• “สหรัฐฯ เตรียมบังคับสัดส่วนการผลิตชิป 1:1 — ผลิตในประเทศเท่ากับนำเข้า ใครไม่ทำ...เจอภาษี 100%”

    รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมออกมาตรการใหม่เพื่อผลักดันการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ โดยกำหนดให้บริษัทที่นำเข้าชิปจากต่างประเทศ ต้องผลิตชิปในสหรัฐฯ ในสัดส่วนที่เท่ากันแบบ “1:1” หากไม่สามารถรักษาสัดส่วนนี้ได้ในระยะยาว จะต้องจ่ายภาษีนำเข้าในอัตราสูงถึง 100%

    มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ และลดการพึ่งพาการนำเข้าจากประเทศอื่น โดยเฉพาะจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก โดยรัฐบาลสหรัฐฯ หวังว่าการบังคับใช้สัดส่วน 1:1 จะทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องสร้างโรงงานผลิตในประเทศ หรืออย่างน้อยก็มีแผนการลงทุนที่ชัดเจน

    บริษัทที่มีการลงทุนในสหรัฐฯ เช่น Apple, Nvidia, TSMC และ Samsung จะได้รับการยกเว้นภาษี หากสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการผลิตในประเทศหรือมีแผนการลงทุนระยะยาวที่เป็นรูปธรรม โดย Apple ได้ประกาศลงทุนเพิ่มอีก 100 พันล้านดอลลาร์ในโรงงานและศูนย์ฝึกอบรมในหลายรัฐของสหรัฐฯ

    อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้อาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเทคโนโลยีในระยะสั้น เนื่องจากบริษัทที่ยังไม่มีฐานการผลิตในสหรัฐฯ จะต้องจ่ายภาษีเพิ่ม ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และอาจส่งผลต่อผู้บริโภคโดยตรง

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมบังคับสัดส่วนการผลิตชิปแบบ 1:1 ระหว่างผลิตในประเทศและนำเข้า
    บริษัทที่ไม่สามารถรักษาสัดส่วนนี้ได้จะต้องจ่ายภาษีนำเข้า 100%
    มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ
    Apple ประกาศลงทุนเพิ่มอีก 100 พันล้านดอลลาร์ในโรงงานในสหรัฐฯ
    บริษัทที่มีแผนการผลิตในประเทศจะได้รับการยกเว้นภาษี
    มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายลดการพึ่งพาจีนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี
    TSMC, Nvidia, Samsung และ SK Hynix เป็นบริษัทที่มีการลงทุนในสหรัฐฯ แล้ว
    มาตรการนี้จะส่งผลต่อบริษัทที่ยังไม่มีฐานการผลิตในสหรัฐฯ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    สหรัฐฯ เคยมีสัดส่วนการผลิตชิปสูงในอดีต แต่ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา
    TSMC ผลิตชิปมากกว่า 50% ของโลก และกำลังสร้างโรงงานในรัฐแอริโซนา
    การผลิตชิปต้องใช้เวลาและเงินลงทุนสูง โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีและแรงงาน
    มาตรการนี้อาจกระตุ้นการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ
    การตั้งโรงงานผลิตในประเทศช่วยลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/26/us-plans-to-mandate-a-11-ratio-of-domestically-manufactured-to-imported-chips-wsj-reports
    🇺🇸 “สหรัฐฯ เตรียมบังคับสัดส่วนการผลิตชิป 1:1 — ผลิตในประเทศเท่ากับนำเข้า ใครไม่ทำ...เจอภาษี 100%” รัฐบาลสหรัฐฯ ภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เตรียมออกมาตรการใหม่เพื่อผลักดันการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ โดยกำหนดให้บริษัทที่นำเข้าชิปจากต่างประเทศ ต้องผลิตชิปในสหรัฐฯ ในสัดส่วนที่เท่ากันแบบ “1:1” หากไม่สามารถรักษาสัดส่วนนี้ได้ในระยะยาว จะต้องจ่ายภาษีนำเข้าในอัตราสูงถึง 100% มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ และลดการพึ่งพาการนำเข้าจากประเทศอื่น โดยเฉพาะจีน ซึ่งเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ของโลก โดยรัฐบาลสหรัฐฯ หวังว่าการบังคับใช้สัดส่วน 1:1 จะทำให้บริษัทต่าง ๆ ต้องสร้างโรงงานผลิตในประเทศ หรืออย่างน้อยก็มีแผนการลงทุนที่ชัดเจน บริษัทที่มีการลงทุนในสหรัฐฯ เช่น Apple, Nvidia, TSMC และ Samsung จะได้รับการยกเว้นภาษี หากสามารถพิสูจน์ได้ว่ามีการผลิตในประเทศหรือมีแผนการลงทุนระยะยาวที่เป็นรูปธรรม โดย Apple ได้ประกาศลงทุนเพิ่มอีก 100 พันล้านดอลลาร์ในโรงงานและศูนย์ฝึกอบรมในหลายรัฐของสหรัฐฯ อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้อาจส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเทคโนโลยีในระยะสั้น เนื่องจากบริษัทที่ยังไม่มีฐานการผลิตในสหรัฐฯ จะต้องจ่ายภาษีเพิ่ม ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น และอาจส่งผลต่อผู้บริโภคโดยตรง ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ รัฐบาลสหรัฐฯ เตรียมบังคับสัดส่วนการผลิตชิปแบบ 1:1 ระหว่างผลิตในประเทศและนำเข้า ➡️ บริษัทที่ไม่สามารถรักษาสัดส่วนนี้ได้จะต้องจ่ายภาษีนำเข้า 100% ➡️ มาตรการนี้มีเป้าหมายเพื่อกระตุ้นการผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายในประเทศ ➡️ Apple ประกาศลงทุนเพิ่มอีก 100 พันล้านดอลลาร์ในโรงงานในสหรัฐฯ ➡️ บริษัทที่มีแผนการผลิตในประเทศจะได้รับการยกเว้นภาษี ➡️ มาตรการนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบายลดการพึ่งพาจีนในอุตสาหกรรมเทคโนโลยี ➡️ TSMC, Nvidia, Samsung และ SK Hynix เป็นบริษัทที่มีการลงทุนในสหรัฐฯ แล้ว ➡️ มาตรการนี้จะส่งผลต่อบริษัทที่ยังไม่มีฐานการผลิตในสหรัฐฯ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ สหรัฐฯ เคยมีสัดส่วนการผลิตชิปสูงในอดีต แต่ลดลงอย่างต่อเนื่องในช่วงสองทศวรรษที่ผ่านมา ➡️ TSMC ผลิตชิปมากกว่า 50% ของโลก และกำลังสร้างโรงงานในรัฐแอริโซนา ➡️ การผลิตชิปต้องใช้เวลาและเงินลงทุนสูง โดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยีและแรงงาน ➡️ มาตรการนี้อาจกระตุ้นการจ้างงานในภาคอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของสหรัฐฯ ➡️ การตั้งโรงงานผลิตในประเทศช่วยลดความเสี่ยงด้านความมั่นคงของห่วงโซ่อุปทาน https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/09/26/us-plans-to-mandate-a-11-ratio-of-domestically-manufactured-to-imported-chips-wsj-reports
    WWW.THESTAR.COM.MY
    US plans to mandate a 1:1 ratio of domestically manufactured to imported chips, WSJ reports
    (Reuters) -The Trump administration is planning to ask chip companies to manufacture the same number of semiconductors in the U.S. as their customers import from overseas producers, the Wall Street Journal reported on Friday.
    0 Comments 0 Shares 170 Views 0 Reviews
  • “Tencent หันหลังให้ Nvidia — ปรับโครงสร้าง AI สู่ชิปจีนเต็มรูปแบบ ท่ามกลางแรงกดดันจากสงครามเทคโนโลยี”

    Tencent บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน ประกาศอย่างเป็นทางการในงาน Global Digital Ecosystem Summit เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2025 ว่าได้ “ปรับโครงสร้างระบบประมวลผล AI ทั้งหมด” เพื่อรองรับชิปที่ออกแบบโดยบริษัทจีน โดยไม่พึ่งพา Nvidia อีกต่อไป ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในยุทธศาสตร์ด้านฮาร์ดแวร์ของบริษัท และสะท้อนแนวโน้มการพึ่งพาตนเองของจีนในยุคที่การส่งออกเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ถูกจำกัดอย่างเข้มงวด

    Qiu Yuepeng ประธาน Tencent Cloud ยืนยันว่าบริษัทได้ใช้ “ชิปจีนกระแสหลัก” ในการผลิตจริง ไม่ใช่แค่ทดลอง และกำลังร่วมมือกับผู้ผลิตชิปหลายรายเพื่อเลือกฮาร์ดแวร์ที่เหมาะสมกับแต่ละงาน พร้อมลงทุนระยะยาวเพื่อพัฒนาโครงสร้างร่วมระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพื่อลดต้นทุนการประมวลผล

    การประกาศนี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากหน่วยงานกำกับดูแลของจีนเปิดเผยว่า Nvidia ละเมิดกฎการควบรวมกิจการจากการซื้อ Mellanox ในปี 2019 ซึ่งเพิ่มแรงกดดันให้บริษัทจีนต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง

    แม้ Tencent จะไม่เปิดเผยชื่อชิปที่ใช้งานจริง แต่หลายฝ่ายคาดว่าเป็น Huawei Ascend ซึ่งมีการใช้งานแล้วใน ByteDance และได้รับการสนับสนุนจากเฟรมเวิร์ก MindSpore ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อสงสัยว่าชิปเหล่านี้จะสามารถรองรับการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ได้จริงหรือไม่ เนื่องจาก Huawei ถูกคาดว่าจะผลิตได้เพียง 200,000 ชิป AI ในปีหน้า

    Tencent ยังระบุว่ามีชิปสำหรับการฝึกโมเดลเพียงพอในคลัง และมี “หลายทางเลือก” สำหรับ inference ซึ่งสะท้อนถึงการกระจายความเสี่ยงด้านซัพพลายเชนอย่างชัดเจน

    ข้อมูลสำคัญจากข่าว
    Tencent ประกาศปรับโครงสร้างระบบ AI เพื่อรองรับชิปจีนเต็มรูปแบบ
    ใช้ชิปจีนกระแสหลักในระดับการผลิตจริง ไม่ใช่แค่ทดลอง
    ร่วมมือกับผู้ผลิตหลายรายเพื่อเลือกฮาร์ดแวร์ที่เหมาะสมกับแต่ละงาน
    ลงทุนระยะยาวเพื่อพัฒนาโครงสร้างร่วมระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์

    ความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้อง
    Nvidia ถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎการควบรวมกิจการในจีนจากดีล Mellanox
    Tencent มีชิปสำหรับการฝึกโมเดลเพียงพอ และมีหลายทางเลือกสำหรับ inference
    DeepSeek AI ประกาศว่าโมเดล V3.1 ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับชิปจีนรุ่นใหม่
    Huawei Ascend ถูกใช้งานใน ByteDance และมีเฟรมเวิร์ก MindSpore รองรับ

    ข้อมูลเสริมจากภายนอก
    จีนตั้งเป้าให้บริษัทในประเทศใช้ชิปจีนอย่างน้อย 50% ภายในปี 2026
    กลุ่ม Model-Chips Ecosystem Innovation Alliance ก่อตั้งขึ้นเพื่อผลักดันการใช้ชิปจีนในงาน AI
    การเปลี่ยนจาก Nvidia ไปยังชิปจีนต้องใช้เวลาและต้นทุนสูงในการปรับซอฟต์แวร์
    Huawei Ascend ยังมีข้อจำกัดด้านปริมาณการผลิตและการเข้าถึง HBM

    https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tencent-goes-public-with-pivot-to-chinese-chips
    🇨🇳 “Tencent หันหลังให้ Nvidia — ปรับโครงสร้าง AI สู่ชิปจีนเต็มรูปแบบ ท่ามกลางแรงกดดันจากสงครามเทคโนโลยี” Tencent บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของจีน ประกาศอย่างเป็นทางการในงาน Global Digital Ecosystem Summit เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2025 ว่าได้ “ปรับโครงสร้างระบบประมวลผล AI ทั้งหมด” เพื่อรองรับชิปที่ออกแบบโดยบริษัทจีน โดยไม่พึ่งพา Nvidia อีกต่อไป ถือเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในยุทธศาสตร์ด้านฮาร์ดแวร์ของบริษัท และสะท้อนแนวโน้มการพึ่งพาตนเองของจีนในยุคที่การส่งออกเทคโนโลยีจากสหรัฐฯ ถูกจำกัดอย่างเข้มงวด Qiu Yuepeng ประธาน Tencent Cloud ยืนยันว่าบริษัทได้ใช้ “ชิปจีนกระแสหลัก” ในการผลิตจริง ไม่ใช่แค่ทดลอง และกำลังร่วมมือกับผู้ผลิตชิปหลายรายเพื่อเลือกฮาร์ดแวร์ที่เหมาะสมกับแต่ละงาน พร้อมลงทุนระยะยาวเพื่อพัฒนาโครงสร้างร่วมระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ เพื่อลดต้นทุนการประมวลผล การประกาศนี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งวันหลังจากหน่วยงานกำกับดูแลของจีนเปิดเผยว่า Nvidia ละเมิดกฎการควบรวมกิจการจากการซื้อ Mellanox ในปี 2019 ซึ่งเพิ่มแรงกดดันให้บริษัทจีนต้องเร่งพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง แม้ Tencent จะไม่เปิดเผยชื่อชิปที่ใช้งานจริง แต่หลายฝ่ายคาดว่าเป็น Huawei Ascend ซึ่งมีการใช้งานแล้วใน ByteDance และได้รับการสนับสนุนจากเฟรมเวิร์ก MindSpore ที่พัฒนาอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม ยังมีข้อสงสัยว่าชิปเหล่านี้จะสามารถรองรับการฝึกโมเดลขนาดใหญ่ได้จริงหรือไม่ เนื่องจาก Huawei ถูกคาดว่าจะผลิตได้เพียง 200,000 ชิป AI ในปีหน้า Tencent ยังระบุว่ามีชิปสำหรับการฝึกโมเดลเพียงพอในคลัง และมี “หลายทางเลือก” สำหรับ inference ซึ่งสะท้อนถึงการกระจายความเสี่ยงด้านซัพพลายเชนอย่างชัดเจน ✅ ข้อมูลสำคัญจากข่าว ➡️ Tencent ประกาศปรับโครงสร้างระบบ AI เพื่อรองรับชิปจีนเต็มรูปแบบ ➡️ ใช้ชิปจีนกระแสหลักในระดับการผลิตจริง ไม่ใช่แค่ทดลอง ➡️ ร่วมมือกับผู้ผลิตหลายรายเพื่อเลือกฮาร์ดแวร์ที่เหมาะสมกับแต่ละงาน ➡️ ลงทุนระยะยาวเพื่อพัฒนาโครงสร้างร่วมระหว่างฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ ✅ ความเคลื่อนไหวที่เกี่ยวข้อง ➡️ Nvidia ถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎการควบรวมกิจการในจีนจากดีล Mellanox ➡️ Tencent มีชิปสำหรับการฝึกโมเดลเพียงพอ และมีหลายทางเลือกสำหรับ inference ➡️ DeepSeek AI ประกาศว่าโมเดล V3.1 ถูกออกแบบมาเพื่อรองรับชิปจีนรุ่นใหม่ ➡️ Huawei Ascend ถูกใช้งานใน ByteDance และมีเฟรมเวิร์ก MindSpore รองรับ ✅ ข้อมูลเสริมจากภายนอก ➡️ จีนตั้งเป้าให้บริษัทในประเทศใช้ชิปจีนอย่างน้อย 50% ภายในปี 2026 ➡️ กลุ่ม Model-Chips Ecosystem Innovation Alliance ก่อตั้งขึ้นเพื่อผลักดันการใช้ชิปจีนในงาน AI ➡️ การเปลี่ยนจาก Nvidia ไปยังชิปจีนต้องใช้เวลาและต้นทุนสูงในการปรับซอฟต์แวร์ ➡️ Huawei Ascend ยังมีข้อจำกัดด้านปริมาณการผลิตและการเข้าถึง HBM https://www.tomshardware.com/tech-industry/semiconductors/tencent-goes-public-with-pivot-to-chinese-chips
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    Chinese giant Tencent announces domestic AI chip push — says it has fully adapted infrastructure to support homegrown silicon in blow to Nvidia
    Tencent goes public with its pivot to Chinese accelerators, highlighting a deeper break from Nvidia as domestic AI hardware matures.
    0 Comments 0 Shares 235 Views 0 Reviews
  • ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ASML คือบริษัทผลิต เครื่อง EUV (Extreme Ultraviolet Lithography) ที่เป็นหัวใจของการผลิตชิปสมัยใหม่ทุกวันนี้ ยิ่งเทคโนโลยีเล็กลง (เช่น 5nm, 3nm), ความละเอียดของเครื่องก็ยิ่งสำคัญ

    แต่ช่วงหลัง Intel กลับออกมาบอกว่า “เครื่อง High NA EUV รุ่นล่าสุดของ ASML อาจไม่จำเป็นเท่าที่คิดในเทคโนโลยีชิปยุคใหม่” เพราะแนวโน้มตอนนี้คือ “เปลี่ยนจากการลดขนาดทรานซิสเตอร์แนวนอน → ไปเพิ่มชั้นแนวตั้ง (3D stacking)” แทน → ทำให้ความคมชัดของเลนส์ไม่ใช่พระเอกอีกต่อไป

    BofA จึงลดความคาดหวังต่ออุปสงค์ของเครื่อง High NA EUV แม้จะยังแนะนำ “ซื้อ” หุ้น ASML อยู่ (เพราะยังเชื่อในกระแส AI) แต่ก็มองว่า:
    - ตลาด High NA ยังไม่เติบโตเท่าที่หวัง
    - Intel ยังมีปัญหาผลิต 18A
    - Samsung เองยังไม่สามารถส่งชิปหน่วยความจำให้ NVIDIA ผ่านได้
    - และยังมีความเสี่ยงการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ต่ออุปกรณ์ที่ส่งไปจีน

    BofA ลดเป้าราคาหุ้น ASML จาก €795 → €759  
    • ลดคาดการณ์ EPS ปี 2026–2027 ลง ~5%  
    • แต่ยังคงคำแนะนำ “Buy” อยู่

    เหตุผลที่ลดประมาณการคือการชะลอความต้องการเครื่อง High NA EUV ของ ASML  
    • โดยเฉพาะจาก Intel, Samsung  
    • และการปรับทิศทางดีไซน์ชิปไปสู่แนวตั้งแบบ 3D มากขึ้น

    BofA คาดว่า ASML จะขายเครื่อง High NA ได้แค่ 4 เครื่องในปี 2026  
    • ลดลง ~50% จากที่เคยคาดไว้

    แม้จะเผชิญแรงกดดัน แต่ BofA ยังเชื่อในการเติบโตระยะยาวจากกระแส AI  
    • คาดว่าตลาด AI chip จะโตแตะ $795B ภายในปี 2030  
    • ซึ่งยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีลิทโธกราฟีรุ่นล่าสุดอยู่

