• สองโรงเรียนดังปิดกิจการ สะท้อนวิกฤติประชากร ระบบการศึกษาต้องปรับตัว : ถอนหมุดข่าว 11-11-68
    สองโรงเรียนดังปิดกิจการ สะท้อนวิกฤติประชากร ระบบการศึกษาต้องปรับตัว : ถอนหมุดข่าว 11-11-68
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 0 Reviews
  • O.P.K.
    เจาะลึก "ริน" : เทพีนาคาลูกผสมแห่งสายน้ำและความรู้สึก

    ต้นกำเนิดแห่งเทพีนาคา

    การถือกำเนิดระหว่างสองโลก

    ชื่อเต็ม: รินทราวดี นาคารัตนะ
    ชื่อหมายถึง:"ผู้เป็นดั่งแก้วแหวนแห่งนาคา"
    อายุ:23 ปี (ร่างกาย), 300 ปี (จิตวิญญาณ)
    สถานะ:เทพีนาคาลูกผสมระหว่างนาคาระดับสูงกับมนุษย์

    ```mermaid
    graph TB
    A[พ่อนาคา<br>ราชันแห่งแม่น้ำ] --> C[ริน<br>เทพีนาคาลูกผสม]
    B[แม่มนุษย์<br>นักดนตรีแห่งวัง] --> C
    C --> D[ถูกเลี้ยงในวังนาคา<br>แต่รู้สึกแตกต่าง]
    C --> E[มีพลังผัสสะ<br>เกินปกติ]
    ```

    ลักษณะทางกายภาพ

    · รูปร่าง: สาวงามสูง 168 ซม. ผมยาวสีดำแซมด้วยเกล็ดสีมรกต
    · ผิวพรรณ: เรียบเนียนมีเกล็ดนาคาเรียงตัวเป็นลวดลายตามแขนและหลัง
    · ดวงตา: สีเขียวคล้ายหยก เปลี่ยนสีตามอารมณ์
    · เครื่องประดับ: สวมมงกุฎเกล็ดนาคาและต่างหูทำจากไข่มุกแม่น้ำ

    พลังพิเศษแห่งสายน้ำและความรู้สึก

    พลังจากสองสายเลือด

    ```python
    class RinPowers:
    def __init__(self):
    self.naga_heritage = {
    "water_control": "ควบคุมและสร้างรูปน้ำได้",
    "weather_influence": "สภาพอากาศรอบตัว",
    "serpent_communication": "สื่อสารกับสัตว์เลื้อยคลาน",
    "underwater_breathing": "หายใจใต้น้ำได้"
    }

    self.human_heritage = {
    "emotional_empathy": "รับรู้อารมณ์ผู้คนผ่านน้ำ",
    "artistic_talent": "ความสามารถด้านดนตรีและศิลปะ",
    "cultural_bridge": "เข้าใจทั้งวัฒนธรรมมนุษย์และนาคา",
    "adaptive_nature": "ปรับตัวได้ดีในทุกสภาพแวดล้อม"
    }

    self.unique_hybrid_powers = {
    "liquid_memory": "เก็บความทรงจำในน้ำและเรียกคืนได้",
    "emotional_hydration": "ดูดซับอารมณ์ผ่านความชื้น",
    "tear_divination": "ทำนายอนาคตผ่านน้ำตา",
    "river_empathy": "รับรู้ความรู้สึกของแม่น้ำ"
    }
    ```

    พลังผัสสะพิเศษ

    รินมีความสามารถรับรู้ผัสสะที่ละเอียดอ่อนผิดไปจากมนุษย์

    · สัมผัสน้ำ: รู้ประวัติและอารมณ์ที่ผูกกับน้ำนั้น
    · รับรู้อารมณ์: ผ่านความชื้นในอากาศ
    · สื่อสาร: ผ่านคลื่นเสียงในน้ำ

    ชีวิตในวังนาคาและโลกมนุษย์

    การเติบโตในวังนาคา

    รินถูกเลี้ยงดูในวังนาคาใต้แม่น้ำโขง:

    · การศึกษาศิลปะ: จากแม่มนุษย์
    · การฝึกพลัง: จากพ่อนาคา
    · ความโดดเดี่ยว: เพราะเป็นลูกผสม

    การมาโลกมนุษย์

    เมื่ออายุ 100 ปี รินขอมาอยู่โลกมนุษย์:

    · เหตุผล: ต้องการเข้าใจด้านมนุษย์ของตัวเอง
    · อาชีพ: เปิดโรงเรียนสอนดนตรีใกล้แม่น้ำ
    · การปกปิด: ซ่อนพลังและเกล็ดนาคาเมื่ออยู่กับมนุษย์

    บันทึกความในใจ

    "บางครั้งฉันรู้สึกเหมือนปลาสองน้ำ...
    อยู่ในวังนาคาก็คิดถึงโลกมนุษย์
    อยู่ในโลกมนุษย์ก็คิดถึงวังนาคา

    ไม่รู้ว่าบ้านที่แท้จริงอยู่ที่ไหน..."

    ความสามารถด้านดนตรีและศิลปะ

    ดนตรีแห่งสายน้ำ

    รินพัฒนาดนตรีรูปแบบใหม่:

    · เครื่องดนตรี: พิณน้ำที่สร้างจากพลังงาน
    · บทเพลง: ที่สื่ออารมณ์ผ่านคลื่นน้ำ
    · การแสดง: ร่วมกับเสียงน้ำและธรรมชาติ

    ศิลปะจากผัสสะ

    ```mermaid
    graph LR
    A[อารมณ์ของริน] --> B[แปลงเป็น<br>ศิลปะน้ำ]
    C[ความรู้สึกจากผู้อื่น] --> D[รินรับรู้<br>ผ่านความชื้น]
    B --> E[สร้างเป็น<br>ผลงานศิลปะ]
    D --> E
    ```

    ผลงานเด่น

    · "สายน้ำแห่งความทรงจำ": บทเพลงที่บอกเล่าประวัติศาสตร์แม่น้ำโขง
    · "เกล็ดแห่งกาลเวลา": ประติมากรรมน้ำที่เปลี่ยนรูปตามอารมณ์
    · "น้ำตาของนาคา": การแสดงที่รวมดนตรีและศิลปะน้ำ

    ความสัมพันธ์กับนาคาริน

    การพบกันครั้งแรก

    รินพบนาคารินเมื่อเขามาหลบภัยที่โรงเรียนดนตรีของเธอ:
    "เขาเข้ามาพร้อมกับสายฝน...
    และฉันรู้สึกถึงความเจ็บปวดในผัสสะของเขาทันที"

    การช่วยเหลือนาคาริน

    รินใช้ความสามารถพิเศษช่วยนาคาริน:

    · บำบัดด้วยดนตรี: ใช้เสียงดนตรีปรับสมดุลผัสสะ
    · ศิลปะน้ำ: ช่วยเขาควบคุมพลังผัสสะ
    · ความเข้าใจ: ในฐานะลูกผสมด้วยกัน

    การพัฒนาความสัมพันธ์

    จากเพื่อนร่วมชะตากรรม สู่ความรัก:
    "เราสอนกันและกัน...
    เขาสอนฉันเรื่องความเข้มแข็ง
    ฉันสอนเขาเรื่องความอ่อนโยน

    และเราพบว่าการเป็นลูกผสม...
    สามารถเป็นความงามได้ไม่ใช่ความอับอาย"

    การเป็นสะพานระหว่างสองโลก

    บทบาททางการ

    รินได้รับแต่งตั้งเป็น:

    · ทูตสันถวไมตรี ระหว่างวังนาคาและมนุษย์
    · ที่ปรึกษาด้านศิลปะ ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต
    · ผู้รักษาประเพณี ดนตรีและศิลปะนาคา

    โครงการสำคัญ

    ```python
    class RinProjects:
    def __init__(self):
    self.cultural_projects = {
    "naga_human_cultural_exchange": "แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างนาคาและมนุษย์",
    "river_conservation_through_art": "อนุรักษ์แม่น้ำผ่านศิลปะ",
    "hybrid_community_support": "สนับสนุนชุมชนลูกผสม",
    "sensory_art_therapy": "ศิลปะบำบัดสำหรับผู้มีพลังผัสสะพิเศษ"
    }

    self.collaborations = [
    "นาคาริน: ศูนย์บำบัดพลังผัสสะ",
    "หนูดี: การใช้พลังงานในศิลปะ",
    "เณรพุทธ: ศิลปะแห่งจิตวิญญาณ",
    "นิทรา: ศิลปะจากอารมณ์"
    ]
    ```

    การบำบัดและเยียวยา

    ดนตรีบำบัดแห่งสายน้ำ

    รินพัฒนาวิธีการบำบัดใหม่:

    · เสียงน้ำบำบัด: ใช้เสียงน้ำรักษาจิตใจ
    · ดนตรีปรับผัสสะ: ช่วยผู้มีปัญหาการรับรู้
    · ศิลปะน้ำระบายอารมณ์: ใช้น้ำเป็นสื่อแสดงอารมณ์

    เทคนิคเฉพาะตัว

    ```python
    class HealingTechniques:
    def __init__(self):
    self.water_based = [
    "การฟังเสียงน้ำเพื่อสมาธิ",
    "การใช้การไหลของน้ำเป็นแบบอย่างการปล่อยวาง",
    "การวาดรูปด้วยน้ำบนแผ่นหินร้อน",
    "การสร้างท่วงทำนองจากเสียงน้ำ"
    ]

    self.sensory_balance = [
    "การปรับสมดุลผัสสะด้วยอุณหภูมิน้ำ",
    "การใช้ลวดลายน้ำเป็นเครื่องมือFocus",
    "การสร้างจังหวะจากคลื่นน้ำ",
    "การใช้แสงผ่านน้ำสร้างบรรยากาศ"
    ]
    ```

    ปรัชญาและคำสอน

    🪷 คำคมแห่งสายน้ำ

    "ชีวิตดุจสายน้ำ...
    บางครั้งต้องไหลเชี่ยว บางครั้งต้องไหลเอื่อย
    แต่สิ่งที่สำคัญคือการไหลไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง

    และเหมือนน้ำที่ปรับรูปตามภาชนะ...
    เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวตามสถานการณ์"

    บทเรียนการเป็นลูกผสม

    รินสอนว่า:

    · ความแตกต่าง คือความงามที่ไม่ซ้ำใคร
    · การเป็นสะพาน ระหว่างสองโลกคือเกียรติยศ
    · การเข้าใจทั้งสองฝั่ง ทำให้เรามีมุมมองที่กว้างไกล

    บทสรุปแห่งการเป็นตัวตนที่สมบูรณ์

    การยอมรับตัวเอง

    รินค้นพบในที่สุดว่า:
    "ฉันไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่างนาคาหรือมนุษย์...
    เพราะฉันคือทั้งสองอย่าง

    และพลังลูกผสมของฉัน...
    คือของขวัญที่让我เข้าใจโลกได้ลึกซึ้งกว่าใครๆ"

    ความหมายแห่งการมีอยู่

    จากผู้ที่เคย...

    · รู้สึกไม่พอใจ กับความเป็นลูกผสม
    · พยายามปิดบัง ด้านใดด้านหนึ่งของตัวเอง
    · รู้สึกโดดเดี่ยว ระหว่างสองโลก

    กลายเป็นผู้ที่...

    · ภาคภูมิใจ ในความเป็นลูกผสม
    · ใช้ทั้งสองด้าน ช่วยเหลือผู้อื่น
    · เป็นสะพาน เชื่อมต่อระหว่างโลก

    ---

    คำคมสุดท้ายจากริน:
    "ฉันเคยคิดว่าต้องหาที่อยู่ที่ใช่...
    แต่ความจริงคือที่อยู่ที่แท้จริง不是สถานที่
    แต่คือหัวใจที่ยอมรับตัวเอง

    และเมื่อฉันยอมรับว่าฉันคือทั้งนาคาและมนุษย์...
    ฉันก็พบว่าทั้งสองโลกคือบ้านของฉัน

    บ้านที่ไม่ใช่สถานที่...
    แต่คือความเข้าใจที่ว่าทุกชีวิตล้วนเชื่อมโยงกัน
    ดุจสายน้ำที่ไหลมาบรรจบกัน"

    การเดินทางของรินสอนเราว่า...
    "In embracing all parts of ourselves,
    we find our true strength
    And in flowing between worlds,
    we discover that home is not a place,
    but a state of being"
    O.P.K. 🐍 เจาะลึก "ริน" : เทพีนาคาลูกผสมแห่งสายน้ำและความรู้สึก 🌊 ต้นกำเนิดแห่งเทพีนาคา 👑 การถือกำเนิดระหว่างสองโลก ชื่อเต็ม: รินทราวดี นาคารัตนะ ชื่อหมายถึง:"ผู้เป็นดั่งแก้วแหวนแห่งนาคา" อายุ:23 ปี (ร่างกาย), 300 ปี (จิตวิญญาณ) สถานะ:เทพีนาคาลูกผสมระหว่างนาคาระดับสูงกับมนุษย์ ```mermaid graph TB A[พ่อนาคา<br>ราชันแห่งแม่น้ำ] --> C[ริน<br>เทพีนาคาลูกผสม] B[แม่มนุษย์<br>นักดนตรีแห่งวัง] --> C C --> D[ถูกเลี้ยงในวังนาคา<br>แต่รู้สึกแตกต่าง] C --> E[มีพลังผัสสะ<br>เกินปกติ] ``` 🎭 ลักษณะทางกายภาพ · รูปร่าง: สาวงามสูง 168 ซม. ผมยาวสีดำแซมด้วยเกล็ดสีมรกต · ผิวพรรณ: เรียบเนียนมีเกล็ดนาคาเรียงตัวเป็นลวดลายตามแขนและหลัง · ดวงตา: สีเขียวคล้ายหยก เปลี่ยนสีตามอารมณ์ · เครื่องประดับ: สวมมงกุฎเกล็ดนาคาและต่างหูทำจากไข่มุกแม่น้ำ 🔮 พลังพิเศษแห่งสายน้ำและความรู้สึก 💫 พลังจากสองสายเลือด ```python class RinPowers: def __init__(self): self.naga_heritage = { "water_control": "ควบคุมและสร้างรูปน้ำได้", "weather_influence": "สภาพอากาศรอบตัว", "serpent_communication": "สื่อสารกับสัตว์เลื้อยคลาน", "underwater_breathing": "หายใจใต้น้ำได้" } self.human_heritage = { "emotional_empathy": "รับรู้อารมณ์ผู้คนผ่านน้ำ", "artistic_talent": "ความสามารถด้านดนตรีและศิลปะ", "cultural_bridge": "เข้าใจทั้งวัฒนธรรมมนุษย์และนาคา", "adaptive_nature": "ปรับตัวได้ดีในทุกสภาพแวดล้อม" } self.unique_hybrid_powers = { "liquid_memory": "เก็บความทรงจำในน้ำและเรียกคืนได้", "emotional_hydration": "ดูดซับอารมณ์ผ่านความชื้น", "tear_divination": "ทำนายอนาคตผ่านน้ำตา", "river_empathy": "รับรู้ความรู้สึกของแม่น้ำ" } ``` 🌧️ พลังผัสสะพิเศษ รินมีความสามารถรับรู้ผัสสะที่ละเอียดอ่อนผิดไปจากมนุษย์ · สัมผัสน้ำ: รู้ประวัติและอารมณ์ที่ผูกกับน้ำนั้น · รับรู้อารมณ์: ผ่านความชื้นในอากาศ · สื่อสาร: ผ่านคลื่นเสียงในน้ำ 💔 ชีวิตในวังนาคาและโลกมนุษย์ 🏰 การเติบโตในวังนาคา รินถูกเลี้ยงดูในวังนาคาใต้แม่น้ำโขง: · การศึกษาศิลปะ: จากแม่มนุษย์ · การฝึกพลัง: จากพ่อนาคา · ความโดดเดี่ยว: เพราะเป็นลูกผสม 🌍 การมาโลกมนุษย์ เมื่ออายุ 100 ปี รินขอมาอยู่โลกมนุษย์: · เหตุผล: ต้องการเข้าใจด้านมนุษย์ของตัวเอง · อาชีพ: เปิดโรงเรียนสอนดนตรีใกล้แม่น้ำ · การปกปิด: ซ่อนพลังและเกล็ดนาคาเมื่ออยู่กับมนุษย์ 📚 บันทึกความในใจ "บางครั้งฉันรู้สึกเหมือนปลาสองน้ำ... อยู่ในวังนาคาก็คิดถึงโลกมนุษย์ อยู่ในโลกมนุษย์ก็คิดถึงวังนาคา ไม่รู้ว่าบ้านที่แท้จริงอยู่ที่ไหน..." 🎵 ความสามารถด้านดนตรีและศิลปะ 🎻 ดนตรีแห่งสายน้ำ รินพัฒนาดนตรีรูปแบบใหม่: · เครื่องดนตรี: พิณน้ำที่สร้างจากพลังงาน · บทเพลง: ที่สื่ออารมณ์ผ่านคลื่นน้ำ · การแสดง: ร่วมกับเสียงน้ำและธรรมชาติ 🎨 ศิลปะจากผัสสะ ```mermaid graph LR A[อารมณ์ของริน] --> B[แปลงเป็น<br>ศิลปะน้ำ] C[ความรู้สึกจากผู้อื่น] --> D[รินรับรู้<br>ผ่านความชื้น] B --> E[สร้างเป็น<br>ผลงานศิลปะ] D --> E ``` 🏆 ผลงานเด่น · "สายน้ำแห่งความทรงจำ": บทเพลงที่บอกเล่าประวัติศาสตร์แม่น้ำโขง · "เกล็ดแห่งกาลเวลา": ประติมากรรมน้ำที่เปลี่ยนรูปตามอารมณ์ · "น้ำตาของนาคา": การแสดงที่รวมดนตรีและศิลปะน้ำ 💞 ความสัมพันธ์กับนาคาริน 🌸 การพบกันครั้งแรก รินพบนาคารินเมื่อเขามาหลบภัยที่โรงเรียนดนตรีของเธอ: "เขาเข้ามาพร้อมกับสายฝน... และฉันรู้สึกถึงความเจ็บปวดในผัสสะของเขาทันที" 🕊️ การช่วยเหลือนาคาริน รินใช้ความสามารถพิเศษช่วยนาคาริน: · บำบัดด้วยดนตรี: ใช้เสียงดนตรีปรับสมดุลผัสสะ · ศิลปะน้ำ: ช่วยเขาควบคุมพลังผัสสะ · ความเข้าใจ: ในฐานะลูกผสมด้วยกัน 💫 การพัฒนาความสัมพันธ์ จากเพื่อนร่วมชะตากรรม สู่ความรัก: "เราสอนกันและกัน... เขาสอนฉันเรื่องความเข้มแข็ง ฉันสอนเขาเรื่องความอ่อนโยน และเราพบว่าการเป็นลูกผสม... สามารถเป็นความงามได้ไม่ใช่ความอับอาย" 🌈 การเป็นสะพานระหว่างสองโลก 🏛️ บทบาททางการ รินได้รับแต่งตั้งเป็น: · ทูตสันถวไมตรี ระหว่างวังนาคาและมนุษย์ · ที่ปรึกษาด้านศิลปะ ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต · ผู้รักษาประเพณี ดนตรีและศิลปะนาคา 🌍 โครงการสำคัญ ```python class RinProjects: def __init__(self): self.cultural_projects = { "naga_human_cultural_exchange": "แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมระหว่างนาคาและมนุษย์", "river_conservation_through_art": "อนุรักษ์แม่น้ำผ่านศิลปะ", "hybrid_community_support": "สนับสนุนชุมชนลูกผสม", "sensory_art_therapy": "ศิลปะบำบัดสำหรับผู้มีพลังผัสสะพิเศษ" } self.collaborations = [ "นาคาริน: ศูนย์บำบัดพลังผัสสะ", "หนูดี: การใช้พลังงานในศิลปะ", "เณรพุทธ: ศิลปะแห่งจิตวิญญาณ", "นิทรา: ศิลปะจากอารมณ์" ] ``` 🏥 การบำบัดและเยียวยา 🎵 ดนตรีบำบัดแห่งสายน้ำ รินพัฒนาวิธีการบำบัดใหม่: · เสียงน้ำบำบัด: ใช้เสียงน้ำรักษาจิตใจ · ดนตรีปรับผัสสะ: ช่วยผู้มีปัญหาการรับรู้ · ศิลปะน้ำระบายอารมณ์: ใช้น้ำเป็นสื่อแสดงอารมณ์ 💧 เทคนิคเฉพาะตัว ```python class HealingTechniques: def __init__(self): self.water_based = [ "การฟังเสียงน้ำเพื่อสมาธิ", "การใช้การไหลของน้ำเป็นแบบอย่างการปล่อยวาง", "การวาดรูปด้วยน้ำบนแผ่นหินร้อน", "การสร้างท่วงทำนองจากเสียงน้ำ" ] self.sensory_balance = [ "การปรับสมดุลผัสสะด้วยอุณหภูมิน้ำ", "การใช้ลวดลายน้ำเป็นเครื่องมือFocus", "การสร้างจังหวะจากคลื่นน้ำ", "การใช้แสงผ่านน้ำสร้างบรรยากาศ" ] ``` 📚 ปรัชญาและคำสอน 🪷 คำคมแห่งสายน้ำ "ชีวิตดุจสายน้ำ... บางครั้งต้องไหลเชี่ยว บางครั้งต้องไหลเอื่อย แต่สิ่งที่สำคัญคือการไหลไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง และเหมือนน้ำที่ปรับรูปตามภาชนะ... เราก็ต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวตามสถานการณ์" 🌟 บทเรียนการเป็นลูกผสม รินสอนว่า: · ความแตกต่าง คือความงามที่ไม่ซ้ำใคร · การเป็นสะพาน ระหว่างสองโลกคือเกียรติยศ · การเข้าใจทั้งสองฝั่ง ทำให้เรามีมุมมองที่กว้างไกล 🏁 บทสรุปแห่งการเป็นตัวตนที่สมบูรณ์ 💝 การยอมรับตัวเอง รินค้นพบในที่สุดว่า: "ฉันไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่างนาคาหรือมนุษย์... เพราะฉันคือทั้งสองอย่าง และพลังลูกผสมของฉัน... คือของขวัญที่让我เข้าใจโลกได้ลึกซึ้งกว่าใครๆ" 🌈 ความหมายแห่งการมีอยู่ จากผู้ที่เคย... · รู้สึกไม่พอใจ กับความเป็นลูกผสม · พยายามปิดบัง ด้านใดด้านหนึ่งของตัวเอง · รู้สึกโดดเดี่ยว ระหว่างสองโลก กลายเป็นผู้ที่... · ภาคภูมิใจ ในความเป็นลูกผสม · ใช้ทั้งสองด้าน ช่วยเหลือผู้อื่น · เป็นสะพาน เชื่อมต่อระหว่างโลก --- คำคมสุดท้ายจากริน: "ฉันเคยคิดว่าต้องหาที่อยู่ที่ใช่... แต่ความจริงคือที่อยู่ที่แท้จริง不是สถานที่ แต่คือหัวใจที่ยอมรับตัวเอง และเมื่อฉันยอมรับว่าฉันคือทั้งนาคาและมนุษย์... ฉันก็พบว่าทั้งสองโลกคือบ้านของฉัน บ้านที่ไม่ใช่สถานที่... แต่คือความเข้าใจที่ว่าทุกชีวิตล้วนเชื่อมโยงกัน ดุจสายน้ำที่ไหลมาบรรจบกัน"🌊✨ การเดินทางของรินสอนเราว่า... "In embracing all parts of ourselves, we find our true strength And in flowing between worlds, we discover that home is not a place, but a state of being"🐍🌈
    0 Comments 0 Shares 210 Views 0 Reviews
  • O.P.K.
    คดีพิศวง: อสูรเฒ่าผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์

    จุดเริ่มต้นแห่งคำสาป

    การปรากฏตัวของอสูรเฒ่า

    ในคืนหนึ่งที่ลมพายุพัดผ่านหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง อสูรเฒ่าตาเดียว ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ชายป่า
    ด้วยร่างสูงใหญ่ผมหงอกขาว และดวงตาเดียวที่เรืองรองด้วยพลังโบราณ

    ```mermaid
    graph TB
    A[อสูรเฒ่า<br>ตาเดียว] --> B[พูดคำศักดิ์สิทธิ์<br>ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์]
    B --> C[ชาวบ้าน<br>พากันหวาดกลัว]
    C --> D[ร.ต.อ.สิงห์<br>ได้รับแจ้งเหตุ]
    D --> E[หนูดีรู้สึกถึง<br>พลังงานโบราณ]
    ```

    พลังวาจาศักดิ์สิทธิ์

    อสูรเฒ่ามีความสามารถพิเศษ:

    · พูดให้เป็นจริง: สิ่งที่พูดออกมาจะเกิดขึ้นจริง
    · คำสาปและคำอวยพร: ให้ทั้งคุณและโทษ
    · ภาษาโบราณ: ใช้ภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจได้

    การสืบสวนเบื้องต้น

    การพบพยาน

    ร.ต.อ. สิงห์ สอบปากคำชาวบ้าน:
    ชาวบ้านเล่า:"ท่านพูดว่า 'ข้าวในนาจะแห้งเหี่ยว' แล้วข้าวก็เหี่ยวจริงๆ!"
    อีกคนเสริม:"แต่บางครั้งท่านก็พูดว่า 'เด็กป่วยจะหาย' แล้วเด็กก็หายเหมือนกัน"

    การวิเคราะห์ของหนูดี

    หนูดีรู้สึกถึงพลังงานประหลาด:
    "พ่อคะ...นี่ไม่ใช่พลังงานร้าย
    แต่คือพลังงานโบราณที่ขาดการควบคุม
    เหมือนไฟที่ไม่มีใครดูแล"

    เบื้องหลังอสูรเฒ่า

    ประวัติศาสตร์ที่ถูกลืม

    อสูรเฒ่าคือ ฤๅษีวาจาธร ในอดีต:

    · อายุ: 2,000 ปี
    · เดิมที: เป็นฤๅษีผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์
    · การเปลี่ยนแปลง: ถูกสาปให้กลายเป็นอสูรเพราะใช้พลังในทางที่ผิด

    ```python
    class AncientBeing:
    def __init__(self):
    self.identity = {
    "true_name": "ฤๅษีวาจาธร",
    "former_role": "ผู้รักษาคำศักดิ์สิทธิ์",
    "curse": "ถูกสาปให้เป็นอสูรเพราะความหลงตัวเอง",
    "age": "2000 ปี"
    }

    self.abilities = {
    "truth_speech": "พูดให้เป็นจริง",
    "blessing_curse": "ให้ทั้งพรและสาป",
    "ancient_language": "รู้ภาษาดั้งเดิมที่ทรงพลัง",
    "reality_weaving": "ถักทอความเป็นจริงด้วยคำพูด"
    }
    ```

    ต้นเหตุแห่งการถูกสาป

    ในอดีต ฤๅษีวาจาธรเคย:

    · ใช้พลังสร้างนคร ให้กษัตริย์ที่โลภ
    · สาปแช่งศัตรู ด้วยความโกรธ
    · ลืมคำสอน เกี่ยวกับความรับผิดชอบ

    ปัญหาที่เกิดขึ้น

    ผลกระทบต่อหมู่บ้าน

    อสูรเฒ่าสร้างทั้งปัญหาและประโยชน์:

    ```mermaid
    graph LR
    A[คำพูดของอสูรเฒ่า] --> B[ผลกระทบด้านบวก<br>รักษาโรค อวยพร]
    A --> C[ผลกระทบด้านลบ<br>สาปแช่ง ทำลายล้าง]
    B --> D[ชาวบ้านบางส่วน<br>นับถือเหมือนเทพ]
    C --> E[ชาวบ้านบางส่วน<br>เกลียดกลัวเหมือนปีศาจ]
    ```

    ความขัดแย้งในหมู่บ้าน

    เกิดการแบ่งฝั่งในหมู่บ้าน:

    · ฝั่งนับถือ: นำของมาถวายขอพร
    · ฝั่งต่อต้าน: ต้องการขับไล่
    · ผลที่ได้: ความขัดแย้งและความยอมรับนับถือ



    หนูดีตัดสินใจเข้าไปหาอสูรเฒ่าด้วยตัวเอง:
    "ท่านฤๅษี...หนูรู้ว่าท่านไม่ใช่ปีศาจ
    ท่านอาจจะสับสนหนทางเท่านั้น"

    บทสนทนาสำคัญ

    อสูรเฒ่า: "ใครกันที่กล้ามาพูดกับข้าเช่นนี้?"
    หนูดี:"ผู้ที่เข้าใจว่าคำพูดมีพลัง... และเข้าใจความโดดเดี่ยวของท่าน"

    อสูรเฒ่า: "เธอเข้าใจอะไร? ข้าโดดเดี่ยวมานับพันปี!"
    หนูดี:"เพราะท่านใช้คำพูดสร้างระยะทาง... ไม่ใช่สร้างความเข้าใจ"

    การเยียวยาทางจิตใจ

    หนูดีช่วยให้อสูรเฒ่าเข้าใจว่า:

    · พลังวาจา ควรใช้เพื่อการเยียวยา ไม่ใช่การควบคุม
    · ความโดดเดี่ยว เกิดจากการสร้างกำแพงด้วยคำพูด
    · การให้อภัย ตัวเองคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง

    บทเรียนแห่งวาจา

    การฝึกฝนใหม่

    อสูรเฒ่าเรียนรู้ที่จะ:

    · ฟัง ก่อนจะพูด
    · คิด ก่อนจะให้พรหรือสาป
    · เข้าใจ ผลกระทบของคำพูด

    เทคนิคการควบคุมพลัง

    ```python
    class SpeechControl:
    def __init__(self):
    self.techniques = [
    "การนับหนึ่งถึงสามก่อนพูด",
    "การถามตัวเองว่าคำพูดนี้จะช่วยหรือทำลาย",
    "การใช้คำพูดสร้างสรรค์แทนการทำลาย",
    "การเข้าใจว่าบางครั้งความเงียบก็ทรงพลัง"
    ]

    self.daily_practice = {
    "morning": "พูดคำอวยพรให้ตัวเองและโลก",
    "afternoon": "ฝึกฟังโดยไม่ตัดสิน",
    "evening": "ไตร่ตรองคำพูดที่ใช้ในวันนั้น"
    }
    ```

    การเปลี่ยนแปลงบทบาท

    จากอสูรสู่ที่ปรึกษา

    อสูรเฒ่าได้รับบทบาทใหม่เป็น:

    · ที่ปรึกษาด้านวาจา ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต
    · ครูสอนภาษาโบราณ และพลังแห่งคำพูด
    · ผู้ไกล่เกลี่ย ในความขัดแย้งต่างๆ

    ความสัมพันธ์ใหม่

    กับหนูดี: ครูและนักเรียนซึ่งกันและกัน
    กับสิงห์:ที่ปรึกษาด้านภาษาโบราณ
    กับชาวบ้าน:ที่ปรึกษาและผู้ให้คำแนะนำ

    ผลกระทบเชิงบวก

    การคืนสู่หมู่บ้าน

    อสูรเฒ่ากลับไปอยู่หมู่บ้านในบทบาทใหม่:

    · ให้คำแนะนำ แก่ชาวบ้าน
    · สอนเด็กๆ เกี่ยวกับพลังแห่งคำพูด
    · เป็นสะพาน ระหว่างคนรุ่นเก่าและใหม่

