• คำตอบอยู่ในนี้...This is one of playing cards, called
    " Illuminati new world order " which came out 1995....
    คำตอบอยู่ในนี้...This is one of playing cards, called " Illuminati new world order " which came out 1995....
    Sad
    1
    0 Comments 0 Shares 9 Views 0 Reviews
  • ผู้ต้องสงสัยรายใหญ่ในเลบานอนขณะนี้:

    นอกจากส่งอาวุธให้อิสราเอลฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์แล้ว รัฐบาลอเมริกายังเป็นคนให้ข้อมูลด้านข่าวกรองแก่รัฐบาลอิสราเอลเพื่อเป็นเป้าในการตอบโต้ศัตรูซึ่งรัฐบาลอิสราเอลสร้างเอาไว้รอบทิศอีกด้วย

    ล่าสุดนี้ รัฐบาลอิสราเอลได้แฮ็คเพจเจอร์ที่ใช้ในเลบานอนและทำให้เกิดระเบิดขึ้น มีคนบาดเจ็บ ๒,๗๕๐ คนและเสียชีวิต ๘ คน ส่วนใหญ่ คนที่บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นชาวบ้านทั่วไป ข้อมูลสำคัญคือ

    ๑.ก่อนหน้าจะระเบิดขึ้น มีคนจำนวนมากเห็นเครื่องบิน EC-130H Compass Call ซึ่งมีหน้าที่ทำสงครามอีเล็กทรอนิกส์ของอเมริกาบินหาข่าวที่อ่าวเลบานอน

    ๒.เพจเจอร์ที่ระเบิดนั้นผลิตขึ้นที่ไต้หวัน อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในไต้หวัน มีเจ้าของคือสหรัฐอเมริกา

    หลังจากเพจเจอร์ระเบิดขึ้นมา โฆษกจักรวรรดิ์นิยมอเมริการีบออกมาแก้ข่าวว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการระเบิดในครั้งนี้


    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    ผู้ต้องสงสัยรายใหญ่ในเลบานอนขณะนี้: นอกจากส่งอาวุธให้อิสราเอลฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวปาเลสไตน์แล้ว รัฐบาลอเมริกายังเป็นคนให้ข้อมูลด้านข่าวกรองแก่รัฐบาลอิสราเอลเพื่อเป็นเป้าในการตอบโต้ศัตรูซึ่งรัฐบาลอิสราเอลสร้างเอาไว้รอบทิศอีกด้วย ล่าสุดนี้ รัฐบาลอิสราเอลได้แฮ็คเพจเจอร์ที่ใช้ในเลบานอนและทำให้เกิดระเบิดขึ้น มีคนบาดเจ็บ ๒,๗๕๐ คนและเสียชีวิต ๘ คน ส่วนใหญ่ คนที่บาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นชาวบ้านทั่วไป ข้อมูลสำคัญคือ ๑.ก่อนหน้าจะระเบิดขึ้น มีคนจำนวนมากเห็นเครื่องบิน EC-130H Compass Call ซึ่งมีหน้าที่ทำสงครามอีเล็กทรอนิกส์ของอเมริกาบินหาข่าวที่อ่าวเลบานอน ๒.เพจเจอร์ที่ระเบิดนั้นผลิตขึ้นที่ไต้หวัน อุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในไต้หวัน มีเจ้าของคือสหรัฐอเมริกา หลังจากเพจเจอร์ระเบิดขึ้นมา โฆษกจักรวรรดิ์นิยมอเมริการีบออกมาแก้ข่าวว่าตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆ กับการระเบิดในครั้งนี้ ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    Love
    1
    0 Comments 0 Shares 34 Views 0 Reviews
  • มาร่วมแสดงความยินดีกับท่านนายกรัฐมนตรีพี่ปูหน่อยค่าาาา….ติ่งขาาาาา……!!!!

    ตอนเก้า………บุญหล่นทับ……จนนักเลงสายลับรับแทบไม่ทัน……!!!

    จากกรณีท่านอัยการ ทำให้มีการปลดออกอีกหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง บางคนก็มีการไว้หน้า เช่น เสนอให้ไปทำงานที่สถานทูตที่เดนมาร์คบ้าง ฟินแลนด์บ้าง
    และเยลซินได้มอบหมายให้ปูตินดูแลรับผิดชอบในฝ่ายอารักขาส่วนตัวควบคู่ไปกับเป็นผู้อำนวยการของ FSB
    ปูตินได้ถือโอกาสนี้…ขออำนาจเด็ดขาดในการบริหารงานและตัดสินใจ
    ซึ่งเขาก็ได้ตามนั้น
    นั่นเท่ากับ……ปูตินได้เข้ามาอยู่ใน”วงใน” ของเยลซินไปโดยปริยาย ในระยะเวลาเพียงสองปีครึ่งของการทำงานในมอสโคว์
    แต่เวลาในการผงาดของปูติน มันเป็นเวลาเดียวกันกับความอ่อนเปลี้ยของเยลซิน ที่รุมเร้าด้วยสุขภาพ และความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีกกับการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของทีมที่เลือกมา

    วันที่ 5 มีนาคม 1999 ได้เกิดเหตุขึ้น นายพล Gennady Shpigun แห่งกระทรวงกลาโหม ที่ได้มีภาระกิจที่เมือง Grozny, Chechen (Chechen Republic of Ichkeria) ได้ถูกลักพาตัวไปเมื่อทันที่ที่ถึงสนามบิน โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ใส่หน้ากากคลุมหน้าคลุมตา พร้อมอาวุธเต็มพิกัด
    โดยปรกติสถานะการณ์ในเชเชนนั้น ร้อนระอุมาตั้งแต่หลังจากที่ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นเอกราชในปี 1991 จากรัสเซีย แต่ก็เป็นแบบครึ่งๆกลางๆ
    การต่อต้านจึงลุกฮือขึ้นอีก ในปี 1993 เยลซินจึงให้นายพล Lebed ขี้เก๊กยกทัพไปปราบ
    แต่ปรากฏว่าแพ้ยับกลับมาในปี 1996
    ทางเชเชนก็เสียหายไม่น้อย บ้านเมืองพังพินาศ
    ทำได้แค่สงบศึก ต่างคนต่างอยู่
    เพราะต่างก็เสียทหารไปจำนวนมาก แต่รัสเซียยังคอยแทรกแซง หรือกำไว้แบบหลวม……
    จึงได้เกิดขบวนการต่อต้านรัสเซีย ที่ก่อความไม่สงบ มีการจับตัวคนนั้นคนนี้ไปบ่อยๆ
    เพียงแต่คราวนี้เหิมเกริม……อุกอาจจับตัวรัฐมนตรีกลาโหมไป พร้อมเรียกร้องค่าไถ่ตัวถึง สิบห้าล้านยูเอสดอลล่าร์
    ตามาด้วยการระเบิดที่ใจกลางเมือง Vladikavkas ทางคอเคซัส มีคนตายถึง 60 คน

    เยลซินสั่งการให้ปูตินและ Seigei Stepashin นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งมาหมาดๆ ( แทน Yevgeny Primakov) ให้ไปดูสถานะการณ์ที่เมือง Vladikavkas โดยด่วน
    เพื่อไปพบกับ Aslan Maskhadov ประธานาธิบดีเชเชนที่ยังมีสัมพันธภาพที่ดีกับรัสเซีย
    การไปพบครั้งนี้ อัสลานได้มีทีท่าแปลกๆ เขาพูดว่า
    “ได้ข่าวมาว่า ทางรัสเซียได้มอบหมายให้”หน่วยงานพิเศษ” จะเข้ามาปฎิบัติการสังหารผม เพื่อที่จะได้เป็นข้ออ้างที่จะประกาศเป็นสถานะการณ์ฉุกเฉิน แล้วยกทัพเข้ามาควบคุมพื้นที่ ……”
    ปูตินได้ยินดังนั้น…โกรธจนหูกระดิก เพราะไอ้หน่วยงานพิเศษที่ว่านั้น มันก็หมายถึง FSB ที่เขาดูแลอยู่
    และอีกประการหนึ่ง ในเรื่องที่รัสเซียแพ้สงครามในเชเชนทั้งๆที่มีกำลังมากกว่าถึงสามเท่านั้น มันก็น่าอับอายพออยู่แล้ว
    เป็นอันว่า….เรื่องการเจรจานั้น……เลิกคิดไปได้เลย
    ถึงแม้ว่า……จะตระหนักดีในความจริงที่ว่า รัสเซียจะไม่ได้รบกับกบฏเชเชน แต่…มันอาจจะเป็นการรบกับ NATO ศัตรูดั้งเดิมก็ได้
    ที่ทำให้ปูตินต้องหาทางเจรจากับเยลซิน……

    ฝ่ายกลาโหมได้ตั้งรับแนวปะทะ ฝ่ายกบฏเชเชนได้ล่วงล้ำไปใน Dagestan และได้รับข่าวร้ายว่าได้พบกับร่างที่หมดลมหายใจของนายพล Shpigun ที่ถูกลักพาตัวไปแล้ว

    ทางกองทัพรัสเซียได้ทำการเตรียมการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม
    ปูตินได้เดินทางไปพบกับกองกำลังของรัสเซียที่รัฐดาเกสถาน
    หลายครั้งเพื่อความมั่นใจว่า แม่ทัพ Anatoly Kvashnin มีความพร้อม

    วันที่ 5 สิงหาคม เยลซินได้มีคำสั่งให้ปูตินเข้าพบในบ้านพัก
    ชายขอบกรุงมอสโคว์
    พอนั่งลงเสร็จ เยลซินได้จ้องหน้าปูติน และกล่าวขึ้นมาว่า
    “ฉันตัดสินใจแล้วนะ ที่เรียกเธอมาในวันนี้ คือ ฉันอยากจะแต่งตั้งเธอให้เป็นนายกรัฐมนตรี…”
    ปูตินเงียบไปอึดใจหนึ่ง ฟังเยลซินได้บรรยายปัญหาของภาระของรัสเซียแบกไว้ในคอเคซัส
    ให้ปูตินฟัง ถึงเรื่อง เศรษฐกิจ สภาพเงินเฟ้อ และที่เขากังวลเป็นอย่างมากคือ ปัญหาของโครงสร้างและบุคลากรสภาที่ไม่แข็งแรงพอกับการที่จะมีเลือกตั้งในสี่เดือนข้างหน้า
    เขาเคยมีความหวังกับ Yury Luzhkov หรือไม่ก็ Yevgeny Primakov
    แต่ต้องมาพบกับหลังบ้านของ Luzhkov ทำธุรกิจที่อิงการเมือง
    จนร่ำรวยมหาศาล ในขณะที่บ้านเมืองยังอยู่ในสภาพอดมื้อกินมื้อ
    แถมตัวสามี Yury ก็เถียงแทนเมียฉอดๆ ว่า
    “ก็ชั้นทำงานให้กับเครมลิน…ไม่ได้ทำเพื่อชาติ…”

    เยลซินถามขึ้นมาว่า
    “เธอจะทำได้ไหม ทำในสิ่งที่ฉันต้องการที่จะเห็น นั่นคือ พาประเทศชาติของเราให้เจริญอยู่ยงอย่างแข็งแรงต่อไป..”
    ปูตินอึกอัก “กระผมไม่แน่ใจ เรื่องงาน กระผมไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น
    แต่ถ้าจะต้องไปหาเสียง……ไปโฆษณาตัวเอง กระผมไม่ชอบ”
    “นั่นไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น เป็นธุระของทางเราเอง”
    “ถ้าเช่นนั้น ก็แล้วแต่ท่านจะกรุณา…”
    “ไม่ต้องกังวล เธอเตรียมตัวไว้ได้เลย เพราะเธอจะไปไกลกว่านี้แน่นอน”

    วันที่ 9 สิงหาคม เยลซินได้ออกทีวี ประกาศว่า
    “เราได้เลือกได้บุคคลที่เหมาะสมที่จะมาทำงานรับใช้ประเทศชาติแล้ว ขอให้ท่านเชื่อใจได้เลยว่า เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์อย่างมากมาย
    และมีความสามารถเหลือล้น”

    ข่าวนี้ได้สร้างความฮือฮาประหลาดใจกับทุกคนในเครมลิน ที่ส่วนใหญ่มองไปในด้านลบ เพราะ ปูตินไอ้หน้าจืดเนี่ยนะ………นายกรัฐมนตรี ?!!!
    มีประสบการณ์อะไรมา……นี่เท่ากับว่าส่งมาลงนรก หมดอนาคตต่อไปเชียว
    อย่างมากก็สามเดือน จะถึงหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!!
    ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนักหน่วงของปูติน เพราะวลาดิเมียร์ผู้พ่ออยู่ในสภาพเจ็บหนัก ที่เขาต้องไปเยี่ยมเดือนละครั้งหรือสองครั้ง ส่วนมาเรีย มารดาได้จากไปเมื่อสองปีที่แล้ว
    และทุกครั้งที่พ่อเห็นเขา…พ่อจะพูดว่า ….”ลูกชายของพ่อ เจ้าช่างเหมือนกับซาร์เลยเชียวนะ……”
    วลาดิเมียร์ได้ถึงแก่กรรมในวันที่ 2 สิงหาคม ไม่ทันที่จะได้รับรู้ว่าลูกชายจะได้เป็นถึงนายกรัฐมนตรีในกาลอันใกล้

    ปูตินเองก็มานั่งทบทวนดู ว่า อนาคตเขาอาจจะไม่ต่างไปจากเหล่าอดีตนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆของเยลซิน ที่ล้วนมีอายุราชการสั้น สามเดือน หกเดือน เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับ Stepashin, Ptimakov และ Kiriyenko
    แต่อีกใจหนึ่ง เขาก็คิดว่า ช่างมันประไร เขามีอายุเพียงสี่สิบหก
    และจะได้รับงานที่เป็นการท้าทายความสามารถ มีอำนาจเด็ดขาด
    ที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ โดยเฉพาะเรื่องสงครามที่เชเชน ที่เขาจะต้องกู้ชื่อเสียงกลับมาให้ได้ …
    เท่ากับว่า……เขาไม่ได้ลงทุนอะไรเลย และเขาได้คิดถึงในสมัยที่ยังเป็นเด็กหนุ่มที่วิ่งเข้าวิ่งออกในอาคารสงเคราะห์ ที่ไม่เคยกลัวใคร
    ไม่เคยรอเสียเวลาในการถกเถียง….เปิดฉากปะทะก่อนทุกครั้ง…
    และครั้งนี้…ในคอเคซัส….เขาจะไปให้พวกมันเห็นว่านรกมีจริงงงง……!!!

    ปูตินได้รับการผ่านในการเสนอชื่อในสภาเพื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 16 สิงหาคม
    สิ่งแรกที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆทำ คือ แต่งตัวลำลอง บินไปชายแดนเชเชน ไปพบปะพูดคุยกับทหารหาญ ไปมอบเหรียญกล้าหาญ

    ทางฝ่ายกบฏเชเชนได้ทำการท้าทายอำนาจใหม่อย่างเหิมเกริม นั่นคือการวางระเบิดอพาร์ตเมนต์ในเมือง Volgodonsk มีคนเสียชีวิตนับสิบ

    วันที่ 23 สิงหาคม ฝูงบินจากรัสเซียส่งเข้าไปถล่มถึงกลางกรุง Grozny
    ถล่มโรงกลั่นน้ำมันจนราบเป็นหน้ากลอง เป็นการถล่มแบบนอกตำรายุทธการ เพราะมาแบบล้างแค้นสถานเดียว
    ปูตินอยู่สังเกตการณ์ทั้งหมด มีนักข่าวไปถามว่า
    “บอมบ์เพื่อหวังผลอะไร..?”
    ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน เพราะปูตินพูดจาด้วยภาษานักเลงแบบที่ได้ยินตามมุมถนน เขาตอบว่า
    “เบื่อโคตรๆ ที่ต้องมาตอบอะไรซ้ำซากแบบนี้ เราถล่มเฉพาะจุดที่เรารู้ว่าพวกไอ้เลวนั่นมันสุมหัวอยู่กัน โทษทีนะ ถ้าพบว่ามันนั่งอยู่ในส้วม ก็จะส่งมันลงท่อไปตรงนั้นเลย…”

    หลังจากที่ถล่มจนราบแล้ว วันที่ 29 กันยายน ปูตินได้ถามกับ ประธานาธิบดีเชเชน Aslan Maskhadov ว่า..
    “ถ้านายพร้อมที่จะเจรจา……เรามีทางเลือกให้สถานเดียวคือ ส่งตัวไอ้อาชญากรสงคราม Basayev กับ Khattab และไอ้พวกหัวกระทิตามบัญชีรายชื่อทั้งหลายมา และ นี่ไม่ใช่ข้อแลกเปลี่ยน……แต่เป็นคำสั่ง..!!”
    ทางอัสลาน ก็ได้แต่ปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการวางระเบิด……
    และเรื่องที่จะส่งตัว คนพวกนั้นก็ทำไม่ได้อีก เพราะมันจะกลายเป็นการหักหลังกัน…”
    คือสรุปว่า….เขาเลือกที่จะอยู่ตรงข้ามกับรัสเซีย

    วันรุ่งขึ้น…กองทัพรัสเซียกว่า แปดหมื่นนายบุกประชิดเชเชน มีสำรองไว้อีก 93,000 แทบจะเป็นขนาดเดียวกันกับที่รัสเซียบุกอาฟกานิสถาน ที่ใหญ่กว่าเชเชนสี่สิบเท่า…
    วันที่ 1 ตุลาคม รัสเซียไม่ยอมรับรัฐบาลของอัสลาน
    วันที่ 5 ตุลาคม…รัสเซียเข้าครองพื้นที่กว่าครึ่งของทางเหนือ และ วันต่อมาก็ข้ามแม่น้ำไปยังเมืองหลวง Grozny
    ปูตินไม่ยอมเสียกำลังทหารในการบุก
    เขาให้สัมภาษณ์ว่า……
    เราใช้การส่งฝูงบินโจมตีเป็นส่วนใหญ่ ส่วนทหาร เอาไว้เข้าตามเก็บกวาดให้เรียบ เพราะการรบสมัยใหม่นี้
    มีเครื่องทุ่นแรงเยอะ ไม่ใช่อย่างสมัยสงครามโลก……”
    นักข่าวถามว่า “ ถ้าฝูงบินไม่สำเร็จผลล่ะ……”
    “เราก็ชนะอยู่ดี………เพราะในตำราของเรา……ไม่มีคำว่า…ถ้า……”

    *** สงครามเชเชนครั้งนี้คือครั้งที่สอง จาก ครั้งแรกในปี1996
    ครั้งนี้เริ่มในวันที่ 7 สิงหาคม 1999 ถึง 30 เมษายน 2000
    ที่รัสเซียได้ชัยชนะ……
    แต่ยังมีการปราบปรามกลุ่มต่อต้าน ที่มารูปของการก่อวินาศกรรมอีก ตั้งแต่ ปี 2000-2009 ที่หัวหน้าใหญ่อย่าง Aslan Maskhadov (อดีตประธานาธิบดี) ที่หนีไปอยู่ในถ้ำ ยังถูกตามเก็บจนหมด ส่วนเหล่าลูกน้องก็สลายตัวไปปนอยู่ในกลุ่มของ ISIS
    บัดนี้ คือ สาธารณรัฐเชเชน (หรือ เซซเนีย) คือ สาธารณรัฐหนึ่งของรัสเซีย ที่มี นายกรัฐมนตรี คือ Ramzan Kadyrov เป็นลูกชายของอดีตประธานาธิบดีคนแรกของเชเชน Akhmad Kadyrov ที่ได้มีโอกาสเป็น ประธานาธิบดีเพียงไม่กี่เดือน ก็ถูกลอบสังหาร..

    NATO ได้ยื่นมือเข้ามาตามเคยในการที่จะเรียกร้องหาความยุติธรรม และเรื่องเจรจาสงบศึก ทางรัสเซียก็ย้อนกลับไปว่า แล้วกองทัพนาโต้ที่เข้าไปบอมบ์ Kosovo เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน (1999) มีชาวยูโกสลาฟตายกว่า 500 คน
    ไหนล่ะ…ความยุติธรรม……???

    Wiwanda W. Vichit
    มาร่วมแสดงความยินดีกับท่านนายกรัฐมนตรีพี่ปูหน่อยค่าาาา….ติ่งขาาาาา……!!!! ตอนเก้า………บุญหล่นทับ……จนนักเลงสายลับรับแทบไม่ทัน……!!! จากกรณีท่านอัยการ ทำให้มีการปลดออกอีกหลายคนที่มีส่วนเกี่ยวข้อง บางคนก็มีการไว้หน้า เช่น เสนอให้ไปทำงานที่สถานทูตที่เดนมาร์คบ้าง ฟินแลนด์บ้าง และเยลซินได้มอบหมายให้ปูตินดูแลรับผิดชอบในฝ่ายอารักขาส่วนตัวควบคู่ไปกับเป็นผู้อำนวยการของ FSB ปูตินได้ถือโอกาสนี้…ขออำนาจเด็ดขาดในการบริหารงานและตัดสินใจ ซึ่งเขาก็ได้ตามนั้น นั่นเท่ากับ……ปูตินได้เข้ามาอยู่ใน”วงใน” ของเยลซินไปโดยปริยาย ในระยะเวลาเพียงสองปีครึ่งของการทำงานในมอสโคว์ แต่เวลาในการผงาดของปูติน มันเป็นเวลาเดียวกันกับความอ่อนเปลี้ยของเยลซิน ที่รุมเร้าด้วยสุขภาพ และความผิดหวังซ้ำแล้วซ้ำอีกกับการทำงานที่ไร้ประสิทธิภาพของทีมที่เลือกมา วันที่ 5 มีนาคม 1999 ได้เกิดเหตุขึ้น นายพล Gennady Shpigun แห่งกระทรวงกลาโหม ที่ได้มีภาระกิจที่เมือง Grozny, Chechen (Chechen Republic of Ichkeria) ได้ถูกลักพาตัวไปเมื่อทันที่ที่ถึงสนามบิน โดยกลุ่มชายฉกรรจ์ที่ใส่หน้ากากคลุมหน้าคลุมตา พร้อมอาวุธเต็มพิกัด โดยปรกติสถานะการณ์ในเชเชนนั้น ร้อนระอุมาตั้งแต่หลังจากที่ได้รับการปลดปล่อยให้เป็นเอกราชในปี 1991 จากรัสเซีย แต่ก็เป็นแบบครึ่งๆกลางๆ การต่อต้านจึงลุกฮือขึ้นอีก ในปี 1993 เยลซินจึงให้นายพล Lebed ขี้เก๊กยกทัพไปปราบ แต่ปรากฏว่าแพ้ยับกลับมาในปี 1996 ทางเชเชนก็เสียหายไม่น้อย บ้านเมืองพังพินาศ ทำได้แค่สงบศึก ต่างคนต่างอยู่ เพราะต่างก็เสียทหารไปจำนวนมาก แต่รัสเซียยังคอยแทรกแซง หรือกำไว้แบบหลวม…… จึงได้เกิดขบวนการต่อต้านรัสเซีย ที่ก่อความไม่สงบ มีการจับตัวคนนั้นคนนี้ไปบ่อยๆ เพียงแต่คราวนี้เหิมเกริม……อุกอาจจับตัวรัฐมนตรีกลาโหมไป พร้อมเรียกร้องค่าไถ่ตัวถึง สิบห้าล้านยูเอสดอลล่าร์ ตามาด้วยการระเบิดที่ใจกลางเมือง Vladikavkas ทางคอเคซัส มีคนตายถึง 60 คน เยลซินสั่งการให้ปูตินและ Seigei Stepashin นายกรัฐมนตรีคนใหม่ที่เพิ่งได้รับการแต่งตั้งมาหมาดๆ ( แทน Yevgeny Primakov) ให้ไปดูสถานะการณ์ที่เมือง Vladikavkas โดยด่วน เพื่อไปพบกับ Aslan Maskhadov ประธานาธิบดีเชเชนที่ยังมีสัมพันธภาพที่ดีกับรัสเซีย การไปพบครั้งนี้ อัสลานได้มีทีท่าแปลกๆ เขาพูดว่า “ได้ข่าวมาว่า ทางรัสเซียได้มอบหมายให้”หน่วยงานพิเศษ” จะเข้ามาปฎิบัติการสังหารผม เพื่อที่จะได้เป็นข้ออ้างที่จะประกาศเป็นสถานะการณ์ฉุกเฉิน แล้วยกทัพเข้ามาควบคุมพื้นที่ ……” ปูตินได้ยินดังนั้น…โกรธจนหูกระดิก เพราะไอ้หน่วยงานพิเศษที่ว่านั้น มันก็หมายถึง FSB ที่เขาดูแลอยู่ และอีกประการหนึ่ง ในเรื่องที่รัสเซียแพ้สงครามในเชเชนทั้งๆที่มีกำลังมากกว่าถึงสามเท่านั้น มันก็น่าอับอายพออยู่แล้ว เป็นอันว่า….เรื่องการเจรจานั้น……เลิกคิดไปได้เลย ถึงแม้ว่า……จะตระหนักดีในความจริงที่ว่า รัสเซียจะไม่ได้รบกับกบฏเชเชน แต่…มันอาจจะเป็นการรบกับ NATO ศัตรูดั้งเดิมก็ได้ ที่ทำให้ปูตินต้องหาทางเจรจากับเยลซิน…… ฝ่ายกลาโหมได้ตั้งรับแนวปะทะ ฝ่ายกบฏเชเชนได้ล่วงล้ำไปใน Dagestan และได้รับข่าวร้ายว่าได้พบกับร่างที่หมดลมหายใจของนายพล Shpigun ที่ถูกลักพาตัวไปแล้ว ทางกองทัพรัสเซียได้ทำการเตรียมการมาตั้งแต่เดือนมีนาคม ปูตินได้เดินทางไปพบกับกองกำลังของรัสเซียที่รัฐดาเกสถาน หลายครั้งเพื่อความมั่นใจว่า แม่ทัพ Anatoly Kvashnin มีความพร้อม วันที่ 5 สิงหาคม เยลซินได้มีคำสั่งให้ปูตินเข้าพบในบ้านพัก ชายขอบกรุงมอสโคว์ พอนั่งลงเสร็จ เยลซินได้จ้องหน้าปูติน และกล่าวขึ้นมาว่า “ฉันตัดสินใจแล้วนะ ที่เรียกเธอมาในวันนี้ คือ ฉันอยากจะแต่งตั้งเธอให้เป็นนายกรัฐมนตรี…” ปูตินเงียบไปอึดใจหนึ่ง ฟังเยลซินได้บรรยายปัญหาของภาระของรัสเซียแบกไว้ในคอเคซัส ให้ปูตินฟัง ถึงเรื่อง เศรษฐกิจ สภาพเงินเฟ้อ และที่เขากังวลเป็นอย่างมากคือ ปัญหาของโครงสร้างและบุคลากรสภาที่ไม่แข็งแรงพอกับการที่จะมีเลือกตั้งในสี่เดือนข้างหน้า เขาเคยมีความหวังกับ Yury Luzhkov หรือไม่ก็ Yevgeny Primakov แต่ต้องมาพบกับหลังบ้านของ Luzhkov ทำธุรกิจที่อิงการเมือง จนร่ำรวยมหาศาล ในขณะที่บ้านเมืองยังอยู่ในสภาพอดมื้อกินมื้อ แถมตัวสามี Yury ก็เถียงแทนเมียฉอดๆ ว่า “ก็ชั้นทำงานให้กับเครมลิน…ไม่ได้ทำเพื่อชาติ…” เยลซินถามขึ้นมาว่า “เธอจะทำได้ไหม ทำในสิ่งที่ฉันต้องการที่จะเห็น นั่นคือ พาประเทศชาติของเราให้เจริญอยู่ยงอย่างแข็งแรงต่อไป..” ปูตินอึกอัก “กระผมไม่แน่ใจ เรื่องงาน กระผมไม่กลัวอะไรทั้งสิ้น แต่ถ้าจะต้องไปหาเสียง……ไปโฆษณาตัวเอง กระผมไม่ชอบ” “นั่นไม่ต้องห่วงอะไรทั้งสิ้น เป็นธุระของทางเราเอง” “ถ้าเช่นนั้น ก็แล้วแต่ท่านจะกรุณา…” “ไม่ต้องกังวล เธอเตรียมตัวไว้ได้เลย เพราะเธอจะไปไกลกว่านี้แน่นอน” วันที่ 9 สิงหาคม เยลซินได้ออกทีวี ประกาศว่า “เราได้เลือกได้บุคคลที่เหมาะสมที่จะมาทำงานรับใช้ประเทศชาติแล้ว ขอให้ท่านเชื่อใจได้เลยว่า เขาเป็นคนที่มีประสบการณ์อย่างมากมาย และมีความสามารถเหลือล้น” ข่าวนี้ได้สร้างความฮือฮาประหลาดใจกับทุกคนในเครมลิน ที่ส่วนใหญ่มองไปในด้านลบ เพราะ ปูตินไอ้หน้าจืดเนี่ยนะ………นายกรัฐมนตรี ?!!! มีประสบการณ์อะไรมา……นี่เท่ากับว่าส่งมาลงนรก หมดอนาคตต่อไปเชียว อย่างมากก็สามเดือน จะถึงหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!! ช่วงนั้นเป็นช่วงที่หนักหน่วงของปูติน เพราะวลาดิเมียร์ผู้พ่ออยู่ในสภาพเจ็บหนัก ที่เขาต้องไปเยี่ยมเดือนละครั้งหรือสองครั้ง ส่วนมาเรีย มารดาได้จากไปเมื่อสองปีที่แล้ว และทุกครั้งที่พ่อเห็นเขา…พ่อจะพูดว่า ….”ลูกชายของพ่อ เจ้าช่างเหมือนกับซาร์เลยเชียวนะ……” วลาดิเมียร์ได้ถึงแก่กรรมในวันที่ 2 สิงหาคม ไม่ทันที่จะได้รับรู้ว่าลูกชายจะได้เป็นถึงนายกรัฐมนตรีในกาลอันใกล้ ปูตินเองก็มานั่งทบทวนดู ว่า อนาคตเขาอาจจะไม่ต่างไปจากเหล่าอดีตนายกรัฐมนตรีคนอื่นๆของเยลซิน ที่ล้วนมีอายุราชการสั้น สามเดือน หกเดือน เหมือนอย่างที่เกิดขึ้นกับ Stepashin, Ptimakov และ Kiriyenko แต่อีกใจหนึ่ง เขาก็คิดว่า ช่างมันประไร เขามีอายุเพียงสี่สิบหก และจะได้รับงานที่เป็นการท้าทายความสามารถ มีอำนาจเด็ดขาด ที่จะได้ทำในสิ่งที่อยากทำ โดยเฉพาะเรื่องสงครามที่เชเชน ที่เขาจะต้องกู้ชื่อเสียงกลับมาให้ได้ … เท่ากับว่า……เขาไม่ได้ลงทุนอะไรเลย และเขาได้คิดถึงในสมัยที่ยังเป็นเด็กหนุ่มที่วิ่งเข้าวิ่งออกในอาคารสงเคราะห์ ที่ไม่เคยกลัวใคร ไม่เคยรอเสียเวลาในการถกเถียง….เปิดฉากปะทะก่อนทุกครั้ง… และครั้งนี้…ในคอเคซัส….เขาจะไปให้พวกมันเห็นว่านรกมีจริงงงง……!!! ปูตินได้รับการผ่านในการเสนอชื่อในสภาเพื่อเข้ามาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 16 สิงหาคม สิ่งแรกที่นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆทำ คือ แต่งตัวลำลอง บินไปชายแดนเชเชน ไปพบปะพูดคุยกับทหารหาญ ไปมอบเหรียญกล้าหาญ ทางฝ่ายกบฏเชเชนได้ทำการท้าทายอำนาจใหม่อย่างเหิมเกริม นั่นคือการวางระเบิดอพาร์ตเมนต์ในเมือง Volgodonsk มีคนเสียชีวิตนับสิบ วันที่ 23 สิงหาคม ฝูงบินจากรัสเซียส่งเข้าไปถล่มถึงกลางกรุง Grozny ถล่มโรงกลั่นน้ำมันจนราบเป็นหน้ากลอง เป็นการถล่มแบบนอกตำรายุทธการ เพราะมาแบบล้างแค้นสถานเดียว ปูตินอยู่สังเกตการณ์ทั้งหมด มีนักข่าวไปถามว่า “บอมบ์เพื่อหวังผลอะไร..?” ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่สร้างความประหลาดใจให้กับทุกคน เพราะปูตินพูดจาด้วยภาษานักเลงแบบที่ได้ยินตามมุมถนน เขาตอบว่า “เบื่อโคตรๆ ที่ต้องมาตอบอะไรซ้ำซากแบบนี้ เราถล่มเฉพาะจุดที่เรารู้ว่าพวกไอ้เลวนั่นมันสุมหัวอยู่กัน โทษทีนะ ถ้าพบว่ามันนั่งอยู่ในส้วม ก็จะส่งมันลงท่อไปตรงนั้นเลย…” หลังจากที่ถล่มจนราบแล้ว วันที่ 29 กันยายน ปูตินได้ถามกับ ประธานาธิบดีเชเชน Aslan Maskhadov ว่า.. “ถ้านายพร้อมที่จะเจรจา……เรามีทางเลือกให้สถานเดียวคือ ส่งตัวไอ้อาชญากรสงคราม Basayev กับ Khattab และไอ้พวกหัวกระทิตามบัญชีรายชื่อทั้งหลายมา และ นี่ไม่ใช่ข้อแลกเปลี่ยน……แต่เป็นคำสั่ง..!!” ทางอัสลาน ก็ได้แต่ปฏิเสธ บอกว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับการวางระเบิด…… และเรื่องที่จะส่งตัว คนพวกนั้นก็ทำไม่ได้อีก เพราะมันจะกลายเป็นการหักหลังกัน…” คือสรุปว่า….เขาเลือกที่จะอยู่ตรงข้ามกับรัสเซีย วันรุ่งขึ้น…กองทัพรัสเซียกว่า แปดหมื่นนายบุกประชิดเชเชน มีสำรองไว้อีก 93,000 แทบจะเป็นขนาดเดียวกันกับที่รัสเซียบุกอาฟกานิสถาน ที่ใหญ่กว่าเชเชนสี่สิบเท่า… วันที่ 1 ตุลาคม รัสเซียไม่ยอมรับรัฐบาลของอัสลาน วันที่ 5 ตุลาคม…รัสเซียเข้าครองพื้นที่กว่าครึ่งของทางเหนือ และ วันต่อมาก็ข้ามแม่น้ำไปยังเมืองหลวง Grozny ปูตินไม่ยอมเสียกำลังทหารในการบุก เขาให้สัมภาษณ์ว่า…… เราใช้การส่งฝูงบินโจมตีเป็นส่วนใหญ่ ส่วนทหาร เอาไว้เข้าตามเก็บกวาดให้เรียบ เพราะการรบสมัยใหม่นี้ มีเครื่องทุ่นแรงเยอะ ไม่ใช่อย่างสมัยสงครามโลก……” นักข่าวถามว่า “ ถ้าฝูงบินไม่สำเร็จผลล่ะ……” “เราก็ชนะอยู่ดี………เพราะในตำราของเรา……ไม่มีคำว่า…ถ้า……” *** สงครามเชเชนครั้งนี้คือครั้งที่สอง จาก ครั้งแรกในปี1996 ครั้งนี้เริ่มในวันที่ 7 สิงหาคม 1999 ถึง 30 เมษายน 2000 ที่รัสเซียได้ชัยชนะ…… แต่ยังมีการปราบปรามกลุ่มต่อต้าน ที่มารูปของการก่อวินาศกรรมอีก ตั้งแต่ ปี 2000-2009 ที่หัวหน้าใหญ่อย่าง Aslan Maskhadov (อดีตประธานาธิบดี) ที่หนีไปอยู่ในถ้ำ ยังถูกตามเก็บจนหมด ส่วนเหล่าลูกน้องก็สลายตัวไปปนอยู่ในกลุ่มของ ISIS บัดนี้ คือ สาธารณรัฐเชเชน (หรือ เซซเนีย) คือ สาธารณรัฐหนึ่งของรัสเซีย ที่มี นายกรัฐมนตรี คือ Ramzan Kadyrov เป็นลูกชายของอดีตประธานาธิบดีคนแรกของเชเชน Akhmad Kadyrov ที่ได้มีโอกาสเป็น ประธานาธิบดีเพียงไม่กี่เดือน ก็ถูกลอบสังหาร.. NATO ได้ยื่นมือเข้ามาตามเคยในการที่จะเรียกร้องหาความยุติธรรม และเรื่องเจรจาสงบศึก ทางรัสเซียก็ย้อนกลับไปว่า แล้วกองทัพนาโต้ที่เข้าไปบอมบ์ Kosovo เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน (1999) มีชาวยูโกสลาฟตายกว่า 500 คน ไหนล่ะ…ความยุติธรรม……??? Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 72 Views 0 Reviews
  • จีนตบหน้าด้วยการคว่ำบาตรบริษัทสหรัฐฯ ๙ แห่ง กรณีขายอาวุธให้ไต้หวัน

    ปักกิ่งตัดสินใจคว่ำบาตรบริษัทสหรัฐฯ ๙ แห่ง กรณีขายอาวุธให้ไต้หวัน, กระทรวงต่างประเทศจีนแถลงเมื่อวันพุธ

    "จีนตัดสินใจใช้มาตรการตอบโต้บริษัทสหรัฐฯ ๙ แห่ง, รวมถึง Sierra Nevada Corporation, Stick Rudder Enterprises LLC, Cubic Corporation, S3 AeroDefense, TCOM, TextOre, Planate Management Group, ACT1 Federal, Exovera," กระทรวงต่างประเทศจีนระบุในแถลงการณ์

    เมื่อวันอังคาร, สำนักงานความร่วมมือด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศของสหรัฐฯ (DSCA) กล่าวว่า กระทรวงต่างประเทศได้อนุมัติการขายอาวุธให้กับต่างประเทศให้กับสำนักงานตัวแทนเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป (TECRO) เป็นมูลค่า ๒๒๘ ล้านดอลลาร์
    .
    China to slap sanctions on nine US firms over arms sales to Taiwan

    Beijing has decided to impose sanctions on nine US companies for selling weapons to Taiwan, the Chinese Foreign Ministry said on Wednesday.

    "China has decided to impose countermeasures against nine US comnies, including Sierra Nevada Corporation, Stick Rudder Enterprises LLC, Cubic Corporation, S3 AeroDefense, TCOM, TextOre, Planate Management Group, ACT1 Federal, Exovera," the ministry said in a statement.

    On Tuesday, the US Defense Security Cooperation Agency (DSCA) said that the State Department had approved a potential Foreign Military Sale to the Taipei Economic and Cultural Representative Office (TECRO) to the tune of $228 million.
    .
    6:06 PM · Sep 18, 2024 · 2,308 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1836361167884755300
    🤣จีนตบหน้าด้วยการคว่ำบาตรบริษัทสหรัฐฯ ๙ แห่ง กรณีขายอาวุธให้ไต้หวัน🤣 ปักกิ่งตัดสินใจคว่ำบาตรบริษัทสหรัฐฯ ๙ แห่ง กรณีขายอาวุธให้ไต้หวัน, กระทรวงต่างประเทศจีนแถลงเมื่อวันพุธ "จีนตัดสินใจใช้มาตรการตอบโต้บริษัทสหรัฐฯ ๙ แห่ง, รวมถึง Sierra Nevada Corporation, Stick Rudder Enterprises LLC, Cubic Corporation, S3 AeroDefense, TCOM, TextOre, Planate Management Group, ACT1 Federal, Exovera," กระทรวงต่างประเทศจีนระบุในแถลงการณ์ เมื่อวันอังคาร, สำนักงานความร่วมมือด้านความมั่นคงและการป้องกันประเทศของสหรัฐฯ (DSCA) กล่าวว่า กระทรวงต่างประเทศได้อนุมัติการขายอาวุธให้กับต่างประเทศให้กับสำนักงานตัวแทนเศรษฐกิจและวัฒนธรรมไทเป (TECRO) เป็นมูลค่า ๒๒๘ ล้านดอลลาร์ . China to slap sanctions on nine US firms over arms sales to Taiwan Beijing has decided to impose sanctions on nine US companies for selling weapons to Taiwan, the Chinese Foreign Ministry said on Wednesday. "China has decided to impose countermeasures against nine US comnies, including Sierra Nevada Corporation, Stick Rudder Enterprises LLC, Cubic Corporation, S3 AeroDefense, TCOM, TextOre, Planate Management Group, ACT1 Federal, Exovera," the ministry said in a statement. On Tuesday, the US Defense Security Cooperation Agency (DSCA) said that the State Department had approved a potential Foreign Military Sale to the Taipei Economic and Cultural Representative Office (TECRO) to the tune of $228 million. . 6:06 PM · Sep 18, 2024 · 2,308 Views https://x.com/SputnikInt/status/1836361167884755300
    Yay
    1
    0 Comments 0 Shares 52 Views 0 Reviews
  • FED ธนาคารกลางสหรัฐ มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลงมากถึง 0.5% นับเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี เพื่อให้เงินเฟ้อขยับลงอย่างยั่งยืนและเศรษฐกิจสหรัฐsoft landing

    19 กันยายน 2567-คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งประชุมกันเมื่อวันที่ 17-18 กันยายนที่ผ่านมา มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลงมากถึง 0.5% นับเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี ทำให้อัตราดอกเบี้ยลงไปอยู่ในระดับ 4.75-5% อย่างไรก็ตาม มติครั้งนี้ไม่เป็นเอกฉันท์ เนื่องจากมีกรรมการ 1 คนคัดค้าน โดยเห็นว่าควรลดเพียง 0.25%

    เหตุผลของกรรมการส่วนใหญ่ที่เห็นว่าควรลด 0.5% ก็เพราะมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อลดลงอย่างยั่งยืนและเคลื่อนไหวในทิศทางที่เชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2% ขณะเดียวกัน ก็เพื่อรักษาอัตราการจ้างงานไปด้วย โดยสภาวการณ์ในขณะนี้ค่อนข้างมีความสมดุลที่จะเอื้อให้บรรลุเป้าหมายทั้งด้านเงินเฟ้อและอัตราการจ้างงาน

    การลดดอกเบี้ย 0.5% ถูกมองว่าเป็นการลดแบบ “จัมโบ้” หรือค่อนข้างมาก แต่ก็เป็นไปตามที่ตลาดคาดหมาย หลังจากในระยะหลังนักลงทุนเปลี่ยนความคิด จากเดิมที่เชื่อว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยครั้งแรกเพียง 0.25% มาเป็น 0.5% เพื่อป้องกันเศรษฐกิจถดถอย

    ขณะเดียวกัน เมื่อดูจากคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยของกรรมการรายบุคคล หรือ “Dot Plot” บ่งชี้ว่า จะมีการลดดอกเบี้ยอีก 0.5% ภายในสิ้นปี 2024 นี้ ซึ่งจะมีการประชุมเหลืออยู่ 2 ครั้ง คือ เดือนพฤศจิกายน และธันวาคม จากนั้นปี 2025 จะลดอีก 1% และปีถัดไป 2026 ลดอีก 0.5%

    “เจอโรม พาวเวลล์” ประธานเฟด ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า การลดดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการ “ปรับปรุง” นโยบายการเงินให้เหมาะสมเพื่อรักษาความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน และขณะเดียวกัน ก็สามารถทำให้เงินเฟ้อมีเสถียรภาพ เป้าหมายของเฟดคือรักษาอัตราเงินเฟ้อให้มีเสถียรภาพ ขณะเดียวกัน ก็ต้องแน่ใจว่าอัตราว่างงานจะไม่สูงขึ้น เป็นการรักษาเสถียรภาพราคาไปพร้อม ๆ กับรักษาการจ้างงานเอาไว้

    ดังนั้น นักลงทุนควรมองว่าการลด 0.5% เป็นการแสดงความ “แน่วแน่” ของเฟดที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ขณะนี้กล่าวได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะที่ดี เติบโตแข็งแกร่ง ตลาดแรงงานยังเข้มแข็ง เงินเฟ้อลดต่ำลง

    พาวเวลล์ย้ำว่า ไม่ต้องการให้นักลงทุนหรือตลาดสันนิษฐานเอาเองว่าการลด 0.5% ในครั้งนี้ จะหมายถึงว่าในอนาคตเฟดจะลดในอัตรานี้ไปเรื่อย ๆ อย่าคิดว่านี่คืออัตราใหม่สำหรับเฟด เพราะเฟดจะไม่เร่งรีบในการผ่อนคลายด้านการเงิน เฟดจะยังทำเหมือนเดิมคือพิจารณาอย่างระมัดระวังในการประชุมแต่ละครั้งก่อนตัดสินใจ

    “ที่ผ่านมาจะเห็นว่าความอดทนรอของเราให้ผลตอบแทนที่ดีกลับมา เห็นได้จากเงินเฟ้อค่อย ๆ ลดลงอย่างยั่งยืน จนกระทั่งทำให้เราสามารถลดดอกเบี้ยได้มากในวันนี้” พาวเวลล์ระบุ

    ถึงแม้การลด 0.5% จะเป็นที่ชอบใจของนักลงทุนส่วนใหญ่ แต่บางคนก็มีมุมมองต่างออกไป เช่น สก๊อต เฮลฟ์สไตน์ หัวหน้ากลยุทธ์การลงทุนของโกลบอล เอ็กซ์ ระบุว่า การลด 0.5% อาจมากเกินไป เพราะตัวเลขเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในระยะหลังนี้ไม่ได้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังเติบโตน้อยลง ไม่จำเป็นต้องลดมากขนาดนั้น ซึ่งอัตรานี้จะสนับสนุนให้มีการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น

    แนนซี เทนเกลอร์ ประธานบริหารของลาฟเฟอร์ เทนเกลอร์ อินเวสต์เมนต์ เห็นว่า เฟดเคลื่อนไหวเร็วเกินไป เพราะถึงแม้เศรษฐกิจจะชะลอลง แต่ยังคงแข็งแกร่ง ถึงแม้การว่างงานจะเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ยังไม่มีการเลิกจ้าง อีกทั้งการเปิดรับตำแหน่งงานใหม่ในสหรัฐยังคงมีจำนวนมากกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดด้วยซ้ำ “คำวิพากษ์วิจารณ์ของฉันที่มีต่อเฟดก็คือเน้นการมองในระยะสั้น โดยมุ่งเน้นดูข้อมูลย้อนหลัง แค่ข้อมูลจ้างงานที่อ่อนแอเพียงสัปดาห์เดียว ก็ทำให้ลดดอกเบี้ยมากขนาดนี้”

    ฟิลิป สแตรล ประธานเจ้าหน้าที่ลงทุน ของมอร์นิ่งสตาร์ เวลธ์ ชี้ว่า การลดดอกเบี้ยถึง 0.5% เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้น้อยในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน อย่างเช่น วิกฤตการเงินครั้งร้ายแรงในปี 2008 และโควิด-19 ระบาดในปี 2020 สำหรับในครั้งนี้ถือว่าลดมากเกินไปและเร็วเกินไป ทั้งที่ข้อมูลเศรษฐกิจค่อนข้างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับการผ่อนคลายทางการเงินช่วงอื่น ๆ ภายใต้การว่างงานที่ 4.2% นอกจากนี้จีดีพีไตรมาส 2 ก็ขยายตัวถึง 3%

    “การลดมากขนาดนี้เป็นตัวชี้ว่าเฟดมีความสบายใจที่เงินเฟ้อขยับลงอย่างยั่งยืน และตอนนี้ก็ปรับเปลี่ยนทิศทางไปมุ่งเน้นการทำให้เศรษฐกิจชะลอลงอย่างSoft Landing “

    ที่มา : https://youtu.be/EgW_pSJqQEc?si=uk4HLrZSsqAVl2AL

    #Thaitimes
    FED ธนาคารกลางสหรัฐ มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลงมากถึง 0.5% นับเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี เพื่อให้เงินเฟ้อขยับลงอย่างยั่งยืนและเศรษฐกิจสหรัฐsoft landing 19 กันยายน 2567-คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งประชุมกันเมื่อวันที่ 17-18 กันยายนที่ผ่านมา มีมติลดดอกเบี้ยนโยบายลงมากถึง 0.5% นับเป็นการลดครั้งแรกในรอบ 4 ปี ทำให้อัตราดอกเบี้ยลงไปอยู่ในระดับ 4.75-5% อย่างไรก็ตาม มติครั้งนี้ไม่เป็นเอกฉันท์ เนื่องจากมีกรรมการ 1 คนคัดค้าน โดยเห็นว่าควรลดเพียง 0.25% เหตุผลของกรรมการส่วนใหญ่ที่เห็นว่าควรลด 0.5% ก็เพราะมั่นใจมากขึ้นว่าเงินเฟ้อลดลงอย่างยั่งยืนและเคลื่อนไหวในทิศทางที่เชื่อว่าจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 2% ขณะเดียวกัน ก็เพื่อรักษาอัตราการจ้างงานไปด้วย โดยสภาวการณ์ในขณะนี้ค่อนข้างมีความสมดุลที่จะเอื้อให้บรรลุเป้าหมายทั้งด้านเงินเฟ้อและอัตราการจ้างงาน การลดดอกเบี้ย 0.5% ถูกมองว่าเป็นการลดแบบ “จัมโบ้” หรือค่อนข้างมาก แต่ก็เป็นไปตามที่ตลาดคาดหมาย หลังจากในระยะหลังนักลงทุนเปลี่ยนความคิด จากเดิมที่เชื่อว่าเฟดจะลดดอกเบี้ยครั้งแรกเพียง 0.25% มาเป็น 0.5% เพื่อป้องกันเศรษฐกิจถดถอย ขณะเดียวกัน เมื่อดูจากคาดการณ์แนวโน้มดอกเบี้ยของกรรมการรายบุคคล หรือ “Dot Plot” บ่งชี้ว่า จะมีการลดดอกเบี้ยอีก 0.5% ภายในสิ้นปี 2024 นี้ ซึ่งจะมีการประชุมเหลืออยู่ 2 ครั้ง คือ เดือนพฤศจิกายน และธันวาคม จากนั้นปี 2025 จะลดอีก 1% และปีถัดไป 2026 ลดอีก 0.5% “เจอโรม พาวเวลล์” ประธานเฟด ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมว่า การลดดอกเบี้ยครั้งนี้เป็นการ “ปรับปรุง” นโยบายการเงินให้เหมาะสมเพื่อรักษาความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจและตลาดแรงงาน และขณะเดียวกัน ก็สามารถทำให้เงินเฟ้อมีเสถียรภาพ เป้าหมายของเฟดคือรักษาอัตราเงินเฟ้อให้มีเสถียรภาพ ขณะเดียวกัน ก็ต้องแน่ใจว่าอัตราว่างงานจะไม่สูงขึ้น เป็นการรักษาเสถียรภาพราคาไปพร้อม ๆ กับรักษาการจ้างงานเอาไว้ ดังนั้น นักลงทุนควรมองว่าการลด 0.5% เป็นการแสดงความ “แน่วแน่” ของเฟดที่จะบรรลุเป้าหมายดังกล่าว ขณะนี้กล่าวได้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอยู่ในภาวะที่ดี เติบโตแข็งแกร่ง ตลาดแรงงานยังเข้มแข็ง เงินเฟ้อลดต่ำลง พาวเวลล์ย้ำว่า ไม่ต้องการให้นักลงทุนหรือตลาดสันนิษฐานเอาเองว่าการลด 0.5% ในครั้งนี้ จะหมายถึงว่าในอนาคตเฟดจะลดในอัตรานี้ไปเรื่อย ๆ อย่าคิดว่านี่คืออัตราใหม่สำหรับเฟด เพราะเฟดจะไม่เร่งรีบในการผ่อนคลายด้านการเงิน เฟดจะยังทำเหมือนเดิมคือพิจารณาอย่างระมัดระวังในการประชุมแต่ละครั้งก่อนตัดสินใจ “ที่ผ่านมาจะเห็นว่าความอดทนรอของเราให้ผลตอบแทนที่ดีกลับมา เห็นได้จากเงินเฟ้อค่อย ๆ ลดลงอย่างยั่งยืน จนกระทั่งทำให้เราสามารถลดดอกเบี้ยได้มากในวันนี้” พาวเวลล์ระบุ ถึงแม้การลด 0.5% จะเป็นที่ชอบใจของนักลงทุนส่วนใหญ่ แต่บางคนก็มีมุมมองต่างออกไป เช่น สก๊อต เฮลฟ์สไตน์ หัวหน้ากลยุทธ์การลงทุนของโกลบอล เอ็กซ์ ระบุว่า การลด 0.5% อาจมากเกินไป เพราะตัวเลขเศรษฐกิจส่วนใหญ่ในระยะหลังนี้ไม่ได้บ่งชี้ว่าเศรษฐกิจกำลังเติบโตน้อยลง ไม่จำเป็นต้องลดมากขนาดนั้น ซึ่งอัตรานี้จะสนับสนุนให้มีการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงมากขึ้น แนนซี เทนเกลอร์ ประธานบริหารของลาฟเฟอร์ เทนเกลอร์ อินเวสต์เมนต์ เห็นว่า เฟดเคลื่อนไหวเร็วเกินไป เพราะถึงแม้เศรษฐกิจจะชะลอลง แต่ยังคงแข็งแกร่ง ถึงแม้การว่างงานจะเพิ่มขึ้นบ้าง แต่ยังไม่มีการเลิกจ้าง อีกทั้งการเปิดรับตำแหน่งงานใหม่ในสหรัฐยังคงมีจำนวนมากกว่าช่วงก่อนเกิดโควิดด้วยซ้ำ “คำวิพากษ์วิจารณ์ของฉันที่มีต่อเฟดก็คือเน้นการมองในระยะสั้น โดยมุ่งเน้นดูข้อมูลย้อนหลัง แค่ข้อมูลจ้างงานที่อ่อนแอเพียงสัปดาห์เดียว ก็ทำให้ลดดอกเบี้ยมากขนาดนี้” ฟิลิป สแตรล ประธานเจ้าหน้าที่ลงทุน ของมอร์นิ่งสตาร์ เวลธ์ ชี้ว่า การลดดอกเบี้ยถึง 0.5% เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้น้อยในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่แล้วมักจะใช้ในกรณีเกิดเหตุฉุกเฉิน อย่างเช่น วิกฤตการเงินครั้งร้ายแรงในปี 2008 และโควิด-19 ระบาดในปี 2020 สำหรับในครั้งนี้ถือว่าลดมากเกินไปและเร็วเกินไป ทั้งที่ข้อมูลเศรษฐกิจค่อนข้างแข็งแกร่ง เมื่อเทียบกับการผ่อนคลายทางการเงินช่วงอื่น ๆ ภายใต้การว่างงานที่ 4.2% นอกจากนี้จีดีพีไตรมาส 2 ก็ขยายตัวถึง 3% “การลดมากขนาดนี้เป็นตัวชี้ว่าเฟดมีความสบายใจที่เงินเฟ้อขยับลงอย่างยั่งยืน และตอนนี้ก็ปรับเปลี่ยนทิศทางไปมุ่งเน้นการทำให้เศรษฐกิจชะลอลงอย่างSoft Landing “ ที่มา : https://youtu.be/EgW_pSJqQEc?si=uk4HLrZSsqAVl2AL #Thaitimes
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 148 Views 0 Reviews
  • Kenji Fukaya นักคณิตศาสตร์ชาวญี่ปุ่นเจ้าของรางวัล ได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยStony Brookอันดับหนึ่งของนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อไปร่วมงานกับมหาวิทยาลัยชั้นนำจีน Tsinghua ของจีนในตำแหน่งศาสตราจารย์ประจำ

    19 กันยายน2567-รายงานข่าว SMCP ระบุว่า Kenji Fukaya นักคณิตศาสตร์ชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงและเจ้าของรางวัล Fujihara Awardในปี 2012 ล่าสุดได้ลาออกจากมหาวิทยาลัย Stony Brook( SBU)ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยรัอัดฐอัน 1 ของนิวยอร์ก เพื่อไปร่วมงานกับมหาวิทยาลัย Tsinghua ของจีนในตำแหน่งศาสตราจารย์ประจำของมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน

    Fukaya เคยเป็นสมาชิกถาวรของ Simons Centre for Geometry and Physics ที่ Stony Brook เป็นที่รู้จักจากผลงานด้านเรขาคณิตซิมเพล็กติกและ เรขาคณิตรีมันเนียน ผลงานพื้นฐานมากมายของเขาต่อคณิตศาสตร์รวมถึงการค้นพบหมวดหมู่ฟูกายะตามชื่อของเขา

    ล่าสุดศาสตราจารย์Fukaya ได้ไปบรรยายครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยจีน Tsinghua เมื่อวันที่ 11 กันยายน ตามข้อมูลจาก Yau Mathematical Sciences Centre ของมหาวิทยาลัย

    หลักสูตรเปิดเกี่ยวกับเรขาคณิตซิมเพล็กติกของเขา ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับพื้นที่ที่วัตถุ เช่น ดาวเคราะห์และอนุภาคเคลื่อนที่และโต้ตอบกัน ดึงดูดนักศึกษาและครูจำนวนมาก โดยศูนย์ดังกล่าวได้รายงานเรื่องนี้ในบัญชี WeChat อย่างเป็นทางการ

    ในวิดีโอที่ศูนย์Yau Mathematical Science แชร์เผยแพร่ ฟูกายะกล่าวว่านักเรียนจีนทำให้เขานึกถึงนักเรียนญี่ปุ่นสมัยยังเด็ก ที่มีความมุ่งมั่นและทุ่มเทอย่างมากในการเรียนคณิตศาสตร์

    เขาแสดงความหวังว่าเมื่อมีนักวิจัยที่เกิดในจีนกลับมาสอนที่นั่นมากขึ้น ชุมชนนักคณิตศาสตร์ที่มีทักษะสูงและได้รับการศึกษาในประเทศก็จะเติบโตต่อไป

    ทั้งนี้นโยบายและวิสัยทัศน์ของจีนที่ ตั้งเป้าดึงดูดคนเก่งด้าน STEM (Science-Technology-Engineering-Mathematic) ให้มากขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายในการพึ่งพาตนเองด้านวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีสู่ความเป็นเลิศ

    ที่มา https://www.scmp.com/news/china/science/article/3279101/respected-mathematician-kenji-fukaya-leaves-us-teach-chinas-tsinghua-university

    #Thaitimes
    Kenji Fukaya นักคณิตศาสตร์ชาวญี่ปุ่นเจ้าของรางวัล ได้ลาออกจากมหาวิทยาลัยStony Brookอันดับหนึ่งของนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา เพื่อไปร่วมงานกับมหาวิทยาลัยชั้นนำจีน Tsinghua ของจีนในตำแหน่งศาสตราจารย์ประจำ 19 กันยายน2567-รายงานข่าว SMCP ระบุว่า Kenji Fukaya นักคณิตศาสตร์ชาวญี่ปุ่นที่มีชื่อเสียงและเจ้าของรางวัล Fujihara Awardในปี 2012 ล่าสุดได้ลาออกจากมหาวิทยาลัย Stony Brook( SBU)ซึ่งได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยรัอัดฐอัน 1 ของนิวยอร์ก เพื่อไปร่วมงานกับมหาวิทยาลัย Tsinghua ของจีนในตำแหน่งศาสตราจารย์ประจำของมหาวิทยาลัยชั้นนำของจีน Fukaya เคยเป็นสมาชิกถาวรของ Simons Centre for Geometry and Physics ที่ Stony Brook เป็นที่รู้จักจากผลงานด้านเรขาคณิตซิมเพล็กติกและ เรขาคณิตรีมันเนียน ผลงานพื้นฐานมากมายของเขาต่อคณิตศาสตร์รวมถึงการค้นพบหมวดหมู่ฟูกายะตามชื่อของเขา ล่าสุดศาสตราจารย์Fukaya ได้ไปบรรยายครั้งแรกที่มหาวิทยาลัยจีน Tsinghua เมื่อวันที่ 11 กันยายน ตามข้อมูลจาก Yau Mathematical Sciences Centre ของมหาวิทยาลัย หลักสูตรเปิดเกี่ยวกับเรขาคณิตซิมเพล็กติกของเขา ซึ่งศึกษาเกี่ยวกับพื้นที่ที่วัตถุ เช่น ดาวเคราะห์และอนุภาคเคลื่อนที่และโต้ตอบกัน ดึงดูดนักศึกษาและครูจำนวนมาก โดยศูนย์ดังกล่าวได้รายงานเรื่องนี้ในบัญชี WeChat อย่างเป็นทางการ ในวิดีโอที่ศูนย์Yau Mathematical Science แชร์เผยแพร่ ฟูกายะกล่าวว่านักเรียนจีนทำให้เขานึกถึงนักเรียนญี่ปุ่นสมัยยังเด็ก ที่มีความมุ่งมั่นและทุ่มเทอย่างมากในการเรียนคณิตศาสตร์ เขาแสดงความหวังว่าเมื่อมีนักวิจัยที่เกิดในจีนกลับมาสอนที่นั่นมากขึ้น ชุมชนนักคณิตศาสตร์ที่มีทักษะสูงและได้รับการศึกษาในประเทศก็จะเติบโตต่อไป ทั้งนี้นโยบายและวิสัยทัศน์ของจีนที่ ตั้งเป้าดึงดูดคนเก่งด้าน STEM (Science-Technology-Engineering-Mathematic) ให้มากขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายในการพึ่งพาตนเองด้านวิจัยพัฒนาเทคโนโลยีสู่ความเป็นเลิศ ที่มา https://www.scmp.com/news/china/science/article/3279101/respected-mathematician-kenji-fukaya-leaves-us-teach-chinas-tsinghua-university #Thaitimes
    WWW.SCMP.COM
    Respected mathematician Kenji Fukaya leaves US for China’s Tsinghua University
    In a video, Fukaya said Chinese students reminded him of Japanese students’ strong focus and dedication to studying mathematics.
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 159 Views 0 Reviews
  • ขอเล่าเรื่องนี้ก่อนเลย
    ....
    ธุรกิจของเราเริ่มต้นจากการที่เรามีโอกาสได้ทำกิจกรรมร่วมกับทางโรงเรียนบ่อย ๆ มันทำให้เห็นว่าศักยภาพของเราน่าจะทำประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมได้มากกว่านี้ โดยเริ่มจากโรงเรียนในเครือข่ายของเรานี่แหละ
    ....
    เล่าที่มาที่ไปของการเริ่มธุรกิจให้ที่ปรึกษาท่านหนึ่งฟัง ท่านก็ถามย้อนกลับมา
    "แล้วทำไมต้องเอาโรงเรียนมาร่วม ?"
    ....
    ณ เวลานั้นเราก็ตอบได้เพียงว่า
    "เพราะเรามีเครือข่ายโรงเรียนและเราเห็นโอกาสตรงนั้น"
    แต่พอที่ปรึกษาให้การบ้านกลับมาทำ เราจึงศึกษาเพิ่มเติม และมันทำให้เรากลับมาเข้าใจตัวเองมากขึ้น เมื่อเราได้ศึกษาเรื่องราวของแบรนด์ "ดอยคำ"
    ....
    ความจริงแล้วความคิดและประสบการณ์ของเรานั้นมันคือแนวทางเริ่มต้นของ "ธุรกิจเพื่อสังคม" เราจึงรู้แล้วว่าธุรกิจของเราจะไปในทิศทางไหน
    #ขอบพระคุณคำถามจากที่ปรึกษาท่านนั้น และขอขอบคุณแบรนด์ดอยคำที่แชร์ประสบการณ์ไว้มากมายให้ได้เรียนรู้
    ขอเล่าเรื่องนี้ก่อนเลย .... ธุรกิจของเราเริ่มต้นจากการที่เรามีโอกาสได้ทำกิจกรรมร่วมกับทางโรงเรียนบ่อย ๆ มันทำให้เห็นว่าศักยภาพของเราน่าจะทำประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อมได้มากกว่านี้ โดยเริ่มจากโรงเรียนในเครือข่ายของเรานี่แหละ .... เล่าที่มาที่ไปของการเริ่มธุรกิจให้ที่ปรึกษาท่านหนึ่งฟัง ท่านก็ถามย้อนกลับมา "แล้วทำไมต้องเอาโรงเรียนมาร่วม ?" .... ณ เวลานั้นเราก็ตอบได้เพียงว่า "เพราะเรามีเครือข่ายโรงเรียนและเราเห็นโอกาสตรงนั้น" แต่พอที่ปรึกษาให้การบ้านกลับมาทำ เราจึงศึกษาเพิ่มเติม และมันทำให้เรากลับมาเข้าใจตัวเองมากขึ้น เมื่อเราได้ศึกษาเรื่องราวของแบรนด์ "ดอยคำ" .... ความจริงแล้วความคิดและประสบการณ์ของเรานั้นมันคือแนวทางเริ่มต้นของ "ธุรกิจเพื่อสังคม" เราจึงรู้แล้วว่าธุรกิจของเราจะไปในทิศทางไหน #ขอบพระคุณคำถามจากที่ปรึกษาท่านนั้น และขอขอบคุณแบรนด์ดอยคำที่แชร์ประสบการณ์ไว้มากมายให้ได้เรียนรู้
    0 Comments 0 Shares 28 Views 0 Reviews
  • #เมื่อโจเคลมมา
    #ก้องก็ตอบไว
    "ไม่รู้เงินใคร
    กรูแจกหมดแล้ว"
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #เมื่อโจเคลมมา #ก้องก็ตอบไว "ไม่รู้เงินใคร กรูแจกหมดแล้ว" ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 186 Views 0 Reviews
  • การต้องจ่ายเงินเพื่อสมัครใช้บริการ AI เราก็ต้องการรู้ว่าภาพที่ Gen ออกมาจะดีแค่ไหน ถ้าคุณอยากใช้ Recraft AI ดูคลิปนี้มีคำตอบ https://youtu.be/x1nIfCwg-vw #ai #recraft #generate
    การต้องจ่ายเงินเพื่อสมัครใช้บริการ AI เราก็ต้องการรู้ว่าภาพที่ Gen ออกมาจะดีแค่ไหน ถ้าคุณอยากใช้ Recraft AI ดูคลิปนี้มีคำตอบ https://youtu.be/x1nIfCwg-vw #ai #recraft #generate
    0 Comments 0 Shares 14 Views 0 Reviews
  • Jin Wellbeing County : จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้, ปทุมธานี

    คอนโด Jin Wellbeing County ทางเลือกใหม่คอนโดสำหรับผู้สูงอายุ ที่มาพร้อมกับการดูแลสุขภาพแบบบูรณาการ พร้อมมการดูแลจากแพทย์ พยาบาล 24 ชั่วโมง รองรับผู้สูงวัยอย่างแท้จริงบนถนนพหลโยธิน โซนรังสิต ตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยกรุงเทพรังสิต จ.ปทุมธานี

    ✦ จุดเด่น ✦
    ▸ จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ ทางเลือกใหม่ของการใช้ชีวิต
    ▸โครงการภายใต้การดำเนินงานของกลุ่มธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป หรือ THG ที่มีประสบการณ์ด้านโรงพยาบาล และการดูแลสุขภาพมากกว่า 40 ปี
    ▸โครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ (Jin Wellbeing County) ที่พักอาศัยรูปแบบใหม่ที่มาพร้อมกับการดูแลสุขภาพแบบบูรณาการ (Integrative Healthcare ) และการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) ที่เหมาะสำหรับผู้สูงวัย

    นอกจากนี้เพื่อตอบโจทย์ที่อยู่อาศัยของวัยผู้สูงอายุอย่างแท้จริงทางโครงการยังมีบริการทางการแพทย์รองรับด้วย ได้แก่

    (1) การดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐาน ที่ให้บริการแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลด้วยทีมแพทย์และพยาบาลที่มากประสบการณ์ และยังมีการแนะนำโภชนาการสำหรับผู้สูงวัยโดยเฉพาะอีกด้วย
    (2) การดูแลสมดุลร่างกายจากภายใน เป็นการดูแลโดยนักจิตบำบัดที่ช่วยการปรับสมดุลด้านอารมณ์และจิตใจ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดความเครียดและอาการซึมเศร้า พร้อมกับมีกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจ
    (3) การดูแลความแข็งแรงและสร้างเสริมสมรรถภาพของร่างกายด้วยการออกกำลังกายอย่างถูกวิธี และเวชศาสตร์ฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายด้านต่างๆที่ถูกออกแบบตามปัญหาแต่ละบุคคล

    ▸ ภายในพื้นที่ 140 ไร่ ประกอบด้วยอาคารที่พักอาศัยแบบ Low Rise 7 ชั้น จำนวน 5 อาคาร โดยแบ่งเป็น Cluster 1 จำนวน 2 อาคาร คือ อาคาร 1-AM และ
    อาคาร 1-C1Cluster 2 จำนวน 3 อาคาร คือ อาคาร 2-AM, อาคาร 2-C1 และอาคาร 2-D1

    ✦ จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ ทางเลือกใหม่ของการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบอย่างครบวงจรแห่งแรกของเมืองไทยในโครงการที่เราอยู่ได้ตลอดไป ✦

    ▸ ที่สุด.. แห่งการใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่ผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบ
    ▸ ที่สุด.. แห่งการออกแบบ Universal Design รองรับผู้สูงวัยอย่างแท้จริง
    ▸ ที่สุดแห่งการดูแลสุขภาพที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้สูงวัย
    ▸ ที่สุด.. แห่งความปลอดภัยในการใช้ชีวิตของผู้พักอาศัย
    ▸ ที่สุด.. แห่งสังคมคุณภาพ ผ่านการให้
    การรับและการแบ่งปัน
    ▸ ที่สุด.. แห่งประสบการณ์ใช้ชีวิตที่เหนือระดับ

    -------------------------------------------
    สนใจสอบถามข้อมูลที่
    โทร.081-822-6553
    รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์
    ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้
    พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ
    จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    Jin Wellbeing County : จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้, ปทุมธานี คอนโด Jin Wellbeing County ทางเลือกใหม่คอนโดสำหรับผู้สูงอายุ ที่มาพร้อมกับการดูแลสุขภาพแบบบูรณาการ พร้อมมการดูแลจากแพทย์ พยาบาล 24 ชั่วโมง รองรับผู้สูงวัยอย่างแท้จริงบนถนนพหลโยธิน โซนรังสิต ตั้งอยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยกรุงเทพรังสิต จ.ปทุมธานี ✦ จุดเด่น ✦ ▸ จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ ทางเลือกใหม่ของการใช้ชีวิต ▸โครงการภายใต้การดำเนินงานของกลุ่มธนบุรี เฮลท์แคร์ กรุ๊ป หรือ THG ที่มีประสบการณ์ด้านโรงพยาบาล และการดูแลสุขภาพมากกว่า 40 ปี ▸โครงการจิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ (Jin Wellbeing County) ที่พักอาศัยรูปแบบใหม่ที่มาพร้อมกับการดูแลสุขภาพแบบบูรณาการ (Integrative Healthcare ) และการดูแลสุขภาพเฉพาะบุคคล (Personalized Medicine) ที่เหมาะสำหรับผู้สูงวัย นอกจากนี้เพื่อตอบโจทย์ที่อยู่อาศัยของวัยผู้สูงอายุอย่างแท้จริงทางโครงการยังมีบริการทางการแพทย์รองรับด้วย ได้แก่ (1) การดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐาน ที่ให้บริการแนะนำและการรักษาที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคลด้วยทีมแพทย์และพยาบาลที่มากประสบการณ์ และยังมีการแนะนำโภชนาการสำหรับผู้สูงวัยโดยเฉพาะอีกด้วย (2) การดูแลสมดุลร่างกายจากภายใน เป็นการดูแลโดยนักจิตบำบัดที่ช่วยการปรับสมดุลด้านอารมณ์และจิตใจ โดยผู้เชี่ยวชาญด้านการบำบัดความเครียดและอาการซึมเศร้า พร้อมกับมีกิจกรรมต่างๆ ที่ช่วยผ่อนคลายจิตใจ (3) การดูแลความแข็งแรงและสร้างเสริมสมรรถภาพของร่างกายด้วยการออกกำลังกายอย่างถูกวิธี และเวชศาสตร์ฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายด้านต่างๆที่ถูกออกแบบตามปัญหาแต่ละบุคคล ▸ ภายในพื้นที่ 140 ไร่ ประกอบด้วยอาคารที่พักอาศัยแบบ Low Rise 7 ชั้น จำนวน 5 อาคาร โดยแบ่งเป็น Cluster 1 จำนวน 2 อาคาร คือ อาคาร 1-AM และ อาคาร 1-C1Cluster 2 จำนวน 3 อาคาร คือ อาคาร 2-AM, อาคาร 2-C1 และอาคาร 2-D1 ✦ จิณณ์ เวลบีอิ้ง เคาน์ตี้ ทางเลือกใหม่ของการใช้ชีวิตที่สมบูรณ์แบบอย่างครบวงจรแห่งแรกของเมืองไทยในโครงการที่เราอยู่ได้ตลอดไป ✦ ▸ ที่สุด.. แห่งการใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่ผ่อนคลายท่ามกลางธรรมชาติที่สมบูรณ์แบบ ▸ ที่สุด.. แห่งการออกแบบ Universal Design รองรับผู้สูงวัยอย่างแท้จริง ▸ ที่สุดแห่งการดูแลสุขภาพที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้สูงวัย ▸ ที่สุด.. แห่งความปลอดภัยในการใช้ชีวิตของผู้พักอาศัย ▸ ที่สุด.. แห่งสังคมคุณภาพ ผ่านการให้ การรับและการแบ่งปัน ▸ ที่สุด.. แห่งประสบการณ์ใช้ชีวิตที่เหนือระดับ ------------------------------------------- สนใจสอบถามข้อมูลที่ โทร.081-822-6553 รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้ พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • Atmoz Ratchada-Huaykwang : แอทโมซ รัชดา-ห้วยขวาง

    Atmoz รัชดา-ห้วยขวาง คอนโดมิเนียมที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของคนรุ่นใหม่ ด้วยบริการ Shuttle Service ที่จะพาคุณไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างสะดวกสบาย และ Late Night Concierge ที่พร้อมดูแลคุณในทุกยามค่ำคืน มอบความสะดวกสบายที่คุณต้องการ พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน รองรับกิจกรรมได้มากถึง 30 ประเภท เชื่อมต่อกันได้ทั่วทั้งโครงการ ให้คุณได้เพลิดเพลินกับการพักผ่อนหย่อนใจในแบบที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย สังสรรค์ หรือทำงาน คอนโดนี้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ เพื่อให้คุณได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในแบบที่คุณต้องการ

    ** รายละเอียด **

    คอนโดนี้ตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ชอบทำกิจกรรมหลากหลายทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืน

    ‣ มีบริการ shuttle bus และ late night concierge
    ‣ กิจกรรมหลากหลายที่ส่วนกลาง
    ‣ Bedroom: 1 ห้องนอน
    ‣ Bathroom: 1 ห้องน้ำ
    ‣ ขนาดพื้นที่ 21.10 ตร.ม.

    ** สิ่งอำนวยความสะดวก **

    ‣ Outdoor Pool
    ‣ Gym & Boxing Studio
    ‣ Creative Space
    ‣ Lobby Lounge
    ‣ Workspace
    ‣ Theatre
    ‣ Fitness
    ‣ Social Club
    ‣ Outdoor Dining
    ‣ Garden
    ‣ Sky Pool
    ‣ เข้า-ออกอาคารระบบ Key Card Access
    ‣ กล้องวงจรปิด CCTV + เจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.

    **สถานที่ใกล้เคียง**

    ศูนย์การค้า ตลาด และร้านสะดวกซื้อ

    ‣ Family Mart : 40 เมตร
    ‣ ตลาดนัด : 50 เมตร
    ‣ 7-Eleven : 60 เมตร
    ‣ CP Fresh Mart : 60 เมตร
    ‣ ศูนย์อาหาร 39 : 70 เมตร
    ‣ JC Park : 220 เมตร
    ‣ Golden Place : 800 เมตร
    ‣ Town in Town : 2.5 กม.
    ‣ ตลาดห้วยขวาง ไนท์มาร์เก็ต : 3.5 กม.
    ‣ The Street รัชดา : 3.6 กม.
    ‣ Show DC : 4.2 กม.
    ‣ Esplanade Cineplex รัชดาภิเษก : 4.7 กม.
    ‣ ตลาดนัดรถไฟรัชดา : 4.5 กม.
    ‣ Big C รัชดาภิเษก : 4.8 กม.
    ‣ Central Plaza Grand พระราม 9 : 4.9 กม.
    ‣ Central Plaza Eastville : 4.9 กม.
    ‣ Fortune Town : 5 กม.
    ‣ ตลาดเมืองไทยภัทร : 5.1 กม.
    ‣ บุญถาวร รัชดาภิเษก : 5.2 กม.

    สถานศึกษา

    ‣ รร.นานาชาติ Regent’s : 140 เมตร
    ‣ รร. ณ ดรุณ : 260 เมตร
    ‣ รร.นานาชาติ SISB : 1 กม.
    ‣ รร.นานาชาติ LFIB: 1 กม.
    ‣ รร.นานาชาติ KIS : 1.2 กม.
    ‣ รร.สมาคมไทย ญี่ปุ่น (TJAS) : 1.4 กม.
    ‣ ม.รามคำแหง : 3.6 กม.
    ‣ รร.เซนต์ดอมินิก : 5.7 กม.
    ‣ มศว ประสานมิตร : 5.7 กม.
    ‣ รร.วัฒนาวิทยาลัย : 7.3 กม.

    โรงพยาบาล

    ‣ รพ.กรุงเทพ : 5.3 กม.
    ‣ รพ.ปิยะเวท : 4.6 กม.
    ‣ รพ.พระราม 9 : 4.7 กม.
    ‣ รพ.บำรุงราษฎร์ : 7 กม.

    -------------------------------------------
    สนใจสอบถามข้อมูลที่
    โทร.081-822-6553
    รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์
    ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้
    พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ
    จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    Atmoz Ratchada-Huaykwang : แอทโมซ รัชดา-ห้วยขวาง Atmoz รัชดา-ห้วยขวาง คอนโดมิเนียมที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของคนรุ่นใหม่ ด้วยบริการ Shuttle Service ที่จะพาคุณไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างสะดวกสบาย และ Late Night Concierge ที่พร้อมดูแลคุณในทุกยามค่ำคืน มอบความสะดวกสบายที่คุณต้องการ พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน รองรับกิจกรรมได้มากถึง 30 ประเภท เชื่อมต่อกันได้ทั่วทั้งโครงการ ให้คุณได้เพลิดเพลินกับการพักผ่อนหย่อนใจในแบบที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย สังสรรค์ หรือทำงาน คอนโดนี้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ เพื่อให้คุณได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในแบบที่คุณต้องการ ** รายละเอียด ** คอนโดนี้ตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ชอบทำกิจกรรมหลากหลายทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืน ‣ มีบริการ shuttle bus และ late night concierge ‣ กิจกรรมหลากหลายที่ส่วนกลาง ‣ Bedroom: 1 ห้องนอน ‣ Bathroom: 1 ห้องน้ำ ‣ ขนาดพื้นที่ 21.10 ตร.ม. ** สิ่งอำนวยความสะดวก ** ‣ Outdoor Pool ‣ Gym & Boxing Studio ‣ Creative Space ‣ Lobby Lounge ‣ Workspace ‣ Theatre ‣ Fitness ‣ Social Club ‣ Outdoor Dining ‣ Garden ‣ Sky Pool ‣ เข้า-ออกอาคารระบบ Key Card Access ‣ กล้องวงจรปิด CCTV + เจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. **สถานที่ใกล้เคียง** ศูนย์การค้า ตลาด และร้านสะดวกซื้อ ‣ Family Mart : 40 เมตร ‣ ตลาดนัด : 50 เมตร ‣ 7-Eleven : 60 เมตร ‣ CP Fresh Mart : 60 เมตร ‣ ศูนย์อาหาร 39 : 70 เมตร ‣ JC Park : 220 เมตร ‣ Golden Place : 800 เมตร ‣ Town in Town : 2.5 กม. ‣ ตลาดห้วยขวาง ไนท์มาร์เก็ต : 3.5 กม. ‣ The Street รัชดา : 3.6 กม. ‣ Show DC : 4.2 กม. ‣ Esplanade Cineplex รัชดาภิเษก : 4.7 กม. ‣ ตลาดนัดรถไฟรัชดา : 4.5 กม. ‣ Big C รัชดาภิเษก : 4.8 กม. ‣ Central Plaza Grand พระราม 9 : 4.9 กม. ‣ Central Plaza Eastville : 4.9 กม. ‣ Fortune Town : 5 กม. ‣ ตลาดเมืองไทยภัทร : 5.1 กม. ‣ บุญถาวร รัชดาภิเษก : 5.2 กม. สถานศึกษา ‣ รร.นานาชาติ Regent’s : 140 เมตร ‣ รร. ณ ดรุณ : 260 เมตร ‣ รร.นานาชาติ SISB : 1 กม. ‣ รร.นานาชาติ LFIB: 1 กม. ‣ รร.นานาชาติ KIS : 1.2 กม. ‣ รร.สมาคมไทย ญี่ปุ่น (TJAS) : 1.4 กม. ‣ ม.รามคำแหง : 3.6 กม. ‣ รร.เซนต์ดอมินิก : 5.7 กม. ‣ มศว ประสานมิตร : 5.7 กม. ‣ รร.วัฒนาวิทยาลัย : 7.3 กม. โรงพยาบาล ‣ รพ.กรุงเทพ : 5.3 กม. ‣ รพ.ปิยะเวท : 4.6 กม. ‣ รพ.พระราม 9 : 4.7 กม. ‣ รพ.บำรุงราษฎร์ : 7 กม. ------------------------------------------- สนใจสอบถามข้อมูลที่ โทร.081-822-6553 รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้ พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    0 Comments 0 Shares 65 Views 0 Reviews
  • Atmoz Ratchada-Huaykwang : แอทโมซ รัชดา-ห้วยขวาง

    Atmoz รัชดา-ห้วยขวาง คอนโดมิเนียมที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของคนรุ่นใหม่ ด้วยบริการ Shuttle Service ที่จะพาคุณไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างสะดวกสบาย และ Late Night Concierge ที่พร้อมดูแลคุณในทุกยามค่ำคืน มอบความสะดวกสบายที่คุณต้องการ พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน รองรับกิจกรรมได้มากถึง 30 ประเภท เชื่อมต่อกันได้ทั่วทั้งโครงการ ให้คุณได้เพลิดเพลินกับการพักผ่อนหย่อนใจในแบบที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย สังสรรค์ หรือทำงาน คอนโดนี้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ เพื่อให้คุณได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในแบบที่คุณต้องการ

    ** รายละเอียด **

    คอนโดนี้ตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ชอบทำกิจกรรมหลากหลายทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืน

    ‣ มีบริการ shuttle bus และ late night concierge
    ‣ กิจกรรมหลากหลายที่ส่วนกลาง
    ‣ Bedroom: 1 ห้องนอน
    ‣ Bathroom: 1 ห้องน้ำ
    ‣ ขนาดพื้นที่ 21.10 ตร.ม.

    ** สิ่งอำนวยความสะดวก **

    ‣ Outdoor Pool
    ‣ Gym & Boxing Studio
    ‣ Creative Space
    ‣ Lobby Lounge
    ‣ Workspace
    ‣ Theatre
    ‣ Fitness
    ‣ Social Club
    ‣ Outdoor Dining
    ‣ Garden
    ‣ Sky Pool
    ‣ เข้า-ออกอาคารระบบ Key Card Access
    ‣ กล้องวงจรปิด CCTV + เจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม.

