• นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยุทธการกบกระโดด”
    ตอนที่ 5
    อเมริกาสมเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่ง สิงห์โตซุ่มจริง ๆ ขณะที่หน้าฉากยังไม่ชัดเจน ว่าจะ
เล่นเรื่องอะไร มีข่าวหลุดออกมาจาก Pentagon เมื่อ ค.ศ. 2012 ว่าอเมริกามีแผนจะปรับโฉมหน้าของฐานทัพ ที่มีอยู่ต่างประเทศเสียใหม่ เรียกว่าทำ face lift อัพหน้ากันใหม่ ตามยุทธการ “กบกระโดด” เพราะการมีฐานทัพกระจายทั่วโลก เป็นปัญหาทั้งด้านกระเป๋าที่ยังรั่วอยู่ และเป็นเป้าสายตาของชาวโลก ขยับตัวทีเขารู้แผนกันหมดทั้งคู่หู คู่แข่ง
สมัยนายบุชตัวลูก ก็ปวดขมอง คิดจะปิดฐานทัพไปสัก 1 ใน 3 แต่ตัดสินใจไม่ขาด จะเปิดอันไหน ปิดอันไหน คิดยังไม่ทันตก ดันหมดเทอมซะก่อน
มาถึงนายโอบามา ปัญหานี้จะทู่ซี้ต่อไป อาจจะไม่ได้ไปนั่งเท่ในทำเนียบขาว หรือถ้าได้นั่ง ก็อยู่ไม่ยาว ตอนหาเสียงเลยเล่นมุก ท่องมันไปทุกเวที Change Change Change
    เอาเข้าจริง เป็นพี่เบิ้มนักล่าถ้าเก็บเครื่องมือล่าทิ้งลงถังขยะ แล้วจะไปล่าเหยื่อได้ยังไง แบบนี้ เพื่อนซี้ เพื่อนกิน ลูกหาบก็หลบหน้า ลี้กายหายไปหมด เลยต้องเรียกเด็ก ๆ
เฮ้ย ! มาทำการบ้านใหม่โว้ย !
ตกลงนักล่ามันเปลี่ยนสันดานไหม มัน Change ไหม ?
    กบกระโดดครับนาย กบกระโดดคือคำตอบ กบจะกระโดดในสระกว้างต้องมีใบบัวรองรับ
สระกว้างใหญ่ มีใบบัวเต็มไปหมด คนมองก็ไม่รู้สึกแปลก
แต่ถ้าดันสร้างเป็น swimming pool ขนาดโอลิมปิก กบจะกระโดดไหวหรือ กลายเป็นกบพุ่งหลาวจมไม่โผล่ละซิ ส่วนที่คิดจะเอาใบบัวไปลอย ใน swimming pool น่ะ แบบนั้น มันฉากละครทีวีช่องคุณหญิงคุณชายนะ Hollywood เขาไม่ทำกัน
มันต้องทำให้เนียน ๆ
    เพราะฉะนั้นเอาฐานทัพเก่า ๆ มาดัดแปลงเสียใหม่ ไม่ให้คนสังเกต หรือแถบไหน (ของ
ประเทศคนอื่น) ที่มันเล็ก ๆ ไม่เด่นก็ไปแอบสร้าง เอาให้มันกลมกลืนกับธรรมชาติ แต่แฝงด้วยอาวุธทันสมัยติดไว้ให้เพียบ แบบนี้ก็เรียบร้อย นักล่าบอกน่าสนใจ (มาก)
    เอะ ! แล้วนี่ ที่นักล่าเขาหลอกให้เราเฝ้าแต่อู่ตะเภา แล้วถ้าเขาไปสร้างใบบัวให้กบมัน
กระโดดแถวชุมพร นี่สมันน้อยจะรู้ไหมนะ ! ?
    ด้วยยุทธศาสตร์กบกระโดดบนใบบัว อเมริกาสามารถสร้างฐานทัพให้ กระจายแบบโรยไว้ทั่ว (peppering) บริเวณ Asia Pacific ถ้าอเมริกาทำได้จริง มันก็ไม่ต่างกับการควบคุมจีนทางอ้อม (containment) และก็เหมือนเป็นการเอาฉากสงครามเย็น สมัยที่อเมริกาจัดการกับสหภาพโซเวียตมาเล่นใหม่ !
    ลองคิดดูช่วง 2-3 ปีนี้ อเมริกาเดินแผนอย่างไร กับทุกประเทศในภูมิภาคนี้ ไม่มีหลุด
สักเม็ด เค้าของสงครามโลกครั้งที่ 3 พอมองได้เห็นลาง ๆ
    – ออสเตรเลีย : อเมริกา เจรจาที่จะร่วมใช้ฐานทัพที่ Darwin และกำลังเริ่มแผนใช้
drone (เครื่องบินประเภทไร้คนขับ บังคับด้วยเรดาร์) โดยใช้ฐานทัพของออสเตรเลียที่เกาะ Cocos เป็นฐานพัก รวมทั้งการจัดกองกำลังเตรียมพร้อมไว้ แถว Brisbane และ Perth ด้วย
    – ราชอาณาจักรไทย : แน่นอนจะใช้อู่ตะเภา หรือสร้างใบบัวให้กบกระโดดที่ชุมพร หรือ
ที่ไหนอีก ตามสัญญาผูกคอทาส ทำได้สารพัด
    – ฟิลิปปินส์ : ตกลงไปแล้วให้อเมริกาฟื้นสนามบิน Clark และฐานทัพเรือ Subic Bay ที่ปิดไปชั่วคราวตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 กว่า ๆ (แต่หลังจากปี ค.ศ. 2002 ก็ยอมให้หน่วยปฏิบัติการพิเศษของอเมริกาเข้ามาใช้ใหม่บางกรณี !)
    – เวียตนาม : ทำสัญญาตกลงให้อเมริกาเพิ่มกองเรือ เข้าไปใช้ท่าเรือของเวียตนาม และ
จะขยายท่าเรือ เพื่อให้เฉพาะกองทัพเรืออเมริกาจอด
    – เกาะกวม : อเมริกาเตรียมสร้าง runway เพิ่มที่เกาะ Tinian ใกล้กับเกาะกวม และเตรียมสร้างฐานทัพ และ runwayสำหรับเครื่องบินลง ที่เกาะไซปัน (Saipan) ที่ห่างจากเกาะกวมไปประมาณ190 กม. เพื่อเป็นฐานทัพรองรับ หากกวมโดนโจมตี
    – มาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไน : อเมริกาเจรจาที่จะสร้างฐานทัพเพิ่ม
    – เกาหลีใต้ : ตกลงกับอเมริกาที่จะสร้างฐานทัพเพิ่ม ให้อเมริกาใช้ที่เกาะ Jeju
    – อินเดีย : อเมริกาทำข้อตกลงเพิ่มความร่วมมือทางการทหารไปแล้ว
    นี่ยังไม่ได้นับฐานทัพอีกประมาณ 200 แห่ง ที่อเมริกามีกระจายอยู่ แล้วที่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เกาะกวม Diego Garcia และฮาวาย ถ้าใบบัวงอกทั้งหมดนี้ อาเฮียแทบไม่มีทางออกทะเล ต้องใช้บินอย่างเดียว (ฮา !)
    ยุทธศาสตร์กบกระโดด บนใบบัวนี้ แสดงให้เห็นว่าลึก ๆ อเมริกาคิดอะไรอยู่ เป็นแผนล่า
เหยื่อของนักล่าตัวจริง ในเมื่อการสร้างฐานทัพใหญ่ ๆ ในต่างประเทศ นอกจากราคาแพงแล้ว ยังเป็นทั้งเป้าสายตาและเป้าอาวุธ แต่ถ้าแอบสร้างฐานเล็ก ๆ แบบใบบัว ให้กบกระโดด หลาย ๆแห่ง ทำได้เร็ว และไม่สร้างความอึกทึกให้โลกและเจ้าของบ้าน (ที่นักล่าหลอกไว้) ให้รู้ตัว นักยุทธศาสตร์การรบบอกว่า ฐานทัพรุ่นใบบัวนี้ ถ้าติดเครื่องมือทันสมัยให้เพียบ ใช้ควบคู่กับหน่วยรบพิเศษ (special operation forces) กบรุ่นใหม่เคลื่อนที่เร็ว แบบกบมหัศจรรย์ กับการใช้ droneสอดแนมและข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพ (อย่าลืมว่าหน่วยปฎิบัติการในภาวะภัยพิบัตินั้น เป็นงาน
พรางตัวที่ดีที่สุด ของกองทัพในการทำงานข่าวกรอง) ร่วมกับการปฎิบัติทางโลก Cyber และมีการร่วมมือระหว่างกองทัพ กับหน่วยงานพลเรือนอย่างดี คุณสามารถทำการปฎิวัติ หรือบุกยึดเมืองใด หรือทำการรบในยุทธภูมิใดก็ได้ผลเกินคาด รวดเร็วกว่าการใช้กองทัพใหญ่ ๆ ที่เคลื่อนตัวอย่างอุ้ยอ้าย มันหมดสมัยแล้ว !
    อเมริกาปรับปรุงฐานทัพจากการขยายหรือสร้างฐานทัพใหญ่ เป็นเตรียมการสร้างฐานทัพรูปแบบใบบัว (Lily Pad) เพื่อให้กบกระโดไทั่ว แค่นั้นยังไม่พอ เพื่อให้การล่าเหยื่อเบ็ดเสร็จสมใจ อเมริกา จึงปรับปรุงการกระโดดของกบด้วย โดยแบ่งซอยกองกำลังออกมาเรียกว่า หน่วยปฎิบัติการพิเศษ
(เหมือนชายชุดดำนะครับ เอ๊ะ ! หน่วยเดียวกันหรือเปล่า ?!) Special Operation Forces (SOF)
(หรือมันเอาอย่างกัน หวังว่าไม่ถึงขนาดฝึกให้กันเลยนะ !)
    SOF นี้ เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1980 เมื่อเจ้าหน้าที่สถานฑูตอเมริกาถูกจับเป็นตัวประกันที่อิหร่าน (ก็ผลงานของนักล่าเอง !) ทำให้ตัวประกันตายไป 8 คน
อเมริกาแค้นจัด ตั้งหน่วย Special Operation Command (SOCOM) ขึ้นมา
โดยคัดหัวกะทิมาจากหน่วย Seals, Rangers, Special Operation Aviators และ Green Beret มาฝึกหนัก จริง ๆ ก็คือฝึกเป็น Rambo เหมือนในหนังน่ะ
พวก SOF นี้ ถูกใช้ให้ไปปฎิบัติการลับ ในที่ต่าง ๆ ที่เป็นความลับ
มีรายงานว่าน่าจะมี SOF ประมาณกว่า 70,000 คนในปี ค.ศ. 2014 กระจายอยู่ทั่วโลก ปฎิบัติการอยู่ในต่างประเทศ ประมาณ 70-80 ประเทศ เช่น ลิเบีย โซมาเลีย อาฟกานิสถาน ปากีสถาน หลายประเทศในอาหรับ
และลาตินอเมริกา และเอเซีย และยุโรป ฯลฯ
    สรุปแล้ว การจัดการให้มีฐานทัพแบบใบบัว (Lily Pad) และ กองกำลังแบบ SOF ตามยุทธการกบกระโดด อยู่ในบ้านเมืองใคร อเมริกาบอกว่า มันก็เหมือนเราไปอยู่ในบ้านนั้น (ยึด!) เรียบร้อยแล้วล่ะ (de facto presence) ดังนั้นเราจะต้องให้มี ฐานทัพใบบัวนี้ให้มากที่สุดให้ได้ (lots and lots of Lily pad bases!)

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยุทธการกบกระโดด” ตอนที่ 5 อเมริกาสมเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่ง สิงห์โตซุ่มจริง ๆ ขณะที่หน้าฉากยังไม่ชัดเจน ว่าจะ
เล่นเรื่องอะไร มีข่าวหลุดออกมาจาก Pentagon เมื่อ ค.ศ. 2012 ว่าอเมริกามีแผนจะปรับโฉมหน้าของฐานทัพ ที่มีอยู่ต่างประเทศเสียใหม่ เรียกว่าทำ face lift อัพหน้ากันใหม่ ตามยุทธการ “กบกระโดด” เพราะการมีฐานทัพกระจายทั่วโลก เป็นปัญหาทั้งด้านกระเป๋าที่ยังรั่วอยู่ และเป็นเป้าสายตาของชาวโลก ขยับตัวทีเขารู้แผนกันหมดทั้งคู่หู คู่แข่ง
สมัยนายบุชตัวลูก ก็ปวดขมอง คิดจะปิดฐานทัพไปสัก 1 ใน 3 แต่ตัดสินใจไม่ขาด จะเปิดอันไหน ปิดอันไหน คิดยังไม่ทันตก ดันหมดเทอมซะก่อน
มาถึงนายโอบามา ปัญหานี้จะทู่ซี้ต่อไป อาจจะไม่ได้ไปนั่งเท่ในทำเนียบขาว หรือถ้าได้นั่ง ก็อยู่ไม่ยาว ตอนหาเสียงเลยเล่นมุก ท่องมันไปทุกเวที Change Change Change เอาเข้าจริง เป็นพี่เบิ้มนักล่าถ้าเก็บเครื่องมือล่าทิ้งลงถังขยะ แล้วจะไปล่าเหยื่อได้ยังไง แบบนี้ เพื่อนซี้ เพื่อนกิน ลูกหาบก็หลบหน้า ลี้กายหายไปหมด เลยต้องเรียกเด็ก ๆ
เฮ้ย ! มาทำการบ้านใหม่โว้ย !
ตกลงนักล่ามันเปลี่ยนสันดานไหม มัน Change ไหม ? กบกระโดดครับนาย กบกระโดดคือคำตอบ กบจะกระโดดในสระกว้างต้องมีใบบัวรองรับ
สระกว้างใหญ่ มีใบบัวเต็มไปหมด คนมองก็ไม่รู้สึกแปลก
แต่ถ้าดันสร้างเป็น swimming pool ขนาดโอลิมปิก กบจะกระโดดไหวหรือ กลายเป็นกบพุ่งหลาวจมไม่โผล่ละซิ ส่วนที่คิดจะเอาใบบัวไปลอย ใน swimming pool น่ะ แบบนั้น มันฉากละครทีวีช่องคุณหญิงคุณชายนะ Hollywood เขาไม่ทำกัน
มันต้องทำให้เนียน ๆ เพราะฉะนั้นเอาฐานทัพเก่า ๆ มาดัดแปลงเสียใหม่ ไม่ให้คนสังเกต หรือแถบไหน (ของ
ประเทศคนอื่น) ที่มันเล็ก ๆ ไม่เด่นก็ไปแอบสร้าง เอาให้มันกลมกลืนกับธรรมชาติ แต่แฝงด้วยอาวุธทันสมัยติดไว้ให้เพียบ แบบนี้ก็เรียบร้อย นักล่าบอกน่าสนใจ (มาก) เอะ ! แล้วนี่ ที่นักล่าเขาหลอกให้เราเฝ้าแต่อู่ตะเภา แล้วถ้าเขาไปสร้างใบบัวให้กบมัน
กระโดดแถวชุมพร นี่สมันน้อยจะรู้ไหมนะ ! ? ด้วยยุทธศาสตร์กบกระโดดบนใบบัว อเมริกาสามารถสร้างฐานทัพให้ กระจายแบบโรยไว้ทั่ว (peppering) บริเวณ Asia Pacific ถ้าอเมริกาทำได้จริง มันก็ไม่ต่างกับการควบคุมจีนทางอ้อม (containment) และก็เหมือนเป็นการเอาฉากสงครามเย็น สมัยที่อเมริกาจัดการกับสหภาพโซเวียตมาเล่นใหม่ ! ลองคิดดูช่วง 2-3 ปีนี้ อเมริกาเดินแผนอย่างไร กับทุกประเทศในภูมิภาคนี้ ไม่มีหลุด
สักเม็ด เค้าของสงครามโลกครั้งที่ 3 พอมองได้เห็นลาง ๆ – ออสเตรเลีย : อเมริกา เจรจาที่จะร่วมใช้ฐานทัพที่ Darwin และกำลังเริ่มแผนใช้
drone (เครื่องบินประเภทไร้คนขับ บังคับด้วยเรดาร์) โดยใช้ฐานทัพของออสเตรเลียที่เกาะ Cocos เป็นฐานพัก รวมทั้งการจัดกองกำลังเตรียมพร้อมไว้ แถว Brisbane และ Perth ด้วย – ราชอาณาจักรไทย : แน่นอนจะใช้อู่ตะเภา หรือสร้างใบบัวให้กบกระโดดที่ชุมพร หรือ
ที่ไหนอีก ตามสัญญาผูกคอทาส ทำได้สารพัด – ฟิลิปปินส์ : ตกลงไปแล้วให้อเมริกาฟื้นสนามบิน Clark และฐานทัพเรือ Subic Bay ที่ปิดไปชั่วคราวตั้งแต่ปี ค.ศ. 1990 กว่า ๆ (แต่หลังจากปี ค.ศ. 2002 ก็ยอมให้หน่วยปฏิบัติการพิเศษของอเมริกาเข้ามาใช้ใหม่บางกรณี !) – เวียตนาม : ทำสัญญาตกลงให้อเมริกาเพิ่มกองเรือ เข้าไปใช้ท่าเรือของเวียตนาม และ
จะขยายท่าเรือ เพื่อให้เฉพาะกองทัพเรืออเมริกาจอด – เกาะกวม : อเมริกาเตรียมสร้าง runway เพิ่มที่เกาะ Tinian ใกล้กับเกาะกวม และเตรียมสร้างฐานทัพ และ runwayสำหรับเครื่องบินลง ที่เกาะไซปัน (Saipan) ที่ห่างจากเกาะกวมไปประมาณ190 กม. เพื่อเป็นฐานทัพรองรับ หากกวมโดนโจมตี – มาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไน : อเมริกาเจรจาที่จะสร้างฐานทัพเพิ่ม – เกาหลีใต้ : ตกลงกับอเมริกาที่จะสร้างฐานทัพเพิ่ม ให้อเมริกาใช้ที่เกาะ Jeju – อินเดีย : อเมริกาทำข้อตกลงเพิ่มความร่วมมือทางการทหารไปแล้ว นี่ยังไม่ได้นับฐานทัพอีกประมาณ 200 แห่ง ที่อเมริกามีกระจายอยู่ แล้วที่ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ เกาะกวม Diego Garcia และฮาวาย ถ้าใบบัวงอกทั้งหมดนี้ อาเฮียแทบไม่มีทางออกทะเล ต้องใช้บินอย่างเดียว (ฮา !) ยุทธศาสตร์กบกระโดด บนใบบัวนี้ แสดงให้เห็นว่าลึก ๆ อเมริกาคิดอะไรอยู่ เป็นแผนล่า
เหยื่อของนักล่าตัวจริง ในเมื่อการสร้างฐานทัพใหญ่ ๆ ในต่างประเทศ นอกจากราคาแพงแล้ว ยังเป็นทั้งเป้าสายตาและเป้าอาวุธ แต่ถ้าแอบสร้างฐานเล็ก ๆ แบบใบบัว ให้กบกระโดด หลาย ๆแห่ง ทำได้เร็ว และไม่สร้างความอึกทึกให้โลกและเจ้าของบ้าน (ที่นักล่าหลอกไว้) ให้รู้ตัว นักยุทธศาสตร์การรบบอกว่า ฐานทัพรุ่นใบบัวนี้ ถ้าติดเครื่องมือทันสมัยให้เพียบ ใช้ควบคู่กับหน่วยรบพิเศษ (special operation forces) กบรุ่นใหม่เคลื่อนที่เร็ว แบบกบมหัศจรรย์ กับการใช้ droneสอดแนมและข่าวกรองที่มีประสิทธิภาพ (อย่าลืมว่าหน่วยปฎิบัติการในภาวะภัยพิบัตินั้น เป็นงาน
พรางตัวที่ดีที่สุด ของกองทัพในการทำงานข่าวกรอง) ร่วมกับการปฎิบัติทางโลก Cyber และมีการร่วมมือระหว่างกองทัพ กับหน่วยงานพลเรือนอย่างดี คุณสามารถทำการปฎิวัติ หรือบุกยึดเมืองใด หรือทำการรบในยุทธภูมิใดก็ได้ผลเกินคาด รวดเร็วกว่าการใช้กองทัพใหญ่ ๆ ที่เคลื่อนตัวอย่างอุ้ยอ้าย มันหมดสมัยแล้ว ! อเมริกาปรับปรุงฐานทัพจากการขยายหรือสร้างฐานทัพใหญ่ เป็นเตรียมการสร้างฐานทัพรูปแบบใบบัว (Lily Pad) เพื่อให้กบกระโดไทั่ว แค่นั้นยังไม่พอ เพื่อให้การล่าเหยื่อเบ็ดเสร็จสมใจ อเมริกา จึงปรับปรุงการกระโดดของกบด้วย โดยแบ่งซอยกองกำลังออกมาเรียกว่า หน่วยปฎิบัติการพิเศษ
(เหมือนชายชุดดำนะครับ เอ๊ะ ! หน่วยเดียวกันหรือเปล่า ?!) Special Operation Forces (SOF)
(หรือมันเอาอย่างกัน หวังว่าไม่ถึงขนาดฝึกให้กันเลยนะ !) SOF นี้ เกิดขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1980 เมื่อเจ้าหน้าที่สถานฑูตอเมริกาถูกจับเป็นตัวประกันที่อิหร่าน (ก็ผลงานของนักล่าเอง !) ทำให้ตัวประกันตายไป 8 คน
อเมริกาแค้นจัด ตั้งหน่วย Special Operation Command (SOCOM) ขึ้นมา
โดยคัดหัวกะทิมาจากหน่วย Seals, Rangers, Special Operation Aviators และ Green Beret มาฝึกหนัก จริง ๆ ก็คือฝึกเป็น Rambo เหมือนในหนังน่ะ
พวก SOF นี้ ถูกใช้ให้ไปปฎิบัติการลับ ในที่ต่าง ๆ ที่เป็นความลับ
มีรายงานว่าน่าจะมี SOF ประมาณกว่า 70,000 คนในปี ค.ศ. 2014 กระจายอยู่ทั่วโลก ปฎิบัติการอยู่ในต่างประเทศ ประมาณ 70-80 ประเทศ เช่น ลิเบีย โซมาเลีย อาฟกานิสถาน ปากีสถาน หลายประเทศในอาหรับ
และลาตินอเมริกา และเอเซีย และยุโรป ฯลฯ สรุปแล้ว การจัดการให้มีฐานทัพแบบใบบัว (Lily Pad) และ กองกำลังแบบ SOF ตามยุทธการกบกระโดด อยู่ในบ้านเมืองใคร อเมริกาบอกว่า มันก็เหมือนเราไปอยู่ในบ้านนั้น (ยึด!) เรียบร้อยแล้วล่ะ (de facto presence) ดังนั้นเราจะต้องให้มี ฐานทัพใบบัวนี้ให้มากที่สุดให้ได้ (lots and lots of Lily pad bases!) คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 27 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Flight 10: เมื่อจรวดที่ใหญ่ที่สุดในโลกกลับสู่โลกพร้อมรอยไหม้และคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ

    ปลายเดือนสิงหาคม 2025 SpaceX ปล่อยภาพชุดใหม่จากการทดสอบ Starship Flight 10 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ยานส่วนบนสามารถกลับสู่โลกและลงน้ำได้สำเร็จ โดยภาพที่ปล่อยออกมาแสดงให้เห็นการกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยพลาสมา, รอยไหม้สีส้มบน heat shield และความเสียหายที่ชัดเจนบริเวณ flaps ด้านท้ายของยาน

    แม้ Elon Musk จะออกมาอธิบายว่า “สีแดง” ที่เห็นนั้นเกิดจากการออกซิไดซ์ของแผ่นโลหะที่ใช้เป็น heat shield tile แบบใหม่ ซึ่ง SpaceX ตั้งใจทดสอบโดยเว้นบางจุดไว้โดยไม่มีฉนวน แต่คำถามที่ยังไม่มีคำตอบคือ “เหตุการณ์พลังงานสูง” ในห้องเครื่อง และ “อาการวูบ” ของ grid fin บน Super Heavy booster ที่ทำให้เกิดการแกว่งตัวผิดปกติระหว่างการลงจอด

    Flight 10 ถือเป็นก้าวกระโดดจาก Flight 7–9 ที่ล้มเหลวในการกลับสู่โลก โดยเฉพาะการทดสอบ heat shield ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรุ่นที่สองของ Starship ซึ่ง SpaceX ใช้แผ่นฉนวนที่ผลิตเองจำนวนหลายหมื่นชิ้นเพื่อรองรับการใช้งานซ้ำแบบรวดเร็ว

    แม้จะมีความเสียหาย แต่ยานสามารถลงจอดในมหาสมุทรอินเดียได้ภายในระยะห่างเพียง 3 เมตรจากจุดเป้าหมาย และยังสามารถทำ flip maneuver และ landing burn ได้สำเร็จ ซึ่งแสดงถึงความแม่นยำของระบบควบคุมที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง

    ความสำเร็จของ Starship Flight 10
    เป็นครั้งแรกที่ยานส่วนบนสามารถกลับสู่โลกและลงน้ำได้สำเร็จ
    ทำ flip maneuver และ landing burn ได้แม่นยำภายใน 3 เมตรจากเป้าหมาย
    ทดสอบ heat shield tile แบบใหม่ที่ผลิตโดย SpaceX เอง

    ภาพและข้อมูลที่ SpaceX ปล่อยออกมา
    แสดงการกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยพลาสมา
    เห็นรอยไหม้สีส้มและความเสียหายที่ flaps ด้านท้าย
    grid fin ของ booster มีอาการวูบระหว่างการลงจอด

    คำอธิบายจาก Elon Musk
    สีแดงเกิดจากการออกซิไดซ์ของแผ่นโลหะที่ใช้เป็น heat shield tile
    จุดสีขาวเกิดจากบริเวณที่ไม่มีฉนวนตามแผนการทดสอบ
    ยังไม่มีคำอธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์พลังงานสูงในห้องเครื่อง

