• อบจ.โคราช แท็คทีม สส.เพื่อไทย “งัดแผน” ถกปัญหาเรื่องน้ำท่วม - น้ำแล้ง สร้างปรากฏการณ์เตรียม “Action Plan” ร่วมจังหวัด และ กรมชลฯ หนุนโปรเจ็คจัดการน้ำเชื่อมโยงโครงข่ายทั้งจังหวัดอย่างยั่งยืน

    วันนี้ (1 พฤษภาคม 2568) ที่ห้องประชุมท้าวสุรนารี ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา (อบจ.นครราชสีมา) พร้อมด้วย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) นครราชสีมา เข้าหารือร่วมกับ นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และ นายสุคนธ์ เต็มยศยิ่ง ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง เรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาระยะยาว

    นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า "ปัญหาน้ำท่วม และ ปัญหาภัยแล้ง ถือเป็นปัญหาสำคัญที่พี่น้องประชาชนต้องเผชิญในทุก ๆ ปี ฉะนั้น อบจ. จึงพร้อมเป็นหน่วยงานหลักที่จะประสานพี่น้องท้องถิ่น ประสานจังหวัด และประสาน สส. จ.นครราชสีมา ไปยังรัฐบาล เพื่อร่วมกันหาแนวทางขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำ วันนี้ จังหวัดและท้องถิ่น เราจะเดินหน้าไปด้วยกัน อบจ. มีงบประมาณและพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อบูรณาการร่วมกันกับจังหวัดและกรมชลประทาน โดยมี สส. นำเสนอปัญหาเข้าสู่สภา ซึ่ง สส. แต่ละเขตพื้นที่ก็จะต้องกลับไปศึกษาข้อมูลของตนเอง จัดทำบัญชีน้ำ ว่าในแต่ละปี น้ำสำหรับการเกษตรใช้เท่าไร น้ำอุปโภค บริโภค ใช้เท่าไร และ ภาคอุตสาหกรรม ใช้น้ำเท่าไร จากนั้นนำข้อมูลที่ได้เข้าสู่การแก้ไขปัญหาร่วมกัน สิ่งที่ตามมาคือ เกิดผลดีต่อพี่น้องประชาชน ที่จะพ้นจากปัญหาภัยแล้ง - น้ำท่วม อย่างเป็นรูปธรรม"

    "โดยเฉพาะโครงการเชื่อมโยงโครงข่ายระบบน้ำทั้งจังหวัด จัดหาแห่งกักเก็บน้ำกระจายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ หากไม่สามารถสร้างอ่างเก็บน้ำใหม่ได้ เราก็เลือกวิธีพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำเดิมที่มีอยู่ ให้สามารถใช้การได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะปัจจุบัน แหล่งน้ำใหญ่ ๆ อย่าง เขื่อนลำตะคอง เหลือน้ำใช้ 16% , เขื่อนลำพระเพลิง 12% , เขื่อนลำมูลบน 3.7% และ เขื่อนลำแชะ 2.9 % ปีนี้อาจจะยังมีน้ำใช้ แต่ปีหน้าถ้าเราไม่ร่วมมือกันจัดการปัญหาอย่างถูกจุด ก็จะเกิดปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม อีกแน่นอน"

    นายก อบจ. กล่าวต่อไปอีกว่า "ในการประชุมครั้งนี้ ทำให้ทราบว่า กรมชลประทาน มีโครงการที่จะผันน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มายัง เขื่อนลำตะคอง จ.นครราชสีมา ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมสำรวจ ออกแบบ ที่ต้องใช้ระยะเวลาร่วม 3 ปี หากโครงการนี้สำเร็จก็จะเป็นข่าวดีของพี่น้องชาวโคราชด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ต้องฝากเรื่องไปยัง สส.นครราชสีมา ผ่านไปยังสภาฯ ให้ช่วยกันผลักดันเรื่องงบประมาณ ลงมายัง จ.นครราชสีมา เพื่อให้ปัญหาได้รับการแก้ไขอย่างตรงจุด"

    “อบจ.นครราชสีมา พร้อมเป็นหน่วยงานหลักในการประสานการบูรณาการกับทุกภาคส่วน เพื่อพัฒนาจังหวัดให้ก้าวไปข้างหน้าและเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน สำหรับการประชุมหารือในครั้งนี้ เราได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการดำเนินการโครงการแก้ไขปัญหาน้ำแล้ง - น้ำท่วม ว่า การแก้ไขปัญหาทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องหาทางออกร่วมกัน ฝากถึงจังหวัดผลักดันโครงการ “ดิน แลก น้ำ” ถ้าทำอย่างจริงจังจะเกิดผลที่ชัดเจน เพราะการบริหารจัดการน้ำเป็นเรื่องสำคัญ”