    **สถานที่ใกล้เคียง**

    ศูนย์การค้า ตลาด และร้านสะดวกซื้อ

    ‣ Family Mart : 40 เมตร
    ‣ ตลาดนัด : 50 เมตร
    ‣ 7-Eleven : 60 เมตร
    ‣ CP Fresh Mart : 60 เมตร
    ‣ ศูนย์อาหาร 39 : 70 เมตร
    ‣ JC Park : 220 เมตร
    ‣ Golden Place : 800 เมตร
    ‣ Town in Town : 2.5 กม.
    ‣ ตลาดห้วยขวาง ไนท์มาร์เก็ต : 3.5 กม.
    ‣ The Street รัชดา : 3.6 กม.
    ‣ Show DC : 4.2 กม.
    ‣ Esplanade Cineplex รัชดาภิเษก : 4.7 กม.
    ‣ ตลาดนัดรถไฟรัชดา : 4.5 กม.
    ‣ Big C รัชดาภิเษก : 4.8 กม.
    ‣ Central Plaza Grand พระราม 9 : 4.9 กม.
    ‣ Central Plaza Eastville : 4.9 กม.
    ‣ Fortune Town : 5 กม.
    ‣ ตลาดเมืองไทยภัทร : 5.1 กม.
    ‣ บุญถาวร รัชดาภิเษก : 5.2 กม.

    สถานศึกษา

    ‣ รร.นานาชาติ Regent’s : 140 เมตร
    ‣ รร. ณ ดรุณ : 260 เมตร
    ‣ รร.นานาชาติ SISB : 1 กม.
    ‣ รร.นานาชาติ LFIB: 1 กม.
    ‣ รร.นานาชาติ KIS : 1.2 กม.
    ‣ รร.สมาคมไทย ญี่ปุ่น (TJAS) : 1.4 กม.
    ‣ ม.รามคำแหง : 3.6 กม.
    ‣ รร.เซนต์ดอมินิก : 5.7 กม.
    ‣ มศว ประสานมิตร : 5.7 กม.
    ‣ รร.วัฒนาวิทยาลัย : 7.3 กม.

    โรงพยาบาล

    ‣ รพ.กรุงเทพ : 5.3 กม.
    ‣ รพ.ปิยะเวท : 4.6 กม.
    ‣ รพ.พระราม 9 : 4.7 กม.
    ‣ รพ.บำรุงราษฎร์ : 7 กม.

    -------------------------------------------
    สนใจสอบถามข้อมูลที่
    โทร.081-822-6553
    รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์
    ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้
    พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ
    จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    Atmoz Ratchada-Huaykwang : แอทโมซ รัชดา-ห้วยขวาง Atmoz รัชดา-ห้วยขวาง คอนโดมิเนียมที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของคนรุ่นใหม่ ด้วยบริการ Shuttle Service ที่จะพาคุณไปยังจุดหมายปลายทางได้อย่างสะดวกสบาย และ Late Night Concierge ที่พร้อมดูแลคุณในทุกยามค่ำคืน มอบความสะดวกสบายที่คุณต้องการ พื้นที่ส่วนกลางขนาดใหญ่ที่ออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน รองรับกิจกรรมได้มากถึง 30 ประเภท เชื่อมต่อกันได้ทั่วทั้งโครงการ ให้คุณได้เพลิดเพลินกับการพักผ่อนหย่อนใจในแบบที่คุณต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการออกกำลังกาย สังสรรค์ หรือทำงาน คอนโดนี้ตอบโจทย์ทุกความต้องการของคุณ เพื่อให้คุณได้ใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในแบบที่คุณต้องการ ** รายละเอียด ** คอนโดนี้ตอบสนองความต้องการของคนรุ่นใหม่ที่ชอบทำกิจกรรมหลากหลายทั้งตอนเช้าและตอนกลางคืน ‣ มีบริการ shuttle bus และ late night concierge ‣ กิจกรรมหลากหลายที่ส่วนกลาง ‣ Bedroom: 1 ห้องนอน ‣ Bathroom: 1 ห้องน้ำ ‣ ขนาดพื้นที่ 21.10 ตร.ม. ** สิ่งอำนวยความสะดวก ** ‣ Outdoor Pool ‣ Gym & Boxing Studio ‣ Creative Space ‣ Lobby Lounge ‣ Workspace ‣ Theatre ‣ Fitness ‣ Social Club ‣ Outdoor Dining ‣ Garden ‣ Sky Pool ‣ เข้า-ออกอาคารระบบ Key Card Access ‣ กล้องวงจรปิด CCTV + เจ้าหน้าที่ดูแลรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชม. **สถานที่ใกล้เคียง** ศูนย์การค้า ตลาด และร้านสะดวกซื้อ ‣ Family Mart : 40 เมตร ‣ ตลาดนัด : 50 เมตร ‣ 7-Eleven : 60 เมตร ‣ CP Fresh Mart : 60 เมตร ‣ ศูนย์อาหาร 39 : 70 เมตร ‣ JC Park : 220 เมตร ‣ Golden Place : 800 เมตร ‣ Town in Town : 2.5 กม. ‣ ตลาดห้วยขวาง ไนท์มาร์เก็ต : 3.5 กม. ‣ The Street รัชดา : 3.6 กม. ‣ Show DC : 4.2 กม. ‣ Esplanade Cineplex รัชดาภิเษก : 4.7 กม. ‣ ตลาดนัดรถไฟรัชดา : 4.5 กม. ‣ Big C รัชดาภิเษก : 4.8 กม. ‣ Central Plaza Grand พระราม 9 : 4.9 กม. ‣ Central Plaza Eastville : 4.9 กม. ‣ Fortune Town : 5 กม. ‣ ตลาดเมืองไทยภัทร : 5.1 กม. ‣ บุญถาวร รัชดาภิเษก : 5.2 กม. สถานศึกษา ‣ รร.นานาชาติ Regent’s : 140 เมตร ‣ รร. ณ ดรุณ : 260 เมตร ‣ รร.นานาชาติ SISB : 1 กม. ‣ รร.นานาชาติ LFIB: 1 กม. ‣ รร.นานาชาติ KIS : 1.2 กม. ‣ รร.สมาคมไทย ญี่ปุ่น (TJAS) : 1.4 กม. ‣ ม.รามคำแหง : 3.6 กม. ‣ รร.เซนต์ดอมินิก : 5.7 กม. ‣ มศว ประสานมิตร : 5.7 กม. ‣ รร.วัฒนาวิทยาลัย : 7.3 กม. โรงพยาบาล ‣ รพ.กรุงเทพ : 5.3 กม. ‣ รพ.ปิยะเวท : 4.6 กม. ‣ รพ.พระราม 9 : 4.7 กม. ‣ รพ.บำรุงราษฎร์ : 7 กม. ------------------------------------------- สนใจสอบถามข้อมูลที่ โทร.081-822-6553 รับซื้อ ฝากขายที่ดิน บ้าน คอนโด อสังหาริมทรัพย์ ทุกชนิด “ฟรี” ค่าใช้จ่ายจนกว่าจะขายได้ พร้อมทั้งทำเรื่องยื่นกู้สินเชื่อ จนถึงโอนกรรมสิทธิ์ ณ กรมที่ดิน
    0 Comments 0 Shares 64 Views 0 Reviews
  • น้ำดื่มตราแสนสุข น้ำดื่มยอดนิยมจากสมุทรสาคร ด้วยคุณภาพที่คุ้มค่าราคา และมาตรฐานการผลิตที่ได้รับการรับรองจาก อย. น้ำดื่มตราแสนสุขจึงเป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการน้ำดื่มที่สะอาด ปลอดภัย และมีคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นการดื่มส่วนตัวหรือจำหน่ายในธุรกิจค้าปลีก

    #น้ำดื่มตราแสนสุข เป็นที่นิยมในหมู่พ่อค้าแม่ค้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพราะไม่เพียงแต่เป็นน้ำดื่มที่ถูกใจลูกค้า แต่ยังเป็นสินค้าที่ขายง่าย หมดไว และสร้างกำไรให้แก่ผู้จำหน่ายได้อย่างดีเยี่ยม น้ำดื่มตราแสนสุขมีทั้งขวดขนาดต่างๆ ให้เลือกตามความต้องการ และจัดส่งถึงที่ทั่วกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรสาคร

    #สำหรับผู้ที่สนใจสั่งซื้อน้ำดื่มราคาประหยัดไปจำหน่ายหรือบริโภคในครัวเรือน สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ที่เบอร์โทร 092-595-8185 หรือผ่านไลน์ได้ที่ลิงค์ https://lin.ee/0QRHxUC

    ทางเรายินดีให้บริการด้วยความเป็นมืออาชีพ และสามารถจัดส่งได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ยังสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับน้ำดื่มตราแสนสุขได้ที่เว็บไซต์ https://xn--l3cjz0e0a6hd6a.com

    หากคุณกำลังมองหาน้ำดื่มที่ตอบโจทย์ทั้งคุณภาพ ราคา และความน่าเชื่อถือ น้ำดื่มตราแสนสุขคือคำตอบที่คุณไม่ควรพลาด
    น้ำดื่มตราแสนสุข น้ำดื่มยอดนิยมจากสมุทรสาคร ด้วยคุณภาพที่คุ้มค่าราคา และมาตรฐานการผลิตที่ได้รับการรับรองจาก อย. น้ำดื่มตราแสนสุขจึงเป็นทางเลือกที่สมบูรณ์แบบสำหรับผู้ที่ต้องการน้ำดื่มที่สะอาด ปลอดภัย และมีคุณภาพสูง ไม่ว่าจะเป็นการดื่มส่วนตัวหรือจำหน่ายในธุรกิจค้าปลีก #น้ำดื่มตราแสนสุข เป็นที่นิยมในหมู่พ่อค้าแม่ค้าในเขตกรุงเทพฯ และปริมณฑล เพราะไม่เพียงแต่เป็นน้ำดื่มที่ถูกใจลูกค้า แต่ยังเป็นสินค้าที่ขายง่าย หมดไว และสร้างกำไรให้แก่ผู้จำหน่ายได้อย่างดีเยี่ยม น้ำดื่มตราแสนสุขมีทั้งขวดขนาดต่างๆ ให้เลือกตามความต้องการ และจัดส่งถึงที่ทั่วกรุงเทพฯ นนทบุรี ปทุมธานี และสมุทรสาคร #สำหรับผู้ที่สนใจสั่งซื้อน้ำดื่มราคาประหยัดไปจำหน่ายหรือบริโภคในครัวเรือน สามารถติดต่อสั่งซื้อได้ที่เบอร์โทร 092-595-8185 หรือผ่านไลน์ได้ที่ลิงค์ https://lin.ee/0QRHxUC ทางเรายินดีให้บริการด้วยความเป็นมืออาชีพ และสามารถจัดส่งได้อย่างรวดเร็ว ทั้งนี้ ยังสามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับน้ำดื่มตราแสนสุขได้ที่เว็บไซต์ https://xn--l3cjz0e0a6hd6a.com หากคุณกำลังมองหาน้ำดื่มที่ตอบโจทย์ทั้งคุณภาพ ราคา และความน่าเชื่อถือ น้ำดื่มตราแสนสุขคือคำตอบที่คุณไม่ควรพลาด
    0 Comments 0 Shares 41 Views 0 Reviews
  • การใช้งานเมนูนำทางในแอป Thaitimes

    ในแอป Thaitimes การเข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ สามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านเมนูนำทางที่อยู่ทางมุมซ้ายบนของหน้าจอ ซึ่งเป็น ไอคอนขีดสามขีด (Hamburger Menu) เมื่อกดที่ไอคอนนี้ เมนูจะขยายออกมาให้คุณสามารถเลือกสำรวจเนื้อหาหรือฟังก์ชันต่าง ๆ ได้ทันที

    - News Feed (ฟีดข่าว): คุณสามารถดูโพสต์ล่าสุดจากเพื่อนหรือเพจที่คุณติดตาม
    รวมถึงโพสต์ยอดนิยมผ่านตัวเลือกเหล่านี้:
    - Recent Updates: แสดงโพสต์ที่อัปเดตล่าสุด
    - Popular Posts: โพสต์ที่ได้รับความนิยมและการตอบรับสูง
    - Discover Posts: ค้นหาและสำรวจโพสต์ใหม่ ๆ จากผู้ใช้ที่คุณอาจไม่เคยติดตามมาก่อน

    - Saved Posts (โพสต์ที่บันทึกไว้): ตรวจสอบโพสต์ที่คุณเคยบันทึกไว้เพื่อกลับมาดูภายหลัง

    - Memories (ความทรงจำ): ดูโพสต์เก่าหรือเนื้อหาที่คุณเคยโพสต์ในช่วงวันเดียวกันในอดีต

    - Explore (สำรวจเนื้อหา): คุณสามารถสำรวจและเข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ ผ่านฟังก์ชันต่อไปนี้:
    - People: ค้นหาผู้ใช้คนอื่นในแอป
    - Pages: ดูเพจต่าง ๆ ที่คุณสนใจและเลือกติดตามเพจ
    - Groups: เข้าร่วมกลุ่มที่สนใจเพื่อสนทนาและแชร์เนื้อหา
    - Events: ตรวจสอบกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้น
    - Watch: ดูวิดีโอที่ถูกโพสต์ในแพลตฟอร์ม

    เมนูเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย และช่วยให้ทุกท่านเข้าถึงเนื้อหาในแอป Thaitimes ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
    การใช้งานเมนูนำทางในแอป Thaitimes ในแอป Thaitimes การเข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ สามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่านเมนูนำทางที่อยู่ทางมุมซ้ายบนของหน้าจอ ซึ่งเป็น ไอคอนขีดสามขีด (Hamburger Menu) เมื่อกดที่ไอคอนนี้ เมนูจะขยายออกมาให้คุณสามารถเลือกสำรวจเนื้อหาหรือฟังก์ชันต่าง ๆ ได้ทันที - News Feed (ฟีดข่าว): คุณสามารถดูโพสต์ล่าสุดจากเพื่อนหรือเพจที่คุณติดตาม รวมถึงโพสต์ยอดนิยมผ่านตัวเลือกเหล่านี้: - Recent Updates: แสดงโพสต์ที่อัปเดตล่าสุด - Popular Posts: โพสต์ที่ได้รับความนิยมและการตอบรับสูง - Discover Posts: ค้นหาและสำรวจโพสต์ใหม่ ๆ จากผู้ใช้ที่คุณอาจไม่เคยติดตามมาก่อน - Saved Posts (โพสต์ที่บันทึกไว้): ตรวจสอบโพสต์ที่คุณเคยบันทึกไว้เพื่อกลับมาดูภายหลัง - Memories (ความทรงจำ): ดูโพสต์เก่าหรือเนื้อหาที่คุณเคยโพสต์ในช่วงวันเดียวกันในอดีต - Explore (สำรวจเนื้อหา): คุณสามารถสำรวจและเข้าถึงเนื้อหาต่าง ๆ ผ่านฟังก์ชันต่อไปนี้: - People: ค้นหาผู้ใช้คนอื่นในแอป - Pages: ดูเพจต่าง ๆ ที่คุณสนใจและเลือกติดตามเพจ - Groups: เข้าร่วมกลุ่มที่สนใจเพื่อสนทนาและแชร์เนื้อหา - Events: ตรวจสอบกิจกรรมต่าง ๆ ที่จัดขึ้น - Watch: ดูวิดีโอที่ถูกโพสต์ในแพลตฟอร์ม เมนูเหล่านี้ถูกออกแบบมาให้ใช้งานง่าย และช่วยให้ทุกท่านเข้าถึงเนื้อหาในแอป Thaitimes ได้อย่างสะดวกและรวดเร็ว
    Like
    Love
    6
    1 Comments 1 Shares 513 Views 1 Reviews
  • ข้าวเหนียวห่อใบตอง จากใจฅนดอยคำ

    เมื่อวันก่อนมีภาพข้าวเหนียวไก่ย่างห่อใบตองติดป้ายดอยคำ ที่นำไปแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมจังหวัดเชียงราย ถูกนำไปโจมตี ผลก็คือมีชาวเน็ตจำนวนมากตอบโต้ ถึงข้อดีของการนำอาหารห่อใบตอง เมื่อเทียบกับกล่องพลาสติกหรือโฟม เพราะเมื่อทิ้งเป็นขยะ ใบตองสามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้ นอกจากนี้ เมนูข้าวเหนียวสามารถเก็บไว้ได้นานโดยไม่เน่าเสียง่าย

    ต่อมาเฟซบุ๊กเพจ ดอยคำ - Doi Kham ของบริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด เผยแพร่ภาพที่บริษัทฯ มอบหมายให้โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 2 (แม่จัน) พร้อมด้วยฅนดอยคำ ร่วมแรงร่วมใจกัน จัดทำข้าวเหนียวไก่ทอดห่อใบตองเพิ่มจำนวน 500 ชุด สำหรับนำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่อำเภอแม่สาย และ อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยได้รับสนับสนุนเงินบริจาคจากเจ้าหน้าที่ พนักงานฅนดอยคำ ประจำสำนักงานใหญ่และโรงงานหลวงฯ ทั้ง 3 แห่ง นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์น้ำดื่ม น้ำผลไม้พร้อมดื่ม ข้าวสารและอาหารแห้งอีกด้วย

    หนึ่งในภาพที่นำมาเผยแพร่ เป็นกระบวนการผลิตข้าวเหนียวไก่ทอดห่อใบตอง ที่พบว่าพนักงานพิถีพัถัน โดยเฉพาะการสวมหมวกคุมศีรษะ การใช้ถุงมือในการปรุงอาหาร และหยิบจับอาหารมาบรรจุลงในใบตอง แสดงให้เห็นถึงการปฎิบัติตามหลักความปลอดภัยทางอาหาร (Food Safety) อย่างสม่ำเสมอ แม้จะเป็นกิจกรรมทำอาหารเพื่อแจกจ่ายก็ตาม

    สำหรับดอยคำก่อตั้งเมื่อปี 2537 ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมผลไม้แปรรูป ในรูปแบบธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ส่งเสริมการเพาะปลูกและรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากเกษตรกรในราคาที่เป็นธรรม โดยมีกำไรพอเพียงเลี้ยงตัวเองได้ ใช้ในการดูแลพนักงาน นำกลับมารับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรในราคาที่สูงกว่าท้องตลาด และวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ปัจจุบันมีโรงงานอาหารสำเร็จรูป 3 แห่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และสกลนคร

    ข้อมูลจากสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 30 กล่าวถึงการใช้ประโยชน์จากใบตองว่า ใช้ในการห่อผักสดและอาหาร เนื่องจากใบตองสดมีความชื้น ช่วยรักษาผักหรืออาหารให้สดอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังทนทานต่อความเย็นและความร้อน เมื่อนำใบตองห่ออาหารแล้วเอาไปปิ้ง นึ่ง ต้ม จะไม่สลายหรือละลายเหมือนพลาสติก จึงมีอาหารหลายอย่างที่ห่อใบตองแล้วนำไปนึ่ง เช่น ห่อหมก ข้าวต้มผัด ขนมกล้วย ขนมตาล ขนมใส่ไส้ หรือเอาไปปิ้ง เช่น ข้าวเหนียวปิ้ง หรือนำไปต้ม เช่น ข้าวต้มมัด หรือข้าวต้มจิ้ม อาหารเหล่านี้ยังทำให้เกิดความหอมของใบตองอีกด้วย สำหรับใบตองแห้ง นำมาใช้ทำกระทงเพื่อใส่อาหาร ห่อกะละแม มวนบุหรี่ โดยใบตองแห้งก็จะมีกลิ่นหอมเช่นกัน

    #Newskit #น้ำท่วมเชียงราย #ดอยคำ
    ข้าวเหนียวห่อใบตอง จากใจฅนดอยคำ เมื่อวันก่อนมีภาพข้าวเหนียวไก่ย่างห่อใบตองติดป้ายดอยคำ ที่นำไปแจกจ่ายแก่ผู้ประสบภัยน้ำท่วมจังหวัดเชียงราย ถูกนำไปโจมตี ผลก็คือมีชาวเน็ตจำนวนมากตอบโต้ ถึงข้อดีของการนำอาหารห่อใบตอง เมื่อเทียบกับกล่องพลาสติกหรือโฟม เพราะเมื่อทิ้งเป็นขยะ ใบตองสามารถย่อยสลายตามธรรมชาติได้ นอกจากนี้ เมนูข้าวเหนียวสามารถเก็บไว้ได้นานโดยไม่เน่าเสียง่าย ต่อมาเฟซบุ๊กเพจ ดอยคำ - Doi Kham ของบริษัท ดอยคำผลิตภัณฑ์อาหาร จำกัด เผยแพร่ภาพที่บริษัทฯ มอบหมายให้โรงงานหลวงอาหารสำเร็จรูปที่ 2 (แม่จัน) พร้อมด้วยฅนดอยคำ ร่วมแรงร่วมใจกัน จัดทำข้าวเหนียวไก่ทอดห่อใบตองเพิ่มจำนวน 500 ชุด สำหรับนำไปช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย และน้ำป่าไหลหลากในพื้นที่อำเภอแม่สาย และ อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โดยได้รับสนับสนุนเงินบริจาคจากเจ้าหน้าที่ พนักงานฅนดอยคำ ประจำสำนักงานใหญ่และโรงงานหลวงฯ ทั้ง 3 แห่ง นอกจากนี้ยังมีผลิตภัณฑ์น้ำดื่ม น้ำผลไม้พร้อมดื่ม ข้าวสารและอาหารแห้งอีกด้วย หนึ่งในภาพที่นำมาเผยแพร่ เป็นกระบวนการผลิตข้าวเหนียวไก่ทอดห่อใบตอง ที่พบว่าพนักงานพิถีพัถัน โดยเฉพาะการสวมหมวกคุมศีรษะ การใช้ถุงมือในการปรุงอาหาร และหยิบจับอาหารมาบรรจุลงในใบตอง แสดงให้เห็นถึงการปฎิบัติตามหลักความปลอดภัยทางอาหาร (Food Safety) อย่างสม่ำเสมอ แม้จะเป็นกิจกรรมทำอาหารเพื่อแจกจ่ายก็ตาม สำหรับดอยคำก่อตั้งเมื่อปี 2537 ดำเนินธุรกิจอุตสาหกรรมผลไม้แปรรูป ในรูปแบบธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise) ส่งเสริมการเพาะปลูกและรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากเกษตรกรในราคาที่เป็นธรรม โดยมีกำไรพอเพียงเลี้ยงตัวเองได้ ใช้ในการดูแลพนักงาน นำกลับมารับซื้อผลผลิตจากเกษตรกรในราคาที่สูงกว่าท้องตลาด และวิจัยพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ปัจจุบันมีโรงงานอาหารสำเร็จรูป 3 แห่ง ในจังหวัดเชียงใหม่ เชียงราย และสกลนคร ข้อมูลจากสารานุกรมไทยสำหรับเยาวชนฯ เล่มที่ 30 กล่าวถึงการใช้ประโยชน์จากใบตองว่า ใช้ในการห่อผักสดและอาหาร เนื่องจากใบตองสดมีความชื้น ช่วยรักษาผักหรืออาหารให้สดอยู่เสมอ นอกจากนี้ยังทนทานต่อความเย็นและความร้อน เมื่อนำใบตองห่ออาหารแล้วเอาไปปิ้ง นึ่ง ต้ม จะไม่สลายหรือละลายเหมือนพลาสติก จึงมีอาหารหลายอย่างที่ห่อใบตองแล้วนำไปนึ่ง เช่น ห่อหมก ข้าวต้มผัด ขนมกล้วย ขนมตาล ขนมใส่ไส้ หรือเอาไปปิ้ง เช่น ข้าวเหนียวปิ้ง หรือนำไปต้ม เช่น ข้าวต้มมัด หรือข้าวต้มจิ้ม อาหารเหล่านี้ยังทำให้เกิดความหอมของใบตองอีกด้วย สำหรับใบตองแห้ง นำมาใช้ทำกระทงเพื่อใส่อาหาร ห่อกะละแม มวนบุหรี่ โดยใบตองแห้งก็จะมีกลิ่นหอมเช่นกัน #Newskit #น้ำท่วมเชียงราย #ดอยคำ
    Like
    Love
    6
    3 Comments 0 Shares 158 Views 0 Reviews
  • ☣ถอดรหัสชีวิต คิดผิดนิดเดียวก็หาทางเลี้ยวกลับไม่เจอ

    จำกันได้ไหมกับเหตุการณ์ความรุนแรงอันน่าสะเทือนใจเมื่อหลายปีก่อน กับชายคนหนึ่งถืออาวุธร้ายแรงเดินไล่ยิ่งประชาชนทั่วไปที่พบเจอในห้างใหญ่แห่งหนึ่ง ท่านได้อะไรจากเหตุการณ์ที่โคราช ที่จะมาเป็นข้อสังวรในการดำเนินชีวิตของตนในสังคมบ้าง

    ต่อไปนี้คือสิ่งที่ข้าพเจ้ารู้สึก

    ตั้งแต่แรกที่ได้ยินข่าวเมื่อช่วงเย็นย่ำใกล้ค่ำ สิ่งที่ผุดขึ้นในใจ คือสงสารคนก่อเหตุ จริงๆไม่ดัดจริต และคุณไม่ได้อ่านผิด ข้าพเจ้าก็ไม่ได้พิมพ์ผิด มีสติสัมปชัญญะดี

    หลายคนคงนึกด่า ไม่ก็เกิดคำถามในใจ สำหรับใครที่นึกด่า หรือด่าแล้ว ไม่เป็นไรหรอกครับ ข้าพเจ้าไม่ถือสาเลยและเข้าใจด้วย ส่วนคนที่เกิดคำถามขึ้น

    คงสงสัยว่าทำไมต้องไปสงสารคนอย่างนั้น คือคนที่ฆ่าคนตายมากมาย แล้วยังไม่หยุด ตั้งหน้าตั้งตาไล่ฆ่าคนรายต่อไปเรื่อยๆ แล้วคนที่ถูกยิงโดยไม่เกี่ยวข้องล่ะ ญาติของคนที่โดนยิงล่ะ ไม่สงสารหรือ

    สงสารครับ แต่ระดับความลึกมันต่างกัน

    แน่นอน ประชาชนเหล่านั้น ไม่ควรต้องมาประสบชะตากรรม เขาคือเหยื่อของคนร้าย

    แต่ข้าพเจ้ากลับนึกสงสารเห็นใจในตัวคนร้ายยิ่งกว่า เพราะอะไร?

    นายคนที่ก่อเหตุนั้น เขาเองก็เป็นเหยื่อเช่นกัน และเขาคือตัวแปรสำคัญ เหตุการณ์จะไม่เป็นไปเช่นนี้ ถ้าเขาเองไม่ได้เป็นฝ่ายถูกกระทำ

    ถามว่าถูกกระทำจากใคร ?

    ตอบแบบกำปั้นทุบดินคือ เขาถูกกระทำจากน้ำมือของตัวเอง ไม่มีใครเอาปืนจ่อหัวบังคับให้เขาไปไล่ยิงคน ทุกการ กระทำเขาคิดและตัดสินใจแล้วลงมือเองทั้งหมดคนเดียว

    แต่ ...

    แท้จริงเขาก็เหมือนหุ่นเชิด ที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง ถูกอำนาจที่มองไม่เห็นเล่นงาน บงการให้เป็นไปดังที่ปรากฏ อำนาจที่ว่ามาจากไหน ภูติผีปีศาจหรือ ถูกคาถามนต์ดำหรือ ไม่ใช่เลย อำนาจมืดที่มีอิทธิพลต่อจิตใจของเขาคือ โทสะและโมหะ แน่นอนว่าทุกคนล้วนเคยถูกอำนาจนี้เล่นงานมาบ้างไม่มากก็น้อย แต่ที่ยังไม่เป็นอะไร ไม่ถูกบงการให้ทำอะไรร้ายแรงลงไป ก็เพราะยังมีสติเป็นตัวคอยดึงรั้งไว้

    เราจะรู้ได้อย่างไรว่า วันหนึ่ง เราจะกลายเป็นแบบเขา ที่ควบคุมตนเองไม่ได้ แล้วไล่ฆ่าคนด้วยความไม่สนใจอะไรอื่นแล้วในชีวิตนี้หรือไม่

    เพราะสังคมที่เราใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้ เต็มไปด้วยคนอย่างเราท่านทั้งหลาย ที่เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายใดๆขึ้นแต่ละหน ก็จะ

    เชียร์ให้ฆ่า เอาให้ตาย อย่าปล่อยมันไว้ ยิงตายง่ายไป ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้ น่าจะให้ไปยิงคนนั้นก่อน ไปยิงคนนี้ก่อน ไปจัดการญาติหรือคนในครอบครัวเขา ด่าชนิดที่คิดว่าไม่น่าเป็นคำที่ออกมาจากปากมนุษย์ ทั้งหญิงชายไม่ดีไปกว่ากัน

    กับอีกกลุ่มที่จะสะใจ ยกคนร้ายกลายเป็นผู้กล้า ชื่นชม เชียร์ ให้ไปต่อให้สุดทาง ทำอย่างนั้นสิ ทำอย่างนี้สิ ตั้งตนเองเป็นสาวกแล้วเชิดชูคนทำผิดเป็นปูชนียบุรุษไปซะอย่างนั้น

    ในขณะที่สื่อสารมวลชนก็เมามันกับการปลุกปล้ำ สร้างกระแส ให้ข่าวโหมกระพือไม่มีหยุด ไฟที่กำลังไหม้แทนที่จะช่วยกันดับ กลับไปช่วยพัดโบก ใส่ฟืน เติมออกซิเจน ให้ลุกแรงลุกนาน จนสะเก็ดลูกไฟกระเด็น ปลิวไปตกบริเวณที่ยังไม่ไหม้ แล้วกระจายแผ่วงกว้างออกไปจนเจ้าหน้าที่ดับได้ยาก ใครเข้าใกล้ก็บาดเจ็บถูกลวกเป็นแผลผุพอง เสี่ยงตายมากกว่าเก่า

    เราอยู่กับสังคมที่คนรอบข้าง เพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมงาน คนรัก คนในครอบครัว ญาติพี่น้อง ลูกศิษย์ครูอาจารย์ ผู้ใหญ่ที่เคารพ ลูกจ้างนายจ้าง ลูกน้องเจ้านาย ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา แม้แต่คนไม่รู้จัก ล้วนบ้าคลั่งอยู่ในกระแสลมพายุที่ถล่มเข้าใส่ไม่หยุดทุกคืนวัน ผ่านโลกเทียมที่ร่วมกันสร้างขึ้น นามว่า สังคมอินเตอร์เน็ต

    เราอยู่ท่ามกลางพายุที่หมุนรุนแรงมาก แต่เราก็ไม่สำนึกตัวมัวแต่ไปก่นด่าโทษว่าอย่างอื่น สิ่งอื่น คนอื่น หาว่าคือต้นเหตุที่ทำให้ชีวิตของตนยุ่งเหยิง แท้จริงไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งเพียงเท่านั้น แต่เราทุกคนที่อยู่ในสังคมอินเตอร์เน็ต มีส่วนในการสร้างพายุขึ้นมาทั้งสิ้น แล้วเราเองก็ยินดียอมรับที่จะกระโจนเข้ามาในพายุลูกนี้เอง จะมีใครบังคับก็หาไม่

    เราไม่เคยสนใจ ไม่เคยสำรวจตัวเอง ในแต่ละวัน แต่ละชั่วโมงที่ผ่านไป เราเอาแต่สำรวจที่อื่นไปทั่ว เที่ยวถือตะเกียงไปส่องหาว่าที่ไหนบ้างเกิดพายุ แล้วก็เอาตะเกียงในมือตนที่คิดว่าสว่างหนักหนา ไปยื่นส่องหน้าใครต่อใคร ที่ไม่เคยแม้กระทั่งเห็นหน้าพูดจากันสักครั้งเดียว แล้วก็ชี้นิ้วสั่งสอนเขาเหล่านั้นว่าเขาไม่ดี อย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งที่ตนเองไม่รู้อะไรเลย

    ยิ่งมีคนที่เดินถือตะเกียงส่องตามหลังมา แล้วชอบอกชอบใจไปกับเราด้วย กลายเป็นทำให้เรายิ่งหลงลำพอง นึกว่าสิ่งที่ตนพูดนั้นถูกต้อง คนจำนวนมากอยู่ข้างเรา ดังนั้นสมควรจะไล่ต้อนหาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ ให้หายแค้นที่มันบังอาจก่อพายุขึ้นมาทำร้ายคนอื่น

    แล้วก็รวมพลังกัน มือหนึ่งถือตะเกียงแห่งแสงของผู้ปลดปล่อย อีกมือถือศาตราวุธคู่กายของผู้กล้า เพื่อใช้ฟาดฟันทำลายต่อกรมารร้ายทั่วโลก จะสำนึกสักนิดว่าตนเองนั้นใกล้กลายร่างเป็นปีศาจเสียเองอยู่รอมร่อก็หาไม่

    คนประเภทนี้จึงน่าสงสารที่สุด ดังนั้นโปรดระมัดระวังใจของเราให้ดีเถิด ดราม่าครั้งถัดไปไม่ว่าเรื่องอะไร จะเป็นใคร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร ทำไมก็แล้วแต่ ขออย่าได้ตกหลุมพรางของอำนาจความชั่ว จนพาตัวโดดเข้าสู่ใจกลางของวงพายุ ไปเป็นลูกข่างหมุนอยู่มิรู้แล้ว

    อย่าบ้าไปตามคนอื่นที่มันบ้าอยู่ก่อน ใครมันจะบ้าก็ปล่อยให้มันบ้าไป ขอให้เราไม่บ้าไปกับเขาสักคน

    พยายามเข้านะ..

    #ข้อคิด
    #แง่คิด
    #ข่าวดราม่า
    #สื่อเสี้ยม
    #ส่อสันดาน
    #คนไทย
    #สิ่งเสพติด
    #ความรุนแรง
    #บทความ
    #thaitimes
    #โคราช

    ☣ถอดรหัสชีวิต คิดผิดนิดเดียวก็หาทางเลี้ยวกลับไม่เจอ จำกันได้ไหมกับเหตุการณ์ความรุนแรงอันน่าสะเทือนใจเมื่อหลายปีก่อน กับชายคนหนึ่งถืออาวุธร้ายแรงเดินไล่ยิ่งประชาชนทั่วไปที่พบเจอในห้างใหญ่แห่งหนึ่ง ท่านได้อะไรจากเหตุการณ์ที่โคราช ที่จะมาเป็นข้อสังวรในการดำเนินชีวิตของตนในสังคมบ้าง ต่อไปนี้คือสิ่งที่ข้าพเจ้ารู้สึก ตั้งแต่แรกที่ได้ยินข่าวเมื่อช่วงเย็นย่ำใกล้ค่ำ สิ่งที่ผุดขึ้นในใจ คือสงสารคนก่อเหตุ จริงๆไม่ดัดจริต และคุณไม่ได้อ่านผิด ข้าพเจ้าก็ไม่ได้พิมพ์ผิด มีสติสัมปชัญญะดี หลายคนคงนึกด่า ไม่ก็เกิดคำถามในใจ สำหรับใครที่นึกด่า หรือด่าแล้ว ไม่เป็นไรหรอกครับ ข้าพเจ้าไม่ถือสาเลยและเข้าใจด้วย ส่วนคนที่เกิดคำถามขึ้น คงสงสัยว่าทำไมต้องไปสงสารคนอย่างนั้น คือคนที่ฆ่าคนตายมากมาย แล้วยังไม่หยุด ตั้งหน้าตั้งตาไล่ฆ่าคนรายต่อไปเรื่อยๆ แล้วคนที่ถูกยิงโดยไม่เกี่ยวข้องล่ะ ญาติของคนที่โดนยิงล่ะ ไม่สงสารหรือ สงสารครับ แต่ระดับความลึกมันต่างกัน แน่นอน ประชาชนเหล่านั้น ไม่ควรต้องมาประสบชะตากรรม เขาคือเหยื่อของคนร้าย แต่ข้าพเจ้ากลับนึกสงสารเห็นใจในตัวคนร้ายยิ่งกว่า เพราะอะไร? นายคนที่ก่อเหตุนั้น เขาเองก็เป็นเหยื่อเช่นกัน และเขาคือตัวแปรสำคัญ เหตุการณ์จะไม่เป็นไปเช่นนี้ ถ้าเขาเองไม่ได้เป็นฝ่ายถูกกระทำ ถามว่าถูกกระทำจากใคร ? ตอบแบบกำปั้นทุบดินคือ เขาถูกกระทำจากน้ำมือของตัวเอง ไม่มีใครเอาปืนจ่อหัวบังคับให้เขาไปไล่ยิงคน ทุกการ กระทำเขาคิดและตัดสินใจแล้วลงมือเองทั้งหมดคนเดียว แต่ ... แท้จริงเขาก็เหมือนหุ่นเชิด ที่ไม่เป็นตัวของตัวเอง ถูกอำนาจที่มองไม่เห็นเล่นงาน บงการให้เป็นไปดังที่ปรากฏ อำนาจที่ว่ามาจากไหน ภูติผีปีศาจหรือ ถูกคาถามนต์ดำหรือ ไม่ใช่เลย อำนาจมืดที่มีอิทธิพลต่อจิตใจของเขาคือ โทสะและโมหะ แน่นอนว่าทุกคนล้วนเคยถูกอำนาจนี้เล่นงานมาบ้างไม่มากก็น้อย แต่ที่ยังไม่เป็นอะไร ไม่ถูกบงการให้ทำอะไรร้ายแรงลงไป ก็เพราะยังมีสติเป็นตัวคอยดึงรั้งไว้ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า วันหนึ่ง เราจะกลายเป็นแบบเขา ที่ควบคุมตนเองไม่ได้ แล้วไล่ฆ่าคนด้วยความไม่สนใจอะไรอื่นแล้วในชีวิตนี้หรือไม่ เพราะสังคมที่เราใช้ชีวิตอยู่ทุกวันนี้ เต็มไปด้วยคนอย่างเราท่านทั้งหลาย ที่เมื่อเกิดเหตุการณ์ร้ายใดๆขึ้นแต่ละหน ก็จะ เชียร์ให้ฆ่า เอาให้ตาย อย่าปล่อยมันไว้ ยิงตายง่ายไป ต้องอย่างนั้น ต้องอย่างนี้ น่าจะให้ไปยิงคนนั้นก่อน ไปยิงคนนี้ก่อน ไปจัดการญาติหรือคนในครอบครัวเขา ด่าชนิดที่คิดว่าไม่น่าเป็นคำที่ออกมาจากปากมนุษย์ ทั้งหญิงชายไม่ดีไปกว่ากัน กับอีกกลุ่มที่จะสะใจ ยกคนร้ายกลายเป็นผู้กล้า ชื่นชม เชียร์ ให้ไปต่อให้สุดทาง ทำอย่างนั้นสิ ทำอย่างนี้สิ ตั้งตนเองเป็นสาวกแล้วเชิดชูคนทำผิดเป็นปูชนียบุรุษไปซะอย่างนั้น ในขณะที่สื่อสารมวลชนก็เมามันกับการปลุกปล้ำ สร้างกระแส ให้ข่าวโหมกระพือไม่มีหยุด ไฟที่กำลังไหม้แทนที่จะช่วยกันดับ กลับไปช่วยพัดโบก ใส่ฟืน เติมออกซิเจน ให้ลุกแรงลุกนาน จนสะเก็ดลูกไฟกระเด็น ปลิวไปตกบริเวณที่ยังไม่ไหม้ แล้วกระจายแผ่วงกว้างออกไปจนเจ้าหน้าที่ดับได้ยาก ใครเข้าใกล้ก็บาดเจ็บถูกลวกเป็นแผลผุพอง เสี่ยงตายมากกว่าเก่า เราอยู่กับสังคมที่คนรอบข้าง เพื่อนบ้าน เพื่อนร่วมงาน คนรัก คนในครอบครัว ญาติพี่น้อง ลูกศิษย์ครูอาจารย์ ผู้ใหญ่ที่เคารพ ลูกจ้างนายจ้าง ลูกน้องเจ้านาย ผู้บังคับบัญชาและผู้ใต้บังคับบัญชา แม้แต่คนไม่รู้จัก ล้วนบ้าคลั่งอยู่ในกระแสลมพายุที่ถล่มเข้าใส่ไม่หยุดทุกคืนวัน ผ่านโลกเทียมที่ร่วมกันสร้างขึ้น นามว่า สังคมอินเตอร์เน็ต เราอยู่ท่ามกลางพายุที่หมุนรุนแรงมาก แต่เราก็ไม่สำนึกตัวมัวแต่ไปก่นด่าโทษว่าอย่างอื่น สิ่งอื่น คนอื่น หาว่าคือต้นเหตุที่ทำให้ชีวิตของตนยุ่งเหยิง แท้จริงไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่งหรือกลุ่มหนึ่งเพียงเท่านั้น แต่เราทุกคนที่อยู่ในสังคมอินเตอร์เน็ต มีส่วนในการสร้างพายุขึ้นมาทั้งสิ้น แล้วเราเองก็ยินดียอมรับที่จะกระโจนเข้ามาในพายุลูกนี้เอง จะมีใครบังคับก็หาไม่ เราไม่เคยสนใจ ไม่เคยสำรวจตัวเอง ในแต่ละวัน แต่ละชั่วโมงที่ผ่านไป เราเอาแต่สำรวจที่อื่นไปทั่ว เที่ยวถือตะเกียงไปส่องหาว่าที่ไหนบ้างเกิดพายุ แล้วก็เอาตะเกียงในมือตนที่คิดว่าสว่างหนักหนา ไปยื่นส่องหน้าใครต่อใคร ที่ไม่เคยแม้กระทั่งเห็นหน้าพูดจากันสักครั้งเดียว แล้วก็ชี้นิ้วสั่งสอนเขาเหล่านั้นว่าเขาไม่ดี อย่างนั้นอย่างนี้ ทั้งที่ตนเองไม่รู้อะไรเลย ยิ่งมีคนที่เดินถือตะเกียงส่องตามหลังมา แล้วชอบอกชอบใจไปกับเราด้วย กลายเป็นทำให้เรายิ่งหลงลำพอง นึกว่าสิ่งที่ตนพูดนั้นถูกต้อง คนจำนวนมากอยู่ข้างเรา ดังนั้นสมควรจะไล่ต้อนหาตัวคนผิดมาลงโทษให้ได้ ให้หายแค้นที่มันบังอาจก่อพายุขึ้นมาทำร้ายคนอื่น แล้วก็รวมพลังกัน มือหนึ่งถือตะเกียงแห่งแสงของผู้ปลดปล่อย อีกมือถือศาตราวุธคู่กายของผู้กล้า เพื่อใช้ฟาดฟันทำลายต่อกรมารร้ายทั่วโลก จะสำนึกสักนิดว่าตนเองนั้นใกล้กลายร่างเป็นปีศาจเสียเองอยู่รอมร่อก็หาไม่ คนประเภทนี้จึงน่าสงสารที่สุด ดังนั้นโปรดระมัดระวังใจของเราให้ดีเถิด ดราม่าครั้งถัดไปไม่ว่าเรื่องอะไร จะเป็นใคร ที่ไหน เมื่อไร อย่างไร ทำไมก็แล้วแต่ ขออย่าได้ตกหลุมพรางของอำนาจความชั่ว จนพาตัวโดดเข้าสู่ใจกลางของวงพายุ ไปเป็นลูกข่างหมุนอยู่มิรู้แล้ว อย่าบ้าไปตามคนอื่นที่มันบ้าอยู่ก่อน ใครมันจะบ้าก็ปล่อยให้มันบ้าไป ขอให้เราไม่บ้าไปกับเขาสักคน พยายามเข้านะ.. #ข้อคิด #แง่คิด #ข่าวดราม่า #สื่อเสี้ยม #ส่อสันดาน #คนไทย #สิ่งเสพติด #ความรุนแรง #บทความ #thaitimes #โคราช
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 552 Views 0 Reviews
  • #วิมานลอย

    วันนี้ขออนุญาตแนะนำหนังสือที่เคยอ่าน เป็นวรรณกรรมคลาสสิกฝั่งอเมริกา และคิดว่าอย่างน้อยผู้ที่สามารถอ่านหนังสือได้ และมีโอกาส ควรหามาอ่านให้ได้สักครั้งในชีวิต แม้ส่วนตัวจะตอบได้ไม่เต็มปากนักว่าชื่นชอบเล่มนี้ แต่ยืนยันได้ว่าคือหนังสือดีมีค่าที่คู่ควรกับการสละเวลาจริง

    เชื่อว่าคุ้นหูทุกคนอยู่แล้ว แต่ไม่ทุกคนที่จะได้อ่าน เพราะด้วยความยาวของแถวอักษรยาวเหยียด ความหนาของจำนวนหน้า พาให้รู้สึกท้อต่อการที่จะหยิบมาอ่านอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเล่มที่ผมอ่านนั้น เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 7 ในไทย ของ สนพ.แพรว ปี พ.ศ. 2550 หนา 1,184 หน้า แปลโดย รอย โรจนานนท์ ซึ่งทำสวยงามเลอค่าน่าสะสมมาก ปกแข็งมีปกนอกหุ้ม เย็บกี่ ซึ่งเรื่องนี้ยืมจากห้องสมุดประชาชนมาอ่าน เพราะต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น จึงจะกระตุ้นตัวเองให้มีความเพียรพอที่จะตั้งใจอ่านจนจบเรื่องได้ ไม่อย่างนั้นคงซื้อมาแล้วก็วางไว้ก่อน แต่ต้องใช้เวลาในการอ่านและยืมต่ออยู่หลายครั้ง ถ้าจำไม่ผิดก็ 3-4 หนต่อเนื่อง

    และขอยืนยันว่าฉบับพิมพ์นี้ไม่เหมาะกับการถืออ่านขณะนอนหงาย เพราะอาจหน้าแหก ดั้งยุบ หรือสลบเหมือดคาที่ได้ ขนาดนั่งอ่านยังต้องวางหนังสือกับโต๊ะ ยกอ่านได้ไม่นานเกิดอาการล้ามาก

    เรื่องที่กล่าวถึงนี้คือ Gone With The Wind หรือชื่อไทย วิมานลอย โดยผู้เขียนนาม มาร์กาเร็ต มิตเชลล์ รู้สึกชอบชื่อเรื่องมากทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่ให้ความหมายชัดเจนดีมาก ยิ่งอ่านจบแล้วยิ่งย้ำยืนยันว่าเป็นชื่อเรื่องที่เหมาะสมที่สุด ความจริงได้ยินเสียงล่ำลือถึงเรื่องนี้มานานมากตั้งแต่เด็ก แต่ได้สัมผัสครั้งแรกจากภาพยนตร์ก่อน เมื่อช่วงเรียนจบใหม่ๆ พอได้ชมแล้วชอบจึงเริ่มอยากอ่านฉบับหนังสือว่าจะแตกต่างอย่างไรบ้าง นั่นคือจุดเริ่มต้น

    เนื้อหาของเรื่องนี้ ถูกวางฉากหลังไว้ในช่วงสงครามกลางเมืองของอเมริกา ในยุคที่มีการใช้แรงงานทาสผิวดำ การทำกสิกรรมปลูกไร่ฝ้าย ไปจนถึงความขัดแย้งของคนชาติเดียวกัน แต่ต่างที่มา ซึ่งแบ่งเป็นฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ ต่อเนื่องยาวไปจนถึงเริ่มสงคราม และสงครามสิ้นสุด รวมถึงพิษภัยจากไฟสงครามที่ลามเลียต่อเนื่อง ผลกระทบทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ของฝ่ายผู้ชนะที่กระทำต่อผู้แพ้ ที่แม้คือชาติเดียวกันอย่างโหดร้าย แล้งน้ำใจ การเลิกทาส ความชุลมุน จราจลทั่วทุกหย่อมหญ้า ผ่านความคิด มุมมองและการเลือกกระทำของตัวเอกที่เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักอย่างนางเอก คือ สการ์เลตต์ โอฮารา และตัวเดินเรื่องเสริมคือพระเอก หรือ เรตต์ บัตเลอร์

    ความจริงผมไม่ชอบสการ์เลตต์ และยิ่งไม่ชอบเรตต์ บัตเลอร์เลยจากใจจริง ออกจะเหม็นเบื่อ หมั่นไส้ และรู้สึกทุเรศทุรังกับอุปนิสัยของตัวละครทั้งสอง โดยเฉพาะช่วงแรกเริ่มได้ทำความรู้จักกันผ่านหน้าหนังสือ ด้วยเหตุที่นางเอกนั้น ช่วงต้นเป็นหญิงที่ใช้ชีวิตอย่างลูกคุณหนู สมองกลวงไปวันๆ ไม่คิดทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คำนึงถึงแต่เรื่องผู้ชาย การได้แต่งงานกับลูกชายบ้านโน้นบ้านนี้ การแวดล้อมไปด้วยเพื่อนสาวที่มีค่านิยม แนวคิด ฝักใฝ่ความหรูหรา ติดสบาย ต้องมีคนคอยรับใช้ เกียรติยศ ความหลงใหลยึดติดกับศักดินา ข้าทาส บริวาร ชื่อเสียงตระกูล ความฟุ่มเฟือย สารพัดที่ผู้หญิงใฝ่สุขนิยมมักเป็นกัน

    ส่วนฝ่ายชายนั้นเล่าก็แบดบอย ยโสโอหัง กวนบาทา พูดจายียวน ชอบยั่วโมโห หน้าเลือด นิสัยพ่อค้าที่ทำอย่างไรตนจึงจะมีเงินไหลเข้ากระเป๋าได้เยอะสุดในภาวะสงคราม ที่คนจำนวนมากเดือดร้อนอดอยาก อายุมากกว่านางเอกหลายปี อยู่ในวัยหนุ่มใหญ่ผู้มีสายตาและประสบการณ์ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน

    เริ่มต้นนางเอกนั้นเกลียดขี้หน้าพระเอก และก็รู้สึกอย่างนั้นในแทบทุกครั้งที่ได้พบเจอ แต่ก็แปลกที่ในยามวิกฤตกลับนึกถึงเขา เพราะใจลึกๆนั้นรู้ดีว่าชายคนนี้เชื่อถือได้ว่าสามารถนำพาเธอให้พ้นจากสถานการณ์ร้ายต่างๆอย่างแน่นอน

    ส่วนใหญ่เวลาเจอหน้ากัน มักจะเป็นการสนทนาวิวาทะ ประคารมอย่างถึงพริกถึงขิง แม้นภายในใจจะรู้สึกต่างชอบกันอยู่บ้าง แต่โชคชะตานำพาให้พลาดกันไปพลาดกันมา กว่าจะได้มาเป็นคู่ชีวิตกัน นางเอกต้องผ่านการแต่งงานมาแล้วถึง 2ครั้ง

    ผู้อ่านจะได้เห็นถึงความเติบโตของสการ์เลตต์ผ่านประสบการณ์ชีวิตซึ่ง การศึกสงครามจากด่านหน้าที่สู้รบกันของฝ่ายสมาพันธรัฐชาวใต้ที่หยิ่งผยองในเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และต้องการความเป็นอิสระในการถือครองทาส กับฝ่ายเหนือที่เป็นสหภาพซี่งยึดรัฐธรรมนูญเหนืออื่นใด ได้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อแนวหลังที่รอคอยด้วยใจกระวนกระวายอยู่กับบ้าน ผลการแพ้ชนะแต่ละครั้ง ได้สร้างรอยแผลไว้ในใจอย่างฝังลึกยากถอดถอน

    จนถึงวันที่รู้ว่าฝ่ายของตน ดินแดนอันเป็นที่รัก เชิดชูและศรัทธา ได้แพ้พ่ายอย่างราบคาบ คนรักและรู้จัก พลเมืองจำนวนมากต่างตายไปในสงคราม ที่เหลือรอดกลับมาก็สภาพน่าอเนจอนาถ รวมถึงผลพวงหลังจากรัฐบาลกลางเข้ามากุมอำนาจ มีบทบาทตั้งกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นการขูดรีด เอาเปรียบ เหยียบย่ำ ฉีกทึ้ง เกียรติยศ ศักดิ์ศรีความเป็นคน การฉ้อฉลคดโกง ใช้อำนาจโดยมิชอบ รีดนาทาเล้น ปล้นฆ่า โกงสมบัติชาติเป็นของตน ของผู้มีอำนาจที่ได้รับเลือกจากรัฐบาลกลางมาปกครองดูแลชาวใต้ สมาพันธรัฐล่มสลาย ประชาชนเดือดร้อน อดอยาก แร้นแค้น เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริม และเปลี่ยนแปลงให้นางเอกต้องกลายสภาพจากคุณหนูผู้ไร้เดียงสา ไปเป็นผู้ทำทุกทางเพื่อจะอยู่รอดให้ได้ในยามวิกฤต เพื่อประคับประคองข้าทาสผิวดำที่ซื่อสัตย์ เพื่อรักษาบ้านและที่ดินของพ่อเอาไว้ เพราะเธอต้องขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนหลังสูญเสียพ่อไป

    ยอมกระทั่งให้คนใต้ด้วยกันหยามเหยียด รังเกียจเดียดฉันท์ เพราะเธอตัดสินใจเลือกคบค้าสมาคม ทำธุรกิจกับพวกพ่อค้า ผู้มีอำนาจ ที่มาปกครองบ้านเมืองของตน ซึ่งครั้งหนึ่งเธอรังเกียจและเจ็บแค้น เพื่อจะดำรงสถานะของครอบครัวให้ไปต่อได้

    การเติบโตทางอารมณ์ และความเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องชั่งใจเลือก ในสิ่งซึ่งขัดแย้งกับอุดมการณ์ ความศรัทธา ภาคภูมิที่ตนเชื่อมั่นมาตลอด กับความจริงตรงหน้าที่บีบคั้นให้กระทำสวนทางก็ตาม

    สการ์เลตต์ โอฮารา รวมถึง เรตต์ บัตเลอร์ จึงเป็นตัวละครที่มีความเรียลริสติก มีบุคลิกที่ใกล้เคียงความเป็นมนุษย์ปุถุชน ที่มีทั้งดีชั่วปะปน และดิ้นรนเพื่อหาทางเอาชีวิตรอดไปตามสถานการณ์ ไม่ใช่ตัวละครที่พาฝัน ภาพลักษณ์สวยงาม เป็นคนดีพร้อม ทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ ที่มักพบได้ในตัวพระนางทั่วไป หากกล่าวอย่างตรงๆแล้ว ทั้งสองออกจะมีด้านที่เป็นสีเทาดำ มากกว่าสีขาวด้วยซ้ำ แต่นี่อาจเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เรื่องนี้ยังคงอยู่ในใจของนักอ่านทั่วโลกมาอย่างยาวนานจนปัจจุบัน ถึงกับได้รับการยกย่องมากมายจากหลายสถาบัน ให้เป็นหนึ่งในวรรณกรรมคลาสสิกชิ้นเยี่ยม

    ทว่าสำหรับส่วนตัวแล้ว ไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นเลย ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่าไม่ชอบนางเอก และพระเอก รวมถึงไม่อาจบอกได้ว่านี่คือเรื่องที่รักชอบหลังอ่านจบ แต่สิ่งหนึ่งที่กล้ายืนยันอย่างมั่นใจอีกครั้งคือ

    นี่คือหนังสือที่ดี มีค่าเพียงพอต่อเวลาที่ต้องสละไปในการอ่าน

    ใครอ่านเรื่องนี้จบเกินกว่า 1 รอบ ขอยอมรับนับถือเลย
    สุดท้ายที่จะบอกคือ นี่เป็นหนังสือที่ดูดพลังอย่างมาก เหนื่อยที่สุดในชีวิตการเป็นนักอ่าน แม้นอ่านนิยายไทยยาวๆอย่างเพชรพระอุมา หรือนิยายจีนกำลังภายในที่ยาว 20-30 เล่ม ก็ยังไม่เคยเหนื่อยเท่า

    ป.ล. เนื่องจากไม่มีหนังสือเป็นของตน จึงขอใช้ภาพจากอินเตอร์เน็ตมาประกอบครับ

    #นิยายแปล
    #วรรณกรรมคลาสสิก
    #วิมานลอย
    #gonewiththewind
    #หนังสือน่าอ่าน
    #สงครามกลางเมือง
    #สหรัฐอเมริกา
    #ชนชั้น
    #แรงงาน
    #บริวาร
    #ทาส
    #คนผิวดำ
    #thaitimes
    #นิยาย
    #หนังสือ
    #วิมานลอย วันนี้ขออนุญาตแนะนำหนังสือที่เคยอ่าน เป็นวรรณกรรมคลาสสิกฝั่งอเมริกา และคิดว่าอย่างน้อยผู้ที่สามารถอ่านหนังสือได้ และมีโอกาส ควรหามาอ่านให้ได้สักครั้งในชีวิต แม้ส่วนตัวจะตอบได้ไม่เต็มปากนักว่าชื่นชอบเล่มนี้ แต่ยืนยันได้ว่าคือหนังสือดีมีค่าที่คู่ควรกับการสละเวลาจริง เชื่อว่าคุ้นหูทุกคนอยู่แล้ว แต่ไม่ทุกคนที่จะได้อ่าน เพราะด้วยความยาวของแถวอักษรยาวเหยียด ความหนาของจำนวนหน้า พาให้รู้สึกท้อต่อการที่จะหยิบมาอ่านอย่างยิ่ง โดยเฉพาะเล่มที่ผมอ่านนั้น เป็นฉบับพิมพ์ครั้งที่ 7 ในไทย ของ สนพ.แพรว ปี พ.ศ. 2550 หนา 1,184 หน้า แปลโดย รอย โรจนานนท์ ซึ่งทำสวยงามเลอค่าน่าสะสมมาก ปกแข็งมีปกนอกหุ้ม เย็บกี่ ซึ่งเรื่องนี้ยืมจากห้องสมุดประชาชนมาอ่าน เพราะต้องใช้วิธีนี้เท่านั้น จึงจะกระตุ้นตัวเองให้มีความเพียรพอที่จะตั้งใจอ่านจนจบเรื่องได้ ไม่อย่างนั้นคงซื้อมาแล้วก็วางไว้ก่อน แต่ต้องใช้เวลาในการอ่านและยืมต่ออยู่หลายครั้ง ถ้าจำไม่ผิดก็ 3-4 หนต่อเนื่อง และขอยืนยันว่าฉบับพิมพ์นี้ไม่เหมาะกับการถืออ่านขณะนอนหงาย เพราะอาจหน้าแหก ดั้งยุบ หรือสลบเหมือดคาที่ได้ ขนาดนั่งอ่านยังต้องวางหนังสือกับโต๊ะ ยกอ่านได้ไม่นานเกิดอาการล้ามาก เรื่องที่กล่าวถึงนี้คือ Gone With The Wind หรือชื่อไทย วิมานลอย โดยผู้เขียนนาม มาร์กาเร็ต มิตเชลล์ รู้สึกชอบชื่อเรื่องมากทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาไทย ที่ให้ความหมายชัดเจนดีมาก ยิ่งอ่านจบแล้วยิ่งย้ำยืนยันว่าเป็นชื่อเรื่องที่เหมาะสมที่สุด ความจริงได้ยินเสียงล่ำลือถึงเรื่องนี้มานานมากตั้งแต่เด็ก แต่ได้สัมผัสครั้งแรกจากภาพยนตร์ก่อน เมื่อช่วงเรียนจบใหม่ๆ พอได้ชมแล้วชอบจึงเริ่มอยากอ่านฉบับหนังสือว่าจะแตกต่างอย่างไรบ้าง นั่นคือจุดเริ่มต้น เนื้อหาของเรื่องนี้ ถูกวางฉากหลังไว้ในช่วงสงครามกลางเมืองของอเมริกา ในยุคที่มีการใช้แรงงานทาสผิวดำ การทำกสิกรรมปลูกไร่ฝ้าย ไปจนถึงความขัดแย้งของคนชาติเดียวกัน แต่ต่างที่มา ซึ่งแบ่งเป็นฝ่ายเหนือกับฝ่ายใต้ ต่อเนื่องยาวไปจนถึงเริ่มสงคราม และสงครามสิ้นสุด รวมถึงพิษภัยจากไฟสงครามที่ลามเลียต่อเนื่อง ผลกระทบทางการเมือง สังคม เศรษฐกิจ ของฝ่ายผู้ชนะที่กระทำต่อผู้แพ้ ที่แม้คือชาติเดียวกันอย่างโหดร้าย แล้งน้ำใจ การเลิกทาส ความชุลมุน จราจลทั่วทุกหย่อมหญ้า ผ่านความคิด มุมมองและการเลือกกระทำของตัวเอกที่เป็นตัวดำเนินเรื่องหลักอย่างนางเอก คือ สการ์เลตต์ โอฮารา และตัวเดินเรื่องเสริมคือพระเอก หรือ เรตต์ บัตเลอร์ ความจริงผมไม่ชอบสการ์เลตต์ และยิ่งไม่ชอบเรตต์ บัตเลอร์เลยจากใจจริง ออกจะเหม็นเบื่อ หมั่นไส้ และรู้สึกทุเรศทุรังกับอุปนิสัยของตัวละครทั้งสอง โดยเฉพาะช่วงแรกเริ่มได้ทำความรู้จักกันผ่านหน้าหนังสือ ด้วยเหตุที่นางเอกนั้น ช่วงต้นเป็นหญิงที่ใช้ชีวิตอย่างลูกคุณหนู สมองกลวงไปวันๆ ไม่คิดทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน คำนึงถึงแต่เรื่องผู้ชาย การได้แต่งงานกับลูกชายบ้านโน้นบ้านนี้ การแวดล้อมไปด้วยเพื่อนสาวที่มีค่านิยม แนวคิด ฝักใฝ่ความหรูหรา ติดสบาย ต้องมีคนคอยรับใช้ เกียรติยศ ความหลงใหลยึดติดกับศักดินา ข้าทาส บริวาร ชื่อเสียงตระกูล ความฟุ่มเฟือย สารพัดที่ผู้หญิงใฝ่สุขนิยมมักเป็นกัน ส่วนฝ่ายชายนั้นเล่าก็แบดบอย ยโสโอหัง กวนบาทา พูดจายียวน ชอบยั่วโมโห หน้าเลือด นิสัยพ่อค้าที่ทำอย่างไรตนจึงจะมีเงินไหลเข้ากระเป๋าได้เยอะสุดในภาวะสงคราม ที่คนจำนวนมากเดือดร้อนอดอยาก อายุมากกว่านางเอกหลายปี อยู่ในวัยหนุ่มใหญ่ผู้มีสายตาและประสบการณ์ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน เริ่มต้นนางเอกนั้นเกลียดขี้หน้าพระเอก และก็รู้สึกอย่างนั้นในแทบทุกครั้งที่ได้พบเจอ แต่ก็แปลกที่ในยามวิกฤตกลับนึกถึงเขา เพราะใจลึกๆนั้นรู้ดีว่าชายคนนี้เชื่อถือได้ว่าสามารถนำพาเธอให้พ้นจากสถานการณ์ร้ายต่างๆอย่างแน่นอน ส่วนใหญ่เวลาเจอหน้ากัน มักจะเป็นการสนทนาวิวาทะ ประคารมอย่างถึงพริกถึงขิง แม้นภายในใจจะรู้สึกต่างชอบกันอยู่บ้าง แต่โชคชะตานำพาให้พลาดกันไปพลาดกันมา กว่าจะได้มาเป็นคู่ชีวิตกัน นางเอกต้องผ่านการแต่งงานมาแล้วถึง 2ครั้ง ผู้อ่านจะได้เห็นถึงความเติบโตของสการ์เลตต์ผ่านประสบการณ์ชีวิตซึ่ง การศึกสงครามจากด่านหน้าที่สู้รบกันของฝ่ายสมาพันธรัฐชาวใต้ที่หยิ่งผยองในเกียรติยศ ศักดิ์ศรี และต้องการความเป็นอิสระในการถือครองทาส กับฝ่ายเหนือที่เป็นสหภาพซี่งยึดรัฐธรรมนูญเหนืออื่นใด ได้ส่งผลกระทบใหญ่หลวงต่อแนวหลังที่รอคอยด้วยใจกระวนกระวายอยู่กับบ้าน ผลการแพ้ชนะแต่ละครั้ง ได้สร้างรอยแผลไว้ในใจอย่างฝังลึกยากถอดถอน จนถึงวันที่รู้ว่าฝ่ายของตน ดินแดนอันเป็นที่รัก เชิดชูและศรัทธา ได้แพ้พ่ายอย่างราบคาบ คนรักและรู้จัก พลเมืองจำนวนมากต่างตายไปในสงคราม ที่เหลือรอดกลับมาก็สภาพน่าอเนจอนาถ รวมถึงผลพวงหลังจากรัฐบาลกลางเข้ามากุมอำนาจ มีบทบาทตั้งกฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นการขูดรีด เอาเปรียบ เหยียบย่ำ ฉีกทึ้ง เกียรติยศ ศักดิ์ศรีความเป็นคน การฉ้อฉลคดโกง ใช้อำนาจโดยมิชอบ รีดนาทาเล้น ปล้นฆ่า โกงสมบัติชาติเป็นของตน ของผู้มีอำนาจที่ได้รับเลือกจากรัฐบาลกลางมาปกครองดูแลชาวใต้ สมาพันธรัฐล่มสลาย ประชาชนเดือดร้อน อดอยาก แร้นแค้น เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยส่งเสริม และเปลี่ยนแปลงให้นางเอกต้องกลายสภาพจากคุณหนูผู้ไร้เดียงสา ไปเป็นผู้ทำทุกทางเพื่อจะอยู่รอดให้ได้ในยามวิกฤต เพื่อประคับประคองข้าทาสผิวดำที่ซื่อสัตย์ เพื่อรักษาบ้านและที่ดินของพ่อเอาไว้ เพราะเธอต้องขึ้นมาเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนหลังสูญเสียพ่อไป ยอมกระทั่งให้คนใต้ด้วยกันหยามเหยียด รังเกียจเดียดฉันท์ เพราะเธอตัดสินใจเลือกคบค้าสมาคม ทำธุรกิจกับพวกพ่อค้า ผู้มีอำนาจ ที่มาปกครองบ้านเมืองของตน ซึ่งครั้งหนึ่งเธอรังเกียจและเจ็บแค้น เพื่อจะดำรงสถานะของครอบครัวให้ไปต่อได้ การเติบโตทางอารมณ์ และความเป็นผู้ใหญ่ที่ต้องชั่งใจเลือก ในสิ่งซึ่งขัดแย้งกับอุดมการณ์ ความศรัทธา ภาคภูมิที่ตนเชื่อมั่นมาตลอด กับความจริงตรงหน้าที่บีบคั้นให้กระทำสวนทางก็ตาม สการ์เลตต์ โอฮารา รวมถึง เรตต์ บัตเลอร์ จึงเป็นตัวละครที่มีความเรียลริสติก มีบุคลิกที่ใกล้เคียงความเป็นมนุษย์ปุถุชน ที่มีทั้งดีชั่วปะปน และดิ้นรนเพื่อหาทางเอาชีวิตรอดไปตามสถานการณ์ ไม่ใช่ตัวละครที่พาฝัน ภาพลักษณ์สวยงาม เป็นคนดีพร้อม ทั้งรูปสมบัติและคุณสมบัติ ที่มักพบได้ในตัวพระนางทั่วไป หากกล่าวอย่างตรงๆแล้ว ทั้งสองออกจะมีด้านที่เป็นสีเทาดำ มากกว่าสีขาวด้วยซ้ำ แต่นี่อาจเป็นเสน่ห์ที่ทำให้เรื่องนี้ยังคงอยู่ในใจของนักอ่านทั่วโลกมาอย่างยาวนานจนปัจจุบัน ถึงกับได้รับการยกย่องมากมายจากหลายสถาบัน ให้เป็นหนึ่งในวรรณกรรมคลาสสิกชิ้นเยี่ยม ทว่าสำหรับส่วนตัวแล้ว ไม่ได้สนใจในเรื่องนั้นเลย ยังคงยืนยันเช่นเดิมว่าไม่ชอบนางเอก และพระเอก รวมถึงไม่อาจบอกได้ว่านี่คือเรื่องที่รักชอบหลังอ่านจบ แต่สิ่งหนึ่งที่กล้ายืนยันอย่างมั่นใจอีกครั้งคือ นี่คือหนังสือที่ดี มีค่าเพียงพอต่อเวลาที่ต้องสละไปในการอ่าน ใครอ่านเรื่องนี้จบเกินกว่า 1 รอบ ขอยอมรับนับถือเลย สุดท้ายที่จะบอกคือ นี่เป็นหนังสือที่ดูดพลังอย่างมาก เหนื่อยที่สุดในชีวิตการเป็นนักอ่าน แม้นอ่านนิยายไทยยาวๆอย่างเพชรพระอุมา หรือนิยายจีนกำลังภายในที่ยาว 20-30 เล่ม ก็ยังไม่เคยเหนื่อยเท่า ป.ล. เนื่องจากไม่มีหนังสือเป็นของตน จึงขอใช้ภาพจากอินเตอร์เน็ตมาประกอบครับ #นิยายแปล #วรรณกรรมคลาสสิก #วิมานลอย #gonewiththewind #หนังสือน่าอ่าน #สงครามกลางเมือง #สหรัฐอเมริกา #ชนชั้น #แรงงาน #บริวาร #ทาส #คนผิวดำ #thaitimes #นิยาย #หนังสือ
    0 Comments 0 Shares 696 Views 0 Reviews
  • ได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาคอยหน้าวิก……แต่งองค์ทรงเครื่องพี่ปูเสร็จแล้วค่าาาา…………เชิด…!!!!!!

    ตอนแปด…………มารไม่มี……บารมีไม่เกิด……!!!

    ท่านนายกฯหนุ่ม Kiriyenko ได้พาปูตินไปที่ สำนักงานใหญ่ FSB ที่ตั้งอยู่บนถนน Lubyanka, Moscow ในวันที่ 27 กรกฎาคม 1998 เพื่อไปทำความรู้จักกับ
    Nikolai Kovalyov ผู้อำนวยการคนเก่าที่เพิ่งรู้ตัวว่าถูกปลดออกจากตำแหน่งก็เพราะทีวีออกข่าว ท่านนายกฯได้กล่าวสั้นๆว่า “เปลี่ยนสถานะการณ์……ก็ต้องเปลี่ยนคน……”
    นิโคไล……รับสภาพการเปลี่ยนนั้นได้ดี เขาพาปูตินไปที่ห้องทำงานและได้มอบเอกสารลับทั้งหมดให้ และย้ำว่า เอกสารพวกนี้เป็นยิ่งกว่าอาวุธ……

    การปรับตำแหน่งใหม่แบบก้าวกระโดดนี้ เป็นเรื่องใหญ่มาก
    ทุกคนพุ่งความสนใจไปยัง วลาดิเมียร์ ปูติน ……ใครๆก็อยากรู้ว่า เขาเป็นใคร……มาได้อย่างไร?
    สองวันต่อมา ปูตินจึงได้อนุญาตให้หนังสือพิมพ์ Kommersant เข้ามาทำการสัมภาษณ์ เพื่อที่จะบอกวัตถุประสงค์หลักในการทำงาน
    เขาให้การสัมภาษณ์ว่า……เขามุ่งไปที่การทำงานที่มีประสิทธิภาพที่เขาหวังว่าจะได้รับจากผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน และองค์กรนี้จะไม่ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมือง หรือ พวกสุดโต่งทุกสายพันธุ์ และจะระวังเข้มในเรื่องการแทรกแซงของสายลับต่างชาติ
    เมื่อถูกถามเรื่องใช้อินเตอร์เน็ต (สอดแนมประชาชน)
    คำตอบคือ ไม่ถึงขนาดนั้น……แต่ต้องเข้าใจด้วยว่า การใช้อินเทอร์เน็ตมันก็คือความมั่นคงของชาติอีกโสดหนึ่ง……

    การมาของปูตินได้สร้างความหวั่นไหวไปทั้งองค์กร โดยเฉพาะพวกกลุ่มสายลับเก่าสมัยยุค KGB โอนมาเป็น FSB ที่มองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เพราะมาจากถิ่นอื่น (เลนินกราด) ยังอายุน้อย และเป็นแค่ “พันโท”
    (โดยปรกติต้องเป็นนายพล) สุดท้าย คือ สถานภาพของปูตินในยามนั้น
    เขาคือนายทหารนอกประจำการ

    ทั้งหมดนี้……ทำให้เกิดความท้าทายและลองดี รวมทั้งคอยดูว่าจะไปรอดหรือไม่……!!!

    วันที่ 1 สิงหาคม หลังจากที่เยลซินกลับมาจากการพักร้อน เขาเรียกให้ปูตินเข้าพบเพื่อถามไถ่ความคืบหน้า และได้เสนอหลักการว่า ควรจะต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมา อย่าใช้ระบบการเมืองในการปกครอง
    เยลซินอยากให้ปูตินกลับเข้าไปรับราชการใหม่ โดยเสนอยศพลตรีให้……
    แต่ปูตินปฏิเสธ เพราะเขาคิดถึงอดีตในวันที่เขาลาออก เป็นวันเดียวกับวันนี้ คือ 1 สิงหาคม (1991) มันไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องแบกยศเอาไว้
    เขาจึงบอกว่า
    “ผมอยากเป็นประชาชนธรรมดาดีกว่า ไม่ต้องมีพรรคมีพวก ไม่ต้องเห็นแก่หน้าใคร ในการที่จะควบคุมองค์กรขนาดนี้ หัวโขนไม่ใช่สิ่งจำเป็น”
    สรุปว่า……ปูตินคือผู้อำนายการคนแรกและคนสุดท้ายของ FSB ที่เป็นคนธรรมดา……!!!

    งานแรก……เขาจัดห้องที่ทำงานในห้องอื่นที่ไม่ใช่ห้องเดิมตามตำแหน่ง
    แต่เขาได้จัดห้องนั้นให้เป็นพิพิธภัณฑ์ เพราะมันเป็นห้องที่เคยเป็นที่ทำงานของ Lavrenty Beria (จอมเชือดในยุคสตาลิน)
    ต่อมา คือ การตัดงบ จาก สายลับหกพันนาย เหลือ สี่พันนาย
    แผนกไหน……ไม่มีผลงาน ยุบ……

    วันที่ 20 สิงหาคม เขาได้ทำงานยังไม่ถึงเดือน นักข่าวจากเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก นาย Anatoly Levin ผันตัวมาเป็นบรรณาธิการและเจ้าของได้เปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ในชื่อว่า Legal Petersburg Today
    ตัวนายเลวินเอง……ไม่มีเงินทองอะไรที่จะมาเป็นทุนรอน แต่เขามีผู้สนับสนุนรายใหญ่ คือ Boris Berezovsky ที่เป็นมหาเศรษฐีที่คอยจับจ้องเกาะติดผู้มีอำนาจเพื่อผลประโยชน์ เขาทำทุกอย่างเพื่อที่จะใช้เป็นอาวุธ (ทั้ง soft และ direct power)
    เขาใช้เลวิน เพื่อที่จะเป็นกระบอกเสียงในการดิสเครดิตทุกคนที่ขวางเส้นทางเขา หรือ เพื่อที่จะใช้ให้มาสยบในอำนาจของเขา

    เลวินเล่นข่าวใหญ่ประเดิมทันที พาดหัวว่า “ วลาดิเมียร์ ปูติน คนเหนือกฏหมาย สู่ FSB” ในเนื้อข่าว คือการโจมตีที่ อนาโตลีที่ได้หลบหนีออกไปนอกประเทศได้ เพราะการช่วยเหลือของ ปูติน ที่ปัจจุบันได้ดิบได้ดีมาเป็นผู้อำนวยการ FSB
    หลังจากนั้นก็มีข่าวออกมาว่า มีลูกน้องของปูตินได้เข้าไปพบปะเจรจากับบก.ฝ่ายข่าว ซึ่งได้บอกไปว่า เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาของคนหนังสือพิมพ์ ไม่กี่วัน คนก็ลืม…!!

    แต่เผอิญว่า.……มันไม่เงียบ เพราะ ค่ำวันหนึ่ง เลวินกลับไปที่อพาร์ตเมนต์
    เขาแวะไปเปิดตู้จดหมาย ทันใดนั้น มีชายสองคนพุ่งตัวมาจากทางด้านหลัง กระหน่ำตีเขาด้วยท่อนเหล็ก และปล่อยให้นอนจมกองเลือดอยู่ที่หน้าอพาร์ตเมนต์……
    เขาถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล และเสียชีวิตในสองวันต่อมา

    เหตุอุบัติแบบนี้……ในเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก มีเกิดขึ้นรายวัน เพราะเป็นดงมาเฟีย แต่เรื่องมันไม่เงียบ……เพราะเลวินเป็นนักข่าว สมาคมนักข่าวจึงถือเป็นเรื่องใหญ่ในการคุกคามเสรีภาพสื่อ
    ชื่อของ ปูติน และ บอริส เกี่ยวกับเรื่องฆาตกรรมนี้บนหน้าหนึ่งอยู่หลายวัน
    (นี่เป็นแค่ปฐมฤกษ์………จะมีตามอีกเรื่อยๆ…)
    เพียงแต่……ไม่มีใครสามารถหาเส้นสายที่จะโยงไปถึงปูตินว่ามีส่วนเกี่ยวข้องได้

    สามวันหลังจากที่เลวินได้จากโลกนี้ไป สภาพเศรษฐกิจของรัสเซียล้มครืนลงจริงๆ หลังจากที่จวนเจียนไหวคลอนมาเรื่อยๆ จนสุดที่จะยื้อ
    ในวันที่ 21 สิงหาคม สภามีมติขอให้เยลซินลาออก…
    แต่เยลซิน…ยังวางเฉย เขาปลดนายกฯหนุ่ม คิริเยงโก ออกจากตำแหน่งในสองวันต่อมา หวังที่จะทอนกระแส..
    แล้วเยลซินคิดที่จะเอาอดีตนายกรัฐมนตรี Viktor Chernomydrin มาเป็นนายกรัฐมนตรีขัดตาทัพ
    แต่ข่าวว่าจะมีการปฏิวัตเริ่มหนาหู ฝ่ายโปรคอมมิวนิสต์ที่ช่วยกันกระจาย สร้างข่าวลวงรายวันและใช้โอกาสนี้ กล่าวโทษยิว พร้อมส่งคำอาฆาต
    มีข่าวว่าฝ่ายความมั่นคงทั้งหมดได้มีการเตรียมพร้อม ในการรับมือ
    ประชาชนเริ่มแตกตื่น หวาดกลัว

    วันที่ 1 กันยายน ปูติน พร้อมหน่วยFSB ที่ยืนเรียงรายอยู่เป็นฉากหลังประกาศออกทีวีว่า
    “ไม่มีการเตรียมพร้อมอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างปรกติ แต่ใครก็ตามที่ทำตัวเป็นพิษเป็นภัยกับความมั่นคงและฝ่าฝืนกฎหมาย ผมไม่รับรองในความปลอดภัย……”

    วันที่ 11 กันยายน สภามีมติที่จะให้นาย Yevgeny Primakov อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศมานั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
    พรีมาคอฟ คืออดีตนักข่าวที่ทำงานในตะวันออกกลางมานานถึงสิบสี่ปี และได้ทำงานให้กับ KGB ในสายต่างประเทศ ทั้งที่ตะวันออกกลางและอเมริกา หลังจากที่โซเวียตได้สลายตัวลงในปี 1991
    เขาได้มารับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ
    การที่ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เขาคิดที่จะรื้อฟื้นโครงสร้างยุทธการสามเหลี่ยม……คือ รัสเซีย จีน อินเดีย เพื่อที่จะถ่วงดุลย์อำนาจกับสหรัฐอเมริกา
    ทฤษฎีนี้……เขาได้เขียนไว้นานแล้ว ในชื่อว่า Primakov doctrine…!!
    แต่การที่จะทำงานได้สำเร็จ เขาจะต้องมีแรงสนับสนุนจาก FSB
    (เพราะนี่คือ……สงครามเย็น)
    หากแต่……เขายังไม่แน่ใจกับปูตินและทีมที่มาจาก เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก
    ว่าเขาจะพึ่งพาทำงานด้วยได้มากน้อยแค่ไหน……

    ส่วนปูติน……ต้องเจอกับศึกหนักอีกครั้ง ในวันที่ 17 พฤศจิกายน
    มีกลุ่มชายกลุ่มหนึ่ง จำนวนหกคน สี่คนใส่หน้ากากดำใส่แว่น ส่วนอีกสองคน เปิดหน้าตาชัดเจน คือ Aleksandr Litvitnenko และ Mikhaïl Trepashkin ทั้งหมดทั้งที่ปิดหน้าและไม่ปิด คือ เจ้าหน้าที่ในหน่วย FSB
    ที่ได้เปิดการจัดรายการพบปะนักข่าว……เพื่อที่จะแฉ ชี้ความผิดในองค์กร
    ที่ทำงานว่ามีการคอร์รัปชั่น มีขบวนการสร้างความแตกแยก มีการทำอาชญากรรม มีการเกี่ยวข้องกับกลุ่มมาเฟีย…
    แต่เรื่องนี้……ไม่ได้เกี่ยวข้องกับปูตินโดยตรง เพราะเป็นเหตุที่เกิดขึ้นก่อนที่เขามารับตำแหน่ง
    ที่เกี่ยวข้องเต็มๆ คือ อเล็กซานเดอร์ ได้เป็นตัวแทนที่นำเสนอว่า เขาได้พยายามหาทางเจรจากับปูตินแล้ว แต่ไม่สามารถพบได้
    ส่งเอกสารไปกี่ชุด……ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ ไม่เคยสนใจ และไม่ช่วยแก้ไขปัญหา……

    สองอาทิตย์ต่อมา ปูตินได้เรียกอเล็กซานเดอร์ไปพบที่ห้องทำงาน
    ที่เขาไปพบพร้อมเอกสารปึกโต เข้าไปพบว่า ปูตินนั่งอยู่คนเดียวในห้องทำงาน ไม่มีผู้ช่วยอยู่ด้วยเหมือนเช่นเคย
    ปูตินลุกขึ้นมาจับมือทักทาย คุยด้วย ปรกติ
    แต่อเล็กซานเดอร์ไปเล่าให้ภรรยาฟังว่า………ผมเห็นแววตาเขาชัดเจนเลย ว่า เขาเกลียดผม……!!

