• นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”
    ตอนที่ 10 สู้ด้วยท่อ

    ในปี ค.ศ. 2001 เมื่อเห็นชัดว่าประเทศแถบ Baltic จะเข้าร่วมกับ NATO ปูตินเร่งสร้าง ท่าเรือส่งน้ำมันขึ้นที่เมือง Primorsk ริมฝั่งทะเล Baltic การขนส่งน้ำมันจาก Baltic Pipeline System (BPS) เมื่อเสร็จในปี ค.ศ. 2006 จะทำให้การขนส่งน้ำมันที่ต้องพึ่ง กับประเทศ ที่เข้าไปร่วมกับ NATO ใหม่ ๆ เช่น Latvia, Lithrenia, และ Poland ลดน้อยลงไปอย่างมาก Baltic เป็นเส้นทางส่งออกน้ำมันเส้นใหญ่ ของรัสเซียจาก West Siberia และ Timan Pechora ตอนนี้ BPS สามารถขนส่งน้ำมัน มายังตลาดตะวันตก วันละประมาณ 1.3 ล้านบาเรล การดัดหลังสำเร็จตามเป้าหมาย

    ในปี ค.ศ. 2006 นาย Gerhard Schroder นายกรัฐมนตรีของเยอรมันสมัยนั้น ได้รับเลือกเป็นประธาน ของการร่วมงานกันระหว่างเยอรมันกับรัสเซีย ในการก่อสร้างท่อส่งแก๊ซยาว 1200 กิโลเมตร ใต้ทะเล Baltic ซึ่งเริ่มสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 เมื่อเสร็จ จะเชื่อม แก๊ส terminal ที่เมืองท่า Vybog ใกล้ St.Petersberg กับเมือง Greifswald ในเยอรมันตะวันออก เป็นการเชื่อม Heartland กับ Central Europe เข้าด้วยกัน เป็นการเดินหมาก ตรงข้ามกับแผนการที่อังกฤษและอเมริกาต้องการ นับเป็นการดัดหลังที่เฉียบขาด อีกรายการของรัสเซีย
    การร่วมมือระหว่างเยอรมันกับรัส เซียครั้งนี้ แน่นอน ได้รับการประท้วงรอบทิศ รวมทั้งจาก Ukraine และ Poland ซึ่งเสียสภาพประตูหน้าของ Eurasia ไปอย่างไม่รู้ตัว และต้องไม่ลืมว่า ท่อส่งแก๊ซนี้ ส่งตรงจากรัสเซียมาเยอรมัน ในปริมาณ 40% ของแก๊ซที่เยอรมันต้องนำเข้า และยังมีผู้ร่วมลงทุนของรัสเซียที่พร้อมจะส่งแก๊ซมาตามท่อส่งคู่ขนานอีกหลายเจ้า เมื่อเสร็จสมบูรณ์ ท่อส่งแก๊ซคู่ขนานนี้จะสามารถส่งแก๊ซรัสเซียให้เยอรมันได้ถึง 55 billion cubic metres ต่อปี (เขียนตัวเลขไม่ถูกเลยครับ)

    เยอรมันถูกล็อคคอเรียบร้อย คุณนาย Angela Merkel นายกรัฐมนตรีเยอรมันสายอเมริกา คอฝืดกลืนน้ำไม่ลงไปอีกคน แต่สายไปแล้วคุณป้า

    ในเดือนเม.ย ค.ศ. 2006 รัฐบาล Putin เริ่มโครงการ 14 พันล้านเหรียญ เพื่อสร้าง East Siberia Pacific Ocean Pipleine (Espo) ท่อส่งน้ำมันจาก Taishet ใน East Siberia ข้ามมายังชายฝั่งของรัสเซียด้าน Pacific เมื่อเสร็จจะสามารถส่งน้ำมันได้ถึงวันละ 1.6 ล้านบาเรล จาก Siberia มาถึงฝั่งของรัสเซียด้านตะวันออกไกล และจากนั้น ส่งต่อมาทาง Asia Pacific ป้อนให้อาเฮียเพื่อนรักถึงหน้าบ้านและเผื่อแผ่ถึงญี่ปุ่นลูกเลี้ยงอเมริกาด้วย

    นอกจากนี้ จีนยังเจรจากับรัสเซียให้ทำท่อส่ง แยกมาทาง Daqing ของจีนด้วย ถ้าสำเร็จ มันจะเชื่อมรัสเซีย จีน ญี่ปุ่น และประเทศแถวเอเซียแปซิฟิคเข้าด้วยกัน สงสัยแผนของครู Mac และนาย Brzezinski ตัวแสบ จะมีคนอ่านและทำตาม อย่างตรงกันข้ามทุกประการ ใครช่วยพยุงปีกนกอินทรีย์หน่อยครับ กำลังถลาลงมา หัวจะใกล้จะปักดินแล้ว ฮา !
    ประมาณเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2005 Gazprom ของรัสเซีย สร้างท่อส่งใต้ทะเลยาว 1,213 กิโลเมตร มูลค่า 3.2 พันล้านเหรียญ ชื่อ Blue Stream Pipeline เสร็จ ทำให้รัสเซียสามารถส่งแก๊ซ จาก Krasnodar มาใต้ทะเลดำฝั่งของรัสเซีย โผล่ที่ฝั่งของตุรกี และจากจุดนี้ส่งต่อไปยังเมือง Ankara ตุรกี ติดกับดักแก๊ซ ของรัสเซียไปอีกราย เป็นรายสำคัญ เพราะตุรกีคืออาวุธลับของอเมริกาในแถบนี้

    กรีก อิตาลี และแม้กระทั่งอิสราเอล ก็มีการเจรจากับ Gazprom เพื่อขอให้ต่อท่อแก๊ซจาก Blue Stream เส้นทางท่อแก๊ซอีกเส้นของรัสเซีย คือ South-European Gas Pipeline ซึ่งจะสร้างผ่านยุโรปตะวันออกและยุโรปกลาง เป็นเครือข่ายท่อส่งก๊าซระบบใหม่

    ปูตินใช้แผนส่งพลังงานและส่งข้าม Eurasia จากตะวันออกไปตะวันตก จากเหนือไปใต้ แผนนี้วอชิงตันยังหาทางแก้ไม่ได้ แต่หนังยังไม่จบ อเมริกาวางแผนจะเป็นจักรวรรดิอ เมริกา นักล่าหมายเลขหนึ่งมาเป็น 100 ปี จะคว่ำไพ่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรือ ไม่มีทาง แต่อย่าลืมคู่เล่นคราวนี้ ไม่ใช่ธรรมดา แม้ตอนนี้ไม่ได้เป็นจักรวรรดิ แต่จักรวรรดิรัสเซียเคยรุ่งเรื่อง และเลือดนักสู้ของทหารม้าแห่งจักรวรรดิรัสเซียนั้น ไม่ธรรมดาเหมือนกัน

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    30 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 10 สู้ด้วยท่อ ในปี ค.ศ. 2001 เมื่อเห็นชัดว่าประเทศแถบ Baltic จะเข้าร่วมกับ NATO ปูตินเร่งสร้าง ท่าเรือส่งน้ำมันขึ้นที่เมือง Primorsk ริมฝั่งทะเล Baltic การขนส่งน้ำมันจาก Baltic Pipeline System (BPS) เมื่อเสร็จในปี ค.ศ. 2006 จะทำให้การขนส่งน้ำมันที่ต้องพึ่ง กับประเทศ ที่เข้าไปร่วมกับ NATO ใหม่ ๆ เช่น Latvia, Lithrenia, และ Poland ลดน้อยลงไปอย่างมาก Baltic เป็นเส้นทางส่งออกน้ำมันเส้นใหญ่ ของรัสเซียจาก West Siberia และ Timan Pechora ตอนนี้ BPS สามารถขนส่งน้ำมัน มายังตลาดตะวันตก วันละประมาณ 1.3 ล้านบาเรล การดัดหลังสำเร็จตามเป้าหมาย ในปี ค.ศ. 2006 นาย Gerhard Schroder นายกรัฐมนตรีของเยอรมันสมัยนั้น ได้รับเลือกเป็นประธาน ของการร่วมงานกันระหว่างเยอรมันกับรัสเซีย ในการก่อสร้างท่อส่งแก๊ซยาว 1200 กิโลเมตร ใต้ทะเล Baltic ซึ่งเริ่มสร้างตั้งแต่ปี ค.ศ. 2005 เมื่อเสร็จ จะเชื่อม แก๊ส terminal ที่เมืองท่า Vybog ใกล้ St.Petersberg กับเมือง Greifswald ในเยอรมันตะวันออก เป็นการเชื่อม Heartland กับ Central Europe เข้าด้วยกัน เป็นการเดินหมาก ตรงข้ามกับแผนการที่อังกฤษและอเมริกาต้องการ นับเป็นการดัดหลังที่เฉียบขาด อีกรายการของรัสเซีย การร่วมมือระหว่างเยอรมันกับรัส เซียครั้งนี้ แน่นอน ได้รับการประท้วงรอบทิศ รวมทั้งจาก Ukraine และ Poland ซึ่งเสียสภาพประตูหน้าของ Eurasia ไปอย่างไม่รู้ตัว และต้องไม่ลืมว่า ท่อส่งแก๊ซนี้ ส่งตรงจากรัสเซียมาเยอรมัน ในปริมาณ 40% ของแก๊ซที่เยอรมันต้องนำเข้า และยังมีผู้ร่วมลงทุนของรัสเซียที่พร้อมจะส่งแก๊ซมาตามท่อส่งคู่ขนานอีกหลายเจ้า เมื่อเสร็จสมบูรณ์ ท่อส่งแก๊ซคู่ขนานนี้จะสามารถส่งแก๊ซรัสเซียให้เยอรมันได้ถึง 55 billion cubic metres ต่อปี (เขียนตัวเลขไม่ถูกเลยครับ) เยอรมันถูกล็อคคอเรียบร้อย คุณนาย Angela Merkel นายกรัฐมนตรีเยอรมันสายอเมริกา คอฝืดกลืนน้ำไม่ลงไปอีกคน แต่สายไปแล้วคุณป้า ในเดือนเม.ย ค.ศ. 2006 รัฐบาล Putin เริ่มโครงการ 14 พันล้านเหรียญ เพื่อสร้าง East Siberia Pacific Ocean Pipleine (Espo) ท่อส่งน้ำมันจาก Taishet ใน East Siberia ข้ามมายังชายฝั่งของรัสเซียด้าน Pacific เมื่อเสร็จจะสามารถส่งน้ำมันได้ถึงวันละ 1.6 ล้านบาเรล จาก Siberia มาถึงฝั่งของรัสเซียด้านตะวันออกไกล และจากนั้น ส่งต่อมาทาง Asia Pacific ป้อนให้อาเฮียเพื่อนรักถึงหน้าบ้านและเผื่อแผ่ถึงญี่ปุ่นลูกเลี้ยงอเมริกาด้วย นอกจากนี้ จีนยังเจรจากับรัสเซียให้ทำท่อส่ง แยกมาทาง Daqing ของจีนด้วย ถ้าสำเร็จ มันจะเชื่อมรัสเซีย จีน ญี่ปุ่น และประเทศแถวเอเซียแปซิฟิคเข้าด้วยกัน สงสัยแผนของครู Mac และนาย Brzezinski ตัวแสบ จะมีคนอ่านและทำตาม อย่างตรงกันข้ามทุกประการ ใครช่วยพยุงปีกนกอินทรีย์หน่อยครับ กำลังถลาลงมา หัวจะใกล้จะปักดินแล้ว ฮา ! ประมาณเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2005 Gazprom ของรัสเซีย สร้างท่อส่งใต้ทะเลยาว 1,213 กิโลเมตร มูลค่า 3.2 พันล้านเหรียญ ชื่อ Blue Stream Pipeline เสร็จ ทำให้รัสเซียสามารถส่งแก๊ซ จาก Krasnodar มาใต้ทะเลดำฝั่งของรัสเซีย โผล่ที่ฝั่งของตุรกี และจากจุดนี้ส่งต่อไปยังเมือง Ankara ตุรกี ติดกับดักแก๊ซ ของรัสเซียไปอีกราย เป็นรายสำคัญ เพราะตุรกีคืออาวุธลับของอเมริกาในแถบนี้ กรีก อิตาลี และแม้กระทั่งอิสราเอล ก็มีการเจรจากับ Gazprom เพื่อขอให้ต่อท่อแก๊ซจาก Blue Stream เส้นทางท่อแก๊ซอีกเส้นของรัสเซีย คือ South-European Gas Pipeline ซึ่งจะสร้างผ่านยุโรปตะวันออกและยุโรปกลาง เป็นเครือข่ายท่อส่งก๊าซระบบใหม่ ปูตินใช้แผนส่งพลังงานและส่งข้าม Eurasia จากตะวันออกไปตะวันตก จากเหนือไปใต้ แผนนี้วอชิงตันยังหาทางแก้ไม่ได้ แต่หนังยังไม่จบ อเมริกาวางแผนจะเป็นจักรวรรดิอ เมริกา นักล่าหมายเลขหนึ่งมาเป็น 100 ปี จะคว่ำไพ่ยอมแพ้ง่าย ๆ หรือ ไม่มีทาง แต่อย่าลืมคู่เล่นคราวนี้ ไม่ใช่ธรรมดา แม้ตอนนี้ไม่ได้เป็นจักรวรรดิ แต่จักรวรรดิรัสเซียเคยรุ่งเรื่อง และเลือดนักสู้ของทหารม้าแห่งจักรวรรดิรัสเซียนั้น ไม่ธรรมดาเหมือนกัน สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 30 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 239 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง”

    ตอนที่ 9 ฝันสลาย

    ภูมิศาสตร์การเมืองเกี่ยวกับพลังงานของรัสเซีย เริ่มสำแดงรังสี เมื่อประมาณปี ค.ศ. 2003 ขณะที่อเมริกากำลังเล่นเอาทหารเข้าไปตั้งแคมป์อยู่เมือง Iraq และตะวันออกกลาง คุณพี่ปูตินออกคำสั่งจับ มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย Milkhail Khodorkovsky โทษฐานหนีภาษีและอายัดหุ้นที่ นาย Kho ถืออยู่ในบริษัทนำมันยักษ์ใหญ่ Yukos Oil Group เตรียมยึดเป็นของหลวง

    โลกช็อคกับการออกคำสั่งของคุณพี่ ปู CNN ออกข่าว เผด็จการกำลังสำแดงอำนาจ (ประโยคหากินของ CNN) เหตุผลของการสั่งจับ นาย Kho เกิดขึ้นไม่นาน หลังจากมีรายงานที่ไม่เปิดเผยบอก ว่า นาย Kho ได้ไปพบ รองประธานาธิบดี **** Cheney ที่วอชิงตันในเดือน ก.ค. หลังจากคุยกับนาย Cheney นาย Kho ก็เริ่มเดินสายคุยกับ Exxon Mobil และ Chevron Texaco เกี่ยวกับการซื้อหุ้น ประมาณ 40% ของ Yukos พูดง่าย ๆ นาย Kho กำลังเป็นตัวกลางเจรจาแทนวอชิงตัน เพื่อซื้อหุ้น Yukos นี่มันเป็นการหักหลัง หรือกบฎต่อคุณพี่ปูตินเลยเชียวนะ

    40% ของหุ้นในบริษัท Yukos ของรัสเซีย จะทำให้วอชิงตัน มีอำนาจ (ผ่านบริษัทน้ำมันหน้าม้าทั้งหลาย) ในการกำหนดอนาคตของรัสเซีย ในการเจรจาเกี่ยวกับท่อก๊าซและน้ำมัน ก่อนหน้าการจับกุมไม่เท่าไหร่ นาย Kho ได้ต้อนรับ นายบุชคนพ่อ ที่มา Moscow ในฐานะตัวแทนของ Carlyle Group เพื่อมาหารือ เรื่องที่ฝ่ายอเมริกาจะซื้อหุ้น Yukos (หลังจากเกิดเรื่อง นาย Bush ได้แอบยื่นใบลาออกจาก Carlyle !) รายงานบอกด้วยว่า นาย Kho นี้มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของ Carlyle Group ด้วย
    Carlyle Group ยังมีหุ้นส่วนสำคัญคือ. อดีตรัฐมนตรีกลาโหมของอเมริกา ชื่อ Frank Carlucci นอกเหนือจากอดีตรัฐมนตรี ตปท. คือ นาย James Baker III ที่รู้ ๆ กันอยู่ว่า สนิทกับใครบ้างในดินแดนของสมันน้อย

    ขณะที่ นาย Kho ถูกจับ บริษัท Yukos กำลังเริ่มดำเนินการซื้อหุ้นของ Sibneft กลุ่มบริษัทผู้ผลิตและกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซี ย ถ้ารวม Yukos กับ Sibneft เข้าด้วยกัน ด้วยปริมาณ 19.5 พันล้าน barrel ของน้ำมันและแก๊ซ จะทำให้ Yukos-Sibneft มีปริมาณน้ำมันและแก๊ซมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจาก Exxon Mobil การแอบซื้อหุ้น Yukos -Sibneft จะโดย Exxon หรือ Chevron ก็ตาม มันเหมือนเป็นการทำรัฐประหารยึดอำนาจทางวงการน้ำมันที่ใหญ่ ที่สุด Cheney รู้เรื่องนี้ Bush รู้เรื่องนี้ นาย Kho รู้เรื่องนี้ และที่สำคัญ คุณพี่ปูตินก็รู้เรื่องนี้ และตัดสินใจลงมือจัดการระงับการขายชาติอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว (ผมฝันว่า จะได้เห็น การตัดสินใจเด็ดขาดและรวดเร็วแบบนี้ เกิดขึ้นในบ้านเรานะครับ ! )

    ในราวปลายปี ค.ศ. 2004 มอสโคว์มองเห็นชัดเจนแล้วว่า สงครามเย็นครั้งใหม่กำลังเริ่มขึ้นแล้ว สงครามเย็นครั้งนี้สาเหตุมาจากรัสเซียมีทรัพยากรพลังงานมากเกินไป บอกแล้ว คุณพี่ปูติน ถึงจะมีคนไม่น้อยที่ไม่ชอบหน้าคุณพี่ แต่คุณพี่ไม่ยอมให้ใครมาหยามหน้ารัสเซียอีกแล้ว ยุทธศาสตร์ของคุณพี่ปูตินครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่ป้องกัน แต่เป็นการรุกกลับ และรุกคืบ โดยการใช้ท่อส่งน้ำมันและแก็ซเป็นอาวุธ ที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง (แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมเชียร์คุณพี่ปูติน ออกนอกหน้าได้ยังไง)

    เมื่อดูสภาพความเป็นอยู่ของชาวรัสเซียในปี ค.ศ. 2004 ก็อยู่ในสภาพธรรมดา ไม่หรูหรา แต่ถ้ามองกันที่สภาพของประเทศ ต้องบอกว่ารัสเซียอู้ฟู้ มีทรัพย์สมบัติมหาศาล ในแง่เขตแดนก็ต้องบอกว่ากว้างใหญ่สุดสายตา เป็นประเทศที่มีอาณาเขตบริเวณใหญ่ที่สุดในโลก ด้านหนึ่ง ชนมหาสมุทรแปซิฟิค อีกด้านชนหน้าประตูของยุโรป ดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลนี้มีทรัพยากรมหาศาลตามไปด้วย โดยเฉพาะมีแก๊ซธรรมชาติมากเป็นอันดับ 1 ของโลก รัสเซียเป็นประเทศเดียวในโลก ที่อาจจะมีกำลังทหารพอฟัดกับอเมริกา แม้ว่าจะสหภาพโซเวียตจะล่มสลายไปแล้วก็ตาม แต่เลือดนักสู้เก่าด้านการทหารไม่ได้สลายตามไปด้วย
    รัสเซียมีบ่อน้ำมันมากกว่า 130,000 บ่อ และมีน้ำมันและแก๊ซ (deposits) อีกประมาณ 2,000 แหล่ง มี oil reserves ประมาณ 150 พันล้านบาเรล เช่นเดียวกับ Iraq หรืออาจจะมากกว่า เพราะยังไม่ได้ขุดสำรวจหมดเนื่องจากอยู่ไกลแถวขั้วโลก