    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    อบจ.โคราช แท็คทีม สส.เพื่อไทย “งัดแผน” ถกปัญหาเรื่องน้ำท่วม - น้ำแล้ง สร้างปรากฏการณ์เตรียม “Action Plan” ร่วมจังหวัด และ กรมชลฯ หนุนโปรเจ็คจัดการน้ำเชื่อมโยงโครงข่ายทั้งจังหวัดอย่างยั่งยืน วันนี้ (1 พฤษภาคม 2568) ที่ห้องประชุมท้าวสุรนารี ศาลากลางจังหวัดนครราชสีมา นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา (อบจ.นครราชสีมา) พร้อมด้วย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) นครราชสีมา เข้าหารือร่วมกับ นายสมเกียรติ วิริยะกุลนันท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และ นายสุคนธ์ เต็มยศยิ่ง ผู้อำนวยการโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาลำตะคอง เรื่องการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง ในพื้นที่ จ.นครราชสีมา เพื่อนำไปสู่การแก้ไขปัญหาระยะยาว นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า "ปัญหาน้ำท่วม และ ปัญหาภัยแล้ง ถือเป็นปัญหาสำคัญที่พี่น้องประชาชนต้องเผชิญในทุก ๆ ปี ฉะนั้น อบจ. จึงพร้อมเป็นหน่วยงานหลักที่จะประสานพี่น้องท้องถิ่น ประสานจังหวัด และประสาน สส. จ.นครราชสีมา ไปยังรัฐบาล เพื่อร่วมกันหาแนวทางขับเคลื่อนการบริหารจัดการน้ำ วันนี้ จังหวัดและท้องถิ่น เราจะเดินหน้าไปด้วยกัน อบจ. มีงบประมาณและพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อบูรณาการร่วมกันกับจังหวัดและกรมชลประทาน โดยมี สส. นำเสนอปัญหาเข้าสู่สภา ซึ่ง สส. แต่ละเขตพื้นที่ก็จะต้องกลับไปศึกษาข้อมูลของตนเอง จัดทำบัญชีน้ำ ว่าในแต่ละปี น้ำสำหรับการเกษตรใช้เท่าไร น้ำอุปโภค บริโภค ใช้เท่าไร และ ภาคอุตสาหกรรม ใช้น้ำเท่าไร จากนั้นนำข้อมูลที่ได้เข้าสู่การแก้ไขปัญหาร่วมกัน สิ่งที่ตามมาคือ เกิดผลดีต่อพี่น้องประชาชน ที่จะพ้นจากปัญหาภัยแล้ง - น้ำท่วม อย่างเป็นรูปธรรม" "โดยเฉพาะโครงการเชื่อมโยงโครงข่ายระบบน้ำทั้งจังหวัด จัดหาแห่งกักเก็บน้ำกระจายให้ครอบคลุมทุกพื้นที่ หากไม่สามารถสร้างอ่างเก็บน้ำใหม่ได้ เราก็เลือกวิธีพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำเดิมที่มีอยู่ ให้สามารถใช้การได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะปัจจุบัน แหล่งน้ำใหญ่ ๆ อย่าง เขื่อนลำตะคอง เหลือน้ำใช้ 16% , เขื่อนลำพระเพลิง 12% , เขื่อนลำมูลบน 3.7% และ เขื่อนลำแชะ 2.9 % ปีนี้อาจจะยังมีน้ำใช้ แต่ปีหน้าถ้าเราไม่ร่วมมือกันจัดการปัญหาอย่างถูกจุด ก็จะเกิดปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วม อีกแน่นอน" นายก อบจ. กล่าวต่อไปอีกว่า "ในการประชุมครั้งนี้ ทำให้ทราบว่า กรมชลประทาน มีโครงการที่จะผันน้ำจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี มายัง เขื่อนลำตะคอง จ.นครราชสีมา ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมสำรวจ ออกแบบ ที่ต้องใช้ระยะเวลาร่วม 3 ปี หากโครงการนี้สำเร็จก็จะเป็นข่าวดีของพี่น้องชาวโคราชด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม ต้องฝากเรื่องไปยัง สส.นครราชสีมา ผ่านไปยังสภาฯ ให้ช่วยกันผลักดันเรื่องงบประมาณ ลงมายัง จ.นครราชสีมา เพื่อให้ปัญหาได้รับการแก้ไขอย่างตรงจุด" “อบจ.นครราชสีมา พร้อมเป็นหน่วยงานหลักในการประสานการบูรณาการกับทุกภาคส่วน เพื่อพัฒนาจังหวัดให้ก้าวไปข้างหน้าและเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน สำหรับการประชุมหารือในครั้งนี้ เราได้ข้อสรุปเกี่ยวกับการดำเนินการโครงการแก้ไขปัญหาน้ำแล้ง - น้ำท่วม ว่า การแก้ไขปัญหาทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องต้องหาทางออกร่วมกัน ฝากถึงจังหวัดผลักดันโครงการ “ดิน แลก น้ำ” ถ้าทำอย่างจริงจังจะเกิดผลที่ชัดเจน เพราะการบริหารจัดการน้ำเป็นเรื่องสำคัญ” #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 305 มุมมอง 0 รีวิว
  • #โคราช ปล่อยขบวนรณรงค์เลือกตั้งนายกฯและ สท. พร้อมไอเดียสุดเก๋สวมเสื้อลายดอกสร้างความสดใสและแสดงออกไม่ฝักไฝ่สีเสื้อใด

    วันที่ 30 เมษายน 2568 ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) นายวิจิต กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานการปล่อยแถวรณรงค์ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมาและสมาชิกสภาเทศบาลนครนครราชสีมา ที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ ซึ่งจัดโดยเทศบาลนครนครราชสีมาร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมา โดยมีเจ้าหน้าที่ของเทศบาลนครฯ ,ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมการเดินรณรงค์ในครั้งนี้

    สำหรับธีมในการรณรงค์การออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมาและสมาชิกสภาเทศบาลนครนครราชสีมา ในครั้งนี้ทางเทศบาลได้มีการจัดขบวนรถรณรงค์ให้เหมือนกับรถแห่ในงานเทศกาลโดยใช้นักเรียนจากโรงเรียนในสังกัดเทศบาลฯ มาเล่นดนตรีพร้อมกับการแต่งกายแบบย้อนยุคสีสันสดใส นอกจากนี้ยังให้ผู้ร่วมกิจกรรมรณรงค์นั้นสวมเสื้อลายดอกเพื่อแสดงออกให้เห็นถึงความเป็นกลางไม่ฝักใฝ่สีเสื้อใด และยังเป็นการสร้างความคึกคัก สนุกสนาน สดใสให้กับการเลือกตั้งในครั้งนี้อีกด้วย
    #โคราช ปล่อยขบวนรณรงค์เลือกตั้งนายกฯและ สท. พร้อมไอเดียสุดเก๋สวมเสื้อลายดอกสร้างความสดใสและแสดงออกไม่ฝักไฝ่สีเสื้อใด วันที่ 30 เมษายน 2568 ที่บริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ย่าโม) นายวิจิต กิจวิรัตน์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานการปล่อยแถวรณรงค์ให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมาและสมาชิกสภาเทศบาลนครนครราชสีมา ที่จะมีขึ้นในวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ ซึ่งจัดโดยเทศบาลนครนครราชสีมาร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดนครราชสีมา โดยมีเจ้าหน้าที่ของเทศบาลนครฯ ,ประชาชนทั่วไปเข้าร่วมการเดินรณรงค์ในครั้งนี้ สำหรับธีมในการรณรงค์การออกไปใช้สิทธิ์เลือกตั้งนายกเทศมนตรีนครนครราชสีมาและสมาชิกสภาเทศบาลนครนครราชสีมา ในครั้งนี้ทางเทศบาลได้มีการจัดขบวนรถรณรงค์ให้เหมือนกับรถแห่ในงานเทศกาลโดยใช้นักเรียนจากโรงเรียนในสังกัดเทศบาลฯ มาเล่นดนตรีพร้อมกับการแต่งกายแบบย้อนยุคสีสันสดใส นอกจากนี้ยังให้ผู้ร่วมกิจกรรมรณรงค์นั้นสวมเสื้อลายดอกเพื่อแสดงออกให้เห็นถึงความเป็นกลางไม่ฝักใฝ่สีเสื้อใด และยังเป็นการสร้างความคึกคัก สนุกสนาน สดใสให้กับการเลือกตั้งในครั้งนี้อีกด้วย
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 129 มุมมอง 0 รีวิว
  • พรรคสังคมประชาธิปไตยไทยและสมัชชาเกษตรกรรายย่อย โคราช ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 หยุดหายนะประเทศ ! หยุดกาสิโน ! หยุดพนันออนไลน์!สมัชชาเกษตรกรรายย่อย รวมพลังคัดค้าน พ.ร.บ. บ่อนพนันถูกกฎหมาย