    อัตราส่วน EV/Operating Income ของ ASML ยังอยู่ที่ 19.6x  
    • ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 22x แต่ถือว่า “ยังน่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะยาว”

    https://wccftech.com/asmls-price-target-cut-by-bofa-due-to-lower-high-na-machine-demand/
    ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนว่า ASML คือบริษัทผลิต เครื่อง EUV (Extreme Ultraviolet Lithography) ที่เป็นหัวใจของการผลิตชิปสมัยใหม่ทุกวันนี้ ยิ่งเทคโนโลยีเล็กลง (เช่น 5nm, 3nm), ความละเอียดของเครื่องก็ยิ่งสำคัญ แต่ช่วงหลัง Intel กลับออกมาบอกว่า “เครื่อง High NA EUV รุ่นล่าสุดของ ASML อาจไม่จำเป็นเท่าที่คิดในเทคโนโลยีชิปยุคใหม่” เพราะแนวโน้มตอนนี้คือ “เปลี่ยนจากการลดขนาดทรานซิสเตอร์แนวนอน → ไปเพิ่มชั้นแนวตั้ง (3D stacking)” แทน → ทำให้ความคมชัดของเลนส์ไม่ใช่พระเอกอีกต่อไป BofA จึงลดความคาดหวังต่ออุปสงค์ของเครื่อง High NA EUV แม้จะยังแนะนำ “ซื้อ” หุ้น ASML อยู่ (เพราะยังเชื่อในกระแส AI) แต่ก็มองว่า: - ตลาด High NA ยังไม่เติบโตเท่าที่หวัง - Intel ยังมีปัญหาผลิต 18A - Samsung เองยังไม่สามารถส่งชิปหน่วยความจำให้ NVIDIA ผ่านได้ - และยังมีความเสี่ยงการคว่ำบาตรจากสหรัฐฯ ต่ออุปกรณ์ที่ส่งไปจีน ✅ BofA ลดเป้าราคาหุ้น ASML จาก €795 → €759   • ลดคาดการณ์ EPS ปี 2026–2027 ลง ~5%   • แต่ยังคงคำแนะนำ “Buy” อยู่ ✅ เหตุผลที่ลดประมาณการคือการชะลอความต้องการเครื่อง High NA EUV ของ ASML   • โดยเฉพาะจาก Intel, Samsung   • และการปรับทิศทางดีไซน์ชิปไปสู่แนวตั้งแบบ 3D มากขึ้น ✅ BofA คาดว่า ASML จะขายเครื่อง High NA ได้แค่ 4 เครื่องในปี 2026   • ลดลง ~50% จากที่เคยคาดไว้ ✅ แม้จะเผชิญแรงกดดัน แต่ BofA ยังเชื่อในการเติบโตระยะยาวจากกระแส AI   • คาดว่าตลาด AI chip จะโตแตะ $795B ภายในปี 2030   • ซึ่งยังต้องพึ่งพาเทคโนโลยีลิทโธกราฟีรุ่นล่าสุดอยู่ ✅ อัตราส่วน EV/Operating Income ของ ASML ยังอยู่ที่ 19.6x   • ต่ำกว่าค่าเฉลี่ย 22x แต่ถือว่า “ยังน่าสนใจสำหรับนักลงทุนระยะยาว” https://wccftech.com/asmls-price-target-cut-by-bofa-due-to-lower-high-na-machine-demand/
    WCCFTECH.COM
    ASML's Price Target Cut By BofA Due To Lower High NA Machine Demand
    Bank of America cuts ASML share price target on back of lower demand for high NA EUV scanners and Intel's production woes.
    0 Comments 0 Shares 336 Views 0 Reviews
  • จีนเร่งผลิตบุคลากร AI และชิปท่ามกลางข้อจำกัดทางการค้า
    จีนกำลัง เร่งผลิตบุคลากรด้าน AI และชิป เพื่อรับมือกับ ข้อจำกัดทางการค้าจากสหรัฐฯ โดยมหาวิทยาลัยในจีน เพิ่มหลักสูตรด้าน AI และไมโครอิเล็กทรอนิกส์อย่างรวดเร็ว ทำให้ จำนวนผู้เชี่ยวชาญด้าน AI เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าของสหรัฐฯ

    จีน มีมหาวิทยาลัยกว่า 535 แห่งที่เปิดสอนหลักสูตรด้าน AI และ มีนักวิจัย AI ชั้นนำเกือบครึ่งหนึ่งของโลก

    ข้อมูลจากข่าว
    - จีนมีมหาวิทยาลัยกว่า 535 แห่งที่เปิดสอนหลักสูตรด้าน AI
    - นักวิจัย AI ชั้นนำเกือบครึ่งหนึ่งของโลกมาจากจีน
    - จำนวนผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ในจีนเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าของสหรัฐฯ
    - บริษัทเทคโนโลยีจีน เช่น Huawei และ Xiaomi กำลังขยายทีมวิจัย AI อย่างรวดเร็ว
    - จีนเป็นผู้นำด้านสิทธิบัตร AI และเทคโนโลยีคลัสเตอร์ระดับโลก

    ผลกระทบต่อการแข่งขันด้านเทคโนโลยี
    แม้ว่าจีน จะมีบุคลากรด้าน AI จำนวนมาก แต่ ยังคงเผชิญกับข้อจำกัดด้านการลงทุนและการแปลงงานวิจัยเป็นเทคโนโลยีที่ใช้งานจริง

    คำเตือนที่ควรพิจารณา
    - จีนยังมีข้อจำกัดด้านการลงทุนใน AI เนื่องจากเงินทุนส่วนใหญ่มาจากรัฐ
    - การแปลงงานวิจัยเป็นเทคโนโลยีที่ใช้งานจริงยังคงเป็นความท้าทาย
    - สหรัฐฯ ยังคงเป็นผู้นำด้านการลงทุนระยะยาวใน AI และมีความอดทนต่อความเสี่ยงสูงกว่า
    - ต้องติดตามว่าจีนจะสามารถพัฒนา AI ให้แข่งขันกับสหรัฐฯ ได้หรือไม่

    อนาคตของ AI และชิปในจีน
    จีน กำลังเร่งพัฒนา AI และชิปเพื่อแข่งขันในตลาดโลก โดย ต้องปรับปรุงการแปลงงานวิจัยเป็นเทคโนโลยีที่ใช้งานจริง และเพิ่มความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมและมหาวิทยาลัย

    https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/13/chinas-orchard-of-ai-chip-grads-now-ripe-for-the-pickin-as-tech-trade-sours
    🌏 จีนเร่งผลิตบุคลากร AI และชิปท่ามกลางข้อจำกัดทางการค้า จีนกำลัง เร่งผลิตบุคลากรด้าน AI และชิป เพื่อรับมือกับ ข้อจำกัดทางการค้าจากสหรัฐฯ โดยมหาวิทยาลัยในจีน เพิ่มหลักสูตรด้าน AI และไมโครอิเล็กทรอนิกส์อย่างรวดเร็ว ทำให้ จำนวนผู้เชี่ยวชาญด้าน AI เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าของสหรัฐฯ จีน มีมหาวิทยาลัยกว่า 535 แห่งที่เปิดสอนหลักสูตรด้าน AI และ มีนักวิจัย AI ชั้นนำเกือบครึ่งหนึ่งของโลก ✅ ข้อมูลจากข่าว - จีนมีมหาวิทยาลัยกว่า 535 แห่งที่เปิดสอนหลักสูตรด้าน AI - นักวิจัย AI ชั้นนำเกือบครึ่งหนึ่งของโลกมาจากจีน - จำนวนผู้เชี่ยวชาญด้าน AI ในจีนเพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่าของสหรัฐฯ - บริษัทเทคโนโลยีจีน เช่น Huawei และ Xiaomi กำลังขยายทีมวิจัย AI อย่างรวดเร็ว - จีนเป็นผู้นำด้านสิทธิบัตร AI และเทคโนโลยีคลัสเตอร์ระดับโลก 🔥 ผลกระทบต่อการแข่งขันด้านเทคโนโลยี แม้ว่าจีน จะมีบุคลากรด้าน AI จำนวนมาก แต่ ยังคงเผชิญกับข้อจำกัดด้านการลงทุนและการแปลงงานวิจัยเป็นเทคโนโลยีที่ใช้งานจริง ‼️ คำเตือนที่ควรพิจารณา - จีนยังมีข้อจำกัดด้านการลงทุนใน AI เนื่องจากเงินทุนส่วนใหญ่มาจากรัฐ - การแปลงงานวิจัยเป็นเทคโนโลยีที่ใช้งานจริงยังคงเป็นความท้าทาย - สหรัฐฯ ยังคงเป็นผู้นำด้านการลงทุนระยะยาวใน AI และมีความอดทนต่อความเสี่ยงสูงกว่า - ต้องติดตามว่าจีนจะสามารถพัฒนา AI ให้แข่งขันกับสหรัฐฯ ได้หรือไม่ 🚀 อนาคตของ AI และชิปในจีน จีน กำลังเร่งพัฒนา AI และชิปเพื่อแข่งขันในตลาดโลก โดย ต้องปรับปรุงการแปลงงานวิจัยเป็นเทคโนโลยีที่ใช้งานจริง และเพิ่มความร่วมมือระหว่างภาคอุตสาหกรรมและมหาวิทยาลัย https://www.thestar.com.my/tech/tech-news/2025/06/13/chinas-orchard-of-ai-chip-grads-now-ripe-for-the-pickin-as-tech-trade-sours
    WWW.THESTAR.COM.MY
    China’s orchard of AI, chip grads now ripe for the pickin’ as tech trade sours
    Many who entered university during Trump's first trade war with China are ready to become key cogs in China's hi-tech engine.
    0 Comments 0 Shares 259 Views 0 Reviews
  • “ลานนา คัมมินส์” อดีตนักร้องดัง เจ้าของเพลงในตำนาน “ไว้ใจ๋ได้กา” ประกาศผ่านเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมส่วนตัว ขายกิจการร้านอาหารชื่อดังคู่เมืองเชียงใหม่ “เฮือนสุนทรี” ร้านอาหารของ “คุณแม่สุนทรี เวชานนท์” ศิลปินล้านนาคนสำคัญ โดยตั้งราคาขายพร้อมที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด 55 ล้านบาท

    “ขายกิจการร้านอาหารเฮือนสุนทรี พร้อมที่ดินริมแม่น้ำปิง ใจกลางเชียงใหม่ เนื้อที่ 553 ตร.วา พื้นที่ใช้สอยประมาณ 1,064 ตร.ม. ราคา 55 ล้านบาท (ค่าโอนคนละครึ่ง) ใครที่กำลังมองหาทำเลริมแม่น้ำปิงในตัวเมืองเชียงใหม่ เงียบสงบ ร่มรื่น เป็นส่วนตัว และมากด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรม

    วันนี้ ‘เฮือนสุนทรี’ ร้านอาหารชื่อดังของเชียงใหม่ เปิดขายพร้อมที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อาคารสไตล์ล้านนาแท้ รองรับลูกค้าได้หลายร้อยคน พร้อมลานจอดรถขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับสานต่อธุรกิจร้านอาหาร หรือรีโนเวทเป็นรีสอร์ท Wellness Space หรือบ้านพักส่วนตัวริมแม่น้ำ มีจุดเด่น ที่ดินหน้ากว้าง ติดแม่น้ำปิง หาทำเลแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ใกล้โรงแรม รีสอร์ตบรรยากาศสงบ ร่มรื่น เป็นธรรมชาติ ทำเลทอง เหมาะแก่การลงทุนระยะยาว”

    คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000052281

    #MGROnline #ลานนาคัมมินส์
    “ลานนา คัมมินส์” อดีตนักร้องดัง เจ้าของเพลงในตำนาน “ไว้ใจ๋ได้กา” ประกาศผ่านเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมส่วนตัว ขายกิจการร้านอาหารชื่อดังคู่เมืองเชียงใหม่ “เฮือนสุนทรี” ร้านอาหารของ “คุณแม่สุนทรี เวชานนท์” ศิลปินล้านนาคนสำคัญ โดยตั้งราคาขายพร้อมที่ดินและสิ่งปลูกสร้างทั้งหมด 55 ล้านบาท • “ขายกิจการร้านอาหารเฮือนสุนทรี พร้อมที่ดินริมแม่น้ำปิง ใจกลางเชียงใหม่ เนื้อที่ 553 ตร.วา พื้นที่ใช้สอยประมาณ 1,064 ตร.ม. ราคา 55 ล้านบาท (ค่าโอนคนละครึ่ง) ใครที่กำลังมองหาทำเลริมแม่น้ำปิงในตัวเมืองเชียงใหม่ เงียบสงบ ร่มรื่น เป็นส่วนตัว และมากด้วยคุณค่าทางวัฒนธรรม • วันนี้ ‘เฮือนสุนทรี’ ร้านอาหารชื่อดังของเชียงใหม่ เปิดขายพร้อมที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง อาคารสไตล์ล้านนาแท้ รองรับลูกค้าได้หลายร้อยคน พร้อมลานจอดรถขนาดใหญ่ เหมาะสำหรับสานต่อธุรกิจร้านอาหาร หรือรีโนเวทเป็นรีสอร์ท Wellness Space หรือบ้านพักส่วนตัวริมแม่น้ำ มีจุดเด่น ที่ดินหน้ากว้าง ติดแม่น้ำปิง หาทำเลแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว ใกล้โรงแรม รีสอร์ตบรรยากาศสงบ ร่มรื่น เป็นธรรมชาติ ทำเลทอง เหมาะแก่การลงทุนระยะยาว” • คลิกอ่านรายละเอียดเพิ่มเติม >>https://mgronline.com/entertainment/detail/9680000052281 • #MGROnline #ลานนาคัมมินส์
    Like
    1
    0 Comments 0 Shares 559 Views 0 Reviews
  • หุ้นยังลงได้อีก โยก LTF เป็น Thai ESGX คุ้มมั้ย? : คนเคาะข่าว 05-05-68
    : ประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอ
    ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์

    #คนเคาะข่าว #หุ้นไทย #LTF #ThaiESGX #กองทุนรวม #ลงทุนยั่งยืน #วิเคราะห์หุ้น #ภาษีและการลงทุน #ตลาดทุนไทย #ESGลงทุน #ประกิตสิริวัฒนเกตุ #นงวดีถนิมมาลย์ #ข่าวเศรษฐกิจ #กองทุนไทย #thaitimes #ลงทุนระยะยาว
    หุ้นยังลงได้อีก โยก LTF เป็น Thai ESGX คุ้มมั้ย? : คนเคาะข่าว 05-05-68 : ประกิต สิริวัฒนเกตุ กรรมการผู้จัดการ บลจ.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอ ดำเนินรายการโดย นงวดี ถนิมมาลย์ #คนเคาะข่าว #หุ้นไทย #LTF #ThaiESGX #กองทุนรวม #ลงทุนยั่งยืน #วิเคราะห์หุ้น #ภาษีและการลงทุน #ตลาดทุนไทย #ESGลงทุน #ประกิตสิริวัฒนเกตุ #นงวดีถนิมมาลย์ #ข่าวเศรษฐกิจ #กองทุนไทย #thaitimes #ลงทุนระยะยาว
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 647 Views 4 0 Reviews
  • "Samsung ตอนนี้เจอปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะในตลาดชิป AI และเซมิคอนดักเตอร์ที่คู่แข่งกำลังนำหน้าไปไกล Jay Y. Lee ประธานของบริษัทถึงกับออกมาเตือนผู้บริหารว่า นี่คือสถานการณ์ 'เป็นตาย' และเรียกร้องให้มีการลงทุนระยะยาว แม้ว่าจะต้องยอมลดกำไรระยะสั้น. การประชุมผู้ถือหุ้นที่จะถึงนี้จึงเป็นจุดสำคัญที่ต้องจับตามองว่าสิ่งที่ Lee เสนอนี้จะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุนได้มากแค่ไหน แต่นับว่าคำพูดของเขาก็มีผลแล้ว เพราะหุ้นของ Samsung เพิ่งกระโดดขึ้นกว่า 5%

    https://www.techspot.com/news/107174-samsung-ceo-warns-do-or-die-situation-urges.html
    "Samsung ตอนนี้เจอปัญหาใหญ่ โดยเฉพาะในตลาดชิป AI และเซมิคอนดักเตอร์ที่คู่แข่งกำลังนำหน้าไปไกล Jay Y. Lee ประธานของบริษัทถึงกับออกมาเตือนผู้บริหารว่า นี่คือสถานการณ์ 'เป็นตาย' และเรียกร้องให้มีการลงทุนระยะยาว แม้ว่าจะต้องยอมลดกำไรระยะสั้น. การประชุมผู้ถือหุ้นที่จะถึงนี้จึงเป็นจุดสำคัญที่ต้องจับตามองว่าสิ่งที่ Lee เสนอนี้จะช่วยฟื้นความเชื่อมั่นในหมู่นักลงทุนได้มากแค่ไหน แต่นับว่าคำพูดของเขาก็มีผลแล้ว เพราะหุ้นของ Samsung เพิ่งกระโดดขึ้นกว่า 5% https://www.techspot.com/news/107174-samsung-ceo-warns-do-or-die-situation-urges.html
    WWW.TECHSPOT.COM
    Samsung CEO warns of "do-or-die" situation, urges investment over short-term profits
    Lee's remarks were delivered via a prerecorded video at a recent internal seminar attended by approximately 2,000 executives from Samsung's various affiliates. The seminars are part of...
    0 Comments 0 Shares 352 Views 0 Reviews
  • ข่าวนี้พูดถึงการประกาศผลการทดสอบประสิทธิภาพของการ์ดจอ AMD RDNA 3 รุ่นมืออาชีพ ที่มาพร้อมกับ VRAM ขนาดใหญ่ถึง 48GB ซึ่งได้รับการเปรียบเทียบกับการ์ดจอของ Nvidia รุ่น RTX 4090 และพบว่ามีประสิทธิภาพที่น่าทึ่งในงานที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะในงานประมวลผลโมเดลภาษาใหญ่ (LLM)

    AMD แสดงให้เห็นว่าการ์ดจอ Radeon Pro W7800 และ W7900 สามารถทำความเร็วได้สูงกว่า RTX 4090 ถึง 7.3 เท่าในบางกรณี เช่น การประมวลผลโมเดล Distill Qwen 32B และ Distill Llama 70B โดยข้อมูลนี้อ้างอิงจากการทดสอบในชุด DeepSeek R1

    จุดเด่นสำคัญอยู่ที่ขนาดของ VRAM เพราะการประมวลผลโมเดลใหญ่ต้องใช้หน่วยความจำมหาศาล เช่น โมเดล LLM ที่ต้องการ VRAM เพียงพอสำหรับจัดเก็บและประมวลผลพารามิเตอร์ขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม การ์ดจอ Radeon Pro รุ่นนี้มีราคาสูงถึง $3,500 ซึ่งแพงกว่า RTX 4090 ถึงสองเท่า แต่ยังถูกกว่าการ์ดจอ Nvidia รุ่นระดับโปรที่มี VRAM ใกล้เคียงกัน

    นอกจากนี้ ตลาดการ์ดจอยังแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดย Nvidia มีการ์ด RTX 5090 รุ่นใหม่ที่มี VRAM 32GB ซึ่งแม้จะมีขนาดเล็กกว่า แต่ก็มีประสิทธิภาพการประมวลผลที่อาจจะเป็นตัวท้าชน AMD ในอนาคต

    การ์ดจอที่มี VRAM ขนาดใหญ่ไม่เพียงตอบโจทย์งาน AI แต่ยังเปิดประตูให้กับแอปพลิเคชันยุคใหม่ เช่น การสร้างโมเดลเชิงลึกและการพัฒนา AI ขั้นสูง หากคุณกำลังวางแผนงานเกี่ยวกับ AI อุปกรณ์เหล่านี้อาจจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในแง่ของการลงทุนระยะยาว

    https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-rdna-3-professional-gpus-with-48gb-can-beat-nvidia-24gb-cards-in-ai-putting-the-large-in-llm
    ข่าวนี้พูดถึงการประกาศผลการทดสอบประสิทธิภาพของการ์ดจอ AMD RDNA 3 รุ่นมืออาชีพ ที่มาพร้อมกับ VRAM ขนาดใหญ่ถึง 48GB ซึ่งได้รับการเปรียบเทียบกับการ์ดจอของ Nvidia รุ่น RTX 4090 และพบว่ามีประสิทธิภาพที่น่าทึ่งในงานที่เกี่ยวข้องกับปัญญาประดิษฐ์ (AI) โดยเฉพาะในงานประมวลผลโมเดลภาษาใหญ่ (LLM) AMD แสดงให้เห็นว่าการ์ดจอ Radeon Pro W7800 และ W7900 สามารถทำความเร็วได้สูงกว่า RTX 4090 ถึง 7.3 เท่าในบางกรณี เช่น การประมวลผลโมเดล Distill Qwen 32B และ Distill Llama 70B โดยข้อมูลนี้อ้างอิงจากการทดสอบในชุด DeepSeek R1 จุดเด่นสำคัญอยู่ที่ขนาดของ VRAM เพราะการประมวลผลโมเดลใหญ่ต้องใช้หน่วยความจำมหาศาล เช่น โมเดล LLM ที่ต้องการ VRAM เพียงพอสำหรับจัดเก็บและประมวลผลพารามิเตอร์ขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตาม การ์ดจอ Radeon Pro รุ่นนี้มีราคาสูงถึง $3,500 ซึ่งแพงกว่า RTX 4090 ถึงสองเท่า แต่ยังถูกกว่าการ์ดจอ Nvidia รุ่นระดับโปรที่มี VRAM ใกล้เคียงกัน นอกจากนี้ ตลาดการ์ดจอยังแข่งขันกันอย่างดุเดือด โดย Nvidia มีการ์ด RTX 5090 รุ่นใหม่ที่มี VRAM 32GB ซึ่งแม้จะมีขนาดเล็กกว่า แต่ก็มีประสิทธิภาพการประมวลผลที่อาจจะเป็นตัวท้าชน AMD ในอนาคต การ์ดจอที่มี VRAM ขนาดใหญ่ไม่เพียงตอบโจทย์งาน AI แต่ยังเปิดประตูให้กับแอปพลิเคชันยุคใหม่ เช่น การสร้างโมเดลเชิงลึกและการพัฒนา AI ขั้นสูง หากคุณกำลังวางแผนงานเกี่ยวกับ AI อุปกรณ์เหล่านี้อาจจะเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจในแง่ของการลงทุนระยะยาว https://www.tomshardware.com/pc-components/gpus/amd-rdna-3-professional-gpus-with-48gb-can-beat-nvidia-24gb-cards-in-ai-putting-the-large-in-llm
    WWW.TOMSHARDWARE.COM
    AMD RDNA 3 professional GPUs with 48GB can beat Nvidia 24GB cards in AI — putting the 'Large' in LLM
    Radeon Pro W7800/7900 48GB up to 7x faster in DeepSeek R1 benchmarks, but don't ask about the 5090.
    0 Comments 0 Shares 534 Views 0 Reviews
  • วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย
    จะมาแนะนำ Mindset หรือ แนวคิด
    ที่นักลงทุนควรต้องมี ซึ่งมี 5 ข้อสำคัญได้แก่