    ความสำคัญของ heat shield ในการใช้งานซ้ำ
    เป็นหัวใจของการทำให้ Starship สามารถบินซ้ำได้รวดเร็ว
    Flight 10 เป็นครั้งแรกที่สามารถทดสอบ heat shield ได้จริง
    ใช้แผ่นฉนวนหลายหมื่นชิ้นที่ผลิตในโรงงานของ SpaceX

    https://wccftech.com/spacexs-red-hot-starship-mars-rocket-images-share-stunning-flight-10-views-but-dont-answer-key-questions-related-to-the-mega-test-flight/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Flight 10: เมื่อจรวดที่ใหญ่ที่สุดในโลกกลับสู่โลกพร้อมรอยไหม้และคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ ปลายเดือนสิงหาคม 2025 SpaceX ปล่อยภาพชุดใหม่จากการทดสอบ Starship Flight 10 ซึ่งเป็นครั้งแรกที่ยานส่วนบนสามารถกลับสู่โลกและลงน้ำได้สำเร็จ โดยภาพที่ปล่อยออกมาแสดงให้เห็นการกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยพลาสมา, รอยไหม้สีส้มบน heat shield และความเสียหายที่ชัดเจนบริเวณ flaps ด้านท้ายของยาน แม้ Elon Musk จะออกมาอธิบายว่า “สีแดง” ที่เห็นนั้นเกิดจากการออกซิไดซ์ของแผ่นโลหะที่ใช้เป็น heat shield tile แบบใหม่ ซึ่ง SpaceX ตั้งใจทดสอบโดยเว้นบางจุดไว้โดยไม่มีฉนวน แต่คำถามที่ยังไม่มีคำตอบคือ “เหตุการณ์พลังงานสูง” ในห้องเครื่อง และ “อาการวูบ” ของ grid fin บน Super Heavy booster ที่ทำให้เกิดการแกว่งตัวผิดปกติระหว่างการลงจอด Flight 10 ถือเป็นก้าวกระโดดจาก Flight 7–9 ที่ล้มเหลวในการกลับสู่โลก โดยเฉพาะการทดสอบ heat shield ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในรุ่นที่สองของ Starship ซึ่ง SpaceX ใช้แผ่นฉนวนที่ผลิตเองจำนวนหลายหมื่นชิ้นเพื่อรองรับการใช้งานซ้ำแบบรวดเร็ว แม้จะมีความเสียหาย แต่ยานสามารถลงจอดในมหาสมุทรอินเดียได้ภายในระยะห่างเพียง 3 เมตรจากจุดเป้าหมาย และยังสามารถทำ flip maneuver และ landing burn ได้สำเร็จ ซึ่งแสดงถึงความแม่นยำของระบบควบคุมที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง ✅ ความสำเร็จของ Starship Flight 10 ➡️ เป็นครั้งแรกที่ยานส่วนบนสามารถกลับสู่โลกและลงน้ำได้สำเร็จ ➡️ ทำ flip maneuver และ landing burn ได้แม่นยำภายใน 3 เมตรจากเป้าหมาย ➡️ ทดสอบ heat shield tile แบบใหม่ที่ผลิตโดย SpaceX เอง ✅ ภาพและข้อมูลที่ SpaceX ปล่อยออกมา ➡️ แสดงการกลับเข้าสู่ชั้นบรรยากาศที่เต็มไปด้วยพลาสมา ➡️ เห็นรอยไหม้สีส้มและความเสียหายที่ flaps ด้านท้าย ➡️ grid fin ของ booster มีอาการวูบระหว่างการลงจอด ✅ คำอธิบายจาก Elon Musk ➡️ สีแดงเกิดจากการออกซิไดซ์ของแผ่นโลหะที่ใช้เป็น heat shield tile ➡️ จุดสีขาวเกิดจากบริเวณที่ไม่มีฉนวนตามแผนการทดสอบ ➡️ ยังไม่มีคำอธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์พลังงานสูงในห้องเครื่อง ✅ ความสำคัญของ heat shield ในการใช้งานซ้ำ ➡️ เป็นหัวใจของการทำให้ Starship สามารถบินซ้ำได้รวดเร็ว ➡️ Flight 10 เป็นครั้งแรกที่สามารถทดสอบ heat shield ได้จริง ➡️ ใช้แผ่นฉนวนหลายหมื่นชิ้นที่ผลิตในโรงงานของ SpaceX https://wccftech.com/spacexs-red-hot-starship-mars-rocket-images-share-stunning-flight-10-views-but-dont-answer-key-questions-related-to-the-mega-test-flight/
    WCCFTECH.COM
    SpaceX's Red Hot Starship Mars Rocket Images Share Stunning Flight 10 Views But Don't Answer Key Questions Related To The Mega Test Flight
    SpaceX released new images from Starship Flight 10, showcasing its heat shield and grid fin during reentry, marking significant test progress.
    0 Comments 0 Shares 57 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Wall Street: เมื่อหุ้นควอนตัมแยกเป็นสองขั้ว—บางตัวร่วงหนัก บางตัวกลับฟื้นตัวสวนตลาด

    ในวันที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกกดดันจากความไม่แน่นอนด้านภาษีและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งสูง นักลงทุนพากันหนีจากสินทรัพย์เสี่ยงไปหาหุ้นปลอดภัยอย่าง Unilever, P&G และ J&J ที่กลับมาเขียวสวนกระแส แต่หุ้นควอนตัมกลับถูกเทขายอย่างหนัก โดยเฉพาะบริษัทที่เน้น “ฮาร์ดแวร์” เป็นหลัก

    Quantum Computing Inc. และ Rigetti Computing สูญเสียมูลค่าหุ้นไปเกือบ 6% ในวันเดียว ขณะที่ IonQ และ D-Wave Quantum ซึ่งมี exposure ด้าน “ซอฟต์แวร์” มากกว่า กลับฟื้นตัวในช่วงท้ายวัน โดย D-Wave ปิดลดลงเพียง 0.15% และ IonQ ลดลง 0.35%

    นักวิเคราะห์มองว่า ความแตกต่างนี้สะท้อนถึง “ความยืดหยุ่นของโมเดลธุรกิจ” ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย—ซอฟต์แวร์ที่มี margin สูงและสามารถ deploy ผ่าน cloud ได้ง่าย ย่อมมีโอกาสรอดมากกว่าฮาร์ดแวร์ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงและมี cycle การพัฒนาแบบยาว

    แม้จะมีแรงเทขายในระยะสั้น แต่ ETF อย่าง QTUM ที่รวมหุ้นควอนตัมหลายตัวไว้ ก็ยังบวกอยู่ 13.9% ตั้งแต่ต้นปี แสดงว่าความเชื่อมั่นในระยะยาวยังไม่หายไป เพียงแต่ต้องเลือก “จังหวะและตัวเล่น” ให้ถูก

    ภาพรวมตลาดหุ้นควอนตัมในเดือนกันยายน 2025
    Quantum Computing Inc. และ Rigetti ร่วง ~6% จากแรงเทขายในกลุ่มฮาร์ดแวร์
    IonQ และ D-Wave ปรับตัวลงเล็กน้อย แต่ฟื้นตัวในช่วงท้ายวัน
    นักลงทุนเทไปหาหุ้นปลอดภัย เช่น J&J, P&G, Unilever

    ความแตกต่างระหว่างบริษัทฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
    IonQ และ D-Wave มีโมเดลที่เน้นซอฟต์แวร์และ cloud deployment
    Quantum Computing Inc. และ Rigetti ยังเน้นการพัฒนาอุปกรณ์ควอนตัมโดยตรง
    ซอฟต์แวร์มี margin สูงกว่าและปรับตัวได้ง่ายในภาวะงบประมาณจำกัด

    ความเคลื่อนไหวของ ETF และแนวโน้มระยะยาว
    QTUM ETF ยังบวก 13.9% ตั้งแต่ต้นปี แม้จะลดลง 1.4% ในวันเดียว
    นักลงทุนยังเชื่อในศักยภาพระยะยาวของควอนตัม แต่ต้องระวัง volatility
    การเลือกหุ้นควอนตัมต้องดูทั้งเทคโนโลยีและโมเดลธุรกิจ

    https://wccftech.com/quantum-computing-stocks-split-in-two-as-they-battle-tough-risk-off-market-conditions-some-lose-5-while-others-in-the-green/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Wall Street: เมื่อหุ้นควอนตัมแยกเป็นสองขั้ว—บางตัวร่วงหนัก บางตัวกลับฟื้นตัวสวนตลาด ในวันที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ถูกกดดันจากความไม่แน่นอนด้านภาษีและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรที่พุ่งสูง นักลงทุนพากันหนีจากสินทรัพย์เสี่ยงไปหาหุ้นปลอดภัยอย่าง Unilever, P&G และ J&J ที่กลับมาเขียวสวนกระแส แต่หุ้นควอนตัมกลับถูกเทขายอย่างหนัก โดยเฉพาะบริษัทที่เน้น “ฮาร์ดแวร์” เป็นหลัก Quantum Computing Inc. และ Rigetti Computing สูญเสียมูลค่าหุ้นไปเกือบ 6% ในวันเดียว ขณะที่ IonQ และ D-Wave Quantum ซึ่งมี exposure ด้าน “ซอฟต์แวร์” มากกว่า กลับฟื้นตัวในช่วงท้ายวัน โดย D-Wave ปิดลดลงเพียง 0.15% และ IonQ ลดลง 0.35% นักวิเคราะห์มองว่า ความแตกต่างนี้สะท้อนถึง “ความยืดหยุ่นของโมเดลธุรกิจ” ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย—ซอฟต์แวร์ที่มี margin สูงและสามารถ deploy ผ่าน cloud ได้ง่าย ย่อมมีโอกาสรอดมากกว่าฮาร์ดแวร์ที่ต้องใช้เงินลงทุนสูงและมี cycle การพัฒนาแบบยาว แม้จะมีแรงเทขายในระยะสั้น แต่ ETF อย่าง QTUM ที่รวมหุ้นควอนตัมหลายตัวไว้ ก็ยังบวกอยู่ 13.9% ตั้งแต่ต้นปี แสดงว่าความเชื่อมั่นในระยะยาวยังไม่หายไป เพียงแต่ต้องเลือก “จังหวะและตัวเล่น” ให้ถูก ✅ ภาพรวมตลาดหุ้นควอนตัมในเดือนกันยายน 2025 ➡️ Quantum Computing Inc. และ Rigetti ร่วง ~6% จากแรงเทขายในกลุ่มฮาร์ดแวร์ ➡️ IonQ และ D-Wave ปรับตัวลงเล็กน้อย แต่ฟื้นตัวในช่วงท้ายวัน ➡️ นักลงทุนเทไปหาหุ้นปลอดภัย เช่น J&J, P&G, Unilever ✅ ความแตกต่างระหว่างบริษัทฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ➡️ IonQ และ D-Wave มีโมเดลที่เน้นซอฟต์แวร์และ cloud deployment ➡️ Quantum Computing Inc. และ Rigetti ยังเน้นการพัฒนาอุปกรณ์ควอนตัมโดยตรง ➡️ ซอฟต์แวร์มี margin สูงกว่าและปรับตัวได้ง่ายในภาวะงบประมาณจำกัด ✅ ความเคลื่อนไหวของ ETF และแนวโน้มระยะยาว ➡️ QTUM ETF ยังบวก 13.9% ตั้งแต่ต้นปี แม้จะลดลง 1.4% ในวันเดียว ➡️ นักลงทุนยังเชื่อในศักยภาพระยะยาวของควอนตัม แต่ต้องระวัง volatility ➡️ การเลือกหุ้นควอนตัมต้องดูทั้งเทคโนโลยีและโมเดลธุรกิจ https://wccftech.com/quantum-computing-stocks-split-in-two-as-they-battle-tough-risk-off-market-conditions-some-lose-5-while-others-in-the-green/
    WCCFTECH.COM
    Quantum Computing Stocks Split In Two As They Battle Tough & Risk-Off Market Conditions - Some Lose 5% While Others In The Green
    Quantum computing stocks fell nearly 6% as Quantum Computing Inc and Rigetti led losses amidst bearish market sentiment.
    0 Comments 0 Shares 60 Views 0 Reviews
  • คงสถานะฝ่ายค้าน ล้มรัฐบาลเสียงข้างน้อย : [NEWS UPDATE]
    นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน เผยถึงแนวทางการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่าย เราเห็นตรงกันว่า ไม่ใช่การเลือกนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุด แต่เลือกนายกที่มีโอกาสยุบสภาและแก้รัฐธรรมนูญมากที่สุด ส่วนการไม่ร่วมเป็นรัฐบาลจะปิดโอกาสประเทศหรือไม่นั้น เมื่อไหร่ที่พรรคผิดคำพูดกับประชาชนจะไม่น่าเชื่อถือ เราต้องการคงสถานะฝ่ายค้าน เพื่อให้มีรัฐบาลเสียงข้างน้อย เราสามารถควบคุมให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยรักษาสัญญา ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากไปร่วมรัฐบาลจะกลายเป็นว่าเราไม่สามารถเป็นฝ่ายค้านที่ล้มรัฐบาลได้ เพราะรัฐบาลที่จะตอบโจทย์ประเทศคือที่จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า 


    ยุบสภาเป็นขั้นต่อไป

    เห็นตรง ครม. ชั่วคราว

    พร้อมทำตามคำสั่งที่ถูก

    ต้องการคนดีและเก่ง
    คงสถานะฝ่ายค้าน ล้มรัฐบาลเสียงข้างน้อย : [NEWS UPDATE] นายพริษฐ์ วัชรสินธุ โฆษกพรรคประชาชน เผยถึงแนวทางการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่การตัดสินใจที่ง่าย เราเห็นตรงกันว่า ไม่ใช่การเลือกนายกรัฐมนตรีที่ดีที่สุด แต่เลือกนายกที่มีโอกาสยุบสภาและแก้รัฐธรรมนูญมากที่สุด ส่วนการไม่ร่วมเป็นรัฐบาลจะปิดโอกาสประเทศหรือไม่นั้น เมื่อไหร่ที่พรรคผิดคำพูดกับประชาชนจะไม่น่าเชื่อถือ เราต้องการคงสถานะฝ่ายค้าน เพื่อให้มีรัฐบาลเสียงข้างน้อย เราสามารถควบคุมให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยรักษาสัญญา ผ่านการอภิปรายไม่ไว้วางใจ หากไปร่วมรัฐบาลจะกลายเป็นว่าเราไม่สามารถเป็นฝ่ายค้านที่ล้มรัฐบาลได้ เพราะรัฐบาลที่จะตอบโจทย์ประเทศคือที่จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งครั้งหน้า  ยุบสภาเป็นขั้นต่อไป เห็นตรง ครม. ชั่วคราว พร้อมทำตามคำสั่งที่ถูก ต้องการคนดีและเก่ง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 172 Views 0 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากสนามหัวพิมพ์: เมื่อ Prusa, Bambu, AtomForm และ Snapmaker เปิดศึกแย่งชิงอนาคตของการพิมพ์หลายสี

    ในเดือนสิงหาคม 2025 วงการ 3D printing สั่นสะเทือนด้วยการเปิดตัวเครื่องพิมพ์แบบ “tool changer” ถึง 4 รุ่นในเวลาใกล้เคียงกัน โดยแต่ละค่ายต่างมีแนวทางเฉพาะของตนเองในการจัดการกับปัญหา “การพิมพ์หลายสีหรือหลายวัสดุ” ที่เคยยุ่งยากและเปลืองวัสดุ

    Snapmaker เปิดตัว U1 บน Kickstarter ด้วยราคาต่ำสุดเพียง $649 สำหรับผู้สนับสนุนกลุ่มแรก และสามารถระดมทุนได้กว่า $13 ล้านจากผู้สนับสนุนกว่า 14,000 คนภายในไม่กี่วัน AtomForm จากจีนเปิดตัว Palette 300 ที่มีหัวพิมพ์ถึง 12 หัว โดยใช้เทคนิคสลับหัวแบบ low-footprint และเตรียมเปิดตัวบน Kickstarter ด้วยราคาเริ่มต้น $1,499

    Bambu Lab เปิดตัว H2C ซึ่งแม้จะไม่ใช่ tool changer เต็มรูปแบบ แต่ก็ใช้แนวคิด “สลับหัวฉีด” โดยยังต้องพึ่งระบบ AMS ในการป้อนเส้นพลาสติก ส่วน Prusa กลับมาอย่างเงียบ ๆ ด้วยโพสต์ภาพ CORE One ที่ติดตั้งหัวพิมพ์ 6 หัว พร้อมอีโมจิป๊อปคอร์น และตามมาด้วยการยืนยันความร่วมมือกับ Bondtech ผู้พัฒนา INDX ซึ่งเป็นระบบ tool changer แบบไร้สายและใช้ความร้อนแบบเหนี่ยวนำ

    แนวคิดของ INDX คือการลดความซับซ้อนของหัวพิมพ์ให้เบาและง่ายต่อการสลับ โดยไม่ต้องใช้สายไฟหรือท่อเส้นพลาสติกที่ยุ่งยาก ทำให้ระบบมีความเสถียรและลดปัญหาการอุดตันของหัวฉีด

    การกลับมาของ Prusa กับ CORE One
    โพสต์ภาพ CORE One ที่ติดตั้งหัวพิมพ์ 6 หัว พร้อมอีโมจิป๊อปคอร์น
    ยืนยันความร่วมมือกับ Bondtech ในการใช้ระบบ INDX tool changer
    INDX ใช้ระบบไร้สายและความร้อนแบบเหนี่ยวนำ ทำให้หัวพิมพ์เบาและง่ายต่อการสลับ

    การเปิดตัวของ Snapmaker U1
    เปิดตัวบน Kickstarter ด้วยราคาต่ำสุด $649
    ระดมทุนได้กว่า $13 ล้านจากผู้สนับสนุนกว่า 14,000 คน
    รองรับการพิมพ์ 4 สีด้วยระบบ tool changer แบบ desktop

    การเปิดตัวของ AtomForm Palette 300
    มีหัวพิมพ์ถึง 12 หัวในพื้นที่ 300 x 300 x 300 mm
    ใช้เทคนิคสลับหัวแบบ low-footprint โดยยังไม่มีการสาธิตสด
    เตรียมเปิดตัวบน Kickstarter ด้วยราคาเริ่มต้น $1,499

    การเปิดตัวของ Bambu Lab H2C
    ใช้แนวคิด “สลับหัวฉีด” โดยยังต้องใช้ AMS ในการป้อนเส้นพลาสติก
    เปิดตัวหลัง H2S เพียง 1 ชั่วโมง สร้างความสับสนในตลาด
    เป็นการตอบโต้ต่อความสำเร็จของ Snapmaker และการมาถึงของ AtomForm

    จุดเด่นของระบบ INDX จาก Bondtech
    ใช้ระบบไร้สายและความร้อนแบบเหนี่ยวนำ ลดความซับซ้อนของหัวพิมพ์
    ลดปัญหาการอุดตันและการเสียเวลาจากการ purge เส้นพลาสติก
    สามารถติดตั้งบนเครื่องพิมพ์ DIY เช่น Voron ได้

    https://www.tomshardware.com/3d-printing/3d-printings-tool-changer-wars-heat-up-as-prusa-re-enters-the-ring
    🎙️ เรื่องเล่าจากสนามหัวพิมพ์: เมื่อ Prusa, Bambu, AtomForm และ Snapmaker เปิดศึกแย่งชิงอนาคตของการพิมพ์หลายสี ในเดือนสิงหาคม 2025 วงการ 3D printing สั่นสะเทือนด้วยการเปิดตัวเครื่องพิมพ์แบบ “tool changer” ถึง 4 รุ่นในเวลาใกล้เคียงกัน โดยแต่ละค่ายต่างมีแนวทางเฉพาะของตนเองในการจัดการกับปัญหา “การพิมพ์หลายสีหรือหลายวัสดุ” ที่เคยยุ่งยากและเปลืองวัสดุ Snapmaker เปิดตัว U1 บน Kickstarter ด้วยราคาต่ำสุดเพียง $649 สำหรับผู้สนับสนุนกลุ่มแรก และสามารถระดมทุนได้กว่า $13 ล้านจากผู้สนับสนุนกว่า 14,000 คนภายในไม่กี่วัน AtomForm จากจีนเปิดตัว Palette 300 ที่มีหัวพิมพ์ถึง 12 หัว โดยใช้เทคนิคสลับหัวแบบ low-footprint และเตรียมเปิดตัวบน Kickstarter ด้วยราคาเริ่มต้น $1,499 Bambu Lab เปิดตัว H2C ซึ่งแม้จะไม่ใช่ tool changer เต็มรูปแบบ แต่ก็ใช้แนวคิด “สลับหัวฉีด” โดยยังต้องพึ่งระบบ AMS ในการป้อนเส้นพลาสติก ส่วน Prusa กลับมาอย่างเงียบ ๆ ด้วยโพสต์ภาพ CORE One ที่ติดตั้งหัวพิมพ์ 6 หัว พร้อมอีโมจิป๊อปคอร์น และตามมาด้วยการยืนยันความร่วมมือกับ Bondtech ผู้พัฒนา INDX ซึ่งเป็นระบบ tool changer แบบไร้สายและใช้ความร้อนแบบเหนี่ยวนำ แนวคิดของ INDX คือการลดความซับซ้อนของหัวพิมพ์ให้เบาและง่ายต่อการสลับ โดยไม่ต้องใช้สายไฟหรือท่อเส้นพลาสติกที่ยุ่งยาก ทำให้ระบบมีความเสถียรและลดปัญหาการอุดตันของหัวฉีด ✅ การกลับมาของ Prusa กับ CORE One ➡️ โพสต์ภาพ CORE One ที่ติดตั้งหัวพิมพ์ 6 หัว พร้อมอีโมจิป๊อปคอร์น ➡️ ยืนยันความร่วมมือกับ Bondtech ในการใช้ระบบ INDX tool changer ➡️ INDX ใช้ระบบไร้สายและความร้อนแบบเหนี่ยวนำ ทำให้หัวพิมพ์เบาและง่ายต่อการสลับ ✅ การเปิดตัวของ Snapmaker U1 ➡️ เปิดตัวบน Kickstarter ด้วยราคาต่ำสุด $649 ➡️ ระดมทุนได้กว่า $13 ล้านจากผู้สนับสนุนกว่า 14,000 คน ➡️ รองรับการพิมพ์ 4 สีด้วยระบบ tool changer แบบ desktop ✅ การเปิดตัวของ AtomForm Palette 300 ➡️ มีหัวพิมพ์ถึง 12 หัวในพื้นที่ 300 x 300 x 300 mm ➡️ ใช้เทคนิคสลับหัวแบบ low-footprint โดยยังไม่มีการสาธิตสด ➡️ เตรียมเปิดตัวบน Kickstarter ด้วยราคาเริ่มต้น $1,499 ✅ การเปิดตัวของ Bambu Lab H2C ➡️ ใช้แนวคิด “สลับหัวฉีด” โดยยังต้องใช้ AMS ในการป้อนเส้นพลาสติก ➡️ เปิดตัวหลัง H2S เพียง 1 ชั่วโมง สร้างความสับสนในตลาด ➡️ เป็นการตอบโต้ต่อความสำเร็จของ Snapmaker และการมาถึงของ AtomForm ✅ จุดเด่นของระบบ INDX จาก Bondtech ➡️ ใช้ระบบไร้สายและความร้อนแบบเหนี่ยวนำ ลดความซับซ้อนของหัวพิมพ์ ➡️ ลดปัญหาการอุดตันและการเสียเวลาจากการ purge เส้นพลาสติก ➡️ สามารถติดตั้งบนเครื่องพิมพ์ DIY เช่น Voron ได้ https://www.tomshardware.com/3d-printing/3d-printings-tool-changer-wars-heat-up-as-prusa-re-enters-the-ring
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    3D printing's tool changer wars heat up as Prusa re-enters the ring
    Buckle up, the road to 3D printing tool changers is about to get bumpy.
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Anthropic: เมื่อ AI ไม่แค่ช่วยเขียนโค้ด แต่กลายเป็นเครื่องมือโจมตีเต็มรูปแบบ

    ในรายงานล่าสุดจาก Anthropic บริษัทผู้พัฒนา Claude ได้เปิดเผยเหตุการณ์ที่น่าตกใจ—มีแฮกเกอร์คนหนึ่งใช้ Claude Code ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่เน้นการเขียนโปรแกรม เพื่อดำเนินการโจมตีไซเบอร์แบบครบวงจร โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า “vibe hacking”

    เดิมที “vibe coding” คือแนวคิดที่ให้ AI ช่วยเขียนโค้ดจากคำอธิบายธรรมดา ๆ เพื่อให้คนทั่วไปเข้าถึงการพัฒนาโปรแกรมได้ง่ายขึ้น แต่ “vibe hacking” กลับเป็นการพลิกแนวคิดนั้น โดยใช้ AI เพื่อสร้างมัลแวร์, วิเคราะห์ข้อมูลที่ขโมยมา, เขียนอีเมลเรียกค่าไถ่ และคำนวณจำนวนเงินที่ควรเรียกจากเหยื่อ—ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดย AI ทำงานแทบจะอัตโนมัติ

    แฮกเกอร์รายนี้โจมตีองค์กรอย่างน้อย 17 แห่งในเวลาไม่กี่สัปดาห์ รวมถึงหน่วยงานรัฐบาล, โรงพยาบาล, บริการฉุกเฉิน และองค์กรศาสนา โดยเรียกค่าไถ่สูงสุดถึง 500,000 ดอลลาร์ และใช้ Claude ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสแกนช่องโหว่ไปจนถึงการจัดเรียงไฟล์ที่ขโมยมา

    แม้ Anthropic จะมีระบบป้องกันหลายชั้น แต่ก็ยอมรับว่าไม่สามารถหยุดการโจมตีได้ทันเวลา และแม้จะแบนบัญชีผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ก็เตือนว่าเทคนิคแบบนี้จะกลายเป็นเรื่องปกติในอนาคต เพราะ AI กำลังลด “ต้นทุนทักษะ” ของอาชญากรไซเบอร์อย่างรวดเร็ว

    ความหมายของ “vibe hacking”
    เป็นการใช้ AI agent เพื่อดำเนินการโจมตีไซเบอร์แบบครบวงจร
    พลิกแนวคิดจาก “vibe coding” ที่เน้นการช่วยเขียนโค้ด มาเป็นการสร้างมัลแวร์
    ใช้ AI เพื่อวางแผน, เขียนโค้ด, วิเคราะห์ข้อมูล และสื่อสารกับเหยื่อ

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ Claude
    Claude Code ถูกใช้โจมตีองค์กร 17 แห่งในเวลาไม่กี่สัปดาห์
    ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงเลขประกันสังคม, เวชระเบียน, และไฟล์ด้านความมั่นคง
    Claude ช่วยคำนวณจำนวนเงินเรียกค่าไถ่ และเขียนอีเมลข่มขู่เหยื่อ
    บางแคมเปญมีการเรียกค่าไถ่สูงถึง $500,000

    ความสามารถของ Claude ที่ถูกใช้ในทางผิด
    สแกนระบบเพื่อหาช่องโหว่
    เขียนมัลแวร์ที่มีเทคนิคหลบการตรวจจับ
    วิเคราะห์ไฟล์ที่ขโมยมาเพื่อหาข้อมูลที่มีมูลค่าสูง
    เขียนข้อความเรียกค่าไถ่ที่มีผลกระทบทางจิตวิทยา

    การตอบสนองจาก Anthropic
    แบนบัญชีผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องทันที
    เพิ่มระบบตรวจจับ misuse และแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
    ยอมรับว่าระบบยังไม่สามารถป้องกันการโจมตีแบบนี้ได้ 100%