    วันนี้ (9 เมษายน 2568) เวลา 08.30 น. พรรคสังคมประชาธิปไตยไทยและสมัชชาเกษตรกรรายย่อย โคราช ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 หยุดหายนะประเทศ ! หยุดกาสิโน ! หยุดพนันออนไลน์!สมัชชาเกษตรกรรายย่อย รวมพลังคัดค้าน พ.ร.บ. บ่อนพนันถูกกฎหมาย ณ ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา
    .
    สมัชชาเกษตรกรรายย่อย ซึ่งเป็นองค์กรเกษตรกร ที่มีสมาชิกกระจายอยู่ในทุกภูมิภาค ขอแสดงจุดยืนใน การคัดค้านการที่รัฐบาลเสนอร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เข้าสู่การพิจารณาของ สภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากภายในร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว เป็นการเปิดทางให้มีการเปิดบ่อนการพนันหรือ กาสิโนอย่างถูกกฎหมาย โดยอ้างเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ หารายได้ให้ประเทศ

    นายนคร ศรีวิพัฒน์ เลขาธิการ สมัชชาเกษตรกรรายย่อย กล่าวว่า "สิ่งที่รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องกำลังรีบเร่งดำเนินการ ดูเป็นการกระทำแบบลุกลี้ลุกลน ละเลยการ เปิดรับฟังความเห็นของประชาชนอย่างรอบด้านและจริงจัง อีกทั้งไม่มีการศึกษาผลกระทบที่อาจเกิดต่อ สังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นด้านการก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรม การล่มสลายของครอบครัวที่มีผู้ติดการพนัน การละเมิดศีลธรรม ฯลฯ รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะเกิดต่อประชาชนและสังคม ว่าจะเกิดขึ้นจริง อย่างที่รัฐบาลอ้างหรือไม่ เพียงใด"

    สมัชชาเกษตรกรรายย่อย จึงขอประกาศว่า "จะต่อสู้อย่างถึงที่สุดให้รัฐบาลยุติการผลักดันให้เกิด บ่อนพนันถูกกฎหมาย มิใช่เพียงแค่การเลื่อนการนำเสนอร่างนี้ให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา อย่างที่นายกรัฐมนตรีเพิ่งประกาศไปเมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา"

    "สมัชชาเกษตรกรรายย่อย ขอเชิญชวนให้พี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ เข้าร่วมกับมวลมิตรใน สังคมไทย คัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้อย่างถึงที่สุด"

    พร้อมกันนี้ พรรคสังคมประชาธิปไตยไทย ได้แถลงการณ์ว่า "ตามที่พรรคได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 1 เพื่อแสดงจุดยืนคัดค้านร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจ สถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. กฎหมายมีเรื่องบ่อนการพนัน หรือ การให้มีกาสิโนอยู่ด้วย รวมทั้งการคัดค้านแก้กฎเกณฑ์เพื่อให้การพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย ประกอบกับกระแสเสียงของ สังคมทั้งภาควิชาการ สถาบันการศึกษา องค์การของขบวนการสหภาพแรงงาน องค์การนักศึกษา สื่อสาร องค์การศาสนาทุกศาสนาต่างแสดงจุดยืนคัดค้านกันทั่วประเทศ แต่รัฐบาลก็ไม่ใส่ใจต่อเสียง คัดค้านจากภาคส่วนต่าง ๆ อ้างเพียงร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นแล้วประมาณ 80,000 คน แสดงความคิดเห็นและมีคนเห็นด้วยประมาณ 57,000 คน คิดเป็นร้อยละ 80 ของผู้แสดง ความคิดเห็น ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบจากการลงลายมือชื่อของประชาชนผ่านองค์กรต่าง ๆ ของภาคประชาชน ที่มีหลายแสนรายชื่อและเสียงคัดค้านมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างมากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ แม้กระทั่ง แต่รัฐบาลยังยืนกรานเดินหน้าผลักดันร่างกฎหมายอัปยศนี้โดยผ่านมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 และเร่งบรรจุร่างเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 3 เมษายน 2568 แต่เมื่อฝ่ายประชาชนทราบเรื่องต่างก็ ทําแดงพลังด้วยการร่วมกันคัดค้านที่หน้ารัฐสภา จนต้องเลื่อนพิจารณาออกไปเป็นวันที่ 4 เมษายน 2568 ทวนกระแสคัดค้านของสังคมอย่างน่าละอาย ไม่สนใจแม้กระทั่งการเกิดเหตุแผ่นดินไหว ตึกถล่ม (เหตุเกิดวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๘ มีคนจำนวนมากกล่าว ว่าเป็นอาเพศของแผ่นดิน) มีผู้เสียชีวิตบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ถือเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่สุดของประเทศ

    พรรคสังคมประชาธิปไตยไทย (ส.ป.ก.) จึงขอตอกย้ำถึงจุดยืนที่จะคัดค้าน ร่างกฎหมายการ คนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ที่มีเรื่องบ่อนการพนันกาสิโนที่ซุกซ่อนอยู่ในกฎหมายและ คัดค้านการทำพนันออนไลน์ให้ถูกกฎหมาย ซึ่งการออกกฎหมายดังกล่าวรัฐบาลมิได้ดำเนินการให้ประชาชน มีส่วนร่วมตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 และพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลก็ไม่เคยแสดง นโยบายต่อประชาชนช่วงหาเสียงเลือกตั้ง และนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภาแต่อย่างใด การ ดำเนินการอย่างเร่งรีบของกฎหมายฉบับนี้จึงไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และ หลักการที่ถูกต้องในระบอบ ประชาธิปไตย และยังขัดกับจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ.2564 และยังขัดต่อหลักการสำคัญของ ศาสนาพุทธ และทุกศาสนา ที่สำคัญศาสนาพุทธบัญญัติว่า “การพนันคือหนทางการนำมาซึ่งการเสื่อมเสีย ความวิบัติต่อมนุษยชาติ” โดยหลักที่ถูกต้องในสถานการเช่นนี้รัฐบาลควรปราบปราบการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งถือเป็นภัยร้ายแรงของชาติ แก้ปัญหาความเลื่อมล้ำ เร่งศึกษาหาทางแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศที่ เกิดขึ้นจากการขึ้นภาษีของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์เป็นสำคัญ พรรคประจำจังหวัดและสมาชิกพรรค ได้ช่วยกันรณรงค์ต่อต้าน คัดค้าน ร่าง ด้วยเหตุนี้