    วันที่ 19 พฤศจิกายน ปูตินออกรายการในโทรทัศน์ เพื่อแถลงในการข้อพิสูจน์หาความเป็นจริงจากเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน
    ว่า ไม่พบหลักฐานที่สามารถบ่งบอกได้ชัดเจน ทุกอย่างเป็นเพียงปากคำ
    พล็อตเรื่องออกแนวนิยายเด็ก การกระทำก็เป็นเด็ก เพราะเรียกประชุมนักข่าว ใส่หน้ากาก แต่บอกชื่อเสียงเรียงนาม………(สาบานว่าเป็นสายลับ……)
    ที่ขำๆ คือ ตบท้าย…ปูตินเล่าว่า อดีตภรรยาของหนึ่งในสี่คนที่ใส่หน้ากาก หลังจากวันพบปะกับนักข่าวในวันนั้น โทรมาหาปูติน บอกว่า
    “ท่านคะ ช่วยทวงค่าเลี้ยงดูจากไอ้นั่นให้หน่อย ไม่ได้จ่ายมาหลายเดือนแล้ว……”
    ปูติน…เลยบอกว่า “ตรงนี้ต่างหาก……ที่ผิดกฎหมายเต็มๆ”

    เยลซินเรียกปูตินเข้าพบ……เพื่อถามถึงเรื่องนี้
    ปูตินเลยเปิดอกพูด…บอกว่า ถ้าคนในองค์กรจะทำความผิด มันก็เป็นอีหรอบเดียวกันกับกลุ่มคนในรัฐบาลเท่าที่เห็นอยู่ในวันนี้ แต่……สิ่งที่อเล็กซานเดอร์และพวกทำลงไป (ที่จัดแถลงข่าว) นั่นถือเป็นความผิดที่ร้ายแรงต่อสัตยาบันของหน่วยงาน เพราะ หน้าที่ของหน่วยงานคือต้องรักษาความลับขององค์กร ถ้ามีปัญหา……ก็ต้องแก้ไขในองค์กร
    ไม่ใช่ไปเที่ยวป่าวประกาศ……

    ปูตินรู้ตัวดีว่า จะหาคนรักหรือพวกพ้องคนยาก เพราะเขาได้วางระบบเข้ม ตั้งแต่เรื่องการลดเจ้าหน้าที่ การใส่ร้ายป้ายสี การขัดขาขัดแข้ง
    และที่ร้ายคือ……ข่าวจาก เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ที่ส่งมาว่า
    Galina Starovoitova นักเคลื่อนไหวสาวเพื่อสิทธิของชนกลุ่มน้อย ได้ถูกสังหารไปเมื่อไม่กี่วันนี้
    หล่อนมีส่วนเกี่ยวข้องกับปูติน ก็คือเรื่องที่ขานรับกับเลวินในกรณีที่กล่าวหาว่า ปูตินได้ทำผิดกฏหมายในเรื่องช่วยเหลืออนาโตลีให้หนีคดีออกไปยังฝรั่งเศส
    ที่พลอยทำให้ปูติน……อยู่ในกลุ่มผู้ต้องสงสัยไปด้วย

    วันที่ 15 ธันวาคม ที่ปูตินได้พบกับเยลซินอีกครั้ง ที่จะหารือกันเรื่องของการฆาตกรรมนี้ ……และเรื่องกระแสการต่อต้านบอริส และเรื่องงานของปูตินที่หลายคนไม่พอใจเพราะต้องตกงาน……
    ปูตินจึงสรุปให้เยลซินฟังว่า……ข่าวลือทั้งหลายนั้น มาจากวงในของท่านทั้งหมด มันมาทุกรูปแบบ แบบโยนหินถามทางบ้าง หรือโยนลงบนหัวชาวบ้านบ้าง เพราะไม่มีใครรักษากฎระเบียบ การควบคุมก็หย่อนยาน
    และที่ออกข่าวลวงๆกันทุกวันนี้ ก็เพราะทุกคนกลัว กลัวที่จะต้องถูกตรวจสอบ และกระผมจะเรียนท่านให้ทราบตรงนี้เลย ว่า เมื่อไหร่ที่ท่านลงจากตำแหน่ง……ผมก็ขอลาออก…!!!

    แต่……ก่อนที่ท่านจะจากไป และก่อนที่ปูตินจะลาออก……ก็ต้องแสดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์กันก่อน
    ในช่วงนั้นรัฐบาลของเยลซินกำลังโดนไล่บี้ในเรื่องทุจริต สินบน ที่ทีมอัยการนำโดย Yuri Skuratov เป็นหัวหน้าทีมในการสอบสวน เพราะเยลซินจะหมดวาระในปีรุ่งขึ้น คือ ปี 2000
    นั่นหมายถึงทุกคนจะต้องโดนคดีกันระนาวเพราะในช่วงที่เศรษฐกิจเสื่อมถอยนั้น รัฐบาลของเยลซินได้ทำทุกอย่างที่จะผันเงิน แม้แต่เงินของ IMF ก็ใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์
    รวมทั้งหน่วยงาน FSB ทั้งระบบด้วย
    ถึงแม้อาจจะไม่เกี่ยวกับปูตินเท่าไหร่ในฐานะที่มาทีหลัง
    แต่……เรื่องนี้เกี่ยวกับหน่วยงานภาษีของอิตาลี, สวิตเซอร์แลนด์ และ คาริบเบียนด้วย……
    เดือนมกราคม 1999 วันหนึ่งก่อนที่ท่านอัยการยูริจะนำเอกสารทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการศาล
    คืนนั้น……สถานีโทรทัศน์แห่งชาติได้ออกรายการ “สามคนบนเตียง” ที่มีความยาวร่วมชั่วโมงสู่สายตาของประชาชน ที่มีทั้งหนุ่มสาว เด็กเล็ก คนชรา……
    เป็นกิจกรรมบนเตียงของชายหนึ่ง หญิงสอง แม้ว่าจะไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ (ขาว-ดำ) แต่พอเห็นได้ว่า ฝ่ายชายคือ ท่านอัยการยูริ
    และมีเสียงสนทนาด้วย……หนึ่งในสองสาว ถามว่า “คุณชื่ออะไร?”
    ฝ่ายชายตอบว่า…”ยูรา” (เป็นชื่อเล่นของ ยูริ)

    วันต่อมา เยลซินจึงเรียกยูริขึ้นพบ ถามถึงเรื่องกิจกรรมสามคนผัวเมีย……ผลคือ ท่านอัยการต้องเซ็นใบลาออกตรงนั้นเลย……
    เรื่องการที่จะเอาผิดเยลซินก็จบลงแค่นั้น…

    ทั้งหมดคือฝีมือของหน่วยงาน “Kompromat” ในสังกัดของ FSB ของปูตินที่มีหน้าที่ในการ blackmail โดยเฉพาะ…!!

    Wiwanda W. Vichit
    ได้ยินเสียงเหมือนมีคนมาคอยหน้าวิก……แต่งองค์ทรงเครื่องพี่ปูเสร็จแล้วค่าาาา…………เชิด…!!!!!! ตอนแปด…………มารไม่มี……บารมีไม่เกิด……!!! ท่านนายกฯหนุ่ม Kiriyenko ได้พาปูตินไปที่ สำนักงานใหญ่ FSB ที่ตั้งอยู่บนถนน Lubyanka, Moscow ในวันที่ 27 กรกฎาคม 1998 เพื่อไปทำความรู้จักกับ Nikolai Kovalyov ผู้อำนวยการคนเก่าที่เพิ่งรู้ตัวว่าถูกปลดออกจากตำแหน่งก็เพราะทีวีออกข่าว ท่านนายกฯได้กล่าวสั้นๆว่า “เปลี่ยนสถานะการณ์……ก็ต้องเปลี่ยนคน……” นิโคไล……รับสภาพการเปลี่ยนนั้นได้ดี เขาพาปูตินไปที่ห้องทำงานและได้มอบเอกสารลับทั้งหมดให้ และย้ำว่า เอกสารพวกนี้เป็นยิ่งกว่าอาวุธ…… การปรับตำแหน่งใหม่แบบก้าวกระโดดนี้ เป็นเรื่องใหญ่มาก ทุกคนพุ่งความสนใจไปยัง วลาดิเมียร์ ปูติน ……ใครๆก็อยากรู้ว่า เขาเป็นใคร……มาได้อย่างไร? สองวันต่อมา ปูตินจึงได้อนุญาตให้หนังสือพิมพ์ Kommersant เข้ามาทำการสัมภาษณ์ เพื่อที่จะบอกวัตถุประสงค์หลักในการทำงาน เขาให้การสัมภาษณ์ว่า……เขามุ่งไปที่การทำงานที่มีประสิทธิภาพที่เขาหวังว่าจะได้รับจากผู้ใต้บังคับบัญชาทุกคน และองค์กรนี้จะไม่ตกเป็นเครื่องมือของนักการเมือง หรือ พวกสุดโต่งทุกสายพันธุ์ และจะระวังเข้มในเรื่องการแทรกแซงของสายลับต่างชาติ เมื่อถูกถามเรื่องใช้อินเตอร์เน็ต (สอดแนมประชาชน) คำตอบคือ ไม่ถึงขนาดนั้น……แต่ต้องเข้าใจด้วยว่า การใช้อินเทอร์เน็ตมันก็คือความมั่นคงของชาติอีกโสดหนึ่ง…… การมาของปูตินได้สร้างความหวั่นไหวไปทั้งองค์กร โดยเฉพาะพวกกลุ่มสายลับเก่าสมัยยุค KGB โอนมาเป็น FSB ที่มองเขาด้วยสายตาไม่เป็นมิตร เพราะมาจากถิ่นอื่น (เลนินกราด) ยังอายุน้อย และเป็นแค่ “พันโท” (โดยปรกติต้องเป็นนายพล) สุดท้าย คือ สถานภาพของปูตินในยามนั้น เขาคือนายทหารนอกประจำการ ทั้งหมดนี้……ทำให้เกิดความท้าทายและลองดี รวมทั้งคอยดูว่าจะไปรอดหรือไม่……!!! วันที่ 1 สิงหาคม หลังจากที่เยลซินกลับมาจากการพักร้อน เขาเรียกให้ปูตินเข้าพบเพื่อถามไถ่ความคืบหน้า และได้เสนอหลักการว่า ควรจะต้องทำงานอย่างตรงไปตรงมา อย่าใช้ระบบการเมืองในการปกครอง เยลซินอยากให้ปูตินกลับเข้าไปรับราชการใหม่ โดยเสนอยศพลตรีให้…… แต่ปูตินปฏิเสธ เพราะเขาคิดถึงอดีตในวันที่เขาลาออก เป็นวันเดียวกับวันนี้ คือ 1 สิงหาคม (1991) มันไม่มีประโยชน์อะไรที่ต้องแบกยศเอาไว้ เขาจึงบอกว่า “ผมอยากเป็นประชาชนธรรมดาดีกว่า ไม่ต้องมีพรรคมีพวก ไม่ต้องเห็นแก่หน้าใคร ในการที่จะควบคุมองค์กรขนาดนี้ หัวโขนไม่ใช่สิ่งจำเป็น” สรุปว่า……ปูตินคือผู้อำนายการคนแรกและคนสุดท้ายของ FSB ที่เป็นคนธรรมดา……!!! งานแรก……เขาจัดห้องที่ทำงานในห้องอื่นที่ไม่ใช่ห้องเดิมตามตำแหน่ง แต่เขาได้จัดห้องนั้นให้เป็นพิพิธภัณฑ์ เพราะมันเป็นห้องที่เคยเป็นที่ทำงานของ Lavrenty Beria (จอมเชือดในยุคสตาลิน) ต่อมา คือ การตัดงบ จาก สายลับหกพันนาย เหลือ สี่พันนาย แผนกไหน……ไม่มีผลงาน ยุบ…… วันที่ 20 สิงหาคม เขาได้ทำงานยังไม่ถึงเดือน นักข่าวจากเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก นาย Anatoly Levin ผันตัวมาเป็นบรรณาธิการและเจ้าของได้เปิดตัวหนังสือพิมพ์ใหม่ ในชื่อว่า Legal Petersburg Today ตัวนายเลวินเอง……ไม่มีเงินทองอะไรที่จะมาเป็นทุนรอน แต่เขามีผู้สนับสนุนรายใหญ่ คือ Boris Berezovsky ที่เป็นมหาเศรษฐีที่คอยจับจ้องเกาะติดผู้มีอำนาจเพื่อผลประโยชน์ เขาทำทุกอย่างเพื่อที่จะใช้เป็นอาวุธ (ทั้ง soft และ direct power) เขาใช้เลวิน เพื่อที่จะเป็นกระบอกเสียงในการดิสเครดิตทุกคนที่ขวางเส้นทางเขา หรือ เพื่อที่จะใช้ให้มาสยบในอำนาจของเขา เลวินเล่นข่าวใหญ่ประเดิมทันที พาดหัวว่า “ วลาดิเมียร์ ปูติน คนเหนือกฏหมาย สู่ FSB” ในเนื้อข่าว คือการโจมตีที่ อนาโตลีที่ได้หลบหนีออกไปนอกประเทศได้ เพราะการช่วยเหลือของ ปูติน ที่ปัจจุบันได้ดิบได้ดีมาเป็นผู้อำนวยการ FSB หลังจากนั้นก็มีข่าวออกมาว่า มีลูกน้องของปูตินได้เข้าไปพบปะเจรจากับบก.ฝ่ายข่าว ซึ่งได้บอกไปว่า เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องธรรมดาของคนหนังสือพิมพ์ ไม่กี่วัน คนก็ลืม…!! แต่เผอิญว่า.……มันไม่เงียบ เพราะ ค่ำวันหนึ่ง เลวินกลับไปที่อพาร์ตเมนต์ เขาแวะไปเปิดตู้จดหมาย ทันใดนั้น มีชายสองคนพุ่งตัวมาจากทางด้านหลัง กระหน่ำตีเขาด้วยท่อนเหล็ก และปล่อยให้นอนจมกองเลือดอยู่ที่หน้าอพาร์ตเมนต์…… เขาถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล และเสียชีวิตในสองวันต่อมา เหตุอุบัติแบบนี้……ในเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก มีเกิดขึ้นรายวัน เพราะเป็นดงมาเฟีย แต่เรื่องมันไม่เงียบ……เพราะเลวินเป็นนักข่าว สมาคมนักข่าวจึงถือเป็นเรื่องใหญ่ในการคุกคามเสรีภาพสื่อ ชื่อของ ปูติน และ บอริส เกี่ยวกับเรื่องฆาตกรรมนี้บนหน้าหนึ่งอยู่หลายวัน (นี่เป็นแค่ปฐมฤกษ์………จะมีตามอีกเรื่อยๆ…) เพียงแต่……ไม่มีใครสามารถหาเส้นสายที่จะโยงไปถึงปูตินว่ามีส่วนเกี่ยวข้องได้ สามวันหลังจากที่เลวินได้จากโลกนี้ไป สภาพเศรษฐกิจของรัสเซียล้มครืนลงจริงๆ หลังจากที่จวนเจียนไหวคลอนมาเรื่อยๆ จนสุดที่จะยื้อ ในวันที่ 21 สิงหาคม สภามีมติขอให้เยลซินลาออก… แต่เยลซิน…ยังวางเฉย เขาปลดนายกฯหนุ่ม คิริเยงโก ออกจากตำแหน่งในสองวันต่อมา หวังที่จะทอนกระแส.. แล้วเยลซินคิดที่จะเอาอดีตนายกรัฐมนตรี Viktor Chernomydrin มาเป็นนายกรัฐมนตรีขัดตาทัพ แต่ข่าวว่าจะมีการปฏิวัตเริ่มหนาหู ฝ่ายโปรคอมมิวนิสต์ที่ช่วยกันกระจาย สร้างข่าวลวงรายวันและใช้โอกาสนี้ กล่าวโทษยิว พร้อมส่งคำอาฆาต มีข่าวว่าฝ่ายความมั่นคงทั้งหมดได้มีการเตรียมพร้อม ในการรับมือ ประชาชนเริ่มแตกตื่น หวาดกลัว วันที่ 1 กันยายน ปูติน พร้อมหน่วยFSB ที่ยืนเรียงรายอยู่เป็นฉากหลังประกาศออกทีวีว่า “ไม่มีการเตรียมพร้อมอะไรทั้งนั้น ทุกอย่างปรกติ แต่ใครก็ตามที่ทำตัวเป็นพิษเป็นภัยกับความมั่นคงและฝ่าฝืนกฎหมาย ผมไม่รับรองในความปลอดภัย……” วันที่ 11 กันยายน สภามีมติที่จะให้นาย Yevgeny Primakov อดีตรัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศมานั่งตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พรีมาคอฟ คืออดีตนักข่าวที่ทำงานในตะวันออกกลางมานานถึงสิบสี่ปี และได้ทำงานให้กับ KGB ในสายต่างประเทศ ทั้งที่ตะวันออกกลางและอเมริกา หลังจากที่โซเวียตได้สลายตัวลงในปี 1991 เขาได้มารับตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศ การที่ได้รับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้ เขาคิดที่จะรื้อฟื้นโครงสร้างยุทธการสามเหลี่ยม……คือ รัสเซีย จีน อินเดีย เพื่อที่จะถ่วงดุลย์อำนาจกับสหรัฐอเมริกา ทฤษฎีนี้……เขาได้เขียนไว้นานแล้ว ในชื่อว่า Primakov doctrine…!! แต่การที่จะทำงานได้สำเร็จ เขาจะต้องมีแรงสนับสนุนจาก FSB (เพราะนี่คือ……สงครามเย็น) หากแต่……เขายังไม่แน่ใจกับปูตินและทีมที่มาจาก เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ว่าเขาจะพึ่งพาทำงานด้วยได้มากน้อยแค่ไหน…… ส่วนปูติน……ต้องเจอกับศึกหนักอีกครั้ง ในวันที่ 17 พฤศจิกายน มีกลุ่มชายกลุ่มหนึ่ง จำนวนหกคน สี่คนใส่หน้ากากดำใส่แว่น ส่วนอีกสองคน เปิดหน้าตาชัดเจน คือ Aleksandr Litvitnenko และ Mikhaïl Trepashkin ทั้งหมดทั้งที่ปิดหน้าและไม่ปิด คือ เจ้าหน้าที่ในหน่วย FSB ที่ได้เปิดการจัดรายการพบปะนักข่าว……เพื่อที่จะแฉ ชี้ความผิดในองค์กร ที่ทำงานว่ามีการคอร์รัปชั่น มีขบวนการสร้างความแตกแยก มีการทำอาชญากรรม มีการเกี่ยวข้องกับกลุ่มมาเฟีย… แต่เรื่องนี้……ไม่ได้เกี่ยวข้องกับปูตินโดยตรง เพราะเป็นเหตุที่เกิดขึ้นก่อนที่เขามารับตำแหน่ง ที่เกี่ยวข้องเต็มๆ คือ อเล็กซานเดอร์ ได้เป็นตัวแทนที่นำเสนอว่า เขาได้พยายามหาทางเจรจากับปูตินแล้ว แต่ไม่สามารถพบได้ ส่งเอกสารไปกี่ชุด……ก็ไม่ได้รับคำตอบใดๆ ไม่เคยสนใจ และไม่ช่วยแก้ไขปัญหา…… สองอาทิตย์ต่อมา ปูตินได้เรียกอเล็กซานเดอร์ไปพบที่ห้องทำงาน ที่เขาไปพบพร้อมเอกสารปึกโต เข้าไปพบว่า ปูตินนั่งอยู่คนเดียวในห้องทำงาน ไม่มีผู้ช่วยอยู่ด้วยเหมือนเช่นเคย ปูตินลุกขึ้นมาจับมือทักทาย คุยด้วย ปรกติ แต่อเล็กซานเดอร์ไปเล่าให้ภรรยาฟังว่า………ผมเห็นแววตาเขาชัดเจนเลย ว่า เขาเกลียดผม……!! วันที่ 19 พฤศจิกายน ปูตินออกรายการในโทรทัศน์ เพื่อแถลงในการข้อพิสูจน์หาความเป็นจริงจากเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ว่า ไม่พบหลักฐานที่สามารถบ่งบอกได้ชัดเจน ทุกอย่างเป็นเพียงปากคำ พล็อตเรื่องออกแนวนิยายเด็ก การกระทำก็เป็นเด็ก เพราะเรียกประชุมนักข่าว ใส่หน้ากาก แต่บอกชื่อเสียงเรียงนาม………(สาบานว่าเป็นสายลับ……) ที่ขำๆ คือ ตบท้าย…ปูตินเล่าว่า อดีตภรรยาของหนึ่งในสี่คนที่ใส่หน้ากาก หลังจากวันพบปะกับนักข่าวในวันนั้น โทรมาหาปูติน บอกว่า “ท่านคะ ช่วยทวงค่าเลี้ยงดูจากไอ้นั่นให้หน่อย ไม่ได้จ่ายมาหลายเดือนแล้ว……” ปูติน…เลยบอกว่า “ตรงนี้ต่างหาก……ที่ผิดกฎหมายเต็มๆ” เยลซินเรียกปูตินเข้าพบ……เพื่อถามถึงเรื่องนี้ ปูตินเลยเปิดอกพูด…บอกว่า ถ้าคนในองค์กรจะทำความผิด มันก็เป็นอีหรอบเดียวกันกับกลุ่มคนในรัฐบาลเท่าที่เห็นอยู่ในวันนี้ แต่……สิ่งที่อเล็กซานเดอร์และพวกทำลงไป (ที่จัดแถลงข่าว) นั่นถือเป็นความผิดที่ร้ายแรงต่อสัตยาบันของหน่วยงาน เพราะ หน้าที่ของหน่วยงานคือต้องรักษาความลับขององค์กร ถ้ามีปัญหา……ก็ต้องแก้ไขในองค์กร ไม่ใช่ไปเที่ยวป่าวประกาศ…… ปูตินรู้ตัวดีว่า จะหาคนรักหรือพวกพ้องคนยาก เพราะเขาได้วางระบบเข้ม ตั้งแต่เรื่องการลดเจ้าหน้าที่ การใส่ร้ายป้ายสี การขัดขาขัดแข้ง และที่ร้ายคือ……ข่าวจาก เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ที่ส่งมาว่า Galina Starovoitova นักเคลื่อนไหวสาวเพื่อสิทธิของชนกลุ่มน้อย ได้ถูกสังหารไปเมื่อไม่กี่วันนี้ หล่อนมีส่วนเกี่ยวข้องกับปูติน ก็คือเรื่องที่ขานรับกับเลวินในกรณีที่กล่าวหาว่า ปูตินได้ทำผิดกฏหมายในเรื่องช่วยเหลืออนาโตลีให้หนีคดีออกไปยังฝรั่งเศส ที่พลอยทำให้ปูติน……อยู่ในกลุ่มผู้ต้องสงสัยไปด้วย วันที่ 15 ธันวาคม ที่ปูตินได้พบกับเยลซินอีกครั้ง ที่จะหารือกันเรื่องของการฆาตกรรมนี้ ……และเรื่องกระแสการต่อต้านบอริส และเรื่องงานของปูตินที่หลายคนไม่พอใจเพราะต้องตกงาน…… ปูตินจึงสรุปให้เยลซินฟังว่า……ข่าวลือทั้งหลายนั้น มาจากวงในของท่านทั้งหมด มันมาทุกรูปแบบ แบบโยนหินถามทางบ้าง หรือโยนลงบนหัวชาวบ้านบ้าง เพราะไม่มีใครรักษากฎระเบียบ การควบคุมก็หย่อนยาน และที่ออกข่าวลวงๆกันทุกวันนี้ ก็เพราะทุกคนกลัว กลัวที่จะต้องถูกตรวจสอบ และกระผมจะเรียนท่านให้ทราบตรงนี้เลย ว่า เมื่อไหร่ที่ท่านลงจากตำแหน่ง……ผมก็ขอลาออก…!!! แต่……ก่อนที่ท่านจะจากไป และก่อนที่ปูตินจะลาออก……ก็ต้องแสดงฝีมือให้เป็นที่ประจักษ์กันก่อน ในช่วงนั้นรัฐบาลของเยลซินกำลังโดนไล่บี้ในเรื่องทุจริต สินบน ที่ทีมอัยการนำโดย Yuri Skuratov เป็นหัวหน้าทีมในการสอบสวน เพราะเยลซินจะหมดวาระในปีรุ่งขึ้น คือ ปี 2000 นั่นหมายถึงทุกคนจะต้องโดนคดีกันระนาวเพราะในช่วงที่เศรษฐกิจเสื่อมถอยนั้น รัฐบาลของเยลซินได้ทำทุกอย่างที่จะผันเงิน แม้แต่เงินของ IMF ก็ใช้อย่างผิดวัตถุประสงค์ รวมทั้งหน่วยงาน FSB ทั้งระบบด้วย ถึงแม้อาจจะไม่เกี่ยวกับปูตินเท่าไหร่ในฐานะที่มาทีหลัง แต่……เรื่องนี้เกี่ยวกับหน่วยงานภาษีของอิตาลี, สวิตเซอร์แลนด์ และ คาริบเบียนด้วย…… เดือนมกราคม 1999 วันหนึ่งก่อนที่ท่านอัยการยูริจะนำเอกสารทั้งหมดเข้าสู่กระบวนการศาล คืนนั้น……สถานีโทรทัศน์แห่งชาติได้ออกรายการ “สามคนบนเตียง” ที่มีความยาวร่วมชั่วโมงสู่สายตาของประชาชน ที่มีทั้งหนุ่มสาว เด็กเล็ก คนชรา…… เป็นกิจกรรมบนเตียงของชายหนึ่ง หญิงสอง แม้ว่าจะไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ (ขาว-ดำ) แต่พอเห็นได้ว่า ฝ่ายชายคือ ท่านอัยการยูริ และมีเสียงสนทนาด้วย……หนึ่งในสองสาว ถามว่า “คุณชื่ออะไร?” ฝ่ายชายตอบว่า…”ยูรา” (เป็นชื่อเล่นของ ยูริ) วันต่อมา เยลซินจึงเรียกยูริขึ้นพบ ถามถึงเรื่องกิจกรรมสามคนผัวเมีย……ผลคือ ท่านอัยการต้องเซ็นใบลาออกตรงนั้นเลย…… เรื่องการที่จะเอาผิดเยลซินก็จบลงแค่นั้น… ทั้งหมดคือฝีมือของหน่วยงาน “Kompromat” ในสังกัดของ FSB ของปูตินที่มีหน้าที่ในการ blackmail โดยเฉพาะ…!! Wiwanda W. Vichit
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 202 Views 0 Reviews
  • 18-09-67/01 : หมี CNN / "เล่าสู่กันฟัง" EP.8 ตอน "KNOCK OUT WEST DEAD END" ไอ้สัสมาเป็นชุด โรงงานรถยนต์อีเบียร์ดาหน้าปิดสายพานการผลิต เจ๊งทั้งแผ่นดิน จีนตีตลาดรถ EV กระจุยทั้งโลก แผนเด็ด รัสเซียตัดพลังงาน จีนตัดโรงงานผลิตโลก อียุโรป ขี้แตกแล้วจ๋า! ยังไม่พอ จีนเปิดตัวเรือดำน้ำใหม่ AI ขีปนาวุธอัจฉริยะ โถ..ไอ้ที่มีอยู่ เหี้ยก็กลัวขี้แตกแล้ว ละครปาหี่ไต้หวัน หมายังดูออก จีนเล่นเกมส์ปราสาทแดร๊กกับอีเหี้ยวอชิงตัน ทุบได้แต่ไม่ทุบ ล่อเหี้ยเข้ามาตายห่าเป็นหมู่คณะ สูตรเดียวกับที่รัสเซียล่อเหี้ย NATO มาตายห่าหมู่นั่นแหละ ขั้วใหม่ ทำงานสอดคล้องกันเสมอ ด้านตะวันออกกลางก็ไม่แพ้กัน มรึงจะห้าวเป้งไปไหน 3 ฮอ ประกาศศักดา ทั้งกาซ่า เวสต์แบงค์ เอาอยู่ คุมเกมส์อยู่มือ เหี้ยยิวกระอักเลือด แทบไม่เหลือฐานทัพแล้ว แม่งยิงกู 24 ชม. ไอ้สัส! แต๋วแตก กระสุนหมด ไอรอน โดมยังไม่รอด ถูกฉายซ้ำ เสียหมาให้โลกประจักษ์ นี่เหรอ ที่มรึงคุยว่าดีที่สุดในโลก สู้โดรนราคา 10000 เหรียญกูยังไม่ได้ "ไอ้กระจอก" ละครปาหี่ซ้ำสอง ลอบฆ่าอีทรัมปป์ จัดฉากเห็นๆ ไม่เนียน ฮอลีวู๊ดการละคร หลอกควายสบายใจจัง หลอกกี่ครั้งก็ยังเป็นควาย ไอ้สัส! ออกสื่อไม่ถึงชั่วโมง ภาพเบื้องหลังลอบสังหารออกมาทันที มรึงจะดราม่าไปถึงไหน? อเมริกันควายชอบไงล่ะ? ฉิบหายแล้ว อิรัก-อิหร่านจับมือ ล้างบางเหี้ย C ทั้งแผ่นดิน เตรียมยกพลขึ้นบก เข้าไปเหยียบหน้าอียิวถึงที่ คาเยรูซาเล็ม ทั้งหมด บีบให้อียิวยอมแพ้ แล้วยอมรับแผนสันติภาพใหม่(คืนแผ่นดินให้ปาเลสไตน์ทั้งหมด) สเตปต่อไปคือ เมื่อปาเลสไตน์ได้สิทธิ์ชอบธรรมตั้งเป็นประเทศ มีพื้นที่ มีกองทัพ มีรัฐบาลแห่งชาติ ต่อไปคือดึงแนวร่วมเข้ามาอยู่ให้เต็มแผ่นดินปาเลสไตน์ เพื่อขับไล่อียิวออกไปนั่นเอง มันจะเป็นช่วงเวลาที่รัสเซียเขมือบยูเครนเบ็ดเสร็จแล้วนั่นเอง ขยายต่อไปอีโปล ไล่ยำอีฟินน์ กระทืบอีสวิงกิ้ง และลงแขกอีลอนดอนให้จบตำนานชั่ว ทุกอย่างพิมพ์เขียวมาเต็ม WWIII จะเกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่แค่มีอาวุธ จากสถานการณ์ปัจจุบัน เหี้ยจะฝืนลุยมีแต่สิ้นชาติพันธุ์ สู้ไม่ยาก แต่แพ้ยับใครจะจ่ายค่าปฎิกรรมสงครามกันล่ะ? นอกจากยกแผ่นดินชดใช้หนี้ นั่นแหละ ที่ขั้วใหม่ต้องการ? อลาสก้า ฮาวาย MY LOVE มาหาป๋าซะดีดี! ดูเกมส์ให้ขาด จะชนะเด็ดขาดได้จริง ต้องทำให้ศัตรู ไม่มีทางเลือกอื่น หนี้สิน ชีวิต ปากท้อง แผ่นดิน ทุกอย่างต้องยอมจำนน นั่นคือโอกาสเดียวที่จะไม่เกิด WWIII เต็มรูปแบบ นี่คือสิ่งที่จีน รัสเซีย สมองใส คิดเอาไว้ก่อนเริ่มบุกยึดยูเครน หากยังจำกันได้ ปูติน สีจิ้นผิง JOHN KIM ผู้นำอิหร่าน ซีเรีย อิรัก ไปมาหาสู่กันถี่ยิบเมื่อ 5 ปีก่อน ก็เพื่อการณ์นี้แหละ ช็อคโลก! ไบ้แดร๊กไปเลยสิ ไอ้ควาย หยวนจีนแซงดอลล่าร์เรียบร้อยแล้วจ๊ะ ปริมาณใช้หยวนทั้งโลกมี 48% ขณะที่ดอลล่าร์เหลือแค่ 46% แปลว่าอะไร? จีนกำลังจะเขมือบเหี้ยต่อไปไงล่ะ? คาดการณ์ว่า ปริมาณการใช้หยวนจะเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล หลังทั้งโลกเทดอลล่าร์ แล้วเข้ากลุ่ม BRICS สิ่งที่ตามมา ทำให้พันธมิตรขั้วใหม่ ยิ้มกันถ้วนหน้า ทั้งรูเบิล รัสเซีย แม้แต่เงินเรียลอิหร่าน โปรดสังเกตุ ชาติพลังงาน เทคโนโลยี โลกมีความต้องการอยู่เสมอ ที่มาว่าทำไม อีทรัมปป์โยงประเด็นการเมือง ใครไม่ใช้ดอลล่าร์ กูจะขึ้นภาษี 100% ยิ่งทำให้ทั้งโลกตัดสินใจง่ายขึ้น กูเข้า BRICS คือจบทันที กฎหมาใช้ไม่ได้กับโลกยุคใหม่ เสี้ยนจัด ไปถามตรีน SCO ก่อนน่ะ กองทัพที่มีกำลังพลเกิน 30 ล้านเนี่ย มรึงจะไปหาที่ไหนในโลกได้อีก? ยังไม่นับอี THE TERMINATOR ของรัสเซีย ฝูงแมลงพิฆาต AI ของจีน มีกี่ชีวิตพอตายมั้ยจ๊ะ? ดังนั้น ใครที่ยังเห็น 1USD = 35THB คือภาพตอแหล หลอกลวงควายทั้งนั้น ที่มันหลอกได้ เพราะควายเต็มใจให้หลอก กลัวมันส่งเหี้ยไอซิสมาเผาบ้าน แต่ตอนนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว หลังกองทัพผู้เกรียงไกรโลก แพ้ยับเสียหมาต่อนักรบกู้ชาติกีบแตะ หมาทั้งตะวันตก เรือรบที่ว่าแน่ กลายเป็นขนมกรุบเยเมน นี่มันห่างชั้นกันไกลขนาดนี้แล้วรึเนี่ย? ความเป็นจริง โลกต่างรู้ดีว่า USD = 0 ไม่มีค่าอะไรทั้งสิ้น แล้วมรึงไปเอาเหี้ยอะไรมาเป็นเกณฑ์วัดกันล่ะ คำตอบมีแค่ "ขี้ข้า" ไงล่ะ ปลดแอกเหี้ย ต้องจัดการขี้ข้าเหี้ยทั้งแผ่นดิน วังทำอยู่ ทหารเดินตามแผน คลังไม่ได้โง่ ที่ผ่านมา แค่สับขาหลอก จำเอาไว้ว่า นายกฯ จะใหญ่แค่ไหน แต่คลังเป็นเรื่องของแผ่นดิน วังดูแลกำกับเบื้องหลัง ยุคร.10 ไม่มีให้กระเด็น เชื่อกูดิ? คลังไทยมีแต่จะเพิ่ม สอดคล้องกับแผนยืมมือควาย ทำลายเหี้ย เงิน 10000 คือเป้าล่อ เหี้ยคิดแค่ว่า เอาประชาชนควายมาเป็นตัวประกัน หากทำไม่ได้ ไม่ผ่าน อ้างมีมือที่ 3 สกัด แต่สิ่งที่ทหารมองคือ ย้อนเกล็ดเหี้ย ใช้ประชากรควายย้อนกลับไปทำลายเหี้ยมันเอง เงินจ่ายไป แต่คุกและคดีก็แจกตามมาติดๆ เกมส์นี้ เค้าชงให้วังเป็นพระเอกเงินล้านจ๊ะ ยังไม่ถึงเวลาออกโรง กระต่ายอย่าดิ้นเยอะ กูเหนื่อยใจแทน! เดี๋ยวมรึงจะได้เห็น 25/26/24/30 กันยายน แจกจริง คุกจริง แผนสำเร็จตามเป้าหมายทันที นั่นแหละ ศาลไคฟงถึงจะเขยิบได้ มองให้ทะลุ ว่าเค้ารออะไรอยู่? มรึงเคยเห็นมั้ย? ยึดทรัพย์นักการเมืองเหี้ยทั้งแผ่นดิน ใครล่ะ ที่กล้าทำ? ก็คนตกงานที่เพิ่งจะลาออกมาหมาดๆ นี่ไงล่ะ? จบน่ะ! ภาพโคตรชัด รัฐบาลแห่งชาติต้องมา ปฎิวัติต้องมี รัฐธรรมนูญอัพเดท ปรับใหม่ ต้องเกิด ราชาธิปไตยก้าวหน้าต้องฉายแสง โห..ไอ้สัส ฮอลีวู๊ดยังอาย เมื่อศรีธนญชัย ฟิล์ม เล่นและกำกับเอง ยังไม่จบ "หมูเด้ง" ออกอาละวาดทั่วโลกหนักขึ้น กระแสแรงจนเขี่ยละครปาหี่หลายเรื่องตกขอบ ฮิปโปแคระ ใครคิด? มันมาเองไม่ได้ดอก นี่คือ 1 ใน AMAZING THAILAND มรึงคิดว่าเมืองไทยสวยใสไร้สติเหรอไง? หน่วยประชาสัมพันธ์ PROPAGANDA WAR เราก็มีนานแล้ว อะไรที่ไทยเราจะใช้ขยายอิทธิพลทางความคิด เราทำมาโดยตลอด แบบน้ำนิ่งไหลลึก กว่าจะรู้ตัวอีกที เสร็จเพ่ไทยไปเรียบร้อยโรงเรียนหมูเด้งทันที!

    ปล.รถไฟขนอาวุธยุโรปพังราบคาบ ขีปนาวุธ 1000 ลูก ถล่มยูเครนยับเละเทะ ชาวโลกเบื่อ รีบๆ ตายห่าไปซะน่ะ จะได้ไปไล่เก็บอีโปลต่อ งานง่าย เพราะมันพร้อมจะถอยทุกเมื่อ ปากกล้าขาสั่น เยี่ยวแตกไม่รู้กี่รอบ ขนาดทหารอเมริกันผู้เก่งกาจ ยังพิการทั้งกองทัพ หมายังรู้? ชนะง่ายดายไปป่ะ? ไอ้สัส! อียิวยังสู้ยิบตา ฝังระเบิดในเพจเจอร์ระยะไกล ล่อเลบานอน หลังถูกฮามาสล่อเป้า ระเบิดพลีชีพกลางฝูงชนเยรูซาเล็ม งานนี้ เอากันถึงตาย ไม่ต้องไปโรงหมอ? แรงมา แรงกลับไม่มีโกง แล้วมรึงจะอยู่ร่วมโลกกันได้อย่างไร? มรึงสอนลูกหลานยิว ฮามาสคือสัดนรก ส่วนฮามาสสอนลูกหลานว่าอียิวคือเปรตเดรัจฉานชิงหมาเกิด มันจะจบยังไง หากไม่มีผู้ชนะ 1 เดียวที่รอด? ล่าสุด ขั้วใหม่ปรับขบวนรบ จีน รัสเซีย อิหร่าน ผนึกกำลังแปซิฟิค ดอกนี้ สัญญานตรงถึงวอชิงตัน "สงครามขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิค" กองเรือรบเหี้ยจะขยาดไม่กล้าเข้าใกล้รัศมี พื้นที่สีแดงที่จีนกำหนดเด็ดขาด ไอ้เรือรบลำ 2 ลำ นั่นแค่ละครปาหี่ แต่หากมาเป็นฝูงจะจอดป้ายก่อนถึงเกาะสแปรดลี่ย์ทันที ด้านอีปินส์เงียบกริบ หลังจีนส่งเรือรบพร้อมรัสเซีย ไปขอดูหน้าขาเสี้ยนหน่อย หุบปากลงทันที ใครคุมใคร หมายังรู้? ด้านพม่า ตื่นแล้วจ๊ะ หลังจีนสั่งสอน ตอนนี้หันมาจูบปาก ธุรกิจสีเทาไม่เอาแย้ว เสือกโลภจนเกือบสิ้นรัฐบาลทหาร ดีที่รัสเซียยังดึงเชงเอาไว้ ชนกลุ่มน้อยกลับเข้าที่ดั่งเดิม ขีดเส้น ต่างคนต่างอยู่ ใครให้เหี้ยมะกันใช้เป็นฐาน มรึงโดนถล่มทันที ด้านเพ่ไทย ยืนคุมเชิง ปล่อยจีนสั่งสอน ไม่ต้องเปลืองแรงขยี้ ตชด.ไทย ทหารเรือไทย ยังมีอีขะแมร์มาช่วยจุดไฟแช็กให้อยู่ สยบข่าวปาหี่แยกดินแดน ใครกล้าล่ะ? กูล่ะฮาแตก มรึงยังกล้าหน้าด้านมาเสนอหน้า สื่อขี้ข้าเหี้ยออกข่าว WAGNER แพ้ยับในแอฟริกา ก็เลยเอาข่าวอัพเดทล่าสุดมาแฉให้ว่า กองกำลังเหี้ยไอซิสในแอฟริกา หนีตายข้ามทวีปกันหมดแล้ว ปล่อยนักรบท้องถิ่นที่ถูกหลอก ยืนเยี่ยวแตกรอโดน WAGNER สอยรายวัน 12 ชาติแอฟริกาปลดพันธนาการอเมริกา ฝรั่งเศส เรียบร้อยแล้ว ดูได้จาก แหล่งทำมาหาแดร๊ก แหล่งรายได้ที่เหี้ยเคยมี ถูกอายัด ระงับทุกอย่างสิ้น ด้านกองทัพรัฐบาลท้องถิ่น ประกบฐานทัพอเมริกัน ฝรั่งเศส จนหมด ชาวบ้านแห่ไปล้อมค่ายทหาร เรื่องจริงไงล่ะ ทำไมไม่พูดจ๊ะ? เหี้ยมันจะเอาอะไรมารักษาแอฟริกาได้อีก แค่ในยูเครน เยรูซาเล็ม ตอนนี้ ถังแตก อาวุธเกลี้ยงคลังแสง ทหารตายห่าเกลื่อนไปเท่าไหร่แล้ว แม้แต่ทหารประจำการตามฐานทัพเหี้ยทั่วโลกยังลดลงไปกว่าครึ่ง เพราะพิการไปหมดแล้ว ส่งเข้าไปที่ไหน กลับมาเป็นถุงดำหมด สื่อมีใครเค้าดูกันอีก ควายตายห่าหมดแล้ว เอาเงินภาษีกูไปโฆษณาชวนเชื่อให้เหี้ยทำไม ยุบช่องไปเลยดีกว่ามุย? ขี้ข้าออกหน้า? จับตาโผโยกย้ายตำแหน่งนายพล เสร็จกิจแล้ว อีลูกสาวร่านแค่ไปเป็นพิธี เบื้องหน้าจัดตามนายสั่ง แต่เบื้องหลัง แผนซ้อนแผน ทหารซ้อนทหารอีกชั้น อีเหลี่ยมวางตัวเด็กเหี้ย C ขึ้นนายพล แต่ปัญหาคือ อายุรัฐบาลมันสั้น จะโผไหน หากผู้ใหญ่ในกองทัพไม่ให้ความไว้วางใจก็อยู่ยาก เหนือฟ้ายังมีฟ้า เคยบอกไปแล้วว่า หน่วยกองทัพชุดใหญ่ ไฟกระพริบ มือดีที่สุดของแผ่นดิน อยู่ในมือพ่อร.10 ทั้งหมด ดังนั้น ไอ้เรื่องจะปฎิวัติล้มเจ้า มรึงลืมยันไปถึงชาติหน้าได้เลย มีแต่จะปฎิวัติล้มประชาธิปไตยควายตอแหลเหี้ยเท่านั้น คราวนี้ มรึงจะได้รู้ว่า การที่เสธ.แดงลาออกนั้น มันคือแผนที่เค้าวางเอาไว้แล้วล่วงหน้า เพื่อเตรียมตัว DO SOMETHING ในเวลาที่ใช่ และเบ็ดเสร็จเด็ดขาด รวดเร็วทันตาเห็น ยิ่งกว่า FAST & FURIOUS เวลาเสวยสุขของเหี้ยตัวพ่อเหลี่ยมกับอีลูกสาวขาร่าน มันใกล้จะจบลงแล้ว ไม่จ่ายก็เรื่องของมรึง ออกแผ่นดินนี้เมื่อไหร่? มรึงก็เตรียมตัวตายห่าได้เลย กฐินล่วงหน้าจองกันข้ามปี แค่รมต. แค่นายกฯ ไม่สามารถเปลี่ยนกองทัพไทยได้ ไม่งั้น ลุงตู่ คงโดนเขมือบไปนานแล้ว มรึงดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็พอ ใหญ่ค้ำฟ้าแค่ไหนก็จบที่รถถัง? เพราะกองทัพไทย มีเอาไว้เพื่อปกป้องวังเท่านั้น ใครล้มวัง คือศัตรูของกองทัพ ชัดพอมุย? ตัวละครลับเริ่มโผล่มาเรื่อยๆ ศาลไคฟงก็รอ 25/26/27/30 กันยายนนี้เช่นกัน กล้าๆ หน่อย จ่ายปุ๊บ จบปั๊บทันที คุกกันถ้วนหน้า กูท้า?

    หมี CNN(เสี้ยนกันนัก ต้องเอาให้หนัก คลั่งกันนัก ต้องเอาให้จบ เกมส์โลก เกมส์ไทย ไปทิศทางเดียวกันหมด อาเซียนเนื้อหอม เจาะยาก จีน รัสเซีย อิหร่าน กำลังเปลี่ยนโหมดใหม่ JOHN WICK CHAPTER V เกมส์ไล่ล่า ฆ่าล้างโคตร เพิ่งจะเริ่ม อย่าเพิ่งรีบตายน่ะเหี้ย ค่อยๆ ตายไปเรื่อยๆ โลกจะได้ไม่เดือดร้อน ตายเร็ว ตายเยอะ เดี๋ยวมันปอดแหก ไม่สู้ขึ้นมา เดี๋ยวเคว้ง!)
    18 กย. 67
    11.39 น.

    ------------------------------------------------------------------------—
    เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ :

    https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u

    **เพจหลักของหมี CNN คือ**
    https://www.minds.com/mheecnn2/

    เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn
    www.vk.com/id448335733

    **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://twitter.com/CnnMhee

    **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!**
    https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    18-09-67/01 : หมี CNN / "เล่าสู่กันฟัง" EP.8 ตอน "KNOCK OUT WEST DEAD END" ไอ้สัสมาเป็นชุด โรงงานรถยนต์อีเบียร์ดาหน้าปิดสายพานการผลิต เจ๊งทั้งแผ่นดิน จีนตีตลาดรถ EV กระจุยทั้งโลก แผนเด็ด รัสเซียตัดพลังงาน จีนตัดโรงงานผลิตโลก อียุโรป ขี้แตกแล้วจ๋า! ยังไม่พอ จีนเปิดตัวเรือดำน้ำใหม่ AI ขีปนาวุธอัจฉริยะ โถ..ไอ้ที่มีอยู่ เหี้ยก็กลัวขี้แตกแล้ว ละครปาหี่ไต้หวัน หมายังดูออก จีนเล่นเกมส์ปราสาทแดร๊กกับอีเหี้ยวอชิงตัน ทุบได้แต่ไม่ทุบ ล่อเหี้ยเข้ามาตายห่าเป็นหมู่คณะ สูตรเดียวกับที่รัสเซียล่อเหี้ย NATO มาตายห่าหมู่นั่นแหละ ขั้วใหม่ ทำงานสอดคล้องกันเสมอ ด้านตะวันออกกลางก็ไม่แพ้กัน มรึงจะห้าวเป้งไปไหน 3 ฮอ ประกาศศักดา ทั้งกาซ่า เวสต์แบงค์ เอาอยู่ คุมเกมส์อยู่มือ เหี้ยยิวกระอักเลือด แทบไม่เหลือฐานทัพแล้ว แม่งยิงกู 24 ชม. ไอ้สัส! แต๋วแตก กระสุนหมด ไอรอน โดมยังไม่รอด ถูกฉายซ้ำ เสียหมาให้โลกประจักษ์ นี่เหรอ ที่มรึงคุยว่าดีที่สุดในโลก สู้โดรนราคา 10000 เหรียญกูยังไม่ได้ "ไอ้กระจอก" ละครปาหี่ซ้ำสอง ลอบฆ่าอีทรัมปป์ จัดฉากเห็นๆ ไม่เนียน ฮอลีวู๊ดการละคร หลอกควายสบายใจจัง หลอกกี่ครั้งก็ยังเป็นควาย ไอ้สัส! ออกสื่อไม่ถึงชั่วโมง ภาพเบื้องหลังลอบสังหารออกมาทันที มรึงจะดราม่าไปถึงไหน? อเมริกันควายชอบไงล่ะ? ฉิบหายแล้ว อิรัก-อิหร่านจับมือ ล้างบางเหี้ย C ทั้งแผ่นดิน เตรียมยกพลขึ้นบก เข้าไปเหยียบหน้าอียิวถึงที่ คาเยรูซาเล็ม ทั้งหมด บีบให้อียิวยอมแพ้ แล้วยอมรับแผนสันติภาพใหม่(คืนแผ่นดินให้ปาเลสไตน์ทั้งหมด) สเตปต่อไปคือ เมื่อปาเลสไตน์ได้สิทธิ์ชอบธรรมตั้งเป็นประเทศ มีพื้นที่ มีกองทัพ มีรัฐบาลแห่งชาติ ต่อไปคือดึงแนวร่วมเข้ามาอยู่ให้เต็มแผ่นดินปาเลสไตน์ เพื่อขับไล่อียิวออกไปนั่นเอง มันจะเป็นช่วงเวลาที่รัสเซียเขมือบยูเครนเบ็ดเสร็จแล้วนั่นเอง ขยายต่อไปอีโปล ไล่ยำอีฟินน์ กระทืบอีสวิงกิ้ง และลงแขกอีลอนดอนให้จบตำนานชั่ว ทุกอย่างพิมพ์เขียวมาเต็ม WWIII จะเกิดขึ้นได้จริง ไม่ใช่แค่มีอาวุธ จากสถานการณ์ปัจจุบัน เหี้ยจะฝืนลุยมีแต่สิ้นชาติพันธุ์ สู้ไม่ยาก แต่แพ้ยับใครจะจ่ายค่าปฎิกรรมสงครามกันล่ะ? นอกจากยกแผ่นดินชดใช้หนี้ นั่นแหละ ที่ขั้วใหม่ต้องการ? อลาสก้า ฮาวาย MY LOVE มาหาป๋าซะดีดี! ดูเกมส์ให้ขาด จะชนะเด็ดขาดได้จริง ต้องทำให้ศัตรู ไม่มีทางเลือกอื่น หนี้สิน ชีวิต ปากท้อง แผ่นดิน ทุกอย่างต้องยอมจำนน นั่นคือโอกาสเดียวที่จะไม่เกิด WWIII เต็มรูปแบบ นี่คือสิ่งที่จีน รัสเซีย สมองใส คิดเอาไว้ก่อนเริ่มบุกยึดยูเครน หากยังจำกันได้ ปูติน สีจิ้นผิง JOHN KIM ผู้นำอิหร่าน ซีเรีย อิรัก ไปมาหาสู่กันถี่ยิบเมื่อ 5 ปีก่อน ก็เพื่อการณ์นี้แหละ ช็อคโลก! ไบ้แดร๊กไปเลยสิ ไอ้ควาย หยวนจีนแซงดอลล่าร์เรียบร้อยแล้วจ๊ะ ปริมาณใช้หยวนทั้งโลกมี 48% ขณะที่ดอลล่าร์เหลือแค่ 46% แปลว่าอะไร? จีนกำลังจะเขมือบเหี้ยต่อไปไงล่ะ? คาดการณ์ว่า ปริมาณการใช้หยวนจะเพิ่มขึ้นอีกมหาศาล หลังทั้งโลกเทดอลล่าร์ แล้วเข้ากลุ่ม BRICS สิ่งที่ตามมา ทำให้พันธมิตรขั้วใหม่ ยิ้มกันถ้วนหน้า ทั้งรูเบิล รัสเซีย แม้แต่เงินเรียลอิหร่าน โปรดสังเกตุ ชาติพลังงาน เทคโนโลยี โลกมีความต้องการอยู่เสมอ ที่มาว่าทำไม อีทรัมปป์โยงประเด็นการเมือง ใครไม่ใช้ดอลล่าร์ กูจะขึ้นภาษี 100% ยิ่งทำให้ทั้งโลกตัดสินใจง่ายขึ้น กูเข้า BRICS คือจบทันที กฎหมาใช้ไม่ได้กับโลกยุคใหม่ เสี้ยนจัด ไปถามตรีน SCO ก่อนน่ะ กองทัพที่มีกำลังพลเกิน 30 ล้านเนี่ย มรึงจะไปหาที่ไหนในโลกได้อีก? ยังไม่นับอี THE TERMINATOR ของรัสเซีย ฝูงแมลงพิฆาต AI ของจีน มีกี่ชีวิตพอตายมั้ยจ๊ะ? ดังนั้น ใครที่ยังเห็น 1USD = 35THB คือภาพตอแหล หลอกลวงควายทั้งนั้น ที่มันหลอกได้ เพราะควายเต็มใจให้หลอก กลัวมันส่งเหี้ยไอซิสมาเผาบ้าน แต่ตอนนี้ ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว หลังกองทัพผู้เกรียงไกรโลก แพ้ยับเสียหมาต่อนักรบกู้ชาติกีบแตะ หมาทั้งตะวันตก เรือรบที่ว่าแน่ กลายเป็นขนมกรุบเยเมน นี่มันห่างชั้นกันไกลขนาดนี้แล้วรึเนี่ย? ความเป็นจริง โลกต่างรู้ดีว่า USD = 0 ไม่มีค่าอะไรทั้งสิ้น แล้วมรึงไปเอาเหี้ยอะไรมาเป็นเกณฑ์วัดกันล่ะ คำตอบมีแค่ "ขี้ข้า" ไงล่ะ ปลดแอกเหี้ย ต้องจัดการขี้ข้าเหี้ยทั้งแผ่นดิน วังทำอยู่ ทหารเดินตามแผน คลังไม่ได้โง่ ที่ผ่านมา แค่สับขาหลอก จำเอาไว้ว่า นายกฯ จะใหญ่แค่ไหน แต่คลังเป็นเรื่องของแผ่นดิน วังดูแลกำกับเบื้องหลัง ยุคร.10 ไม่มีให้กระเด็น เชื่อกูดิ? คลังไทยมีแต่จะเพิ่ม สอดคล้องกับแผนยืมมือควาย ทำลายเหี้ย เงิน 10000 คือเป้าล่อ เหี้ยคิดแค่ว่า เอาประชาชนควายมาเป็นตัวประกัน หากทำไม่ได้ ไม่ผ่าน อ้างมีมือที่ 3 สกัด แต่สิ่งที่ทหารมองคือ ย้อนเกล็ดเหี้ย ใช้ประชากรควายย้อนกลับไปทำลายเหี้ยมันเอง เงินจ่ายไป แต่คุกและคดีก็แจกตามมาติดๆ เกมส์นี้ เค้าชงให้วังเป็นพระเอกเงินล้านจ๊ะ ยังไม่ถึงเวลาออกโรง กระต่ายอย่าดิ้นเยอะ กูเหนื่อยใจแทน! เดี๋ยวมรึงจะได้เห็น 25/26/24/30 กันยายน แจกจริง คุกจริง แผนสำเร็จตามเป้าหมายทันที นั่นแหละ ศาลไคฟงถึงจะเขยิบได้ มองให้ทะลุ ว่าเค้ารออะไรอยู่? มรึงเคยเห็นมั้ย? ยึดทรัพย์นักการเมืองเหี้ยทั้งแผ่นดิน ใครล่ะ ที่กล้าทำ? ก็คนตกงานที่เพิ่งจะลาออกมาหมาดๆ นี่ไงล่ะ? จบน่ะ! ภาพโคตรชัด รัฐบาลแห่งชาติต้องมา ปฎิวัติต้องมี รัฐธรรมนูญอัพเดท ปรับใหม่ ต้องเกิด ราชาธิปไตยก้าวหน้าต้องฉายแสง โห..ไอ้สัส ฮอลีวู๊ดยังอาย เมื่อศรีธนญชัย ฟิล์ม เล่นและกำกับเอง ยังไม่จบ "หมูเด้ง" ออกอาละวาดทั่วโลกหนักขึ้น กระแสแรงจนเขี่ยละครปาหี่หลายเรื่องตกขอบ ฮิปโปแคระ ใครคิด? มันมาเองไม่ได้ดอก นี่คือ 1 ใน AMAZING THAILAND มรึงคิดว่าเมืองไทยสวยใสไร้สติเหรอไง? หน่วยประชาสัมพันธ์ PROPAGANDA WAR เราก็มีนานแล้ว อะไรที่ไทยเราจะใช้ขยายอิทธิพลทางความคิด เราทำมาโดยตลอด แบบน้ำนิ่งไหลลึก กว่าจะรู้ตัวอีกที เสร็จเพ่ไทยไปเรียบร้อยโรงเรียนหมูเด้งทันที! ปล.รถไฟขนอาวุธยุโรปพังราบคาบ ขีปนาวุธ 1000 ลูก ถล่มยูเครนยับเละเทะ ชาวโลกเบื่อ รีบๆ ตายห่าไปซะน่ะ จะได้ไปไล่เก็บอีโปลต่อ งานง่าย เพราะมันพร้อมจะถอยทุกเมื่อ ปากกล้าขาสั่น เยี่ยวแตกไม่รู้กี่รอบ ขนาดทหารอเมริกันผู้เก่งกาจ ยังพิการทั้งกองทัพ หมายังรู้? ชนะง่ายดายไปป่ะ? ไอ้สัส! อียิวยังสู้ยิบตา ฝังระเบิดในเพจเจอร์ระยะไกล ล่อเลบานอน หลังถูกฮามาสล่อเป้า ระเบิดพลีชีพกลางฝูงชนเยรูซาเล็ม งานนี้ เอากันถึงตาย ไม่ต้องไปโรงหมอ? แรงมา แรงกลับไม่มีโกง แล้วมรึงจะอยู่ร่วมโลกกันได้อย่างไร? มรึงสอนลูกหลานยิว ฮามาสคือสัดนรก ส่วนฮามาสสอนลูกหลานว่าอียิวคือเปรตเดรัจฉานชิงหมาเกิด มันจะจบยังไง หากไม่มีผู้ชนะ 1 เดียวที่รอด? ล่าสุด ขั้วใหม่ปรับขบวนรบ จีน รัสเซีย อิหร่าน ผนึกกำลังแปซิฟิค ดอกนี้ สัญญานตรงถึงวอชิงตัน "สงครามขีปนาวุธไฮเปอร์โซนิค" กองเรือรบเหี้ยจะขยาดไม่กล้าเข้าใกล้รัศมี พื้นที่สีแดงที่จีนกำหนดเด็ดขาด ไอ้เรือรบลำ 2 ลำ นั่นแค่ละครปาหี่ แต่หากมาเป็นฝูงจะจอดป้ายก่อนถึงเกาะสแปรดลี่ย์ทันที ด้านอีปินส์เงียบกริบ หลังจีนส่งเรือรบพร้อมรัสเซีย ไปขอดูหน้าขาเสี้ยนหน่อย หุบปากลงทันที ใครคุมใคร หมายังรู้? ด้านพม่า ตื่นแล้วจ๊ะ หลังจีนสั่งสอน ตอนนี้หันมาจูบปาก ธุรกิจสีเทาไม่เอาแย้ว เสือกโลภจนเกือบสิ้นรัฐบาลทหาร ดีที่รัสเซียยังดึงเชงเอาไว้ ชนกลุ่มน้อยกลับเข้าที่ดั่งเดิม ขีดเส้น ต่างคนต่างอยู่ ใครให้เหี้ยมะกันใช้เป็นฐาน มรึงโดนถล่มทันที ด้านเพ่ไทย ยืนคุมเชิง ปล่อยจีนสั่งสอน ไม่ต้องเปลืองแรงขยี้ ตชด.ไทย ทหารเรือไทย ยังมีอีขะแมร์มาช่วยจุดไฟแช็กให้อยู่ สยบข่าวปาหี่แยกดินแดน ใครกล้าล่ะ? กูล่ะฮาแตก มรึงยังกล้าหน้าด้านมาเสนอหน้า สื่อขี้ข้าเหี้ยออกข่าว WAGNER แพ้ยับในแอฟริกา ก็เลยเอาข่าวอัพเดทล่าสุดมาแฉให้ว่า กองกำลังเหี้ยไอซิสในแอฟริกา หนีตายข้ามทวีปกันหมดแล้ว ปล่อยนักรบท้องถิ่นที่ถูกหลอก ยืนเยี่ยวแตกรอโดน WAGNER สอยรายวัน 12 ชาติแอฟริกาปลดพันธนาการอเมริกา ฝรั่งเศส เรียบร้อยแล้ว ดูได้จาก แหล่งทำมาหาแดร๊ก แหล่งรายได้ที่เหี้ยเคยมี ถูกอายัด ระงับทุกอย่างสิ้น ด้านกองทัพรัฐบาลท้องถิ่น ประกบฐานทัพอเมริกัน ฝรั่งเศส จนหมด ชาวบ้านแห่ไปล้อมค่ายทหาร เรื่องจริงไงล่ะ ทำไมไม่พูดจ๊ะ? เหี้ยมันจะเอาอะไรมารักษาแอฟริกาได้อีก แค่ในยูเครน เยรูซาเล็ม ตอนนี้ ถังแตก อาวุธเกลี้ยงคลังแสง ทหารตายห่าเกลื่อนไปเท่าไหร่แล้ว แม้แต่ทหารประจำการตามฐานทัพเหี้ยทั่วโลกยังลดลงไปกว่าครึ่ง เพราะพิการไปหมดแล้ว ส่งเข้าไปที่ไหน กลับมาเป็นถุงดำหมด สื่อมีใครเค้าดูกันอีก ควายตายห่าหมดแล้ว เอาเงินภาษีกูไปโฆษณาชวนเชื่อให้เหี้ยทำไม ยุบช่องไปเลยดีกว่ามุย? ขี้ข้าออกหน้า? จับตาโผโยกย้ายตำแหน่งนายพล เสร็จกิจแล้ว อีลูกสาวร่านแค่ไปเป็นพิธี เบื้องหน้าจัดตามนายสั่ง แต่เบื้องหลัง แผนซ้อนแผน ทหารซ้อนทหารอีกชั้น อีเหลี่ยมวางตัวเด็กเหี้ย C ขึ้นนายพล แต่ปัญหาคือ อายุรัฐบาลมันสั้น จะโผไหน หากผู้ใหญ่ในกองทัพไม่ให้ความไว้วางใจก็อยู่ยาก เหนือฟ้ายังมีฟ้า เคยบอกไปแล้วว่า หน่วยกองทัพชุดใหญ่ ไฟกระพริบ มือดีที่สุดของแผ่นดิน อยู่ในมือพ่อร.10 ทั้งหมด ดังนั้น ไอ้เรื่องจะปฎิวัติล้มเจ้า มรึงลืมยันไปถึงชาติหน้าได้เลย มีแต่จะปฎิวัติล้มประชาธิปไตยควายตอแหลเหี้ยเท่านั้น คราวนี้ มรึงจะได้รู้ว่า การที่เสธ.แดงลาออกนั้น มันคือแผนที่เค้าวางเอาไว้แล้วล่วงหน้า เพื่อเตรียมตัว DO SOMETHING ในเวลาที่ใช่ และเบ็ดเสร็จเด็ดขาด รวดเร็วทันตาเห็น ยิ่งกว่า FAST & FURIOUS เวลาเสวยสุขของเหี้ยตัวพ่อเหลี่ยมกับอีลูกสาวขาร่าน มันใกล้จะจบลงแล้ว ไม่จ่ายก็เรื่องของมรึง ออกแผ่นดินนี้เมื่อไหร่? มรึงก็เตรียมตัวตายห่าได้เลย กฐินล่วงหน้าจองกันข้ามปี แค่รมต. แค่นายกฯ ไม่สามารถเปลี่ยนกองทัพไทยได้ ไม่งั้น ลุงตู่ คงโดนเขมือบไปนานแล้ว มรึงดูประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็พอ ใหญ่ค้ำฟ้าแค่ไหนก็จบที่รถถัง? เพราะกองทัพไทย มีเอาไว้เพื่อปกป้องวังเท่านั้น ใครล้มวัง คือศัตรูของกองทัพ ชัดพอมุย? ตัวละครลับเริ่มโผล่มาเรื่อยๆ ศาลไคฟงก็รอ 25/26/27/30 กันยายนนี้เช่นกัน กล้าๆ หน่อย จ่ายปุ๊บ จบปั๊บทันที คุกกันถ้วนหน้า กูท้า? หมี CNN(เสี้ยนกันนัก ต้องเอาให้หนัก คลั่งกันนัก ต้องเอาให้จบ เกมส์โลก เกมส์ไทย ไปทิศทางเดียวกันหมด อาเซียนเนื้อหอม เจาะยาก จีน รัสเซีย อิหร่าน กำลังเปลี่ยนโหมดใหม่ JOHN WICK CHAPTER V เกมส์ไล่ล่า ฆ่าล้างโคตร เพิ่งจะเริ่ม อย่าเพิ่งรีบตายน่ะเหี้ย ค่อยๆ ตายไปเรื่อยๆ โลกจะได้ไม่เดือดร้อน ตายเร็ว ตายเยอะ เดี๋ยวมันปอดแหก ไม่สู้ขึ้นมา เดี๋ยวเคว้ง!) 18 กย. 67 11.39 น. ------------------------------------------------------------------------— เข้าถ้ำ RONIN คลิกที่ LINK ตามนี้ : https://liff.line.me/1645278921-kWRPP32q/?accountId=hfs0310u **เพจหลักของหมี CNN คือ** https://www.minds.com/mheecnn2/ เพจ VK ของรัสเซีย พิมคำว่า Frank Mheecnn www.vk.com/id448335733 **เพจหมี CNN ใน Twitter ตัวใหม่ล่าสุด!** https://twitter.com/CnnMhee **เพจหมี CNN ใน FB ห้องปิด ตัวใหม่ล่าสุด!** https://www.facebook.com/chatchai.sathitsit.77
    0 Comments 0 Shares 209 Views 0 Reviews
  • 18/09/67
    วันนี้ดอลลาร์สหรัฐร่วง ตลาดหุ้นทรงตัว
    นักลงทุนเตรียมรับมือธนาคารกลางสหรัฐ
    หรือ เฟด ผ่อนปรนอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง

    ดอลลาร์อ่อนค่าลงในวันพุธนี้ ในขณะที่
    อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐขยับสูงขึ้น
    และหุ้นทั่วโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทย ทรงตัว
    เนื่องจากผู้ซื้อขายพิจารณา
    ความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด)
    จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในจำนวนมาก
    ในช่วงบ่ายของวัน (ตามเวลาสหรัฐ)

    ที่มา : Reuters

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ธนาคารกลางสหรัฐ
    #FED #thaitimes
    🔥🔥18/09/67 วันนี้ดอลลาร์สหรัฐร่วง ตลาดหุ้นทรงตัว นักลงทุนเตรียมรับมือธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ผ่อนปรนอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 🚩ดอลลาร์อ่อนค่าลงในวันพุธนี้ ในขณะที่ อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐขยับสูงขึ้น และหุ้นทั่วโลก รวมทั้งตลาดหุ้นไทย ทรงตัว เนื่องจากผู้ซื้อขายพิจารณา ความเป็นไปได้ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยในจำนวนมาก ในช่วงบ่ายของวัน (ตามเวลาสหรัฐ) ที่มา : Reuters #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ธนาคารกลางสหรัฐ #FED #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 738 Views 0 Reviews
  • #กลุ่มเงินดาร์คซักอบรีดเงินผ่านPKและแอพตต.อย่างไร
    เป็นข้อมูลเชิงลึกที่มาแบบไม่รู้ตัว
    โดยมีผู้ใช้เฟสบุ๊ค ได้เข้ามาอธิบายวิธีการ
    จากที่มีคนถามว่าถ้าส่งติ๊กเกอร์โดนหักจะคุ้มเหรอ
    และนี่คือคำตอบ
    "บิ๊กแมต​ ทุกเดือนเลย"
    "เงินดาร์คแลกเป็นเหรียญ​สามารถ​โอนเข้าบัญชี​ให้กัน​ได้เลยทันที..
    ไม่ต้องแลกเป็นของขวัญให้เสียส่วนต่าง.
    แล้วบริษัท​ก็ไปแต่งบัญชี​เอาว่าได้เหรียญจากการแข่งขัน.!!
    ชึ่งระดับกามิจเขาไม่ตรวจหลอกเพราะคนดูนางเยอะระดับหลายหมื่น.. ขอบคุณ​คิงโพธิ์แดง​ ทีทำให้เราเข้าใจ​ สิ่งที่ชาลีพยายามบอกอ้อมๆ​ ว่าบิ๊กแมต​ไม่เป็นธรรม​ชาติ​ แบบนี้เอง"
    จึงไม่แปลกใจ ว่าทำไม โจ ถึงไม่ต้องทำงานทำการ
    และมีงบ จัดทัพในการตอบโต้เรื่องนี้
    อย่างไม่สนใจวิธีการ ทั้งยูซผี และสร้างกลุ่มไอโอ
    ในการแก้เกมส์ได้ทุกวัน
    ฝากบอก โจ มณฑานีด้วยว่า
    โจ เงินบาป มันจะเผาตัวเองในที่สุดนะ
    รอรับ กรรมทำงาน
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #กลุ่มเงินดาร์คซักอบรีดเงินผ่านPKและแอพตต.อย่างไร เป็นข้อมูลเชิงลึกที่มาแบบไม่รู้ตัว โดยมีผู้ใช้เฟสบุ๊ค ได้เข้ามาอธิบายวิธีการ จากที่มีคนถามว่าถ้าส่งติ๊กเกอร์โดนหักจะคุ้มเหรอ และนี่คือคำตอบ "บิ๊กแมต​ ทุกเดือนเลย" "เงินดาร์คแลกเป็นเหรียญ​สามารถ​โอนเข้าบัญชี​ให้กัน​ได้เลยทันที.. ไม่ต้องแลกเป็นของขวัญให้เสียส่วนต่าง. แล้วบริษัท​ก็ไปแต่งบัญชี​เอาว่าได้เหรียญจากการแข่งขัน.!! ชึ่งระดับกามิจเขาไม่ตรวจหลอกเพราะคนดูนางเยอะระดับหลายหมื่น.. ขอบคุณ​คิงโพธิ์แดง​ ทีทำให้เราเข้าใจ​ สิ่งที่ชาลีพยายามบอกอ้อมๆ​ ว่าบิ๊กแมต​ไม่เป็นธรรม​ชาติ​ แบบนี้เอง" จึงไม่แปลกใจ ว่าทำไม โจ ถึงไม่ต้องทำงานทำการ และมีงบ จัดทัพในการตอบโต้เรื่องนี้ อย่างไม่สนใจวิธีการ ทั้งยูซผี และสร้างกลุ่มไอโอ ในการแก้เกมส์ได้ทุกวัน ฝากบอก โจ มณฑานีด้วยว่า โจ เงินบาป มันจะเผาตัวเองในที่สุดนะ รอรับ กรรมทำงาน #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 628 Views 0 Reviews

  • ในระหว่างที่นั่งจิบชาช่วงบ่ายระหว่างทำงาน work from home ได้มีโอกาสครุ่นคิดถึงศาสนาในประเทศไทยซึ่งประชากรกว่า 90% จดทะเบียนว่าเป็นศาสนาพุทธ แต่ความจริงนั้นอาจยากที่จะตอบได้ว่า คนเหล่านี้เป็นพุทธศาสนิกชนที่แท้จริงหรือไม่

    จากประสบการณ์ที่อยู่ในสังคมคนทำงานรุ่น Gen X, Y, และ Z มานานเกือบทศวรรษ ทำให้เข้าใจว่าในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่มักไม่มีศาสนาแบบชัดเจน แต่ก็ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็น Atheist (คนไม่เชื่อในพระเจ้า) หรือ Agnostic (คนที่ไม่เชื่อหรือปฏิเสธการมีอยู่ของสิ่งเหนือธรรมชาติ)ได้เช่นกัน

    เพราะแม้ว่าจะไม่ได้เชื่อในชีวิตหลังความตาย หรือนรกสวรรค์ แต่ผู้คนยังคงหันไปขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อ "โชคลาภ" หรือทำบุญบริจาคเมื่อ "รู้สึกดวงตก" นั่นแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างความเชื่อกับการปฏิบัติในชีวิตประจำวันของคนในปัจจุบัน

    ระหว่างที่กลืนขนมสโคนกับจิบชาเปปเปอร์มิ้นท์ คำถามที่ฉงนใจผุดขึ้นว่า "หากคนที่ไม่เชื่อในศาสนาต้องเผชิญสถานการณ์คับขัน เช่น อยู่บนเครื่องบินที่กำลังจะตกและเหลือเวลาไม่กี่นาทีก่อนจะขิต"พวกเขาเหล่านี้จะหันไปภาวนาหรือสวดกับอะไร?

    ถ้าไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะสวดหาไอดอลหรือ Life coach ที่ตามอยู่?
    อ้อนวอนขอชีวิตกับยมบาล?
    หรือพวกเขาจะจมอยู่ในความรู้สึกกลัวตายจนไม่มีเวลาคิดถึงอะไรเลย?

    มันไม่ผิดหรอกที่ใครบางคนจะไม่เชื่อในศาสนา แต่คำถามที่น่าสงสัยคือ ณ วินาทีที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย เราจะยึดเหนี่ยวสิ่งใด? มนุษย์เมื่อเผชิญความไม่แน่นอนและความตาย มักจะโหยหาสิ่งที่ให้ความหวังเพื่อความสงบใจแห่งจิตใจ

    ไม่ต่างอะไรจากเถาวัลย์โน้มหาต้นไม้ใหญ่หาที่พึ่ง ไม่ว่าจะเป็นศาสนา ความเชื่อทางจิตวิญญาณ หรือแม้กระทั่งความหวังที่เกิดจากการนึกถึงคนที่เรารักและศรัทธา มนุษย์ทุกคนย่อมต้องการ "หลัก" ยึดเหนี่ยว ในการใช้ชีวิต ไปจนถึงช่วงเวลาลมหายใจสุดท้าย #ศาสนาสำคัญไฉน

    While sipping afternoon tea during a work-from-home break, I found myself reflecting on religion in Thailand, where more than 90% of the population is registered as Buddhist. However, it’s difficult to say for certain whether these individuals are truly practicing Buddhists.

    From my experience in the working society of Gen X, Y, and Z for nearly a decade, it’s become clear that many people today don’t strictly follow a particular religion. Yet, we can’t exactly call them Atheists (those who don’t believe in a god) or Agnostics (those who neither believe nor deny the existence of the supernatural) either.

    Even though they may not believe in an afterlife or heaven and hell, people still turn to sacred entities to pray for "luck" or make merit donations when they "feel unlucky." This shows the complex relationship between belief and daily practices in today’s world.

    While I was munching on a scone and sipping my peppermint tea, a curious question popped into my mind: "If someone who doesn’t believe in religion were in a dire situation, like being on a plane about to crash with only a few minutes left to live," who or what would they turn to in prayer?

    If not a sacred being, would they pray to their idol or the life coach they follow? Would they plead for their life with the Grim Reaper? Or would they be so consumed by the fear of death that they wouldn’t have time to think of anything at all?

    It’s not wrong for someone not to believe in religion, but the intriguing question is, in the moment when life hangs by a thread, what would we cling to? When humans face uncertainty and death, they often yearn for something that gives them hope and peace of mind.

    Just like vines reaching out to a large tree for support, whether it’s religion, spiritual beliefs, or even the hope that comes from thinking of the ones we love and cherish, every human seeks a “pillar” to hold onto—both in life and in their final moments. #WhyIsReligionImportant
    ในระหว่างที่นั่งจิบชาช่วงบ่ายระหว่างทำงาน work from home ได้มีโอกาสครุ่นคิดถึงศาสนาในประเทศไทยซึ่งประชากรกว่า 90% จดทะเบียนว่าเป็นศาสนาพุทธ แต่ความจริงนั้นอาจยากที่จะตอบได้ว่า คนเหล่านี้เป็นพุทธศาสนิกชนที่แท้จริงหรือไม่🧐 จากประสบการณ์ที่อยู่ในสังคมคนทำงานรุ่น Gen X, Y, และ Z มานานเกือบทศวรรษ ทำให้เข้าใจว่าในปัจจุบัน คนส่วนใหญ่มักไม่มีศาสนาแบบชัดเจน แต่ก็ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็น Atheist (คนไม่เชื่อในพระเจ้า) หรือ Agnostic (คนที่ไม่เชื่อหรือปฏิเสธการมีอยู่ของสิ่งเหนือธรรมชาติ)ได้เช่นกัน เพราะแม้ว่าจะไม่ได้เชื่อในชีวิตหลังความตาย หรือนรกสวรรค์ แต่ผู้คนยังคงหันไปขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพื่อ "โชคลาภ" หรือทำบุญบริจาคเมื่อ "รู้สึกดวงตก" นั่นแสดงให้เห็นถึงความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนระหว่างความเชื่อกับการปฏิบัติในชีวิตประจำวันของคนในปัจจุบัน😯 ระหว่างที่กลืนขนมสโคนกับจิบชาเปปเปอร์มิ้นท์ คำถามที่ฉงนใจผุดขึ้นว่า "หากคนที่ไม่เชื่อในศาสนาต้องเผชิญสถานการณ์คับขัน เช่น อยู่บนเครื่องบินที่กำลังจะตกและเหลือเวลาไม่กี่นาทีก่อนจะขิต"พวกเขาเหล่านี้จะหันไปภาวนาหรือสวดกับอะไร? ☠️ ถ้าไม่ใช่สิ่งศักดิ์สิทธิ์ จะสวดหาไอดอลหรือ Life coach ที่ตามอยู่? อ้อนวอนขอชีวิตกับยมบาล? หรือพวกเขาจะจมอยู่ในความรู้สึกกลัวตายจนไม่มีเวลาคิดถึงอะไรเลย?👿 มันไม่ผิดหรอกที่ใครบางคนจะไม่เชื่อในศาสนา แต่คำถามที่น่าสงสัยคือ ณ วินาทีที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย เราจะยึดเหนี่ยวสิ่งใด? มนุษย์เมื่อเผชิญความไม่แน่นอนและความตาย มักจะโหยหาสิ่งที่ให้ความหวังเพื่อความสงบใจแห่งจิตใจ🤍 ไม่ต่างอะไรจากเถาวัลย์โน้มหาต้นไม้ใหญ่หาที่พึ่ง ไม่ว่าจะเป็นศาสนา ความเชื่อทางจิตวิญญาณ หรือแม้กระทั่งความหวังที่เกิดจากการนึกถึงคนที่เรารักและศรัทธา มนุษย์ทุกคนย่อมต้องการ "หลัก" ยึดเหนี่ยว ในการใช้ชีวิต ไปจนถึงช่วงเวลาลมหายใจสุดท้าย #ศาสนาสำคัญไฉน While sipping afternoon tea during a work-from-home break, I found myself reflecting on religion in Thailand, where more than 90% of the population is registered as Buddhist. However, it’s difficult to say for certain whether these individuals are truly practicing Buddhists. 🧐 From my experience in the working society of Gen X, Y, and Z for nearly a decade, it’s become clear that many people today don’t strictly follow a particular religion. Yet, we can’t exactly call them Atheists (those who don’t believe in a god) or Agnostics (those who neither believe nor deny the existence of the supernatural) either. Even though they may not believe in an afterlife or heaven and hell, people still turn to sacred entities to pray for "luck" or make merit donations when they "feel unlucky." This shows the complex relationship between belief and daily practices in today’s world. 😯 While I was munching on a scone and sipping my peppermint tea, a curious question popped into my mind: "If someone who doesn’t believe in religion were in a dire situation, like being on a plane about to crash with only a few minutes left to live," who or what would they turn to in prayer? ☠️ If not a sacred being, would they pray to their idol or the life coach they follow? Would they plead for their life with the Grim Reaper? Or would they be so consumed by the fear of death that they wouldn’t have time to think of anything at all? 👿 It’s not wrong for someone not to believe in religion, but the intriguing question is, in the moment when life hangs by a thread, what would we cling to? When humans face uncertainty and death, they often yearn for something that gives them hope and peace of mind. 🤍 Just like vines reaching out to a large tree for support, whether it’s religion, spiritual beliefs, or even the hope that comes from thinking of the ones we love and cherish, every human seeks a “pillar” to hold onto—both in life and in their final moments. #WhyIsReligionImportant
    0 Comments 0 Shares 147 Views 0 Reviews
  • Facebook, WhatsApp และ Instagram แบนสื่อRTและเครือข่ายสื่ออื่นๆของรัสเซีย สนองนโยบายคว่ำบาตรของรัฐบาลสหรัฐที่กล่าวหาสื่อรัสเซียเป็นสายลับหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย ทำลายการเลือกตั้งและประชาธิปไตยของอเมริกา

    17 กันยายน 2567-รายงานข่าววอชิงตันโพสต์ระบุว่า Meta เจ้าของแพลตฟอร์ม Facebook, WhatsApp และ Instagram ได้สั่งแบนเครือข่ายสื่อของรัสเซีย หลายแห่ง เช่น RT ออกจากแพลตฟอร์มของบริษัท หลังจากที่สหรัฐอเมริกาได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรบริษัทแม่ของ RT และกล่าวหาว่าบริษัทเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นสายลับปฏิบัติการข่าวกรองของมอสโกว

    “หลังจากการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เราได้ขยายการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องกับสื่อของรัฐรัสเซีย โดยขณะนี้ Rossiya Segodnya, RT และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ถูกแบนจากแอปของเราทั่วโลกเนื่องจากมีกิจกรรมแทรกแซงจากต่างประเทศ” Meta กล่าวในแถลงการณ์

    ในการตอบสนองต่อการแบนดังกล่าว RT บอกกับ The Washington Post ว่าการเคลื่อนไหวของ Meta เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทได้ปิดกั้นเครือข่ายในยุโรปเมื่อสองปีก่อน “ไม่ต้องกังวล เมื่อพวกเขาปิดประตูแล้วก็ปิดหน้าต่าง 'พวกพ้อง' (หรือในภาษาของคุณคือ นักรบกองโจร) ของเราก็จะหาช่องโหว่เพื่อคลานผ่านมันไปได้”

    ขณะเดียวกัน ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของเครมลิน กล่าวถึงการเคลื่อนไหวดังกล่าวว่า “เป็นลบมาก”

    “Meta ทำลายชื่อเสียงของตัวเองด้วยการกระทำเหล่านี้ และแน่นอนว่า การกระทำที่เลือกปฏิบัติต่อสื่อของรัสเซียเช่นนี้เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ นั่นคือเหตุผลที่เรามีทัศนคติเชิงลบอย่างยิ่งต่อเรื่องนี้” เขากล่าว “สิ่งนี้ทำให้โอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ปกติระหว่างเรากับบริษัท Meta มีความซับซ้อนมากขึ้น”

    แอนโธนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศประกาศการคว่ำบาตรบริษัทแม่ของ RT อย่าง Rossiya Segodnya และ TV-Novosti เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยบลิงเคนกล่าวว่าเครมลินใช้ RT เพื่อดำเนินการข่าวกรองทางไซเบอร์ระหว่างประเทศและปฏิบัติการอิทธิพลลับ รวมถึงช่วยในการจัดหาอาวุธสำหรับสงครามของรัสเซียกับยูเครน

    บลิงเคนกล่าวว่าข้อมูลใหม่ที่เปิดเผยคือหน่วยงานเหล่านี้ “ไม่ใช่แค่ผู้ปล่อยข่าวกรองและข้อมูลบิดเบือนของรัสเซียอีกต่อไป พวกเขากำลังทำกิจกรรมอิทธิพลลับเพื่อบ่อนทำลายการเลือกตั้งและประชาธิปไตยของอเมริกา โดยทำหน้าที่เสมือนเป็นหน่วยงานโดยพฤตินัยของหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย”

    ในแถลงการณ์ กระทรวงต่างประเทศระบุว่า RT และพนักงานได้ประสานงานกับเครมลินเพื่ออิทธิพลในการเลือกตั้งในเดือนหน้าในมอลโดวา

    สื่อของรัฐรัสเซียถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับข้อมูลเท็จ โดยมีเป้าหมายเพื่อมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งในประเทศอื่นๆ ตลอดจนการแพร่กระจายโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับการรุกรานยูเครนของรัสเซีย

    ในปี 2022 หลังจากการรุกราน สำนักข่าว Meta กล่าวว่าได้ "จำกัดการเข้าถึง" RT และ Sputnik ซึ่งเป็นสื่อของรัฐรัสเซียอีกแห่ง ทั่วสหภาพยุโรป ตามคำร้องขอจากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป ในเวลานั้น YouTube และ TikTok ได้บังคับใช้การห้ามที่คล้ายกันในยุโรป

    เมื่อต้นเดือนนี้ เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของสหรัฐฯ กล่าวว่าความพยายามลับๆ ของรัสเซียในการมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 เป็นภัยคุกคามจากต่างประเทศที่ร้ายแรงที่สุดในฤดูกาลการเมืองนี้

    เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลของไบเดนได้ฟ้องร้องพนักงานชาวรัสเซียของ RT สองคน โดยกล่าวหาว่าพวกเขาจ่ายเงินให้บริษัทสื่อของอเมริกาเพื่อเผยแพร่คลิปวิดีโอภาษาอังกฤษบนแพลตฟอร์มโซเชียลต่างๆ เช่น YouTube, TikTok, Instagram และ X ต่อมา YouTube ได้ปิดช่องการเมืองฝ่ายขวาหลายช่องที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาดังกล่าว

    นอกจากนั้น กระทรวงการคลังได้ประกาศดำเนินการกับผู้บริหารของ RT และสื่อของรัฐบาลรัสเซียในเดือนนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองของสหรัฐฯ ต่อ “ความพยายามใช้อิทธิพลอันชั่วร้ายของมอสโกที่กำหนดเป้าหมายไปที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2024”

    #Thaitimes
    Facebook, WhatsApp และ Instagram แบนสื่อRTและเครือข่ายสื่ออื่นๆของรัสเซีย สนองนโยบายคว่ำบาตรของรัฐบาลสหรัฐที่กล่าวหาสื่อรัสเซียเป็นสายลับหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย ทำลายการเลือกตั้งและประชาธิปไตยของอเมริกา 17 กันยายน 2567-รายงานข่าววอชิงตันโพสต์ระบุว่า Meta เจ้าของแพลตฟอร์ม Facebook, WhatsApp และ Instagram ได้สั่งแบนเครือข่ายสื่อของรัสเซีย หลายแห่ง เช่น RT ออกจากแพลตฟอร์มของบริษัท หลังจากที่สหรัฐอเมริกาได้กำหนดมาตรการคว่ำบาตรบริษัทแม่ของ RT และกล่าวหาว่าบริษัทเหล่านี้ทำหน้าที่เป็นสายลับปฏิบัติการข่าวกรองของมอสโกว “หลังจากการพิจารณาอย่างรอบคอบแล้ว เราได้ขยายการบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่องกับสื่อของรัฐรัสเซีย โดยขณะนี้ Rossiya Segodnya, RT และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอื่นๆ ถูกแบนจากแอปของเราทั่วโลกเนื่องจากมีกิจกรรมแทรกแซงจากต่างประเทศ” Meta กล่าวในแถลงการณ์ ในการตอบสนองต่อการแบนดังกล่าว RT บอกกับ The Washington Post ว่าการเคลื่อนไหวของ Meta เกิดขึ้นหลังจากที่บริษัทได้ปิดกั้นเครือข่ายในยุโรปเมื่อสองปีก่อน “ไม่ต้องกังวล เมื่อพวกเขาปิดประตูแล้วก็ปิดหน้าต่าง 'พวกพ้อง' (หรือในภาษาของคุณคือ นักรบกองโจร) ของเราก็จะหาช่องโหว่เพื่อคลานผ่านมันไปได้” ขณะเดียวกัน ดมิทรี เปสคอฟ โฆษกของเครมลิน กล่าวถึงการเคลื่อนไหวดังกล่าวว่า “เป็นลบมาก” “Meta ทำลายชื่อเสียงของตัวเองด้วยการกระทำเหล่านี้ และแน่นอนว่า การกระทำที่เลือกปฏิบัติต่อสื่อของรัสเซียเช่นนี้เป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ นั่นคือเหตุผลที่เรามีทัศนคติเชิงลบอย่างยิ่งต่อเรื่องนี้” เขากล่าว “สิ่งนี้ทำให้โอกาสในการสร้างความสัมพันธ์ปกติระหว่างเรากับบริษัท Meta มีความซับซ้อนมากขึ้น” แอนโธนี บลิงเคน รัฐมนตรีต่างประเทศประกาศการคว่ำบาตรบริษัทแม่ของ RT อย่าง Rossiya Segodnya และ TV-Novosti เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา โดยบลิงเคนกล่าวว่าเครมลินใช้ RT เพื่อดำเนินการข่าวกรองทางไซเบอร์ระหว่างประเทศและปฏิบัติการอิทธิพลลับ รวมถึงช่วยในการจัดหาอาวุธสำหรับสงครามของรัสเซียกับยูเครน บลิงเคนกล่าวว่าข้อมูลใหม่ที่เปิดเผยคือหน่วยงานเหล่านี้ “ไม่ใช่แค่ผู้ปล่อยข่าวกรองและข้อมูลบิดเบือนของรัสเซียอีกต่อไป พวกเขากำลังทำกิจกรรมอิทธิพลลับเพื่อบ่อนทำลายการเลือกตั้งและประชาธิปไตยของอเมริกา โดยทำหน้าที่เสมือนเป็นหน่วยงานโดยพฤตินัยของหน่วยข่าวกรองของรัสเซีย” ในแถลงการณ์ กระทรวงต่างประเทศระบุว่า RT และพนักงานได้ประสานงานกับเครมลินเพื่ออิทธิพลในการเลือกตั้งในเดือนหน้าในมอลโดวา สื่อของรัฐรัสเซียถูกตรวจสอบอย่างเข้มงวดมากขึ้นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีความกังวลเกี่ยวกับข้อมูลเท็จ โดยมีเป้าหมายเพื่อมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งในประเทศอื่นๆ ตลอดจนการแพร่กระจายโฆษณาชวนเชื่อเกี่ยวกับการรุกรานยูเครนของรัสเซีย ในปี 2022 หลังจากการรุกราน สำนักข่าว Meta กล่าวว่าได้ "จำกัดการเข้าถึง" RT และ Sputnik ซึ่งเป็นสื่อของรัฐรัสเซียอีกแห่ง ทั่วสหภาพยุโรป ตามคำร้องขอจากรัฐบาลและเจ้าหน้าที่สหภาพยุโรป ในเวลานั้น YouTube และ TikTok ได้บังคับใช้การห้ามที่คล้ายกันในยุโรป เมื่อต้นเดือนนี้ เจ้าหน้าที่ข่าวกรองของสหรัฐฯ กล่าวว่าความพยายามลับๆ ของรัสเซียในการมีอิทธิพลต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2024 เป็นภัยคุกคามจากต่างประเทศที่ร้ายแรงที่สุดในฤดูกาลการเมืองนี้ เมื่อไม่นานมานี้ รัฐบาลของไบเดนได้ฟ้องร้องพนักงานชาวรัสเซียของ RT สองคน โดยกล่าวหาว่าพวกเขาจ่ายเงินให้บริษัทสื่อของอเมริกาเพื่อเผยแพร่คลิปวิดีโอภาษาอังกฤษบนแพลตฟอร์มโซเชียลต่างๆ เช่น YouTube, TikTok, Instagram และ X ต่อมา YouTube ได้ปิดช่องการเมืองฝ่ายขวาหลายช่องที่เกี่ยวข้องกับข้อกล่าวหาดังกล่าว นอกจากนั้น กระทรวงการคลังได้ประกาศดำเนินการกับผู้บริหารของ RT และสื่อของรัฐบาลรัสเซียในเดือนนี้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการตอบสนองของสหรัฐฯ ต่อ “ความพยายามใช้อิทธิพลอันชั่วร้ายของมอสโกที่กำหนดเป้าหมายไปที่การเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในปี 2024” #Thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 621 Views 0 Reviews
  • 5 รูปแบบประกันชีวิตเลือกยังไง ให้ตอบโจทย์
    ในปัจจุบันสัญญาประกันชีวิตมีมากมายหลากหลายแบบ แต่ละแบบจะมีลักษณะความคุ้มครองและผลประโยชน์แตกต่างกันออกไป หากสรุปแบบประกันชีวิตโดยรวมจะแบ่งได้ดังนี้

    Credit: SCB

    #PlanWise
    5 รูปแบบประกันชีวิตเลือกยังไง ให้ตอบโจทย์ ในปัจจุบันสัญญาประกันชีวิตมีมากมายหลากหลายแบบ แต่ละแบบจะมีลักษณะความคุ้มครองและผลประโยชน์แตกต่างกันออกไป หากสรุปแบบประกันชีวิตโดยรวมจะแบ่งได้ดังนี้ Credit: SCB #PlanWise
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 46 Views 0 Reviews
  • อยากเป็นช่างซ่อมมือถือ + Software อยากเขียนโค้ดได้ อยากทำแอพๆ นึงขึ้นมา ความสามารถมันไปถึงได้ แต่ไม่มีใครส่งเรียน เสียดายความสามารถตัวเอง วันๆ ได้แค่แปะข่าว & ตอบคำถามเขาเรื่อง #iOS 🫠
    อยากเป็นช่างซ่อมมือถือ + Software อยากเขียนโค้ดได้ อยากทำแอพๆ นึงขึ้นมา ความสามารถมันไปถึงได้ แต่ไม่มีใครส่งเรียน เสียดายความสามารถตัวเอง วันๆ ได้แค่แปะข่าว & ตอบคำถามเขาเรื่อง #iOS 🫠
    0 Comments 0 Shares 34 Views 0 Reviews
  • ไม่ต้องฟูมฟายไปนะคะ ติ่งขา………พี่ปูคมทั้งในฝักและนอกฝักเชียว……!!!