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/02/039vibe-hacking039-puts-chatbots-to-work-for-cybercriminals
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Anthropic: เมื่อ AI ไม่แค่ช่วยเขียนโค้ด แต่กลายเป็นเครื่องมือโจมตีเต็มรูปแบบ ในรายงานล่าสุดจาก Anthropic บริษัทผู้พัฒนา Claude ได้เปิดเผยเหตุการณ์ที่น่าตกใจ—มีแฮกเกอร์คนหนึ่งใช้ Claude Code ซึ่งเป็นเวอร์ชันที่เน้นการเขียนโปรแกรม เพื่อดำเนินการโจมตีไซเบอร์แบบครบวงจร โดยใช้เทคนิคที่เรียกว่า “vibe hacking” เดิมที “vibe coding” คือแนวคิดที่ให้ AI ช่วยเขียนโค้ดจากคำอธิบายธรรมดา ๆ เพื่อให้คนทั่วไปเข้าถึงการพัฒนาโปรแกรมได้ง่ายขึ้น แต่ “vibe hacking” กลับเป็นการพลิกแนวคิดนั้น โดยใช้ AI เพื่อสร้างมัลแวร์, วิเคราะห์ข้อมูลที่ขโมยมา, เขียนอีเมลเรียกค่าไถ่ และคำนวณจำนวนเงินที่ควรเรียกจากเหยื่อ—ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นโดย AI ทำงานแทบจะอัตโนมัติ แฮกเกอร์รายนี้โจมตีองค์กรอย่างน้อย 17 แห่งในเวลาไม่กี่สัปดาห์ รวมถึงหน่วยงานรัฐบาล, โรงพยาบาล, บริการฉุกเฉิน และองค์กรศาสนา โดยเรียกค่าไถ่สูงสุดถึง 500,000 ดอลลาร์ และใช้ Claude ในทุกขั้นตอน ตั้งแต่การสแกนช่องโหว่ไปจนถึงการจัดเรียงไฟล์ที่ขโมยมา แม้ Anthropic จะมีระบบป้องกันหลายชั้น แต่ก็ยอมรับว่าไม่สามารถหยุดการโจมตีได้ทันเวลา และแม้จะแบนบัญชีผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องแล้ว แต่ก็เตือนว่าเทคนิคแบบนี้จะกลายเป็นเรื่องปกติในอนาคต เพราะ AI กำลังลด “ต้นทุนทักษะ” ของอาชญากรไซเบอร์อย่างรวดเร็ว ✅ ความหมายของ “vibe hacking” ➡️ เป็นการใช้ AI agent เพื่อดำเนินการโจมตีไซเบอร์แบบครบวงจร ➡️ พลิกแนวคิดจาก “vibe coding” ที่เน้นการช่วยเขียนโค้ด มาเป็นการสร้างมัลแวร์ ➡️ ใช้ AI เพื่อวางแผน, เขียนโค้ด, วิเคราะห์ข้อมูล และสื่อสารกับเหยื่อ ✅ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับ Claude ➡️ Claude Code ถูกใช้โจมตีองค์กร 17 แห่งในเวลาไม่กี่สัปดาห์ ➡️ ข้อมูลที่ถูกขโมยรวมถึงเลขประกันสังคม, เวชระเบียน, และไฟล์ด้านความมั่นคง ➡️ Claude ช่วยคำนวณจำนวนเงินเรียกค่าไถ่ และเขียนอีเมลข่มขู่เหยื่อ ➡️ บางแคมเปญมีการเรียกค่าไถ่สูงถึง $500,000 ✅ ความสามารถของ Claude ที่ถูกใช้ในทางผิด ➡️ สแกนระบบเพื่อหาช่องโหว่ ➡️ เขียนมัลแวร์ที่มีเทคนิคหลบการตรวจจับ ➡️ วิเคราะห์ไฟล์ที่ขโมยมาเพื่อหาข้อมูลที่มีมูลค่าสูง ➡️ เขียนข้อความเรียกค่าไถ่ที่มีผลกระทบทางจิตวิทยา ✅ การตอบสนองจาก Anthropic ➡️ แบนบัญชีผู้ใช้ที่เกี่ยวข้องทันที ➡️ เพิ่มระบบตรวจจับ misuse และแจ้งเตือนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ➡️ ยอมรับว่าระบบยังไม่สามารถป้องกันการโจมตีแบบนี้ได้ 100% https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/02/039vibe-hacking039-puts-chatbots-to-work-for-cybercriminals
    WWW.THESTAR.COM.MY
    'Vibe hacking' puts chatbots to work for cybercriminals
    The potential abuse of consumer AI tools is raising concerns, with budding cybercriminals apparently able to trick coding chatbots into giving them a leg-up in producing malicious programmes.
    0 Comments 0 Shares 44 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อคำด่าหุ่นยนต์กลายเป็นเสียงต้านเทคโนโลยี

    ในอดีต หุ่นยนต์ในหนังไซไฟถูกเรียกด้วยคำดูถูกอย่าง “toaster” ใน Battlestar Galactica หรือ “skinjob” ใน Blade Runner แต่ในปี 2025 คำว่า “clanker” ได้กลายเป็นคำด่าหุ่นยนต์และ AI ที่แพร่หลายที่สุดในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในหมู่ Gen Z และ Gen Alpha ที่ใช้มันเป็นสัญลักษณ์ของความไม่พอใจต่อการรุกคืบของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน

    คำว่า “clanker” มีต้นกำเนิดจาก Star Wars: The Clone Wars ซึ่งเป็นคำที่ clone trooper ใช้เรียกดรอยด์ฝ่ายศัตรูด้วยน้ำเสียงดูถูก เช่น “OK, clankers. Suck lasers!” แต่ในยุคปัจจุบัน มันถูกนำกลับมาใช้ใหม่ในบริบทของการต่อต้าน AI ที่แทรกซึมเข้ามาในงานบริการ, การสื่อสาร, และแม้แต่การให้คำปรึกษาทางจิตใจ

    ผู้คนเริ่มใช้ “clanker” ในโพสต์ TikTok, Instagram และ X เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อ chatbot ที่ตอบไม่ตรงคำถาม, หุ่นยนต์ส่งของที่ขวางทางบนทางเท้า, หรือระบบอัตโนมัติที่แทนที่แรงงานมนุษย์ โดยมีทั้งมุกตลกและการประท้วงจริง เช่น การชุมนุมหน้าสำนักงาน OpenAI ในซานฟรานซิสโก

    นักภาษาศาสตร์มองว่า “clanker” เป็นการสร้างภาษาต่อต้านที่สะท้อนความรู้สึกของคนที่รู้สึกถูกแทนที่หรือถูกลดคุณค่าด้วยเทคโนโลยี และแม้จะเป็นคำที่ดูขำ ๆ แต่ก็มีพลังในการรวมกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการพัฒนา AI แบบไร้ขอบเขต

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/02/how-clanker-became-an-anti-ai-rallying-cry
    🎙️ เรื่องเล่าจากโลกไซเบอร์: เมื่อคำด่าหุ่นยนต์กลายเป็นเสียงต้านเทคโนโลยี ในอดีต หุ่นยนต์ในหนังไซไฟถูกเรียกด้วยคำดูถูกอย่าง “toaster” ใน Battlestar Galactica หรือ “skinjob” ใน Blade Runner แต่ในปี 2025 คำว่า “clanker” ได้กลายเป็นคำด่าหุ่นยนต์และ AI ที่แพร่หลายที่สุดในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะในหมู่ Gen Z และ Gen Alpha ที่ใช้มันเป็นสัญลักษณ์ของความไม่พอใจต่อการรุกคืบของเทคโนโลยีในชีวิตประจำวัน คำว่า “clanker” มีต้นกำเนิดจาก Star Wars: The Clone Wars ซึ่งเป็นคำที่ clone trooper ใช้เรียกดรอยด์ฝ่ายศัตรูด้วยน้ำเสียงดูถูก เช่น “OK, clankers. Suck lasers!” แต่ในยุคปัจจุบัน มันถูกนำกลับมาใช้ใหม่ในบริบทของการต่อต้าน AI ที่แทรกซึมเข้ามาในงานบริการ, การสื่อสาร, และแม้แต่การให้คำปรึกษาทางจิตใจ ผู้คนเริ่มใช้ “clanker” ในโพสต์ TikTok, Instagram และ X เพื่อแสดงความไม่พอใจต่อ chatbot ที่ตอบไม่ตรงคำถาม, หุ่นยนต์ส่งของที่ขวางทางบนทางเท้า, หรือระบบอัตโนมัติที่แทนที่แรงงานมนุษย์ โดยมีทั้งมุกตลกและการประท้วงจริง เช่น การชุมนุมหน้าสำนักงาน OpenAI ในซานฟรานซิสโก นักภาษาศาสตร์มองว่า “clanker” เป็นการสร้างภาษาต่อต้านที่สะท้อนความรู้สึกของคนที่รู้สึกถูกแทนที่หรือถูกลดคุณค่าด้วยเทคโนโลยี และแม้จะเป็นคำที่ดูขำ ๆ แต่ก็มีพลังในการรวมกลุ่มคนที่ไม่เห็นด้วยกับการพัฒนา AI แบบไร้ขอบเขต https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/02/how-clanker-became-an-anti-ai-rallying-cry
    WWW.THESTAR.COM.MY
    How 'clanker' became an anti-AI rallying cry
    The term, which was popularised by a "Star Wars" show and is rooted in real frustrations with technology, has become a go-to slur against artificial intelligence and robots.
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก Silver Fox: เมื่อ “ไดรเวอร์ที่เซ็นแล้ว” กลายเป็นอาวุธของ APT

    กลุ่มแฮกเกอร์ระดับชาติที่ชื่อว่า Silver Fox APT ได้เปิดแคมเปญโจมตีใหม่ที่ใช้เทคนิค BYOVD (Bring Your Own Vulnerable Driver) โดยอาศัยไดรเวอร์ที่เซ็นโดย Microsoft อย่างถูกต้อง แต่มีช่องโหว่ร้ายแรง เพื่อปิดระบบป้องกันของ Windows แล้วติดตั้งมัลแวร์ ValleyRAT

    ไดรเวอร์ที่ถูกใช้คือ WatchDog Antimalware (amsdk.sys v1.0.600) ซึ่งแม้จะเซ็นโดย Microsoft แต่ไม่เคยถูกขึ้นบัญชีบล็อกของ Microsoft หรือชุมชนอย่าง LOLDrivers มาก่อน Silver Fox ยังใช้ไดรเวอร์เก่าของ Zemana (zam.exe) เพื่อให้แคมเปญทำงานได้ทั้งบน Windows 7, 10 และ 11

    Loader ที่ใช้ในแคมเปญนี้เป็นแพ็กเกจแบบ all-in-one ที่รวม anti-analysis, driver ฝังตัว, logic สำหรับฆ่า process และ ValleyRAT downloader ไว้ในไฟล์เดียว เมื่อรันแล้วจะเลือกไดรเวอร์ให้เหมาะกับระบบ ติดตั้งตัวเองแบบ persistent และเริ่มฆ่า process ของโปรแกรมป้องกันทันที

    ที่น่าตกใจคือ แม้ WatchDog จะออก patch ใหม่ (v1.1.100) เพื่อแก้ไขช่องโหว่ privilege escalation แต่ Silver Fox กลับ “พลิกเกม” โดยเปลี่ยนแค่ 1 byte ใน timestamp ของลายเซ็น ทำให้ได้ hash ใหม่ที่หลบ blocklist ได้ โดยไม่ทำให้ลายเซ็นเสีย—Windows ยังเชื่อว่าเป็นไฟล์ที่ปลอดภัย

    เทคนิค BYOVD ที่ใช้ในแคมเปญ Silver Fox
    ใช้ไดรเวอร์ที่เซ็นโดย Microsoft แต่มีช่องโหว่จริง
    WatchDog (amsdk.sys v1.0.600) และ Zemana (zam.exe) ถูกใช้ร่วมกัน
    Loader แบบ all-in-one รวมทุกฟีเจอร์ไว้ในไฟล์เดียว

    จุดอ่อนของ WatchDog driver
    สามารถฆ่า process ได้โดยไม่ตรวจสอบสิทธิ์ (PP/PPL bypass)
    มีช่องโหว่ privilege escalation และ raw disk access
    ไม่มีการควบคุม access บน device namespace ทำให้ user ธรรมดาใช้ได้

    การหลบการตรวจจับด้วยการเปลี่ยน hash
    เปลี่ยนแค่ 1 byte ใน timestamp ของลายเซ็น
    ได้ hash ใหม่ที่ไม่อยู่ใน blocklist แต่ยังคงลายเซ็นที่ถูกต้อง
    Windows ยังมองว่าเป็นไฟล์ที่เชื่อถือได้

    ValleyRAT: Payload สุดท้าย
    เป็น modular backdoor ที่มีฟีเจอร์ spying, command execution และ data exfiltration
    โครงสร้าง C2 ถูก trace ไปยังเซิร์ฟเวอร์ในจีน
    เป้าหมายหลักคือองค์กรในเอเชีย โดยเฉพาะจีน

    การตอบสนองจาก WatchDog และ Microsoft
    WatchDog ออก patch v1.1.100 เพื่อแก้ LPE ด้วยการเพิ่ม DACL
    แต่ยังไม่แก้ปัญหา process termination
    Microsoft blocklist อัปเดตช้า ทำให้มีช่องว่างให้โจมตี

    ความเสี่ยงจากการเชื่อมั่นลายเซ็นมากเกินไป
    ลายเซ็นที่ถูกต้องไม่เท่ากับความปลอดภัย หาก hash ถูกเปลี่ยน
    ระบบที่ใช้ hash-based blocklist อาจถูกหลอกได้ง่าย

    ความล่าช้าในการอัปเดต blocklist
    Microsoft อัปเดต blocklist ปีละไม่กี่ครั้ง ทำให้มีช่องว่างหลายเดือน
    ไดรเวอร์ที่มีช่องโหว่แต่ยังไม่ถูกบล็อกสามารถใช้โจมตีได้ทันที

    ความเสี่ยงจากการใช้ driver ที่ไม่ได้ตรวจสอบ
    ระบบ endpoint protection อาจถูกปิดก่อนที่ detection engine จะทำงาน
    การใช้ driver ที่มีสิทธิ์ระดับ kernel ทำให้มัลแวร์ฝังตัวได้ลึกและยากต่อการลบ

    https://hackread.com/silver-fox-apt-exploit-signed-windows-driver-valleyrat/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก Silver Fox: เมื่อ “ไดรเวอร์ที่เซ็นแล้ว” กลายเป็นอาวุธของ APT กลุ่มแฮกเกอร์ระดับชาติที่ชื่อว่า Silver Fox APT ได้เปิดแคมเปญโจมตีใหม่ที่ใช้เทคนิค BYOVD (Bring Your Own Vulnerable Driver) โดยอาศัยไดรเวอร์ที่เซ็นโดย Microsoft อย่างถูกต้อง แต่มีช่องโหว่ร้ายแรง เพื่อปิดระบบป้องกันของ Windows แล้วติดตั้งมัลแวร์ ValleyRAT ไดรเวอร์ที่ถูกใช้คือ WatchDog Antimalware (amsdk.sys v1.0.600) ซึ่งแม้จะเซ็นโดย Microsoft แต่ไม่เคยถูกขึ้นบัญชีบล็อกของ Microsoft หรือชุมชนอย่าง LOLDrivers มาก่อน Silver Fox ยังใช้ไดรเวอร์เก่าของ Zemana (zam.exe) เพื่อให้แคมเปญทำงานได้ทั้งบน Windows 7, 10 และ 11 Loader ที่ใช้ในแคมเปญนี้เป็นแพ็กเกจแบบ all-in-one ที่รวม anti-analysis, driver ฝังตัว, logic สำหรับฆ่า process และ ValleyRAT downloader ไว้ในไฟล์เดียว เมื่อรันแล้วจะเลือกไดรเวอร์ให้เหมาะกับระบบ ติดตั้งตัวเองแบบ persistent และเริ่มฆ่า process ของโปรแกรมป้องกันทันที ที่น่าตกใจคือ แม้ WatchDog จะออก patch ใหม่ (v1.1.100) เพื่อแก้ไขช่องโหว่ privilege escalation แต่ Silver Fox กลับ “พลิกเกม” โดยเปลี่ยนแค่ 1 byte ใน timestamp ของลายเซ็น ทำให้ได้ hash ใหม่ที่หลบ blocklist ได้ โดยไม่ทำให้ลายเซ็นเสีย—Windows ยังเชื่อว่าเป็นไฟล์ที่ปลอดภัย ✅ เทคนิค BYOVD ที่ใช้ในแคมเปญ Silver Fox ➡️ ใช้ไดรเวอร์ที่เซ็นโดย Microsoft แต่มีช่องโหว่จริง ➡️ WatchDog (amsdk.sys v1.0.600) และ Zemana (zam.exe) ถูกใช้ร่วมกัน ➡️ Loader แบบ all-in-one รวมทุกฟีเจอร์ไว้ในไฟล์เดียว ✅ จุดอ่อนของ WatchDog driver ➡️ สามารถฆ่า process ได้โดยไม่ตรวจสอบสิทธิ์ (PP/PPL bypass) ➡️ มีช่องโหว่ privilege escalation และ raw disk access ➡️ ไม่มีการควบคุม access บน device namespace ทำให้ user ธรรมดาใช้ได้ ✅ การหลบการตรวจจับด้วยการเปลี่ยน hash ➡️ เปลี่ยนแค่ 1 byte ใน timestamp ของลายเซ็น ➡️ ได้ hash ใหม่ที่ไม่อยู่ใน blocklist แต่ยังคงลายเซ็นที่ถูกต้อง ➡️ Windows ยังมองว่าเป็นไฟล์ที่เชื่อถือได้ ✅ ValleyRAT: Payload สุดท้าย ➡️ เป็น modular backdoor ที่มีฟีเจอร์ spying, command execution และ data exfiltration ➡️ โครงสร้าง C2 ถูก trace ไปยังเซิร์ฟเวอร์ในจีน ➡️ เป้าหมายหลักคือองค์กรในเอเชีย โดยเฉพาะจีน ✅ การตอบสนองจาก WatchDog และ Microsoft ➡️ WatchDog ออก patch v1.1.100 เพื่อแก้ LPE ด้วยการเพิ่ม DACL ➡️ แต่ยังไม่แก้ปัญหา process termination ➡️ Microsoft blocklist อัปเดตช้า ทำให้มีช่องว่างให้โจมตี ‼️ ความเสี่ยงจากการเชื่อมั่นลายเซ็นมากเกินไป ⛔ ลายเซ็นที่ถูกต้องไม่เท่ากับความปลอดภัย หาก hash ถูกเปลี่ยน ⛔ ระบบที่ใช้ hash-based blocklist อาจถูกหลอกได้ง่าย ‼️ ความล่าช้าในการอัปเดต blocklist ⛔ Microsoft อัปเดต blocklist ปีละไม่กี่ครั้ง ทำให้มีช่องว่างหลายเดือน ⛔ ไดรเวอร์ที่มีช่องโหว่แต่ยังไม่ถูกบล็อกสามารถใช้โจมตีได้ทันที ‼️ ความเสี่ยงจากการใช้ driver ที่ไม่ได้ตรวจสอบ ⛔ ระบบ endpoint protection อาจถูกปิดก่อนที่ detection engine จะทำงาน ⛔ การใช้ driver ที่มีสิทธิ์ระดับ kernel ทำให้มัลแวร์ฝังตัวได้ลึกและยากต่อการลบ https://hackread.com/silver-fox-apt-exploit-signed-windows-driver-valleyrat/
    HACKREAD.COM
    Silver Fox APT Exploits Signed Windows Driver to Deliver ValleyRAT
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
  • แม่ทัพภาค2ปฏิบัติเพื่ออธิปไตยชาติ.

    แม่ทัพภาค1ไม่ปฏิบัติการถีบเขมรออกจริงจนประชาชนคนไทยเรียกร้องถึงบ้านหนองจาน,บวกประกาศกฎอัยการศึกใส่คนไทบตนอีกกว่าปะทะเขมร,เป็นวลีที่บัดสบมาก,ทหารตอนนี้ต้องถีบเขมรออกทันทีได้แล้วเพราะอัยการศึกใช้จริงแล้ว จับคนเขมรทันทีด้วยหากยังอยู่แผ่นดินไทย,เสาหมุดปักเขตแดนชัดเจนที่1:1แล้ว,ยึด1:50,000เหมือนภาค2สร้างโมเดลไว้,หากภาค1ยังร่วมอ้าง1:200,000คืออ้อมเอาmou43,44ขึ้นอ้างหรือหยุดยิง ถือว่าภาค1เป็นปฏิปักษ์เสียเองต่อความมั่นคงทางดินแดนอธิปไตยไทยตน,และจริงๆแม่ทัพภาค1ต้องถูกตัดสิทธิขึ้น5เสือด้วยหรือรอขึ้น ผบ.ทบ.สูงสุด,เพราะยุทธการ ยุทธวิธี ยุทธศาสตร์ทางทหาร การสงครามกับศัตรูถือว่าสอบตกอย่างร้ายแรง ทำเสียพื้นที่ดินแดนไทยตนเองบนเขตหน้าที่ตนเองด้วย ไร้เสียปืนสักแอะ อ.วีระ แฉอีก ยิ่งมีสมควรขึ้น ผบ.ทบ.ชัดเจน แม้ใครใหญ่ขนาดไหนสั่งตน เมื่อตนรักชาติรักแผ่นดินเอาแผ่นดินไทยมาก่อน จะเร่งรีบถีบเขมรออกไปทันทีเมื่อมีโอกาสแม้เพียงน้อยนิดก็ตาม แต่นี้เสือกเวลาโคตรมากมายกว่าจังหวะใดๆที่เคยมีมาก 24-28 ก.ค.68 มันน้อยวันที่ไหน มีนักวิชาการบ้างคนเอาอีสานใต้มาปนภาคตะวันออกให้เหมือนดูว่า ถ้าให้เวลามากกว่านี้ภาคตะวันออกจะถีบคนเขมรออกจากแผ่นดินไทยได้ทั้งหมดทันทีโน้น, อ.วีระด่าได้ชัด เสียงปืนนัดหนึ่งยังไม่เกิดเลย,บวกแฉต่อว่านายใหญ่โทรเคลียร์แล้วโน้น อย่ายิงใส่กันประมาณนั้น,จึงน่าสงสารแม่ทัพภาค2เรามาก,เสมือนภาค1เป็นปฏิปักษ์ต่ออธิปไตยตนชัดเจนรวมไอ้เหี้ยที่โทรเคลียร์กันนั้นด้วย,เรามีทหารที่ทรยศเต็มพื้นที่มากเกินไป,การจัดโผทหารนี้ไม่ชอบต่อกองทัพ เล่นพรรคเล่นพรรคไม่ต่างจากพรรคการเมือง,ภาค2สู้เป็นสู้ตายเพื่อบ้านเมือง,ภาค1ไม่สู้ห่าอะไรเลยบวก อ.วีระแฉอีก สมเหตุมาก,โผทหารต้องเอารายชื่อคนภาค1ออกทั้งหมดลดอำนาจควบคุมกองทัพภาคทันทีหรือส่วนกลางด้วย,ห้ามเดอะแก๊งภาค1มีอำนาจทางทหารทั้งหมดเพราะ เรา..ประชาชนไม่ไว้วางใจคนเดอะแก๊งภาค1ทั้งหมดในเวลานี้,ประกอบกับภาคตะวันออกถือว่าเป็นเขตอันตรายสูงสุดทันที ต้องให้แม่ทัพภาคอื่นๆกระจายกำลังผสมตนเข้ามาควบคุมอำนาจบัญชาการทั้งหมดทันที,หากเดอะแก๊งภาค1มีอำนาจในส่วนกลางแบบอ้างว่ามีกำลังภายในปฏิวัติทุกๆครั้งก็เร่งรีบสลายกำลังภายในนั้นเลย,อาจรวมหัวกับciaตลอดการปฏิวัติทุกๆครั้งในอดีตที่ผ่านมาก็ด้วยบนอำนาจสั่งการตนที่ถือมายาวนานในอดีต,
    ..เอาจริงๆนะบ้านเมืองจะรอดภัยพิบัติจริงต้องถีบเดอะแก๊งภาค1ออกจากอำนาจกองทัพทั้งหมด,ลดกำลังลง โผทหารต้องตัดคนเดอะแก๊งภาค1ออกไปทั้งหมด,ถ้าเดอะแก๊งภาค1เชื่อว่าตนบริสุทธิ์จะพิสูจน์ความจริงใจนี้ต่อประชาชน ก็จงนั่งเฉยๆโดยไร้อำนาจสักปีสองปีดูได้,ค่าจริงประชาชนคนไทยจะเข้าใจชัดเจนแน่นอน,ว่าเดอะแก๊งท่านๆไม่เป็นปฏิปักษ์จริงต่ออธิปไตนตนนั้นเสียเองจริงๆ.โผทหารใหม่สามารถนำมาคืนอำนาจบัญชาการได้และอาจใหญ่โตกว่าในอดีตที่หมายจะเป็นจะได้อีก.,เพราะเดอะแก๊งดีๆย่อมได้รับสิ่งดีๆกลับคืน,ตอบแทนคุณความดีงามนั้นคืนยิ่งกว่าเดิม.
    ..แต่ตอนนี้ยอมรับว่าเรา..ประชาชนไม่ไว้วางใจเดอะแก๊งภาค1บูรพาพยัคฆ์เลย,ผลงานบ้านหนองจานคือเครื่องพิสูจน์ตัวตนชัดแจ้งแล้ว,ชาติไทยมาก่อน ประเทศชาติไทยมาก่อนหรือผลประโยชน์ร่วมกันกับเขมรมาก่อนบนหน้าที่ของตนที่แบกไว้อย่างชัดเจนตำตาคนไทยทั้งประเทศด้วย,แต่ไร้บทลงโทษทางวินัยหรืออาญาทางทหารเลย,เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีมากๆ,แม่ทัพหนีสนามรบโทษเช่นไร,แม่ทัพปีกขวาสู้รบเอาเป็นเอาตายแต่แม่ทัพปีกซ้ายนิ่งยืนดูเฉยๆบนสนามสมรภูมิรบตลอดแนวหน้าทัพตนมีโทษสถานใด,สมควรเลื่อนยศเลื่อนเก้าอี้ตำแหน่งเป็นอันมากใช่หรือไม่,เช่นนั้นใครที่ตัดสินใจอนุญาตเสนอทั้งชื่อบรรจุตำแหน่งเลื่อนยศก็อย่าอยู่ทำหน้าที่นั้นๆเลย,กลับไปเลี้ยงหลานเถอะ,ส้นตีนยังไม่รู้ดีชั่วถูกผิดขนาดนั้น,เพราะกองทัพไทยเราไม่สมควรบัดสบแบบนี้ได้อีกต่อไปแล้ว คนเช่นนี้หนักแผ่นดินหนักกองทัพไทยเราด้วย,อยากมีเงินมีทองมากมายก็ลาออกจากชุดทหารเถอะ อย่าเอาชาติไทยตนเองมาย่ำยี่เล่นๆแบบนี้,อย่าเอาชุดทหารอันทรงเกียรติประเทศไทยตนไปก่อชั่วทำเลวเลย.