    เครือข่ายท่อส่งน้ำมันและแก๊ซเป็น ของรัฐบาล ยาวประมาณ 150,000 กิโลเมตรข้ามประเทศ ตามกฎหมาย Gazprom ซึ่งเป็นของรัฐบาลเท่านั้น ที่มีสิทธิใช้ท่อส่ง ท่อส่งน้ำมันและแก๊ซนี้เป็นทรัพย์สินและอาวุธที่สำคัญที่สุดของรัสเซีย ยิ่งกว่าตัวน้ำมันและแก๊ซเอง และนี่คือหัวใจของการใช้ยุทธศาสตร์พลังงานของคุณพี่ปูตินในการรักษาประเทศไว้

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    29 มิย. 2557
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “หักหน้า หักหลัง” ตอนที่ 9 ฝันสลาย ภูมิศาสตร์การเมืองเกี่ยวกับพลังงานของรัสเซีย เริ่มสำแดงรังสี เมื่อประมาณปี ค.ศ. 2003 ขณะที่อเมริกากำลังเล่นเอาทหารเข้าไปตั้งแคมป์อยู่เมือง Iraq และตะวันออกกลาง คุณพี่ปูตินออกคำสั่งจับ มหาเศรษฐีชาวรัสเซีย Milkhail Khodorkovsky โทษฐานหนีภาษีและอายัดหุ้นที่ นาย Kho ถืออยู่ในบริษัทนำมันยักษ์ใหญ่ Yukos Oil Group เตรียมยึดเป็นของหลวง โลกช็อคกับการออกคำสั่งของคุณพี่ ปู CNN ออกข่าว เผด็จการกำลังสำแดงอำนาจ (ประโยคหากินของ CNN) เหตุผลของการสั่งจับ นาย Kho เกิดขึ้นไม่นาน หลังจากมีรายงานที่ไม่เปิดเผยบอก ว่า นาย Kho ได้ไปพบ รองประธานาธิบดี Dick Cheney ที่วอชิงตันในเดือน ก.ค. หลังจากคุยกับนาย Cheney นาย Kho ก็เริ่มเดินสายคุยกับ Exxon Mobil และ Chevron Texaco เกี่ยวกับการซื้อหุ้น ประมาณ 40% ของ Yukos พูดง่าย ๆ นาย Kho กำลังเป็นตัวกลางเจรจาแทนวอชิงตัน เพื่อซื้อหุ้น Yukos นี่มันเป็นการหักหลัง หรือกบฎต่อคุณพี่ปูตินเลยเชียวนะ 40% ของหุ้นในบริษัท Yukos ของรัสเซีย จะทำให้วอชิงตัน มีอำนาจ (ผ่านบริษัทน้ำมันหน้าม้าทั้งหลาย) ในการกำหนดอนาคตของรัสเซีย ในการเจรจาเกี่ยวกับท่อก๊าซและน้ำมัน ก่อนหน้าการจับกุมไม่เท่าไหร่ นาย Kho ได้ต้อนรับ นายบุชคนพ่อ ที่มา Moscow ในฐานะตัวแทนของ Carlyle Group เพื่อมาหารือ เรื่องที่ฝ่ายอเมริกาจะซื้อหุ้น Yukos (หลังจากเกิดเรื่อง นาย Bush ได้แอบยื่นใบลาออกจาก Carlyle !) รายงานบอกด้วยว่า นาย Kho นี้มีตำแหน่งเป็นที่ปรึกษาของ Carlyle Group ด้วย Carlyle Group ยังมีหุ้นส่วนสำคัญคือ. อดีตรัฐมนตรีกลาโหมของอเมริกา ชื่อ Frank Carlucci นอกเหนือจากอดีตรัฐมนตรี ตปท. คือ นาย James Baker III ที่รู้ ๆ กันอยู่ว่า สนิทกับใครบ้างในดินแดนของสมันน้อย ขณะที่ นาย Kho ถูกจับ บริษัท Yukos กำลังเริ่มดำเนินการซื้อหุ้นของ Sibneft กลุ่มบริษัทผู้ผลิตและกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดของรัสเซี ย ถ้ารวม Yukos กับ Sibneft เข้าด้วยกัน ด้วยปริมาณ 19.5 พันล้าน barrel ของน้ำมันและแก๊ซ จะทำให้ Yukos-Sibneft มีปริมาณน้ำมันและแก๊ซมากเป็นอันดับ 2 ของโลก รองจาก Exxon Mobil การแอบซื้อหุ้น Yukos -Sibneft จะโดย Exxon หรือ Chevron ก็ตาม มันเหมือนเป็นการทำรัฐประหารยึดอำนาจทางวงการน้ำมันที่ใหญ่ ที่สุด Cheney รู้เรื่องนี้ Bush รู้เรื่องนี้ นาย Kho รู้เรื่องนี้ และที่สำคัญ คุณพี่ปูตินก็รู้เรื่องนี้ และตัดสินใจลงมือจัดการระงับการขายชาติอย่างเด็ดขาดและรวดเร็ว (ผมฝันว่า จะได้เห็น การตัดสินใจเด็ดขาดและรวดเร็วแบบนี้ เกิดขึ้นในบ้านเรานะครับ ! ) ในราวปลายปี ค.ศ. 2004 มอสโคว์มองเห็นชัดเจนแล้วว่า สงครามเย็นครั้งใหม่กำลังเริ่มขึ้นแล้ว สงครามเย็นครั้งนี้สาเหตุมาจากรัสเซียมีทรัพยากรพลังงานมากเกินไป บอกแล้ว คุณพี่ปูติน ถึงจะมีคนไม่น้อยที่ไม่ชอบหน้าคุณพี่ แต่คุณพี่ไม่ยอมให้ใครมาหยามหน้ารัสเซียอีกแล้ว ยุทธศาสตร์ของคุณพี่ปูตินครั้งนี้ จึงไม่ใช่แค่ป้องกัน แต่เป็นการรุกกลับ และรุกคืบ โดยการใช้ท่อส่งน้ำมันและแก็ซเป็นอาวุธ ที่มีประสิทธิภาพอย่างยิ่ง (แล้วอย่างนี้จะไม่ให้ผมเชียร์คุณพี่ปูติน ออกนอกหน้าได้ยังไง) เมื่อดูสภาพความเป็นอยู่ของชาวรัสเซียในปี ค.ศ. 2004 ก็อยู่ในสภาพธรรมดา ไม่หรูหรา แต่ถ้ามองกันที่สภาพของประเทศ ต้องบอกว่ารัสเซียอู้ฟู้ มีทรัพย์สมบัติมหาศาล ในแง่เขตแดนก็ต้องบอกว่ากว้างใหญ่สุดสายตา เป็นประเทศที่มีอาณาเขตบริเวณใหญ่ที่สุดในโลก ด้านหนึ่ง ชนมหาสมุทรแปซิฟิค อีกด้านชนหน้าประตูของยุโรป ดินแดนกว้างใหญ่ไพศาลนี้มีทรัพยากรมหาศาลตามไปด้วย โดยเฉพาะมีแก๊ซธรรมชาติมากเป็นอันดับ 1 ของโลก รัสเซียเป็นประเทศเดียวในโลก ที่อาจจะมีกำลังทหารพอฟัดกับอเมริกา แม้ว่าจะสหภาพโซเวียตจะล่มสลายไปแล้วก็ตาม แต่เลือดนักสู้เก่าด้านการทหารไม่ได้สลายตามไปด้วย รัสเซียมีบ่อน้ำมันมากกว่า 130,000 บ่อ และมีน้ำมันและแก๊ซ (deposits) อีกประมาณ 2,000 แหล่ง มี oil reserves ประมาณ 150 พันล้านบาเรล เช่นเดียวกับ Iraq หรืออาจจะมากกว่า เพราะยังไม่ได้ขุดสำรวจหมดเนื่องจากอยู่ไกลแถวขั้วโลก เครือข่ายท่อส่งน้ำมันและแก๊ซเป็น ของรัฐบาล ยาวประมาณ 150,000 กิโลเมตรข้ามประเทศ ตามกฎหมาย Gazprom ซึ่งเป็นของรัฐบาลเท่านั้น ที่มีสิทธิใช้ท่อส่ง ท่อส่งน้ำมันและแก๊ซนี้เป็นทรัพย์สินและอาวุธที่สำคัญที่สุดของรัสเซีย ยิ่งกว่าตัวน้ำมันและแก๊ซเอง และนี่คือหัวใจของการใช้ยุทธศาสตร์พลังงานของคุณพี่ปูตินในการรักษาประเทศไว้ สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 29 มิย. 2557
    0 Comments 0 Shares 292 Views 0 Reviews
  • ‘ภูมิธรรม’ ยก ‘ท่านทักษิณ’ กล้าเผชิญหน้า! จะหนีก็ได้แต่ท่านก็กลับมา ลั่นได้ใจคน ยกย่องเป็นนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่!
    https://www.thai-tai.tv/news/21454/
    .
    #ไทยไท #ภูมิธรรมเวชยชัย #ทักษิณชินวัตร #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    ‘ภูมิธรรม’ ยก ‘ท่านทักษิณ’ กล้าเผชิญหน้า! จะหนีก็ได้แต่ท่านก็กลับมา ลั่นได้ใจคน ยกย่องเป็นนักสู้ผู้ยิ่งใหญ่! https://www.thai-tai.tv/news/21454/ . #ไทยไท #ภูมิธรรมเวชยชัย #ทักษิณชินวัตร #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 175 Views 0 Reviews
  • ความแข็งแกร่งที่งดงาม! เปิดตัวผ้าไหมไทยลาย "แม่ย่านาง Gripen" ผสานเครื่องบินขับไล่กับภูมิปัญญาไทย สะท้อนหัวใจนักสู้ของชาติ
    https://www.thai-tai.tv/news/21120/
    .
    #Gripen #แม่ย่านางGripen #ผ้าไทย #กองทัพอากาศ #รวมใจไทยเป็นหนึ่งเดียว #ไทยไท
    ความแข็งแกร่งที่งดงาม! เปิดตัวผ้าไหมไทยลาย "แม่ย่านาง Gripen" ผสานเครื่องบินขับไล่กับภูมิปัญญาไทย สะท้อนหัวใจนักสู้ของชาติ https://www.thai-tai.tv/news/21120/ . #Gripen #แม่ย่านางGripen #ผ้าไทย #กองทัพอากาศ #รวมใจไทยเป็นหนึ่งเดียว #ไทยไท
    0 Comments 0 Shares 188 Views 0 Reviews
  • ตอน 14
    เล่าเรื่องชาว บ้านซะหลายมื้อ กลับเข้ามาบ้านเราต่อดีกว่า เดี๋ยวท่านผู้อ่านจะงง มันจะเล่าเรื่องอะไรกันแน่นะ ก็แหมมันต้องให้เห็นภาพ บอกแล้วอย่าดูแต่สิ่งที่เห็นข้างหน้าอย่างเดียว หัดมองภาพกว้าง ภาพลึก 3 มิติบ้าง
    จิ๊กโก๋๋ไปหากินอยู่ซอยอื่น ตั้งแต่ปี ค.ศ.1978 จนเดี๋ยวนี้ยังพล่านอยู่ เพราะฉะนั้นตั้งแต่รัฐบาลคุณป๋าจ๊อกกี้ จนมาถึงคุณน้าชาติ ขวัญใจนักธุรกิจสาวอินเตอร์ บ้านเราจึงแบ่งกันกินแย่งกันกัด โดยไม่มีจิ๊กโก๋๋ต่างถิ่นมาขัดคอ
    มาเกิดเหตุบังเอิญ ตอนคุณน้าขวัญใจนักธุรกิจสาวอินเตอร์ แกจัดงานเลี้ยงบุพเฟ่ต์บ่อยไปหน่อย แถมอาหารแต่ละจาน มันก็มีพวกจิ๊กโก๋๋อยากร่วมวงรับประทานกินด้วย เรื่องบังเอิญมันถึงได้เกิด ไทยแลนด์แดนสยาม จึงมีนายกชื่อ คุณน้านัน จำได้ใช่ไหมครับ
    พอคุณน้านันเป็นนายก นอกจากจะจัดสรรเมนูอาหารให้ถูกปากแล้ว รัฐบาลคุณน้านัน ยังเป็นรัฐบาลที่ออกกฎหมาย เกี่ยวกับการทำธุรกิจ ธุรกรรมการเงิน อีกมากมาย รวมทั้งการเปิดเสรีทางการเงินอีกด้วย พร้อมทั้งจัดให้มีการร่างรัฐธรรมนูญและเลือกตั้งใหม่ เราต้องเป็นประชาธิปไตย เราต้องมีธรรมาภิบาล ฯลฯ นโยบายของคุณน้านันนี่ ถ้าไม่เขียนออกมาเป็นภาษาไทยว่า นโยบายนายกอานันท์นี่ เผลอๆ ท่านผู้อ่านจะนึกว่ากำลังอ่าน Doctrine ต่างๆ ของพี่เบิ้มอเมริกา
    เลือกตั้งแล้ว เราก็ได้รัฐบาลปี๋ชวนเชื่องช้า รัฐบาลป๋าเติ้งปลาโหลตัวสั้นแลบลิ้นแผล็บๆ รัฐบาลน้าจิ๋วจอมมั่ว แล้วก็กลับมาปี๋ชวนเชื่องช้าอีก เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเหมือนสมัยรัฐบาลทหาร พอเป็นรัฐบาลพลเรือน ก็ไม่ต่างกัน แบ่งกันกินแย่งกันกัดเหมือนเดิม
    แล้วไง จิ๊กโก๋๋ก็ยังไปวุ่นอยู่ซอยอื่น เพราะคิดว่า สมันน้อยมันเหลือแต่กระดูกแล้ว ไม่มีความหมายแล้ว สมันแดนอื่นมันน่าหม่ำกว่าแยะ
    พ.ศ.2540 (ค.ศ.1997) ช่วงรัฐบาลน้าจิ๋วจอมมั่ว เป็นนายก บริหารเก่งจนเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง ดังไปทั่วโลก น้อยใจยุบสภากลับบ้าน ไปนอนซบน้าเครือตู้ทองเคลื่อนที่ดีกว่า ปี๋ชวนเชื่องช้ากลับเข้ามาเป็นรัฐบาล ไทยแลนด์กระเป๋าฉีกขาดกระจุย เงินคงคลังเหลือแต่คลัง ไม่มีเงินคงเหลือ อ้ายน้อยธารินทร์รมว.คลังที่ทุกคนรอคอยยังกะเทวดามาโปรด นักเรียนเก่าฮาร์วาร์ด บอกอย่ากระนั้นเลย เราต้องไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนเก่าสถาบันเดียวกัน จิ๊กโก๋๋แถววอชิงตันน่าจะช่วยเราได้
    เป็นไปตามคาด (ไม่รู้ใครคาด) จิ๊กโก๋๋วอชิงตันบอกเสียใจนะ อ้ายน้อย ไอให้ยูยืมเงินไม่ได้หรอก แต่ไอก็ไม่ทิ้งยู ยูไปเข้าโปรแกรม IMF ล่ะกันนะ ไอจะแนะนำไปให้ อ้ายน้อยเดินหน้าขรึมกลับบ้าน บอกปี๋ชวน เขาช่วยเราโดยให้ไปกู้ IMF 5 5 5
    เงินกู้ IMF มาพร้อมกับเงื่อนไข 508 ประการ เช่นการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ที่สำคัญเกิด ปรากฏการณ์ปิด 56 ไฟแนนซ์ (เบื้องหลังการปิดไฟแนนซ์นี่ ถ้าจะต้องไปตามอ่านจากเพจคุณThanong Fanclub น่าจะดีกว่า!)
    เจ้าสัวทั้งหลายแทบจะเดินเอากระจาดปิดก้นกันเป็นแถว พ่อค้าจีนไทยเจ๊ง ตลาดหุ้นเจ๊ง ธุรกิจพัง อสังหาริม ทรัพย์ร้าง ขนาดอาเฮียนักการเงินเดินหน้าแห้งบอก ตูไปขายแซนด์วิชดีกว่า
    อืม เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดจริงๆ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เขียนเหมือนสนุก แต่มันเจ็บลึก เจ็บจริงๆ นี่ยังไม่นับเรื่องการซื้อขายทรัพย์สินของ ปรส. นะ
    ภารกิจ IMF นี่มันซับซ้อนต้องเล่ากันยาว แต่เล่ามาเท่านี้ นักฟังนิทานก็น่าจะพอเดากันออกบ้างว่า มันวางไลน์กันอย่างไร
    ต้องบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ว่า ไทยเคยเสียอธิปไตยให้แก่อเมริกาครั้งแรก เมื่อคราวปี พ.ศ.2505 -2515 สมัยสงครามเวียตนาม อเมริกาใช้ไทยเป็นฐานทัพ โดยไม่มีเอกสารสัญญาเป็นเรื่องเป็นราว การปฏิบัติการรบทางอากาศที่อาศัยฐานทัพ 7 แห่งในบ้านเรา อนุมัติโดยอเมริกา และทหารอเมริกันมีสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ไม่ต้องขึ้นศาลไทย
    แต่ไทยก็ไม่เคยรู้ซึ้ง ถึงเล่ห์รักของเพื่อน เชื่อใจเขา จนถึงปี พ.ศ.2540 ไทยก็เสียอธิปไตยอีกครั้ง ครั้งนี้จากการปฎิเสธความช่วยเหลือไทยของประธานาธิบดีคลินตัน โดยให้ไทยเข้าโครงการ IMF แทน!
    ผลของโครงการ IMF เปิดทางให้ต่างชาติ ครอบงำธุรกิจไทยเบ็ดเสร็จ ไม่ว่าอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจ อุตสาหกรรม ที่สำคัญสถาบันการเงินไทย ถูกต่างชาติเข้ามาครอบงำ จนทุกวันนี้ มีธนาคารชื่อไทย แต่ไส้เป็นของต่าง ชาติกี่ธนาคาร คำตอบคือ เกือบหมด ไปหารายงานของตลาดหลักทรัพย์หรือธนาคารแห่งประเทศไทยอ่านซะบ้าง จะได้รู้สภาพประเทศตัวเองเป็นอย่างไร อย่าหลงเทิดทูนหัวทองตาสีฟ้ากันมากนัก เทิดทูนจนถึงกับฟอกผม ฟอกผิวนี่นะ มันยิ่งกว่างี่เง่าอีกนะ
    แต่วิกฤติการณ์ต้มยำกุ้ง เงินกู้ IMF ก็ไม่ทำให้สมันน้อยรู้ตัว
    ถ้าเราเคยดูหนังสารคดี discovery เราจะเห็นนิสัยของสัตว์อ่อนแอ พวกนี้ชัดเจน
    พวกมันเคยวิ่งข้ามแม่น้ำนี้แล้ว โดนจระเข้กัด ขึ้นบกเจอสิงโตตะปบ มากี่ฤดู ก็ทำมันซ้ำซากอยู่นั่น ไม่เคยคิดเปลี่ยนเส้นทาง แต่มันก็เป็นเพียงสมันน้อย ไม่มีสมองเหมือนมนุษย์
    ชนชาวไทยเคยเป็นนักสู้ บรรพบุรุษกู้บ้านรักษาเมืองมาตลอด เราถึงมีบ้านเมืองเหลืออยู่จนทุกวันนี้ มาสมัยนี้ เรามีแต่สมันน้อยกลัวภัย เซ่อกิน ไม่คิดต่อสู้ป้องกันตัวเลย รู้ว่าจระเข้คอยอยู่ในน้ำ สิงโตคอยอยู่บนฝั่ง ก็ยังดันวิ่งเข้าไปใส่ นิทานเรื่องนี้มันสอนอะไรได้บ้างไหมหนอ
    เขาว่า โชคร้ายมักมาซ้ำสอง หลังจากปี๋ชวนกะอ้ายน้อย โดนจิ๊กโก๋๋วอซิงตันหักหลังจนเดินไม่เป็น ลี้กายหายวับ ก็เกิดมีอัศวินควายดำโผล่ขึ้นมา อัศวินควายดำหน้าเหลี่ยมใช้เล่ห์ และขนมหลายพันล้านห่อ จัดการจนตัวเองได้เป็นรัฐบาล พอเป็นรัฐบาลไม่เท่าไหร่ก็ประกาศศักดา UN ไม่ใช่พ่อ (แต่เป็นปู่ ฮา ฮา) จะใช้หนี้ IMF ให้หมด ไทยจะได้เป็นไทแก่ตัว ไม่ต้องเป็นหนี้เขา ว่าแล้วก็อัดนโยบายประชานิยม มาให้ดินแดนแห่งสมันน้อยเต็มพิกัด
    สมันน้อยแค่จะคิดเอาตัวรอดไปวันๆ ก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ก็คิดไม่เก่งน่ะนะ ยังมาเจอเหลี่ยมอัศวินควายดำ จะไปเหลืออะไร โอ้ย! เขาเก่งนะ เขารวยแล้วไม่โกง ฮา 500 หน
    แล้วอัศวินควายดำนี่ชาญฉลาดมาจากไหน อยู่ดีๆ ก็โผล่จากรูมาหรือไร อันนี้ต้องไปหาหนังสือประเภทรู้ทันเหลี่ยม 1,2,3,4,5 ถึง 100 มาอ่าน ก็จะได้พอรู้ประวัติ รู้พัฒนาการเล่ห์ของเหลี่ยมเขา แต่นิทานเรื่องนี้จะเล่าเรื่องที่หนังสือรู้ทัน ไม่ได้เขียนไว้ดีไหม