    ตอนเจ็ด………ตำแหน่งที่ได้รับ……ไม่ได้มาจากโชคหรือการจับฉลาก……แต่ด้วยความสามารถและความอุตสาหะล้วนๆ

    ที่ปูตินลังเลนั้น……เขาเพียงแต่ห่วงว่าครอบครัวจะปรับชีวิตและความเป็นอยู่ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะสังคมที่มอสโคว์กับกรุงเซนต์ต่างกันมากมาย
    แต่เมื่อได้คุยกับลุดมิลา เธอและลูกๆไม่มีปัญหาอะไร ไปไหนก็ได้เพราะอำนาจในการตัดสินก็อยู่ที่ช้างเท้าหน้าคือปูตินอยู่แล้ว และตัวเธอเองก็จะได้มีอิสระกับสายตาของแม่สามีไปเสียบ้าง

    สาเหตุก็เพราะรัฐบาลของเยลซินต้องการ”น้ำใหม่”มาแทนที่น้ำเสียที่รวมกันกันเป็นกระจุกอยู่ในเครมลิน เพราะความผิดพลาดในเรื่องการทำสงครามปราบปรามที่ Chechen ในปี 1994 ที่ทุกคนคิดว่า
    วันสองวันก็คงจบ……แต่ที่ไหนได้ มาลากถ่วงยาวมาจนตอนนี้
    รวมทั้งสุขภาพที่ลดถอยของเยลซินเอง ที่เป็นโรคหัวใจกำเริบในตอนต้นปี 1995 ที่ทำให้เขาไม่ได้ปรากฏตัวออกสู่สายตาของประชาชน

    นี่คือเหตุผลที่ปูตินได้เข้ามาเป็นน้ำใหม่ในมอสโคว์ ในเดือนกันยายน 1996 และได้รับบ้านประจำตำแหน่งที่ค่อนข้างหรูหราอยู่ใกล้ๆกับเครมลิน
    เขาได้นำเพื่อนคู่ใจมาช่วยงานด้วยสองคน จากเซนต์ ปีเตอร์เบอร์ก คือ Sergei Chemezov**และ Igor Sechin***

    เจ้านายของเขา ปาเวล ได้มอบหมายงานให้เป็นฝ่ายดูแลอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด จะต้องมีการคัดกรอง บริหารที่ดิน ตึกอาคารกันใหม่ เพราะในยุคของโซเวียต ทุกอย่างเป็นของรัฐบาล แต่ตอนนี้ก่อนที่จะมีการจำหน่าย หรือ จัดสรร ออกโฉนดจะต้องทำการประเมิน
    ซึ่งมันหมายถึงงานที่มากมายมหาศาล เพราะพื้นที่ที่จะต้องดูแลทั้งหมด คือ 78 เขตจังหวัด และ ต่างประเทศ(ในความควบคุมของโซเวียต) อื่นๆ เช่น อาคารที่ตั้งสถานทูต โรงเรียน
    รวมทั้งที่ยูเครน

    เรียกได้ว่า งานนี้ ทำให้ปูตินได้รู้หมดถึงทรัพย์สินของรัสเซียว่าอยู่ที่ไหน และ มีค่าเท่าใด
    และยิ่งค้นไป……เขาได้เห็นความไม่ชอบมาพากลหลายๆอย่าง เช่นพื้นที่สำคัญหลายแห่งถูกปล่อยให้เช่า แม้แต่ทรัพย์สินที่มีในสวิสเซอร์แลนด์ก็เช่นกัน ที่ขายไปในราคาที่เหมือนจะให้ฟรี จากชื่อบริษัท หรือ องค์กรประหลาดๆ
    ยิ่งค้นไปก็เจอว่าเป็นการ”ลักไก่” จากในหมู่ข้าราชการด้วยกัน

    เขาได้ทำรายงานให้กับทางต้นสังกัดให้ทราบเป็นเอกสารอย่างครบถ้วน เพื่อที่จะจัดการกันต่อไป เพราะเขาถือว่า
    หน้าที่ของเขา คือ การรวบรวมเอกสารและข้อมูล
    ส่วนการพิจารณาโทษ……เป็นหน้าที่ของหน่วยที่เกี่ยวข้อง

    แต่การดำเนินการล่าช้าจนเกินเหตุเพราะในช่วงนั้น มีสงครามที่เชเชน ที่มีแม่ทัพผู้อำนวยการ คือ นายพล Alexandr Lebed จอมยะโสคนนั้น
    ที่ได้สร้างผลงานให้อับอายไปทั่ว คือ แทนที่จะสยบเชเชน ดินแดนชายแดนขนาดเล็กแค่นั้น แต่ทำไม่สำเร็จ (สิงหาคม 1996)
    แถมจะยอมเจรจาสงบศึกทำสนธิสัญญาที่เสียเปรียบเข้าไปอีก
    งานนี้ทำให้เกิดกระแสที่เสียหายกับรัฐบาลของเยลซิน
    เหล่าคณะมนตรีเริ่มลุกขึ้นมาทะเลาะกันลั่นสภา
    หลายคนเรียก นายพล Alexandr Lebed ว่าเป็น “Little Napoleon” (คือ ปากดี ทีเหลว) หรือ “ไอ้กองทัพไม่มีน้ำยา”
    กระแสโกรธแค้นของประชาชนเริ่มทวีขึ้น
    จนไม่กี่วันต่อมา เยลซินต้องทำการปลดท่านนายพลออกจากตำแหน่ง

    การปรับเปลี่ยนตำแน่งได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ปูตินได้ขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการแห่งองค์กรรวม ( Chief of Staff) ที่เทียบเท่ากับ
    อธิบดี ที่ไม่กี่วันต่อมาหลังจากที่ได้รับตำแหน่ง สภาได้ออกกฏหมายใหม่ เพิ่มอำนาจให้กับเขาอีก ในการขยายวงสอบสวนการทุจริต ยักยอก รวมไปถึงการคอร์รัปชั่นที่ทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ ไม่ว่าจะเป็น ข้าราชการ, พนักงานลูกจ้าง และการสัมปทานต่างๆ
    งานนี้ ปูตินได้เจอะเจองานช้างเข้าหลายงาน เช่น อดีตนายพล Paval Grachev คนสนิทของเยลซิน ที่ควบคุมกองทัพในคอร์เคซัส ตั้งแต่ปี 1993-1996 ได้นำรถถังและอาวุธต่างๆที่มีมูลค่ากว่า หนึ่งพันล้านดอลล่าร์ ไปให้กับกองทัพของอาร์เมเนี่ยน ในสงครามกับ อาร์เซอร์ไบจาน
    ซึ่งเป็นการกระทำที่ถือว่าขายชาติ เพราะ รัสเซียอยู่ฝ่ายสนับสนุนอาเซอร์ไบจาน

    แต่…ทุกอย่างได้ผ่านไปก่อนที่ปูตินจะก้าวเข้ามา เขาจะไปทำอะไรได้ นอกจากจะต้องเลี้ยงนายพลคนนี้ต่อไป เนื่องจากว่าเป็นนายพลระดับวงในของเยลซที่เปรียบเหมือนตัวอันตราย ถ้าบีบคั้น……
    ก็อาจจะตกไปอยู่ในมือของชาติอื่นที่ต้องการล้วงความลับ
    ดังนั้น จึงต้องใช้วิธีเลี้ยงเอาไว้ แล้วใส่ปลอกคอล่ามโซ่ให้สั้น
    โดยที่เขาใช้วิธีให้สัมภาษณ์กับนักข่าว
    ในเวลาที่ถูกถามถึงเรื่อง
    “นายพล เมอร์ซิเดส” เพราะนายพลคนนี้ชอบใช้รถหรูเกินฐานะ
    ว่า เรื่องการตรวจสอบคอร์รัปชั่นค้าอาวุธกับฝ่ายตรงข้ามนั้นไปถึงไหนแล้ว
    ปูตินตอบเรียบๆว่า “เราได้เอกสารพร้อมทุกอย่างแล้ว ข้อมูลครบ จะส่งขึ้นไปให้ฝ่ายกฎหมายต่อไป”
    นักข่าวถามต่อว่า
    “นายพลเมอร์ซิเดสได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่..??”
    “ก็ไม่มีนะ ไม่มีชื่อของ Gen. Pavel Grachev มาเกี่ยวข้องด้วย “

    นี่คือการทำงานของปูตินที่ต้องรักษาภาพลักษณ์ให้กับเยลซิน
    แต่มืออีกข้างหนึ่งเขาได้จัดการไปตามกฏหมายเอาผิด ใช้เวลาถึงสิบปี ที่ได้เอานายพลและคณะออกจากตำแหน่งได้สำเร็จ (2007)
    หรืองานคอร์รัปชั่นในหน่วยสร้างทางที่เป็นเงินมหาศาลที่มีข้าราชการเกี่ยวข้องทำผิดถึง 260 คน (ในเมษายน ปี 1997)
    หรือใน Stavropol เชือดไปอีก 450 คน (ในกันยายน 1997)

    เรื่องนายพลที่ต้องล่าช้านานขนาดนั้น เพราะปูตินไม่มีอำนาจในบทลงโทษที่เป็นงานส่วนตุลาการ
    เขาทำได้แค่ชี้มูลความผิดพร้อมหลักฐานที่หนาแน่น

    เพราะการทำงานไล่บี้การยักยอกนั้น ทำให้ปูตินต้องเข้าติดต่อกับงานเดิมอีก คือ KGB ที่ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น FSB (แต่อาคารที่ทำงานยังอยู่ที่เดิม) อยู่บ่อยๆ เท่ากับว่าเขาได้กลับไปเยือนบรรยากาศเก่าๆอีกครั้ง

    และจากงานที่ต้องมาดูพื้นที่และทรัพยากรของชาติ ที่เขาได้ทำงานอย่างไหลลื่นนั้น ก็ไม่ใช่ว่าเขาเหนือมนุษย์……
    หากแต่มันเป็นเรื่องบังเอิญอย่างที่สุด ที่เขาเกิดความสนใจในเรื่องเศรษฐศาสตร์ เพราะจากงานที่ทำอยู่ในสภาเทศบาลที่กรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในช่วงที่อนาโตลีได้แพ้เลือกตั้ง
    ปูตินเริ่มมีเวลาว่าง เพราะมีหน้าที่เพียงแต่อำนวยความสะดวกให้กับทีมใหม่
    เขาใช้เวลานั้น ไปลงเรียนวิชาบริหารเหมืองแร่และทรัพยากรน้ำมัน ที่ Georgi Plekhanov Mining Institute
    แทนที่จะไปเรียนต่อทางด้านกฎหมาย
    และไม่ได้ไปเรียนคนเดียว เขาเอาเพื่อนรักทั้งสอง Viktor Zubkov กับ Igor Sechin ไปนั่งเรียนกันด้วย

    ปลายปี 1996 (เข้าเรียนกลางปี 1995) ที่ปูตินสามารถส่งแฟ้ม Thesis ที่หนากว่า 250 หน้า ในเรื่องทรัพยากรแร่ธาตุที่เปรียบเสมือนทองคำของประเทศ
    ได้สำเร็จสวยงาม เพราะเขาได้ติวเตอร์คนสำคัญมาช่วย
    นั่นคือ Vladimir Litvenenko ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญเหมืองแร่ ที่ไปค้นคว้าหาตำราจากยุโรปมาแปลให้เป็นภาษารัสเซีย
    เรื่องนี้ ปูตินและเพื่อนๆที่พากันไปเรียนก็ไม่ได้ไปโอ้อวดที่ไหน ตอนนั้นที่ไปลงเรียน ก็เพราะมีเวลาว่าง
    เขาเพียงแต่คิดว่า……ในสายงานทางกฎหมายของเขาควรจะต้องรู้เรื่องทรัพยาการที่เป็นธุรกิจหลักของประเทศให้ดีขึ้น

    และเขาก็ได้ใช้มันจริงๆที่มอสโคว์ เพราะเขาได้รู้ทันเจ้ากรมพลังงานที่มีการเล่นตลกกับใบสัมปทาน……แต่ก็พูดมากไปไม่ได้ เพราะนั่นคือกลุ่มคนในวงในของเยลซิน

    แต่ทีนี้ความไม่เป็นธรรมได้เกิดขึ้นกับคดีของอนาโตลี เจ้านายเก่า
    เพราะหลังจากที่อะนาโตลี ถูกกลุ่มวงในมอสโคว์”เท”จนไม่ได้รับการสนับสนุนเลือกตั้งนั้น เขาได้” โวย” กับเยลซิน
    ที่ได้รับการตอบสนอง คือ เยลซินเอาพวกนั้นออกไปเป็นแผงก็จริง ………แต่คนกลุ่มนั้นก็ไม่ได้ไปไหน หรือ รับโทษอะไร
    ยังวนเวียนเป็นที่ปรึกษาอยู่รอบตัวเยลซินเหมือนเดิม
    แถมอนาโตลี ได้มีศัตรูเพิ่มอย่างออกหน้าออกตาอีกต่างหาก
    การกลั่นแกล้งจึงได้เกิดขึ้น แบบชนิดให้ได้อาย
    เช่นอนาโตลีมีการประชุมกับคณะมนตรีจาก UNESCO
    จู่ๆก็มีตำรวจบุกไปกลางงาน ขอควบคุมตัวไปสอบสวนในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง เขากลายเป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับ
    จนเขาเครียดถึงกับล้มป่วย เข้าโรงพยาบาล
    ครอบครัวต้องการให้แพทย์จากมอสโคว์มารักษา

    ปูตินบินด่วนไปเยี่ยมทันที และจัดการส่งเขาเข้าโรงพยาบาลทหาร จัดการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาพร้อม
    และที่เขาทำมากกว่านั้น มากเกินอำนาจเขาไปอีก คือ จัดเช่าเครื่องบินส่วนตัวจากฟินแลนด์นำตัวเขาออกนอกประเทศไปยังกรุงปารีส
    โดยให้เหล่า KGB นำขบวนรถฉุกเฉินไปยังสนามบิน
    หมายจับอะไรก็ไม่สำคัญทั้งนั้น ทุกอย่างผ่านตลอด พาสปอร์ต
    ประทับตรา ผ่านศุลกากร

    การกล้าทำแบบนี้ ถือว่าเป็นการฉีกกฎหมายทิ้ง และเสี่ยงต่อการเสียอนาคตของปูตินที่กำลังจะไปได้สวย
    แต่……สำหรับอนาโตลีแล้ว ปูตินพร้อมแลกเพื่อที่จะช่วยเหลือตอบแทนผู้ที่เคยมีพระคุณ
    เพราะเขาได้เห็นมาตลอดว่า เรื่องราวนั้นเป็นอย่างไร ในประเทศที่กฎหมายไม่สามารถบังคับใช้อะไรได้ ความผิดของอนาโตลีนั้นเทียบเท่ากับเมล็ดทรายของคนหลายๆคนในเครมลิน

    คนที่ชื่นชมกับความกตัญญูและการกล้าตัดสินใจของปูติน ในครั้งนี้ คือ ท่านประธานธิบดี Boris Yentsin เพราะท่านว่า
    ถ้าเกิดขึ้นกับเรา…จะมีใครที่ไหนที่จะกล้ามาช่วยเราขนาดนี้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย……?!!!

    ปูตินเริ่มเป็นที่จับตามองจากคณะท่านผู้นำ ในวันที่ 21 มีนาคม 1998 เยลซินได้เรียกให้นายกรัฐมนตรี Viktor Chernomydrin
    เข้ามาพบที่บ้านพักส่วนตัว เพื่อที่จะบอกว่า วิคเตอร์ทำหน้าที่นี้มานานถึงห้าปีแล้ว แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น ทุกอย่างยังกวาดเข้าไปซุกอยู่ใต้พรม……เขาต้องการคนที่จะมา”ยกพรมขึ้น” แล้ว “กวาดขยะออกให้หมด” เพื่อบ้านจะได้น่าอยู่
    ฉะนั้น……ที่ให้มาพบในครั้งนี้ คือการไล่ออก……

    เยลซินได้เสนอชื่อ Sergei Kiriyenko อดีตนายธนาคารที่เป็นนักการเมืองหนุ่มวัย 35 ปี ต่อสภา……สภาไม่ผ่านทั้งสองครั้ง
    แต่ต่อมา……ด้วยแรงผลักดันของเยลซิน……ก็ผ่านฉลุย
    ส่วนอดีตนายกฯที่ถูกไล่ออกไป ก็ฮึ่มๆ ประกาศว่าเขาจะลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยหน้า จะได้รู้หมู่รู้จ่ากันไป.…

    นายทุนกระเป๋าหนัก Boris Berezovsky ที่สนับสนุนเยลซิน
    เพราะมีผลประโยชน์มหาศาลนั้น เริ่มเข้ามามีบทบาทช่วยเลือก
    เพราะกลุ่มคนวงในเก่าๆเท่าที่เห็น ต่างก็จะเข้ามาขวางทางการค้าของเขาทั้งสิ้น เพราะทุกคนต่างมีเส้นสายในกิจการสารพัดอยู่แล้ว

    ไม่ทันที่ใครจะคิดอ่านทำอะไร กระดานหุ้นรัสเซียตกฮวบ
    หุ้นบริษัทพลังงาน Rosneft ที่รัฐบาลถือหุ้นใหญ่ ตกดิ่ง
    บริษัทลงทุนจากต่างชาติได้พากันถอนหุ้น เงินรูเบิ้ลสูญเสียมูลค่าที่รัฐบาลก็เอาไม่อยู่
    การแทรกแซงจากต่างชาติเริ่มเข้ามา ทั้งจากภาคการเมือง
    และเศรษฐกิจ
    เยลซินเริ่มเห็นแล้วว่า สาเหตุที่เกิดเช่นนั้น เพราะฝีมือของกลุ่มพ่อมดทางการเงิน จากคนรอบตัว (Oligarchs) ของเขาเองที่ส่วนใหญ่แล้ว คือยิว ที่มาปั่นกระแสขาขึ้นให้ แล้วก็ถีบหัว ตบคว่ำ……

    เยลซินเริ่มโดดเดี่ยว เขาต้องหาคนที่จะคอยพิทักษ์ปกป้อง และจะเข้ามาช่วยขจัดเหลือบไรพวกนี้ให้ออกไปให้พ้นจากชาติบ้านเมืองได้ ก็มีอยู่องค์กรเดียว คือ FSB (KGB) ที่เขาไม่ได้สนใจ ใส่ใจดูแลมานานแสนนาน
    ซึ่งเข้าทาง Boris Berezovsky (ยิวหนึ่งใน Oligarchs) ได้เสนอชื่อ ปูติน เพราะเขาเล่าว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดที่จะเปิดบริษัทขายรถยนตร์ในเลนินกราด ได้ไปติดต่อกับปูตินเพื่อขอใบอนุญาตการค้า และได้ยื่นซองใต้โต๊ะให้
    แต่ถูกปฏิเสธ……ไม่รับ……!!!
    เยลซินเห็นด้วย (จากเรื่องของอนาโตลี) เขาบอกว่า……”ตอนแรกเราเห็นว่าปูตินเขาเป็นคนเฉยๆ เพราะเห็นเขาเงียบๆ ไม่ค่อยพูดอะไร แต่เพิ่งรู้เหมือนกัน ว่า เป็นคนที่คมในฝัก”

    นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆ Sergei Kiriyenko ได้รับคำสั่งให้ที่มอสโคว์ เพื่อแจ้งข่าวกับปูติน
    ปูตินจึงไปรอรับท่านนายกฯ ที่สนามบิน ที่เขาคิดว่า เรื่องด่วนแบบนี้ ไม่น่าที่จะเป็นข่าวมงคล
    ทันทีที่ได้พบหน้ากัน ท่านนายกฯ ได้ปรี่เข้ามาจับมือขอแสดงความยินดี พร้อมกับบอกว่า “ดีใจด้วยนะ”
    “ดีใจอะไรหรือครับ..?”
    “ท่านประธานาธิบดีได้ทำการแต่งตั้งและลงนามให้นายเป็นผู้อำนวยการ FSB (KGB) น่ะซิ”

    ปูตินงงนิดหน่อย แต่เขาพอรู้มาบ้างแล้วว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงงานของเขาให้กลับไปอยู่ในสายงานเดิม แต่ไม่คิดว่า จะก้าวขึ้นไปเป็นผู้อำนวยการเลย…
    สิ่งแรกที่เขาทำ นั้นคือ ติดต่อไปยังลุดมิลาที่พาลูกๆไปพักผ่อน
    ที่ชายฝั่งทะเลบอลติด
    ด้วยข้อความที่ส่งแบบสายลับ คือ……
    “ฟังให้ดีนะ……ผมกำลังจะกลับไปในที่ที่ผมจากมา..”
    ลุดมิลาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ……
    เขาจึงย้ำประโยคเดิมถึงสามครั้ง…ก่อนที่จะวางสายไป

    ลุดมิลาทำท่าเหนื่อยใจ……เธอบอกกับตัวเองว่า
    “ชั้นจะไปรู้เรื่องกับเธอไหม……ก็เปลี่ยนงานมานับสิบครั้งแล้วเนี่ยยย……?!!!

    ~~~ขยายความ

    Sergei Chemezov** เพื่อนรักของปูติน จากสถาบัน KGB
    ต่อมาคือ CEO ของบริษัท Rostec ที่สร้างอาวุธ และยุทโธปกรณ์ให้กับกองทัพของรัสเซีย

    Igor Sechin*** อีกหนึ่งศิษย์ร่วมสถาบัน KGB ปัจจุบัน คือ CEO ของ บริษัทน้ำมันและพลังงาน Rosneft

    ทั้งสองคนได้ถูกทางตะวันตกยึดเรือหรูมูลค่าพันล้านไปในทะเลเมติเตอเรเนียน พร้อมทั้งเป็นบุคคลที่โดนแซงชั่นในธนาคาร
    เมื่อถูกถามถึงความเห็น เขาสองคนหัวเราะ บอกว่า จิ๊บๆ
    แต่รอเขาจะฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย เพราะนั่นคือทรัพย์สินส่วนตัว และไม่ได้ล่วงล้ำในน่านน้ำเพราะมีเอกสารสิทธิ์ และมีการจ่ายค่าการท่าและภาษีอย่างถูกต้อง

    Viktor Zubkov**** เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีเมื่อปูตินเป็นนายกฯ ปัจจุบันนี้เป็นประธานบอร์ดของ บริษัท Gazprom
    คนนี้ก็โดนยึดเรือหรูไป ก็จิ๊บๆอีกเหมือนกัน

    ปูตินมีระบบดูแลคนใกล้ตัวที่ดียิ่ง เขาเลือกคนที่มีความสามารถเข้าไปนั่งในตำแหน่งบริหาร บอกว่า ไม่ต้องคอร์รัปชั่น
    เพราะแค่โบนัสหนึ่งเปอร์เซ็นต์ต่อปี ชาตินี้ก็ใช้ไม่หมด………

    แหม……………ก้อ…แต่ละบริษัทที่เอ่ยมากำไรปีละเป็นแสนล้าน ต่อให้ชาติหน้าชาติโน้นก็ใช้ไม่หมด………!!

    Wiwanda W. Vichit
    ไม่ต้องฟูมฟายไปนะคะ ติ่งขา………พี่ปูคมทั้งในฝักและนอกฝักเชียว……!!! ตอนเจ็ด………ตำแหน่งที่ได้รับ……ไม่ได้มาจากโชคหรือการจับฉลาก……แต่ด้วยความสามารถและความอุตสาหะล้วนๆ ที่ปูตินลังเลนั้น……เขาเพียงแต่ห่วงว่าครอบครัวจะปรับชีวิตและความเป็นอยู่ได้มากน้อยแค่ไหน เพราะสังคมที่มอสโคว์กับกรุงเซนต์ต่างกันมากมาย แต่เมื่อได้คุยกับลุดมิลา เธอและลูกๆไม่มีปัญหาอะไร ไปไหนก็ได้เพราะอำนาจในการตัดสินก็อยู่ที่ช้างเท้าหน้าคือปูตินอยู่แล้ว และตัวเธอเองก็จะได้มีอิสระกับสายตาของแม่สามีไปเสียบ้าง สาเหตุก็เพราะรัฐบาลของเยลซินต้องการ”น้ำใหม่”มาแทนที่น้ำเสียที่รวมกันกันเป็นกระจุกอยู่ในเครมลิน เพราะความผิดพลาดในเรื่องการทำสงครามปราบปรามที่ Chechen ในปี 1994 ที่ทุกคนคิดว่า วันสองวันก็คงจบ……แต่ที่ไหนได้ มาลากถ่วงยาวมาจนตอนนี้ รวมทั้งสุขภาพที่ลดถอยของเยลซินเอง ที่เป็นโรคหัวใจกำเริบในตอนต้นปี 1995 ที่ทำให้เขาไม่ได้ปรากฏตัวออกสู่สายตาของประชาชน นี่คือเหตุผลที่ปูตินได้เข้ามาเป็นน้ำใหม่ในมอสโคว์ ในเดือนกันยายน 1996 และได้รับบ้านประจำตำแหน่งที่ค่อนข้างหรูหราอยู่ใกล้ๆกับเครมลิน เขาได้นำเพื่อนคู่ใจมาช่วยงานด้วยสองคน จากเซนต์ ปีเตอร์เบอร์ก คือ Sergei Chemezov**และ Igor Sechin*** เจ้านายของเขา ปาเวล ได้มอบหมายงานให้เป็นฝ่ายดูแลอสังหาริมทรัพย์ทั้งหมด จะต้องมีการคัดกรอง บริหารที่ดิน ตึกอาคารกันใหม่ เพราะในยุคของโซเวียต ทุกอย่างเป็นของรัฐบาล แต่ตอนนี้ก่อนที่จะมีการจำหน่าย หรือ จัดสรร ออกโฉนดจะต้องทำการประเมิน ซึ่งมันหมายถึงงานที่มากมายมหาศาล เพราะพื้นที่ที่จะต้องดูแลทั้งหมด คือ 78 เขตจังหวัด และ ต่างประเทศ(ในความควบคุมของโซเวียต) อื่นๆ เช่น อาคารที่ตั้งสถานทูต โรงเรียน รวมทั้งที่ยูเครน เรียกได้ว่า งานนี้ ทำให้ปูตินได้รู้หมดถึงทรัพย์สินของรัสเซียว่าอยู่ที่ไหน และ มีค่าเท่าใด และยิ่งค้นไป……เขาได้เห็นความไม่ชอบมาพากลหลายๆอย่าง เช่นพื้นที่สำคัญหลายแห่งถูกปล่อยให้เช่า แม้แต่ทรัพย์สินที่มีในสวิสเซอร์แลนด์ก็เช่นกัน ที่ขายไปในราคาที่เหมือนจะให้ฟรี จากชื่อบริษัท หรือ องค์กรประหลาดๆ ยิ่งค้นไปก็เจอว่าเป็นการ”ลักไก่” จากในหมู่ข้าราชการด้วยกัน เขาได้ทำรายงานให้กับทางต้นสังกัดให้ทราบเป็นเอกสารอย่างครบถ้วน เพื่อที่จะจัดการกันต่อไป เพราะเขาถือว่า หน้าที่ของเขา คือ การรวบรวมเอกสารและข้อมูล ส่วนการพิจารณาโทษ……เป็นหน้าที่ของหน่วยที่เกี่ยวข้อง แต่การดำเนินการล่าช้าจนเกินเหตุเพราะในช่วงนั้น มีสงครามที่เชเชน ที่มีแม่ทัพผู้อำนวยการ คือ นายพล Alexandr Lebed จอมยะโสคนนั้น ที่ได้สร้างผลงานให้อับอายไปทั่ว คือ แทนที่จะสยบเชเชน ดินแดนชายแดนขนาดเล็กแค่นั้น แต่ทำไม่สำเร็จ (สิงหาคม 1996) แถมจะยอมเจรจาสงบศึกทำสนธิสัญญาที่เสียเปรียบเข้าไปอีก งานนี้ทำให้เกิดกระแสที่เสียหายกับรัฐบาลของเยลซิน เหล่าคณะมนตรีเริ่มลุกขึ้นมาทะเลาะกันลั่นสภา หลายคนเรียก นายพล Alexandr Lebed ว่าเป็น “Little Napoleon” (คือ ปากดี ทีเหลว) หรือ “ไอ้กองทัพไม่มีน้ำยา” กระแสโกรธแค้นของประชาชนเริ่มทวีขึ้น จนไม่กี่วันต่อมา เยลซินต้องทำการปลดท่านนายพลออกจากตำแหน่ง การปรับเปลี่ยนตำแน่งได้เริ่มขึ้นอีกครั้ง ปูตินได้ขึ้นมาเป็นผู้อำนวยการแห่งองค์กรรวม ( Chief of Staff) ที่เทียบเท่ากับ อธิบดี ที่ไม่กี่วันต่อมาหลังจากที่ได้รับตำแหน่ง สภาได้ออกกฏหมายใหม่ เพิ่มอำนาจให้กับเขาอีก ในการขยายวงสอบสวนการทุจริต ยักยอก รวมไปถึงการคอร์รัปชั่นที่ทำให้ประเทศสูญเสียรายได้ ไม่ว่าจะเป็น ข้าราชการ, พนักงานลูกจ้าง และการสัมปทานต่างๆ งานนี้ ปูตินได้เจอะเจองานช้างเข้าหลายงาน เช่น อดีตนายพล Paval Grachev คนสนิทของเยลซิน ที่ควบคุมกองทัพในคอร์เคซัส ตั้งแต่ปี 1993-1996 ได้นำรถถังและอาวุธต่างๆที่มีมูลค่ากว่า หนึ่งพันล้านดอลล่าร์ ไปให้กับกองทัพของอาร์เมเนี่ยน ในสงครามกับ อาร์เซอร์ไบจาน ซึ่งเป็นการกระทำที่ถือว่าขายชาติ เพราะ รัสเซียอยู่ฝ่ายสนับสนุนอาเซอร์ไบจาน แต่…ทุกอย่างได้ผ่านไปก่อนที่ปูตินจะก้าวเข้ามา เขาจะไปทำอะไรได้ นอกจากจะต้องเลี้ยงนายพลคนนี้ต่อไป เนื่องจากว่าเป็นนายพลระดับวงในของเยลซที่เปรียบเหมือนตัวอันตราย ถ้าบีบคั้น…… ก็อาจจะตกไปอยู่ในมือของชาติอื่นที่ต้องการล้วงความลับ ดังนั้น จึงต้องใช้วิธีเลี้ยงเอาไว้ แล้วใส่ปลอกคอล่ามโซ่ให้สั้น โดยที่เขาใช้วิธีให้สัมภาษณ์กับนักข่าว ในเวลาที่ถูกถามถึงเรื่อง “นายพล เมอร์ซิเดส” เพราะนายพลคนนี้ชอบใช้รถหรูเกินฐานะ ว่า เรื่องการตรวจสอบคอร์รัปชั่นค้าอาวุธกับฝ่ายตรงข้ามนั้นไปถึงไหนแล้ว ปูตินตอบเรียบๆว่า “เราได้เอกสารพร้อมทุกอย่างแล้ว ข้อมูลครบ จะส่งขึ้นไปให้ฝ่ายกฎหมายต่อไป” นักข่าวถามต่อว่า “นายพลเมอร์ซิเดสได้มีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่..??” “ก็ไม่มีนะ ไม่มีชื่อของ Gen. Pavel Grachev มาเกี่ยวข้องด้วย “ นี่คือการทำงานของปูตินที่ต้องรักษาภาพลักษณ์ให้กับเยลซิน แต่มืออีกข้างหนึ่งเขาได้จัดการไปตามกฏหมายเอาผิด ใช้เวลาถึงสิบปี ที่ได้เอานายพลและคณะออกจากตำแหน่งได้สำเร็จ (2007) หรืองานคอร์รัปชั่นในหน่วยสร้างทางที่เป็นเงินมหาศาลที่มีข้าราชการเกี่ยวข้องทำผิดถึง 260 คน (ในเมษายน ปี 1997) หรือใน Stavropol เชือดไปอีก 450 คน (ในกันยายน 1997) เรื่องนายพลที่ต้องล่าช้านานขนาดนั้น เพราะปูตินไม่มีอำนาจในบทลงโทษที่เป็นงานส่วนตุลาการ เขาทำได้แค่ชี้มูลความผิดพร้อมหลักฐานที่หนาแน่น เพราะการทำงานไล่บี้การยักยอกนั้น ทำให้ปูตินต้องเข้าติดต่อกับงานเดิมอีก คือ KGB ที่ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น FSB (แต่อาคารที่ทำงานยังอยู่ที่เดิม) อยู่บ่อยๆ เท่ากับว่าเขาได้กลับไปเยือนบรรยากาศเก่าๆอีกครั้ง และจากงานที่ต้องมาดูพื้นที่และทรัพยากรของชาติ ที่เขาได้ทำงานอย่างไหลลื่นนั้น ก็ไม่ใช่ว่าเขาเหนือมนุษย์…… หากแต่มันเป็นเรื่องบังเอิญอย่างที่สุด ที่เขาเกิดความสนใจในเรื่องเศรษฐศาสตร์ เพราะจากงานที่ทำอยู่ในสภาเทศบาลที่กรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ในช่วงที่อนาโตลีได้แพ้เลือกตั้ง ปูตินเริ่มมีเวลาว่าง เพราะมีหน้าที่เพียงแต่อำนวยความสะดวกให้กับทีมใหม่ เขาใช้เวลานั้น ไปลงเรียนวิชาบริหารเหมืองแร่และทรัพยากรน้ำมัน ที่ Georgi Plekhanov Mining Institute แทนที่จะไปเรียนต่อทางด้านกฎหมาย และไม่ได้ไปเรียนคนเดียว เขาเอาเพื่อนรักทั้งสอง Viktor Zubkov กับ Igor Sechin ไปนั่งเรียนกันด้วย ปลายปี 1996 (เข้าเรียนกลางปี 1995) ที่ปูตินสามารถส่งแฟ้ม Thesis ที่หนากว่า 250 หน้า ในเรื่องทรัพยากรแร่ธาตุที่เปรียบเสมือนทองคำของประเทศ ได้สำเร็จสวยงาม เพราะเขาได้ติวเตอร์คนสำคัญมาช่วย นั่นคือ Vladimir Litvenenko ศาสตราจารย์ผู้เชี่ยวชาญเหมืองแร่ ที่ไปค้นคว้าหาตำราจากยุโรปมาแปลให้เป็นภาษารัสเซีย เรื่องนี้ ปูตินและเพื่อนๆที่พากันไปเรียนก็ไม่ได้ไปโอ้อวดที่ไหน ตอนนั้นที่ไปลงเรียน ก็เพราะมีเวลาว่าง เขาเพียงแต่คิดว่า……ในสายงานทางกฎหมายของเขาควรจะต้องรู้เรื่องทรัพยาการที่เป็นธุรกิจหลักของประเทศให้ดีขึ้น และเขาก็ได้ใช้มันจริงๆที่มอสโคว์ เพราะเขาได้รู้ทันเจ้ากรมพลังงานที่มีการเล่นตลกกับใบสัมปทาน……แต่ก็พูดมากไปไม่ได้ เพราะนั่นคือกลุ่มคนในวงในของเยลซิน แต่ทีนี้ความไม่เป็นธรรมได้เกิดขึ้นกับคดีของอนาโตลี เจ้านายเก่า เพราะหลังจากที่อะนาโตลี ถูกกลุ่มวงในมอสโคว์”เท”จนไม่ได้รับการสนับสนุนเลือกตั้งนั้น เขาได้” โวย” กับเยลซิน ที่ได้รับการตอบสนอง คือ เยลซินเอาพวกนั้นออกไปเป็นแผงก็จริง ………แต่คนกลุ่มนั้นก็ไม่ได้ไปไหน หรือ รับโทษอะไร ยังวนเวียนเป็นที่ปรึกษาอยู่รอบตัวเยลซินเหมือนเดิม แถมอนาโตลี ได้มีศัตรูเพิ่มอย่างออกหน้าออกตาอีกต่างหาก การกลั่นแกล้งจึงได้เกิดขึ้น แบบชนิดให้ได้อาย เช่นอนาโตลีมีการประชุมกับคณะมนตรีจาก UNESCO จู่ๆก็มีตำรวจบุกไปกลางงาน ขอควบคุมตัวไปสอบสวนในเรื่องที่ไม่เป็นเรื่อง เขากลายเป็นผู้ต้องหาที่มีหมายจับ จนเขาเครียดถึงกับล้มป่วย เข้าโรงพยาบาล ครอบครัวต้องการให้แพทย์จากมอสโคว์มารักษา ปูตินบินด่วนไปเยี่ยมทันที และจัดการส่งเขาเข้าโรงพยาบาลทหาร จัดการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาพร้อม และที่เขาทำมากกว่านั้น มากเกินอำนาจเขาไปอีก คือ จัดเช่าเครื่องบินส่วนตัวจากฟินแลนด์นำตัวเขาออกนอกประเทศไปยังกรุงปารีส โดยให้เหล่า KGB นำขบวนรถฉุกเฉินไปยังสนามบิน หมายจับอะไรก็ไม่สำคัญทั้งนั้น ทุกอย่างผ่านตลอด พาสปอร์ต ประทับตรา ผ่านศุลกากร การกล้าทำแบบนี้ ถือว่าเป็นการฉีกกฎหมายทิ้ง และเสี่ยงต่อการเสียอนาคตของปูตินที่กำลังจะไปได้สวย แต่……สำหรับอนาโตลีแล้ว ปูตินพร้อมแลกเพื่อที่จะช่วยเหลือตอบแทนผู้ที่เคยมีพระคุณ เพราะเขาได้เห็นมาตลอดว่า เรื่องราวนั้นเป็นอย่างไร ในประเทศที่กฎหมายไม่สามารถบังคับใช้อะไรได้ ความผิดของอนาโตลีนั้นเทียบเท่ากับเมล็ดทรายของคนหลายๆคนในเครมลิน คนที่ชื่นชมกับความกตัญญูและการกล้าตัดสินใจของปูติน ในครั้งนี้ คือ ท่านประธานธิบดี Boris Yentsin เพราะท่านว่า ถ้าเกิดขึ้นกับเรา…จะมีใครที่ไหนที่จะกล้ามาช่วยเราขนาดนี้หรือเปล่ายังไม่รู้เลย……?!!! ปูตินเริ่มเป็นที่จับตามองจากคณะท่านผู้นำ ในวันที่ 21 มีนาคม 1998 เยลซินได้เรียกให้นายกรัฐมนตรี Viktor Chernomydrin เข้ามาพบที่บ้านพักส่วนตัว เพื่อที่จะบอกว่า วิคเตอร์ทำหน้าที่นี้มานานถึงห้าปีแล้ว แต่ไม่มีอะไรดีขึ้น ทุกอย่างยังกวาดเข้าไปซุกอยู่ใต้พรม……เขาต้องการคนที่จะมา”ยกพรมขึ้น” แล้ว “กวาดขยะออกให้หมด” เพื่อบ้านจะได้น่าอยู่ ฉะนั้น……ที่ให้มาพบในครั้งนี้ คือการไล่ออก…… เยลซินได้เสนอชื่อ Sergei Kiriyenko อดีตนายธนาคารที่เป็นนักการเมืองหนุ่มวัย 35 ปี ต่อสภา……สภาไม่ผ่านทั้งสองครั้ง แต่ต่อมา……ด้วยแรงผลักดันของเยลซิน……ก็ผ่านฉลุย ส่วนอดีตนายกฯที่ถูกไล่ออกไป ก็ฮึ่มๆ ประกาศว่าเขาจะลงเลือกตั้งชิงตำแหน่งประธานาธิบดีในสมัยหน้า จะได้รู้หมู่รู้จ่ากันไป.… นายทุนกระเป๋าหนัก Boris Berezovsky ที่สนับสนุนเยลซิน เพราะมีผลประโยชน์มหาศาลนั้น เริ่มเข้ามามีบทบาทช่วยเลือก เพราะกลุ่มคนวงในเก่าๆเท่าที่เห็น ต่างก็จะเข้ามาขวางทางการค้าของเขาทั้งสิ้น เพราะทุกคนต่างมีเส้นสายในกิจการสารพัดอยู่แล้ว ไม่ทันที่ใครจะคิดอ่านทำอะไร กระดานหุ้นรัสเซียตกฮวบ หุ้นบริษัทพลังงาน Rosneft ที่รัฐบาลถือหุ้นใหญ่ ตกดิ่ง บริษัทลงทุนจากต่างชาติได้พากันถอนหุ้น เงินรูเบิ้ลสูญเสียมูลค่าที่รัฐบาลก็เอาไม่อยู่ การแทรกแซงจากต่างชาติเริ่มเข้ามา ทั้งจากภาคการเมือง และเศรษฐกิจ เยลซินเริ่มเห็นแล้วว่า สาเหตุที่เกิดเช่นนั้น เพราะฝีมือของกลุ่มพ่อมดทางการเงิน จากคนรอบตัว (Oligarchs) ของเขาเองที่ส่วนใหญ่แล้ว คือยิว ที่มาปั่นกระแสขาขึ้นให้ แล้วก็ถีบหัว ตบคว่ำ…… เยลซินเริ่มโดดเดี่ยว เขาต้องหาคนที่จะคอยพิทักษ์ปกป้อง และจะเข้ามาช่วยขจัดเหลือบไรพวกนี้ให้ออกไปให้พ้นจากชาติบ้านเมืองได้ ก็มีอยู่องค์กรเดียว คือ FSB (KGB) ที่เขาไม่ได้สนใจ ใส่ใจดูแลมานานแสนนาน ซึ่งเข้าทาง Boris Berezovsky (ยิวหนึ่งใน Oligarchs) ได้เสนอชื่อ ปูติน เพราะเขาเล่าว่า ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดที่จะเปิดบริษัทขายรถยนตร์ในเลนินกราด ได้ไปติดต่อกับปูตินเพื่อขอใบอนุญาตการค้า และได้ยื่นซองใต้โต๊ะให้ แต่ถูกปฏิเสธ……ไม่รับ……!!! เยลซินเห็นด้วย (จากเรื่องของอนาโตลี) เขาบอกว่า……”ตอนแรกเราเห็นว่าปูตินเขาเป็นคนเฉยๆ เพราะเห็นเขาเงียบๆ ไม่ค่อยพูดอะไร แต่เพิ่งรู้เหมือนกัน ว่า เป็นคนที่คมในฝัก” นายกรัฐมนตรีคนใหม่หมาดๆ Sergei Kiriyenko ได้รับคำสั่งให้ที่มอสโคว์ เพื่อแจ้งข่าวกับปูติน ปูตินจึงไปรอรับท่านนายกฯ ที่สนามบิน ที่เขาคิดว่า เรื่องด่วนแบบนี้ ไม่น่าที่จะเป็นข่าวมงคล ทันทีที่ได้พบหน้ากัน ท่านนายกฯ ได้ปรี่เข้ามาจับมือขอแสดงความยินดี พร้อมกับบอกว่า “ดีใจด้วยนะ” “ดีใจอะไรหรือครับ..?” “ท่านประธานาธิบดีได้ทำการแต่งตั้งและลงนามให้นายเป็นผู้อำนวยการ FSB (KGB) น่ะซิ” ปูตินงงนิดหน่อย แต่เขาพอรู้มาบ้างแล้วว่า จะมีการเปลี่ยนแปลงงานของเขาให้กลับไปอยู่ในสายงานเดิม แต่ไม่คิดว่า จะก้าวขึ้นไปเป็นผู้อำนวยการเลย… สิ่งแรกที่เขาทำ นั้นคือ ติดต่อไปยังลุดมิลาที่พาลูกๆไปพักผ่อน ที่ชายฝั่งทะเลบอลติด ด้วยข้อความที่ส่งแบบสายลับ คือ…… “ฟังให้ดีนะ……ผมกำลังจะกลับไปในที่ที่ผมจากมา..” ลุดมิลาก็ยังไม่ค่อยเข้าใจ…… เขาจึงย้ำประโยคเดิมถึงสามครั้ง…ก่อนที่จะวางสายไป ลุดมิลาทำท่าเหนื่อยใจ……เธอบอกกับตัวเองว่า “ชั้นจะไปรู้เรื่องกับเธอไหม……ก็เปลี่ยนงานมานับสิบครั้งแล้วเนี่ยยย……?!!! ~~~ขยายความ Sergei Chemezov** เพื่อนรักของปูติน จากสถาบัน KGB ต่อมาคือ CEO ของบริษัท Rostec ที่สร้างอาวุธ และยุทโธปกรณ์ให้กับกองทัพของรัสเซีย Igor Sechin*** อีกหนึ่งศิษย์ร่วมสถาบัน KGB ปัจจุบัน คือ CEO ของ บริษัทน้ำมันและพลังงาน Rosneft ทั้งสองคนได้ถูกทางตะวันตกยึดเรือหรูมูลค่าพันล้านไปในทะเลเมติเตอเรเนียน พร้อมทั้งเป็นบุคคลที่โดนแซงชั่นในธนาคาร เมื่อถูกถามถึงความเห็น เขาสองคนหัวเราะ บอกว่า จิ๊บๆ แต่รอเขาจะฟ้องกลับเรียกค่าเสียหาย เพราะนั่นคือทรัพย์สินส่วนตัว และไม่ได้ล่วงล้ำในน่านน้ำเพราะมีเอกสารสิทธิ์ และมีการจ่ายค่าการท่าและภาษีอย่างถูกต้อง Viktor Zubkov**** เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรีเมื่อปูตินเป็นนายกฯ ปัจจุบันนี้เป็นประธานบอร์ดของ บริษัท Gazprom คนนี้ก็โดนยึดเรือหรูไป ก็จิ๊บๆอีกเหมือนกัน ปูตินมีระบบดูแลคนใกล้ตัวที่ดียิ่ง เขาเลือกคนที่มีความสามารถเข้าไปนั่งในตำแหน่งบริหาร บอกว่า ไม่ต้องคอร์รัปชั่น เพราะแค่โบนัสหนึ่งเปอร์เซ็นต์ต่อปี ชาตินี้ก็ใช้ไม่หมด……… แหม……………ก้อ…แต่ละบริษัทที่เอ่ยมากำไรปีละเป็นแสนล้าน ต่อให้ชาติหน้าชาติโน้นก็ใช้ไม่หมด………!! Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 593 Views 0 Reviews
  • #ปริศนาแมวดำทั้ง7

    เรื่องสั้นนักสืบ จากผลงานเขียนโดย เอลเลอรี ควีน แปลโดย กันยรัตน์

    หนึ่งในเรื่องจากหนังสือ ปรัศนี รวมนิยายนักสืบเรื่องสั้นที่สรรแล้ว จากยอดนักเขียนชื่อก้องหลายคน

    เลือกเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังเป็นเรื่องแรกก่อน นับเป็นเรื่องสั้นขนาดกลางที่อ่านสนุก มีแทรกอารมณ์ขันบางช่วง

    ตัวเอกของเรื่องก็ชื่อเดียวกับคนเขียนนั่นแหละ

    เปิดเรื่องด้วยการที่ ยอดชายของเรื่องต้องการหาซื้อหมาสักตัว จึงเข้าไปคุยกับเจ้าของร้านซึ่งเป็นสาวสวยคนหนึ่ง หญิงสาวมีอัธยาศัยดี ช่างจ้อ บอกว่าพันธุ์ที่ควีนต้องการนั้นไม่มี ถ้าอีกพันธุ์ได้ไหม คุยไปคุยมาเกิดกรี๊ดกร๊าดเมื่อทราบว่าชายตรงหน้าคือคนดัง เอลเลอรี ควีน ทีนี้จ้อไม่หยุด เปรยถามว่าคุณควีนพักอยู่แถวใกล้ๆนี้ คงรู้จักหญิงคนหนึ่งที่ชื่อ..กระมัง เพราะเธอก็เป็นลูกค้าของร้านเช่นกัน ควีนบอกไม่รู้จักแต่สนใจชื่อที่แปลกของหญิงคนนั้น เจ้าของร้านจึงเล่าว่าเป็นสตรีชราเดินเหินไม่ได้ เมื่อสักหกเดือนก่อน น้องสาวที่หน้าคล้ายกัน อายุห่างกันไม่มากมาอยู่ด้วยที่ห้องของเธอเพื่อดูแล แต่เข้ากันไม่ได้ เพราะคนน้องรักแมวมาก เคยมาซื้อแมวดำตัวผู้ตาเขียวจากที่ร้าน แล้วอีกสองวันต่อมาโทรศัพท์บอกขอนำมาคืน เพราะพี่สาวเกลียดแมว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มาคืน

    เธอเล่าต่อไปว่า ที่น่าแปลกคือ จากนั้นไม่นานคนพี่ที่เดินไม่ได้ก็โทรมาที่ร้าน ขอให้หาแมวสีเดียวกันตัวผู้ ที่เหมือนตัวที่น้องสาวเคยซื้อไปในราคาไม่แพง แล้วให้นำไปส่งที่แฟลตในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นเวลาที่น้องสาวจะไม่อยู่เพราะออกไปเดินเล่นข้างนอก ด้วยความที่ไม่อยากให้น้องสาวทราบจึงห้ามคนขายไม่ให้บอก ทุกครั้งที่นำแมวไปส่งจึงไม่เคยพบหญิงชราคนน้อง น่าแปลกกว่านั้นคือคนพี่จะโทรมาสั่งแมวสัปดาห์ละครั้ง รวมกว่า5สัปดาห์เข้าแล้ว ทั้งที่เป็นคนเกลียดแมว เรื่องนี้สะดุดใจนักสืบควีนมาก จึงอยากลองไปเจอกับหญิงชราคนพี่ที่ป่วยเดินไม่ได้ โดยขอให้เจ้าของร้านสาวพาไป โดยจะอ้างว่าควีนสั่งแมวไว้ก่อน พอแมวถูกขายให้หญิงชราไปจึงไม่ยอม ต้องการมาคุยทำความตกลง สาวเจ้าของร้านตกลงช่วย เพราะดูเธอชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเป็นกิจวัตร และวันนี้ได้เวลาที่ต้องไปตามนัดพอดี

    เมื่อไปถึงแฟลตที่หญิงชราอาศัย ทั้งสองกดกริ่งหลายหน ส่งเสียงดังเรียก แต่กลับไม่ได้รับการเปิดประตู ขวดนมสดวางตั้งไว้ที่หน้าประตูสองขวด ควีนรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ประตูก็ล็อก ซึ่งต่างจากที่สาวขายแมวบอกว่าทุกครั้งที่มาส่งแมวช่วงเวลานี้ ประตูจะเปิดเพราะคนน้องจะออกไปข้างนอกแล้วไม่ล็อก ทั้งสองจึงลองไปสอบถามกับทางสำนักงานของคนดูแลตึกนามสกุล พอตเตอร์ แต่ปรากฏสามีที่ดูแลตึกไม่อยู่ ภรรยาออกมารับหน้าถามมีธุระอะไร พอทราบว่าทั้งสองมาหาหญิงชราแต่เข้าไม่ได้เพราะประตูล็อก และมีขวดนมวางไว้สองขวดจึงแปลกใจ ควีนสอบถามว่าเห็นหรือคุยกับหญิงชราครั้งสุดท้ายเมื่อไร ภรรยาคนดูแลบอกว่าน่าจะสองวันก่อน พอถูกถามถึงสามี ก็ตอบว่าไปทำงานพิเศษช่วงครึ่งวันที่โรงงานเคมี คงจะกลับช่วงเย็น เธอบอกอีกว่าหญิงชราเรียกสามีไปช่วยทาสีซ่อมแซมในห้องช่วงบ่ายหรือเย็นมาเกือบเดือนแล้ว โดยจะให้ค่าจ้างด้วย

    ควีนกับสาวขายแมวจึงขอมาสเตอร์คีย์ แล้วย้อนจะไปไขประตูห้องหญิงชรา ทว่าควีนได้ยินเสียง มีคนอยู่ในห้อง และคนคนนั้นได้หาอะไรมาขัดไม่ให้เขาผลักประตูเข้าไปได้ สุดท้ายจึงต้องออกแรงพุ่งชนจนประตูเปิด แต่คนที่อยู่ในห้องรีบหนีหลบออกทางหน้าต่างแล้วปีนบันไดวนขึ้นบนดาดฟ้าหนีไปแล้ว เขาจึงตรวจสภาพในห้อง ขณะนั้นมีชายคนหนึ่งมายืนหน้าประตูอย่างงุนงง บอกเป็นหลานมาพบหญิงชรา ตามที่เธอได้เขียนจดหมายส่งหาเขา เขาติดธุระจึงมาช้า พอทราบว่าอาจเกิดเหตุไม่ดีขึ้นกับหญิงชราทั้งสองก็ตกใจ ควีนสอบถามเขาและขอดูจดหมาย เนื้อความในนั้นหญิงชรากำลังกลัวเพราะคาดว่าตนกำลังตกอยู่ในอันตรายอะไรสักอย่าง ขอให้หลานช่วยมาหาโดยเร็วที่สุด ควีนถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเขา ได้ทราบว่าป้าทั้งสองไม่ค่อยลงรอยกัน ป้าคนโตพอมีเงินเก็บก้อนหนึ่ง แต่ไม่ไว้ใจธนาคาร และไม่ไว้ใจน้องสาว จึงแอบเก็บเงินไว้สักแห่งในห้อง เธอกลัวว่าน้องสาวจะขโมยเงินนี้ไป ควีนแนะให้เขาเข้าพักโรงแรมแถวใกล้ ๆ เพื่อรอฟังข่าวต่อไป

    ปรากฏว่าหญิงชราหายตัวไป มีแต่เตียงว่างเปล่ายับยู่ยี่ เธอเดินไม่ได้ แต่กลับไม่อยู่ในห้อง คนน้องก็น่าจะไม่ได้อยู่ที่นี่มาอย่างน้อยสองวันเช่นกัน ถึงมีขวดนมวางหน้าประตู ที่น่าแปลกคือไม่เห็นแมวเลยสักตัว ทั้งที่ควรจะมีอยู่ 7 ตัว ควีนตรวจจานอาหารที่มีอาหารเหลืออยู่ เขาตรวจหาลายนิ้วมือบนช้อน ส้อมและมีด แต่ไม่พบลายนิ้วมือใครเลย เขาวานเจ้าของร้านขายแมวให้นำเอาอาหารที่เหลือนี้ไปส่งตรวจกับ ดอกเตอร์คนหนึ่ง จากนั้นตัวเองก็จะสำรวจต่อให้ทั่ว ก่อนสาวสวยร้านแมวจะออกจากห้อง ควีนส่งเสียงด้วยความตกใจ ให้รีบมาดูที่อ่างอาบน้ำ ที่สุดทั้งสองจึงเห็นว่ามีซากแมวดำตัวหนึ่งนอนตายจมกองเลือดในสภาพน่าอนาถ ที่หัวถูกทุบแหลกเละด้วยแปรงถูตัวที่ถูกทิ้งไว้ใกล้ ๆ

    ควีนได้ไปพบภรรยาคนดูแลตึกอีกครั้ง คราวนี้นายพอตเตอร์ผู้ดูแลกลับมาจากทำงานแล้ว จึงสอบถามเพิ่มเติมว่าเคยเห็นแมวตายในช่วงที่ผ่านมาบ้างไหม ภรรยานายพอตเตอร์ตกใจ บอกว่าใช่ ทำไมถึงรู้ ส่วนสามีบอกว่าใช่พบกระโหลกแมวในเตาเผาขยะหกตัว สัปดาห์ละตัว ไม่คิดว่าเจ้าของจะโหดเหี้ยมขนาดนี้ ควีนเดินไปสำรวจรอบ ๆ เตาเผาขยะ รวบรวมหลักฐานเพิ่ม เมื่อสาวร้านขายแมวกลับมาพร้อมแจ้งว่าตรวจไม่พบอะไรในอาหารที่เหลือ ควีนสรุปว่าควรเป็นเช่นนั้น ที่สุดเขาพออนุมานได้แล้วว่าหญิงชราทั้งสองน่าจะตายไปแล้ว

    คนพี่คงระแวงว่าน้องสาวจะวางยาพิษตนเพื่อหวังเงินที่เก็บซ่อนไว้ จึงสั่งซื้อแมวมาทั้งที่เกลียด เพื่อใช้ทดสอบกินอาหารก่อน ถ้าแมวปลอดภัยตนจึงจะกินอาหาร แต่เนื่องจากคนร้ายวางยาทุกสัปดาห์ แมวจึงตายทำให้ต้องสั่งแมวตัวใหม่ และต้องการไม่ให้น้องสาวสงสัยจึงเลือกที่สีและขนาดรวมถึงเพศเดียวกับแมวของน้องสาว เมื่อแมวตายเพราะพิษ ก็คงจะห่อศพแล้วฝากเมียคนดูแลให้ไปทิ้งในเตาเผารวมกับขยะอื่น แต่ครั้งสุดท้าย คนร้ายคงเปลี่ยนแผน ไม่ใส่ยาพิษในอาหารเพราะทำมาหกครั้งไม่สำเร็จ จึงทายาพิษที่ช้อน ส้อม มีดแทน แมวกินไม่เป็นไร หญิงชราจึงกินอาหารจานนั้นและตายจากพิษที่ติดกับสิ่งที่เธอไม่ทันระวัง คนร้ายจึงเช็ดทำลายหลักฐาน และฆ่าแมวตัวที่เหลือด้วยวิธีอำมหิต และคนร้ายต้องไม่ใช่น้องสาวแน่ เพราะเธอรักแมว คงไม่กล้าพอที่จะลงมือฆ่าแมว น่าจะมาเห็นเหตุการณ์เข้าจึงถูกฆ่าปิดปาก ส่วนศพของทั้งสองคงถูกเอาไปใส่เตาเผาขยะ แล้วเช่นนั้นคนร้ายคือใครล่ะ

    ขณะสาวร้านขายแมวถามควีน ทั้งสองได้ยินเสียงไขกุญแจห้อง ที่แท้คนร้ายนึกว่าคงไม่มีคนอยู่ในห้องแล้ว และย้อนกลับมาเพื่อต้องการหาเงินที่หญิงชราซ่อนไว้ ควีนรีบพาตัวหญิงสาวไปแอบในตู้เสื้อผ้า ส่วนเขาออกไปตะลุมบอนกับคนร้าย ขณะจะพลาดท่าถูกคนร้ายเอามีดเสียบ หญิงสาวถลันออกจากตู้เตะไปที่ข้อมือชายคนนั้นที่เธอยังไม่เห็นหน้า ควีนร้องบอกให้ไปเปิดประตู ทันใดนั้นตำรวจหลายคนกรูเข้ามา จากนั้นเธอก็สลบไป

    ฟื้นอีกที เธอรีบถามใครคือคนร้าย ควีนบอกจะเป็นใครได้อีก นอกจากคนที่เข้ามาทาสีในห้องอยู่เกือบเดือน และทำงานโรงงานเคมีสามารถหายาพิษได้ง่าย อีกทั้งมีกุญแจห้องอีกดอก และคอยจัดการทิ้งขยะในเตาเผา ดีที่ควีนแอบโทรแจ้งตำรวจไว้ให้มาช่วยก่อนหน้านั้น และก็มาทันเวลาพอดี

    ส่วนเงินที่หญิงชราแอบไว้ พบซ่อนในหนังสือเล่มหนึ่ง! ใต้เตียงนอน

    ที่น่าสนใจที่สุดคือ คนร้ายรายนี้ชื่อว่า แฮรี่ พอตเตอร์!