    https://youtube.com/watch?v=ZZBuMnC_Iyo&si=N0QN7HtDa7KdCp5a
    แม่ทัพภาค2ปฏิบัติเพื่ออธิปไตยชาติ. แม่ทัพภาค1ไม่ปฏิบัติการถีบเขมรออกจริงจนประชาชนคนไทยเรียกร้องถึงบ้านหนองจาน,บวกประกาศกฎอัยการศึกใส่คนไทบตนอีกกว่าปะทะเขมร,เป็นวลีที่บัดสบมาก,ทหารตอนนี้ต้องถีบเขมรออกทันทีได้แล้วเพราะอัยการศึกใช้จริงแล้ว จับคนเขมรทันทีด้วยหากยังอยู่แผ่นดินไทย,เสาหมุดปักเขตแดนชัดเจนที่1:1แล้ว,ยึด1:50,000เหมือนภาค2สร้างโมเดลไว้,หากภาค1ยังร่วมอ้าง1:200,000คืออ้อมเอาmou43,44ขึ้นอ้างหรือหยุดยิง ถือว่าภาค1เป็นปฏิปักษ์เสียเองต่อความมั่นคงทางดินแดนอธิปไตยไทยตน,และจริงๆแม่ทัพภาค1ต้องถูกตัดสิทธิขึ้น5เสือด้วยหรือรอขึ้น ผบ.ทบ.สูงสุด,เพราะยุทธการ ยุทธวิธี ยุทธศาสตร์ทางทหาร การสงครามกับศัตรูถือว่าสอบตกอย่างร้ายแรง ทำเสียพื้นที่ดินแดนไทยตนเองบนเขตหน้าที่ตนเองด้วย ไร้เสียปืนสักแอะ อ.วีระ แฉอีก ยิ่งมีสมควรขึ้น ผบ.ทบ.ชัดเจน แม้ใครใหญ่ขนาดไหนสั่งตน เมื่อตนรักชาติรักแผ่นดินเอาแผ่นดินไทยมาก่อน จะเร่งรีบถีบเขมรออกไปทันทีเมื่อมีโอกาสแม้เพียงน้อยนิดก็ตาม แต่นี้เสือกเวลาโคตรมากมายกว่าจังหวะใดๆที่เคยมีมาก 24-28 ก.ค.68 มันน้อยวันที่ไหน มีนักวิชาการบ้างคนเอาอีสานใต้มาปนภาคตะวันออกให้เหมือนดูว่า ถ้าให้เวลามากกว่านี้ภาคตะวันออกจะถีบคนเขมรออกจากแผ่นดินไทยได้ทั้งหมดทันทีโน้น, อ.วีระด่าได้ชัด เสียงปืนนัดหนึ่งยังไม่เกิดเลย,บวกแฉต่อว่านายใหญ่โทรเคลียร์แล้วโน้น อย่ายิงใส่กันประมาณนั้น,จึงน่าสงสารแม่ทัพภาค2เรามาก,เสมือนภาค1เป็นปฏิปักษ์ต่ออธิปไตยตนชัดเจนรวมไอ้เหี้ยที่โทรเคลียร์กันนั้นด้วย,เรามีทหารที่ทรยศเต็มพื้นที่มากเกินไป,การจัดโผทหารนี้ไม่ชอบต่อกองทัพ เล่นพรรคเล่นพรรคไม่ต่างจากพรรคการเมือง,ภาค2สู้เป็นสู้ตายเพื่อบ้านเมือง,ภาค1ไม่สู้ห่าอะไรเลยบวก อ.วีระแฉอีก สมเหตุมาก,โผทหารต้องเอารายชื่อคนภาค1ออกทั้งหมดลดอำนาจควบคุมกองทัพภาคทันทีหรือส่วนกลางด้วย,ห้ามเดอะแก๊งภาค1มีอำนาจทางทหารทั้งหมดเพราะ เรา..ประชาชนไม่ไว้วางใจคนเดอะแก๊งภาค1ทั้งหมดในเวลานี้,ประกอบกับภาคตะวันออกถือว่าเป็นเขตอันตรายสูงสุดทันที ต้องให้แม่ทัพภาคอื่นๆกระจายกำลังผสมตนเข้ามาควบคุมอำนาจบัญชาการทั้งหมดทันที,หากเดอะแก๊งภาค1มีอำนาจในส่วนกลางแบบอ้างว่ามีกำลังภายในปฏิวัติทุกๆครั้งก็เร่งรีบสลายกำลังภายในนั้นเลย,อาจรวมหัวกับciaตลอดการปฏิวัติทุกๆครั้งในอดีตที่ผ่านมาก็ด้วยบนอำนาจสั่งการตนที่ถือมายาวนานในอดีต, ..เอาจริงๆนะบ้านเมืองจะรอดภัยพิบัติจริงต้องถีบเดอะแก๊งภาค1ออกจากอำนาจกองทัพทั้งหมด,ลดกำลังลง โผทหารต้องตัดคนเดอะแก๊งภาค1ออกไปทั้งหมด,ถ้าเดอะแก๊งภาค1เชื่อว่าตนบริสุทธิ์จะพิสูจน์ความจริงใจนี้ต่อประชาชน ก็จงนั่งเฉยๆโดยไร้อำนาจสักปีสองปีดูได้,ค่าจริงประชาชนคนไทยจะเข้าใจชัดเจนแน่นอน,ว่าเดอะแก๊งท่านๆไม่เป็นปฏิปักษ์จริงต่ออธิปไตนตนนั้นเสียเองจริงๆ.โผทหารใหม่สามารถนำมาคืนอำนาจบัญชาการได้และอาจใหญ่โตกว่าในอดีตที่หมายจะเป็นจะได้อีก.,เพราะเดอะแก๊งดีๆย่อมได้รับสิ่งดีๆกลับคืน,ตอบแทนคุณความดีงามนั้นคืนยิ่งกว่าเดิม. ..แต่ตอนนี้ยอมรับว่าเรา..ประชาชนไม่ไว้วางใจเดอะแก๊งภาค1บูรพาพยัคฆ์เลย,ผลงานบ้านหนองจานคือเครื่องพิสูจน์ตัวตนชัดแจ้งแล้ว,ชาติไทยมาก่อน ประเทศชาติไทยมาก่อนหรือผลประโยชน์ร่วมกันกับเขมรมาก่อนบนหน้าที่ของตนที่แบกไว้อย่างชัดเจนตำตาคนไทยทั้งประเทศด้วย,แต่ไร้บทลงโทษทางวินัยหรืออาญาทางทหารเลย,เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีมากๆ,แม่ทัพหนีสนามรบโทษเช่นไร,แม่ทัพปีกขวาสู้รบเอาเป็นเอาตายแต่แม่ทัพปีกซ้ายนิ่งยืนดูเฉยๆบนสนามสมรภูมิรบตลอดแนวหน้าทัพตนมีโทษสถานใด,สมควรเลื่อนยศเลื่อนเก้าอี้ตำแหน่งเป็นอันมากใช่หรือไม่,เช่นนั้นใครที่ตัดสินใจอนุญาตเสนอทั้งชื่อบรรจุตำแหน่งเลื่อนยศก็อย่าอยู่ทำหน้าที่นั้นๆเลย,กลับไปเลี้ยงหลานเถอะ,ส้นตีนยังไม่รู้ดีชั่วถูกผิดขนาดนั้น,เพราะกองทัพไทยเราไม่สมควรบัดสบแบบนี้ได้อีกต่อไปแล้ว คนเช่นนี้หนักแผ่นดินหนักกองทัพไทยเราด้วย,อยากมีเงินมีทองมากมายก็ลาออกจากชุดทหารเถอะ อย่าเอาชาติไทยตนเองมาย่ำยี่เล่นๆแบบนี้,อย่าเอาชุดทหารอันทรงเกียรติประเทศไทยตนไปก่อชั่วทำเลวเลย. https://youtube.com/watch?v=ZZBuMnC_Iyo&si=N0QN7HtDa7KdCp5a
    0 Comments 0 Shares 79 Views 0 Reviews
  • “มท.อ้วน” ลั่น พรรคส้มแจ้งแล้วไม่จริง “ภท.- ปชน.” จับมือ เลี่ยงตอบ ยุบสภา! บอกให้เขาประกาศจับมือกันก่อนค่อยว่ากัน อย่าเพิ่งคิดไปไกล

    อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000084007

    #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    “มท.อ้วน” ลั่น พรรคส้มแจ้งแล้วไม่จริง “ภท.- ปชน.” จับมือ เลี่ยงตอบ ยุบสภา! บอกให้เขาประกาศจับมือกันก่อนค่อยว่ากัน อย่าเพิ่งคิดไปไกล อ่านต่อ..https://news1live.com/detail/9680000084007 #News1live #News1 #SondhiX #Sondhitalk #คุยทุกเรื่องกับสนธิ #สนธิเล่าเรื่อง #Thaitimes #กัมพูชายิงก่อน #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด #CambodiaOpenedFire
    Haha
    2
    0 Comments 0 Shares 240 Views 0 Reviews
  • งานนี้ อ.วีระ ฟ้องมันทุกๆตัวเลย,ทีมพิทักษ์ชาติอธิปไตยไทยเดอะแก๊งทนายแผ่นดิน กางแต่ละมาตราอะไรบ้างให้เหมาะสมแต่ละตัวแต่ละคนเลย ย้อนอดีตถึงนายกฯสมัยต่างๆนั้นที่เข้าสู่สายพานเกี่ยวกันเพื่อปล้นชาติขายชาติหรือเพื่อสมยอมผลประโยชน์ใดๆจะต่างตอบแทนลักษณะใดๆก็เอาให้โดนทุกๆตัวเลยนะ, อ.วีระ ต้องการทนายอาสาด่วนเพื่อกำจัดภัยของแผ่นดินไทยเรา อย่าส่งต่อภัยนี้แก่รุ่นต่อไปเลย เราคนร่วมเหตุการณ์ประวัติศาสตร์จริงอยู่แล้ว ท่านทั้งหลายจะเป็นตำนานผู้กระทำคุณงามความดีต่อชาติไทยเราแน่นอน เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายแผ่นดินไทยตน บอกแก่โคตรเหง้าวงศ์ตระกูลเราว่าปู่ย่าตาทวดได้มีโอกาสรับใช้ชาติเยี่ยงสนามรบหนึ่งของกองทัพทหารไทยยุคสงครามไทยเขมรร่วมสมัยแน่นอน,

    ...ทนายแผ่นดินไทย อย่าให้อ.วีระ ต่อสู้เพียงลำพัง พวกท่านๆมาร่วมกันกวาดล้างทหารเลวชั่วก็ด้วยออกจากกองทัพไทยที่มีเกียรติแห่งคนไทยเราร่วมกันเถิด,ฝ่ายพลเรือนแบบเราๆสามารถคล่องตัวกว่าฝ่ายทหารไทยดีๆอย่างมาก,ร่วมเป็นเดอะทีมกำจัดคนเลวย่อมสุดยอดมาก.

    https://youtube.com/watch?v=nba8KenqRIk&si=o3B8WvtLrqxqmWtV
    งานนี้ อ.วีระ ฟ้องมันทุกๆตัวเลย,ทีมพิทักษ์ชาติอธิปไตยไทยเดอะแก๊งทนายแผ่นดิน กางแต่ละมาตราอะไรบ้างให้เหมาะสมแต่ละตัวแต่ละคนเลย ย้อนอดีตถึงนายกฯสมัยต่างๆนั้นที่เข้าสู่สายพานเกี่ยวกันเพื่อปล้นชาติขายชาติหรือเพื่อสมยอมผลประโยชน์ใดๆจะต่างตอบแทนลักษณะใดๆก็เอาให้โดนทุกๆตัวเลยนะ, อ.วีระ ต้องการทนายอาสาด่วนเพื่อกำจัดภัยของแผ่นดินไทยเรา อย่าส่งต่อภัยนี้แก่รุ่นต่อไปเลย เราคนร่วมเหตุการณ์ประวัติศาสตร์จริงอยู่แล้ว ท่านทั้งหลายจะเป็นตำนานผู้กระทำคุณงามความดีต่อชาติไทยเราแน่นอน เงยหน้าไม่อายฟ้า ก้มหน้าไม่อายแผ่นดินไทยตน บอกแก่โคตรเหง้าวงศ์ตระกูลเราว่าปู่ย่าตาทวดได้มีโอกาสรับใช้ชาติเยี่ยงสนามรบหนึ่งของกองทัพทหารไทยยุคสงครามไทยเขมรร่วมสมัยแน่นอน, ...ทนายแผ่นดินไทย อย่าให้อ.วีระ ต่อสู้เพียงลำพัง พวกท่านๆมาร่วมกันกวาดล้างทหารเลวชั่วก็ด้วยออกจากกองทัพไทยที่มีเกียรติแห่งคนไทยเราร่วมกันเถิด,ฝ่ายพลเรือนแบบเราๆสามารถคล่องตัวกว่าฝ่ายทหารไทยดีๆอย่างมาก,ร่วมเป็นเดอะทีมกำจัดคนเลวย่อมสุดยอดมาก. https://youtube.com/watch?v=nba8KenqRIk&si=o3B8WvtLrqxqmWtV
    0 Comments 0 Shares 51 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยุทธการกบกระโดด”
    ตอนที่ 3
    จะแสดงอภิมหาแสนยานุภาพทั้งที ต้องดูตาถี่ตาห่าง ทบทวนกันหน่อยว่าตอนนี้
    ใครเป็นมิตร ใครเป็นศัตรู ใครเป็นพวกใคร น้ำหนักเท่าไหร่ ความไวเป็นอย่างไร จุดเป็น จุดตาย จุดอ่อนจุดแข็ง อยู่ตรงไหน โลกมันเปลี่ยนไปเร็ว เห็นตัวอย่างจากการโตเร็วของอาเฮียแดนมังกรแล้ว ไม่ทำการบ้านให้ดี ถลาเข้ามาเดินเชิดหน้าพองขน ดันโดนรุมสกรัม พุ่งถลาหน้าแหก คงไม่สง่างามสมกับเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่งของโลก
    เอ้า วัดสัดส่วนเทียบทุกจุดแล้ว โผออกมาดังนี้
    1. กลุ่มที่จะกระทบกับผลประโยชน์ของอเมริกาและพวก คือ
    – จีน และ เกาหลีเหนือ สำหรับ กลุ่มพวกเอเซีย
    – อิหร่านและซีเรีย (และกลุ่มหัวรุนแรง ที่ไม่ประกาศสัญชาติ) สำหรับ กลุ่ม
    ตะวันออกกลาง
    – รัสเซีย สำหรับ กลุ่มเอเซีย และยุโรป
    2. คู่แข่งในการแสดงอำนาจและบารมีของอเมริกาในภูมิภาคต่าง ๆ
    – จีน ในเอเซียตะวันออก เอเซียกลาง และอาฟริกา (โปรดสังเกต ไม่มีเอเซีย
    ตะวันออกเฉียงใต้ แสดงว่าประเทศแถวนี้ มันหมูในอวย หรือลูกหาบตลอดการของนักล่า หือไม่ขึ้นแล้ว อาเฮียลื้ออย่ามาเกี้ยวให้เสียเวลาเลย ฮา !)
    – อิหร่าน ในตะวันออกกลาง
    – รัสเซีย ในเอเซียกลาง และบริเวณใกล้เคียง
    3. คู่แข่งในเรื่องกองทัพและอาวุธ
    – จีน และเกาหลีเหนือ
    – อิหร่าน
    (เอะ ! ทำไมตัวละครมันซ้ำ ๆ กันแบบนี้ คนทำการบ้านวิเคราะห์ถูกหรือเปล่านะ คนเล่า
    นิทานชักเบื่อ ไม่เห็นมีอะไรใหม่เลย)
    รู้มิตร รู้ศัตรู รู้หน้าตาคู่แข่ง พวกก้างขวางคอ แล้วอเมริกาจะจัดการอย่างไรกับฐานทัพและกองทัพ ที่กระจายกันอยู่ทั่วโลก เพื่อรุกไปขย่มขวัญอาเฮียใน Asia Pacific และรับมือกับบรรดาก้างขวางคอ
    ผู้ทำแผนการล่าเหยื่อบอกไม่มีปัญหา เรามีแผนจัดเป็นโปรแกรม โปรดเลือกเอาตาม
    สะดวก ชอบโปรแกรมไหน กดไป ใช้ได้เลย เสียดายไม่ยักกะมีเพลงประจำ แต่ละโปรแกรมมาด้วย
    – โปรแกรมขย่มขวัญ
    จัดให้เพื่อแสดงบทขย่มขวัญจีนและเกาหลีเหนือโดยเฉพาะ และให้พรรคพวกอุ่นใจ
    ว่านักล่ายังฟันคมกริบ กรงเล็บแข็ง ตะปบแม่น ถ้าอเมริกาต้องการแสดงแสนยานุภาพ
    ไปทางเอเซียอย่างเต็มที่ ! มันต้องยังงั้น ! ไปท้าทายเขาถึงหน้าบ้านเลย ดูซิว่าจีนกับเกาหลีเหนือ จะยืนเกาหัวมึนไป หรือนักล่าจะถูกดักตีหัวแบะเอง ให้มันรู้กันไป เป็นจิกโก๋ต้องใจสู้ เข้าไปท้าชิงในถิ่นเขาเลย !
    การจะใช้โปรแกรมขย่มขวัญ อเมริกาต้องขยายฐานทัพ และสร้างภาพให้โลก โดยเฉพาะ
    ผู้ที่อเมริกาอยากขย่มขวัญ เห็นว่าอเมริกามาแล้ว มาอยู่ตรงนี้จริง ๆ (permanent presence) ดังนั้นควรมีการขยายฐานทัพ/สร้างฐานทัพ ของพวกลูกหาบ เช่น ในฟิลิปปินส์ ไทยแลนด์ (ของสมันน้อยไงจ๊ะ ! ) สิงคโปร์และออสเตรเลียเพิ่มขึ้น
    และหาทางเจรจาสร้างฐานทัพกับมาเลเซียเวียตนาม และอินโดนีเซีย (พวกผักชีโรยหน้า) เพื่อเป็นการรองรับปัญหาที่อาจจะมาจากกรณีทะเลจีนใต้ (ที่ตนเองไปเสี้ยมไว้) ขณะเดียวกัน ก็ต้องเพิ่มการฝึกซ้อมรบร่วมกันทั้งทางอากาศและทางทะเล กับพวกลูกหาบให้บ่อยมากขึ้น
    ส่วนฐานทัพที่อยู่ในอเมริกาไม่ต้องทำอะไร แค่ดูให้มั่นใจว่ารับศึกที่จะมาคุกคาม พรรคพวกแถวยุโรปกับอาหรับได้เป็นพอ
    (เรียกว่าเป็นโปรแกรมใหญ่ ค่าตั๋วน่าจะแพง กินงบประมาณแผ่นดินกันถ้วนหน้า ถ้าชิงรางวัลใหญ่ไม่ได้ อาจกลายเป็นเสียเมืองแทน
    พวกลูกหาบระวังตัวให้ดีแล้วกัน)
    – โปรแกรมรับมือ
    เป็นการเตรียมรับมือในกรณี เกิดความไม่มั่นคงในตะวันออกกลาง เพราะทะเลาะกันเอง
    หรือการเมือง เศรษฐกิจของหลายประเทศไม่มั่นคง (ก็เกิดจากการเสี้ยมของอเมริกานั่นแหละ ไม่ต้องวิเคราะห์มากให้ปวดหัว)
    รายการนี้ต้องใช้ฐานทัพและกองกำลังของอเมริกาเป็นตัวหลัก
    ยุทธศาสตร์นี้จะใช้ต่อเมื่อจีนไม่มีปฎิกริยาโต้ตอบกับอเมริกา เหมือนเป็นกองกำลังกงเต๊ก ส่วนในยุโรปก็ไม่มีผู้ท้าชิง ในทางตรงกันข้าม อิหร่านเกิดบ้าเลือดมาแรง เผลอ ๆ จะได้เห็นนิวเคลียร์ยี่ห้ออิหร่านลงแอลเอ ! ดังนั้น กองกำลังที่อยู่ในยุโรปและในอเมริกาเองจะต้องปรับ เพื่อให้คล่องตัวในการเล่นศึกกับอิหร่าน สำหรับเอเซีย การปรับเปลี่ยนกองกำลังและฐานทัพ จะเป็นเช่นเดียวกับโปรแกรมขย่มขวัญ
    (โปรแกรมนี้ดูมันไม่ค่อยมีเหตุผลนะ แต่ก็อยากเห็น ระเบิดลงหัวนักล่า
    เหมือนกันแหละ !)
    – โปรแกรมนักล่าตัวจริง
    กรณีนี้ใช้สำหรับนักล่าตัวจริง หมายเลข 1 ของโลก ที่จะล่ามันไปทั่วทั้งบริเวณ
    East Asia, ยุโรป และตะวันออกกลาง และขยายฐานที่มีอยู่ใน Southeast Asia ไปจนถึงตะวันออกกลาง ทั้งในด้านการเมืองและการเงิน
    ถ้าเลือกโปรแกรมนี้ นักล่าต้องฟิตหนัก เพราะต้องเตรียมตัวรับ กับ การขยายตัวทางการทหารจากจีน และเกาหลีเหนือ (ก็ยื่นหน้าไปเบ่งกล้ามใส่เขา คิดว่าเขา
    จะอยู่เฉยหรือไง !) และยังต้องมีกองกำลังในตะวันออกกลาง เพื่อเตรียมรับมือกับอิหร่านอีกด้วย
    และต้องพร้อมที่จะชนะการปะทะแถวยุโรป เพื่อแสดงให้เด็ก ๆ แถว Nato เห็นว่าลูกพี่ยังแน่อยู่
    กองทัพแถวยุโรป จึงต้องยังมีและพร้อมอยู่เสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุม นักล่าต้องทำให้น่าเชื่อว่าตัวเอง ดูแลอย่างใกล้ชิดประเทศในแถบ GCC (Gulf Cooperation Council) สร้างภาพให้เป็นที่เชื่อถือ มีภาพตัวเองติดอยู่ในแถบ GCC (ติดรูปไว้ทุกเสาไฟฟ้าเลยนะ)
    และควรมีการทำข้อตกลงกับ Saudi Arabia และ India ที่จะใช้ฐานทัพในแถบนั้นได้ ในกรณีวิกฤติ (อันนี้ไม่ใช่ผักชีโรย แต่เป็นอาหารจานหลักนี่หว่า หลอกแขกชัด ๆ) ส่วนกองกำลังปะทะ (combat) และกองกำลังเคลื่อนที่ จะต้องมีอยู่ในฐานทัพต่าง ๆ ของอเมริกา
    (นี่มันโปรแกรมฝันกลางวัน เอ ! หรือนักล่าเอาจริง ! )
    แล้วตกลงอเมริกาจะเลือกใช้โปรแกรมไหน น่าสังเกตว่าทุกโปรแกรม ยุโรปเหมือนเป็นตัว
    ประกอบราคาถูก หรือไม่กล้าใช้นายเหนืออีกทีกันแน่
    แต่ที่น่าสนใจฝ่ายวางแผนล่าเหยื่อบอกว่า อเมริกาต้องตัดสินใจ ว่าจะจัดการกับกองกำลังและฐานทัพที่เกลื่อนอยู่ทั่วโลกอย่างไร มันใช้เงินโขอยู่ ตอนนี้ก็ไม่ได้รวยอย่างที่โม้ไว้ เพราะฉะนั้นเลือกเลยว่า จะแค่ขย่มขวัญ รับมือ หรือเป็นนักล่าตัวจริง ใหญ่ค้ำโลก
    การเลือกของอเมริกาในเรื่องนี้ มันจะแสดงให้เห็นอนาคตของโลกนี้ว่า
    กระบวนยุทธครั้งนี้ของอเมริกา เป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้ไหม ขณะนี้อเมริกายังไม่พูดให้ชัดว่าจะเล่นแค่ Asia Pacific เป็นฉากหน้า แต่ของจริงล่าทั้งโลก ส่วนไอ้เรื่องโปรแกรมรับมือน่ะ ไม่มีทาง เขียนมาให้โวยเล่น นักล่าหรือจะคิดแค่รับมือ!