    1. การมองระยะยาว
    การลงทุน เช่น ในหุ้น หรือ สินทรัพย์ใดๆก็ตาม
    ควรมองการลงทุนในระยะยาว เพื่อลดความผันแปร
    จากการเก็งกำไรระยะสั้นๆ ซึ่งการมองการลงทุน
    ระยะยาวเราควรมีความรู้ และ ความเข้าใจ ในตัว
    ธุรกิจที่จะเข้าไปลงทุน หรือ สินทรัพย์นั้นๆ เป็นอย่างดีว่า
    ในอนาคตข้างหน้าธุรกิจ หรือ สินทรัพย์เหล่านี้
    จะมีการเติบโต และให้ผลตอบแทนที่ดีได้

    2. การเรียนรู้ตลอดชีวิต
    การลงทุน เราควรทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้ว และเรียนรู้
    ปรับปรุง เพิ่มเติม อัพเดต ความรู้ และสิ่งใหม่ๆ
    อยู่เสมอ เพื่อสามารถนำมาประยุกต์ใช้ และต่อยอด
    กับการลงทุนได้

    3. การจัดการและควบคุมอารมณ์
    ควรมีสภาวะจิตใจ และความมั่นคงทางอารมณ์
    โดยไม่ลงทุนไปตามกระแส หรือ การชักจูง ชี้นำ
    จากกระแสข่าวต่างๆ หรือ สามารถจัดการกับ
    อารมณ์ความโลภ และ ความกลัวต่างๆ นิ่ง และ
    ไม่ตะหนกกับสิ่งต่างๆ มากจนเกินไป

    4. การกระจายความเสี่ยง
    ควรกระจายความเสี่ยง ในการลงทุน ไม่ควรลงทุน
    กับสิ่งใด สิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว เช่น การลงทุนในหุ้น
    ควรกระจายความเสี่ยงไปในหลายอุตสาหกรรม
    เพื่อที่ว่า เมื่ออุตสาหกรรมใด อุตสาหกรรมหนึ่ง
    หุ้นมีราคาลดลง เรายังมีหุ้นในอุตสาหกรรมอื่นๆ
    มาชดเชยพอร์ตโดยรวมของเราได้

    5. การมีวินัย
    ข้อนี้สำคัญมาก นักลงทุนต้องมีวินัย โดยมีเป้าหมาย
    และแผนการลงทุนที่ชัดเจน เช่น ลงทุนระยะยาว
    เพื่อปันผล ต้องสามารถถือรอ เพื่อเงินปันผลได้
    หรือ เก็งกำไรกินส่วนต่างของราคา ในหุ้นระยะสั้น
    และระยะกลาง เมื่อราคาหุ้นที่ซื้อ ราคาตกอย่างฉับพลัน
    ต้องมีวินัย ในการตัดขาดทุนด้วย ไม่ใช่เปลี่ยนไป
    ถือหุ้นในระยะยาว เป็นต้น

    ทั้ง 5 ข้อนี้ เป็น Mindset หรือ แนวคิดในการลงทุน
    เพียงบางส่วนเท่านั้น นักลงทุนทุกท่านควรเรียนรู้
    จากประสบการณ์จริง และ นำทั้งจุดที่ประสบความสำเร็จ
    และ จุดข้อผิดพลาดต่างๆ มาประยุกต์ใช้ ก็จะทำให้เรา
    มี Mindset หรือ แนวคิดการลงทุน ที่สามารถลดความเสี่ยง
    ในด้านต่างๆ ลงได้ ไม่มากก็น้อย

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5Mindsetหรือแนวคิดในการลงทุนที่ควรต้องมี
    #thaitimes
    💥💥วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย จะมาแนะนำ Mindset หรือ แนวคิด ที่นักลงทุนควรต้องมี ซึ่งมี 5 ข้อสำคัญได้แก่ 🚩1. การมองระยะยาว การลงทุน เช่น ในหุ้น หรือ สินทรัพย์ใดๆก็ตาม ควรมองการลงทุนในระยะยาว เพื่อลดความผันแปร จากการเก็งกำไรระยะสั้นๆ ซึ่งการมองการลงทุน ระยะยาวเราควรมีความรู้ และ ความเข้าใจ ในตัว ธุรกิจที่จะเข้าไปลงทุน หรือ สินทรัพย์นั้นๆ เป็นอย่างดีว่า ในอนาคตข้างหน้าธุรกิจ หรือ สินทรัพย์เหล่านี้ จะมีการเติบโต และให้ผลตอบแทนที่ดีได้ 🚩2. การเรียนรู้ตลอดชีวิต การลงทุน เราควรทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้ว และเรียนรู้ ปรับปรุง เพิ่มเติม อัพเดต ความรู้ และสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อสามารถนำมาประยุกต์ใช้ และต่อยอด กับการลงทุนได้ 🚩3. การจัดการและควบคุมอารมณ์ ควรมีสภาวะจิตใจ และความมั่นคงทางอารมณ์ โดยไม่ลงทุนไปตามกระแส หรือ การชักจูง ชี้นำ จากกระแสข่าวต่างๆ หรือ สามารถจัดการกับ อารมณ์ความโลภ และ ความกลัวต่างๆ นิ่ง และ ไม่ตะหนกกับสิ่งต่างๆ มากจนเกินไป 🚩4. การกระจายความเสี่ยง ควรกระจายความเสี่ยง ในการลงทุน ไม่ควรลงทุน กับสิ่งใด สิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว เช่น การลงทุนในหุ้น ควรกระจายความเสี่ยงไปในหลายอุตสาหกรรม เพื่อที่ว่า เมื่ออุตสาหกรรมใด อุตสาหกรรมหนึ่ง หุ้นมีราคาลดลง เรายังมีหุ้นในอุตสาหกรรมอื่นๆ มาชดเชยพอร์ตโดยรวมของเราได้ 🚩5. การมีวินัย ข้อนี้สำคัญมาก นักลงทุนต้องมีวินัย โดยมีเป้าหมาย และแผนการลงทุนที่ชัดเจน เช่น ลงทุนระยะยาว เพื่อปันผล ต้องสามารถถือรอ เพื่อเงินปันผลได้ หรือ เก็งกำไรกินส่วนต่างของราคา ในหุ้นระยะสั้น และระยะกลาง เมื่อราคาหุ้นที่ซื้อ ราคาตกอย่างฉับพลัน ต้องมีวินัย ในการตัดขาดทุนด้วย ไม่ใช่เปลี่ยนไป ถือหุ้นในระยะยาว เป็นต้น 💥ทั้ง 5 ข้อนี้ เป็น Mindset หรือ แนวคิดในการลงทุน เพียงบางส่วนเท่านั้น นักลงทุนทุกท่านควรเรียนรู้ จากประสบการณ์จริง และ นำทั้งจุดที่ประสบความสำเร็จ และ จุดข้อผิดพลาดต่างๆ มาประยุกต์ใช้ ก็จะทำให้เรา มี Mindset หรือ แนวคิดการลงทุน ที่สามารถลดความเสี่ยง ในด้านต่างๆ ลงได้ ไม่มากก็น้อย #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5Mindsetหรือแนวคิดในการลงทุนที่ควรต้องมี #thaitimes
    Like
    Yay
    4
    0 Comments 0 Shares 1436 Views 338 0 Reviews
  • วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย
    จะมาแนะนำ Mindset หรือ แนวคิด
    ที่นักลงทุนควรต้องมี ซึ่งมี 5 ข้อสำคัญได้แก่

    1. การมองระยะยาว
    การลงทุน เช่น ในหุ้น หรือ สินทรัพย์ใดๆก็ตาม
    ควรมองการลงทุนในระยะยาว เพื่อลดความผันแปร
    จากการเก็งกำไรระยะสั้นๆ ซึ่งการมองการลงทุน
    ระยะยาวเราควรมีความรู้ และ ความเข้าใจ ในตัว
    ธุรกิจที่จะเข้าไปลงทุน หรือ สินทรัพย์นั้นๆ เป็นอย่างดีว่า
    ในอนาคตข้างหน้าธุรกิจ หรือ สินทรัพย์เหล่านี้
    จะมีการเติบโต และให้ผลตอบแทนที่ดีได้

    2. การเรียนรู้ตลอดชีวิต
    การลงทุน เราควรทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้ว และเรียนรู้
    ปรับปรุง เพิ่มเติม อัพเดต ความรู้ และสิ่งใหม่ๆ
    อยู่เสมอ เพื่อสามารถนำมาประยุกต์ใช้ และต่อยอด
    กับการลงทุนได้

    3. การจัดการและควบคุมอารมณ์
    ควรมีสภาวะจิตใจ และความมั่นคงทางอารมณ์
    โดยไม่ลงทุนไปตามกระแส หรือ การชักจูง ชี้นำ
    จากกระแสข่าวต่างๆ หรือ สามารถจัดการกับ
    อารมณ์ความโลภ และ ความกลัวต่างๆ นิ่ง และ
    ไม่ตะหนกกับสิ่งต่างๆ มากจนเกินไป