    จึงขอให้สาขาพรรค ตัวแทน พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ........ เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศแสดงพลังหยุดกาสิโน หยุดการพนันออนไลน์ หยุดหายนะประเทศ ที่เป็นพิษภัยร้ายแรงของชาติ ที่จะกระทบต่อลูกหลานไทย ในอนาคตให้กว้างขวางที่สุด
    พรรคสังคมประชาธิปไตยไทยและสมัชชาเกษตรกรรายย่อย โคราช ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 หยุดหายนะประเทศ ! หยุดกาสิโน ! หยุดพนันออนไลน์!สมัชชาเกษตรกรรายย่อย รวมพลังคัดค้าน พ.ร.บ. บ่อนพนันถูกกฎหมาย วันนี้ (9 เมษายน 2568) เวลา 08.30 น. พรรคสังคมประชาธิปไตยไทยและสมัชชาเกษตรกรรายย่อย โคราช ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 2 หยุดหายนะประเทศ ! หยุดกาสิโน ! หยุดพนันออนไลน์!สมัชชาเกษตรกรรายย่อย รวมพลังคัดค้าน พ.ร.บ. บ่อนพนันถูกกฎหมาย ณ ลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี อ.เมือง จ.นครราชสีมา . สมัชชาเกษตรกรรายย่อย ซึ่งเป็นองค์กรเกษตรกร ที่มีสมาชิกกระจายอยู่ในทุกภูมิภาค ขอแสดงจุดยืนใน การคัดค้านการที่รัฐบาลเสนอร่าง พ.ร.บ. การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร เข้าสู่การพิจารณาของ สภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากภายในร่าง พ.ร.บ. ดังกล่าว เป็นการเปิดทางให้มีการเปิดบ่อนการพนันหรือ กาสิโนอย่างถูกกฎหมาย โดยอ้างเรื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจ หารายได้ให้ประเทศ นายนคร ศรีวิพัฒน์ เลขาธิการ สมัชชาเกษตรกรรายย่อย กล่าวว่า "สิ่งที่รัฐบาลและผู้เกี่ยวข้องกำลังรีบเร่งดำเนินการ ดูเป็นการกระทำแบบลุกลี้ลุกลน ละเลยการ เปิดรับฟังความเห็นของประชาชนอย่างรอบด้านและจริงจัง อีกทั้งไม่มีการศึกษาผลกระทบที่อาจเกิดต่อ สังคมไทย ไม่ว่าจะเป็นด้านการก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรม การล่มสลายของครอบครัวที่มีผู้ติดการพนัน การละเมิดศีลธรรม ฯลฯ รวมถึงการเติบโตทางเศรษฐกิจที่จะเกิดต่อประชาชนและสังคม ว่าจะเกิดขึ้นจริง อย่างที่รัฐบาลอ้างหรือไม่ เพียงใด" สมัชชาเกษตรกรรายย่อย จึงขอประกาศว่า "จะต่อสู้อย่างถึงที่สุดให้รัฐบาลยุติการผลักดันให้เกิด บ่อนพนันถูกกฎหมาย มิใช่เพียงแค่การเลื่อนการนำเสนอร่างนี้ให้ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา อย่างที่นายกรัฐมนตรีเพิ่งประกาศไปเมื่อวันที่ 8 เมษายน ที่ผ่านมา" "สมัชชาเกษตรกรรายย่อย ขอเชิญชวนให้พี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ เข้าร่วมกับมวลมิตรใน สังคมไทย คัดค้านร่างกฎหมายฉบับนี้อย่างถึงที่สุด" พร้อมกันนี้ พรรคสังคมประชาธิปไตยไทย ได้แถลงการณ์ว่า "ตามที่พรรคได้ออกแถลงการณ์ ฉบับที่ 1 เพื่อแสดงจุดยืนคัดค้านร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจ สถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. กฎหมายมีเรื่องบ่อนการพนัน หรือ การให้มีกาสิโนอยู่ด้วย รวมทั้งการคัดค้านแก้กฎเกณฑ์เพื่อให้การพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย ประกอบกับกระแสเสียงของ สังคมทั้งภาควิชาการ สถาบันการศึกษา องค์การของขบวนการสหภาพแรงงาน องค์การนักศึกษา สื่อสาร องค์การศาสนาทุกศาสนาต่างแสดงจุดยืนคัดค้านกันทั่วประเทศ แต่รัฐบาลก็ไม่ใส่ใจต่อเสียง คัดค้านจากภาคส่วนต่าง ๆ อ้างเพียงร่างกฎหมายฉบับดังกล่าวได้ผ่านการรับฟังความคิดเห็นแล้วประมาณ 80,000 คน แสดงความคิดเห็นและมีคนเห็นด้วยประมาณ 57,000 คน คิดเป็นร้อยละ 80 ของผู้แสดง ความคิดเห็น ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบจากการลงลายมือชื่อของประชาชนผ่านองค์กรต่าง ๆ ของภาคประชาชน ที่มีหลายแสนรายชื่อและเสียงคัดค้านมีจำนวนเพิ่มมากขึ้นอย่างมากทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ แม้กระทั่ง แต่รัฐบาลยังยืนกรานเดินหน้าผลักดันร่างกฎหมายอัปยศนี้โดยผ่านมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2568 และเร่งบรรจุร่างเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในวันที่ 3 เมษายน 2568 แต่เมื่อฝ่ายประชาชนทราบเรื่องต่างก็ ทําแดงพลังด้วยการร่วมกันคัดค้านที่หน้ารัฐสภา จนต้องเลื่อนพิจารณาออกไปเป็นวันที่ 4 เมษายน 2568 ทวนกระแสคัดค้านของสังคมอย่างน่าละอาย ไม่สนใจแม้กระทั่งการเกิดเหตุแผ่นดินไหว ตึกถล่ม (เหตุเกิดวันที่ ๒๘ มีนาคม ๒๕๖๘ มีคนจำนวนมากกล่าว ว่าเป็นอาเพศของแผ่นดิน) มีผู้เสียชีวิตบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก ถือเป็นภัยพิบัติร้ายแรงที่สุดของประเทศ พรรคสังคมประชาธิปไตยไทย (ส.ป.ก.) จึงขอตอกย้ำถึงจุดยืนที่จะคัดค้าน ร่างกฎหมายการ คนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. .... ที่มีเรื่องบ่อนการพนันกาสิโนที่ซุกซ่อนอยู่ในกฎหมายและ คัดค้านการทำพนันออนไลน์ให้ถูกกฎหมาย ซึ่งการออกกฎหมายดังกล่าวรัฐบาลมิได้ดำเนินการให้ประชาชน มีส่วนร่วมตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2560 และพรรคการเมืองร่วมรัฐบาลก็ไม่เคยแสดง นโยบายต่อประชาชนช่วงหาเสียงเลือกตั้ง และนโยบายของรัฐบาลที่ได้แถลงต่อรัฐสภาแต่อย่างใด การ ดำเนินการอย่างเร่งรีบของกฎหมายฉบับนี้จึงไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ และ หลักการที่ถูกต้องในระบอบ ประชาธิปไตย และยังขัดกับจริยธรรมของข้าราชการการเมือง พ.ศ.2564 และยังขัดต่อหลักการสำคัญของ ศาสนาพุทธ และทุกศาสนา ที่สำคัญศาสนาพุทธบัญญัติว่า “การพนันคือหนทางการนำมาซึ่งการเสื่อมเสีย ความวิบัติต่อมนุษยชาติ” โดยหลักที่ถูกต้องในสถานการเช่นนี้รัฐบาลควรปราบปราบการทุจริตคอร์รัปชัน ซึ่งถือเป็นภัยร้ายแรงของชาติ แก้ปัญหาความเลื่อมล้ำ เร่งศึกษาหาทางแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจของประเทศที่ เกิดขึ้นจากการขึ้นภาษีของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาและปัญหาทางภูมิรัฐศาสตร์เป็นสำคัญ พรรคประจำจังหวัดและสมาชิกพรรค ได้ช่วยกันรณรงค์ต่อต้าน คัดค้าน ร่าง ด้วยเหตุนี้ จึงขอให้สาขาพรรค ตัวแทน พ.ร.บ.ประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ........ เพื่อให้ประชาชนทั่วประเทศแสดงพลังหยุดกาสิโน หยุดการพนันออนไลน์ หยุดหายนะประเทศ ที่เป็นพิษภัยร้ายแรงของชาติ ที่จะกระทบต่อลูกหลานไทย ในอนาคตให้กว้างขวางที่สุด
    Like
    1
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 679 มุมมอง 0 รีวิว
  • 199 ปี ทัพลาวพ่าย ถอยร่นจากโคราช ย่าโมตั้งการ์ดสู้ เจ้าอนุวงศ์เผ่นกระเจิง