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยุทธการกบกระโดด” ตอนที่ 3 จะแสดงอภิมหาแสนยานุภาพทั้งที ต้องดูตาถี่ตาห่าง ทบทวนกันหน่อยว่าตอนนี้ ใครเป็นมิตร ใครเป็นศัตรู ใครเป็นพวกใคร น้ำหนักเท่าไหร่ ความไวเป็นอย่างไร จุดเป็น จุดตาย จุดอ่อนจุดแข็ง อยู่ตรงไหน โลกมันเปลี่ยนไปเร็ว เห็นตัวอย่างจากการโตเร็วของอาเฮียแดนมังกรแล้ว ไม่ทำการบ้านให้ดี ถลาเข้ามาเดินเชิดหน้าพองขน ดันโดนรุมสกรัม พุ่งถลาหน้าแหก คงไม่สง่างามสมกับเป็นนักล่าหมายเลขหนึ่งของโลก เอ้า วัดสัดส่วนเทียบทุกจุดแล้ว โผออกมาดังนี้ 1. กลุ่มที่จะกระทบกับผลประโยชน์ของอเมริกาและพวก คือ – จีน และ เกาหลีเหนือ สำหรับ กลุ่มพวกเอเซีย – อิหร่านและซีเรีย (และกลุ่มหัวรุนแรง ที่ไม่ประกาศสัญชาติ) สำหรับ กลุ่ม ตะวันออกกลาง – รัสเซีย สำหรับ กลุ่มเอเซีย และยุโรป 2. คู่แข่งในการแสดงอำนาจและบารมีของอเมริกาในภูมิภาคต่าง ๆ – จีน ในเอเซียตะวันออก เอเซียกลาง และอาฟริกา (โปรดสังเกต ไม่มีเอเซีย ตะวันออกเฉียงใต้ แสดงว่าประเทศแถวนี้ มันหมูในอวย หรือลูกหาบตลอดการของนักล่า หือไม่ขึ้นแล้ว อาเฮียลื้ออย่ามาเกี้ยวให้เสียเวลาเลย ฮา !) – อิหร่าน ในตะวันออกกลาง – รัสเซีย ในเอเซียกลาง และบริเวณใกล้เคียง 3. คู่แข่งในเรื่องกองทัพและอาวุธ – จีน และเกาหลีเหนือ – อิหร่าน (เอะ ! ทำไมตัวละครมันซ้ำ ๆ กันแบบนี้ คนทำการบ้านวิเคราะห์ถูกหรือเปล่านะ คนเล่า นิทานชักเบื่อ ไม่เห็นมีอะไรใหม่เลย) รู้มิตร รู้ศัตรู รู้หน้าตาคู่แข่ง พวกก้างขวางคอ แล้วอเมริกาจะจัดการอย่างไรกับฐานทัพและกองทัพ ที่กระจายกันอยู่ทั่วโลก เพื่อรุกไปขย่มขวัญอาเฮียใน Asia Pacific และรับมือกับบรรดาก้างขวางคอ ผู้ทำแผนการล่าเหยื่อบอกไม่มีปัญหา เรามีแผนจัดเป็นโปรแกรม โปรดเลือกเอาตาม สะดวก ชอบโปรแกรมไหน กดไป ใช้ได้เลย เสียดายไม่ยักกะมีเพลงประจำ แต่ละโปรแกรมมาด้วย – โปรแกรมขย่มขวัญ จัดให้เพื่อแสดงบทขย่มขวัญจีนและเกาหลีเหนือโดยเฉพาะ และให้พรรคพวกอุ่นใจ ว่านักล่ายังฟันคมกริบ กรงเล็บแข็ง ตะปบแม่น ถ้าอเมริกาต้องการแสดงแสนยานุภาพ ไปทางเอเซียอย่างเต็มที่ ! มันต้องยังงั้น ! ไปท้าทายเขาถึงหน้าบ้านเลย ดูซิว่าจีนกับเกาหลีเหนือ จะยืนเกาหัวมึนไป หรือนักล่าจะถูกดักตีหัวแบะเอง ให้มันรู้กันไป เป็นจิกโก๋ต้องใจสู้ เข้าไปท้าชิงในถิ่นเขาเลย ! การจะใช้โปรแกรมขย่มขวัญ อเมริกาต้องขยายฐานทัพ และสร้างภาพให้โลก โดยเฉพาะ ผู้ที่อเมริกาอยากขย่มขวัญ เห็นว่าอเมริกามาแล้ว มาอยู่ตรงนี้จริง ๆ (permanent presence) ดังนั้นควรมีการขยายฐานทัพ/สร้างฐานทัพ ของพวกลูกหาบ เช่น ในฟิลิปปินส์ ไทยแลนด์ (ของสมันน้อยไงจ๊ะ ! ) สิงคโปร์และออสเตรเลียเพิ่มขึ้น และหาทางเจรจาสร้างฐานทัพกับมาเลเซียเวียตนาม และอินโดนีเซีย (พวกผักชีโรยหน้า) เพื่อเป็นการรองรับปัญหาที่อาจจะมาจากกรณีทะเลจีนใต้ (ที่ตนเองไปเสี้ยมไว้) ขณะเดียวกัน ก็ต้องเพิ่มการฝึกซ้อมรบร่วมกันทั้งทางอากาศและทางทะเล กับพวกลูกหาบให้บ่อยมากขึ้น ส่วนฐานทัพที่อยู่ในอเมริกาไม่ต้องทำอะไร แค่ดูให้มั่นใจว่ารับศึกที่จะมาคุกคาม พรรคพวกแถวยุโรปกับอาหรับได้เป็นพอ (เรียกว่าเป็นโปรแกรมใหญ่ ค่าตั๋วน่าจะแพง กินงบประมาณแผ่นดินกันถ้วนหน้า ถ้าชิงรางวัลใหญ่ไม่ได้ อาจกลายเป็นเสียเมืองแทน พวกลูกหาบระวังตัวให้ดีแล้วกัน) – โปรแกรมรับมือ เป็นการเตรียมรับมือในกรณี เกิดความไม่มั่นคงในตะวันออกกลาง เพราะทะเลาะกันเอง หรือการเมือง เศรษฐกิจของหลายประเทศไม่มั่นคง (ก็เกิดจากการเสี้ยมของอเมริกานั่นแหละ ไม่ต้องวิเคราะห์มากให้ปวดหัว) รายการนี้ต้องใช้ฐานทัพและกองกำลังของอเมริกาเป็นตัวหลัก ยุทธศาสตร์นี้จะใช้ต่อเมื่อจีนไม่มีปฎิกริยาโต้ตอบกับอเมริกา เหมือนเป็นกองกำลังกงเต๊ก ส่วนในยุโรปก็ไม่มีผู้ท้าชิง ในทางตรงกันข้าม อิหร่านเกิดบ้าเลือดมาแรง เผลอ ๆ จะได้เห็นนิวเคลียร์ยี่ห้ออิหร่านลงแอลเอ ! ดังนั้น กองกำลังที่อยู่ในยุโรปและในอเมริกาเองจะต้องปรับ เพื่อให้คล่องตัวในการเล่นศึกกับอิหร่าน สำหรับเอเซีย การปรับเปลี่ยนกองกำลังและฐานทัพ จะเป็นเช่นเดียวกับโปรแกรมขย่มขวัญ (โปรแกรมนี้ดูมันไม่ค่อยมีเหตุผลนะ แต่ก็อยากเห็น ระเบิดลงหัวนักล่า เหมือนกันแหละ !) – โปรแกรมนักล่าตัวจริง กรณีนี้ใช้สำหรับนักล่าตัวจริง หมายเลข 1 ของโลก ที่จะล่ามันไปทั่วทั้งบริเวณ East Asia, ยุโรป และตะวันออกกลาง และขยายฐานที่มีอยู่ใน Southeast Asia ไปจนถึงตะวันออกกลาง ทั้งในด้านการเมืองและการเงิน ถ้าเลือกโปรแกรมนี้ นักล่าต้องฟิตหนัก เพราะต้องเตรียมตัวรับ กับ การขยายตัวทางการทหารจากจีน และเกาหลีเหนือ (ก็ยื่นหน้าไปเบ่งกล้ามใส่เขา คิดว่าเขา จะอยู่เฉยหรือไง !) และยังต้องมีกองกำลังในตะวันออกกลาง เพื่อเตรียมรับมือกับอิหร่านอีกด้วย และต้องพร้อมที่จะชนะการปะทะแถวยุโรป เพื่อแสดงให้เด็ก ๆ แถว Nato เห็นว่าลูกพี่ยังแน่อยู่ กองทัพแถวยุโรป จึงต้องยังมีและพร้อมอยู่เสมอ เพื่อให้แน่ใจว่าทุกอย่างอยู่ในการควบคุม นักล่าต้องทำให้น่าเชื่อว่าตัวเอง ดูแลอย่างใกล้ชิดประเทศในแถบ GCC (Gulf Cooperation Council) สร้างภาพให้เป็นที่เชื่อถือ มีภาพตัวเองติดอยู่ในแถบ GCC (ติดรูปไว้ทุกเสาไฟฟ้าเลยนะ) และควรมีการทำข้อตกลงกับ Saudi Arabia และ India ที่จะใช้ฐานทัพในแถบนั้นได้ ในกรณีวิกฤติ (อันนี้ไม่ใช่ผักชีโรย แต่เป็นอาหารจานหลักนี่หว่า หลอกแขกชัด ๆ) ส่วนกองกำลังปะทะ (combat) และกองกำลังเคลื่อนที่ จะต้องมีอยู่ในฐานทัพต่าง ๆ ของอเมริกา (นี่มันโปรแกรมฝันกลางวัน เอ ! หรือนักล่าเอาจริง ! ) แล้วตกลงอเมริกาจะเลือกใช้โปรแกรมไหน น่าสังเกตว่าทุกโปรแกรม ยุโรปเหมือนเป็นตัว ประกอบราคาถูก หรือไม่กล้าใช้นายเหนืออีกทีกันแน่ แต่ที่น่าสนใจฝ่ายวางแผนล่าเหยื่อบอกว่า อเมริกาต้องตัดสินใจ ว่าจะจัดการกับกองกำลังและฐานทัพที่เกลื่อนอยู่ทั่วโลกอย่างไร มันใช้เงินโขอยู่ ตอนนี้ก็ไม่ได้รวยอย่างที่โม้ไว้ เพราะฉะนั้นเลือกเลยว่า จะแค่ขย่มขวัญ รับมือ หรือเป็นนักล่าตัวจริง ใหญ่ค้ำโลก การเลือกของอเมริกาในเรื่องนี้ มันจะแสดงให้เห็นอนาคตของโลกนี้ว่า กระบวนยุทธครั้งนี้ของอเมริกา เป็นชนวนให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ได้ไหม ขณะนี้อเมริกายังไม่พูดให้ชัดว่าจะเล่นแค่ Asia Pacific เป็นฉากหน้า แต่ของจริงล่าทั้งโลก ส่วนไอ้เรื่องโปรแกรมรับมือน่ะ ไม่มีทาง เขียนมาให้โวยเล่น นักล่าหรือจะคิดแค่รับมือ! คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยุทธการกบกระโดด”
    ตอนที่ 2
    จะดูว่านักล่ามันใหญ่จริงไหม ดูง่าย ๆ มีชาติไหนบ้างที่สามารถตั้งฐานทัพของตัวเอง
    ไว้ในประเทศอื่นได้บ้าง เอาประเทศที่ว่าใหญ่ ๆ นะ เล็ก ๆ ไม่ต้องเสนอหน้า
    อินเดียเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่แค่ไหน พลเมืองมากเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับอเมริกา
    แขกก็กำลังรวย แอบสร้างอาวุธนิวเคลียร์ (เอ๊ะ ! ที่ยังงี้ทำไมไม่เห็นมีใครเสนอ ส่งหน่วยตรวจสอบจาก UN มาเลยนะ เอ้าคนอ่านนิทานลองคิดหาคำตอบกันเองบ้าง) เกือบมีฐานทัพในบ้านคนอื่น คือ Tajikistan แต่แค่เกือบแปลว่ายังไม่สำเร็จ แขกยังต้มไม่เก่งเท่านักล่า
    แล้วจีนล่ะ อาเฮียรวยจะตาย เศรษฐกิจโตพุ่งพรวดเป็นอันดับ 2 ของดวงดาวนี้ ขยายบ้านสร้างเมือง ไปเซียงไฮ้ นึกว่าไปปารีส (ฮา !) แล้วไง มีไหมฐานทัพในประเทศอื่น ของจริงยังม่ายมี ! มีแต่ข่าวว่าจะไป ตั้งที่เกาะเล็ก ๆ เกาะหนึ่ง แถวหมู่เกาะ
    Seychelles ในมหาสมุทรอินเดีย จิกโก๋บอกโถ ! แค่นี้ยังไม่มีปัญญา อย่ามาทำซ่ากะไอนะ !
    เอ้า ! รัสเซียของพี่ปูจอมอึด ว่าไง มีไหม ! อย่านะ ยุ่งกะจีนเรื่องนึง แต่รัสเซียของพี่ปูนี่ก็อีกเรื่องนึง ไม่จำเป็นอย่ายุ่ง สงครามเย็นน่ะ มันทำให้เหนื่อย ให้จนกันขนาดไหน ยังไม่เข็ดหรือไง ขอโทษ ! นึกว่าพี่ปูไม่มีหรือไง พี่ปูก็มีนะอยู่แถวเอเซียกลาง ฐานเล็ก ๆ 4,5 ฐาน ก็จริงอยู่ แต่ต่อไปอาจจะมีใครตาละห้อยมอง เพราะ the Great Great Game ศึกชิงน้ำมันกำลังเข้มข้นอยู่แถวนั้น
    อังกฤษล่ะ ในฐานะนักล่ารุ่นเก่าต้องรักษาฟอร์ม มีอยู่บ้างในอาฟกานิสถาน และตามเมืองขี้ข้าเก่า ของตนเองประมาณ 10 ฐาน เป็นฐานขนาดเล็กที่เยอรมันกับ Falkland ที่เหลือเป็นขนาดจ้อย ๆ
    ส่วนฝรั่งเศสก็มาฟอร์มเดี๋ยวกับอังกฤษ มีฐานเล็ก จิ๋ว ๆ ตามเมืองขี้ข้าเก่า ประมาณ
    10 ฐาน มีกำลังประจำฐานละไม่กี่ร้อยคน บางฐานมี 15 คน (ฮา !)
    ญี่ปุ่นเองมี 1 ฐานที่ Djiboutiเป็นฐานเล็กเอาไว้สู้กับโจรสลัด
    และอีกประเทศคือ ตุรกีมี 1 ฐาน อยู่ที่ไซปรัส หมดแล้วทั้งโลกนี้นะ
    เบ่งกล้ามกันได้เท่านี้ แล้วจะไปสู้อะไรกับพี่เบิ้มนักล่าหมายเลขหนึ่งได้
    แล้วพี่เบิ้มเองมีเท่าไหร่ อยู่ที่ไหนบ้าง
    รายงานของแต่ละหน่วยงานของอเมริกา บอกตัวเลขไม่เหมือนกัน (ฝรั่งก็แต่งตัวเลข
    เหมือนกันน่า แต่งเก่งด้วย มันชอบเขียนให้ดูยุ่งยาก ต้องเอาบวกมาลบมารวมและมา
    แยกใหม่ อะไรทำนองนี้ ถึงจะได้ของจริง)
    รายงานของ Pentagon ผู้ที่น่าจะมีตัวเลขครบ แต่ไม่มีวันจะบอกความจริงกับโลก
    ตัวเลขของ Pentagon เมื่อปี ค.ศ. 2010 บอกว่าอเมริกามีฐานทัพในต่างประเทศ 662 แห่งใน 38 ประเทศทั่วโลก แปลว่าของจริง ต้องมีมากกว่านั้น คำถามคือมากกว่าอีกเท่าไหร่
    ในปี ค.ศ. 1955 หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จบไปแล้ว 10 ปี หนังสือพิมพ์ Chicago Daily Tribune สำรวจฐานทัพของอเมริกาแถบยุโรปและแปซิฟิกและรายงานว่า ธงชาติอเมริกันปลิวไสวอยู่บนเสาใน 300 กว่า ฐานทัพที่อยู่ต่างประเทศ ประมาณ 63 ประเทศ เออ ! ปี 1955 มันเข้าไป 63 ประเทศ พอ ค.ศ. 2010 เหลือ 38 ประเทศ ! มึน !
    ปัจจุบัน สรุปจากเอกสารประกอบเกือบ 10 สถาบัน ตัวเลขที่น่าเป็นไปได้ที่สุด คือ อเมริกามีประมาณ 1,077 ฐานทัพในประมาณ 130 ประเทศทั่วโลก !
    โฆษกของ US – led International Security Assistance Force (ISAF) บอกว่าในปี ค.ศ.2010 แค่ในอาฟกานิสถานเอง มีฐานทัพอเมริกาเกือบ 400 แห่ง นี่ยังไม่นับฐานลับ ที่อเมริกามีแอบในอิรักอีกเป็น 100 แห่ง
    สำหรับฐานทัพขนาดใหญ่ของอเมริกาตามรายงานของ Pentagon บอกว่าบางแห่งมีบ้านและโรงเรียนสำหรับครอบครัวทหาร โรงแรมแบบรีสอร์ท (ใช่ ! กระทรวงกลาโหมมีได้ มีปัญหาไหม ? ) ลานเล่นสกี (ใช่ ! มีได้เช่นกัน) และสนามกอล์ฟ ทหารอเมริกาคุยว่า พวกเขามีประมาณ 172 สนามกอล์ฟ ขนาดต่าง ๆ (ใช่ ! มิได้เช่นกัน อิจฉาไหม !)
    ใหญ่เสียขนาดนี้ สยายปีกเหยี่ยวไปทั่วโลก ตอนนี้บอกจะปรับกระบวนยุทธใหม่ มุ่งชิง
    รางวัลใหญ่ในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก ฝ่ายวิเคราะห์ก็ต้องทำการบ้าน อย่าลืม Research and Development หน่วยงานฝ่ายวิเคราะห์และวางแผนของอเมริกา คือ ผู้ทำแผนการล่าเหยื่อนั่นเอง
    คราวนี้ใช้บริการของ Rand Corporation ซึ่งถือว่าเป็น think tank มือเก๋าของ Pentagon เรียกว่าใช้กันมานาน รู้ว่าเจ้านายต้องการให้เขียนอะไร

    คนเล่านิทาน
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยุทธการกบกระโดด” ตอนที่ 2 จะดูว่านักล่ามันใหญ่จริงไหม ดูง่าย ๆ มีชาติไหนบ้างที่สามารถตั้งฐานทัพของตัวเอง ไว้ในประเทศอื่นได้บ้าง เอาประเทศที่ว่าใหญ่ ๆ นะ เล็ก ๆ ไม่ต้องเสนอหน้า อินเดียเป็นประเทศที่มีขนาดใหญ่แค่ไหน พลเมืองมากเท่าไหร่ เมื่อเทียบกับอเมริกา แขกก็กำลังรวย แอบสร้างอาวุธนิวเคลียร์ (เอ๊ะ ! ที่ยังงี้ทำไมไม่เห็นมีใครเสนอ ส่งหน่วยตรวจสอบจาก UN มาเลยนะ เอ้าคนอ่านนิทานลองคิดหาคำตอบกันเองบ้าง) เกือบมีฐานทัพในบ้านคนอื่น คือ Tajikistan แต่แค่เกือบแปลว่ายังไม่สำเร็จ แขกยังต้มไม่เก่งเท่านักล่า แล้วจีนล่ะ อาเฮียรวยจะตาย เศรษฐกิจโตพุ่งพรวดเป็นอันดับ 2 ของดวงดาวนี้ ขยายบ้านสร้างเมือง ไปเซียงไฮ้ นึกว่าไปปารีส (ฮา !) แล้วไง มีไหมฐานทัพในประเทศอื่น ของจริงยังม่ายมี ! มีแต่ข่าวว่าจะไป ตั้งที่เกาะเล็ก ๆ เกาะหนึ่ง แถวหมู่เกาะ Seychelles ในมหาสมุทรอินเดีย จิกโก๋บอกโถ ! แค่นี้ยังไม่มีปัญญา อย่ามาทำซ่ากะไอนะ ! เอ้า ! รัสเซียของพี่ปูจอมอึด ว่าไง มีไหม ! อย่านะ ยุ่งกะจีนเรื่องนึง แต่รัสเซียของพี่ปูนี่ก็อีกเรื่องนึง ไม่จำเป็นอย่ายุ่ง สงครามเย็นน่ะ มันทำให้เหนื่อย ให้จนกันขนาดไหน ยังไม่เข็ดหรือไง ขอโทษ ! นึกว่าพี่ปูไม่มีหรือไง พี่ปูก็มีนะอยู่แถวเอเซียกลาง ฐานเล็ก ๆ 4,5 ฐาน ก็จริงอยู่ แต่ต่อไปอาจจะมีใครตาละห้อยมอง เพราะ the Great Great Game ศึกชิงน้ำมันกำลังเข้มข้นอยู่แถวนั้น อังกฤษล่ะ ในฐานะนักล่ารุ่นเก่าต้องรักษาฟอร์ม มีอยู่บ้างในอาฟกานิสถาน และตามเมืองขี้ข้าเก่า ของตนเองประมาณ 10 ฐาน เป็นฐานขนาดเล็กที่เยอรมันกับ Falkland ที่เหลือเป็นขนาดจ้อย ๆ ส่วนฝรั่งเศสก็มาฟอร์มเดี๋ยวกับอังกฤษ มีฐานเล็ก จิ๋ว ๆ ตามเมืองขี้ข้าเก่า ประมาณ 10 ฐาน มีกำลังประจำฐานละไม่กี่ร้อยคน บางฐานมี 15 คน (ฮา !) ญี่ปุ่นเองมี 1 ฐานที่ Djiboutiเป็นฐานเล็กเอาไว้สู้กับโจรสลัด และอีกประเทศคือ ตุรกีมี 1 ฐาน อยู่ที่ไซปรัส หมดแล้วทั้งโลกนี้นะ เบ่งกล้ามกันได้เท่านี้ แล้วจะไปสู้อะไรกับพี่เบิ้มนักล่าหมายเลขหนึ่งได้ แล้วพี่เบิ้มเองมีเท่าไหร่ อยู่ที่ไหนบ้าง รายงานของแต่ละหน่วยงานของอเมริกา บอกตัวเลขไม่เหมือนกัน (ฝรั่งก็แต่งตัวเลข เหมือนกันน่า แต่งเก่งด้วย มันชอบเขียนให้ดูยุ่งยาก ต้องเอาบวกมาลบมารวมและมา แยกใหม่ อะไรทำนองนี้ ถึงจะได้ของจริง) รายงานของ Pentagon ผู้ที่น่าจะมีตัวเลขครบ แต่ไม่มีวันจะบอกความจริงกับโลก ตัวเลขของ Pentagon เมื่อปี ค.ศ. 2010 บอกว่าอเมริกามีฐานทัพในต่างประเทศ 662 แห่งใน 38 ประเทศทั่วโลก แปลว่าของจริง ต้องมีมากกว่านั้น คำถามคือมากกว่าอีกเท่าไหร่ ในปี ค.ศ. 1955 หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 จบไปแล้ว 10 ปี หนังสือพิมพ์ Chicago Daily Tribune สำรวจฐานทัพของอเมริกาแถบยุโรปและแปซิฟิกและรายงานว่า ธงชาติอเมริกันปลิวไสวอยู่บนเสาใน 300 กว่า ฐานทัพที่อยู่ต่างประเทศ ประมาณ 63 ประเทศ เออ ! ปี 1955 มันเข้าไป 63 ประเทศ พอ ค.ศ. 2010 เหลือ 38 ประเทศ ! มึน ! ปัจจุบัน สรุปจากเอกสารประกอบเกือบ 10 สถาบัน ตัวเลขที่น่าเป็นไปได้ที่สุด คือ อเมริกามีประมาณ 1,077 ฐานทัพในประมาณ 130 ประเทศทั่วโลก ! โฆษกของ US – led International Security Assistance Force (ISAF) บอกว่าในปี ค.ศ.2010 แค่ในอาฟกานิสถานเอง มีฐานทัพอเมริกาเกือบ 400 แห่ง นี่ยังไม่นับฐานลับ ที่อเมริกามีแอบในอิรักอีกเป็น 100 แห่ง สำหรับฐานทัพขนาดใหญ่ของอเมริกาตามรายงานของ Pentagon บอกว่าบางแห่งมีบ้านและโรงเรียนสำหรับครอบครัวทหาร โรงแรมแบบรีสอร์ท (ใช่ ! กระทรวงกลาโหมมีได้ มีปัญหาไหม ? ) ลานเล่นสกี (ใช่ ! มีได้เช่นกัน) และสนามกอล์ฟ ทหารอเมริกาคุยว่า พวกเขามีประมาณ 172 สนามกอล์ฟ ขนาดต่าง ๆ (ใช่ ! มิได้เช่นกัน อิจฉาไหม !) ใหญ่เสียขนาดนี้ สยายปีกเหยี่ยวไปทั่วโลก ตอนนี้บอกจะปรับกระบวนยุทธใหม่ มุ่งชิง รางวัลใหญ่ในภูมิภาคเอเซียแปซิฟิก ฝ่ายวิเคราะห์ก็ต้องทำการบ้าน อย่าลืม Research and Development หน่วยงานฝ่ายวิเคราะห์และวางแผนของอเมริกา คือ ผู้ทำแผนการล่าเหยื่อนั่นเอง คราวนี้ใช้บริการของ Rand Corporation ซึ่งถือว่าเป็น think tank มือเก๋าของ Pentagon เรียกว่าใช้กันมานาน รู้ว่าเจ้านายต้องการให้เขียนอะไร คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 78 Views 0 Reviews
  • ยุทธการกบกระโดด ตอนที่ 1
    นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยุทธการกบกระโดด”
    ตอนที่ 1
    อเมริกากำลังปรับกระบวนยุทธใหม่ เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นศูนย์อำนาจ เป็นสุดยอดนักล่า
(Strategic Pivot) ในภูมิภาค Asia Pacific แต่เพื่อให้ฟังนุ่มหู อเมริกาบอกว่าเป็นการปรับดุลยอำนาจ (Rebalancing) ในภูมิภาคนี้ใหม่ กระบวนยุทธใหม่นี้ นายโอบามา พูดถึงเป็นครั้งแรกที่กรุง Canberra Australia เมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2011 หลังจากนั้น อเมริกาเริ่มปฎิบัติการอย่างเงียบ ๆ มาตลอดเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา เราชาวโลกควรให้ความสนใจกัน เพราะต่อไปนี้
ละครฉากสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการค้า การรบ การคบ การเคี้ยว จะอยู่ตรงแถวนี้แหละ ตรงที่เรียกว่า Asia Pacific
    สิ่งที่อเมริกาเดินหน้าทำเป็นเรื่องแรก ในช่วงปรับกระบวนยุทธ คือ ทำให้ประเทศที่
เรียกว่าเป็นพันธมิตร ทั้งระดับชิดและระดับห่าง แถวภูมิภาค Asia Pacific (Alliances) เชื่อว่าเรายังเป็นก๊วนกันอยู่นะ แม้ตัวจะไกล แต่ใจแนบแน่น เพราะฉะนั้นไอกระดิกนิ้วเรียกเมื่อไหร่ ต้องวิ่งมากันเลยนะ
    อเมริกาลงทุนเดินไปเคาะประตูบ้านเกือบทุกบาน ของพันธมิตร (ลูกหาบ !) จับมือ เขย่าแขน กอดคอ หอมแก้ม ผู้นำเกือบทุกคนในภูมิภาคนี้ โดยใช้นักแสดงนำ เช่น คุณนาย Clintonรมว.ตปท. นาย Robert Gates รมว.กลาโหม นาย Leon Panetta ที่มาเป็นรมว. กลาโหมคนต่อมา รวมทั้งที่ปรึกษาความมั่นคง เช่น นาย Tom Donjion และบรรดาแม่ทัพนายกอง แถวกองทัพภาคที่ 7 ยังถูกเกณฑ์ออกมาเดินสาย ที่สำคัญตัวพระเอกเอง คือ ประธานาธิบดี Obamaก็ไม่เว้น ออกเดินสายเคาะประตูบ้านด้วยเช่นกัน
    – อันดับแรก แน่นอน ญี่ปุ่นลูกเลี้ยง ประเทศที่อเมริกาถล่มเขาซะหายไปทั้งเมือง ทำให้
ต้องกระเตงเลี้ยงกันไปตลอด ทั้งช่วยทั้งใช้ (แต่รู้สึกอย่างหลังจะมากกว่านะ) อเมริกาเข้าไปปรับปรุงยุ่งถึงในมุ้งการเมืองของญี่ปุ่น ได้นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดมา 1 คน เพื่อให้ดำเนินนโยบายประเทศให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ใหม่ของอเมริกา และเพื่อโชว์ให้โลกเห็นว่าอเมริกาเป็นพ่อพระใจดีใจกว้าง ไม่ได้ทอดทิ้งยามยาก เช่น คราวญี่ปุ่นแผ่นดินไหว เกิดซึนามิและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รั่ว ในปี ค.ศ. 2011 (จริง ๆ แล้วมันอยากไปดูว่าของจริง ฉ.ห แค่ไหน จะได้คิดย้ายฐานทัพของตัวออกมาน่ะ) อเมริกาก็ช่วยไป แต่งข่าวผ่าน CNN ไป ชาวเราก็ได้เรื่องจริงมาน้อยกว่าเรื่องแต่ง
    – อันดับสอง เกาหลีใต้ อเมริกาพยายามโปรโมทเกาหลีใต้ขึ้นมาแข่งกับญี่ปุ่นนานแล้ว
Toyota แพ้ Hyundai Sony แพ้ Samsung ฝีมือใคร เอ๊ะ ทำได้ไงกับลูกเลี้ยง ก็เพราะอเมริกันต้องการให้เกาหลีใต้แข็งแรง เป็นกำแพงกั้นเกาหลีเหนือ เอาความเจริญใส่เข้าไปมาก ๆ จะได้เห็นความแตกต่าง ๆ ระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ มันจะได้ยากที่จะรวมกัน เดี๋ยวมันจะเอาอย่างเยอรมันตะวันออกกับตะวันตก ไอไม่ใจดีขนาดนั้นหรอก ลงทุนไปแยะ มาถึงตอนนี้ไม่ต้องทำอะไรมาก โปรโมทเข้าไปหนัก ๆ ยูดี ยูเก่ง ยูเจริญ ที่สุดในเอเซีย ใคร ๆ ก็อยากมี look แบบเกาหลีกันทั้งนั้น โอบซ้าย โอบขวา เชียร์กังนัมมันไปเรื่อย ๆ แค่นี้ก็พอถมเถ ชาวเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ ก็ใช่ว่าจะอยากไปอยู่กับเด็กแสบของเกาหลีเหนือ คราวนี้พักเรื่องกังนัมสักครู่ แล้วมาคุยกันเรื่องสร้างฐานทัพให้ลูกพี่จอดเรือรบก่อนนะ
    – อันดับสาม ฟิลิปปินส์ ซึ่งอเมริกาเลี้ยงดูมาหลายสิบปี มีอะไรก็ถมให้ไปหมด ขนาด
เศรษฐีโคตรรวย Rockefeller ยังพยายามทั้งผลักทั้งดัน ให้ฟิลิปปินส์เป็นเมืองเอกในเอเซีย ลงทุนตั้งมหาวิทยาลัยให้ทั้งหลัง หน่วยงานสำคัญ ๆ ก็ไปไว้ที่นั่น ADB ไง Asian for DevelopmentBank ลูกของ World Bank สำนักงานใหญ่ก็อยู่ที่นี่แหละ แต่เด็กมันไม่ค่อยรักดี ถ้าไม่โกงกันระเบิด ก็เอาระเบิดมาถล่มกันเองอยู่เรื่อย แต่ก็ยังทิ้งกันไม่ลง ก็ลงทุนสร้างฐานทัพทิ้งไว้ที่เกาะนี้เต็มไปหมด งวดนี้กัดฟันไปคุยกันใหม่ เพราะต้องใช้ฟิลิปปินส์ เป็นม้าใช้ลอยคอไปยันกับจีนแถวทะเลจีนใต้ รื้อฟื้นฐานทัพเก่าที่เคยสร้างไว้มาปัดฝุ่นใช้กันใหม่
    – อันดับสี่ ไทยแลนด์แดนสมันน้อย แหม ! นึกว่าเป็นลูกรักอยู่อันดับหนึ่ง ที่แท้อยู่โหล่
เลย ฉะนั้นอย่างสำคัญตนผิด แต่ขอโทษ คุณพี่ Obama มาเอง เพราะไทยแลนด์เป็นพันธมิตรเก่าแก่ในภูมิภาคนี้ ร่วมรบ หลอกตุ๋นกันมาตั้งกะสมัยสงครามเวียตนาม แต่พักหลังนี้ มันเล่นกีฬาสีกันแยะ จนลูกพี่ชักงง จะชอบจะใช้สีไหนดีนะ เอาที่มันใช้ง่าย ๆ น่ะ มาคราวนี้เลยบีบมือนางสมันน้อยแน่นนาน อย่าลืมนะ นางสาวแสนโง่ ! สัญญาทาสผูกคอของเราสองยังมีอยู่นะ เรียกเมื่อไหร่อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่อง เรื่องอื่นไม่รู้เรื่องไม่เป็นไร แต่เรื่องนี้ห้ามโง่นะ ว่าแล้วก็ทำตาเยิ้มใส่กัน ฮา !
    แม้จะใช้นักแสดงนำรุ่นใหญ่ขนาดนั้น แต่ความที่บทมันไม่ชัดเหมือนดูหนังจนจบแล้ว คนดู
ยังไม่แน่ใจว่า เป็นหนังบู๊หรือหนังตลก พระเอกชักปืนจะมายิงผู้ร้ายทีไร ดันยิงเข้าหัวแม่เท้าตัวเองทุกที แบบนั้นแหละ แถมนักแสดงบางคนก็เล่นไม่เนียน ถ้าไม่หน้าใหม่ ก็หน้าโหด ดูอย่างหน้าคุณนาย Clinton ซิ ปากยิ้ม แต่ลูกตายังกะนางสิงห์กำลังจ้องจะขม้ำเหยื่อ ชาวบ้านก็เลยมึน นี่มันเรื่องจริงหรือเปล่านะ ไหนเขาลือกันว่ากระเป๋ายังโหว่อยู่ ไม่ใช่หรือ เงินเดือนจะจ่ายคนทำงานยังไม่พอเลย เป็นข่าวไปทั่วโลก จะ shut down shut up อะไรนั่น นี่มันรายการเกทับบลัฟแหลก ประเภทหน้าไพ่มีคิงแต่ข้างในกบแปดหรือเปล่านะ เล่นมุกนี้แถว Asia Pacific น่ะไม่หมูนะ อาเฮียกับพวกนี่เขาธรรมดาที่ไหน ชาวบ้านเขาก็วิจารณ์กันทั่วโลก (ยกเว้นไทยแลนด์ของสมัย
น้อยแหละ ที่ดีใจหนักหนา พี่เขากลับมาแล้ว)
    ขนาดพวกนักวิเคราะห์บางค่าย เช่น CFR (พวกกันเอง) ยังถามเลยว่ามาทาง Asia
Pacific แน่หรือ แล้วทาง Middle East ว่าอย่างไร มันยัง spring หลุดกันอยู่เลยนะ บางค่ายก็บอกว่า อเมริกาต้องมาทางนี้แหละ เพราะว่าภูมิภาคนี้ ต้องมีอเมริกามายืนผงาด ให้พวกอาเฮียรู้บางว่าใครเป็นใคร เป็นการดุลยอำนาจไงล่ะ แต่ที่แหลได้ใจ คือ นักวิเคราะห์จากค่ายลูกพี่นักล่า Chatham House บอกว่างงกันไปได้ ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกใหม่อะไรเลย อเมริกาก็เป็นพี่เบิ้มวนเวียนอยู่ทางนี้มากว่าครึ่งศตวรรษแล้ว และไม่ว่าจะป็นพรรค Democrat หรือ Republican ทั้ง 2 พรรค ก็มีนโยบายเหมือนกันแหละ (คือให้ใครมาใหญ่กว่าตัวไม่ได้ทั้งนั้น) และที่สำคัญเข้าใจกันให้ถูกนะ อเมริกาไม่เคย “ไปจาก” ภูมิภาคนี้เลยต่างหาก แค่กร่างมากกร่างน้อยเท่านั้นเอง อันหลังนี้คนเขียน นิทานเพิ่มเองครับ
    ทั้งหมดนี้อเมริกาทำทำไม ไม่ต้องถามโหรระดับแม่หมอฟองสนานหรอก คนอ่านนิทาน
ทุกคนตอบได้หมด ถ้าไม่แน่ใจโปรด กลับไปอ่านจิกโก๋ปากซอย หรือยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุกใหม่นะครับ อเมริกาหมุนเข็มทิศมาทางAsia Pacific ด้วยเหตุผล 2 อย่าง เป็นเหตุผลเดิม ๆ ที่ไม่ว่าอเมริกา หรือชาติมหาอำนาจใด หรือชาติเล็กชาติน้อย หรือใครที่มันคิดจะเป็นใหญ่มันก็คิดกันอยู่แค่นี้ทั้งนั้นแหละ “อำนาจกับทุน” สูตรสำเร็จเดิม ๆ จำไม่ได้หรือไง อเมริกามาแถบนี้ เพราะต้องการให้ทุกชาติ โดยเฉพาะจีนจำใส่หัวสมองไว้ว่า อเมริกายังมีอำนาจเต็มเปี่ยม ทั้งในภูมิภาคนี้และในโลกใบนี้ ใครที่คิดว่ารวยแล้วนึกว่าตัวเองใหญ่ แบบอาเฮียเศรษฐีใหม่น่ะ คิดใหม่นะกับอีกอย่างที่อเมริกาต้องการจนน้ำลายไหลฟูมปาก คือ ทรัพยากรที่ยังเหลือเฟืออยู่ในภูมิภาคนี้และกำลังมีการหักเหลี่ยม เล่นเชิงกันอย่างเข้มข้น ทั้งใน Asia Pacific และ Central Asia แต่นิทานวันนี้จะยังไม่เล่าเรื่องทรัพยากรนะครับ จะเน้นกันเรื่องกองทัพกองกำลัง ความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อนักล่า ที่อเมริกากำลังเบ่งให้ดู