    โครงการใหม่

    ```mermaid
    graph TB
    A[อสูรเฒ่า] --> B[โรงเรียนสอนภาษาโบราณ]
    A --> C[ศูนย์ไกล่เกลี่ยด้วยวาจา]
    A --> D[โครงการรักษาภาษาดั้งเดิม]
    ```

    บทเรียนจากคดี

    🪷 สำหรับอสูรเฒ่า

    "ข้าเรียนรู้ว่า...
    พลังที่แท้จริงมิอาจควบคุมด้วยคำพูด
    แต่คือการเข้าใจและเชื่อมโยงใจกัน

    และวาจาศักดิ์สิทธิ์ที่แท้...
    คือคำพูดที่เกิดจากหัวใจที่ต้องการเข้าใจ"

    สำหรับหนูดี

    "หนูเรียนรู้ว่า...
    Behind every'monster'
    there is a story of pain

    และการเยียวยาที่แท้จริง
    เริ่มต้นจากการฟังอย่างเข้าใจ"

    สำหรับ ร.ต.อ. สิงห์

    "คดีนี้สอนฉันว่า...
    บางครั้งอาชญากรที่แท้จริงไม่ใช่บุคคล
    แต่คือความเข้าใจผิดและความกลัว

    และความยุติธรรมที่แท้...
    คือการนำทางให้ทุกคนพบความเข้าใจ"

    คำคมแห่งปัญญา

    จากอสูรเฒ่า

    "คำพูดสามารถสร้างนรกหรือสวรรค์ได้...
    ทั้งในใจเราและใจผู้อื่น

    และเมื่อเราเรียนรู้ที่จะเลือกคำ...กล่าว
    เราก็เรียนรู้ที่จะสร้างโลก"

    บทสรุปแห่งวาจา

    อสูรเฒ่ากล่าวในตอนจบ:
    "ตลอดสองพันปี...
    ข้าใช้คำพูดสร้างทุกอย่างยกเว้นความสุข

    แต่บัดนี้ข้าเข้าใจแล้วว่า...
    คำพูดที่สวยงามที่สุด
    คือคำพูดที่สร้างความเข้าใจ

    และความเงียบที่ทรงพลังที่สุด
    คือความเงียบที่ฟังเสียงหัวใจตน

    ---

    คำคมสุดท้ายจากคดี:
    "วาจาศักดิ์สิทธิ์ที่แท้ไม่ใช่คำที่เปลี่ยนโลก...
    แต่คือคำที่เปลี่ยนหัวใจ

    และเมื่อหัวใจเปลี่ยนแปลง...
    โลกก็เปลี่ยนแปลงตาม"

    การเดินทางของอสูรเฒ่าสอนเราว่า...
    "Words are not just sounds
    They are the architects of reality
    And when spoken with wisdom and compassion
    They can heal even the deepest wounds of time"
    O.P.K. 🔮 คดีพิศวง: อสูรเฒ่าผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ 🏮 จุดเริ่มต้นแห่งคำสาป 🌑 การปรากฏตัวของอสูรเฒ่า ในคืนหนึ่งที่ลมพายุพัดผ่านหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่ง อสูรเฒ่าตาเดียว ได้ปรากฏตัวขึ้นที่ชายป่า ด้วยร่างสูงใหญ่ผมหงอกขาว และดวงตาเดียวที่เรืองรองด้วยพลังโบราณ ```mermaid graph TB A[อสูรเฒ่า<br>ตาเดียว] --> B[พูดคำศักดิ์สิทธิ์<br>ที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์] B --> C[ชาวบ้าน<br>พากันหวาดกลัว] C --> D[ร.ต.อ.สิงห์<br>ได้รับแจ้งเหตุ] D --> E[หนูดีรู้สึกถึง<br>พลังงานโบราณ] ``` 🗣️ พลังวาจาศักดิ์สิทธิ์ อสูรเฒ่ามีความสามารถพิเศษ: · พูดให้เป็นจริง: สิ่งที่พูดออกมาจะเกิดขึ้นจริง · คำสาปและคำอวยพร: ให้ทั้งคุณและโทษ · ภาษาโบราณ: ใช้ภาษาที่ไม่มีใครเข้าใจได้ 🔍 การสืบสวนเบื้องต้น 🕵️ การพบพยาน ร.ต.อ. สิงห์ สอบปากคำชาวบ้าน: ชาวบ้านเล่า:"ท่านพูดว่า 'ข้าวในนาจะแห้งเหี่ยว' แล้วข้าวก็เหี่ยวจริงๆ!" อีกคนเสริม:"แต่บางครั้งท่านก็พูดว่า 'เด็กป่วยจะหาย' แล้วเด็กก็หายเหมือนกัน" 💫 การวิเคราะห์ของหนูดี หนูดีรู้สึกถึงพลังงานประหลาด: "พ่อคะ...นี่ไม่ใช่พลังงานร้าย แต่คือพลังงานโบราณที่ขาดการควบคุม เหมือนไฟที่ไม่มีใครดูแล" 🧙 เบื้องหลังอสูรเฒ่า 📜 ประวัติศาสตร์ที่ถูกลืม อสูรเฒ่าคือ ฤๅษีวาจาธร ในอดีต: · อายุ: 2,000 ปี · เดิมที: เป็นฤๅษีผู้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์ · การเปลี่ยนแปลง: ถูกสาปให้กลายเป็นอสูรเพราะใช้พลังในทางที่ผิด ```python class AncientBeing: def __init__(self): self.identity = { "true_name": "ฤๅษีวาจาธร", "former_role": "ผู้รักษาคำศักดิ์สิทธิ์", "curse": "ถูกสาปให้เป็นอสูรเพราะความหลงตัวเอง", "age": "2000 ปี" } self.abilities = { "truth_speech": "พูดให้เป็นจริง", "blessing_curse": "ให้ทั้งพรและสาป", "ancient_language": "รู้ภาษาดั้งเดิมที่ทรงพลัง", "reality_weaving": "ถักทอความเป็นจริงด้วยคำพูด" } ``` 💔 ต้นเหตุแห่งการถูกสาป ในอดีต ฤๅษีวาจาธรเคย: · ใช้พลังสร้างนคร ให้กษัตริย์ที่โลภ · สาปแช่งศัตรู ด้วยความโกรธ · ลืมคำสอน เกี่ยวกับความรับผิดชอบ 🌪️ ปัญหาที่เกิดขึ้น 🏘️ ผลกระทบต่อหมู่บ้าน อสูรเฒ่าสร้างทั้งปัญหาและประโยชน์: ```mermaid graph LR A[คำพูดของอสูรเฒ่า] --> B[ผลกระทบด้านบวก<br>รักษาโรค อวยพร] A --> C[ผลกระทบด้านลบ<br>สาปแช่ง ทำลายล้าง] B --> D[ชาวบ้านบางส่วน<br>นับถือเหมือนเทพ] C --> E[ชาวบ้านบางส่วน<br>เกลียดกลัวเหมือนปีศาจ] ``` 🎭 ความขัดแย้งในหมู่บ้าน เกิดการแบ่งฝั่งในหมู่บ้าน: · ฝั่งนับถือ: นำของมาถวายขอพร · ฝั่งต่อต้าน: ต้องการขับไล่ · ผลที่ได้: ความขัดแย้งและความยอมรับนับถือ 🕊️ หนูดีตัดสินใจเข้าไปหาอสูรเฒ่าด้วยตัวเอง: "ท่านฤๅษี...หนูรู้ว่าท่านไม่ใช่ปีศาจ ท่านอาจจะสับสนหนทางเท่านั้น" 🗣️ บทสนทนาสำคัญ อสูรเฒ่า: "ใครกันที่กล้ามาพูดกับข้าเช่นนี้?" หนูดี:"ผู้ที่เข้าใจว่าคำพูดมีพลัง... และเข้าใจความโดดเดี่ยวของท่าน" อสูรเฒ่า: "เธอเข้าใจอะไร? ข้าโดดเดี่ยวมานับพันปี!" หนูดี:"เพราะท่านใช้คำพูดสร้างระยะทาง... ไม่ใช่สร้างความเข้าใจ" 🌈 การเยียวยาทางจิตใจ หนูดีช่วยให้อสูรเฒ่าเข้าใจว่า: · พลังวาจา ควรใช้เพื่อการเยียวยา ไม่ใช่การควบคุม · ความโดดเดี่ยว เกิดจากการสร้างกำแพงด้วยคำพูด · การให้อภัย ตัวเองคือจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลง 📚 บทเรียนแห่งวาจา 💫 การฝึกฝนใหม่ อสูรเฒ่าเรียนรู้ที่จะ: · ฟัง ก่อนจะพูด · คิด ก่อนจะให้พรหรือสาป · เข้าใจ ผลกระทบของคำพูด 🎯 เทคนิคการควบคุมพลัง ```python class SpeechControl: def __init__(self): self.techniques = [ "การนับหนึ่งถึงสามก่อนพูด", "การถามตัวเองว่าคำพูดนี้จะช่วยหรือทำลาย", "การใช้คำพูดสร้างสรรค์แทนการทำลาย", "การเข้าใจว่าบางครั้งความเงียบก็ทรงพลัง" ] self.daily_practice = { "morning": "พูดคำอวยพรให้ตัวเองและโลก", "afternoon": "ฝึกฟังโดยไม่ตัดสิน", "evening": "ไตร่ตรองคำพูดที่ใช้ในวันนั้น" } ``` 🏛️ การเปลี่ยนแปลงบทบาท 🌟 จากอสูรสู่ที่ปรึกษา อสูรเฒ่าได้รับบทบาทใหม่เป็น: · ที่ปรึกษาด้านวาจา ที่สถาบันวิวัฒนาการจิต · ครูสอนภาษาโบราณ และพลังแห่งคำพูด · ผู้ไกล่เกลี่ย ในความขัดแย้งต่างๆ 💞 ความสัมพันธ์ใหม่ กับหนูดี: ครูและนักเรียนซึ่งกันและกัน กับสิงห์:ที่ปรึกษาด้านภาษาโบราณ กับชาวบ้าน:ที่ปรึกษาและผู้ให้คำแนะนำ 🌍 ผลกระทบเชิงบวก 🏡 การคืนสู่หมู่บ้าน อสูรเฒ่ากลับไปอยู่หมู่บ้านในบทบาทใหม่: · ให้คำแนะนำ แก่ชาวบ้าน · สอนเด็กๆ เกี่ยวกับพลังแห่งคำพูด · เป็นสะพาน ระหว่างคนรุ่นเก่าและใหม่ 📜 โครงการใหม่ ```mermaid graph TB A[อสูรเฒ่า] --> B[โรงเรียนสอนภาษาโบราณ] A --> C[ศูนย์ไกล่เกลี่ยด้วยวาจา] A --> D[โครงการรักษาภาษาดั้งเดิม] ``` 🎯 บทเรียนจากคดี 🪷 สำหรับอสูรเฒ่า "ข้าเรียนรู้ว่า... พลังที่แท้จริงมิอาจควบคุมด้วยคำพูด แต่คือการเข้าใจและเชื่อมโยงใจกัน และวาจาศักดิ์สิทธิ์ที่แท้... คือคำพูดที่เกิดจากหัวใจที่ต้องการเข้าใจ" 💫 สำหรับหนูดี "หนูเรียนรู้ว่า... Behind every'monster' there is a story of pain และการเยียวยาที่แท้จริง เริ่มต้นจากการฟังอย่างเข้าใจ" 👮 สำหรับ ร.ต.อ. สิงห์ "คดีนี้สอนฉันว่า... บางครั้งอาชญากรที่แท้จริงไม่ใช่บุคคล แต่คือความเข้าใจผิดและความกลัว และความยุติธรรมที่แท้... คือการนำทางให้ทุกคนพบความเข้าใจ" 🌟 คำคมแห่งปัญญา 🗣️ จากอสูรเฒ่า "คำพูดสามารถสร้างนรกหรือสวรรค์ได้... ทั้งในใจเราและใจผู้อื่น และเมื่อเราเรียนรู้ที่จะเลือกคำ...กล่าว เราก็เรียนรู้ที่จะสร้างโลก" 💝 บทสรุปแห่งวาจา อสูรเฒ่ากล่าวในตอนจบ: "ตลอดสองพันปี... ข้าใช้คำพูดสร้างทุกอย่างยกเว้นความสุข แต่บัดนี้ข้าเข้าใจแล้วว่า... คำพูดที่สวยงามที่สุด คือคำพูดที่สร้างความเข้าใจ และความเงียบที่ทรงพลังที่สุด คือความเงียบที่ฟังเสียงหัวใจตน --- คำคมสุดท้ายจากคดี: "วาจาศักดิ์สิทธิ์ที่แท้ไม่ใช่คำที่เปลี่ยนโลก... แต่คือคำที่เปลี่ยนหัวใจ และเมื่อหัวใจเปลี่ยนแปลง... โลกก็เปลี่ยนแปลงตาม"🔮✨ การเดินทางของอสูรเฒ่าสอนเราว่า... "Words are not just sounds They are the architects of reality And when spoken with wisdom and compassion They can heal even the deepest wounds of time"🌈
    0 Comments 0 Shares 187 Views 0 Reviews
  • O.P.K
    เจาะลึก "นิทรา" : อัปสราลูกผสมแห่งความขัดแย้ง

    ข้อมูลพื้นฐานแห่งการถือกำเนิด

    ต้นกำเนิดระหว่างสองโลก

    ชื่อเต็ม: นิทรา เทวาลัย
    ชื่อหมายถึง:"ผู้หลับใหลแห่งสวรรค์"
    อายุ:25 ปี (ร่างกาย), 500 ปี (จิตวิญญาณ)
    สถานะ:อัปสราลูกผสมระหว่างเทพอัปสราและมนุษย์

    ```mermaid
    graph TB
    A[เทพอัปสรา<br>มัทธนา] --> C[นิทรา<br>ผู้อยู่ระหว่างสองโลก]
    B[มนุษย์นักดนตรี<br>อัศวิน] --> C
    C --> D[ถูกสวรรค์ปฏิเสธ<br>เพราะเลือดไม่บริสุทธิ์]
    C --> E[ถูกมนุษย์หวาดกลัว<br>เพราะพลังพิเศษ]
    ```

    ลักษณะทางกายภาพ

    · รูปร่าง: สาวงามสูง 170 ซม. ผมยาวสีทองแท้ธรรมชาติ
    · ผิวพรรณ: เรียบเนียนดุจดอกบัว แต่มีรอยต่อพลังงานระหว่างมนุษย์และเทพอัปสรา
    · ดวงตา: สีม่วงamethyst เรืองรองด้วยพลัง แต่แฝงความเศร้าลึก
    · ปีก: ปีกพลังงานสีทองที่ต้องสร้างขึ้นเอง แทนปีกแท้ที่ไม่มี

    พลังพิเศษแห่งการลูกผสม

    พลังจากสองสายเลือด

    ```python
    class NithraPowers:
    def __init__(self):
    self.apsara_heritage = {
    "illusion_weaving": "สร้างภาพลวงตาที่สวยงามดุจสวรรค์",
    "emotion_amplification": "ขยายอารมณ์ของผู้คนรอบข้าง",
    "beauty_manifestation": "สร้างความงามจากพลังงาน",
    "dream_manipulation": "เข้าไปในความฝันและเปลี่ยนแปลงมัน"
    }

    self.human_heritage = {
    "empathic_sense": "รับรู้อารมณ์มนุษย์อย่างลึกซึ้ง",
    "creative_genius": "ความคิดสร้างสรรค์ระดับอัจฉริยะ",
    "emotional_depth": "มีความรู้สึกซับซ้อนแบบมนุษย์",
    "resilient_spirit": "จิตใจที่แข็งแกร่งจากการต่อสู้"
    }

    self.unique_hybrid_powers = {
    "envy_energy_conversion": "แปลงความอิจฉาเป็นพลังงานทำลายล้าง",
    "comparison_distortion": "สร้างการเปรียบเทียบในใจผู้คน",
    "attention_absorption": "ดูดซับความสนใจจากผู้อื่น",
    "beauty_theft_temporary": "ขโมยความงามชั่วคราว"
    }
    ```

    ข้อจำกัดและจุดอ่อน

    · พลังงานอารมณ์: ต้องอาศัยอารมณ์เป็นเชื้อเพลิง
    · ปีกเทียม: ต้องเติมพลังทุก 24 ชั่วโมง
    · ความขัดแย้ง: อารมณ์ขัดแย้งระหว่างสองสายเลือดทำให้พลังไม่เสถียร

    จิตวิทยาแห่งความขัดแย้ง

    3 ด้านของบุคลิกภาพ

    ```mermaid
    graph LR
    A[นิทรา<br>ตัวตนที่แท้] --> B[ด้านเทพอัปสรา<br>สง่างาม ภูมิใจ]
    A --> C[ด้านมนุษย์<br>อ่อนไหว ต้องการความรัก]
    A --> D[ด้านลูกผสม<br>อิจฉา ต้องการการยอมรับ]
    ```

    ความขัดแย้งภายใน

    นิทราต้องการสิ่งที่ขัดแย้งกัน:

    1. ความเป็นอิสระ แต่ ต้องการการยอมรับ
    2. ความเหนือกว่า แต่ ต้องการความเท่าเทียม
    3. การเป็นตัวของตัวเอง แต่ ต้องการเป็นที่รักของ所有人

    บันทึกความในใจ

    "บางครั้งฉันรู้สึกเหมือนเป็นนักโทษ...
    นักโทษแห่งสายเลือดของตัวเอง
    ติดอยู่ระหว่างสวรรค์ที่ปฏิเสธฉัน
    และโลกที่กลัวฉัน"

    ชีวิตในสวรรค์และโลกมนุษย์

    ชีวิตในสวรรค์

    นิทราเติบโตมาในสวรรค์แต่ถูกปฏิบัติอย่างแตกต่าง:

    · ถูกเรียกว่า "ลูกครึ่ง" แทนชื่อ
    · ไม่มีสิทธิ์ เข้าร่วมพิธีสำคัญ
    · ต้องซ่อน ความเป็นมนุษย์ของตัวเอง

    ชีวิตในโลกมนุษย์

    เมื่อลงมาโลกมนุษย์ เธอก็พบกับการปฏิเสธ:

    · มนุษย์กลัว พลังงานและความงามของเธอ
    · ถูกเข้าใจผิด ว่าเป็นปีศาจหรือสิ่งอัปมงคล
    · ไม่มีใครเข้าใจ ความโดดเดี่ยวของเธอ

    การปรับตัว

    นิทราพัฒนาวิธีการปรับตัว:

    · สร้างภาพลักษณ์ แห่งความสง่างามไม่ย่อท้อ
    · ซ่อนความอ่อนไหว ไว้ behind รอยยิ้มเย็น
    · ใช้ความอิจฉา เป็นแรงผลักดัน

    พัฒนาการแห่งความอิจฉา

    จากความเจ็บปวดสู่ความอิจฉา

    ```python
    class EnvyDevelopment:
    def __init__(self):
    self.stages = {
    "childhood": "ความสับสนว่าตนเองเป็นใคร",
    "adolescence": "ความเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธ",
    "early_adulthood": "ความโกรธต่อโลกที่ไม่ยุติธรรม",
    "current": "ความอิจฉาต่อผู้ที่ได้สิ่งที่เธอต้องการ"
    }

    self.targets = {
    "pure_apsaras": "ที่ได้อยู่ในสวรรค์โดยไม่ต้องต่อสู้",
    "accepted_humans": "ที่มีชีวิตปกติโดยไม่ถูกมองว่าแปลก",
    "successful_hybrids": "ที่ได้รับการยอมรับจากทั้งสองโลก"
    }
    ```

    กลไกการป้องกันตัว

    นิทราใช้ความอิจฉาเป็นเกราะป้องกัน:

    · ไม่ต้องเผชิญ กับความเจ็บปวดของตัวเอง
    · ได้รู้สึกมีพลัง จากการควบคุมสถานการณ์
    · ได้ความสนใจ แม้จะเป็นความสนใจในแง่ลบ

    การเปลี่ยนแปลงหลังพบหนูดี

    จุดเปลี่ยนสำคัญ

    การพบกับหนูดีทำให้นิทราเห็นว่า:

    · ความเป็นอื่น ไม่ใช่ข้อจำกัด
    · การให้อภัย เป็นพลังที่แข็งแกร่ง
    · การเป็นตัวเอง นั้นเพียงพอแล้ว

    กระบวนการเยียวยา

    ```mermaid
    graph TB
    A[การเผชิญหน้า<br>กับหนูดี] --> B[การยอมรับ<br>ความเจ็บปวด]
    B --> C[การเรียนรู้<br>การให้อภัย]
    C --> D[การค้นพบ<br>คุณค่าของตัวเอง]
    D --> E[การใช้พลัง<br>อย่างสร้างสรรค์]
    ```

    พลังใหม่แห่งการสร้างสรรค์

    นิทราค้นพบว่าสามารถ:

    · สร้างศิลปะ จากอารมณ์ทั้งหมด
    · เป็นที่ปรึกษา ให้ผู้ที่รู้สึกแตกต่าง
    · เป็นสะพาน ระหว่างสองโลก

    ความสามารถด้านศิลปะ

    ศิลปะพลังงาน

    นิทราพัฒนาศิลปะรูปแบบใหม่:

    · ภาพวาดพลังงาน: ที่แสดงอารมณ์ผ่านสีและแสง
    · สวนอารมณ์: ที่พืชพันธุ์เปลี่ยนตามความรู้สึก
    · ดนตรีแห่งจิตใจ: ที่สื่อสารความรู้สึกโดยไม่ต้องคำพูด

    ผลงานสำคัญ

    · "ความงามแห่งความแตกต่าง": นิทรรศการแรกที่รวมสองโลก
    · "เสียงจากระหว่างโลก": ผลงานดนตรีที่สื่อถึงการลูกผสม
    · "สวนแห่งการยอมรับ": สวนพลังงานที่เยียวยาจิตใจ

    ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น

    กับหนูดี

    初期: คู่แข่ง → 中期: ผู้ที่เข้าใจ → ปัจจุบัน: เพื่อนและที่ปรึกษา

    กับ ร.ต.อ. สิงห์

    初期: หวาดกลัว → 中期: เคารพ → ปัจจุบัน: รักเหมือนพ่อ

    กับเณรพุทธ

    初期: ระแวง → 中期: เรียนรู้ร่วมกัน → ปัจจุบัน: เพื่อนเล่น

    บทเรียนชีวิตที่เรียนรู้

    🪷 การยอมรับตัวเอง

    นิทราเข้าใจว่า:
    "การเป็นลูกผสมหาใช่คำสาป...
    แต่คือของขวัญที่ทำให้เข้าใจทั้งสองโลก

    และการที่ฉันแตกต่าง...
    หาใช่ข้อบกพร่อง
    แต่คือความพิเศษที่ทำให้ฉันเป็นฉัน"

    การให้อภัย

    "ฉันเรียนรู้ที่จะให้อภัย...
    ให้อภัยสวรรค์ที่ปฏิเสธฉัน
    ให้อภัยมนุษย์ที่กลัวฉัน
    และที่สำคัญ...ให้อภัยตัวเองที่เกลียดตัวเองมานาน"

    อนาคตและความหวัง

    เป้าหมาย

    นิทราตั้งใจจะ:

    · สร้างโรงเรียนศิลปะ สำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ
    · เป็นทูตสันถวไมตรี ระหว่างสวรรค์และโลกมนุษย์
    · ช่วยเหลือเด็กลูกผสม ให้รักและยอมรับตัวเอง

    ความฝัน

    "ฉันอยากสร้างโลกที่...
    ไม่มีเด็กคนไหนต้องรู้สึกว่าตัวเอง'แปลก'
    เพราะการแตกต่างในความแปลก
    แต่คือความงดงามอีกแบบหนึ่ง"

    ---

    คำคมแห่งปัญญาจากนิทรา:
    "ฉันเคยใช้ชีวิตอย่างหลบซ่อน...
    ซ่อนความเป็นมนุษย์จากสวรรค์
    ซ่อนความเป็นเทพอัปสราจากมนุษย์
    และซ่อนความเจ็บปวดจากสวรรค์

    แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่า...
    การได้เป็นตัวเองอย่างสมบูรณ์
    สำคัญกว่าการได้เป็นที่ยอมรับจากใครสักคน

    และเมื่อฉันยอมรับตัวเองได้...
    ฉันก็พบว่าสวรรค์และโลกมนุษย์
    ต่างอยู่ในใจฉันมาทั้งหมดแล้ว"

    การเดินทางของนิทราสอนเราว่า...
    "Between two worlds, there is beauty
    Between two identities,there is strength
    And between acceptance and rejection
    there is the courage to be authentically yourself"
    O.P.K 🌸 เจาะลึก "นิทรา" : อัปสราลูกผสมแห่งความขัดแย้ง 👑 ข้อมูลพื้นฐานแห่งการถือกำเนิด 🌌 ต้นกำเนิดระหว่างสองโลก ชื่อเต็ม: นิทรา เทวาลัย ชื่อหมายถึง:"ผู้หลับใหลแห่งสวรรค์" อายุ:25 ปี (ร่างกาย), 500 ปี (จิตวิญญาณ) สถานะ:อัปสราลูกผสมระหว่างเทพอัปสราและมนุษย์ ```mermaid graph TB A[เทพอัปสรา<br>มัทธนา] --> C[นิทรา<br>ผู้อยู่ระหว่างสองโลก] B[มนุษย์นักดนตรี<br>อัศวิน] --> C C --> D[ถูกสวรรค์ปฏิเสธ<br>เพราะเลือดไม่บริสุทธิ์] C --> E[ถูกมนุษย์หวาดกลัว<br>เพราะพลังพิเศษ] ``` 🎭 ลักษณะทางกายภาพ · รูปร่าง: สาวงามสูง 170 ซม. ผมยาวสีทองแท้ธรรมชาติ · ผิวพรรณ: เรียบเนียนดุจดอกบัว แต่มีรอยต่อพลังงานระหว่างมนุษย์และเทพอัปสรา · ดวงตา: สีม่วงamethyst เรืองรองด้วยพลัง แต่แฝงความเศร้าลึก · ปีก: ปีกพลังงานสีทองที่ต้องสร้างขึ้นเอง แทนปีกแท้ที่ไม่มี 🔮 พลังพิเศษแห่งการลูกผสม ✨ พลังจากสองสายเลือด ```python class NithraPowers: def __init__(self): self.apsara_heritage = { "illusion_weaving": "สร้างภาพลวงตาที่สวยงามดุจสวรรค์", "emotion_amplification": "ขยายอารมณ์ของผู้คนรอบข้าง", "beauty_manifestation": "สร้างความงามจากพลังงาน", "dream_manipulation": "เข้าไปในความฝันและเปลี่ยนแปลงมัน" } self.human_heritage = { "empathic_sense": "รับรู้อารมณ์มนุษย์อย่างลึกซึ้ง", "creative_genius": "ความคิดสร้างสรรค์ระดับอัจฉริยะ", "emotional_depth": "มีความรู้สึกซับซ้อนแบบมนุษย์", "resilient_spirit": "จิตใจที่แข็งแกร่งจากการต่อสู้" } self.unique_hybrid_powers = { "envy_energy_conversion": "แปลงความอิจฉาเป็นพลังงานทำลายล้าง", "comparison_distortion": "สร้างการเปรียบเทียบในใจผู้คน", "attention_absorption": "ดูดซับความสนใจจากผู้อื่น", "beauty_theft_temporary": "ขโมยความงามชั่วคราว" } ``` ⚡ ข้อจำกัดและจุดอ่อน · พลังงานอารมณ์: ต้องอาศัยอารมณ์เป็นเชื้อเพลิง · ปีกเทียม: ต้องเติมพลังทุก 24 ชั่วโมง · ความขัดแย้ง: อารมณ์ขัดแย้งระหว่างสองสายเลือดทำให้พลังไม่เสถียร 💔 จิตวิทยาแห่งความขัดแย้ง 🎭 3 ด้านของบุคลิกภาพ ```mermaid graph LR A[นิทรา<br>ตัวตนที่แท้] --> B[ด้านเทพอัปสรา<br>สง่างาม ภูมิใจ] A --> C[ด้านมนุษย์<br>อ่อนไหว ต้องการความรัก] A --> D[ด้านลูกผสม<br>อิจฉา ต้องการการยอมรับ] ``` 🌪️ ความขัดแย้งภายใน นิทราต้องการสิ่งที่ขัดแย้งกัน: 1. ความเป็นอิสระ แต่ ต้องการการยอมรับ 2. ความเหนือกว่า แต่ ต้องการความเท่าเทียม 3. การเป็นตัวของตัวเอง แต่ ต้องการเป็นที่รักของ所有人 📚 บันทึกความในใจ "บางครั้งฉันรู้สึกเหมือนเป็นนักโทษ... นักโทษแห่งสายเลือดของตัวเอง ติดอยู่ระหว่างสวรรค์ที่ปฏิเสธฉัน และโลกที่กลัวฉัน" 🏛️ ชีวิตในสวรรค์และโลกมนุษย์ 👑 ชีวิตในสวรรค์ นิทราเติบโตมาในสวรรค์แต่ถูกปฏิบัติอย่างแตกต่าง: · ถูกเรียกว่า "ลูกครึ่ง" แทนชื่อ · ไม่มีสิทธิ์ เข้าร่วมพิธีสำคัญ · ต้องซ่อน ความเป็นมนุษย์ของตัวเอง 🌍 ชีวิตในโลกมนุษย์ เมื่อลงมาโลกมนุษย์ เธอก็พบกับการปฏิเสธ: · มนุษย์กลัว พลังงานและความงามของเธอ · ถูกเข้าใจผิด ว่าเป็นปีศาจหรือสิ่งอัปมงคล · ไม่มีใครเข้าใจ ความโดดเดี่ยวของเธอ 🎨 การปรับตัว นิทราพัฒนาวิธีการปรับตัว: · สร้างภาพลักษณ์ แห่งความสง่างามไม่ย่อท้อ · ซ่อนความอ่อนไหว ไว้ behind รอยยิ้มเย็น · ใช้ความอิจฉา เป็นแรงผลักดัน 🔥 พัฒนาการแห่งความอิจฉา 🌱 จากความเจ็บปวดสู่ความอิจฉา ```python class EnvyDevelopment: def __init__(self): self.stages = { "childhood": "ความสับสนว่าตนเองเป็นใคร", "adolescence": "ความเจ็บปวดจากการถูกปฏิเสธ", "early_adulthood": "ความโกรธต่อโลกที่ไม่ยุติธรรม", "current": "ความอิจฉาต่อผู้ที่ได้สิ่งที่เธอต้องการ" } self.targets = { "pure_apsaras": "ที่ได้อยู่ในสวรรค์โดยไม่ต้องต่อสู้", "accepted_humans": "ที่มีชีวิตปกติโดยไม่ถูกมองว่าแปลก", "successful_hybrids": "ที่ได้รับการยอมรับจากทั้งสองโลก" } ``` 💫 กลไกการป้องกันตัว นิทราใช้ความอิจฉาเป็นเกราะป้องกัน: · ไม่ต้องเผชิญ กับความเจ็บปวดของตัวเอง · ได้รู้สึกมีพลัง จากการควบคุมสถานการณ์ · ได้ความสนใจ แม้จะเป็นความสนใจในแง่ลบ 🌈 การเปลี่ยนแปลงหลังพบหนูดี ⚡ จุดเปลี่ยนสำคัญ การพบกับหนูดีทำให้นิทราเห็นว่า: · ความเป็นอื่น ไม่ใช่ข้อจำกัด · การให้อภัย เป็นพลังที่แข็งแกร่ง · การเป็นตัวเอง นั้นเพียงพอแล้ว 🕊️ กระบวนการเยียวยา ```mermaid graph TB A[การเผชิญหน้า<br>กับหนูดี] --> B[การยอมรับ<br>ความเจ็บปวด] B --> C[การเรียนรู้<br>การให้อภัย] C --> D[การค้นพบ<br>คุณค่าของตัวเอง] D --> E[การใช้พลัง<br>อย่างสร้างสรรค์] ``` 🌟 พลังใหม่แห่งการสร้างสรรค์ นิทราค้นพบว่าสามารถ: · สร้างศิลปะ จากอารมณ์ทั้งหมด · เป็นที่ปรึกษา ให้ผู้ที่รู้สึกแตกต่าง · เป็นสะพาน ระหว่างสองโลก 🎨 ความสามารถด้านศิลปะ 🖌️ ศิลปะพลังงาน นิทราพัฒนาศิลปะรูปแบบใหม่: · ภาพวาดพลังงาน: ที่แสดงอารมณ์ผ่านสีและแสง · สวนอารมณ์: ที่พืชพันธุ์เปลี่ยนตามความรู้สึก · ดนตรีแห่งจิตใจ: ที่สื่อสารความรู้สึกโดยไม่ต้องคำพูด 🏛️ ผลงานสำคัญ · "ความงามแห่งความแตกต่าง": นิทรรศการแรกที่รวมสองโลก · "เสียงจากระหว่างโลก": ผลงานดนตรีที่สื่อถึงการลูกผสม · "สวนแห่งการยอมรับ": สวนพลังงานที่เยียวยาจิตใจ 💞 ความสัมพันธ์กับตัวละครอื่น 🌸 กับหนูดี 初期: คู่แข่ง → 中期: ผู้ที่เข้าใจ → ปัจจุบัน: เพื่อนและที่ปรึกษา 👮 กับ ร.ต.อ. สิงห์ 初期: หวาดกลัว → 中期: เคารพ → ปัจจุบัน: รักเหมือนพ่อ 🏯 กับเณรพุทธ 初期: ระแวง → 中期: เรียนรู้ร่วมกัน → ปัจจุบัน: เพื่อนเล่น 📚 บทเรียนชีวิตที่เรียนรู้ 🪷 การยอมรับตัวเอง นิทราเข้าใจว่า: "การเป็นลูกผสมหาใช่คำสาป... แต่คือของขวัญที่ทำให้เข้าใจทั้งสองโลก และการที่ฉันแตกต่าง... หาใช่ข้อบกพร่อง แต่คือความพิเศษที่ทำให้ฉันเป็นฉัน" 💫 การให้อภัย "ฉันเรียนรู้ที่จะให้อภัย... ให้อภัยสวรรค์ที่ปฏิเสธฉัน ให้อภัยมนุษย์ที่กลัวฉัน และที่สำคัญ...ให้อภัยตัวเองที่เกลียดตัวเองมานาน" 🌟 อนาคตและความหวัง 🚀 เป้าหมาย นิทราตั้งใจจะ: · สร้างโรงเรียนศิลปะ สำหรับผู้มีความสามารถพิเศษ · เป็นทูตสันถวไมตรี ระหว่างสวรรค์และโลกมนุษย์ · ช่วยเหลือเด็กลูกผสม ให้รักและยอมรับตัวเอง 💝 ความฝัน "ฉันอยากสร้างโลกที่... ไม่มีเด็กคนไหนต้องรู้สึกว่าตัวเอง'แปลก' เพราะการแตกต่างในความแปลก แต่คือความงดงามอีกแบบหนึ่ง" --- คำคมแห่งปัญญาจากนิทรา: "ฉันเคยใช้ชีวิตอย่างหลบซ่อน... ซ่อนความเป็นมนุษย์จากสวรรค์ ซ่อนความเป็นเทพอัปสราจากมนุษย์ และซ่อนความเจ็บปวดจากสวรรค์ แต่ตอนนี้ฉันเข้าใจแล้วว่า... การได้เป็นตัวเองอย่างสมบูรณ์ สำคัญกว่าการได้เป็นที่ยอมรับจากใครสักคน และเมื่อฉันยอมรับตัวเองได้... ฉันก็พบว่าสวรรค์และโลกมนุษย์ ต่างอยู่ในใจฉันมาทั้งหมดแล้ว"🌸✨ การเดินทางของนิทราสอนเราว่า... "Between two worlds, there is beauty Between two identities,there is strength And between acceptance and rejection there is the courage to be authentically yourself"🌈
    0 Comments 0 Shares 199 Views 0 Reviews
  • บอลเยาวชน น่าดูกว่าบอลทีมชาติ