    คนเล่านิทาน
    ตอน 14 เล่าเรื่องชาว บ้านซะหลายมื้อ กลับเข้ามาบ้านเราต่อดีกว่า เดี๋ยวท่านผู้อ่านจะงง มันจะเล่าเรื่องอะไรกันแน่นะ ก็แหมมันต้องให้เห็นภาพ บอกแล้วอย่าดูแต่สิ่งที่เห็นข้างหน้าอย่างเดียว หัดมองภาพกว้าง ภาพลึก 3 มิติบ้าง จิ๊กโก๋๋ไปหากินอยู่ซอยอื่น ตั้งแต่ปี ค.ศ.1978 จนเดี๋ยวนี้ยังพล่านอยู่ เพราะฉะนั้นตั้งแต่รัฐบาลคุณป๋าจ๊อกกี้ จนมาถึงคุณน้าชาติ ขวัญใจนักธุรกิจสาวอินเตอร์ บ้านเราจึงแบ่งกันกินแย่งกันกัด โดยไม่มีจิ๊กโก๋๋ต่างถิ่นมาขัดคอ มาเกิดเหตุบังเอิญ ตอนคุณน้าขวัญใจนักธุรกิจสาวอินเตอร์ แกจัดงานเลี้ยงบุพเฟ่ต์บ่อยไปหน่อย แถมอาหารแต่ละจาน มันก็มีพวกจิ๊กโก๋๋อยากร่วมวงรับประทานกินด้วย เรื่องบังเอิญมันถึงได้เกิด ไทยแลนด์แดนสยาม จึงมีนายกชื่อ คุณน้านัน จำได้ใช่ไหมครับ พอคุณน้านันเป็นนายก นอกจากจะจัดสรรเมนูอาหารให้ถูกปากแล้ว รัฐบาลคุณน้านัน ยังเป็นรัฐบาลที่ออกกฎหมาย เกี่ยวกับการทำธุรกิจ ธุรกรรมการเงิน อีกมากมาย รวมทั้งการเปิดเสรีทางการเงินอีกด้วย พร้อมทั้งจัดให้มีการร่างรัฐธรรมนูญและเลือกตั้งใหม่ เราต้องเป็นประชาธิปไตย เราต้องมีธรรมาภิบาล ฯลฯ นโยบายของคุณน้านันนี่ ถ้าไม่เขียนออกมาเป็นภาษาไทยว่า นโยบายนายกอานันท์นี่ เผลอๆ ท่านผู้อ่านจะนึกว่ากำลังอ่าน Doctrine ต่างๆ ของพี่เบิ้มอเมริกา เลือกตั้งแล้ว เราก็ได้รัฐบาลปี๋ชวนเชื่องช้า รัฐบาลป๋าเติ้งปลาโหลตัวสั้นแลบลิ้นแผล็บๆ รัฐบาลน้าจิ๋วจอมมั่ว แล้วก็กลับมาปี๋ชวนเชื่องช้าอีก เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาเหมือนสมัยรัฐบาลทหาร พอเป็นรัฐบาลพลเรือน ก็ไม่ต่างกัน แบ่งกันกินแย่งกันกัดเหมือนเดิม แล้วไง จิ๊กโก๋๋ก็ยังไปวุ่นอยู่ซอยอื่น เพราะคิดว่า สมันน้อยมันเหลือแต่กระดูกแล้ว ไม่มีความหมายแล้ว สมันแดนอื่นมันน่าหม่ำกว่าแยะ พ.ศ.2540 (ค.ศ.1997) ช่วงรัฐบาลน้าจิ๋วจอมมั่ว เป็นนายก บริหารเก่งจนเกิดวิกฤติต้มยำกุ้ง ดังไปทั่วโลก น้อยใจยุบสภากลับบ้าน ไปนอนซบน้าเครือตู้ทองเคลื่อนที่ดีกว่า ปี๋ชวนเชื่องช้ากลับเข้ามาเป็นรัฐบาล ไทยแลนด์กระเป๋าฉีกขาดกระจุย เงินคงคลังเหลือแต่คลัง ไม่มีเงินคงเหลือ อ้ายน้อยธารินทร์รมว.คลังที่ทุกคนรอคอยยังกะเทวดามาโปรด นักเรียนเก่าฮาร์วาร์ด บอกอย่ากระนั้นเลย เราต้องไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนเก่าสถาบันเดียวกัน จิ๊กโก๋๋แถววอชิงตันน่าจะช่วยเราได้ เป็นไปตามคาด (ไม่รู้ใครคาด) จิ๊กโก๋๋วอชิงตันบอกเสียใจนะ อ้ายน้อย ไอให้ยูยืมเงินไม่ได้หรอก แต่ไอก็ไม่ทิ้งยู ยูไปเข้าโปรแกรม IMF ล่ะกันนะ ไอจะแนะนำไปให้ อ้ายน้อยเดินหน้าขรึมกลับบ้าน บอกปี๋ชวน เขาช่วยเราโดยให้ไปกู้ IMF 5 5 5 เงินกู้ IMF มาพร้อมกับเงื่อนไข 508 ประการ เช่นการออกกฎหมายขายชาติ 11 ฉบับ ที่สำคัญเกิด ปรากฏการณ์ปิด 56 ไฟแนนซ์ (เบื้องหลังการปิดไฟแนนซ์นี่ ถ้าจะต้องไปตามอ่านจากเพจคุณThanong Fanclub น่าจะดีกว่า!) เจ้าสัวทั้งหลายแทบจะเดินเอากระจาดปิดก้นกันเป็นแถว พ่อค้าจีนไทยเจ๊ง ตลาดหุ้นเจ๊ง ธุรกิจพัง อสังหาริม ทรัพย์ร้าง ขนาดอาเฮียนักการเงินเดินหน้าแห้งบอก ตูไปขายแซนด์วิชดีกว่า อืม เพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดจริงๆ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เขียนเหมือนสนุก แต่มันเจ็บลึก เจ็บจริงๆ นี่ยังไม่นับเรื่องการซื้อขายทรัพย์สินของ ปรส. นะ ภารกิจ IMF นี่มันซับซ้อนต้องเล่ากันยาว แต่เล่ามาเท่านี้ นักฟังนิทานก็น่าจะพอเดากันออกบ้างว่า มันวางไลน์กันอย่างไร ต้องบันทึกไว้เป็นประวัติศาสตร์ว่า ไทยเคยเสียอธิปไตยให้แก่อเมริกาครั้งแรก เมื่อคราวปี พ.ศ.2505 -2515 สมัยสงครามเวียตนาม อเมริกาใช้ไทยเป็นฐานทัพ โดยไม่มีเอกสารสัญญาเป็นเรื่องเป็นราว การปฏิบัติการรบทางอากาศที่อาศัยฐานทัพ 7 แห่งในบ้านเรา อนุมัติโดยอเมริกา และทหารอเมริกันมีสิทธิสภาพนอกอาณาเขต ไม่ต้องขึ้นศาลไทย แต่ไทยก็ไม่เคยรู้ซึ้ง ถึงเล่ห์รักของเพื่อน เชื่อใจเขา จนถึงปี พ.ศ.2540 ไทยก็เสียอธิปไตยอีกครั้ง ครั้งนี้จากการปฎิเสธความช่วยเหลือไทยของประธานาธิบดีคลินตัน โดยให้ไทยเข้าโครงการ IMF แทน! ผลของโครงการ IMF เปิดทางให้ต่างชาติ ครอบงำธุรกิจไทยเบ็ดเสร็จ ไม่ว่าอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจ อุตสาหกรรม ที่สำคัญสถาบันการเงินไทย ถูกต่างชาติเข้ามาครอบงำ จนทุกวันนี้ มีธนาคารชื่อไทย แต่ไส้เป็นของต่าง ชาติกี่ธนาคาร คำตอบคือ เกือบหมด ไปหารายงานของตลาดหลักทรัพย์หรือธนาคารแห่งประเทศไทยอ่านซะบ้าง จะได้รู้สภาพประเทศตัวเองเป็นอย่างไร อย่าหลงเทิดทูนหัวทองตาสีฟ้ากันมากนัก เทิดทูนจนถึงกับฟอกผม ฟอกผิวนี่นะ มันยิ่งกว่างี่เง่าอีกนะ แต่วิกฤติการณ์ต้มยำกุ้ง เงินกู้ IMF ก็ไม่ทำให้สมันน้อยรู้ตัว ถ้าเราเคยดูหนังสารคดี discovery เราจะเห็นนิสัยของสัตว์อ่อนแอ พวกนี้ชัดเจน พวกมันเคยวิ่งข้ามแม่น้ำนี้แล้ว โดนจระเข้กัด ขึ้นบกเจอสิงโตตะปบ มากี่ฤดู ก็ทำมันซ้ำซากอยู่นั่น ไม่เคยคิดเปลี่ยนเส้นทาง แต่มันก็เป็นเพียงสมันน้อย ไม่มีสมองเหมือนมนุษย์ ชนชาวไทยเคยเป็นนักสู้ บรรพบุรุษกู้บ้านรักษาเมืองมาตลอด เราถึงมีบ้านเมืองเหลืออยู่จนทุกวันนี้ มาสมัยนี้ เรามีแต่สมันน้อยกลัวภัย เซ่อกิน ไม่คิดต่อสู้ป้องกันตัวเลย รู้ว่าจระเข้คอยอยู่ในน้ำ สิงโตคอยอยู่บนฝั่ง ก็ยังดันวิ่งเข้าไปใส่ นิทานเรื่องนี้มันสอนอะไรได้บ้างไหมหนอ เขาว่า โชคร้ายมักมาซ้ำสอง หลังจากปี๋ชวนกะอ้ายน้อย โดนจิ๊กโก๋๋วอซิงตันหักหลังจนเดินไม่เป็น ลี้กายหายวับ ก็เกิดมีอัศวินควายดำโผล่ขึ้นมา อัศวินควายดำหน้าเหลี่ยมใช้เล่ห์ และขนมหลายพันล้านห่อ จัดการจนตัวเองได้เป็นรัฐบาล พอเป็นรัฐบาลไม่เท่าไหร่ก็ประกาศศักดา UN ไม่ใช่พ่อ (แต่เป็นปู่ ฮา ฮา) จะใช้หนี้ IMF ให้หมด ไทยจะได้เป็นไทแก่ตัว ไม่ต้องเป็นหนี้เขา ว่าแล้วก็อัดนโยบายประชานิยม มาให้ดินแดนแห่งสมันน้อยเต็มพิกัด สมันน้อยแค่จะคิดเอาตัวรอดไปวันๆ ก็เหนื่อยจะแย่อยู่แล้ว ก็คิดไม่เก่งน่ะนะ ยังมาเจอเหลี่ยมอัศวินควายดำ จะไปเหลืออะไร โอ้ย! เขาเก่งนะ เขารวยแล้วไม่โกง ฮา 500 หน แล้วอัศวินควายดำนี่ชาญฉลาดมาจากไหน อยู่ดีๆ ก็โผล่จากรูมาหรือไร อันนี้ต้องไปหาหนังสือประเภทรู้ทันเหลี่ยม 1,2,3,4,5 ถึง 100 มาอ่าน ก็จะได้พอรู้ประวัติ รู้พัฒนาการเล่ห์ของเหลี่ยมเขา แต่นิทานเรื่องนี้จะเล่าเรื่องที่หนังสือรู้ทัน ไม่ได้เขียนไว้ดีไหม คนเล่านิทาน
    1 Comments 0 Shares 533 Views 0 Reviews
  • แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ คืนสังเวียน ครั้งแรกในรอบ 2 ปี 31/07/68 #แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ #อดีตแชมป์โลก ONE MMA #นักสู้สาวแกร่ง #ศึก ONE 173
    แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ คืนสังเวียน ครั้งแรกในรอบ 2 ปี 31/07/68 #แสตมป์ แฟร์เท็กซ์ #อดีตแชมป์โลก ONE MMA #นักสู้สาวแกร่ง #ศึก ONE 173
    Like
    Love
    4
    0 Comments 0 Shares 365 Views 0 0 Reviews
  • สภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่าน (SNSC) ตกลงที่จะหยุดยิงกับอิสราเอล แต่ก็พร้อมจะตอบโต้กลับอยา่างรุนแรงต่อการรุกรานใดๆที่จะมีขึ้นในอนาคต:

    แถลงการณ์ฉบับเต็มจากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่าน (SNSC - Iran’s Supreme National Security Council):

    ถึงชาวอิหร่านที่รักและอดทน

    ภายหลังการรุกรานของพวกไซออนิสต์ที่ขี้ขลาด ความกล้าหาญและการเสียสละของบุตรชายของคุณในกองกำลังติดอาวุธแห่งสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ซึ่งอยู่ภายใต้การชี้นำของผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้แสดงให้เห็นถึงอำนาจการขู่เข็ญและการตอบโต้ที่เด็ดขาดของประเทศ พวกเขาขยายขอบเขตของการตอบโต้และโจมตีศัตรูด้วยความเจ็บปวด การตอบสนองนี้แสดงให้เห็นว่าฐานทัพของอเมริกาและไซออนิสต์ ตั้งแต่เอเชียตะวันตกไปจนถึงดินแดนที่ถูกยึดครอง ล้วนเป็นเป้าหมายที่ถูกต้องตามกฎหมาย

    การเฝ้าระวัง การใช้โอกาสอย่างมีกลยุทธ์ การต่อต้านอย่างมั่นคง และความสามัคคีของชาติที่ไม่เคยมีมาก่อนได้ขัดขวางแผนหลักของศัตรู เปลี่ยนภัยคุกคามให้กลายเป็นโอกาส และปูทางให้กับความอดทนของทหารอิสลาม นอกจากนี้ยังเปิดเผยให้โลกเห็นถึงความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาของนักสู้ที่ทุ่มเท ซึ่งเต็มไปด้วยความคิดริเริ่มและความคิดสร้างสรรค์ ความแข็งแกร่งนี้ปรากฏชัดตลอด 12 วันของการต่อต้านอย่างนองเลือด และเตรียมพร้อมเสมอที่จะตอบโต้การรุกรานใดๆ อย่างเหมาะสมและเข้มแข็ง

    ของขวัญอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าตลอดเส้นทางนี้ พร้อมกับการประพฤติตนที่สมดุล ความเข้าใจอันลึกซึ้ง กลยุทธ์ที่รอบคอบ และความอดทนของนักรบและครอบครัวของผู้พลีชีพและผู้บาดเจ็บ คือชัยชนะเหนือศัตรู การทำลายภาพลักษณ์ของศัตรู การปฏิเสธการยอมแพ้ และการเปิดเส้นทางไปข้างหน้าที่ไม่สามารถย้อนกลับได้

    ดังนั้น สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านจึงประกาศอย่างมีสติและมั่นใจว่า กองกำลังของเราซึ่งได้รับการสนับสนุนจากประชาชนนั้นเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะตอบโต้การกระทำการรุกรานหรือการคุกคามใดๆ ของศัตรูอย่างเด็ดขาดในทุกเวลาและทุกสถานที่

