาตให้มีข้อตกลงการแบ่งปันข้อมูลที่อาจเกิดขึ้น— รวมถึงกับหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐอเมริกา

    ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า รัฐบาลจะสร้างแพลตฟอร์ม Unified Identity เพื่อรวมโปรไฟล์ไบโอเมตริกซ์ของ Citizens’ ไว้ในฐานข้อมูลต่างๆ รวมถึง National Registry of Missing and Unlocated Persons และ National Forensic Data Bank

    เจ้าหน้าที่กล่าวว่าระบบจะปรับปรุงความปลอดภัยสาธารณะและช่วยแก้ปัญหาการสูญหาย แต่นักวิจารณ์แย้งว่าโครงสร้างพื้นฐานกําลังถูกจัดเตรียมไว้สําหรับรัฐสอดแนมที่อาจกัดกร่อนเสรีภาพของพลเมืองภายใต้หน้ากากของความทันสมัย

    นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิถีดิจิทัลของเม็กซิโก แม้ว่าเป้าหมายที่ระบุไว้คือประสิทธิภาพการบริหารและความมั่นคงของชาติ แต่ความกังวลที่ลึกซึ้งกว่านั้นก็คือ ประเทศกําลังกลายเป็นประเทศล่าสุดที่ยอมจํานนต่อกลไกการควบคุมดิจิทัลระดับโลกที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้มีบทบาทข้ามชาติชั้นยอด



    ..ประเทศโยนหินถามทางด้วยภาษีปี70 จะใช้บังคับกับประชาชนที่ต้องยื่นแบบภาษีทุกๆคน มีเชื่อมโยงสุขภาพด้วยคือใช้ NIT บังหน้านั้นเอง กลัวประชาชนต่อต้านอย่างหนักเหมือน14ตุลาบ้าคลั่งได้ซึ่งต่างจากเม็กซิโกสิ้นเชิง ,ใจคนไทยเด็ดขาดกว่ามาก เช่นนั้นจะไม่ปรากฎการมีอยู่แบบทหารผีแห่งสยามเรา.,deep stateโลกกำลังบีบชาวโลกในแต่ละประเทศให้ทำตามระเบียบมัน รัฐสอดแนมสอดรู้สอดเห็นทุกๆคนในประเทศมัน,ส่องหมดหรือทั้งหมดต้องถูกมันส่องและส่องตลอดเวลาด้วย,อาจหนักกว่าสไตล์เกาหลีเหนือแคปหน้าจอมือถือประชาชนทุกๆ3-5นาทีโน้น,ไอ้นี้ควอนตัมอาจบันทึกทุกๆกิจกรรมธุรกรรมซึ่งสามารถตรวจสอบเรียลไทม์และตรวจสอบย้อนหลังทั้งหมดตั้งแต่ต้นก็ยังได้จนถึงปัจจุบัน.,มันจะกำจัดมนุษย์ลงเพื่อให้เหลือน้อยที่สุดนั้นเอง.,ยุคแห่งAIปกครองมนุษย์แทนคนก็ได้,มันจึงพยายามให้ขี้ข้าสมุนลูกน้องมันเอาaiเข้าไปใช้แทนคน ทดแทนคนจริงในบริษัทแล้ว ธนาคารบางเนมจ้างพนักงานออกแล้ว ถีบออกก่อนกำหนด เพื่อเอาAIมาใช้แทนคนจริงจังแล้วนั้นเองในการตอบสนองนายใหญ่deep stateมัน.,ผู้นำจึงสำคัญมากในยุคเปลี่ยนแปลงนี้ เลือกเล่นๆแบบนายกฯคลิปหลุดอีกไม่ได้ สงครามโลก สงครามใช้AIมาควบคุมทดแทนคนจริงอีก. ............................................................................ เม็กซิโกออกคําสั่งให้ Bill Gates’ Biometric Digital ID พร้อมข้อมูล Iris และลายนิ้วมือสําหรับประชากรทั้งหมด 5 สิงหาคม 2568 เม็กซิโกได้บังคับใช้บัตรประจําตัวดิจิทัลไบโอเมตริกซ์อย่างเป็นทางการสําหรับพลเมืองทุกคน ซึ่งจะทําให้ระบบที่ Bill Gates และ World Economic Forum (WEF) ผลักดันมายาวนาน สิ่งที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นข้อเสนอเพิ่มเติมโดยชนชั้นสูงระดับโลกในปัจจุบันคือกฎหมายของรัฐบาลกลาง ขณะนี้ชาวเม็กซิกันทุกคนจําเป็นต้องส่งข้อมูลใบหน้า ลายนิ้วมือ และม่านตาของตนไปยังแพลตฟอร์มข้อมูลประจําตัวดิจิทัลแบบรวมศูนย์ ไม่ว่าพวกเขาจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม การเปลี่ยนแปลง ลงนามในกฎหมาย ตามพระราชกฤษฎีกาเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ให้เปลี่ยน CURP ที่เป็นทางเลือกก่อนหน้านี้ (Clave Única de Registro de Población) ให้เป็นเอกสารไบโอเมตริกซ์ภาคบังคับที่เชื่อมโยงกับแพลตฟอร์มข้อมูลประจําตัวดิจิทัลแบบรวมศูนย์ CURP ใหม่จะรวมภาพถ่ายใบหน้า ลายนิ้วมือ และข้อมูลม่านตาที่ฝังอยู่ในรหัส QR และจําเป็นสําหรับการเข้าถึงทุกสิ่งตั้งแต่บริการสาธารณะและการศึกษา ไปจนถึงการธนาคารและการจ้างงาน กฎหมายกําหนดให้มีการบูรณาการทั่วทั้งระบบภาครัฐและเอกชนภายในปี 2569 และการเปิดตัวจะเริ่มต้นด้วยการรวบรวมข้อมูลไบโอเมตริกซ์จํานวนมาก—รวมถึง Children—เริ่มปีนี้ การยกเครื่องใหม่สะท้อนให้เห็นถึงพิมพ์เขียวของ WEF สําหรับโครงสร้างพื้นฐาน ID ดิจิทัลทั่วโลก เป็นเวลาหลายปีที่ฟอรัมได้ส่งเสริมระบบข้อมูลประจําตัวดิจิทัลให้เป็นเครื่องมือสําคัญ สําหรับผู้ที่มีความประสงค์ที่จะมีส่วนร่วมในสังคมต่อไป, โต้แย้งพวกเขามีความจําเป็นสําหรับการเข้าถึงบริการทางการเงิน, การดูแลสุขภาพ, การเดินทาง, และสิทธิพลเมือง ในเอกสารและแผง WEF รหัสดิจิทัลมักถูกวางกรอบว่าเป็นวิธีแก้ปัญหาการรวมทางสังคม แต่ผู้สนับสนุนความเป็นส่วนตัวเตือนว่าระบบเหล่านี้ปูทางสําหรับการเฝ้าระวังประชากรและการควบคุมแบบรวมศูนย์อย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน ประธานาธิบดีคลอเดีย ชีนบัม แห่งเม็กซิโกได้แสดงการสนับสนุนการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลในเวทีระหว่างประเทศก่อนหน้านี้ และเจ้าหน้าที่หลายคนที่เกี่ยวข้องกับภาคเทคโนโลยีและการกํากับดูแลของเม็กซิโกก็มีความเชื่อมโยงกับโครงการริเริ่มของ WEF Digital Transformation Agency—ตอนนี้ดูแลการดําเนินการยกเครื่อง CURP—ได้นําภาษาและลําดับความสําคัญที่คล้ายกันมาใช้กับโปรแกรมการกํากับดูแลดิจิทัลของ WEF บิล เกตส์เป็นผู้เสนอกฎหมายเม็กซิโกคนสําคัญ ผู้ให้ทุนหลักและผู้สนับสนุนระบบอัตลักษณ์ไบโอเมตริกซ์ ในประเทศกําลังพัฒนาผ่านทางมูลนิธิ Bill & Melinda Gates และ Gavi, Vaccine Alliance— ซึ่งเป็นพันธมิตรเก่าแก่ของ WEF มูลนิธิของเขายังสนับสนุน Modular Open Source Identity Platform (MOSIP) ซึ่งเป็นกรอบการทํางานโอเพ่นซอร์สสําหรับรหัสไบโอเมตริกซ์ที่กําลังถูกนํามาใช้ในบางส่วนของแอฟริกาและเอเชีย องค์กรความเป็นส่วนตัวในเม็กซิโกส่งเสียงเตือน กฎหมายใหม่ไม่ได้กําหนดให้เจ้าหน้าที่ต้องแจ้งให้ประชาชนทราบเมื่อมีการเข้าถึงข้อมูลไบโอเมตริกซ์ของตน และไม่ได้รวมบทลงโทษที่ชัดเจนสําหรับการใช้ในทางที่ผิดหรือการละเมิด กลุ่มสิทธิพลเมืองเตือนว่าระบบอาจถูกนําไปใช้ประโยชน์โดยหน่วยข่าวกรอง เจ้าหน้าที่ทุจริต หรือแม้แต่รัฐบาลต่างประเทศ เนื่องจากกฎหมายอนุญาตให้มีข้อตกลงการแบ่งปันข้อมูลที่อาจเกิดขึ้น— รวมถึงกับหน่วยงานตรวจคนเข้าเมืองและหน่วยงานบังคับใช้กฎหมายของสหรัฐอเมริกา ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า รัฐบาลจะสร้างแพลตฟอร์ม Unified Identity เพื่อรวมโปรไฟล์ไบโอเมตริกซ์ของ Citizens’ ไว้ในฐานข้อมูลต่างๆ รวมถึง National Registry of Missing and Unlocated Persons และ National Forensic Data Bank เจ้าหน้าที่กล่าวว่าระบบจะปรับปรุงความปลอดภัยสาธารณะและช่วยแก้ปัญหาการสูญหาย แต่นักวิจารณ์แย้งว่าโครงสร้างพื้นฐานกําลังถูกจัดเตรียมไว้สําหรับรัฐสอดแนมที่อาจกัดกร่อนเสรีภาพของพลเมืองภายใต้หน้ากากของความทันสมัย นี่เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในวิถีดิจิทัลของเม็กซิโก แม้ว่าเป้าหมายที่ระบุไว้คือประสิทธิภาพการบริหารและความมั่นคงของชาติ แต่ความกังวลที่ลึกซึ้งกว่านั้นก็คือ ประเทศกําลังกลายเป็นประเทศล่าสุดที่ยอมจํานนต่อกลไกการควบคุมดิจิทัลระดับโลกที่ได้รับการสนับสนุนจากผู้มีบทบาทข้ามชาติชั้นยอด
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 19 มุมมอง 0 รีวิว
  • รวมพลังปกป้องน่านฟ้า! ผบ.ทอ.เผยโครงการ “Peace Burapha” ต้อนรับ Gripen E/F เสริมเขี้ยวเล็บฝูงบิน 102 โคราช ย้ำคำขวัญ "เราจะหยุดไพรีที่ห้าวหาญ"
    https://www.thai-tai.tv/news/21121/
    .
    #GripenEF #กองทัพอากาศ #ฝูงบิน102 #PeaceBurapha #Gripen #ไทยไท
    รวมพลังปกป้องน่านฟ้า! ผบ.ทอ.เผยโครงการ “Peace Burapha” ต้อนรับ Gripen E/F เสริมเขี้ยวเล็บฝูงบิน 102 โคราช ย้ำคำขวัญ "เราจะหยุดไพรีที่ห้าวหาญ" https://www.thai-tai.tv/news/21121/ . #GripenEF #กองทัพอากาศ #ฝูงบิน102 #PeaceBurapha #Gripen #ไทยไท
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 17 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อ DNS กลายเป็นเครื่องมือบิดเบือนความจริง – การบล็อกเว็บในเยอรมนีที่ไม่โปร่งใส

    ในปี 2024 เด็กสาววัย 17 ปีชื่อ Lina ได้เปิดเว็บไซต์ cuiiliste.de เพื่อรวบรวมรายชื่อโดเมนที่ถูกบล็อกโดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในเยอรมนี ซึ่งเป็นสมาชิกของ CUII – กลุ่มเอกชนที่รวม ISP และเจ้าของลิขสิทธิ์เพื่อจัดการกับเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์

    ก่อนหน้านั้น เมื่อผู้ใช้พยายามเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกบล็อก DNS จะตอบกลับด้วย CNAME ที่ชี้ไปยัง notice.cuii.info ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเว็บไซต์นั้นถูกบล็อกด้วยเหตุผลด้านลิขสิทธิ์

    แต่หลังจาก Lina เปิดเผยข้อมูล ผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น Telekom, Vodafone, 1&1 และ Telefónica (O2) เปลี่ยนวิธีตอบกลับ DNS เป็น NXDOMAIN ซึ่งหมายความว่า “ไม่มีเว็บไซต์นี้อยู่จริง” แทนที่จะบอกว่า “ถูกบล็อก” ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปไม่สามารถรู้ได้ว่าเว็บไซต์ถูกบล็อกหรือแค่พิมพ์ผิด

    Telekom อ้างว่าเป็นการเปลี่ยนชั่วคราวเพื่อเตรียมหน้า landing page ส่วน 1&1 ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวกับการเปิดเผยของ Lina ขณะที่ O2 เป็นรายเดียวที่ยังคงแสดงการบล็อกอย่างโปร่งใส

    ในปี 2025 CUII ประกาศว่าจะเริ่มให้ศาลตรวจสอบคำขอบล็อกเว็บไซต์ทุกกรณี เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและความชอบธรรมทางกฎหมาย แต่ก็ยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อเว็บไซต์ที่ถูกบล็อกอย่างเป็นทางการ

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    CUII เป็นกลุ่มเอกชนที่รวม ISP และเจ้าของลิขสิทธิ์เพื่อบล็อกเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์
    ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในเยอรมนีเคยตอบ DNS ด้วย CNAME ที่ชี้ไปยัง notice.cuii.info
    หลังการเปิดเผยของ Lina ผู้ให้บริการเปลี่ยนเป็น NXDOMAIN เพื่อปกปิดการบล็อก
    Lina เปิดเว็บไซต์ cuiiliste.de เพื่อรวบรวมโดเมนที่ถูกบล็อกโดย CUII
    Telekom, Vodafone, และ 1&1 เปลี่ยนวิธีตอบ DNS ภายในไม่กี่สัปดาห์หลังการเปิดเผย
    Telefónica (O2) เป็นรายเดียวที่ยังคงแสดงการบล็อกอย่างโปร่งใส
    CUII ประกาศในปี 2025 ว่าจะให้ศาลตรวจสอบคำขอบล็อกทุกกรณี
    เว็บไซต์ที่ถูกบล็อกส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์, เพลง, เกม, และหนังสือ
    Sci-Hub ถูกบล็อก แม้จะมีเนื้อหาวิชาการแบบ open access รวมอยู่ด้วย
    การบล็อกเว็บไซต์ทำผ่าน DNS ซึ่งผู้ใช้ทั่วไปไม่สามารถตรวจสอบได้ง่าย

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    NXDOMAIN เป็นการตอบกลับ DNS ที่หมายถึง “ไม่มีโดเมนนี้อยู่จริง”
    การใช้ NXDOMAIN แทนการแจ้งว่า “ถูกบล็อก” ทำให้เกิดความไม่โปร่งใส
    DNS เป็นระบบพื้นฐานของอินเทอร์เน็ต การบิดเบือนข้อมูลในระดับนี้ส่งผลต่อความเชื่อถือ
    การบล็อกผ่าน DNS ต่างจากการบล็อกผ่าน IP หรือ URL ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ง่ายกว่า
    การให้ศาลตรวจสอบคำขอบล็อกเป็นแนวทางที่เพิ่มความชอบธรรม แต่ยังขาดการเปิดเผยต่อสาธารณะ

    https://lina.sh/blog/telefonica-sabotages-me
    🎙️ เมื่อ DNS กลายเป็นเครื่องมือบิดเบือนความจริง – การบล็อกเว็บในเยอรมนีที่ไม่โปร่งใส ในปี 2024 เด็กสาววัย 17 ปีชื่อ Lina ได้เปิดเว็บไซต์ cuiiliste.de เพื่อรวบรวมรายชื่อโดเมนที่ถูกบล็อกโดยผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในเยอรมนี ซึ่งเป็นสมาชิกของ CUII – กลุ่มเอกชนที่รวม ISP และเจ้าของลิขสิทธิ์เพื่อจัดการกับเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ ก่อนหน้านั้น เมื่อผู้ใช้พยายามเข้าถึงเว็บไซต์ที่ถูกบล็อก DNS จะตอบกลับด้วย CNAME ที่ชี้ไปยัง notice.cuii.info ซึ่งแสดงให้เห็นชัดเจนว่าเว็บไซต์นั้นถูกบล็อกด้วยเหตุผลด้านลิขสิทธิ์ แต่หลังจาก Lina เปิดเผยข้อมูล ผู้ให้บริการรายใหญ่ เช่น Telekom, Vodafone, 1&1 และ Telefónica (O2) เปลี่ยนวิธีตอบกลับ DNS เป็น NXDOMAIN ซึ่งหมายความว่า “ไม่มีเว็บไซต์นี้อยู่จริง” แทนที่จะบอกว่า “ถูกบล็อก” ทำให้ผู้ใช้ทั่วไปไม่สามารถรู้ได้ว่าเว็บไซต์ถูกบล็อกหรือแค่พิมพ์ผิด Telekom อ้างว่าเป็นการเปลี่ยนชั่วคราวเพื่อเตรียมหน้า landing page ส่วน 1&1 ปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวกับการเปิดเผยของ Lina ขณะที่ O2 เป็นรายเดียวที่ยังคงแสดงการบล็อกอย่างโปร่งใส ในปี 2025 CUII ประกาศว่าจะเริ่มให้ศาลตรวจสอบคำขอบล็อกเว็บไซต์ทุกกรณี เพื่อเพิ่มความโปร่งใสและความชอบธรรมทางกฎหมาย แต่ก็ยังไม่มีการเปิดเผยรายชื่อเว็บไซต์ที่ถูกบล็อกอย่างเป็นทางการ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ CUII เป็นกลุ่มเอกชนที่รวม ISP และเจ้าของลิขสิทธิ์เพื่อบล็อกเว็บไซต์ละเมิดลิขสิทธิ์ ➡️ ผู้ให้บริการอินเทอร์เน็ตในเยอรมนีเคยตอบ DNS ด้วย CNAME ที่ชี้ไปยัง notice.cuii.info ➡️ หลังการเปิดเผยของ Lina ผู้ให้บริการเปลี่ยนเป็น NXDOMAIN เพื่อปกปิดการบล็อก ➡️ Lina เปิดเว็บไซต์ cuiiliste.de เพื่อรวบรวมโดเมนที่ถูกบล็อกโดย CUII ➡️ Telekom, Vodafone, และ 1&1 เปลี่ยนวิธีตอบ DNS ภายในไม่กี่สัปดาห์หลังการเปิดเผย ➡️ Telefónica (O2) เป็นรายเดียวที่ยังคงแสดงการบล็อกอย่างโปร่งใส ➡️ CUII ประกาศในปี 2025 ว่าจะให้ศาลตรวจสอบคำขอบล็อกทุกกรณี ➡️ เว็บไซต์ที่ถูกบล็อกส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับภาพยนตร์, เพลง, เกม, และหนังสือ ➡️ Sci-Hub ถูกบล็อก แม้จะมีเนื้อหาวิชาการแบบ open access รวมอยู่ด้วย ➡️ การบล็อกเว็บไซต์ทำผ่าน DNS ซึ่งผู้ใช้ทั่วไปไม่สามารถตรวจสอบได้ง่าย ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ NXDOMAIN เป็นการตอบกลับ DNS ที่หมายถึง “ไม่มีโดเมนนี้อยู่จริง” ➡️ การใช้ NXDOMAIN แทนการแจ้งว่า “ถูกบล็อก” ทำให้เกิดความไม่โปร่งใส ➡️ DNS เป็นระบบพื้นฐานของอินเทอร์เน็ต การบิดเบือนข้อมูลในระดับนี้ส่งผลต่อความเชื่อถือ ➡️ การบล็อกผ่าน DNS ต่างจากการบล็อกผ่าน IP หรือ URL ซึ่งสามารถตรวจสอบได้ง่ายกว่า ➡️ การให้ศาลตรวจสอบคำขอบล็อกเป็นแนวทางที่เพิ่มความชอบธรรม แต่ยังขาดการเปิดเผยต่อสาธารณะ https://lina.sh/blog/telefonica-sabotages-me
    LINA.SH
    A German ISP tampered with their DNS - specifically to sabotage my website
    One of Germany's biggest ISPs changed how their DNS works, right after I exposed an organization that they’re part of.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 27 มุมมอง 0 รีวิว
  • พิษพายุวิภา ยังหลอนไม่หาย “คาจิกิ” จ่อถล่มน่านหนักซ้ำ ผู้ว่าฯสั่งตั้งวอร์รูมรับมือแล้ว..ชาวบ้านหวาดผวา เฝ้าติดตามข่าวสารกันทุกช่องทาง พร้อมกับเร่งขนย้ายข้าวของขึ้นที่สูง-ห่อคลุมกันน้ำท่วมสุดฤทธิ์ ขณะที่ รพ.น่าน ต้องประสานทหารช่วยย้ายอุปกรณ์การแพทย์กันวุ่น

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000080653

    #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    พิษพายุวิภา ยังหลอนไม่หาย “คาจิกิ” จ่อถล่มน่านหนักซ้ำ ผู้ว่าฯสั่งตั้งวอร์รูมรับมือแล้ว..ชาวบ้านหวาดผวา เฝ้าติดตามข่าวสารกันทุกช่องทาง พร้อมกับเร่งขนย้ายข้าวของขึ้นที่สูง-ห่อคลุมกันน้ำท่วมสุดฤทธิ์ ขณะที่ รพ.น่าน ต้องประสานทหารช่วยย้ายอุปกรณ์การแพทย์กันวุ่น อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000080653 #News1live #News1 #Sondhitalk #SondhiX #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Like
    Sad
    2
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 268 มุมมอง 0 รีวิว
  • Siri จะฉลาดขึ้นด้วย Gemini จาก Google?