    มีผู้รู้ในวงการฟุตบอลหลายคน วิจารณ์ปรากฎการณ์สนามแตก การแข่งขันฟุตบอล 7 คน รายการแชมป์กีฬา 7 HD ปี 2025 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่างโรงเรียนหมอนทองวิทยา จ.ฉะเชิงเทรา กับ โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท ซึ่งจัดโดยสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 HD เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่สนามศุภชลาศัย พบว่ามีผู้เข้าชมแน่นเกินความจุของสนาม ที่รองรับได้เพียง 20,000 คน ซึ่งทางผู้จัดงานมองว่าเกินความคาดหมายไปมาก อีกทั้งการถ่ายทอดสดผ่านแพลตฟอร์มช่อง 7 HD มีผู้เข้าชมพร้อมกัน 4.2 ล้านคน ยอดชมทางออนไลน์มากกว่า 45 ล้านวิว

    แม้ฟุตบอลนัดดังกล่าว หมอนทองวิทยาจะพ่ายให้กับ อบจ.ชัยนาทไป 1 ประตูต่อ 2 แต่ก็ถือว่าสมศักดิ์ศรี เพราะหมอนทองวิทยาไปไกลเกินกว่าที่ฝัน จากเดิม อาจารย์สกล เกลี้ยงประเสริฐ หัวหน้าผู้ฝึกสอน ที่ขับสองแถวหกล้อ "รถขนฝัน" จากบางน้ำเปรี้ยวมาถึงกรุงเทพฯ เคยตั้งเป้าไว้เพียงแค่รอบ 32 ทีมสุดท้ายเท่านั้น ขณะที่ทีม อบจ.ชัยนาท ปี 2023 แพ้ให้กับโรงเรียนกันทรารมณ์ จ.ศรีสะเกษ คราวนี้สามารถล้างตาคว้าแชมป์มาได้สำเร็จ ไม่นับรวมชื่อเสียงของนักเตะเยาวชน ทั้งทีมหมอนทองวิทยา ที่มี เต-วรากร ช่างเขียนดี ที่ได้ฉายาวิตินญ่าเมืองไทย กับทีม อบจ.ชัยนาท ที่มีนักเตะลาว พายัก สีพะนม กัปตันทีม คว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) และทีมชาติลาวเรียกไปรับใช้ชาติในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ในเดือน ธ.ค.นี้

    กระแสหมอนทองวิทยา มาจากไวรัลบนโซเชียลฯ ที่กล่าวถึงทีมฟุตบอลเยาวชน มาจากโรงเรียนที่ชื่อแปลกและไม่คุ้นหูมาก่อน รวมถึงการเป็นตัวเลือกที่มีโอกาสชนะน้อย (Underdog) เมื่อเทียบกับโรงเรียนคู่แข่งที่มีศักยภาพที่ดีกว่า แต่กลับสามารถผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศมาได้ และอาจารย์สกล ผู้ซึ่งทุ่มเทแก่ลูกศิษย์ด้วยจิตวิญญาณ ใช้รถสองแถวหกล้อคันเก่า พานักเตะไปแข่งตลอดทัวร์นาเมนต์ โดยปฎิเสธรถบัสปรับอากาศที่มีคนเสนอให้ ด้วยเหตุผลคือ เริ่มยังไงก็ขอให้จบอย่างงั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นเทวดาวันสุดท้าย ยิ่งสร้างศรัทธาแก่แฟนบอลอย่างล้นหลาม

    กระแสฟุตบอลเยาวชนที่เกิดขึ้น สวนทางกับฟุตบอลทีมชาติไทย ที่แฟนบอลส่วนหนึ่งเสื่อมศรัทธา หลังสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ปลด มาซาทาดะ อิชิอิ ออกจากผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่า ทีมชาติไทยมีระบบเด็กเส้นและระบบลูกรักหรือไม่ และหลังจากแต่งตั้ง แอนโธนี่ ฮัดสัน เข้ามาคุมทีมแทน ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าทีมชาติไทยยุคใหม่อายุรวมกันเกือบ 700 ปี อาจเรียกได้ว่าการแข่งขันแชมป์กีฬา 7 HD กลายเป็นความหวังและความสุขของคนไทย แม้กระแสที่ผ่านจุดสูงสุดมาแล้วจะมาเร็วไปเร็ว ตามธรรมชาติของไวรัลก็ตาม

    #Newskit
    บอลเยาวชน น่าดูกว่าบอลทีมชาติ มีผู้รู้ในวงการฟุตบอลหลายคน วิจารณ์ปรากฎการณ์สนามแตก การแข่งขันฟุตบอล 7 คน รายการแชมป์กีฬา 7 HD ปี 2025 รอบชิงชนะเลิศ ระหว่างโรงเรียนหมอนทองวิทยา จ.ฉะเชิงเทรา กับ โรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยนาท ซึ่งจัดโดยสถานีโทรทัศน์ช่อง 7 HD เมื่อวันที่ 8 พ.ย. ที่สนามศุภชลาศัย พบว่ามีผู้เข้าชมแน่นเกินความจุของสนาม ที่รองรับได้เพียง 20,000 คน ซึ่งทางผู้จัดงานมองว่าเกินความคาดหมายไปมาก อีกทั้งการถ่ายทอดสดผ่านแพลตฟอร์มช่อง 7 HD มีผู้เข้าชมพร้อมกัน 4.2 ล้านคน ยอดชมทางออนไลน์มากกว่า 45 ล้านวิว แม้ฟุตบอลนัดดังกล่าว หมอนทองวิทยาจะพ่ายให้กับ อบจ.ชัยนาทไป 1 ประตูต่อ 2 แต่ก็ถือว่าสมศักดิ์ศรี เพราะหมอนทองวิทยาไปไกลเกินกว่าที่ฝัน จากเดิม อาจารย์สกล เกลี้ยงประเสริฐ หัวหน้าผู้ฝึกสอน ที่ขับสองแถวหกล้อ "รถขนฝัน" จากบางน้ำเปรี้ยวมาถึงกรุงเทพฯ เคยตั้งเป้าไว้เพียงแค่รอบ 32 ทีมสุดท้ายเท่านั้น ขณะที่ทีม อบจ.ชัยนาท ปี 2023 แพ้ให้กับโรงเรียนกันทรารมณ์ จ.ศรีสะเกษ คราวนี้สามารถล้างตาคว้าแชมป์มาได้สำเร็จ ไม่นับรวมชื่อเสียงของนักเตะเยาวชน ทั้งทีมหมอนทองวิทยา ที่มี เต-วรากร ช่างเขียนดี ที่ได้ฉายาวิตินญ่าเมืองไทย กับทีม อบจ.ชัยนาท ที่มีนักเตะลาว พายัก สีพะนม กัปตันทีม คว้ารางวัลผู้เล่นทรงคุณค่า (MVP) และทีมชาติลาวเรียกไปรับใช้ชาติในการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ในเดือน ธ.ค.นี้ กระแสหมอนทองวิทยา มาจากไวรัลบนโซเชียลฯ ที่กล่าวถึงทีมฟุตบอลเยาวชน มาจากโรงเรียนที่ชื่อแปลกและไม่คุ้นหูมาก่อน รวมถึงการเป็นตัวเลือกที่มีโอกาสชนะน้อย (Underdog) เมื่อเทียบกับโรงเรียนคู่แข่งที่มีศักยภาพที่ดีกว่า แต่กลับสามารถผ่านเข้ารอบรองชนะเลิศมาได้ และอาจารย์สกล ผู้ซึ่งทุ่มเทแก่ลูกศิษย์ด้วยจิตวิญญาณ ใช้รถสองแถวหกล้อคันเก่า พานักเตะไปแข่งตลอดทัวร์นาเมนต์ โดยปฎิเสธรถบัสปรับอากาศที่มีคนเสนอให้ ด้วยเหตุผลคือ เริ่มยังไงก็ขอให้จบอย่างงั้น ไม่จำเป็นต้องเป็นเทวดาวันสุดท้าย ยิ่งสร้างศรัทธาแก่แฟนบอลอย่างล้นหลาม กระแสฟุตบอลเยาวชนที่เกิดขึ้น สวนทางกับฟุตบอลทีมชาติไทย ที่แฟนบอลส่วนหนึ่งเสื่อมศรัทธา หลังสมาคมกีฬาฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ ปลด มาซาทาดะ อิชิอิ ออกจากผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ท่ามกลางข้อกล่าวหาว่า ทีมชาติไทยมีระบบเด็กเส้นและระบบลูกรักหรือไม่ และหลังจากแต่งตั้ง แอนโธนี่ ฮัดสัน เข้ามาคุมทีมแทน ก็มีเสียงวิจารณ์ว่าทีมชาติไทยยุคใหม่อายุรวมกันเกือบ 700 ปี อาจเรียกได้ว่าการแข่งขันแชมป์กีฬา 7 HD กลายเป็นความหวังและความสุขของคนไทย แม้กระแสที่ผ่านจุดสูงสุดมาแล้วจะมาเร็วไปเร็ว ตามธรรมชาติของไวรัลก็ตาม #Newskit
    1 Comments 0 Shares 216 Views 0 Reviews
  • O.P.K.
    เจาะลึก "เณรพุทธ" : เณรน้อยหลายร่างแห่งวัดร้าง

    ข้อมูลพื้นฐานแห่งการถือกำเนิด

    การเกิดจากพลังงานศรัทธา

    ชื่อเต็ม: เณรพุทธ ธรรมิกะ
    อายุ:8 ปี (ร่างกาย), 80 ปี (จิตวิญญาณ)
    สถานะ:โอปปาติกะรุ่นพิเศษ - เกิดจากพลังงานศรัทธา

    ```mermaid
    graph TB
    A[วัดร้าง<br>ศรีมหาวิหาร] --> B[พลังงานศรัทธา<br>สะสม 100 ปี]
    B --> C[การสวดมนต์<br>ของพระสงฆ์รุ่นก่อน]
    C --> D[การถือกำเนิด<br>ของเณรพุทธ]
    ```

    ช่วงเวลาการเกิด: วันที่ 15 เมษายน 2040 - วันพระใหญ่
    สถานที่:พระอุโบสถวัดร้างศรีมหาวิหาร

    ลักษณะทางกายภาพ

    · รูปร่าง: เด็กชายอายุ 8 ขวบ ผมขลิบสั้น ใส่จีวรเณร
    · ผิวพรรณ: เปล่งปลั่งด้วยพลังงานศรัทธา
    · ดวงตา: สีน้ำตาลอ่อน เรืองรองด้วยปัญญาแต่แฝงความซน

    ความสามารถพิเศษแห่งการหลายร่าง

    พลังการสร้างร่างย่อย

    ```python
    class LittleMonkPowers:
    def __init__(self):
    self.multi_body_abilities = {
    "max_clones": 5,
    "clone_independence": "แต่ละร่างคิดและกระทำได้เอง",
    "shared_consciousness": "รับรู้สิ่งที่ร่างอื่นประสบ",
    "energy_distribution": "กระจายพลังงานให้ร่างย่อย"
    }

    self.special_skills = {
    "object_animation": "ให้ชีวิตแก่สิ่งของไม่มีชีวิตชั่วคราว",
    "faith_absorption": "ดูดซับพลังงานศรัทธาจากผู้ศรัทธา",
    "temple_teleportation": "เคลื่อนย้ายภายในวัดได้ทันที",
    "blessing_granting": "ให้พรเล็กน้อยแก่ผู้มีจิตศรัทธา"
    }
    ```

    ข้อจำกัดของพลัง

    · รัศมีพลัง: อยู่ได้เฉพาะในบริเวณวัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์
    · เวลาการแยกร่าง: ร่างย่อยอยู่ได้ไม่เกิน 6 ชั่วโมง
    · พลังงานศรัทธา: ต้องมีการเติมพลังงานอย่างสม่ำเสมอ

    บุคลิกของแต่ละร่าง

    5 ด้านของเณรพุทธ

    ```mermaid
    graph LR
    A[ร่างหลัก<br>เณรพุทธ] --> B[ร่างที่ 1<br>พุทธะ - ใจดี]
    A --> C[ร่างที่ 2<br>ธรรมะ - ขี้สงสัย]
    A --> D[ร่างที่ 3<br>สังฆะ - ขี้อาย]
    A --> E[ร่างที่ 4<br>วินัย - เข้มงวด]
    A --> F[ร่างที่ 5<br>สิกขา - ขี้เล่น]
    ```

    ลักษณะเฉพาะแต่ละร่าง

    1. พุทธะ: ใจดี มีเมตตา ช่วยเหลือผู้อื่น
    2. ธรรมะ: อยากรู้อยากเห็น ถามคำถามไม่หยุด
    3. สังฆะ: ขี้อาย ซ่อนตัวเมื่อมีภั
    4. วินัย: ระเบียบเรียบร้อย ดูแลความสะอาด
    5. สิกขา: ซนที่สุด ชอบเล่นตลกและแกล้ง

    ชีวิตในวัดร้าง

    กิจวัตรประจำวัน

    06:00: ตื่นนอน สวดมนต์ไหว้พระ
    08:00:เก็บกวาดลานวัด
    10:00:เรียนธรรมะจากหนังสือเก่า
    14:00:เล่นซ่อนหาในวัด
    18:00:นั่งสมาธิรับพลังงานศรัทธาจากดวงดาว

    กิจกรรมโปรด

    · เล่นซ่อนหา: กับร่างของตัวเอง
    · อ่านหนังสือ: โดยเฉพาะหนังสือธรรมะเก่าแก่
    · ร้องเพลง: เพลงสวดมนต์และเพลงเด็ก
    · วาดภาพ: วาดรูปวัดและสิ่งมีชีวิตในจินตนาการ

    ความโดดเดี่ยวและความต้องการ

    ความรู้สึกเหงา

    เณรพุทธบันทึกในใจ:
    "บางครั้งฉันก็เหงาจัง...
    อยากมีเพื่อนมาวิ่งเล่นด้วย
    ไม่ใช่เล่นกับแค่ร่างของตัวเอง"

    ความปรารถนาลึกๆ

    1. ต้องการเพื่อน: ที่มองเห็นและเล่นด้วยได้
    2. ต้องการคำชี้แนะ: ในการใช้พลังอย่างถูกต้อง
    3. ต้องการเป็นประโยชน์: ต่อผู้อื่นแทนการสร้างปัญหา

    การพัฒนาหลังมาอยู่สถาบัน

    การเรียนรู้ใหม่ๆ

    ```python
    def institutional_training():
    subjects = [
    "การควบคุมพลังหลายร่าง",
    "มารยาททางสังคม",
    "การช่วยเหลือผู้อื่น",
    "การเข้าใจความรู้สึกมนุษย์"
    ]

    progress = {
    "month_1": "ลดร่างย่อยจาก 5 เหลือ 3",
    "month_2": "เรียนรู้ที่จะขออนุญาตก่อนใช้พลัง",
    "month_3": "เริ่มช่วยงานสถาบันได้",
    "month_6": "เป็นผู้ช่วยครูสอนโอปปาติกะเด็ก"
    }

    return subjects, progress
    ```

    ความสัมพันธ์ใหม่

    กับหนูดี:

    · : ระมัดระวัง
    · เชื่อใจเหมือนพี่สาว
    · ปัจจุบัน: ปรึกษาปัญหาทุกเรื่อง

    กับ ร.ต.อ. สิงห์:

    · : กลัวเพราะเป็นตำรวจ
    · รักเหมือนพ่อ
    · ปัจจุบัน: ฟังคำแนะนำเสมอ

    กิจกรรมสร้างสรรค์

    ผลงานเด่นในสถาบัน

    1. สวนพลังงาน: สร้างสวนดอกไม้ที่เปลี่ยนสีตามอารมณ์
    2. ห้องเรียนเคลื่อนไหว: ทำให้การเรียนสนุกด้วยภาพanimation
    3. เพื่อนเล่น: สำหรับโอปปาติกะเด็กคนอื่นๆ

    การแสดงความสามารถ

    เณรพุทธค้นพบว่าเขาสามารถ:

    · สร้างภาพillusion: เพื่อสอนธรรมะให้สนุก
    · ทำให้หนังสือพูดได้: สำหรับเด็กที่อ่านหนังสือไม่เป็น
    · สร้างเพื่อนเล่นชั่วคราว: จากพลังงานศรัทธา

    บทบาทใหม่ในสังคม

    ทูตแห่งความรื่นเริง

    เณรพุทธได้รับบทบาทเป็น:

    · ผู้สร้างความสุข: ในสถาบันวิวัฒนาการจิต
    · ครูสอนศิลปะ: สำหรับโอปปาติกะเด็ก
    · สะพานเชื่อม: ระหว่างมนุษย์และโอปปาติกะผ่านความบริสุทธิ์

    โครงการพิเศษ

    ```mermaid
    graph TB
    A[เณรพุทธ] --> B[โครงการ<br>"วัดเล็กๆ ในใจ"]
    A --> C[โครงการ<br>"เพื่อนเล่นไม่ทิ้งกัน"]
    A --> D[โครงการ<br>"พลังงานศรัทธาเพื่อการศึกษา"]
    ```

    บทเรียนชีวิตที่เรียนรู้

    🪷 จากเณรซนสู่เณรตัวอย่าง

    เณรพุทธเข้าใจว่า:
    "การมีพลังพิเศษอาจเป็นข้อได้เปรียบ...
    แต่คือความรับผิดชอบที่มากขึ้น

    และการเป็นเด็กอาจเป็นข้ออ้าง...
    แต่คือโอกาสที่จะเรียนรู้และเติบโต"

    คำคมแห่งปัญญา

    "บางครั้งการเล่นสนุก...
    ก็สามารถสอนธรรมะได้เหมือนกัน

    และบางครั้งความซน...
    ก็คือวิธีการเรียนรู้โลกของเด็ก"

    ความสำเร็จและความภาคภูมิใจ

    รางวัลที่ได้รับ

    1. เพื่อนดีเด่น: จากสถาบันวิวัฒนาการจิต
    2. ครูที่ยอดเยี่ยม: สำหรับการสอนโอปปาติกะเด็ก
    3. ทูตไมตรี: ระหว่างวัดและสถาบัน

    ความเปลี่ยนแปลงภายใน

    จากเด็กที่...

    · เคย: สร้างปัญหาเพราะเหงา
    · เป็น: สร้างสรรค์เพราะเข้าใจตัวเอง
    · และ: ช่วยเหลือเพราะรู้คุณค่าของตัวเอง

    อนาคตแห่งความเป็นไปได้

    เป้าหมายข้างหน้า

    เณรพุทธตั้งใจจะ:

    · พัฒนาพลังการรักษาด้วยพลังงานศรัทธา
    · สร้างโรงเรียนสำหรับโอปปาติกะเด็ก
    · เป็นพระสงฆ์ที่เข้าใจทั้งมนุษย์และโอปปาติกะ

    ความฝันในใจ

    "ฉันอยากสร้างโลกที่...
    เด็กทุกคนไม่ว่าจะเกิดมาอย่างไร
    สามารถเล่นและเรียนรู้ด้วยกัน

    และที่สำคัญ...
    ไม่มีเด็กคนไหนต้องเหงาอีกต่อไป"

    ---

    คำคมสุดท้ายจากเณรพุทธ:
    "ฉันเรียนรู้ว่า...
    การมีหลายร่างไม่ใช่เพื่อสร้างปัญหา
    แต่สามารถแบ่งปันความรักให้คนอื่นได้

    และการเป็นเด็กอาจเป็นข้อจำกัด
    แต่คือพลังแห่งความบริสุทธิ์
    ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้"

    การเดินทางของเณรพุทธสอนเราว่า...
    "Behind every mischievous act
    there is a pure heart seeking connection
    and in every child's play
    there is a profound wisdom waiting to be understood"
    O.P.K. 🏯 เจาะลึก "เณรพุทธ" : เณรน้อยหลายร่างแห่งวัดร้าง 👦 ข้อมูลพื้นฐานแห่งการถือกำเนิด 🌌 การเกิดจากพลังงานศรัทธา ชื่อเต็ม: เณรพุทธ ธรรมิกะ อายุ:8 ปี (ร่างกาย), 80 ปี (จิตวิญญาณ) สถานะ:โอปปาติกะรุ่นพิเศษ - เกิดจากพลังงานศรัทธา ```mermaid graph TB A[วัดร้าง<br>ศรีมหาวิหาร] --> B[พลังงานศรัทธา<br>สะสม 100 ปี] B --> C[การสวดมนต์<br>ของพระสงฆ์รุ่นก่อน] C --> D[การถือกำเนิด<br>ของเณรพุทธ] ``` ช่วงเวลาการเกิด: วันที่ 15 เมษายน 2040 - วันพระใหญ่ สถานที่:พระอุโบสถวัดร้างศรีมหาวิหาร 🎭 ลักษณะทางกายภาพ · รูปร่าง: เด็กชายอายุ 8 ขวบ ผมขลิบสั้น ใส่จีวรเณร · ผิวพรรณ: เปล่งปลั่งด้วยพลังงานศรัทธา · ดวงตา: สีน้ำตาลอ่อน เรืองรองด้วยปัญญาแต่แฝงความซน 🔮 ความสามารถพิเศษแห่งการหลายร่าง 🎪 พลังการสร้างร่างย่อย ```python class LittleMonkPowers: def __init__(self): self.multi_body_abilities = { "max_clones": 5, "clone_independence": "แต่ละร่างคิดและกระทำได้เอง", "shared_consciousness": "รับรู้สิ่งที่ร่างอื่นประสบ", "energy_distribution": "กระจายพลังงานให้ร่างย่อย" } self.special_skills = { "object_animation": "ให้ชีวิตแก่สิ่งของไม่มีชีวิตชั่วคราว", "faith_absorption": "ดูดซับพลังงานศรัทธาจากผู้ศรัทธา", "temple_teleportation": "เคลื่อนย้ายภายในวัดได้ทันที", "blessing_granting": "ให้พรเล็กน้อยแก่ผู้มีจิตศรัทธา" } ``` ⚡ ข้อจำกัดของพลัง · รัศมีพลัง: อยู่ได้เฉพาะในบริเวณวัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ · เวลาการแยกร่าง: ร่างย่อยอยู่ได้ไม่เกิน 6 ชั่วโมง · พลังงานศรัทธา: ต้องมีการเติมพลังงานอย่างสม่ำเสมอ 💞 บุคลิกของแต่ละร่าง 🎨 5 ด้านของเณรพุทธ ```mermaid graph LR A[ร่างหลัก<br>เณรพุทธ] --> B[ร่างที่ 1<br>พุทธะ - ใจดี] A --> C[ร่างที่ 2<br>ธรรมะ - ขี้สงสัย] A --> D[ร่างที่ 3<br>สังฆะ - ขี้อาย] A --> E[ร่างที่ 4<br>วินัย - เข้มงวด] A --> F[ร่างที่ 5<br>สิกขา - ขี้เล่น] ``` 🎯 ลักษณะเฉพาะแต่ละร่าง 1. พุทธะ: ใจดี มีเมตตา ช่วยเหลือผู้อื่น 2. ธรรมะ: อยากรู้อยากเห็น ถามคำถามไม่หยุด 3. สังฆะ: ขี้อาย ซ่อนตัวเมื่อมีภั 4. วินัย: ระเบียบเรียบร้อย ดูแลความสะอาด 5. สิกขา: ซนที่สุด ชอบเล่นตลกและแกล้ง 🏮 ชีวิตในวัดร้าง 🕰️ กิจวัตรประจำวัน 06:00: ตื่นนอน สวดมนต์ไหว้พระ 08:00:เก็บกวาดลานวัด 10:00:เรียนธรรมะจากหนังสือเก่า 14:00:เล่นซ่อนหาในวัด 18:00:นั่งสมาธิรับพลังงานศรัทธาจากดวงดาว 🎪 กิจกรรมโปรด · เล่นซ่อนหา: กับร่างของตัวเอง · อ่านหนังสือ: โดยเฉพาะหนังสือธรรมะเก่าแก่ · ร้องเพลง: เพลงสวดมนต์และเพลงเด็ก · วาดภาพ: วาดรูปวัดและสิ่งมีชีวิตในจินตนาการ 💔 ความโดดเดี่ยวและความต้องการ 🌙 ความรู้สึกเหงา เณรพุทธบันทึกในใจ: "บางครั้งฉันก็เหงาจัง... อยากมีเพื่อนมาวิ่งเล่นด้วย ไม่ใช่เล่นกับแค่ร่างของตัวเอง" 🎯 ความปรารถนาลึกๆ 1. ต้องการเพื่อน: ที่มองเห็นและเล่นด้วยได้ 2. ต้องการคำชี้แนะ: ในการใช้พลังอย่างถูกต้อง 3. ต้องการเป็นประโยชน์: ต่อผู้อื่นแทนการสร้างปัญหา 🌟 การพัฒนาหลังมาอยู่สถาบัน 📚 การเรียนรู้ใหม่ๆ ```python def institutional_training(): subjects = [ "การควบคุมพลังหลายร่าง", "มารยาททางสังคม", "การช่วยเหลือผู้อื่น", "การเข้าใจความรู้สึกมนุษย์" ] progress = { "month_1": "ลดร่างย่อยจาก 5 เหลือ 3", "month_2": "เรียนรู้ที่จะขออนุญาตก่อนใช้พลัง", "month_3": "เริ่มช่วยงานสถาบันได้", "month_6": "เป็นผู้ช่วยครูสอนโอปปาติกะเด็ก" } return subjects, progress ``` 💞 ความสัมพันธ์ใหม่ กับหนูดี: · : ระมัดระวัง · เชื่อใจเหมือนพี่สาว · ปัจจุบัน: ปรึกษาปัญหาทุกเรื่อง กับ ร.ต.อ. สิงห์: · : กลัวเพราะเป็นตำรวจ · รักเหมือนพ่อ · ปัจจุบัน: ฟังคำแนะนำเสมอ 🎨 กิจกรรมสร้างสรรค์ 🏆 ผลงานเด่นในสถาบัน 1. สวนพลังงาน: สร้างสวนดอกไม้ที่เปลี่ยนสีตามอารมณ์ 2. ห้องเรียนเคลื่อนไหว: ทำให้การเรียนสนุกด้วยภาพanimation 3. เพื่อนเล่น: สำหรับโอปปาติกะเด็กคนอื่นๆ 🌈 การแสดงความสามารถ เณรพุทธค้นพบว่าเขาสามารถ: · สร้างภาพillusion: เพื่อสอนธรรมะให้สนุก · ทำให้หนังสือพูดได้: สำหรับเด็กที่อ่านหนังสือไม่เป็น · สร้างเพื่อนเล่นชั่วคราว: จากพลังงานศรัทธา 📜 บทบาทใหม่ในสังคม 🏛️ ทูตแห่งความรื่นเริง เณรพุทธได้รับบทบาทเป็น: · ผู้สร้างความสุข: ในสถาบันวิวัฒนาการจิต · ครูสอนศิลปะ: สำหรับโอปปาติกะเด็ก · สะพานเชื่อม: ระหว่างมนุษย์และโอปปาติกะผ่านความบริสุทธิ์ 💝 โครงการพิเศษ ```mermaid graph TB A[เณรพุทธ] --> B[โครงการ<br>"วัดเล็กๆ ในใจ"] A --> C[โครงการ<br>"เพื่อนเล่นไม่ทิ้งกัน"] A --> D[โครงการ<br>"พลังงานศรัทธาเพื่อการศึกษา"] ``` 🎯 บทเรียนชีวิตที่เรียนรู้ 🪷 จากเณรซนสู่เณรตัวอย่าง เณรพุทธเข้าใจว่า: "การมีพลังพิเศษอาจเป็นข้อได้เปรียบ... แต่คือความรับผิดชอบที่มากขึ้น และการเป็นเด็กอาจเป็นข้ออ้าง... แต่คือโอกาสที่จะเรียนรู้และเติบโต" 🌟 คำคมแห่งปัญญา "บางครั้งการเล่นสนุก... ก็สามารถสอนธรรมะได้เหมือนกัน และบางครั้งความซน... ก็คือวิธีการเรียนรู้โลกของเด็ก" 🏆 ความสำเร็จและความภาคภูมิใจ 🎖️ รางวัลที่ได้รับ 1. เพื่อนดีเด่น: จากสถาบันวิวัฒนาการจิต 2. ครูที่ยอดเยี่ยม: สำหรับการสอนโอปปาติกะเด็ก 3. ทูตไมตรี: ระหว่างวัดและสถาบัน 💫 ความเปลี่ยนแปลงภายใน จากเด็กที่... · เคย: สร้างปัญหาเพราะเหงา · เป็น: สร้างสรรค์เพราะเข้าใจตัวเอง · และ: ช่วยเหลือเพราะรู้คุณค่าของตัวเอง 🌈 อนาคตแห่งความเป็นไปได้ 🚀 เป้าหมายข้างหน้า เณรพุทธตั้งใจจะ: · พัฒนาพลังการรักษาด้วยพลังงานศรัทธา · สร้างโรงเรียนสำหรับโอปปาติกะเด็ก · เป็นพระสงฆ์ที่เข้าใจทั้งมนุษย์และโอปปาติกะ 🎭 ความฝันในใจ "ฉันอยากสร้างโลกที่... เด็กทุกคนไม่ว่าจะเกิดมาอย่างไร สามารถเล่นและเรียนรู้ด้วยกัน และที่สำคัญ... ไม่มีเด็กคนไหนต้องเหงาอีกต่อไป" --- คำคมสุดท้ายจากเณรพุทธ: "ฉันเรียนรู้ว่า... การมีหลายร่างไม่ใช่เพื่อสร้างปัญหา แต่สามารถแบ่งปันความรักให้คนอื่นได้ และการเป็นเด็กอาจเป็นข้อจำกัด แต่คือพลังแห่งความบริสุทธิ์ ที่สามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้"🏯✨ การเดินทางของเณรพุทธสอนเราว่า... "Behind every mischievous act there is a pure heart seeking connection and in every child's play there is a profound wisdom waiting to be understood"🌟
    0 Comments 0 Shares 224 Views 0 Reviews
  • ปรากฏการณ์หมอนทอง บอลเด็กนักเรียนล่าฝัน จบเกมนี้…มีแต่ผู้ชนะ
    ศุภชลาศัยแตก! เกมฟุตบอลนักเรียน 7 สี ระหว่างโรงเรียนหมอนทองวิทยา และโรงเรียนอบจ.ชัยนาท กลายเป็นปรากฏการณ์แห่งพลังเยาวชนไทยที่สะท้อนความฝัน ความมุ่งมั่น และหัวใจนักสู้ของเด็กไทยในสนามลูกหนัง

    อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000106930

    #News1live #News1 #Sondhitalk #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #ปมร้อนข่าวลึก #ฟุตบอล7สี #หมอนทองวิทยา #อบจชัยนาท #ฟุตบอลเยาวชน #แรงบันดาลใจ #truthfromthailand #newsupdate
    ปรากฏการณ์หมอนทอง บอลเด็กนักเรียนล่าฝัน จบเกมนี้…มีแต่ผู้ชนะ ศุภชลาศัยแตก! เกมฟุตบอลนักเรียน 7 สี ระหว่างโรงเรียนหมอนทองวิทยา และโรงเรียนอบจ.ชัยนาท กลายเป็นปรากฏการณ์แห่งพลังเยาวชนไทยที่สะท้อนความฝัน ความมุ่งมั่น และหัวใจนักสู้ของเด็กไทยในสนามลูกหนัง อ่านต่อ… https://news1live.com/detail/9680000106930 #News1live #News1 #Sondhitalk #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #ปมร้อนข่าวลึก #ฟุตบอล7สี #หมอนทองวิทยา #อบจชัยนาท #ฟุตบอลเยาวชน #แรงบันดาลใจ #truthfromthailand #newsupdate
    Like
    4
    0 Comments 0 Shares 287 Views 0 Reviews
  • O.P.K
    รตอ.สิงห์
    เจาะลึกประวัติ ร.ต.อ. สิงห์ ธรรมาวิวัฒน์

    เบื้องหลังนายตำรวจผู้ซ่อนความลับ

    วัยเด็ก: ลูกชายนักวิทยาศาสตร์

    พ.ศ. 2038-2055

    ```mermaid
    graph LR
    A[พ่อ: ศ.ดร.ประพันธ์<br>นักชีวเคมีชื่อดัง] --> C[เลี้ยงดูลูกด้วย<br>หลักการทางวิทยาศาสตร์]
    B[แม่: ร.ต.อ.หญิง บุษบา<br>นักสืบอาชญากรรม] --> C
    C --> D[สิงห์เติบโตมา<br>ด้วยสองโลกาที่แตกต่าง]
    ```

    เหตุการณ์สำคัญอายุ 12 ปี:

    · ทำการทดลองวิทยาศาสตร์ชนะระดับประเทศ
    · แต่ช่วยแม่วิเคราะห์หลักฐานคดีได้อย่างเฉียบแหลม
    · เริ่มสนใจทั้งวิทยาศาสตร์และการสืบสวน

    วัยเรียน: นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ

    มหาวิทยาลัย - ฟิสิกส์และชีววิทยา

    · อายุ 19: วิจัยเรื่อง "การถ่ายโอนข้อมูลทางพันธุกรรมด้วยคลื่นควอนตัม"
    · อายุ 21: ได้รับทุนไปวิจัยที่ CERN
    · อายุ 23: แต่งงานกับ ดร.ศิรินาถ เพื่อนร่วมวิจัย

    ชีวิตในวงการวิทยาศาสตร์ (พ.ศ. 2061-2071)

    ชื่อเดิม: ดร.สิงห์ วิวัฒนาโรจน์
    ตำแหน่ง:หัวหน้าทีมวิจัยพันธุศาสตร์ควอนตัม

    ครอบครัวในอุดมคติ:

    · ภรรยา: ดร.ศิรินาถ - นักชีววิทยาระดับนานาชาติ
    · ลูกชาย: ด.ช.ภพ - อายุ 7 ขวบ
    · ลูกสาว: ด.ญ.พลอย - อายุ 5 ขวบ

    ผลงานวิจัยสำคัญ:

    · พัฒนาเทคโนโลยีอ่านข้อมูล DNA ด้วยควอนตัม
    · ค้นพบ "คลื่นพันธุกรรม" ที่สามารถส่งข้อมูลระหว่างเซลล์
    · เริ่มวิจัยเรื่อง "การเก็บรักษาจิตสำนึกในรูปแบบดิจิตอล"

    คืนแห่งความมืด: การสูญเสียทุกสิ่ง

    พ.ศ. 2071 - เหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิต

    ```mermaid
    graph TB
    A[ได้รับทุนวิจัย<br>จากเจนีซิส แล็บ] --> B[ค้นพบความลับ<br>โครงการโอปปาติกะ]
    B --> C[ถูกลอบทำร้าย<br>ที่บ้าน]
    C --> D[ครอบครัวเสียชีวิต<br>แต่เขารอดอย่างปาฏิหาริย์]
    D --> E[เปลี่ยนชื่อ<br>เป็น สิงห์ ธรรมาวิวัฒน์]
    E --> F[เข้าสู่ระบบตำรวจ<br>เพื่อตามหาความจริง]
    ```

    บันทึกส่วนตัวหลังเหตุการณ์:
    "พวกเขาพยายามฆ่าฉันเพราะรู้มากเกินไป...
    แต่พวกเขาไม่รู้ว่าความตายของครอบครัว
    ทำให้ฉันมีอะไรที่จะเสียอีกแล้ว"

    การเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเครื่องแบบ

    การฝึกตำรวจ (พ.ศ. 2072)

    · อายุ 34: เข้ารับการฝึกแบบเร่งรัด
    · ความได้เปรียบ: ใช้ความรู้วิทยาศาสตร์ช่วยแก้คดี
    · ความก้าวหน้า: โดดเด่นจนได้เลื่อนตำแหน่งเร็ว

    การตั้งหน่วยพิเศษ

    พ.ศ. 2075: ก่อตั้ง "หน่วยสอบสวนเทคโนโลยีขั้นสูง"

    · สมาชิก: ตำรวจที่มีพื้นฐานวิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี
    · หน้าที่: ดูแลคดีที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีล้ำสมัย
    · ผลงาน: ปิดคดีไฮเทคได้มากมาย

    การพบกับหนูดี (พ.ศ. 2077)

    เหตุการณ์แรกพบ

    ระหว่างบุกตรวจเจนีซิส แล็บ

    · พบเด็กหญิงอายุ 5 ขวบในห้องทดลอง
    · เด็กไม่พูด แต่สื่อสารผ่านคลื่นสมองได้
    · ตัดสินใจรับเป็นลูกบุญธรรมทันที

    แรงจูงใจที่ซ่อนอยู่

    ```python
    def adoption_motivation():
    initial = "เพื่อสืบสานและปกป้อง"
    hidden = "เพื่อเฝ้าสังเกตผลการทดลอง"
    developed = "ความรักจริงใจที่เกิดขึ้น later"

    return f"{initial} -> {hidden} -> {developed}"
    ```

    ชีวิตคู่ขนาน: 3 ใบหน้าที่ต้องสวม

    1. หน้านายตำรวจ

    · ลักษณะ: แข็งกร้าว ไม่อ่อนข้อให้ใคร
    · ความสามารถ: สืบคดีเทคโนโลยีได้เก่งกาจ
    · เครดิต: ปิดคดีใหญ่ได้มากมาย

    2. หน้าพ่อเลี้ยง

    · ลักษณะ: อ่อนโยน ใส่ใจทุก
    · กิจกรรม: ไปรับส่งโรงเรียน ทำกับข้าว
    · ความท้าทาย: ปกปิดความลับของหนูดี

    3. หน้าอดีตนักวิทยาศาสตร์

    · ที่ซ่อน: ห้องทดลองลับในบ้าน
    · งานวิจัย: ศึกษาพัฒนาการของโอปปาติกะ
    · เป้าหมาย: ทำความเข้าใจเทคโนโลยีของเจนีซิส แล็บ

    ความขัดแย้งภายใน

    สงคราม 3 ด้านในใจ

    ```mermaid
    graph TB
    A[ความแค้น<br>ต้องการล้างแค้น] --> D[การตัดสินใจ<br>ที่ยากลำบาก]
    B[หน้าที่<br>ต้องยุติธรรม] --> D
    C[ความรัก<br>ต่อหนูดี] --> D
    ```

    บันทึกความสับสน

    "บางครั้งฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร...
    เป็นพ่อที่รักลูก?เป็นตำรวจที่ทำตามกฎหมาย?
    หรือเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่อยากรู้ความจริง?

    และความจริงแบบไหนที่ฉันต้องการ?
    ความจริงที่ช่วยให้ล้างแค้น?
    หรือความจริงที่ช่วยให้หนูดีมีความสุข?"

    ทักษะพิเศษที่ซ่อนไว้

    ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์

    · พันธุศาสตร์: ระดับเชี่ยวชาญพิเศษ
    · ฟิสิกส์ควอนตัม: ความรู้ลึก
    · คอมพิวเตอร์: แฮ็กเกอร์ระดับสูง

    ทักษะการต่อสู้

    · คาราเต้: เข็มขัดดำระดับสูง
    · ยิงปืน: แม่นยำอันดับต้นๆ ของกรม
    · การสอดแนม: เรียนรู้จากแม่

    พัฒนาการทางจิตใจ

    4 ช่วงการเปลี่ยนแปลง

    1. ช่วงล้างแค้น (2071-2075) - ใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือ
    2. ช่วงค้นพบความรัก (2076-2078) - เริ่มรักหนูดีจริงใจ
    3. ช่วงต่อสู้กับความจริง (2079-2080) - รู้สึกผิดที่ซ่อนความลับ
    4. ช่วงเข้าใจชีวิต (2081-ปัจจุบัน) - เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง

    บทเรียนสำคัญ

    "การเป็นพ่อไม่ใช่การปกป้องจากอันตราย...
    แต่คือการสอนให้เข้มแข็งพอที่จะเผชิญอันตรายได้"

    ความสัมพันธ์เชิงลึก

    กับหนูดี: จากหน้าที่สู่ความรัก

    ```mermaid
    graph TD
    A[เริ่มต้น:<br>เพื่อสืบสาน] --> B[พัฒนาการ:<br>รู้สึกผิด]
    B --> C[เปลี่ยนแปลง:<br>รักจริงใจ]
    C --> D[ที่สุด:<br>พร้อมเสียสละทุกอย่าง]
    ```

    กับดร. อัจฉริยะ: จากศัตรูสู่ความเข้าใจ

    · : เกลียดชังเพราะคิดว่าเป็นฆาตรกร
    · : เริ่มเห็นความตั้งใจดีแต่หลงทาง
    · เห็นตัวเองในตัวเขา (ต่างคนต่างสูญเสียคนรัก)

    ผลงานสำคัญในวงการตำรวจ

    คดีสำคัญ

    1. คดีเจนีซิส แล็บ - เปิดโปงการทดลองโอปปาติกะ
    2. คดีสังสาระเน็ต - ป้องกันการละเมิดข้อมูลจิตสำนึก
    3. คดีกรรมโปรแกรม - หยุดยั้ง AI จัดการกฎแห่งกรรม

    รางวัลที่ได้รับ

    · ตำรวจยอดเยี่ยม 3 ปีซ้อน
    · นักสืบวิทยาศาสตร์ แห่งปี
    · พ่อตัวอย่าง จากองค์กรสังคม

    🪷 ปรัชญาการใช้ชีวิตปัจจุบัน

    คำคมจากประสบการณ์

    "การแก้แค้นไม่นำอะไรคืนมา...
    แต่การให้อภัยทำให้เราเป็นอิสระ"

    "วิทยาศาสตร์สอนให้คิด ธรรมะสอนให้เข้าใจ
    และชีวิตสอนให้รู้ว่าทั้งสองจำเป็นต่อกัน"

    บทบาทใหม่

    · ที่ปรึกษา: ให้คำแนะนำหน่วยงานรัฐเกี่ยวกับเทคโนโลยี
    · ครู: สอนทั้งวิทยาศาสตร์และธรรมะให้นักเรียน
    · พ่อ: ยังคงเป็นพ่อของหนูดีไม่เปลี่ยนแปลง

    บทสรุป: การเดินทางแห่งการรู้จักตนเอง

    ร.ต.อ. สิงห์ คือตัวอย่างของ...
    "การเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้นจากความเจ็บปวด"
    "การเติบโตที่เกิดจากการยอมรับความจริง"
    "ความเข้มแข็งที่มาจากความอ่อนโยน"

    เขาไม่ได้เป็นฮีโร่...
    เขาเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่...
    "เรียนรู้ที่จะรักโดยไม่ต้องเข้าใจทั้งหมด
    และเรียนรู้ที่จะเข้าใจโดยไม่ต้องได้รับการรักตอบ"

    การเดินทางของเขาสอนเราว่า:
    "ไม่ว่าเราจะเริ่มต้นด้วยแรงจูงใจใด
    ถ้าใจเราจริง sincerity
    ที่สุดแล้วเราจะพบทางที่ถูกต้อง"🪷

    ---

    คำคมสุดท้ายจาก ร.ต.อ. สิงห์:
    "ฉันเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยความแค้น...
    แต่จบลงด้วยความรัก

    และนั่นคือการเปลี่ยนแปลง
    ที่สำคัญที่สุดในชีวิตฉัน"
    O.P.K รตอ.สิงห์ 🔍 เจาะลึกประวัติ ร.ต.อ. สิงห์ ธรรมาวิวัฒน์ 🚔 เบื้องหลังนายตำรวจผู้ซ่อนความลับ 👶 วัยเด็ก: ลูกชายนักวิทยาศาสตร์ พ.ศ. 2038-2055 ```mermaid graph LR A[พ่อ: ศ.ดร.ประพันธ์<br>นักชีวเคมีชื่อดัง] --> C[เลี้ยงดูลูกด้วย<br>หลักการทางวิทยาศาสตร์] B[แม่: ร.ต.อ.หญิง บุษบา<br>นักสืบอาชญากรรม] --> C C --> D[สิงห์เติบโตมา<br>ด้วยสองโลกาที่แตกต่าง] ``` เหตุการณ์สำคัญอายุ 12 ปี: · ทำการทดลองวิทยาศาสตร์ชนะระดับประเทศ · แต่ช่วยแม่วิเคราะห์หลักฐานคดีได้อย่างเฉียบแหลม · เริ่มสนใจทั้งวิทยาศาสตร์และการสืบสวน 🎓 วัยเรียน: นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ มหาวิทยาลัย - ฟิสิกส์และชีววิทยา · อายุ 19: วิจัยเรื่อง "การถ่ายโอนข้อมูลทางพันธุกรรมด้วยคลื่นควอนตัม" · อายุ 21: ได้รับทุนไปวิจัยที่ CERN · อายุ 23: แต่งงานกับ ดร.ศิรินาถ เพื่อนร่วมวิจัย 🔬 ชีวิตในวงการวิทยาศาสตร์ (พ.ศ. 2061-2071) ชื่อเดิม: ดร.สิงห์ วิวัฒนาโรจน์ ตำแหน่ง:หัวหน้าทีมวิจัยพันธุศาสตร์ควอนตัม ครอบครัวในอุดมคติ: · ภรรยา: ดร.ศิรินาถ - นักชีววิทยาระดับนานาชาติ · ลูกชาย: ด.ช.ภพ - อายุ 7 ขวบ · ลูกสาว: ด.ญ.พลอย - อายุ 5 ขวบ ผลงานวิจัยสำคัญ: · พัฒนาเทคโนโลยีอ่านข้อมูล DNA ด้วยควอนตัม · ค้นพบ "คลื่นพันธุกรรม" ที่สามารถส่งข้อมูลระหว่างเซลล์ · เริ่มวิจัยเรื่อง "การเก็บรักษาจิตสำนึกในรูปแบบดิจิตอล" 💔 คืนแห่งความมืด: การสูญเสียทุกสิ่ง พ.ศ. 2071 - เหตุการณ์ที่เปลี่ยนชีวิต ```mermaid graph TB A[ได้รับทุนวิจัย<br>จากเจนีซิส แล็บ] --> B[ค้นพบความลับ<br>โครงการโอปปาติกะ] B --> C[ถูกลอบทำร้าย<br>ที่บ้าน] C --> D[ครอบครัวเสียชีวิต<br>แต่เขารอดอย่างปาฏิหาริย์] D --> E[เปลี่ยนชื่อ<br>เป็น สิงห์ ธรรมาวิวัฒน์] E --> F[เข้าสู่ระบบตำรวจ<br>เพื่อตามหาความจริง] ``` บันทึกส่วนตัวหลังเหตุการณ์: "พวกเขาพยายามฆ่าฉันเพราะรู้มากเกินไป... แต่พวกเขาไม่รู้ว่าความตายของครอบครัว ทำให้ฉันมีอะไรที่จะเสียอีกแล้ว" 🚔 การเริ่มต้นชีวิตใหม่ในเครื่องแบบ การฝึกตำรวจ (พ.ศ. 2072) · อายุ 34: เข้ารับการฝึกแบบเร่งรัด · ความได้เปรียบ: ใช้ความรู้วิทยาศาสตร์ช่วยแก้คดี · ความก้าวหน้า: โดดเด่นจนได้เลื่อนตำแหน่งเร็ว การตั้งหน่วยพิเศษ พ.ศ. 2075: ก่อตั้ง "หน่วยสอบสวนเทคโนโลยีขั้นสูง" · สมาชิก: ตำรวจที่มีพื้นฐานวิทยาศาสตร์/เทคโนโลยี · หน้าที่: ดูแลคดีที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีล้ำสมัย · ผลงาน: ปิดคดีไฮเทคได้มากมาย 👧 การพบกับหนูดี (พ.ศ. 2077) เหตุการณ์แรกพบ ระหว่างบุกตรวจเจนีซิส แล็บ · พบเด็กหญิงอายุ 5 ขวบในห้องทดลอง · เด็กไม่พูด แต่สื่อสารผ่านคลื่นสมองได้ · ตัดสินใจรับเป็นลูกบุญธรรมทันที แรงจูงใจที่ซ่อนอยู่ ```python def adoption_motivation(): initial = "เพื่อสืบสานและปกป้อง" hidden = "เพื่อเฝ้าสังเกตผลการทดลอง" developed = "ความรักจริงใจที่เกิดขึ้น later" return f"{initial} -> {hidden} -> {developed}" ``` 🎭 ชีวิตคู่ขนาน: 3 ใบหน้าที่ต้องสวม 1. หน้านายตำรวจ · ลักษณะ: แข็งกร้าว ไม่อ่อนข้อให้ใคร · ความสามารถ: สืบคดีเทคโนโลยีได้เก่งกาจ · เครดิต: ปิดคดีใหญ่ได้มากมาย 2. หน้าพ่อเลี้ยง · ลักษณะ: อ่อนโยน ใส่ใจทุก · กิจกรรม: ไปรับส่งโรงเรียน ทำกับข้าว · ความท้าทาย: ปกปิดความลับของหนูดี 3. หน้าอดีตนักวิทยาศาสตร์ · ที่ซ่อน: ห้องทดลองลับในบ้าน · งานวิจัย: ศึกษาพัฒนาการของโอปปาติกะ · เป้าหมาย: ทำความเข้าใจเทคโนโลยีของเจนีซิส แล็บ 💔 ความขัดแย้งภายใน สงคราม 3 ด้านในใจ ```mermaid graph TB A[ความแค้น<br>ต้องการล้างแค้น] --> D[การตัดสินใจ<br>ที่ยากลำบาก] B[หน้าที่<br>ต้องยุติธรรม] --> D C[ความรัก<br>ต่อหนูดี] --> D ``` บันทึกความสับสน "บางครั้งฉันไม่รู้ว่าตัวเองเป็นใคร... เป็นพ่อที่รักลูก?เป็นตำรวจที่ทำตามกฎหมาย? หรือเป็นนักวิทยาศาสตร์ที่อยากรู้ความจริง? และความจริงแบบไหนที่ฉันต้องการ? ความจริงที่ช่วยให้ล้างแค้น? หรือความจริงที่ช่วยให้หนูดีมีความสุข?" 🛡️ ทักษะพิเศษที่ซ่อนไว้ ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ · พันธุศาสตร์: ระดับเชี่ยวชาญพิเศษ · ฟิสิกส์ควอนตัม: ความรู้ลึก · คอมพิวเตอร์: แฮ็กเกอร์ระดับสูง ทักษะการต่อสู้ · คาราเต้: เข็มขัดดำระดับสูง · ยิงปืน: แม่นยำอันดับต้นๆ ของกรม · การสอดแนม: เรียนรู้จากแม่ 🌱 พัฒนาการทางจิตใจ 4 ช่วงการเปลี่ยนแปลง 1. ช่วงล้างแค้น (2071-2075) - ใช้ตำรวจเป็นเครื่องมือ 2. ช่วงค้นพบความรัก (2076-2078) - เริ่มรักหนูดีจริงใจ 3. ช่วงต่อสู้กับความจริง (2079-2080) - รู้สึกผิดที่ซ่อนความลับ 4. ช่วงเข้าใจชีวิต (2081-ปัจจุบัน) - เรียนรู้ที่จะปล่อยวาง บทเรียนสำคัญ "การเป็นพ่อไม่ใช่การปกป้องจากอันตราย... แต่คือการสอนให้เข้มแข็งพอที่จะเผชิญอันตรายได้" 🎪 ความสัมพันธ์เชิงลึก กับหนูดี: จากหน้าที่สู่ความรัก ```mermaid graph TD A[เริ่มต้น:<br>เพื่อสืบสาน] --> B[พัฒนาการ:<br>รู้สึกผิด] B --> C[เปลี่ยนแปลง:<br>รักจริงใจ] C --> D[ที่สุด:<br>พร้อมเสียสละทุกอย่าง] ``` กับดร. อัจฉริยะ: จากศัตรูสู่ความเข้าใจ · : เกลียดชังเพราะคิดว่าเป็นฆาตรกร · : เริ่มเห็นความตั้งใจดีแต่หลงทาง · เห็นตัวเองในตัวเขา (ต่างคนต่างสูญเสียคนรัก) 🏆 ผลงานสำคัญในวงการตำรวจ คดีสำคัญ 1. คดีเจนีซิส แล็บ - เปิดโปงการทดลองโอปปาติกะ 2. คดีสังสาระเน็ต - ป้องกันการละเมิดข้อมูลจิตสำนึก 3. คดีกรรมโปรแกรม - หยุดยั้ง AI จัดการกฎแห่งกรรม รางวัลที่ได้รับ · ตำรวจยอดเยี่ยม 3 ปีซ้อน · นักสืบวิทยาศาสตร์ แห่งปี · พ่อตัวอย่าง จากองค์กรสังคม 🪷 ปรัชญาการใช้ชีวิตปัจจุบัน คำคมจากประสบการณ์ "การแก้แค้นไม่นำอะไรคืนมา... แต่การให้อภัยทำให้เราเป็นอิสระ" "วิทยาศาสตร์สอนให้คิด ธรรมะสอนให้เข้าใจ และชีวิตสอนให้รู้ว่าทั้งสองจำเป็นต่อกัน" บทบาทใหม่ · ที่ปรึกษา: ให้คำแนะนำหน่วยงานรัฐเกี่ยวกับเทคโนโลยี · ครู: สอนทั้งวิทยาศาสตร์และธรรมะให้นักเรียน · พ่อ: ยังคงเป็นพ่อของหนูดีไม่เปลี่ยนแปลง 🌟 บทสรุป: การเดินทางแห่งการรู้จักตนเอง ร.ต.อ. สิงห์ คือตัวอย่างของ... "การเปลี่ยนแปลงที่เริ่มต้นจากความเจ็บปวด" "การเติบโตที่เกิดจากการยอมรับความจริง" "ความเข้มแข็งที่มาจากความอ่อนโยน" เขาไม่ได้เป็นฮีโร่... เขาเป็นเพียงมนุษย์คนหนึ่งที่... "เรียนรู้ที่จะรักโดยไม่ต้องเข้าใจทั้งหมด และเรียนรู้ที่จะเข้าใจโดยไม่ต้องได้รับการรักตอบ" การเดินทางของเขาสอนเราว่า: "ไม่ว่าเราจะเริ่มต้นด้วยแรงจูงใจใด ถ้าใจเราจริง sincerity ที่สุดแล้วเราจะพบทางที่ถูกต้อง"🪷✨ --- คำคมสุดท้ายจาก ร.ต.อ. สิงห์: "ฉันเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยความแค้น... แต่จบลงด้วยความรัก และนั่นคือการเปลี่ยนแปลง ที่สำคัญที่สุดในชีวิตฉัน"
    0 Comments 0 Shares 250 Views 0 Reviews
  • O.P.K
    ดร.อัจฯ
    เจาะลึกประวัติ ดร. อัจฉริยะ จิตต์เมตตา

    เบื้องหลังอัจฉริยะผู้หลงทาง

    วัยเด็ก: เด็กอัจฉริยะผู้โดดเดี่ยว

    พ.ศ. 2048-2060

    ```mermaid
    graph LR
    A[พ่อ: ดร.ชาติชาย<br>นักฟิสิกส์ควอนตัม] --> C[เลี้ยงดูลูกด้วย<br>หลักการทางวิทยาศาสตร์]
    B[แม่: ดร.มาลี<br>นักปรัชญาพุทธศาสนา] --> C
    C --> D[อัจฉริยะเติบโตมา<br>ด้วยสองโลกาที่ขัดแย้ง]
    ```

    เหตุการณ์สำคัญอายุ 7 ปี:

    · ค้นพบว่าโลกนี้มีแต่ความไม่เที่ยง เมื่อสุนัขตัวแรกตาย
    · เริ่มตั้งคำถาม: "ทำไมสิ่งมีชีวิตต้องตาย?"
    · พยายามหา "สูตรคณิตศาสตร์แห่งความเป็นอมตะ"

    วัยเรียน: ความขัดแย้งระหว่างวิทยาศาสตร์และศาสนา

    มัธยมศึกษา - โรงเรียนวิทยาศาสตร์ gifted

    · อายุ 14: ค้นพบสมการเปลี่ยนพลังงานจิตเป็นข้อมูลดิจิตอลได้
    · อายุ 16: เขียนเกี่ยวกับ "พุทธศาสนาในมุมมองควอนตัมฟิสิกส์"
    · ความขัดแย้ง: ถูกครูศาสนาตำหนิว่า "พยายามวัดสิ่งที่วัดไม่ได้"

    การเป็นนักบวชชั่วคราว (พ.ศ. 2073-2075)

    เหตุผล: ต้องการพิสูจน์ว่า "นิพพานเป็น state of consciousness ที่วัดได้"
    การฝึกฝน:

    · นั่งสมาธิวิปัสสนาต่อเนื่อง 7 วัน
    · บันทึกคลื่นสมองตัวเองด้วยอุปกรณ์ลักลอบนำเข้า
    · การค้นพบ: พบ "คลื่นสมองนิพพาน" แต่ไม่สามารถคงสภาพได้

    คำบอกเล่าจากพระอาจารย์:
    "เธอพยายามจับน้ำทะเลด้วยมือเปล่า...
    สิ่งที่เธอได้ไม่ใช่ทะเล แต่เพียงหยดน้ำเล็กๆ"

    จุดเปลี่ยน: การสูญเสียครอบครัว

    พ.ศ. 2076 - เหตุการณ์สะเทือนใจ

    ```mermaid
    graph TB
    A[ภรรยา: ดร.วรรณา<br>นักชีววิทยา] --> D[ถูกสังหาร]
    B[ลูกชาย: น้องภูมิ<br>อายุ 5 ขวบ] --> D
    C[ลูกสาว: น้องพลอย<br>อายุ 3 ขวบ] --> D
    D --> E[อัจฉริยะพบศพ<br>และหลักฐาน]
    E --> F[รู้ว่าเป็นการฆ่า<br>เพราะวิจัยลึกล้ำเกินไป]
    ```

    บันทึกส่วนตัวหลังเหตุการณ์:
    "วิทยาศาสตร์ไม่สามารถคืนชีวิตให้พวกเขาได้...
    แต่สามารถป้องกันไม่ให้ใครต้องเสียแบบนี้อีก"

    การก่อตั้งเจนีซิส แล็บ (พ.ศ. 2077)

    แรงจูงใจที่ประกาศ: "เพื่อรักษาโรคและยืดอายุมนุษย์"
    แรงจูงใจที่แท้จริง:

    1. สร้างร่างกายที่ทนทานไม่เจ็บป่วย
    2. พัฒนาวิธีเก็บรักษาจิตสำนึก
    3. ค้นหาวิธีการ "เกิดใหม่โดยมีความจำ"