    #เรื่องสั้น
    #เรื่องสั้นแปล
    #กันยรัตน์
    #แมวดำ
    #สืบสวน
    #คดีปริศนา
    #เอลเลอรีควีน
    #นักสืบ
    #thaitimes
    #ปริศนาแมวดำทั้ง7 เรื่องสั้นนักสืบ จากผลงานเขียนโดย เอลเลอรี ควีน แปลโดย กันยรัตน์ หนึ่งในเรื่องจากหนังสือ ปรัศนี รวมนิยายนักสืบเรื่องสั้นที่สรรแล้ว จากยอดนักเขียนชื่อก้องหลายคน เลือกเรื่องนี้มาเล่าสู่กันฟังเป็นเรื่องแรกก่อน นับเป็นเรื่องสั้นขนาดกลางที่อ่านสนุก มีแทรกอารมณ์ขันบางช่วง ตัวเอกของเรื่องก็ชื่อเดียวกับคนเขียนนั่นแหละ เปิดเรื่องด้วยการที่ ยอดชายของเรื่องต้องการหาซื้อหมาสักตัว จึงเข้าไปคุยกับเจ้าของร้านซึ่งเป็นสาวสวยคนหนึ่ง หญิงสาวมีอัธยาศัยดี ช่างจ้อ บอกว่าพันธุ์ที่ควีนต้องการนั้นไม่มี ถ้าอีกพันธุ์ได้ไหม คุยไปคุยมาเกิดกรี๊ดกร๊าดเมื่อทราบว่าชายตรงหน้าคือคนดัง เอลเลอรี ควีน ทีนี้จ้อไม่หยุด เปรยถามว่าคุณควีนพักอยู่แถวใกล้ๆนี้ คงรู้จักหญิงคนหนึ่งที่ชื่อ..กระมัง เพราะเธอก็เป็นลูกค้าของร้านเช่นกัน ควีนบอกไม่รู้จักแต่สนใจชื่อที่แปลกของหญิงคนนั้น เจ้าของร้านจึงเล่าว่าเป็นสตรีชราเดินเหินไม่ได้ เมื่อสักหกเดือนก่อน น้องสาวที่หน้าคล้ายกัน อายุห่างกันไม่มากมาอยู่ด้วยที่ห้องของเธอเพื่อดูแล แต่เข้ากันไม่ได้ เพราะคนน้องรักแมวมาก เคยมาซื้อแมวดำตัวผู้ตาเขียวจากที่ร้าน แล้วอีกสองวันต่อมาโทรศัพท์บอกขอนำมาคืน เพราะพี่สาวเกลียดแมว แต่สุดท้ายก็ไม่ได้มาคืน เธอเล่าต่อไปว่า ที่น่าแปลกคือ จากนั้นไม่นานคนพี่ที่เดินไม่ได้ก็โทรมาที่ร้าน ขอให้หาแมวสีเดียวกันตัวผู้ ที่เหมือนตัวที่น้องสาวเคยซื้อไปในราคาไม่แพง แล้วให้นำไปส่งที่แฟลตในช่วงบ่าย ซึ่งเป็นเวลาที่น้องสาวจะไม่อยู่เพราะออกไปเดินเล่นข้างนอก ด้วยความที่ไม่อยากให้น้องสาวทราบจึงห้ามคนขายไม่ให้บอก ทุกครั้งที่นำแมวไปส่งจึงไม่เคยพบหญิงชราคนน้อง น่าแปลกกว่านั้นคือคนพี่จะโทรมาสั่งแมวสัปดาห์ละครั้ง รวมกว่า5สัปดาห์เข้าแล้ว ทั้งที่เป็นคนเกลียดแมว เรื่องนี้สะดุดใจนักสืบควีนมาก จึงอยากลองไปเจอกับหญิงชราคนพี่ที่ป่วยเดินไม่ได้ โดยขอให้เจ้าของร้านสาวพาไป โดยจะอ้างว่าควีนสั่งแมวไว้ก่อน พอแมวถูกขายให้หญิงชราไปจึงไม่ยอม ต้องการมาคุยทำความตกลง สาวเจ้าของร้านตกลงช่วย เพราะดูเธอชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านเป็นกิจวัตร และวันนี้ได้เวลาที่ต้องไปตามนัดพอดี เมื่อไปถึงแฟลตที่หญิงชราอาศัย ทั้งสองกดกริ่งหลายหน ส่งเสียงดังเรียก แต่กลับไม่ได้รับการเปิดประตู ขวดนมสดวางตั้งไว้ที่หน้าประตูสองขวด ควีนรู้สึกได้ถึงความไม่ชอบมาพากล ประตูก็ล็อก ซึ่งต่างจากที่สาวขายแมวบอกว่าทุกครั้งที่มาส่งแมวช่วงเวลานี้ ประตูจะเปิดเพราะคนน้องจะออกไปข้างนอกแล้วไม่ล็อก ทั้งสองจึงลองไปสอบถามกับทางสำนักงานของคนดูแลตึกนามสกุล พอตเตอร์ แต่ปรากฏสามีที่ดูแลตึกไม่อยู่ ภรรยาออกมารับหน้าถามมีธุระอะไร พอทราบว่าทั้งสองมาหาหญิงชราแต่เข้าไม่ได้เพราะประตูล็อก และมีขวดนมวางไว้สองขวดจึงแปลกใจ ควีนสอบถามว่าเห็นหรือคุยกับหญิงชราครั้งสุดท้ายเมื่อไร ภรรยาคนดูแลบอกว่าน่าจะสองวันก่อน พอถูกถามถึงสามี ก็ตอบว่าไปทำงานพิเศษช่วงครึ่งวันที่โรงงานเคมี คงจะกลับช่วงเย็น เธอบอกอีกว่าหญิงชราเรียกสามีไปช่วยทาสีซ่อมแซมในห้องช่วงบ่ายหรือเย็นมาเกือบเดือนแล้ว โดยจะให้ค่าจ้างด้วย ควีนกับสาวขายแมวจึงขอมาสเตอร์คีย์ แล้วย้อนจะไปไขประตูห้องหญิงชรา ทว่าควีนได้ยินเสียง มีคนอยู่ในห้อง และคนคนนั้นได้หาอะไรมาขัดไม่ให้เขาผลักประตูเข้าไปได้ สุดท้ายจึงต้องออกแรงพุ่งชนจนประตูเปิด แต่คนที่อยู่ในห้องรีบหนีหลบออกทางหน้าต่างแล้วปีนบันไดวนขึ้นบนดาดฟ้าหนีไปแล้ว เขาจึงตรวจสภาพในห้อง ขณะนั้นมีชายคนหนึ่งมายืนหน้าประตูอย่างงุนงง บอกเป็นหลานมาพบหญิงชรา ตามที่เธอได้เขียนจดหมายส่งหาเขา เขาติดธุระจึงมาช้า พอทราบว่าอาจเกิดเหตุไม่ดีขึ้นกับหญิงชราทั้งสองก็ตกใจ ควีนสอบถามเขาและขอดูจดหมาย เนื้อความในนั้นหญิงชรากำลังกลัวเพราะคาดว่าตนกำลังตกอยู่ในอันตรายอะไรสักอย่าง ขอให้หลานช่วยมาหาโดยเร็วที่สุด ควีนถามข้อมูลเพิ่มเติมจากเขา ได้ทราบว่าป้าทั้งสองไม่ค่อยลงรอยกัน ป้าคนโตพอมีเงินเก็บก้อนหนึ่ง แต่ไม่ไว้ใจธนาคาร และไม่ไว้ใจน้องสาว จึงแอบเก็บเงินไว้สักแห่งในห้อง เธอกลัวว่าน้องสาวจะขโมยเงินนี้ไป ควีนแนะให้เขาเข้าพักโรงแรมแถวใกล้ ๆ เพื่อรอฟังข่าวต่อไป ปรากฏว่าหญิงชราหายตัวไป มีแต่เตียงว่างเปล่ายับยู่ยี่ เธอเดินไม่ได้ แต่กลับไม่อยู่ในห้อง คนน้องก็น่าจะไม่ได้อยู่ที่นี่มาอย่างน้อยสองวันเช่นกัน ถึงมีขวดนมวางหน้าประตู ที่น่าแปลกคือไม่เห็นแมวเลยสักตัว ทั้งที่ควรจะมีอยู่ 7 ตัว ควีนตรวจจานอาหารที่มีอาหารเหลืออยู่ เขาตรวจหาลายนิ้วมือบนช้อน ส้อมและมีด แต่ไม่พบลายนิ้วมือใครเลย เขาวานเจ้าของร้านขายแมวให้นำเอาอาหารที่เหลือนี้ไปส่งตรวจกับ ดอกเตอร์คนหนึ่ง จากนั้นตัวเองก็จะสำรวจต่อให้ทั่ว ก่อนสาวสวยร้านแมวจะออกจากห้อง ควีนส่งเสียงด้วยความตกใจ ให้รีบมาดูที่อ่างอาบน้ำ ที่สุดทั้งสองจึงเห็นว่ามีซากแมวดำตัวหนึ่งนอนตายจมกองเลือดในสภาพน่าอนาถ ที่หัวถูกทุบแหลกเละด้วยแปรงถูตัวที่ถูกทิ้งไว้ใกล้ ๆ ควีนได้ไปพบภรรยาคนดูแลตึกอีกครั้ง คราวนี้นายพอตเตอร์ผู้ดูแลกลับมาจากทำงานแล้ว จึงสอบถามเพิ่มเติมว่าเคยเห็นแมวตายในช่วงที่ผ่านมาบ้างไหม ภรรยานายพอตเตอร์ตกใจ บอกว่าใช่ ทำไมถึงรู้ ส่วนสามีบอกว่าใช่พบกระโหลกแมวในเตาเผาขยะหกตัว สัปดาห์ละตัว ไม่คิดว่าเจ้าของจะโหดเหี้ยมขนาดนี้ ควีนเดินไปสำรวจรอบ ๆ เตาเผาขยะ รวบรวมหลักฐานเพิ่ม เมื่อสาวร้านขายแมวกลับมาพร้อมแจ้งว่าตรวจไม่พบอะไรในอาหารที่เหลือ ควีนสรุปว่าควรเป็นเช่นนั้น ที่สุดเขาพออนุมานได้แล้วว่าหญิงชราทั้งสองน่าจะตายไปแล้ว คนพี่คงระแวงว่าน้องสาวจะวางยาพิษตนเพื่อหวังเงินที่เก็บซ่อนไว้ จึงสั่งซื้อแมวมาทั้งที่เกลียด เพื่อใช้ทดสอบกินอาหารก่อน ถ้าแมวปลอดภัยตนจึงจะกินอาหาร แต่เนื่องจากคนร้ายวางยาทุกสัปดาห์ แมวจึงตายทำให้ต้องสั่งแมวตัวใหม่ และต้องการไม่ให้น้องสาวสงสัยจึงเลือกที่สีและขนาดรวมถึงเพศเดียวกับแมวของน้องสาว เมื่อแมวตายเพราะพิษ ก็คงจะห่อศพแล้วฝากเมียคนดูแลให้ไปทิ้งในเตาเผารวมกับขยะอื่น แต่ครั้งสุดท้าย คนร้ายคงเปลี่ยนแผน ไม่ใส่ยาพิษในอาหารเพราะทำมาหกครั้งไม่สำเร็จ จึงทายาพิษที่ช้อน ส้อม มีดแทน แมวกินไม่เป็นไร หญิงชราจึงกินอาหารจานนั้นและตายจากพิษที่ติดกับสิ่งที่เธอไม่ทันระวัง คนร้ายจึงเช็ดทำลายหลักฐาน และฆ่าแมวตัวที่เหลือด้วยวิธีอำมหิต และคนร้ายต้องไม่ใช่น้องสาวแน่ เพราะเธอรักแมว คงไม่กล้าพอที่จะลงมือฆ่าแมว น่าจะมาเห็นเหตุการณ์เข้าจึงถูกฆ่าปิดปาก ส่วนศพของทั้งสองคงถูกเอาไปใส่เตาเผาขยะ แล้วเช่นนั้นคนร้ายคือใครล่ะ ขณะสาวร้านขายแมวถามควีน ทั้งสองได้ยินเสียงไขกุญแจห้อง ที่แท้คนร้ายนึกว่าคงไม่มีคนอยู่ในห้องแล้ว และย้อนกลับมาเพื่อต้องการหาเงินที่หญิงชราซ่อนไว้ ควีนรีบพาตัวหญิงสาวไปแอบในตู้เสื้อผ้า ส่วนเขาออกไปตะลุมบอนกับคนร้าย ขณะจะพลาดท่าถูกคนร้ายเอามีดเสียบ หญิงสาวถลันออกจากตู้เตะไปที่ข้อมือชายคนนั้นที่เธอยังไม่เห็นหน้า ควีนร้องบอกให้ไปเปิดประตู ทันใดนั้นตำรวจหลายคนกรูเข้ามา จากนั้นเธอก็สลบไป ฟื้นอีกที เธอรีบถามใครคือคนร้าย ควีนบอกจะเป็นใครได้อีก นอกจากคนที่เข้ามาทาสีในห้องอยู่เกือบเดือน และทำงานโรงงานเคมีสามารถหายาพิษได้ง่าย อีกทั้งมีกุญแจห้องอีกดอก และคอยจัดการทิ้งขยะในเตาเผา ดีที่ควีนแอบโทรแจ้งตำรวจไว้ให้มาช่วยก่อนหน้านั้น และก็มาทันเวลาพอดี 📌ส่วนเงินที่หญิงชราแอบไว้ พบซ่อนในหนังสือเล่มหนึ่ง! ใต้เตียงนอน 📌 ที่น่าสนใจที่สุดคือ คนร้ายรายนี้ชื่อว่า แฮรี่ พอตเตอร์! #เรื่องสั้น #เรื่องสั้นแปล #กันยรัตน์ #แมวดำ #สืบสวน #คดีปริศนา #เอลเลอรีควีน #นักสืบ #thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 530 Views 0 Reviews
  • #จริงแต่ใจเย็นอ่านก่อนนนนน
    1. ถ้าได้อ่านเรื่องกลุ่มเงินดาร์คที่สร้างเอเจนจะเข้าใจว่าการเอาเงินออกจากตต. ขั้นตอนสุดท้ายคือการเสียภาษีให้ถูกต้อง ดังนั้น อย่าไปเสียเวลากับเรื่องภาษี ยังไงก็ต้องเป๊ะ
    2. เรื่องมีผลัว พี่คิงส์ฟันธงว่ามีผลัว แต่ไม่เสียเวลาไปสืบ เพราะต่อให้คนมันจับได้ว่านอนด้วยกัน มันก็จะบอกว่าไม่มีอะไรกัน ใครมันจะเอาโดรนไปเก็บภาพตอนทำกิจกรรม ดังนั้น แฟนเพจไม่ต้องไปเสียเวลา ก็เห็นเรียกผช.ทุกคนว่าโอป้า มันก็พี่ทั้งนั้น มันแถได้ไม่มีวันจบสิ้น หรือทุยบางคนอาจจะคิดว่า แหมแค่เสร็จข้างนอก ก็ไม่ได้แปลว่าเป็นผัวก็ยังอ้างได้ ทุยคือทุย ดังนั้นสองประเด็นนี้อย่าไปเสียเวลา ที่พวกมันแคปภาพพี่คิงส์ลงไปที่เป็นภาพว่าผัวมั๊ย มันตกหลุมแล้ว ถ้าไปอ่านแคปชั่นดีๆ พี่คิงส์จะบอกไว้แล้วว่า ภาพพวกนี้พี่คิงส์ไม่ได้ฟันธง แต่แฟนเพจส่งมา คือโจกับทุยเป็นประเภท เซฟไว้ก่อน แล้วขี้เกียจอ่านหนังสือ เลยไม่ได้อ่านแคปชั่น
    แล้วพอมันพยายามแก้ตัว บลาๆๆ แล้วส่งภาพมาในคอมเม้น พี่คิงส์ถึงไม่ได้ตอบโต้อะไร ก็ฟายมันตกหลุม แค่นั้นเอง ศึกแบบนี้กรรรูผ่านมาเยอะ พวกเมิงขยับตัวกรรูก็รู้ว่าเมิงจะไปต่อยังไง จอกมาก ไอ่ฉัด
    อ้อ และพี่คิงส์รู้แม้กระทั่ง ไอ่ที่ส่งภาพมาในแช็ตเพจคิงส์อะ
    ก็กะให้พี่คิงส์มาโพส เมิงวางแผนกันมาเป็นอย่างดี
    แต่ดีไม่พอหว่ะ จ๊อก จอก อยากบอกเอเจนเกาหลีมากๆ
    เปลี่ยนคนทำเหอะ ไอ่โจ ไม่เวิร์ค
    ทีมปัจจุบันก็ห่วยแตก มองทะลุหมดแล้ว
    ไอ่ฉัด
    #เดี่ยวจะแปะไว้ใต้โพสนะ #ข้อมูลเชิงลึกของขวนการ
    #ซักอบรีดเงินดาร์คให้ขาวจั๊ว #เผื่อใครยังไม่ได้อ่านกัน
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #savecharlie
    #savethailand
    #จริงแต่ใจเย็นอ่านก่อนนนนน 1. ถ้าได้อ่านเรื่องกลุ่มเงินดาร์คที่สร้างเอเจนจะเข้าใจว่าการเอาเงินออกจากตต. ขั้นตอนสุดท้ายคือการเสียภาษีให้ถูกต้อง ดังนั้น อย่าไปเสียเวลากับเรื่องภาษี ยังไงก็ต้องเป๊ะ 2. เรื่องมีผลัว พี่คิงส์ฟันธงว่ามีผลัว แต่ไม่เสียเวลาไปสืบ เพราะต่อให้คนมันจับได้ว่านอนด้วยกัน มันก็จะบอกว่าไม่มีอะไรกัน ใครมันจะเอาโดรนไปเก็บภาพตอนทำกิจกรรม ดังนั้น แฟนเพจไม่ต้องไปเสียเวลา ก็เห็นเรียกผช.ทุกคนว่าโอป้า มันก็พี่ทั้งนั้น มันแถได้ไม่มีวันจบสิ้น หรือทุยบางคนอาจจะคิดว่า แหมแค่เสร็จข้างนอก ก็ไม่ได้แปลว่าเป็นผัวก็ยังอ้างได้ ทุยคือทุย ดังนั้นสองประเด็นนี้อย่าไปเสียเวลา ที่พวกมันแคปภาพพี่คิงส์ลงไปที่เป็นภาพว่าผัวมั๊ย มันตกหลุมแล้ว ถ้าไปอ่านแคปชั่นดีๆ พี่คิงส์จะบอกไว้แล้วว่า ภาพพวกนี้พี่คิงส์ไม่ได้ฟันธง แต่แฟนเพจส่งมา คือโจกับทุยเป็นประเภท เซฟไว้ก่อน แล้วขี้เกียจอ่านหนังสือ เลยไม่ได้อ่านแคปชั่น แล้วพอมันพยายามแก้ตัว บลาๆๆ แล้วส่งภาพมาในคอมเม้น พี่คิงส์ถึงไม่ได้ตอบโต้อะไร ก็ฟายมันตกหลุม แค่นั้นเอง ศึกแบบนี้กรรรูผ่านมาเยอะ พวกเมิงขยับตัวกรรูก็รู้ว่าเมิงจะไปต่อยังไง จอกมาก ไอ่ฉัด อ้อ และพี่คิงส์รู้แม้กระทั่ง ไอ่ที่ส่งภาพมาในแช็ตเพจคิงส์อะ ก็กะให้พี่คิงส์มาโพส เมิงวางแผนกันมาเป็นอย่างดี แต่ดีไม่พอหว่ะ จ๊อก จอก อยากบอกเอเจนเกาหลีมากๆ เปลี่ยนคนทำเหอะ ไอ่โจ ไม่เวิร์ค ทีมปัจจุบันก็ห่วยแตก มองทะลุหมดแล้ว ไอ่ฉัด #เดี่ยวจะแปะไว้ใต้โพสนะ #ข้อมูลเชิงลึกของขวนการ #ซักอบรีดเงินดาร์คให้ขาวจั๊ว #เผื่อใครยังไม่ได้อ่านกัน #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #savecharlie #savethailand
    Like
    6
    0 Comments 0 Shares 692 Views 0 Reviews
  • #ยิ่งล้วงยิ่งลึกยิ่งขุดยิ่งไม่ธรรมดา
    อรุณสวัสดิ์ชาวเพจคิงส์โพธิ์แดงที่เคารพรัก
    เมื่อคืนพี่คิงส์ได้ตรวจสอบข้อมูล ยิ่งลึกยิ่งตกใจ
    เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่อง ญ ช สองคนรักและเลิกอย่างที่
    มีกลุ่มปฏิบัติการโซเชียลปั้นแต่ง แต่มันเลยเถิดไปไกล
    ที่มีความเกี่ยวข้อง เชิง อ-า-ช-ญ-า-ก-รร-ม-ข้-า-ม-ช-า-ติ
    พี่คิงส์จะค่อยๆอธิบายสำหรับคนที่ติดตามข้อมูลจากคิงส์โพธิ์แดง
    และที่เพิ่งเข้ามาเห็นโพสนี้ครั้งแรก ให้กระจ่ายกันไปเลย
    มาทวนสิ่งที่พี่คิงส์ให้ข้อมูลไปก่อนหน้าโดยสังเขป
    ชุดข้อมูลแรก
    - แพลตฟอร์ม ตต. เปิดให้คนทั่วไป มีกิจกรรมที่เรียกว่า PK เพื่อให้มีการใช้เงินจริง เปลี่ยนเป็นเหรียญเข้าสู่ระบบของแพลตฟอร์ม และส่งเป็นติ๊กเกอร์ และสมารถนำออกเป็นเงินจริงได้ โดยเสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อยให้แพลตฟอร์ม ส่วน ตต.เกอร์ เมื่อได้อิมคัมก็มีหน้าที่เสียแวทของแต่ละประเทศ ตังค์นั้นก็สามารถนำมาใช้ได้
    - ด้วยรูปแบบดังกล่าว กลุ่มเงินดาร์ค ที่ได้มาโดยไม่ถูกก-ฏ-ห-ม-า-ย จากทั่วโลก ได้มองเห็นช่องทาง จึงเริ่มมีคนคิดโมเดลขึ้นมา
    -กลุ่มเงินดาร์ค ได้จัดตั้งบ.เอเจน เพื่อเฝ้ามอง ตต.เกอร์ที่มีโอกาสดัง แต่ตอนนี้เริ่มช้อน ตต.เกอร์ที่ดังแล้ว เพื่อเข้าสู่โมงเดล การซักอบรีดเงินดาร์ค
    -โดยเบื้องหน้า บ.เจน ก็จะได้ค่าตอบแทนเป็นเปอร์เซ็น จากการได้ติ๊กเกอร์ จากการ PK ซึ่งก็ดูแล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติ
    -แต่ กลุ่มเงินดาร์ค จะอาศัยจังหวะ ในการ PK ในการเติมเงินดาร์คเข้าระบบตต. โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า ยุซที่ส่งติ๊กเกอร์นั้น คือใคร เงินดาร์คถูกเปลี่ยนเป็นเหรียญและทำการส่งติ๊กเกอร์ ที่มีเรทสูง ให้ตต.เกอร์ แต่บชนั้น อยู่ในมือ บ.เอเจน ก็จะตัดให้เฉพาะเปอร์เซ็นต์ที่ได้จากการรับตต.จริง ส่วนที่เป็นเงินดาร์ค อาจได้บางส่วนเป็นอินเทนซีฟไป ซึ่่งก็มหาศาล เพราะจำนวนเงินดาร์คที่ปั่นเข้าระบบจำนวนมันมหาศาล
    -แต่ประเด็นคือ การปั้นให้ตต.ดังและมีชื่อเสียง เป็นสิ่งสำคัญ มิเช่นนั้นจะมีความผิดปกติ ที่ตต.เกอร์โนเนม จะมีคนมายิงติ๊กเกอร์เรทสูงรัวๆ และนี่คือที่มาที่แฟนเพจต้องเข้าใจเป็นอันดับแรก
    -เมื่อกลุ่มเงินดาร์ค ต้องการให้เงินดาร์คกลายเป็นเงินขาว ก็เพียงแค่ เอาเหรียญเปลี่ยนเป็นเงินจริงผ่านบ.เอเจน และเสียภาษีให้ถูกต้อง ก็สะอาดกริ๊บ
    -โมงเดลนี้เริ่มสร้างประมาณ เกือบ 1 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่แพลตฟอร์มตต.เริ่มมีการ PK ให้ตต.เกอร์ได้ลองใช้งาน
    ----------------------------------------------
    -กามิน ได้ออกทีวีเกาหลี และไปพร้อมกับเอเจน ได้พูดถึงการทำงาน ว่าต้องอาศัยความอดทน ต้องทนกับความเบื่อให้ได้ และทำทุกวัน ก็จะสำเร็จแบบเธอได้
    -ได้ข้อสรุปว่า สิ่งที่กามินออกกล้อง สตอรี่ทั้งหมดนั้น คือส่วนหนึ่งของงาน ซึ่ง กามิน ได้รายได้เฉลี่ย ก่อนที่แน๊กเข้าไป ตกเฉลี่ยเดือนละ 8 หมื่น หรือวันละเฉลี่ย 2 พันกว่าบาท ซึ่งนั่นมาจากการทดสอบ ค่อยๆปล่อยติ๊กเกอร์ แบบที่ไม่ให้คนเกิดความสงสัย เพราะต้องไม่ลืมว่า แปดหมื่นที่ว่า ได้ถูกหักจากเอเจนไปแล้ว แล้วคนโนแนม แบบกามิน ที่ไม่ได้มีอะไรที่น่าสนใจ มีเพียงสตอรี่ที่สร้างความสงสารเห็นใจ ทำไมถึงมีคนเปย์ให้หลักแสนได้ ก่อนหักของเอเจน
    -แน๊กชาลี เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ก็ได้เข้ามาเรียนรู้ เรื่องการ PK ด้วยความสนุกๆ ได้คุยกับแฟนคลับ เพราะแน๊กปกติ เป็นคนที่มีโลกส่วนตัว อย่างที่แฟนคลับเข้าใจ ทำให้การ PK เป็นโลกใหม่ ที่ทำให้แน๊กได้พูด ได้คุย ในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง จึงเป็นที่รักของแฟนคลับ และเข้าไปซัพพอตอยู่มากมายอยู่แล้ว
    -แน๊กชาลี พลาดที่ไปอินกับสตอรี่ ที่กามินและเอเจน สร้างสตอรี่เข้าใจว่าลำบากจริง จึงพาคนไทยไปติดตาม ด้วยเจตนาที่แท้จริง แว๊บแรกแน๊กเองก็ไม่ได้มองเรื่องรักๆใคร่ๆ คือตั้งใจช่วยด้วยความจริงใจ ให้ผู้หญิงที่ขาดโอกาส ได้รับโอกาส
    -แต่กามิน ก็แสดงท่าที ที่เราเห็นๆกัน การทอดสะพาน การตก และแสดงตัวถึงความเป็นเจ้าของ นั่นก็เพราะ ติ๊กเกอร์ที่เข้ามาอย่างมหาศาล ซึ่งตรงตามคอนเซ็ปโมเดล ที่เงินดาร์ค และเอเจนวางไว้
    -เราจะเริ่มเห็น ยูนิ และติ๊กเกอร์ตัวแรงๆ ยิงให้กามิน รัวๆ อย่างไม่รู้ที่มา ว่าคนที่ยิงนั้น คือใคร นั่นคือการสอดแทรงติ๊กเกอร์จากกลุ่มเงินดาร์คเข้าระบบ ทำกัน อย่างเป็นล่ำเป็นสัน
    -เราจะเห็น เอเยนเกาหลี ไปกลับไทยเกาหลี และแน๊กเองก็แสดงท่าทีที่ไม่โอเคนัก ซึ่งคิงส์เองก็ไม่มั่นใจว่า แน๊ก เริ่มรู้เรื่องลึกๆอะไรหรือยัง
    -เมื่อกิจกรรมโมเดลซักอบรีดเงินดาร์คดำเนินไปอยู่ดีๆ แน๊กเริ่มมีการออกอาการขัดขา ออกมาเตือนลอยๆ อย่าอิน อย่าเปย์มาก อย่าตามใจ ซึ่งถือว่าเป็นการขัดลาภ ทั้งกามิน และเอเจน และลามไปถึงกลุ่มเงินดาร์คด้วย เพราะถ้ายอดคนเข้าไป PK ลดลง กามินจะไม่ใช่ตัวแสดงที่เหมาะสม ในการแทรกเงินดาร์คเข้าระบบ และแน๊ก ได้ออกตัวพูดรอบสุดท้ายว่า เรื่องนี้ มันน่ากลัวนะ ทำให้กลุ่มเงินดาร์คเอง เริ่มระแวงว่า เรื่องโมเดลนี้จะถูกเปิดเผย
    -จึงเกิดปฏิบัติการ ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการเลิกรา ด้วยการหาคนไทย ที่แสดงตัวเป็นผู้นำทางความคิดของกลุ่มที่เป็นด้อม กามินและชาลี และเล็งเห็นแล้วว่า โจ มณฑานี คือผู้ที่เหมาะสม เพราะมีวาทะกรรม ที่ทำให้ด้อมเคลิบเคลิ้ม ความภักดีของสาวก ก็ถือว่ามีความจงรักภักดี เพราะบรรยากาศการพูดคุยของโจ มณฑานี ที่สร้างเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลก ที่มีเจ้าหญิง เจ้าชาย การข้ามภพข้ามชาติมารักกัน ที่อิงส่วนหนึ่งมาจากนิยายที่ โจ มณฑานี เคยเขียนและตีพิมพ์
    -และโจ ก็ได้รับคำสั่ง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับวันที่ชาลีขวางปฏิบัติการเงินดาร์คมากไปกว่านี้ ด้วยปฏิบัติการ "เล่นงานชาลี"
    -โดย ปฏิบัติการนี้ โจ ได้งบมาจัดการดูแล จัดตั้งทีมงาน ทั้งการคอมเม้น การสร้างตัวตน อ-ว-ต-า-ร ซึ่งก็ไม่ต่างจากการทำงานของมิจทางออนไลน์เลย และโจก็ไม่ติดเรื่องนี้ เพราะโจมี 3 ปัจจัยในการขับเคลื่อน
    1. โจ เปื่อยจิต มานาน การที่ตนเองได้หลุดเข้าไปในโลกจินตนาการ ในตต. ในห้อง DC ทำให้โจรู้สึกตัวเองมีความสำคัญ ทำให้ชีวิตมีคุณค่า ซึ่งเป็นการเยียยวยยาอาการของเธอเอง ซึ่งวิชาการ ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกต้อง แต่มันจะยิ่งกลับทำให้อาการหนักจนหลุดไปเลยก็เป็นได้
    2. โจ อาศัยความภักดีของด้อมกามิน ในการแทรกอาชีพส่วนตัว ที่ก็ไม่ขาวนัก นั่นคือ การเปิดโรงเรียนที่ไม่ถูกต้อง สร้างหลักสูตรที่ม-อ-ม-เ-ม-ากับความเชื่อ และใส่จินตาการตามนิยายที่โจ มณฑนี ที่เคยเขียน เรื่องข้ามภพข้ามชาติมารักกัน อะไรแบบนี้ แฟนเพจสามารถสืบหาอ้างอิงได้ไม่ยาก
    3. คือ ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการที่กลุ่มเงินดาร์คได้ส่งผ่านเอเจนมาให้
    -ตอนนี้ โจ มณฑานี มีกอง กำล-ัง ทางโซเชียลจำนวนหลายสิบคน โดยให้ค่าจ้าง เดือนละไม่ถึงหมื่น มาดำเนินการ
    1. มาสร้างยูซเทียม ทุกแพลตฟอร์ม
    2. สร้างเพจ เทียม หรือ ช็อปเพจที่พอมีคนติดตามแล้ว เช่น DiY v2 แฟนเพจสังเกตุได้ เพจที่ชื่อกับสิ่งที่โพสไปคนละเรื่อง พวกนี้เจ้าของปล่อย และคนที่มาช้อน ก็หวังแค่ผู้ติดตาม แต่ไม่ได้มีอุดมการณ์ในการทำเพจในเนื้อหาเดิมของเจ้าของที่ตั้งใจ ตอนนี้ Diy v2 แทบไม่มีเรื่องการ Diy สิ่งของเลย มีแต่การพุ่งเป้าไปที่แน๊กชาลี จนล่าสุด ออกมาโพส ต้องการปิดหูปิดตาสมาชิกในเพจด้วยการ "ไม่ให้เข้ามาเพจคิงส์โพธิ์แดง" หรือหากไม่ได้ถูกช็อป ก็คือทุยที่ทำไปได้ความง่าววววว ก็เป็นได้ แต่เพจที่ถูกช็อป มีหลายเพจจริง
    3. ปั๊มยูซ จำนวนมากๆ ของทุกแพลตฟอร์ม เพื่อ
    3.1 กดไลค์ สร้างแอชเท็คสร้างเทรนทวิช หรือกดติ-ดต-า-ม หรือฟอลโล่วในทุกแพลตฟอร์ม
    (อันนี้มีหลักฐานชัด จากยอดฟอล ที่ขึ้นมาแบบผิดปกติ และเข้าไปตรวจสอบพบว่าไม่มีข้อมูลใดๆเรียกว่า สร้างมาสดๆ เอามาใช้สดๆ,และเทรนทวิตที่หลายคนไม่รู้ว่า เซฟกามิน ขึ้นอันดับหนึ่ง ทั้งๆที่คนไทยส่วนใหญ่ก็เลิกติดตามกันรัวๆ มันคือความผิดปกติ และเมื่อเข้าไปกดดูคนที่ใส่แอชเท็ค กลับเป็นยูซโบ๋ล้วนๆ เพื่อให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้าใจว่า กามินสำคัญมากตามแผนที่โจวางไว้)
    3.2 หยิบแอค หรือยุซนั้นๆ มาเพื่อให้ลูกจ้างที่กล่าวไปแล้วนั้น ทำการพุ่งเป้าไปที่แน๊ก สร้างข่าวที่ให้ร้ายต่างๆ ในทุกแพลตฟอร์มอย่างเป็นระบบ สังเกตุไม่ยาก แทบทุกแพลตฟอร์ม จะมีตัวที่เข้ามาป่วนเพจ หรือช่องที่ตื่นรู้ จะเข้ามากดติดตาม และวางแปะข้อความซ้ำๆ เหมือนๆกัน บางทีแปะผิดแปะถูก พี่คิงส์ก็แซวจนเขินไปหลายรอบว่า "เอ้ย น้อง โพสนี้ไม่ได้พูดถึงกามินนะ แปะผิดโพสแล้ว" และพวกนี้ก็เช่นกัน มาเพื่อป่วน และเพื่อปล่อย ปล่อยคือ ปล่อยสิ่งที่โจอยากสื่อสาร ตามแผนที่สุมหัวไว้ ให้สอดคล้องกับสิ่งที่โจพูด ยกตัวอย่างเช่น หลังจากที่คิงส์ได้เปิดลึกตั้งแต่แรกๆ สิ่งที่โจทำคือ การขู่ววว มีทั้งในคอมเม้น มีทั้งแชตเข้ามา ส่งเป็นคลิปบ้าง ส่งเป็นข้อความบ้าง มาแนวๆ ห่วงพี่คิงส์งั้นงี้ ส่งกำลังใจงั้นงี้ แต่ส่งข้อความขู่ววว จากโจ มณฑานี ล้วนๆ ซึ่งพวกนี้หงายกันไปหมด คงเดากันได้นะ ว่าพี่คิงส์ปากจัดแค่ไหน
    ผลพวงจากปฏิบัติการนี้ มันมีผลแย่ทางตรงและทางอ้อมเยอะมาก
    เพราะประเทศไทย มีทุยเยอะมาก ถึงแม้ว่าหลังจากคิงส์ฯได้เปิดเผยข้อเท็จจริง จนมีทุยเปลี่ยนกลับมาเป็นคนมหาศาลก็ตาม แต่ก็ยังมีคนกลุ่มเดียวที่มีชีวิตคล้ายโจ คือคนที่โลกแห่งความเป็นจริงเหงามาก รู้สึกตัวเองไม่มีคุณค่า กลุ่มนี้ ดึงออกยากมาก เพราะเต็มไปด้วยอัตตา บางคนหลงกามินขนาดประกาศยอมตุยเพื่อกามิน ซึ่งมันเลยเถิด ไปกันใหญ่ และพวกนี้ไม่ต้องจ้าง ทำด้วยความค-ลั่-ง-ไ-ค-ล้ และสมานความเจ็บในชีวิตจริงในรูปแบบส่วนตัวก็พอ
    ตอนนี้ จากที่โจ มณฑานี ได้เริ่มปฏิบัติการมา จากการสนับสนุนของกลุ่มเงินดาร์ค มันเยอะมาก มาแบบไม่อั้น และวิธีการนั้นมันเริ่มแรงขึ้นหลังจากที่ชาลี ประกาศ เชิญกามินกลับประเทศ
    -โจ มณฑานี เริ่มคุยในกลุ่ม DC และไลฟ์ตามเพจที่ตัวเองจูงจมูกได้ แบบชัดมาก เริ่มหลุดเสียง หลุดภาพออกมา ว่าโจ ให้ร้ายน้องแน๊ก พูดสามสี่ชั่วโมง เพียงเพื่อให้ทุกคนเข้าใจผิดว่า แน๊ก เปื่อยจิต ซึ่งความเชื่อนี้ได้ฝังหัวกลุ่มทุยทุกตัว
    -ความเลยเถิดคือ กลุ่มทุยจิตอ่อน เริ่มอิน และเริ่มมีการคุ-กคาม น้อง มีการแฮชเทคโพสห-ย-า-บ ถึงบ้านคู้บอน เริ่มมีการบริภาษหลานตัวน้อยของชาลี และที่สำคัญ ทุกคนฟังให้ดี กลุ่มทุยนี้ โจกล่อมสำเร็จถึงขนาด เป็นลัตติ๊ล่า แม่ -มด
    พี่คิงส์ฯจึงจำเป็นที่ต้องออกมาเปิดเผยความจริง และทุกข้อที่พิมพ์ไว้นี้ ทุกท่านสามารถสืบต่อได้ ว่าจริงหรือไม่ สังเกตุของปัจจุบันเลย พวกทุยที่มาป่วน ยูซแท้ไม่มีซักราย และข้อความก็เป็นข้อความที่ก็อปวางทั้งนั้น ยอดฟอล และเทรนทวิช แล้วท่านจะตาสว่าง
    น้องชาลี คือน้องชายที่เป็นคนไทย ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร แต่กลับต้อนโดนคนไทยด้วยกัน จากการซัพพอตของกลุ่มทุนเงินดาร์คที่ต้องกอาศัยช่องทาง PK ในการซักอบรีดเงินให้ขาว มามุ่งเล่นงาน
    รวมถึงคนไทยที่จิตอ่อน ตามการจูงจมูกโดย โจมณฑานี ที่มาตรร้ายเหมือนคนเป็นจิตปsะสาด โดนสากดจิกทุกวัน นานหลายๆเดือน คิดว่า
    พวกนี้ คิดจะทำอะไรกับน้องแน๊ก และครอบครัวที่ไม่มีความผิดอะไรเลย
    จึงของให้พี่น้องชาวไทยผูัรักชาติทุกคน ร่วมกันปกป้องน้อง ให้พ้นจากปฏิบัติการเหล่านี้ด้วย น้องยอมตัดกามิน เพียงเพื่อปกป้องคนไทยไม่ให้โดนต้ม น้องไม่ควรต้องมาเจออะไรแบบนี้จริงๆ
    เดี๋ยวมีต่อ รอติดตาม
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #ยิ่งล้วงยิ่งลึกยิ่งขุดยิ่งไม่ธรรมดา อรุณสวัสดิ์ชาวเพจคิงส์โพธิ์แดงที่เคารพรัก เมื่อคืนพี่คิงส์ได้ตรวจสอบข้อมูล ยิ่งลึกยิ่งตกใจ เรื่องนี้ไม่ใช่แค่เรื่อง ญ ช สองคนรักและเลิกอย่างที่ มีกลุ่มปฏิบัติการโซเชียลปั้นแต่ง แต่มันเลยเถิดไปไกล ที่มีความเกี่ยวข้อง เชิง อ-า-ช-ญ-า-ก-รร-ม-ข้-า-ม-ช-า-ติ พี่คิงส์จะค่อยๆอธิบายสำหรับคนที่ติดตามข้อมูลจากคิงส์โพธิ์แดง และที่เพิ่งเข้ามาเห็นโพสนี้ครั้งแรก ให้กระจ่ายกันไปเลย มาทวนสิ่งที่พี่คิงส์ให้ข้อมูลไปก่อนหน้าโดยสังเขป ชุดข้อมูลแรก - แพลตฟอร์ม ตต. เปิดให้คนทั่วไป มีกิจกรรมที่เรียกว่า PK เพื่อให้มีการใช้เงินจริง เปลี่ยนเป็นเหรียญเข้าสู่ระบบของแพลตฟอร์ม และส่งเป็นติ๊กเกอร์ และสมารถนำออกเป็นเงินจริงได้ โดยเสียค่าธรรมเนียมนิดหน่อยให้แพลตฟอร์ม ส่วน ตต.เกอร์ เมื่อได้อิมคัมก็มีหน้าที่เสียแวทของแต่ละประเทศ ตังค์นั้นก็สามารถนำมาใช้ได้ - ด้วยรูปแบบดังกล่าว กลุ่มเงินดาร์ค ที่ได้มาโดยไม่ถูกก-ฏ-ห-ม-า-ย จากทั่วโลก ได้มองเห็นช่องทาง จึงเริ่มมีคนคิดโมเดลขึ้นมา -กลุ่มเงินดาร์ค ได้จัดตั้งบ.เอเจน เพื่อเฝ้ามอง ตต.เกอร์ที่มีโอกาสดัง แต่ตอนนี้เริ่มช้อน ตต.เกอร์ที่ดังแล้ว เพื่อเข้าสู่โมงเดล การซักอบรีดเงินดาร์ค -โดยเบื้องหน้า บ.เจน ก็จะได้ค่าตอบแทนเป็นเปอร์เซ็น จากการได้ติ๊กเกอร์ จากการ PK ซึ่งก็ดูแล้ว ไม่มีอะไรผิดปกติ -แต่ กลุ่มเงินดาร์ค จะอาศัยจังหวะ ในการ PK ในการเติมเงินดาร์คเข้าระบบตต. โดยที่ไม่มีใครรู้ว่า ยุซที่ส่งติ๊กเกอร์นั้น คือใคร เงินดาร์คถูกเปลี่ยนเป็นเหรียญและทำการส่งติ๊กเกอร์ ที่มีเรทสูง ให้ตต.เกอร์ แต่บชนั้น อยู่ในมือ บ.เอเจน ก็จะตัดให้เฉพาะเปอร์เซ็นต์ที่ได้จากการรับตต.จริง ส่วนที่เป็นเงินดาร์ค อาจได้บางส่วนเป็นอินเทนซีฟไป ซึ่่งก็มหาศาล เพราะจำนวนเงินดาร์คที่ปั่นเข้าระบบจำนวนมันมหาศาล -แต่ประเด็นคือ การปั้นให้ตต.ดังและมีชื่อเสียง เป็นสิ่งสำคัญ มิเช่นนั้นจะมีความผิดปกติ ที่ตต.เกอร์โนเนม จะมีคนมายิงติ๊กเกอร์เรทสูงรัวๆ และนี่คือที่มาที่แฟนเพจต้องเข้าใจเป็นอันดับแรก -เมื่อกลุ่มเงินดาร์ค ต้องการให้เงินดาร์คกลายเป็นเงินขาว ก็เพียงแค่ เอาเหรียญเปลี่ยนเป็นเงินจริงผ่านบ.เอเจน และเสียภาษีให้ถูกต้อง ก็สะอาดกริ๊บ -โมงเดลนี้เริ่มสร้างประมาณ เกือบ 1 ปีที่ผ่านมา หลังจากที่แพลตฟอร์มตต.เริ่มมีการ PK ให้ตต.เกอร์ได้ลองใช้งาน ---------------------------------------------- -กามิน ได้ออกทีวีเกาหลี และไปพร้อมกับเอเจน ได้พูดถึงการทำงาน ว่าต้องอาศัยความอดทน ต้องทนกับความเบื่อให้ได้ และทำทุกวัน ก็จะสำเร็จแบบเธอได้ -ได้ข้อสรุปว่า สิ่งที่กามินออกกล้อง สตอรี่ทั้งหมดนั้น คือส่วนหนึ่งของงาน ซึ่ง กามิน ได้รายได้เฉลี่ย ก่อนที่แน๊กเข้าไป ตกเฉลี่ยเดือนละ 8 หมื่น หรือวันละเฉลี่ย 2 พันกว่าบาท ซึ่งนั่นมาจากการทดสอบ ค่อยๆปล่อยติ๊กเกอร์ แบบที่ไม่ให้คนเกิดความสงสัย เพราะต้องไม่ลืมว่า แปดหมื่นที่ว่า ได้ถูกหักจากเอเจนไปแล้ว แล้วคนโนแนม แบบกามิน ที่ไม่ได้มีอะไรที่น่าสนใจ มีเพียงสตอรี่ที่สร้างความสงสารเห็นใจ ทำไมถึงมีคนเปย์ให้หลักแสนได้ ก่อนหักของเอเจน -แน๊กชาลี เป็นนักแสดงที่มีชื่อเสียงอยู่แล้ว ก็ได้เข้ามาเรียนรู้ เรื่องการ PK ด้วยความสนุกๆ ได้คุยกับแฟนคลับ เพราะแน๊กปกติ เป็นคนที่มีโลกส่วนตัว อย่างที่แฟนคลับเข้าใจ ทำให้การ PK เป็นโลกใหม่ ที่ทำให้แน๊กได้พูด ได้คุย ในแบบที่เป็นตัวของตัวเอง จึงเป็นที่รักของแฟนคลับ และเข้าไปซัพพอตอยู่มากมายอยู่แล้ว -แน๊กชาลี พลาดที่ไปอินกับสตอรี่ ที่กามินและเอเจน สร้างสตอรี่เข้าใจว่าลำบากจริง จึงพาคนไทยไปติดตาม ด้วยเจตนาที่แท้จริง แว๊บแรกแน๊กเองก็ไม่ได้มองเรื่องรักๆใคร่ๆ คือตั้งใจช่วยด้วยความจริงใจ ให้ผู้หญิงที่ขาดโอกาส ได้รับโอกาส -แต่กามิน ก็แสดงท่าที ที่เราเห็นๆกัน การทอดสะพาน การตก และแสดงตัวถึงความเป็นเจ้าของ นั่นก็เพราะ ติ๊กเกอร์ที่เข้ามาอย่างมหาศาล ซึ่งตรงตามคอนเซ็ปโมเดล ที่เงินดาร์ค และเอเจนวางไว้ -เราจะเริ่มเห็น ยูนิ และติ๊กเกอร์ตัวแรงๆ ยิงให้กามิน รัวๆ อย่างไม่รู้ที่มา ว่าคนที่ยิงนั้น คือใคร นั่นคือการสอดแทรงติ๊กเกอร์จากกลุ่มเงินดาร์คเข้าระบบ ทำกัน อย่างเป็นล่ำเป็นสัน -เราจะเห็น เอเยนเกาหลี ไปกลับไทยเกาหลี และแน๊กเองก็แสดงท่าทีที่ไม่โอเคนัก ซึ่งคิงส์เองก็ไม่มั่นใจว่า แน๊ก เริ่มรู้เรื่องลึกๆอะไรหรือยัง -เมื่อกิจกรรมโมเดลซักอบรีดเงินดาร์คดำเนินไปอยู่ดีๆ แน๊กเริ่มมีการออกอาการขัดขา ออกมาเตือนลอยๆ อย่าอิน อย่าเปย์มาก อย่าตามใจ ซึ่งถือว่าเป็นการขัดลาภ ทั้งกามิน และเอเจน และลามไปถึงกลุ่มเงินดาร์คด้วย เพราะถ้ายอดคนเข้าไป PK ลดลง กามินจะไม่ใช่ตัวแสดงที่เหมาะสม ในการแทรกเงินดาร์คเข้าระบบ และแน๊ก ได้ออกตัวพูดรอบสุดท้ายว่า เรื่องนี้ มันน่ากลัวนะ ทำให้กลุ่มเงินดาร์คเอง เริ่มระแวงว่า เรื่องโมเดลนี้จะถูกเปิดเผย -จึงเกิดปฏิบัติการ ที่เกิดขึ้นก่อนที่จะมีการเลิกรา ด้วยการหาคนไทย ที่แสดงตัวเป็นผู้นำทางความคิดของกลุ่มที่เป็นด้อม กามินและชาลี และเล็งเห็นแล้วว่า โจ มณฑานี คือผู้ที่เหมาะสม เพราะมีวาทะกรรม ที่ทำให้ด้อมเคลิบเคลิ้ม ความภักดีของสาวก ก็ถือว่ามีความจงรักภักดี เพราะบรรยากาศการพูดคุยของโจ มณฑานี ที่สร้างเหมือนหลุดไปอยู่อีกโลก ที่มีเจ้าหญิง เจ้าชาย การข้ามภพข้ามชาติมารักกัน ที่อิงส่วนหนึ่งมาจากนิยายที่ โจ มณฑานี เคยเขียนและตีพิมพ์ -และโจ ก็ได้รับคำสั่ง เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับวันที่ชาลีขวางปฏิบัติการเงินดาร์คมากไปกว่านี้ ด้วยปฏิบัติการ "เล่นงานชาลี" -โดย ปฏิบัติการนี้ โจ ได้งบมาจัดการดูแล จัดตั้งทีมงาน ทั้งการคอมเม้น การสร้างตัวตน อ-ว-ต-า-ร ซึ่งก็ไม่ต่างจากการทำงานของมิจทางออนไลน์เลย และโจก็ไม่ติดเรื่องนี้ เพราะโจมี 3 ปัจจัยในการขับเคลื่อน 1. โจ เปื่อยจิต มานาน การที่ตนเองได้หลุดเข้าไปในโลกจินตนาการ ในตต. ในห้อง DC ทำให้โจรู้สึกตัวเองมีความสำคัญ ทำให้ชีวิตมีคุณค่า ซึ่งเป็นการเยียยวยยาอาการของเธอเอง ซึ่งวิชาการ ถือว่าเป็นการแก้ปัญหาที่ไม่ถูกต้อง แต่มันจะยิ่งกลับทำให้อาการหนักจนหลุดไปเลยก็เป็นได้ 2. โจ อาศัยความภักดีของด้อมกามิน ในการแทรกอาชีพส่วนตัว ที่ก็ไม่ขาวนัก นั่นคือ การเปิดโรงเรียนที่ไม่ถูกต้อง สร้างหลักสูตรที่ม-อ-ม-เ-ม-ากับความเชื่อ และใส่จินตาการตามนิยายที่โจ มณฑนี ที่เคยเขียน เรื่องข้ามภพข้ามชาติมารักกัน อะไรแบบนี้ แฟนเพจสามารถสืบหาอ้างอิงได้ไม่ยาก 3. คือ ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการที่กลุ่มเงินดาร์คได้ส่งผ่านเอเจนมาให้ -ตอนนี้ โจ มณฑานี มีกอง กำล-ัง ทางโซเชียลจำนวนหลายสิบคน โดยให้ค่าจ้าง เดือนละไม่ถึงหมื่น มาดำเนินการ 1. มาสร้างยูซเทียม ทุกแพลตฟอร์ม 2. สร้างเพจ เทียม หรือ ช็อปเพจที่พอมีคนติดตามแล้ว เช่น DiY v2 แฟนเพจสังเกตุได้ เพจที่ชื่อกับสิ่งที่โพสไปคนละเรื่อง พวกนี้เจ้าของปล่อย และคนที่มาช้อน ก็หวังแค่ผู้ติดตาม แต่ไม่ได้มีอุดมการณ์ในการทำเพจในเนื้อหาเดิมของเจ้าของที่ตั้งใจ ตอนนี้ Diy v2 แทบไม่มีเรื่องการ Diy สิ่งของเลย มีแต่การพุ่งเป้าไปที่แน๊กชาลี จนล่าสุด ออกมาโพส ต้องการปิดหูปิดตาสมาชิกในเพจด้วยการ "ไม่ให้เข้ามาเพจคิงส์โพธิ์แดง" หรือหากไม่ได้ถูกช็อป ก็คือทุยที่ทำไปได้ความง่าววววว ก็เป็นได้ แต่เพจที่ถูกช็อป มีหลายเพจจริง 3. ปั๊มยูซ จำนวนมากๆ ของทุกแพลตฟอร์ม เพื่อ 3.1 กดไลค์ สร้างแอชเท็คสร้างเทรนทวิช หรือกดติ-ดต-า-ม หรือฟอลโล่วในทุกแพลตฟอร์ม (อันนี้มีหลักฐานชัด จากยอดฟอล ที่ขึ้นมาแบบผิดปกติ และเข้าไปตรวจสอบพบว่าไม่มีข้อมูลใดๆเรียกว่า สร้างมาสดๆ เอามาใช้สดๆ,และเทรนทวิตที่หลายคนไม่รู้ว่า เซฟกามิน ขึ้นอันดับหนึ่ง ทั้งๆที่คนไทยส่วนใหญ่ก็เลิกติดตามกันรัวๆ มันคือความผิดปกติ และเมื่อเข้าไปกดดูคนที่ใส่แอชเท็ค กลับเป็นยูซโบ๋ล้วนๆ เพื่อให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้าใจว่า กามินสำคัญมากตามแผนที่โจวางไว้) 3.2 หยิบแอค หรือยุซนั้นๆ มาเพื่อให้ลูกจ้างที่กล่าวไปแล้วนั้น ทำการพุ่งเป้าไปที่แน๊ก สร้างข่าวที่ให้ร้ายต่างๆ ในทุกแพลตฟอร์มอย่างเป็นระบบ สังเกตุไม่ยาก แทบทุกแพลตฟอร์ม จะมีตัวที่เข้ามาป่วนเพจ หรือช่องที่ตื่นรู้ จะเข้ามากดติดตาม และวางแปะข้อความซ้ำๆ เหมือนๆกัน บางทีแปะผิดแปะถูก พี่คิงส์ก็แซวจนเขินไปหลายรอบว่า "เอ้ย น้อง โพสนี้ไม่ได้พูดถึงกามินนะ แปะผิดโพสแล้ว" และพวกนี้ก็เช่นกัน มาเพื่อป่วน และเพื่อปล่อย ปล่อยคือ ปล่อยสิ่งที่โจอยากสื่อสาร ตามแผนที่สุมหัวไว้ ให้สอดคล้องกับสิ่งที่โจพูด ยกตัวอย่างเช่น หลังจากที่คิงส์ได้เปิดลึกตั้งแต่แรกๆ สิ่งที่โจทำคือ การขู่ววว มีทั้งในคอมเม้น มีทั้งแชตเข้ามา ส่งเป็นคลิปบ้าง ส่งเป็นข้อความบ้าง มาแนวๆ ห่วงพี่คิงส์งั้นงี้ ส่งกำลังใจงั้นงี้ แต่ส่งข้อความขู่ววว จากโจ มณฑานี ล้วนๆ ซึ่งพวกนี้หงายกันไปหมด คงเดากันได้นะ ว่าพี่คิงส์ปากจัดแค่ไหน ผลพวงจากปฏิบัติการนี้ มันมีผลแย่ทางตรงและทางอ้อมเยอะมาก เพราะประเทศไทย มีทุยเยอะมาก ถึงแม้ว่าหลังจากคิงส์ฯได้เปิดเผยข้อเท็จจริง จนมีทุยเปลี่ยนกลับมาเป็นคนมหาศาลก็ตาม แต่ก็ยังมีคนกลุ่มเดียวที่มีชีวิตคล้ายโจ คือคนที่โลกแห่งความเป็นจริงเหงามาก รู้สึกตัวเองไม่มีคุณค่า กลุ่มนี้ ดึงออกยากมาก เพราะเต็มไปด้วยอัตตา บางคนหลงกามินขนาดประกาศยอมตุยเพื่อกามิน ซึ่งมันเลยเถิด ไปกันใหญ่ และพวกนี้ไม่ต้องจ้าง ทำด้วยความค-ลั่-ง-ไ-ค-ล้ และสมานความเจ็บในชีวิตจริงในรูปแบบส่วนตัวก็พอ ตอนนี้ จากที่โจ มณฑานี ได้เริ่มปฏิบัติการมา จากการสนับสนุนของกลุ่มเงินดาร์ค มันเยอะมาก มาแบบไม่อั้น และวิธีการนั้นมันเริ่มแรงขึ้นหลังจากที่ชาลี ประกาศ เชิญกามินกลับประเทศ -โจ มณฑานี เริ่มคุยในกลุ่ม DC และไลฟ์ตามเพจที่ตัวเองจูงจมูกได้ แบบชัดมาก เริ่มหลุดเสียง หลุดภาพออกมา ว่าโจ ให้ร้ายน้องแน๊ก พูดสามสี่ชั่วโมง เพียงเพื่อให้ทุกคนเข้าใจผิดว่า แน๊ก เปื่อยจิต ซึ่งความเชื่อนี้ได้ฝังหัวกลุ่มทุยทุกตัว -ความเลยเถิดคือ กลุ่มทุยจิตอ่อน เริ่มอิน และเริ่มมีการคุ-กคาม น้อง มีการแฮชเทคโพสห-ย-า-บ ถึงบ้านคู้บอน เริ่มมีการบริภาษหลานตัวน้อยของชาลี และที่สำคัญ ทุกคนฟังให้ดี กลุ่มทุยนี้ โจกล่อมสำเร็จถึงขนาด เป็นลัตติ๊ล่า แม่ -มด พี่คิงส์ฯจึงจำเป็นที่ต้องออกมาเปิดเผยความจริง และทุกข้อที่พิมพ์ไว้นี้ ทุกท่านสามารถสืบต่อได้ ว่าจริงหรือไม่ สังเกตุของปัจจุบันเลย พวกทุยที่มาป่วน ยูซแท้ไม่มีซักราย และข้อความก็เป็นข้อความที่ก็อปวางทั้งนั้น ยอดฟอล และเทรนทวิช แล้วท่านจะตาสว่าง น้องชาลี คือน้องชายที่เป็นคนไทย ไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้กับใคร แต่กลับต้อนโดนคนไทยด้วยกัน จากการซัพพอตของกลุ่มทุนเงินดาร์คที่ต้องกอาศัยช่องทาง PK ในการซักอบรีดเงินให้ขาว มามุ่งเล่นงาน รวมถึงคนไทยที่จิตอ่อน ตามการจูงจมูกโดย โจมณฑานี ที่มาตรร้ายเหมือนคนเป็นจิตปsะสาด โดนสากดจิกทุกวัน นานหลายๆเดือน คิดว่า พวกนี้ คิดจะทำอะไรกับน้องแน๊ก และครอบครัวที่ไม่มีความผิดอะไรเลย จึงของให้พี่น้องชาวไทยผูัรักชาติทุกคน ร่วมกันปกป้องน้อง ให้พ้นจากปฏิบัติการเหล่านี้ด้วย น้องยอมตัดกามิน เพียงเพื่อปกป้องคนไทยไม่ให้โดนต้ม น้องไม่ควรต้องมาเจออะไรแบบนี้จริงๆ เดี๋ยวมีต่อ รอติดตาม #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    Like
    5
    0 Comments 0 Shares 835 Views 0 Reviews
  • นาโต้อนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีรัสเซีย:

    สงครามโลกครั้งที่ ๓ ใกล้เกิดแล้วนะครับ รัฐบาลอังกฤษและอเมริกาอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีแผ่นดินประเทศรัสเซียได้แล้ว

    ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแถลงว่าถ้ายูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีรัสเซีย เท่ากับว่านาโต้ประกาศสงครามกับรัสเซียอย่างเป็นทางการ รัสเซียก็จะตอบโต้ยูเครน พร้อมทั้งอเมริกาและอังกฤษด้วย นั่นแปลว่าสงครามโลกครั้งที่ ๓ ก็จะเกิดตามมา

    https://amg-news.com/breaking-the-next-p…


    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    นาโต้อนุมัติให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีรัสเซีย: สงครามโลกครั้งที่ ๓ ใกล้เกิดแล้วนะครับ รัฐบาลอังกฤษและอเมริกาอนุญาตให้ยูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีแผ่นดินประเทศรัสเซียได้แล้ว ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินแถลงว่าถ้ายูเครนใช้ขีปนาวุธพิสัยไกลโจมตีรัสเซีย เท่ากับว่านาโต้ประกาศสงครามกับรัสเซียอย่างเป็นทางการ รัสเซียก็จะตอบโต้ยูเครน พร้อมทั้งอเมริกาและอังกฤษด้วย นั่นแปลว่าสงครามโลกครั้งที่ ๓ ก็จะเกิดตามมา https://amg-news.com/breaking-the-next-p… ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    Like
    2
    2 Comments 0 Shares 107 Views 0 Reviews
  • อเมริกาจ่ายเงินให้สื่อเทียมหลายพันล้านดอลล่าร์สหรัฐอเมริกาในรอบทศวรรษที่ผ่านมาเพื่อดิสเครดิตจีนด้วยข่าวเท็จ เช่น รัฐบาลจีนกดขี่ชาวมุสลิมอุยกูร์สาระพัดข่าว โจมตีตลอด

    ทูตจากประเทศอิสลามหลายประเทศหลายคณะเดินทางไปมณฑลซินเจียง พบผู้แทนชาวจีนอุยกูร์เพื่อศึกษาปัญหาด้วยตนเอง ทุกคนกลับประเทศแล้วตอบเหมือนกันหมดเลยว่าจีนไม่เคยละเมิดสิทธิ์มุสลิมอุยกูร์แต่อย่างใด ชาวจีนอุยกูร์อยู่สุขสบายดีเหมือนเดิม แถมยังเจริญมากขึ้นด้วยซ้ำ

    แต่อย่างไรก็ตาม อเมริกาก็ยังจะปล่อยข่าวโจมตีจีนอยู่นั่นแหละ เพราะในโลกนี้ คนโง่มีมากกว่าคนฉลาด ยังมีคนโง่อีกมากที่จะยังหลงเชื่อต่อไป


    ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    อเมริกาจ่ายเงินให้สื่อเทียมหลายพันล้านดอลล่าร์สหรัฐอเมริกาในรอบทศวรรษที่ผ่านมาเพื่อดิสเครดิตจีนด้วยข่าวเท็จ เช่น รัฐบาลจีนกดขี่ชาวมุสลิมอุยกูร์สาระพัดข่าว โจมตีตลอด ทูตจากประเทศอิสลามหลายประเทศหลายคณะเดินทางไปมณฑลซินเจียง พบผู้แทนชาวจีนอุยกูร์เพื่อศึกษาปัญหาด้วยตนเอง ทุกคนกลับประเทศแล้วตอบเหมือนกันหมดเลยว่าจีนไม่เคยละเมิดสิทธิ์มุสลิมอุยกูร์แต่อย่างใด ชาวจีนอุยกูร์อยู่สุขสบายดีเหมือนเดิม แถมยังเจริญมากขึ้นด้วยซ้ำ แต่อย่างไรก็ตาม อเมริกาก็ยังจะปล่อยข่าวโจมตีจีนอยู่นั่นแหละ เพราะในโลกนี้ คนโง่มีมากกว่าคนฉลาด ยังมีคนโง่อีกมากที่จะยังหลงเชื่อต่อไป ปฐมพงษ์ โพธิ์ประสิทธินันท์
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 86 Views 0 Reviews
  • NOBULL
    Men's Dress Shoes Black Leather Perforated
    (Design in USA)
    Size. US 12.5 /UK 11.5 /EUR 47 /30.5 cm

    Price : 890฿

    คุณสมบัติ :-
    Upper : หนังแท้แบบฟูลเกรนคุณภาพระดับพรีเมียม ฉลุรูระบายอากาศ ปั๊มนูนโลโก้แบรนด์ด้านข้างส้นเท้า
    พื้นรองเท้าชั้นกลาง : EVA มีน้ำหนักเบาและสวมใส่สบาย ช่วยรองรับการยืนหรือเดินเป็นระยะเวลานานๆ
    แผ่นรองพื้นรองเท้าชนิด EVA แบบเรียบขึ้นรูปที่สามารถถอดออกได้
    พื้นรองเท้าชั้นนอก : เป็นชนิด Gum Rubber ปั๊มนูนแบรนด์โลโก้

    เรื่องราว :-
    NoBull เป็นแบรนด์ รองเท้าและเครื่องแต่งกายสำหรับกีฬาจากสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 โดยกลุ่มผู้ที่หลงใหลในโลกฟิตเนสและต้องการสร้างรองเท้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักกีฬาจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการฝึก Crossfit ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในเรื่องความเข้มข้นและหลากหลายของการออกกำลังกายโดยเฉพาะ ปัจจุบันได้ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์รองเท้าแบบทางการ (dress shoes) เช่น รองเท้าหนังสำหรับใส่ทำงาน หรือรองเท้าสไตล์ formal โดยยังคงจุดเด่นในเรื่องวัสดุการตัดเย็บเพื่อความทนทานในการใช้งาน

    วัสดุและเทคโนโลยี : รองเท้า NoBull มักใช้วัสดุที่ทนทานและมีเทคโนโลยีที่ช่วยรองรับและป้องกันการบาดเจ็บ ซึ่งไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไป
    ดีไซน์ : ดีไซน์ของรองเท้า NoBull มักเน้นความเรียบง่ายและฟังก์ชันการใช้งานมากกว่าความหรูหราหรือแฟชั่น
    ฟังก์ชันการใช้งาน : NoBull ให้ความสำคัญกับฟังก์ชันการใช้งานเป็นหลัก ถูกออกแบบมาให้ทนทาน รองรับแรงกระแทกได้ดี และเหมาะสำหรับการเคลื่อนไหวที่หลากหลาย
    ขยายตลาด : หลังจากประสบความสำเร็จในกลุ่มนัก Crossfit NoBull ก็เริ่มขยายตลาดไปสู่กลุ่มผู้ใช้อื่นๆ เช่น นักวิ่ง นักยกน้ำหนัก นักกอล์ฟ และคนทำงาน
    ไลน์ผลิตภัณฑ์ : นอกจากรองเท้าแล้ว NoBull ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น เสื้อผ้า และอุปกรณ์เสริมสำหรับการออกกำลังกาย
    NOBULL Men's Dress Shoes Black Leather Perforated (Design in USA) Size. US 12.5 /UK 11.5 /EUR 47 /30.5 cm 🔥 Price : 890฿ 👉 คุณสมบัติ :- 🔹Upper : หนังแท้แบบฟูลเกรนคุณภาพระดับพรีเมียม ฉลุรูระบายอากาศ ปั๊มนูนโลโก้แบรนด์ด้านข้างส้นเท้า 🔹พื้นรองเท้าชั้นกลาง : EVA มีน้ำหนักเบาและสวมใส่สบาย ช่วยรองรับการยืนหรือเดินเป็นระยะเวลานานๆ 🔹แผ่นรองพื้นรองเท้าชนิด EVA แบบเรียบขึ้นรูปที่สามารถถอดออกได้ 🔹พื้นรองเท้าชั้นนอก : เป็นชนิด Gum Rubber ปั๊มนูนแบรนด์โลโก้ 👉 เรื่องราว :- NoBull เป็นแบรนด์ รองเท้าและเครื่องแต่งกายสำหรับกีฬาจากสหรัฐอเมริกา ก่อตั้งขึ้นในปี 2015 โดยกลุ่มผู้ที่หลงใหลในโลกฟิตเนสและต้องการสร้างรองเท้าที่ตอบโจทย์ความต้องการของนักกีฬาจริงๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการฝึก Crossfit ซึ่งเป็นที่รู้จักกันในเรื่องความเข้มข้นและหลากหลายของการออกกำลังกายโดยเฉพาะ ปัจจุบันได้ขยายไลน์ผลิตภัณฑ์รองเท้าแบบทางการ (dress shoes) เช่น รองเท้าหนังสำหรับใส่ทำงาน หรือรองเท้าสไตล์ formal โดยยังคงจุดเด่นในเรื่องวัสดุการตัดเย็บเพื่อความทนทานในการใช้งาน 🔹วัสดุและเทคโนโลยี : รองเท้า NoBull มักใช้วัสดุที่ทนทานและมีเทคโนโลยีที่ช่วยรองรับและป้องกันการบาดเจ็บ ซึ่งไม่เหมาะสำหรับการใช้งานในชีวิตประจำวันทั่วไป 🔹ดีไซน์ : ดีไซน์ของรองเท้า NoBull มักเน้นความเรียบง่ายและฟังก์ชันการใช้งานมากกว่าความหรูหราหรือแฟชั่น 🔹ฟังก์ชันการใช้งาน : NoBull ให้ความสำคัญกับฟังก์ชันการใช้งานเป็นหลัก ถูกออกแบบมาให้ทนทาน รองรับแรงกระแทกได้ดี และเหมาะสำหรับการเคลื่อนไหวที่หลากหลาย 🔹ขยายตลาด : หลังจากประสบความสำเร็จในกลุ่มนัก Crossfit NoBull ก็เริ่มขยายตลาดไปสู่กลุ่มผู้ใช้อื่นๆ เช่น นักวิ่ง นักยกน้ำหนัก นักกอล์ฟ และคนทำงาน 🔹ไลน์ผลิตภัณฑ์ : นอกจากรองเท้าแล้ว NoBull ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ เช่น เสื้อผ้า และอุปกรณ์เสริมสำหรับการออกกำลังกาย
    0 Comments 0 Shares 104 Views 0 Reviews
  • ติ่งขาาาา……มาช่วยกันเป็นกำลังใจให้พี่ปูหน่อยยยย……กำลังเคว้งคว้างหาที่ลงสวยๆไม่ได้………!!!

    ตอนหก…..……ดวงรุ่งไม่นาน…ต้องหางานใหม่ซะแล้วววว…!!!

    ปูตินทำงานอยู่แค่ในเบื้องหลังของอนาโตลี ในขณะที่เจ้านายใช้เวลาส่วนใหญ่เดินทางระหว่างเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก กับมอสโคว์ เพื่ออยู่ใกล้ชิดกับเยลซิน การทำงานของปูติน จากปากคำของเลขาฯ Marina Yentaltseva ที่บอกว่า

    “เขาเป็นคนจริงจังกับงานมาก แต่ไม่เคยขึ้นเสียงกับใคร……งานที่สั่งมา
    เขาไม่สนใจว่าใครจะเอาไปทำ หรือมีปัญหาอะไร ……แต่ต้องเสร็จตามเวลา……ไม่มีใครรู้เลยว่า เขากำลังคิดอะไร เก็บอารมณ์ดีเป็นที่สุด ครั้งหนึ่งสุนัขสุดที่รักที่บ้าน ถูกรถชนตาย ฉันเอาข่าวไปบอก….เขาพยักหน้านิดนึง
    ไม่มีอากัปกิริยาอะไรมากกว่านั้นเลย……”

    ปูตินทำงานทั้งงานราษฎร์งานหลวง งานราษฎร์คือการที่ต้องขับเคี่ยวกับเหล่าแก๊งค์มาเฟียระดับตลาดล่าง ที่มีมากมายในเมือง โดยเฉพาะยิ่งจะมีบริษัทใหญ่ Golden Gate ที่จะมาทำการสร้างบริษัทส่งออกน้ำมัน โดย Gennady Timchenko เป็นนายทุนใหญ่
    เรื่องอันธพาลกลางเมืองคือเรื่องที่เป็นอุปสรรค ต่อการที่จะพัฒนา
    ดังนั้น ปูตินจึงต้องรีบจัดการส่งลูกสาวทั้งสองคน มาชาและแคทยา ไปที่เยอรมันสักพักหนึ่งเพื่อความปลอดภัย
    เพื่อที่จะจัดการกับพวกอุปสรรคทั้งหลาย (ไม่ทราบว่าวิธีไหน……?)
    แต่ เยนนาดี ได้ดำเนินการธุรกิจอย่างปลอดโปร่งจนเป็นอภิมหาเศรษฐีและเป็นสหายของปูตินจนถึงปัจจุบัน

    นอกจากนั้น งานแจกจ่ายใบอนุญาตการค้าต่างๆ ก็ต้องเร่งมือ เพราะต้องเร่งหาเงินเข้ามาบำรุงท้องถิ่น
    จะหวังพึ่งทางมอสโคว์ก็ริบหรี่ เพราะช่วงเดือน ตุลาคม เกิดการประท้วงใหญ่ ที่มีการจับกุม ทุบตีผู้ประท้วง จนเยลซินก็ประกาศกฎอัยการศึก
    ถึงขนาดต้องใช้รถถังมาควบคุมสถานการณ์

    ความยุ่งยากยืดเยื้อมาจนถึงปี 1993 การทำงานของอนาโตลี ที่มีปูตินเป็นเบื้องหลังให้นั้น เริ่มมีปัญหาจากฝ่ายตรงข้าม เพราะเค้าของการเลือกตั้งใหม่เริ่มมีการเตรียมตัวส่งแคนดิเดทมาร่วมเปิดตัวลงสมัคร และการดิสเครดิต สาดโคลนตามมาเป็นระลอก
    ที่ทำให้ปูตินต้องทำงานทั้งวัน…ต่อไปจนถึงมืดค่ำ

    เช้าวันที่ 23 ตุลาคม ปูตินขับรถไปส่งมาชาที่โรงเรียน
    ลุดมิลาจะต้องพาแคทยาไปซ้อมละครเวที
    ระหว่างที่กำลังขับรถกำลังจะขึ้นสะพาน
    มีรถคันหนึ่งขับผ่าไฟแดงพุ่งเข้าชนอย่างจัง กลางลำ……
    กว่าเธอและลูกสาวจะไปถึงโรงพยาบาลเพราะรอรถพยาบาล ต้องใช้เวลาถึง 45 นาที
    แคทยา ฟกช้ำดำเขียวไปพอประมาณ แต่ลุดมิลากระดูกสันหลังเคลื่อนและมีบาดแผลตามตัว
    มารินา เลขาฯพยายามติดต่อปูติน เธอได้รับเอาแคทยามาดูแล

    แต่เขายังอยู่ในการประชุมกับ Ted Turner และ Jane Fonda (ตอนนั้นเป็นสามีภรรยากัน) ในเรื่องการจัดแข่งกีฬา Goodwill Games ครั้งที่สาม
    ทันทีที่รู้เรื่อง……ปูตินรีบไปที่โรงพยาบาล เพื่อไปถามแพทย์ว่า หนักหนาหรือไม่?
    เมื่อทราบจากแพทย์ว่า กำลังดูแลเป็นอย่างดี…
    เขาก็กลับไปประชุมต่อ……ไม่ได้แวะไปดูลุดมิลาแต่อย่างใด

    มารินาได้เข้ามาดูแลลุดมิลาที่โรงพยาบาลและเด็กๆในช่วงที่รอมารดาของลุดมิลาจะเดินทางมาจากคาลินินกราด
    แม้ว่าหลังจากหนึ่งเดือนในโรงพยาบาลเมื่อออกมา……เธอก็ยังต้องใส่เฝือกอ่อนรัดตัว
    แต่ปูติน……มีความห่วงใย(แบบไม่แสดงออก) ในเรื่องการรักษาเขาไปปรึกษากับ เซอร์เก เพื่อนรักโดยเขาต้องการให้ลุดมิลาไปรักษาตัวต่อในโรงพยาบาลที่เดรสเดน เยอรมัน ที่เป็นที่ที่ดีที่สุด

    แต่ค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทาง เป็นเรื่องที่น่าหนักใจ
    ปัญหาเหล่านั้น……ได้สลายลงด้วยการช่วยเหลือของ Matthias Waring***
    อดีตหัวหน้า Stasi ที่ผันตัวมาเป็นนายธนาคาร Dresdner ในกรุงเซนต์
    โดยได้รับใบอนุญาตจากอนาโตลี (ผ่านปูติน) จนได้มาเปิดธนาคารในเมืองเป็นธนาคารต่างชาติแห่งแรก

    ที่เยอรมันนี ลุดมิลาได้รับการรักษาอย่างดี ในโรงพยาบาลที่ Bad Homburg จนหายเป็นปรกติ

    หลังจากที่มอสโคว์เสร็จสิ้นจากการปราบม็อบไปในปี 1993 นั้น
    สัมพันธภาพระหว่าง อนาโตลีกับเยลซิน เริ่มเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจาก
    การเลือกตั้งนกยกเทศมนตรีในเมืองต่างๆจะมีขึ้นในในเดือนมีนาคม 1994 ซึ่ง เยลซินเห็นว่า ถ้าอนาโตลีได้รับเลือกอีกสมัยหนึ่ง ก็อาจจะอาจเอื้อมเข้ามาเป็นคู่แข่งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในสมัยต่อไป
    ซึ่งตัวเยลซินเองนั้นไม่เท่าไหร่ แต่คณะคนที่รายล้อมรอบตัวเขา แต่ละคนคือมาเฟียตัวพ่อ ที่ทำหน้าที่เป็นกระเป๋าเงินให้กับพรรค
    คนเหล่านั้น……ต้องการให้เยลซินอยู่ต่อไป หรือถ้าจะมีคนมาแทนก็ต้อวเป็นพรรคพวกของตัวเอง
    อย่าง……อนาโตลี นั้นไม่ใช่……!!

    งานสาดโคลนตามประเพณีเลือกตั้งจึงตามมา อนาโตลีถูกแฉว่าได้ยักยอกทรัพย์ออกนอกประเทศ ได้ทำการคอร์รัปชั่นในใบอนุญาต รวมทั้งการกระจายข่าวลือว่า อนาโตลีได้ติดต่อกับทางนายกรัฐมนตรีเยอรมันเพื่อที่จะโค่นล้มเยลซิน……
    ซึ่งปูตินได้ติดร่างแหไปด้วย เพราะเป็นหนึ่งในทีม
    แต่ในที่สุดเขาก็เคลียร์ตัวเองได้ ……เพราะตรวจสอบได้หมด
    เนื่องจากไม่มีสมบัติอะไร

    เวลาแห่งการหาเสียงมาถึง อนาโตลีต้องพบกับความประหลาดใจ ที่ผู้สมัครเข้าแข่งขันนั้น คือ รองของเขาเอง Vladimir Yakovlev
    ที่ตอนนั้น อนาโตลีมีความรู้สึกว่าโดนหักหลังจากคนใกล้ชิดที่สุด
    พวกกลุ่มทำงานในสำนักงานได้เริ่มแยกฝ่าย ไปตามคนที่ตัวเองถือหาง
    แต่ปูตินยังมั่นคงอยู่กับอนาโตลีไม่เปลี่ยนแปลง…

    การหาเสียงเป็นไปอย่างเข้าข้น เป็นการหาเสียงที่ต้องใช้เงินมากมาย
    ที่อนาโตลีด้อยกว่า เพราะท่อน้ำเลี้ยงจากมอสโคว์เหือดแห้งไปแล้ว
    สรุปว่า โยโกสเลฟ ชนะด้วยคะแนนเฉี่ยวฉิว……
    อนาโตลี มีน้ำใจเป็นนักกีฬาพอ เขาได้ใช้ประโยคเด็ดของ Winston Churchill ในตอนที่แพ้เลือกตั้งในปี 1945 ว่า
    “การที่เราได้ช่วยชาติให้แล้วรอดปลอดภัย……นั่นคือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”

    แต่นั่นหมายถึงว่า เมื่อหมดวาระ(ในไม่กี่เดือนข้างหน้า) ปูตินจะต้องหางานใหม่ทำ เพราะเขาไม่คิดที่จะทำงานกับโยโกสเลฟ ที่จะผันตัวจากเพื่อนร่วมงานมาเป็นนาย……

    ปูตินมีบ้านพักเล็กๆสำหรับพักผ่อนที่นอกเมือง เป็นบังกาโลไม้ธรรมดา ที่อยู่ใกล้กับทะเลสาบ ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้
    เขาและครอบครัวใช้เป็นที่หย่อนใจ ในเดือนสิงหาคม อันเป็นเดือนของการพักร้อนที่งานไม่ค่อยเดิน
    เขาจึงได้เชิญครอบครัวของมารินาไปพักผ่อนด้วยกัน
    พวกผู้หญิงอยู่กันที่ชั้นบน ผู้ชายปูที่นอนกันที่ข้างล่าง…

    ปูตินออกไปว่ายน้ำในทะเลสาบ เมื่อเขาเดินกลับมา เห็นควันไฟพลุ่งออกมาจากตัวบ้าน เปลวไฟกำลังลามขึ้นไปชั้นบน เขารีบวิ่งฝ่าขึ้นไป ส่งเด็กๆลงมาจากระเบียงโดยใช้ผ้าปูที่นอนผูกแทนเชือก ทุกคนออกมาอย่างปลอดภัย
    แต่ทันใดนั้น เขานึกขึ้นได้ว่า กระเป๋าเอกสารที่มีเงินอยู่ราวๆห้าพัน (ดอลล่าร์ โดยประมาณ) อันเป็นเงินก้อนเดียวที่เขามี
    ปูตินรีบวิ่งเข้าไปเอามันออกมา และโรยตัวออกทางระเบียงเช่นกัน
    กว่ารถดับเพลิงจะมาได้ บ้านทั้งหลังก็กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว
    และเมื่อรถมาถึง……พนักงานดับไฟบอกว่า ไม่มีน้ำ…
    ปูตินโกรธจนตัวสั่น เขาชี้ไปที่ทะเลสาบ……บอกว่า นั่นไง……น้ำ…!!
    ไอ้หมอนั่นตอบกลับมาว่า……สายยางยาวไม่พอ…!!!

    เมื่อค้นหาสาเหตุได้ มาจากเครื่องทำความร้อนที่ชั้นล่าง ที่ได้เกิดช๊อตขึ้นมา……เมื่อทุกอย่างเริ่มเย็นลง
    ปูตินได้เข้าไปคุ้ยหาของที่อาจจะไม่เสียหายมาก เขาได้พบกับก้อนโลหะเล็กๆ ที่ได้หลอมละลายไป นั่นก็คือ กางเขนน้อยที่มาเรียมารดาของเขาได้ให้มา พร้อมกับกำชับว่าให้นำไปขอพรที่พระวิหารในนครเยรูซาเล็ม, อิสราเอล
    ที่ปูตินได้จัดการให้ตามนั้น เมื่อครั้งที่เขาติดตามอนาโตลีไปเยือนเมื่อสามปีที่แล้ว……!!

    ที่มอสโคว์……ปลายปี 1995 เยลซินได้เกิดอาการหัวใจกำเริบ ที่ค่อนข้างน่าตกใจ กลุ่มนายทุนที่รายล้อมรอบตัวเขา รีบตื่นตัวกันจ้าละหวั่น เพราะการเลือกตั้งจะมีขึ้นในไม่กี่เดือนข้างหน้า
    บางคนบอกว่า รีบออกกฎหมายให้เลื่อนการลงคะแนนออกไปก่อน
    บางคนรีบเสนอชื่อแคนดิเดทพวกพ้องของตัวเองที่จะให้มาลงแทน
    บางคนเสนอตัวเอง…
    เยลซินถึงกับบรรลุในสัจธรรม……ว่า…..ทุกคนมาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น เขาวางใจใครไม่ได้เลยจริงๆ

    มันก็ต้องเป็นเช่นนั้น เพราะเหล่า Oligarchs พวกนี้คือเหลือบไรที่เกาะตามตัวของท่านผู้นำที่เนรมิตรสัมปทานทั้งแผ่นดินใหักับพวกเขาจนร่ำรวยกันมหาศาล……เขาเหล่านั้นคือ
    1 Boris Berezovsky
    2 Mikhaïl Fridman
    3 Vladimir Gusinsky
    4 Mikhaïl Khodorkovsky
    5 Vladimir Potanin

    (ดิฉันเคยเล่าถึง หมายเลข 1 และ 4 ไปแล้ว …จะนำมาลงให้อีกในคอมเม้นต์)

    สิ่งที่ทุกคนกลัวที่สุด คือ ถ้าเยลซินหลุดไปจากอำนาจ แล้วถ้าคนใหม่มาจากพรรคคอมมิวนิสต์……นั่นหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างจะหายวับไปกับตา
    อาจรวมถึงชีวิต ดังที่เยลซินพูดบ่อยๆว่า มันจะเอาพวกเราไปแขวนคอที่เสาไฟฟ้า……!!
    เหล่ามหาเศรษฐีพวกนั้นเลยระดมทุนกันใหญ่ ว่ากันว่า ถึงสองพันล้านดอลล่าร์……
    สุขภาพของเยลซินก็ยังไม่ดีขึ้น แต่ข่าวที่ออกก็เลือกแต่ส่วนช่วงดีๆ ………………ปกปิดเรื่องการป่วยไข้อย่างสนิท
    ในส่วนตัวของเยลซินเอง……เขาถอดใจแล้ว เขาเริ่มมองหาตัวแทนที่จะมาเป็นผู้นำด้วยตัวเอง
    เขามุ่งไปที่ลักษณะของนายทหาร ที่เข้มแข็ง มุ่งมั่น
    และสามารถเข้ากับทุกกลุ่มได้ คนที่เขาหมายตา
    คือ นายพลหนุ่ม Aleksandr Lebed ที่กะจะมาเอามาเป็นเด็กสร้าง
    เขาจึงเรียกตัวให้มารับหน้าที่เป็น ผู้อำนวยการฝ่ายดูแลความมั่นคงในส่วนของเครมลิน
    หลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งได้วันเดียว นายพลหนุ่ม Alexandr ได้พบกับอดีตนายพลอาวุโส แห่งหน่วย คอสแซค ที่ทักทายเขาด้วยความมีไมตรีว่า…”ทราบว่าคุณก็มาจากกองพันคอสแซคเช่นกัน…ยินดีที่ได้รู้จัก”
    นายพลหนุ่มเชิดใส่……สบัดเสียงตอบไปว่า
    “ทำไมพูดจาเหมือนพวกยิว……!!”

    เยลซินถึงได้รู้ว่า เขาดูคนผิด เพราะนายพลที่เขาวาดภาพถึงนั้น คงมีแต่ในหนังสือที่อ่านสมัยเป็นเด็กๆ……ตอนนี้นายพลพวกนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกยามรักษาความปลอดภัยดีๆนี่เอง

    การเลือกตั้งได้เกิดขึ้น ตัวเยลซินเองก็ต้องแอบไปลงคะแนนในหน่วยใกล้บ้านแต่เช้าตรู่ เพราะเขาป่วยจนแทบเดินไม่ไหว ต้องมีคนคอยประคอง
    แต่อย่างไรเสีย……เขาก็ชนะด้วยคะแนนไม่มากนัก เพราะแรงทุนที่ทุ่มไม่อั้น

    ปูตินได้ช่วยเยลซินหาเสียงอยู่ที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ที่ถือว่าเป็นหน่วยสนับสนุนเล็กๆ ที่ไม่ได้เป็นกลไกสำคัญอะไร
    แต่ที่มอสโคว์……เมื่อเยลซินได้รับเลือกตั้งในครั้งนี้ เขาได้จัดการเอาพวกที่คอยแทงข้างหลังออกไปเป็นแผง ที่ต้องหาคนมาแทนใหม่
    และเขาได้เลือก Alexsei Bolshakov อดีตอัยการแห่งกรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก
    เข้าไปรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รองจาก Viktor Chernomyrdrin
    ซึ่ง Alexsei คนนี้ ได้เป็นผู้นำปูตินเข้าไปพบกับเยลซิน เพราะเขาเลื่อมใสในการทำงาน เฝ้าดูมาตลอด แต่ไม่ได้สนิทกัน

    งานที่ปูตินได้รับการแต่งตั้ง คือ ผู้อำนวยการในฝ่ายมวลชนและประชาสัมพันธ์ ที่ต้องประสานกับ Pavel Borodin
    ที่เผอิญปูตินได้เคยสัมผัสกัน……โดยปาเวลได้ถือเป็นบุญคุณอย่างมากมาย กล่าวคือ
    บุตรสาวของปาเวลเคยเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย เมื่อครั้ง
    ปูตินเป็นคณบดี และได้เกิดป่วยไข้ขึ้นมา ปูตินได้จัดการให้เธอได้พบแพทย์และช่วยเรื่องการทดแทนชั้นเรียนในช่วงการขาดลา……
    ยิ่งพอมาพบกันจริงๆ…ปาเวลยิ่งปลาบปลื้มขอบอกขอบใจ และสะดวกใจที่จะช่วยเหลืองานอย่างเต็มที่

    แต่นั่นหมายถึง……ปูตินจะต้องย้ายไปอยู่ที่มอสโคว์…นี่คือสิ่งเดียวที่เขายังรู้สึกลังเล………!!!