    “และชัยชนะนั้นมาจากอัลลอฮ์ ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณเท่านั้น”
    สภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่าน (SNSC) ตกลงที่จะหยุดยิงกับอิสราเอล แต่ก็พร้อมจะตอบโต้กลับอยา่างรุนแรงต่อการรุกรานใดๆที่จะมีขึ้นในอนาคต: แถลงการณ์ฉบับเต็มจากเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติสูงสุดของอิหร่าน (SNSC - Iran’s Supreme National Security Council): ถึงชาวอิหร่านที่รักและอดทน ภายหลังการรุกรานของพวกไซออนิสต์ที่ขี้ขลาด ความกล้าหาญและการเสียสละของบุตรชายของคุณในกองกำลังติดอาวุธแห่งสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ซึ่งอยู่ภายใต้การชี้นำของผู้บัญชาการทหารสูงสุด ได้แสดงให้เห็นถึงอำนาจการขู่เข็ญและการตอบโต้ที่เด็ดขาดของประเทศ พวกเขาขยายขอบเขตของการตอบโต้และโจมตีศัตรูด้วยความเจ็บปวด การตอบสนองนี้แสดงให้เห็นว่าฐานทัพของอเมริกาและไซออนิสต์ ตั้งแต่เอเชียตะวันตกไปจนถึงดินแดนที่ถูกยึดครอง ล้วนเป็นเป้าหมายที่ถูกต้องตามกฎหมาย การเฝ้าระวัง การใช้โอกาสอย่างมีกลยุทธ์ การต่อต้านอย่างมั่นคง และความสามัคคีของชาติที่ไม่เคยมีมาก่อนได้ขัดขวางแผนหลักของศัตรู เปลี่ยนภัยคุกคามให้กลายเป็นโอกาส และปูทางให้กับความอดทนของทหารอิสลาม นอกจากนี้ยังเปิดเผยให้โลกเห็นถึงความแข็งแกร่งที่ไม่ธรรมดาของนักสู้ที่ทุ่มเท ซึ่งเต็มไปด้วยความคิดริเริ่มและความคิดสร้างสรรค์ ความแข็งแกร่งนี้ปรากฏชัดตลอด 12 วันของการต่อต้านอย่างนองเลือด และเตรียมพร้อมเสมอที่จะตอบโต้การรุกรานใดๆ อย่างเหมาะสมและเข้มแข็ง ของขวัญอันศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ้าตลอดเส้นทางนี้ พร้อมกับการประพฤติตนที่สมดุล ความเข้าใจอันลึกซึ้ง กลยุทธ์ที่รอบคอบ และความอดทนของนักรบและครอบครัวของผู้พลีชีพและผู้บาดเจ็บ คือชัยชนะเหนือศัตรู การทำลายภาพลักษณ์ของศัตรู การปฏิเสธการยอมแพ้ และการเปิดเส้นทางไปข้างหน้าที่ไม่สามารถย้อนกลับได้ ดังนั้น สาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่านจึงประกาศอย่างมีสติและมั่นใจว่า กองกำลังของเราซึ่งได้รับการสนับสนุนจากประชาชนนั้นเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ที่จะตอบโต้การกระทำการรุกรานหรือการคุกคามใดๆ ของศัตรูอย่างเด็ดขาดในทุกเวลาและทุกสถานที่ “และชัยชนะนั้นมาจากอัลลอฮ์ ผู้ทรงอำนาจ ผู้ทรงปรีชาญาณเท่านั้น”
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 454 Views 0 Reviews
  • ♣ ฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา ว่างงานจัด วันๆ โพสเย้ยท้าทาย ลอกปรัชญาจีนเอาหล่อ แต่แท้จริงแล้วเป็นนักสู้ขี้แพ้ แม้แต่ประชาชนของตัวเองยังปล่อยให้มาเป็นขอทานเต็มบ้านเมืองไทย หัดเป็นนักสังคมสงเคราะห์ก่อนดีไหม
    #7ดอกจิก
    #ฮุนเซน
    #ฮุนมาเนต
    #นี่หรือคือผู้นำ
    ♣ ฮุน มาเนต นายกฯ กัมพูชา ว่างงานจัด วันๆ โพสเย้ยท้าทาย ลอกปรัชญาจีนเอาหล่อ แต่แท้จริงแล้วเป็นนักสู้ขี้แพ้ แม้แต่ประชาชนของตัวเองยังปล่อยให้มาเป็นขอทานเต็มบ้านเมืองไทย หัดเป็นนักสังคมสงเคราะห์ก่อนดีไหม #7ดอกจิก #ฮุนเซน #ฮุนมาเนต #นี่หรือคือผู้นำ
    0 Comments 0 Shares 314 Views 0 Reviews
  • สายฝนพรำๆ ลุงภพ หัวใจนักสู้
    ตั้งแผงเล่ขายทุเรียน และผลไม้ตามฤดูกาลนานาชนิด
    หัวใจไม่หวั่น
    ////////////////


    ปรับตัวแล้วทำให้เดินต่อได้
    พ่อค้าขายทุเรียนและผลไม้ตามฤดูกาล ตามตลาดนัด พบเส้นทางทำการค้าฝ่าวิกฤติยุคเศรษฐกิจ ไม่ดี
    เมื่อเวลา 10.00 นาฬิกา ในวันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม 2568
    ทีมข่าวได้พูดคุยกับ
    นายเอกภพ พุ่มม่วง
    อายุ 52 ปี หรือ ลุงภพ
    อยู่บ้านเลขที่10 หมู่ที่.3 ตำบลหัวสำโร อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี พ่อค้าขายทุเรียนตามตลาดนัดและตั้งแผงลอย
    ในบริเวณริมถนนลพบุรีสิงห์บุรี
    ต้นตือใหญ่ ต.พรหมมาศ อ.เมือง จ.ลพบุรี
    ลุงภพ เปิดใจตอนหนึ่งว่า
    ขายผลไม้ตามฤดูกาล ผมขายมาหลายปีแล้วครับ
    บ้านผมอยู่ท่าวุ้งครับเป็นคนลพบุรีโดยกำเนิด

    ลุงภพ เปิดใจอีกว่า ค้าขายผลไม้และทุเรียน ในช่วงนี้ขายไปเรื่อยๆ
    ตอนนี้ไม่ค่อยดีนักเศรษฐกิจมันแย่
    ทางร้านเรา ขายราคาไม่แพงก็ออกได้ตามปกติอย่าเอาแพงมากเพราะยุคเศรษฐกิจไม่ดีต้องราคาถูกลูกค้าจับต้องได้ราคาแพงประชาชนไม่มีแรง ซื้อมัน ขายไม่ออกขายไม่ได้เลย
    ไม่มีหนี้สินก็ ก็อยู่ได้สบายไม่ต้องไปเครียด คิดอย่างเดียวเอาผลไม้ที่มีคุณภาพและทุเรียนที่มีคุณภาพมาขายให้ลูกค้าขายกับพี่น้องประชาชนชาวลพบุรีได้กินของอร่อยได้กินของคุณภาพก็พอใจแล้วราคาไม่แพงจับต้องได้ราคาถูกคนลพบุรีก็ซื้อได้ราคาแพงมากไปบางครอบครัวเงินไม่ถึงเงินไม่มีพอก็ซื้อไม่ได้เช่นกัน
    ร้านลุงภพ มี ผลไม้ตามฤดูกาลมาขายอีกด้วยยกตัวอย่างเช่นเงาะโรงเรียน
    กิโลละ 35 บาท 3 กิโล 100 บาท ราคานี้ไม่แพงจับต้องได้ลองไปอุดหนุนกันเยอะๆนะครับ

    ลุงภพ เปิดใจอีกว่า ที่ร้านมี ทุเรียนหมอนทองจันทบุรี หวานหอม อร่อย มีทุกเนื้อให้เลือกทาน หรือซื้อยกลูกกิโลละ 150 บาทต่อกิโล
    และแบบแพ็คราคาเริ่มต้น 150 บาทขึ้นไปหรือราคา 350 บาท ตามคุณภาพ

    ร้านลุงภพผลไม้
    เป็นแผงลอยตั้งอยู่ริม
    ถนนลพบุรี-สิงห์บุรี (ทางหลวงหมายเลข 311) บริเวณข้ามสะพานแม่น้ำลพบุรี หรือ คนลพบุรีเรียกว่าสะพาน 2
    วัดมณีชลขัณฑ์
    ตำบล พรหมมาสตร์ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี
    เลยป้อมตำรวจ จะเห็นร้านเลย
    มาอุดหนุนลุงกันเยอะๆ นะครับ มีผลไม้ให้เลือกมากมายพระเอกก็คือทุเรียนราคาไม่แพงลองมาซื้อกันของลุงสดๆใหม่ๆมาจัดสวนเลยนะ
    สายฝนพรำๆ ลุงภพ หัวใจนักสู้ ตั้งแผงเล่ขายทุเรียน และผลไม้ตามฤดูกาลนานาชนิด หัวใจไม่หวั่น //////////////// ปรับตัวแล้วทำให้เดินต่อได้ พ่อค้าขายทุเรียนและผลไม้ตามฤดูกาล ตามตลาดนัด พบเส้นทางทำการค้าฝ่าวิกฤติยุคเศรษฐกิจ ไม่ดี เมื่อเวลา 10.00 นาฬิกา ในวันอาทิตย์ที่ 25 พฤษภาคม 2568 ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นายเอกภพ พุ่มม่วง อายุ 52 ปี หรือ ลุงภพ อยู่บ้านเลขที่10 หมู่ที่.3 ตำบลหัวสำโร อำเภอท่าวุ้ง จังหวัดลพบุรี พ่อค้าขายทุเรียนตามตลาดนัดและตั้งแผงลอย ในบริเวณริมถนนลพบุรีสิงห์บุรี ต้นตือใหญ่ ต.พรหมมาศ อ.เมือง จ.ลพบุรี ลุงภพ เปิดใจตอนหนึ่งว่า ขายผลไม้ตามฤดูกาล ผมขายมาหลายปีแล้วครับ บ้านผมอยู่ท่าวุ้งครับเป็นคนลพบุรีโดยกำเนิด ลุงภพ เปิดใจอีกว่า ค้าขายผลไม้และทุเรียน ในช่วงนี้ขายไปเรื่อยๆ ตอนนี้ไม่ค่อยดีนักเศรษฐกิจมันแย่ ทางร้านเรา ขายราคาไม่แพงก็ออกได้ตามปกติอย่าเอาแพงมากเพราะยุคเศรษฐกิจไม่ดีต้องราคาถูกลูกค้าจับต้องได้ราคาแพงประชาชนไม่มีแรง ซื้อมัน ขายไม่ออกขายไม่ได้เลย ไม่มีหนี้สินก็ ก็อยู่ได้สบายไม่ต้องไปเครียด คิดอย่างเดียวเอาผลไม้ที่มีคุณภาพและทุเรียนที่มีคุณภาพมาขายให้ลูกค้าขายกับพี่น้องประชาชนชาวลพบุรีได้กินของอร่อยได้กินของคุณภาพก็พอใจแล้วราคาไม่แพงจับต้องได้ราคาถูกคนลพบุรีก็ซื้อได้ราคาแพงมากไปบางครอบครัวเงินไม่ถึงเงินไม่มีพอก็ซื้อไม่ได้เช่นกัน ร้านลุงภพ มี ผลไม้ตามฤดูกาลมาขายอีกด้วยยกตัวอย่างเช่นเงาะโรงเรียน กิโลละ 35 บาท 3 กิโล 100 บาท ราคานี้ไม่แพงจับต้องได้ลองไปอุดหนุนกันเยอะๆนะครับ ลุงภพ เปิดใจอีกว่า ที่ร้านมี ทุเรียนหมอนทองจันทบุรี หวานหอม อร่อย มีทุกเนื้อให้เลือกทาน หรือซื้อยกลูกกิโลละ 150 บาทต่อกิโล และแบบแพ็คราคาเริ่มต้น 150 บาทขึ้นไปหรือราคา 350 บาท ตามคุณภาพ ร้านลุงภพผลไม้ เป็นแผงลอยตั้งอยู่ริม ถนนลพบุรี-สิงห์บุรี (ทางหลวงหมายเลข 311) บริเวณข้ามสะพานแม่น้ำลพบุรี หรือ คนลพบุรีเรียกว่าสะพาน 2 วัดมณีชลขัณฑ์ ตำบล พรหมมาสตร์ อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี เลยป้อมตำรวจ จะเห็นร้านเลย มาอุดหนุนลุงกันเยอะๆ นะครับ มีผลไม้ให้เลือกมากมายพระเอกก็คือทุเรียนราคาไม่แพงลองมาซื้อกันของลุงสดๆใหม่ๆมาจัดสวนเลยนะ
    0 Comments 0 Shares 512 Views 0 0 Reviews
  • ประธานาธิบดีปูตินประกาศการปลดปล่อยภูมิภาคเคิร์สก์ ดินแดนรัสเซียอย่างสมบูรณ์ จากการรุกรานของยูเครน

    ปธน.ปูติน แสดงความยินดีและขอบคุณทหารและผู้บัญชาการกองทัพรัสเซียสำหรับการเอาชนะศัตรูอย่างสมบูรณ์ในพื้นที่ชายแดนเคิร์สก์

    “การพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ของศัตรูในพื้นที่ชายแดนเคิร์สก์สร้างเงื่อนไขสำหรับการดำเนินการที่ประสบความสำเร็จต่อไปของกองกำลังของเราในพื้นที่สำคัญอื่นๆ ของแนวรบ ทำให้ความพ่ายแพ้ของระบอบนีโอนาซีใกล้เข้ามาทุกที”

    ทางด้านพลเอกวาเลรี เกราซิมอฟ หัวหน้าคณะเสนาธิการทหารรัสเซียกล่าวว่า กองทัพยูเครนสูญเสียทหารไปมากกว่า 76,000 นายในการสู้รบในภูมิภาคเคิร์สก์

    นอกจากนี้ ยังกล่าวยอมรับอยา่างเป็นทางการครั้งแรก ถึงการมีส่วนร่วมของทหารเกาหลีเหนือ "นักสู้เกาหลีเหนือแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพอย่างสูงในการร่วมมือปลดปล่อยภูมิภาคเคิร์สก์จากกองทัพยูเครน"
    ประธานาธิบดีปูตินประกาศการปลดปล่อยภูมิภาคเคิร์สก์ ดินแดนรัสเซียอย่างสมบูรณ์ จากการรุกรานของยูเครน ปธน.ปูติน แสดงความยินดีและขอบคุณทหารและผู้บัญชาการกองทัพรัสเซียสำหรับการเอาชนะศัตรูอย่างสมบูรณ์ในพื้นที่ชายแดนเคิร์สก์ “การพ่ายแพ้อย่างสมบูรณ์ของศัตรูในพื้นที่ชายแดนเคิร์สก์สร้างเงื่อนไขสำหรับการดำเนินการที่ประสบความสำเร็จต่อไปของกองกำลังของเราในพื้นที่สำคัญอื่นๆ ของแนวรบ ทำให้ความพ่ายแพ้ของระบอบนีโอนาซีใกล้เข้ามาทุกที” ทางด้านพลเอกวาเลรี เกราซิมอฟ หัวหน้าคณะเสนาธิการทหารรัสเซียกล่าวว่า กองทัพยูเครนสูญเสียทหารไปมากกว่า 76,000 นายในการสู้รบในภูมิภาคเคิร์สก์ นอกจากนี้ ยังกล่าวยอมรับอยา่างเป็นทางการครั้งแรก ถึงการมีส่วนร่วมของทหารเกาหลีเหนือ "นักสู้เกาหลีเหนือแสดงให้เห็นถึงความเป็นมืออาชีพอย่างสูงในการร่วมมือปลดปล่อยภูมิภาคเคิร์สก์จากกองทัพยูเครน"
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 334 Views 0 Reviews
  • ‘I’m proud to represent Russia’

    นิกิตา ครีลอฟ (Nikita Krylov) ประกาศด้วยความภาคภูมิใจในการเปลี่ยนสัญชาติจากยูเครนมาเป็นรัสเซีย

    นิกิต้า ครีลอฟ นักสู้ UFC (Ultimate Fighting Championship) เกิดในยูเครน ที่เมืองคราสนีย์ ลุช (Krasnyi Luch) ภูมิภาคลูฮันสค์ (Luhansk) (ปัจจุบันคือสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์ - LPR เป็นหนึ่งในสี่ภูมิภาคใหม่ที่ผนวกเข้ากับรัสเซีย) ปัจจุบันเขาใช้ชีวิตอยู่ในรัสเซียมาหลายปีแล้ว ได้ประกาศต่อสาธารณะว่า ต่อไปนี้เขาตั้งใจที่จะเป็นตัวแทนของรัสเซียในการต่อสู้อย่างเป็นทางการ


    ในการสัมภาษณ์ล่าสุดก่อนการแข่งขัน UFC 314 ครีลอฟแสดงความภาคภูมิใจที่ได้เป็นตัวแทนของรัสเซีย และหวังว่าจะได้มีธงรัสเซียปรากฏอยู่ข้างชื่อของเขาในงานนี้


    ผลจากการประกาศของเขา ทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านในยูเครนอย่างรุนแรงขึ้นทันที จากการที่ทั้งสองประเทศยังอยู่ในสภาวะขัดแย้งทางทหารที่ยังคงดำเนินอยู่

    ชาวยูเครนหลายคนมองว่าการตัดสินใจของครีลอฟเป็นการทรยศและเป็นการดูหมิ่นประเทศบ้านเกิดของเขาในช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างยิ่ง
    ‘I’m proud to represent Russia’ นิกิตา ครีลอฟ (Nikita Krylov) ประกาศด้วยความภาคภูมิใจในการเปลี่ยนสัญชาติจากยูเครนมาเป็นรัสเซีย นิกิต้า ครีลอฟ นักสู้ UFC (Ultimate Fighting Championship) เกิดในยูเครน ที่เมืองคราสนีย์ ลุช (Krasnyi Luch) ภูมิภาคลูฮันสค์ (Luhansk) (ปัจจุบันคือสาธารณรัฐประชาชนลูฮันสค์ - LPR เป็นหนึ่งในสี่ภูมิภาคใหม่ที่ผนวกเข้ากับรัสเซีย) ปัจจุบันเขาใช้ชีวิตอยู่ในรัสเซียมาหลายปีแล้ว ได้ประกาศต่อสาธารณะว่า ต่อไปนี้เขาตั้งใจที่จะเป็นตัวแทนของรัสเซียในการต่อสู้อย่างเป็นทางการ ในการสัมภาษณ์ล่าสุดก่อนการแข่งขัน UFC 314 ครีลอฟแสดงความภาคภูมิใจที่ได้เป็นตัวแทนของรัสเซีย และหวังว่าจะได้มีธงรัสเซียปรากฏอยู่ข้างชื่อของเขาในงานนี้ ผลจากการประกาศของเขา ทำให้เกิดปฏิกิริยาต่อต้านในยูเครนอย่างรุนแรงขึ้นทันที จากการที่ทั้งสองประเทศยังอยู่ในสภาวะขัดแย้งทางทหารที่ยังคงดำเนินอยู่ ชาวยูเครนหลายคนมองว่าการตัดสินใจของครีลอฟเป็นการทรยศและเป็นการดูหมิ่นประเทศบ้านเกิดของเขาในช่วงเวลาที่ยากลำบากอย่างยิ่ง
    0 Comments 0 Shares 461 Views 0 Reviews
  • ภาพวิดีโอขณะทหารยูเครนกำจัดเพื่อนทหารด้วยกันที่ได้รับบาดเจ็บ

    วิดีโอดังกล่าวตกไปอยู่ในมือของนักสู้ชาวรัสเซียหลังจากพวกเขาชนะกองกำลังยูเครนในนิคม Stepovoye ทิศทาง Zaporizhzhya
    ภาพวิดีโอขณะทหารยูเครนกำจัดเพื่อนทหารด้วยกันที่ได้รับบาดเจ็บ วิดีโอดังกล่าวตกไปอยู่ในมือของนักสู้ชาวรัสเซียหลังจากพวกเขาชนะกองกำลังยูเครนในนิคม Stepovoye ทิศทาง Zaporizhzhya
    0 Comments 0 Shares 653 Views 0 Reviews
  • 199 ปี ทัพลาวพ่าย ถอยร่นจากโคราช ย่าโมตั้งการ์ดสู้ เจ้าอนุวงศ์เผ่นกระเจิง

    ย้อนรอยศึกสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ไทย-ลาว กับเรื่องราววีรกรรมของท้าวสุรนารี และบทสรุปของการปะทะ ที่ยังคงถกเถียงถึงทุกวันนี้

    ย้อนไปเมื่อ 199 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 เหตุการณ์ "สงครามปราบเจ้าอนุวงศ์" หรือที่รู้จักกันว่า "วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์" นำโดย "ท้าวสุรนารี" หรือ "คุณหญิงโม" วีรสตรีแห่งเมืองโคราช ที่ถูกยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการเสียสละของหญิงไทย ในการปกป้องบ้านเมืองจากการรุกรานของกองทัพเวียงจันทน์ ภายใต้การนำของเจ้าอนุวงศ์ พระมหากษัตริย์นครเวียงจันทน์องค์สุดท้าย