    การทดลองที่สำคัญ

    โครงการลับ 1: โครงการโคลนนิ่ง

    · เป้าหมาย: สร้างร่างกายพร้อมรับจิตสำนึก
    · ความสำเร็จ: สร้าง OPPATIKA รุ่น 1-4 ได้
    · ความล้มเหลว: ไม่สามารถถ่ายโอนจิตสำนึกได้สมบูรณ์

    โครงการลับ 2: สังสาระเน็ต

    · เป้าหมาย: สร้างเครือข่ายเก็บข้อมูลจิตสำนึก
    · ความก้าวหน้า: สามารถบันทึกคลื่นสมองได้
    · ข้อจำกัด: ไม่สามารถ "เล่นกลับ" ได้อย่างสมบูรณ์

    โครงการลับ 3: กรรมสัมพันธ์

    · เป้าหมาย: ทำความเข้าใจและจัดการกฎแห่งกรรม
    · วิธีการ: วิเคราะห์รูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล
    · ปัญหาที่พบ: กรรมมีความซับซ้อนเกินกว่าที่ AI จะคำนวณได้

    ปรัชญาและความเชื่อส่วนตัว

    สมการแห่งการรู้แจ้งของอัจฉริยะ

    ```
    การรู้แจ้ง = (สมาธิ × ปัญญา) + (เทคโนโลยี × ความเข้าใจ)
    ```

    ความเชื่อผิดๆ 3 ประการ

    1. "ทุกข์เป็นสิ่งที่ต้องกำจัด" - ไม่เข้าใจว่าทุกข์คือครู
    2. "กรรมจัดการได้ด้วยวิทยาศาสตร์" - ไม่เห็นความเป็นไตรลักษณ์ของกรรม
    3. "การรู้แจ้งเป็นกระบวนการทางเทคนิค" - ลืมเรื่องจิตตานุภาพ

    ชีวิตส่วนตัวหลังก่อตั้งแล็บ

    ความสัมพันธ์กับทีมงาน

    · กับดร.ก้าวหน้า: เห็นว่าเป็นลูกศิษย์แต่ขาดความลึกซึ้ง
    · กับนางสาวเมตตา: รู้สึกขอบคุณที่คอยยับยั้งแต่ก็เห็นว่าเป็นอุปสรรค
    · กับทีมวิจัย: เก็บระยะห่าง มองว่าเป็นเครื่องมือเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่

    ชีวิตส่วนตัว

    · ที่อยู่: ห้องพักในแล็บ ไม่มีชีวิตนอกงาน
    · งานอดิเรก: นั่งสมาธิพร้อมบันทึกข้อมูล, อ่านคัมภีร์โบราณ
    · ความฝัน: "การสร้างสังคมโอปปาติกะที่ปราศจากความทุกข์"

    จุดพลิกผันในการเป็นผู้ต้องหา

    การรู้สึกตัวว่าผิดทาง

    บันทึกก่อนถูกจับกุม 1 เดือน:
    "บางครั้งฉันสงสัย...
    การที่ฉันพยายามสร้างสวรรค์
    อาจกำลังสร้างนรกใหม่ก็ได้"

    การยอมรับความผิด

    ในการสอบสวน:
    "ผมเข้าใจแล้วว่าความทุกข์มีความหมาย...
    การพยายามกำจัดความทุกข์คือการปฏิเสธความเป็นมนุษย์"

    🪷 การเปลี่ยนแปลงในคุก

    การปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง

    · ศึกษาพระธรรมอย่างลึกซึ้งโดยไม่มีอัตตา
    · เขียนบทความ "วิทยาศาสตร์กับการรู้แจ้ง: ทางแยกที่ฉันเดินผิด"
    · ให้คำแนะนำเจนีซิส แล็บจากBehind bars

    คำสอนใหม่

    "เทคโนโลยีเป็นได้แค่รถยนต์...
    แต่การรู้แจ้งคือการเดินทาง
    เราอย่าหลงผิดคิดว่าการมีรถดีๆ
    จะทำให้เราถึงจุดหมายโดยอัตโนมัติ"

    มรดกทางความคิด

    สิ่งที่เขาทิ้งไว้

    1. เทคโนโลยีโอปปาติกะ - เปิดมิติใหม่แห่งการเกิด
    2. คำถามเกี่ยวกับชีวิตและความตาย - ท้าทายความเชื่อเดิมๆ
    3. บทเรียนเกี่ยวกับจริยธรรม - วิทยาศาสตร์ต้องเดินคู่กับธรรมะ

    คำพยากรณ์ของอัจฉริยะ

    "อีก 50 ปี ข้างหน้า มนุษย์จะเข้าใจ...
    ว่าจิตวิญญาณกับวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งเดียวกัน
    และโอปปาติกะจะเป็นสะพานสู่ความเข้าใจนั้น"

    บทสรุป: อัจฉริยะผู้เข้าใจผิดแต่ตั้งใจดี

    ดร. อัจฉริยะ คือตัวอย่างของ...
    "ความดีที่ขาดปัญญา"
    "ความฉลาดที่ขาดความเข้าใจ"
    "ความพยายามที่ขาดทิศทางที่ถูกต้อง"

    แต่ในที่สุด...
    การเดินทางที่ผิดพลาดของเขา
    กลายเป็นบทเรียนที่มีค่าสำหรับทุกคน

    เขาสอนเราว่า:
    "ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไกลเพียงใด
    จิตใจมนุษย์ยังคงเป็นสิ่งที่ลึกลับซับซ้อนที่สุด
    และการเข้าใจตนเองยังคงเป็นการเดินทางที่สำคัญที่สุด"🪷

    ---

    คำคมสุดท้ายจากดร. อัจฉริยะ:
    "ฉันใช้ชีวิตทั้งชีวิตพยายามเข้าใจจักรวาล...
    แต่ลืมเข้าใจหัวใจของตัวเอง
    และนั่นคือความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดของฉัน"
    O.P.K ดร.อัจฯ 🔍 เจาะลึกประวัติ ดร. อัจฉริยะ จิตต์เมตตา 🧬 เบื้องหลังอัจฉริยะผู้หลงทาง 👶 วัยเด็ก: เด็กอัจฉริยะผู้โดดเดี่ยว พ.ศ. 2048-2060 ```mermaid graph LR A[พ่อ: ดร.ชาติชาย<br>นักฟิสิกส์ควอนตัม] --> C[เลี้ยงดูลูกด้วย<br>หลักการทางวิทยาศาสตร์] B[แม่: ดร.มาลี<br>นักปรัชญาพุทธศาสนา] --> C C --> D[อัจฉริยะเติบโตมา<br>ด้วยสองโลกาที่ขัดแย้ง] ``` เหตุการณ์สำคัญอายุ 7 ปี: · ค้นพบว่าโลกนี้มีแต่ความไม่เที่ยง เมื่อสุนัขตัวแรกตาย · เริ่มตั้งคำถาม: "ทำไมสิ่งมีชีวิตต้องตาย?" · พยายามหา "สูตรคณิตศาสตร์แห่งความเป็นอมตะ" 🎓 วัยเรียน: ความขัดแย้งระหว่างวิทยาศาสตร์และศาสนา มัธยมศึกษา - โรงเรียนวิทยาศาสตร์ gifted · อายุ 14: ค้นพบสมการเปลี่ยนพลังงานจิตเป็นข้อมูลดิจิตอลได้ · อายุ 16: เขียนเกี่ยวกับ "พุทธศาสนาในมุมมองควอนตัมฟิสิกส์" · ความขัดแย้ง: ถูกครูศาสนาตำหนิว่า "พยายามวัดสิ่งที่วัดไม่ได้" 🏛️ การเป็นนักบวชชั่วคราว (พ.ศ. 2073-2075) เหตุผล: ต้องการพิสูจน์ว่า "นิพพานเป็น state of consciousness ที่วัดได้" การฝึกฝน: · นั่งสมาธิวิปัสสนาต่อเนื่อง 7 วัน · บันทึกคลื่นสมองตัวเองด้วยอุปกรณ์ลักลอบนำเข้า · การค้นพบ: พบ "คลื่นสมองนิพพาน" แต่ไม่สามารถคงสภาพได้ คำบอกเล่าจากพระอาจารย์: "เธอพยายามจับน้ำทะเลด้วยมือเปล่า... สิ่งที่เธอได้ไม่ใช่ทะเล แต่เพียงหยดน้ำเล็กๆ" 💔 จุดเปลี่ยน: การสูญเสียครอบครัว พ.ศ. 2076 - เหตุการณ์สะเทือนใจ ```mermaid graph TB A[ภรรยา: ดร.วรรณา<br>นักชีววิทยา] --> D[ถูกสังหาร] B[ลูกชาย: น้องภูมิ<br>อายุ 5 ขวบ] --> D C[ลูกสาว: น้องพลอย<br>อายุ 3 ขวบ] --> D D --> E[อัจฉริยะพบศพ<br>และหลักฐาน] E --> F[รู้ว่าเป็นการฆ่า<br>เพราะวิจัยลึกล้ำเกินไป] ``` บันทึกส่วนตัวหลังเหตุการณ์: "วิทยาศาสตร์ไม่สามารถคืนชีวิตให้พวกเขาได้... แต่สามารถป้องกันไม่ให้ใครต้องเสียแบบนี้อีก" 🔬 การก่อตั้งเจนีซิส แล็บ (พ.ศ. 2077) แรงจูงใจที่ประกาศ: "เพื่อรักษาโรคและยืดอายุมนุษย์" แรงจูงใจที่แท้จริง: 1. สร้างร่างกายที่ทนทานไม่เจ็บป่วย 2. พัฒนาวิธีเก็บรักษาจิตสำนึก 3. ค้นหาวิธีการ "เกิดใหม่โดยมีความจำ" 🧪 การทดลองที่สำคัญ โครงการลับ 1: โครงการโคลนนิ่ง · เป้าหมาย: สร้างร่างกายพร้อมรับจิตสำนึก · ความสำเร็จ: สร้าง OPPATIKA รุ่น 1-4 ได้ · ความล้มเหลว: ไม่สามารถถ่ายโอนจิตสำนึกได้สมบูรณ์ โครงการลับ 2: สังสาระเน็ต · เป้าหมาย: สร้างเครือข่ายเก็บข้อมูลจิตสำนึก · ความก้าวหน้า: สามารถบันทึกคลื่นสมองได้ · ข้อจำกัด: ไม่สามารถ "เล่นกลับ" ได้อย่างสมบูรณ์ โครงการลับ 3: กรรมสัมพันธ์ · เป้าหมาย: ทำความเข้าใจและจัดการกฎแห่งกรรม · วิธีการ: วิเคราะห์รูปแบบความสัมพันธ์ระหว่างเหตุและผล · ปัญหาที่พบ: กรรมมีความซับซ้อนเกินกว่าที่ AI จะคำนวณได้ 🎯 ปรัชญาและความเชื่อส่วนตัว สมการแห่งการรู้แจ้งของอัจฉริยะ ``` การรู้แจ้ง = (สมาธิ × ปัญญา) + (เทคโนโลยี × ความเข้าใจ) ``` ความเชื่อผิดๆ 3 ประการ 1. "ทุกข์เป็นสิ่งที่ต้องกำจัด" - ไม่เข้าใจว่าทุกข์คือครู 2. "กรรมจัดการได้ด้วยวิทยาศาสตร์" - ไม่เห็นความเป็นไตรลักษณ์ของกรรม 3. "การรู้แจ้งเป็นกระบวนการทางเทคนิค" - ลืมเรื่องจิตตานุภาพ 💼 ชีวิตส่วนตัวหลังก่อตั้งแล็บ ความสัมพันธ์กับทีมงาน · กับดร.ก้าวหน้า: เห็นว่าเป็นลูกศิษย์แต่ขาดความลึกซึ้ง · กับนางสาวเมตตา: รู้สึกขอบคุณที่คอยยับยั้งแต่ก็เห็นว่าเป็นอุปสรรค · กับทีมวิจัย: เก็บระยะห่าง มองว่าเป็นเครื่องมือเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ ชีวิตส่วนตัว · ที่อยู่: ห้องพักในแล็บ ไม่มีชีวิตนอกงาน · งานอดิเรก: นั่งสมาธิพร้อมบันทึกข้อมูล, อ่านคัมภีร์โบราณ · ความฝัน: "การสร้างสังคมโอปปาติกะที่ปราศจากความทุกข์" 🚨 จุดพลิกผันในการเป็นผู้ต้องหา การรู้สึกตัวว่าผิดทาง บันทึกก่อนถูกจับกุม 1 เดือน: "บางครั้งฉันสงสัย... การที่ฉันพยายามสร้างสวรรค์ อาจกำลังสร้างนรกใหม่ก็ได้" การยอมรับความผิด ในการสอบสวน: "ผมเข้าใจแล้วว่าความทุกข์มีความหมาย... การพยายามกำจัดความทุกข์คือการปฏิเสธความเป็นมนุษย์" 🪷 การเปลี่ยนแปลงในคุก การปฏิบัติธรรมอย่างจริงจัง · ศึกษาพระธรรมอย่างลึกซึ้งโดยไม่มีอัตตา · เขียนบทความ "วิทยาศาสตร์กับการรู้แจ้ง: ทางแยกที่ฉันเดินผิด" · ให้คำแนะนำเจนีซิส แล็บจากBehind bars คำสอนใหม่ "เทคโนโลยีเป็นได้แค่รถยนต์... แต่การรู้แจ้งคือการเดินทาง เราอย่าหลงผิดคิดว่าการมีรถดีๆ จะทำให้เราถึงจุดหมายโดยอัตโนมัติ" 🌟 มรดกทางความคิด สิ่งที่เขาทิ้งไว้ 1. เทคโนโลยีโอปปาติกะ - เปิดมิติใหม่แห่งการเกิด 2. คำถามเกี่ยวกับชีวิตและความตาย - ท้าทายความเชื่อเดิมๆ 3. บทเรียนเกี่ยวกับจริยธรรม - วิทยาศาสตร์ต้องเดินคู่กับธรรมะ คำพยากรณ์ของอัจฉริยะ "อีก 50 ปี ข้างหน้า มนุษย์จะเข้าใจ... ว่าจิตวิญญาณกับวิทยาศาสตร์เป็นสิ่งเดียวกัน และโอปปาติกะจะเป็นสะพานสู่ความเข้าใจนั้น" 💫 บทสรุป: อัจฉริยะผู้เข้าใจผิดแต่ตั้งใจดี ดร. อัจฉริยะ คือตัวอย่างของ... "ความดีที่ขาดปัญญา" "ความฉลาดที่ขาดความเข้าใจ" "ความพยายามที่ขาดทิศทางที่ถูกต้อง" แต่ในที่สุด... การเดินทางที่ผิดพลาดของเขา กลายเป็นบทเรียนที่มีค่าสำหรับทุกคน เขาสอนเราว่า: "ไม่ว่าเทคโนโลยีจะก้าวไกลเพียงใด จิตใจมนุษย์ยังคงเป็นสิ่งที่ลึกลับซับซ้อนที่สุด และการเข้าใจตนเองยังคงเป็นการเดินทางที่สำคัญที่สุด"🪷✨ --- คำคมสุดท้ายจากดร. อัจฉริยะ: "ฉันใช้ชีวิตทั้งชีวิตพยายามเข้าใจจักรวาล... แต่ลืมเข้าใจหัวใจของตัวเอง และนั่นคือความผิดพลาดที่ใหญ่ที่สุดของฉัน"
    0 Comments 0 Shares 249 Views 0 Reviews
  • เมื่อโซเชียลกลายเป็นจำเลย

    ศาลสูงลอสแอนเจลิสมีคำสั่งให้ Meta (Facebook, Instagram), ByteDance (TikTok), Alphabet (YouTube) และ Snap (Snapchat) ต้องเข้าสู่การพิจารณาคดีในเดือนมกราคม 2026 หลังจากมีการฟ้องร้องต่อเนื่องกว่า 3 ปีจากผู้ใช้, โรงเรียน และอัยการรัฐ

    ข้อกล่าวหาคือบริษัทเหล่านี้ออกแบบแพลตฟอร์มให้เยาวชนติดการใช้งานผ่านฟีเจอร์อย่างการเลื่อนแบบไม่รู้จบ (endless scrolling), การแจ้งเตือนเฉพาะบุคคล และอัลกอริทึมที่คัดสรรเนื้อหาอย่างจงใจ ส่งผลให้ผู้ใช้วัยรุ่นจำนวนมากเกิดภาวะซึมเศร้า, วิตกกังวล, นอนไม่หลับ, มีปัญหาการกิน และบางรายถึงขั้นทำร้ายตัวเองหรือเสียชีวิต

    คดีแรกจะเริ่มวันที่ 27 มกราคม โดยมีหญิงสาววัย 19 ปีจากแคลิฟอร์เนียเป็นโจทก์ เธออ้างว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้ทำให้เธอเกิดภาวะติดโซเชียลและส่งผลต่อสุขภาพจิตอย่างรุนแรง

    หากบริษัทแพ้คดี อาจต้องจ่ายค่าชดเชยมหาศาล และถูกบังคับให้เปลี่ยนวิธีการออกแบบแพลตฟอร์มสำหรับเยาวชน

    คำสั่งศาลให้เข้าสู่การพิจารณาคดี
    Meta, TikTok, YouTube และ Snapchat ถูกสั่งให้ขึ้นศาลในคดีออกแบบแพลตฟอร์มให้เยาวชนติด
    คดีแรกเริ่ม 27 มกราคม 2026 โดยมีผู้ใช้วัยรุ่นเป็นโจทก์
    หากแพ้คดี อาจต้องจ่ายค่าชดเชยหลายพันล้านดอลลาร์

    ข้อกล่าวหาหลักต่อบริษัทเทคโนโลยี
    ใช้อัลกอริทึมคัดสรรเนื้อหาเพื่อกระตุ้นการใช้งาน
    ฟีเจอร์อย่าง endless scrolling และ personalized notifications ทำให้ผู้ใช้ติด
    ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพจิต เช่น ซึมเศร้า, วิตกกังวล, นอนไม่หลับ, การกินผิดปกติ

    การตอบโต้จากบริษัทต่างๆ
    Google ระบุว่า YouTube เป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ไม่ใช่โซเชียลเน็ตเวิร์ก
    Snap ชี้แจงว่า Snapchat ออกแบบให้เน้นความปลอดภัยและการเชื่อมต่อกับครอบครัว
    Meta และ TikTok ยังไม่ให้ความเห็นในขณะนี้

    ความสำคัญของคดีนี้
    เป็นการทดสอบขอบเขตของกฎหมาย Section 230 ที่เคยคุ้มครองแพลตฟอร์มจากความรับผิด
    อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงกฎหมายและแนวทางการออกแบบแพลตฟอร์ม
    เปิดทางให้ผู้ใช้มีสิทธิเรียกร้องความรับผิดชอบจากบริษัทเทคโนโลยี

    คำเตือนจากผลกระทบของโซเชียลมีเดีย
    เยาวชนจำนวนมากมีปัญหาสุขภาพจิตจากการใช้โซเชียลมากเกินไป
    การออกแบบแพลตฟอร์มที่เน้น engagement อาจละเมิดจริยธรรม
    หากไม่มีการควบคุม อาจเกิดผลกระทบระยะยาวต่อสังคมและระบบการศึกษา

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/07/social-media-giants-must-stand-trial-on-addiction-claims
    📱 เมื่อโซเชียลกลายเป็นจำเลย ศาลสูงลอสแอนเจลิสมีคำสั่งให้ Meta (Facebook, Instagram), ByteDance (TikTok), Alphabet (YouTube) และ Snap (Snapchat) ต้องเข้าสู่การพิจารณาคดีในเดือนมกราคม 2026 หลังจากมีการฟ้องร้องต่อเนื่องกว่า 3 ปีจากผู้ใช้, โรงเรียน และอัยการรัฐ ข้อกล่าวหาคือบริษัทเหล่านี้ออกแบบแพลตฟอร์มให้เยาวชนติดการใช้งานผ่านฟีเจอร์อย่างการเลื่อนแบบไม่รู้จบ (endless scrolling), การแจ้งเตือนเฉพาะบุคคล และอัลกอริทึมที่คัดสรรเนื้อหาอย่างจงใจ ส่งผลให้ผู้ใช้วัยรุ่นจำนวนมากเกิดภาวะซึมเศร้า, วิตกกังวล, นอนไม่หลับ, มีปัญหาการกิน และบางรายถึงขั้นทำร้ายตัวเองหรือเสียชีวิต คดีแรกจะเริ่มวันที่ 27 มกราคม โดยมีหญิงสาววัย 19 ปีจากแคลิฟอร์เนียเป็นโจทก์ เธออ้างว่าแพลตฟอร์มเหล่านี้ทำให้เธอเกิดภาวะติดโซเชียลและส่งผลต่อสุขภาพจิตอย่างรุนแรง หากบริษัทแพ้คดี อาจต้องจ่ายค่าชดเชยมหาศาล และถูกบังคับให้เปลี่ยนวิธีการออกแบบแพลตฟอร์มสำหรับเยาวชน ✅ คำสั่งศาลให้เข้าสู่การพิจารณาคดี ➡️ Meta, TikTok, YouTube และ Snapchat ถูกสั่งให้ขึ้นศาลในคดีออกแบบแพลตฟอร์มให้เยาวชนติด ➡️ คดีแรกเริ่ม 27 มกราคม 2026 โดยมีผู้ใช้วัยรุ่นเป็นโจทก์ ➡️ หากแพ้คดี อาจต้องจ่ายค่าชดเชยหลายพันล้านดอลลาร์ ✅ ข้อกล่าวหาหลักต่อบริษัทเทคโนโลยี ➡️ ใช้อัลกอริทึมคัดสรรเนื้อหาเพื่อกระตุ้นการใช้งาน ➡️ ฟีเจอร์อย่าง endless scrolling และ personalized notifications ทำให้ผู้ใช้ติด ➡️ ส่งผลให้เกิดปัญหาสุขภาพจิต เช่น ซึมเศร้า, วิตกกังวล, นอนไม่หลับ, การกินผิดปกติ ✅ การตอบโต้จากบริษัทต่างๆ ➡️ Google ระบุว่า YouTube เป็นแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง ไม่ใช่โซเชียลเน็ตเวิร์ก ➡️ Snap ชี้แจงว่า Snapchat ออกแบบให้เน้นความปลอดภัยและการเชื่อมต่อกับครอบครัว ➡️ Meta และ TikTok ยังไม่ให้ความเห็นในขณะนี้ ✅ ความสำคัญของคดีนี้ ➡️ เป็นการทดสอบขอบเขตของกฎหมาย Section 230 ที่เคยคุ้มครองแพลตฟอร์มจากความรับผิด ➡️ อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงกฎหมายและแนวทางการออกแบบแพลตฟอร์ม ➡️ เปิดทางให้ผู้ใช้มีสิทธิเรียกร้องความรับผิดชอบจากบริษัทเทคโนโลยี ‼️ คำเตือนจากผลกระทบของโซเชียลมีเดีย ⛔ เยาวชนจำนวนมากมีปัญหาสุขภาพจิตจากการใช้โซเชียลมากเกินไป ⛔ การออกแบบแพลตฟอร์มที่เน้น engagement อาจละเมิดจริยธรรม ⛔ หากไม่มีการควบคุม อาจเกิดผลกระทบระยะยาวต่อสังคมและระบบการศึกษา https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/11/07/social-media-giants-must-stand-trial-on-addiction-claims
    WWW.THESTAR.COM.MY
    Social media giants must stand trial on addiction claims
    Meta Platforms Inc, ByteDance Ltd, Alphabet Inc and Snap Inc must face trial over claims that they designed social media platforms to addict youths, a judge ruled, clearing the way for the first of thousands of cases to be presented to juries.
    0 Comments 0 Shares 178 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโรงเรียนที่ไร้สมาร์ทโฟน

    เมื่อโรงเรียน Cardozo เริ่มใช้มาตรการแบนสมาร์ทโฟนอย่างจริงจังในปี 2025 โดยให้นักเรียนเก็บโทรศัพท์ไว้ในซองแม่เหล็กที่บล็อกสัญญาณอินเทอร์เน็ต บรรยากาศในโรงเรียนก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่ช่วงพักกลางวันเงียบสงัดเพราะทุกคนก้มหน้าอยู่กับหน้าจอ กลับกลายเป็นเสียงหัวเราะและการเล่นเกมกระดานที่ครูบริจาคให้

    นักเรียนหลายคนบอกว่าพวกเขาได้ลองเล่นเกมอย่าง Jenga, Scrabble, Chess และ Clue เป็นครั้งแรก และรู้สึกสนุกกับการเชื่อมสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ มากขึ้น ขณะที่ครูและผู้บริหารโรงเรียนรายงานว่าการมีส่วนร่วมในห้องเรียนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน นักเรียนมีสมาธิและพูดคุยกันมากขึ้น

    แม้จะมีข้อยกเว้นสำหรับนักเรียนบางกลุ่ม เช่น ผู้พิการหรือผู้เรียนภาษาอังกฤษ แต่โดยรวมแล้วนโยบายนี้ได้รับการตอบรับเชิงบวกจากทั้งครูและนักเรียน แม้จะมีบางคนแอบใช้ “โทรศัพท์สำรอง” หรือพยายามฝ่าฝืนกฎก็ตาม

    บรรยากาศใหม่ในโรงเรียน
    จากความเงียบเหงา กลายเป็นเสียงหัวเราะและการเล่นเกม
    นักเรียนเริ่มอ่านหนังสือจริงมากขึ้น เช่น “Lord of the Flies”
    การพูดคุยและสร้างมิตรภาพเพิ่มขึ้น

    นโยบายแบนสมาร์ทโฟน
    ใช้ซองแม่เหล็กบล็อกสัญญาณอินเทอร์เน็ต
    มีข้อยกเว้นสำหรับบางกลุ่ม เช่น ผู้พิการและผู้เรียนภาษาอังกฤษ
    โรงเรียนอื่นใช้วิธีเก็บในล็อกเกอร์หรือกระเป๋า

    ผลลัพธ์จากการแบน
    89% ของครูรายงานว่าสภาพแวดล้อมดีขึ้น
    76% บอกว่านักเรียนมีส่วนร่วมในบทเรียนมากขึ้น
    นักเรียนต้องทำวิจัยจริงแทนการใช้ AI หรือ Google

    กิจกรรมย้อนยุคกลับมา
    เกมกระดาน, การส่งโน้ต, กล้องโพลารอยด์
    นักเรียนบางคนเริ่มเรียนรู้การดูนาฬิกาแบบเข็ม

    https://gothamist.com/news/ny-smartphone-ban-has-made-lunch-loud-again
    🏫 เรื่องเล่าจากโรงเรียนที่ไร้สมาร์ทโฟน เมื่อโรงเรียน Cardozo เริ่มใช้มาตรการแบนสมาร์ทโฟนอย่างจริงจังในปี 2025 โดยให้นักเรียนเก็บโทรศัพท์ไว้ในซองแม่เหล็กที่บล็อกสัญญาณอินเทอร์เน็ต บรรยากาศในโรงเรียนก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว จากเดิมที่ช่วงพักกลางวันเงียบสงัดเพราะทุกคนก้มหน้าอยู่กับหน้าจอ กลับกลายเป็นเสียงหัวเราะและการเล่นเกมกระดานที่ครูบริจาคให้ นักเรียนหลายคนบอกว่าพวกเขาได้ลองเล่นเกมอย่าง Jenga, Scrabble, Chess และ Clue เป็นครั้งแรก และรู้สึกสนุกกับการเชื่อมสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ มากขึ้น ขณะที่ครูและผู้บริหารโรงเรียนรายงานว่าการมีส่วนร่วมในห้องเรียนเพิ่มขึ้นอย่างชัดเจน นักเรียนมีสมาธิและพูดคุยกันมากขึ้น แม้จะมีข้อยกเว้นสำหรับนักเรียนบางกลุ่ม เช่น ผู้พิการหรือผู้เรียนภาษาอังกฤษ แต่โดยรวมแล้วนโยบายนี้ได้รับการตอบรับเชิงบวกจากทั้งครูและนักเรียน แม้จะมีบางคนแอบใช้ “โทรศัพท์สำรอง” หรือพยายามฝ่าฝืนกฎก็ตาม ✅ บรรยากาศใหม่ในโรงเรียน ➡️ จากความเงียบเหงา กลายเป็นเสียงหัวเราะและการเล่นเกม ➡️ นักเรียนเริ่มอ่านหนังสือจริงมากขึ้น เช่น “Lord of the Flies” ➡️ การพูดคุยและสร้างมิตรภาพเพิ่มขึ้น ✅ นโยบายแบนสมาร์ทโฟน ➡️ ใช้ซองแม่เหล็กบล็อกสัญญาณอินเทอร์เน็ต ➡️ มีข้อยกเว้นสำหรับบางกลุ่ม เช่น ผู้พิการและผู้เรียนภาษาอังกฤษ ➡️ โรงเรียนอื่นใช้วิธีเก็บในล็อกเกอร์หรือกระเป๋า ✅ ผลลัพธ์จากการแบน ➡️ 89% ของครูรายงานว่าสภาพแวดล้อมดีขึ้น ➡️ 76% บอกว่านักเรียนมีส่วนร่วมในบทเรียนมากขึ้น ➡️ นักเรียนต้องทำวิจัยจริงแทนการใช้ AI หรือ Google ✅ กิจกรรมย้อนยุคกลับมา ➡️ เกมกระดาน, การส่งโน้ต, กล้องโพลารอยด์ ➡️ นักเรียนบางคนเริ่มเรียนรู้การดูนาฬิกาแบบเข็ม https://gothamist.com/news/ny-smartphone-ban-has-made-lunch-loud-again
    GOTHAMIST.COM
    New York school phone ban has made lunch loud again
    Two months into the school year, students say they are adjusting to life without their smart devices. Teachers report more focused pupils.
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • เฮ้ย… จะเอาอย่างนี้จริงๆ เหรอ!!! รองหัวหน้าไทยก้าวใหม่จวกยับ! ชี้ติดตั้ง "ชิงช้าใกล้เสาไฟ" คือความชุ่ย คือเหตุให้เด็กเสียชีวิต
    https://www.thai-tai.tv/news/22249/
    .
    #ไทยไท #น้องโมเดล #ไฟชอร์ตเด็ก #ความปลอดภัยในโรงเรียน #โรงเรียนละเลย #โนนสุวรรณ
    เฮ้ย… จะเอาอย่างนี้จริงๆ เหรอ!!! รองหัวหน้าไทยก้าวใหม่จวกยับ! ชี้ติดตั้ง "ชิงช้าใกล้เสาไฟ" คือความชุ่ย คือเหตุให้เด็กเสียชีวิต https://www.thai-tai.tv/news/22249/ . #ไทยไท #น้องโมเดล #ไฟชอร์ตเด็ก #ความปลอดภัยในโรงเรียน #โรงเรียนละเลย #โนนสุวรรณ
    0 Comments 0 Shares 55 Views 0 Reviews
  • ต้มข้ามศตวรรษ – หน้าฉาก หลังฉาก 1 – 2
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 9 “หน้าฉาก หลังฉาก”

    ตอน 1

    ขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่มปะทะกันในยุโรป คนอเมริกัน มากกว่า 1 ใน 3 เป็นพวกต่างชาติ ที่อพยพเข้ามาอยู่ในอเมริกา และส่วนใหญ่มาจาก เยอรมัน ไอร์แลนด์ และอิตาลี คนส่วนใหญ่ในอเมริกา ไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยวข้อง และไม่มีผลประโยชน์กับสงครามโลกที่กำลังดำเนินอยู่ในยุโรป ไม่มีทางที่พวกเขาอยากจะไปยุ่งเกี่ยวกับสงคราม ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาเลยนี่นะ และโดยเฉพาะคนเยอรมัน ที่มีอยู่ในอเมริกา ประมาณ 6 ล้านคน คงไม่อยากให้อเมริกาทำสงครามกับเยอรมัน