    4. การกระจายความเสี่ยง
    ควรกระจายความเสี่ยง ในการลงทุน ไม่ควรลงทุน
    กับสิ่งใด สิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว เช่น การลงทุนในหุ้น
    ควรกระจายความเสี่ยงไปในหลายอุตสาหกรรม
    เพื่อที่ว่า เมื่ออุตสาหกรรมใด อุตสาหกรรมหนึ่ง
    หุ้นมีราคาลดลง เรายังมีหุ้นในอุตสาหกรรมอื่นๆ
    มาชดเชยพอร์ตโดยรวมของเราได้

    5. การมีวินัย
    ข้อนี้สำคัญมาก นักลงทุนต้องมีวินัย โดยมีเป้าหมาย
    และแผนการลงทุนที่ชัดเจน เช่น ลงทุนระยะยาว
    เพื่อปันผล ต้องสามารถถือรอ เพื่อเงินปันผลได้
    หรือ เก็งกำไรกินส่วนต่างของราคา ในหุ้นระยะสั้น
    และระยะกลาง เมื่อราคาหุ้นที่ซื้อ ราคาตกอย่างฉับพลัน
    ต้องมีวินัย ในการตัดขาดทุนด้วย ไม่ใช่เปลี่ยนไป
    ถือหุ้นในระยะยาว เป็นต้น

    ทั้ง 5 ข้อนี้ เป็น Mindset หรือ แนวคิดในการลงทุน
    เพียงบางส่วนเท่านั้น นักลงทุนทุกท่านควรเรียนรู้
    จากประสบการณ์จริง และ นำทั้งจุดที่ประสบความสำเร็จ
    และ จุดข้อผิดพลาดต่างๆ มาประยุกต์ใช้ ก็จะทำให้เรา
    มี Mindset หรือ แนวคิดการลงทุน ที่สามารถลดความเสี่ยง
    ในด้านต่างๆ ลงได้ ไม่มากก็น้อย

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5Mindsetหรือแนวคิดในการลงทุนที่ควรต้องมี
    #thaitimes
    💥💥วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย จะมาแนะนำ Mindset หรือ แนวคิด ที่นักลงทุนควรต้องมี ซึ่งมี 5 ข้อสำคัญได้แก่ 🚩1. การมองระยะยาว การลงทุน เช่น ในหุ้น หรือ สินทรัพย์ใดๆก็ตาม ควรมองการลงทุนในระยะยาว เพื่อลดความผันแปร จากการเก็งกำไรระยะสั้นๆ ซึ่งการมองการลงทุน ระยะยาวเราควรมีความรู้ และ ความเข้าใจ ในตัว ธุรกิจที่จะเข้าไปลงทุน หรือ สินทรัพย์นั้นๆ เป็นอย่างดีว่า ในอนาคตข้างหน้าธุรกิจ หรือ สินทรัพย์เหล่านี้ จะมีการเติบโต และให้ผลตอบแทนที่ดีได้ 🚩2. การเรียนรู้ตลอดชีวิต การลงทุน เราควรทำตัวเป็นน้ำครึ่งแก้ว และเรียนรู้ ปรับปรุง เพิ่มเติม อัพเดต ความรู้ และสิ่งใหม่ๆ อยู่เสมอ เพื่อสามารถนำมาประยุกต์ใช้ และต่อยอด กับการลงทุนได้ 🚩3. การจัดการและควบคุมอารมณ์ ควรมีสภาวะจิตใจ และความมั่นคงทางอารมณ์ โดยไม่ลงทุนไปตามกระแส หรือ การชักจูง ชี้นำ จากกระแสข่าวต่างๆ หรือ สามารถจัดการกับ อารมณ์ความโลภ และ ความกลัวต่างๆ นิ่ง และ ไม่ตะหนกกับสิ่งต่างๆ มากจนเกินไป 🚩4. การกระจายความเสี่ยง ควรกระจายความเสี่ยง ในการลงทุน ไม่ควรลงทุน กับสิ่งใด สิ่งหนึ่งเพียงอย่างเดียว เช่น การลงทุนในหุ้น ควรกระจายความเสี่ยงไปในหลายอุตสาหกรรม เพื่อที่ว่า เมื่ออุตสาหกรรมใด อุตสาหกรรมหนึ่ง หุ้นมีราคาลดลง เรายังมีหุ้นในอุตสาหกรรมอื่นๆ มาชดเชยพอร์ตโดยรวมของเราได้ 🚩5. การมีวินัย ข้อนี้สำคัญมาก นักลงทุนต้องมีวินัย โดยมีเป้าหมาย และแผนการลงทุนที่ชัดเจน เช่น ลงทุนระยะยาว เพื่อปันผล ต้องสามารถถือรอ เพื่อเงินปันผลได้ หรือ เก็งกำไรกินส่วนต่างของราคา ในหุ้นระยะสั้น และระยะกลาง เมื่อราคาหุ้นที่ซื้อ ราคาตกอย่างฉับพลัน ต้องมีวินัย ในการตัดขาดทุนด้วย ไม่ใช่เปลี่ยนไป ถือหุ้นในระยะยาว เป็นต้น 💥ทั้ง 5 ข้อนี้ เป็น Mindset หรือ แนวคิดในการลงทุน เพียงบางส่วนเท่านั้น นักลงทุนทุกท่านควรเรียนรู้ จากประสบการณ์จริง และ นำทั้งจุดที่ประสบความสำเร็จ และ จุดข้อผิดพลาดต่างๆ มาประยุกต์ใช้ ก็จะทำให้เรา มี Mindset หรือ แนวคิดการลงทุน ที่สามารถลดความเสี่ยง ในด้านต่างๆ ลงได้ ไม่มากก็น้อย #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5Mindsetหรือแนวคิดในการลงทุนที่ควรต้องมี #thaitimes
    Like
    Yay
    3
    0 Comments 0 Shares 1328 Views 0 Reviews
  • "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" ยังคงเป็นพุทธศาสนสุภาษิตที่ยังคงทันสมัยและใช้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจได้ตลอด โดยเฉพาะกับกรณีล่าสุดที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทนง พิทยะ
    เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และที่ปรึกษาอนุกรรมการพิจารณาแผนการลงทุนระยะยาวของบริษัทฯ เป็นจำเลยที่ 1 และนายกวีพันธ์ เรืองผกา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการเงินและการบัญชี ฝ่ายบริหารงานนโยบายบริษัทฯ และอนุกรรมการพิจารณาแผนการลงทุนระยะยาวของบริษัทฯ จำเลยที่ 2

    ในคดีเจ้าหน้าที่ของรัฐเรียกรับเงินจากบริษัท โรลส์รอยซ์ ผู้นำเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน Boeing 777-200ER ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือคดีสินบนโรลส์รอยซ์ ครั้งที่ 3 ระหว่างปี 2547-2548

    https://mgronline.com/crime/detail/9670000092330

    #Thaitimes
    "สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม" ยังคงเป็นพุทธศาสนสุภาษิตที่ยังคงทันสมัยและใช้เป็นอุทาหรณ์เตือนใจได้ตลอด โดยเฉพาะกับกรณีล่าสุดที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทนง พิทยะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งประธานกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และที่ปรึกษาอนุกรรมการพิจารณาแผนการลงทุนระยะยาวของบริษัทฯ เป็นจำเลยที่ 1 และนายกวีพันธ์ เรืองผกา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งรองกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ฝ่ายการเงินและการบัญชี ฝ่ายบริหารงานนโยบายบริษัทฯ และอนุกรรมการพิจารณาแผนการลงทุนระยะยาวของบริษัทฯ จำเลยที่ 2 ในคดีเจ้าหน้าที่ของรัฐเรียกรับเงินจากบริษัท โรลส์รอยซ์ ผู้นำเครื่องยนต์สำหรับเครื่องบิน Boeing 777-200ER ของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือคดีสินบนโรลส์รอยซ์ ครั้งที่ 3 ระหว่างปี 2547-2548 https://mgronline.com/crime/detail/9670000092330 #Thaitimes
    MGRONLINE.COM
    ถอนหมุดข่าว : ปลายทางชีวิต 'ทนง พิทยะ' คดีทุจริตซื้อเครืองบิน ปูพรมสู่ 'เรือนจำ'
    สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ยังคงเป็นพุทธศาสนสุภาษิตที่ยังคงทันสมัยและใช้เป็นอุทธาหรณ์เตือนใจได้ตลอด โดยเฉพาะกับกรณีล่าสุดที่คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายทนง พิทยะ เมื่อครั้งดำรงตำแหน่
    Like
    Love
    Haha
    10
    0 Comments 0 Shares 977 Views 0 Reviews
  • แอดมิน เพจหุ้นติดดอย
    จะมาแนะนำวิธี ที่จะทำให้เรา
    ไม่ติดดอยหุ้นซ้ำซาก ซึ่งมี 5 วิธี ดังนี้

    1. วางแผนการลงทุนที่ชัดเจน
    เช่น เป้าหมายเพื่อปันผล ลงทุนระยะยาว
    เป้าหมายกินส่วนต่างของราคา (เก็งกำไร)
    ลงทุนระยะสั้น หรือ ระยะกลาง
    หรือ มีจุดตัดขาดทุนที่ชัดเจน ไม่ใช่ปล่อยเลยตามเลย

    2. ศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์ตาม
    ทำความเข้าใจในทุกแง่มุม ของหุ้นตัวนั้นๆ
    อย่าซื้อตามแรงเชียร์ หรือ ซื้อตามข่าว
    เพราะมักจะได้ราคาที่สูงไปแล้ว

    3. กระจายการลงทุน
    ควรกระจายการลงทุนในหุ้นหลากหลายอุตสาหกรรม
    เพื่อลดความเสี่ยง จากราคาหุ้นในอุตาหกรรมใด
    อุตสาหกรรมหนึ่งที่ราคาตก จะได้มีอุตสาหกรรมอื่นๆ
    มาช่วยประคองพอร์ตได้

    4. ติดตามข่าวสารและแนวโน้มตลาด
    ควรติดตามข่าวสาร และแนวโน้มตลาด ทั้งตลาดภายนอก
    และตลาดภายในประเทศ และข่าวสารของบริษัท
    ที่เราเข้าไปลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เรา
    สามารถปรับเพิ่ม หรือปรับลด พอร์ตการลงทุนได้ทันการ

    5. มีวินัยในการลงทุน
    สำคัญมาก คือต้องมีวินัยการลงทุนอย่างเข้มงวด
    ในกรณีที่เข้าซื้อหุ้นผิดตัว หรือไม่เป็นไปตามแผน
    อย่าได้ลังเล ต้องตัดขาดทุนทันที เมื่อเก็งกำไร
    เช่น -10% , -20% เป็นต้น