    Wiwanda W. Vichit
    ติ่งขาาาา……มาช่วยกันเป็นกำลังใจให้พี่ปูหน่อยยยย……กำลังเคว้งคว้างหาที่ลงสวยๆไม่ได้………!!! ตอนหก…..……ดวงรุ่งไม่นาน…ต้องหางานใหม่ซะแล้วววว…!!! ปูตินทำงานอยู่แค่ในเบื้องหลังของอนาโตลี ในขณะที่เจ้านายใช้เวลาส่วนใหญ่เดินทางระหว่างเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก กับมอสโคว์ เพื่ออยู่ใกล้ชิดกับเยลซิน การทำงานของปูติน จากปากคำของเลขาฯ Marina Yentaltseva ที่บอกว่า “เขาเป็นคนจริงจังกับงานมาก แต่ไม่เคยขึ้นเสียงกับใคร……งานที่สั่งมา เขาไม่สนใจว่าใครจะเอาไปทำ หรือมีปัญหาอะไร ……แต่ต้องเสร็จตามเวลา……ไม่มีใครรู้เลยว่า เขากำลังคิดอะไร เก็บอารมณ์ดีเป็นที่สุด ครั้งหนึ่งสุนัขสุดที่รักที่บ้าน ถูกรถชนตาย ฉันเอาข่าวไปบอก….เขาพยักหน้านิดนึง ไม่มีอากัปกิริยาอะไรมากกว่านั้นเลย……” ปูตินทำงานทั้งงานราษฎร์งานหลวง งานราษฎร์คือการที่ต้องขับเคี่ยวกับเหล่าแก๊งค์มาเฟียระดับตลาดล่าง ที่มีมากมายในเมือง โดยเฉพาะยิ่งจะมีบริษัทใหญ่ Golden Gate ที่จะมาทำการสร้างบริษัทส่งออกน้ำมัน โดย Gennady Timchenko เป็นนายทุนใหญ่ เรื่องอันธพาลกลางเมืองคือเรื่องที่เป็นอุปสรรค ต่อการที่จะพัฒนา ดังนั้น ปูตินจึงต้องรีบจัดการส่งลูกสาวทั้งสองคน มาชาและแคทยา ไปที่เยอรมันสักพักหนึ่งเพื่อความปลอดภัย เพื่อที่จะจัดการกับพวกอุปสรรคทั้งหลาย (ไม่ทราบว่าวิธีไหน……?) แต่ เยนนาดี ได้ดำเนินการธุรกิจอย่างปลอดโปร่งจนเป็นอภิมหาเศรษฐีและเป็นสหายของปูตินจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้น งานแจกจ่ายใบอนุญาตการค้าต่างๆ ก็ต้องเร่งมือ เพราะต้องเร่งหาเงินเข้ามาบำรุงท้องถิ่น จะหวังพึ่งทางมอสโคว์ก็ริบหรี่ เพราะช่วงเดือน ตุลาคม เกิดการประท้วงใหญ่ ที่มีการจับกุม ทุบตีผู้ประท้วง จนเยลซินก็ประกาศกฎอัยการศึก ถึงขนาดต้องใช้รถถังมาควบคุมสถานการณ์ ความยุ่งยากยืดเยื้อมาจนถึงปี 1993 การทำงานของอนาโตลี ที่มีปูตินเป็นเบื้องหลังให้นั้น เริ่มมีปัญหาจากฝ่ายตรงข้าม เพราะเค้าของการเลือกตั้งใหม่เริ่มมีการเตรียมตัวส่งแคนดิเดทมาร่วมเปิดตัวลงสมัคร และการดิสเครดิต สาดโคลนตามมาเป็นระลอก ที่ทำให้ปูตินต้องทำงานทั้งวัน…ต่อไปจนถึงมืดค่ำ เช้าวันที่ 23 ตุลาคม ปูตินขับรถไปส่งมาชาที่โรงเรียน ลุดมิลาจะต้องพาแคทยาไปซ้อมละครเวที ระหว่างที่กำลังขับรถกำลังจะขึ้นสะพาน มีรถคันหนึ่งขับผ่าไฟแดงพุ่งเข้าชนอย่างจัง กลางลำ…… กว่าเธอและลูกสาวจะไปถึงโรงพยาบาลเพราะรอรถพยาบาล ต้องใช้เวลาถึง 45 นาที แคทยา ฟกช้ำดำเขียวไปพอประมาณ แต่ลุดมิลากระดูกสันหลังเคลื่อนและมีบาดแผลตามตัว มารินา เลขาฯพยายามติดต่อปูติน เธอได้รับเอาแคทยามาดูแล แต่เขายังอยู่ในการประชุมกับ Ted Turner และ Jane Fonda (ตอนนั้นเป็นสามีภรรยากัน) ในเรื่องการจัดแข่งกีฬา Goodwill Games ครั้งที่สาม ทันทีที่รู้เรื่อง……ปูตินรีบไปที่โรงพยาบาล เพื่อไปถามแพทย์ว่า หนักหนาหรือไม่? เมื่อทราบจากแพทย์ว่า กำลังดูแลเป็นอย่างดี… เขาก็กลับไปประชุมต่อ……ไม่ได้แวะไปดูลุดมิลาแต่อย่างใด มารินาได้เข้ามาดูแลลุดมิลาที่โรงพยาบาลและเด็กๆในช่วงที่รอมารดาของลุดมิลาจะเดินทางมาจากคาลินินกราด แม้ว่าหลังจากหนึ่งเดือนในโรงพยาบาลเมื่อออกมา……เธอก็ยังต้องใส่เฝือกอ่อนรัดตัว แต่ปูติน……มีความห่วงใย(แบบไม่แสดงออก) ในเรื่องการรักษาเขาไปปรึกษากับ เซอร์เก เพื่อนรักโดยเขาต้องการให้ลุดมิลาไปรักษาตัวต่อในโรงพยาบาลที่เดรสเดน เยอรมัน ที่เป็นที่ที่ดีที่สุด แต่ค่ารักษาพยาบาล ค่าเดินทาง เป็นเรื่องที่น่าหนักใจ ปัญหาเหล่านั้น……ได้สลายลงด้วยการช่วยเหลือของ Matthias Waring*** อดีตหัวหน้า Stasi ที่ผันตัวมาเป็นนายธนาคาร Dresdner ในกรุงเซนต์ โดยได้รับใบอนุญาตจากอนาโตลี (ผ่านปูติน) จนได้มาเปิดธนาคารในเมืองเป็นธนาคารต่างชาติแห่งแรก ที่เยอรมันนี ลุดมิลาได้รับการรักษาอย่างดี ในโรงพยาบาลที่ Bad Homburg จนหายเป็นปรกติ หลังจากที่มอสโคว์เสร็จสิ้นจากการปราบม็อบไปในปี 1993 นั้น สัมพันธภาพระหว่าง อนาโตลีกับเยลซิน เริ่มเปลี่ยนแปลงไป เนื่องจาก การเลือกตั้งนกยกเทศมนตรีในเมืองต่างๆจะมีขึ้นในในเดือนมีนาคม 1994 ซึ่ง เยลซินเห็นว่า ถ้าอนาโตลีได้รับเลือกอีกสมัยหนึ่ง ก็อาจจะอาจเอื้อมเข้ามาเป็นคู่แข่งในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในสมัยต่อไป ซึ่งตัวเยลซินเองนั้นไม่เท่าไหร่ แต่คณะคนที่รายล้อมรอบตัวเขา แต่ละคนคือมาเฟียตัวพ่อ ที่ทำหน้าที่เป็นกระเป๋าเงินให้กับพรรค คนเหล่านั้น……ต้องการให้เยลซินอยู่ต่อไป หรือถ้าจะมีคนมาแทนก็ต้อวเป็นพรรคพวกของตัวเอง อย่าง……อนาโตลี นั้นไม่ใช่……!! งานสาดโคลนตามประเพณีเลือกตั้งจึงตามมา อนาโตลีถูกแฉว่าได้ยักยอกทรัพย์ออกนอกประเทศ ได้ทำการคอร์รัปชั่นในใบอนุญาต รวมทั้งการกระจายข่าวลือว่า อนาโตลีได้ติดต่อกับทางนายกรัฐมนตรีเยอรมันเพื่อที่จะโค่นล้มเยลซิน…… ซึ่งปูตินได้ติดร่างแหไปด้วย เพราะเป็นหนึ่งในทีม แต่ในที่สุดเขาก็เคลียร์ตัวเองได้ ……เพราะตรวจสอบได้หมด เนื่องจากไม่มีสมบัติอะไร เวลาแห่งการหาเสียงมาถึง อนาโตลีต้องพบกับความประหลาดใจ ที่ผู้สมัครเข้าแข่งขันนั้น คือ รองของเขาเอง Vladimir Yakovlev ที่ตอนนั้น อนาโตลีมีความรู้สึกว่าโดนหักหลังจากคนใกล้ชิดที่สุด พวกกลุ่มทำงานในสำนักงานได้เริ่มแยกฝ่าย ไปตามคนที่ตัวเองถือหาง แต่ปูตินยังมั่นคงอยู่กับอนาโตลีไม่เปลี่ยนแปลง… การหาเสียงเป็นไปอย่างเข้าข้น เป็นการหาเสียงที่ต้องใช้เงินมากมาย ที่อนาโตลีด้อยกว่า เพราะท่อน้ำเลี้ยงจากมอสโคว์เหือดแห้งไปแล้ว สรุปว่า โยโกสเลฟ ชนะด้วยคะแนนเฉี่ยวฉิว…… อนาโตลี มีน้ำใจเป็นนักกีฬาพอ เขาได้ใช้ประโยคเด็ดของ Winston Churchill ในตอนที่แพ้เลือกตั้งในปี 1945 ว่า “การที่เราได้ช่วยชาติให้แล้วรอดปลอดภัย……นั่นคือชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ที่สุด” แต่นั่นหมายถึงว่า เมื่อหมดวาระ(ในไม่กี่เดือนข้างหน้า) ปูตินจะต้องหางานใหม่ทำ เพราะเขาไม่คิดที่จะทำงานกับโยโกสเลฟ ที่จะผันตัวจากเพื่อนร่วมงานมาเป็นนาย…… ปูตินมีบ้านพักเล็กๆสำหรับพักผ่อนที่นอกเมือง เป็นบังกาโลไม้ธรรมดา ที่อยู่ใกล้กับทะเลสาบ ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้ เขาและครอบครัวใช้เป็นที่หย่อนใจ ในเดือนสิงหาคม อันเป็นเดือนของการพักร้อนที่งานไม่ค่อยเดิน เขาจึงได้เชิญครอบครัวของมารินาไปพักผ่อนด้วยกัน พวกผู้หญิงอยู่กันที่ชั้นบน ผู้ชายปูที่นอนกันที่ข้างล่าง… ปูตินออกไปว่ายน้ำในทะเลสาบ เมื่อเขาเดินกลับมา เห็นควันไฟพลุ่งออกมาจากตัวบ้าน เปลวไฟกำลังลามขึ้นไปชั้นบน เขารีบวิ่งฝ่าขึ้นไป ส่งเด็กๆลงมาจากระเบียงโดยใช้ผ้าปูที่นอนผูกแทนเชือก ทุกคนออกมาอย่างปลอดภัย แต่ทันใดนั้น เขานึกขึ้นได้ว่า กระเป๋าเอกสารที่มีเงินอยู่ราวๆห้าพัน (ดอลล่าร์ โดยประมาณ) อันเป็นเงินก้อนเดียวที่เขามี ปูตินรีบวิ่งเข้าไปเอามันออกมา และโรยตัวออกทางระเบียงเช่นกัน กว่ารถดับเพลิงจะมาได้ บ้านทั้งหลังก็กลายเป็นเถ้าถ่านไปแล้ว และเมื่อรถมาถึง……พนักงานดับไฟบอกว่า ไม่มีน้ำ… ปูตินโกรธจนตัวสั่น เขาชี้ไปที่ทะเลสาบ……บอกว่า นั่นไง……น้ำ…!! ไอ้หมอนั่นตอบกลับมาว่า……สายยางยาวไม่พอ…!!! เมื่อค้นหาสาเหตุได้ มาจากเครื่องทำความร้อนที่ชั้นล่าง ที่ได้เกิดช๊อตขึ้นมา……เมื่อทุกอย่างเริ่มเย็นลง ปูตินได้เข้าไปคุ้ยหาของที่อาจจะไม่เสียหายมาก เขาได้พบกับก้อนโลหะเล็กๆ ที่ได้หลอมละลายไป นั่นก็คือ กางเขนน้อยที่มาเรียมารดาของเขาได้ให้มา พร้อมกับกำชับว่าให้นำไปขอพรที่พระวิหารในนครเยรูซาเล็ม, อิสราเอล ที่ปูตินได้จัดการให้ตามนั้น เมื่อครั้งที่เขาติดตามอนาโตลีไปเยือนเมื่อสามปีที่แล้ว……!! ที่มอสโคว์……ปลายปี 1995 เยลซินได้เกิดอาการหัวใจกำเริบ ที่ค่อนข้างน่าตกใจ กลุ่มนายทุนที่รายล้อมรอบตัวเขา รีบตื่นตัวกันจ้าละหวั่น เพราะการเลือกตั้งจะมีขึ้นในไม่กี่เดือนข้างหน้า บางคนบอกว่า รีบออกกฎหมายให้เลื่อนการลงคะแนนออกไปก่อน บางคนรีบเสนอชื่อแคนดิเดทพวกพ้องของตัวเองที่จะให้มาลงแทน บางคนเสนอตัวเอง… เยลซินถึงกับบรรลุในสัจธรรม……ว่า…..ทุกคนมาเพื่อผลประโยชน์ของตัวเองทั้งนั้น เขาวางใจใครไม่ได้เลยจริงๆ มันก็ต้องเป็นเช่นนั้น เพราะเหล่า Oligarchs พวกนี้คือเหลือบไรที่เกาะตามตัวของท่านผู้นำที่เนรมิตรสัมปทานทั้งแผ่นดินใหักับพวกเขาจนร่ำรวยกันมหาศาล……เขาเหล่านั้นคือ 1 Boris Berezovsky 2 Mikhaïl Fridman 3 Vladimir Gusinsky 4 Mikhaïl Khodorkovsky 5 Vladimir Potanin (ดิฉันเคยเล่าถึง หมายเลข 1 และ 4 ไปแล้ว …จะนำมาลงให้อีกในคอมเม้นต์) สิ่งที่ทุกคนกลัวที่สุด คือ ถ้าเยลซินหลุดไปจากอำนาจ แล้วถ้าคนใหม่มาจากพรรคคอมมิวนิสต์……นั่นหมายถึงทุกสิ่งทุกอย่างจะหายวับไปกับตา อาจรวมถึงชีวิต ดังที่เยลซินพูดบ่อยๆว่า มันจะเอาพวกเราไปแขวนคอที่เสาไฟฟ้า……!! เหล่ามหาเศรษฐีพวกนั้นเลยระดมทุนกันใหญ่ ว่ากันว่า ถึงสองพันล้านดอลล่าร์…… สุขภาพของเยลซินก็ยังไม่ดีขึ้น แต่ข่าวที่ออกก็เลือกแต่ส่วนช่วงดีๆ ………………ปกปิดเรื่องการป่วยไข้อย่างสนิท ในส่วนตัวของเยลซินเอง……เขาถอดใจแล้ว เขาเริ่มมองหาตัวแทนที่จะมาเป็นผู้นำด้วยตัวเอง เขามุ่งไปที่ลักษณะของนายทหาร ที่เข้มแข็ง มุ่งมั่น และสามารถเข้ากับทุกกลุ่มได้ คนที่เขาหมายตา คือ นายพลหนุ่ม Aleksandr Lebed ที่กะจะมาเอามาเป็นเด็กสร้าง เขาจึงเรียกตัวให้มารับหน้าที่เป็น ผู้อำนวยการฝ่ายดูแลความมั่นคงในส่วนของเครมลิน หลังจากที่ได้รับการแต่งตั้งได้วันเดียว นายพลหนุ่ม Alexandr ได้พบกับอดีตนายพลอาวุโส แห่งหน่วย คอสแซค ที่ทักทายเขาด้วยความมีไมตรีว่า…”ทราบว่าคุณก็มาจากกองพันคอสแซคเช่นกัน…ยินดีที่ได้รู้จัก” นายพลหนุ่มเชิดใส่……สบัดเสียงตอบไปว่า “ทำไมพูดจาเหมือนพวกยิว……!!” เยลซินถึงได้รู้ว่า เขาดูคนผิด เพราะนายพลที่เขาวาดภาพถึงนั้น คงมีแต่ในหนังสือที่อ่านสมัยเป็นเด็กๆ……ตอนนี้นายพลพวกนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับพวกยามรักษาความปลอดภัยดีๆนี่เอง การเลือกตั้งได้เกิดขึ้น ตัวเยลซินเองก็ต้องแอบไปลงคะแนนในหน่วยใกล้บ้านแต่เช้าตรู่ เพราะเขาป่วยจนแทบเดินไม่ไหว ต้องมีคนคอยประคอง แต่อย่างไรเสีย……เขาก็ชนะด้วยคะแนนไม่มากนัก เพราะแรงทุนที่ทุ่มไม่อั้น ปูตินได้ช่วยเยลซินหาเสียงอยู่ที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ที่ถือว่าเป็นหน่วยสนับสนุนเล็กๆ ที่ไม่ได้เป็นกลไกสำคัญอะไร แต่ที่มอสโคว์……เมื่อเยลซินได้รับเลือกตั้งในครั้งนี้ เขาได้จัดการเอาพวกที่คอยแทงข้างหลังออกไปเป็นแผง ที่ต้องหาคนมาแทนใหม่ และเขาได้เลือก Alexsei Bolshakov อดีตอัยการแห่งกรุงเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก เข้าไปรับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี รองจาก Viktor Chernomyrdrin ซึ่ง Alexsei คนนี้ ได้เป็นผู้นำปูตินเข้าไปพบกับเยลซิน เพราะเขาเลื่อมใสในการทำงาน เฝ้าดูมาตลอด แต่ไม่ได้สนิทกัน งานที่ปูตินได้รับการแต่งตั้ง คือ ผู้อำนวยการในฝ่ายมวลชนและประชาสัมพันธ์ ที่ต้องประสานกับ Pavel Borodin ที่เผอิญปูตินได้เคยสัมผัสกัน……โดยปาเวลได้ถือเป็นบุญคุณอย่างมากมาย กล่าวคือ บุตรสาวของปาเวลเคยเป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัย เมื่อครั้ง ปูตินเป็นคณบดี และได้เกิดป่วยไข้ขึ้นมา ปูตินได้จัดการให้เธอได้พบแพทย์และช่วยเรื่องการทดแทนชั้นเรียนในช่วงการขาดลา…… ยิ่งพอมาพบกันจริงๆ…ปาเวลยิ่งปลาบปลื้มขอบอกขอบใจ และสะดวกใจที่จะช่วยเหลืองานอย่างเต็มที่ แต่นั่นหมายถึง……ปูตินจะต้องย้ายไปอยู่ที่มอสโคว์…นี่คือสิ่งเดียวที่เขายังรู้สึกลังเล………!!! Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 218 Views 0 Reviews
  • #เห็นจะเป็นเพราะรัก
    #มนันยา
    #เรื่องสั้น
    #ของขวัญ
    #ของขวัญวันคริสต์มาส
    #thaitimes
    #หนังสือน่าอ่าน

    วันก่อนอ่านหนังสือเล่มหนึ่งเป็นรวมเรื่องสั้นแนวความรัก ในเล่มมี 27 เรื่องแปลจากฝั่งตะวันตกโดยสำนวนของมนันยา มีภาพประกอบสีสวยการ์ตูนแฟชั่นทุกเรื่อง เกือบทุกเรื่องเป็นรักของชายหญิงหลากหลายอาชีพ หลายวัย ที่มีรูปแบบการแสดงออกอย่างชาวตะวันตก ซึ่งส่วนตัวไม่ได้อินมากด้วยความที่แต่ละเรื่องไม่ยาวเท่าไร จึงไม่มีรายละเอียดมากพอจะทำให้รู้สึกเอาใจช่วยไปกับตัวละครในเรื่องนัก มีที่ชอบอยู่บ้าง แต่มีเรื่องหนึ่งประทับใจมากเป็นพิเศษ ทั้งที่ในเนื้อหานั้นไม่มีความรักแบบชายหนุ่มหญิงสาวที่ดิ้นรนแสวงหาคนเพื่อมาอยู่ข้างกายเลย แต่ความรักที่ปรากฏในเรื่องนี้ช่างงดงามและสร้างพลัง ช่วยชุบชูจิตใจให้รู้สึกอบอุ่น และมีหวังต่อโลกใบนี้ขึ้นมาไม่น้อย

    ตอนดังกล่าวนี้คือเรื่องแรกของเล่มที่มีชื่อว่า ของขวัญ

    เรื่องมีว่า ชายสูงวัยที่สูญเสียเมียที่อยู่ด้วยกันมาหลายสิบปีไป ทำให้เขาทนอยู่บ้านเดิมหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำกับเธอไม่ได้ จึงขายแล้วย้ายมาซื้อบ้านหลังเล็กสำหรับคนเดียว ในตำบลอันห่างไกลริมชายฝั่งซึ่งไร้คนรู้จัก ชอบอยู่เงียบ ๆ ไม่สุงสิงกับใคร ไม่ชอบร่วมกิจกรรมเข้าสังคมโดยเฉพาะในวันคริสต์มาสและช่วงเทศกาลที่เขาไม่ชอบอย่างยิ่ง เห็นเป็นความสิ้นเปลือง มีแต่กินแล้วก็มอบของขวัญให้กัน ทำให้ห่างไกลใจความสำคัญและความหมายแท้จริง เขาไม่เห็นด้วยกับการให้ของตามใจที่เด็กอยากได้ เพราะสร้างนิสัยให้เด็กคิดว่าต้องได้ของขวัญเสมอในวันคริสต์มาส เขาบอกตัวเองว่าไม่ได้เกลียดวันคริสต์มาสอย่างตาเฒ่าสครูจใน A Christmas Carol จนวิญญาณเพื่อนเก่าที่ตายไปชื่อ เจค็อบ มาร์เลย์ ต้องมาเตือน

    วันคริสต์มาสที่จะมาถึงในคืนนั้น ช่วงกลางวันเขาออกไปซื้อของที่สโตร์ห่างไปไม่ไกล ซึ่งคุ้นเคยกับหญิงเจ้าของร้านอยู่บ้างเพราะต้องมาซื้อข้าวของบ่อย ตอนเดินเข้าไปหญิงเจ้าของร้านยิ้มแย้มต้อนรับ ชวนคุยเกี่ยวกับหุ่นจำลองนกแก้วขนาดยักษ์ที่แขวนห้อยอยู่บนเพดานกลางร้านซึ่งมีสีสันสดสวยและปีกยาวใหญ่ เธอบอกว่าจะให้เป็นของขวัญคริสต์มาส สำหรับผู้ที่ซื้อของปอนด์หนึ่งจะได้รับการเขียนชื่อไว้จับสลาก1 ใบ แล้วเธอจะเขียนชื่อลงในบัตรให้เขาด้วย ชายชราที่นึกรังเกียจเจ้านกยักษ์จำต้องเออออไปกับเธอ บอกว่าเขาเป็นคนไร้โชคมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยถูกรางวัลใด ๆ คงไม่มีหวังหรอก

    หลังเขากลับมาบ้านและกำลังพักผ่อนตามสบายนั้น โทรศัพท์จากหญิงเจ้าของร้านดังขึ้น เมื่อเขารับ เธอบอกด้วยความดีใจว่าเขาต้องไม่เชื่อแน่เลยว่าชื่อที่จับสลากได้นกแก้วตัวนั้นก็คือเขา เธอขอให้เขาขับรถมานำของขวัญกลับบ้าน นี่เป็นเหมือนทุกขลาภที่ตนไม่อยากได้แต่ไม่อาจปฏิเสธน้ำใจ ด้วยเธอคือบุคคลหนึ่งในจำนวนน้อยนิดเพียงไม่กี่คนที่เขารู้จัก ต้องรักษาความเป็นเพื่อนที่ดีไว้ จึงจำใจขับรถกลับไปรับนกแก้วยักษ์ขนาด 6 ฟุตตัวนั้น เมื่อเอาเข้าไปไว้ในรถก็เต็มที่ว่างจนชนกระจก เขาใช้ความคิดอย่างหนักว่าจะกำจัดมันได้อย่างไร จะเอาทิ้งทันทีไม่ได้แน่ของใหญ่อย่างนี้ ไม่นานจะรู้ถึงหูเจ้าของร้าน

    ในที่สุดเขานึกออก ตัดสินใจขับรถมุ่งหน้าไปสถานเลี้ยงเด็กซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยร่วมอยู่ในที่ประชุม และมีคนเสนอให้ขายที่ดินว่างเปล่า แต่เขาคัดค้านเพราะจะทำให้เด็ก ๆ ไม่มีพื้นที่วิ่งเล่น เมื่อไปถึงสถานเลี้ยงเด็ก ผู้ดูแลหญิงเอ่ยทักทาย เธอจำได้ว่าชายชราคือบุคคลหนึ่งซึ่งช่วยให้เด็ก ๆ ยังมีพื้นที่กลางแจ้งไว้สันทนาการ เขารีบบอกว่านำนกแก้วยักษ์มามอบให้เป็นของขวัญคริสต์มาสแก่เด็ก ๆ (ทั้งที่ไม่เคยมีความคิดนี้อยู่ในหัวมาก่อน) แต่ผู้ดูแลสาวจำต้องกล่าวปฏิเสธ แม้จะซาบซึ้งในความมีน้ำใจของเขามากเพราะนกนั้นตัวใหญ่เกินไป

    เธอเล่าว่าถ้าเป็นไก่งวงตัวใหญ่ที่กินได้จะรีบรับไว้เลย ด้วยเหตุว่าทางสถานเลี้ยงเด็กไม่มีเงินมากพอจะจัดอาหารเลี้ยงในคืนวันคริสต์มาส ชายชราจึงควักธนบัตรหลายใบที่มีมูลค่ามากพอสมควรยื่นให้ผู้ดูแล พร้อมบอกว่าขอเป็นเจ้าภาพอุปการะการกินเลี้ยงของเด็ก แม้นเธอจะไม่กล้ารับแต่เขายืนยันบอกว่าตนเองมีพอไม่เดือดร้อน และกำชับว่าช่วยจัดอาหารดี ๆ ให้พวกเขาด้วย สุขสันต์วันคริสต์มาสนะ แล้วแบกนกแก้วยักษ์กลับขึ้นรถ ขับต่อไปพลางคิดว่าจะกำจัดมันไปที่ไหนดี

    เขานึกถึงโรงเรียนอนุบาล เด็กเล็กต้องชอบแน่เขามั่นใจ จึงมุ่งหน้าไปถึงโรงเรียน จอดรถและแบกนกยักษ์เข้าไป เขามองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ตรงระเบียงจึงตรงเข้าไปถามว่าเธอคือครูใช่ไหม หญิงสาวบอกชื่อและทักทายชายชรา เธอจำได้ว่าเขาคือคนบริจาคเงินให้โรงเรียนตอนที่จัดซื้อรถมินิบัส เขาแปลกใจที่มีคนจำเรื่องนั้นได้ ความจริงเขาทราบจากหญิงเจ้าของร้านขายของว่าโรงเรียนลำบากในการเดินทางพาเด็กไปว่ายน้ำในสระที่อยู่อีกตำบลซึ่งห่างไกล เขาจำได้ว่าตอนเมียยังมีชีวิตมักพูดว่าถ้าชาวบ้านช่วยโรงเรียนได้ก็ควรช่วย เขาจึงบริจาคช่วยไปโดยไม่คิดอะไร

    ครูสาวจำต้องปฏิเสธนกแก้วยักษ์เช่นกัน เธอบอกว่าโรงเรียนคับแคบไม่มีที่พอจะแขวน ลำพังเด็ก35คนวิ่งไปมาก็แทบแย่แล้ว แต่ยังไม่ทันที่ชายชราจะขนนกกลับ เด็กหลายคนมองมาเห็นเข้าจึงพากันเข้ามารุมล้อมชื่นชมนกแก้วตัวใหญ่ด้วยแววตาเป็นประกาย พลางแข่งกันถามมากมายเช่นว่า

    มันกัดไหมค่ะ

    มันบินได้หรือเปล่าฮะ

    ขอผมดูหน่อย

    ขอหนูจับหน่อยนะคะ

    นุ่มไหมฮะ

    ที่สุดครูก็ไม่สามารถจะห้ามเด็กได้ จึงยอมให้เขานำนกเข้าไปในห้องเรียนครู่หนึ่งเพื่อให้เด็กทุกคนได้ชื่นชม จับต้อง เด็กกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่

    " ซ้วยสวย.. ตัวมันใหญ่นะ.."

    ครูสาวถือโอกาสสอนเรื่องสีโดยถามเด็ก ๆ ว่าส่วนต่าง ๆ ของนกแก้วสีอะไรบ้าง เด็กแต่ละคนพยายามหน่วงเหนี่ยวเวลาให้เขาอยู่นานที่สุด โดยเรียกไปชมต้นไม้ที่เขาทำ งานประดิษฐ์ที่อยากอวด ชายชราชมของทุกชิ้นของเด็ก ๆ ก่อนจะนำนกแก้วยักษ์กลับขึ้นรถและนึกหาสถานที่ใหม่ จะมีที่ไหนอีกหนอ

    เขานึกได้ถึงหญิงที่รับจ้างซักรีดให้ตนที่ยากจนและมีลูก 2 คน เมื่อไปถึงบ้านของเธอก็ได้พบว่าเล็กยังกับรูหนู ไม่มีทางเลยที่จะมีที่ให้แขวนนกได้ แม่ของเด็กพูดว่า จะเป็นของอะไรก็ดีทั้งนั้นถ้าวางใต้ต้นคริสต์มาส แต่สามีเธอตกงานมา 3 สัปดาหืแล้ว เธอพยายามหาเงินจนพอซื้อไก่งวงตัวหนึ่ง และวัตถุดิบทำพายได้สัก 2-3 ชิ้น นั่นคือทั้งหมดที่พอจะมีในคืนคริสต์มาสนี้ สามีไม่ยอมให้กู้ยืมใคร ลูกทั้งสองอยากได้จักรยานมานาน แต่เธอต้องสอนให้เขารู้ว่าการอยากได้ กับการได้รับนั้นต่างกัน

    ชายชราบอกว่าเด้กสองคนนิสัยดี สภาพ มักวิ่งมาเปิดประตูรถให้เขาเสมอ ให้เขาเป็นซานต้าให้เด็ก ๆ แล้วกัน พลางหยิบสมุดเช็กออกมาเขียน บอกกับคนเป็นแม่ว่า ซื้อจักรยานดี ๆ ที่เขาอยากได้ให้พวกเด็กคนละคันนะ หญิงสาวไม่กล้ารับ บอกว่าสามีเธอไม่ชอบให้รับบริจาค เขาเกลียดการขอ ชายชราตัดบทว่าเหลวไหล ให้บอกสามีว่าเขาเป็นคนเคี่ยวเข็ยเองให้รับ เพราะเขาไม่มีลูกเลย จากนั้นก็แบกนกแก้วยักษ์ยัดกลับเข้ารถตรงกลับบ้าน บัดนี้เขาไม่รู้จะเอามันไปให้ใคร ไม่สนใจแล้วว่าเจ้าของร้านที่ให้นกมาจะคิดอย่างไร เขาจะเอามันไปโยนลงถังขยะ แต่ถังก้เล้กเกิน เขาจึงจำใจเอานกตัวนั้นกลับบ้านวางกองไว้ในห้องรับแขก พรุ่งนี้ค่อยหาทาง

    เขาพักผ่อนกินของว่าง ชงกาแฟดื่ม ขระที่ดวงตานกยักษืมองจ้องมาตลอดเวลา สุดท้ายเขาจึงคิดว่าปล่อยมันบนพื้นอย่างนี้คงไม่ดี เพราะไม่อยากถูกจ้อง จึงทำห่วงแล้วเอามันห้อยแขวนไว้ชั่วคราว แล้วเขาก้ได้ยินเสียงบางอย่างนอกบ้าน มองออกไปเห็นรถสถานเลี้ยงเด็กมาจอด เด็ก ๆ กรูลงมายืนร้องเพลง โอ ลิตเติลทาวน์ ออฟ เบธเลเฮม ทำเอาหัวใจเขาแปลบ จึงเปิดประตูให้เด็ก ๆ เข้ามา เด็ก ๆ ร้องไซเลนไนท์ ต่อด้วย วี วิช ยู เอ เมอร์รี คริสต์มาส ชายชราสั่งน้ำมูก ผู้ดูแลบอกว่าเด็ก ๆ อยากมาร้องเพลงเพื่อขอบคุณ ทุกคนเข้าไปจับนกที่ห้อยอยู่ก่อนจะกลับ

    ครู่เดียวต่อมา เด็กชายสองคนมาเคาะประตุด้วยความตื่นเต้น เขาเอาพายมาให้ชายชราพร้อมบอกว่า สวัสดีวันคริสต์มาส แม่เด็กยืนโบกมืออยู่ตรงรั้วและกล่าวประโยคเดียวกับลูกของเธอ ชายชราก้มลงบอกว่า หวังว่าวานต้าจะนำของที่หนุอยากได้มาให้นะ แล้วก็ฉงนใจตัวเองนี่เขากำลังทำให้เด็กเกิดความโลภหรือไม่

    เขากลับเข้าบ้านพร้อมจานพานในมือ คุยกับนกแก้วยักษืว่าเสียใจด้วยนะที่แกกินไม่ได้ ต่อจากนั้นก็มีเสียงเคาะประตูอีก คุรครูจากโรงเรียนอนุบาลและเด็ก 4 คน เธอบอกว่าเด็ก ๆ อยากทำอะไรเพื่อให้เขารู้ว่านกแก้วตัวนั้นวิเศษเพียงใดก้เลยวาดรูปมาให้ แล้วก็สวัสดีวันคริสต์มาส ชายชราซาบซึ้งบอกว่าเข้ามาก่อนสิ เขาจะเอาภาพติดฝาผนัง

    เด็กหญิงคนหนึ่งเข้าไปยืนหน้านก ชื่นชมว่านกสวยอย่างไร และแกใช้ทุกสีในการวาด ถึงตอนครูจะพากลับ เด็กหญิงหันมาเปรยบอกหูคิดว่ามันอยากเป็นเพื่อนกับหนู ชายชราเห็นด้วย เด็กหญิงพูดต่อว่า ถ้าจะเป็นเพื่อนกันก็ต้องรู้จักชื่อด้วย ชายชรานิ่งอึ้ง หันไปมองเจ้านกแก้วยักษ์ เหมือนมันจะมองตอบแล้วส่งกระแสอะไรบางอย่าง เขาคิดว่ารู้แล้วว่านกชื่ออะไรจึงยิ้มให้เด็กน้อย พลางตอบว่า

    มันชื่อเจค็อบจ้ะ ..เจค็อบ มาร์เลย์
    #เห็นจะเป็นเพราะรัก #มนันยา #เรื่องสั้น #ของขวัญ #ของขวัญวันคริสต์มาส #thaitimes #หนังสือน่าอ่าน วันก่อนอ่านหนังสือเล่มหนึ่งเป็นรวมเรื่องสั้นแนวความรัก ในเล่มมี 27 เรื่องแปลจากฝั่งตะวันตกโดยสำนวนของมนันยา มีภาพประกอบสีสวยการ์ตูนแฟชั่นทุกเรื่อง เกือบทุกเรื่องเป็นรักของชายหญิงหลากหลายอาชีพ หลายวัย ที่มีรูปแบบการแสดงออกอย่างชาวตะวันตก ซึ่งส่วนตัวไม่ได้อินมากด้วยความที่แต่ละเรื่องไม่ยาวเท่าไร จึงไม่มีรายละเอียดมากพอจะทำให้รู้สึกเอาใจช่วยไปกับตัวละครในเรื่องนัก มีที่ชอบอยู่บ้าง แต่มีเรื่องหนึ่งประทับใจมากเป็นพิเศษ ทั้งที่ในเนื้อหานั้นไม่มีความรักแบบชายหนุ่มหญิงสาวที่ดิ้นรนแสวงหาคนเพื่อมาอยู่ข้างกายเลย แต่ความรักที่ปรากฏในเรื่องนี้ช่างงดงามและสร้างพลัง ช่วยชุบชูจิตใจให้รู้สึกอบอุ่น และมีหวังต่อโลกใบนี้ขึ้นมาไม่น้อย ตอนดังกล่าวนี้คือเรื่องแรกของเล่มที่มีชื่อว่า ของขวัญ เรื่องมีว่า ชายสูงวัยที่สูญเสียเมียที่อยู่ด้วยกันมาหลายสิบปีไป ทำให้เขาทนอยู่บ้านเดิมหลังใหญ่ที่เต็มไปด้วยความทรงจำกับเธอไม่ได้ จึงขายแล้วย้ายมาซื้อบ้านหลังเล็กสำหรับคนเดียว ในตำบลอันห่างไกลริมชายฝั่งซึ่งไร้คนรู้จัก ชอบอยู่เงียบ ๆ ไม่สุงสิงกับใคร ไม่ชอบร่วมกิจกรรมเข้าสังคมโดยเฉพาะในวันคริสต์มาสและช่วงเทศกาลที่เขาไม่ชอบอย่างยิ่ง เห็นเป็นความสิ้นเปลือง มีแต่กินแล้วก็มอบของขวัญให้กัน ทำให้ห่างไกลใจความสำคัญและความหมายแท้จริง เขาไม่เห็นด้วยกับการให้ของตามใจที่เด็กอยากได้ เพราะสร้างนิสัยให้เด็กคิดว่าต้องได้ของขวัญเสมอในวันคริสต์มาส เขาบอกตัวเองว่าไม่ได้เกลียดวันคริสต์มาสอย่างตาเฒ่าสครูจใน A Christmas Carol จนวิญญาณเพื่อนเก่าที่ตายไปชื่อ เจค็อบ มาร์เลย์ ต้องมาเตือน วันคริสต์มาสที่จะมาถึงในคืนนั้น ช่วงกลางวันเขาออกไปซื้อของที่สโตร์ห่างไปไม่ไกล ซึ่งคุ้นเคยกับหญิงเจ้าของร้านอยู่บ้างเพราะต้องมาซื้อข้าวของบ่อย ตอนเดินเข้าไปหญิงเจ้าของร้านยิ้มแย้มต้อนรับ ชวนคุยเกี่ยวกับหุ่นจำลองนกแก้วขนาดยักษ์ที่แขวนห้อยอยู่บนเพดานกลางร้านซึ่งมีสีสันสดสวยและปีกยาวใหญ่ เธอบอกว่าจะให้เป็นของขวัญคริสต์มาส สำหรับผู้ที่ซื้อของปอนด์หนึ่งจะได้รับการเขียนชื่อไว้จับสลาก1 ใบ แล้วเธอจะเขียนชื่อลงในบัตรให้เขาด้วย ชายชราที่นึกรังเกียจเจ้านกยักษ์จำต้องเออออไปกับเธอ บอกว่าเขาเป็นคนไร้โชคมาแต่ไหนแต่ไร ไม่เคยถูกรางวัลใด ๆ คงไม่มีหวังหรอก หลังเขากลับมาบ้านและกำลังพักผ่อนตามสบายนั้น โทรศัพท์จากหญิงเจ้าของร้านดังขึ้น เมื่อเขารับ เธอบอกด้วยความดีใจว่าเขาต้องไม่เชื่อแน่เลยว่าชื่อที่จับสลากได้นกแก้วตัวนั้นก็คือเขา เธอขอให้เขาขับรถมานำของขวัญกลับบ้าน นี่เป็นเหมือนทุกขลาภที่ตนไม่อยากได้แต่ไม่อาจปฏิเสธน้ำใจ ด้วยเธอคือบุคคลหนึ่งในจำนวนน้อยนิดเพียงไม่กี่คนที่เขารู้จัก ต้องรักษาความเป็นเพื่อนที่ดีไว้ จึงจำใจขับรถกลับไปรับนกแก้วยักษ์ขนาด 6 ฟุตตัวนั้น เมื่อเอาเข้าไปไว้ในรถก็เต็มที่ว่างจนชนกระจก เขาใช้ความคิดอย่างหนักว่าจะกำจัดมันได้อย่างไร จะเอาทิ้งทันทีไม่ได้แน่ของใหญ่อย่างนี้ ไม่นานจะรู้ถึงหูเจ้าของร้าน ในที่สุดเขานึกออก ตัดสินใจขับรถมุ่งหน้าไปสถานเลี้ยงเด็กซึ่งครั้งหนึ่งเขาเคยร่วมอยู่ในที่ประชุม และมีคนเสนอให้ขายที่ดินว่างเปล่า แต่เขาคัดค้านเพราะจะทำให้เด็ก ๆ ไม่มีพื้นที่วิ่งเล่น เมื่อไปถึงสถานเลี้ยงเด็ก ผู้ดูแลหญิงเอ่ยทักทาย เธอจำได้ว่าชายชราคือบุคคลหนึ่งซึ่งช่วยให้เด็ก ๆ ยังมีพื้นที่กลางแจ้งไว้สันทนาการ เขารีบบอกว่านำนกแก้วยักษ์มามอบให้เป็นของขวัญคริสต์มาสแก่เด็ก ๆ (ทั้งที่ไม่เคยมีความคิดนี้อยู่ในหัวมาก่อน) แต่ผู้ดูแลสาวจำต้องกล่าวปฏิเสธ แม้จะซาบซึ้งในความมีน้ำใจของเขามากเพราะนกนั้นตัวใหญ่เกินไป เธอเล่าว่าถ้าเป็นไก่งวงตัวใหญ่ที่กินได้จะรีบรับไว้เลย ด้วยเหตุว่าทางสถานเลี้ยงเด็กไม่มีเงินมากพอจะจัดอาหารเลี้ยงในคืนวันคริสต์มาส ชายชราจึงควักธนบัตรหลายใบที่มีมูลค่ามากพอสมควรยื่นให้ผู้ดูแล พร้อมบอกว่าขอเป็นเจ้าภาพอุปการะการกินเลี้ยงของเด็ก แม้นเธอจะไม่กล้ารับแต่เขายืนยันบอกว่าตนเองมีพอไม่เดือดร้อน และกำชับว่าช่วยจัดอาหารดี ๆ ให้พวกเขาด้วย สุขสันต์วันคริสต์มาสนะ แล้วแบกนกแก้วยักษ์กลับขึ้นรถ ขับต่อไปพลางคิดว่าจะกำจัดมันไปที่ไหนดี เขานึกถึงโรงเรียนอนุบาล เด็กเล็กต้องชอบแน่เขามั่นใจ จึงมุ่งหน้าไปถึงโรงเรียน จอดรถและแบกนกยักษ์เข้าไป เขามองเห็นหญิงสาวคนหนึ่งยืนอยู่ตรงระเบียงจึงตรงเข้าไปถามว่าเธอคือครูใช่ไหม หญิงสาวบอกชื่อและทักทายชายชรา เธอจำได้ว่าเขาคือคนบริจาคเงินให้โรงเรียนตอนที่จัดซื้อรถมินิบัส เขาแปลกใจที่มีคนจำเรื่องนั้นได้ ความจริงเขาทราบจากหญิงเจ้าของร้านขายของว่าโรงเรียนลำบากในการเดินทางพาเด็กไปว่ายน้ำในสระที่อยู่อีกตำบลซึ่งห่างไกล เขาจำได้ว่าตอนเมียยังมีชีวิตมักพูดว่าถ้าชาวบ้านช่วยโรงเรียนได้ก็ควรช่วย เขาจึงบริจาคช่วยไปโดยไม่คิดอะไร ครูสาวจำต้องปฏิเสธนกแก้วยักษ์เช่นกัน เธอบอกว่าโรงเรียนคับแคบไม่มีที่พอจะแขวน ลำพังเด็ก35คนวิ่งไปมาก็แทบแย่แล้ว แต่ยังไม่ทันที่ชายชราจะขนนกกลับ เด็กหลายคนมองมาเห็นเข้าจึงพากันเข้ามารุมล้อมชื่นชมนกแก้วตัวใหญ่ด้วยแววตาเป็นประกาย พลางแข่งกันถามมากมายเช่นว่า มันกัดไหมค่ะ มันบินได้หรือเปล่าฮะ ขอผมดูหน่อย ขอหนูจับหน่อยนะคะ นุ่มไหมฮะ ที่สุดครูก็ไม่สามารถจะห้ามเด็กได้ จึงยอมให้เขานำนกเข้าไปในห้องเรียนครู่หนึ่งเพื่อให้เด็กทุกคนได้ชื่นชม จับต้อง เด็กกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ " ซ้วยสวย.. ตัวมันใหญ่นะ.." ครูสาวถือโอกาสสอนเรื่องสีโดยถามเด็ก ๆ ว่าส่วนต่าง ๆ ของนกแก้วสีอะไรบ้าง เด็กแต่ละคนพยายามหน่วงเหนี่ยวเวลาให้เขาอยู่นานที่สุด โดยเรียกไปชมต้นไม้ที่เขาทำ งานประดิษฐ์ที่อยากอวด ชายชราชมของทุกชิ้นของเด็ก ๆ ก่อนจะนำนกแก้วยักษ์กลับขึ้นรถและนึกหาสถานที่ใหม่ จะมีที่ไหนอีกหนอ เขานึกได้ถึงหญิงที่รับจ้างซักรีดให้ตนที่ยากจนและมีลูก 2 คน เมื่อไปถึงบ้านของเธอก็ได้พบว่าเล็กยังกับรูหนู ไม่มีทางเลยที่จะมีที่ให้แขวนนกได้ แม่ของเด็กพูดว่า จะเป็นของอะไรก็ดีทั้งนั้นถ้าวางใต้ต้นคริสต์มาส แต่สามีเธอตกงานมา 3 สัปดาหืแล้ว เธอพยายามหาเงินจนพอซื้อไก่งวงตัวหนึ่ง และวัตถุดิบทำพายได้สัก 2-3 ชิ้น นั่นคือทั้งหมดที่พอจะมีในคืนคริสต์มาสนี้ สามีไม่ยอมให้กู้ยืมใคร ลูกทั้งสองอยากได้จักรยานมานาน แต่เธอต้องสอนให้เขารู้ว่าการอยากได้ กับการได้รับนั้นต่างกัน ชายชราบอกว่าเด้กสองคนนิสัยดี สภาพ มักวิ่งมาเปิดประตูรถให้เขาเสมอ ให้เขาเป็นซานต้าให้เด็ก ๆ แล้วกัน พลางหยิบสมุดเช็กออกมาเขียน บอกกับคนเป็นแม่ว่า ซื้อจักรยานดี ๆ ที่เขาอยากได้ให้พวกเด็กคนละคันนะ หญิงสาวไม่กล้ารับ บอกว่าสามีเธอไม่ชอบให้รับบริจาค เขาเกลียดการขอ ชายชราตัดบทว่าเหลวไหล ให้บอกสามีว่าเขาเป็นคนเคี่ยวเข็ยเองให้รับ เพราะเขาไม่มีลูกเลย จากนั้นก็แบกนกแก้วยักษ์ยัดกลับเข้ารถตรงกลับบ้าน บัดนี้เขาไม่รู้จะเอามันไปให้ใคร ไม่สนใจแล้วว่าเจ้าของร้านที่ให้นกมาจะคิดอย่างไร เขาจะเอามันไปโยนลงถังขยะ แต่ถังก้เล้กเกิน เขาจึงจำใจเอานกตัวนั้นกลับบ้านวางกองไว้ในห้องรับแขก พรุ่งนี้ค่อยหาทาง เขาพักผ่อนกินของว่าง ชงกาแฟดื่ม ขระที่ดวงตานกยักษืมองจ้องมาตลอดเวลา สุดท้ายเขาจึงคิดว่าปล่อยมันบนพื้นอย่างนี้คงไม่ดี เพราะไม่อยากถูกจ้อง จึงทำห่วงแล้วเอามันห้อยแขวนไว้ชั่วคราว แล้วเขาก้ได้ยินเสียงบางอย่างนอกบ้าน มองออกไปเห็นรถสถานเลี้ยงเด็กมาจอด เด็ก ๆ กรูลงมายืนร้องเพลง โอ ลิตเติลทาวน์ ออฟ เบธเลเฮม ทำเอาหัวใจเขาแปลบ จึงเปิดประตูให้เด็ก ๆ เข้ามา เด็ก ๆ ร้องไซเลนไนท์ ต่อด้วย วี วิช ยู เอ เมอร์รี คริสต์มาส ชายชราสั่งน้ำมูก ผู้ดูแลบอกว่าเด็ก ๆ อยากมาร้องเพลงเพื่อขอบคุณ ทุกคนเข้าไปจับนกที่ห้อยอยู่ก่อนจะกลับ ครู่เดียวต่อมา เด็กชายสองคนมาเคาะประตุด้วยความตื่นเต้น เขาเอาพายมาให้ชายชราพร้อมบอกว่า สวัสดีวันคริสต์มาส แม่เด็กยืนโบกมืออยู่ตรงรั้วและกล่าวประโยคเดียวกับลูกของเธอ ชายชราก้มลงบอกว่า หวังว่าวานต้าจะนำของที่หนุอยากได้มาให้นะ แล้วก็ฉงนใจตัวเองนี่เขากำลังทำให้เด็กเกิดความโลภหรือไม่ เขากลับเข้าบ้านพร้อมจานพานในมือ คุยกับนกแก้วยักษืว่าเสียใจด้วยนะที่แกกินไม่ได้ ต่อจากนั้นก็มีเสียงเคาะประตูอีก คุรครูจากโรงเรียนอนุบาลและเด็ก 4 คน เธอบอกว่าเด็ก ๆ อยากทำอะไรเพื่อให้เขารู้ว่านกแก้วตัวนั้นวิเศษเพียงใดก้เลยวาดรูปมาให้ แล้วก็สวัสดีวันคริสต์มาส ชายชราซาบซึ้งบอกว่าเข้ามาก่อนสิ เขาจะเอาภาพติดฝาผนัง เด็กหญิงคนหนึ่งเข้าไปยืนหน้านก ชื่นชมว่านกสวยอย่างไร และแกใช้ทุกสีในการวาด ถึงตอนครูจะพากลับ เด็กหญิงหันมาเปรยบอกหูคิดว่ามันอยากเป็นเพื่อนกับหนู ชายชราเห็นด้วย เด็กหญิงพูดต่อว่า ถ้าจะเป็นเพื่อนกันก็ต้องรู้จักชื่อด้วย ชายชรานิ่งอึ้ง หันไปมองเจ้านกแก้วยักษ์ เหมือนมันจะมองตอบแล้วส่งกระแสอะไรบางอย่าง เขาคิดว่ารู้แล้วว่านกชื่ออะไรจึงยิ้มให้เด็กน้อย พลางตอบว่า มันชื่อเจค็อบจ้ะ ..เจค็อบ มาร์เลย์
    0 Comments 0 Shares 303 Views 0 Reviews
  • ธรรมะในนิยายจีนจากเรื่อง แปดเทพอสูรมังกรฟ้า

    .

    ตัวละครเอกตัวหนึ่งของเรื่องที่เป็นตัวละครหลักหนึ่งในสาม คือ องค์ชายต้วนอี้ รัชทายาทแห่งอาณาจักร ต้าหลี่ หรือแถบยูนนานของจีนปัจจุบัน นับเป็นตัวละครที่มีความเป็นบุคคลที่หาได้ยากมากในเหล่าชาวยุทธ หรือตัวเอกในอาณาจักรนิยายจีนมากมายเท่าที่เคยผ่านสมองและสองตามา

    .
    .

    แรกทีเดียวที่ข้าพเจ้าได้อ่านเรื่องนี้ในสมัยเรียนชั้นมัธยมต้น กว่าสามสิบปีมาแล้วนั้น รู้สึกไม่ชอบพระเอกที่ชื่อต้วนอี้นี้เลย ออกจะรำคาญ และเบื่อในความเหลาะแหละ โลเล ใจไม่อยู่กับร่องกับรอย เป็นพวกชอบเพ้อฝัน บัณฑิตที่โง่งมยึดอยู่กับตำราเหมือนนักศึกษาที่จะสอบเป็นจอหงวน ตัดสินใจไม่เด็ดขาด อ่อนแอ รักหยกถนอมบุบผา คือมีความนุ่มนิ่มตุ้งติ้ง สุภาพเรียบร้อย โดยเฉพาะกับสตรีเพศยิ่งเข้ากลุ่มไปสนทนาร่วมด้วยอย่างค่อนข้างกลมกลืนเป็นเนื้อเดียว ไม่สมชายชาตรี

    .
    .

    ฝึกวิชาก็ไม่เอาไหน ทั้งที่มีประสบการณ์ปาฏิหาริย์ โชคนำพาวาสนาส่งให้ได้มีโอกาสไขว่คว้าตำรายุทธ์ หรือร่ำเรียนวิชาสุดยอดฝีมือที่เรียกได้ว่าเป็นยอดวิทยายุทธ์ในใต้หล้า ที่น้อยคนจะได้พานพบ ทว่ากลับเหมือนลิงได้แหวน ไก่ได้พลอย มีของดีกับตัวแต่ไม่ใช้ ไม่ฝึกฝน ปล่อยเสียของไปอย่างเปล่าดาย หรือถ้าฝึกก็อย่างขอไปที หรือเหตุการณ์บังคับ ไม่กระตือรือร้นที่จะพาตนให้กลายเป็นคนเก่ง หรือจอมยุทธ์อันดับหนึ่ง เช่นที่พระเอกควรจะเก่งและควรจะเป็น

    .
    .

    ไม่เหมือนเฉียวฟง ประมุขพรรคกระยาจก ที่แม้นไม่หล่อเหลา แต่มีบุคลิกองอาจกล้าหาญ ฮึกเหิม และมีวิทยายุทธ์สูงส่งเป็นไต้เฮียบ หรือผู้กล้าอันดับหนึ่งในแผ่นดิน ได้รับการยกย่องขนานนามเป็น เฉียวฟงเหนือ มู่หยงใต้ เรียกได้ว่าต้วนอี้เป็นหนึ่งในตัวละครเอกของจักรวาลนิยายกำลังภายในของกิมย้ง ที่ไม่น่าประทับใจเลย

    ทว่า แท้จริงข้าพเจ้ามองต้วนอี้ตื้นเขินเกินไปในเวลานั้น ด้วยวัยที่ยังไม่สามารถวิเคราะห์เรื่องราวได้เหมือนดังปัจจุบัน

    .
    .

    แท้จริง องค์ชายต้วน หรือคุณชายต้วน เป็นตัวละครที่น่ายกย่องในหลายด้าน เขาเป็นผู้ที่มีจิตใจดีงามฝังอยู่ในกมลสันดาน ที่ไม่นิยมการฝึกวิชายุทธ์ ก็เพราะไม่อยากจะเกี่ยวข้องทำร้ายคน ไม่ชอบการเข่นฆ่า พยายามหลีกเลี่ยงอย่างถึงที่สุด โดยกลับไปชอบถึงขั้นหลงใหลในด้านศิลปะแทน ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในทางดนตรี บทกวี การเขียนอักษรจีน การวาดภาพ และการเล่นหมากล้อม

    .
    .

    เขามีจิตใจอ่อนโยน แม้กระทั่งกับศัตรูที่คิดจะฆ่าตัวเองให้ตาย แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะเป็นฝ่ายกระทำตอบ แม้นในเมื่อตนมีโอกาส ยามศัตรูพลั้งพลาด จนในที่สุดความดีของเขาสามารถเอาชนะใจจอมโฉดอันดับสาม จากสี่จอมโฉด คือ หนานไห่เอ้อเซิน จนยอมเรียกต้วนอี้ว่าอาจารย์ และยอมเป็นศิษย์แม้นด้วยความจำนน จากการแพ้เดิมพันก็ตาม (ถือว่าเป็นจอมโฉดที่มีจิตใจดีงามอยู่หลายส่วน มากกว่าพี่น้องร่วมสาบานคนอื่น โดยเฉพาะความสัตย์ซื่อ)

    .
    .

    นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ให้โอกาสคนอื่น ไม่เหยียบย่ำซ้ำเติม มีน้ำใจต่อคนแทบทุกชนชั้น เห็นใจแม้กระทั่งคนชั่วที่คนอื่นเกลียด ชอบช่วยเหลือ ชอบคบค้าสมาคมกับคนจำนวนมาก เป็นผู้มีบุคลิกภายนอกที่อาจไม่ต้องใจสาวงามที่ชมชอบบุรุษเข้มแข็ง อีกทั้งก็ไม่ได้หล่อเหลา แม้นจะไม่ขี้เหร่ แต่ด้วยความเป็นคนมาดคุณชายหนอนหนังสือ จึงไม่ได้รับการใส่ใจจากหญิงที่ตนรัก

    .
    .

    โดยรวมแล้ว แม้ต้วนอี้จะมีข้อด้อยหลายประการ แต่ข้อด้อยเหล่านั้น บางข้อก็ถือเป็นข้อดีหากเรามองในอีกแง่มุมหนึ่ง จึงเป็นเรื่องที่ให้แง่คิดกับเราได้ว่า การจะวิเคราะห์หรือมองคนคนหนึ่งให้ทะลุนั้น เราจะมองแต่แค่แง่ใดหรือบางแง่หาได้ไม่ เพราะเบื้องหลังความเป็นมาของแต่ละคนที่บ่มเพาะให้คนคนนั้น กลายเป็นคนที่มีบุคลิก หรืออุปนิสัยเช่นไร เป็นความซับซ้อนหลายชั้น

    ในความเป็นคนดี ก็ยังมีความชั่วแฝงซ่อนอยู่ หรือกระทั่งจอมโฉดชั่วสุดสามานย์ ก็ยังมีมุมที่น่าเห็นใจ น่าสงสาร ไปจนกระทั่งน่ารักอยู่ไม่น้อย สมดังชื่อเรื่องที่มีทั้งเทพและมารอยู่รวมกัน

    .

    แต่ที่เห็นได้ชัดคือ คนที่พยายามอยากได้ในสิ่งที่ตนต้องการ ด้วยการทำทุกวิธีแม้จะต้องผิดต่อมโนธรรม คุณธรรม และศีลธรรม มักจะต้องผิดหวัง

    .

    ทว่าคนที่ยิ่งไม่ต้องการ ยิ่งไม่อยากได้ในสิ่งที่คนอื่นอยาก มักจะเป็นผู้ที่ได้รับในสิ่งซึ่งตนไม่ต้องการอยู่เสมอ

    ดังเช่นชีวิตขององค์ชายต้วนอี้ เป็นต้น ซึ่งได้พบกับความสุขสมหวังในช่วงท้าย ต่างจากมู่หยงฟู่ที่ไขว่คว้าตลอด แต่ต้องสูญสิ้นทุกอย่างจนกลายเป็นบ้า

    ............

    บทความโดย ชลธิศ รมณียางกูร

    ป.ล. ฉบับนิยายที่อ่านเป็นฉบับที่ยังไม่มีการปรับปรุงแก้ไขใหม่โดยผู้แต่งในภายหลัง

    รูปภาพประกอบจากกูเกิ้ล เวอร์ชั่นปี 1982 คุณชายต้วน รับบทโดย ทัง เจิ้นเยี่ย (จีนตัวย่อ: 汤镇业; จีนตัวเต็ม: 湯鎮業; พินอิน: Tāng Zhènyè)ข้อมูลชื่อจีน และคำอ่านจากวิกิพีเดีย

    #แปดเทพอสูรมังกรฟ้า
    #ต้วนอี้
    #นิยายกำลังภายใน
    #นิยายจีน
    #กิมย้ง
    #thaitimes
    #บทวิเคราะห์
    #บทความ
    #ข้อคิด
    #นิยายแปล
    ธรรมะในนิยายจีนจากเรื่อง แปดเทพอสูรมังกรฟ้า . ตัวละครเอกตัวหนึ่งของเรื่องที่เป็นตัวละครหลักหนึ่งในสาม คือ องค์ชายต้วนอี้ รัชทายาทแห่งอาณาจักร ต้าหลี่ หรือแถบยูนนานของจีนปัจจุบัน นับเป็นตัวละครที่มีความเป็นบุคคลที่หาได้ยากมากในเหล่าชาวยุทธ หรือตัวเอกในอาณาจักรนิยายจีนมากมายเท่าที่เคยผ่านสมองและสองตามา . . แรกทีเดียวที่ข้าพเจ้าได้อ่านเรื่องนี้ในสมัยเรียนชั้นมัธยมต้น กว่าสามสิบปีมาแล้วนั้น รู้สึกไม่ชอบพระเอกที่ชื่อต้วนอี้นี้เลย ออกจะรำคาญ และเบื่อในความเหลาะแหละ โลเล ใจไม่อยู่กับร่องกับรอย เป็นพวกชอบเพ้อฝัน บัณฑิตที่โง่งมยึดอยู่กับตำราเหมือนนักศึกษาที่จะสอบเป็นจอหงวน ตัดสินใจไม่เด็ดขาด อ่อนแอ รักหยกถนอมบุบผา คือมีความนุ่มนิ่มตุ้งติ้ง สุภาพเรียบร้อย โดยเฉพาะกับสตรีเพศยิ่งเข้ากลุ่มไปสนทนาร่วมด้วยอย่างค่อนข้างกลมกลืนเป็นเนื้อเดียว ไม่สมชายชาตรี . . ฝึกวิชาก็ไม่เอาไหน ทั้งที่มีประสบการณ์ปาฏิหาริย์ โชคนำพาวาสนาส่งให้ได้มีโอกาสไขว่คว้าตำรายุทธ์ หรือร่ำเรียนวิชาสุดยอดฝีมือที่เรียกได้ว่าเป็นยอดวิทยายุทธ์ในใต้หล้า ที่น้อยคนจะได้พานพบ ทว่ากลับเหมือนลิงได้แหวน ไก่ได้พลอย มีของดีกับตัวแต่ไม่ใช้ ไม่ฝึกฝน ปล่อยเสียของไปอย่างเปล่าดาย หรือถ้าฝึกก็อย่างขอไปที หรือเหตุการณ์บังคับ ไม่กระตือรือร้นที่จะพาตนให้กลายเป็นคนเก่ง หรือจอมยุทธ์อันดับหนึ่ง เช่นที่พระเอกควรจะเก่งและควรจะเป็น . . ไม่เหมือนเฉียวฟง ประมุขพรรคกระยาจก ที่แม้นไม่หล่อเหลา แต่มีบุคลิกองอาจกล้าหาญ ฮึกเหิม และมีวิทยายุทธ์สูงส่งเป็นไต้เฮียบ หรือผู้กล้าอันดับหนึ่งในแผ่นดิน ได้รับการยกย่องขนานนามเป็น เฉียวฟงเหนือ มู่หยงใต้ เรียกได้ว่าต้วนอี้เป็นหนึ่งในตัวละครเอกของจักรวาลนิยายกำลังภายในของกิมย้ง ที่ไม่น่าประทับใจเลย ทว่า แท้จริงข้าพเจ้ามองต้วนอี้ตื้นเขินเกินไปในเวลานั้น ด้วยวัยที่ยังไม่สามารถวิเคราะห์เรื่องราวได้เหมือนดังปัจจุบัน . . แท้จริง องค์ชายต้วน หรือคุณชายต้วน เป็นตัวละครที่น่ายกย่องในหลายด้าน เขาเป็นผู้ที่มีจิตใจดีงามฝังอยู่ในกมลสันดาน ที่ไม่นิยมการฝึกวิชายุทธ์ ก็เพราะไม่อยากจะเกี่ยวข้องทำร้ายคน ไม่ชอบการเข่นฆ่า พยายามหลีกเลี่ยงอย่างถึงที่สุด โดยกลับไปชอบถึงขั้นหลงใหลในด้านศิลปะแทน ไม่ว่าจะเป็นความรู้ในทางดนตรี บทกวี การเขียนอักษรจีน การวาดภาพ และการเล่นหมากล้อม . . เขามีจิตใจอ่อนโยน แม้กระทั่งกับศัตรูที่คิดจะฆ่าตัวเองให้ตาย แต่เขาก็ไม่ยอมที่จะเป็นฝ่ายกระทำตอบ แม้นในเมื่อตนมีโอกาส ยามศัตรูพลั้งพลาด จนในที่สุดความดีของเขาสามารถเอาชนะใจจอมโฉดอันดับสาม จากสี่จอมโฉด คือ หนานไห่เอ้อเซิน จนยอมเรียกต้วนอี้ว่าอาจารย์ และยอมเป็นศิษย์แม้นด้วยความจำนน จากการแพ้เดิมพันก็ตาม (ถือว่าเป็นจอมโฉดที่มีจิตใจดีงามอยู่หลายส่วน มากกว่าพี่น้องร่วมสาบานคนอื่น โดยเฉพาะความสัตย์ซื่อ) . . นอกจากนี้ เขายังเป็นผู้ให้โอกาสคนอื่น ไม่เหยียบย่ำซ้ำเติม มีน้ำใจต่อคนแทบทุกชนชั้น เห็นใจแม้กระทั่งคนชั่วที่คนอื่นเกลียด ชอบช่วยเหลือ ชอบคบค้าสมาคมกับคนจำนวนมาก เป็นผู้มีบุคลิกภายนอกที่อาจไม่ต้องใจสาวงามที่ชมชอบบุรุษเข้มแข็ง อีกทั้งก็ไม่ได้หล่อเหลา แม้นจะไม่ขี้เหร่ แต่ด้วยความเป็นคนมาดคุณชายหนอนหนังสือ จึงไม่ได้รับการใส่ใจจากหญิงที่ตนรัก . . โดยรวมแล้ว แม้ต้วนอี้จะมีข้อด้อยหลายประการ แต่ข้อด้อยเหล่านั้น บางข้อก็ถือเป็นข้อดีหากเรามองในอีกแง่มุมหนึ่ง จึงเป็นเรื่องที่ให้แง่คิดกับเราได้ว่า การจะวิเคราะห์หรือมองคนคนหนึ่งให้ทะลุนั้น เราจะมองแต่แค่แง่ใดหรือบางแง่หาได้ไม่ เพราะเบื้องหลังความเป็นมาของแต่ละคนที่บ่มเพาะให้คนคนนั้น กลายเป็นคนที่มีบุคลิก หรืออุปนิสัยเช่นไร เป็นความซับซ้อนหลายชั้น ในความเป็นคนดี ก็ยังมีความชั่วแฝงซ่อนอยู่ หรือกระทั่งจอมโฉดชั่วสุดสามานย์ ก็ยังมีมุมที่น่าเห็นใจ น่าสงสาร ไปจนกระทั่งน่ารักอยู่ไม่น้อย สมดังชื่อเรื่องที่มีทั้งเทพและมารอยู่รวมกัน . แต่ที่เห็นได้ชัดคือ คนที่พยายามอยากได้ในสิ่งที่ตนต้องการ ด้วยการทำทุกวิธีแม้จะต้องผิดต่อมโนธรรม คุณธรรม และศีลธรรม มักจะต้องผิดหวัง . ทว่าคนที่ยิ่งไม่ต้องการ ยิ่งไม่อยากได้ในสิ่งที่คนอื่นอยาก มักจะเป็นผู้ที่ได้รับในสิ่งซึ่งตนไม่ต้องการอยู่เสมอ ดังเช่นชีวิตขององค์ชายต้วนอี้ เป็นต้น ซึ่งได้พบกับความสุขสมหวังในช่วงท้าย ต่างจากมู่หยงฟู่ที่ไขว่คว้าตลอด แต่ต้องสูญสิ้นทุกอย่างจนกลายเป็นบ้า ............ บทความโดย ชลธิศ รมณียางกูร ป.ล. ฉบับนิยายที่อ่านเป็นฉบับที่ยังไม่มีการปรับปรุงแก้ไขใหม่โดยผู้แต่งในภายหลัง รูปภาพประกอบจากกูเกิ้ล เวอร์ชั่นปี 1982 คุณชายต้วน รับบทโดย ทัง เจิ้นเยี่ย (จีนตัวย่อ: 汤镇业; จีนตัวเต็ม: 湯鎮業; พินอิน: Tāng Zhènyè)ข้อมูลชื่อจีน และคำอ่านจากวิกิพีเดีย #แปดเทพอสูรมังกรฟ้า #ต้วนอี้ #นิยายกำลังภายใน #นิยายจีน #กิมย้ง #thaitimes #บทวิเคราะห์ #บทความ #ข้อคิด #นิยายแปล
    0 Comments 0 Shares 265 Views 0 Reviews
  • กองทัพเยเมนกล่าวว่า กองทัพได้โจมตีเป้าหมายทางทหารของอิสราเอลในเมืองยัฟฟา (เทลอาวีฟ) ด้วยขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ที่เดินทางไปได้ไกลถึง ๒,๐๔๐ กิโลเมตร และไม่ถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศสกัดกั้นได้ ประชาชนราว ๒,๐๐๐,๐๐๐ คนได้เข้าไปในศูนย์พักพิง

    กองทัพกล่าวว่ากำลังมีปฏิบัติการเพิ่มเติมอีกหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงการตอบสนองที่รอคอยอยู่ต่อการทิ้งระเบิดท่าเรือโฮเดดาห์ของอิสราเอล
    .
    BREAKING | Yemeni Armed Forces says it hit an Israeli military target in Yaffa (Tel Aviv) with a new hypersonic ballistic missile that traveled 2,040 kilometers and was not intercepted by air defenses. Approximately 2,000,000 settlers entered shelters.

    The forces said that more operations are on the way, including the awaited response to the Israeli bombing of Hodeidah Port.
    .
    4:03 PM · Sep 15, 2024 · 311.1K Views
    https://x.com/TheCradleMedia/status/1835242992954646563
    กองทัพเยเมนกล่าวว่า กองทัพได้โจมตีเป้าหมายทางทหารของอิสราเอลในเมืองยัฟฟา (เทลอาวีฟ) ด้วยขีปนาวุธความเร็วเหนือเสียงรุ่นใหม่ที่เดินทางไปได้ไกลถึง ๒,๐๔๐ กิโลเมตร และไม่ถูกระบบป้องกันภัยทางอากาศสกัดกั้นได้ ประชาชนราว ๒,๐๐๐,๐๐๐ คนได้เข้าไปในศูนย์พักพิง กองทัพกล่าวว่ากำลังมีปฏิบัติการเพิ่มเติมอีกหลายอย่าง ซึ่งรวมถึงการตอบสนองที่รอคอยอยู่ต่อการทิ้งระเบิดท่าเรือโฮเดดาห์ของอิสราเอล . BREAKING | Yemeni Armed Forces says it hit an Israeli military target in Yaffa (Tel Aviv) with a new hypersonic ballistic missile that traveled 2,040 kilometers and was not intercepted by air defenses. Approximately 2,000,000 settlers entered shelters. The forces said that more operations are on the way, including the awaited response to the Israeli bombing of Hodeidah Port. . 4:03 PM · Sep 15, 2024 · 311.1K Views https://x.com/TheCradleMedia/status/1835242992954646563
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 132 Views 0 Reviews
  • พากันจูงมือเข้าอ่านริ้วววว………พี่ปูเขากำลังจะรุ่งในสายการเมืองแล้ววว………!!!!

    ตอนห้า…..เมื่อราศีจับ……อะไรๆก็ฉุดไม่อยู่……!!!

    เท่ากับว่า ตอนนี้ปูตินมีสองร่างในบุคคลคนเดียวกัน เขาได้มาเป็นที่ปรึกษาให้กับอนาโตลี แต่ยังคงนั่งทำงานประจำที่มหาวิทยาลัย
    ส่วนที่สำนักงาน KGB. เขาจะแวะเข้าไปเป็นครั้งเป็นคราว
    จนวันหนึ่งในช่วงปลายปี 1990 ที่มีคณาจารย์จาก Saint Petersburg University จาก Florida, USA ได้เข้ามาเยี่ยมเยียนมหาวิทยาลัย
    ในเลนินกราด ในโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และแบบแผนการศึกษา
    ตัวผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นอธิการบดี Dr. Carl M. Kuttler jr. ได้เดินทางมาด้วย
    ผู้ที่ทำหน้าที่ต้อนรับ คือ วลาดิเมียร์ ปูติน ที่เป็นผู้ประสานงานทุกอย่าง
    ตั้งแต่ชมมหาวิทยาลัย ไปเที่ยวนอกเมือง ซึ่งตอนนั้นเป็นภาวะที่น้ำมันขาดแคลนในโซเวียต
    รถลีมูซีนของท่านอธิการบดี เกิดน้ำมันหมด……ปูตินสามารถสั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐนำน้ำมันมาเติมให้ถึงที่ได้ด้วย
    คาร์ลจึงแปลกใจมาก……เขาแทบไม่เชื่อว่าคณบดีธรรมดาๆ คนนี้ สามารถตอบคำถามได้หมด ตั้งแต่เรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และการต่างประเทศ
    ซ้ำยังเรียกหน่วยงานมาจัดการเรื่องเส้นทางและน้ำมันให้ได้อีก
    ทุกอย่างได้เป็นไปอย่างเรียบร้อย ตลอดทั้งสิบวัน……

    ในคืนเกือบสุดท้ายที่คณะจากอเมริกาจะจากไป มีการจัดเลี้ยงอำลา
    ปูตินจึงนำอนาโตลีไปแนะนำให้รู้จักในฐานะเจ้านาย และ ในฐานะของนายกเทศมนตรีของเมือง
    ระหว่างการสนทนา คาร์ลได้เชื้อเชิญให้อนาโตลีไปเยี่ยมเยียนที่อเมริกาบ้าง
    แต่อนาโตลี คือชาวรัสเชี่ยนแท้ๆ ที่ปากกับใจตรงกัน ได้ตอบกลับไปว่า
    “พวกเราไม่มีทุนรอนขนาดนั้น มันไกลเกินฝัน…”
    คาร์ลก็เป็นอเมริกันสายป๋า……เขาตอบทันทีว่า
    “งั้นผมจะลองไปจัดการหาสปอนเซอร์ให้เอง……โปรดอย่าเป็นกังวล”

    ในที่สุด อนาโตลีและคณะก็ได้ไปเยือนอเมริกาสมใจ ด้วยทุนของ Procter & Gamble และได้เข้าพบกับประธานาธิบดี George H.W. Bush
    เขาได้ดูงานเทศบาลของเมือง Saint Petersburg, Florida **ที่มีนโยบายเข้มโดยไม่มีการอนุญาตให้ตัดต้นไม้ใดๆได้ จนกว่าจะได้รับการอนุมัติจากทางการ
    เมื่ออนาโตลีกลับมาถึงโซเวียต สิ่งแรกที่เขาทำคือ ทำการบรรจุปูตินในทีมงานอย่างเป็นทางการ จากความดีความชอบที่สามารถเชื่อมโยงจนได้ไปอเมริกา
    การทำงานกับอนาโตลี……ปูตินเริ่มมองเห็นอะไรอีกด้านหนึ่งที่เขาไม่ได้มองมาก่อน เช่น เรื่องความเสมอภาค ที่อนาโตลีมักพูดเสมอว่า
    “เราคุ้นเคยกับความรุนแรงมาตั้งแต่เกิด จนเห็นเป็นเรื่องปรกติ เราต้องอยู่อย่างหวาดกลัว ระแวง กับการที่จะมีคนมาคอยจ้องจับ นั่นมันไม่ใช่วิสัยการเป็นอยู่ของมนุษยชน”
    หรือ “ เราไม่จำเป็นต้องไปฆ่าฟันผู้คนกลุ่มหนึ่งให้ตาย
    เพื่อสนองตัญหาของคนอีกกลุ่มหนึ่ง……”

    เขาทั้งสองคนมีความแตกต่างกันอย่างสุดโต่ง อายุต่างกัน (12 ปี)
    นิสัยต่างกัน คนหนึ่งรื่นเริง หัวเราะง่าย อารมณ์ดี
    อีกคนหนึ่ง หน้าเครียด ยิ้มยาก ระวังตัวตลอดเวลา
    แต่อนาโตลี……พยายามผลักดันปูตินให้เข้ามาในวงจรของความคิดใหม่
    ปูตินแยกแยะเรื่องงานได้ดี เขาไม่เคยเออออห่อหมกกับทัศนคติของอนาโตลีที่มีต่อโซเวียต เพราะเขายังเป็น KGB ที่ยังต้องซื่อสัตย์กับงาน
    และเขาได้เห็นว่า งานเทศมนตรีที่อนาโตลีทำอยู่นั้น เป็นการเล่นการเมืองเสียส่วนใหญ่ งานด้านทำนุบำรุงประชาชนในส่วนสาธารณูปโภคมีน้อยมาก……

    ในปีนั้น ปี 1991 เศรษฐกิจของโซเวียตฝืดเคือง ข้าวของทุกอย่างหายไปตลาด ชั้นขายของว่างเปล่า อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน การประท้วงได้เกิดขึ้นตามชายขอบของประเทศ กอร์บาเชฟสั่งให้หน่วยทหารและ KGB เตรียมกำลังให้พร้อม เพื่อที่จะไปปราบม็อบ ผลจากการปะทะ ผู้ต่อต้านเสียชีวิตไป 14 คน
    ลิธัวเนีย…ประกาศท้าทายโซเวียตด้วยการจัดการลงคะแนนเสียงเพื่อขอเป็นอิสระ กอร์บาเชฟไม่ยอมรับมติของการลงคะแนน โดยอ้างว่าผิดกฎหมาย
    แต่กระแสเรียกร้อง เรียกหาความเป็นธรรมเริ่มหนาหูขึ้น

    เดือนเมยายน โซเวียต ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภา ที่มีทั้งฝ่ายคอมมิวนิสต์
    และฝ่ายสังคมนิยม ที่จะต้องชิงที่นั่งกัน ผลที่ได้คือ Boris Yelzin ได้ตำแหน่งประธานสภา อันเป็นที่ไม่พอใจกอร์บาเชฟเป็นอย่างยิ่ง
    เพราะคนละวิสัยทัศน์ และ เขาไม่เข้าใจเลยว่า คนที่ดื่มสุราจัด พูดไม่เป็นภาษามนุษย์ จะมาทำงานใหญ่ได้อย่างไร…
    แต่กระแสนิยมในตัวเยลซินกลับเพิ่มขึ้นทุกวัน จนบดบังรัศมี
    ของกอร์บาเชฟจนหมดสิ้น
    คอมมิวนิสต์อยู่ในกระแสขาลง ……ประชาชนฝ่ายใฝ่สังคมนิยมผสมประชาธิปไตยในสายงานของอนาโตลีทำการเรียกร้องให้เปลี่ยนชื่อเมือง
    จากเลนินกราด……ให้กลับไปเป็นเหมือนก่อนเก่า คือ St. Petersburg ซึ่งได้รับเสียงตอบรับในสภาเกินครึ่ง
    ปูติน……วางตัวเงียบสงบ ตั้งแต่เขาได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในฐานะนักการเมือง เขาได้ลาออกจากการเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัย คอยเฝ้าดูสถานะการณ์ของพรรคการเมืองต่างๆที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เขาเป็นที่ไว้วางใจของอนาโตลี ถึงขนาดที่เซ็นลงในกระดาษเปล่าให้ปูตินเอาไว้เขียนสั่งงานแทน

    วันที่ 17 สิงหาคม 1991 ปูตินได้พาครอบครัวไปเที่ยววันหยุด
    ที่ฝั่งทะเลบอลติค อนาโตลีไปพักผ่อนที่กึ่งประชุมงานที่ลิธัวเนีย
    ไม่มีใครรู้ว่า วันต่อมา คือวันที่ 18 เป็นวันที่ Gorbachev, Yeltzin และผู้นำจาก Kazakhstan มีการประชุมลับกันในการที่จะปรับเปลี่ยนทอนอำนาจในเครมลิน
    แต่ความลับรั่ว……เพราะการประชุมไม่ได้เกิดขึ้น กอร์บาเชฟได้ถูกควบคุมตัวไปขังในบ้านพักตากอากาศของเขาเอง (house arrest) แบบปฏิวัติเงียบจากกลุ่มต่อต้านภายใน หนึ่งในทีมหัวหน้าปฏิบัติการ คือ Vladimir Kryuchkov ผู้อำนวยการใหญ่ KGB
    และจากนั้น……ทั้งประเทศตกอยู่ในการคุมเข้มของกฏอัยการศึก
    ปูตินทราบข่าวจากการประกาศฉุกเฉินทางโทรทัศน์
    อนาโตลี ทราบข่าวจากโทรศัพท์ที่ปลุกกลางดึก ทำให้เขาต้องรีบบินกลับพร้อมกับผู้ติดตามหนึ่งคน ซึ่งทางคณะประกอบการได้ส่งการ์ดพร้อมอาวุธไปเตรียมควบคุมตัวเขาถึงสามคน
    แต่เมื่อถึงสนามบิน การ์ดสามคนนั่น ไม่ได้ทำตามคำสั่ง แถมยังช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับอนาโตลีจนบินกลับถึงมอสโคว์ได้อย่างปลอดภัย

    ปูตินรีบกลับมา เพื่ออยู่ในทีมงานของอนาโตลี เพราะเขารู้สึกเอียนกับการยึดอำนาจแบบนี้ เพราะตลอดชีวิตของเขาก็เจอแต่เหตุการณ์แบบนี้ แล้วผลมันเป็นอย่างไรก็เห็นๆกันอยู่ว่าประเทศได้ย่ำเท้าถอยหลัง ทรุดโทรมลงไปทุกวัน
    เขาตัดสินใจเขียนใบลาออกจาก KGB หลังจากที่ 16 ปีที่ใช้ชีวิตในเส้นทางนั้น พอกันที…
    เป็นไปตามคาด……การปฏิวัติโดยฝ่ายทหารและ KGB ในครั้งนี้ ไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาด เพราะประชาชนไม่ยอมรับ

    เพียงแค่สองวัน กอร์บาเขฟก็ได้รับอิสรภาพออกมาจากบ้านพัก Boris Yeltzin ได้รับความนิยม
    อนาโตลีก็เช่นกัน เขากลายเป็นตัวแทนของความเป็นประชาธิปไตยในเลนินกราด ปูตินก็ถือเป็นโชคที่เข้าข้าง เพราะเขาตัดสินในเลือกถูกฝั่ง……เพราะถ้าเขายังอยู่ในราชการ แน่นอนว่า……เขาคงจบชีวิตราชการที่ศาลทหารอย่างเดียวกับ Vladimir Kryuchkov

    เขาควรจะดีใจ……แต่ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุด ที่เห็นองค์กร KGB ที่เหมือนจิตวิญญาณศักดิศรีของลูกผู้ชายนั้นได้ล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา……

    ตามคาดคือ Yeltzin ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของรัสเซีย (ใหม่) เขาได้ทำการยุบกลุ่มพรรคที่นิยมคอมมิวนิสต์
    อนาโตลี ก็ก้าวขึ้นมาเป็นบุคคลสำคัญแห่งเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก และก็ได้ทำการอย่างเดียวกับเยลซิน คือ ไล่บี้กลุ่มคอมมิวนิสต์ เขาได้แต่งตั้งให้ปูตินเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจและการต่างประเทศ โดยมีที่ทำการใหม่ที่หรูหราสมฐานะ
    ภาพของเลนินได้ถูกปลดออกจากทุกห้อง โดยนำภาพของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชขึ้นไปแขวนแทน
    ธงแดงที่มีตราฆ้อนเคียว ถูกปลดลงหมด แต่ยังหาธงอื่นแทนไม่ได้ (ผลิตใหม่ยังไม่ทัน เสร็จพร้อมเมื่อ 1 พฤศจิกายน) ปูตินได้สั่งให้ถอนเสาธงออกไปเลย……

    ตอนนั้นเป็นยุคที่ต้องมีสื่อทีวีเพื่อการโปรประกันดา อนาโตลี
    ให้สัมภาษณ์จนแทบไม่มีเวลาหายใจ เขาจึงมอบหมาย
    ให้ปูตินรับช่วงต่อไปแทน ที่เป็นการสัมภาษณ์แบบสด ไม่มีสคริปต์ ที่เขาทำให้ทุกคนทึ่งในความสามารถ เพราะปูตินสามารถตอบทุกอย่างได้แบบมือโปร ด้วยท่าทางที่มั่นใจ และเต็มไปด้วยพลังของการทำงาน
    แต่ในสุดท้ายของการสัมภาษณ์ สื่อได้ถามวนเวียนถึงเรื่องการเป็นสายลับของเขา……
    ปูตินเริ่มรำคาญ ……”ดูคุณจะหาคำอธิบายให้ได้ใช่ไหม?”
    สื่อ “ ก็แน่ละซิ เพราะการที่ได้พบกับอดีต KGB ที่ไม่ได้ปกปิดตัวตนนั้น มันง่ายซะที่ไหน..”
    ปูติน……”คุณไม่มีทางรู้เลยว่า คุณอาจได้พบพวกเขาบ่อยๆแล้วโดยที่คุณไม่รู้ตัว………แต่เขาจะรู้เสมอว่าคุณเป็นใคร…แล้วคุณลองดูในอเมริกา นายจอร์จ บุช ก็คืออดีตซีไอเอ…แล้วไง?”
    สื่อ……”#%&฿$€€”

    หลังจากหมัดเด็ดในการสัมภาษณ์นั้นได้ออกทีวีไป
    อาคันตุกะคนแรกที่เข้ามาพบกับปูตินถึงที่ทำงาน ใน Smolny Institute
    คือ Igor Sechin ***เป็นเพื่อนรุ่นน้องในมหาวิทยาลัย และเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในภาษาโปรตุเกส, ฝรั่งเศส และ อังกฤษ เคยเป็นล่ามให้กับกองทัพ
    และ…..เป็นอดีต KGB เช่นกัน……
    แทบไม่ต้องเดา……อิกอร์ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในทีมทำงานเป็นหูเป็นตาให้กับปูติน
    จากนั้น……พรรคพวกเดิมๆที่มีความสามารถอย่างอิกอร์ก็ตบเข้าเข้ามาเสริมกำลัง จนในที่สุด ทั้งออฟฟิศของอนาโตลี
    มีแต่เจ้าหน้าที่ที่เป็นอดีต KGB เป็นส่วนใหญ่

    ปูตินพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยใช้ความสามารถที่มีทั้งหมดตั้งแต่เป็นสายลับ นักกฎหมาย ภาษาเยอรมัน การเมืองและเศรษฐศาสตร์ในการทำงาน เขาเชื่อเสมอว่า รัสเซียสามารถเป็นประเทศที่มีหลักการในการปกครองระบบสังคมนิยมผสมประชาธิปไตยได้ หากประชาชนอยู่ดีกินดี
    เพื่อนที่ใกล้ชิด ที่รู้นิสัยกันดี เขาเอามาทำงานด้วยหมด และทุกคนต่างได้รับผลตอบแทนเข้าขั้นอภิมหาเศรษฐีด้วยกันแทบทั้งนั้น
    แต่.……นั่นหมายความว่า รัฐบาลต้องมีหุ้นอยู่ด้วย.……พร้อมเข้าตรวจสอบได้
    การพัฒนาในเรื่องอุตสาหกรรมพลังงานจะต้องมาเป็นอันดับแรกที่ต้องพัฒนาให้ล้ำที่สุด
    ซึ่งเป็นความคิดที่สอดคล้องกับอนาโตลี ที่ตอนนั้นมีบารมีพอๆกันกับเยลซิน……
    ปูตินกลายเป็นกลไกสำคัญของเหล่าอาคันตุกะที่มาเยี่ยมเยือน และสร้างสัมพันธไมตรีต่างประเทศ ตั้งแต่ รมต. ต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา James Baker,ไปอังกฤษเพื่อพบปะกับ John Major นายกรัฐมนตรี, ไปเยอรมันเพื่อพบกับนายกรัฐมนตรี Helmut Kohl (และทำหน้าที่เป็นล่ำเป็นสัน)
    หรือเมื่อ Henry Kissinger ได้บินมาที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก
    ปูตินไปรับที่สนามบิน และนำไปสู่ที่พัก ในการสนทนากัน
    คิสซิงเจอร์ได้บอกกับปูตินว่า
    “คนที่ทำงานเก่งๆเนี่ย เริ่มต้นมาจากหน่วยราชการลับกันทั้งนั้น”

    ปูตินยิ้มนิดๆ ตอบไปว่า “อย่างผมนี่ไง……..!!”