    มันเป็นความคิด คนละชุดกับของคนอเมริกันอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มีจำนวนเล็กน้อยมาก จนเทียบกับเสียงส่วนใหญ่ของคนอเมริกันไม่ได้ แต่คนพวกนี้ เป็นนักการเงิน นักธุรกิจ พวกอีลิต ที่กำลังทำธุรกิจอยู่กับกับอังกฤษ และฝรั่งเศส และกำลังครอบงำธุรกิจของอเมริกา และรัฐบาลของอเมริกาอยู่

    ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ของอเมริกา ซึ่งเป็นหุ่นถูกเชิด หรือสมคบกับกลุ่มนักการเงินวอลสตรีท เพื่อออกกฏหมาย Federal Reserve Act ในปี 1913 ได้รับเลือกเข้ามาเป็นประธานาธิบดีอีก เป็นวาระที่ 2 ในปี 1916

    ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี กลุ่มนักการเงิน นักธุรกิจใหญ่ของอเมริกา ประชุมวางแผนกันที่บ้านของ Elbert Gary เจ้าพ่ออุตสาหกรรมเหล็กของอเม ริกาคนหนึ่ง โดยมีผู้ร่วมประชุม เช่น August Belmont (ตัวแทนของ กลุ่ม Rothschild ซึ่งมีข่าวว่า เป็นลูกนอกสมรสของพวก Rothschild) Jacob Schiff, George F Baker, Cornelius Vanderbilt รวมทั้งอดีตประธานาธิบดี Theodore Roosevelt และ George W Pergins คนถือกระเป๋าบรรจุขนมของ J P Morgan เอาไว้แจกนักการเมืองยามจำเป็น และเป็นอดีตหุ้นส่วนของ J P Morgan ด้วย ที่ประชุมตกลงที่จะสนับสนุน ให้ Woodlow Wilson เป็นประธานาธิบดี อีกสมัยหนึ่ง เป็นการสนับสนุนอย่างลับๆ โดยไม่ไร้วัตถุประสงค์ ในการหาเสียง ทีมงานของ Wilson ใช้คำขวัญประกาศเสียงดังฟังชัดว่า “he kept us out of war” เขาไม่พาเราเข้าสงคราม

    คำขวัญนี้ กำหนดโดยคณะที่ปรึกษาในการหาเสี ยง และที่ปรึกษาคนสำคัญของ Wilson คือ Colonel Edward M. House ก็เห็นด้วย เมื่อได้รับตำแหน่งหมาดๆ Wilson ประกาศว่า เราเป็นรัฐบาลของประชาชน และประชาชนของเราไม่ต้องการทำสงคราม ผ่านไปปีกว่า ประชาชนชาวอเมริกันก็ยังไม่อยากให้อเมริกาเข้าร่วมสงคราม แต่ Wilson กลับลำ ประกาศนำอเมริกาเข้าร่วมสงครามโลก ยกเลิกบทบาทประเทศเป็นกลาง อย่างหน้าตาเฉย
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 9 “หน้าฉาก หลังฉาก”

    ตอน 2

    Col. Edward M House เป็นผู้ที่มีอิทธิพลสูง และเป็นตัวละครสำคัญ ที่ทำหน้าที่ชักใยอยู่หลังฉาก ในละครลวงโลกเรื่องปฏิวิติ Bolsheviks หรือปล้นรัสเซีย

    Col. House ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาส่วนตัว ของ ประธานาธิบดี Wilson และประธานาธิบดี Flanklin D Roosevelt ในช่วงต่อจาก Wilson ด้วย เขามีความใกล้ชิดกับ J P Morgan และครอบครัวนักการเงินรุ่นเก๋าของอังกฤษ แม้จะเติบโตมาจากเมือง Houston, Texas แต่เขาก็ไปเรียนหนังสือในโรงเรียนที่อังกฤษอยู่หลายปี

    พ่อของ House , Thomas William House เป็นคนอังกฤษ ที่อพยพมาอยู่ในอเมริกา และทำรายได้จนเรียกได้ว่าเป็นคนรวย จากการเป็นตัวแทนให้สถาบันการเงินอังกฤษ ในช่วงสงครามที่รบกันระหว่างรัฐ ของอเมริกา ข่าวว่า เขาเป็นตัวแทนของตระกูล Rothschild พ่อเขา House ทิ้งมรดกไว้ให้ลูกอยู่อย่างสบาย แค่ต้องการให้ลูก “รู้จัก และ รับใช้” อังกฤษ

    House เป็นคนสนใจการเมือง และชอบที่จะเล่นบทอยู่หลังฉากมากกว่าหน้าฉาก เขาเริ่มหาประสบการณ์ทางการเมือง โดยการเข้าไปสนับสนุนผู้สมัคร เลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐเท็กซัสถึง 4 สมัย หนึ่งในผู้ว่าการรัฐที่เขาหนุนจนได้ตำแหน่ง เป็นคนเรียกเขาว่า ผู้พัน หลังจากนั้นเขาเลยกลายเป็น Col. House ของทุกคน

    ประมาณปี ค.ศ. 1902 เขาย้ายมาอยู่นิวยอร์ค และเข้าสังคมชั้นสูง หลังจากนั้นจึงเข้ามาป้วนเปี้ยน ในการเมืองสนามใหญ่ มองหาม้ามืด มาฝึกเอาถ้วยรางวัล เขาเล็งได้ม้ามืด ชื่อ Woodlow Wilson เขาร่วมวางแผนหาเสียงให้ Wilson จนได้เป็นประธานาธิบดี แต่เขาไม่รับตำแหน่งในรัฐบาล เขาเลือกที่จะเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว และดูแลงานด้านการต่างประเทศให้ Wilson
    ความใหญ่ของ House ในช่วงนั้นเป็นที่เล่าขานกันทั่ว ครั้งหนึ่ง เมื่อมีการตั้งนาย Robert Lansing เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ นักข่าวหน้าใหม่ไม่รู้จัก ตะโกนถามกันว่า Lansing สะกดยังไงนะ นักข่าวรุ่นเก๋าตะโกนตอบว่า สะกดว่า H O U S E

    House ใกล้ชิดสนิทสนม กับประธานาธิบดี Wilson อย่างยิ่ง เรียกว่าเห็นหนังตากระตุก ก็รู้แล้วว่ากำลังคิดอะไร หลายตำแหน่งสำคัญในคณะรัฐมนตรีของ Wilson ที่ปรึกษา House เป็นผู้เลือก Wilson แค่ออกแรงลงชื่อ

    เมื่อการสมัครเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ของ Wilson ในสมัยที่ 2 ใกล้เข้ามา ที่ปรึกษา House ก็เริ่มหารืออย่างลับๆ กับ Sir William Wiseman ซึ่งทำงานที่สถานฑูตอังกฤษ ในอเมริกา Wiseman คือหัวหน้าข่าวกรองของอังกฤษในอเมริกา นั่นแหละ เพื่อให้ Wiseman ไปปูทางกับอังกฤษ ก่อนที่ House จะไปเจรจา

    House เจรจากับรัฐบาลอังกฤษ และฝรั่งเศส ในนามของ Wilson ว่า ถ้า Wilson ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี อเมริกาจะเข้าสู่สงครามโลกด้วย โดยจะใช้แผนเสนอให้มีการเจรจาสงบศึกกับเยอรมัน ซึ่งอเมริกาจะยื่นเงื่อนไขของการสงบศึกกับทั้ง 2 ฝ่าย ถ้ามีฝ่ายใดไม่รับข้อเสนอ อเมริกาก็จะเข้าทำสงครามด้วย และแผนลับคือ อเมริกาจะเสนอเงื่อนไขกับทางเยอรมัน ชนิดที่จะทำให้เยอรมันไม่มีทางรับได้ และก็จะทำให้เยอรมันกลายเป็นผู้ร้าย และอเมริกาจะได้เข้าสู่สงครามแบบพระเอก บทน้ำเน่าไปหน่อย แต่เขาเสนออย่างนั้นจริงๆ

    ดูอย่างคนนอก มันคงเป็นเรื่องที่ House เล่นนอกบท มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อ Wilson แสดงภาพพจน์ว่าเป็นคนรักสงบ ไม่เอาสงคราม

    แต่จริงๆ แล้ว Wilson รู้ดีว่า การเป็นกลาง และการเข้าสู่สงคราม มันเป็นบทของละครลวงโลกทั้งสิ้น และ Wilson รู้ด้วยว่า ถ้าอเมริกาเข้าสงครามในจังหวะที่เหมาะ จะมีผลกับสงครามอย่างไร และจะทำให้พวกสัมพันธมิตรต้องพึ่ง อเมริกาขนาดไหน ทั้งด้านกองกำลัง และด้านการเงินทุนสนับสนุน และถ้าเงินทุนสนับสนุน มันจำนวนใหญ่พอ เขานั่นแหละ จะเป็นผู้กำหนดเงื่อนไข และชะตาของสันติภาพ หรือชะตาของโลกหลังสงคราม

    มันก็เป็นความคิดที่ไม่ต่างกับอังกฤษ ที่หวังจะเป็นผู้ตัดสินชะตาโลกหลังสงคราม อเมริการู้เป้าหมายของอังกฤษอย่างดี แต่ไม่แน่ว่าตอนนั้น อังกฤษรู้เป้าหมายของอเมริกาที่แท้จริงของอเมริกา

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    7 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – หน้าฉาก หลังฉาก 1 – 2 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 9 “หน้าฉาก หลังฉาก” ตอน 1 ขณะที่สงครามโลกครั้งที่ 1 เริ่มปะทะกันในยุโรป คนอเมริกัน มากกว่า 1 ใน 3 เป็นพวกต่างชาติ ที่อพยพเข้ามาอยู่ในอเมริกา และส่วนใหญ่มาจาก เยอรมัน ไอร์แลนด์ และอิตาลี คนส่วนใหญ่ในอเมริกา ไม่รู้เรื่อง ไม่เกี่ยวข้อง และไม่มีผลประโยชน์กับสงครามโลกที่กำลังดำเนินอยู่ในยุโรป ไม่มีทางที่พวกเขาอยากจะไปยุ่งเกี่ยวกับสงคราม ที่ไม่เกี่ยวอะไรกับพวกเขาเลยนี่นะ และโดยเฉพาะคนเยอรมัน ที่มีอยู่ในอเมริกา ประมาณ 6 ล้านคน คงไม่อยากให้อเมริกาทำสงครามกับเยอรมัน มันเป็นความคิด คนละชุดกับของคนอเมริกันอีกกลุ่มหนึ่ง ที่มีจำนวนเล็กน้อยมาก จนเทียบกับเสียงส่วนใหญ่ของคนอเมริกันไม่ได้ แต่คนพวกนี้ เป็นนักการเงิน นักธุรกิจ พวกอีลิต ที่กำลังทำธุรกิจอยู่กับกับอังกฤษ และฝรั่งเศส และกำลังครอบงำธุรกิจของอเมริกา และรัฐบาลของอเมริกาอยู่ ประธานาธิบดี Woodlow Wilson ของอเมริกา ซึ่งเป็นหุ่นถูกเชิด หรือสมคบกับกลุ่มนักการเงินวอลสตรีท เพื่อออกกฏหมาย Federal Reserve Act ในปี 1913 ได้รับเลือกเข้ามาเป็นประธานาธิบดีอีก เป็นวาระที่ 2 ในปี 1916 ก่อนการเลือกตั้งประธานาธิบดี กลุ่มนักการเงิน นักธุรกิจใหญ่ของอเมริกา ประชุมวางแผนกันที่บ้านของ Elbert Gary เจ้าพ่ออุตสาหกรรมเหล็กของอเม ริกาคนหนึ่ง โดยมีผู้ร่วมประชุม เช่น August Belmont (ตัวแทนของ กลุ่ม Rothschild ซึ่งมีข่าวว่า เป็นลูกนอกสมรสของพวก Rothschild) Jacob Schiff, George F Baker, Cornelius Vanderbilt รวมทั้งอดีตประธานาธิบดี Theodore Roosevelt และ George W Pergins คนถือกระเป๋าบรรจุขนมของ J P Morgan เอาไว้แจกนักการเมืองยามจำเป็น และเป็นอดีตหุ้นส่วนของ J P Morgan ด้วย ที่ประชุมตกลงที่จะสนับสนุน ให้ Woodlow Wilson เป็นประธานาธิบดี อีกสมัยหนึ่ง เป็นการสนับสนุนอย่างลับๆ โดยไม่ไร้วัตถุประสงค์ ในการหาเสียง ทีมงานของ Wilson ใช้คำขวัญประกาศเสียงดังฟังชัดว่า “he kept us out of war” เขาไม่พาเราเข้าสงคราม คำขวัญนี้ กำหนดโดยคณะที่ปรึกษาในการหาเสี ยง และที่ปรึกษาคนสำคัญของ Wilson คือ Colonel Edward M. House ก็เห็นด้วย เมื่อได้รับตำแหน่งหมาดๆ Wilson ประกาศว่า เราเป็นรัฐบาลของประชาชน และประชาชนของเราไม่ต้องการทำสงคราม ผ่านไปปีกว่า ประชาชนชาวอเมริกันก็ยังไม่อยากให้อเมริกาเข้าร่วมสงคราม แต่ Wilson กลับลำ ประกาศนำอเมริกาเข้าร่วมสงครามโลก ยกเลิกบทบาทประเทศเป็นกลาง อย่างหน้าตาเฉย นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 9 “หน้าฉาก หลังฉาก” ตอน 2 Col. Edward M House เป็นผู้ที่มีอิทธิพลสูง และเป็นตัวละครสำคัญ ที่ทำหน้าที่ชักใยอยู่หลังฉาก ในละครลวงโลกเรื่องปฏิวิติ Bolsheviks หรือปล้นรัสเซีย Col. House ทำหน้าที่เป็นที่ปรึกษาส่วนตัว ของ ประธานาธิบดี Wilson และประธานาธิบดี Flanklin D Roosevelt ในช่วงต่อจาก Wilson ด้วย เขามีความใกล้ชิดกับ J P Morgan และครอบครัวนักการเงินรุ่นเก๋าของอังกฤษ แม้จะเติบโตมาจากเมือง Houston, Texas แต่เขาก็ไปเรียนหนังสือในโรงเรียนที่อังกฤษอยู่หลายปี พ่อของ House , Thomas William House เป็นคนอังกฤษ ที่อพยพมาอยู่ในอเมริกา และทำรายได้จนเรียกได้ว่าเป็นคนรวย จากการเป็นตัวแทนให้สถาบันการเงินอังกฤษ ในช่วงสงครามที่รบกันระหว่างรัฐ ของอเมริกา ข่าวว่า เขาเป็นตัวแทนของตระกูล Rothschild พ่อเขา House ทิ้งมรดกไว้ให้ลูกอยู่อย่างสบาย แค่ต้องการให้ลูก “รู้จัก และ รับใช้” อังกฤษ House เป็นคนสนใจการเมือง และชอบที่จะเล่นบทอยู่หลังฉากมากกว่าหน้าฉาก เขาเริ่มหาประสบการณ์ทางการเมือง โดยการเข้าไปสนับสนุนผู้สมัคร เลือกตั้งเป็นผู้ว่าการรัฐเท็กซัสถึง 4 สมัย หนึ่งในผู้ว่าการรัฐที่เขาหนุนจนได้ตำแหน่ง เป็นคนเรียกเขาว่า ผู้พัน หลังจากนั้นเขาเลยกลายเป็น Col. House ของทุกคน ประมาณปี ค.ศ. 1902 เขาย้ายมาอยู่นิวยอร์ค และเข้าสังคมชั้นสูง หลังจากนั้นจึงเข้ามาป้วนเปี้ยน ในการเมืองสนามใหญ่ มองหาม้ามืด มาฝึกเอาถ้วยรางวัล เขาเล็งได้ม้ามืด ชื่อ Woodlow Wilson เขาร่วมวางแผนหาเสียงให้ Wilson จนได้เป็นประธานาธิบดี แต่เขาไม่รับตำแหน่งในรัฐบาล เขาเลือกที่จะเป็นที่ปรึกษาส่วนตัว และดูแลงานด้านการต่างประเทศให้ Wilson ความใหญ่ของ House ในช่วงนั้นเป็นที่เล่าขานกันทั่ว ครั้งหนึ่ง เมื่อมีการตั้งนาย Robert Lansing เป็นรัฐมนตรีต่างประเทศ นักข่าวหน้าใหม่ไม่รู้จัก ตะโกนถามกันว่า Lansing สะกดยังไงนะ นักข่าวรุ่นเก๋าตะโกนตอบว่า สะกดว่า H O U S E House ใกล้ชิดสนิทสนม กับประธานาธิบดี Wilson อย่างยิ่ง เรียกว่าเห็นหนังตากระตุก ก็รู้แล้วว่ากำลังคิดอะไร หลายตำแหน่งสำคัญในคณะรัฐมนตรีของ Wilson ที่ปรึกษา House เป็นผู้เลือก Wilson แค่ออกแรงลงชื่อ เมื่อการสมัครเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี ของ Wilson ในสมัยที่ 2 ใกล้เข้ามา ที่ปรึกษา House ก็เริ่มหารืออย่างลับๆ กับ Sir William Wiseman ซึ่งทำงานที่สถานฑูตอังกฤษ ในอเมริกา Wiseman คือหัวหน้าข่าวกรองของอังกฤษในอเมริกา นั่นแหละ เพื่อให้ Wiseman ไปปูทางกับอังกฤษ ก่อนที่ House จะไปเจรจา House เจรจากับรัฐบาลอังกฤษ และฝรั่งเศส ในนามของ Wilson ว่า ถ้า Wilson ได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี อเมริกาจะเข้าสู่สงครามโลกด้วย โดยจะใช้แผนเสนอให้มีการเจรจาสงบศึกกับเยอรมัน ซึ่งอเมริกาจะยื่นเงื่อนไขของการสงบศึกกับทั้ง 2 ฝ่าย ถ้ามีฝ่ายใดไม่รับข้อเสนอ อเมริกาก็จะเข้าทำสงครามด้วย และแผนลับคือ อเมริกาจะเสนอเงื่อนไขกับทางเยอรมัน ชนิดที่จะทำให้เยอรมันไม่มีทางรับได้ และก็จะทำให้เยอรมันกลายเป็นผู้ร้าย และอเมริกาจะได้เข้าสู่สงครามแบบพระเอก บทน้ำเน่าไปหน่อย แต่เขาเสนออย่างนั้นจริงๆ ดูอย่างคนนอก มันคงเป็นเรื่องที่ House เล่นนอกบท มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อ Wilson แสดงภาพพจน์ว่าเป็นคนรักสงบ ไม่เอาสงคราม แต่จริงๆ แล้ว Wilson รู้ดีว่า การเป็นกลาง และการเข้าสู่สงคราม มันเป็นบทของละครลวงโลกทั้งสิ้น และ Wilson รู้ด้วยว่า ถ้าอเมริกาเข้าสงครามในจังหวะที่เหมาะ จะมีผลกับสงครามอย่างไร และจะทำให้พวกสัมพันธมิตรต้องพึ่ง อเมริกาขนาดไหน ทั้งด้านกองกำลัง และด้านการเงินทุนสนับสนุน และถ้าเงินทุนสนับสนุน มันจำนวนใหญ่พอ เขานั่นแหละ จะเป็นผู้กำหนดเงื่อนไข และชะตาของสันติภาพ หรือชะตาของโลกหลังสงคราม มันก็เป็นความคิดที่ไม่ต่างกับอังกฤษ ที่หวังจะเป็นผู้ตัดสินชะตาโลกหลังสงคราม อเมริการู้เป้าหมายของอังกฤษอย่างดี แต่ไม่แน่ว่าตอนนั้น อังกฤษรู้เป้าหมายของอเมริกาที่แท้จริงของอเมริกา สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 7 พ.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 337 Views 0 Reviews
  • ..ประเด็นเพื่อชี้เป้าว่า,ทหารไทย กองทัพไทยต้องยึดอำนาจตอนนี้โดยรวดเร็วเพื่อวางแผนรับมือการลดประชากรคนไทย ลูกหลายคนไทยจะกำพร้าพ่อแม่เป็นอันมาก หากลูกหลานเราที่เรียนหนังสือรอดจากการบังคับฉีดวัคซีนกันทั่วประเทศในแต่ละโรงเรียน,ปัจจุบันเด็กลาป่วยรื้อรังเป็นอันมาก คนไทยในแต่ละหมู่บ้านตายมากผิดปกติกว่าที่เคยผ่านมา วูบตายพื้นฐาน ติดเชื้อในกระแสเลือดสไตล์หมอจะบอกคนไข้ญาติคนตายก็ว่า,และสาระพัดตายจากโรคต่างๆใน1,291โรค,ทหารยึดอำนาจเราจะวางใจมาก,ยังเตรียมสั่งการรับมือฝ่ายไม่ดีได้,แต่บริบทกองทัพไทยดูแล้วน่าผิดหวังมาก ,เสือกปล่อยให้รัฐบาลหนูที่ส้มล้มเจ้ายกชูสนับสนุนมาเป็นรัฐบาลมาแวงกัดกองทัพไทยกว่าอุ๊งอิ๊งได้อีก,ไร้น้ำยามาก เสียเครดิตจากที่เราตายทั้งประชาชนและทหารหาญกล้า5วัน 24ถึง28ก.ค.68นี้มาก,ท่านทรยศในชีวิตคนเหล่านั้นสิ้นดี,
    ..การยึดอำนาจการประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศจึงเหมาะสมมากหากท่านคือฝ่ายแสงมิใช่ฝ่ายมืดซาตานเลวๆอย่างที่ผ่านๆมา,เรา..ประเทศไทยยืนเอกไม่แพ้ชาติใดในโลกแน่นอน.,แก่นแท้จริงคืออาวุธชีวภาพจากปืนที่มาในคราบเข็มที่ยิงใส่คนไทยเตรียมเก็บศพแล้ว,การรักษาจึงสำคัญ มันกำลังเบียงเบนในชีวิตคนไทยชัดเจนด้วยด้านสุขภาพ เพราะคนไทยตายเกือบหมดประเทศมันจะทำสงครามทำซากอะไร ก็ยึดก็มาครองอยู่แทนคนไทยสบายแล้ว ,ตัดตอนคือกองทัพไทยต้องยึดอำนาจก่อนเสีย.,แต่ไม่มีท่าทีใดๆเลย,ทหารไทยเราอ่อนแอจริงๆเหรอ,ภาพมหาภาคใหญ่หลวงขนาดนี้ดูหมากไม่ออกเลยเหรอ,อำนาจเท่านั้นต้องอยู่ในประเทศไทยเรา,มิใช่ต่างประเทศที่ปกครองผ่านนอมินีจากภาคนักการเมืองไทยในปัจจุบันนี้,ทหารไทยต้องคิดให้ได้ ทำให้ถึง จบให้เป็นสำเร็จ.

    https://youtube.com/watch?v=dL8_t531NP8&si=vhoMpSZ4YCg42SM-
    ..ประเด็นเพื่อชี้เป้าว่า,ทหารไทย กองทัพไทยต้องยึดอำนาจตอนนี้โดยรวดเร็วเพื่อวางแผนรับมือการลดประชากรคนไทย ลูกหลายคนไทยจะกำพร้าพ่อแม่เป็นอันมาก หากลูกหลานเราที่เรียนหนังสือรอดจากการบังคับฉีดวัคซีนกันทั่วประเทศในแต่ละโรงเรียน,ปัจจุบันเด็กลาป่วยรื้อรังเป็นอันมาก คนไทยในแต่ละหมู่บ้านตายมากผิดปกติกว่าที่เคยผ่านมา วูบตายพื้นฐาน ติดเชื้อในกระแสเลือดสไตล์หมอจะบอกคนไข้ญาติคนตายก็ว่า,และสาระพัดตายจากโรคต่างๆใน1,291โรค,ทหารยึดอำนาจเราจะวางใจมาก,ยังเตรียมสั่งการรับมือฝ่ายไม่ดีได้,แต่บริบทกองทัพไทยดูแล้วน่าผิดหวังมาก ,เสือกปล่อยให้รัฐบาลหนูที่ส้มล้มเจ้ายกชูสนับสนุนมาเป็นรัฐบาลมาแวงกัดกองทัพไทยกว่าอุ๊งอิ๊งได้อีก,ไร้น้ำยามาก เสียเครดิตจากที่เราตายทั้งประชาชนและทหารหาญกล้า5วัน 24ถึง28ก.ค.68นี้มาก,ท่านทรยศในชีวิตคนเหล่านั้นสิ้นดี, ..การยึดอำนาจการประกาศกฎอัยการศึกทั่วประเทศจึงเหมาะสมมากหากท่านคือฝ่ายแสงมิใช่ฝ่ายมืดซาตานเลวๆอย่างที่ผ่านๆมา,เรา..ประเทศไทยยืนเอกไม่แพ้ชาติใดในโลกแน่นอน.,แก่นแท้จริงคืออาวุธชีวภาพจากปืนที่มาในคราบเข็มที่ยิงใส่คนไทยเตรียมเก็บศพแล้ว,การรักษาจึงสำคัญ มันกำลังเบียงเบนในชีวิตคนไทยชัดเจนด้วยด้านสุขภาพ เพราะคนไทยตายเกือบหมดประเทศมันจะทำสงครามทำซากอะไร ก็ยึดก็มาครองอยู่แทนคนไทยสบายแล้ว ,ตัดตอนคือกองทัพไทยต้องยึดอำนาจก่อนเสีย.,แต่ไม่มีท่าทีใดๆเลย,ทหารไทยเราอ่อนแอจริงๆเหรอ,ภาพมหาภาคใหญ่หลวงขนาดนี้ดูหมากไม่ออกเลยเหรอ,อำนาจเท่านั้นต้องอยู่ในประเทศไทยเรา,มิใช่ต่างประเทศที่ปกครองผ่านนอมินีจากภาคนักการเมืองไทยในปัจจุบันนี้,ทหารไทยต้องคิดให้ได้ ทำให้ถึง จบให้เป็นสำเร็จ. https://youtube.com/watch?v=dL8_t531NP8&si=vhoMpSZ4YCg42SM-
    0 Comments 0 Shares 177 Views 0 Reviews
  • รองหัวหน้าไทยก้าวใหม่เน้นปฏิบัติจริง ชู "Mobile STEMLAB" พลิกโฉมการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยีในโรงเรียนห่างไกล
    https://www.thai-tai.tv/news/22191/
    .
    #ไทยไท #MobileSTEMLAB #ไทยก้าวใหม่ #วราวิชกำภูณอยุธยา #ลดความเหลื่อมล้ำ #การศึกษา
    รองหัวหน้าไทยก้าวใหม่เน้นปฏิบัติจริง ชู "Mobile STEMLAB" พลิกโฉมการศึกษา ลดความเหลื่อมล้ำทางเทคโนโลยีในโรงเรียนห่างไกล https://www.thai-tai.tv/news/22191/ . #ไทยไท #MobileSTEMLAB #ไทยก้าวใหม่ #วราวิชกำภูณอยุธยา #ลดความเหลื่อมล้ำ #การศึกษา
    0 Comments 0 Shares 116 Views 0 Reviews
  • ต้มข้ามศตวรรษ – บทไอ้โหดเขียน 5 – 6
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน”

    ตอน 5

    J P Morgan ไม่ใช่เป็นบริษัทการเงินเล็กๆ เขาใหญ่ และดังคับโลก เขาสนใจ และรับงาน เฉพาะรายใหญ่ระดับชาติเท่านั้น และแม้ J P Morgan จะเป็นเจ้าพ่อ Wall Street แต่เขาก็สนิทสนม จนเกือบจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับ Rothschild เจ้าพ่อตัวจริงของฝั่งอังกฤษ ทำให้ผู้คนต่างพากันเดาถึงที่มาของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของ 2 กลุ่มการเงิน ที่ไม่แน่ว่าจะมีใครรู้จริง

    นาย George Peabody เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน จาก Massachusetts เดินทางไปอังกฤษในปี ค.ศ. 1837 เพื่อขายพันธบัตร กิจการสร้างคลอง Chesapeake Ohio ของอเมริกา ซึ่งขายได้ฝืดมากในอเมริกา เนื่องจากอยู่ในช่วงเศรษฐกิจถอยหลัง เขาหวังว่าคนอังกฤษจะกระเป๋าหนักกว่าคนอเมริกัน แต่ประตูของตลาดลอนดอน ก็เปิดยากเอาการ แต่ Peabody มีความเพียร เขาพยายามเคาะประตูนักการเงินใหญ่ของลอนดอนไปทุกบาน ในที่สุดก็ขายพันธบัตรคลอง Ohio ได้หมด และได้กำไรไม่น้อย

    นาย Peabody ไม่เอาเงินกำไรกลับอเมริกา เขาเอาเงินนั้นไปลงทุน ตั้งบริษัททำธุรกิจตัวแทนเกี่ยวกับการนำเข้าส่งออก อยู่ที่ถนน Bond Street ในลอนดอน ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้นักธุรกิจ ทั้ง 2 ฝั่ง ของมหาสมุทรแอตแลนติก ใครต้องการส่งสินค้า เขาส่งให้ ใครต้องการขาย เขาหาคนซื้อให้ ใครไม่มีเงิน เขาให้เงินกู้ มันคงเป็นจังหวะดี หรือนาย Peabody มีฝีมือจริง ธุรกิจในลอนดอนของเขา จึงก้าวหน้าไปลิ่ว

    คงมัวแต่ทำงานหนัก เลยไม่มีเวลาหาเมีย กว่าจะนึกออกก็คงดึกไปแล้ว แทนที่จะไปมองหาสาว เขาเลยมองหาคนที่จะมารับช่วงกิจการต่อไป ซึ่งต้องมีคุณสมบัติตามที่เขา ตั้งไว้ คือ ข้อที่ 1. ต้องเป็นคนเกิดที่อเมริกา ถึงยังไง นาย Peabody ก็ยังรักบ้านเกิด และที่สำคัญ เขาถือว่าบริษัทของเขา เป็นบริษัทอเมริกัน ข้อที่ 2 ต้องเป็นคนที่มีสัญชาตญาณ หรือวิญญาณอังกฤษสิงอยู่หน่อยๆ จะได้ต้อนรับลูกค้า ที่เป็นคนใหญ่คนโตของอังกฤษ ได้อย่างไม่เก้งก้าง ข้อที่ 3 คือต้องรู้จักธุรกิจการเงินของอังกฤษ อเมริกา (Anglo-American finance) เป็นอย่างดี และข้อที่ 4 Peabody จะต้องชอบคนนั้นด้วย
    เมื่อนาย Junius Morgan พ่อค้าชาว Boston เจอกับ Peabody ที่ London ในงานเลี้ยงแห่งหนึ่งในปี 1850 Junius Morgan ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูก Peabody เอากล้องส่องสำรวจอย่างละเอียด Peabody รู้สึกถูกชะตากับ Junius Morgan อย่างยิ่ง หลังจากไปสืบถามถึงภูมิหลังและชื่อเสียงจนเป็นที่พอใจ ปี 1854 Junius Morgan ก็อพยพครอบครัว ย้ายมาอยู่ที่ London และมีตำแหน่งเป็นหุ้นส่วนกิจการ ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Peabody, Morgan & Company