    ทั้ง 5 วิธีนี้ ก็เป็นเพียงส่วหนึ่งที่จะช่วยให้เรา
    ลดการติดดอยหุ้นที่ซ้ำซากได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น
    ก็ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้อย่างสม่ำเสมอ
    ของแต่ละท่านเอง

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน
    #5วิธีที่จะช่วยไม่ให้ติดดอยหุ้นซ้ำซาก #thaitimes
    💥💥แอดมิน เพจหุ้นติดดอย จะมาแนะนำวิธี ที่จะทำให้เรา ไม่ติดดอยหุ้นซ้ำซาก ซึ่งมี 5 วิธี ดังนี้ 🚩1. วางแผนการลงทุนที่ชัดเจน เช่น เป้าหมายเพื่อปันผล ลงทุนระยะยาว เป้าหมายกินส่วนต่างของราคา (เก็งกำไร) ลงทุนระยะสั้น หรือ ระยะกลาง หรือ มีจุดตัดขาดทุนที่ชัดเจน ไม่ใช่ปล่อยเลยตามเลย 🚩2. ศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์ตาม ทำความเข้าใจในทุกแง่มุม ของหุ้นตัวนั้นๆ อย่าซื้อตามแรงเชียร์ หรือ ซื้อตามข่าว เพราะมักจะได้ราคาที่สูงไปแล้ว 🚩3. กระจายการลงทุน ควรกระจายการลงทุนในหุ้นหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อลดความเสี่ยง จากราคาหุ้นในอุตาหกรรมใด อุตสาหกรรมหนึ่งที่ราคาตก จะได้มีอุตสาหกรรมอื่นๆ มาช่วยประคองพอร์ตได้ 🚩4. ติดตามข่าวสารและแนวโน้มตลาด ควรติดตามข่าวสาร และแนวโน้มตลาด ทั้งตลาดภายนอก และตลาดภายในประเทศ และข่าวสารของบริษัท ที่เราเข้าไปลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เรา สามารถปรับเพิ่ม หรือปรับลด พอร์ตการลงทุนได้ทันการ 🚩5. มีวินัยในการลงทุน สำคัญมาก คือต้องมีวินัยการลงทุนอย่างเข้มงวด ในกรณีที่เข้าซื้อหุ้นผิดตัว หรือไม่เป็นไปตามแผน อย่าได้ลังเล ต้องตัดขาดทุนทันที เมื่อเก็งกำไร เช่น -10% , -20% เป็นต้น 💥ทั้ง 5 วิธีนี้ ก็เป็นเพียงส่วหนึ่งที่จะช่วยให้เรา ลดการติดดอยหุ้นที่ซ้ำซากได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้อย่างสม่ำเสมอ ของแต่ละท่านเอง #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5วิธีที่จะช่วยไม่ให้ติดดอยหุ้นซ้ำซาก #thaitimes
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 1389 Views 552 0 Reviews
  • แอดมิน เพจหุ้นติดดอย
    จะมาแนะนำวิธี ที่จะทำให้เรา
    ไม่ติดดอยหุ้นซ้ำซาก ซึ่งมี 5 วิธี ดังนี้

    1. วางแผนการลงทุนที่ชัดเจน
    เช่น เป้าหมายเพื่อปันผล ลงทุนระยะยาว
    เป้าหมายกินส่วนต่างของราคา (เก็งกำไร)
    ลงทุนระยะสั้น หรือ ระยะกลาง
    หรือ มีจุดตัดขาดทุนที่ชัดเจน ไม่ใช่ปล่อยเลยตามเลย

    2. ศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์ตาม
    ทำความเข้าใจในทุกแง่มุม ของหุ้นตัวนั้นๆ
    อย่าซื้อตามแรงเชียร์ หรือ ซื้อตามข่าว
    เพราะมักจะได้ราคาที่สูงไปแล้ว

    3. กระจายการลงทุน
    ควรกระจายการลงทุนในหุ้นหลากหลายอุตสาหกรรม
    เพื่อลดความเสี่ยง จากราคาหุ้นในอุตาหกรรมใด
    อุตสาหกรรมหนึ่งที่ราคาตก จะได้มีอุตสาหกรรมอื่นๆ
    มาช่วยประคองพอร์ตได้

    4. ติดตามข่าวสารและแนวโน้มตลาด
    ควรติดตามข่าวสาร และแนวโน้มตลาด ทั้งตลาดภายนอก
    และตลาดภายในประเทศ และข่าวสารของบริษัท
    ที่เราเข้าไปลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เรา
    สามารถปรับเพิ่ม หรือปรับลด พอร์ตการลงทุนได้ทันการ

    5. มีวินัยในการลงทุน
    สำคัญมาก คือต้องมีวินัยการลงทุนอย่างเข้มงวด
    ในกรณีที่เข้าซื้อหุ้นผิดตัว หรือไม่เป็นไปตามแผน
    อย่าได้ลังเล ต้องตัดขาดทุนทันที เมื่อเก็งกำไร
    เช่น -10% , -20% เป็นต้น

    ทั้ง 5 วิธีนี้ ก็เป็นเพียงส่วหนึ่งที่จะช่วยให้เรา
    ลดการติดดอยหุ้นที่ซ้ำซากได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น
    ก็ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้อย่างสม่ำเสมอ
    ของแต่ละท่านเอง

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน
    #5วิธีที่จะช่วยไม่ให้ติดดอยหุ้นซ้ำซาก
    #thaitimes
    💥💥แอดมิน เพจหุ้นติดดอย จะมาแนะนำวิธี ที่จะทำให้เรา ไม่ติดดอยหุ้นซ้ำซาก ซึ่งมี 5 วิธี ดังนี้ 🚩1. วางแผนการลงทุนที่ชัดเจน เช่น เป้าหมายเพื่อปันผล ลงทุนระยะยาว เป้าหมายกินส่วนต่างของราคา (เก็งกำไร) ลงทุนระยะสั้น หรือ ระยะกลาง หรือ มีจุดตัดขาดทุนที่ชัดเจน ไม่ใช่ปล่อยเลยตามเลย 🚩2. ศึกษาข้อมูลและวิเคราะห์ตาม ทำความเข้าใจในทุกแง่มุม ของหุ้นตัวนั้นๆ อย่าซื้อตามแรงเชียร์ หรือ ซื้อตามข่าว เพราะมักจะได้ราคาที่สูงไปแล้ว 🚩3. กระจายการลงทุน ควรกระจายการลงทุนในหุ้นหลากหลายอุตสาหกรรม เพื่อลดความเสี่ยง จากราคาหุ้นในอุตาหกรรมใด อุตสาหกรรมหนึ่งที่ราคาตก จะได้มีอุตสาหกรรมอื่นๆ มาช่วยประคองพอร์ตได้ 🚩4. ติดตามข่าวสารและแนวโน้มตลาด ควรติดตามข่าวสาร และแนวโน้มตลาด ทั้งตลาดภายนอก และตลาดภายในประเทศ และข่าวสารของบริษัท ที่เราเข้าไปลงทุนอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้เรา สามารถปรับเพิ่ม หรือปรับลด พอร์ตการลงทุนได้ทันการ 🚩5. มีวินัยในการลงทุน สำคัญมาก คือต้องมีวินัยการลงทุนอย่างเข้มงวด ในกรณีที่เข้าซื้อหุ้นผิดตัว หรือไม่เป็นไปตามแผน อย่าได้ลังเล ต้องตัดขาดทุนทันที เมื่อเก็งกำไร เช่น -10% , -20% เป็นต้น 💥ทั้ง 5 วิธีนี้ ก็เป็นเพียงส่วหนึ่งที่จะช่วยให้เรา ลดการติดดอยหุ้นที่ซ้ำซากได้ ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้อย่างสม่ำเสมอ ของแต่ละท่านเอง #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5วิธีที่จะช่วยไม่ให้ติดดอยหุ้นซ้ำซาก #thaitimes
    Like
    3
    0 Comments 0 Shares 1175 Views 0 Reviews
  • อันนี้เหตุผลส่วนตัวนะครับ
    ทำไมแอดมิน ถึงทำการบ้านหุ้น
    เฉพาะ SETHD, SET50 และ SET100
    แล้วทำไมไม่ไปทำกลุ่ม sSET หรือ mai

    เพราะว่า มั่นใจในพื้นฐานฐานะทางการเงิน
    ของ 3 กลุ่มดังกล่าว และรู้สึกสบายใจ
    ที่ถือหุ้น 3 กลุ่มนี้ เพื่อลงทุนระยะยาว
    อาจจะมีบางบริษัท ที่มีกรณีผิดพลาดบ้าง
    เช่น STARK เป็นต้น แต่ก็ถือว่าน้อย

    ่ส่วน sSET หรือ MAI แอดมินมองว่า
    สามารถเข้าไปเก็งกำไรได้ แต่จะนอนไม่ค่อยหลับ
    ถ้าจะลงทุนหรือถือระยะยาว (เหตุผลส่วนตัว)
    เพราะมักมีประเด็น หรือปัจจัยที่เราควบคุม
    ได้ยากนั่นคือ พื้นฐานทางด้านการเงิน

    แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์
    และการเข้าใจในตัวธุรกิจนั้นๆ
    ของนักลงทุนแต่ละท่านเองครับ