    **ที่ Florida, USA. มีเมืองที่ชื่อว่า Saint Petersburg เช่นกัน

    ***จำชื่อนี้ไว้นะคะ Igor Sechin เพราะต่อมาเขาคือกลไกสำคัญในการเป็นแขนขาในการทำงาน เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี เมื่อปูตินเป็นนายกฯ
    อิกอร์ดูแลควบคุมการอุตสาหกรรมแร่ รวมไปถึงพลังงานและเป็น CEO บริษัท Rosneft ก๊าสและน้ำมัน ที่ใหญ่อันดับสามของรัสเซีย
    ตัวเขาเองที่เปรียบเสมือนมือขวาของปูตินจนถึงบัดนี้
    และตะวันตก……ได้ให้สถานะเขาว่า เป็นผู้มีอำนาจที่สองรองลงไปจากปูติน

    หรือแม้แต่ Alexey Miller CEO ของ Gazprom บริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียก็เป็นเด็กในคาถาของปูติน
    เพราะปั้นมากับมือตั้งแต่เขาเริ่มเลือกเส้นทางสายการเมือง

    Wiwanda W. Vichit
    พากันจูงมือเข้าอ่านริ้วววว………พี่ปูเขากำลังจะรุ่งในสายการเมืองแล้ววว………!!!! ตอนห้า…..เมื่อราศีจับ……อะไรๆก็ฉุดไม่อยู่……!!! เท่ากับว่า ตอนนี้ปูตินมีสองร่างในบุคคลคนเดียวกัน เขาได้มาเป็นที่ปรึกษาให้กับอนาโตลี แต่ยังคงนั่งทำงานประจำที่มหาวิทยาลัย ส่วนที่สำนักงาน KGB. เขาจะแวะเข้าไปเป็นครั้งเป็นคราว จนวันหนึ่งในช่วงปลายปี 1990 ที่มีคณาจารย์จาก Saint Petersburg University จาก Florida, USA ได้เข้ามาเยี่ยมเยียนมหาวิทยาลัย ในเลนินกราด ในโครงการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรม และแบบแผนการศึกษา ตัวผู้ก่อตั้งซึ่งเป็นอธิการบดี Dr. Carl M. Kuttler jr. ได้เดินทางมาด้วย ผู้ที่ทำหน้าที่ต้อนรับ คือ วลาดิเมียร์ ปูติน ที่เป็นผู้ประสานงานทุกอย่าง ตั้งแต่ชมมหาวิทยาลัย ไปเที่ยวนอกเมือง ซึ่งตอนนั้นเป็นภาวะที่น้ำมันขาดแคลนในโซเวียต รถลีมูซีนของท่านอธิการบดี เกิดน้ำมันหมด……ปูตินสามารถสั่งการให้เจ้าหน้าที่รัฐนำน้ำมันมาเติมให้ถึงที่ได้ด้วย คาร์ลจึงแปลกใจมาก……เขาแทบไม่เชื่อว่าคณบดีธรรมดาๆ คนนี้ สามารถตอบคำถามได้หมด ตั้งแต่เรื่องการเมือง เศรษฐกิจ และการต่างประเทศ ซ้ำยังเรียกหน่วยงานมาจัดการเรื่องเส้นทางและน้ำมันให้ได้อีก ทุกอย่างได้เป็นไปอย่างเรียบร้อย ตลอดทั้งสิบวัน…… ในคืนเกือบสุดท้ายที่คณะจากอเมริกาจะจากไป มีการจัดเลี้ยงอำลา ปูตินจึงนำอนาโตลีไปแนะนำให้รู้จักในฐานะเจ้านาย และ ในฐานะของนายกเทศมนตรีของเมือง ระหว่างการสนทนา คาร์ลได้เชื้อเชิญให้อนาโตลีไปเยี่ยมเยียนที่อเมริกาบ้าง แต่อนาโตลี คือชาวรัสเชี่ยนแท้ๆ ที่ปากกับใจตรงกัน ได้ตอบกลับไปว่า “พวกเราไม่มีทุนรอนขนาดนั้น มันไกลเกินฝัน…” คาร์ลก็เป็นอเมริกันสายป๋า……เขาตอบทันทีว่า “งั้นผมจะลองไปจัดการหาสปอนเซอร์ให้เอง……โปรดอย่าเป็นกังวล” ในที่สุด อนาโตลีและคณะก็ได้ไปเยือนอเมริกาสมใจ ด้วยทุนของ Procter & Gamble และได้เข้าพบกับประธานาธิบดี George H.W. Bush เขาได้ดูงานเทศบาลของเมือง Saint Petersburg, Florida **ที่มีนโยบายเข้มโดยไม่มีการอนุญาตให้ตัดต้นไม้ใดๆได้ จนกว่าจะได้รับการอนุมัติจากทางการ เมื่ออนาโตลีกลับมาถึงโซเวียต สิ่งแรกที่เขาทำคือ ทำการบรรจุปูตินในทีมงานอย่างเป็นทางการ จากความดีความชอบที่สามารถเชื่อมโยงจนได้ไปอเมริกา การทำงานกับอนาโตลี……ปูตินเริ่มมองเห็นอะไรอีกด้านหนึ่งที่เขาไม่ได้มองมาก่อน เช่น เรื่องความเสมอภาค ที่อนาโตลีมักพูดเสมอว่า “เราคุ้นเคยกับความรุนแรงมาตั้งแต่เกิด จนเห็นเป็นเรื่องปรกติ เราต้องอยู่อย่างหวาดกลัว ระแวง กับการที่จะมีคนมาคอยจ้องจับ นั่นมันไม่ใช่วิสัยการเป็นอยู่ของมนุษยชน” หรือ “ เราไม่จำเป็นต้องไปฆ่าฟันผู้คนกลุ่มหนึ่งให้ตาย เพื่อสนองตัญหาของคนอีกกลุ่มหนึ่ง……” เขาทั้งสองคนมีความแตกต่างกันอย่างสุดโต่ง อายุต่างกัน (12 ปี) นิสัยต่างกัน คนหนึ่งรื่นเริง หัวเราะง่าย อารมณ์ดี อีกคนหนึ่ง หน้าเครียด ยิ้มยาก ระวังตัวตลอดเวลา แต่อนาโตลี……พยายามผลักดันปูตินให้เข้ามาในวงจรของความคิดใหม่ ปูตินแยกแยะเรื่องงานได้ดี เขาไม่เคยเออออห่อหมกกับทัศนคติของอนาโตลีที่มีต่อโซเวียต เพราะเขายังเป็น KGB ที่ยังต้องซื่อสัตย์กับงาน และเขาได้เห็นว่า งานเทศมนตรีที่อนาโตลีทำอยู่นั้น เป็นการเล่นการเมืองเสียส่วนใหญ่ งานด้านทำนุบำรุงประชาชนในส่วนสาธารณูปโภคมีน้อยมาก…… ในปีนั้น ปี 1991 เศรษฐกิจของโซเวียตฝืดเคือง ข้าวของทุกอย่างหายไปตลาด ชั้นขายของว่างเปล่า อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน การประท้วงได้เกิดขึ้นตามชายขอบของประเทศ กอร์บาเชฟสั่งให้หน่วยทหารและ KGB เตรียมกำลังให้พร้อม เพื่อที่จะไปปราบม็อบ ผลจากการปะทะ ผู้ต่อต้านเสียชีวิตไป 14 คน ลิธัวเนีย…ประกาศท้าทายโซเวียตด้วยการจัดการลงคะแนนเสียงเพื่อขอเป็นอิสระ กอร์บาเชฟไม่ยอมรับมติของการลงคะแนน โดยอ้างว่าผิดกฎหมาย แต่กระแสเรียกร้อง เรียกหาความเป็นธรรมเริ่มหนาหูขึ้น เดือนเมยายน โซเวียต ได้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภา ที่มีทั้งฝ่ายคอมมิวนิสต์ และฝ่ายสังคมนิยม ที่จะต้องชิงที่นั่งกัน ผลที่ได้คือ Boris Yelzin ได้ตำแหน่งประธานสภา อันเป็นที่ไม่พอใจกอร์บาเชฟเป็นอย่างยิ่ง เพราะคนละวิสัยทัศน์ และ เขาไม่เข้าใจเลยว่า คนที่ดื่มสุราจัด พูดไม่เป็นภาษามนุษย์ จะมาทำงานใหญ่ได้อย่างไร… แต่กระแสนิยมในตัวเยลซินกลับเพิ่มขึ้นทุกวัน จนบดบังรัศมี ของกอร์บาเชฟจนหมดสิ้น คอมมิวนิสต์อยู่ในกระแสขาลง ……ประชาชนฝ่ายใฝ่สังคมนิยมผสมประชาธิปไตยในสายงานของอนาโตลีทำการเรียกร้องให้เปลี่ยนชื่อเมือง จากเลนินกราด……ให้กลับไปเป็นเหมือนก่อนเก่า คือ St. Petersburg ซึ่งได้รับเสียงตอบรับในสภาเกินครึ่ง ปูติน……วางตัวเงียบสงบ ตั้งแต่เขาได้รับการแต่งตั้งอย่างเป็นทางการในฐานะนักการเมือง เขาได้ลาออกจากการเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัย คอยเฝ้าดูสถานะการณ์ของพรรคการเมืองต่างๆที่ผุดขึ้นมาเป็นดอกเห็ด เขาเป็นที่ไว้วางใจของอนาโตลี ถึงขนาดที่เซ็นลงในกระดาษเปล่าให้ปูตินเอาไว้เขียนสั่งงานแทน วันที่ 17 สิงหาคม 1991 ปูตินได้พาครอบครัวไปเที่ยววันหยุด ที่ฝั่งทะเลบอลติค อนาโตลีไปพักผ่อนที่กึ่งประชุมงานที่ลิธัวเนีย ไม่มีใครรู้ว่า วันต่อมา คือวันที่ 18 เป็นวันที่ Gorbachev, Yeltzin และผู้นำจาก Kazakhstan มีการประชุมลับกันในการที่จะปรับเปลี่ยนทอนอำนาจในเครมลิน แต่ความลับรั่ว……เพราะการประชุมไม่ได้เกิดขึ้น กอร์บาเชฟได้ถูกควบคุมตัวไปขังในบ้านพักตากอากาศของเขาเอง (house arrest) แบบปฏิวัติเงียบจากกลุ่มต่อต้านภายใน หนึ่งในทีมหัวหน้าปฏิบัติการ คือ Vladimir Kryuchkov ผู้อำนวยการใหญ่ KGB และจากนั้น……ทั้งประเทศตกอยู่ในการคุมเข้มของกฏอัยการศึก ปูตินทราบข่าวจากการประกาศฉุกเฉินทางโทรทัศน์ อนาโตลี ทราบข่าวจากโทรศัพท์ที่ปลุกกลางดึก ทำให้เขาต้องรีบบินกลับพร้อมกับผู้ติดตามหนึ่งคน ซึ่งทางคณะประกอบการได้ส่งการ์ดพร้อมอาวุธไปเตรียมควบคุมตัวเขาถึงสามคน แต่เมื่อถึงสนามบิน การ์ดสามคนนั่น ไม่ได้ทำตามคำสั่ง แถมยังช่วยดูแลความปลอดภัยให้กับอนาโตลีจนบินกลับถึงมอสโคว์ได้อย่างปลอดภัย ปูตินรีบกลับมา เพื่ออยู่ในทีมงานของอนาโตลี เพราะเขารู้สึกเอียนกับการยึดอำนาจแบบนี้ เพราะตลอดชีวิตของเขาก็เจอแต่เหตุการณ์แบบนี้ แล้วผลมันเป็นอย่างไรก็เห็นๆกันอยู่ว่าประเทศได้ย่ำเท้าถอยหลัง ทรุดโทรมลงไปทุกวัน เขาตัดสินใจเขียนใบลาออกจาก KGB หลังจากที่ 16 ปีที่ใช้ชีวิตในเส้นทางนั้น พอกันที… เป็นไปตามคาด……การปฏิวัติโดยฝ่ายทหารและ KGB ในครั้งนี้ ไม่ประสบความสำเร็จตามที่คาด เพราะประชาชนไม่ยอมรับ เพียงแค่สองวัน กอร์บาเขฟก็ได้รับอิสรภาพออกมาจากบ้านพัก Boris Yeltzin ได้รับความนิยม อนาโตลีก็เช่นกัน เขากลายเป็นตัวแทนของความเป็นประชาธิปไตยในเลนินกราด ปูตินก็ถือเป็นโชคที่เข้าข้าง เพราะเขาตัดสินในเลือกถูกฝั่ง……เพราะถ้าเขายังอยู่ในราชการ แน่นอนว่า……เขาคงจบชีวิตราชการที่ศาลทหารอย่างเดียวกับ Vladimir Kryuchkov เขาควรจะดีใจ……แต่ตรงกันข้าม เขากลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างที่สุด ที่เห็นองค์กร KGB ที่เหมือนจิตวิญญาณศักดิศรีของลูกผู้ชายนั้นได้ล่มสลายไปต่อหน้าต่อตา…… ตามคาดคือ Yeltzin ได้ขึ้นมาเป็นประธานาธิบดีของรัสเซีย (ใหม่) เขาได้ทำการยุบกลุ่มพรรคที่นิยมคอมมิวนิสต์ อนาโตลี ก็ก้าวขึ้นมาเป็นบุคคลสำคัญแห่งเซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก และก็ได้ทำการอย่างเดียวกับเยลซิน คือ ไล่บี้กลุ่มคอมมิวนิสต์ เขาได้แต่งตั้งให้ปูตินเป็นผู้อำนวยการฝ่ายเศรษฐกิจและการต่างประเทศ โดยมีที่ทำการใหม่ที่หรูหราสมฐานะ ภาพของเลนินได้ถูกปลดออกจากทุกห้อง โดยนำภาพของพระเจ้าปีเตอร์มหาราชขึ้นไปแขวนแทน ธงแดงที่มีตราฆ้อนเคียว ถูกปลดลงหมด แต่ยังหาธงอื่นแทนไม่ได้ (ผลิตใหม่ยังไม่ทัน เสร็จพร้อมเมื่อ 1 พฤศจิกายน) ปูตินได้สั่งให้ถอนเสาธงออกไปเลย…… ตอนนั้นเป็นยุคที่ต้องมีสื่อทีวีเพื่อการโปรประกันดา อนาโตลี ให้สัมภาษณ์จนแทบไม่มีเวลาหายใจ เขาจึงมอบหมาย ให้ปูตินรับช่วงต่อไปแทน ที่เป็นการสัมภาษณ์แบบสด ไม่มีสคริปต์ ที่เขาทำให้ทุกคนทึ่งในความสามารถ เพราะปูตินสามารถตอบทุกอย่างได้แบบมือโปร ด้วยท่าทางที่มั่นใจ และเต็มไปด้วยพลังของการทำงาน แต่ในสุดท้ายของการสัมภาษณ์ สื่อได้ถามวนเวียนถึงเรื่องการเป็นสายลับของเขา…… ปูตินเริ่มรำคาญ ……”ดูคุณจะหาคำอธิบายให้ได้ใช่ไหม?” สื่อ “ ก็แน่ละซิ เพราะการที่ได้พบกับอดีต KGB ที่ไม่ได้ปกปิดตัวตนนั้น มันง่ายซะที่ไหน..” ปูติน……”คุณไม่มีทางรู้เลยว่า คุณอาจได้พบพวกเขาบ่อยๆแล้วโดยที่คุณไม่รู้ตัว………แต่เขาจะรู้เสมอว่าคุณเป็นใคร…แล้วคุณลองดูในอเมริกา นายจอร์จ บุช ก็คืออดีตซีไอเอ…แล้วไง?” สื่อ……”#%&฿$€€” หลังจากหมัดเด็ดในการสัมภาษณ์นั้นได้ออกทีวีไป อาคันตุกะคนแรกที่เข้ามาพบกับปูตินถึงที่ทำงาน ใน Smolny Institute คือ Igor Sechin ***เป็นเพื่อนรุ่นน้องในมหาวิทยาลัย และเป็นผู้ที่เชี่ยวชาญในภาษาโปรตุเกส, ฝรั่งเศส และ อังกฤษ เคยเป็นล่ามให้กับกองทัพ และ…..เป็นอดีต KGB เช่นกัน…… แทบไม่ต้องเดา……อิกอร์ได้เข้ามาเป็นหนึ่งในทีมทำงานเป็นหูเป็นตาให้กับปูติน จากนั้น……พรรคพวกเดิมๆที่มีความสามารถอย่างอิกอร์ก็ตบเข้าเข้ามาเสริมกำลัง จนในที่สุด ทั้งออฟฟิศของอนาโตลี มีแต่เจ้าหน้าที่ที่เป็นอดีต KGB เป็นส่วนใหญ่ ปูตินพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาส โดยใช้ความสามารถที่มีทั้งหมดตั้งแต่เป็นสายลับ นักกฎหมาย ภาษาเยอรมัน การเมืองและเศรษฐศาสตร์ในการทำงาน เขาเชื่อเสมอว่า รัสเซียสามารถเป็นประเทศที่มีหลักการในการปกครองระบบสังคมนิยมผสมประชาธิปไตยได้ หากประชาชนอยู่ดีกินดี เพื่อนที่ใกล้ชิด ที่รู้นิสัยกันดี เขาเอามาทำงานด้วยหมด และทุกคนต่างได้รับผลตอบแทนเข้าขั้นอภิมหาเศรษฐีด้วยกันแทบทั้งนั้น แต่.……นั่นหมายความว่า รัฐบาลต้องมีหุ้นอยู่ด้วย.……พร้อมเข้าตรวจสอบได้ การพัฒนาในเรื่องอุตสาหกรรมพลังงานจะต้องมาเป็นอันดับแรกที่ต้องพัฒนาให้ล้ำที่สุด ซึ่งเป็นความคิดที่สอดคล้องกับอนาโตลี ที่ตอนนั้นมีบารมีพอๆกันกับเยลซิน…… ปูตินกลายเป็นกลไกสำคัญของเหล่าอาคันตุกะที่มาเยี่ยมเยือน และสร้างสัมพันธไมตรีต่างประเทศ ตั้งแต่ รมต. ต่างประเทศ สหรัฐอเมริกา James Baker,ไปอังกฤษเพื่อพบปะกับ John Major นายกรัฐมนตรี, ไปเยอรมันเพื่อพบกับนายกรัฐมนตรี Helmut Kohl (และทำหน้าที่เป็นล่ำเป็นสัน) หรือเมื่อ Henry Kissinger ได้บินมาที่เซนต์ ปีเตอร์สเบอร์ก ปูตินไปรับที่สนามบิน และนำไปสู่ที่พัก ในการสนทนากัน คิสซิงเจอร์ได้บอกกับปูตินว่า “คนที่ทำงานเก่งๆเนี่ย เริ่มต้นมาจากหน่วยราชการลับกันทั้งนั้น” ปูตินยิ้มนิดๆ ตอบไปว่า “อย่างผมนี่ไง……..!!” **ที่ Florida, USA. มีเมืองที่ชื่อว่า Saint Petersburg เช่นกัน ***จำชื่อนี้ไว้นะคะ Igor Sechin เพราะต่อมาเขาคือกลไกสำคัญในการเป็นแขนขาในการทำงาน เคยเป็นรองนายกรัฐมนตรี เมื่อปูตินเป็นนายกฯ อิกอร์ดูแลควบคุมการอุตสาหกรรมแร่ รวมไปถึงพลังงานและเป็น CEO บริษัท Rosneft ก๊าสและน้ำมัน ที่ใหญ่อันดับสามของรัสเซีย ตัวเขาเองที่เปรียบเสมือนมือขวาของปูตินจนถึงบัดนี้ และตะวันตก……ได้ให้สถานะเขาว่า เป็นผู้มีอำนาจที่สองรองลงไปจากปูติน หรือแม้แต่ Alexey Miller CEO ของ Gazprom บริษัทพลังงานที่ใหญ่ที่สุดในรัสเซียก็เป็นเด็กในคาถาของปูติน เพราะปั้นมากับมือตั้งแต่เขาเริ่มเลือกเส้นทางสายการเมือง Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 272 Views 0 Reviews
  • อเมริกาหลังชนฝาปีหน้าปั่นสงครามนิวเคลียร์
    .
    ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยในชีวิตผม ตั้งแต่อยู่ในวงการข่าวมากว่าห้าสิบปี ที่ได้เห็นผู้อำนวยการข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือ CIA ซึ่งปัจจุบันคือ นายวิลเลียม เบิร์นส และหัวหน้าข่าวกรองต่างประเทศ หรือ MI6 ของอังกฤษ คือ เซอร์ริชาร์ด มัวร์ ไปขึ้นเวทีพร้อมๆ กัน โดยคนที่สัมภาษณ์หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับทั้งสองคน คือ นาง Roula Khalaf บก.บริหารหญิงของ Financial Times ที่ยังมีนายทุนยิวที่มีอิทธิพลครอบงำใน City of London และ Wall Street เหล่านี้และนี่เองคำตอบส่วนหนึ่งว่าทำไม ผอ. ทั้ง CIA และ MI6 ถึงยอมมาขึ้นเวทีของ Financial Times พร้อมกันเป็นครั้งแรก
    .
    องค์กรสืบราชการลับ 2 องค์กรนี้คือตัวสำคัญที่ป่วนโลกทั้งโลกเลย ป่วนหมดทุกอย่างเพื่อหวังผลประโยชน์ในวาระซ่อนเร้น หรือวาระที่ตะวันตกมีอยู่กับโลกทั้งโลกให้เป็นไปตามที่ต้องการ องค์กร 2 องค์กรนี้ ลอบสังหาร ปลุกปั่นชาวบ้าน ยุยงให้มีความวุ่นวายขึ้นมา เพื่อพวกมันจะได้เข้ามาจับปลาตอนน้ำขุ่น
    .
    ท่านผู้ชมครับ ในบทบรรณาธิการ ทั้งวิลเลียม เบิร์นส และ ริชาร์ด มัวร์ เขียนเผยแพร่ร่วมกันในหนังสือพิมพ์ The Financial Times เมื่อวันเดียวกัน วันเสาร์ที่ 7 กันยายน ที่ผ่านมา ทั้งคู่พยายามปั่นกระแสว่าปัจจุบันกำลังเกิดภัยคุกคามโลกอย่างไม่เคยเห็น ตั้งแต่ยุคสงครามเย็น ขณะที่เครื่องบินล่องหน F-35 ก็ฝึกบินลงจอดบนถนนไฮเวย์ในฟินแลนด์ ที่มีพรมแดนติดกับรัสเซีย ส่วนเครื่องรบนาโตของเยอรมนี กำลังฝึกซ้อมขนระเบิดนิวเคลียร์อเมริกา B-61 ในรัฐแคลิฟอร์เนีย
    .
    นิตยสาร NEWSWEEK รายงานเมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายน ก่อนวันกล่าวสุนทรพจน์ (7 ก.ย.) ว่า กองทัพนาโตแถลงยืนยันว่า สหรัฐฯ ได้ส่งระเบิดนิวเคลียร์ B61 จำนวนหนึ่งมาประจำการในยุโรป อันเป็นส่วนหนึ่งของการขยายป้องปรามที่รู้จักกันในนาม "ร่มนิวเคลียร์" หรือ Nuclear Umbrella ทั้งนี้ เป็นที่คาดหมายว่าระเบิดนิวเคลียร์ B61 จะถูกประจำไว้ที่ฐานทัพ 6 แห่งในยุโรป รวมทั้งฐานทัพอากาศบูเชล ทางตะวันตกของเยอรมนี
    .
    ผมเป็นคนที่ติดตามสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ของโลกอย่างใกล้ชิดมาหลายสิบปี ช่วงหลังผมมีโอกาสคุยกับคุณทนง ขันทอง นักการทูต และผู้เชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศหลายคน จนตกผลึกว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เห็นได้ชัด สถานการณ์ที่ผู้อำนวยการข่าวกรอง MI6 และ CIA มาแถลงข่าวร่วมกัน เห็นได้ชัดว่าชาติตะวันตกและอเมริกาในยุโรปอยู่ในสถานการณ์หลังชนฝา มีความสั่นคลอนมาก จึงพยายามดิ้นรนรักษาความเป็นมหาอำนาจของโลกไว้อยู่ในการควบคุมของตัวเอง ก็คือว่า กูเคยคุมโลกอย่างไร กูไม่สนหรอก กูจะคุมโลกต่อไป ทุกคนต้องฟังกู นี่คือทัศนคติของโลกทางตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯอเมริกา
    .
    เป็นไปได้สูงมากว่าจุดแตกหักอาจจะเกิดขึ้นในปีหน้า คือ 2568 เพราะปีหน้าจากสถานการณ์ทั้งทางธุรกิจ เศรษฐกิจ การลงทุน การขาดดุลการค้า และงบประมาณหลายๆ อย่างของโลกตะวันตก น่าจะก้าวเข้าไปสู่ช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินแล้ว ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดของกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 16 ที่เมืองคาซาน ซึ่งมีนายวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เป็นเจ้าภาพในเดือนตุลาคม 2567 ระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคม จะเป็นการส่งสัญญาณที่แรงมาก เพราะมีประเทศที่สนใจเข้าเป็นสมาชิก BRICS เต็มไปหมด รวมๆ แล้ว 50 ประเทศ
    .
    ด้วยเหตุนี้ อเมริกา อังกฤษ และชาติตะวันตกในยุโรปจึงจงใจจุดไฟสงครามเพื่อสกัดกั้นไม่ให้ BRICS ได้แจ้งเกิด มิฉะนั้นแล้ว ศูนย์กลางการเจริญเติบโตของโลกจะย้ายที่มาที่ Global South หรือซีกโลกใต้ ที่ผมเอ่ยชื่อไปเมื่อกี้นี้อย่างแน่นอน
    .
    ด้วยเหตุนี้ผมจึงมองว่าตอนนี้ระหว่างโลกตะวันตกที่นำโดยอเมริกา กับประเทศในกลุ่ม BRICS ซึ่งนำโดยจีน รัสเซีย อินเดียบราซิลและแอฟริกาใต้ นับวันจะยิ่งแข็งแกร่งและขยายตัวใหญ่ขึ้นทุกที ประจวบกับการที่จีนเข้าไปสานสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ในทวีปแอฟริกาอย่างแน่นแฟ้น ด้วยเหตุนี้ ยิ่งนานวันทั้งสองฝ่ายยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง
    .
    เพราะฉะนั้นแล้ว สงครามใหญ่อาจจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ผมก็เชื่อว่าเกิดขึ้นได้ยาก แต่มีโอกาสเกิดขึ้นแน่ และผมขอฟันธงไว้ล่วงหน้า ถ้าเกิดขึ้นจริง โลกตะวันตก อียู และอเมริกา จะแพ้ครับ นี่ผมทำนายไว้ล่วงหน้าเลยนะท่านผู้ชม จดเอาไว้ ผมทำนายวันนี้
    ที่มา : คุยทุกเรื่องกับสนธิ https://www.facebook.com/share/p/CrumLsJDbu5LEXj5/?mibextid=CTbP7E
    #Thaitimes
    อเมริกาหลังชนฝาปีหน้าปั่นสงครามนิวเคลียร์ . ครั้งนี้เป็นครั้งแรกเลยในชีวิตผม ตั้งแต่อยู่ในวงการข่าวมากว่าห้าสิบปี ที่ได้เห็นผู้อำนวยการข่าวกรองกลางสหรัฐฯ หรือ CIA ซึ่งปัจจุบันคือ นายวิลเลียม เบิร์นส และหัวหน้าข่าวกรองต่างประเทศ หรือ MI6 ของอังกฤษ คือ เซอร์ริชาร์ด มัวร์ ไปขึ้นเวทีพร้อมๆ กัน โดยคนที่สัมภาษณ์หัวหน้าหน่วยสืบราชการลับทั้งสองคน คือ นาง Roula Khalaf บก.บริหารหญิงของ Financial Times ที่ยังมีนายทุนยิวที่มีอิทธิพลครอบงำใน City of London และ Wall Street เหล่านี้และนี่เองคำตอบส่วนหนึ่งว่าทำไม ผอ. ทั้ง CIA และ MI6 ถึงยอมมาขึ้นเวทีของ Financial Times พร้อมกันเป็นครั้งแรก . องค์กรสืบราชการลับ 2 องค์กรนี้คือตัวสำคัญที่ป่วนโลกทั้งโลกเลย ป่วนหมดทุกอย่างเพื่อหวังผลประโยชน์ในวาระซ่อนเร้น หรือวาระที่ตะวันตกมีอยู่กับโลกทั้งโลกให้เป็นไปตามที่ต้องการ องค์กร 2 องค์กรนี้ ลอบสังหาร ปลุกปั่นชาวบ้าน ยุยงให้มีความวุ่นวายขึ้นมา เพื่อพวกมันจะได้เข้ามาจับปลาตอนน้ำขุ่น . ท่านผู้ชมครับ ในบทบรรณาธิการ ทั้งวิลเลียม เบิร์นส และ ริชาร์ด มัวร์ เขียนเผยแพร่ร่วมกันในหนังสือพิมพ์ The Financial Times เมื่อวันเดียวกัน วันเสาร์ที่ 7 กันยายน ที่ผ่านมา ทั้งคู่พยายามปั่นกระแสว่าปัจจุบันกำลังเกิดภัยคุกคามโลกอย่างไม่เคยเห็น ตั้งแต่ยุคสงครามเย็น ขณะที่เครื่องบินล่องหน F-35 ก็ฝึกบินลงจอดบนถนนไฮเวย์ในฟินแลนด์ ที่มีพรมแดนติดกับรัสเซีย ส่วนเครื่องรบนาโตของเยอรมนี กำลังฝึกซ้อมขนระเบิดนิวเคลียร์อเมริกา B-61 ในรัฐแคลิฟอร์เนีย . นิตยสาร NEWSWEEK รายงานเมื่อวันศุกร์ที่ 6 กันยายน ก่อนวันกล่าวสุนทรพจน์ (7 ก.ย.) ว่า กองทัพนาโตแถลงยืนยันว่า สหรัฐฯ ได้ส่งระเบิดนิวเคลียร์ B61 จำนวนหนึ่งมาประจำการในยุโรป อันเป็นส่วนหนึ่งของการขยายป้องปรามที่รู้จักกันในนาม "ร่มนิวเคลียร์" หรือ Nuclear Umbrella ทั้งนี้ เป็นที่คาดหมายว่าระเบิดนิวเคลียร์ B61 จะถูกประจำไว้ที่ฐานทัพ 6 แห่งในยุโรป รวมทั้งฐานทัพอากาศบูเชล ทางตะวันตกของเยอรมนี . ผมเป็นคนที่ติดตามสถานการณ์ภูมิรัฐศาสตร์ของโลกอย่างใกล้ชิดมาหลายสิบปี ช่วงหลังผมมีโอกาสคุยกับคุณทนง ขันทอง นักการทูต และผู้เชี่ยวชาญด้านการต่างประเทศหลายคน จนตกผลึกว่า สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนี้เห็นได้ชัด สถานการณ์ที่ผู้อำนวยการข่าวกรอง MI6 และ CIA มาแถลงข่าวร่วมกัน เห็นได้ชัดว่าชาติตะวันตกและอเมริกาในยุโรปอยู่ในสถานการณ์หลังชนฝา มีความสั่นคลอนมาก จึงพยายามดิ้นรนรักษาความเป็นมหาอำนาจของโลกไว้อยู่ในการควบคุมของตัวเอง ก็คือว่า กูเคยคุมโลกอย่างไร กูไม่สนหรอก กูจะคุมโลกต่อไป ทุกคนต้องฟังกู นี่คือทัศนคติของโลกทางตะวันตกที่นำโดยสหรัฐฯอเมริกา . เป็นไปได้สูงมากว่าจุดแตกหักอาจจะเกิดขึ้นในปีหน้า คือ 2568 เพราะปีหน้าจากสถานการณ์ทั้งทางธุรกิจ เศรษฐกิจ การลงทุน การขาดดุลการค้า และงบประมาณหลายๆ อย่างของโลกตะวันตก น่าจะก้าวเข้าไปสู่ช่วงวิกฤตการณ์ทางการเงินแล้ว ทั้งนี้ การประชุมสุดยอดของกลุ่ม BRICS ครั้งที่ 16 ที่เมืองคาซาน ซึ่งมีนายวลาดิมีร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย เป็นเจ้าภาพในเดือนตุลาคม 2567 ระหว่างวันที่ 22-24 ตุลาคม จะเป็นการส่งสัญญาณที่แรงมาก เพราะมีประเทศที่สนใจเข้าเป็นสมาชิก BRICS เต็มไปหมด รวมๆ แล้ว 50 ประเทศ . ด้วยเหตุนี้ อเมริกา อังกฤษ และชาติตะวันตกในยุโรปจึงจงใจจุดไฟสงครามเพื่อสกัดกั้นไม่ให้ BRICS ได้แจ้งเกิด มิฉะนั้นแล้ว ศูนย์กลางการเจริญเติบโตของโลกจะย้ายที่มาที่ Global South หรือซีกโลกใต้ ที่ผมเอ่ยชื่อไปเมื่อกี้นี้อย่างแน่นอน . ด้วยเหตุนี้ผมจึงมองว่าตอนนี้ระหว่างโลกตะวันตกที่นำโดยอเมริกา กับประเทศในกลุ่ม BRICS ซึ่งนำโดยจีน รัสเซีย อินเดียบราซิลและแอฟริกาใต้ นับวันจะยิ่งแข็งแกร่งและขยายตัวใหญ่ขึ้นทุกที ประจวบกับการที่จีนเข้าไปสานสัมพันธ์กับประเทศต่างๆ ในทวีปแอฟริกาอย่างแน่นแฟ้น ด้วยเหตุนี้ ยิ่งนานวันทั้งสองฝ่ายยิ่งคุยกันไม่รู้เรื่อง . เพราะฉะนั้นแล้ว สงครามใหญ่อาจจะเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงได้ยาก แต่ผมก็เชื่อว่าเกิดขึ้นได้ยาก แต่มีโอกาสเกิดขึ้นแน่ และผมขอฟันธงไว้ล่วงหน้า ถ้าเกิดขึ้นจริง โลกตะวันตก อียู และอเมริกา จะแพ้ครับ นี่ผมทำนายไว้ล่วงหน้าเลยนะท่านผู้ชม จดเอาไว้ ผมทำนายวันนี้ ที่มา : คุยทุกเรื่องกับสนธิ https://www.facebook.com/share/p/CrumLsJDbu5LEXj5/?mibextid=CTbP7E #Thaitimes
    Like
    Love
    Angry
    10
    0 Comments 0 Shares 981 Views 0 Reviews
  • #ยอมรับแล้วหนึ่งพร้อมเปิดใจเฉลย
    #MPVตัวจริงมาเอง
    #ชอบความเป็นแฟนเพจของคิงส์โพธิ์แดง
    เทพเล่าหมด
    พบคำถามว่า เขาทำยังไง พูดยังไงให้คนเปย์จนหมดตัว
    มาอ่านคำตอบไปด้วยกันครับ
    "คุณเคยหลง..ไหมครับ? หลง หลง หลงๆๆๆอ่ะ ผมเป็น 1 ในจำนวนล้านที่หลงไปกับพล็อท..เรื่องที่นางปล่อยมาเป็นระยะ.
    เช่น 1.Liveทั้งวันเพื่อหาเงินเรียน ป.โท-บ้านไม่มีตังค์-แม่ป่วย-พ่อจะผ่าตัดฟันไม่มีตังค์
    2.นางนั่งกินอาหารคนจนเช่น ซีเรี่ยลผสมนม-กินบะหมี่-กินอะไรๆที่ไม่แพงอ่ะ getไหม?ที่จะให้ใจและหลงเดินตาม>>
    3.สายตาที่คุยกับพ่อพระเอกของเราทุกLIVE..
    3.1 เอาปากกาเขียนรูปหัวใจที่นิ้วให้พ่อพระเอกดู>>>บอกรักพระเอกในบางซีน>>>ฯลฯหลังจากนี้ ท่านผู้ชมว่า มันจะหลงมากยิ่งขึ้นไหม? จนบัดNOW I FOUND LIGHT>>>ENDครับ"
    ก็ตามนั้น ขอบคุณสำหรับการเปิดใจ
    ว่าแต่ใคร เคยเป็นเทพ DC มาก่อน ยอมรับมาซะดีๆ
    ฮ่าๆๆๆ
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    #ยอมรับแล้วหนึ่งพร้อมเปิดใจเฉลย #MPVตัวจริงมาเอง #ชอบความเป็นแฟนเพจของคิงส์โพธิ์แดง เทพเล่าหมด พบคำถามว่า เขาทำยังไง พูดยังไงให้คนเปย์จนหมดตัว มาอ่านคำตอบไปด้วยกันครับ "คุณเคยหลง..ไหมครับ? หลง หลง หลงๆๆๆอ่ะ ผมเป็น 1 ในจำนวนล้านที่หลงไปกับพล็อท..เรื่องที่นางปล่อยมาเป็นระยะ. เช่น 1.Liveทั้งวันเพื่อหาเงินเรียน ป.โท-บ้านไม่มีตังค์-แม่ป่วย-พ่อจะผ่าตัดฟันไม่มีตังค์ 2.นางนั่งกินอาหารคนจนเช่น ซีเรี่ยลผสมนม-กินบะหมี่-กินอะไรๆที่ไม่แพงอ่ะ getไหม?ที่จะให้ใจและหลงเดินตาม>> 3.สายตาที่คุยกับพ่อพระเอกของเราทุกLIVE.. 3.1 เอาปากกาเขียนรูปหัวใจที่นิ้วให้พ่อพระเอกดู>>>บอกรักพระเอกในบางซีน>>>ฯลฯหลังจากนี้ ท่านผู้ชมว่า มันจะหลงมากยิ่งขึ้นไหม? จนบัดNOW I FOUND LIGHT>>>ENDครับ" ก็ตามนั้น ขอบคุณสำหรับการเปิดใจ ว่าแต่ใคร เคยเป็นเทพ DC มาก่อน ยอมรับมาซะดีๆ ฮ่าๆๆๆ #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 429 Views 0 Reviews
  • #เปิดตัวละครปลิงทีม
    -ต้องยอมรับว่าความเป็นซุปเปอร์สตาร์ของชาลีด้วยความเฟรนลี่ ความใจดี จึงเปิดให้คนเข้าหาได้ง่าย
    นอกเหนือจากอิเหวิงกามิจจะอาศัยความใจดีและความรักที่ตรงไปตรงมาที่แน๊กมีให้อิเหวิง เพราะแสดงดีเยี่ยม จนพลาดให้อิเหวิงมาสร้างเครือข่ายหาผลประโยชน์กับคนไทยจนบานปลายมาถึงตอนนี้
    -ถ้าคุยกันตรงๆ ไม่ว่าอิเหวิงหรือเอเจนซี่กิมจิจะพยายามสร้างสตอรี่หรือแพลนงานวางเกมส์ไว้อย่างไรแค่ไหน ถ้าไม่มีพวกปลิงทีมนี้ที่เป็นคนไทยด้วยกันแท้ๆ แต่ได้ผลประโยชน์จากการเป็นปลิงมานานถึงแปดเดือนที่มีอินคัมเข้ารัววๆ ดาวน์นั่นดาวนี่ไปเยอะแยะผ่อนมาได้แปดเดือน ที่เหลือความบังลัยจึงบังเกิดสิ
    -ถ้าชาลีเลิกกับเหวิงจริง ทุกอย่างคือจบ แต่ทีมปลิง จบไม่ได้ เพราะจมไม่ลง เลยทำทุกวิถีทาง แม้ว่าจะเป็นการย้อนกลับมาให้ร้ายน้องชาลีก็ทำ ไอ่ฉัด
    มาว่าที่ตัวละครกันหน่อยว่าทีมปลิงที่สุมหัวเล่นงานแน๊กอยู่ทุกวัน
    "ตัวละครตัวแรก" เชื่อว่าแฟนเพจคิงส์โพธิ์แดง-สำรอง คงรู้จักกันดี
    - ป้าโจตกขาว ก่อนเกาะชาลี เคยเป็นคนไข้เปื่อยจิตที่คิดว่าตัวเองหายแล้ว ชอบเสwดราม่า (ไม่ได้ปั่นนะ เค้ายอมรับเค้าเอง เคยทำคลิปไปแล้ว)
    หลังจากอาศัยแสงชาลี
    1. ทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเปื่อย บรรยายดุจเป็นห-มอ- ก็ดึงคนที่เป็นด้อมมาปรับทัศนคติให้เป็นทุย ฟังกันเยอะแต่ละที ก็ตลกดี พวกทุย นั่งฟังได้สามสี่ชม. ทั้งๆที่มันเป็นค-น-ไ-ข้ไม่ใช่ห-ม-อ คนปกติฟังค-น-ไ-ข้ กลายเป็นค-น-ไข้ไปด้วยเฉยเลย
    2. ไม่ได้เป็นห-ม-อ เป็นห-ม-อ-ดูก็ได้ฟร๊ะ คนจิตอ่อนเชื่อเยอะหน่อย เปิดเป็นโรงเรียนรับสอนไปเลย หัวละเป็นหมื่น พอได้ด้อมชาลี โอ๊ย ฟูเฟื่อง คิดดูหัวละหมื่น แค่ร้อยคนก็ล้านแล้ว ขนาดตอนนี้มีทุยตื่นรู้กลับมาเป็นคนเยอะแล้วนะ แต่ใน ตต. ก็ยังมีทุยหลับหูหลับตาเชียร์ แล้วทุยพวกนี้ เปย์ให้อิเหวิง ยูนิรัวๆได้ อินี่ได้อานิสงฆ์เต็มๆ
    3. ส่วนแบ่งจากการเป็นผู้ดูแลกลุ่ม ใน DC ที่เป็นกลุ่มรวมฝูงทุยสายเปย์จิตอ่อนเหลือสมาชิกจากห้าพันเหลือพันนิดๆ และทุกคนในนี้ พร้อมซัพพอต อินี่ก็เหมือนกับเป็นผู้นำจิตวิญญาณของลัตติ๊กิมจิ๊ไปแล้ว
    "ตัวละครที่สอง"
    พอดีมีคนทักไปว่าพี่คิงส์จะเปิดตัว มันบอกให้พูดชื่อไปเลย อยากดังกำลังหิวแสง เอ้า ได้เลย นั่นคือ ไอ่ท็อป ก่อนเกาะชาลีเป็นปลิง อินคัมน้อยมาก พอแสดงเปิดไ-พ่ เดาๆ วาดฝันให้ทุยว่าคู่แท้แต่ปางก่อนร่วมกับอิป้าโจตกขาว ลูกค้านี่เยอะฉัดๆ ใช้จ่ายมือเติบชินอะดิ เจ็ดแปดเดือน พอแน๊กเลิก สะเทือนการดำรงชีพดิเมิง ถึงว่า ฝากบอกคิงส์ "ขอบคุณที่ช่วยให้ดัง"
    ไอ่นี่พอได้แท็กทีมกับอิป้าตกขาว คอเดียวกัน ได้หาแดรกทุยไทยกับความเชื่อเหมือนกัน ไม่ต้องลงทุนเชี๊ยอะไรเลย สนิทกันมาก
    ผลประโยชน์ที่ได้จากน้องชาลี
    -เกาะกระแสด้วยการอวย และทำ--น-า-ยไ-พ่ ว่า กามินนี่ คู่แท้กับชาลี เกิดมาคู่กัน ฟันธง!!!! ดังนั้น การที่เกิดกรณีที่ชาลีเชิญอิเหวิงกลับพร้อมแยกทาง แปลว่า ไม่แม่นหว่ะ 555555
    "ตัวละครตัวที่สาม"
    คือ อิไผ่ รีแอคหลังชาลีแยกกับอิเหวิงคือทำตัวเป็นวงในสุด เรียกตัวเองว่าแม่ไผ่ ทำให้ทุยหลายตัว เข้าใจว่าเป็นแม่ชาลี ทำไปได้นะ ที่ออกมาแก้ตัวแทนอิเหวิงทำคนไทยงงกันไปพักนึงถ้าจำกันได้
    ผลประโยชน์ที่ได้จากน้องชาลี
    1. ตอนมาแรกๆ ก็โอเคนะ เรียกว่า ผลประโยชน์ต่างตอบแทน มาจ้างชาลีกับอิเหวิงดันของ บ้างก็ว่าขนม บ้างก็ว่าคาราเจน แฮร่
    2. จากแม้ค้าออนไลน์ที่ไม่มีแสง การได้แสงได้ความสำคัญได้ความสนใจจากด้อม ทำให้อิไผ่นี่ มีชีวิตชีวา มีนักข่าวเอาไปลงฉ่ำๆ ประมาณว่าฉันวงใน
    เอาหละ คราวนี้ สามตัวละครมีความเชื่อมโยงกันยังไง
    ถึงสุมหัวให้ร้ายน้องแน๊กได้ทุกวัน ต้องทำให้น้องเสียชื่อให้ได้
    มาเริ่มกันเลย
    อิไผ่ ให้น้องแน๊กโปรของ แต่ผลิตไม่ได้ตามกำหนด และอิไผ่ก็เป็น MVP ในห้อง DC ที่อิโจไปกล่อมจนในห้องมองอิเหวิงเป็นเทพี มองชาลีเป็นป่วยจิตนั่นแหละ และเป็นสายเปย์ยูนิให้อิเหวิงสมัยยังจับโป๊ะไม่ได้ อิไผ่นี่ตัวแม่สายเปย์อิเหวิงเลย ของเพิ่งผลิตเสร็จ สต็อกล้นทำไงอะ
    -หมดระยะสัญญากับชาลีแล้วด้วย เอาล่ะ เพื่อผลรักษาผลประโยชน์ เลือกไปเกาะอิเหวิง หวังว่าอิเหวิงจะโปรให้ เพราะเคยเปย์ยูนิไปเยอะมาก ก็เลยต้องไปรวมสุมหัวกับอิโจตกขาว
    -ไอ่ท็อป นอกจากเสียหมากับการฟันธง เรื่องคู่แท้ที่แจ้งไปข้างต้น อิไผ่ก็เคยให้ไอ่ท็อปฟันธงว่า คาราเจนที่จะทำเนี่ย ปังมั๊ย แล้วไอ่ท็อปก็ ปัง ฟันธง! 5555 เรียบร้อย
    ดังนั้น นี่คือปฐมบทของการรวมตัวที่สุมหัวกับอิโจตกขาว เพื่อทำให้แน๊กหมดความน่าเชื่อถือ
    เอาจริงๆนะ อิป้า พี่คิงส์จะเตือนสตินะ
    ที่เมิงส่งสมุนมาข่ม ขู่ว่าจะฟ้องกรรรูอะ
    ไอ่ที่พวกเมิงทำที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้
    ใส่ความน้องแน๊กว่าเปื่อยจิต
    ต่างกรรม ต่างวาระ แต่ละตัวให้อีก 100 ปี
    เมิงจะได้ออกจากซังเตมั๊ย
    ไม่รู้เงาหัวตัวเองเลย หลักฐานชัดเจน
    เชิงประจักษ์เลยหละเมิง พยานก็มี หลักฐานก็มี
    ถ้าเมิงไม่หยุด ไม่เลิกกันนะ ระวัง
    ชาลีหมดความอดทน เงาหัวสุมหัวปลิงทีมจะไม่เหลือซักตัว
    ไอ่ฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    #เปิดตัวละครปลิงทีม -ต้องยอมรับว่าความเป็นซุปเปอร์สตาร์ของชาลีด้วยความเฟรนลี่ ความใจดี จึงเปิดให้คนเข้าหาได้ง่าย นอกเหนือจากอิเหวิงกามิจจะอาศัยความใจดีและความรักที่ตรงไปตรงมาที่แน๊กมีให้อิเหวิง เพราะแสดงดีเยี่ยม จนพลาดให้อิเหวิงมาสร้างเครือข่ายหาผลประโยชน์กับคนไทยจนบานปลายมาถึงตอนนี้ -ถ้าคุยกันตรงๆ ไม่ว่าอิเหวิงหรือเอเจนซี่กิมจิจะพยายามสร้างสตอรี่หรือแพลนงานวางเกมส์ไว้อย่างไรแค่ไหน ถ้าไม่มีพวกปลิงทีมนี้ที่เป็นคนไทยด้วยกันแท้ๆ แต่ได้ผลประโยชน์จากการเป็นปลิงมานานถึงแปดเดือนที่มีอินคัมเข้ารัววๆ ดาวน์นั่นดาวนี่ไปเยอะแยะผ่อนมาได้แปดเดือน ที่เหลือความบังลัยจึงบังเกิดสิ -ถ้าชาลีเลิกกับเหวิงจริง ทุกอย่างคือจบ แต่ทีมปลิง จบไม่ได้ เพราะจมไม่ลง เลยทำทุกวิถีทาง แม้ว่าจะเป็นการย้อนกลับมาให้ร้ายน้องชาลีก็ทำ ไอ่ฉัด มาว่าที่ตัวละครกันหน่อยว่าทีมปลิงที่สุมหัวเล่นงานแน๊กอยู่ทุกวัน "ตัวละครตัวแรก" เชื่อว่าแฟนเพจคิงส์โพธิ์แดง-สำรอง คงรู้จักกันดี - ป้าโจตกขาว ก่อนเกาะชาลี เคยเป็นคนไข้เปื่อยจิตที่คิดว่าตัวเองหายแล้ว ชอบเสwดราม่า (ไม่ได้ปั่นนะ เค้ายอมรับเค้าเอง เคยทำคลิปไปแล้ว) หลังจากอาศัยแสงชาลี 1. ทำตัวเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตเปื่อย บรรยายดุจเป็นห-มอ- ก็ดึงคนที่เป็นด้อมมาปรับทัศนคติให้เป็นทุย ฟังกันเยอะแต่ละที ก็ตลกดี พวกทุย นั่งฟังได้สามสี่ชม. ทั้งๆที่มันเป็นค-น-ไ-ข้ไม่ใช่ห-ม-อ คนปกติฟังค-น-ไ-ข้ กลายเป็นค-น-ไข้ไปด้วยเฉยเลย 2. ไม่ได้เป็นห-ม-อ เป็นห-ม-อ-ดูก็ได้ฟร๊ะ คนจิตอ่อนเชื่อเยอะหน่อย เปิดเป็นโรงเรียนรับสอนไปเลย หัวละเป็นหมื่น พอได้ด้อมชาลี โอ๊ย ฟูเฟื่อง คิดดูหัวละหมื่น แค่ร้อยคนก็ล้านแล้ว ขนาดตอนนี้มีทุยตื่นรู้กลับมาเป็นคนเยอะแล้วนะ แต่ใน ตต. ก็ยังมีทุยหลับหูหลับตาเชียร์ แล้วทุยพวกนี้ เปย์ให้อิเหวิง ยูนิรัวๆได้ อินี่ได้อานิสงฆ์เต็มๆ 3. ส่วนแบ่งจากการเป็นผู้ดูแลกลุ่ม ใน DC ที่เป็นกลุ่มรวมฝูงทุยสายเปย์จิตอ่อนเหลือสมาชิกจากห้าพันเหลือพันนิดๆ และทุกคนในนี้ พร้อมซัพพอต อินี่ก็เหมือนกับเป็นผู้นำจิตวิญญาณของลัตติ๊กิมจิ๊ไปแล้ว "ตัวละครที่สอง" พอดีมีคนทักไปว่าพี่คิงส์จะเปิดตัว มันบอกให้พูดชื่อไปเลย อยากดังกำลังหิวแสง เอ้า ได้เลย นั่นคือ ไอ่ท็อป ก่อนเกาะชาลีเป็นปลิง อินคัมน้อยมาก พอแสดงเปิดไ-พ่ เดาๆ วาดฝันให้ทุยว่าคู่แท้แต่ปางก่อนร่วมกับอิป้าโจตกขาว ลูกค้านี่เยอะฉัดๆ ใช้จ่ายมือเติบชินอะดิ เจ็ดแปดเดือน พอแน๊กเลิก สะเทือนการดำรงชีพดิเมิง ถึงว่า ฝากบอกคิงส์ "ขอบคุณที่ช่วยให้ดัง" ไอ่นี่พอได้แท็กทีมกับอิป้าตกขาว คอเดียวกัน ได้หาแดรกทุยไทยกับความเชื่อเหมือนกัน ไม่ต้องลงทุนเชี๊ยอะไรเลย สนิทกันมาก ผลประโยชน์ที่ได้จากน้องชาลี -เกาะกระแสด้วยการอวย และทำ--น-า-ยไ-พ่ ว่า กามินนี่ คู่แท้กับชาลี เกิดมาคู่กัน ฟันธง!!!! ดังนั้น การที่เกิดกรณีที่ชาลีเชิญอิเหวิงกลับพร้อมแยกทาง แปลว่า ไม่แม่นหว่ะ 555555 "ตัวละครตัวที่สาม" คือ อิไผ่ รีแอคหลังชาลีแยกกับอิเหวิงคือทำตัวเป็นวงในสุด เรียกตัวเองว่าแม่ไผ่ ทำให้ทุยหลายตัว เข้าใจว่าเป็นแม่ชาลี ทำไปได้นะ ที่ออกมาแก้ตัวแทนอิเหวิงทำคนไทยงงกันไปพักนึงถ้าจำกันได้ ผลประโยชน์ที่ได้จากน้องชาลี 1. ตอนมาแรกๆ ก็โอเคนะ เรียกว่า ผลประโยชน์ต่างตอบแทน มาจ้างชาลีกับอิเหวิงดันของ บ้างก็ว่าขนม บ้างก็ว่าคาราเจน แฮร่ 2. จากแม้ค้าออนไลน์ที่ไม่มีแสง การได้แสงได้ความสำคัญได้ความสนใจจากด้อม ทำให้อิไผ่นี่ มีชีวิตชีวา มีนักข่าวเอาไปลงฉ่ำๆ ประมาณว่าฉันวงใน เอาหละ คราวนี้ สามตัวละครมีความเชื่อมโยงกันยังไง ถึงสุมหัวให้ร้ายน้องแน๊กได้ทุกวัน ต้องทำให้น้องเสียชื่อให้ได้ มาเริ่มกันเลย อิไผ่ ให้น้องแน๊กโปรของ แต่ผลิตไม่ได้ตามกำหนด และอิไผ่ก็เป็น MVP ในห้อง DC ที่อิโจไปกล่อมจนในห้องมองอิเหวิงเป็นเทพี มองชาลีเป็นป่วยจิตนั่นแหละ และเป็นสายเปย์ยูนิให้อิเหวิงสมัยยังจับโป๊ะไม่ได้ อิไผ่นี่ตัวแม่สายเปย์อิเหวิงเลย ของเพิ่งผลิตเสร็จ สต็อกล้นทำไงอะ -หมดระยะสัญญากับชาลีแล้วด้วย เอาล่ะ เพื่อผลรักษาผลประโยชน์ เลือกไปเกาะอิเหวิง หวังว่าอิเหวิงจะโปรให้ เพราะเคยเปย์ยูนิไปเยอะมาก ก็เลยต้องไปรวมสุมหัวกับอิโจตกขาว -ไอ่ท็อป นอกจากเสียหมากับการฟันธง เรื่องคู่แท้ที่แจ้งไปข้างต้น อิไผ่ก็เคยให้ไอ่ท็อปฟันธงว่า คาราเจนที่จะทำเนี่ย ปังมั๊ย แล้วไอ่ท็อปก็ ปัง ฟันธง! 5555 เรียบร้อย ดังนั้น นี่คือปฐมบทของการรวมตัวที่สุมหัวกับอิโจตกขาว เพื่อทำให้แน๊กหมดความน่าเชื่อถือ เอาจริงๆนะ อิป้า พี่คิงส์จะเตือนสตินะ ที่เมิงส่งสมุนมาข่ม ขู่ว่าจะฟ้องกรรรูอะ ไอ่ที่พวกเมิงทำที่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ ใส่ความน้องแน๊กว่าเปื่อยจิต ต่างกรรม ต่างวาระ แต่ละตัวให้อีก 100 ปี เมิงจะได้ออกจากซังเตมั๊ย ไม่รู้เงาหัวตัวเองเลย หลักฐานชัดเจน เชิงประจักษ์เลยหละเมิง พยานก็มี หลักฐานก็มี ถ้าเมิงไม่หยุด ไม่เลิกกันนะ ระวัง ชาลีหมดความอดทน เงาหัวสุมหัวปลิงทีมจะไม่เหลือซักตัว ไอ่ฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 650 Views 0 Reviews
  • #พร้อมไปกันต่อหรือยังแฟนเพจคิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    #สตอรี่ที่เอเจนซี่สร้างขึ้นเพื่ออิเหวิงดูน่าฉงฉานฉัดๆ
    มาตาสว่างและสว่างคาตาไปด้วยกัน ลุ๊ย!!
    นี่คือปฐมบทที่ทำให้คนไทยรู้จักอิเหวิงในแบบที่ยังมีทุยกลุ่มหนึ่งยังคงเวิ่นเว๊อ
    โดยมีล่ามแพร เป็นผู้แปลความหมายเป็นการไลฟ์สดในช่อง ตต.
    โดยล่างแพรได้แปลมาแบบนี้ อ่านยาวหน่อยเบื่ออิป้าโจตกขาวหาว่าตัดต่อบ้างแหละไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์บ้างแหละ
    มาเริ่มกัน
    “เขาอยากจะเล่าให้ทุกคนฟังว่าเขาเกิดมาข้างๆทางหมายถึงว่าเป็นคนที่เกิดข้างถนน
    จังหวัดนัมวอนอยู่ที่ภาคชอลลันัมโดเป็นภาคใต้ของประเทศเกาหลีนะคะ
    เขาบอกว่าเขาไม่ได้เกิดที่โรงพยาบาลเพราะว่าวันนึงอ่ะตอนนั้น
    แม่เขาท้องแก่มากๆแล้วแม่พ่อกับแม่เขาก็ออกไปเดินเล่นกันข้างถนน
    เพราะว่าคุณแม่เขาเจ็บท้องมากๆนะคะ แล้วพอเดินเล่นอยู่ดีๆ
    แล้วคุณแม่เขาก็เลยเหมือนกับว่าคลอดคุณกามินออกมาแบบข้างถนนเลย
    จนกระทั่งอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากๆคุณแม่ของคุณกามิน
    ก็อันตรายคุณกามินเด็กที่ออกมาจากท้องก็อันตรายแล้ว
    ตอนที่คุณกามินคลอดออกมาข้างถนนคุณพ่อก็เหมือน
    เอามือมารองรับเด็กทารกไว้อยู่ในมือโดยที่ยังไม่สามารถตัดรกได้
    เพราะว่ามันเป็นจังหวัดที่แบบว่าเขาใช้คําว่าค่อนข้างที่จะอยู่บ้านนอกรับเบบี๋เด็กทารกอยู่ในมือ
    โดยที่ยังไม่สามารถตัดรกได้เพราะว่ามันเป็นจังหวัดที่แบบว่า
    ค่อนข้างเขาใช้คําว่าค่อนข้างที่จะแบบอยู่บ้านนอกนิดนึงอะไรอย่างนี้ค่ะ
    แท็กซี่จับไม่ได้เลยคุณกามินเด็กทารกที่เกิดออกมา
    ก็คืออยู่ในมือคุณพ่อเกือบ1 ชั่วโมงกว่าจะเรียกแท็กซี่ไโรงพยาบาลได้นะคะ
    นะคะบอกในสถานการณ์ที่อันตรายมากแต่สุดท้ายความล็อคที่ความโชคดีก็
    ทําให้เขาเกิดออกมาเป็นคนที่ปลอดภัยมาได้นะคะอ่ะ”
    #ไอ่ฉัดนี่มันพอตซีรี่เกาหลีดั้งเดิมชัดๆ มา! ไปกันต่อ
    “เค้าก็เลยบอกว่าเค้ามีความฝันที่อยากจะมีชีวิตที่กรุงโซล
    เป็นสาวบ้านนอกแต่มาใช้ชีวิตที่กรุงโซลเหมือนคนอื่นๆ
    จนกระทั่งเค้ามาเจอคุณชาลี คุณชาลีเคยบอกเค้าว่าเพลงที่คุณชาลีชอบมากที่สุดก็คือเพลงลักกี้
    อ่อหัวข้อเพลงชื่อว่าลักกี้อ่ะค่ะ แพรไม่แน่ใจว่าเพลงอะไร เค้าก็เลยรู้สึกว่ามันมีอะไรที่เหมือนกับมันสื่อกัน มันเชื่อมกัน เพราะว่าเค้าชอบคำว่าลักกี้ ชอบคำว่าโชคดี ชอบคำศัพท์นี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว
    เค้าบอกว่าบ้านเค้าเลี้ยงหมา2ตัวตัวแรกชื่อว่า เฮ็งบ๊กแปลว่าความสุข ตัวที่สองชื่อว่า เฮ็งงุน แปลว่าความโชคดี
    นางบอกว่านางอยากเรียนภาษาไทยด้วยตัวเอง ไม่อยากให้ใครมาสอน ถึงแม้จะใช้เวลานาน แต่ก็อยากจะใช้เวลาในการฝึกฝน”
    กามิน ได้ไลฟ์สด และกล่าวความในใจทั้งน้ำตา หลังจากได้ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของติ๊กต๊อกเกอร์ชาวเกาหลีว่า "ชาลีเหมือนของขวัญจากคุณย่า พ่อแม่ของกามินป่วย แต่ตอนนี้สบายดีแล้ว ขอบคุณมากๆที่ทำให้เป็นลูกกตัญญู ในช่วงเวลาที่พ่อแม่ยังมีชิวิตอยู่" ชาลีทำให้กามินได้รับความรักมากมาย และหาเงินได้จากการไลฟ์สดในติ๊กต๊อก จนสามารถไปรักษาพ่อแม่ที่ป่วยได้
    นี่คือสตอรี่ที่ต้มคนไทยได้ทั้งประเทศ
    แต่หลังจากชาลีเชิญกลับกิมจิ๊
    อิเหวิงกลับพูดมีใจความสำคัญดังนี้
    - ดังด้วยตัวเอง
    - ทุกคนอย่าอิจฉา อยากเป็นเหมือนฉันก็ไปทำช่องเอง
    -แบบฉันที่ดังเองโดยไม่ต้องมีใครมาซัพพอต
    ซึ่งในไลฟ์นี้ไม่มีชื่อชาลีปรากฏเลย ล่างเตียแปลไปคนละโยช
    สังเกตได้ ไม่มีเกาหลีที่ฟังเกาหลีออก ออกมาป้องซักคน
    มีแต่พวกทุยไทยที่ไม่รู้ภาษเกาหลี เชื่อเตียและปลื้มปลิ่ม
    ล่ามเตียนี่นะ แน็กเป็นคนหามาด้วยแท้ๆ แต่สุดท้ายไปเข้าฝั่งอิป้าโจตกขาวซะงั้น
    คำแปลก็จะแปลกประหลาด จนคนเกาหลีที่มีภรรยาคนไทย
    ต้องออกมาบอกว่า “เช็ด ไม่ใช่นะไอ่ที่ล่ามคนนั้นแปล”
    และในไลฟ์ครั้งนี้ อิเหวิงยังบอกอีกว่า
    “อันนี้คนเกาหลีแท้แปลนะ”
    “ฉันไปประเทศไทยเพราะฉันรักชาลี เพราะฉันอยู่เกาหลี ฉันมีงาน มีรายได้ที่ดีอยู่แล้ว” ซึ่งมีคนเคยถามว่าเท่าไหร่ อิเหวิงบอกประมาณ แปดหมื่น
    คำถามคือ งานอะไร ก็มีแต่ไลฟ์ตต.ทั้งวันทั้งคืน และรอคนส่งติ๊กเกอร์ให้
    ก็เลยมาโป๊ะ ที่ชาลีก็รู้ว่า อินี่บอกว่า ตัวเองมีเอเจนซี่ดูแลก่อนมาไทย
    และเอเจนซี่ก็เป็นคนแต่งบทละครสร้างสตอรี่
    เพื่อเรียกความสงสารจากคนไทยให้มากที่สุด
    แล้วก็พาคนไทยด้อมแท้ เข้าไปอยู่ในแพลตฟอร์มหนึ่งของเกาหลีที่ผูกกับตต.
    ต้องเปย์นางทุกเดือน เหมือนค่าสมาชิก เพียงเพื่อ รออิเหวิงไปไลฟ์ส่วนตัวให้พวกมันคุย
    ทุยมั๊ยหละ
    ดังนั้น งานอิเหวิง เริ่มต้นก่อนมาไทย ก่อนเจอแน๊ก
    คือต้มเกาหลี แสดงให้เกาหลีดู และได้สติ๊กเกอร์ของขวัญเป็นการตอบแทน แบ่งรายได้กับเอเจนซี่
    แต่พอแน๊กคนไทยที่ขี้สงสารที่มีฐานแฟนคลับเป็นล้านมา ก็เลยต้องมีบทเพิ่ม
    ไม่งั้น อิเหวิงมันไม่หลุดออกมาแบบนี้หรอก ว่ามันไม่ได้เดือดร้อนเลย มาไทยเพราะชาลีขอมันมันมา
    แถมบอกว่า ยอมเสี่ยงมาไทย ประมาณว่าประเทศนี้ไม่ได้ป-ล-อ-ด-ภั-ย-เลย
    ดังนั้น เอเจนซี่มีจริง อิเหวิงทำงานด้วยการแสดงไลฟ์สดในตต.จริง
    มีการแบ่งรายได้กับเอเจนซี่จริง ซึ่งก็คงจะทำกันไม่น้อยที่เกาหลี
    เพียงแต่ น้องแน๊ก และคนไทย ดันติดกับ หลงไปกับบทซีรี่นี้ที่พวกมันสร้างขึ้น
    เสียดายแค่อย่างเดียว ว่านอกจากอิเหวิงกาฝาก และเอเจนซี่ ที่ได้ประโยชน์
    ก็ยังมีคนไทยกลุ่มหนึ่งระดับหัวๆ ที่ได้ส่วนแบ่งจากห้องพิเศษที่ว่า
    เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว แล้วมาเล่นงานคนไทยด้วยกัน
    ใส่ความสารพัด ว่าจิตไม่ปกติ ทำให้เค้าเสียชื่อ
    และรวมกลุ่มกับคนที่เสียผลประโยชน์จากการที่ชาลีไม่เอาอิเหวิงแล้ว
    สุมหัวกันทุกวัน เพียงเพื่อให้มีด้อมฝั่งตัวเอง
    ยังคงเปย์มีส่วนแบ่งผลประโยชน์ให้ตัวเองแค่นั้นพอ
    ดังนั้นการที่เพจคิงส์โพธิ์แดง-สำรอง
    วางข่าวอื่นเพื่อทำเรื่องนี้ คือการออกมาบอกความจริง
    ให้คนไทยได้รับรู้ ว่ามันมีแบบนี้นะ วงจรนี้
    และปกป้องชาลี ที่ไม่ต้องมองว่าเค้าเป็นดารา
    แค่เป็นคนไทยหนึ่งคนที่ต้องอดทนเสียใจกับวงจรกามิจ
    ยังต้องมาเจอคนไทยด้วยกันซึ่งส่วนใหญ่ก็ได้รับผลประโยชน์
    ทั้งทางตรงทางอ้อมจากชาลีทั้งนั้น
    เพียงแค่ชาลีเลือกปกป้องคนไทย แต่พวกมันเสียประโยชน์
    มันก็หาทางกระหน่ำซ้ำน้องมันขนาดนี้
    พี่คิงส์คงยอมไม่ได้อย่างแน่นอน
    อิป้าโจวตกขาว เมิงให้สมุนส่งข้อความผ่านแชทมาอะ
    อย่าช้า ให้รีบ กรรรูรอ
    อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    #พร้อมไปกันต่อหรือยังแฟนเพจคิงส์โพธิ์แดง-สำรอง #สตอรี่ที่เอเจนซี่สร้างขึ้นเพื่ออิเหวิงดูน่าฉงฉานฉัดๆ มาตาสว่างและสว่างคาตาไปด้วยกัน ลุ๊ย!! นี่คือปฐมบทที่ทำให้คนไทยรู้จักอิเหวิงในแบบที่ยังมีทุยกลุ่มหนึ่งยังคงเวิ่นเว๊อ โดยมีล่ามแพร เป็นผู้แปลความหมายเป็นการไลฟ์สดในช่อง ตต. โดยล่างแพรได้แปลมาแบบนี้ อ่านยาวหน่อยเบื่ออิป้าโจตกขาวหาว่าตัดต่อบ้างแหละไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์บ้างแหละ มาเริ่มกัน “เขาอยากจะเล่าให้ทุกคนฟังว่าเขาเกิดมาข้างๆทางหมายถึงว่าเป็นคนที่เกิดข้างถนน จังหวัดนัมวอนอยู่ที่ภาคชอลลันัมโดเป็นภาคใต้ของประเทศเกาหลีนะคะ เขาบอกว่าเขาไม่ได้เกิดที่โรงพยาบาลเพราะว่าวันนึงอ่ะตอนนั้น แม่เขาท้องแก่มากๆแล้วแม่พ่อกับแม่เขาก็ออกไปเดินเล่นกันข้างถนน เพราะว่าคุณแม่เขาเจ็บท้องมากๆนะคะ แล้วพอเดินเล่นอยู่ดีๆ แล้วคุณแม่เขาก็เลยเหมือนกับว่าคลอดคุณกามินออกมาแบบข้างถนนเลย จนกระทั่งอยู่ในสถานการณ์ที่อันตรายมากๆคุณแม่ของคุณกามิน ก็อันตรายคุณกามินเด็กที่ออกมาจากท้องก็อันตรายแล้ว ตอนที่คุณกามินคลอดออกมาข้างถนนคุณพ่อก็เหมือน เอามือมารองรับเด็กทารกไว้อยู่ในมือโดยที่ยังไม่สามารถตัดรกได้ เพราะว่ามันเป็นจังหวัดที่แบบว่าเขาใช้คําว่าค่อนข้างที่จะอยู่บ้านนอกรับเบบี๋เด็กทารกอยู่ในมือ โดยที่ยังไม่สามารถตัดรกได้เพราะว่ามันเป็นจังหวัดที่แบบว่า ค่อนข้างเขาใช้คําว่าค่อนข้างที่จะแบบอยู่บ้านนอกนิดนึงอะไรอย่างนี้ค่ะ แท็กซี่จับไม่ได้เลยคุณกามินเด็กทารกที่เกิดออกมา ก็คืออยู่ในมือคุณพ่อเกือบ1 ชั่วโมงกว่าจะเรียกแท็กซี่ไโรงพยาบาลได้นะคะ นะคะบอกในสถานการณ์ที่อันตรายมากแต่สุดท้ายความล็อคที่ความโชคดีก็ ทําให้เขาเกิดออกมาเป็นคนที่ปลอดภัยมาได้นะคะอ่ะ” #ไอ่ฉัดนี่มันพอตซีรี่เกาหลีดั้งเดิมชัดๆ มา! ไปกันต่อ “เค้าก็เลยบอกว่าเค้ามีความฝันที่อยากจะมีชีวิตที่กรุงโซล เป็นสาวบ้านนอกแต่มาใช้ชีวิตที่กรุงโซลเหมือนคนอื่นๆ จนกระทั่งเค้ามาเจอคุณชาลี คุณชาลีเคยบอกเค้าว่าเพลงที่คุณชาลีชอบมากที่สุดก็คือเพลงลักกี้ อ่อหัวข้อเพลงชื่อว่าลักกี้อ่ะค่ะ แพรไม่แน่ใจว่าเพลงอะไร เค้าก็เลยรู้สึกว่ามันมีอะไรที่เหมือนกับมันสื่อกัน มันเชื่อมกัน เพราะว่าเค้าชอบคำว่าลักกี้ ชอบคำว่าโชคดี ชอบคำศัพท์นี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว เค้าบอกว่าบ้านเค้าเลี้ยงหมา2ตัวตัวแรกชื่อว่า เฮ็งบ๊กแปลว่าความสุข ตัวที่สองชื่อว่า เฮ็งงุน แปลว่าความโชคดี นางบอกว่านางอยากเรียนภาษาไทยด้วยตัวเอง ไม่อยากให้ใครมาสอน ถึงแม้จะใช้เวลานาน แต่ก็อยากจะใช้เวลาในการฝึกฝน” กามิน ได้ไลฟ์สด และกล่าวความในใจทั้งน้ำตา หลังจากได้ขึ้นเป็นอันดับ 1 ของติ๊กต๊อกเกอร์ชาวเกาหลีว่า "ชาลีเหมือนของขวัญจากคุณย่า พ่อแม่ของกามินป่วย แต่ตอนนี้สบายดีแล้ว ขอบคุณมากๆที่ทำให้เป็นลูกกตัญญู ในช่วงเวลาที่พ่อแม่ยังมีชิวิตอยู่" ชาลีทำให้กามินได้รับความรักมากมาย และหาเงินได้จากการไลฟ์สดในติ๊กต๊อก จนสามารถไปรักษาพ่อแม่ที่ป่วยได้ นี่คือสตอรี่ที่ต้มคนไทยได้ทั้งประเทศ แต่หลังจากชาลีเชิญกลับกิมจิ๊ อิเหวิงกลับพูดมีใจความสำคัญดังนี้ - ดังด้วยตัวเอง - ทุกคนอย่าอิจฉา อยากเป็นเหมือนฉันก็ไปทำช่องเอง -แบบฉันที่ดังเองโดยไม่ต้องมีใครมาซัพพอต ซึ่งในไลฟ์นี้ไม่มีชื่อชาลีปรากฏเลย ล่างเตียแปลไปคนละโยช สังเกตได้ ไม่มีเกาหลีที่ฟังเกาหลีออก ออกมาป้องซักคน มีแต่พวกทุยไทยที่ไม่รู้ภาษเกาหลี เชื่อเตียและปลื้มปลิ่ม ล่ามเตียนี่นะ แน็กเป็นคนหามาด้วยแท้ๆ แต่สุดท้ายไปเข้าฝั่งอิป้าโจตกขาวซะงั้น คำแปลก็จะแปลกประหลาด จนคนเกาหลีที่มีภรรยาคนไทย ต้องออกมาบอกว่า “เช็ด ไม่ใช่นะไอ่ที่ล่ามคนนั้นแปล” และในไลฟ์ครั้งนี้ อิเหวิงยังบอกอีกว่า “อันนี้คนเกาหลีแท้แปลนะ” “ฉันไปประเทศไทยเพราะฉันรักชาลี เพราะฉันอยู่เกาหลี ฉันมีงาน มีรายได้ที่ดีอยู่แล้ว” ซึ่งมีคนเคยถามว่าเท่าไหร่ อิเหวิงบอกประมาณ แปดหมื่น คำถามคือ งานอะไร ก็มีแต่ไลฟ์ตต.ทั้งวันทั้งคืน และรอคนส่งติ๊กเกอร์ให้ ก็เลยมาโป๊ะ ที่ชาลีก็รู้ว่า อินี่บอกว่า ตัวเองมีเอเจนซี่ดูแลก่อนมาไทย และเอเจนซี่ก็เป็นคนแต่งบทละครสร้างสตอรี่ เพื่อเรียกความสงสารจากคนไทยให้มากที่สุด แล้วก็พาคนไทยด้อมแท้ เข้าไปอยู่ในแพลตฟอร์มหนึ่งของเกาหลีที่ผูกกับตต. ต้องเปย์นางทุกเดือน เหมือนค่าสมาชิก เพียงเพื่อ รออิเหวิงไปไลฟ์ส่วนตัวให้พวกมันคุย ทุยมั๊ยหละ ดังนั้น งานอิเหวิง เริ่มต้นก่อนมาไทย ก่อนเจอแน๊ก คือต้มเกาหลี แสดงให้เกาหลีดู และได้สติ๊กเกอร์ของขวัญเป็นการตอบแทน แบ่งรายได้กับเอเจนซี่ แต่พอแน๊กคนไทยที่ขี้สงสารที่มีฐานแฟนคลับเป็นล้านมา ก็เลยต้องมีบทเพิ่ม ไม่งั้น อิเหวิงมันไม่หลุดออกมาแบบนี้หรอก ว่ามันไม่ได้เดือดร้อนเลย มาไทยเพราะชาลีขอมันมันมา แถมบอกว่า ยอมเสี่ยงมาไทย ประมาณว่าประเทศนี้ไม่ได้ป-ล-อ-ด-ภั-ย-เลย ดังนั้น เอเจนซี่มีจริง อิเหวิงทำงานด้วยการแสดงไลฟ์สดในตต.จริง มีการแบ่งรายได้กับเอเจนซี่จริง ซึ่งก็คงจะทำกันไม่น้อยที่เกาหลี เพียงแต่ น้องแน๊ก และคนไทย ดันติดกับ หลงไปกับบทซีรี่นี้ที่พวกมันสร้างขึ้น เสียดายแค่อย่างเดียว ว่านอกจากอิเหวิงกาฝาก และเอเจนซี่ ที่ได้ประโยชน์ ก็ยังมีคนไทยกลุ่มหนึ่งระดับหัวๆ ที่ได้ส่วนแบ่งจากห้องพิเศษที่ว่า เห็นแก่ผลประโยชน์ส่วนตัว แล้วมาเล่นงานคนไทยด้วยกัน ใส่ความสารพัด ว่าจิตไม่ปกติ ทำให้เค้าเสียชื่อ และรวมกลุ่มกับคนที่เสียผลประโยชน์จากการที่ชาลีไม่เอาอิเหวิงแล้ว สุมหัวกันทุกวัน เพียงเพื่อให้มีด้อมฝั่งตัวเอง ยังคงเปย์มีส่วนแบ่งผลประโยชน์ให้ตัวเองแค่นั้นพอ ดังนั้นการที่เพจคิงส์โพธิ์แดง-สำรอง วางข่าวอื่นเพื่อทำเรื่องนี้ คือการออกมาบอกความจริง ให้คนไทยได้รับรู้ ว่ามันมีแบบนี้นะ วงจรนี้ และปกป้องชาลี ที่ไม่ต้องมองว่าเค้าเป็นดารา แค่เป็นคนไทยหนึ่งคนที่ต้องอดทนเสียใจกับวงจรกามิจ ยังต้องมาเจอคนไทยด้วยกันซึ่งส่วนใหญ่ก็ได้รับผลประโยชน์ ทั้งทางตรงทางอ้อมจากชาลีทั้งนั้น เพียงแค่ชาลีเลือกปกป้องคนไทย แต่พวกมันเสียประโยชน์ มันก็หาทางกระหน่ำซ้ำน้องมันขนาดนี้ พี่คิงส์คงยอมไม่ได้อย่างแน่นอน อิป้าโจวตกขาว เมิงให้สมุนส่งข้อความผ่านแชทมาอะ อย่าช้า ให้รีบ กรรรูรอ อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 639 Views 0 Reviews
  • #อุต๊ะมีความน่าอัวพี่คิงส์นี่ขนตั้งชัน
    ป้าโจวตกขาว หรือมณฑนี
    ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนเธอเป็นใคร
    พิธีกรตกยุค ที่เคยแสดงออกถึงความรักชาติ
    แต่หลังจากที่นางมีอาการเปื่อยจิต
    ต้องรับการบำ บัด จังหวะ
    แน๊กเริ่มมีความคิดช่วยเหลืออิเหวิงกามิจ
    นางเลยหลุดเข้าสู่มิติแห่งความเพ้อฝัน
    และเป็นแนวร่วมตั้งกลุ่มลั-บ
    โดยเอเจนซี่กับอิเหวิงทำแพลนรอไว้แล้วตั้งแต่แปดเดือนที่แล้ว
    เพื่อให้สาวกเข้าไปสิงสถิตและได้คุยส่วนตัวกับอิเหวิง
    มีทั้งรายเดือน มีทั้งเรียกไปเปย์ติ๊กเกอร์ตอนพีเค
    เรียกว่า ทุยสาวกบางคน หมดกันเป็นล้าน
    ส่วนป้าโจตกขาวก็ได้ส่วนแบ่ง มีหน้าที่
    สร้างอุปทานหมู่ ด้วยความชำนาญในการเป็นนักพูดตกยุค
    เล่นเอาสาวกเคลิ้มล่องลอยเหมือนจักรวาลนี้สร้างมาเพื่ออิเหวิง
    และเมื่อแน๊กเริ่มรับรู้ว่ามีคนที่เปย์จนเดือดร้อนเพราะหลงอิป้าโจกับอิเหวิง
    ก็เลยต้องหาทางสร้างเรื่องไม่จริง ใส่ไคร้ว่าน้องแน๊ก เปื่อยจิต โดยเอาอาการของตัวเอง ไปยัดเยียดให้น้องแน๊ก กระจายกันในกลุ่ม
    (หลักต๋านส่งมาเพียบบบบ)
    ให้อิเหวิงเป็นผู้ถูกกระทำ
    เมื่อแน๊กรู้สึกว่า อิเหวิงไม่จบกับโลภะ รวมถึงคนที่ได้ประโยชน์ร่วมก็เลยเถิด
    ก็ต้องจบความรักเพื่อปกป้องคนไทยด้วยกัน
    จึงเป็นที่มาที่อิป้าโจตกขาว สร้างกลุ่มสุมหัว โดยดึงคนที่เสียประโยชน์จากการที่แน๊กตัดขาดความสัมพันธ์ มารวมกันเพื่อสหบาทาแน๊ก และอวยอิเหวิง
    จุดนี้แหละ ที่พี่คิงส์รับรู้รับทราบ ทั้งๆที่พี่คิงส์เองเอ็นดูแน๊ก แต่ไม่เคยอินหรือติดตามเป็นลูกทัพน้องแน๊กเลย แต่มันคือเรื่องการที่น้องผู้ชายคนหนึ่ง ถูกอธรรมอย่างไม่ยุติธรรม ด้วยกลุ่มก้อนเฮงชวยพวกนี้ รวมถึงคนที่ถูกเชี่ยมจิตในกลุ่มที่ยังคงเปย์ตามการจูงจมูกของอิป้าโจวตกขาว
    ทำให้พี่คิงส์ต้องหันมาเปิดเผยเรื่องนี้อย่างจริงจัง
    ต่อมา สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้สื่อข่าวระดับตำนาน ได้มองเรื่องนี้ว่าเป็นอตร.กับคนไทย จึงนัดหมายว่าจะนำเสนอข้อมูลในวันศุกร์ที่ 13 กันยายน 67
    อิป้าโจวตกขาว ก็ดิ้น ถึงขนาดข่มด้วยการโพส เบรคสื่อระดับตำนาน สารพัด
    นี่คือที่มา ของการเปิดเผยข้อมูลสำคัญมาตลอดจนถึงตอนนี้
    หลังจากที่ข้อมูลได้เปิดเผยสู่สาธารณะ
    อิป้าโจวตกขาวถึงกับช็อค ไม่กล้าโพสใดๆอีกเลย
    เพราะยิ่งขุด ยิ่งเจอ
    แม้กระทั่ง มีการแอบตั้งโรงเรียนอย่างไม่ถูกต้องตาม-ก-ฏ-ห-ม-าย เพื่อลวงคนในกลุ่มและคนทั่วไปที่เป็นแฟนคลับกามิจ ไปเรียนทำนายทายทัก ฝึกจิตฝึกวิญาณ เอาง่ายๆ หาแดรกกับความเชื่อ คนละเป็นหมื่น ซึ่งไม่นาน กระทรวงคงได้ติดต่อนางไป นี่มันอาชีพต้มคนไทยชัดๆ
    แต่ซักครู่นี้่เอง นางเจอคนเปิดความจริงแบบงานละเอียดยิบอย่างพี่คิงส์ฯ
    กองเชียร์ก็บอกให้มาโต้ แต่จะโต้ได้ไง เพราะมันคือความจริง นางเลยเข้าสายกับช่องสาวกของนาง และพูดเสียงเครือแบบ ขึ้นมาก ทั้งสั่นทั้งกลัว
    "ที่เงียบไป ไม่ได้เงียบไปเฉยๆนะ นี่ก็กำลังไปตร.ไซเบอร์ จะจัดการคนที่มาทำให้นางเสื่อม เพราะที่พูดไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์" ป๊าดดดด
    พี่คิงส์ก็ย้อนกลับไปดู หลักฐานก็มีน้า
    เอางี้ป้า อยากทำอะไรจัดมา
    ส่วนพี่คิงส์ก็รู้สึกกลัวมาก
    จะตอบสนองป้าด้วยการขุดให้ลึกไปอีกแบบรัวๆ
    เอาให้คนไทยทั่วประเทศ สว่างวาบเลย
    ป้าได้ปิดท้ายไว้ว่า
    "เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับป้าโจวตกขาว"
    คือหวังให้เพจคิงส์โพธิ์แดงกลัว ว่างั้น!!
    หึหึ ป้าโจ ไปสืบก่อนก็ดี ว่าคิงส์โพธิ์แดง
    สู้กับใครมาบ้าง เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน
    อิฉัด
    #คิงส์โพธิ์แดง
    #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2
    #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    #อุต๊ะมีความน่าอัวพี่คิงส์นี่ขนตั้งชัน ป้าโจวตกขาว หรือมณฑนี ก่อนอื่นต้องเกริ่นก่อนเธอเป็นใคร พิธีกรตกยุค ที่เคยแสดงออกถึงความรักชาติ แต่หลังจากที่นางมีอาการเปื่อยจิต ต้องรับการบำ บัด จังหวะ แน๊กเริ่มมีความคิดช่วยเหลืออิเหวิงกามิจ นางเลยหลุดเข้าสู่มิติแห่งความเพ้อฝัน และเป็นแนวร่วมตั้งกลุ่มลั-บ โดยเอเจนซี่กับอิเหวิงทำแพลนรอไว้แล้วตั้งแต่แปดเดือนที่แล้ว เพื่อให้สาวกเข้าไปสิงสถิตและได้คุยส่วนตัวกับอิเหวิง มีทั้งรายเดือน มีทั้งเรียกไปเปย์ติ๊กเกอร์ตอนพีเค เรียกว่า ทุยสาวกบางคน หมดกันเป็นล้าน ส่วนป้าโจตกขาวก็ได้ส่วนแบ่ง มีหน้าที่ สร้างอุปทานหมู่ ด้วยความชำนาญในการเป็นนักพูดตกยุค เล่นเอาสาวกเคลิ้มล่องลอยเหมือนจักรวาลนี้สร้างมาเพื่ออิเหวิง และเมื่อแน๊กเริ่มรับรู้ว่ามีคนที่เปย์จนเดือดร้อนเพราะหลงอิป้าโจกับอิเหวิง ก็เลยต้องหาทางสร้างเรื่องไม่จริง ใส่ไคร้ว่าน้องแน๊ก เปื่อยจิต โดยเอาอาการของตัวเอง ไปยัดเยียดให้น้องแน๊ก กระจายกันในกลุ่ม (หลักต๋านส่งมาเพียบบบบ) ให้อิเหวิงเป็นผู้ถูกกระทำ เมื่อแน๊กรู้สึกว่า อิเหวิงไม่จบกับโลภะ รวมถึงคนที่ได้ประโยชน์ร่วมก็เลยเถิด ก็ต้องจบความรักเพื่อปกป้องคนไทยด้วยกัน จึงเป็นที่มาที่อิป้าโจตกขาว สร้างกลุ่มสุมหัว โดยดึงคนที่เสียประโยชน์จากการที่แน๊กตัดขาดความสัมพันธ์ มารวมกันเพื่อสหบาทาแน๊ก และอวยอิเหวิง จุดนี้แหละ ที่พี่คิงส์รับรู้รับทราบ ทั้งๆที่พี่คิงส์เองเอ็นดูแน๊ก แต่ไม่เคยอินหรือติดตามเป็นลูกทัพน้องแน๊กเลย แต่มันคือเรื่องการที่น้องผู้ชายคนหนึ่ง ถูกอธรรมอย่างไม่ยุติธรรม ด้วยกลุ่มก้อนเฮงชวยพวกนี้ รวมถึงคนที่ถูกเชี่ยมจิตในกลุ่มที่ยังคงเปย์ตามการจูงจมูกของอิป้าโจวตกขาว ทำให้พี่คิงส์ต้องหันมาเปิดเผยเรื่องนี้อย่างจริงจัง ต่อมา สนธิ ลิ้มทองกุล ผู้สื่อข่าวระดับตำนาน ได้มองเรื่องนี้ว่าเป็นอตร.กับคนไทย จึงนัดหมายว่าจะนำเสนอข้อมูลในวันศุกร์ที่ 13 กันยายน 67 อิป้าโจวตกขาว ก็ดิ้น ถึงขนาดข่มด้วยการโพส เบรคสื่อระดับตำนาน สารพัด นี่คือที่มา ของการเปิดเผยข้อมูลสำคัญมาตลอดจนถึงตอนนี้ หลังจากที่ข้อมูลได้เปิดเผยสู่สาธารณะ อิป้าโจวตกขาวถึงกับช็อค ไม่กล้าโพสใดๆอีกเลย เพราะยิ่งขุด ยิ่งเจอ แม้กระทั่ง มีการแอบตั้งโรงเรียนอย่างไม่ถูกต้องตาม-ก-ฏ-ห-ม-าย เพื่อลวงคนในกลุ่มและคนทั่วไปที่เป็นแฟนคลับกามิจ ไปเรียนทำนายทายทัก ฝึกจิตฝึกวิญาณ เอาง่ายๆ หาแดรกกับความเชื่อ คนละเป็นหมื่น ซึ่งไม่นาน กระทรวงคงได้ติดต่อนางไป นี่มันอาชีพต้มคนไทยชัดๆ แต่ซักครู่นี้่เอง นางเจอคนเปิดความจริงแบบงานละเอียดยิบอย่างพี่คิงส์ฯ กองเชียร์ก็บอกให้มาโต้ แต่จะโต้ได้ไง เพราะมันคือความจริง นางเลยเข้าสายกับช่องสาวกของนาง และพูดเสียงเครือแบบ ขึ้นมาก ทั้งสั่นทั้งกลัว "ที่เงียบไป ไม่ได้เงียบไปเฉยๆนะ นี่ก็กำลังไปตร.ไซเบอร์ จะจัดการคนที่มาทำให้นางเสื่อม เพราะที่พูดไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์" ป๊าดดดด พี่คิงส์ก็ย้อนกลับไปดู หลักฐานก็มีน้า เอางี้ป้า อยากทำอะไรจัดมา ส่วนพี่คิงส์ก็รู้สึกกลัวมาก จะตอบสนองป้าด้วยการขุดให้ลึกไปอีกแบบรัวๆ เอาให้คนไทยทั่วประเทศ สว่างวาบเลย ป้าได้ปิดท้ายไว้ว่า "เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับป้าโจวตกขาว" คือหวังให้เพจคิงส์โพธิ์แดงกลัว ว่างั้น!! หึหึ ป้าโจ ไปสืบก่อนก็ดี ว่าคิงส์โพธิ์แดง สู้กับใครมาบ้าง เดี๋ยวจะหาว่าไม่เตือน อิฉัด #คิงส์โพธิ์แดง #คิงส์โพธิ์แดงสำรอง #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง2 #คิงส์โพธิ์แดง-สำรอง3
    Like
    Love
    Haha
    4
    0 Comments 0 Shares 836 Views 0 Reviews
  • รัสเซียมีเหตุผลเพียงพอที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่ยังยับยั้งชั่งใจอยู่