    Apple กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของยุค AI หลังจากที่ Siri ซึ่งเคยเป็นผู้บุกเบิกด้านผู้ช่วยเสียง กลับกลายเป็นผู้ตามในยุคที่ Google Assistant และ Alexa พัฒนาไปไกลกว่าเดิมมาก

    ล่าสุดมีรายงานว่า Apple กำลังเจรจากับ Google เพื่อใช้ Gemini ซึ่งเป็นโมเดล AI แบบมัลติโหมดที่ล้ำสมัยที่สุดของ Google มาเป็น “สมองใหม่” ให้กับ Siri โดยอาจเปิดตัวในปี 2026 พร้อมกับ iOS 26

    เดิมที Apple ตั้งใจจะใช้โมเดลของตัวเองภายใต้ชื่อ Apple Intelligence แต่หลังจากพบข้อจำกัดด้านคุณภาพและความล่าช้าในการพัฒนา จึงเริ่มเปิดรับแนวคิดจากภายนอก โดยก่อนหน้านี้ก็เคยเจรจากับ OpenAI และ Anthropic แต่ไม่สามารถตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายได้

    หาก Apple ตัดสินใจใช้ Gemini จริง จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในยุทธศาสตร์ AI ของบริษัท และอาจเป็นครั้งแรกที่ Siri ได้รับการยกระดับให้เข้าใจภาษาธรรมชาติได้ลึกซึ้งขึ้น ตอบคำถามซับซ้อนได้ดีขึ้น และรองรับการใช้งานแบบมัลติโหมด เช่น ข้อความ รูปภาพ เสียง และวิดีโอ

    แม้จะยังไม่มีการตัดสินใจอย่างเป็นทางการ แต่การที่ Apple เปิดใจรับเทคโนโลยีจากคู่แข่งอย่าง Google ก็สะท้อนถึงความจริงที่ว่า “การตามให้ทัน” ในยุค AI ต้องอาศัยความร่วมมือมากกว่าการแข่งขันเพียงอย่างเดียว

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Apple กำลังเจรจากับ Google เพื่อใช้ Gemini AI ในการยกระดับ Siri
    การเจรจาอยู่ในขั้นต้น และยังไม่มีการตัดสินใจอย่างเป็นทางการ
    เดิม Apple ตั้งใจใช้โมเดลของตัวเองใน Apple Intelligence แต่พบข้อจำกัดด้านคุณภาพ
    เคยเจรจากับ Anthropic และ OpenAI แต่ไม่สามารถตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายได้
    หากใช้ Gemini จริง จะเป็นการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ AI ของ Apple
    Siri รุ่นใหม่อาจเปิดตัวในฤดูใบไม้ผลิปี 2026 พร้อม iOS 26
    Gemini เป็นโมเดลมัลติโหมดที่รองรับข้อความ รูปภาพ เสียง และวิดีโอ
    Apple จะใช้ Gemini บนเซิร์ฟเวอร์ของตัวเองเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว
    หุ้นของ Alphabet และ Apple เพิ่มขึ้นหลังมีข่าวการเจรจา

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Gemini เป็นโมเดลที่ใช้ใน Android และ Samsung แล้วในหลายฟีเจอร์
    Apple กำลังทดสอบโมเดลภายในที่มีพารามิเตอร์ระดับ “ล้านล้าน” เพื่อแข่งกับคู่แข่ง
    Siri รุ่นใหม่จะมีสองเวอร์ชัน: แบบใช้โมเดลของ Apple และแบบใช้โมเดลภายนอก
    Apple มีประวัติความร่วมมือกับ Google เช่น การใช้ Google เป็น search engine ใน Safari
    หากใช้ Gemini จริง Siri อาจเข้าใจบริบทซับซ้อนและตอบโต้ได้ใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้น

    https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/report-apple-considers-squeezing-gemini-into-the-siri-brain
    🎙️ Siri จะฉลาดขึ้นด้วย Gemini จาก Google? Apple กำลังอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของยุค AI หลังจากที่ Siri ซึ่งเคยเป็นผู้บุกเบิกด้านผู้ช่วยเสียง กลับกลายเป็นผู้ตามในยุคที่ Google Assistant และ Alexa พัฒนาไปไกลกว่าเดิมมาก ล่าสุดมีรายงานว่า Apple กำลังเจรจากับ Google เพื่อใช้ Gemini ซึ่งเป็นโมเดล AI แบบมัลติโหมดที่ล้ำสมัยที่สุดของ Google มาเป็น “สมองใหม่” ให้กับ Siri โดยอาจเปิดตัวในปี 2026 พร้อมกับ iOS 26 เดิมที Apple ตั้งใจจะใช้โมเดลของตัวเองภายใต้ชื่อ Apple Intelligence แต่หลังจากพบข้อจำกัดด้านคุณภาพและความล่าช้าในการพัฒนา จึงเริ่มเปิดรับแนวคิดจากภายนอก โดยก่อนหน้านี้ก็เคยเจรจากับ OpenAI และ Anthropic แต่ไม่สามารถตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายได้ หาก Apple ตัดสินใจใช้ Gemini จริง จะเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในยุทธศาสตร์ AI ของบริษัท และอาจเป็นครั้งแรกที่ Siri ได้รับการยกระดับให้เข้าใจภาษาธรรมชาติได้ลึกซึ้งขึ้น ตอบคำถามซับซ้อนได้ดีขึ้น และรองรับการใช้งานแบบมัลติโหมด เช่น ข้อความ รูปภาพ เสียง และวิดีโอ แม้จะยังไม่มีการตัดสินใจอย่างเป็นทางการ แต่การที่ Apple เปิดใจรับเทคโนโลยีจากคู่แข่งอย่าง Google ก็สะท้อนถึงความจริงที่ว่า “การตามให้ทัน” ในยุค AI ต้องอาศัยความร่วมมือมากกว่าการแข่งขันเพียงอย่างเดียว 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Apple กำลังเจรจากับ Google เพื่อใช้ Gemini AI ในการยกระดับ Siri ➡️ การเจรจาอยู่ในขั้นต้น และยังไม่มีการตัดสินใจอย่างเป็นทางการ ➡️ เดิม Apple ตั้งใจใช้โมเดลของตัวเองใน Apple Intelligence แต่พบข้อจำกัดด้านคุณภาพ ➡️ เคยเจรจากับ Anthropic และ OpenAI แต่ไม่สามารถตกลงเรื่องค่าใช้จ่ายได้ ➡️ หากใช้ Gemini จริง จะเป็นการเปลี่ยนแปลงยุทธศาสตร์ AI ของ Apple ➡️ Siri รุ่นใหม่อาจเปิดตัวในฤดูใบไม้ผลิปี 2026 พร้อม iOS 26 ➡️ Gemini เป็นโมเดลมัลติโหมดที่รองรับข้อความ รูปภาพ เสียง และวิดีโอ ➡️ Apple จะใช้ Gemini บนเซิร์ฟเวอร์ของตัวเองเพื่อรักษาความเป็นส่วนตัว ➡️ หุ้นของ Alphabet และ Apple เพิ่มขึ้นหลังมีข่าวการเจรจา ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Gemini เป็นโมเดลที่ใช้ใน Android และ Samsung แล้วในหลายฟีเจอร์ ➡️ Apple กำลังทดสอบโมเดลภายในที่มีพารามิเตอร์ระดับ “ล้านล้าน” เพื่อแข่งกับคู่แข่ง ➡️ Siri รุ่นใหม่จะมีสองเวอร์ชัน: แบบใช้โมเดลของ Apple และแบบใช้โมเดลภายนอก ➡️ Apple มีประวัติความร่วมมือกับ Google เช่น การใช้ Google เป็น search engine ใน Safari ➡️ หากใช้ Gemini จริง Siri อาจเข้าใจบริบทซับซ้อนและตอบโต้ได้ใกล้เคียงมนุษย์มากขึ้น https://www.techradar.com/ai-platforms-assistants/report-apple-considers-squeezing-gemini-into-the-siri-brain
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 128 มุมมอง 0 รีวิว
  • Arch Linux กับการโจมตีที่ไม่รู้ว่าใครทำ และไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่

    ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา Arch Linux ซึ่งเป็นหนึ่งในดิสโทรยอดนิยมของสายลินุกซ์ขั้นสูง ถูกโจมตีด้วย DDoS อย่างต่อเนื่อง โดยเป้าหมายหลักคือเว็บไซต์หลัก, Arch User Repository (AUR), และฟอรัมของชุมชน

    การโจมตีนี้ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงบริการพื้นฐาน เช่น การดาวน์โหลดแพ็กเกจ, การอัปเดตระบบ, หรือแม้แต่การติดตั้ง ISO ใหม่ได้อย่างราบรื่น ทีมงานของ Arch ซึ่งเป็นกลุ่มอาสาสมัคร กำลังทำงานร่วมกับผู้ให้บริการโฮสติ้งเพื่อบรรเทาผลกระทบ และกำลังพิจารณาผู้ให้บริการ DDoS protection โดยคำนึงถึงต้นทุน ความปลอดภัย และจริยธรรม

    แม้จะมีข้อเสนอจาก Cloudflare ซึ่งเคยช่วยโครงการโอเพ่นซอร์สอื่น ๆ มาก่อน แต่ Arch ยังไม่ตอบรับอย่างเป็นทางการ อาจเพราะแนวคิดเรื่องความเป็นอิสระและโอเพ่นซอร์สที่ฝังลึกในโครงการนี้

    ที่น่าสนใจคือ Arch Linux ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากการเป็นฐานของ SteamOS บน Steam Deck ซึ่งทำให้มีผู้ใช้ใหม่จำนวนมาก และอาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้กลุ่มโจมตีเล็งเป้าไปที่โครงการนี้

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Arch Linux ถูกโจมตีด้วย DDoS ต่อเนื่องนานกว่า 2 สัปดาห์
    บริการที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ เว็บไซต์หลัก, AUR, และฟอรัมของชุมชน
    ทีมงานกำลังทำงานร่วมกับผู้ให้บริการโฮสติ้งเพื่อบรรเทาผลกระทบ
    กำลังพิจารณาผู้ให้บริการ DDoS protection โดยคำนึงถึงจริยธรรมและต้นทุน
    มีการอัปเดตสถานะบริการผ่านหน้า status page ของ Arch Linux
    Arch Linux เป็นฐานของ SteamOS บน Steam Deck ซึ่งเพิ่มความนิยมในช่วงหลัง
    ผู้ใช้สามารถใช้ mirror list ใน pacman-mirrorlist แทน reflector หากระบบหลักล่ม
    AUR ยังสามารถเข้าถึงผ่าน GitHub mirror โดยใช้คำสั่ง git clone
    Arch Linux ก่อตั้งในปี 2002 โดย Judd Vinet ตามหลัก KISS (Keep It Simple, Stupid)
    ทีมงานขอบคุณชุมชนที่อดทนและให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Arch Linux เคยเผชิญปัญหา malware ใน AUR มาก่อนหน้านี้ในช่วงฤดูร้อน
    การโจมตี DDoS แบบ sustained แม้ไม่รุนแรงมากก็สร้างความเสียหายได้มาก
    Cloudflare เสนอช่วยเหลือ แต่ Arch ยังไม่ตอบรับ อาจเพราะแนวคิดเรื่องโอเพ่นซอร์ส
    ArchWiki เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตี
    Arch Linux มีผู้ใช้ที่ภักดีและนิยมในกลุ่มผู้ใช้ระดับกลางถึงขั้นสูง

    https://www.tomshardware.com/software/linux/arch-linux-continues-to-feel-the-force-of-a-ddos-attack-after-two-brutal-weeks-attackers-yet-to-be-identified-as-project-struggles-to-restore-full-service
    🎙️ Arch Linux กับการโจมตีที่ไม่รู้ว่าใครทำ และไม่รู้ว่าจะจบเมื่อไหร่ ในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมา Arch Linux ซึ่งเป็นหนึ่งในดิสโทรยอดนิยมของสายลินุกซ์ขั้นสูง ถูกโจมตีด้วย DDoS อย่างต่อเนื่อง โดยเป้าหมายหลักคือเว็บไซต์หลัก, Arch User Repository (AUR), และฟอรัมของชุมชน การโจมตีนี้ทำให้ผู้ใช้จำนวนมากไม่สามารถเข้าถึงบริการพื้นฐาน เช่น การดาวน์โหลดแพ็กเกจ, การอัปเดตระบบ, หรือแม้แต่การติดตั้ง ISO ใหม่ได้อย่างราบรื่น ทีมงานของ Arch ซึ่งเป็นกลุ่มอาสาสมัคร กำลังทำงานร่วมกับผู้ให้บริการโฮสติ้งเพื่อบรรเทาผลกระทบ และกำลังพิจารณาผู้ให้บริการ DDoS protection โดยคำนึงถึงต้นทุน ความปลอดภัย และจริยธรรม แม้จะมีข้อเสนอจาก Cloudflare ซึ่งเคยช่วยโครงการโอเพ่นซอร์สอื่น ๆ มาก่อน แต่ Arch ยังไม่ตอบรับอย่างเป็นทางการ อาจเพราะแนวคิดเรื่องความเป็นอิสระและโอเพ่นซอร์สที่ฝังลึกในโครงการนี้ ที่น่าสนใจคือ Arch Linux ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นจากการเป็นฐานของ SteamOS บน Steam Deck ซึ่งทำให้มีผู้ใช้ใหม่จำนวนมาก และอาจเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้กลุ่มโจมตีเล็งเป้าไปที่โครงการนี้ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Arch Linux ถูกโจมตีด้วย DDoS ต่อเนื่องนานกว่า 2 สัปดาห์ ➡️ บริการที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ เว็บไซต์หลัก, AUR, และฟอรัมของชุมชน ➡️ ทีมงานกำลังทำงานร่วมกับผู้ให้บริการโฮสติ้งเพื่อบรรเทาผลกระทบ ➡️ กำลังพิจารณาผู้ให้บริการ DDoS protection โดยคำนึงถึงจริยธรรมและต้นทุน ➡️ มีการอัปเดตสถานะบริการผ่านหน้า status page ของ Arch Linux ➡️ Arch Linux เป็นฐานของ SteamOS บน Steam Deck ซึ่งเพิ่มความนิยมในช่วงหลัง ➡️ ผู้ใช้สามารถใช้ mirror list ใน pacman-mirrorlist แทน reflector หากระบบหลักล่ม ➡️ AUR ยังสามารถเข้าถึงผ่าน GitHub mirror โดยใช้คำสั่ง git clone ➡️ Arch Linux ก่อตั้งในปี 2002 โดย Judd Vinet ตามหลัก KISS (Keep It Simple, Stupid) ➡️ ทีมงานขอบคุณชุมชนที่อดทนและให้การสนับสนุนอย่างต่อเนื่อง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Arch Linux เคยเผชิญปัญหา malware ใน AUR มาก่อนหน้านี้ในช่วงฤดูร้อน ➡️ การโจมตี DDoS แบบ sustained แม้ไม่รุนแรงมากก็สร้างความเสียหายได้มาก ➡️ Cloudflare เสนอช่วยเหลือ แต่ Arch ยังไม่ตอบรับ อาจเพราะแนวคิดเรื่องโอเพ่นซอร์ส ➡️ ArchWiki เป็นแหล่งข้อมูลสำคัญที่ได้รับผลกระทบจากการโจมตี ➡️ Arch Linux มีผู้ใช้ที่ภักดีและนิยมในกลุ่มผู้ใช้ระดับกลางถึงขั้นสูง https://www.tomshardware.com/software/linux/arch-linux-continues-to-feel-the-force-of-a-ddos-attack-after-two-brutal-weeks-attackers-yet-to-be-identified-as-project-struggles-to-restore-full-service
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 103 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อเบอร์ลินเสนอขอ “ดูแล” Chrome – และอาจเปลี่ยนเบราว์เซอร์ให้กลายเป็นเครื่องมือสีเขียว

    ในวันที่ 21 สิงหาคม 2025 Ecosia บริษัทไม่แสวงหากำไรจากเยอรมนีที่รู้จักกันดีในฐานะเสิร์ชเอนจินสายสิ่งแวดล้อม ได้เสนอแนวคิดที่ไม่ธรรมดา: ขอรับหน้าที่ดูแล Google Chrome เป็นเวลา 10 ปี โดยไม่ขอซื้อ แต่ขอ “บริหารจัดการ” แทน

    ข้อเสนอของ Ecosia คือให้ Google แยก Chrome ออกเป็นมูลนิธิที่ยังคงถือสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาไว้ แต่ให้ Ecosia รับผิดชอบการดำเนินงานทั้งหมด โดย Ecosiaจะนำกำไรจาก Chrome ประมาณ 60% ไปลงทุนในโครงการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การปลูกป่า การพัฒนา AI สีเขียว และการฟ้องร้องผู้ก่อมลพิษ ส่วนอีก 40% จะคืนให้ Google เป็นค่าตอบแทน

    ข้อเสนอนี้เกิดขึ้นในช่วงที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังพิจารณาให้ Google แยก Chrome ออกจากธุรกิจหลัก หลังจากถูกตัดสินว่าผูกขาดตลาดค้นหา Ecosiaจึงเสนอแนวทางที่ไม่ใช่การขาย แต่เป็นการดูแลแบบมีเป้าหมายเพื่อสาธารณะ

    ก่อนหน้านี้ Perplexity AI เคยเสนอซื้อ Chrome ด้วยเงินสด $34.5 พันล้าน แม้จะมีมูลค่าต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ แต่ก็สะท้อนถึงความสนใจใน Chrome ที่มีผู้ใช้งานหลายพันล้านคนทั่วโลก

    แม้ข้อเสนอของ Ecosia จะดู “ฟรี” แต่พวกเขาคาดว่า Chrome จะสร้างรายได้ถึง $1 ล้านล้านใน 10 ปี ซึ่งหมายความว่า Ecosia จะบริหารเงินกว่า $600 พันล้านเพื่อสิ่งแวดล้อม และ Google จะได้รับคืน $400 พันล้าน โดยไม่ต้องบริหารเอง

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Ecosia เสนอรับหน้าที่ดูแล Google Chrome เป็นเวลา 10 ปี โดยไม่ขอซื้อ
    Google จะยังคงถือสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาและสามารถเป็น search engine เริ่มต้นได้
    Ecosia จะนำกำไร 60% ไปลงทุนในโครงการสิ่งแวดล้อม และคืน 40% ให้ Google
    ข้อเสนอเกิดขึ้นหลัง DOJ สหรัฐฯ พิจารณาให้ Google แยก Chrome ออกจากธุรกิจหลัก
    Ecosia คาดว่า Chrome จะสร้างรายได้ $1 ล้านล้านใน 10 ปี
    โครงการสิ่งแวดล้อมที่เสนอรวมถึงการปลูกป่า, พัฒนา AI สีเขียว และฟ้องร้องผู้ก่อมลพิษ
    Google ยังไม่ตอบรับหรือปฏิเสธข้อเสนออย่างเป็นทางการ
    Ecosia มีความสัมพันธ์กับ Google อยู่แล้วผ่านการใช้ search engine และ revenue sharing
    ข้อเสนอของ Ecosia ถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ แต่เน้นผลประโยชน์สาธารณะ
    หากครบ 10 ปี อาจมีการเปลี่ยนผู้ดูแลหรือทบทวนใหม่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Perplexity AI เคยเสนอซื้อ Chrome ด้วยเงินสด $34.5 พันล้าน แม้จะต่ำกว่าคาด
    OpenAI ก็แสดงความสนใจในการซื้อ Chrome หากมีการเปิดขาย
    Ecosia ก่อตั้งในปี 2009 และลงทุนในโครงการสิ่งแวดล้อมในกว่า 35 ประเทศ
    นักวิเคราะห์คาดว่า Chrome อาจมีมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์หากเปิดประมูล
    การเปลี่ยน Chrome เป็นมูลนิธิอาจช่วยลดแรงกดดันด้านกฎหมายต่อตัว Google

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/21/germany039s-ecosia-proposes-stewardship-to-run-google-chrome
    🎙️ เมื่อเบอร์ลินเสนอขอ “ดูแล” Chrome – และอาจเปลี่ยนเบราว์เซอร์ให้กลายเป็นเครื่องมือสีเขียว ในวันที่ 21 สิงหาคม 2025 Ecosia บริษัทไม่แสวงหากำไรจากเยอรมนีที่รู้จักกันดีในฐานะเสิร์ชเอนจินสายสิ่งแวดล้อม ได้เสนอแนวคิดที่ไม่ธรรมดา: ขอรับหน้าที่ดูแล Google Chrome เป็นเวลา 10 ปี โดยไม่ขอซื้อ แต่ขอ “บริหารจัดการ” แทน ข้อเสนอของ Ecosia คือให้ Google แยก Chrome ออกเป็นมูลนิธิที่ยังคงถือสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาไว้ แต่ให้ Ecosia รับผิดชอบการดำเนินงานทั้งหมด โดย Ecosiaจะนำกำไรจาก Chrome ประมาณ 60% ไปลงทุนในโครงการด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การปลูกป่า การพัฒนา AI สีเขียว และการฟ้องร้องผู้ก่อมลพิษ ส่วนอีก 40% จะคืนให้ Google เป็นค่าตอบแทน ข้อเสนอนี้เกิดขึ้นในช่วงที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ กำลังพิจารณาให้ Google แยก Chrome ออกจากธุรกิจหลัก หลังจากถูกตัดสินว่าผูกขาดตลาดค้นหา Ecosiaจึงเสนอแนวทางที่ไม่ใช่การขาย แต่เป็นการดูแลแบบมีเป้าหมายเพื่อสาธารณะ ก่อนหน้านี้ Perplexity AI เคยเสนอซื้อ Chrome ด้วยเงินสด $34.5 พันล้าน แม้จะมีมูลค่าต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ แต่ก็สะท้อนถึงความสนใจใน Chrome ที่มีผู้ใช้งานหลายพันล้านคนทั่วโลก แม้ข้อเสนอของ Ecosia จะดู “ฟรี” แต่พวกเขาคาดว่า Chrome จะสร้างรายได้ถึง $1 ล้านล้านใน 10 ปี ซึ่งหมายความว่า Ecosia จะบริหารเงินกว่า $600 พันล้านเพื่อสิ่งแวดล้อม และ Google จะได้รับคืน $400 พันล้าน โดยไม่ต้องบริหารเอง 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Ecosia เสนอรับหน้าที่ดูแล Google Chrome เป็นเวลา 10 ปี โดยไม่ขอซื้อ ➡️ Google จะยังคงถือสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาและสามารถเป็น search engine เริ่มต้นได้ ➡️ Ecosia จะนำกำไร 60% ไปลงทุนในโครงการสิ่งแวดล้อม และคืน 40% ให้ Google ➡️ ข้อเสนอเกิดขึ้นหลัง DOJ สหรัฐฯ พิจารณาให้ Google แยก Chrome ออกจากธุรกิจหลัก ➡️ Ecosia คาดว่า Chrome จะสร้างรายได้ $1 ล้านล้านใน 10 ปี ➡️ โครงการสิ่งแวดล้อมที่เสนอรวมถึงการปลูกป่า, พัฒนา AI สีเขียว และฟ้องร้องผู้ก่อมลพิษ ➡️ Google ยังไม่ตอบรับหรือปฏิเสธข้อเสนออย่างเป็นทางการ ➡️ Ecosia มีความสัมพันธ์กับ Google อยู่แล้วผ่านการใช้ search engine และ revenue sharing ➡️ ข้อเสนอของ Ecosia ถูกมองว่าเป็นทางเลือกที่ไม่ใช่เชิงพาณิชย์ แต่เน้นผลประโยชน์สาธารณะ ➡️ หากครบ 10 ปี อาจมีการเปลี่ยนผู้ดูแลหรือทบทวนใหม่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Perplexity AI เคยเสนอซื้อ Chrome ด้วยเงินสด $34.5 พันล้าน แม้จะต่ำกว่าคาด ➡️ OpenAI ก็แสดงความสนใจในการซื้อ Chrome หากมีการเปิดขาย ➡️ Ecosia ก่อตั้งในปี 2009 และลงทุนในโครงการสิ่งแวดล้อมในกว่า 35 ประเทศ ➡️ นักวิเคราะห์คาดว่า Chrome อาจมีมูลค่าหลายแสนล้านดอลลาร์หากเปิดประมูล ➡️ การเปลี่ยน Chrome เป็นมูลนิธิอาจช่วยลดแรงกดดันด้านกฎหมายต่อตัว Google https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/08/21/germany039s-ecosia-proposes-stewardship-to-run-google-chrome
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Germany's Ecosia proposes stewardship to run Google Chrome
    STOCKHOLM (Reuters) -Germany's Ecosia, a nonprofit search engine, said on Thursday it has submitted a proposal to assume a 10-year stewardship of Alphabet's Google Chrome web browser.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อดีไซน์ลับของ Nissan ถูกขโมย – และภัยไซเบอร์ก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป

    เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2025 กลุ่มแฮกเกอร์ Qilin ได้ออกมาอ้างว่า พวกเขาได้เจาะระบบของ Nissan Creative Box Inc. (CBI) ซึ่งเป็นสตูดิโอออกแบบในโตเกียวที่อยู่ภายใต้บริษัท Nissan Motor Co. และขโมยข้อมูลไปกว่า 4 เทราไบต์ รวมกว่า 405,882 ไฟล์

    ข้อมูลที่ถูกขโมยนั้นไม่ใช่แค่เอกสารทั่วไป แต่รวมถึงไฟล์ออกแบบ 3D, ภาพเรนเดอร์ภายในรถ, สเปรดชีตการเงิน, และภาพการใช้งาน VR ในการออกแบบรถยนต์ ซึ่งเป็นข้อมูลลับที่ใช้ในการพัฒนารถต้นแบบและการวางแผนผลิตภัณฑ์ในอนาคต

    Qilin ขู่ว่าหาก Nissan ไม่ตอบสนองหรือเพิกเฉย พวกเขาจะปล่อยข้อมูลทั้งหมดให้สาธารณะ รวมถึงคู่แข่ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความได้เปรียบทางธุรกิจและชื่อเสียงของ Nissan ในระยะยาว

    นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Qilin โจมตีองค์กรใหญ่ ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยโจมตี Synnovis ผู้ให้บริการด้านสุขภาพในอังกฤษ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจากการเลื่อนการรักษา และล่าสุดยังโจมตีบริษัทอุตสาหกรรมในเยอรมนีอีกด้วย

    เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงแนวโน้มใหม่ของการโจมตีแบบเจาะจงเป้าหมาย โดยมุ่งเน้นองค์กรที่มีข้อมูลสำคัญและมีผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานระดับโลก

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    กลุ่ม Qilin ransomware อ้างว่าได้ขโมยข้อมูล 4TB จาก Nissan CBI
    ข้อมูลรวมกว่า 405,882 ไฟล์ เช่น ไฟล์ออกแบบ 3D, ภาพเรนเดอร์, สเปรดชีตการเงิน และภาพ VR
    ข้อมูลที่ถูกขโมยเป็นทรัพย์สินทางปัญญาเกี่ยวกับการออกแบบรถยนต์
    Qilin ขู่ว่าจะปล่อยข้อมูลทั้งหมดหาก Nissan ไม่ตอบสนอง
    Nissan CBI เป็นสตูดิโอออกแบบที่ตั้งอยู่ในย่าน Harajuku โตเกียว
    Creative Box เป็นแหล่งพัฒนาแนวคิดรถยนต์ใหม่ เช่น Nissan Nuvu
    Qilin เคยโจมตี Synnovis ในอังกฤษ ส่งผลกระทบต่อการรักษาพยาบาล
    กลุ่มนี้ใช้โมเดล ransomware-as-a-service และมีเป้าหมายระดับองค์กร
    การโจมตีครั้งนี้อาจส่งผลต่อชื่อเสียงและความสามารถในการแข่งขันของ Nissan
    ยังไม่มีคำแถลงอย่างเป็นทางการจาก Nissan ณ เวลาที่รายงาน

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Qilin ยังโจมตีบริษัท Spohn + Burkhardt ในเยอรมนีในวันเดียวกัน
    นักวิจัยจาก Cybernews ระบุว่า Qilin เลือกเป้าหมายที่มีข้อมูลสำคัญและมีผลกระทบสูง
    การโจมตีแบบนี้มักใช้การเผยแพร่ข้อมูลบางส่วนเพื่อกดดันให้เหยื่อจ่ายค่าไถ่
    Creative Box เป็นหนึ่งในบริษัทในเครือที่สำคัญของ Nissan ในญี่ปุ่น
    การออกแบบรถยนต์เป็นข้อมูลที่มีมูลค่าสูงและมักถูกปกป้องอย่างเข้มงวด

    https://hackread.com/qilin-ransomware-gang-4tb-data-breach-nissan-cbi/
    🎙️ เมื่อดีไซน์ลับของ Nissan ถูกขโมย – และภัยไซเบอร์ก็ไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2025 กลุ่มแฮกเกอร์ Qilin ได้ออกมาอ้างว่า พวกเขาได้เจาะระบบของ Nissan Creative Box Inc. (CBI) ซึ่งเป็นสตูดิโอออกแบบในโตเกียวที่อยู่ภายใต้บริษัท Nissan Motor Co. และขโมยข้อมูลไปกว่า 4 เทราไบต์ รวมกว่า 405,882 ไฟล์ ข้อมูลที่ถูกขโมยนั้นไม่ใช่แค่เอกสารทั่วไป แต่รวมถึงไฟล์ออกแบบ 3D, ภาพเรนเดอร์ภายในรถ, สเปรดชีตการเงิน, และภาพการใช้งาน VR ในการออกแบบรถยนต์ ซึ่งเป็นข้อมูลลับที่ใช้ในการพัฒนารถต้นแบบและการวางแผนผลิตภัณฑ์ในอนาคต Qilin ขู่ว่าหาก Nissan ไม่ตอบสนองหรือเพิกเฉย พวกเขาจะปล่อยข้อมูลทั้งหมดให้สาธารณะ รวมถึงคู่แข่ง ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความได้เปรียบทางธุรกิจและชื่อเสียงของ Nissan ในระยะยาว นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ Qilin โจมตีองค์กรใหญ่ ก่อนหน้านี้พวกเขาเคยโจมตี Synnovis ผู้ให้บริการด้านสุขภาพในอังกฤษ จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจากการเลื่อนการรักษา และล่าสุดยังโจมตีบริษัทอุตสาหกรรมในเยอรมนีอีกด้วย เหตุการณ์นี้สะท้อนถึงแนวโน้มใหม่ของการโจมตีแบบเจาะจงเป้าหมาย โดยมุ่งเน้นองค์กรที่มีข้อมูลสำคัญและมีผลกระทบต่อห่วงโซ่อุปทานระดับโลก 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ กลุ่ม Qilin ransomware อ้างว่าได้ขโมยข้อมูล 4TB จาก Nissan CBI ➡️ ข้อมูลรวมกว่า 405,882 ไฟล์ เช่น ไฟล์ออกแบบ 3D, ภาพเรนเดอร์, สเปรดชีตการเงิน และภาพ VR ➡️ ข้อมูลที่ถูกขโมยเป็นทรัพย์สินทางปัญญาเกี่ยวกับการออกแบบรถยนต์ ➡️ Qilin ขู่ว่าจะปล่อยข้อมูลทั้งหมดหาก Nissan ไม่ตอบสนอง ➡️ Nissan CBI เป็นสตูดิโอออกแบบที่ตั้งอยู่ในย่าน Harajuku โตเกียว ➡️ Creative Box เป็นแหล่งพัฒนาแนวคิดรถยนต์ใหม่ เช่น Nissan Nuvu ➡️ Qilin เคยโจมตี Synnovis ในอังกฤษ ส่งผลกระทบต่อการรักษาพยาบาล ➡️ กลุ่มนี้ใช้โมเดล ransomware-as-a-service และมีเป้าหมายระดับองค์กร ➡️ การโจมตีครั้งนี้อาจส่งผลต่อชื่อเสียงและความสามารถในการแข่งขันของ Nissan ➡️ ยังไม่มีคำแถลงอย่างเป็นทางการจาก Nissan ณ เวลาที่รายงาน ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Qilin ยังโจมตีบริษัท Spohn + Burkhardt ในเยอรมนีในวันเดียวกัน ➡️ นักวิจัยจาก Cybernews ระบุว่า Qilin เลือกเป้าหมายที่มีข้อมูลสำคัญและมีผลกระทบสูง ➡️ การโจมตีแบบนี้มักใช้การเผยแพร่ข้อมูลบางส่วนเพื่อกดดันให้เหยื่อจ่ายค่าไถ่ ➡️ Creative Box เป็นหนึ่งในบริษัทในเครือที่สำคัญของ Nissan ในญี่ปุ่น ➡️ การออกแบบรถยนต์เป็นข้อมูลที่มีมูลค่าสูงและมักถูกปกป้องอย่างเข้มงวด https://hackread.com/qilin-ransomware-gang-4tb-data-breach-nissan-cbi/
    HACKREAD.COM
    Qilin Ransomware Gang Claims 4TB Data Breach at Nissan CBI
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 98 มุมมอง 0 รีวิว
  • Rapper Bot – จากเครือข่ายโจมตีระดับโลก สู่การล่มสลายด้วยหมายจับเดียว

    ในเดือนสิงหาคม 2025 Ethan Foltz ชายวัย 22 ปีจากรัฐโอเรกอน ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DoJ) หลังถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สร้างและบริหาร “Rapper Bot” เครือข่าย DDoS-for-hire ที่ถูกใช้ในการโจมตีมากกว่า 370,000 ครั้งทั่วโลก

    Rapper Bot เป็นมัลแวร์ที่แพร่กระจายผ่านอุปกรณ์ทั่วไป เช่น DVR และ WiFi router โดยแฮกเกอร์สามารถควบคุมอุปกรณ์เหล่านี้ได้มากถึง 95,000 เครื่อง และใช้เป็นฐานยิงข้อมูลมหาศาลเพื่อโจมตีเป้าหมายแบบ DDoS (Distributed Denial of Service)

    เป้าหมายของการโจมตีมีตั้งแต่หน่วยงานรัฐบาล สื่อสังคมออนไลน์ ไปจนถึงบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ โดยบางครั้งการโจมตีมีขนาดสูงถึง 6 Tbps ซึ่งสามารถทำให้ระบบล่มได้ภายในไม่กี่วินาที

    Foltzถูกกล่าวหาว่าให้บริการเช่าเครือข่ายนี้แก่ลูกค้าทั่วโลกในรูปแบบ “DDoS-for-hire” และบางรายยังใช้เพื่อข่มขู่เรียกค่าไถ่จากเหยื่อด้วย

    การจับกุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการ PowerOFF ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานระหว่างประเทศในการปราบปรามบริการ DDoS-for-hire โดยก่อนหน้านี้ในปี 2024 มีการยึดโดเมนที่เกี่ยวข้องถึง 27 แห่ง

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    Ethan Foltz อายุ 22 ปี ถูกจับในรัฐโอเรกอน ฐานสร้างและบริหาร Rapper Bot
    Rapper Bot เป็นเครือข่าย DDoS-for-hire ที่ควบคุมอุปกรณ์ได้ถึง 95,000 เครื่อง
    ใช้มัลแวร์เจาะ DVR และ WiFi router เพื่อสร้าง botnet
    มีการโจมตีมากกว่า 370,000 ครั้งต่อ 18,000 เหยื่อใน 80 ประเทศ
    ขนาดการโจมตีสูงสุดถึง 6 Tbps ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ DDoS
    เป้าหมายรวมถึงหน่วยงานรัฐบาล สื่อสังคม และบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ
    ลูกค้าบางรายใช้ Rapper Bot เพื่อข่มขู่เรียกค่าไถ่จากเหยื่อ
    การจับกุมเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการ PowerOFF ที่ปราบปรามบริการ DDoS-for-hire
    หลังการจับกุม ไม่มีรายงานการโจมตีจาก Rapper Bot เพิ่มเติม
    Foltz ถูกตั้งข้อหาสนับสนุนการบุกรุกระบบคอมพิวเตอร์ และอาจถูกจำคุกสูงสุด 10 ปี

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    DDoS ขนาด 2–3 Tbps สามารถทำให้เว็บไซต์หรือบริการล่มได้ภายในไม่กี่วินาที
    ค่าเสียหายจากการโจมตี 30 วินาทีอาจสูงถึง $10,000 ต่อครั้ง
    Botnet ที่ใช้ IoT device เป็นเป้าหมายหลัก เพราะมีความปลอดภัยต่ำ
    Rapper Bot เคยถูกเรียกอีกชื่อว่า “Eleven Eleven Botnet” และ “CowBot”
    การจับกุมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานความมั่นคงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

    https://www.techradar.com/pro/security/hacker-behind-rapper-bot-ddos-for-hire-botnet-which-carried-out-over-370-000-attacks-arrested
    🎙️ Rapper Bot – จากเครือข่ายโจมตีระดับโลก สู่การล่มสลายด้วยหมายจับเดียว ในเดือนสิงหาคม 2025 Ethan Foltz ชายวัย 22 ปีจากรัฐโอเรกอน ถูกจับกุมโดยเจ้าหน้าที่ของกระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯ (DoJ) หลังถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้สร้างและบริหาร “Rapper Bot” เครือข่าย DDoS-for-hire ที่ถูกใช้ในการโจมตีมากกว่า 370,000 ครั้งทั่วโลก Rapper Bot เป็นมัลแวร์ที่แพร่กระจายผ่านอุปกรณ์ทั่วไป เช่น DVR และ WiFi router โดยแฮกเกอร์สามารถควบคุมอุปกรณ์เหล่านี้ได้มากถึง 95,000 เครื่อง และใช้เป็นฐานยิงข้อมูลมหาศาลเพื่อโจมตีเป้าหมายแบบ DDoS (Distributed Denial of Service) เป้าหมายของการโจมตีมีตั้งแต่หน่วยงานรัฐบาล สื่อสังคมออนไลน์ ไปจนถึงบริษัทเทคโนโลยีในสหรัฐฯ โดยบางครั้งการโจมตีมีขนาดสูงถึง 6 Tbps ซึ่งสามารถทำให้ระบบล่มได้ภายในไม่กี่วินาที Foltzถูกกล่าวหาว่าให้บริการเช่าเครือข่ายนี้แก่ลูกค้าทั่วโลกในรูปแบบ “DDoS-for-hire” และบางรายยังใช้เพื่อข่มขู่เรียกค่าไถ่จากเหยื่อด้วย การจับกุมครั้งนี้เป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการ PowerOFF ซึ่งเป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานระหว่างประเทศในการปราบปรามบริการ DDoS-for-hire โดยก่อนหน้านี้ในปี 2024 มีการยึดโดเมนที่เกี่ยวข้องถึง 27 แห่ง 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ Ethan Foltz อายุ 22 ปี ถูกจับในรัฐโอเรกอน ฐานสร้างและบริหาร Rapper Bot ➡️ Rapper Bot เป็นเครือข่าย DDoS-for-hire ที่ควบคุมอุปกรณ์ได้ถึง 95,000 เครื่อง ➡️ ใช้มัลแวร์เจาะ DVR และ WiFi router เพื่อสร้าง botnet ➡️ มีการโจมตีมากกว่า 370,000 ครั้งต่อ 18,000 เหยื่อใน 80 ประเทศ ➡️ ขนาดการโจมตีสูงสุดถึง 6 Tbps ซึ่งถือว่าใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ DDoS ➡️ เป้าหมายรวมถึงหน่วยงานรัฐบาล สื่อสังคม และบริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ ➡️ ลูกค้าบางรายใช้ Rapper Bot เพื่อข่มขู่เรียกค่าไถ่จากเหยื่อ ➡️ การจับกุมเป็นส่วนหนึ่งของปฏิบัติการ PowerOFF ที่ปราบปรามบริการ DDoS-for-hire ➡️ หลังการจับกุม ไม่มีรายงานการโจมตีจาก Rapper Bot เพิ่มเติม ➡️ Foltz ถูกตั้งข้อหาสนับสนุนการบุกรุกระบบคอมพิวเตอร์ และอาจถูกจำคุกสูงสุด 10 ปี ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ DDoS ขนาด 2–3 Tbps สามารถทำให้เว็บไซต์หรือบริการล่มได้ภายในไม่กี่วินาที ➡️ ค่าเสียหายจากการโจมตี 30 วินาทีอาจสูงถึง $10,000 ต่อครั้ง ➡️ Botnet ที่ใช้ IoT device เป็นเป้าหมายหลัก เพราะมีความปลอดภัยต่ำ ➡️ Rapper Bot เคยถูกเรียกอีกชื่อว่า “Eleven Eleven Botnet” และ “CowBot” ➡️ การจับกุมครั้งนี้ได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานความมั่นคงของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ https://www.techradar.com/pro/security/hacker-behind-rapper-bot-ddos-for-hire-botnet-which-carried-out-over-370-000-attacks-arrested
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 109 มุมมอง 0 รีวิว
  • เวรกรรมเริ่มย้อนเข้าหาเขมร หลังทหารมันเหยียบทุ่นระเบิดซะเอง ก่อนหน้านี้เสกมนต์ดำใส่ไทย ของเขมรข้ามมาไม่ได้ก็ย้อนไปล่อแม่งจนป่วยระนาว
    #คิงส์โพธิ์แดง
    เวรกรรมเริ่มย้อนเข้าหาเขมร หลังทหารมันเหยียบทุ่นระเบิดซะเอง ก่อนหน้านี้เสกมนต์ดำใส่ไทย ของเขมรข้ามมาไม่ได้ก็ย้อนไปล่อแม่งจนป่วยระนาว #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 116 มุมมอง 0 รีวิว
  • CHIPS Act ไม่ใช่แค่เงินช่วยเหลืออีกต่อไป — รัฐบาลสหรัฐฯ อาจกลายเป็นผู้ถือหุ้นใน Intel และบริษัทชิปอื่น ๆ

    เดิมที CHIPS Act ถูกออกแบบมาเพื่อให้เงินสนับสนุนแก่บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในการสร้างโรงงานผลิตชิปในสหรัฐฯ แต่ล่าสุด Howard Lutnick รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ เสนอแนวคิดใหม่ที่พลิกเกม: แทนที่จะให้เงินเปล่า รัฐบาลควร “ซื้อหุ้น” ในบริษัทเหล่านี้ เพื่อให้ผู้เสียภาษีได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน

    แนวคิดนี้เริ่มต้นจาก Intel ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนกว่า $7.86 พันล้าน และอาจได้รับเงินกู้เพิ่มอีก $11 พันล้าน แต่รัฐบาลกำลังพิจารณาถือหุ้น 10% ใน Intel เพื่อแลกกับเงินสนับสนุนดังกล่าว

    หากแนวทางนี้ขยายไปยังบริษัทอื่น เช่น Micron, TSMC, Samsung หรือ GlobalFoundries ก็อาจเปลี่ยนโฉมหน้าความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับเอกชนในอุตสาหกรรมชิปไปอย่างสิ้นเชิง

    แม้แนวคิดนี้จะดูเหมือนการลงทุนแบบ VC แต่ก็มีข้อจำกัด เช่น บริษัทต่างชาติอย่าง Samsung หรือ TSMC อาจไม่ยอมให้รัฐบาลสหรัฐฯ เข้ามาถือหุ้นง่าย ๆ เพราะเกี่ยวข้องกับรัฐบาลของประเทศตนเอง และอาจซับซ้อนทางการเมือง

    อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้สะท้อนถึงความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากไต้หวัน ซึ่งผลิตชิปขั้นสูงกว่า 90% ของโลก และอยู่ห่างจากจีนเพียง 80 ไมล์

    สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ
    รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอแนวคิดเปลี่ยนเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นการซื้อหุ้นในบริษัทชิป
    Howard Lutnick เสนอให้ถือหุ้น 10% ใน Intel เพื่อแลกกับเงินสนับสนุนกว่า $7.86 พันล้าน
    แนวคิดนี้อาจขยายไปยังบริษัทอื่น เช่น Micron, TSMC, Samsung และ GlobalFoundries
    เป้าหมายคือให้ผู้เสียภาษีได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน ไม่ใช่แค่ให้เงินเปล่า
    รัฐบาลสหรัฐฯ เคยให้เงินสนับสนุน Samsung $4.75B, Micron $6.2B และ TSMC $6.6B
    Lutnick ระบุว่า “เราไม่สามารถพึ่งพาไต้หวันในการผลิตชิปขั้นสูงได้อีกต่อไป”
    แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากอดีตประธานาธิบดี Donald Trump
    กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กำลังเจรจาใหม่กับบริษัทที่เคยได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลก่อนหน้านี้
    การถือหุ้นจะไม่ให้สิทธิ์ในการบริหาร แต่จะให้รัฐบาลมีอิทธิพลทางยุทธศาสตร์
    มีการเปรียบเทียบกับการถือหุ้นของรัฐบาลจีนในบริษัทเทคโนโลยีของตนเอง

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    รัฐบาลสหรัฐฯ เคยถือหุ้นในบริษัทเอกชนช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น GM และ AIG
    TSMC มีผู้ถือหุ้นจากหลายประเทศ เช่น รัฐบาลไต้หวันและกองทุนจากสิงคโปร์
    การถือหุ้นของรัฐอาจช่วยดึงดูดลูกค้ารายใหญ่ให้กับ Intel ที่กำลังขาดทุน
    Nvidia เคยทำข้อตกลงให้รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ส่วนแบ่ง 15% จากการขายชิป H20 ให้จีน
    Pentagon เตรียมถือหุ้นใหญ่ในบริษัทเหมืองเพื่อเพิ่มการผลิตแม่เหล็กหายาก

