สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำ มักมีผลตอบแทนจากการลงทุนเหนือคู่แข่ง
งานวิจัย “Captain Gains on Capitol Hill” โดย Shang-Jin Wei และ Yifan Zhou พบว่า สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำ มีผลตอบแทนจากการซื้อขายหุ้นสูงกว่าคู่เปรียบเทียบถึง 47% ต่อปี หลังได้รับตำแหน่ง โดยเกิดจากทั้งอิทธิพลทางการเมืองและการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของบริษัท
งานวิจัยใช้ข้อมูลการซื้อขายหุ้นระดับธุรกรรมของสมาชิกสภาคองเกรส พบว่า ก่อนขึ้นตำแหน่งผู้นำ ผลตอบแทนของพวกเขาใกล้เคียงกับสมาชิกทั่วไป แต่หลังจากได้รับตำแหน่ง ผลตอบแทนกลับ สูงกว่าถึง 47% ต่อปี ซึ่งสะท้อนถึงความได้เปรียบเชิงโครงสร้างที่ตำแหน่งนำมามอบให้
ช่องทางอิทธิพลทางการเมือง
หนึ่งในกลไกสำคัญคือ Political Influence Channel เช่น
การขายหุ้นก่อนมีการออกกฎระเบียบใหม่
การซื้อหุ้นของบริษัทที่ได้รับสัญญาจากรัฐบาล
การลงทุนในบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองในร่างกฎหมาย
สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้นำสภามีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาดทั่วไป
การเข้าถึงข้อมูลภาคธุรกิจ
อีกกลไกคือ Corporate Access Channel ซึ่งสะท้อนผ่านการซื้อขายหุ้นที่สามารถทำนายข่าวสารของบริษัทในอนาคต เช่น การลงทุนในบริษัทที่เป็นเจ้าของโดยผู้บริจาค หรือบริษัทในรัฐบ้านเกิดของสมาชิกสภา ผลลัพธ์คือการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่ประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้
ผลกระทบต่อความโปร่งใส
การค้นพบนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญต่อ ความโปร่งใสและความเป็นธรรมในตลาดการเงิน เพราะหากผู้นำสภามีผลตอบแทนที่สูงผิดปกติจากข้อมูลที่ไม่สมมาตร อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อทั้งระบบการเมืองและตลาดทุน
สรุปสาระสำคัญ
ผลตอบแทนสูงผิดปกติของผู้นำสภาคองเกรส
สูงกว่าคู่เปรียบเทียบถึง 47% ต่อปีหลังได้รับตำแหน่ง
Political Influence Channel
การขายหุ้นก่อนกฎระเบียบใหม่, การซื้อหุ้นบริษัทที่ได้สัญญาจากรัฐบาล
Corporate Access Channel
การลงทุนในบริษัทผู้บริจาคและบริษัทในรัฐบ้านเกิด
ความเสี่ยงต่อความโปร่งใสของตลาดทุน
อาจทำให้ประชาชนสูญเสียความเชื่อมั่นต่อระบบการเมืองและการเงิน
https://www.nber.org/papers/w34524
งานวิจัย “Captain Gains on Capitol Hill” โดย Shang-Jin Wei และ Yifan Zhou พบว่า สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำ มีผลตอบแทนจากการซื้อขายหุ้นสูงกว่าคู่เปรียบเทียบถึง 47% ต่อปี หลังได้รับตำแหน่ง โดยเกิดจากทั้งอิทธิพลทางการเมืองและการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของบริษัท
งานวิจัยใช้ข้อมูลการซื้อขายหุ้นระดับธุรกรรมของสมาชิกสภาคองเกรส พบว่า ก่อนขึ้นตำแหน่งผู้นำ ผลตอบแทนของพวกเขาใกล้เคียงกับสมาชิกทั่วไป แต่หลังจากได้รับตำแหน่ง ผลตอบแทนกลับ สูงกว่าถึง 47% ต่อปี ซึ่งสะท้อนถึงความได้เปรียบเชิงโครงสร้างที่ตำแหน่งนำมามอบให้
ช่องทางอิทธิพลทางการเมือง
หนึ่งในกลไกสำคัญคือ Political Influence Channel เช่น
การขายหุ้นก่อนมีการออกกฎระเบียบใหม่
การซื้อหุ้นของบริษัทที่ได้รับสัญญาจากรัฐบาล
การลงทุนในบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองในร่างกฎหมาย
สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้นำสภามีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาดทั่วไป
การเข้าถึงข้อมูลภาคธุรกิจ
