• 'ดร.เอ้' ชี้เวียดนามแซงไทยด้วย 'มันสมอง' จี้รัฐบาลไทยเร่งหนุน 'เด็กไทย' คว้าทุนเรียนสหรัฐฯ สร้างเศรษฐกิจใหม่
    https://www.thai-tai.tv/news/20391/
    .
    #สุชัชวีร์ #การศึกษาไทย #ทุนการศึกษา #สหรัฐอเมริกา #IIE #เศรษฐกิจใหม่ #วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ #เด็กไทย #เวียดนาม #อนาคตประเทศไทย

    'ดร.เอ้' ชี้เวียดนามแซงไทยด้วย 'มันสมอง' จี้รัฐบาลไทยเร่งหนุน 'เด็กไทย' คว้าทุนเรียนสหรัฐฯ สร้างเศรษฐกิจใหม่ https://www.thai-tai.tv/news/20391/ . #สุชัชวีร์ #การศึกษาไทย #ทุนการศึกษา #สหรัฐอเมริกา #IIE #เศรษฐกิจใหม่ #วิทยาศาสตร์และวิศวกรรมศาสตร์ #เด็กไทย #เวียดนาม #อนาคตประเทศไทย
    0 Comments 0 Shares 23 Views 0 Reviews
  • เด็กเต้นแข่งเรือโบราณ ปาคู จาลูร์ ซอฟต์พาวเวอร์อินโดนีเซีย

    กลายเป็นที่ถูกพูดถึงสนั่นโลกโซเชียลฯ และกลายเป็นมีมไปทั่วโลก สำหรับไวรัลสุดน่ารักจากเทศกาลแข่งเรือโบราณ “ปาคู จาลูร์” (Pacu Jalur) บนหมู่เกาะรีเยา (Riau) ทางภาคตะวันออกของเกาะสุมาตรา จรดช่องแคบมะละกา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเด็กชายรายหนึ่งนามว่า เรย์ยาน อาร์กัน ดิกา (Rayyan Arkan Dikha) หรือ ดิกา (Dikha) วัย 11 ขวบ กลายเป็นจุดสนใจจากลีลาการเต้นบนหัวเรือระหว่างแข่งขัน ในตำแหน่งที่เรียกว่า ตูกัง ตาริ (Tukang Tari) ชุดสีดำเรียบหรู และแว่นกันแดด เปรียบกับแดนเซอร์ ทำหน้าที่ปลุกพลังให้กับฝีพาย ซึ่งเขาทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ แถมเพลงที่นำมาประกอบในครั้งนี้ก็เป็นเพลงฮิปฮอป “Young Black & Rich” ของศิลปินชาวอเมริกัน เมลลี ไมค์ (Melly Mike)

    ท่าเต้นของดิกาแพร่กระจายไวอย่างรวดเร็วใน TikTok และ IG พร้อมเกิดกระแสที่เรียกว่า ออรา ฟาร์มมิ่ง (Aura Farming) หรือการเต้นเลียนแบบเพื่อเรียกความสนใจ โดยมีคนดังและสโมสรกีฬาร่วมเทรนด์ เช่น สโมสรฟุตบอลปารีส แซงต์ แชร์กแมง (PSG) ที่โพสต์วิดีโอเลียนแบบพร้อมข้อความว่า “กลิ่นอายได้แผ่ไปถึงปารีสแล้ว” ส่วนเอซี มิลาน เขียนแคปชันสุดฮาว่า “Aura Farming แม่นยำ 1899%” แถมยังมี ทราวิส เคลซ์ นักอเมริกันฟุตบอล แฟนหนุ่มของเทย์เลอร์ สวิฟต์ รวมถึงนักเตะไทย “เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์” ก็เข้าร่วมกระแสนี้ด้วย

    ล่าสุด เมลลี ไมค์ ประกาศว่าจะเดินทางมาร่วมงานเทศกาลปาคู จาลูร์ ในปีนี้ด้วยตนเอง ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-24 ส.ค. 2568 ขณะที่เด็กชายดิกาได้รับแต่งตั้งเป็นทูตวัฒนธรรมจังหวัดรีเยา และได้รับเชิญให้เดินทางพร้อมครอบครัวไปยังกรุงจาการ์ตา เพื่อเข้าพบรัฐมนตรีด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของอินโดนีเซีย รวมถึงออกรายการโทรทัศน์ และได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลอินโดนีเซีย ในฐานะที่ทำให้มรดกทางวัฒนธรรมของอินโดนีเซียเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก

    เทศกาลปาคู จาลูร์ ถือเป็นหนึ่งในมรดกวัฒนธรรมที่สำคัญของอินโดนีเซีย จัดขึ้นที่ริมแม่น้ำอินดรากิรี (Indragiri River) โดยมีการแข่งขันพายเรือจาลูร์ ที่สร้างจากไม้ทั้งท่อน ไม่มีข้อต่อ พร้อมการตกแต่งที่วิจิตรงดงาม ไฮไลต์ของเทศกาลคือการมีนักเต้นแสดงอยู่บนหัวเรือ สร้างสีสันและความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชม มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษชาวควนซิงในศตวรรษที่ 22 ต่อมาถูกพัฒนาให้เป็นกิจกรรมประเพณี เคยใช้เฉลิมฉลองวันสำคัญทางศาสนา และในสมัยอาณานิคมเนเธอร์แลนด์ก็เคยจัดเพื่อเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของราชินีด้วย ปัจจุบันจัดต่อเนื่องทุกปี และดึงดูดผู้เข้าชมได้มากกว่า 1 ล้านคนต่อปี

    #Newskit
    เด็กเต้นแข่งเรือโบราณ ปาคู จาลูร์ ซอฟต์พาวเวอร์อินโดนีเซีย กลายเป็นที่ถูกพูดถึงสนั่นโลกโซเชียลฯ และกลายเป็นมีมไปทั่วโลก สำหรับไวรัลสุดน่ารักจากเทศกาลแข่งเรือโบราณ “ปาคู จาลูร์” (Pacu Jalur) บนหมู่เกาะรีเยา (Riau) ทางภาคตะวันออกของเกาะสุมาตรา จรดช่องแคบมะละกา ประเทศอินโดนีเซีย เมื่อเด็กชายรายหนึ่งนามว่า เรย์ยาน อาร์กัน ดิกา (Rayyan Arkan Dikha) หรือ ดิกา (Dikha) วัย 11 ขวบ กลายเป็นจุดสนใจจากลีลาการเต้นบนหัวเรือระหว่างแข่งขัน ในตำแหน่งที่เรียกว่า ตูกัง ตาริ (Tukang Tari) ชุดสีดำเรียบหรู และแว่นกันแดด เปรียบกับแดนเซอร์ ทำหน้าที่ปลุกพลังให้กับฝีพาย ซึ่งเขาทำหน้าที่นี้มาตั้งแต่อายุ 9 ขวบ แถมเพลงที่นำมาประกอบในครั้งนี้ก็เป็นเพลงฮิปฮอป “Young Black & Rich” ของศิลปินชาวอเมริกัน เมลลี ไมค์ (Melly Mike) ท่าเต้นของดิกาแพร่กระจายไวอย่างรวดเร็วใน TikTok และ IG พร้อมเกิดกระแสที่เรียกว่า ออรา ฟาร์มมิ่ง (Aura Farming) หรือการเต้นเลียนแบบเพื่อเรียกความสนใจ โดยมีคนดังและสโมสรกีฬาร่วมเทรนด์ เช่น สโมสรฟุตบอลปารีส แซงต์ แชร์กแมง (PSG) ที่โพสต์วิดีโอเลียนแบบพร้อมข้อความว่า “กลิ่นอายได้แผ่ไปถึงปารีสแล้ว” ส่วนเอซี มิลาน เขียนแคปชันสุดฮาว่า “Aura Farming แม่นยำ 1899%” แถมยังมี ทราวิส เคลซ์ นักอเมริกันฟุตบอล แฟนหนุ่มของเทย์เลอร์ สวิฟต์ รวมถึงนักเตะไทย “เจ ชนาธิป สรงกระสินธ์” ก็เข้าร่วมกระแสนี้ด้วย ล่าสุด เมลลี ไมค์ ประกาศว่าจะเดินทางมาร่วมงานเทศกาลปาคู จาลูร์ ในปีนี้ด้วยตนเอง ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 20-24 ส.ค. 2568 ขณะที่เด็กชายดิกาได้รับแต่งตั้งเป็นทูตวัฒนธรรมจังหวัดรีเยา และได้รับเชิญให้เดินทางพร้อมครอบครัวไปยังกรุงจาการ์ตา เพื่อเข้าพบรัฐมนตรีด้านวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของอินโดนีเซีย รวมถึงออกรายการโทรทัศน์ และได้รับทุนการศึกษาจากรัฐบาลอินโดนีเซีย ในฐานะที่ทำให้มรดกทางวัฒนธรรมของอินโดนีเซียเป็นที่รู้จักไปทั่วโลก เทศกาลปาคู จาลูร์ ถือเป็นหนึ่งในมรดกวัฒนธรรมที่สำคัญของอินโดนีเซีย จัดขึ้นที่ริมแม่น้ำอินดรากิรี (Indragiri River) โดยมีการแข่งขันพายเรือจาลูร์ ที่สร้างจากไม้ทั้งท่อน ไม่มีข้อต่อ พร้อมการตกแต่งที่วิจิตรงดงาม ไฮไลต์ของเทศกาลคือการมีนักเต้นแสดงอยู่บนหัวเรือ สร้างสีสันและความตื่นตาตื่นใจให้ผู้ชม มีจุดเริ่มต้นตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษชาวควนซิงในศตวรรษที่ 22 ต่อมาถูกพัฒนาให้เป็นกิจกรรมประเพณี เคยใช้เฉลิมฉลองวันสำคัญทางศาสนา และในสมัยอาณานิคมเนเธอร์แลนด์ก็เคยจัดเพื่อเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดของราชินีด้วย ปัจจุบันจัดต่อเนื่องทุกปี และดึงดูดผู้เข้าชมได้มากกว่า 1 ล้านคนต่อปี #Newskit
    Like
    Love
    2
    0 Comments 0 Shares 224 Views 0 Reviews
  • เปิดประตูสู่โอกาส! ม.วงษ์ชวลิตกุล ร่วมหารือ “ไทย-จีน” ขับเคลื่อนทุนการศึกษาสู่เด็กโคราช
    .
    เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2568 มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุลเข้าร่วมหารือกับจังหวัดนครราชสีมา นำโดย อาจารย์ ดร.โชติกา วงษ์ชวลิตกุล ผู้ช่วยธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษ อาจารย์ ดร.ลัดดาวัลย์ โชคถาวร รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร พร้อมด้วย ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ดร.ธนากร ประพฤทธิพงษ์ รองนายกฯ และนายจิรพิสิษฐ์ รุจเจริญ เลขานุการนายกฯ ให้การต้อนรับคณะผู้แทนจากศูนย์ความร่วมมือการศึกษาไทย–จีน นำโดย ดร.ขจรวรรณ ภู่ขจร (ฝ่ายไทย), ดร.เปา หลุน เถียน (ฝ่ายจีน) และอาจารย์โจว อี้หมิ่น จากมหาวิทยาลัยกุ้ยหลินอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยี
    .
    ในการนี้ ได้มีการหารือร่วมกันเกี่ยวกับการจัดสรรทุนการศึกษาจากองค์กรการศึกษาของสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา ได้เข้าถึงการศึกษาหลักสูตรทันสมัยในหลากหลายสาขา อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (AI), เทคโนโลยี, โลจิสติกส์ และอื่น ๆ ทั้งในระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษา
    .
    โดยการประชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างศูนย์ความร่วมมือไทย–จีน กับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา สร้างความเสมอภาค และลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาในพื้นที่
    .
    ทั้งนี้ ตัวแทนจากมหาวิทยาลัยในจังหวัดนครราชสีมา ได้แก่ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล , มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี , มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ได้เข้าร่วมวงหารือ เพื่อผลักดันแนวทางความร่วมมือเชิงรูปธรรมในอนาคต โดยมีศูนย์ความร่วมมือไทย–จีน เป็นศูนย์กลางการประสานงานและให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด
    เปิดประตูสู่โอกาส! ม.วงษ์ชวลิตกุล ร่วมหารือ “ไทย-จีน” ขับเคลื่อนทุนการศึกษาสู่เด็กโคราช . เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2568 มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุลเข้าร่วมหารือกับจังหวัดนครราชสีมา นำโดย อาจารย์ ดร.โชติกา วงษ์ชวลิตกุล ผู้ช่วยธิการบดีฝ่ายกิจการพิเศษ อาจารย์ ดร.ลัดดาวัลย์ โชคถาวร รองอธิการบดีฝ่ายบริหาร พร้อมด้วย ดร.ยลดา หวังศุภกิจโกศล นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา ดร.ธนากร ประพฤทธิพงษ์ รองนายกฯ และนายจิรพิสิษฐ์ รุจเจริญ เลขานุการนายกฯ ให้การต้อนรับคณะผู้แทนจากศูนย์ความร่วมมือการศึกษาไทย–จีน นำโดย ดร.ขจรวรรณ ภู่ขจร (ฝ่ายไทย), ดร.เปา หลุน เถียน (ฝ่ายจีน) และอาจารย์โจว อี้หมิ่น จากมหาวิทยาลัยกุ้ยหลินอิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยี . ในการนี้ ได้มีการหารือร่วมกันเกี่ยวกับการจัดสรรทุนการศึกษาจากองค์กรการศึกษาของสาธารณรัฐประชาชนจีน เพื่อเปิดโอกาสให้นักเรียน นักศึกษาในจังหวัดนครราชสีมา ได้เข้าถึงการศึกษาหลักสูตรทันสมัยในหลากหลายสาขา อาทิ ปัญญาประดิษฐ์ (AI), เทคโนโลยี, โลจิสติกส์ และอื่น ๆ ทั้งในระดับมัธยมศึกษาและอุดมศึกษา . โดยการประชุมดังกล่าวมีวัตถุประสงค์เพื่อเตรียมความพร้อมในการจัดทำบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ (MOU) ระหว่างศูนย์ความร่วมมือไทย–จีน กับ องค์การบริหารส่วนจังหวัดนครราชสีมา เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา สร้างความเสมอภาค และลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษาในพื้นที่ . ทั้งนี้ ตัวแทนจากมหาวิทยาลัยในจังหวัดนครราชสีมา ได้แก่ มหาวิทยาลัยวงษ์ชวลิตกุล , มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีสุรนารี , มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลอีสาน และ มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา ได้เข้าร่วมวงหารือ เพื่อผลักดันแนวทางความร่วมมือเชิงรูปธรรมในอนาคต โดยมีศูนย์ความร่วมมือไทย–จีน เป็นศูนย์กลางการประสานงานและให้ความช่วยเหลืออย่างใกล้ชิด
    0 Comments 0 Shares 239 Views 0 Reviews
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย มอบเงินสนับสนุนทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ประจำปี 2568 แก่เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ
    .
    วันนี้ (วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น.) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ และคณะกรรมการฯ ร่วมในพิธีมอบเงินสนับสนุนการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษา ประจำปี พ.ศ. 2568 ให้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงปีที่ 6 จำนวน 1,500 ทุนๆ ละ 2,000 บาท รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 3,000,000 บาท (สามล้านบาทถ้วน) เพื่อช่วยเหลือให้เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้มีโอกาสเท่าเทียม สามารถศึกษาเล่าเรียนต่อโดยไม่ต้องยุติการศึกษาเพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ และเติบโตสร้างอนาคตตามความมุ่งหวังของตนเองและครอบครัวต่อไป โดยมีเยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ
    .
    นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เปิดเผยว่า โครงการ “ป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้างอนาคตเด็กไทย ด้วยการมอบเงินสนับสนุนทุนการศึกษาให้แก่เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งที่ได้ช่วยเหลือเสริมสร้างชีวิตให้อนาคตแก่เด็กไทยมากว่า 50 ปี โดยในปีพ.ศ. 2568 นี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้จัดสรรงบประมาณเพื่อมอบ เงินสนับสนุนการศึกษาและทุนส่งเสริมการศึกษา เป็นจำนวนเงินกว่า 20 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนการศึกษาในระดับต่างๆ ได้แก่ เงินสนับสนุนทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ทุนการศึกษาต่อเนื่องในทุกระดับชั้น ทุนการศึกษาทุกระดับปีสุดท้าย และทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนในถิ่นทุรกันดาร
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ชนชั้น และศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อให้เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ภายใต้ปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    ** มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต **
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย มอบเงินสนับสนุนทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ประจำปี 2568 แก่เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ . วันนี้ (วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น.) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ และคณะกรรมการฯ ร่วมในพิธีมอบเงินสนับสนุนการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษา ประจำปี พ.ศ. 2568 ให้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงปีที่ 6 จำนวน 1,500 ทุนๆ ละ 2,000 บาท รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 3,000,000 บาท (สามล้านบาทถ้วน) เพื่อช่วยเหลือให้เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้มีโอกาสเท่าเทียม สามารถศึกษาเล่าเรียนต่อโดยไม่ต้องยุติการศึกษาเพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ และเติบโตสร้างอนาคตตามความมุ่งหวังของตนเองและครอบครัวต่อไป โดยมีเยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ . นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เปิดเผยว่า โครงการ “ป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้างอนาคตเด็กไทย ด้วยการมอบเงินสนับสนุนทุนการศึกษาให้แก่เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งที่ได้ช่วยเหลือเสริมสร้างชีวิตให้อนาคตแก่เด็กไทยมากว่า 50 ปี โดยในปีพ.ศ. 2568 นี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้จัดสรรงบประมาณเพื่อมอบ เงินสนับสนุนการศึกษาและทุนส่งเสริมการศึกษา เป็นจำนวนเงินกว่า 20 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนการศึกษาในระดับต่างๆ ได้แก่ เงินสนับสนุนทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ทุนการศึกษาต่อเนื่องในทุกระดับชั้น ทุนการศึกษาทุกระดับปีสุดท้าย และทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนในถิ่นทุรกันดาร . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ชนชั้น และศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อให้เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ภายใต้ปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . ** มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต **
    0 Comments 0 Shares 359 Views 0 Reviews
  • มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย มอบเงินสนับสนุนทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ประจำปี 2568 แก่เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ
    .
    วันนี้ (วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น.) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ และคณะกรรมการฯ ร่วมในพิธีมอบเงินสนับสนุนการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษา ประจำปี พ.ศ. 2568 ให้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงปีที่ 6 จำนวน 1,500 ทุนๆ ละ 2,000 บาท รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 3,000,000 บาท (สามล้านบาทถ้วน) เพื่อช่วยเหลือให้เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้มีโอกาสเท่าเทียม สามารถศึกษาเล่าเรียนต่อโดยไม่ต้องยุติการศึกษาเพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ และเติบโตสร้างอนาคตตามความมุ่งหวังของตนเองและครอบครัวต่อไป โดยมีเยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ
    .
    นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เปิดเผยว่า โครงการ “ป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้างอนาคตเด็กไทย ด้วยการมอบเงินสนับสนุนทุนการศึกษาให้แก่เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งที่ได้ช่วยเหลือเสริมสร้างชีวิตให้อนาคตแก่เด็กไทยมากว่า 50 ปี โดยในปีพ.ศ. 2568 นี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้จัดสรรงบประมาณเพื่อมอบ เงินสนับสนุนการศึกษาและทุนส่งเสริมการศึกษา เป็นจำนวนเงินกว่า 20 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนการศึกษาในระดับต่างๆ ได้แก่ เงินสนับสนุนทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ทุนการศึกษาต่อเนื่องในทุกระดับชั้น ทุนการศึกษาทุกระดับปีสุดท้าย และทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนในถิ่นทุรกันดาร
    .
    ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ชนชั้น และศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อให้เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ภายใต้ปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต”
    .
    ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung
    .
    ** มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต **
    มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้าง อนาคตเด็กไทย มอบเงินสนับสนุนทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ประจำปี 2568 แก่เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ณ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ . วันนี้ (วันจันทร์ที่ 9 มิถุนายน 2568 เวลา 10.00 น.) มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง นำโดย นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เป็นประธานในพิธี พร้อมด้วย นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ ที่ปรึกษาประธานกรรมการ นายสัก กอแสงเรือง รองประธานกรรมการ นายวิชิต ชินวงศ์วรกุล รองประธานกรรมการ นางศิริกุล โอภาสวงศ์ กรรมการและเลขาธิการ และคณะกรรมการฯ ร่วมในพิธีมอบเงินสนับสนุนการศึกษาในระดับชั้นประถมศึกษา ประจำปี พ.ศ. 2568 ให้แก่นักเรียนชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ถึงปีที่ 6 จำนวน 1,500 ทุนๆ ละ 2,000 บาท รวมเป็นจำนวนทั้งสิ้น 3,000,000 บาท (สามล้านบาทถ้วน) เพื่อช่วยเหลือให้เยาวชนที่ประพฤติดีแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ได้มีโอกาสเท่าเทียม สามารถศึกษาเล่าเรียนต่อโดยไม่ต้องยุติการศึกษาเพราะขาดแคลนทุนทรัพย์ และเติบโตสร้างอนาคตตามความมุ่งหวังของตนเองและครอบครัวต่อไป โดยมีเยาวชน และผู้แทนจากสถาบันการศึกษา เป็นผู้รับมอบ ณ ห้องประชุมชั้น 2 อาคาร 2 มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง พลับพลาไชย กรุงเทพฯ . นายวิเชียร เตชะไพบูลย์ ประธานกรรมการมูลนิธิฯ เปิดเผยว่า โครงการ “ป่อเต็กตึ๊ง เสริมสร้างอนาคตเด็กไทย ด้วยการมอบเงินสนับสนุนทุนการศึกษาให้แก่เยาวชน นักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ เป็นหนึ่งในนโยบายหลักของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊งที่ได้ช่วยเหลือเสริมสร้างชีวิตให้อนาคตแก่เด็กไทยมากว่า 50 ปี โดยในปีพ.ศ. 2568 นี้ มูลนิธิป่อเต็กตึ๊งได้จัดสรรงบประมาณเพื่อมอบ เงินสนับสนุนการศึกษาและทุนส่งเสริมการศึกษา เป็นจำนวนเงินกว่า 20 ล้านบาท เพื่อเป็นทุนการศึกษาในระดับต่างๆ ได้แก่ เงินสนับสนุนทุนการศึกษาระดับชั้นประถมศึกษา ทุนการศึกษาต่อเนื่องในทุกระดับชั้น ทุนการศึกษาทุกระดับปีสุดท้าย และทุนการศึกษาสำหรับนักเรียนในถิ่นทุรกันดาร . ตลอดระยะเวลากว่า 115 ปีที่ผ่านมา มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ขยายขอบข่ายโครงการต่าง ๆ ออกไปอย่างกว้างขวาง ไม่เพียงแต่บำบัดทุกข์ บำรุงสุข แก่ผู้ตกทุกข์ได้ยากโดยไม่จำกัดเชื้อชาติ ชนชั้น และศาสนา เท่านั้น แต่ยังได้พัฒนาคุณภาพชีวิตอีกในหลาย ๆ ทาง รวมถึงสนับสนุนด้านการศึกษา เพื่อให้เป็นองค์กรสาธารณกุศลที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างครบวงจรในทุกๆ ด้าน ต่อไป ภายใต้ปณิธานมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง “ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต” . ติดต่อสอบถาม ตามข่าวสาร และกิจกรรมการช่วยเหลือของมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ได้ที่เฟซบุ๊ก แฟนเพจ www.facebook.com/atpohtecktung . ** มูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ช่วยชีวิต รักษาชีวิต สร้างชีวิต **
    0 Comments 0 Shares 360 Views 0 Reviews
  • วันที่ 7 มิถุนายน 2568 ที่ วัดพระนารายณ์มหาราช #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา ประธานทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อการศึกษา โรงเรียนบ้านยอกขาม อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา พัฒนาคุณภาพการศึกษาและจ้างครูผู้สอน ก่อสร้างรั้ว และปรับปรุงภูมิทัศน์โรงเรียน พร้อมทั้งมอบทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียน เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษา

    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    วันที่ 7 มิถุนายน 2568 ที่ วัดพระนารายณ์มหาราช #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา ประธานทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อการศึกษา โรงเรียนบ้านยอกขาม อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา พัฒนาคุณภาพการศึกษาและจ้างครูผู้สอน ก่อสร้างรั้ว และปรับปรุงภูมิทัศน์โรงเรียน พร้อมทั้งมอบทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียน เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษา #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 Comments 0 Shares 193 Views 0 Reviews
  • วันที่ 7 มิถุนายน 2568 ที่ วัดพระนารายณ์มหาราช #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา ประธานทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อการศึกษา โรงเรียนบ้านยอกขาม อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา พัฒนาคุณภาพการศึกษาและจ้างครูผู้สอน ก่อสร้างรั้ว และปรับปรุงภูมิทัศน์โรงเรียน พร้อมทั้งมอบทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียน เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษา

    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    วันที่ 7 มิถุนายน 2568 ที่ วัดพระนารายณ์มหาราช #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา ประธานทอดผ้าป่าสามัคคีเพื่อการศึกษา โรงเรียนบ้านยอกขาม อ.หนองบุญมาก จ.นครราชสีมา พัฒนาคุณภาพการศึกษาและจ้างครูผู้สอน ก่อสร้างรั้ว และปรับปรุงภูมิทัศน์โรงเรียน พร้อมทั้งมอบทุนการศึกษาแก่เด็กนักเรียน เพื่อสร้างโอกาสทางการศึกษา #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 Comments 0 Shares 219 Views 0 Reviews
  • อบจ.โคราช จัดหนัก!! 4 ปี มอบทุนฯ ทะลุ 13.9 ล้านบาท ช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส ร่วม 5,235 คน “เพราะโอกาสทางการศึกษา” มีความหมายต่ออนาคตเด็ก !!
    .
    อบจ.โคราช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องยาว 4 ปี หนุนเด็กเก่ง เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส ร่วม 5 พันคน กว่า 13.9 ล้านบาท เน้นการ “สร้างคน” ผ่านระบบการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี ของเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ
    .
    #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ทุนการศึกษา ทุกทุน มีความหมาย เพราะผู้ที่ได้รับทุนจะสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านการศึกษา ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ฉะนั้น ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้งในสังกัด และนอกสังกัด ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษา จะส่งผลดีต่อตัวผู้เรียนในอนาคต ปัจจุบัน ระบบการศึกษาก้าวล้ำไปมาก มีความทันสมัย มีการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาระบบการเรียนการสอน ส่วนสถานศึกษาเองก็มีการพัฒนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากเข้ามาเรียน สร้างความมั่นคง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน กล้าที่จะให้บุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนของ อบจ. มากขึ้น อีกทั้งการศึกษาดี เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นก้าวแรกของการ “สร้างคน” ต่อยอดไปจนถึง “สร้างเศรษฐกิจ” ฉะนั้น นักเรียนจะต้องไม่หยุดแสวงหาความรู้ รู้ว่าตนเองถนัดสายวิชาการ สายศิลป์ หรือ สายอาชีพ ก็นำพาตนเองเข้าไปเรียนตรงนั้น ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวต่อไป”
    .
    โดยทุนการศึกษาที่ อบจ.ได้มอบให้กับนักเรียนนั้น เน้นให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา บรรเทาความยากจน เพราะเล็งเห็นปัญหาจากความยากจน ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนต่อเป็นจำนวนมาก อบจ. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จำนวน 5,235 คน เป็นเงิน 13,872,840 บาท แบ่งเป็น ทุนสำหรับนักเรียนโรงเรียนในสังกัดฯ ซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ของ อบจ. ระดับ ม.ปลาย, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ., ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบไม่ต่อเนื่อง, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบต่อเนื่อง ในสาขาที่ขาดแคลน, ทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. สำหรับนักเรียนนอกสังกัดฯ
    .
    และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 อบจ.นครราชสีมา ได้จัดพิธีมอบทุนช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาสของ อบจ. ปีการศึกษา 2568 ระดับ ม.ปลาย โรงเรียนในสังกัด อบจ. และ โรงเรียนนอกจากสังกัด อบจ. จำนวน 1,400 คน คนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 2,800,000 บาท โดยได้รับเกียรติจาก นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. เป็นประธานในพิธีมอบทุนดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับทุนทั้ง 1,400 คน ณ หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา
    .
    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    อบจ.โคราช จัดหนัก!! 4 ปี มอบทุนฯ ทะลุ 13.9 ล้านบาท ช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส ร่วม 5,235 คน “เพราะโอกาสทางการศึกษา” มีความหมายต่ออนาคตเด็ก !! . อบจ.โคราช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องยาว 4 ปี หนุนเด็กเก่ง เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส ร่วม 5 พันคน กว่า 13.9 ล้านบาท เน้นการ “สร้างคน” ผ่านระบบการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี ของเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ . #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ทุนการศึกษา ทุกทุน มีความหมาย เพราะผู้ที่ได้รับทุนจะสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านการศึกษา ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ฉะนั้น ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้งในสังกัด และนอกสังกัด ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษา จะส่งผลดีต่อตัวผู้เรียนในอนาคต ปัจจุบัน ระบบการศึกษาก้าวล้ำไปมาก มีความทันสมัย มีการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาระบบการเรียนการสอน ส่วนสถานศึกษาเองก็มีการพัฒนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากเข้ามาเรียน สร้างความมั่นคง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน กล้าที่จะให้บุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนของ อบจ. มากขึ้น อีกทั้งการศึกษาดี เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นก้าวแรกของการ “สร้างคน” ต่อยอดไปจนถึง “สร้างเศรษฐกิจ” ฉะนั้น นักเรียนจะต้องไม่หยุดแสวงหาความรู้ รู้ว่าตนเองถนัดสายวิชาการ สายศิลป์ หรือ สายอาชีพ ก็นำพาตนเองเข้าไปเรียนตรงนั้น ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวต่อไป” . โดยทุนการศึกษาที่ อบจ.ได้มอบให้กับนักเรียนนั้น เน้นให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา บรรเทาความยากจน เพราะเล็งเห็นปัญหาจากความยากจน ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนต่อเป็นจำนวนมาก อบจ. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จำนวน 5,235 คน เป็นเงิน 13,872,840 บาท แบ่งเป็น ทุนสำหรับนักเรียนโรงเรียนในสังกัดฯ ซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ของ อบจ. ระดับ ม.ปลาย, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ., ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบไม่ต่อเนื่อง, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบต่อเนื่อง ในสาขาที่ขาดแคลน, ทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. สำหรับนักเรียนนอกสังกัดฯ . และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 อบจ.นครราชสีมา ได้จัดพิธีมอบทุนช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาสของ อบจ. ปีการศึกษา 2568 ระดับ ม.ปลาย โรงเรียนในสังกัด อบจ. และ โรงเรียนนอกจากสังกัด อบจ. จำนวน 1,400 คน คนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 2,800,000 บาท โดยได้รับเกียรติจาก นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. เป็นประธานในพิธีมอบทุนดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับทุนทั้ง 1,400 คน ณ หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา . #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 Comments 0 Shares 587 Views 1 0 Reviews
  • อบจ.โคราช จัดหนัก!! 4 ปี มอบทุนฯ ทะลุ 13.9 ล้านบาท ช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส ร่วม 5,235 คน “เพราะโอกาสทางการศึกษา” มีความหมายต่ออนาคตเด็ก !!
    .
    อบจ.โคราช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องยาว 4 ปี หนุนเด็กเก่ง เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส ร่วม 5 พันคน กว่า 13.9 ล้านบาท เน้นการ “สร้างคน” ผ่านระบบการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี ของเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ
    .
    #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ทุนการศึกษา ทุกทุน มีความหมาย เพราะผู้ที่ได้รับทุนจะสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านการศึกษา ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ฉะนั้น ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้งในสังกัด และนอกสังกัด ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษา จะส่งผลดีต่อตัวผู้เรียนในอนาคต ปัจจุบัน ระบบการศึกษาก้าวล้ำไปมาก มีความทันสมัย มีการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาระบบการเรียนการสอน ส่วนสถานศึกษาเองก็มีการพัฒนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากเข้ามาเรียน สร้างความมั่นคง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน กล้าที่จะให้บุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนของ อบจ. มากขึ้น อีกทั้งการศึกษาดี เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นก้าวแรกของการ “สร้างคน” ต่อยอดไปจนถึง “สร้างเศรษฐกิจ” ฉะนั้น นักเรียนจะต้องไม่หยุดแสวงหาความรู้ รู้ว่าตนเองถนัดสายวิชาการ สายศิลป์ หรือ สายอาชีพ ก็นำพาตนเองเข้าไปเรียนตรงนั้น ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวต่อไป”
    .
    โดยทุนการศึกษาที่ อบจ.ได้มอบให้กับนักเรียนนั้น เน้นให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา บรรเทาความยากจน เพราะเล็งเห็นปัญหาจากความยากจน ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนต่อเป็นจำนวนมาก อบจ. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จำนวน 5,235 คน เป็นเงิน 13,872,840 บาท แบ่งเป็น ทุนสำหรับนักเรียนโรงเรียนในสังกัดฯ ซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ของ อบจ. ระดับ ม.ปลาย, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ., ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบไม่ต่อเนื่อง, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบต่อเนื่อง ในสาขาที่ขาดแคลน, ทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. สำหรับนักเรียนนอกสังกัดฯ
    .
    และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 อบจ.นครราชสีมา ได้จัดพิธีมอบทุนช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาสของ อบจ. ปีการศึกษา 2568 ระดับ ม.ปลาย โรงเรียนในสังกัด อบจ. และ โรงเรียนนอกจากสังกัด อบจ. จำนวน 1,400 คน คนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 2,800,000 บาท โดยได้รับเกียรติจาก นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. เป็นประธานในพิธีมอบทุนดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับทุนทั้ง 1,400 คน ณ หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา
    .
    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    อบจ.โคราช จัดหนัก!! 4 ปี มอบทุนฯ ทะลุ 13.9 ล้านบาท ช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส ร่วม 5,235 คน “เพราะโอกาสทางการศึกษา” มีความหมายต่ออนาคตเด็ก !! . อบจ.โคราช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องยาว 4 ปี หนุนเด็กเก่ง เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส ร่วม 5 พันคน กว่า 13.9 ล้านบาท เน้นการ “สร้างคน” ผ่านระบบการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี ของเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ . #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ทุนการศึกษา ทุกทุน มีความหมาย เพราะผู้ที่ได้รับทุนจะสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านการศึกษา ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ฉะนั้น ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้งในสังกัด และนอกสังกัด ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษา จะส่งผลดีต่อตัวผู้เรียนในอนาคต ปัจจุบัน ระบบการศึกษาก้าวล้ำไปมาก มีความทันสมัย มีการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาระบบการเรียนการสอน ส่วนสถานศึกษาเองก็มีการพัฒนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากเข้ามาเรียน สร้างความมั่นคง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน กล้าที่จะให้บุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนของ อบจ. มากขึ้น อีกทั้งการศึกษาดี เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นก้าวแรกของการ “สร้างคน” ต่อยอดไปจนถึง “สร้างเศรษฐกิจ” ฉะนั้น นักเรียนจะต้องไม่หยุดแสวงหาความรู้ รู้ว่าตนเองถนัดสายวิชาการ สายศิลป์ หรือ สายอาชีพ ก็นำพาตนเองเข้าไปเรียนตรงนั้น ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวต่อไป” . โดยทุนการศึกษาที่ อบจ.ได้มอบให้กับนักเรียนนั้น เน้นให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา บรรเทาความยากจน เพราะเล็งเห็นปัญหาจากความยากจน ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนต่อเป็นจำนวนมาก อบจ. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จำนวน 5,235 คน เป็นเงิน 13,872,840 บาท แบ่งเป็น ทุนสำหรับนักเรียนโรงเรียนในสังกัดฯ ซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ของ อบจ. ระดับ ม.ปลาย, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ., ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบไม่ต่อเนื่อง, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบต่อเนื่อง ในสาขาที่ขาดแคลน, ทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. สำหรับนักเรียนนอกสังกัดฯ . และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 อบจ.นครราชสีมา ได้จัดพิธีมอบทุนช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาสของ อบจ. ปีการศึกษา 2568 ระดับ ม.ปลาย โรงเรียนในสังกัด อบจ. และ โรงเรียนนอกจากสังกัด อบจ. จำนวน 1,400 คน คนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 2,800,000 บาท โดยได้รับเกียรติจาก นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. เป็นประธานในพิธีมอบทุนดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับทุนทั้ง 1,400 คน ณ หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา . #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 Comments 0 Shares 516 Views 7 0 Reviews
  • อบจ.โคราช จัดหนัก!! 4 ปี มอบทุนฯ ทะลุ 13.9 ล้านบาท ช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส ร่วม 5,235 คน “เพราะโอกาสทางการศึกษา” มีความหมายต่ออนาคตเด็ก !!

    อบจ.โคราช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องยาว 4 ปี หนุนเด็กเก่ง เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส ร่วม 5 พันคน กว่า 13.9 ล้านบาท เน้นการ “สร้างคน” ผ่านระบบการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี ของเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ

    #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ทุนการศึกษา ทุกทุน มีความหมาย เพราะผู้ที่ได้รับทุนจะสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านการศึกษา ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ฉะนั้น ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้งในสังกัด และนอกสังกัด ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษา จะส่งผลดีต่อตัวผู้เรียนในอนาคต ปัจจุบัน ระบบการศึกษาก้าวล้ำไปมาก มีความทันสมัย มีการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาระบบการเรียนการสอน ส่วนสถานศึกษาเองก็มีการพัฒนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากเข้ามาเรียน สร้างความมั่นคง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน กล้าที่จะให้บุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนของ อบจ. มากขึ้น อีกทั้งการศึกษาดี เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นก้าวแรกของการ “สร้างคน” ต่อยอดไปจนถึง “สร้างเศรษฐกิจ” ฉะนั้น นักเรียนจะต้องไม่หยุดแสวงหาความรู้ รู้ว่าตนเองถนัดสายวิชาการ สายศิลป์ หรือ สายอาชีพ ก็นำพาตนเองเข้าไปเรียนตรงนั้น ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวต่อไป”

    โดยทุนการศึกษาที่ อบจ.ได้มอบให้กับนักเรียนนั้น เน้นให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา บรรเทาความยากจน เพราะเล็งเห็นปัญหาจากความยากจน ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนต่อเป็นจำนวนมาก อบจ. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จำนวน 5,235 คน เป็นเงิน 13,872,840 บาท แบ่งเป็น ทุนสำหรับนักเรียนโรงเรียนในสังกัดฯ ซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ของ อบจ. ระดับ ม.ปลาย, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ., ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบไม่ต่อเนื่อง, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบต่อเนื่อง ในสาขาที่ขาดแคลน, ทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. สำหรับนักเรียนนอกสังกัดฯ

    และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 อบจ.นครราชสีมา ได้จัดพิธีมอบทุนช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาสของ อบจ. ปีการศึกษา 2568 ระดับ ม.ปลาย โรงเรียนในสังกัด อบจ. และ โรงเรียนนอกจากสังกัด อบจ. จำนวน 1,400 คน คนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 2,800,000 บาท โดยได้รับเกียรติจาก นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. เป็นประธานในพิธีมอบทุนดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับทุนทั้ง 1,400 คน ณ หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา

    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    อบจ.โคราช จัดหนัก!! 4 ปี มอบทุนฯ ทะลุ 13.9 ล้านบาท ช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส ร่วม 5,235 คน “เพราะโอกาสทางการศึกษา” มีความหมายต่ออนาคตเด็ก !! อบจ.โคราช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องยาว 4 ปี หนุนเด็กเก่ง เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส ร่วม 5 พันคน กว่า 13.9 ล้านบาท เน้นการ “สร้างคน” ผ่านระบบการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี ของเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ทุนการศึกษา ทุกทุน มีความหมาย เพราะผู้ที่ได้รับทุนจะสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านการศึกษา ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ฉะนั้น ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้งในสังกัด และนอกสังกัด ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษา จะส่งผลดีต่อตัวผู้เรียนในอนาคต ปัจจุบัน ระบบการศึกษาก้าวล้ำไปมาก มีความทันสมัย มีการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาระบบการเรียนการสอน ส่วนสถานศึกษาเองก็มีการพัฒนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากเข้ามาเรียน สร้างความมั่นคง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน กล้าที่จะให้บุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนของ อบจ. มากขึ้น อีกทั้งการศึกษาดี เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นก้าวแรกของการ “สร้างคน” ต่อยอดไปจนถึง “สร้างเศรษฐกิจ” ฉะนั้น นักเรียนจะต้องไม่หยุดแสวงหาความรู้ รู้ว่าตนเองถนัดสายวิชาการ สายศิลป์ หรือ สายอาชีพ ก็นำพาตนเองเข้าไปเรียนตรงนั้น ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวต่อไป” โดยทุนการศึกษาที่ อบจ.ได้มอบให้กับนักเรียนนั้น เน้นให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา บรรเทาความยากจน เพราะเล็งเห็นปัญหาจากความยากจน ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนต่อเป็นจำนวนมาก อบจ. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จำนวน 5,235 คน เป็นเงิน 13,872,840 บาท แบ่งเป็น ทุนสำหรับนักเรียนโรงเรียนในสังกัดฯ ซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ของ อบจ. ระดับ ม.ปลาย, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ., ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบไม่ต่อเนื่อง, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบต่อเนื่อง ในสาขาที่ขาดแคลน, ทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. สำหรับนักเรียนนอกสังกัดฯ และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 อบจ.นครราชสีมา ได้จัดพิธีมอบทุนช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาสของ อบจ. ปีการศึกษา 2568 ระดับ ม.ปลาย โรงเรียนในสังกัด อบจ. และ โรงเรียนนอกจากสังกัด อบจ. จำนวน 1,400 คน คนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 2,800,000 บาท โดยได้รับเกียรติจาก นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. เป็นประธานในพิธีมอบทุนดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับทุนทั้ง 1,400 คน ณ หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 Comments 0 Shares 418 Views 0 Reviews
  • อบจ.โคราช จัดหนัก!! 4 ปี มอบทุนฯ ทะลุ 13.9 ล้านบาท ช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส ร่วม 5,235 คน “เพราะโอกาสทางการศึกษา” มีความหมายต่ออนาคตเด็ก !!

    อบจ.โคราช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องยาว 4 ปี หนุนเด็กเก่ง เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส ร่วม 5 พันคน กว่า 13.9 ล้านบาท เน้นการ “สร้างคน” ผ่านระบบการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี ของเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ

    #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ทุนการศึกษา ทุกทุน มีความหมาย เพราะผู้ที่ได้รับทุนจะสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านการศึกษา ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ฉะนั้น ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้งในสังกัด และนอกสังกัด ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษา จะส่งผลดีต่อตัวผู้เรียนในอนาคต ปัจจุบัน ระบบการศึกษาก้าวล้ำไปมาก มีความทันสมัย มีการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาระบบการเรียนการสอน ส่วนสถานศึกษาเองก็มีการพัฒนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากเข้ามาเรียน สร้างความมั่นคง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน กล้าที่จะให้บุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนของ อบจ. มากขึ้น อีกทั้งการศึกษาดี เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นก้าวแรกของการ “สร้างคน” ต่อยอดไปจนถึง “สร้างเศรษฐกิจ” ฉะนั้น นักเรียนจะต้องไม่หยุดแสวงหาความรู้ รู้ว่าตนเองถนัดสายวิชาการ สายศิลป์ หรือ สายอาชีพ ก็นำพาตนเองเข้าไปเรียนตรงนั้น ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวต่อไป”

    โดยทุนการศึกษาที่ อบจ.ได้มอบให้กับนักเรียนนั้น เน้นให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา บรรเทาความยากจน เพราะเล็งเห็นปัญหาจากความยากจน ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนต่อเป็นจำนวนมาก อบจ. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จำนวน 5,235 คน เป็นเงิน 13,872,840 บาท แบ่งเป็น ทุนสำหรับนักเรียนโรงเรียนในสังกัดฯ ซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ของ อบจ. ระดับ ม.ปลาย, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ., ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบไม่ต่อเนื่อง, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบต่อเนื่อง ในสาขาที่ขาดแคลน, ทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. สำหรับนักเรียนนอกสังกัดฯ

    และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 อบจ.นครราชสีมา ได้จัดพิธีมอบทุนช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาสของ อบจ. ปีการศึกษา 2568 ระดับ ม.ปลาย โรงเรียนในสังกัด อบจ. และ โรงเรียนนอกจากสังกัด อบจ. จำนวน 1,400 คน คนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 2,800,000 บาท โดยได้รับเกียรติจาก นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. เป็นประธานในพิธีมอบทุนดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับทุนทั้ง 1,400 คน ณ หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา

    #นายกหน่อย #อบจโคราช
    #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช
    #prkoratpao
    อบจ.โคราช จัดหนัก!! 4 ปี มอบทุนฯ ทะลุ 13.9 ล้านบาท ช่วยเหลือนักเรียนยากจนและด้อยโอกาส ร่วม 5,235 คน “เพราะโอกาสทางการศึกษา” มีความหมายต่ออนาคตเด็ก !! อบจ.โคราช มอบทุนการศึกษาต่อเนื่องยาว 4 ปี หนุนเด็กเก่ง เรียนดี แต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือ ด้อยโอกาส ร่วม 5 พันคน กว่า 13.9 ล้านบาท เน้นการ “สร้างคน” ผ่านระบบการศึกษาที่ดี เพื่ออนาคตที่ดี ของเด็กนักเรียนที่จะเติบโตไปเป็นทรัพยากรบุคคลที่มีคุณภาพ #นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ.นครราชสีมา กล่าวว่า “ทุนการศึกษา ทุกทุน มีความหมาย เพราะผู้ที่ได้รับทุนจะสามารถนำเงินไปใช้จ่ายด้านการศึกษา ช่วยแบ่งเบาภาระผู้ปกครอง ฉะนั้น ต้องขอแสดงความยินดีกับนักเรียนทั้งในสังกัด และนอกสังกัด ที่ได้รับโอกาสในวันนี้ เพราะโอกาสทางการศึกษา จะส่งผลดีต่อตัวผู้เรียนในอนาคต ปัจจุบัน ระบบการศึกษาก้าวล้ำไปมาก มีความทันสมัย มีการนำนวัตกรรมมาใช้พัฒนาระบบการเรียนการสอน ส่วนสถานศึกษาเองก็มีการพัฒนาเพื่อกระตุ้นให้เด็กอยากเข้ามาเรียน สร้างความมั่นคง สร้างความมั่นใจให้กับผู้ปกครอง ชุมชน กล้าที่จะให้บุตรหลานเข้ามาเรียนในโรงเรียนของ อบจ. มากขึ้น อีกทั้งการศึกษาดี เศรษฐกิจก็จะดีตามไปด้วย เพราะการศึกษาจะเป็นก้าวแรกของการ “สร้างคน” ต่อยอดไปจนถึง “สร้างเศรษฐกิจ” ฉะนั้น นักเรียนจะต้องไม่หยุดแสวงหาความรู้ รู้ว่าตนเองถนัดสายวิชาการ สายศิลป์ หรือ สายอาชีพ ก็นำพาตนเองเข้าไปเรียนตรงนั้น ทุกคนก็จะประสบความสำเร็จ สร้างความภาคภูมิใจให้กับครอบครัวต่อไป” โดยทุนการศึกษาที่ อบจ.ได้มอบให้กับนักเรียนนั้น เน้นให้ผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ หรือด้อยโอกาส เพื่อให้ได้รับโอกาสทางการศึกษา บรรเทาความยากจน เพราะเล็งเห็นปัญหาจากความยากจน ส่งผลให้เด็กไม่ได้เรียนต่อเป็นจำนวนมาก อบจ. จึงได้จัดโครงการฯ ขึ้น โดยเริ่มตั้งแต่ปี 2565 จนถึงปัจจุบัน เป็นระยะเวลา 4 ปี จำนวน 5,235 คน เป็นเงิน 13,872,840 บาท แบ่งเป็น ทุนสำหรับนักเรียนโรงเรียนในสังกัดฯ ซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาส ของ อบจ. ระดับ ม.ปลาย, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ., ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบไม่ต่อเนื่อง, ทุนสำหรับนักศึกษาซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. แบบต่อเนื่อง ในสาขาที่ขาดแคลน, ทุนการศึกษาช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือผู้ด้อยโอกาสของ อบจ. สำหรับนักเรียนนอกสังกัดฯ และในวันที่ 22 พฤษภาคม 2568 อบจ.นครราชสีมา ได้จัดพิธีมอบทุนช่วยเหลือนักเรียนซึ่งเป็นผู้ยากจนหรือด้อยโอกาสของ อบจ. ปีการศึกษา 2568 ระดับ ม.ปลาย โรงเรียนในสังกัด อบจ. และ โรงเรียนนอกจากสังกัด อบจ. จำนวน 1,400 คน คนละ 2,000 บาท เป็นเงิน 2,800,000 บาท โดยได้รับเกียรติจาก นางยลดา หวังศุภกิจโกศล นายก อบจ. เป็นประธานในพิธีมอบทุนดังกล่าว พร้อมทั้งแสดงความยินดีกับนักเรียนที่ได้รับทุนทั้ง 1,400 คน ณ หอประชุมโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาน้อมเกล้า นครราชสีมา #นายกหน่อย #อบจโคราช #สร้างคนสร้างเศรษฐกิจสร้างเมืองโคราช #prkoratpao
    0 Comments 0 Shares 422 Views 0 Reviews
  • โรงพยาบาลวัดไร่ขิง เจ้าคุณแย้มไม่ใยดี

    การตรวจสอบเส้นทางการเงิน หลังจับกุมนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า หรืออดีตพระธรรมวชิรานุวัตร (เจ้าคุณแย้ม) อายุ 69 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม และอดีตเจ้าคณะภาค 14 ข้อหายักยอกเงินวัดกว่า 300 ล้านบาทเล่นพนันออนไลน์ มีประเด็นที่น่าสนใจ คือ การตรวจสอบบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับวัดไร่ขิง 53 บัญชี พบว่ามี 2 บัญชีที่เปิดเพื่อรับเงินจาคตู้บริจาคในนามของมูลนิธิเมตตาประชารักษ์ และจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) แต่พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องของโรงพยาบาลว่า ทางวัดไม่ได้สนับสนุนเงินให้กับโรงพยาบาลมานานกว่า 3 ปี และจากการตรวจสอบยอดเงินในบัญชีธนาคาร ทั้ง 2 บัญชี พบว่ามีเงินคงเหลือในบัญชีเพียงแค่ล้านกว่าบาท

    ในอดีตโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) เคยได้รับเงินสนับสนุนด้านทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาแพทย์ การอบรม ผ่านมูลนิธิเมตตาประชารักษ์ และบัญชีสนับสนุนการซื้อเครื่องมือแพทย์อยู่เป็นประจำ แต่ในช่วงปี 2564-2565 ทางโรงพยาบาลได้รับเงินสนับสนุนจากทางวัดน้อยลง และหยุดสนับสนุนมานานกว่า 3 ปี ซึ่งบัญชีมูลนิธิเมตตาประชารักษ์ มีเจ้าคุณแย้มเป็นประธานมูลนิธิและผู้มีอำนาจเบิกถอน ทำให้ พญ.สายจินต์ อิสีประดิฐ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขณะนั้นได้จัดตั้งมูลนิธิขึ้นมาใหม่ เพื่อเปิดรับเงินจากประชาชนอีกหนึ่งบัญชี โดยขาดอำนาจจากมูลนิธิเมตตาประชารักษ์เดิม

    แม้โรงพยาบาลจะขออนุญาตจากคณะกรรมการวัดไร่ขิง ตั้งตู้บริจาคเงินโรงพยาบาลอีก 1 ตู้ และส่งเจ้าหน้าที่มาเปิดไขเงินเอง ไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีวัด แต่ก็ยังพบเห็นตู้บริจาคของมูลนิธิเดิม และตู้บริจาคซื้ออุปกรณ์การแพทย์อันเดิมตั้งอยู่ด้วยเช่นกัน

    สำหรับโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) ก่อตั้งเมื่อปี 2532 โดยพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินทปัญฺโญ) ขณะเป็นเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นพระนักพัฒนา มรณภาพเมื่อปี 2551 โดยจัดสร้างโรงพยาบาลขนาด 400 เตียง ด้วยเงินบริจาคกว่า 95.77 ล้านบาท สังกัดกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เป็นโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านจักษุวิทยา เพื่อก้าวสู่สถาบันจักษุวิทยาแห่งชาติในอนาคต การให้บริการเป็น 2 ลักษณะคือ สถาบันจักษุวิทยา และโรงพยาบาลทั่วไประดับตติยภูมิ เน้นโรคที่เกี่ยวข้องกับเด็กและผู้สูงอายุ

    สำหรับผู้สนใจบริจาคให้กับโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) ดูรายละเอียดเลขที่บัญชีเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.metta.go.th/Donate/DonateCenter หรือ มูลนิธิโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ โทรศัพท์ 09-1808-8899

    #Newskit
    โรงพยาบาลวัดไร่ขิง เจ้าคุณแย้มไม่ใยดี การตรวจสอบเส้นทางการเงิน หลังจับกุมนายแย้ม อินทร์กรุงเก่า หรืออดีตพระธรรมวชิรานุวัตร (เจ้าคุณแย้ม) อายุ 69 ปี อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม และอดีตเจ้าคณะภาค 14 ข้อหายักยอกเงินวัดกว่า 300 ล้านบาทเล่นพนันออนไลน์ มีประเด็นที่น่าสนใจ คือ การตรวจสอบบัญชีธนาคารที่เกี่ยวข้องกับวัดไร่ขิง 53 บัญชี พบว่ามี 2 บัญชีที่เปิดเพื่อรับเงินจาคตู้บริจาคในนามของมูลนิธิเมตตาประชารักษ์ และจัดซื้ออุปกรณ์การแพทย์ให้กับโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) แต่พนักงานสอบสวนได้รับแจ้งข้อมูลจากผู้เกี่ยวข้องของโรงพยาบาลว่า ทางวัดไม่ได้สนับสนุนเงินให้กับโรงพยาบาลมานานกว่า 3 ปี และจากการตรวจสอบยอดเงินในบัญชีธนาคาร ทั้ง 2 บัญชี พบว่ามีเงินคงเหลือในบัญชีเพียงแค่ล้านกว่าบาท ในอดีตโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) เคยได้รับเงินสนับสนุนด้านทุนการศึกษาให้กับนักศึกษาแพทย์ การอบรม ผ่านมูลนิธิเมตตาประชารักษ์ และบัญชีสนับสนุนการซื้อเครื่องมือแพทย์อยู่เป็นประจำ แต่ในช่วงปี 2564-2565 ทางโรงพยาบาลได้รับเงินสนับสนุนจากทางวัดน้อยลง และหยุดสนับสนุนมานานกว่า 3 ปี ซึ่งบัญชีมูลนิธิเมตตาประชารักษ์ มีเจ้าคุณแย้มเป็นประธานมูลนิธิและผู้มีอำนาจเบิกถอน ทำให้ พญ.สายจินต์ อิสีประดิฐ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลขณะนั้นได้จัดตั้งมูลนิธิขึ้นมาใหม่ เพื่อเปิดรับเงินจากประชาชนอีกหนึ่งบัญชี โดยขาดอำนาจจากมูลนิธิเมตตาประชารักษ์เดิม แม้โรงพยาบาลจะขออนุญาตจากคณะกรรมการวัดไร่ขิง ตั้งตู้บริจาคเงินโรงพยาบาลอีก 1 ตู้ และส่งเจ้าหน้าที่มาเปิดไขเงินเอง ไม่เกี่ยวข้องกับบัญชีวัด แต่ก็ยังพบเห็นตู้บริจาคของมูลนิธิเดิม และตู้บริจาคซื้ออุปกรณ์การแพทย์อันเดิมตั้งอยู่ด้วยเช่นกัน สำหรับโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) ก่อตั้งเมื่อปี 2532 โดยพระอุบาลีคุณูปมาจารย์ (ปัญญา อินทปัญฺโญ) ขณะเป็นเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง ซึ่งได้รับการยกย่องว่าเป็นพระนักพัฒนา มรณภาพเมื่อปี 2551 โดยจัดสร้างโรงพยาบาลขนาด 400 เตียง ด้วยเงินบริจาคกว่า 95.77 ล้านบาท สังกัดกรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข เป็นโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญทางด้านจักษุวิทยา เพื่อก้าวสู่สถาบันจักษุวิทยาแห่งชาติในอนาคต การให้บริการเป็น 2 ลักษณะคือ สถาบันจักษุวิทยา และโรงพยาบาลทั่วไประดับตติยภูมิ เน้นโรคที่เกี่ยวข้องกับเด็กและผู้สูงอายุ สำหรับผู้สนใจบริจาคให้กับโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ (วัดไร่ขิง) ดูรายละเอียดเลขที่บัญชีเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ https://www.metta.go.th/Donate/DonateCenter หรือ มูลนิธิโรงพยาบาลเมตตาประชารักษ์ โทรศัพท์ 09-1808-8899 #Newskit
    0 Comments 0 Shares 534 Views 0 Reviews
  • "แม่ทัพภาคที่ 2 มอบทุนการศึกษาให้แก่บุตรของข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้างในกองบัญชาการ กองทัพภาคที่ 2"
    .
    พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธานพิธีมอบทุนการศึกษาแก่บุตรของข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้างภายในกองบัญชาการ และกองร้อยกองบัญชาการ กองทัพภาคที่ 2 ที่มีผลการเรียนดีและมีความประพฤติเรียบร้อย จำนวน 522 ทุน เป็นเงิน 1,627,000 บาท โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ อนุบาล – ม.3 , ม.4 – ม.6 และ ปวช., ปวส. – ปริญญาตรี
    .
    แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ทุนการศึกษาที่มอบในวันนี้เป็นเงินที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย จงใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขอให้ทุกคนประพฤติปฏิบัติตนแต่ในสิ่งที่ดีงาม ให้มุ่งมั่นตั้งใจ อยากทำอาชีพอะไร ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน แล้วหาวิธีการไปให้ถึง ให้อดทนใช้ช่วงเวลาศึกษาเล่าเรียนให้ดีที่สุดแล้วจะสบายในวันข้างหน้า หากเน้นสบายในวันนี้ บั้นปลายจะลำบาก ที่สำคัญให้เชื่อฟังพ่อแม่ และเป็นคนดีของสังคม

    #กองทัพภาคที่2
    #กองทัพบกRoyalThaiArmy
    #ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่2
    "แม่ทัพภาคที่ 2 มอบทุนการศึกษาให้แก่บุตรของข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้างในกองบัญชาการ กองทัพภาคที่ 2" . พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นประธานพิธีมอบทุนการศึกษาแก่บุตรของข้าราชการ พนักงานราชการ และลูกจ้างภายในกองบัญชาการ และกองร้อยกองบัญชาการ กองทัพภาคที่ 2 ที่มีผลการเรียนดีและมีความประพฤติเรียบร้อย จำนวน 522 ทุน เป็นเงิน 1,627,000 บาท โดยแบ่งเป็น 3 ระดับ ได้แก่ อนุบาล – ม.3 , ม.4 – ม.6 และ ปวช., ปวส. – ปริญญาตรี . แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวว่า ทุนการศึกษาที่มอบในวันนี้เป็นเงินที่ช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่าย จงใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ขอให้ทุกคนประพฤติปฏิบัติตนแต่ในสิ่งที่ดีงาม ให้มุ่งมั่นตั้งใจ อยากทำอาชีพอะไร ตั้งเป้าหมายให้ชัดเจน แล้วหาวิธีการไปให้ถึง ให้อดทนใช้ช่วงเวลาศึกษาเล่าเรียนให้ดีที่สุดแล้วจะสบายในวันข้างหน้า หากเน้นสบายในวันนี้ บั้นปลายจะลำบาก ที่สำคัญให้เชื่อฟังพ่อแม่ และเป็นคนดีของสังคม #กองทัพภาคที่2 #กองทัพบกRoyalThaiArmy #ศูนย์ประชาสัมพันธ์กองทัพภาคที่2
    0 Comments 0 Shares 380 Views 0 Reviews
  • ..มโนเล่นๆ อาจร่ายยาวเพลินๆก็ขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยแก่ผู้ที่ล็อกอินผ่านมาเจอ.