    แต่เบื้องหลังเรื่องเล่าแห่งวีรกรรมครั้งนี้ ยังมีหลายแง่มุมที่ซับซ้อน ทั้งในมิติประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการเมือง ทั้งในสายตาของไทยและลาว

    บริบททางประวัติศาสตร์ ชนวนเหตุความขัดแย้ง สถานการณ์บ้านเมืองก่อนสงคราม ช่วงปลายรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ราชอาณาจักรสยาม กำลังเผชิญปัญหาภายในหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความไม่สงบ ในหัวเมืองทางเหนือและอีสาน รวมถึงภัยคุกคามจากจักรวรรดิอังกฤษ ที่กำลังแผ่อิทธิพลเข้ามา ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    ในปี พ.ศ. 2367 รัชกาลที่ 2 สวรรคต กองทัพและระบบการปกครองสยาม กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจ ไปสู่รัชสมัยของรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์อันดี ในฐานะประเทศราช กลับรู้สึกไม่พอใจ ที่คำขอส่งตัวชาวลาวและเชลยศึก ที่ถูกกวาดต้อนในอดีตไม่เป็นผล จึงมองเห็นโอกาส ในการกอบกู้เอกราชของนครเวียงจันทน์

    เป้าหมายของเจ้าอนุวงศ์ มีพระราชปณิธานแน่วแน่ ที่จะปลดปล่อยนครเวียงจันทน์ จากการเป็นประเทศราชของสยาม โดยเชื่อว่าช่วงเปลี่ยนผ่านรัชสมัยนี้ สยามจะอ่อนแอลง นำมาสู่แผนการยกทัพมาตีเมืองนครราชสีมา และกรุงเทพมหานครในที่สุด

    ศึกทุ่งสัมฤทธิ์ บทบาทของท้าวสุรนารี กองทัพลาวยึดเมืองนครราชสีมา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์ยกทัพเข้ายึดเมืองนครราชสีมาโดยง่าย เนื่องจากพระยาปลัดทองคำ ผู้รักษาเมืองไม่อยู่ ชาวเมืองถูกกวาดต้อนเป็นเชลย รวมถึงคุณหญิงโม และราชบริพาร ถูกนำไปยังเวียงจันทน์ ผ่านเส้นทางเมืองพิมาย

    แผนปลดแอกของคุณหญิงโม วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2369 ระหว่างการเดินทาง คุณหญิงโมร่วมมือกับนางสาวบุญเหลือ และชาวบ้านคิดแผนปลดแอก โดยหลอกล่อให้ทหารลาวประมาท จนในคืนวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2369 ที่ทุ่งสัมฤทธิ์ แขวงพิมาย ชาวนครราชสีมาร่วมกันลุกฮือยึดอาวุธ ทำให้กองทัพลาวแตกพ่าย

    จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้น เมื่อนางสาวบุญเหลือ จุดไฟเผากองเกวียนที่บรรทุกดินปืน ส่งผลให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่ ทำให้เพี้ยรามพิชัยและทหารลาว เสียชีวิตจำนวนมาก สถานที่นี้จึงถูกเรียกว่า "หนองหัวลาว" จวบจนปัจจุบัน

    เจ้าอนุวงศ์ถอยทัพ ผลกระทบในระดับภูมิภาค การถอยร่นของเจ้าอนุวงศ์ เมื่อกองทัพจากกรุงเทพฯ นำโดย กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ เดินทัพถึงนครราชสีมา เจ้าอนุวงศ์จึงตัดสินใจ ถอนกำลังกลับนครเวียงจันทน์ ในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 เพราะเกรงว่าศึกนี้จะยืดเยื้อ จนไม่สามารถรับมือกับกองทัพสยาม ที่กำลังมุ่งหน้ามา

    ผลลัพธ์ของสงคราม ภายหลังการถอยทัพ เจ้าอนุวงศ์และราชวงศ์เวียงจันทน์ ไม่สามารถตั้งตัวรับมือศึกได้ กองทัพสยามตีเวียงจันทน์แตก และอัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญ อาทิ พระบาง, พระแซกคำ, พระสุก, พระใส มายังกรุงเทพฯ

    นครเวียงจันทน์สิ้นสุดความเป็นอิสระ และถูกลดฐานะ เป็นหัวเมืองประเทศราชของสยาม

    ยกย่องวีรกรรมของท้าวสุรนารี ท้าวสุรนารีได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้คุณหญิงโมเป็นท้าวสุรนารี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2370 พร้อมพระราชทานเครื่องยศทองคำ ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรสตรีปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน

    สร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ในปี พ.ศ. 2477 ชาวนครราชสีมาได้ร่วมใจกันสร้าง อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ที่ประตูชุมพล พร้อมนำอัฐิประดิษฐาน ที่ฐานอนุสาวรีย์ อนุสาวรีย์นี้กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจ ของคนโคราชจนถึงปัจจุบัน

    ประเด็นข้อถกเถียงทางประวัติศาสตร์ มุมมองของนักประวัติศาสตร์ แม้ตำนานท้าวสุรนารี จะเป็นที่ยอมรับในไทย แต่เอกสารลาว กลับไม่มีบันทึกเรื่องทุ่งสัมฤทธิ์ หรือการกระทำของท้าวสุรนารี กับนางสาวบุญเหลือ ก่อนปี พ.ศ. 2475 นักวิชาการบางคนตั้งข้อสงสัยว่า วีรกรรมนี้อาจเกิดขึ้นจริง แต่ถูกขยายความ เพื่อประโยชน์ทางการเมืองในภายหลัง

    วีรกรรมหรือภาพสร้าง? หนังสือการเมืองในอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี โดย "สายพิน แก้วงามประเสริฐ" ได้ตั้งคำถาม ต่อบทบาทของท้าวสุรนารี ว่าถูกนำมาใช้เพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์ชาติ และการเมืองในยุคสมัยหนึ่ง

    แต่ไม่ว่าอย่างไร ท้าวสุรนารีก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการเสียสละ

    เจ้าอนุวงศ์ในสายตาประวัติศาสตร์ลาว ในสายตาชาวลาว "เจ้าอนุวงศ์" ถือเป็นมหาวีรกษัตริย์ ผู้พยายามกอบกู้เอกราชจากสยาม แม้จะพ่ายแพ้ แต่พระองค์ยังได้รับการยกย่อง ในฐานะนักสู้เพื่อเสรีภาพของลาว

    ทว่าการมองต่างมุมของทั้งสองฝ่าย แสดงถึงความซับซ้อนของประวัติศาสตร์ ที่ถูกเล่าและจดจำแตกต่างกัน

    เหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2369 ไม่ใช่เพียงแค่สงครามแย่งชิงอำนาจ แต่สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ของภูมิภาคอีสานและลุ่มแม่น้ำโขง ประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนนี้สอนให้เราเข้าใจว่า "ผู้ชนะ" ไม่ได้เป็นเพียงคนที่รอด แต่เป็นผู้ที่เขียนเรื่องเล่า ในประวัติศาสตร์ด้วย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231634 มี.ค. 2568

    #ท้าวสุรนารี #ย่าโมโคราช #วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์ #ประวัติศาสตร์ไทย #เจ้าอนุวงศ์ #สงครามไทยลาว #โคราชต้องรู้ #อนุสาวรีย์ย่าโม #เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ #199ปีทุ่งสัมฤทธิ์
    199 ปี ทัพลาวพ่าย ถอยร่นจากโคราช ย่าโมตั้งการ์ดสู้ เจ้าอนุวงศ์เผ่นกระเจิง ย้อนรอยศึกสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ไทย-ลาว กับเรื่องราววีรกรรมของท้าวสุรนารี และบทสรุปของการปะทะ ที่ยังคงถกเถียงถึงทุกวันนี้ ⚔️ 📝 ย้อนไปเมื่อ 199 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 เหตุการณ์ "สงครามปราบเจ้าอนุวงศ์" หรือที่รู้จักกันว่า "วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์" นำโดย "ท้าวสุรนารี" หรือ "คุณหญิงโม" วีรสตรีแห่งเมืองโคราช ที่ถูกยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการเสียสละของหญิงไทย ในการปกป้องบ้านเมืองจากการรุกรานของกองทัพเวียงจันทน์ ภายใต้การนำของเจ้าอนุวงศ์ พระมหากษัตริย์นครเวียงจันทน์องค์สุดท้าย 📜 แต่เบื้องหลังเรื่องเล่าแห่งวีรกรรมครั้งนี้ ยังมีหลายแง่มุมที่ซับซ้อน ทั้งในมิติประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการเมือง ทั้งในสายตาของไทยและลาว 🌾 บริบททางประวัติศาสตร์ ชนวนเหตุความขัดแย้ง สถานการณ์บ้านเมืองก่อนสงคราม ช่วงปลายรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ราชอาณาจักรสยาม กำลังเผชิญปัญหาภายในหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความไม่สงบ ในหัวเมืองทางเหนือและอีสาน รวมถึงภัยคุกคามจากจักรวรรดิอังกฤษ ที่กำลังแผ่อิทธิพลเข้ามา ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี พ.ศ. 2367 รัชกาลที่ 2 สวรรคต กองทัพและระบบการปกครองสยาม กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจ ไปสู่รัชสมัยของรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์อันดี ในฐานะประเทศราช กลับรู้สึกไม่พอใจ ที่คำขอส่งตัวชาวลาวและเชลยศึก ที่ถูกกวาดต้อนในอดีตไม่เป็นผล จึงมองเห็นโอกาส ในการกอบกู้เอกราชของนครเวียงจันทน์ เป้าหมายของเจ้าอนุวงศ์ มีพระราชปณิธานแน่วแน่ ที่จะปลดปล่อยนครเวียงจันทน์ จากการเป็นประเทศราชของสยาม โดยเชื่อว่าช่วงเปลี่ยนผ่านรัชสมัยนี้ สยามจะอ่อนแอลง นำมาสู่แผนการยกทัพมาตีเมืองนครราชสีมา และกรุงเทพมหานครในที่สุด 🚩 ⚔️ ศึกทุ่งสัมฤทธิ์ บทบาทของท้าวสุรนารี กองทัพลาวยึดเมืองนครราชสีมา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์ยกทัพเข้ายึดเมืองนครราชสีมาโดยง่าย เนื่องจากพระยาปลัดทองคำ ผู้รักษาเมืองไม่อยู่ ชาวเมืองถูกกวาดต้อนเป็นเชลย รวมถึงคุณหญิงโม และราชบริพาร ถูกนำไปยังเวียงจันทน์ ผ่านเส้นทางเมืองพิมาย แผนปลดแอกของคุณหญิงโม วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2369 ระหว่างการเดินทาง คุณหญิงโมร่วมมือกับนางสาวบุญเหลือ และชาวบ้านคิดแผนปลดแอก โดยหลอกล่อให้ทหารลาวประมาท จนในคืนวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2369 ที่ทุ่งสัมฤทธิ์ แขวงพิมาย ชาวนครราชสีมาร่วมกันลุกฮือยึดอาวุธ ทำให้กองทัพลาวแตกพ่าย 🔥 จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้น เมื่อนางสาวบุญเหลือ จุดไฟเผากองเกวียนที่บรรทุกดินปืน ส่งผลให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่ ทำให้เพี้ยรามพิชัยและทหารลาว เสียชีวิตจำนวนมาก สถานที่นี้จึงถูกเรียกว่า "หนองหัวลาว" จวบจนปัจจุบัน 🏹 เจ้าอนุวงศ์ถอยทัพ ผลกระทบในระดับภูมิภาค การถอยร่นของเจ้าอนุวงศ์ เมื่อกองทัพจากกรุงเทพฯ นำโดย กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ เดินทัพถึงนครราชสีมา เจ้าอนุวงศ์จึงตัดสินใจ ถอนกำลังกลับนครเวียงจันทน์ ในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 เพราะเกรงว่าศึกนี้จะยืดเยื้อ จนไม่สามารถรับมือกับกองทัพสยาม ที่กำลังมุ่งหน้ามา ผลลัพธ์ของสงคราม ภายหลังการถอยทัพ เจ้าอนุวงศ์และราชวงศ์เวียงจันทน์ ไม่สามารถตั้งตัวรับมือศึกได้ กองทัพสยามตีเวียงจันทน์แตก และอัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญ อาทิ พระบาง, พระแซกคำ, พระสุก, พระใส มายังกรุงเทพฯ 🏯 นครเวียงจันทน์สิ้นสุดความเป็นอิสระ และถูกลดฐานะ เป็นหัวเมืองประเทศราชของสยาม 🌸 ยกย่องวีรกรรมของท้าวสุรนารี ท้าวสุรนารีได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้คุณหญิงโมเป็นท้าวสุรนารี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2370 พร้อมพระราชทานเครื่องยศทองคำ 👑 ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรสตรีปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน สร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ในปี พ.ศ. 2477 ชาวนครราชสีมาได้ร่วมใจกันสร้าง อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ที่ประตูชุมพล พร้อมนำอัฐิประดิษฐาน ที่ฐานอนุสาวรีย์ อนุสาวรีย์นี้กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจ ของคนโคราชจนถึงปัจจุบัน 📚 ประเด็นข้อถกเถียงทางประวัติศาสตร์ มุมมองของนักประวัติศาสตร์ แม้ตำนานท้าวสุรนารี จะเป็นที่ยอมรับในไทย แต่เอกสารลาว กลับไม่มีบันทึกเรื่องทุ่งสัมฤทธิ์ หรือการกระทำของท้าวสุรนารี กับนางสาวบุญเหลือ ก่อนปี พ.ศ. 2475 นักวิชาการบางคนตั้งข้อสงสัยว่า วีรกรรมนี้อาจเกิดขึ้นจริง แต่ถูกขยายความ เพื่อประโยชน์ทางการเมืองในภายหลัง วีรกรรมหรือภาพสร้าง? หนังสือการเมืองในอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี โดย "สายพิน แก้วงามประเสริฐ" ได้ตั้งคำถาม ต่อบทบาทของท้าวสุรนารี ว่าถูกนำมาใช้เพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์ชาติ และการเมืองในยุคสมัยหนึ่ง 🎭 แต่ไม่ว่าอย่างไร ท้าวสุรนารีก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการเสียสละ 🔮 เจ้าอนุวงศ์ในสายตาประวัติศาสตร์ลาว ในสายตาชาวลาว "เจ้าอนุวงศ์" ถือเป็นมหาวีรกษัตริย์ ผู้พยายามกอบกู้เอกราชจากสยาม แม้จะพ่ายแพ้ แต่พระองค์ยังได้รับการยกย่อง ในฐานะนักสู้เพื่อเสรีภาพของลาว 🇱🇦 ทว่าการมองต่างมุมของทั้งสองฝ่าย แสดงถึงความซับซ้อนของประวัติศาสตร์ ที่ถูกเล่าและจดจำแตกต่างกัน 🏛️ เหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2369 ไม่ใช่เพียงแค่สงครามแย่งชิงอำนาจ แต่สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ของภูมิภาคอีสานและลุ่มแม่น้ำโขง ประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนนี้สอนให้เราเข้าใจว่า "ผู้ชนะ" ไม่ได้เป็นเพียงคนที่รอด แต่เป็นผู้ที่เขียนเรื่องเล่า ในประวัติศาสตร์ด้วย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231634 มี.ค. 2568 📱 #ท้าวสุรนารี #ย่าโมโคราช #วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์ #ประวัติศาสตร์ไทย #เจ้าอนุวงศ์ #สงครามไทยลาว #โคราชต้องรู้ #อนุสาวรีย์ย่าโม #เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ #199ปีทุ่งสัมฤทธิ์
    0 Comments 0 Shares 1531 Views 0 Reviews
  • นักสู้ของรัสเซียถือธงบนจัตุรัส Sovetskaya ในเมืองซูดจา (Sudzha) ใกล้กับอาคารบริหารในใจกลางเมือง บ่งบอกถึงการควบคุมเมืองนี้อย่างสมบูรณ์
    นักสู้ของรัสเซียถือธงบนจัตุรัส Sovetskaya ในเมืองซูดจา (Sudzha) ใกล้กับอาคารบริหารในใจกลางเมือง บ่งบอกถึงการควบคุมเมืองนี้อย่างสมบูรณ์
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 251 Views 0 Reviews
  • 15 ปี สิ้น “จ่าเพียร ขาเหล็ก” ผู้กำกับนักสู้แห่งเทือกเขาบูโด ตำนานย้ายยากเย็น เซ่นสลับบัญชี โชคร้ายตายก่อนขึ้นรองผู้การ

    “คงอยากจะขอยศพันตำรวจเอกให้ผม ตอนที่ผมตายแล้ว” คำพูดที่ยังคงก้องในหัวใจคนไทยหลายคน…

    ตำนานที่ยังไม่ลืม ผ่านมากว่า 15 ปี แล้ว... แต่เรื่องราวของ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” หรือ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา ภ.จว.ยะลา ยังถูกเล่าขานในฐานะ “นักสู้แห่งเทือกเขาบูโด” ผู้ทุ่มเทชีวิตเพื่อความสงบสุขของแผ่นดินปลายด้ามขวาน แม้จะแลกด้วยความเหน็ดเหนื่อย เจ็บปวด และสุดท้าย... ชีวิต

    “สมเพียร เอกสมญา” หรือชื่อเล่นว่า “เนี้ยบ” เกิดเมื่อปี 2493 ในครอบครัวยากจนที่จังหวัดสงขลา ชีวิตในวัยเด็กเต็มไปด้วยความลำบาก ต้องช่วยพ่อแม่กรีดยาง เพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว แต่ความยากจน ไม่สามารถปิดกั้นความฝันได้

    หลังเรียนจบชั้นประถมปีที่ 4 สมเพียรตัดสินใจเป็นศิษย์วัดเพื่อเรียนต่อ และก้าวขึ้นสู่การเป็นนักเรียนตำรวจ ต้องเปลี่ยนนามสกุลจาก “แซ่เจ่ง” เป็น “เอกสมญา” เพื่อเข้ารับราชการในยุคนั้น

    จุดเริ่มต้นของนักรบแดนใต้ ปี 2513 สมเพียรเริ่มต้นอาชีพตำรวจที่ สถานีตำรวจภูธรบันนังสตา ภ.จว.ยะลา ในช่วงเวลาที่ภาคใต้ร้อนระอุ จากความขัดแย้งของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.) และกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน

    ชีวิตของสมเพียร ไม่ใช่แค่การจับผู้ร้ายทั่วไป แต่ต้องเผชิญหน้ากับสงครามกองโจร และการลอบสังหารเกือบทุกวัน

    วีรกรรมและตำนาน “ขาเหล็ก” เหตุการณ์ปะทะที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ปี 2519 ขณะที่ครองยศ "จ่าสิบตำรวจ" ได้เข้าปะทะกับขบวนการก่อการไม่สงบ ที่จับตำรวจและครอบครัวเป็นตัวประกัน บนเขาเจาะปันตัง เหตุการณ์นั้นทำให้ จ่าเพียรเกือบเสียขาข้างซ้าย ต้องใส่เหล็กดามขามาตลอดชีวิต จนได้ฉายาว่า “จ่าเพียร ขาเหล็ก”

    “ผมไม่อยากเป็นวีรบุรุษ และจะไม่ขอตายในชุดนักรบ” พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา

    ปฏิบัติการ “ยูงทอง” ชุดปฏิบัติการปราบปราม กลุ่มก่อการไม่สงบในบันนังสตา มีชื่อเสียงอย่างมากภาย ใต้การนำของจ่าเพียร เคยนำทีมเข้าปะทะกองกำลังกว่า 30 คน ในปี 2526 แม้ตัวเองจะโดนยิงที่ต้นขาขวา แต่ยังสู้ไม่ถอย

    ความฝันสุดท้ายของจ่าเพียร อยากกลับบ้าน...แค่ใช้ชีวิตกับครอบครัว ในช่วงสุดท้ายของชีวิต พ.ต.อ.สมเพียร ยื่นเรื่องขอย้ายกลับไปอยู่ สภ.กันตัง จ.ตรัง บ้านเกิดของภรรยา เพื่อใช้ชีวิตเงียบสงบช่วง 18 เดือนก่อนเกษียณ แต่การโยกย้ายกลับไม่เกิดขึ้น แม้ว่าจะมีชื่อติดในโผโยกย้ายตั้งแต่แรก แต่ในขั้นตอนสุดท้าย กลับถูกสับเปลี่ยนชื่อ สลับบัญชี เพื่อหลีกทางให้คนของนักการเมือง

    จ่าเพียรไม่ยอมรับโผอัปยศ จึงเดินทางจากชายแดนใต้สู่กรุงเทพฯ ไปทวงถามความเป็นธรรม ถึงทำเนียบรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับคำปลอบใจว่า จะเยียวยาโดยให้ขึ้นตำแหน่ง "รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด" ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ

    “ไม่มีการแต่งตั้งตำรวจครั้งไหนที่แย่เท่าครั้งนี้อีกแล้ว” แม้ว่าจ่าเพยีจะพูดด้วยน้ำตา แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

    วันแห่งความสูญเสีย ปฏิบัติการสุดท้ายที่บ้านทับช้าง ในเช้าวันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2553 จ่าเพียร พร้อมด้วยลูกน้อง 4 นาย และ อส.คนสนิทอีก 1 นาย นั่งรถยนต์ปิกอัพ โตโยต้าไฮลักซ์วีโก้ 4 ประตู สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กข 9302 ยะลา และอส.คนสนิท อีก 1 นาย ออกลาดตระเวนในพื้นที่บ้านทับช้าง แต่ถูกกลุ่มก่อการไม่สงบ กดระเบิด และกราดยิงด้วยอาวุธสงครามอย่างหนัก จ่าเพียรได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ลูกน้องได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย และอีก 1 นายเสียชีวิต

    อายุ 59 ปี สิ้นสุดเส้นทางของนักรบผู้ภักดีต่อหน้าที่ บทเรียนชีวิตและความจริงที่เจ็บปวด การต่อสู้ของจ่าเพียร ไม่ใช่แค่ศึกในสนามรบ แต่ยังเป็นศึกในระบบราชการที่ซับซ้อน และมีปัญหาเรื่องอุปถัมภ์ จ่าเพียรไม่ได้รับโอกาสเลื่อนยศหรือโยกย้าย จนกว่าจะเสียชีวิตแล้ว ถึงได้เลื่อนยศ 7 ขั้น เป็น "พลตำรวจเอก"

    ระบบที่ควรตอบแทนคนทุ่มเท กลับถูกแทนที่ด้วยสายสัมพันธ์และอำนาจ มรดกและแรงบันดาลใจ
    หลังจากการเสียชีวิตของจ่าเพียร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวจำนวน 3 ล้านบาท และรับผิดชอบการศึกษาของลูก จนจบปริญญาตรี แต่สิ่งที่จ่าเพียรทิ้งไว้ไม่ใช่แค่เงินทอง

    “จ่าเพียร ขาเหล็ก” กลายเป็นสัญลักษณ์ของตำรวจที่ทุ่มเท และไม่ยอมแพ้ต่ออุปถัมภ์

    คำพูดสุดท้ายที่ยังตราตรึง "ผมไม่ได้อยากย้ายเพื่อความก้าวหน้า แต่อยากกลับไปอยู่กับครอบครัว ผมทำงานมา 40 ปี แทบไม่มีเวลาให้พวกเขาเลย"

    คำถามที่ยังไร้คำตอบ แม้เวลาจะผ่านไป 15 ปี แต่เรื่องราวของจ่าเพียร ยังเป็นกระจกสะท้อนปัญหาระบบราชการไทย หลายคนยังสงสัยว่า…

    - ทำไมตำรวจน้ำดี ต้องตายก่อนจึงได้รับการยกย่อง?
    - ทำไมระบบโยกย้าย ถึงเต็มไปด้วยข้อครหา?
    - ใครจะปกป้องผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่ไม่มีเส้นสาย?

    เสียงจากคนในพื้นที่ “จ่าเพียรกลับมาแล้ว” ไม่ใช่แค่ตำรวจ แต่เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน

    “กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ยะลา ปัตตานี นราธิวาส รู้จักจ่าเพียรในฐานะคนที่ไม่เคยทิ้งพื้นที่”

    "คนที่เคยเป็นเยาวชนไม่มีอนาคต กลายมาเป็นอาสาสมัครในทีมของจ่าเพียร ด้วยศรัทธาและความเชื่อมั่น"

    ตำนานที่ไม่ควรจางหาย ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ชื่อ "สมเพียร เอกสมญา" ไม่ได้ตายเพราะกระสุนหรือระเบิด แต่เพราะระบบที่ล้มเหลวในการดูแลคนดี

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121155 มี.ค. 2568

    #จ่าเพียรขาเหล็ก #ฮีโร่แดนใต้ #ผู้กำกับนักสู้ #สมเพียรเอกสมญา #ชายแดนใต้ #นักรบแห่งบูโด #ตำรวจไทย #ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ #วีรบุรุษแดนใต้ #ระบบอุปถัมภ์

    15 ปี สิ้น “จ่าเพียร ขาเหล็ก” ผู้กำกับนักสู้แห่งเทือกเขาบูโด ตำนานย้ายยากเย็น เซ่นสลับบัญชี โชคร้ายตายก่อนขึ้นรองผู้การ 🚔 “คงอยากจะขอยศพันตำรวจเอกให้ผม ตอนที่ผมตายแล้ว” คำพูดที่ยังคงก้องในหัวใจคนไทยหลายคน… 🕊️ 🌿 ตำนานที่ยังไม่ลืม ผ่านมากว่า 15 ปี แล้ว... แต่เรื่องราวของ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” หรือ พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา ผกก.สภ.บันนังสตา ภ.จว.ยะลา ยังถูกเล่าขานในฐานะ “นักสู้แห่งเทือกเขาบูโด” ผู้ทุ่มเทชีวิตเพื่อความสงบสุขของแผ่นดินปลายด้ามขวาน 🗡️ แม้จะแลกด้วยความเหน็ดเหนื่อย เจ็บปวด และสุดท้าย... ชีวิต 👮‍♂️ “สมเพียร เอกสมญา” หรือชื่อเล่นว่า “เนี้ยบ” เกิดเมื่อปี 2493 ในครอบครัวยากจนที่จังหวัดสงขลา ชีวิตในวัยเด็กเต็มไปด้วยความลำบาก ต้องช่วยพ่อแม่กรีดยาง เพื่อหารายได้จุนเจือครอบครัว แต่ความยากจน ไม่สามารถปิดกั้นความฝันได้ 🎓 หลังเรียนจบชั้นประถมปีที่ 4 สมเพียรตัดสินใจเป็นศิษย์วัดเพื่อเรียนต่อ และก้าวขึ้นสู่การเป็นนักเรียนตำรวจ ต้องเปลี่ยนนามสกุลจาก “แซ่เจ่ง” เป็น “เอกสมญา” เพื่อเข้ารับราชการในยุคนั้น จุดเริ่มต้นของนักรบแดนใต้ ปี 2513 สมเพียรเริ่มต้นอาชีพตำรวจที่ สถานีตำรวจภูธรบันนังสตา ภ.จว.ยะลา ในช่วงเวลาที่ภาคใต้ร้อนระอุ จากความขัดแย้งของพรรคคอมมิวนิสต์มลายา (พคม.) และกลุ่มขบวนการแบ่งแยกดินแดน ชีวิตของสมเพียร ไม่ใช่แค่การจับผู้ร้ายทั่วไป แต่ต้องเผชิญหน้ากับสงครามกองโจร และการลอบสังหารเกือบทุกวัน 😔 🔥 วีรกรรมและตำนาน “ขาเหล็ก” เหตุการณ์ปะทะที่เกือบเอาชีวิตไม่รอด ปี 2519 ขณะที่ครองยศ "จ่าสิบตำรวจ" ได้เข้าปะทะกับขบวนการก่อการไม่สงบ ที่จับตำรวจและครอบครัวเป็นตัวประกัน บนเขาเจาะปันตัง เหตุการณ์นั้นทำให้ จ่าเพียรเกือบเสียขาข้างซ้าย ต้องใส่เหล็กดามขามาตลอดชีวิต จนได้ฉายาว่า “จ่าเพียร ขาเหล็ก” 🦿 🦾 “ผมไม่อยากเป็นวีรบุรุษ และจะไม่ขอตายในชุดนักรบ” พ.ต.อ.สมเพียร เอกสมญา 🦅 ปฏิบัติการ “ยูงทอง” ชุดปฏิบัติการปราบปราม กลุ่มก่อการไม่สงบในบันนังสตา มีชื่อเสียงอย่างมากภาย ใต้การนำของจ่าเพียร เคยนำทีมเข้าปะทะกองกำลังกว่า 30 คน ในปี 2526 แม้ตัวเองจะโดนยิงที่ต้นขาขวา แต่ยังสู้ไม่ถอย ✊ 🏡 ความฝันสุดท้ายของจ่าเพียร อยากกลับบ้าน...แค่ใช้ชีวิตกับครอบครัว ในช่วงสุดท้ายของชีวิต พ.ต.อ.สมเพียร ยื่นเรื่องขอย้ายกลับไปอยู่ สภ.กันตัง จ.ตรัง บ้านเกิดของภรรยา เพื่อใช้ชีวิตเงียบสงบช่วง 18 เดือนก่อนเกษียณ แต่การโยกย้ายกลับไม่เกิดขึ้น แม้ว่าจะมีชื่อติดในโผโยกย้ายตั้งแต่แรก แต่ในขั้นตอนสุดท้าย กลับถูกสับเปลี่ยนชื่อ สลับบัญชี เพื่อหลีกทางให้คนของนักการเมือง 🍃 จ่าเพียรไม่ยอมรับโผอัปยศ จึงเดินทางจากชายแดนใต้สู่กรุงเทพฯ ไปทวงถามความเป็นธรรม ถึงทำเนียบรัฐบาล และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งได้รับคำปลอบใจว่า จะเยียวยาโดยให้ขึ้นตำแหน่ง "รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัด" ก่อนที่จะเกษียณอายุราชการ 💬 “ไม่มีการแต่งตั้งตำรวจครั้งไหนที่แย่เท่าครั้งนี้อีกแล้ว” แม้ว่าจ่าเพยีจะพูดด้วยน้ำตา แต่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง 💔 วันแห่งความสูญเสีย ปฏิบัติการสุดท้ายที่บ้านทับช้าง ในเช้าวันศุกร์ที่ 12 มีนาคม 2553 จ่าเพียร พร้อมด้วยลูกน้อง 4 นาย และ อส.คนสนิทอีก 1 นาย นั่งรถยนต์ปิกอัพ โตโยต้าไฮลักซ์วีโก้ 4 ประตู สีน้ำตาล หมายเลขทะเบียน กข 9302 ยะลา และอส.คนสนิท อีก 1 นาย ออกลาดตระเวนในพื้นที่บ้านทับช้าง แต่ถูกกลุ่มก่อการไม่สงบ กดระเบิด และกราดยิงด้วยอาวุธสงครามอย่างหนัก จ่าเพียรได้รับบาดเจ็บสาหัส และเสียชีวิตในเวลาต่อมา ที่โรงพยาบาลศูนย์ยะลา ลูกน้องได้รับบาดเจ็บสาหัส 3 นาย และอีก 1 นายเสียชีวิต 🔫 ⚰️ อายุ 59 ปี สิ้นสุดเส้นทางของนักรบผู้ภักดีต่อหน้าที่ บทเรียนชีวิตและความจริงที่เจ็บปวด การต่อสู้ของจ่าเพียร ไม่ใช่แค่ศึกในสนามรบ แต่ยังเป็นศึกในระบบราชการที่ซับซ้อน และมีปัญหาเรื่องอุปถัมภ์ จ่าเพียรไม่ได้รับโอกาสเลื่อนยศหรือโยกย้าย จนกว่าจะเสียชีวิตแล้ว ถึงได้เลื่อนยศ 7 ขั้น เป็น "พลตำรวจเอก" 🕊️ ⚖️ ระบบที่ควรตอบแทนคนทุ่มเท กลับถูกแทนที่ด้วยสายสัมพันธ์และอำนาจ มรดกและแรงบันดาลใจ หลังจากการเสียชีวิตของจ่าเพียร สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวจำนวน 3 ล้านบาท และรับผิดชอบการศึกษาของลูก จนจบปริญญาตรี แต่สิ่งที่จ่าเพียรทิ้งไว้ไม่ใช่แค่เงินทอง ❤️ “จ่าเพียร ขาเหล็ก” กลายเป็นสัญลักษณ์ของตำรวจที่ทุ่มเท และไม่ยอมแพ้ต่ออุปถัมภ์ 🗣️ คำพูดสุดท้ายที่ยังตราตรึง "ผมไม่ได้อยากย้ายเพื่อความก้าวหน้า แต่อยากกลับไปอยู่กับครอบครัว ผมทำงานมา 40 ปี แทบไม่มีเวลาให้พวกเขาเลย" ❓ คำถามที่ยังไร้คำตอบ แม้เวลาจะผ่านไป 15 ปี แต่เรื่องราวของจ่าเพียร ยังเป็นกระจกสะท้อนปัญหาระบบราชการไทย หลายคนยังสงสัยว่า… - ทำไมตำรวจน้ำดี ต้องตายก่อนจึงได้รับการยกย่อง? - ทำไมระบบโยกย้าย ถึงเต็มไปด้วยข้อครหา? - ใครจะปกป้องผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ ที่ไม่มีเส้นสาย? 🤝 เสียงจากคนในพื้นที่ “จ่าเพียรกลับมาแล้ว” ไม่ใช่แค่ตำรวจ แต่เป็นที่พึ่งของชาวบ้าน 🕊️ “กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ยะลา ปัตตานี นราธิวาส รู้จักจ่าเพียรในฐานะคนที่ไม่เคยทิ้งพื้นที่” 🌳 "คนที่เคยเป็นเยาวชนไม่มีอนาคต กลายมาเป็นอาสาสมัครในทีมของจ่าเพียร ด้วยศรัทธาและความเชื่อมั่น" 🕯️ ตำนานที่ไม่ควรจางหาย ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ที่ชื่อ "สมเพียร เอกสมญา" ไม่ได้ตายเพราะกระสุนหรือระเบิด แต่เพราะระบบที่ล้มเหลวในการดูแลคนดี 💐 ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 121155 มี.ค. 2568 #จ่าเพียรขาเหล็ก #ฮีโร่แดนใต้ #ผู้กำกับนักสู้ #สมเพียรเอกสมญา #ชายแดนใต้ #นักรบแห่งบูโด #ตำรวจไทย #ผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ #วีรบุรุษแดนใต้ #ระบบอุปถัมภ์
    0 Comments 0 Shares 1823 Views 0 Reviews
  • หลานกตัญญู สู้ช่วยย่าหารายได้ หนักเอาเบาสู้ ทั้งอดทนและทนอด!! #สู้ชีวิต #กตัญญู #นักสู้ #ยากจน #หัวใจแกร่ง #แรงบันดาลใจ #เทรนด์วันนี้ #ฅนจริงใจไม่ท้อ
    หลานกตัญญู สู้ช่วยย่าหารายได้ หนักเอาเบาสู้ ทั้งอดทนและทนอด!! #สู้ชีวิต #กตัญญู #นักสู้ #ยากจน #หัวใจแกร่ง #แรงบันดาลใจ #เทรนด์วันนี้ #ฅนจริงใจไม่ท้อ
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 645 Views 4 0 Reviews
  • “แม่สู้ชีวิต” สู้เพื่อลูกและสามี แม้ต้องเจอสารพัดวิกฤต!!
    #สู้ชีวิต #สู้เพื่อลูก #พิการ #ออทิสติก #นักสู้ #หัวใจแกร่ง #แรงบันดาลใจ #ฅนจริงใจไม่ท้อ
    “แม่สู้ชีวิต” สู้เพื่อลูกและสามี แม้ต้องเจอสารพัดวิกฤต!! #สู้ชีวิต #สู้เพื่อลูก #พิการ #ออทิสติก #นักสู้ #หัวใจแกร่ง #แรงบันดาลใจ #ฅนจริงใจไม่ท้อ
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 673 Views 12 1 Reviews
  • วิธีทำงานให้มีไฟ แม้ไม่มีใจรัก


    ---

    1️⃣ ถ้าไม่มีใจ งานก็เหมือนไม่เคยเริ่มต้น

    ปัญหา:

    ทำงานไปวันๆ รอให้หมดเดือน รับเงินเดือนแล้วจบ

    ไม่มีเป้าหมาย ไม่แคร์ผลลัพธ์

    ไม่เห็นความสำคัญของงาน จึงหมดไฟง่าย


    แนวทางแก้:
    "ให้มองว่างานนี้เป็นสะพาน ไม่ใช่ปลายทาง"

    งานที่ทำวันนี้ อาจไม่ใช่งานสุดท้าย

    แต่มันเป็น "จุดเริ่มต้น" หรือ "กลางทาง" ที่พาคุณไปสู่งานที่ใช่

    ถ้าคุณทำแบบไร้ใจต่อไป คุณจะไม่มีวันไปถึงงานที่รักได้เลย!



    ---

    2️⃣ เปลี่ยนวิธีคิด: "ทำก่อนรัก" ไม่ใช่ "รักก่อนทำ"

    ปัญหา:

    หลายคนรอให้ "มีใจ" ก่อน แล้วค่อยทำเต็มที่

    แต่ความจริงคือ "ยิ่งทำ ยิ่งชำนาญ ยิ่งเห็นคุณค่า"

    ถ้าเอาแต่เกลียดงาน ไม่อดทน ไม่ตั้งใจ คุณจะไม่รักงานไหนเลย!