อีกกลไกคือ Corporate Access Channel ซึ่งสะท้อนผ่านการซื้อขายหุ้นที่สามารถทำนายข่าวสารของบริษัทในอนาคต เช่น การลงทุนในบริษัทที่เป็นเจ้าของโดยผู้บริจาค หรือบริษัทในรัฐบ้านเกิดของสมาชิกสภา ผลลัพธ์คือการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่ประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้
ผลกระทบต่อความโปร่งใส
การค้นพบนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญต่อ ความโปร่งใสและความเป็นธรรมในตลาดการเงิน เพราะหากผู้นำสภามีผลตอบแทนที่สูงผิดปกติจากข้อมูลที่ไม่สมมาตร อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อทั้งระบบการเมืองและตลาดทุน
สรุปสาระสำคัญ
ผลตอบแทนสูงผิดปกติของผู้นำสภาคองเกรส
สูงกว่าคู่เปรียบเทียบถึง 47% ต่อปีหลังได้รับตำแหน่ง
Political Influence Channel
การขายหุ้นก่อนกฎระเบียบใหม่, การซื้อหุ้นบริษัทที่ได้สัญญาจากรัฐบาล
Corporate Access Channel
การลงทุนในบริษัทผู้บริจาคและบริษัทในรัฐบ้านเกิด
ความเสี่ยงต่อความโปร่งใสของตลาดทุน
อาจทำให้ประชาชนสูญเสียความเชื่อมั่นต่อระบบการเมืองและการเงิน
https://www.nber.org/papers/w34524
📈 สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำ มักมีผลตอบแทนจากการลงทุนเหนือคู่แข่ง
งานวิจัย “Captain Gains on Capitol Hill” โดย Shang-Jin Wei และ Yifan Zhou พบว่า สมาชิกสภาคองเกรสสหรัฐที่ก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำ มีผลตอบแทนจากการซื้อขายหุ้นสูงกว่าคู่เปรียบเทียบถึง 47% ต่อปี หลังได้รับตำแหน่ง โดยเกิดจากทั้งอิทธิพลทางการเมืองและการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกของบริษัท
งานวิจัยใช้ข้อมูลการซื้อขายหุ้นระดับธุรกรรมของสมาชิกสภาคองเกรส พบว่า ก่อนขึ้นตำแหน่งผู้นำ ผลตอบแทนของพวกเขาใกล้เคียงกับสมาชิกทั่วไป แต่หลังจากได้รับตำแหน่ง ผลตอบแทนกลับ สูงกว่าถึง 47% ต่อปี ซึ่งสะท้อนถึงความได้เปรียบเชิงโครงสร้างที่ตำแหน่งนำมามอบให้
🏛️ ช่องทางอิทธิพลทางการเมือง
หนึ่งในกลไกสำคัญคือ Political Influence Channel เช่น
💴 การขายหุ้นก่อนมีการออกกฎระเบียบใหม่
💴 การซื้อหุ้นของบริษัทที่ได้รับสัญญาจากรัฐบาล
💴 การลงทุนในบริษัทที่ได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองในร่างกฎหมาย
สิ่งเหล่านี้ทำให้ผู้นำสภามีโอกาสสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาดทั่วไป
🏢 การเข้าถึงข้อมูลภาคธุรกิจ
อีกกลไกคือ Corporate Access Channel ซึ่งสะท้อนผ่านการซื้อขายหุ้นที่สามารถทำนายข่าวสารของบริษัทในอนาคต เช่น การลงทุนในบริษัทที่เป็นเจ้าของโดยผู้บริจาค หรือบริษัทในรัฐบ้านเกิดของสมาชิกสภา ผลลัพธ์คือการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่ประชาชนทั่วไปไม่สามารถเข้าถึงได้
⚠️ ผลกระทบต่อความโปร่งใส
การค้นพบนี้ทำให้เกิดคำถามสำคัญต่อ ความโปร่งใสและความเป็นธรรมในตลาดการเงิน เพราะหากผู้นำสภามีผลตอบแทนที่สูงผิดปกติจากข้อมูลที่ไม่สมมาตร อาจบั่นทอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อทั้งระบบการเมืองและตลาดทุน
📌 สรุปสาระสำคัญ
✅ ผลตอบแทนสูงผิดปกติของผู้นำสภาคองเกรส
➡️ สูงกว่าคู่เปรียบเทียบถึง 47% ต่อปีหลังได้รับตำแหน่ง
✅ Political Influence Channel
➡️ การขายหุ้นก่อนกฎระเบียบใหม่, การซื้อหุ้นบริษัทที่ได้สัญญาจากรัฐบาล
✅ Corporate Access Channel
➡️ การลงทุนในบริษัทผู้บริจาคและบริษัทในรัฐบ้านเกิด
‼️ ความเสี่ยงต่อความโปร่งใสของตลาดทุน
⛔ อาจทำให้ประชาชนสูญเสียความเชื่อมั่นต่อระบบการเมืองและการเงิน
https://www.nber.org/papers/w34524
0 ความคิดเห็น
0 การแบ่งปัน
136 มุมมอง
0 รีวิว