    ....เอาจริงๆนะ ชุมชนthaitimeตั้งเป็นชุมชนเตรียมอุดมจัดตั้งคณะบริหารชาติภาคมหาประชาชนเลย,หรือฮับศูนย์กลางแหล่งลงทะเบียนรับสมาชิกภาคประชาชนคนไทยเราเพื่อนำไปสู่การตั้งพรรคการเมืองภาคประชาชนก็ว่า,ใช้แอปแพลตฟอร์มthaitimeนี้เป็นรุ่นทดลองทดสอบโมเดลสำรวจความต้องการก่อนก็ได้ หรือว่าที่พรรคการเมืองตัวแทนภาคประชาชนคนไทยจริงจังในอนาคตนั้นเอง,ลงทะเบียนสำรวจความสนใจเบื้องต้นก็ได้ แบบกดลงมติเห็นด้วยไม่เห็นด้วยได้เลย,เช่นใครก็ตามเข้ามาใช้thaitimeสามารถมีอีกช่องทางเลือกหนึ่งว่า ปุ่มรับลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมเป็นว่าที่สมาชิกพรรคการเมืองภาคประชาชนคนไทยระดับทั้งคนประเภทไทบ้านออฟไลน์และออนไลน์ได้เพียงให้ลูกหลานลงทะเบียนในช่องสำรวจร่วมจัดตั้งพรรคนี้อย่างยินยอมเต็มใจได้ ก็สามารถให้คนที่เข้ามาใช้ช่วยกดลงมติเห็นด้วยได้และเข้าไปลงทะเบียนรุ่นโมเดลทดลองเป็นว่าที่สมาชิกพรรคการเมืองภาคประชาชนได้,เช่นคนมาเล่นthaitimeตลอดปีและลงทะเบียนเป็นสมาชิกพรรคการเมืองภาคประชาชนอย่างเต็มใจถึง 30-40ล้านคน แพลตฟอร์มนี้สมาชิกประเมินและประมวลผลติดตามได้ทันที ส่งสิทธิการยืนยันตัวตนจริงจังอีกครั้งว่าจากสถานะว่าที่สมาชิกจะเป็นสมาชิกพรรคการเมืองภาคประชาชนอย่างสมบูรณ์แล้วนะเมื่อกดปุ่มยืนยันตามนี้ ระบบจะรันรายชื่อสมาชิกที่ลงทะเบียนไว้แล้วว่าที่สมาชิกนั้นเป็นสมาชิกจริง100%ทันทีเพื่อความเป็นพรรคการเมืองภาคประชาชนจะได้สมบูรณ์จริงต่อไป,
    ..เลือกตั้งสมัยหน้า (อาจแค่สมาชิกและครอบครัวคนที่เป็นหนี้กยศ.อาจเป็นสมาชิกพรรคทั้งหมดด้วยกว่า6ถึง10ล้านคนเครือญาติพี่น้องเขาที่มีสิทธิ์กาเลือกตั้งได้)ไทบ้าน&ประชาชนทั่วประเทศสามารถสื่อสารการบริหารจัดการปกครองประเทศร่วมกันผ่านแอปนี้ได้ทันที,อาจใช้ระบบควอนตัมบริหารจัดการข้อมูลดาต้าสมาชิกและปัญหาคำถามใดเพื่อขจัดปัญหาที่ไม่ดีในอนาคตได้อย่างราบรื่น,เช่นลงมติว่า พรรคthatimeถึงเวลายึดคืนบ่อปิโตรเลียมไทยที่ถูกปล้นนานมาแล้วคืนสู่สามัญเดิมในอธิปไตยชาติไทยเถอะก็ว่า โมฆะสัมปทานทั้งหมดก็ว่า เป็นต้น,หรือล้างหนีักยศ.เลย กว่าแบบอเมริกาสมัยไบเดนทำคือล้างหนี้ช่วยนักเรียนนักศึกษาอเมริกาขั้นต่ำของเขาจริงต่อคนที่10,000$หรือ350,000บาทต่อหนี้กยศ.คนอเมริกาต่อคน และแบบสูงสุดมีเงื่อนไขบ้างที่20,000$หรือ700,000บาทต่อคนของประเทศเขาอเมริกา,แต่ชาติไทยเราอาจล้างหนี้และยกเลิกหนี้แก่เยาวชนไทยเราทั้งหมดได้สบายมาก,สู่ยุคการศึกษาที่ประเทศเรา ใครคนไทยอยากเรียนไม่ต้องมีหนี้นั้นเองได้แล้ว,ยุบกยศ.ทิ้งเลยด้วย กูรูบ้างท่านบอกว่า สัญลักษณ์กยศ.หากดูดีๆมันคือโลโก้สไตล์สัญลักษณ์ปิระมิทของพวกซาตานฝ่ายมืด จะเป็นไปเพื่อกดขี่ บังคับข่มเหงในองค์กรหน่วยงานนั้นๆที่ทำโลโก้สัญลักษณ์บอกแสดงออกมา,กยศ.ไทยเราปกติไม่เคยทำตราโลโก้องค์กรแบบที่ว่านั้น แต่พึ่งมาเปรียบใหม่ๆช่วงฝ่ายแสงกับฝ่ายมืดรบกันจริงจังแบบเปิดเผยเปิดหน้าชัดเจนไม่แอบซ่อนเหมือนดั่งในอดีตแล้ว,มันจึงเสมือนชัดเจนเจาะจงว่ากยศ.ไทยที่โทนี่คิดค้นสร้างทำในยุคตนขึ้นปกครองมีการวางแผนเพื่อกดขี่เยาวชนนักศึกษาไทยด้วยทาสหนี้ทาสตังมานานแล้วคือมุกวางหมากวางเกมส์นี้สร้างขึ้นเพื่องานนีัหวังผลชัดเจนนั้นเองและผลลัพธ์ชัดแจ้งคือยุคปัจจุบันนี้ล่ะ,สิ่งใดที่ฝ่ายมืดทำขึ้นมันมุ่งใช้งานไปทางไม่ดีแน่นอน,เมื่อเยาวชนคนรุ่นต่อไปจมในกับดักหนี้แต่แรกเริ่มเรียนเริ่มทำงาน ชาติจะอ่อนแอย่อมง่ายมากแบบเห็นชัดในปัจจุบันผ่านเยาวชนที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ในสังคมชุมชนตนอยู่ในคอกหนี้กรอบหนี้ทัังบีบในหนี้ที่อยู่ในระบบ บีบจนต้องมาพึ่งหนีัฝ่ายมืดฝ่ายนอกระบบที่ก็เป็นของพวกมันสร้างวางแผนรอดักทางเตรียมไว้แล้ว,สุดท้ายเยาวชนไทยติดหนี้ทัังในระบบ ถูกเล่นงานทั้งพวกหนี้นอกระบบ และถูกเอารัดเอาเปรียบในระบบธุรการงานราชการจากการทำเรื่องในหน่วยงานอื่นๆอีก พวกทวงหนี้จนถึงยึดทรัพย์บังคับขาย ต่างได้ตังได้เงินทองจากทาสหนี้ทาสตังในระบบและนอกระบบสิ้น,ซวยและเหยื่อที่ดีคือเยาวชนเด็กนักเรียนนักศึกษาเราแม้เติบโตเข้าสังคมระบบกลไกสัมมาอาชีพชอบระดับประเทศ ก็จะตายเพราะสัมมาอาชีพชั่วเลวของคนฝ่ายมารมืดซาตานที่อยู่เป็นองค์กรเลวระดับใหญ่มีอำนาจในระดับชาติ ปะปนในหน่วยงานระบยราชการที่ล้มเหลวอีก ซวยคือประชาชน ลูกหลานและผู้ปกครองเขา,จึงทำลายกยศ.ที่ฝ่ายมืดจัดตั้งดีที่สุด ตัดตอนจบเรื่องทันที เพราะเมื่อเหตุเลว ผลยอมเลวตามมาชัดเจน,ฝ่ายมืดก่อตั้ง มันจะดีได้อย่างไร กฎหมายใดๆกติกาเงื่อนไขใดๆมันย่อมสนองที่ต้นเหตุเป้าหมายการจัดตั้งก่อตั้งขึ้นมา,แก้แบบใดๆก็ไม่ใช่ทาง,ทุบก่อตัังใหม่จากฝ่ายแสงฝ่ายดีทำเอง เหตุเพื้อก่อมาดี ผลย่อมได้ดีตามมาจากเหตุ,อาทิ กยศ.ยุบทุบทิ้ง เกิดใหม่ว่า กองทุนการศึกษาแห่งชาติไทย กศช. เป้าหมาย คนไทยทุกๆคนสามารถเรียนฟรีตลอดชีพ ขั้นต่ำสูงสุดตามใจต้องการเช่นป.เอกในหมู่วัยเล่าเรียน,ในหมู่ประชาชนทั่วไป มีสถาบันฝึกทักษะสัมมาอาชีพเกือบทุกๆประเภทเพื่อให้ประชาชนคนไทยพึ่งพาสัมมาอาชีพตนเองยืนด้วยขาตนเองได้จริง มีทุนสัมมาอาชีพเริ่มต้นให้ทุกๆคน ตั้งแต่เยาวชนนักเรียนนักศึกษาเราที่จบใหม่ๆหรือประชาชนทั่วไปที่ผ่านการฝึกอบรบทักษะอาชีพใดๆที่สนใจ ไร้ทุนตังตั้งสัมมาอาชีพ สามารถยืมฟรีๆได้ ไม่มีดอกเบี้ย,มีรายได้ในสัมมาอาชีพนั้นๆที่เหลือใช้สามารถฝากตังไร้ดอกเบี้ยเงินฝากที่กองทุนสัมมาอาชีพ ฝากถอนสร้างสภาพคล่องได้เองตลอดเวลา,เช่นแต่ละหมู่บ้าน80,000ชุมชนทั่วประเทศ,แบงค์ชาติโอนตังเข้ากองทุนสัมมาอาชีพแต่ละชุมชนๆละ10ล้านบาทเบื้องต้นให้คนในชุมชนนั้นๆมายืมไปสร้างสัมมาอาชีพได้ในแต่ละปี เป็นตัง800,000ล้านบาทต่อปีเอง เทียบกับรายได้จากบ่อน้ำมัน เหมืองแร่ทองคำ แร่ทรัพยากรมีค่ามากมายบนแผ่นดินไทย มันมีตังมากมายมหาศาลกว่า100ล้านล้านบาทต่อปีแน่นอนถ้าบริหารจัดการแบบไม่ทุจริตโกงกินแผ่นดินไทยในปัจจุบัน,1ชุมชนไทบ้าน คนสนใจไปสร้างสัมมาอาชีพต่างๆในชุมชนตนเองอาจคนละ100,000บาทยืมสูงสุดก็ช่วยได้100คนหรือ100ครัวเรือนต่อปีเลย,ชุมชนนัันๆปลูกเลี้ยงนั้นนีัส่งออก ยืนด้วยขาตนเองได้มาคืนตังในปีที่สามทันที10ล้านบาทก็สามารถปล่อยยืมหมุนเวียนในชุมชนได้ตลอดเวลาอีก,บวกคน100คนนั้นๆมีรายได้รวมต่อปีเกิน1ล้านบาทอีกเหลือใช้อาจมาแบ่งฝากหมุนเวียนตลอดปีคนละ500,000บาทก็50ล้านบาทประจำชุมชนท้องถิ่นนั้นๆเลย,ความสามัคคีในชุมชนจะแน่นหนาเป็นเครือข่ายกว่า80,000หมู่บ้านชุมชนทั่วประเทศอีก,มีตลาดออนไลน์แบบแพลตฟอร์มthatimeส่งเสริมสนับสนุนการค้าเสรีบนโลกออนไลน์ทั่วโลกอีกจะเกิดอะไรขึ้น ตังหมุนเวียนซื้อขายในแอปอาจกว่า1ล้านล้านบาทต่อวันทั่วโลกก็ได้,ไม่รวมตลาดออฟไลน์แบบตลาดร้านค้าชุมชนหมู่บ้านอีก แบบกองทุนร้านค้าชุมชนในหลายๆหมู่บ้านยังมีเปิดค้าขายของใช้สอยในชุมชนอยู่,สามารถใช้ตังกองทุนฯไปสร้างตลาดชุมชนประจำอำเภอ จังหวัดเป็บฮับพบเจอกันต่อคนซื้อคนขายราคาไม่แพงตรงจากผู้ผลิตอีก แผงผักแผงปลาแผงผลไม้สาระพัดอาหารอุปโภคบริโภค ประชาชนสัมมาอาชีพมีตัง นำตังมากมายมาฝากไว้ในกองทุนอีก กองทุนตังล้นระบบสถาบันแน่นอน ปกติตังสะพัดทั้งประเทศกว่า40-50ล้านล้านบาทต่อปี อนาคตทั้งตลาดออนไลน์และออฟไลน์ในประเทศ อาจกว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปีในประเทศไทยบวกทั่วโลกเข้าไทยจะขนาดไหน,เราไม่ต้องขุดสมบัติชาติทรัพยากรแผ่นดินไทยขึ้นมาอีกก็ได้ ต่อยอดอะไรๆต่อไปได้สาระพัดเลย,ฮับโรงพยาบาลโลกที่มีทั้งแบบสมุนไพรไทยผสมผสานล้ำๆเทคโนโลยีโลกAIหุ่นยนต์ชีวภาพ&มนุษย์กึ่งหุ่นยนต์AIซึ่งคนเราอาจพิการตาแขนขาอาจใช้แขนขาจักรกลผสมผสานรักษาทางการแพทย์ได้ลงตัวในไทยเราเติมเต็มตอบโจทย์ผู้คนทั่วโลกให้มารักษาในไทยอย่างสบายใจสะดวกสบายปลอดภัยในสุขภาพร่างกายได้เป็นต้น,สงกรานต์ไทยกินขาดแล้วด้านมิติท่องเที่ยวในช่วงหนึ่งๆ ต่อยอดขายอะไรต่อมิอะไรมากมายในไทยอีก ร่ำรวยโคตรๆก็ว่า,เราจะชัดเจนว่า การปกครองเราเองล้มเหลว ปกครองที่ผิดพลาดและไม่ยอมแก้ไขปรับปรุง มั่นคงให้คนไทยตนเองยากจนทุกข์ยาก,ทาสตังทาสหนี้ ทาสค่าครองชีพแพงในแบบไทยๆภายในไทยเราเองจึงต้องทำลายสถานะทาสนี้ทั้งหมดทันที,พักงานนักการเมืองทั้งหมด สส.สว.ทั้งหมด,ยุบองค์กรกยศ.หรือทุบทิ้งกยศ.ไทยด้วยก็ว่า, อเมริกาล้างหนี้เรียนสมัยไบเดนกว่า350,000บาทต่อคนได้ ทัังที่สภาพหนี้เขากว่า30ล้านล้าน$ยังสามารถทำได้,มองมาไทย สว.ยินยอมลงมติล้างหนี้เยาวชนไทยจากกยศ.ที่ก่อตั้งมาอย่างผิดพลาด หากสว.ตัดสินใจจริง &จริงใจในการห่วงใยเยาวชนไทยจริง จะตัดสินใจกล้าหาญโดยไม่ยาก,และสามารถคิดอ่านตัังหน่วยงานใหม่ให้เยาวชนไทยได้เล่าเรียนฟรีๆสูงๆโดยไม่ต้องมีหนี้สินติดตัวเป็นกำลังของชาติได้สบาย,
    ..thaitimeหากปลุกติดจริงแบบจุดเทียนช่วงสมัยพันธมิตรขับไล่โทนี่ออกจากประเทศได้สำเร็จและหากทำสุดซอย ยึดอำนาจในภาคมหาประชาชนด้วยได้สำเร็จ อาจไม่เสียของแบบทหารยึดอำนาจทั้งในอดีตและสมัยยึดอำนาจล่าสุดนั้นด้วยเสียของมากๆ ขายที่ดินให้ต่างชาติไร่ละ40ล้านบาทก็สามารถทำได้ ให้ต่างชาติเช่าที่ดินไทยแบบฮ่องกง99ปีก็สำเร็จจากทีมคณะยึดอำนาจไม้ต่อดำรงอำนาจการปกครองไทย ตลอดปล่อยสัมปทานสองแปลงอ่าวไทยให้คนอื่นจยชาติซาอุฯออกหน้าอย่างน่าเกียจด้วยปลื้มใจสำเร็จจะยึดสัมปทานน้ำมันไทยได้จนกะสร้างคลังแสงน้ำมันขนาดใหญ่ในไทยโน้น เหมืองทองคำก็ปล่อยให้ขุดต่อทั้งที่มีคดีกว่า15คดี,ผูกขาดพรบ.เม็ดพันธุ์ให้เอกชนยึดครองถ้าเกษตรกรฉีกซองเก็บเอาทำพันธุ์พืชต่อมีสิทธิ์ติดคุกทันทีแบบซาตานเอกชนฝรั่งทำสำเร็จแล้วโน้นก็ด้วยจะผ่านพรบ.500นี้ให้ได้จนประชาชนไม่ยอม ออกมาประท้วงจึงถอนพรบ.เหี้ยโจร500นี้ออกไปอีกตัว,นี้ยุคทหารอุบาทก์ยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญเก่งมากกล้ามากทุกๆยุคการยึดอำนาจรัฐประหารแต่ไม่กล้าขี้ขลาด&เขลากากกระจอกไม่กล้าแม้แต่จะฉีกกฎหมายลูกๆหลานๆที่เอาเปรียบแผ่นดินไทยตนเอง ปล้นชิงสมบัติทรัพยากรชาติไทยตนผ่านกฎหมายลูกกระทรวงทบวงกรมขี้ข้าทาสสัมปทานนั้นเลย เก่งกล้าแต่จะฉีกกฎหมายแม่รัฐธรรมนูญ มันเหี้ยมั้ยการปกครองไทยเรา,
    ..
    ..จริงๆthaitimeจึงสมควรที่เป็นเทียนชัยรุ่นบุกเบิกวางรากฐานที่ดีของภาคประชาชนคนไทยเราได้,ยิ่งมีนโยบายชัดไม่แสวงหากำไรมุ่งทำรายได้ผลประโยชน์ต่อสาธารณะมาเป็นของตัวของตนยิ่งจะเป็นแพลตฟอร์มที่ทรงคุณค่าแน่นอน,
    ..อาทิ ใครอยากจะร่วมจัดตั้งพรรคthaitimeภาคมหาชนคนไทยจริงก็มาลงทะเบียนเป็นสมาชิกพรรคที่นี้,มี40ล้านคนคือ40ล้านเสียงกาเลือกนายกภาคมหาประชาชนไทยจึงสะดวกต่อการสื่อสารแน่นอน,
    ..thaitimeเป็นแอปตลาดออนไลน์ของกองทุนตังสัมมาอาชีพคนไทยอีกยิ่งจะขนาดไหน,เลิกใช้แพลตฟอร์มอื่นๆของฝ่ายเอกชนต่างชาติอื่นๆจะแอปใดๆอีก มาพูดคุยแลกเปลี่ยนค้าขายออนไลน์ติดตระกร้าอิสระเสรีจะขนาดไหน,โฆษณาต่างๆตามมาตรึม มาช่วยคนพัฒนาแอปมีรายได้กำลังบริหารจัดการแอปมหาชนเราเสรีอีก,อาจอนาคตกว่าเดือนละ10ล้านบาทเข้าคนทำงานแอป แอปเรายิ่งต่อยอดแตกอำนวยความสะดวกเชิงบวกการทำตลาดค้าขายออนไลน์เสรีแก่ชุมชนสังคมแอปไทยนี้แน่นอนทั้งเปิดกว้างเสรีการค้าขายแลกเปลี่ยนทั่วโลกอีก คนทั้งโลกมาร่วมกันใช้แอปนี้ของไทยสัก5,000ล้านคนก็สุดยอดมากแล้ว พากันค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าการตลาดสาระพัดในแอปนี้อีก,คนไทยเรายิงสินค้าไทย&บริการไทยติดตาทั่วโลกได้สบายพันธมิตรการค้าเสรีกับชาวไทยคตธรรมดาเราอีก ขายตรงจากต้นน้ำถึงปลายน้ำเลย อาทิต่างชาติมาเห็นชุมชนหมู่บ้านเราปลูกพืชอินทรีย์ปลอดภัย สั่งซื้อยกชุมชนยกอำเภอ ตังกว่า10,000ล้าน$&หยวนหรือบาทไทยจะขนาดไหน,ตะวันตกขาดสินค้า ยุโรปขาดอาหาร สินค้าไทยมิตรทั่วโลกสั่งตรึม77จังหวัดๆละ100,000ล้านเหรียญหรือหยวนหรือบาทไทย,ในแต่ละเดือนๆ รวยร่ำๆเลยนะ,กองทุนสัมมาอาชีพที่แบงค์ชาติอัดให้ชุมชนละๆ10ล้านบาทหมุนเวียนต่อเนื่องคืนทุนต่อเนื่องในชุมชนแทบตลอดไปไม่เรียกคืนให้งอกเงยสบายมากๆ,
    ..พื้นฐานจริงๆคือฐานเยาวชนการศึกษาเรานี้ล่ะ เรียนไม่ต้องมีหนี้ติดตัวบวกอัดเงินส่งเสริมสร้างสัมมาอาชีพอิสระเสรีประยุกต์ทำได้หมด,บางคนอาจจบมารวมกลุ่มสมาคมขนาดใหญ่พัฒนาสร้างยานอวกาศบินออกนอกโลกโดยฝีมือเยาวชนไทยรุ่นท่องเที่ยวขนาดเล็กไม่เกิน10ที่นั่งก็อาจสบายมากเป็นต้น,ผีบ้าผู้ปกครองไทยกาก&กระจอกเสือกไม่ตั้งกยศ.ให้คนที่อยากเรียนไปเป็นทาสตังทาสหนี้สู่ทาสแรงงานรับใช้กดขี่อิสระภาพสัมมาอาชีพและความคิดล้ำๆคนไทย,ทัังที่แค่ยึดบ่อน้ำมันคืนบ่อทองคำคืนมาทำมาขายเองก็ร่ำรวยมหาศาลขนาดไหนแล้ว พะสาเศษตังไม่ถึงล้านล้านบาทนี้,เรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่มาดูดน้ำมันลงเรือมันไม่กี่ลำแบบเถื่อนๆลับที่พวกได้สัมปทานไปทำตรึมแน่นอนจนกูรูมากมายออกมาแฉตรึม ตีเป็นตังต่อปีอาจมากกว่า100ล้านล้านบาทที่หายไปจากแผ่นดินไทยจนถึงปัจจุบันโน้น.,ยุบกยศทิ้งเถอะ,ไบเดนว่ากากๆยังล้างหนี้ช่วยเยาวชนคนอเมริกาถึงคนละ10,000-20,000$ต่อคนโน้นหรือตังไทย35฿:1$คือ350,000-700,000บาทต่อคนโน้น,แบบไม่ต้องทวงตามหนี้ค่ายืมเล่าเรียนอะไรเลย,เขาลงทุนในเยาวชนลูกหลานเขาเอง เลี้ยงลูกหลานเขาเองจะเป็นอะไร,ย่อมาดูไทยเราอุบาทก์บัดสบ&เหี้ยกากกระจอกตั้งแต่ยกบ่อน้ำมันเต็มประเทศให้เอกชนชาติอื่นหรือหัวดำเอกชนปลอมเป็นต่างชาติก็เถอะหรือบ่อทองคำตรึมก็ด้วยลากยาวทับถมมหาศาลทั่อ่าวไทยเราอีก มันโคตรร่ำรวยมหาศาลเสือกปกครองบ้านเมืองไทยตนเองให้เก็กๆลูกหลานเยาวชนไทยตนนักเรียนนักศุกษาตนมรึงๆอยากเรียนอะไรใส่ความรู้องค์รู้ใส่หัวใส่มันสมองฝึกเหี้ยอะไรทักษะมรึงๆอยากเรียนสูงๆบนแผ่นดินไทยตนมรึงนี้ต้องเป็นหนี้ต้องมีหนี้ต้องติดหนี้โว้ย,ชนชั้นไพร่ประชาชนธรรมดาสามัญลูกตาสีตาสายามาทวดวัวควายสะพายวัวควายเคยเลิกทาสขี้ข้ารับใช้มา,ไม่ได้เป็นไม่ใช่แบบชนชั้นอำมาตย์ขุนนางเจ้าพระมีโรงเรียนทุนโรงเรียนชนชั้นคนปกครองอำมาตย์ขุนนางเจ้าพระยาแบบกูมีตังมากมายกองเป็นภูเขาตำแหน่งราชการใหญ่โตคับเมือง คหบดีพ่อค้าร่ำรวยผูกขาดวงการาชหลวงฝ่ายครองเมืองแบบพวกกู&โควต้าเพียบ&อุปถัมภพตรึม&เส้นสายอัพเกรดเรเวลแบบใดๆกูมีหมดแบบพวกกูชนชั้นปกครอง ไม่ใช่แบบพวกมรึงชนชั้นทาสไพร่พวกเลิกทาสสืบเชื้อสายรับใช้ขี้ข้ามาถึงปัจจุบัน มีอิสระไทหน่อยนิดต้องมีเป็นหนี้มีหนี้ อยากเรียนเพราะจนต้องมีหนี้ติดตัวโว้ย&ว่ะ!!!,นี้คือประเทศกูมี.,อยากเรียนต้องเป็นหนีันะประชาชนคนจนๆธรรมดา&ดิ้นรนหาแดกหางานเอาเองนะ กรมแรงงานหน่วยกูมีไม่ประสานงานเหี้ยหาอะไรหรอกระหว่างจะจบเรียน,&ไม่ควบคุมแรงงานกิจการบริษัทใดๆด้วย,คนไทยจริงๆต้องได้งานก่อนทำงานก่อน,อยากจ้างต่างชาติต่างด้าวก็ไปตั้งกิจการบริษัทโรงงานที่ประเทศต่างด้าวต่างชาตินั้น,กรมแรงงานสมควรยุบไปด้วย.,โรงงานใดๆจะเปิดโรงงานเปิดกิจการเปิดบริษัทต้องมาขอคนงานตรงผ่านกระทรวงแรงงานจัดสรรคนไทยลงไปทำงานหรือติดต่อคนงานไทยนั้นๆไปพบกรมจัดสรรคนงานก่อนตนจึงค่อยอนุมัตรับคนที่ตนต้องการได้มาทำที่ตนและตรงเงื่อนไขว่าต้องจ้างคนไทยก่อนทุกๆกรณี ไม่พอจึงจ้างต่างด้าวโดยต้องขออนุญาต อนุมัติจากกระทรวงทบวงกรมและสังเกตุประพฤติคนงานต่างด้าวก่อนทุกๆกรณี&สแกนคุณสมบัติทั้งหมดทั้งเข้าเมืองถูกต้อง ไม่มีคดีก่ออาชญากรรมต่างๆทั้งในประเทศต้นทางและในไทย และอื่นๆตรึม&ซึ่งคนไทยต้องมีงานทำก่อนทุกๆกรณีก่อนคนต่างชาติต่างด้าว&ติดตามสุขภาพการทำงานของคนงานไทยตนด้วย,กรมแรงงานเราเลอะเทอะ โรงงานต่างชาติเอาแรงงานชาติมันมาทำเต็มโรงงานบนแผ่นดินไทย แย่งที่ดินที่อาศัยคนไทยแย่งอากาศหายใจคนไทย แย่งชิงน้ำเพื่อสนองภาคอุตสาหกรรมโรงงานต่างๆไปจากคนไทยและมากมายที่ดินที่ประเทศเสียอธิปไตยจากเขตเศรษฐกิจพิเศษผีบ้ามากมายที่มุกมันอ้างทำอ้างสร้างขึ้น,คนไทยธรรมดาเข้าพื้นที่มันไปดูสิ่งผิดปกติได้ที่ไหน.เป็นดินแดนปกครองตนเอง&ที่อยู่มันไปเลยเป็นเขตอธิปไตยกว่าสถานฑูตอีกล่ะ.นี้คือการปกครอง&วิถีปกครองที่ผิดพลาด&ล้มเหลว&กากบวกเหี้ยไปยกอธิปไตยไทยมากมายแก่คนอื่นชาติอื่นนั้นเอง,จึงต้องโมฆะทั้งหมดเพื่อคืนสู่สามัญแก่ประเทศไทยเรา.,หรือทั้งประเทศไทยทั้งหมดคนไทยย้ายไปประเทศจีนประเทศอินโดอินเดีย ไปอยู่ในบ้านในเมืองคนอื่นมั้ยล่ะ,เขาคงถีบออกมาทั้งหมดล่ะ,แผ่นดินไทยเสือกไม่รักษาหวงแหนปกป้องร่วมกันไว้แล้วเราจะถอยจะย้ายจะไปอยู่ไหนล่ะ,ที่ตั้งเดิมเรามีปัจจุบันแล้ว เขาเข้ามารุกมาบุกจะมามุกใดๆเราก็โมฆะขับไล่ได้หมดล่ะจะเกรงใจทำพ่อทำโคตรพ่อโคตรแมร่งมันอะไร เราถอยหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้วนะ,เยาวชนไทยเขาจะทำลายผ่านตังผ่านระบบการศึกษาผ่านมุกหนี้ตังคนอยากเรียน,แก้มุกมันเลยคือยุบทิ้งล้างไพ่มันทันทีคือยุบกยศ. ปลดปล่อยเด็กๆเยาวชนคนที่เติบโตเป็นประชาชนคนไทยเราเองเป็นอิสระภาพจะกั้กเอาดูหรูทำเท่ห่าสวรรค์วิมานห่าอะไร เสียบ่อน้ำมันเสียบ่อทองคำมากมายตีเป็นเงินโคตรมหาศาลเสือกเสียดายตังกะทวงหนี้ทำไมแก่ลูกๆหลานคนไทยตนเอง,พวกโกงปล้นชาติแบบนักการเมืองเลวข้าราชการชั่วตีค่าเป็นเงินเป็นตังอาจกว่า100ล้านล้านบาทแล้วถึงปัจจุบันที่เราสูญเสียไปทางลับๆใต้บัญชีใต้ดินต่างๆไม่รวมกรณีฟอกตังในอดีตแบบเกาะเคแมนหรือเกาะเถื่อนๆต่างๆทั่วโลกที่ชนชั้นผู้ดีชนชั้นปกครองเจ้าสัวเจ้าพระลูกหลานคนสถุนต่อแผ่นดินไทยไปเปิดกิจการบริษัทไว้อีกนะ,
    ..มโนเล่นๆ สมมุติพรรคthaitimeได้เป็นนายกฯปกครองประเทศ นอกจากนโยบายหลักข้อแรกที่อยากให้ตั้งชัดเจนคือนยึดคืนวัตถุดิบทรัพยากรพัฒนาชาติไทยทั้งหมดยึดกลับคืนมา.ข้อที่สองคือยุบกยศ.ทิ้ง&ล้างหนี้นักเรียนนักศึกษาคนไทยทั้งหมดทุกๆกรณี แล้วตั้งกองทุนการศึกษาแห่งชาติไทย(กศช.)ขึ้นมาแทน,ที่สามคือล้างหนี้ประชาชนธรรมดาทั้งหมดคืนอิสระภาพแห่งชีวิตให้ทุกๆเป็นอิสระแห่งหนี้สินจริงๆจังๆ. ยุคอนาคตเชื่อว่าเราประเทศเราประชาชนคนไทยไม่แพ้ใครๆในโลกแน่นอน เพราะคนอัจฉริยะมากมายจะมาเกิดบนแผ่นดินไทยเป็นอันมาก,ด้วยสนามแม่เหล็กโลกพลิกเปลี่ยนก็ด้วยทำให้มันสมองตานัยเราคนไทยเปิดอัตโนมัติแบบไม่รู้ตัวก็ด้วย,ทั้งพื้นฐานรากเหง้าเรามีภูมิจิตภูมิธรรมเป็นเอกอยู่แล้วด้วย.