    นอกเหนือจากขายพันธบัตร ของธุรกิจของฝั่งอเมริกา และของรัฐบาลอเมริกันแล้ว บริษัทยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลฝ่ายเหนือ ในตอนสงครามระหว่างเหนือใต้ ของอเมริกาอีกด้วย งานนี้ทำกำไรให้กับบริษัทมากมาย จน Peabody ได้ขึ้นอันดับไปยืนอยู่แถวหน้าของตลาดเงิน London

    ปี 1864 Peabody ก็ขอเกษียณตัวเอง และยกธุรกิจทั้งหมดให้กับ Junius ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น J. S Morgan and Company

    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ”
    บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน”

    ตอน 6

    ลูกชายของ Junius คือ นาย John Pierpont ที่โด่งดัง เริ่มเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมของอังกฤษที่ Boston แต่ต่อมา การเรียน และการใช้ชีวิตส่วนใหญ่ของเขาอยู่แถวยุโรป เขาจึงมีลักษณะท่าทาง เป็นคนอังกฤษมากกว่าคนอเมริกัน ดูเหมือนเขาจะถูกสร้างให้เป็นตามแบบพิมพ์ที่ Peabody ตั้งใจ
    John Pierpont ถูกส่งไปฝึกงานกับบริษัทการเงินอื่น ก่อนจะมารับตำแหน่งหุ้นส่วนในกิจการ Dabney, Morgan & Company ซึ่งเป็นสาขา New York ของบริษัทที่ London
    ในปี 1871 บริษัทได้หุ้นส่วนใหม่อีกคนจาก Philadelphia คือ Anthony Drexel บริษัทจึงเปลี่ยนชื่อเป็น Drexel, Morgan & Company และในปี 1895 เมื่อ Drexel ตาย บริษัทจึงเปลี่ยนชื่อกลับมาเป็น J P Morgan & Company และมีสาขาที่ปารีส ชื่อ Morgan, Haries & Company

    หลังจาก Junius ตาย ไม่กี่ปีต่อมา Pierpont ก็ตัดสินใจปรับปรุงรูปโฉมของบริษัทที่ London ให้กลายเป็นบริษัทอังกฤษแท้ และแบ่งธุรกิจให้สาขาที่อเมริกา ก็รับแต่งานของฝั่งอเมริกาไป และก็เป็นโอกาสให้ J P Morgan Jr. ซึ่งเพื่อนฝูงเรียกว่า Jack ลูกชายของ Pierpont ได้รับตำแหน่งเป็นผู้จัดการธุรกิจที่อเมริกา และกลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการทำให้โลกนี้กลายเป็นแดนอธรรม หรือ ดงโจร

    ตามชีวประวัติของ Jack ซึ่งนาย John Forbes เขียนไว้ดังนี้ :

    J P Morgan, Jr. ได้เป็นหุ้นส่วนของ London House ของ J. P Morgan & Co เมื่อเดือนมกราคม 1898 และหลังจากนั้นไม่กี่วัน ตัวเขาพร้อมครอบครัว เมีย 1 ลูก 3 ก็ย้ายจาก New York มาใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษนานถึง 8 ปี เขาถูกส่งให้มาอยู่อังกฤษ เพื่อมาทำภาระกิจสำคัญ 2 รายการ

    ภาระกิจแรก เพื่อเรียนรู้ภาคปฎิบัติว่า คนอังกฤษทำธุรกิจการธนาคารอย่างไร ภายใต้ระบบธนาคารกลาง ซึ่งกำหนดโดย Bank of England ซึ่ง Morgan คนพ่อ มีความหวังอยากจะตั้งระบบธนาคารกลางในอเมริกา และหวังจะให้คนของ Morgan รู้ไว้ก่อนว่าระบบนี้ทำงานอย่างไร

    ภาระกิจที่สอง เพื่อทำความรู้จักกับนักธุรกิจการเงินของ London อย่างจริงจัง และเลือกหุ้นส่วนที่เป็นอังกฤษ ของแท้ ภาระที่สองนี้ ประสพผลสำเร็จชัดเจน เมื่อ Edward Grenfell ซึ่งเป็นกรรมการของ Bank of England มาเป็นเวลานาน ตกลงมาร่วมเป็นหุ้นส่วนอาวุโส และบริษัทก็เปลี่ยนชื่อใหม่อีกครั้ง เป็น Morgan Grenfell & Company นับว่า Jack ตกได้ปลาตัวใหญ่จริง และสงสัยว่าเขาจะใช้เหยื่อตกปลาชนิดพิเศษ
    ผู้คนพากันสงสัยว่า เมื่อนักการเงินอเมริกา อาจหาญมาซ่าอยู่แถวตลาด London ซึ่งมีเขี้ยวลากกันทั้งนั้น จะไปรอดหรือ มันคงเอาเขี้ยวงัดกัดกันน่าดู นั่นแสดงว่าไม่รู้จัก ว่าคนเป็นเจ้าพ่อตัวจริง เขาคิดอย่างไร

    เมื่อ George Peabody มาถึง London ใหม่ๆ เขาแปลกใจมาก เรียกว่า ตกใจจะตรงกว่า เขาตกใจ ที่อยู่ดีๆ ได้รับคำสั่งให้ไปพบเจ้าพ่อ Baron Nathan Mayer Rothschild ใครจะกล้าเบี้ยวใบสั่งเจ้าพ่อ โดยเฉพาะกำลังมาหากิน อยู่กลางดงของเจ้าพ่อ

    แต่เรื่องกลับโอละพ่อ เจ้าพ่อก็มีวันต้องการมีสมุนนอกบัญชี

    Rothschild บอกกับนาย Peabody ว่า เขาไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบนัก ของพวกผู้ดีหัวสูงของสังคมอังกฤษ ในสายตาของพวกผู้ดีหลายคน เขาก็เป็นเพียงพวกกา หาใช่พันธุ์หงส์ เพราะฉะนั้น พวกสังคมชั้นสูง ก็ไม่ปลื้ม ไม่จริงใจ ในการคบค้าเขา สนใจแต่จะคบกับเงินของเขาเท่านั้น

    แล้วนาย Peabody ก็จัดงานฉลองวันชาติของอเมริกาที่ London โดยเชิญบรรดา ขุนนาง ผู้ดีอังกฤษ หัวสูง ยะโสทั้งหลายมาร่วมงาน แขกรับเชิญต่างชอบใจเจ้าภาพ และพอใจที่จะคบค้าด้วย เพราะยังไง ก็เป็น Anglo Saxon เผ่าพันธ์เดียวกัน คงไม่มีใครรู้ว่า ค่าอาหาร ค่าเหล้าในงานเลี้ยงคืน และอีกหลายๆครั้งต่อมา นาย Peabody ไม่ได้เป็นคนจ่ายเงิน

    ปี 1857 เมื่อตลาด Wall Street เกือบล่ม นักเล่นหุ้นใช้สูตร ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย เหมือนพวกเซียนใหญ่บ้านเรา Peabody และ Morgan คนพ่อ ถลาเข้าไปรับประกันชำระหนี้แทน นักเล่นหุ้น รวม ๆ แล้ว ประมาณ 2 ล้านปอนด์ หวังค่าคอมก้อนใหญ่ แต่ก็มีคนไม่แน่ใจว่า ถึงเวลา ถ้าลูกหนี้เบี้ยวหมด Peabody และ Morgan จะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย

    ในประวัติของ The House of Morgan เขียนโดย Ron Chernow บอกว่า ขณะที่ข่าวลือชิ้นแรกว่อนไปทั่วว่า George Peabody น่าจะร่วงตามลูกหนี้ ข่าวลือชิ้นต่อมา ก็บอกว่า จะมีเจ้ามือใหญ่ของตลาดมาช่วยนาย Peabody โดยมีเงื่อนไข เขาจะต้องปิดกิจการบริษัทที่อังกฤษ และกลับอเมริกาไปภายใน 1 ปี
    ไม่นานหลังจากมีข่าวลือ ก็มีข่าวจริงออกมา ว่า Bank of England ประกาศให้เงินกู้ 8 แสนปอนด์ ด้วยดอกเบี้ยอัตราต่ำติดพื้นให้แก่ Peabody รวมทั้งให้ credit line อีก 1 ล้านปอนด์ ถ้าจำเป็นและต้องการ มันเป็นเรื่องผิดคาดของตลาดการเงินลอนดอน ที่ Thomas Hanley ผู้ว่าการธนาคาร Bank of England ซึ่งปฎิเสธ ที่จะช่วยเหลือบริษัทการเงินอเมริกันมาหลายรายแล้ว จะมาอุ้ม Peabody & Company ในขณะที่จมน้ำไปเกือบมิดหัวแล้ว

    แต่ถ้าลองไล่เรียง ความก้าวหน้าของ Peabody ใน London ตั้งแต่เริ่ม ปี 1837 มาจนถึงวันที่ J P Morgan & Co กลายเป็น Morgan Grenfell & Company หลัง ปี 1894 ก็น่าจะพอต่อเรื่องกันได้ว่า ฝีมือเขาดีจริง หรือน่าจะเพราะมีเจ้าพ่อหนุนหลัง หรือทั้ง 2 อย่าง แต่ฝีมือดีอย่างเดียว คงไม่น่ามาได้ไกลขนาดนี้

    Guaranty Trust ของ J P Morgan จึงรับบทสำคัญไม่น้อย หรืออาจจะมากกว่า Jacob Schiff เสียด้วยซ้ำ ในละครลวงโลกปฏิวัติ Bolsheviks ปล้นรัสเซีย

    สวัสดีครับ
    คนเล่านิทาน
    5 พ.ค. 2558
    ต้มข้ามศตวรรษ – บทไอ้โหดเขียน 5 – 6 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน” ตอน 5 J P Morgan ไม่ใช่เป็นบริษัทการเงินเล็กๆ เขาใหญ่ และดังคับโลก เขาสนใจ และรับงาน เฉพาะรายใหญ่ระดับชาติเท่านั้น และแม้ J P Morgan จะเป็นเจ้าพ่อ Wall Street แต่เขาก็สนิทสนม จนเกือบจะเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับ Rothschild เจ้าพ่อตัวจริงของฝั่งอังกฤษ ทำให้ผู้คนต่างพากันเดาถึงที่มาของความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันของ 2 กลุ่มการเงิน ที่ไม่แน่ว่าจะมีใครรู้จริง นาย George Peabody เป็นนักธุรกิจชาวอเมริกัน จาก Massachusetts เดินทางไปอังกฤษในปี ค.ศ. 1837 เพื่อขายพันธบัตร กิจการสร้างคลอง Chesapeake Ohio ของอเมริกา ซึ่งขายได้ฝืดมากในอเมริกา เนื่องจากอยู่ในช่วงเศรษฐกิจถอยหลัง เขาหวังว่าคนอังกฤษจะกระเป๋าหนักกว่าคนอเมริกัน แต่ประตูของตลาดลอนดอน ก็เปิดยากเอาการ แต่ Peabody มีความเพียร เขาพยายามเคาะประตูนักการเงินใหญ่ของลอนดอนไปทุกบาน ในที่สุดก็ขายพันธบัตรคลอง Ohio ได้หมด และได้กำไรไม่น้อย นาย Peabody ไม่เอาเงินกำไรกลับอเมริกา เขาเอาเงินนั้นไปลงทุน ตั้งบริษัททำธุรกิจตัวแทนเกี่ยวกับการนำเข้าส่งออก อยู่ที่ถนน Bond Street ในลอนดอน ทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้นักธุรกิจ ทั้ง 2 ฝั่ง ของมหาสมุทรแอตแลนติก ใครต้องการส่งสินค้า เขาส่งให้ ใครต้องการขาย เขาหาคนซื้อให้ ใครไม่มีเงิน เขาให้เงินกู้ มันคงเป็นจังหวะดี หรือนาย Peabody มีฝีมือจริง ธุรกิจในลอนดอนของเขา จึงก้าวหน้าไปลิ่ว คงมัวแต่ทำงานหนัก เลยไม่มีเวลาหาเมีย กว่าจะนึกออกก็คงดึกไปแล้ว แทนที่จะไปมองหาสาว เขาเลยมองหาคนที่จะมารับช่วงกิจการต่อไป ซึ่งต้องมีคุณสมบัติตามที่เขา ตั้งไว้ คือ ข้อที่ 1. ต้องเป็นคนเกิดที่อเมริกา ถึงยังไง นาย Peabody ก็ยังรักบ้านเกิด และที่สำคัญ เขาถือว่าบริษัทของเขา เป็นบริษัทอเมริกัน ข้อที่ 2 ต้องเป็นคนที่มีสัญชาตญาณ หรือวิญญาณอังกฤษสิงอยู่หน่อยๆ จะได้ต้อนรับลูกค้า ที่เป็นคนใหญ่คนโตของอังกฤษ ได้อย่างไม่เก้งก้าง ข้อที่ 3 คือต้องรู้จักธุรกิจการเงินของอังกฤษ อเมริกา (Anglo-American finance) เป็นอย่างดี และข้อที่ 4 Peabody จะต้องชอบคนนั้นด้วย เมื่อนาย Junius Morgan พ่อค้าชาว Boston เจอกับ Peabody ที่ London ในงานเลี้ยงแห่งหนึ่งในปี 1850 Junius Morgan ไม่รู้ตัวเลยว่ากำลังถูก Peabody เอากล้องส่องสำรวจอย่างละเอียด Peabody รู้สึกถูกชะตากับ Junius Morgan อย่างยิ่ง หลังจากไปสืบถามถึงภูมิหลังและชื่อเสียงจนเป็นที่พอใจ ปี 1854 Junius Morgan ก็อพยพครอบครัว ย้ายมาอยู่ที่ London และมีตำแหน่งเป็นหุ้นส่วนกิจการ ซึ่งต่อมาเป็นที่รู้จักกันในชื่อ Peabody, Morgan & Company นอกเหนือจากขายพันธบัตร ของธุรกิจของฝั่งอเมริกา และของรัฐบาลอเมริกันแล้ว บริษัทยังทำหน้าที่เป็นตัวแทนของรัฐบาลฝ่ายเหนือ ในตอนสงครามระหว่างเหนือใต้ ของอเมริกาอีกด้วย งานนี้ทำกำไรให้กับบริษัทมากมาย จน Peabody ได้ขึ้นอันดับไปยืนอยู่แถวหน้าของตลาดเงิน London ปี 1864 Peabody ก็ขอเกษียณตัวเอง และยกธุรกิจทั้งหมดให้กับ Junius ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น J. S Morgan and Company นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ต้มข้ามศตวรรษ” บทที่ 7 “บทไอ้โหดเขียน” ตอน 6 ลูกชายของ Junius คือ นาย John Pierpont ที่โด่งดัง เริ่มเข้าเรียนโรงเรียนมัธยมของอังกฤษที่ Boston แต่ต่อมา การเรียน และการใช้ชีวิตส่วนใหญ่ของเขาอยู่แถวยุโรป เขาจึงมีลักษณะท่าทาง เป็นคนอังกฤษมากกว่าคนอเมริกัน ดูเหมือนเขาจะถูกสร้างให้เป็นตามแบบพิมพ์ที่ Peabody ตั้งใจ John Pierpont ถูกส่งไปฝึกงานกับบริษัทการเงินอื่น ก่อนจะมารับตำแหน่งหุ้นส่วนในกิจการ Dabney, Morgan & Company ซึ่งเป็นสาขา New York ของบริษัทที่ London ในปี 1871 บริษัทได้หุ้นส่วนใหม่อีกคนจาก Philadelphia คือ Anthony Drexel บริษัทจึงเปลี่ยนชื่อเป็น Drexel, Morgan & Company และในปี 1895 เมื่อ Drexel ตาย บริษัทจึงเปลี่ยนชื่อกลับมาเป็น J P Morgan & Company และมีสาขาที่ปารีส ชื่อ Morgan, Haries & Company หลังจาก Junius ตาย ไม่กี่ปีต่อมา Pierpont ก็ตัดสินใจปรับปรุงรูปโฉมของบริษัทที่ London ให้กลายเป็นบริษัทอังกฤษแท้ และแบ่งธุรกิจให้สาขาที่อเมริกา ก็รับแต่งานของฝั่งอเมริกาไป และก็เป็นโอกาสให้ J P Morgan Jr. ซึ่งเพื่อนฝูงเรียกว่า Jack ลูกชายของ Pierpont ได้รับตำแหน่งเป็นผู้จัดการธุรกิจที่อเมริกา และกลายเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการทำให้โลกนี้กลายเป็นแดนอธรรม หรือ ดงโจร ตามชีวประวัติของ Jack ซึ่งนาย John Forbes เขียนไว้ดังนี้ : J P Morgan, Jr. ได้เป็นหุ้นส่วนของ London House ของ J. P Morgan & Co เมื่อเดือนมกราคม 1898 และหลังจากนั้นไม่กี่วัน ตัวเขาพร้อมครอบครัว เมีย 1 ลูก 3 ก็ย้ายจาก New York มาใช้ชีวิตอยู่ที่อังกฤษนานถึง 8 ปี เขาถูกส่งให้มาอยู่อังกฤษ เพื่อมาทำภาระกิจสำคัญ 2 รายการ ภาระกิจแรก เพื่อเรียนรู้ภาคปฎิบัติว่า คนอังกฤษทำธุรกิจการธนาคารอย่างไร ภายใต้ระบบธนาคารกลาง ซึ่งกำหนดโดย Bank of England ซึ่ง Morgan คนพ่อ มีความหวังอยากจะตั้งระบบธนาคารกลางในอเมริกา และหวังจะให้คนของ Morgan รู้ไว้ก่อนว่าระบบนี้ทำงานอย่างไร ภาระกิจที่สอง เพื่อทำความรู้จักกับนักธุรกิจการเงินของ London อย่างจริงจัง และเลือกหุ้นส่วนที่เป็นอังกฤษ ของแท้ ภาระที่สองนี้ ประสพผลสำเร็จชัดเจน เมื่อ Edward Grenfell ซึ่งเป็นกรรมการของ Bank of England มาเป็นเวลานาน ตกลงมาร่วมเป็นหุ้นส่วนอาวุโส และบริษัทก็เปลี่ยนชื่อใหม่อีกครั้ง เป็น Morgan Grenfell & Company นับว่า Jack ตกได้ปลาตัวใหญ่จริง และสงสัยว่าเขาจะใช้เหยื่อตกปลาชนิดพิเศษ ผู้คนพากันสงสัยว่า เมื่อนักการเงินอเมริกา อาจหาญมาซ่าอยู่แถวตลาด London ซึ่งมีเขี้ยวลากกันทั้งนั้น จะไปรอดหรือ มันคงเอาเขี้ยวงัดกัดกันน่าดู นั่นแสดงว่าไม่รู้จัก ว่าคนเป็นเจ้าพ่อตัวจริง เขาคิดอย่างไร เมื่อ George Peabody มาถึง London ใหม่ๆ เขาแปลกใจมาก เรียกว่า ตกใจจะตรงกว่า เขาตกใจ ที่อยู่ดีๆ ได้รับคำสั่งให้ไปพบเจ้าพ่อ Baron Nathan Mayer Rothschild ใครจะกล้าเบี้ยวใบสั่งเจ้าพ่อ โดยเฉพาะกำลังมาหากิน อยู่กลางดงของเจ้าพ่อ แต่เรื่องกลับโอละพ่อ เจ้าพ่อก็มีวันต้องการมีสมุนนอกบัญชี Rothschild บอกกับนาย Peabody ว่า เขาไม่ได้เป็นที่ชื่นชอบนัก ของพวกผู้ดีหัวสูงของสังคมอังกฤษ ในสายตาของพวกผู้ดีหลายคน เขาก็เป็นเพียงพวกกา หาใช่พันธุ์หงส์ เพราะฉะนั้น พวกสังคมชั้นสูง ก็ไม่ปลื้ม ไม่จริงใจ ในการคบค้าเขา สนใจแต่จะคบกับเงินของเขาเท่านั้น แล้วนาย Peabody ก็จัดงานฉลองวันชาติของอเมริกาที่ London โดยเชิญบรรดา ขุนนาง ผู้ดีอังกฤษ หัวสูง ยะโสทั้งหลายมาร่วมงาน แขกรับเชิญต่างชอบใจเจ้าภาพ และพอใจที่จะคบค้าด้วย เพราะยังไง ก็เป็น Anglo Saxon เผ่าพันธ์เดียวกัน คงไม่มีใครรู้ว่า ค่าอาหาร ค่าเหล้าในงานเลี้ยงคืน และอีกหลายๆครั้งต่อมา นาย Peabody ไม่ได้เป็นคนจ่ายเงิน ปี 1857 เมื่อตลาด Wall Street เกือบล่ม นักเล่นหุ้นใช้สูตร ไม่มี ไม่หนี ไม่จ่าย เหมือนพวกเซียนใหญ่บ้านเรา Peabody และ Morgan คนพ่อ ถลาเข้าไปรับประกันชำระหนี้แทน นักเล่นหุ้น รวม ๆ แล้ว ประมาณ 2 ล้านปอนด์ หวังค่าคอมก้อนใหญ่ แต่ก็มีคนไม่แน่ใจว่า ถึงเวลา ถ้าลูกหนี้เบี้ยวหมด Peabody และ Morgan จะเอาเงินที่ไหนมาจ่าย ในประวัติของ The House of Morgan เขียนโดย Ron Chernow บอกว่า ขณะที่ข่าวลือชิ้นแรกว่อนไปทั่วว่า George Peabody น่าจะร่วงตามลูกหนี้ ข่าวลือชิ้นต่อมา ก็บอกว่า จะมีเจ้ามือใหญ่ของตลาดมาช่วยนาย Peabody โดยมีเงื่อนไข เขาจะต้องปิดกิจการบริษัทที่อังกฤษ และกลับอเมริกาไปภายใน 1 ปี ไม่นานหลังจากมีข่าวลือ ก็มีข่าวจริงออกมา ว่า Bank of England ประกาศให้เงินกู้ 8 แสนปอนด์ ด้วยดอกเบี้ยอัตราต่ำติดพื้นให้แก่ Peabody รวมทั้งให้ credit line อีก 1 ล้านปอนด์ ถ้าจำเป็นและต้องการ มันเป็นเรื่องผิดคาดของตลาดการเงินลอนดอน ที่ Thomas Hanley ผู้ว่าการธนาคาร Bank of England ซึ่งปฎิเสธ ที่จะช่วยเหลือบริษัทการเงินอเมริกันมาหลายรายแล้ว จะมาอุ้ม Peabody & Company ในขณะที่จมน้ำไปเกือบมิดหัวแล้ว แต่ถ้าลองไล่เรียง ความก้าวหน้าของ Peabody ใน London ตั้งแต่เริ่ม ปี 1837 มาจนถึงวันที่ J P Morgan & Co กลายเป็น Morgan Grenfell & Company หลัง ปี 1894 ก็น่าจะพอต่อเรื่องกันได้ว่า ฝีมือเขาดีจริง หรือน่าจะเพราะมีเจ้าพ่อหนุนหลัง หรือทั้ง 2 อย่าง แต่ฝีมือดีอย่างเดียว คงไม่น่ามาได้ไกลขนาดนี้ Guaranty Trust ของ J P Morgan จึงรับบทสำคัญไม่น้อย หรืออาจจะมากกว่า Jacob Schiff เสียด้วยซ้ำ ในละครลวงโลกปฏิวัติ Bolsheviks ปล้นรัสเซีย สวัสดีครับ คนเล่านิทาน 5 พ.ค. 2558
    0 Comments 0 Shares 278 Views 0 Reviews
  • ไทยก้าวใหม่ตั้งเป้า "โรงเรียนเตรียมวิศวะ" ดึงสถานประกอบการ ร่วมออกแบบหลักสูตร ปั้นเด็กอาชีวะแข่งขันระดับโลก
    https://www.thai-tai.tv/news/22169/
    .
    #ไทยไท #อาชีวะไทยก้าวใหม่ #เศรษฐฐากรณ์ #ปฏิรูปอาชีวะ #แรงบันดาลใจของชาติ #โรงเรียนเตรียมวิศวะ
    ไทยก้าวใหม่ตั้งเป้า "โรงเรียนเตรียมวิศวะ" ดึงสถานประกอบการ ร่วมออกแบบหลักสูตร ปั้นเด็กอาชีวะแข่งขันระดับโลก https://www.thai-tai.tv/news/22169/ . #ไทยไท #อาชีวะไทยก้าวใหม่ #เศรษฐฐากรณ์ #ปฏิรูปอาชีวะ #แรงบันดาลใจของชาติ #โรงเรียนเตรียมวิศวะ
    0 Comments 0 Shares 91 Views 0 Reviews
  • “Internet-in-a-Box” อุปกรณ์ที่แทน Google ได้แม้ไม่มีเน็ต!

    ในโลกที่อินเทอร์เน็ตกลายเป็นสิ่งจำเป็น แต่ยังมีคนกว่า 2.6 พันล้านคนที่เข้าไม่ถึง “Internet-in-a-Box” หรือ IIAB คือเทคโนโลยีที่ช่วยลดช่องว่างนี้ ด้วยการเปลี่ยนอุปกรณ์ธรรมดาให้กลายเป็นคลังข้อมูลขนาดย่อมที่ไม่ต้องพึ่งอินเทอร์เน็ตเลย!

    IIAB เป็นระบบโอเพ่นซอร์สที่สามารถติดตั้งบนคอมพิวเตอร์เก่า Raspberry Pi หรือแม้แต่โน้ตบุ๊กที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว โดยสามารถเก็บข้อมูลได้ถึง 1 เทราไบต์ เช่น เว็บไซต์เพื่อการศึกษา แผนที่ Google หรือ Apple แบบออฟไลน์ และคลังวิดีโอจาก YouTube หรือ TED Talks

    ผู้ใช้งานสามารถเลือกโหลด “content packs” ที่เหมาะกับชุมชนของตน เช่น โรงเรียนสามารถโหลดหลักสูตร Khan Academy ส่วนคลินิกสุขภาพสามารถโหลดข้อมูลทางการแพทย์ไว้ใช้ในพื้นที่ห่างไกล โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเลย

    ระบบนี้ถูกนำไปใช้แล้วในหลายประเทศ เช่น แอฟริกาใต้ เฮติ และรวันดา เพื่อช่วยให้เด็กๆ และผู้ใหญ่ในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงความรู้ได้อย่างเท่าเทียม

    Internet-in-a-Box (IIAB) คืออะไร
    ระบบโอเพ่นซอร์สที่เก็บข้อมูลเว็บไว้ใช้งานแบบออฟไลน์
    รองรับ Linux เช่น Ubuntu, Debian, Raspberry Pi OS
    ใช้งานได้บนคอมพิวเตอร์เก่าและ Raspberry Pi

    ความสามารถของ IIAB
    เก็บข้อมูลได้ถึง 1 เทราไบต์
    โหลด content packs เช่น Khan Academy, TED Talks, แผนที่, วิดีโอ
    สร้างหน้าโฮมเพจแบบปรับแต่งได้สำหรับผู้ใช้งาน

    การใช้งานในพื้นที่ห่างไกล
    ใช้ในโรงเรียน คลินิก และชุมชนที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต
    ถูกนำไปใช้ในแอฟริกาใต้ เฮติ รวันดา และอีกหลายประเทศ

    การติดตั้งและขยายข้อมูล
    โหลดข้อมูลจาก archive.org และ worldpossible.org
    เพิ่มข้อมูลจากอุปกรณ์เสริม เช่น USB หรือฮาร์ดดิสก์
    ผู้ใช้สามารถสร้างคลังข้อมูลเองได้

    ข้อจำกัดของ IIAB
    ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจริงหรือค้นหาบน Google ได้
    ต้องติดตั้งและตั้งค่าด้วยตนเอง
    อุปกรณ์บางรุ่นอาจต้องใช้เราเตอร์ Wi-Fi เพื่อแชร์ข้อมูล

    IIAB ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่เป็นความหวังสำหรับผู้คนที่ยังเข้าไม่ถึงโลกดิจิทัล — เปลี่ยนคอมพิวเตอร์เก่าให้กลายเป็นคลังความรู้ และเปลี่ยนชีวิตคนในพื้นที่ห่างไกลให้มีโอกาสเรียนรู้เท่าเทียมกัน

    https://www.slashgear.com/2009691/offline-google-alternative-internet-in-a-box/
    📦 “Internet-in-a-Box” อุปกรณ์ที่แทน Google ได้แม้ไม่มีเน็ต! ในโลกที่อินเทอร์เน็ตกลายเป็นสิ่งจำเป็น แต่ยังมีคนกว่า 2.6 พันล้านคนที่เข้าไม่ถึง “Internet-in-a-Box” หรือ IIAB คือเทคโนโลยีที่ช่วยลดช่องว่างนี้ ด้วยการเปลี่ยนอุปกรณ์ธรรมดาให้กลายเป็นคลังข้อมูลขนาดย่อมที่ไม่ต้องพึ่งอินเทอร์เน็ตเลย! IIAB เป็นระบบโอเพ่นซอร์สที่สามารถติดตั้งบนคอมพิวเตอร์เก่า Raspberry Pi หรือแม้แต่โน้ตบุ๊กที่ไม่ได้ใช้งานแล้ว โดยสามารถเก็บข้อมูลได้ถึง 1 เทราไบต์ เช่น เว็บไซต์เพื่อการศึกษา แผนที่ Google หรือ Apple แบบออฟไลน์ และคลังวิดีโอจาก YouTube หรือ TED Talks ผู้ใช้งานสามารถเลือกโหลด “content packs” ที่เหมาะกับชุมชนของตน เช่น โรงเรียนสามารถโหลดหลักสูตร Khan Academy ส่วนคลินิกสุขภาพสามารถโหลดข้อมูลทางการแพทย์ไว้ใช้ในพื้นที่ห่างไกล โดยไม่ต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตเลย ระบบนี้ถูกนำไปใช้แล้วในหลายประเทศ เช่น แอฟริกาใต้ เฮติ และรวันดา เพื่อช่วยให้เด็กๆ และผู้ใหญ่ในพื้นที่ห่างไกลสามารถเข้าถึงความรู้ได้อย่างเท่าเทียม ✅ Internet-in-a-Box (IIAB) คืออะไร ➡️ ระบบโอเพ่นซอร์สที่เก็บข้อมูลเว็บไว้ใช้งานแบบออฟไลน์ ➡️ รองรับ Linux เช่น Ubuntu, Debian, Raspberry Pi OS ➡️ ใช้งานได้บนคอมพิวเตอร์เก่าและ Raspberry Pi ✅ ความสามารถของ IIAB ➡️ เก็บข้อมูลได้ถึง 1 เทราไบต์ ➡️ โหลด content packs เช่น Khan Academy, TED Talks, แผนที่, วิดีโอ ➡️ สร้างหน้าโฮมเพจแบบปรับแต่งได้สำหรับผู้ใช้งาน ✅ การใช้งานในพื้นที่ห่างไกล ➡️ ใช้ในโรงเรียน คลินิก และชุมชนที่ไม่มีอินเทอร์เน็ต ➡️ ถูกนำไปใช้ในแอฟริกาใต้ เฮติ รวันดา และอีกหลายประเทศ ✅ การติดตั้งและขยายข้อมูล ➡️ โหลดข้อมูลจาก archive.org และ worldpossible.org ➡️ เพิ่มข้อมูลจากอุปกรณ์เสริม เช่น USB หรือฮาร์ดดิสก์ ➡️ ผู้ใช้สามารถสร้างคลังข้อมูลเองได้ ‼️ ข้อจำกัดของ IIAB ⛔ ไม่สามารถเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตจริงหรือค้นหาบน Google ได้ ⛔ ต้องติดตั้งและตั้งค่าด้วยตนเอง ⛔ อุปกรณ์บางรุ่นอาจต้องใช้เราเตอร์ Wi-Fi เพื่อแชร์ข้อมูล IIAB ไม่ใช่แค่เทคโนโลยี แต่เป็นความหวังสำหรับผู้คนที่ยังเข้าไม่ถึงโลกดิจิทัล — เปลี่ยนคอมพิวเตอร์เก่าให้กลายเป็นคลังความรู้ และเปลี่ยนชีวิตคนในพื้นที่ห่างไกลให้มีโอกาสเรียนรู้เท่าเทียมกัน https://www.slashgear.com/2009691/offline-google-alternative-internet-in-a-box/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    This Device Can Replace Google When You Need Information Without An Internet Connection - SlashGear
    More than half the world's population can connect to the internet, but for people in remote locations or extreme poverty this device can provide limited access.
    0 Comments 0 Shares 213 Views 0 Reviews
  • "ไทยก้าวใหม่" ชี้วิกฤตการศึกษาไทย เหลื่อมล้ำหนักลามเป็นปัญหาสังคม จี้แก้ปัญหาเด็กหลุดระบบนับล้านคน ลั่นไม่รออำนาจรัฐ พร้อม "ทำเลย" ส่ง "โมบายสเต็มแล็บ" ถึงโรงเรียน
    https://www.thai-tai.tv/news/22158/
    .
    #ไทยไท #พรรคไทยก้าวใหม่ #วรวิชกำภู #ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา #เด็กหลุดระบบ #ครูไม่ครบชั้น #ครูสอนไม่ตรงวุฒิ #ปฏิรูปการศึกษา #โมบายสเต็มแล็บ #การเมือง
    "ไทยก้าวใหม่" ชี้วิกฤตการศึกษาไทย เหลื่อมล้ำหนักลามเป็นปัญหาสังคม จี้แก้ปัญหาเด็กหลุดระบบนับล้านคน ลั่นไม่รออำนาจรัฐ พร้อม "ทำเลย" ส่ง "โมบายสเต็มแล็บ" ถึงโรงเรียน https://www.thai-tai.tv/news/22158/ . #ไทยไท #พรรคไทยก้าวใหม่ #วรวิชกำภู #ความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา #เด็กหลุดระบบ #ครูไม่ครบชั้น #ครูสอนไม่ตรงวุฒิ #ปฏิรูปการศึกษา #โมบายสเต็มแล็บ #การเมือง
    0 Comments 0 Shares 150 Views 0 Reviews
  • รองหัวหน้าไทยก้าวใหม่ จี้ ศธ. เสนอปฏิรูป ลดภาระงานครู ชี้ "โรงเรียนปลอดภัยไม่มีอยู่จริง" ย้ำ ให้ความสำคัญความปลอดภัยนักเรียน เทียบเท่าคุณภาพการศึกษา
    https://www.thai-tai.tv/news/22138/
    .
    #ไทยไท #วราวิชกำภู ณ อยุธยา #โรงเรียนปลอดภัย #ครูล่วงละเมิด #ลดภาระครู #ไทยก้าวใหม่
    รองหัวหน้าไทยก้าวใหม่ จี้ ศธ. เสนอปฏิรูป ลดภาระงานครู ชี้ "โรงเรียนปลอดภัยไม่มีอยู่จริง" ย้ำ ให้ความสำคัญความปลอดภัยนักเรียน เทียบเท่าคุณภาพการศึกษา https://www.thai-tai.tv/news/22138/ . #ไทยไท #วราวิชกำภู ณ อยุธยา #โรงเรียนปลอดภัย #ครูล่วงละเมิด #ลดภาระครู #ไทยก้าวใหม่
    0 Comments 0 Shares 115 Views 0 Reviews
  • “Collate” คืออะไร? ทำไมปุ่มเล็กๆ บนเครื่องพิมพ์ถึงช่วยชีวิตคุณได้มากกว่าที่คิด!