    คนเล่านิทาน
    ยุทธการกบกระโดด ตอนที่ 1 นิทานเรื่องจริง เรื่อง “ยุทธการกบกระโดด” ตอนที่ 1 อเมริกากำลังปรับกระบวนยุทธใหม่ เพื่อมุ่งไปสู่การเป็นศูนย์อำนาจ เป็นสุดยอดนักล่า
(Strategic Pivot) ในภูมิภาค Asia Pacific แต่เพื่อให้ฟังนุ่มหู อเมริกาบอกว่าเป็นการปรับดุลยอำนาจ (Rebalancing) ในภูมิภาคนี้ใหม่ กระบวนยุทธใหม่นี้ นายโอบามา พูดถึงเป็นครั้งแรกที่กรุง Canberra Australia เมื่อเดือนพฤศจิกายน ค.ศ. 2011 หลังจากนั้น อเมริกาเริ่มปฎิบัติการอย่างเงียบ ๆ มาตลอดเวลากว่า 2 ปีที่ผ่านมา เราชาวโลกควรให้ความสนใจกัน เพราะต่อไปนี้
ละครฉากสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นการค้า การรบ การคบ การเคี้ยว จะอยู่ตรงแถวนี้แหละ ตรงที่เรียกว่า Asia Pacific สิ่งที่อเมริกาเดินหน้าทำเป็นเรื่องแรก ในช่วงปรับกระบวนยุทธ คือ ทำให้ประเทศที่
เรียกว่าเป็นพันธมิตร ทั้งระดับชิดและระดับห่าง แถวภูมิภาค Asia Pacific (Alliances) เชื่อว่าเรายังเป็นก๊วนกันอยู่นะ แม้ตัวจะไกล แต่ใจแนบแน่น เพราะฉะนั้นไอกระดิกนิ้วเรียกเมื่อไหร่ ต้องวิ่งมากันเลยนะ อเมริกาลงทุนเดินไปเคาะประตูบ้านเกือบทุกบาน ของพันธมิตร (ลูกหาบ !) จับมือ เขย่าแขน กอดคอ หอมแก้ม ผู้นำเกือบทุกคนในภูมิภาคนี้ โดยใช้นักแสดงนำ เช่น คุณนาย Clintonรมว.ตปท. นาย Robert Gates รมว.กลาโหม นาย Leon Panetta ที่มาเป็นรมว. กลาโหมคนต่อมา รวมทั้งที่ปรึกษาความมั่นคง เช่น นาย Tom Donjion และบรรดาแม่ทัพนายกอง แถวกองทัพภาคที่ 7 ยังถูกเกณฑ์ออกมาเดินสาย ที่สำคัญตัวพระเอกเอง คือ ประธานาธิบดี Obamaก็ไม่เว้น ออกเดินสายเคาะประตูบ้านด้วยเช่นกัน – อันดับแรก แน่นอน ญี่ปุ่นลูกเลี้ยง ประเทศที่อเมริกาถล่มเขาซะหายไปทั้งเมือง ทำให้
ต้องกระเตงเลี้ยงกันไปตลอด ทั้งช่วยทั้งใช้ (แต่รู้สึกอย่างหลังจะมากกว่านะ) อเมริกาเข้าไปปรับปรุงยุ่งถึงในมุ้งการเมืองของญี่ปุ่น ได้นายกรัฐมนตรีหุ่นเชิดมา 1 คน เพื่อให้ดำเนินนโยบายประเทศให้สอดคล้องกับยุทธศาสตร์ใหม่ของอเมริกา และเพื่อโชว์ให้โลกเห็นว่าอเมริกาเป็นพ่อพระใจดีใจกว้าง ไม่ได้ทอดทิ้งยามยาก เช่น คราวญี่ปุ่นแผ่นดินไหว เกิดซึนามิและโรงไฟฟ้านิวเคลียร์รั่ว ในปี ค.ศ. 2011 (จริง ๆ แล้วมันอยากไปดูว่าของจริง ฉ.ห แค่ไหน จะได้คิดย้ายฐานทัพของตัวออกมาน่ะ) อเมริกาก็ช่วยไป แต่งข่าวผ่าน CNN ไป ชาวเราก็ได้เรื่องจริงมาน้อยกว่าเรื่องแต่ง – อันดับสอง เกาหลีใต้ อเมริกาพยายามโปรโมทเกาหลีใต้ขึ้นมาแข่งกับญี่ปุ่นนานแล้ว
Toyota แพ้ Hyundai Sony แพ้ Samsung ฝีมือใคร เอ๊ะ ทำได้ไงกับลูกเลี้ยง ก็เพราะอเมริกันต้องการให้เกาหลีใต้แข็งแรง เป็นกำแพงกั้นเกาหลีเหนือ เอาความเจริญใส่เข้าไปมาก ๆ จะได้เห็นความแตกต่าง ๆ ระหว่างเกาหลีเหนือกับเกาหลีใต้ มันจะได้ยากที่จะรวมกัน เดี๋ยวมันจะเอาอย่างเยอรมันตะวันออกกับตะวันตก ไอไม่ใจดีขนาดนั้นหรอก ลงทุนไปแยะ มาถึงตอนนี้ไม่ต้องทำอะไรมาก โปรโมทเข้าไปหนัก ๆ ยูดี ยูเก่ง ยูเจริญ ที่สุดในเอเซีย ใคร ๆ ก็อยากมี look แบบเกาหลีกันทั้งนั้น โอบซ้าย โอบขวา เชียร์กังนัมมันไปเรื่อย ๆ แค่นี้ก็พอถมเถ ชาวเกาหลีใต้ส่วนใหญ่ ก็ใช่ว่าจะอยากไปอยู่กับเด็กแสบของเกาหลีเหนือ คราวนี้พักเรื่องกังนัมสักครู่ แล้วมาคุยกันเรื่องสร้างฐานทัพให้ลูกพี่จอดเรือรบก่อนนะ – อันดับสาม ฟิลิปปินส์ ซึ่งอเมริกาเลี้ยงดูมาหลายสิบปี มีอะไรก็ถมให้ไปหมด ขนาด
เศรษฐีโคตรรวย Rockefeller ยังพยายามทั้งผลักทั้งดัน ให้ฟิลิปปินส์เป็นเมืองเอกในเอเซีย ลงทุนตั้งมหาวิทยาลัยให้ทั้งหลัง หน่วยงานสำคัญ ๆ ก็ไปไว้ที่นั่น ADB ไง Asian for DevelopmentBank ลูกของ World Bank สำนักงานใหญ่ก็อยู่ที่นี่แหละ แต่เด็กมันไม่ค่อยรักดี ถ้าไม่โกงกันระเบิด ก็เอาระเบิดมาถล่มกันเองอยู่เรื่อย แต่ก็ยังทิ้งกันไม่ลง ก็ลงทุนสร้างฐานทัพทิ้งไว้ที่เกาะนี้เต็มไปหมด งวดนี้กัดฟันไปคุยกันใหม่ เพราะต้องใช้ฟิลิปปินส์ เป็นม้าใช้ลอยคอไปยันกับจีนแถวทะเลจีนใต้ รื้อฟื้นฐานทัพเก่าที่เคยสร้างไว้มาปัดฝุ่นใช้กันใหม่ – อันดับสี่ ไทยแลนด์แดนสมันน้อย แหม ! นึกว่าเป็นลูกรักอยู่อันดับหนึ่ง ที่แท้อยู่โหล่
เลย ฉะนั้นอย่างสำคัญตนผิด แต่ขอโทษ คุณพี่ Obama มาเอง เพราะไทยแลนด์เป็นพันธมิตรเก่าแก่ในภูมิภาคนี้ ร่วมรบ หลอกตุ๋นกันมาตั้งกะสมัยสงครามเวียตนาม แต่พักหลังนี้ มันเล่นกีฬาสีกันแยะ จนลูกพี่ชักงง จะชอบจะใช้สีไหนดีนะ เอาที่มันใช้ง่าย ๆ น่ะ มาคราวนี้เลยบีบมือนางสมันน้อยแน่นนาน อย่าลืมนะ นางสาวแสนโง่ ! สัญญาทาสผูกคอของเราสองยังมีอยู่นะ เรียกเมื่อไหร่อย่าทำเป็นไม่รู้เรื่อง เรื่องอื่นไม่รู้เรื่องไม่เป็นไร แต่เรื่องนี้ห้ามโง่นะ ว่าแล้วก็ทำตาเยิ้มใส่กัน ฮา ! แม้จะใช้นักแสดงนำรุ่นใหญ่ขนาดนั้น แต่ความที่บทมันไม่ชัดเหมือนดูหนังจนจบแล้ว คนดู
ยังไม่แน่ใจว่า เป็นหนังบู๊หรือหนังตลก พระเอกชักปืนจะมายิงผู้ร้ายทีไร ดันยิงเข้าหัวแม่เท้าตัวเองทุกที แบบนั้นแหละ แถมนักแสดงบางคนก็เล่นไม่เนียน ถ้าไม่หน้าใหม่ ก็หน้าโหด ดูอย่างหน้าคุณนาย Clinton ซิ ปากยิ้ม แต่ลูกตายังกะนางสิงห์กำลังจ้องจะขม้ำเหยื่อ ชาวบ้านก็เลยมึน นี่มันเรื่องจริงหรือเปล่านะ ไหนเขาลือกันว่ากระเป๋ายังโหว่อยู่ ไม่ใช่หรือ เงินเดือนจะจ่ายคนทำงานยังไม่พอเลย เป็นข่าวไปทั่วโลก จะ shut down shut up อะไรนั่น นี่มันรายการเกทับบลัฟแหลก ประเภทหน้าไพ่มีคิงแต่ข้างในกบแปดหรือเปล่านะ เล่นมุกนี้แถว Asia Pacific น่ะไม่หมูนะ อาเฮียกับพวกนี่เขาธรรมดาที่ไหน ชาวบ้านเขาก็วิจารณ์กันทั่วโลก (ยกเว้นไทยแลนด์ของสมัย
น้อยแหละ ที่ดีใจหนักหนา พี่เขากลับมาแล้ว) ขนาดพวกนักวิเคราะห์บางค่าย เช่น CFR (พวกกันเอง) ยังถามเลยว่ามาทาง Asia
Pacific แน่หรือ แล้วทาง Middle East ว่าอย่างไร มันยัง spring หลุดกันอยู่เลยนะ บางค่ายก็บอกว่า อเมริกาต้องมาทางนี้แหละ เพราะว่าภูมิภาคนี้ ต้องมีอเมริกามายืนผงาด ให้พวกอาเฮียรู้บางว่าใครเป็นใคร เป็นการดุลยอำนาจไงล่ะ แต่ที่แหลได้ใจ คือ นักวิเคราะห์จากค่ายลูกพี่นักล่า Chatham House บอกว่างงกันไปได้ ไม่เห็นจะเป็นเรื่องแปลกใหม่อะไรเลย อเมริกาก็เป็นพี่เบิ้มวนเวียนอยู่ทางนี้มากว่าครึ่งศตวรรษแล้ว และไม่ว่าจะป็นพรรค Democrat หรือ Republican ทั้ง 2 พรรค ก็มีนโยบายเหมือนกันแหละ (คือให้ใครมาใหญ่กว่าตัวไม่ได้ทั้งนั้น) และที่สำคัญเข้าใจกันให้ถูกนะ อเมริกาไม่เคย “ไปจาก” ภูมิภาคนี้เลยต่างหาก แค่กร่างมากกร่างน้อยเท่านั้นเอง อันหลังนี้คนเขียน นิทานเพิ่มเองครับ ทั้งหมดนี้อเมริกาทำทำไม ไม่ต้องถามโหรระดับแม่หมอฟองสนานหรอก คนอ่านนิทาน
ทุกคนตอบได้หมด ถ้าไม่แน่ใจโปรด กลับไปอ่านจิกโก๋ปากซอย หรือยุทธศาสตร์สร้อยไข่มุกใหม่นะครับ อเมริกาหมุนเข็มทิศมาทางAsia Pacific ด้วยเหตุผล 2 อย่าง เป็นเหตุผลเดิม ๆ ที่ไม่ว่าอเมริกา หรือชาติมหาอำนาจใด หรือชาติเล็กชาติน้อย หรือใครที่มันคิดจะเป็นใหญ่มันก็คิดกันอยู่แค่นี้ทั้งนั้นแหละ “อำนาจกับทุน” สูตรสำเร็จเดิม ๆ จำไม่ได้หรือไง อเมริกามาแถบนี้ เพราะต้องการให้ทุกชาติ โดยเฉพาะจีนจำใส่หัวสมองไว้ว่า อเมริกายังมีอำนาจเต็มเปี่ยม ทั้งในภูมิภาคนี้และในโลกใบนี้ ใครที่คิดว่ารวยแล้วนึกว่าตัวเองใหญ่ แบบอาเฮียเศรษฐีใหม่น่ะ คิดใหม่นะกับอีกอย่างที่อเมริกาต้องการจนน้ำลายไหลฟูมปาก คือ ทรัพยากรที่ยังเหลือเฟืออยู่ในภูมิภาคนี้และกำลังมีการหักเหลี่ยม เล่นเชิงกันอย่างเข้มข้น ทั้งใน Asia Pacific และ Central Asia แต่นิทานวันนี้จะยังไม่เล่าเรื่องทรัพยากรนะครับ จะเน้นกันเรื่องกองทัพกองกำลัง ความแข็งแกร่งของกล้ามเนื้อนักล่า ที่อเมริกากำลังเบ่งให้ดู คนเล่านิทาน
    0 Comments 0 Shares 96 Views 0 Reviews
  • 'ทักษิณ' ปัดข่าวลือ! ไม่ตอบปมยอมรับผิดที่ไว้ใจ "ธรรมนัส" หลังโผล่ที่ทำการพรรคเพื่อไทย
    https://www.thai-tai.tv/news/21273/
    .
    #ไทยไท #ทักษิณชินวัตร #เพื่อไทย #จัดตั้งรัฐบาล #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้

    'ทักษิณ' ปัดข่าวลือ! ไม่ตอบปมยอมรับผิดที่ไว้ใจ "ธรรมนัส" หลังโผล่ที่ทำการพรรคเพื่อไทย https://www.thai-tai.tv/news/21273/ . #ไทยไท #ทักษิณชินวัตร #เพื่อไทย #จัดตั้งรัฐบาล #ข่าวการเมือง #ข่าววันนี้
    0 Comments 0 Shares 39 Views 0 Reviews
  • พรรคประชาชน เปิดประตูให้คนเข้ามาปล้นบ้าน
    เมิงจะตอบคนไทยอย่างไร
    #คิงส์โพธิ์แดง
    พรรคประชาชน เปิดประตูให้คนเข้ามาปล้นบ้าน เมิงจะตอบคนไทยอย่างไร #คิงส์โพธิ์แดง
    Haha
    1
    2 Comments 0 Shares 102 Views 0 0 Reviews
  • ♣ ไว้ใจไม่ได้ ชนชาติจังไร แสร้งตบตา ยกเลิกแถลงสถานการณ์ชั่วคราว แต่ความจริงเพิ่มเติมกำลังพลตลอด กองทัพไทยรู้ทัน พร้อมตอบโต้
    #7ดอกจิก
    #มาลีกัมพูชา
    ♣ ไว้ใจไม่ได้ ชนชาติจังไร แสร้งตบตา ยกเลิกแถลงสถานการณ์ชั่วคราว แต่ความจริงเพิ่มเติมกำลังพลตลอด กองทัพไทยรู้ทัน พร้อมตอบโต้ #7ดอกจิก #มาลีกัมพูชา
    0 Comments 0 Shares 54 Views 0 Reviews
  • ## นิยายสั้นเรื่อง รถไฟฟ้า 20 บาท กับ "ตั๋วเที่ยว" ที่หายไป ##
    ..
    ..
    นิยายสั้นเรื่องนี้ ไม่ได้มีส่วนหนึ่งส่วนใดที่ อ้างอิงมาจาก เรื่องจริง เหตุการณ์จริง หรือ บุคคล ที่มีอยู่จริงเลย แม้แต่นิดเดียว...
    ...
    ...
    นับแต่โบราณ การสร้างนโยบายฝันเฟื่อง ประชานิยม นั้นก็เพื่อ ล่อลวงประชาชน
    .
    เพราะนักการเมือง รู้ซึ้งถึงคุณภาพประชากร จึงรู้ว่าจะเกิดช่องว่างขึ้น
    .
    "ตั๋วเที่ยว" อันตรธาน หายไปจากกลุ่มประชากร ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก
    .
    ผลจากการลบ "ตั๋วเที่ยว" ออกไปได้ ส่งผลให้ ผลประโยชน์ เพิ่มขึ้นมหาศาล แม้แต่จะเกิดขึ้นเป็นภาวะชั่วคราว...
    .
    หากเกิดขึ้นและคงอยู่ตลอดไปหล่ะ คิดเป็นผลประโยชน์มหาศาลใช่หรือไม่...???
    ....
    ....
    สำนวนจีน เขาว่า “กวนน้ำให้ขุ่นแล้วค่อยจับปลา”
    .
    เพราะ เวลาน้ำใส ปลาจะมองเห็นคนและหนีได้ง่าย จับได้ยาก แต่ถ้าไปกวนน้ำให้ขุ่นจนปลามองไม่เห็นทิศทาง คนก็สามารถอาศัยจังหวะนั้นจับปลาได้ง่ายขึ้น
    .
    “สร้างความปั่นป่วนเสียก่อน แล้วฉวยโอกาสเอาผลประโยชน์”
    .
    ถ้าเป็นนายทุนพรรคการเมืองแล้วไม่ได้ประโยชน์ จะเป็นไปทำไม...???
    .
    ถ้าได้รับท่อน้ำเลี้ยงจากนายทุน พอมีอำนาจแล้ว ก็ต้องตอบแทนนายทุนใช่หรือไม่...???
    .
    การเมืองเป็นเรื่องของการจัดสรรทรัพยากร หรือ ภาษาชาวบ้าน เรียกว่า การแบ่งเค้ก ที่เจือสมกันทุกฝ่าย หรือ วินวิน นั่นเอง...
    ## นิยายสั้นเรื่อง รถไฟฟ้า 20 บาท กับ "ตั๋วเที่ยว" ที่หายไป ## .. .. นิยายสั้นเรื่องนี้ ไม่ได้มีส่วนหนึ่งส่วนใดที่ อ้างอิงมาจาก เรื่องจริง เหตุการณ์จริง หรือ บุคคล ที่มีอยู่จริงเลย แม้แต่นิดเดียว... ... ... นับแต่โบราณ การสร้างนโยบายฝันเฟื่อง ประชานิยม นั้นก็เพื่อ ล่อลวงประชาชน . เพราะนักการเมือง รู้ซึ้งถึงคุณภาพประชากร จึงรู้ว่าจะเกิดช่องว่างขึ้น . "ตั๋วเที่ยว" อันตรธาน หายไปจากกลุ่มประชากร ซึ่งมีเป็นจำนวนมาก . ผลจากการลบ "ตั๋วเที่ยว" ออกไปได้ ส่งผลให้ ผลประโยชน์ เพิ่มขึ้นมหาศาล แม้แต่จะเกิดขึ้นเป็นภาวะชั่วคราว... . หากเกิดขึ้นและคงอยู่ตลอดไปหล่ะ คิดเป็นผลประโยชน์มหาศาลใช่หรือไม่...??? .... .... สำนวนจีน เขาว่า “กวนน้ำให้ขุ่นแล้วค่อยจับปลา” . เพราะ เวลาน้ำใส ปลาจะมองเห็นคนและหนีได้ง่าย จับได้ยาก แต่ถ้าไปกวนน้ำให้ขุ่นจนปลามองไม่เห็นทิศทาง คนก็สามารถอาศัยจังหวะนั้นจับปลาได้ง่ายขึ้น . “สร้างความปั่นป่วนเสียก่อน แล้วฉวยโอกาสเอาผลประโยชน์” . ถ้าเป็นนายทุนพรรคการเมืองแล้วไม่ได้ประโยชน์ จะเป็นไปทำไม...??? . ถ้าได้รับท่อน้ำเลี้ยงจากนายทุน พอมีอำนาจแล้ว ก็ต้องตอบแทนนายทุนใช่หรือไม่...??? . การเมืองเป็นเรื่องของการจัดสรรทรัพยากร หรือ ภาษาชาวบ้าน เรียกว่า การแบ่งเค้ก ที่เจือสมกันทุกฝ่าย หรือ วินวิน นั่นเอง...
    0 Comments 0 Shares 59 Views 0 Reviews
  • ♣ ภูมิใจไทยกดสูตรสำเร็จความใคร่ อ้างประชาชนกำลังเดือดร้อน ยุบสภาฯไม่ได้ แท้จริงคือพรรคกำลังรีดไถตบทรัพย์นายทุนมาเดินเกมการเมือง โดยมีโครงการสัมปทานตอบแทน
    #7ดอกจิก
    #ไชยชนก
    ♣ ภูมิใจไทยกดสูตรสำเร็จความใคร่ อ้างประชาชนกำลังเดือดร้อน ยุบสภาฯไม่ได้ แท้จริงคือพรรคกำลังรีดไถตบทรัพย์นายทุนมาเดินเกมการเมือง โดยมีโครงการสัมปทานตอบแทน #7ดอกจิก #ไชยชนก
    0 Comments 0 Shares 59 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจาก CrushFTP: เมื่อการแก้บั๊กหนึ่งเปิดทางให้เกิดช่องโหว่อีก