    https://youtube.com/live/e8H6CbIqBhw?si=_3UqmfFzhuI8-pW8


    ..มโนเล่นๆ อาจร่ายยาวเพลินๆก็ขออภัยไว้นะที่นี้ด้วยแก่ผู้ที่ล็อกอินผ่านมาเจอ. ....เอาจริงๆนะ ชุมชนthaitimeตั้งเป็นชุมชนเตรียมอุดมจัดตั้งคณะบริหารชาติภาคมหาประชาชนเลย,หรือฮับศูนย์กลางแหล่งลงทะเบียนรับสมาชิกภาคประชาชนคนไทยเราเพื่อนำไปสู่การตั้งพรรคการเมืองภาคประชาชนก็ว่า,ใช้แอปแพลตฟอร์มthaitimeนี้เป็นรุ่นทดลองทดสอบโมเดลสำรวจความต้องการก่อนก็ได้ หรือว่าที่พรรคการเมืองตัวแทนภาคประชาชนคนไทยจริงจังในอนาคตนั้นเอง,ลงทะเบียนสำรวจความสนใจเบื้องต้นก็ได้ แบบกดลงมติเห็นด้วยไม่เห็นด้วยได้เลย,เช่นใครก็ตามเข้ามาใช้thaitimeสามารถมีอีกช่องทางเลือกหนึ่งว่า ปุ่มรับลงทะเบียนเพื่อเข้าร่วมเป็นว่าที่สมาชิกพรรคการเมืองภาคประชาชนคนไทยระดับทั้งคนประเภทไทบ้านออฟไลน์และออนไลน์ได้เพียงให้ลูกหลานลงทะเบียนในช่องสำรวจร่วมจัดตั้งพรรคนี้อย่างยินยอมเต็มใจได้ ก็สามารถให้คนที่เข้ามาใช้ช่วยกดลงมติเห็นด้วยได้และเข้าไปลงทะเบียนรุ่นโมเดลทดลองเป็นว่าที่สมาชิกพรรคการเมืองภาคประชาชนได้,เช่นคนมาเล่นthaitimeตลอดปีและลงทะเบียนเป็นสมาชิกพรรคการเมืองภาคประชาชนอย่างเต็มใจถึง 30-40ล้านคน แพลตฟอร์มนี้สมาชิกประเมินและประมวลผลติดตามได้ทันที ส่งสิทธิการยืนยันตัวตนจริงจังอีกครั้งว่าจากสถานะว่าที่สมาชิกจะเป็นสมาชิกพรรคการเมืองภาคประชาชนอย่างสมบูรณ์แล้วนะเมื่อกดปุ่มยืนยันตามนี้ ระบบจะรันรายชื่อสมาชิกที่ลงทะเบียนไว้แล้วว่าที่สมาชิกนั้นเป็นสมาชิกจริง100%ทันทีเพื่อความเป็นพรรคการเมืองภาคประชาชนจะได้สมบูรณ์จริงต่อไป, ..เลือกตั้งสมัยหน้า (อาจแค่สมาชิกและครอบครัวคนที่เป็นหนี้กยศ.อาจเป็นสมาชิกพรรคทั้งหมดด้วยกว่า6ถึง10ล้านคนเครือญาติพี่น้องเขาที่มีสิทธิ์กาเลือกตั้งได้)ไทบ้าน&ประชาชนทั่วประเทศสามารถสื่อสารการบริหารจัดการปกครองประเทศร่วมกันผ่านแอปนี้ได้ทันที,อาจใช้ระบบควอนตัมบริหารจัดการข้อมูลดาต้าสมาชิกและปัญหาคำถามใดเพื่อขจัดปัญหาที่ไม่ดีในอนาคตได้อย่างราบรื่น,เช่นลงมติว่า พรรคthatimeถึงเวลายึดคืนบ่อปิโตรเลียมไทยที่ถูกปล้นนานมาแล้วคืนสู่สามัญเดิมในอธิปไตยชาติไทยเถอะก็ว่า โมฆะสัมปทานทั้งหมดก็ว่า เป็นต้น,หรือล้างหนีักยศ.เลย กว่าแบบอเมริกาสมัยไบเดนทำคือล้างหนี้ช่วยนักเรียนนักศึกษาอเมริกาขั้นต่ำของเขาจริงต่อคนที่10,000$หรือ350,000บาทต่อหนี้กยศ.คนอเมริกาต่อคน และแบบสูงสุดมีเงื่อนไขบ้างที่20,000$หรือ700,000บาทต่อคนของประเทศเขาอเมริกา,แต่ชาติไทยเราอาจล้างหนี้และยกเลิกหนี้แก่เยาวชนไทยเราทั้งหมดได้สบายมาก,สู่ยุคการศึกษาที่ประเทศเรา ใครคนไทยอยากเรียนไม่ต้องมีหนี้นั้นเองได้แล้ว,ยุบกยศ.ทิ้งเลยด้วย กูรูบ้างท่านบอกว่า สัญลักษณ์กยศ.หากดูดีๆมันคือโลโก้สไตล์สัญลักษณ์ปิระมิทของพวกซาตานฝ่ายมืด จะเป็นไปเพื่อกดขี่ บังคับข่มเหงในองค์กรหน่วยงานนั้นๆที่ทำโลโก้สัญลักษณ์บอกแสดงออกมา,กยศ.ไทยเราปกติไม่เคยทำตราโลโก้องค์กรแบบที่ว่านั้น แต่พึ่งมาเปรียบใหม่ๆช่วงฝ่ายแสงกับฝ่ายมืดรบกันจริงจังแบบเปิดเผยเปิดหน้าชัดเจนไม่แอบซ่อนเหมือนดั่งในอดีตแล้ว,มันจึงเสมือนชัดเจนเจาะจงว่ากยศ.ไทยที่โทนี่คิดค้นสร้างทำในยุคตนขึ้นปกครองมีการวางแผนเพื่อกดขี่เยาวชนนักศึกษาไทยด้วยทาสหนี้ทาสตังมานานแล้วคือมุกวางหมากวางเกมส์นี้สร้างขึ้นเพื่องานนีัหวังผลชัดเจนนั้นเองและผลลัพธ์ชัดแจ้งคือยุคปัจจุบันนี้ล่ะ,สิ่งใดที่ฝ่ายมืดทำขึ้นมันมุ่งใช้งานไปทางไม่ดีแน่นอน,เมื่อเยาวชนคนรุ่นต่อไปจมในกับดักหนี้แต่แรกเริ่มเรียนเริ่มทำงาน ชาติจะอ่อนแอย่อมง่ายมากแบบเห็นชัดในปัจจุบันผ่านเยาวชนที่เติบโตเป็นผู้ใหญ่ในสังคมชุมชนตนอยู่ในคอกหนี้กรอบหนี้ทัังบีบในหนี้ที่อยู่ในระบบ บีบจนต้องมาพึ่งหนีัฝ่ายมืดฝ่ายนอกระบบที่ก็เป็นของพวกมันสร้างวางแผนรอดักทางเตรียมไว้แล้ว,สุดท้ายเยาวชนไทยติดหนี้ทัังในระบบ ถูกเล่นงานทั้งพวกหนี้นอกระบบ และถูกเอารัดเอาเปรียบในระบบธุรการงานราชการจากการทำเรื่องในหน่วยงานอื่นๆอีก พวกทวงหนี้จนถึงยึดทรัพย์บังคับขาย ต่างได้ตังได้เงินทองจากทาสหนี้ทาสตังในระบบและนอกระบบสิ้น,ซวยและเหยื่อที่ดีคือเยาวชนเด็กนักเรียนนักศึกษาเราแม้เติบโตเข้าสังคมระบบกลไกสัมมาอาชีพชอบระดับประเทศ ก็จะตายเพราะสัมมาอาชีพชั่วเลวของคนฝ่ายมารมืดซาตานที่อยู่เป็นองค์กรเลวระดับใหญ่มีอำนาจในระดับชาติ ปะปนในหน่วยงานระบยราชการที่ล้มเหลวอีก ซวยคือประชาชน ลูกหลานและผู้ปกครองเขา,จึงทำลายกยศ.ที่ฝ่ายมืดจัดตั้งดีที่สุด ตัดตอนจบเรื่องทันที เพราะเมื่อเหตุเลว ผลยอมเลวตามมาชัดเจน,ฝ่ายมืดก่อตั้ง มันจะดีได้อย่างไร กฎหมายใดๆกติกาเงื่อนไขใดๆมันย่อมสนองที่ต้นเหตุเป้าหมายการจัดตั้งก่อตั้งขึ้นมา,แก้แบบใดๆก็ไม่ใช่ทาง,ทุบก่อตัังใหม่จากฝ่ายแสงฝ่ายดีทำเอง เหตุเพื้อก่อมาดี ผลย่อมได้ดีตามมาจากเหตุ,อาทิ กยศ.ยุบทุบทิ้ง เกิดใหม่ว่า กองทุนการศึกษาแห่งชาติไทย กศช. เป้าหมาย คนไทยทุกๆคนสามารถเรียนฟรีตลอดชีพ ขั้นต่ำสูงสุดตามใจต้องการเช่นป.เอกในหมู่วัยเล่าเรียน,ในหมู่ประชาชนทั่วไป มีสถาบันฝึกทักษะสัมมาอาชีพเกือบทุกๆประเภทเพื่อให้ประชาชนคนไทยพึ่งพาสัมมาอาชีพตนเองยืนด้วยขาตนเองได้จริง มีทุนสัมมาอาชีพเริ่มต้นให้ทุกๆคน ตั้งแต่เยาวชนนักเรียนนักศึกษาเราที่จบใหม่ๆหรือประชาชนทั่วไปที่ผ่านการฝึกอบรบทักษะอาชีพใดๆที่สนใจ ไร้ทุนตังตั้งสัมมาอาชีพ สามารถยืมฟรีๆได้ ไม่มีดอกเบี้ย,มีรายได้ในสัมมาอาชีพนั้นๆที่เหลือใช้สามารถฝากตังไร้ดอกเบี้ยเงินฝากที่กองทุนสัมมาอาชีพ ฝากถอนสร้างสภาพคล่องได้เองตลอดเวลา,เช่นแต่ละหมู่บ้าน80,000ชุมชนทั่วประเทศ,แบงค์ชาติโอนตังเข้ากองทุนสัมมาอาชีพแต่ละชุมชนๆละ10ล้านบาทเบื้องต้นให้คนในชุมชนนั้นๆมายืมไปสร้างสัมมาอาชีพได้ในแต่ละปี เป็นตัง800,000ล้านบาทต่อปีเอง เทียบกับรายได้จากบ่อน้ำมัน เหมืองแร่ทองคำ แร่ทรัพยากรมีค่ามากมายบนแผ่นดินไทย มันมีตังมากมายมหาศาลกว่า100ล้านล้านบาทต่อปีแน่นอนถ้าบริหารจัดการแบบไม่ทุจริตโกงกินแผ่นดินไทยในปัจจุบัน,1ชุมชนไทบ้าน คนสนใจไปสร้างสัมมาอาชีพต่างๆในชุมชนตนเองอาจคนละ100,000บาทยืมสูงสุดก็ช่วยได้100คนหรือ100ครัวเรือนต่อปีเลย,ชุมชนนัันๆปลูกเลี้ยงนั้นนีัส่งออก ยืนด้วยขาตนเองได้มาคืนตังในปีที่สามทันที10ล้านบาทก็สามารถปล่อยยืมหมุนเวียนในชุมชนได้ตลอดเวลาอีก,บวกคน100คนนั้นๆมีรายได้รวมต่อปีเกิน1ล้านบาทอีกเหลือใช้อาจมาแบ่งฝากหมุนเวียนตลอดปีคนละ500,000บาทก็50ล้านบาทประจำชุมชนท้องถิ่นนั้นๆเลย,ความสามัคคีในชุมชนจะแน่นหนาเป็นเครือข่ายกว่า80,000หมู่บ้านชุมชนทั่วประเทศอีก,มีตลาดออนไลน์แบบแพลตฟอร์มthatimeส่งเสริมสนับสนุนการค้าเสรีบนโลกออนไลน์ทั่วโลกอีกจะเกิดอะไรขึ้น ตังหมุนเวียนซื้อขายในแอปอาจกว่า1ล้านล้านบาทต่อวันทั่วโลกก็ได้,ไม่รวมตลาดออฟไลน์แบบตลาดร้านค้าชุมชนหมู่บ้านอีก แบบกองทุนร้านค้าชุมชนในหลายๆหมู่บ้านยังมีเปิดค้าขายของใช้สอยในชุมชนอยู่,สามารถใช้ตังกองทุนฯไปสร้างตลาดชุมชนประจำอำเภอ จังหวัดเป็บฮับพบเจอกันต่อคนซื้อคนขายราคาไม่แพงตรงจากผู้ผลิตอีก แผงผักแผงปลาแผงผลไม้สาระพัดอาหารอุปโภคบริโภค ประชาชนสัมมาอาชีพมีตัง นำตังมากมายมาฝากไว้ในกองทุนอีก กองทุนตังล้นระบบสถาบันแน่นอน ปกติตังสะพัดทั้งประเทศกว่า40-50ล้านล้านบาทต่อปี อนาคตทั้งตลาดออนไลน์และออฟไลน์ในประเทศ อาจกว่า1,000ล้านล้านบาทต่อปีในประเทศไทยบวกทั่วโลกเข้าไทยจะขนาดไหน,เราไม่ต้องขุดสมบัติชาติทรัพยากรแผ่นดินไทยขึ้นมาอีกก็ได้ ต่อยอดอะไรๆต่อไปได้สาระพัดเลย,ฮับโรงพยาบาลโลกที่มีทั้งแบบสมุนไพรไทยผสมผสานล้ำๆเทคโนโลยีโลกAIหุ่นยนต์ชีวภาพ&มนุษย์กึ่งหุ่นยนต์AIซึ่งคนเราอาจพิการตาแขนขาอาจใช้แขนขาจักรกลผสมผสานรักษาทางการแพทย์ได้ลงตัวในไทยเราเติมเต็มตอบโจทย์ผู้คนทั่วโลกให้มารักษาในไทยอย่างสบายใจสะดวกสบายปลอดภัยในสุขภาพร่างกายได้เป็นต้น,สงกรานต์ไทยกินขาดแล้วด้านมิติท่องเที่ยวในช่วงหนึ่งๆ ต่อยอดขายอะไรต่อมิอะไรมากมายในไทยอีก ร่ำรวยโคตรๆก็ว่า,เราจะชัดเจนว่า การปกครองเราเองล้มเหลว ปกครองที่ผิดพลาดและไม่ยอมแก้ไขปรับปรุง มั่นคงให้คนไทยตนเองยากจนทุกข์ยาก,ทาสตังทาสหนี้ ทาสค่าครองชีพแพงในแบบไทยๆภายในไทยเราเองจึงต้องทำลายสถานะทาสนี้ทั้งหมดทันที,พักงานนักการเมืองทั้งหมด สส.สว.ทั้งหมด,ยุบองค์กรกยศ.หรือทุบทิ้งกยศ.ไทยด้วยก็ว่า, อเมริกาล้างหนี้เรียนสมัยไบเดนกว่า350,000บาทต่อคนได้ ทัังที่สภาพหนี้เขากว่า30ล้านล้าน$ยังสามารถทำได้,มองมาไทย สว.ยินยอมลงมติล้างหนี้เยาวชนไทยจากกยศ.ที่ก่อตั้งมาอย่างผิดพลาด หากสว.ตัดสินใจจริง &จริงใจในการห่วงใยเยาวชนไทยจริง จะตัดสินใจกล้าหาญโดยไม่ยาก,และสามารถคิดอ่านตัังหน่วยงานใหม่ให้เยาวชนไทยได้เล่าเรียนฟรีๆสูงๆโดยไม่ต้องมีหนี้สินติดตัวเป็นกำลังของชาติได้สบาย, ..thaitimeหากปลุกติดจริงแบบจุดเทียนช่วงสมัยพันธมิตรขับไล่โทนี่ออกจากประเทศได้สำเร็จและหากทำสุดซอย ยึดอำนาจในภาคมหาประชาชนด้วยได้สำเร็จ อาจไม่เสียของแบบทหารยึดอำนาจทั้งในอดีตและสมัยยึดอำนาจล่าสุดนั้นด้วยเสียของมากๆ ขายที่ดินให้ต่างชาติไร่ละ40ล้านบาทก็สามารถทำได้ ให้ต่างชาติเช่าที่ดินไทยแบบฮ่องกง99ปีก็สำเร็จจากทีมคณะยึดอำนาจไม้ต่อดำรงอำนาจการปกครองไทย ตลอดปล่อยสัมปทานสองแปลงอ่าวไทยให้คนอื่นจยชาติซาอุฯออกหน้าอย่างน่าเกียจด้วยปลื้มใจสำเร็จจะยึดสัมปทานน้ำมันไทยได้จนกะสร้างคลังแสงน้ำมันขนาดใหญ่ในไทยโน้น เหมืองทองคำก็ปล่อยให้ขุดต่อทั้งที่มีคดีกว่า15คดี,ผูกขาดพรบ.เม็ดพันธุ์ให้เอกชนยึดครองถ้าเกษตรกรฉีกซองเก็บเอาทำพันธุ์พืชต่อมีสิทธิ์ติดคุกทันทีแบบซาตานเอกชนฝรั่งทำสำเร็จแล้วโน้นก็ด้วยจะผ่านพรบ.500นี้ให้ได้จนประชาชนไม่ยอม ออกมาประท้วงจึงถอนพรบ.เหี้ยโจร500นี้ออกไปอีกตัว,นี้ยุคทหารอุบาทก์ยึดอำนาจฉีกรัฐธรรมนูญเก่งมากกล้ามากทุกๆยุคการยึดอำนาจรัฐประหารแต่ไม่กล้าขี้ขลาด&เขลากากกระจอกไม่กล้าแม้แต่จะฉีกกฎหมายลูกๆหลานๆที่เอาเปรียบแผ่นดินไทยตนเอง ปล้นชิงสมบัติทรัพยากรชาติไทยตนผ่านกฎหมายลูกกระทรวงทบวงกรมขี้ข้าทาสสัมปทานนั้นเลย เก่งกล้าแต่จะฉีกกฎหมายแม่รัฐธรรมนูญ มันเหี้ยมั้ยการปกครองไทยเรา, .. ..จริงๆthaitimeจึงสมควรที่เป็นเทียนชัยรุ่นบุกเบิกวางรากฐานที่ดีของภาคประชาชนคนไทยเราได้,ยิ่งมีนโยบายชัดไม่แสวงหากำไรมุ่งทำรายได้ผลประโยชน์ต่อสาธารณะมาเป็นของตัวของตนยิ่งจะเป็นแพลตฟอร์มที่ทรงคุณค่าแน่นอน, ..อาทิ ใครอยากจะร่วมจัดตั้งพรรคthaitimeภาคมหาชนคนไทยจริงก็มาลงทะเบียนเป็นสมาชิกพรรคที่นี้,มี40ล้านคนคือ40ล้านเสียงกาเลือกนายกภาคมหาประชาชนไทยจึงสะดวกต่อการสื่อสารแน่นอน, ..thaitimeเป็นแอปตลาดออนไลน์ของกองทุนตังสัมมาอาชีพคนไทยอีกยิ่งจะขนาดไหน,เลิกใช้แพลตฟอร์มอื่นๆของฝ่ายเอกชนต่างชาติอื่นๆจะแอปใดๆอีก มาพูดคุยแลกเปลี่ยนค้าขายออนไลน์ติดตระกร้าอิสระเสรีจะขนาดไหน,โฆษณาต่างๆตามมาตรึม มาช่วยคนพัฒนาแอปมีรายได้กำลังบริหารจัดการแอปมหาชนเราเสรีอีก,อาจอนาคตกว่าเดือนละ10ล้านบาทเข้าคนทำงานแอป แอปเรายิ่งต่อยอดแตกอำนวยความสะดวกเชิงบวกการทำตลาดค้าขายออนไลน์เสรีแก่ชุมชนสังคมแอปไทยนี้แน่นอนทั้งเปิดกว้างเสรีการค้าขายแลกเปลี่ยนทั่วโลกอีก คนทั้งโลกมาร่วมกันใช้แอปนี้ของไทยสัก5,000ล้านคนก็สุดยอดมากแล้ว พากันค้าขายแลกเปลี่ยนสินค้าการตลาดสาระพัดในแอปนี้อีก,คนไทยเรายิงสินค้าไทย&บริการไทยติดตาทั่วโลกได้สบายพันธมิตรการค้าเสรีกับชาวไทยคตธรรมดาเราอีก ขายตรงจากต้นน้ำถึงปลายน้ำเลย อาทิต่างชาติมาเห็นชุมชนหมู่บ้านเราปลูกพืชอินทรีย์ปลอดภัย สั่งซื้อยกชุมชนยกอำเภอ ตังกว่า10,000ล้าน$&หยวนหรือบาทไทยจะขนาดไหน,ตะวันตกขาดสินค้า ยุโรปขาดอาหาร สินค้าไทยมิตรทั่วโลกสั่งตรึม77จังหวัดๆละ100,000ล้านเหรียญหรือหยวนหรือบาทไทย,ในแต่ละเดือนๆ รวยร่ำๆเลยนะ,กองทุนสัมมาอาชีพที่แบงค์ชาติอัดให้ชุมชนละๆ10ล้านบาทหมุนเวียนต่อเนื่องคืนทุนต่อเนื่องในชุมชนแทบตลอดไปไม่เรียกคืนให้งอกเงยสบายมากๆ, ..พื้นฐานจริงๆคือฐานเยาวชนการศึกษาเรานี้ล่ะ เรียนไม่ต้องมีหนี้ติดตัวบวกอัดเงินส่งเสริมสร้างสัมมาอาชีพอิสระเสรีประยุกต์ทำได้หมด,บางคนอาจจบมารวมกลุ่มสมาคมขนาดใหญ่พัฒนาสร้างยานอวกาศบินออกนอกโลกโดยฝีมือเยาวชนไทยรุ่นท่องเที่ยวขนาดเล็กไม่เกิน10ที่นั่งก็อาจสบายมากเป็นต้น,ผีบ้าผู้ปกครองไทยกาก&กระจอกเสือกไม่ตั้งกยศ.ให้คนที่อยากเรียนไปเป็นทาสตังทาสหนี้สู่ทาสแรงงานรับใช้กดขี่อิสระภาพสัมมาอาชีพและความคิดล้ำๆคนไทย,ทัังที่แค่ยึดบ่อน้ำมันคืนบ่อทองคำคืนมาทำมาขายเองก็ร่ำรวยมหาศาลขนาดไหนแล้ว พะสาเศษตังไม่ถึงล้านล้านบาทนี้,เรือบรรทุกน้ำมันขนาดใหญ่มาดูดน้ำมันลงเรือมันไม่กี่ลำแบบเถื่อนๆลับที่พวกได้สัมปทานไปทำตรึมแน่นอนจนกูรูมากมายออกมาแฉตรึม ตีเป็นตังต่อปีอาจมากกว่า100ล้านล้านบาทที่หายไปจากแผ่นดินไทยจนถึงปัจจุบันโน้น.,ยุบกยศทิ้งเถอะ,ไบเดนว่ากากๆยังล้างหนี้ช่วยเยาวชนคนอเมริกาถึงคนละ10,000-20,000$ต่อคนโน้นหรือตังไทย35฿:1$คือ350,000-700,000บาทต่อคนโน้น,แบบไม่ต้องทวงตามหนี้ค่ายืมเล่าเรียนอะไรเลย,เขาลงทุนในเยาวชนลูกหลานเขาเอง เลี้ยงลูกหลานเขาเองจะเป็นอะไร,ย่อมาดูไทยเราอุบาทก์บัดสบ&เหี้ยกากกระจอกตั้งแต่ยกบ่อน้ำมันเต็มประเทศให้เอกชนชาติอื่นหรือหัวดำเอกชนปลอมเป็นต่างชาติก็เถอะหรือบ่อทองคำตรึมก็ด้วยลากยาวทับถมมหาศาลทั่อ่าวไทยเราอีก มันโคตรร่ำรวยมหาศาลเสือกปกครองบ้านเมืองไทยตนเองให้เก็กๆลูกหลานเยาวชนไทยตนนักเรียนนักศุกษาตนมรึงๆอยากเรียนอะไรใส่ความรู้องค์รู้ใส่หัวใส่มันสมองฝึกเหี้ยอะไรทักษะมรึงๆอยากเรียนสูงๆบนแผ่นดินไทยตนมรึงนี้ต้องเป็นหนี้ต้องมีหนี้ต้องติดหนี้โว้ย,ชนชั้นไพร่ประชาชนธรรมดาสามัญลูกตาสีตาสายามาทวดวัวควายสะพายวัวควายเคยเลิกทาสขี้ข้ารับใช้มา,ไม่ได้เป็นไม่ใช่แบบชนชั้นอำมาตย์ขุนนางเจ้าพระมีโรงเรียนทุนโรงเรียนชนชั้นคนปกครองอำมาตย์ขุนนางเจ้าพระยาแบบกูมีตังมากมายกองเป็นภูเขาตำแหน่งราชการใหญ่โตคับเมือง คหบดีพ่อค้าร่ำรวยผูกขาดวงการาชหลวงฝ่ายครองเมืองแบบพวกกู&โควต้าเพียบ&อุปถัมภพตรึม&เส้นสายอัพเกรดเรเวลแบบใดๆกูมีหมดแบบพวกกูชนชั้นปกครอง ไม่ใช่แบบพวกมรึงชนชั้นทาสไพร่พวกเลิกทาสสืบเชื้อสายรับใช้ขี้ข้ามาถึงปัจจุบัน มีอิสระไทหน่อยนิดต้องมีเป็นหนี้มีหนี้ อยากเรียนเพราะจนต้องมีหนี้ติดตัวโว้ย&ว่ะ!!!,นี้คือประเทศกูมี.,อยากเรียนต้องเป็นหนีันะประชาชนคนจนๆธรรมดา&ดิ้นรนหาแดกหางานเอาเองนะ กรมแรงงานหน่วยกูมีไม่ประสานงานเหี้ยหาอะไรหรอกระหว่างจะจบเรียน,&ไม่ควบคุมแรงงานกิจการบริษัทใดๆด้วย,คนไทยจริงๆต้องได้งานก่อนทำงานก่อน,อยากจ้างต่างชาติต่างด้าวก็ไปตั้งกิจการบริษัทโรงงานที่ประเทศต่างด้าวต่างชาตินั้น,กรมแรงงานสมควรยุบไปด้วย.,โรงงานใดๆจะเปิดโรงงานเปิดกิจการเปิดบริษัทต้องมาขอคนงานตรงผ่านกระทรวงแรงงานจัดสรรคนไทยลงไปทำงานหรือติดต่อคนงานไทยนั้นๆไปพบกรมจัดสรรคนงานก่อนตนจึงค่อยอนุมัตรับคนที่ตนต้องการได้มาทำที่ตนและตรงเงื่อนไขว่าต้องจ้างคนไทยก่อนทุกๆกรณี ไม่พอจึงจ้างต่างด้าวโดยต้องขออนุญาต อนุมัติจากกระทรวงทบวงกรมและสังเกตุประพฤติคนงานต่างด้าวก่อนทุกๆกรณี&สแกนคุณสมบัติทั้งหมดทั้งเข้าเมืองถูกต้อง ไม่มีคดีก่ออาชญากรรมต่างๆทั้งในประเทศต้นทางและในไทย และอื่นๆตรึม&ซึ่งคนไทยต้องมีงานทำก่อนทุกๆกรณีก่อนคนต่างชาติต่างด้าว&ติดตามสุขภาพการทำงานของคนงานไทยตนด้วย,กรมแรงงานเราเลอะเทอะ โรงงานต่างชาติเอาแรงงานชาติมันมาทำเต็มโรงงานบนแผ่นดินไทย แย่งที่ดินที่อาศัยคนไทยแย่งอากาศหายใจคนไทย แย่งชิงน้ำเพื่อสนองภาคอุตสาหกรรมโรงงานต่างๆไปจากคนไทยและมากมายที่ดินที่ประเทศเสียอธิปไตยจากเขตเศรษฐกิจพิเศษผีบ้ามากมายที่มุกมันอ้างทำอ้างสร้างขึ้น,คนไทยธรรมดาเข้าพื้นที่มันไปดูสิ่งผิดปกติได้ที่ไหน.