    ตลอดช่วงความขัดแย้งในยูเครน รัสเซียมีเหตุผลมากมายที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่จนถึงขณะนี้ได้ใช้ความยับยั้งชั่งใจ รองประธานสภาความมั่นคงของรัสเซีย มิทรี เมดเวเดฟ กล่าวว่าอย่างไรก็ตามความอดทนของมอสโกนั้นไม่ใช่ว่าไม่มีขีดจำกัด โดยเสนอว่ารัสเซียอาจตอบโต้อย่างรุนแรงด้วยนิวเคลียร์หากชาติตะวันตกยอมให้เคียฟใช้ขีปนาวุธที่พวกเขาจัดหามาเพื่อโจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย

    เคียฟเรียกร้องให้ยกเลิกข้อจำกัดเหล่านี้ตั้งแต่อย่างน้อยในเดือนพฤษภาคม เมื่อเร็วๆ นี้ สื่อหลายแห่งกล่าวว่าวอชิงตันและลอนดอนจะส่งมอบอาวุธพิสัยไกลให้เคียฟในเร็วๆ นี้ หรือแอบตกลงอย่างลับๆไปแล้ว

    ในโพสต์บนช่อง Telegramเมื่อวันเสาร์ เมดเวเดฟเขียนว่าผู้นำตะวันตกหลอกตัวเองให้รู้สึกปลอดภัย โดยคิดว่ามอสโกกำลังบลัฟจากการออกคำเตือนถึงผลที่ตามมาร้ายแรงจากการที่ตะวันตกยอมให้เคียฟโจมตีรัสเซียด้วยขีปนาวุธพิสัยไกล เจ้าหน้าที่รายนี้ เมดเวเดฟเคยเป็นประธานาธิบดีรัสเซียตั้งแต่ปี 2028-2012 กล่าวว่ารัสเซียตระหนักดี โจมตีด้วยนิวเคลียร์จะเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ

    “เป็นเพราะเหตุนี้ การตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียร์... จึงยังไม่เกิดขึ้น” เมดเวเดฟเน้นย้ำ เขาเสริมว่า “ข้อกำหนดเบื้องต้นอย่างเป็นทางการสำหรับสิ่งนี้ ซึ่งประชาคมโลกทั้งหมดสามารถเข้าใจได้ และที่กำหนดโดยหลักนิยมในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของเรานั้นมีผลบังคับใช้แล้ว” เขายกตัวอย่างการรุกของยูเครนในภูมิภาคเคิร์สค์เป็นตัวอย่างหนึ่ง

    รัสเซียกำลังแสดงความอดทน” เขากล่าว พร้อมเตือนว่า “ความอดทนมีขีดจำกัดอยู่เสมอ”

    เมดเวเดฟกล่าวต่อไปว่า รัสเซียสามารถตอบสนองต่อการเพิ่มขึ้นของชาติตะวันตกด้วยอาวุธใหม่บางประเภท ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นนิวเคลียร์ แต่มีอานุภาพทำลายล้างสูง

    เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียแย้งว่ากองทัพยูเครนไม่สามารถปฏิบัติการระบบพิสัยไกลของตะวันตกได้ด้วยตัวเอง แต่ต้องใช้ข่าวกรองจากดาวเทียมของ NATO และเจ้าหน้าที่ทหารของชาติตะวันตก ด้วยเหตุนี้ หากชาติตะวันตกยอมให้เคียฟโจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในรัสเซีย “นี่จะหมายความว่าประเทศใน NATO, สหรัฐอเมริกา, ประเทศในยุโรปกำลังทำสงครามกับรัสเซียโดยตรง” ปูตินกล่าว

    ที่มา RT
    รัสเซียมีเหตุผลเพียงพอที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่ยังยับยั้งชั่งใจอยู่ ตลอดช่วงความขัดแย้งในยูเครน รัสเซียมีเหตุผลมากมายที่จะใช้อาวุธนิวเคลียร์ แต่จนถึงขณะนี้ได้ใช้ความยับยั้งชั่งใจ รองประธานสภาความมั่นคงของรัสเซีย มิทรี เมดเวเดฟ กล่าวว่าอย่างไรก็ตามความอดทนของมอสโกนั้นไม่ใช่ว่าไม่มีขีดจำกัด โดยเสนอว่ารัสเซียอาจตอบโต้อย่างรุนแรงด้วยนิวเคลียร์หากชาติตะวันตกยอมให้เคียฟใช้ขีปนาวุธที่พวกเขาจัดหามาเพื่อโจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย เคียฟเรียกร้องให้ยกเลิกข้อจำกัดเหล่านี้ตั้งแต่อย่างน้อยในเดือนพฤษภาคม เมื่อเร็วๆ นี้ สื่อหลายแห่งกล่าวว่าวอชิงตันและลอนดอนจะส่งมอบอาวุธพิสัยไกลให้เคียฟในเร็วๆ นี้ หรือแอบตกลงอย่างลับๆไปแล้ว ในโพสต์บนช่อง Telegramเมื่อวันเสาร์ เมดเวเดฟเขียนว่าผู้นำตะวันตกหลอกตัวเองให้รู้สึกปลอดภัย โดยคิดว่ามอสโกกำลังบลัฟจากการออกคำเตือนถึงผลที่ตามมาร้ายแรงจากการที่ตะวันตกยอมให้เคียฟโจมตีรัสเซียด้วยขีปนาวุธพิสัยไกล เจ้าหน้าที่รายนี้ เมดเวเดฟเคยเป็นประธานาธิบดีรัสเซียตั้งแต่ปี 2028-2012 กล่าวว่ารัสเซียตระหนักดี โจมตีด้วยนิวเคลียร์จะเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญ “เป็นเพราะเหตุนี้ การตัดสินใจใช้อาวุธนิวเคลียร์... จึงยังไม่เกิดขึ้น” เมดเวเดฟเน้นย้ำ เขาเสริมว่า “ข้อกำหนดเบื้องต้นอย่างเป็นทางการสำหรับสิ่งนี้ ซึ่งประชาคมโลกทั้งหมดสามารถเข้าใจได้ และที่กำหนดโดยหลักนิยมในการใช้อาวุธนิวเคลียร์ของเรานั้นมีผลบังคับใช้แล้ว” เขายกตัวอย่างการรุกของยูเครนในภูมิภาคเคิร์สค์เป็นตัวอย่างหนึ่ง รัสเซียกำลังแสดงความอดทน” เขากล่าว พร้อมเตือนว่า “ความอดทนมีขีดจำกัดอยู่เสมอ” เมดเวเดฟกล่าวต่อไปว่า รัสเซียสามารถตอบสนองต่อการเพิ่มขึ้นของชาติตะวันตกด้วยอาวุธใหม่บางประเภท ซึ่งไม่จำเป็นต้องเป็นนิวเคลียร์ แต่มีอานุภาพทำลายล้างสูง เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน แห่งรัสเซียแย้งว่ากองทัพยูเครนไม่สามารถปฏิบัติการระบบพิสัยไกลของตะวันตกได้ด้วยตัวเอง แต่ต้องใช้ข่าวกรองจากดาวเทียมของ NATO และเจ้าหน้าที่ทหารของชาติตะวันตก ด้วยเหตุนี้ หากชาติตะวันตกยอมให้เคียฟโจมตีเป้าหมายที่อยู่ลึกเข้าไปในรัสเซีย “นี่จะหมายความว่าประเทศใน NATO, สหรัฐอเมริกา, ประเทศในยุโรปกำลังทำสงครามกับรัสเซียโดยตรง” ปูตินกล่าว ที่มา RT
    Like
    22
    0 Comments 0 Shares 556 Views 0 Reviews
  • ทองคำฟิวเจอร์สสร้างสถิติพุ่งทะลุระดับ2,600เหรียญ

    ในสัปดาห์ประวัติศาสตร์สำหรับตลาดโลหะมีค่า โกลด์ฟิวเจอร์สได้ทำลายสถิติ โดยทะลุระดับ 2,600 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์เป็นครั้งแรก

    ณ เวลา 17.00 น. EDTของวันศุกร์ที่ผ่านมา สัญญาเซื้อขายทองคำสำหรับเดือนธันวาคมอยู่ที่ 2,606.20 ดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นผลตอบแทนสุทธิ 19 ดอลลาร์หรือ 0.73% สำหรับวันนั้น การพุ่งขึ้นนี้ถือเป็นวันที่สองติดต่อกันของการทำลายสถิติสูงสุด โดยจุดสูงสุดระหว่างวันแตะระดับ $2,614.60 อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน

    การเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งของราคาทองคำเกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของเมื่อวันศุกร์ที่ 47 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในวันเดียวที่สำคัญที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม การเพิ่มขึ้นอย่างมากของสัปดาห์นี้จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ทางการเงินอย่างไม่ต้องสงสัย ในขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้าก้าวข้ามหลักชัยที่ 2,600 ดอลลาร์

    ในขณะที่ฝุ่นจางหายไปในเหตุการณ์สำคัญนี้ ผู้เข้าร่วมตลาดกำลังมุ่งความสนใจไปที่การประชุมคณะกรรมการตลาดกลางของรัฐบาลกลาง (FOMC) ในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกอย่างกว้างขวางนับตั้งแต่ปี 2020 มีความเห็นพ้องต้องกันระหว่างนักวิเคราะห์ นักเศรษฐศาสตร์ และผู้สังเกตการณ์ตลาดก็คือการลดอัตราดอกเบี้ยนั้นเป็นสิ่งที่แน่นอน

    เวทีสำหรับการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้เกิดขึ้นในวันที่ 20 สิงหาคม เมื่อประธานธนาคารกลางสหรัฐ เจอโรม พาวเวลล์ ส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางมีความพร้อมที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง จุดยืนของพาวเวลล์สะท้อนจากเจ้าหน้าที่เฟดคนอื่นๆ โดยเน้นย้ำถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นว่าการผ่อนคลายทางการเงินกำลังใกล้เข้ามา

    เมื่อเร็วๆ นี้ นาย Austan Goolsbee ประธานเฟดแห่งชิคาโกเน้นย้ำว่าแนวโน้มระยะยาวทั้งในตลาดแรงงานและข้อมูลเงินเฟ้อ แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วไปสู่นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น Goolsbee เตือนไม่ให้ใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเป็นเวลานาน โดยอ้างถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับระดับการจ้างงาน

    แม้ว่าความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะมีสูง แต่ประเด็นสำคัญยังคงเป็นประเด็นถกเถียง นักเศรษฐศาสตร์ที่ Fitch คาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดจุดพื้นฐาน 0.25%สองครั้ง หนึ่งครั้งในสัปดาห์หน้าและอีกครั้งในเดือนธันวาคม

    อย่างไรก็ตาม เสียงบางส่วน เช่น Krishna Guha จาก Evercore ISI สนับสนุนการลดดอกเบี้ยพื้นฐาน 0.50%เพื่อปกป้องเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ
    ที่มา Kitco
    ทองคำฟิวเจอร์สสร้างสถิติพุ่งทะลุระดับ2,600เหรียญ ในสัปดาห์ประวัติศาสตร์สำหรับตลาดโลหะมีค่า โกลด์ฟิวเจอร์สได้ทำลายสถิติ โดยทะลุระดับ 2,600 ดอลลาร์ต่อทรอยออนซ์เป็นครั้งแรก ณ เวลา 17.00 น. EDTของวันศุกร์ที่ผ่านมา สัญญาเซื้อขายทองคำสำหรับเดือนธันวาคมอยู่ที่ 2,606.20 ดอลลาร์ ซึ่งคิดเป็นผลตอบแทนสุทธิ 19 ดอลลาร์หรือ 0.73% สำหรับวันนั้น การพุ่งขึ้นนี้ถือเป็นวันที่สองติดต่อกันของการทำลายสถิติสูงสุด โดยจุดสูงสุดระหว่างวันแตะระดับ $2,614.60 อย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน การเพิ่มขึ้นอย่างน่าทึ่งของราคาทองคำเกิดขึ้นจากการเพิ่มขึ้นอย่างแข็งแกร่งของเมื่อวันศุกร์ที่ 47 ดอลลาร์ ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นในวันเดียวที่สำคัญที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 16 สิงหาคม การเพิ่มขึ้นอย่างมากของสัปดาห์นี้จะถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ทางการเงินอย่างไม่ต้องสงสัย ในขณะที่ราคาทองคำล่วงหน้าก้าวข้ามหลักชัยที่ 2,600 ดอลลาร์ ในขณะที่ฝุ่นจางหายไปในเหตุการณ์สำคัญนี้ ผู้เข้าร่วมตลาดกำลังมุ่งความสนใจไปที่การประชุมคณะกรรมการตลาดกลางของรัฐบาลกลาง (FOMC) ในสัปดาห์หน้า โดยคาดว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกอย่างกว้างขวางนับตั้งแต่ปี 2020 มีความเห็นพ้องต้องกันระหว่างนักวิเคราะห์ นักเศรษฐศาสตร์ และผู้สังเกตการณ์ตลาดก็คือการลดอัตราดอกเบี้ยนั้นเป็นสิ่งที่แน่นอน เวทีสำหรับการตัดสินใจครั้งสำคัญนี้เกิดขึ้นในวันที่ 20 สิงหาคม เมื่อประธานธนาคารกลางสหรัฐ เจอโรม พาวเวลล์ ส่งสัญญาณว่าธนาคารกลางมีความพร้อมที่จะลดอัตราดอกเบี้ยในระหว่างการกล่าวสุนทรพจน์ที่เมืองแจ็กสันโฮล รัฐไวโอมิง จุดยืนของพาวเวลล์สะท้อนจากเจ้าหน้าที่เฟดคนอื่นๆ โดยเน้นย้ำถึงความเชื่อมั่นที่เพิ่มขึ้นว่าการผ่อนคลายทางการเงินกำลังใกล้เข้ามา เมื่อเร็วๆ นี้ นาย Austan Goolsbee ประธานเฟดแห่งชิคาโกเน้นย้ำว่าแนวโน้มระยะยาวทั้งในตลาดแรงงานและข้อมูลเงินเฟ้อ แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วไปสู่นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายมากขึ้น Goolsbee เตือนไม่ให้ใช้นโยบายการเงินที่เข้มงวดเป็นเวลานาน โดยอ้างถึงความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับระดับการจ้างงาน แม้ว่าความเป็นไปได้ที่จะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยจะมีสูง แต่ประเด็นสำคัญยังคงเป็นประเด็นถกเถียง นักเศรษฐศาสตร์ที่ Fitch คาดการณ์ว่าจะมีการปรับลดจุดพื้นฐาน 0.25%สองครั้ง หนึ่งครั้งในสัปดาห์หน้าและอีกครั้งในเดือนธันวาคม อย่างไรก็ตาม เสียงบางส่วน เช่น Krishna Guha จาก Evercore ISI สนับสนุนการลดดอกเบี้ยพื้นฐาน 0.50%เพื่อปกป้องเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ ที่มา Kitco
    Like
    Love
    Haha
    13
    0 Comments 1 Shares 612 Views 0 Reviews
  • หากเกิดสงครามนิวเคลียร์ในยุโรป สหรัฐจะโดนด้วย

    อนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ กล่าว วอชิงตันจะไม่สามารถซ่อนตัวจากความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ได้ หากมันเริ่มต้นที่ยุโรป

    ความกลัวว่าอาจมีการลุกลามระหว่างรัสเซียและ NATO ในเรื่องยูเครนทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากมีรายงานว่ามหาอำนาจตะวันตกครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะอนุญาตให้เคียฟทำการโจมตีด้วยขีปนาวุธลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย

    เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตอันโตนอฟ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Rossiya 24 ว่า รู้สึกประหลาดใจกับ “ภาพลวงตา” ที่ว่า “หากมีข้อขัดแย้ง มันจะไม่ลุกลามไปยังดินแดนของสหรัฐอเมริกา”

    “ผมพยายามถ่ายทอดประเด็นที่สำคัญให้พวกเขาฟังอยู่ตลอดเวลาว่า ชาวอเมริกันไม่สามารถนั่งอยู่หลังผืนน้ำในมหาสมุทรนี้เฉยๆได้ สงครามครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อทุกคน ดังนั้นเราจึงพูดอยู่เสมอว่า – อย่าเล่นกับคำพูดทางการเมืองนี้” Antonov กล่าว

    นอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่าในขณะที่ประเทศตะวันตกกล่าวหารัสเซียว่า "ข่มขู่ที่จะใช้กำลังทางทหาร" สหรัฐฯ ต้องการตรวจสอบผลที่ตามมาของการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ต่อยุโรปตะวันออก เห็นได้ชัดว่าโทนอฟหมายถึงการศึกษาที่ได้รับคำสั่งจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อจำลองผลกระทบของความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ต่อการเกษตรทั่วโลก ตามประกาศเชิญชวนที่โพสต์บนแพลตฟอร์มการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาล การศึกษาจะมุ่งเน้นไปที่ภูมิภาค “นอกยุโรปตะวันออกและรัสเซียตะวันตก” ซึ่งในการจำลองเป็นศูนย์กลางของการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ในกรณีสมมุติ

    เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียเตือนว่าการยกเลิกข้อจำกัดในการใช้อาวุธตะวันตกของยูเครนเพื่อโจมตีรัสเซียจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับสหรัฐฯ และพันธมิตรในการขัดแย้งกับรัสเซีย และจะได้พบกับการตอบสนองที่เหมาะสม

    วาสซิลี เนเบนเซีย ทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติกล่าวย้ำในภายหลังว่า การอนุญาตให้เคียฟใช้อาวุธพิสัยไกลที่ตะวันตกจัดหาให้ จะถือเป็นการมีส่วนร่วมโดยตรงในความขัดแย้งโดยนาโต้

    ที่มา RT
    หากเกิดสงครามนิวเคลียร์ในยุโรป สหรัฐจะโดนด้วย อนาโตลี อันโตนอฟ เอกอัครราชทูตรัสเซียประจำสหรัฐฯ กล่าว วอชิงตันจะไม่สามารถซ่อนตัวจากความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ได้ หากมันเริ่มต้นที่ยุโรป ความกลัวว่าอาจมีการลุกลามระหว่างรัสเซียและ NATO ในเรื่องยูเครนทวีความรุนแรงมากขึ้นในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา เนื่องจากมีรายงานว่ามหาอำนาจตะวันตกครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้ที่จะอนุญาตให้เคียฟทำการโจมตีด้วยขีปนาวุธลึกเข้าไปในดินแดนรัสเซีย เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา เอกอัครราชทูตอันโตนอฟ ให้สัมภาษณ์กับสถานีโทรทัศน์ Rossiya 24 ว่า รู้สึกประหลาดใจกับ “ภาพลวงตา” ที่ว่า “หากมีข้อขัดแย้ง มันจะไม่ลุกลามไปยังดินแดนของสหรัฐอเมริกา” “ผมพยายามถ่ายทอดประเด็นที่สำคัญให้พวกเขาฟังอยู่ตลอดเวลาว่า ชาวอเมริกันไม่สามารถนั่งอยู่หลังผืนน้ำในมหาสมุทรนี้เฉยๆได้ สงครามครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อทุกคน ดังนั้นเราจึงพูดอยู่เสมอว่า – อย่าเล่นกับคำพูดทางการเมืองนี้” Antonov กล่าว นอกจากนี้เขายังกล่าวด้วยว่าในขณะที่ประเทศตะวันตกกล่าวหารัสเซียว่า "ข่มขู่ที่จะใช้กำลังทางทหาร" สหรัฐฯ ต้องการตรวจสอบผลที่ตามมาของการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ต่อยุโรปตะวันออก เห็นได้ชัดว่าโทนอฟหมายถึงการศึกษาที่ได้รับคำสั่งจากกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เพื่อจำลองผลกระทบของความขัดแย้งทางนิวเคลียร์ต่อการเกษตรทั่วโลก ตามประกาศเชิญชวนที่โพสต์บนแพลตฟอร์มการจัดซื้อจัดจ้างของรัฐบาล การศึกษาจะมุ่งเน้นไปที่ภูมิภาค “นอกยุโรปตะวันออกและรัสเซียตะวันตก” ซึ่งในการจำลองเป็นศูนย์กลางของการโจมตีด้วยนิวเคลียร์ในกรณีสมมุติ เมื่อวันพฤหัสบดี ประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน ของรัสเซียเตือนว่าการยกเลิกข้อจำกัดในการใช้อาวุธตะวันตกของยูเครนเพื่อโจมตีรัสเซียจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับสหรัฐฯ และพันธมิตรในการขัดแย้งกับรัสเซีย และจะได้พบกับการตอบสนองที่เหมาะสม วาสซิลี เนเบนเซีย ทูตรัสเซียประจำสหประชาชาติกล่าวย้ำในภายหลังว่า การอนุญาตให้เคียฟใช้อาวุธพิสัยไกลที่ตะวันตกจัดหาให้ จะถือเป็นการมีส่วนร่วมโดยตรงในความขัดแย้งโดยนาโต้ ที่มา RT
    Like
    9
    2 Comments 0 Shares 578 Views 0 Reviews
  • จีนกล่าวว่า จีนต้องตอบโต้ความพยายามของสหรัฐฯต่ออิหร่าน, รัสเซีย และจีน
    .
    China says it must counter the United States efforts against Iran, Russia and China.
    .
    7:52 PM · Sep 14, 2024 · 41.9K Views
    https://x.com/BRICSinfo/status/1834938148515729471
    จีนกล่าวว่า จีนต้องตอบโต้ความพยายามของสหรัฐฯต่ออิหร่าน, รัสเซีย และจีน . China says it must counter the United States efforts against Iran, Russia and China. . 7:52 PM · Sep 14, 2024 · 41.9K Views https://x.com/BRICSinfo/status/1834938148515729471
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 109 Views 0 Reviews
  • กลยุทธ์ของนาโต้ในการส่งอาวุธให้ยูเครนล้มเหลว – ซาห์รา วาเกนเน็คท์

    ในการตอบคำถามเชิงรุกของนักข่าวในการสัมภาษณ์กับ Spiegel เกี่ยวกับการประนีประนอมกับรัสเซีย, ซาห์รา วาเกนเน็คท์, ผู้นำกลุ่มพันธมิตรซาห์รา วาเกนเน็คท์, ถามผู้สัมภาษณ์ว่า, "คุณมีวิธีแก้ปัญหาเพื่อหยุดยั้งการเสียชีวิตอย่างไร? เราจะต้องยึดมั่นในศีลธรรมอันสูงส่งต่อไปหรือไม่? ที่นาโต้แทรกแซงโดยตรงในสงครามและทำลายยุโรปทั้งหมดลงเอยด้วยซากปรักหักพังหรือไม่?"

    "กลยุทธ์ในการจัดหาอาวุธให้ยูเครนเพื่อเอาชนะสงครามนั้นได้ล้มเหลว," เธอกล่าวตอบโต้ข้อโต้แย้งของนักข่าวที่ว่านาโต้ไม่ควรเจรจากับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เพียงเพราะกองทัพรัสเซียกำลังรุกคืบ

    ผู้นำพรรคฝ่ายซ้ายเสนอให้ "หยุดส่งมอบอาวุธ หากตกลงหยุดยิงทันทีในแนวหน้าปัจจุบัน" ในการเจรจาสันติภาพที่อาจเกิดขึ้นกับรัสเซีย
    .
    NATO STRATEGY OF ARMING UKRAINE HAS FAILED – SAHRA WAGENKNECHT

    Replying to a journalist's aggressive question in an interview with Spiegel about compromise with Russia, Sahra Wagenknecht, leader the Sahra Wagenknecht Alliance, asked the interviewer, "What is your solution to stop the deaths? That we continue to uphold noble morals? That NATO intervenes directly in the war and ends up with all of Europe in ruins?"

    "The strategy of supplying Ukraine with weapons so that it can win the war has failed," she stated in response to the journalist’s argument that NATO should not negotiate with President Vladimir Putin just because the Russian army is advancing.

    The left-wing party leader instead proposed "a halt to arms deliveries if they agreed to an immediate ceasefire on the current front line" in possible peace talks with Russia.
    .
    6:58 PM · Sep 14, 2024 · 1,587 Views
    https://x.com/SputnikInt/status/1834924720518537582
    กลยุทธ์ของนาโต้ในการส่งอาวุธให้ยูเครนล้มเหลว – ซาห์รา วาเกนเน็คท์ ในการตอบคำถามเชิงรุกของนักข่าวในการสัมภาษณ์กับ Spiegel เกี่ยวกับการประนีประนอมกับรัสเซีย, ซาห์รา วาเกนเน็คท์, ผู้นำกลุ่มพันธมิตรซาห์รา วาเกนเน็คท์, ถามผู้สัมภาษณ์ว่า, "คุณมีวิธีแก้ปัญหาเพื่อหยุดยั้งการเสียชีวิตอย่างไร? เราจะต้องยึดมั่นในศีลธรรมอันสูงส่งต่อไปหรือไม่? ที่นาโต้แทรกแซงโดยตรงในสงครามและทำลายยุโรปทั้งหมดลงเอยด้วยซากปรักหักพังหรือไม่?" 💬 "กลยุทธ์ในการจัดหาอาวุธให้ยูเครนเพื่อเอาชนะสงครามนั้นได้ล้มเหลว," เธอกล่าวตอบโต้ข้อโต้แย้งของนักข่าวที่ว่านาโต้ไม่ควรเจรจากับประธานาธิบดีวลาดิมีร์ ปูติน เพียงเพราะกองทัพรัสเซียกำลังรุกคืบ ผู้นำพรรคฝ่ายซ้ายเสนอให้ "หยุดส่งมอบอาวุธ หากตกลงหยุดยิงทันทีในแนวหน้าปัจจุบัน" ในการเจรจาสันติภาพที่อาจเกิดขึ้นกับรัสเซีย . NATO STRATEGY OF ARMING UKRAINE HAS FAILED – SAHRA WAGENKNECHT Replying to a journalist's aggressive question in an interview with Spiegel about compromise with Russia, Sahra Wagenknecht, leader the Sahra Wagenknecht Alliance, asked the interviewer, "What is your solution to stop the deaths? That we continue to uphold noble morals? That NATO intervenes directly in the war and ends up with all of Europe in ruins?" 💬 "The strategy of supplying Ukraine with weapons so that it can win the war has failed," she stated in response to the journalist’s argument that NATO should not negotiate with President Vladimir Putin just because the Russian army is advancing. The left-wing party leader instead proposed "a halt to arms deliveries if they agreed to an immediate ceasefire on the current front line" in possible peace talks with Russia. . 6:58 PM · Sep 14, 2024 · 1,587 Views https://x.com/SputnikInt/status/1834924720518537582
    Haha
    1
    0 Comments 0 Shares 221 Views 0 Reviews

  • ผู้ใช้เลข 1( พระอาทิตย์)จะมีพลังดึงดูด อำนาจ ชื่อเสียง เกียรติยศ มีความเป็นผู้นำ มุ่งมั่นกับบางสิ่ง ฉลาด ว่องไว มีความเที่ยงตรง และมีเสน่ห์
    ข้อเสีย - ใจร้อน หน้าใหญ่ ไม่ยอมเสียหน้า
    ถือศักดิ์ศรี เป็นเรื่องใหญ่

    ผู้ใช้เลข 2 ( พระจันทร์ )
    มีความอ่อนหวาน มีความนุ่มนวล มีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น
    ข้อเสีย- อาจโลเล เชื่องช้าในการตัดสินใจ


    ผู้ใช้เลข3 (ดาวอังคาร)
    เลขของนักรบ มีความกล้าหาญ นักต่อสู้ ขยัน ชอบท้าทาย และชอบแข่งขัน เล่ห์เหลี่ยมมาก
    ข้อเสีย- ใจนักเลง บางครั้งการเสี่ยงอาจผิดพลาด การใช้เหลี่ยมก็ทำให้มีศัตรูมาก

    ผู้ใช้เลข4 (ดาวพุธ) นักเจรจาชั้นยอด
    ฉลาด มีไหวพริบปฏิภาณดีเยี่ยม ปรับตัวเก่ง เข้ากับคนอื่นได้ง่าย พูดแล้วคนเชื่อ
    ข้อเสีย- อาจเป็นคนพูดจากลับไปกลับมา จนกลายเป็นคนกะล่อน ถ้าใช้มากไป

    🪷ผู้ใช้เลข 5 (ดาวพฤหัส)
    เป็นผู้มีความรู้ สติปัญญา เป็นคนใจเย็น และเป็นที่รักใครของผู้ใหญ่ เลขนี้เกื้อหนุน และลดความแรงของเลขอื่นได้
    ข้อเสีย-น้อยมาก

    ผู้ที่ใช้เลข 6 (ดาวศุกร์)
    ความสวยงาม ชอบศิลปะ ความอุดมสมบูรณ์ หรูหรารสนิยมดี มีชื่อเสียง ชอบชีวิตแบบสุขนิยม ชอบความท้าทาย แต่ไม่ค่อยชอบแข่งกับใคร เพราะมองว่า ศัตรูที่คู่ควรคือ ตัวเอง ไม่ชอบความเหน็ดเหนื่อย
    ข้อเสีย- หลงมัวเมาได้ง่าย ถ้าใช้มากไป ฟุ่มเฟือย ตอบสนองความต้องการของตนทุกรูปแบบ จนบางครั้งขาดความยั้งคิด

    ผู้ที่ใช้เลข7 (ดาวเสาร์)
    เข้มแข้ง ต่อสู้ อดทน พากเพียรในสิ่งที่ตนตั้งมั่น เป็นผู้ริเริ่มที่ดี เป็นนักคิด
    ข้อเสีย- ต้องต่อสู้ตลอด ถ้าใช้มากไป ชีวิตอาจขึ้นๆลงๆ เป็นคนคิดมาก จนอาจกลายเป็นความเครียด

    ผู้ที่ใช้เลข8 (ราหู)
    มีอำนาจ อิทธิพล เล่ห์เหลี่ยม ชอบความท้าทาย ชอบความเสี่ยง ในทางจีน เลขนี้คือเลข เงิน ในทางยุโรป คือ infinity ไม่มีที่สิ้นสุด
    ข้อเสีย- อาจโลภมาก จนผิดพลาด หรือถูกโกงได้ง่าย ลุ่มหลงมัวเมาได้ง่าย จนอาจละทิ้งคุณธรรมอันดีไป

    ผู้ที่ใช้เลข9 (พระเกตุ)
    ลางสังหรณ์แม่น มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง มักรอดจากอุปสรรคแบบเฉียดฉิวเสมอๆ ชอบศิลปะของแปลก ในไทย เลขนี้พ้องเสียง ว่า ก้าว คือ ก้าวหน้า
    ข้อเสีย- อาจเป็นคนหลายบุคคลิก เพราะความไม่นิ่ง เปลี่ยนไปมาได้ตลอด
    🌸ผู้ใช้เลข 1( พระอาทิตย์)จะมีพลังดึงดูด อำนาจ ชื่อเสียง เกียรติยศ มีความเป็นผู้นำ มุ่งมั่นกับบางสิ่ง ฉลาด ว่องไว มีความเที่ยงตรง และมีเสน่ห์ ข้อเสีย - ใจร้อน หน้าใหญ่ ไม่ยอมเสียหน้า ถือศักดิ์ศรี เป็นเรื่องใหญ่ 🏵️ ผู้ใช้เลข 2 ( พระจันทร์ ) มีความอ่อนหวาน มีความนุ่มนวล มีเสน่ห์แก่ผู้พบเห็น ข้อเสีย- อาจโลเล เชื่องช้าในการตัดสินใจ 🌸ผู้ใช้เลข3 (ดาวอังคาร) เลขของนักรบ มีความกล้าหาญ นักต่อสู้ ขยัน ชอบท้าทาย และชอบแข่งขัน เล่ห์เหลี่ยมมาก ข้อเสีย- ใจนักเลง บางครั้งการเสี่ยงอาจผิดพลาด การใช้เหลี่ยมก็ทำให้มีศัตรูมาก 🌷 ผู้ใช้เลข4 (ดาวพุธ) นักเจรจาชั้นยอด ฉลาด มีไหวพริบปฏิภาณดีเยี่ยม ปรับตัวเก่ง เข้ากับคนอื่นได้ง่าย พูดแล้วคนเชื่อ ข้อเสีย- อาจเป็นคนพูดจากลับไปกลับมา จนกลายเป็นคนกะล่อน ถ้าใช้มากไป 🪷ผู้ใช้เลข 5 (ดาวพฤหัส) เป็นผู้มีความรู้ สติปัญญา เป็นคนใจเย็น และเป็นที่รักใครของผู้ใหญ่ เลขนี้เกื้อหนุน และลดความแรงของเลขอื่นได้ ข้อเสีย-น้อยมาก 🌺 ผู้ที่ใช้เลข 6 (ดาวศุกร์) ความสวยงาม ชอบศิลปะ ความอุดมสมบูรณ์ หรูหรารสนิยมดี มีชื่อเสียง ชอบชีวิตแบบสุขนิยม ชอบความท้าทาย แต่ไม่ค่อยชอบแข่งกับใคร เพราะมองว่า ศัตรูที่คู่ควรคือ ตัวเอง ไม่ชอบความเหน็ดเหนื่อย ข้อเสีย- หลงมัวเมาได้ง่าย ถ้าใช้มากไป ฟุ่มเฟือย ตอบสนองความต้องการของตนทุกรูปแบบ จนบางครั้งขาดความยั้งคิด ั 🏵️ ผู้ที่ใช้เลข7 (ดาวเสาร์) เข้มแข้ง ต่อสู้ อดทน พากเพียรในสิ่งที่ตนตั้งมั่น เป็นผู้ริเริ่มที่ดี เป็นนักคิด ข้อเสีย- ต้องต่อสู้ตลอด ถ้าใช้มากไป ชีวิตอาจขึ้นๆลงๆ เป็นคนคิดมาก จนอาจกลายเป็นความเครียด 🌳ผู้ที่ใช้เลข8 (ราหู) มีอำนาจ อิทธิพล เล่ห์เหลี่ยม ชอบความท้าทาย ชอบความเสี่ยง ในทางจีน เลขนี้คือเลข เงิน ในทางยุโรป คือ infinity ไม่มีที่สิ้นสุด ข้อเสีย- อาจโลภมาก จนผิดพลาด หรือถูกโกงได้ง่าย ลุ่มหลงมัวเมาได้ง่าย จนอาจละทิ้งคุณธรรมอันดีไป ⭐ผู้ที่ใช้เลข9 (พระเกตุ) ลางสังหรณ์แม่น มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครอง มักรอดจากอุปสรรคแบบเฉียดฉิวเสมอๆ ชอบศิลปะของแปลก ในไทย เลขนี้พ้องเสียง ว่า ก้าว คือ ก้าวหน้า ข้อเสีย- อาจเป็นคนหลายบุคคลิก เพราะความไม่นิ่ง เปลี่ยนไปมาได้ตลอด
    0 Comments 0 Shares 162 Views 0 Reviews
  • เหล่าติ่งทั้งหลาย…………มาช่วยส่งกำลังใจให้พี่ปูหน่อยเร้วววว……!!!

    ตอนสี่……เข้ามาจนใกล้……แต่ยังไปไม่ถึง……!!!

    และแล้ว ปูตินก็ได้ดินทางมาสู่ Dresden เยอรมันตะวันออกเพียงลำพังในเดือนสิงหาคม 1985 เพราะลุดมิลายังต้องเลี้ยงดูลูกเล็ก มาเรีย (หรือ มาช่า) จนกว่าจะโตอีกนิดนึง
    เขาเข้าเริ่มงานในสำนักงานฝ่ายความมั่นคงของโซเวียต
    ที่เป็นที่ทำงานเดียวกับ KGB
    ปูตินกลายเป็น “Little Volodya” ในหมู่ของเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา เพราะในหน่วยได้มีชื่อ Vladimir อยู่แล้วสองคน
    คนหนึ่งในหนวด ก็เป็น Mustahios Volodya
    อีกคนหนึ่งร่างยักษ์ ก็เป็น “Big Volodya”
    เขาเริ่มสับสนกับการทำงานในที่นี้ เพราะ เขาไม่ใช่ “Comrade Platov” อย่างควรจะเป็นในระบบของ KGB
    แต่กลายมาเป็น นายทหารธรรมดา ยศพันตรี แปะอกหรา…
    แล้วนี่มันเป็นสายลับชนิดไหนในโลก………!!!

    ต่อมาหลังจากที่เรียนรู้งาน เขาจึงทราบว่า การทำงานแบบอินเตอร์นี้ เขามาอย่างเปิดเผยพร้อมโปรไฟล์ พร้อมพาสปอร์ต
    ก็ต้องเล่นไปตามเกมส์
    งานใต้ดิน……จะแยกออกไปอีกสายหนึ่ง เรียกว่า Stasi (The Ministry for State Security หรือ Staatsischerheitdiest)
    ที่เป็นหน่วยงานของเยอรมันฝ่ายคอมมิวนิสต์ ก่อตั้งในปี 1950
    สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Lichtenberg, East Germany
    ที่ทางรัสเซียจะสั่งการลงไปอีกชั้นหนึ่ง ปูตินจึงกลายมาเป็นทหารนั่งออฟฟิศ คอยประสานกับหน่วยสตาซี
    สำนักงานของ Stasi, Dresden ก็อยู่บนชั้นสองในอาคารเดียวกัน หัวหน้าหน่วย ชื่อว่า Horst Böhm
    วันดีคืนดีก็กวักมือชวนกันไปเล่นฟุตบอล แมช ระหว่าง Stasi vs KGB

    การประสานงานนี้ แม้ว่าพันตรีปูตินจะเชี่ยวชาญในภาษาเยอรมัน แต่ปัญหาอื่นๆก็ตามมาคือการสื่อสารภาษาชาวบ้านในชีวิตประจำวัน ศัพท์แสลง ที่เขาไม่คุ้นเคย
    ทางหน่วยสตาซี จึงส่งเจ้าหน้าที่มาเปิดทำการสอนอย่างติวเข้ม
    และอีกปัญหาหนึ่ง คือ เหล่าทหารเกณฑ์โซเวียตที่ได้มาประจำการในเยอรมัน ต่างกันหลุดวินัย เพราะเปรียบเทียบได้ว่า
    มาสู่เมืองสวรรค์ ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ นุ่กางเกงยีนส์ ดูหนังโป๊
    หรือแม้แต่เหล่านายทหารอีลีทที่มาอยู่ทั้งครอบครัว ก็ใช้จ่ายแบบฟุ้งเฟ้อ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าสารพัด บางคนก็ส่งกลับไปขายในตลาดมืดที่โซเวียต

    ปูตินจึงเปรียบเสมือนกับได้เข้ามาอยู่ในโลกใหม่ เขาเองได้รับเงินเดือนเป็นเงินสดเทียบเท่า หนึ่งร้อยยูเอสดอลล่าร์ (นับว่ามากโข)
    ใครต่อใครบอกเขาว่า การที่ได้มาประจำการที่นี่ คือ สุดยอดของความสุข แต่สำหรับเขานั้น……มันไม่ใช่..!!

    ลุดมิลาและลูกน้อยได้มาถึงในช่วงปลายปี เธอเปิดประตูอพาร์ตเมนต์เข้ามา พบกับตะกร้าใส่กล้วยหอมวางอยู่บนโต๊ะอาหารโด่เด่………ไม่มีแม้แต่ช่อดอกไม้……!!!
    เพียงแค่นั้น เธอก็พอที่จะรู้แล้วว่า……ทุกอย่างจะไม่ใช่เป็นอย่างที่เคยคิด……!!

    เจ้านายสายตรงของปูติน คือ Colonel Lazar Matveyev ที่เข้ากันได้ดีกับปูตินเป็นปี่เป็นขลุ่ย เพราะมีประวัติการเป็นมาคล้ายๆกัน และชื่นชมในตัวลุดมิลา ที่เป็นหญิงฉลาด คล่องแคล่ว ไหวพริบดี
    ปูตินใช้ชีวิตอย่างง่ายๆสบายๆในเดรสเดน และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาไม่ได้ซ้อมยูโดอย่างที่ทำเป็นประจำ อีกทั้งไม่เคยหยิบจับอะไรในเรื่องงานบ้าน ลุดมิลาได้ตั้งครรภ์ที่สอง
    เธอทำทุกอย่างในบ้าน
    รวมทั้งต้องเอาใจสามีที่ค่อนข้าง”เยอะ” ในเรื่องอาการการกิน
    อะไรที่ไม่ชอบ เขาจะไม่แตะเลย
    พอเธอบ่นเข้า……เขางัดเอาคติของรัสเซียโบราณขึ้นมาพูดลอยๆ……ว่า……ผู้หญิงยิ่งเอาใจ ยิ่งเคยตัว..!!!!
    และเขาไม่เคยจำวันครบรอบแต่งงานได้……
    ตอนที่ลุดมิลาจะต้องไปคลอดลูกคนเล็กนอนโรงพยาบาลต่อด้วยการพักฟื้นหลายวัน
    ปูตินจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งเลี้ยงลูก ทำความสะอาด หุงหา ที่เขาบอกว่าเป็นงานที่หนักที่สุดในชีวิต
    ทั้งนี้ทั้งนั้น หลายคนจับในน้ำเสียงได้ว่า เขาผิดหวังมากที่ไม่ได้ลูกชาย……
    ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างสบายเพราะได้ออกไปเที่ยวในวันหยุด มีเครื่องซักผ้า มีสเตอริโอ และมีเกมส์ทีวี (รุ่น Atari) เล่น
    แต่ลุดมิลาไม่มีความสุขเท่าที่ควร เพราะเธอไม่มีเพื่อน
    คบคุยกับใครเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้ เหมือนมีคนคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา สามีก็ไม่เคยเล่าเรื่องอะไรให้ฟังเลย
    แต่ปูตินก็มีเหตุผล……เพราะในหน่วยของเขาก็มีสายลับจากเยอรมันตะวันตกแฝงเข้ามา เท่าที่รู้คือ ล่ามที่เข้ามาทำการแปลให้ เป็นผู้หญิง (จาก BND = Bundesnachrichtendient) ที่มีโค้ดของตัวเองว่า BALCONY ที่เข้ามาทำตัวสนิทสนมกับลุดมิลา จนเธอเชื่อใจ ยอมนินทาสามีให้ฟังว่า เป็นคนเข้มระเบียบ
    มีแอบเจ้าชู้ และชีวิตครอบครัวเริ่มมีปัญหา

    ปี 1986 ที่โซเวียตเริ่มมีปัญหาภายในเพราะสภาพเศรษฐกิจ
    ส่วนภายนอกคือความกดดันจากองค์กร NATO จนท่านผู้นำ
    Mikhail Gorbachev ยอมอ่อนข้อให้ในเรื่องเครียดๆของสงครามเย็น
    ปี 1987 ปูตินได้เลื่อนยศเป็น พันโท และเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ นั่นหมายถึงเป็นเบอร์สองขององค์กร ใน Dresden ที่ต้องคอยควบคุมพฤติกรรมทุกย่างก้าวของผู้ใต้บังคับบัญชา ที่เข้มถึงขนาดห้ามมีการถ่ายรูปภายในบริเวณ
    สถานการณ์เริ่มอึมครึมในระหว่างกลุ่ม KGB และ Stasi
    เพราะกลุ่มสายลับตะวันตกเริ่มมีบทบาทเข้ามาเกี่ยวข้องทางตะวันออกมากขึ้น มันบ่งบอกถึงสัญญาณอะไรบางอย่าง
    และ……นั่นคือ การลงนามระหว่างโรนัล รีแกน กับ กอร์บาเชฟ ในเรื่องสนธิสัญญาสันติภาพในขีปนาวุธนิวเคลียร์ในยุโรป
    (จำกัดจำนวน ถ้ามีเกิน ทำลายทิ้ง) ที่เกิดขึ้นในเดือนต่อมา

    สัญญาณนั้นชี้ไปในทางทิศที่ว่า สงครามเย็นอาจจะจบสิ้นในไม่ช้า เพราะกอร์บาเชฟได้เห็นแล้วว่าโซเวียตยังล้าหลังจากยุโรปไปมาก ควรจะต้องเปิดใจปรับปรุงให้เป็นคอมมิวนิสต์ที่พัฒนาและยอมรับความจริง
    เพียงแต่……เหล่าสีแดงเข้ม ไม่เข้าใจ และไม่พอใจ เห็นต่างกับนโยบายของท่านผู้นำ
    เมื่อโซเวียตเริ่มอ่อนกำลัง ปี 1989 ฮังการีได้เปิดพรมแดนที่ติดกับออสเตรีย ให้คนต่างเดินทางไปมาหาสู่ได้
    นั่นคือที่มาของความระส่ำระสายในเยอรมันตะวันออก ที่ต่างเรียกร้องให้เปิดพรมแดน รวมทั้งเบอร์ลิน
    มีการเดินขบวนเรียกร้อง มีการลุกฮือก่อการวุ่นวายที่นั่นที่นี่
    ผู้พันปูตินเริ่มรู้สึกว่า หน่วยของเขาเริ่มถูกตัดรอนไปจากมอสโคว์ เพราะไม่ว่าจะส่งรายงานอะไรไปก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา
    อ่านบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!!

    ในที่สุดกำแพงเบอร์ลินได้ถูกทะลายลงในคืนวันที่ 9 พฤศจิกายน 1989 เกิดการชุมนุมขึ้นในทุกหย่อมหญ้าของแผ่นดิน
    ใน Dresden วันที่ 5 ธันวาคม ที่คนจำนวนร้อยๆได้มุ่งหน้ามาที่สำนักงาน KGB ผู้พันปูตินได้มองเห็นการเคลื่อนตัวมาจากชั้นบนของอาคาร
    จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา…มวลชนเพิ่มเป็นจำนวนพัน……เมื่อถึงหน้าประตู ทุกคนอยู่ในสภาพคลั่ง โกรธแค้น ขว้างปา ด่าทอ
    เสียงคนตะโกนว่า ……ในอาคารมีช่องทางลับที่จะมุ่งไปสู่โรเมเนีย…มีคุกที่ทรมานนักโทษให้จมน้ำอยู่ครึ่งตัว…
    ตอนนั้น……ผู้พันปูตินขำไม่ออก……กับเรื่องเพ้อเจ้อที่แต่งกันขึ้นมาเพื่อที่จะเกลียดชังโซเวียต
    ที่ขำไม่ออก……เพราะเขาทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากมอสโคว์
    ซึ่ง……ไม่ว่าจะส่งโทรเลขไปกี่ครั้ง แต่……ไม่มีคำตอบใดๆกลับมา……!!
    ณ. นาทีนั้น เขาได้รู้ได้ทันทีว่า…ไม่มีโซเวียตอีกต่อไป ระบอบระบบทุกอย่างได้ล่มลงหมดแล้ว

    เขาตัดสินใจแต่งเครื่องแบบออกไป ไม่มีอาวุธ (เขาเอาปืนและบัตรประจำตัวสายลับไว้ในเซฟ) ออกพบกับฝูงชนเมื่อเวลาเที่ยงคืน พร้อมกับทหารอีกหยิบมือ เป็นการเจรจาที่มีรั้วเหล็กกั้น
    ฝ่ายมวลชนพยายามที่จะผลักประตูเข้ามา……
    ผู้พันปูตินประกาศด้วยภาษาเยอรมันที่ชัดเจน จนทุกคนประหลาดใจ ว่า…
    “สถานที่นี้เป็นของรัฐบาลโซเวียต ที่ฝ่ายมั่นคงข้างในได้มีการเตรียมพร้อมรับมือด้วยอาวุธ…หากว่ามีการล่วงล้ำเข้ามา
    ทุกคนรอฟังคำสั่งและสัญญาณจากผมเท่านั้น……กรุณารักษาความสงบ……”
    ได้ผลเกินร้อย……ทุกคนสงบลง เสียงโห่ร้องกลายเป็นการสนทนาสู่กันเบาๆ
    แล้ว……ผู้พันปูตินก็เดินหันหลังกลับเข้าไป…!!!

    ทุกอย่างที่ว่ามา……ไม่มีทั้งสิ้น ไม่มีกำลังพล ไม่มีอาวุธ มีแต่เจ้าหน้าที่เด็กๆที่ช่วยกันทำลายเผาเอกสารสำคัญกันทั้งวันทั้งคืน
    แต่……การที่ไม่ได้รับคำตอบใดๆจากมอสโคว์………ยังเป็นฝันร้ายของผู้พันปูตินจนถึงทุกวันนี้……!!!

    เดือนกุมภาพันธ์ 1990 ผู้พันปูตินและลุดมิลาได้เตรียมตัวจัดกระเป๋า หีบห่อสัมภาระกลับสู่โซเวียต เขามีเงินเก็บไม่มากนักจากเงินเดือนที่ได้รับ ข้าวของจะถูกส่งกลับไปทางเรือ ส่วนเขา ลุดมิลาและลูกทั้งสองจะกลับทางรถไฟสู่มอสโคว์
    ระหว่างเดินทางกลับ เสื้อโค้ดและกระเป๋าถือของลุดมิลาถูกขโมยในระหว่างทาง……

    การกลับเข้าสู่ดินแดนของโซเวียตในครั้งนี้ ที่เขาต้องเจอกับความขาดแคลนไปในทุกสิ่ง ผู้คนที่ต้องใช้คูปองสงเคราะห์ในการซื้ออาหาร ข้าวของขาดตลาด การว่างงาน……
    แม้แต่ตัวผู้พันปูตินเอง ตั้งแต่ต้นปี 1990 จนผ่านมาสามเดือนก็ยังไม่ได้รับเงินเดือน……ส่วนอาคารสงเคราะห์ที่จะเป็นที่อยู่อาศัยก็ยังไม่มี เพราะทุกแห่งเต็มไปหมด ถ้าจะรอก็ต้องใช้เวลาเป็นปี
    แต่ตัวปูตินเอง……เขาหมดความมั่นใจในการบริหารงานของรัฐบาลโซเวียต แม้ว่าจะถูกเสนองานใหม่ให้ในมอสโคว์
    ก็ยังปฏิเสธ……เขาอยากกลับไปที่เลนินกราดบ้านเกิด อย่างน้อยก็ไปอยู่กับพ่อแม่ได้…

    ที่เลนินกราด……เขาได้งานใหม่ (แต่ยังเป็น KGB) ในหน้าที่คณบดี ฝ่ายการเมืองต่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัย
    เลนินกราด (ที่เขาจบมา) หน้าที่ของเขาคือ ส่ายตาสอดส่องนักศึกษาและคนแปลกหน้า เท่ากับว่า เขาทำหน้าที่เช่นเดียวกับ Oleg Kalugin คนที่เคยนำเขาเข้าสู่ KGB เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษากฎหมายเมื่อปี 1975
    ปูตินเคยบ่นปรับทุกข์กับเพื่อนรัก Sergei Roldugin ว่าเขาอยากลาออกจากการเป็น KGB
    แต่คำตอบที่ได้รับคือ ……”นายเคยเห็นหรือได้ยินคำว่า อดีตสายลับบ้างไหม……ไม่เคยละซิ เพราะถ้านายเป็น KGB แล้ว นายก็จะเป็นตลอดไป ต่อให้ไม่ได้อยู่ในองค์กร แต่นายก็ยังเป็น……เพราะ……มันคือจิตวิญญาณ……!!!”

    ที่มหาวิทยาลัย มีนักกฎหมายรุ่นพี่ที่จบจากที่เดียวกัน Anatoly Sobchak ที่เป็นผู้ที่เลื่อมใสระบอบประชาธิปไตยโดยใช้กฎหมายบังคับ เขาชอบเล่นการเมือง (เป็นฝ่ายตรงข้ามกับคอมมิวนิสต์)
    อนาโตลี มีความเลื่อมใสในกลุ่มนักกฏหมายไฟแรงที่หนึ่งในนั้น คือ Boris Yeltzin ที่ได้เป็นถึงหนึ่งคณะมนตรีในมอสโคว์
    อนาโตลี ต้องการใช้กฎหมายแบบระบบสากล คือ ไม่ว่าทหาร หรือ KGB ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเช่นคนอื่นๆ หากว่ามีความผิด ดังที่เขาพยายามที่จะขัดค้นในเรื่องการสังหารหมู่ในชนกลุ่มน้อยที่เกิดขึ้นในลิธัวเนีย, อาร์เมเนีย และ อาเซอร์ไบจาน

    อนาโตลี ได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกเทศมนตรี เลนินกราด……
    เขามีความรู้ มีความสามารถทางด้านวิชาการ เป็นนักพูดที่ดี
    แต่ไม่มีประสบการณ์กับชาวบ้าน และ การเป็นนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยในบ้านเมืองที่ยังถูกควบคุมในระบอบคอมมิวนิสต์นั้น มันไม่น่าจะง่าย……
    เขาจึงติดต่อไปที่ Oleg Kalugin หัวหน้าหน่วยสายลับผู้เป็นเพื่อนรัก เพื่อช่วยหาคนที่ไว้ใจได้ รอบรู้ ให้มาช่วยงาน
    โอเลก……ได้ให้รายชื่อไปสองสามคน แต่ อนาโตลี บอกว่า
    มันชัดเจนไปเพราะผู้คนรู้จักแล้ว เขาอยากได้คนที่โนเนม และเป็นคนธรรมดาๆมากกว่า
    ชื่อของ Vladimir Putin จึงถูกเสนอขึ้นไป
    อนาโตลี……รับข้อเสนอนี้ทันที เพราะนอกจากคุณสมบัติล้นเหลือแล้ว ยังเป็นรุ่นน้องที่จบมาจากที่เดียวกันด้วย

    ในเดือนพฤษภาคม ปูตินไปพบกับอนาโตลี ในที่ทำงานที่
    Mariinsky Palace ที่อนาโตลีได้บอกให้เขาเข้ามาทำงานในวันจันทร์ได้เลย……
    ปูติน……ตอบว่า……
    “เดี๋ยวก่อนครับ……ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจ ผมต้องขอเรียนให้ทราบก่อนว่า นอกจากจะเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัยแล้ว……
    งานหลัก……ผมยังเป็น KGB อีกด้วย”

    เป็นการประจันหน้ากันระหว่าง อนาโตลี ผู้ใฝ่ประชาธิปไตย กับ
    วลาดิเมียร์ ปูติน สายลับใต้ดินตัวเก่งของโซเวียต…!!!

    ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน……แต่เพียงอึดใจเดียว
    อนาโตลีได้เข้ามาตบบ่าปูติน และบอกว่า…
    “KGB ก็ KGB ซิวะ………ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยนี่………!!!!

    Wiwanda W. Vichit
    เหล่าติ่งทั้งหลาย…………มาช่วยส่งกำลังใจให้พี่ปูหน่อยเร้วววว……!!! ตอนสี่……เข้ามาจนใกล้……แต่ยังไปไม่ถึง……!!! และแล้ว ปูตินก็ได้ดินทางมาสู่ Dresden เยอรมันตะวันออกเพียงลำพังในเดือนสิงหาคม 1985 เพราะลุดมิลายังต้องเลี้ยงดูลูกเล็ก มาเรีย (หรือ มาช่า) จนกว่าจะโตอีกนิดนึง เขาเข้าเริ่มงานในสำนักงานฝ่ายความมั่นคงของโซเวียต ที่เป็นที่ทำงานเดียวกับ KGB ปูตินกลายเป็น “Little Volodya” ในหมู่ของเพื่อนร่วมงานและผู้บังคับบัญชา เพราะในหน่วยได้มีชื่อ Vladimir อยู่แล้วสองคน คนหนึ่งในหนวด ก็เป็น Mustahios Volodya อีกคนหนึ่งร่างยักษ์ ก็เป็น “Big Volodya” เขาเริ่มสับสนกับการทำงานในที่นี้ เพราะ เขาไม่ใช่ “Comrade Platov” อย่างควรจะเป็นในระบบของ KGB แต่กลายมาเป็น นายทหารธรรมดา ยศพันตรี แปะอกหรา… แล้วนี่มันเป็นสายลับชนิดไหนในโลก………!!! ต่อมาหลังจากที่เรียนรู้งาน เขาจึงทราบว่า การทำงานแบบอินเตอร์นี้ เขามาอย่างเปิดเผยพร้อมโปรไฟล์ พร้อมพาสปอร์ต ก็ต้องเล่นไปตามเกมส์ งานใต้ดิน……จะแยกออกไปอีกสายหนึ่ง เรียกว่า Stasi (The Ministry for State Security หรือ Staatsischerheitdiest) ที่เป็นหน่วยงานของเยอรมันฝ่ายคอมมิวนิสต์ ก่อตั้งในปี 1950 สำนักงานใหญ่อยู่ที่ Lichtenberg, East Germany ที่ทางรัสเซียจะสั่งการลงไปอีกชั้นหนึ่ง ปูตินจึงกลายมาเป็นทหารนั่งออฟฟิศ คอยประสานกับหน่วยสตาซี สำนักงานของ Stasi, Dresden ก็อยู่บนชั้นสองในอาคารเดียวกัน หัวหน้าหน่วย ชื่อว่า Horst Böhm วันดีคืนดีก็กวักมือชวนกันไปเล่นฟุตบอล แมช ระหว่าง Stasi vs KGB การประสานงานนี้ แม้ว่าพันตรีปูตินจะเชี่ยวชาญในภาษาเยอรมัน แต่ปัญหาอื่นๆก็ตามมาคือการสื่อสารภาษาชาวบ้านในชีวิตประจำวัน ศัพท์แสลง ที่เขาไม่คุ้นเคย ทางหน่วยสตาซี จึงส่งเจ้าหน้าที่มาเปิดทำการสอนอย่างติวเข้ม และอีกปัญหาหนึ่ง คือ เหล่าทหารเกณฑ์โซเวียตที่ได้มาประจำการในเยอรมัน ต่างกันหลุดวินัย เพราะเปรียบเทียบได้ว่า มาสู่เมืองสวรรค์ ดื่มเหล้า ดื่มเบียร์ นุ่กางเกงยีนส์ ดูหนังโป๊ หรือแม้แต่เหล่านายทหารอีลีทที่มาอยู่ทั้งครอบครัว ก็ใช้จ่ายแบบฟุ้งเฟ้อ เสื้อผ้า เครื่องใช้ไฟฟ้าสารพัด บางคนก็ส่งกลับไปขายในตลาดมืดที่โซเวียต ปูตินจึงเปรียบเสมือนกับได้เข้ามาอยู่ในโลกใหม่ เขาเองได้รับเงินเดือนเป็นเงินสดเทียบเท่า หนึ่งร้อยยูเอสดอลล่าร์ (นับว่ามากโข) ใครต่อใครบอกเขาว่า การที่ได้มาประจำการที่นี่ คือ สุดยอดของความสุข แต่สำหรับเขานั้น……มันไม่ใช่..!! ลุดมิลาและลูกน้อยได้มาถึงในช่วงปลายปี เธอเปิดประตูอพาร์ตเมนต์เข้ามา พบกับตะกร้าใส่กล้วยหอมวางอยู่บนโต๊ะอาหารโด่เด่………ไม่มีแม้แต่ช่อดอกไม้……!!! เพียงแค่นั้น เธอก็พอที่จะรู้แล้วว่า……ทุกอย่างจะไม่ใช่เป็นอย่างที่เคยคิด……!! เจ้านายสายตรงของปูติน คือ Colonel Lazar Matveyev ที่เข้ากันได้ดีกับปูตินเป็นปี่เป็นขลุ่ย เพราะมีประวัติการเป็นมาคล้ายๆกัน และชื่นชมในตัวลุดมิลา ที่เป็นหญิงฉลาด คล่องแคล่ว ไหวพริบดี ปูตินใช้ชีวิตอย่างง่ายๆสบายๆในเดรสเดน และเป็นครั้งแรกในชีวิตที่เขาไม่ได้ซ้อมยูโดอย่างที่ทำเป็นประจำ อีกทั้งไม่เคยหยิบจับอะไรในเรื่องงานบ้าน ลุดมิลาได้ตั้งครรภ์ที่สอง เธอทำทุกอย่างในบ้าน รวมทั้งต้องเอาใจสามีที่ค่อนข้าง”เยอะ” ในเรื่องอาการการกิน อะไรที่ไม่ชอบ เขาจะไม่แตะเลย พอเธอบ่นเข้า……เขางัดเอาคติของรัสเซียโบราณขึ้นมาพูดลอยๆ……ว่า……ผู้หญิงยิ่งเอาใจ ยิ่งเคยตัว..!!!! และเขาไม่เคยจำวันครบรอบแต่งงานได้…… ตอนที่ลุดมิลาจะต้องไปคลอดลูกคนเล็กนอนโรงพยาบาลต่อด้วยการพักฟื้นหลายวัน ปูตินจะต้องทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ทั้งเลี้ยงลูก ทำความสะอาด หุงหา ที่เขาบอกว่าเป็นงานที่หนักที่สุดในชีวิต ทั้งนี้ทั้งนั้น หลายคนจับในน้ำเสียงได้ว่า เขาผิดหวังมากที่ไม่ได้ลูกชาย…… ทั้งคู่ใช้ชีวิตอย่างสบายเพราะได้ออกไปเที่ยวในวันหยุด มีเครื่องซักผ้า มีสเตอริโอ และมีเกมส์ทีวี (รุ่น Atari) เล่น แต่ลุดมิลาไม่มีความสุขเท่าที่ควร เพราะเธอไม่มีเพื่อน คบคุยกับใครเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้ เหมือนมีคนคอยจับจ้องอยู่ตลอดเวลา สามีก็ไม่เคยเล่าเรื่องอะไรให้ฟังเลย แต่ปูตินก็มีเหตุผล……เพราะในหน่วยของเขาก็มีสายลับจากเยอรมันตะวันตกแฝงเข้ามา เท่าที่รู้คือ ล่ามที่เข้ามาทำการแปลให้ เป็นผู้หญิง (จาก BND = Bundesnachrichtendient) ที่มีโค้ดของตัวเองว่า BALCONY ที่เข้ามาทำตัวสนิทสนมกับลุดมิลา จนเธอเชื่อใจ ยอมนินทาสามีให้ฟังว่า เป็นคนเข้มระเบียบ มีแอบเจ้าชู้ และชีวิตครอบครัวเริ่มมีปัญหา ปี 1986 ที่โซเวียตเริ่มมีปัญหาภายในเพราะสภาพเศรษฐกิจ ส่วนภายนอกคือความกดดันจากองค์กร NATO จนท่านผู้นำ Mikhail Gorbachev ยอมอ่อนข้อให้ในเรื่องเครียดๆของสงครามเย็น ปี 1987 ปูตินได้เลื่อนยศเป็น พันโท และเลื่อนตำแหน่งเป็นผู้ช่วยผู้อำนวยการ นั่นหมายถึงเป็นเบอร์สองขององค์กร ใน Dresden ที่ต้องคอยควบคุมพฤติกรรมทุกย่างก้าวของผู้ใต้บังคับบัญชา ที่เข้มถึงขนาดห้ามมีการถ่ายรูปภายในบริเวณ สถานการณ์เริ่มอึมครึมในระหว่างกลุ่ม KGB และ Stasi เพราะกลุ่มสายลับตะวันตกเริ่มมีบทบาทเข้ามาเกี่ยวข้องทางตะวันออกมากขึ้น มันบ่งบอกถึงสัญญาณอะไรบางอย่าง และ……นั่นคือ การลงนามระหว่างโรนัล รีแกน กับ กอร์บาเชฟ ในเรื่องสนธิสัญญาสันติภาพในขีปนาวุธนิวเคลียร์ในยุโรป (จำกัดจำนวน ถ้ามีเกิน ทำลายทิ้ง) ที่เกิดขึ้นในเดือนต่อมา สัญญาณนั้นชี้ไปในทางทิศที่ว่า สงครามเย็นอาจจะจบสิ้นในไม่ช้า เพราะกอร์บาเชฟได้เห็นแล้วว่าโซเวียตยังล้าหลังจากยุโรปไปมาก ควรจะต้องเปิดใจปรับปรุงให้เป็นคอมมิวนิสต์ที่พัฒนาและยอมรับความจริง เพียงแต่……เหล่าสีแดงเข้ม ไม่เข้าใจ และไม่พอใจ เห็นต่างกับนโยบายของท่านผู้นำ เมื่อโซเวียตเริ่มอ่อนกำลัง ปี 1989 ฮังการีได้เปิดพรมแดนที่ติดกับออสเตรีย ให้คนต่างเดินทางไปมาหาสู่ได้ นั่นคือที่มาของความระส่ำระสายในเยอรมันตะวันออก ที่ต่างเรียกร้องให้เปิดพรมแดน รวมทั้งเบอร์ลิน มีการเดินขบวนเรียกร้อง มีการลุกฮือก่อการวุ่นวายที่นั่นที่นี่ ผู้พันปูตินเริ่มรู้สึกว่า หน่วยของเขาเริ่มถูกตัดรอนไปจากมอสโคว์ เพราะไม่ว่าจะส่งรายงานอะไรไปก็ไม่ได้รับคำตอบกลับมา อ่านบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้…?!! ในที่สุดกำแพงเบอร์ลินได้ถูกทะลายลงในคืนวันที่ 9 พฤศจิกายน 1989 เกิดการชุมนุมขึ้นในทุกหย่อมหญ้าของแผ่นดิน ใน Dresden วันที่ 5 ธันวาคม ที่คนจำนวนร้อยๆได้มุ่งหน้ามาที่สำนักงาน KGB ผู้พันปูตินได้มองเห็นการเคลื่อนตัวมาจากชั้นบนของอาคาร จากนั้นไม่กี่ชั่วโมงต่อมา…มวลชนเพิ่มเป็นจำนวนพัน……เมื่อถึงหน้าประตู ทุกคนอยู่ในสภาพคลั่ง โกรธแค้น ขว้างปา ด่าทอ เสียงคนตะโกนว่า ……ในอาคารมีช่องทางลับที่จะมุ่งไปสู่โรเมเนีย…มีคุกที่ทรมานนักโทษให้จมน้ำอยู่ครึ่งตัว… ตอนนั้น……ผู้พันปูตินขำไม่ออก……กับเรื่องเพ้อเจ้อที่แต่งกันขึ้นมาเพื่อที่จะเกลียดชังโซเวียต ที่ขำไม่ออก……เพราะเขาทำอะไรไม่ได้ ถ้าไม่ได้รับคำสั่งจากมอสโคว์ ซึ่ง……ไม่ว่าจะส่งโทรเลขไปกี่ครั้ง แต่……ไม่มีคำตอบใดๆกลับมา……!! ณ. นาทีนั้น เขาได้รู้ได้ทันทีว่า…ไม่มีโซเวียตอีกต่อไป ระบอบระบบทุกอย่างได้ล่มลงหมดแล้ว เขาตัดสินใจแต่งเครื่องแบบออกไป ไม่มีอาวุธ (เขาเอาปืนและบัตรประจำตัวสายลับไว้ในเซฟ) ออกพบกับฝูงชนเมื่อเวลาเที่ยงคืน พร้อมกับทหารอีกหยิบมือ เป็นการเจรจาที่มีรั้วเหล็กกั้น ฝ่ายมวลชนพยายามที่จะผลักประตูเข้ามา…… ผู้พันปูตินประกาศด้วยภาษาเยอรมันที่ชัดเจน จนทุกคนประหลาดใจ ว่า… “สถานที่นี้เป็นของรัฐบาลโซเวียต ที่ฝ่ายมั่นคงข้างในได้มีการเตรียมพร้อมรับมือด้วยอาวุธ…หากว่ามีการล่วงล้ำเข้ามา ทุกคนรอฟังคำสั่งและสัญญาณจากผมเท่านั้น……กรุณารักษาความสงบ……” ได้ผลเกินร้อย……ทุกคนสงบลง เสียงโห่ร้องกลายเป็นการสนทนาสู่กันเบาๆ แล้ว……ผู้พันปูตินก็เดินหันหลังกลับเข้าไป…!!! ทุกอย่างที่ว่ามา……ไม่มีทั้งสิ้น ไม่มีกำลังพล ไม่มีอาวุธ มีแต่เจ้าหน้าที่เด็กๆที่ช่วยกันทำลายเผาเอกสารสำคัญกันทั้งวันทั้งคืน แต่……การที่ไม่ได้รับคำตอบใดๆจากมอสโคว์………ยังเป็นฝันร้ายของผู้พันปูตินจนถึงทุกวันนี้……!!! เดือนกุมภาพันธ์ 1990 ผู้พันปูตินและลุดมิลาได้เตรียมตัวจัดกระเป๋า หีบห่อสัมภาระกลับสู่โซเวียต เขามีเงินเก็บไม่มากนักจากเงินเดือนที่ได้รับ ข้าวของจะถูกส่งกลับไปทางเรือ ส่วนเขา ลุดมิลาและลูกทั้งสองจะกลับทางรถไฟสู่มอสโคว์ ระหว่างเดินทางกลับ เสื้อโค้ดและกระเป๋าถือของลุดมิลาถูกขโมยในระหว่างทาง…… การกลับเข้าสู่ดินแดนของโซเวียตในครั้งนี้ ที่เขาต้องเจอกับความขาดแคลนไปในทุกสิ่ง ผู้คนที่ต้องใช้คูปองสงเคราะห์ในการซื้ออาหาร ข้าวของขาดตลาด การว่างงาน…… แม้แต่ตัวผู้พันปูตินเอง ตั้งแต่ต้นปี 1990 จนผ่านมาสามเดือนก็ยังไม่ได้รับเงินเดือน……ส่วนอาคารสงเคราะห์ที่จะเป็นที่อยู่อาศัยก็ยังไม่มี เพราะทุกแห่งเต็มไปหมด ถ้าจะรอก็ต้องใช้เวลาเป็นปี แต่ตัวปูตินเอง……เขาหมดความมั่นใจในการบริหารงานของรัฐบาลโซเวียต แม้ว่าจะถูกเสนองานใหม่ให้ในมอสโคว์ ก็ยังปฏิเสธ……เขาอยากกลับไปที่เลนินกราดบ้านเกิด อย่างน้อยก็ไปอยู่กับพ่อแม่ได้… ที่เลนินกราด……เขาได้งานใหม่ (แต่ยังเป็น KGB) ในหน้าที่คณบดี ฝ่ายการเมืองต่างประเทศ ที่มหาวิทยาลัย เลนินกราด (ที่เขาจบมา) หน้าที่ของเขาคือ ส่ายตาสอดส่องนักศึกษาและคนแปลกหน้า เท่ากับว่า เขาทำหน้าที่เช่นเดียวกับ Oleg Kalugin คนที่เคยนำเขาเข้าสู่ KGB เมื่อครั้งยังเป็นนักศึกษากฎหมายเมื่อปี 1975 ปูตินเคยบ่นปรับทุกข์กับเพื่อนรัก Sergei Roldugin ว่าเขาอยากลาออกจากการเป็น KGB แต่คำตอบที่ได้รับคือ ……”นายเคยเห็นหรือได้ยินคำว่า อดีตสายลับบ้างไหม……ไม่เคยละซิ เพราะถ้านายเป็น KGB แล้ว นายก็จะเป็นตลอดไป ต่อให้ไม่ได้อยู่ในองค์กร แต่นายก็ยังเป็น……เพราะ……มันคือจิตวิญญาณ……!!!” ที่มหาวิทยาลัย มีนักกฎหมายรุ่นพี่ที่จบจากที่เดียวกัน Anatoly Sobchak ที่เป็นผู้ที่เลื่อมใสระบอบประชาธิปไตยโดยใช้กฎหมายบังคับ เขาชอบเล่นการเมือง (เป็นฝ่ายตรงข้ามกับคอมมิวนิสต์) อนาโตลี มีความเลื่อมใสในกลุ่มนักกฏหมายไฟแรงที่หนึ่งในนั้น คือ Boris Yeltzin ที่ได้เป็นถึงหนึ่งคณะมนตรีในมอสโคว์ อนาโตลี ต้องการใช้กฎหมายแบบระบบสากล คือ ไม่ว่าทหาร หรือ KGB ต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเช่นคนอื่นๆ หากว่ามีความผิด ดังที่เขาพยายามที่จะขัดค้นในเรื่องการสังหารหมู่ในชนกลุ่มน้อยที่เกิดขึ้นในลิธัวเนีย, อาร์เมเนีย และ อาเซอร์ไบจาน อนาโตลี ได้รับเลือกตั้งให้เป็นนายกเทศมนตรี เลนินกราด…… เขามีความรู้ มีความสามารถทางด้านวิชาการ เป็นนักพูดที่ดี แต่ไม่มีประสบการณ์กับชาวบ้าน และ การเป็นนักการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยในบ้านเมืองที่ยังถูกควบคุมในระบอบคอมมิวนิสต์นั้น มันไม่น่าจะง่าย…… เขาจึงติดต่อไปที่ Oleg Kalugin หัวหน้าหน่วยสายลับผู้เป็นเพื่อนรัก เพื่อช่วยหาคนที่ไว้ใจได้ รอบรู้ ให้มาช่วยงาน โอเลก……ได้ให้รายชื่อไปสองสามคน แต่ อนาโตลี บอกว่า มันชัดเจนไปเพราะผู้คนรู้จักแล้ว เขาอยากได้คนที่โนเนม และเป็นคนธรรมดาๆมากกว่า ชื่อของ Vladimir Putin จึงถูกเสนอขึ้นไป อนาโตลี……รับข้อเสนอนี้ทันที เพราะนอกจากคุณสมบัติล้นเหลือแล้ว ยังเป็นรุ่นน้องที่จบมาจากที่เดียวกันด้วย ในเดือนพฤษภาคม ปูตินไปพบกับอนาโตลี ในที่ทำงานที่ Mariinsky Palace ที่อนาโตลีได้บอกให้เขาเข้ามาทำงานในวันจันทร์ได้เลย…… ปูติน……ตอบว่า…… “เดี๋ยวก่อนครับ……ก่อนที่ท่านจะตัดสินใจ ผมต้องขอเรียนให้ทราบก่อนว่า นอกจากจะเป็นคณบดีที่มหาวิทยาลัยแล้ว…… งานหลัก……ผมยังเป็น KGB อีกด้วย” เป็นการประจันหน้ากันระหว่าง อนาโตลี ผู้ใฝ่ประชาธิปไตย กับ วลาดิเมียร์ ปูติน สายลับใต้ดินตัวเก่งของโซเวียต…!!! ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน……แต่เพียงอึดใจเดียว อนาโตลีได้เข้ามาตบบ่าปูติน และบอกว่า… “KGB ก็ KGB ซิวะ………ไม่เห็นแปลกตรงไหนเลยนี่………!!!! Wiwanda W. Vichit
    0 Comments 0 Shares 731 Views 0 Reviews
  • สิ่งที่ควบคุมได้ยากที่สุดของมนุษย์
    ในเรื่องของการลงทุน นั่นคือ "ความโลภ"
    วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ
    มารู้ถึงเหตุผลที่ "ความโลภ" สามารถทำให้
    พอร์ตการลงทุน ของเราพังได้ ซึ่งมี 5 ข้อดังนี้

    1. การตัดสินใจที่ไม่รอบคอบ
    เมือถูกความโลภเข้าครอบงำ เรามักตัดสินใจลงทุน
    โดยใช้อารมณ์และไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ
    รอบด้าน โดยเฉพาะการเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์
    ที่มีความเสี่ยงสูง โดยหวังว่าจะได้ผลตอบแทนง่ายๆ
    ในระยะเวลาอันสั้นชั่วพริบตา แต่ผลปรากฏว่า
    เกิดการขาดทุนอย่างหนัก ตามมา

    2. การตามกระแส
    ความโลภ มักทำให้เราเกิดอาการลงทุนตามกระแส
    หรือ กลัวตกรถ โดยไม่ได้พิจารณาถึงราคา และ
    ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นตัวนั้นๆ ว่าราคาได้ปรับตัวขึ้นไป
    สูงแล้วหรือไม่ เมือเราเข้าซื้อในช่วงราคาสูงๆ
    เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน และเกิดแรงขายที่รุนแรง
    ตามมา จะส่งผลให้เราขาดทุนหนักได้

    3. การถือครองสินทรัพย์ที่ขาดปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน
    ด้วยความโลภ เราจึงมักเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ไม่มีปัจจัย
    พื้นฐานมาสนับสนุน เพราะมองเพียงว่า จะได้กำไร
    ในสินทรัพย์นั้นๆ ได้ง่ายๆ แต่ส่วนมากแล้วกับประสบปัญหา
    การขาดทุนตามมา

    4. การไม่พิจารณาความเสี่ยง
    เพราะความโลภ จึงทำให้เราเข้าลงทุน ในสินทรัพย์ใดๆ
    โดยไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ เช่น หุ้นตัวนั้น
    มีราคาปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า ปัจจัยพื้นฐานรองรับ
    เช่น มีกำไรสุทธินิดเดียว แต่ราคาปรับตัวสูงขึ้น
    มากกว่า 50% เป็นต้น ซึ่งเมื่อเราเข้าไปซื้อ
    ราคามักเกิดการเทขายทำกำไรออกมา
    ส่งผลให้เราขาดทุนได้

    5. การขาดการวางแผน
    การลงทุนที่ใช้ความโลภ เป็นตัวขับเคลื่อน
    มักจะไม่มีเป้าหมาย ไม่มีแผนการที่ชัดเจน และ
    ขาดความรอบคอบ ขาดความระมัดระวังในการลงทุน
    รวมทั้ง ไม่มีการจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม
    ทำให้พอร์ตการลงทุนมีความเสี่ยงสูง และ
    พังได้ จากการขาดทุนหนัก เมื่อเข้าลงทุน
    ในสิ่งที่ไม่ได้ศึกษาให้รอบด้านก่อน

    นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่าง 5 เหตุผล
    ที่ความโลภทำให้พอร์ตการลงทุน
    ของเราพังได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังมีอีกหลายๆ
    ปัจจัยประกอบร่วมด้วย ที่ทำให้พอร์ตการลงทุน
    ของเราเสียหาย ดังนั้นก่อนการลงทุนทุกครั้ง
    เราควรลงทุนโดยใช้ความรู้ มีสติ ไม่ถูกครอบงำ
    ด้วยความโลภ ก็จะสามารถทำให้พอร์ตการลงทุน
    ของเราปลอดภัยมากยิ่งขึ้นได้ครับ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ความโลภ #thaitimes
    🔥🔥สิ่งที่ควบคุมได้ยากที่สุดของมนุษย์ ในเรื่องของการลงทุน นั่นคือ "ความโลภ" วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย จะพาเพื่อนๆ มารู้ถึงเหตุผลที่ "ความโลภ" สามารถทำให้ พอร์ตการลงทุน ของเราพังได้ ซึ่งมี 5 ข้อดังนี้ 🚩1. การตัดสินใจที่ไม่รอบคอบ เมือถูกความโลภเข้าครอบงำ เรามักตัดสินใจลงทุน โดยใช้อารมณ์และไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ รอบด้าน โดยเฉพาะการเข้าไปลงทุนในสินทรัพย์ ที่มีความเสี่ยงสูง โดยหวังว่าจะได้ผลตอบแทนง่ายๆ ในระยะเวลาอันสั้นชั่วพริบตา แต่ผลปรากฏว่า เกิดการขาดทุนอย่างหนัก ตามมา 🚩2. การตามกระแส ความโลภ มักทำให้เราเกิดอาการลงทุนตามกระแส หรือ กลัวตกรถ โดยไม่ได้พิจารณาถึงราคา และ ปัจจัยพื้นฐานของหุ้นตัวนั้นๆ ว่าราคาได้ปรับตัวขึ้นไป สูงแล้วหรือไม่ เมือเราเข้าซื้อในช่วงราคาสูงๆ เมื่อสถานการณ์เปลี่ยน และเกิดแรงขายที่รุนแรง ตามมา จะส่งผลให้เราขาดทุนหนักได้ 🚩3. การถือครองสินทรัพย์ที่ขาดปัจจัยพื้นฐานสนับสนุน ด้วยความโลภ เราจึงมักเข้าซื้อสินทรัพย์ที่ไม่มีปัจจัย พื้นฐานมาสนับสนุน เพราะมองเพียงว่า จะได้กำไร ในสินทรัพย์นั้นๆ ได้ง่ายๆ แต่ส่วนมากแล้วกับประสบปัญหา การขาดทุนตามมา 🚩4. การไม่พิจารณาความเสี่ยง เพราะความโลภ จึงทำให้เราเข้าลงทุน ในสินทรัพย์ใดๆ โดยไม่พิจารณาความเสี่ยงให้รอบคอบ เช่น หุ้นตัวนั้น มีราคาปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า ปัจจัยพื้นฐานรองรับ เช่น มีกำไรสุทธินิดเดียว แต่ราคาปรับตัวสูงขึ้น มากกว่า 50% เป็นต้น ซึ่งเมื่อเราเข้าไปซื้อ ราคามักเกิดการเทขายทำกำไรออกมา ส่งผลให้เราขาดทุนได้ 🚩5. การขาดการวางแผน การลงทุนที่ใช้ความโลภ เป็นตัวขับเคลื่อน มักจะไม่มีเป้าหมาย ไม่มีแผนการที่ชัดเจน และ ขาดความรอบคอบ ขาดความระมัดระวังในการลงทุน รวมทั้ง ไม่มีการจัดพอร์ตการลงทุนที่เหมาะสม ทำให้พอร์ตการลงทุนมีความเสี่ยงสูง และ พังได้ จากการขาดทุนหนัก เมื่อเข้าลงทุน ในสิ่งที่ไม่ได้ศึกษาให้รอบด้านก่อน 🚩นี่ก็เป็นเพียงตัวอย่าง 5 เหตุผล ที่ความโลภทำให้พอร์ตการลงทุน ของเราพังได้ แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ยังมีอีกหลายๆ ปัจจัยประกอบร่วมด้วย ที่ทำให้พอร์ตการลงทุน ของเราเสียหาย ดังนั้นก่อนการลงทุนทุกครั้ง เราควรลงทุนโดยใช้ความรู้ มีสติ ไม่ถูกครอบงำ ด้วยความโลภ ก็จะสามารถทำให้พอร์ตการลงทุน ของเราปลอดภัยมากยิ่งขึ้นได้ครับ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #ความโลภ #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 697 Views 277 0 Reviews
More Results