    แนวทางแก้:
    "เปลี่ยนจากการรอให้รักงาน เป็นการสร้างใจให้รักงาน"

    เริ่มจาก ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ในแต่ละวัน (งานสำเร็จ 1 อย่างก็ดีแล้ว)

    คิดเป็นขั้นตอน งาน 1 ชิ้น ต้องทำอะไรบ้าง

    ให้รางวัลตัวเอง เมื่อทำเสร็จ (พัก 5 นาที, ดื่มกาแฟ ฯลฯ)



    ---

    3️⃣ ฝึกวินัย แม้ไม่มีใจรักงาน

    ปัญหา:

    คนที่เบื่องานมักทำงานแบบจับจด

    ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีลำดับขั้นตอน

    ทำไปวันๆ พอหมดวันก็หมดไฟ


    แนวทางแก้:
    "สร้างนิสัยให้ทำงานอย่างมีระบบ"

    ฝึกตั้งเป้าหมายประจำวัน เช่น

    เช้านี้ต้องส่งรายงาน

    บ่ายต้องทำสไลด์ประชุม

    เย็นต้องเคลียร์อีเมล


    มีขั้นบันได 1-2-3 ในการทำงาน ไม่ทำสะเปะสะปะ

    อดทนกับอุปสรรค เพราะงานที่รัก ก็มีปัญหาเหมือนกัน



    ---

    4️⃣ ใช้ "งานปัจจุบัน" สร้าง "โอกาสอนาคต"

    ปัญหา:

    คิดว่างานนี้ไม่มีประโยชน์กับอนาคต

    ขาดแรงบันดาลใจในการทำงาน

    ไม่มีเป้าหมายชีวิต


    แนวทางแก้:
    "ทำงานที่มีวันนี้ ให้ดีที่สุด เพราะมันจะเป็นใบเบิกทางไปสู่โอกาสที่ดีกว่า"

    สร้างผลงานให้ดี แม้เป็นงานที่ไม่ชอบ

    พัฒนาทักษะจากงานปัจจุบัน

    ใช้โอกาสนี้เรียนรู้ให้มากที่สุด



    ---

    5️⃣ สร้าง "พานทอง" ไว้รองรับ "งานในฝัน"

    ปัญหา:

    หลายคนรอให้เจองานที่ชอบก่อน

    ไม่คิดพัฒนาตัวเองในระหว่างทาง

    สุดท้ายพอเจองานที่รัก ก็ไม่มีความสามารถพอทำได้


    แนวทางแก้:
    "ใช้ช่วงเวลานี้เป็นการเตรียมตัวให้พร้อม"

    ฝึก "ความรับผิดชอบ" กับงานที่มี

    ฝึก "ความอดทน" กับอุปสรรค

    ฝึก "การทำงานให้สำเร็จ"


    จำไว้!
    "คุณสร้างจิตใจแบบนี้ตอนทำงานที่ไม่รักได้ แล้วมันจะเป็นพลังสำคัญเมื่อคุณได้ทำงานที่รักจริงๆ!"


    ---

    สรุป: วิธีเติมไฟให้ตัวเอง แม้ไม่มีใจรักงาน

    1️⃣ มองว่างานนี้เป็นสะพาน ไม่ใช่จุดจบ
    2️⃣ อย่ารอให้รักงาน แต่ให้ทำก่อนแล้วจะรักเอง
    3️⃣ ฝึกวินัย ทำงานอย่างมีระบบ
    4️⃣ ใช้งานปัจจุบันเป็นโอกาสสร้างอนาคต
    5️⃣ ฝึกสร้าง "จิตใจนักสู้" ไว้รองรับงานที่ใช่

    "ถ้าคุณทำงานแบบมีระบบ มีเป้าหมาย มีความอดทน งานที่ใช่จะมาหาคุณเอง!"

    🔥 วิธีทำงานให้มีไฟ แม้ไม่มีใจรัก 🔥 --- 📌 1️⃣ ถ้าไม่มีใจ งานก็เหมือนไม่เคยเริ่มต้น 🚫 ปัญหา: ทำงานไปวันๆ รอให้หมดเดือน รับเงินเดือนแล้วจบ ไม่มีเป้าหมาย ไม่แคร์ผลลัพธ์ ไม่เห็นความสำคัญของงาน จึงหมดไฟง่าย ✅ แนวทางแก้: "ให้มองว่างานนี้เป็นสะพาน ไม่ใช่ปลายทาง" งานที่ทำวันนี้ อาจไม่ใช่งานสุดท้าย แต่มันเป็น "จุดเริ่มต้น" หรือ "กลางทาง" ที่พาคุณไปสู่งานที่ใช่ ถ้าคุณทำแบบไร้ใจต่อไป คุณจะไม่มีวันไปถึงงานที่รักได้เลย! --- 📌 2️⃣ เปลี่ยนวิธีคิด: "ทำก่อนรัก" ไม่ใช่ "รักก่อนทำ" 🚫 ปัญหา: หลายคนรอให้ "มีใจ" ก่อน แล้วค่อยทำเต็มที่ แต่ความจริงคือ "ยิ่งทำ ยิ่งชำนาญ ยิ่งเห็นคุณค่า" ถ้าเอาแต่เกลียดงาน ไม่อดทน ไม่ตั้งใจ คุณจะไม่รักงานไหนเลย! ✅ แนวทางแก้: "เปลี่ยนจากการรอให้รักงาน เป็นการสร้างใจให้รักงาน" เริ่มจาก ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ในแต่ละวัน (งานสำเร็จ 1 อย่างก็ดีแล้ว) คิดเป็นขั้นตอน งาน 1 ชิ้น ต้องทำอะไรบ้าง ให้รางวัลตัวเอง เมื่อทำเสร็จ (พัก 5 นาที, ดื่มกาแฟ ฯลฯ) --- 📌 3️⃣ ฝึกวินัย แม้ไม่มีใจรักงาน 🚫 ปัญหา: คนที่เบื่องานมักทำงานแบบจับจด ไม่มีเป้าหมาย ไม่มีลำดับขั้นตอน ทำไปวันๆ พอหมดวันก็หมดไฟ ✅ แนวทางแก้: "สร้างนิสัยให้ทำงานอย่างมีระบบ" ฝึกตั้งเป้าหมายประจำวัน เช่น 🎯 เช้านี้ต้องส่งรายงาน 🎯 บ่ายต้องทำสไลด์ประชุม 🎯 เย็นต้องเคลียร์อีเมล มีขั้นบันได 1-2-3 ในการทำงาน ไม่ทำสะเปะสะปะ อดทนกับอุปสรรค เพราะงานที่รัก ก็มีปัญหาเหมือนกัน --- 📌 4️⃣ ใช้ "งานปัจจุบัน" สร้าง "โอกาสอนาคต" 🚫 ปัญหา: คิดว่างานนี้ไม่มีประโยชน์กับอนาคต ขาดแรงบันดาลใจในการทำงาน ไม่มีเป้าหมายชีวิต ✅ แนวทางแก้: "ทำงานที่มีวันนี้ ให้ดีที่สุด เพราะมันจะเป็นใบเบิกทางไปสู่โอกาสที่ดีกว่า" สร้างผลงานให้ดี แม้เป็นงานที่ไม่ชอบ พัฒนาทักษะจากงานปัจจุบัน ใช้โอกาสนี้เรียนรู้ให้มากที่สุด --- 📌 5️⃣ สร้าง "พานทอง" ไว้รองรับ "งานในฝัน" 🚫 ปัญหา: หลายคนรอให้เจองานที่ชอบก่อน ไม่คิดพัฒนาตัวเองในระหว่างทาง สุดท้ายพอเจองานที่รัก ก็ไม่มีความสามารถพอทำได้ ✅ แนวทางแก้: "ใช้ช่วงเวลานี้เป็นการเตรียมตัวให้พร้อม" ฝึก "ความรับผิดชอบ" กับงานที่มี ฝึก "ความอดทน" กับอุปสรรค ฝึก "การทำงานให้สำเร็จ" 📌 จำไว้! "คุณสร้างจิตใจแบบนี้ตอนทำงานที่ไม่รักได้ แล้วมันจะเป็นพลังสำคัญเมื่อคุณได้ทำงานที่รักจริงๆ!" --- 🎯 สรุป: วิธีเติมไฟให้ตัวเอง แม้ไม่มีใจรักงาน ✅ 1️⃣ มองว่างานนี้เป็นสะพาน ไม่ใช่จุดจบ ✅ 2️⃣ อย่ารอให้รักงาน แต่ให้ทำก่อนแล้วจะรักเอง ✅ 3️⃣ ฝึกวินัย ทำงานอย่างมีระบบ ✅ 4️⃣ ใช้งานปัจจุบันเป็นโอกาสสร้างอนาคต ✅ 5️⃣ ฝึกสร้าง "จิตใจนักสู้" ไว้รองรับงานที่ใช่ 📌 "ถ้าคุณทำงานแบบมีระบบ มีเป้าหมาย มีความอดทน งานที่ใช่จะมาหาคุณเอง!"
    0 Comments 0 Shares 554 Views 0 Reviews
  • ช่างดุ่ย: นักสู้ในโลกมืด ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา
    ติดตามได้ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ
    วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม 2568 เวลา 11.30-12.00 น.
    ทางสถานีโทรทัศน์ News1 (IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211)
    หรือ
    เฟซบุ๊ก / ยูทูบ / ติ๊กตอก : ฅนจริงใจไม่ท้อ
    โปรดช่วยกดติดตามช่องเพื่อเป็นกำลังใจทีมงานด้วยครับ
    .............................................................................................................
    ท่านใดต้องการสนับสนุนหรือใช้บริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า สามารถติดต่อ ประพันธ์ บางนิมิตได้ที่หมายเลข 064 053-2298 หรือหากต้องการช่วยเหลือด้านทุนทรัพย์ สามารถโอนเงินช่วยเหลือได้ที่ บัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี ประพันธ์ บางนิมิตร เลขบัญชี 761-0-33-514-2
    ช่างดุ่ย: นักสู้ในโลกมืด ผู้ไม่ยอมแพ้ต่อโชคชะตา ติดตามได้ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม 2568 เวลา 11.30-12.00 น. ทางสถานีโทรทัศน์ News1 (IPM ช่อง 64 / PSI ช่อง 211) หรือ เฟซบุ๊ก / ยูทูบ / ติ๊กตอก : ฅนจริงใจไม่ท้อ โปรดช่วยกดติดตามช่องเพื่อเป็นกำลังใจทีมงานด้วยครับ ............................................................................................................. ท่านใดต้องการสนับสนุนหรือใช้บริการซ่อมเครื่องใช้ไฟฟ้า สามารถติดต่อ ประพันธ์ บางนิมิตได้ที่หมายเลข 064 053-2298 หรือหากต้องการช่วยเหลือด้านทุนทรัพย์ สามารถโอนเงินช่วยเหลือได้ที่ บัญชีธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี ประพันธ์ บางนิมิตร เลขบัญชี 761-0-33-514-2
    0 Comments 0 Shares 612 Views 9 0 Reviews
  • “ลุงจำนงค์” แม้ร่างกายเหลือแค่ครึ่งตัว สู้ทำงานหารายได้จุนเจือครอบครัว!

    ……………….

    หากท่านใดต้องการให้กำลังใจหรือช่วยเหลือลุงจำนงค์ สามารถโอนไปได้ที่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชื่อบัญชี นายจำนงค์ เสือเอี่ยม เลขที่บัญชี 092-1-21063-7

    #สู้ชีวิต #พิการ #นักสู้ #นักสู้ครึ่งตัว #หัวใจแกร่ง #แรงบันดาลใจ #เทรนด์วันนี้ #ฅนจริงใจไม่ท้อ
    “ลุงจำนงค์” แม้ร่างกายเหลือแค่ครึ่งตัว สู้ทำงานหารายได้จุนเจือครอบครัว! ………………. หากท่านใดต้องการให้กำลังใจหรือช่วยเหลือลุงจำนงค์ สามารถโอนไปได้ที่ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา ชื่อบัญชี นายจำนงค์ เสือเอี่ยม เลขที่บัญชี 092-1-21063-7 #สู้ชีวิต #พิการ #นักสู้ #นักสู้ครึ่งตัว #หัวใจแกร่ง #แรงบันดาลใจ #เทรนด์วันนี้ #ฅนจริงใจไม่ท้อ
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 719 Views 16 0 Reviews
  • 54 ปี ลอบสังหาร “ครูโกมล คีมทอง” คอมมิวนิสต์เข้าใจผิด! คิดว่าเป็น… สายลับรัฐบาลไทย

    ย้อนรอยโศกนาฏกรรม ครูหนุ่มผู้มุ่งมั่นเพื่อการศึกษาในชนบท แต่ต้องจบชีวิตอย่างน่าเศร้า ท่ามกลางความเข้าใจผิด ในยุคสมัย ที่ความขัดแย้งทางอุดมการณ์ ร้อนระอุ

    เหตุการณ์สะเทือนขวัญ ที่ยังเป็นปริศนา ย้อนไปเมื่อ 54 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2514 เสียงปืนดังขึ้นที่บ้านเหนือคลอง หมู่ที่ 4 ตำบลสินเจริญ กิ่งอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทำให้ครูหนุ่มวัยเพียง 24 ปี ต้องจบชีวิตลงอย่างโหดร้าย

    "โกมล คีมทอง ครูหนุ่มที่มีอุดมการณ์แรงกล้า มุ่งมั่นที่จะพัฒนาเยาวชน ในพื้นที่ห่างไกล ผ่านระบบการศึกษา ที่เหมาะสมกับชุมชน ทว่า… ด้วยความเข้าใจผิด ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ทำให้ถูกตราหน้าว่า เป็นสายลับของรัฐบาลไทย และนำไปสู่การสังหารอันน่าเศร้า

    เรื่องราวของครูโกมล เต็มไปด้วยความซับซ้อน เป็นเหยื่อของสงครามอุดมการณ์ ที่ทั้งฝ่ายรัฐ และฝ่ายคอมมิวนิสต์ ต่างก็เพ่งเล็งและไม่ไว้ใจ จนกระทั่งความเข้าใจผิดครั้งใหญ่ ได้คร่าชีวิตพร้อมเพื่อนร่วมอุดมการณ์ อีกสองคน

    ครูโกมล คีมทอง จากเด็กหนุ่มหัวใจนักสู้ สู่ครูผู้เสียสละ
    👦🏻 "ครูโกมล คีมทอง" เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2489 ที่ จังหวัดสุโขทัย เติบโตขึ้นมาในครอบครัว ที่ให้ความสำคัญ กับการศึกษา

    จบชั้นประถมศึกษา จากโรงเรียนบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยม จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพฯ และเข้าศึกษาต่อ ที่คณะคุรุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นครู

    เส้นทางสู่อาชีพครู และอุดมการณ์ที่แรงกล้า
    ระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย โกมลเป็นนิสิตที่กระตือรือร้น เข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสา และค่ายพัฒนาชนบทเป็นประจำ ทำให้เห็นถึงความลำบากของเด็ก ในพื้นที่ห่างไกล และตัดสินใจแน่วแน่ว่า "ชีวิตนี้จะอุทิศให้กับการศึกษาในชนบท"

    ในปีสุดท้ายของการเรียน ครูโกมลได้รับโอกาสเข้าร่วม “ค่ายพัฒนากำลังคน เหมืองห้วยในเขา” ซึ่งจัดขึ้นที่เหมืองแร่แห่งหนึ่ง ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่นี่เอง ที่โกมลได้เห็นปัญหาการศึกษาของเด็กๆ ในพื้นที่ห่างไกล และตัดสินใจที่จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือ "สร้างโรงเรียนชุมชน"

    โรงเรียนชุมชนที่เหมืองห้วยในเขา อุดมการณ์ที่เป็นภัย
    จุดมุ่งหมายของครูโกมล โรงเรียนที่ครูโกมลตั้งใจสร้าง ไม่ใช่แค่สถานศึกษาแบบทั่วไป แต่เป็นโรงเรียนที่ออกแบบมา ให้เหมาะกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน

    หลักสูตรพิเศษ เน้นวิชาที่สอดคล้องกับการดำรงชีวิต เช่น การเกษตร ปศุสัตว์ และงานช่าง
    วัฒนธรรมท้องถิ่น ส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรม เช่น หนังตะลุง มโนราห์ และนิทานพื้นบ้าน
    ชุมชนเป็นศูนย์กลาง โรงเรียนได้รับการสนับสนุนจากชาวบ้าน ไม่ใช่รัฐ

    แนวคิดเช่นนี้ ทำให้ทั้งรัฐบาล และพรรคคอมมิวนิสต์จับตามอง ด้วยความสงสัยว่า "แท้จริงแล้ว ครูโกมลทำงานให้ฝ่ายใด?"

    สงครามอุดมการณ์ จุดเริ่มต้นของความหวาดระแวง
    ฝ่ายรัฐบาลมองว่า ครูโกมลเป็น "แนวร่วมคอมมิวนิสต์"
    รัฐบาลไทยในขณะนั้น มีนโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์ อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่รัฐบางคนเห็นว่า แนวคิดของครูโกมล อาจสนับสนุนอุดมการณ์ ของพรรคคอมมิวนิสต์ โรงเรียนของครูโกมล ไม่ได้ใช้หลักสูตร จากกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า อาจเป็นศูนย์กลาง ของขบวนการล้มล้างอำนาจรัฐ

    ฝ่ายคอมมิวนิสต์มองว่า "สายลับรัฐบาล"
    ขณะนั้น พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) กำลังทำสงครามกองโจร กับรัฐบาลไทย การที่ครูโกมล เดินทางไปพบปะชาวบ้าน ถ่ายภาพ และรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวัฒนธรรม ทำให้พคท.เข้าใจว่ากำลังสอดแนม อีกทั้งการที่ครูโกมล ได้รับเงินสนับสนุนจาก "มูลนิธิเอเชีย" ซึ่งเป็นองค์กรต่างชาติ ยิ่งทำให้พคท.เชื่อว่า กำลังทำงานให้รัฐบาลไทย สุดท้าย... ความเข้าใจผิดนี้ นำไปสู่โศกนาฏกรรม ที่ไม่มีวันย้อนคืน

    โศกนาฏกรรม คืนสังหารที่ไม่มีวันลืม
    22 กุมภาพันธ์ 2514 บ้านเหนือคลอง อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี
    ครูโกมล คีมทอง, รัตนา สกุลไทย บัณฑิตอักษรศาสตร์ จุฬาฯ และเสรี ปรีชา หมอเร่ขายยา ถูกกลุ่มกองกำลัง พรรคคอมมิวนิสต จับตัวไป และถูกยิงเสียชีวิตในที่สุด

    หลังจากเหตุการณ์นี้ รัฐบาลไทยได้โปรยใบปลิวปฏิเสธว่า "ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหาร" ขณะที่ พคท. ออกมายอมรับในเวลาต่อมาว่า "เป็นผู้ลงมือสังหาร เนื่องจากเข้าใจผิดคิดว่า ครูโกมลเป็นสายลับรัฐบาลไทย"

    แม้ว่า "ครูโกมล คีมทอง" จะจากไป แต่สิ่งที่ได้ทำไว้ ยังคงเป็นที่จดจำ
    การเสียสละทำให้เกิด “มูลนิธิโกมล คีมทอง” ในปี พ.ศ. 2514
    สร้างแรงบันดาลใจ ให้คนรุ่นหลังอุทิศตน เพื่อพัฒนาสังคม
    หลักสูตรการศึกษา ที่เน้นชุมชนเป็นศูนย์กลาง ยังคงเป็นแนวคิด ที่นำมาใช้ในการศึกษายุคใหม่

    ครูโกมลถูกฆ่าโดยใคร?
    ฝ่ายรัฐบาล หรือ พรรคคอมมิวนิสต์?
    เป็นเพียงครูธรรมดา หรือมีบทบาทที่ลึกซึ้งกว่านั้น?
    ถ้าไม่มีการสังหารในวันนั้น ครูโกมลจะสามารถเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทย ได้มากแค่ไหน?

    แม้ข้อเท็จจริง จะได้รับการเปิดเผยไปแล้ว แต่คำถามเหล่านี้ ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันมา จนถึงทุกวันนี้...