เป็นดินแดนปกครองตนเอง&ที่อยู่มันไปเลยเป็นเขตอธิปไตยกว่าสถานฑูตอีกล่ะ.นี้คือการปกครอง&วิถีปกครองที่ผิดพลาด&ล้มเหลว&กากบวกเหี้ยไปยกอธิปไตยไทยมากมายแก่คนอื่นชาติอื่นนั้นเอง,จึงต้องโมฆะทั้งหมดเพื่อคืนสู่สามัญแก่ประเทศไทยเรา.,หรือทั้งประเทศไทยทั้งหมดคนไทยย้ายไปประเทศจีนประเทศอินโดอินเดีย ไปอยู่ในบ้านในเมืองคนอื่นมั้ยล่ะ,เขาคงถีบออกมาทั้งหมดล่ะ,แผ่นดินไทยเสือกไม่รักษาหวงแหนปกป้องร่วมกันไว้แล้วเราจะถอยจะย้ายจะไปอยู่ไหนล่ะ,ที่ตั้งเดิมเรามีปัจจุบันแล้ว เขาเข้ามารุกมาบุกจะมามุกใดๆเราก็โมฆะขับไล่ได้หมดล่ะจะเกรงใจทำพ่อทำโคตรพ่อโคตรแมร่งมันอะไร เราถอยหนีไปไหนไม่ได้อีกแล้วนะ,เยาวชนไทยเขาจะทำลายผ่านตังผ่านระบบการศึกษาผ่านมุกหนี้ตังคนอยากเรียน,แก้มุกมันเลยคือยุบทิ้งล้างไพ่มันทันทีคือยุบกยศ. ปลดปล่อยเด็กๆเยาวชนคนที่เติบโตเป็นประชาชนคนไทยเราเองเป็นอิสระภาพจะกั้กเอาดูหรูทำเท่ห่าสวรรค์วิมานห่าอะไร เสียบ่อน้ำมันเสียบ่อทองคำมากมายตีเป็นเงินโคตรมหาศาลเสือกเสียดายตังกะทวงหนี้ทำไมแก่ลูกๆหลานคนไทยตนเอง,พวกโกงปล้นชาติแบบนักการเมืองเลวข้าราชการชั่วตีค่าเป็นเงินเป็นตังอาจกว่า100ล้านล้านบาทแล้วถึงปัจจุบันที่เราสูญเสียไปทางลับๆใต้บัญชีใต้ดินต่างๆไม่รวมกรณีฟอกตังในอดีตแบบเกาะเคแมนหรือเกาะเถื่อนๆต่างๆทั่วโลกที่ชนชั้นผู้ดีชนชั้นปกครองเจ้าสัวเจ้าพระลูกหลานคนสถุนต่อแผ่นดินไทยไปเปิดกิจการบริษัทไว้อีกนะ, ..มโนเล่นๆ สมมุติพรรคthaitimeได้เป็นนายกฯปกครองประเทศ นอกจากนโยบายหลักข้อแรกที่อยากให้ตั้งชัดเจนคือนยึดคืนวัตถุดิบทรัพยากรพัฒนาชาติไทยทั้งหมดยึดกลับคืนมา.ข้อที่สองคือยุบกยศ.ทิ้ง&ล้างหนี้นักเรียนนักศึกษาคนไทยทั้งหมดทุกๆกรณี แล้วตั้งกองทุนการศึกษาแห่งชาติไทย(กศช.)ขึ้นมาแทน,ที่สามคือล้างหนี้ประชาชนธรรมดาทั้งหมดคืนอิสระภาพแห่งชีวิตให้ทุกๆเป็นอิสระแห่งหนี้สินจริงๆจังๆ. ยุคอนาคตเชื่อว่าเราประเทศเราประชาชนคนไทยไม่แพ้ใครๆในโลกแน่นอน เพราะคนอัจฉริยะมากมายจะมาเกิดบนแผ่นดินไทยเป็นอันมาก,ด้วยสนามแม่เหล็กโลกพลิกเปลี่ยนก็ด้วยทำให้มันสมองตานัยเราคนไทยเปิดอัตโนมัติแบบไม่รู้ตัวก็ด้วย,ทั้งพื้นฐานรากเหง้าเรามีภูมิจิตภูมิธรรมเป็นเอกอยู่แล้วด้วย. https://youtube.com/live/e8H6CbIqBhw?si=_3UqmfFzhuI8-pW8
    - YouTube
    เพลิดเพลินไปกับวิดีโอและเพลงที่คุณชอบ อัปโหลดเนื้อหาต้นฉบับ และแชร์เนื้อหาทั้งหมดกับเพื่อน ครอบครัว และผู้คนทั่วโลกบน YouTube
    0 Comments 0 Shares 1089 Views 0 Reviews
  • รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 10 ทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับเงิน
    .
    สุภาษิตจีนบอกว่า หากจะกินผลไม้ที่ปลูกเองอย่างเร็วที่สุดก็ต้องปลูกวันนี้เลย ถ้าจะให้ผลิดอกออกผลอย่างดีแล้ว ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของมันตั้งแต่แรก และวางแผนก่อนลงมือปลูกว่าจะปลูกที่ใด ห่างจากต้นไม้อื่นมากน้อยแค่ไหน การผลิดอกออกผลของเงินก็เหมือนกัน จำเป็นต้องเข้าใจธรรมชาติของมัน และวางแผนเพื่อความมั่นคงที่จะได้ดอกผล
    .
    มีความตรงหลายประเด็นที่ควรทำความเข้าใจ นั่นคือเงินเป็นได้ทั้งนาย ทาส มิตร และศัตรู ถ้าผู้ใดยอมให้เงินเป็นนาย ชีวิตก็จะอับเฉา เพราะจริยธรรมจะเป็นเรื่องรองจากการแสวงหาเงินทอง การใช้เล่ห์เพทุบายฉ้อฉลคดโกงจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของคนเหล่านี้ เพราะสามารถกระทำได้ทุกสิ่งเพียงให้ได้เงิน แต่ถ้าเห็นว่าเงินมิใช่เรื่องใหญ่ที่สุด และสามารถมีวินัยควบคุมตนเองให้มีอำนาจเหนือเงินได้แล้ว เงินก็จะเป็นทาสรับใช้และเป็นมิตรไปพร้อมๆกันด้วย เพราะเงินจะทำงานรับใช้ตลอดเวลา โดยจะหาเงินมาให้จากการที่ได้เอาเงินไปลงทุนไว้
    .
    การที่เงินเป็นศัตรูนั้นเกิดขึ้นเมื่อต้องกู้หนี้ยืมสิน เพราะจำเป็นต้องใช้เงินในขณะที่เงินในมือมีไม่พอ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็คือการเป็นศัตรูของเงิน เพราะมันจะทิ่มแทงผู้กู้ตลอดเวลาทั้งหลับและตื่น การเลือกให้เงินเป็นทาสและให้เงินเป็นมิตรจึงเป็นสิ่งพึงประสงค์กว่ากรณีเงินเป็นนายและศัตรู
    .
    นอกจากนี้การใช้เงินที่เหมาะสมในแต่ละเดือนนั้น ควรมีลำดับความสำคัญเรียงลงไปดังนี้ (1) ค่าใช้จ่ายในการครองชีพ ซึ่งได้แก่ค่าอาหาร ค่าพาหนะ ค่าเสื้อผ้า ค่าหย่อนใจ สิ่งเหล่านี้สำคัญที่สุดเพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่ทำให้มีชีวิตอยู่รอด (2) กันเงินส่วนหนึ่งไว้สำรองฉุกเฉินในรูปของเงินฝากออมทรัพย์ หรือการลงทุนระยะสั้นที่สามารถถอนมาใช้ได้ทันกาล (3) จ่ายภาระหนี้สินที่จำเป็น เช่น เงินผ่อนชำระหนี้เพื่อการบริโภค (หนี้บัตรเครดิต) และเพื่อการศึกษา และ (4) หักเงินไว้สำหรับแผนการในอนาคตที่สำคัญเพื่อการมีชีวิตที่มีความสุขสบายและมั่นคง เช่น ค่าดาวน์บ้าน ค่าดาวน์รถยนต์ ทุนการศึกษาของลูก ค่าภาษีปลายปี เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือเงินอย่างอื่นเพื่อเป็นทุนตอนเกษียฯอายุ (5) หักเบี้ยประกันชีวิต ประกันรถยนต์ และค่าประกันอื่นๆ เพื่อความมั่นคงในชีวิต การประกันเหล่านี้แท้จริงแล้วก็คือการประกันเงินออมทางอ้อมนั่นเอง เพราะหากไม่มีการประกันแล้ว เหตุการณ์ที่ทำให้เสียเงินมากๆ โดยไม่คาดฝันจะทำให้ต้องเอาเงินออมออกมาใช้จนอาจหมดไปก็เป็นได้
    .
    รายจ่ายทั้ง 5 รายการนี้ปนเปกันอยู่ทั้งรายจ่ายเพื่อการบริโภคและเงินออม (ค่าดาวน์บ้าน ทุนการศึกษา ค่าดาวน์รถยนต์ เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ) สิ่งสำคัญก็คือ ในภาพรวมของช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น หนึ่งปี รายจ่ายเพื่อการบริโภครวมกันไม่ควรเกินร้อยละ 85 ซึ่งหมายถึงมีเงินออมไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 นั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็นอัตราต่ำสุดของการออม
    .
    เงินมีแขนขา มีพลวัตไม่หยุดนิ่ง การมีรายได้น้อยแต่ยังพอมีชีวิตอยู่รอดด้วยปัจจัยสี่ระดับพื้นฐาน มิได้หมายความว่าขาดโอกาสในการสร้างความมั่นคงให้แก่ชีวิต ถ้าหากสามารถกันเงินส่วนหนึ่งออกจากรายได้ก่อนการบริโภค ก็จะทำให้มีเงินออมเป็นทุนเริ่มต้น
    .
    การออมทำได้หลายวิธี ดังนี้
    .
    (1) เก็บเงินแบบเพิ่มสิบ กล่าวคือเมื่อใดก็ตามที่ใช้เงินออกไป ให้บวกยอดเงินเข้าไปอีกร้อยละ 10 เช่น ถ้าซื้อของ 100 บาท ก็ให้เก็บเงินไว้อีก 10 บาทเสมอ ถ้าทำอย่างนี้เป็นประจำ ไม่ว่าจะจ่ายออกไปมากน้อยเพียงใด ก็จะมีเงินออมร้อยละ 10 อยู่ในมือเสมอ ข้อดีของมันคล้ายกับมีภาษีเก็บเพิ่มนั่นเอง เช่น เมื่อจะซื้อของราคา 500 บาท ก็จะเกิดความคิดว่าราคาของมันคือ 550 บาท ดังนั้น การใช้จ่ายก็จะน้อยลงไปด้วยโดยอัตโนมัติ
    (2) เก็บเงินแบบลบสิบ กล่าวคือ หักเงินร้อยละ 10 ของเงินเดือนทันทีที่ได้รับมาเป็นเงินออม โดยอาจเป็นการสั่งให้หักเงินเดือนเข้าอีกบัญชีหนึ่งในอัตราร้อยละ 10 ของรายได้ทุกเดือน การกระทำเช่นนี้ก็จะทำให้มีเงินออมร้อยละ 10 ของรายได้ทุกเดือน
    (3) กำหนดการออมแต่ละวันไว้ตายตัว เช่น แต่ละเดือนเก็บเงินออมวันละ 15 บาททุกวัน โดยรวมกันทั้งเดือนอย่างน้อยไม่ควรต่ำกว่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน และหากเป็นไปได้ไม่ควรออมต่ำกว่าร้อยละ 15 ของรายได้ก่อนหักภาษี
    .
    ทั้ง 3 วิธีนี้จะทำให้เก็บเงินได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน ซึ่งเงินออมทั้งหมดนี้มีแขนขาที่สามารถงอกเงยออกไปได้อย่างไม่หยุดยั่ง ขอยกตัวอย่างตัวเลขให้ดูดังนี้ การออมวันละ 15 บาท และนำฝากธนาคารทุกวันอย่างสม่ำเสมอด้วยอัตราดอกเบี้ยทยต้นร้อยละ 10 ต่อปี ในเวลา 13 ปี จะมีเงินก้อน 100,000 บาท (เงินออมจริงๆคือ 71,175 บาท ดอกเบี้ยคือ 28,825 บาท)
    .
    เงินก้อนนี้สามารถนำไปดาวน์บ้านหรือลงทุนเพื่อให้เกิดความสุขสบายโดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านอีกต่อไป หรือได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนซึ่งสามารถทำให้เงินงอกเงยขึ้นได้
    รู้จักใช้ เข้าใจเงิน ตอนที่ 10 ทัศนคติที่ถูกต้องเกี่ยวกับเงิน . สุภาษิตจีนบอกว่า หากจะกินผลไม้ที่ปลูกเองอย่างเร็วที่สุดก็ต้องปลูกวันนี้เลย ถ้าจะให้ผลิดอกออกผลอย่างดีแล้ว ก็ต้องเข้าใจธรรมชาติของมันตั้งแต่แรก และวางแผนก่อนลงมือปลูกว่าจะปลูกที่ใด ห่างจากต้นไม้อื่นมากน้อยแค่ไหน การผลิดอกออกผลของเงินก็เหมือนกัน จำเป็นต้องเข้าใจธรรมชาติของมัน และวางแผนเพื่อความมั่นคงที่จะได้ดอกผล . มีความตรงหลายประเด็นที่ควรทำความเข้าใจ นั่นคือเงินเป็นได้ทั้งนาย ทาส มิตร และศัตรู ถ้าผู้ใดยอมให้เงินเป็นนาย ชีวิตก็จะอับเฉา เพราะจริยธรรมจะเป็นเรื่องรองจากการแสวงหาเงินทอง การใช้เล่ห์เพทุบายฉ้อฉลคดโกงจะเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวันของคนเหล่านี้ เพราะสามารถกระทำได้ทุกสิ่งเพียงให้ได้เงิน แต่ถ้าเห็นว่าเงินมิใช่เรื่องใหญ่ที่สุด และสามารถมีวินัยควบคุมตนเองให้มีอำนาจเหนือเงินได้แล้ว เงินก็จะเป็นทาสรับใช้และเป็นมิตรไปพร้อมๆกันด้วย เพราะเงินจะทำงานรับใช้ตลอดเวลา โดยจะหาเงินมาให้จากการที่ได้เอาเงินไปลงทุนไว้ . การที่เงินเป็นศัตรูนั้นเกิดขึ้นเมื่อต้องกู้หนี้ยืมสิน เพราะจำเป็นต้องใช้เงินในขณะที่เงินในมือมีไม่พอ ดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายก็คือการเป็นศัตรูของเงิน เพราะมันจะทิ่มแทงผู้กู้ตลอดเวลาทั้งหลับและตื่น การเลือกให้เงินเป็นทาสและให้เงินเป็นมิตรจึงเป็นสิ่งพึงประสงค์กว่ากรณีเงินเป็นนายและศัตรู . นอกจากนี้การใช้เงินที่เหมาะสมในแต่ละเดือนนั้น ควรมีลำดับความสำคัญเรียงลงไปดังนี้ (1) ค่าใช้จ่ายในการครองชีพ ซึ่งได้แก่ค่าอาหาร ค่าพาหนะ ค่าเสื้อผ้า ค่าหย่อนใจ สิ่งเหล่านี้สำคัญที่สุดเพราะเป็นค่าใช้จ่ายที่ทำให้มีชีวิตอยู่รอด (2) กันเงินส่วนหนึ่งไว้สำรองฉุกเฉินในรูปของเงินฝากออมทรัพย์ หรือการลงทุนระยะสั้นที่สามารถถอนมาใช้ได้ทันกาล (3) จ่ายภาระหนี้สินที่จำเป็น เช่น เงินผ่อนชำระหนี้เพื่อการบริโภค (หนี้บัตรเครดิต) และเพื่อการศึกษา และ (4) หักเงินไว้สำหรับแผนการในอนาคตที่สำคัญเพื่อการมีชีวิตที่มีความสุขสบายและมั่นคง เช่น ค่าดาวน์บ้าน ค่าดาวน์รถยนต์ ทุนการศึกษาของลูก ค่าภาษีปลายปี เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ หรือเงินอย่างอื่นเพื่อเป็นทุนตอนเกษียฯอายุ (5) หักเบี้ยประกันชีวิต ประกันรถยนต์ และค่าประกันอื่นๆ เพื่อความมั่นคงในชีวิต การประกันเหล่านี้แท้จริงแล้วก็คือการประกันเงินออมทางอ้อมนั่นเอง เพราะหากไม่มีการประกันแล้ว เหตุการณ์ที่ทำให้เสียเงินมากๆ โดยไม่คาดฝันจะทำให้ต้องเอาเงินออมออกมาใช้จนอาจหมดไปก็เป็นได้ . รายจ่ายทั้ง 5 รายการนี้ปนเปกันอยู่ทั้งรายจ่ายเพื่อการบริโภคและเงินออม (ค่าดาวน์บ้าน ทุนการศึกษา ค่าดาวน์รถยนต์ เงินสะสมกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ) สิ่งสำคัญก็คือ ในภาพรวมของช่วงระยะเวลาหนึ่ง เช่น หนึ่งปี รายจ่ายเพื่อการบริโภครวมกันไม่ควรเกินร้อยละ 85 ซึ่งหมายถึงมีเงินออมไม่ต่ำกว่าร้อยละ 15 นั่นเอง ซึ่งในปัจจุบันถือว่าเป็นอัตราต่ำสุดของการออม . เงินมีแขนขา มีพลวัตไม่หยุดนิ่ง การมีรายได้น้อยแต่ยังพอมีชีวิตอยู่รอดด้วยปัจจัยสี่ระดับพื้นฐาน มิได้หมายความว่าขาดโอกาสในการสร้างความมั่นคงให้แก่ชีวิต ถ้าหากสามารถกันเงินส่วนหนึ่งออกจากรายได้ก่อนการบริโภค ก็จะทำให้มีเงินออมเป็นทุนเริ่มต้น . การออมทำได้หลายวิธี ดังนี้ . (1) เก็บเงินแบบเพิ่มสิบ กล่าวคือเมื่อใดก็ตามที่ใช้เงินออกไป ให้บวกยอดเงินเข้าไปอีกร้อยละ 10 เช่น ถ้าซื้อของ 100 บาท ก็ให้เก็บเงินไว้อีก 10 บาทเสมอ ถ้าทำอย่างนี้เป็นประจำ ไม่ว่าจะจ่ายออกไปมากน้อยเพียงใด ก็จะมีเงินออมร้อยละ 10 อยู่ในมือเสมอ ข้อดีของมันคล้ายกับมีภาษีเก็บเพิ่มนั่นเอง เช่น เมื่อจะซื้อของราคา 500 บาท ก็จะเกิดความคิดว่าราคาของมันคือ 550 บาท ดังนั้น การใช้จ่ายก็จะน้อยลงไปด้วยโดยอัตโนมัติ (2) เก็บเงินแบบลบสิบ กล่าวคือ หักเงินร้อยละ 10 ของเงินเดือนทันทีที่ได้รับมาเป็นเงินออม โดยอาจเป็นการสั่งให้หักเงินเดือนเข้าอีกบัญชีหนึ่งในอัตราร้อยละ 10 ของรายได้ทุกเดือน การกระทำเช่นนี้ก็จะทำให้มีเงินออมร้อยละ 10 ของรายได้ทุกเดือน (3) กำหนดการออมแต่ละวันไว้ตายตัว เช่น แต่ละเดือนเก็บเงินออมวันละ 15 บาททุกวัน โดยรวมกันทั้งเดือนอย่างน้อยไม่ควรต่ำกว่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน และหากเป็นไปได้ไม่ควรออมต่ำกว่าร้อยละ 15 ของรายได้ก่อนหักภาษี . ทั้ง 3 วิธีนี้จะทำให้เก็บเงินได้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 10 ของเงินเดือน ซึ่งเงินออมทั้งหมดนี้มีแขนขาที่สามารถงอกเงยออกไปได้อย่างไม่หยุดยั่ง ขอยกตัวอย่างตัวเลขให้ดูดังนี้ การออมวันละ 15 บาท และนำฝากธนาคารทุกวันอย่างสม่ำเสมอด้วยอัตราดอกเบี้ยทยต้นร้อยละ 10 ต่อปี ในเวลา 13 ปี จะมีเงินก้อน 100,000 บาท (เงินออมจริงๆคือ 71,175 บาท ดอกเบี้ยคือ 28,825 บาท) . เงินก้อนนี้สามารถนำไปดาวน์บ้านหรือลงทุนเพื่อให้เกิดความสุขสบายโดยไม่ต้องจ่ายค่าเช่าบ้านอีกต่อไป หรือได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนซึ่งสามารถทำให้เงินงอกเงยขึ้นได้
    0 Comments 0 Shares 622 Views 0 Reviews
  • ในยุคที่การโจมตีไซเบอร์เป็นภัยคุกคามระดับโลกและพัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็ว ความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการรวมกลุ่ม (DEI) ได้ถูกยกระดับเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งของทีมไซเบอร์ ปรากฏการณ์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดช่องว่างความสามารถด้านความปลอดภัย แต่ยังสร้างทีมงานที่สามารถป้องกันและตอบสนองภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    == ความสำคัญของ DEI ในความปลอดภัยไซเบอร์ ==
    การรวมความหลากหลายทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้น:
    - ทีมงานที่มีความหลากหลายไม่เพียงแต่ช่วยให้มีมุมมองที่แตกต่าง แต่ยังช่วยลดจุดบอดที่ทีมงานทั่วไปอาจมองไม่เห็น
    - เช่น ความหลากหลายด้านวัฒนธรรมและพฤติกรรมช่วยให้เข้าใจวิธีการใช้เทคโนโลยีในแบบต่าง ๆ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญต่อการสร้างกลยุทธ์ป้องกัน