    ย้อนรอยศึกสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ไทย-ลาว กับเรื่องราววีรกรรมของท้าวสุรนารี และบทสรุปของการปะทะ ที่ยังคงถกเถียงถึงทุกวันนี้ ⚔️

    📝 ย้อนไปเมื่อ 199 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 เหตุการณ์ "สงครามปราบเจ้าอนุวงศ์" หรือที่รู้จักกันว่า "วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์" นำโดย "ท้าวสุรนารี" หรือ "คุณหญิงโม" วีรสตรีแห่งเมืองโคราช ที่ถูกยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการเสียสละของหญิงไทย ในการปกป้องบ้านเมืองจากการรุกรานของกองทัพเวียงจันทน์ ภายใต้การนำของเจ้าอนุวงศ์ พระมหากษัตริย์นครเวียงจันทน์องค์สุดท้าย

    📜 แต่เบื้องหลังเรื่องเล่าแห่งวีรกรรมครั้งนี้ ยังมีหลายแง่มุมที่ซับซ้อน ทั้งในมิติประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการเมือง ทั้งในสายตาของไทยและลาว

    🌾 บริบททางประวัติศาสตร์ ชนวนเหตุความขัดแย้ง สถานการณ์บ้านเมืองก่อนสงคราม ช่วงปลายรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ราชอาณาจักรสยาม กำลังเผชิญปัญหาภายในหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความไม่สงบ ในหัวเมืองทางเหนือและอีสาน รวมถึงภัยคุกคามจากจักรวรรดิอังกฤษ ที่กำลังแผ่อิทธิพลเข้ามา ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

    ในปี พ.ศ. 2367 รัชกาลที่ 2 สวรรคต กองทัพและระบบการปกครองสยาม กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจ ไปสู่รัชสมัยของรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์อันดี ในฐานะประเทศราช กลับรู้สึกไม่พอใจ ที่คำขอส่งตัวชาวลาวและเชลยศึก ที่ถูกกวาดต้อนในอดีตไม่เป็นผล จึงมองเห็นโอกาส ในการกอบกู้เอกราชของนครเวียงจันทน์

    เป้าหมายของเจ้าอนุวงศ์ มีพระราชปณิธานแน่วแน่ ที่จะปลดปล่อยนครเวียงจันทน์ จากการเป็นประเทศราชของสยาม โดยเชื่อว่าช่วงเปลี่ยนผ่านรัชสมัยนี้ สยามจะอ่อนแอลง นำมาสู่แผนการยกทัพมาตีเมืองนครราชสีมา และกรุงเทพมหานครในที่สุด 🚩

    ⚔️ ศึกทุ่งสัมฤทธิ์ บทบาทของท้าวสุรนารี กองทัพลาวยึดเมืองนครราชสีมา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์ยกทัพเข้ายึดเมืองนครราชสีมาโดยง่าย เนื่องจากพระยาปลัดทองคำ ผู้รักษาเมืองไม่อยู่ ชาวเมืองถูกกวาดต้อนเป็นเชลย รวมถึงคุณหญิงโม และราชบริพาร ถูกนำไปยังเวียงจันทน์ ผ่านเส้นทางเมืองพิมาย

    แผนปลดแอกของคุณหญิงโม วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2369 ระหว่างการเดินทาง คุณหญิงโมร่วมมือกับนางสาวบุญเหลือ และชาวบ้านคิดแผนปลดแอก โดยหลอกล่อให้ทหารลาวประมาท จนในคืนวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2369 ที่ทุ่งสัมฤทธิ์ แขวงพิมาย ชาวนครราชสีมาร่วมกันลุกฮือยึดอาวุธ ทำให้กองทัพลาวแตกพ่าย

    🔥 จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้น เมื่อนางสาวบุญเหลือ จุดไฟเผากองเกวียนที่บรรทุกดินปืน ส่งผลให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่ ทำให้เพี้ยรามพิชัยและทหารลาว เสียชีวิตจำนวนมาก สถานที่นี้จึงถูกเรียกว่า "หนองหัวลาว" จวบจนปัจจุบัน

    🏹 เจ้าอนุวงศ์ถอยทัพ ผลกระทบในระดับภูมิภาค การถอยร่นของเจ้าอนุวงศ์ เมื่อกองทัพจากกรุงเทพฯ นำโดย กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ เดินทัพถึงนครราชสีมา เจ้าอนุวงศ์จึงตัดสินใจ ถอนกำลังกลับนครเวียงจันทน์ ในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 เพราะเกรงว่าศึกนี้จะยืดเยื้อ จนไม่สามารถรับมือกับกองทัพสยาม ที่กำลังมุ่งหน้ามา

    ผลลัพธ์ของสงคราม ภายหลังการถอยทัพ เจ้าอนุวงศ์และราชวงศ์เวียงจันทน์ ไม่สามารถตั้งตัวรับมือศึกได้ กองทัพสยามตีเวียงจันทน์แตก และอัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญ อาทิ พระบาง, พระแซกคำ, พระสุก, พระใส มายังกรุงเทพฯ 🏯

    นครเวียงจันทน์สิ้นสุดความเป็นอิสระ และถูกลดฐานะ เป็นหัวเมืองประเทศราชของสยาม

    🌸 ยกย่องวีรกรรมของท้าวสุรนารี ท้าวสุรนารีได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้คุณหญิงโมเป็นท้าวสุรนารี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2370 พร้อมพระราชทานเครื่องยศทองคำ 👑 ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรสตรีปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน

    สร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ในปี พ.ศ. 2477 ชาวนครราชสีมาได้ร่วมใจกันสร้าง อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ที่ประตูชุมพล พร้อมนำอัฐิประดิษฐาน ที่ฐานอนุสาวรีย์ อนุสาวรีย์นี้กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจ ของคนโคราชจนถึงปัจจุบัน

    📚 ประเด็นข้อถกเถียงทางประวัติศาสตร์ มุมมองของนักประวัติศาสตร์ แม้ตำนานท้าวสุรนารี จะเป็นที่ยอมรับในไทย แต่เอกสารลาว กลับไม่มีบันทึกเรื่องทุ่งสัมฤทธิ์ หรือการกระทำของท้าวสุรนารี กับนางสาวบุญเหลือ ก่อนปี พ.ศ. 2475 นักวิชาการบางคนตั้งข้อสงสัยว่า วีรกรรมนี้อาจเกิดขึ้นจริง แต่ถูกขยายความ เพื่อประโยชน์ทางการเมืองในภายหลัง

    วีรกรรมหรือภาพสร้าง? หนังสือการเมืองในอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี โดย "สายพิน แก้วงามประเสริฐ" ได้ตั้งคำถาม ต่อบทบาทของท้าวสุรนารี ว่าถูกนำมาใช้เพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์ชาติ และการเมืองในยุคสมัยหนึ่ง 🎭

    แต่ไม่ว่าอย่างไร ท้าวสุรนารีก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการเสียสละ

    🔮 เจ้าอนุวงศ์ในสายตาประวัติศาสตร์ลาว ในสายตาชาวลาว "เจ้าอนุวงศ์" ถือเป็นมหาวีรกษัตริย์ ผู้พยายามกอบกู้เอกราชจากสยาม แม้จะพ่ายแพ้ แต่พระองค์ยังได้รับการยกย่อง ในฐานะนักสู้เพื่อเสรีภาพของลาว 🇱🇦

    ทว่าการมองต่างมุมของทั้งสองฝ่าย แสดงถึงความซับซ้อนของประวัติศาสตร์ ที่ถูกเล่าและจดจำแตกต่างกัน

    🏛️ เหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2369 ไม่ใช่เพียงแค่สงครามแย่งชิงอำนาจ แต่สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ของภูมิภาคอีสานและลุ่มแม่น้ำโขง ประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนนี้สอนให้เราเข้าใจว่า "ผู้ชนะ" ไม่ได้เป็นเพียงคนที่รอด แต่เป็นผู้ที่เขียนเรื่องเล่า ในประวัติศาสตร์ด้วย

    ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231634 มี.ค. 2568

    📱 #ท้าวสุรนารี #ย่าโมโคราช #วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์ #ประวัติศาสตร์ไทย #เจ้าอนุวงศ์ #สงครามไทยลาว #โคราชต้องรู้ #อนุสาวรีย์ย่าโม #เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ #199ปีทุ่งสัมฤทธิ์
    199 ปี ทัพลาวพ่าย ถอยร่นจากโคราช ย่าโมตั้งการ์ดสู้ เจ้าอนุวงศ์เผ่นกระเจิง ย้อนรอยศึกสำคัญแห่งประวัติศาสตร์ไทย-ลาว กับเรื่องราววีรกรรมของท้าวสุรนารี และบทสรุปของการปะทะ ที่ยังคงถกเถียงถึงทุกวันนี้ ⚔️ 📝 ย้อนไปเมื่อ 199 ปี ที่ผ่านมา วันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 เหตุการณ์ "สงครามปราบเจ้าอนุวงศ์" หรือที่รู้จักกันว่า "วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์" นำโดย "ท้าวสุรนารี" หรือ "คุณหญิงโม" วีรสตรีแห่งเมืองโคราช ที่ถูกยกย่องให้เป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการเสียสละของหญิงไทย ในการปกป้องบ้านเมืองจากการรุกรานของกองทัพเวียงจันทน์ ภายใต้การนำของเจ้าอนุวงศ์ พระมหากษัตริย์นครเวียงจันทน์องค์สุดท้าย 📜 แต่เบื้องหลังเรื่องเล่าแห่งวีรกรรมครั้งนี้ ยังมีหลายแง่มุมที่ซับซ้อน ทั้งในมิติประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และการเมือง ทั้งในสายตาของไทยและลาว 🌾 บริบททางประวัติศาสตร์ ชนวนเหตุความขัดแย้ง สถานการณ์บ้านเมืองก่อนสงคราม ช่วงปลายรัชสมัย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ราชอาณาจักรสยาม กำลังเผชิญปัญหาภายในหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นความไม่สงบ ในหัวเมืองทางเหนือและอีสาน รวมถึงภัยคุกคามจากจักรวรรดิอังกฤษ ที่กำลังแผ่อิทธิพลเข้ามา ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี พ.ศ. 2367 รัชกาลที่ 2 สวรรคต กองทัพและระบบการปกครองสยาม กำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านอำนาจ ไปสู่รัชสมัยของรัชกาลที่ 3 เจ้าอนุวงศ์ ซึ่งเคยมีความสัมพันธ์อันดี ในฐานะประเทศราช กลับรู้สึกไม่พอใจ ที่คำขอส่งตัวชาวลาวและเชลยศึก ที่ถูกกวาดต้อนในอดีตไม่เป็นผล จึงมองเห็นโอกาส ในการกอบกู้เอกราชของนครเวียงจันทน์ เป้าหมายของเจ้าอนุวงศ์ มีพระราชปณิธานแน่วแน่ ที่จะปลดปล่อยนครเวียงจันทน์ จากการเป็นประเทศราชของสยาม โดยเชื่อว่าช่วงเปลี่ยนผ่านรัชสมัยนี้ สยามจะอ่อนแอลง นำมาสู่แผนการยกทัพมาตีเมืองนครราชสีมา และกรุงเทพมหานครในที่สุด 🚩 ⚔️ ศึกทุ่งสัมฤทธิ์ บทบาทของท้าวสุรนารี กองทัพลาวยึดเมืองนครราชสีมา วันที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์ยกทัพเข้ายึดเมืองนครราชสีมาโดยง่าย เนื่องจากพระยาปลัดทองคำ ผู้รักษาเมืองไม่อยู่ ชาวเมืองถูกกวาดต้อนเป็นเชลย รวมถึงคุณหญิงโม และราชบริพาร ถูกนำไปยังเวียงจันทน์ ผ่านเส้นทางเมืองพิมาย แผนปลดแอกของคุณหญิงโม วันที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2369 ระหว่างการเดินทาง คุณหญิงโมร่วมมือกับนางสาวบุญเหลือ และชาวบ้านคิดแผนปลดแอก โดยหลอกล่อให้ทหารลาวประมาท จนในคืนวันที่ 4 มีนาคม พ.ศ. 2369 ที่ทุ่งสัมฤทธิ์ แขวงพิมาย ชาวนครราชสีมาร่วมกันลุกฮือยึดอาวุธ ทำให้กองทัพลาวแตกพ่าย 🔥 จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้น เมื่อนางสาวบุญเหลือ จุดไฟเผากองเกวียนที่บรรทุกดินปืน ส่งผลให้เกิดระเบิดครั้งใหญ่ ทำให้เพี้ยรามพิชัยและทหารลาว เสียชีวิตจำนวนมาก สถานที่นี้จึงถูกเรียกว่า "หนองหัวลาว" จวบจนปัจจุบัน 🏹 เจ้าอนุวงศ์ถอยทัพ ผลกระทบในระดับภูมิภาค การถอยร่นของเจ้าอนุวงศ์ เมื่อกองทัพจากกรุงเทพฯ นำโดย กรมพระราชวังบวรมหาศักดิพลเสพย์ เดินทัพถึงนครราชสีมา เจ้าอนุวงศ์จึงตัดสินใจ ถอนกำลังกลับนครเวียงจันทน์ ในวันที่ 23 มีนาคม พ.ศ. 2369 เพราะเกรงว่าศึกนี้จะยืดเยื้อ จนไม่สามารถรับมือกับกองทัพสยาม ที่กำลังมุ่งหน้ามา ผลลัพธ์ของสงคราม ภายหลังการถอยทัพ เจ้าอนุวงศ์และราชวงศ์เวียงจันทน์ ไม่สามารถตั้งตัวรับมือศึกได้ กองทัพสยามตีเวียงจันทน์แตก และอัญเชิญพระพุทธรูปสำคัญ อาทิ พระบาง, พระแซกคำ, พระสุก, พระใส มายังกรุงเทพฯ 🏯 นครเวียงจันทน์สิ้นสุดความเป็นอิสระ และถูกลดฐานะ เป็นหัวเมืองประเทศราชของสยาม 🌸 ยกย่องวีรกรรมของท้าวสุรนารี ท้าวสุรนารีได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์ พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงโปรดเกล้าฯ ให้คุณหญิงโมเป็นท้าวสุรนารี เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2370 พร้อมพระราชทานเครื่องยศทองคำ 👑 ได้รับการยกย่องให้เป็นวีรสตรีปกป้องชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน สร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ในปี พ.ศ. 2477 ชาวนครราชสีมาได้ร่วมใจกันสร้าง อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี ที่ประตูชุมพล พร้อมนำอัฐิประดิษฐาน ที่ฐานอนุสาวรีย์ อนุสาวรีย์นี้กลายเป็นศูนย์รวมจิตใจ ของคนโคราชจนถึงปัจจุบัน 📚 ประเด็นข้อถกเถียงทางประวัติศาสตร์ มุมมองของนักประวัติศาสตร์ แม้ตำนานท้าวสุรนารี จะเป็นที่ยอมรับในไทย แต่เอกสารลาว กลับไม่มีบันทึกเรื่องทุ่งสัมฤทธิ์ หรือการกระทำของท้าวสุรนารี กับนางสาวบุญเหลือ ก่อนปี พ.ศ. 2475 นักวิชาการบางคนตั้งข้อสงสัยว่า วีรกรรมนี้อาจเกิดขึ้นจริง แต่ถูกขยายความ เพื่อประโยชน์ทางการเมืองในภายหลัง วีรกรรมหรือภาพสร้าง? หนังสือการเมืองในอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี โดย "สายพิน แก้วงามประเสริฐ" ได้ตั้งคำถาม ต่อบทบาทของท้าวสุรนารี ว่าถูกนำมาใช้เพื่อส่งเสริมอัตลักษณ์ชาติ และการเมืองในยุคสมัยหนึ่ง 🎭 แต่ไม่ว่าอย่างไร ท้าวสุรนารีก็ยังคงเป็นสัญลักษณ์ของความกล้าหาญ และการเสียสละ 🔮 เจ้าอนุวงศ์ในสายตาประวัติศาสตร์ลาว ในสายตาชาวลาว "เจ้าอนุวงศ์" ถือเป็นมหาวีรกษัตริย์ ผู้พยายามกอบกู้เอกราชจากสยาม แม้จะพ่ายแพ้ แต่พระองค์ยังได้รับการยกย่อง ในฐานะนักสู้เพื่อเสรีภาพของลาว 🇱🇦 ทว่าการมองต่างมุมของทั้งสองฝ่าย แสดงถึงความซับซ้อนของประวัติศาสตร์ ที่ถูกเล่าและจดจำแตกต่างกัน 🏛️ เหตุการณ์ในปี พ.ศ. 2369 ไม่ใช่เพียงแค่สงครามแย่งชิงอำนาจ แต่สะท้อนถึงความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ของภูมิภาคอีสานและลุ่มแม่น้ำโขง ประวัติศาสตร์ที่ซับซ้อนนี้สอนให้เราเข้าใจว่า "ผู้ชนะ" ไม่ได้เป็นเพียงคนที่รอด แต่เป็นผู้ที่เขียนเรื่องเล่า ในประวัติศาสตร์ด้วย ป้อม-อัครวัฒน์ ธนันฐ์กิตติกุล 231634 มี.ค. 2568 📱 #ท้าวสุรนารี #ย่าโมโคราช #วีรกรรมทุ่งสัมฤทธิ์ #ประวัติศาสตร์ไทย #เจ้าอนุวงศ์ #สงครามไทยลาว #โคราชต้องรู้ #อนุสาวรีย์ย่าโม #เล่าเรื่องประวัติศาสตร์ #199ปีทุ่งสัมฤทธิ์
    0 ความคิดเห็น 0 การแบ่งปัน 1026 มุมมอง 0 รีวิว
  • “พีเอ็ม วิลล่า” โคราช ฟื้นซูเปอร์ฯ สู้ทุนยักษ์

    วิกฤตเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากโควิด-19 และสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบไม่เว้นแม้แต่กลุ่มทุนท้องถิ่น เฉกเช่น กลุ่มคลังพลาซ่า ของตระกูลมานะศิลป์ ที่ปิดกิจการห้างสรรพสินค้าในจังหวัดนครราชสีมา ไล่ตั้งแต่คลังพลาซ่า จอมสุรางค์ (คลังใหม่) คลังวิลล่า สุรนารายน์ (คลังสาม) ส่วนคลังพลาซ่า อัษฎางค์ (คลังเก่า) ปรับพื้นที่เหลือแผนกดีพาร์ตเมนต์สโตร์