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221245 ก.พ. 2568

    #️⃣ #ครูโกมลคีมทอง #54ปีลอบสังหาร #โกมลคีมทอง #ประวัติศาสตร์ไทย #คอมมิวนิสต์ไทย #การศึกษาชนบท #ความขัดแย้งทางอุดมการณ์ #มูลนิธิโกมลคีมทอง #ครูผู้เสียสละ #ประวัติศาสตร์ต้องรู้
    54 ปี ลอบสังหาร “ครูโกมล คีมทอง” คอมมิวนิสต์เข้าใจผิด! คิดว่าเป็น… สายลับรัฐบาลไทย ย้อนรอยโศกนาฏกรรม ครูหนุ่มผู้มุ่งมั่นเพื่อการศึกษาในชนบท แต่ต้องจบชีวิตอย่างน่าเศร้า ท่ามกลางความเข้าใจผิด ในยุคสมัย ที่ความขัดแย้งทางอุดมการณ์ ร้อนระอุ 📌 เหตุการณ์สะเทือนขวัญ ที่ยังเป็นปริศนา ย้อนไปเมื่อ 54 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2514 เสียงปืนดังขึ้นที่บ้านเหนือคลอง หมู่ที่ 4 ตำบลสินเจริญ กิ่งอำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ทำให้ครูหนุ่มวัยเพียง 24 ปี ต้องจบชีวิตลงอย่างโหดร้าย "โกมล คีมทอง ครูหนุ่มที่มีอุดมการณ์แรงกล้า มุ่งมั่นที่จะพัฒนาเยาวชน ในพื้นที่ห่างไกล ผ่านระบบการศึกษา ที่เหมาะสมกับชุมชน ทว่า… ด้วยความเข้าใจผิด ของพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) ทำให้ถูกตราหน้าว่า เป็นสายลับของรัฐบาลไทย และนำไปสู่การสังหารอันน่าเศร้า เรื่องราวของครูโกมล เต็มไปด้วยความซับซ้อน เป็นเหยื่อของสงครามอุดมการณ์ ที่ทั้งฝ่ายรัฐ และฝ่ายคอมมิวนิสต์ ต่างก็เพ่งเล็งและไม่ไว้ใจ จนกระทั่งความเข้าใจผิดครั้งใหญ่ ได้คร่าชีวิตพร้อมเพื่อนร่วมอุดมการณ์ อีกสองคน 📖 ครูโกมล คีมทอง จากเด็กหนุ่มหัวใจนักสู้ สู่ครูผู้เสียสละ 👦🏻 "ครูโกมล คีมทอง" เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2489 ที่ จังหวัดสุโขทัย เติบโตขึ้นมาในครอบครัว ที่ให้ความสำคัญ กับการศึกษา จบชั้นประถมศึกษา จากโรงเรียนบ้านหมี่ จังหวัดลพบุรี สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยม จากโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย กรุงเทพฯ และเข้าศึกษาต่อ ที่คณะคุรุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ด้วยความมุ่งมั่นที่จะเป็นครู 🎓 เส้นทางสู่อาชีพครู และอุดมการณ์ที่แรงกล้า ระหว่างเรียนมหาวิทยาลัย โกมลเป็นนิสิตที่กระตือรือร้น เข้าร่วมกิจกรรมจิตอาสา และค่ายพัฒนาชนบทเป็นประจำ ทำให้เห็นถึงความลำบากของเด็ก ในพื้นที่ห่างไกล และตัดสินใจแน่วแน่ว่า "ชีวิตนี้จะอุทิศให้กับการศึกษาในชนบท" ในปีสุดท้ายของการเรียน ครูโกมลได้รับโอกาสเข้าร่วม “ค่ายพัฒนากำลังคน เหมืองห้วยในเขา” ซึ่งจัดขึ้นที่เหมืองแร่แห่งหนึ่ง ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่นี่เอง ที่โกมลได้เห็นปัญหาการศึกษาของเด็กๆ ในพื้นที่ห่างไกล และตัดสินใจที่จะทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ นั่นคือ "สร้างโรงเรียนชุมชน" 🏫 โรงเรียนชุมชนที่เหมืองห้วยในเขา อุดมการณ์ที่เป็นภัย 🎯 จุดมุ่งหมายของครูโกมล โรงเรียนที่ครูโกมลตั้งใจสร้าง ไม่ใช่แค่สถานศึกษาแบบทั่วไป แต่เป็นโรงเรียนที่ออกแบบมา ให้เหมาะกับวิถีชีวิตของชาวบ้าน ✔️ หลักสูตรพิเศษ เน้นวิชาที่สอดคล้องกับการดำรงชีวิต เช่น การเกษตร ปศุสัตว์ และงานช่าง ✔️ วัฒนธรรมท้องถิ่น ส่งเสริมมรดกทางวัฒนธรรม เช่น หนังตะลุง มโนราห์ และนิทานพื้นบ้าน ✔️ ชุมชนเป็นศูนย์กลาง โรงเรียนได้รับการสนับสนุนจากชาวบ้าน ไม่ใช่รัฐ แนวคิดเช่นนี้ ทำให้ทั้งรัฐบาล และพรรคคอมมิวนิสต์จับตามอง ด้วยความสงสัยว่า "แท้จริงแล้ว ครูโกมลทำงานให้ฝ่ายใด?" 🔥 สงครามอุดมการณ์ จุดเริ่มต้นของความหวาดระแวง 🏴 ฝ่ายรัฐบาลมองว่า ครูโกมลเป็น "แนวร่วมคอมมิวนิสต์" รัฐบาลไทยในขณะนั้น มีนโยบายต่อต้านคอมมิวนิสต์ อย่างรุนแรง เจ้าหน้าที่รัฐบางคนเห็นว่า แนวคิดของครูโกมล อาจสนับสนุนอุดมการณ์ ของพรรคคอมมิวนิสต์ โรงเรียนของครูโกมล ไม่ได้ใช้หลักสูตร จากกระทรวงศึกษาธิการ ทำให้เกิดข้อสงสัยว่า อาจเป็นศูนย์กลาง ของขบวนการล้มล้างอำนาจรัฐ 🚩 ฝ่ายคอมมิวนิสต์มองว่า "สายลับรัฐบาล" ขณะนั้น พรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย (พคท.) กำลังทำสงครามกองโจร กับรัฐบาลไทย การที่ครูโกมล เดินทางไปพบปะชาวบ้าน ถ่ายภาพ และรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับวัฒนธรรม ทำให้พคท.เข้าใจว่ากำลังสอดแนม อีกทั้งการที่ครูโกมล ได้รับเงินสนับสนุนจาก "มูลนิธิเอเชีย" ซึ่งเป็นองค์กรต่างชาติ ยิ่งทำให้พคท.เชื่อว่า กำลังทำงานให้รัฐบาลไทย สุดท้าย... ความเข้าใจผิดนี้ นำไปสู่โศกนาฏกรรม ที่ไม่มีวันย้อนคืน ☠️ โศกนาฏกรรม คืนสังหารที่ไม่มีวันลืม 22 กุมภาพันธ์ 2514 📍 บ้านเหนือคลอง อำเภอพระแสง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ครูโกมล คีมทอง, รัตนา สกุลไทย บัณฑิตอักษรศาสตร์ จุฬาฯ และเสรี ปรีชา หมอเร่ขายยา ถูกกลุ่มกองกำลัง พรรคคอมมิวนิสต จับตัวไป และถูกยิงเสียชีวิตในที่สุด หลังจากเหตุการณ์นี้ รัฐบาลไทยได้โปรยใบปลิวปฏิเสธว่า "ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการสังหาร" ขณะที่ พคท. ออกมายอมรับในเวลาต่อมาว่า "เป็นผู้ลงมือสังหาร เนื่องจากเข้าใจผิดคิดว่า ครูโกมลเป็นสายลับรัฐบาลไทย" 🏛️ แม้ว่า "ครูโกมล คีมทอง" จะจากไป แต่สิ่งที่ได้ทำไว้ ยังคงเป็นที่จดจำ ✔️ การเสียสละทำให้เกิด “มูลนิธิโกมล คีมทอง” ในปี พ.ศ. 2514 ✔️ สร้างแรงบันดาลใจ ให้คนรุ่นหลังอุทิศตน เพื่อพัฒนาสังคม ✔️ หลักสูตรการศึกษา ที่เน้นชุมชนเป็นศูนย์กลาง ยังคงเป็นแนวคิด ที่นำมาใช้ในการศึกษายุคใหม่ 🎭 ครูโกมลถูกฆ่าโดยใคร? 👉 ฝ่ายรัฐบาล หรือ พรรคคอมมิวนิสต์? 👉 เป็นเพียงครูธรรมดา หรือมีบทบาทที่ลึกซึ้งกว่านั้น? 👉 ถ้าไม่มีการสังหารในวันนั้น ครูโกมลจะสามารถเปลี่ยนแปลงการศึกษาไทย ได้มากแค่ไหน? แม้ข้อเท็จจริง จะได้รับการเปิดเผยไปแล้ว แต่คำถามเหล่านี้ ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันมา จนถึงทุกวันนี้... ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 221245 ก.พ. 2568 #️⃣ #ครูโกมลคีมทอง #54ปีลอบสังหาร #โกมลคีมทอง #ประวัติศาสตร์ไทย #คอมมิวนิสต์ไทย #การศึกษาชนบท #ความขัดแย้งทางอุดมการณ์ #มูลนิธิโกมลคีมทอง #ครูผู้เสียสละ #ประวัติศาสตร์ต้องรู้
    0 Comments 0 Shares 1917 Views 0 Reviews
  • “ยุทธหัตถีแห่งหนองสาหร่าย”

    ดินแดนแห่งศักดิ์ศรี กรุงศรีอยุธยา เสียงกลองศึกดังก้อง พม่ายกทัพเข้ามา สมเด็จพระนเรศ ทรงนำทัพกู้แผ่นดิน ด้วยพระแสงของ้าวแสนพลพ่าย ชัยชนะเหนือศัตรู

    * ณ หนองสาหร่าย เสียงช้างร้องก้องไพร พระองค์ดำ พระองค์ขาว จารึกไว้ในหัวใจ ชนช้างฟาดฟัน บั่นคอมังสามเกียด เลือดหลั่งรินบนหลังช้าง เพื่อชาติไทยเรา

    พระองค์ขาวทรงพลายปราบไตรจักร ฟันมางจาชโร จบสิ้นศึกเหนือสายน้ำ ไพร่พลไทยลุกฮือ รวมพลังเกินขวางกั้น ประวัติศาสตร์ย้ำเตือนเรา ให้ยืนหยัดสู้เพื่อไทย

    ซ้ำ *

    พระองค์ขาวทรงพลายปราบไตรจักร

    ** ช้างศึกยิ่งใหญ่ ฟาดงวงฟาดงา วิญญาณนักรบสืบมา ด้วยเลือดนักสู้ไม่เสื่อมคลาย เกียรติยศของผืนแผ่นดิน ค่าควรเมืองแห่งชนไทย เพลงยุทธหัตถี ขับขานไปให้โลกรู้

    ซ้ำ *, **

    ดินแดนแห่งศักดิ์ศรี ไทยเรานี้ไม่มีวันลืม เสียงกลองศึกดังก้อง ในหัวใจเราตลอดไป ยุทธหัตถีแห่งหนองสาหร่าย คือความภาคภูมิของคนไทย

    ขอสดุดีแด่วีรชน ให้คงอยู่ในใจนิรันดร์

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 180850 ม.ค. 2568
    “ยุทธหัตถีแห่งหนองสาหร่าย” ดินแดนแห่งศักดิ์ศรี กรุงศรีอยุธยา เสียงกลองศึกดังก้อง พม่ายกทัพเข้ามา สมเด็จพระนเรศ ทรงนำทัพกู้แผ่นดิน ด้วยพระแสงของ้าวแสนพลพ่าย ชัยชนะเหนือศัตรู * ณ หนองสาหร่าย เสียงช้างร้องก้องไพร พระองค์ดำ พระองค์ขาว จารึกไว้ในหัวใจ ชนช้างฟาดฟัน บั่นคอมังสามเกียด เลือดหลั่งรินบนหลังช้าง เพื่อชาติไทยเรา พระองค์ขาวทรงพลายปราบไตรจักร ฟันมางจาชโร จบสิ้นศึกเหนือสายน้ำ ไพร่พลไทยลุกฮือ รวมพลังเกินขวางกั้น ประวัติศาสตร์ย้ำเตือนเรา ให้ยืนหยัดสู้เพื่อไทย ซ้ำ * พระองค์ขาวทรงพลายปราบไตรจักร ** ช้างศึกยิ่งใหญ่ ฟาดงวงฟาดงา วิญญาณนักรบสืบมา ด้วยเลือดนักสู้ไม่เสื่อมคลาย เกียรติยศของผืนแผ่นดิน ค่าควรเมืองแห่งชนไทย เพลงยุทธหัตถี ขับขานไปให้โลกรู้ ซ้ำ *, ** ดินแดนแห่งศักดิ์ศรี ไทยเรานี้ไม่มีวันลืม เสียงกลองศึกดังก้อง ในหัวใจเราตลอดไป ยุทธหัตถีแห่งหนองสาหร่าย คือความภาคภูมิของคนไทย ขอสดุดีแด่วีรชน ให้คงอยู่ในใจนิรันดร์ ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 180850 ม.ค. 2568
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 858 Views 58 0 Reviews
  • ทนายความยุติการเป็นตัวแทน Meta เนื่องจาก "พฤติกรรมที่เป็นพิษและความคลั่งไคล้แบบนีโอนาซี" ของ Mark Zuckerberg

    Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากนักเทคโนโลยีที่ดูเหมือนกิ้งก่าไปเป็นคนที่หลงใหลในศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) และเรียกร้องให้มีพลังความเป็นชายมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ทนายความ Mark Lemley ยุติการเป็นตัวแทน Meta เนื่องจากไม่สามารถรับใช้ลูกค้าด้วยจิตสำนึกที่ดีได้อีกต่อไป

    Lemley เคยเป็นตัวแทน Meta ในคดีลิขสิทธิ์ปี 2023 ที่บริษัทใช้ชุดข้อมูลที่มีหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่มีลิขสิทธิ์ในการฝึกอบรมโมเดลภาษาใหญ่ (LLMs) ซึ่งเขาเชื่อว่าน่าจะถือเป็นการใช้งานที่เป็นธรรม แต่ปัญหาของเขาอยู่ที่ Zuckerberg และ "วิกฤตวัยกลางคน" ของเขา

    Zuckerberg เริ่มสนใจในศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานในช่วงฤดูร้อนปี 2020 และได้เข้าร่วมการแข่งขัน Brazilian Jiu-Jitsu และฝึกกับนักสู้ UFC ที่เก่งที่สุดบางคน นอกจากนี้เขายังได้แสดงตัวตนใหม่ในพอดแคสต์ของ Joe Rogan โดยกล่าวว่าบริษัทต้องการพลังความเป็นชายมากขึ้น

    การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ Zuckerberg ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการส่งเสริมความเป็นชายที่เป็นพิษและความบ้าคลั่งแบบนีโอนาซี ซึ่งทำให้ Lemley ตัดสินใจยุติการเป็นตัวแทน Meta

    https://www.techspot.com/news/106385-lawyer-drops-meta-client-citing-mark-zuckerberg-toxic.html
    ทนายความยุติการเป็นตัวแทน Meta เนื่องจาก "พฤติกรรมที่เป็นพิษและความคลั่งไคล้แบบนีโอนาซี" ของ Mark Zuckerberg Mark Zuckerberg ซีอีโอของ Meta ได้เปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างมากในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา จากนักเทคโนโลยีที่ดูเหมือนกิ้งก่าไปเป็นคนที่หลงใหลในศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสาน (MMA) และเรียกร้องให้มีพลังความเป็นชายมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ทนายความ Mark Lemley ยุติการเป็นตัวแทน Meta เนื่องจากไม่สามารถรับใช้ลูกค้าด้วยจิตสำนึกที่ดีได้อีกต่อไป Lemley เคยเป็นตัวแทน Meta ในคดีลิขสิทธิ์ปี 2023 ที่บริษัทใช้ชุดข้อมูลที่มีหนังสืออิเล็กทรอนิกส์ที่มีลิขสิทธิ์ในการฝึกอบรมโมเดลภาษาใหญ่ (LLMs) ซึ่งเขาเชื่อว่าน่าจะถือเป็นการใช้งานที่เป็นธรรม แต่ปัญหาของเขาอยู่ที่ Zuckerberg และ "วิกฤตวัยกลางคน" ของเขา Zuckerberg เริ่มสนใจในศิลปะการต่อสู้แบบผสมผสานในช่วงฤดูร้อนปี 2020 และได้เข้าร่วมการแข่งขัน Brazilian Jiu-Jitsu และฝึกกับนักสู้ UFC ที่เก่งที่สุดบางคน นอกจากนี้เขายังได้แสดงตัวตนใหม่ในพอดแคสต์ของ Joe Rogan โดยกล่าวว่าบริษัทต้องการพลังความเป็นชายมากขึ้น การเปลี่ยนแปลงนี้ทำให้ Zuckerberg ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการส่งเสริมความเป็นชายที่เป็นพิษและความบ้าคลั่งแบบนีโอนาซี ซึ่งทำให้ Lemley ตัดสินใจยุติการเป็นตัวแทน Meta https://www.techspot.com/news/106385-lawyer-drops-meta-client-citing-mark-zuckerberg-toxic.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Lawyer drops Meta as client, citing Mark Zuckerberg's "toxic masculinity and Neo-Nazi madness"
    Stanford law professor Mark Lemley represented Meta in a 2023 copyright case in which the company used a data set containing copyrighted e-books to train its LLMs,...
    0 Comments 0 Shares 404 Views 0 Reviews
  • คิดถึงครูตอง 04/01/68 #ตอง วันชิน #นักกีฬาการต่อสู้ #นักสู้ MMA #คิดถึงครูตอง
    คิดถึงครูตอง 04/01/68 #ตอง วันชิน #นักกีฬาการต่อสู้ #นักสู้ MMA #คิดถึงครูตอง
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1807 Views 57 0 Reviews
  • ภาพจากกล้อง GoPro ของทหารยูเครน ที่ทหารรัสเซียนำมาเผยแพร่ เป็นช่วงเวลากำลังต่อสู้ระยะประชิดอย่างดุเดือดกับนักสู้ของรัสเซียที่มาจากภูมิภาคยาคุต

    จากในคลิป ทหารยูเครนพลาดท่าและไม่มีโอกาสรอด เขาทำได้เพียงส่งเสียงกรีดร้อง และขอให้เขาจากไปอย่างไม่ทรมาน

    ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาเรียกทหารรัสเซียจากยาคุตว่า "นักสู้ที่ดีที่สุดในโลก"
    ภาพจากกล้อง GoPro ของทหารยูเครน ที่ทหารรัสเซียนำมาเผยแพร่ เป็นช่วงเวลากำลังต่อสู้ระยะประชิดอย่างดุเดือดกับนักสู้ของรัสเซียที่มาจากภูมิภาคยาคุต จากในคลิป ทหารยูเครนพลาดท่าและไม่มีโอกาสรอด เขาทำได้เพียงส่งเสียงกรีดร้อง และขอให้เขาจากไปอย่างไม่ทรมาน ก่อนที่เขาจะเสียชีวิต เขาเรียกทหารรัสเซียจากยาคุตว่า "นักสู้ที่ดีที่สุดในโลก"
    Sad
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 2367 Views 78 0 Reviews
More Results