    สร้างโอกาสให้กลุ่มคนที่ถูกมองข้าม:
    - การให้ความสำคัญกับ DEI ช่วยเปิดทางให้บุคคลที่เคยขาดโอกาสได้เข้าสู่สายงานไซเบอร์ เช่น ผู้หญิงที่ยังเป็นเพียง 15% ในวงการนี้ และชาวแอฟริกันอเมริกันที่มีเพียง 8% ในสายงานเทคโนโลยี

    ช่วยลดปัญหาขาดแคลนบุคลากร:
    - ปัจจุบัน มีตำแหน่งงานด้านไซเบอร์กว่า 450,000 ตำแหน่ง ในสหรัฐฯ ที่ยังขาดแคลนบุคลากร และ DEI จะช่วยสร้างเส้นทางสู่การพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ

    == โครงการและมาตรการที่ช่วยผลักดัน DEI ==
    #ShareTheMicInCyber (#STMIC):
    - แคมเปญที่ช่วยสร้างพื้นที่และยกระดับความสำคัญของผู้เชี่ยวชาญไซเบอร์ที่เป็นคนผิวดำ พร้อมกับจัดตั้งทุนการศึกษาที่ช่วยสร้างโอกาสในสายงานนี้

    การสร้างแนวทางที่มีมิติทางสังคมและเทคโนโลยี:
    - DEI ช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมการใช้งานเทคโนโลยีที่แตกต่างตามวัฒนธรรม ช่วยเสริมสร้างระบบป้องกันความเสี่ยงที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น

    https://www.csoonline.com/article/3953961/why-dei-is-key-for-a-cyber-safe-future.html
    ในยุคที่การโจมตีไซเบอร์เป็นภัยคุกคามระดับโลกและพัฒนาตัวเองอย่างรวดเร็ว ความหลากหลาย ความเท่าเทียม และการรวมกลุ่ม (DEI) ได้ถูกยกระดับเป็นสิ่งสำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งของทีมไซเบอร์ ปรากฏการณ์นี้ไม่เพียงแต่ช่วยลดช่องว่างความสามารถด้านความปลอดภัย แต่ยังสร้างทีมงานที่สามารถป้องกันและตอบสนองภัยคุกคามได้อย่างมีประสิทธิภาพ == ความสำคัญของ DEI ในความปลอดภัยไซเบอร์ == ✅ การรวมความหลากหลายทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้น: - ทีมงานที่มีความหลากหลายไม่เพียงแต่ช่วยให้มีมุมมองที่แตกต่าง แต่ยังช่วยลดจุดบอดที่ทีมงานทั่วไปอาจมองไม่เห็น - เช่น ความหลากหลายด้านวัฒนธรรมและพฤติกรรมช่วยให้เข้าใจวิธีการใช้เทคโนโลยีในแบบต่าง ๆ ซึ่งเป็นกุญแจสำคัญต่อการสร้างกลยุทธ์ป้องกัน ✅ สร้างโอกาสให้กลุ่มคนที่ถูกมองข้าม: - การให้ความสำคัญกับ DEI ช่วยเปิดทางให้บุคคลที่เคยขาดโอกาสได้เข้าสู่สายงานไซเบอร์ เช่น ผู้หญิงที่ยังเป็นเพียง 15% ในวงการนี้ และชาวแอฟริกันอเมริกันที่มีเพียง 8% ในสายงานเทคโนโลยี ✅ ช่วยลดปัญหาขาดแคลนบุคลากร: - ปัจจุบัน มีตำแหน่งงานด้านไซเบอร์กว่า 450,000 ตำแหน่ง ในสหรัฐฯ ที่ยังขาดแคลนบุคลากร และ DEI จะช่วยสร้างเส้นทางสู่การพัฒนาบุคลากรที่มีความเชี่ยวชาญ == โครงการและมาตรการที่ช่วยผลักดัน DEI == ✅ #ShareTheMicInCyber (#STMIC): - แคมเปญที่ช่วยสร้างพื้นที่และยกระดับความสำคัญของผู้เชี่ยวชาญไซเบอร์ที่เป็นคนผิวดำ พร้อมกับจัดตั้งทุนการศึกษาที่ช่วยสร้างโอกาสในสายงานนี้ ✅ การสร้างแนวทางที่มีมิติทางสังคมและเทคโนโลยี: - DEI ช่วยให้เราเข้าใจพฤติกรรมการใช้งานเทคโนโลยีที่แตกต่างตามวัฒนธรรม ช่วยเสริมสร้างระบบป้องกันความเสี่ยงที่ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น https://www.csoonline.com/article/3953961/why-dei-is-key-for-a-cyber-safe-future.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    Why DEI is key for a cyber safe future
    Diversity, equity, and inclusion (DEI) can be a cyber superpower — not just for reducing security skills gaps but for ensuring cybersecurity teams make defenses stronger and more adaptive.
    0 Comments 0 Shares 319 Views 0 Reviews
  • เยาวชนค้านแก้ พรบ.ไม่เอาพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย

    กลุ่มเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน นำโดย น.ส.วศิณี สนแสบ ยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 ก.พ. เพื่อขอให้ทบทวนนโยบายการพนันออนไลน์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเตรียมเสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา เพื่ออนุญาตให้การพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย

    เนื่องจากมีความห่วงใยต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้น รวมถึงผลกระทบที่จะมีตามมาหากนโยบายนี้มีผลปฏิบัติจริง เพราะปัจจุบันเด็กและเยาวชนเข้าถึงการพนันจำนวนมาก ข้อมูลจากศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ปี 2566 ที่พบว่ากลุ่มเด็ก เยาวชนอายุ 15-25 ปี เล่นพนันออนไลน์ 32.3% หรือ 2.9 ล้านคน ในจำนวนนี้ 1 ใน 4 เสี่ยงเป็นนักพนันหน้าใหม่ประมาณ 739,000 คน นี่คือตัวเลขข้อเท็จจริงที่ยังไม่ได้รับการป้องกันแก้ไขใดๆ จากรัฐบาลเลย จึงขอแสดงความไม่เห็นด้วย เพราะ

    1. แนวนโยบายการนำสิ่งที่เคยเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เช่น การพนันออนไลน์ มาทำให้เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย ด้วยการใช้กระบวนการทางการเมืองแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่ออนุญาตให้ทำได้ โดยหวังสร้างรายได้ไห้แก่รัฐ เป็นความคิดแก่ได้และน่าละอาย เพราะเห็นชัดเจนในเจตนาว่าต้องการเพียงแค่ผลประโยชน์ระยะสั้น โดยผลเสียทางสังคมที่จะเกิดตามมาในระยะยาว

    2. การอ้างว่าเมื่อรัฐมีรายได้จากกิจการพนันบนดินดังกล่าว แล้วจะนำรายได้มาใช้จ่ายในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำมาส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชน เช่น เป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนผู้ยากไร้ ความคิดเช่นนี้เปรียบเสมือนการเอาอนาคตของเด็กเยาวชนมาเป็นนเครื่องต่อรองอย่างไร้ความรับผิดชอบ และไร้แนวทางที่สร้างสรรค์

    3. การอ้างว่าการแก้ไขกฎหมายในครั้งนี้มีการเพิ่มโทษผู้กระทำผิด ที่เปรียบเสมือนการใช้ยาแรงเพื่อจัดการโรคร้าย แต่การพนันออนไลน์แพร่ระบาดอย่างมากในปัจจุบัน มีต้นเหตุหนึ่งที่สำคัญมาจากการทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าพนักงาน ดังนั้น การเพิ่มโทษดังกล่าว จึงอาจเปรียบเสมือนแรงให้แก่หมอเถื่อนที่อาจจะนำยานี้ไปใช้อย่างมิชอบ

    ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ร่างแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน ยังไม่ได้นำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม. ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลฯ ระบุว่า พ.ร.บ.การพนัน ของกระทรวงมหาดไทย อยู่ระหว่างการรับฟังความเห็น ส่วนกฎหมายการพนันออนไลน์ของกระทรวงดิจิทัลฯ ตอนนี้อยู่ระหว่างการทำงานร่วมกันของ 2 กระทรวง คือ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงดิจิทัลฯ ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป แต่เชื่อว่าน่าจะเร็วๆ นี้

    #Newskit
    เยาวชนค้านแก้ พรบ.ไม่เอาพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย กลุ่มเครือข่ายเด็กรุ่นใหม่ไม่พนัน นำโดย น.ส.วศิณี สนแสบ ยื่นหนังสือถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ศูนย์รับเรื่องราวร้องทุกข์ของรัฐบาล เมื่อวันที่ 25 ก.พ. เพื่อขอให้ทบทวนนโยบายการพนันออนไลน์ ตามที่กระทรวงมหาดไทยเตรียมเสนอร่างแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน ให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณา เพื่ออนุญาตให้การพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย เนื่องจากมีความห่วงใยต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้น รวมถึงผลกระทบที่จะมีตามมาหากนโยบายนี้มีผลปฏิบัติจริง เพราะปัจจุบันเด็กและเยาวชนเข้าถึงการพนันจำนวนมาก ข้อมูลจากศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ปี 2566 ที่พบว่ากลุ่มเด็ก เยาวชนอายุ 15-25 ปี เล่นพนันออนไลน์ 32.3% หรือ 2.9 ล้านคน ในจำนวนนี้ 1 ใน 4 เสี่ยงเป็นนักพนันหน้าใหม่ประมาณ 739,000 คน นี่คือตัวเลขข้อเท็จจริงที่ยังไม่ได้รับการป้องกันแก้ไขใดๆ จากรัฐบาลเลย จึงขอแสดงความไม่เห็นด้วย เพราะ 1. แนวนโยบายการนำสิ่งที่เคยเป็นสิ่งผิดกฎหมาย เช่น การพนันออนไลน์ มาทำให้เป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย ด้วยการใช้กระบวนการทางการเมืองแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายเพื่ออนุญาตให้ทำได้ โดยหวังสร้างรายได้ไห้แก่รัฐ เป็นความคิดแก่ได้และน่าละอาย เพราะเห็นชัดเจนในเจตนาว่าต้องการเพียงแค่ผลประโยชน์ระยะสั้น โดยผลเสียทางสังคมที่จะเกิดตามมาในระยะยาว 2. การอ้างว่าเมื่อรัฐมีรายได้จากกิจการพนันบนดินดังกล่าว แล้วจะนำรายได้มาใช้จ่ายในการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำมาส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาแก่เด็กและเยาวชน เช่น เป็นทุนการศึกษาแก่นักเรียนผู้ยากไร้ ความคิดเช่นนี้เปรียบเสมือนการเอาอนาคตของเด็กเยาวชนมาเป็นนเครื่องต่อรองอย่างไร้ความรับผิดชอบ และไร้แนวทางที่สร้างสรรค์ 3. การอ้างว่าการแก้ไขกฎหมายในครั้งนี้มีการเพิ่มโทษผู้กระทำผิด ที่เปรียบเสมือนการใช้ยาแรงเพื่อจัดการโรคร้าย แต่การพนันออนไลน์แพร่ระบาดอย่างมากในปัจจุบัน มีต้นเหตุหนึ่งที่สำคัญมาจากการทุจริตและประพฤติมิชอบของเจ้าพนักงาน ดังนั้น การเพิ่มโทษดังกล่าว จึงอาจเปรียบเสมือนแรงให้แก่หมอเถื่อนที่อาจจะนำยานี้ไปใช้อย่างมิชอบ ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เปิดเผยว่า ร่างแก้ไข พ.ร.บ.การพนัน ยังไม่ได้นำเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุม ครม. ขณะที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.ดิจิทัลฯ ระบุว่า พ.ร.บ.การพนัน ของกระทรวงมหาดไทย อยู่ระหว่างการรับฟังความเห็น ส่วนกฎหมายการพนันออนไลน์ของกระทรวงดิจิทัลฯ ตอนนี้อยู่ระหว่างการทำงานร่วมกันของ 2 กระทรวง คือ กระทรวงมหาดไทย และกระทรวงดิจิทัลฯ ซึ่งยังไม่ได้ข้อสรุป แต่เชื่อว่าน่าจะเร็วๆ นี้ #Newskit
    0 Comments 0 Shares 636 Views 0 Reviews
  • นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต ด้วยเทคโนโลยีและ STEM

    วิสัยทัศน์

    สร้างระบบการศึกษาที่ทันสมัย เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม พัฒนาเยาวชนให้เป็นนักคิด นักแก้ปัญหา และนักนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก


    ---

    1. การพัฒนา STEM Education ให้เป็นรากฐานของระบบการศึกษา

    ปรับหลักสูตรการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับแนวทาง STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา
    ส่งเสริมโครงการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Project-Based Learning) ให้นักเรียนได้ทดลอง คิดวิเคราะห์ และพัฒนาทักษะผ่านโครงงานจริง
    เพิ่มวิชาหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเขียนโค้ด (Coding) เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรมาตรฐาน
    สนับสนุนการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น โอลิมปิกวิชาการ การแข่งขันหุ่นยนต์ และแฮ็กกาธอน


    ---

    2. การนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงการเรียนการสอน

    จัดหาอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้โรงเรียนทั่วประเทศ เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียน
    พัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์ (E-Learning & Hybrid Learning) เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา
    ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ เพื่อออกแบบการสอนที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน
    พัฒนาคลังสื่อดิจิทัล (Open Educational Resources - OER) รวมถึงแพลตฟอร์มบทเรียนออนไลน์ฟรีสำหรับทุกคน


    ---

    3. การพัฒนาครูให้พร้อมสำหรับยุคดิจิทัล

    อบรมและพัฒนาครูด้านเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้และพัฒนาทักษะของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    สร้างเครือข่ายครูและนักวิชาการด้านเทคโนโลยี เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาแนวทางการสอนที่ทันสมัย
    เพิ่มแรงจูงใจให้ครูพัฒนาทักษะดิจิทัล เช่น การให้ทุนอบรมหรือการเลื่อนขั้นสำหรับครูที่ผ่านการรับรองทักษะเทคโนโลยี


    ---

    4. สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและอุตสาหกรรม

    เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้การเรียนการสอนสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน
    ส่งเสริมการฝึกงานและโครงการนักศึกษาฝึกงานในสายงานเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้นักเรียนได้ประสบการณ์จริงก่อนจบการศึกษา
    จัดตั้งกองทุนส่งเสริมนวัตกรรมทางการศึกษา สนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech)


    ---

    5. ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

    ให้ทุนการศึกษาและอุปกรณ์เรียนฟรีสำหรับนักเรียนที่ขาดแคลน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและห่างไกล
    สร้างโรงเรียนต้นแบบด้านเทคโนโลยีในทุกภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ STEM ในแต่ละพื้นที่
    พัฒนาระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมและอินเทอร์เน็ต เพื่อให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการศึกษาเท่าเทียมกับเมืองใหญ่


    ---

    ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

    นักเรียนไทยมีทักษะด้านเทคโนโลยีและ STEM ที่แข็งแกร่ง พร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ
    ครูมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
    ระบบการศึกษาของไทยสามารถตอบโจทย์ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจดิจิทัล
    ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ให้โอกาสเด็กทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ


    ---

    "การศึกษาไทยก้าวไกล เทคโนโลยีล้ำหน้า STEM นำอนาคต"
    #พรรคเพื่อการศึกษายุคใหม่

    นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต ด้วยเทคโนโลยีและ STEM วิสัยทัศน์ สร้างระบบการศึกษาที่ทันสมัย เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม พัฒนาเยาวชนให้เป็นนักคิด นักแก้ปัญหา และนักนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก --- 1. การพัฒนา STEM Education ให้เป็นรากฐานของระบบการศึกษา ✅ ปรับหลักสูตรการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับแนวทาง STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา ✅ ส่งเสริมโครงการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Project-Based Learning) ให้นักเรียนได้ทดลอง คิดวิเคราะห์ และพัฒนาทักษะผ่านโครงงานจริง ✅ เพิ่มวิชาหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเขียนโค้ด (Coding) เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรมาตรฐาน ✅ สนับสนุนการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น โอลิมปิกวิชาการ การแข่งขันหุ่นยนต์ และแฮ็กกาธอน --- 2. การนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงการเรียนการสอน ✅ จัดหาอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้โรงเรียนทั่วประเทศ เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียน ✅ พัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์ (E-Learning & Hybrid Learning) เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ✅ ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ เพื่อออกแบบการสอนที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน ✅ พัฒนาคลังสื่อดิจิทัล (Open Educational Resources - OER) รวมถึงแพลตฟอร์มบทเรียนออนไลน์ฟรีสำหรับทุกคน --- 3. การพัฒนาครูให้พร้อมสำหรับยุคดิจิทัล ✅ อบรมและพัฒนาครูด้านเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้และพัฒนาทักษะของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ สร้างเครือข่ายครูและนักวิชาการด้านเทคโนโลยี เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาแนวทางการสอนที่ทันสมัย ✅ เพิ่มแรงจูงใจให้ครูพัฒนาทักษะดิจิทัล เช่น การให้ทุนอบรมหรือการเลื่อนขั้นสำหรับครูที่ผ่านการรับรองทักษะเทคโนโลยี --- 4. สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและอุตสาหกรรม ✅ เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้การเรียนการสอนสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ✅ ส่งเสริมการฝึกงานและโครงการนักศึกษาฝึกงานในสายงานเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้นักเรียนได้ประสบการณ์จริงก่อนจบการศึกษา ✅ จัดตั้งกองทุนส่งเสริมนวัตกรรมทางการศึกษา สนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech) --- 5. ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ✅ ให้ทุนการศึกษาและอุปกรณ์เรียนฟรีสำหรับนักเรียนที่ขาดแคลน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและห่างไกล ✅ สร้างโรงเรียนต้นแบบด้านเทคโนโลยีในทุกภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ STEM ในแต่ละพื้นที่ ✅ พัฒนาระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมและอินเทอร์เน็ต เพื่อให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการศึกษาเท่าเทียมกับเมืองใหญ่ --- ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ✅ นักเรียนไทยมีทักษะด้านเทคโนโลยีและ STEM ที่แข็งแกร่ง พร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ ✅ ครูมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน ✅ ระบบการศึกษาของไทยสามารถตอบโจทย์ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจดิจิทัล ✅ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ให้โอกาสเด็กทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ --- "การศึกษาไทยก้าวไกล เทคโนโลยีล้ำหน้า STEM นำอนาคต" #พรรคเพื่อการศึกษายุคใหม่
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 1342 Views 0 Reviews
  • นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต ด้วยเทคโนโลยีและ STEM

    วิสัยทัศน์

    สร้างระบบการศึกษาที่ทันสมัย เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม พัฒนาเยาวชนให้เป็นนักคิด นักแก้ปัญหา และนักนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก


    ---

    1. การพัฒนา STEM Education ให้เป็นรากฐานของระบบการศึกษา

    ปรับหลักสูตรการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับแนวทาง STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา
    ส่งเสริมโครงการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Project-Based Learning) ให้นักเรียนได้ทดลอง คิดวิเคราะห์ และพัฒนาทักษะผ่านโครงงานจริง
    เพิ่มวิชาหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเขียนโค้ด (Coding) เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรมาตรฐาน
    สนับสนุนการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น โอลิมปิกวิชาการ การแข่งขันหุ่นยนต์ และแฮ็กกาธอน