    แต่ก็มีความเปลี่ยนแปลงที่คลังวิลล่า สุรนารายน์ (คลังสาม) ซึ่งปิดตัวลงไปเมื่อปี 2565 เมื่อมีผู้เช่ารายใหม่ในนาม "พีเอ็ม วิลล่า" ที่นำโดย บริษัท พีเอ็ม วิลล่า จำกัด ตัดสินใจเช่าพื้นที่ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้น 1 คลังวิลล่า จากตระกูลมานะศิลป์ เป็นเวลา 3 ปี และลงทุนกว่า 10 ล้านบาท จำหน่ายอาหารสด เนื้อสัตว์ ผักสด ผลไม้ ของใช้ในครัวเรือน อาหารและเครื่องดื่ม

    เปิดให้บริการแบบซอฟต์ โอเพนนิ่ง เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา และจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ 3 สิงหาคม 2567 ชูจุดเด่นเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต จำหน่ายสินค้าราคาประหยัด และรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แตกต่างจากโมเดิร์นเทรดของบรรดาทุนยักษ์ พร้อมเตรียมรองรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อีกด้วย

    สำหรับผู้บริหารพี เอ็ม วิลล่า คือ นายขวัญชัย วันชัย กรรมการบริษัท พีเอ็ม วิลล่า จำกัด เป็นนักธุรกิจท้องถิ่นในโคราช อดีตผู้บริหารธนาคาร และเป็นข้าราชการบำนาญ โดยมีอดีตผู้บริหารซูเปอร์มาร์เก็ตของคลังวิลล่ามาร่วมงานด้วย

    สำหรับทำเลที่ตั้งคลังวิลล่า สุรนารายน์ ตั้งอยู่บนถนนสุรนารายน์ เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ห่างจากอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ลานย่าโม) ประมาณ 3.5 กิโลเมตร ใกล้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ใกล้ซอย 30 กันยา แหล่งที่อยู่อาศัยของนักศึกษาและกลุ่มที่เพิ่งเข้าสู่วัยทำงาน (First Jobber) ในจังหวัดนครราชสีมา

    ต้องคอยดูว่า ธุรกิจใหม่ ภายใต้ทำเลที่กลุ่มทุนท้องถิ่นในตำนานเป็นผู้บุกเบิก จะมีเสียงตอบรับจากผู้บริโภคมากน้อยขนาดไหน เพราะวงการค้าปลีกในจังหวัดนครราชสีมา ทั้งกลุ่มทุนใหญ่ "เดอะมอลล์-บิ๊กซี-ซีพี-เซ็นทรัล-คาราบาว" มากันเกือบครบ และกลุ่มทุนท้องถิ่นที่ปรับตัวสู่ความเป็นโมเดิร์นเทรด นับว่าแข่งขันกันสูงไม่แพ้จังหวัดหัวเมืองหลักทางเศรษฐกิจจังหวัดอื่น

    #Newskit #PMVilla #นครราชสีมา
    “พีเอ็ม วิลล่า” โคราช ฟื้นซูเปอร์ฯ สู้ทุนยักษ์ วิกฤตเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากโควิด-19 และสงครามระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ส่งผลกระทบไม่เว้นแม้แต่กลุ่มทุนท้องถิ่น เฉกเช่น กลุ่มคลังพลาซ่า ของตระกูลมานะศิลป์ ที่ปิดกิจการห้างสรรพสินค้าในจังหวัดนครราชสีมา ไล่ตั้งแต่คลังพลาซ่า จอมสุรางค์ (คลังใหม่) คลังวิลล่า สุรนารายน์ (คลังสาม) ส่วนคลังพลาซ่า อัษฎางค์ (คลังเก่า) ปรับพื้นที่เหลือแผนกดีพาร์ตเมนต์สโตร์ แต่ก็มีความเปลี่ยนแปลงที่คลังวิลล่า สุรนารายน์ (คลังสาม) ซึ่งปิดตัวลงไปเมื่อปี 2565 เมื่อมีผู้เช่ารายใหม่ในนาม "พีเอ็ม วิลล่า" ที่นำโดย บริษัท พีเอ็ม วิลล่า จำกัด ตัดสินใจเช่าพื้นที่ซูเปอร์มาร์เก็ตชั้น 1 คลังวิลล่า จากตระกูลมานะศิลป์ เป็นเวลา 3 ปี และลงทุนกว่า 10 ล้านบาท จำหน่ายอาหารสด เนื้อสัตว์ ผักสด ผลไม้ ของใช้ในครัวเรือน อาหารและเครื่องดื่ม เปิดให้บริการแบบซอฟต์ โอเพนนิ่ง เมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2567 ที่ผ่านมา และจะมีพิธีเปิดอย่างเป็นทางการ 3 สิงหาคม 2567 ชูจุดเด่นเป็นซูเปอร์มาร์เก็ต จำหน่ายสินค้าราคาประหยัด และรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ แตกต่างจากโมเดิร์นเทรดของบรรดาทุนยักษ์ พร้อมเตรียมรองรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน อีกด้วย สำหรับผู้บริหารพี เอ็ม วิลล่า คือ นายขวัญชัย วันชัย กรรมการบริษัท พีเอ็ม วิลล่า จำกัด เป็นนักธุรกิจท้องถิ่นในโคราช อดีตผู้บริหารธนาคาร และเป็นข้าราชการบำนาญ โดยมีอดีตผู้บริหารซูเปอร์มาร์เก็ตของคลังวิลล่ามาร่วมงานด้วย สำหรับทำเลที่ตั้งคลังวิลล่า สุรนารายน์ ตั้งอยู่บนถนนสุรนารายน์ เขตเทศบาลนครนครราชสีมา ห่างจากอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี (ลานย่าโม) ประมาณ 3.5 กิโลเมตร ใกล้มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ใกล้ซอย 30 กันยา แหล่งที่อยู่อาศัยของนักศึกษาและกลุ่มที่เพิ่งเข้าสู่วัยทำงาน (First Jobber) ในจังหวัดนครราชสีมา ต้องคอยดูว่า ธุรกิจใหม่ ภายใต้ทำเลที่กลุ่มทุนท้องถิ่นในตำนานเป็นผู้บุกเบิก จะมีเสียงตอบรับจากผู้บริโภคมากน้อยขนาดไหน เพราะวงการค้าปลีกในจังหวัดนครราชสีมา ทั้งกลุ่มทุนใหญ่ "เดอะมอลล์-บิ๊กซี-ซีพี-เซ็นทรัล-คาราบาว" มากันเกือบครบ และกลุ่มทุนท้องถิ่นที่ปรับตัวสู่ความเป็นโมเดิร์นเทรด นับว่าแข่งขันกันสูงไม่แพ้จังหวัดหัวเมืองหลักทางเศรษฐกิจจังหวัดอื่น #Newskit #PMVilla #นครราชสีมา
    Like
    2
    0 ความคิดเห็น 1 การแบ่งปัน 1350 มุมมอง 0 รีวิว