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/chips-act-funding-could-herald-an-era-where-the-u-s-is-not-offering-grants-but-buying-equity-lutnicks-semiconductor-strategy-might-not-end-with-intel
    🎙️ CHIPS Act ไม่ใช่แค่เงินช่วยเหลืออีกต่อไป — รัฐบาลสหรัฐฯ อาจกลายเป็นผู้ถือหุ้นใน Intel และบริษัทชิปอื่น ๆ เดิมที CHIPS Act ถูกออกแบบมาเพื่อให้เงินสนับสนุนแก่บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ในการสร้างโรงงานผลิตชิปในสหรัฐฯ แต่ล่าสุด Howard Lutnick รัฐมนตรีพาณิชย์สหรัฐฯ เสนอแนวคิดใหม่ที่พลิกเกม: แทนที่จะให้เงินเปล่า รัฐบาลควร “ซื้อหุ้น” ในบริษัทเหล่านี้ เพื่อให้ผู้เสียภาษีได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน แนวคิดนี้เริ่มต้นจาก Intel ซึ่งได้รับเงินสนับสนุนกว่า $7.86 พันล้าน และอาจได้รับเงินกู้เพิ่มอีก $11 พันล้าน แต่รัฐบาลกำลังพิจารณาถือหุ้น 10% ใน Intel เพื่อแลกกับเงินสนับสนุนดังกล่าว หากแนวทางนี้ขยายไปยังบริษัทอื่น เช่น Micron, TSMC, Samsung หรือ GlobalFoundries ก็อาจเปลี่ยนโฉมหน้าความสัมพันธ์ระหว่างรัฐกับเอกชนในอุตสาหกรรมชิปไปอย่างสิ้นเชิง แม้แนวคิดนี้จะดูเหมือนการลงทุนแบบ VC แต่ก็มีข้อจำกัด เช่น บริษัทต่างชาติอย่าง Samsung หรือ TSMC อาจไม่ยอมให้รัฐบาลสหรัฐฯ เข้ามาถือหุ้นง่าย ๆ เพราะเกี่ยวข้องกับรัฐบาลของประเทศตนเอง และอาจซับซ้อนทางการเมือง อย่างไรก็ตาม แนวทางนี้สะท้อนถึงความพยายามของสหรัฐฯ ที่จะลดการพึ่งพาเทคโนโลยีจากต่างประเทศ โดยเฉพาะจากไต้หวัน ซึ่งผลิตชิปขั้นสูงกว่า 90% ของโลก และอยู่ห่างจากจีนเพียง 80 ไมล์ 📌 สรุปเนื้อหาเป็นหัวข้อ ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เสนอแนวคิดเปลี่ยนเงินสนับสนุนจาก CHIPS Act เป็นการซื้อหุ้นในบริษัทชิป ➡️ Howard Lutnick เสนอให้ถือหุ้น 10% ใน Intel เพื่อแลกกับเงินสนับสนุนกว่า $7.86 พันล้าน ➡️ แนวคิดนี้อาจขยายไปยังบริษัทอื่น เช่น Micron, TSMC, Samsung และ GlobalFoundries ➡️ เป้าหมายคือให้ผู้เสียภาษีได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน ไม่ใช่แค่ให้เงินเปล่า ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เคยให้เงินสนับสนุน Samsung $4.75B, Micron $6.2B และ TSMC $6.6B ➡️ Lutnick ระบุว่า “เราไม่สามารถพึ่งพาไต้หวันในการผลิตชิปขั้นสูงได้อีกต่อไป” ➡️ แนวคิดนี้ได้รับการสนับสนุนจากอดีตประธานาธิบดี Donald Trump ➡️ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กำลังเจรจาใหม่กับบริษัทที่เคยได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐบาลก่อนหน้านี้ ➡️ การถือหุ้นจะไม่ให้สิทธิ์ในการบริหาร แต่จะให้รัฐบาลมีอิทธิพลทางยุทธศาสตร์ ➡️ มีการเปรียบเทียบกับการถือหุ้นของรัฐบาลจีนในบริษัทเทคโนโลยีของตนเอง ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เคยถือหุ้นในบริษัทเอกชนช่วงวิกฤตเศรษฐกิจ เช่น GM และ AIG ➡️ TSMC มีผู้ถือหุ้นจากหลายประเทศ เช่น รัฐบาลไต้หวันและกองทุนจากสิงคโปร์ ➡️ การถือหุ้นของรัฐอาจช่วยดึงดูดลูกค้ารายใหญ่ให้กับ Intel ที่กำลังขาดทุน ➡️ Nvidia เคยทำข้อตกลงให้รัฐบาลสหรัฐฯ ได้ส่วนแบ่ง 15% จากการขายชิป H20 ให้จีน ➡️ Pentagon เตรียมถือหุ้นใหญ่ในบริษัทเหมืองเพื่อเพิ่มการผลิตแม่เหล็กหายาก https://www.tomshardware.com/tech-industry/chips-act-funding-could-herald-an-era-where-the-u-s-is-not-offering-grants-but-buying-equity-lutnicks-semiconductor-strategy-might-not-end-with-intel
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 114 มุมมอง 0 รีวิว
  • แคมโบเดีย โคล่า น้ำอัดลมชาตินิยมเศรษฐีเขมร

    กระแสความไม่พอใจของชาวกัมพูชา หลังโคคา-โคล่า กัมพูชา ลบรูปแวนด้า (Vann Da) หรือ วัณณ์ฎา มาน (Vannda Mann) นักร้องเพลงแร็ปชาวเขมร ซึ่งเป็นพรีเซนเตอร์เครื่องดื่มโคคา-โคล่าออกจากสื่อโฆษณา แม้นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา จะออกมาปรามว่าโคคา-โคล่า เป็นแบรนด์จากสหรัฐฯ แต่ผลิตภัณฑ์ที่ขายในกัมพูชา ผลิตโดยแรงงานชาวกัมพูชา สร้างรายได้และเงินภาษีให้กับรัฐบาล หากโคคา-โคล่าถอนตัวออกจากกัมพูชา ประเทศจะเสียหาย ถึงกระนั้น ยังมีภาคธุรกิจชาวกัมพูชาอย่างชิปมงกรุ๊ป (Chip Mong Group) สบโอกาสเปิดตัวน้ำอัดลมแบรนด์ใหม่ แคมโบเดีย โคล่า (Cambodia Cola)

    แคมโบเดีย โคล่า ผลิตโดยบริษัทขแมร์เบเวอเรจ (Khmer Beverages) ในเครือชิปมงกรุ๊ป ในสโลแกน "เติมความซ่ากับรสชาติแห่งความสุข" (Fizz Up the Flavor of Joy) ปัดฝุ่นเพจเฟซบุ๊ก Vikingz ของเครื่องดื่มชูกำลังที่หยุดจำหน่ายไปแล้ว และมีผู้ติดตามเพจราว 4 หมื่นรายมาปัดฝุ่นใหม่ พร้อมเผยแพร่วิดีโอคลิปโฆษณาเชิงซีเอสอาร์ ชูความเป็นผลิตภัณฑ์เขมร ผลิตในโรงงานเขมร ของผู้ประกอบการเขมร 100% เชิญชวนมาอุดหนุนสินค้าเขมรด้วยกัน และกิจกรรมเยี่ยมครอบครัวทหารที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะชายแดนกัมพูชา-ไทย พร้อมมอบเงินแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต 20 ล้านเรียล และทหารที่บาดเจ็บ 2 ล้านเรียล

    อย่างไรก็ตาม แคมโบเดีย โคล่า ไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการเครื่องดื่ม เพราะขแมร์เบเวอเรจ เป็นผู้ผลิตเบียร์แคมโบเดีย (Cambodia Beer) และน้ำดื่มตราแคมโบเดียวอเตอร์ (Cambodia Water) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2552 ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 7 ล้านเฮกโตลิตรต่อปี โดยก่อนหน้านี้ได้ผลิตน้ำอัดลมทั้งน้ำดำและน้ำสียี่ห้อไอซ์ (IZE) เครื่องดื่มชูกำลังตราเวิร์คซ์ (WURKZ) วางจำหน่ายในปี 2560 แม้จะออกผลิตภัณฑ์ซ้ำซ้อนกันแต่เป็นไปได้ว่าเจาะกลุ่มเป้าหมายต่างกัน เน้นไปที่กระแสชาตินิยมสู้ศึกต่างชาติอย่างโคคา-โคล่าและเป๊ปซี่

    สำหรับชิปมง กรุ๊ป เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทในประเทศกัมพูชารายใหญ่ที่สุด ก่อตั้งโดยมาดามเพี๊ยบ เฮียก (Pheap Heak) เมื่อปี 2525 เริ่มจากนำเข้าเหล็ก ก่อนจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ปูนซีเมนต์ กระเบื้อง อสังหาริมทรัพย์ สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์กระป๋อง อาหารสัตว์ ค้าปลีก ศูนย์การค้า โรงแรมหรูอย่างไฮแอท รีเจนซี่ พนมเปญ และแฟร์ฟิลด์ บาย แมริออท พนมเปญ สนามกอล์ฟแกรนด์ รอยัล กอล์ฟ แอนด์ รีสอร์ท ธนาคารชิปมง มีบริษัทร่วมทุนกับประเทศไทย เช่น ชิปมงอินทรี ผลิตปูนซีเมนต์ในจังหวัดกำปอด ร่วมกับ บมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง และชิปมงฤทธา ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ร่วมกับบริษัทฤทธา

    #Newskit
    แคมโบเดีย โคล่า น้ำอัดลมชาตินิยมเศรษฐีเขมร กระแสความไม่พอใจของชาวกัมพูชา หลังโคคา-โคล่า กัมพูชา ลบรูปแวนด้า (Vann Da) หรือ วัณณ์ฎา มาน (Vannda Mann) นักร้องเพลงแร็ปชาวเขมร ซึ่งเป็นพรีเซนเตอร์เครื่องดื่มโคคา-โคล่าออกจากสื่อโฆษณา แม้นายฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา จะออกมาปรามว่าโคคา-โคล่า เป็นแบรนด์จากสหรัฐฯ แต่ผลิตภัณฑ์ที่ขายในกัมพูชา ผลิตโดยแรงงานชาวกัมพูชา สร้างรายได้และเงินภาษีให้กับรัฐบาล หากโคคา-โคล่าถอนตัวออกจากกัมพูชา ประเทศจะเสียหาย ถึงกระนั้น ยังมีภาคธุรกิจชาวกัมพูชาอย่างชิปมงกรุ๊ป (Chip Mong Group) สบโอกาสเปิดตัวน้ำอัดลมแบรนด์ใหม่ แคมโบเดีย โคล่า (Cambodia Cola) แคมโบเดีย โคล่า ผลิตโดยบริษัทขแมร์เบเวอเรจ (Khmer Beverages) ในเครือชิปมงกรุ๊ป ในสโลแกน "เติมความซ่ากับรสชาติแห่งความสุข" (Fizz Up the Flavor of Joy) ปัดฝุ่นเพจเฟซบุ๊ก Vikingz ของเครื่องดื่มชูกำลังที่หยุดจำหน่ายไปแล้ว และมีผู้ติดตามเพจราว 4 หมื่นรายมาปัดฝุ่นใหม่ พร้อมเผยแพร่วิดีโอคลิปโฆษณาเชิงซีเอสอาร์ ชูความเป็นผลิตภัณฑ์เขมร ผลิตในโรงงานเขมร ของผู้ประกอบการเขมร 100% เชิญชวนมาอุดหนุนสินค้าเขมรด้วยกัน และกิจกรรมเยี่ยมครอบครัวทหารที่เสียชีวิตจากเหตุปะทะชายแดนกัมพูชา-ไทย พร้อมมอบเงินแก่ครอบครัวผู้เสียชีวิต 20 ล้านเรียล และทหารที่บาดเจ็บ 2 ล้านเรียล อย่างไรก็ตาม แคมโบเดีย โคล่า ไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการเครื่องดื่ม เพราะขแมร์เบเวอเรจ เป็นผู้ผลิตเบียร์แคมโบเดีย (Cambodia Beer) และน้ำดื่มตราแคมโบเดียวอเตอร์ (Cambodia Water) ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2552 ปัจจุบันมีกำลังการผลิต 7 ล้านเฮกโตลิตรต่อปี โดยก่อนหน้านี้ได้ผลิตน้ำอัดลมทั้งน้ำดำและน้ำสียี่ห้อไอซ์ (IZE) เครื่องดื่มชูกำลังตราเวิร์คซ์ (WURKZ) วางจำหน่ายในปี 2560 แม้จะออกผลิตภัณฑ์ซ้ำซ้อนกันแต่เป็นไปได้ว่าเจาะกลุ่มเป้าหมายต่างกัน เน้นไปที่กระแสชาตินิยมสู้ศึกต่างชาติอย่างโคคา-โคล่าและเป๊ปซี่ สำหรับชิปมง กรุ๊ป เป็นหนึ่งในกลุ่มบริษัทในประเทศกัมพูชารายใหญ่ที่สุด ก่อตั้งโดยมาดามเพี๊ยบ เฮียก (Pheap Heak) เมื่อปี 2525 เริ่มจากนำเข้าเหล็ก ก่อนจัดจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง ปูนซีเมนต์ กระเบื้อง อสังหาริมทรัพย์ สินค้าอุปโภคบริโภค เครื่องดื่ม บรรจุภัณฑ์กระป๋อง อาหารสัตว์ ค้าปลีก ศูนย์การค้า โรงแรมหรูอย่างไฮแอท รีเจนซี่ พนมเปญ และแฟร์ฟิลด์ บาย แมริออท พนมเปญ สนามกอล์ฟแกรนด์ รอยัล กอล์ฟ แอนด์ รีสอร์ท ธนาคารชิปมง มีบริษัทร่วมทุนกับประเทศไทย เช่น ชิปมงอินทรี ผลิตปูนซีเมนต์ในจังหวัดกำปอด ร่วมกับ บมจ.ปูนซีเมนต์นครหลวง และชิปมงฤทธา ธุรกิจรับเหมาก่อสร้าง ร่วมกับบริษัทฤทธา #Newskit
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 185 มุมมอง 0 รีวิว
  • Nvidia B30A – ชิป AI สำหรับจีนที่แรงกว่าเดิม แต่ยังอยู่ในกรอบควบคุมของสหรัฐฯ

    ในโลกที่เทคโนโลยี AI กลายเป็นสนามแข่งขันระดับโลก Nvidia กำลังเดินเกมใหม่เพื่อรักษาตลาดจีน ซึ่งคิดเป็น 13% ของรายได้บริษัท ด้วยการพัฒนาชิป AI รุ่นใหม่ชื่อว่า “B30A” ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับตลาดจีน โดยยังคงอยู่ภายใต้ข้อจำกัดการส่งออกของรัฐบาลสหรัฐฯ

    B30A ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell รุ่นล่าสุด และเป็นชิปแบบ “single-die” ซึ่งมีประสิทธิภาพประมาณครึ่งหนึ่งของรุ่นเรือธง B300 ที่ใช้แบบ “dual-die” แต่ยังแรงกว่า H20 ซึ่งเป็นรุ่นที่ Nvidia ได้รับอนุญาตให้ขายในจีนก่อนหน้านี้

    ชิป B30A มาพร้อมหน่วยความจำ HBM3E ขนาด 144GB และแบนด์วิดท์สูงถึง 4TB/s พร้อมเทคโนโลยี NVLink สำหรับเชื่อมต่อระหว่างโปรเซสเซอร์ ซึ่งช่วยให้สามารถสร้างระบบ AI ขนาดใหญ่ได้ แม้จะมีข้อจำกัดบางอย่างในจำนวน NVLink ที่อนุญาต

    นอกจากนี้ Nvidia ยังเตรียมเปิดตัว RTX 6000D สำหรับงาน inference ซึ่งเป็นรุ่นลดสเปกจาก RTX 6000 เพื่อให้ผ่านเกณฑ์ควบคุมการส่งออก โดยทั้งสองรุ่นคาดว่าจะเริ่มส่งมอบตัวอย่างให้ลูกค้าในจีนได้ภายในเดือนกันยายน 2025 หากได้รับอนุมัติจากรัฐบาลสหรัฐฯ

    แนวทางนี้เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เสนอให้ Nvidia และ AMD จ่าย 15% ของรายได้จากการขายชิปในจีนให้รัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการอนุญาตให้ขายชิปรุ่นใหม่ที่ “ลดประสิทธิภาพลง” ประมาณ 30–50%

    ข้อมูลในข่าว
    Nvidia พัฒนา B30A ชิป AI สำหรับตลาดจีน โดยใช้สถาปัตยกรรม Blackwell
    B30A เป็นชิปแบบ single-die ที่มีประสิทธิภาพประมาณครึ่งหนึ่งของ B300
    ประสิทธิภาพของ B30A สูงกว่า H20 และใกล้เคียงกับ H100
    มาพร้อมหน่วยความจำ HBM3E ขนาด 144GB และแบนด์วิดท์ 4TB/s
    ใช้เทคโนโลยี NVLink สำหรับการเชื่อมต่อระหว่างโปรเซสเซอร์
    ออกแบบให้ผ่านข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ
    Nvidia เตรียมส่งมอบตัวอย่าง B30A และ RTX 6000D ให้ลูกค้าในจีนภายในกันยายน 2025
    RTX 6000D เป็นรุ่นลดสเปกสำหรับ inference และกราฟิกระดับมืออาชีพ
    รัฐบาลสหรัฐฯ อาจอนุญาตให้ขายชิปรุ่นใหม่ในจีน หากมีการแบ่งรายได้ 15%

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    H20 ถูกพัฒนาเพื่อให้ผ่านข้อจำกัดการส่งออกในปี 2023 แต่ถูกระงับการขายในเมษายน 2025
    B30A ใช้เทคโนโลยี CoWoS-S ซึ่งถูกกว่ารุ่น CoWoS-L ที่ใช้ใน B300
    การออกแบบ single-die ช่วยลดกำลังไฟและเหมาะกับอุปกรณ์ PCIe
    Nvidia ต้องรักษาฐานลูกค้าในจีนเพื่อคง ecosystem ของ CUDA
    Huawei กำลังพัฒนา GPU แข่งกับ Nvidia แม้ยังด้อยในด้านซอฟต์แวร์และแบนด์วิดท์
    การออกแบบชิปเฉพาะตลาดเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ในหลายประเทศ เช่น อินเดียและรัสเซีย

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-could-be-readying-b30a-accelerator-for-chinese-market-new-blackwell-chip-reportedly-beats-h20-and-even-h100-while-complying-with-u-s-export-controls
    🧠 Nvidia B30A – ชิป AI สำหรับจีนที่แรงกว่าเดิม แต่ยังอยู่ในกรอบควบคุมของสหรัฐฯ ในโลกที่เทคโนโลยี AI กลายเป็นสนามแข่งขันระดับโลก Nvidia กำลังเดินเกมใหม่เพื่อรักษาตลาดจีน ซึ่งคิดเป็น 13% ของรายได้บริษัท ด้วยการพัฒนาชิป AI รุ่นใหม่ชื่อว่า “B30A” ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับตลาดจีน โดยยังคงอยู่ภายใต้ข้อจำกัดการส่งออกของรัฐบาลสหรัฐฯ B30A ใช้สถาปัตยกรรม Blackwell รุ่นล่าสุด และเป็นชิปแบบ “single-die” ซึ่งมีประสิทธิภาพประมาณครึ่งหนึ่งของรุ่นเรือธง B300 ที่ใช้แบบ “dual-die” แต่ยังแรงกว่า H20 ซึ่งเป็นรุ่นที่ Nvidia ได้รับอนุญาตให้ขายในจีนก่อนหน้านี้ ชิป B30A มาพร้อมหน่วยความจำ HBM3E ขนาด 144GB และแบนด์วิดท์สูงถึง 4TB/s พร้อมเทคโนโลยี NVLink สำหรับเชื่อมต่อระหว่างโปรเซสเซอร์ ซึ่งช่วยให้สามารถสร้างระบบ AI ขนาดใหญ่ได้ แม้จะมีข้อจำกัดบางอย่างในจำนวน NVLink ที่อนุญาต นอกจากนี้ Nvidia ยังเตรียมเปิดตัว RTX 6000D สำหรับงาน inference ซึ่งเป็นรุ่นลดสเปกจาก RTX 6000 เพื่อให้ผ่านเกณฑ์ควบคุมการส่งออก โดยทั้งสองรุ่นคาดว่าจะเริ่มส่งมอบตัวอย่างให้ลูกค้าในจีนได้ภายในเดือนกันยายน 2025 หากได้รับอนุมัติจากรัฐบาลสหรัฐฯ แนวทางนี้เกิดขึ้นหลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์เสนอให้ Nvidia และ AMD จ่าย 15% ของรายได้จากการขายชิปในจีนให้รัฐบาลสหรัฐฯ เพื่อแลกกับการอนุญาตให้ขายชิปรุ่นใหม่ที่ “ลดประสิทธิภาพลง” ประมาณ 30–50% ✅ ข้อมูลในข่าว ➡️ Nvidia พัฒนา B30A ชิป AI สำหรับตลาดจีน โดยใช้สถาปัตยกรรม Blackwell ➡️ B30A เป็นชิปแบบ single-die ที่มีประสิทธิภาพประมาณครึ่งหนึ่งของ B300 ➡️ ประสิทธิภาพของ B30A สูงกว่า H20 และใกล้เคียงกับ H100 ➡️ มาพร้อมหน่วยความจำ HBM3E ขนาด 144GB และแบนด์วิดท์ 4TB/s ➡️ ใช้เทคโนโลยี NVLink สำหรับการเชื่อมต่อระหว่างโปรเซสเซอร์ ➡️ ออกแบบให้ผ่านข้อจำกัดการส่งออกของสหรัฐฯ ➡️ Nvidia เตรียมส่งมอบตัวอย่าง B30A และ RTX 6000D ให้ลูกค้าในจีนภายในกันยายน 2025 ➡️ RTX 6000D เป็นรุ่นลดสเปกสำหรับ inference และกราฟิกระดับมืออาชีพ ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ อาจอนุญาตให้ขายชิปรุ่นใหม่ในจีน หากมีการแบ่งรายได้ 15% ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ H20 ถูกพัฒนาเพื่อให้ผ่านข้อจำกัดการส่งออกในปี 2023 แต่ถูกระงับการขายในเมษายน 2025 ➡️ B30A ใช้เทคโนโลยี CoWoS-S ซึ่งถูกกว่ารุ่น CoWoS-L ที่ใช้ใน B300 ➡️ การออกแบบ single-die ช่วยลดกำลังไฟและเหมาะกับอุปกรณ์ PCIe ➡️ Nvidia ต้องรักษาฐานลูกค้าในจีนเพื่อคง ecosystem ของ CUDA ➡️ Huawei กำลังพัฒนา GPU แข่งกับ Nvidia แม้ยังด้อยในด้านซอฟต์แวร์และแบนด์วิดท์ ➡️ การออกแบบชิปเฉพาะตลาดเป็นกลยุทธ์ที่ใช้ในหลายประเทศ เช่น อินเดียและรัสเซีย https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/nvidia-could-be-readying-b30a-accelerator-for-chinese-market-new-blackwell-chip-reportedly-beats-h20-and-even-h100-while-complying-with-u-s-export-controls
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • ช่องโหว่ RCE เดือนสิงหาคม 2025: เมื่อระบบสำคัญถูกเปิดช่องให้แฮกเกอร์ควบคุมจากระยะไกล
    ใน Patch Tuesday เดือนสิงหาคม 2025 Microsoft ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่กว่า 107 รายการ โดยมี 13 รายการจัดเป็นระดับ “วิกฤต” และหนึ่งในนั้นคือช่องโหว่ CVE-2025-53779 ซึ่งเป็นช่องโหว่แบบ zero-day ในระบบ Windows Kerberos ที่ใช้ใน Active Directory

    ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการ path traversal ใน dMSA (Delegated Managed Service Account) ที่ผิดพลาด ทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ระดับสูงสามารถปรับแต่งความสัมพันธ์ของบัญชีบริการ และยกระดับสิทธิ์จนกลายเป็น domain admin ได้ ซึ่งหมายถึงการควบคุมระบบเครือข่ายทั้งหมด

    แม้ Microsoft จะประเมินว่า “การโจมตีจริงยังไม่น่าจะเกิดขึ้น” แต่มี proof-of-concept ที่ใช้งานได้แล้ว และนักวิจัยจาก Akamai ได้เปิดเผยกลไกการโจมตีตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ทำให้ช่องโหว่นี้กลายเป็นความเสี่ยงระดับสูงสำหรับองค์กรที่ใช้ Windows Server 2025

    อีกด้านหนึ่ง Veeam ก็พบช่องโหว่ CVE-2025-23120 ซึ่งเปิดช่องให้ผู้ใช้ที่อยู่ในโดเมนสามารถโจมตี Backup Server ได้จากระยะไกล โดยไม่ต้องมีสิทธิ์ระดับ admin ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS สูงถึง 9.9 และกระทบกับ Veeam Backup & Replication เวอร์ชัน 12.3.0.310 และก่อนหน้านั้นทั้งหมด

    ข้อมูลจากข่าวหลัก
    Microsoft แก้ไขช่องโหว่ 107 รายการใน Patch Tuesday เดือนสิงหาคม 2025
    ช่องโหว่ CVE-2025-53779 เป็น zero-day ใน Windows Kerberos ที่ใช้ใน Active Directory
    ช่องโหว่เกิดจาก path traversal ใน dMSA ทำให้สามารถยกระดับสิทธิ์เป็น domain admin
    ช่องโหว่นี้มี proof-of-concept และถูกเปิดเผยโดย Akamai ตั้งแต่พฤษภาคม
    Veeam พบช่องโหว่ CVE-2025-23120 ซึ่งเปิดช่องให้โจมตี Backup Server จากระยะไกล
    ช่องโหว่ Veeam มีคะแนน CVSS 9.9 และกระทบกับเวอร์ชัน 12.3.0.310 และก่อนหน้านั้น
    Veeam แนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 12.3.1.1139 เพื่อแก้ไขช่องโหว่

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Kerberos เป็นระบบยืนยันตัวตนหลักใน Windows ที่ใช้ในองค์กรทั่วโลก
    ช่องโหว่ใน dMSA อาจถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของ multi-exploit chain เพื่อควบคุมระบบ
    CISA เคยเตือนว่า Kerberoasting เป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการยกระดับสิทธิ์ในเครือข่าย
    Veeam เป็นซอฟต์แวร์สำรองข้อมูลที่ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่และศูนย์ข้อมูล
    ช่องโหว่ใน Veeam อาจถูก reverse-engineer ได้หลังจากแพตช์ถูกปล่อย
    การโจมตี RCE แบบไม่ต้องมี interaction จากผู้ใช้ถือเป็นภัยคุกคามระดับสูง

    https://research.kudelskisecurity.com/2025/08/19/how-we-exploited-coderabbit-from-a-simple-pr-to-rce-and-write-access-on-1m-repositories/
    🧨 ช่องโหว่ RCE เดือนสิงหาคม 2025: เมื่อระบบสำคัญถูกเปิดช่องให้แฮกเกอร์ควบคุมจากระยะไกล ใน Patch Tuesday เดือนสิงหาคม 2025 Microsoft ได้ออกแพตช์แก้ไขช่องโหว่กว่า 107 รายการ โดยมี 13 รายการจัดเป็นระดับ “วิกฤต” และหนึ่งในนั้นคือช่องโหว่ CVE-2025-53779 ซึ่งเป็นช่องโหว่แบบ zero-day ในระบบ Windows Kerberos ที่ใช้ใน Active Directory ช่องโหว่นี้เกิดจากการจัดการ path traversal ใน dMSA (Delegated Managed Service Account) ที่ผิดพลาด ทำให้ผู้โจมตีที่มีสิทธิ์ระดับสูงสามารถปรับแต่งความสัมพันธ์ของบัญชีบริการ และยกระดับสิทธิ์จนกลายเป็น domain admin ได้ ซึ่งหมายถึงการควบคุมระบบเครือข่ายทั้งหมด แม้ Microsoft จะประเมินว่า “การโจมตีจริงยังไม่น่าจะเกิดขึ้น” แต่มี proof-of-concept ที่ใช้งานได้แล้ว และนักวิจัยจาก Akamai ได้เปิดเผยกลไกการโจมตีตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ทำให้ช่องโหว่นี้กลายเป็นความเสี่ยงระดับสูงสำหรับองค์กรที่ใช้ Windows Server 2025 อีกด้านหนึ่ง Veeam ก็พบช่องโหว่ CVE-2025-23120 ซึ่งเปิดช่องให้ผู้ใช้ที่อยู่ในโดเมนสามารถโจมตี Backup Server ได้จากระยะไกล โดยไม่ต้องมีสิทธิ์ระดับ admin ช่องโหว่นี้มีคะแนน CVSS สูงถึง 9.9 และกระทบกับ Veeam Backup & Replication เวอร์ชัน 12.3.0.310 และก่อนหน้านั้นทั้งหมด ✅ ข้อมูลจากข่าวหลัก ➡️ Microsoft แก้ไขช่องโหว่ 107 รายการใน Patch Tuesday เดือนสิงหาคม 2025 ➡️ ช่องโหว่ CVE-2025-53779 เป็น zero-day ใน Windows Kerberos ที่ใช้ใน Active Directory ➡️ ช่องโหว่เกิดจาก path traversal ใน dMSA ทำให้สามารถยกระดับสิทธิ์เป็น domain admin ➡️ ช่องโหว่นี้มี proof-of-concept และถูกเปิดเผยโดย Akamai ตั้งแต่พฤษภาคม ➡️ Veeam พบช่องโหว่ CVE-2025-23120 ซึ่งเปิดช่องให้โจมตี Backup Server จากระยะไกล ➡️ ช่องโหว่ Veeam มีคะแนน CVSS 9.9 และกระทบกับเวอร์ชัน 12.3.0.310 และก่อนหน้านั้น ➡️ Veeam แนะนำให้อัปเดตเป็นเวอร์ชัน 12.3.1.1139 เพื่อแก้ไขช่องโหว่ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Kerberos เป็นระบบยืนยันตัวตนหลักใน Windows ที่ใช้ในองค์กรทั่วโลก ➡️ ช่องโหว่ใน dMSA อาจถูกใช้เป็นส่วนหนึ่งของ multi-exploit chain เพื่อควบคุมระบบ ➡️ CISA เคยเตือนว่า Kerberoasting เป็นวิธีที่เร็วที่สุดในการยกระดับสิทธิ์ในเครือข่าย ➡️ Veeam เป็นซอฟต์แวร์สำรองข้อมูลที่ใช้ในองค์กรขนาดใหญ่และศูนย์ข้อมูล ➡️ ช่องโหว่ใน Veeam อาจถูก reverse-engineer ได้หลังจากแพตช์ถูกปล่อย ➡️ การโจมตี RCE แบบไม่ต้องมี interaction จากผู้ใช้ถือเป็นภัยคุกคามระดับสูง https://research.kudelskisecurity.com/2025/08/19/how-we-exploited-coderabbit-from-a-simple-pr-to-rce-and-write-access-on-1m-repositories/
    RESEARCH.KUDELSKISECURITY.COM
    How We Exploited CodeRabbit: From a Simple PR to RCE and Write Access on 1M Repositories
    In this blog post, we explain how we got remote code execution (RCE) on CodeRabbit’s production servers, leaked their API tokens and secrets, how we could have accessed their PostgreSQL datab…
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 149 มุมมอง 0 รีวิว

  • ..แหกตาว่าชาวบ้านได้ที่คืนแล้วพะนะจากทหารไทยโดยแม่ทัพภาคที่1สั่งว่ารั้วลวดหนามแล้ว ชาวบ้านดีใจก่อนล่วงหน้าก็ว่า เอาเข้าจริงไม่ได้ล้อมรั้วลวดหนามตาทหลักเขตหมุดเสาดินแดนจริงอะไร ระยะห่างผีบ้าจริงถึง500เมตร ผีบ้าไปแล้วจริงๆของจริงด้วย,,ก่อนหยุดยิงแม่ทัพภาคที่1ไม่มีแผนการจะยึดพื้นที่ดินแดนคืนจากเขมรจริงแต่อย่างใดโดยเฉพาะบ้านหนองจาน จากคำกล่าว อ.วีระ ว่าชาวเขมรหนีตายทิ้งหมู่บ้านไปแล้วเป็นอันมากเพราะกลัวการปะทะระหว่างจุดบ้านหนองจาน ,นั้นยิ่งตอกย้ำว่าทหารไทยสามารถเข้าตียึดพื้นที่โดยง่ายแม้มีชาวบ้านเขมรอยู่จริงก็ตามหากไม่กลัวตายยังอาศัยอยู่ในบ้านจากการปะทะของทหารไทยกับทหารเขมรเพื่อยึดพื้นที่ดินแดนไทยบริเวณบ้านหนองจานกลับคืน,ทหารไทยสามารถปะทะเดือดถล่มบ่อนคาสิโนเขมรหรือเขตเศรษฐกิจทำตังของเขมรได้เลยด้วย ตัดบ่อนทำลายคนไทยในตัวอีกจากใช้โอกาสปะทะนีัทั้งรักษายึดคืนดินแดนที่ถูกเขมรแย่งเอาไปตั้งนานกลับคืนได้ ทำไมแม่ทัพภาคที่1ละเว้นการปฏิบัติภาระกิจที่ต้องทำชัดเจนอยู่แล้วและเราประชาชนคาดหวังมากว่าบ้านหนองจานที่เป็นข่าวอันโด่งดังที่เขมรยึดไปจากไทย แม่ทัพภาคที่1จะสามารถดำเนินการยึดคืนทั้งหมดได้โดยดีแม้ไม่เป็นข่าวออกสื่อใดๆระหว่างเกิดเหตุปะทะวันที่28ก.ค.68นี้ เราคาดหวังว่าต้องยึดคืนแบบเงียบๆไม่ต้องให้เป็นข่าวใหญ่โตแบบฝั่งอีสานใต้แม่ทัพภาคที่2ก็ได้ เป็นเสือร้ายนิ่งที่ลงมือสังหารศัตรูอย่างเด็ดขาดรวดเร็วในดาบเดียวประมาณนััน จึงวางใจว่าแม้ไม่เป็นข่าวก็เชื่อใจได้ว่าแม่ทัพภาคที่1จะไม่ทรยศในความคาดหวังจากเรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศแม้กระแสหน้าสื่อจะหันไปภูมะเขือ ตาควายมากมายก็ตาม,จบปะทะภาค1 อย่างน้อยต้องได้พื้นที่หลายจุดที่เขมรครอบครองยึดไปแบบออกนอกหน้านอกตาเป็นข่าวเหมือนบ้านหนองจานที่อ.วีระถูกเขมรจับไป.,สุดท้ายเมื่อความจริงปรากฎ มันน่าผิดหวังมาก เราจะแม่ทัพภาคที่1และคณะทีมงานทั้งทีมนี้ไปทำไม???อีก,ไม่ละอายใจในทหารที่ตายที่บาดเจ็บที่สู้จนตัวตายพิการตลอดแนวพรมแดนไทยเขมรเราเลยเหรอ,ลาออกไปเถอะถ้าไร้ฝีมือความสามารถปัญญาขนาดเด็กๆยังดูออกเลย,ให้คนดีๆคนเก่งขึ้นมายึดดินแดนไทยอธิปไตยเราคืนจากเขมรเถอะหากไม่ตั้งใจเต็มใจเต็มที่ในภาระกิจความรับผิดชอบตนหน้างานนี้.,เด็กๆที่ตายคา7/11คุณไม่ละอายใจเหรอ,ครอบครัวตายเกือบหมดทั้งครอบครัวที่เขมรยิงระเบิดใส่เราสำนึกทหารทั้งภาค1ท่านคิดเช่นไร,ประชาชนเสียสละอพยพพรากจากในสิ่งที่รักที่หวงแหนให้ทหารไทยเราต่อสู้เพื่อเอาอธิปไตยไทยเรากลับมาให้ได้คุณๆไม่สำนึกเลยเหรอในเขาเสียสละให้ต้องจัดการมันคนเขมรให้จบ,บัดสบที่สุด ปฏิบัติเหี้ยที่สูญเปล่า ประชาชนคนไทยที่บาดเจ็บที่ตายมันทำให้สูญเปล่าเช่นนั้นเหรอ,ขลาดเขลานัก,พลทหารมากมายตลอดชายแดนท่านเหล่านั้นต่อสู้เพื่ออะไรล่ะ,แต่ตลอดพรมแดนแม่ทัพภาคที่1 มันคืออะไร?.,เช่นนั้นจะสามารถเข้าใจได้มั้ยว่า หากเขมรจะบุกโจมตีไทยสามารถทะลุมาทางภาค1ได้อย่างสบายเหมือนมีประตูเปิดโล่งเดินได้สะดวกสบายยึดประเทศไทยนี้ได้สบายมากๆ,ไม่สามารถวัวหายแล้วล้อมคอกได้จริงๆ การแอ็คชั่นเมื่อหลังจบการปะทะไม่สามารถอ้างความไม่รับผิดชอบได้,จังหวะอำนวยเกินล้าน%สามารถีบเขมรพ้นจากแผ่นดินไทยทั้งหมดได้ทำไมท่านไม่ทำ,
    ..สรุปพื้นที่ทหารเขตๆนี้อาจเป็นภัยความมั่นคงของชาติของอธิปไตยไทยตนเสียเองก็ได้,ตลอดอเมริกาท่าเรือไม่เป็นทางการหรือกองทัพอเมริกาอย่างไม่เป็นทางการก็อยู่ภาคตะวันออกนี้,นัยยะมากมายด้านความมั่นคงสาระพัดต่ออธิปไตยไทยด้วยอย่างมีนัยยสำคัญจริงๆมิใช่แค่เขมรในบ้านหนองจานที่รับผิดชอบในหน้าที่.
    ..เราประชาชนคนไทยผิดหวังมากถึงมากที่สุดที่รับรู้ข่าวนี้ว่าไม่สามารถถีบคนเขมรออกนอกเขตหลักหมุดพรมแดนจริงได้ซึ่งมีหลักหมุดให้เห็นเต็มตาขนาดนั้น,แนวระวางทางดาวเทียมประกอบก็ง่ายยิงสำรวจบอกพิกัดชัดเจนโคตรๆในปัจจุบัน แต่แสดงพฤติกรรมเสมือนว่าเรื่องเขตพรมแดนเขมรนี้ตกลงยากเย็นดึกดำบรรพ์เสียจริง,อดีตโกหกทั้งประเทศได้,ลากโกลาหลวุ่นวายขนาดไหนได้แต่ปัจจุบันมันไม่ใช่แล้ว ต้องซื่อสัตย์จริงใจต่อประชาชนเถอะ,ความจริงมีหนึ่งเดียวเท่านั้น,คนไทยเราพร้อมให้อภัยในสิ่งที่ผิดพลาดเมื่อรู้ตัวว่าผิดพลาด,แล้วมาร่วมสร้างชาติไทย รักบ้านเกิดเมืองไทยเรานี้กันใหม่ คนเราผิดพลาดได้แต่อย่าผิดต่อแผ่นดินไทยบ้านเกิดเมืองนอนตนเลย.,เรามิอาจให้อภัยได้หากไม่สำนึกผิดชอบชั่วดีอีกต่อไป.




    https://www.youtube.com/watch?v=tXh_K_azfJs
    ..แหกตาว่าชาวบ้านได้ที่คืนแล้วพะนะจากทหารไทยโดยแม่ทัพภาคที่1สั่งว่ารั้วลวดหนามแล้ว ชาวบ้านดีใจก่อนล่วงหน้าก็ว่า เอาเข้าจริงไม่ได้ล้อมรั้วลวดหนามตาทหลักเขตหมุดเสาดินแดนจริงอะไร ระยะห่างผีบ้าจริงถึง500เมตร ผีบ้าไปแล้วจริงๆของจริงด้วย,,ก่อนหยุดยิงแม่ทัพภาคที่1ไม่มีแผนการจะยึดพื้นที่ดินแดนคืนจากเขมรจริงแต่อย่างใดโดยเฉพาะบ้านหนองจาน จากคำกล่าว อ.วีระ ว่าชาวเขมรหนีตายทิ้งหมู่บ้านไปแล้วเป็นอันมากเพราะกลัวการปะทะระหว่างจุดบ้านหนองจาน ,นั้นยิ่งตอกย้ำว่าทหารไทยสามารถเข้าตียึดพื้นที่โดยง่ายแม้มีชาวบ้านเขมรอยู่จริงก็ตามหากไม่กลัวตายยังอาศัยอยู่ในบ้านจากการปะทะของทหารไทยกับทหารเขมรเพื่อยึดพื้นที่ดินแดนไทยบริเวณบ้านหนองจานกลับคืน,ทหารไทยสามารถปะทะเดือดถล่มบ่อนคาสิโนเขมรหรือเขตเศรษฐกิจทำตังของเขมรได้เลยด้วย ตัดบ่อนทำลายคนไทยในตัวอีกจากใช้โอกาสปะทะนีัทั้งรักษายึดคืนดินแดนที่ถูกเขมรแย่งเอาไปตั้งนานกลับคืนได้ ทำไมแม่ทัพภาคที่1ละเว้นการปฏิบัติภาระกิจที่ต้องทำชัดเจนอยู่แล้วและเราประชาชนคาดหวังมากว่าบ้านหนองจานที่เป็นข่าวอันโด่งดังที่เขมรยึดไปจากไทย แม่ทัพภาคที่1จะสามารถดำเนินการยึดคืนทั้งหมดได้โดยดีแม้ไม่เป็นข่าวออกสื่อใดๆระหว่างเกิดเหตุปะทะวันที่28ก.ค.68นี้ เราคาดหวังว่าต้องยึดคืนแบบเงียบๆไม่ต้องให้เป็นข่าวใหญ่โตแบบฝั่งอีสานใต้แม่ทัพภาคที่2ก็ได้ เป็นเสือร้ายนิ่งที่ลงมือสังหารศัตรูอย่างเด็ดขาดรวดเร็วในดาบเดียวประมาณนััน จึงวางใจว่าแม้ไม่เป็นข่าวก็เชื่อใจได้ว่าแม่ทัพภาคที่1จะไม่ทรยศในความคาดหวังจากเรา..ประชาชนคนไทยทั้งประเทศแม้กระแสหน้าสื่อจะหันไปภูมะเขือ ตาควายมากมายก็ตาม,จบปะทะภาค1 อย่างน้อยต้องได้พื้นที่หลายจุดที่เขมรครอบครองยึดไปแบบออกนอกหน้านอกตาเป็นข่าวเหมือนบ้านหนองจานที่อ.วีระถูกเขมรจับไป.,สุดท้ายเมื่อความจริงปรากฎ มันน่าผิดหวังมาก เราจะแม่ทัพภาคที่1และคณะทีมงานทั้งทีมนี้ไปทำไม???อีก,ไม่ละอายใจในทหารที่ตายที่บาดเจ็บที่สู้จนตัวตายพิการตลอดแนวพรมแดนไทยเขมรเราเลยเหรอ,ลาออกไปเถอะถ้าไร้ฝีมือความสามารถปัญญาขนาดเด็กๆยังดูออกเลย,ให้คนดีๆคนเก่งขึ้นมายึดดินแดนไทยอธิปไตยเราคืนจากเขมรเถอะหากไม่ตั้งใจเต็มใจเต็มที่ในภาระกิจความรับผิดชอบตนหน้างานนี้.,เด็กๆที่ตายคา7/11คุณไม่ละอายใจเหรอ,ครอบครัวตายเกือบหมดทั้งครอบครัวที่เขมรยิงระเบิดใส่เราสำนึกทหารทั้งภาค1ท่านคิดเช่นไร,ประชาชนเสียสละอพยพพรากจากในสิ่งที่รักที่หวงแหนให้ทหารไทยเราต่อสู้เพื่อเอาอธิปไตยไทยเรากลับมาให้ได้คุณๆไม่สำนึกเลยเหรอในเขาเสียสละให้ต้องจัดการมันคนเขมรให้จบ,บัดสบที่สุด ปฏิบัติเหี้ยที่สูญเปล่า ประชาชนคนไทยที่บาดเจ็บที่ตายมันทำให้สูญเปล่าเช่นนั้นเหรอ,ขลาดเขลานัก,พลทหารมากมายตลอดชายแดนท่านเหล่านั้นต่อสู้เพื่ออะไรล่ะ,แต่ตลอดพรมแดนแม่ทัพภาคที่1 มันคืออะไร?.,เช่นนั้นจะสามารถเข้าใจได้มั้ยว่า หากเขมรจะบุกโจมตีไทยสามารถทะลุมาทางภาค1ได้อย่างสบายเหมือนมีประตูเปิดโล่งเดินได้สะดวกสบายยึดประเทศไทยนี้ได้สบายมากๆ,ไม่สามารถวัวหายแล้วล้อมคอกได้จริงๆ การแอ็คชั่นเมื่อหลังจบการปะทะไม่สามารถอ้างความไม่รับผิดชอบได้,จังหวะอำนวยเกินล้าน%สามารถีบเขมรพ้นจากแผ่นดินไทยทั้งหมดได้ทำไมท่านไม่ทำ, ..สรุปพื้นที่ทหารเขตๆนี้อาจเป็นภัยความมั่นคงของชาติของอธิปไตยไทยตนเสียเองก็ได้,ตลอดอเมริกาท่าเรือไม่เป็นทางการหรือกองทัพอเมริกาอย่างไม่เป็นทางการก็อยู่ภาคตะวันออกนี้,นัยยะมากมายด้านความมั่นคงสาระพัดต่ออธิปไตยไทยด้วยอย่างมีนัยยสำคัญจริงๆมิใช่แค่เขมรในบ้านหนองจานที่รับผิดชอบในหน้าที่. ..เราประชาชนคนไทยผิดหวังมากถึงมากที่สุดที่รับรู้ข่าวนี้ว่าไม่สามารถถีบคนเขมรออกนอกเขตหลักหมุดพรมแดนจริงได้ซึ่งมีหลักหมุดให้เห็นเต็มตาขนาดนั้น,แนวระวางทางดาวเทียมประกอบก็ง่ายยิงสำรวจบอกพิกัดชัดเจนโคตรๆในปัจจุบัน แต่แสดงพฤติกรรมเสมือนว่าเรื่องเขตพรมแดนเขมรนี้ตกลงยากเย็นดึกดำบรรพ์เสียจริง,อดีตโกหกทั้งประเทศได้,ลากโกลาหลวุ่นวายขนาดไหนได้แต่ปัจจุบันมันไม่ใช่แล้ว ต้องซื่อสัตย์จริงใจต่อประชาชนเถอะ,ความจริงมีหนึ่งเดียวเท่านั้น,คนไทยเราพร้อมให้อภัยในสิ่งที่ผิดพลาดเมื่อรู้ตัวว่าผิดพลาด,แล้วมาร่วมสร้างชาติไทย รักบ้านเกิดเมืองไทยเรานี้กันใหม่ คนเราผิดพลาดได้แต่อย่าผิดต่อแผ่นดินไทยบ้านเกิดเมืองนอนตนเลย.,เรามิอาจให้อภัยได้หากไม่สำนึกผิดชอบชั่วดีอีกต่อไป. https://www.youtube.com/watch?v=tXh_K_azfJs
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 204 มุมมอง 0 รีวิว
  • ผู้ว่าฯ สงขลาโต้หนังสือด่วนที่สุดเชิญอำนวยความสะดวก รมช.มหาดไทย เป็นของปลอม ยันไม่ได้ลงนามเอง แต่พบลายเซ็นในเอกสารดังกล่าวตรงกับเอกสารราชการที่เคยเผยแพร่ก่อนหน้านี้