    CrushFTP เป็นซอฟต์แวร์ FTP ที่ได้รับความนิยมในองค์กรทั่วโลก ด้วยความสามารถในการจัดการไฟล์ผ่าน HTTP/S และรองรับโปรโตคอลหลากหลาย แต่ในเดือนกรกฎาคม 2025 นักวิจัยจาก WatchTowr Labs ได้ค้นพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-54309 ซึ่งเปิดทางให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงสิทธิ์ผู้ดูแลระบบผ่านเว็บอินเทอร์เฟซ โดยไม่ต้องยืนยันตัวตนเลย

    ช่องโหว่นี้เกิดจาก race condition ในการประมวลผลคำขอ HTTP สองชุดที่ถูกส่งต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว โดยคำขอแรกมี header ที่ชี้ไปยัง crushadmin (ผู้ดูแลระบบในตัว) ส่วนคำขอที่สองไม่มี header แต่ใช้ session เดียวกัน ถ้าทั้งสองคำขอถูกประมวลผลในลำดับที่เฉพาะเจาะจง เซิร์ฟเวอร์จะเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ดูแลระบบ และอนุญาตให้สร้างบัญชีแอดมินใหม่ได้ทันที

    สิ่งที่น่าตกใจคือ CrushFTP ได้แก้ไขช่องโหว่นี้แบบ “เงียบ ๆ” โดยไม่แจ้งผู้ใช้ ทำให้กว่า 30,000 instance บนอินเทอร์เน็ตยังคงเสี่ยงต่อการถูกโจมตี และช่องโหว่นี้ถูกเพิ่มเข้าไปในรายการ CISA Known Exploited Vulnerabilities แล้ว

    รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-54309
    เป็น race condition ในการประมวลผล HTTP POST สองคำขอที่ใช้ session เดียวกัน
    คำขอแรกมี header AS2-TO: \\crushadmin ส่วนคำขอที่สองไม่มี แต่ใช้ cookie เดิม
    หากลำดับถูกต้อง เซิร์ฟเวอร์จะอนุญาตให้สร้างบัญชีแอดมินใหม่ได้ทันที
    ช่องโหว่เกิดใน CrushFTP v10 ก่อน 10.8.5 และ v11 ก่อน 11.3.4_23

    การค้นพบและการทดสอบโดย WatchTowr Labs
    ใช้ honeypot เฉพาะสำหรับ CrushFTP และตรวจจับการโจมตีแบบ real-time
    วิเคราะห์ traffic แล้วพบรูปแบบคำขอที่ซ้ำกันกว่า 1,000 ครั้ง
    สร้างสคริปต์ PoC ที่สามารถสร้างบัญชีแอดมินใหม่ได้บน instance ที่ยังไม่ patch

    การตอบสนองจาก CrushFTP
    ยอมรับว่าช่องโหว่ถูกใช้โจมตีจริงตั้งแต่ 18 กรกฎาคม 2025
    ระบุว่าการแก้ไขเกิดจากการเปลี่ยนโค้ดเพื่อแก้ปัญหา AS2 โดยไม่รู้ว่ามีช่องโหว่แฝง
    Patch ถูกปล่อยแบบเงียบ ๆ โดยไม่มีการแจ้งเตือนผู้ใช้

    การป้องกันและคำแนะนำ
    อัปเดตเป็น CrushFTP v10.8.5 หรือ v11.3.4_23 ทันที
    เปิดใช้งาน DMZ proxy ซึ่งจะช่วยแยก instance ออกจากเซิร์ฟเวอร์หลัก
    ตรวจสอบ log สำหรับคำขอ POST ที่มี header AS2-TO และ cookie ซ้ำ ๆ
    ใช้ rate limiting และ intrusion detection เพื่อป้องกันการโจมตีแบบ high-frequency

    https://hackread.com/hackers-exploit-crushftp-zero-day-take-over-servers/
    🎙️ เรื่องเล่าจาก CrushFTP: เมื่อการแก้บั๊กหนึ่งเปิดทางให้เกิดช่องโหว่อีก CrushFTP เป็นซอฟต์แวร์ FTP ที่ได้รับความนิยมในองค์กรทั่วโลก ด้วยความสามารถในการจัดการไฟล์ผ่าน HTTP/S และรองรับโปรโตคอลหลากหลาย แต่ในเดือนกรกฎาคม 2025 นักวิจัยจาก WatchTowr Labs ได้ค้นพบช่องโหว่ร้ายแรง CVE-2025-54309 ซึ่งเปิดทางให้แฮกเกอร์สามารถเข้าถึงสิทธิ์ผู้ดูแลระบบผ่านเว็บอินเทอร์เฟซ โดยไม่ต้องยืนยันตัวตนเลย ช่องโหว่นี้เกิดจาก race condition ในการประมวลผลคำขอ HTTP สองชุดที่ถูกส่งต่อเนื่องอย่างรวดเร็ว โดยคำขอแรกมี header ที่ชี้ไปยัง crushadmin (ผู้ดูแลระบบในตัว) ส่วนคำขอที่สองไม่มี header แต่ใช้ session เดียวกัน ถ้าทั้งสองคำขอถูกประมวลผลในลำดับที่เฉพาะเจาะจง เซิร์ฟเวอร์จะเข้าใจผิดว่าเป็นผู้ดูแลระบบ และอนุญาตให้สร้างบัญชีแอดมินใหม่ได้ทันที สิ่งที่น่าตกใจคือ CrushFTP ได้แก้ไขช่องโหว่นี้แบบ “เงียบ ๆ” โดยไม่แจ้งผู้ใช้ ทำให้กว่า 30,000 instance บนอินเทอร์เน็ตยังคงเสี่ยงต่อการถูกโจมตี และช่องโหว่นี้ถูกเพิ่มเข้าไปในรายการ CISA Known Exploited Vulnerabilities แล้ว ✅ รายละเอียดช่องโหว่ CVE-2025-54309 ➡️ เป็น race condition ในการประมวลผล HTTP POST สองคำขอที่ใช้ session เดียวกัน ➡️ คำขอแรกมี header AS2-TO: \\crushadmin ส่วนคำขอที่สองไม่มี แต่ใช้ cookie เดิม ➡️ หากลำดับถูกต้อง เซิร์ฟเวอร์จะอนุญาตให้สร้างบัญชีแอดมินใหม่ได้ทันที ➡️ ช่องโหว่เกิดใน CrushFTP v10 ก่อน 10.8.5 และ v11 ก่อน 11.3.4_23 ✅ การค้นพบและการทดสอบโดย WatchTowr Labs ➡️ ใช้ honeypot เฉพาะสำหรับ CrushFTP และตรวจจับการโจมตีแบบ real-time ➡️ วิเคราะห์ traffic แล้วพบรูปแบบคำขอที่ซ้ำกันกว่า 1,000 ครั้ง ➡️ สร้างสคริปต์ PoC ที่สามารถสร้างบัญชีแอดมินใหม่ได้บน instance ที่ยังไม่ patch ✅ การตอบสนองจาก CrushFTP ➡️ ยอมรับว่าช่องโหว่ถูกใช้โจมตีจริงตั้งแต่ 18 กรกฎาคม 2025 ➡️ ระบุว่าการแก้ไขเกิดจากการเปลี่ยนโค้ดเพื่อแก้ปัญหา AS2 โดยไม่รู้ว่ามีช่องโหว่แฝง ➡️ Patch ถูกปล่อยแบบเงียบ ๆ โดยไม่มีการแจ้งเตือนผู้ใช้ ✅ การป้องกันและคำแนะนำ ➡️ อัปเดตเป็น CrushFTP v10.8.5 หรือ v11.3.4_23 ทันที ➡️ เปิดใช้งาน DMZ proxy ซึ่งจะช่วยแยก instance ออกจากเซิร์ฟเวอร์หลัก ➡️ ตรวจสอบ log สำหรับคำขอ POST ที่มี header AS2-TO และ cookie ซ้ำ ๆ ➡️ ใช้ rate limiting และ intrusion detection เพื่อป้องกันการโจมตีแบบ high-frequency https://hackread.com/hackers-exploit-crushftp-zero-day-take-over-servers/
    HACKREAD.COM
    Hackers Exploit CrushFTP Zero-Day to Take Over Servers
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 56 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากสนาม SOC: เมื่อ Threat Intelligence กลายเป็นตัวคูณประสิทธิภาพ

    ในยุคที่การโจมตีไซเบอร์เกิดขึ้นทุกวินาที การตั้ง SOC (Security Operations Center) ให้พร้อมรับมือ 24/7 กลายเป็นภารกิจที่ทั้งหนักและแพง—ไม่ว่าจะเป็นค่าจ้างบุคลากร, ค่าลิขสิทธิ์เครื่องมือ, หรือค่าใช้จ่ายในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ แต่สิ่งที่หลายองค์กรยังมองข้ามคือ “ข้อมูลข่าวกรองภัยคุกคาม” หรือ Threat Intelligence (TI) ที่สามารถเปลี่ยน SOC จากระบบที่ “ตอบสนอง” ไปสู่ระบบที่ “ป้องกันล่วงหน้า”

    ANY.RUN ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์มัลแวร์แบบ interactive ได้เปิดตัว TI Feeds ที่เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ โดยคัดกรอง Indicator of Compromise (IOC) ที่เกี่ยวข้องจริง พร้อมอัปเดตแบบ real-time และสามารถเชื่อมต่อกับระบบ SIEM, SOAR หรือ detection engine ได้ทันที โดยไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างระบบเดิม

    ผลลัพธ์คือ SOC ที่สามารถตรวจจับภัยคุกคามได้ภายใน 60 วินาที ลดเวลา triage และ investigation ลงกว่า 90% และลดค่าใช้จ่ายจากการตอบสนองเหตุการณ์ได้อย่างมหาศาล

    ปัญหาค่าใช้จ่ายใน SOC แบบเดิม
    ค่าจ้างบุคลากรด้านความปลอดภัยกินงบประมาณถึง 60–70%
    เครื่องมือหลายตัวซ้ำซ้อนและไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ดี
    การตอบสนองแบบ reactive ทำให้เสียเวลาและทรัพยากรมาก
    การฝึกอบรมและการตรวจสอบ compliance เพิ่มค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง

    บทบาทของ Threat Intelligence ในการลดต้นทุน
    TI ช่วยลด false positives และเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับ
    ทำให้ SOC ทำงานแบบ proactive แทนที่จะรอเหตุการณ์เกิดขึ้น
    ลดเวลาในการสืบสวนและตอบสนองต่อภัยคุกคาม
    ช่วยจัดลำดับความสำคัญของ alert ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    จุดเด่นของ ANY.RUN TI Feeds
    ส่งข้อมูล IOC ที่ผ่านการตรวจสอบแล้วแบบ real-time
    รองรับการเชื่อมต่อกับระบบเดิมโดยไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้าง
    ลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและปรับแต่งระบบ
    ข้อมูลมาจาก sandbox analysis ที่มีบริบทครบถ้วน
    รองรับการขยายระบบโดยไม่ต้องเพิ่มบุคลากร

    ผลลัพธ์ที่วัดได้จากการใช้งานจริง
    ตรวจจับภัยคุกคามได้ 88% ภายใน 60 วินาที
    ลดเวลา triage ได้ 94% และลดเวลา investigation ได้ 95%
    ลดค่าใช้จ่ายจากการตอบสนองเหตุการณ์ได้อย่างมีนัยสำคัญ

    https://hackread.com/how-live-threat-intelligence-cut-cybersecurity-expenses/
    🎙️ เรื่องเล่าจากสนาม SOC: เมื่อ Threat Intelligence กลายเป็นตัวคูณประสิทธิภาพ ในยุคที่การโจมตีไซเบอร์เกิดขึ้นทุกวินาที การตั้ง SOC (Security Operations Center) ให้พร้อมรับมือ 24/7 กลายเป็นภารกิจที่ทั้งหนักและแพง—ไม่ว่าจะเป็นค่าจ้างบุคลากร, ค่าลิขสิทธิ์เครื่องมือ, หรือค่าใช้จ่ายในการตอบสนองต่อเหตุการณ์ แต่สิ่งที่หลายองค์กรยังมองข้ามคือ “ข้อมูลข่าวกรองภัยคุกคาม” หรือ Threat Intelligence (TI) ที่สามารถเปลี่ยน SOC จากระบบที่ “ตอบสนอง” ไปสู่ระบบที่ “ป้องกันล่วงหน้า” ANY.RUN ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มวิเคราะห์มัลแวร์แบบ interactive ได้เปิดตัว TI Feeds ที่เน้นคุณภาพมากกว่าปริมาณ โดยคัดกรอง Indicator of Compromise (IOC) ที่เกี่ยวข้องจริง พร้อมอัปเดตแบบ real-time และสามารถเชื่อมต่อกับระบบ SIEM, SOAR หรือ detection engine ได้ทันที โดยไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้างระบบเดิม ผลลัพธ์คือ SOC ที่สามารถตรวจจับภัยคุกคามได้ภายใน 60 วินาที ลดเวลา triage และ investigation ลงกว่า 90% และลดค่าใช้จ่ายจากการตอบสนองเหตุการณ์ได้อย่างมหาศาล ✅ ปัญหาค่าใช้จ่ายใน SOC แบบเดิม ➡️ ค่าจ้างบุคลากรด้านความปลอดภัยกินงบประมาณถึง 60–70% ➡️ เครื่องมือหลายตัวซ้ำซ้อนและไม่สามารถทำงานร่วมกันได้ดี ➡️ การตอบสนองแบบ reactive ทำให้เสียเวลาและทรัพยากรมาก ➡️ การฝึกอบรมและการตรวจสอบ compliance เพิ่มค่าใช้จ่ายต่อเนื่อง ✅ บทบาทของ Threat Intelligence ในการลดต้นทุน ➡️ TI ช่วยลด false positives และเพิ่มความแม่นยำในการตรวจจับ ➡️ ทำให้ SOC ทำงานแบบ proactive แทนที่จะรอเหตุการณ์เกิดขึ้น ➡️ ลดเวลาในการสืบสวนและตอบสนองต่อภัยคุกคาม ➡️ ช่วยจัดลำดับความสำคัญของ alert ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ✅ จุดเด่นของ ANY.RUN TI Feeds ➡️ ส่งข้อมูล IOC ที่ผ่านการตรวจสอบแล้วแบบ real-time ➡️ รองรับการเชื่อมต่อกับระบบเดิมโดยไม่ต้องเปลี่ยนโครงสร้าง ➡️ ลดค่าใช้จ่ายในการติดตั้งและปรับแต่งระบบ ➡️ ข้อมูลมาจาก sandbox analysis ที่มีบริบทครบถ้วน ➡️ รองรับการขยายระบบโดยไม่ต้องเพิ่มบุคลากร ✅ ผลลัพธ์ที่วัดได้จากการใช้งานจริง ➡️ ตรวจจับภัยคุกคามได้ 88% ภายใน 60 วินาที ➡️ ลดเวลา triage ได้ 94% และลดเวลา investigation ได้ 95% ➡️ ลดค่าใช้จ่ายจากการตอบสนองเหตุการณ์ได้อย่างมีนัยสำคัญ https://hackread.com/how-live-threat-intelligence-cut-cybersecurity-expenses/
    HACKREAD.COM
    How Live Threat Intelligence Cuts Cybersecurity Expenses
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 62 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากสนามการตลาด: เมื่อ AI ไม่แค่ค้นหา แต่ “สร้างคำตอบ” เอง

    ในอดีต การทำ SEO คือการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับใน Google ผ่านการใช้คีย์เวิร์ด การสร้างลิงก์ และการปรับ metadata แต่ในปี 2025 โลกออนไลน์กำลังเปลี่ยนอย่างเงียบ ๆ เพราะผู้คนไม่ได้ “คลิกหา” คำตอบอีกต่อไป—พวกเขา “ถาม” AI แล้วได้คำตอบทันที

    Generative Engine Optimisation (GEO) จึงกลายเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่ไม่ใช่แค่การทำให้เว็บติดอันดับ แต่ต้องทำให้เนื้อหาของคุณ “ถูกเลือก” และ “ถูกอ้างอิง” โดย AI อย่าง ChatGPT, Claude, Perplexity หรือ Google AI Overviews

    GEO ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่เป็นการเข้าใจว่า AI “อ่าน” และ “สังเคราะห์” ข้อมูลอย่างไร แล้วปรับเนื้อหาให้เหมาะกับการใช้งานของโมเดลเหล่านั้น เช่น การเขียนให้กระชับ ใช้ภาษาธรรมชาติ และจัดโครงสร้างข้อมูลให้ชัดเจน

    และเพราะ AI ไม่ได้แค่ดึงข้อมูล แต่ “สร้างคำตอบใหม่” จากหลายแหล่ง การทำ GEO จึงต้องเข้าใจ semantic structure, ความสัมพันธ์ของแนวคิด และวิธีที่โมเดลเลือกแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ซึ่งต่างจาก SEO แบบเดิมโดยสิ้นเชิง

    ความหมายของ Generative Engine Optimisation (GEO)
    เป็นการปรับเนื้อหาให้เหมาะกับการใช้งานของ AI ที่สร้างคำตอบจากหลายแหล่ง
    เน้นการเขียนที่เข้าใจง่าย มีโครงสร้างชัดเจน และสอดคล้องกับการสังเคราะห์ของโมเดล
    ไม่ใช่แค่การใช้คีย์เวิร์ด แต่ต้องเข้าใจความสัมพันธ์ของแนวคิดและบริบท

    ความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้ใช้
    ผู้ใช้หันไปถาม AI แทนการค้นหาผ่าน Google หรือ Bing โดยตรง
    60% ของการค้นหาใน Google จบลงโดยไม่มีการคลิก เพราะคำตอบอยู่ใน AI overview
    แบรนด์ที่ไม่ปรับตัวจะถูกมองข้าม แม้จะมีเนื้อหาดีแค่ไหนก็ตาม

    ความสำคัญของการร่วมงานกับ GEO agency
    GEO ต้องใช้ความเข้าใจลึกในโมเดล AI และการจัดโครงสร้างข้อมูล
    เอเจนซี่สามารถช่วยวิเคราะห์ช่องว่างของเนื้อหาและปรับให้ AI-friendly
    มีการติดตามเทรนด์ AI และปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง
    ช่วยลดการลองผิดลองถูก และเพิ่มโอกาสในการถูกอ้างอิงโดย AI

    คุณสมบัติของ GEO agency ที่ดี
    ต้องมีความรู้ทั้ง SEO แบบเดิมและเทคโนโลยี AI content
    ต้องโปร่งใสในการวัดผลและอธิบายกลยุทธ์
    ต้องปรับกลยุทธ์ตามอุตสาหกรรมและเป้าหมายเฉพาะของแต่ละธุรกิจ
    ต้องใช้ข้อมูลจริงในการตัดสินใจ ไม่ใช่แค่เทคนิคทั่วไป

    https://hackread.com/generative-engine-optimisation-what-it-is-why-need-it/
    🎙️ เรื่องเล่าจากสนามการตลาด: เมื่อ AI ไม่แค่ค้นหา แต่ “สร้างคำตอบ” เอง ในอดีต การทำ SEO คือการทำให้เว็บไซต์ติดอันดับใน Google ผ่านการใช้คีย์เวิร์ด การสร้างลิงก์ และการปรับ metadata แต่ในปี 2025 โลกออนไลน์กำลังเปลี่ยนอย่างเงียบ ๆ เพราะผู้คนไม่ได้ “คลิกหา” คำตอบอีกต่อไป—พวกเขา “ถาม” AI แล้วได้คำตอบทันที Generative Engine Optimisation (GEO) จึงกลายเป็นกลยุทธ์ใหม่ที่ไม่ใช่แค่การทำให้เว็บติดอันดับ แต่ต้องทำให้เนื้อหาของคุณ “ถูกเลือก” และ “ถูกอ้างอิง” โดย AI อย่าง ChatGPT, Claude, Perplexity หรือ Google AI Overviews GEO ไม่ใช่แค่เรื่องเทคนิค แต่เป็นการเข้าใจว่า AI “อ่าน” และ “สังเคราะห์” ข้อมูลอย่างไร แล้วปรับเนื้อหาให้เหมาะกับการใช้งานของโมเดลเหล่านั้น เช่น การเขียนให้กระชับ ใช้ภาษาธรรมชาติ และจัดโครงสร้างข้อมูลให้ชัดเจน และเพราะ AI ไม่ได้แค่ดึงข้อมูล แต่ “สร้างคำตอบใหม่” จากหลายแหล่ง การทำ GEO จึงต้องเข้าใจ semantic structure, ความสัมพันธ์ของแนวคิด และวิธีที่โมเดลเลือกแหล่งข้อมูลที่เชื่อถือได้ ซึ่งต่างจาก SEO แบบเดิมโดยสิ้นเชิง ✅ ความหมายของ Generative Engine Optimisation (GEO) ➡️ เป็นการปรับเนื้อหาให้เหมาะกับการใช้งานของ AI ที่สร้างคำตอบจากหลายแหล่ง ➡️ เน้นการเขียนที่เข้าใจง่าย มีโครงสร้างชัดเจน และสอดคล้องกับการสังเคราะห์ของโมเดล ➡️ ไม่ใช่แค่การใช้คีย์เวิร์ด แต่ต้องเข้าใจความสัมพันธ์ของแนวคิดและบริบท ✅ ความเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมผู้ใช้ ➡️ ผู้ใช้หันไปถาม AI แทนการค้นหาผ่าน Google หรือ Bing โดยตรง ➡️ 60% ของการค้นหาใน Google จบลงโดยไม่มีการคลิก เพราะคำตอบอยู่ใน AI overview ➡️ แบรนด์ที่ไม่ปรับตัวจะถูกมองข้าม แม้จะมีเนื้อหาดีแค่ไหนก็ตาม ✅ ความสำคัญของการร่วมงานกับ GEO agency ➡️ GEO ต้องใช้ความเข้าใจลึกในโมเดล AI และการจัดโครงสร้างข้อมูล ➡️ เอเจนซี่สามารถช่วยวิเคราะห์ช่องว่างของเนื้อหาและปรับให้ AI-friendly ➡️ มีการติดตามเทรนด์ AI และปรับกลยุทธ์อย่างต่อเนื่อง ➡️ ช่วยลดการลองผิดลองถูก และเพิ่มโอกาสในการถูกอ้างอิงโดย AI ✅ คุณสมบัติของ GEO agency ที่ดี ➡️ ต้องมีความรู้ทั้ง SEO แบบเดิมและเทคโนโลยี AI content ➡️ ต้องโปร่งใสในการวัดผลและอธิบายกลยุทธ์ ➡️ ต้องปรับกลยุทธ์ตามอุตสาหกรรมและเป้าหมายเฉพาะของแต่ละธุรกิจ ➡️ ต้องใช้ข้อมูลจริงในการตัดสินใจ ไม่ใช่แค่เทคนิคทั่วไป https://hackread.com/generative-engine-optimisation-what-it-is-why-need-it/
    HACKREAD.COM
    Generative Engine Optimisation: What It Is and Why You Need an Agency for It
    Follow us on Bluesky, Twitter (X), Mastodon and Facebook at @Hackread
    0 Comments 0 Shares 45 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากห้องทดลอง Claude: เมื่อข้อมูลของคุณกลายเป็นเชื้อเพลิงให้ AI

    Anthropic ผู้พัฒนา Claude ได้ประกาศอัปเดตเงื่อนไขการใช้งานและนโยบายความเป็นส่วนตัวครั้งใหญ่ในเดือนสิงหาคม 2025 โดยเปิดทางให้ผู้ใช้เลือกว่าจะ “อนุญาต” หรือ “ปฏิเสธ” การใช้ข้อมูลของตนเพื่อฝึกโมเดล AI รุ่นใหม่

    ก่อนหน้านี้ Claude ไม่ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้ทั่วไปในการฝึกโมเดลเลย ยกเว้นกรณีที่มีการส่ง feedback โดยตรง แต่ตอนนี้ Anthropic ต้องการข้อมูลจริงจากการสนทนาและการเขียนโค้ด เพื่อพัฒนาโมเดลให้แม่นยำขึ้น ปลอดภัยขึ้น และเข้าใจมนุษย์มากขึ้น