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย
    🔥🔥อันนี้เหตุผลส่วนตัวนะครับ ทำไมแอดมิน ถึงทำการบ้านหุ้น เฉพาะ SETHD, SET50 และ SET100 แล้วทำไมไม่ไปทำกลุ่ม sSET หรือ mai เพราะว่า มั่นใจในพื้นฐานฐานะทางการเงิน ของ 3 กลุ่มดังกล่าว และรู้สึกสบายใจ ที่ถือหุ้น 3 กลุ่มนี้ เพื่อลงทุนระยะยาว อาจจะมีบางบริษัท ที่มีกรณีผิดพลาดบ้าง เช่น STARK เป็นต้น แต่ก็ถือว่าน้อย ่ส่วน sSET หรือ MAI แอดมินมองว่า สามารถเข้าไปเก็งกำไรได้ แต่จะนอนไม่ค่อยหลับ ถ้าจะลงทุนหรือถือระยะยาว (เหตุผลส่วนตัว) เพราะมักมีประเด็น หรือปัจจัยที่เราควบคุม ได้ยากนั่นคือ พื้นฐานทางด้านการเงิน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็ขึ้นอยู่กับการวิเคราะห์ และการเข้าใจในตัวธุรกิจนั้นๆ ของนักลงทุนแต่ละท่านเองครับ #หุ้นติดดอย #การลงทุน #SET #ตลาดหุ้นไทย
    0 Comments 0 Shares 730 Views 0 Reviews
  • ถ้าถามแอดมินว่า เปิดคอร์สสอน เป็นสถาบัน หรือ เป็นโค้ชสอนหุ้น ผิดมั้ย?
    คำตอบคือ ไม่ผิด เพราะมันก็เป็นอาชีพ อาชีพหนึ่ง ที่สุจริต และก็ไม่ได้เบียดเบียนใคร
    ยิ่งยุคนี้เยอะมาก ที่คนสอนออนไลน์ ไม่ใช่เฉพาะหุ้น เช่น สอนภาษาต่างๆ
    ครอสเรียนต่างๆ เป็นต้น เพียงแค่ต้องสอนในสิ่งที่ถูกต้องให้
    คนที่มาเรียนด้วย เช่น การคัดเลือกหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดี จากการลงทุน
    จากการปันผล ลงทุนระยะยาว เพื่อลดความผันผวนจากตลาดเป็นต้น
    เช่น แอดมิน ก็เปิดเพจ อะไรที่แบ่งปันแชร์คนอื่นๆได้ แอดมินก็จะทำ
    แต่ถ้าถามว่า จะแชร์ทั้งหมดที่ตัวเองรู้เลยมั้ย คำตอบก็คือ คงจะไม่
    แต่จะให้แนวคิดมากกว่า เพราะจะย้ำเสมอว่า "ความรู้" คือสินทรัพย์อย่างนึง
    ที่จะติดตัวคนๆนั้นๆมา จากการสะสมประสบการณ์ ความผิดพลาดต่างๆ
    และนำองค์ความรู้ต่างๆ มาเป็นรูปแบบการลงทุนของตัวเอง
    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    ถ้าถามแอดมินว่า เปิดคอร์สสอน เป็นสถาบัน หรือ เป็นโค้ชสอนหุ้น ผิดมั้ย? คำตอบคือ ไม่ผิด เพราะมันก็เป็นอาชีพ อาชีพหนึ่ง ที่สุจริต และก็ไม่ได้เบียดเบียนใคร ยิ่งยุคนี้เยอะมาก ที่คนสอนออนไลน์ ไม่ใช่เฉพาะหุ้น เช่น สอนภาษาต่างๆ ครอสเรียนต่างๆ เป็นต้น เพียงแค่ต้องสอนในสิ่งที่ถูกต้องให้ คนที่มาเรียนด้วย เช่น การคัดเลือกหุ้นที่ให้ผลตอบแทนที่ดี จากการลงทุน จากการปันผล ลงทุนระยะยาว เพื่อลดความผันผวนจากตลาดเป็นต้น เช่น แอดมิน ก็เปิดเพจ อะไรที่แบ่งปันแชร์คนอื่นๆได้ แอดมินก็จะทำ แต่ถ้าถามว่า จะแชร์ทั้งหมดที่ตัวเองรู้เลยมั้ย คำตอบก็คือ คงจะไม่ แต่จะให้แนวคิดมากกว่า เพราะจะย้ำเสมอว่า "ความรู้" คือสินทรัพย์อย่างนึง ที่จะติดตัวคนๆนั้นๆมา จากการสะสมประสบการณ์ ความผิดพลาดต่างๆ และนำองค์ความรู้ต่างๆ มาเป็นรูปแบบการลงทุนของตัวเอง #หุ้นติดดอย #การลงทุน #thaitimes
    0 Comments 0 Shares 876 Views 0 Reviews
  • 5 แนวคิดการลงทุน ที่นักลงทุนควรรู้

    วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย มี 5 แนวคิด
    เกี่ยวกับการลงทุน มาฝากพี่ๆน้องๆเพื่อนๆ
    ทุกๆท่านดังนี้ครับ

    1. การกระจายความเสี่ยง (Diversification)
    คือ การไม่นำเงินทั้งหมด ไปลงในสินทรัพย์ใด
    สินทรัพย์หนึ่งโดดๆ เพียงสินทรัพย์เดียว
    แต่ควรกระจายความเสี่ยงออกไป เช่น ลงทุนในหุ้น,
    พันธบัตรรัฐบาล, ทองคำ, อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น
    เพื่อป้องกันความเสี่ยง เมื่อสินทรัพย์นั้นราคาตกลง
    จะได้มีสินทรัพย์อื่นๆ เข้ามาชดเชย

    2. การลงทุนระยะยาว (Long term investment)
    การลงทุนระยะยาวมักจะให้ผลตอบแทน ที่ดีกว่า
    การลงทุนในระยะสั้น เช่น ได้ทั้งปันผลและ ราคาหุ้น
    ที่ขยับตัวสูงขึ้น เป็นต้น รวมทั้ง ลดความเสี่ยง
    จากการซื้อขายเก็งกำไร ระยะสั้นที่มีความผันผวนสูง

    3. การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis)
    การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เช่น ทางการเงิน
    จะช่วยให้เรามองเห็นภาพบริษัท หรือ หุ้น ที่เรา
    จะเข้าไปลงทุนได้กระจ่างแจ้งมากขึ้น เช่น ผลประกอบการ,
    กำไร, ขาดทุน, หนี้สิน หรือ การเติบโตของบริษัท เป็นต้น

    4. การตั้งเป้าหมายการลงทุน (Invesment Goals)
    การตั้งเป้าหมายการลงทุน จะช่วยทำให้ภาพที่เรามอง
    ในการลงทุนนั้นๆ มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น
    ตั้งเป้าหมายในการซื้อหุ้นครั้งนี้ เพื่อการปันผล
    ให้สูงกว่าฝากธนาคารปกติ ที่ 3% ขึ้นไป และ
    ลงทุนระยะยาว หรือ การซื้อหุ้นครั้งนี้เพื่อกำไร
    ในการกินส่วนต่างของราคา โดยลงทุนระยะสั้น
    และระยะกลาง เป็นต้น

    5. ติดตามและปรับปรุงพอร์ต
    (Portfoloi Monitoring and Rebalancing)
    การติดตามผลการดำเนินงาน ของบริษัท
    หรือ หุ้นที่เราถือ หรือ สินทรัพย์ที่เข้าลงทุน
    จะทำให้เราทราบสถานการณ์ได้ทันท่วงที
    ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับหุ้น หรือ สินทรัพย์นั้นๆ
    เช่น ซื้อเพิ่ม, ขายทำกำไร, ขายทิ้ง , ลดจำนวนลง
    เป็นต้น

    ทั้ง 5 ข้อนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่เป็นแนวคิด
    ที่สามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้ในการลงทุน
    ในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ของเราให้มีผลลัพธ์ที่ดี
    ยิ่งขึ้น

    #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5แนวคิดการลงทุน
    #investment #thaitimes
    💥💥 5 แนวคิดการลงทุน ที่นักลงทุนควรรู้ วันนี้แอดมิน เพจหุ้นติดดอย มี 5 แนวคิด เกี่ยวกับการลงทุน มาฝากพี่ๆน้องๆเพื่อนๆ ทุกๆท่านดังนี้ครับ 🚩1. การกระจายความเสี่ยง (Diversification) คือ การไม่นำเงินทั้งหมด ไปลงในสินทรัพย์ใด สินทรัพย์หนึ่งโดดๆ เพียงสินทรัพย์เดียว แต่ควรกระจายความเสี่ยงออกไป เช่น ลงทุนในหุ้น, พันธบัตรรัฐบาล, ทองคำ, อสังหาริมทรัพย์ เป็นต้น เพื่อป้องกันความเสี่ยง เมื่อสินทรัพย์นั้นราคาตกลง จะได้มีสินทรัพย์อื่นๆ เข้ามาชดเชย 🚩2. การลงทุนระยะยาว (Long term investment) การลงทุนระยะยาวมักจะให้ผลตอบแทน ที่ดีกว่า การลงทุนในระยะสั้น เช่น ได้ทั้งปันผลและ ราคาหุ้น ที่ขยับตัวสูงขึ้น เป็นต้น รวมทั้ง ลดความเสี่ยง จากการซื้อขายเก็งกำไร ระยะสั้นที่มีความผันผวนสูง 🚩3. การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน (Fundamental Analysis) การวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐาน เช่น ทางการเงิน จะช่วยให้เรามองเห็นภาพบริษัท หรือ หุ้น ที่เรา จะเข้าไปลงทุนได้กระจ่างแจ้งมากขึ้น เช่น ผลประกอบการ, กำไร, ขาดทุน, หนี้สิน หรือ การเติบโตของบริษัท เป็นต้น 🚩4. การตั้งเป้าหมายการลงทุน (Invesment Goals) การตั้งเป้าหมายการลงทุน จะช่วยทำให้ภาพที่เรามอง ในการลงทุนนั้นๆ มีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น เช่น ตั้งเป้าหมายในการซื้อหุ้นครั้งนี้ เพื่อการปันผล ให้สูงกว่าฝากธนาคารปกติ ที่ 3% ขึ้นไป และ ลงทุนระยะยาว หรือ การซื้อหุ้นครั้งนี้เพื่อกำไร ในการกินส่วนต่างของราคา โดยลงทุนระยะสั้น และระยะกลาง เป็นต้น 🚩5. ติดตามและปรับปรุงพอร์ต (Portfoloi Monitoring and Rebalancing) การติดตามผลการดำเนินงาน ของบริษัท หรือ หุ้นที่เราถือ หรือ สินทรัพย์ที่เข้าลงทุน จะทำให้เราทราบสถานการณ์ได้ทันท่วงที ว่าจะดำเนินการอย่างไรกับหุ้น หรือ สินทรัพย์นั้นๆ เช่น ซื้อเพิ่ม, ขายทำกำไร, ขายทิ้ง , ลดจำนวนลง เป็นต้น 🟢ทั้ง 5 ข้อนี้ เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น ที่เป็นแนวคิด ที่สามารถนำไปปรับประยุกต์ใช้ในการลงทุน ในสินทรัพย์ประเภทต่างๆ ของเราให้มีผลลัพธ์ที่ดี ยิ่งขึ้น #หุ้นติดดอย #การลงทุน #5แนวคิดการลงทุน #investment #thaitimes
    Like
    2
    0 Comments 0 Shares 1213 Views 0 Reviews