    ---

    2. การนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงการเรียนการสอน

    จัดหาอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้โรงเรียนทั่วประเทศ เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียน
    พัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์ (E-Learning & Hybrid Learning) เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา
    ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ เพื่อออกแบบการสอนที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน
    พัฒนาคลังสื่อดิจิทัล (Open Educational Resources - OER) รวมถึงแพลตฟอร์มบทเรียนออนไลน์ฟรีสำหรับทุกคน


    ---

    3. การพัฒนาครูให้พร้อมสำหรับยุคดิจิทัล

    อบรมและพัฒนาครูด้านเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้และพัฒนาทักษะของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    สร้างเครือข่ายครูและนักวิชาการด้านเทคโนโลยี เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาแนวทางการสอนที่ทันสมัย
    เพิ่มแรงจูงใจให้ครูพัฒนาทักษะดิจิทัล เช่น การให้ทุนอบรมหรือการเลื่อนขั้นสำหรับครูที่ผ่านการรับรองทักษะเทคโนโลยี


    ---

    4. สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและอุตสาหกรรม

    เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้การเรียนการสอนสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน
    ส่งเสริมการฝึกงานและโครงการนักศึกษาฝึกงานในสายงานเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้นักเรียนได้ประสบการณ์จริงก่อนจบการศึกษา
    จัดตั้งกองทุนส่งเสริมนวัตกรรมทางการศึกษา สนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech)


    ---

    5. ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา

    ให้ทุนการศึกษาและอุปกรณ์เรียนฟรีสำหรับนักเรียนที่ขาดแคลน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและห่างไกล
    สร้างโรงเรียนต้นแบบด้านเทคโนโลยีในทุกภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ STEM ในแต่ละพื้นที่
    พัฒนาระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมและอินเทอร์เน็ต เพื่อให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการศึกษาเท่าเทียมกับเมืองใหญ่


    ---

    ผลลัพธ์ที่คาดหวัง

    นักเรียนไทยมีทักษะด้านเทคโนโลยีและ STEM ที่แข็งแกร่ง พร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ
    ครูมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน
    ระบบการศึกษาของไทยสามารถตอบโจทย์ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจดิจิทัล
    ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ให้โอกาสเด็กทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ


    ---

    "การศึกษาไทยก้าวไกล เทคโนโลยีล้ำหน้า STEM นำอนาคต"
    #พรรคเพื่อการศึกษายุคใหม่

    นโยบายพรรคการเมือง: การปฏิรูปการศึกษาเพื่ออนาคต ด้วยเทคโนโลยีและ STEM วิสัยทัศน์ สร้างระบบการศึกษาที่ทันสมัย เปิดโอกาสให้นักเรียนทุกคนเข้าถึงองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์ และนวัตกรรม พัฒนาเยาวชนให้เป็นนักคิด นักแก้ปัญหา และนักนวัตกรรมที่พร้อมแข่งขันในเวทีโลก --- 1. การพัฒนา STEM Education ให้เป็นรากฐานของระบบการศึกษา ✅ ปรับหลักสูตรการเรียนการสอน ให้สอดคล้องกับแนวทาง STEM (Science, Technology, Engineering, Mathematics) ตั้งแต่ระดับประถมศึกษา ✅ ส่งเสริมโครงการเรียนรู้ผ่านการลงมือทำ (Project-Based Learning) ให้นักเรียนได้ทดลอง คิดวิเคราะห์ และพัฒนาทักษะผ่านโครงงานจริง ✅ เพิ่มวิชาหุ่นยนต์ ปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเขียนโค้ด (Coding) เป็นส่วนหนึ่งของหลักสูตรมาตรฐาน ✅ สนับสนุนการแข่งขันด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เช่น โอลิมปิกวิชาการ การแข่งขันหุ่นยนต์ และแฮ็กกาธอน --- 2. การนำเทคโนโลยีมาปรับปรุงการเรียนการสอน ✅ จัดหาอุปกรณ์และโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัลให้โรงเรียนทั่วประเทศ เช่น อินเทอร์เน็ตความเร็วสูง แท็บเล็ต หรือคอมพิวเตอร์สำหรับนักเรียน ✅ พัฒนาระบบการเรียนการสอนออนไลน์ (E-Learning & Hybrid Learning) เพื่อให้นักเรียนสามารถเรียนรู้ได้ทุกที่ ทุกเวลา ✅ ใช้ AI และ Big Data วิเคราะห์พฤติกรรมการเรียนรู้ เพื่อออกแบบการสอนที่เหมาะกับนักเรียนแต่ละคน ✅ พัฒนาคลังสื่อดิจิทัล (Open Educational Resources - OER) รวมถึงแพลตฟอร์มบทเรียนออนไลน์ฟรีสำหรับทุกคน --- 3. การพัฒนาครูให้พร้อมสำหรับยุคดิจิทัล ✅ อบรมและพัฒนาครูด้านเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้สามารถถ่ายทอดความรู้และพัฒนาทักษะของนักเรียนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ สร้างเครือข่ายครูและนักวิชาการด้านเทคโนโลยี เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้และพัฒนาแนวทางการสอนที่ทันสมัย ✅ เพิ่มแรงจูงใจให้ครูพัฒนาทักษะดิจิทัล เช่น การให้ทุนอบรมหรือการเลื่อนขั้นสำหรับครูที่ผ่านการรับรองทักษะเทคโนโลยี --- 4. สร้างความร่วมมือกับภาคเอกชนและอุตสาหกรรม ✅ เปิดโอกาสให้ภาคธุรกิจเข้ามามีส่วนร่วมในการพัฒนาหลักสูตร เพื่อให้การเรียนการสอนสอดคล้องกับความต้องการของตลาดแรงงาน ✅ ส่งเสริมการฝึกงานและโครงการนักศึกษาฝึกงานในสายงานเทคโนโลยีและ STEM เพื่อให้นักเรียนได้ประสบการณ์จริงก่อนจบการศึกษา ✅ จัดตั้งกองทุนส่งเสริมนวัตกรรมทางการศึกษา สนับสนุนสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีการศึกษา (EdTech) --- 5. ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ✅ ให้ทุนการศึกษาและอุปกรณ์เรียนฟรีสำหรับนักเรียนที่ขาดแคลน โดยเฉพาะในพื้นที่ชนบทและห่างไกล ✅ สร้างโรงเรียนต้นแบบด้านเทคโนโลยีในทุกภูมิภาค เพื่อเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ STEM ในแต่ละพื้นที่ ✅ พัฒนาระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมและอินเทอร์เน็ต เพื่อให้นักเรียนในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงการศึกษาเท่าเทียมกับเมืองใหญ่ --- ผลลัพธ์ที่คาดหวัง ✅ นักเรียนไทยมีทักษะด้านเทคโนโลยีและ STEM ที่แข็งแกร่ง พร้อมแข่งขันในระดับนานาชาติ ✅ ครูมีความสามารถในการใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาการเรียนการสอน ✅ ระบบการศึกษาของไทยสามารถตอบโจทย์ตลาดแรงงานและเศรษฐกิจดิจิทัล ✅ ลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา ให้โอกาสเด็กทุกคนเข้าถึงการเรียนรู้ที่มีคุณภาพ --- "การศึกษาไทยก้าวไกล เทคโนโลยีล้ำหน้า STEM นำอนาคต" #พรรคเพื่อการศึกษายุคใหม่
    0 Comments 0 Shares 1337 Views 0 Reviews
  • “3 พี่น้องยอดกตัญญู” ทั้งเรียนและช่วยย่าทำงานหารายได้ บางวันไม่มีตังค์ไปโรงเรียน ยอมอดข้าว กินแค่น้ำประทังหิว!

    ติดตามเรื่องราวความสู้ชีวิตและความกตัญญูของหลานๆ ที่มีต่อย่าได้
    ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “หนูจะช่วยย่าสู้”
    วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 11.30-12.00 น.
    ทาง NEWS1 (IPTV ของ NT ช่อง 64 / กล่อง True ID ช่อง 19 / AIS Playbox ช่อง 615)

    และเฟซบุ๊ก / ยูทูบ / ติ๊กต็อก : ฅนจริงใจไม่ท้อ

    (หากท่านใดต้องการช่วยเหลือหรือสนับสนุนทุนการศึกษาของหลานๆ โอนไปได้ที่ ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี น.ส.มาลี ยิ่งยงค์ เลขที่บัญชี 744-0-37478-9)
    “3 พี่น้องยอดกตัญญู” ทั้งเรียนและช่วยย่าทำงานหารายได้ บางวันไม่มีตังค์ไปโรงเรียน ยอมอดข้าว กินแค่น้ำประทังหิว! ติดตามเรื่องราวความสู้ชีวิตและความกตัญญูของหลานๆ ที่มีต่อย่าได้ ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “หนูจะช่วยย่าสู้” วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 11.30-12.00 น. ทาง NEWS1 (IPTV ของ NT ช่อง 64 / กล่อง True ID ช่อง 19 / AIS Playbox ช่อง 615) และเฟซบุ๊ก / ยูทูบ / ติ๊กต็อก : ฅนจริงใจไม่ท้อ (หากท่านใดต้องการช่วยเหลือหรือสนับสนุนทุนการศึกษาของหลานๆ โอนไปได้ที่ ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี น.ส.มาลี ยิ่งยงค์ เลขที่บัญชี 744-0-37478-9)
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 834 Views 6 0 Reviews
  • “3 พี่น้องยอดกตัญญู” ทั้งเรียนและช่วยย่าทำงานหารายได้ บางวันไม่มีตังค์ไปโรงเรียน ยอมอดข้าว กินแค่น้ำประทังหิว!

    ติดตามเรื่องราวความสู้ชีวิตและความกตัญญูของหลานๆ ที่มีต่อย่าได้
    ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “หนูจะช่วยย่าสู้”
    วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 11.30-12.00 น.
    ทาง NEWS1 (IPTV ของ NT ช่อง 64 / กล่อง True ID ช่อง 19 / AIS Playbox ช่อง 615)

    และเฟซบุ๊ก / ยูทูบ / ติ๊กต็อก : ฅนจริงใจไม่ท้อ

    (หากท่านใดต้องการช่วยเหลือหรือสนับสนุนทุนการศึกษาของหลานๆ โอนไปได้ที่ ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี น.ส.มาลี ยิ่งยงค์ เลขที่บัญชี 744-0-37478-9)
    “3 พี่น้องยอดกตัญญู” ทั้งเรียนและช่วยย่าทำงานหารายได้ บางวันไม่มีตังค์ไปโรงเรียน ยอมอดข้าว กินแค่น้ำประทังหิว! ติดตามเรื่องราวความสู้ชีวิตและความกตัญญูของหลานๆ ที่มีต่อย่าได้ ในรายการ ฅนจริงใจไม่ท้อ ตอน “หนูจะช่วยย่าสู้” วันเสาร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 11.30-12.00 น. ทาง NEWS1 (IPTV ของ NT ช่อง 64 / กล่อง True ID ช่อง 19 / AIS Playbox ช่อง 615) และเฟซบุ๊ก / ยูทูบ / ติ๊กต็อก : ฅนจริงใจไม่ท้อ (หากท่านใดต้องการช่วยเหลือหรือสนับสนุนทุนการศึกษาของหลานๆ โอนไปได้ที่ ธนาคารกรุงไทย ชื่อบัญชี น.ส.มาลี ยิ่งยงค์ เลขที่บัญชี 744-0-37478-9)
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 571 Views 0 Reviews
  • 5/2/68

    โรงเรียนพระดาบส
    รับสมัครศิษย์พระดาบส
    รุ่นที่ 48 สำหรับปีการศึกษา 2568
    เปิดรับตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2567 - 21 มีนาคม 2568

    คุณสมบัติของผู้สมัคร ชายและหญิง อายุระหว่าง 18 - 35 ปี

    หลักสูตร 1 ปี ใน 9 หลักสูตร

    • ช่างไฟฟ้า

    ช่างอิเล็กทรอนิกส์

    ช่างยนต์

    ช่างซ่อมบำรุง

    ช่างเชื่อม

    ช่างไม้เครื่องเรือนและช่างสี

    • เคหบริบาล

    • การเกษตรพอเพียง

    ช่างก่อสร้าง

    สามารถดาวน์โหลด
    ใบสมัครได้ที่นี่
    สามารถสมัคร
    เรียนออนไลน์ได้ที่นี่

    เรียนฟรี
    ในระหว่างการศึกษา ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นโดยจะได้รับพระราชทาน
    พระมหากรุณาธิคุณเป็นทุนการศึกษา ที่รวมถึงค่าเล่าเรียน อุปกรณ์การเรียน อาหารและที่พักอาศัย

    เปิดรับสมัคย วันจันทร์ - ศุกย์ (ยกเว้นวันหยุดขายการและนักขัตฤกษ์)
    เวลา 08.30 น. - 16.30 น. ณ โรงเรียนพระดาบสสามารถสมครด้วยตัวเองหรือสแกน OR Gode เพื่อนดาวน์โหลดใบสมัคร
    0-2282-7000
    5/2/68 โรงเรียนพระดาบส รับสมัครศิษย์พระดาบส รุ่นที่ 48 สำหรับปีการศึกษา 2568 เปิดรับตั้งแต่วันที่ 2 ธันวาคม 2567 - 21 มีนาคม 2568 คุณสมบัติของผู้สมัคร ชายและหญิง อายุระหว่าง 18 - 35 ปี หลักสูตร 1 ปี ใน 9 หลักสูตร • ช่างไฟฟ้า ช่างอิเล็กทรอนิกส์ ช่างยนต์ ช่างซ่อมบำรุง ช่างเชื่อม ช่างไม้เครื่องเรือนและช่างสี • เคหบริบาล • การเกษตรพอเพียง ช่างก่อสร้าง สามารถดาวน์โหลด ใบสมัครได้ที่นี่ สามารถสมัคร เรียนออนไลน์ได้ที่นี่ เรียนฟรี ในระหว่างการศึกษา ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้นโดยจะได้รับพระราชทาน พระมหากรุณาธิคุณเป็นทุนการศึกษา ที่รวมถึงค่าเล่าเรียน อุปกรณ์การเรียน อาหารและที่พักอาศัย เปิดรับสมัคย วันจันทร์ - ศุกย์ (ยกเว้นวันหยุดขายการและนักขัตฤกษ์) เวลา 08.30 น. - 16.30 น. ณ โรงเรียนพระดาบสสามารถสมครด้วยตัวเองหรือสแกน OR Gode เพื่อนดาวน์โหลดใบสมัคร 📞0-2282-7000
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 563 Views 0 Reviews
  • โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้ออกมาประกาศถึงการระงับเงินทุนช่วยเหลือด้านการศึกษามูลค่า 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (1,518,884,289 บาท) สำหรับนักเรียน นักศึกษาชาวเมียนมา

    เงินทุนดังกล่าวนั้นเป็นเงินที่อนุมัติสมัยประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพื่อสนับสนุนนักศึกษาในเมียนมาตามนโยบาย DEI (นโยบายสนับสนุนความหลากหลาย,ความเท่าเทียม และการเปิดรับคนทุกคน) ภายใต้ชื่อโครงการทุนการศึกษาความหลากหลายและการไม่แบ่งแยก (DISP)

    เงินทุนสนับสนุนการศึกษาดังกล่าวมีผู้หน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐฯ (USAID) และสถานทูตสหรัฐฯในนครย่างกุ้งเป็นผู้เบิกจ่าย

    ทรัมป์กล่าวถึงการระงับเงินทุนสนับสนุนการศึกษาครั้งนี้ว่า “เงิน 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น เป็นเงินที่มากเกินไปสำหรับการลงทุนเพื่อการศึกษา หรือเพื่อความหลากหลายในเมียนมา พวกคุณคงจินตนาการกันได้ว่าเงินเหล่านั้นมันจะไปไหนได้บ้าง นี่คืออีกรูปแบบของการจ่ายเงิน และยังมีอีกมาก ผมสามารถยืนอยู่ที่นี่ทั้งวัน เพื่อเล่าให้พวกคุณฟังถึงสิ่งที่เราได้พบมา เราแค่ต้องการให้เงินมันไปยังที่ๆเหมาะสมกว่าเท่านั้น”
    โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาได้ออกมาประกาศถึงการระงับเงินทุนช่วยเหลือด้านการศึกษามูลค่า 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (1,518,884,289 บาท) สำหรับนักเรียน นักศึกษาชาวเมียนมา เงินทุนดังกล่าวนั้นเป็นเงินที่อนุมัติสมัยประธานาธิบดีโจ ไบเดน เพื่อสนับสนุนนักศึกษาในเมียนมาตามนโยบาย DEI (นโยบายสนับสนุนความหลากหลาย,ความเท่าเทียม และการเปิดรับคนทุกคน) ภายใต้ชื่อโครงการทุนการศึกษาความหลากหลายและการไม่แบ่งแยก (DISP) เงินทุนสนับสนุนการศึกษาดังกล่าวมีผู้หน่วยงานเพื่อการพัฒนาระหว่างประเทศสหรัฐฯ (USAID) และสถานทูตสหรัฐฯในนครย่างกุ้งเป็นผู้เบิกจ่าย ทรัมป์กล่าวถึงการระงับเงินทุนสนับสนุนการศึกษาครั้งนี้ว่า “เงิน 45 ล้านดอลลาร์สหรัฐนั้น เป็นเงินที่มากเกินไปสำหรับการลงทุนเพื่อการศึกษา หรือเพื่อความหลากหลายในเมียนมา พวกคุณคงจินตนาการกันได้ว่าเงินเหล่านั้นมันจะไปไหนได้บ้าง นี่คืออีกรูปแบบของการจ่ายเงิน และยังมีอีกมาก ผมสามารถยืนอยู่ที่นี่ทั้งวัน เพื่อเล่าให้พวกคุณฟังถึงสิ่งที่เราได้พบมา เราแค่ต้องการให้เงินมันไปยังที่ๆเหมาะสมกว่าเท่านั้น”
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 577 Views 13 0 Reviews
  • ในหลวง - พระราชินี พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ คณะกรรมการมูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนงานมูลนิธิฯ และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด นำ นักเรียนทุนพระราชทานฯ รุ่นที่ 16 ปีการศึกษา 2567 เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท...
    .
    #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida
    Cr. FB : เดลินิวส์ออนไลน์
    ในหลวง - พระราชินี พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้ คณะกรรมการมูลนิธิทุนการศึกษาพระราชทานสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร (ม.ท.ศ.) คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนงานมูลนิธิฯ และผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด นำ นักเรียนทุนพระราชทานฯ รุ่นที่ 16 ปีการศึกษา 2567 เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท... . #พระราชินีสุทิดา #苏提达王后 #QueenSuthida Cr. FB : เดลินิวส์ออนไลน์
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 796 Views 0 Reviews
  • ประกาศเปิด Pre-Order หนังสือ "Integrated Business Excellence""หมดแล้ว หมดเลย" ผลิตเพียง 200 เล่มเท่านั้น! รายละเอียดหนังสือเนื้อหาครอบคลุม 3 หัวข้อสำคัญ:1️⃣ Leadership - สร้างผู้นำที่ทรงพลังและสร้างองค์กรที่ยั่งยืน2️⃣ Performance Excellence - วางแผนกลยุทธ์และบริหารผลงานอย่างมืออาชีพ3️⃣ Operational Excellence - เทคนิค Lean, Six Sigma และการทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัล หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับ: นักธุรกิจและผู้บริหารทุกระดับ ผู้ที่สนใจพัฒนาทักษะด้านการบริหารและการดำเนินธุรกิจ นักเรียน/นักศึกษาที่ต้องการสร้างพื้นฐานความรู้เพื่ออนาคต พิเศษ! รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะถูกนำไปบริจาคเพื่อสนับสนุนทุนการศึกษาร่วมสร้างโอกาสทางการศึกษา พร้อมเพิ่มศักยภาพให้ตัวคุณเอง Pre-Order ได้แล้ววันนี้!ราคาพิเศษ: 590 บาท/เล่มหมดเขตการสั่งจอง: 31 มกราคมเริ่มจัดส่ง: 1 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป วิธีการสั่งจอง:แจ้งความประสงค์ผ่าน [ช่องทางสั่งจอง]:Line ID: tommy5213800128Facebook เพจ: TPT Consultantโอนเงินผ่าน พร้อมเพย์ 081-723-0317 พร้อมแจ้งหลักฐานการโอนเงินทาง Lineแจ้งชื่อที่อยู่ของท่านผ่านทาง Line เพื่อรอรับหนังสือที่บ้าน #หมดแล้วหมดเลย #หนังสือที่ทุกคนต้องมี สั่งจองก่อนใครได้ที่ Line หรือ Facebook ให้ความรู้ เพิ่มคุณค่า และสร้างโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่
    ประกาศเปิด Pre-Order หนังสือ "Integrated Business Excellence""หมดแล้ว หมดเลย" ผลิตเพียง 200 เล่มเท่านั้น!📘 รายละเอียดหนังสือเนื้อหาครอบคลุม 3 หัวข้อสำคัญ:1️⃣ Leadership - สร้างผู้นำที่ทรงพลังและสร้างองค์กรที่ยั่งยืน2️⃣ Performance Excellence - วางแผนกลยุทธ์และบริหารผลงานอย่างมืออาชีพ3️⃣ Operational Excellence - เทคนิค Lean, Six Sigma และการทรานส์ฟอร์มธุรกิจสู่ดิจิทัล💡 หนังสือเล่มนี้เหมาะสำหรับ:✅ นักธุรกิจและผู้บริหารทุกระดับ✅ ผู้ที่สนใจพัฒนาทักษะด้านการบริหารและการดำเนินธุรกิจ✅ นักเรียน/นักศึกษาที่ต้องการสร้างพื้นฐานความรู้เพื่ออนาคต🎯 พิเศษ! รายได้หลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะถูกนำไปบริจาคเพื่อสนับสนุนทุนการศึกษาร่วมสร้างโอกาสทางการศึกษา พร้อมเพิ่มศักยภาพให้ตัวคุณเอง🛒 Pre-Order ได้แล้ววันนี้!ราคาพิเศษ: 590 บาท/เล่มหมดเขตการสั่งจอง: 31 มกราคมเริ่มจัดส่ง: 1 กุมภาพันธ์ เป็นต้นไป📲 วิธีการสั่งจอง:แจ้งความประสงค์ผ่าน [ช่องทางสั่งจอง]:Line ID: tommy5213800128Facebook เพจ: TPT Consultantโอนเงินผ่าน พร้อมเพย์ 081-723-0317 พร้อมแจ้งหลักฐานการโอนเงินทาง Lineแจ้งชื่อที่อยู่ของท่านผ่านทาง Line เพื่อรอรับหนังสือที่บ้าน🔥 #หมดแล้วหมดเลย #หนังสือที่ทุกคนต้องมี📚 สั่งจองก่อนใครได้ที่ Line หรือ Facebook🌟 ให้ความรู้ เพิ่มคุณค่า และสร้างโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่
    3 Comments 0 Shares 806 Views 0 Reviews
More Results