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000078656

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    ผู้ว่าฯ สงขลาโต้หนังสือด่วนที่สุดเชิญอำนวยความสะดวก รมช.มหาดไทย เป็นของปลอม ยันไม่ได้ลงนามเอง แต่พบลายเซ็นในเอกสารดังกล่าวตรงกับเอกสารราชการที่เคยเผยแพร่ก่อนหน้านี้ อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000078656 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Haha
    Like
    5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 336 มุมมอง 0 รีวิว
  • “หลวงพ่ออลงกต” ประกาศลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ อ.เมืองลพบุรี ท่ามกลางกระแสข่าวการตรวจสอบข้อมูลภายในวัด โดยก่อนหน้านี้เคยเลื่อนการแถลงข่าวออกไปอย่างไม่มีกำหนด

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000078462

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    “หลวงพ่ออลงกต” ประกาศลาออกจากตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ อ.เมืองลพบุรี ท่ามกลางกระแสข่าวการตรวจสอบข้อมูลภายในวัด โดยก่อนหน้านี้เคยเลื่อนการแถลงข่าวออกไปอย่างไม่มีกำหนด อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000078462 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Haha
    Like
    Love
    4
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 347 มุมมอง 0 รีวิว
  • Excalibur: โดรนดำน้ำอัจฉริยะที่ควบคุมจากอีกซีกโลก
    ในเดือนพฤษภาคม 2025 กองทัพเรืออังกฤษได้เปิดตัว “Excalibur” โดรนดำน้ำไร้คนขับขนาด 12 เมตร ซึ่งจัดอยู่ในประเภท Extra-Large Uncrewed Underwater Vehicle (XLUUV) และเป็นผลลัพธ์จากโครงการวิจัย Project CETUS ที่ใช้เวลาพัฒนานานถึง 3 ปี

    Excalibur ถูกสร้างโดยบริษัท MSubs ในเมือง Plymouth และมีน้ำหนัก 19 ตัน กว้าง 2 เมตร โครงสร้างออกแบบให้สามารถทำงานใต้น้ำได้เป็นเวลานานโดยไม่ต้องมีมนุษย์ควบคุม

    ในการทดสอบล่าสุด โดรนนี้ถูกควบคุมจากศูนย์ปฏิบัติการในออสเตรเลีย ขณะทำงานอยู่ในน่านน้ำอังกฤษ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการควบคุมระยะไกลกว่า 10,000 ไมล์ผ่านระบบสื่อสารขั้นสูง

    Excalibur จะถูกนำไปใช้ในภารกิจทดลองร่วมกับหน่วย Fleet Experimentation Squadron เพื่อทดสอบเทคโนโลยีใหม่ เช่น การลาดตระเวน การเก็บข้อมูลใต้ทะเล การติดตั้งเซ็นเซอร์ในพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย และการปฏิบัติการร่วมกับเรือที่มีลูกเรือ

    แม้จะยังไม่ถูกนำไปใช้ในภารกิจจริง แต่ Excalibur ถือเป็นก้าวสำคัญของกองทัพเรืออังกฤษในการเตรียมพร้อมรับมือสงครามใต้น้ำยุคใหม่ โดยเฉพาะในบริบทของความร่วมมือ AUKUS ระหว่างอังกฤษ สหรัฐฯ และออสเตรเลีย

    ข้อมูลหลักของ Excalibur
    เป็นโดรนดำน้ำไร้คนขับขนาด 12 เมตร กว้าง 2 เมตร หนัก 19 ตัน
    พัฒนาโดยบริษัท MSubs ภายใต้โครงการ Project CETUS
    เป็น XLUUV ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่กองทัพเรืออังกฤษเคยทดสอบ
    สามารถควบคุมจากระยะไกลกว่า 10,000 ไมล์ เช่นจากออสเตรเลีย
    ใช้ในภารกิจทดลอง เช่น การลาดตระเวน การเก็บข้อมูล และการติดตั้ง payload
    เข้าร่วมกับ Fleet Experimentation Squadron ภายใต้ Disruptive Capabilities Office
    มีดีไซน์ modular สำหรับติดตั้งเซ็นเซอร์หรืออุปกรณ์เฉพาะภารกิจ
    ใช้เป็น testbed สำหรับเทคโนโลยีใต้น้ำและการทำงานร่วมกับเรือที่มีลูกเรือ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    Excalibur ใช้ระบบสื่อสารความเร็วสูงเพื่อควบคุมจากต่างประเทศ
    มีความสามารถในการทำงานในพื้นที่ที่ถูกปฏิเสธการเข้าถึง (denied environments)
    โดรนนี้ไม่ใช่รุ่นปฏิบัติการจริง แต่เป็นต้นแบบสำหรับการเรียนรู้และพัฒนา
    การตั้งชื่อ “Excalibur” เป็นการรำลึกถึงเรือดำน้ำรุ่นเก่าของอังกฤษในปี 1947
    การทดลองนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือ AUKUS Pillar II
    มีการสังเกตการณ์จากประเทศอื่น เช่น ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/uks-royal-navy-tests-40-foot-submarine-drone-which-can-be-operated-from-the-other-side-of-the-world
    ⚓ Excalibur: โดรนดำน้ำอัจฉริยะที่ควบคุมจากอีกซีกโลก ในเดือนพฤษภาคม 2025 กองทัพเรืออังกฤษได้เปิดตัว “Excalibur” โดรนดำน้ำไร้คนขับขนาด 12 เมตร ซึ่งจัดอยู่ในประเภท Extra-Large Uncrewed Underwater Vehicle (XLUUV) และเป็นผลลัพธ์จากโครงการวิจัย Project CETUS ที่ใช้เวลาพัฒนานานถึง 3 ปี Excalibur ถูกสร้างโดยบริษัท MSubs ในเมือง Plymouth และมีน้ำหนัก 19 ตัน กว้าง 2 เมตร โครงสร้างออกแบบให้สามารถทำงานใต้น้ำได้เป็นเวลานานโดยไม่ต้องมีมนุษย์ควบคุม ในการทดสอบล่าสุด โดรนนี้ถูกควบคุมจากศูนย์ปฏิบัติการในออสเตรเลีย ขณะทำงานอยู่ในน่านน้ำอังกฤษ ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการควบคุมระยะไกลกว่า 10,000 ไมล์ผ่านระบบสื่อสารขั้นสูง Excalibur จะถูกนำไปใช้ในภารกิจทดลองร่วมกับหน่วย Fleet Experimentation Squadron เพื่อทดสอบเทคโนโลยีใหม่ เช่น การลาดตระเวน การเก็บข้อมูลใต้ทะเล การติดตั้งเซ็นเซอร์ในพื้นที่ที่ไม่ปลอดภัย และการปฏิบัติการร่วมกับเรือที่มีลูกเรือ แม้จะยังไม่ถูกนำไปใช้ในภารกิจจริง แต่ Excalibur ถือเป็นก้าวสำคัญของกองทัพเรืออังกฤษในการเตรียมพร้อมรับมือสงครามใต้น้ำยุคใหม่ โดยเฉพาะในบริบทของความร่วมมือ AUKUS ระหว่างอังกฤษ สหรัฐฯ และออสเตรเลีย ✅ ข้อมูลหลักของ Excalibur ➡️ เป็นโดรนดำน้ำไร้คนขับขนาด 12 เมตร กว้าง 2 เมตร หนัก 19 ตัน ➡️ พัฒนาโดยบริษัท MSubs ภายใต้โครงการ Project CETUS ➡️ เป็น XLUUV ที่ใหญ่ที่สุดเท่าที่กองทัพเรืออังกฤษเคยทดสอบ ➡️ สามารถควบคุมจากระยะไกลกว่า 10,000 ไมล์ เช่นจากออสเตรเลีย ➡️ ใช้ในภารกิจทดลอง เช่น การลาดตระเวน การเก็บข้อมูล และการติดตั้ง payload ➡️ เข้าร่วมกับ Fleet Experimentation Squadron ภายใต้ Disruptive Capabilities Office ➡️ มีดีไซน์ modular สำหรับติดตั้งเซ็นเซอร์หรืออุปกรณ์เฉพาะภารกิจ ➡️ ใช้เป็น testbed สำหรับเทคโนโลยีใต้น้ำและการทำงานร่วมกับเรือที่มีลูกเรือ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ Excalibur ใช้ระบบสื่อสารความเร็วสูงเพื่อควบคุมจากต่างประเทศ ➡️ มีความสามารถในการทำงานในพื้นที่ที่ถูกปฏิเสธการเข้าถึง (denied environments) ➡️ โดรนนี้ไม่ใช่รุ่นปฏิบัติการจริง แต่เป็นต้นแบบสำหรับการเรียนรู้และพัฒนา ➡️ การตั้งชื่อ “Excalibur” เป็นการรำลึกถึงเรือดำน้ำรุ่นเก่าของอังกฤษในปี 1947 ➡️ การทดลองนี้เป็นส่วนหนึ่งของความร่วมมือ AUKUS Pillar II ➡️ มีการสังเกตการณ์จากประเทศอื่น เช่น ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ https://www.tomshardware.com/tech-industry/uks-royal-navy-tests-40-foot-submarine-drone-which-can-be-operated-from-the-other-side-of-the-world
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    UK’s Royal Navy tests 40-foot submarine drone which can be operated from ‘the other side of the world’
    Excalibur is classed as an XLUUV and will likely be used for long-endurance surveillance, seabed warfare, and more.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 177 มุมมอง 0 รีวิว
  • เสื้อปุ๋ย เทรนด์ฮิตจากทุ่งนา

    เสื้อแขนยาวทั้งคอกลมและคอปก กลายเป็นเทรนด์ฮิตในหมู่คนที่ชื่นชอบวิถีชีวิตชนบทแบบเกษตรกร เมื่อวันก่อนเฟซบุ๊ก ปุ๋ยตราม้าบิน โพสต์ภาพระบุว่า "ใส่เสื้อหลักล้าน? เสื้อปุ๋ยธรรมดาที่ได้มากกว่าล้าน" กลายเป็นที่พูดถึงแก่ชาวเน็ต ถึงขนาด จ๋าย ไททศมิตร หรือ อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี ศิลปินเพลงป๊อปอินดี้เพื่อชีวิต คอมเมนต์ในเพจว่า "คิวว่าง พรีเซนเตอร์เข้าได้ครับ" และยังมีชาวเน็ตอีกส่วนหนึ่งเชียร์ให้จำหน่ายเสื้อ เพราะไม่ได้ซื้อปุ๋ยแต่อยากเท่กับเขาบ้าง แต่เนื่องจากเสื้อปุ๋ยม้าบินจะไม่มีจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แอดมินจึงแนะนำให้ติดตามข่าวสารและกิจกรรมจากเพจไปก่อน

    ขณะที่แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ เริ่มมีผู้ขายโพสต์ขายเสื้อปุ๋ยบ้างแล้ว แต่ไม่พบว่าเป็นเสื้อลิขสิทธิ์แท้หรือของลอกเลียนแบบ เพราะโดยปกติแล้วเสื้อขายปุ๋ย ผู้จัดจำหน่ายจะแจกจ่ายให้ร้านค้าทางการเกษตร เพื่อนำไปสมนาคุณแก่ลูกค้าที่ซื้อปุ๋ยตามเงื่อนไข ซึ่งแต่ละครั้งเกษตรกรจะซื้อเป็นกระสอบ ยิ่งมีจำนวนไร่มากยิ่งต้องใช้ปุ๋ยมาก ต้องจ่ายในราคาที่แพงมาก โดยก่อนหน้านี้ เสื้อปุ๋ยตราม้าบินสีน้ำเงิน ถูกนำไปใช้ในมิวสิกวีดีโอเพลง ให้บุญนำพา ของ ไหมไทย หัวใจศิลป์ ที่นักแสดงนำชายอย่าง ยูโร พัชรพล รับบทเป็นชาวนา เผยแพร่ผ่านยูทูบเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2567 ปัจจุบันมียอดวิวมากกว่า 115 ล้านวิว

    อย่างไรก็ตาม ยังมีเพลงที่เกี่ยวข้องกับเสื้อปุ๋ย เฉกเช่นมิวสิกวีดีโอเพลง ผู้บ่าวเสื้อปุ๋ย ของศิลปินเพลงป็อปลูกทุ่ง ดิด คิตตี้ หรือ บัณฑิต ไพรบึง โดยมีท่อนฮุคระบุว่า "อ้ายใส่เสื้อปุ๋ยแถมมาน้องหล่า บ่มีปัญญาไปซื้อของห้าง หรูสุดแค่ข้าวกระเพราข้างทาง ดีแหน่กะพาหย่างตลาดนัดวันเสาร์" เผยแพร่ผ่านยูทูปเมื่อวันที่ 20 พ.ค.2568 ปัจจุบันมียอดวิวมากกว่า 56 ล้านวิว ไม่นับรวมถ่ายคลิปลงติ๊กต็อกหรือร้องเพลงคัฟเวอร์ แถมศิลปินยังใช้โอกาสนี้ขายเสื้อปุ๋ยคอปกสีแสดแบบเดียวกับในเอ็มวี สำหรับแฟนเพลงที่อยากได้ไว้ใส่ทำนา ทำสวน ทำไร่ หรือใส่ไปเที่ยว

    สำหรับเสื้อปุ๋ย นิยมทำเป็นเสื้อแขนยาวเพื่อใช้กันแดดที่แขน ผลิตจากใยสังเคราะห์หรือโพลีเอสเตอร์ ส่วนใหญ่จะเป็นผ้าทีเคหรือผ้าทีซี (ผสมคอตตอน 20%) ซึ่งราคาถูกที่สุด หรืออย่างดีขึ้นมาหน่อยจะเป็นผ้าไอบีหรือผ้าไมโคร ยิ่งสั่งผลิตจำนวนมากยิ่งราคาถูกลง แต่อายุการใช้งานขึ้นอยู่กับเนื้อผ้าและการซัก ที่ผ่านมามีมุกตลกที่ระบุว่า "ใครใส่เสื้อที่มีโลโก้ปุ๋ยแปลว่าเป็นคนมีตังค์" แม้จะเป็นเสื้อแถม แต่ต้องมียอดซื้อจำนวนมากถึงจะได้เสื้อฟรี สะท้อนให้เห็นว่า สังคมเกษตรกรรม เป็นรากฐานของวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนไทยที่ขาดกันไม่ได้

    #Newskit

    (ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ใน Facebook และ IG วันจันทร์ที่ 18 ส.ค. 2568)
    เสื้อปุ๋ย เทรนด์ฮิตจากทุ่งนา เสื้อแขนยาวทั้งคอกลมและคอปก กลายเป็นเทรนด์ฮิตในหมู่คนที่ชื่นชอบวิถีชีวิตชนบทแบบเกษตรกร เมื่อวันก่อนเฟซบุ๊ก ปุ๋ยตราม้าบิน โพสต์ภาพระบุว่า "ใส่เสื้อหลักล้าน? เสื้อปุ๋ยธรรมดาที่ได้มากกว่าล้าน" กลายเป็นที่พูดถึงแก่ชาวเน็ต ถึงขนาด จ๋าย ไททศมิตร หรือ อิชณน์กร พึ่งเกียรติรัศมี ศิลปินเพลงป๊อปอินดี้เพื่อชีวิต คอมเมนต์ในเพจว่า "คิวว่าง พรีเซนเตอร์เข้าได้ครับ" และยังมีชาวเน็ตอีกส่วนหนึ่งเชียร์ให้จำหน่ายเสื้อ เพราะไม่ได้ซื้อปุ๋ยแต่อยากเท่กับเขาบ้าง แต่เนื่องจากเสื้อปุ๋ยม้าบินจะไม่มีจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แอดมินจึงแนะนำให้ติดตามข่าวสารและกิจกรรมจากเพจไปก่อน ขณะที่แพลตฟอร์มช้อปปิ้งออนไลน์ เริ่มมีผู้ขายโพสต์ขายเสื้อปุ๋ยบ้างแล้ว แต่ไม่พบว่าเป็นเสื้อลิขสิทธิ์แท้หรือของลอกเลียนแบบ เพราะโดยปกติแล้วเสื้อขายปุ๋ย ผู้จัดจำหน่ายจะแจกจ่ายให้ร้านค้าทางการเกษตร เพื่อนำไปสมนาคุณแก่ลูกค้าที่ซื้อปุ๋ยตามเงื่อนไข ซึ่งแต่ละครั้งเกษตรกรจะซื้อเป็นกระสอบ ยิ่งมีจำนวนไร่มากยิ่งต้องใช้ปุ๋ยมาก ต้องจ่ายในราคาที่แพงมาก โดยก่อนหน้านี้ เสื้อปุ๋ยตราม้าบินสีน้ำเงิน ถูกนำไปใช้ในมิวสิกวีดีโอเพลง ให้บุญนำพา ของ ไหมไทย หัวใจศิลป์ ที่นักแสดงนำชายอย่าง ยูโร พัชรพล รับบทเป็นชาวนา เผยแพร่ผ่านยูทูบเมื่อวันที่ 20 ธ.ค.2567 ปัจจุบันมียอดวิวมากกว่า 115 ล้านวิว อย่างไรก็ตาม ยังมีเพลงที่เกี่ยวข้องกับเสื้อปุ๋ย เฉกเช่นมิวสิกวีดีโอเพลง ผู้บ่าวเสื้อปุ๋ย ของศิลปินเพลงป็อปลูกทุ่ง ดิด คิตตี้ หรือ บัณฑิต ไพรบึง โดยมีท่อนฮุคระบุว่า "อ้ายใส่เสื้อปุ๋ยแถมมาน้องหล่า บ่มีปัญญาไปซื้อของห้าง หรูสุดแค่ข้าวกระเพราข้างทาง ดีแหน่กะพาหย่างตลาดนัดวันเสาร์" เผยแพร่ผ่านยูทูปเมื่อวันที่ 20 พ.ค.2568 ปัจจุบันมียอดวิวมากกว่า 56 ล้านวิว ไม่นับรวมถ่ายคลิปลงติ๊กต็อกหรือร้องเพลงคัฟเวอร์ แถมศิลปินยังใช้โอกาสนี้ขายเสื้อปุ๋ยคอปกสีแสดแบบเดียวกับในเอ็มวี สำหรับแฟนเพลงที่อยากได้ไว้ใส่ทำนา ทำสวน ทำไร่ หรือใส่ไปเที่ยว สำหรับเสื้อปุ๋ย นิยมทำเป็นเสื้อแขนยาวเพื่อใช้กันแดดที่แขน ผลิตจากใยสังเคราะห์หรือโพลีเอสเตอร์ ส่วนใหญ่จะเป็นผ้าทีเคหรือผ้าทีซี (ผสมคอตตอน 20%) ซึ่งราคาถูกที่สุด หรืออย่างดีขึ้นมาหน่อยจะเป็นผ้าไอบีหรือผ้าไมโคร ยิ่งสั่งผลิตจำนวนมากยิ่งราคาถูกลง แต่อายุการใช้งานขึ้นอยู่กับเนื้อผ้าและการซัก ที่ผ่านมามีมุกตลกที่ระบุว่า "ใครใส่เสื้อที่มีโลโก้ปุ๋ยแปลว่าเป็นคนมีตังค์" แม้จะเป็นเสื้อแถม แต่ต้องมียอดซื้อจำนวนมากถึงจะได้เสื้อฟรี สะท้อนให้เห็นว่า สังคมเกษตรกรรม เป็นรากฐานของวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนไทยที่ขาดกันไม่ได้ #Newskit (ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ใน Facebook และ IG วันจันทร์ที่ 18 ส.ค. 2568)
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 222 มุมมอง 0 รีวิว
  • พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล รบกับเฟกนิวส์กัมพูชา

    การปรากฎตัวครั้งแรกของ พลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล ที่ปรึกษากรมวิทยาศาสตร์ทหารบก และผู้เชี่ยวชาญด้านเคมี ชีวะ รังสีและนิวเคลียร์ ร่วมแถลงข่าวกับโฆษกกองทัพบก เมื่อวันที่ 15 ส.ค. เพื่อนำเสนอข้อมูลกรณีที่กัมพูชากล่าวหาว่าไทยใช้อาวุธเคมีโจมตีทหารกัมพูชา ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริง นับเป็นปรากฎการณ์ที่น่าสนใจ เพราะระดับพระองค์ชายกุ๊กไก่ลงมาแถลงข่าวด้วยเอง ตอกย้ำว่าสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชาไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อีกต่อไป

    พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล กล่าวว่า ไทยและกัมพูชาเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี (CWC) และพิธีสารเจนีวา ค.ศ. 1925 ว่าด้วยการห้ามใช้อาวุธเคมี ซึ่งไทยได้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ที่กัมพูชานำภาพที่อ้างว่าเครื่องบินโปรยสารสีแดงนั้น เป็นภาพจากสหรัฐอเมริกาในเหตุการณ์ดับไฟป่า ไม่ใช่เหตุการณ์จริง หากกัมพูชาสงสัยต้องนำหลักฐานฟ้ององค์การห้ามอาวุธเคมี (OPCW) ที่เนเธอร์แลนด์ แต่กัมพูชาไม่เคยใช้ช่องทางนี้ กลับกล่าวหาลอยๆ ให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายตื่นตระหนก

    ที่ผ่านมาหลายประเทศไม่เชื่อกัมพูชาเพราะถูกจับเท็จได้ แต่มีบางประเทศหรือกลุ่มบุคคลที่ไม่ชัดเจนพยายามจะมาจิกไทย ยังไม่เลิก และพยายามขุดเรื่องย้อนหลังไป เหตุที่ออกมาเปิดตัวเพราะรำคาญเสียงนกเสียงกา กัมพูชาเล่นไม่เลิก จึงจำเป็นต้องออกมาเพื่อกระจายความน่าเชื่อถือออกไป ส่วนที่ พล.ท.หญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ออกข่าวเท็จบ่อยครั้ง เพราะเขามีเจ้านาย เจ้านายสั่้งอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ไม่งั้นโดนไล่ออก

    สำหรับพระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล เป็นพระโอรสในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร และหม่อมทองแถม ยุคล ณ อยุธยา เป็นนายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ มีความเชี่ยวชาญด้านเคมี ชีวะ รังสีและนิวเคลียร์ สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนรังสีวิทยาและนิวเคลียร์เคมีชีวภาพกองทัพบกสหรัฐ (CBRN) ได้รับการแต่งตั้งจากองค์การสหประชาชาติ (UN) ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธเคมี เคยเป็นผู้ตรวจอาวุธเคมีที่ประเทศอิรักในปี 2534

    ก่อนหน้านี้มีข่าวปลอมที่กัมพูชากล่าวหาว่าไทยใช้อาวุธเคมีโจมตีทหารกัมพูชา หนึ่งในนั้นคือเพจสถานทูตกัมพูชาในบัลแกเรีย โพสต์ภาพเครื่องบินโปรยสารสีชมพู กล่าวหาว่าไทยใช้อาวุธเคมีสังหารพลเรือน ขณะเดียวกัน พล.ท.หญิง มาลี แถลงข่าวเมื่อวันที่ 28 ก.ค. ว่ากองทัพไทยรุกล้ำดินแดนกัมพูชาและใช้อาวุธเคมีปฏิบัติการทางทหาร เมื่อตรวจสอบก็พบว่าเป็นภาพถูกบิดเบือนจากเหตุการณ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง ด้านกระทรวงต่างประเทศยืนยันว่า ไทยปฏิบัติตามอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี

    #Newskit

    (ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ใน Facebook และ IG วันจันทร์ที่ 18 ส.ค. 2568)
    พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล รบกับเฟกนิวส์กัมพูชา การปรากฎตัวครั้งแรกของ พลเอก พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล ที่ปรึกษากรมวิทยาศาสตร์ทหารบก และผู้เชี่ยวชาญด้านเคมี ชีวะ รังสีและนิวเคลียร์ ร่วมแถลงข่าวกับโฆษกกองทัพบก เมื่อวันที่ 15 ส.ค. เพื่อนำเสนอข้อมูลกรณีที่กัมพูชากล่าวหาว่าไทยใช้อาวุธเคมีโจมตีทหารกัมพูชา ซึ่งไม่ใช่ข้อเท็จจริง นับเป็นปรากฎการณ์ที่น่าสนใจ เพราะระดับพระองค์ชายกุ๊กไก่ลงมาแถลงข่าวด้วยเอง ตอกย้ำว่าสถานการณ์ระหว่างไทย-กัมพูชาไม่ใช่เรื่องเล็กๆ อีกต่อไป พระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล กล่าวว่า ไทยและกัมพูชาเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี (CWC) และพิธีสารเจนีวา ค.ศ. 1925 ว่าด้วยการห้ามใช้อาวุธเคมี ซึ่งไทยได้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด ที่กัมพูชานำภาพที่อ้างว่าเครื่องบินโปรยสารสีแดงนั้น เป็นภาพจากสหรัฐอเมริกาในเหตุการณ์ดับไฟป่า ไม่ใช่เหตุการณ์จริง หากกัมพูชาสงสัยต้องนำหลักฐานฟ้ององค์การห้ามอาวุธเคมี (OPCW) ที่เนเธอร์แลนด์ แต่กัมพูชาไม่เคยใช้ช่องทางนี้ กลับกล่าวหาลอยๆ ให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายตื่นตระหนก ที่ผ่านมาหลายประเทศไม่เชื่อกัมพูชาเพราะถูกจับเท็จได้ แต่มีบางประเทศหรือกลุ่มบุคคลที่ไม่ชัดเจนพยายามจะมาจิกไทย ยังไม่เลิก และพยายามขุดเรื่องย้อนหลังไป เหตุที่ออกมาเปิดตัวเพราะรำคาญเสียงนกเสียงกา กัมพูชาเล่นไม่เลิก จึงจำเป็นต้องออกมาเพื่อกระจายความน่าเชื่อถือออกไป ส่วนที่ พล.ท.หญิงมาลี โสเจียตา โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชา ออกข่าวเท็จบ่อยครั้ง เพราะเขามีเจ้านาย เจ้านายสั่้งอย่างไรก็ทำอย่างนั้น ไม่งั้นโดนไล่ออก สำหรับพระองค์เจ้าเฉลิมศึกยุคล เป็นพระโอรสในพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าเฉลิมพลฑิฆัมพร และหม่อมทองแถม ยุคล ณ อยุธยา เป็นนายทหารพิเศษ ประจำกรมทหารมหาดเล็กราชวัลลภรักษาพระองค์ มีความเชี่ยวชาญด้านเคมี ชีวะ รังสีและนิวเคลียร์ สำเร็จการศึกษาจากโรงเรียนรังสีวิทยาและนิวเคลียร์เคมีชีวภาพกองทัพบกสหรัฐ (CBRN) ได้รับการแต่งตั้งจากองค์การสหประชาชาติ (UN) ให้เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอาวุธเคมี เคยเป็นผู้ตรวจอาวุธเคมีที่ประเทศอิรักในปี 2534 ก่อนหน้านี้มีข่าวปลอมที่กัมพูชากล่าวหาว่าไทยใช้อาวุธเคมีโจมตีทหารกัมพูชา หนึ่งในนั้นคือเพจสถานทูตกัมพูชาในบัลแกเรีย โพสต์ภาพเครื่องบินโปรยสารสีชมพู กล่าวหาว่าไทยใช้อาวุธเคมีสังหารพลเรือน ขณะเดียวกัน พล.ท.หญิง มาลี แถลงข่าวเมื่อวันที่ 28 ก.ค. ว่ากองทัพไทยรุกล้ำดินแดนกัมพูชาและใช้อาวุธเคมีปฏิบัติการทางทหาร เมื่อตรวจสอบก็พบว่าเป็นภาพถูกบิดเบือนจากเหตุการณ์ที่ไม่เกี่ยวข้อง ด้านกระทรวงต่างประเทศยืนยันว่า ไทยปฏิบัติตามอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี #Newskit (ลงวันที่ล่วงหน้า เพราะจะเผยแพร่ใน Facebook และ IG วันจันทร์ที่ 18 ส.ค. 2568)
    Like
    3
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 286 มุมมอง 0 รีวิว
  • ย้อนดูเขมรอีกรอบ,มันก็กล้าเคลมสำเนียงคนลาวนะ.,เกินจริงๆเขมร,อย่าสงสารมันเลย,ที่เห็นๆน้ำตาเหี้ยสัตว์เลื้อยคลานพวกนี้ไหล เจ้าแม่เมียฮุนเซนคือต้นแบบคนเขมรทุกๆตัวล่ะ,จากนั้นก็พร้อมหักหลังแดกเนื้อมนุษย์คนนั้นลงท้องจระเข้แบบมันล่ะ,คนเขมรมีสะสมมากเกินไปบนแผ่นดินไทยก็เพราะนักการเมืองและเจ้าของกิจการทั้งหลายที่สุมหัวตกลงกันหมดแล้วว่า ทหารไทยเป็นฝ่ายตรงข้ามเรา ประเทศไทยนำโดยสถาบันกษัตริย์ไทยเป็นฝ่ายตรงข้ามมัน,กระบวนการชูสามนิ้วจึงเกิด กระบวนการนำเข้าคนเขมรคนพม่าอย่างมากล้นจึงเกิดผิดปกติในช่วงเวลาที่ผ่านๆมา ไม่รวมนักการเมือง เจ้าของกิจการ คนราชการรัฐหาแดกเถื่อนๆกับคนพวกนี้ให้เกียจชังประเทศไทยสะสมความโกรธแค้นที่เป็นฝ่ายถูกกระทำจากตัวแทนที่ชื่อว่าเจ้าหน้าที่รัฐ คนราชการ นักการเมือง เจ้าของกิจการต่างๆนั้นอีก คือมันสามารถสุมหัวกันทำลายภายในประเทศไทยให้สำเร็จให้ได้นั้นเอง,ต่างชาติต่างด้าวเถื่อนๆไร้จิตสำนึกไร้คุณภาพจึงวิ่งมาไทยตรึม,ปัญหามากมายทางสังคมจึงเก็บสะสมถึงปัจจุบันอย่างมีนัยยะโคตรอันตรายต่อชาติบ้านเมืองเราเพราะเดอะแก๊งทีมสุมหัวทั้งหมดเหล่านี้ทั้งได้เงินทุนมหาศาลผ่านองค์กรสากลหน้านักบุญแก่ใจอำมหิตพฤติกรรมชั่วเลวแต่วาติกันนั้นล่ะ,

    ..สรุปก่อนวิกฤติสงครามโลกครั้งที่สามจะเกิดจริงต้องเคลียร์คนต่างด้าวต่างชาติออกจากประเทศทั้งหมดทันที,แค่คนไทยก็ดูแลกันลำบากแล้วในบ้านเรา,รับเลี้ยงคนต่างด้าวต่างชาติมาใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดอีก,แบบบังเบียดทรัพยากรตัวยาและสาระพัดในโรงพยาบาลเรานั้นล่ะ นี้ไม่รวมด้านอื่นๆข้อความสงบสุข ไว้เนื้อเชื่อใจอีก ดูสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติทั่วไทยเลย น้ำตก ภูดอย พม่า เขมรมั่วsexในป่าในน้ำตกไทบ้านคนไทยเต็มไปหมด มั่วยาบ้าคนละเม็ดวันละเม็ดโดยคนขายจับขึ้นทะเบียนก็ไม่ได้ โรงงานแหล่งผลิตก็ไม่ผ่าน อย. เสือกรัฐบาลอนุมัติอีก,โรงงานต่างชาติอีกรับพม่าเขมรเต็มโรงงานมิใช่แค่โรงงานคนไทย,คือเหี้ยหมด ต้องผลักดันออกทั้งหมด,อย่าพึ่งรับใครเข้ามาทดแทนเด็ดขาด,มีข่าวเอาแขกศรีลังกามาอีก ตัวพ่อเผาบ้านเผาเมืองเผาประเทศตัวจริงล่ะใครคิดสมองคิด,การจัดระเบียบยังเหี้ยในปัจจุบันทั้งระบบ,คนไทยตนเองตกงานยังแก้ไม่ได้ สั่งควบคุมเอกชนไม่ได้ ยังมีหน้ารับไปทั่ว,ไปดูข่าวคนศรีลังกาดีๆนะสันดานคนพวกนี้ธรรมดาน้อยเช่นกันขนาดไหน,นัยยะอันตรายโคตรๆนะ,กองโจรมีอาชีพของคนเกาะศรีลังกาธรรมดาที่ไหน,สมองก่อการร้ายทำลายเป้าหมายก็ใช่เล่น,เผ่าชนชั้นคนเกาะนี้แทรกซึมมาได้หมด,รับงานใครก็ได้จัดการไทยภายในอีกมาในรูปแบบแรงงาน,เข้าล้ำนะคนพวกนี้ จนมีองค์กรติดตามเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างดาวอย่างเปิดเผยที่มีรัฐบาลสนับสนุน,ไม่กากนะ แม้คนโง่ไม่น้อยแต่ประวัติคือเผ่าพันธุ์ยักษ์และวานรอยู่เต็มเกาะแต่ยักษ์ปกครองส่วนพื้นที่มาก.



    https://youtube.com/watch?v=FA9Pg_dvSPk&si=5ZwSjun6TWhMRMV5
    ย้อนดูเขมรอีกรอบ,มันก็กล้าเคลมสำเนียงคนลาวนะ.,เกินจริงๆเขมร,อย่าสงสารมันเลย,ที่เห็นๆน้ำตาเหี้ยสัตว์เลื้อยคลานพวกนี้ไหล เจ้าแม่เมียฮุนเซนคือต้นแบบคนเขมรทุกๆตัวล่ะ,จากนั้นก็พร้อมหักหลังแดกเนื้อมนุษย์คนนั้นลงท้องจระเข้แบบมันล่ะ,คนเขมรมีสะสมมากเกินไปบนแผ่นดินไทยก็เพราะนักการเมืองและเจ้าของกิจการทั้งหลายที่สุมหัวตกลงกันหมดแล้วว่า ทหารไทยเป็นฝ่ายตรงข้ามเรา ประเทศไทยนำโดยสถาบันกษัตริย์ไทยเป็นฝ่ายตรงข้ามมัน,กระบวนการชูสามนิ้วจึงเกิด กระบวนการนำเข้าคนเขมรคนพม่าอย่างมากล้นจึงเกิดผิดปกติในช่วงเวลาที่ผ่านๆมา ไม่รวมนักการเมือง เจ้าของกิจการ คนราชการรัฐหาแดกเถื่อนๆกับคนพวกนี้ให้เกียจชังประเทศไทยสะสมความโกรธแค้นที่เป็นฝ่ายถูกกระทำจากตัวแทนที่ชื่อว่าเจ้าหน้าที่รัฐ คนราชการ นักการเมือง เจ้าของกิจการต่างๆนั้นอีก คือมันสามารถสุมหัวกันทำลายภายในประเทศไทยให้สำเร็จให้ได้นั้นเอง,ต่างชาติต่างด้าวเถื่อนๆไร้จิตสำนึกไร้คุณภาพจึงวิ่งมาไทยตรึม,ปัญหามากมายทางสังคมจึงเก็บสะสมถึงปัจจุบันอย่างมีนัยยะโคตรอันตรายต่อชาติบ้านเมืองเราเพราะเดอะแก๊งทีมสุมหัวทั้งหมดเหล่านี้ทั้งได้เงินทุนมหาศาลผ่านองค์กรสากลหน้านักบุญแก่ใจอำมหิตพฤติกรรมชั่วเลวแต่วาติกันนั้นล่ะ, ..สรุปก่อนวิกฤติสงครามโลกครั้งที่สามจะเกิดจริงต้องเคลียร์คนต่างด้าวต่างชาติออกจากประเทศทั้งหมดทันที,แค่คนไทยก็ดูแลกันลำบากแล้วในบ้านเรา,รับเลี้ยงคนต่างด้าวต่างชาติมาใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดอีก,แบบบังเบียดทรัพยากรตัวยาและสาระพัดในโรงพยาบาลเรานั้นล่ะ นี้ไม่รวมด้านอื่นๆข้อความสงบสุข ไว้เนื้อเชื่อใจอีก ดูสถานที่ท่องเที่ยวตามธรรมชาติทั่วไทยเลย น้ำตก ภูดอย พม่า เขมรมั่วsexในป่าในน้ำตกไทบ้านคนไทยเต็มไปหมด มั่วยาบ้าคนละเม็ดวันละเม็ดโดยคนขายจับขึ้นทะเบียนก็ไม่ได้ โรงงานแหล่งผลิตก็ไม่ผ่าน อย. เสือกรัฐบาลอนุมัติอีก,โรงงานต่างชาติอีกรับพม่าเขมรเต็มโรงงานมิใช่แค่โรงงานคนไทย,คือเหี้ยหมด ต้องผลักดันออกทั้งหมด,อย่าพึ่งรับใครเข้ามาทดแทนเด็ดขาด,มีข่าวเอาแขกศรีลังกามาอีก ตัวพ่อเผาบ้านเผาเมืองเผาประเทศตัวจริงล่ะใครคิดสมองคิด,การจัดระเบียบยังเหี้ยในปัจจุบันทั้งระบบ,คนไทยตนเองตกงานยังแก้ไม่ได้ สั่งควบคุมเอกชนไม่ได้ ยังมีหน้ารับไปทั่ว,ไปดูข่าวคนศรีลังกาดีๆนะสันดานคนพวกนี้ธรรมดาน้อยเช่นกันขนาดไหน,นัยยะอันตรายโคตรๆนะ,กองโจรมีอาชีพของคนเกาะศรีลังกาธรรมดาที่ไหน,สมองก่อการร้ายทำลายเป้าหมายก็ใช่เล่น,เผ่าชนชั้นคนเกาะนี้แทรกซึมมาได้หมด,รับงานใครก็ได้จัดการไทยภายในอีกมาในรูปแบบแรงงาน,เข้าล้ำนะคนพวกนี้ จนมีองค์กรติดตามเผ่าพันธุ์มนุษย์ต่างดาวอย่างเปิดเผยที่มีรัฐบาลสนับสนุน,ไม่กากนะ แม้คนโง่ไม่น้อยแต่ประวัติคือเผ่าพันธุ์ยักษ์และวานรอยู่เต็มเกาะแต่ยักษ์ปกครองส่วนพื้นที่มาก. https://youtube.com/watch?v=FA9Pg_dvSPk&si=5ZwSjun6TWhMRMV5
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 217 มุมมอง 0 รีวิว
  • ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก ตอนที่ 1

    (ของฝากสำหรับท่านผู้อ่านนิทาน เรื่องจิ๊กโก๋จบทุกตอนแล้ว)
    ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก (1)
    เพียงเพราะเศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างรวดเร็วเกิน(กว่าที่อเมริกา)คาด อเมริกาถึงกับฉุนขาด
    การ โตแบบนี้ ทำให้อเมริกา ยกระดับจีน ไปอยู่ในประเภทศัตรูรูปแบบใหม่ (New Enemy Image) แทนที่ศัตรูรูปแบบเก่าในยุค 2001 คือกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง หรือสหภาพโซเวียต ในยุคสงครามเย็น
    เป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษ ที่อเมริกา เมินผลประโยชน์ในเอเซียตะวันออก
    แต่หลังจากจีน ผงาดมาทาบรัศมี รัฐบาลโอบามา จึงได้เปลี่ยนยุทธศาสตร์ ปรับเข็มทิศหมุน กลับมาทางเอเซียแปซิฟิก พร้อมประกาศย้ำเตือนความจำชาวโลก ว่า
    อเมริกาคืออำนาจในแปซิฟิกและจะเป็นอยู่อย่างนี้ ตลอดไป (นายแน่มาก)
    การประกาศนี้ได้รับการเชียร์อย่างล้นหลาม จากบรรดา
    กองเชียร์ (หน้าม้า!) เช่น EU และ NATO
    ปี 2005 นาย Andrew Marshall กูรูผู้วางยุทธศาสตร์การทหารให้Pentagon มากว่า 40 ปี มีลูกศิษย์คนโปรดเช่น **** Cheney และ Donald Rumsfeld
    (ประเภทเดินไปไหน พรมขาด เพราะเขี้ยวลากทั้งน้าน!) ได้ทำรายงาน ถึง นาย
    Rumsfeld เรื่อง Energy Future in Asia
    น้ำมัน น้ำมัน มาแล้วครับ
    รายงาน อ้างว่า จีนสร้างสัมพันธ์กับประเทศ ที่อยู่ตามเส้นทางชายฝั่ง ไล่ไปจาก
    ตะวันออกกลาง ถึง ทะเลจีน ในลักษณะที่ท้ัง เป็นการปกป้องผลประโยชน์ของจีนเกี่ยวกับน้ำมัน ขณะเดียวกัน ก็ทำให้เกิดความแข็งแกร่งทางทหารกับจีนด้วย
    พฤติกรรมเช่นนี้ อเมริกาถือว่าเป็นการ ขัดขวาง ขวางทาง ผลประโยชน์ของอเมริกา
    ในเอเซียโดยตรง (ภาษาจิ๊กโก๋เรียกว่า เป็นก้างขวางคอ) โดยเฉพาะเกี่ยวกับการครอบครองแหล่งน้ำมัน ดังนั้นจำเป็นต้องมีการจัดระเบียบ แถวภูมิภาคนี้ใหม่ เพื่อเป็นการปิดกั้นจีน (Containment) แต่การปิดกั้นครั้งนี้ เรียกเสียหวานแหววเลย ว่า String of Pearl Strategy


    คนเล่านิทาน
    ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก ตอนที่ 1 (ของฝากสำหรับท่านผู้อ่านนิทาน เรื่องจิ๊กโก๋จบทุกตอนแล้ว) ยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุก (1) เพียงเพราะเศรษฐกิจจีนเติบโตอย่างรวดเร็วเกิน(กว่าที่อเมริกา)คาด อเมริกาถึงกับฉุนขาด การ โตแบบนี้ ทำให้อเมริกา ยกระดับจีน ไปอยู่ในประเภทศัตรูรูปแบบใหม่ (New Enemy Image) แทนที่ศัตรูรูปแบบเก่าในยุค 2001 คือกลุ่มอิสลามหัวรุนแรง หรือสหภาพโซเวียต ในยุคสงครามเย็น เป็นเวลากว่า 2 ทศวรรษ ที่อเมริกา เมินผลประโยชน์ในเอเซียตะวันออก แต่หลังจากจีน ผงาดมาทาบรัศมี รัฐบาลโอบามา จึงได้เปลี่ยนยุทธศาสตร์ ปรับเข็มทิศหมุน กลับมาทางเอเซียแปซิฟิก พร้อมประกาศย้ำเตือนความจำชาวโลก ว่า อเมริกาคืออำนาจในแปซิฟิกและจะเป็นอยู่อย่างนี้ ตลอดไป (นายแน่มาก) การประกาศนี้ได้รับการเชียร์อย่างล้นหลาม จากบรรดา กองเชียร์ (หน้าม้า!) เช่น EU และ NATO ปี 2005 นาย Andrew Marshall กูรูผู้วางยุทธศาสตร์การทหารให้Pentagon มากว่า 40 ปี มีลูกศิษย์คนโปรดเช่น Dick Cheney และ Donald Rumsfeld (ประเภทเดินไปไหน พรมขาด เพราะเขี้ยวลากทั้งน้าน!) ได้ทำรายงาน ถึง นาย Rumsfeld เรื่อง Energy Future in Asia น้ำมัน น้ำมัน มาแล้วครับ รายงาน อ้างว่า จีนสร้างสัมพันธ์กับประเทศ ที่อยู่ตามเส้นทางชายฝั่ง ไล่ไปจาก ตะวันออกกลาง ถึง ทะเลจีน ในลักษณะที่ท้ัง เป็นการปกป้องผลประโยชน์ของจีนเกี่ยวกับน้ำมัน ขณะเดียวกัน ก็ทำให้เกิดความแข็งแกร่งทางทหารกับจีนด้วย พฤติกรรมเช่นนี้ อเมริกาถือว่าเป็นการ ขัดขวาง ขวางทาง ผลประโยชน์ของอเมริกา ในเอเซียโดยตรง (ภาษาจิ๊กโก๋เรียกว่า เป็นก้างขวางคอ) โดยเฉพาะเกี่ยวกับการครอบครองแหล่งน้ำมัน ดังนั้นจำเป็นต้องมีการจัดระเบียบ แถวภูมิภาคนี้ใหม่ เพื่อเป็นการปิดกั้นจีน (Containment) แต่การปิดกั้นครั้งนี้ เรียกเสียหวานแหววเลย ว่า String of Pearl Strategy คนเล่านิทาน
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 170 มุมมอง 0 รีวิว
  • Microsoft เปิดทางให้เกมเมอร์สาย Arm ได้เล่นเกม Xbox แบบติดตั้งจริง

    ก่อนหน้านี้ ถ้าใครใช้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิป Arm เช่น Snapdragon X Elite หรือ Surface Laptop 7 แล้วอยากเล่นเกม Xbox บน Windows 11 ก็ต้องพึ่งพา “Xbox Cloud Gaming” เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าต้องมีอินเทอร์เน็ตแรง ๆ และไม่สามารถเล่นแบบออฟไลน์ได้เลย

    แต่ตอนนี้ Microsoft ได้ปล่อยอัปเดตใหม่ให้กับแอป Xbox บน Windows 11 ที่ใช้ชิป Arm โดยเปิดให้ “ดาวน์โหลดเกมและเล่นแบบ native” ได้แล้ว!

    ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบสำหรับผู้ที่เข้าร่วมโปรแกรม Windows Insider และ Xbox Insider เท่านั้น โดยต้องอัปเดตแอป Xbox PC เป็นเวอร์ชัน 2508.1001.27.0 ขึ้นไป

    การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ เพราะมันเป็นสัญญาณว่า Microsoft กำลังเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะการมาของชิป Arm จาก Nvidia ที่ร่วมมือกับ MediaTek ซึ่งมีข่าวลือว่าจะเปิดตัวในปี 2025–2026 พร้อม GPU ระดับ RTX 5070!

    นอกจากนี้ Microsoft ยังร่วมมือกับ Epic Games เพื่อให้ระบบ Easy Anti-Cheat รองรับ Arm แล้ว ทำให้เกมออนไลน์หลายเกม เช่น Fortnite หรือ DOTA 2 สามารถเล่นได้บนเครื่อง Arm โดยไม่โดนบล็อกจากระบบป้องกันโกง

    แม้ว่า Arm จะยังไม่แรงเท่า x86 จาก Intel หรือ AMD แต่การพัฒนาเหล่านี้กำลังเปลี่ยนภาพของ “เกมเมอร์สายประหยัดพลังงาน” ให้กลายเป็นกลุ่มที่น่าจับตามองในอนาคต

    Microsoft เปิดให้เล่นเกม Xbox แบบ native บน Windows 11 ที่ใช้ชิป Arm
    ต้องเข้าร่วมโปรแกรม Windows Insider และ Xbox Insider
    ใช้แอป Xbox PC เวอร์ชัน 2508.1001.27.0 ขึ้นไป
    สามารถดาวน์โหลดเกมจาก Game Pass และเล่นแบบออฟไลน์ได้

    ความร่วมมือระหว่าง Windows และ Xbox เพื่อขยายเกมที่รองรับ
    Microsoft กำลังพัฒนาให้เกมใน Game Pass เล่นได้บน Arm มากขึ้น
    มีการปรับปรุงระบบเพื่อรองรับ anti-cheat บน Arm เช่น Easy Anti-Cheat

    การมาของชิป Arm จาก Nvidia อาจเปลี่ยนเกมในตลาด PC
    Nvidia ร่วมมือกับ MediaTek พัฒนาชิป N1X และ N1 สำหรับ Windows
    N1X อาจมี GPU ระดับ Blackwell เทียบเท่า RTX 5070
    คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 ถึงต้นปี 2026

    https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/microsoft-brings-native-xbox-app-gaming-to-windows-on-arm-pcs-hints-at-bigger-hardware-shift-ahead
    🎮 Microsoft เปิดทางให้เกมเมอร์สาย Arm ได้เล่นเกม Xbox แบบติดตั้งจริง ก่อนหน้านี้ ถ้าใครใช้คอมพิวเตอร์ที่ใช้ชิป Arm เช่น Snapdragon X Elite หรือ Surface Laptop 7 แล้วอยากเล่นเกม Xbox บน Windows 11 ก็ต้องพึ่งพา “Xbox Cloud Gaming” เท่านั้น ซึ่งหมายความว่าต้องมีอินเทอร์เน็ตแรง ๆ และไม่สามารถเล่นแบบออฟไลน์ได้เลย แต่ตอนนี้ Microsoft ได้ปล่อยอัปเดตใหม่ให้กับแอป Xbox บน Windows 11 ที่ใช้ชิป Arm โดยเปิดให้ “ดาวน์โหลดเกมและเล่นแบบ native” ได้แล้ว! 🎉 ฟีเจอร์นี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบสำหรับผู้ที่เข้าร่วมโปรแกรม Windows Insider และ Xbox Insider เท่านั้น โดยต้องอัปเดตแอป Xbox PC เป็นเวอร์ชัน 2508.1001.27.0 ขึ้นไป การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่แค่เรื่องเล็ก ๆ เพราะมันเป็นสัญญาณว่า Microsoft กำลังเตรียมตัวรับมือกับการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในฮาร์ดแวร์ โดยเฉพาะการมาของชิป Arm จาก Nvidia ที่ร่วมมือกับ MediaTek ซึ่งมีข่าวลือว่าจะเปิดตัวในปี 2025–2026 พร้อม GPU ระดับ RTX 5070! นอกจากนี้ Microsoft ยังร่วมมือกับ Epic Games เพื่อให้ระบบ Easy Anti-Cheat รองรับ Arm แล้ว ทำให้เกมออนไลน์หลายเกม เช่น Fortnite หรือ DOTA 2 สามารถเล่นได้บนเครื่อง Arm โดยไม่โดนบล็อกจากระบบป้องกันโกง แม้ว่า Arm จะยังไม่แรงเท่า x86 จาก Intel หรือ AMD แต่การพัฒนาเหล่านี้กำลังเปลี่ยนภาพของ “เกมเมอร์สายประหยัดพลังงาน” ให้กลายเป็นกลุ่มที่น่าจับตามองในอนาคต ✅ Microsoft เปิดให้เล่นเกม Xbox แบบ native บน Windows 11 ที่ใช้ชิป Arm ➡️ ต้องเข้าร่วมโปรแกรม Windows Insider และ Xbox Insider ➡️ ใช้แอป Xbox PC เวอร์ชัน 2508.1001.27.0 ขึ้นไป ➡️ สามารถดาวน์โหลดเกมจาก Game Pass และเล่นแบบออฟไลน์ได้ ✅ ความร่วมมือระหว่าง Windows และ Xbox เพื่อขยายเกมที่รองรับ ➡️ Microsoft กำลังพัฒนาให้เกมใน Game Pass เล่นได้บน Arm มากขึ้น ➡️ มีการปรับปรุงระบบเพื่อรองรับ anti-cheat บน Arm เช่น Easy Anti-Cheat ✅ การมาของชิป Arm จาก Nvidia อาจเปลี่ยนเกมในตลาด PC ➡️ Nvidia ร่วมมือกับ MediaTek พัฒนาชิป N1X และ N1 สำหรับ Windows ➡️ N1X อาจมี GPU ระดับ Blackwell เทียบเท่า RTX 5070 ➡️ คาดว่าจะเปิดตัวในช่วงปลายปี 2025 ถึงต้นปี 2026 https://www.tomshardware.com/video-games/pc-gaming/microsoft-brings-native-xbox-app-gaming-to-windows-on-arm-pcs-hints-at-bigger-hardware-shift-ahead
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 210 มุมมอง 0 รีวิว
  • เมื่อ Meta แอบฟังข้อมูลสุขภาพผู้หญิงจากแอป Flo โดยไม่ได้รับอนุญาต

    เรื่องนี้เริ่มจากแอป Flo Health ซึ่งเป็นแอปติดตามรอบเดือนและสุขภาพการเจริญพันธุ์ของผู้หญิง ที่มีผู้ใช้งานกว่า 150 ล้านคนทั่วโลก แอปนี้เก็บข้อมูลส่วนตัวอย่างละเอียด เช่น วันมีประจำเดือน อารมณ์ ความสัมพันธ์ทางเพศ และเป้าหมายการตั้งครรภ์ โดยสัญญาว่าจะไม่แชร์ข้อมูลกับบุคคลที่สาม ยกเว้นเพื่อการให้บริการเท่านั้น

    แต่ระหว่างปี 2016–2019 ข้อมูลเหล่านี้ถูกแชร์กับบริษัทต่าง ๆ รวมถึง Meta (เจ้าของ Facebook), Google, AppsFlyer และ Flurry โดยใช้ SDK ที่ฝังอยู่ในแอป ซึ่งจะส่งข้อมูลทุกครั้งที่ผู้ใช้คลิกหรือใช้งานฟีเจอร์บางอย่าง เช่น “กำลังพยายามตั้งครรภ์” โดยไม่มีการควบคุมว่าบริษัทเหล่านี้จะนำข้อมูลไปใช้อย่างไร

    คดีนี้เริ่มต้นจากการฟ้องร้องแบบกลุ่มในปี 2021 โดยมีผู้หญิงกว่า 3.7 ล้านคนในสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบ ล่าสุดในเดือนสิงหาคม 2025 คณะลูกขุนตัดสินว่า Meta ละเมิดกฎหมายความเป็นส่วนตัวของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดย “แอบฟังและบันทึกข้อมูล” โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้

    แม้ Flo, Google และ Flurry จะยอมความไปก่อนหน้านี้ แต่ Meta สู้คดีจนถึงที่สุด และแพ้ในที่สุด คดีนี้จึงกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของการปกป้องข้อมูลสุขภาพดิจิทัล โดยเฉพาะในยุคที่สิทธิการทำแท้งในสหรัฐฯ ถูกจำกัดอย่างหนัก

    Meta ถูกตัดสินว่าละเมิดกฎหมายความเป็นส่วนตัวของรัฐแคลิฟอร์เนีย
    โดยแอบฟังและบันทึกข้อมูลจากแอป Flo โดยไม่ได้รับความยินยอม

    Flo Health แชร์ข้อมูลสุขภาพผู้หญิงกับ Meta, Google และบริษัทอื่น
    ข้อมูลรวมถึงรอบเดือน ความสัมพันธ์ทางเพศ และเป้าหมายการตั้งครรภ์

    SDK ของ Meta ถูกฝังในแอป Flo เพื่อเก็บข้อมูลการใช้งาน
    ส่งข้อมูล “App Event” ทุกครั้งที่ผู้ใช้คลิกฟีเจอร์เฉพาะ

    คดีนี้มีผู้เสียหายกว่า 3.7 ล้านคนในสหรัฐฯ
    ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนระหว่าง พ.ย. 2016 ถึง ก.พ. 2019

    Flo เคยสัญญาว่าจะไม่แชร์ข้อมูลส่วนตัวกับบุคคลที่สาม
    แต่กลับเปิดช่องให้บริษัทอื่นใช้ข้อมูลเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า

    FTC เคยสอบสวนและบังคับให้ Flo ปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัว
    พร้อมตั้งผู้ตรวจสอบอิสระเพื่อป้องกันการละเมิดซ้ำ

    คดีนี้เป็นหมุดหมายสำคัญด้านสิทธิข้อมูลสุขภาพดิจิทัล
    โดยเฉพาะหลังการยกเลิกสิทธิการทำแท้งตามรัฐธรรมนูญในสหรัฐฯ

    SDK เป็นเครื่องมือที่ใช้เก็บพฤติกรรมผู้ใช้เพื่อการโฆษณา
    แต่สามารถถูกใช้เพื่อดึงข้อมูลส่วนตัวได้หากไม่มีการควบคุม

    การใช้แอปติดตามสุขภาพอาจเสี่ยงต่อการถูกนำข้อมูลไปใช้ในทางกฎหมาย
    เช่น การสืบสวนคดีทำแท้งในบางรัฐของสหรัฐฯ

    เว็บไซต์ขายยาทำแท้งก็เคยถูกพบว่าแชร์ข้อมูลกับ Google
    เพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกติดตามโดยหน่วยงานรัฐ

    https://www.malwarebytes.com/blog/news/2025/08/meta-accessed-womens-health-data-from-flo-app-without-consent-says-court
    📢🕵️‍♀️ เมื่อ Meta แอบฟังข้อมูลสุขภาพผู้หญิงจากแอป Flo โดยไม่ได้รับอนุญาต เรื่องนี้เริ่มจากแอป Flo Health ซึ่งเป็นแอปติดตามรอบเดือนและสุขภาพการเจริญพันธุ์ของผู้หญิง ที่มีผู้ใช้งานกว่า 150 ล้านคนทั่วโลก แอปนี้เก็บข้อมูลส่วนตัวอย่างละเอียด เช่น วันมีประจำเดือน อารมณ์ ความสัมพันธ์ทางเพศ และเป้าหมายการตั้งครรภ์ โดยสัญญาว่าจะไม่แชร์ข้อมูลกับบุคคลที่สาม ยกเว้นเพื่อการให้บริการเท่านั้น แต่ระหว่างปี 2016–2019 ข้อมูลเหล่านี้ถูกแชร์กับบริษัทต่าง ๆ รวมถึง Meta (เจ้าของ Facebook), Google, AppsFlyer และ Flurry โดยใช้ SDK ที่ฝังอยู่ในแอป ซึ่งจะส่งข้อมูลทุกครั้งที่ผู้ใช้คลิกหรือใช้งานฟีเจอร์บางอย่าง เช่น “กำลังพยายามตั้งครรภ์” โดยไม่มีการควบคุมว่าบริษัทเหล่านี้จะนำข้อมูลไปใช้อย่างไร คดีนี้เริ่มต้นจากการฟ้องร้องแบบกลุ่มในปี 2021 โดยมีผู้หญิงกว่า 3.7 ล้านคนในสหรัฐฯ ได้รับผลกระทบ ล่าสุดในเดือนสิงหาคม 2025 คณะลูกขุนตัดสินว่า Meta ละเมิดกฎหมายความเป็นส่วนตัวของรัฐแคลิฟอร์เนีย โดย “แอบฟังและบันทึกข้อมูล” โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ แม้ Flo, Google และ Flurry จะยอมความไปก่อนหน้านี้ แต่ Meta สู้คดีจนถึงที่สุด และแพ้ในที่สุด คดีนี้จึงกลายเป็นหมุดหมายสำคัญของการปกป้องข้อมูลสุขภาพดิจิทัล โดยเฉพาะในยุคที่สิทธิการทำแท้งในสหรัฐฯ ถูกจำกัดอย่างหนัก ✅ Meta ถูกตัดสินว่าละเมิดกฎหมายความเป็นส่วนตัวของรัฐแคลิฟอร์เนีย ➡️ โดยแอบฟังและบันทึกข้อมูลจากแอป Flo โดยไม่ได้รับความยินยอม ✅ Flo Health แชร์ข้อมูลสุขภาพผู้หญิงกับ Meta, Google และบริษัทอื่น ➡️ ข้อมูลรวมถึงรอบเดือน ความสัมพันธ์ทางเพศ และเป้าหมายการตั้งครรภ์ ✅ SDK ของ Meta ถูกฝังในแอป Flo เพื่อเก็บข้อมูลการใช้งาน ➡️ ส่งข้อมูล “App Event” ทุกครั้งที่ผู้ใช้คลิกฟีเจอร์เฉพาะ ✅ คดีนี้มีผู้เสียหายกว่า 3.7 ล้านคนในสหรัฐฯ ➡️ ผู้ใช้ที่ลงทะเบียนระหว่าง พ.ย. 2016 ถึง ก.พ. 2019 ✅ Flo เคยสัญญาว่าจะไม่แชร์ข้อมูลส่วนตัวกับบุคคลที่สาม ➡️ แต่กลับเปิดช่องให้บริษัทอื่นใช้ข้อมูลเพื่อผลประโยชน์ทางการค้า ✅ FTC เคยสอบสวนและบังคับให้ Flo ปรับปรุงนโยบายความเป็นส่วนตัว ➡️ พร้อมตั้งผู้ตรวจสอบอิสระเพื่อป้องกันการละเมิดซ้ำ ✅ คดีนี้เป็นหมุดหมายสำคัญด้านสิทธิข้อมูลสุขภาพดิจิทัล ➡️ โดยเฉพาะหลังการยกเลิกสิทธิการทำแท้งตามรัฐธรรมนูญในสหรัฐฯ ✅ SDK เป็นเครื่องมือที่ใช้เก็บพฤติกรรมผู้ใช้เพื่อการโฆษณา ➡️ แต่สามารถถูกใช้เพื่อดึงข้อมูลส่วนตัวได้หากไม่มีการควบคุม ✅ การใช้แอปติดตามสุขภาพอาจเสี่ยงต่อการถูกนำข้อมูลไปใช้ในทางกฎหมาย ➡️ เช่น การสืบสวนคดีทำแท้งในบางรัฐของสหรัฐฯ ✅ เว็บไซต์ขายยาทำแท้งก็เคยถูกพบว่าแชร์ข้อมูลกับ Google ➡️ เพิ่มความเสี่ยงต่อการถูกติดตามโดยหน่วยงานรัฐ https://www.malwarebytes.com/blog/news/2025/08/meta-accessed-womens-health-data-from-flo-app-without-consent-says-court
    WWW.MALWAREBYTES.COM
    Meta accessed women's health data from Flo app without consent, says court
    A jury has ruled that Meta accessed sensitive information from women's reproductive health tracking app Flo without consent.
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 223 มุมมอง 0 รีวิว
  • NGINX รองรับ ACME แบบเนทีฟแล้ว: ลดความยุ่งยากในการจัดการ SSL/TLS ด้วยโมดูลใหม่ที่เขียนด้วย Rust

    NGINX ประกาศเปิดตัวการรองรับโปรโตคอล ACME แบบเนทีฟผ่านโมดูลใหม่ชื่อว่า ngx_http_acme_module ซึ่งช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถขอ ติดตั้ง และต่ออายุใบรับรอง SSL/TLS ได้โดยตรงจากไฟล์คอนฟิกของ NGINX โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือภายนอกอย่าง Certbot อีกต่อไป

    โมดูลนี้ถูกพัฒนาโดยใช้ NGINX-Rust SDK และมาในรูปแบบ dynamic module ที่สามารถใช้งานได้ทั้งใน NGINX Open Source และ NGINX Plus สำหรับลูกค้าองค์กร โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้การจัดการใบรับรองปลอดภัยขึ้น ลดข้อผิดพลาดจากการตั้งค่าด้วยมือ และลดช่องโหว่จากการพึ่งพาเครื่องมือภายนอก

    ACME (Automated Certificate Management Environment) เป็นโปรโตคอลที่พัฒนาโดย ISRG เพื่อใช้กับ Let's Encrypt ซึ่งช่วยให้การออกใบรับรอง TLS เป็นไปโดยอัตโนมัติและฟรี โดยเวอร์ชันล่าสุด ACMEv2 รองรับ wildcard certificates และวิธีการตรวจสอบที่หลากหลายมากขึ้น

    การทำงานของ ACME บน NGINX มี 4 ขั้นตอนหลัก: ตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์ ACME, จัดสรร shared memory, กำหนด challenge, และออก/ต่ออายุใบรับรอง ซึ่งทั้งหมดสามารถกำหนดได้ผ่าน directive ในไฟล์คอนฟิกของ NGINX โดยตรง

    ACME ถูกใช้โดย Let's Encrypt เพื่อออกใบรับรองฟรีแบบอัตโนมัติ
    ช่วยลดต้นทุนและความยุ่งยากในการตั้งค่า HTTPS

    Certbot เป็นเครื่องมือยอดนิยมก่อนหน้านี้ แต่ต้องใช้ CLI และ cron jobs
    เสี่ยงต่อข้อผิดพลาดและต้องดูแลแยกต่างหาก

    การรวม ACME เข้ากับ NGINX โดยตรงช่วยให้ระบบมีความเสถียรและพกพาได้ดีขึ้น
    ไม่ขึ้นกับระบบปฏิบัติการหรือแพลตฟอร์มเฉพาะ

    การใช้ Rust ในการพัฒนาโมดูลช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
    ลดปัญหา memory leak และ buffer overflow

    https://blog.nginx.org/blog/native-support-for-acme-protocol
    🔐⚙️ NGINX รองรับ ACME แบบเนทีฟแล้ว: ลดความยุ่งยากในการจัดการ SSL/TLS ด้วยโมดูลใหม่ที่เขียนด้วย Rust NGINX ประกาศเปิดตัวการรองรับโปรโตคอล ACME แบบเนทีฟผ่านโมดูลใหม่ชื่อว่า ngx_http_acme_module ซึ่งช่วยให้ผู้ดูแลระบบสามารถขอ ติดตั้ง และต่ออายุใบรับรอง SSL/TLS ได้โดยตรงจากไฟล์คอนฟิกของ NGINX โดยไม่ต้องใช้เครื่องมือภายนอกอย่าง Certbot อีกต่อไป โมดูลนี้ถูกพัฒนาโดยใช้ NGINX-Rust SDK และมาในรูปแบบ dynamic module ที่สามารถใช้งานได้ทั้งใน NGINX Open Source และ NGINX Plus สำหรับลูกค้าองค์กร โดยมีเป้าหมายเพื่อทำให้การจัดการใบรับรองปลอดภัยขึ้น ลดข้อผิดพลาดจากการตั้งค่าด้วยมือ และลดช่องโหว่จากการพึ่งพาเครื่องมือภายนอก ACME (Automated Certificate Management Environment) เป็นโปรโตคอลที่พัฒนาโดย ISRG เพื่อใช้กับ Let's Encrypt ซึ่งช่วยให้การออกใบรับรอง TLS เป็นไปโดยอัตโนมัติและฟรี โดยเวอร์ชันล่าสุด ACMEv2 รองรับ wildcard certificates และวิธีการตรวจสอบที่หลากหลายมากขึ้น การทำงานของ ACME บน NGINX มี 4 ขั้นตอนหลัก: ตั้งค่าเซิร์ฟเวอร์ ACME, จัดสรร shared memory, กำหนด challenge, และออก/ต่ออายุใบรับรอง ซึ่งทั้งหมดสามารถกำหนดได้ผ่าน directive ในไฟล์คอนฟิกของ NGINX โดยตรง ✅ ACME ถูกใช้โดย Let's Encrypt เพื่อออกใบรับรองฟรีแบบอัตโนมัติ ➡️ ช่วยลดต้นทุนและความยุ่งยากในการตั้งค่า HTTPS ✅ Certbot เป็นเครื่องมือยอดนิยมก่อนหน้านี้ แต่ต้องใช้ CLI และ cron jobs ➡️ เสี่ยงต่อข้อผิดพลาดและต้องดูแลแยกต่างหาก ✅ การรวม ACME เข้ากับ NGINX โดยตรงช่วยให้ระบบมีความเสถียรและพกพาได้ดีขึ้น ➡️ ไม่ขึ้นกับระบบปฏิบัติการหรือแพลตฟอร์มเฉพาะ ✅ การใช้ Rust ในการพัฒนาโมดูลช่วยเพิ่มความปลอดภัยและประสิทธิภาพ ➡️ ลดปัญหา memory leak และ buffer overflow https://blog.nginx.org/blog/native-support-for-acme-protocol
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 182 มุมมอง 0 รีวิว
Pages Boosts