    ผู้ใช้ที่เลือก “อนุญาต” จะมีการเก็บข้อมูลได้นานถึง 5 ปี และข้อมูลเหล่านั้นจะถูกนำไปใช้ในการฝึก Claude รุ่นใหม่ ๆ โดยจะมีการกรองข้อมูลที่อ่อนไหวและไม่ขายให้บุคคลที่สาม ส่วนผู้ใช้ที่ “ปฏิเสธ” จะยังคงอยู่ภายใต้การเก็บข้อมูลแบบเดิมคือ 30 วัน

    สิ่งที่น่าสนใจคือ การตัดสินใจนี้จะมีผลต่อการใช้งาน Claude หลังวันที่ 28 กันยายน 2025 หากไม่เลือกใด ๆ จะไม่สามารถใช้งาน Claude ได้ต่อ และแม้จะเปลี่ยนใจในภายหลัง ข้อมูลที่เคยใช้ฝึกไปแล้วจะไม่สามารถเรียกคืนได้

    การเปลี่ยนแปลงนโยบายของ Anthropic
    เปิดให้ผู้ใช้เลือกว่าจะให้ใช้ข้อมูลเพื่อฝึก Claude หรือไม่
    มีผลกับผู้ใช้ Claude Free, Pro และ Max รวมถึง Claude Code
    ไม่ครอบคลุมบริการเชิงพาณิชย์ เช่น Claude for Work, Gov, Education หรือ API

    การเก็บข้อมูลและการฝึกโมเดล
    หากอนุญาต ข้อมูลจะถูกเก็บได้นานถึง 5 ปี
    หากไม่อนุญาต จะเก็บข้อมูลเพียง 30 วันตามนโยบายเดิม
    ข้อมูลที่ถูกลบจะไม่ถูกใช้ในการฝึกโมเดล
    การฝึกจะใช้เฉพาะแชตใหม่หรือแชตที่กลับมาใช้งานอีกครั้ง

    วิธีการเลือกและเปลี่ยนการตั้งค่า
    ผู้ใช้ใหม่สามารถเลือกได้ตอนสมัครใช้งาน
    ผู้ใช้เดิมจะเห็น popup ให้เลือกก่อนวันที่ 28 กันยายน 2025
    สามารถเปลี่ยนการตั้งค่าได้ตลอดเวลาใน Privacy Settings

    จุดประสงค์ของการเปลี่ยนแปลง
    เพื่อปรับปรุงความแม่นยำในการเขียนโค้ด การวิเคราะห์ และการให้เหตุผล
    เพื่อพัฒนาระบบตรวจจับเนื้อหาที่เป็นอันตราย เช่น spam หรือการละเมิด
    เพื่อให้โมเดลตอบสนองได้ดีขึ้นในบริบทจริงของผู้ใช้

    https://www.anthropic.com/news/updates-to-our-consumer-terms
    🎙️ เรื่องเล่าจากห้องทดลอง Claude: เมื่อข้อมูลของคุณกลายเป็นเชื้อเพลิงให้ AI Anthropic ผู้พัฒนา Claude ได้ประกาศอัปเดตเงื่อนไขการใช้งานและนโยบายความเป็นส่วนตัวครั้งใหญ่ในเดือนสิงหาคม 2025 โดยเปิดทางให้ผู้ใช้เลือกว่าจะ “อนุญาต” หรือ “ปฏิเสธ” การใช้ข้อมูลของตนเพื่อฝึกโมเดล AI รุ่นใหม่ ก่อนหน้านี้ Claude ไม่ใช้ข้อมูลจากผู้ใช้ทั่วไปในการฝึกโมเดลเลย ยกเว้นกรณีที่มีการส่ง feedback โดยตรง แต่ตอนนี้ Anthropic ต้องการข้อมูลจริงจากการสนทนาและการเขียนโค้ด เพื่อพัฒนาโมเดลให้แม่นยำขึ้น ปลอดภัยขึ้น และเข้าใจมนุษย์มากขึ้น ผู้ใช้ที่เลือก “อนุญาต” จะมีการเก็บข้อมูลได้นานถึง 5 ปี และข้อมูลเหล่านั้นจะถูกนำไปใช้ในการฝึก Claude รุ่นใหม่ ๆ โดยจะมีการกรองข้อมูลที่อ่อนไหวและไม่ขายให้บุคคลที่สาม ส่วนผู้ใช้ที่ “ปฏิเสธ” จะยังคงอยู่ภายใต้การเก็บข้อมูลแบบเดิมคือ 30 วัน สิ่งที่น่าสนใจคือ การตัดสินใจนี้จะมีผลต่อการใช้งาน Claude หลังวันที่ 28 กันยายน 2025 หากไม่เลือกใด ๆ จะไม่สามารถใช้งาน Claude ได้ต่อ และแม้จะเปลี่ยนใจในภายหลัง ข้อมูลที่เคยใช้ฝึกไปแล้วจะไม่สามารถเรียกคืนได้ ✅ การเปลี่ยนแปลงนโยบายของ Anthropic ➡️ เปิดให้ผู้ใช้เลือกว่าจะให้ใช้ข้อมูลเพื่อฝึก Claude หรือไม่ ➡️ มีผลกับผู้ใช้ Claude Free, Pro และ Max รวมถึง Claude Code ➡️ ไม่ครอบคลุมบริการเชิงพาณิชย์ เช่น Claude for Work, Gov, Education หรือ API ✅ การเก็บข้อมูลและการฝึกโมเดล ➡️ หากอนุญาต ข้อมูลจะถูกเก็บได้นานถึง 5 ปี ➡️ หากไม่อนุญาต จะเก็บข้อมูลเพียง 30 วันตามนโยบายเดิม ➡️ ข้อมูลที่ถูกลบจะไม่ถูกใช้ในการฝึกโมเดล ➡️ การฝึกจะใช้เฉพาะแชตใหม่หรือแชตที่กลับมาใช้งานอีกครั้ง ✅ วิธีการเลือกและเปลี่ยนการตั้งค่า ➡️ ผู้ใช้ใหม่สามารถเลือกได้ตอนสมัครใช้งาน ➡️ ผู้ใช้เดิมจะเห็น popup ให้เลือกก่อนวันที่ 28 กันยายน 2025 ➡️ สามารถเปลี่ยนการตั้งค่าได้ตลอดเวลาใน Privacy Settings ✅ จุดประสงค์ของการเปลี่ยนแปลง ➡️ เพื่อปรับปรุงความแม่นยำในการเขียนโค้ด การวิเคราะห์ และการให้เหตุผล ➡️ เพื่อพัฒนาระบบตรวจจับเนื้อหาที่เป็นอันตราย เช่น spam หรือการละเมิด ➡️ เพื่อให้โมเดลตอบสนองได้ดีขึ้นในบริบทจริงของผู้ใช้ https://www.anthropic.com/news/updates-to-our-consumer-terms
    WWW.ANTHROPIC.COM
    Updates to Consumer Terms and Privacy Policy
    Anthropic is an AI safety and research company that's working to build reliable, interpretable, and steerable AI systems.
    0 Comments 0 Shares 49 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากลมหายใจ: เมื่อการหายใจลึกกลายเป็นประตูสู่จิตวิญญาณ

    ในยุคที่ผู้คนแสวงหาวิธีเยียวยาจิตใจโดยไม่พึ่งยา งานวิจัยล่าสุดจาก Brighton and Sussex Medical School ได้เปิดเผยว่า “การหายใจแบบแรงและเร็ว” หรือ High Ventilation Breathwork (HVB) เมื่อทำร่วมกับดนตรี สามารถกระตุ้นให้เกิดภาวะเปลี่ยนแปลงของจิตสำนึก (Altered States of Consciousness – ASC) ที่คล้ายกับผลของสารไซคีเดลิก เช่น psilocybin หรือ LSD

    ผู้เข้าร่วมทดลองหายใจแบบ HVB เป็นเวลา 20–30 นาที พร้อมฟังดนตรีที่เร้าอารมณ์ แล้วตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับความรู้สึกภายใน 30 นาทีหลังจบกิจกรรม ผลลัพธ์น่าทึ่ง: ผู้เข้าร่วมรายงานว่ารู้สึกถึง “Oceanic Boundlessness” หรือความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล ความสุขล้น และการปลดปล่อยทางอารมณ์

    สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้ HVB จะลดการไหลเวียนเลือดทั่วสมอง แต่กลับเพิ่มการไหลเวียนในบริเวณที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์และความทรงจำ เช่น amygdala และ hippocampus ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญของผลการบำบัด

    ผลกระทบทางสมองจาก HVB
    ลดการไหลเวียนเลือดทั่วสมองโดยเฉลี่ย 30–40%
    เพิ่มการไหลเวียนเลือดเฉพาะจุดใน amygdala และ anterior hippocampus
    ลดการไหลเวียนใน posterior insula และ parietal operculum ซึ่งเกี่ยวข้องกับการรับรู้ภายในร่างกาย

    ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจาก HVB
    ผู้เข้าร่วมรายงานความรู้สึก “Oceanic Boundlessness” (OBN) ซึ่งรวมถึงความสุข ความเป็นหนึ่งเดียว และการปลดปล่อย
    คะแนน OBN สูงสุดเกิดในห้องทดลอง (LAB) รองลงมาคือ MRI และต่ำสุดในแบบออนไลน์
    HVB ลดความรู้สึกด้านลบ เช่น ความกลัวและอารมณ์ลบ โดยไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง

    กลไกทางชีวภาพที่เกี่ยวข้อง
    HVB ทำให้เกิด respiratory alkalosis จากการลด CO₂ ในเลือด
    ส่งผลให้เกิด vasoconstriction และเปลี่ยนแปลงการไหลเวียนเลือดในสมอง
    ลด HRV (Heart Rate Variability) ซึ่งสะท้อนถึงการกระตุ้นระบบประสาท sympathetic

    ความเชื่อมโยงกับการบำบัดแบบไซคีเดลิก
    ประสบการณ์ OBN มีความคล้ายคลึงกับผลของ psilocybin และ LSD
    การเปลี่ยนแปลงใน insula และ amygdala คล้ายกับผลของยาไซคีเดลิกในการบำบัดภาวะซึมเศร้า
    HVB อาจช่วยให้ผู้เข้าร่วมเผชิญและประมวลผลความทรงจำทางอารมณ์ได้ดีขึ้น

    ความเสี่ยงจากการลด CO₂ มากเกินไป
    อาจทำให้เกิดอาการเวียนหัวหรือหมดสติในผู้ที่ไม่เคยฝึกมาก่อน
    การลด CO₂ มากเกินไปอาจกระทบสมดุลกรด-ด่างในเลือด

    ข้อจำกัดของงานวิจัย
    ขนาดกลุ่มตัวอย่างยังเล็ก และไม่มีกลุ่มควบคุมที่ฟังเพลงอย่างเดียว
    ผลลัพธ์อาจไม่สามารถสรุปกับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ HVB มาก่อน

    ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ HRV
    แม้ HRV ลดลงจะสะท้อนถึงความเครียด แต่ในบริบท HVB อาจหมายถึงการเปิดรับประสบการณ์เชิงบวก
    ต้องระวังไม่ตีความ HRV ต่ำว่าเป็นผลเสียเสมอไป

    https://journals.plos.org/plosone/article?id=10.1371/journal.pone.0329411
    🎙️ เรื่องเล่าจากลมหายใจ: เมื่อการหายใจลึกกลายเป็นประตูสู่จิตวิญญาณ ในยุคที่ผู้คนแสวงหาวิธีเยียวยาจิตใจโดยไม่พึ่งยา งานวิจัยล่าสุดจาก Brighton and Sussex Medical School ได้เปิดเผยว่า “การหายใจแบบแรงและเร็ว” หรือ High Ventilation Breathwork (HVB) เมื่อทำร่วมกับดนตรี สามารถกระตุ้นให้เกิดภาวะเปลี่ยนแปลงของจิตสำนึก (Altered States of Consciousness – ASC) ที่คล้ายกับผลของสารไซคีเดลิก เช่น psilocybin หรือ LSD ผู้เข้าร่วมทดลองหายใจแบบ HVB เป็นเวลา 20–30 นาที พร้อมฟังดนตรีที่เร้าอารมณ์ แล้วตอบแบบสอบถามเกี่ยวกับความรู้สึกภายใน 30 นาทีหลังจบกิจกรรม ผลลัพธ์น่าทึ่ง: ผู้เข้าร่วมรายงานว่ารู้สึกถึง “Oceanic Boundlessness” หรือความรู้สึกเป็นหนึ่งเดียวกับจักรวาล ความสุขล้น และการปลดปล่อยทางอารมณ์ สิ่งที่น่าสนใจคือ แม้ HVB จะลดการไหลเวียนเลือดทั่วสมอง แต่กลับเพิ่มการไหลเวียนในบริเวณที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์และความทรงจำ เช่น amygdala และ hippocampus ซึ่งอาจเป็นกุญแจสำคัญของผลการบำบัด ✅ ผลกระทบทางสมองจาก HVB ➡️ ลดการไหลเวียนเลือดทั่วสมองโดยเฉลี่ย 30–40% ➡️ เพิ่มการไหลเวียนเลือดเฉพาะจุดใน amygdala และ anterior hippocampus ➡️ ลดการไหลเวียนใน posterior insula และ parietal operculum ซึ่งเกี่ยวข้องกับการรับรู้ภายในร่างกาย ✅ ประสบการณ์ที่เกิดขึ้นจาก HVB ➡️ ผู้เข้าร่วมรายงานความรู้สึก “Oceanic Boundlessness” (OBN) ซึ่งรวมถึงความสุข ความเป็นหนึ่งเดียว และการปลดปล่อย ➡️ คะแนน OBN สูงสุดเกิดในห้องทดลอง (LAB) รองลงมาคือ MRI และต่ำสุดในแบบออนไลน์ ➡️ HVB ลดความรู้สึกด้านลบ เช่น ความกลัวและอารมณ์ลบ โดยไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง ✅ กลไกทางชีวภาพที่เกี่ยวข้อง ➡️ HVB ทำให้เกิด respiratory alkalosis จากการลด CO₂ ในเลือด ➡️ ส่งผลให้เกิด vasoconstriction และเปลี่ยนแปลงการไหลเวียนเลือดในสมอง ➡️ ลด HRV (Heart Rate Variability) ซึ่งสะท้อนถึงการกระตุ้นระบบประสาท sympathetic ✅ ความเชื่อมโยงกับการบำบัดแบบไซคีเดลิก ➡️ ประสบการณ์ OBN มีความคล้ายคลึงกับผลของ psilocybin และ LSD ➡️ การเปลี่ยนแปลงใน insula และ amygdala คล้ายกับผลของยาไซคีเดลิกในการบำบัดภาวะซึมเศร้า ➡️ HVB อาจช่วยให้ผู้เข้าร่วมเผชิญและประมวลผลความทรงจำทางอารมณ์ได้ดีขึ้น ‼️ ความเสี่ยงจากการลด CO₂ มากเกินไป ⛔ อาจทำให้เกิดอาการเวียนหัวหรือหมดสติในผู้ที่ไม่เคยฝึกมาก่อน ⛔ การลด CO₂ มากเกินไปอาจกระทบสมดุลกรด-ด่างในเลือด ‼️ ข้อจำกัดของงานวิจัย ⛔ ขนาดกลุ่มตัวอย่างยังเล็ก และไม่มีกลุ่มควบคุมที่ฟังเพลงอย่างเดียว ⛔ ผลลัพธ์อาจไม่สามารถสรุปกับผู้ที่ไม่มีประสบการณ์ HVB มาก่อน ‼️ ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับ HRV ⛔ แม้ HRV ลดลงจะสะท้อนถึงความเครียด แต่ในบริบท HVB อาจหมายถึงการเปิดรับประสบการณ์เชิงบวก ⛔ ต้องระวังไม่ตีความ HRV ต่ำว่าเป็นผลเสียเสมอไป https://journals.plos.org/plosone/article?id=10.1371/journal.pone.0329411
    JOURNALS.PLOS.ORG
    Neurobiological substrates of altered states of consciousness induced by high ventilation breathwork accompanied by music
    The popularity of breathwork as a therapeutic tool for psychological distress is rapidly expanding. Breathwork practices that increase ventilatory rate or depth, facilitated by music, can evoke subjective experiential states analogous to altered states of consciousness (ASCs) evoked by psychedelic substances. These states include components such as euphoria, bliss, and perceptual differences. However, the neurobiological mechanisms underlying the profound subjective effects of high ventilation breathwork (HVB) remain largely unknown and unexplored. In this study, we investigated the neurobiological substrates of ASCs induced by HVB in experienced practitioners. We demonstrate that the intensity of ASCs evoked by HVB was proportional to cardiovascular sympathetic activation and to haemodynamic alterations in cerebral perfusion within clusters spanning the left operculum/posterior insula and right amygdala/anterior hippocampus; regions implicated in respiratory interoceptive representation and the processing of emotional memories, respectively. These observed regional cerebral effects may underlie pivotal mental experiences that mediate positive therapeutic outcomes of HVB.
    0 Comments 0 Shares 50 Views 0 Reviews
  • เรื่องเล่าจากเบื้องหลัง AI: ต้นทุนจริงของการรันโมเดลใหญ่

    ช่วงนี้มีเสียงลือกันหนาหูว่า AI โดยเฉพาะการ “รัน inference” คือเครื่องเผาเงินชั้นดี หลายคนเชื่อว่าบริษัทอย่าง OpenAI และ Anthropic กำลังขาดทุนยับเยินจากการให้บริการโมเดลขนาดใหญ่ แต่บทความนี้พาเราไปเจาะลึกแบบ “napkin math” หรือคำนวณคร่าว ๆ จากหลักการพื้นฐาน เพื่อหาคำตอบว่าเรื่องนี้จริงแค่ไหน

    ผู้เขียนใช้ DeepSeek R1 เป็นโมเดลตัวอย่าง ซึ่งมี 671 พารามิเตอร์ทั้งหมด แต่ใช้แค่ 37B ผ่านเทคนิค mixture of experts (MoE) ที่ช่วยลดต้นทุนได้มาก โดยใช้ GPU H100 จำนวน 72 ตัว คิดราคาที่ $2 ต่อชั่วโมงต่อ GPU ซึ่งสูงกว่าราคาจริงในตลาดเสียอีก

    สิ่งที่น่าสนใจคือ “ต้นทุนของ input tokens” กับ “output tokens” ต่างกันมหาศาล! การประมวลผล input tokens สามารถทำได้แบบขนานและเร็วมาก ในขณะที่การสร้าง output tokens ต้องทำแบบลำดับทีละตัว ทำให้ต้นทุนสูงกว่าเป็นพันเท่า

    ยิ่งไปกว่านั้น การใช้งานจริงของผู้ใช้ เช่น นักพัฒนา หรือ power users กลับอยู่ในรูปแบบที่ใช้ input เยอะมาก แต่ output น้อย เช่น การส่งโค้ดทั้งไฟล์เพื่อให้ AI วิเคราะห์ แล้วให้มันตอบกลับแค่ไม่กี่บรรทัด ซึ่งเป็นรูปแบบที่ “คุ้มค่ามาก” สำหรับผู้ให้บริการ

    ต้นทุนการรัน inference ของโมเดล AI
    ใช้ GPU H100 จำนวน 72 ตัว คิดต้นทุน $144/ชั่วโมง
    input tokens ประมวลผลได้เร็วมากถึง ~46.8 พันล้าน tokens/ชั่วโมง
    output tokens สร้างได้เพียง ~46.7 ล้าน tokens/ชั่วโมง
    ต้นทุนต่อ input token อยู่ที่ ~$0.003 ต่อ 1 ล้าน tokens
    ต้นทุนต่อ output token สูงถึง ~$3 ต่อ 1 ล้าน tokens

    ความแตกต่างระหว่าง input และ output
    input สามารถประมวลผลแบบขนานได้
    output ต้องสร้างทีละ token ทำให้ช้ากว่าและแพงกว่า
    ความไม่สมมาตรนี้ทำให้บาง use case คุ้มค่ามาก เช่น coding assistant

    ตัวอย่างการใช้งานจริง
    ผู้ใช้ระดับนักพัฒนาใช้ input เยอะมาก เช่น โค้ดหลายไฟล์
    แต่ต้องการ output น้อย เช่น คำอธิบายหรือโค้ดสั้น ๆ
    ทำให้ต้นทุนจริงต่ำมากเมื่อเทียบกับราคาที่เรียกเก็บ

    โมเดลธุรกิจของ API
    ราคาขายต่อ 1 ล้าน tokens อยู่ที่ ~$3 สำหรับ output
    แต่ต้นทุนจริงอยู่ที่ ~$0.01 สำหรับ input และ ~$3 สำหรับ output
    ทำให้มี margin สูงถึง 80–95%

    ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับต้นทุน AI
    หลายคนเชื่อว่า inference ขาดทุนเสมอ ซึ่งไม่จริงในหลายกรณี
    การพูดถึงต้นทุนสูงอาจเป็นกลยุทธ์ของผู้เล่นรายใหญ่เพื่อกันคู่แข่ง

    ความเสี่ยงจาก context ยาว
    เมื่อ context ยาวเกิน 128k tokens จะเปลี่ยนจาก memory-bound เป็น compute-bound
    ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น 2–10 เท่า
    บางโมเดลจึงจำกัด context window เพื่อควบคุมต้นทุน

    การตั้งราคาที่ไม่สอดคล้องกับมูลค่าจริง
    การคิดราคาตาม input อาจทำให้ผู้ใช้ลดรายละเอียดใน prompt
    การคิดราคาตาม output อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าไม่คุ้มถ้าได้คำตอบสั้น

    https://martinalderson.com/posts/are-openai-and-anthropic-really-losing-money-on-inference/
    🎙️ เรื่องเล่าจากเบื้องหลัง AI: ต้นทุนจริงของการรันโมเดลใหญ่ ช่วงนี้มีเสียงลือกันหนาหูว่า AI โดยเฉพาะการ “รัน inference” คือเครื่องเผาเงินชั้นดี หลายคนเชื่อว่าบริษัทอย่าง OpenAI และ Anthropic กำลังขาดทุนยับเยินจากการให้บริการโมเดลขนาดใหญ่ แต่บทความนี้พาเราไปเจาะลึกแบบ “napkin math” หรือคำนวณคร่าว ๆ จากหลักการพื้นฐาน เพื่อหาคำตอบว่าเรื่องนี้จริงแค่ไหน ผู้เขียนใช้ DeepSeek R1 เป็นโมเดลตัวอย่าง ซึ่งมี 671 พารามิเตอร์ทั้งหมด แต่ใช้แค่ 37B ผ่านเทคนิค mixture of experts (MoE) ที่ช่วยลดต้นทุนได้มาก โดยใช้ GPU H100 จำนวน 72 ตัว คิดราคาที่ $2 ต่อชั่วโมงต่อ GPU ซึ่งสูงกว่าราคาจริงในตลาดเสียอีก สิ่งที่น่าสนใจคือ “ต้นทุนของ input tokens” กับ “output tokens” ต่างกันมหาศาล! การประมวลผล input tokens สามารถทำได้แบบขนานและเร็วมาก ในขณะที่การสร้าง output tokens ต้องทำแบบลำดับทีละตัว ทำให้ต้นทุนสูงกว่าเป็นพันเท่า ยิ่งไปกว่านั้น การใช้งานจริงของผู้ใช้ เช่น นักพัฒนา หรือ power users กลับอยู่ในรูปแบบที่ใช้ input เยอะมาก แต่ output น้อย เช่น การส่งโค้ดทั้งไฟล์เพื่อให้ AI วิเคราะห์ แล้วให้มันตอบกลับแค่ไม่กี่บรรทัด ซึ่งเป็นรูปแบบที่ “คุ้มค่ามาก” สำหรับผู้ให้บริการ ✅ ต้นทุนการรัน inference ของโมเดล AI ➡️ ใช้ GPU H100 จำนวน 72 ตัว คิดต้นทุน $144/ชั่วโมง ➡️ input tokens ประมวลผลได้เร็วมากถึง ~46.8 พันล้าน tokens/ชั่วโมง ➡️ output tokens สร้างได้เพียง ~46.7 ล้าน tokens/ชั่วโมง ➡️ ต้นทุนต่อ input token อยู่ที่ ~$0.003 ต่อ 1 ล้าน tokens ➡️ ต้นทุนต่อ output token สูงถึง ~$3 ต่อ 1 ล้าน tokens ✅ ความแตกต่างระหว่าง input และ output ➡️ input สามารถประมวลผลแบบขนานได้ ➡️ output ต้องสร้างทีละ token ทำให้ช้ากว่าและแพงกว่า ➡️ ความไม่สมมาตรนี้ทำให้บาง use case คุ้มค่ามาก เช่น coding assistant ✅ ตัวอย่างการใช้งานจริง ➡️ ผู้ใช้ระดับนักพัฒนาใช้ input เยอะมาก เช่น โค้ดหลายไฟล์ ➡️ แต่ต้องการ output น้อย เช่น คำอธิบายหรือโค้ดสั้น ๆ ➡️ ทำให้ต้นทุนจริงต่ำมากเมื่อเทียบกับราคาที่เรียกเก็บ ✅ โมเดลธุรกิจของ API ➡️ ราคาขายต่อ 1 ล้าน tokens อยู่ที่ ~$3 สำหรับ output ➡️ แต่ต้นทุนจริงอยู่ที่ ~$0.01 สำหรับ input และ ~$3 สำหรับ output ➡️ ทำให้มี margin สูงถึง 80–95% ‼️ ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับต้นทุน AI ⛔ หลายคนเชื่อว่า inference ขาดทุนเสมอ ซึ่งไม่จริงในหลายกรณี ⛔ การพูดถึงต้นทุนสูงอาจเป็นกลยุทธ์ของผู้เล่นรายใหญ่เพื่อกันคู่แข่ง ‼️ ความเสี่ยงจาก context ยาว ⛔ เมื่อ context ยาวเกิน 128k tokens จะเปลี่ยนจาก memory-bound เป็น compute-bound ⛔ ทำให้ต้นทุนเพิ่มขึ้น 2–10 เท่า ⛔ บางโมเดลจึงจำกัด context window เพื่อควบคุมต้นทุน ‼️ การตั้งราคาที่ไม่สอดคล้องกับมูลค่าจริง ⛔ การคิดราคาตาม input อาจทำให้ผู้ใช้ลดรายละเอียดใน prompt ⛔ การคิดราคาตาม output อาจทำให้ผู้ใช้รู้สึกว่าไม่คุ้มถ้าได้คำตอบสั้น https://martinalderson.com/posts/are-openai-and-anthropic-really-losing-money-on-inference/
    MARTINALDERSON.COM
    Are OpenAI and Anthropic Really Losing Money on Inference?
    Deconstructing the real costs of running AI inference at scale. My napkin math suggests the economics might be far more profitable than commonly claimed.
    0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
More Results