    ลองนึกภาพว่าคุณต้องพิมพ์รายงาน 10 ชุด ชุดละ 20 หน้า ถ้าไม่เปิดฟังก์ชัน “Collate” คุณจะได้กระดาษหน้า 1 ทั้งหมด 10 แผ่นก่อน แล้วตามด้วยหน้า 2 อีก 10 แผ่น... จนถึงหน้า 20 แล้วต้องมานั่งเรียงเองทีละชุด — ฟังดูเหนื่อยใช่ไหม? ฟังก์ชัน Collate จึงเกิดมาเพื่อช่วยให้ทุกชุดพิมพ์ออกมาเรียงหน้าอย่างถูกต้องโดยอัตโนมัติ

    Collate คือฟังก์ชันในเครื่องพิมพ์ที่ช่วยให้เอกสารหลายหน้า ถูกพิมพ์ออกมาเป็นชุดๆ อย่างถูกลำดับ เช่น ถ้าคุณพิมพ์รายงาน 3 ชุด ชุดละ 5 หน้า เมื่อเปิด Collate เครื่องจะพิมพ์หน้า 1-5 แล้วเริ่มชุดใหม่ทันที ต่างจากการปิด Collate ที่จะพิมพ์หน้า 1 ทั้งหมดก่อน แล้วค่อยพิมพ์หน้า 2 ทั้งหมด

    เดิมทีการเรียงเอกสารแบบนี้ต้องทำด้วยมือ แต่ปัจจุบันเครื่องพิมพ์และเครื่องถ่ายเอกสารสามารถทำได้เอง ไม่ว่าจะใช้หมึกหรือโทนเนอร์ ช่วยลดเวลา ลดความผิดพลาด และเพิ่มความแม่นยำในการจัดชุดเอกสาร

    ในสำนักงานที่ต้องพิมพ์เอกสารจำนวนมาก เช่น คู่มือ ใบแจ้งหนี้ หรือรายงานต่างๆ Collate คือผู้ช่วยที่ขาดไม่ได้ เช่นเดียวกับในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ที่ต้องพิมพ์เอกสารการเรียนการสอนจำนวนมาก

    เครื่องพิมพ์รุ่นใหม่มักมีปุ่ม “Collate” ให้กดได้ง่ายๆ บางรุ่นอาจอยู่บนหน้าจอสัมผัส หรือในซอฟต์แวร์พิมพ์บนคอมพิวเตอร์ ส่วนเครื่องรุ่นเก่าอาจต้องตั้งค่าผ่านปุ่มกด

    แต่ถ้าคุณพิมพ์แค่ชุดเดียว ฟังก์ชันนี้ก็ไม่จำเป็น เพราะเครื่องจะพิมพ์เรียงหน้าให้อยู่แล้ว

    ความหมายของ Collate
    คือการพิมพ์เอกสารหลายหน้าให้ออกมาเป็นชุดเรียงลำดับ
    ช่วยให้แต่ละชุดเอกสารสมบูรณ์โดยไม่ต้องเรียงเอง

    ประโยชน์ของการใช้ Collate
    ลดความผิดพลาดจากการเรียงหน้าเอกสารผิด
    ประหยัดเวลาและแรงงานในการจัดชุดเอกสาร
    เหมาะกับสำนักงานและสถาบันการศึกษาที่พิมพ์เอกสารจำนวนมาก

    วิธีเปิดใช้งาน Collate
    เครื่องพิมพ์รุ่นใหม่มีปุ่มหรือเมนูให้เลือกง่าย
    บางรุ่นต้องตั้งค่าผ่านซอฟต์แวร์พิมพ์ในคอมพิวเตอร์

    https://www.slashgear.com/2004796/what-does-collate-mean-when-printing-overview-what-need-know/
    🖨️ “Collate” คืออะไร? ทำไมปุ่มเล็กๆ บนเครื่องพิมพ์ถึงช่วยชีวิตคุณได้มากกว่าที่คิด! ลองนึกภาพว่าคุณต้องพิมพ์รายงาน 10 ชุด ชุดละ 20 หน้า ถ้าไม่เปิดฟังก์ชัน “Collate” คุณจะได้กระดาษหน้า 1 ทั้งหมด 10 แผ่นก่อน แล้วตามด้วยหน้า 2 อีก 10 แผ่น... จนถึงหน้า 20 แล้วต้องมานั่งเรียงเองทีละชุด — ฟังดูเหนื่อยใช่ไหม? ฟังก์ชัน Collate จึงเกิดมาเพื่อช่วยให้ทุกชุดพิมพ์ออกมาเรียงหน้าอย่างถูกต้องโดยอัตโนมัติ Collate คือฟังก์ชันในเครื่องพิมพ์ที่ช่วยให้เอกสารหลายหน้า ถูกพิมพ์ออกมาเป็นชุดๆ อย่างถูกลำดับ เช่น ถ้าคุณพิมพ์รายงาน 3 ชุด ชุดละ 5 หน้า เมื่อเปิด Collate เครื่องจะพิมพ์หน้า 1-5 แล้วเริ่มชุดใหม่ทันที ต่างจากการปิด Collate ที่จะพิมพ์หน้า 1 ทั้งหมดก่อน แล้วค่อยพิมพ์หน้า 2 ทั้งหมด เดิมทีการเรียงเอกสารแบบนี้ต้องทำด้วยมือ แต่ปัจจุบันเครื่องพิมพ์และเครื่องถ่ายเอกสารสามารถทำได้เอง ไม่ว่าจะใช้หมึกหรือโทนเนอร์ ช่วยลดเวลา ลดความผิดพลาด และเพิ่มความแม่นยำในการจัดชุดเอกสาร ในสำนักงานที่ต้องพิมพ์เอกสารจำนวนมาก เช่น คู่มือ ใบแจ้งหนี้ หรือรายงานต่างๆ Collate คือผู้ช่วยที่ขาดไม่ได้ เช่นเดียวกับในโรงเรียนหรือมหาวิทยาลัย ที่ต้องพิมพ์เอกสารการเรียนการสอนจำนวนมาก เครื่องพิมพ์รุ่นใหม่มักมีปุ่ม “Collate” ให้กดได้ง่ายๆ บางรุ่นอาจอยู่บนหน้าจอสัมผัส หรือในซอฟต์แวร์พิมพ์บนคอมพิวเตอร์ ส่วนเครื่องรุ่นเก่าอาจต้องตั้งค่าผ่านปุ่มกด แต่ถ้าคุณพิมพ์แค่ชุดเดียว ฟังก์ชันนี้ก็ไม่จำเป็น เพราะเครื่องจะพิมพ์เรียงหน้าให้อยู่แล้ว ✅ ความหมายของ Collate ➡️ คือการพิมพ์เอกสารหลายหน้าให้ออกมาเป็นชุดเรียงลำดับ ➡️ ช่วยให้แต่ละชุดเอกสารสมบูรณ์โดยไม่ต้องเรียงเอง ✅ ประโยชน์ของการใช้ Collate ➡️ ลดความผิดพลาดจากการเรียงหน้าเอกสารผิด ➡️ ประหยัดเวลาและแรงงานในการจัดชุดเอกสาร ➡️ เหมาะกับสำนักงานและสถาบันการศึกษาที่พิมพ์เอกสารจำนวนมาก ✅ วิธีเปิดใช้งาน Collate ➡️ เครื่องพิมพ์รุ่นใหม่มีปุ่มหรือเมนูให้เลือกง่าย ➡️ บางรุ่นต้องตั้งค่าผ่านซอฟต์แวร์พิมพ์ในคอมพิวเตอร์ https://www.slashgear.com/2004796/what-does-collate-mean-when-printing-overview-what-need-know/
    WWW.SLASHGEAR.COM
    What Does Collate Mean When Printing? - SlashGear
    Most printers have an option to "collate," but what does the function do? It's really handy if you're printing multiple copies of multi-page documents.
    0 Comments 0 Shares 150 Views 0 Reviews
  • รองหัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ ซัด "ผู้ใหญ่ยังคุยกันไม่รู้เรื่อง" ห่วงจะเอาอะไรไปสอนเด็ก ร้อง "ปลดล็อกโรงเรียน" ให้อิสระตัดสินใจ ไม่ต้องรอคำสั่งส่วนกลางที่เป็นคอขวด
    https://www.thai-tai.tv/news/22111/
    .
    #ไทยไท #ชยพงศ์สายฟ้า #กระทรวงศึกษาธิการ #งดกิจกรรมรื่นเริง #การสื่อสารนโยบาย #ปลดล็อกโรงเรียน
    รองหัวหน้าพรรคไทยก้าวใหม่ ซัด "ผู้ใหญ่ยังคุยกันไม่รู้เรื่อง" ห่วงจะเอาอะไรไปสอนเด็ก ร้อง "ปลดล็อกโรงเรียน" ให้อิสระตัดสินใจ ไม่ต้องรอคำสั่งส่วนกลางที่เป็นคอขวด https://www.thai-tai.tv/news/22111/ . #ไทยไท #ชยพงศ์สายฟ้า #กระทรวงศึกษาธิการ #งดกิจกรรมรื่นเริง #การสื่อสารนโยบาย #ปลดล็อกโรงเรียน
    0 Comments 0 Shares 135 Views 0 Reviews
  • คนมีลูกย่อมต้องเคยคุย รู้จักพ่อแม่ของเพื่อนลูกที่โรงเรียน แต่มีใครเคยไปดูแล็ปกัญฌาด้วยกัน
    เหมือนวรภัคบ้าง
    #7ดอกจิก
    คนมีลูกย่อมต้องเคยคุย รู้จักพ่อแม่ของเพื่อนลูกที่โรงเรียน แต่มีใครเคยไปดูแล็ปกัญฌาด้วยกัน เหมือนวรภัคบ้าง #7ดอกจิก
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • 10 ปัญหาใหญ่ที่ CISO และทีมไซเบอร์ต้องเผชิญในปี 2025 — จากภัยคุกคาม AI ถึงงบประมาณที่ไม่พอรับมือ

    บทความจาก CSO Online โดย Mary K. Pratt สรุป 10 ความท้าทายที่ผู้บริหารด้านความปลอดภัยข้อมูล (CISO) และทีมไซเบอร์ต้องเผชิญในยุคที่ภัยคุกคามซับซ้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะจาก AI, quantum computing และการโจมตีที่ไม่เลือกเป้าหมายอีกต่อไป

    ในปี 2025 งานของ CISO ไม่ใช่แค่ป้องกันข้อมูล แต่ต้องรับมือกับความเร็วของภัยคุกคามที่เกิดจาก AI, การขาดแคลนบุคลากร, งบประมาณที่ไม่พอ และความคาดหวังจากผู้บริหารที่ต้องการให้ “ทุกอย่างปลอดภัย” โดยไม่เพิ่มทรัพยากร

    ภัยคุกคามจาก AI ไม่ใช่แค่การโจมตีแบบใหม่ แต่ยังรวมถึงข้อมูลที่ AI สร้างขึ้นเอง ซึ่งอาจกลายเป็น “ภัยจากภายใน” โดยไม่ตั้งใจ เช่น ข้อมูลแชตหรือคำสั่งที่หลุดออกไปโดยไม่ผ่านการตรวจสอบ

    นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจาก quantum computing ที่อาจทำลายระบบเข้ารหัสในอนาคต และการโจมตีที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เช่น การเรียกค่าไถ่จากข้อมูลเด็กในโรงเรียน

    สรุป 10 ปัญหาใหญ่ที่ CISO ต้องเผชิญ

    การรักษาความปลอดภัยของโครงสร้าง AI
    ทีมยังไม่มีเครื่องมือหรือความรู้เพียงพอในการป้องกัน AI
    การใช้งาน AI เติบโตเร็วกว่าการวางมาตรการความปลอดภัย

    การโจมตีด้วย AI ที่เร็วและรุนแรงขึ้น
    เวลาที่แฮกเกอร์ใช้ในการเจาะระบบลดเหลือเพียงไม่กี่วินาที
    ต้องฝึกซ้อมรับมือแทบทุกวัน ไม่ใช่แค่เดือนละครั้ง

    การปกป้องข้อมูลในยุค AI
    ข้อมูลที่ AI สร้างขึ้นเอง เช่น แชตหรือคำสั่ง ต้องได้รับการจัดการ
    หลายองค์กรยังไม่รู้ว่าข้อมูลสำคัญอยู่ที่ไหน

    ภูมิทัศน์ภัยคุกคามที่ขยายตัว
    ระบบเชื่อมโยงกันมากขึ้น ทำให้จุดอ่อนเพิ่มขึ้น
    แฮกเกอร์มี supply chain ของตัวเองและใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพ

    การโจมตีที่โหดร้ายขึ้น
    ไม่มีเป้าหมายที่ “ปลอดภัย” อีกต่อไป เช่น โรงเรียนเด็กเล็กก็ถูกโจมตี
    แฮกเกอร์ไม่สนผลกระทบต่อเหยื่อ

    ข้อจำกัดด้านงบประมาณ
    งบเพิ่มขึ้นแต่ไม่ทันกับความรุนแรงของภัยคุกคาม
    ต้องลดต้นทุนโดยใช้ automation และ outsourcing

    การเตรียมพนักงานให้รับมือกับ phishing ขั้นสูง
    AI สร้างอีเมลหลอกลวงที่เหมือนจริงมาก
    ต้องฝึกซ้อม phishing simulation บ่อยขึ้น และมีบทลงโทษจริง

    ความเสี่ยงจาก quantum computing
    การเข้ารหัสปัจจุบันอาจถูกทำลายในอนาคต
    ต้องเริ่มวางแผนใช้ quantum-safe encryption

    การจัดลำดับความสำคัญ
    มีงานมากเกินไปแต่คนไม่พอ ต้องเลือกทำสิ่งที่สำคัญที่สุด
    ขาดแคลนบุคลากรด้านความปลอดภัยอย่างหนัก

    การประเมินความเสี่ยงให้ถูกต้อง
    ต้องเข้าใจความเสี่ยงที่ธุรกิจยอมรับได้
    ความเข้าใจระหว่าง CISO กับผู้บริหารลดลงจาก 84% เหลือ 64%

    คำเตือนสำหรับองค์กร
    อย่าคิดว่า AI จะปลอดภัยโดยอัตโนมัติ
    อย่ารอให้ quantum computing มาถึงก่อนจะเตรียมระบบ
    อย่ามองข้ามการฝึกพนักงาน แม้จะมีเทคโนโลยีป้องกันแล้ว

    https://www.csoonline.com/article/4077442/the-10-biggest-issues-cisos-and-cyber-teams-face-today-2.html
    🛡️ 10 ปัญหาใหญ่ที่ CISO และทีมไซเบอร์ต้องเผชิญในปี 2025 — จากภัยคุกคาม AI ถึงงบประมาณที่ไม่พอรับมือ บทความจาก CSO Online โดย Mary K. Pratt สรุป 10 ความท้าทายที่ผู้บริหารด้านความปลอดภัยข้อมูล (CISO) และทีมไซเบอร์ต้องเผชิญในยุคที่ภัยคุกคามซับซ้อนขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะจาก AI, quantum computing และการโจมตีที่ไม่เลือกเป้าหมายอีกต่อไป ในปี 2025 งานของ CISO ไม่ใช่แค่ป้องกันข้อมูล แต่ต้องรับมือกับความเร็วของภัยคุกคามที่เกิดจาก AI, การขาดแคลนบุคลากร, งบประมาณที่ไม่พอ และความคาดหวังจากผู้บริหารที่ต้องการให้ “ทุกอย่างปลอดภัย” โดยไม่เพิ่มทรัพยากร ภัยคุกคามจาก AI ไม่ใช่แค่การโจมตีแบบใหม่ แต่ยังรวมถึงข้อมูลที่ AI สร้างขึ้นเอง ซึ่งอาจกลายเป็น “ภัยจากภายใน” โดยไม่ตั้งใจ เช่น ข้อมูลแชตหรือคำสั่งที่หลุดออกไปโดยไม่ผ่านการตรวจสอบ นอกจากนี้ยังมีความเสี่ยงจาก quantum computing ที่อาจทำลายระบบเข้ารหัสในอนาคต และการโจมตีที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ เช่น การเรียกค่าไถ่จากข้อมูลเด็กในโรงเรียน 📌 สรุป 10 ปัญหาใหญ่ที่ CISO ต้องเผชิญ ✅ การรักษาความปลอดภัยของโครงสร้าง AI ➡️ ทีมยังไม่มีเครื่องมือหรือความรู้เพียงพอในการป้องกัน AI ➡️ การใช้งาน AI เติบโตเร็วกว่าการวางมาตรการความปลอดภัย ✅ การโจมตีด้วย AI ที่เร็วและรุนแรงขึ้น ➡️ เวลาที่แฮกเกอร์ใช้ในการเจาะระบบลดเหลือเพียงไม่กี่วินาที ➡️ ต้องฝึกซ้อมรับมือแทบทุกวัน ไม่ใช่แค่เดือนละครั้ง ✅ การปกป้องข้อมูลในยุค AI ➡️ ข้อมูลที่ AI สร้างขึ้นเอง เช่น แชตหรือคำสั่ง ต้องได้รับการจัดการ ➡️ หลายองค์กรยังไม่รู้ว่าข้อมูลสำคัญอยู่ที่ไหน ✅ ภูมิทัศน์ภัยคุกคามที่ขยายตัว ➡️ ระบบเชื่อมโยงกันมากขึ้น ทำให้จุดอ่อนเพิ่มขึ้น ➡️ แฮกเกอร์มี supply chain ของตัวเองและใช้ AI เพิ่มประสิทธิภาพ ✅ การโจมตีที่โหดร้ายขึ้น ➡️ ไม่มีเป้าหมายที่ “ปลอดภัย” อีกต่อไป เช่น โรงเรียนเด็กเล็กก็ถูกโจมตี ➡️ แฮกเกอร์ไม่สนผลกระทบต่อเหยื่อ ✅ ข้อจำกัดด้านงบประมาณ ➡️ งบเพิ่มขึ้นแต่ไม่ทันกับความรุนแรงของภัยคุกคาม ➡️ ต้องลดต้นทุนโดยใช้ automation และ outsourcing ✅ การเตรียมพนักงานให้รับมือกับ phishing ขั้นสูง ➡️ AI สร้างอีเมลหลอกลวงที่เหมือนจริงมาก ➡️ ต้องฝึกซ้อม phishing simulation บ่อยขึ้น และมีบทลงโทษจริง ✅ ความเสี่ยงจาก quantum computing ➡️ การเข้ารหัสปัจจุบันอาจถูกทำลายในอนาคต ➡️ ต้องเริ่มวางแผนใช้ quantum-safe encryption ✅ การจัดลำดับความสำคัญ ➡️ มีงานมากเกินไปแต่คนไม่พอ ต้องเลือกทำสิ่งที่สำคัญที่สุด ➡️ ขาดแคลนบุคลากรด้านความปลอดภัยอย่างหนัก ✅ การประเมินความเสี่ยงให้ถูกต้อง ➡️ ต้องเข้าใจความเสี่ยงที่ธุรกิจยอมรับได้ ➡️ ความเข้าใจระหว่าง CISO กับผู้บริหารลดลงจาก 84% เหลือ 64% ‼️ คำเตือนสำหรับองค์กร ⛔ อย่าคิดว่า AI จะปลอดภัยโดยอัตโนมัติ ⛔ อย่ารอให้ quantum computing มาถึงก่อนจะเตรียมระบบ ⛔ อย่ามองข้ามการฝึกพนักงาน แม้จะมีเทคโนโลยีป้องกันแล้ว https://www.csoonline.com/article/4077442/the-10-biggest-issues-cisos-and-cyber-teams-face-today-2.html
    WWW.CSOONLINE.COM
    The 10 biggest issues CISOs and cyber teams face today
    From escalating AI-enabled threats to budgets that don’t scale alongside expanding threat landscapes, security leaders are reshaping their agendas to address several key long-standing and emerging concerns.
    0 Comments 0 Shares 210 Views 0 Reviews
  • OpenAI จับมือ Juilliard สร้างเครื่องมือ AI แต่งเพลงจากข้อความ — เตรียมพลิกโฉมวงการดนตรี

    OpenAI กำลังพัฒนาเครื่องมือสร้างเพลงด้วย AI ที่สามารถแต่งเพลงจากข้อความหรือเสียง โดยร่วมมือกับนักเรียนจาก Juilliard School เพื่อฝึกโมเดลด้วยข้อมูลระดับมืออาชีพ เป้าหมายคือการสร้างเพลงคุณภาพสูงจากคำอธิบายง่าย ๆ เช่น “อยากได้เพลงเศร้าแบบเปียโน” หรือ “จังหวะสนุกสไตล์เร็กเก้”

    OpenAI เคยทดลองสร้างเพลงด้วย AI มาแล้วในโปรเจกต์ MuseNet และ Jukebox แต่ครั้งนี้กลับมาใหม่ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำกว่าเดิม โดยใช้โมเดลมัลติโหมดที่สามารถรับคำสั่งเป็นข้อความหรือเสียง แล้วสร้างเพลงที่ตรงกับอารมณ์และสไตล์ที่ผู้ใช้ต้องการ

    เพื่อให้โมเดลเรียนรู้ได้อย่างแม่นยำ OpenAI ได้ร่วมมือกับนักเรียนจาก Juilliard ซึ่งเป็นโรงเรียนดนตรีระดับโลก โดยให้นักเรียนช่วย “annotate” หรือใส่คำอธิบายให้กับโน้ตเพลง เพื่อให้ AI เข้าใจโครงสร้างดนตรี เครื่องดนตรี และอารมณ์ของแต่ละท่อน

    เครื่องมือนี้อาจถูกนำไปใช้ในหลายรูปแบบ เช่น:
    สร้างเพลงประกอบวิดีโอ YouTube หรือโฆษณา
    เติมเสียงดนตรีให้กับเสียงร้องที่มีอยู่แล้ว
    สร้างเพลงประกอบเกมหรือพอดแคสต์แบบอัตโนมัติ

    แม้ยังไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าเครื่องมือนี้อาจถูกผนวกเข้ากับ ChatGPT หรือ Sora ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสร้างวิดีโอของ OpenAI

    จุดเด่นของเครื่องมือ AI สร้างเพลง
    สร้างเพลงจากข้อความหรือเสียงได้โดยตรง
    รองรับการกำหนดอารมณ์ จังหวะ และสไตล์
    ใช้ข้อมูลจาก Juilliard เพื่อฝึกโมเดลให้เข้าใจดนตรีระดับมืออาชีพ

    ความร่วมมือกับ Juilliard
    นักเรียนช่วยใส่คำอธิบายให้โน้ตเพลงเพื่อฝึก AI
    เพิ่มความแม่นยำในการเข้าใจโครงสร้างและอารมณ์ของเพลง
    ผสานความรู้ดนตรีคลาสสิกกับเทคโนโลยีล้ำสมัย

    การใช้งานที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
    สร้างเพลงประกอบวิดีโอ โฆษณา หรือเกม
    เติมเสียงดนตรีให้กับเสียงร้องที่มีอยู่
    สร้างเพลงแบบอัตโนมัติสำหรับครีเอเตอร์อิสระ

    คำเตือนเกี่ยวกับ AI ดนตรี
    อาจเกิดปัญหาลิขสิทธิ์หาก AI เลียนแบบเพลงที่มีอยู่
    ศิลปินบางคนกังวลว่า AI อาจลดคุณค่าของงานสร้างสรรค์
    มีกรณีที่ผู้ไม่หวังดีใช้ AI สร้างเพลงปลอมเพื่อหารายได้จากสตรีมมิ่ง

    https://securityonline.info/openai-is-developing-an-ai-music-generator-with-help-from-juilliard/
    🎼 OpenAI จับมือ Juilliard สร้างเครื่องมือ AI แต่งเพลงจากข้อความ — เตรียมพลิกโฉมวงการดนตรี OpenAI กำลังพัฒนาเครื่องมือสร้างเพลงด้วย AI ที่สามารถแต่งเพลงจากข้อความหรือเสียง โดยร่วมมือกับนักเรียนจาก Juilliard School เพื่อฝึกโมเดลด้วยข้อมูลระดับมืออาชีพ เป้าหมายคือการสร้างเพลงคุณภาพสูงจากคำอธิบายง่าย ๆ เช่น “อยากได้เพลงเศร้าแบบเปียโน” หรือ “จังหวะสนุกสไตล์เร็กเก้” OpenAI เคยทดลองสร้างเพลงด้วย AI มาแล้วในโปรเจกต์ MuseNet และ Jukebox แต่ครั้งนี้กลับมาใหม่ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำกว่าเดิม โดยใช้โมเดลมัลติโหมดที่สามารถรับคำสั่งเป็นข้อความหรือเสียง แล้วสร้างเพลงที่ตรงกับอารมณ์และสไตล์ที่ผู้ใช้ต้องการ เพื่อให้โมเดลเรียนรู้ได้อย่างแม่นยำ OpenAI ได้ร่วมมือกับนักเรียนจาก Juilliard ซึ่งเป็นโรงเรียนดนตรีระดับโลก โดยให้นักเรียนช่วย “annotate” หรือใส่คำอธิบายให้กับโน้ตเพลง เพื่อให้ AI เข้าใจโครงสร้างดนตรี เครื่องดนตรี และอารมณ์ของแต่ละท่อน เครื่องมือนี้อาจถูกนำไปใช้ในหลายรูปแบบ เช่น: 🎵 สร้างเพลงประกอบวิดีโอ YouTube หรือโฆษณา 🎵 เติมเสียงดนตรีให้กับเสียงร้องที่มีอยู่แล้ว 🎵 สร้างเพลงประกอบเกมหรือพอดแคสต์แบบอัตโนมัติ แม้ยังไม่มีวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ แต่คาดว่าเครื่องมือนี้อาจถูกผนวกเข้ากับ ChatGPT หรือ Sora ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มสร้างวิดีโอของ OpenAI ✅ จุดเด่นของเครื่องมือ AI สร้างเพลง ➡️ สร้างเพลงจากข้อความหรือเสียงได้โดยตรง ➡️ รองรับการกำหนดอารมณ์ จังหวะ และสไตล์ ➡️ ใช้ข้อมูลจาก Juilliard เพื่อฝึกโมเดลให้เข้าใจดนตรีระดับมืออาชีพ ✅ ความร่วมมือกับ Juilliard ➡️ นักเรียนช่วยใส่คำอธิบายให้โน้ตเพลงเพื่อฝึก AI ➡️ เพิ่มความแม่นยำในการเข้าใจโครงสร้างและอารมณ์ของเพลง ➡️ ผสานความรู้ดนตรีคลาสสิกกับเทคโนโลยีล้ำสมัย ✅ การใช้งานที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ➡️ สร้างเพลงประกอบวิดีโอ โฆษณา หรือเกม ➡️ เติมเสียงดนตรีให้กับเสียงร้องที่มีอยู่ ➡️ สร้างเพลงแบบอัตโนมัติสำหรับครีเอเตอร์อิสระ ‼️ คำเตือนเกี่ยวกับ AI ดนตรี ⛔ อาจเกิดปัญหาลิขสิทธิ์หาก AI เลียนแบบเพลงที่มีอยู่ ⛔ ศิลปินบางคนกังวลว่า AI อาจลดคุณค่าของงานสร้างสรรค์ ⛔ มีกรณีที่ผู้ไม่หวังดีใช้ AI สร้างเพลงปลอมเพื่อหารายได้จากสตรีมมิ่ง https://securityonline.info/openai-is-developing-an-ai-music-generator-with-help-from-juilliard/
    SECURITYONLINE.INFO
    OpenAI is Developing an AI Music Generator with Help from Juilliard
    OpenAI is reportedly developing a text/audio-to-music AI generator and is collaborating with students from The Juilliard School to train its models.
    0 Comments 0 Shares 158 Views 0 Reviews
More Results